6. กิจกรรมการเรียนรู้
ช่ัวโมงที่ 1
ข้นั Warm up
1. นกั เรียนดภู าพในหนงั สือเรียน หนา้ 14 แลว้ ครูถามว่า What animals can you see on this page?
Have you ever seen them?
2. ครูเขียน Safari and Leisure Park บนกระดาน ให้นกั เรียนอา่ นพร้อมกนั
ข้นั Presentation
1. หนังสือเรียน หน้า 14 Ex. 1a ครูถามคาถาม What do you think a safari and leisure park is?
ให้นกั เรียนร่วมกนั แสดงความคิดเห็น
I think a safari and leisure park is a place where you can see wild animals and other
amusements.
2. หนังสือเรียน หน้า 14 Ex. 1b นกั เรียนอา่ นกิจกรรมท่ีกาหนดให้พร้อมกนั แลว้ ครูแบง่ นกั เรียนเป็น
กลมุ่ กลุม่ ละ 3-5 คน ให้แตล่ ะกลุ่มพิจารณาว่ากิจกรรมใดที่สามารถทาใน West Midland Safari and
Leisure Park ได้
3. ครูบอกนกั เรียนวา่ จะไดฟ้ ังเร่ือง Welcome to West Midland Safari and Leisure Park ให้นกั เรียนฟัง
และจดบนั ทึกกิจกรรมที่สามารถทาใน West Midland Safari and Leisure Park จากน้นั ครูเปิ ด CD ให้
นกั เรียนฟัง
4. นกั เรียนแตล่ ะกลุม่ อภปิ รายร่วมกนั เก่ียวกบั กิจกรรมทไี่ ดย้ นิ จากน้นั ครูสุ่มถามแตล่ ะกล่มุ และเขียน
คาตอบบนกระดาน
I can drive through the park, watch animals, go river rafting, feed the animals, have
a fun water experience and adopt animal.
44
5. นกั เรียนอา่ นออกเสียงคาศพั ทใ์ นกรอบ Check these words และช่วยกนั บอกความหมาย ถา้ คาใดท่ี
ไม่รู้ให้เปิ ดพจนานุกรมหาความหมาย
rare (adj) = not seen or found very often (ซ่ึงหายาก)
ride (n) = a large machine that people ride on for fun at a fair (เคร่ืองเล่น
ในสวนสนุก)
adopt (v) = to accept (รบั )
buddy (n) = a friend (เพือ่ น)
6. หนังสือเรียน หน้า 14 Ex. 1c นกั เรียนบอกช่ือสัตวท์ ่เี ห็นในภาพ และสะกดคาศพั ทพ์ ร้อมกนั
1 A giraffe 2 A rhino 3 An elephant 4 The zebras
ข้นั Practice
1. THINK! หนังสือเรยี น หน้า 14 ครูอธิบายวา่ ให้นกั เรียนสมมติว่าตอ้ งการไป West Midland Safari
and Leisure Park แลว้ เขียนประโยคบอกเหตุผลที่ตอ้ งการไปตามความคิดเห็นของตนเอง
... I’d like to see all the animals and go on the rides there. It sounds like a great
place.
2. ครูสุ่มเรียกนกั เรียน 3-4 คน อา่ นประโยคให้เพื่อนฟัง ครูเขียนประโยคบนกระดาน จากน้นั ถาม
นกั เรียนในช้นั วา่ ใครมเี หตุผลต่างไปจากเพื่อน ให้นกั เรียนคนดงั กล่าวบอกเหตุผลของตนเอง
ข้นั Production
1. หนงั สือเรียน หน้า 14 Ex. 3 ครูใหน้ กั เรียนช่วยกนั บอกช่ือของ Safari และ Leisure Park ในประเทศ
ไทย จากน้นั ครูใหน้ กั เรียนแตล่ ะกลุม่ ระดมสมองเกี่ยวกบั สัตวแ์ ละกิจกรรมที่มใี น Safari ในประเทศ
ไทย และกิจกรรมที่สามารถทาใน Leisure Park ให้แตล่ ะกลมุ่ จดบนั ทกึ ขอ้ มลู ทไ่ี ดจ้ ากการระดม
สมอง
2. ครูให้ตวั แทนกลมุ่ แต่ละกลุ่มนาเสนอขอ้ มลู ทไ่ี ดจ้ ากการระดมสมอง แลว้ ใหน้ กั เรียนเปรียบเทียบ
ขอ้ มลู ของกลุ่มตนเองกบั กลมุ่ อืน่ และบนั ทกึ ขอ้ มูลเพมิ่ เตมิ หากเห็นดว้ ยกบั ขอ้ มลู ที่กลมุ่ อื่นนาเสนอ
45
จากน้นั ให้นกั เรียนร่วมกนั เปรียบเทียบ Safari และ Leisure Park ในประเทศไทยกบั West Midland
Safari and Leisure Park เกี่ยวกบั สตั วแ์ ละกิจกรรมทส่ี ามารถทาได้
3. ครูให้แตล่ ะกลุม่ เกบ็ ขอ้ มลู ไวเ้ พ่อื ทากิจกรรมในช่วั โมงหนา้
4. นกั เรียนทา Language Review 1c Ex. 3 ในหนงั สือเรียน หนา้ 105 ร่วมกนั ในช้นั
5. แบบฝึกหดั (Workbook) หนา้ 8 Exs. 1-3 ให้นกั เรียนทาเป็นการบา้ น
ชั่วโมงท่ี 2
ข้นั Warm up
1. ครูใหน้ กั เรียนจบั กลุม่ เดิมจากชวั่ โมงทแ่ี ลว้ แลว้ ใหแ้ ต่ละกลมุ่ บอกกิจกรรมทส่ี ามารถทาใน
West Midland Safari and Leisure Park หรือสตั วท์ อี่ ยใู่ น West Midland Safari and Leisure Park
มากลมุ่ ละ 1 อยา่ ง และครูเขยี นขอ้ มูลบนกระดาน
2. ครูขออาสาสมคั รจากแต่ละกลุ่ม กลมุ่ ละ 1 คน พูดประโยค I want to visit West Midland Safari and
Leisure Park because … โดยเลอื กเหตผุ ลจากขอ้ มูลที่เขียนบนกระดาน
ข้นั Presentation
1. นกั เรียนเปิ ดหนงั สือเรียน หนา้ 14 แลว้ ครูเปิ ด CD ใหน้ กั เรียนฟังเร่ือง Welcome to West Midland
Safari and Leisure Park และอ่านออกเสียงตาม
2. ครูสุ่มเรียกนกั เรียน 2-3 คน อ่านเร่ือง Welcome to West Midland Safari and Leisure Park สาหรับ
นกั เรียนที่ยงั อา่ นออกเสียงไม่ถูกตอ้ งใหอ้ า่ นตามครู
3. หนังสือเรยี น หน้า 14 Ex. 2 ครูบอกนกั เรียนวา่ เด็กผหู้ ญิงในภาพ คือ Martha แลว้ ให้นกั เรียนอ่าน
คาถามของ Martha เม่อื เขา้ ใจคาถามแลว้ ให้แต่ละกลมุ่ อ่านเร่ือง Welcome to West Midland Safari
and Leisure Park อกี คร้ัง แลว้ ตอบคาถาม จากน้นั ครูขออาสาสมคั รตอบคาถาม และตรวจคาตอบ
ร่วมกนั
1 You can see rare animals such as elephants, giraffes, lion, zebras and rhinos.
2 There are 30 rides and attractions there.
3 You can help the animals by adopting one.
46
4. ครูสนทนากบั นกั เรียนเก่ียวกบั ประเภทของขอ้ ความทีอ่ ่านวา่ เป็นขอ้ ความประเภทใด เช่น บทความ
จดหมาย บนั ทึก โฆษณา เป็นตน้ แลว้ ครูสรุปหลงั จากนกั เรียนแสดงความคิดเห็นวา่ คอื บทความ
5. ครูให้นกั เรียนแตล่ ะกลุม่ ดรู ูปแบบการเขียนของเร่ือง Welcome to West Midland Safari and Leisure
Park และสรุปร่วมกนั
ข้นั Practice
1. ครูให้นกั เรียนแต่ละกลุ่มปรบั เปลี่ยนกิจกรรมต่าง ๆ ในเรื่อง Welcome to West Midland Safari and
Leisure Park รวมท้งั ต้งั ช่ือ Safari and Leisure Park ใหม่
Welcome to Wild Animal Safari and Leisure Park
Our Safari and Leisure Park is for everyone! Families and other visitors can watch
and feed animals. Other exciting activities include horse-back and elephant-back
safaris. Visit the amusement park with its 30 rides and attractions. Go on the ghost
train or go white-water rafting. Be a brave firefighter and have a fun water
experience. Adopt a “buddy” and help wildlife projects in Africa. Have a great
time.
2. ครูใหน้ กั เรียนแต่ละกลมุ่ อา่ นขอ้ ความที่ปรบั ใหม่ โดยให้กล่มุ อ่ืนจดบนั ทึกวา่ ขอ้ ความที่เพอ่ื นอา่ นน้นั
มีการปรบั กิจกรรมอะไรบา้ ง
3. ครูสุ่มเรียกนกั เรียน 3-4 กลุม่ ใหบ้ อกกิจกรรมใหม่ของกลมุ่ อน่ื มา 1 กิจกรรม นกั เรียนสามารถเลอื ก
ขอ้ มลู ของกลมุ่ ใดมารายงานกไ็ ด้ แลว้ ครูเขยี นกิจกรรมทน่ี กั เรียนบอกบนกระดาน จากน้นั ให้
นกั เรียนอ่านกิจกรรมบนกระดานพร้อมกนั
ข้นั Production
1. หนังสือเรยี น หน้า 14 Ex. 4 นกั เรียนแตล่ ะกลมุ่ ช่วยกนั เขียนโฆษณา Safari หรือ Leisure Park ใน
ประเทศไทย โดยใชข้ อ้ มลู ทีไ่ ดจ้ ากการระดมสมองเมื่อชว่ั โมงท่แี ลว้ จากน้นั ครูให้นกั เรียนแต่ละกลุ่ม
อา่ นโฆษณาของกลมุ่ ตนเอง
2. ครูใหแ้ ตล่ ะกลมุ่ นาโฆษณาท่เี ขียนในวนั น้ีไปทาเป็นช้ินงานโฆษณา โดยออกแบบและใส่
ภาพประกอบใหส้ วยงามและน่าสนใจ โดยครูอาจจะเตรียมตวั อยา่ งโฆษณาสถานท่ีทอ่ งเทีย่ ว 2-3
โฆษณา มาให้นกั เรียนดเู ป็นตวั อยา่ ง
47
3. แบบฝึกหดั (Workbook) หนา้ 9 Ex. 6 ใหน้ กั เรียนฟัง CD แลว้ เลือกคาตอบทีถ่ ูกตอ้ ง
4. แบบฝึกหดั (Workbook) หนา้ 9 Ex. 7 ใหน้ กั เรียนฟัง CD แลว้ เติมคาลงในช่องว่าง
5. แบบฝึกหดั (Workbook) หนา้ 9 Exs. 4-5 ให้นกั เรียนทาเป็นการบา้ น
7. การวดั และการประเมนิ ผล เคร่ืองมือ เกณฑ์การผ่าน
แบบฝึกหดั (Workbook) ร้อยละ 60
วิธกี ารวดั แบบสังเกตพฤติกรรมการเรียนรู้ ระดบั คณุ ภาพ พอใช้
ตรวจการตอบคาถามจากการอ่าน
สังเกตการเปรียบเทียบขอ้ มลู ท่อี า่ น แบบประเมนิ ชิ้นงาน ระดบั คณุ ภาพ พอใช้
กบั ขอ้ มลู ของไทย แบบประเมินคุณลกั ษณะ ระดบั คุณภาพ ผ่าน
ประเมินชิ้นงานโฆษณา อนั พงึ ประสงค์
สังเกตความใฝ่เรียนรู้และความมงุ่ มน่ั
ในการทางาน
8. ส่ือ/แหล่งการเรียนรู้
1) หนงั สือเรียน SPARK 2 ม. 2
2) Class Audio CDs ประกอบส่ือฯ ชุด SPARK 2 ม. 2
3) แบบฝึกหัด SPARK 2 ม. 2
4) พจนานุกรมองั กฤษ-องั กฤษ
5) พจนานุกรมออนไลน์
6) ตวั อยา่ งโฆษณาสถานทีท่ อ่ งเที่ยว
48
4 Everyday English 1d
2 ช่ัวโมง
จดุ ประสงค์การเรยี นรู้
- อ่านออกเสียงบทสนทนาถกู ตอ้ งตามหลกั การอา่ นได้
- บอกใจความสาคญั และรายละเอียดของบทสนทนาที่ฟังและอา่ นได้
- แตง่ บทสนทนาตามสถานการณ์ที่กาหนดให้ได้
- พูดสนทนาใหค้ าแนะนาตามสถานการณท์ ก่ี าหนดให้ได้
1. สาระ มาตรฐานการเรยี นรู้/ตัวชี้วัด
สาระที่ 1 ภาษาเพอื่ การสื่อสาร
มาตรฐาน ต 1.1 เข้าใจและตีความเรื่องที่ฟังและอ่านจากสื่อประเภทต่าง ๆ และแสดงความคิดเห็น
อย่างมีเหตุผล
ตวั ช้ีวดั
ต 1.1 ม. 2/2 อ่านออกเสียงขอ้ ความ ข่าว ประกาศ และบทร้อยกรองส้ัน ๆ ถกู ตอ้ งตามหลกั การอา่ น
ต 1.1 ม. 2/4 เลอื กหวั ขอ้ เร่ือง ใจความสาคญั บอกรายละเอียดสนบั สนุน (supporting detail) และ
แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกบั เรื่องทีฟ่ ังและอ่าน พร้อมท้งั ใหเ้ หตุผลและยกตวั อยา่ ง
ง่าย ๆ ประกอบ
มาตรฐาน ต 1.2 มที ักษะการสื่อสารทางภาษาในการแลกเปลย่ี นข้อมูลข่าวสาร แสดงความรู้สึกและ
ความคดิ เห็นอย่างมปี ระสิทธภิ าพ
ตวั ช้ีวดั
ต 1.2 ม. 2/1 สนทนาแลกเปลยี่ นขอ้ มลู เกี่ยวกบั ตนเอง เรื่องตา่ ง ๆ ใกลต้ วั และสถานการณต์ า่ ง ๆ
ในชีวติ ประจาวนั อยา่ งเหมาะสม
ต 1.2 ม. 2/2 ใชค้ าขอร้อง ใหค้ าแนะนา คาช้ีแจง และคาอธิบายตามสถานการณ์
สาระท่ี 2 ภาษาและวัฒนธรรม
มาตรฐาน ต 2.1 เข้าใจความสัมพันธ์ระหว่างภาษากับวฒั นธรรมของเจ้าของภาษา และนาไปใช้
ได้อย่างเหมาะสมกบั กาลเทศะ
49
ตวั ช้ีวดั
ต 2.1 ม. 2/1 ใชภ้ าษา น้าเสียง และกิริยาทา่ ทางเหมาะกบั บคุ คลและโอกาส ตามมารยาทสังคมและ
วฒั นธรรมของเจา้ ของภาษา
สาระที่ 4 ภาษากับความสัมพนั ธ์กบั ชุมชนและโลก
มาตรฐาน ต 4.1 ใช้ภาษาต่างประเทศในสถานการณ์ต่าง ๆ ท้งั ในสถานศึกษา ชุมชน และสังคม
ตวั ช้ีวดั
ต 4.1 ม. 2/1 ใชภ้ าษาส่ือสารในสถานการณจ์ ริง/สถานการณ์จาลองที่เกิดข้ึนในห้องเรียน
สถานศึกษา และชุมชน
2. สาระสาคญั /ความคิดรวบยอด
การเรียนรู้และเขา้ ใจเก่ียวกบั เน้ือหาทศี่ กึ ษา จะช่วยให้สามารถนาคาศพั ท์ ประโยคตา่ ง ๆ ไปใช้ใน
การพดู /เขยี นส่ือสารไดอ้ ยา่ งถูกตอ้ ง ตลอดจนมีความเขา้ ใจในวฒั นธรรมของเจา้ ของภาษา
3. สาระการเรียนรู้
3.1 ทกั ษะเฉพาะวชิ า
1) Language Features and Functions
Vocabulary: Making suggestions (Why don’t we …?, How about …?, Do you fancy
…?, What time …?, Let’s meet at …, What do you think …?)
