The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

แผนการจัดการเรียนรู้ ภาษาอังกฤษ ม.2
หนังสือ Spark

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by DanAngelo Q Bunlong, 2022-08-16 00:07:27

แผนการจัดการเรียนรู้ ภาษาอังกฤษ ม.2

แผนการจัดการเรียนรู้ ภาษาอังกฤษ ม.2
หนังสือ Spark

Keywords: แผนการจัดการเรียนรู้ ภาษาอังกฤษ ม.2

SPARK ม.2

แผนการจัดการเรียนรู้

รายวิชาพื้นฐาน ภาษาอังกฤษ

นายแดนองั เจลโล่ บญุ หลง

โรงเรียนบา้ นโนนสวา่ ง ตาแหนง่ ครู

สานักงานเขตพื้นท่ีการศึกษาประถมศกึ ษาอบุ ลราชธานี เขต 3

สานักงานคณะกรรมการการศึกษาข้ันพ้ืนฐาน

กระทรวงศกึ ษาธกิ าร

แผนการจัดการเรียนรู้ รายวชิ าพื้นฐาน ภาษาอังกฤษ

SPARK 2 ม. 2

ช้ันมัธยมศึกษาปี ท่ี 2
กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาต่างประเทศ
ตามหลกั สูตรแกนกลางการศึกษาข้นั พ้นื ฐาน พุทธศกั ราช 2551

ผ้เู รียบเรียง
นายมานะชยั อนิ ทร์แกว้
นางสาวกรรณิการ์ จนั ทร์พมุ่
นางสาวมินตรา พทิ กั ษเ์ มธากลุ

ผ้ตู รวจ
ผศ. พรสวรรค์ สีป้อ
นางสุภาภรณ์ สิปปเวสม์
นางสาวกลั ยา เวทยาวงศ์

บรรณาธกิ าร
นายสุเมธินท์ แสงไตรรตั นน์ ุกลู

พิมพค์ รงั้ ที่ 1
สงวนลขิ สทิ ธต์ิ ามพระราชบญั ญตั ิ

สารบญั หน้า

• สารบญั ค
• คาอธิบายรายวชิ าภาษาองั กฤษพ้ืนฐาน ง
• โครงสร้างรายวิชาภาษาองั กฤษพ้ืนฐาน
1
Starter 14
Module 1 At Work, at play 85
Module 2 Myths & Legends 151
Module 3 Let’s Party! 221
Module 4 Sports & Chores 302
Module 5 Our Wonderful World 371
Module 6 Out and About 433
Module 7 Experiences 498
Module 8 Places around Us
พเิ ศษ 1
• ภาคผนวก พเิ ศษ 4
Key to Language Review พิเศษ 7
Key to Self-Check พิเศษ 16
Student’s Book Tapescripts พิเศษ 22
Workbook Tapescripts
แบบประเมนิ



คาอธิบายรายวชิ าภาษาอังกฤษพ้ืนฐาน
ช้ันมธั ยมศึกษาปี ที่ 2
120 ชวั่ โมง (3 หน่วยกิต)

ปฏบิ ตั ิตามและใชค้ าขอร้อง คาแนะนา คาช้ีแจง และคาอธิบายงา่ ย ๆ ตามสถานการณ์ อา่ นออกเสียง
เลือกหัวขอ้ สรุปใจความสาคญั และรายละเอียดสนับสนุน พร้อมท้ังแสดงความคิดเห็น ให้เหตุผล และ
ยกตวั อย่างประกอบจากการอ่านเร่ือง ข่าว เหตุการณ์ ประกาศ กิจกรรม บทร้อยกรองส้ัน ๆ เรื่องใกลต้ วั และ
เรื่องท่อี ยใู่ นความสนใจของสงั คม ระบุ เขียน อธิบาย เปรียบเทียบความเหมอื นและความแตกตา่ งระหวา่ งการ
ออกเสียงประโยคชนิดต่าง ๆ และการลาดบั คาตามโครงสร้างประโยคของภาษาอังกฤษและภาษาไทย
รวมท้งั เทศกาล วนั สาคญั ชีวิตความเป็นอยู่ และวฒั นธรรม ประเพณีของเจา้ ของภาษา สืบคน้ รวบรวม และ
สรุปข้อมูลหรือข้อเท็จจริงเกี่ยวกับกลุ่มสาระการเรียนรู้อ่ืน พร้อมท้ังประชาสัมพนั ธ์ข้อมูล ข่าวสารของ
โรงเรียนเป็นภาษาองั กฤษ ขอและใหข้ อ้ มูล ใช้ทกั ษะในการส่ือสารเพื่อแสดงความตอ้ งการ ความรู้สึก ความ
คิดเห็น และความช่วยเหลือเก่ียวกับตนเอง กิจวัตรประจาวัน ประสบการณ์ สถานการณ์ต่าง ๆ ใน
ชีวิตประจาวนั เช่น ในห้องเรียน สถานศกึ ษา ชุมชน โดยใชภ้ าษา น้าเสียง กิริยาทา่ ทางอยา่ งเหมาะสม ถูกตอ้ ง
ตามกาลเทศะ เขา้ ร่วมหรือจดั กิจกรรมทางภาษาและวฒั นธรรมตามความสนใจให้เหมาะสมกบั บคุ คล โอกาส
มารยาทสังคม และวฒั นธรรมของเจา้ ของภาษา มคี วามรักชาติ ศาสน์ กษตั ริย์ ซื่อสัตยส์ ุจริต มีวนิ ัย ใฝ่ เรียนรู้
อยอู่ ยา่ งพอเพยี ง ม่งุ มนั่ ในการทางาน รักความเป็นไทย และมีจิตสาธารณะ



เวลา 120 ช่ัวโมง โครงสร้างรายวชิ าภาษาองั กฤษพืน้ ฐาน คะแนนเก็บ 100 คะแนน
ช้ันมัธยมศึกษาปี ที่ 2 เวลา น้าหนักคะแนน
ลาดบั ชื่อหน่วยการเรียนรู้ (ช่ัวโมง) (100 คะแนน)
ท่ี มาตรฐานการเรียนรู้/ตวั ชี้วัด 2-

0 Starter ต 1.2 ม. 2/1 14 10
ต 1.3 ม. 2/1
1 At Work, at play ต 2.1 ม. 2/1 14 10
ต 4.1 ม. 2/1
2 Myths & Legends ต 1.1 ม. 2/2 และ ต 1.1 ม. 2/4 14 10
ต 1.2 ม. 2/1 - 2 และ ต 1.2 ม. 2/4
3 Let’s Party! ต 1.3 ม. 2/1 - 2
ต 2.1 ม. 2/1 และ ต 2.1 ม. 2/3
ต 2.2 ม. 2/1
ต 4.1 ม. 2/1
ต 1.1 ม. 2/3 - 4
ต 1.2 ม. 2/1 และ ต 1.2 ม. 2/4
ต 1.3 ม. 2/1 - 3
ต 2.1 ม. 2/1 และ ต 2.1 ม. 2/3
ต 2.2 ม. 2/1
ต 3.1 ม. 2/1
ต 4.1 ม. 2/1
ต 1.1 ม. 2/2 - 4
ต 1.2 ม. 2/1 และ ต 1.2 ม. 2/4 - 5
ต 1.3 ม. 2/1 - 3
ต 2.1 ม. 2/1 - 3
ต 2.2 ม. 2/1 - 2
ต 3.1 ม. 2/1
ต 4.1 ม. 2/1
ต 4.2 ม. 2/2



ลาดบั ช่ือหน่วยการเรียนรู้ มาตรฐานการเรียนรู้/ตวั ชีว้ ัด เวลา นา้ หนกั คะแนน
ที่ (ช่ัวโมง) (100 คะแนน)

4 Sports & Chores ต 1.1 ม. 2/2 - 4 14 10
ต 1.2 ม. 2/1 - 2 และ ต 1.2 ม. 2/4 - 5
ต 1.3 ม. 2/1 - 3 1-
ต 2.1 ม. 2/1 และ ต 2.1 ม. 2/3 2 10
ต 2.2 ม. 2/1 - 2 14 10
ต 3.1 ม. 2/1
ต 4.1 ม. 2/1 14 10
ต 4.2 ม. 2/2

Revision

Mid-Year Examination

5 Our Wonderful ต 1.1 ม. 2/2 และ ต 1.1 ม. 2/4
World ต 1.2 ม. 2/1 และ ต 1.2 ม. 2/4 - 5
ต 1.3 ม. 2/1 - 3
ต 2.1 ม. 2/1 และ ต 2.1 ม. 2/3
ต 2.2 ม. 2/1
ต 3.1 ม. 2/1
ต 4.1 ม. 2/1

6 Out and About ต 1.1 ม. 2/2 - 4
ต 1.2 ม. 2/1 และ ต 1.2 ม. 2/3 - 5
ต 1.3 ม. 2/1 - 3
ต 2.1 ม. 2/1 และ ต 2.1 ม. 2/3
ต 2.2 ม. 2/1
ต 4.1 ม. 2/1



ลาดับ ชื่อหน่วยการเรียนรู้ มาตรฐานการเรียนรู้/ตัวชี้วดั เวลา นา้ หนักคะแนน
ที่ (ชั่วโมง) (100 คะแนน)

7 Experiences ต 1.1 ม. 2/2 - 4 14 10
ต 1.2 ม. 2/1 และ ต 1.2 ม. 2/4 - 5
ต 1.3 ม. 2/1 - 3 14 10
ต 2.1 ม. 2/1 และ ต 2.1 ม. 2/3
ต 2.2 ม. 2/1 1-
ต 3.1 ม. 2/1 2 10
ต 4.1 ม. 2/1 120 100

8 Places around Us ต 1.1 ม. 2/2 - 4
ต 1.2 ม. 2/1 - 2 และ ต 1.2 ม. 2/4 - 5
ต 1.3 ม. 2/1 - 3
ต 2.1 ม. 2/1 และ ต 2.1 ม. 2/3
ต 3.1 ม. 2/1
ต 4.1 ม. 2/1

Revision
Final Examination
Total in year round



0 Starter

ช้ันมธั ยมศึกษาปี ท่ี 2 เวลาเรียน 2 ช่ัวโมง

1 สาระ มาตรฐานการเรียนรู้/ตัวชี้วดั

สาระท่ี 1 ภาษาเพอ่ื การสื่อสาร
มาตรฐาน ต 1.2 มที กั ษะการส่ือสารทางภาษาในการแลกเปลย่ี นข้อมลู ข่าวสาร แสดงความรู้สึกและ

ความคดิ เหน็ อย่างมปี ระสิทธภิ าพ
ตวั ช้ีวดั
ต 1.2 ม. 2/1 สนทนาแลกเปลย่ี นขอ้ มลู เก่ียวกบั ตนเอง เร่ืองตา่ ง ๆ ใกลต้ วั และสถานการณ์ต่าง ๆ

ในชีวติ ประจาวนั อยา่ งเหมาะสม
มาตรฐาน ต 1.3 นาเสนอข้อมลู ข่าวสาร ความคิดรวบยอด และความคิดเห็นในเร่ืองต่าง ๆ โดยการพูด

และการเขียน
ตวั ช้ีวดั
ต 1.3 ม. 2/1 พูดและเขียนบรรยายเก่ียวกบั ตนเอง กิจวตั รประจาวนั ประสบการณ์ และขา่ ว/

เหตุการณ์ที่อยใู่ นความสนใจของสังคม
สาระที่ 2 ภาษาและวฒั นธรรม
มาตรฐาน ต 2.1 เข้าใจความสัมพันธ์ระหว่างภาษากบั วฒั นธรรมของเจ้าของภาษา และนาไปใช้ ได้

อย่างเหมาะสมกบั กาลเทศะ
ตวั ช้ีวดั
ต 2.1 ม. 2/1 ใชภ้ าษา น้าเสียง และกิริยาทา่ ทางเหมาะกบั บุคคลและโอกาส ตามมารยาทสงั คมและ

วฒั นธรรมของเจา้ ของภาษา
สาระท่ี 4 ภาษากบั ความสัมพันธ์กับชุมชนและโลก
มาตรฐาน ต 4.1 ใช้ภาษาต่างประเทศในสถานการณ์ต่าง ๆ ท้งั ในสถานศึกษา ชุมชน และสังคม
ตวั ช้ีวดั
ต 4.1 ม. 2/1 ใชภ้ าษาส่ือสารในสถานการณ์จริง/สถานการณ์จาลองทเ่ี กิดข้ึนในห้องเรียน

สถานศกึ ษา และชุมชน

1

2 สาระสาคญั /ความคิดรวบยอด
การทบทวนคาศพั ท์ โครงสร้าง และสานวนภาษาทีเ่ รียนมาแลว้ เป็นการฝึกฝนส่ิงทไี่ ดเ้ รียนรู้

เพ่อื ใหส้ ามารถนาใชใ้ นการพดู /เขยี นส่ือสารได้

3 สาระการเรียนรู้

3.1 ทักษะเฉพาะวชิ า

1) Language Features and Functions

Vocabulary: Parts of the body (hair, head, ear, eye, knee, foot, leg, hand, arm, neck,

mouth, nose)

Telling the time (half past, a quarter past, o’clock, a quarter to, past, to)

Furniture & appliances (fireplace, washbasin, window, cooker, pillow,

sofa, bed, wardrobe, cupboard, curtain, chair, mirror, table, bath, fridge)

Clothes (tie, jumper, skirt, trainers, coat, jeans, boots, hat, socks, suit,

belt, shirt, jacket, dress, shorts, gloves, sandals)

Grammar: The verb to be, have got, plurals, this/these - that/those, there is/there are,

pronouns, possessive determiners, prepositions of places, can (ability)

Functions: Telling the time

What time is it? It’s half past eight. It’s a quarter to one.

