The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

แผนการจัดการเรียนรู้ ภาษาอังกฤษ ม.2
หนังสือ Spark

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by DanAngelo Q Bunlong, 2022-08-16 00:07:27

แผนการจัดการเรียนรู้ ภาษาอังกฤษ ม.2

แผนการจัดการเรียนรู้ ภาษาอังกฤษ ม.2
หนังสือ Spark

Keywords: แผนการจัดการเรียนรู้ ภาษาอังกฤษ ม.2

A: Hi, Jane. How was your holiday?
B: Hi, Kim. You’ll never guess what happened.
A: You don’t look pleased. What’s wrong?
B: I lost my purse.
A: That’s terrible! How did that happen?
B: We were celebrating La Tomatina. People were throwing tomatoes at each

other.
A: Are you kidding?
B: Incredible isn’t it? When I got back to my hotel, I realised my purse was

gone.
A: Oh dear! I’m really sorry!
B: I felt so disappointed.

ข้นั Production
1. ครูให้นกั เรียนแต่ละคู่ออกมาแสดงบทสนทนาทหี่ นา้ ช้นั เรียน โดยครูเรียกตามลาดบั เลขที่
2. แบบฝึกหัด (Workbook) หนา้ 26 Exs. 3-4 ให้นกั เรียนทาเป็นการบา้ น

7. การวดั และการประเมนิ ผล

วิธกี ารวดั เคร่ืองมือ เกณฑ์การผ่าน
ร้อยละ 60
ตรวจการตอบคาถามจากการอา่ นหรือ แบบฝึกหัด (Workbook)
ระดบั คณุ ภาพ พอใช้
การฟัง
ระดบั คณุ ภาพ พอใช้
สังเกตการพูดบทสนทนาตาม แบบสังเกตพฤตกิ รรมการเรียนรู้
ระดบั คุณภาพ ผา่ น
ที่กาหนด

ประเมินการแสดงบทสนทนาตาม แบบประเมินการแสดงบทสนทนา/

สถานการณท์ ่ีกาหนด บทบาทสมมติ

สังเกตความใฝ่เรียนรู้และความมงุ่ มนั่ แบบประเมนิ คณุ ลกั ษณะ

ในการทางาน อนั พึงประสงค์

194

8. ส่ือ/แหล่งการเรียนรู้
1) หนงั สือเรียน SPARK 2 ม. 2
2) Class Audio CDs ประกอบส่ือฯ ชุด SPARK 2 ม. 2
3) แบบฝึกหดั SPARK 2 ม. 2
4) พจนานุกรมองั กฤษ-องั กฤษ
5) พจนานุกรมออนไลน์

195

5 Across cultures 3e

2 ชั่วโมง

จุดประสงค์การเรียนรู้
- บอกรายละเอยี ดและแสดงความคิดเห็นเก่ียวกบั เรื่องที่อา่ นได้
- เปรียบเทียบเทศกาลของไทยกบั ของเจา้ ของภาษาได้
- คน้ ควา้ ขอ้ มลู เกี่ยวกบั เทศกาลของไทยและเขียนนาเสนอได้

1. สาระ มาตรฐานการเรยี นรู้/ตัวชี้วัด
สาระท่ี 1 ภาษาเพอ่ื การสื่อสาร
มาตรฐาน ต 1.1 เข้าใจและตีความเร่ืองท่ฟี ังและอ่านจากส่ือประเภทต่าง ๆ และแสดงความคิดเหน็
อย่างมีเหตุผล
ตวั ช้ีวดั
ต 1.1 ม. 2/4 เลือกหัวขอ้ เร่ือง ใจความสาคญั บอกรายละเอยี ดสนบั สนุน (supporting detail) และ
แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกบั เร่ืองทฟี่ ังและอา่ น พร้อมท้งั ให้เหตผุ ลและยกตวั อยา่ ง
งา่ ย ๆ ประกอบ
มาตรฐาน ต 1.2 มีทกั ษะการสื่อสารทางภาษาในการแลกเปลี่ยนขอ้ มูลขา่ วสาร แสดงความรู้สึกและ
ความคดิ เห็นอยา่ งมปี ระสิทธิภาพ
ตวั ช้ีวดั
ต 1.2 ม. 2/4 พูดและเขยี นเพ่ือขอและให้ขอ้ มลู บรรยาย และแสดงความคดิ เห็นเกี่ยวกบั เรื่องท่ฟี ัง
หรืออา่ นอยา่ งเหมาะสม
มาตรฐาน ต 1.3 นาเสนอข้อมูลข่าวสาร ความคิดรวบยอด และความคดิ เหน็ ในเร่ืองต่าง ๆ โดยการพูด
และการเขยี น
ตวั ช้ีวดั
ต 1.3 ม. 2/1 พูดและเขยี นบรรยายเกี่ยวกบั ตนเอง กิจวตั รประจาวนั ประสบการณ์ และข่าว/
เหตกุ ารณท์ ่ีอยใู่ นความสนใจของสงั คม

196

สาระท่ี 2 ภาษาและวัฒนธรรม
มาตรฐาน ต 2.1 เข้าใจความสัมพนั ธ์ระหว่างภาษากับวฒั นธรรมของเจ้าของภาษา และนาไปใช้ได้

อย่างเหมาะสมกบั กาลเทศะ
ตวั ช้ีวดั
ต 2.1 ม. 2/2 อธิบายเกี่ยวกบั เทศกาล วนั สาคญั ชีวติ ความเป็นอยู่ และประเพณีของเจา้ ของภาษา
มาตรฐาน ต 2.2 เข้าใจความเหมือนและความแตกต่างระหว่างภาษาและวัฒนธรรมของเจ้าของภาษา

กบั ภาษาและวฒั นธรรมไทย และนามาใช้อย่างถกู ต้องและเหมาะสม
ตวั ช้ีวดั
ต 2.2 ม. 2/2 เปรียบเทยี บและอธิบายความเหมอื นและความแตกต่างระหวา่ งชีวิตความเป็นอยแู่ ละ

วฒั นธรรมของเจา้ ของภาษากบั ของไทย

2. สาระสาคญั /ความคิดรวบยอด
การเรียนรู้เกี่ยวกบั ใจความสาคญั ใจความเฉพาะ จะช่วยให้เขา้ ใจเร่ืองทอ่ี ่านและสามารถเขยี นสรุป

ได้

3. สาระการเรียนรู้

3.1 ทักษะเฉพาะวชิ า

1) Language Features and Functions

Vocabulary: Verbs (organise, race, take place)

Nouns (regatta, competitor, decoration, race, lake, bathtub, banks of the

river, prize, winner, bucket)

Adjectives (wet, giant)

Functions: Describing festivals

The International Bathtub Regatta takes place every August in Dinant,

Belgium.

2) Language Skills

Reading: อา่ นเพอื่ หาขอ้ มลู เฉพาะ

Writing: เขียนเกี่ยวกบั เทศกาล

3) Cultures เทศกาล

197

4. สมรรถนะสาคัญของผ้เู รียน
1) ความสามารถในการส่ือสาร
2) ความสามารถในการคิด
3) ความสามารถในการใชเ้ ทคโนโลยี

5. คุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์
1) ใฝ่เรียนรู้
2) มุ่งมนั่ ในการทางาน

6. กจิ กรรมการเรียนรู้

ชั่วโมงที่ 1

ข้นั Warm up
1. ครูนาภาพเทศกาลตา่ ง ๆ ท่เี ป็นท่รี ู้จกั เช่น คริสตม์ าส วาเลนไทน์ วนั ปี ใหม่ มาใหน้ กั เรียนดู แลว้ ถาม

คาถาม เช่น
What festival is this?
When can we join the festival?
Have you ever joined the festival?

2. ครูใหน้ กั เรียนแสดงความคิดเห็นวา่ ในบทเรียนน้ีจะเรียนเก่ียวกบั เรื่องอะไร แลว้ ครูสรุปวา่ จะได้
เรียนเกี่ยวกบั festival

ข้นั Pre-reading

1. ใหน้ กั เรียนดภู าพประกอบและอา่ นชื่อเรื่อง Wet Festival ในหนงั สือเรียน หนา้ 40 แลว้ เดาว่าเรื่องท่ี

จะไดอ้ ่านน่าจะเก่ียวขอ้ งกบั อะไร (Festivals which take place on the water.)

2. นกั เรียนอา่ นออกเสียงคาศพั ทใ์ นกรอบ Check these words คาใดอ่านไมไ่ ดใ้ ห้อา่ นตามครู แลว้ ให้

นกั เรียนช่วยกนั อธิบายความหมาย คาใดทไ่ี มร่ ู้ครูให้นกั เรียนเปิ ดพจนานุกรมดู หรือครูช่วยอธิบาย

เช่น

regatta (n) = a sports event at which there are races for two rowing boats or

sailing boats (การแข่งเรือ)

competitor (n) = someone who takes part in a competition (ผแู้ ขง่ ขนั )

take place (v) = to happen (เกิดข้ึน)

198

ข้นั Reading

1. หนงั สือเรยี น หน้า 40 Ex. 1 ครูเขียนคาศพั ทบ์ นกระดานตามน้ี across, along, their, other, for, in, lot,
there แลว้ ใหน้ กั เรียนอา่ นบทอ่านท้งั 2 เร่ือง โดยอ่านทลี ะประโยค ใหเ้ นน้ ท่คี าศพั ทก์ อ่ นและหลงั
ช่องวา่ งท่จี ะให้เติมคา จากน้นั เลอื กตวั เลอื กทค่ี ิดวา่ เหมาะสมท่สี ุด เสร็จแลว้ อ่านบทอา่ นทีเ่ ตมิ คา
สมบรู ณแ์ ลว้ อกี คร้งั เพอ่ื ใหแ้ น่ใจวา่ คาทเ่ี ติมลงไปในช่องวา่ งมคี วามสมเหตสุ มผล แลว้ ใหน้ กั เรียนฟัง
CD เพอ่ื ตรวจคาตอบ

1 their 3 lot 5 along 7 for
2 across 4 in 6 There 8 other

3. หนงั สือเรียน หน้า 40 Ex. 2 นกั เรียนจบั คกู่ นั ลอกตารางลงในสมดุ แลว้ ให้แต่ละคู่อา่ นบทอา่ น
อกี คร้งั และนาขอ้ มลู จากบทอ่านมาเติมลงในตาราง จากน้นั ครูตรวจคาตอบโดยสุ่มเรียกนกั เรียนมา
เตมิ ขอ้ มลู ลงในตารางบนกระดาน

Name Date Place Activities
Windsor October Windsor, Canada
Pumpkin People cut out a huge
Regatta Dinant, Belgium pumpkin, paint it bright
colours and add decorations
International August and race pumpkin boats
Bathtub across the lake
Regatta People make rowboats with
strange designs from
bathtubs and race down the
river and throw water at the
people watching as well as at
each other

199

ข้นั Post-reading
1. ครูใหน้ กั เรียนแต่ละคใู่ ชข้ อ้ มลู จากตารางเขียนสรุปเก่ียวกบั ท้งั สองเทศกาล จากน้นั ครูสุ่มเรียก

นกั เรียน 2 คู่ อา่ นให้เพือ่ นฟัง

The International Bathtub Regatta takes place every August in Dinant, Belgium.
People make rowboats with strange designs from bathtubs and race down the river
and throw water at the people watching as well as at each other.
The Windsor Pumpkin Regatta takes place every October in Windsor, Canada.
People cut out the inside of a huge pumpkin, paint it bright colours and add
decorations and race pumpkin boats across the lake.

2. THINK! หนังสือเรยี น หน้า 40 ครูให้เวลานกั เรียน 3 นาที คดิ และเขียนว่าเทศกาลใดจากบทอ่าน
ทนี่ กั เรียนสนใจเขา้ ร่วม พร้อมบอกเหตผุ ล

I would like to go to the International Bathtub Regatta. I think it would be fun to
watch the strange boats and to throw water at the people.
I would like to go to the Windsor Pumpkin Regatta. I think it would be fun to see
pumpkin boats race across the lake.

2. ครูให้นกั เรียนช่วยกนั คดิ วา่ ในประเทศไทยมเี ทศกาลที่คลา้ ยกบั Windsor Pumpkin Regatta และ
International Bathtub Regatta หรือไม่ ถา้ มี มลี กั ษณะเหมือนหรือตา่ งกนั อยา่ งไร (เช่น เทศกาล
แขง่ เรือ)

3. แบบฝึกหัด (Workbook) หนา้ 26 Exs. 1-2 ให้นกั เรียนทาเป็นการบา้ น

200

ชั่วโมงที่ 2

ข้นั Warm up
นกั เรียนช่วยกนั บอกเทศกาลของไทยทเี่ ก่ียวขอ้ งกบั น้า แลว้ ครูเขยี นชื่อเทศกาลบนกระดาน เช่น
เทศกาลสงกรานต์ เทศกาลแขง่ เรือ เทศกาลลอยกระทง จากน้นั ครูสุ่มถามคาถามนกั เรียน
Which festival is interesting for you?
Have you ever joined it?
Which festival do you want to join?

