๔๘ พระธรรมเทศนา
พระโพธญิ าณเถร (ชา สุภทโฺ ท)
วดั หนองป่าพง อำ� เภอวารินช�ำราบ จังหวดั อุบลราชธานี
อนสุ รณ์พพิ ธิ ภณั ฑ์ฉนั ทกรานสุ รณ์
วดั ปา่ อัมพโรปัญญาวนาราม ในพระสงั ฆราชปู ถัมภ์
สมเดจ็ พระอริยวงศาคตญาณ (อมพฺ รมหาเถร) สมเดจ็ พระสงั ฆราช สกลมหาสังฆปรณิ ายก
๔๘ พระธรรมเทศนา
พระโพธญิ าณเถร (ชา สภุ ทโฺ ท)
เลขมาตรฐานหนังสอื : ๙๗๘-๖๑๖-๔๔๕-๕๔๙-๘
พิมพ์ครัง้ ที่ ๑ : ตลุ าคม ๒๕๖๐
จ�ำนวนพมิ พ์ : ๕,๐๐๐ เลม่
จดั พมิ พ์โดย : มลู นิธิพทุ ธสมุนไพรคูแ่ ผ่นดินไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์
สงวนลขิ สทิ ธ์ิ : ห้ามคดั ลอก ตดั ตอน หรอื นำ� ไปพิมพ์โดยไมไ่ ดร้ ับอนญุ าต
หากทา่ นใดประสงคจ์ ัดพมิ พเ์ ปน็ ธรรมบรรณาการ
โปรดตดิ ตอ่ ขออนญุ าต
เจ้าอาวาสวัดหนองป่าพง (ประธานกรรมการจดั การมรดกธรรมฯ)
ตำ� บลโนนผึ้ง อ�ำเภอวารินชำ� ราบ จังหวัดอบุ ลราชธานี ๓๔๑๙๐
โทรศพั ท์ ๐-๔๕๒๖-๗๕๖๓, ๐-๔๕๒๖-๘๐๘๔
โทรสาร ๐-๔๕๒๖-๘๐๘๔
พิมพ์ที่ : บรษิ ทั ศิลป์สยามบรรจภุ ณั ฑแ์ ละการพิมพ์ จ�ำกัด
๖๑ ถนนเลยี บคลองภาษเี จริญฝง่ั เหนอื ซ.เพชรเกษม๖๙
แขวงหนองแขม เขตหนองแขม กรงุ เทพมหานคร
โทรศพั ท์ ๐-๒๔๔๔-๓๓๕๑-๙ โทรสาร ๐-๒๔๔๔-๐๐๗๘
E-mail: [email protected] www.silpasiam.com
ค�ำปรารภ
เร่ืองการจัดท�ำหนังสือมรดกธรรมยอดโอวาทค�ำสอนของสมณะนักปราชญ์
วสิ ทุ ธเิ ทวา (พระปา่ ) จดั ทำ� ขน้ึ ๓๔ องค์ สมยั กรงุ รตั นโกสนิ ทร์ ระหวา่ งปี พทุ ธศกั ราช
๒๔๖๐-๒๕๕๔ โอวาทธรรมยอดแห่งค�ำสอนของวิสุทธิบุคคล ท่านแสดงบริสุทธิ์
สมบรู ณไ์ มว่ า่ ยคุ ใดสมยั ใด นำ� ผสู้ นใจพยายามตง้ั ใจปฏบิ ตั ติ าม ยอ่ มกา้ วลว่ งทกุ ขไ์ ปได้
สมความปรารถนา คณะปสาทะศรทั ธาเห็นควรจัดทำ� ข้ึนสงวนรกั ษาไว้ เพ่อื กุลบตุ ร
สุดท้ายภายหลังที่ พิพิธภัณฑ์ฉันทกรานุสรณ์ วัดป่าอัมพโรปัญญาวนาราม บ้าน
หนองกลางดอน ต�ำบลคลองกว่ิ อ�ำเภอบา้ นบึง จังหวดั ชลบุรี ผสู้ นใจกรณุ าเขา้ ไป
ศกึ ษาได้ตามโอกาส เวลาพอดี
ผฉู้ ลาดยึดหลักนักปราชญ์เปน็ แบบฉบับพาดำ� เนนิ ปกครองรกั ษาตน
คณะปสาทะศรทั ธา
ห้ามพิมพเ์ พือ่ จ�ำหนา่ ย สงวนลขิ สทิ ธ์ิ
สารบัญ ๑
๓
พระโพธิญาณเถร (ชา สภุ ทฺโท) ๓๓๗
๔๘ พระธรรมเทศนา พระโพธญิ าณเถร (ชา สุภทฺโท)
- พระธรรมเทศนาส�ำหรับบรรพชิต
- พระธรรมเทศนาสำ� หรบั คฤหัสถ์
พระโพธิญาณเถร (ชา สภุ ทโฺ ท)
วดั หนองปา่ พง อำ�เภอวารนิ ชำ�ราบ จงั หวัดอบุ ลราชธานี
๔๘ พระธรรมเทศนา
พระโพธญิ าณเถร (ชา สุภทฺโท)
1
พระธรรมเทศนาสำ� หรบั บรรพชติ
3
การเสยี สละนีแ้ หละ
เปน็ หัวใจของพระพทุ ธศาสนาแท้
การเสียสละนไ้ี ม่มเี มือ่ ไร
ก็ไมถ่ ึงธรรมเม่ือน้ัน
4
๑
เสยี สละเพือ่ ธรรม
การปฏิบัติธรรมของพวกเราทั้งหลายที่มารวมกันอยู่น้ี ท้ังพระอาคันตุกะและ
ทง้ั พระเจา้ ของถนิ่ ผมเองกไ็ มค่ อ่ ยจะมเี วลาไดพ้ บกบั พระอาคนั ตกุ ะบางทา่ น สว่ นพระ
ทอี่ ยู่ในถน่ิ นัน้ ไดเ้ คยอบรมบม่ นสิ ัยมาพอสมควร ฉะนัน้ จงึ ไมค่ วรปล่อยโอกาสและ
เวลาใหเ้ นน่ิ นานไป
อยา่ งไรกต็ าม จะเปน็ พระอาคนั ตกุ ะหรอื เปน็ พระเจา้ ของถนิ่ กต็ าม ทกุ ๆ ทา่ นนน้ั
ให้เข้าใจว่า เราเป็นผู้หน่ึงซ่ึงเป็นผู้เสียสละทุกสิ่งทุกอย่างโดยความหมายในทาง
พระพุทธศาสนาอยู่แล้ว ถ้าท่านองค์ใดยังไม่ยอมเสียสละส่ิงอันควรเสียสละในทาง
พระพทุ ธศาสนานี้ ทา่ นองคน์ นั้ กย็ งั ไมเ่ ขา้ ถงึ พระพทุ ธศาสนา ยงั ไมเ่ ขา้ ถงึ ความสงบตาม
คำ� สอนของพระพทุ ธเจา้ หรอื ตามวสิ ยั ของสมณะ ความหมายทพี่ วกเราทกุ ๆ ทา่ นทมี่ า
รวมกนั กม็ จี ดุ หมายกนั อยา่ งนนั้ ฉะนนั้ เมอ่ื เปน็ เชน่ นพ้ี วกเราทงั้ หลายนน้ั ตอ้ งเขา้ ใจวา่
รวมทงั้ พระอาคันตกุ ะและรวมทงั้ พระทอี่ ยูใ่ นถิ่นฐานน้ี ก็คอื เปน็ พระองค์เดยี วกัน
เป็นพ่อแม่อันเดียวกัน มีข้อวัตรปฏิบัติเสมอกัน มีความเป็นอยู่เสมอกัน นั่นจึงมี
ความสามัคคกี ัน มันจงึ มีความสบายสมกบั วา่ เราเปน็ ผู้ท่ีเสียสละมาแล้ว
การเสียสละนี้แหละ เป็นหัวใจของพระพุทธศาสนาแท้ ทุกท่านที่แสวงหา
โมกขธรรม คอื เปน็ ทางหรอื เปน็ ปากทางแหง่ การพน้ ทกุ ขน์ นั้ กค็ อื มคี ำ� ๆ เดยี วเรยี กวา่
“ยอมเสยี สละสงิ่ ทง้ั ปวง” นนั่ เอง อนั ใดทพ่ี วกเราทง้ั หลายสละไปแลว้ นนั้ เราปลอ่ ยไป
จากกายก็เบากาย ปล่อยไปจากใจก็เบาใจ อันนี้คือการปฏิบัติท่ีพวกเรามุ่งแสวงหา
5
ก็ไม่มีอะไรมากมาย ถา้ เรายอมเสยี สละแลว้ มนั ก็ถึงธรรมะเทา่ นัน้ แหละ ไมต่ ้องยาก
ไมต่ อ้ งยงุ่ ไมต่ อ้ งลำ� บาก ผทู้ ยี่ งั ไมถ่ งึ ธรรมะขา้ งในกเ็ อาธรรมะขอ้ ปฏบิ ตั อิ นั นม้ี าทำ� กนั
เชน่ ขนั ตบิ ารมี วริ ยิ บารมี เมตตาบารมที ง้ั หลายเหลา่ นเ้ี ปน็ ตน้ มาเปน็ ขนั้ ตอนทเี่ ราจะ
ด�ำเนนิ ในชีวิตของเราอยูเ่ สมอ อนั น้ีเป็นพ่เี ลีย้ งทจี่ ะใหพ้ วกเราทัง้ หลายเข้าถงึ ธรรมะ
จะให้ถึงปากถึงทางถึงโมกขธรรมอย่างที่เราปรารถนา
แต่ว่าก็ทุกท่านทุกองค์น้ันอาจจะยังไม่เข้าใจในการปฏิบัติ เช่น มาอยู่ใน
วดั หนองปา่ พงนี้ หรอื บวชเขา้ มาแลว้ กน็ กึ วา่ เราไดบ้ วชแลว้ อยา่ งนกี้ ม็ ี กเ็ พราะมองเหน็ วา่
ผา้ จวี รมนั เหลอื ง ไดป้ ลงผมตามกาลตามเวลา อาศยั เทย่ี วบณิ ฑบาตเลยี้ งชพี แคน่ กี้ เ็ ขา้ ใจ
วา่ เราบวชแล้ว หรือหากวา่ เราได้มาร่วมอยูใ่ นวดั หนองป่าพงน้ี นึกวา่ ถือพทุ ธศาสนา
และเขา้ ถงึ พทุ ธศาสนาแลว้ อยา่ งนี้ หรอื วา่ เราไดม้ ารว่ มกบั ผปู้ ระพฤตปิ ฏบิ ตั ิ กว็ า่ เราได้
ปฏบิ ตั แิ ลว้ อยา่ งน้ี อนั นม้ี นั ยงั มอี ะไรเปน็ เครอ่ื งกำ� บงั อยใู่ นตาขา้ งในนม้ี าก เราไมค่ อ่ ย
จะมองเหน็ สงิ่ ทเี่ รามองเหน็ ขา้ งนอก มนั เปน็ สงิ่ ผวิ เผนิ เชน่ วา่ “ผมไมม่ ศี รทั ธา ผมจะ
มาบวชร”ึ “ผมไมม่ ศี รทั ธา ผมจะมาปฏบิ ตั ริ ”ึ หรอื “ผมไมช่ อบอยปู่ า่ ผมจะมาอยปู่ า่ ร”ึ
อยา่ งน้ีเปน็ ตน้ อนั นี้เปน็ ความเขา้ ใจเพยี งผิวเผิน
ความเปน็ จรงิ นนั้ การปฏบิ ตั นิ ี้ มนั เปน็ ของพวกทา่ นทงั้ หลาย ทจี่ ะรไู้ ดใ้ นใจของ
พวกทา่ นทง้ั หลาย เพราะความผดิ ชอบทง้ั หลาย ความดชี วั่ ทง้ั หลายนนั้ ไมม่ ใี ครเหน็ กบั
เราดว้ ย เราจะยนื เราจะเดนิ เราจะนง่ั เราจะนอน เราจะมคี วามรสู้ กึ อยา่ งไรนน้ั กเ็ ปน็
เพยี งแตว่ า่ เราคนเดยี วนน้ั เปน็ คนรจู้ กั ถา้ เราฝนื ขอ้ ประพฤตปิ ฏบิ ตั คิ อื พระธรรมวนิ ยั นี้
ก็เราเองเปน็ คนรู้จัก คนอื่นไม่ค่อยรูจ้ ักดว้ ย ฉะนัน้ การมาอยู่รว่ มกันน้ีจะตอ้ งอาศัย
ตวั เองเปน็ อยา่ งยงิ่ ถา้ หากเราไมอ่ าศยั ตวั เราเอง คนอน่ื เรากอ็ าศยั ไมไ่ ด้ อนั นใ้ี หเ้ ขา้ ใจ
ใหด้ ี
การปฏิบัตินี้ไม่มีทางจะมองเห็นอะไรได้ข้างนอก ดังนั้น ผู้ประพฤติปฏิบัติน้ี
บางทา่ นบางองคม์ คี วามเดอื ดร้อน เดอื นรอ้ นอะไร เดือดร้อนเรือ่ งความสงสยั สงสยั
ทอ่ี ยอู่ าศยั สงสยั ในความรสู้ กึ นกึ คดิ ของเรา และการสงสยั เกดิ ขน้ึ โดยเฉพาะเรอื่ งของ
คนอื่น ก็มเี ร่ืองราวต่างๆ เช่นน้นั อนั น้ีเป็นเหตใุ หเ้ ราอย่ไู มส่ บาย
6
ไมต่ อ้ งยกอนื่ ไกลหรอก ตวั อยา่ งผมเองนแ่ี หละ ใหพ้ วกทา่ นทง้ั หลายฟงั ใหเ้ หน็ ชดั
เพราะผมนี้กเ็ ปน็ นักบวช ตลอดแต่วันบวชมาตง้ั แต่เปน็ เณร แต่ไมค่ ่อยยอมเสียสละ
อยมู่ าสามสห่ี า้ พรรษาแลว้ กต็ าม กม็ คี วามเสยี สละนอ้ ย สง่ิ ทชี่ อบใจเรากเ็ สยี สละ สงิ่ ท่ี
ฝนื ใจเรานนั้ ผมไมค่ อ่ ยยอมเสยี สละ อะไรทผี่ มไมช่ อบใจแลว้ ผมกไ็ มค่ อ่ ยยอมเสยี สละ
อนั นน้ั จงึ มามองเหน็ วา่ การยอมเสยี สละของเราทง้ั หลายนน้ั มองเหน็ ไดย้ าก เพราะตาม
ธรรมดาของคนเราสามัญชนก็ตอ้ งเปน็ อย่างนน้ั มันชอบตามใจตวั เอง ชอบตามเรื่อง
ของตวั เอง แตถ่ ้าหากวา่ เราเข้าถงึ การประพฤติปฏิบัตแิ ลว้ มนั ไม่เปน็ อยา่ งน้ัน ถ้าเรา
มาสะสางดีๆ แล้วไม่เปน็ อย่างน้นั
ทนี ้ี เมือ่ เข้ามาบวชเข้ามาปฏบิ ตั ิ ถ้าอย่ไู ปอยา่ งนั้นมันก็มีความสบายอยา่ งหนงึ่
เหมือนกัน ผมนอ่ี ย่ทู ง้ั วดั บ้าน ทง้ั วดั ปา่ อยู่ไปอยา่ งนัน้ เรือ่ ยๆ ไป ก็ไม่มีอะไรเทา่ ไร
เพราะไม่มีเรื่องขัดใจของเรา เราอยากจะพดู อะไร เราก็พูด อยากจะทำ� อะไร เรากท็ �ำ
ตามใจของเรา กเ็ ลยไมม่ คี วามเดอื ดรอ้ น สบาย สบายใจของตวั เอง อยากพดู อะไรกพ็ ดู
อยากทำ� อะไรกท็ ำ� เลยสบาย ความสบายเชน่ นน้ั แหละมนั มคี วามผดิ มนั มคี วามไมส่ บาย
อยใู่ นนัน้ มาก แต่เราก็มองไม่เห็น แล้วกต็ ามใจความสบายใจของเราเร่อื ยๆ ไป
ความเป็นจรงิ ใจของเราน้ันกบั สัจธรรมมันคนละอยา่ งกันเสยี แลว้ ใจของเรา
ถ้าหากวา่ มนั ผิด แตเ่ ราชอบใจเราก็ทำ� กไ็ ด้ แต่วา่ มันไม่ใชส่ จั ธรรม ไม่ใชธ่ รรมทใี่ ห้
พ้นทุกข์ อันนั้นมันถูกเฉพาะใจของเรา ตามธรรมะน้ันมันไม่ถูก มันก็เป็นอย่างนี้
เรอื่ ยๆ มา ถา้ ปล่อยใจไปตามเรอ่ื งของมนั มันกไ็ มม่ ีอะไรมากมายเทา่ ไร
ผมเคยเปรยี บเทยี บใหท้ า่ นทงั้ หลายฟงั เสมอวา่ เมอ่ื เราเปน็ เดก็ หรอื เดก็ ทง้ั หลาย
ตลอดจนทุกวนั นี้ เราเอาตุ๊กตาอันหน่ึงตัวหนึ่งใหเ้ ล่น เด็กก็เลน่ สบายใจเพราะตุ๊กตา
เป็นสิ่งท่ีชอบใจอย่างนี้ แต่เด็กคนน้ันไม่รู้เร่ืองว่าตุ๊กตาน่ีเป็นพิษ ก็เพราะเข้าใจว่า
ตกุ๊ ตานมี้ นั ชอบเลน่ กเ็ พลนิ กบั ตกุ๊ ตานน้ั เมอ่ื เลน่ ไปหลายๆ วนั ตกุ๊ ตามนั หลน่ มนั แตก
เด็กน้ันจึงจะรู้สึกตัวว่าความน้อยใจความเสียใจเกิดข้ึนมาอย่างน้ีเป็นต้น ท�ำไมถึง
เปน็ อยา่ งนั้น เม่ือตกุ๊ ตามันยังไมแ่ ตกมนั ยังไม่พัง ความชอบใจความสุขใจนนั่ แหละ
มนั บงั ทกุ ขไ์ ว้ มนั บงั ไมใ่ หเ้ หน็ ทกุ ขก์ เ็ พราะตกุ๊ ตามนั ยงั ไมพ่ งั อนั นน้ั เปน็ เครอ่ื งกำ� บงั ไว้
7
ไมใ่ หเ้ ด็กร้องไหเ้ ปน็ ทุกข์ เม่อื ตกุ๊ ตานน้ั มนั พงั ไปแล้ว เดก็ น้ันมนั ก็เสยี ใจมนั กร็ อ้ งไห้
เม่ือมาถงึ ความจริงเช่นนแี้ ล้ว เดก็ มนั อยู่ไม่ได้
เมอื่ เราบวชเขา้ มา อยใู่ นความหลอกลวงของอารมณท์ งั้ หลาย เราก็สบายสบาย
กนั อยู่ อาศยั อารมณน์ นั้ เปน็ อยู่ อนั นก้ี เ็ หมอื นกนั ฉนั นน้ั ถา้ เราปฏบิ ตั กิ นั มคี วามสบาย