Greetings & introductions

Hello, my name is Samuel Jones.

It’s a pleasure to meet you.

Nice to meet you.

Asking for & giving personal information

What’s your name? I’m Emma.

Where are you from? I’m from Brighton.

2) Language Skills

Listening: ฟังเพอ่ื หาขอ้ มูลเฉพาะ

Speaking: พดู ขอและให้ขอ้ มลู เก่ียวกบั เวลาและขอ้ มลู ส่วนตวั ,

พดู ทกั ทายและแนะนาตวั

Writing: เขยี นประโยค

2

4 สมรรถนะสาคญั ของผ้เู รยี น
- ความสามารถในการส่ือสาร

5 คุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์
- ใฝ่เรียนรู้

6 ชิน้ งาน/ภาระงาน (รวบยอด)
1) พดู ถามและบอกเวลา
2) พดู ทกั ทายและแนะนาตวั
3) พดู ขอและให้ขอ้ มลู ส่วนตวั

7 การวดั และการประเมนิ ผล
7.1 การประเมินระหวา่ งการจดั กิจกรรมการเรียนรู้
7.2 การประเมนิ ชิ้นงาน/ภาระงาน (รวบยอด)

3

1 Starter

2 ชั่วโมง

จุดประสงค์การเรียนรู้
- พดู ทกั ทายและแนะนาตวั ได้
- พดู ขอและใหข้ อ้ มลู เกี่ยวกบั เวลา และขอ้ มลู ส่วนตวั ได้
- เขียนใหข้ อ้ มลู เก่ียวกบั ตนเองได้

1. สาระ มาตรฐานการเรียนรู้/ตัวชี้วัด
สาระที่ 1 ภาษาเพอ่ื การสื่อสาร
มาตรฐาน ต 1.2 มที ักษะการส่ือสารทางภาษาในการแลกเปลยี่ นข้อมูลข่าวสาร แสดงความรู้สึกและ
ความคดิ เหน็ อย่างมีประสิทธภิ าพ
ตวั ช้ีวดั
ต 1.2 ม. 2/1 สนทนาแลกเปลี่ยนขอ้ มูลเก่ียวกบั ตนเอง เร่ืองตา่ ง ๆ ใกลต้ วั และสถานการณต์ า่ ง ๆ
ในชีวติ ประจาวนั อยา่ งเหมาะสม
มาตรฐาน ต 1.3 นาเสนอข้อมลู ข่าวสาร ความคิดรวบยอด และความคดิ เหน็ ในเร่ืองต่าง ๆ โดยการพดู
และการเขยี น
ตวั ช้ีวดั
ต 1.3 ม. 2/1 พูดและเขียนบรรยายเก่ียวกบั ตนเอง กิจวตั รประจาวนั ประสบการณ์ และขา่ ว/
เหตุการณ์ที่อยใู่ นความสนใจของสงั คม
สาระที่ 2 ภาษาและวัฒนธรรม
มาตรฐาน ต 2.1 เข้าใจความสัมพนั ธ์ระหว่างภาษากบั วฒั นธรรมของเจ้าของภาษา และนาไปใช้ ได้
อย่างเหมาะสมกับกาลเทศะ
ตวั ช้ีวดั
ต 2.1 ม. 2/1 ใชภ้ าษา น้าเสียง และกิริยาทา่ ทางเหมาะกบั บคุ คลและโอกาส ตามมารยาทสงั คมและ
วฒั นธรรมของเจา้ ของภาษา
สาระท่ี 4 ภาษากับความสัมพนั ธ์กับชุมชนและโลก
มาตรฐาน ต 4.1 ใช้ภาษาต่างประเทศในสถานการณ์ต่าง ๆ ท้งั ในสถานศึกษา ชุมชน และสังคม

4

ตวั ช้ีวดั ใชภ้ าษาสื่อสารในสถานการณจ์ ริง/สถานการณจ์ าลองท่เี กิดข้นึ ในห้องเรียน
ต 4.1 ม. 2/1 สถานศกึ ษา และชุมชน

2. สาระสาคญั /ความคดิ รวบยอด
การทบทวนคาศพั ท์ โครงสร้าง และสานวนภาษาทเี่ รียนมาแลว้ เป็นการฝึกฝนส่ิงทไี่ ดเ้ รียนรู้

เพื่อใหส้ ามารถนาใชใ้ นการพดู /เขยี นส่ือสารได้

3. สาระการเรียนรู้
3.1 ทักษะเฉพาะวชิ า
1) Language Features and Functions
Vocabulary: Parts of the body (hair, head, ear, eye, knee, foot, leg, hand, arm, neck,
mouth, nose)
Telling the time (half past, a quarter past, o’clock, a quarter to, past, to)
Furniture & appliances (fireplace, washbasin, window, cooker, pillow,
sofa, bed, wardrobe, cupboard, curtain, chair, mirror, table, bath, fridge)
Clothes (tie, jumper, skirt, trainers, coat, jeans, boots, hat, socks, suit,
belt, shirt, jacket, dress, shorts, gloves, sandals)
Grammar: verb to be, have got, plurals, this/these - that/those, there is/there are,
pronouns, possessive determiners, prepositions of places, can (ability)
Functions: Telling the time
What time is it? It’s half past eight. It’s a quarter to one.
Greeting & introductions
Hello, my name is Samuel Jones.
It’s a pleasure to meet you.
Nice to meet you.
Ask for & give personal information
What’s your name? I’m Emma.
Where are you from? I’m from Brighton.
2) Language Skills
Listening: ฟังเพ่ือหาขอ้ มูลเฉพาะ

5

Speaking: พูดขอและใหข้ อ้ มลู เก่ียวกบั เวลาและขอ้ มลู ส่วนตวั ,
Writing: พูดทกั ทายและแนะนาตวั
เขียนประโยค

4. สมรรถนะสาคัญของผ้เู รยี น
- ความสามารถในการสื่อสาร

5. คุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์
- ใฝ่เรียนรู้

6. กจิ กรรมการเรียนรู้

ช่ัวโมงที่ 1

ข้นั Warm up
1. เนื่องจากเป็นชว่ั โมงแรกของการเรียน ให้ครูพูดทกั ทายนกั เรียน และแนะนาตนเอง เช่น Good

morning class. I’m Tida. I’m your English teacher. แลว้ ครูใหน้ กั เรียนพูดแนะนาตนเองทีละคน
2. ครูบอกนกั เรียนวา่ ชว่ั โมงน้ีนกั เรียนจะไดท้ บทวน verb to be, have got, plurals, this/these -

that/those, there is/there are, pronouns, possessive determiners, parts of the body และการบอกเวลา

ข้นั Presentation
1. ครูให้นกั เรียนช่วยกนั บอกโครงสร้างของ verb to be ในรูปบอกเล่า ปฏเิ สธ และคาถาม แลว้ ครูเขยี น

บนกระดาน จากน้นั สุ่มเรียกนกั เรียน 2-3 คน แต่งประโยคโดยใช้ verb to be
2. หนังสือเรียน หน้า 4 Ex. 1 ให้นกั เรียนอ่านตาราง แลว้ เติมคาให้ถกู ตอ้ ง

1 isn’t 2 ’m not 3 is 4 aren’t 5 Are

2. ครูทบทวนการเปลี่ยนคานามเอกพจนเ์ ป็นพหูพจน์ โดยให้นกั เรียนช่วยกนั ยกตวั อยา่ ง
3. ครูถามความหมายของ have got แลว้ ให้นกั เรียนช่วยกนั บอกว่าเราใช้ have got เพื่ออะไร จากน้นั ครู

ขออาสามาสมคั ร 3-4 คน แตง่ ประโยคโดยใช้ have got

6

4. ครูทบทวนการใช้ this/these - that/those โดยช้ีไปทส่ี ่ิงของในช้นั เรียนท้งั ที่อยไู่ กลและอยใู่ กล้ แลว้
ให้นกั เรียนพดู ประโยค

5. ครูทบทวนการใช้ there is/there are โดยยกตวั อยา่ งประโยคบนกระดาน There is a book on the
desk. There are some pens on the desk. แลว้ ให้นกั เรียนบอกวา่ คาใดใชก้ บั คานามเอกพจน์ คาใดใช้
กบั คานามพหูพจน์
จากน้นั ให้นกั เรียนอ่านตารางในหนังสือเรียน หน้า 5 Ex. 8a แลว้ ช่วยกนั คิดวา่ มโี ครงสร้างลกั ษณะ
เช่นน้ีในภาษาไทยหรือไม่

6. หนงั สือเรยี น หน้า 5 Ex. 8b นกั เรียนเติม There is, There isn’t, There are, There aren’t ลงใน
ประโยคใหถ้ กู ตอ้ ง

1 There are 2 There is 3 There aren’t
4 There are 5 There is 6 There isn’t
7 There are

7. ครูทบทวน pronouns และ possessive determiners โดยครูเขียนตารางเหมอื นในหนงั สือเรียน หนา้ 6
Ex. 10 บนกระดาน แลว้ ให้นกั เรียนออกมาเตมิ คาลงในตาราง จากน้นั ใหน้ กั เรียนช่วยกนั อธิบายการ
ใช้ pronouns และ possessive determiners

8. นกั เรียนทบทวนคาศพั ทเ์ กี่ยวกบั อวยั วะในร่างกาย โดยใหน้ กั เรียน 1 คน ออกมายนื หนา้ ช้นั แลว้ ครูช้ี
ไปทอ่ี วยั วะส่วนต่างๆ ใหน้ กั เรียนช่วยกนั บอกคาศพั ท์

9. หนงั สือเรียน หน้า 6 Ex. 11 นกั เรียนเตมิ คาศพั ทเ์ กี่ยวกบั อวยั วะในร่างกายให้ถกู ตอ้ ง

1 hair 2 head 3 ear 4 eye
5 knee 6 foot 7 leg 8 hand
9 arm 10 neck 11 mouth 12 nose

7

ข้นั Practice
1. หนงั สือเรยี น หน้า 4 Ex. 2 ให้นกั เรียนเตมิ ประโยคคาถามใหส้ มบูรณ์ พร้อมท้งั ตอบคาถาม

2 Is, Yes, she is./No, he isn’t. 3 Are, Yes, they are./No, they aren’t.
4 Is, Yes, he is./No, he isn’t. 5 Are, Yes, I am./No, I’m not.
6 Is, Yes, it is./No, it isn’t.