ข้นั Presentation
1. ครูใหน้ กั เรียนช่วยกนั บอกชื่อเทศกาล/ประเพณีของไทยทเ่ี ป็นทร่ี ู้จกั แลว้ ครูเขียนบนกระดาน เช่น

เทศกาลสงกรานต์ ประเพณีไหลเรือไฟ เทศกาลลอยกระทง
2. ครูนาภาพเทศกาล/ประเพณีของไทยของไทยมาแสดงใหน้ กั เรียนดู แลว้ ใหน้ กั เรียนช่วยกนั บอกช่ือ

เทศกาล/ประเพณี

ข้นั Practice
ครูให้นกั เรียนช่วยกนั เลอื กเทศกาลบนกระดานมา 1 เทศกาล แลว้ ครูเขียนตารางเหมอื นใน Ex. 2
บนกระดาน ใหน้ กั เรียนช่วยกนั เติมขอ้ มลู ในตาราง เมื่อเตมิ ขอ้ มลู เสร็จแลว้ ให้นกั เรียนช่วยกนั พดู
สรุปเก่ียวกบั เทศกาลดงั กล่าว

Name Date Place Activities
Songkran 13th - 15th April all around People go to the temple, throw
country water to each other

ข้นั Production

1. หนงั สือเรยี น หน้า 40 Ex. 3 นกั เรียนแบ่งกล่มุ กลุม่ ละ 3-4 คน ครูมอบหมายให้แตล่ ะกลุ่มเลอื ก
คน้ ควา้ ขอ้ มลู จากอนิ เทอร์เนต็ เกี่ยวกบั เทศกาลของไทยมา 1 เทศกาล โดยใหแ้ ตล่ ะกลุ่มทาตาราง
บนั ทึกขอ้ มลู เหมอื นใน Ex. 2 จากน้นั นาขอ้ มลู มาเขียนเป็นขอ้ ความ ความยาว 50-60 คา แลว้ ให้
นกั เรียนนาเสนอในชวั่ โมงถดั ไป

2. นกั เรียนทา Vocabulary Bank 3 ในแบบฝึกหดั (Workbook) หนา้ 94-96

201

7. การวัดและการประเมนิ ผล

วธิ ีการวดั เครื่องมือ เกณฑ์การผ่าน
ร้อยละ 60
ตรวจการตอบคาถามจากการอ่าน แบบฝึกหัด (Workbook) ระดบั คณุ ภาพ พอใช้

สงั เกตการเปรียบเทียบเทศกาลของไทย แบบสงั เกตพฤติกรรมการเรียนรู้ ระดบั คุณภาพ พอใช้

กบั ของเจา้ ของภาษา ระดบั คณุ ภาพ ผา่ น

ประเมนิ การเขยี นนาเสนอเก่ียวกบั แบบประเมินการเขียน

เทศกาลของไทย

สงั เกตความใฝ่เรียนรู้และความม่งุ มน่ั แบบประเมินคุณลกั ษณะ

ในการทางาน อนั พงึ ประสงค์

8. ส่ือ/แหล่งการเรียนรู้
1) หนงั สือเรียน SPARK 2 ม. 2
2) Class Audio CDs ประกอบส่ือฯ ชุด SPARK 2 ม. 2
3) แบบฝึกหัด SPARK 2 ม. 2
4) พจนานุกรมองั กฤษ-องั กฤษ
5) พจนานุกรมออนไลน์
6) ภาพเทศกาลต่าง ๆ
7) อินเทอร์เน็ต

202

6 Writing 3f

2 ช่ัวโมง

จุดประสงค์การเรยี นรู้
- เรียงลาดบั เหตกุ ารณแ์ ละสรุปเรื่องที่อา่ นได้
- พดู ขอและให้ขอ้ มลู เก่ียวกบั เร่ืองท่อี า่ นได้
- คน้ ควา้ ขอ้ มลู เก่ียวกบั Loch Ness และนาเสนอได้
- เขยี นเร่ืองเลา่ ได้

1. สาระ มาตรฐานการเรยี นรู้/ตัวชีว้ ัด
สาระท่ี 1 ภาษาเพอ่ื การสื่อสาร
มาตรฐาน ต 1.1 เข้าใจและตคี วามเรื่องทีฟ่ ังและอ่านจากสื่อประเภทต่าง ๆ และแสดงความคิดเห็น
อย่างมเี หตผุ ล
ตวั ช้ีวดั
ต 1.1 ม. 2/4 เลือกหวั ขอ้ เรื่อง ใจความสาคญั บอกรายละเอยี ดสนบั สนุน (supporting detail) และ
แสดงความคิดเห็นเก่ียวกบั เรื่องที่ฟังและอ่าน พร้อมท้งั ใหเ้ หตผุ ลและยกตวั อยา่ ง
งา่ ย ๆ ประกอบ
มาตรฐาน ต 1.2 มีทกั ษะการส่ือสารทางภาษาในการแลกเปลีย่ นขอ้ มูลขา่ วสาร แสดงความรู้สึกและ
ความคดิ เห็นอยา่ งมปี ระสิทธิภาพ
ตวั ช้ีวดั
ต 1.2 ม. 2/4 พดู และเขียนเพ่ือขอและใหข้ อ้ มลู บรรยาย และแสดงความคิดเห็นเก่ียวกบั เรื่องท่ฟี ัง
หรืออ่านอยา่ งเหมาะสม
มาตรฐาน ต 1.3 นาเสนอข้อมลู ข่าวสาร ความคิดรวบยอด และความคดิ เห็นในเร่ืองต่าง ๆ โดยการพูด
และการเขียน
ตวั ช้ีวดั
ต 1.3 ม. 2/1 พดู และเขยี นบรรยายเก่ียวกบั ตนเอง กิจวตั รประจาวนั ประสบการณ์ และขา่ ว/
เหตุการณ์ท่ีอยใู่ นความสนใจของสังคม

203

สาระท่ี 3 ภาษากับความสัมพันธ์กบั กล่มุ สาระการเรียนรู้อน่ื
มาตรฐาน ต 3.1 ใช้ภาษาต่างประเทศในการเชื่อมโยงความรู้กบั กล่มุ สาระการเรียนรู้อน่ื และเป็ น

พ้นื ฐานในการพัฒนา แสวงหาความรู้ และเปิ ดโลกทัศน์ของตน
ตวั ช้ีวดั
ต 3.1 ม. 2/1 คน้ ควา้ รวบรวม และสรุปขอ้ มูล/ขอ้ เท็จจริงท่ีเก่ียวขอ้ งกบั กลมุ่ สาระการเรียนรู้อืน่

จากแหล่งการเรียนรู้ และนาเสนอดว้ ยการพูด/การเขียน
สาระที่ 4 ภาษากบั ความสัมพันธ์กบั ชุมชนและโลก
มาตรฐาน ต 4.2 ใช้ภาษาต่างประเทศเป็ นเครื่องมือพืน้ ฐานในการศึกษาต่อ การประกอบอาชีพ และ

การแลกเปล่ียนเรียนรู้กบั สังคมโลก
ตวั ช้ีวดั
ต 4.2 ม. 2/2 เผยแพร่/ประชาสัมพนั ธ์ขอ้ มูลข่าวสารของโรงเรียนเป็นภาษาต่างประเทศ

2. สาระสาคญั /ความคดิ รวบยอด
การเรียนรู้และเขา้ ใจเก่ียวกบั คาศพั ท์ การลาดบั เหตกุ ารณ์ และโครงร่างในการเขยี น ช่วยใหฟ้ ังและ

อ่านไดเ้ ขา้ ใจ รวมท้งั การเรียนรู้เทคนิคในการตรวจงานเขยี น จะช่วยใหส้ ามารถเขยี นสื่อสารไดถ้ ูกตอ้ ง
และมปี ระสิทธิภาพ

3. สาระการเรียนรู้

3.1 ทักษะเฉพาะวิชา

1) Language Features and Functions

Vocabulary: Verbs (travel, move from side to side, wonder, step back)

Nouns (legend, journey, edge, log)

Adjectives (excited, misty)

Phrase (in horror)

Functions: Narrating a story

First, they started their journey to Loch Ness. Then they reached the lake

and John walked to the lake to take pictures.

2) Language Skills

Listening: ฟังเพอ่ื หาขอ้ มูลเฉพาะ

Reading: อา่ นเพอื่ หาขอ้ มูลเฉพาะ

Writing: เขยี นสรุปเรื่องท่อี ่าน, เขยี นเร่ืองเล่า

204

4. สมรรถนะสาคญั ของผ้เู รียน
1) ความสามารถในการสื่อสาร
2) ความสามารถในการคิด
3) ความสามารถในการใชเ้ ทคโนโลยี

5. คุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์
1) ใฝ่เรียนรู้
2) มงุ่ มน่ั ในการทางาน

6. กจิ กรรมการเรียนรู้

ช่ัวโมงท่ี 1

ข้นั Warm up
1. ครูเขียนคาว่า Monster บนกระดาน แลว้ ให้นกั เรียนช่วยกนั บอกชื่อสตั วป์ ระหลาดที่นกั เรียนรู้จกั ครู

อาจจะนาภาพสัตวป์ ระหลาดตา่ ง ๆ มาให้นกั เรียนดู เพอ่ื ให้นกั เรียนบอกชื่อ เช่น Kraken (คราเค่น),
Yeti (เยติ), Bigfoot (บ๊กิ ฟุต)
2. ครูให้นกั เรียนเดาวา่ บทเรียนน้ีนกั เรียนจะไดเ้ รียนเก่ียวกบั เร่ืองอะไร

ข้นั Pre-reading
1. ครูเขียนคาวา่ Nessie บนกระดาน อ่านให้นกั เรียนฟัง แลว้ ถามวา่ นกั เรียนเคยไดย้ นิ ชื่อน้ีหรือไม่ ครู

ให้นกั เรียนช่วยกนั บอกขอ้ มลู ทนี่ กั เรียนรู้เก่ียวกบั Nessie จากน้นั ครูให้ขอ้ มูลเพ่มิ เติมเก่ียวกบั Nessie
2. ครูให้นกั เรียนอ่านคาศพั ทใ์ นกรอบ Check these words หนงั สือเรียน หนา้ 41 แลว้ ช่วยกนั อธิบาย

ความหมาย ถา้ คาใดนกั เรียนไมร่ ู้ใหเ้ ปิ ดหาความหมายจากพจนานุกรม
3. ครูให้นกั เรียนดูภาพ A-D ในหนงั สือเรียน หนา้ 41 แลว้ ช่วยกนั พูดบรรยายภาพ เช่น

Picture A: A man pointing to a log talks with a boy.
Picture B: A family is having a picnic.
Picture C: A boy sees something in the water.
Picture D: A family is driving into the park.

205

ข้นั Reading
1. หนงั สือเรียน หน้า 41 Ex. 1 ครูอธิบายวา่ ภาพ A-D เป็นภาพจากเหตกุ ารณ์ของเร่ืองทีน่ กั เรียนจะได้

อา่ น ใหน้ กั เรียนเรียงลาดบั ภาพให้ถกู ตอ้ งตามเหตกุ ารณ์ จากน้นั ครูใหน้ กั เรียนฟัง CD และอา่ น
บทอ่านตามไปดว้ ย แลว้ สุ่มเรียกนกั เรียนบอกคาตอบ

1D 2C 3A 4B

2. หนงั สือเรยี น หน้า 41 Ex. 2 นกั เรียนเรียงลาดบั เหตุการณ์จาก A-H โดยยงั ไม่ตอ้ งอา่ นบทอ่าน
ประโยคใดที่ไม่แน่ใจใหน้ กั เรียนขีดเสน้ ใตไ้ ว้ จากน้นั ครูให้นกั เรียนอ่านบทอา่ น แลว้ ดูการ
เรียงลาดบั เหตกุ ารณ์ และปรบั แก้ เสร็จแลว้ ครูเฉลยคาตอบ

A2 B1 C3 D7
E4 F 8 G6 H5

ข้นั Post-reading
1. ครูให้นกั เรียนเขียนสรุปเรื่อง The Monster โดยใชป้ ระโยค A-H จาก Ex. 2 และคาลาดบั

เหตุการณ์first, then, next และ after that จากน้นั ครูสุ่มเรียกนกั เรียน 2 อา่ นให้เพือ่ นฟัง

First, they started their journey to Loch Ness. Then they reached the lake and John
walked to the lake to take pictures. Next a long neck appeared and John started
shouting. His dad laughed and John realised his mistake. It was a log. After that
they had their picnic.

