The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

48พระธรรมเทศนา หลวงปู่ชา สุภัทโท

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by wonchai890, 2022-02-20 20:16:02

48พระธรรมเทศนา หลวงปู่ชา สุภัทโท

48พระธรรมเทศนา หลวงปู่ชา สุภัทโท

ไดง้ า่ ย มนั กเ็ หมอื นกบั วา่ ฝรง่ั เชน่ ทา่ นนม้ี บี า้ นหลงั ใหญท่ จี่ ะตอ้ งเชด็ ถู เมอ่ื เชด็ ถแู ลว้
ทา่ นกจ็ ะมที อี่ ยกู่ วา้ งขวาง มคี รวั มหี อ้ งสมดุ มหี อ้ งนง่ั เลน่ ทา่ นตอ้ งอดทน ความอดทน
และความทนได้ส�ำคัญมากในการฝึกปฏิบัติของเรา เม่ือผมยังเป็นพระหนุ่มๆ อยู่
ผมไมไ่ ดร้ บั ความยากลำ� บากมากเทา่ ทา่ น ผมพดู ภาษาพน้ื เมอื งและฉนั อาหารพน้ื เมอื ง
ของผมเอง แมก้ ระนนั้ บางวนั ผมกท็ อดอาลยั ผมอยากสกึ และถงึ กบั อยากฆา่ ตวั ตาย
ความทุกข์เช่นนี้เกิดจากความเห็นผิด (มิจฉาทิฏฐิ) เมื่อท่านเข้าถึงสัจธรรมแล้ว
ทา่ นจะละท้งิ ทัศนะและทิฏฐเิ สยี ได้ ทกุ อย่างจะเขา้ สคู่ วามสงบ

๒๗. ผมเจริญสมาธิภาวนาจนจิตสงบลกึ ผมควรทำ� อยา่ งไรตอ่ ไปครับ

น่ีก็ดีแล้ว ท�ำจิตให้สงบและเป็นสมาธิ และใช้สมาธินี้พิจารณาจิตและกาย
ถา้ จติ เกดิ ไมส่ งบกจ็ งเฝา้ ดดู ว้ ย แลว้ ทา่ นจะรถู้ งึ ความสงบทแ่ี ทจ้ รงิ เพราะอะไร เพราะ
ท่านจะได้เห็นความไม่เที่ยง แม้ความสงบเองก็ดูให้เห็นไม่เท่ียง ถ้าท่านยึดติดอยู่
กบั ภาวะจติ ทส่ี งบ แลว้ ท่านจะเปน็ ทกุ ข์เม่ือจติ ไมส่ งบ ฉะนน้ั จงปลอ่ ยวางหมดทกุ ส่ิง
แมแ้ ต่ความสงบ

๒๘. ผมได้ยินท่านอาจารย์พูดว่า ท่านเป็นห่วงลูกศิษย์ที่พากเพียรมาก
ใชไ่ หมครบั

ถกู แลว้ ผมเปน็ หว่ ง ผมเปน็ หว่ งวา่ เขาเอาจรงิ เอาจงั จนเกนิ ไป เขาพยายามเกนิ ไป
แตข่ าดปญั ญา เขาเคยี่ วเขญ็ ตนเองไปสคู่ วามทกุ ขย์ ากโดยไมจ่ ำ� เปน็ บางคนมงุ่ มน่ั ทจ่ี ะ
รแู้ จง้ เขาขบฟนั แนน่ และใจดน้ิ รนอยตู่ ลอดเวลา อยา่ งนเี้ ปน็ ความพยายามมากเกนิ ไป
คนท่ัวไปก็เช่นเดียวกัน พวกเขาไมร่ ้ถู ึงสภาพเป็นจริงของส่งิ ทั้งปวง (สังขาร) สังขาร
ทัง้ ปวง จิตและร่างกายล้วนเป็นของไมเ่ ท่ียง จงเฝา้ ดแู ละอยา่ ยดึ มน่ั ถอื มนั่

บางคนคดิ ว่าเขารู้ เขาวิพากษว์ ิจารณ์ จับตามองและลงความเห็นเอาเองอย่างน้ี
ก็ตามใจเขา ทิฏฐิของใครก็ปล่อยให้เป็นของคนนั้น การแบ่งเขาแบ่งเราน้ีอันตราย
เปรียบเหมือนทางโคง้ อนั ตรายของถนน ถ้าเราคิดว่าคนอื่นดอ้ ยกว่า หรือดกี วา่ หรอื
เสมอกันกบั เรา เราก็ตกทางโคง้ ถา้ เราแบ่งเขาแบ่งเรา เรากจ็ ะเปน็ ทุกข์

544

๒๙. ผมได้เจริญสมาธิภาวนามาหลายปีแล้ว ใจผมเปิดกว้างและสงบระงับ
เกือบจะในทุกสภาพการณ์ เวลาน้ีผมอยากจะย้อนหลังและฝึกท�ำสมาธิชั้นสูงหรือ
ฝึกฌานครับ

จะท�ำอย่างน้ันก็ได้ เปน็ การฝึกจิตที่มีประโยชน์ ถ้าท่านมปี ญั ญาทา่ นจะไม่ยึด
ติดอยใู่ นสมาธจิ ติ ซงึ่ กเ็ หมอื นกนั กับอยากนั่งภาวนานานๆ อยากจะลองฝกึ อยา่ งน้ัน
ดูก็ได้ แต่จริงๆ แล้วการฝึกนี้ไม่ได้ขึ้นอยู่กับท่วงท่าอิริยาบถต่างๆ แต่น่ีเป็นการ
มองตรงเข้าไปในจิต น่ีคือปัญญาเมื่อท่านพิจารณาและเข้าใจชัดในเร่ืองของจิตแล้ว
ท่านก็จะเกิดปัญญารู้ถึงขอบเขตของสมาธิ หรือขอบเขตของตำ� รบั ต�ำรา เม่อื ท่านได้
ฝึกปฏบิ ตั ิ และเข้าใจจริงเรื่องการไมย่ ดึ ม่นั ถือมน่ั แลว้ ทา่ นจะกลบั ไปอา่ นตำ� รบั ต�ำรา
ก็ได้ เปรียบไดเ้ หมือนขนมหวาน จะช่วยทา่ นในการสอนผู้อืน่ หรือทา่ นจะหวนกลบั
ไปฝึกฌานกไ็ ด้ ถ้าทา่ นมปี ญั ญารแู้ ล้วทจี่ ะไมย่ ึดถือในส่งิ ใด

๓๐. ขอความกรณุ าทา่ นอาจารยท์ บทวนใจความสำ� คญั ของการสนทนานดี้ ว้ ยครบั

ทา่ นตอ้ งสำ� รวจตวั เอง รวู้ า่ ทา่ นเปน็ ใคร รทู้ นั กายและจติ ใจของทา่ น โดยการเฝา้ ดู
ในขณะน่ังภาวนา หลับนอน และขบฉัน จงรู้ความพอดีพอเหมาะส�ำหรับตัวท่าน
ใช้ปญั ญาในการฝึกปฏิบตั ินี้ ตอ้ งละความอยากทจี่ ะบรรลผุ ลใดๆ จงมีสติรู้ว่าอะไร
เปน็ อยู่ การเจรญิ สมาธภิ าวนาของเรากค็ อื การมองตรงเขา้ ไปในจติ ทา่ นจะมองเหน็ ทกุ ข์
เหตแุ หง่ ทกุ ข์ และความดบั ไปแหง่ ทกุ ข์ แตท่ า่ นตอ้ งมคี วามอดทน อดทนอยา่ งยง่ิ และ
ต้องทนได้ ท่านจะค่อยๆ ได้เรียนรู้ พระพุทธเจ้าทรงสอนให้สาวกอยู่กับอาจารย์
อย่างน้อยห้าปี ทา่ นจะตอ้ งเหน็ คณุ คา่ ของการให้ทาน ของความอดทน และของการ
เสยี สละ

อย่าปฏิบตั ิเครง่ เครียดจนเกนิ ไป อย่ายดึ ตดิ อยูก่ บั รูปแบบภายนอก การจับตา
ดผู อู้ น่ื เปน็ การปฏบิ ตั ทิ ไี่ มถ่ กู ตอ้ ง จงเปน็ ปกตติ ามธรรมชาตแิ ละเฝา้ ดสู งิ่ นอี้ ยู่ พระวนิ ยั
ของพระสงฆแ์ ละกฎระเบยี บของวัดสำ� คัญมาก ท�ำใหเ้ กิดบรรยากาศทเี่ รียบง่ายและ
ประสานกลมกลนื จงใชใ้ หเ้ ปน็ แตจ่ ำ� ไวว้ า่ ความสำ� คญั ของพระวนิ ยั ของพระสงฆ์ คอื

545

การเฝา้ ดเู จตนาและสำ� รวจจติ ทา่ นตอ้ งใชป้ ญั ญา อยา่ แบง่ เขาแบง่ เรา ทา่ นจะขดั เคอื ง
หรือไม่ ถ้าต้นไม้เล็กๆ ในป่าไม้สูงใหญ่และตรงอย่างต้นอ่ืนๆ น่ีเป็นเรื่องโง่เขลา
อยา่ ไปตดั สนิ คนอน่ื คนเรามหี ลายแบบตา่ งๆ กนั อยา่ คอยแตม่ นั่ หมายทจ่ี ะเปลย่ี นแปลง
ใครๆ ไปหมดทุกคน
ดงั นนั้ จงอดทนและฝกึ ใหม้ คี ณุ ธรรม มคี วามเปน็ อยอู่ ยา่ งงา่ ยๆ และเปน็ ปกติ
ตามธรรมชาติ เฝา้ ดจู ติ นแ่ี หละคอื การปฏบิ ตั ขิ องเรา ซง่ึ จะนำ� ไปสคู่ วามไมเ่ หน็ แกต่ วั
และความสงบสันติ

546

๔๖

หลวงพ่อตอบปัญหา

การภาวนา

การภาวนาน้ีเราไปยืน เดิน นง่ั นอน อะไรอย่างน้ีจะมผี ลอะไรบา้ งไหมครับ

มมี งั่ แตเ่ หตุมนั ต้องสงบถงึ ที่มันเสียกอ่ น ใหม้ นั ถึงปญั ญาล่ะดมี ากท่ีสดุ คือ
มันบ่มมาถงึ ท่สี ุดแล้วมนั กส็ ุกข้ึนมาได้ แต่วา่ มนั มีแง่อยู่อยา่ งหน่ึงวา่ ความส�ำเร็จใน
การปฏบิ ตั นิ ม้ี นั มเี รอื่ งตดิ ไปดว้ ยปญั ญา วปิ สั สนาภาวนา ปญั ญากบั จติ มนั อยรู่ ว่ มกนั
อยา่ งคนมปี ัญญาไม่ตอ้ งไปท�ำอะไรมาก มนั รวมเขา้ ไปของมัน เร่ืองสมาธคิ ลา้ ยๆ ว่า
สมมตุ เิ ราเปน็ ชา่ งวาดเขยี น เราไปมองเหน็ แลว้ และกเ็ ขา้ ใจจนมนั ตดิ อยใู่ นใจของเรา
เราไปเขยี นออกมาจากใจของเราได้ ไมต่ อ้ งไปนง่ั วาดอยตู่ รงนนั้ คนทไ่ี มเ่ ขา้ ใจคนนน้ั
ตอ้ งไปนง่ั เขยี นเสยี กอ่ นใหม้ นั ซาบซงึ้ เขา้ ไป อนั นเี้ รอ่ื งปญั ญาไมต่ อ้ งไปนง่ั เขยี น เรามา
มองดกู เ็ ขา้ ใจ เขยี นมนั ไปเลยกไ็ ด้ มนั เปน็ อยา่ งนี้ บางคนกใ็ ชป้ ญั ญานอ้ ย บางคนกใ็ ช้
ปญั ญามาก อาจจะตรสั รธู้ รรมะในอริ ยิ าบถใดอริ ยิ าบถหนงึ่ กไ็ ด้ การยนื การเดนิ การนง่ั
การนอน ทา่ นใหท้ ัง้ น้นั ก็เพราะอะไร กเ็ พราะเราเปน็ อย่างน้ี ทา่ นจงึ ให้ท�ำอยา่ งนั้น

บางคนไม่ตอ้ งไปนั่งเขียนอะไรทตี่ รงนนั้ เราไปมองปบ๊ั เดยี วเขา้ ใจ ไปนั่งเขียน
มนั กเ็ สยี เวลา ถา้ เราไปนงั่ เขยี นตามความเขา้ ใจของเรา มนั กค็ ลอ่ งขนึ้ มนั เปน็ อยา่ งนี้

ตอบแกค่ ณะพ้นโลก ณ วัดหนองป่าพง เมอื่ วนั ท่ี ๑๐ พฤศจิกายน ๒๕๒๒ จากหนังสอื ธรรมานสุ ติ

547

แตว่ า่ ตอ้ งพยามยาม แบบของมนั อยา่ ไปทง้ิ มนั กเ็ หมอื นกบั ทว่ี า่ การนงั่ สมาธแิ บบเดมิ
กน็ ง่ั ขาขวาทบั ขาซา้ ย มอื ขวาทบั มอื ซา้ ย ตง้ั กายตรง บางคนกว็ า่ เดนิ กไ็ ด้ นงั่ กไ็ ด้ คกุ เขา่
จะได้ไหม ได้ แต่ว่าเราเป็นนักเรียนใหม่ เรียนหนังสือต้องคัดตัวบรรจงเสียก่อน
ใหม้ หี วั มหี างเสยี กอ่ น ถา้ เราเขา้ ใจดแี ลว้ เราเขยี นอา่ นเอง เราเขยี นหวดั ไปกไ็ ด้ อยา่ งนี้
ไมผ่ ดิ แตแ่ บบเดมิ มนั ตอ้ งทำ� อยา่ งนน้ั เสยี กอ่ น ดมี าก เขา้ ใจมย้ั ทำ� ถงึ โนน้ แลว้ หรอื ยงั
ไม่ท�ำถงึ โน้น พูดใหฟ้ งั กไ็ ม่ร้เู ร่อื งสนิ ะ รแู้ ต่ว่าฟงั ไป

หลวงพ่อครับแลว้ เกย่ี วกบั ฐานของลมท่ีจะกำ� หนดนี้ เราอาจจะเปลีย่ นแปลงได้
เรอื่ ยๆ ใชไ่ หมครบั ไมจ่ ำ� เปน็ จะต้องก�ำหนด ณ จุดใดจุดหนึง่ ทีเ่ ราเคยท�ำอยู่

อะไรที่มันมีสติอยู่ไม่ขาดกัน รู้สึกอย่างติดต่อกัน เอาจุดไหนก็ได้ ท่ีเรียกว่า
จดุ น้นั ขยายจุดน่นี ะ่ เพ่อื จะใหม้ นั ติดต่อกันเทา่ นั้นแหละ เอาจดุ ไหนก็ได้ท่ีมคี วามรู้
ติดต่อกัน จุดไหนท่ีมันมีสติสัมปชัญญะ จุดน้ันจุดไหนก็ได้ ถ้ามันมีอยู่อย่างน้ัน
สตสิ มั ปชญั ญะทงั้ สองนกี้ เ็ หมอื นคนสองคนมนั ไปยกเอาไมอ้ นั หนงึ่ มนั หนกั คนทสี่ ามน้ี
ไปมองดู เหน็ มันหนกั ก็เข้าช่วย ถ้ามนั หนกั ไม่ชว่ ยไมไ่ ด้ ต้องเข้าชว่ ย คนทเ่ี ขา้ ช่วยน้ี
คอื ปญั ญา ถา้ มสี ตสิ มั ปชญั ญะแลว้ ปญั ญากต็ อ้ งวง่ิ เขา้ มาหา คลา้ ยๆ ทว่ี า่ สองคนมนั
แบกหนกั มนั หนกั คนหนงึ่ ทมี่ ปี ญั ญาฉลาดนะ่ จะทนนงิ่ อยเู่ ฉยๆ ไดห้ รอื ตอ้ งชว่ ยกนั
คนทสี่ ามกไ็ ปชว่ ยกเ็ บาขน้ึ มา เหน็ มยั้ สตสิ มั ปชญั ญะ สติ คอื ความระลกึ ได้ สมั ปชญั ญะ
ความรู้ตัว มีอยู่แล้ว ปัญญาจะนิ่งอยู่ไม่ได้ จ�ำเป็นต้องเข้าช่วย สามประการนี้
ประกอบกนั เข้าไป ความร้สู ึกน่มี นั ติดตอ่ กนั ได้ทัง้ นน้ั

เวลาเราขยายลมกระจายทวั่ ออกไป กำ� หนดจติ ใหก้ วา้ งออกไป แตพ่ อลมกระจาย
ไปแลว้ เรารวมจิตเข้ามาไวข้ ้างใน มันจะรสู้ ึกวา่ ลมน้มี ันจะคับแคบไป

อันนั้นมนั ความรูส้ กึ ของเรา มนั ไม่แคบไม่กว้างหรอก มันพอดี ถ้ามันถกู แล้ว
มนั พอดที งั้ นนั้ แหละ ทมี่ นั แคบเกนิ ไปกวา้ งเกนิ ไปนะ ความรสู้ กึ เชน่ นน้ั ไมถ่ กู ตอ้ งแลว้
มนั เกนิ พอดแี ลว้ หรือมนั ไมถ่ ึงพอดี ถ้ามันถูกแลว้ มนั พอดที ้งั น้นั แหละ เราต้องรูจ้ กั
อย่างนนั้ ถ้าหากว่ามนั ไมถ่ งึ ก็เรยี กว่ามันไมถ่ งึ มันสน้ั ไป ถา้ มันยาวไปกเ็ รยี กว่ามัน
ยาวเกินไป มนั ไมถ่ งึ ท่ี ไมถ่ ึงจุดพอดีของมัน

548

หลวงพ่อครับ พูดถึงว่าถ้าเผื่อว่าลมมันหมดนะครับ แต่รู้สึกว่าข้างในมันยัง
ไมห่ มด นแ่ี สดงวา่ ลมมนั ยงั ไมห่ มดใชไ่ หมครบั คอื เวลากำ� หนดนะครบั สว่ นขา้ งนอก
รสู้ กึ ว่ามันหายไป แต่ขา้ งในรสู้ ึกว่ามันยังมีอยู่

มันมอี ยู่ก็ดวู า่ มันมีอยู่ มนั หมดไปกด็ ูว่ามนั หมดไปกแ็ ลว้ กนั เท่านนั้ ไปสงสยั
อะไรมัน

คือแปลกใจวา่ ข้างนอกมันหมดแลว้ แตข่ า้ งในท�ำไมยังไมห่ มด

เอ้า...มันเป็นอย่างนั้นของมัน อันนั้นมันซับซ้อนกันอยู่ตรงนั้นแหละ ไม่ต้อง
สงสยั แลว้ ตรงนัน้ น่ะ ทำ� ไมมันถงึ เป็นยังงั้น ก็เรือ่ งของมันจะเป็นอยา่ งงน้ั มันกต็ ้อง
เปน็ ของมันอยา่ งงั้น

แลว้ จะทำ� ยงั ไง หรอื ปลอ่ ยเฉยไว้อย่างนี้

ไมต่ อ้ งทำ� ซิ ทำ� ความรสู้ กึ เทา่ นน้ั แหละ อยา่ ไปทำ� อนั อน่ื เลย อยา่ ไปลกุ เดนิ ลกุ วง่ิ
ตามมนั เลย ดมู นั ไปตรงนนั้ แหละ มนั จะถงึ แคไ่ หน มนั กถ็ งึ แคน่ นั้ ของมนั แหละ จบั จดุ
อยูต่ รงน้ัน เท่านัน้ พอแล้ว

นมิ ิต (อารมณก์ รรมฐาน)

แล้วก�ำหนดไปอีก เห็นเป็นซี่โครงขาวๆ คล้ายกับที่หลวงพ่อแขวนอยู่ท่ีน่ี
นกึ ๆ ขนึ้ มาเลยคิดวา่ ใจมันคิดเกินไป มันเลยหายวบู ไปเลย

อนั นัน้ เขาเรียกว่า อุคคหนมิ ติ ๑ ขยายรปู ขยายแสง ขยายให้ใหญก่ ไ็ ด้ ขยาย
ให้เล็กก็ได้ ขยายให้สั้นก็ได้ ขยายให้ยาวก็ได้ เรื่องเราขยาย ความเป็นจริงน้ัน

๑ นิมิตติดตา หมายถึง นิมิต (อารมณ์กรรมฐาน) ท่ีนึกก�ำหนดจนแม่นใจ หรือที่เพ่งดูจนติดตาติดใจ
แมห้ ลบั ตากเ็ หน็ (ขอ้ ๒ ในนมิ ติ ๓) นมิ ติ ๓ ไดแ้ ก่ ๑. บรกิ รรมนมิ ติ - นมิ ติ แหง่ บรกิ รรมหรอื นมิ ติ ตระเตรยี ม
ไดแ้ ก่ สงิ่ ทเี่ พง่ หรอื กำ� หนดนกึ เปน็ อารมณก์ รรมฐาน ๒. อคุ คหนมิ ติ ๓. ปฏภิ าคนมิ ติ - นมิ ติ เสมอื น หรอื
นมิ ติ เทยี บเคยี ง ไดแ้ ก่ อคุ คหนมิ ติ นน้ั เจนใจจนกลายเปน็ ภาพทเ่ี กดิ จากสญั ญา เปน็ ของบรสิ ทุ ธิ์ จะนกึ ขยาย
หรอื ย่อสว่ นกไ็ ดต้ ามทปี่ รารถนา

549

จติ ทีม่ นั สงบแล้วก็พอแล้วเปน็ ฐานแลว้ เปน็ ฐานของวิปสั สนาแล้ว ไม่ต้องขยายอะไร
มันมากมาย พอท่ีว่ามีฐานจะให้ปัญญาเกิดแล้วก็พอแล้ว เม่ือปัญญาเกิดอะไรปุ๊บ
มนั เกดิ ขนึ้ มา มนั แกป้ ญั หาของมนั ไดแ้ ลว้ มนั มปี ญั หากต็ อ้ งมเี ฉลย อารมณอ์ ะไรทม่ี นั
เกดิ ขนึ้ มาปบุ๊ มนั เปน็ ปญั หามา เมอื่ เหน็ ปญั หากเ็ หน็ เฉลยพรอ้ ม มนั กห็ มดปญั หาแลว้
อนั นค้ี วามรมู้ นั สำ� คญั อะไรทป่ี ญั หามนั เกดิ แตเ่ ฉลยไมเ่ กดิ กแ็ ยเ่ หมอื นกนั นะ ยงั ไม่
ทันมนั ฉะน้นั ไมต่ อ้ งคิดอะไรมาก เมอ่ื มปี ญั หาข้นึ มาป๊บุ เฉลยพรอ้ ม เปน็ ปัจจบุ ัน
อย่างน้ี น่ีเปน็ ปัญญาทส่ี ำ� คญั ทส่ี ดุ คือปญั ญาน่นั แหละ มันบอกเฉลยใหเ้ กิดข้ึนมา
มนั เปน็ เสยี อยา่ งน้ัน ตรงนนั้ มนั หมดกันทต่ี รงน้นั แหละ ไมห่ มดกันที่ตรงไหนหรอก
ปัญญาตรงนี้เป็นปญั ญาท่ที นั เหตุการณ์ สำ� คญั นะ ปญั ญาที่ทันเหตุการณ์ ถ้าเรามี
เช่นนี้ทุกอย่าง ทุกข์ไม่มี เมื่อใดเกิดปัญหาข้ึนมา มีเฉลยปั๊บ ทุกข์น้ันเกิดไม่ได้
แลว้ มนั วางทงั้ นนั้ ทำ� ลายอปุ าทานทง้ั นน้ั แหละ ถา้ เราแกป้ ญั หามนั ทเี่ กดิ ขนึ้ มา แหม...
ตอ้ งไปแกม้ นั ตง้ั สองวนั สามวนั มนั หา่ งเกนิ ไป มนั ไมท่ นั ชว่ งของมนั แลว้ เกดิ เดยี๋ วนน้ั
เอาเดยี๋ วนน้ั เหน็ ปญั หาเกดิ มเี ฉลยพรอ้ มๆ กนั ทกุ ขณะ เกดิ ดบั กลบั พรอ้ มกนั เลย อยา่ งน้ี
กน็ ่าดูเหมือนกันนะ