Agreeing (Yes, that’s a good idea., That’s sounds great., I’d like that.,
Why not?)
Disagreeing (I don’t think so., No, I don’t feel like it., That’s not a good
idea., I’d rather not.)
Functions: Making suggestions
Why don’t we go to the cinema?
How about having a picnic in the park?
Pronunciation: /eI/
playing, sailing, painting, Friday
2) Language Skills
Listening: ฟังเพ่ือจบั ใจความสาคญั
Speaking: พดู ใหค้ าแนะนา ตอบรบั และปฏเิ สธคาแนะนา
Reading: อ่านเพอื่ หาขอ้ มูลเฉพาะ
Writing: แต่งบทสนทนาตามสถานการณ์ทกี่ าหนด
50
4. สมรรถนะสาคญั ของผ้เู รยี น
1) ความสามารถในการสื่อสาร
2) ความสามารถในการคิด
5. คุณลกั ษณะอันพงึ ประสงค์
1) ใฝ่เรียนรู้
2) มุ่งมน่ั ในการทางาน
6. กิจกรรมการเรียนรู้
ชั่วโมงที่ 1
ข้นั Warm up
1. ครูถามนกั เรียนวา่ What day is today? ครูเขยี นคาตอบบนกระดาน แลว้ ถามตอ่ ว่า What day do you
like? ครูเขียนคาตอบบนกระดาน จากน้นั เขยี นคาวา่ weekend และ weekday
2. ครูถามนกั เรียนว่า Do you come to school on weekend or weekday? Do you go to the sea on
weekday? Do your parents go to work on weekday?
3. ครูถามความหมายของ weekend และ weekday นกั เรียนช่วยกนั บอกความหมาย จากน้นั ใหน้ กั เรียน
อ่านออกเสียง weekend และ weekday พร้อมกนั
ข้นั Presentation
1. ครูเขียนคาตอ่ ไปน้ีบนกระดาน say, snail, May, day, bay, faint บนกระดาน แลว้ ออกเสียงให้
นกั เรียนฟังทีละคา ใหน้ กั เรียนบอกวา่ คาเหลา่ น้ีออกเสียงสระอยา่ งไร (/eI/) จากน้นั ครูใหน้ กั เรียน
อ่านออกเสียงคาศพั ทบ์ นกระดาน 2 คร้ัง แลว้ ครูสุ่มเรียกนกั เรียนอา่ นออกเสียงทีละคน
2. หนงั สือเรยี น หน้า 15 Ex. 6 ครูเปิ ด CD ให้นกั เรียนฟังประโยคและขดี เสน้ ใตพ้ ยางคท์ ีอ่ อกเสียง /eI/
จากน้นั ตรวจร่วมกนั แลว้ ครูเปิ ด CD อกี คร้งั ให้นกั เรียนฟังและออกเสียงตาม
1 Do you like playing football? 2 I love painting.
3 Let’s go sailing! 4 Is it Friday already?
51
3. หนังสือเรยี น หน้า 15 Ex. 1a ครูเปิ ด CD โดยหยุดทลี ะประโยค ใหน้ กั เรียนฟังและขดี เส้นใตพ้ ยางค์
ที่เนน้ เสียง แลว้ ครูเปิ ด CD อีกคร้งั ใหน้ กั เรียนออกเสียงตาม จากน้นั ให้นกั เรียนช่วยกนั ระบพุ ยางคท์ ่ี
เนน้ เสียงในแต่ละประโยค
Are you busy this weekend? Not really, why?
How about going to the cinema?
I’d rather not. Why don’t we go bowling instead?
What time is good for you? Great! See you there!
4. ครูสุ่มเรียกนกั เรียนอา่ นออกเสียงคนละ 1 ประโยค โดยใหน้ กั เรียนออกเสียงเนน้ หนกั ให้ถูกตอ้ ง
5. หนงั สือเรยี น หน้า 15 Ex. 1b ครูบอกนกั เรียนว่าจะไดฟ้ ังบทสนทนาระหว่าง Tim และ Emily
ใหน้ กั เรียนปิ ดหนงั สือเรียน และต้งั ใจฟังบทสนทนาว่าท้งั 2 คนคุยเก่ียวกบั เร่ืองอะไร
The dialogue is about free-time activities and suggesting what to do.
6. ครูให้นกั เรียนฟังบทสนทนาอีกคร้ัง โดยจดบนั ทึกประโยคที่เป็นประโยคแนะนา ถา้ นกั เรียนฟัง
ไม่ทนั ครูให้ฟังอกี คร้งั จากน้นั ให้นกั เรียนช่วยกนั บอกประโยคทีไ่ ดย้ นิ แลว้ ครูเขียนประโยค
บนกระดาน
7. นกั เรียนเปิ ดหนงั สือเรียน หนา้ 15 อ่านออกเสียงบทสนทนาพร้อมกนั เสร็จแลว้ ใหน้ กั เรียนตรวจ
ประโยคบนกระดาน
ข้นั Practice
1. หนังสือเรยี น หน้า 15 Ex. 2 นกั เรียนอ่านคาถามท่ีกาหนดให้ ขดี เสน้ ใตค้ าสาคญั แลว้ อา่ นบทสนทนา
เพ่อื หาส่วนทีเ่ กี่ยวขอ้ งกบั คาทีข่ ดี เสน้ ใต้ จากน้นั ให้นกั เรียนตอบคาถาม ครูขออาสาสมคั รบอก
คาตอบ แลว้ ให้นกั เรียนตรวจคาตอบของตนเอง
52
1 He suggests going to an amusement park or the cinema.
2 She doesn’t like roller coaster.
3 They agree to go bowling.
4 7 pm.
2. นกั เรียนฝึกอ่านออกเสียงบทสนทนา โดยครูแบง่ นกั เรียนเป็น 2 กลมุ่ ให้กลมุ่ ที่ 1 อ่านบทของ Tim
และกลมุ่ ท่ี 2 อ่านบทของ Emily จากน้นั สลบั กนั
3. ครูสุ่มเลขที่เพือ่ เรียกนกั เรียนใหอ้ า่ นบทสนทนา 4-5 คู่
ข้นั Production
1. หนังสือเรยี น หน้า 15 Ex. 3 นกั เรียนจบั คฝู่ ึกสนทนาตามบทสนทนา โดยแสดงสีหนา้ ท่าทาง และใช้
น้าเสียงให้เขา้ กบั สถานการณ์ ครูเดินสงั เกตรอบ ๆ ช้นั เรียน จากน้นั ครูสุ่มเรียกนกั เรียน 3-4 คู่ แสดง
บทบาทสมมตเิ ป็น Tim และ Emily แลว้ ครูมอบหมายให้นกั เรียนแตล่ ะคู่มาอา่ นบทสนทนาให้ครูฟัง
นอกเวลาเรียน
2. นกั เรียนอ่านประโยคใน Ex. 1a อกี คร้ังพร้อมกนั แลว้ ช่วยกนั บอกความหมายของประโยค
3. นกั เรียนทา Language Review 1d Ex. 4 ในหนงั สือเรียน หนา้ 105 ร่วมกนั ในช้นั
ช่ัวโมงท่ี 2
ข้นั Warm up
ครูสนทนากบั นกั เรียนเกี่ยวกบั ประโยคแนะนาท่ีเรียนเม่ือชวั่ โมงทแ่ี ลว้ และขออาสาสมคั รยกตวั อยา่ ง
ประโยคแนะนา 2-3 คน
ข้นั Presentation
1. ครูให้นกั เรียนเปิ ดหนงั สือเรียน หนา้ 15 แลว้ อา่ นประโยคในกรอบสีแดงพร้อมกนั ซ่ึงเป็นประโยค
ใหค้ าแนะนา ตอบรับและปฏิเสธคาแนะนา แลว้ ครูยกตวั อยา่ งประโยคแนะนาบนกระดาน เช่น
Why don’t we go to the cinema?
53
How about having a picnic in the park?
Do you fancy going out for dinner?
Let’s go shopping.
ใหน้ กั เรียนสงั เกตคาท่ีตามหลงั Why don’t we, How about, Do you fancy, Let’s แลว้ บอกครูว่า
วลีเหลา่ น้ีตามดว้ ยคาประเภทใด จากน้นั ครูสรุปให้ฟังอีกคร้งั
Why don’t we + v 1
How about + v -ing
Do you fancy + v -ing
Let’s + v 1
2. ครูบอกนกั เรียนวา่ ครูจะพดู ข้ึนตน้ ประโยคแนะนา และขออาสาสมคั รตอ่ ประโยคของครูให้สมบรู ณ์
และเรียกเพื่อนอกี 1 คน ใหเ้ ป็นผตู้ อบ จะตอบรบั หรือปฏิเสธคาแนะนาก็ได้ เช่น
T: How about …?
S1: How about having pizza?
S2: I’d rather not.
T: Why don’t we …?
S1: Why don’t we go to swimming pool?
S2: That sounds great.
