The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

แผนการจัดการเรียนรู้ ภาษาอังกฤษ ม.2
หนังสือ Spark

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by DanAngelo Q Bunlong, 2022-08-16 00:07:27

แผนการจัดการเรียนรู้ ภาษาอังกฤษ ม.2

แผนการจัดการเรียนรู้ ภาษาอังกฤษ ม.2
หนังสือ Spark

Keywords: แผนการจัดการเรียนรู้ ภาษาอังกฤษ ม.2

8. ครูเปิ ด CD ให้นกั เรียนฟังและอา่ นบทอ่านตามไปดว้ ย เพอื่ หาวา่ มีคาตอบของคาถามทีต่ ้งั ไวห้ รือไม่

ข้นั Reading
หนังสือเรียน หน้า 82 Ex. 2a ครูใหน้ กั เรียนแต่ละกลมุ่ อา่ นประโยค 1-5 และขดี เสน้ ใตค้ าสาคญั ใน
แตล่ ะประโยค จากน้นั อ่านบทอ่านเพอื่ มองหาคาพอ้ งความหมาย (synonym) คาที่มคี วามหมาย
ตรงกนั ขา้ ม (opposite) หรือกลุ่มคา/วลี ที่มคี วามหมายเหมือนกนั หรือต่างกนั กบั คาสาคญั ทข่ี ีดเส้นใต้
ไว้ แลว้ ตอบว่าประโยคถกู หรือผิด จากน้นั ครูสุ่มเรียกหลาย ๆ กล่มุ บอกคาตอบ แลว้ ครูเฉลยคาตอบ

1F 2T 3F 4T 5T

ข้นั Post-reading
1. หนงั สือเรียน หน้า 83 Ex. 2b ครูให้นกั เรียนแตล่ ะกลมุ่ อภิปรายร่วมกนั ว่าจากเร่ืองทอี่ ่านนกั เรียน

ประทบั ใจอะไร พร้อมท้งั บอกเหตผุ ล จากน้นั ใหแ้ ต่ละกลมุ่ เขยี นสรุปความคดิ เห็น แลว้ ครูสุ่มเรียก
นกั เรียน 3-4 กลมุ่ อ่านใหเ้ พ่ือนฟัง

I was impressed that the Great Barrier Reef is 2,000 km long and might be seen
from space. It is an impressive natural feature.
I thought it was interesting that Machu Picchu is 2.430 metres above sea level
because I think it must have been difficult to live so high in the mountains in the
ancient past.
I was impressed that the festival in Pamplona dates from the 14th century. I like it
when people keep old traditions.

2. หนงั สือเรียน หน้า 83 Ex. 2c ครูให้นกั เรียนคิดถึงประสบการณ์ทน่ี ่าประทบั ใจของตนเอง แลว้ เลา่ ให้
เพือ่ นในกลมุ่ ฟัง จากน้นั ครูสุ่มเรียกนกั เรียน 3-4 คน เลา่ ให้เพื่อนและครูฟัง

3. แบบฝึกหัด (Workbook) หนา้ 52-53 Exs. 1-4 ให้นกั เรียนทาเป็นการบา้ น

444

ชั่วโมงท่ี 2

ข้นั Warm up
1. ครูทบทวนเรื่องทีอ่ ่านเมือ่ ชว่ั โมงท่แี ลว้ โดยใหน้ กั เรียนช่วยกนั บอกขอ้ มลู ของสถานท่ที ้งั 3 แห่ง
2. ครูสุ่มเรียกนกั เรียน 3-4 คน (โดยไมซ่ ้ากบั คนท่เี รียกไปเมื่อชวั่ โมงที่แลว้ ) ให้เลา่ ประสบการณ์

ทน่ี ่าประทบั ใจของตนเองให้เพอ่ื นฟัง

ข้นั Presentation
1. หนงั สือเรยี น หน้า 83 Ex. 3 ครูใหน้ กั เรียนทบทวนคาศพั ทจ์ ากเรื่องที่อา่ น โดยจบั คู่คาใหเ้ ป็นวลีที่

ถกู ตอ้ ง เสร็จแลว้ ครูเฉลยคาตอบ

2g 3a 4h 5c
6d 7b 8e

2. ครูใหน้ กั เรียนนาวลีทีจ่ บั คถู่ ูกแลว้ ไปเติมลงประโยค เสร็จแลว้ ครูสุ่มเรียกนกั เรียนอ่านประโยค และ
ครูตรวจความถูกตอ้ ง

1 coral reef 2 brilliant time 3 mysterious place
4 ancient city 5 rare wildlife 6 holiday resort
7 traditional costumes 8 colourful fish

3. หนังสือเรียน หน้า 83 Ex. 4a ครูใหน้ กั เรียนอ่านออกเสียงวลเี กี่ยวกบั กิจกรรมพร้อมกนั แลว้ ช่วยกนั
อธิบายความหมายโดยเดาจากภาพ

4. ครูให้นกั เรียนอ่านออกเสียง adjective ในหนงั สือเรียน หนา้ 83 Ex. 4b แลว้ ครูถามความหมาย ให้
นกั เรียนช่วยกนั อธิบาย

5. ครูทบทวนการใช้ would like + to infinitive บอกส่ิงทอี่ ยากทา โดยสุ่มเรียกนกั เรียนหลาย ๆ คน พดู
ประโยค

445

ข้นั Practice
1. หนังสือเรยี น หน้า 83 Ex. 4b ครูใหน้ กั เรียนอา่ นตวั อยา่ งเพือ่ ดโู ครงสร้างภาษาทใี่ ช้ แลว้ ให้นกั เรียน

จบั คู่พดู แลกเปลย่ี นความคิดเห็นกนั เก่ียวกบั กิจกรรมใน Ex. 4a โดยใช้ adjective ที่กาหนดให้ หรือ
ครูอาจจะให้นกั เรียนใช้ adjective ในหนา้ 81 ดว้ ยก็ได้

A: I’d like to do a bungee jump.
B: Me too. I think it would be exciting.Would you like to volunteer overseas?
A: Not really. I think it would be difficult.

A: I’d like to ride an elephant.
B: Me too. I think it would be fun. Would you like to swim with dolphins?
A: Not really. I think it would be challenging.

A: I’d like to take pictures underwater.
B: Me too. I think it would be interesting. Would you like to drive a racing car?
A: Not really. I think it would be dangerous.

A: I’d like to run with bulls.
B: Me too. I think it would be exciting.

2. หนงั สือเรียน หน้า 83 Ex. 5 ครูบอกนกั เรียนว่าจะให้ฟังประสบการณ์การเดินทางของ Ian แลว้ ให้
นกั เรียนอา่ นประโยค A-I ซ่ึงบรรยายเหตุการณ์ จากน้นั ครูเปิ ด CD ให้นกั เรียนฟังเพือ่ เรียงลาดบั
เหตกุ ารณ์ แลว้ ครูเฉลยคาตอบ และถามนกั เรียนว่าเรียงลาดบั เหตุการณถ์ กู ตอ้ งหรือไม่

A 5 It started raining.
B 7 It threw Ian off its back.
C 8 They took him to hospital.
D 3 He stayed at a hotel.
E 9 They discovered that he had broken his arm.

446

F 1 Ian went to India last summer.
G 4 They decided to go on an elephant ride.
H 2 He went with his two friends, Mark and Tony.
I 6 The elephant got scared.

3. ครูถามนกั เรียนว่า Ian รู้สึกอยา่ งไรเม่ือจบการเดินทาง ถา้ นกั เรียนตอบไมไ่ ดห้ รือไมแ่ น่ใจ ครูเปิ ด CD
ให้ฟังอีกคร้ ัง

He felt upset and disappointed at the end of his trip.

ข้นั Production
1. หนงั สือเรยี น หน้า 83 Ex. 6 ครูใหน้ กั เรียนนาประโยคทีเ่ รียงลาดบั เหตกุ ารณ์แลว้ จาก Ex. 5 มาเขียน

เลา่ ประสบการณ์ของ Ian เสร็จแลว้ ให้นกั เรียนตรวจทานงานเขียนของตนเอง จากน้นั ครูสุ่มเรียก
นกั เรียน 2-3 คน อ่านเร่ืองใหเ้ พือ่ นฟัง แลว้ ให้นกั เรียนนางานเขยี นส่งใหค้ รูตรวจ

Ian went to India last summer. He went with his two friends, Mark and Tony. He
stayed at a hotel. They decided to go on an elephant ride. It started raining. The
elephant got scared. It threw Ian off its back. They took him to hospital. They
discovered that he had broken his arm.

2. ครูใหน้ กั เรียนอภปิ รายร่วมกนั ว่า จากเหตุการณท์ ี่เกิดข้ึนกบั Ian นกั เรียนคดิ วา่ เขาจะเดินทางกลบั ไป
ยงั อินเดียอกี หรือไม่ พร้อมท้งั ให้เหตุผลประกอบ

3. นกั เรียนทา Language Review 7a Ex. 1 ในหนงั สือเรียน หนา้ 111 ร่วมกนั ในช้นั
4. แบบฝึกหัด (Workbook) หนา้ 53 Exs. 5-9 ใหน้ กั เรียนทาเป็นการบา้ น

447

7. การวดั และการประเมนิ ผล เคร่ืองมือ เกณฑ์การผ่าน
แบบฝึกหัด (Workbook) ร้อยละ 60
วธิ ีการวดั
ตรวจการตอบคาถามจากการอา่ นหรือ แบบประเมินการเขยี น ระดบั คุณภาพ พอใช้
การฟัง
ประเมินการเขียนแสดงความคดิ เห็น แบบสงั เกตพฤตกิ รรมการเรียนรู้ ระดบั คุณภาพ พอใช้
เกี่ยวกบั ความประทบั ใจจากเรื่องท่ีอา่ น
สังเกตการพดู แลกเปลย่ี นความคดิ เห็น แบบประเมินการเขยี น ระดบั คุณภาพ พอใช้
เก่ียวกบั การทากิจกรรม แบบประเมนิ คณุ ลกั ษณะ ระดบั คุณภาพ ผ่าน
ประเมนิ การเขียนเลา่ เรื่องจากเรื่องทฟ่ี ัง อนั พึงประสงค์
สังเกตความใฝ่ เรียนรู้และความมุ่งมนั่
ในการทางาน

8. สื่อ/แหล่งการเรียนรู้
1) หนงั สือเรียน SPARK 2 ม. 2
2) Class Audio CDs ประกอบส่ือฯ ชุด SPARK 2 ม. 2
3) แบบฝึกหัด SPARK 2 ม. 2
4) พจนานุกรมองั กฤษ-องั กฤษ
5) พจนานุกรมออนไลน์

448

2 Grammar 7b

2 ชั่วโมง

จุดประสงค์การเรียนรู้
- พูดและเขียนโดยใช้ Present perfect และ Past simple ไดถ้ กู ตอ้ ง
- ใชค้ าถาม Question tags ไดถ้ กู ตอ้ ง

1. สาระ มาตรฐานการเรียนรู้/ตวั ชีว้ ดั
สาระท่ี 1 ภาษาเพอ่ื การส่ือสาร
มาตรฐาน ต 1.1 เข้าใจและตคี วามเร่ืองทฟี่ ังและอ่านจากสื่อประเภทต่าง ๆ และแสดงความคดิ เห็น
อย่างมีเหตุผล
ตวั ช้ีวดั
ต 1.1 ม. 2/2 อา่ นออกเสียงขอ้ ความ ขา่ ว ประกาศ และบทร้อยกรองส้นั ๆ ถกู ตอ้ งตามหลกั การอา่ น
มาตรฐาน ต 1.2 มที กั ษะการส่ือสารทางภาษาในการแลกเปลยี่ นข้อมูลข่าวสาร แสดงความรู้สึกและ
ความคิดเหน็ อย่างมปี ระสิทธภิ าพ
ตวั ช้ีวดั
ต 1.2 ม. 2/1 สนทนาแลกเปลีย่ นขอ้ มลู เกี่ยวกบั ตนเอง เรื่องตา่ ง ๆ ใกลต้ วั และสถานการณต์ ่าง ๆ
ในชีวติ ประจาวนั อยา่ งเหมาะสม
มาตรฐาน ต 1.3 นาเสนอข้อมูลข่าวสาร ความคิดรวบยอด และความคดิ เห็นในเร่ืองต่าง ๆ โดยการพดู
และการเขียน
ตวั ช้ีวดั
ต 1.3 ม. 2/1 พูดและเขียนบรรยายเกี่ยวกบั ตนเอง กิจวตั รประจาวนั ประสบการณ์ และขา่ ว/
เหตุการณท์ ี่อยใู่ นความสนใจของสังคม
สาระท่ี 2 ภาษาและวัฒนธรรม
มาตรฐาน ต 2.2 เข้าใจความเหมือนและความแตกต่างระหว่างภาษาและวัฒนธรรมของเจ้าของภาษา
กับภาษาและวฒั นธรรมไทย และนามาใช้อย่างถกู ต้องและเหมาะสม

449

ตวั ช้ีวดั เปรียบเทยี บและอธิบายความเหมอื นและความแตกตา่ งระหว่างการออกเสียง
ต 2.2 ม. 2/1 ประโยคชนิดต่าง ๆ และการลาดบั คาตามโครงสร้างประโยคของภาษาตา่ งประเทศ
และภาษาไทย

2. สาระสาคญั /ความคิดรวบยอด
การเรียนรู้และเขา้ ใจโครงสร้างภาษา (Present perfect, Past simple, Question tags) ช่วยใหส้ ามารถ

พูดและเขยี นเก่ียวกบั ประสบการณ์ เหตุการณ์ในอดีต รวมท้งั สามารถใชค้ าถามเพ่ือยืนยนั ขอ้ มลู ได้
ถูกตอ้ ง ตลอดจนเขา้ ใจความเหมอื นและความแตกต่างของภาษาไทยกบั ภาษาองั กฤษ

3. สาระการเรียนรู้

3.1 ทกั ษะเฉพาะวิชา

1) Language Features and Functions

Vocabulary: Verbs (eat, win, ride, travel, listen, run, go)

Grammar: Present perfect

just - already - yet - for - since - ever - never

Present perfect & Past simple

Question tags

Functions: Talking about experiences

Have you ever run a marathon? Yes, I have.