แล้วอยา่ งนเี้ ราจะมปี ัญญาอย่างไรถงึ จะได้รเู้ ท่าทนั มนั

อยา่ ไปถามมนั มนั มอี ยใู่ นนนั้ แหละ มนั มอี ยแู่ ลว้ ตรงนน้ั นะ่ อนั นที้ ว่ี า่ ทำ� ไมถงึ จะ
มปี ญั ญารเู้ ทา่ มนั อนั นคี้ อื คนยงั ไมถ่ งึ ตรงนน้ั ถงึ พดู อยา่ งน้ี ถา้ ถงึ ตรงนนั้ ปญั หานจ้ี บ
ให้เข้าใจไว้ ไม่มีที่จะสงสัย ไม่มีปัญหาแล้วตรงนี้ ถ้ารู้จุดน้ันแล้ว อันนี้ไม่ต้อง
มีปญั หาแล้ว ถา้ ไม่พดู ก็ไม่มีปัญหาแลว้ มันรู้เร่ืองของมนั แลว้ ตรงนนั้ นะ่

ตามใบหนา้ ตามจมูก บางทมี นั ปวด

ออ๋ อนั นมี้ ันเร่ืองมนั ปวด มันกแ็ กย้ ากนะ ก�ำหนดมันจนเกนิ ไปม้งั

ครบั ถูกต้อง

อยา่ ไปก�ำหนดมนั มากสิ นั่งเฉยๆ ซะ น่ังเฉยๆ ให้มันมคี วามร้สู กึ อยนู่ ่นั แหละ
อยา่ ไปบบี มนั เกนิ ไป แมก้ ระทง่ั ลมหายใจเรานก่ี ล็ ำ� บากนะ ถา้ เราเดนิ ไปเดนิ มา ไมไ่ ป

550

ควบคุมมันก็ไม่เท่าไร มันสบาย ถ้าเราไปนั่งจะก�ำหนดลมหายใจให้มันถูกต้อง
อะไรตอ่ อะไรวนุ่ วาย บางทกี เ็ ลยหายใจไมถ่ กู ตอ้ ง กเ็ พราะวา่ มนั บบี เกนิ ไป เมอ่ื เราถอน
มาอยู่เฉยๆ ซะ ก็ไมเ่ ปน็ ไร

ลมหายใจนี่ก็ล�ำบากนะ บางทีก็หายใจไม่ถูก มันยาวเกินไป มันส้ันเกินไป
เลยวุ่นวาย อันนีก้ เ็ พราะเรากำ� หนดมนั เกินไป ไปบีบมันเกนิ ไป มันถึงเป็นอยา่ งนน้ั
กเ็ หมอื นเดก็ ๆ นะ่ แหละ สอนใหม้ นั นง่ั สอนทไี รเฆย่ี นทกุ ทนี ะ่ เดก็ มนั จะมคี วามฉลาด
ข้ึนมาม้ัย ไปบงั คบั มันจนเกินไป อนั นก้ี เ็ หมือนกนั ถา้ เรามาคิดดวู า่ เม่อื เราเดนิ จาก
บา้ นไปสวนหรอื เดนิ จากบา้ นไปทำ� งาน ทำ� ไมมนั ไมร่ ำ� คาญเพราะลม กเ็ พราะเราไมไ่ ป
ยดึ อะไรมนั เพราะเราปลอ่ ยตามเรอื่ งมนั อวยั วะสว่ นใดๆ ทมี่ นั ปวดนะ่ เพราะเราไปเพง่
ไปกำ� หนดมนั เกนิ ไป ใหท้ �ำดว้ ยการปลอ่ ยวาง อยา่ ไปยึด ยดึ อยา่ ใหม้ นั มนั่ เขา้ ใจมยั้
อยา่ ไปยดึ แกว้ ใบนน้ี ะเรายดึ มาดเู สยี กอ่ น รแู้ ลว้ กว็ างมนั นเ่ี รยี กวา่ อยา่ ไปยดึ มน่ั คอื
ยดึ อยา่ ใหม้ นั มน่ั ยดึ มาดรู เู้ รอ่ื งมนั แลว้ กว็ างมนั สบาย อนั นก้ี เ็ หมอื นกนั ฉนั นน้ั ทม่ี นั
เจบ็ ปวดตามสภาวะแถวน้ี เพราะไปก�ำหนดมันมาก ถอยออกมาบ้าง อยา่ ขยับเขา้ ไป
ให้มนั มาก เพ่งจนเจบ็ เพ่งจนปวด มนั กไ็ มไ่ ด้ ตรงนน้ั เคยเปน็ ทุกทีม้ัยนัน่

เปน็ ทกุ ทคี รบั

นัน่ แหละ ถอยกลบั เสียบ้าง ทำ� สบายๆ ทำ� ความรู้สกึ ไวเ้ ท่านนั้ อย่าไปก�ำหนด
เกนิ ไป แตท่ ำ� ความรสู้ กึ ไว้ ทำ� ดว้ ยการปลอ่ ยวาง ทำ� อะไรทำ� ดว้ ยการปลอ่ ยวาง ไมไ่ ดท้ ำ�
ด้วยการฝกึ ให้มนั แนน่ แลว้ กส็ บาย

ในช่วงระยะท่ีเราอยู่ในสภาวะที่ก�ำหนดเห็นว่าร่างกายมันใหญ่ได้ ตรงน้ันเป็น
สภาวะท่ีสงบนิง่ แลว้ ใช่ไหมครบั หรอื ว่าเราต้องใชป้ ัญญาพจิ ารณาในตอนนี้

ถา้ มนั ไมส่ งบมนั ไมเ่ กดิ อาการอยา่ งนน้ั ทจ่ี ะเกดิ อาการอยา่ งนน้ั เพราะจติ มนั สงบ
มันถึงเป็นอย่างนั้น แต่ให้ควบคุมสติเราให้ดีว่ามันใหญ่เกินขนาดไหน มันเล็กเกิน
ขนาดไหน เมอ่ื ก�ำหนดเขา้ ไปถึงที่สุดแล้ว กก็ �ำหนดเข้าไปข้างใน อย่าว่ิงไปขา้ งนอก
ถา้ ว่งิ ไปตามข้างนอก มนั จะขยายตัวออกไปเรื่อยๆ เดย๋ี วกเ็ ปน็ หมู เดี๋ยวก็เปน็ หมา

551

เดีย๋ วก็เปน็ มา้ เดยี๋ วก็เป็นชา้ ง เดยี๋ วก็เป็นโนน้ เดย๋ี วก็ลกุ ขึน้ มาไล่มนั เทา่ นนั้ แหละ
ใหร้ วู้ า่ อนั นม้ี นั เปน็ นมิ ติ สะเกด็ ของความสงบ มนั เกดิ จากทสี่ งบ นนั่ มนั เปน็ อยา่ งนน้ั
อาการจะเกิดนมิ ติ อย่างนม้ี นั ตอ้ งสงบแลว้ มนั จึงเกดิ อยา่ งนน้ั ก็ก�ำหนดกลบั เขา้ มา
ในจิตมันกห็ ายได้

ทีนี้ เมื่อเราก�ำหนดรวู้ า่ มันจะใหญ่เกนิ ไปไหม มนั จะคับมาก หรอื อะไรอยา่ งนี้
อาจจะทำ� ใหเ้ ราตกใจข้ึนมา

อย่าไปตกใจมันสิ มันเต็มสติน่ันแหละ บางทีน่ังอยู่จมูกโด่งไปถึงโน่นก็ได้
ให้มนั โด่งไปสิ มนั ยาวไปจรงิ ม้ยั นัน่ เรามสี ติอย่นู ะ มนั ไม่ยาวจรงิ อยา่ งน้ัน มนั มี
ความรสู้ กึ ปรากฏขน้ึ อยา่ งนนั้ เรยี กวา่ นมิ ติ ไมม่ อี นั ตราย เราครองสตเิ ราใหไ้ ด้ บางที
มันน่ังอยู่ศีรษะมันขาดปุ๊บไปเลยก็ได้ แต่อย่าตกใจมันสิ ไม่ใช่มันขาดไป อันนั้น
เรยี กว่า นมิ ติ

หลงั จากเราเพ่งดู รูส้ กึ รู้

ไม่ต้องไปตามมันแล้ว ปล่อยให้เป็นนิมิตอย่างนั้นแหละ ท�ำจิตเราให้สงบต่อ
อย่าไปตามดูมนั เราตามดมู ันมาพอสมควรแล้ว ถ้าตามไปมนั หลงนะ มนั หลงนมิ ิต
อนั นเ้ี รยี กวา่ นมิ ติ ไมต่ อ้ งยดึ มนั่ ถอื มน่ั อะไรของมนั ใหม้ นั บานปลายไป เมอื่ เราอยาก
ให้นิมิตนั่นหายไป เราก็กลับคืนที่ของเราซะ จิตของเรามันอยู่ขนาดไหนอะไรยังไง
ก�ำหนดใหร้ ู้เข้ามา

ถา้ ก�ำหนดเข้ามา ลมหายใจกไ็ มม่ ใี ช่ไหมครับช่วงนัน้

มสี ิ มี

ถึงชว่ งนนั้ ตอนนัน้ พจิ ารณาไดใ้ ช่ไหมครับ

ปกติ ตรงนนั้ มนั ปกติ อาตมาวา่ มาถงึ ตรงนนั้ แลว้ มนั ไมน่ า่ จะมปี ญั หาอะไรมาก
มันจะหมดปญั หาแล้ว มนั จะมมี าก็หมดปญั หาแล้ว มันจะไมม่ มี ากห็ มดปัญหาแลว้
ตรงนั้น ไมต่ ้องสงสยั ว่ามันเป็นอย่างนี้ ถ้ามันเปน็ อยา่ งนั้นในเวลาน้นั

552

แต่บางทมี ันท�ำใหเ้ ราตกใจ

อยา่ ไปตกใจสิ อันนั้นมันเป็นนิมติ อยา่ ไปตกใจเลย ไม่มอี ะไรจะทำ� อันตราย
เราได้แลว้ แต่อาการของจิตมันเป็นไปทกุ อย่างแหละ แต่วา่ อะไรจะมาทำ� อนั ตรายเรา
ไมไ่ ด้

เมือ่ ไมม่ ีนิมติ อะไร เราตอ้ งถอยไหมครับ

ไมต่ อ้ งถอย ประคองจติ นนั่ ไว้ ถงึ วาระของมนั มนั จะเปน็ ของมนั เอง อยา่ ไปแตง่ มนั
แต่งมันก็ไม่สวยเท่านั้นแหละ ของมันดีอยู่แล้ว มันจะเป็นวาระของมัน เป็นวาระ
เข้าออกของมัน ในระยะนั้นอย่าไปแต่ง ประคองจิตให้มีสติดูไปตรงนั้นว่ามันจะ
เปลยี่ นแปลงอยา่ งไรเทา่ นั้นแหละ

อบุ ายแก้อทุ ธจั จะกุกกจุ จะ๑

มอี บุ ายทแ่ี กอ้ ทุ ธจั จะเสียหนอ่ ยไหมครับ

อะไร อทุ ธจั จะ มันเปน็ ยงั ไง

มนั ฟ้งุ ซา่ น เวลามันเกดิ เขม้ ขน้ ข้นึ มา เราจะมอี บุ ายแก้ยังไงครับ

มนั ไมย่ ากหรอก ของมนั ไม่แน่หรอก ไม่ต้องไปแกม้ นั คราวทีม่ นั ฟุ้งซา่ นมมี ้ัย
ทม่ี นั ไมฟ่ ุง้ ซ่านมีมั้ย

มคี รบั

น่ัน จะไปทำ� อะไรมนั ล่ะ มันก็ไมแ่ นอ่ ยแู่ ลว้

ทนี เี้ วลามนั แลบไปแลบมาล่ะครับ

๑ ความฟงุ้ ซา่ นและรำ� คาญ ความฟงุ้ ซา่ นและความเดอื ดรอ้ นใจ ขอ้ ๔ ในนวิ รณ์ ๕ ไดแ้ ก่ ๑. กามฉนั ทะ - พอใจ
ในกามคณุ ๒. พยาบาท - คดิ รา้ ยผอู้ น่ื ๓. ถนี มทิ ธะ - ความหดหซู่ มึ เซา ๔. อทุ ธจั จะกกุ กจุ จะ ๕. วจิ กิ จิ ฉา -
ความลังเลสงสัย

553

เอา้ กด็ มู นั แลบไปแลบมาเทา่ นน้ั แหละ จะทำ� ยงั ไงกบั มนั มนั ดแี ลว้ นนั้ แหละโยม
จะให้มนั เป็นอะไรอยา่ งไร มนั จะเกิดปัญหาหรือนัน่

มันแลบไป เราก็ตามดมู ัน

มนั แลบไป มนั กอ็ ยนู่ น่ั แหละ เราไมต่ ามมนั ไป เรารสู้ กึ มนั อยู่ มนั จะไปตรงไหนละ่
มนั กอ็ ยใู่ นกรงอนั เดยี วกนั ไมไ่ ปตรงไหนหรอก นแี่ หละเราไมอ่ ยากจะใหม้ นั เปน็ อะไร
น่ที า่ นอาจารยม์ ั่นเรียกว่า สมาธิหวั ตอ ถา้ มันแลบไปแลบมา กว็ ่ามนั แลบไปแลบมา
ถ้ามันนิ่งเฉยๆ กว็ ่ามันเฉยๆ จะเอาอะไรกนั ละ่ ให้รู้เท่าทันมนั ทง้ั สองอย่าง วันนี้มัน
มคี วามสงบกถ็ อนมนั มาใหป้ ญั ญามนั เกดิ แตบ่ างคนเหน็ วา่ มนั สงบนดี่ นี ะ ชอบมนั ดใี จ
วนั นฉี้ นั ทำ� สมาธมิ นั สงบดเี หลอื เกนิ แนะ่ อยา่ งนเ้ี มอ่ื วนั ทส่ี องมาไมไ่ ดเ้ รอื่ งเลย วนุ่ วาย
ทง้ั นั้นแหละ แน่ะ วันน้ไี มด่ ีเหลอื เกนิ เรอ่ื งดไี ม่ดมี นั ราคาเทา่ กนั เรื่องดมี นั ก็ไม่เทยี่ ง
เรอื่ งไมด่ มี นั กไ็ มเ่ ทยี่ ง จะไปหมายมน่ั มนั ทำ� ไม มนั ฟงุ้ ซา่ นกด็ มู นั ฟงุ้ ซา่ นไปสิ มนั สงบ
กด็ เู รอ่ื งมนั สงบสิ อยา่ งนใ้ี หป้ ญั ญามนั เกดิ มนั เปน็ เรอื่ งของมนั จะเปน็ อยา่ งนี้ เปน็ อาการ
ของจติ มันเป็นอยา่ งน้นั เราอย่าไปยุ่งกับมนั มากสิ ลกั ษณะอันน้นั

อยา่ งเราเหน็ ลงิ ตวั หนง่ึ นะ่ มนั ไมน่ งิ่ ใชไ่ หม โยมกไ็ มส่ บายใจเพราะลงิ มนั ไมน่ งิ่
มนั จะนงิ่ เมอ่ื ไหร่ โยมจะใหม้ นั นง่ิ โยมถงึ จะสบายใจ มนั จะไดม้ ยั้ เรอื่ งของลงิ นะ่ ลงิ มนั
เปน็ เชน่ นน้ั ลงิ ทกี่ รงุ เทพฯ กเ็ หมอื นลงิ ตวั นแ้ี หละ ลงิ ทอี่ บุ ลฯ กเ็ หมอื นลงิ ทก่ี รงุ เทพฯ
น่ะแหละ ลิงมันเป็นอย่างน้นั ของมันเอง กห็ มดปัญหาเทา่ น้นั แหละ อันนี้ลิงมนั ไม่นิง่
เราก็เป็นทุกข์อยเู่ สมอ ยงั ง้ันเราก็ตายเทา่ น้ันแหละ เราก็เปน็ ยงิ่ กวา่ ลิงซะแลว้ ละมั้ง

มหาสตปิ ัฏฐาน

ในมหาสติปัฏฐานบอกว่า ทางนี้เป็นทางสายเดียวเพ่ือความพ้นทุกข์ ก็มีต้อง
พจิ ารณากาย เวทนา จติ ธรรม ผู้ทจ่ี ะพน้ ทกุ ขจ์ ะต้องพิจารณาทั้ง ๔ อยา่ งทง้ั หมด
หรอื เปลา่

554

กาย เวทนา จติ ธรรม นะ่ อนั นม้ี นั ของอยา่ งเดยี วกนั รอู้ นั หนง่ึ กเ็ หมอื นรหู้ มด
เหมอื นเรารคู้ นๆ หนง่ึ กร็ หู้ มดทกุ คนในโลก เหมอื นเรารลู้ งิ ตวั หนง่ึ ลงิ ตวั อนื่ นอกนน้ั
เหมือนลงิ ตวั นี้เหมอื นกนั น่จี ะพดู กนั ง่ายๆ หลักใหญข่ องสติปฏั ฐานมันเปน็ อย่างน้ี
อนั นั้นมันเปน็ ลักษณะของมนั เมอ่ื ร้กู าย เวทนา จติ ธรรม สักแตว่ า่ กาย สักแตว่ ่า
เวทนา สกั แตว่ า่ จติ สกั แตว่ า่ ธรรม มนั เปน็ สกั วา่ ทง้ั นน้ั แหละ ทงั้ สน่ี น่ั นะ่ มนั กพ็ อแลว้ นะ
ถึงแม้ว่ามนั จะรอู้ ันเดียวมันกไ็ ด้

สติสมั ปชัญญะ

เคยมีคนมาท่ีน่ี เคยเอ่ยถึงท่านอาจารย์บ่อยๆ บอกว่า ในกายน่ีพิจารณาถึง
อิริยาบถของกายนะครับ สติสัมปชัญญะ และก็ถ้าพิจารณาถึงสิ่งทั้งหลาย คนนั้น
แกดือ้ ดงึ รูส้ กึ ว่าแกจะพิจารณาแคบ แกบอกพจิ ารณาสตสิ ัมปชญั ญะอยา่ งเดยี วพอ
ไม่ตอ้ งอะไร

สตสิ มั ปชญั ญะ ตรสั รทู้ ง้ั สน่ี น้ั กไ็ มม่ อี ะไร มนั กไ็ มม่ อี ะไรในกลมุ่ อนั นนั้ อยา่ งทว่ี า่
ฉันจะต้องไปแยก เกสา โลมา นขา ทนั ตา ตโจ แลว้ ถึงจะเรียกว่าฉันพิจารณากาย
ทนี อ้ี กี คนหนงึ่ วา่ ผมไมพ่ จิ ารณาไปทงั้ หมดละ พจิ ารณาทางมนั ไมเ่ ทยี่ ง ทางนสี้ ว่ นเดยี ว
มนั กห็ มดเหมือนกัน

แต่วา่ ทเี่ หน็ นัน่ กเ็ หน็ ว่าทุกๆ อย่างมนั ก็ไม่เท่ียงเหมอื นกนั ใช่ไหมครับ

ใช่ มนั กห็ ลกั อันเดียวกันเท่านนั้ แหละ กาย เวทนา จติ ธรรม นน้ั ใหเ้ หน็ ว่า
มันไมเ่ ท่ียงอยา่ งเดียวกันเทา่ น้นั มนั กเ็ ห็นไปรวมกนั มนั เป็นมรรคสมงั คีกนั ตรงนน้ั
เท่านนั้ อนั นท้ี า่ นแยกออกไปพจิ ารณาเฉยๆ หรอก เมือ่ เราเห็นมนั รวมแลว้ ก็ไม่ตอ้ ง
แยกสิ แยกก็เหมือนไมแ่ ยก ไมแ่ ยกก็เหมอื นแยก เพราะมนั เป็นอยา่ งน้ัน ท่านให้มี
ความเข้าใจอยา่ งเดยี วตรงน้ันกพ็ อแล้ว

555

ธมั มวจิ ยะ

หลวงพอ่ ครับ เวลาเราภาวนาอยนู่ ะครับ คลา้ ยๆ กบั วา่ เราก�ำลงั สนทนาพูดคุย
กับตัวเราเองอยู่น่ี อยา่ งนจี้ ะมีทางแก้ยงั ไงครบั

อยา่ ไปแกม้ นั เลยตรงนนั้ มนั ดแี ลว้ มนั เปน็ โพชฌงค ์ ๑ ธมั มวจิ ยะ มนั จะกอ่ เกดิ
ตวั ปญั ญาแลว้ ตรงนน้ั นะ่ มนั อยใู่ นความสงบของมนั แลว้ มนั เปน็ ธมั มวจิ ยะสอดสอ่ ง
ธรรมะ ไม่ตอ้ งไปแกม้ นั เถอะ ดไู ปตรงน้ันแหละ ถา้ มนั มตี รงน้นั แล้วมันไม่ฟุ้งซ่าน
ร�ำคาญหรอก มนั อยใู่ นทสี่ งบของมันแลว้ จะต้องเปน็ อย่างนี้ อนั น้ีมันเปน็ โพชฌงค์
เปน็ องค์ธรรมที่จะตรสั รธู้ รรมะอยูแ่ ล้ว ไปแกม้ ันทำ� ไมตรงน้ี

ความสงบ

อยากใหม้ ันสงบครับ

นนั่ แหละมนั อยใู่ นความสงบนนั่ เอง ถา้ เราไมม่ อี ยา่ งนม้ี นั จะมปี ญั ญาสงบยงิ่ ขนึ้
ไปมย้ั หมายความวา่ เมอื่ มปี ญั ญาเกดิ ขนึ้ มา มนั ทำ� ความสงบใหย้ งิ่ ขนึ้ ไป เมอ่ื ความสงบ
ยงิ่ ขนึ้ ไปมนั ทำ� ปญั ญาใหย้ งิ่ ขนึ้ มา มนั เปน็ ไวพจนซ์ งึ่ กนั และกนั อยอู่ ยา่ งน้ี มนั ยงั ไมจ่ บ
เรอื่ งของมนั อยา่ ไปอา้ งมนั สิ มนั เปน็ องคข์ องโพชฌงค์ เปน็ ธมั มวจิ ยะสอดสอ่ งธรรมะ
เรอ่ื งนม้ี นั เรอ่ื งไมฟ่ งุ้ ซา่ น มนั เรอื่ งทจี่ ะใหเ้ กดิ ปญั ญาสขุ มุ ขน้ึ ไปเรอ่ื ยๆ เรอื่ งฟงุ้ ซา่ นไมใ่ ช่
เรอื่ งของอยา่ งน้ี เรอื่ งฟงุ้ ซา่ นมนั กไ็ มใ่ ชเ่ รอื่ งของธมั มวจิ ยะสิ มนั ไมใ่ ชอ่ งคธ์ รรมทจี่ ะทำ�
ใหต้ รสั รู้ธรรมสิ

ความเป็นจริง คนเราไม่อยากจะใหม้ ันรู้ อยากจะใหม้ นั เฉยๆ อยา่ ใหม้ นั เป็น
อยา่ งนนั้ คอื รเู้ ฉย เขา้ ใจไหม เหมอื นกบั ไมร่ แู้ หละ รเู้ ฉย ถา้ ไมร่ ไู้ มไ่ ด้ รแู้ ลว้ ไมร่ ำ� คาญ
อย่างเรานัง่ อยู่นี้ ไดย้ นิ คนพูดอยแู่ ตม่ ันไม่ร�ำคาญ จิตอย่ใู นทข่ี องมนั มันสงบแลว้

๑ โพชฌงค์ ธรรมทเ่ี ปน็ องค์แหง่ การตรสั รู้ มี ๗ อย่าง คือ ๑. สติ ๒. ธัมมวจิ ยะ (การสอดส่องเลอื กเฟ้น
ธรรม) ๓. วริ ยิ ะ ๔. ปตี ิ ๕. ปสั สัทธิ ๖. สมาธิ ๗. อุเบกขา

