การศึกษาในทางกรรมฐานเราน้ี ศึกษาเรือ่ งการบ�ำเพ็ญและการละ ทีว่ า่ ศกึ ษาน้ี
ถ้าหากว่าเราถูกอารมณ์มา เรายังไปยึดไหม ยังมีวิตกไหม ยังมีความน้อยใจไหม
มคี วามดใี จไหม พูดงา่ ยๆ เรายังหลงอารมณเ์ หล่าน้ันอยูไ่ หม หลงอยู่ เม่อื ไม่ชอบ
ก็แสดงความทุกขข์ ึ้นมา เม่อื ชอบกแ็ สดงความพอใจขนึ้ มา จนเกิดเปน็ กิเลส จนใจ
เราเศรา้ หมอง อนั น้ันเราจะมองเห็นไดว้ ่า เรายงั บกพรอ่ งอยู่ ยังไมส่ มบรู ณบ์ ริบรู ณ์
เราจะต้องศึกษา จะต้องมีการละ ต้องมีการบ�ำเพ็ญอยู่เสมอไม่ขาด น่ีผู้ศึกษาอยู่
มันตดิ อยู่ตรงนี้เรากร็ ู้จักวา่ ตดิ อยูต่ รงน้ี เราเปน็ อยา่ งน้ี เราจะตอ้ งแกไ้ ขตัวเราเอง
การอยกู่ บั ครบู าอาจารยห์ รอื อยนู่ อกครบู าอาจารยก์ เ็ หมอื นกนั ไอค้ วามกลวั นนั้
บางคนก็มีความกลัว ถ้าไม่เดินจงกรมก็กลัวครูบาอาจารย์จะดุจะว่า น่ีก็ยังดีอยู่
แต่ว่าข้อประพฤติปฏิบัติท่ีแท้น้ันไม่ต้องกลัวใคร กลัวแต่ความประมาทมันจะเกิด
ขึ้นมา กลวั ความผิดมนั จะเกดิ ข้นึ มาทีก่ ายที่วาจาทใ่ี จของเรานีเ้ อง
เมอื่ เราเหน็ ความบกพรอ่ งทก่ี ายทวี่ าจาทใ่ี จของเราแลว้ เรากต็ อ้ งพจิ ารณาควบคมุ
จติ ใจของเราอยเู่ สมอ อตั ตะนา โจทะยตั ตานงั จงเตอื นตนดว้ ยตนเอง ไมต่ อ้ งทง้ิ การ
งานอันน้ันให้คนอืน่ ชว่ ย เรารบี ปรบั ปรุงตวั เองเสีย ใหร้ ูจ้ กั อย่างนเ้ี รยี กวา่ การศกึ ษา
การละ การบำ� เพ็ญ จับอนั นัน้ มาพิจารณาใหม้ ันเหน็ แจม่ แจ้ง
ที่เราอยู่กันน้ีด้วยการอดทน อดทนต่อกิเลสท้ังหลายน้ี มันก็ดีส่วนหน่ึง
เหมือนกัน แตอ่ ดทนอนั นก้ี ็เรยี กว่าปฏิบตั ธิ รรม ยงั ไมเ่ หน็ ธรรม ถ้าเราปฏบิ ัติธรรม
จนเหน็ ธรรมแลว้ สงิ่ ทมี่ นั ผดิ เรากล็ ะมนั ไดจ้ รงิ ๆ อนั ใดมนั เกดิ ประโยชนเ์ รากป็ ระพฤติ
อันน้ันให้มันเกิดได้จริงๆ เม่ือเราเห็นในจิตของเราอย่างน้ีเราก็สบาย ใครจะมาว่า
อยา่ งไรก็ชา่ ง เราเช่ือจติ ของตนเอง มันไมว่ ุ่นวาย จะอยทู่ ่ไี หนกอ็ ยู่ไดอ้ ยา่ งน้ี
ทีน้ีพวกเราเป็นพระเล็กเณรน้อยบวชก็มาปฏิบัติ บางทีเห็นครูบาอาจารย์ท่าน
กไ็ มค่ อ่ ยเดนิ จงกรม ไมค่ ่อยนัง่ สมาธิ ไม่ค่อยท�ำอะไรต่ออะไรของท่าน เรากอ็ ยา่ เอา
ตวั อย่างท่านน้ัน ใหเ้ อา เย่ียง อย่าไปเอา อยา่ ง ทา่ น
144
เยย่ี งมนั เปน็ อยา่ งหนงึ่ อยา่ งมนั เปน็ อยา่ งหนงึ่ คอื สงิ่ อะไรทที่ า่ นพออยสู่ บายแลว้
ทา่ นกอ็ ยสู่ บายๆ ถงึ ทา่ นไมท่ ำ� ทางกาย ทางวาจา ทา่ นกท็ ำ� ของทา่ นทางใจ ไอส้ ง่ิ ภายใน
จิตนัน้ ตามองไมเ่ ห็น
การประพฤตปิ ฏบิ ตั ใิ นทางพระพทุ ธศาสนานม้ี นั เปน็ เรอื่ งของจติ ถงึ แมไ้ มแ่ สดง
ทางกาย ทางวาจา เรอ่ื งจติ มนั กเ็ ปน็ สว่ นจติ ฉะนนั้ เมอ่ื เหน็ ครบู าอาจารยท์ ท่ี า่ นประพฤติ
ปฏบิ ตั มิ านานแลว้ พอสมควรแลว้ บางทที า่ นกป็ ลอ่ ยกายวาจาของทา่ น แตท่ า่ นคมุ จติ
ของท่าน ท่านส�ำรวมอยู่แล้ว ถ้าเราเห็นเช่นน้ัน เราก็ไปเอาอย่างท่านแล้วก็ปล่อย
การปลอ่ ยวาจาเรากป็ ลอ่ ยไปตามเรอ่ื ง มนั กไ็ มเ่ หมอื นกนั เทา่ นนั้ มนั คนละที่ อนั นใี้ ห้
พจิ าณา มันต่างกนั เสยี แลว้ มนั คนละท่เี สยี แล้ว
อนั น้ัน เม่ือท่านน่งั อยทู่ า่ นกไ็ มม่ ีความประมาท ท่านไมว่ นุ่ วายกบั สงิ่ ทงั้ หลาย
แตท่ ่านก็อยู่ในส่งิ อันนั้น อันนี้เรากไ็ ม่รูจ้ กั ทา่ น สิง่ ในใจมันไมม่ ีใครรจู้ ัก เราจะไปดู
ตวั อย่างขา้ งนอกอยา่ งเดยี วน้นั กไ็ มไ่ ด้ เรือ่ งจติ นเี้ ปน็ ของส�ำคัญ
เราน้ีถ้าพูดไปก็ไปตามค�ำพูด ถ้าท�ำมันก็ไปตามการกระท�ำนั้น บางทีท่ีท่าน
ทำ� มาแล้ว กายของท่าน ท่านกท็ ำ� ได้ วาจาของท่าน ทา่ นก็พดู ได้ แตจ่ ติ ของท่าน
ไมเ่ ปน็ ไปตามนน้ั เพราะวา่ จติ ของทา่ นปรารภธรรมปรารภวนิ ยั อยู่ เชน่ บางอยา่ งทา่ น
จะทรมานเพอ่ื นฝงู ทรมานลกู ศษิ ยห์ รอื อะไรตา่ งๆ การพดู มนั กห็ ยาบ ไมค่ อ่ ยเรยี บรอ้ ย
ทางกายของทา่ นกห็ ยาบ เม่ือเราไปเห็นเช่นน้ัน เราเห็นแต่กายของท่าน ส่วนจิตนั้น
ทท่ี ่านปรารภธรรมหรอื ปรารภวนิ ัยเรามองเหน็ ไมไ่ ด้ อย่างไรกช็ ่างมนั เถอะ ให้เรายดึ
เอาคำ� สอนของพระพทุ ธเจา้ วา่ อยา่ ประมาท ความไมป่ ระมาทนแี่ หละเปน็ สงิ่ ทไี่ มต่ าย
ความประมาทน่นั แหละคอื ความตาย ใหถ้ ืออย่างน้ี ใครจะท�ำอย่างไรก็ช่างใครเถอะ
เราอยา่ ประมาทเทา่ นนั้ อนั นเ้ี ปน็ ของทส่ี ำ� คญั
อนั น้ที ผ่ี มกล่าวมานี้เพอื่ จะเตือนท่านท้ังหลายว่า เวลานี้ เราสอบสนามหลวงมา
เสรจ็ แลว้ แลว้ กม็ โี อกาสทจี่ ะเทยี่ วสญั จรไปมา แลว้ กม็ โี อกาสทจี่ ะทำ� อะไรๆ หลายๆ อยา่ ง
ขอให้ท่านทงั้ หลายมคี วามสำ� นกึ รู้สึกตวั อยู่เสมอว่าเราเปน็ ผปู้ ฏิบัติ เปน็ ผู้ปฏิบตั ติ ้อง
145
สังวรส�ำรวมระวัง อยา่ งคำ� สอนทที่ า่ นสอนวา่ ภกิ ขุ ท่านแปลว่า ผขู้ อ ถ้าแปลอย่างน้ี
การปฏิบัติมันก็ไปรูปหน่ึง หยาบๆ
ถ้าใครเข้าใจอย่างพระพุทธเจ้าท่านตรัสว่า ภิกขุ แปลว่า ผู้เห็นภัยในสงสาร
น่ีมันก็ลึกซ้ึงกว่ากันท้ังน้ัน ผู้เห็นภัยในสงสารก็คือเห็นโทษของวัฏฏะทั้งหลายน้ัน
ในวฏั สงสารน้มี นั มีภยั มากท่สี ดุ แต่ว่าคนธรรมดาสามญั ไมเ่ หน็ ภยั ในสงสารน้ี เห็น
ความสนุกเหน็ ความสนานความรื่นเรงิ บนั เทงิ ในโลกอันน้ี แตท่ า่ นวา่ ภกิ ขุ ผเู้ หน็ ภยั
ในสงสาร
สงสารนน้ั คอื อะไร สงั สาเร สขุ งั สงั สาเร ทกุ ขงั ทกุ ขใ์ นสงสารนเ้ี หลอื ทจ่ี ะทนได้
มันมากเหลือเกินแหละ อย่างความสุขน่ีมันก็เป็นสงสาร ท่านก็ไม่ให้เอาไปยึดมั่น
ถ้าเราไม่เห็นภัยในสงสาร เม่ือเกิดความสุขเราก็ยึดความสุขนั้นเข้าไป ไม่รู้จักทุกข์
คลา้ ยๆ ไมร่ ู้จกั ความผิด เหมอื นเดก็ ไม่รูจ้ ักไฟ มันเป็นเชน่ น้นั
ถา้ เราเข้าใจการประพฤติปฏบิ ัติอยา่ งนวี้ า่ ภกิ ขุ ผู้เหน็ ภัยในสงสาร ถ้ามีธรรมะ
ขอ้ น้ี เขา้ ใจอยา่ งน้ี มนั จมอยใู่ นใจของผใู้ ด ผนู้ น้ั จะยนื จะเดนิ จะนงั่ จะนอน ทไี่ หน
กต็ าม กเ็ กิดความสลด เกดิ ความสังเวช เกิดความรตู้ ัว เกดิ ความไมป่ ระมาทอยู่
นน่ั แหละ ถงึ ทา่ นจะนงั่ อยเู่ ฉยๆ กเ็ ปน็ อยอู่ ยา่ งนนั้ ทา่ นจะทำ� อยา่ งไรอยทู่ า่ นกเ็ หน็ ภยั
อยอู่ ยา่ งนนั้ อนั นมี้ นั อยคู่ นละทก่ี นั เสยี แลว้ การปฏบิ ตั นิ ี้ เรยี กวา่ ผเู้ หน็ ภยั ในสงสาร
ถา้ เหน็ ภยั ในสงสารแลว้ ทา่ นกอ็ ยใู่ นสงสารนแี้ หละ แตท่ า่ นไมย่ ดึ อยใู่ นสงสารนี้
คอื รู้จักสมมตุ อิ นั น้ี รจู้ ักวมิ ตุ ตอิ นั นี้ ท่านจะพดู ก็พูดตา่ งจากเรา ทำ� กท็ �ำต่างจากเรา
คดิ ก็คดิ ต่างจากเรา นกี่ ารปฏิบตั ิมันฉลาดกว่ากันอยา่ งนี้
ฉะน้ัน ครูบาอาจารย์ท่านยงั บอกว่า ใหเ้ อาเย่ยี งของท่าน อยา่ ไปเอาอย่างท่าน
มันมีเยย่ี งกับอย่าง ๒ อยา่ งคลมุ กันอยู่ ถา้ วา่ คนไมฉ่ ลาดก็ไปจบั หมดทุกส่งิ ทกุ อย่าง
มนั กไ็ มไ่ ด้ อนั นแี้ หละ เวลานเ้ี รากต็ อ้ งมกี ารมงี านอะไรหลายๆ อยา่ ง พวกเราทง้ั หลาย
อย่าพากันเผลอ
146
สว่ นผมปนี รี้ า่ งกายไมค่ อ่ ยสบาย ไมค่ อ่ ยดี บางสงิ่ บางอยา่ งผมกม็ อบใหพ้ ระภกิ ษุ
สามเณรทุกๆ องค์ช่วยกนั ทำ� ต่อไป บางทีผมกพ็ ักผ่อน โดยมากกช็ อบเปน็ อย่างนี้
ตง้ั แตไ่ หนแตไ่ รมา ทางโลกกเ็ หมอื นกนั พอ่ แมย่ งั อยลู่ กู เตา้ กส็ บายสมบรู ณ์ ถา้ พอ่ แม่
ตายไปแลว้ ลกู เตา้ แตกกนั แยกกนั เปน็ คนรวยกก็ ลบั เปน็ คนจน อนั นม้ี นั เปน็ ธรรมดา
อยใู่ นโลกน้ี มนั มอี ยู่แลว้ และเรามองเหน็ อยู่ เช่นวา่ เม่อื ครบู าอาจารย์ยังอย่กู ส็ บาย
สมบูรณ์บริบูรณ์ ยกตัวอย่างเช่น พระพุทธเจ้าของเรา เป็นต้น เม่ือท่านยังทรง
พระชนมอ์ ยนู่ นั้ เรยี กวา่ กิจการต่างๆ นั้นกเ็ รียบร้อย มนั ดที ุกอย่าง เมอ่ื ปรนิ พิ พาน
ไปแลว้ นนั้ นะ่ ความเสอื่ มมันเข้ามาเลย
เพราะอะไร ก็เพราะเรานะ เม่ือครูบาอาจารย์ยังอยู่ก็เกิดเผลอไปประมาทไป
ไม่ขะมักเขม้นในการศึกษาและประพฤติปฏิบัติ ทางโลกก็เหมือนกัน พ่อแม่ยังอยู่
แลว้ กป็ ลอ่ ยใหพ้ อ่ แม่ อาศยั พอ่ แมเ่ ราวา่ ยงั อยู่ ตวั เรากไ็ มเ่ ปน็ การเปน็ งาน เมอ่ื พอ่ แม่
ตายไปหมดแลว้ กต็ ้องเปน็ คนจน ฝ่ายพระเจา้ พระสงฆ์เราก็เหมือนกนั ถา้ หากครบู า
อาจารย์หนหี รือมรณภาพไปแลว้ ชอบคลุกคลีกนั ชอบแตกสามคั คีกัน ชอบเสอื่ ม
เกือบทุกแหง่ เลย อนั น้ีเปน็ เพราะอะไร เพราะวา่ เราท้งั หลายพากนั เผลอตวั อยู่
เราอาศยั บญุ บารมขี องครบู าอาจารยอ์ ยู่ เรากไ็ มเ่ ปน็ อะไร สบาย ถา้ หากวา่ ครบู า
อาจารยเ์ สยี ไปแลว้ ลกู ศิษยช์ อบแตกกัน ชอบแยกกนั ความเหน็ มันตา่ งกนั องค์ท่ี
คิดผิดก็ไปอยู่แหง่ หน่งึ องคท์ ค่ี ิดถกู ก็ไปอยแู่ ห่งหนงึ่ ผทู้ ่ีไม่สบายใจหนอี อกไปจาก
เพอื่ นแลว้ ไปตง้ั ใหมอ่ กี กอ่ กำ� เนดิ ขน้ึ มาใหมอ่ กี มบี รษิ ทั มบี รวิ ารประพฤตดิ ปี ระพฤติ
ชอบขึ้นมาอีกในกลุ่มนั้น ชอบเป็นอย่างน้ี ปัจจุบันน้ียังเป็นอย่างน้ัน อันน้ีเพราะ
พวกเราท�ำให้บกพรอ่ ง บกพร่องเมอ่ื ครูบาอาจารยย์ งั อยู่ เรายังอาศยั ความประมาท
กนั อยู่ ไมห่ ยบิ เอาขอ้ วตั รปฏบิ ตั อิ นั ทท่ี า่ นประพฤตปิ ฏบิ ตั มิ านนั้ ยกเขา้ มาใสใ่ จของเรา
จะประพฤตปิ ฏิบตั ติ ามอย่างนัน้ ไมค่ อ่ ยมี
แมแ้ ตค่ รงั้ พทุ ธกาลกเ็ หมอื นกนั เคยเหน็ ไหมพระภกิ ษผุ เู้ ฒา่ นน่ั ไงละ่ สภุ ทั ทภกิ ขุ
นัน่ พระมหากัสสปะมาจากปาวาล มาถามปรพิ าชกว่า
147
“พระพุทธเจา้ ของเรายังสบายดอี ย่หู รอื เปลา่ ”
“พระพทุ ธเจา้ ปรินพิ พานไป ๗ วันเสยี แลว้ ”
พระทงั้ หลายทย่ี งั มกี เิ ลสหนาปญั ญาหยาบ ยงั ไมบ่ รรลมุ รรคผลนพิ พานกน็ อ้ ยใจ
ร้องไห้ ก็มี ครวญครางหลายๆ อย่าง
ผู้ถงึ ธรรมก็เห็นวา่ “พระพทุ ธเจ้าของเราปรินพิ พานไปแลว้ ไปดว้ ยดแี ล้วหนอ”
ผทู้ มี่ กี เิ ลสมาก อยา่ งเชน่ พระสภุ ทั ทะพดู วา่ “ทา่ นจะรอ้ งไหท้ ำ� ไม พระพทุ ธองค์
ทา่ นนพิ พานไปนะ่ ดแี ลว้ เราจะอยสู่ บายกนั เมอ่ื ทา่ นยงั อยนู่ น้ั จะทำ� อะไรกไ็ มไ่ ด้ จะพดู
อะไรกไ็ มไ่ ด้ ขัดขอ้ งท้ังนั้นแหละ เราอยู่ลำ� บากใจเรา อนั นีม้ นั ดีแลว้ ทา่ นนิพพาน
ไปแลว้ สบายเลย อยากท�ำอะไรก็ท�ำ อยากพูดอะไรกพ็ ูด อนั น้ีเราจะรอ้ งไห้ท�ำไม”
มันเป็นมาแต่โน้น มนั เป็นมาอย่อู ยา่ งน้ี
ฉะนนั้ อย่างไรกต็ าม ถึงครง้ั พระพุทธเจ้าเราก็เอานไี้ ว้ไมไ่ ด้ อยา่ งเรามีแกว้ น�้ำ
ใบหนง่ึ เราพยายามรกั ษามันใหด้ ี ใชแ้ ล้วกเ็ ชด็ มนั เกบ็ มนั ไวท้ ีส่ มควร ระมดั ระวัง
แกว้ ใบนั้น มนั จะได้ใช้ไปนานๆ เราใชไ้ ปเสร็จแล้วคนอืน่ จะไดใ้ ช้ตอ่ ไปนานๆ ให้มนั
นานเท่าทมี่ นั จะนานได้ ถา้ หากวา่ เราใช้แกว้ แตกวนั ละใบ วันละใบ วันละใบ กบั การ
ใช้แก้วใบหนงึ่ ๑๐ ปีจงึ แตก มนั กต็ า่ งกนั ดกี วา่ กนั ไหม มนั ก็เป็นอย่างน้นั
อย่างการประพฤติปฏบิ ตั นิ ี้กเ็ หมอื นกนั อย่างพวกเราอยูด่ ว้ ยกันหลายๆ องค์
อย่างน้นี ะ ปฏบิ ัตใิ ห้สม�่ำเสมอ ให้ดมี ากสกั สิบองค์เถอะ สิบองค์วัดป่าพงนี้กเ็ จรญิ
เหมอื นกับคนในบา้ นๆ หนึ่งนนั่ แหละ ขนาดสกั ๑๐๐ หลงั คา มีคนดีสกั ๕๐ คน
บา้ นนัน้ ก็เจริญ อนั นจี้ ะหาสัก ๑๐ คนกย็ าก อยา่ งวดั หน่งึ อย่างน้ีนะ จะหาครูบา
อาจารยป์ ระพฤติปฏบิ ตั ิมานั้น ผ้มู ศี รัทธาจรงิ จงั นน้ั ๕-๖ องค์ มนั กย็ าก มันเป็น
เชน่ น้ัน
148
อย่างไรกต็ าม พวกเราทง้ั หลายกไ็ มม่ ีหนา้ ทอี่ น่ื อีกแลว้ นอกจากการประพฤตดิ ี
ปฏิบตั ชิ อบเท่านัน้ เพราะเรานีไ้ ม่มีอะไรแลว้ ดซู ิ ใครเอาอะไรไหม ทรพั ยส์ มบัตเิ รา
ก็ไม่เอาแล้ว ครอบครัวเราก็ไม่มีแล้ว อะไรทุกอย่างแม้แต่การฉันก็ยังฉันม้ือเดียว
เราละมาหลายๆ อย่างแล้ว ส่งิ ทม่ี นั ดีกวา่ นเ้ี ราละมาเยอะ คล้ายๆ กบั ท่วี ่าเปน็ พระน้ี
เราละหมดไมม่ อี ะไร สิ่งทีพ่ วกเขาชอบๆ กนั น้นั นะ่ ท้งิ หมด ก็ตกลงวา่ เราบวชมาใน
พทุ ธศาสนานก้ี เ็ พอ่ื หวงั การประพฤตปิ ฏบิ ตั ิ เพราะเราละมาแลว้ ไมเ่ อาอะไรแลว้ เราจะ
มาคดิ เอาอะไรอกี จะมาเอาโลภอกี จะมาเอาโกรธอกี จะมาเอาหลงอกี จะมาเอาอะไรตา่ งๆ
ไวใ้ นใจของเราอีก อนั น้มี ันไมส่ มควรแล้ว
ใหเ้ ราไปคดิ วา่ เราบวชกันท�ำไม เราปฏบิ ัติกนั ท�ำไม บวชมาปฏบิ ตั ิ ถ้าหากเรา
ไมป่ ฏบิ ตั กิ อ็ ยเู่ ฉยๆ เทา่ นนั้ แหละ ถา้ ไมป่ ฏบิ ตั กิ เ็ หมอื นฆราวาส มนั กไ็ มเ่ กดิ ประโยชน์
อะไร ไม่ทำ� ธรุ ะหน้าทก่ี ารงานของเรา นีม่ ันกเ็ สยี เพศสมณะ ผดิ ความม่งุ หวงั มาแล้ว
ถ้าเป็นเชน่ นัน้ ก็เรียกว่าเราประมาทแลว้ เราประมาทแลว้ ก็เรียกว่าเราตายแล้ว อนั นี้
ให้เข้าใจ นานๆ กพ็ ิจารณาไปเถอะ
อยา่ ไปลืมความตายน้ี ดูซิ ถามวา่ เมื่อเราตายมเี วลาไหม ถามตวั เราเสมอแหละ
“ตาย...เมอื่ ไหรต่ าย” ถา้ เราคดิ เชน่ นจ้ี ติ ใจเราจะระวงั ทกุ วนิ าทเี ลยทเี ดยี ว ความไมป่ ระมาท
จะเกดิ ข้ึนมาทันที เมอ่ื ความประมาทไมม่ ีแล้ว สติ ความระลกึ ได้ว่าอะไรเป็นอะไรก็
เกดิ มาทนั ที ปญั ญากแ็ จม่ แจง้ เหน็ สงิ่ ใดสงิ่ หนงึ่ ชดั เจนในเวลานน้ั เรากม็ สี ตปิ ระคองอยู่
รอบรอู้ ยทู่ างอารมณท์ งั้ กลางวนั และกลางคนื ทกุ สงิ่ สารพดั นนั่ แหละ กเ็ ปน็ ผมู้ สี ตอิ ยู่
ถ้าเปน็ ผูม้ ีสตอิ ย่กู เ็ ปน็ ผู้สำ� รวม ถา้ เป็นผู้ส�ำรวมอยกู่ เ็ ป็นผไู้ มป่ ระมาท ถา้ เป็น
ผไู้ มป่ ระมาทก็เปน็ ผู้ปฏบิ ตั ถิ กู ตอ้ งเทา่ นัน้ อนั นเ้ี ป็นหน้าท่ีของเราท้งั หลาย
ฉะนั้น วนั น้ขี อพูดถวายพวกทา่ นทัง้ หลาย ต่อไปน้ีถ้าหากวา่ เราจะออกจากทนี่ ี้
ไปอยสู่ าขากต็ าม จะไปอยทู่ ไี่ หนกต็ าม อยา่ ลมื ตวั อยา่ ลมื ตวั ของตวั คอื เรายงั ไมส่ ำ� เรจ็
เรายงั ไมเ่ สรจ็ สนิ้ การงานของเรายงั มมี าก ภาระของเรายงั มมี าก คอื ขอ้ ประพฤตปิ ฏบิ ตั ิ
ในการละการบำ� เพ็ญของเรายังมีมาก ใหเ้ ป็นห่วงไว้
149
พวกท่านทง้ั หลายใหต้ งั้ ใจทกุ ๆ องค์ จะอยูใ่ นสาขาก็ดี อยู่ในทีน่ ก้ี ด็ ี ใหท้ ่าน
ทรงขอ้ วตั รปฏบิ ตั ไิ ว้ เพราะวา่ ในเวลานพี้ วกเราทง้ั หลายรวมกนั มากแลว้ หลายสาขาแลว้
ต้องใหท้ ่านพยายาม โดยเฉพาะอยา่ งย่งิ ตา่ งสาขาตา่ งมกี �ำเนดิ จากวัดป่าพง จะถอื ว่า
วัดป่าพงน้ีเป็นพ่อเป็นแม่เป็นครูบาอาจารย์ เป็นเยี่ยงอย่างของสาขาเหล่านั้นก็ได้
โดยเฉพาะอย่างยิ่งพระเณรครบู าอาจารย์ทุกองคซ์ ึ่งอยูป่ ระจำ� วดั ปา่ พงน้ี พยายามให้
เป็นแบบเป็นตัวอย่างเป็นครูบาอาจารย์ของสาขาทั้งหลายเหล่าน้ันให้เข้มแข็งในการ
ประพฤตปิ ฏบิ ตั ิตามหนา้ ทข่ี องพวกเราสมณะทงั้ หลายต่อไป.