ผมกถ็ ามวา่ “มนั สบายอยา่ งไร มนั สบายเพราะวา่ มอี าการเสยี สละทางใจหรอื ” อยา่ งน้ี
ความเปน็ จรงิ ความสบายนน้ั มนั มพี ษิ อยใู่ นนน้ั มนั สบายอยกู่ บั สง่ิ ทเ่ี ราชอบใจ สง่ิ ที่
ไมช่ อบใจเรากไ็ มส่ บาย อนั นกี้ เ็ ปน็ เครอื่ งกำ� บงั ของพระภกิ ษสุ ามเณรผปู้ ระพฤตปิ ฏบิ ตั ิ
อยู่เหมือนกัน เท่ากับว่าเราไม่ได้ปฏิบัติ ถ้าถูกอารมณ์อันใดที่ไม่ชอบใจ มันก็ใจ
ไมส่ บาย ถกู อารมณบ์ างอยา่ งทเ่ี ราชอบใจ เรากส็ บาย อยา่ งนยี้ งั ไมเ่ หน็ พนื้ ฐานอะไรเลย
พดู วา่ ยงั ไมเ่ หน็ พน้ื ฐานอะไร เหมอื นเดก็ มนั เลน่ ตกุ๊ ตา มนั ยงั ไมเ่ หน็ พน้ื ฐานของ
ทกุ ขเ์ ลย ไมเ่ หน็ พน้ื ฐานของตกุ๊ ตาทอี่ าจจะพงั ได้ มนั กต็ ดิ อยอู่ ยา่ งนน้ั อารมณท์ พี่ วกเรา
ท้ังหลายติดตามมันอยู่ด้วยความชอบใจ มันก็เป็นอยู่อย่างน้ัน มันก็มีความหลง
งมงายอยใู่ นตุก๊ ตาเหมอื นเดก็ นีเ้ รียกวา่ งมงายอย่ใู นอารมณ์เหมือนเดก็ นนั้ เมอ่ื ถงึ
เวลามนั เปลีย่ นแปลง มนั เปน็ สญั ญาวปิ ลาส เมอื่ สัญญาวปิ ลาสคอื สญั ญาความจำ� นี้
เปล่ยี น มนั เปล่ยี นจากที่เก่าของมัน อย่างเราเหน็ บาตรของเราอยูอ่ ย่างนี้ มันกเ็ ปน็
วปิ ลาสอนั หนง่ึ อยู่ ตอนบาตรไมร่ า้ วไมแ่ ตก เมอื่ บาตรเราแตก มนั กเ็ ปน็ สญั ญาวปิ ลาสขนึ้
อกี อนั หนงึ่ จติ มนั จะเปลย่ี นทนั ที นเ้ี รยี กวา่ จติ ไปอาศยั อามสิ อยู่ ไมอ่ าศยั เนกขมั มธรรม
อาศยั อามสิ คอื สงิ่ ของ อาศยั บาตร อาศยั จวี ร อาศยั เสนาสนะอยู่ มนั กเ็ พลนิ มนั กต็ ดิ
อยู่ด้วยอามสิ ไมอ่ าศัย เนกขมั มะ ๑ อยภู่ ายใน
อยา่ งกจิ ของบรรพชติ ทท่ี า่ นสวดกนั วนั น ้ี ๒ เปน็ ประโยชนม์ ากเหลอื เกนิ ไมใ่ ชว่ า่
ไม่เปน็ ประโยชน์ แตส่ ูตรน้ีมันกอ็ าภพั อยู่ในตำ� รับตำ� ราของมัน เหมือนกบั ไมม่ อี ะไร
ถา้ เราเอาสตู รนม้ี าพจิ ารณา มนั กม็ ขี อ้ ความออกมา มนั กม็ คี วามหมาย เราไดฟ้ งั กเ็ ปน็
๑ การออกจากกาม, การออกบวช, ความปลอดโปร่งจากสงิ่ ลอ่ เรา้ เยา้ ยวน
๒ บทสวดปจั จยั ปจั จเวกขณะ คอื บทพจิ ารณากอ่ นบรโิ ภค ปจั จยั ๔ คอื จวี ร บณิ ฑบาต เสนาสนะและเภสชั
ไมบ่ ริโภคด้วยตณั หา
8
เชน่ นน้ั เพราะฉะนน้ั บรขิ ารชนิ้ ใดชนิ้ หนง่ึ จะเปน็ บาตร จวี ร เสนาสนะเภสชั อะไรกต็ าม
ในวันน้ีเรามักไม่ได้พิจารณา แล้ววันพรุ่งน้ีก็ต้องพิจารณา เราห่มจีวร ใส่สังฆาฏิ
เราฉันบณิ ฑบาต เราอุ้มบาตรเขา้ ไปในบา้ นอยา่ งนี้ ท่อี ยทู่ ี่อาศยั อยา่ งน้ี วนั นีต้ อนเชา้
เรายงั ไม่ไดพ้ ิจารณา อดีตมนั ล่วงมาแลว้ นน้ั ต่อมาน้ที ่านจงึ ใหพ้ ิจารณา พจิ ารณา
ถงึ อามสิ ทง้ั หลายนว้ี า่ มนั เปน็ อามสิ มนั เปน็ วตั ถุ บดั นเี้ รามองเหน็ ดว้ ยตา เรากส็ บายใจ
อกี วันหนึ่งเราไม่ได้มองเห็นด้วยตา เรากจ็ ะเปน็ ทกุ ข์ น้เี รียกว่าอามสิ สขุ มันสุขอยู่
ดว้ ยอามสิ พระพทุ ธเจ้าจงึ ให้เราท้ังหลายพจิ ารณาให้มากทสี่ ุด เร่อื งจีวร บณิ ฑบาต
เสนาสนะ เภสัช
มนั เปน็ เรอ่ื งขอ้ งเกยี่ วกบั เรอื่ งสมณะทงั้ หลายอยเู่ ทา่ นนั้ ๔ อยา่ ง คอื จวี ร บณิ ฑบาต
เสนาสนะ เภสัช เป็นบริขารและเป็นปัจจัยจ�ำเป็นท่ีพวกเราทั้งหลายจะต้องอาศัย
อย่ตู ลอดเวลา เหมอื นกนั กับพระพทุ ธเจา้ และพระอริยะทงั้ หลาย มนั เปน็ ของจ�ำเปน็
ของสมณะทง้ั หลายทจ่ี ะอยอู่ าศยั จนกวา่ ชวี ติ จะหาไม่ ฉะนั้น ทา่ นกลวั วา่ เราทั้งหลาย
จะไปเพลนิ ในอยา่ งอน่ื เสยี จะไมไ่ ดพ้ จิ ารณาอนั นี้ ไดอ้ าหารกเ็ พลนิ กบั อาหาร ไดจ้ วี ร
กเ็ พลินกับจีวร ไดบ้ าตรกเ็ พลินกับบาตร ได้กุฏิทดี่ ีที่สวยก็เพลินเสยี ได้ยาบ�ำบดั โรค
ฉันเข้าไปมันหายโรคก็เพลินเสีย กลัวพวกท่านทั้งหลายจะเป็นผู้เพลินอยู่ด้วยสิ่ง
ทงั้ หลายเหลา่ นโ้ี ดยปราศจากสติ ไมม่ สี ตกิ เ็ ปน็ เหตใุ หเ้ พลนิ ใหห้ ลงใหลตามสงิ่ ทง้ั หลาย
เหลา่ นี้
สตนิ มี้ นั เปน็ ธรรมอนั หนง่ึ แตว่ า่ เรากพ็ ยายามใหม้ ธี รรมเหลา่ อน่ื เกดิ ขนึ้ มารวมกนั
หลายๆ อยา่ ง เชน่ มสี ตแิ ลว้ ตอ่ ไปกม็ สี มั ปชญั ญะรตู้ วั พดู งา่ ยๆ เรยี กวา่ สติ ความระลกึ ได้
เมื่อมีความระลึกได้ ความรู้ตัวมันก็พร้อมกันมา เม่ือมีความรู้ตัวเกิดข้ึนมาเราก็หา
ทพ่ี ึ่งท่หี ลกั เรียน หาท่ีปฏบิ ัติ ตอ่ ไปก็ให้วิจยั ปญั ญาก็เกิด สิง่ ทั้งสามนีม้ นั จะตอ้ ง
พรอ้ มเพรยี งกนั อยเู่ สมอทเี ดยี ว ถา้ เรามสี ตอิ ยู่ สมั ปชญั ญะกเ็ กดิ ขน้ึ เมอ่ื สมั ปชญั ญะ
เกิดแล้วก็ดึงเอาปัญญามา สติดึงเอาสัมปชัญญะมาระลึกแล้วก็รู้ตัว รู้ตัวแล้ว
กพ็ จิ ารณา ปญั ญาเกดิ ถา้ หากปราศจากธรรม ๓ ประการนแ้ี ลว้ กต็ กลงวา่ เราทงั้ หลาย
อยใู่ นความประมาท พระพทุ ธองคท์ า่ นตรสั วา่ “ผไู้ มม่ สี ตกิ ค็ อื คนประมาท คนทป่ี ระมาทนน้ั
9
ก็คือคนตาย” แม้มีชีวิตอยูก่ ็เรยี กว่าตายแล้ว เพราะจิตมนั ตาย ไมม่ อี ะไรแลว้ เปน็ ผู้
ประมาท ปะมาโท มัจจุโน ปะทัง คนประมาทแลว้ เหมือนคนตาย
น่ีตายในภาษาธรรมะ ตายในภาษาด้านปรมัตถ์ ไม่ใช่ตายในร่างกายของเรา
เกดิ ในรา่ งกายของเรา เปน็ ผตู้ ายในภาษาธรรมะ ไม่ใช่เปน็ ภาษาคนธรรมดา ถา้ เป็น
ภาษาคนธรรมดา ตายก็ลมหายใจไม่มี นก่ี เ็ รยี กว่าเขาฟงั กนั ออก เขารกู้ นั แต่ตาย
โดยธรรมะก็เรียกวา่ ผไู้ มม่ ีสติ ไม่มีสัมปชัญญะ ไมม่ ีปญั ญา ฉะน้นั เมื่อไม่รจู้ ักอันนี้
เราก็เหน็ ว่าเราเปน็ อยเู่ สมอ ไมเ่ ห็นว่าเราตาย ทีน้ีเมอื่ คนตายจะเป็นอยา่ งไร เม่ือตาย
มันก็หมดแล้ว หมดความรู้สึกหมดอะไรหลายๆ อย่าง ไม่เกิดประโยชน์ นั่นคือ
คนตาย ถา้ พวกเราทัง้ หลายเปน็ อยู่อย่างนัน้ มนั กเ็ ป็นคนตาย ดังนั้น พระพุทธเจา้
ของเราทา่ นจงึ ไมใ่ หป้ ระมาทในอามสิ ทงั้ หลาย ทา่ นกลวั พวกเราจะตดิ กนั ใหร้ จู้ กั อามสิ
กลวั พวกเราทง้ั หลายจะติดอามิส คือสงิ่ ของ เพราะวา่ พวกเราท้ังหลายนั้นจะมโี อกาส
ท่จี ะอยู่กับสง่ิ ทง้ั หลายเหล่านจี้ นถงึ วันตาย
ฉะนน้ั เมอื่ เราใกลช้ ดิ สง่ิ ทงั้ หลายเหลา่ นอ้ี ยู่ พระพทุ ธเจา้ ทา่ นจงึ ทรงใหพ้ จิ ารณา
ใหม้ าก ระวงั ใหม้ าก ระมดั ระวงั เมอ่ื มคี วามระมดั ระวงั กม็ คี วามสำ� รวม เมอื่ มคี วามสำ� รวม
กม็ คี วามระมดั ระวงั เมอื่ เราระมดั ระวงั อยเู่ มอ่ื ใด สตเิ รากม็ อี ยเู่ มอื่ นนั้ สมั ปชญั ญะเรา
ก็มอี ยู่ ปัญญาเราก็มีอยู่ ถา้ เราระวงั อยู่ การสงั วรการส�ำรวมระวงั นี้ มันจะเป็นศลี
ถา้ พดู งา่ ยๆ ตัวน้มี ันจะเป็นตัวศีล อาการของศีล ถ้ามันเป็นอยา่ งนม้ี นั จะรอบคอบ
ของมันอยู่ ระมัดระวังของมันอยู่ มีความอาย เมื่อมีความอายแล้วก็มีความกลัว
เม่อื ผดิ พลาดไปทำ� อะไรพลาดไป เชน่ เม่ือเดนิ ไปสะดุดหวั ตอ หรอื เม่ือส่ิงของอะไร
ท่ีเราหยิบ เช่นว่ากระโถนที่เราหยิบมามันพลัดจากมือเราไปเสีย อย่างแก้วน้�ำเราน้ี
เราทำ� มนั พลดั ตกแตก หรอื เราไปทำ� อะไรทเ่ี สยี งมนั ดงั “เครง้ ” ขนึ้ กม็ คี วามละอายแลว้
ผปู้ ฏบิ ตั นิ น้ั มคี วามละอายมากแลว้ มคี วามสำ� รวมแลว้ มคี วามรแู้ ลว้ มคี วามเหน็ แลว้
มองเห็นข้อปฏิบัติของเราแล้ว มองเห็นความเป็นอยู่ของเราว่ามันขาดอะไรต่ออะไร
น่ีคือมนั ละอายอยูแ่ ละระมัดระวงั อยู่ ถ้ามนั ละอายมากๆ กร็ ะวังมากๆ เมอื่ ระวังมาก
สตมิ นั กด็ ขี นึ้ มา สมั ปชญั ญะกม็ ากขนึ้ มา ปญั ญากเ็ กดิ ขนึ้ มา มนั อยใู่ นสายเดยี วกนั นี้
10
ฉะนน้ั พวกเราทงั้ หลายซง่ึ มาอยใู่ นทนี่ ี้ เปน็ กนั อยสู่ องอยา่ ง คอื อามสิ สขุ และ
นิรามิสสุข สุขอยา่ งหนึง่ เพราะมอี ามิส อาศัยอามสิ อยู่ สุขอกี ประเภทไม่ตอ้ งอาศยั
นเี่ ปน็ นริ ามสิ สขุ สขุ อนั นนั้ ผสมกนั ในความสงบ ทนี พี้ วกเราทั้งหลายปฏบิ ัตนิ ี้ก็ตอ้ ง
แยกพจิ ารณา พจิ ารณาแยก เชน่ การหม่ ผา้ กพ็ จิ ารณา การเทยี่ วบณิ ฑบาตกพ็ จิ ารณา
การฉนั บณิ ฑบาตกพ็ จิ ารณา การอยเู่ สนาสนะกพ็ จิ ารณา การฉนั ยาบำ� บดั โรคกพ็ จิ ารณา
การพจิ ารณาอยา่ งน้ี ใหค้ มุ ปจั จยั ทงั้ หลายเหลา่ นี้ อยใู่ นวดั นกี้ ใ็ หว้ ดั นส้ี ะอาด ใหว้ ดั นนี้ า่ อยู่
แต่ก็อยา่ ไปตดิ มัน อันนเี้ ป็นเรอ่ื งของโลก เสนาสนะกฏุ ิหลงั นี้ทา่ นให้เราอยู่ เรากต็ อ้ ง
รกั ษาเสนาสนะนัน้ ให้เหมาะสมกับผปู้ ฏบิ ัติ ไมใชว่ า่ เราปฏบิ ตั ิเสนาสนะอนั นัน้ เพ่อื ให้
เราไปตดิ ในเสนาสนะอันนัน้ อันน้ีมันเป็นของสงฆ์ แตค่ นเรากช็ อบ ถ้าเป็นของๆ ตวั
ก็ท�ำใหด้ มี าก ของคนอ่นื กช็ อบวางเฉยๆ เสีย นสิ ยั กิเลสท้งั หลายกต็ ้องเปน็ อย่างน้ี
ฉะนนั้ การเสยี สละนี้ไมม่ เี มื่อไร ก็ไมถ่ ึงธรรมะเมอื่ น้ัน การท�ำกจิ เล็กๆ นอ้ ยๆ
ทัง้ หลายเหลา่ นี้ เปน็ เรอ่ื งของคนนัน้ เป็นเรอื่ งของคนนี้ เปน็ เรือ่ งของคนโน้นอยา่ งนี้
เชน่ จับกระโถนของท่านอาจารย์เลี่ยมไปเท จบั เอากาน้�ำไปกรองน�ำ้ กเ็ ขา้ ใจว่าเอา
กระโถนไปเทใหท้ า่ นอาจารยเ์ ลยี่ มอยา่ งนเี้ ปน็ ตน้ กด็ อี ยแู่ ตว่ า่ มนั นอ้ ยไป เอากระโถนน้ี
เอากานำ้� น้ี ไปกรองนำ�้ ใสใ่ หท้ า่ นอาจารยช์ ู นกี่ ถ็ กู ไปอยา่ งหนงึ่ เหมอื นกนั แตว่ า่ ถา้ หาก
วา่ ไมใ่ ชข่ องอาจารยช์ แู ลว้ กจ็ ะไมเ่ อาไปเทกระมงั ไมใ่ ชข่ องอาจารยเ์ ลยี่ มกไ็ มเ่ อาไปเท
กระมงั อนั นเี้ ชน่ นมี้ นั กด็ ไี ปสว่ นหนง่ึ แตว่ า่ ยงั ไมเ่ ลศิ ไมป่ ระเสรฐิ มนั มคี วามมงุ่ หมาย
ในนน้ั มคี วามยึดม่ันถือมนั่ อยู่ เราควรทำ� เพือ่ ธรรมะ เราทำ� เพ่อื เสยี สละ กระโถน
ใบน้ีเราก็ท�ำเพ่ือเราเองนั่นแหละ กิจการงานอันน้ีเราท�ำเพ่ือเราเอง ไม่ได้ท�ำให้ใคร
ทง้ั นนั้ ทำ� เพอ่ื ธรรมะ ถา้ จติ เราเปน็ อยา่ งนี้ ไปอยทู่ ไี่ หนเรากเ็ สยี สละ ปฏบิ ตั กิ ถ็ งึ ธรรม
อยา่ งเชน่ เมตตามนั กม็ สี องนยั เหมอื นกนั เมตตาคอื ความรกั รกั อยา่ งหนง่ึ กร็ กั
แตก่ ลมุ่ ตวั เอง กลมุ่ อน่ื ไมร่ กั อยา่ งตาแกค่ นหนงึ่ ลกู หลานไปขโมยของเขา แกกไ็ ปจบั
ลกู หลานนนั้ มาสอน “เฮย้ พวกเอง็ ทง้ั หลายนน้ั ถา้ จะขโมย ถา้ จะปลน้ กไ็ ปปลน้ โนน่ ...