When did you do it? I ran a marathon 10 years ago.

Pronunciation: intonation in question tags

She can’t come, can she?

Jane is here, isn’t she?

2) Language Skills

Listening: ฟังการออกเสียงคาถาม Question tags

Speaking: พูดถาม-ตอบเก่ียวกบั ประสบการณ์

Writing: เขยี นประโยคเก่ียวกบั ตนเองหรือสมาชิกในครอบครัวตามโครงสร้างท่ี

เรียน

450

4. สมรรถนะสาคญั ของผ้เู รยี น
1) ความสามารถในการสื่อสาร
2) ความสามารถในการคดิ

5. คุณลักษณะอันพงึ ประสงค์
- ใฝ่เรียนรู้

6. กจิ กรรมการเรียนรู้

ช่ัวโมงที่ 1

ข้นั Warm up
ครูให้นกั เรียนช่วยกนั เล่าเหตกุ ารณ์ท่ีเกิดข้นึ กบั Ian จากเร่ืองท่ไี ดฟ้ ังเม่อื ชว่ั โมงทแ่ี ลว้ จากน้นั ครูถาม
วา่ นกั เรียนใช้ tense อะไรในการเล่าเหตุการณ์ทีเ่ กิดข้นึ และจบสิ้นไปแลว้ ในอดีต

ข้นั Presentation
1. ครูบอกนกั เรียนวา่ จะให้ฟังเพลง Haven’t Met You Yet ของ Michael Bublé จาก YouTube แลว้ ครู

แจกเน้ือเพลงใหน้ กั เรียนทุกคน จากน้นั ครูเปิ ดเพลง และให้นกั เรียนขีดเสน้ ใตว้ ลี/ประโยค Present
perfect
2. ครูยกตวั อยา่ งประโยค Present perfect รูปบอกเล่า ปฏิเสธ และคาถามบนกระดาน

Tom has worked hard today.
I haven’t workded hard today.
Has Tom workded hard today?
ครูขดี เส้นใต้ has worked และ haven’t worked แลว้ บอกนกั เรียนว่าน่ีเป็นโครงสร้างของ Present
perfect ครูให้นกั เรียนช่วยกนั สรุปโครงสร้าง แลว้ ครูเขียนบนกระดาน have/has + past participle (v
3) จากน้นั ครูถามวา่ จะทา Present perfect เป็นรูปปฏเิ สธอยา่ งไร (เตมิ not หลงั have/has) ครูถามตอ่
ว่าจะทาเป็นรูปคาถามอยา่ งไร (ยา้ ย has/have ไปข้นึ ตน้ ประโยค) แลว้ ครูและนกั เรียนร่วมกนั สรุป
โครงสร้าง Present perfect รูปบอกเลา่ ปฏเิ สธ และคาถาม
3. ครูอธิบายการเปลีย่ นคากริยาเป็นรูป past participles (v 3) โดยการเติม -ed หลงั คากริยา ซ่ึงเราเรียก
คากริยาประเภทน้ีว่า regular verbs เช่น work-worked และการเปลี่ยนรูป ซ่ึงเราเรียกคากริยาประเภท
น้ีว่า irregular verbs เช่น drink-drunk

451

4. ครูอธิบายนกั เรียนวา่ จะใช้ Present perfect เมื่อ
- กลา่ วถึงการกระทาท่เี ริ่มตน้ ในอดีตและดาเนินมาถึงปัจจุบนั
- เมื่อกล่าวถึงประสบการณ์ในชีวิต
- เมือ่ กลา่ วถึงการกระทาที่จบไปแลว้ ในอดีตแตย่ งั มองเห็นผลลพั ธ์ไดใ้ นปัจจบุ นั

5. หนงั สือเรียน หน้า 84 Ex. 1 ครูให้นกั เรียนดูตวั อยา่ ง Present perfect ในตาราง และเตมิ คาลงใน
ช่องวา่ งให้ถูกตอ้ ง แลว้ ครูเฉลยคาตอบโดยสุ่มเรียกนกั เรียนอ่านประโยค

1 have 2 hasn’t 3 haven’t

6. ครูให้นกั เรียนอ่านการใช้ Present perfect เพ่อื ทบทวนความเขา้ ใจ จากน้นั ให้นกั เรียนหาตวั อยา่ ง
Present perfect ในบทอา่ น หนา้ 82 แลว้ ช่วยกนั พูดบอกครู

has just come back, ’ve heard, ’ve taken, has just been on, hasn’t destroyed, have
done, have run, ’ve never run, ’ve told

7. หนงั สือเรยี น หน้า 84 Ex. 4 ครูให้นกั เรียนอา่ นตวั อยา่ งประโยคคาถาม Present perfect ในตาราง
แลว้ บอกวธิ ีสร้างประโยคคาถาม เพอ่ื ตรวจสอบความเขา้ ใจของนกั เรียน

8. ครูเขยี นคาวา่ just, already, yet, for, since, ever, never บนกระดาน แลว้ ใหน้ กั เรียนอา่ นออกเสียง
พร้อมกนั พร้อมท้งั บอกความหมาย จากน้นั ครูอธิบายวา่ คาเหล่าน้ีมกั จะใชร้ ่วมกบั Present perfect

9. ครูเขียนประโยคท่ีใช้ already และ just บนกระดาน
I have already eaten lunch.
I have just eaten lunch.

ครูขีดเส้นใต้ already และ just แลว้ อธิบายวา่ ท้งั 2 คาน้ีใชก้ บั ประโยคบอกเล่า จากน้นั ใหน้ กั เรียน
สังเกตตาแหน่งของ already และ just ว่าวางไวท้ ี่ใด (ระหวา่ ง have และ past participle) แลว้ ครู
อธิบายว่า already ใชก้ ล่าวถงึ การกระทาที่จบสิ้นในอดีตเมือ่ ไมน่ านน้ี ส่วน just ใชก้ ลา่ วถึงการ
กระทาในอดีตท่ีเพ่งิ จะเกิดข้ึน
10. ครูเขยี นประโยคทใ่ี ช้ yet บนกระดาน

I haven’t eaten lunch yet.
Have you eaten lunch yet?

452

ครูขีดเสน้ ใต้ yet และอธิบายว่า yet ใชใ้ นประโยคปฏิเสธและประโยคคาถาม จากน้นั ให้นกั เรียน
สังเกตตาแหน่งของ yet ว่าวางไวท้ ใ่ี ด (ทา้ ยประโยค)
11. ครูเขียนประโยคที่ใช้ for และ since บนกระดาน

I have been a teacher for 10 years.
I have worked at this school since 2005.
ครูขดี เส้นใต้ for และ since แลว้ อธิบายว่า ท้งั 2 คาน้ีใชใ้ นประโยคบอกเลา่ และประโยคปฏเิ สธ โดย
for ใชแ้ สดงถึงช่วงเวลา ส่วน since ใชแ้ สดงจุดเร่ิมตน้ ของเวลาท่ีการกระทาเกิดข้นึ
12. ครูเขยี นประโยคท่ีใช้ ever และ never บนกระดาน
Have you ever been to China?
I have never been to China.
ครูขดี เสน้ ใต้ ever และ never แลว้ อธิบายวา่ ever ใช้ในประโยคคาถาม ส่วน never ใชใ้ นประโยค
ปฏเิ สธ โดยท้งั ever และ never จะอยรู่ ะหว่าง have + past participle
13. ครูใหน้ กั เรียนอา่ นประโยคตวั อยา่ งในหนงั สือเรียน หนา้ 84 Ex. 6 แลว้ ช่วยกนั บอกความหมายเป็น
ภาษาไทย
14. ครูใหน้ กั เรียนหาตวั อยา่ ง just, already, yet, for, since, ever, never ในบทอา่ น หนา้ 82 แลว้ ช่วยกนั
พูดบอกครู

has just come back, has just been on, since the 14th century, for a week, ’ve never
run

ข้นั Practice
1. หนังสือเรยี น หน้า 84 Ex. 2 ครูให้นกั เรียนเขยี นรูป past participles ของคากริยาทีใ่ หม้ าใหถ้ กู ตอ้ ง

พร้อมท้งั ระบดุ ว้ ยว่าเป็น regular verb หรือ irregular verb เสร็จแลว้ ครูสุ่มเรียกนกั เรียนออกมาเขียน
คาตอบบนกระดาน และครูตรวจความถกู ตอ้ ง

2 written (I) 3 won (I) 4 ridden (I)
5 travelled (R) 6 listened (R) 7 run (I)
8 been/gone (I) 9 given (I) 10 brought (I)
11 thought (I) 12 told (I)

453

2. หนังสือเรียน หน้า 84 Ex. 3 ครูใหน้ กั เรียนนาคากริยารูป past participles จาก Ex. 2 มาเติมลงใน
ประโยคให้สมบรู ณ์ โดยเปลย่ี นใหอ้ ยูใ่ นรูปบอกเล่าหรือปฏิเสธตามเคร่ืองหมายทา้ ยประโยค

2 has run 3 haven’t ridden 4 hasn’t listened
5 have won 6 have travelled

3. หนงั สือเรยี น หน้า 84 Ex. 5 นกั เรียนฝึกต้งั คาถาม Present perfect จากคาทก่ี าหนดให้ เสร็จแลว้ ครูขอ
อาสาสมคั รอา่ นคาถาม พร้อมท้งั เรียกเพื่อนใหต้ อบคาถาม

2 Have your parents ever travelled to Europe? Yes, they have./No, they haven’t.
3 Has a friend ever told you a lie? Yes, he/she has./No, he/she hasn’t.
4 Have you ever seen a ghost? Yes, I have./No, I haven’t.
5 Have you and your friends ever slept in a tent? Yes, we have./No, we haven’t.
6 Have you ever driven a racing car? Yes, I have./No, I haven’t.

4. หนงั สือเรยี น หน้า 84 Ex. 6 นกั เรียนฝึกใช้ just, already, yet, for, since, ever, never โดยอ่าน
ประโยคและเลอื กคาใหถ้ กู ตอ้ ง จากน้นั ครุสุ่มเรียกนกั เรียนบอกคาตอบ พร้อมท้งั บอกเหตุผลในการ
เลือกคาตอบ

1 never (we only use ever in questions)
2 for (we use for to express duration)
3 just (yet goes at the end of the sentence)
4 ever (we use ever in questions)
5 since (to show when an action started)
6 yet (we use yet in negations at the end of the sentence)
7 already (to show a recently completed action)
8 since (to show the starting point of an action)

454

ข้นั Production
1. ครูให้นกั เรียนเขยี นประโยคเก่ียวกบั ตนเองหรือสมาชิกในครอบครัวมา 5 ประโยค โดยใชโ้ ครงสร้าง

Present perfect เสร็จแลว้ ครูสุ่มเรียกนกั เรียนหลาย ๆ คน อ่านคนละ 2 ประโยค

I’ve already had lunch.
I’ve watched TV for two hours.
I have never been to England.
My brother has played football since 3 o’clock.
My dad has just finished work.

2. แบบฝึกหัด (Workbook) หนา้ 54 Exs. 1-3 ใหน้ กั เรียนทาเป็นการบา้ น

ช่ัวโมงที่ 2

ข้นั Warm up
ครูทบทวน Present perfect โดยแบ่งนกั เรียนเป็น 2 ทมี แลว้ ใหแ้ ตล่ ะทมี ส่งตวั แทนออกมาคร้งั ละ 1
คน เพื่อแขง่ ขนั กนั เขียนประโยคจากคากริยาท่ีครูพูด โดยครูจะพดู คากริยาท้งั หมด 10 คา ทีมใดเขียน
ประโยคไดถ้ ูกตอ้ งมากทีส่ ุดจะเป็นผชู้ นะ

ข้นั Presentation
1. หนงั สือเรยี น หน้า 85 Ex. 7 ครูให้นกั เรียนทบทวนการใช้ Present perfect และ Past simple โดยอา่ น

คาอธิบายในกรอบ แลว้ ช่วยกนั สรุปวิธีใช้
2. ครูใหน้ กั เรียนช่วยกนั คิดและเปรียบเทียบว่า ในภาษาไทยมีการใชค้ ากริยาเพอื่ แสดงความต่อเนื่อง

ของการกระทาต้งั แต่อดีตมาถงึ ปัจจุบนั เหมือนกบั Present perfect ในภาษาองั กฤษหรือไม่
3. ครูเขยี นประโยคคาถาม Questions tags บนกระดาน และขดี เส้นใตส้ ่วนทีเ่ ป็นคาถาม

He is a doctor, isn’t he?
Tina can’t swim, can she?
Jack didn’t go there, did he?