2. หนงั สือเรียน หน้า 4 Ex. 3 ให้นกั เรียนเขียนรูปพหูพจน์ของคานามทกี่ าหนดใหถ้ กู ตอ้ ง

1 pens 2 women 3 glasses 4 feet
5 watches 6 brushes 7 tomatoes 8 ladies
9 men 10 teeth 11 boxes 12 toys
13 mice 14 leaves 15 children

3. หนงั สือเรยี น หน้า 4 Ex. 5a นกั เรียนดูขอ้ มลู และเตมิ have got, has got, haven’t got, hasn’t got
ลงในประโยคให้ถกู ตอ้ ง

1 has got 2 haven’t got 3 hasn’t got
4 hasn’t got 5 have got 6 has got

4. หนังสือเรยี น หน้า 4 Ex. 5b นกั เรียนเขียนประโยคเกี่ยวกบั สิ่งของใน Ex. 5a ที่ตนเองมีและไม่มี

I have got a guitar, but I haven’t got a DVD player.
I have got a bike, but I haven’t got a laptop. etc.

5. หนังสือเรยี น หน้า 5 Ex. 6 นกั เรียนเรียงคาท่กี าหนดใหเ้ ป็นประโยคคาถามท่ถี กู ตอ้ ง พร้อมท้งั ตอบ
คาถาม

8

2 Have your parents got a car? Yes, they have.
3 Have you got a brother? Yes, I have.
4 Has your house got a garden? No, it hasn’t.
5 Has your best friend got a bike? Yes, she has.
6 Have you got a dog? No, I haven’t.

6. หนังสือเรียน หน้า 5 Ex. 7 นกั เรียนดูภาพ แลว้ เติม this, these, that, those ลงในช่องวา่ ง

1 That, this 2 This, those 3 That, those
4 These, those 5 Those, this

7. หนงั สือเรยี น หน้า 5 Ex. 9 นกั เรียนจบั คู่ผลดั กนั พดู ถาม-ตอบเก่ียวกบั ส่ิงของในห้องนอนของตนเอง
โดยใช้ there is/there are

A: Is there a chair in your bedroom?
B: No, there isn’t.
A: Is there a lamp in your bedroom?
B: Yes, there is.

8. หนงั สือเรยี น หน้า 5 GAME นกั เรียนจบั คู่กบั เพ่ือน ผลดั กนั พดู บรรยายหอ้ งนอนของตนเอง เพื่อให้
เพ่อื นวาดภาพตาม เมอื่ เพอื่ นวาดเสร็จให้นกั เรียนดูว่าภาพท่ีเพื่อนวาดถกู ตอ้ งตามท่ีบรรยายหรือไม่

9. หนังสือเรียน หน้า 6 Ex. 10 นกั เรียนอ่านประโยค และเลือกคาตอบทถี่ กู ตอ้ ง

1 A: your B: mine, her, Mine, you, it
2 A: their B: they, my, them
3 A: I, our B: it, their, Ours

9

10. หนังสือเรียน หน้า 6 Ex. 12a นกั เรียนฟัง CD แลว้ เลือกภาพนาฬกิ าทถ่ี กู ตอ้ ง

1A 2A 3B 4B 5A

ข้นั Production
หนงั สือเรยี น หน้า 6 Ex. 12b นกั เรียนจบั คู่ ผลดั กนั พูดบอกเวลาตามเวลาทีค่ ขู่ องตนกาหนด

A: What time is it? B: It’s twenty-five past two.
A: What time is it? B: It’s half past seven.
A: What time is it? B: It’s a quarter past twelve.
A: What time is it? B: It’s a quarter to one.
A: What time is it? B: It’s ten to ten.
A: What time is it? B: It’s ten o’clock.

ช่ัวโมงท่ี 2

ข้นั Warm up
ครูบอกนกั เรียนว่า ชว่ั โมงน้ีนกั เรียนจะไดท้ บทวน prepositions of places, can (ability), clothes, การ
ทกั ทายและแนะนาตวั และการขอและใหข้ อ้ มลู ส่วนตวั

ข้นั Presentation
1. ครูทบทวน prepositions of places (in, on, behind, in front of, opposite, under, next to, between)

โดยวาดภาพงา่ ย ๆ บนกระดาน และให้นกั เรียนบอกคาศพั ท์
2. หนังสือเรยี น หน้า 7 GAME ครูให้นกั เรียนดภู าพห้องตา่ ง ๆ 2 นาที แลว้ ปิ ดหนงั สือเรียน จากน้นั

จบั คู่กบั เพื่อน ผลดั กนั พดู บอกส่ิงทม่ี ีในแต่ละห้อง

10

There is a bedside cabinet next to the bed in the bedroom.
There are some pillows on the bed in the bedroom.
The cooker is behind the table and chairs in the kitchen.
The fridge is near the cooker in the kitchen.
The sofa is opposite the fireplace in the living room.
There are some curtains at the window in the living room.
There is a mirror on the wall above the washbasin in the bathroom. etc.

3. ครูทบทวนการใช้ can บอกความสามารถ โดยครูพูดบอกสิ่งท่ตี นเองทาไดแ้ ละทาไม่ได้ เช่น I can
ride a bicycle. I can’t swim. และเขยี นบนกระดาน ครูช้ีให้นกั เรียนดวู ่าหลงั can และ can’t จะตาม
ดว้ ย infinitive

4. หนงั สือเรยี น หน้า 7 Ex. 13a ครูให้นกั เรียนอา่ นคากริยา/วลใี นกรอบ แลว้ บอกความหมาย
5. หนังสือเรยี น หน้า 7 Ex. 13b ครูให้นกั เรียนเขียนส่ิงทต่ี นเองทาไดแ้ ละทาไมไ่ ด้ โดยใชค้ ากริยา/วลี

จาก Ex. 13a จากน้นั ครูสุ่มเรียกนกั เรียน 3-4 คน บอกส่ิงท่ตี นเองทาไดแ้ ละทาไมไ่ ด้

I can ride a bike, but I can’t fly a kite.
I can draw, but I can’t speak German.
I can use a computer, but I can’t play the guitar.
I can play tennis, but I can’t sing.

6. หนงั สือเรียน หน้า 7 Ex. 14 นกั เรียนจบั คกู่ นั ผลดั กนั พดู ถาม-ตอบเพ่ือหาส่ิงทเ่ี พอ่ื นทาไดแ้ ละ
ทาไมไ่ ด้

A: Can you swim?
B: Yes, I can./No, I can’t.
A: Can you fly a kite?
B: Yes, I can./No, I can’t.

11

7. หนังสือเรียน หน้า 7 Ex. 15 ครูใหน้ กั เรียนทบทวนคาศพั ทเ์ กี่ยวกบั เส้ือผา้ โดยดภู าพแลว้ บอกคาศพั ท์
จากน้นั ให้นกั เรียนเตมิ คาศพั ทใ์ นตารางอกั ษรไขว้

Across 2 jumper 3 skirt 5 tie 6 coat
8 hat 10 boots 11 socks 14 jeans
15 trainers 16 suit
3 shirt 4 jacket 7 shorts
Down 1 belt 12 sandals 13 dress
9 gloves

8. ครูทบทวนการแสดงความเป็นเจา้ ของโดยใช้ apostrophe (’) ดว้ ยการยกตวั อยา่ งบนกระดาน เช่น
Jane’s skirt is beautiful. These are the girls’ hats. Children’s books are on the table. แลว้ ให้นกั เรียน
บอกหลกั การใช้ apostrophe กบั คานาม

9. หนังสือเรียน หน้า 7 Ex. 16 นกั เรียนอา่ นประโยคและเลือกคาตอบทถี่ กู ตอ้ ง

1 boy’s 2 men’s 3 Ann’s
4 children’s 5 lady’s 6 girls’

ข้นั Practice
1. หนงั สือเรยี น หน้า 8 Ex. 17a นกั เรียนอา่ นบทสนทนา แลว้ จบั ค่กู บั ภาพทีส่ มั พนั ธ์กนั

1B 2A

2. หนังสือเรียน หน้า 8 Ex. 17b นกั เรียนจบั กลมุ่ กลุ่มละ 3 คน ใหแ้ ต่ละกลุ่มเลอื กบทสนทนา 1 บท
จาก Ex. 17a แลว้ ฝึกซอ้ มพูดสนทนา

3. หนงั สือเรียน หน้า 8 Ex. 18 นกั เรียนฟัง CD และอ่านออกเสียงประโยคตาม จากน้นั อ่านออกเสียง
ดว้ ยตนเองพร้อมกนั แลว้ พดู คาถามเหลา่ น้ีเป็นภาษาไทย

4. หนังสือเรียน หน้า 8 Ex. 19a นกั เรียนฟัง CD และเตมิ ขอ้ มลู ลงใน library card

12

1 Morley 2 Hulme 3 September 4 6343291

ข้นั Production
หนังสือเรียน หน้า 8 Ex. 19b นกั เรียนจบั คู่ ผลดั กนั พดู ถาม-ตอบขอ้ มลู ส่วนตวั โดยใชค้ าถามจาก
Ex. 18

A: What’s your name? B: Maria Sougari.
A: How do you spell it? B: S-O-U-G-A-R-I.
A: What’s your date of birth? B: It’s 7th April 1997.
A: How old are you? B: I’m 13 years old.
A: Where are you from? B: I’m from Athens.
A: What’s your address? B: It’s 56 Halkida Street, Athens.
A: What’s your phone number? B: 2104451530

7. การวัดและการประเมนิ ผล เครื่องมือ เกณฑ์การผ่าน
แบบสงั เกตพฤติกรรมการเรียนรู้ ระดบั คณุ ภาพ พอใช้
วธิ กี ารวดั แบบสังเกตพฤตกิ รรมการเรียนรู้ ระดบั คณุ ภาพ พอใช้
สังเกตการพูดถามและบอกเวลา แบบประเมินการพดู ระดบั คุณภาพ พอใช้
สงั เกตการพูดทกั ทายและแนะนาตวั
ประเมินการพดู ขอและให้ขอ้ มลู แบบประเมินคณุ ลกั ษณะ ระดบั คุณภาพ ผ่าน
ส่วนตวั อนั พึงประสงค์
สงั เกตความใฝ่เรียนรู้

8. ส่ือ/แหล่งการเรียนรู้
1) หนงั สือเรียน SPARK 2 ม. 2
2) Class Audio CDs ประกอบสื่อฯ ชุด SPARK 2 ม. 2

13

1 At Work, at Play

ช้ันมธั ยมศึกษาปี ท่ี 2 เวลาเรียน 14 ชั่วโมง

1 สาระ มาตรฐานการเรียนรู้/ตวั ชี้วัด

สาระท่ี 1 ภาษาเพอ่ื การสื่อสาร
มาตรฐาน ต 1.1 เข้าใจและตีความเร่ืองที่ฟังและอ่านจากสื่อประเภทต่าง ๆ และแสดงความคิดเหน็

อย่างมีเหตผุ ล
ตวั ช้ีวดั
ต 1.1 ม. 2/2 อ่านออกเสียงขอ้ ความ ข่าว ประกาศ และบทร้อยกรองส้นั ๆ ถูกตอ้ งตามหลกั การอา่ น
ต 1.1 ม. 2/4 เลือกหัวขอ้ เรื่อง ใจความสาคญั บอกรายละเอยี ดสนบั สนุน (supporting detail) และ

แสดงความคดิ เห็นเก่ียวกบั เร่ืองท่ฟี ังและอา่ นพร้อมท้งั ให้เหตุผลและยกตวั อยา่ ง
ง่าย ๆ ประกอบ
มาตรฐาน ต 1.2 มที กั ษะการส่ือสารทางภาษาในการแลกเปลย่ี นข้อมูลข่าวสาร แสดงความรู้สึกและ
ความคิดเห็นอย่างมปี ระสิทธภิ าพ
ตวั ช้ีวดั
ต 1.2 ม. 2/1 สนทนาแลกเปลย่ี นขอ้ มูลเก่ียวกบั ตนเอง เรื่องต่าง ๆ ใกลต้ วั และสถานการณ์ตา่ ง ๆ
ในชีวติ ประจาวนั อยา่ งเหมาะสม
ต 1.2 ม. 2/2 ใชค้ าขอร้อง ใหค้ าแนะนา คาช้ีแจง และคาอธิบายตามสถานการณ์
ต 1.2 ม. 2/4 พดู และเขยี นเพอ่ื ขอและให้ขอ้ มลู บรรยาย และแสดงความคดิ เห็นเกี่ยวกบั เร่ืองท่ีฟัง
หรืออ่านอยา่ งเหมาะสม
มาตรฐาน ต 1.3 นาเสนอข้อมูลข่าวสาร ความคิดรวบยอด และความคดิ เหน็ ในเร่ืองต่าง ๆ โดยการพูด
และการเขยี น
ตวั ช้ีวดั
ต 1.3 ม. 2/1 พดู และเขียนบรรยายเก่ียวกบั ตนเอง กิจวตั รประจาวนั ประสบการณ์ และขา่ ว/
เหตุการณ์ทีอ่ ยใู่ นความสนใจของสงั คม
ต 1.3 ม. 2/2 พดู และเขียนสรุปใจความสาคญั /แก่นสาระ หวั ขอ้ เร่ือง (topic) ท่ีไดจ้ ากการวิเคราะห์
เรื่อง/ข่าว/เหตุการณ์ท่ีอยใู่ นความสนใจของสังคม