บา้ นอนื่ อยา่ มาปลน้ บา้ นเรา” อยา่ งนเี้ ปน็ ตน้ อยา่ งนมี้ นั สน้ั เกนิ ไป ตาแกค่ นนนั้ กไ็ มร่ ตู้ วั
ไปขโมยของคนอนื่ เสีย อย่ามาขโมยของเรา ไปปลน้ บา้ นอนื่ เสยี อย่ามาปลน้ บ้านเรา
ตาแก่คนนั้นก็คิดว่าคิดถูกเต็มที่แล้ว แต่พูดตามธรรมะแล้ว มันก็ไม่ใช่ธรรมะอีก
11
นน่ั แหละ นเ่ี รยี กวา่ มเี มตตาเปน็ บางสว่ นมนั ไมท่ ว่ั ถงึ ความเปน็ จรงิ ไปขโมยตรงไหนก็
ไม่ดีตรงนัน้ แหละ ไปปล้นบ้านไหนมันกไ็ ม่ดีบ้านน้ันแหละ ถ้าเป็นอปั ปมัญญา๑ แลว้
อยา่ ไปขโมยใครเลยสักแหง่ หนึง่
การประพฤตปิ ฏบิ ตั กิ อ็ ยา่ งนน้ั เหมอื นกนั มนั มกี ำ� ลงั ใหญ่ ตรงไหนทม่ี นั เปน็ ธรรมะ
แม้มันจะฝืนใจของเราสักเท่าไร ก็พยายามลงตรงน้ันให้ได้ ข้างนอกก็เหมือนกัน
อนั ใดมนั เสยี สละยงั ไมไ่ ด้ กพ็ ยายามเสยี สละตรงนนั้ พยายามทำ� ตรงนน้ั ถา้ ทำ� ตรงนน้ั
ไม่ได้ ก็ยังไม่สบายใจ
ยกตัวอย่างผมเอง ผมน้ีเป็นคนขี้ขลาดเป็นคนข้ีกลัวต้ังแต่เป็นเด็ก มาบ้าน
ถา้ ปิดประตกู ็เข้าไปในบา้ นไม่ได้ กลัวมากท่ีสดุ ถงึ บวชเขา้ มาปฏบิ ตั ิแลว้ ความกลัวนี้
มนั กย็ งั ยดึ อยู่ เวลาหน่งึ อยากจะไปอยู่ป่าชา้ คิดแลว้ คดิ เล่ามนั ก็ไปไมไ่ ด้ ไปเหน็ พระ
ทา่ นอยูก่ ท็ อ้ ใจแล้ว มนั ไปไม่ไดแ้ ตก่ ย็ งั ไมย่ อม มันจะเปน็ อยา่ งไร ตรงนที้ ำ� ไมมันถงึ
กลวั มาก กพ็ ยายามมันอยูอ่ ยา่ งนัน้ แหละ ผลท่ีสุดวันสุดท้ายจับบรขิ ารไปเลย ไปให้
มนั ตาย ทำ� ไมปา่ ชา้ มนั ถงึ กลวั นกั กลวั หนา มนั มอี ะไรอยตู่ รงนนั้ ไปใหม้ นั ตายดซู ิ วนั น้ี
มนั จะเปน็ อยา่ งไรไป ไมใ่ ชว่ า่ ไมก่ ลวั นะ กลวั แทบจะเดนิ ถอยหลงั เขา้ ไปถงึ ปา่ ชา้ แลว้
มันก็ไม่อยากเข้าไป ขืนเข้าไปมันจะเป็นอย่างไรตรงนี้ อย่างน้ีเราอยากจะรู้ว่าอะไร
มนั ขวางทางเรา การปฏบิ ตั ขิ องเราตอ้ งทำ� กนั ใหม้ นั ทะลุ พอไปแลว้ กร็ เู้ รอื่ งอะไรตา่ งๆ
ในทนี่ นั้ ความคดิ เกา่ ๆ ทม่ี นั กลวั นนั้ มนั กเ็ บาลงหายไป นเี่ พราะเราทำ� ใหด้ แี ลว้ กด็ ใี จ
ว่าตรงนี้มนั ฝืนใจเราได้ เทา่ นแี้ หละไม่ต้องมากหรอก ก็เกิดความพอใจขึน้ มาแล้ว
การปฏิบัตินี้ต้องฝืนใจ ถ้าพูดกันง่ายๆ การปฏิบัตินี้ไม่ใช่ปฏิบัติตามใจเรา
มนั เรื่องฝนื ใจเราท้งั นน้ั ตลอดจีวร บิณฑบาต เสนาสนะ เภสชั ทั้งหลายน้อี ยากได้ดี
อยากไดส้ วย อยากไดม้ าก สารพดั อยา่ ง เมอ่ื พดู ถงึ ตรงนนั้ แลว้ คนเรานพี้ ระพทุ ธเจา้
ทา่ นทรงสอนใหส้ นั โดษมกั นอ้ ย ขนาดนนั้ กย็ งั นอ้ ยไมไ่ ดอ้ ยนู่ น่ั แหละ นอ้ ยไมค่ อ่ ยได้
นมี่ นั อยตู่ รงนี้ เชน่ ทา่ นสอนวา่ เอาอาหารรวมในบาตร พยายามทำ� ใหม้ นั เหลอื นอ้ ย หรอื
๑ ธรรมท่ีแผไ่ ปไมม่ ปี ระมาณ
12
ไมใ่ หม้ นั เหลอื นน้ั จะดมี าก อยา่ งนมี้ นั กท็ ำ� ยาก ไมต่ อ้ งอน่ื ไกลหรอก ทำ� ไดว้ นั สองวนั
สามวนั อาทติ ยห์ นง่ึ มนั กเ็ ผลอไปเสยี แลว้ ถกู มนั จงู ไปเสยี แลว้ มนั จงู ออกไปขา้ งนอก
มนั ทำ� ยากนะ ไมใ่ ชง่ า่ ยๆ ลองฝกึ ดตู รงนก้ี ไ็ ด้ จดั ขา้ วจดั อาหารใหม้ นั พอดๆี ลองเถอะนา่
ไม่ตอ้ งไปวงิ่ ธดุ งค์ทไี่ หนหรอก ลองดซู ิมันจะได้ไหม มนั ไดอ้ ย่กู ่วี ัน อนั น้ีเราควรฝึก
ดูนะว่าจะลำ� บากสักแคไ่ หน นก่ี จ็ ะรู้จักละ่ วา่ จิตใจเรามนั ติดอามิสทงั้ หลายอยู่
ฉะนนั้ พระพทุ ธเจา้ ทา่ นทรงสอนใหร้ จู้ กั ทงั้ สองอยา่ ง อามสิ สขุ อยา่ งหนง่ึ กใ็ หม้ นั
ชดั เจน นริ ามสิ สขุ กใ็ หม้ นั ชดั เจน ใหม้ นั ชดั เจนทง้ั สองอยา่ ง ไมใ่ หห้ ลงทงั้ สองอยา่ ง เชน่
กามสขุ ลั ลกิ านโุ ยโค ๒ คอื ความสขุ ความสบาย นที้ า่ นกใ็ หร้ ชู้ ดั เจน อตั ตกลิ มถานโุ ยโค ๓
คือความไมส่ บายเปน็ ทกุ ข์ขัดขอ้ ง ท�ำไปแล้วเปล่าประโยชน์ สองอย่างน้ที า่ นก็ให้รจู้ กั
พูดง่ายๆ คือ ความดีใจเป็นกามสุขัลลิกานุโยโค ความไม่สบายใจก็เรียกว่าเป็น
อัตตกิลมถานุโยโค ส่ิงทั้งสองน้ีพวกท่านทั้งหลายจะรู้อยู่ทุกวันแต่ว่าท่านจะรู้ช่ือมัน
หรือไม่รู้ รู้น้ันมันก็เป็นบัญญัติอันหน่ึงเท่านั้น แต่ว่าอาการอย่างนี้มันจะมีอยู่กับ
ท่านทุกคน ไม่ว่าท่านจะรู้มันหรือไม่ มันเป็นธรรมะ อันนี้มันรู้อยู่ทุกคนน่ันแหละ
ตดิ ความสขุ มนั กร็ จู้ กั ความทกุ ขไ์ มช่ อบมนั กร็ จู้ กั แตว่ า่ มนั จะบอกพวกทา่ นทงั้ หลายวา่
อนั นเี้ ปน็ กามสขุ ลั ลกิ านโุ ยโค อนั นเ้ี ปน็ อตั ตกลิ มถานโุ ยโค มนั จะไมบ่ อกชอื่ มนั อยา่ งนน้ั
แต่อาการมันกอ็ ย่อู ยา่ งน้ัน สขุ มนั กเ็ ป็นสุข ทุกขม์ นั กเ็ ปน็ ทกุ ขอ์ ย่อู ยา่ งน้ัน
สขุ ทกุ ขท์ งั้ หลายนี้ พวกเราทงั้ หลายชอบอนั ใด ชอบสขุ หรอื ทกุ ข์ อนั นเี้ รากต็ ดั สนิ ใจ
ของเราได้ เราชอบความสุขนั้น มนั ถกู ไหม ชอบความทุกขน์ ัน้ มันถกู ไหม อันนเี้ ราก็
เลือกพจิ ารณา แต่ว่าถ้าเราเป็นผูม้ ีปญั ญาน้อย เป็นผ้อู ิงอามสิ อยู่กบั อามสิ มันกต็ ดิ สขุ
อามสิ สุข ไดข้ องดี ไดข้ องมาก ได้ของท่ชี อบใจมนั กส็ ุขใจ มนั ไปตดิ ดี ดนี น้ั เราก็นกึ
วา่ โทษมนั ไมม่ ี ในทนี่ นั้ สง่ิ ทไี่ มด่ สี ง่ิ ทเ่ี ราไมช่ อบนน้ั ไมต่ อ้ งวา่ มนั รจู้ กั แลว้ ไมเ่ อาทเ่ี รา
ไมช่ อบ ทีนเ้ี รากเ็ ลือกตามใจเรา อนั ใดชอบกเ็ อา อนั ใดทีเ่ ราไมช่ อบก็ไม่เอาอนั นน้ั
๒ กามสุขัลลิกานุโยโค การประกอบตนใหพ้ วั พันหมกมุน่ อย่ใู นกามสุข
๓ อตั ตกลิ มถานโุ ยโค การประกอบตนใหล้ ำ� บากเปลา่ คอื ความพยายามเพอ่ื บรรลผุ ลทหี่ มายดว้ ยวธิ ที รมาน
ตนเอง
13
มันก็เป็นทีฆนขพราหมณ์เท่านั้นแหละ พราหมณ์เล็บยาวๆ ที่มากราบพระพุทธเจ้า
เรอ่ื งทิฏฐิทั้งสาม๑ นั่นแหละ
ความเหน็ ของเขา เหน็ วา่ อนั ใดไมช่ อบใจ เขากไ็ มเ่ อา อนั ใดควรแกเ่ ขา เขากเ็ อา
อนั ใดไมค่ วรแกเ่ ขา เขากไ็ มเ่ อา อนั นค้ี อื เขา อาศยั จติ ของเขา เขาอาศยั กเิ ลสเปน็ หลกั
ไม่ใช่อาศัยการประพฤติปฏิบัติธรรมท่ีถูกต้องเป็นหลัก ก็ต้องเป็นอย่างนั้นทุกคน
เราทุกคนก็เหมือนพราหมณ์ผู้เล็บยาวทั้งน้ันแหละ หารู้ไม่ว่ากามสุขัลลิกานุโยโค
และอตั ตกลิ มถานุโยโค สองอยา่ งนมี้ นั มีโทษเท่ากนั มันเปน็ เคร่อื งกำ� บงั เทา่ ๆ กนั
ความสขุ กบั ความทุกข์น้ี มันมรี าคาเท่ากนั คือ มันผิดเท่าๆ กนั พูดง่ายๆ แต่เราก็
ไมเ่ หน็ ไปเหน็ แตว่ า่ อนั ทเี่ ราไมช่ อบใจนนั่ แหละไมด่ ี หรอื ไปเหน็ วา่ อะไรมนั ทกุ ข์ นนั่ ไมด่ ี
นไ่ี ปเหน็ อยา่ งนนั้ สขุ ทเ่ี ราชอบมนั บงั อยอู่ ยา่ งนี้ ถา้ เราโยกยา้ ยไปมาเพราะอามสิ อยา่ งน้ี
ถ้าไมม่ ีเนกขัมมะ ไมย่ อมเสียสละ ไม่เหน็ ธรรมะ จติ ใจเราก็ต้องเป็นอยา่ งนี้
เพราะฉะนน้ั พระพทุ ธเจา้ ทา่ นจงึ ทรงใหพ้ จิ ารณา ใหข้ ยนั ในการกระทำ� ความเพยี ร
ข้อวัตรปฏิบัติเหล่าน้ี อย่าประมาท เพราะเรายังไม่รู้ อันใดเราชอบใจเราก็นึกว่า
มนั ถกู ทงั้ นน้ั แหละ อนั ใดไมช่ อบใจเรากน็ กึ วา่ มนั ไมด่ ที งั้ นนั้ จะตอ้ งมอี ยา่ งนเ้ี ปน็ หลกั
ในจติ ของปถุ ชุ นเรา ฉะนนั้ เมอื่ พดู ธรรมะอนั ใดขนึ้ มา เราไมช่ อบใจเรากท็ งิ้ เทา่ นนั้ แหละ
เหมอื นกนั กับผมท่ีไปภาคกลาง ไปเจอเอาผลมะขวดิ มะขวิดเหมอื นกบั มะตูมน่ะที่
ขา้ งในมนั ดำ� ๆ เปน็ เมด็ เหลว เขากนิ มะขวดิ กนั อยา่ งนนั้ เมอื่ เราเอามดี ไปผา่ มนั ออกไป
ไมเ่ หลอื หรอก เอาไปทงิ้ หมด เราวา่ มนั เนา่ ไมร่ จู้ กั มะขวดิ คดิ วา่ มะขวดิ เนา่ ทง้ั นนั้ แหละ
น่คี ือเราไม่รู้ความจริง ผลไมช้ นดิ นีม้ ันเปน็ ของมันอยูอ่ ยา่ งนนั้ เขากท็ านกันอย่างน้นั
กอ็ ร่อยอยอู่ ย่างน้ันแต่วา่ เราไม่รูเ้ รื่อง
อนั นกี้ เ็ หมอื นกนั ฉนั นน้ั เรากเ็ หมอื นกนั เรานกึ วา่ ความสขุ มนั เกดิ ประโยชนม์ าก
ทุกข์มันไม่เกิดประโยชน์เลย ทุกข์กับสุขนี้ ถ้าใครติดสุขก็ไม่ชอบทุกข์ท้ังนั้นแหละ
๑ ทฏิ ฐทิ ง้ั สาม ไดแ้ ก่ ๑. อกริ ยิ ทฏิ ฐิ ความเหน็ วา่ ไมเ่ ปน็ อนั ทำ� , เหน็ วา่ การกระทำ� ไมม่ ผี ล ๒. อเหตกุ ทฏิ ฐิ ความเหน็
วา่ ไม่มีเหตุ, เห็นวา่ สง่ิ ท้ังหลายไมม่ เี หตปุ จั จยั ๓. นตั ถิกทิฏฐิ ความเห็นวา่ ไมม่ ,ี เหน็ ว่าไม่มกี ารกระทำ� หรอื
สภาวะท่ีจะกำ� หนดเอาเป็นหลักได้
14
ธรรมสองอยา่ งนม้ี นั ใหโ้ ทษเท่าๆ กนั และเกิดประโยชนเ์ ทา่ ๆ กนั ก็เหมอื นลกู ตาเรา
สองข้าง ข้างซา้ ยหรอื ข้างขวามันเกิดประโยชน์เท่าๆ กนั คนไมร่ ู้จกั อันนก้ี เ็ หมือนกนั
ถา้ จะให้ลูกตามันแตกมันก็มีโทษเทา่ ๆ กนั ถา้ เอามันไวท้ ้ังสองลูกตาด�ำๆ อยกู่ เ็ กดิ
ประโยชน์แก่เราเทา่ ๆ กัน ฉะนั้น ลกั ษณะธรรมนมี้ นั อยทู่ ี่ศนู ยก์ ลางอยา่ งน้ัน
คนเรามาปฏบิ ัตไิ ม่รู้เรื่อง บวชมาแลว้ กไ็ ม่รู้เรอ่ื ง เพง่ ออกไปขา้ งนอกบ้างเพ่งไป
ทอ่ี นื่ ไมน่ ้อมเขา้ มาในใจของเรา และการบวชเขา้ มาน้ี บวชธรรมดากย็ งั มีกเิ ลสน้อย
ผมเคยเป็นเณรเปน็ พระ อยูว่ ัดบ้านก็ไมค่ อ่ ยได้อะไรเทา่ ไร คือ ปล่อยไปตามเรื่อง
ของมนั มนั กเ็ ลยไม่ค่อยมอี ะไร เมือ่ เข้าปฏิบัตแิ ลว้ มาพิจารณา เออ...อยา่ งนน้ั ต้อง
รกั ษาพระวนิ ยั อยา่ งนนั้ ตอ้ งทำ� อะไรกไ็ มใ่ หร้ อ้ งไมใ่ หข้ อ ทกุ อยา่ งทา่ นไมใ่ หค้ วามอยาก
มนั เกดิ ขน้ึ มา ความทกุ ขม์ นั กบ็ บี บงั คบั ขนึ้ มา อยวู่ ดั บา้ นนน้ั มนั สบาย ฤดนู อ้ี ยากปลกู
หัวหอมกินก็ได้ อยากปลูกผักกาดกินก็ได้ ฟันไม้ก็ได้ ขุดดินก็ได้ มันเลยสบาย
บัดน้ที า่ นไมใ่ หป้ ลกู อยา่ งน้ัน ไม่ใหแ้ ตะต้องอยา่ งนั้น ไม่ให้ท�ำอย่างนนั้ มันบบี หัวใจ
มันก็เลยเกิดทุกขข์ น้ึ มา ยง่ิ พระกรรมฐานน้ี ถ้าอยากก็อยากได้หลายๆ อยากไดก้ ว่า
ส่งิ ธรรมดาท่เี ราไม่ไดป้ ฏบิ ัติ
เม่ือบวชเข้ามาปุ๊บมันก็อยากได้ความสงบ อยากเป็นพระอรหันต์ อยากแล้ว
มนั ก็คดิ คดิ มากก็เดือดรอ้ นมาก ที่นก่ี อ็ ย่ไู มไ่ ด้ ท่ีนั่นก็อยู่ไม่ได้ อยูท่ ี่นก่ี ็ “แหม
คนมันมากนะ ไมส่ งบ อยูท่ นี่ ่ีมนั ไมเ่ ปน็ ป่านะ ไปหาปา่ เถอะ อยู่ท่ีนี่มันเป็นปา่ ก็จรงิ
แตม่ ันไม่เปน็ เขา” บางทกี ข็ ้นึ ไปโนน้ เขาสงู ๆ บณิ ฑบาตวันละสามสกี่ โิ ล ไปหาที่อยู่ท่ี
มันสบายๆ คอื หนีจากมนั น่ันเองแหละ หนจี ากมนั เพราะความไม่รู้ ไม่ได้หนีจาก
มนั เพราะปัญญา หนีจากมันเพราะการเดินหน้า อยา่ งเราทุกวนั น้จี ะหนีจากคนไปอยู่
ทีไ่ หน ไม่ใหค้ นเห็นจะไปอยทู่ ไ่ี หน แตว่ ่าระยะชว่ั คราวไดอ้ ยู่ มนั เปน็ อยอู่ ย่างน้ี
ฉะนนั้ พระปฏบิ ตั หิ นงึ่ พรรษาสองสามพรรษา ถา้ ไมไ่ ดศ้ กึ ษาเรอ่ื งทงั้ หลายเหลา่ น้ี
ให้เขา้ ใจละ่ ก็ ไปแลว้ ธดุ งคน์ ่ที ุกปลี ะ ธดุ งค์นเ่ี ดนิ จนหนังถลอกปอกเปิก หยุดตรงนี้
ไปตรงนั้น ไปตรงนัน้ ไปตรงนเี้ รื่อย ไม่มหี ยดุ หรอก คอื มันไม่ใหห้ ยุดเราเปน็ ทาส
มันแต่เราไม่ร้จู ัก พอสบายสกั นดิ หน่ึงกม็ านง่ั พิจารณา “ฮื้อ...จะไปหนองคายดลี ะม้ัง
15
เอาละจะไปหนองคาย แล้วไปอยู่หนองคาย อย่สู บายสกั พักหนึ่ง ฮือ...เชียงใหม่กด็ ี
เหมอื นกันนะ ไปเชียงใหม่ปะไร” เอา้ ไปอกี มันไล่เข้าไปในปา่ มนั ก็ไล่ข้นึ ภูเขา
ข้ึนภเู ขามันก็ล�ำบากเกนิ ไป มนั ก็ไล่ลงมา มันก็เป็นอยอู่ ย่างนั้นแหละ
นกั กรรมฐานทงั้ หลายไมร่ สู้ ง่ิ ทง้ั หลายเหลา่ นไ้ี มส่ บายหรอก ใหร้ เู้ ถอะอยบู่ นภเู ขา
เปน็ อยา่ งไร อยปู่ า่ เป็นอย่างไร อะไรทุกอยา่ งน้ีมันเป็นอย่างไร ถ้าหากเรามารวมจดุ
ของมันได้แล้ว ไม่จำ� เปน็ อะไรมาก คลา้ ยๆ คนอยากจะรวย ไปทำ� ไร่ ไปตัดตน้ ไม้
เต็มป่า แตว่ ่าทำ� ไมห่ มด ขเี้ กยี จ ไปถางมนั ทง้ิ แลว้ กห็ นีไป ทำ� ไดม้ ากแต่ไม่เอา อันนี้
ก็เหมอื นกันเช่นน้นั เราก็ท�ำไดม้ ากไปมาก แต่กไ็ มร่ เู้ รอื่ งทีจ่ ะเอาอย่างไรกนั จุดนี้เรา
ยงั ไมถ่ งึ ของเราแลว้ เรากเ็ ดนิ อยเู่ รอ่ื ยๆ เปน็ ทกุ ข์ บางองคเ์ ดนิ ไปเลยไมเ่ หน็ บางองค์
เข้าในถำ�้ กอ็ ยแู่ ลว้ บนภูเขาเรากอ็ ยแู่ ล้ว ในป่าเราก็อย่แู ลว้ มันกเ็ ปน็ อย่างนน้ั แหละ
สบิ ปกี วา่ บางทไี ปพบอยตู่ ามภเู ขา เขาทำ� สวน ทำ� ไรอ่ อ้ ย ทำ� ถว่ั ทำ� ขา้ วโพด เทา่ นนั้ แหละ
เด๋ียวก็ธุดงค์อยู่ในป่าอยู่ในเขา แล้วก็เดินบิณฑบาต ไปเห็นซังข้าวโพด ก็อีกแล้ว
อยากจะไปเป็นลูกของเขาแล้ว อยากจะเป็นลูกจ้างเขาแล้ว บางคนเลยออกมาเก็บ
ขา้ วโพดกับเขาเสีย เป็นลกู จา้ งโยมท่เี คยอุปัฏฐากเรา นน่ั แหละเปน็ ทุกขอ์ กี มันเสยี
อยา่ งน้นั
ฉะนนั้ การธดุ งคน์ น้ั ธ-ุ ตงั -คะ กค็ อื วา่ เปน็ ขอ้ ปฏบิ ตั อิ นั บคุ คลทำ� ไดย้ าก เพราะ
เป็นขอ้ ปฏบิ ัตทิ ำ� ปถุ ุชนใหเ้ ป็นอรยิ ชน มันจึงเปน็ ของทำ� ยาก เป็นของท�ำลำ� บากมาก
มันฝืน ไม้มนั คดมันงอมันโก่ง ไปดดั มันก็ฝืนอย่างนี้ ทา่ นจงึ กล่าวไวว้ า่ ธุดงคน์ ้ใี คร
ไม่ท�ำก็ไมเ่ ป็นอาบตั ิ (ผิดวินัย) หรอก เพราะมันเปน็ ข้อวัตรพเิ ศษ ความเปน็ จรงิ นน้ั
มันเป็นของฝืน เปน็ ข้อวตั รของพระอรยิ บุคคล หรือทีจ่ ะท�ำปุถชุ นใหเ้ ป็นอรยิ บุคคล
มันก็เป็นของท�ำได้ยาก เหมือนเราเคยท�ำของหยาบๆ มา เช่น เราไสกบเลื่อยไม้
ในอีกเวลาหน่ึงเราจะไปท�ำงาน ให้ไปไล่สนิมทอง ไปท�ำสร้อยท�ำแหวน อย่างนี้ก็
ล�ำบากมาก มันเป็นกิจการของบุคคลที่ละเอียดเขาท�ำกัน มันก็เป็นของยากล�ำบาก
เชน่ เนสชั ชกิ ในวนั พระนไี้ มใ่ หน้ อนตลอดคนื เรากไ็ มเ่ คยทำ� เปน็ ฆราวาสกไ็ มเ่ คยทำ�
เม่ือกินอิ่มแล้วจะนอนก็นอนเลย บางทีบุหร่ียังติดปากอยู่เลย บางทีปากคาบบุหร่ี
นอนกรนครอก...ครอก จนไฟจะไหม้ ไฟไหมป้ ากแลว้ จงึ ลกุ ขนึ้ มา บางคนกนิ อม่ิ แลว้
16
น่งั ไม่ไหวเสียแล้ว มนั หนัก นอนลงไปหยบิ เอาไมข้ า้ งฝามาจ้มิ ฟนั จมิ้ ไปจ้ิมมาก็เลย
นอนหลบั ไปเลย ไม้จ้มิ ฟันก็ไม่ต้องเอาออก อยู่อย่างน้ันแหละ กรนครอก...ครอก
ทนี เ้ี ราไมใ่ หน้ อนในคนื นน้ั มาทำ� ธดุ งค์ ทำ� ไมมนั จะไมล่ ำ� บากละ่ มนั ขดั กนั อยา่ งน้ี
มนั กล็ ำ� บากซิ ทำ� ไมจะไมล่ ำ� บาก บางคนกท็ นไมไ่ หว นเี่ ปน็ เรอ่ื งอยา่ งนี้ นคี่ อื ขอ้ ปฏบิ ตั ิ
ธดุ งควตั ร คอื การกระทำ� ฝนื ฝกึ ตวั เองฆา่ กเิ ลส พระพทุ ธองคท์ า่ นตรสั วา่ ธรรมอนั ใด
มันเดือดร้อน ข้อปฏิบัติอันใดมันเดือดร้อน ให้มันซ�้ำอยู่อย่างนั้น มันสู้กิเลสแล้ว
ทา่ นวา่ ถูกมนั แล้วถูกตัวมนั แล้ว ถา้ มนั สบายๆ กไ็ มถ่ ูกเพราะเราชอบสบายน่ี ถ้ามัน
เดอื ดรอ้ นกเ็ ขา้ ใจวา่ มนั ผดิ แตน่ มี่ นั เดอื ดรอ้ นนนั้ ถกู แลว้ มนั ปฏบิ ตั ถิ กู แลว้ มนั ฝนื ใจ
ตวั เองมันก็เดอื ดร้อน มันทกุ ข์ มันเป็นทุกขสจั เม่ือทกุ ข์มันเกิดขน้ึ มา มันก็ลมื ตา
เท่านนั้ แหละ ลืมตาขึน้ มาก็พิจารณา “น่ีอะไรกัน” อย่างน้ี มันเหน็ อยา่ งน้ี
ฉะนนั้ การปฏบิ ตั นิ เี้ ราบวชมานานหลายพรรษากจ็ รงิ แตว่ า่ เราจะไมค่ อ่ ยไดป้ ฏบิ ตั ิ
เราจะเอาแต่ส่ิงทเ่ี ราชอบ ส่งิ ท่ีเราไมช่ อบ เราไม่รู้สึกวา่ มันเปน็ ข้อปฏบิ ัติ มนั จะเป็น
อยา่ งนก้ี ไ็ ดน้ ะ แลว้ เราพดู วา่ “ฮอื้ ...ผมไมม่ ศี รทั ธา ผมไมบ่ วชหรอก” แตว่ า่ อาศยั อนั นี้