2. นกั เรียนแบ่งกลมุ่ กลุม่ ละ 3-4 คน ให้แต่ละกลมุ่ ต้งั คาถาม Wh-questions เก่ียวกบั เร่ือง The Monster
มากลมุ่ ละ 3 คาถาม จากน้นั ครูให้แตล่ ะกลมุ่ เลือกคาถาม 1 ขอ้ เพือ่ ถามเพอ่ื นในช้นั โดยแต่ละกลมุ่
ตอ้ งไมถ่ ามคาถามซ้ากนั เช่น
Group 1: Where is Loch Ness?
Class: Scotland.
Group 1: That’s correct.
206

Group 2: Why did John’s family travell to Scotland?
Class: Because they wanted to go to the Edinburgh festival and visited Loch

Ness.
Group 2: That’s correct.
3. ครูใหน้ กั เรียนกลุ่มเดิมช่วยกนั คน้ ควา้ ขอ้ มลู เพ่มิ เตมิ เก่ียวกบั Loch Ness จากอนิ เทอร์เน็ต แลว้ จดั ทา
โปสเตอร์ โดยครูใหน้ กั เรียนระดมสมองคิดหัวขอ้ ที่อยา่ งเก่ียวกบั Loch Ness แลว้ ครูเขยี นบน
กระดาน เช่น location, width, length, depth, activities
4. แบบฝึกหดั (Workbook) หนา้ 27 Exs. 1-4 ให้นกั เรียนทาเป็นการบา้ น

ชั่วโมงท่ี 2

ข้นั Warm up
ครูให้นกั เรียนจบั คู่กนั แลว้ ครูแจกกระดาษท่ีมีประโยคเก่ียวกบั เน้ือเรื่อง The Monster ใหค้ ลู่ ะ 1 แผ่น
ใหแ้ ตล่ ะคูเ่ รียงประโยคใหถ้ ูกตอ้ งตามลาดบั เหตุการณ์ จากน้นั เฉลยคาตอบร่วมกนั

A John walked to the lake to take photos.
B John realised it wasn’t Nessie.
C John’s family started journey to Loch Ness.
D John shouted for help.
E They arrived at the lake.
F They had a great picnic.
G John saw a log appeared from out of eater.
H His dad started laughing.

A3 B7 C1 D5
E2 F 8 G4 H6

207

ข้นั Pre-writing
1. หนงั สือเรียนหน้า 41 Ex. 3 ครูบอกนกั เรียนวา่ จะไดฟ้ ัง Jim เล่าเหตกุ ารณท์ เ่ี กิดข้นึ กบั เขาในช่วง

วนั หยดุ แลว้ ครูเขยี นคาศพั ท์ journey, creature, appear, wonder, calm down, enjoy จากเน้ือเร่ืองบน
กระดาน ให้นกั เรียนอา่ นออกเสียงพร้อมกนั แลว้ ช่วยกนั อธิบายความหมาย ครูช่วยอธิบายคาวา่
creature และ calm down

creature (n) = an imaginary animal or person, or one that is very strange
and frightening (สตั วป์ ระหลาด)

calm down (phrv) = to make someone become quiet and relaxed (ทาให้สงบ)
2. นกั เรียนอ่านคาถามที่กาหนดให้ในกรอบ แลว้ ครูอธิบายว่านกั เรียนกาลงั จะฟังเพอ่ื หาขอ้ มูลมาตอบ

คาถามเหล่าน้ี จากน้นั ครูให้นกั เรียนฟังเร่ืองราวของ Jim แลว้ จดบนั ทกึ ขอ้ มลู ระหวา่ งฟัง เมื่อฟังจบ
ครูถามนกั เรียนว่าตอบคาถามไดห้ รือไม่ ถา้ นกั เรียนยงั ตอบคาถามไมไ่ ด้ ครูเปิ ด CD ให้ฟังอีกคร้งั
3. ครูให้นกั เรียนช่วยกนั บอกคาตอบ และครูเขยี นคาตอบบนกระดานตามโครงร่างในหนงั สือเรียน

Para 1: Last winter; in Banff National Park in the Rocky Mountains; Yes, he was
with his family.

Para 2: He went to the national park, he decided to go in the forest, there was a
creature that looked like a monkey.

Para 3: He was surprised and shouted for help. His dad started laughing, he
realised it was a man.

Para 4: They had a nice time in the forest; he felt happy but a little disappointed
not to see Bigfoot.

ข้นั Writing
หนังสือเรยี น หน้า 41 Ex. 4 นกั เรียนแบ่งกล่มุ กลุ่มละ 3-4 คน ให้แต่ละกลมุ่ นาคาตอบจาก Ex. 3 มา
เขยี นเลา่ เร่ืองของ Jim สาหรบั ลงในนิตยสารของโรงเรียน ความยาว 60-80 คา ครูย้าว่าให้นกั เรียน
เขยี นเลา่ เร่ืองตามลาดบั เหตกุ ารณ์ และใชส้ รรพนามบุรุษที่ 3 ในการเขียน เมื่อเขียนเสร็จแลว้ ให้
สมาชิกในกลุ่มช่วยกนั ต้งั ชื่อเรื่อง

208

The Creature
Last winter Jim and his family travelled to the Rocky Mountains for a skiing
holiday. He was really excited as he wanted to visit the Banff National Park and see
Bigfoot. They started their journey in the morning.
They soon arrived at the national park. He wanted to take some photographs so he
walked into the forest. Suddenly, a creature that looked like a monkey appeared
from behind a tree. “Was it Bigfoot?” he wondered.
He stepped back in surprise and shouted for help. His family tried to calm him
down. A few seconds later his dad started laughing. “It’s not Bigfoot, Jim. It’s a
man. Look!” He was right. The man appeared from behind the trees. He was very
tall and he had a big thick coat. Jim started laughing at his mistake too.
They had a great time in the national park and they all enjoyed the scenery. It’s a
pity Bigfoot wasn’t there though.

ข้นั Post-writing
1. นกั เรียนแต่ละกลุม่ ตรวจทานงานเขียนของตนเอง ในเรื่องการสะกดคา การเขียนตามโครงร่าง

การลาดบั เหตุการณ์ แลว้ ปรับแก้ จากน้นั ครูให้แต่ละกลมุ่ ส่งตวั แทนออกมาอา่ นเรื่องใหเ้ พื่อนฟัง
2. นกั เรียนทา Self-Check 3 ในหนงั สือเรียน หนา้ 115
3. แบบฝึกหัด (Workbook) หนา้ 27 Exs. 5-7 ใหน้ กั เรียนทาเป็นการบา้ น

7. การวัดและการประเมนิ ผล เครื่องมือ เกณฑ์การผ่าน
แบบฝึกหัด (Workbook) ร้อยละ 60
วิธีการวดั
ตรวจการตอบคาถามจากการอา่ นหรือ แบบประเมนิ ชิ้นงาน ระดบั คณุ ภาพ พอใช้
การฟัง
ประเมินชิ้นงานโปสเตอร์เก่ียวกบั แบบประเมนิ การเขียน ระดบั คุณภาพ พอใช้
Loch Ness แบบประเมนิ คณุ ลกั ษณะ ระดบั คณุ ภาพ ผา่ น
ประเมนิ การเขียนเร่ืองเลา่ อนั พงึ ประสงค์
สงั เกตความใฝ่เรียนรู้และความมงุ่ มน่ั
ในการทางาน

209

8. ส่ือ/แหล่งการเรียนรู้
1) หนงั สือเรียน SPARK 2 ม. 2
2) Class Audio CDs ประกอบสื่อฯ ชุด SPARK 2 ม. 2
3) แบบฝึกหดั SPARK 2 ม. 2
4) พจนานุกรมองั กฤษ-องั กฤษ
5) พจนานุกรมออนไลน์
6) ภาพสัตวป์ ระหลาดต่าง ๆ
7) อนิ เทอร์เน็ต

210

7 ASEAN corner 3

1 ชั่วโมง

จดุ ประสงค์การเรียนรู้
- อา่ นเรื่องแลว้ ตอบคาถามได้
- พูดแสดงความคดิ เห็นในประเด็นทก่ี าหนดใหไ้ ด้
- เขยี นสรุปผลการอภปิ รายในประเด็นทกี่ าหนดให้ได้

1. สาระ มาตรฐานการเรยี นรู้/ตวั ชีว้ ัด
สาระท่ี 1 ภาษาเพอ่ื การส่ือสาร
มาตรฐาน ต 1.1 เข้าใจและตคี วามเร่ืองที่ฟังและอ่านจากสื่อประเภทต่าง ๆ และแสดงความคิดเหน็
อย่างมเี หตุผล
ตวั ช้ีวดั
ต 1.1 ม. 2/4 เลือกหวั ขอ้ เร่ือง ใจความสาคญั บอกรายละเอียดสนบั สนุน (supporting detail) และ
แสดงความคิดเห็นเก่ียวกบั เรื่องทฟี่ ังและอ่าน พร้อมท้งั ให้เหตผุ ลและยกตวั อยา่ ง
ง่าย ๆ ประกอบ
มาตรฐาน ต 1.2 มที กั ษะการส่ือสารทางภาษาในการแลกเปลยี่ นข้อมูลข่าวสาร แสดงความรู้สึกและ
ความคิดเหน็ อย่างมีประสิทธภิ าพ
ตวั ช้ีวดั
ต 1.2 ม. 2/5 พดู และเขียนแสดงความรู้สึกและความคดิ เห็นของตนเองเก่ียวกบั เรื่องตา่ ง ๆ
กิจกรรม และประสบการณ์ พร้อมท้งั ใหเ้ หตุผลประกอบอยา่ งเหมาะสม
มาตรฐาน ต 1.3 นาเสนอข้อมลู ข่าวสาร ความคดิ รวบยอด และความคิดเหน็ ในเร่ืองต่าง ๆ โดยการพดู
และการเขยี น
ตวั ช้ีวดั
ต 1.3 ม. 2/2 พดู และเขียนสรุปใจความสาคญั แกน่ สาระ หวั ขอ้ เรื่อง (topic) ทไ่ี ดจ้ ากการวิเคราะห์
เรื่อง/ขา่ ว/เหตกุ ารณ์/สถานการณท์ อ่ี ยใู่ นความสนใจของสังคม
ต 1.3 ม. 2/3 พูดและเขียนแสดงความคดิ เห็นเกี่ยวกบั กิจกรรม เร่ืองตา่ ง ๆ ใกลต้ วั และ
ประสบการณ์ พร้อมท้งั ใหเ้ หตุผลส้ัน ๆ ประกอบ

211

สาระที่ 4 ภาษากบั ความสัมพนั ธ์กบั ชุมชนและโลก
มาตรฐาน ต 4.2 ใช้ภาษาต่างประเทศเป็ นเครื่องมือพื้นฐานในการศึกษาต่อ การประกอบอาชีพ และ

การแลกเปลีย่ นเรียนรู้กบั สังคมโลก
ตวั ช้ีวดั
ต 4.2 ม. 2/2 เผยแพร่/ประชาสมั พนั ธข์ อ้ มลู ขา่ วสารของโรงเรียนเป็นภาษาต่างประเทศ

2. สาระสาคัญ/ความคดิ รวบยอด
การเรียนรู้เกี่ยวกบั วฒั นธรรมและประเพณีในประเทศกล่มุ ประชาคมอาเซียน ช่วยให้เขา้ ใจวถิ ชี ีวิต

ความเป็นอยู่ สภาพสงั คม ทศั นคติ ความเชื่อ รวมท้งั กอ่ ใหเ้ กิดผลประโยชน์และโอกาสทางดา้ นเศรษฐกิจ
และการทอ่ งเทย่ี ว

3. สาระการเรียนรู้

3.1 ทักษะเฉพาะวิชา

1) Language Features and Functions

Vocabulary: Verbs (rely on, gather, apologise)

Nouns (gratitude, famine, cerebration, harvest, respect, crop, harmony,

purpose, pollution, campaign)

2) Language Skills

Speaking: แสดงความคดิ เห็นเก่ียวกบั การรกั ษาสิ่งแวดลอ้ มในโรงเรียน

Reading: อา่ นเพอ่ื หาขอ้ มูลเฉพาะ

Writing: เขียนสรุปผลการอภปิ ราย

4. สมรรถนะสาคญั ของผ้เู รียน
1) ความสามารถในการสื่อสาร
2) ความสามารถในการคิด

5. คุณลักษณะอันพึงประสงค์
1) มุ่งมนั่ ในการทางาน
2) มจี ิตสาธารณะ

212

6. กิจกรรมการเรียนรู้
ข้นั Warm up
1. ครูนาภาพแมน่ ้าโขงมาให้นกั เรียนดู แลว้ ถามนกั เรียนวา่ แมน่ ้าโขงไหลผ่านประเทศใดบา้ งในเขต
เอเชียตะวนั ออกเฉียงใต้ (ประเทศพมา่ ประเทศลาว ประเทศไทย ประเทศกมั พชู า และประเทศ
เวยี ดนาม)
2. ครูถามนกั เรียนว่า เคยไดย้ นิ ประเพณีทีเ่ ก่ียวขอ้ งกบั แม่น้าโขงหรือไม่ (เช่น ประเพณีไหลเรือไฟ
ประเพณีแขง่ เรือ)

ข้นั Pre-reading
1. นกั เรียนดูภาพประกอบในหนงั สือเรียน หนา้ 42 แลว้ ครูถามวา่ What can you see in the pictures?