ในขณะทนี่ กั เรียนพูดถาม-ตอบ ครูเขยี นประโยคของนกั เรียนบนกระดาน
3. ครูแบง่ นกั เรียนเป็น 2 กล่มุ ให้กลมุ่ ท่ี 1 อ่านประโยคแนะนา และกลมุ่ ท่ี 2 อ่านประโยคคาตอบ
จากน้นั สลบั บทบาทกนั
ข้นั Practice
1. หนังสือเรยี น หน้า 15 Ex. 4 นกั เรียนอ่านประโยค 1-4 พร้อมกนั แลว้ หาประโยคในบทสนทนาที่มี
ความหมายเหมอื นกบั ประโยคเหลา่ น้ี
1 Are you doing anything this weekend? - Are you busy this weekend?
2 When is a convenient time? - What time is good for you?
3 I will meet you there. - See you there!
4 I would prefer to do something else. - I’d rather not.
54
2. หนังสือเรยี น หน้า 15 Ex. 5 นกั เรียนจบั คู่กนั แตง่ บทสนทนา โดยเปลยี่ นขอ้ มูลในบทสนทนา Ex. 1b
ทพี่ ิมพด์ ว้ ยสีฟ้าเป็นขอ้ มลู ของนกั เรียนเองตามสถานการณท์ ก่ี าหนด ครูให้นกั เรียนเลือกใชค้ าแนะนา
คาตอบรับและตอบปฏเิ สธจากกรอบสีแดง ครูเดินสงั เกตการทางานของนกั เรียนและคอยให้
คาแนะนา
3. ครูให้นกั เรียนแตล่ ะคูฝ่ ึกสนทนากนั ครูเดินสังเกตการสนทนาของนกั เรียน
ข้นั Production
1. ครูให้นกั เรียนแตล่ ะคู่ออกมาสนทนาที่หนา้ ช้นั เรียน โดยให้นกั เรียนใชน้ ้าเสียงให้เหมาะสมกบั
สถานการณ์
2. แบบฝึกหดั (Workbook) หนา้ 10 Exs. 4-5 ให้นกั เรียนทาเป็นการบา้ น
7. การวดั และการประเมนิ ผล เครื่องมือ เกณฑ์การผ่าน
แบบประเมินการอ่านออกเสียง ระดบั คณุ ภาพ พอใช้
วิธีการวดั แบบฝึกหดั (Workbook) ร้อยละ 60
ประเมนิ การอ่านออกเสียงบทสนทนา
ตรวจการตอบคาถามจากการอ่าน แบบประเมนิ การเขยี น ระดบั คณุ ภาพ พอใช้
บทสนทนา
ประเมินการแต่งบทสนทนาตาม แบบประเมินการแสดงบทสนทนา/ ระดบั คุณภาพ พอใช้
สถานการณ์ทก่ี าหนด บทบาทสมมติ
ประเมินการพดู สนทนาให้คาแนะนา แบบประเมนิ คณุ ลกั ษณะ ระดบั คณุ ภาพ ผ่าน
ตามสถานการณ์ท่ีกาหนด อนั พึงประสงค์
สงั เกตความใฝ่เรียนรู้และความมุ่งมนั่
ในการทางาน
8. สื่อ/แหล่งการเรียนรู้
1) หนงั สือเรียน SPARK 2 ม. 2
2) Class Audio CDs ประกอบสื่อฯ ชุด SPARK 2 ม. 2
3) แบบฝึกหัด SPARK 2 ม. 2
4) พจนานุกรมองั กฤษ-องั กฤษ
5) พจนานุกรมออนไลน์
55
5 Across cultures 1e
2 ชั่วโมง
จดุ ประสงค์การเรียนรู้
- บอกรายละเอียดของเรื่องทีอ่ า่ นได้
- เขยี นเรียงความตามประเดน็ ท่ีกาหนดให้ได้
1. สาระ มาตรฐานการเรยี นรู้/ตวั ชีว้ ดั
สาระที่ 1 ภาษาเพอื่ การสื่อสาร
มาตรฐาน ต 1.1 เข้าใจและตีความเรื่องที่ฟังและอ่านจากส่ือประเภทต่าง ๆ และแสดงความคดิ เห็น
อย่างมีเหตุผล
ตวั ช้ีวดั
ต 1.1 ม. 2/4 เลอื กหวั ขอ้ เรื่อง ใจความสาคญั บอกรายละเอียดสนบั สนุน (supporting detail) และ
แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกบั เรื่องท่ฟี ังและอ่าน พร้อมท้งั ให้เหตุผลและยกตวั อยา่ ง
งา่ ย ๆ ประกอบ
มาตรฐาน ต 1.3 นาเสนอข้อมลู ข่าวสาร ความคิดรวบยอด และความคดิ เหน็ ในเร่ืองต่าง ๆ โดยการพดู
และการเขยี น
ตวั ช้ีวดั
ต 1.3 ม. 2/1 พูดและเขียนบรรยายเกี่ยวกบั ตนเอง กิจวตั รประจาวนั ประสบการณ์ และขา่ ว/
เหตกุ ารณท์ ี่อยใู่ นความสนใจของสงั คม
2. สาระสาคญั /ความคดิ รวบยอด
การเรียนรู้เกี่ยวกบั ใจความสาคญั ใจความเฉพาะ และเขา้ ใจเก่ียวกบั โครงสร้างของบทอ่าน จะช่วย
ให้สามารถเขยี นขอ้ ความไดอ้ ยา่ งถกู ตอ้ ง
56
3. สาระการเรียนรู้
3.1 ทกั ษะเฉพาะวิชา
1) Language Features and Functions
Vocabulary: Verbs (last, play against)
Nouns (team, competition, match, championship, field)
Adjectives (professional, diamond-shaped)
Phrases ((be) crazy about, all year round)
Functions: Describing sports teenagers play
Basketball is one of the most popular sports in Thailand and many
teenagers are crazy about it.
2) Language Skills
Reading: อา่ นเพ่ือหาขอ้ มูลเฉพาะ
Writing: เขียนเก่ียวกบั กีฬาท่ีวยั รุ่นไทยนิยมเลน่
3) Cultures กีฬาในทอ้ งถิน่
4. สมรรถนะสาคญั ของผ้เู รยี น
1) ความสามารถในการสื่อสาร
2) ความสามารถในการคิด
5. คุณลักษณะอันพงึ ประสงค์
1) ใฝ่เรียนรู้
2) ม่งุ มนั่ ในการทางาน
6. กิจกรรมการเรียนรู้
ช่ัวโมงท่ี 1
ข้นั Warm up
1. ครูสนทนากบั นกั เรียนเก่ียวกบั กิจกรรมท่ีคนไทยส่วนใหญ่ทาในเวลาวา่ ง
2. ครูถามนกั เรียนวา่ ใครบา้ งทีเ่ ล่นกีฬาในเวลาว่าง และส่วนใหญน่ กั เรียนเลน่ กีฬาอะไร
3. ครูถามนกั เรียนว่า กีฬาอะไรบา้ งที่เป็นที่นิยมของคนไทย
57
ข้นั Presentation
1. ครูเขยี นคาวา่ National Pastimes บนกระดาน แลว้ ให้นกั เรียนเดาวา่ จากคาดงั กล่าวนกั เรียนจะได้
เรียนเก่ียวกบั อะไร
2. ครูเขยี นหวั ขอ้ “India: crazy about cricket” และ “USA: baseball nation” ครูถามนกั เรียนว่า 2 หัวขอ้
น้ีมอี ะไรทีค่ ลา้ ยกนั (ช่ือประเทศ และช่ือกีฬา) จากน้นั ใหน้ กั เรียนคาดเดาใหมว่ ่าจากท้งั 2 หัวขอ้
นกั เรียนจะไดเ้ รียนเกี่ยวกบั อะไร
3. หนังสือเรียน หน้า 16 Ex. 1 ครูถามนกั เรียนวา่ ใครชอบกีฬาคริกเก็ตและเบสบอลบา้ ง และใครเลน่
กีฬาท้งั 2 ชนิดน้ีได้ (ใหน้ กั เรียนยกมอื หากมนี กั เรียนทสี่ ามารถเลน่ กีฬาดงั กลา่ วได้ ครูอาจจะให้
นกั เรียนสรุปวิธีการเลน่ ให้เพอื่ นในหอ้ งฟัง)
I like/don’t like cricket/baseball.
You play cricket with a bat, a ball and two wickets on a pitch. There are two teams
of eleven players.
You play baseball with a bat, a ball and four bases on a diamond-shaped field.
There are two teams with nine players each.
4. ครูแบ่งนกั เรียนเป็นกลุ่ม กลมุ่ ละ 4 คน แลว้ แจก Worksheet 1 และ 2 (อยทู่ า้ ยแผน ฯ Across cultures
1e) ให้ทุกกลุ่ม ซ่ึง Worksheet 1 จะเป็นประโยคจากเร่ือง National Pastimes จานวน 8 ประโยค ให้
นกั เรียนจดั กล่มุ ประโยคเป็น 2 กลุ่ม ตามหวั ขอ้ “India: crazy about cricket” และ “USA: baseball
nation” ส่วน Worksheet 2 ให้นกั เรียนดูประโยคใน Worksheet 1 ซ่ึงคาศพั ทบ์ างคาจะมหี มายเลข
1-11 กากบั ไว้ ให้นกั เรียนจบั คู่คาศพั ทด์ งั กลา่ วกบั ความหมาย
Worksheet 1
“India: crazy about cricket” sentence no. 2, 3, 6, 7
“USA: baseball Nation” sentence no. 1, 4, 5, 8
58
Worksheet 2
1h 2f 3g 4a 5c 6i
7 k 8 j 9 b 10 d 11 e
5. นกั เรียนอา่ นออกเสียงประโยคตามครูทลี ะประโยคต้งั แต่ประโยคที่ 1-8 แลว้ ครูสุ่มเรียกนกั เรียนให้
อ่านทีละกลมุ่ พร้อมกนั
6. ครูให้นกั เรียนแต่ละกล่มุ จดั กลมุ่ ประโยค และจบั คู่คาศพั ทก์ บั ความหมาย โดยครูขดี เสน้ ใตค้ าศพั ท์
และใส่หมายเลขคาศพั ทก์ ากบั ในแถบประโยค เพือ่ ช่วยให้นกั เรียนเดาความหมายได้
7. ครูขออาสาสมคั รจากแตล่ ะกลมุ่ นาเสนอการจดั กลุม่ ประโยคและการจบั คูค่ าศพั ทก์ บั ความหมาย
ข้นั Practice
1. ครูให้นกั เรียนแตล่ ะกลุ่มฝึกอ่านคาศพั ทแ์ ละประโยค
2. ครูสุ่มเรียกนกั เรียน 2-3 กลมุ่ อ่านประโยคของหัวขอ้ “India: crazy about cricket” และสุ่มเรียกอีก
2-3 กลุม่ อ่านประโยคของหัวขอ้ “USA: baseball nation”
3. ครูให้นกั เรียนอา่ นคาศพั ทท์ ้งั หมดพร้อมกนั
ข้นั Production
1. นกั เรียนแตล่ ะกลุ่มช่วยกนั เขียนประโยค 5- 6 ประโยค เก่ียวกบั กีฬาท่ีนกั เรียนรู้จกั มากล่มุ ละ 1
ประเภท โดยดูบทอา่ นหวั ขอ้ “India: crazy about cricket” หรือ “USA: baseball nation” เป็นตน้ แบบ
2. นกั เรียนแตล่ ะกล่มุ อ่านประโยคของกลุม่ ตนเอง ครูให้กลุ่มทีเ่ ป็นผฟู้ ังตรวจประโยคของกลมุ่ ที่
นาเสนอ
59
ช่ัวโมงที่ 2
ข้นั Warm up
1. นกั เรียนเลน่ เกม crossword เพ่อื ทบทวนคาศพั ทท์ เ่ี รียนไปเม่ือชวั่ โมงทแี่ ลว้ โดยครูถ่ายเอกสาร
Worksheet 3 (ทา้ ยแผน ฯ Across cultures 1e) แจกให้นกั เรียนเลน่ เป็นคู่หรือกลมุ่ ครูใหเ้ วลานกั เรียน
เล่นเกม 5 นาที
1 crazy 2 team 3 competition
4 match 5 last 6 professional
7 against 8 championship 9 diamond
10 field
6
2p
tr
e3 o
4m a t c h f
m o 10 f i e l d
1 ms
8c h a m p i o n s h i p
rei
ato
z 9d i a m o n d
yta
i 5l a s t
o
7a g a i n s t
60
2. ครูขออาสาสมคั รอา่ นประโยคคนละ 1 ประโยค นกั เรียนทเ่ี หลอื สะกดคาศพั ทพ์ ร้อมกนั และตรวจ
คาศพั ทใ์ นตาราง ทาเช่นน้ีทีละขอ้ จนครบ
ข้นั Presentation
1. ครูให้นกั เรียนศึกษาประโยคทนี่ กั เรียนจดั กลุ่มเมอื่ ชวั่ โมงที่แลว้ และพจิ ารณาว่าประโยคใดเป็น
ประโยคใจความสาคญั ของแตล่ ะเรื่อง ทาไมจึงเลือกประโยคดงั กล่าว
2. ครูสุ่มเรียกตวั แทนกลุ่ม 2-3 กลุ่ม ให้บอกคาตอบ พร้อมบอกเหตุผล จากน้นั ครูเฉลยคาตอบและ
อธิบายวา่ ประโยคใจความสาคญั คอื ประโยคทม่ี ใี จความครอบคลมุ ประโยคอนื่ ๆ ในขอ้ ความ
ส่วนใหญ่ ซ่ึงประโยคแรกในยอ่ หนา้ มกั จะเป็นประโยคใจความสาคญั
3. ครูเปิ ด CD ให้นกั เรียนฟังเร่ือง “India: crazy about cricket” 1 คร้ัง แลว้ ให้แต่ละกลมุ่ ช่วยกนั เรียง
ประโยคทีจ่ ดั กลุม่ แลว้ ตามทไี่ ดฟ้ ัง จากน้นั นกั เรียนฟังเร่ือง “India: crazy about cricket” อกี คร้งั และ
ตรวจประโยคทีเ่ รียงไว้
4. ครูอธิบายเพิ่มเตมิ วา่ ประโยคที่ 1 เป็นประโยคใจความสาคญั ประโยคท่ี 2-3 เป็นประโยคท่ีขยาย
ความ ส่วนประโยคสุดทา้ ยเป็นประโยคสรุปความ ดงั น้นั ในยอ่ หนา้ หน่ึง ๆ จะประกอบดว้ ยประโยค
ใจความสาคญั ประโยคขยายความ และประโยคสรุปความ
ข้นั Practice
1. นกั เรียนแต่ละกลุ่มช่วยกนั เรียงประโยคจากเรื่อง “USA: baseball nation” โดยพิจารณาตาม
โครงสร้างท่คี รูอธิบาย เสร็จแลว้ ช่วยกนั บอกลาดบั การเรียงประโยค
2. ครูเปิ ดเร่ือง “USA: baseball nation” ใหน้ กั เรียนฟัง แลว้ ตรวจการเรียงประโยค
3. หนงั สือเรยี น หน้า 16 Ex. 2 นกั เรียนอ่านประโยคทใี่ หม้ า และขีดเส้นใตค้ าสาคญั ในแต่ละประโยค
เสร็จแลว้ ใหอ้ ่านบทอา่ น เพ่อื มองหาคาพอ้ งความหมาย (synonym) คาทม่ี คี วามหมายตรงกนั ขา้ ม
(opposite) หรือกลุ่มคา/วลี ทม่ี คี วามหมายเหมอื นกนั หรือตา่ งกนั กบั คาสาคญั ทข่ี ดี เสน้ ใตไ้ ว้ จากน้นั