455

I am your partner, aren’t I?
Anne works at a hospital, doesn’t she?
ครูใหน้ กั เรียนสังเกตว่าประโยคจะมี 2 ส่วน คือ ส่วนทเี่ ป็นประโยคบอกเล่าหรือปฏเิ สธ และส่วนท่ี
เป็นคาถามส้ัน ๆ ซ่ึงส่วนทเี่ ป็นคาถามส้นั ๆ เรียกว่า Questions tags
4. ครูช้ีใหน้ กั เรียนดปู ระโยคท่สี ่วนแรกเป็นบอกเลา่ แลว้ ถามว่า Questions tags เป็นบอกเลา่ หรือปฏิเสธ
(ปฏเิ สธ) ต่อมาให้นกั เรียนดูประโยคทส่ี ่วนแรกเป็นปฏเิ สธ แลว้ ถามว่า Questions tags เป็นบอกเล่า
หรือปฏิเสธ (บอกเล่า) จากน้นั ครูและนกั เรียนร่วมกนั สรุปโครงสร้าง Questions tags
ประโยคบอกเลา่ + Questions tags รูปปฏิเสธ
ประโยคปฏเิ สธ + Questions tags รูปบอกเลา่
5. ครูอธิบายการสร้าง Questions tags โดยให้นกั เรียนสังเกตทกุ ประโยคว่า ส่วน Questions tags
นอกจากจะมีกริยาช่วยแลว้ ยงั มีคาประเภทใดอีก (คาสรรพนาม) แลว้ ครูอธิบายว่า Questions tags
ประกอบดว้ ย กริยาช่วย + คาสรรพนาม? ซ่ึงคาสรรพนามจะสัมพนั ธ์กบั ประธานของประโยค
6. ครูช้ีใหน้ กั เรียนสงั เกตกริยาช่วยในประโยคส่วนแรกและใน Questions tags แลว้ ถามนกั เรียนวา่
ประโยคส่วนแรกใช้ is ใน Questions tags ใชอ้ ะไร (isn’t) ถา้ ประโยคส่วนแรกใช้ can’t ใน
Questions tags ใชอ้ ะไร (can) ครูสรุปใหน้ กั เรียนฟังวา่ Questions tags จะใชก้ ริยาช่วยตวั เดียวกบั
ประโยคส่วนแรก โดยครูเนน้ วา่ Questions tags รูปปฏิเสธจะตอ้ งอยใู่ นรูปยอ่ เทา่ น้นั
7. ครูช้ีให้นกั เรียนเห็นความแตกตา่ งว่า ประโยค Anne works at a hospital, doesn’t she? ไม่มกี ริยาช่วย
ในประโยคส่วนแรก และประโยค I am your partner, aren’t I? ไมใ่ ช้ amn’t I ใน Questions tags
จากน้นั ครูอธิบายว่า ถา้ ในประโยคไมม่ ีกริยาช่วย ให้ใช้ verv to do (do, does, did) ใน Questions tags
และ am I ไม่มกี ารใชใ้ นรูปของคายอ่ ดงั น้นั ให้ใช้ aren’t I แทน แต่ถา้ ประโยคส่วนแรกเป็น I am
not จะใช้ am I? ใน Questions tags เช่น I am not the group leader, am I?
8. ครูอ่านออกเสียงคาถาม Questions tags บนกระดาน ท้งั ข้นึ เสียงสูงและลงเสียงต่า แลว้ ถามนกั เรียน
ว่าครูข้นึ เสียงสูงหรือลงเสียงต่าทีท่ า้ ยคาถาม จากน้นั ครูอธิบายวา่ การออกเสียง Questions tags จะ
ข้ึนเสียงสูงหรือลงเสียงต่ากไ็ ด้ ข้ึนอยกู่ บั ความแนใ่ จของผพู้ ูด โดยถา้ ข้ึนเสียงสูงแสดงว่าผูพ้ ดู ไม่
แน่ใจ และตอ้ งการความเห็นหรือคาตอบของคู่สนทนา แตถ่ า้ ลงเสียงต่าแสดงวา่ ผูพ้ ูดแน่ใจ แต่
ตอ้ งการรู้ว่าคสู่ นทนาเห็นดว้ ยหรือไม่ แลว้ ครูให้นกั เรียนอ่านออกเสียงคาถาม Questions tags บน
กระดาน ท้งั ข้ึนเสียงสูงและลงเสียงต่า
9. หนงั สือเรียน หน้า 85 Ex. 11a ครูให้นกั เรียนอา่ นขอ้ มลู ในกรอบ เพอื่ ทบทวนความเขา้ ใจ แลว้ ครูให้
นกั เรียนช่วยกนั สรุปวธิ ีสร้างคาถาม Questions tags
10. ครูใหน้ กั เรียนช่วยกนั คดิ และแสดงความคดิ เห็นวา่ ในภาษาไทยมีการใชค้ าถามส้นั ๆ ต่อทา้ ย
ประโยคบอกเล่าหรือปฏเิ สธหรือไม่

456

ข้นั Practice
1. หนังสือเรยี น หน้า 85 Ex. 8 ครูใหน้ กั เรียนอา่ นประโยค แลว้ เปลยี่ นคากริยาในวงเล็บใหอ้ ยใู่ นรูป

Present perfect หรือ Past simple เสร็จแลว้ ครูขออาสาสมคั รอ่านคนละ 1 ประโยค และครูตรวจ
คาตอบ

1 went 2 has never eaten 3 have played
4 has broken 5 have tried 6 ran
7 flew 8 have lived

2. หนงั สือเรยี น หน้า 85 Ex. 9 ครูให้นกั เรียนฝึกต้งั ประโยคคาถามจากคาทกี่ าหนดให้ พร้อมท้งั ตอบ
คาถาม เสร็จแลว้ ครูสุ่มเรียกนกั เรียนอ่านคาถามและบอกคาตอบ

2 Did you catch the bus to school this morning?
3 Did you visit your grandparents last weekend?
4 Has your friend sent you a text message today?
5 Did you and your friends go to the cinema last night?

3. หนงั สือเรยี น หน้า 85 Ex. 10 ครูใหน้ กั เรียนจบั คู่กบั เพ่ือนฝึกพูดถาม-ตอบ โดยใชค้ าที่กาหนดให้
ครูเดินสงั เกตรอบ ๆ ช้นั เรียน จากน้นั สุ่มเรียกนกั เรียน 2 คู่ พดู ถาม-ตอบ ใหเ้ พื่อนฟัง

2 A: Have you ever slept in a tent?
B: Yes, I have.
A: When did you do it?
B: I slept in a tent last summer.

3 A: Have you ever run a marathon?
B: Yes, I have.
A: When did you do it?

457

B: I ran a marathon 10 years ago.
4 A: Have you ever eaten anything strange?

B: Yes, I have.
A: What did you eat?
B: I ate frogs’ legs.
5 A: Have you ever been on a ghost train?
B: Yes, I have?
A: Where did you do it?
B: I went on a ghost train at Disneyland, Paris.

4. หนังสือเรยี น หน้า 85 Ex. 11b ครูใหน้ กั เรียนเติมคาถาม Question tags ให้สมบรู ณ์ เสร็จแลว้ ครูเฉลย
คาตอบ จากน้นั เปิ ด CD ให้นกั เรียนฟังการออกเสียง Question tags วา่ แตล่ ะประโยคข้นึ เสียงสูงหรือ
ลงเสียงต่า แลว้ ขีด  ในตาราง เสร็จแลว้ ครูเปิ ด CD ให้ฟังเพื่อตรวจคาตอบ และออกเสียงตาม

1 can she 2 has he 3 isn’t she
4 don’t you 5 didn’t they 6 isn’t he

ข้นั Production
1. ครูใหน้ กั เรียนแตง่ ประโยค Question tags มาคนละ 3 ประโยค โดยใหม้ ที ้งั รูปบอกเล่าและปฏเิ สธ

เสร็จแลว้ ให้นกั เรียนรวมกลุ่ม 3 คน และช่วยกนั ตรวจประโยคของสมาชิกในกลุ่ม จากน้นั ใหแ้ ต่ละ
คนอ่านออกเสียงคาถามใหส้ มาชิกในกลมุ่ ฟัง โดยครูเดินสังเกตการออกเสียงของนกั เรียน แลว้ ให้
นกั เรียนรวบรวมสมดุ มาส่งครูตรวจ
2. นกั เรียนทา Grammar Bank 7 ในแบบฝึกหดั (Workbook) หนา้ 87 Exs. 1-4 ร่วมกนั ในช้นั
3. แบบฝึกหัด (Workbook) หนา้ 54-55 Exs. 4-8 ให้นกั เรียนทาเป็นการบา้ น

458

7. การวดั และการประเมนิ ผล

วธิ กี ารวดั เครื่องมือ เกณฑ์การผ่าน

สงั เกตการเปรียบเทียบการใชค้ ากริยา แบบสังเกตพฤติกรรมการเรียนรู้ ระดบั คุณภาพ พอใช้

เพือ่ แสดงความตอ่ เน่ืองของการ

กระทาต้งั แตอ่ ดีตมาถงึ ปัจจบุ นั ใน

ประโยคภาษาองั กฤษและภาษาไทย

ตรวจการเขียนประโยคเกี่ยวกบั ตนเอง สมดุ นกั เรียน -

หรือสมาชิกในครอบครัวตาม

โครงสร้างที่เรียน

ตรวจการแตง่ ประโยคตามโครงสร้าง สมดุ นกั เรียน -

ทีเ่ รียน

สงั เกตความใฝ่เรียนรู้ แบบประเมนิ คณุ ลกั ษณะ ระดบั คณุ ภาพ ผ่าน

อนั พึงประสงค์

8. ส่ือ/แหล่งการเรียนรู้
1) หนงั สือเรียน SPARK 2 ม. 2
2) Class Audio CDs ประกอบส่ือฯ ชุด SPARK 2 ม. 2
3) แบบฝึกหดั SPARK 2 ม. 2
4) อนิ เทอร์เนต็

459

3 Skills 7c

2 ช่ัวโมง

จดุ ประสงค์การเรยี นรู้
- จบั ใจความสาคญั ของเร่ืองทอี่ า่ นได้
- พูดสนทนาเกี่ยวกบั ประสบการณ์ที่น่าอายและแสดงความเห็นใจได้
- เขยี นเกี่ยวกบั ประสบการณ์ท่ีน่าอายของตนเองได้

1. สาระ มาตรฐานการเรยี นรู้/ตวั ชีว้ ดั
สาระที่ 1 ภาษาเพอื่ การส่ือสาร
มาตรฐาน ต 1.1 เข้าใจและตคี วามเรื่องทฟ่ี ังและอ่านจากส่ือประเภทต่าง ๆ และแสดงความคดิ เห็น
อย่างมเี หตผุ ล
ตวั ช้ีวดั
ต 1.1 ม. 2/4 เลอื กหวั ขอ้ เร่ือง ใจความสาคญั บอกรายละเอียดสนบั สนุน (supporting detail) และ
แสดงความคิดเห็นเก่ียวกบั เร่ืองทฟี่ ังและอ่านพร้อมท้งั ใหเ้ หตุผลและยกตวั อยา่ ง
ง่าย ๆ ประกอบ
มาตรฐาน ต 1.2 มีทักษะการสื่อสารทางภาษาในการแลกเปลย่ี นข้อมูลข่าวสาร แสดงความรู้สึกและ
ความคดิ เห็นอย่างมปี ระสิทธภิ าพ
ตวั ช้ีวดั
ต 1.2 ม. 2/1 สนทนาแลกเปลยี่ นขอ้ มลู เกี่ยวกบั ตนเอง เรื่องตา่ ง ๆ ใกลต้ วั และสถานการณต์ ่าง ๆ
ในชีวิตประจาวนั อยา่ งเหมาะสม
ต 1.2 ม. 2/5 พดู และเขยี นแสดงความรู้สึกและความคดิ เห็นของตนเองเก่ียวกบั เรื่องต่าง ๆ
กิจกรรม และประสบการณ์ พร้อมท้งั ให้เหตผุ ลประกอบอยา่ งเหมาะสม
มาตรฐาน ต 1.3 นาเสนอข้อมลู ข่าวสาร ความคดิ รวบยอด และความคดิ เหน็ ในเร่ืองต่าง ๆ โดยการพูด
และการเขียน
ตวั ช้ีวดั
ต 1.3 ม. 2/1 พดู และเขียนบรรยายเกี่ยวกบั ตนเอง กิจวตั รประจาวนั ประสบการณ์ และข่าว/
เหตกุ ารณท์ ีอ่ ยใู่ นความสนใจของสังคม

460

สาระที่ 2 ภาษาและวฒั นธรรม
มาตรฐาน ต 2.1 เข้าใจความสัมพนั ธ์ระหว่างภาษากับวัฒนธรรมของเจ้าของภาษา และนาไปใช้ ได้

อย่างเหมาะสมกบั กาลเทศะ
ตวั ช้ีวดั
ต 2.1 ม. 2/1 ใชภ้ าษา น้าเสียง และกิริยาทา่ ทางเหมาะกบั บคุ คลและโอกาส ตามมารยาทสงั คมและ

วฒั นธรรมของเจา้ ของภาษา
สาระที่ 4 ภาษากับความสัมพันธ์กบั ชุมชนและโลก
มาตรฐาน ต 4.1 ใช้ภาษาต่างประเทศในสถานการณ์ต่าง ๆ ท้งั ในสถานศึกษา ชุมชน และสังคม

ตวั ช้ีวดั
ต 4.1 ม. 2/1 ใชภ้ าษาส่ือสารในสถานการณ์จริง/สถานการณจ์ าลองทเี่ กิดข้ึนในห้องเรียน

สถานศกึ ษา และชุมชน

2. สาระสาคัญ/ความคดิ รวบยอด
การเรียนรู้คาศพั ท์เก่ียวกบั สถานการณ์น่าอาย และสานวนภาษาทีใ่ ชใ้ นการแสดงความเห็นใจ

ช่วยให้เขา้ ใจใจความสาคญั ของเร่ืองท่ีอ่าน สามารถพูดสนทนาและเขยี นเกี่ยวกบั ประสบการณ์ไดอ้ ยา่ ง
เหมาะสม

3. สาระการเรียนรู้
3.1 ทักษะเฉพาะวชิ า
1) Language Features and Functions
Vocabulary: Embarrassing situations (forget someone’s name, fall asleep during a
test, spill a drink on someone, get on the wrong train/bus, forget an
appointment, tear clothes, slip and fall down, take the wrong luggage,
walk into a glass door, break sth in a shop, think someone is waving at
you, eat something too spicy)
Verbs (fall asleep, burst out laughing, slip, rush, crash into, break)
Nouns (shopping mall, mirror, cheeks, sliding doors, swollen nose, black
eye)
Adjectives (embarrassing, naughty)
Functions: Talking about experiences
Have you ever slipped and fallen down?