(e.g. people are racing long-boats, people are floating Kratongs)
2. นกั เรียนอา่ นชื่อเรื่องและดภู าพประกอบ แลว้ แสดงความคดิ เห็นวา่ บทอา่ นน้ีน่าจะเกี่ยวกบั เรื่องอะไร

(e.g. water festivals)
3. ครูเขียนคาศพั ทย์ ากในบทอ่านบนกระดาน ให้นกั เรียนอ่านออกเสียงตามครูพร้อมกนั จากน้นั หา

ความหมายในพจนานุกรม โดยเลือกความหมายทีเ่ ก่ียวขอ้ งกบั บริบทของเร่ืองทจี่ ะอ่าน
rely on (phrv) = to need or depend on somebody/something (ข้นึ อยกู่ บั )
gratitude (n) = the feeling of being grateful and wanting to express thanks
(การขอบคณุ )
gather (v) = to come together and form a group (รวมตวั กนั )
apologise (v) = to tell someone that you are sorry that you have done something
wrong (ขอโทษ)
respect (n) = a feeling of admiring someone or what they do (ความเคารพ)
crop (n) = a plant such as wheat, rice or fruit that is grown by farmers and used
as food (พชื ผล, ธญั พืช)
harmony (n) = a state without fighting or disagreeing when people live or work
together (ความสามคั คี, ความปรองดอง)
purpose (n) = the intention, aim or function of something; the thing that something
is supposed to achieve (จดุ ประสงค)์

213

ข้นั Reading
1. หนงั สือเรียน หน้า 42 Ex. 1 นกั เรียนอ่านประโยค 1-4 และขีดเส้นใตค้ าสาคญั ในแตล่ ะประโยค

จากน้นั อ่านบทอา่ นโดยหาคาพอ้ งความหมาย (synonym) คาท่มี ีความหมายตรงกนั ขา้ ม (opposite)
หรือกลุม่ คา/วลี ท่ีมีความหมายเหมอื นกนั หรือตา่ งกนั กบั คาสาคญั ทข่ี ีดเสน้ ใตไ้ ว้ เมื่ออา่ นจบแลว้ ให้
ตอบว่าประโยค 1-4 ถกู หรือผิด
2. ครูสุ่มเรียกนกั เรียนบอกคาตอบ แลว้ ครูเฉลยคาตอบอกี คร้งั

1T 2F 3F 4T

ข้นั Post-reading
1. ครูแบ่งนกั เรียนเป็น 4 กล่มุ ให้ 2 กลุ่ม สรุปขอ้ มลู Loy Kratong Festival และอกี 2 กลุ่ม สรุปขอ้ มลู

Bon Om Touk โดยครูเขียนตารางบนกระดาน ใหแ้ ต่ละกลุ่มลอกตารางลงในสมดุ และสรุปขอ้ มลู ลง
ในตาราง จากน้นั ครูใหก้ ลุม่ ทไี่ ดป้ ระเพณีเหมือนกนั ผลดั กนั บอกขอ้ มูล และครูเขียนลงในตารางบน
กระดาน

Name
Place
Date
Purpose
Activities

2. ครูใหน้ กั เรียนดูภาพต่าง ๆ ท่ีเก่ียวขอ้ งกบั มลภาวะ เช่น ภาพขยะในแมน่ ้า ภาพขยะบริเวณสนามหรือ
บนถนน ภาพควนั รถ/ควนั จากการเผาไหม้ แลว้ สนทนากบั นกั เรียนเกี่ยวกบั สิ่งแวดลอ้ มต่าง ๆ ใน
โรงเรียนท่ีอาจจะทาให้เกิดปัญหาในอนาคต

3. หนังสือเรยี น หน้า 42 Ex. 2 นกั เรียนอ่านคาถามทก่ี าหนดให้พร้อมกนั แลว้ ทาความเขา้ ใจคาถาม
จากน้นั ครูแบ่งนกั เรียนเป็นกลุม่ กลุม่ ละ 5-6 คน ให้แต่ละกลุ่มร่วมกนั อภปิ รายคาถาม โดยให้สมาชิก
1 คน ทาหนา้ ท่จี ดบนั ทกึ ความคิดห็นของกลุม่

4. ครูให้ทุกกล่มุ ร่วมกนั อภิปรายคาถามอกี คร้ัง โดยครูเขยี นความคิดเห็นของนกั เรียนบนกระดาน

214

5. หนังสือเรียน หน้า 42 Ex. 3 ครูใหน้ กั เรียนแตล่ ะกลุ่มนาความคดิ เห็นทีอ่ ภปิ รายร่วมกนั ในกลุม่ และ
ในช้นั เรียนมาจดั ทาโปสเตอร์เพ่อื ประชาสมั พนั ธ์การรณรงคร์ กั ษาสภาพแวดลอ้ มในโรงเรียน แลว้ ให้
แต่ละกลมุ่ นาเสนอผลงานในชวั่ โมงหนา้ จากน้นั นาผลงานไปติดท่บี อร์ดของหอ้ งหรือของโรงเรียน

7. การวัดและการประเมนิ ผล เคร่ืองมือ เกณฑ์การผ่าน
สมุดนกั เรียน ร้อยละ 60
วิธกี ารวดั แบบสงั เกตพฤติกรรมการเรียนรู้ ระดบั คุณภาพ พอใช้
ตรวจการตอบคาถามจากการอ่าน
สังเกตการแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกบั แบบประเมนิ ชิ้นงาน ระดบั คุณภาพ พอใช้
การรณรงคร์ กั ษาสภาพแวดลอ้ มใน
โรงเรียน แบบประเมนิ คณุ ลกั ษณะ ระดบั คณุ ภาพ ผา่ น
ประเมนิ ช้ินงานโปสเตอร์รณรงค์ อนั พงึ ประสงค์
รักษาสภาพแวดลอ้ มในโรงเรียน
สงั เกตความความมงุ่ มน่ั ในการทางาน
และความมจี ิตสาธารณะ

8. ส่ือ/แหล่งการเรียนรู้
1) หนงั สือเรียน SPARK 2 ม. 2
2) พจนานุกรมองั กฤษ-องั กฤษ
3) พจนานุกรมออนไลน์
4) ภาพแม่น้าโขง
5) ภาพมลภาวะต่าง ๆ

215

8 O-NET practice & Fun time 3

1 ช่ัวโมง

จุดประสงค์การเรยี นรู้
- ทบทวนคาศพั ทแ์ ละไวยากรณท์ ี่เรียนมาแลว้ ในหน่วยการเรียนรู้ที่ 3
- เขียน quiz เก่ียวกบั เน้ือหาทีเ่ รียนมาแลว้ ได้

1. สาระ มาตรฐานการเรียนรู้/ตวั ชีว้ ดั
สาระท่ี 1 ภาษาเพ่ือการส่ือสาร
มาตรฐาน ต 1.1 เข้าใจและตคี วามเร่ืองทฟี่ ังและอ่านจากสื่อประเภทต่าง ๆ และแสดงความคดิ เห็น
อย่างมีเหตผุ ล
ตวั ช้ีวดั
ต 1.1 ม. 2/4 เลอื กหัวขอ้ เรื่อง ใจความสาคญั บอกรายละเอียดสนบั สนุน (supporting detail) และ
แสดงความคดิ เห็นเก่ียวกบั เร่ืองทีฟ่ ังและอ่าน พร้อมท้งั ให้เหตผุ ลและยกตวั อยา่ ง
งา่ ย ๆ ประกอบ
สาระท่ี 2 ภาษาและวัฒนธรรม
มาตรฐาน ต 2.1 เข้าใจความสัมพันธ์ระหว่างภาษากับวฒั นธรรมของเจ้าของภาษา และนาไปใช้ได้
อย่างเหมาะสมกับกาลเทศะ
ตวั ช้ีวดั
ต 2.1 ม. 2/3 เขา้ ร่วม/จดั กิจกรรมทางภาษาและวฒั นธรรมตามความสนใจ

2. สาระสาคญั /ความคิดรวบยอด
การรู้และเขา้ ใจคาศพั ท์ โครงสร้างภาษา ช่วยให้พูด/เขียนสื่อสาร และเขา้ ร่วมกิจกรรมทางภาษา

ไดอ้ ยา่ งเหมาะสม

216

3. สาระการเรียนรู้

3.1 ทกั ษะเฉพาะวิชา

1) Language Features and Functions

Vocabulary: คาศพั ทใ์ นหน่วยการเรียนรู้ที่ 3

Grammar: ไวยากรณใ์ นหน่วยการเรียนรู้ท่ี 3

2) Language Skills

Writing: เขยี น quiz เก่ียวกบั เน้ือหาทเี่ รียนมาแลว้

4. สมรรถนะสาคัญของผ้เู รยี น
1) ความสามารถในการส่ือสาร
2) ความสามารถในการคิด

5. คุณลักษณะอนั พึงประสงค์
- มุ่งมน่ั ในการทางาน

6. กจิ กรรมการเรียนรู้

ข้นั Warm up
ครูแบง่ นกั เรียนเป็น 2 ทีม ให้ผลดั กนั แตง่ ประโยค Past simple หรือ Past continuous จากคากริยาที่
อีกทมี หน่ึงพดู เช่น
Team A S1: watch
Team B S1: I was watching TV at 10 o’clock last night.
go
Team A S1: Jack went to the music shop.

ข้นั Presentation
1. ครูให้นกั เรียนช่วยกนั บอกคาศพั ทท์ ่ีเรียนในหน่วยการเรียนรู้น้ี
2. นกั เรียนปิ ดหนงั สือเรียน ครูทบทวนไวยากรณท์ ่ีเรียนในหน่วยการเรียนรู้น้ี โดยใหน้ กั เรียนบอก

โครงสร้างและการใช้ ครูเขียนในรูป mind map

217

Past simple ไวยากรณ์ Past
& Past หน่วยการ continuous
เรียนรู้ท่ี 3
continuous

ข้นั Practice
1. หนังสือเรียน หน้า 44 Ex. 1 นกั เรียนแบ่งกล่มุ กลุม่ ละ 3 คน ให้แต่ละกลุม่ แข่งกนั ทาปริศนาอกั ษร-

ไขว้ จากน้นั ครูให้กลุม่ ทีท่ าเสร็จก่อนบอกคาศพั ทท์ ีน่ ามาเติมในแตล่ ะประโยค ครูเฉลยคาตอบบน
กระดาน จากน้นั ให้นกั เรียนดูวา่ คาศพั ทท์ เี่ รียงในช่องสีสม้ คือชื่อเทศกาลใด

1 monkey 2 party 3 fireworks
6 Hogmanay
4 wedding 5 alive 9 rides

7 carnival 8 parade

Hidden Word: Mardi Gras

2. หนังสือเรยี น หน้า 44 Ex. 2 นกั เรียนกลมุ่ เดิมช่วยกนั ทา quiz โดยหา้ มเปิ ดดูเน้ือหา เสร็จแลว้ ครูเฉลย
คาตอบ ใหน้ กั เรียนแลกกนั ตรวจกบั กลุ่มอนื่ จากน้นั ครูหากลุ่มทีต่ อบคาถามไดถ้ กู ตอ้ งมากทสี่ ุด ครู
ใหน้ กั เรียนปรบมอื ให้เพ่อื น

1 In February 2 Every/In August 3 Nessie
4 Winsor, Canada 5 Loch Ness, Scotland 6 Monkeys

3. หนังสือเรียน หน้า 44 GAME ครูเขยี นชื่อ A holiday to remember บนกระดาน และแบ่งนกั เรียน
ออกเป็น 2 กล่มุ ครูอธิบายกติกาว่าให้แต่ละกลุม่ ช่วยกนั แตง่ เรื่องให้สอดคลอ้ งกบั ช่ือบนกระดาน
โดยสมาชิกของแต่ละกลมุ่ จะตอ้ งพดู ประโยคต่อกนั ไปเรื่อย ๆ จนถงึ คนสุดทา้ ยซ่ึงจะตอ้ งพูดปิ ดเรื่อง
โดยใหบ้ อกความรู้สึก เช่น We had a great time. We were so excited. ครูย้าว่านกั เรียนตอ้ งเล่าเร่ือง
โดยใช้ Past simple ในระหวา่ งท่ีกล่มุ หน่ึงเล่าเร่ือง ใหอ้ ีกกลุ่มหน่ึงฟังและสรุปเน้ือเร่ืองคร่าว ๆ

218

4. หนังสือเรยี น หน้า 44 Ex .4 นกั เรียนอ่านออกเสียงคาว่า tradition ตามครู แลว้ ครูสุ่มเรียกนกั เรียน
2-3 คน ให้อา่ นออกเสียง จากน้นั ครูให้นกั เรียนอา่ นและช่วยกนั อธิบายความหมาย

5. นกั เรียนอา่ นคาถาม How does the singer feel about traditions? ในคาส่งั เพ่อื ให้รู้จดุ มุง่ หมายในการ
ฟังเพลง จากน้นั ให้นกั เรียนปิ ดหนงั สือเรียน แลว้ ครูเปิ ด CD ให้ฟังเพลง

6. นกั เรียนฟังเพลงอกี คร้ัง พร้อมท้งั ดูเน้ือเพลงในหนงั สือเรียนตามไปดว้ ย จากน้นั ครูขออาสาสมคั ร
บอกคาตอบ แลว้ ครูเฉลยคาตอบ

The singer thinks traditions are very important because they keep the past alive and
they are a part of our everyday lives.