14

สาระที่ 2 ภาษาและวฒั นธรรม
มาตรฐาน ต 2.1 เข้าใจความสัมพันธ์ระหว่างภาษากบั วฒั นธรรมของเจ้าของภาษา และนาไปใช้

ได้อย่างเหมาะสมกบั กาลเทศะ
ตวั ช้ีวดั
ต 2.1 ม. 2/1 ใชภ้ าษา น้าเสียง และกิริยาท่าทางเหมาะกบั บุคคลและโอกาส ตามมารยาทสงั คมและ

วฒั นธรรมของเจา้ ของภาษา
ต 2.1 ม. 2/3 เขา้ ร่วม/จดั กิจกรรมทางภาษาและวฒั นธรรมตามความสนใจ
มาตรฐาน ต 2.2 เข้าใจความเหมือนและความแตกต่างระหว่างภาษาและวฒั นธรรมของเจ้าของภาษา

กบั ภาษาและวฒั นธรรมไทย และนามาใช้อย่างถกู ต้องและเหมาะสม
ตวั ช้ีวดั
ต 2.2 ม. 2/1 เปรียบเทียบและอธิบายความเหมือนและความแตกตา่ งระหว่างการออกเสียงประโยค

ชนิดตา่ ง ๆ และการลาดบั คาตามโครงสร้างประโยคของภาษาต่างประเทศและ
ภาษาไทย
สาระท่ี 4 ภาษากับความสัมพันธ์กับชุมชนและโลก
มาตรฐาน ต 4.1 ใช้ภาษาต่างประเทศในสถานการณ์ต่าง ๆ ท้งั ในสถานศึกษา ชุมชน และสังคม
ตวั ช้ีวดั
ต 4.1 ม. 2/1 ใชภ้ าษาสื่อสารในสถานการณจ์ ริง/สถานการณ์จาลองท่ีเกิดข้นึ ในห้องเรียน
สถานศกึ ษา และชุมชน

2 สาระสาคญั /ความคดิ รวบยอด
การเรียนรู้และเขา้ ใจเกี่ยวกบั เน้ือหาท่ศี ึกษา จะช่วยให้สามารถนาคาศพั ท์ ประโยคตา่ ง ๆ ไปใช้ใน

การพูด/เขียนสื่อสารไดอ้ ยา่ งถกู ตอ้ ง ตลอดจนมคี วามเขา้ ใจในวฒั นธรรมของเจา้ ของภาษา

3 สาระการเรียนรู้
3.1 ทกั ษะเฉพาะวชิ า
1) Language Features and Functions
Vocabulary: Jobs (fashion designer, nurse, secretary, dentist, pilot, police officer,
hairdresser, shop assistant)
Job qualities (sociable, creative, caring, intelligent, calm, cheerful,
patient, fit, organised, brave)

15

Grammar: Verbs (adopt, last, play against, team, competition, match, field,
Functions: championship, get up, make, play, celebrate, help, visit, stay, relax,
broaden, survive)
Nouns (amusement park, rides, attractions, ghost train, experience,
buddy, wildlife project, contraction, punctuation, capital letters,
opportunity, advantage, race, hub, investor, infrastructure, cooperation,
industry)
Adjectives (rare, brave, professional, diamond-shaped, available,
multilingual, fluent, beneficial)
Adverb (peacefully)
Phrases ((be) crazy about, all year round)
Making suggestion (Why don’t we …?, How about …?, Do you fancy
…?, Let’s …, What do you think …?)
Agreeing (Yes, that’s a good idea., That sounds great., I’d like that.,
Why not?)
Disagreeing (I don’t think so., No, I don’t feel like it., That’s not a good
idea., I’d rather not.)
Present simple & Present continuous
Adverbs of frequency
-ing form & to-infinitive
Describing character
Fashion designers need to be intelligent, creative and organised.
Talking about daily routines
I get up early, have a shower and get dressed.
Talking about free-time activities
I watch some TV programmes or listen to music.
Talking about a leisure park
I’d like to see all the animals and go on the rides there.
Making suggestions
Why don’t we go bowling instead?

16

Describing sports teenagers play

Basketball is one of the most popular sports in Thailand and many

teenagers are crazy about it.

Describing a typical weekend

I have a dance lesson. After that I help my mum around the house and

then we have lunch.

Discussing language that we should learn

I think we should learn Mandarin because there are lots of Chinese

companies in Asia.

Pronunciation: /s/, /z/, /Iz/

walks, eats, tidies, reads, watches, finishes

/eI/

playing, sailing, painting, Friday

2) Language Skills

Listening: ฟังเพือ่ หาขอ้ มลู เฉพาะ, ฟังเพ่อื จบั ใจความสาคญั

Speaking: สัมภาษณ์เก่ียวกบั อาชีพของสมาชิกในครอบครวั ,

สนทนาแลกเปลยี่ นขอ้ มูลของบุคคลอนื่ ,

เปรียบเทยี บ Safari และ Leisure Park ในประเทศไทยกบั เรื่องทอี่ า่ น,

พูดให้คาแนะนา ตอบรับและปฏิเสธคาแนะนา,

แสดงความคิดเห็นเก่ียวกบั ภาษาท่ีนกั เรียนไทยควรเรียนรู้

Reading: อา่ นเพอ่ื หาขอ้ มูลเฉพาะ

Writing: เขียนบรรยายคุณสมบตั ิท่จี าเป็นของอาชีพตา่ ง ๆ, เขยี นบทสัมภาษณ์

เก่ียวกบั อาชีพของบคุ คลในครอบครวั , เขียนให้ขอ้ มูลเก่ียวกบั ตนเอง,

เขยี นโฆษณา, แตง่ บทสนทนาตามสถานการณท์ ก่ี าหนด,

เขยี นเกี่ยวกบั กีฬาที่วยั รุ่นไทยนิยมเลน่ , เขียน blog เก่ียวกบั วนั หยดุ

สุดสปั ดาห,์ เขียนสรุปผลการอภปิ รายในประเด็นทีก่ าหนด

3) Cultures กีฬาในทอ้ งถน่ิ

17

4 สมรรถนะสาคญั ของผ้เู รียน
1) ความสามารถในการสื่อสาร
2) ความสามารถในการคิด

5 คณุ ลักษณะอันพึงประสงค์
1) ใฝ่เรียนรู้
2) ม่งุ มน่ั ในการทางาน

6 ชิน้ งาน/ภาระงาน (รวบยอด)
1) เขียนบทสัมภาษณ์เก่ียวกบั อาชีพของบคุ คลในครอบครวั
2) ชิ้นงานโฆษณา
3) อา่ นออกเสียงบทสนทนา
4) แต่งบทสนทนาตามสถานการณ์ทกี่ าหนด
5) พดู สนทนาใหค้ าแนะนาตามสถานการณ์ทก่ี าหนด
6) เขยี นเรียงความเกี่ยวกบั กีฬาท่ีวยั รุ่นไทยนิยมเลน่
7) เขยี น blog เก่ียวกบั วนั หยดุ สุดสัปดาห์
8) เขยี นสรุปผลการอภิปรายในประเด็นที่กาหนด

7 การวัดและการประเมนิ ผล
7.1 การประเมินกอ่ นเรียน
7.2 การประเมนิ ระหว่างการจดั กิจกรรมการเรียนรู้
7.3 การประเมินหลงั เรียน
7.4 การประเมินช้ินงาน/ภาระงาน (รวบยอด)

18

1 Reading 1a & Vocabulary 1a

2 ชั่วโมง

จุดประสงค์การเรียนรู้
- บอกรายละเอยี ดของเรื่องท่ีอา่ นและฟัง และแสดงความคิดเห็นได้
- สมั ภาษณ์และเขยี นบทสมั ภาษณ์เก่ียวกบั อาชีพของบุคคลในครอบครวั ได้
- เขยี นบรรยายคณุ สมบตั ทิ จี่ าเป็นของอาชีพตา่ ง ๆ ได้

1. สาระ มาตรฐานการเรยี นรู้/ตวั ชีว้ ัด
สาระที่ 1 ภาษาเพอ่ื การส่ือสาร
มาตรฐาน ต 1.1 เข้าใจและตคี วามเร่ืองท่ฟี ังและอ่านจากส่ือประเภทต่าง ๆ และแสดงความคิดเห็น
อย่างมีเหตผุ ล
ตวั ช้ีวดั
ต 1.1 ม. 2/4 เลอื กหวั ขอ้ เรื่อง ใจความสาคญั บอกรายละเอยี ดสนบั สนุน (supporting detail) และ
แสดงความคิดเห็นเก่ียวกบั เรื่องทีฟ่ ังและอา่ นพร้อมท้งั ใหเ้ หตุผลและยกตวั อยา่ ง
งา่ ย ๆ ประกอบ
มาตรฐาน ต 1.2 มที กั ษะการส่ือสารทางภาษาในการแลกเปลย่ี นข้อมูลข่าวสาร แสดงความรู้สึกและ
ความคิดเห็นอย่างมปี ระสิทธภิ าพ
ตวั ช้ีวดั
ต 1.2 ม. 2/1 สนทนาแลกเปลี่ยนขอ้ มูลเก่ียวกบั ตนเอง เรื่องตา่ ง ๆ ใกลต้ วั และสถานการณ์ตา่ ง ๆ
ในชีวติ ประจาวนั อยา่ งเหมาะสม
ต 1.2 ม. 2/4 พูดและเขียนเพ่อื ขอและใหข้ อ้ มลู บรรยาย และแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกบั เร่ืองที่ฟัง
หรืออ่านอยา่ งเหมาะสม
มาตรฐาน ต 1.3 นาเสนอข้อมูลข่าวสาร ความคิดรวบยอด และความคดิ เห็นในเร่ืองต่าง ๆ โดยการพดู
และการเขียน
ตวั ช้ีวดั
ต 1.3 ม. 2/1 พูดและเขียนบรรยายเกี่ยวกบั ตนเอง กิจวตั รประจาวนั ประสบการณ์ และขา่ ว/
เหตกุ ารณ์ที่อยใู่ นความสนใจของสังคม

19

สาระที่ 2 ภาษาและวัฒนธรรม
มาตรฐาน ต 2.1 เข้าใจความสัมพันธ์ระหว่างภาษากบั วฒั นธรรมของเจ้าของภาษา และนาไปใช้ได้

อย่างเหมาะสมกับกาลเทศะ
ตวั ช้ีวดั
ต 2.1 ม. 2/1 ใชภ้ าษา น้าเสียง และกิริยาทา่ ทางเหมาะกบั บุคคลและโอกาส ตามมารยาทสังคมและ

วฒั นธรรมของเจา้ ของภาษา
สาระที่ 4 ภาษากบั ความสัมพันธ์กบั ชุมชนและโลก
มาตรฐาน ต 4.1 ใช้ภาษาต่างประเทศในสถานการณ์ต่าง ๆ ท้งั ในสถานศึกษา ชุมชน และสังคม

ตวั ช้ีวดั
ต 4.1 ม. 2/1 ใชภ้ าษาสื่อสารในสถานการณ์จริง/สถานการณจ์ าลองท่ีเกิดข้ึนในห้องเรียน

สถานศกึ ษา และชุมชน

2. สาระสาคญั /ความคดิ รวบยอด
การจบั ใจความสาคญั และรายละเอยี ดของขอ้ มลู ที่อ่านและฟังเป็นความสามารถที่สาคัญประการ

หน่ึงของทกั ษะการรับสาร ซ่ึงจะนาไปสู่การสรุปสารทร่ี ับได้ นอกจากน้ีการมคี วามรู้เกี่ยวกบั คาศพั ทแ์ ละ
ประโยคตา่ ง ๆ ตามเน้ือหา จะช่วยใหส้ ามารถนาส่ิงทเ่ี รียนรู้ไปใช้ในการพดู /เขียนส่ือสารไดอ้ ยา่ งถูกตอ้ ง
ตลอดจนมคี วามเขา้ ใจในวฒั นธรรมของเจา้ ของภาษา

3. สาระการเรียนรู้
3.1 ทกั ษะเฉพาะวชิ า
1) Language Features and Functions
Vocabulary: Jobs (fashion designer, nurse, secretary, dentist, pilot, police officer,
hairdresser, shop assistant)
Job qualities (sociable, creative, caring, intelligent, calm, cheerful,
patient, fit, organised, brave)
Functions: Describing character
Fashion designers need to be intelligent, creative and organised.
Talking about daily routines
I get up early, have a shower and get dressed.
Talking about free-time activities
I watch some TV programmes or listen to music.