461

Yes, it was yesterday when I slipped and fell down and I felt very

embarrassed.

Expressing sympathy

I don’t believe it!

Oh dear!

2) Language Skills

Speaking: พดู สนทนาเกี่ยวกบั ประสบการณ์ที่น่าอายและแสดงความเห็นใจ

Reading: อา่ นเพือ่ จบั ใจความสาคญั

Writing: เขยี นเก่ียวกบั ประสบการณ์ทนี่ ่าอายของตนเอง

4. สมรรถนะสาคัญของผ้เู รยี น
1) ความสามารถในการส่ือสาร
2) ความสามารถในการคิด

5. คุณลกั ษณะอันพงึ ประสงค์
1) ใฝ่เรียนรู้
2) มุง่ มนั่ ในการทางาน

6. กจิ กรรมการเรียนรู้

ช่ัวโมงท่ี 1

ข้นั Warm up
1. ครูแบ่งนกั เรียนเป็นกลมุ่ กลมุ่ ละ 3-5 คน แลว้ ครูเขียนรายการคาบนกระดาน เพอื่ ให้นกั เรียนเรียงคา

ให้เป็นประโยคทีถ่ กู ตอ้ ง
1 with / out / Sam / friends / went / night / his / last / .
2 since / We / in / have / 2005 / Bangkok / lived / .
3 you / Have / to / Singapore / been / ever / ?
4 home / two / They / ago / days / arrived / .
5 1 hour / her / Beth / has / for / mum / called / .

462

2. ครูขออาสาสมคั รเขียนประโยคบนกระดาน กลมุ่ ละ 1 ประโยค จากน้นั ครูและนกั เรียนร่วมกนั ตรวจ
คาตอบ และแกไ้ ขให้ถกู ตอ้ ง เสร็จแลว้ ให้นกั เรียนอ่านประโยคท้งั หมดพร้อมกนั

1 Sam went out with his friends last night.
2 We have lived in Bangkok since 2005.
3 Have you ever been to Singapore?
4 They arrived home two days ago.
5 Beth has called her mum for 1 hour.

ข้นั Pre-speaking
1. ครูใหน้ กั เรียนดภู าพในหนงั สือเรียน หนา้ 86 แลว้ ช่วยกนั บอกวา่ นกั เรียนเห็นอะไรบา้ งในแต่ละภาพ

จากน้นั ครูบอกว่าภาพเหล่าน้ีคอื สถานการณ์ทนี่ ่าอาย แลว้ ให้นกั เรียนอา่ นออกเสียงวลีใตภ้ าพ
พร้อมท้งั อธิบายความหมายโดยเดาจากภาพ
2. ครูสอนสานวนภาษาทใี่ ชแ้ สดงความเห็นใจ โดยให้นกั เรียนดูสานวนในหนงั สือเรียน หนา้ 86 และ
อา่ นออกเสียงตามครู โดยครูเนน้ ใหน้ กั เรียนใชน้ ้าเสียงเพื่อแสดงความรู้สึกดว้ ย จากน้นั ครูให้
นกั เรียนช่วยกนั เดาความหมาย
3. ครูสอนคาถามทีใ่ ชถ้ ามเก่ียวกบั ประสบการณ์ โดยครูยกตวั อยา่ งบนกระดาน เช่น Have you ever
been to Chiang Mai? Have you ever eaten frogs? ครูอธิบายวา่ Have you ever ... เป็นคาถามที่ใช้
ถามเกี่ยวกบั ประสบการณ์ ซ่ึงหลงั ever ตอ้ งตามดว้ ย past participle เพราะคาถามน้ีใชร้ ูป Present
perfect จากน้นั ครูสุ่มเรียกนกั เรียน 5-6 คน ต้งั คาถามตามโครงสร้างน้ี
4. ครูอธิบายภาระงานในหนงั สือเรียน หนา้ 86 Ex. 1 ว่า นกั เรียนจะไดจ้ บั คู่พูดสนทนาเกี่ยวกบั
ประสบการณ์น่าอายในภาพ 1-12 โดยให้นกั เรียนสมมตวิ ่าตนเองมีเคยมปี ระสบการณเ์ หล่าน้ี จากน้นั
ครูให้นกั เรียนอ่านตวั อยา่ งบทสนทนาเพ่ือดูโครงสร้างภาษาท่ใี ช้ ครูแนะนาใหน้ กั เรียนใชส้ านวน
ภาษาแสดงความเห็นใจตามท่เี รียนไป แลว้ ครูให้แตล่ ะคู่เลอื กสถานการณม์ า 2 สถานการณ์ ครูให้
เวลานกั เรียนฝึกซอ้ ม โดยให้สลบั บทบาทเป็นท้งั ผถู้ ามและผตู้ อบ ครู ครูเดินสงั เกตและคอยให้
คาแนะนา

ข้นั Speaking
หนงั สือเรียน หน้า 86 Ex. 1 ครูให้นกั เรียนแตล่ ะคู่ออกมาพดู สนทนาเก่ียวกบั ประสบการณ์ทนี่ ่าอาย
ทหี่ นา้ ช้นั เรียน โดยให้นกั เรียนใชน้ ้าเสียง และแสดงสีหนา้ ทา่ ทางให้สมจริง

463

A: Have you ever fallen asleep during a test?
B: Yes, it was last year when I fell asleep in a history test and I felt very

embarrassed.
A: Oh dear!

A: Have you ever spilt a drink on someone?
B: Yes, it was last Saturday when I spilt a drink on someone and I felt very

embarrassed.
A: How awful!

A: Have you ever got on the wrong train or bus?
B: Yes, it was last week when I got on the wrong bus and I felt very

embarrassed.
A: Poor you!

A: Have you ever forgotten an appointment?
B: Yes, it was two weeks ago when I forgot a dentist’s appointment and I felt

very embarrassed.
A: That’s terrible!

A: Have you ever torn your clothes?
B: Yes, it was two years ago when I tore my clothes on a branch and I felt very

embarrassed.
A: Oh no!

A: Have you ever slipped and fallen down?
B: Yes, it was yesterday when I slipped and fell down and I felt very

embarrassed.
A: I don’t believe it!

464

A: Have you ever taken the wrong luggage?
B: Yes, it was last year when I took the wrong luggage and I felt very

embarrassed.
A: Oh no!

A: Have you ever walked into a glass door?
B: Yes, it was last month when I walked into a glass door and I felt very

embarrassed.
A: How awful!

A: Have you ever broken something in a shop?
B: Yes, it was 3 months ago when I broke something in a shop and I felt very

embarrassed.
A: Oh dear!

A: Have you ever thought someone was waving at you?
B: Yes, it was the other day when I thought someone was waving at me and I

felt very embarrassed.
A: That’s a shame!

A: Have you ever eaten something too spicy?
B: Yes, it was last week when I ate something too spicy and I felt very

embarrassed.
A: Poor you!

ข้นั Post-speaking
1. ครูให้ขอ้ มูลยอ้ นกลบั (feedback) แตล่ ะคู่ เรื่องการใชภ้ าษา เช่น ไวยากรณ์ การออกเสียง น้าเสียง

กิริยาท่าทาง เพื่อใหน้ กั เรียนนาไปปรบั ปรุงแกไ้ ขในคร้งั ตอ่ ไป
2. ครูเลือกนกั เรียน 1-2 คู่ ทพี่ ดู สนทนาไดส้ มจริงมากทีส่ ุดออกมาแสดงให้เพื่อนดู
3. นกั เรียนทา Language Review 7c Ex. 2 ในหนงั สือเรียน หนา้ 111 ร่วมกนั ในช้นั
4. แบบฝึกหดั (Workbook) หนา้ 57 Exs. 5-6 ใหน้ กั เรียนทาเป็นการบา้ น

465

ช่ัวโมงที่ 2

ข้นั Warm up
1. ครูทบทวนคาศพั ทเ์ กี่ยวกบั สถานการณ์ที่น่าอาย โดยครูให้นกั เรียน 2 คน ออกมาแสดงทา่ ทางให้

เพอื่ นในช้นั ดูและทายคาศพั ท์
2. ครูแบง่ นกั เรียนเป็น 2 ทีม แลว้ ให้แขง่ กนั คิดเกี่ยวกบั สถานการณ์ทนี่ ่าอายอนื่ ๆ นอกเหนือจากใน

หนา้ 86 แลว้ ออกมาเขยี นบนกระดานให้ไดม้ ากที่สุด เช่น forget the wallet, wear shirt/skirt inside
out ทีมใดเขยี นไดม้ ากกวา่ จะเป็นผชู้ นะ โดยครูช่วยตรวจความถกู ตอ้ ง และให้นกั เรียนอา่ นออกเสียง
อา่ นพร้อมกนั

ข้นั Presentation
1. ครูสุ่มเรียกนกั เรียน 3-4 คู่ ออกมาพดู สนทนาเกี่ยวกบั สถานการณน์ ่าอาย โดยใชส้ ถานการณ์ที่

นกั เรียนช่วยกนั คิดและเขียนบนกระดาน เช่น
S1: Have you ever forgotten your wallet?
S2: Yes, it was a week ago when I forgot my wallet and I felt very embarrassed.
S1: That’s terrible!

2. ครูให้นกั เรียนอ่านคาศพั ทใ์ นกรอบ Check these words แลว้ ช่วยกนั อธิบายความหมาย คาใดไมร่ ู้ให้
เปิ ดพจนานุกรม หรือครูช่วยอธิบาย

ข้นั Practice
1. หนังสือเรียน หน้า 86 Ex. 2 ครูอธิบายใหน้ กั เรียนฟังว่า บทอา่ นทก่ี าลงั จะอา่ นคอื blog ซ่ึงเป็นเร่ือง

ของบุคคล 3 คน ให้นกั เรียนอา่ นเพ่ือหาวา่ แต่ละเรื่องเก่ียวขอ้ งกบั อะไร ครูอาจจะเปิ ด CD ใหน้ กั เรียน
ฟังระหวา่ งท่อี า่ นไปดว้ ย เมือ่ อา่ นจบครูสุ่มถามนกั เรียนหลาย ๆ คน แลว้ ครูเฉลยคาตอบ

The first post is about someone going out with drawings all over her face.
The second post is about someone falling into a swimming pool with their clothes on.
The third post is about someone walking into a glass door.

466

2. ครูใหน้ กั เรียนแบ่งกล่มุ กลมุ่ ละ 3 คน ใหแ้ ตล่ ะกลุ่มต้งั ชื่อเรื่องของบทอา่ นอีก 2 เรื่องทเ่ี หลือ จากน้นั
ใหแ้ ตล่ ะกลุม่ นาเสนอช่ือเร่ือง ครูเขยี นบนกระดาน แลว้ ให้นกั เรียนในช้นั ร่วมกนั เลือกชื่อเร่ืองท่ี
น่าสนใจท่ีสุด

Wet All Over
Look Before You Run

ข้นั Production
1. หนงั สือเรยี น หน้า 86 Ex. 3 ครูใหน้ กั เรียนเขยี นเล่าประสบการณ์ทนี่ ่าอายของตนเอง เมอื่ เขียน

เสร็จแลว้ ใหน้ กั เรียนตรวจทานงานเขยี นของตนเอง จากน้นั ครูสุ่มเรียกนกั เรียน 2-3 คน อ่านใหเ้ พ่ือน
ฟัง แลว้ รวบรวมนาส่งครูให้ครูตรวจ

Last week, I went shopping with my little brother, Sam. I wanted to buy a present
for my friend. Sam wanted me to buy him a toy car, but I refused as I didn’t have
enough money. He started playing with the CDs and putting them on the floor. I
told him to pick them up, but he wouldn’t. I felt embarrassed. I tried to pick Sam
up, but I slipped and fell into the CDs. On the way home Sam was laughing, but I
didn’t think it was funny.

2. แบบฝึกหัด (Workbook) หนา้ 56 Ex. 4 ใหน้ กั เรียนฟัง CD แลว้ จบั คู่ให้ถกู ตอ้ ง
3. แบบฝึกหัด (Workbook) หนา้ 57 Ex. 8 ใหน้ กั เรียนฟัง CD แลว้ เตมิ คาลงในช่องวา่ ง
4. แบบฝึกหดั (Workbook) หนา้ 56 Exs. 1-3 และหนา้ 57 Ex. 7 ใหน้ กั เรียนทาเป็นการบา้ น

467

7. การวดั และการประเมนิ ผล เคร่ืองมือ เกณฑ์การผ่าน
แบบฝึกหัด (Workbook) ร้อยละ 60
วธิ ีการวดั แบบประเมนิ การพูด ระดบั คุณภาพ พอใช้
ตรวจการตอบคาถามจากการอา่ น
ประเมนิ การพดู สนทนาเก่ียวกบั แบบประเมินการเขียน ระดบั คุณภาพ พอใช้
ประสบการณน์ ่าอาย
ประเมนิ การเขียนเล่าประสบการณ์ แบบประเมนิ คุณลกั ษณะ ระดบั คุณภาพ ผา่ น
น่าอายของตนเอง อนั พงึ ประสงค์
สังเกตความใฝ่เรียนรู้และความม่งุ มน่ั
ในการทางาน

8. สื่อ/แหล่งการเรียนรู้
1) หนงั สือเรียน SPARK 2 ม. 2
2) Class Audio CDs ประกอบส่ือฯ ชุด SPARK 2 ม. 2
3) แบบฝึกหดั SPARK 2 ม. 2
4) พจนานุกรมองั กฤษ-องั กฤษ
5) พจนานุกรมออนไลน์

468

4 Everyday English 7d

2 ช่ัวโมง

จดุ ประสงค์การเรยี นรู้
- บอกใจความสาคญั และรายละเอียดของเรื่องท่ีอา่ นและฟังได้
- แตง่ บทสนทนาตามสถานการณ์ทกี่ าหนดได้
- พูดถามและขอความคิดเห็นเก่ียวกบั เรื่องใกลต้ วั ได้