7. หนงั สือเรยี น หน้า 44 Ex. 5 ครูใหเ้ วลานกั เรียน 3 นาที เขยี นให้เหตุผลเกี่ยวกบั ความสาคญั ในการ
รกั ษาวฒั นธรรม จากน้นั อา่ นใหเ้ พือ่ นขา้ ง ๆ ฟัง แลว้ ครูขออาสาสมคั ร 2-3 คน อ่านใหเ้ พอ่ื นในช้นั ฟัง

Traditions are important because they join us. They help us to keep our culture
alive and be proud of our past.

8. หนงั สือเรียน หน้า 43 O-NET Practice ครูให้เวลานกั เรียนทาขอ้ สอบ เสร็จแลว้ ตรวจคาตอบร่วมกนั
ถา้ นกั เรียนไม่เขา้ ใจ ให้ครูอธิบายเพิม่ เติม

Ex. 1 1 c 2 d 3 c
Ex. 2 1 a 2 b 3 b 4 c 5 a

ข้นั Production
หนงั สือเรยี น หน้า 44 Ex. 3 นกั เรียนจบั คูก่ นั แลว้ ครูแจกกระดาษให้คูล่ ะ 1 แผ่น ให้แต่ละค่คู ดิ
คาถาม quiz 5-6 ขอ้ เก่ียวกบั เน้ือหาในหน่วยการเรียนรู้ท่ี 3 ครูใหน้ กั เรียนเปิ ดดเู น้ือหาได้ และให้
นกั เรียนเขยี นคาตอบไวด้ า้ นหลงั กระดาษ เมื่อทกุ คูค่ คู่ ดิ คาถามเสร็จแลว้ ให้แลกกนั ทา quiz กบั คู่อน่ื

219

1 Where is the feast for the monkeys during the Monkey Festival?
(At an ancient temple)

2 What is the name of the New Year’s Eve party in Edinburgh? (Hogmanay)
3 What European city is Disneyland in? (Paris)
4 What type of boat do they use in the regatta in Windsor?

(A giant pumpkin with the inside cut out)
5 Where does the International Bathtub Regatta take place? (In Dinant, Belgium)
6 When does the Monkey Festival take place? (In November)

7. การวัดและการประเมนิ ผล เครื่องมือ เกณฑ์การผ่าน
- ร้อยละ 60
วธิ ีการวดั
ตรวจการเขียน quiz เกี่ยวกบั เน้ือหา แบบประเมินคณุ ลกั ษณะ ระดบั คุณภาพ พอใช้
ในหน่วยการเรียนรู้ที่ 3 อนั พึงประสงค์
สังเกตความมงุ่ มนั่ ในการทางาน

8. ส่ือ/แหล่งการเรียนรู้
1) หนงั สือเรียน SPARK 2 ม. 2
2) Class Audio CDs ประกอบสื่อฯ ชุด SPARK 2 ม. 2

220

4 Sports & Chores

เวลาเรียน 14 ช่ัวโมง

1 สาระ มาตรฐานการเรียนรู้/ตวั ชี้วดั
สาระท่ี 1 ภาษาเพอ่ื การส่ือสาร
มาตรฐาน ต 1.1 เข้าใจและตีความเร่ืองทฟ่ี ังและอ่านจากสื่อประเภทต่าง ๆ และแสดงความคดิ เห็น
อย่างมเี หตุผล
ตวั ช้ีวดั
ต 1.1 ม. 2/2 อา่ นออกเสียงขอ้ ความ ข่าว ประกาศ และบทรอ้ ยกรองส้นั ๆ ถกู ตอ้ งตามหลกั การ
อ่าน
ต 1.1 ม. 2/3 ระบุ/เขียนประโยคและขอ้ ความใหส้ มั พนั ธก์ บั ส่ือทไ่ี มใ่ ช่ความเรียงรูปแบบต่าง ๆ ที่
อา่ น
ต 1.1 ม. 2/4 เลือกหัวขอ้ เรื่อง ใจความสาคญั บอกรายละเอยี ดสนบั สนุน (supporting detail) และ
แสดงความคดิ เห็นเกี่ยวกบั เร่ืองที่ฟังและอ่าน พร้อมท้งั ให้เหตผุ ลและยกตวั อยา่ ง
ง่าย ๆ ประกอบ
มาตรฐาน ต 1.2 มที กั ษะการส่ือสารทางภาษาในการแลกเปลยี่ นข้อมลู ข่าวสาร แสดงความรู้สึกและ
ความคดิ เหน็ อย่างมปี ระสิทธภิ าพ
ตวั ช้ีวดั
ต 1.2 ม. 2/1 สนทนาแลกเปล่ียนขอ้ มลู เกี่ยวกบั ตนเอง เรื่องต่าง ๆ ใกลต้ วั และสถานการณต์ า่ ง ๆ
ในชีวติ ประจาวนั อยา่ งเหมาะสม
ต 1.2 ม. 2/2 ใชค้ าขอร้อง ใหค้ าแนะนา คาช้ีแจง และคาอธิบายตามสถานการณ์
ต 1.2 ม. 2/4 พดู และเขยี นเพื่อขอและให้ขอ้ มลู บรรยาย และแสดงความคดิ เห็นเก่ียวกบั เรื่องท่ฟี ัง
หรืออ่านอยา่ งเหมาะสม
ต 1.2 ม. 2/5 พูดและเขยี นแสดงความรู้สึกและความคดิ เห็นของตนเองเก่ียวกบั เรื่องต่าง ๆ
กิจกรรม และประสบการณ์ พร้อมท้งั ให้เหตผุ ลประกอบอยา่ งเหมาะสม
มาตรฐาน ต 1.3 นาเสนอข้อมูลข่าวสาร ความคิดรวบยอด และความคิดเหน็ ในเรื่องต่าง ๆ โดยการพูด
และการเขยี น

221

ตวั ช้ีวดั
ต 1.3 ม. 2/1 พดู และเขียนบรรยายเกี่ยวกบั ตนเอง กิจวตั รประจาวนั ประสบการณ์ และขา่ ว/

เหตกุ ารณ์ทอ่ี ยใู่ นความสนใจของสังคม
ต 1.3 ม. 2/2 พดู และเขยี นสรุปใจความสาคญั /แก่นสาระ หัวขอ้ เรื่อง (topic) ที่ไดจ้ ากการวเิ คราะห์

เร่ือง/ข่าว/เหตกุ ารณท์ อ่ี ยใู่ นความสนใจของสังคม
ต 1.3 ม. 2/3 พดู และเขียนแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกบั กิจกรรม เร่ืองต่าง ๆ ใกลต้ วั และ

ประสบการณ์ พร้อมท้งั ใหเ้ หตุผลส้นั ๆ ประกอบ
สาระที่ 2 ภาษาและวัฒนธรรม
มาตรฐาน ต 2.1 เข้าใจความสัมพันธ์ระหว่างภาษากับวัฒนธรรมของเจ้าของภาษา และนาไปใช้ ได้

อย่างเหมาะสมกับกาลเทศะ
ตวั ช้ีวดั
ต 2.1 ม. 2/1 ใชภ้ าษา น้าเสียง และกิริยาท่าทางเหมาะกบั บคุ คลและโอกาส ตามมารยาทสังคมและ

วฒั นธรรมของเจา้ ของภาษา
ต 2.1 ม. 2/3 เขา้ ร่วม/จดั กิจกรรมทางภาษาและวฒั นธรรมตามความสนใจ
มาตรฐาน ต 2.2 เข้าใจความเหมือนและความแตกต่างระหว่างภาษาและวฒั นธรรมของเจ้าของภาษา

กบั ภาษาและวัฒนธรรมไทย และนามาใช้อย่างถกู ต้องและเหมาะสม
ตวั ช้ีวดั
ต 2.2 ม. 2/1 เปรียบเทยี บและอธิบายความเหมือนและความแตกต่างระหว่างการออกเสียง

ประโยคชนิดตา่ ง ๆ และการลาดบั คาตามโครงสร้างประโยคของภาษาตา่ งประเทศ
และภาษาไทย
ต 2.2 ม. 2/2 เปรียบเทยี บและอธิบายความเหมอื นและความแตกต่างระหวา่ งชีวติ ความเป็นอยแู่ ละ
วฒั นธรรมของเจา้ ของภาษากบั ของไทย
สาระท่ี 3 ภาษากับความสัมพนั ธ์กับกล่มุ สาระการเรียนรู้อ่นื
มาตรฐาน ต 3.1 ใช้ภาษาต่างประเทศในการเชื่อมโยงความรู้กับกล่มุ สาระการเรียนรู้อื่น และเป็ น
พนื้ ฐานในการพฒั นา แสวงหาความรู้ และเปิ ดโลกทศั น์ของตน
ตวั ช้ีวดั
ต 3.1 ม. 2/1 คน้ ควา้ รวบรวม และสรุปขอ้ มลู /ขอ้ เทจ็ จริงท่ีเกี่ยวขอ้ งกบั กลมุ่ สาระการเรียนรู้อน่ื
จากแหล่งการเรียนรู้ และนาเสนอดว้ ยการพูด/การเขียน
สาระท่ี 4 ภาษากับความสัมพันธ์กบั ชุมชนและโลก
มาตรฐาน ต 4.1 ใช้ภาษาต่างประเทศในสถานการณ์ต่าง ๆ ท้งั ในสถานศึกษา ชุมชน และสังคม

222

ตวั ช้ีวดั
ต 4.1 ม. 2/1 ใชภ้ าษาส่ือสารในสถานการณ์จริง/สถานการณ์จาลองทีเ่ กิดข้นึ ในหอ้ งเรียน

สถานศึกษา และชุมชน
มาตรฐาน ต 4.2 ใช้ภาษาต่างประเทศเป็ นเครื่องมอื พืน้ ฐานในการศึกษาต่อ การประกอบอาชีพ และ

การแลกเปลยี่ นเรียนรู้กบั สังคมโลก
ตวั ช้ีวดั
ต 4.2 ม. 2/2 เผยแพร่/ประชาสัมพนั ธข์ อ้ มลู ข่าวสารของโรงเรียนเป็นภาษาตา่ งประเทศ

2 สาระสาคญั /ความคดิ รวบยอด
การเรียนรู้คาศพั ท์ สานวน และโครงสร้างภาษา จะช่วยใหเ้ ขา้ ใจใจความสาคญั สามารถบอก

รายละเอยี ด และแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกบั เร่ืองที่อา่ นและฟัง รวมถงึ สามารถนาส่ิงทเี่ รียนรู้ไปใชใ้ นการ
พูด และเขยี นแสดงความคิดเห็นเก่ียวกบั ความชอบ/ไมช่ อบ เรื่องตา่ ง ๆ ใกลต้ วั การอนุรกั ษส์ ิ่งแวดลอ้ ม
การพูดชกั ชวน การตอบรบั และปฏิเสธคาชวนได้ นอกจากน้ียงั สามารถใชส้ ื่อเทคโนโลยคี น้ ควา้ ขอ้ มลู
ตลอดจนเขา้ ใจความเหมอื นและความแตกต่างของภาษาไทยกบั ภาษาองั กฤษ

3 สาระการเรียนรู้
3.1 ทกั ษะเฉพาะวิชา
1) Language Features and Functions
Vocabulary: Chores (clean the windows, cook dinner, walk the dog, take out the
rubbish, dust the furniture, lay the table, do the washing-up, tidy my
room, make my bed, wash the car, iron my clothes, do the laundry, do the
shopping, hoover the carpet, mop the floor)
Free-time activities (go to the cinema/theatre, go shopping, phone a
friend, read books/magazines, play a sport, surf the Internet, send text
messages, watch TV, meet friends, go to parties, listen to music, eat out,
go swimming, play video/computer games, attend a concert, watch a
match)
Sports and activities (rollerblading, kickboxing, darts, ice-skating,
skateboarding, ice hockey, football, baseball, martial arts, biking, golf,
athletics, horse riding, aerobics, tennis, sailing, badminton, chess)

223

Grammar: Environmental problems (acid rain, air pollution, animal extinction,
Functions: deforestation, global warming, natural resource depletion,
overpopulation, soil pollution, waste disposal, water pollution)
Verbs (train for, protect, respect, pollute, protect, turn off, turn down, put
on, throw away, recycle, donate, grow, arrive, choose, hang out)
Nouns (household chores, bore, ironing board, stamina, grace,
protective clothing, helmet, goggles, accident, helmet, reflector, reflective
belt, loose clothes, headphones, knee pad, hand signal, brakes, tyre,
chain, factory, environment, solar panel, tap, charity, group leader,
midnight, court, rattan ball, opponent, aim, evidence, existence,
relationship, formation)
Adjectives (annual, eco-friendly, friendly, cool, unreturnable, creative)
Adverb (regularly)
Phrases (out of the ordinary, take it seriously, on standby, so far so good)
Asking for advice
What should I …?
Giving advice
Why don’t you …?
must/mustn’t - have to/don’t have to
can/could, may/might, should, ought to
relative pronouns (who, which, whose, that)
Talking about free-time activities
I like going to the cinema.
I hate going shopping.
Making, accepting and refusing invitations
Would you like to go dancing?
I’ love to./I’d rather not.
Talking about prohibition
What does this sign mean?
You mustn’t smoke here.