556

มนั ไม่รำ� คาญ สกั แตว่ า่ การสกั แตว่ ่ามนั เกดิ ไมต่ ้องสงสัยอะไรมันที่ตรงนัน้ มากมาย
อันน้ันมันศึกษาเรื่องของจิต จ�ำไว้นะไม่ต้องสงสัยละ มันจะเป็นไปตรงไหนก็รู้จัก
มนั เถอะ มนั สงบกด็ เู รอ่ื งมนั สงบเถอะ มนั ไมส่ งบกด็ เู รอื่ งมนั ไมส่ งบเถอะ เมอ่ื ไมส่ งบนะ่
วันน้ีมนั ไมส่ งบ พรุ่งนม้ี ันสงบ ท�ำยงั ไงมนั ความท่ีมันวุ่นวาย มันไปไหนล่ะ เปน็ ของ
ไมเ่ ทย่ี ง ถา้ หากวา่ มนั เหน็ ของไมเ่ ทย่ี งนะ มนั เปน็ ยงั ไง มนั กเ็ ปน็ สจั ธรรม เพราะเราเหน็ วา่
มันเท่ียง เทย่ี งเพราะมันจะเป็นของมนั อยู่อยา่ งน้ี มันจะไมเ่ ปล่ยี นแปลงไปอยา่ งอ่นื
เพราะเร่ืองน้มี ันเปน็ อยา่ งน้ี เราร้เู ช่นนแ้ี ล้วเราก็วางมันไว้ จะไปสงสยั อะไรมัน

เวลามันไมส่ งบ เรากไ็ ม่พอใจครับ

เอาปญั ญาใสล่ งไปถา้ มนั ไมส่ งบ ธรรมถงึ วา่ มนั ไมแ่ น่ มนั เปน็ อยา่ งน้ี รจู้ กั มนั ดว้ ย
ปญั ญาวา่ มันฟุ้งซา่ น เรากส็ งบในทีน่ ้นั เพราะเห็นว่ามันเปน็ อย่างนนั้ เรอ่ื งของมนั นี่
อยา่ ไปจบั จดมนั อปุ าทานมนั อยา่ ไปทำ� อะไร ใหร้ ตู้ ามเรอื่ งของมนั ใหม้ นั สงบของมนั

ความเปน็ จรงิ อาตมาเคยเปรยี บเทยี บใหฟ้ งั เราตอ้ งการความสงบใชม่ ยั้ พระหรอื
โยมก็ช่างเถอะ ต้องการความสงบไปหาหลบอยู่ในทม่ี นั สงบ เม่อื ไรไมม่ ีสี ไม่มเี สยี ง
มันสบายแนะ่ ถ้าว่ามเี สยี งเกดิ ข้นึ มาปุบ๊ แหม รำ� คาญ ทำ� ไม เสยี งมนั มากวนเราน่ี
ก็เห็นว่าเสียงมันมากวนเราอย่างเดียวเท่านั้นแหละ ถ้าเรากลับมาพิจารณาดูว่า เอ๊ะ
มนั ใชม่ ั้ย มนั แน่อย่างนน้ั หรือเปล่า ดูไปอกี ใหม้ ันลึกเข้าไปกว่านน้ั อีก มันเสยี งมา
กวนเรา หรอื เราไปกวนเสียงน่ี ตามเข้าไปสิ จะไดเ้ ห็นวา่ เรามนั ไปกวนเสยี ง เสยี งมนั
กเ็ ปน็ เสยี งอยขู่ องเขา เขาไมไ่ ดม้ ากวนเรา เราไปยดึ มนั มาน่ี มนั กเ็ ปน็ วา่ เราไปกวนเสยี ง
เมอื่ เราเหน็ เราไปกวนเขา กน็ กึ วา่ เขามากวนเรา ตรงกนั ขา้ ม งา่ ยๆ เหน็ ชดั ๆ เราไปกวนเขา
เข้าใจว่าเขามากวนเรา ความเปน็ จรงิ เราไปกวนเขา

อนั น้ี อาตมาจะบอกใหว้ า่ ไปนง่ั มแี ตค่ วามสงบ ไมม่ อี ะไรเลยนี่ กอ็ ยไู่ มไ่ ด้ แหม
จะทำ� อะไรอีกตอ่ ไปนอ้ มันสงบไปหมดทั้งคล่ืนนี่ จะตอ้ งหาทางออกอกี มนั เปน็ เสีย
เชน่ นแี้ หละ คนเรานึกว่ามนั อย่างไรตอ่ ไป มนั คงยากนะ มนั ไมถ่ งึ ทมี่ ัน แต่ว่าดอู ะไร
กด็ ไู ปเถอะ สงบกด็ มู นั ไมส่ งบกด็ มู นั ไปเถอะ ใหป้ ญั ญามนั เกดิ เรอื่ งมนั สงบนก้ี เ็ รอื่ ง

557

ไม่แน่นอน เร่ืองไม่สงบก็เร่ืองไม่แน่นอนทั้งนั้นแหละ สองอย่างนี้มันมีราคาเท่ากัน
มนั ใหค้ ุณเราอย่างไร มันกใ็ ห้โทษเราอยา่ งน้นั เหมอื นกัน ถา้ เราไมร่ จู้ กั มนั เรื่องสงบ
มนั เปน็ สองอยา่ งนะ เรอ่ื งสงบทางปญั ญาน่ี หไู ดย้ นิ อยู่ ตาเหน็ อยู่ แตม่ นั สงบ มนั สงบ
เพราะไมไ่ ปยดึ มนั่ ถอื มนั่ เขา้ มา นี่ อนั นส้ี งบ เรอ่ื งสงบดว้ ยสมาธนิ ม่ี นั ผวิ บาง เขา้ ใจมย้ั
ถา้ อะไรกระทบแกก๊ ไมไ่ ดเ้ สยี แลว้ ผวิ มนั บางเกนิ ไป ตอ้ งปรบั ใหมพ่ จิ ารณาใหม่ มนั จะ
ทันท่วงทมี ัย้ ยงั ง้ัน เม่ือไรทีก่ ิเลสมันเข้ามา จะตอ้ งน่งั สมาธทิ ั้งนั้นเลยหรอื

หมายความว่า จติ เราต้องทำ� ตามได้ อดทนได้

ใช่ มนั รู้ๆ ไม่ได้อดทนดว้ ย ไมไ่ ดย้ กด้วย กระทบมา ปล่อยมนั เลย น่อี ย่างน้ี
มนั ตอ้ งเปน็ อยา่ งนี้ ทางปญั ญาของเรามนั จะเหน็ สเี หน็ แสงอะไรกช็ า่ งมนั เถอะ มนั เปน็
ธรรมดาอยูใ่ นโลกนี้ หนไี ปไม่ได้หรอก ใหเ้ รารู้เท่าทันมันส่ิงท้งั หลายเหลา่ นี้

เรือ่ งของสมาธิ

วนั หนง่ึ ลกู ไดไ้ ปอา่ นหนงั สอื ทฝ่ี รง่ั เขาเขยี นเรอื่ งพทุ ธศาสนา เขาเขยี นอยตู่ อนหนงึ่
วา่ ศาสนาฮนิ ดเู ขาเชอื่ วา่ มกี ารเกดิ ใหมข่ น้ึ โดยทวี่ า่ มวี ญิ ญาณเดมิ หรอื จติ เดมิ เพยี งแต่
ว่าเปลย่ี นร่างกายใหม่เท่าน้ัน ส่วนในพุทธศาสนา พระพทุ ธเจา้ ท่านตรสั ว่า ไม่ใช่เปน็
อย่างนัน้ คือชวี ิตทเี่ กดิ ขึ้นใหมน่ ท้ี า่ นใหเ้ รียกวา่ เปน็ สภาวะ การเปลี่ยนชวี ิตใหมน่ ้ี
ไมใ่ ชเ่ ปลยี่ นรา่ งใหม่ แตว่ า่ เปลย่ี นจากสภาวะหนง่ึ เปน็ อกี สภาวะหนง่ึ สว่ นจติ นน้ั กย็ งั
เปน็ จติ เดมิ แลว้ เขาใหค้ ำ� ในวงเลบ็ ไวว้ า่ อนตั ตา เขาบอกวา่ การทเ่ี ปลย่ี นจากสภาวะหนง่ึ
เปน็ อีกสภาวะหน่ึงท่เี ราเรยี กกนั วา่ ชีวติ ใหมน่ ้ี กรรมทำ� ไวอ้ ยา่ งไร กจ็ ะส่งผลให้เป็น
อย่างนนั้ เหมือนกับลกู บลิ เลียดลูกที่หนง่ึ ที่ว่ิงไปถกู ลกู ทส่ี อง จะทำ� ใหล้ กู ทสี่ องวง่ิ ไป
แล้วก็วิ่งไปในทศิ ทางทีล่ กู แรกไปกระทบถกู คะ่ ทำ� ให้ลูกมาคิดวา่ ถา้ อยา่ งนัน้ ถ้าเรา
หยดุ กรรมได้ กแ็ สดงวา่ สภาวะตอ่ ไปจะไมเ่ กดิ ขนึ้ แตว่ า่ ไมเ่ ขา้ ใจวา่ จติ ทวี่ า่ เปน็ จติ เดมิ
น่ีเป็นยงั ไงคะ และกอ็ นัตตานเ่ี ปน็ สภาวะอยา่ งไร ขอกราบเรยี นหลวงพ่ออธบิ ายคะ่
ถา้ วา่ ไมต่ อ้ งสนใจเรอื่ ง อนจิ จงั ทกุ ขงั อะไรทง้ั นนั้ ถา้ เรารอู้ ยา่ งเดยี ววา่ เราสามารถจะ
หยุดกรรมไดก้ ็จะไมม่ ีสภาพตอ่ ไปเกดิ ขึน้ อันนีไ้ มท่ ราบวา่ เข้าใจถกู หรอื ผดิ

558

ปัญหาน้ีต้องแยกตอบ ปัญหาน้มี ันก็มสี องแง่ แงห่ น่ึงเรื่องมนั จบแลว้ แง่หนึ่ง
เรื่องมนั ไมจ่ บ เร่อื งทม่ี ันจบไปแล้ว ก็ไมต่ อ้ งถามหรอกเพราะมนั จบไปแล้ว มันจะ
ไปอะไรท่ีไหนก็คือเรื่องทุกอย่างมันจบ เรื่องเปลวของไฟท่ีดับไปมันจะไปท่ีไหนน้ัน
กไ็ ม่เปน็ ปัญหาที่จะต้องถามแล้ว มนั เปน็ อยา่ งน้ี อันนัน้ เรียกวา่ เรื่องทีม่ ันจบไป และ
มนั คงเหลือเร่ืองท่ไี มจ่ บ เรียกวา่ “สภาวะ” สภาวะเร่ืองมนั ไมจ่ บนี้ กจ็ ะพูดว่าเปน็
“กรรม” กไ็ ด้ แตว่ า่ ทม่ี นั ไมจ่ บนเ้ี รยี กวา่ “วบิ าก” มนั เกดิ ขนึ้ จากกรรมทกี่ ระทำ� นนั้ เปน็
สภาวะอันหนึง่ ถ้าหากว่าเร่อื งวบิ ากมันจบไปแลว้ นั้นก็ไมม่ ปี ญั หา ทา่ นพดู ยอ้ นกลบั
มาถึงวิบากทีม่ นั เป็นปัจจยั

เทยี บงา่ ยๆ วา่ มคี วามรสู้ กึ นกึ คดิ ขนึ้ เดยี๋ วน้ี ทม่ี นั รสู้ กึ นกึ คดิ ขน้ึ เดยี๋ วน้ี เชน่ คณุ หมอ
อยากจะถามใหร้ เู้ รอ่ื ง ทำ� ไมมนั ถงึ มคี วามรสู้ กึ ออกปากมาถามอยา่ งน้ี กเ็ พราะมนั มปี จั จยั
มนั จงึ เกดิ ความรสู้ กึ ขนึ้ อยา่ งนี้ นเี่ รยี กวา่ เรอื่ งมนั ยงั ไมจ่ บ เรยี กวา่ ปจั จยั เหตปุ จั จยั เปน็
สภาวะอนั หนงึ่ ถา้ หากวา่ คณุ หมอเขา้ ใจเรอื่ งเหลา่ นดี้ แี ลว้ กห็ มดปจั จยั ไมม่ ปี จั จยั ทจ่ี ะ
เกิดความรู้สกึ ชวนใหถ้ ามอะไรตอ่ อะไรต่อไปอกี แลว้ ทำ� ไมมนั ถึงเปน็ เชน่ นั้น อนั นัน้
ก็เรียกว่ามันจบ เรือ่ งท่ีมนั จบไปน้ัน มันอยทู่ ไ่ี หน ก็ตอบไดแ้ ตเ่ พยี งว่า เรือ่ งมนั จบ
มันจบแคน่ น้ั มันไมม่ เี หตุทจี่ ะต้องให้ถาม ไมม่ ีปัจจัยทจี่ ะต้องถามทจ่ี ะสงสัย อนั นี้
กเ็ หมือนกันฉันน้ัน

เรอ่ื งทเ่ี ปน็ อนตั ตาอนั นนั้ อนตั ตา น้ี พดู ศพั ทง์ า่ ยๆ กเ็ รยี กวา่ ของไมใ่ ชต่ วั ไมใ่ ชต่ น
แตว่ า่ มนั อาศยั อาการตวั ตนอยู่ อาศยั อาการของอตั ตาอยู่ อนตั ตานน้ั จงึ มเี ปน็ อนตั ตา
ทถ่ี กู ตอ้ ง ถา้ อตั ตานไ้ี มม่ แี ลว้ อนตั ตากไ็ มป่ รากฏขน้ึ มา เชน่ คณุ หมอไมม่ กี ระโถนใบนี้
อยู่ในบา้ น เร่อื งของกระโถนใบนี้ก็ไมก่ วนกับคณุ หมอเลย มันจะแตกมันจะร้าวหรอื
ขโมยมนั จะขโมยไปอยา่ งน้ี กไ็ มม่ มี ากวนจติ ใจของคณุ หมอเลย เพราะไมม่ เี หตุ ไมม่ ี
ปัจจยั คอื อะไร กค็ ือว่ากระโถนไม่มีในบ้านเรา

ถ้าหากมีกระโถนข้ึนมาในบ้านเรา มันก็เป็นตัวอัตตาข้ึนมาแล้ว เมื่อกระโถน
มนั แตก มนั กก็ ระทบ เมอื่ กระโถนมนั หาย มนั กก็ ระทบ เพราะกระโถนนม้ี เี จา้ ของแลว้
อนั นเ้ี รยี กวา่ “อตั ตา” มนั มสี ภาวะอยอู่ ยา่ งนี้ สว่ นสภาวะทว่ี า่ “อนตั ตา” นน้ั คอื สภาวะ

559

ท่ีว่ากระโถนในบา้ นเราไม่มี จิตใจทคี่ อยพิทักษร์ กั ษากระโถนนั้นไม่มี จะกลวั ขโมย
มนั จะขโมยไป มนั กไ็ มม่ ี อนั นน้ั มนั หมดสภาวะแลว้ เรยี กวา่ “สภาวธรรม” มนั มสี ภาวะ
มเี หตุ มีปัจจยั แต่เพยี งมนั ยงั เหลอื อยูเ่ ท่านน้ั

ฉะนนั้ อนตั ตา น้ี อนั ทไ่ี มใ่ ชต่ วั ไมใ่ ชต่ น อะไรมนั บอก มนั ถงึ รจู้ กั วา่ ไมใ่ ชต่ วั ไมใ่ ชต่ น
กค็ อื ตวั ตนนแ้ี หละมนั บอกขน้ึ มา อนั นธ้ี รรมะมหี ลกั เปรยี บเทยี บ ธรรมะทไี่ มม่ ตี วั ตน
มหี ลกั เปรียบเทียบ เชน่ อนิจจังมันของไม่เทย่ี งอย่างนเี้ ปน็ ตน้ ไม่เทยี่ งไปทกุ อย่างรึ
ของเทย่ี งมมี ยั้ ของเทย่ี งมนั กม็ เี หมอื นกนั มนั มาจากไหน ตวั อนจิ จงั นแี้ หละมนั คลอด
ออกมาเปน็ ตวั นจิ จงั มนั คลอดออกมายงั ไง คอื เรอ่ื งอนจิ จงั มนั เปลย่ี นแปลงอยนู่ นั่ แหละ
คอื มนั เปน็ นจิ จงั มนั เปน็ อยอู่ ยา่ งนน้ั มนั เทยี่ ง เทยี่ งยงั ไง ความเทย่ี งมนั คลอดออกมา
จากสงิ่ ทไี่ มเ่ ทยี่ ง ความไมเ่ ทยี่ งนน่ั แหละ เรยี กวา่ เปน็ นจิ จงั นจิ จงั นอ่ี อกมาจาก อนจิ จงั
อนจิ จงั มที ไ่ี หน นจิ จงั กม็ ที น่ี น่ั นจิ จงั มที ไ่ี หนอนจิ จงั กม็ อี ยทู่ น่ี น่ั อยา่ งนเี้ ปน็ ตน้ มนั เปน็
ของคเู่ คยี งกนั อยา่ งนี้ ฉะนนั้ อตั ตาหรอื อนตั ตานก้ี เ็ หมอื นกนั ฉนั นน้ั อนตั ตาจะมขี น้ึ มา
จะปรากฏข้นึ มากเ็ พราะมอี ตั ตา อตั ตาจะปรากฏข้ึนมากเ็ พราะมีอนตั ตา

อนั หนง่ึ มนั เปน็ สภาวะทห่ี ยาบ อนั หนง่ึ มนั เปน็ สภาวะทล่ี ะเอยี ด แตม่ นั ตดิ กนั อยู่
อยา่ งน้ี จะพดู กนั งา่ ยๆ กเ็ รยี กวา่ ตวั เรานม้ี นั มสี องคน ตวั รปู รา่ งอนั นม้ี นั เปน็ ตวั วตั ถุ
แตเ่ งาของเรามนั เปน็ สง่ิ ทล่ี ะเอยี ดเขา้ ไปอกี มนั แฝงอยอู่ ยา่ งนี้ อนั นเ้ี ปน็ สภาวะ ความจรงิ
แลว้ ธรรมะทงั้ หลายเหลา่ นม้ี นั เปน็ อบุ ายเทา่ นน้ั ทจี่ ะใหเ้ รามองเหน็ อยา่ งนน้ั เทา่ นน้ั อนั นี้
ก็ไม่ตอ้ งสงสยั อะไรมันเลย

ถา้ อนัตตาไม่มตี ัวมตี นแลว้ จะไปอยู่ยงั ไง กค็ ือทกุ ขเ์ ราหมดไปแลว้ มันจะไปอยู่
ยังไง ของเราไมม่ แี ล้วจะไปอยู่ยังไง ความคดิ ในเวลาตอ่ ไปมนั ยังไม่เกิดขึ้นจะไปอยู่
ท่ีไหน ก็เพราะมันเกิดความคิดขึ้น เราถึงรู้ว่ามันเป็นอย่างน้ี แต่ก่อนเรายังไม่คิด
ความคิดเช่นนมี้ ันไปอยูท่ ี่ไหน เปน็ ต้น มนั อย่ทู เ่ี หตุปัจจัยมากระทบข้ึนมา อย่างแกว้
ใบนี้กับพื้นน้ี มันจะมีเสียงเกิดข้ึนก็เพราะมีการกระทบเกิดข้ึนมา เด๋ียวนี้มันก็อยู่
ตรงน้นั แหละ แตม่ นั มีเหตุปัจจัยอยู่เฉยๆ แตเ่ สียงนัน้ มนั ยงั ไมม่ ี แตเ่ หตุจะใหเ้ กิด
เสียงน้ันมอี ยู่ แต่บัดนม้ี นั ยงั ไม่ปรากฏ อันน้ีก็ฉนั นนั้ เหมอื นกนั

560

หมายความวา่ ถา้ เราจะวางเหตทุ งั้ หลายได้ ไมใ่ หม้ นั มเี หตขุ นึ้ มา ตวั สภาวะอนั นี้
มนั กจ็ ะแตกดบั ไปเลยใช่ไหมคะ

คือ ไม่ใช่วา่ ไม่ให้มเี หตุ แตว่ ่าใหร้ จู้ ักเหตุ คอื เร่ืองเหล่านีม้ ันจะเปน็ อยู่อย่างนั้น
มันมีเหตอุ ยอู่ ย่างน้ี หา้ มไมไ่ ดเ้ หตุน้ี แต่วา่ เมือ่ เราเกดิ ความรูเ้ หตอุ นั นน้ั เหตุอันนั้น
มันก็หมดเหตุหมดปัจจัย เพราะความที่รู้เหตุอันนั้น อย่างเหตุที่เกิดทุกข์มันมีอยู่
ทกุ ขณะ แตเ่ รารเู้ หตทุ กุ ขจ์ ะเกดิ ขนึ้ ทกุ ขม์ นั กห็ ายสลายไป เรารจู้ กั เหตปุ จั จยั เหตปุ จั จยั
ยังมีอยู่ แต่เราร้เู หตุปัจจัยเราก็ปล่อย มนั ก็หมดไปอย่างน้นั

ถ้าหากเรารู้ว่า เหตุเกิดขึ้นเพราะอะไรแล้ว เรายังไปยึดเหน่ียวมันอยู่อย่างนี้
เรากจ็ ะไมพ่ น้ ทกุ ข์ใชไ่ หมคะ

ใช่ แตใ่ หร้ นู้ ะ ร้ไู มย่ ึด พูดง่ายๆ ซะ ร้ไู ม่ยึด มนั ก็เกยี่ วกบั ภพชาติ อยา่ งแกว้
ใบนม้ี ันมีอยู่แตว่ ่าไมใ่ ชภ่ พ ถา้ แก้วใบนมี้ ันแตกเรากเ็ กิดทุกข์ เกิดชาติ ไมส่ บายใจ
มนั เปน็ ทุกขอ์ ย่างนี้ เรียกว่าชาติ มนั ไปเกดิ ในภพ ภพนนั้ คอื อุปาทาน ม่ันหมายใน
แกว้ ใบน้ัน ถา้ เราไม่ม่ันหมายในแก้วใบนนั้ เมอ่ื มันแตกความทุกขก์ ไ็ มม่ ี ไม่มีกค็ อื
ชาติไม่เกดิ ที่นน้ั อย่างนเี้ ป็นตน้ คอื มนั หมดเหตหุ มดปจั จยั เพราะวา่ อะไร เพราะเรา
รู้แล้วว่าแก้วใบนแี้ ตก มนั จะเปน็ ทกุ ขเ์ ป็นเหตุให้ทุกข์เกดิ แต่เรารวู้ ่าสภาวะของแก้ว
ใบน้เี ป็นของไมแ่ น่นอนอยแู่ ลว้ เราชดั เจนแล้ว เราก็ดบั เหตุอนั นี้ ทกุ ข์มันก็เกิดขน้ึ
ไมไ่ ด้อย่างนี้ เหตผุ ลมันกม็ ีอยเู่ รอ่ื ยๆ ไป แตค่ วามร้แู จง้ นน้ี ะ่ สำ� คญั มากเร่อื งนี้

ฆราวาสกบั การปฏิบตั ธิ รรม

ถ้าเรายังมีชีวิตเป็นฆราวาสอยู่ และต้องผูกพันอยู่กับการงานซ่ึงท�ำให้เราต้อง
บงั เกดิ ความพวั พนั กบั การงาน การหวงั ผลประโยชนแ์ บบนน้ี ะคะ แตว่ า่ ใจของเรารอู้ ยวู่ า่
อนั เหตเุ หลา่ นเี้ ปน็ เครอื่ งยดึ เหนยี่ ว แตโ่ ดยหนา้ ทแ่ี ลว้ จำ� เปน็ จะตอ้ งปฏบิ ตั ติ อ่ ไป อยา่ งนี้
เราควรจะทำ� อยา่ งไรดีคะ