ตอบคาถาม เสร็จแลว้ ตรวจคาตอบร่วมกนั
1 F They are crazy about baseball.
2T
3 F It can last up to four or five days.
4 F Many Indian children play cricket.
5T
61
ข้นั Production
1. หนังสือเรยี น หน้า 16 Ex. 3 นกั เรียนจบั คู่กนั เขียนเรียงความส้ัน ๆ เก่ียวกบั กีฬาที่วยั รุ่นไทยนิยมเลน่
พร้อมท้งั ต้งั ช่ือเร่ืองดว้ ย
Thailand: popular sport
Basketball is one of the most popular sports in Thailand and many teenagers are
crazy about it. There are two teams of five players and a game lasts 40 minutes
with a break after every ten minutes. The aim is to throw the ball into the opposing
team’s round net which is fitted to a metal ring to score points. The team with the
most points wins. Many teenagers dream of becoming a professional player and
playing for their country.
2. ครูสุ่มเรียกนกั เรียน 3-4 คู่ อา่ นเร่ืองทเ่ี ขียนให้เพอ่ื นฟัง
3. ครูให้นกั เรียนนาเร่ืองท่ีเขยี นไปออกแบบและหาภาพประกอบตกแตง่ ให้สวยงาม แลว้ นามาส่งใน
ชวั่ โมงต่อไป
4. นกั เรียนทา Language Review 1e & Prepositions Exs. 5-6 ในหนงั สือเรียน หนา้ 105 ร่วมกนั ในช้นั
5. นกั เรียนทา Vocabulary Bank 1 ในแบบฝึกหัด (Workbook) หนา้ 92 Ex. 1 เป็นการบา้ น
6. แบบฝึกหัด (Workbook) หนา้ 10 Exs. 1-3 ให้นกั เรียนทาเป็นการบา้ น
7. การวัดและการประเมนิ ผล เครื่องมือ เกณฑ์การผ่าน
แบบฝึกหดั (Workbook) ร้อยละ 60
วิธกี ารวดั สมดุ นกั เรียน -
ตรวจการตอบคาถามจากการอา่ น
ตรวจการเขียนประโยคเกี่ยวกบั กีฬา แบบประเมนิ การเขยี น ระดบั คณุ ภาพ พอใช้
ทรี่ ู้จกั
ประเมนิ การเขียนเรียงความเก่ียวกบั แบบประเมินคณุ ลกั ษณะ ระดบั คุณภาพ ผ่าน
กีฬาที่วยั รุ่นไทยนิยมเล่น อนั พึงประสงค์
สงั เกตความใฝ่เรียนรู้และความมุ่งมน่ั
ในการทางาน
62
8. สื่อ/แหล่งการเรียนรู้
1) หนงั สือเรียน SPARK 2 ม. 2
2) Class Audio CDs ประกอบส่ือฯ ชุด SPARK 2 ม. 2
3) แบบฝึกหัด SPARK 2 ม. 2
4) พจนานุกรมองั กฤษ-องั กฤษ
5) พจนานุกรมออนไลน์
6) Worksheet 1-3
63
Worksheet 1
Classify the sentences under two headings “India: crazy about cricket” or “USA: baseball nation”.
1 In the USA, many children learn baseball from a very young age.
2 In cricket, there are two teams of eleven players and a match1 can last2 from one day to four or five
days.
3 Schools often have their own cricket team3 and competitions4 take place all year round5.
4 In baseball, there are two teams of nine players and they play on a diamond-shaped6 field7.
5 Schools often have their own baseball team and they play against8 one another in championships9.
6 Many teenagers dream of becoming a professional10 cricketer and playing for their country.
7 Cricket is the most popular sport in India and many teenagers are crazy about11.
8 Many American kids have their own favourite baseball hero and love wearing their favourite team
colours.
India: crazy about cricket
____________________________________________________________________________
____________________________________________________________________________
____________________________________________________________________________
____________________________________________________________________________
USA: baseball nation
____________________________________________________________________________
____________________________________________________________________________
____________________________________________________________________________
____________________________________________________________________________
64
Worksheet 2
Match the words with their meanings.
_____ 1 a match a การแขง่ ขนั
_____ 2 last b ผชู้ นะเลิศ
_____ 3 team c ตลอดท้งั ปี
_____ 4 competition d อยา่ งมืออาชีพ
_____ 5 all year round e คลงั่ ไคล้
_____ 6 diamond-shaped f ต่อเน่ือง
_____ 7 field g ฝ่ายเดียวกนั
_____ 8 play against h การแข่งขนั กีฬา
_____ 9 championship i รูปทรงเพชร
_____ 10 professional j ลงเล่นแขง่ ขนั
_____ 11 crazy about k สนาม
65
Complete the crossword. Worksheet 3
2 6
4 3
10
1
8
9
5
7
Across 4, 5, 7, 8, 9, 10 Down 1, 2, 3, 6
1. Cricket is the most popular sport in India, and many teenagers are (1) __________ about it.
2. In India, schools often have their own cricket (2) __________ and (3) __________s take place all
year round.
3. In cricket, there are two teams of eleven players and a (4) __________ can (5) _______ from one
day to four or five days.
4. Many teenagers dream of becoming a (6) __________ cricketers.
5. In the USA, schools often have their own baseball team and they play (7) __________ one another
in (8) __________s.
6. In baseball, there are two teams of nine players and they play on a (9) __________- shaped
(10) __________ .
66
6 Writing 1f
2 ชั่วโมง
จดุ ประสงค์การเรียนรู้
- บอกรายละเอียดของเรื่องทอ่ี า่ นหรือฟังได้
- เปรียบเทียบความแตกตา่ งของโครงสร้างประโยคภาษาองั กฤษและภาษาไทยได้
- เขียน blog ในประเดน็ ทก่ี าหนดใหไ้ ด้
1. สาระ มาตรฐานการเรียนรู้/ตัวชีว้ ัด
สาระที่ 1 ภาษาเพอ่ื การสื่อสาร
มาตรฐาน ต 1.1 เข้าใจและตีความเรื่องที่ฟังและอ่านจากส่ือประเภทต่าง ๆ และแสดงความคดิ เหน็
อย่างมเี หตผุ ล
ตวั ช้ีวดั
ต 1.1 ม. 2/4 เลือกหวั ขอ้ เรื่อง ใจความสาคญั บอกรายละเอยี ดสนบั สนุน (supporting detail) และ
แสดงความคิดเห็นเก่ียวกบั เร่ืองที่ฟังและอา่ น พร้อมท้งั ให้เหตุผลและยกตวั อยา่ ง
งา่ ย ๆ ประกอบ
มาตรฐาน ต 1.3 นาเสนอข้อมลู ข่าวสาร ความคิดรวบยอด และความคิดเห็นในเรื่องต่าง ๆ โดยการพูด
และการเขยี น
ตวั ช้ีวดั
ต 1.3 ม. 2/1 พดู และเขยี นบรรยายเก่ียวกบั ตนเอง กิจวตั รประจาวนั ประสบการณ์ และข่าว/
เหตกุ ารณ์ทีอ่ ยใู่ นความสนใจของสงั คม
สาระที่ 2 ภาษาและวัฒนธรรม
มาตรฐาน ต 2.2 เข้าใจความเหมือนและความแตกต่างระหว่างภาษาและวัฒนธรรมของเจ้าของภาษา
กบั ภาษาและวัฒนธรรมไทย และนามาใช้อย่างถกู ต้องและเหมาะสม
ตวั ช้ีวดั
ต 2.2 ม. 2/1 เปรียบเทยี บและอธิบายความเหมอื นและความแตกต่างระหว่างการออกเสียงประโยค
ชนิดตา่ ง ๆ และการลาดบั คาตามโครงสร้างประโยคของภาษาต่างประเทศและ
ภาษาไทย
67
2. สาระสาคัญ/ความคดิ รวบยอด
การเรียนรู้และเขา้ ใจเก่ียวกบั การใชต้ วั อกั ษรพมิ พใ์ หญ่ การใชเ้ คร่ืองหมายตา่ ง ๆ ในการเขียน
ประโยค รวมท้งั ความสามารถในการสะกดคาศพั ท์ การเรียนรู้เทคนิคในการตรวจงานเขียน และรูปแบบ
การเขียนท้งั ทีเ่ ป็นทางการและไมเ่ ป็นทางการ จะช่วยให้สามารถเขยี นส่ือสารไดถ้ กู ตอ้ งและมี
ประสิทธิภาพ
3. สาระการเรียนรู้
3.1 ทกั ษะเฉพาะวชิ า
1) Language Features and Functions
Vocabulary: Verbs (get up, make, play, celebrate, help, visit, stay, relax)
Nouns (contraction, punctuation, capital letters)
Functions: Describing a typical weekend
I have a dance lesson. After that I help my mum around the house and
then we have lunch.
2) Language Skills
Listening: ฟังเพอื่ หาขอ้ มลู เฉพาะ
Reading: อ่านเพอ่ื หาขอ้ มลู เฉพาะ
Writing: เขยี น blog เก่ียวกบั วนั หยดุ สุดสปั ดาห์
4. สมรรถนะสาคัญของผ้เู รียน
1) ความสามารถในการส่ือสาร
2) ความสามารถในการคดิ
5. คุณลักษณะอนั พงึ ประสงค์
1) ใฝ่เรียนรู้
2) มุง่ มน่ั ในการทางาน
68
6. กิจกรรมการเรียนรู้
ช่ัวโมงท่ี 1
ข้นั Warm up
1. ครูให้นกั เรียนเล่นเกม Funny weekend Happy weekday โดยพดู จบั ค่กู ิจกรรมกบั วนั หยดุ สุดสัปดาห์
หรือวนั ธรรมดาให้ถกู ตอ้ ง เช่น go to school, have lessons, go to the cinema, watch a DVD
2. ครูอธิบายการเล่นเกม โดยแบง่ นกั เรียนออกเป็น 2 ทมี แต่ละทีมส่งตวั แทนออกมา 8 คน ตวั แทนของ
แตล่ ะทมี จะพูดสลบั กนั ระหว่างกิจกรรมกบั วนั หยดุ สุดสัปดาห์หรือวนั ธรรมดา หากคนที่ 1 ของทีม
A พูดกิจกรรม คนที่ 1 ของทมี B ตอ้ งพูด weekend หรือ weekday ให้สัมพนั ธก์ บั กิจกรรมน้นั
หลงั จากน้นั สลบั ให้คนท่ี 2 ของทีม B พดู ก่อน หากคนที่ 2 ของทมี B พูด weekend คนที่ 2 ของทีม A
ตอ้ งพูดกิจกรรมท่ีทาในวนั หยดุ สุดสปั ดาห์มา 1 กิจกรรม จึงจะไดค้ ะแนน หากบอกกิจกรรมผดิ หรือ
พูด weekend เหมือนทมี B ทีม A จะไมไ่ ดค้ ะแนน แตท่ ีม B จะไดค้ ะแนนแทน
Team A S1: Go to school
Team B S1: Weekday
T: Team B gets 1 point.