224

Talking about safe cycling

You must wear a helmet. You must also put reflectors on your bike and

wear something bright.

Asking for and giving advice

What should I do?

Why don’t you report it to the school secretary?

Talking about protection of the environment

You should turn off the lights when you aren’t in room.

Pronunciation: Linking sounds

Can I have an apple?

2) Language Skills

Listening: ฟังเพ่ือหาขอ้ มลู เฉพาะ, ฟังเพ่อื จบั ใจความสาคญั

Speaking: พดู เกี่ยวกบั กิจกรรมในเวลาว่าง, พดู ชกั ชวนเพื่อทากิจกรรม ตอบรบั และ

ปฏิเสธคาชวน, พดู ถาม-ตอบเกี่ยวกบั ความหมายของป้ายตา่ ง ๆ, พูดแสดง

ความคดิ เห็นเก่ียวกบั การป่ันจกั รยานอยา่ งปลอดภยั , พูดขอและให้

คาแนะนาตามสถานการณ์ทีก่ าหนด, พดู แสดงความคิดเห็นและเสนอแนะ

วิธีแกป้ ัญหา

สิ่งแวดลอ้ ม, พูดสุนทรพจน์เก่ียวกบั การอนุรักษส์ ิ่งแวดลอ้ มในบา้ นของ

ตนเอง, พดู แสดงความคดิ เห็นเกี่ยวกบั กีฬาที่เป็นท่นี ิยมในประเทศไทยและ

ภมู ิภาคอาเซียน

Reading: อา่ นเพอ่ื หาขอ้ มลู เฉพาะ, อ่านเพอื่ จบั ใจความสาคญั , อา่ นและเติมคา

Writing: เขียนสรุปเรื่องที่อา่ น, เขียนอีเมลเก่ียวกบั กิจกรรมทที่ าและไมไ่ ดท้ าในเวลา

วา่ ง และงานท่ีช่วยทาทบี่ า้ น, เขียนประโยคเก่ียวกบั ตนเองตามโครงสร้างท่ี

เรียน, เขียนเก่ียวกบั การป่ันจกั รยานและการขา้ มถนนอยา่ งปลอดภยั , แต่ง

บทสนทนาตามสถานการณท์ ี่กาหนด, เขยี นเก่ียวกบั วิธีการอนุรักษ์

ส่ิงแวดลอ้ ม, เขียนอเี มลเลา่ เก่ียวกบั กฎระเบยี บของโรงเรียน, เขียนเก่ียวกบั

ส่ิงท่ีประเทศในกลุ่มประชาคมอาเซียนมคี ลา้ ยกนั

3) Cultures การปฏเิ สธคาชวน, การใชเ้ ครื่องทาความร้อน

225

4 สมรรถนะสาคญั ของผ้เู รยี น
1) ความสามารถในการสื่อสาร
2) ความสามารถในการคดิ
3) ความสามารถในการใชเ้ ทคโนโลยี

5 คณุ ลกั ษณะอันพงึ ประสงค์
1) ใฝ่เรียนรู้
2) ม่งุ มน่ั ในการทางาน
3) มจี ิตสาธารณะ

6 ชิน้ งาน/ภาระงาน (รวบยอด)
1) ผลงานออกแบบ extreme sport ท่เี กี่ยวขอ้ งกบั งานบา้ น
2) เขยี นอีเมลเล่าเก่ียวกบั กิจกรรมท่ที าและไมไ่ ดท้ าในเวลาว่าง และงานบา้ นที่ช่วยผปู้ กครองทา
3) เขียนประโยคตามโครงสร้างท่ีเรียน
4) โปสเตอร์ how to cross a road safely
5) อา่ นออกเสียงบทสนทนา
6) แตง่ บทสนทนาตามสถานการณ์ที่กาหนด
7) พูดสนทนาเพ่ือขอและให้คาแนะนาตามสถานการณท์ ก่ี าหนด
8) พดู สุนทรพจนเ์ กี่ยวกบั การอนุรักษส์ ิ่งแวดลอ้ มในบา้ นของตนเอง
9) คน้ ควา้ ขอ้ มลู เกี่ยวกบั วิธีการอนุรักษส์ ิ่งแวดลอ้ มและเขยี นนาเสนอ
10) เขียนอีเมลเก่ียวกบั กฎระเบยี บของโรงเรียน
11) คน้ ควา้ เกี่ยวกบั ส่ิงทป่ี ระเทศในกลุ่มประชาคมอาเซียนมีคลา้ ยกนั และเขียนนาเสนอ

7 การวดั และการประเมนิ ผล
7.1 การประเมนิ กอ่ นเรียน
7.2 การประเมินระหวา่ งการจดั กิจกรรมการเรียนรู้
7.3 การประเมินหลงั เรียน
7.4 การประเมินชิ้นงาน/ภาระงาน (รวบยอด)

226

1 Reading 4a & Vocabulary 4a

2 ช่ัวโมง

จดุ ประสงค์การเรยี นรู้
- บอกรายละเอยี ด สรุป และแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกบั เร่ืองทีฟ่ ังและอา่ นได้
- พดู เกี่ยวกบั กิจกรรมในเวลาว่างได้
- พูดชกั ชวนเพื่อกิจกรรม ตอบรบั และปฏิเสธคาชวนได้
- เขียนเกี่ยวกบั กิจกรรมยามว่างและงานบา้ นที่ทาได้

1. สาระ มาตรฐานการเรยี นรู้/ตัวชีว้ ัด
สาระท่ี 1 ภาษาเพอื่ การส่ือสาร
มาตรฐาน ต 1.1 เข้าใจและตีความเร่ืองท่ฟี ังและอ่านจากสื่อประเภทต่าง ๆ และแสดงความคดิ เหน็
อย่างมีเหตุผล
ตวั ช้ีวดั
ต 1.1 ม. 2/4 เลอื กหวั ขอ้ เร่ือง ใจความสาคญั บอกรายละเอยี ดสนบั สนุน (supporting detail) และ
แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกบั เรื่องทฟี่ ังและอ่าน พร้อมท้งั ให้เหตผุ ลและยกตวั อยา่ ง
ง่าย ๆ ประกอบ
มาตรฐาน ต 1.2 มีทักษะการส่ือสารทางภาษาในการแลกเปลย่ี นข้อมลู ข่าวสาร แสดงความรู้สึกและ
ความคิดเหน็ อย่างมีประสิทธภิ าพ
ตวั ช้ีวดั
ต 1.2 ม. 2/4 พดู และเขยี นเพือ่ ขอและให้ขอ้ มลู บรรยาย และแสดงความคิดเห็นเก่ียวกบั เรื่องทฟ่ี ัง
หรืออา่ นอยา่ งเหมาะสม
ต 1.2 ม. 2/5 พดู และเขยี นแสดงความรู้สึกและความคิดเห็นของตนเองเก่ียวกบั เร่ืองต่าง ๆ
กิจกรรม และประสบการณ์ พร้อมท้งั ให้เหตุผลประกอบอยา่ งเหมาะสม
มาตรฐาน ต 1.3 นาเสนอข้อมลู ข่าวสาร ความคดิ รวบยอด และความคิดเห็นในเร่ืองต่าง ๆ โดยการพดู
และการเขียน

227

ตวั ช้ีวดั
ต 1.3 ม. 2/1 พูดและเขยี นบรรยายเก่ียวกบั ตนเอง กิจวตั รประจาวนั ประสบการณ์ และข่าว/

เหตกุ ารณ์ท่อี ยใู่ นความสนใจของสงั คม
ต 1.3 ม. 2/3 พูดและเขียนแสดงความคดิ เห็นเก่ียวกบั กิจกรรม เร่ืองตา่ งๆ ใกลต้ วั และ

ประสบการณ์ พร้อมท้งั ให้เหตุผลส้ัน ๆ ประกอบ
สาระที่ 4 ภาษากบั ความสัมพนั ธ์กบั ชุมชนและโลก
มาตรฐาน ต 4.1 ใช้ภาษาต่างประเทศในสถานการณ์ต่าง ๆ ท้งั ในสถานศึกษา ชุมชน และสังคม

ตวั ช้ีวดั
ต 4.1 ม. 2/1 ใชภ้ าษาส่ือสารในสถานการณจ์ ริง/สถานการณ์จาลองทเ่ี กิดข้นึ ในหอ้ งเรียน

สถานศึกษา และชุมชน

2. สาระสาคญั /ความคิดรวบยอด
การเรียนรู้คาศพั ท์เก่ียวกบั งานบา้ น กิจกรรมในเวลาว่าง จะช่วยให้เขา้ ใจและสามารถบอก

รายละเอียด และแสดงความคดิ เห็นเก่ียวกบั เร่ืองทีอ่ ่านและฟังได้ นอกจากน้ีการเรียนรู้คา/วลแี สดง
ความชอบ/ไมช่ อบ และสานวนภาษาในการชกั ชวน การตอบรบั และปฏเิ สธคาชวน ยงั ช่วยให้นกั เรียน
สามารถพูดแสดงความรู้สึก ชกั ชวนเพื่อกิจกรรม ตอบรบั และปฏเิ สธคาชวนไดอ้ ยา่ งเหมาะสม

3. สาระการเรียนรู้
3.1 ทกั ษะเฉพาะวิชา
1) Language Features and Functions
Vocabulary: Chores (clean the windows, cook dinner, walk the dog, take out the
rubbish, dust the furniture, lay the table, do the washing-up, tidy my
room, make my bed, wash the car, iron my clothes, do the laundry, do the
shopping, hoover the carpet, mop the floor)
Free-time activities (go to the cinema/theatre, go shopping, phone a
friend, read books/magazines, play a sport, surf the Internet, send text
messages, watch TV, meet friends, go to parties, listen to music, eat out,
go swimming, play video/computer games, attend a concert, watch a
match)
Verb (train for)

228

Nouns (household chores, bore, ironing board, stamina, grace,

protective clothing, helmet, goggles)

Adjective (annual)

Phrases (out of the ordinary, take it seriously)

Functions: Talking about free-time activities

I like going to the cinema.

I hate going shopping.

Making, accepting and refusing invitations

Would you like to go dancing?

I’ love to./I’d rather not.

2) Language Skills

Listening: ฟังเพอ่ื หาขอ้ มลู เฉพาะ

Speaking: พดู เก่ียวกบั กิจกรรมในเวลาว่าง

พดู ชกั ชวนเพื่อทากิจกรรม ตอบรับและปฏเิ สธคาชวน

Reading: อ่านเพอ่ื หาขอ้ มูลเฉพาะ

Writing: เขยี นสรุปเร่ืองทีอ่ า่ น, เขียนอเี มลเกี่ยวกบั กิจกรรมท่ีทาและไมไ่ ดท้ าใน

เวลาวา่ ง และงานบา้ นที่ช่วยทา

3) Cultures การปฏิเสธคาชวน

4. สมรรถนะสาคญั ของผ้เู รียน
1) ความสามารถในการส่ือสาร
2) ความสามารถในการคดิ

5. คณุ ลักษณะอนั พงึ ประสงค์
1) ใฝ่เรียนรู้
2) มุ่งมนั่ ในการทางาน

229

6. กจิ กรรมการเรียนรู้

ช่ัวโมงท่ี 1

ข้นั Warm up
1. นกั เรียนอ่านชื่อหน่วยการเรียนรู้ (Sports & Chores) ในหนงั สือเรียน หนา้ 45 แลว้ ครูถามความหมาย

คาวา่ chore
chore (n) = a small job that you have to do regularly, especially work that you do to
keep a house clean (งานบา้ น)

2. ครูถามคาถามเพื่อนาเขา้ สู่บทเรียน และกระตนุ้ ให้นกั เรียนอภปิ รายแสดงความคดิ เห็น
• Do you play sports?
• What sports do you play?
• What chores do you do?
• Do you like to do chores?
• Who thinks chores are boring? Why?

3. Find the page numbers for หน้า 45 ครูใหน้ กั เรียนหาวา่ ภาพท่ีเกี่ยวขอ้ งกบั ท้งั 3 คาน้ีอยใู่ น
หนงั สือเรียนหนา้ ใด เม่ือหาพบแลว้ ครูถามคาถามเพือ่ สนทนากบั นกั เรียน

road signs (p. 48)
Do you think it is important to know what road signs mean?
Do you have road signs like these in your country?
How many road signs do you know?
an email (p. 53)
How often do you send emails? Who to?
Why do/don’t you like sending them?
a strange sport (p. 46)
Are there any strange sports like this in your country?
Would you like to take part in a strange sport? Why (not)?

230

ข้นั Pre-reading
1. หนงั สือเรยี น หน้า 45 Ex. 1 นกั เรียนปิ ดหนงั สือเรียน แลว้ ฟังวลเี ก่ียวกบั งานบา้ นและออกเสียงตาม

โดยครูเปิ ด CD ให้ฟัง 2 คร้ัง จากน้นั ใหน้ กั เรียนเปิ ดหนงั สือเรียน อา่ นออกเสียงวลพี ร้อมกนั และ
อธิบายความหมายโดยเดาจากภาพ
2. หนงั สือเรยี น หน้า 45 Ex. 2 ครูทบทวน adverbs of frequency โดยใหน้ กั เรียนอ่าน adverbs of
frequency แต่ละคา จากน้นั ครูสุ่มถามนกั เรียนว่าทางานบา้ นแต่ละอยา่ งบอ่ ยแค่ไหน เช่น

T: How often do you make your bed?
S1: I always make my bed.
3. ครูนาภาพ 2 ภาพดา้ นล่างน้ีมาให้นกั เรียนดู และถามนกั เรียนวา่ แต่ละภาพใหค้ วามรู้สึกอยา่ งไร
“How do you feel about each picture?”