150
๑๕
สมั มาปฏปิ ทา
วนั นพี้ วกทา่ นทง้ั หลายไดต้ ง้ั ใจมาอบรมทว่ี ดั วนโพธญิ าณ (เขอื่ นสริ นิ ธร) สถานที่
ก็สงบระงับเป็นอย่างดี แต่ว่าสถานที่สงบนั้น ถ้าเราไม่สงบมันก็ไม่มีความหมาย
ทกุ ๆ แห่ง สถานท่ีมนั สงบทง้ั นน้ั แหละ ท่มี ันไม่สงบก็เพราะคนเรา แตค่ นที่ไมส่ งบ
ไปอย่ทู ่สี งบกเ็ กิดความสงบได้ สถานท่ีมันก็อยา่ งเกา่ ของมนั น่นั แหละ แต่วา่ เราตอ้ ง
ปฏิบัติใหถ้ งึ ความสงบน้นั
ให้พวกท่านท้ังหลายเข้าใจว่า การปฏิบัตินี้เป็นของยาก ฝึกอะไรอย่างอ่ืนๆ
ทุกอยา่ งมนั กไ็ ม่ยาก มนั กส็ บาย แตใ่ จของมนษุ ย์ทง้ั หลายนฝี้ กึ ได้ยาก ฝกึ ไดล้ ำ� บาก
องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าของเรา ท่านก็ฝึกจิต จิตน้ีเป็นเรื่องท่ีส�ำคัญมาก
อะไรทงั้ หมดในรปู ธรรมนามธรรมนี้ มนั รวมอยทู่ จ่ี ติ เชน่ วา่ ตา หู จมกู ลนิ้ กาย เหลา่ น้ี
สง่ ไปใหจ้ ิตอนั เดยี วเปน็ ผู้บรหิ ารการงาน รับร้รู บั ฟังรบั ผิดชอบจากอายตนะทั้งหลาย
เหล่าน้นั ฉะนั้น การอบรมจติ น้ีจงึ เปน็ ของสำ� คญั ถา้ ใครอบรมจิตของตนให้สมบูรณ์
บรบิ รู ณแ์ ลว้ ปญั หาอะไรทกุ อยา่ งมนั กห็ มดไป ทม่ี นั มปี ญั หาอยกู่ เ็ พราะจติ ของเรานเ้ี อง
ยงั มีความสงสัย ไม่มคี วามรู้ตามความเป็นจริง จงึ เปน็ เหตใุ หม้ ีปญั หาอยู่
ฉะน้ัน ให้เข้าใจว่าอาการทั้งหลายที่จะต้องปฏิบัตินั้น พวกท่านทั้งหลายก็ได้
เตรยี มมาพรอ้ มแลว้ ทกุ คน จะยนื จะเดนิ จะนงั่ จะนอนทไี่ หน อปุ กรณท์ ที่ า่ นทง้ั หลาย
จะนำ� ไปปฏิบัติน้ัน พรอ้ ม ไม่ว่าอย่ทู ไี่ หนก็ตาม พร้อมอยู่ มีอย่เู ปน็ ของพร้อมอยู่
151
เหมอื นกนั กบั ธรรมะ ธรรมะนเี้ ปน็ ของพรอ้ มอยทู่ กุ สถานที่ อยทู่ น่ี ก้ี พ็ รอ้ ม อยใู่ นสว้ ม
กพ็ รอ้ ม บนบกกพ็ รอ้ ม ในนำ�้ กพ็ รอ้ ม อยทู่ ไ่ี หนมนั พรอ้ มอยทู่ งั้ นนั้ แหละ ธรรมะเปน็
ของสมบูรณ์บริบรู ณ์ แตว่ ่าการประพฤติปฏิบตั ิของเรานย้ี ังไมพ่ ร้อม
องค์สมเด็จสัมมาสัมพุทธเจ้าของเราท่านมีรากฐานให้เราทั้งหลายปฏิบัติให้รู้
ธรรมะไม่เป็นของมาก มนั เป็นของน้อย แต่เป็นของทถ่ี กู ตอ้ ง เชน่ วา่ จะเปรยี บเทียบ
ให้ฟังเร่อื งขน
ถา้ เรารจู้ กั วา่ อนั นมี้ นั เปน็ ขน รจู้ กั ขนเสน้ เดยี วเทา่ นน้ั ขนในรา่ งกายเรานท้ี กุ เสน้
แมใ้ นรา่ งกายคนอน่ื ทกุ เสน้ กร็ กู้ นั หมดทง้ั นน้ั แหละ รวู้ า่ เปน็ ขนทงั้ นน้ั หรอื เสน้ ผม รจู้ กั
ผมเสน้ เดยี วเทา่ นนั้ ผมบนศรี ษะของเรา บนศรี ษะของคนอนื่ กร็ หู้ มดทกุ เสน้ เหมอื นกนั
ท่ีร้กู เ็ พราะวา่ มันเปน็ เสน้ ผมเหมอื นกัน เรารู้ผมเส้นเดียว แต่กร็ ทู้ ุกเสน้ ผม
หรือจะเปรียบประหนึ่งว่าเรารู้จักกับคน ลักษณะของคนเหมือนตัวเราน้ี
จะพจิ ารณาสกนธ์กายทุกประการน้นั เห็นแจม่ แจ้งในคนคนเดียวคอื ตวั เรา พบเหน็
สภาวะท้ังหลายในตัวเราคนเดียวเทา่ นี้ คนในสกลโลกสกลจักรวาลนเี้ ราก็ร้กู ันหมด
ทกุ ๆ คน เพราะว่าคนมนั กเ็ หมอื นกันทั้งนนั้
ธรรมะนกี้ เ็ ปน็ อยา่ งนี้ เปน็ ของนอ้ ย แตว่ า่ มนั เปน็ ของมาก คอื ความจรงิ พบสง่ิ เดยี ว
แล้วมันกพ็ รอ้ มกนั ไปหมด เมื่อเรารู้ความจรงิ ตามเปน็ จรงิ แล้ว ปญั หามันกห็ มดไป
แตว่ า่ การปฏบิ ตั นิ ม้ี นั ยาก มนั ยากเพราะอะไร มนั ยากเพราะตณั หา ความอยาก
ถา้ ไมอ่ ยากกไ็ มไ่ ดป้ ฏบิ ตั ิ ถา้ ปฏบิ ตั เิ พราะความอยากกไ็ มพ่ บธรรมะ อนั นมี้ นั เปน็ ปญั หา
อยูอ่ ย่างน้ี ฉะน้นั การประพฤตปิ ฏิบตั ิน้มี นั มคี วามยุ่งยาก มีความลำ� บาก ถา้ ไมม่ ี
ความอยากกไ็ มม่ กี ำ� ลงั ทจ่ี ะปฏบิ ตั ิ ถา้ ปฏบิ ตั เิ พราะความอยากกว็ นุ่ วายไมม่ คี วามสงบ
ท้ังสองอย่างนเ้ี ป็นเหตอุ ยเู่ สมอ
ดังนั้น ท่านทั้งหลายลองคิดดูซิว่าจะท�ำอะไรๆ ถ้าไม่อยากท�ำมันก็ท�ำไม่ได้
มนั ตอ้ งอยากทำ� มนั ถงึ ทำ� ได้ ถา้ ไมอ่ ยากจะทำ� กไ็ มไ่ ดท้ ำ� กา้ วไปขา้ งหนา้ มนั เปน็ ตณั หา
152
ถอยกลับมามนั ก็เป็นตัณหาทงั้ นั้น ดงั นนั้ พระโยคาวจรเจา้ ผู้ประพฤติปฏบิ ัตนิ ีจ้ ึงว่า
เปน็ ของยุ่งยาก เปน็ ของลำ� บากที่สดุ อย่เู หมอื นกนั
ท่เี ราไมเ่ ห็นธรรมะก็เพราะตณั หา บางทมี ันอยากอยา่ งรนุ แรง คืออยากจะเห็น
เดยี๋ วน้ี ธรรมะนี้ไมใ่ ชใ่ จเรา ใจเราไมใ่ ชธ่ รรมะ ธรรมะมันเป็นอย่างหนึ่ง ใจเรามนั
เป็นอยา่ งหน่ึง มันคนละอย่างกนั ฉะน้ัน แม้เราจะคิดอย่างไรกต็ าม อันน้ีเราชอบ
เหลอื เกิน แต่มันไม่ใชธ่ รรมะ อนั น้ีเราไมช่ อบ กไ็ มใ่ ช่ธรรมะ ไมใ่ ชว่ ่าเราคดิ ชอบใจ
อะไรอนั น้ันเปน็ ธรรมะ เราคิดไม่ชอบใจอะไรอนั นน้ั ไม่ใช่ธรรมะ ไม่ใชอ่ ยา่ งน้นั
แท้จริงใจของเราน้ีเป็นธรรมชาติอันหน่ึงเท่าน้ัน อย่างต้นไม้ตามป่าน่ันแหละ
ถา้ มนั จะเปน็ ขอ่ื เปน็ แปเปน็ กระดาน มนั กม็ าจากตน้ ไม้ แตว่ า่ มนั เปน็ ตน้ ไมอ้ ยไู่ มใ่ ชข่ อ่ื
ไมใ่ ชแ่ ป มันเป็นต้นไม้อยู่ มันเปน็ ธรรมชาติเทา่ นน้ั กอ่ นทจี่ ะทำ� ประโยชนไ์ ด้ ก็ตอ้ ง
เอาตน้ ไมม้ าแปรรูปออกไปเปน็ ขื่อ เป็นแป เปน็ กระดาน เป็นโน่นเป็นนี่ เปน็ ต้นไม้
ตน้ เดยี วกัน แต่มนั แปรรูปมาเปน็ หลายอย่าง เมือ่ รวมกันมนั กเ็ ป็นต้นไมอ้ นั เดยี วกัน
เป็นธรรมชาติ
ถา้ หากวา่ มนั เปน็ ธรรมชาตอิ ยอู่ ยา่ งนน้ั มนั กไ็ มเ่ กดิ ประโยชนข์ น้ึ เฉพาะกบั บคุ คล
ที่ต้องการ จิตใจของเราก็เหมือนกันฉันนั้น มันเป็นธรรมชาติอันหนึ่งอยู่อย่างน้ัน
มันรู้จักการนึกคิด รู้จักสวยไม่สวยตามธรรมชาติของมัน ฉะนั้น จิตใจเราน้ันจะ
ต้องถูกฝกึ อกี ครง้ั หนง่ึ กอ่ น ถา้ ไม่ฝกึ มันก็ไม่ได้ มนั เปน็ ธรรมชาติ ฝกึ ให้รู้วา่ มันเปน็
ธรรมชาติ เรากม็ าปรบั ปรงุ ธรรมชาตนิ น้ั ใหถ้ กู ตอ้ งตามทตี่ อ้ งการของมนษุ ย์ คอื ธรรมะ
ธรรมะนจี้ งึ เปน็ ของทพ่ี วกเราทงั้ หลาย จงปฏบิ ตั เิ อาเขา้ มาในใจ เอาไวใ้ นใจของเรา
ถ้าไมป่ ฏบิ ัติกไ็ ม่รู้ พดู กันตรงๆ ง่ายๆ อ่านหนงั สอื เฉยๆ กไ็ มร่ ู้ เรยี นเฉยๆ ก็ไมร่ ู้
มันรูอ้ ยู่ แตม่ นั ไมร่ ู้ตามที่เป็นจรงิ คือมนั รูไ้ มถ่ งึ
อย่างกระโถนใบนี้ ใครๆ กร็ ู้ว่ามนั เปน็ กระโถน แต่ไมร่ ถู้ งึ กระโถน ท�ำไมไม่รู้
ถึงกระโถน ถ้าผมจะเรียกกระโถนว่าหม้อ ท่านจะว่าอย่างไร ทุกทีท่ีผมใช้ท่านว่า
“เอาหมอ้ มาใหผ้ มด้วยเถอะ” มนั ก็ตอ้ งขัดใจท่านทุกที ท�ำไมละ่ กเ็ พราะว่าทา่ นไม่รู้
153
กระโถนถงึ กระโถน ผมจะใชใ้ หท้ า่ นเอากระโถนมา แตบ่ อกใหเ้ อาหมอ้ มาใหผ้ มหนอ่ ย
ทา่ นกไ็ มพ่ บ “หมอ้ อยทู่ ไ่ี หนหลวงพอ่ ” กช็ ไี้ ปทกี่ ระโถนนนั่ แหละ มนั กไ็ มเ่ ขา้ ใจ ขดั ใจกนั
เทา่ นนั้ ปญั หามนั กเ็ กดิ ขนึ้ มา ทำ� ไมมนั จงึ เปน็ อยา่ งนน้ั เพราะทา่ นไมร่ กู้ ระโถนถงึ กระโถน
ถ้าท่านรู้กระโถนถึงกระโถนแล้วมันก็ไม่มีปัญหาอะไร ท่านก็จะหยิบวัตถุอันนั้นมา
ให้ผมเลย
ท�ำไมถงึ เป็นอย่างนัน้ คือกระโถนใบนนี้ ่ะมันไมม่ ี เข้าใจไหม มนั มขี ้ึนมาเพราะ
เราสมมุติขึน้ ว่าน่ีคือกระโถน มันกเ็ ลยเป็นกระโถน สมมตุ ิอนั นี้มันรูก้ นั ท่วั ประเทศ
แล้วว่ามันเป็นกระโถนอย่างนี้ แต่กระโถนจริงน่ะมันไม่มี หรือใครจะเรียกให้มัน
เป็นหม้อมันก็เป็นให้เราอย่างนั้น จะเรียกให้เป็นอะไรมันก็เป็นอย่างนั้น น่ีเรียกว่า
“สง่ิ สมมตุ ”ิ ถ้าเรารถู้ งึ กระโถนแล้ว เขาจะเรียกวา่ หมอ้ ก็ไมม่ ปี ญั หา จะเรียกอะไรมนั
ก็หมดปัญหาแลว้ เพราะเรารู้ ไมม่ ีอะไรปดิ บงั ไว้ น่ันคอื คนรจู้ ักธรรมะ
ทนี ี้ยอ้ นเข้ามาถงึ ตัวเรา เช่น เขาจะพดู วา่ “ทา่ นนเ้ี หมอื นกบั คนบา้ นะ” “ท่านน้ี
เหมือนคนไม่พอคนนะ” อย่างน้ีเป็นต้น ก็ไม่สบายใจเหมือนกัน ท้ังๆ ที่ตัวเรา
ไม่เป็นจรงิ อะไร มนั กย็ ากอย่นู ะ อยากไดอ้ ยากเปน็ เพราะความอยากได้อยากเปน็
มันไม่รจู้ กั พอ เพราะไม่รู้ตามความเปน็ จริงนั่นเอง
ฉะนน้ั ถา้ เรารูจ้ กั ธรรมะ ตรสั ร้ธู รรมตามความเปน็ จรงิ แล้ว โลภ โกรธ หลง
มันจงึ หมดไป เพราะมันไมม่ อี ะไรทง้ั นั้น อนั นคี้ วรปฏบิ ัติ
ปฏิบัติท�ำไมมันถึงยากมันถึงล�ำบาก เพราะว่ามันอยาก พอไปน่ังสมาธิปุ๊บ
กต็ ัง้ ใจว่าอยากจะให้มนั สงบ ถา้ ไม่มคี วามอยากใหส้ งบ กไ็ ม่นั่งไมท่ ำ� อะไร พอเรา
ไปนง่ั กอ็ ยากให้มันสงบ เมอื่ อยากใหม้ ันสงบไอ้ตัวว่นุ วายก็เกิดข้นึ มาอีก กเ็ หน็ ส่ิงที่
ไมต่ อ้ งการเกดิ ขึ้นมาอีก มันก็ไม่สบายใจอีกแลว้ น่ีมนั เปน็ อย่างนี้
ฉะนนั้ พระพทุ ธเจา้ ท่านสอนวา่ อยา่ พูดใหเ้ ปน็ ตัณหา อยา่ ยนื ใหเ้ ป็นตณั หา
อย่านั่งใหเ้ ป็นตัณหา อยา่ นอนใหเ้ ป็นตัณหา อยา่ เดินใหเ้ ป็นตัณหา ทกุ ประการนั้น
อย่าใหเ้ ปน็ ตัณหา ตัณหากแ็ ปลว่าความอยาก ถา้ ไม่อยากจะทำ� อะไร เราก็ไมไ่ ดท้ �ำ
154
อนั นน้ั ปญั ญาของเราไปถงึ ทนี่ ม้ี นั กเ็ ลยอเู้ สยี ปฏบิ ตั ไิ ปไมร่ จู้ ะทำ� อยา่ งไร พอไปนง่ั สมาธิ
ปบุ๊ ก็ต้ังความอยากไว้แลว้
อยา่ งพวกเราทมี่ าปฏบิ ตั อิ ยใู่ นปา่ น้ี ทกุ คนตอ้ งอยากมาใชไ่ หม นจี่ งึ ไดม้ า อยากมา
ปฏบิ ตั ทิ น่ี ่ี มาปฏบิ ตั นิ ก่ี อ็ ยากใหม้ นั สงบ อยากใหม้ นั สงบกเ็ รยี กวา่ ปฏบิ ตั เิ พราะความ
อยาก มากม็ าดว้ ยความอยาก ปฏบิ ตั กิ ป็ ฏบิ ตั ดิ ว้ ยความอยาก เมอื่ มาปฏบิ ตั แิ ลว้ มนั จงึ
ขวางกัน ถ้าไม่อยากกไ็ มไ่ ดท้ �ำ จึงเป็นอยูอ่ ย่างน้ี จะทำ� อย่างไรกบั มันละ่
รปู นามหรอื สกนธก์ ายเรานมี้ นั จงึ ดไู ดย้ าก ถา้ หากไมใ่ ชต่ วั ไมใ่ ชต่ นไมใ่ ชข่ องตน
แล้วมันเป็นตวั ของใคร อนั น้ีมนั ถงึ แยกยาก มันถงึ ลำ� บาก เราจะต้องอาศยั ปญั ญา
ดงั นน้ั พระผมู้ พี ระภาคเจา้ ทา่ นจงึ สอนวา่ การกระทำ� กก็ ระทำ� ดว้ ยการปลอ่ ยวาง
การกระท�ำดว้ ยการปล่อยวาง อนั นีก้ ฟ็ งั ยากเหมอื นกนั ถ้าจะปล่อยวางกไ็ มท่ ำ� เท่านน้ั
เพราะทำ� ดว้ ยการปลอ่ ยวาง เปรยี บงา่ ยๆ ใหฟ้ งั เราไปซอื้ กลว้ ยหรอื ซอื้ มะพรา้ วใบหนงึ่
จากตลาดแลว้ ก็เดินหิว้ มา อีกคนหนึง่ กถ็ าม
“ท่านซือ้ กลว้ ยมาท�ำไม”
“ซ้ือไปรบั ประทาน”
“เปลอื กมันตอ้ งรบั ประทานด้วยหรือ”
“เปลา่ ”
“ไม่เชอ่ื หรอก ไมร่ ับประทานแล้วเอาไปทำ� ไมเปลือกมนั ”
หรอื เอามะพรา้ วใบหนึ่งมากเ็ หมอื นกัน
“เอามะพรา้ วไปท�ำไม”
“จะเอาไปแกง”
“เปลอื กมันแกงดว้ ยหรอื ”
“เปล่า”
“เอาไปทำ� ไมล่ะ”
เอ้า จะว่าอย่างไรละ่ เราจะตอบปญั หาเขาอยา่ งไร
155
ทำ� ดว้ ยความอยาก ถา้ ไมอ่ ยากเรากไ็ มไ่ ดท้ ำ� ทำ� ดว้ ยความอยากมนั กเ็ ปน็ ตณั หา
น่ถี ึงใหม้ ันมปี ญั ญานะ อยา่ งกลว้ ยใบนน้ั หวีนั้น เปลือกมันจะเอากินดว้ ยหรือเปลา่
ไม่กนิ ล่ะ เอาไปทำ� ไมเปลือกมัน กเ็ พราะว่ายงั ไม่ถงึ เวลาเอามนั ทิ้ง มันกห็ ่อเน้ือใน
มันไปอยู่อย่างน้ัน ถ้าหากว่าเราเอากล้วยข้างในมันกินแล้วเอาเปลือกมันโยนท้ิงไป
ก็ไมม่ ปี ัญหาอะไร น่กี ็เหมอื นกัน การกระทำ� ความเพียรกเ็ ปน็ อยา่ งน้นั
พระพทุ ธเจา้ วา่ อยา่ ทำ� ใหเ้ ปน็ ตณั หา อยา่ พดู ใหเ้ ปน็ ตณั หา อยา่ ฉนั ใหเ้ ปน็ ตณั หา
ยนื อยู่ เดนิ อยู่ นง่ั อยู่ นอนอยู่ ทกุ ประการทา่ นไมใ่ หเ้ ปน็ ตณั หา คอื ทำ� ดว้ ยการปลอ่ ยวาง
เหมอื นกบั ซอื้ มะพรา้ วซอื้ กลว้ ยมาจากตลาดนน่ั แหละ เราไมไ่ ดเ้ อาเปลอื กมนั มากนิ หรอก
แต่เวลาน้ันยงั ไมถ่ งึ เวลาจะท้งิ มนั เรากถ็ ือมันไวก้ ่อน
การประพฤตปิ ฏบิ ตั นิ ก้ี เ็ หมอื นกนั ฉนั นน้ั สมมตุ ิ วมิ ตุ ติ มนั กต็ อ้ งปนอยอู่ ยา่ งนน้ั
เหมือนกับมะพร้าวมันจะปนอยู่ท้ังเปลือกท้ังกะลาทั้งเน้ือมัน เม่ือเราเอามาก็เอามา
ทงั้ หมดนนั่ แหละ เขาจะหาว่าเรากนิ เปลอื กมะพรา้ วอยา่ งไร กช็ ่างเขาเปน็ ไร เรารู้จัก
ของเราอยู่ เชน่ น้เี ปน็ ต้น
อนั ความรใู้ นใจของตวั เองอยา่ งนเี้ ปน็ ปญั ญาทเี่ ราจะตอ้ งตดั สนิ เอาเอง นเ่ี รยี กวา่
ตัวปัญญา ดังนั้น การปฏิบัติเพ่ือจะเห็นสิ่งท้ังหลายเหล่าน้ี ไม่เอาเร็วและไม่เอาช้า
ช้ากไ็ มไ่ ด้ เรว็ กไ็ ม่ได้ จะทำ� อยา่ งไรดี ไม่มีช้า ไมม่ ีเร็ว เรว็ ก็ไมไ่ ดม้ ันไม่ใช่ทาง ช้าก็
ไม่ได้มนั ไมใ่ ช่ทาง มันก็ไปในแบบเดยี วกนั น้ี
แต่ว่าพวกเราทกุ ๆ คนมันร้อนเหมอื นกันนะ มันร้อน พอทำ� ปบุ๊ ก็อยากจะให้
มันไปไวๆ ไม่อยากจะอย่ชู ้า อยากจะไปหนา้ การก�ำหนดตัง้ ใจท�ำสมาธนิ ี้ บางคนจงึ
ตง้ั ใจเกินไป บางคนถึงกับอธษิ ฐานเลย จดุ ธปู ปกั ลงไป กราบลงไป “ถา้ ธูปดอกน้ี
ไมห่ มด ขา้ พเจา้ จะไมล่ กุ จากทนี่ ง่ั เปน็ อนั ขาด มนั จะลม้ มนั จะตาย มนั จะเปน็ อยา่ งไร
กช็ ่างมนั จะตายอย่ทู ี่นแี้ หละ”
พออธษิ ฐานตง้ั ใจปบุ๊ กน็ ั่ง พญามารมนั ก็เข้ามารมุ เลย นงั่ แผล็บเดยี วเทา่ นน้ั ละ
กน็ กึ ว่าธปู มันคงจะหมดแลว้ เลยลืมตาขึ้นดูสักหนอ่ ย โอโ้ ฮ ยงั เหลือเยอะ กดั ฟัน
156
เข้าไปอีก มนั ร้อนมนั รนมนั วุ่นมนั วาย ไม่รู้ว่าอะไรอกี เต็มทแี ล้วนึกวา่ มันจะหมด
ลมื ตาดอู กี โอโ้ ฮ ยงั ไมถ่ งึ ครง่ึ เลย สองทอดสามทอดกไ็ มห่ มด เลยเลกิ เสยี เลกิ ไมท่ ำ�
นั่งคิดอาภัพอับจน แหม ตัวเองมันโง่เหลือเกิน มันอาภัพมันอย่างโน้นอย่างนี้
นั่งเป็นทุกข์ว่าตัวเองเป็นคนไม่จริง คนอัปรีย์ คนจัญไร คนอะไรต่ออะไรวุ่นวาย
กเ็ ลยเกดิ เปน็ นวิ รณ์ นก่ี เ็ รยี กวา่ ความพยาบาทเกดิ ไมพ่ ยาบาทคนอนื่ กพ็ ยาบาทตวั เอง
อันนก้ี เ็ พราะอะไร เพราะความอยาก
ความเปน็ จรงิ นน้ั นะ่ ไมต่ อ้ งไปทำ� ถงึ ขนาดนน้ั หรอก ความตง้ั ใจนะ คอื ตงั้ ใจใน
การปล่อยวาง ไม่ตอ้ งตัง้ ใจในการผูกมัดอยา่ งนนั้ อันนี้เราไปอ่านตำ� รา เห็นประวตั ิ
พระพทุ ธเจ้าวา่ ท่านน่งั ลงท่ีใตต้ ้นโพธน์ิ ั้น ท่านอธิษฐานจิตลงไปว่า “ไม่ตรสั รู้ตรงน้ี
จะไมล่ กุ หนเี สยี แลว้ แมว้ า่ เลอื ดมนั จะไหลออกมาอะไรตามทเี ถอะ” ไดย้ นิ คำ� นเี้ พราะ
ไปอา่ นดู แหม เรากจ็ ะเอาอยา่ งนัน้ เหมอื นกนั จะเอาอยา่ งพระพุทธเจา้ เหมือนกนั น่ี