561

เราจะต้องรู้จักภาษา ค�ำพูดอันนี้ ค�ำที่ว่า “ยึด” นี้ ยึดเพ่ือไม่ยึด ถ้าคน
ไมย่ ดึ แลว้ กพ็ ดู ไมร่ เู้ รอื่ งกนั ไมร่ จู้ กั ทำ� การงานอะไรทง้ั นนั้ เหมอื นกบั มสี มมตุ ิ มนั กม็ ี
วิมุตติ ถ้าไมม่ เี รือ่ งท้ังหลายเหล่าน้ี ก็ไมม่ อี ะไรทจี่ ะท�ำกนั จงึ ใหร้ ้จู ัก “สมมุติ” และ
“วมิ ตุ ต”ิ คำ� ทวี่ า่ “ยดึ มนั่ ” หรอื “ถอื มนั่ ” นนี้ ะ่ เราถอนตวั ออก อนั นเี้ ปน็ ภาษาทพ่ี ดู กนั
เปน็ คำ� ทพ่ี ดู กนั แตต่ วั อปุ าทานคอื สง่ิ ทงั้ หลาย เชน่ เรามแี กว้ อยใู่ บหนงึ่ เรากร็ อู้ ยแู่ ลว้
ว่าเราจ�ำเป็นจะต้องใช้แก้วใบน้ีอยู่ตลอดชีวิต ให้เรามาเรียนรู้เร่ืองแก้วใบน้ีให้มัน
ชดั เจนจนจบเรอื่ งของแกว้ จบยงั ไง กค็ อื เหน็ วา่ แกว้ ใบนม้ี นั แตกแลว้ ถงึ แกว้ ทไ่ี มแ่ ตก
เดย๋ี วน้ี เรากเ็ ห็นวา่ มันแตกแล้ว เรากใ็ ช้แกว้ ใบน้ีไปใสน่ ำ้� ร้อนน้ำ� เยน็ เมื่อแกว้ ใบนี้
มนั แตกเม่อื ไร ทกุ ข์เกิดข้นึ ไม่ได้ ท�ำไม เพราะว่าเราเห็นความแตกของแก้วใบน้เี ปน็
ของแตกทหี ลงั เราเหน็ แตกกอ่ นแตกเสยี แลว้ แกว้ ใบนม้ี นั กแ็ ตกไปปญั หาอะไรกไ็ มม่ ี
เกิดขึ้นเลย ทงั้ ๆ เราใชแ้ กว้ ใบนีอ้ ยอู่ ยา่ งนี้ เข้าใจอย่างน้ันมัย้

นม่ี นั เปน็ อยา่ งนี้ มันหลบกันใกล้ๆ เลย ทุกอย่างทเี่ ราใชข้ องอยกู่ ใ็ ห้มีความรู้
อยา่ งนไ้ี ว้ มนั กเ็ ปน็ ประโยชน์ เรามไี วม้ นั กส็ บาย ท่มี นั จะหายไปมนั กไ็ มเ่ ปน็ ทกุ ข์ คอื
ไม่ลมื ตัวของเรา เพราะรู้เท่าสง่ิ ทงั้ หลายเหลา่ น้ี นี่เรียกว่า ความรู้ทม่ี นั เกิดข้ึนในท่นี ้ี
มนั คมุ สงิ่ ทัง้ หลายเหลา่ น้ีอยู่ในก�ำมอื ของมัน เรากท็ �ำไปอยา่ งน้ีแหละ ถ้าว่าความดีใจ
หรือเสียใจมากระทบอยู่เป็นธรรมดาอย่างน้ี เราก็รู้อารมณ์ว่าความดีใจมันไปถึง
แคไ่ หน มนั กไ็ ปถงึ เรอื่ งอนจิ จงั เทา่ นน้ั แหละ เรอ่ื งไมแ่ นน่ อน ถา้ เราเหน็ เรอ่ื งไมแ่ นน่ อน
อนั น้ี เรอื่ งสขุ เรอื่ งทกุ ขน์ มี้ นั กเ็ ปน็ เพยี งเศษเปน็ กากอนั หนงึ่ เทา่ นน้ั ในความรสู้ กึ นกึ คดิ
ของเรา เป็นธรรมดาของมนั เสยี แล้ว เมือ่ ความทกุ ขเ์ กดิ ขึ้นมา มันก็รู้จกั วา่ มนั ก็เป็น
อยา่ งนน้ั เอง เมอื่ ทกุ ขเ์ กดิ ขนึ้ มาหรอื สขุ เกดิ ขนึ้ มามนั กอ็ ยา่ งนนั้ เอง ความทว่ี า่ “อยา่ งนน้ั เอง”
มนั กนั ตวั อยอู่ ยา่ งน้ี ไมใ่ ชค่ นไมร่ นู้ ะไมใ่ ชค่ นเผลอนะ เพราะวา่ เรามสี ตริ อบคอบอยเู่ สมอ
ในการงานทกุ ประเภททกุ อยา่ ง บางแหง่ เคยเขา้ ใจวา่ ฉนั เปน็ ฆราวาสอยู่ ฉนั ไดท้ ำ� งาน
อยปู่ ระกอบกจิ การงานเปน็ พอ่ บา้ นแมบ่ า้ นอยอู่ ยา่ งนี้ ฉนั ไมม่ โี อกาสทจี่ ะปฏบิ ตั อิ ยา่ งน้ี
เปน็ ต้น อันนเ้ี ปน็ คำ� ทีเ่ ข้าใจผิดของบุคคลทยี่ ังไม่รูช้ ดั ความเป็นจรงิ น้ัน ถ้าหากว่าเรา
ปฏบิ ตั หิ นา้ ทก่ี ารงานอยู่ มสี ตอิ ยู่ มสี มั ปชญั ญะอยู่ มคี วามรตู้ วั อยอู่ ยา่ งนี้ การงานมนั ยง่ิ
จะเลศิ ยงิ่ จะประเสรฐิ ทำ� การงานจะไมข่ ดั ขอ้ ง จะมคี วามสงบ มคี วามเจรญิ งอกงามใน
การงานน้ันดีขนึ้

562

เพราะว่าการปฏิบัติน้ี อาตมาเคยเทียบให้ฟังว่าเหมือนกับลมหายใจ ทีนี้เรา
ท�ำงานทุกแขนงอยู่ เราเคยบ่นไหมว่าเราไม่ได้หายใจ มันจะยุ่งยากสักเท่าไรก็ต้อง
พยายามหายใจอยู่เสมอ เพราะมนั เป็นของจ�ำเปน็ อย่อู ยา่ งน้ี การประพฤติปฏบิ ัตินี่
กเ็ หมอื นกนั เมอื่ เรามโี อกาสหายใจอยใู่ นเวลาทเ่ี ราทำ� งาน เรากม็ โี อกาสทจี่ ะประพฤติ
ปฏบิ ตั นิ น้ั อยทู่ งั้ นน้ั ในชวี ติ ฆราวาสของเรา กเ็ พราะวา่ การประพฤตปิ ฏบิ ตั นิ น้ั คอื ความ
รู้สึกในใจของเรา ความรู้ในใจของเราไม่ต้องไปแยกที่ไหน ท�ำอยู่เดี๋ยวนี้ก็รู้เดี๋ยวนี้
ไม่ใชไ่ ปท�ำอย่างอ่นื มันกเ็ หมอื นกัน ฉันนนั้ ลมหายใจกับชวี ติ กับคณุ คา่ การปฏบิ ัติ
มันเท่ากัน ถ้าเราไปคดิ วา่ เราทำ� งานอยเู่ ราไม่ได้ปฏิบตั ิกเ็ รียกวา่ เราขาดไป กเ็ พราะวา่
การปฏิบัตินนั้ อยทู่ ่ีจติ ไม่ใช่อย่ทู ก่ี ารงาน ไมใ่ ชอ่ ยทู่ ่อี ่นื เราลองทำ� ความร้สู ึกเข้าแล้ว
เป็นตน้ มนั ก็มีไปทางตา ทางหู ทางจมูก ทางล้นิ ทางกาย ทางจติ หมด เปน็ ฆราวาส
อยกู่ ็ได้ แตว่ ่าท�ำปัญญาให้รู้เรอื่ งของมนั รู้เหตุทกุ ข์จะเกิด
ดเู หมอื นวา่ ในครงั้ พทุ ธกาลนน้ั ฆราวาสทป่ี ระพฤตธิ รรมกไ็ มใ่ ชน่ อ้ ย เยอะเหมอื น
กันนะ อย่างนางวิสาขาประวัติของท่านน่ะเป็นโสดาบันบุคคล มีครอบมีครัวอยู่นะ
นเี่ ป็นต้น มนั คนละตอนกันอยา่ งน้ี อันนี้กไ็ มต่ ้องสงสยั แต่วา่ กิจการงานของเรานน้ั
ตอ้ งเปน็ สมั มาอาชวี ะ นางวสิ าขานน้ั อยใู่ นบา้ น กไ็ มเ่ หมอื นเพอ่ื น ความรสู้ กึ นกึ คดิ ไม่
เหมอื นเพอื่ น มนั เปน็ สมั มาอาชวี ะ มคี วามเหน็ ทถ่ี กู ตอ้ งอยู่ การงานมนั กถ็ กู ตอ้ งเทา่ นน้ั
ถ้าจะเอาแต่พระจะได้หรือ พระมีอยู่ก่ีองค์ในเมืองไทยนี้ ถ้าโยมไม่เห็นบุญ
ไม่เห็นกุศลเห็นเหตุเห็นปัจจัยแล้ว มันก็ไปไม่ได้ ฉะนั้น การประพฤติปฏิบัติของ
พระและฆราวาสนน้ั มันจึงรวมกนั ได้ แตว่ ่ามันยากสกั นดิ หน่งึ กับบคุ คลท่ยี งั ไมเ่ ข้าใจ
เป็นฆราวาสก็คือมันไม่เป็นทางท่ีจะปฏิบัติโดยตรง แต่ว่าพระออกบวชมาแล้วน่ะ
มงุ่ โดยตรงไม่มีอะไรมาขัดข้องหลายอย่าง แตถ่ า้ ปญั ญาไม่มแี ลว้ กเ็ ท่ากันนะ่ แหละ
ถงึ ไปอย่ใู นที่สงบมนั กท็ ำ� ตัวเราใหส้ งบไมไ่ ด้ ถงึ อยใู่ นท่ีคนหมมู่ าก หากวา่ มนั ไมส่ งบ
ผมู้ ปี ัญญาก็ท�ำความสงบได้ มนั เปน็ อยา่ งน้ี
ถา้ อยา่ งนนั้ ตลอดชวี ติ เราปฏบิ ตั ติ วั อยา่ งทห่ี ลวงพอ่ ใหธ้ รรมะ มสี ตอิ ยตู่ ลอดไป วา่
ของทกุ อยา่ งมนั เกดิ ไดแ้ ละกด็ บั ได้ เตรยี มใจไว้ เมอ่ื ถงึ เวลาทช่ี วี ติ เราสนิ้ สดุ ลง เรากจ็ ะ
สามารถท่จี ะผอ่ นคลายสภาวะใหม่ทีจ่ ะเกิดข้ึนใชไ่ หมคะ

563

ใช่ ยงั งน้ั การปฏบิ ตั ทิ งั้ หลายเหลา่ น้ี มนั เปน็ เรอ่ื งบรรเทากเิ ลส บรรเทาความหลง
ทง้ั นน้ั คอื บรรเทาใหม้ นั นอ้ ยลง มนั นอ้ ยลงกเ็ รยี กวา่ มนั ไมม่ าก ผลทวี่ า่ กเิ ลสทงั้ หลาย
มันนอ้ ยลง มนั ก็จะปรากฏแก่เราอยู่เสมอ อนั นี้เปน็ วบิ าก

ในบางขณะทจ่ี ติ ของเราบงั เกดิ มวั หมองขน้ึ แตเ่ รากร็ ตู้ วั ของเราเอง เชน่ บางครง้ั
เราเกิดโทสะ โมหะ และโลภะขึน้ เรากร็ ู้ว่ามันเปน็ ของทน่ี ่ารังเกียจ แตม่ ันบงั เกดิ ขนึ้
โดยทเี่ ราหา้ มไมไ่ ด้ ทง้ั ๆ ทเี่ รารู้ อยา่ งนจ้ี ะเรยี กวา่ เปน็ เครอ่ื งมอื ใหเ้ รายดึ เหนยี่ วมากขนึ้
หรอื ดึงกลบั ไปอยู่ทีเ่ ดมิ มากขนึ้

นนั่ แหละ ตอ้ งรมู้ ันไวต้ รงนั้นแหละ คือ ข้อปฏิบตั ิล่ะ

คอื ทงั้ ๆ ทรี่ แู้ ลว้ และกร็ งั เกยี จดว้ ยคะ่ แตไ่ มส่ ามารถจะหกั หา้ ม มนั พลงุ่ ออกมา
เสยี แลว้

อันนั้นมันเหลือวิสัยของมนั แลว้ ตรงนั้นตอ้ งปรับพิจารณาอีกต่อไป อยา่ ไปท้ิง
มนั ตรงนนั้ เมอ่ื เปน็ เชน่ นน้ั บางคนกเ็ สยี ใจ ไมส่ บายใจ เมอื่ เหน็ ขนึ้ มาเชน่ นนั้ กเ็ รยี กวา่
อนั น้ีมนั กไ็ มแ่ น่ เพราะว่าเราเห็นความผิดมันอยู่ แตเ่ รายงั ไม่พร้อม คอื มันเป็นเอง
ของมัน คอื กรรมที่มันเหลือเศษอยมู่ ันปรงุ แต่งขน้ึ มา เราไม่อยากใหม้ นั เป็นอยา่ งน้นั
มนั ก็เป็นอย่างน้นั อนั นีเ้ รียกวา่ ความรู้เรายังไมพ่ อ ไม่ทนั จะต้องท�ำสตินี้ให้มาก
ใหร้ ยู้ ง่ิ ขนึ้ มนั จะเศรา้ หมองกช็ า่ งมนั เมอ่ื มนั เกดิ ขนึ้ มาเรากพ็ จิ ารณาวา่ อนั นกี้ เ็ ปน็ ของ
ไมเ่ ท่ยี งไมแ่ น่นอน พจิ ารณาอยทู่ กุ ขณะที่มนั เกิดขึ้น นานๆ ไป เราก็เหน็ ของไม่เทีย่ ง
ในอารมณท์ งั้ หลายเหลา่ นนั้ อนั นม้ี นั จะคอ่ ยๆ หมดราคาเรอ่ื ยไปเพราะมนั เปน็ อยา่ งนนั้
ความยดึ มน่ั ถอื มน่ั ในความเศรา้ หมองอนั นน้ั มนั กน็ อ้ ยลงๆ ทกุ ขเ์ กดิ ขน้ึ มากป็ รบั ปรงุ
ได้อีก แตอ่ ย่าทิง้ ต้องใหต้ ิดตอ่ พยายามใหร้ ู้เท่าทันมนั กเ็ รยี กวา่ “มรรค” ของเรา
มันยังมกี ำ� ลังไมพ่ อ มนั ส้กู ิเลสไม่ได้ เม่ือทุกขข์ ้ึนมากข็ ุน่ มัว ความรเู้ รอ่ื งขุน่ มัว เราก็
พิจารณาอยู่อยา่ งน้ี

ฉะนั้น เราก็จับเอาอันน้ันมาพิจารณาอีกต่อไปว่า เร่ืองทุกข์เรื่องไม่สบายใจน่ี
มนั ก็ไมแ่ นห่ รอกนะ มนั เปน็ ของไม่เท่ียง เปน็ ทกุ ข์ เปน็ อนตั ตาท้ังสิ้น เราจับจุดนไ้ี ว้

564

เมื่อหากว่าอาการเหล่านี้เกิดข้ึนมาอีก ที่เรารู้มันเด๋ียวน้ีก็เพราะเราได้ผ่านมันมาแล้ว
ก�ำลังอันน้ีเราจะค่อยๆ เห็นทีละน้อยๆ เข้าไป ต่อไปเรื่องอารมณ์ท่ีมันเกิดขึ้นมา
กห็ มดราคาเหมอื นกนั จติ เรารกู้ ว็ าง ทเ่ี รารมู้ นั วางไดง้ า่ ยๆ กเ็ รยี กวา่ “มรรค” มนั กลา้ ขน้ึ
มาแลว้ มันจึงข่มกเิ ลสได้เร็วมากที่สุด
ต่อไปก็ตรงนมี้ นั เกิดข้นึ ตรงนี้ก็ดับ เหมอื นกนั กบั น้ำ� ทะเลทก่ี ระทบฝงั่ เม่อื ขนึ้
มาถงึ แคฝ่ ง่ั มนั กล็ ะลายเทา่ นน้ั คลน่ื ใหมม่ าอกี กต็ อ่ ไปอกี มนั จะเลยฝง่ั ไปไมไ่ ด้ อนั นี้
มันจะละเลยความรู้เราไปไม่ไดเ้ หมอื นกนั เรอ่ื งอนิจจัง ทกุ ขัง อนัตตา จะพบกนั ท่ี
ตรงน้นั มันจะหายกอ็ ยู่ทต่ี รงนัน้ เหน็ ว่าอนจิ จัง ทุกขงั อนัตตา คือฝ่งั ทะเล อารมณ์
ทง้ั หลายผา่ นเขา้ มามนั ก็เปน็ อยา่ งนน้ั ความสุขมนั ก็ไมแ่ น่ มันเกดิ มาหลายครง้ั แลว้
ความทุกขม์ ันก็ไมแ่ น่ มนั เกดิ มาหลายทแี ล้ว มนั กเ็ ป็นอยา่ งนั้นแหละ ในใจเรารู้ว่า
เออ...มันก็อย่างน้ันแหละ มันก็เท่านั้นแหละ อย่างนี้มันจะมีอาการอยู่ในใจของเรา
อันนน้ั กค็ อ่ ยๆ หมดราคาไปเรอ่ื ยๆ มนั จะเป็นอยา่ งนี้ อันนี้พูดเรื่องอาการจิต มันจะ
เปน็ อยา่ งนัน้ ทกุ คนแมพ้ ระพทุ ธเจา้ และสาวกทัง้ หลายก็ต้องเป็นอย่างน้ี
ถ้ามรรคมันกล้าขึ้นมามันก็ไม่ต้องการอะไร มันเป็นอัตโนมัติ เม่ือเกิดขึ้นมา
มันก็รู้ทัน มันท�ำลายไปเลย อันน้ันเรียกว่ามรรคยังไม่กล้าและก็ข่มกิเลสยังไม่ได้
รวดเร็ว อยา่ งนี้มนั ต้องเป็น ใครกต็ ้องเปน็ กนั ทุกคน แต่ว่าเอาเหตผุ ลท่ตี รงนน้ั นะ
อย่าได้ไปควา้ อย่างอนื่ เลย อย่าไปแก้ตรงอน่ื แก้ตรงน้แี หละ แกต้ รงท่มี นั เกิดและ
มนั ดบั สุขเกดิ แลว้ มันดบั ไปม้ยั ทกุ ขเ์ กดิ แล้วมันดบั ไปม้ยั มนั ก็เห็นเรือ่ งเกิด-ดับ
ความดี-ความช่ัวอยเู่ สมอ อันนี้เป็นสภาวะที่เป็นอยู่อยา่ งน้ขี องมนั เอง อยา่ ไปยดึ มัน่
หมายมัน่ มันเลย
ถ้าเรามีความรู้อันนี้มันก็เป็นอยู่อย่างนี้ แม้กระทบกันอยู่ แต่ว่าไม่มีเสียงมัน
หมดเสยี ง เรยี กวา่ เรามาเหน็ ธรรมดาแลว้ ดบั เหน็ มนั เกดิ แลว้ มนั กด็ บั เหน็ ความเกดิ ดบั
ในเรอ่ื งอนจิ จงั ทกุ ขัง อนตั ตา เร่ืองธรรมะมันจะเปน็ ของมันอย่อู ยา่ งนี้ เมอ่ื เราเหน็
ของเราแคน่ มี้ นั กอ็ ยนู่ น้ั ความยดึ มนั่ ถอื มนั่ มนั กไ็ มม่ ี อปุ าทานทงั้ หลายพอจะรสู้ กึ มนั
ก็หายไป เกดิ แลว้ กด็ บั ไปเท่านน้ั อันนมี้ ันกส็ งบ ที่มนั สงบ ไมใ่ ชว่ า่ ไม่ได้ยนิ อะไรนะ
ได้ยนิ อยู่ มันรเู้ รอื่ งแตไ่ ม่ไปยดึ มนั่ ถือมนั่ ในเร่อื งเหล่าน้นั เรยี กว่ามันสงบ

565

เรอื่ งอารมณท์ ง้ั หลายกม็ อี ยใู่ นใจเรานแี้ หละ แตว่ า่ มนั ไมต่ ามอารมณน์ น้ั เรอ่ื งจติ
ก็เป็นอย่างหน่ึง เรื่องอารมณ์มันเป็นอย่างหนึ่ง เร่ืองกิเลสนี้มันก็เป็นอย่างหน่ึง
เมอ่ื อารมณม์ ากระทบเราไปชอบมนั มนั กเ็ กดิ กเิ ลสขน้ึ มา ถา้ หากเราเหน็ ความเกดิ ดบั
ของมนั อยอู่ ยา่ งนี้ ก็ไม่มอี ะไรจะเกิดข้นึ มาแล้ว มันหมดแคน่ ัน้

ในการพิจารณาธรรมเบ้อื งตน้ จะต้องฝกึ สมาธิใหไ้ ดเ้ สียกอ่ น ใช่ไหมคะ

อนั นเ้ี ราจะพดู อยา่ งนนั้ กถ็ กู ไปแงห่ นง่ึ ถา้ พดู ถงึ ดา้ นปฏบิ ตั จิ รงิ ๆ แลว้ ปญั ญามนั
มากอ่ นนะ แตต่ ามแบบตอ้ งศลี ตอ้ งสมาธิ ตอ้ งปญั ญา ถา้ นกั ปฏบิ ตั ธิ รรมะจรงิ ๆ แลว้
ปญั ญามากอ่ น ถา้ ปญั ญามาก่อน รจู้ กั ผดิ ร้จู ักถกู รจู้ กั ความสงบ ร้จู กั ความวนุ่ วาย
แตพ่ ดู ตามหลกั ปรยิ ตั แิ ลว้ กต็ อ้ งเรยี กวา่ การสงั วรสำ� รวมนี้ ใหเ้ กดิ ความละอาย ใหเ้ กดิ
ความกลัวความผิดทั้งหลายท่ีจะเกิดขึ้นมา เม่ือกลัวความผิด ไม่ท�ำความผิดแล้ว
ความผิดก็ไม่มี เมื่อความผดิ ไม่มี ก็เกิดความสงบขึ้นมาในทีน่ นั้ ความสงบอันนนั้
เปน็ สมาธไิ ปพลางๆ เป็นฐาน

เม่ือจติ สงบขึ้นมาแล้ว ความรู้ทั้งหลายทม่ี ันเกดิ มาจากความสงบนน่ั แหละทา่ น
เรยี กวา่ “วปิ สั สนา” ความรเู้ ทา่ ตามความเปน็ จรงิ อยา่ งนม้ี นั มอี าการอยใู่ นนี้ ถา้ หากพดู
ใหม้ ันลงอันเดียวกนั ซะ มันจะเปน็ ศลี เปน็ สมาธิ เป็นปัญญา ถา้ พดู ให้มันรวมก็วา่
ธรรมสามอย่างน้ีเปน็ กอ้ นเดยี วกัน ไม่แยกกนั แตว่ ่าพูดถึงลกั ษณะของมนั มนั เป็น
ศลี เปน็ สมาธิ เปน็ ปญั ญา อยา่ งนถ้ี กู แลว้ แตว่ า่ คนเราถา้ มกี ารกระทำ� ผดิ อยู่ จติ ใจสงบ
ไมไ่ ด้ ถา้ หากว่าดไู ปแนน่ อนแลว้ มนั จะไปพรอ้ มๆ กัน จะว่าจติ สงบอย่างนีม้ ันก็ถกู
การทำ� สมาธถิ า้ พดู ตามเรอื่ ง มนั กก็ ารรกั ษาศลี รกั ษากาย วาจา ไมใ่ หม้ คี วามเดอื ดรอ้ น
ไม่ให้มีความผิดเกดิ ขน้ึ มาในวงนี้ อนั นีเ้ ป็นฐานของความสงบ แตม่ นั เกดิ ขึ้นตรงน้ัน
เมื่อฐานความสงบมอี ยู่ ก็จะเป็นฐานรองรบั ใหป้ ญั ญาคอื ความรใู้ ห้เกิดในท่นี ั้น