ภาพจาก: https://www.morphyrichards.co.uk/ ภาพจาก: http://list25.com/25-insane-examples-of-
extreme-ironing/
::blog/?categorytagid=10

4. หนงั สือเรยี น หน้า 46 Ex. 1a ครูถามคาถาม What’s an extreme sport? ให้นกั เรียนช่วยกนั อธิบาย
และยกตวั อยา่ งกีฬา (e.g. skydiving, snowboarding, white-water rafting, kite surfing) จากน้นั ครูถาม
นกั เรียนวา่ อยากลองเลน่ extreme sport หรือไม่ กีฬาอะไรทอี่ ยากลองเลน่ พร้อมให้เหตุผลประกอบ
extreme sport (n) = a sport that is extremely exciting to do and often dangerous, for
example skydiving and bungee jumping (กีฬาผาดโผน)

5. หนงั สือเรยี น หน้า 46 Ex. 1b ครูให้นกั เรียนดูภาพ และร่วมกนั แสดงความคิดเห็นโดยถามวา่ What
are the people doing? (ironing) Why do you think they are doing it? (e.g. They are doing this for a
competition, as a stunt etc.) จากน้นั ครูเปิ ด CD ให้นกั เรียนฟังและอา่ นบทอา่ นตามเพอื่ หาคาตอบ

6. ครูนาเสนอคาศพั ทท์ ี่นกั เรียนจะพบในบทอา่ น โดยครูอ่านออกเสียงคาศพั ทใ์ นหนงั สือเรียน หนา้ 46
กรอบ Check these words และใหน้ กั เรียนอ่านตาม จากน้นั ครูแบ่งนกั เรียนออกเป็นกลมุ่ กลุ่มละ 4-6
คน และใหแ้ ตล่ ะกลมุ่ ช่วยกนั หาความหมายของคาศพั ทจ์ ากพจนานุกรมหรือพจนานุกรมออนไลน์
เสร็จแลว้ ครูใหแ้ ตล่ ะกลุม่ ช่วยกนั บอกความหมาย จากน้นั ครูจึงบอกความหมายที่ถกู ตอ้ ง

231

household chores (n) = works that you do to keep a house clean (งานบา้ น)

bore (v) = to make someone feel bored (ทาให้เบ่อื )

ironing board (n) = a small narrow table used for ironing clothes (โตะ๊ รีดผา้ )

out of the ordinary (phrase) = unusual or different (ไม่ปกติ, ไมธ่ รรมดา)

take it seriously (phrase) = to consider a situation to be important and worth your

attention or respect (ใหค้ วามสาคญั )

train for (v) = to prepare for a particular activity, especially a sport, by

doing a lot of exercise (ฝึกซอ้ ม)

stamina (n) = physical or mental strength that lets you continue doing

something for a long time without getting tired (ความ

แข็งแรง)

grace (n) = a smooth way of moving that looks natural, relaxed, and

attractive (ความนุ่มนวล)

protective clothing (n) = clothing designed to protect either the wearer’s body or

other items of clothing from hazards such as heat,

chemicals and infection (เครื่องแต่งกายท่ีสวมใส่เพ่ือ

ปกป้องร่างกาย)

helmet (n) = a strong, hard hat that covers and protects the head

(หมวกนิรภยั )

goggles (n) = special glasses that fit close to the face to protect the

eyes from chemicals, wind, water etc. (แวน่ ตากนั ลม/น้า/

สารเคมี)

annual (adj) = happening once every year (ประจาปี )

7. ครูใหน้ กั เรียนอ่านคาถามที่กาหนดให้ในหนงั สือเรียน หนา้ 46 Ex. 2 และขดี เสน้ ใตค้ าสาคญั ใน

คาถามแตล่ ะขอ้

ข้นั Reading
หนงั สือเรียน หน้า 46 Ex. 2 ครูให้นกั เรียนอ่านบทอ่านเพือ่ หาเน้ือเรื่องส่วนทีเ่ ก่ียวขอ้ งกบั คาสาคญั ที่
ขดี เส้นใตไ้ ว้ แลว้ จึงตอบคาถามทก่ี าหนดให้ ครูแนะนานกั เรียนว่าหากพบคาทีไ่ ม่รู้ความหมายใน
ระหวา่ งทอี่ า่ น ใหใ้ ชก้ ารเดาความหมายจากบริบท เม่ือตอบคาถามเสร็จแลว้ ครูให้นกั เรียนช่วยกนั
เฉลยคาตอบ

232

1 You need an ironing board, an iron and a piece of clothing to do extreme ironing.
2 The person who has the best photograph of extreme ironing.
3 You need stamina and grace to do this sport.
4 Some people do extreme ironing underwater, on the tops of mountains or riding

on bikes.
5 No, it isn’t.
6 At least 1 m long.
7 No, I don’t.
8 At least one piece of clothing.

ข้นั Post-reading
1. หนังสือเรียน หน้า 46 Ex. 3a ครูให้นกั เรียนสรุปเน้ือหาของบทอา่ นตามหัวขอ้ Name of sport,

Equipment, Place, Rules แลว้ ครูเขียนหวั ขอ้ บนกระดาน ใหน้ กั เรียนช่วยกนั บอกขอ้ มลู ของแต่ละ
หวั ขอ้ จากน้นั ให้นกั เรียนเขียนสรุปโดยใชข้ อ้ มูลบนกระดาน เมอ่ื ทาเสร็จแลว้ ครูขออาสาสมคั ร 2 คน
อา่ นใหฟ้ ัง

Name of sport: extreme ironing
Equipment: ironing board, iron, piece of clothing, (camera)
Place: underwater, tops of mountains, on a bike
Rules: 1 m ironing board, a real iron, protective clothing, photograph, piece of
clothing

To do extreme ironing you need an ironing board, an iron and a piece of clothing.
You can do it anywhere such as underwater, on tops of mountains or on a bike.
There is a prize for the best photograph of extreme ironing. The rules are simple.
Your ironing board must be 1m long and you must use a real iron. Protective
clothing is a good idea. A photograph is enough. Finally, you must iron at least one
piece of clothing.

233

2. หนงั สือเรียน หน้า 46 Ex. 3b ครูให้นกั เรียนระดมความคิดวา่ ถา้ ไม่ใชช้ ื่อเร่ือง Extreme Ironing จะ
ต้งั ชื่อใหม่ว่าอยา่ งไร

People do the strangest things!
3. หนังสือเรียน หน้า 47 ข้อ 3c ครูให้นกั เรียนแสดงความคิดเห็นวา่ หากมโี อกาสนกั เรียนจะเขา้ ร่วมการ

แขง่ ขนั Extreme Ironing หรือไม่ ครูใหน้ กั เรียนเวลานกั เรียนเขยี นคาตอบ และเหตุผลวา่ ทาไมจึง
อยากเขา้ ร่วมหรือไมอ่ ยากเขา้ ร่วมกิจกรรมดงั กลา่ ว จากน้นั ครูสุ่มเรียกนกั เรียน 2-3 คน ให้บอก
คาตอบและเหตุผลของตนเอง

I would like to try extreme ironing because it looks very exciting. It is a sport that
not many people know about./
I wouldn’t like to try extreme ironing. I think it is dangerous. The rules are
simple, though.
4. หนังสือเรยี น หน้า 47 Ex. 3d ครูให้นกั เรียนแบ่งกลมุ่ กลมุ่ ละ 4-5 คน ให้แต่ละกล่มุ ช่วยกนั ออกแบบ
extreme sport ทเ่ี กี่ยวขอ้ งกบั งานบา้ น เสร็จแลว้ ให้แต่ละกลุ่มนาเสนอผลงานหนา้ ช้นั เรียน เมอื่ ทกุ
กลุ่มนาเสนอเสร็จแลว้ ให้นกั เรียนร่วมกนั ตดั สินวา่ ผลงานของกลมุ่ ใดน่าสนใจท่ีสุด

Extreme hoovering. It would have similar rules to extreme ironing, but you would
hoover a small rug somewhere extremely high, hot, cold or unusual.
5. แบบฝึกหัด (Workbook) หนา้ 28 Exs. 1-2 ให้นกั เรียนทาเป็นการบา้ น

234

ช่ัวโมงท่ี 2

ข้นั Warm up
1. ครูต้งั คาถามเกี่ยวกบั กิจกรรมยามวา่ งเพื่อเป็นการนาเขา้ สู่บทเรียน และกระตนุ้ ใหน้ กั เรียนอภิปราย

แสดงความคดิ เห็น
• What are free-time activities? Can you name some?
• What do you like to do in your free time?

2. ครูใหน้ กั เรียนดคู ลปิ วิดีโอเก่ียวกบั กิจกรรมยามว่างจาก https://www.youtube.com/watch?v=Gib09
slRwOM แลว้ ให้นกั เรียนบอกกิจกรรมยามว่างที่อยใู่ นคลปิ ใหไ้ ดม้ ากท่ีสุด

ข้นั Presentation
1. หนงั สือเรียน หน้า 47 Ex. 4a ครูนาเสนอวลีเก่ียวกบั กิจกรรมยามว่าง โดยเปิ ด CD ใหน้ กั เรียนฟังและ

อา่ นออกเสียงตาม แลว้ ครูใหน้ กั เรียนช่วยกนั อธิบายความหมายของวลี
จากน้นั ครูนาภาพเกี่ยวกบั กิจกรรมยามวา่ งมาแสดง แลว้ ให้นกั เรียนบอกวลีเกี่ยวกบั กิจกรรมยามว่าง
ให้ถูกตอ้ ง เช่น

T: แสดงภาพ watch TV
Ss: watch TV

2. ครูให้นกั เรียนอา่ นคา/วลีแสดงความชอบและไมช่ อบที่กาหนดใหใ้ นหนงั สือเรียน หนา้ 47 Ex. 4b
และช่วยกนั บอกความหมาย ครูอาจช่วยอธิบายความหมายของ don’t mind และ can’t stand
don’t mind = to have no strong opinion (กโ็ อเค, ก็ได)้
can’t stand = to say that you do not like someone or something at all (ทนไมไ่ ด,้
ไมช่ อบมาก ๆ)
จากน้นั ครูยกตวั อยา่ งการใชค้ า/วลแี สดงความชอบและไม่ชอบเหล่าน้ีบนกระดาน เช่น
I love going shopping.
I like cooking.
I don’t mind playing volleyball.
I don’t like cleaning my bedroom.
I hate drinking orange juice.
I can’t stand taking some medicine.

235

ครูให้นกั เรียนสังเกตวา่ คา/วลีแสดงความชอบและไม่ชอบบนกระดานจะตามดว้ ยคาชนิดใด (คากริยา
เติม -ing)
3. หนงั สือเรยี น หน้า 47 Ex. 4b ครูให้นกั เรียนจบั คู่และผลดั กนั พูดบอกกิจกรรมยามว่างใน Ex. 4a ที่
ชอบทาและไมช่ อบทา

I like going to the theatre. I go to the theatre once a week.
I hate going shopping. I think it’s boring.
I like phoning my friends. We sometimes talk for hours.
I like reading books. It’s a great way to pass the time.
I don’t mind reading magazines. They’re interesting.
I love playing sports. It’s my favourite thing to do.
I like to surf the Internet. I do it every day.
I don’t mind sending text messages. I keep in contact with my friends.
I like watching TV. I like sitcoms.
I love meeting my friends. Sometimes we go to the cinema.
I can’t stand going to parties. I’m shy.
I don’t like listening to music.
I hate eating out. I think it’s too expensive.
I love going swimming. I’m a good swimmer.
I love playing video computer games. I play them with my friends.
I love attending concerts. It’s great to hear live music.
I like watching football matches, especially my team.

4. หนงั สือเรียน หน้า 47 Ex. 5a ครูให้นกั เรียนอ่านตวั อยา่ งบทสนทนาส้นั ๆ ท่ใี หม้ า แลว้ ครูสุ่มเรียก
นกั เรียน 2 คู่ ใหอ้ ่านบทสนทนาแบบตอบโตก้ นั เสร็จแลว้ ครูให้นกั เรียนช่วยกนั วิเคราะหว์ ่า ประโยค
ใดคอื การตอบรับคาชวน และประโยคใดคือการปฏเิ สธคาชวน

Accepting an invitation – I’d love to./That would be great.
Refusing an invitation – I’d rather not./I’m sorry, but I can’t.