ไม่รู้เรื่องวา่ รถของเรามันเป็นรถเล็กๆ รถของทา่ นมันเป็นรถใหญ่ ท่านบรรทุกทเี ดียว
กห็ มด เราเอารถเลก็ ไปบรรทุกทเี ดยี วมันจะหมดเม่ือไหร่ มันคนละอยา่ งกนั เพราะ
อะไรมนั ถงึ เป็นอยา่ งนน้ั มนั เกินไป บางทีมนั ก็ต่�ำเกนิ ไป บางทีมันก็สูงเกินไป ไอ้ท่ี
พอดๆี มนั หายาก
อนั นผี้ มกพ็ ดู ไปตามความรสู้ ึกของผมหรอก ผมปฏบิ ัตมิ าเปน็ อย่างนี้ กป็ ฏบิ ัติ
ใหล้ ะความอยาก ถา้ ไม่อยากมนั จะไดท้ �ำหรอื มนั ก็ติด แตท่ �ำด้วยความอยากมันก็
เปน็ ทุกขอ์ กี ไม่รู้จะท�ำอยา่ งไร ยงั งงเหมือนกนั นะ
ทนี ผ้ี มจงึ เขา้ ใจวา่ การปฏบิ ตั ทิ ปี่ ฏบิ ตั ติ อ่ เนอื่ งกนั ไปเปน็ ของสำ� คญั มาก ตอ้ งทำ�
สม�ำ่ เสมอ ทา่ นเรียกว่าอริ ยิ าบถสม�ำ่ เสมอ คอื สม�ำ่ เสมอในการปฏิบตั ิ ท�ำใหม้ นั ดยี ่ิงๆ
ข้นึ ไป ไมใ่ ชใ่ หม้ นั วบิ ตั กิ ัน ปฏบิ ตั ิมันเป็นอย่างหน่งึ วบิ ตั มิ ันเป็นอย่างหนึ่ง โดยมาก
พวกเราทง้ั หลายมาทำ� แตเ่ รอ่ื งมนั เปน็ วบิ ตั กิ นั ขเี้ กยี จไมท่ ำ� ขยนั จงึ ทำ� นผ่ี มกช็ อบเปน็
อย่างน้ี ข้ีเกยี จไมท่ ำ� ขยันจึงท�ำ
พวกทา่ นทงั้ หลายคดิ ดซู วิ า่ ถกู หรอื เปลา่ ขยนั จงึ ทำ� ขเี้ กยี จไมท่ ำ� มนั ถกู ธรรมะไหม
มนั ตรงไหม มนั เหมอื นกบั คำ� สอนไหม อนั นปี้ ฏปิ ทาของเรายงั ไมส่ มำ�่ เสมอแลว้ ขเี้ กยี จ
157
หรอื ขยนั ต้องท�ำอยู่เรื่อย พระพทุ ธเจ้าท่านสอนอยา่ งน้นั โดยมากคนธรรมดาเราน้ัน
ขยนั จงึ คอ่ ยทำ� ขเี้ กยี จไมท่ ำ� นม่ี นั เปน็ เสยี อยา่ งน้ี มนั ปฏบิ ตั อิ ยแู่ คน่ ้ี กเ็ รยี กวา่ มนั วบิ ตั ิ
เสยี แล้ว มันไม่ใช่ปฏิบตั ิ
การปฏบิ ตั จิ รงิ ๆ แลว้ มนั สขุ กป็ ฏบิ ตั ิ มนั ทกุ ขก์ ป็ ฏบิ ตั ิ มนั งา่ ยกป็ ฏบิ ตั ิ มนั ยาก
กป็ ฏิบัติ มันรอ้ นก็ปฏิบตั ิ มนั เยน็ ก็ปฏบิ ตั ิ นเี่ รยี กว่าตรงไปตรงมาอย่างนี้ ปฏปิ ทาที่
เราต้องยืน หรือเดนิ หรอื น่งั หรอื นอน การมคี วามรสู้ ึกนกึ คดิ ท่ีเราจะต้องปฏบิ ัตใิ น
หนา้ ทกี่ ารงานของเรานนั้ ตอ้ งสมำ่� เสมอ ทำ� สตใิ หส้ มำ�่ เสมอในอริ ยิ าบถ การยนื การเดนิ
การนงั่ การนอน
นเี่ ม่อื พิจารณาดูแล้ว กเ็ หมอื นอิรยิ าบถยนื ใหเ้ ท่ากับเดิน เดนิ ก็เท่ากบั ยืน ยืนก็
เทา่ กบั นงั่ นงั่ กเ็ ทา่ กบั นอนนะ อนั นผ้ี มทำ� แลว้ ทำ� ไมไ่ ด้ ถา้ วา่ นกั ปฏบิ ตั นิ ตี้ อ้ งทำ� การยนื
การเดนิ การนง่ั การนอน ให้ไดเ้ สมอกนั จะท�ำไดส้ ักก่ีวนั ละ่ จะยืนใหเ้ สมอกับนง่ั
ยืน ๕ นาที นัง่ ๕ นาที นอน ๕ นาที อะไรท้ังหลายนี้ ผมท�ำไมน่ าน ก็มานั่งคดิ
พิจารณาใหม่ อะไรกันหนอ อย่างนี้คนในโลกนี้ท�ำไม่ได้หรอก ผมพยายามท�ำไป
คน้ คิดไป อ้อ มันไมถ่ ูกนี่ มนั ไม่ถูก ดูแลว้ มนั ไมถ่ ูก ทำ� ไม่ได้ นอนกับนง่ั กบั เดิน
กบั ยนื ท�ำให้มันเทา่ กัน จะเรียกวา่ อิริยาบถมันสม�่ำเสมอกนั แบบท่านบอกไว้ว่าทำ�
อิริยาบถใหส้ ม่ำ� เสมอ อยา่ งน้นั ไม่ได้
แตว่ า่ เราทำ� อยา่ งนไี้ ด้ จติ พดู ถงึ สว่ นจติ ของเราใหม้ สี ตคิ วามระลกึ อยู่ สมั ปชญั ญะ
ความรตู้ ัวอยู่ ปัญญาความรอบรูอ้ ยู่ อันน้ีทำ� ได้ อันนีน้ า่ จะเอาไปปฏบิ ัติ คือเรยี กวา่
ถ้าเราปฏบิ ตั ิ เราจะยนื อยกู่ ็มีสติ เราจะน่ังอยู่ก็มีสติ เราจะเดินอย่กู ็มสี ติ เราจะนอน
ก็มีสตอิ ยสู่ ม่�ำเสมออยา่ งนี้ อนั นเี้ ป็นไปได้ จะเอาตัวร้ไู ปเดิน ไปยนื ไปนงั่ ไปนอน
ใหเ้ สมอกนั ทกุ อริ ยิ าบถเปน็ ไปได้ ดงั นน้ั เมอื่ เราฝกึ จติ ของเรา จติ จะมคี วามรสู้ มำ�่ เสมอ
ในการปฏบิ ตั กิ บั ทกุ อริ ยิ าบถวา่ พทุ โธ พทุ โธ พทุ โธ คอื ความรู้ รจู้ กั อะไร รจู้ กั ภาวะที่
ถกู ตอ้ ง รจู้ กั ลกั ษณะทถ่ี กู ตอ้ งอยเู่ สมอนนั้ จะยนื กม็ จี ติ อยอู่ ยา่ งนน้ั จะเดนิ กม็ จี ติ เปน็
อยอู่ ยา่ งน้ัน เออ อนั นไ้ี ด้ใกล้เข้าไปเหลือเกิน เฉยี ดๆ เข้าไปมากเหลือเกิน เรียกวา่
จะยืน จะเดิน จะน่ัง จะนอนอยู่นี้ มันมีสติอย่เู สมอทีเดียว
158
อันน้ีรู้จักธรรมที่ควรละ รู้ธรรมท่ีควรปฏิบัติ สุขก็รู้ ทุกข์ก็รู้ เม่ือมันรู้สุข
รู้ทุกข์ จิตใจเราจะวางตรงท่ีว่ามันไม่สุขไม่ทุกข์ เพราะว่าสุขน้ันมันก็เป็นทางหย่อน
กามสุขลั ลิกานุโยโค ทุกขม์ นั กเ็ ปน็ ทางตึงคืออตั ตกิลมถานโุ ยโค ถ้าเรารสู้ ุขร้ทู กุ ขอ์ ยู่
เรารู้จกั ส่งิ ทั้งสองน้ี ถงึ แมว้ ่าจิตใจเรามันจะเอนไปเอนมา เรากช็ กั มันไว้ เรารู้อยวู่ ่า
มนั จะเอนไปทางสุขกช็ กั มนั ไว้ มนั จะเอนไปทางทกุ ขก์ ช็ กั มนั ไว้ ไมใ่ หม้ นั เอนไป รอู้ ยู่
อย่างน้ี น้อมเขา้ มาเส้นทางเดียว เอโก ธัมโม นี้ น้อมเข้ามาในทางทีร่ ู้ ไมใ่ ช่วา่ เรา
ปล่อยไปตามเรอ่ื งของมัน
แตว่ า่ เราปฏบิ ตั กิ นั นมี้ นั กอ็ ยากจะเปน็ อยา่ งนนั้ นะ มนั ปลอ่ ยตามใจ ถา้ เราปลอ่ ย
ตามใจ มนั สบายนะ แตว่ า่ มนั สบายกเ็ พอ่ื ไมส่ บาย อยา่ งมนั ขเี้ กยี จทำ� งานน่ี มนั กส็ บาย
แต่วา่ เม่ือถงึ เวลาจะกนิ ไม่มีอะไรจะกนิ มนั เปน็ อย่างน้ัน ดงั นัน้ ผมกไ็ ปเถียงค�ำสอน
ของพระพทุ ธเจา้ ซ่งึ มอี ยูห่ ลายบทหลายเหลา่ เหมือนกนั สูท้ ่านไม่ได้ ทุกวันนผ้ี มก็
ยอมรบั ทา่ นแลว้ ยอมรบั วา่ ธรรมะทง้ั หลายของทา่ นถกู ตอ้ งทเี ดยี ว ฉะนนั้ จงึ เอาคำ� สอน
ของทา่ นน้ีมาอบรมตัวเองและสานศุ ษิ ยท์ ัง้ หลาย นี่พดู ตามความรสู้ ึกท่ีมันเกิดขึ้นมา
การปฏบิ ัติท่สี ำ� คญั ทีส่ ดุ คือปฏปิ ทา ปฏปิ ทาคอื อะไร คือการกระท�ำของตวั เรา
นนั่ แหละ การยืน การเดนิ การน่ัง การนอน ทุกประการ ปฏิปทาทางกาย ปฏปิ ทา
ทางจิตของเรานั่นนะ วนั นม้ี นั มีจติ ใจเศร้าหมองในการท�ำงานกี่ครง้ั มีใจสบายไหม
มีอะไร เป็นอะไรไหม อันน้เี ราตอ้ งรู้มันรู้จกั ตวั เองอย่างนี้ รแู้ ลว้ มันวางไดไ้ หม อันท่ี
มันยงั วางไมไ่ ด้กพ็ ยายามปฏบิ ัตมิ นั เมอ่ื มนั ร้วู า่ วางไมไ่ ด้ก็ถือไว้ เพื่อเอาไปพิจารณา
ดว้ ยปญั ญาเราอกี ใหม้ เี หตผุ ล คอ่ ยๆ ทำ� ไป อยา่ งนเี้ รยี กวา่ การปฏบิ ตั ิ อยา่ งเชน่ วนั นี้
มนั ขยนั กท็ ำ� ขเี้ กยี จกพ็ ยายามทำ� ไมไ่ ดท้ ำ� มากกใ็ หไ้ ดส้ กั ครง่ึ หนง่ึ กเ็ อา อยา่ ไปปลอ่ ย
วันน้ขี เี้ กียจไม่ท�ำ อยา่ งน้ไี ม่ได้หรอก เสียหายเลย ไมใ่ ชน่ กั ปฏิบัตแิ ลว้
ทีน้ีผมเคยได้ยนิ “แหม ปนี ีผ้ มแย่เหลอื เกนิ ” “ทำ� ไม” “ผมปว่ ยทงั้ ปี ไมไ่ ด้
ปฏิบัติเลย” โอ้โฮ มันจวนจะตายแล้วก็ยังไม่ปฏิบัติอีก จะไปปฏิบัติเมื่อไหร่ล่ะ
ถ้าหากวา่ มนั สขุ จะปฏิบัตไิ หม มนั สุขกไ็ ม่ปฏบิ ัติอีก มันติดสุขเท่านัน้ แหละ แต่ทุกข์
มันไม่ปฏบิ ัติ กต็ ดิ ทุกขอ์ ยู่นน่ั แหละ ไม่รจู้ ะไปปฏบิ ตั ิกันเมอื่ ไหร่ ไดแ้ ต่ร้วู ่ามันป่วย
159
มนั เจบ็ มันไขจ้ วนจะตาย น่นั แหละใหม้ ันหนกั ๆ เถอะ ทีน้ีเหน็ เราจะตอ้ งปฏบิ ตั เิ อา
เมอ่ื สบายเกดิ ขนึ้ มามนั กต็ อ้ งชใู จของเรา ยกหชู หู างขน้ึ ไปสงู ๆ อกี มนั กต็ อ้ งมาปฏบิ ตั ิ
มันอกี
สองอย่างนี้หมายความว่า จะเป็นสุขก็ต้องปฏิบัติ จะเป็นทุกข์ก็ต้องปฏิบัติ
จะอยู่สบายๆ อยา่ งน้กี ็ต้องปฏบิ ัติ จะเปน็ ไขอ้ ยู่ก็ต้องปฏบิ ตั ิ มันถึงจะถูกแบบ
ถา้ เราคดิ อยา่ งน้ี “ปนี ผ้ี มไมป่ ฏบิ ตั ”ิ “ทำ� ไมไมป่ ฏบิ ตั ”ิ “ผมเปน็ ไขไ้ มส่ บายครบั ”
เออ เม่ือมันสบายมันก็ร้องเพลงไปเท่านั้นแหละ อย่างนี้มันเป็นความคิดผิดนะ
ไม่ใช่ว่ามันไม่ผิด ดังน้ัน พระโยคาวจรเจ้าท่านจึงมีปฏิปทาสม่�ำเสมอในเร่ืองจิต
เป็นก็ใหเ้ ปน็ แตเ่ รือ่ งกาย
มรี ะยะหนง่ึ ทผ่ี มพยายามปฏบิ ตั ิ ตอนนนั้ ปฏบิ ตั ไิ ดป้ ระมาณหา้ พรรษาแลว้ กอ็ ยู่
กับเพื่อนมากๆ แหม มันร�ำคาญ เพื่อนคนน้ีก็พูดอย่างน้ันคนนั้นก็พูดอย่างน้ี
เราน่งั อยู่กุฏจิ ะปฏิบัตกิ รรมฐานกม็ เี พ่อื นขึ้นไปคุยดว้ ย วนุ่ วาย หนี หนีไปคนเดียว
ว่าเพอ่ื นกวน เราไม่ได้ปฏบิ ัติ เบ่ือ ไปอยู่ในป่ารก วดั ป่า วัดรา้ งเลก็ ๆ ไปแล้วละ
มหี มบู่ า้ นนอ้ ยๆ ไปนง่ั คนเดยี ว ไมไ่ ดพ้ ดู เพราะอยคู่ นเดยี วนี่ อยไู่ ดส้ กั ประมาณ ๑๕ วนั
กเ็ กิดความคิดมาอีกแล้ว แหม อยากไดเ้ ณรเลก็ ๆ สกั รปู หนง่ึ กด็ นี ะ อยากไดป้ ะขาว
มาสกั คนก็ดีนะ เพอ่ื จะได้มาใชอ้ ะไรเลก็ ๆ นอ้ ยๆ
น่ีเราก็รู้อยู่ว่ามันจะออกมาท่าไหน ออกมาท้ังน้ันละ เอ แกน่ีตัวส�ำคัญนะ
เบ่ือเพ่ือน เบอ่ื ภกิ ษุสามเณรมาแลว้ ยงั อยากเอาเพื่อนมาอกี ท�ำไมเล่า “เปลา่ ” มันวา่
“เอาเพอ่ื นท่ีดี” แนะ่ คนดมี ีท่ไี หนล่ะ เหน็ ไหม หาคนดเี หน็ ไหม คนท้งั วดั มแี ตค่ น
ไม่ดที ั้งนั้นแหละ ดเี ราคนเดียวละกระมัง เราจงึ หนีเขามาน่ี
ต้องตามมันอย่างนี้ สะกดรอยมันไป มันรู้สึกขึ้นมา เออ อันนี้มันก็ส�ำคัญ
เหมือนกนั นะ แล้วคนดีอยูท่ ไ่ี หนล่ะ ไม่มีคนดที ัง้ นน้ั แหละ คนดีอย่ทู ีต่ ัวเรา ทกุ วนั
นีผ้ มกย็ ังมาสง่ั สอนลกู ศษิ ย์ผมอยูเ่ สมอวา่ คนดีไมม่ ที ี่อ่ืน อยทู่ ่ตี ัวเรา ถา้ เราดีเราไป
ไหนมนั กด็ ี เขาจะนนิ ทาเขาจะสรรเสริญ เรากย็ งั ดีอยู่ เขาจะวา่ อะไร ทำ� อะไร เราก็
160
ยังดอี ยู่ ถา้ เรายงั ไม่ดี เขานนิ ทาเรา เราก็จะโกรธ ถา้ เขาสรรเสริญเรา เรากจ็ ะชอบ
อยา่ งเกา่ เทา่ น้ันแหละ
วนั น้นั ผมภาวนาไดอ้ ย่างนัน้ มคี วามรู้สึกอย่างนั้น กร็ ู้สึกตัง้ แต่วนั นั้นมา รไู้ ด้
ตามเป็นจริง มีความจริงอย่เู ท่าทุกวันน้ี อนั ความดมี ันอยกู่ ับตัวเอง พอไดเ้ หน็ ปุ๊บ
ความรสู้ กึ มนั ลดลง มนั จำ� ตงั้ แตว่ นั นนั้ เลย ตอ่ มามขี น้ึ มามนั กป็ ลอ่ ยไป มขี นึ้ มามนั กร็ ู้
มีข้ึนมามันก็รเู้ รือ่ ยไป อนั น้ีเปน็ รากฐาน
เราจะไปอยู่ท่ีไหน คนเขาจะรังเกียจหรือคนเขาจะว่าอะไร ก็ถือว่าไม่ใช่เขาดี
หรอื เขาชว่ั ถา้ มันดีมันชว่ั คือตวั เรานี้ คนอน่ื มันเร่อื งคนอน่ื เขา มนั เป็นอยู่อยา่ งน้นั
อยา่ ไปเขา้ ใจวา่ แหม วนั นม้ี นั รอ้ น วนั นมี้ นั เยน็ วนั นมี้ นั เปน็ อยา่ งนน้ั อยา่ งนนี้ ะ วนั มนั
จะเป็นอยา่ งไรมนั ก็เป็นของมันอยู่อย่างนัน้ ความจริงตวั เรามนั เสอื กไสไปใหโ้ ทษเขา
เทา่ นน้ั ท่านวา่ เห็นธรรมะเกิดกบั ตวั เองน้ลี ะมนั แน่นอน และไดค้ วามสงบระงบั ดว้ ย
ฉะนั้น พวกเราท่านทง้ั หลายทไ่ี ด้มาอบรมในวนั น้ี แมไ้ ม่กีว่ ัน ผมนกึ วา่ คงจะมี
อะไรขนึ้ มาหลายอย่าง มขี ึน้ มาก็ยังไม่รมู้ ัน มีเยอะแยะ ไมใ่ ช่ว่าเรารูม้ นั นะ ท่ีไมร่ มู้ ัน
กเ็ ยอะแยะ คดิ ถกู กม็ คี ดิ ผิดก็มี อะไรหลายๆ อย่างทม่ี นั เปน็ มา ฉะนัน้ การปฏิบัติ
จึงว่ามนั ยาก
ถงึ แมพ้ วกทา่ นทงั้ หลายจะนง่ั มนั สงบไปบา้ งกอ็ ยา่ คดิ สรรเสรญิ มนั มนั จะมคี วาม
วนุ่ วายไปบา้ งกอ็ ยา่ ไปใหโ้ ทษมนั ถา้ มนั ดกี อ็ ยา่ เพง่ิ ไปชอบมนั ถา้ มนั ไมด่ กี อ็ ยา่ เพง่ิ ไป
รงั เกยี จมนั พากันดูไปเถอะ ใหท้ า่ นดูของทา่ นไป ดไู ป อยา่ เพ่ิงไปวา่ มัน ถา้ มนั ดี
กอ็ ย่าเพิง่ ไปจบั มัน ชั่วกอ็ ย่าเพ่งิ ไปจับมัน เดีย๋ วมนั จะกัดนะ ดมี นั ก็กัด ช่วั มันกก็ ัด
อย่าเพ่งิ ไปจบั มนั
ฉะนนั้ การปฏบิ ตั นิ จี้ งึ วา่ นง่ั นนั่ แหละปฏบิ ตั นิ งั่ ดไู ป มนั มอี ารมณด์ อี ารมณช์ วั่
สลบั ซบั ซอ้ นกนั ไปเปน็ ธรรมดาของมนั อยา่ ไปสรรเสรญิ จติ ของเราอยา่ งเดยี ว อยา่ ไป
ให้โทษมันอย่างเดียว ให้รู้จักกาลรู้จักเวลามัน เมื่อถึงคราวสรรเสริญก็สรรเสริญ
มันหน่อย สรรเสริญใหพ้ อดีอยา่ ให้หลง
161
เหมอื นกับสอนเดก็ นนั่ แหละ บางทกี ็เฆี่ยนมนั บา้ ง เอาไมเ้ รียวเลก็ ๆ เฆีย่ นมัน
ไมเ่ ฆยี่ นไมไ่ ด้ อนั นบี้ างทกี ใ็ หโ้ ทษมนั บา้ ง อยา่ ใหโ้ ทษมนั เรอ่ื ยไป ใหโ้ ทษมนั เรอ่ื ยไป
มนั กอ็ อกจากทางเทา่ นนั้ แหละ ถา้ ใหส้ ขุ มนั ใหค้ ณุ มนั เรอื่ ยๆ มนั ไปไมไ่ ด้ การประพฤติ
ปฏบิ ตั ไิ มใ่ ชอ่ ยา่ งนน้ั เราปฏบิ ตั ไิ ปตามสายกลาง สายกลางคอื อะไร สายกลางนมี้ นั ยาก
ต้องเอาจิตของเราเป็นประมาณ จะเอาตณั หาของเราเปน็ ประมาณไม่ได้
ฉะนั้น การปฏิบัติของท่านท้ังหลายน้ีอย่าพึงถือว่า การน่ังหลับตาอย่างเดียว
เปน็ การปฏบิ ตั ิ เมอ่ื ออกจากนงั่ แลว้ กอ็ อกจากการปฏบิ ตั ิ อยา่ เขา้ ใจอยา่ งนน้ั ถา้ เขา้ ใจ
อย่างนัน้ กร็ ีบกลบั มันเสีย ทีเ่ รยี กวา่ การปฏบิ ัติสมำ�่ เสมอ คือเราจะยืน จะเดนิ จะนั่ง
จะนอน ใหม้ คี วามรูส้ ึกอยอู่ ยา่ งนน้ั เมือ่ เราจะออกจากสมาธิกอ็ ย่าเขา้ ใจว่าออกจาก
สมาธิ เพียงแต่เปล่ียนอริ ยิ าบถเท่านน้ั
ถา้ ทา่ นทง้ั หลายคดิ อยา่ งนกี้ จ็ ะสขุ ใจ เมอื่ ทา่ นไปทำ� งานอยทู่ ไี่ หน ไปทำ� อะไรอยกู่ ด็ ี
ท่านจะมีการภาวนาอยู่เสมอ มีเรื่องตดิ ใจ มคี วามรสู้ กึ อยูเ่ สมอ ถ้าหากท่านองค์ใด
ตอนเยน็ ๆ กม็ านงั่ เมอื่ ออกจากสมาธแิ ลว้ กเ็ รยี กวา่ ไดอ้ อกแลว้ ไมม่ เี ยอื่ ใย ออกไปเลย
ส่งอารมณ์ไปเลย ตลอดทง้ั วนั กป็ ล่อยใจตามอารมณ์ไป ไมม่ ีสติ เย็นต่อไปนกึ อยาก
จะนัง่ พอไปนั่งปุ๊บก็มแี ต่เร่อื งใหม่ท้งั นัน้ เข้ามาสุมมัน ปจั จัยเร่อื งเก่าที่มนั สงบกไ็ ม่มี
เพราะทิ้งมันไวต้ งั้ แต่เชา้ มนั กเ็ ย็นนะสิ ทำ� อยา่ งนเี้ ร่อื ยๆ มันก็ย่ิงหา่ งไปทุกปๆี
ผมเห็นลกู ศษิ ยผ์ มบางองคก์ ็ถามเขา “เป็นอย่างไร ภาวนา” เขาตอบ “เด๋ียวนี้
หมดแลว้ ครบั ” นเี่ อาสกั เดอื นสองเดอื นยงั อยู่ พอสกั ปสี องปมี นั หมดแลว้ ทำ� ไมมนั หมด
กม็ นั ไมย่ ดึ หลกั อนั นไ้ี ว้ เมอื่ นง่ั แลว้ กอ็ อกจากสมาธิ ทำ� ไปทำ� ไป นง่ั นอ้ ยไปทกุ ที ทกุ ที
น่ังเดย๋ี วเดยี วกอ็ ยากออก นั่งประเดีย๋ วกอ็ ยากออก นานๆ เข้าก็ไม่อยากจะนั่งเลย
เหมอื นกบั การกราบพระ เมอ่ื เวลาจะนอนกอ็ ตุ สา่ หก์ ราบ กราบไปเรอ่ื ยๆ บอ่ ยๆ
นานๆ ใจมนั หา่ งแลว้ ตอ่ ไปไมต่ อ้ งกราบ ดเู อากไ็ ด้ นานๆ กเ็ ลยไมก่ ราบ ดเู อาเทา่ นน้ั แหละ
มันจะส่งเราออกนอกคอกไม่รู้เรื่องอะไร นี่ให้เราท้ังหลายรู้ว่าสติมีไว้ท�ำไม ให้เป็น
ผศู้ กึ ษาสมำ่� เสมออย่างนนั้