1. สาระ มาตรฐานการเรยี นรู้/ตวั ชีว้ ดั
สาระท่ี 1 ภาษาเพอ่ื การส่ือสาร
มาตรฐาน ต 1.1 เข้าใจและตคี วามเรื่องท่ีฟังและอ่านจากสื่อประเภทต่าง ๆ และแสดงความคิดเหน็
อย่างมีเหตผุ ล
ตวั ช้ีวดั
ต 1.1 ม. 2/2 อ่านออกเสียงขอ้ ความ ขา่ ว ประกาศ และบทรอ้ ยกรองส้ัน ๆ ถกู ตอ้ งตามหลกั การอา่ น
ต 1.1 ม. 2/4 เลือกหัวขอ้ เรื่อง ใจความสาคญั บอกรายละเอียดสนบั สนุน (supporting detail) และ
แสดงความคิดเห็นเก่ียวกบั เรื่องท่ีฟังและอา่ น พร้อมท้งั ให้เหตผุ ลและยกตวั อยา่ ง
งา่ ย ๆ ประกอบ
มาตรฐาน ต 1.2 มีทักษะการส่ือสารทางภาษาในการแลกเปลยี่ นข้อมลู ข่าวสาร แสดงความรู้สึกและ
ความคิดเหน็ อย่างมปี ระสิทธภิ าพ
ตวั ช้ีวดั
ต 1.2 ม. 2/5 พดู และเขียนแสดงความรู้สึกและความคิดเห็นของตนเองเก่ียวกบั เร่ืองตา่ ง ๆ
กิจกรรม และประสบการณ์ พร้อมท้งั ใหเ้ หตผุ ลประกอบอยา่ งเหมาะสม
สาระท่ี 2 ภาษาและวัฒนธรรม
มาตรฐาน ต 2.1 เข้าใจความสัมพันธ์ระหว่างภาษากบั วฒั นธรรมของเจ้าของภาษา และนาไปใช้ ได้
อย่างเหมาะสมกบั กาลเทศะ
ตวั ช้ีวดั
ต 2.1 ม. 2/1 ใชภ้ าษา น้าเสียง และกิริยาท่าทางเหมาะกบั บคุ คลและโอกาส ตามมารยาทสงั คมและ
วฒั นธรรมของเจา้ ของภาษา

469

สาระท่ี 4 ภาษากบั ความสัมพนั ธ์กับชุมชนและโลก

มาตรฐาน ต 4.1 ใช้ภาษาต่างประเทศในสถานการณ์ต่าง ๆ ท้งั ในสถานศึกษา ชุมชน และสังคม
ตวั ช้ีวดั
ต 4.1 ม. 2/1 ใชภ้ าษาสื่อสารในสถานการณ์จริง/สถานการณ์จาลองที่เกิดข้ึนในหอ้ งเรียน
สถานศึกษา และชุมชน

2. สาระสาคญั /ความคดิ รวบยอด
การเรียนรู้และเขา้ ใจเก่ียวกบั ประโยคและสานวนตา่ ง ๆ ในการถามและแสดงความคิดเห็น ช่วยให้

สามารถพูด/เขียนส่ือสารในชีวิตประจาวนั ไดอ้ ยา่ งเหมาะสม

3. สาระการเรียนรู้

3.1 ทกั ษะเฉพาะวชิ า

1) Language Features and Functions

Vocabulary: Asking for opinions (What do you think of …?, What’s your opinion?)

Expressing opinions (In my opinion, it’s dangerous., Personally, I think

… ., I see what you mean, … ., Good point, (but) … ., To tell you the truth

it’s … .)

Functions: Sharing opinions

What do you think of bungee jumping?

Personally, I think it’s dangerous.

Pronunciation: /I/: feel, these, he’s

/i:/: cliff, this, visit

2) Language Skills

Listening: ฟังเพื่อจบั ใจความสาคญั , ฟังการออกเสียงประโยค

Speaking: พูดสนทนาแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกบั การกระโดดบนั จ้ีจมั พ์

Reading: อา่ นเพ่ือหาขอ้ มลู เฉพาะ

Writing: แต่งบทสนทนาตามสถานการณท์ ่ีกาหนด

4. สมรรถนะสาคัญของผ้เู รียน
1) ความสามารถในการสื่อสาร
2) ความสามารถในการคดิ

470

5. คุณลักษณะอันพึงประสงค์
1) ใฝ่เรียนรู้
2) ม่งุ มน่ั ในการทางาน

6. กิจกรรมการเรียนรู้

ช่ัวโมงท่ี 1

ข้นั Warm up
1. ครูให้นกั เรียนดภู าพในหนงั สือเรียน หนา้ 87 แลว้ บอกว่าบคุ คลในภาพกาลงั ทากิจกรรมอะไร

(They go skydiving.)
2. ครูให้นกั เรียนร่วมกนั แสดงความคิดเห็นวา่ เหตผุ ลท่ีคนทากิจกรรม extreme คืออะไร

ข้นั Presentation
1. ครูใหน้ กั เรียนดูโครงสร้างสานวนสาหรับถามความคิดเห็นและแสดงความคดิ เห็นในหนงั สือเรียน

หนา้ 87 แลว้ ครูยกตวั อยา่ งบนกระดาน พร้อมท้งั สอนสานวนอ่ืนเพ่ิมเติม จากน้นั ใหน้ กั เรียนอ่าน
พร้อมกนั แลว้ ครูและนกั เรียนช่วยกนั อธิบายความหมาย

Asking for opinions Expressing opinions
Personally, I think it’s boring.
What do you think of the film? Personally, I think that is not a good idea.
What is your opinion of the film? In my opinion, it’s exciting.
What’s your opinion?
What are your ideas?
How do you feel about that?

2. ครูเขียนคาศพั ท์ miss และ meet บนกระดาน แลว้ ออกเสียงให้นกั เรียนฟังทีละคา ครูถามว่าคาว่า
miss นกั เรียนไดย้ ินเสียงสระอะไร (เสียง /I/) และคาว่า meet นกั เรียนไดย้ ินเสียงสระอะไร (เสียง /i:/)
แลว้ ครูถามวา่ เสียง /I/ และเสียง /i:/ ออกเสียงคลา้ ยกบั สระใดในภาษาไทย (สระอแิ ละสระอ)ี

3. หนงั สือเรียน หน้า 87 Ex. 6 ครูเปิ ด CD ให้นกั เรียนฟังคาศพั ท์ และขีด  ลงในตารางใหถ้ กู ตอ้ ง
แลว้ ครูเฉลยคาตอบ จากน้นั ให้นกั เรียนฝึกออกเสียงคาศพั ทต์ าม CD

471

/i:/ /I/ /i:/ /I/

cliff  this 

feel  he’s 

these  visit 

4. ครูใหน้ กั เรียนช่วยกนั คิดคาศพั ทท์ ่มี ีเสียง /i:/, /I/ แลว้ ครูเขียนคาที่นกั เรียนบอกบนกระดาน จากน้นั
ใหน้ กั เรียนอ่านออกเสียงพร้อมกนั

/I/: hit, did, pit
/i:/: ease, peas, please

5. ครูอธิบายนกั เรียนวา่ ภาษาองั กฤษเป็นภาษาท่มี ีการเนน้ เสียงหนกั -เบา ซ่ึงเป็นปัญหาสาคญั สาหรับ
ผพู้ ูดภาษาองั กฤษทไี่ ม่ใช่เจา้ ของภาษา เพราะถา้ ออกเสียงเนน้ หนกั ผิดพยางคก์ ็อาจจะทาใหก้ าร
สื่อสารเกิดความเขา้ ใจผดิ ได้ ดงั น้นั เราจึงตอ้ งออกเสียงเนน้ หนกั -เบาใหถ้ ูกตอ้ ง

6. หนงั สือเรียน หน้า 87 Ex. 1 ครูเปิ ด CD ใหน้ กั เรียนต้งั ใจฟังวา่ แต่ละประโยคเนน้ เสียงที่ใดบา้ ง และ
ออกเสียงตาม จากน้นั ครูเปิ ด CD อกี คร้ัง ใหน้ กั เรียนฟังและขดี เส้นใตพ้ ยางคท์ ี่เนน้ เสียงในแตล่ ะ
ประโยค เสร็จแลว้ ครูและนกั เรียนเฉลยคาตอบร่วมกนั

What do you think of skydiving?
No, I haven’t but I’d sure like to.
Personally, I think it’s very dangerous.
Oh, I don’t think so.
Good point, but there’s a second parachute.
I admit that would be great.
I believe it’s just too risky.

472

ข้นั Practice
1. หนังสือเรียน หน้า 87 Ex. 2 ครูอธิบายวา่ ประโยคใน Ex. 1 มาจากบทสนทนาของเพ่อื น 2 คน ให้

นกั เรียนเดาว่าพวกเขากาลงั คยุ กนั เรื่องอะไร จากน้นั ครูเปิ ด CD ใหน้ กั เรียนฟังและอา่ นบทสนทนา
เพ่ือหาคาตอบ

They are talking about skydiving.

2. หนงั สือเรยี น หน้า 87 Ex. 3 นกั เรียนอา่ นประโยค 1-5 พร้อมกนั แลว้ หาประโยคในบทสนทนาท่ีมี
ความหมายเหมือนกบั ประโยคเหล่าน้ี เสร็จแลว้ ครูให้นกั เรียนช่วยกนั เฉลยคาตอบ

1 Do you like skydiving? – What do you think of skydiving?
2 In my opinion, it’s dangerous. – Personally, I think it’s very dangerous.
3 You’ve got a point there. – Good point.
4 I understand, however – I see what you mean, but ...
5 I couldn’t agree more. – Absolutely!

3. ครูถามนกั เรียนว่าประโยคใน Ex. 3 ประโยคใดเป็นการแสดงความคดิ เห็น การแสดงความเห็นดว้ ย
และการแสดงความไมเ่ ห็นดว้ ย

In my opinion, it’s dangerous. – (give an opinion)
You’ve got a point there. – (agree with an opinion)
I understand, however – (disagree with an opinion)
I couldn’t agree more. – (agree with an opinion)

4. หนงั สือเรยี น หน้า 87 Ex. 4 ครูเปิ ด CD ให้นกั เรียนฟังบทสนทนาใน Ex. 2 แลว้ ฝึกพูดตาม จากน้นั
ใหน้ กั เรียนจบั คูก่ นั พูดบทสนทนา โดยให้สลบั บทบาทกนั ดว้ ย ขณะท่ีนกั เรียนฝึกพดู ครูเดินสังเกต
รอบๆ ช้นั เรียน

5. ครูใหน้ กั เรียนอ่านประโยคใน Ex. 1a พร้อมกนั แลว้ ช่วยกนั อธิบายความหมาย

473

ข้นั Production
1. หนังสือเรียน หน้า 87 Ex. 5 ครูให้นกั เรียนคู่เดิมแต่งบทสนทนา โดยสมมตวิ ่าเพื่อนตอ้ งการชวนไป

กระโดดบนั จ้ีจมั พ์ แต่นกั เรียนคดิ ว่ามนั อนั ตรายเกินไป ครูแนะนาว่าใหด้ ูบทสนทนาใน Ex. 2 เป็น
ตน้ แบบได้ เมอ่ื แตง่ บทสนทนาเสร็จแลว้ ส่งให้ครูตรวจ หลงั จากไดร้ บั บทสนทนาคืนแลว้ ใหน้ กั เรียน
ไปฝึกซ้อมนอกเวลาเรียนเพ่อื พูดสนทนาในชว่ั โมงหนา้

A: Hey Bill! What do you think of bungee jumping?
B: Personally, I think it’s dangerous.
A: Oh, I don’t think so. You have special safety equipment.
B: I see what you mean but what if something goes wrong?
A: Good point, but there’s a second rope. For me it would be an amazing

experience to fly through the air.
B: I admit it would be great, but I believe it’s just too risky.
A: To tell you the truth it’s probably best to stay on the ground.
B: Absolutely!