236

จากน้นั ครูให้นกั เรียนสังเกตว่าหลงั Would you like จะตามดว้ ยคาชนิดใด (to infinitive) แลว้ ครู
อธิบายว่าเราสามารถใช้ Would you like + to infinitive ในการชกั ชวนผอู้ ่นื ใหท้ ากิจกรรมตา่ ง ๆ

ข้นั Practice
1. หนงั สือเรยี น หน้า 47 Ex. 5b ครูให้นกั เรียนจบั คู่กนั พดู สนทนาชกั ชวนเพ่ือนไปทากิจกรรมยามวา่ ง

ในวนั ศุกร์ตอนบ่าย ซ่ึงคนที่ถกู ชวนจะตอบรับหรือปฏเิ สธก็ได้ ซ่ึงถา้ ปฏิเสธจะตอ้ งบอกเหตุผลใน
การปฏเิ สธดว้ ย กอ่ นพูดสนทนาครูให้นกั เรียน 2 คน อ่านตวั อยา่ งบทสนทนาใหเ้ พื่อนฟังเพ่ือเป็น
แนวทาง

A: Would you like to go to the cinema with me?
B: I’m sorry, but I can’t. I have a lot of homework to do.

A: Would you like to eat out tonight?
B: I’d love to.

2. หนังสือเรียน หน้า 47 Ex. 6 ครูบอกนกั เรียนว่าจะไดฟ้ ัง Julie คุยกบั เพื่อนคนหน่ึงเก่ียวกบั กิจกรรมที่
คนอน่ื ๆ ทาในช่วงสุดสปั ดาห์ แลว้ ครูให้นกั เรียนอ่านช่ือบุคคล 1-6 และกิจกรรม a-h จากน้นั ครูเปิ ด
CD ให้นกั เรียนฟังบทสนทนาวา่ แตล่ ะคนทากิจกรรมอะไร แลว้ จบั คู่ชื่อบุคคลกบั กิจกรรมทที่ า ถา้
นกั เรียนฟังไมท่ นั ครูอาจเปิ ด CD ใหฟ้ ังอกี คร้งั เสร็จแลว้ ครูและนกั เรียนร่วมกนั เฉลยคาตอบ

1c 2h 3b 4f 5d 6a

ข้นั Production
1. หนงั สือเรียน หน้า 47 Ex. 7 ครูใหน้ กั เรียนดูโครงสร้างอีเมล แลว้ ช่วยกนั บอกวา่ ประกอบดว้ ย

อะไรบา้ ง เช่น ผรู้ ับ ผสู้ ่ง เรื่อง คาข้นึ ตน้ เน้ือความ คาลงทา้ ย เป็นตน้ จากน้นั ครูให้นกั เรียนเขียน
อีเมลถึงเพอื่ นเล่าเก่ียวกบั กิจกรรมที่ตนเองทาและไมไ่ ดท้ าในเวลาวา่ ง รวมถงึ เล่าเก่ียวกบั งานทตี่ นเอง
ช่วยผปู้ กครองทาที่บา้ น โดยใชโ้ ครงสร้างอีเมลทก่ี าหนดให้

237

Dear Matt,
I haven’t got much free time, but when I have I often play football. I also read
books. I don’t watch TV. I don’t really like it.
I don’t mind helping with household chores. I sometimes lay the table. I don’t
mind making my bed, but I never do the laundry. I can’t stand it.
What about you?
Mark

2. นกั เรียนทา Language Review 4a Exs. 1-2 ในหนงั สือเรียน หนา้ 108 ร่วมกนั ในช้นั
3. แบบฝึกหดั (Workbook) หนา้ 28-29 Exs. 3-6 ใหน้ กั เรียนทาเป็นการบา้ น

7. การวัดและการประเมนิ ผล

วิธีการวดั เคร่ืองมือ เกณฑ์การผ่าน

ตรวจการตอบคาถามจากการอา่ นและ แบบฝึกหดั (Workbook) ร้อยละ 60

การฟัง

สงั เกตการพูดแลกเปล่ียนความคดิ เห็น แบบสงั เกตพฤติกรรมการเรียนรู้ ระดบั คณุ ภาพ พอใช้

เก่ียวกบั Extreme Ironing จากเร่ืองทอ่ี ่าน

ประเมนิ ผลงานออกแบบ extreme sport แบบประเมนิ ชิ้นงาน ระดบั คุณภาพ พอใช้

ท่ีเก่ียวขอ้ งกบั งานบา้ น

ประเมนิ การเขยี นอีเมลเล่าเก่ียวกบั แบบประเมนิ การเขียน ระดบั คุณภาพ พอใช้

กิจกรรมทที่ าและไมไ่ ดท้ าในเวลาวา่ ง

และงานบา้ นท่ีช่วยผปู้ กครองทา

สงั เกตความใฝ่เรียนรู้และความมุ่งมน่ั ใน แบบประเมนิ คณุ ลกั ษณะ ระดบั คุณภาพ ผ่าน

การทางาน อนั พึงประสงค์

8. สื่อ/แหล่งการเรียนรู้ 5) พจนานุกรมออนไลน์
1) หนงั สือเรียน SPARK 2 ม. 2 6) ภาพกิจกรรมยามวา่ ง
2) Class Audio CDs ประกอบสื่อฯ ชุด SPARK 2 ม. 2 7) คลปิ วิดีโอจากอินเทอร์เนต็
3) แบบฝึกหัด SPARK 2 ม. 2
4) พจนานุกรมองั กฤษ-องั กฤษ

238

2 Grammar 4b

2 ชั่วโมง

จดุ ประสงค์การเรียนรู้
- พูดและเขียนประโยคโดยใช้ must/mustn’t, have to/don’t have to, can/could, may/might,

should, ought to ไดถ้ ูกตอ้ ง
- พูดเก่ียวกบั ขอ้ ห้ามของป้ายต่าง ๆ ได้
- พูดและเขียนประโยคโดยใช้ relative pronouns ไดถ้ ูกตอ้ ง

1. สาระ มาตรฐานการเรียนรู้/ตวั ชี้วัด
สาระที่ 1 ภาษาเพอ่ื การสื่อสาร
มาตรฐาน ต 1.2 มีทักษะการส่ือสารทางภาษาในการแลกเปลย่ี นข้อมลู ข่าวสาร แสดงความรู้สึกและ
ความคิดเหน็ อย่างมีประสิทธภิ าพ
ตวั ช้ีวดั
ต 1.2 ม. 2/1 สนทนาแลกเปล่ียนขอ้ มูลเก่ียวกบั ตนเอง เร่ืองต่าง ๆ ใกลต้ วั และสถานการณ์ตา่ ง ๆ
ในชีวติ ประจาวนั อยา่ งเหมาะสม
มาตรฐาน ต 1.3 นาเสนอข้อมลู ข่าวสาร ความคดิ รวบยอด และความคิดเหน็ ในเร่ืองต่าง ๆ โดยการพดู
และการเขียน
ตวั ช้ีวดั
ต 1.3 ม. 2/1 พดู และเขียนบรรยายเก่ียวกบั ตนเอง กิจวตั รประจาวนั ประสบการณ์ และขา่ ว/
เหตกุ ารณ์ทีอ่ ยใู่ นความสนใจของสงั คม
สาระที่ 2 ภาษาและวฒั นธรรม
มาตรฐาน ต 2.2 เข้าใจความเหมือนและความแตกต่างระหว่างภาษาและวฒั นธรรมของเจ้าของภาษา
กบั ภาษาและวฒั นธรรมไทย และนามาใช้อย่างถกู ต้องและเหมาะสม
ตวั ช้ีวดั
ต 2.2 ม. 2/1 เปรียบเทียบและอธิบายความเหมอื นและความแตกต่างระหว่างการออกเสียง
ประโยคชนิดต่าง ๆ และการลาดบั คาตามโครงสร้างประโยคของภาษาตา่ งประเทศ
และภาษาไทย

239

2. สาระสาคัญ/ความคดิ รวบยอด
การเรียนรู้และเขา้ ใจโครงสร้างภาษา (must/mustn’t, have to/don’t have to, can/could, may/might,

should, ought to, relative pronouns) ช่วยให้สามารถพดู และเขียนเก่ียวกบั ตนเองและเร่ืองใกลต้ วั
ตลอดจนเขา้ ใจความเหมือนและความแตกตา่ งของภาษาไทยกบั ภาษาองั กฤษ

3. สาระการเรียนรู้

3.1 ทกั ษะเฉพาะวิชา

1) Language Features and Functions

Grammar: must/mustn’t - have to/don’t have to

can/could, may/might, should, ought to

relative pronouns (who, which, whose, that)

Functions: Talking about prohibition

What does this sign mean?

You mustn’t smoke here.

2) Language Skills

Speaking: พดู ถาม-ตอบเก่ียวกบั ความหมายของป้ายตา่ ง ๆ

Writing: เขยี นประโยคเกี่ยวกบั ตนเองตามโครงสร้างที่เรียน

4. สมรรถนะสาคัญของผ้เู รยี น
1) ความสามารถในการสื่อสาร
2) ความสามารถในการคิด

5. คุณลักษณะอนั พงึ ประสงค์
- ใฝ่เรียนรู้

240

6. กิจกรรมการเรียนรู้
ช่ัวโมงที่ 1
ข้นั Warm up
1. ครูนาเขา้ สู่บทเรียนโดยถามนกั เรียนว่า มีสิ่งใดบา้ งที่นกั เรียนตอ้ งทาท่โี รงเรียน ใหน้ กั เรียนช่วยกนั
บอก เช่น เคารพธงชาติ ทาความสะอาดห้องเรียน
2. ครูให้นกั เรียนดภู าพต่อไปน้ี และบอกกิจกรรมทที่ าที่โรงเรียน
(go to school on time)

ภาพจาก: http://wildmushroomland.com/2014/03/04/hi-friends-flashcards-and-clipart/

(study)

ภาพจาก: http://www.clipartpanda.com/categories/study-clip-art-free

(clean up the classroom)

ภาพจาก: https://www.gryphonhouse.com/news/spring-cleaning-for-the-classroom

241

3. ครูถามนกั เรียนวา่ ใครคิดว่ากิจกรรมเหลา่ น้ีเป็นสิ่งท่ีตอ้ งทา และใครคิดวา่ เป็นส่ิงท่ีไม่จาเป็นตอ้ งทา
โดยใหน้ กั เรียนยกมอื เพ่ือแสดงความคดิ เห็น

4. ครูบอกนกั เรียนว่า วนั น้ีนกั เรียนจะไดเ้ รียนรู้เก่ียวกบั การบอกส่ิงทนี่ กั เรียนตอ้ งทาหรือไมต่ อ้ งทา
ข้นั Presentation
1. ครูเขยี นประโยคต่อไปน้ีบนกระดาน และอธิบายว่าเป็นขอ้ มลู ของนกั เรียนคนหน่ึงในประเทศ

สหรฐั อเมริกา จากน้นั ให้นกั เรียนอา่ นและช่วยกนั แปลเป็นภาษาไทย
• I must help with chores. (ฉันตอ้ งช่วยทางานบา้ น)
• I have to tidy my room. (ฉันตอ้ งจดั หอ้ งให้เป็นระเบียบ)
• We mustn’t talk in class. (ฉนั ตอ้ งไม่พดู ในช้นั เรียน)
• We don’t have to wear a uniform at school. (เราไม่ตอ้ งใส่เคร่ืองแบบนกั เรียน)

2. ครูถามนกั เรียนว่า สิ่งทน่ี กั เรียนคนดงั กลา่ วตอ้ งทาเหมือนหรือแตกต่างจากสิ่งที่นกั เรียนตอ้ งทา
อยา่ งไรบา้ ง จากน้นั ครูช้ีใหน้ กั เรียนเห็นว่านกั เรียนในสหรัฐอเมริกาไมจ่ าเป็นตอ้ งใส่เคร่ืองแบบ
เหมือนนกั เรียนไทย ทกุ คนสามารถใส่ชุดลาลองไปโรงเรียนไดใ้ นวนั ทมี่ ีการเรียนการสอนตามปกติ
ดงั ในภาพ

3. ครูอาจถามนกั เรียนเพ่ิมเตมิ วา่ นกั เรียนในประเทศองั กฤษแต่งกายอยา่ งไร จากน้นั ครูให้นกั เรียนดู
ภาพ และครูอธิบายวา่ โดยทว่ั ไปแลว้ นกั เรียนในประเทศองั กฤษตอ้ งใส่เคร่ืองแบบไปโรงเรียน แต่
เครื่องแบบจะมคี วามแตกตา่ งกนั ไปตามแต่ละโรงเรียน

242

4. ครูเขียนคาวา่ must, mustn’t, have to, don’t have to บนกระดาน และให้นกั เรียนบอกว่าแตล่ ะคามี
ความหมายวา่ อะไร

5. ครูแบง่ นกั เรียนออกเป็นกลมุ่ ยอ่ ย และใหน้ กั เรียนศกึ ษาการใช้ must, mustn’t, have to, don’t have to
จากใบงาน ซ่ึงครูพิมพจ์ ากเวบ็ ไซต์ http://www.grammar.cl/english/must.htm จากน้นั ให้แต่ละกลมุ่
สรุปการใช้ พร้อมท้งั งยกตวั อยา่ งอยา่ งนอ้ ยคาละ 1 ประโยค

243


Click to View FlipBook Version