162
การปฏิบัตนิ จ้ี ึงเปน็ การปฏบิ ตั สิ ม่ำ� เสมอ จะยืน จะเดนิ จะนั่ง จะนอน มันเป็น
ของมนั เสียจรงิ ๆ คอื การท�ำเพยี ร การภาวนา มันเป็นทจ่ี ติ ไมใ่ ช่เป็นทีก่ ายของเรา
จติ ของเรามนั เลอ่ื มใสอยู่ จติ ของเรามนั ตรงอยู่ มนั มกี ำ� ลงั อยู่ มนั รอู้ ยทู่ จ่ี ติ นนั้ จติ นน้ั
มันเปน็ ส่ิงส�ำคัญมาก การยืน การเดนิ การนง่ั การนอน อริ ิยาบถท้ังหลายนั้นมารวม
ทจี่ ิต จติ เปน็ ตัวรบั ภาระท�ำการงานมากเหลอื เกนิ เกอื บทกุ สิ่งทกุ ส่วน
ฉะนั้น เม่อื เราเขา้ ใจถูกมันกท็ ำ� ถกู เม่อื ทำ� ถูกแลว้ มันก็ไม่ผิด ถงึ ท�ำแตน่ ้อยมัน
ถกู นอ้ ย เชน่ วา่ เมอ่ื เราออกจากสมาธแิ ลว้ กร็ สู้ กึ วา่ วนั นเ้ี รายงั ไมอ่ อก เราเปลยี่ นอริ ยิ าบถ
มนั ตงั้ อยอู่ ยา่ งเกา่ นนั่ แหละ จะยนื จะเดนิ จะเหนิ ไปมา มนั กม็ สี ตอิ ยสู่ มำ�่ เสมอ ถา้ เรา
มีความรู้อย่างนั้น กิจธุระภายในใจของเราก็ยังมีอยู่ ถ้าเรานั่งตอนเย็นวันใหม่มา
นั่งลงไปมันก็เช่ือมกันได้ ติดต่อกันไปได้ มันก็มีก�ำลังมิได้ขาด มันเป็นอย่างนั้น
มันกต็ ้องสงบติดตอ่ กนั อยู่อยา่ งนนั้ อนั นีเ้ รียกวา่ ปฏิปทาสม่ำ� เสมอ
การพดู จาปราศรยั การทำ� อะไรทกุ ประการนี้ กพ็ ยายามทำ� ใหม้ นั สมำ�่ เสมอในจติ นน้ั
ถา้ จติ ใจของเรามสี ตสิ มั ปชญั ญะอยเู่ สมอแลว้ สงิ่ ทงั้ หลายเหลา่ นมี้ นั เปน็ ไปเอง มนั คอ่ ยๆ
เป็นไปเอง จิตใจมันจะสงบก็เพราะจิตใจมันรู้จักผิดถูก มันรู้จักเหตุการณ์ของมัน
มันถงึ จะสงบได้
เช่นวา่ ศีลกด็ ี สมาธกิ ด็ ี จะดำ� เนินอยไู่ ด้มนั กต็ ้องมีปัญญา บางคนเข้าใจวา่ ปนี ้ี
ผมจะตง้ั ใจรักษาศลี ปีหนา้ จะท�ำสมาธิ ปีตอ่ ไปจะท�ำปญั ญาใหเ้ กิด อย่างน้ีเปน็ ต้น
เพราะเขา้ ใจว่ามนั คนละอยา่ งกนั
ปนี จี้ ะทำ� ศลี ใจไมม่ น่ั จะทำ� ไดอ้ ยา่ งไร ปญั ญาไมเ่ กดิ จะทำ� ไดอ้ ยา่ งไร มนั กเ็ หลว
ท้ังนน้ั แหละ ความเป็นจริงน้นั มนั กอ็ ยใู่ นจดุ เดยี วกนั ศลี กด็ ี สมาธิกด็ ี ปญั ญากด็ ี
เม่ือเรามีศีลขึ้นมาสมาธิก็เกิดข้ึนเท่าน้ัน สมาธิเราเกิดข้ึนมาปัญญามันก็เกิดเท่าน้ัน
มันเป็นวงกลมครอบกันอยู่อย่างน้ี มันเป็นอันเดียวกัน เหมือนมะม่วงใบเดียวกัน
เม่ือมนั เล็กมนั กเ็ ปน็ มะม่วงใบน้ัน เมอ่ื มันโตมามันก็เปน็ มะมว่ งใบนน้ั เมอ่ื มนั สกุ มา
มันกเ็ ปน็ มะม่วงใบนนั้ ถา้ เราคิดกันงา่ ยๆ อยา่ งน้ี มันกเ็ ปน็ ธรรมะท่ีเราตอ้ งปฏบิ ตั ิ
163
ไม่ต้องเรียนอะไรมากมาย ให้เรารู้มันเถิด รู้ตัวจริงส่ิงทั้งหลายเหล่าน้ี รู้ข้อปฏิบัติ
ของตัวเอง
ฉะนนั้ การทำ� สมาธนิ ี้ บางคนไมไ่ ดต้ ามปรารถนาแลว้ กเ็ ลกิ กห็ ยดุ หาวา่ ตนไมม่ ี
บุญวาสนา แตว่ ่าไปทำ� ชัว่ ได้ บารมีช่ัวท�ำได้ บารมีดีๆ ทำ� ไม่ค่อยได้ เลิกเลย ปจั จยั
มันนอ้ ย มันเป็นกันเสยี อยา่ งนแี้ หละพวกเรา ไปเข้าข้างแต่อยา่ งน้นั ละ่
ดังน้นั เม่ือทา่ นมีโอกาสมาประพฤติปฏบิ ัตแิ ล้ว ถงึ แม้ว่าสมาธมิ นั ท�ำยาก หรอื
มนั ทำ� งา่ ย หรอื มนั ไมค่ อ่ ยเปน็ สมาธิ มนั กเ็ ปน็ เพราะเรา ไมใ่ ชเ่ ปน็ เพราะสมาธิ มนั เปน็
เพราะเราทำ� ไมถ่ กู มนั ฉะนน้ั การทำ� เพยี รนที้ า่ นจงึ ไดว้ า่ เปน็ สมั มาทฏิ ฐิ รมู้ นั เสยี กอ่ นวา่
เป็นสัมมาทฏิ ฐิความเหน็ ชอบ เมอ่ื ความเหน็ ชอบ อะไรมนั ก็ชอบไปหมด สัมมาทฏิ ฐิ
สมั มาสงั กปั โป สมั มากมั มนั โต สมั มาทกุ อยา่ งทง้ั ๘ ประการนน้ั มสี มั มาทฏิ ฐเิ กดิ ขนึ้
อันเดียวเทา่ นนั้ มนั ก็เชื่อมกนั ไปเลย สม่ำ� เสมอกันไปเรื่อยๆ มนั เป็นอยา่ งนนั้
อยา่ งไรก็ตามมนั เถอะ อย่าไปไล่มันออกไปข้างนอกเลย ให้มันดขู ้างในอยา่ งน้ี
ดกี ว่า มนั เห็นชัด อย่าพงึ ไปอา่ นขา้ งนอก ทางทด่ี ีที่สุดนั้น ตามความเข้าใจผมนะ
ไมอ่ ยากจะใหอ้ า่ นหนงั สอื เลย เอาหนงั สอื ใสห่ บี ปดิ ใหม้ นั ดเี สยี อา่ นใจของตนเทา่ นน้ั
ท่เี ราดูหนังสอื มานีก้ ต็ ้งั แตว่ นั ขน้ึ โรงเรยี น มาเรียนกันทง้ั น้ัน ดแู ตห่ นังสอื กันจะเปน็
จะตาย ผมว่ามันมีโอกาส มีเวลามากเหลือเกิน เวลาเช่นน้ีเอาหนังสือใส่หีบปิดให้
มนั ดเี สยี เลย อ่านใจเท่านัน้ แหละ เมอ่ื มันเกดิ อะไรขน้ึ มาในใจของเรานี่ มนั เกดิ เป็น
อารมณ์ข้นึ มา ท่เี ราชอบใจไมช่ อบใจกต็ าม เราเห็นวา่ มนั ผดิ มันถกู ก็ตามเถอะ ให้เรา
ตัดมันไปเลยวา่ อนั นมี้ ันไมแ่ น่ จะเกดิ อะไรข้ึนมาก็ช่างมันเถอะ สบั มนั ลงไป ไม่แน่
ไม่แน่ อยา่ งเดยี ว ขวานเลม่ เดียวสับมันลงไป ไมแ่ น่ทง้ั นั้นแหละ
ตลอดในเดอื นหนง่ึ ทม่ี าพกั อยใู่ นวดั ปา่ น้ี ผมวา่ มนั มกี ำ� ไรมากเหลอื เกนิ จะไดเ้ หน็
ของจรงิ ไอ้ตัวไม่แนค่ อื ตัวส�ำคญั นะ ตัวให้เกดิ ปัญญานะ ยงิ่ ตามมันไม่แน่ ตัวไมแ่ น่
ท่ีเราสับมันไป มันจะเวียนไปเวียนไปแล้วมาพบอีก เออ ไม่แน่จริงๆ มันโผล่มา
เมอ่ื ไรเอาปา้ ยปดิ หนา้ มนั ไวว้ า่ มนั ไมแ่ น่ ตดิ ปา้ ยมนั ไวป้ บุ๊ มนั ไมแ่ น่ ดไู ปๆ เดย๋ี วมนั
164
ก็เวียนมาอีก เวยี นมาครบรอบ เออ อนั น้ีไม่แน่ ขดุ เอาตรงนนั้ มนั กไ็ ม่แน่ เห็นคนๆ
เดยี วกนั ทมี่ าหลอกเราอยกู่ ระทง่ั เดอื น กระทงั่ ปี กระทงั่ เกดิ กระทง่ั ตาย คนๆ เดยี วมา
หลอกเราอยู่เท่านัน้ เราจะเหน็ ชัดอย่างนี้ มันจะเหน็ ว่า ออ้ มนั เปน็ อยา่ งน้เี อง
ทีน้ีเมอื่ มันเป็นอยา่ งน้ี เราก็ไม่ไปยึดม่ันถอื มั่นในอารมณ์ท้ังหลาย เพราะว่ามัน
ไมแ่ น่ เคยเหน็ ไหม ดูซิ นาฬกิ าเรอื นนี้ แหมสวยเหลือเกิน ซือ้ มาเถอะ อีกไม่กวี่ ัน
ก็เบื่อมนั แลว้ ปากกาอันนีส้ วยเหลอื เกิน พยายามซื้อมนั มา มนั ชอบไมก่ เ่ี ดือนก็เบื่อ
มนั แลว้ เสอ้ื ตวั นซี้ อื้ มา ชอบมนั เหลอื เกนิ กเ็ อามาใส่ ไมก่ ว่ี นั ทง้ิ มนั เสยี แลว้ มนั เปน็ อยู่
อยา่ งนี้ มนั แนท่ ต่ี รงไหนละ่ นถ่ี า้ เหน็ มนั ไมแ่ นท่ กุ สงิ่ ทกุ อยา่ ง ราคามนั กน็ อ้ ยลง อารมณ์
ทงั้ หลายนัน้ เป็นอารมณ์ทไี่ ม่มีราคาแลว้
ของท่ีไม่มีราคาแล้วเราจะเอาไปท�ำไม เก็บมันไว้ก็เหมือนผ้าเราขาด ก็เอามา
เช็ดหม้อข้าวเอามาเช็ดเท้าเท่าน้ัน เห็นอารมณ์ทั้งหลายมันก็สม�่ำเสมอกันอย่างน้ัน
มนั เปน็ อยา่ งนน้ั มนั เปน็ สามญั ลกั ษณะ มอี ะไรกเ็ สมอกนั อยา่ งนน้ั เมอ่ื เราเหน็ อารมณ์
ทกุ อยา่ งเปน็ เช่นน้นั เรากเ็ ห็นโลก โลกน้ันคืออารมณ์ อารมณน์ ้ันกค็ อื โลก
เราไมห่ ลงอารมณก์ ไ็ มห่ ลงโลก ไมห่ ลงโลกเรากไ็ มห่ ลงอารมณ์ เมอื่ จติ เปน็ เชน่ นี้
จติ กม็ ที อี่ าศยั จติ กม็ รี ากฐาน จติ กม็ ปี ญั ญาหนาแนน่ จติ อนั นจี้ ะมปี ญั หานอ้ ย แกป้ ญั หา
ได้ทุกประการ เมอื่ ปัญหามันหมดไป ความสงสยั มนั ก็หมดไป อยา่ งนี้ความสงบมนั
ก็ขึน้ มาแทน อันน้เี รียกว่าการปฏบิ ตั ิ ถ้าปฏิบัตกิ นั จริงๆ กต็ อ้ งเปน็ อย่างนัน้ .
165
๑๖
สัมมาสมาธิ
ใหเ้ ราเขา้ ใจในการปฏบิ ตั ิ ยกตวั อยา่ งเชน่ พระพทุ ธเจา้ ของเรา ทงั้ ปฏปิ ทากต็ าม
ทงั้ อบุ ายแนะนำ� พรำ�่ สอนสาวกทงั้ หลายกต็ าม ใหเ้ อาตวั อยา่ ง พระพทุ ธเจา้ ทา่ นสอนขอ้
ปฏบิ ตั เิ ปน็ อบุ ายใหเ้ ราละถอนทฏิ ฐมิ านะ ไมใ่ ชว่ า่ ทา่ นปฏบิ ตั ใิ หเ้ รา เมอื่ เลกิ จากการฟงั
แล้วเราตอ้ งมาสอนตวั เอง มาปฏิบตั ิตวั เอง ผลมันเกิดขึ้นตรงนี้ ไม่ใช่วา่ เกิดขึน้ ตรงที่
ทา่ นสอน ทที่ า่ นสอนเรานน้ั เราเพยี งแตเ่ ขา้ ใจ แตว่ า่ ธรรมะนน้ั ยงั ไมม่ ใี นใจ เพราะอะไร
เพราะเรายงั ไมไ่ ดป้ ฏบิ ตั ิ คือยงั ไมไ่ ด้สั่งสอนตัวเรา พูดตรงๆ แลว้ กค็ ือ ธรรมะนเ้ี กดิ
ท่ีการกระทำ� จะรกู้ ็อยตู่ รงทีก่ ารกระทำ� จะสงสยั ก็อยตู่ รงทก่ี ารกระทำ�
ธรรมทเี่ ราฟังจากครูบาอาจารยก์ ็จรงิ อยู่ แต่วา่ การฟังนน้ั ไม่สามารถทจี่ ะให้เรา
บรรลธุ รรมะได้ เปน็ แตเ่ หตใุ หร้ จู้ กั การปฏบิ ตั ใิ หบ้ รรลธุ รรม การจะใหเ้ ราบรรลธุ รรมนนั้
เราก็ต้องเอาค�ำสอนของท่านมาท�ำข้ึนในใจของเรา ส่วนท่ีเป็นทางกายก็เอาให้กาย
ส่วนที่เป็นทางวาจาก็เอาให้วาจา ส่วนท่ีเป็นทางใจก็เอาให้ใจปฏิบัติ หมายความว่า
ท่านสอนเราแล้ว เราก็กลบั มาสอนตวั เราอกี ให้เปน็ ธรรม ใหร้ ้ธู รรมตามท�ำนองน้ัน
บคุ คลทเ่ี ชอื่ คนอน่ื พระพทุ ธเจา้ ของเราไมต่ รสั สรรเสรญิ วา่ บคุ คลนนั้ เปน็ ปราชญ์
คนท่ีเป็นปราชญน์ ้ันกค็ อื คนทีป่ ฏิบัติธรรมใหเ้ ปน็ ธรรม จนเช่อื ตวั ของตวั ไมต่ อ้ งเชือ่
คนอืน่
166
ในคราวหน่ึงครั้งพุทธกาล พระสารีบุตรและสาวกหลายรูปนั่งฟังธรรมด้วย
ความเคารพต่อพระพักตร์ของพระพุทธเจ้า ท่านก็อธิบายธรรมะให้ความเข้าใจไป
แลว้ ท่สี ุดทา่ นก็ยอ้ นถามพระสารีบตุ รว่า
“ทา่ นสารีบตุ รเชอ่ื แล้วหรือยัง”
พระสารบี ุตรตอบว่า
“ข้าพระองคย์ งั ไม่เชอ่ื ”
นี่เป็นตัวอย่าง แต่ว่าท่านรับฟัง ค�ำที่ว่าท่านยังไม่เช่ือนั้นมิใช่ว่าท่านประมาท
ทา่ นพดู ความจรงิ ออกมา ทา่ นรบั ฟงั เฉยๆ คอื ปญั ญายงั ไมเ่ กดิ ทา่ นจงึ ตอบพระพทุ ธองค์
วา่ ยงั ไม่เชอ่ื ก็เพราะว่ายงั ไม่เชอ่ื จรงิ ๆ ค�ำพูดนค้ี ลา้ ยๆ กับประมาท แต่ความจรงิ
ทา่ นมิไดป้ ระมาทเลย ทา่ นพูดตามความจริงใจ วา่ ทา่ นยังไมเ่ ชื่อ
พระพทุ ธองคก์ ท็ รงสรรเสรญิ “เออ สารบี ตุ ร ดแี ลว้ นกั ปราชญไ์ มค่ วรเชอ่ื งา่ ยๆ
ควรไตร่ตรองพิจารณา แลว้ จงึ เชอ่ื ”
คำ� ทว่ี า่ เชอื่ ตนเอง นน้ั กม็ หี ลายอยา่ งมหี ลายลกั ษณะ ลกั ษณะอนั หนง่ึ มเี หตผุ ล
ที่ถูกต้องตามสัจธรรมแล้ว ลักษณะอีกอันหนึ่งมีเหตุผลท่ีไม่ถูกต้องตามสัจธรรม
ลักษณะอันน้ีประมาทเลย เป็นความเข้าใจท่ีประมาท เป็นมิจฉาทิฏฐิไม่เช่ือใคร
ยกตัวอย่างเช่น ทีฆนขพราหมณ์ พราหมณ์คนน้ีเช่ือตนเองมาก ไม่เช่ือคนอื่น
เมอื่ พระพทุ ธเจา้ กบั พระสารีบุตรลงมาจากดอยคิชฌกฏู นง่ั พักอยู่ ทีฆนขพราหมณ์
กเ็ ขา้ ไปเรยี นถามพระพทุ ธเจา้ ใหพ้ ระพทุ ธเจา้ ทรงแสดงธรรมใหฟ้ งั หรอื จะวา่ ไปแสดง
ธรรมให้พระพุทธเจา้ ฟงั กไ็ ด้ คอื ไปอวดรอู้ วดความเห็นของตัวเอง
“ขา้ พเจา้ มคี วามเหน็ วา่ ทุกอย่างไม่ควรแก่ข้าพเจา้ ” ความเหน็ เป็นอยา่ งน้ี
พระพุทธเจ้าก็ฟังทิฏฐขิ องทีฆนขพราหมณอ์ ยู่ ทา่ นเลยตอบว่า
“พราหมณ์ ความเหน็ อย่างนี้กไ็ มค่ วรแก่พราหมณเ์ หมอื นกัน”
167
พอพระพทุ ธเจา้ ตอบสวนมา พราหมณก์ ส็ ะดดุ ใจ ไมร่ วู้ า่ จะพดู อะไร พระพทุ ธเจา้
จงึ ยกอบุ ายหลายอยา่ งขน้ึ ใหพ้ ราหมณเ์ ขา้ ใจ พราหมณก์ เ็ ลยหยดุ พจิ ารณาจงึ ไดเ้ ขา้ ใจวา่
“เออ ความเห็นของเรานี้มันไมถ่ ูก”
เมอ่ื พระพทุ ธเจา้ ไดต้ รสั ตอบปญั หาเชน่ นนั้ พราหมณก์ ล็ ดทฏิ ฐมิ านะลง พจิ ารณา
เด๋ียวน้ัน เห็นเด๋ียวนั้น พลิกเด๋ียวนั้นเลย เปล่ียนหน้ามือเป็นหลังมือในเวลาน้ัน
ไดส้ รรเสรญิ ธรรมะทพี่ ระพุทธเจา้ ทรงแสดงว่า
“เมอื่ ไดร้ บั ธรรมะของพระผมู้ พี ระภาคแลว้ จติ ใจของขา้ พระองคม์ คี วามแจม่ แจง้
ใสสว่าง เหมือนอยู่ในที่มืดมีคนมาท�ำไฟให้สว่างฉันน้ัน หรือเหมือนกะละมังท่ีมัน
คว�่ำอยู่ มีคนมาช่วยหงายกะละมังข้ึน หรือเปรียบประหน่ึงว่าหลงทาง ไม่รู้จักทาง
ก็มคี นมาช้ีทางใหฉ้ ันน้ัน”
อนั นคี้ วามรไู้ ดเ้ กดิ ขนึ้ ทจ่ี ติ เดยี๋ วนนั้ ทจ่ี ติ ทมี่ นั เปลย่ี นกลบั เดย๋ี วนนั้ ความเหน็ ผดิ
หายไป ความเห็นถกู กเ็ ขา้ มา ความมืดหายไปความสวา่ งก็เกดิ ขน้ึ มาเดี๋ยวน้ัน ดังน้ัน
พระพทุ ธเจา้ จงึ ตรสั วา่ ทฆี นขพราหมณน์ เ้ี ปน็ ผไู้ ดด้ วงตาเหน็ ธรรม เพราะวา่ ในสมยั กอ่ น
ทีฆนขพราหมณ์ไมม่ ีการเปล่ยี นแปลงความเห็นของตัวเอง และไม่รสู้ ึกว่าจะพยายาม
เปล่ยี นแปลงความเหน็ เชน่ นั้นด้วย เม่อื ได้รบั ธรรมะของพระพทุ ธเจ้า จิตของท่านก็รู้
ตามความเปน็ จริงว่า ความยดึ มั่นถอื ม่นั ในความเห็นของตนนัน้ ผดิ ไป เม่ือความร้ทู ี่
ถูกเกิดขน้ึ ก็เหน็ ความรู้ท่ีมีก่อนนนั้ วา่ มนั ผิด ทา่ นจึงเปรยี บเทียบเหมอื นอย่ใู นทม่ี ดื
มคี นมาทำ� ไฟใหส้ วา่ ง อนั นก้ี เ็ หมอื นกนั ฉนั นน้ั ในเวลานนั้ ทีฆนขพราหมณก์ ห็ ลดุ ไป
จากมิจฉาทิฏฐทิ ีย่ ึดถอื ไวเ้ ชน่ น้ี
คนเราก็ต้องเปลี่ยนอย่างน้ี ปฏิบัติต้องเปล่ียนต้องเห็นเช่นนี้จึงจะละมันไปได้
เรามาปฏิบัตดิ ปี ฏิบตั ิชอบ แตก่ อ่ นเราปฏบิ ตั ไิ ม่ดีไม่ชอบ แตก่ เ็ หน็ วา่ มันดมี นั ชอบอยู่
นน่ั เอง เราจงึ ทง้ิ มนั ไมไ่ ด้ เมอ่ื เรามาประพฤตปิ ฏบิ ตั พิ จิ ารณาแลว้ เปลย่ี นกลบั หนา้ มอื
เปน็ หลงั มอื คอื ผรู้ ธู้ รรม หรอื ปญั ญาเกดิ ขนึ้ ทจี่ ติ นนั้ จงึ มคี วามสามารถเปลย่ี นความเหน็
เพราะความรอู้ นั นั้นตามรกั ษาจติ
168
ฉะนนั้ นกั ประพฤติปฏบิ ตั นิ ี้ จงึ สรา้ งความร้ทู ี่เรียกกันว่า “พุทโธ” คือ ผูร้ อู้ นั นี้
ให้เกิดข้ึนที่จิต แต่ก่อนผู้รู้ยังไม่เกิดข้ึนท่ีจิต รู้แต่ไม่แจ้ง รู้แต่ไม่จริง รู้แต่ไม่ถึง
ความรอู้ นั นน้ั จงึ ออ่ นความสามารถ ไมม่ คี วามสามารถทจี่ ะสอนจติ ของเราได้ ในเวลานนั้
จิตน้นั ได้กลบั เปลีย่ นออกมาเพราะความรอู้ ันนี้ เรียกวา่ ปญั ญาหรอื ญาณร้ยู ่ิงกวา่ รมู้ า
แตก่ อ่ น ผรู้ แู้ ตก่ อ่ นนน้ั รไู้ มถ่ งึ ทสี่ ดุ จงึ ไมม่ คี วามสามารถแนะนำ� จติ ของเราใหถ้ งึ ทสี่ ดุ ได้
ฉะนน้ั พระพทุ ธเจา้ ของเราจงึ ใหน้ อ้ มเขา้ มาเปน็ โอปนยโิ ก นอ้ มเขา้ อยา่ นอ้ มออกไป
หรือน้อมออกไปแล้วให้น้อมเข้ามาดูเหตุผลมัน ให้หาเหตุหาผลท่ีถูกต้องทุกอย่าง
เพราะว่าของภายนอกและของภายในน้ันมันเก่ียวเน่อื งซ่งึ กันและกนั อยเู่ สมอ ดงั น้ัน
การปฏบิ ตั ินีค้ ือการมาสรา้ งความร้อู ันหนึง่ ให้มกี ำ� ลังมากกวา่ ความรูท้ ีม่ อี ยแู่ ล้ว คือ
ทำ� ปญั ญาใหเ้ กดิ ขนึ้ ทจี่ ติ ทำ� ญาณใหเ้ กดิ ขนึ้ ทจ่ี ติ จนมคี วามสามารถทจ่ี ะหยงั่ รกู้ ริ ยิ าจติ
ภาษาจิต รู้อบุ ายของกเิ ลสท้ังหลายท้ังปวงท่ีเกิดขน้ึ มาในจติ นัน้
พระพุทธเจ้าของเรานั้นท่านก็ตัดสินใจของท่านยังไม่ได้เหมือนกัน เม่ือท่าน