ถ้าหากว่าสอนไปตามแบบของท่านแล้ว ก็เรียกว่าศีล ศีลน้ีน่ะส�ำคัญมาก
อาทกิ ลั ยาณงั มชั เฌกลั ยาณงั ปรโิ ยสานกลั ยาณงั ใหง้ ามในเบอื้ งตน้ งามในทา่ มกลาง
งามในทีส่ ดุ มันเปน็ อย่างนี้

566

เฝา้ ดูจิต

วนั นนั้ ไปหาหลวงพอ่ ทเี่ ขอ่ื น (วดั เขอ่ื นสริ นิ ธร สาขาวดั หนองปา่ พงท่ี ๘) พอวนั รงุ่ ขนึ้
คณุ นา้ เอาหนงั สอื โอวาทของหลวงพอ่ ไปใหท้ บ่ี า้ น ตอนเชา้ นงั่ ทำ� งานอยใู่ นรา้ น กห็ ยบิ ขนึ้
มาอา่ น มคี ำ� ถามของพระทถ่ี ามหลวงพอ่ ปญั หาตา่ งๆ หลวงพอ่ บอกวา่ ขอ้ สำ� คญั ใหจ้ ติ
เฝา้ ดูอยวู่ า่ อะไรจะเกิด อะไรต่างๆ เฝ้าดูอยูเ่ ฉยๆ ใหร้ ้ไู ว้ ตอนบา่ ยไดไ้ ปเรยี นสมาธิ
กป็ รากฏวา่ มีอาการว่านงั่ แลว้ รู้สกึ วา่ ตัวมันหายไปเฉยๆ มอื มันกไ็ ม่รู้สกึ ขาก็ไมร่ ู้สึก
รสู้ กึ วา่ มนั ไมม่ ตี วั แตร่ วู้ า่ เรายงั มตี วั อยู่ แตว่ า่ มนั ไมร่ สู้ กึ คะ่ ตอนเยน็ ไดม้ โี อกาสไปกราบ
นมสั การทา่ นอาจารยเ์ ทสก์ (หลวงปเู่ ทสก)์ และเลา่ อาการใหท้ า่ นฟงั ทา่ นบอกวา่ ทำ� ตอ่ ไป
อนั น้นั เรียกวา่ จติ รวมคะ่ แตก่ เ็ ป็นอยหู่ นหน่งึ หนหลงั ๆ บางครัง้ กเ็ หมอื นกบั ว่าเรา
ไมร่ สู้ กึ มอื ของเรา แตก่ ย็ งั รสู้ กึ สว่ นอนื่ ๆ บางทมี านง่ั นกึ วา่ ถา้ เรามานง่ั อยอู่ ยา่ งน้ี ใหจ้ ติ
ปล่อยวางเฉยๆ ถกู หรอื หรอื เรามานัง่ ครนุ่ คดิ ถึงปัญหาธรรมะทเี่ รากำ� ลังขอ้ งใจอยู่
อะไรคือทถ่ี ูก

อันนั้นไม่ต้องไปซ้�ำเติมมันนะ ท่ีท่านอาจารย์เทสก์บอกน่ะ อย่าไปซ�้ำเติมมัน
ความรคู้ อื ความสงบนนั้ ใหด้ คู วามสงบนนั้ อยู่ แตค่ วามรสู้ กึ ของเรามนั จะรสู้ กึ ไมม่ ตี วั
ไมม่ ตี นอะไร กช็ า่ งมนั เถอะ อนั นใ้ี หม้ นั อยใู่ นน้ี (ใน) ความรสู้ กึ นเ่ี รยี กวา่ ความสงบ
ท่ีจิตมันรวม เมื่อมันรวมอยู่นานๆ ครั้งหรือสองคร้ังน่ันน่ะ แล้วมันจะมีอาการ
เปลย่ี นแปลงคอื เรยี กวา่ มนั ถอนออกมา มนั เปน็ อปั ปนาสมาธิ แลว้ มนั จะถอนออกมา
คอื ไมใ่ ชถ่ อน จะพดู ถอนกถ็ กู เรยี กวา่ มนั พลกิ กไ็ ด้ มนั เปลยี่ นแปลงกไ็ ด้ แตใ่ นลกั ษณะ
ครบู าอาจารยท์ า่ นสอน กว็ า่ เมอ่ื สงบแลว้ มนั จะถอนออกมา ถา้ หากพดู ภาษาไมถ่ กู กนั นี้
มนั กย็ ากเหมอื นกนั นะ เอ...จะไปถอนมนั ยงั ไงนอ้ มนั กไ็ ปงมงายในภาษานอ้ี กี แตว่ า่
ใหเ้ ขา้ ใจวา่ ใหด้ อู าการนน้ั อยดู่ ว้ ยสตสิ มั ปชญั ญะ ลกั ษณะทจ่ี ติ ทม่ี นั ไมแ่ นน่ มี่ นั กพ็ ลกิ
ออกมามนั เปน็ อปุ จาระ ถอนออกมา ถา้ มนั ถอนออกมาอยตู่ รงน้ี ตรงนนั้ มนั ไมร่ เู้ รอ่ื ง
ถอนมาตรงนม้ี นั จะรเู้ รอื่ ง ถา้ มนั รเู้ รอ่ื ง ตรงนมี้ นั กค็ ลา้ ยๆ สงั ขาร หรอื จะเหมอื นกบั เปน็
คนสองคนปรกึ ษาสนทนากัน

567

อนั น้ีคนไม่เขา้ ใจกเ็ สียใจวา่ จติ เราไมส่ งบ แตค่ วามเป็นจรงิ แล้ว มันจะสนทนา
ปราศรัยกันอยู่ในความสงบระงับอันนั้น อันนี้เป็นลักษณะที่มันถอนออกมาแล้ว
เปน็ อปุ จาระรเู้ รอื่ งอะไรตา่ งๆ เมอื่ ระบบนอ้ี ยสู่ กั พกั หนงึ่ มนั จะเขา้ ของมนั ไป คอื มนั จะ
พลกิ กลบั เขา้ ไปในสถานทเ่ี ดมิ สงบอยา่ งเกา่ หรอื มนั จะมกี ำ� ลงั ทใ่ี สสะอาดสงบยง่ิ กวา่
เกา่ กม็ ี ถงึ กำ� ลงั อนั นน้ั เรากก็ ำ� หนดดไู วเ้ ทา่ นนั้ ถงึ เวลามนั จะถอนออกมาอกี ถอนออกมา
แลว้ มนั จะมปี ญั หาอะไรเกดิ ขน้ึ มา ตรงนรี้ เู้ รอื่ งตา่ งๆ ตรงนคี้ อื มาสอบถาม มาสอบสวน
เรอ่ื งคดตี า่ งๆ ใหร้ เู้ รอื่ ง เมอ่ื จบเรอ่ื งแลว้ มนั คอ่ ยเขา้ ไปตรงนนั้ อกี เขา้ ไปบม่ ไวไ้ มม่ อี ะไร
มคี วามรู้อย่างเดียวเท่านั้นแหละ ใหเ้ รามสี ติเตม็ ทไี่ ว้ เมอ่ื ถึงเวลามันกจ็ ะออกมาอีก

มันจะมีอาการออกหรือเข้าอย่างนี้ อยู่ในจิตของเรานี่นะ แต่เราพูดยากอันนี้
อันนี้ไม่เสยี หาย นานๆ ไปตรงที่มันมาปรกึ ษาข้างนอกนะ่ มันจะเปน็ สงั ขารปรุงแต่ง
ถ้าคนไม่รู้จักอันนี้ว่าเป็นสังขาร ก็นึกว่ามันเป็นปัญญา นึกว่ามันเกิด ถ้าเราเห็นว่า
ความปรุงแต่งนี้น่ะ ให้เห็นความส�ำคัญของความปรุงแต่งนี้ว่า อันนี้ก็ของไม่เท่ียง
นบ่ี ังคับไวเ้ สมอ อย่าไปปลอ่ ยใจมันวา่ มนั ปรงุ ไปอยา่ งไรกเ็ ชื่อไปอยา่ งนั้น อันนัน้ มัน
เปน็ สงั ขารนี่ มนั ไมเ่ กดิ ปญั ญา อารมณท์ จี่ ะใหเ้ กดิ ปญั ญาน่ี มนั จะปรงุ ไปทไี่ หน เราก็
ฟงั มนั รมู้ นั เถอะ เออ้ ...อนั นกี้ ไ็ มแ่ นน่ อน อนั นกี้ ไ็ มเ่ ทยี่ ง จงึ เปน็ เหตทุ จ่ี ะใหจ้ ติ เราปลอ่ ย
ตรงนไ้ี ด้ เมอ่ื จติ ปลอ่ ยวางตรงนี้ จติ กส็ งบเขา้ ไป ทำ� อยา่ งนเี้ รอ่ื ยๆ ไปเถอะ มนั เขา้ ไปแลว้
ก็ถอนออกน่ี ปัญญาจะเกิดอยู่ตรงนี้ จะร้เู รือ่ งอยู่ตรงน้ี

ตอ่ ไปนนั้ มนั จะมปี ญั หาหลายอยา่ ง ทซี่ ง่ึ มนั จะเกดิ ขนึ้ มาในทน่ี น้ั มนั จะแกป้ ญั หา
อะไรตา่ งๆ ทุกอย่างในสกลโลกอนั น้ี ปญั ญามันจะตามตอบค�ำถาม จะนัง่ ทไ่ี หนคิด
ทไ่ี หนอะไรทไ่ี หน มนั กเ็ ปน็ ของมนั อยอู่ ยา่ งนนั้ อนั นจ้ี ะทำ� ใหป้ ญั ญาเกดิ ขน้ึ มา ถา้ มนั
เกดิ ขนึ้ มาอยา่ งน้ี กอ็ ยา่ ไปหลงมนั วา่ อนั นเ้ี ปน็ สงั ขารนะ เมอื่ หากวา่ เราเอาอารมณไ์ ปเขา้
มนั ซะวา่ อนั นม้ี นั กไ็ มเ่ ทย่ี ง มนั กไ็ มแ่ นน่ อน อยา่ ไปยดึ มน่ั ถอื มน่ั มนั เลย สภาวะอนั นนี้ ะ่
ถ้าเราแทนเข้าไปจิตมันจะเยิ้มขึ้นมาอยู่ตรงกลาง อันน้ีรู้เร่ืองส่ิงทั้งหลายเหล่าน้ี
จิตของเราจะเดินไปได้ถูกต้องตามทางการภาวนาของเรา มันจะไม่หลง มันจะเป็น
อยา่ งน้ี

568

ถา้ สมมุติว่าจติ มนั นง่ิ อยา่ งนนี้ ะ่ แตเ่ รายงั ได้ยนิ อยู่ นี่จะเรียกวา่ อะไรคะ
จิตมันกเ็ ปน็ จติ เสียงกเ็ ปน็ เสียง มันก็ไดย้ นิ สิ
เรียกว่าสงบใชม่ ย้ั คะ
สงบ สงบ ไดย้ นิ แตไ่ มฟ่ ุ้ง
ลมมนั ละเอยี ด
ใช่ มนั ก็ไดย้ นิ มนั ไมไ่ ด้ยินกเ็ สียคนเทา่ นน้ั แหละ มนั ก็ไมร่ เู้ รอื่ งอะไร มันท้งิ
ความรแู้ ล้วจะเกิดอะไร
แตใ่ นใจมันหยดุ ล่ะคะ แตว่ า่ เสยี งมันเข้าอยเู่ รือ่ ยๆ
ก็ชา่ งมันเถอะ
แตม่ นั ไม่ปนกันนะคะ
ใช่ แต่เราไมย่ ดึ
แตว่ ่าพอมนั นิง่ แลว้ ก็ไม่เกิดปญั ญาสคิ ะ มันเฉยๆ
เออ อย่าเพิง่ ไปบงั คับให้มนั เกิดปญั ญาเถอะ มนั จะหล่อเลยี้ งของมันเองหรอก
แต่มันก็หยดุ ละคะ่ ลมมนั ก็ละเอียด มันนงิ่ เฉยๆ
เออ ชา่ งมนั เถอะ น่ิงเฉยๆ อย่างน้ีกอ่ น
และกส็ งสัย
นแี่ หละคนเรา มนั เปน็ อยา่ งน้ี ความหลงของคนนะ่ คอื คนอยากจะรู้ ทคี่ รงั้ แรก
จติ เราไมเ่ คยสงบ กม็ าถามอาจารยเ์ รอ่ื งจะใหม้ นั สงบ จะทำ� ยงั ไง อยากใหม้ นั สงบแนะ่
เราวา่ เออ ทำ� ๆ ไปเถอะ พยายามไปกย็ งั ไมอ่ ยากจะใหม้ นั สงบ ถา้ มนั สงบแลว้ กห็ ลง
ความสงบอีก ในเม่ือสงบแลว้ จะทำ� อยา่ งไรอกี ตอ่ ไป มันกไ็ ปกันอยา่ งนนั้

569

บางทีมันนง่ิ ๆ เหมือนกับลมหายใจมันก็ไมค่ ่อยจะมี

กเ็ ร่อื งมนั เป็นอยา่ งนน้ั น่ี

อยา่ งนเ้ี รยี กวา่ สงบ ใชม่ ้ยั คะ

ใช่ เราทนเอา อนั นเี้ รอ่ื งมนั เปน็ อยา่ งนนั้ รนู้ ที่ งิ้ ไมไ่ ดห้ รอก สงบตรงไหนกท็ ง้ิ ไมไ่ ด้
รู้นีถ่ า้ ทิ้งความรู้นไี้ มม่ ี กป็ ัญญาเกิดไมไ่ ด้ หลงแลว้ ปฏบิ ัตินอ่ี ย่าไปทิง้

อยา่ งน้ีเรยี ก หลง

หลงซ่ี ถา้ ไมร่ อู้ ะไร มนั หลงแลว้ มนั ตอ้ งรู้ แตว่ า่ บางอยา่ งนน่ี ะ่ มนั มคี วามรใู้ นน้ี
มันวางความรู้ข้างนอกก็มีนะ อย่างเสียงไม่ได้ยินเลยก็ได้ แต่มันรู้ตัว มันอยู่ในน้ี
มนั เก็บเขา้ มาในนี้ นีก่ ็อยา่ งหนึง่ มนั ละเอยี ดอยา่ งน้ี

อย่างนี้ ถ้าข้างในมนั ไม่นิ่ง และข้างนอกมันก็ไมน่ งิ่ อย่างน้ี

กช็ า่ งมนั อนั นนั้ มนั แยกกนั เสยี งเปน็ เสยี ง จติ เปน็ จติ อารมณเ์ ปน็ อารมณ์ จติ เปน็ จติ
มนั แยกออกคนละท่อนๆ ไม่เป็นอะไร

แล้วจะใชอ้ ยา่ งไรคะ ถึงจะมีปัญญา

อา้ ว อาตมากย็ งั บอกวา่ ดตู รงนนั้ ใหม้ นั ถนดั แลว้ กอ็ ยา่ ไปยดึ มนั่ เออ อนั นมี้ นั กไ็ ม่
แน่นอน ไม่เทย่ี ง เร่ือง อนจิ จัง ทกุ ขงั อนัตตา นเ่ี ปน็ บอ่ เกดิ ให้ปญั ญา

ถ้ามันน่งิ เฉยๆ กป็ ล่อยมันนงิ่ ไปอยา่ งนั้น

นง่ิ ดูท่ีนิง่ น่นั แหละ ร�ำคาญเหรอ

อยากจะรู้ค่ะ มนั จะเป็นอยา่ งไรตอ่ ไป

เออ มนั จะเปน็ ไปเองมนั หรอก ไมต่ อ้ งไปทำ� ใหม้ นั เปน็ หรอก แตเ่ รารเู้ รอื่ งของมนั
มนั จะเปน็ ยงั ไงใหเ้ รารเู้ รอ่ื งของมนั อยา่ งนนั้ เมอื่ มนั จะเปน็ อะไรขนึ้ มา เราอยา่ ไปยดึ มนั
เขา้ มา อนั นีเ้ ปน็ ของไมแ่ นน่ อนเหมือนกนั อนิจจัง ทกุ ขัง อนตั ตา ตามฆา่ กันไปหมด
ทกุ ครั้งทุกเวลา เท่าน้ีมันกเ็ กดิ ปญั ญาเท่านนั้ แหละ นีเ่ รียกวา่ “อารมณ์ของวปิ ัสสนา”

570

คือเร่ือง อนิจจัง ทุกขัง อนตั ตา นแ่ี หละ เราจะมีความดีใจก็ดี มคี วามเสยี ใจก็ดี
ท้งั สองอยา่ งน้กี ็เรอ่ื ง อนจิ จงั ทุกขงั อนัตตา ความดีใจมนั กไ็ ม่แน่นอน ความเสยี ใจ
มันก็ไมแ่ นน่ อน กก็ ลบั มาสูส่ ภาพอันเดียว ไมห่ ลงอยา่ งน้ี

อย่างสมมุติว่าจิตมันนิ่งอย่างนี้ล่ะคะ แล้วเราไปคิดเหมือนอย่างที่คนเขาพูด
กนั นะคะว่า เป็นวปิ ัสนึก ไม่ใชว่ ิปัสสนา

อย่าไปคิดมัน มนั นึกเอาเอง หรือมันนกึ เองมนั มั่ง มนั กร็ ู้จกั อยา่ งเรายกต้นไม้
ยกเถาวัลย์นะ่ ต้นไม้มนั เป็นยงั ไงนอ้ หรอื ว่าไดถ้ ้วยใบนีม้ นั เปน็ ยงั ไงน้อ อันนีเ้ ราคดิ
ยกขึ้นมาเทยี บ เราน่งั เฉยๆ มนั มีความรสู้ ึก มนั จะเกดิ ปฏิกิริยาข้ึนมา แหม...ตัวคน
เรานีม่ ันเปน็ ยงั ไงน่ี เราไมต่ อ้ งไปคิดมนั นะ อนั นีม้ ันเกดิ มนั เองนะ่ สง่ิ ท่ีมนั เกิดเอง
กับสิง่ ทีไ่ ปปรุงให้มันเกิดนะ่ มนั ตา่ งกัน ทเี่ ราปล่อยใหม้ ันเกดิ เอง เราทำ� ความรสู้ กึ อยู่
เรอื่ ยๆ นะ มนั จะเกิดขน้ึ มาโดยท่ไี ม่ตอ้ งนึกคดิ ปรุงแต่ง มันกค็ ล้ายๆ กบั ปรงุ แต่ง
อันนั้นมันแยกความรู้สึกเกิดขึ้นมาเฉยๆ

แล้วบางครั้งจิตมันรวมล่ะคะ แต่มันชอบวูบ เหมือนอย่างกับสับปะหงกค่ะ
แตว่ า่ มันรูค้ ่ะ มันมสี ตคิ ่ะ อย่างน้เี รียกว่าอะไรคะ

อันน้ัน มนั ตกหลมุ อากาศ (ผู้ถามหัวเราะชอบใจ) ข้นึ เคร่อื งบนิ มันเจออยา่ ง
นน้ั แหละ

อยา่ งนเี้ ขาเรยี กว่า ล่มหรอื เปล่าคะ

ใช่...ขณะจิตของมันเขา้ ไปคร่งึ หนึ่งมนั ออกมา มนั ตกหลุม

มันทำ� เหมอื นกับว่าสับปะหงกคะ่ แต่วา่ จิตมนั รู้

กช็ ่างมนั เถอะ มนั จะไปยังไง ใหเ้ รารับรูม้ นั อยู่

เคยเปน็ อย่างน้ีสองสามครงั้ แตว่ ่ารูต้ วั

ใช.่ ..ไม่มีอะไร ความรนู้ ส้ี �ำคญั ใหม้ ันรไู้ ว้ตรงนี้

571

รู้คะ่ ...รู้วา่ มนั เป็น

รู้วา่ มันเปน็ อย่าไปเปน็ กะมัน ต้องใหม้ นั เปน็ แต่มันคนเดยี ว

เวลาใกล้ๆ ที่มนั จะสงบ ทำ� ไมตวั เรามนั คล้ายๆ เคล่ือนไหว ใช่หรอื เปลา่ คะ

ใช่...มันกเ็ ปลย่ี น คลา้ ยๆ กบั ว่าเราเดนิ ไปที่ราบๆ แลว้ มันไปตกรอ่ งอยา่ งนี้นะ่
แล้วกว็ ูบ มนั ก็เปลย่ี น ถ้าไมเ่ ปล่ียนมนั จะสงบหรือ

แตพ่ อตกวูบ มนั กร็ ู้ตวั

รู้ตวั นนั่ แหละ มันทัน บางคนกก็ ลัวเลยไปถึงทน่ี ัน้ แลว้ มันฟบุ เลยเข้าไม่ได้

มนั เคยเปน็ อยา่ งนค้ี ะ่ ถามคนอน่ื เขาบอกใหพ้ จิ ารณา ดฉิ นั กไ็ มร่ วู้ า่ จะพจิ ารณา
อย่างไร เพราะเรากไ็ ม่เคย มนั รสู้ กึ ปวดตามขานี่คะ่ ก็ดู คิดไป เอ.้ ..ท�ำไมขาเรามัน
ปวดมาก พอนกึ ๆ ไปคิดไปดูไปพักหนึ่ง มนั ไมม่ เี น้ือค่ะ มนั มแี ต่กระดกู แลว้ กม็ า
ดทู ี่แขนก็ไม่มเี นือ้ ดทู หี่ นังกไ็ ม่มเี น้อื เอ.๊ ..ท�ำไมมีแต่กระดกู ไปหมดก็ไมร่ ู้ เลยรู้สึกวา่
เอะ๊ แปลกใจคะ่ กเ็ ลยลมื ตาข้ึนมา รูส้ ึกวา่ เนอื้ ไม่มี มีแต่กระดกู อยา่ งนเ้ี รยี กวา่
อะไรคะ

อันนีม้ นั ความสงบท่เี กดิ ข้ึนมา อาการมันเกิดขึน้ มากบั จิต มันกต็ ้องเป็นไปใน
รูปนี้แหละ อาตมาจะบอกให้ทราบว่าในการท�ำสมาธินี้ไม่ว่ามันจะเป็นเท่าน้ี มันจะ
เปน็ ไปทกุ อย่าง ทกุ อย่างทมี่ นั จะเปน็ ไปได้ ตาก็เหน็ หกู ็ได้ยินได้ จมูกก็ดมกลิ่นได้
ทางกายถกู ตอ้ งสมั ผสั ไดห้ มดทกุ อยา่ ง แตอ่ ยา่ ไปสงสยั เลยอนั นี้ ถา้ มนั สมั ผสั ถกู ตอ้ ง
เท่าน้ัน ก็ว่า อ้ือ...อันนี้มันก็ไม่แน่เหมือนกัน เม่ือเห็นกระดูก อ้ือ...อันน้ีก็ไม่แน่
เหมอื นกนั มนั สงบนกี่ ไ็ มแ่ นเ่ หมอื นกนั อยา่ ไปคดิ มนั มนั วนุ่ วายกอ็ ยา่ ไปแนม่ นั มนั เปน็
อยา่ งนี้ เรารเู้ รอื่ งทกุ สง่ิ ทกุ อยา่ ง ถา้ รเู้ รอ่ื งทกุ สงิ่ ทกุ อยา่ ง อนั นมี้ นั กจ็ ะมารายงานเราเสมอ
เราก็เฉยเสีย เรารู้เรื่องมันแล้วอันน้ี ถ้าเราสงสัยส่ิงท้ังหลายเหล่าน้ี มันก็ไม่เป็น
อนั อยอู่ นั กนิ หรอก เดยี๋ วกว็ ง่ิ ไปตามไอโ้ นน่ บา้ งไอน้ บี่ า้ ง เรารจู้ กั วา่ คนๆ น้ี คอื คนโกหก
เราจับมันได้ เร่ืองอารมณ์มันเป็นอยู่อย่างน้ี มันไม่แน่นอน อย่าไปว่ิงกับมันเลย