20

2) Language Skills

Listening: ฟังเพื่อหาขอ้ มลู เฉพาะ

Speaking: สมั ภาษณเ์ ก่ียวกบั อาชีพของบุคคลในครอบครวั

Reading: อา่ นเพอ่ื หาขอ้ มลู เฉพาะ

Writing: เขียนบรรยายคุณสมบตั ิท่ีจาเป็นของอาชีพต่าง ๆ,

เขียนบทสมั ภาษณ์เกี่ยวกบั อาชีพของบคุ คลในครอบครวั

4. สมรรถนะสาคญั ของผ้เู รยี น
1) ความสามารถในการส่ือสาร
2) ความสามารถในการคดิ

5. คุณลักษณะอันพึงประสงค์
1) ใฝ่เรียนรู้
2) มงุ่ มน่ั ในการทางาน

6. กิจกรรมการเรียนรู้

ชั่วโมงท่ี 1

ข้นั Warm up
1. นกั เรียนอ่านชื่อหน่วยการเรียนรู้ (At work, at Play) ในหนงั สือเรียน หนา้ 9 แลว้ ร่วมกนั แสดงความ

คิดเห็นวา่ น่าจะเก่ียวขอ้ งกบั อะไร
2. Find the page Number for หน้า 9 ครูอธิบายคาวา่ blog

blog (n) = a web page containing information or opinions from a particular person or
about a particular subject, to which new information is added regularly
(also web log) (เวบ็ ไซตท์ ีใ่ ห้บริการบนั ทกึ ขอ้ มลู ส่วนตวั ซ่ึงอาจจะเป็น
ขอ้ ความ ความคิดเห็น รูปภาพ ซ่ึงบคุ คลทว่ั ไปสามารถเขา้ มาเยย่ี มชม
ตลอดจนใส่ความคดิ เห็นต่อเจา้ ของบนั ทึกได)้

จากน้นั ใหน้ กั เรียนหาว่าภาพท่ีเก่ียวขอ้ งกบั ท้งั 3 คาน้ีอยใู่ นหนงั สือเรียนหนา้ ใด เมอ่ื หาพบแลว้
ครูถามคาถามเพอ่ื สนทนากบั นกั เรียน

21

a blog entry (p. 17)
Do you write/read a blog? If yes, what’s it called? What’s it about?
If no, would you like to? Why (not)?
a song (p. 20)
Do you like listening to music? What’s your favourite song?
What’s your favourite kind of music?
a joke (p. 20)
Do you know any English jokes?
Do you think English jokes are funny? Why (not)?

ข้นั Pre-reading
1. หนงั สือเรยี น หน้า 9 Ex. 1 ครูเขียนหัวขอ้ Daily routines และ Free-time activities บนกระดาน แลว้

ใหน้ กั เรียนอา่ นกิจกรรมทีอ่ ยใู่ ตภ้ าพ 1-12 และช่วยกนั ระบุว่าแต่ละกิจกรรมอยใู่ ตห้ ัวขอ้ ใด ครูเขียน
คาตอบของนกั เรียนบนกระดาน จากน้นั เปิ ด CD ให้นกั เรียนฟังเพ่อื ตรวจคาตอบ

Daily routine: get up early, eat breakfast, catch the bus to school,
do homework, have lessons, go to bed
Free-time activities: watch TV, chat on the phone, hang out with friends,
play arcade games, surf the Net, play sport

จากน้นั ครูเปิ ด CD ให้นกั เรียนฝึกออกเสียงตามพร้อมกนั และทลี ะคน เสร็จแลว้ ช่วยกนั บอก
ความหมายโดยเดาความหมายจากภาพ
2. หนังสือเรียน หน้า 9 Ex. 2 ครูใหน้ กั เรียนจบั คู่ผลดั กนั ถาม-ตอบเก่ียวกบั กิจวตั รประจาวนั และ
กิจกรรมในเวลาวา่ ง โดยใชค้ าถามทใ่ี หม้ าและวลใี น Ex. 1 ครูคอยสังเกต แลว้ สุ่มเรียกนกั เรียนบางคู่
พูดถาม-ตอบให้เพือ่ นฟัง

22

A: What do you do in the morning?
B: I get up early, eat breakfast, and then I catch the bus to school.
A: What do you do in the afternoon?
B: I do my homework, then I watch TV or chat on the phone. etc.

3. หนงั สือเรียน หน้า 10 Ex. 1a ครูแบ่งนกั เรียนเป็นกลุ่ม กลุ่มละ 3-5 คน ให้แตล่ ะกลมุ่ เขียนช่ืออาชีพท่ี
รู้จกั ใหไ้ ดม้ ากท่ีสุดภายในเวลา 1 นาที เม่ือครบกาหนดเวลาครูให้ตวั แทนแต่ละกลมุ่ อา่ นอาชีพทเี่ ขียน
จากน้นั นกั เรียนสรุปอาชีพท้งั หมดจากทุกกลมุ่

4. หนงั สือเรียน หน้า 10 Ex. 1b นกั เรียนอา่ นชื่อเรื่อง “Jobs with a difference” และดูภาพประกอบ แลว้
ช่วยกนั เดาว่าอาชีพ 2 อาชีพทเ่ี กี่ยวขอ้ งกบั ภาพคืออาชีพใดบา้ ง จากน้นั ใหน้ กั เรียนช่วยกนั ต้งั คาถาม
เก่ียวกบั อาชีพดงั กลา่ ว แลว้ ครูเขียนคาถามบนกระดาน

I think the jobs are a chocolate maker or taster and a magician or a magician’s
assistant.
What qualifications do you need to be a chocolate taster? (a degree in nutrition or
food science)
What qualities do you need to be a magician’s assistant? (you need to be cheerful,
patient and careful)

5. หนังสือเรียน หน้า 10 Ex. 2 ครูแบ่งนกั เรียนเป็นกลุ่มยอ่ ย แลว้ ให้นกั เรียนอา่ นประโยคขอ้ 1-5 พร้อม
กนั และบอกคาสาคญั ในแต่ละประโยค ครูเขยี นคาทีน่ กั เรียนบอกบนกระดาน จากน้นั ให้แตล่ ะกลมุ่
ช่วยกนั เดาว่าประโยคแต่ละขอ้ เป็นคุณลกั ษณะของอาชีพใดระหวา่ ง Chocolate taster และ
Magician’s assistant พร้อมท้งั ให้เหตุผล

6. นกั เรียนอา่ นบทอ่านอยา่ งรวดเร็วเพื่อหาคาสาคญั ทน่ี กั เรียนบอกครู แลว้ ให้แต่ละกลมุ่ ดูคาตอบของ
กล่มุ ตนทีต่ อบไว้ และปรับแก้

7. นกั เรียนอา่ นออกเสียงคาศพั ทแ์ ละวลีในกรอบ Check these words ถา้ คาใดอา่ นไมไ่ ดใ้ หอ้ า่ นตามครู
จากน้นั ให้นกั เรียนช่วยกนั บอกความหมายของคาศพั ท์ ถา้ คาใดท่ีไมร่ ู้ ใหน้ กั เรียนเปิ ดหาความหมาย
ในพจนานุกรม

23

ข้นั Reading
1. ครูเปิ ด CD ใหน้ กั เรียนฟังและอา่ นบทอ่านตามไปดว้ ย เมือ่ อา่ นจบครูถามนกั เรียนวา่ คณุ ลกั ษณะใด

เป็นคุณลกั ษณะของอาชีพ Chocolate taster และคณุ ลกั ษณะใดเป็นคณุ ลกั ษณะของอาชีพ Magician’s
assistant ให้นกั เรียนช่วยกนั ตอบ

1 M 2 C, M 3 C 4M 5C

2. ครูใหน้ กั เรียนแต่ละกลมุ่ ตอบคาถามที่ช่วยกนั ต้งั บนกระดาน จากน้นั ครูให้ตวั แทนแต่ละกลมุ่ บอก
คาตอบ

ข้นั Post-reading
1. หนงั สือเรยี น หน้า 10 Ex. 3 นกั เรียนแต่ละกล่มุ อภปิ รายร่วมกนั ว่าตอ้ งการทาอาชีพใดและ

ไม่ตอ้ งการทาอาชีพใด ระหว่าง Chocolate taster และ Magician’s assistant พร้อมใหเ้ หตผุ ล
แลว้ เขยี นสรุป จากน้นั ให้แต่ละกลุ่มอา่ นให้เพอ่ื นกลุ่มอนื่ ฟัง เพือ่ จดบนั ทกึ เหตผุ ลท่ีตอ้ งการทา
และไม่ตอ้ งการทา

I would like to be a chocolate taster because I think it would be fun and I like
chocolate a lot. It would be great to travel too. / I wouldn’t like to be a chocolate
taster because I think it would be boring and I don’t like chocolate at all.
I would like to be a magician’s assistant because I think it would be interesting and
exciting and it would be great to travel a lot. / I wouldn’t like to be a magician’s
assistant because I think it would be dangerous and scary.

2. ครูและนกั เรียนร่วมกนั สรุปเหตุผลของนกั เรียนในช้นั โดยใช้ mind map
3. แบบฝึกหดั (Workbook) หนา้ 4 Exs. 1-2 ใหน้ กั เรียนทาเป็นการบา้ น

24

ชั่วโมงท่ี 2

ข้นั Warm up
1. ครูใหน้ กั เรียนเล่นเกม Hangman เก่ียวกบั คาศพั ทท์ ี่เรียนไปในชวั่ โมงทแ่ี ลว้ ประมาณ 8-10 คา

โดยแบง่ ทมี ตามแถว
2. นกั เรียนอ่านคาศพั ทแ์ ละวลใี นกรอบ Check these words หนงั สือเรียน หนา้ 10 พร้อมกนั

ข้นั Presentation
1. ครูแสดงบตั รคาศพั ทอ์ าชีพ fashion designer, nurse, secretary, dentist, pilot, police officer,

hairdresser, shop assistant ให้นกั เรียนดู (หรือถา้ มีคอมพวิ เตอร์ในหอ้ งเรียน ครูอาจจะพิมพค์ าศพั ท์
ให้ดู) แลว้ ให้นกั เรียนอา่ นออกเสียงตามครู 2 คร้ัง และอา่ นออกเสียงพร้อมกนั
2. ครูให้นกั เรียนดูภาพอาชีพต่าง ๆ ในหนงั สือเรียน หนา้ 11 และช่วยกนั บอกชื่ออาชีพตามภาพ โดยครู
ข้ึนตน้ พยญั ชนะตวั แรกให้
3. หนงั สือเรียน หน้า 11 Ex. 4 ครูแบง่ กลุม่ นกั เรียนเป็นกล่มุ กลุม่ ละ 3-5 คน แลว้ ให้กลุม่ เลขคอู่ า่ น
ประโยคที่ 1-4 ส่วนกลุ่มเลขคอ่ี า่ นประโยคที่ 5-8 จากน้นั ใหแ้ ตล่ ะกลุ่มจบั คู่ประโยคกบั ภาพอาชีพ
ภายในเวลา 2 นาที แลว้ ครูสุ่มเรียกตวั แทนกลุ่มบอกคาตอบกลมุ่ ละ 1 ขอ้ ให้นกั เรียนตรวจคาตอบ
ของกลมุ่ ตนและร่วมกนั แกไ้ ขคาตอบทไ่ี มถ่ กู ตอ้ ง

1B 2G 3C 4A
5E 6F 7H 8D

4. ครูอธิบายวลี look after และ earn salary เพม่ิ เติม และใหน้ กั เรียนสังเกตการใชว้ ลีดงั กลา่ ว
look after (phrv) = to take care of someone by helping them, giving them what they
need, or keeping them safe (ดูแล)
e.g. Don’t worry, I’ll look after the kids tomorrow.
earn salary (v) = to receive money for the work that you do (ไดเ้ งินเดือน)
e.g. She’s now earning a good salary as an interpreter.