Team B S2: Weekend
Team A S2: Have lessons
T: Wrong! Team B gets 1 point.
ข้นั Presentation
1. หนังสือเรียน หน้า 17 Ex. 1 ครูบอกนกั เรียนวา่ จะไดอ้ า่ น Mary’s Blog โดย Mary ต้งั ชื่อหัวขอ้ blog
ของตนเองวา่ Sundays are the best! ใหน้ กั เรียนคดิ วา่ Mary ทากิจกรรมอะไรทกุ วนั อาทติ ย์
I think Mary plays football on Sundays.
2. ครูเขียนตารางในหนงั สือเรียน หนา้ 17 Ex. 2 บนกระดาน ใหน้ กั เรียนช่วยกนั บอกกิจกรรมท่ีคิดว่า
Mary ทาในแต่ละช่วงเวลาของวนั แลว้ ครูเขียนกิจกรรมที่นกั เรียนบอกลงในตาราง
69
3. ครูเปิ ด CD ใหน้ กั เรียนฟังเรื่อง Mary’s Blog ก่อนเปิ ด CD ครูบอกให้นกั เรียนต้งั ใจฟังวา่ แตล่ ะ
ช่วงเวลาของวนั Mary ทาอะไรบา้ ง พร้อมท้งั จดบนั ทกึ ขอ้ มูล เม่ือฟังจบให้นกั เรียนช่วยกนั ตรวจ
กิจกรรมในตารางบนกระดานและปรับแก้
4. หนงั สือเรียน หน้า 17 Ex. 2 นกั เรียนอ่าน Mary’s Blog ในใจ และตรวจคาตอบในตารางอีกคร้ัง
Morning Afternoon Evening
get up late, eat breakfast, visit her grandparents go to the cinema or stay
play football, help her mum home and watch DVD, have
in the kitchen fun and relax
5. ครูสุ่มเรียกนกั เรียนพูดบอกกิจกรรมที่ Mary ทา โดยใชข้ อ้ มลู จากตาราง ครูพูดข้ึนตน้ ประโยควา่
On Sundays, Mary …
On Sundays, Mary gets up late. She eats breakfast and then plays football. She
helps her mum in the kitchen.
In the afternoon, she sometimes visits her grandparents.
In the evening, she goes to the cinema or stays home and watches a DVD. She has
fun and relaxes.
ข้นั Practice
1. ครูใหน้ กั เรียนขีดเส้นใตค้ ากริยาใน blog แลว้ ช่วยกนั ตอบว่ามีคาอะไรบา้ ง และคากริยาเหลา่ น้ีเขยี น
ในรูปของ tense อะไรบา้ ง
Present simple: ’s, get up, eat, makes, go, play, ’m, help, cooks, ’s, visit, go, stay,
watch, do, have, relax
Present continuous: ’m celebrating
70
2. ครูเขียนประโยคดา้ นลา่ งน้ีบนกระดาน (หรือพิมพใ์ ส่กระดาษแจกนกั เรียน) แลว้ ใหน้ กั เรียนทางานคู่
ช่วยกนั แกไ้ ขประโยคให้ถกู ตอ้ ง
1 My favourite day Sunday.
2 My mother always making delicious hamburgers.
3 In the picture, I am dance with my friends and my brother sings.
4 My uncle usually drive to my home on Sundays.
5 My mum and dad cook in the kitchen now.
6 We are wait for our lunch.
3. ครูขออาสาสมคั รอ่านประโยคที่แกไ้ ขแลว้ คนละ 1 ประโยค พร้อมท้งั อธิบายเหตุผล
1 My favourite day is Sunday.
2 My mother always makes delicious hamburgers.
3 In the picture, I dance with my friends and my brother sings.
4 My uncle usually drives to my home on Sundays.
5 My mum and dad are cooking in the kitchen now.
6 We are waiting for our lunch.
ข้นั Production
1. นกั เรียนจบั คกู่ นั แต่งประโยคเก่ียวกบั กิจกรรมท่ีทาในวนั หยดุ สุดสปั ดาหค์ ลู่ ะ 5 ประโยค เสร็จแลว้
ครูใหน้ กั เรียนแลกเปลย่ี นกนั ตรวจระหวา่ งคู่ ถา้ ประโยคของเพ่ือนผิดให้นกั เรียนปรับแกใ้ หเ้ พ่ือน
2. ครูสุ่มถามนกั เรียนท่ีเพ่ือนแกไ้ ขประโยคให้ โดยใหอ้ ่านประโยคเดิมและอ่านประโยคทเ่ี พอ่ื นแกไ้ ข
ให้ แลว้ นกั เรียนคนอนื่ ๆ ช่วยกนั ตรวจวา่ ถกู ตอ้ งหรือไม่
3. แบบฝึกหดั (Workbook) หนา้ 11 Exs. 1-2a ใหน้ กั เรียนทาเป็นการบา้ น
71
ชั่วโมงที่ 2
ข้นั Warm up
1. ครูสนทนากบั นกั เรียนว่า ปัจจบุ นั นกั เรียนสามารถส่ือสารกนั ดว้ ยช่องทางใดบา้ ง ในการส่ือสารกนั
น้นั นกั เรียนมคี าศพั ทเ์ ฉพาะทใี่ ชส้ ื่อสารกนั ในกลมุ่ หรือไม่ มกี ารใชค้ ายอ่ อะไรบา้ ง มีการรวบคาเขา้
ดว้ ยกนั หรือไม่ แลว้ ครูอธิบายวา่ การสื่อสารดว้ ยภาษาองั กฤษกม็ คี าศพั ทเ์ ฉพาะกลุ่มเช่นกนั รวมท้งั
การใชร้ ูปยอ่ ซ่ึงผใู้ ชจ้ ะใชใ้ นการสื่อสารทไี่ ม่เป็นทางการ
2. ครูใหน้ กั เรียนบอกคายอ่ ในภาษาองั กฤษและคาทเ่ี กิดจากการรวบคาท่นี กั เรียนใชใ้ นการสื่อสารกนั
บอ่ ย ๆ
Abbreviation r = are IC = I see
U = you RIP = Rest in Peace CU = See you.
OMG = Oh my god!
’d like = would like don’t = do not
Contraction
isn’t = is not
hasn’t = has not
ข้นั Presentation
1. ครูอธิบายนกั เรียนว่า การเขียนมี 2 แบบ คอื แบบเป็นทางการและแบบไม่เป็นทางการ ให้นกั เรียน
ยกตวั อยา่ งการเขียนท่ีเป็นทางการและไม่เป็นทางการ พร้อมท้งั บอกเหตุผล
2. หนงั สือเรียน หน้า 17 Ex. 3 นกั เรียนอา่ น Mary’s Blog และพจิ ารณาว่าเป็นการเขียนอยา่ งเป็น
ทางการหรือไมเ่ ป็นทางการ โดยพิจารณาวา่ มีการเขยี นแบบใชร้ ูปยอ่ ใชภ้ าษาพดู หรือมกี ารละคา
สรรพนามหรือไม่
Contractions: Sunday’s, I’m, It’s
Everyday language: Sundays are the best, my dad, my mum, lots of, stay home,
have fun and relax
Pronouns that are omitted: Hope you do the same!
72
3. ครูถามนกั เรียนว่า ในการเขยี นน้นั นอกจากการคานึงถึงรูปแบบการเขยี นแลว้ นกั เรียนยงั ตอ้ ง
คานึงถึงอะไรอกี ให้นกั เรียนช่วยกนั คดิ
4. หนังสือเรียน หน้า 17 Ex. 4 ครูให้นกั เรียนเขยี นแกไ้ ขประโยคให้ถูกตอ้ ง เสร็จแลว้ เปรียบเทยี บกบั
เพ่ือน จากน้นั ครูขออาสาสมคั รอธิบายประเด็นการแกไ้ ขคนละ 1 ขอ้
1 I like taking pictures and I love painting.
2 We’ve got a cat, a dog and two hamsters.
3 Rosa’s from Madrid, Spain.
4 Wow! This Sunday lunch is delicious.
5. ครูอธิบายนกั เรียนว่า เพ่ือใหข้ อ้ ความท่เี ขยี นมีความถกู ตอ้ งมากท่ีสุด ทุกคร้งั หลงั การเขยี นนกั เรียน
ตอ้ งตรวจงานเขียนวา่ ยงั มีขอ้ บกพร่องหรือผดิ พลาดอะไรบา้ ง และแกไ้ ข ซ่ึงการอา่ นตรวจทานงาน
เขียนเรียกว่า proofread หลงั จากน้นั ครูถามนกั เรียนว่า ความผิดพลาดทม่ี กั เกิดข้นึ ในการเขยี นไดแ้ ก่
อะไรบา้ ง
6. นกั เรียนอ่าน Study Skills และสรุปร่วมกนั จากน้นั ครูใหน้ กั เรียนเปรียบเทยี บวา่ โครงสร้างประโยค
ภาษาองั กฤษและภาษาไทยแตกต่างกนั อยา่ งไรบา้ ง เช่น การใชเ้ ครื่องหมายตา่ ง ๆ การใช้ตวั อกั ษร
ตวั ใหญ่ การผนั คากริยาตามประธาน
ข้นั Practice
1. ครูใหน้ กั เรียนจบั คู่กนั แลว้ ครูแจกขอ้ ความใหค้ ูล่ ะ 1 แผ่น ใหน้ กั เรียนแกไ้ ขการเขียนทีไ่ มถ่ กู ตอ้ ง
this Summer I’m takeing a trip to Thailand with some friends. First, we’re going to
spent a few days in 73rain73k. I have some Thai friends there, and they might take
us on a tour of the city after that, we’re going to take a 73rain to Chiang Mai and go
camping for a couple of weeks. Its going to be a perfect vacation? See you all
when I get back.
Mayuko
73
2. ครูขออาสาสมคั รอ่านประโยคทม่ี กี ารแกไ้ ข พร้อมท้งั อธิบายส่ิงทแี่ กไ้ ข
This summer I’m taking a trip to Thailand with some friends. First, we’re going to
spend a few days in Bangkok. I have some Thai friends there, and they might take
us on a tour of the city. After that, we’re going to take a train to Chiang Mai and go
camping for a couple of weeks. It’s going to be a perfect vacation. See you all
when I get back.
Mayuko
ข้นั Production
1. หนงั สือเรียน หน้า 17 Ex. 5 ครูใหน้ กั เรียนเขยี น blog เกี่ยวกบั วนั หยดุ สุดสปั ดาหข์ องตนเอง ความ
ยาว 80-100 คา โดยเขียนเกี่ยวกบั กิจกรรมทท่ี าในช่วงเวลาเชา้ บา่ ย และเยน็ จนถึงคา่ ครูใหน้ กั เรียน
ต้งั ชื่อเร่ืองเอง เมื่อเขยี นเสร็จแลว้ ให้นกั เรียนอ่านตรวจทานงานเขียนของตนเอง
2. ครูให้แลกเปลี่ยนกบั เพ่อื นเพ่อื ตรวจความถกู ตอ้ ง จากน้นั ครูขออาสาสมคั รอ่านงานของตนเอง 1-2
คน และบอกประเด็นบกพร่องทเ่ี พอื่ นช่วยแกไ้ ขให้
Weekends are the best!
Saturday’s my favourite day. In the morning, I have a dance lesson. After that I
help my mum around the house and then we have lunch. In the afternoon, we go
shopping. In the evenings, I go to the cinema or watch a DVD.
On Sundays, I like to relax and have fun. In the morning, I get up late and have a
big breakfast. In the afternoon, I visit my grandparents or go to the park with my
friends. In the evening, I listen to music or read a book and have an early night.