572

รมู้ นั เฉยๆ อยู่นีแ่ หละ ถา้ รเู้ ชน่ นม้ี ันจะมีปญั หาอ่ืนเกดิ ข้ึนมาอีก ใหม้ นั รู้สิง่ ทั้งหลาย
เหลา่ นไี้ ว้ ไมไ่ ดส้ งสยั รทู้ ไ่ี มไ่ ดส้ งสยั สงิ่ ทมี่ นั เกดิ ขนึ้ มานี่ อนั นมี้ นั ถงึ จะสบายใจ ถา้ เราไป
ตามรมู้ นั สงิ่ ทเี่ ราสงสยั นี่ มนั ไมส่ บายใจละ และมนั ยง่ิ จะเกดิ มากกวา่ นข้ี น้ึ ไปอกี ฉะนน้ั
ทา่ นจงึ ว่าอย่าไปยดึ มั่นถอื มนั่ เลย

ถา้ จิตรวมเฉยๆ กเ็ รยี กวา่ ได้แนส่ มาธิ

มนั ไมเ่ ฉยอยา่ งเดยี วหรอก มนั จะตอ้ งมอี ะไรเกดิ ขนึ้ มาใหพ้ จิ ารณาใหร้ เู้ รอ่ื งมนั
มันจะมอี ะไรเกดิ ข้นึ มาตรงนน้ั แหละ สมาธิที่ท�ำใหป้ ญั ญาเกดิ มันจะอยู่เฉยๆ ไดห้ รือ
ถา้ เราทำ� มนั พอทว่ี า่ มนั เกดิ ขน้ึ มา กใ็ หร้ วู้ า่ อนั นม้ี นั ไมแ่ นน่ อน อนั นม้ี นั กไ็ มเ่ ทยี่ ง อนั น้ี
มนั กไ็ มจ่ รงิ อยา่ งนเ้ี รอื่ ยไปเถอะ แลว้ ปญั ญามนั จะไมร่ ายงานเราหรอก ตอ่ ไปมนั กอ็ นั เกา่
นะ่ แหละ คนเกา่ ๆ นน่ั แหละ มนั กค็ ลา้ ยๆ คนเขา้ ไปในบา้ นทม่ี นั มหี นา้ ตา่ งอยหู่ กชอ่ ง
แลว้ กม็ ีคนๆ เดียวเข้าไปอยู่ในนน้ั เราไปดูหนา้ ตา่ งก็มคี นโผล่ออกไป มนั กค็ อื คนๆ
เดียวกันน่ันแหละ ไม่ใช่คนหกคน คนๆ เดียวกันไปโผล่ท่ัวถึงกันหมดท้ังหกช่อง
เราอยา่ ไปเขา้ ใจวา่ มนั จะเปน็ คนหกคน มนั คอื คนๆ เดยี ว คนๆ เดยี ว กเ็ รยี กวา่ อนจิ จงั
ทกุ ขงั อนตั ตา เปน็ ของไมแ่ นน่ อนทง้ั นน้ั นเ้ี ปน็ อารมณข์ องวปิ สั สนา จะตดั ความสงสยั
เหล่านีอ้ อกไปได้ ถ้าเราวง่ิ ตามนิมติ ทั้งหลายเหล่านี้ มนั ก็วนุ่ วายนะ

ถา้ เราท�ำสมาธิภาวนาต้องก�ำหนด พุท-เข้า โธ-ออก อะไรไหมคะ

เออ... อนั นแี้ ลว้ แตส่ ะดวกเรา อยา่ งนน้ั กไ็ ด้ แตว่ า่ พทุ -เขา้ โธ-ออก น้ี เมอื่ ทำ� ไป
นานๆ จิตมนั ละเอียดแลว้ มนั จะร�ำคาญนะ ค�ำทีว่ ่า พทุ หรือ โธ ก็เพือ่ ให้เรารูจ้ ัก
เทา่ นนั้ แหละ ใหร้ จู้ กั ลมออกลมเขา้ เทา่ นน้ั ถา้ หากวา่ เรารจู้ กั มนั ชดั เจนแลว้ มนั จะออก
จะพทุ จะโธ มนั กม็ คี วามร้สู ึกอยู่อยา่ งนนั้ มันเป็นอนั เดยี วกนั เทา่ นั้นแหละ บางคน
กว็ า่ พทุ โธ ธมั โม ไหมหนอ ถา้ วา่ ไปแลว้ มนั กไ็ มอ่ ยากจะวา่ เพราะจติ มนั ละเอยี ดแลว้
มนั ได้ท�ำงานอย่างละเอยี ดแลว้ มันจะมาท�ำงานอย่างหยาบ มนั ก็ไม่ท�ำ ขอให้รู้แตว่ า่
เรารูเ้ ชน่ นมี้ นั ถูกต้องไหม เมื่อมันถูกตอ้ งของมันกพ็ อแล้ว พุทโธคอื ร้ทู ั่วถึง อนั นม้ี นั
เป็นคำ� บรกิ รรมท่ชี ว่ ยใหจ้ ิตเราสงบเท่านั้น ไม่มอี ะไรมาก

573

๔๗

บันทึกเรื่องการเดนิ ทางไปตา่ งประเทศ

จนิ ตนาการทเ่ี กดิ ขนึ้ ใหมใ่ นการเดนิ ทางจากเมอื งไทยสกู่ รงุ ลอนดอน ความรสู้ กึ
นกึ คดิ ของมนษุ ยท์ งั้ หลายกเ็ หมอื นกบั แสงของพระจนั ทรพ์ ระอาทติ ย์ เมอ่ื ถกู เมฆหมอก
เขา้ ครอบงำ� กเ็ ปน็ อยา่ งหนงึ่ เมอ่ื ปราศจากเมฆหมอกกเ็ ปน็ อยา่ งหนง่ึ เปน็ เหตใุ หค้ ดิ ตอ่
ไปวา่ การเรยี นธรรม การรธู้ รรม การเหน็ ธรรม การปฏบิ ตั ธิ รรม การเปน็ ธรรม เหลา่ น้ี
น้ันเป็นคนละส่วนไม่ใช่ส่ิงเดียวกัน และท�ำให้จินตนาการต่อไปอีกถึงค�ำสอนของ
พระพทุ ธเจา้ วา่ เมือ่ เรายงั ไมร่ ปู้ ระเพณี ค�ำพดู การกระทำ� ของเขาทุกอย่าง เราไมค่ วร
ถอื ตวั ในที่น้นั และคิดต่อไปอีกขณะเมอ่ื อย่บู นกลีบเมฆน้นั วา่ ชาติ ตระกลู ความรู้
คุณธรรมเป็นอย่างไรก็เป็นท่ีแปลกมาก เพราะเรื่องนี้ดูเหมือนเราได้ประสบมาก่อน
แลว้ ตอนที่เราได้ถวายชวี ติ ในพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ ว่าเราไดม้ าเมืองนอกนี่
นี้คือเมืองนอกใน (วัฏฏะ) ไมใ่ ช่เมอื งนอกนอก การเหน็ เมืองนอกใน พระพทุ ธเจ้า
ไม่สรรเสริญ พระพทุ ธเจ้าไดส้ รรเสรญิ คนผู้เห็นเมอื งนอกนอก ความคิดของเรามนั
คิดบวกคิดลบกันอย่างน้ีเรื่อยไปจนถึงกรุงลอนดอน และก็ได้ปรับกาย วาจา ใจ
ใหเ้ ขา้ กบั เขาไดเ้ ปน็ อยา่ งดี ไมม่ อี ะไร สง่ิ ทแี่ ปลกนน้ั กค็ อื ตา หู จมกู ลน้ิ กาย สว่ นใจนน้ั

บนั ทกึ ในระหวา่ งการจารกิ ไปเผยแผพ่ ทุ ธธรรม ณ กรงุ ลอนดอน ประเทศองั กฤษ เมอ่ื ๕ พฤษภาคม - ๑๕
กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๒๐ ขณะหลวงพอ่ มอี ายคุ รบ ๕๙ พรรรษา ในวนั ท่ี ๑๗ เดอื นมถิ นุ ายน ๒๕๒๐ เปน็ พรรษา
ท่ี ๓๘ ของการอปุ สมบท ขอ้ ความทง้ั หมดถอดออกมาจากสมดุ บนั ทกึ ของหลวงพอ่ ทที่ า่ นบนั ทกึ ไวด้ ว้ ยลายมอื
ของทา่ นเองทั้งหมด

574

ปกตอิ ยตู่ ามเดมิ เพราะไดเ้ ตรยี มมานานแลว้ ตา่ งแตไ่ มแ่ ปลก แปลกแตไ่ มต่ า่ ง คดิ ตอ่
ไปวา่ ประชาชนในยโุ รปนเี้ ขาไดถ้ งึ จดุ อมิ่ ของวตั ถทุ งั้ หลายแลว้ แตย่ งั ไมร่ จู้ กั พอ เพราะ
ขาดจากธรรมะ เปรยี บไดว้ า่ เหมอื นผลไมพ้ นั ธด์ุ เี กดิ อยใู่ นสวนทม่ี ดี นิ ดี แตข่ าดคนดแู ล
รกั ษา จงึ ทำ� ใหผ้ ลไมท้ งั้ หลายเหลา่ นน้ั ไรค้ ณุ คา่ เทา่ ทค่ี วร จะไดเ้ หมอื นมนษุ ยไ์ รค้ ณุ คา่
จากการเกิดมาเป็นมนุษยฉ์ ะนน้ั

บนั ทึกในหนา้ ทีข่ องวันที่ ๖ พฤษภาคม ๒๕๒๐

บนิ ตอ่ ถงึ เมอื งการาจี ประเทศปากสี ถาน บนิ ผา่ นอติ าลถี งึ กรงุ ลอนดอน นายจอรจ์
ชาร์ป และนางฟรีดา วนิ ท์ ได้เอารถมารับท่ที ่าอากาศยานฮธี โรว์

เหตุการณ์ท่ีเกิดขึ้นในการเดนิ ทางในวันที่ ๖ ในขณะทีบ่ นิ อยู่ เครอื่ งบินไดเ้ กิด
อุบัติเหตุยางระเบิด ๑ เส้นบนอากาศ พนักงานการบินจึงได้ประกาศให้ผู้โดยสาร
เตรยี มตวั รดั เขม็ ขดั มฟี นั ปลอมกต็ อ้ งถอดออก แมก้ ระทง่ั แวน่ ตาหรอื รองเทา้ เครอื่ ง
บริขารทกุ อยา่ งตอ้ งเตรยี มพรอ้ มหมด

ผโู้ ดยสารทกุ คนเม่ือเก็บบรขิ ารทุกอยา่ งเสรจ็ แล้ว ตา่ งคนตา่ งก็เงยี บ คงคิดว่า
จะเปน็ วาระสดุ ทา้ ยของพวกเราทกุ คนเสยี แลว้ ขณะนน้ั เรากใ็ หค้ ดิ วา่ เปน็ ครง้ั แรกทเ่ี รา
ไดเ้ ดนิ ทางมาเมอื งนอกเพอ่ื สรา้ งประโยชนแ์ กพ่ ระศาสนา จะเปน็ ผมู้ บี ญุ อยา่ งนเ้ี ทยี วหรอื
เมอ่ื ระลกึ ได้เชน่ นี้แลว้ ก็ต้ังสัตยอ์ ธษิ ฐานมอบชวี ติ ใหพ้ ระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์
แล้วก็ก�ำหนดจิตรวมลงในสถานท่ีควรอันหน่ึง แล้วก็ได้รับความสงบเยือกเย็น
ดคู ลา้ ยกบั ไมม่ อี ะไรเกดิ ขนึ้ พกั ในทตี่ รงนน้ั จนกระทงั่ เครอ่ื งบนิ ไดล้ ดระดบั ลงมาถงึ
แผน่ ดนิ ดว้ ยความปลอดภยั ฝา่ ยคนโดยสารกป็ รบมอื กนั ดว้ ยความดใี จ คงคดิ วา่ เรา
ปลอดภยั แล้ว สิ่งท่แี ปลกก็คือ ขณะเมอื่ เคร่อื งบินเกดิ อุบตั เิ หตุ ต่างคนก็รอ้ งเรียกวา่
หลวงพอ่ ชว่ ยปกปอ้ งคมุ้ ครองพวกเราทกุ คนดว้ ย แตเ่ มอ่ื พน้ อนั ตรายแลว้ เดนิ ลงจาก
เครอ่ื งบนิ เหน็ ประนมมอื ไหวพ้ ระเพยี งคนเดยี วเทา่ นน้ั นอกนนั้ ไหวแ้ อรโ์ ฮสเตสทง้ั หมด
ในท่นี ัน้ น่ีเป็นส่งิ ที่แปลก

575

วนั ท่ี ๗ พฤษภาคม ๒๕๒๐

พระสเุ มโธ พระเขมธมั โม และนายตง และพระญ่ปี นุ่ ไดน้ ำ� เท่ียวทส่ี ำ� คญั ของ
กรงุ ลอนดอนแหง่ หนง่ึ ทนี่ นั่ เขาเรยี กวา่ แฮมสเตทฮที (Hamstead Health) เปน็ เนนิ สงู
มสี นามหญ้าสวยท่ีสุด มตี ้นไม้ทหี่ าดูในเมืองไทยไมไ่ ด้ เขาเลา่ ให้ฟงั ว่า เปน็ บา้ นของ
เศรษฐเี กา่ และเปน็ ภเู ขาเรยี กวา่ พรมิ โรสฮลิ ภเู ขานเี้ ปน็ ชอ่ื ของดอกไมช้ นดิ หนงึ่ สวยมาก
ไดเ้ ที่ยวในตอนบ่ายวันนเ้ี อง

ตอนกลางคืนประมาณ ๒ ทุ่ม มีประชาชนมาฟังธรรมประมาณ ๙ คน ซง่ึ เปน็
ศิษย์ท่ีเคยมานมัสการท่ีวัดป่าพงแล้วก็มี และได้แสดงธรรมท่ีไพเราะในเบื้องต้น
ในทา่ มกลาง และทส่ี ดุ ใหฟ้ งั ณ ทว่ี ดั ธรรมประทปี ไดต้ อบปญั หาเกย่ี วกบั พระศาสนา
โดยพระสเุ มโธเปน็ คนแปลเปน็ ภาษาองั กฤษ ไดเ้ ตรยี มสมาทานศลี หา้ ประการ ซงึ่ คน
ในกรงุ ลอนดอนยงั ไมเ่ คยทำ� มากอ่ นเลย เมอื่ แสดงธรรมจบแลว้ นำ� ใหน้ ง่ั สมาธปิ ระมาณ
๓๐ นาที รสู้ กึ วา่ เขาทง้ั หลายเหลา่ นน้ั ไดแ้ สดงออกซงึ่ ธรรมชาตทิ ใ่ี กลช้ ดิ ตอ่ พระธรรม
เปน็ อยา่ งมาก ไดเ้ วลาพอสมควรประมาณตี ๒ จงึ เลกิ ไปทำ� ธรุ ะตามหนา้ ทอ่ี นั สมควร
ของตนทกุ ๆ คน

วนั ที่ ๘ พฤษภาคม ๒๕๒๐

ได้จาริกไปเมืองเบอร์มิงแฮม เป็นเมืองหน่ึงท่ีแยกออกจากกรุงลอนดอน
มีประชาชนประมาณ ๕ ลา้ นเศษ ลอนดอนมีประมาณ ๑๐ ลา้ น ระยะทางห่างจาก
ลอนดอน ประมาณ ๑๘๐ กโิ ลเมตร ไดร้ ว่ มประชมุ กนั ตามประเพณขี องเขา มพี ระไทย
พระลงั กา พระธเิ บต พระพมา่ แบง่ เปน็ พระไทย ๓ องค์ พระพมา่ ๑ องค์ พระธเิ บต
๕ องค์ และพระเขมร ๑ องค์ ไดร้ วมกันในท่ีประชุม

พระตา่ งๆ ไดบ้ รรยายธรรม คอื พระเขมร พระลงั กา พระพมา่ และ พระสเุ มโธภกิ ขุ
ในวนั นนั้ นบั ไดว้ า่ ไดเ้ หน็ พวกทายก ทายกิ า อนิ เดยี พมา่ แขก ธเิ บต หลายชาตมิ ารวมกนั

576

ฟงั การบรรยายธรรมหลายภาษา เรากไ็ มร่ เู้ รอื่ ง แตก่ พ็ อจะรคู้ วามหมายของเขาทง้ั หลาย
เหล่าน้ันโดยอากัปกิริยาพอสมควร ตอนเย็นได้กลับวัดธรรมประทีปพร้อมกับ
พระสุเมโธ พระเขมธมั โม และนายจอรจ์ ชาร์ป ซึง่ เป็นคนขับรถให้

วนั ที่ ๙ พฤษภาคม ๒๕๒๐
ตอนกลางคนื ประมาณ ๒ ทมุ่ ไดแ้ สดงธรรมแกช่ าวองั กฤษประมาณ ๑๒ คน
มพี ระสเุ มโธภกิ ขเุ ปน็ ผแู้ ปล วา่ ดว้ ยเรอ่ื งธรรมเบด็ เตลด็ และไดพ้ บกบั พระมหาธรี ะพนั ธ์
เมตตาวหิ ารี วดั พทุ ธาราม เนเธอรแ์ ลนด์ (ฮอลนั ดา) และพระปานขาว ญาณธโร รวมทง้ั
ประชาชนหลายชาติ รวมทง้ั พระธรรมทตู ทเี่ ดนิ ทางไปจากเมอื งไทยหลายองค์ มเี จา้ คณุ -
พรหมคณุ าภรณ์ เปน็ ประธาน และไดพ้ บกบั ทตู องั กฤษดว้ ย พบกบั องคมนตรเี กา่ ของ
เมอื งลาว ทไ่ี ดไ้ ปลภ้ี ยั ทปี่ ระเทศองั กฤษ และไดพ้ บกบั คณุ เกสรี เจา้ ของรา้ นเกสรี ซงึ่ เปน็
รา้ นท�ำผมใหญ่ในกรุงเทพฯ ดว้ ย

วนั ท่ี ๑๐ พฤษภาคม ๒๕๒๐
ได้เดินทางจากวัดพุทธประทีป โดยทางเจ้าคุณปริยัติเมธีวัดพุทธประทีปและ
ได้พบกับพระเถระที่เป็นพระธรรมทูต ท่ีทางการได้ส่งไปตรวจงาน มีท่านเจ้าคุณ-
พรหมคณุ าภรณ์ เปน็ ประธาน และไดเ้ รยี นใหท้ า่ นทราบเร่อื งจะให้พระอย่ปู ระจ�ำใน
วัดธรรมประทีป ท้ังเรื่องการปกครองของวัดน้ันด้วย ท่านก็มีความกรุณาให้อยู่ได้
ทา่ นจะรบั ภาระธรุ ะไปเรยี นคณะสงฆใ์ ห้ และรบั ชว่ ยสนบั สนนุ ทกุ ประการ เมอื่ ถงึ เวลา
พอสมควรแลว้ กไ็ ด้กลับวัดธรรมประทปี และท่านเจ้าคุณเจ้าอาวาส วดั พทุ ธประทีป
ก็ได้ตามมาสง่ ถึงวดั ธรรมประทปี ดว้ ยตัวทา่ นเอง

577

วนั ท่ี ๑๑ พฤษภาคม ๒๕๒๐

วนั นไี้ ดเ้ ดนิ ทางไปเมอื งออ๊ กซฟ์ อรด์ ซงึ่ เปน็ เมอื งหนง่ึ ขน้ึ กบั กรงุ ลอนดอน ระยะ
ทางประมาณ ๑๐๐ กิโลเมตร โดยการโดยสารรถไฟ ไดไ้ ปสถานทที่ ี่เปน็ ปา่ ศักดิ์สทิ ธิ์
แหง่ หน่ึงของเมือง เพราะถอื กนั วา่ เป็นทีอ่ ยู่ของพระฤาษีมาแตก่ อ่ น จงึ เป็นป่าที่เปน็
มงคลคู่บา้ นคเู่ มืองเป็นอย่างดี และปจั จบุ ันได้เป็นบา้ นของมหาเศรษฐี บรเิ วณขา้ งๆ
ในสถานทนี่ นั้ มหาเศรษฐไี ดจ้ ดั เปน็ ทป่ี ฏบิ ตั ใิ นทางพระพทุ ธศาสนา มอี าคารหลายหลงั
ซง่ึ เปน็ ทอ่ี นั รม่ รน่ื มาก ในเมอื งไทยหาดไู มไ่ ด้ และไดพ้ กั ผอ่ นอยทู่ น่ี นั่ โดยเขานมิ นตไ์ ว้
๓ วนั ในตอนเชา้ เศรษฐเี จา้ ของบา้ นกไ็ ดน้ มิ นตบ์ ณิ ฑบาตทกุ วนั ตอนเยน็ กฝ็ กึ กรรมฐาน
ใหพ้ วกเขาประมาณ ๒ ชวั่ โมงทกุ วนั เหมอื นกนั นบั ไดว้ า่ ไดท้ ำ� ประโยชนไ์ วใ้ นสถานท่ี
นนั้ พอสมควรในระยะเวลาอนั นอ้ ย ตอนขากลบั วดั ธรรมประทปี นน้ั ไดโ้ ดยสารรถยนต์
ราคาแท็กซ่ี ประมาณ ๑,๐๐๐ บาทเศษ

เศรษฐผี พู้ อ่ ชอื่ มสิ เตอรช์ อว์ เมยี กม็ สิ ซสิ ชอว์ ลกู สาวกม็ สิ ชอว์ ไดถ้ วายคา่ โดยสาร
แทก็ ซปี่ ระมาณสามรอ้ ยกวา่ ปอนด์ เราจากเขาดว้ ยความปตี อิ ยา่ งแรง มสิ ชอวน์ ำ�้ ตาไหล
อาบหนา้ จนพดู อะไรอกี ไมไ่ ด้ และวนั ท่ี ๒๖ พ.ค. นี้ เขากจ็ ะมกี ารประชมุ ใหญ่ เศรษฐี
ได้นิมนต์ให้เข้าร่วมประชุมกับประชาชนหมู่ใหญ่อีกด้วย เราก็ได้รับนิมนต์ไว้แล้ว
(ครอบครวั เศรษฐีนเ้ี ป็นชาวพม่า)

วนั ท่ี ๑๒ พฤษภาคม ๒๕๒๐

ในวันท่ีเดินทางคราวนี้ ได้อาศัยท่านประธานสภาปฏิรูปและคุณหญิงสว่างจิต
ถวายความอุปการะไปตลอดทางจนถงึ กรงุ ลอนดอน

๙ โมง ๑๕ นาที ได้เที่ยวภิกขาจารในบ้านมหาเศรษฐีช่อื ชอว์ ไดอ้ าหารแปลก
หลายอยา่ งซง่ึ ในเมอื งไทยหาไมม่ ี เราไดร้ บั บณิ ฑบาตในบา้ นมหาเศรษฐเี ปน็ ครง้ั แรกใน
กรงุ ลอนดอนทอ่ี อ๊ กซฟ์ อรด์ นบั ไดว้ า่ เปน็ ประวตั ศิ าสตรส์ มความตงั้ ใจทไี่ ดเ้ คยตง้ั สตั ย์