25

5. ครูขออาสาสมคั ร (หรือครูเรียกแบบเจาะจง) ใหอ้ ่านคาศพั ทท์ ่ีกาหนดใหใ้ นหนงั สือเรียน หนา้ 11
Ex. 5a และให้นกั เรียนในช้นั อ่านตาม จากน้นั ใหน้ กั เรียนบอกความหมาย ถา้ คาใดทีไ่ ม่รู้ ครูช่วย
อธิบาย
caring (adj) = thinking about what other people need or want and trying to help
them (ทห่ี ่วงใยผอู้ ื่น)
fit (adj) = strong and healthy (แข็งแรงและมสี ุขภาพดี)
organised (adj) = working in an effective, ordered and sensible way (ซ่ึงเป็นระบบ
ระเบยี บ)
จากน้นั ครูอธิบายว่า คาเหลา่ น้ี คือ adjective แลว้ ครูถามวา่ เมอื่ นา adjective ไปใชใ้ นประโยคจะวาง
ไวท้ ีใ่ ด (หลงั verb to be และหนา้ คานาม)

6. หนงั สือเรียน หน้า 11 Ex. 5a ครูให้นกั เรียนกลุ่มเดิมจาก Ex. 4 กลมุ่ เลขคอ่ี ่านประโยคที่ 1-4 และ
กลมุ่ เลขคอู่ า่ นประโยคที่ 5-10 แลว้ ให้แต่ละกล่มุ เตมิ คาคณุ ศพั ทล์ งในประโยค จากน้นั ครูขอตวั แทน
กลุ่ม 2 กล่มุ ออกมาเขียนคาตอบบนกระดาน และตรวจคาตอบพร้อมกนั

1 creative 2 sociable 3 intelligent 4 caring
5 cheerful 6 calm 7 brave 8 patient
9 organised 10 fit

ข้นั Practice
1. หนังสือเรียน หน้า 11 Ex. 5b ครูให้นกั เรียนเขียนประโยคบรรยายคณุ สมบตั ขิ องแต่ละอาชีพใน Ex. 4

โดยใช้ adjectives จาก Ex. 5a เสร็จแลว้ ครูขออาสาสมคั รอ่านประโยค

Fashion designers need to be intelligent, creative and organised.
Secretaries need to be intelligent, cheerful and calm.
Dentists need to be intelligent, cheerful and calm.
Pilots need to be intelligent, fit, calm and brave.
Police officers need to be intelligent, fit, calm and brave.
Hairdressers need to be creative, cheerful and sociable.
Shop assistants need to be cheerful, patient and sociable.

26

2. หนังสือเรยี น หน้า 11 Ex. 6 ครูอธิบายนกั เรียนว่าจะไดฟ้ ัง Nicky พูดเก่ียวกบั ชีวิตของเขา ซ่ึงเป็น
ช่างตดั ผม ให้นกั เรียนฟังและจดบนั ทกึ ส่ิงที่ Nicky ชอบและไมช่ อบเก่ียวกบั กิจวตั รประจาวนั ของเขา
และกิจกรรมที่ Nicky ทาเพ่ือผอ่ นคลาย
ครูเขียนตารางบนกระดาน และให้นกั เรียนลอกลงในสมดุ เพื่อบนั ทกึ ขอ้ มลู จากน้นั ครูให้นกั เรียนฟัง
CD 2 คร้ัง คร้ังแรกให้ต้งั ใจฟังโดยไม่ตอ้ งจดบนั ทกึ คร้งั ที่ 2 ให้ฟังและจดบนั ทึกขอ้ มลู ลงในตาราง

Things he likes
Things he doesn’t like
How to relax

3. ครูใหน้ กั เรียนช่วยกนั บอกขอ้ มูล แลว้ ครูเขียนลงในตารางบนกระดาน จากน้นั ครูถามคาถาม What
does Nicky like about daily routine? What does he not like about daily routine? How does he relax
in the evening? ให้นกั เรียนบอกคาตอบโดยใชข้ อ้ มลู จากตาราง

Nicky loves his job. He likes meeting people and talking to them.
He doesn’t like sweeping the floor and cleaning up.
He relaxes in the evenings by watching TV or listening to music.

ข้นั Production
1. หนงั สือเรยี น หน้า 11 Ex. 7 ครูอธิบายภาระงานว่าให้นกั เรียนไปสมั ภาษณ์บุคคลในครอบครวั 1 คน

โดยใชค้ าถามทกี่ าหนดให้ (ครูอาจจะให้นกั เรียนถา่ ยคลิปขณะสัมภาษณ์ดว้ ย) แลว้ เขยี นบทสมั ภาษณ์
มาส่งครู
เม่ือนกั เรียนเขา้ ใจสิ่งท่ีตอ้ งทาแลว้ ครูใหน้ กั เรียนอ่านคาถามทกี่ าหนดให้พร้อมกนั ครูอธิบายเพ่มิ เตมิ
สาหรบั คาถามท่นี กั เรียนไมเ่ ขา้ ใจ

A: What time do you get up for work?
B: I get up at 7.30 am.
A: How do you go to work?

27

B: I drive to work.
A: What do you do at work?
B: I answer the phone and type letters.
A: Do you wear a uniform at work?
B: No, I don’t.
A: Do you earn a good salary?
B: Yes, I do.
A: Do you work 9 to 5?
B: Yes, I do.
A: What qualities are necessary for work?
B: I need to be intelligent, organized and cheerful.
A: Do you work indoors/outdoors?
B: I work indoors.

2. นกั เรียนทา Language Review 1a Exs. 1-2 ในหนงั สือเรียน หนา้ 105 ร่วมกนั ในช้นั
3. แบบฝึกหัด (Workbook) หนา้ 4-5 Exs. 3-8 ใหน้ กั เรียนทาเป็นการบา้ น

7. การวัดและการประเมนิ ผล เคร่ืองมือ เกณฑ์การผ่าน
แบบฝึกหัด (Workbook) ร้อยละ 60
วธิ ีการวดั สมดุ นกั เรียน -
ตรวจการตอบคาถามจากการอา่ นหรือ
การฟัง สมุดนกั เรียน -
ตรวจการเขียนอธิบายเหตผุ ลเก่ียวกบั แบบประเมินการเขยี น ระดบั คุณภาพ พอใช้
อาชีพที่ตอ้ งการทาและไมต่ อ้ งการทา แบบประเมินคณุ ลกั ษณะ ระดบั คณุ ภาพ ผ่าน
จากเร่ืองท่ีอา่ น อนั พงึ ประสงค์
ตรวจการเขียนบรรยายคุณสมบตั ทิ ี่
จาเป็นของอาชีพต่าง ๆ
ประเมนิ การเขยี นบทสัมภาษณ์เก่ียวกบั
อาชีพของบคุ คลในครอบครวั
สงั เกตความใฝ่เรียนรู้และความมุง่ มน่ั
ในการทางาน

28

8. สื่อ/แหล่งการเรียนรู้
1) หนงั สือเรียน SPARK 2 ม. 2
2) Class Audio CDs ประกอบส่ือฯ ชุด SPARK 2 ม. 2
3) แบบฝึกหัด SPARK 2 ม. 2
4) พจนานุกรมองั กฤษ-องั กฤษ
5) พจนานุกรมออนไลน์
6) บตั รคาศพั ทอ์ าชีพ
7) สมาชิกในครอบครัวของนกั เรียน

29

2 Grammar 1b

2 ช่ัวโมง

จดุ ประสงค์การเรยี นรู้
- สนทนาแลกเปล่ยี นขอ้ มูลของบคุ คลอืน่ ได้
- เปรียบเทยี บความเหมือนและความแตกตา่ งของคาวเิ ศษณ์ในภาษาองั กฤษและภาษาไทยได้
- เขียนให้ขอ้ มูลเกี่ยวกบั ตนเองได้

1. สาระ มาตรฐานการเรียนรู้/ตัวชีว้ ดั
สาระที่ 1 ภาษาเพอ่ื การส่ือสาร
มาตรฐาน ต 1.2 มีทักษะการส่ือสารทางภาษาในการแลกเปลยี่ นข้อมูลข่าวสาร แสดงความรู้สึกและ
ความคดิ เห็นอย่างมปี ระสิทธภิ าพ
ตวั ช้ีวดั
ต 1.2 ม. 2/1 สนทนาแลกเปลีย่ นขอ้ มลู เก่ียวกบั ตนเอง เร่ืองต่าง ๆ ใกลต้ วั และสถานการณต์ ่าง ๆ
ในชีวติ ประจาวนั อยา่ งเหมาะสม
มาตรฐาน ต 1.3 นาเสนอข้อมลู ข่าวสาร ความคิดรวบยอด และความคิดเห็นในเรื่องต่าง ๆ โดยการพูด
และการเขยี น
ตวั ช้ีวดั
ต 1.3 ม. 2/1 พดู และเขยี นบรรยายเก่ียวกบั ตนเอง กิจวตั รประจาวนั ประสบการณ์ และขา่ ว/
เหตกุ ารณ์ท่อี ยใู่ นความสนใจของสังคม
สาระท่ี 2 ภาษาและวัฒนธรรม
มาตรฐาน ต 2.2 เข้าใจความเหมือนและความแตกต่างระหว่างภาษาและวฒั นธรรมของเจ้าของภาษา
กบั ภาษาและวฒั นธรรมไทย และนามาใช้อย่างถกู ต้องและเหมาะสม
ตวั ช้ีวดั
ต 2.2 ม. 2/1 เปรียบเทยี บและอธิบายความเหมอื นและความแตกต่างระหวา่ งการออกเสียง
ประโยคชนิดต่าง ๆ และการลาดบั คาตามโครงสร้างประโยคของภาษาตา่ งประเทศ
และภาษาไทย

30

สาระท่ี 4 ภาษากบั ความสัมพันธ์กบั ชุมชนและโลก

มาตรฐาน ต 4.1 ใช้ภาษาต่างประเทศในสถานการณ์ต่าง ๆ ท้งั ในสถานศึกษา ชุมชน และสังคม
ตวั ช้ีวดั
ต 4.1 ม. 2/1 ใชภ้ าษาสื่อสารในสถานการณ์จริง/สถานการณ์จาลองทเี่ กิดข้นึ ในห้องเรียน
สถานศึกษา และชุมชน

2. สาระสาคญั /ความคิดรวบยอด
การเรียนรู้และเขา้ ใจโครงสร้างทางภาษา จะช่วยใหส้ ามารถพดู และเขียนประโยคต่าง ๆ ไดถ้ กู ตอ้ ง

และเหมาะสมตามสถานการณ์ ตลอดจนเกิดความเขา้ ใจในความเหมอื นและความตา่ งของภาษาองั กฤษ
และภาษาไทย