ยังผิวเผิน พวกเราท้ังหลายควรระลึกให้มันได้นะว่า ที่เราอยู่น้ีบริขารที่อาศัยอยู่นี้
ทา่ นใหพ้ จิ ารณาใหม้ าก อยา่ ไปหลงมนั อยา่ ไปเพลนิ กบั มนั อยกู่ ฏุ สิ วยๆ กด็ ี อยทู่ ไ่ี หน
กด็ ี จวี รสวยกด็ ี ให้มันมีนริ ามิสสขุ ใจให้มนั เปน็ เนกขัมมธรรม อยกู่ บั อะไรก็ใหใ้ จ
มันออก ถอนอุปาทานจากสิ่งทั้งหลายเหล่านั้น ตัวอุปาทานน้ันแหละ ท่านบอกว่า
การถอนจะตอ้ งอาศัยเนกขัมมธรรม อาศัยรูจ้ ักเหตุรจู้ กั ผล อาศยั รจู้ กั โทษของมนั
อย่างพวกเราน้ีเราอาศัยร่างกายเป็นอยู่ มันไม่ป่วยไม่ไข้ มันก็สบาย แต่เรา
อยา่ ไปอาศยั มนั มากนกั นะ ระวงั นะ ตอ้ งอาศยั เนกขมั มะไว้ อยา่ ไปพงึ่ ไปเกาะในกาย
ของเรา เด๋ียวมันจะเป็นโรคเมื่อไรก็ไม่รู้เรื่อง น่ีจะไปอาศัยมันได้หรือ ก็ต้องระวัง
เราจะตอ้ งระวงั อนั นใี้ หม้ าก อกี วนั หนง่ึ มนั จะระเบดิ ขน้ึ มาเปน็ ตน้ ขอ้ ปฏบิ ตั เิ ปน็ อยา่ งนี้
ถา้ เราคดิ วา่ มาก มนั กม็ าก เรอื่ งปฏบิ ตั เิ ปน็ เรอ่ื งฝนื ใจของเราอยา่ งนนั้ พวกเราทงั้ หลาย
กต็ อ้ งระวงั ไวว้ า่ การฝนื ใจตวั เองในทางทถี่ กู ทชี่ อบนนั้ นะดี แตว่ า่ ใหร้ จู้ กั กำ� ลงั ของเรา
ฉะน้ัน ทา่ นจึงสอนซ�้ำๆ ซากๆ อยเู่ รอ่ื ยๆ อยา่ งวันนพี้ ระเณรทุกองคน์ ้นั เคยนึกถงึ
17
ความตายหรอื เปลา่ “แหม วันน้ี อีกไมน่ านเรากต็ ้องตาย บดั นม้ี อี ายุ ๒๐, ๓๐ แลว้
เดย๋ี วก็ตาย” เคยคดิ หรือเปลา่ กไ็ ม่รู้ เรอ่ื งระลึกถึงความตายมสี ักองคส์ ององคก์ ย็ งั ดี
ความละเอียดของคนมนั ตา่ งกนั เรอื่ งนกึ ถงึ ความตาย จะเลา่ ให้ฟงั สักเรอ่ื งหน่งึ
อาจารย์คนหนึ่งมีศิษย์ ๓ คน วันหน่ึงอาจารย์ถามว่า “ใครมีสติระลึกถึง
ความตายบ้าง วนั หน่งึ ประมาณกคี่ ร้งั ”
องคห์ นง่ึ ตอบวา่ “โอย๊ ผมระลกึ ถงึ ความตายไมไ่ ดห้ ยดุ หยอ่ นเลยครบั ผมเทยี่ ว
บิณฑบาต ผมนึกไปว่า จะได้กลับมาวัดหรือไม่หนอ จะได้กลับมาวัดหรือไม่หนอ
กลวั มนั จะตายอยูก่ ลางทาง กลวั จะไม่ไดม้ าฉนั บณิ ฑบาต”
องค์ทีส่ องก็วา่ “โอย๊ ผมนกึ ถงึ ความตายยง่ิ กว่านั้น ผมมาน่งั ฉันบิณฑบาตอยู่
นกึ ในใจวา่ จะฉนั จังหนั เสรจ็ หรอื ไมห่ นอ กลวั มันจะล้มตายก่อน”
องคท์ สี่ ามวา่ “โอ้ ผมไม่ถึงแค่นั้นเลยครับ ผมคิดวา่ ผมหายใจเขา้ ออกอย่นู ้ี
ผมกลวั มนั หายใจเขา้ ไป กลวั มนั จะไมอ่ อกมา มนั ออกมาแลว้ ผมกลวั มนั จะไมเ่ ขา้ ไป
ผมจะตายตรงนั้น ผมคดิ อยู่แค่นน้ั ”
สององค์แรกก็นึกว่าเราเอาเต็มท่ีแล้ว องค์หน่ึงว่า บิณฑบาตกลัวจะไม่ถึงวัด
จะตายกอ่ น นกึ วา่ ดแี ลว้ แตย่ งั หลงอยู่ องคท์ สี่ อง ฉนั อยู่ กลวั มนั จะลม้ กลงิ้ ลง กน็ กึ วา่
ไม่มที ีไ่ หนแกไ้ ขอกี แล้ว องค์ทีส่ าม ลมเขา้ ผมกลัวไมอ่ อก มันจะตาย น่ดี ซู ิ นี่คือ
ความรู้สกึ นกึ คิดของคนแตล่ ะคน เพราะฉะน้ันมนั จงึ ไมเ่ หมือนกัน มันหยาบกวา่ กนั
มันละเอยี ดกวา่ กนั เพราะอนั น้ี
แตค่ วามรสู้ กึ ของผม สมยั นผ้ี มวา่ พวกเราควรจะประพฤตปิ ฏบิ ตั เิ พอ่ื ประโยชน์
ตนและเพื่อประโยชน์ประชาชนคนอ่ืนเขาบ้าง เพราะว่าสัตว์โลกทุกวันนี้ก�ำลังเมา
ก�ำลังมดื ไม่ร้เู รื่อง ทท่ี างทำ� มาหากนิ กันผมวา่ มันจะแย่เสยี แล้ว คับแคบกนั เสียแล้ว
ถ้าเราออกไปอีก เราก็ไปแย่งเอาที่ดินกับเขาอีก ไปแย่งเงินเขาอีก ไปแย่งอะไรอีก
เลยวนุ่ ไปอกี จะฆา่ จะแกงกนั ตาย มนษุ ยใ์ นโลกนก้ี เ็ หน็ จะพอละมงั้ น่ี เหน็ จะพอกนั ละ
18
สมยั ก่อนชาวบ้านแต่งงานแลว้ ลกู กเ็ กดิ เอ้า ใหม้ นั เกดิ เตม็ ท่ีมนั เลย ไม่ตอ้ งกลัวมนั
มันจะเกิดมาถึงยี่สบิ กเ็ อาเถอะ เอาหมด เดยี๋ วนี้เขาไม่เอาแล้ว รตู้ ัววา่ ไปไมไ่ หวแลว้
อยา่ งมากกส็ ามคน ผชู้ ายสองคน ผหู้ ญงิ คนหนงึ่ พอแลว้ อดุ เลยปดิ เลย ผมวา่ ไมเ่ หน็
มนั เกดิ ประโยชนอ์ ะไรมากมาย มนั แยง่ กนั แล้ว สมยั กอ่ นนคี้ ราวหลวงพิบลู สงคราม
ให้รางวัลคนลกู มากๆ ผมก็อยากใหส้ กึ เหมอื นกนั แหละ ประชาชนมันนอ้ ย เดีย๋ วน้ี
ประชาชนเขามันพอกันแลว้ จะสกึ ออกไปทำ� ไมอกี ละ่
ผมว่ามันได้โอกาสแล้วพวกเราท้ังหลาย มันได้โอกาสแล้วท่ีจะสร้างประโยชน์
ในเวลาน้ี ประโยชนต์ นและประโยชนค์ นอ่นื ประโยชนภ์ พน้ีประโยชน์ภพหนา้ หรือ
ประโยชน์อย่างยอด ผมว่าควรแล้ว เวลานี้มันควร เพราะเราก็เห็นนี่นะว่าสึกเป็น
ฆราวาสแล้วจะไปท�ำอะไร เคยไดย้ นิ ไหม เคยได้ไปบณิ ฑบาตตามบา้ นไหม บางวนั
เดนิ บณิ ฑบาตไปโนน่ ทะเลาะกนั ตรงโนน้ ยงั ไมท่ นั หงุ ขา้ วเลย ทะเลาะกนั แลว้ เอาแลว้
วุ่นวายกันแล้ว ไม่รู้อะไรเป็นอะไร พวกท่านไม่เคยเห็นหรือ ก็ไปดูส่ิงท่ีมันจะเกิด
ปัญญาบ้างซิ ไปดูแต่สิ่งที่มันถมทับหัวใจของเรา มันจะเห็นอะไร ไปมองโน่น
มองแมงป่อง เขามองกา้ มกนั ก็นกึ ว่ามันเอากา้ มมันกัด ไปมองโน่น มองแมงป่อง
ไม่ไดม้ องก้นมันนี่ ไปจับหัวมนั นึกว่าตรงนั้นมันเปน็ อันตราย ความจริงมนั เอากน้
มนั จิ้มจนจะตายเอา เรามองข้ามไป มองไมถ่ ูกท่ี มนั จงึ เสีย
อนั นกี้ เ็ หมอื นกนั ฉนั นนั้ ผมวา่ อยเู่ ปน็ นกั บวชอยา่ งนสี้ บายแลว้ ถา้ เราคดิ อยา่ งนี้
มนั สบาย ไมม่ กี รรมไมม่ เี วร มนั จะมอี ะไรกส็ บายแลว้ แตว่ า่ เปน็ นกั บวชไมใ่ ชอ่ ยสู่ บาย
เฉยๆ นะ ต้องท�ำใหเ้ กิดประโยชน์ หาทางพ้นทุกข์ใหไ้ ด้ เป็นท่พี ่งึ ของสัตวท์ ้ังหลาย
ญาติทัง้ หลายใหไ้ ด้.
19
๒
ธรรมท่หี ยง่ั รู้ยาก
วนั นเี้ ปน็ วนั มหาปวารณา ความเปน็ จรงิ นน้ั เรานบั ถอื พระพทุ ธเจา้ ของเรา เทดิ ทนู
พระรตั นตรยั คอื พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ ยิง่ กวา่ อะไรทง้ั หลายท้ังนนั้ แตว่ า่
เรอ่ื งนมี้ นั ไมใ่ ชข่ องเลน่ ๆ จะตอ้ งเปน็ ผฉู้ ลาดพอสมควร ตอ้ งฉลาดในการสอนจติ ของ
ตัวเอง เอาออกมาฝึกใหม้ ากๆ
จิตของเรานจ้ี ะบีบมันมากกไ็ ม่ได้ จะปลอ่ ยมันก็เลอะเทอะ พระพุทธองค์ทา่ น
ตรัสว่า สอนตัวอย่างไรสอนคนอื่นอย่างนั้น ตัวท�ำอย่างไรจึงให้คนอ่ืนท�ำอย่างน้ัน
ไมใ่ ชข่ องเลน่ ๆ หรอกโยม โยมไปมองดพู ระท่านบวช กน็ ึกว่าทา่ นสบาย อยา่ งเชน่
เร่อื ง อาจารย์ดี จะเล่าให้ฟัง
อาจารย์ดีทีเ่ ป็นคกู่ ับอาจารย์ทองรัตน์ เปน็ พระกรรมฐานรนุ่ กลางไมใ่ ชร่ ่นุ แรก
ท่ีเป็นศิษย์อาจารย์มั่น ภูริทัตโต เที่ยวบิณฑบาตไปฉันตามบ้านป่า บางทีบางบ้าน
กไ็ ม่รู้เรือ่ งเลย พระไปบิณฑบาตกใ็ สแ่ ต่ข้าว จะเอาอาหารใสบ่ าตรหรอื กไ็ มเ่ คยทำ� กนั
บางแหง่ กว็ า่ พระกรรมฐานทา่ นฉนั แตห่ วานอยา่ งอนื่ ทา่ นไมฉ่ นั หรอก พอไปบณิ ฑบาต
ตามบ้านเขาก็เอาข้าวเปล่าใส่เท่าน้ันแหละ พระจะไปบอกให้เขาเอาอาหารใส่บาตร
กไ็ มไ่ ด้ เปน็ อาบตั ิ บางทพี ระไปพกั อยเู่ ปน็ เดอื นๆ เขากย็ งั ไมเ่ ขา้ ใจ ทนี ที้ า่ นอาจารยด์ ี
ท่านไปบิณฑบาตในบ้านท่ียังไม่เคยไป โยมก็ใส่แต่ข้าว ตอนฉันจังหันเขาก็ตามไป
บรรยายแกพ่ ทุ ธบริษทั ที่วดั หนองปา่ พง
20
ทา่ นกฉ็ นั จงั หนั อยอู่ ยา่ งนน้ั แหละ ฉนั แตข่ า้ วเปลา่ ๆ เพราะของมนั อยใู่ นบาตร โยมเขา
ก็มองไม่เห็น เห็นพระเอามือล้วงลงไป ท่านก็เอาขึ้นมาฉันสบายๆ ก็นึกว่าอาหาร
ทา่ นเยอะแยะแล้ว ทา่ นอาจารย์ดที า่ นฉันขา้ วเปลา่ ๆ อยู่ ๗ วนั ท่านกค็ ดิ วา่ “จะทำ�
อยา่ งไรดีหนอ” พระกรรมฐานนี่ท่านกม็ ปี ัญญาพอสมควรเหมือนกนั นะ
วันหนึ่งท่านก็เอาฝาบาตรหงายขึ้นจับเอากาน�้ำมารินใส่ มีแต่น�้ำเท่าน้ันแหละ
โยมกต็ ามมานง่ั อยจู่ ะมาฟงั ธรรม ทา่ นกเ็ อาขา้ วเหนยี วมาปน้ั แลว้ จม้ิ กบั นำ�้ ในฝาบาตร
ทีร่ ินมาจากกาน�้ำนน่ั แหละ ทา่ นกฉ็ นั ขา้ วไป โยมเขากม็ องท่าน ท่านกฉ็ นั ของท่านไป
เรือ่ ยๆ โยมสงสัยกถ็ าม “เอ้า หลวงพ่อท�ำไมฉนั อยา่ งน้ันเล่า ท�ำไมฉันข้าวกับน�ำ้ ”
ท่านกว็ ่า “มนั มอี ยา่ งนก้ี ็ฉนั อยา่ งน้ี” โยมกว็ า่ “ฉันพรกิ ฉนั ปลาร้าไม่ไดห้ รือ” “ถา้ มนั
มกี ไ็ ด้” ท่านอาจารย์ตอบ
โอโ้ ฮ มนั ชา่ งเพราะเหลอื เกนิ นะ ทา่ นเอาขา้ วในบาตรนน้ั มาจมิ้ นำ�้ เปลา่ อยนู่ น่ั แหละ
นคี่ อื จะสอนคน เอากนั ถงึ ขนาดนน้ั ทนี เี้ ขารแู้ ลว้ กว็ า่ โอ...เราบาปแลว้ ใหพ้ ระฉนั ขา้ ว
กับน�้ำเปล่าๆ อยู่ถึง ๑๕ วันแล้ว นี่ความไม่รู้เร่ืองเป็นอย่างนี้ คนท่ีไม่รู้เรื่องมัน
สอนยากสอนล�ำบาก
ครบู าอาจารยผ์ สู้ อนมานน้ั ลำ� บาก อยา่ งเชน่ อาตมาออกไปเมอื งนอกซง่ึ เขาไมม่ ี
พระเหมอื นบา้ นเรา กเ็ ปน็ เหตใุ หม้ องเหน็ พระพทุ ธเจา้ เสยี แลว้ พอเราออกไปบณิ ฑบาต
เขามองไมเ่ ปน็ พระเลย เขามองเปน็ ตวั อะไรกไ็ มร่ ู้ คนทจี่ ะคดิ ใสบ่ าตรสกั คนหนง่ึ กไ็ มม่ ี
มีแต่เขาพากันมองว่า ตัวอะไรน่ะมานั่น โอ้โฮ นึกถึงพระพุทธองค์ อาตมากราบ
ท่านเลย มันแสนยากแสนล�ำบากที่จะฝึกคนเพราะเขาไม่เคยท�ำ ผู้คนท่ีไม่เคยท�ำ
ไมร่ จู้ กั นมี่ นั ลำ� บากมาก พอมานี่ นกึ ถงึ เมอื งไทยเราออกจากปา่ ไปบณิ ฑบาตเทา่ นน้ั แหละ
ไมอ่ ดแลว้ ไปทไี่ หนมนั กส็ บายมาก แตเ่ มอื่ เราไปเมอื งนอกอยา่ งนนั้ มองๆ ดไู มม่ ใี คร
ตงั้ ใจมาตกั บาตรพระ บาตรเขายงั ไมร่ จู้ กั เลย เราสะพายบาตรไป เขานกึ วา่ เปน็ เครอ่ื ง
ดนตรีเสียอกี ถงึ อยา่ งนน้ั อาตมากย็ ังดใี จในสิง่ ท่ีไดท้ ำ� มาแลว้ โดยมากพระท่านไป
เมอื งนอกทา่ นไมบ่ ณิ ฑบาตหรอก อาตมามองเหน็ ขอ้ นน้ี กึ ถงึ พระพทุ ธเจา้ อาตมาตอ้ ง
บณิ ฑบาต ใครจะหา้ มกจ็ ะบิณฑบาต ไปบิณฑบาต ไปทำ� กจิ อันนีท้ ีก่ รุงลอนดอนได้
21
ดใี จเหลอื เกนิ พวกพระไปดว้ ยกนั กว็ า่ บณิ ฑบาตทำ� ไม มนั ไมไ่ ดอ้ าหาร “อยา่ เอาอาหารซิ
ไปบิณฑบาตเอาคน เอาคนเสยี ก่อน ขนมมนั มากบั คน”
พระกไ็ ปบณิ ฑบาตให้เขามองดู เขามองดพู ระนน่ั กถ็ ือว่าไดแ้ ลว้ กเ็ หมือนท่าน
พระสารบี ตุ รนนั่ ท่านไปบณิ ฑบาตอมุ้ บาตรอยูใ่ นบา้ นต้งั หลายครง้ั เขาก็ไมใ่ สบ่ าตร
สกั ขนั เลย เขามองดูแลว้ เขาก็เดนิ หนี มาถงึ วนั หนงึ่ เขากว็ า่ “พระสมณะนีม่ าอยา่ งไร
ไป หนีไป” พระสารีบุตรท่านกด็ ีใจแลว้ ไดบ้ ิณฑบาตแล้ววันนี้ เพราะเขาสนใจเขาจงึ
ไล่เรา ถ้าเขาไมส่ นใจเขาไมไ่ ลห่ รอก เขาไม่พูดกับเราหรอก พระสารบี ุตรท่านเป็นผมู้ ี
ปญั ญา เทา่ นน้ั ทา่ นกพ็ อใจแลว้ คนสนใจ นเ่ี ปน็ จติ ของพระทที่ า่ นไปประกาศพระศาสนา
อาตมามานกึ ถงึ ขอ้ นแี้ ลว้ กไ็ มอ่ าย เพราะพระพทุ ธเจา้ ของเราทา่ นตรสั วา่ “ใหอ้ าย
แตส่ ง่ิ ทม่ี นั เปน็ บาป ไมเ่ ปน็ บาปไมต่ อ้ งอาย” กเ็ ลยออกไปบณิ ฑบาตไดส้ กั ๗ วนั ตำ� รวจ
กจ็ อ้ งสะกดรอยตามมาหา้ ม ใหห้ ยดุ บณิ ฑบาต บอกวา่ ผดิ กฎหมายในเมอื งเขา เราไมร่ ู้
นี่มันผิด เราก็หยดุ ท่ผี ดิ เพราะเขาหาว่าเปน็ ขอทาน บา้ นเขาหา้ มขอทาน เรากบ็ อกว่า
อันนั้นมันเป็นเร่ืองของคน แต่นี่มันเร่ืองของศาสนา พระพุทธศาสนาไม่ใช่ขอทาน
กเ็ ลยไดอ้ ธบิ ายไปวา่ ขอทานประการหนง่ึ การบณิ ฑบาตอกี อยา่ งหนงึ่ กเ็ ลยเขา้ ใจกนั
ทกุ วนั นที้ น่ี นั่ พระกไ็ ดบ้ ณิ ฑบาตอยู่ แตก่ ย็ งั ไมด่ เี ทา่ ไหรห่ รอก คอ่ ยๆ เรมิ่ ไปละ่ นเ่ี ปน็
สิง่ ท่ีทำ� ไดย้ าก ทำ� ได้ลำ� บาก
จติ ใจของเรานก้ี เ็ หมอื นกนั อยา่ งเราชาวพทุ ธทม่ี าฟงั ธรรมะกนั ทกวนั พระน่ี บาง
คนก็ยงั ไม่คอ่ ยจะรเู้ รื่องธรรมะแท้ๆ อย่างเมอื่ สองสามวนั มานัน้ พวกโยมจากสาขา
มารวมกนั เปน็ รอ้ ยๆ ทนี อี้ าตมากเ็ ลยถามวา่ “โยม ปนี เ้ี ทา่ ทต่ี รวจดนู ะ อาตมาสอนมา
นกี่ เ็ กอื บสามสบิ ปแี ลว้ ปลอ่ ยไปตามใจสบายๆ วนั นกี้ เ็ ลยอยากถามวา่ พวกเราอบุ าสก
อบุ าสกิ าทง้ั หลายนน้ั มบี า้ งไหมในทน่ี ไ้ี ดต้ ง้ั ใจทจ่ี ะปฏบิ ตั ิ ปฏบิ ตั ไิ มม่ ากหรอก มศี ลี ๕
ตลอดชวี ิตมีบา้ งไหม”
มองดตู ากนั ลอกแลก ไมม่ เี ลย นง่ั นง่ิ อยอู่ ยา่ งนนั้ นเ่ี หน็ ไหม มนั ขาดการปฏบิ ตั ิ
คอื มนั ยงั ไมถ่ งึ ใจ อาตมากเ็ ลยเทศนว์ า่ ไปสกั หนอ่ ย วนั นน้ั จะมใี ครโกรธหรอื อยา่ งไร
22
กไ็ มร่ ู้ อาตมากน็ กึ วา่ จะมคี นสกั คนหนง่ึ แตด่ แู ลว้ มแี ตข่ คี้ น มแี ตข่ มี้ นั คนไมม่ ี ถา้ คนแท้
มนั ตอ้ งสำ� รวมดว้ ยศลี ๕ คอื ถา้ เปน็ มนษุ ยแ์ ลว้ เราตอ้ งพยายามทำ� ศลี นใี้ หม้ นั มขี นึ้ มา
โดยตลอดชวี ิต ได้สัก ๔-๕ คนก็ยงั ดีนะ นี่ไมม่ ีหรอกเพราะไม่เคยท�ำมา
สมยั กอ่ นอาตมายงั ไมไ่ ดม้ าสอนทนี่ ่ี เรอ่ื งสมาธนิ คี่ นกไ็ มร่ เู้ รอื่ งเลย ศลี กพ็ ดู แต่
รบั กบั พระไปเทา่ นนั้ พดู ไปทำ� ไมกไ็ มร่ ู้ สมาธกิ ไ็ มร่ เู้ รอื่ งไมเ่ คยทำ� เขา้ ไปวดั กไ็ มม่ ใี ครฝกึ
เมอื่ ศลี สมาธิ กไ็ มเ่ รมิ่ ปญั ญาจะเกดิ ทไ่ี หน ถา้ มาพดู ถงึ ตรงนรี้ สู้ กึ วา่ พวกเรายงั ไกลกนั
มากที่สดุ ขอให้แต่ละคนเอาการบา้ นข้อน้ไี ปคิดกัน อยา่ งอาตมาขึน้ ไปเมอื งเหนอื ไป
เทศนใ์ หเ้ ขารกั ษาศลี เขากว็ า่ “ทา่ นอาจารยเ์ ทศนอ์ ยา่ งนที้ า่ นจะฉนั ขา้ วกบั อะไร” “ไมร่ ู้
อาตมาไมร่ ”ู้ เขากว็ า่ “ถา้ อยา่ งนนั้ เอาไหม ผมจะโขลกพรกิ กบั เกลอื มาใหท้ า่ นฉนั ทกุ วนั
ท่านจะฉันได้ไหม” อาตมาก็วา่ “ใครจะทำ� โยมคนไหนจะทำ� อยา่ หนจี ากกันเลยนะ
ให้โยมโขลกพริกกับเกลือมาทุกวันๆ อาตมาก็จะฉันให้ทุกวันๆ อาตมาไม่เคยเห็น
ใครมีศรทั ธาอยา่ งน้ี เอาไหม เอากันเป็นปีๆ ไหม หรอื ตลอดปกี เ็ อากันไหม ให้โยม
มาจัดทกุ วันนะ”
โนน่ คนทพี่ ดู ไปนงั่ อยโู่ นน่ มนั ไมก่ ลา้ ทำ� หรอก มนั พดู แตป่ ากนนั่ แหละ พดู ใหเ้ รา
จนเท่านน้ั ความเปน็ จริงคนท่มี าวดั ทุกวันนม้ี ันตอ้ งมศี รัทธา คนพูดเช่นนน้ั มันไม่มี
ศรัทธาหรอก
ผู้ทเ่ี ข้าถงึ พระรัตนตรัย คือ พระพทุ ธ พระธรรม พระสงฆ์ นน้ั ทีจ่ รงิ มันงา่ ย
ทสี่ ดุ โยม มนั งา่ ยมาก การกระทำ� อะไรตอ่ มอิ ะไรมนั งา่ ย มนั ไมย่ าก ไมต่ อ้ งเลอื กวนั นนั้
เดอื นน้ี ยามนี้ ไมต่ อ้ งแลว้ พระพทุ ธองคข์ องเรากท็ รงสอนวา่ เมอ่ื ไรมนั สะดวกวนั นน้ั มนั ดี
มันไมข่ ัดข้องวันนน้ั มันดี แตน่ เี่ ราไมอ่ ยา่ งนัน้ เชน่ จะปลกู บา้ นปลกู ช่องสารพดั อย่าง
ก็จะต้องหาฤกษ์วันพันยามกันเสียแล้ว พระพุทธองค์ท่านไม่ว่าอย่างนั้น ท่านว่า
เมื่อโอกาสมันเหมาะสมก็ใหท้ ำ� ไปเถอะ แตเ่ ราก็กลัว ซึง่ ถา้ พูดถึงพระรัตนตรยั เต็มท่ี
ถึงท่ีสดุ แล้ว ไม่มอี ะไรทจี่ ะต้องกลวั คือว่ามนั ไม่ผิดหรอก เมอื่ มนั มโี อกาสท่จี ะท�ำ
เมือ่ ไรมันสะดวก มนั ถกู กบั เวลาของเรา มนั สะดวกก็เอาละ
23
นที่ า่ นวา่ อยา่ งนี้ แตเ่ ราไมเ่ อาอยา่ งนน้ั ซิ จะตอ้ งเอาวนั นน้ั วนั นี้ จนอาตมารำ� คาญ
ย่ิงวันแต่งงานนั้นเขาถือว่าเป็นวันท่ีส�ำคัญของเขามาก ต้องเอาวันนั้น ต้องเอาฤกษ์
อย่างน้ันอย่างนี้ นมิ นต์เอาพระหลวงตาไปฉัน นั่งคอยเมือ่ ยจะตายแลว้ อยนู่ ่ันแหละ
คอื ถา้ ไมไ่ ดฤ้ กษไ์ มเ่ อา ตอ้ งใหไ้ ดฤ้ กษ์ อาตมากค็ อยสงั เกตใครทม่ี ฤี กษด์ ๆี บา้ ง วา่ มนั
จะเปน็ อยา่ งไรไหม มนั จะดไี หม บางคนอยกู่ นั ไดไ้ มถ่ งึ เดอื นทะเลาะกนั ไปเลย อา้ ว...