578

อธษิ ฐานไว้ เมอ่ื ไดไ้ ปเมอื งนอก จะพยายามยกสถาบนั การบณิ ฑบาตขน้ึ ใหไ้ ด้ ตอนเยน็
ไดอ้ บรมกรรมฐานใหช้ าวอังกฤษ โดยพระสุเมโธ เปน็ คนแปล

เท่ยี วบณิ ฑบาตบ้านมหาเศรษฐี ไดแ้ สดงธรรมอบรมให้กรรมฐาน นบั ว่าไดต้ งั้
สถาบันการบณิ ฑบาตคร้งั แรกทส่ี ุดในกรงุ ลอนดอน

“กามทั้งหลาย เหมือนเนื้อเข้าไปอุดซ่ีฟันเท่านั้น ไม่มีอะไรมากไปกว่านั้น
เมอื่ อดุ แลว้ กเ็ ปน็ ทกุ ข์ โดยทวี่ า่ เอาไมม้ าจม้ิ ออกๆ แลว้ กม็ องเหน็ สขุ แลว้ กห็ าเรอ่ื งทกุ ข์
เพมิ่ ไวอ้ กี ไมห่ าเรอ่ื งแกท้ กุ ขโ์ ดยหยดุ การกนิ เนอื้ นค่ี อื คนไมร่ จู้ กั เหตขุ องทกุ ข์ กส็ รา้ ง
แตก่ องทกุ ข์ไมม่ วี นั จบลงได้”

วันที่ ๑๓ พฤษภาคม ๒๕๒๐

ไดร้ บั บณิ ฑบาตอยทู่ เ่ี ดมิ และไดแ้ สดงธรรมอบรมกรรมฐานตามเคย ตอ้ งยอม
เสยี สละทุกอย่างให้แกพ่ ระศาสนาเพื่อประชาชนเป็นส่วนมาก ในเวลาน้ีดอกบัวกำ� ลงั
จะบานในทศิ ตะวันตกอยู่แลว้ และวันนี้ไดส้ นทนาธรรมกบั อาจารยท์ ส่ี อนกรรมฐาน
ทีอ่ ๊อกซ์ฟอร์ด เขา้ ใจได้วา่ อาจารย์คนน้ันยอมรับค�ำพูดของเราทกุ อย่าง โดยไม่มกี าร
ขัดข้องแตอ่ ยา่ งใดเลย อาจารย์คนน้ชี อ่ื จอห์น โคมนั

ตอนเชา้ ไดพ้ จิ ารณาธรรมดว้ ยความรสู้ กึ ในใจ เรยี กวา่ มโนธรรม คอื ธรรมอนั เกดิ
จากความบรสิ ทุ ธ์ิใจ หรือจะเรยี กวา่ สจั ศาสตร์ กไ็ ด้ เพราะเป็นความรสู้ ึกทเ่ี กดิ จาก
ความจริง หรอื เป็นความรู้อนั เข้าถงึ ธรรมคือความจรงิ เราเรยี กว่าสัจศาสตร์ เพราะ
ความจริงสามารถที่จะดึงดูดเอาศาสตร์อ่ืนๆ เข้ามาสู่สภาพความถูกต้องได้ท้ังหมด
เรยี กว่า สัจธรรม คือความจรงิ อันเกิดจากมโนธาตุ

วนั นใี้ หพ้ ระสเุ มโธเทศนแ์ ละทง้ั แปลธรรมะทเ่ี ราแสดงถงึ เรอ่ื งสมมตุ ิ วมิ ตุ ติ อยา่ ง
แยบคาย จนพวกฝรั่งได้ฟังแล้วเกิดความสนใจเป็นอย่างมาก นับว่าเทศน์กัณฑ์นี้
ถอนทิฏฐิมานะของคนตา่ งประเทศไดด้ ีมาก

579

โยมฟรดี า เปน็ คนลอนดอน และเปน็ อปุ ฏั ฐากวดั ธรรมประทปี ไดเ้ อารถมารบั กลบั
ไดน้ ำ� เทยี่ วดมู หาวทิ ยาลยั ออ๊ กซฟ์ อรด์ ซง่ึ เปน็ มหาวทิ ยาลยั ชน้ั เยย่ี มของโลก และเทยี่ ว
ในสถานที่ต่างๆ หลายแห่งจนเป็นที่พอใจ แล้วโชเฟอร์ก็น�ำกลับวัดธรรมประทีป
ตอนเยน็ แสดงธรรมและอบรมกรรมฐานตามเคย มปี ระชาชนเขา้ ฟงั และทำ� กรรมฐาน
ประมาณ ๑๗ คน

วนั ที่ ๑๕ พฤษภาคม ๒๕๒๐

ออกจากอ๊อกซ์ฟอร์ด ได้ไปรับบิณฑบาตบ้านโยมพ่อแม่ของสามเณรฝร่ัง
เขาต้อนรับและถวายอาหารบิณฑบาต แล้วสง่ ถงึ ทีอ่ ยเู่ รียบรอ้ ย

วนั นป้ี ระมาณ ๗ โมงเชา้ เราไดน้ ง่ั อยใู่ นทส่ี งบเงยี บจงึ ไดเ้ กดิ ความรใู้ นการภาวนา
หลายอย่าง เราจึงได้หยิบเอาสมุดปากกาข้ึนมาบันทึกไว้ภายในวิหารธรรมประทีป
ด้วยความเงยี บสงบ ธรรมะที่เกดิ ขึน้ น้ีเราเรยี กว่า “มโนธรรม” เพราะเกดิ ข้ึนดว้ ยการ
ปรากฏในสว่ นลกึ ของใจวา่ การทีม่ าบวชเจรญิ รอยตามพระพุทธองคน์ ้นั เรายงั ไมไ่ ด้
ท�ำอะไรๆ ไดเ้ ตม็ ที่ เพราะยงั บกพร่องอยหู่ ลายประการ อันเก่ียวแกพ่ ระศาสนา คอื
๑ สถานที่ ๒ บุคคล ๓ กาลเวลา เราจึงได้คิดไปอีกว่า เมอ่ื สรา้ งประโยชน์ตนได้
เป็นทพ่ี อใจแล้ว ให้สร้างประโยชนแ์ ก่บุคคลอน่ื จึงจะไดช้ ่อื วา่ กระทำ� ตามค�ำสอน
ของพระพทุ ธเจา้ อย่างแท้จริง

ดังน้ัน จึงมีความเห็นว่ากรุงลอนดอนนี้แห่งหนึ่งจัดเรียกได้ว่าเป็นปฏิรูปเทส
คอื ประเทศอนั สมควรในการทจ่ี ะประกาศพระศาสนา จงึ ไดจ้ ดั ใหศ้ ษิ ยฝ์ รงั่ อยปู่ ระจำ�
เพ่ือด�ำเนินงานพระศาสนาตอ่ ไป

วธิ สี อนธรรมนนั้ ใหเ้ ปน็ ไปในทำ� นองทวี่ า่ ทำ� นอ้ ยไดม้ าก ทำ� มากไดน้ อ้ ย ใหเ้ หน็ วา่
ความเยน็ อยใู่ นความรอ้ น ความรอ้ นอยใู่ นความเยน็ ความผดิ อยใู่ นความถกู ความถกู
อยู่ในความผิด ความสขุ อยู่ท่คี วามทกุ ข์ ความทกุ ข์อยู่ทีค่ วามสุข ความเจริญอยใู่ น

580

ความเสอ่ื ม ความนอ้ ยอยทู่ ใี่ หญ่ ความใหญอ่ ยทู่ นี่ อ้ ย สกปรกอยทู่ สี่ ะอาด สะอาดอยทู่ ่ี
สกปรก อยา่ งนี้เสมอไป น้เี รยี กวา่ สจั ธรรมหรอื สัจศาสตร์

เราทง้ั หลายซงึ่ เปน็ สาวกของพระพทุ ธเจา้ จะตอ้ งปฏบิ ตั ใิ หม้ คี ณุ สมบตั ิ ๔ ประการ
คอื ส.อ.ญ.ส.

สุปฏปิ นั โน (เป็นผู้ปฏิบัตดิ ีแลว้ )

อชุ ุปฏปิ นั โน (เป็นผู้ปฏบิ ัติตรงแลว้ )

ญายปฏิปนั โน (เป็นผู้ปฏบิ ตั เิ พื่อรู้ธรรมเปน็ เคร่อื งออกจากทุกขแ์ ลว้ )

สามีจปิ ฏปิ ันโน (เป็นผู้ปฏบิ ตั สิ มควรแล้ว)

ให้สมบูรณแ์ ลว้ กส็ อนธรรมใหถ้ ูกต้องตามพทุ ธประสงค์ ให้เรียนรู้สัจศาสตร์
แลว้ กใ็ หบ้ รรลสุ จั ธรรม บรรลคุ อื ใหจ้ บประโยค ไมม่ ปี ระโยคอนื่ ตอ่ ไปทเี่ รยี กวา่ เอโก
ธมั โม ไมม่ ปี ระโยคอน่ื ตอ่ ไปในคำ� ทสี่ องนน้ั ไมม่ ปี ระโยคอนื่ ตอ่ ไป นน่ั แหละจงึ จะเรยี ก
ได้ว่าจบพรหมจรรย์ ไมม่ ีอะไรในท่ีไม่มีอะไร ถ้าสาวกท้งั หลายรูพ้ ทุ ธประสงค์อย่างน้ี
โดยสมบูรณ์แลว้ ก็เทย่ี วไปคนเดยี วไดท้ ้ังภายในและภายนอก

ภิกษุทงั้ หลาย นน้ั คือผูร้ ู้วา่ อะไรเปน็ อะไร เม่อื รูอ้ ยา่ งแจม่ แจ้งเสียแลว้ อักษร
“พ” (ความรูจ้ กั พอ) ก็โผลข่ ้นึ มาเทา่ นัน้ เมือ่ อักษร “พ” ไดโ้ ผล่ข้นึ มาแลว้ ความท่ี
ถกู ตอ้ งทงั้ หลายกเ็ กดิ ขน้ึ โดยอาการทไี่ มม่ กี อ่ นไมม่ หี ลงั ธรรมทปี่ รากฏอยทู่ จ่ี ติ กเ็ ดน่
อยทู่ ง้ั กลางวนั และกลางคนื ดงั นน้ั ความทสี่ ำ� คญั วา่ อะไรเปน็ อะไร หรอื อะไรคอื อะไร
กห็ มดไป ธรรมน้จี ะไม่ปรากฏชดั เพียงสกั วา่ ดว้ ยการบอกกล่าว แตจ่ ะปรากฏขน้ึ ใน
เม่ือปฏบิ ัตเิ ข้าถงึ ธรรมนีเ้ องเทา่ นั้น น้ีเรยี กว่า ปจั จตั ตงั สอนให้กไ็ มร่ ู้ บอกให้กไ็ ม่รู้
เรยี นกไ็ มร่ ู้ สมที่พระพุทธองคต์ รสั ไวว้ า่ เราไม่มีครู ไมม่ อี าจารย์ ค�ำน้ีเด่นชดั ขน้ึ ถึง
ทส่ี ดุ คำ� ทท่ี า่ นตรสั วา่ อกั ขาตาโร ตถาคตา พระตถาคตเปน็ แตผ่ บู้ อก คำ� นน้ั กเ็ ดน่ ชดั
ถงึ ทส่ี ดุ โดยไม่สงสยั และนเี้ ป็นเป้าหมายของพระพุทธองค์

581

วนั ที่ ๑๖ พฤษภาคม ๒๕๒๐

วนั นไี้ ดส้ มั ภาษณพ์ ระญปี่ นุ่ ซง่ึ มาพกั รวมกนั ทวี่ ดั ธรรมประทปี ถามวา่ “รกั ษาศลี
เทา่ ไร” เขาตอบวา่ “การกระทำ� ซงึ่ สตใิ หส้ มบรู ณอ์ ยเู่ ทา่ นนั้ เรยี กวา่ การปฏบิ ตั ขิ องเรา และ
ใหอ้ ยใู่ นปจั จบุ นั ไมม่ ตี น้ ไมม่ ปี ลาย เปน็ อยทู่ งั้ กลางวนั กลางคนื ” และเขามนี กั บวชอยู่
สองประเภท ประเภททห่ี นงึ่ มลี กู มเี มยี ได้ ประเภททส่ี องนน้ั ประพฤตพิ รหมจรรย์ มเี มยี
ไม่ได้ เขาว่าได้กระท�ำการปฏิบัติลทั ธิเซนมาจากธิเบตแต่เปน็ สัญชาติญีป่ นุ่ ตอนเย็น
ได้อบรมธรรมและทำ� กรรมฐาน มีคนมาในวนั นีป้ ระมาณ ๖ คน

วันท่ี ๑๗ พฤษภาคม ๒๕๒๐

วนั นเ้ี ปน็ วนั แรกทไี่ ดอ้ อกเทย่ี วบณิ ฑบาตในกรงุ ลอนดอน พรอ้ มดว้ ยพระสเุ มโธ
เปน็ ชาวอเมรกิ นั ๑ พระเขมธมั โม เปน็ ชาวองั กฤษ ๑ และสามเณรชนิ ทตั โต ๑ ซงึ่ เปน็
สัญชาตฝิ รั่งเศส พระโพธญิ าณเถร เปน็ หัวหนา้

การออกบณิ ฑบาตวนั แรกไดข้ า้ วพออม่ิ ผลแอปเปล้ิ ๒ ใบ กลว้ ยหอม ๑ ใบ สม้ ๑ ใบ
แตงกวา ๑ ลกู แครอท ๒ หวั ขนม ๒ ก้อน

ดใี จทไ่ี ด้อาหารวันนี้ เพราะเราเขา้ ใจว่าเป็นอาหารของพระพอ่ คอื เปน็ มลู ของ
พระพทุ ธเจา้ นน่ั เอง และเปน็ อาหารทบ่ี ณิ ฑบาตได้ เมอื งนยี้ งั ไมเ่ คยมพี ระบณิ ฑบาตเลย
เพราะเขามคี วามอายกนั เปน็ สว่ นมาก แตต่ รงกนั ขา้ มกบั เรา คำ� ทว่ี า่ “อาย” นเี้ ราเหน็ วา่
อายตอ่ บาป อายตอ่ ความผดิ เทา่ นนั้ ซงึ่ เปน็ ความหมายของพระองค์ นเ้ี ปน็ ความเหน็
ของเราเอง จะถูกหรอื ผดิ ก็ขออภัยจากนักปราชญ์ทัง้ หลายดว้ ย และวนั เดียวกนั น้ัน
โยมของพระเขมธัมโม ทั้งสามีภรรยาได้ถวายอาหารด้วย ได้ขอฟังเทศน์และฝึก
กรรมฐานเปน็ พเิ ศษอยา่ งเปน็ ทพี่ อใจ หนงั สอื พมิ พไ์ ดส้ ะกดรอยไปขา้ งหลงั แลว้ ถา่ ยรปู
เป็นระยะๆ ในระหว่างการเทยี่ วบิณฑบาตเพราะเป็นของแปลก ประชาชนชาวเมอื ง
ลอนดอนยืนดูกนั เปน็ แถวทงั้ เดก็ และผใู้ หญ่

582

วนั ที่ ๑๘ พฤษภาคม ๒๕๒๐
เที่ยวจาริกบิณฑบาตวนั นี้ มคี นตกั บาตรประมาณ ๕ คน ได้ขา้ วและอาหาร
พออม่ิ วนั นไี้ ดพ้ บกบั พระเถระมาจากลงั กาองคห์ นง่ึ ไดส้ นทนาถงึ พระสงฆใ์ นเมอื งลงั กา
ทำ� ใหร้ เู้ รือ่ งมากพอสมควร ทา่ นไดอ้ ยกู่ รุงลอนดอนมาหลายปีแลว้ มลี ูกศิษย์มาก

วันท่ี ๑๙ พฤษภาคม ๒๕๒๐
วนั นกี้ ไ็ ดบ้ ณิ ฑบาตตามเคย ไดอ้ าหารพอสมควรพออม่ิ เราคดิ วา่ ทำ� ไมจงึ ไดผ้ ล
ถงึ ขนาดนี้ กอ็ ม่ิ ใจ ทง้ั ฉนั จงั หนั ไปพลาง ภาวนาไปพลาง เปน็ สขุ อยา่ งยงิ่ ไมร่ วู้ า่ จะทำ�
อย่างไรที่จะให้พอดีได้ และตอนเย็นก็ได้สอนธรรมและฝึกกรรมฐานต่ออีก โดย
พระสเุ มโธเปน็ ผแู้ ปลเปน็ ภาษาองั กฤษ และวนั นก้ี ลบั จากบณิ ฑบาตพอดี ไดร้ บั จดหมาย
ซง่ึ มาจากลกู ศษิ ยพ์ รอ้ มทงั้ ไดร้ บั หนงั สอื พมิ พพ์ อดี ใหพ้ ระฝรง่ั อา่ นดู ไดร้ เู้ รอื่ งเกย่ี วกบั
พวกเราวา่ ไม่มอี ะไรเกดิ ขนึ้ กลับไดร้ บั ความชมเชยเสียอีก

วนั ท่ี ๒๑ พฤษภาคม ๒๕๒๐
วนั นีต้ อนเตรียมจะฉนั จงั หันไดร้ บั โทรศัพท์โทรมาวา่ มโี ยมคนไทยจะมาเย่ียม
ตอน ๕ โมงเชา้ เราไดใ้ หโ้ อกาส เมอื่ ถงึ เวลาแลว้ ไดเ้ หน็ โยมพอ่ ทา่ นเปย๊ี กและโยมแม่
โผลไ่ ป และ พ.อ.กำ� จดั พรอ้ มทง้ั คณุ นายสมศรี บรู ณสมั ฤทธ์ิ ซงึ่ เปน็ ผชู้ ว่ ยทตู ทหารบก
ประจำ� กรงุ ลอนดอนไปดว้ ย และไดป้ วารณาตนเปน็ ผอู้ ปุ ฏั ฐาก เพอ่ื จะแกป้ ญั หาในการ
เดินทางเข้าออกจากประเทศ และได้ถวายมูลค่าปัจจัยสี่มากพอสมควร แล้วก็ลา
กลบั ไป

583

วันท่ี ๒๒ พฤษภาคม ๒๕๒๐

ได้เท่ียวบิณฑบาตและได้อาหารสมบูรณ์ และมีแหม่มคนหนึ่งได้น้อมถวาย
อาหารบิณฑบาตด้วย คืนวนั นีไ้ ดอ้ บรมและมีคนนงั่ กรรมฐาน ๑๐ คน ล้วนแตเ่ ป็น
ผู้สนใจและได้รับฟังธรรมโดยเคารพท้ังนั้น ได้เทศน์เบ็ดเตล็ดเพ่ือให้ละทิฏฐิมานะ
ใหห้ นั หนา้ เข้ามาส่พู ทุ ธศาสนา และรู้สึกว่าเขารบั ฟงั ขอ้ ความทง้ั น้นั

วันที่ ๒๓ พฤษภาคม ๒๕๒๐

โยมไดน้ มิ นตไ์ ปฉนั บณิ ฑบาตทางไกลประมาณ ๒๐๐ กโิ ล เดนิ ทางโดยรถยนต์
กลบั มาถงึ ธรรมประทปี ตอนบา่ ยสามโมง มคี นไทยซง่ึ เปน็ คนประจำ� อยทู่ น่ี นั่ นานแลว้
ท�ำงานท่ศี นู ยว์ ิปสั สนารว่ มกับมหาวจิ ติ รแต่ปจั จุบนั สกึ ไปมีเมียแล้ว ไดถ้ กู ถามปัญหา
หลายอยา่ ง ลว้ นแตเ่ ปน็ ปญั หาทเ่ี ราจะสอนใหศ้ นู ยว์ ปิ สั สนาทงั้ นน้ั แตต่ อนเยน็ วนั นนั้ เอง
ได้ถูกถามปัญหาและตอบค�ำถามพวกเขาเป็นปัจจุบันหลายอย่าง แต่เราก็ไม่จนใน
การตอบปัญหานัน้ ตามเคย มีผ้หู ญิงฝร่งั คนหนึง่ ไดถ้ ามปัญหาว่า “คนตายแลว้ ไปอยู่
ท่ีไหน และความรู้ (วญิ ญาณ) นัน้ ไปอยอู่ ยา่ งไร”

เราไดต้ อบวา่ “ปญั หานพ้ี ระพทุ ธเจา้ ไมท่ รงใหต้ อบ เพราะเรอื่ งนไี้ มใ่ ชเ่ หตุ กจ็ ะขอ
อนุญาตตอบปญั หานฉ้ี ลองศรทั ธาสกั หน่อย”

ในขณะนน้ั เรานงั่ อยบู่ นธรรมาสน์ มเี ทยี นจดุ ไว้ ๒ เลม่ เราจงึ ถามวา่ “โยมมอง
เหน็ เทียนนีไ้ หม”

เขากว็ ่า “เหน็ ”

เราจึงวา่ “น่แี หละโยม เมอ่ื มไี สอ้ ยู่ ก็มีไฟอยฉู่ ันน้ัน”

จากนนั้ กไ็ ดห้ ยบิ เทยี นเลม่ หนงึ่ ขน้ึ มาแลว้ กเ็ ปา่ ใหไ้ ฟดบั ดว้ ยปาก แลว้ ถามเขาวา่
“เปลวของไฟนหี้ ายไปในทศิ ไหน”

เขาตอบวา่ “ไมร่ ู้ รูแ้ ต่ว่าเปลวไฟดับไปเท่านน้ั ”

584

เราจงึ ถามเขาวา่ แกป้ ญั หาอยา่ งนพ้ี อใจไหม เขากบ็ อกวา่ ยงั ไมพ่ อใจในคำ� ตอบน้ี
เราก็ตอบเขาไปอีกว่า ถ้าอยา่ งน้ัน เราก็ไม่พอใจในคำ� ถามของโยมเหมือนกัน เขาท�ำ
ตาถลงึ ขึ้น สะบัดหน้า แลว้ กห็ มดเวลาพอดี

วนั ที่ ๒๔ พฤษภาคม ๒๕๒๐

เที่ยวบิณฑบาตตามเคย และตอนบ่ายมีผู้หญิงในกรุงลอนดอนมาฟังธรรม
เกยี่ วกบั เรอื่ งการปฏบิ ตั เิ ทา่ นนั้ และมพี ระสนั ตจติ โต เปน็ ลกู ศษิ ยเ์ จา้ คณุ พทุ ธทาสมา
กราบเย่ียม ตอนทุ่มหน่ึงถึงสามทุ่ม ญาติโยมในแฮมสเตทน้ันมาประชุมปฏิบัติ
กรรมฐานประมาณ ๑๑ คน และได้นง่ั เข้าที่ ๑ ชวั่ โมง ๕ นาที ต่อจากนน้ั ก็เปน็ เวลา
ตอบปัญหาประมาณ ๒ ช่วั โมง และเวลา ๓ ทุ่มกวา่ กเ็ ลิก ท�ำกนั มาอย่างนที้ ุกวนั
มไิ ด้ขาด มผี ู้สนใจเปน็ อย่างมาก ทงั้ ตัวเราเองกม็ เี วลาอันมีคา่ มากขนึ้ ด้วย

วนั ที่ ๒๕ พฤษภาคม ๒๕๒๐

วนั นเ้ี ทยี่ วบณิ ฑบาตตามเคย มคี นใสบ่ าตรพออมิ่ และมหี ญงิ นกั ปฏบิ ตั ธิ รรมมา
ถวายอาหาร และตอนบา่ ย ผหู้ ญงิ ไดม้ าถวายผลไม้ เธอเกดิ ในเมอื งไทย เดย๋ี วนไ้ี ดไ้ ป
อยกู่ รงุ ลอนดอนแลว้ ทงั้ พอ่ แมด่ ว้ ย นามสกลุ บนุ นาค มาจากกรงุ เทพฯ ถวายผลไมแ้ ลว้
กก็ ลบั ไป และตอนเยน็ กไ็ ดอ้ บรมกรรมฐานอกี ตอ่ ไป มปี ระชาชนมารว่ มฟงั ธรรมและ
นัง่ กรรมฐาน ๑๑ คน พระ ๓ เณร ๑ รวมเป็น ๑๕ คนด้วยกัน เวลาที่เหลือน้ัน
เป็นเวลาท่ีให้โอกาสถามข้อข้องใจได้ทกุ กรณจี นเป็นทพ่ี อใจ ไดเ้ วลาแลว้ เลกิ