2. แบบฝึกหดั (Workbook) หนา้ 58 Ex. 4 ใหน้ กั เรียนทาเป็นการบา้ น

ชั่วโมงท่ี 2

ข้นั Warm up
ครูนาภาพการกระโดดบนั จ้ีจมั พม์ าใหน้ กั เรียนดู แลว้ ใหน้ กั เรียนบอกว่าคอื กิจกรรมอะไร จากน้นั ให้
นกั เรียนช่วยกนั บอกว่าการกระโดดบนั จ้ีจมั พต์ อ้ งทาอยา่ งไรบา้ ง

ข้นั Pre-speaking
1. ครูทบทวนสานวนภาษาทใี่ ชใ้ นการถามและแสดงความคดิ เห็น โดยครูสุ่มเรียกนกั เรียน 3-4 คู่ พดู

สนทนาตามหวั ขอ้ ทีค่ รูกาหนด เช่น ภาพยนตร์ หนงั สือ สถานทที่ อ่ งเท่ียว
S1: What do you think of the Wonder Woman film?
S2: In my opinion. It’s exciting.
474

2. ครูให้เวลานกั เรียนแต่ละคทู่ บทวนบทสนทนาของตนเองเพ่ือเตรียมความพร้อม

ข้นั Speaking
1. กอ่ นการพดู สนทนา ครูให้นกั เรียนทกั ทายเพ่อื นและแนะนาตนเองดว้ ย
2. ครูให้นกั เรียนแต่ละคู่หมนุ เวียนกนั ออกมาพูดสนทนา โดยครูอาจเรียกตามลาดบั เลขทีห่ รือเรียกตาม

แถวทน่ี ง่ั ขณะท่ีนกั เรียนพดู สนทนาครูคอยสงั เกตการพดู และจดบนั ทึก

ข้นั Post-speaking
1. ครูถามความคิดเห็นของนกั เรียนวา่ อยากลองกระโดดบนั จ้ีจมั พห์ รือไม่ ใหน้ กั เรียนบอกเหตุผล
2. ครูใหข้ อ้ มูลยอ้ นกลบั (feedback) แต่ละคู่เรื่องการใชภ้ าษาของนกั เรียน เช่น ไวยากรณ์ การออกเสียง

น้าเสียง กิริยาท่าทาง เพ่อื ให้นกั เรียนนาไปปรับปรุงแกไ้ ขในคร้งั ต่อไป
3. แบบฝึกหัด (Workbook) หนา้ 58 Ex. 5 ใหน้ กั เรียนทาเป็นการบา้ น

7. การวัดและการประเมนิ ผล

วิธกี ารวดั เคร่ืองมือ เกณฑ์การผ่าน
ระดบั คณุ ภาพ พอใช้
ประเมินการอา่ นออกเสียงบทสนทนา แบบประเมนิ การอ่านออกเสียง ร้อยละ 60

ตรวจการตอบคาถามจากการอา่ น แบบฝึกหัด (Workbook) ระดบั คุณภาพ พอใช้

บทสนทนา ระดบั คณุ ภาพ พอใช้

แตง่ บทสนทนาตามสถานการณ์ที่ แบบประเมินการเขียน ระดบั คณุ ภาพ ผา่ น

กาหนด

ประเมนิ การพูดสนทนาตาม แบบประเมินการพูด

สถานการณ์ที่กาหนด

สังเกตความใฝ่เรียนรู้และความมุ่งมน่ั แบบประเมินคุณลกั ษณะ

ในการทางาน อนั พงึ ประสงค์

475

8. สื่อ/แหล่งการเรียนรู้
1) หนงั สือเรียน SPARK 2 ม. 2
2) Class Audio CDs ประกอบส่ือฯ ชุด SPARK 2 ม. 2
3) แบบฝึกหัด SPARK 2 ม. 2
4) พจนานุกรมองั กฤษ-องั กฤษ
5) พจนานุกรมออนไลน์
6) ภาพการกระโดดบนั จ้ีจมั พ์

476

5 Across cultures 7e

2 ช่ัวโมง

จุดประสงค์การเรยี นรู้
- บอกรายละเอียดและแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกบั เรื่องทอี่ า่ นได้
- คน้ ควา้ เกี่ยวกบั ส่ิงทนี่ ่าสนใจในประเทศไทยและพดู /เขยี นนาเสนอได้

1. สาระ มาตรฐานการเรียนรู้/ตัวชี้วัด
สาระท่ี 1 ภาษาเพอ่ื การสื่อสาร
มาตรฐาน ต 1.1 เข้าใจและตีความเร่ืองทฟ่ี ังและอ่านจากส่ือประเภทต่าง ๆ และแสดงความคิดเห็น
อย่างมีเหตุผล
ตวั ช้ีวดั
ต 1.1 ม. 2/4 เลอื กหวั ขอ้ เร่ือง ใจความสาคญั บอกรายละเอยี ดสนบั สนุน (supporting detail) และ
แสดงความคดิ เห็นเก่ียวกบั เรื่องทฟ่ี ังและอ่าน พร้อมท้งั ให้เหตผุ ลและยกตวั อยา่ ง
ง่าย ๆ ประกอบ
มาตรฐาน ต 1.2 มที กั ษะการส่ือสารทางภาษาในการแลกเปลย่ี นข้อมูลข่าวสาร แสดงความรู้สึกและ
ความคดิ เหน็ อย่างมีประสิทธภิ าพ
ตวั ช้ีวดั
ต 1.2 ม. 2/4 พูดและเขียนเพ่อื ขอและให้ขอ้ มลู บรรยาย และแสดงความคดิ เห็นเกี่ยวกบั เรื่องท่ีฟัง
หรืออ่านอยา่ งเหมาะสม
มาตรฐาน ต 1.3 นาเสนอข้อมลู ข่าวสาร ความคิดรวบยอด และความคดิ เห็นในเร่ืองต่าง ๆ โดยการพูด
และการเขยี น
ตวั ช้ีวดั
ต 1.3 ม. 2/2 พดู และเขียนสรุปใจความสาคญั /แกน่ สาระ หัวขอ้ เร่ือง (topic) ท่ีไดจ้ ากการวิเคราะห์
เรื่อง/ขา่ ว/เหตุการณ์ท่อี ยใู่ นความสนใจของสังคม
ต 1.3 ม. 2/3 พูดและเขยี นแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกบั กิจกรรม เร่ืองต่าง ๆ ใกลต้ วั และ
ประสบการณ์ พร้อมท้งั ให้เหตุผลส้นั ๆ ประกอบ

477

สาระที่ 3 ภาษากับความสัมพนั ธ์กบั กล่มุ สาระการเรียนรู้อ่นื
มาตรฐาน ต 3.1 ใช้ภาษาต่างประเทศในการเชื่อมโยงความรู้กบั กล่มุ สาระการเรียนรู้อน่ื และเป็ น

พ้นื ฐานในการพฒั นา แสวงหาความรู้ และเปิ ดโลกทัศน์ของตน
ตวั ช้ีวดั
ต 3.1 ม. 2/1 คน้ ควา้ รวบรวม และสรุปขอ้ มูล/ขอ้ เทจ็ จริงที่เกี่ยวขอ้ งกบั กลมุ่ สาระการเรียนรู้อนื่

จากแหล่งการเรียนรู้ และนาเสนอดว้ ยการพดู /การเขยี น

2. สาระสาคญั /ความคิดรวบยอด
การเรียนรู้คาศพั ท์ ช่วยให้เขา้ ใจเรื่องทอี่ า่ น บอกรายละเอยี ด และแสดงความคดิ เห็นได้ รวมท้งั

สามารถใชส้ ่ือเทคโนโลยีคน้ ควา้ ขอ้ มลู และพูด/เขียนนาเสนอได้

3. สาระการเรียนรู้

3.1 ทกั ษะเฉพาะวิชา

1) Language Features and Functions

Vocabulary: Verbs (race, breed, protect, feed, decrease, increase)

Nouns (sight, crab, wet season, cliff, crossing, tunnel, migration, nest,

algae, hunting, pollution, package tour)

Adjectives (shady, awesome)

Functions: Describing amazing sights

Red crabs in Australia race across busy roads and climb over walls to

get to the beach to breed.

2) Language Skills

Speaking: พดู แสดงความคดิ เห็นเก่ียวกบั สถานท่ีทอี่ ยากไปเทย่ี วในเร่ืองทอี่ ่าน

Reading: อ่านเพ่อื หาขอ้ มูลเฉพาะ

Writing: เขียนเกี่ยวกบั ส่ิงทน่ี กั ท่องเที่ยวควรจะมาดใู นประเทศไทย

3) Cultures สถานท่ีทอ่ งเทยี่ ว

4. สมรรถนะสาคัญของผ้เู รยี น
1) ความสามารถในการสื่อสาร
2) ความสามารถในการคิด
3) ความสามารถในการใชเ้ ทคโนโลยี

478

5. คุณลักษณะอันพึงประสงค์
1) ใฝ่เรียนรู้
2) มุ่งมนั่ ในการทางาน

6. กิจกรรมการเรียนรู้

ชั่วโมงที่ 1

ข้นั Warm up
1. ครูถามนกั เรียนว่า รู้จกั หรือเคยไดย้ ินเกี่ยวกบั สถานที่ท่องเท่ียวทม่ี ีความอศั จรรยช์ วนใหไ้ ปเยยี่ มชม

หรือไม่ แลว้ สถานทดี่ งั กลา่ วมีความอศั จรรยใ์ นเรื่องใด เช่น ทิวทศั น์ สิ่งปลูกสร้าง ประเพณี
2. ครูถามนกั เรียนว่า ถา้ พดู ถึงประเทศออสเตรเลียจะถงึ นึกอะไร (เช่น จิงโจ้ ซิดนียโ์ อเปร่าเฮา้ ส์) และถา้

พดู ถึงประเทศเคนยา่ จะถงึ นึกอะไร (เช่น ทวีปแอฟริกา ชนเผ่าพ้นื เมอื ง ทุ่งหญา้ ) จากน้นั ครูบอก
นกั เรียนว่าวนั น้ีจะไดเ้ รียนรู้เรื่องของประเทศออสเตรเลยี และเคนยา่ ในมุมท่ีนกั เรียนไมเ่ คยรู้

ข้นั Pre-reading
1. ครูใหน้ กั เรียนอ่านช่ือเรื่อง Amazing Sight! ในหนงั สือเรียน หนา้ 88 แลว้ เดาว่าบทอา่ นเร่ืองน้ีน่าจะ

เกี่ยวกบั อะไร
2. นกั เรียนอ่านออกเสียงคาศพั ทใ์ นกรอบ Check these words แลว้ ช่วยกนั อธิบายความหมาย ถา้ คาใด

ไมร่ ู้ ใหน้ กั เรียนเปิ ดพจนานุกรม
3. หนงั สือเรยี น หน้า 88 Ex. 1 ครูถามนกั เรียนวา่ เห็นสตั วช์ นิดใดบา้ งในภาพ (crabs, flamingo) และ

นกั เรียนรู้ขอ้ มูลอะไรบา้ งเก่ียวกบั สัตวท์ ้งั สองชนิดน้ี
4. ครูใหน้ กั เรียนช่วยกนั คิดว่า สิ่งที่ทาให้สตั วท์ ้งั สองชนิดน้ีน่าอศั จรรยค์ อื อะไร

ข้นั Reading
1. ให้นกั เรียนอ่านบทอ่านเพอ่ื หาคาตอบวา่ สิ่งท่ีทาใหส้ ตั วท์ ้งั สองชนิดในภาพน่าอศั จรรยค์ ืออะไร

Red crabs in Australia are amazing to see when they race across busy roads and
climb over walls to get to the beach to breed.
Flamingos in Kenya are amazing to see when millions of them make their nests on
Lake Nakuru so that you can’t even see the lake.

479

2. หนงั สือเรยี น หน้า 88 Ex. 2 ครูให้นกั เรียนจบั คกู่ บั เพื่อนอ่านบทอา่ น โดยเนน้ ที่คาศพั ทก์ อ่ นและหลงั
ช่องวา่ งทจ่ี ะให้เตมิ คา แลว้ คดิ ว่าคาทจี่ ะเตมิ ควรเป็นคาประเภทใด เมือ่ เติมคาเสร็จแลว้ ให้อา่ นบทอา่ น
ทเ่ี ติมคาสมบูรณแ์ ลว้ อกี คร้ัง เพอื่ ใหแ้ น่ใจว่าคาทเ่ี ตมิ ลงไปในช่องวา่ งมีความสมเหตุสมผล จากน้นั
เปรียบเทียบกบั คูอ่ นื่ ๆ

ข้นั Post-reading
1. หนงั สือเรียน หน้า 88 Ex. 3 ครูเปิ ด CD ใหน้ กั เรียนฟังเพอื่ ตรวจคาตอบ แลว้ ครูฉลยคาตอบอกี คร้งั

1 the 2 They 3 for 4 have

5 of 6 in 7 it 8 the

2. ครูให้นกั เรียนคิดว่าอยากไปเทยี่ วสถานท่ีใดในบทอ่าน แลว้ พดู บอกคขู่ องตนเอง พร้อมท้งั ใหเ้ หตุผล
ทอ่ี ยากไปสถานท่นี ้นั ดว้ ย ครูแนะนาให้นกั เรียนใชค้ าศพั ทใ์ นกรอบ Check these words เพอื่ บอก
บอกเหตผุ ล

I would choose to visit Christmas Island because I would like to see the crabs race
to the beach to breed. I wonder what the crab crossings and tunnels look like.
I would choose to visit Lake Nakuru because I would like to see the flamingos
nests on the water. I think it would be awesome.

3. นกั เรียนทา Language Review 7e & Prepositions Exs. 4-6 ในหนงั สือเรียน หนา้ 111 ร่วมกนั ในช้ัน
4. หนังสือเรียน หน้า 88 Ex. 4 นกั เรียนแบ่งกลุ่ม กลมุ่ ละ 4-5 คน ครูมอบหมายใหแ้ ต่ละกลุ่มไปคน้ ควา้

รวบรวมขอ้ มลู เกี่ยวกบั สิ่งท่ีนกั ทอ่ งเทยี่ วควรจะมาดใู นประเทศไทย เช่น สัตว์ ดอกไม้ และเลือกมา
1 อยา่ ง โดยครูกาหนดรายละเอียดทน่ี กั เรียนตอ้ งคน้ ควา้ คือ what to see, where, what outstanding,
when to visit ครูบอกนกั เรียนให้เตรียมขอ้ มูลที่คน้ ควา้ มาในชวั่ โมงหนา้
5. แบบฝึกหดั (Workbook) หนา้ 58 Exs. 1-3 ให้นกั เรียนทาเป็นการบา้ น

480

ชั่วโมงท่ี 2

ข้นั Warm up
ครูสนทนากบั นกั เรียนเก่ียวกบั ประเทศไทย โดยถามนกั เรียนว่าสัตว/์ อาหารชนิดใดท่ีทาให้
นกั ท่องเทย่ี วนึกถึงประเทศไทย และสถานทใ่ี ดท่นี กั ทอ่ งเทย่ี วควรไปเม่อื มาประเทศไทย

ข้นั กาหนดหัวข้อโครงงาน
ครูสอบถามนกั เรียนวา่ ภาระงานที่ครูมอบหมายให้ไปคน้ ควา้ ขอ้ มลู ในชวั่ โมงท่ีแลว้ คอื อะไร เพ่ือ
ตรวจสอบว่านกั เรียนทกุ กลมุ่ คน้ ควา้ ขอ้ มลู ตามหวั ขอ้ ที่ครูกาหนด

ข้นั วางแผน
1. ครูให้แตล่ ะกลุม่ นาขอ้ มูลทค่ี น้ ควา้ ไดม้ าเขียน fact file เพ่อื ดูขอบขา่ ยเน้ือหา โดยครูแสดงตวั อยา่ ง

fact file ใหน้ กั เรียนดูเป็นตน้ แบบ
What to see: Zakynthos loggerhead turtles
Where: On the island of Zakynthos
What outstanding: To see the baby turtles hatching from their eggs
When to visit: June, July and August

2. ครูใหแ้ ตล่ ะกลุ่มช่วยกนั คดิ คาศพั ทท์ จ่ี ะใชบ้ รรยายขอ้ มูล

ข้นั ศึกษาค้นคว้า
ครูให้แตล่ ะกลมุ่ ตรวจดวู ่าขอ้ มูลท่ีคน้ ควา้ มาครบถว้ นหรือไมห่ ลงั จากนาขอ้ มลู มาเขียน fact file ถา้
กลมุ่ ใดมีขอ้ มลู ไมค่ รบครูใหเ้ วลานกั เรียน 10 นาที คน้ ควา้ ขอ้ มลู เพ่ิม โดยใช้โทรศพั ท์หรือแทบเล็ต
ส่วนตวั ใชค้ อมพวิ เตอร์ในห้องเรียนหรือห้องสมุด

ข้นั นาข้อมูลมาพัฒนาเป็ นผลงาน
ครูใหแ้ ตล่ ะกลุม่ นาขอ้ มูลทไี่ ดจ้ ากการคน้ ควา้ มาเขยี นเป็นขอ้ ความสาหรับลงในเวบ็ ไซตท์ ่องเทีย่ ว
ความยาว 60-70 คา เมือ่ เขยี นเสร็จแลว้ ให้ช่วยกนั อา่ นตรวจทานความถกู ตอ้ ง และเพมิ่ หรือลดเน้ือหา
ให้ขอ้ ความน่าสนใจมากข้นึ

481

Zakynthos Loggerhead Turtles
On the island of Zakynthos the loggerhead turtles lay their eggs every June, July
and August. The beaches where they lay their eggs are protected, but tourists can
go on a special tour by moonlight to see the baby turtles hatching from their eggs.
It is a unique experience.