ดูซมิ ันเป็นเสียอย่างน้ี แล้วท�ำไมไมส่ ังเกตเหตุผลดลู ่ะ จะตอ้ งเอาวนั นน้ั วนั น้ี วันน้ี
มนั จม วนั นน้ั มนั ฟู ตอ้ งทำ� ขา้ งขนึ้ ขา้ งแรมอยา่ เอา ไปถอื เอาอนั นน้ั มาเปน็ ฤกษข์ องเรา
ฤกษ์มันก็เป็นเร่ืองของฤกษ์ เวลาก็เป็นเร่ืองของเวลา มันไม่ใช่มาเกี่ยวข้องกับเรา
ถ้าเราไปคิดอะไรต่อมิอะไรมันมากทุกอย่างในเรื่องพุทธศาสนามันก็จะยุ่งเหยิง
หลายอย่าง จนกระทัง่ ทว่ี า่ พดู กนั ไม่คอ่ ยจะได้
ทีน้ีเรามามองดูซิว่า ถ้าเป็นอย่างน้ัน พระรัตนตรัยของเราจะเสื่อมไหม
เศรา้ หมองไหม มนั ก็เสื่อม มนั กเ็ ศรา้ หมองเทา่ น้ันแหละ ทวี่ า่ ฤกษ์ดยี ามดีก็คือ อะไร
ทมี่ นั ดี อะไรทมี่ นั เหมาะสม ไมข่ ดั ขอ้ งนนั่ แหละ อาตมาวา่ มนั ดแี ลว้ อาตมาพดู อยา่ งน้ี
ทงั้ ยงั ถอื อยา่ งนม้ี าตลอดจนทกุ วนั น้ี ไมเ่ คยเหน็ มนั เปน็ อะไร เมอ่ื เรามามองคนบางคน
ตระกลู บางตระกลู โยมบางโยมกล็ ำ� บาก เชน่ แตง่ งานกนั ไมถ่ งึ ฤกษห์ มายจรงิ ๆ ไมต่ อ้ งละ
พระฉันเสร็จแล้วก็ต้องน่ังคอยอยู่นั่นแหละ คือพอถึงฤกษ์ก็ต้องสวด ชะยันโต
โพธิยา มูเล... แตแ่ ลว้ มนั ก็ดีบ้างได้บา้ งเสยี บ้างเหมอื นกนั บางคนก็อยู่ดว้ ยกันเดือน
สองเดอื นพูดกนั ไมร่ เู้ รอ่ื ง หนีจากกันเสยี แลว้ ทำ� ไมฤกษม์ นั ไม่ค้มุ ละ่ ฤกษ์มนั ไปอยู่
ตรงไหน
อันน้ีขอให้โยมคิดกัน อาตมาเคยพูดอยู่เรื่อยๆ ให้โยมคิด ถ้าเราพูดถึงการ
ตกลงกนั วันนน้ั วนั นี้ ตกลงกนั พรอ้ มเพรยี งสามคั คกี ัน ไมใ่ ชว่ ่าได้วันจนั ทรไ์ ม่เอานะ
ไมไ่ ดว้ นั องั คารไมเ่ อานะ ไมใ่ ชอ่ ยา่ งนนั้ อนั นเี้ ปน็ เรอื่ งยงุ่ ไมต่ อ้ งมากหรอก เทา่ นม้ี นั
กย็ งุ่ แลว้ เมอ่ื เราตดั สง่ิ ทง้ั หลายเหลา่ นท้ี เ่ี ปน็ มงคลตน่ื ขา่ วออกไปแลว้ มนั กก็ า้ วเขา้ ไป
ห้าสิบเปอร์เซ็นแล้ว เรานับถือพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ สูงสุดสูงส่งดีแล้ว
จะสบายจะสะดวกกนั ทุกอยา่ ง
24
อยา่ งตามบา้ นนอกของเรานน้ั ทำ� ไร่ ทำ� นา ทำ� คา้ ทำ� ขาย ทำ� โนน่ ทำ� น่ี ถา้ ถอื กนั
อย่างน้ีก็ยิ่งล�ำบากขัดข้องหลายอย่าง อยู่มาวันหน่ึงเขาเอาหนังเสือมาให้ลงคาถาให้
หนังหน้าผากเสือ นี่มันก็ต้องฆ่าเสือมันถึงเอาหนังหน้าผากเสือมาได้ ก็นึกว่าเราได้
ของดีแล้ว เอามาให้หลวงพ่อลงคาถาให้ อาตมากว็ า่ “จะลงคาถาไปท�ำไม เสอื กไ็ ป
ฆา่ มาแลว้ นี่ หนังมันจะดอี ะไร” ไปฆ่าตัวมนั เอาหนงั มนั มาลงคาถา ถอื กนั ไปอยา่ งน้ี
ทจี่ รงิ แลว้ ทมี่ นั ดอี ยู่ กค็ อื อยา่ ไปฆา่ เสอื มนั อนั นไ้ี ปฆา่ เขา ถอื กนั วา่ ดแี ละยงั จะเอาหนงั
มาลงคาถาอีก จะทำ� อะไรกนั ตอ่ ไปอีก เป็นอย่างน้ี มันถือผดิ กันหมด
อยา่ งกลองท่ีวัดอาตมาเคยอยู่นะ คือ วัดทงุ่ กลองเขาเอาไวต้ ีเพล...ทุม่ ...ทมุ่
...ทมุ่ มอี าจารยอ์ งคไ์ หนกไ็ มร่ บู้ อกวา่ ถา้ ไดห้ นงั หนา้ กลองมาจะลงคาถาใหก้ เ็ ลยพากนั
ไปผา่ เอากลองเพลทวี่ ัดทงุ่ ปาดหนา้ กลองแลว้ กเ็ อาไปลงคาถา เราก็เคยเหน็ ว่ากลอง
เพลมันดัง ถา้ ตีไปคนก็มารวมกัน อันนคี้ งดแี น่ แตน่ กี่ ลบั ไปตัดเอามาลงคาถาเสยี น่ี
เรอ่ื งทง้ั หลายเหลา่ นี้มันหลายเหลอื เกนิ เมือ่ คน้ ถึงพุทธศาสนาของเราแล้ว ทีจ่ รงิ นัน้
มนั ลำ� บากอยู่ เราจะเอาตรงไหนมนั ดี มนั ลำ� บาก การปฏบิ ตั ขิ องเรานน้ั มนั ถงึ ไมป่ รากฏ
ผลข้ึนมา
เร่อื งท้งั หลายเหลา่ นพี้ ระพทุ ธองคต์ รัสว่ามันยงุ่ ทรงตัดทง้ิ เพราะมนั เป็นเรอ่ื ง
ของพราหมณ์ พราหมณเ์ ขาบชู ายญั ทำ� ไมพราหมณถ์ งึ บชู ายญั เพราะเขาตอ้ งการสงิ่ ท่ี
เขาปรารถนา เขาถงึ บชู ายญั มนั ตรงกนั ขา้ มกบั พทุ ธศาสนาของเรา ทำ� ไมเราถงึ ทำ� บญุ กนั
ท�ำบุญกันท�ำไม การทำ� บุญนั้น พระพุทธเจ้าของเราหมายถึงไม่ให้เห็นแก่ตัวหรือว่า
ท�ำไปเพ่ือก�ำจัดความโลภออกจากใจของเรา มันไปคนละข้างกับพราหมณ์เสียแล้ว
มันกลับกัน ฉะน้ัน ผู้เข้าถึงพระรัตนตรัยนั้นหยาบๆ มีเยอะแต่มันก็ยังไปไม่ได้
ไม่ตอ้ งไปพูดถงึ ธรรมลกึ ซ้ึงอะไร อย่างเช่นทา่ นวา่ “อนจิ จา วะตะ สงั ขารา อปุ ปา-
ทะวะยะธมั มโิ น” มนั จะถงึ สงั ขารเมอื่ ไร เพราะมนั ไมไ่ ดพ้ จิ ารณากนั แมแ้ ตน่ งั่ สมาธทิ ำ� จติ
ให้เป็นหนึ่งมันก็ไม่เคยรู้เรื่อง ไม่รู้จักท�ำกัน แล้วมันจะไปมองเห็นตรงไหน อันนี้
ให้พวกเราเอาไปพจิ ารณาดู
25
การประพฤติปฏบิ ตั ินเ้ี ป็นพระก็ปฏบิ ตั ไิ ด้ เปน็ โยมก็ปฏบิ ัตไิ ด้ แตว่ ่าเป็นพระน้ี
มนั ไกลจากความกงั วล แตก่ ไ็ มแ่ น่ บางแหง่ กย็ ง่ิ กงั วลมากขนึ้ อนั นก้ี เ็ ปน็ สงิ่ ทล่ี ำ� บากอยู่
ฉะนนั้ เรอ่ื งธรรมะนจี้ ะตอ้ งใชก้ ารภาวนา คอื การพจิ ารณา อยา่ งเชน่ พระนวกะทท่ี า่ น
ได้เทศนใ์ หฟ้ งั ไปนั้น ท่านได้พูดรวมลงมาว่า
“พทุ ธศาสนานั้นตอ้ งปฏบิ ตั ิ ถ้าไมป่ ฏบิ ัตไิ ม่เกดิ ผลไมเ่ กดิ ประโยชน์ เรยี นมาก
ขนาดไหนกไ็ มม่ ปี ระโยชน์ มนั ไมเ่ กดิ ประโยชนถ์ า้ ไม่ปฏิบัติ”
อันน้ีท่านพูดส้ันๆ ท่านเกิดมีความรู้สึกอย่างไรก็ไม่รู้ของท่าน ท่านพูดสั้น
แต่ก็ถูกของท่านทั้งหมดเลยเพราะถ้าไม่ปฏิบัติแล้วทุกอย่างมันไม่เกิดประโยชน์
มนั เสยี หาย เชน่ วา่ เราทำ� นาสกั แปลงหนง่ึ แตพ่ อถงึ คราวทจ่ี ะเกย่ี วไมร่ จู้ ะเอาอะไรเกย่ี ว
มันก็เสียหายมาก การกระท�ำนั้นก็เลยไม่ได้ผลประโยชน์ แต่ว่าท�ำไมการปฏิบัติ
มนั ถงึ ยากลำ� บาก คอื ถา้ จะวา่ กนั จรงิ ๆ แลว้ มนั จะตอ้ งยากเสยี กอ่ นแลว้ มนั จงึ จะงา่ ย
อย่างเชน่ พระพุทธเจ้าทา่ นตรัสว่า ทกุ ข์ พอเราเห็นวา่ ทุกข์อย่างเดียวกไ็ มช่ อบ
เสยี แลว้ ไมอ่ ยากจะรทู้ กุ ข์ แตค่ วามเปน็ จรงิ แลว้ ตวั ทกุ ขน์ น่ั แหละคอื ตวั สจั ธรรมแทๆ้
แต่เราก็อ้อมอันนี้เสีย ไม่อยากจะดูทุกข์ หรืออย่างคนที่แก่ๆ เราก็ไม่อยากจะดู
อยากจะดูแต่คนหนมุ่ เปน็ เสียอยา่ งน้นั ทกุ ขน์ ไี้ ม่อยากจะดู เมอื่ ไมอ่ ยากจะดูทกุ ข์
มันกไ็ ม่รจู้ ักทกุ ข์ ตลอดกภี่ พก่ชี าตกิ ็ไมร่ ู้จักทุกข์ ทุกข์นี้เป็นตัวอรยิ สัจ เป็นสจั ธรรม
ถ้าเราเห็นทุกข์ก็เป็นเหตุให้เราแก้ไข อย่างเช่นว่า ทางท่ีนี่มันรก ไปไม่ค่อยจะได้
ไปแลว้ มนั กร็ กอยนู่ น่ั แหละ ความคดิ มนั กเ็ กดิ ขน้ึ วา่ ทำ� อยา่ งไรหนอทางนมี้ นั จงึ จะงา่ ย
ไปทุกวนั คิดทกุ วนั จิตนมี้ ันเกดิ ความคิดอย่างนี้ เพราะสิ่งทไี่ มส่ ะดวกคือตัวปัญหา
ตวั ปญั หามนั เกดิ ขนึ้ มา มนั ถงึ หาทางเฉลยแกป้ ญั หาอนั นนั้ ถา้ เราไมท่ กุ ขม์ นั กไ็ มม่ ปี ญั หา
เมอื่ ไมม่ ปี ญั หากไ็ มม่ เี หตใุ หพ้ จิ ารณาอะไรเลย อนั นเี้ รากเ็ ลยขา้ มไป ฉะนนั้ พระพทุ ธองค์
ท่านจึงทรงสอนเรอื่ ง “ทุกข์”
วันหนึ่งมพี ระอยูด่ ว้ ยกนั มาเล่าให้อาตมาฟัง ท่านเล่าวา่ ปีน้ีมนั ทกุ ข์เหลือเกนิ
อาตมาก็ว่า ก็ให้มันทุกข์เสียก่อนซิมันถึงจะอดทน ถ้าไม่มีความอดทนมันจะเห็น
26
ธรรมะไหม อยา่ งเชน่ วา่ กอ่ นนนั้ ตสี ามไมเ่ คยจะตนื่ เลย อยทู่ นี่ พ่ี อตสี ามระฆงั ดงั หงา่ งๆๆ
...แลว้ เรามันเคยสองโมงเชา้ จงึ จะตื่นเมื่ออยูท่ บี่ า้ น มาอยู่ทน่ี ต่ี ่นื ตีสาม มันกเ็ ลยแย่
ทำ� ไมมันจะไม่อยากโดดหนีล่ะ มนั ก็คดิ ถึงบ้านเทา่ นั้นแหละ อย่บู ้านพ่อบา้ นแม่เรา
ไม่เคยลำ� บากอยา่ งนี้ ไปเสียดกี ว่า มนั เป็นทุกขท์ ำ� ไมจะไมเ่ ป็นทุกข์ อย่างการขบฉนั
พระตั้งสามส่สี ิบ อาตมาก็ให้ฉนั บณิ ฑบาตเรียงกันไปเรื่อยๆ แตเ่ มื่อเราหิวขึ้นมากว็ ่า
ฉันพร้อมกันไม่ได้หรือมันยุ่งยาก อาตมาก็ว่าดีแล้ว ยุ่งยากน่ันน่ะดี มันอดทนดี
พระบวชใหมๆ่ อยากฉนั กฉ็ นั พอมนั มาพบตรงนเ้ี ขา้ มนั กท็ กุ ข์ เพราะพระจะฉนั กต็ อ้ ง
ฉนั เรยี งล�ำดบั กันไป กว่าจะถึงเราก็ โอย๊ มันอดแล้วอดอกี มันกเ็ ปน็ ทกุ ข์ กว่าจะ
ปรับตวั ได้กร็ ่วมสามเดอื น
อาตมาก็เคยบอกพระนวกะเราแต่แรกแล้วว่า ให้ถึงเดือนท่ีสามแล้วถึงจะ
พอรูเ้ ร่ืองสักนิดหนง่ึ เพราะมนั ผา่ นทกุ ข์มาน่นั เอง ถ้าได้ผา่ นตรงนี้แล้วกเ็ อาซิ จะไป
ท�ำมาคา้ ขายอะไรกม็ กี �ำลงั การงานดีขึน้ มีก�ำลงั ขน้ึ เชน่ มีลกู ศิษยค์ นหน่ึงทมี่ าอยนู่ ่ี
ต้องตื่นนอนตีสาม บางทนี อนหกทุ่ม พอสึกไปเป็นทหาร ตอนอยเู่ วรคนอื่นเขาจะ
ตายแลว้ แตค่ นนีส้ บาย เดนิ จงกรมสบาย เจา้ นายกร็ ัก เลยมาบอกวา่ เปน็ ทหาร
ไมย่ ากหรอก มนั งา่ ยๆ สว่ นคนทไ่ี มเ่ คยทำ� กรรมฐานมนั จะตายแลว้ คนทสี่ บายเพราะ
มนั เคยทกุ ขม์ าจนพอแลว้ ใหม้ นั ทกุ ขข์ นาดนน้ั (เปน็ ทหาร) มนั ไมเ่ ตม็ มอื มนั มนั เลย
สบายเลย นี่แหละเราต้องการตรงน้ี ฉะน้ันท่ีมาบวชวัดหนองป่าพงน่ีมันเป็นทุกข์
มนั เป็นทุกขเ์ พราะไมเ่ หน็ ว่าทกุ ข์นีแ่ หละเปน็ ทางตรัสรู้ของพระพุทธเจา้
พระพทุ ธเจา้ ของเราทา่ นใหเ้ หน็ ทกุ ข์ คอื ทกุ ข์ สมทุ ยั นโิ รธ มรรค ออกชอ่ งนเ้ี ลย
พระอรยิ บคุ คลออกชอ่ งน้ี ถา้ ไมอ่ อกชอ่ งนจ้ี ะออกชอ่ งไหน ใครจะไปตรงไหน ถา้ ไมอ่ อก
ชอ่ งน้ีก็ไมม่ ีทางออก จะต้องรู้จกั ทกุ ข์ รจู้ กั เหตุเกิดของทกุ ข์ ร้จู กั ความดับทกุ ข์ รจู้ กั
ข้อปฏิบัติให้ถึงความดับทุกข์ น่ีออกช่องนี้ พระโสดาบัน พระอริยบุคคลเบ้ืองต้น
กอ็ อกตรงนี้ ไมม่ ที างอนื่ ทจี่ ะออก ถา้ ไมร่ จู้ กั ทกุ ขอ์ อกไมไ่ ด้ ทกุ ๆ อยา่ งนน่ั แหละมนั ทกุ ข์
อย่างทกุ ขใ์ จของเรานมี่ นั กส็ ารพดั อยา่ ง โยมเองก็เคยเปน็ ทกุ ขก์ ันมาแล้ว วธิ ปี ฏิบัติ
ในทางพทุ ธศาสนากเ็ พอ่ื แก้ทกุ ข์ คอื ท�ำอย่างไรจะไม่ให้มันเป็นทกุ ข์ เมอ่ื ความทุกข์
27
เกดิ ขึ้นมาก็ตามหาวา่ มันเกดิ ข้นึ จากอะไร เออ...มนั เกิดจากตรงนั้น ท่านก็ให้ท�ำลาย
เหตตุ รงนน้ั เสยี ไมใ่ หม้ นั เกดิ ขน้ึ มา เพราะเหน็ ทกุ ขเ์ สยี กอ่ นจงึ รจู้ กั วา่ ทกุ ขม์ นั เกดิ จาก
อะไร กต็ ามมนั ไปอกี จงึ ไปแกไ้ ขตรงนน้ั วา่ มนั เกดิ จากอนั นนั้ แลว้ ทำ� ลายสงิ่ ทมี่ นั เปน็
เหตทุ ่ีท�ำให้เกดิ ไปเสยี ดว้ ยการขจดั มันไป ทุกข์ สมทุ ยั แลว้ ก็นโิ รธ คือ ความดับ
เชน่ นนั้ มนั มอี ยู่ จะตอ้ งหาขอ้ ปฏบิ ตั ิ คอื มรรค เพอื่ จะเดนิ ทางไปดบั ทกุ ข์ แกต้ รงนน้ั