วันท่ี ๒๖ พฤษภาคม ๒๕๒๐

ออกบณิ ฑบาต ๔ องค์ มคี นตกั บาตร ๗ คน ไดร้ บั บณิ ฑบาตสบาย และตอนเยน็
มีการประชุมฟังธรรมและอบรมกรรมฐานพอสมควร

585

วนั ที่ ๒๗ พฤษภาคม ๒๕๒๐
วนั นไี้ ดเ้ ทย่ี วบณิ ฑบาตไดอ้ าหารพออม่ิ ตามเคย และตอนเยน็ ไดแ้ สดงธรรมและ
อบรมกรรมฐาน มคี นประมาณ ๑๑ คน และวนั นไ้ี ดต้ อบปญั หาเรอื่ งสงสยั พระนพิ พาน
คือ ปญั หาเบือ่ โลก ก็ตอบความเบื่อโลกใหเ้ ขาฟงั และเขาได้รบั ความพอใจมากท่ีสดุ
แล้วก็หมดเวลา

วนั ท่ี ๒๘ พฤษภาคม ๒๕๒๐
ไดเ้ ทยี่ วบณิ ฑบาตไดอ้ าหารพออ่มิ ตอนเย็นได้อบรมกรรมฐาน มคี นมาอบรม
ประมาณ ๑๑ คน ไดแ้ สดงธรรมเบ็ดเตล็ด ไดเ้ วลาพอสมควรแลว้ กเ็ ลกิ การประชุม

วนั ที่ ๒๙ พฤษภาคม ๒๕๒๐
ได้เท่ียวบิณฑบาตได้อาหารพอประมาณแล้วมีโยมถวายอาหารอีก ตอนเย็น
ไดป้ ระชมุ นง่ั กรรมฐานและฟงั ธรรมเบ็ดเตลด็ ไดเ้ วลาพอสมควรกเ็ ลิกตามเคย มคี น
นั่งกรรมฐานประมาณ ๑๑ คน ๑๕ ทัง้ พระเณร

วันท่ี ๓๐ พฤษภาคม ๒๕๒๐
มญี าตโิ ยมฟงั ธรรมและอบรมกรรมฐาน ๑๖ คน พระ ๓ เณร ๑ รวมเป็น
๒๐ คน

วนั ที่ ๓๑ พฤษภาคม ๒๕๒๐
มปี ระชาชนมารว่ มฟังธรรมประมาณ ๒๕ คน พระ ๓ เณร ๑

586

วนั ที่ ๑ มถิ นุ ายน ๒๕๒๐
ออกเท่ียวเดินบิณฑบาต และตอนเย็นได้แสดงธรรมและอบรมกรรมฐาน
พอสมควรกบั เวลากเ็ ลิก

วันท่ี ๒ มิถุนายน ๒๕๒๐
เดนิ ทางไปอ๊อกซฟ์ อรด์ บา้ นเศรษฐพี ม่าเพือ่ บ�ำเพ็ญบญุ เดนิ ทางด้วยรถโฟล์ค
คนั ใหญ่ ไดพ้ กั อยวู่ หิ ารทเี่ ขาจดั ไวใ้ หพ้ ระพกั เพอ่ื อบรมกรรมฐานจนถงึ วนั ท่ี ๔ มถิ นุ ายน
คนมาฟังธรรมอบรมกรรมฐาน ๑๐๐ คน แล้วกลบั วดั วันท่ี ๔ ตอนเย็น นบั วา่ ไดผ้ ล
เป็นทพ่ี อใจในการท�ำงานพอสมควร

วันท่ี ๕ มิถนุ ายน ๒๕๒๐
ได้เดินทางไปบา้ นโยมพ่อแมข่ องพระเขมธัมโม จนถึงวนั ที่ ๗ จงึ ไดก้ ลบั วัด
ธรรมประทปี

วนั ท่ี ๙ มถิ นุ ายน ๒๕๒๐
ได้ไปฉันบิณฑบาตทีส่ มาคมธรรมาวุธ ซงึ่ เปน็ สมาคมของคนทกุ ๆ ประเทศมา
รวมกนั ปฏบิ ตั ศิ ลี ธรรมประจำ� โลก เมอื่ เสรจ็ แลว้ ไดพ้ ดู ถงึ ครสิ ตศ์ าสนาและทกุ ศาสนา
เราไดอ้ ธบิ ายใหร้ วมกนั พวกเขาซง้ึ ใจในคำ� พดู และความเหน็ ของเราเปน็ อยา่ งยงิ่ ดว้ ย
ตอนเยน็ มกี ารประชมุ ทายกของวดั ธรรมประทปี ทง้ั หมด เขาปรกึ ษากนั วา่ ดว้ ยเรอ่ื งได้
พระมาแลว้ ท�ำอย่างไรตอ่ ไป

587

วนั ท่ี ๑๐ มิถนุ ายน ๒๕๒๐

น่ังกรรมฐานตามเคย

วนั ที่ ๑๓ มถิ ุนายน ๒๕๒๐

ไปเยี่ยมด๊อกเตอร์สารัตถิยาท่ีวัดของท่าน ได้พูดกันถึงเร่ืองจะหาที่ตั้งการ
อปุ สมบทพระในกรงุ ลอนดอนนี้ ทา่ นกเ็ หน็ ดว้ ย ทา่ นกร็ บั ปากวา่ จะปฏบิ ตั หิ นา้ ทอ่ี นั นี้
ใหส้ ำ� เรจ็ เหมอื นกนั เพราะทที่ า่ นไดบ้ วชใหเ้ ปน็ เพยี งสามเณรเทา่ นนั้ และทา่ นนำ� ชมอะไร
ต่ออะไรหลายอยา่ งในวัดของท่าน ท่านเปน็ พระผู้ใหญ่ทส่ี ดุ ในกรุงลอนดอนนี้

น่ังกรรมฐานตามเคย

วนั ที่ ๒๖ มิถุนายน ๒๕๒๐

ไดไ้ ปเยย่ี มสำ� นกั Oak Tree House, Sussex ไปคา้ งหนงึ่ คนื มปี ระชาชนมารวม
ฝกึ กรรมฐานประมาณ ๕๐ คน รสู้ กึ วา่ เขามคี วามสนใจในการฟงั ธรรม ทำ� กรรมฐานเปน็ ท่ี
เรยี บรอ้ ยดี

วนั ท่ี ๓๐ มถิ ุนายน ๒๕๒๐

เดินทางไปปารีส

วนั ท่ี ๘ กรกฎาคม ๒๕๒๐

เดินทางกลบั จากปารสี

588

วนั ที่ ๙ กรกฎาคม ๒๕๒๐

ถงึ กรงุ ลอนดอน

วนั ท่ี ๑๔ กรกฎาคม ๒๕๒๐

ตอนกลางคนื วนั ท่ี ๑๔ พลอากาศโทชู พรอ้ มทง้ั คณุ นายสภุ าพ และคณุ นายทองนอ้ ย
ซงึ่ เปน็ คนไทยอนิ เตอร์ ไดไ้ ปรว่ มกบั พวกทำ� กรรมฐาน และไดร้ ว่ มในการเปดิ สาขาท่ี ๑
(ภาคพื้นยโุ รป) นี้ด้วย และในวันท่ี ๑๕ กไ็ ดช้ ว่ ยบริการให้ความสะดวกทกุ อย่างบน
เครอื่ งบนิ ตลอดตน้ ทางปลายทางดว้ ย ทง้ั ตอนไปกใ็ หค้ วามสะดวก ตอนกลบั กใ็ หค้ วาม
สะดวก

เราไดเ้ ดนิ ทางไปเมอื งนอกใน และเมอื งในนอก และเมอื งในใน และเมอื งนอกนอก
รวมเปน็ สเี่ มอื งดว้ ยกนั และภาษาทต่ี อ้ งใชใ้ นเมอื งทง้ั หลายเหลา่ นค้ี อื นริ ตุ ตภิ าษา จงึ เกดิ
ประโยชนเ์ ทา่ ทค่ี วร ภาษาทงั้ หลายเหลา่ นไ้ี มม่ คี รสู อน เปน็ ภาษาทต่ี อ้ งเรยี นดว้ ยตนเอง
เทา่ นนั้ เมอ่ื พบเหตกุ ารณภ์ าษาทงั้ หลายเหลา่ นจ้ี งึ จะปรากฏขนึ้ เพราะฉะนน้ั พระพทุ ธเจา้
จงึ แตกฉานในภาษาทง้ั ปวง และไดเ้ หน็ ชาวยโุ รปนเี้ ปน็ ดอกบวั ๔ เหลา่ จรงิ ๆ เรามคี วาม
รสู้ ึกอย่างนัน้

เราเปน็ พระอยูแ่ ตใ่ นปา่ มานมนาน นึกว่าไปเมืองนอกจะมีความตน่ื เตน้ ก็เปล่า
เพราะพระพุทธเจ้าตามควบคุมเราอยู่ทุกอิริยาบถ มิหน�ำซ�้ำยังให้เกิดปัญญาอีกด้วย
เหมอื นบวั ในน�้ำไมย่ อมให้น้ำ� ท่วมฉนั นัน้ พจิ ารณาตรงกนั ข้ามเรื่อยไป

ไดเ้ ทยี่ วไปดใู นมหาวทิ ยาลยั ตา่ งๆ แลว้ จงึ คดิ วา่ มนษุ ยศาสตรท์ ง้ั หลายมนั ยงิ่ เหน็
ไดช้ ดั เจนวา่ มแี ตศ่ าสตรท์ ไี่ มค่ มทง้ั นนั้ ไมส่ ามารถจะตดั ทกุ ขไ์ ด้ มแี ตก่ อ่ ใหเ้ กดิ ทกุ ข์
ศาสตรท์ งั้ หลายเหลา่ นนั้ เราเหน็ วา่ ถา้ ไมม่ าขนึ้ ตอ่ พระพทุ ธศาสตรแ์ ลว้ มนั จะไปไมร่ อด
ทง้ั นนั้

589

เมอ่ื เรานงั่ อยบู่ นเครอ่ื งบนิ มคี วามรสู้ กึ แปลกหลายอยา่ งและไดว้ ติ กไปถงึ คำ� พดู
ทีท่ า่ นว่า “สูท้งั หลาย จงมาดโู ลกอันตระการ ดุจราชรถทคี่ นเขลาย่อมหมกอยู่ แต่ผ้รู ู้
หาข้องอยู่ไม่” อนั น้กี ็ชัดเจนยิง่ ขึน้

คำ� ทที่ า่ นตรสั ไวว้ า่ “เมอื่ ยงั ไมร่ กู้ ารประพฤตแิ ละประเพณขี องชนในกลมุ่ ทง้ั หลาย
เหลา่ นน้ั เราอย่าไปถอื ตวั ในทนี่ น้ั ” อันนก้ี ็ชดั ขน้ึ ถงึ ท่สี ดุ

ยานท้งั หลายทน่ี �ำประชาชนไปสจู่ ุดประสงค์ กเ็ ปน็ ยานอยา่ งหยาบๆ เพราะเปน็
ยานทนี่ ำ� คนมที กุ ขใ์ นทนี่ ไ้ี ปสทู่ กุ ขใ์ นทนี่ นั้ อกี วนไปเวยี นมาอยอู่ ยา่ งนไี้ มร่ จู้ บ รสู้ กึ ขนึ้ วา่
เรามาเมอื งนอกได้เพราะอะไรเป็นเหตุ เพราะอะไรๆ เราก็ไม่ได้ศกึ ษา และมาได้โดย
สะดวกทุกอย่าง มีบรกิ ารทง้ั นัน้ เมอื่ คดิ ๆ ดกู ็แปลก และรู้สึกขบขนั มากๆ (เขียนบน
เคร่ืองบินทก่ี �ำลงั บินบนอากาศสงู สุดสองหมื่นฟติ )

ความรูส้ กึ ในเหตุการณท์ ่ไี ด้ไปเมอื งนอกในคราวนีก้ น็ ่าขบขันเหมือนกัน เพราะ
เราเหน็ วา่ อยเู่ มอื งไทยมานานแลว้ คลา้ ยๆ กบั พญาลงิ ใหค้ นหยอกเลน่ มาหลายปแี ลว้
ลองไปเป็นอาจารย์กบในเมืองนอกดสู ักเวลาหน่งึ จะเปน็ อย่างไร เพราะภาษาของเขา
เราไมร่ ู้ กต็ อ้ งเปน็ อาจารยก์ บอยา่ งแนน่ อน แลว้ กเ็ ปน็ ไปตามความคดิ อยา่ งนนั้ กบมนั
ไม่รภู้ าษาของมนษุ ย์ แตพ่ อมนั ร้องข้ึนมาแลว้ คนชอบไปหามนั จงั เลย เลยกลายเป็น
คนใบส้ อนคนบา้ อกี เสยี แลว้ กด็ เี หมอื นกนั ปรญิ ญาของพระพทุ ธเจา้ นนั้ ไมต่ อ้ งไปสอบ
กบั เขาหรอก ฉะนน้ั พระใบเ้ ลยเปน็ เหตใุ หไ้ ดต้ งั้ สาขาสองแหง่ คอื กรงุ ลอนดอน และ
ฝรัง่ เศส เพื่อใหค้ นบา้ ศึกษา กข็ บขันดเี หมือนกัน

วนั ที่ ๑๕ กรกฎาคม ๒๕๒๐

เดินทางกลับจากกรงุ ลอนดอน

590

๔๘

ชีวประวัติและจริยาวัตร

๑. ปฐมวัย

พระโพธญิ าณเถร นามเดมิ ชา ชว่ งโชติ เกดิ เมือ่ วนั ศุกร์ ขนึ้ ๗ ค�ำ่ เดือน ๗
ปมี ะเมีย ตรงกบั วนั ท่ี ๑๗ มถิ นุ ายน พ.ศ. ๒๔๖๑ ณ บา้ นจิกกอ่ หม่ทู ่ี ๙ ตำ� บลธาตุ
อำ� เภอวารนิ ชำ� ราบ จงั หวดั อบุ ลราชธานี บดิ าชอื่ นายมา มารดาชอื่ นางพมิ พ์ ชว่ งโชติ
มีพีน่ อ้ งรว่ มบิดามารดาเดยี วกัน ๑๐ คน
สมัยนนั้ การศึกษายังไมเ่ จรญิ ทวั่ ถึง หลวงพอ่ จงึ ได้เข้าศึกษาท่โี รงเรียนบา้ นก่อ
ต�ำบลธาตุ อำ� เภอวารินชำ� ราบ จังหวดั อุบลราชธานี เรียนจบชนั้ ป.๑ จงึ ได้ออกจาก
โรงเรยี น เนอื่ งจากหลวงพอ่ มคี วามสนใจทางศาสนา ตง้ั ใจจะบวชเปน็ สามเณร จงึ ได้
ขออนญุ าตจากบิดามารดา เมอื่ ทา่ นเห็นดดี ้วยท่านจึงน�ำไปฝากไวท้ ว่ี ัด

๒. ชวี ิตในรม่ กาสาวพัสตร์

เมอื่ มอี ายุ ๑๓ ปี โยมบดิ าไดน้ ำ� ไปฝากกบั ทา่ นเจา้ อาวาส และไดร้ บั การฝกึ หดั อบรม
ใหร้ ้รู ะเบยี บการบรรพชาดีแล้วจงึ อนญุ าตใหบ้ รรพชาเป็นสามเณร เมอื่ เดือนมนี าคม
พ.ศ. ๒๔๗๔ โดยมพี ระครูวิจิตรธรรมภาษี (พวง) อดีตเจา้ อาวาส วดั มณีวนาราม
เปน็ พระอปุ ัชฌาย์

591

เมือ่ บรรพชาเป็นสามเณรแลว้ กไ็ ด้ท่องท�ำวตั รสวดมนต์ เรยี นหนังสอื พ้ืนเมือง
(ตัวธรรม) และไดศ้ ึกษานักธรรมชั้นตรี อยู่ปฏิบตั คิ รูบาอาจารยเ์ ป็นเวลา ๓ พรรษา
เน่ืองจากมคี วามจ�ำเป็นบางอยา่ งจงึ ไดล้ าสิกขาออกไปท�ำงานช่วยบิดามารดา มคี วาม
เคารพบชู าในพระคณุ ของทา่ น พยายามประพฤติตนเป็นลกู ท่ีดขี องทา่ นเสมอมา
ครนั้ อยตู่ อ่ มาอกี หลายปี ไมว่ า่ จะทำ� งานอะไรอยทู่ ไ่ี หนความสนใจการอปุ สมบท
เพอ่ื ศกึ ษาธรรม ดเู หมอื นคอยเตอื นใหม้ คี วามสำ� นกึ อยเู่ สมอ คดิ อยากจะบวชเปน็ พระ
ไดป้ รกึ ษากบั บดิ ามารดา เมอื่ ตกลงกนั ดแี ลว้ บดิ าจงึ นำ� ไปฝากทวี่ ดั บา้ นกอ่ ใน (ปจั จบุ นั
เปน็ ทธี่ รณสี งฆเ์ พราะรา้ งมานานแลว้ ) และไดอ้ ปุ สมบททพี่ ทั ธสมี าวดั กอ่ ใน ตำ� บลธาตุ
อำ� เภอวารินชำ� ราบ จังหวัดอบุ ลราชธานี เมื่อวันที่ ๒๖ เมษายน พ.ศ. ๒๔๘๒ เวลา
๑๓.๕๕ น. โดยมี
ทา่ นพระครอู ินทรสารคุณ เปน็ พระอุปชั ฌาย์
ทา่ นพระครวู ิรฬุ สุตการ เป็นพระกรรมวาจาจารย์
พระอธกิ ารสวน เปน็ พระอนสุ าวนาจารย์
เมื่ออปุ สมบทแล้ว พรรษาท่ี ๑-๒ จำ� พรรษาทว่ี ดั กอ่ นอก ไดศ้ ึกษาปรยิ ตั ิธรรม
และสอบนกั ธรรมชั้นตรไี ด้
๓. ออกศึกษาต่างถ่นิ
เมอื่ สอบนกั ธรรมตรไี ดแ้ ลว้ เนอื่ งจากครบู าอาจารยห์ ายาก ทม่ี อี ยกู่ ไ็ มค่ อ่ ยชำ� นาญ
ในการสอน จงึ ต้งั ใจจะไปแสวงหาความรตู้ า่ งถน่ิ เพราะยงั จำ� ภาษิตโบราณสอนไว้ว่า
“บอ่ อกจากบา้ น บ่ฮ้หู ่มทางเท่ยี ว บ่เรยี นวิชาห่อนสิมคี วามฮู้”
ปี พ.ศ. ๒๔๘๔ จึงไดย้ ้ายจากวดั ก่อนอกไปศึกษาปริยัติธรรมท่ีวดั สวนสวรรค์
อ.พบิ ลู มงั สาหาร จ.อบุ ลราชธานี และอยทู่ น่ี ่ี ๑ พรรษา และไดพ้ จิ ารณาเหน็ วา่ เรามา
อยู่ที่นี่เพ่ือศึกษาก็ดีพอสมควร แต่ยังไม่เป็นที่พอใจนัก ได้ทราบข่าวว่าทางส�ำนัก
ตา่ งอำ� เภอมีการสอนดีอยู่หลายแหง่ ซึ่งมีมากทงั้ คุณภาพและปรมิ าณ จึงชวนเพ่อื น
ลาท่านเจา้ อาวาส แจ้งความประสงคใ์ ห้ทา่ นทราบ

592

ปี พ.ศ. ๒๔๘๕ เดินทางจาก อ.พิบูลมงั สาหาร มุ่งสู่สำ� นกั เรยี นวัดหนองหลัก
ต.เหลา่ บก อ.มว่ งสามสบิ จ.อบุ ลราชธานี ไดพ้ กั อาศยั อยกู่ บั ทา่ นพระครอู รรคธรรม-
วิจารณ์ ระยะทไ่ี ปอยเู่ ปน็ ฤดแู ลง้ อาหารการฉนั รสู้ ึกจะอด เพื่อนท่ไี ปดว้ ยกันไม่ชอบ
จงึ พดู รบเรา้ อยากจะพาไปอยสู่ ำ� นกั อนื่ ทงั้ ๆ ทช่ี อบอธั ยาศยั ของครอู าจารยท์ วี่ ดั หนองหลกั
แต่ไม่อยากจะขัดใจเพือ่ น จึงตกลงกันวา่ ถา้ ไปอยแู่ ลว้ เกิดไม่พอใจหรอื ไมถ่ ูกใจแลว้
จะกลับมาอย่ทู ่ีหนองหลกั อกี

ได้เดินทางไปอยู่กับท่านมหาแจ้ง วัดเค็งใหญ่ ต.เค็งใหญ่ อ.อ�ำนาจเจริญ
จ.อบุ ลราชธานี ไดอ้ ยจู่ ำ� พรรษาศกึ ษานกั ธรรมชน้ั โทและบาลไี วยากรณ์ แตต่ ามความ
รสู้ กึ เทา่ ทสี่ งั เกตเหน็ วา่ ทา่ นมไิ ดท้ ำ� การสอนเตม็ ท่ี ดเู หมอื นจะถอยหลงั ไปดว้ ยซำ�้ ตง้ั ใจ
ไวว้ า่ เมอื่ สอบนกั ธรรมเสรจ็ ไดเ้ วลาสมควร กจ็ ะลาทา่ นมหาแจง้ กลบั ไปอยทู่ ว่ี ดั หนองหลกั
ผลการสอบตอนปลายปปี รากฏวา่ สอบนกั ธรรมช้ันโทได้

ปี พ.ศ. ๒๔๘๖ ยา้ ยจากวดั เคง็ ใหญ่ กลบั มาอยกู่ บั หลวงพอ่ พระครอู รรคธรรม-
วจิ ารณ์ วดั หนองหลกั อกี ครง้ั ตงั้ ใจศกึ ษาทง้ั นกั ธรรมชนั้ เอก และเรยี นบาลไี วยากรณ์
ซ�้ำอีก ทา่ นพอใจในการสอนการเรียนในสำ� นกั นี้มาก

๔. ค�ำขอร้องของพ่อ

หลงั จากออกพรรษา ปวารณาและกรานกฐนิ ผ่านไป กไ็ ด้รบั ข่าวจากทางบา้ นว่า
โยมบิดาป่วยหนัก หลวงพ่อก็เกิดความลังเลใจ พะวักพะวง ห่วงการศึกษาก็ห่วง
หว่ งโยมบิดาก็หว่ ง แตค่ วามหว่ งผูบ้ งั เกดิ เกล้ามนี ้ำ� หนักมากกวา่ ความกตญั ญูมพี ลัง
มารงั้ จติ ใจใหค้ ดิ กลบั ไปเยย่ี มโยมพอ่ เพอื่ พยาบาลรกั ษาทา่ น ทงั้ ๆ ทว่ี นั สอบนกั ธรรม
กใ็ กลเ้ ขา้ มาทกุ ที ทา่ นยอมเสยี สละถา้ หากโยมพอ่ ยงั ไมห่ ายปว่ ย ดงั นนั้ จงึ ไดเ้ ดนิ ทาง
กลบั บา้ น ได้เยีย่ มดอู าการป่วย ทั้งๆ ท่ไี ด้ชว่ ยกันพยายามรกั ษาจนสดุ ความสามารถ
อาการของโยมพอ่ กม็ แี ตท่ รงกบั ทรดุ คดิ ๆ ดกู เ็ หมอื นตอไมท้ ต่ี ายแลว้ แมใ้ ครจะใหน้ ำ้�
ใหป้ ยุ๋ ถกู ตอ้ งตามหลกั วชิ าการเกษตรสกั เพยี งใด กไ็ มส่ ามารถทำ� ใหม้ นั แตกหนอ่ เจรญิ
งอกงามขน้ึ มาได้

593


Click to View FlipBook Version