ออกบวชใหม่ๆ กแ็ สวงหาโมกขธรรม ดูอะไรท่านก็ดทู กุ อย่างใหม้ ีปญั ญา แสวงหา
ครบู าอาจารย์ อทุ กดาบสอยา่ งนท้ี า่ นกไ็ ป เขา้ ไปปฏบิ ตั ดิ ู ยงั ไมเ่ คยนง่ั สมาธทิ า่ นกไ็ ปนง่ั
นงั่ สมาธขิ าขวาทบั ขาซา้ ย มอื ขวาทบั มอื ซา้ ย ตง้ั กายใหต้ รง หลบั ตา อะไรๆ ปลอ่ ยวาง
ไปหมด จนสามารถบรรลุฌานสมาบัตชิ ้นั สงู แตเ่ มอื่ ออกจากฌานน้ันแลว้ ความคิด
มันก็โผลข่ น้ึ มาอีก เมอ่ื มนั โผล่ขนึ้ มาแลว้ จติ ก็เขา้ ไปยึดม่ันถือม่นั ในที่นัน้ ท่านกร็ ูว้ ่า
เออ อนั นป้ี ญั ญาเรายงั ไมร่ ู้ ยงั ไมแ่ จม่ แจง้ ยงั ไมเ่ ขา้ ถงึ ยงั ไมจ่ บ ยงั เหลอื อยู่ เมอ่ื เปน็
เช่นน้ีทา่ นกไ็ ดค้ วามร้เู หมือนกนั
ตรงนไี้ มจ่ บทา่ นกอ็ อกไปใหม่ แสวงหาครบู าอาจารยใ์ หม่ เมอ่ื ออกจากครบู าอาจารย์
องคน์ ท้ี า่ นกไ็ มด่ ถู กู ดหู มน่ิ ทา่ นทำ� เหมอื นกนั กบั แมลงภทู่ เ่ี อานำ้� หวานในเกสรดอกไม้
ไมใ่ หด้ อกไมช้ �้ำ แล้วไปพบอาฬารดาบสกเ็ รียนอกี ไดค้ วามรู้สงู กวา่ เก่าเปน็ สมาบตั ิ
อีกข้นั หนึง่
เมอื่ ออกจากสมาบตั แิ ลว้ พมิ พา ราหลุ กโ็ ผลข่ น้ึ มาอกี เรอื่ งราวตา่ งๆ กเ็ กดิ ขน้ึ มา
ยงั มีความก�ำหนัดรกั ใคร่อยู่ ท่านกเ็ หน็ ในจิตของทา่ นวา่ อนั นกี้ ไ็ ม่ถงึ ท่สี ุดเหมือนกัน
169
ท่านก็เลิกราอาจารย์องค์นี้ไป แต่ยอมรับฟังและพยายามท�ำไปจนสุดวิสัยของท่าน
ท่านตรวจดผู ลงานของทา่ นตลอดกาลตลอดเวลา ไมใ่ ช่วา่ ท่านทำ� แล้วกท็ ง้ิ ไป ไมใ่ ช่
อย่างนัน้ ท่านติดตามผลงานของทา่ นตลอดเวลาทีเดียว
แม้กระท่ังการทรมาน เมื่อทรมานเสร็จก็เห็นว่า การทรมานอดข้าวอดปลา
ทรมานใหร้ า่ งกายซบู ซดี น้ี มนั เปน็ เรอ่ื งของกาย กายมนั ไมร่ เู้ รอ่ื งอะไร คลา้ ยๆ กบั วา่
ไปตามฆา่ คนทไี่ มไ่ ดเ้ ปน็ โจร ไอค้ นทเี่ ปน็ โจรนนั้ ไมไ่ ดส้ นใจ เขาไมไ่ ดเ้ ปน็ โจรเขา้ ใจวา่
เขาเปน็ โจร เลยไปตะคอกใสพ่ วกนนั้ ไปคุมขังแต่พวกนน้ั ไปเบียดเบยี นแตพ่ วกนัน้
เร่ือย เปน็ ไปในท�ำนองน้ี เมื่อท่านพิจารณาแลว้ ก็เหน็ วา่ ไมใ่ ช่เรอ่ื งของกาย มันเป็น
เรอื่ งของจิต อตั ตกลิ มถานุโยโคน้พี ระพทุ ธเจ้าผ่านแล้ว รู้แลว้ จงึ เขา้ ใจวา่ อนั นเ้ี ปน็
เรอ่ื งกาย ความเปน็ จรงิ พระพทุ ธเจ้าทั้งหลายตรสั รู้ทางจติ
เร่ืองกายก็ดี เร่ืองจิตก็ดี ดูแล้วก็ให้รวมเป็นเรื่องอนิจจัง เป็นเรื่องทุกขัง
เปน็ เรอื่ งอนตั ตา มนั เปน็ แตเ่ พยี งธรรมชาตอิ นั หนง่ึ มปี จั จยั ใหเ้ กดิ ขนึ้ มาแลว้ มนั กต็ งั้ อยู่
ตงั้ อยู่แลว้ กส็ ลายไป มเี หตุมปี ัจจยั ก็เกดิ ขึ้นมาอีก เกิดขน้ึ มาแลว้ กต็ ง้ั อยู่ ต้งั อยู่แล้ว
มันก็สลายไปอีก ที่มันเป็นเช่นน้ีก็ไม่ใช่ตัวไม่ใช่ตน ไม่ใช่เราไม่ใช่เขา ไม่มีอะไร
เปน็ แตเ่ พยี งความรสู้ กึ เทา่ นนั้ สขุ กไ็ มม่ ตี วั ตน ทกุ ขก์ ไ็ มม่ ตี วั ตน เมอ่ื คน้ ควา้ หาตวั ตน
จรงิ ๆ แลว้ ไม่มี มเี พียงธรรมชาตอิ ันหนึ่ง เกดิ ข้ึนมาแลว้ ก็ตงั้ อยู่ ตัง้ อยู่แล้วก็ดับไป
มันกห็ มนุ เวยี นเปลย่ี นไปเท่านั้น
มนุษยส์ ตั ว์ท้ังหลายนัน้ กม็ กั เข้าใจว่า การเกดิ ข้นึ นัน้ เปน็ เรา การตงั้ อยเู่ ปน็ เรา
การดับไปนนั้ เป็นเรา ก็ไปยดึ ส่งิ ทง้ั หลายเหลา่ นั้น ไม่อยากให้เปน็ อยา่ งน้ัน อยากให้
เปน็ อยา่ งอน่ื เชน่ วา่ เกดิ แลว้ ไมอ่ ยากใหส้ ลายไป สขุ แลว้ ไมอ่ ยากใหท้ กุ ข์ ทกุ ขไ์ มอ่ ยาก
ใหเ้ กิด ถ้าทกุ ขเ์ กิดแล้วอยากให้ดับเร็ว ๆ หรือไมใ่ หเ้ กดิ เลยดมี ากอยา่ งนี้ นี้ก็เพราะ
เห็นว่ารูปนามน้ีเป็นตัวเรา เป็นของเรา จึงมีความปรารถนาอยากจะให้รูปนามเป็น
อยา่ งน้ัน
170
ถา้ ความเหน็ เปน็ อยา่ งนี้ มนั กค็ ลา้ ยๆ กบั วา่ สรา้ งทำ� นบสรา้ งเขอื่ นไมม่ ที างระบายนำ�้
โทษมนั กค็ ือเข่ือนมันจะพงั เทา่ นน้ั เอง เพราะไมม่ ีทางระบาย อนั นี้กเ็ หมือนกนั ฉันนนั้
นี่พระพทุ ธองค์ทรงเห็นวา่ เมอ่ื ความคดิ ความเห็นเปน็ เชน่ น้ี อันน้แี หละเป็นเหตุให้
ทุกขเ์ กิด เมื่อคดิ เช่นนัน้ เขา้ ใจเชน่ นนั้ ทกุ ขม์ ันก็เกดิ ข้ึนมาเด๋ยี วนนั้ ทา่ นเห็นเหตอุ ัน
นท้ี า่ นจงึ สละ นี้คอื สมุทยั สัจ ทกุ ขสจั นโิ รธสจั มรรคสัจ มันติดอยู่ตรงนเี้ ท่านน้ั
คนจะหมดสงสัยก็จะหมดที่ตรงน้ี เมื่อเห็นว่าอันน้ีมันเป็นรูปนาม หรือกายกับใจ
พิจารณาแล้วที่มันเกิดมาแล้ว ก็ให้เข้าใจว่าไม่ใช่เรา ไม่ใช่เขา ไม่ใช่สัตว์ บุคคล
ตวั ตนเราเขา มันเป็นไปตามธรรมชาติ ตัง้ อยู่อยา่ งนนั้
ทเ่ี รามาปฏบิ ตั ใิ หร้ ู้ตามสงิ่ ท้งั หลายเหล่าน้ีวา่ มันเปน็ อยา่ งน้นั เราไม่มีอ�ำนาจไป
บรหิ ารการงานในทน่ี น้ั เราจะไปเปน็ เจา้ กเ้ี จา้ การไปแตง่ ไปตง้ั ตรงนน้ั ไมไ่ ด้ มนั จะเปน็
ทุกข์เพราะเราไม่ใช่เจ้าของ เราจะเข้าใจว่าเป็นเราเป็นเขาไม่ได้ ทั้งกายและจิตอันน้ี
ถา้ เรารอู้ นั นตี้ ามเปน็ จรงิ แลว้ มนั กม็ อี ยู่ แลว้ กเ็ หน็ อยู่ มนั กเ็ ปน็ อยอู่ ยา่ งนนั้ เหมอื นกบั
กอ้ นเหลก็ แดงๆ กอ้ นหนงึ่ ทเี่ ขาเอาไปเผาไฟแลว้ มนั รอ้ นอยทู่ ง้ั หมดนนั่ แหละ จะเอามอื
ไปแตะขา้ งบนมนั กร็ อ้ น ไปแตะข้างลา่ งกร็ อ้ น ไปแตะขา้ งๆ มันกร็ อ้ น ไปแตะคอ่ น
ทางนีท้ างโน้นก็รอ้ น เพราะอนั น้ันมันรอ้ น ให้เราเข้าใจอย่างนั้น
โดยมากปกตขิ องเรานะ เมอ่ื เรามาปฏบิ ตั ิ มนั กอ็ ยากมอี ยากเปน็ อยากรอู้ ยากเหน็
แต่ว่าไม่ร้จู ะไปเป็นอะไร ไม่รู้วา่ จะไปเห็นอะไร ผมเคยเหน็ ลูกศษิ ย์คนหน่ึงมาปฏบิ ัติ
กับผม ครั้งแรกมาปฏิบัติจิตมันวุ่นวาย เม่ือมันวุ่นวายก็เกิดความสงสัยไม่หยุด
เหมอื นกนั แล้วกท็ ำ� ไปสอนไปเรื่อยๆ ให้มนั สงบ เมือ่ จิตสงบแลว้ กย็ งั หลงอยู่อกี วา่
จะท�ำให้เป็นอยา่ งไรตอ่ ไปอกี แนะ่ วุ่นวายเข้าอกี แลว้ เขาชอบความสงบ ป่านม้ี ันท�ำ
จิตใหส้ งบแล้วแต่กไ็ มเ่ อาอกี ถามว่าจะท�ำอย่างไรต่อไป
ฉะนั้น การปฏิบัติทุกอย่างน้ี พวกเราท้ังหลายต้องท�ำด้วยการปล่อยวาง
การปล่อยวางน้ันมันจะปล่อยวางได้อย่างไร คือเกิดความรู้เท่ามันเสีย ให้เรารู้ว่า
ลกั ษณะของจิตมนั เปน็ อย่างนี้ ลกั ษณะของกายมนั เปน็ อย่างน้ี เรานง่ั เพือ่ ความสงบ
แต่ว่านั่งเขา้ ไปแลว้ มนั เห็นความไมส่ งบ คืออาการของจิตมันเปน็ อยู่อยา่ งน้ันเอง
171
พอเราต้ังจิตกับลมหายใจของเราท่ีปลายจมูกหรือริมฝีปาก เราจะท�ำสมาธิ
เรากย็ กความรขู้ นึ้ มาตงั้ ตรงนไ้ี ว้ เมอื่ ยกขน้ึ มาตงั้ เรยี กวา่ เปน็ วติ ก ๑ คอื ยกไวเ้ มอ่ื ยกเปน็
วติ ก กำ� หนดอยทู่ น่ี เ่ี ปน็ วจิ าร ๒ คอื การวจิ ยั ทปี่ ลายจมกู หรอื ทลี่ มนไี้ ปเรอื่ ยๆ วจิ ารนี้
มันจะคลุกคลกี ับอารมณ์ของเรานัน้ อารมณ์อะไรกช็ ่างมนั เถอะ มนั ก็ตอ้ งพจิ ารณา
เร่ืองท่ีมันเกิดข้ึนมาคลุกคลีกับอารมณ์เรื่อยๆ ไปเป็นธรรมดาของมันเราก็คิดว่าจิต
มันไม่น่ิงไม่อยู่เสียแล้ว ความเป็นจริงอันน้ันมันเป็นวิจาร มันต้องคลุกคลีไปกับ
อารมณ์นั้น
ทีนเ้ี มอ่ื มนั ถลำ� มากไปในทางที่ไมด่ ี มนั จะดึงความรสู้ ึกของจติ ออกห่างไปมาก
เมื่อเรามีสติอีกก็ตั้งใจขึ้นใหม่ ยกข้ึนมาต้ังตรงนี้อีก เรียกว่าวิตก เมื่อเราตั้งข้ึน
สักประเด๋ียวหน่ึงมันก็เกิดวิจาร พิจารณาคลุกคลีไปกับอารมณ์เร่ือยไป แต่เม่ือเรา
เหน็ อาการเปน็ เชน่ น้ี ความไมร่ ขู้ องเรากเ็ กดิ ขน้ึ มาวา่ มนั ไปทำ� ไม เราอยากใหม้ นั สงบ
ทำ� ไมมนั ไมส่ งบ นเี่ ราท�ำไปด้วยความยดึ มั่นถอื มั่นของเรา
ความเป็นจริงอาการของจิตมันเป็นของมันอยู่อย่างนั้น แต่เราไปเพ่ิมว่าอยาก
ใหม้ นั นงิ่ ทำ� ไมมนั ไมน่ งิ่ เกดิ ความไมพ่ อใจ เลยเอาไปทบั กนั เขา้ ไปอกี ทหี นง่ึ กย็ ง่ิ เพม่ิ
ความสงสยั เพมิ่ ความทกุ ขเ์ พมิ่ ความวนุ่ วายขนึ้ มาอกี ตรงนน้ั ความเปน็ จรงิ ถา้ หากมนั
มวี จิ าร คดิ ไปตามเรอ่ื งตามราวกบั อารมณเ์ รอื่ ยๆ ไปอยา่ งนนั้ ถา้ เรามปี ญั ญาเรากค็ วร
คดิ วา่ เออ เรอื่ งจติ มนั เป็นอยา่ งนเ้ี อง นน่ั ผรู้ บู้ อกอยตู่ รงนน้ั บอกใหร้ ตู้ ามความจรงิ
เรือ่ งจติ มนั เปน็ ของมันอย่แู ลว้ อย่างนี้ มนั กส็ งบลงไป
เม่ือไม่สงบ เราก็ยกเป็นวติ กขึน้ มาต้งั ใหม่ ได้พักหนง่ึ แล้วมนั ก็สงบ อีกหน่อย
มันก็เกดิ วจิ ารอีก วิตกวิจารมันเปน็ อยู่อย่างน้ี วิจารไปตามอารมณ์ เม่อื วิจารไปมนั
ก็จางไป จางไป เรากย็ กขึ้นมาอกี อยอู่ ยา่ งนี้ คือการกระท�ำความเพยี รของเรา
การกระทำ� ในเวลานตี้ อ้ งทำ� โดยการปลอ่ ยวาง เหน็ การวจิ ารไปกบั อารมณ์ อารมณ์
ที่มันเกิดข้ึนมาน้ันไม่ใช่ว่าจิตเราวุ่น แต่เราไปคิดผิดเท่าน้ันว่าเราไม่อยากให้มันเป็น
๑ วิตก-ความตริ ตรึก การยกจิตขึ้นสอู่ ารมณ์ เป็นขอ้ หนง่ึ ในองค์ฌาน ๕ (วิตก วจิ าร ปตี ิ สขุ เอกัคคตา)
๒ วิจาร-ความตรอง การกำ� หนด พจิ ารณา ตามเฟ้นอารมณ์ เปน็ ข้อสองในองคฌ์ าน ๕
172
อยา่ งนัน้ ตรงนีเ้ ปน็ เหตุขน้ึ มาแลว้ กไ็ ม่สบาย กเ็ พราะเราอยากใหม้ ันสงบเทา่ นี้ ตรงน้ี
เปน็ เหตคุ อื ความเหน็ ผดิ ถา้ เรามาเปลย่ี นความเหน็ สกั นดิ หนงึ่ วา่ อาการของจติ มนั เปน็
ของมันอยอู่ ยา่ งนี้ เท่านี้มันกล็ ดลงแลว้ น้ีเรยี กว่า การปลอ่ ยวาง
ทีนี้ถ้าเราไม่ยึดม่ันถือมั่น คือท�ำด้วยการปล่อยวาง ปล่อยอยู่ในการกระท�ำ
กระท�ำอยู่ในการปล่อย อย่างนี้ ให้มันเป็นลักษณะอย่างนี้อยู่ในใจของเรา เร่ือง
วจิ ารนนั้ มนั กไ็ มม่ อี ะไร ถา้ จติ เราหยดุ วนุ่ วายเชน่ นน้ั เรอ่ื งวจิ ารนนั้ มนั จะเปน็ เรอ่ื งซอก
ค้นหาธรรมะ ถ้าเราไมซ่ อกคน้ หาธรรมะ มนั จะไปเกดิ วุ่นวายอยูต่ รงนนั้
ความเปน็ จรงิ วติ กแลว้ กว็ จิ าร วติ กแลว้ กว็ จิ าร วจิ ารมนั จะคอ่ ยๆ ละเอยี ดไปเรอ่ื ยๆ
ทแี รกมนั กว็ จิ ารประปรายทวั่ ๆ ไป พอเรารวู้ า่ อาการของจติ มนั กเ็ ปน็ อยา่ งนนั้ มนั ไมท่ ำ�
อะไรใหใ้ ครท้งั น้ัน มันเป็นทเี่ ราไปยึดมั่นถือมัน่ อยา่ งนำ�้ มันไหล มันกไ็ หลของมันไป
อย่อู ย่างนัน้ ถ้าเราไปยดึ ม่ันวา่ ไหลไปทำ� ไม เกิดทุกขแ์ ลว้ ถา้ เราเขา้ ใจวา่ น้ำ� กไ็ หลไป
ตามเรอ่ื งของมนั มันก็ไม่มีทุกข์แล้ว เร่ืองวิจารนีก้ เ็ หมอื นกันฉันนัน้ วิตกแลว้ กว็ จิ าร
วิตกแล้วก็วิจารคลุกคลีกับอารมณ์ แล้วเอาอารมณ์น้ันมาท�ำกรรมฐานให้จิตสงบ
เอาอารมณน์ ัน้ มากำ� หนด วิจารน้ีกท็ ำ� นองเดยี วกบั อารมณ์นน้ั
ถา้ มนั รเู้ รอื่ งของจติ อยา่ งน้ี มนั กป็ ลอ่ ยวางนะ เหมอื นกบั ปลอ่ ยนำ�้ ใหม้ นั ไหลไป
เรื่องวิจารน้ันก็ละเอียดเข้าไป ละเอียดเข้าไป มันจะหยิบเอาสังขารขึ้นมาวิจารก็ได้
เอาความตายมาวจิ ารกไ็ ด้ เอาธรรมะอนั ใดมาวจิ ารกไ็ ด้ ถกู จรติ ขน้ึ เมอ่ื ใดกเ็ กดิ ความอม่ิ
ขน้ึ มา
ความอมิ่ คอื อะไร คอื ปตี ิ เกดิ ปตี คิ วามอมิ่ ใจขน้ึ มา ความขนพองสยองเกลา้ ซซู่ า่
ขน้ึ มา หรอื ตวั เบา ใจมนั กอ็ ม่ิ นเ่ี รยี กวา่ ปตี ิ แลว้ กม็ ี สขุ ในทนี่ น้ั ความสขุ มนั ปะปน
อยทู่ นี่ น้ั ทง้ั มคี วามสขุ ทง้ั มอี ารมณผ์ า่ นอยู่ กเ็ ปน็ เอกคั คตารมณ์ แนะ่ เอกคั คตารมณ์
คอื อารมณ์อนั เดยี ว
ถา้ พดู ไปตามขณะของจติ มันต้องเปน็ อยา่ งนี้ วติ ก วจิ าร ปตี ิ สขุ เอกคั คตา
ถ้าขน้ั ทส่ี องไปเป็นอยา่ งไรล่ะ จติ มนั ละเอยี ดแลว้ วิตกวจิ ารมันหยาบ มนั กล็ น้ ไปอกี
173
มันก็ท้ิงวิตกวิจาร เหลือแต่ปีติ สขุ เอกัคคตา อันนี้เร่ืองจติ มนั ด�ำเนนิ การเอง เราไม่
ตอ้ งรอู้ ะไร ให้รวู้ า่ มันเป็นอยา่ งนี้ บดั นีป้ ีตไิ มม่ ี เหลอื แต่สุขกับเอกคั คตา เราก็รู้จกั
ปตี หิ นไี ปไหน ไมห่ นไี ปทไ่ี หนหรอก จติ ของเรามนั ละเอยี ดขน้ึ ไป กท็ งิ้ สว่ นทม่ี นั หยาบ
เทา่ นนั้ สว่ นไหนมนั หยาบมนั กท็ งิ้ ไป ทงิ้ ไปเรอ่ื ยๆ จนถงึ ทสี่ ดุ ของมนั แลว้ คอื มนั ทง้ิ ๆ ไป
เหลอื เอกคั คตากบั อเุ บกขา มันกไ็ มม่ อี ะไร มนั จบอยา่ งนน้ั
เมอื่ จติ ดำ� เนนิ การประพฤตปิ ฏบิ ตั มิ นั จะตอ้ งไปในรปู นี้ แตข่ อใหเ้ รามปี ญั ญาเสยี
หนอ่ ยหนงึ่ วา่ ทเี่ ราทำ� ครง้ั แรกนน้ี ะ่ เราตอ้ งการใหจ้ ติ สงบ แตจ่ ติ มนั กไ็ มส่ งบ เราอยาก
ใหม้ นั สงบกไ็ มส่ งบ อนั นค้ี อื เราทำ� ดว้ ยความอยาก แตเ่ ราไมร่ จู้ กั วา่ ทำ� ดว้ ยความอยาก
คอื เราอยากใหม้ นั สงบ มนั ไมส่ งบอยแู่ ลว้ เรากย็ ง่ิ อยากใหม้ นั สงบ ไออ้ ยากนล้ี ะ มนั เปน็
เหตุมใิ ชอ่ น่ื
อยากใหส้ งบนเ้ี ราไมเ่ ขา้ ใจวา่ เปน็ ตณั หา กเ็ หมอื นเพมิ่ นำ้� หนกั ขนึ้ อกี ยงิ่ อยากขนึ้
กย็ ง่ิ ไมส่ งบขน้ึ แลว้ กเ็ ลกิ กนั เทา่ นนั้ ทะเลาะกนั ไปเรอ่ื ยๆ ไมไ่ ดห้ ยดุ หรอก นงั่ ทะเลาะ
กนั คนเดยี ว น้กี เ็ พราะอะไร
เพราะเราไมน่ ้อมกลับมาว่า เราจะตง้ั จติ อย่างไร ให้รสู้ ภาวะของมันวา่ อาการ
ของจิตมันก็เป็นของมันอย่างน้ัน ถ้ามันเกิดมาแล้วเวลาใดก็พิจารณาเรื่องมันเป็น
อย่างนน้ั เรื่องจิตนลี้ ักษณะของจติ มันเปน็ อย่างนี้ มันไม่ไปทำ� ให้ใครหรอก ถา้ เรา
ไม่เห็นว่ามันเป็นอย่างนั้นมันเป็นโทษ แต่ความเป็นจริงมันไม่มีโทษหรอก เห็นว่า
ลักษณะอันนน้ั มันเป็นอย่างน้นั เทา่ นน้ั แหละ
เราจะต้งั วิตกวจิ าร วิตกวิจารมันก็ผอ่ นลงมา ผ่อนลงมาเรื่อยๆ มันก็ไมร่ ุนแรง
ทม่ี นั มอี ารมณม์ าเรากว็ จิ ารไป คลกุ คลไี ปกบั อารมณ์ มนั จะรเู้ รอื่ งเกยี่ วกบั อารมณน์ นั่ เอง
มใิ ชอ่ นื่ อนั นเี้ ราไปทะเลาะกนั เสยี กอ่ นแลว้ กเ็ พราะเราตง้ั ใจเหลอื เกนิ วา่ เราอยากทำ�
ความสงบ เมอื่ นง่ั ปบุ๊ อารมณม์ ากวนเลย ยกขน้ึ มาเทา่ นก้ี ไ็ มอ่ ยแู่ ลว้ กพ็ จิ ารณาออกไป
ตามอารมณเ์ ลย กน็ กึ วา่ มนั มากวนเรา ความเปน็ จรงิ มนั เกดิ จากทน่ี ้ี เกดิ จากความเหน็
ทีม่ ันอยากๆ นีแ้ หละ
174
ถ้าหากเราเห็นวา่ เรอ่ื งจิตนม้ี นั กเ็ ป็นของมนั อยู่อย่างนี้ มนั กอ็ าศัยการไปการมา
อยา่ งนนั้ ถา้ เราไม่เอาใจใส่มนั ถ้าเรารเู้ ร่อื งของมนั เสยี แลว้ เหมอื นกนั กับเรารเู้ รื่อง