3. นกั เรียนทา Self-Check 1 ในหนงั สือเรียน หนา้ 113
4. แบบฝึกหดั (Workbook) หนา้ 11 Exs. 2b-5 ให้นกั เรียนทาเป็นการบา้ น
74
7. การวัดและการประเมนิ ผล เคร่ืองมือ เกณฑ์การผ่าน
แบบฝึกหดั (Workbook) ร้อยละ 60
วธิ ีการวดั สมดุ นกั เรียน -
ตรวจการตอบคาถามจากการอา่ นหรือ แบบสังเกตพฤตกิ รรมการเรียนรู้ ระดบั คุณภาพ พอใช้
การฟัง
ตรวจการเขียนประโยคเก่ียวกบั แบบประเมนิ การเขียน ระดบั คุณภาพ พอใช้
กิจกรรมท่ีทาในวนั หยดุ สุดสัปดาห์ แบบประเมินคุณลกั ษณะ ระดบั คุณภาพ ผ่าน
สังเกตการเปรียบเทียบความแตกต่าง อนั พึงประสงค์
ของโครงสร้างประโยคภาษาองั กฤษ
และภาษาไทย
ประเมนิ การเขยี น blog เกี่ยวกบั
วนั หยดุ สุดสัปดาห์
สงั เกตความใฝ่เรียนรู้และความมงุ่ มน่ั
ในการทางาน
8. สื่อ/แหล่งการเรียนรู้
1) หนงั สือเรียน SPARK 2 ม. 2
2) Class Audio CDs ประกอบสื่อฯ ชุด SPARK 2 ม. 2
3) แบบฝึกหัด SPARK 2 ม. 2
75
7 ASEAN corner 1
1 ช่ัวโมง
จดุ ประสงค์การเรียนรู้
- บอกรายละเอยี ดของเร่ืองท่อี า่ นได้
- พูดแสดงความคิดเห็นในประเด็นท่กี าหนดให้ได้
- เขยี นสรุปผลการอภิปรายในประเดน็ ที่กาหนดให้ได้
1. สาระ มาตรฐานการเรียนรู้/ตัวชีว้ ัด
สาระที่ 1 ภาษาเพอ่ื การส่ือสาร
มาตรฐาน ต 1.1 เข้าใจและตคี วามเร่ืองทีฟ่ ังและอ่านจากส่ือประเภทต่าง ๆ และแสดงความคิดเห็น
อย่างมีเหตุผล
ตวั ช้ีวดั
ต 1.1 ม. 2/4 เลือกหัวขอ้ เร่ือง ใจความสาคญั บอกรายละเอียดสนบั สนุน (supporting detail) และ
แสดงความคิดเห็นเก่ียวกบั เรื่องท่ีฟังและอา่ น พร้อมท้งั ใหเ้ หตผุ ลและยกตวั อยา่ ง
งา่ ย ๆ ประกอบ
มาตรฐาน ต 1.2 มีทกั ษะการสื่อสารทางภาษาในการแลกเปลยี่ นข้อมูลข่าวสาร แสดงความรู้สึกและ
ความคดิ เห็นอย่างมปี ระสิทธภิ าพ
ตวั ช้ีวดั
ต 1.2 ม. 2/4 พูดและเขียนเพอื่ ขอและให้ขอ้ มลู บรรยาย และแสดงความคดิ เห็นเกี่ยวกบั เร่ืองทฟี่ ัง
หรืออา่ นอยา่ งเหมาะสม
มาตรฐาน ต 1.3 นาเสนอข้อมลู ข่าวสาร ความคิดรวบยอด และความคิดเห็นในเรื่องต่าง ๆ โดยการพดู
และการเขยี น
ตวั ช้ีวดั
ต 1.3 ม. 2/2 พูดและเขียนสรุปใจความสาคญั /แก่นสาระ หัวขอ้ เร่ือง (topic) ทไ่ี ดจ้ ากการวเิ คราะห์
เร่ือง/ขา่ ว/เหตุการณ์ที่อยใู่ นความสนใจของสงั คม
76
2. สาระสาคัญ/ความคิดรวบยอด
การเรียนรู้เก่ียวกบั ความสาคญั ของภาษา โดยเฉพาะภาษาท่ใี ชใ้ นประเทศกลุ่มประชาคมอาเซียน
ช่วยให้สามารถส่ือสารไดอ้ ยา่ งมีประสิทธิภาพ และกอ่ ใหเ้ กิดผลประโยชน์และโอกาสท้งั ทางดา้ น
เศรษฐกิจและการศึกษา
3. สาระการเรียนรู้
3.1 ทักษะเฉพาะวิชา
1) Language Features and Functions
Vocabulary: Verbs (broaden, survive)
Nouns (opportunity, advantage, race, hub, investor, infrastructure,
cooperation, industry)
Adjectives (available, multilingual, fluent, beneficial)
Adverb (peacefully)
Functions: Discussing about language you should learn
I think we should learn Mandarin because there are lots of Chinese
companies in Asia.
2) Language Skills
Speaking: แสดงความคดิ เห็นเกี่ยวกบั ภาษาท่ีนกั เรียนไทยควรเรียนรู้
Reading: อ่านเพื่อหาขอ้ มลู เฉพาะ
Writing: เขียนสรุปผลการอภปิ รายในประเดน็ ที่กาหนด
4. สมรรถนะสาคญั ของผ้เู รียน
1) ความสามารถในการส่ือสาร
2) ความสามารถในการคดิ
5. คุณลกั ษณะอนั พึงประสงค์
1) ใฝ่เรียนรู้
2) มุ่งมน่ั ในการทางาน
77
6. กจิ กรรมการเรียนรู้
ข้นั Warm up
ครูสนทนากบั นกั เรียนเก่ียวกบั ประเทศกลุ่มประชาคมอาเซียน ภาษาทใ่ี ชใ้ นประเทศกล่มุ ประชาคม
อาเซียน และนอกจากภาษาไทยแลว้ นกั เรียนสามารถพดู ภาษาของประเทศใดในกลุม่ ประชาคม
อาเซียน
ข้นั Presentation
1. ครูใหน้ กั เรียนดภู าพและอ่านชื่อเรื่อง Why do we learn languages? ในหนงั สือเรียน หนา้ 18 แลว้ ให้
นกั เรียนแสดงความคดิ เห็นเก่ียวกบั ความสาคญั ของภาษา
2. หนงั สือเรียน หน้า 18 Ex. 1 ครูให้นกั เรียนอ่านคาถามและขดี เสน้ ใตค้ าวา่ multilingual, economy,
education system ครูถามนกั เรียนวา่ จากคาถามและคาศพั ทท์ ี่ขีดเส้นใตน้ กั เรียนคดิ ว่าจะไดเ้ รียน
เกี่ยวกบั อะไร
3. ครูใหน้ กั เรียนอ่านออกเสียงคาศพั ทท์ ้งั 3 คา ตามครู จากน้นั นกั เรียนอา่ นออกเสียงคาศพั ทพ์ ร้อมกนั
แลว้ หาความหมายของคาศพั ทจ์ ากพจนานุกรม
multilingual (adj) = using, speaking, or writting in several different languages
(ซ่ึงพดู /เขยี นไดห้ ลายภาษา)
economy (n) = the system by which a country’s money and goods are produced
and used, or a country considered in this way (เศรษฐกิจ)
education system (n) = the system of the process of teaching and learning, usually at
school, college, or university (ระบบการศกึ ษา)
4. ครูแบ่งนกั เรียนเป็นกลุ่ม กลมุ่ ละ 4 คน แลว้ ให้นกั เรียนอา่ นบทอา่ นยอ่ หนา้ ที่ 1 และยอ่ หนา้ สุดทา้ ย
แลว้ บอกใจความสาคญั ของท้งั 2 ยอ่ หนา้ จากน้นั ครูอธิบายวา่ การอ่านเรียงความทีม่ หี ลายยอ่ หนา้
ยอ่ หนา้ ท่ี 1 มกั จะเป็นใจความสาคญั ของเร่ือง และยอ่ หนา้ สุดทา้ ยจะเป็นการสรุปเรื่อง ซ่ึงส่วนมาก
แลว้ ประโยคท่ี 1 ของยอ่ หนา้ จะเป็นประโยคใจความสาคญั ของยอ่ หนา้ น้นั ๆ
5. ครูใหแ้ ต่ละกลุ่มอ่านบทอา่ นเรื่อง Why do we learn languages? และตอบคาถามใน Ex. 1 จากน้นั ครู
สุ่มเรียกนกั เรียนบอกคาตอบกล่มุ ละ 2 ขอ้
1 Because it’s a great tool to help us to learn new things.
2 Malaysia and Singapore.
78
3 It makes Singapore a business hub of Asia. It draws a lot of investors to the
country.
4 There is cooperation between schools and universities in Singapore and many
world-class institutes around the world.
5 It is good for jobs and business investment.
ข้นั Practice
1. หนังสือเรียน หน้า 18 Ex. 2 ครูให้นกั เรียนจบั คอู่ ภปิ รายว่าภาษาใดในประเทศกลุ่มประชาคมอาเซียน
ท่นี กั เรียนไทยควรเรียนรู้ พร้อมบอกเหตุผล
2. ครูขออาสาสมคั ร 5-6 คู่ นาเสนอผลการอภปิ ราย นกั เรียนคอู่ ่นื ๆ สามารถร่วมเสนอขอ้ มลู เพ่ิมเติมได้
ข้นั Production
หนงั สือเรียน หน้า 18 Ex. 3 ครูแบง่ นกั เรียนเป็นกลมุ่ กล่มุ ละ 4 คน ให้แตล่ ะกลุ่มอภิปรายร่วมกนั
ในประเดน็ ขอ้ ดีของการทค่ี นในประเทศไทยสามารถพดู ภาษาไดม้ ากกวา่ 1 ภาษา แลว้ แตล่ ะกลมุ่
เขยี นสรุปผลจากการอภิปราย
7. การวดั และการประเมนิ ผล เครื่องมือ เกณฑ์การผ่าน
สมดุ นกั เรียน ร้อยละ 60
วธิ กี ารวดั แบบสงั เกตพฤตกิ รรมการเรียนรู้ ระดบั คณุ ภาพ พอใช้
ตรวจการตอบคาถามจากเรื่องท่อี า่ น
สังเกตการแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกบั แบบประเมินการเขยี น ระดบั คณุ ภาพ พอใช้
ภาษาทนี่ กั เรียนไทยควรเรียนรู้
ประเมนิ การเขียนสรุปผลการอภิปราย แบบประเมนิ คุณลกั ษณะ ระดบั คณุ ภาพ ผา่ น
ในประเด็นทีก่ าหนด อนั พึงประสงค์
สังเกตความใฝ่เรียนรู้และความม่งุ มน่ั
ในการทางาน
8. ส่ือ/แหล่งการเรียนรู้
1) หนงั สือเรียน SPARK 2 ม. 2
2) พจนานุกรมองั กฤษ-องั กฤษ
3) พจนานุกรมออนไลน์
79
8 O-NET practice & Fun time 1
1 ชั่วโมง
จุดประสงค์การเรยี นรู้
- ทบทวนคาศพั ทแ์ ละไวยากรณท์ เ่ี รียนมาแลว้ ในหน่วยการเรียนรู้ที่ 1
- เขยี น quiz เกี่ยวกบั เน้ือหาทเี่ รียนมาแลว้ ได้
1. สาระ มาตรฐานการเรียนรู้/ตวั ชี้วดั
สาระท่ี 1 ภาษาเพอ่ื การสื่อสาร
มาตรฐาน ต 1.1 เข้าใจและตคี วามเรื่องทฟ่ี ังและอ่านจากส่ือประเภทต่าง ๆ และแสดงความคดิ เห็น
อย่างมเี หตผุ ล
ตวั ช้ีวดั
ต 1.1 ม. 2/4 เลอื กหวั ขอ้ เร่ือง ใจความสาคญั บอกรายละเอยี ดสนบั สนุน (supporting detail) และ
แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกบั เร่ืองทฟ่ี ังและอา่ น พร้อมท้งั ให้เหตุผลและยกตวั อยา่ ง
ง่าย ๆ ประกอบ
สาระท่ี 2 ภาษาและวฒั นธรรม
มาตรฐาน ต 2.1 เข้าใจความสัมพันธ์ระหว่างภาษากบั วัฒนธรรมของเจ้าของภาษา และนาไปใช้ได้
อย่างเหมาะสมกับกาลเทศะ
ตวั ช้ีวดั
ต 2.1 ม. 2/3 เขา้ ร่วม/จดั กิจกรรมทางภาษาและวฒั นธรรมตามความสนใจ
2. สาระสาคญั /ความคดิ รวบยอด
การรู้และเขา้ ใจคาศพั ท์ โครงสร้างภาษา ช่วยให้พดู /เขยี นสื่อสาร และเขา้ ร่วมกิจกรรมทางภาษาได้
อยา่ งเหมาะสม
80
3. สาระการเรียนรู้
3.1 ทักษะเฉพาะวชิ า
1) Language Features and Functions
Vocabulary: คาศพั ทใ์ นหน่วยการเรียนรู้ท่ี 1
Grammar: ไวยากรณใ์ นหน่วยการเรียนรู้ที่ 1
2) Language Skills
Listening: ฟังเพ่ือหาขอ้ มลู เฉพาะ
Writing: เขียน quiz เกี่ยวกบั เน้ือหาทเ่ี รียนมาแลว้
4. สมรรถนะสาคญั ของผ้เู รยี น
1) ความสามารถในการส่ือสาร
2) ความสามารถในการคดิ
5. คุณลักษณะอันพงึ ประสงค์
- มงุ่ มนั่ ในการทางาน
6. กจิ กรรมการเรียนรู้
ข้นั Warm up
ครูเขยี นวลี When I grow up, I want to b a … บนกระดาน แลว้ สนทนากบั นกั เรียนเก่ียวกบั อาชีพที่
นกั เรียนอยากทา
ข้นั Presentation
1. ครูให้นกั เรียนช่วยกนั บอกคาศพั ทท์ ่ีเรียนในหน่วยการเรียนรู้น้ี โดยครูกาหนดหัวขอ้ ให้นกั เรียนบอก
คาศพั ทท์ ่เี ก่ียวขอ้ งกบั หัวขอ้ ดงั กลา่ ว
2. นกั เรียนปิ ดหนงั สือเรียน ครูทบทวนไวยากรณ์ทีเ่ รียนในหน่วยการเรียนรู้น้ี โดยใหน้ กั เรียนบอก
โครงสร้างและวิธีการใช้ ครูเขยี นในรูป mind map
81
-ing form Present Present
& to- simple continuous
infinitive ไวยากรณ์
หน่วยการ
เรียนรู้ที่ 1
Adverbs of
frequency
ข้นั Practice
1. หนังสือเรียน หน้า 20 Ex. 1 ครูให้เลน่ เกม What am I? โดยครูจะเป็นผูอ้ า่ นคาใบ้ หรือให้นกั เรียน
1 คน อ่านคาใบ้ แลว้ ให้นกั เรียนช่วยกนั ทายวา่ คืออาชีพอะไร
1 shop assistant 2 pilot
3 magician’s assistant 4 nurse
5 fashion designer 6 secretary
7 police officer 8 hairdresser
2. หนงั สือเรียน หน้า 20 Ex. 2 ครูให้นกั เรียนทา quiz โดยห้ามเปิ ดดูเน้ือหา เสร็จแลว้ ให้นกั เรียน