ข้นั นาเสนอโครงงาน
นกั เรียนแต่ละกล่มุ ส่งตวั แทนออกมาพดู นาเสนอขอ้ มูลให้ครูและเพอื่ นฟัง เสร็จแลว้ ใหน้ กั เรียน
ร่วมกนั จดั บอร์ดแสดงผลงาน โดยอาจนาภาพประกอบมาติดเพ่ิมความน่าสนใจ

7. การวดั และการประเมนิ ผล เคร่ืองมือ เกณฑ์การผ่าน

วธิ กี ารวดั แบบฝึกหัด (Workbook) ร้อยละ 60
ตรวจการตอบคาถามจากการอ่าน
สงั เกตการพูดแสดงความคิดเห็น แบบสงั เกตพฤตกิ รรมการเรียนรู้ ระดบั คณุ ภาพ พอใช้
เก่ียวกบั สถานที่ในบทอา่ น
ประเมินการทาโครงงาน “Amazing แบบประเมนิ ชิ้นงาน ระดบั คณุ ภาพ พอใช้
Sights!”
สังเกตความใฝ่ เรียนรู้และความมุ่งมน่ั แบบประเมินคุณลกั ษณะ ระดบั คณุ ภาพ ผ่าน
ในการทางาน อนั พงึ ประสงค์

8. ส่ือ/แหล่งการเรียนรู้
1) หนงั สือเรียน SPARK 2 ม. 2
2) Class Audio CDs ประกอบสื่อฯ ชุด SPARK 2 ม. 2
3) แบบฝึกหดั SPARK 2 ม. 2
4) พจนานุกรมองั กฤษ-องั กฤษ
5) พจนานุกรมออนไลน์
6) อนิ เทอร์เน็ต

482

6 Writing 7f

2 ช่ัวโมง

จดุ ประสงค์การเรียนรู้
- อ่านขอ้ มลู จากกราฟวงกลมและสรุปผลสารวจโดยใชก้ ราฟวงกลมได้
- สารวจความชอบเก่ียวกบั ภาพยนตข์ องเพือ่ นร่วมช้นั ได้
- พูดและเขียนรายงานผลสารวจได้

1. สาระ มาตรฐานการเรยี นรู้/ตัวชีว้ ัด
สาระท่ี 1 ภาษาเพอื่ การส่ือสาร
มาตรฐาน ต 1.1 เข้าใจและตคี วามเร่ืองท่ฟี ังและอ่านจากส่ือประเภทต่าง ๆ และแสดงความคดิ เห็น
อย่างมเี หตผุ ล
ตวั ช้ีวดั
ต 1.1 ม. 2/3 ระบุ/เขยี นประโยคและขอ้ ความใหส้ มั พนั ธ์กบั สื่อทีไ่ ม่ใช่ความเรียงรูปแบบต่าง ๆ
ท่ีอา่ น
ต 1.1 ม. 2/4 เลอื กหัวขอ้ เร่ือง ใจความสาคญั บอกรายละเอียดสนบั สนุน (supporting detail) และ
แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกบั เรื่องทีฟ่ ังและอ่าน พร้อมท้งั ใหเ้ หตุผลและยกตวั อยา่ ง
ง่าย ๆ ประกอบ
มาตรฐาน ต 1.2 มีทกั ษะการส่ือสารทางภาษาในการแลกเปลย่ี นข้อมูลข่าวสาร แสดงความรู้สึกและ
ความคิดเหน็ อย่างมปี ระสิทธภิ าพ
ตวั ช้ีวดั
ต 1.2 ม. 2/1 สนทนาแลกเปล่ียนขอ้ มลู เกี่ยวกบั ตนเอง เร่ืองตา่ ง ๆ ใกลต้ วั และสถานการณต์ า่ ง ๆ
ในชีวิตประจาวนั อยา่ งเหมาะสม
มาตรฐาน ต 1.3 นาเสนอข้อมูลข่าวสาร ความคดิ รวบยอด และความคดิ เห็นในเรื่องต่าง ๆ โดยการพดู
และการเขียน
ตวั ช้ีวดั
ต 1.3 ม. 2/1 พูดและเขยี นสรุปใจความสาคญั /แกน่ สาระ หวั ขอ้ เรื่อง (topic) ทไี่ ดจ้ ากการวเิ คราะห์
เรื่อง/ข่าว/เหตกุ ารณท์ ีอ่ ยใู่ นความสนใจของสังคม

483

2. สาระสาคญั /ความคิดรวบยอด
การเรียนรู้เก่ียวกบั คาศพั ทท์ ใี่ ชเ้ ขียนรายงานผลสารวจและการอ่านกราฟวงกลม จะช่วยให้สามารถ

สรุปผลสารวจและเขยี นรายงานผลไดอ้ ยา่ งถูกตอ้ ง

3. สาระการเรียนรู้

3.1 ทกั ษะเฉพาะวชิ า

1) Language Features and Functions

Vocabulary: Verbs (prefer, like)

Nouns (survey report, classmates, result, per cent)

Words/Phrases rerated to report statistics (half of, the majority of, some

of, a few of, very few of, most of, no one, everyone)

Functions: Reporting survey result

Most of the people like going to the cinema, but a few of them prefer

going to the theatre.

2) Language Skills

Speaking: พดู นาเสนอรายงานผลสารวจ

Reading: อ่านและเลอื กคาตอบ

Writing: เขยี นรายงานผลสารวจเก่ียวกบั ภาพยนตท์ ี่เพ่ือนชอบ

4. สมรรถนะสาคญั ของผ้เู รียน
1) ความสามารถในการสื่อสาร
2) ความสามารถในการคิด

5. คุณลกั ษณะอันพงึ ประสงค์
1) ใฝ่เรียนรู้
2) มงุ่ มน่ั ในการทางาน

484

6. กิจกรรมการเรียนรู้

ช่ัวโมงที่ 1

ข้นั Warm up
1. ครูสนทนากบั นกั เรียนเกี่ยวกบั ภาพยนต์ โดยถามวา่ ภาพยนตร์ทนี่ กั เรียนไปดูมาคร้งั สุดทา้ ยคือเรื่อง

ใด ภาพยนตร์เรื่องใดทน่ี กั เรียนประทบั ใจ และมีเน้ือหาเกี่ยวกบั อะไร
2. ครูวาดกราฟวงกลมบนกระดาน แลว้ ถามนกั เรียนว่าวชิ าอะไรที่นกั เรียนตอ้ งใชก้ ราฟวงกลม และใช้

เพื่ออะไร

ข้นั Pre-writing
1. หนงั สือเรยี น หน้า 89 Ex. 1 ครูใหน้ กั เรียนเขียนคาศพั ทช์ ื่อกีฬาให้ไดม้ ากทสี่ ุดภายในเวลา 1 นาที

แลว้ ครูให้นกั เรียนที่เขียนไดม้ ากทีส่ ุดอา่ นคาศพั ทใ์ ห้ฟัง

football, basketball, volleyball, karate, swimming, tennis, hockey, athletics,
gymnastics, golf, badminton, cricket, baseball, etc

2. ครูให้นกั เรียนอ่าน Study Skills เก่ียวกบั Reporting statistics แลว้ ครูยกตวั อยา่ งประโยคทใี่ ชค้ า
เหล่าน้ีบนกระดาน เช่น
Over half of the children live in one-parent families.
There were a few people sitting at the back of the hall.
ครูและนกั เรียนร่วมกนั อธิบายความหมายของ half of, most, a few, the majority

3. หนงั สือเรยี น หน้า 89 Ex. 2 นกั เรียนดูกราฟวงกลม แลว้ อ่านรายงานผลสารวจ และเลอื กคาทถ่ี กู ตอ้ ง
เสร็จแลว้ ครูเปิ ด CD ใหน้ กั เรียนฟังเพือ่ ตรวจคาตอบ

1 half 2 Most 3 a few 4 The majority
5 Most 6 Half 7 No one

485

4. ครูอธิบายภาระงานในหนงั สือเรียน หนา้ 89 Ex. 3 วา่ นกั เรียนจะไดส้ ารวจเกี่ยวกบั ภาพยนตร์ที่เพื่อน
ชอบ และสรุปเป็นกราฟวงกลม แลว้ เขยี นรายงานผลสารวจ

5. ครูใหน้ กั เรียนอา่ นคาถามใน Entertainment survey questions แลว้ ทาความเขา้ ใจคาถาม จากน้นั ครู
อธิบายวา่ ใหน้ กั เรียนใชค้ าถามท้งั สี่ขอ้ น้ีในการสารวจ

6. ครูใหน้ กั เรียนดูโครงสร้างการเขยี นรายงานผลสารวจในกรอบสีเขียว แลว้ ช่วยกนั สรุปวา่ มกี ่ียอ่ หนา้
แตล่ ะยอ่ หนา้ นกั เรียนตอ้ งเขยี นอะไร เพ่ือตรวจสอบความเขา้ ใจของนกั เรียน โดยครูแนะนาให้
นกั เรียนใชค้ าต่อไปน้ีในการเขยี นรายงาน half of, the majority of, some of, a few of, very few of,
most of, no one, everyone

7. ครูให้นกั เรียนเดินสารวจเพื่อนในช้นั 10 คน โดยใชค้ าถามใน Entertainment survey questions แลว้
จดบนั ทึกขอ้ มลู ครูอาจใหน้ กั เรียนทาเป็นตารางบนั ทึกขอ้ มลู

Name Question 1 Question 2 Question 3 Question 4

ข้นั Writing
หนังสือเรียน หน้า 89 Ex. 3 ครูใหน้ กั เรียนนาขอ้ มลู จากการสารวจมาสรุปเป็นกราฟวงกลม แลว้
เขียนรายงานผลสารวจเก่ียวกบั ภาพยนตท์ ่ีเพอื่ นชอบ

Class Film Survey

go to theatre: 30% drama: 10%
go to cinema 70% action films 30% comedies 60%

haven’t been to have watch a
thriller: 20%
cinema: 20% have been to cinema
have been to cinema this month: 50% haven’t watch a thriller: 80%
twice: 30%

486

I asked ten people in my class four questions about films. Here are the results of
my survey.
Most of the people like going to the cinema, but a few of them prefer going to the
theatre. The majority of the people prefer comedies, thirty per cent like action films
and ten per cent like drama. Half of the people have been to the cinema this month.
A few of the people have been twice. Two people haven’t been at all. Most of the
people haven’t watched a thriller, but some of them have.

ข้นั Post-writing
1. เมอื่ เสร็จแลว้ ครูให้นกั เรียนตรวจทานการสะกดคา ไวยากรณ์ การใชเ้ คร่ืองหมายวรรคตอน และ

ปรบั แกง้ านเขยี นมาส่งครูเมอ่ื ครูตรวจและส่งงานคนื นกั เรียนแลว้ ใหน้ กั เรียนออกมาพูดนาเสนอใน
คาบเรียนถดั ไป
2. แบบฝึกหดั (Workbook) หนา้ 59 Exs. 1-3 ให้นกั เรียนทาเป็นการบา้ น

ชั่วโมงท่ี 2

ข้นั Warm up
1. ครูให้นกั เรียนท้งั หอ้ งช่วยกนั เสนอ Pros and Cons ของการทาแบบสอบถามในเรื่องต่าง ๆ โดยเขียน

คาตอบของนกั เรียนบนกระดานโดยแบ่งกระดานออกเป็นสองฝ่ังแลว้ ใหน้ กั เรียนผลดั เปล่ียนกนั
ออกมาเขียนโดยครูให้เวลา 5 นาที เมื่อหมดเวลาครูใหน้ กั เรียนท้งั ช้นั ช่วยกนั อา่ นออกเสียงเพอ่ื ดูว่ามี
ขอ้ ดีหรือขอ้ เสียมากกว่ากนั

ข้นั Pre-speaking
1. ครูแนะนาข้นั ตอนของการนาเสนองานทเี่ หมาะสม และใหน้ กั เรียนช่วยกนั บอกประโยคทจี่ าเป็น

กอ่ นพูดนาเสนองานและหลงั จบการนาเสนอ
1) ทกั ทายก่อนนาเสนองาน ประโยคทีใ่ ชท้ กั ทาย เช่น Good morning./Good
afternoon./Hello, everyone.
2) บอกวตั ถปุ ระสงคก์ ารนาเสนอ ประโยคที่ใชท้ กั ทาย เช่น I am going to read/show the
survey report about films.