3. สาระการเรียนรู้

3.1 ทักษะเฉพาะวิชา

1) Language Features and Functions

Grammar: Present simple & Present continuous

Adverbs of frequency

-ing form & to-infinitive

Pronunciation: /s/, /z/, /Iz/

walks, eats, tidies, reads, watches, finishes

2) Language Skills

Speaking: สนทนาแลกเปลี่ยนขอ้ มูลของบคุ คลอืน่

Writing: เขียนใหข้ อ้ มูลเกี่ยวกบั ตนเอง

4. สมรรถนะสาคัญของผ้เู รยี น
1) ความสามารถในการสื่อสาร
2) ความสามารถในการคิด

5. คุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์
- ใฝ่เรียนรู้

31

6. กจิ กรรมการเรียนรู้

ชั่วโมงที่ 1

ข้นั Warm up
1. ครูแบ่งนกั เรียนเป็นกลุม่ กลมุ่ ละ 3-5 คน แลว้ แจกแถบประโยคใหก้ ลมุ่ ละ 10 ประโยค ใหน้ กั เรียน

เรียงคาใหเ้ ป็นประโยคทถ่ี กู ตอ้ ง โดยให้กลมุ่ เลขคู่ทาขอ้ คู่และกลุ่มเลขค่ที าขอ้ ค่ี
2. ครูขออาสาสมคั รเขียนประโยคทีเ่ รียงคาใหมแ่ ลว้ บนกระดาน กลมุ่ ละ 2 ประโยค จากน้นั ครูและ

นกั เรียนร่วมกนั ตรวจคาตอบ และแกไ้ ขประโยคให้ถกู ตอ้ ง เสร็จแลว้ ให้นกั เรียนอา่ นประโยคท้งั หมด
พร้อมกนั

แถบประโยค
1 gets up / my sister / early / every day / .
2 doing / homework / in / the children / the living room / are / .
3 have / at 7 am / I / breakfast /always / .
4 washing / the car / is / Dad / ?
5 to work / drive / doesn’t / Jim / .
6 like / football / Jim and James / playing / do / ?
7 the patients / help / and / the nurses / the doctors / look after / .
8 singing / they / dancing / are / and / ?
9 walk / every morning / my brother / I / to school / and / .
10 am / in / my brother’s / I / farm / this week / working / .

1 My sister gets up early every day.
2 The children are doing homework in the living room.
3 I always have breakfast at 7 am.
4 Is dad washing the car?
5 Jim doesn’t drive to work.

32

6 Do Jim and James like playing football?
7 The nurses help the doctors and look after the patients.
8 Are they singing and dancing?
9 My brother and I walk to school every morning.
10 I am working in my brother’s farm this week.

ข้นั Presentation
1. นกั เรียนแตล่ ะกลุ่มช่วยกนั พจิ ารณาคากริยาในแต่ละประโยค และอภปิ รายร่วมกนั ในกลุม่ ว่าคากริยา

ท้งั หมดสามารถจดั กล่มุ ตามโครงสร้างไดก้ ่ีกลุม่ แตล่ ะกลมุ่ ประกอบดว้ ยคากริยาอะไรบา้ ง จากน้นั ครู
สุ่มเรียกตวั แทนกลมุ่ 2-3 กลุ่ม นาเสนอผลการจดั กลมุ่

แบง่ ได้ 2 กลมุ่
กลุ่มที่ 1 ไดแ้ ก่ gets up, have, doesn’t drive, Do … like, help, look after, walk
กลุ่มท่ี 2 ไดแ้ ก่ are doing, Is … washing, Are … singing, dancing, am working

2. ครูสรุปใหน้ กั เรียนฟังวา่ คากริยาในประโยคเหล่าน้ีอยใู่ นรูป Present simple และ Present continuous
3. หนงั สือเรยี น หน้า 12 Ex. 1 นกั เรียนแต่ละกลุ่มอา่ นหลกั การใช้ Present simple และ Present

continuous หลงั จากน้นั ใหแ้ ตล่ ะกลุม่ ตรวจและปรับแกก้ ารจดั กลุ่มคากริยาในกิจกรรมขอ้ 1 แลว้ ครู
เฉลยคาตอบ
4. ครูอธิบาย stative verb วา่ มกั จะใช้ใน Simple tense จะไม่ใชใ้ น Continuous tense โดยมกั เป็น
คากริยาท่ีเก่ียวกบั ความรู้สึกนึกคิด ประสาทสมั ผสั ท้งั ห้า เช่น appear, agree, hate, hear, taste
5. ครูให้นกั เรียนแต่ละกลุ่มบอกความหมายของประโยคกลมุ่ ละ 2 ประโยค แลว้ นกั เรียนร่วมกนั สรุป
โครงสร้างและการใช้ Present simple และ Present continuous
6. ครูอธิบายการออกเสียงคากริยารูป third person singular โดยยกตวั อยา่ งคากริยาบนกระดาน เช่น
gets, works, drives, runs, kisses, washes แลว้ ออกเสียงใหน้ กั เรียนฟังทีละคา ให้นกั เรียนต้งั ใจฟัง
เสียงตวั s ทา้ ยคา จากน้นั ครูถามนกั เรียนว่าไดย้ นิ ครูออกเสียงทา้ ยคากริยาเป็นเสียงอะไรบา้ ง ให้
นกั เรียนช่วยกนั ตอบ แลว้ ครูจึงสรุปให้ฟัง

33

คากริยาท่ีเตมิ -s หรือ -es จะออกเสียงได้ 3 เสียง คือ
1) ออกเสียง /s/ เม่ือคากริยาลงทา้ ยดว้ ยเสียงไม่กอ้ ง (voiceless sound) ไดแ้ ก่ /p/, /t/, /k/,

/f/ เช่น tap, get, talk, laugh
2) ออกเสียง /z/ เมอ่ื คากริยาลงทา้ ยดว้ ยเสียงกอ้ ง (voiced sound) ไดแ้ ก่ /b/, /d/, /ɡ/, /m/,

/n/, /v/ เช่น rob, read, dig, swim, open, live
3) ออกเสียง /Iz/ เม่ือคากริยาลงทา้ ยดว้ ย s, z, ch, sh เช่น cross, sneeze, watch, wash

7. หนงั สือเรยี น หน้า 12 Ex. 2 นกั เรียนอา่ นคากริยาทก่ี าหนดให้พร้อมกนั แลว้ เขยี นรูป third person
singular ของคากริยาเหลา่ น้ีลงในตารางตามการออกเสียง จากน้นั ครูใหน้ กั เรียนฟัง CD เพือ่ ตรวจ
คาตอบ แลว้ ครูใหน้ กั เรียนฟัง CD อีกคร้งั และออกเสียงตาม

/s/ /z/ /Iz/
walks, eats, wakes up, tidies, reads, enjoys, watches, finishes
sleeps does, goes, plays

8. หนงั สือเรียน หน้า 12 Ex. 3 นกั เรียนเติมคากริยาจาก Ex. 2 ลงในขอ้ ความ เสร็จแลว้ ครูขออาสาสมคั ร
2-3 คน อ่านประโยค แลว้ นกั เรียนในช้นั ตรวจคาตอบ จากน้นั ครูใหน้ กั เรียนอา่ นขอ้ ความพร้อมกนั

1 wakes up 2 goes 3 finishes 4 walks
5 eats 6 watches 7 reads

ข้นั Practice
1. หนังสือเรยี น หน้า 12 Ex. 4 นกั เรียนจบั ค่กู นั พูดถาม-ตอบ โดยใชค้ าถาม Yes/No question ครูเดิน

สังเกตและใหค้ าแนะนา หลงั จากน้นั ครูสุ่มเรียกนกั เรียน 2-3 คู่ ออกมาพดู ถาม-ตอบท่หี นา้ ช้นั

34

A: Does Kelly live in Bond Street?
B: No, she doesn’t. She lives in Simon Street. Does Kelly play tennis?
A: No, she doesn’t. She plays basketball. Does Kelly speak Russian?
B: No, she doesn’t. She speaks Polish. Does Kelly like fish?
A: No, she doesn’t. She likes burgers.

2. หนงั สือเรยี น หน้า 12 Ex. 5 นกั เรียนดภู าพและเติมคากริยาลงในประโยค โดยเปล่ียนใหอ้ ยใู่ นรูป
Past continuous เสร็จแลว้ ครูขออาสาสมคั รออกมาเขยี นคาตอบบนกระดาน

1 are playing 2 aren’t doing 3 is lying
4 is sitting 5 aren’t wearing

3. หนังสือเรยี น หน้า 12 Ex. 6 ครูสุ่มเรียกนกั เรียน 4 คน เป็นผูถ้ ามคาถามคนละ 1 ขอ้ แลว้ ให้นกั เรียน
เลอื กเพือ่ นทีจ่ ะเป็นผตู้ อบคาถาม โดยใหน้ กั เรียนท่เี หลือตรวจว่าเพ่อื นถามและตอบคาถามถกู ตอ้ ง
หรือไม่ ถา้ ไม่ถกู ใหช้ ่วยกนั แกไ้ ข จากน้นั ครูให้นกั เรียนสะกดรูป -ing ของคากริยา

1 Are Lucy and Liam watching TV?
No, they aren’t. They are drawing.

2 Is Tom listening to music?
No, he isn’t. He’s surfing the Net.

3 Is the dog sleeping?
No, it isn’t. It is eating the newspaper.

4 Is Jane chopping vegetables?
No, she isn’t. She’s washing the dishes.

35

4. หนงั สือเรยี น หน้า 13 Ex. 7 นกั เรียนเตมิ ประโยคดว้ ยคากริยาในวงเล็บ โดยเปลย่ี นใหอ้ ยใู่ นรูปที่
ถูกตอ้ ง เสร็จแลว้ ครูสุ่มเรียกนกั เรียนเป็นคใู่ ห้อ่านประโยคคู่ละ 1 ขอ้ เพื่อตรวจคาตอบ แลว้ ให้
นกั เรียนช่วยกกนั ระบวุ ่าคาใดเป็น stative verb

1 are you doing, ’m waiting 2 Do you play, is raining
3 helps, wants 4 are you hurrying, leaves
5 Is Tom sleeping, ’s reading 6 look, ’m studying
7 works, isn’t working 8 Do you fancy, ’m doing

stative verbs: wants, look, fancy

ข้นั Production
1. ครูใหน้ กั เรียนแตง่ บทสนทนาส้นั ๆ เหมอื นใน Ex. 7 มา 3 บทสนทนา โดยให้ใชค้ ากริยาท้งั รูป

Present simple และ Present continuous
2. แบบฝึกหดั (Workbook) หนา้ 6 Exs. 1-3 ใหน้ กั เรียนทาร่วมกนั ในช้นั เรียน
3. แบบฝึกหดั (Workbook) หนา้ 6-7 Exs. 4-5 ใหน้ กั เรียนทาเป็นการบา้ น

ชั่วโมงท่ี 2

ข้นั Warm up
1. ครูพูดคากริยารูป -ing ให้นกั เรียนสะกดคาพร้อมกนั (sitting, walking, dying, eating, sleeping,

getting, chopping, playing, listening, raining)
2. ครูสุ่มเรียกนกั เรียน 3-4 คู่ ให้พูดถาม-ตอบบทสนทนาส้ัน ๆ ที่นกั เรียนแตง่ ไวเ้ ม่อื ชว่ั โมงท่ีแลว้

ข้นั Presentation
1. หนังสือเรียน หน้า 13 Ex. 8 นกั เรียนอา่ นประโยคพร้อมกนั แลว้ ขีดเส้นใตค้ ากริยาในแตล่ ะประโยค

ครูสุ่มถามนกั เรียนวา่ คาใดบา้ งที่เป็นคากริยา นกั เรียนตรวจคาตอบของตนเอง

36

2. ครูใหน้ กั เรียนสังเกตคาท่พี ิมพต์ วั หนาในแตล่ ะประโยคและอา่ นออกเสียงตามครูพร้อมกนั แลว้ ให้

นกั เรียนสงั เกตส่ีเหลย่ี มเล็ก ๆ ทา้ ยประโยคแต่ละประโยค ครูถามนกั เรียนวา่ สี่เหล่ียมเล็ก ๆ น้ี

สัมพนั ธก์ บั คาท่ีพมิ พต์ วั หนาอยา่ งไร

3. ครูสรุปวา่ คาท่พี ิมพต์ วั หนาเหลา่ น้ีเป็นคาทใ่ี ชบ้ อกความถี่ของการกระทา เรียกว่า adverb of

frequency

always = สม่าเสมอ usually = ปกติ

often = บอ่ ย ๆ, บ่อยคร้ัง sometimes = บางคร้งั

never = ไมเ่ คย

สาหรับคาถามทใี่ ชถ้ ามความถขี่ องการกระทา คอื How often

4. นกั เรียนอา่ นขอ้ ความในกรอบสีฟ้า และเตมิ ขอ้ ความใหถ้ ูกตอ้ ง เสร็จแลว้ ครูให้นกั เรียนบอกคาตอบ

พร้อม ๆ กนั

1 before 2 after

5. ครูสุ่มถามนกั เรียน 4-5 คน ว่า How often do you go shopping? แลว้ ครูเขียนคาตอบของนกั เรียน
บนกระดาน เช่น I often go shopping. I always go shopping. ใหน้ กั เรียนในช้นั ช่วยกนั ตรวจว่าเพื่อน
ใช้ adverb of frequency ในประโยคถกู ตอ้ งหรือไม่

6. ครูสุ่มเรียกนกั เรียน 4-5 คน ใหถ้ ามเพอ่ื นดว้ ยคาถาม How often do you …? ครูเขียนคาตอบ
บนกระดาน และให้นกั เรียนร่วมกนั ตรวจคาตอบ เช่น
S1: How often do you watch a film?
S2: I often watch a film.