มนั จงึ ไมเ่ กดิ ทุกข์ อย่างนี้พระพทุ ธศาสนาออกไปตรงนี้ ไมอ่ อกไปทไ่ี หน
มนุษย์เราทั้งหลายที่ยังตกค้างอยู่ในโลกนี้มากมายก่ายกองน้ัน มีเรื่องสงสัย
วนุ่ วายตลอดเวลา อนั นม้ี นั ไม่ใชข่ องเลน่ ๆ มนั เปน็ ของยากของลำ� บาก ฉะนน้ั จะตอ้ ง
ยอมสละมนั ทงิ้ สว่ นหนงึ่ ทงิ้ รา่ งกายทงิ้ ตวั ตอ้ งตกลงถวายชวี ติ อยา่ งเชน่ พระทที่ า่ น
มาบวชหรอื ยา่ งพระพทุ ธองค์ ท่านเป็นกษัตรยิ ์ใชไ่ หม คนเราพอเหน็ ทา่ นเปน็ กษตั รยิ ์
ออกบวชไม่สึก ก็ว่าดีอยู่ แต่ว่าท่านเป็นกษัตริย์ท่านก็ไปได้ เพราะอะไรๆ ท่านก็
ร่ำ� รวยมาหมดทุกอยา่ งแลว้ ท่านกไ็ ปไดล้ ่ะ น่คี นเราไปวา่ อยา่ งนนั้ รู้ไหมวา่ ตณั หา
มนั มปี ระมาณไหม ไดข้ นาดไหนมันถงึ จะพอ มีไหมมนั มไี หม ลองถามดูอยา่ งนกี้ ไ็ ด้
มนั ไมม่ ีเพียงพอ มนั ก็ยังอยากอยู่เรอื่ ยไปน่นั แหละ เมื่อมันทุกขจ์ วนจะตายอยู่แลว้
มนั ก็ยังอยาก คำ� ว่าเพยี งพอมันไมม่ ี
ทนี เ้ี มอ่ื มาพดู ถงึ ธรรมะลว้ นๆ พดู ถงึ การปฏบิ ตั นิ น้ั มนั ยง่ิ ลกึ ลงไป ญาตโิ ยมบางคน
อาจจะฟังไม่ได้ เช่น พระพุทธเจ้าท่านตรัสว่า ท่านไม่มีการเกิดอีกแล้วในภพชาติ
ทา่ นหมดเทา่ นี้ พอวา่ ไมต่ อ้ งเกดิ อกี กเ็ ปน็ เหตใุ หโ้ ยมไมส่ บายใจแลว้ ถา้ พดู กนั ตรงไป
ตรงมานน้ั พระพทุ ธเจา้ ทา่ นทรงสอนไมใ่ หพ้ วกเราไปเกดิ นน่ั แหละ เพราะมนั เปน็ ทกุ ข์
ทา่ นวกไปวนมา แลว้ มาพจิ ารณามองเหน็ ความเกดิ นแี่ หละเปน็ สง่ิ สำ� คญั เพราะความ
เกดิ นแี่ หละพาใหท้ กุ ขท์ ง้ั หลายเกดิ ขน้ึ มา คอื เมอื่ มกี ารเกดิ ปบ๊ั กม็ ตี า ปาก จมกู มสี ารพดั
อย่างขึ้นมาพร้อมกันเลย แต่ว่าพวกเราก็ว่าตายไม่ได้ผุดเกิดน้ันฉิบหายเสียแล้ว
น่พี ระพทุ ธองค์ทา่ นสอน มันลกึ ท่ีสดุ มนั เปน็ อยา่ งน้ี
ทกุ วนั นเี้ ราทกุ ขเ์ พราะอะไร ทกุ ขเ์ พราะการเกดิ มา เพราะฉะนน้ั ทา่ นจงึ พยายาม
ขจัดความเกิด แต่ไม่ใช่ว่าการเกิดคือร่างกายมันเกิดนะ หรือการตายคือร่างกายที่
28
มนั ตายนนี่ ะ แบบนเ้ี ดก็ ๆ กร็ จู้ กั คนเราโดยมากจะรจู้ กั วา่ มนั ตายตรงทร่ี า่ งกายนต่ี าย
ลมมนั หมดแลว้ นอนอยู่ สว่ นคนตายที่หายใจอยู่ ไมค่ ่อยจะร้กู นั คนตายทพ่ี ดู ได้
เดนิ ได้ วงิ่ ได้ คนไมร่ ู้จัก การเกดิ กเ็ หมอื นกัน เม่ือไปคลอดที่โรงพยาบาลกว็ า่ น่นั
เกิดแล้ว แตว่ ่าจิตทม่ี ันเกิดที่มนั วนุ่ วายอยนู่ ัน่ มองไมเ่ หน็ บางทกี ็เกดิ ความรกั บางที
กเ็ กดิ ความเกลียด บางทกี เ็ กดิ ความไม่พอใจ บางทีก็เกิดความพอใจ สารพดั อย่าง
ล้วนแต่เร่ืองเกิดทั้งน้ันแหละ มันทุกข์เพราะอันนี้เอง เม่ือตาไปเห็นรูปแล้วเกิดไม่
ชอบใจกท็ กุ ขแ์ ลว้ หฟู งั เสยี งชอบใจนก่ี ท็ กุ ข์ มแี ตเ่ รอ่ื งทกุ ขท์ งั้ นนั้ ฉะนนั้ สงิ่ ทง้ั ปวงนี้
ทา่ นสรปุ ว่า รวมแล้วนัน้ มันมแี ต่กองทกุ ข์ ทุกข์เกดิ ขน้ึ แล้ว ทกุ ขม์ นั กด็ บั มสี องเรื่อง
เทา่ นน้ั ทุกขเ์ กิด...ทุกขด์ ับ ทกุ ข์เกดิ ...ทกุ ขด์ ับ เราก็ไปตะครบุ มนั ตะครบุ มนั เกิด
ตะครุบมนั ดบั ตะครบุ อย่อู ย่างนี้ มนั ไมจ่ บเรอ่ื งกนั สกั ที
พระท่านจึงใหพ้ จิ ารณาวา่ รูป-นามขนั ธ์มันเกดิ แลว้ มนั กด็ บั นอกจากนนั้ แล้ว
ก็ไมม่ อี ะไร ถ้าพดู ตามเป็นจริงแลว้ สุขมันไม่มเี ลย มแี ต่ทกุ ข์ ทดี่ ับไปน้ันก็ทุกขด์ บั
ไปเฉยๆ ไมใ่ ช่สุขหรอก แต่เราไปหมายเอาตรงน้นั วา่ มันสุข กท็ ุกขอ์ นั เก่านนั้ แหละ
นม่ี นั ละเอยี ด ตรงน้นั สุขเกิดขึ้นมาก็ดใี จ ทกุ ขเ์ กิดขนึ้ มากเ็ สยี ใจ ถา้ ความเกิดไม่มี
ความดบั กไ็ มม่ ี ทา่ นจึงบอกว่าทกุ ข์เกิดและทกุ ข์ดับเทา่ นน้ั นอกนน้ั ไมม่ ี แตว่ า่ เรา
ก็ไม่เห็นชัดว่ามันมีทุกข์อย่างเดียว เพราะว่าท่ีทุกข์มันดับไป เราก็เห็นว่าเป็นสุข
เลยตะครุบอยูอ่ ยา่ งนนั้ แตผ่ ้ทู ี่ซึง้ ในธรรมะนั้นไมต่ อ้ งรบั อะไรแล้วมันสบาย
ตามความเปน็ จรงิ แลว้ โลกทเี่ ราอยนู่ ี้ ไมม่ อี ะไรทำ� ไมใครเลย ไมม่ อี ะไรจะเปน็ ท่ี
วติ กวจิ ารเลย ไมม่ อี ะไรทน่ี า่ รอ้ งไหห้ รอื หวั เราะ เพราะมนั เปน็ เรอื่ งอยา่ งนน้ั ธรรมดาๆ
แตเ่ ราพดู ธรรมดาได้ แตม่ องไมเ่ หน็ ธรรมดา แตถ่ า้ เรารธู้ รรมะสมำ่� เสมอแลว้ ไมม่ อี ะไร
เป็นอะไรแล้ว มนั เกดิ มนั ดับของมันอยอู่ ยา่ งนนั้ เราก็จะสงบ
สง่ิ ทมี่ นษุ ยเ์ ราตอ้ งการอยทู่ กุ วนั นไี้ มใ่ ชเ่ รอ่ื งใหม้ นั สงบ แตต่ อ้ งการทจ่ี ะระงบั ทกุ ข์
เพื่อให้มันเกิดสุข เม่ือมันมีสุขมีทุกข์อย่างนี้มันก็เรียกว่า มีภพ มีชาติอยู่อย่างน้ัน
แตใ่ นความหมายของพระพทุ ธเจา้ แลว้ ใหป้ ฏบิ ตั จิ นมนั เหนอื สขุ เหนอื ทกุ ข์ มนั จงึ จะสงบ
แต่พวกเราคดิ กันไม่ได้ ตรงนีก้ ว็ า่ สขุ นั่นแหละดีแลว้ ไดส้ ขุ เทา่ นั้นกพ็ อแล้ว ฉะน้นั
29
มนษุ ย์เราทั้งหลายจงึ ปรารถนาเอาแต่สงิ่ ที่มันไดม้ ากๆ ได้มากๆ น่นั แหละดี คิดกัน
อยู่แคน่ ี้ เห็นวา่ มนั สขุ แค่นนั้ หรอื เรยี กว่า การทำ� ดแี ล้วได้ดีแล้ว มันก็จบลงแคน่ นั้
ต้องการแคน่ ั้นก็พอแล้ว ได้ดีมนั จบลงตรงไหนเลา่ ดแี ล้วกไ็ มด่ ี ไม่ดีแล้วกด็ ี มันก็
วกวน วกไปวนมาอยูอ่ ยา่ งน้ัน ก็ทุกขอ์ ยู่อย่างนนั้ ตลอดวนั ยงั ค�่ำ
พระพทุ ธองคท์ า่ นทรงสอนวา่ หนงึ่ ใหล้ ะความชวั่ แลว้ กใ็ หท้ ำ� ความดี ตอนทสี่ อง
ทา่ นสอนว่า ความชั่วกต็ ้องทิ้งมันเสยี ความดีก็ต้องทิง้ มนั เสีย ตอ้ งละมันเหมอื นกัน
คือไม่ต้องหมายมั่นมัน เพราะวา่ มนั เปน็ เชอื้ เพลิงอันหน่ึง มนั มีเชื้ออยู่ มันกจ็ ะเปน็
เชอ้ื เพลงิ ให้มนั ลุกข้นึ มาอกี ความดีมันก็เป็นเชื้อ ความชว่ั มันกเ็ ป็นเช้อื อนั นถ้ี า้ พอ
ถงึ ขนั้ น้ี มนั กฆ็ า่ คนเสยี แลว้ คนเรากค็ ดิ ตามไมไ่ หวเสยี แลว้ ดงั นนั้ ทา่ นจงึ ตอ้ งยกเอา
ศลี ธรรมมาสอนกนั ใหม้ ศี ลี ธรรม อยา่ เบยี ดเบยี นซงึ่ กนั และกนั ใหท้ ำ� งานตามหนา้ ท่ี
ของตนเอง อยา่ เบยี ดเบียนคนอื่น ทา่ นกบ็ อกใหถ้ งึ ขนาดน้ี แค่น้ีกย็ งั ไมห่ ยุดกันแลว้
อยา่ งทีเ่ ราได้สวดธมั มจกั ฯ วันนี้ ก็มขี อ้ ท่วี ่า การเกดิ อกี ไม่มี เปน็ ชาตทิ ีส่ ดุ แล้ว
การเกิดของตถาคตไม่มีแล้ว น่ีท่านพูดเอาสิ่งที่เราไม่ปรารถนากัน ถ้าเราฟังธรรมะ
มนั กา้ วกา่ ยกนั อยอู่ ยา่ งนี้ เราจะใหส้ วา่ งกบั ธรรมะนนั้ ไมม่ เี ลยโยม อาตมากป็ ฏบิ ตั มิ า
หลายเมืองหลายท่ี ร้อยคนพันคนจะมีใครท่ีต้ังใจปฏิบัติเพื่อความหลุดพ้นจริงๆ
ไม่ค่อยจะมี นอกจากว่าพระกรรมฐานด้วยกัน ที่พูดถูกกันที่เห็นด้วยกันอย่างน้ัน
ผทู้ จ่ี ะพน้ จากวฏั สงสารจรงิ ๆ มนี อ้ ย ยง่ิ ถา้ พดู ถงึ ธรรมะอนั ละเอยี ดจรงิ ๆ แลว้ โยมกก็ ลวั
ไม่กล้า ขนาดพูดแคว่ ่าอยา่ ไปท�ำความชั่วเทา่ นก้ี ย็ งั ไม่คอ่ ยจะได้ อาตมาได้เคยเทศน์
ใหโ้ ยมฟงั แลว้ วา่ โยมจะดใี จกต็ าม จะเสยี ใจกต็ าม สขุ กต็ าม ทกุ ขก์ ต็ าม รอ้ งไหก้ ต็ าม
ร้องเพลงกต็ ามเถอะ อยใู่ นโลกนีก้ ็เหมอื นอยู่ในกรงเท่านน้ั แหละ ไม่พน้ ไปจากกรง
ถึงเราจะรวยกอ็ ย่ใู นกรง มันจะจนก็อยู่ในกรง มันจะร้องไห้ก็อยู่ในกรง มนั จะร�ำวง
อยู่ก็ร�ำวงอยู่ในกรง มันจะดูหนังก็ดูหนังในกรง กรงอะไรเล่า กรงคือความเกิด
กรงคอื ความแก่ กรงคือความเจ็บ กรงคอื ความตาย
เปรียบเหมือนอย่างนกเขาที่เลี้ยงเอาไว้ เอานกเขามาเล้ียงไว้แล้วก็ฟังเสียงขัน
ของมนั แลว้ กด็ ใี จว่านกเขามันขันดี นกเขามันเสยี งโต นกเขามันเสยี งเลก็ ไม่ไดไ้ ป
30
ถามนกเขามนั เลยวา่ มนั สนกุ หรอื เปลา่ เพราะเรากว็ า่ ฉนั เอาขา้ วใหม้ นั กนิ เอานำ้� ใหม้ นั
กนิ แลว้ ทกุ อยา่ งอยใู่ นกรงทง้ั หมดแลว้ กน็ กึ วา่ นกเขามนั จะพอใจ เรานกึ หรอื เปลา่ วา่
ถ้าหากเขาเอาข้าวเอาน�้ำให้กินโดยให้เราไปขังอยู่ในกรงน้ัน เราจะสบายใจไหม
มนั ไมไ่ ดค้ ดิ อยา่ งนี้ กน็ กึ วา่ นกเขามนั สบายแลว้ นำ้� มนั กไ็ ดก้ นิ ขา้ วมนั กไ็ ดก้ นิ มนั จะ
ไปทกุ ขอ์ ย่างไร พอคิดแคน่ ก้ี ็หยดุ แลว้ แต่ว่านกเขามันจะตายอยู่แลว้ มันอยากจะ
บินไป มันอยากจะออกจากกรงไป แต่เจ้าของนกนนั้ ไมร่ ูเ้ รือ่ ง ก็วา่ นกเขาของฉนั มัน
ขนั ดนี ะ กลางคืนมันก็ขัน เวลาเดือนหงายมนั กข็ นั ยงั คุยโง่ไปโน่นอีก
มนั เหมือนกับเราขังกันอยู่ในโลกนแ้ี หละ อนั น้นั ก็ของฉนั อันนก้ี ็ของฉัน อนั น้ี
กข็ องฉันสารพัด ไมร่ ้เู ร่ืองของเจ้าของ ความเปน็ จริงนน้ั เราสะสมความทุกขไ์ ว้ในตวั
ของเรานนั่ เอง ไมอ่ นื่ ไกลหรอก แตเ่ ราไมม่ องถงึ ตวั เหมอื นเราไมม่ องถงึ นกเขา เราเหน็
วา่ มนั สบายกนิ น้�ำได้ กินอาหารก็ได้ตลอด เราก็เลยเห็นวา่ มนั สขุ ถึงมันจะแสนสขุ
แสนสบายเท่าไรก็ช่างเถอะ เมื่อมันเกิดมาแล้วต่อไปมันก็ต้องแก่ แก่แล้วต้องเจ็บ
เจ็บกต็ อ้ งตาย น่ีมันเป็นทุกขอ์ ยูอ่ ย่างน้ี แต่เรากม็ าปรารถนาอกี วา่ “ชาตหิ นา้ ขอให้
ฉนั ได้เกิดเปน็ เทวดาเถดิ ” มนั ก็หนักกวา่ เก่าอกี แต่เรากค็ ิดวา่ มนั สบายตรงนนั้ น่คี ือ
ความคดิ ของคนมนั ยงิ่ หนกั พระพทุ ธองคท์ รงสอนวา่ “ทงิ้ ” เรากว็ า่ “ฉนั ทง้ิ ไมไ่ ด”้ กเ็ ลย
ยงิ่ แบกยง่ิ หนกั ไปเรอื่ ย คอื ความเกดิ มนั เปน็ เหตใุ หห้ นกั แตเ่ รามองกนั ไมเ่ หน็ ถา้ วา่
ไมเ่ กดิ เรากว็ า่ มนั บาปทส่ี ดุ แลว้ คนตายไมเ่ กดิ บาปทสี่ ดุ แลว้ ฉะนน้ั เราจะทะลปุ รโุ ปรง่
เรื่องธรรมะนมี้ นั จงึ ยาก
เรือ่ งที่ส�ำคัญอันหนงึ่ คือ เราจะต้องมาภาวนา มาพิจารณากันทกุ ๆ คน ทุกคน
กจ็ ะพน้ ทกุ ขไ์ ดท้ งั้ นนั้ แหละ อยา่ งบา้ นเรานเ้ี รยี กวา่ เปน็ เจา้ ของพทุ ธศาสนา แตเ่ รากท็ งิ้
หลกั ธรรมพทุ ธศาสนาทแี่ ทจ้ รงิ กนั ไดแ้ ตถ่ อื กนั มาเรอ่ื ยๆ แตเ่ รอื่ งจะมาภาวนากนั นนั้
ไมค่ อ่ ยจะมี แมต้ ลอดจนถงึ พระภกิ ษจุ ะมาภาวนาเรอ่ื งของจติ ใจของเราเปน็ อยา่ งไรนน้ั
กไ็ มค่ อ่ ยจะมี เรยี กวา่ เราหา่ งไกลกนั เหลอื เกนิ หา่ งจากพทุ ธศาสนา และอกี อยา่ งหนง่ึ
คอื พวกเรามกั จะเขา้ ใจวา่ บวชจงึ จะปฏบิ ตั ไิ ด้ โยมผหู้ ญงิ กบ็ อกวา่ “อยากเปน็ ผชู้ ายเวย้ ..