487

3) นาเสนองาน
4) ขอบคุณผฟู้ ัง ประโยคท่ใี ช้ เช่น Thank you for your attention.
2. ครูให้นกั เรียนช่วยกนั บอกมารยาทของผฟู้ ังทด่ี ี แลว้ ครูเขยี นบนกระดาน เช่น ต้งั ใจฟัง ไมค่ ยุ รบกวน
การนาเสนอ สบตาผพู้ ดู ปรบมือ ยกมือเมอื่ มีคาถามหรือตอ้ งการขดั จงั หวะ

ข้นั Speaking
ครูใหน้ กั เรียนหมนุ เวียนกนั ออกมาพดู นาเสนอรายงานผลสารวจเก่ียวกบั ภาพยนตร์ โดยครูจดบนั ทึก
จดุ ดีและจดุ ดอ้ ยของนกั เรียนในการนาเสนองานเพอ่ื เป็นขอ้ เสนอแนะให้นกั เรียน

ข้นั Post-Speaking
1. ครูให้ผลยอ้ นกลบั (feedback) ดา้ นการใชภ้ าษา เช่น การออกเสียง ไวยากรณ์ ภาษาท่าทาง เพอื่ ให้

นกั เรียนแตล่ ะคนนาไปปรับปรุงแกไ้ ขให้ดีข้นึ ในโอกาสตอ่ ไป
2. นกั เรียนทา Self-Check 7 ในหนงั สือเรียน หนา้ 119

7. การวัดและการประเมนิ ผล เคร่ืองมือ เกณฑ์การผ่าน
แบบประเมนิ การเขยี น ระดบั คุณภาพ พอใช้
วธิ ีการวดั
ประเมนิ การเขียนรายงานผลสารวจ แบบประเมนิ การพดู ระดบั คุณภาพ พอใช้
เก่ียวกบั ภาพยนตร์ที่เพื่อนชอบ
ประเมินการพดู นาเสนอรายงาน แบบประเมนิ คณุ ลกั ษณะ ระดบั คณุ ภาพ ผา่ น
ผลสารวจ อนั พงึ ประสงค์
สังเกตความใฝ่เรียนรู้และความม่งุ มน่ั
ในการทางาน

8. ส่ือ/แหล่งการเรียนรู้
1) หนงั สือเรียน SPARK 2 ม. 2
2) Class Audio CDs ประกอบส่ือฯ ชุด SPARK 2 ม. 2
3) แบบฝึกหัด SPARK 2 ม. 2

488

7 ASEAN corner 7

1 ช่ัวโมง

จุดประสงค์การเรยี นรู้
- บอกรายละเอยี ดของเรื่องท่อี ่านได้
- แสดงความคดิ เห็นเกี่ยวกบั สิ่งทคี่ วรทาและไมค่ วรในการท่องเท่ยี วแบบ ecotourism ได้

1. สาระ มาตรฐานการเรียนรู้/ตัวชีว้ ดั
สาระที่ 1 ภาษาเพอ่ื การสื่อสาร
มาตรฐาน ต 1.1 เข้าใจและตคี วามเร่ืองท่ฟี ังและอ่านจากส่ือประเภทต่าง ๆ และแสดงความคิดเห็น
อย่างมีเหตผุ ล
ตวั ช้ีวดั
ต 1.1 ม. 2/4 เลอื กหัวขอ้ เรื่อง ใจความสาคญั บอกรายละเอียดสนบั สนุน (supporting detail) และ
แสดงความคดิ เห็นเกี่ยวกบั เร่ืองท่ฟี ังและอา่ น พร้อมท้งั ให้เหตุผลและยกตวั อยา่ ง
งา่ ย ๆ ประกอบ
มาตรฐาน ต 1.2 มที ักษะการส่ือสารทางภาษาในการแลกเปลย่ี นข้อมลู ข่าวสาร แสดงความรู้สึกและ
ความคดิ เห็นอย่างมีประสิทธภิ าพ
ตวั ช้ีวดั
ต 1.2 ม. 2/5 พูดและเขยี นแสดงความรู้สึกและความคิดเห็นของตนเองเกี่ยวกบั เรื่องต่าง ๆ
กิจกรรม และประสบการณ์ พร้อมท้งั ให้เหตผุ ลประกอบอยา่ งเหมาะสม
มาตรฐาน ต 1.3 นาเสนอข้อมูลข่าวสาร ความคดิ รวบยอด และความคดิ เห็นในเรื่องต่าง ๆ โดยการพดู
และการเขยี น
ตวั ช้ีวดั
ต 1.3 ม. 2/2 พดู และเขยี นสรุปใจความสาคญั แกน่ สาระ หัวขอ้ เร่ือง (topic) ที่ไดจ้ ากการวิเคราะห์
เรื่อง/ข่าว/เหตุการณ์/สถานการณท์ อ่ี ยใู่ นความสนใจของสงั คม
ต 1.3 ม. 2/3 พูดและเขยี นแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกบั กิจกรรม เรื่องตา่ ง ๆ ใกลต้ วั และ
ประสบการณ์ พร้อมท้งั ใหเ้ หตุผลส้ัน ๆ ประกอบ

489

2. สาระสาคญั /ความคดิ รวบยอด
การเรียนรู้เก่ียวกบั ลกั ษณะการทอ่ งเทีย่ วเชิงอนุรักษ์ โดยเฉพาะในประเทศกลมุ่ ประชาคมอาเซียน

จะช่วยใหเ้ ขา้ ใจวิถีชีวติ ความเป็นอยู่ และสามารถปฏบิ ตั ติ นในระหว่างทอ่ งเท่ียวไดอ้ ยา่ งเหมาะสม

3. สาระการเรียนรู้

3.1 ทกั ษะเฉพาะวชิ า

1) Language Features and Functions

Vocabulary: Verbs (conserve, trek)

Nouns (ecotourism, environment, well-being, local guide, jungle,

kayaking, village lodge, homestay, funeral, ritual)

Adjectives (responsible, fantastic, mysterious)

Adverb (overnight)

2) Language Skills

Speaking: พูดแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกบั ส่ิงท่คี วรทาและไมค่ วรในการท่องเทย่ี วแบบ

ecotourism

Reading: อา่ นเพอ่ื หาขอ้ มูลเฉพาะ

4. สมรรถนะสาคญั ของผ้เู รียน
1) ความสามารถในการส่ือสาร
2) ความสามารถในการคดิ
3) ความสามารถในการใชท้ กั ษะชีวิต

5. คุณลกั ษณะอันพงึ ประสงค์
1) ใฝ่เรียนรู้
2) มุง่ มน่ั ในการทางาน

6. กจิ กรรมการเรียนรู้
ข้นั Warm up
1. ครูเขยี นคาวา่ ecotourism บนกระดาน แลว้ ให้นกั เรียนเดาความหมาย ครูช่วยดว้ ยการเขยี นแยกคา
eco และ tourism แลว้ อธิบายความหมายของ eco
eco- (prefix) = connected with the environment (เก่ียวกบั สิ่งแวดลอ้ ม)

490

ecotourism (n) = the business of organising holidays to natural areas, especially areas
that are far away such as the rain forest, where people can visit and
learn about the area in a way that will not hurt the environment
(การทอ่ งเทยี่ วเชิงอนุรักษ)์

2. ครูให้นกั เรียนเปิ ดพจนานุกรมเพื่อหาคาศพั ทค์ าอน่ื ท่ีข้ึนตน้ ดว้ ย eco- เช่น eco-friendly แลว้ ให้
นกั เรียนพูดบอกครู ครูเขยี นบนกระดาน แลว้ ให้นกั เรียนอา่ นคาศพั ทแ์ ละบอกความหมาย

3. ครูให้นกั เรียนช่วยกนั คดิ คาศพั ทท์ เ่ี ก่ียวขอ้ งกบั ecotourism แลว้ ครูเขียนบนกระดาน เช่น
environment, forest, hiking

ข้นั Pre-reading
1. ครูให้นกั เรียนดบู ทอา่ นในหนงั สือเรียน หนา้ 90 อยา่ งรวดเร็วเพอ่ื หาชื่อประเทศในกลมุ่ ประชาคม

อาเซียน
2. นกั เรียนดภู าพบา้ นในบทอ่านเรื่องท่ี 2 แลว้ ครูถามว่ามรี ูปทรงคลา้ ยกบั อะไร และนกั เรียนรู้ขอ้ มูล

อะไรบา้ งเก่ียวกบั บา้ นลกั ษณะแบบน้ี
3. ครูใหน้ กั เรียนดบู ทอา่ นอยา่ งรวดเร็วเพ่อื ขีดเสน้ ใตค้ าศพั ทย์ าก แลว้ ใหน้ กั เรียนบอกคาศพั ท์ ครูเขยี น

บนกระดาน จากน้นั ให้นกั เรียนหาความหมายในพจนานุกรม หรือครูช่วยอธิบาย
4. ครูใหน้ กั เรียนอา่ นคาถามในหนงั สือเรียน หนา้ 90 Ex. 1 แลว้ ขดี เส้นใตค้ าสาคญั

ข้นั Reading
หนงั สือเรยี น หน้า 90 Ex. 1 ครูใหน้ กั เรียนอา่ นบทอา่ นโดยหาคาสาคญั ท่ขี ีดเส้นใตไ้ ว้ แลว้ ตอบ
คาถาม จากน้นั ครูขออาสาสมคั รบอกคาตอบ

1 It is responsible travel to natural areas which conserves the environment and
improves the well-being of the local people.

2 Trekking, staying overnight in the jungle, kayaking, staying overnight in a
village lodge.

3 Staying in a homestay, learning about Toraja people and their culture, visit
Batutumonga.

4 Hire a local guide, Do not buy products made from endangered species, hard
woods or ancient objects, Respect people and their local cultures.

491

ข้นั Post-reading

1. หนังสือเรยี น หน้า 90 Ex. 2 ครูใหน้ กั เรียนแบ่งกลุ่มละ 3-5 คน ให้แต่ละกลุม่ ระดมสมองคิดสิ่งทีค่ วร
ทาและไมค่ วรในการท่องเทีย่ วแบบ ecotourism

2. ครูให้แตล่ ะกล่มุ ออกมานาเสนอหนา้ ช้นั เรียน จากน้นั ครูมอบหมายให้นกั เรียนนาขอ้ มลู ที่นาเสนอไป
จดั ทาโปสเตอร์แนะนานกั ทอ่ งเท่ยี ว แลว้ นามาส่งครูในชวั่ โมงหนา้

7. การวดั และการประเมนิ ผล เครื่องมือ เกณฑ์การผ่าน
สมุดนกั เรียน ร้อยละ 60
วิธีการวดั แบบประเมินช้ินงาน ระดบั คุณภาพ พอใช้
ตรวจการตอบคาถามจากการอ่าน
ประเมินช้ินงานโปสเตอร์แนะนา แบบประเมินคุณลกั ษณะ ระดบั คณุ ภาพ ผา่ น
นกั ทอ่ งเทย่ี ว อนั พงึ ประสงค์
สงั เกตความใฝ่เรียนรู้และความม่งุ มน่ั
ในการทางาน

8. สื่อ/แหล่งการเรียนรู้
1) หนงั สือเรียน SPARK 2 ม. 2
2) พจนานุกรมองั กฤษ-องั กฤษ
3) พจนานุกรมออนไลน์
4) อนิ เทอร์เน็ต

492

8 O-NET practice & Fun time 7

1 ชั่วโมง

จดุ ประสงค์การเรยี นรู้
- ทบทวนคาศพั ทแ์ ละไวยากรณ์ทเ่ี รียนมาแลว้ ในหน่วยการเรียนรู้ที่ 7
- เขยี น quiz เก่ียวกบั เน้ือหาทเ่ี รียนมาแลว้ ได้

1. สาระ มาตรฐานการเรียนรู้/ตวั ชี้วดั
สาระที่ 1 ภาษาเพอื่ การสื่อสาร
มาตรฐาน ต 1.1 เข้าใจและตีความเร่ืองท่ฟี ังและอ่านจากส่ือประเภทต่าง ๆ และแสดงความคดิ เห็น
อย่างมเี หตุผล
ตวั ช้ีวดั
ต 1.1 ม. 2/4 เลือกหัวขอ้ เร่ือง ใจความสาคญั บอกรายละเอยี ดสนบั สนุน (supporting detail) และ
แสดงความคดิ เห็นเกี่ยวกบั เรื่องทฟี่ ังและอา่ น พร้อมท้งั ให้เหตผุ ลและยกตวั อยา่ ง
ง่าย ๆ ประกอบ
สาระท่ี 2 ภาษาและวัฒนธรรม
มาตรฐาน ต 2.1 เข้าใจความสัมพนั ธ์ระหว่างภาษากับวฒั นธรรมของเจ้าของภาษา และนาไปใช้ได้
อย่างเหมาะสมกับกาลเทศะ
ตวั ช้ีวดั
ต 2.1 ม. 2/3 เขา้ ร่วม/จดั กิจกรรมทางภาษาและวฒั นธรรมตามความสนใจ

2. สาระสาคญั /ความคิดรวบยอด
การรู้และเขา้ ใจคาศพั ท์ โครงสร้างภาษา ช่วยให้พดู /เขยี นสื่อสาร และเขา้ ร่วมกิจกรรมทางภาษาได้

อยา่ งเหมาะสม

493


Click to View FlipBook Version