S3: How often do you cook dinner?
S4: I never cook dinner.
7. ครูเขยี นคาวา่ now, every day, on Mondays, at the moment บนกระดาน และอธิบายว่าคาเหล่าน้ีใช้
ขยายคากริยา เพ่อื บอกช่วงเวลาในการกระทา เรียกวา่ adverb of time เช่น I go shopping on Sundays.
I am doing homework now. โดยส่วนมากนิยมวาง adverb of time ไวท้ า้ ยประโยค ครูย้าวา่ now และ
at the moment จะใชก้ บั Present continuous
8. ครูใหน้ กั เรียนจบั ค่ชู ่วยกนั ปรบั ประโยคคาตอบท่ีครูเขยี นไวบ้ นกระดานใหม่ โดยใช้ adverb of time
จากน้นั ครูสุ่มเรียกนกั เรียนอา่ นประโยคทีป่ รบั ใหม่ เช่น I go shopping on Mondays. I’m cooking
dinner at the moment.

37

9. ครูเขียนประโยคตามน้ีบนกระดาน
- I always go shopping because I love shopping.
- I usually swim at weekends because I enjoy swimming.

ครูขดี เสน้ ใต้ love shopping และ enjoy swimming แลว้ ถามความหมายจากนกั เรียน
10. หนังสือเรียน หน้า 13 Ex. 11 นกั เรียนอ่านขอ้ ความในกรอบสีฟ้า แลว้ ครูอธิบายว่าคากริยาทเ่ี กี่ยวกบั

ความรู้สึก เช่น รกั ชอบ ไม่ชอบ เกลียด รวมถึง go จะใชก้ บั คากริยา -ing ส่วนคากริยา want จะตาม
ดว้ ย to-infinitive

ข้นั Practice
1. หนังสือเรียน หน้า 13 Ex. 9 นกั เรียนเขียนประโยคบอกความถ่ขี องการกระทาทก่ี าหนดให้ เสร็จแลว้

ครูสุ่มเรียกนกั เรียนอ่านประโยคคนละ 1 ประโยค

2 I sometimes spend too much money on clothes.
3 I sometimes play my MP3 player too loudly.
4 I am never late for school.
5 I often go to the park.
6 I never talk back to my parents.
7 I always help with the housework.
8 I usually exercise in the morning.
9 I often visit my grandparents.
10 I often surf the Net.

2. หนังสือเรยี น หน้า 13 Ex. 10 นกั เรียนเขยี นประโยคโดยใช้ adverbs of frequency และ adverbs of
time ทกี่ าหนดให้ เสร็จแลว้ ครูสุ่มเรียกนกั เรียนอ่านประโยค

I go to school every day.
I’m learning how to cook these days.
I sometimes walk to school.

38

I have piano lessons on Mondays.
I am writing sentences at the moment.
I usually play football on Saturdays.
I never get up early on Sundays.

3. หนังสือเรยี น หน้า 13 Ex. 12 นกั เรียนเติมคากริยาในวงเลบ็ ลงในประโยค โดยเปลย่ี นใหอ้ ย่ใู นรูป
-ing หรือ to-infinitive

2 to be 3 dancing 4 getting up 5 going

4. นกั เรียนร่วมกนั สรุปการใช้ adverbs of frequency, adverbs of time และการใช้ v-ing
5. นกั เรียนร่วมกนั เปรียบเทียบตาแหน่งของคาวเิ ศษณบ์ อกความถใ่ี นประโยคภาษาไทยและ

ภาษาองั กฤษ รวมท้งั เปรียบเทียบว่าในประโยคภาษาไทยมกี ารเปลย่ี นรูปคากริยาเมอ่ื เป็นประโยค
แสดงความรู้สึกหรือไม่ พร้อมท้งั ยกตวั อยา่ ง

ในภาษาไทยมีคาวเิ ศษณท์ ใี่ กลเ้ คยี งกบั adverb of frequency คอื ประมาณวิเศษณ์ เป็น
คาวิเศษณบ์ อกจานวน หรือปริมาณ เช่น หน่ึง สอง สาม มาก นอ้ ย บอ่ ย หลาย บรรดา
ตา่ ง บา้ ง เป็นตน้
ตาแหน่งของคาวเิ ศษณ์บอกปริมาณในประโยคภาษาไทยมกั จะอยทู่ า้ ยประโยค เช่น
เขามาหาฉนั บ่อย ๆ
ท่มี า: http://www.silpathai.net/คาวิเศษณ์/

39

ข้นั Production
1. หนงั สือเรียน หน้า 13 Ex. 13 นกั เรียนเขยี นประโยคเก่ียวกบั ตนเอง โดยใชค้ าข้นึ ตน้ ท่กี าหนดให้

1 I like swimming.
2 I don’t like doing the washing-up.
3 I don’t mind washing the car.
4 I want to be a lawyer when I grow up.
5 I enjoy painting.
6 I don’t want to go out tonight.

2. ครูให้นกั เรียนเขยี นประโยคเกี่ยวกบั ตนเอง 5 ประโยค โดยใช้ adverb of frequency จากน้นั ครู
สุ่มเรียกนกั เรียนอ่านประโยค คนละ 1 ประโยค

1 I sometimes cook dinner.
2 I always help my mum.
3 I never eat some beef.
4 I usually play computer games.
5 I often chat with friends after dinner.

3. นกั เรียนทา Grammar Bank 1 ในแบบฝึกหัด (Workbook) หนา้ 69 Exs. 1-4, หนา้ 71 Exs. 5-9,
หนา้ 73 Exs. 10-14 ร่วมกนั ในช้นั

4. แบบฝึกหดั (Workbook) หนา้ 7 Exs. 6-9 ใหน้ กั เรียนทาเป็นการบา้ น

40

7. การวัดและการประเมนิ ผล

วิธกี ารวดั เครื่องมือ เกณฑ์การผ่าน
ระดบั คุณภาพ พอใช้
สงั เกตการพดู ขอและให้ขอ้ มลู ของ แบบสังเกตพฤติกรรมการเรียนรู้ ระดบั คณุ ภาพ พอใช้

บุคคลอ่ืน -
-
สงั เกตการเปรียบเทียบความเหมือน แบบสังเกตพฤตกิ รรมการเรียนรู้ ระดบั คณุ ภาพ ผ่าน

และความแตกตา่ งของตาแหน่ง

คาวเิ ศษณ์ในประโยคภาษาองั กฤษ

และภาษาไทย

ตรวจการเขียนประโยคเก่ียวกบั ตนเอง สมุดนกั เรียน

โดยใชค้ าข้ึนตน้ ท่ีกาหนด

ตรวจการเขียนประโยคเกี่ยวกบั ตนเอง สมุดนกั เรียน

โดยใช้ adverb of frequency

สังเกตความใฝ่ เรียนรู้ แบบประเมนิ คุณลกั ษณะ

อนั พงึ ประสงค์

8. สื่อ/แหล่งการเรียนรู้
1) หนงั สือเรียน SPARK 2 ม. 2
2) Class Audio CDs ประกอบส่ือฯ ชุด SPARK 1 ม. 2
3) แบบฝึกหัด SPARK 2 ม. 2

41

3 Skills 1c

2 ช่ัวโมง

จุดประสงค์การเรียนรู้
- บอกรายละเอยี ดของเรื่องทอ่ี ่านได้
- เปรียบเทียบขอ้ มลู ทอ่ี า่ นกบั ขอ้ มลู ของไทยได้
- เขยี นโฆษณา Safari หรือ Leisure Park ในประเทศไทยได้

1. สาระ มาตรฐานการเรียนรู้/ตัวชีว้ ัด
สาระท่ี 1 ภาษาเพอื่ การสื่อสาร
มาตรฐาน ต 1.1 เข้าใจและตคี วามเร่ืองทีฟ่ ังและอ่านจากสื่อประเภทต่าง ๆ และแสดงความคิดเหน็
อย่างมีเหตุผล
ตวั ช้ีวดั
ต 1.1 ม. 2/4 เลือกหวั ขอ้ เร่ือง ใจความสาคญั บอกรายละเอียดสนบั สนุน (supporting detail) และ
แสดงความคิดเห็นเก่ียวกบั เร่ืองท่ีฟังและอ่าน พร้อมท้งั ใหเ้ หตผุ ลและยกตวั อยา่ ง
ง่าย ๆ ประกอบ
มาตรฐาน ต 1.3 นาเสนอข้อมลู ข่าวสาร ความคดิ รวบยอด และความคดิ เห็นในเร่ืองต่าง ๆ โดยการพูด
และการเขยี น
ตวั ช้ีวดั
ต 1.3 ม. 2/1 พดู และเขียนบรรยายเกี่ยวกบั ตนเอง กิจวตั รประจาวนั ประสบการณ์ และขา่ ว/
เหตุการณ์ทีอ่ ยใู่ นความสนใจของสงั คม
สาระท่ี 2 ภาษาและวัฒนธรรม
มาตรฐาน ต 2.2 เข้าใจความเหมือนและความแตกต่างระหว่างภาษาและวัฒนธรรมของเจ้าของภาษา
กับภาษาและวัฒนธรรมไทย และนามาใช้อย่างถกู ต้องและเหมาะสม
ตวั ช้ีวดั
ต 2.2 ม. 2/2 เปรียบเทยี บและอธิบายความเหมอื นและความแตกตา่ งระหว่างชีวิตความเป็นอยแู่ ละ
วฒั นธรรมของเจา้ ของภาษากบั ของไทย

42

2. สาระสาคัญ/ความคิดรวบยอด
การเรียนรู้เก่ียวกบั ใจความสาคญั ใจความสนบั สนุน และเขา้ ใจเกี่ยวกบั รูปแบบตา่ ง ๆ ในการเขยี น

จะช่วยใหส้ ามารถนาคาศพั ทแ์ ละประโยคไปใชใ้ นการเขยี นไดอ้ ยา่ งถกู ตอ้ งตามโครงสร้างของการเขยี น

3. สาระการเรียนรู้

3.1 ทกั ษะเฉพาะวชิ า

1) Language Features and Functions

Vocabulary: Verb (adopt)

Nouns (amusement park, rides, attractions, ghost train, experience,

buddy, wildlife project)

Adjectives (rare, brave)

Functions: Talking about the leisure park

I’d like to see all the animals and go on the rides there.

2) Language Skills

Listening: ฟังเพ่อื หาขอ้ มูลเฉพาะ

Speaking: เปรียบเทียบ Safari และ Leisure Park ในประเทศไทยกบั West Midland

Safari and Leisure Park

Reading: อา่ นเพ่อื หาขอ้ มลู เฉพาะ

Writing: เขียนโฆษณา

4. สมรรถนะสาคัญของผ้เู รียน
1) ความสามารถในการสื่อสาร
2) ความสามารถในการคดิ

5. คุณลกั ษณะอนั พึงประสงค์
1) ใฝ่เรียนรู้
2) ม่งุ มน่ั ในการทางาน

43


Click to View FlipBook Version