จะหนไี ปบวชซะหรอก” นก่ี น็ กึ วา่ บวชนน้ั จงึ จะดที ำ� ความดไี ดแ้ ตน่ กั บวช ใหย้ อ้ นกลบั
31
ไปถึงเราดีๆ เถอะ การท�ำความดีความชั่วมันอยู่กับตัวเรา ทั้งน้ัน อย่าไปพูดถึง
การบวชหรอื การไมบ่ วช ขอแตว่ า่ เราสรา้ งความดขี องเราเรอ่ื ยไป นเี่ ปน็ สงิ่ ทส่ี ำ� คญั มาก
ฉะน้ัน เรอื่ งของศาสนานี้ ก็คือ เรื่องให้ปล่อยตวั ออกจากกรงนน่ั เอง ท่ีเรามา
ปฏิบัตินี้ก็เพื่อแก้ปัญหานี้ ที่เรามาสมาทานศีล มาฟังธรรม ก็เพื่อแก้ปัญหาอันน้ี
เรอ่ื งแกป้ ญั หาชวี ติ ของเรานี้ เบอื้ งตน้ พระพทุ ธองคห์ รอื นกั ปราชญท์ งั้ หลาย ทา่ นสอนวา่
ใหม้ ศี ลี ธรรม ใหร้ จู้ กั ศลี ธรรม เชน่ เพชรเมด็ นขี้ องใครนะฉนั อยากได้ แตฉ่ นั จะขโมย
เอากก็ ลวั จะบาป นเ่ี ทา่ นก้ี ็พอแลว้ เรยี กวา่ ศลี ธรรม ถ้าเราเหน็ อย่างน้กี จ็ ะเปน็ คน
ไมเ่ หน็ แกต่ วั อาตมาเคยพูดว่าพวกเราทง้ั หลายในปีสองปีมานีช้ อบทำ� บุญสนุ ทร์ทาน
กนั มาก การคมนาคมกส็ ะดวก ไปทศั นาจรแสวงบญุ กนั แตม่ ามองดแู ลว้ มนั ไปแสวง
บญุ อยา่ งเดยี ว แตม่ นั ไมแ่ สวงหาการละบาป มนั ผดิ คำ� สอนของพระพทุ ธเจา้ ทวี่ า่ ใหเ้ รา
ละบาปกอ่ นจงึ บำ� เพญ็ บญุ ไปทำ� บญุ ไมล่ ะบาปมนั กไ็ มห่ มด มนั เปน็ เชอ้ื โรคตดิ ตอ่ กนั
อย่ตู ลอดเวลา มนั จึงเดือดร้อนกนั
หวั ใจพทุ ธศาสนาสอนวา่ ไม่ใหท้ �ำความผิด แล้วกท็ ำ� จติ ใหเ้ ป็นกศุ ล แล้วกจ็ ะ
เกดิ ปญั ญา แตท่ กุ วนั นที้ ำ� บญุ กนั แตก่ ารละบาปนนั้ ไมม่ ใี ครคดิ เหน็ ความเปน็ จรงิ นน้ั
กต็ อ้ งละบาปกอ่ นจงึ บำ� เพญ็ บญุ ถา้ บาปไมล่ ะจะเอาบญุ ไปอยทู่ ไ่ี หน ไมม่ ที จ่ี ะอยหู่ รอก
บุญน้นั ฉะนน้ั เราต้องกวาดเคร่ืองสกปรกออกจากใจของเราเสีย แล้วจึงจะทำ� ความ
สะอาด เรอ่ื งนพี้ วกเราควรจะเอาไปคิดพจิ ารณา
พวกเราทกุ วนั นเ้ี รยี กวา่ มนั ขาดการภาวนา ขาดการพจิ ารณา จงึ ไมไ่ ดข้ อ้ ประพฤติ
ปฏิบัติ เมื่อไม่เห็นชัดก็ไม่ได้ปฏิบัติมันจึงแก้ปัญหาไม่ได้ มันไม่มีใครถอยออกมา
พจิ ารณาใหม้ นั เหน็ ชดั ตามหลกั พทุ ธศาสนา เชน่ วา่ เจา้ นายบางคนกม็ ากราบหลวงพอ่
ถามวา่ “บา้ นเมอื งมนั จะเปน็ อยา่ งไรหนอ คงจะไมเ่ ปน็ อะไรมัง้ ครับ มันมอี �ำนาจของ
พระพทุ ธ อ�ำนาจของพระธรรม อำ� นาจของพระสงฆ์ มีอำ� นาจของพระพุทธศาสนา”
พระพทุ ธศาสนาไมม่ อี ำ� นาจอะไรเลย แมก้ อ้ นทองคำ� กไ็ มม่ รี าคาถา้ เราไมม่ ารวมกนั
ว่ามันเป็นโลหะที่ดีมีราคา ทองค�ำมันก็จะถูกทิ้งเหมือนกับก้อนตะกั่วเท่านั้นแหละ
32
พระพทุ ธศาสนาตง้ั ไวม้ อี ยู่ แตถ่ า้ เราไมป่ ระพฤตปิ ฏบิ ตั จิ ะไปมอี ำ� นาจอะไรเลา่ อยา่ งธรรมะ
เรอ่ื งขันติมีอยู่ แต่เราไมอ่ ดทนกนั มนั จะมีอ�ำนาจอะไรไหม
อำ� นาจหลกั พระพทุ ธศาสนา กค็ อื พวกเราทเ่ี ปน็ เจา้ ของพระพทุ ธศาสนานแ่ี หละ
ชว่ ยกนั บำ� รุง เช่น ท�ำศลี ธรรมให้เกดิ ขึ้นมา มีความสามัคคีกนั มีความเมตตาอารี
ซ่ึงกันและกนั มนั ก็เกดิ ขึน้ มาเป็นกำ� ลงั ของพุทธศาสนา ไมใ่ ชว่ ่าพระพทุ ธศาสนานั้น
มนั จะมอี ำ� นาจ ทม่ี อี ำ� นาจกเ็ พราะเราเอาธรรมะนน้ั มาปฏบิ ตั ใิ หถ้ กู ตอ้ ง มนั จงึ จะมพี ลงั
เกดิ ขน้ึ มาชว่ ยแกป้ ญั หาหลายสงิ่ หลายอยา่ ง อยา่ งเชน่ คนในศาลานม้ี นั ตงั้ ใจจะรบกนั
แต่พอมาฟงั ธรรมะที่ว่าการอจิ ฉาหรอื การพยาบาทมันไม่ดี เข้าใจทกุ ๆ คน เท่านนั้ ก็
เลกิ กนั อำ� นาจพทุ ธศาสนากเ็ ตม็ เปย่ี มขน้ึ มาเดย๋ี วนน้ั แตถ่ า้ พดู ใหฟ้ งั เทา่ ไรๆ กไ็ มย่ อมกนั
มันก็รบกันเทา่ น้ันแหละ พทุ ธศาสนาจะมากันอะไรได้ นม่ี ันเปน็ อย่างน้ี.
33
๓
ปฏิบตั กิ นั เถิด
จงหายใจเข้า หายใจออก อยอู่ ยา่ งน้ีแหละ อย่าใส่ใจกบั อะไรทงั้ นนั้ ใครจะยืน
เอากน้ ข้นึ ฟา้ กช็ ่าง อย่าไปเอาใจใส่ อยแู่ ต่กับลมหายใจเข้าออก ให้ความรสู้ กึ กำ� หนด
อยกู่ ับลมหายใจ ท�ำอย่เู ท่าน้แี หละ
ไมไ่ ปเอาอะไรอืน่ ไม่ต้องคดิ ว่าจะเอาน่นั เอาน่ี ไม่เอาอะไรท้งั น้นั ใหร้ จู้ ักแต่ลม
เขา้ -ลมออก ลมเขา้ -ลมออก พทุ -เขา้ โธ-ออก อยกู่ บั ลมหายใจอยา่ งนแ้ี หละ เอาอนั น้ี
เป็นอารมณ์
ใหท้ ำ� อยอู่ ย่างน้ี จนกระทง่ั ลมเขา้ กร็ จู้ ัก ลมออกก็รูจ้ ัก ลมเขา้ ก็รู้จัก ลมออก
ก็รู้จัก ให้รู้จักอยู่อย่างนั้นจนจิตสงบ หมดความร�ำคาญ ไม่ฟุ้งซ่านไปไหนท้ังน้ัน
ใหม้ ีแต่ลมออก-ลมเขา้ ลมออก-ลมเขา้ อยู่เทา่ น้นั ให้มันเป็นอย่อู ยา่ งน้ี ยงั ไมต่ อ้ งมี
จุดหมายอะไรหรอก น่ีแหละเบ้ืองแรกของการปฏิบตั ิ
ถา้ มันสบาย ถ้ามนั สงบ มนั กจ็ ะรจู้ กั ของมนั เอง ท�ำไปเรือ่ ยๆ ลมกจ็ ะนอ้ ยลง
ออ่ นลง กายกอ็ อ่ น จติ กอ็ อ่ น มนั เปน็ ไปตามเรอ่ื งของมนั เอง นง่ั กส็ บาย ไมง่ ว่ งไมโ่ งก
ไมห่ าวนอน จะเป็นอย่างใดดมู ันคลอ่ งของมนั เองไปทุกอยา่ ง น่งิ สงบ จนพอออก
จากสมาธิแลว้ จึงมานึกว่า “บะ๊ มนั เป็นอยา่ งใดหนอ” แลว้ กน็ กึ ถงึ ความสงบอันนัน้
ไมล่ ืมสกั ที
บรรยายเปน็ ภาษาพืน้ เมอื งแกท่ ป่ี ระชมุ พระนวกะ ทว่ี ัดหนองป่าพง เมอ่ื วันเข้าพรรษา กรกฎาคม ๒๕๒๑
34
ส่ิงทต่ี ิดตามเราเรียกว่า สต-ิ ความระลึกได้ สมั ปชัญญะ-ความรตู้ ัว เราจะพูด
อะไร จะทำ� อะไร จะไปนนั่ จะมานี่ จะไปบณิ ฑบาตกด็ ี จะฉนั จงั หนั กด็ ี จะลา้ งบาตรกด็ ี
ก็ให้ร้จู ักเรอื่ งของมัน ใหม้ ีสติอยูเ่ สมอ ติดตามมันไป ให้ทำ� อย่อู ย่างน้ี
เมอื่ จะเดนิ จงกรม กใ็ หม้ ที างเดนิ สกั ทางหนงึ่ จากตน้ ไมต้ น้ นไี้ ปสตู่ น้ ไมต้ น้ นน้ั กไ็ ด้
ให้ระยะทางมันยาวสัก ๗-๘ วา เดินจงกรมมันก็เหมือนกับท�ำสมาธิ ให้ก�ำหนด
ความรสู้ กึ ขน้ึ ในใจวา่ “บัดน้ี เราจะทำ� ความเพียร จะทำ� จิตให้สงบ มีสตสิ ัมปชญั ญะ
ใหก้ ลา้ ”
การก�ำหนดก็แล้วแต่แต่ละคน ตามใจ บางคนก่อนออกเดินก็แผ่เมตตาสัตว์
ทั้งหลายท้งั ปวง สารพัดอยา่ ง แล้วกก็ ้าวเท้าขวาออกก่อนให้พอดๆี ใหน้ กึ “พทุ โธ...
พทุ โธ...” ตามการกา้ วเดนิ นนั้ ใหม้ คี วามรใู้ นอารมณน์ นั้ ไปเรอ่ื ย ถา้ ใจเกดิ ฟงุ้ ซา่ น หยดุ
ใหม้ นั สงบ กา้ วเดนิ ใหมใ่ หม้ คี วามรตู้ วั อยเู่ รอ่ื ยๆ ตน้ ทางออกกร็ จู้ กั รจู้ กั หมด ตน้ ทาง
กลางทาง ปลายทาง ท�ำความรู้นี้ให้ติดต่อกนั อยูเ่ รื่อยๆ
นเี่ ปน็ วธิ ที ำ� กำ� หนดเดนิ จงกรม เดนิ จงกรม กค็ อื เดนิ กลบั ไปกลบั มา เดนิ จงกรม
ไมใ่ ชข่ องงา่ ยนะ บางคนเหน็ เดนิ กลบั ไปกลบั มาเหมอื นคนบา้ แตห่ ารไู้ มว่ า่ การเดนิ จงกรม
น่ีท�ำให้เกิดปัญญานักละ เดินกลับไปกลับมา ถ้าเหน่ือยก็หยุดก�ำหนดจิตให้นิ่ง
ก�ำหนดลมหายใจใหส้ บาย เม่ือสบายพอควรแล้ว ก็ทำ� ความรสู้ ึกก�ำหนดการเดินอกี
แลว้ อริ ยิ าบถ มนั กเ็ ปลย่ี นไปเอง การยนื การเดนิ การนงั่ การนอน มนั เปลยี่ น คนเรา
จะน่งั รวดเดยี วไม่ได้ ยนื อยา่ งเดยี วไมไ่ ด้ นอนอยา่ งเดียวก็ไม่ได้ มันจะต้องอยู่ตาม
อิริยาบถเหล่านี้ ท�ำอิรยิ าบถทง้ั สี่นใ้ี หม้ ีประโยชน์ ใหม้ ีความรู้สกึ ตวั อยอู่ ยา่ งน้ี น่คี ือ
การทำ� ทำ� ไป ทำ� ไป มนั ไมใ่ ชข่ องงา่ ยๆ หรอก
ถา้ จะพดู ใหด้ งู า่ ย กน็ ี่ เอาแกว้ ใบนต้ี ง้ั ไวน้ ส่ี องนาที ไดส้ องนาทกี ย็ า้ ยไปตง้ั ไวน้ น้ั
สองนาที แลว้ กเ็ อามาต้งั ไวน้ ่ี ใหท้ �ำอย่อู ย่างน้ี ทำ� ไป ท�ำไป ทำ� จนให้มนั ทุกข์ ใหม้ ัน
สงสัย ให้มันเกิดปัญญาข้ึน “น่ี คิดอย่างใดหนอ แก้วยกไปยกมาเหมือนคนบ้า”
มนั กจ็ ะคดิ ของมนั ไปตามเรอื่ ง ใครจะวา่ อะไรกช็ า่ ง ยกอยอู่ ยา่ งนน้ั สองนาทนี ะอยา่ เผลอ
ไมใ่ ชห่ า้ นาที พอสองนาทกี เ็ อามาตงั้ ไวน้ ่ี กำ� หนดอยอู่ ยา่ งนี้ นเ่ี ปน็ เรอื่ งของการกระทำ�
35
จะดลู มหายใจเขา้ ออกกเ็ หมอื นกนั ใหน้ งั่ ขาขวาทบั ขาซา้ ย ใหต้ วั ตรง สดู ลมเขา้ ไป
ให้เต็มท่ี ให้หายลงไปให้หมดในท้อง สูดเข้าให้เต็มแล้วปล่อยออกให้หมดปอด
อย่าไปบังคบั มนั ลมจะยาวแคไ่ หน จะสนั้ แคไ่ หน จะคอ่ ยแคไ่ หน ก็ชา่ งมนั ให้มนั
พอดีๆ กับเรา นัง่ ดูลมเข้า-ลมออก ใหส้ บายอยูอ่ ย่างนัน้ อย่าให้มันหลง ถา้ หลง
ก็ให้หยุดดูว่ามันไปไหน มันจึงไม่ตามลม ให้หามันกลับมา ให้มันมาแล่นตามลม
อยอู่ ยา่ งนัน้ แหละ แล้วกจ็ ะพบของดีสกั วนั หนึ่งหรอก
ใหท้ ำ� อย่อู ย่างนน้ั ทำ� เหมือนกบั วา่ จะไม่ไดอ้ ะไร ไมเ่ กดิ อะไร ไมร่ ูว้ ่าใครมาทำ�
แตก่ ท็ ำ� อยเู่ ชน่ นนั้ เหมอื นขา้ วอยใู่ นฉาง แลว้ เอาไปหวา่ นลงดนิ ทำ� เหมอื นจะทง้ิ หวา่ น
ลงในดนิ ทั่วไปโดยไม่สนใจ มันกลับเกิดหน่อ เกิดกล้า เอาไปด�ำกลบั ได้กินขา้ วเมา่
ขึ้นมา นนั่ แหละเรื่องของมัน
อนั น้ีก็เหมือนกัน น่งั เฉยๆ บางครงั้ ก็จะนึกวา่ “จะนง่ั เฝา้ ดมู ันทำ� ไมนะลมน่นี ะ่
ถงึ ไม่เฝ้ามนั มนั กอ็ อกก็เขา้ ของมันอย่แู ลว้ ” มนั ก็หาเร่ืองคิดไปเรอื่ ยแหละ มันเปน็
ความเหน็ ของคน เรยี กว่าอาการของจิต ก็ช่างมัน พยายามท�ำไป ทำ� ไป ใหม้ นั สงบ
เมื่อมันสงบแล้ว ลมจะนอ้ ยลง ร่างกายกอ็ ่อนลง จิตกอ็ ่อนลง มันจะอยู่พอดี
ของมนั จนกระทั่งว่า นัง่ อยเู่ ฉยๆ เหมือนไมม่ ลี มหายใจเขา้ ออก แต่มันก็ยงั อยู่ได้
ถงึ ตอนนี้ อย่าตื่น อยา่ วิ่งหนี เพราะคดิ ว่าเราหยดุ หายใจแล้ว นั่นแหละ มนั สงบแล้ว
ไม่ต้องท�ำอะไร นง่ั เฉยๆ ดมู ันไปอย่างนน้ั แหละ
บางทจี ะคิดวา่ “เอ เรานี่หายใจหรอื เปล่านี”่ อย่างนกี้ ม็ ีเหมอื นกัน มันคดิ ไป
อยา่ งนน้ั แตอ่ ยา่ งไรกช็ า่ งมนั ปลอ่ ยไปตามเรอ่ื งของมนั ไมว่ า่ จะเกดิ ความรสู้ กึ อะไรขนึ้
ให้ร้มู ัน ดูมัน แต่อย่าไปหลงใหลกับมัน
ท�ำไป ทำ� ไป ท�ำให้บอ่ ยๆ ไว้ ฉนั จังหันเสรจ็ เอาจีวรไปตาก แล้วเดนิ จงกรม
ทนั ที นกึ “พทุ โธ...พทุ โธ...” ไว้ นกึ ไปเรอื่ ยตลอดเวลาเดนิ เดนิ ไปนกึ ไปใหท้ างมนั สกึ
ลกึ ไปสกั ครงึ่ แขง้ หรอื ถงึ หวั เขา่ กใ็ หเ้ ดนิ อยอู่ ยา่ งนน้ั แหละ ไมใ่ ชเ่ ดนิ ยอกแยกๆ คดิ โนน่
คิดนี่ เทีย่ วเดยี วแลว้ เลกิ ขึ้นกุฏิมองดพู ้ืนกระดาน “เออ มันนา่ นอน” ก็ลงนอน
กรนครอกๆ อยา่ งนกี้ ไ็ ม่เห็นอะไรเท่าน้ัน
36
ท�ำไปจนข้เี กียจทำ� ขีเ้ กียจมันจะไปสิ้นสุดทไ่ี หน หามันให้เหน็ ทส่ี ุดของข้เี กียจ
มนั จะอยตู่ รงไหน มนั จะเหนอ่ื ยตรงไหน มนั จะเปน็ อยา่ งไรกใ็ หถ้ งึ ทส่ี ดุ ของมนั จงึ จะได้
ไม่ใช่จะมาพูดบอกตัวเองว่า “สงบ สงบ สงบ” แล้วพอน่ังปุ๊บก็จะให้มันสงบเลย
ครนั้ มันไมส่ งบอยา่ งคิดก็เลิก ขเ้ี กยี จ ถ้าอยา่ งน้ันกไ็ ม่มีวันไดส้ งบ
แตพ่ ูดมนั งา่ ย หากท�ำแลว้ มนั กย็ าก เหมือนกับพดู วา่ “ฮึ ทำ� นาไมเ่ ห็นยากเลย
ไปทำ� นาดีกว่า” ครน้ั พอไปทำ� นาเข้า วัวกไ็ ม่รจู้ กั ควายกไ็ มร่ ู้จกั คราด ไถ ก็ไมร่ ้จู ัก
ท้ังนั้น เร่ืองการท�ำไร่ท�ำนานี่ ถ้าแค่พูดก็ไม่ยาก แต่พอลงมือท�ำจริงๆ สิ จึงรู้ว่า
มันยากอย่างนเ้ี อง
หาความสงบอย่างนี้ ใครๆ ก็อยากสงบดว้ ยกันทง้ั นน้ั ความสงบมันกอ็ ยูต่ รง
นนั้ แหละ แตเ่ ราไมท่ นั จะรจู้ กั มนั จะถามจะพดู กนั สกั เทา่ ไหร่ กไ็ มร่ จู้ กั ขนึ้ มาไดห้ รอก
ฉะน้ัน ให้ท�ำ ให้ตามรจู้ กั ให้ทันวา่ กำ� หนดลมเขา้ ออก ก�ำหนดว่า “พทุ โธ...