ของเดก็ นอ้ ย เดก็ นอ้ ยมนั ไมร่ จู้ กั อะไร มนั จะพดู กบั เรา พดู กบั แขก มนั จะพดู อยา่ งไร
ก็พูดไปตามเร่ืองของมัน ถ้าเราไม่รู้เร่ืองของเด็กเราก็โกรธก็เกลียดขึ้นมาอย่างนั้น
ถา้ เรารเู้ รอื่ งของเดก็ แลว้ เรากป็ ลอ่ ย เดก็ มนั กพ็ ดู ของมนั ไปอยา่ งนนั้ เมอื่ เราปลอ่ ยอยา่ งนี้
ความไปยดึ ในเดก็ นนั้ กไ็ มม่ ี เราจะปรกึ ษากนั กบั แขก เรากพ็ ดู ไปตามสบาย เดก็ มนั ก็
คยุ กนั เล่นไปตามเรื่องของมนั เร่อื งของจิตมันก็เป็นของมนั อยอู่ ย่างน้ี ไม่มพี ิษอะไร
นอกจากเราไปหยบิ มนั ข้ึนมา เลยไปยึดมันไปตะครบุ มนั เทา่ นนั้ แหละ มันก็เป็นเหตุ
ข้นึ มาทีเดยี ว
เมื่อปีติเกิดขึ้นมาเราจะมีความสุขใจ บอกไม่ถูกเหมือนกัน แต่ใครเข้าไปถึง
ตรงนน้ั มนั กร็ จู้ กั ความสขุ เกดิ ขนึ้ มา อาการอารมณอ์ นั เดยี วมนั กเ็ กดิ ขน้ึ มา กม็ ี วติ ก
วจิ าร ปีติ สขุ เอกัคคตา สงิ่ ท้ัง ๕ อย่างน้ี มนั รวมอยู่ท่ีจุดเดียวกนั ถึงมนั เป็นคนละ
ลักษณะก็ตาม แต่ว่ามันรวมอยทู่ ี่อันเดยี วกนั เราเหน็ ท่ัวถึงกนั ไปหมด เหมอื นกบั
ผลไมเ้ อามารวมในกระจาดเดยี วกนั มนั เปน็ คนละอยา่ งกช็ า่ งมนั เราจะเหน็ ทกุ อยา่ งใน
กระจาดอนั นนั้ วติ กกด็ ี วจิ ารกด็ ี ปตี กิ ด็ ี สขุ กด็ ี เอกคั คตากด็ ี เรากม็ องดทู จี่ ติ ตรงนน้ั
มันจะมหี มด ๕ อยา่ ง ก็ลกั ษณะอนั นน้ั มนั เปน็ อยา่ งนั้น มีอยอู่ ยา่ งน้นั จะวา่ มันวิตก
อยา่ งไร วจิ ารอยา่ งไร ปตี อิ ยา่ งไร สขุ อยา่ งไร บอกไมถ่ กู เมอ่ื มนั รวมลงเรามองเหน็ วา่
มันเปน็ อยา่ งนัน้ มนั เต็มในใจของเราอยู่
ตรงนม้ี นั กแ็ ปลกแลว้ การทำ� ภาวนาของเรากแ็ ปลกแล้ว ตอ้ งมสี ติสมั ปชัญญะ
อย่าหลง ใหเ้ ขา้ ใจวา่ อันน้ีมันคอื อะไร มนั เปน็ เร่อื งขณะของจติ มันเปน็ เรื่องวสิ ัยของ
จิตเท่าน้นั
อย่าไปสงสัยอะไรในเรื่องปฏิบัตินี้ มันจะจมลงในพ้ืนดินก็ช่าง มันจะไปบน
อากาศกช็ า่ ง มนั จะนง่ั ตายเดยี๋ วนกี้ ช็ า่ งมนั เถอะ อยา่ ไปสงสยั มนั เรอื่ งปฏบิ ตั นิ ใี้ หม้ อง
ดลู กึ ลกั ษณะจติ เรามันเปน็ อย่างไร ให้อยู่กับความร้อู นั นเ้ี ท่านั้น ทำ� ไปอันนีม้ นั ได้
ฐานแล้ว มันมสี ตสิ ัมปชัญญะรตู้ วั ทงั้ การยืน การเดนิ การนงั่ การนอน
175
เม่ือเราเห็นอะไรเกิดข้ึนมาก็ให้มันไป เราอย่าไปติด อย่าไปยึดม่ันถือมั่นมัน
เร่อื งชอบใจไม่ชอบใจ เรื่องสขุ เร่ืองทกุ ข์ เร่ืองสงสยั ไมส่ งสยั นัน้ ก็เรยี กว่ามนั วิจาร
มนั พจิ ารณา ตรวจตราดผู ลงานของมนั อย่าไปช้อี ันนั้นเป็นอนั นี้ อย่าเลย ให้รเู้ ร่อื ง
เหน็ สงิ่ ทง้ั หลายทเ่ี กดิ ขน้ึ กบั จติ นนั้ กส็ กั แตว่ า่ เปน็ ความรสู้ กึ เทา่ นน้ั เอง เปน็ ของไมเ่ ทยี่ ง
เกดิ ขน้ึ มากต็ ง้ั อยู่ ตง้ั อยกู่ ด็ บั ไป กเ็ ปน็ ไปเทา่ นี้ ไมม่ ตี วั ไมม่ ตี น ไมม่ เี ราไมม่ เี ขา ไมค่ วร
ยดึ มนั่ ถอื มัน่ อนั ใดอนั หน่ึงในส่ิงทงั้ หลายเหลา่ น้ี
เมอื่ เหน็ รปู นามมนั เปน็ เชน่ นต้ี ามเรอ่ื งของมนั แลว้ ปญั ญาเหน็ เชน่ นมี้ นั กเ็ หน็ รอย
เกา่ มนั เหน็ ความไม่เที่ยงของจิต เหน็ ความไมเ่ ที่ยงของรา่ งกาย เหน็ ความไม่เทีย่ ง
ของความสุขความทกุ ข์ ความรกั ความโกรธ มันไมเ่ ทย่ี งทงั้ นัน้ จิตมันก็วบู แลว้ กเ็ บ่อื
เบ่ือกายเบ่ือจิตอันน้ี เบอ่ื สิ่งทีม่ ันเกิดมันดบั ท่ีมันไมแ่ น่อย่างนเ้ี ทา่ น้ันแหละ จะไปน่งั
อย่ทู ่ีไหนมันก็เหน็ เมอ่ื จติ มนั เบอ่ื ก็หาทางออกเทา่ น้ัน มนั หาทางออกจากสง่ิ ทั้งหลาย
เหล่าน้นั ไม่อยากเปน็ อย่างน้ีไมอ่ ยากอยอู่ ยา่ งนี้
มนั เห็นโทษในโลกน้ี เหน็ โทษในชีวติ ท่เี กิดมาแลว้ เมื่อจติ เปน็ เช่นน้ี เราไปนั่ง
อยทู่ ่ีไหน กเ็ หน็ เรอื่ ง อนจิ จงั ทุกขงั อนตั ตา กไ็ มม่ ที ี่จบั ตอ้ งมันแลว้ จะไปนงั่ อย่โู คน
ตน้ ไมก้ ไ็ ดฟ้ งั เทศนพ์ ระพทุ ธเจา้ จะไปนง่ั อยภู่ เู ขากไ็ ดฟ้ งั เทศนพ์ ระพทุ ธเจา้ จะไปนง่ั อยู่
ทร่ี าบกไ็ ดฟ้ งั เทศนพ์ ระพทุ ธเจา้ เหน็ ตน้ ไมท้ กุ ตน้ มนั จะเปน็ ตน้ เดยี วกนั เหน็ สตั วท์ กุ ชนดิ
มนั เปน็ สัตวอ์ ยา่ งเดียวกนั ไมม่ ีอะไรจะแปลกไปกวา่ นี้ มันเกิดแลว้ มนั ก็ตัง้ อยู่ ตง้ั อยู่
แล้วกแ็ ปรไปดบั ไป เหมือนกันท้ังนน้ั
ฉะนนั้ เรากม็ องเหน็ โลกนไ้ี ดช้ ดั ขนึ้ เหน็ รปู นามอนั นไ้ี ดช้ ดั ขนึ้ มนั ชดั ขน้ึ ตอ่ อนจิ จงั
ชัดข้ึนต่อทุกขัง ชัดขึ้นต่ออนัตตา ถ้ามนุษย์ทั้งหลายเข้าไปยึดมั่นถือม่ันว่ามันเท่ียง
มนั จริงอยา่ งนน้ั มนั กเ็ กิดทุกขข์ ึน้ มาทนั ที มนั เกดิ อยา่ งน้ี ถา้ เราเหน็ รปู นามมันเปน็
ของมันอย่างนน้ั มันกไ็ มเ่ กิดทกุ ข์ เพราะไมไ่ ปยดึ มน่ั ถือม่นั
นงั่ อยทู่ ไ่ี หนกม็ ปี ญั ญา แมเ้ หน็ ตน้ ไมก้ เ็ กดิ ปญั ญาพจิ ารณา เหน็ หญา้ ทงั้ หลายกม็ ี
ปญั ญา เห็นแมลงตา่ งๆ กม็ ปี ัญญา รวมแลว้ มันเข้าจุดเดียวกัน เปน็ ธรรมะ เป็นของ
ไมแ่ นน่ อนทง้ั นน้ั นค่ี อื ความจรงิ นค่ี อื สจั ธรรม มนั เปน็ ของเทย่ี ง มนั เทยี่ งอยตู่ รงไหน
176
มนั ก็เท่ียงอยู่ตรงท่วี ่า มนั เป็นอย่อู ย่างนั้นไมแ่ ปรเปน็ อยา่ งอืน่ เท่านั้นละ กไ็ ม่มีอะไร
มากไปกว่าน้นั ถา้ เราเหน็ เชน่ นแี้ ลว้ มันกจ็ บทางท่ีจะต้องไป
ในทางพระพุทธศาสนานี้ เรื่องความเห็นนี้ ถ้าเห็นว่าเราโง่กว่าเขามันก็ไม่ถูก
เหน็ วา่ เราเสมอเขามนั กไ็ มถ่ กู เหน็ วา่ เราดกี วา่ เขามนั กไ็ มถ่ กู เพราะมนั ไมม่ เี รา นมี่ นั เปน็
เสยี อยา่ งน้ี มันกถ็ อนอัสมมิ านะออก อันนท้ี า่ นเรยี กวา่ เปน็ โลกวิทรู แู้ จ้งตามเป็นจรงิ
ถา้ มาเห็นจรงิ เช่นน้ัน จติ มันกร็ เู้ นื้อรู้ตัว รถู้ งึ ท่สี ดุ มนั ตดั เหตแุ ล้ว ไมม่ ีเหตุ ผลก็เกดิ
ขึ้นไม่ได้ อนั นี้พดู ถงึ ข้อปฏิบตั ิ มนั จะดำ� เนินการของมันไปอย่างนนั้
รากฐานทเี่ ราจะตอ้ งปฏบิ ตั ใิ หมๆ่ น้ี หนงึ่ ใหเ้ ปน็ คนซอื่ สตั ยต์ รงไปตรงมา สอง
ให้เป็นคนกลัวคนละอายตอ่ บาป สาม มีลักษณะท่ถี อ่ มตัว ในใจของเราเป็นคนท่ี
มกั นอ้ ย เปน็ คนทสี่ นั โดษ ถา้ คนมกั นอ้ ยในการพดู การอะไรทกุ อยา่ งมนั กเ็ หน็ ตวั ของตวั
ไมเ่ ข้าไปวุ่นวาย รากฐานท่มี ีอยู่ในจติ นน้ั ก็ล้วนแตศ่ ลี สมาธิ ปัญญา เต็มอยูใ่ นจติ
ไม่มีอะไรอ่นื จติ ใจขณะน้ันก็เดนิ ในศลี ในสมาธิ ในปญั ญาโดยอาการเชน่ น้นั
ฉะนนั้ นกั ปฏบิ ตั เิ รานน้ั อยา่ ประมาท ถงึ แมว้ า่ ถกู ตอ้ งแลว้ กอ็ ยา่ ประมาท ผดิ แลว้
กอ็ ยา่ ประมาท ดแี ลว้ กอ็ ยา่ ประมาท มสี ขุ แลว้ กอ็ ยา่ ประมาท ทกุ อยา่ งทา่ นวา่ อยา่ ประมาท
ทำ� ไมไมใ่ หป้ ระมาท เพราะอนั นมี้ นั เปน็ ของไมแ่ น่ ใหจ้ บั มนั ไวอ้ ยา่ งน้ี จติ ใจเรากเ็ หมอื นกนั
ถา้ มคี วามสงบแลว้ กว็ างความสงบไว้ แหม มนั อยากจะดใี จ แตด่ กี ใ็ หร้ เู้ รอ่ื งมนั ชว่ั กใ็ ห้
รเู้ รอื่ งมนั
ฉะนน้ั การอบรมจติ นน้ั เปน็ เรอื่ งของตนเอง ครบู าอาจารยบ์ อกแตว่ ธิ ที อี่ บรมจติ
กเ็ พราะจิตมันอยู่ทีเ่ รา มนั รจู้ ักหมดทกุ อย่าง ไม่มใี ครจะรเู้ ทา่ ถึงตวั เรา เร่อื งปฏบิ ตั ิ
มันอาศยั ความถกู ตอ้ งอยา่ งนี้ ให้ทำ� จริงๆ เถอะ อย่าไปทำ� ไมจ่ ริง
คำ� วา่ ทำ� จรงิ ๆ นนั้ มนั เหน่อื ยไหม ไมเ่ หนอื่ ย เพราะทำ� ทางจติ ประพฤติทางจิต
ปฏบิ ัตทิ างจติ ถ้าเรามสี ติมีสมั ปชัญญะอยู่ เรือ่ งท่ถี กู ทผ่ี ดิ มนั กต็ อ้ งรู้จกั ถา้ รจู้ กั เรา
กร็ จู้ กั ขอ้ ปฏบิ ตั เิ ทา่ นนั้ ไมจ่ ำ� เปน็ ตอ้ งมาก ดขู อ้ ปฏบิ ตั ทิ งั้ หลายทกุ สง่ิ ทกุ สว่ นแลว้ กใ็ ห้
นอ้ มเข้ามาอย่างนน้ั ทุกคน
177
มนั กจ็ วนคอ่ นพรรษาแลว้ ตามความจรงิ ลกั ษณะของคนเรานน้ั นานๆ ไป มนั ชอบ
อยากประมาทในข้อวัตรท่ีตั้งไว้ ไม่เสมอต้นเสมอปลาย แสดงว่าปฏิปทาของเราไม่
สมบรู ณอ์ ยา่ งทเี่ ราตง้ั ใจไวก้ อ่ นพรรษา เราจะทำ� อะไรกนั กต็ อ้ งทำ� ประโยชนอ์ นั นนั้ ให้
สมบรู ณ์ ระยะสามเดอื นนใี้ หม้ นั ตลอดตน้ ตลอดปลาย ตอ้ งพยายามใหเ้ ปน็ ทกุ ๆ คน
เราตงั้ ใจไวว้ า่ เราจะปฏบิ ตั กิ นั อยา่ งไรกอ่ นเขา้ พรรษา ขอ้ วตั รเราตอ้ งทำ� กนั อยา่ งไร
ตง้ั ใจอยา่ งไร ใหร้ ะลกึ ถงึ วา่ ถา้ หากมนั ยอ่ หยอ่ นกต็ อ้ งกลบั ตวั ปรบั ปรงุ เรอื่ ยๆ เหมอื นกบั
เราภาวนาทำ� อานาปานสติ ลมหายใจเขา้ ออกสมำ�่ เสมอ เมอื่ จติ มนั วนุ่ วายไปตามอารมณ์
กย็ กขนึ้ มาตง้ั ใหม่ เมอ่ื มนั เปน็ ไปตามอารมณ์ กย็ กขนึ้ มาอกี ตงั้ ใหม่ อยา่ งนก้ี เ็ หมอื นกนั
ทางจิตของเรา ทางกายของเรา ก็เป็นอยา่ งนน้ั ตอ้ งพยายาม.
178
๑๗
เพยี รละกามฉันทะ
กาโมฆะ โอฆะคือกาม จมอยใู่ นรปู ในเสยี ง ในกล่ิน ในรส ในโผฏฐพั พะ
ทมี่ นั จมอยคู่ อื มนั ดแู ตข่ า้ งนอก ไมด่ ขู า้ งใน ไมด่ ตู วั ของเราน้ี แตเ่ ราชอบดคู นอน่ื คนอน่ื
เหน็ หมดแล้ว แตต่ วั เราไมช่ อบดกู นั มนั จึงไมเ่ ห็น มนั ไม่ใช่เปน็ ของยากล�ำบากอะไร
แตเ่ ราไมพ่ ยายามทสี่ ดุ ในตรงนี้ ยกตวั อยา่ ง มองดสู กี าสวยๆ เปน็ อยา่ งไรละ่ พอมอง
เหน็ หน้ามันมองเห็นหมดทุกอยา่ ง เห็นไหม
ดใู นใจน้ีก็ได้ เห็นสภาพของผ้หู ญิงเป็นอย่างไร เหน็ แลว้ พอตานอกมองเห็น
ตาในเหน็ หมดทกุ แหง่ ทำ� ไมมนั เรว็ อยา่ งนนั้ คอื มนั จมอยใู่ นนำ้� มนั จมอยู่ มนั วนิ จิ ฉยั อยู่
มนั วจิ ัยอยู่ มันติดอยใู่ นนัน้ เพราะวา่ เราเป็นทาสมนั
เหมอื นเราเปน็ ทาสของคนหนงึ่ คนนนั้ มอี ำ� นาจมากกวา่ เรา ชใ้ี หว้ ง่ิ กต็ อ้ งวงิ่ ใหน้ ง่ั
กต็ อ้ งนง่ั ใหเ้ ดนิ กต็ อ้ งเดนิ เพราะอะไร เราฝนื ไมไ่ ดเ้ พราะเราเปน็ ทาสเขา เราเปน็ ทาส
ของกามน้ีก็เช่นกนั จะเขยี่ อยา่ งไรมันก็ไม่ออก ย่งิ ใหค้ นอืน่ เขยี่ กย็ ่ิงร้าย เราต้องเข่ีย
ของเราเอง
ดงั น้ัน การปฏบิ ัติธรรมนี้ เรอ่ื งท่ีมนั จะพ้นทกุ ข์ พระพทุ ธเจา้ ท่านจงึ มอบให้เรา
นเี้ อง พดู งา่ ยๆ อยา่ งพระนพิ พานนี้ พระพทุ ธเจา้ ทา่ นตรสั รชู้ ดั แจง้ ทำ� ไมไมอ่ ธบิ ายธรรมะ
ใหล้ ะเอยี ดแยบคายเกยี่ วกบั เรอ่ื งนพิ พาน ทา่ นบอกวา่ ใหป้ ฏบิ ตั ริ เู้ ฉพาะตวั เทา่ นน้ั แหละ
179
ทำ� ไมถงึ บอกอยา่ งนนั้ กค็ วรจะชว้ี า่ มนั เปน็ อยา่ งนนั้ อยา่ งนี้ มใิ ชห่ รอื พระพทุ ธเจา้ ทา่ น
ปฏบิ ตั มิ าเพอ่ื จะเปน็ พระพทุ ธเจา้ หลายอสงไขย กเ็ พอื่ ทา่ นจะไดโ้ ปรดสตั วน์ น่ั เอง ทำ� ไม
ทา่ นไมช่ พ้ี ระนพิ พานใหร้ จู้ กั กนั ใหม้ นั ไปกนั บางคนกค็ ดิ อยา่ งนนั้ ถา้ พระพทุ ธเจา้ รจู้ รงิ
กบ็ อกจริงๆ สิ จะปกปดิ อำ� พรางไวท้ ำ� ไม
ความเป็นจริงคิดเช่นน้ีมันผิด คือเราจะเห็นอย่างนั้นไม่ได้ มันจะเห็นเพราะ
การประพฤติเพราะการปฏิบตั ิ ทา่ นเพียงแต่จะแนะแนวทางพอให้เกิดปญั ญาเท่านนั้
บอกแตว่ า่ ใหป้ ฏบิ ตั ิเอง ให้กระทำ� เอง ผ้บู รรลุก็เหน็ เอง
แต่ว่าแนวทางที่ท่านแนะไปมันก็ขัดใจเราอยู่แล้ว ให้มักน้อยให้สันโดษ
ใหอ้ ย่างนน้ั อยา่ งนี้ เราก็ยง่ิ ไมช่ อบอยแู่ ลว้ เลยบอกไปวา่ ใหท้ า่ นชน้ี พิ พาน ช้ที างไป
นพิ พานใหค้ นทง่ี อมอื งอเทา้ ไปกไ็ ด้ อยา่ งตวั ปญั ญากเ็ หมอื นกนั ทา่ นจะเอาตวั ปญั ญานี้
ช้ีกันให้เกิดปัญญา เอาปัญญาให้กันไม่ได้หรอก แต่ท่านก็แนะแนวทางท่ีจะให้เกิด
ปัญญานไ้ี ด้ แตจ่ ะเกิดปญั ญามากหรือนอ้ ยนนั้ แล้วแตก่ รณี พดู ถึงบญุ วาสนาบารมี
ความรคู้ วามเห็นมันต่างกนั เชน่ พดู ถงึ วตั ถุอนั หน่ึง อยา่ งรปู สงิ ห์อย่หู น้าโบสถ์เรานี้
ตา่ งคนตา่ งดู ดตู วั เดยี วกนั กไ็ มเ่ หมอื นกนั คนนว้ี า่ แหมสวย คนนนั้ วา่ ไมส่ วย กต็ วั เดยี ว
กนั นั่นล่ะ สวยไมส่ วยเทา่ นี้เรากร็ ู้จกั วา่ มันเปน็ อย่างไร
ฉะนนั้ ผบู้ รรลธุ รรมชา้ กวา่ กนั เรว็ กวา่ กนั มนั มอี ยู่ พระพทุ ธองคแ์ ละสาวกทงั้ หลาย
ก็เหมือนกัน ที่ท่านประพฤติปฏิบัติมาน้ัน ความเป็นจริงท่านท�ำด้วยตนเอง แต่ว่า
ทำ� ดว้ ยตนเองน้ันกต็ ้องอาศัยครูบาอาจารย์บอกอบุ ายใหเ้ กิดปญั ญา ทา่ นไม่สามารถ
เอาปัญญาให้กันไดห้ รอก ทา่ นสามารถแต่จะให้ความร้เู ปน็ บอ่ เกิดของปัญญาเทา่ นั้น
ทีนเ้ี ม่ือเราจะฟังธรรม ฟงั มนั จนหมดสงสัย มกี ็ไมห่ มดหรอก ความสงสัยมนั
ไมห่ มดดว้ ยการฟงั หรอื การคดิ เราตอ้ งเอาไปฟอกใหม่ ฟอกใหมค่ อื ปฏบิ ตั ใิ หม่ ถงึ แม้
วา่ ทา่ นจะพดู ความจรงิ มาสกั เทา่ ไหรก่ ต็ ามเถอะ เรากไ็ มร่ ไู้ มเ่ หน็ ตามความเปน็ จรงิ นนั้
ถ้ารู้ก็สักแต่ว่าคาดคะเนหรือประมาณเอาเท่าน้ัน แต่ถึงไม่บรรลุธรรมในขณะที่ฟัง
อยูน่ ้ัน กต็ ัวจติ มนั สรา้ งตวั มนั ข้ึนไดน้ ะ
180
มเี หมอื นกนั ในครง้ั พทุ ธกาล นงั่ ฟงั ธรรม บรรลธุ รรมถงึ ขนั้ ทสี่ ดุ ในขณะทน่ี ง่ั ฟงั
อยู่กม็ ี แตว่ า่ เมอ่ื ฟังอย่มู ันรอู้ ุบาย มันเรว็ คล้ายๆ กับลูกโปง่ ลูกโปง่ นนั้ นะเขาสูบลม
เขา้ มันพองตัว ไอ้ลมท่ีมันอยใู่ นลกู โปง่ นั้นมันมพี ลงั ทจี่ ะดันออกมา มันพยายามที่จะ
ออกแตม่ นั ไมม่ รี ู พอเอาเขม็ หมดุ ไปแทงสกั นดิ เดยี วเทา่ นนั้ ลมกฟ็ .้ี ..ออกไปเลย อนั นี้
ก็ฉันนน้ั
วสิ ัยของสาวกที่ฟงั ธรรม บรรลธุ รรมในอาสนะทน่ี ่ังนนั้ กเ็ หมอื นกนั ไม่มอี ะไร
สมั ผสั มันดันอยเู่ หมอื นลกู โป่งทม่ี ันทบึ อยู่ คือมันมีอะไรบังอยู่นดิ เดียว มันไมอ่ อก
พอไดฟ้ งั ธรรมถกู จรติ เขา้ เทา่ นนั้ กเ็ กดิ ปญั ญาปบุ๊ ขน้ึ มาทนั ที ลว่ งรใู้ นเวลานน้ั ปลอ่ ยวาง
ในเวลานั้น ท่านกบ็ รรลธุ รรมอย่างแทจ้ ริงได้ มันเปน็ เสียอยา่ งน้ัน มนั งา่ ย กเ็ พราะ
มนั พลิกกลับเท่านนั้ แหละ มนั เปล่ียนหรือมนั พลกิ ออกจากความเหน็ อยา่ งนั้นมาเป็น
ความเห็นอย่างนี้ จะวา่ ไกลมันก็ไกล จะวา่ ใกลม้ นั กใ็ กล้
อนั นเ้ี ปน็ ของทำ� เอาเอง พระพทุ ธเจา้ ใหอ้ บุ ายทจ่ี ะทำ� ใหเ้ กดิ ปญั ญา ครบู าอาจารย์
เราทกุ วนั นกี้ เ็ หมือนกนั ฉันนั้น ท่านเทศน์ให้เราฟงั เอาความจริงพูดใหฟ้ ังกัน แตเ่ รา