เปรียบเทียบคาตอบกบั เพอ่ื น จากน้นั ครูจึงเฉลยคาตอบ
1 Cricket.
2 Drive through the Safari Park and see animals and visit amusement park.
3 You can put on weight.
4 Baseball. Each team needs to have nine players.
5 Up to five days.
82
3. หนังสือเรียน หน้า 20 GAME ครูเลือกนกั เรียน 2 คนท่เี รียนเกง่ เป็นคนพูดประโยค โดยผลดั กนั พดู
แลว้ แบ่งนกั เรียนเป็น 3 กลุ่ม ให้แตล่ ะกลุม่ ฟังประโยคทีเ่ พอื่ นพูด แลว้ ทายว่าคืออาชีพอะไร ถา้ ทาย
ถูกจะได้ 1 คะแนน กล่มุ ท่ีมคี ะแนนมากท่ีสุดจะเป็นผชู้ นะ
Leader: I cut people’s hair.
Team B S1: Hairdresser
T: Team B gets 1 point.
Leader: I look after people’s teeth.
Team A S2: Dentist
T: Team A gets 1 point.
4. หนังสือเรยี น หน้า 20 Ex. 4 ครูบอกนกั เรียนว่าจะไดฟ้ ังเพลง แลว้ ใหน้ กั เรียนจดบนั ทกึ คาศพั ท์
เก่ียวกบั อาชีพทไ่ี ดย้ นิ ในเพลง จากน้นั ครูเปิ ด CD ใหน้ กั เรียนฟังเพลง เมือ่ ฟังจบครูถามนกั เรียนว่า
อาชีพใดบา้ งที่มีในเพลง ถา้ นกั เรียนบอกคาตอบไมถ่ กู หรือบอกไม่ครบ ครูใหน้ กั เรียนฟังอกี คร้ัง
architect, actress, musician, comedian
5. หนงั สือเรยี น หน้า 19 O-NET practice ครูให้เวลานกั เรียนทาขอ้ สอบ เสร็จแลว้ ตรวจคาตอบร่วมกนั
ถา้ นกั เรียนไม่เขา้ ใจ ให้ครูอธิบายเพ่มิ เติม
Ex. 1 1 A a, B c 2 A b, B c 3 A d, B b 5c
Ex. 2 1 b 2 d 3 a 4 c
ข้นั Production
หนังสือเรยี น หน้า 20 Ex. 3 นกั เรียนจบั คู่กนั แลว้ ครูแจกกระดาษให้ค่ลู ะ 1 แผ่น ให้แต่ละคู่คิด
คาถาม quiz 5-6 ขอ้ เกี่ยวกบั เน้ือหาในหน่วยการเรียนรู้ที่ 1 ครูใหน้ กั เรียนเปิ ดดเู น้ือหาได้ และให้
นกั เรียนเขียนคาตอบไวด้ า้ นหลงั กระดาษ เมอ่ื ทุกคู่คิดคาถามเสร็จแลว้ ให้แลกกนั ทา quiz กบั คู่อื่น
83
1 What is one advantage of being a magician’s assistant? (travel a lot)
2 Haw many rides at West Midland Safari & Leisure Park. (30)
3 How many players are there in a cricket team? (11)
4 How many teams are there in a match? (2)
5 What is Mary’s favoutite day? (Sunday)
7. การวดั และการประเมนิ ผล เครื่องมือ เกณฑ์การผ่าน
- ร้อยละ 60
วิธีการวดั
ตรวจการเขียน quiz เกี่ยวกบั เน้ือหา แบบประเมินคุณลกั ษณะ ระดบั คณุ ภาพ ผ่าน
ในหน่วยการเรียนรู้ที่ 1 อนั พึงประสงค์
สงั เกตความม่งุ มน่ั ในการทางาน
8. สื่อ/แหล่งการเรียนรู้
1) หนงั สือเรียน SPARK 2 ม. 2
2) Class Audio CDs ประกอบสื่อฯ ชุด SPARK 2 ม. 2
84
2 Myths & Legends
ช้ันมัธยมศึกษาปี ที่ 2 เวลาเรียน 14 ช่ัวโมง
1 สาระ มาตรฐานการเรียนรู้/ตัวชี้วัด
สาระท่ี 1 ภาษาเพอ่ื การส่ือสาร
มาตรฐาน ต 1.1 เข้าใจและตีความเร่ืองท่ีฟังและอ่านจากสื่อประเภทต่าง ๆ และแสดงความคิดเหน็
อย่างมเี หตุผล
ตวั ช้ีวดั
ต 1.1 ม. 2/3 ระบุ/เขยี นประโยคและขอ้ ความให้สัมพนั ธก์ บั ส่ือทไี่ ม่ใช่ความเรียงรูปแบบตา่ ง ๆ
ท่ีอ่าน
ต 1.1 ม. 2/4 เลือกหัวขอ้ เร่ือง ใจความสาคญั บอกรายละเอียดสนบั สนุน (supporting detail) และ
แสดงความคิดเห็นเก่ียวกบั เร่ืองทฟ่ี ังและอา่ น พร้อมท้งั ให้เหตุผลและยกตวั อยา่ ง
ง่าย ๆ ประกอบ
มาตรฐาน ต 1.2 มที กั ษะการส่ือสารทางภาษาในการแลกเปลย่ี นข้อมลู ข่าวสาร แสดงความรู้สึกและ
ความคิดเหน็ อย่างมีประสิทธภิ าพ
ตวั ช้ีวดั
ต 1.2 ม. 2/1 สนทนา แลกเปลี่ยนขอ้ มลู เกี่ยวกบั ตนเอง เรื่องต่าง ๆ ใกลต้ วั และสถานการณ์ต่าง ๆ
ในชีวติ ประจาวนั อยา่ งเหมาะสม
ต 1.2 ม. 2/4 พูดและเขยี นเพอื่ ขอและให้ขอ้ มลู บรรยาย และแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกบั เรื่องทฟ่ี ัง
หรืออ่านอยา่ งเหมาะสม
มาตรฐาน ต 1.3 นาเสนอข้อมลู ข่าวสาร ความคดิ รวบยอด และความคิดเหน็ ในเร่ืองต่าง ๆ โดยการพดู
และการเขยี น
ตวั ช้ีวดั
ต 1.3 ม. 2/1 พูดและเขยี นบรรยายเกี่ยวกบั ตนเอง กิจวตั รประจาวนั ประสบการณ์ และขา่ ว/
เหตุการณท์ ่ีอยใู่ นความสนใจของสังคม
ต 1.3 ม. 2/2 พูดและเขียนสรุปใจความสาคญั แกน่ สาระ หวั ขอ้ เร่ือง (topic) ทไี่ ดจ้ ากการวิเคราะห์
เรื่อง/ข่าว/เหตกุ ารณ/์ สถานการณท์ อ่ี ยใู่ นความสนใจของสังคม
85
ต 1.3 ม. 2/3 พดู และเขยี นแสดงความคิดเห็นเก่ียวกบั กิจกรรม เรื่องตา่ ง ๆ ใกลต้ วั และ
ประสบการณ์ พร้อมท้งั ใหเ้ หตุผลส้ัน ๆ ประกอบ
สาระท่ี 2 ภาษาและวัฒนธรรม
มาตรฐาน ต 2.1 เข้าใจความสัมพันธ์ระหว่างภาษากบั วัฒนธรรมของเจ้าของภาษา และ นาไปใช้ ได้
อย่างเหมาะสมกบั กาลเทศะ
ตวั ช้ีวดั
ต 2.1 ม. 2/1 ใชภ้ าษา น้าเสียง และกิริยาท่าทางเหมาะกบั บคุ คลและโอกาส ตามมารยาทสงั คมและ
วฒั นธรรมของเจา้ ของภาษา
ต 2.1 ม. 2/3 เขา้ ร่วม/จดั กิจกรรมทางภาษาและวฒั นธรรมตามความสนใจ
มาตรฐาน ต 2.2 เข้าใจความเหมือนและความแตกต่างระหว่างภาษาและวฒั นธรรมของเจ้าของภาษา
กบั ภาษาและวัฒนธรรมไทย และนามาใช้อย่างถกู ต้องและเหมาะสม
ตวั ช้ีวดั
ต 2.2 ม. 2/1 เปรียบเทียบและอธิบายความเหมือนและความแตกต่างระหว่างการออกเสียงประโยค
ชนิดต่าง ๆ และการลาดบั คาตามโครงสร้างประโยคของภาษาต่างประเทศและ
ภาษาไทย
สาระท่ี 3 ภาษากับความสัมพันธ์กบั กล่มุ สาระการเรียนรู้อน่ื
มาตรฐาน ต 3.1 ใช้ภาษาต่างประเทศในการเช่ือมโยงความรู้กบั กล่มุ สาระการเรียนรู้อนื่ และเป็ น
พนื้ ฐานในการพฒั นา แสวงหาความรู้ และเปิ ดโลกทัศน์ของตน
ตวั ช้ีวดั
ต 3.1 ม. 2/1 คน้ ควา้ รวบรวม และสรุปขอ้ มูล/ ขอ้ เทจ็ จริงทเี่ กี่ยวขอ้ งกบั กลุ่มสาระการเรียนรู้อน่ื
จากแหลง่ การเรียนรู้ และนาเสนอดว้ ยการพดู /การเขยี น
สาระท่ี 4 ภาษากับความสัมพนั ธ์กบั ชุมชนและโลก
มาตรฐาน ต 4.1 ใช้ภาษาต่างประเทศในสถานการณ์ต่าง ๆ ท้งั ในสถานศึกษา ชุมชน และสังคม
ตวั ช้ีวดั
ต 4.1 ม. 2/1 ใชภ้ าษาสื่อสารในสถานการณ์จริง/สถานการณ์จาลองท่ีเกิดข้ึนในหอ้ งเรียน
สถานศึกษา และชุมชน
2 สาระสาคญั /ความคดิ รวบยอด
การเรียนรู้คาศพั ท์ ประโยค สานวน และโครงสร้างทางภาษา ช่วยใหส้ ามารถจบั ใจความ
สาคญั รายละเอียดของขอ้ มลู ที่อา่ นและฟัง และลาดบั เหตกุ ารณ์ได้ รวมท้งั ช่วยให้สามารถพูดและ
เขยี นส่ือสารไดอ้ ยา่ งถูกตอ้ งและเหมาะสมตามสถานการณ์ ตลอดจนเกิดความเขา้ ใจในวฒั นธรรมของ
86
เจา้ ของภาษาและของประเทศกลมุ่ ประชาคมอาเซียน เขา้ ใจความเหมือนและความต่างของ
ภาษาองั กฤษและภาษาไทย
3 สาระการเรียนรู้
3.1 ทกั ษะเฉพาะวชิ า
1) Language Features and Functions
Vocabulary: Appearance (hair: curly, wavy, straight, spiky, thick, long, short, brown,
fair, grey; eyes: big, small, blue, green; mouth: small, wide; nose: big,
long, small; face: round, long; lips: thin, full; height: tall, short, of
medium height; age: old, young, middle-aged; weight: overweight,
plump, thin, slim, well built, fat; looks: handsome, beautiful, ugly,
attractive)
Character (funny, brave, hardworking, stupid, patient, honest, lazy,
clever, impatient, dishonest, boring, cowardly)
Verbs (cool, fit together, cross, fight, elect, guide, shoot, admire, launch,
adapt, pray, transform)
Nouns (bridge of rocks, giant, enemy, eruption, surface, Irish legend,
result, size, boiling lava, place of myth and legend, civilisation,
astronomy, temple, pyramid, stone building, statue, ruler, dynasty,
tragedy, war, drought, president, farmhouse, lawyer, honesty, courage,
civil war, festival, gratitude, famine, celebrate, tradition)
Adjectives (powerful, mysterious, terrified, huge, ancient, diverse,
embarrassed)
Phrases (wonder of nature, get on well, pay respect)
Sentences (How was your weekend?, I’m sorry about that., What did you
watch?, It was brilliant., What’s it about?, Sounds exciting., Who stars in
it?, It’s a pity., You can rent it on DVD.)