พุทโธ...” เอาเทา่ นีแ้ หละ ไม่ใหค้ ิดไปไหนทงั้ นั้น ในเวลานี้ใหม้ ีความรอู้ ยู่อยา่ งน้ี ท�ำ
อย่อู ย่างนี้ ใหเ้ รียนอยเู่ ท่านแ้ี หละ ใหท้ ำ� ไป ท�ำไปอยา่ งนแี้ หละ จะนกึ ว่า “ทำ� อยนู่ ่ี
ก็ไมเ่ หน็ มันเปน็ อะไรเลย” ไมเ่ ป็นกใ็ หท้ �ำไป ไมเ่ ห็นก็ให้ท�ำไป ให้ท�ำไปอยู่นน่ั แหละ
แล้วเราจะรูจ้ กั มนั
เอาละนะ ทีนี้ลองท�ำดู ถ้าเราน่ังอยา่ งน้แี ลว้ มนั ร้เู รือ่ ง ใจมนั จะพอดีๆ พอจิต
สงบแล้วมนั ก็รู้เรื่องของมนั เองหรอก ต่อให้นั่งตลอดคนื จนสวา่ ง กจ็ ะไม่รู้สึกวา่ น่ัง
เพราะมันเพลนิ
พอเปน็ อยา่ งน้ี ท�ำได้ดีแล้ว อาจจะอยากเทศนใ์ ห้หมูพ่ วกฟงั จนคบั วดั คับวาไป
กไ็ ด้ มันเป็นอยา่ งนน้ั ก็มี เหมือนอย่างตอนทพี่ อ่ สางเป็นผา้ ขาว คืนหนงึ่ เดินจงกรม
แล้วนั่งสมาธิ มันเกิดแตกฉานข้ึนมา อยากเทศน์ เทศน์ไม่จบ เราได้ยินเสียง
นง่ั ฟังเสยี งเทศน์ “โฮว้ โฮว้ โฮว้ ” อยทู่ ่กี อไผโ่ น่น กน็ กึ ว่า “นั่นผ้ใู ดหนอ เทศน์กัน
กบั ใคร หรอื ว่าใครมานง่ั บน่ อะไรอยู่” ไม่หยดุ สกั ที กเ็ ลยถอื ไฟฉายลงไปดู ใชแ่ ล้ว
ผ้าขาวสาง มีตะเกียงจุด น่ังขัดสมาธิอยู่ใต้กอไผ่ เทศน์เสียจนฟังไม่ทัน ก็เรียก
37
“สาง เจา้ เป็นบ้าหรอื ” เขากต็ อบวา่ “ผมไม่รูว้ า่ เปน็ อยา่ งไร มันอยากเทศน์ นงั่ กต็ อ้ ง
เทศน์ เดนิ กต็ อ้ งเทศน์ ไม่รู้วา่ มันจะไปจบทไี่ หน” เรากน็ กึ ว่า “เฮอ้ คนน่ี มันเปน็ ไป
ได้ทั้งนน้ั เป็นไปได้สารพัดอยา่ ง”
ฉะนั้น ให้ทำ� อยา่ หยุด อยา่ ปล่อยไปตามอารมณ์ ให้ฝนื ท�ำไป ถึงจะข้คี ร้าน
กใ็ หท้ �ำ จะขยันกใ็ หท้ �ำ จะนัง่ ก็ทำ� จะเดนิ ก็ท�ำ
เมื่อจะนอน ก็ใหก้ �ำหนดลมหายใจว่า “ข้าพเจ้าจะไม่เอาความสุขในการนอน”
สอนจิตไวอ้ ยา่ งนี้ พอรู้สึกตวั ตน่ื กใ็ ห้ลกุ ขน้ึ มาทำ� ความเพียรต่อไป
เวลาจะกนิ ก็ใหบ้ อกว่า “ข้าพเจ้าจะบรโิ ภคอาหารน้ี ไม่ไดบ้ ริโภคดว้ ยตณั หา
แตเ่ พอื่ เปน็ ยาปนมตั ต์ เพอ่ื วามอยรู่ อดในมอ้ื หนง่ึ วนั หนงึ่ เพอ่ื ใหป้ ระกอบความเพยี ร
ไดเ้ ท่านน้ั ”
เวลาจะนอนก็สอนมนั เวลาฉันจังหันกส็ อนมนั ให้เปน็ อยา่ งนี้ไปเรื่อย จะยนื
ก็ให้รสู้ ึก จะนอนก็ใหร้ ู้สกึ จะท�ำอะไรสารพัดอยา่ ง กใ็ หท้ �ำอยา่ งนน้ั
เวลาจะนอน ใหน้ อนตะแคงข้างขวา ก�ำหนดอยูท่ ่ลี มหายใจ “พทุ โธ...พทุ โธ...”
จนกวา่ จะหลับ ครั้นตืน่ กเ็ หมือนกับมพี ุทโธอยู่ ไม่ไดข้ าดตอนเลย จึงจะเป็นความ
สงบเกิดขึ้นมา มันเปน็ สติอยู่ตลอดเวลา
อย่าไปมองดูผอู้ น่ื อยา่ ไปเอาเร่อื งของผอู้ นื่ ให้เอาแตเ่ ร่อื งของตวั เองเท่านน้ั
การนงั่ สมาธนิ น้ั นงั่ ใหต้ วั ตรง อยา่ เงยหนา้ มากไป อยา่ กม้ หนา้ เกนิ ไป เอาขนาดพอดี
เหมือนพระพทุ ธรูปนั่นแหละ มนั จึงสวา่ งไสวดี
ครนั้ จะเปลยี่ นอริ ยิ าบถ กใ็ หอ้ ดทนจนสดุ ขดี เสยี กอ่ น ปวดกใ็ หป้ วดไป อยา่ เพง่ิ
รีบเปลี่ยน อย่าคิดว่า “บ๊ะ ไม่ไหวแล้ว พักก่อนเถอะน่า” อดทนมันจนปวดถึง
ขนาดกอ่ น พอมนั ถงึ ขนาดนั้นแลว้ กใ็ หท้ นตอ่ ไปอีก
38
ทนไป ทนไป จนมันไม่มแี ก่ใจจะวา่ “พทุ โธ” เม่อื ไมว่ า่ “พุทโธ” ก็เอาตรงที่
มันเจ็บนนั่ แหละมาแทน “อยุ๊ ! เจบ็ เจบ็ แทๆ้ หนอ” เอาเจ็บนั่นมาเปน็ อารมณแ์ ทน
พทุ โธกไ็ ด้ ก�ำหนดให้ตดิ ต่อกนั ไปเร่ือย นง่ั ไปเร่ือย ดซู วิ า่ เม่ือปวดจนถึงทส่ี ดุ แล้ว
มันจะเกิดอะไรขึน้
พระพุทธเจา้ ทา่ นว่า มันเจ็บเอง มันกห็ ายเอง ให้มันตายไปก็อย่าเลกิ บางคร้ัง
มันเหงื่อแตกเมด็ โป้งๆ เท่าเม็ดขา้ วโพด ไหลยอ้ ยมาตามอก ครนั้ ท�ำจนมนั ได้ขา้ ม
เวทนาอันหน่งึ แลว้ มันกร็ ู้เร่ืองเทา่ น้นั แหละ ใหค้ ่อยทำ� ไปเรอ่ื ยๆ อยา่ เร่งรัดตัวเอง
เกินไป ให้คอ่ ยทำ� ไป ทำ� ไป
ฉันจงั หันอยกู่ ใ็ หร้ จู้ กั เม่อื เค้ยี วกลนื ลงไปนะ่ มนั ลงไปถึงไหน อาหารทแ่ี สลง
โรคมนั ผดิ หรอื ถกู กบั ธาตขุ นั ธ์ กร็ จู้ กั หมด ฉนั จงั หนั กล็ องกะดู ฉนั ไป ฉนั ไป กะดวู า่
อีกสักหา้ ค�ำจะอมิ่ กใ็ ห้หยดุ เสีย แลว้ ดม่ื น้ำ� เข้าไป กจ็ ะอิ่มพอดี ลองท�ำดูซวิ ่าจะทำ� ได้
หรอื ไม่ แต่คนเรามันไมเ่ ป็นอยา่ งนน้ั พอจะอม่ิ กว็ า่ “เตมิ อีกสักห้าคำ� เถอะ” มนั วา่ ไป
อยา่ งนั้น มนั ไม่รจู้ ักสอนตัวเองอย่างน้ี
พระพทุ ธเจ้าทา่ นให้ฉนั ไป กำ� หนดดูไป ถ้าพออีกสกั ห้าค�ำจะอม่ิ กห็ ยุด ดมื่ น้�ำ
เข้าไป มันก็จะพอดี จะไปเดินไปนั่งมันก็ไม่หนักตัว ภาวนาก็ดีขึ้น แต่คนเรามัน
ไม่อยากท�ำอย่างน้ัน พออิ่มเต็มท่ีแล้วยังเติมเข้าไปอีกห้าค�ำ มันเป็นไปอย่างน้ัน
เรื่องของกิเลสตัณหากับเร่ืองที่พระพุทธเจ้าท่านสอน มันไปคนละทาง ถ้าคนท่ี
ไมต่ อ้ งการฝึกจริงๆ แลว้ ก็จะทำ� ไม่ได้ ขอให้เฝ้าดตู นเองไปเถดิ
ทนี ี้เร่อื งนอนกใ็ ห้ระวัง มันข้ึนอยูก่ บั การทเ่ี ราจะต้องรู้จักอบุ ายของมนั บางครง้ั
อาจจะนอนไม่เป็นเวลา นอนหวั ค่ำ� บา้ ง นอนสายบา้ ง แต่ลองเอาอย่างนี้ จะนอนดึก
นอนหัวคำ�่ ก็ชา่ งมัน แต่ให้นอนเพยี งคร้ังเดียวเทา่ นน้ั พอรู้สกึ ตัวต่นื ให้ลกุ ขน้ึ ทันที
อยา่ มวั เสยี ดายการนอน เอาเทา่ นน้ั เอาครงั้ เดยี ว จะนอนมากนอนนอ้ ยกเ็ อาครงั้ เดยี ว
ใหต้ งั้ ใจไวว้ า่ พอรสู้ กึ ตวั ตน่ื ถงึ นอนไมอ่ มิ่ กล็ กุ ขนึ้ ไปลา้ งหนา้ แลว้ กเ็ ดนิ จงกรมหรอื
นง่ั สมาธไิ ปเลย ใหร้ จู้ กั ฝกึ ตวั เองอยา่ งนี้ เรอื่ งอยา่ งนไี้ มใ่ ชจ่ ะรเู้ พราะคนอนื่ บอก จะรไู้ ด้
เพราะการฝกึ การปฏบิ ตั ิ การกระทำ� จงึ ให้ทำ� ไปเลย
39
เรอ่ื งทำ� จติ นเี้ ปน็ เรอ่ื งแรก ทา่ นเรยี กวา่ ทำ� กรรมฐาน เวลานงั่ ใหจ้ ติ มอี ารมณเ์ ดยี ว
เทา่ นนั้ ใหอ้ ยกู่ บั ลมเขา้ -ลมออก แลว้ จติ กจ็ ะคอ่ ยสงบไปเรอื่ ยๆ ถา้ จติ วนุ่ วาย กจ็ ะมี
หลายอารมณ์ เชน่ พอนงั่ ปบุ๊ โนน่ คดิ ไปบา้ นโนน้ บา้ งกอ็ ยากกนิ กว๋ ยเตย๋ี ว บวชใหมๆ่
มันก็หิวนะ อยากกินข้าวกินน�้ำ คิดไปทั่ว หิวโน่นอยากนี่ สารพัดอย่างน่ันแหละ
มนั เป็นบ้า จะเปน็ ก็ใหม้ ันเปน็ ไปเอาชนะมันได้เมื่อไหรก่ ็หายเมื่อนัน้
ใหท้ ำ� ไปเถดิ เคยเดนิ จงกรมบา้ งไหม เปน็ อยา่ งไรขณะทเี่ ดนิ จติ กระเจดิ กระเจงิ
ไปหรือ ก็หยดุ มนั ซิ ให้มนั กลับมา ถา้ มันไปบ่อยๆ ก็อย่าหายใจ กลัน้ ใจเขา้ พอใจ
จะขาดมนั กต็ อ้ งกลับมาเอง ไม่วา่ มันจะเกง่ ปานใด น่งั ให้มันคิดทวั่ ทศิ ทวั่ แดนดเู ถอะ
กลนั้ ใจเอาไว้ อยา่ หยดุ ลองดู พอใจจะขาดมนั กก็ ลบั มา จงทำ� ใจให้มีกำ� ลงั
การฝกึ จติ ไมเ่ หมอื นฝกึ สตั ว์ จติ นเ่ี ปน็ ของฝกึ ยากแทๆ้ แตอ่ ยา่ ไปทอ้ ถอยงา่ ยๆ
ถา้ มนั คดิ ไปทวั่ ทศิ กก็ ลน้ั ใจมนั ไว้ พอใจมนั จะขาด มนั กค็ ดิ อะไรไมอ่ อก มนั กว็ งิ่ กลบั
มาเอง ใหท้ ำ� ไปเถอะ
ในพรรษานท้ี ำ� ใหม้ นั รเู้ รอื่ ง กลางวนั กช็ า่ ง กลางคนื กต็ าม ใหท้ ำ� ไป แมจ้ ะมเี วลา
สกั สบิ นาทกี ท็ ำ� กำ� หนดทำ� ไปเรอื่ ยๆ ใหใ้ จมนั จดจอ่ ใหม้ คี วามรสู้ กึ อยเู่ สมอ อยากจะ
พดู อะไรก็อยา่ พดู หรอื ก�ำลังพูดก็ใหห้ ยดุ ให้ทำ� อันนีใ้ หต้ ดิ ต่อกนั ไว้
เหมอื นอยา่ งกบั นำ้� ในขวดนแี่ หละ เมอื่ เรารนิ มนั ทลี ะนอ้ ย มนั กจ็ ะหยด นดิ ...นดิ ...
นดิ พอเราเรง่ รินให้เรว็ ขนึ้ มนั ก็จะไหลติดตอ่ เปน็ สายนำ้� เดยี วกนั ไม่ขาดตอนเปน็
หยดเหมอื นเวลาทเี่ รารนิ ทลี ะนอ้ ยๆ สตขิ องเรากเ็ หมอื นกนั ถา้ เราเรง่ มนั เขา้ คอื ปฏบิ ตั ิ
ให้สม่ำ� เสมอแลว้ มันกจ็ ะตดิ ตอ่ กนั เป็นสายน�ำ้ ไมเ่ ป็นนำ้� หยด หมายความวา่ ไมว่ ่า
เราจะยนื จะเดนิ จะนัง่ จะนอน ความรอู้ ันน้ีมนั ไม่ขาดจากกัน มันจะไหลตดิ ต่อกนั
เป็นสายน้�ำ
การปฏิบัติจิตน่ีก็เป็นอย่างนั้น เดี๋ยวมันคิดนั่นคิดนี่ ฟุ้งซ่าน ไม่ติดต่อกัน
มันจะคิดไปไหนก็ช่างมัน ให้เราพยายามท�ำให้เรื่อยเข้าไว้ แล้วมันจะเหมือนหยด
แหง่ นำ�้ มนั จะทำ� ความหา่ งใหถ้ ่ี ครน้ั ถเี่ ขา้ ๆ มนั กต็ ดิ กนั เปน็ สายนำ�้ ทนี คี้ วามรขู้ องเรา
40
ก็จะเป็นความรรู้ อบ จะยนื ก็ตาม จะน่ังก็ตาม จะนอนก็ตาม จะเดินกต็ าม ไม่วา่ จะ
ท�ำอะไรสารพดั อย่าง มนั กม็ คี วามรอู้ ันนรี้ กั ษาอยู่
ไปทำ� เสียแต่เดย๋ี วน้ีนะ ไปลองทำ� ดู แตอ่ ยา่ ไปเร่งใหม้ ันเร็วนกั ละ่ ถ้ามวั แต่น่ัง
คอยดวู ่า มนั จะเปน็ อย่างไรละก็ มันไม่ได้เร่อื งหรอก แตใ่ หร้ ะวังด้วยนะวา่ ตง้ั ใจ
มากเกนิ ไป กไ็ มเ่ ปน็ ไมต่ งั้ ใจเลย กไ็ ม่เปน็
แต่บางครงั้ เราไม่ได้ตัง้ ใจวา่ จะน่ังสมาธหิ รอก เมอื่ เสรจ็ งานกน็ งั่ ทำ� จิตใหว้ า่ งๆ
มนั ก็พอดขี ึ้นมาปบั๊ ดีเลย สงบ งา่ ยอย่างนี้ก็มี ถา้ ท�ำใหม้ นั ถกู เรื่อง
หมดแล้ว เอาละ เอวงั เท่าน้ลี ะ.
41
๔
สองหนา้ ของสจั ธรรม
ในชวี ติ ของเรามีทางเลอื กอยู่สองทาง คือ คลอ้ ยตามไปกับโลก หรอื พยายาม
ปฏิบัติให้อยู่เหนือโลก พระพุทธเจ้านั้นท่านทรงปฏิบัติจนพระองค์เองทรงพ้นโลก
ดว้ ยการตรสั รู้สมั มาสัมโพธญิ าณ
ในท�ำนองเดียวกัน ปัญญาก็มีสอง คือ ปัญญาโลกีย์ กับปัญญาโลกุตระ
หากเราไมภ่ าวนาฝกึ ปฏบิ ตั อิ บรมตนเอง ถงึ จะมปี ญั ญาปานใด กเ็ ปน็ เพยี งปญั ญาโลกยี ์
เป็นโลกียวิสัย จะหลุดพ้นโลกไปไม่ได้ เพราะโลกียวิสัยน้ัน มันเวียนไปตามโลก
เม่ือเวียนคล้อยไปตามโลก จิตก็เป็นโลก คิดอยู่แต่จะหามาใส่ตัว อยู่ไม่เป็นสุข
หาไมร่ ู้จักพอ วชิ าโลกยี เ์ ลยกลายเปน็ อวชิ ชา หาใช่วชิ ชาความรูแ้ จง้ ไม่ มันจึงเรียน
ไม่จบสกั ที เพราะมวั ไปตามลาภ ตามยศ ตามสรรเสรญิ ตามสขุ พาใจให้ตดิ ขอ้ ง
เป็นกิเลสกองใหญ่
เม่ือได้มาก็หึงก็หวง เห็นแก่ตัว สู้ด้วยก�ำปั้นไม่ได้ ก็คิดสร้างเครื่องจักร
เครอื่ งยนต์ เครอื่ งกลเครอ่ื งไก สรา้ งศสั ตราอาวธุ สรา้ งลกู ระเบดิ ขวา้ งใสก่ นั นคี่ อื โลกยี ์
มนั ไมห่ ยดุ สกั ที เรยี นไปกเ็ พอื่ จะเอาโลก จะครองโลก ไดอ้ ะไรกห็ วงอยนู่ น่ั แลว้ นคี่ อื
โลกียวสิ ัย เรยี นไปแล้วกจ็ บไม่ได้
บรรยายแก่ที่ประชมุ สงฆ์ หลงั สวดปาติโมกข์ ทีว่ ดั หนองป่าพง ในระหวา่ งพรรษา ๒๕๑๙
42
มาฝึกทางโลกตุ ระ โลกตุ ระนีอ้ ยไู่ ดย้ าก ผู้ใดหวงั มรรค หวังผล หวงั นิพพาน
จงึ จะทนอยไู่ ด้ จงท�ำตนใหเ้ ป็นคนมักน้อย สันโดษ กนิ นอ้ ย นอนน้อย พดู นอ้ ย
ท�ำใหม้ ันหมดโลกยี ์
ถ้าเชื้อโลกยี ์ไมห่ มด มันก็ยาก มนั ย่งุ ไม่หยุดสักที แมม้ าบวชแลว้ ก็ยงั คอยดงึ
ใหอ้ อกไป มนั มาคอยใหค้ วามรคู้ วามเหน็ มนั มาคอยปรงุ คอยแตง่ ความรอู้ ยนู่ นั่ แลว้
ท�ำให้ใจติดขอ้ งอยูใ่ นกามคณุ ทั้งหา้ คอื รูป เสยี ง กล่ิน รส โผฏฐพั พะ ธรรมารมณ์
อารมณข์ องใจเปน็ กาม คอื ความใครใ่ นความสขุ ความทกุ ข์ ความดี ความชวั่ สารพดั อยา่ ง
มแี ต่กามทงั้ นั้น
คนไม่รู้จักก็ว่า จะท�ำสิ่งในโลกนี้ให้มันเสร็จให้มันแล้ว เหมือนคนที่มาเป็น
รัฐมนตรใี หม่ ก็คิดว่าตนต้องทำ� ได้ บรหิ ารได้ แล้วกเ็ อาอะไรๆ ทีค่ นเก่าทำ� ไว้ออก
ไปเสยี เอาวธิ บี รหิ ารของตนเข้ามาใชแ้ ทน ก็เลยต้องได้หามกันออก หามกนั เขา้ อยู่
อยา่ งน้นั ไม่ไดเ้ รอ่ื งสักที ทว่ี ่าจะท�ำให้เสรจ็ มนั ก็ไม่เสรจ็ เพราะจะทำ� ให้ถูกใจคน
ทุกคนน้นั มนั ทำ� ไม่ได้หรอก
คนหนงึ่ ชอบน้อย คนหน่งึ ชอบมาก คนหน่งึ ชอบส้นั คนหนง่ึ ชอบยาว คนหน่งึ
ชอบเคม็ คนหนึ่งชอบเผด็ จะให้เหมือนกนั นนั้ ไมม่ ใี นโลก
คนอยคู่ รองโลก ครองบา้ น ครองเมอื ง ทำ� ทกุ อยา่ งกอ็ ยากใหม้ นั สำ� เรจ็ แตไ่ มม่ ี
ทางสำ� เร็จหรอก เรื่องของโลกมันจบไม่เปน็ ถ้าทำ� ตามโลกแล้วจบได้ พระพุทธเจา้
ทา่ นกค็ งทรงท�ำแลว้ เพราะทา่ นครองโลกอยกู่ ่อน แตน่ ่มี ันท�ำไมไ่ ด้
ในเรื่องของกาม คือ รูป เสยี ง กล่นิ รส โผฏฐพั พะ ธรรมารมณ์ น้นั รูปอะไร
ก็ไมจ่ บั ใจเท่ารปู ผู้หญิง ผหู้ ญิงรูปร่างบาดตา ก็ชวนมองอย่แู ลว้ ยิ่งเดินซอกแซกๆ
กย็ ่งิ มองเพลิน
เสยี งอะไรจะมาจบั ใจเทา่ เสยี งผหู้ ญงิ เปน็ ไมม่ ี มนั บาดถงึ หวั ใจ กลนิ่ กเ็ หมอื นกนั
กลนิ่ อะไรกไ็ มเ่ หมอื นกลน่ิ ผหู้ ญงิ ตดิ กลน่ิ อน่ื กไ็ มเ่ ทา่ ตดิ กลน่ิ ผหู้ ญงิ มนั เปน็ อยา่ งนนั้
43