กเ็ อาความจรงิ นน้ั ไปไมไ่ ด้ เพราะอะไร มนั มเี ยอ่ื อะไรมาปดิ บงั อยนู่ ะ นจี่ ะหมายความวา่
มนั จมก็ได้ มันจมอย่ใู นน�้ำ กาโมฆะ โอฆะคอื กาม ภโวฆะ โอฆะคอื ภพ ภพท่ีเกดิ
กามทงั้ หลายกอ็ ยใู่ นรปู ในเสยี ง ในกลน่ิ ในรส ในโผฏฐพั พะ ในธรรมารมณ์ วา่ เปน็
ตัวเปน็ ตน เป็นเราเปน็ เขา ยึดม่นั ถือม่นั อยูใ่ นกามแน่น
ดังน้นั ผู้ปฏบิ ัติบางทกี ็เบื่อ เอือมระอา เบ่อื ในการปฏบิ ตั ิ ขี้เกียจ ไม่ตอ้ งดู
อนื่ ไกลหรอก อยา่ งเราฟงั ธรรมะกนั นี้ ไมค่ อ่ ยจะจำ� อยใู่ นใจกนั แตว่ า่ ถกู คนอนื่ เขาดา่
ด่าอย่างจรงิ จงั โนน้ ด่าแตว่ ันเข้าพรรษาโนน้ ด่าอยา่ งหนกั ถึงวนั จะออกพรรษาแลว้
มนั กย็ ังไมล่ ืม อกี พรรษาหน่งึ มันกย็ ังไมล่ ืม ช่วั ชีวติ นี้ก็ยังไม่ลืม ถ้ามันเขา้ ถึงใจจรงิ ๆ
แตธ่ รรมะทพ่ี ระพทุ ธเจา้ ทา่ นสอนใหม้ กั นอ้ ย ปฏบิ ตั ดิ ปี ฏบิ ตั ชิ อบ ทำ� ไมไมอ่ ยาก
จะเอาเขา้ ไปในใจนั้น ท�ำไมมันถงึ ลมื กันมาต้ังนมนาน ไม่ตอ้ งพูดถึงอะไรมากหรอก
ขอ้ วตั รเรานี้ อยา่ งเราตงั้ ขอ้ วตั รวา่ กอ่ นฉนั หรอื ฉนั เสรจ็ แลว้ เกบ็ บาตร อยา่ ไปคยุ กนั นะ
181
เท่านม้ี ันกย็ งั ไมค่ อ่ ยจะได้ แตร่ ดู้ ้วยว่าการคุยกันนม้ี ันดอี ะไรไหม มนั ตกอยู่ในกาม
ทง้ั นนั้ แหละ คยุ ไปคยุ มากข็ ดั แยง้ กนั แลว้ กท็ ะเลาะกนั ขดั ใจกนั เทา่ นน้ั ไมม่ เี รอ่ื งอะไร
มากหรอก เทา่ นี้มใิ ชเ่ ปน็ ของละเอียด เปน็ ของหยาบๆ อย่างนม้ี นั กไ็ ม่คอ่ ยจะเอานะ
คนนี่ วา่ อยากจะบรรลธุ รรม แตจ่ ะเดนิ ไปทางนนั้ ไมค่ อ่ ยจะเดนิ มาตามทางนี้ มนั เปน็ ไป
เสียอย่างน้ัน ข้อวัตรทุกอย่างทุกประการน้ีมันเป็นอุบายให้เข้าไปเห็นธรรมะท้ังน้ัน
แตเ่ ราไมค่ ่อยรู้ ไมค่ อ่ ยประพฤติปฏิบตั ิใหม้ ันเดนิ ไปตรงนั้น
การปฏบิ ตั อิ ยา่ งจรงิ จงั น้ี คำ� วา่ อยา่ งจรงิ จงั มใิ ชล่ งเรย่ี วลงแรงอะไรมาก คอื ตง้ั ใจ
ใหม้ นั มพี ลงั ของจติ ขนึ้ เทา่ นนั้ ใหพ้ ยายามมคี วามรทู้ กุ อยา่ งทม่ี นั เปน็ มาทมี่ นั จะจมอยู่
ในกาม ทีม่ นั เป็นข้าศึก เท่านีก้ ย็ งั ไมค่ อ่ ยจะได้
ทุกปีจวนจะออกพรรษาก็ย่ิงเป็นนะ คือมันเดินไม่ไหว มันเดินไปสุดขีดของ
มนั แลว้ จวนจะออกพรรษาเทา่ ไหรย่ งิ่ เลอะ เรยี กวา่ มนั ไมม่ ตี น้ ไมม่ ปี ลาย มนั ไมส่ มำ่� เสมอ
พดู ทกุ ปที �ำไม่คอ่ ยจะได้ ตงั้ ข้อวัตรป๊บุ ไมถ่ งึ ปีเลย เสยี เสยี แลว้ จวนจะออกพรรษา
ก็เอาแลว้ เกดิ คุยกัน เกดิ อะไรต่ออะไร อารมณต์ ่างๆ หลายอย่าง เลอะ ชอบจะเปน็
อย่างน้ันอย่างน้ี ถ้าผู้ปฏิบัติจะให้ดีนะท่านจะต้องรู้มันว่า อันนี้ท�ำไมถึงท�ำอย่างน้ัน
นเี่ ปน็ เพราะว่ามนั มองไมเ่ ห็นโทษ
มาบวชในพระพทุ ธศาสนากอ็ ยกู่ นั อยา่ งนี้ ไมม่ อี ะไรมากหรอก เวลาเราสกึ ออก
ไปแลว้ นี่ ไปรบกันไปยิงกัน ยิงเฉยี ดกนั ทุกวนั ๆ อย่างนย้ี งั ชอบ อยากจะไปกนั จรงิ ๆ
อันตรายมันใกล้เหลือเกินก็ยังยอมอย่างน้ัน ท�ำไมมันถึงไม่เห็นนะ จะตายเพราะ
ลูกกระสนุ เขานะยอมไป แตจ่ ะตายเพื่อท่จี ะสร้างคุณงามความดนี ้ีไมย่ อม
ดูแค่นี้กพ็ อแลว้ กเ็ พราะเราเป็นทาสมันนัน่ เองแหละ ไม่ใชอ่ น่ื หรอก เราดเู ทา่ นี้
ก็รู้จัก เพราะเราไม่เห็นโทษมัน ไปโรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้าฯ โอ้โฮ ทหารบ้าง
ต�ำรวจบ้าง ขาขาดก็มี แขนขาดก็มี เดินอย่างเต่าก็มี ขนาดน้ันยังวิ่งแข่งกันเลย
คนขาเดยี วมนั วง่ิ แข่งกนั สนุกสนาน นี่เรากไ็ ปน่งั ดู มนั ไมเ่ ห็นโทษ อันน้กี ็น่าอศั จรรย์
เหมอื นกนั นะ มนั นา่ จะเหน็ แตย่ งั ไมเ่ หน็ ถา้ ยงั ไมเ่ หน็ อยา่ งนน้ั กอ็ อกไมไ่ ด้ มนั กเ็ วยี น
ในวฏั ฏะจนได้ นมี่ นั เป็นเสยี อยา่ งน้ี ไมพ่ ูดอยา่ งอ่นื พูดถงึ ส่ิงใกลๆ้ นีก่ ็รจู้ ัก
182
ถา้ เราพดู ถงึ วา่ เกดิ มาทำ� ไมมนษุ ยน์ ี้ มนั กค็ งตอบปญั หาไดย้ าก เพราะมนั ยงั ไมเ่ หน็
นนั่ เอง มนั ตกอยใู่ นกาม ตกอยใู่ นภพ ภพคอื ทเ่ี กดิ มนั เปน็ ทเ่ี กดิ ของเรา พดู กนั งา่ ยๆ
ท่ีเกิดของสัตว์ทุกวันน้ีคืออะไร ภพน้ันส�ำหรับก่อชาติ มันจะไปเกิดในภพน้ันนะ
ท่ไี หนกช็ า่ ง มนั เปน็ ภพ อยา่ งเช่นต้นไม้ในสวนของเรา มตี น้ ล�ำไยท่เี ราชอบๆ อยา่ งนี้
นน่ั แหละคอื ภพอนั หนึ่งถา้ เราไม่ร้จู ักมนั ดว้ ยปญั ญา
มันเป็นภพอย่างไรล่ะ คือเราจะมีสวนล�ำไยอยู่สัก ๑๐๐ ต้น ๑,๐๐๐ ต้น
ก็ช่างเถอะ ขอให้ถอื ว่าบริเวณนเ้ี ป็นต้นไมข้ องเราทั้งนน้ั แล้วมนั จะไปเกดิ เป็นตัวดว้ ง
อยทู่ กุ ๆ ต้น เจาะอยใู่ นนนั้ แตต่ วั ใหญ่มันนอนอยู่ในบา้ น แต่แขนงของมนั ไปเจาะ
ตน้ ไม้อยู่
ทำ� ไมถึงจะรูจ้ กั ว่ามนั เป็นภพ มันเป็นภพท่ีเกิด ค�ำว่า ภพ กเ็ พราะอุปาทานวา่
อนั นต้ี น้ ไมข้ องเรา สวนของเรา ถา้ มคี นเอามดี ไปสบั ซี สบั ตน้ ลำ� ไยตาย เจา้ ของอยบู่ า้ น
ตาย เดอื ดร้อน จะต้องไปต่อวา่ กนั จะตอ้ งไปทะเลาะกนั จะต้องไปฆ่าไปแกงกันอกี
ไอ้ท่มี นั ไปทะเลาะกันมันไปเกดิ ตรงนัน้ แหละ ภพคือต้นไม้ทีอ่ ุปาทานยดึ มน่ั วา่
อนั นส้ี วนเรา อนั นตี้ น้ ไมข้ องเรา จะไปเกดิ ตรงทวี่ า่ มนั เปน็ ของเรา จะไปเกดิ ทภี่ พอนั นน้ั
อย่างปลูกล�ำไยหรือทุเรียนสัก ๑,๐๐๐ ต้นก็ดี ให้เขาไปสับเถอะต้นใดต้นหน่ึงใน
สวนน้นั มนั ถกู เราทงั้ น้ันแหละ ไมว่ ่าอะไร มันไปเกิดตรงนั้นอย่ตู รงนั้น มันไปเกดิ
เม่ือเรารูจ้ ัก รู้เพราะความไม่รู้ ร้จู ักว่าเขาไปตดั ลำ� ไยของเรา แตไ่ มร่ วู้ ่า นีไ่ มใ่ ช่ตน้
ลำ� ไยของเรา เรียกว่ารู้ด้วยความไมร่ ู้ มันกต็ ้องเกิดในภพนน้ั ซิ
วัฏฏะน้ี มันจะเกิดโดยวิธีอันน้ี คือมันติดภพอันนั้นอยู่ มันอาศัยภพนั้นอยู่
มนั จะพลอยไปดีใจในที่นัน้ นี่กค็ อื ความเกดิ มนั จะพลอยไปเสยี ใจในทนี่ น้ั น่คี อื
ความเกดิ นม่ี นั วางยงั ไมไ่ ด้ มนั เปน็ ตวั วฏั ฏะทงั้ นน้ั แหละ สงั สาเร ทกุ ขงั ทกุ ขใ์ นสงสาร
มนั กเ็ ป็นไปตามวัฏฏะ อันนีใ้ หไ้ ปคดิ ใหไ้ ปพิจารณาดู
อะไรทเี่ รายดึ วา่ นนั่ เรานนั่ ของเรา นน่ั แหละเปน็ ภพทง้ั นน้ั เหน็ งา่ ยๆ ภพนน้ั มไี ว้
เพ่อื จะเกิด อุปาทานนม้ี ไี วเ้ พ่ือจะเกิด น่นั แหละ พระพทุ ธเจ้าท่านวา่ มีอะไรก็อย่าให้
183
มนั มี ใหม้ ันมีแต่อยา่ ให้มันมี ให้ร้จู ักวา่ มีหรือไมม่ ีน้นั มนั เป็นอย่างไร ให้รู้เรือ่ งตาม
ความจรงิ ของมนั อยา่ ให้มันเกดิ ทุกข์
ภพทีเ่ ราเกดิ มานนี้ ะ่ มนั อยากไปเกิดอีกใช่ไหม พระเณรเราทกุ คนเคยเกดิ มา
จากไหนล่ะ ที่ไหนท่ีเราเกิดมาเคยรู้ไหม เราอยากจะเข้าไปอีกใช่ไหม ตรงน้ันนะ
น่ีดูซิ ทุกคนเตรียมตัวท้ังนั้น มันเกิดมาจากตรงไหนมันก็จะเข้าไปตรงน้ันแหละ
จวนจะออกพรรษาแลว้ มันเตรยี มตัวจะไปเกดิ ตรงนน้ั อย่างนนั้ มันน่าจะเห็น มันน่า
จะรูน้ ะวา่ ถ้าไปเกิดตรงน้นั มนั จะเปน็ อย่างไรนะ
ตวั ขนาดนไี้ ปอยใู่ นทอ้ งของคนมนั จะอยยู่ ากลำ� บากแคไ่ หน ดซู ิ ใหเ้ ราอยใู่ นกฏุ ิ
สกั วนั หนงึ่ กพ็ อแลว้ ปดิ ประตหู นา้ ตา่ งไว้ อดึ อดั เตม็ ทแี ลว้ จะไปอยใู่ นนน้ั สกั ๑๐ เดอื น
๙ เดือน ลองคิดดูซิ อย่างน้ันก็ยังไม่เห็นโทษของมันว่าเราอยู่อย่างไร ว่าชาติมัน
เป็นทุกขอ์ ย่างไร กไ็ มร่ เู้ รอ่ื ง ยงั อยากจะดนั เข้าไปอยู่ในนน้ั อีกหรือ ทำ� ไม มันน่าจะ
เห็นแต่ว่ามันไมเ่ หน็
ทำ� ไมมันไม่เห็น มนั ไปคาอะไร มันไปตดิ อะไรอยนู่ ะ ไปวิจยั เอาเองซิ กเ็ พราะ
มันมภี พมชี าตทิ ี่มนั เกิด ไปดรู ูปเดก็ ทีอ่ ย่ใู นศาลานัน้ สิ เห็นไหม ใครกลัวไหม ไมม่ ี
ใครกลวั หรอก เหน็ เดก็ ทมี่ นั นอนอยใู่ นทอ้ งมนั กเ็ ปน็ อยา่ งนนั้ ทงั้ นนั้ เราอยากจะสรา้ ง
มนั ขึน้ อีกใหม้ นั เปน็ อยู่ ตวั เราก็อยากจะไปนอนแช่ในนนั้ อีก แช่อย่อู ยา่ งน้ัน ทำ� ไม
ไมเ่ ห็นโทษมัน ไปเห็นประโยชน์มนั
ดูซิ นนั่ คือภพ มนั อยู่น่นั แหละ มนั เวียนอยนู่ นั่ แหละ นพ่ี ระพทุ ธเจ้าทา่ นให้
พจิ ารณากันตรงน้ี พจิ ารณาดเู อาเถอะ แตว่ ่าดไู ปดูมาก็ยังไม่เหน็ มันยังเตรียมตวั
จะไปอยู่ทุกคนนน่ั แหละ รูอ้ ยูว่ า่ ไอ้ตรงนัน้ มันไม่ค่อยสบาย แต่มันก็อยากเอาศีรษะ
โผลเ่ ขา้ ไปตรงนน้ั ยนื่ คอเขา้ ไปหาบว่ งนน้ั อกี ทง้ั ทรี่ วู้ า่ บว่ งน้ี ถา้ หากยน่ื คอเขา้ ไปถกู บว่ ง
มนั จะลำ� บากกร็ อู้ ยู่ แตก่ อ็ ยากจะยน่ื คอเขา้ ไปในบว่ งนน้ั อกี ทำ� ไมไมร่ วู้ า่ มนั เปน็ อยา่ งนน้ั
อันนี้มันเปน็ เรื่องปญั ญาทงั้ น้นั เรอ่ื งเราจะพจิ ารณา
184
บางคนเมอื่ เทศนอ์ ยา่ งนก้ี ว็ า่ ถา้ อยา่ งนน้ั กบ็ วชกนั หมดละซี จะไมม่ โี ลกกนั หรอื
โลกเราจะอย่ไู ดอ้ ยา่ งไร
ไมม่ ใี ครบวชหมดหรอก ไมม่ ใี ครบวชหมด โลกนม้ี นั กอ็ ยไู่ ดเ้ พราะคนหลงอยา่ งนี้
เร่ืองน้มี นั ไมใ่ ช่เร่ืองเลก็ ๆ เท่าไหรห่ รอก ผมก็บวชมา เขา้ วัดตง้ั แต่อายุ ๙ ขวบเลย
พยายามมนั อยอู่ ยา่ งนี้ แตไ่ มค่ อ่ ยจะรเู้ รอื่ งหรอกสมยั กอ่ น มารเู้ มอ่ื เปน็ พระนน่ั แหละ
พอบวชมาแลว้ โอโ้ ฮ มนั กลวั ทง้ั นนั้ แหละ มนั คลา้ ยๆ วา่ เหน็ กามทเ่ี ขาอยนู่ ะ ไมเ่ หน็
ความสนกุ กบั เขา แต่เห็นความทุกข์มากกว่า
มันคล้ายๆ กับกล้วยนำ้� ว้าใบหนงึ่ เราไปกนิ มนั มนั ก็หวานดีอยู่ มันมรี สหวาน
ก็รู้อยู่ แต่เวลาน้ีรู้อยู่ว่าเขาเอายาพิษไปฝังไว้ในกล้วยใบน้ัน แม้จะรู้อยู่ว่ามันหวาน
เท่าไรก็ช่าง ถ้ากินไปแล้วมันจะตายใช่ไหม ความเห็นมันเป็นเช่นน้ันทุกทีว่าจะกิน
กเ็ หน็ ยาพษิ ฝงั อยใู่ นน้นั ทกุ ทีนัน่ แหละ มันกเ็ ลยถอยออกมาเรือ่ ยๆ จนกระทงั่ มอี ายุ
พรรษามากขนาดน้แี ล้ว ถา้ เรามามองเหน็ แลว้ มันไมน่ า่ กินเลยนะ
บางคนกไ็ มเ่ ห็น บางคนกเ็ ห็นอยู่แต่อยากไปทดลอง ทดลองยาพษิ ไอ้ฝ่ามอื
มนั มแี ผลอยา่ ไปแตะของพษิ นะ มนั ซบึ ซาบเขา้ มาได้ สมยั กอ่ นผมกเ็ คยคดิ เหมอื นกนั
เมื่ออายุพรรษาได้ ๕-๖ พรรษา นกึ ถึงพระพุทธเจ้า ปฏิบัติ ๕-๖ พรรษาก็ปฏบิ ัติ
ไดแ้ ลว้ แตเ่ รามนั หว่ งโลก มันอยากจะกลับไปอีกแหละ จะไปสร้างโลกสักพกั หนงึ่
จะดลี ะกระมงั มนั จะไดร้ เู้ รอ่ื งอะไรตอ่ อะไรดี พระพทุ ธองคท์ า่ นกย็ งั มรี าหลุ เวย้ ไอเ้ รา
มนั จะเกินไปละกระมงั
กน็ ัง่ ภาวนาไปเรื่อยๆ ก็เลยเกดิ ความร้มู า ดีเหมือนกัน แต่พระพทุ ธเจ้าองค์น้ี
นา่ กลวั จะไมเ่ หมอื นองคก์ อ่ น มนั มาตอ่ ตา้ นนะ องคน์ นี้ า่ กลวั จะจมลงไปในโคลนเลย
มนั จะไมเ่ หมอื นพระพทุ ธเจา้ องคก์ อ่ นละกระมงั น่ี มนั ตอ่ ตา้ นกนั เรอ่ื ยมา มนั เปน็ เสยี
อยา่ งนัน้ ตัง้ แต่ ๖-๗ พรรษา ถึง ๒๐ พรรษาน่ี โอย มนั รบกันขนาดหนัก เด๋ยี วน้ี
มันจะหมดกระสนุ แลว้ ยงิ มานาน กลวั พระเณรทนี่ ้มี กี ระสุนมากๆ อยากจะไปยิงกัน
อยู่นะ ถา้ หากวา่ มนั อยาก ก็คดิ ให้มนั ดเี สียกอ่ น
185
เรือ่ งกามทง้ั หลายนนี้ ะ มันออกไดย้ าก มันยากท่ีจะเหน็ ท่ีมันจะเห็นได้มนั ก็มี
อุบายของมันอยู่ ผมว่ามันไม่แปลกอะไรกันเท่าไหรก่ ับเราฉันเน้ือ เน้ือมนั ยดั เขา้ ไป
ในซฟ่ี นั ของเรา แหม มนั ปวดมนั เจบ็ ฉนั ขา้ วยงั ไมเ่ สรจ็ แตก่ เ็ อาไมจ้ ม้ิ มนั ออก เนอ้ื มนั
หลดุ ออกไปจากฟัน เราก็สบายไปพักหนง่ึ แลว้ ก็ไม่อยากฉันเนือ้ อีก แตพ่ อเห็นเนือ้
มาก็ฉันอีก แล้วก็ไปอุดอีก อุดอีกก็เอาไม้ไปจ้ิมออกอีก มันก็สบายสักนิดหน่ึงอีก
เท่านั้นแหละ เรื่องของกามไม่ใช่อ่ืนหรอก เท่าน้ี ไม่มีอะไรมากไปกว่าน้ี ไอ้เนื้อ
มนั อดุ ซฟ่ี นั มนั กเ็ ปน็ อยา่ งนนั้ แหละ ทรุ นทรุ าย เอาไมจ้ ม้ิ ออกกส็ บายไปพกั หนงึ่ ไมม่ าก
ไปกว่านี้ อนั นีก้ เ็ หมือนกนั อดึ อัด อดึ อดั เอามันออกสักนิดหนง่ึ โอย เทา่ น้ันแหละ
ไม่ร้วู า่ มนั เรือ่ งอะไร เรอื่ งบา้ ๆ บอๆ
อนั นไ้ี มม่ ใี ครสงั่ สอนเราหรอก เราคดิ ของเราไป พจิ ารณาไปเรอ่ื ย เรานง่ั ภาวนา
อยู่ก็เห็นว่า ไอ้เรื่องกามนี้คล้ายๆ กับรังมดแดงใหญ่ๆ เราเอาไม้ไปแหย่ ย่ิงแหย่
กย็ ิ่งหล่นมาใส่ มดมนั หล่นลงมาใสห่ นา้ ใส่ตา แสบหูแสบตา น่นั ก็ยงั ไมเ่ ห็นโทษมัน
มันน่าจะเห็นโทษมันนะ แต่ว่ามันไม่เหลือวิสัยของมนุษย์นะ ค�ำสอนของ
พระพทุ ธเจา้ ไดค้ วามวา่ อะไรทเี่ ราเหน็ โทษ มนั ดขี นาดไหนกช็ า่ งมนั เถอะ มนั เสยี หาย
อะไรเรายังไมเ่ หน็ โทษมนั มันกด็ ีทงั้ นน้ั ทุกอย่างให้เขา้ ใจวา่ ถา้ เราไมเ่ ห็นโทษในส่งิ
ทั้งหลายเหลา่ นั้น ออกจากสง่ิ ท้งั หลายเหลา่ น้นั ไม่ได้
เห็นไหมล่ะ ถงึ จะนา่ รงั เกียจขนาดไหนมนั กด็ ี ไอง้ านชนิดน้ีมันเป็นงานสกปรก
แตถ่ งึ ไมต่ อ้ งจา้ งคนเขากส็ มคั รทำ� งาน งานอยา่ งอน่ื เขาใหว้ นั ละ ๒๐-๓๐ บาทกไ็ มเ่ อา
ไอง้ านนไ้ี มต่ อ้ งจา้ งเลย ยอมมาเปน็ ทาสเอง มใิ ชว่ า่ เปน็ งานสะอาดเสยี ดว้ ย งานสกปรก
ท�ำไมมนั ชอบทำ� กนั น่จี ะวา่ มนั มปี ัญญากันได้อยา่ งไร คนเรานี้
เอาไปคดิ กนั ดนู ะ เหน็ ไหมสนุ ขั นี่ เหน็ สนุ ขั ทอ่ี ยใู่ นวดั เราไหม มนั มเี ปน็ ฝงู ๆ โอโ้ ฮ
มนั กัดกันบางตัวขาขาดเลย อกี สักเดอื นก็ไม่ไดโ้ อกาสสกั ทีหน่ึง พอเข้าไป ตวั ที่มันมี
กำ� ลงั มาตะครบุ เกอื บตายออกมานะ ลากขาออกไปรอ้ งเอง๋ ๆ เขาวง่ิ เปน็ ฝงู กย็ งั จะตาม
ไปอกี กำ� ลังมนั น้อยก็นึกว่าจะได้กบั เขาสักทหี นง่ึ เขากัดเสยี แล้ว เออ ในฤดูฝนน้ี
186
คงยังไมม่ โี อกาสจะได้กับเขาสักทกี ไ็ ดน้ ะ เหน็ แต่อยูต่ ามวัด เห็นไหม ฉนั ใดกฉ็ นั นน้ั
ไอ้สนุ ัขมนั วงิ่ ตามกันเป็นฝูงๆ นะ แล้วมนั ก็ร้อง โฮ้ง โฮ้ง โฮง้ ผมวา่ มันรอ้ งเพลง
ถ้าเป็นคนมันกร็ ้องเพลงเลยนะ ถา้ ไปคิดเป็นเรือ่ งสนุกสนานมันรอ้ งเพลงเลย มันมี
อะไรชักจงู ใจมันหรอื เปลา่ กไ็ ม่ร้เู รื่อง มันไปตามอารมณ์ไม่รู้เรื่อง
เราคิดให้มันดี ถ้าอยากปฏิบัติแล้วควรรู้จัก รู้จักอารมณ์ภายใน อย่างพวก
พระเณรเรา ญาติโยมเราทุกคน ใครควรจะเข้าไปใกล้ชิดไหม ไปกับคนพูดมาก
ก็ชวนเราพูดมากๆ ของเรามนั มเี ยอะอยู่แล้ว คนนนั้ กเ็ ยอะ เอามารวมกนั เข้ามันก็