Grammar: Past simple (regular and irregular verbs)
Used to
Prepositions of movement
87
Functions: Recommending a film
What were the special effects like?
The special effects were amazing.
Describing people’s appearance and character
Helen is young, tall and thin. She’s got long curly, fair hair and full lips.
Narrating a story
Once there was a giant called Finn MacCool who built a rock bridge
from Ireland to Scotland.
Pronunciation: /t/, /d/, /Id/
watch, liked, walked, played, wanted, stopped
2) Language Skills
Listening: ฟังเพ่อื หาขอ้ มลู เฉพาะ
Speaking: พูดบรรยายลกั ษณะและนิสัยของบุคคล, สนทนาเกี่ยวกบั เหตกุ ารณใ์ นอดีต,
เล่าเร่ือง Finn MacCool and the Giant’s Causeway, สนทนาเกี่ยวกบั
ภาพยนตร์
Reading: อา่ นเพ่ือหาขอ้ มูลเฉพาะ, อ่านและลาดบั เหตุการณส์ าคญั
Writing: เขียนสรุปเร่ืองท่อี ่าน, เขียนใหข้ อ้ มลู เก่ียวกบั ตนเอง, เขียนอีเมล,
แต่งบทสนทนาตามสถานณท์ ก่ี าหนด, เขยี นบทความเกี่ยวกบั อารยธรรม
โบราณ, เขียนชีวประวตั ขิ อง Abraham Lincoln และ Queen Victoria,
เขียนการ์ตนู ช่องเก่ียวกบั ตานานของไทยหรือประเทศกลมุ่ ประชาคม
อาเซียน, เขียน quiz เก่ียวกบั เน้ือหาทเ่ี รียนมาแลว้
3) Cultures ประเพณีที่เกี่ยวขอ้ งกบั ตานาน
4 สมรรถนะสาคัญของผ้เู รยี น
1) ความสามารถในการสื่อสาร
2) ความสามารถในการคิด
3) ความสามารถในการใชท้ กั ษะชีวติ
4) ความสามารถในการใชเ้ ทคโนโลยี
88
5 คณุ ลกั ษณะอันพึงประสงค์
1) ใฝ่เรียนรู้
2) มุ่งมนั่ ในการทางาน
6 ชิ้นงาน/ภาระงาน (รวบยอด)
1) พดู บรรยายลกั ษณะและนิสัยของบุคคลอนื่
2) เขียนสรุปเร่ือง
3) เขยี น paragraph เก่ียวกบั กิจกรรมท่ีตนเองทาในวนั สุดสปั ดาหท์ ผ่ี า่ นมา
4) เขยี นอีเมล
5) แต่งบทสนทนาเกี่ยวกบั ภาพยนตร์ที่ดทู างโทรทศั น์
6) แสดงบทบาทสมมติ
7) เขียนบทความเก่ียวกบั ชุมชนอารยธรรมโบราณ
8) เขยี นสรุปชีวประวตั ขิ อง Abraham Lincoln จากขอ้ ความทอ่ี า่ น
9) เขียนชีวประวตั โิ ดยยอ่ ของ Queen Victoria
10) ชิ้นงานการ์ตนู ช่องเก่ียวกบั ตานานของไทยหรือประเทศกลมุ่ ประชาคมอาเซียน
7 การวดั และการประเมนิ ผล
7.1 การประเมินก่อนเรียน
7.2 การประเมนิ ระหวา่ งการจดั กิจกรรมการเรียนรู้
7.3 การประเมนิ หลงั เรียน
7.4 การประเมนิ ช้ินงาน/ภาระงาน (รวบยอด)
89
1 Reading 2a & Vocabulary 2a
2 ช่ัวโมง
จดุ ประสงค์การเรียนรู้
- บอกรายละเอยี ด เขยี นสรุปขอ้ มลู และอภปิ รายเก่ียวกบั เร่ืองทอ่ี ่านและฟังได้
- พดู บรรยายบุคคลตามภาพทีก่ าหนดใหไ้ ด้
- พดู บรรยายลกั ษณะและนิสยั ของบคุ คลอน่ื ได้
1. สาระ มาตรฐานการเรยี นรู้/ตัวชีว้ ดั
สาระท่ี 1 ภาษาเพอ่ื การสื่อสาร
มาตรฐาน ต 1.1 เข้าใจและตีความเร่ืองที่ฟังและอ่านจากสื่อประเภทต่าง ๆ และแสดงความคิดเห็น
อย่างมีเหตุผล
ตวั ช้ีวดั
ต 1.1 ม. 2/3 ระบุ/เขียนประโยคและขอ้ ความให้สมั พนั ธก์ บั สื่อท่ีไม่ใช่ความเรียงรูปแบบตา่ ง ๆ
ที่อ่าน
ต 1.1 ม. 2/4 เลือกหัวขอ้ เรื่อง ใจความสาคญั บอกรายละเอียดสนบั สนุน (supporting detail) และ
แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกบั เรื่องทฟี่ ังและอา่ น พร้อมท้งั ใหเ้ หตผุ ลและยกตวั อยา่ ง
งา่ ย ๆ ประกอบ
มาตรฐาน ต 1.2 มีทักษะการสื่อสารทางภาษาในการแลกเปลย่ี นข้อมูลข่าวสาร แสดงความรู้สึกและ
ความคดิ เห็นอย่างมีประสิทธภิ าพ
ตวั ช้ีวดั
ต 1.2 ม. 2/1 สนทนา แลกเปล่ียนขอ้ มลู เกี่ยวกบั ตนเอง เร่ืองต่าง ๆ ใกลต้ วั และสถานการณต์ ่าง ๆ
ในชีวติ ประจาวนั อยา่ งเหมาะสม
ต 1.2 ม. 2/4 พูดและเขยี นเพอื่ ขอและให้ขอ้ มลู บรรยาย และแสดงความคดิ เห็นเกี่ยวกบั เร่ืองที่ฟัง
หรืออ่านอยา่ งเหมาะสม
90
2. สาระสาคัญ/ความคิดรวบยอด
การจบั ใจความสาคญั และรายละเอียดของขอ้ มูลท่อี ่านและฟังเป็นความสามารถท่ีสาคญั ประการ
หน่ึงของทกั ษะการรบั สาร ซ่ึงจะนาไปสู่การสรุปสารที่รับได้ นอกจากน้ีการมคี วามรู้เก่ียวกบั คาศพั ทแ์ ละ
ประโยคตา่ ง ๆ ตามเน้ือหาจะช่วยให้สามารถนาส่ิงทเี่ รียนรู้ไปใช้ในการพูด/เขยี นส่ือสารไดอ้ ยา่ งถกู ตอ้ ง
ตลอดจนมคี วามเขา้ ใจในวฒั นธรรมของเจา้ ของภาษา
3. สาระการเรียนรู้
3.1 ทักษะเฉพาะวิชา
1) Language Features and Functions
Vocabulary: Appearance (hair: curly, wavy, straight, spiky, thick, long, short, brown,
fair, grey; eyes: big, small, blue, green; mouth: small, wide; nose: big,
long, small; face: round, long; lips: thin, full; height: tall, short, of
medium height; age: old, young, middle-aged; weight: overweight,
plump, thin, slim, well built, fat; looks: handsome, beautiful, ugly,
attractive)
Character (funny, brave, hardworking, stupid, patient, honest, lazy,
clever, impatient, dishonest, boring, cowardly)
Functions: Describing people’s appearance and character
Helen is young, tall and thin. She’s got long curly, fair hair and full lips.
2) Language Skills
Listening: ฟังเพ่อื หาขอ้ มูลเฉพาะ
Speaking: พูดบรรยายลกั ษณะและนิสัยของบคุ คล
Reading: อา่ นเพอื่ หาขอ้ มูลเฉพาะและแสดงความคดิ เห็น
Writing: เขียนสรุปเร่ืองที่อ่าน
4. สมรรถนะสาคัญของผ้เู รียน 2) ความสามารถในการคิด
1) ความสามารถในการสื่อสาร
5. คุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ 2) มุ่งมนั่ ในการทางาน
1) ใฝ่เรียนรู้
91
6. กจิ กรรมการเรียนรู้
ชั่วโมงที่ 1
ข้นั Warm up
1. ครูพดู ทกั ทายนกั เรียน โดยใชค้ าทกั ทาย เช่น How are you doing? How’s going? จากน้นั ครูสุ่ม
ทกั ทายนกั เรียนเป็นรายบคุ คล 2-3 คน โดยให้นกั เรียนพูดตอบครูดว้ ยคาที่ไมซ่ ้ากนั เช่น Pretty
good./Not bad./Very well.
2. นกั เรียนอา่ นช่ือหน่วยการเรียนรู้ (Myths & Legends) ในหนงั สือเรียน หนา้ 21 แลว้ ร่วมกนั แสดง
ความคิดเห็นว่าหมายความวา่ อยา่ งไร
3. Find the page numbers for หน้า 21 ครูอธิบายคาวา่ quotation และ biography
quotation (n) = sentence or phrase from a book, speech etc. which you repeat in a
speech or piece of writing because it is interesting (ประโยคหรือ
วลีจากหนงั สือหรือสุนทรพจน์ที่ถกู นามากลา่ วซ้าเพราะน่าสนใจ)
biography (n = the story of a person’s life written by somebody else (ชีวประวตั ิ)
จากน้นั ใหน้ กั เรียนหาวา่ ภาพท่ีเกี่ยวขอ้ งกบั ท้งั 3 คาน้ีอยใู่ นหนงั สือเรียนหนา้ ใด เมื่อหาพบแลว้ ครู
ถามคาถามเพื่อตรวจสอบความเขา้ ใจของนกั เรียน
a quotation (p. 22)
Do you think it is important to know what famous people said? Why (not)? Do you
know any famous quotations?
a biography (p. 29)
Can you name any other famous presidents?
What were they famous for?
a film poster (p. 27)
Where can you see a poster like this? What sort of films do you like?
How often do you go to the cinema? Who with?
92
ข้นั Pre-reading
1. หนงั สือเรียน หน้า 21 Ex. 1 ครูให้นกั เรียนดูภาพ แลว้ บอกวา่ รู้จกั ใครบา้ ง ครูใหน้ กั เรียนช่วยกนั บอก
ขอ้ มลู ท่รี ู้ ต่อมาครูสุ่มเรียกนกั เรียนอ่านช่ือบคุ คล ชื่อประเทศ และปี ทอี่ ยใู่ ตภ้ าพ
BC ยอ่ มาจาก Before Christ คือ ช่วงเวลาทีเ่ กิดข้ึนกอ่ นพระเยซูประสูติ หรือทเ่ี รียก
กนั วา่ ก่อนคริสตกาล เช่น Rome was founded in 753 BC. แปลวา่ กรุงโรมสร้างเมอ่ื
753 ปี ก่อนคริสตศ์ กั ราช คาว่า BC จึงถกู ใชเ้ พอ่ื บ่งบอกถึงช่วงเวลาและเหตกุ ารณท์ ี่
เกิดข้ึนกอ่ นพระเยซูประสูติ
ทมี่ า: http://arjarnbomb.blogspot.com/2009/04/jesus.html
เสร็จแลว้ ครูใหน้ กั เรียนอ่านคาศพั ทท์ ่ีกาหนดให้ และช่วยกนั บอกความหมาย โดยครูช่วยอธิบายคาที่
นกั เรียนไมร่ ู้ เช่น emperor, warrior
emperor (n) = the man who is the ruler of an empire (จกั รพรรดิ)
warrior (n) = a soldier or fighter who is brave and experienced – used about people in
the past (นกั รบ)
จากน้นั ครูถามคาถาม Who was a/an…? ใหน้ กั เรียนช่วยกนั พดู ตอบ
2 Marie Curie was a Polish scientist.
3 Genghis Khan was a Mongolian emperor.
4 Amelia Earhart was an American pilot.
5 Cleopatra was an Egyptian queen.
6 Queen Victoria was a British queen.
7 Abraham Lincoln was an American president.
8 William Wallace was a Scottish warrior.
2. หนังสือเรียน หน้า 21 Ex. 2 ครูให้นกั เรียนจบั ค่กู บั เพอ่ื น พดู ถาม-ตอบเกี่ยวกบั ปี เกิดและเสียชีวติ ของ
บุคลในภาพ
93