ระเบดิ เทา่ นน้ั ชอบไปหาคนคยุ มากๆ คยุ เรอ่ื งเลอะๆ เทอะๆ ไปนง่ั ฟงั คยุ กนั สนกุ สนาน
มันกช็ อบไปอยา่ งน้ี
ถา้ พดู ถงึ ธรรมะ พดู ถงึ เรอ่ื งขอ้ ปฏบิ ตั นิ แ้ี ลว้ ไมค่ อ่ ยไดย้ นิ ทไ่ี ปเทศนก์ เ็ หมอื นกนั
พอข้ึน นะโม ตสั สะ ภะคะวะโต เทา่ น้นั ง่วงแลว้ ทงั้ นนั้ ไม่ยอมรับมันเลย ตาย พอ
ถงึ เอวงั กล็ มื ตาขน้ึ มา เกดิ ข้ึนมาอีก เทศน์ทุกที ง่วงทกุ ที หลบั ทกุ ที มนั จะเอาอะไร
ไปได้ เราเปน็ นกั ปฏบิ ัติ ฟงั เทศน์ครบู าอาจารย์ พอออกจากท่นี ั่งไปนะ ใจมันใหญ่
ใจมนั สงู มนั รจู้ กั อะไรขึน้ ๖ วัน ๗ วัน ท่านกเ็ ทศน์ให้ฟงั เพิ่มก�ำลังอกี เรื่อยๆ
เรามีโอกาสเทา่ นี้ บวชนี่ มโี อกาสในเวลาน้เี ท่าน้ันนะ ให้มาดงู านดูการวา่ เราจะ
เอาอยา่ งไร อายุ ๒๐ ปี ๒๐ กวา่ ปแี ลว้ นมี่ นั บรรลนุ ติ ภิ าวะ ตอ่ ไปนเี้ ราจะเดนิ ทางไหน
มายืนอยู่ตรงนี้ ตรงโลกกับพระศาสนาน้ี มันจะเอาอย่างไรกัน จะไปทางโลกก็ได้
จะไปทางธรรมกไ็ ด้ ตรงนมี้ นั เปน็ ทต่ี ดั สนิ แลว้ เอาอยา่ งไรกเ็ อาตรงนี้ ตรงทเี่ ราวพิ ากษ์
วจิ ารณ์นี้ ถ้ามันจะหลุดมันจะหลุดไปตรงน.ี้
187
๑๘
พึงต่อสู้ความกลัว
ดคู วามกลวั มันซิ วันหน่งึ ตอนบ่ายๆ ทำ� อย่างไรกไ็ ม่ได้ บอกใหไ้ ปมนั ก็ไมไ่ ป
ชวนปะขาวไปดว้ ย ไปใหม้ นั ตายเสยี ถา้ หากมนั พอจะตายกใ็ หม้ นั ตายเสยี มนั ลำ� บากนกั
มนั โงน่ กั กใ็ หม้ นั ตายเสยี พดู ในใจอยา่ งน้ี ใจมนั กไ็ มอ่ ยากจะไปเทา่ ไร แตก่ บ็ งั คบั มนั
เรอ่ื งอยา่ งนจี้ ะใหม้ นั พรอ้ มใจไปทกุ อยา่ งนะ มนั ไมพ่ รอ้ มหรอก อยา่ งนนั้ จะไดท้ รมาน
มนั หรือ ก็พามันไป
ไมเ่ คยอยปู่ า่ ชา้ เลยสกั ที พอไปถงึ ปา่ ชา้ แลว้ โอย บอกไมถ่ กู ปะขาวจะมาอยใู่ กลๆ้
ก็ไม่ยอมให้มา ให้ไปอยู่โน่น ไกลๆ โน่น ความจริงแล้วอยากจะให้มาอยู่ใกล้ๆ
เปน็ เพอื่ นกนั แตไ่ มเ่ อา ใหไ้ ปไกลๆ เดยี๋ วตวั เองจะอาศยั เขา กลวั นกั กใ็ หม้ นั ตายเสยี
คนื นี้ ทง้ั กลวั ทง้ั ทำ� ไมใ่ ชว่ า่ ไมก่ ลวั แตก่ ก็ ลา้ ทส่ี ดุ มนั กถ็ งึ ตายเหมอื นกนั เทา่ นน้ั แหละ
พอคำ่� ลงกพ็ อดเี ลย โชคดี เขาหามศพมาโตงเตง โตงเตง นนั่ ทำ� ไมจงึ เหมาะกนั
อยา่ งนี้ โอย๊ เดนิ จนไมร่ วู้ า่ ตวั เองเหยยี บดนิ เลยละทนี ี้ หนี คดิ อยากจะหนี เขานมิ นต์
ใหม้ าตกิ าศพกไ็ มอ่ ยากจะมาตกิ าใหใ้ ครหรอก เดนิ หนไี ปสกั พกั กเ็ ดนิ กลบั มา เขากย็ ง่ิ
เอาศพฝงั ไว้ใกลๆ้ เขาเอาไม้ไผท่ ห่ี ามศพมาท�ำเปน็ ร้านให้น่ัง ฮือ จะท�ำอยา่ งไรดีล่ะ
หม่บู า้ นกับปา่ ชา้ กไ็ มใ่ ช่ใกล้ๆ หา่ งกันตั้ง ๒-๓ กโิ ลเมตรแนะ่ เอาละ ตายกย็ อมตาย
ไมก่ ลา้ ทำ� มนั ก็ไมร่ ูห้ รอกวา่ เปน็ อย่างไร โอ๊ย มนั ช่างออกรสชาติเสียจริงๆ
188
มดื เขา้ มดื เขา้ จะไปทางไหนละ่ อยกู่ ลางปา่ ชา้ อยา่ งน้ี เอา้ ใหม้ นั ตายเสยี มนั เกดิ
มาตายหรอกนะชาตินี้ พอตะวนั ตกดนิ เท่านั้น มันก็บอกให้เขา้ อยู่แต่ในกลดทา่ เดยี ว
เดินก็ไม่อยากจะเดิน มันบอกให้อยู่แต่ในกลด จะเดินออกไปหาหลุมศพก็เหมือน
มีอะไรมาดึงร้ังเอาไว้ ไม่อยากให้เดิน ความรู้สึกกล้ากับกลัวมันฉุดรั้งกันอยู่ เอ้า
เอาลงไปอยา่ งนแ้ี หละ หดั มัน เดินออกไป เกิดความกลวั กห็ ยดุ
ทีนีพ้ อมืดสนิทลงจรงิ ๆ ก็เขา้ ในกลดทันที ฮือ ยงั กับมันมีก�ำแพงเจ็ดชั้นนะทีนี้
เหน็ บาตรของตวั เองอยใู่ บเดยี วกเ็ หมอื นกนั กบั มเี พอื่ นอยา่ งนน้ั แหละ เอาไปเอามาบาตร
กเ็ ปน็ เพอื่ นได้ ตง้ั อยขู่ า้ งๆ ใบเดยี วกร็ สู้ กึ ดใี จ ไดอ้ าศยั บาตรเปน็ เพอื่ น นง่ั อยใู่ นกลด
เฝา้ ดผู ที ง้ั คนื ไมไ่ ดห้ ลบั ไมไ่ ดน้ อนเลย นงั่ เงยี บอยู่ จะใหง้ ว่ งกไ็ มง่ ว่ ง มนั กลวั ทง้ั กลวั
ทง้ั กลา้ ทำ� อยู่อย่างน้ตี ลอดคนื เลย
น่ลี ะ เช่นนใ้ี ครจะกล้าท�ำ ลองดซู ปิ ฏบิ ัติน่ี พดู ถึงเรื่องอยา่ งน้ีแล้ว ใครจะกล้า
ไปอยูใ่ นป่าชา้ น่ัน ทกุ อยา่ งถ้าเราไมท่ ำ� ไมไ่ ดเ้ กิดประโยชน์ไม่ได้ปฏิบัติ คราวนล้ี ่ะ
เราได้ปฏิบตั ิ พอสวา่ งข้นึ กร็ ้สู กึ ว่า โอ รอดตายแลว้ น่ี ดใี จจรงิ ๆ ภายในใจเรานะ
อยากใหม้ แี ตก่ ลางวนั เทา่ นนั้ ไมอ่ ยากใหม้ กี ลางคนื เลย อยากฆา่ กลางคนื ทงิ้ ใหม้ แี ต่
กลางวนั สบายใจ ออื ไม่ตายแล้ว คดิ ว่าไม่มอี ะไร มีแตเ่ รากลวั เฉยๆ
วนั นต้ี อนเชา้ ไดท้ ดลองกระทงั่ หมา ไปบณิ ฑบาตคนเดยี ว หมามนั วงิ่ ตามหลงั มา
มนั จะกดั เอา้ ไมไ่ ล่ มนั จะกดั กก็ ดั ไปเลย มแี ตจ่ ะตายทา่ เดยี ว กใ็ หม้ นั กดั ใหต้ ายเสยี
มันก็งบั ผิดงับถกู รสู้ ึกป๊าบแข้งขาเหมือนมันขาดออกอยา่ งนัน้ ละ แมอ่ อก๑ ภูไทนะ
ก็ไม่รู้จักไล่หมาหรอก เขาว่าผีมันไปกับพระ หมาจึงได้เห่าได้กัดเลยไม่ยอมไล่มัน
เอา้ ช่างมนั เม่อื คนื ที่แลว้ กก็ ลัวจนเกือบจะตายทีหนง่ึ แล้ว ตอนเชา้ นห้ี มาจะกัดกเ็ ลย
ปลอ่ ยใหม้ นั กดั เสยี ถา้ หากวา่ แตก่ อ่ นเราเคยกดั มนั กใ็ หม้ นั กดั เราเสยี แตม่ นั กไ็ มก่ ดั
งับผดิ งบั ถูกอย่างน้ันเอง นีแ่ หละเราหัดตวั เรา
๑ ภาษาอีสาน หมายถงึ อุบาสิกา
189
บิณฑบาตได้มาก็ฉนั พอฉันเสรจ็ ดีใจ แดดออกมาบา้ งร้สู ึกอบอนุ่ ได้พักผ่อน
และเดินจงกรมบ้าง ตอนเยน็ จะได้ภาวนา ดลี ะทีนี้ เพราะไดท้ ดลองมาคนื หนึ่งแล้ว
คงไม่เป็นอะไรแล้ว พอบ่ายๆ มาอกี แลว้ หามมาอีกแล้ว เป็นผใู้ หญเ่ สยี ดว้ ยซีทีนี้
เอามาเผาไวใ้ กลๆ้ ข้างหนา้ กลดเสียดว้ ย ย่ิงร้ายกวา่ เม่ือคนื วานเสียอกี ดีเหมอื นกัน
เขาเอามาเผาเขาช่วยกนั แตจ่ ะให้ไปพิจารณา ไมไ่ ป พอเขากลบั บ้านหมดแลว้ จงึ ไป
โอ๊ย เขาเผาผีให้เราดูอยู่คนเดียวน่ีไม่รู้จะว่าอย่างไร บอกไม่ถูกเลย ไม่มีอะไรจะ
เปรยี บเทยี บใหฟ้ งั หรอก ความกลวั ทมี่ นั เกดิ ขน้ึ นี่ เปน็ กลางคนื ดว้ ยซิ กองไฟทเ่ี ผาศพ
ก็แดงๆ เขียวๆ พ่บึ พั่บๆ อยู่ จะเดินจงกรมไปขา้ งหน้ากไ็ ปไมไ่ ด้ ทีส่ ุดกเ็ ขา้ ในกลด
เหม็นกลิ่นเน่าของศพทั้งคืนเลย นี่ก่อนที่มันจะเกิดอะไรข้ึนมา ไฟลุกอยู่พึ่บๆ
กห็ นั หลงั ให้ ลืมนอน มนั ไม่คิดอยากจะนอนเลย มนั ต่นื ตาแขง็ อยู่อยา่ งนน้ั มันกลัว
กลัวไมร่ จู้ ะไปอาศัยใคร มแี ต่เราคนเดียวกอ็ าศยั เราเท่านนั้ ละ ไม่มีที่ไปน่ี คดิ ไปไหน
ก็ไม่มีที่จะไป หนีไปไหนก็ไม่ได้ เพราะมีแต่กลางคืนมืดเสียด้วย น่ังตายมันอยู่
ตรงนแ้ี หละ ไมไ่ ปไหนละ นัน่ พูดถึงใจมันจะอยากทำ� ไหม มนั จะพาท�ำอย่างนัน้ ไหม
พดู กับมนั มนั ไมพ่ าทำ� หรอก ใครล่ะอยากจะมาท�ำอย่างนี้ นีถ่ า้ ไม่เช่ือมน่ั ในค�ำสอน
ของพระพุทธเจา้ จะไมม่ าทำ� อยา่ งน้ี
ตึกประมาณ ๔ ทุ่ม หันหลังให้กองไฟ มันบังเอิญอะไรก็ไม่รู้ มีเสียงอยู่
ขา้ งหลงั ในกองไฟดังทึงทังๆ หรอื โลงศพตกลงมา หมาจิง้ จอกมากดั กนิ ซากศพหรือ
ก็ไม่ใช่ ฟังเหมอื นเสียงควายครดื คราดๆ อยู่ เอา้ ชา่ งมันเถอะ เอาไปเอามาเดนิ มา
เหมือนคนเดินเขา้ มาหา เดนิ เข้ามาข้างหลัง เดินหนักเหมอื นควาย แตไ่ ม่ใช่ เหยียบ
ใบไม้หนกั ๆ ดังแครกๆ อ้อมเขา้ มาหา เอ้า ยอมตายแลว้ นี่ จะไปไหนไดล้ ะ่ แตจ่ ะ
เขา้ มาจริงๆ กไ็ ม่เขา้ มา เดนิ โครมๆ ออกไปขา้ งหน้าโน่น ไปหาพอ่ ปะขาวแกว้ โนน่
จนเงยี บเสยี งเพราะอยูไ่ กลกัน ไม่รูเ้ หมือนกันว่าเปน็ อะไร เพราะความกลัวท�ำให้คดิ
ไปหลายอยา่ ง
นานประมาณคร่ึงช่ัวโมงเห็นจะได้ เดินกลับมาอีกแล้ว เดินกลับมาจาก
พอ่ ปะขาวแกว้ เหมือนคนเดินจริงๆ ตรงเขา้ มา ตรงเขา้ มา ตรงดิง่ เขา้ มาเหมือนจะ
190
เหยียบพระอย่างน้ันแหละ หลับตาอยู่จะไม่ยอมลืมตามันละ ให้มันตายท้ังตาหลับ
อยนู่ ่ี มาถงึ ใกลๆ้ กห็ ยดุ กึก๊ ยนื นง่ิ อยูเ่ งียบๆ อยขู่ า้ งหน้ากลด รสู้ กึ เหมือนกับว่ามัน
เอามือท่ีถกู ไฟไหมม้ าควา้ ไปคว้ามาอยขู่ ้างหนา้ อยา่ งนี้ อยา่ งน้ี โอ๊ย ตายคราวน้ลี ะ่
สละหมดแลว้ หลงพทุ โธ ธมั โม สงั โฆ หมด ลืมหมด มีแตก่ ลวั อยา่ งเดยี วเต็มเอยี๊ ด
แทนที่อยู่ แนน่ เหมอื นกับกลอง จะคิดไปไหนมาไหนไม่ไป มแี ต่กลวั เท่านัน้ ต้งั แต่
เกิดมาไมเ่ คยมกี ลัวเหมือนครั้งนีเ้ ลย
พทุ โธ ธมั โม ไมม่ เี ลย ไมร่ ไู้ ปไหน มแี ตก่ ลวั แนน่ อยเู่ หมอื นกลองเพลอยา่ งนน้ั แหละ
เอา้ ใหม้ นั เปน็ อยอู่ ยา่ งนล้ี ะ่ มนั เปน็ อยา่ งไร ทำ� อะไรไมไ่ ด้ นง่ั อยกู่ เ็ หมอื นไมถ่ กู อาสนะ
ท�ำความรู้ไว้เท่าน้ัน กลัวมาก มันกลัวมากจนเปรียบเหมือนกับน้�ำท่ีเราเทใส่ในโอ่ง
เทใสม่ ากเต็มแลว้ มนั ก็ลน้ ออกมา มนั กลัวมากจนหมดกลวั แลว้ กล็ ้นออกมา
“ท่ีมนั กลัวมากกลัวมายนกั นะ่ มนั กลัวอะไร” ใจมันถาม
“กลวั ตาย” อีกใจหนึ่งตอบ
“แลว้ ตายมนั อยทู่ ไ่ี หน ทำ� ไมถงึ กลวั เกนิ บา้ นเกนิ เมอื งเขานกั ละ่ หาทตี่ ายมนั ดซู ิ
ตายมันอยู่ท่ีไหน”
“เอ้า ตายเลยอยกู่ ับตวั เอง”
“อยกู่ บั ตวั เองแลว้ จะหนไี ปไหนจงึ จะพน้ มนั ละ่ วง่ิ หนมี นั กต็ าย นง่ั อยมู่ นั กต็ าย
เพราะมันอยู่กับเรา ไปไหนมันก็ไปด้วยน่ันแหละ เพราะความตายมันอยู่กับตัวเรา
ไมม่ ที ไ่ี ปหรอก กลวั หรอื ไมก่ ลวั มนั กต็ ายเหมอื นกนั เพราะตายอยกู่ บั ตวั เองนี่ หนมี นั
ไม่ได้หรอก”
ช้ีบอกไปไวๆ อย่างนี้ พอบอกไปอย่างน้ีเท่าน้ัน สัญญาก็เลยพลิกกลับทันที
เปลยี่ นข้ึนมาทนั ที ความกลัวทง้ั หลายเลยหายออกไปเลย ปานฝ่ามอื กบั หลังมือเรา
พลกิ กลบั อัศจรรยเ์ หลือเกิน ความกลวั มากๆ มนั หายไปได้ ความไม่กลัวมันกลบั
มาแทนในทเี่ ดียวกนั น้ี โอ ใจมนั สูงขน้ึ สูงขนึ้ เหมือนอยู่บนฟ้านะเปรยี บไม่ถูก
191
พอชนะความกลัวน้ีแล้ว ฝนก็เริ่มตกทันทีเลย ฝนอะไรก็ไม่รู้ ลมก็แรงมาก
ไมไ่ ดก้ ลวั ตายละ ไมก่ ลวั วา่ ตน้ ไมก้ ง่ิ ไมม้ นั จะหกั ลงมาทบั ตาย ไมส่ นใจมนั เลย ฝนตก
ลงมาหนกั เหมอื นฝนเดอื นส่ี หนกั มาก พอฝนหายแลว้ เปยี กหมด นงั่ นง่ิ ไมก่ ระดกิ เลย
ทำ� อยา่ งไรละ่ เปยี กหมดนี่ รอ้ งไห.้ ..รอ้ งออกมาเอง นงั่ รอ้ งไห้ นำ้� ตามนั ไหลอาบลงมา
ท่มี ันรอ้ งไหก้ ็เพราะนึกไปวา่ ตวั เรานี่ท�ำไมเหมือนคนไมม่ ีพ่อมีแมแ่ ท้ มานั่งตากฝน
อยา่ งกับคนไมม่ อี ะไร อยา่ งกบั คนสิ้นทกุ ส่งิ ทกุ อยา่ งน้ันแหละ เลยคิดไปอีกวา่ คนท่ี
เขามบี า้ นอยดู่ ๆี เขาคงจะไมค่ ดิ หรอกวา่ มพี ระมานง่ั ตากฝนอยทู่ งั้ คนื แบบนี้ เขาคงจะ
นอนห่มผา้ หม่ สบาย เราซนิ งั่ ตากฝนอยทู่ ้ังคนื อย่างน้ี แลว้ มันเร่ืองอะไรหนอ คิดไป
มนั วติ กไป เลยสงั เวชชวี ติ ของตน รอ้ งไห้ น้ำ� ตามันไหลพรากๆ “เอา้ น้�ำไม่ดนี ใ่ี ห้
มันไหลออกให้หมด อย่าให้มันมอี ย”ู่ นีแ่ หละปฏบิ ัติ เอาอยู่อยา่ งน้ี
ทีน้ีเลยไม่รู้จะพูดอย่างไรจะบอกอย่างไร เร่ืองราวท่ีมันเป็นต่อไป มีแต่นั่งดู
นง่ั ฟงั เฉยๆ เมอ่ื มนั ชนะแลว้ นงั่ ดอู ยอู่ ยา่ งนนั้ สารพดั ทมี่ นั จะรมู้ นั จะเหน็ ตา่ งๆ นานา
พรรณนาไม่ได้
คิดถึงพระพุทธเจ้า ปัจจัตตัง เวทิตัพโพ วิญญูหิ วิญญูชนพึงรู้เฉพาะตน
นเ่ี ราทกุ ข์ตากฝนอย่างน้ี ใครล่ะจะมารู้ดว้ ยกบั เรา ก็ร้แู ต่เฉพาะเราเองเป็นปจั จัตตัง
เทา่ นน้ั แหละ มนั กลวั มากๆ ความกลวั มนั หายไป ใครอนื่ จะมารดู้ ว้ ย ชาวบา้ นชาวเมอื ง
ไมม่ ารูด้ ้วยกับเราหรอก เรารคู้ นเดยี ว มนั ก็เป็นปัจจัตตัง จะไปบอกใครไปหาใคร
มันเปน็ ปจั จตั ตงั แนเ่ ข้าพจิ ารณาเข้า มกี ำ� ลังข้ึนมีศรัทธาขึน้ จนสว่าง
สว่างมาลืมตาคร้งั แรกเหลอื งไปหมดเลย ปวดปสั สาวะ ปวดจนหายปวดเฉยๆ
ยามเช้าลุกขึ้นมองไปทางไหนเหลืองหมด เหมือนแสงพระอาทิตย์ยามเช้าอย่างน้ัน
แลว้ ลองไปปัสสาวะดู เพราะมันปวดแตก่ ลางคนื แล้ว ไปปัสสาวะมีแต่เลือด
“ฮึ หรือไส้ขา้ งในมันขาด” ตกใจเล็กน้อย
“หรือขาดแลว้ จรงิ ๆ ขา้ งในน”ี่
“เอ้า ขาดก็ขาด แล้วใครท�ำให้มนั ขาดล่ะ” มนั พูดออกมาไวเหมือนกัน
192
“ขาดก็ขาด ตายก็ตายซิ นั่งอยู่เฉยๆ ไม่ได้ท�ำอะไรน่ี อยากขาดก็ขาดซิ”
ใจมนั ว่า
ใจน่ะเหมือนกับมันแย้งกันดึงกันอย่างน้ันแหละ ใจหนึ่งมันเบียดเข้ามาว่า
เปน็ อันตราย อกี ใจหนึ่งมนั ก็สู้ ก็ค้าน กต็ ดั ทนั ทีเลย
“ปสั สาวะเปน็ แทง่ ๆ ฮอื นน่ั จะไปหายาทไี่ หนหนอ ไมไ่ ปหามนั ละ จะไปหาทไี่ หน
พระขดุ รากไมไ้ มไ่ ดน้ ี่ ตายกต็ าย ชา่ งมนั จะทำ� อยา่ งไรได้ ตายกด็ ี ตายเพราะบำ� เพญ็
อยา่ งน้ี ตายเพราะปฏบิ ตั อิ ยา่ งนก้ี พ็ อใจตายแลว้ ตายเพราะไปทำ� ความชว่ั นนั่ ซไิ มค่ อ่ ยดี
ตายเพราะได้ปฏิบัติแบบน้ตี ายกต็ าย” ใจมนั วา่ ไปอยา่ งนั้น
คนื นนั้ ฝนตกทั้งคืน วันรงุ่ ขึน้ เป็นไข้ จับไขส้ ัน่ ไปทง้ั ตวั เป็นไข้อยกู่ ็จำ� ตอ้ งไป
บณิ ฑบาตในหมู่บา้ น บิณฑบาตกไ็ มไ่ ดอ้ ะไรหรอก มแี ตข่ ้าว เห็นคนแกค่ นหนึง่ ถือ
มัดถั่วกบั ขวดนำ�้ ปลามาตามหลงั “เอ เขาจะเอามาต�ำถวายหรอื นี่ จะฉนั ไหมหนอ”
คิดอยู่อย่างน้ันทั้งท่ีเขายังไม่ลงมือต�ำเลย จะฉันหรือไม่ฉันก็ไม่รู้จัก เพราะคิดว่า
ต�ำสม้ ถว่ั น่ีมันจะแสลงกบั ไข้ เขาก�ำลงั ลงมอื ต�ำเราก็คิด ฉนั ไหมหนอ ฉนั ไหมหนอ”
เพราะวา่ ฉันขา้ วเปล่าๆ มาหลายวนั แลว้ ไมม่ ีอะไรอยู่ในป่า
จนกระทง่ั เขานำ� มาถวายกร็ บั รบั แลว้ กต็ กั ใสบ่ าตรพจิ ารณาอยอู่ ยา่ งนนั้ เมอื่ เรา
รู้ว่าจะแสลงไข้ก็ยังจะฉัน มันก็ฉันเพราะตัณหาเท่าน้ันแหละ หรือมันเป็นอย่างไร
พจิ ารณาไมอ่ อก พิจารณากลับไปกลบั มา ฉนั ข้าวเปลา่ ๆ ดูมนั ก่อนไดค้ วามวา่ ถ้าจะ
เป็นตัณหาไดก้ เ็ พราะวา่ ยังมอี าหารอยา่ งอ่นื อีก แต่นมี่ แี ตม่ ันอย่างเดยี ว เปน็ ตณั หา
ไม่ไดห้ รอก กเ็ ลยฉนั
“เอ้า ถา้ มนั แสลงไข้ละ่ ” แสลงก็ไมต่ ายหรอก เพราะหนึง่ ตอ้ งมคี นมาแกไ้ ข
สอง ต้องอาเจียนออก มันไมอ่ ยู่หรอกถ้าไม่ถงึ คราวมันตาย ถ้าถงึ คราวตายของมัน
คนจะมาแกก้ ไ็ มม่ หี รอก มนั ตายเลย เลยฉนั เขา้ ไป ฉนั ตำ� สม้ ถว่ั ของชาวบา้ น พจิ ารณา
ตกแลว้ จงึ ฉัน ฉันแลว้ ให้ศลี ใหพ้ รชาวบ้าน แล้วเขากก็ ลบั
193