The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

แผนการจัดการเรียนรู้ ภาษาอังกฤษ ม.2
หนังสือ Spark

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by DanAngelo Q Bunlong, 2022-08-16 00:07:27

แผนการจัดการเรียนรู้ ภาษาอังกฤษ ม.2

แผนการจัดการเรียนรู้ ภาษาอังกฤษ ม.2
หนังสือ Spark

Keywords: แผนการจัดการเรียนรู้ ภาษาอังกฤษ ม.2

A: When was Marie Curie born? B: In 1867. When did she die?

A: In 1934. When was Genghis Khan born? B: In 1162. When did he die?

A: In 1227. When was Amelia Earhart born? B: In 1897. When did she die?

A: In 1937. When was Cleopatra born? B: In 69 BC. When did she die?

A: In 30 BC. When was Queen Victoria born? B: In 1819. When did she die?

A: In 1901. When was Abraham Lincoln born? B: In 1809. When did he die?

A: In 1865. When was William Wallace born? B: In 1270. When did he die?

A: In 1305.

3. ครูใหน้ กั เรียนดภู าพวาดในหนงั สือเรียน หนา้ 22 แลว้ สังเกตการแตง่ กายและแสดงความคิดเห็น
เก่ียวกบั อายแุ ละเช้ือชาตขิ องผูห้ ญงิ ในภาพ

4. หนังสือเรียน หน้า 22 Ex. 1 ครูถามนกั เรียนวา่ เคยไดย้ ินช่ือ Pocahontas หรือไม่ แลว้ ครูใหน้ กั เรียน
ช่วยกนั บอกขอ้ มลู ของ Pocahontas ทีน่ กั เรียนรู้ จากน้นั ให้นกั เรียนอภปิ รายร่วมกนั วา่ ทาไม
Pocahontas จึงถูกเรียกวา่ ‘Child of Peace’

5. ครูแบง่ กลมุ่ นกั เรียนออกเป็นกลุ่ม กลุ่มละ 3-5 คน ใหแ้ ตล่ ะกลมุ่ อา่ นคาถามและตวั เลือกท่ีใหม้ าใน
หนงั สือเรียน หนา้ 22 Ex. 2 และช่วยกนั ระดมสมองเพอื่ เลือกคาตอบในแต่ละขอ้ ท่ีคาดว่าจะเป็น
คาตอบที่ถกู ท่ีสุด โดยไมอ่ ่านบทอ่าน

6. นกั เรียนเปิ ดหนงั สือเรียนและฟังเรื่อง Pocahontas จาก CD ครูใหน้ กั เรียนขดี เสน้ ใตค้ าศพั ทย์ าก แลว้
อ่านออกเสียงคาศพั ทต์ ามครู 1 คร้ัง หลงั จากน้นั นกั เรียนอา่ นคาศพั ทพ์ ร้อมกนั แลว้ ครูช่วยอธิบาย
ความหมายของคาศพั ท์ หรือให้นกั เรียนเปิ ดหาความหมายในพจนานุกรม
chief (n) = the most important person, or one of the most important people, in a
company or organisation (ผนู้ า, หัวหนา้ )
peace (n) = a situation in which there is no war or fighting (ความสงบ, สนั ตภิ าพ)
colonist (n) = someone who settles in a new colony (ชาวอาณานิคม)
settle (v) = to go to a place where no people have lived permanently before and start to
live there (ต้งั ถ่ินฐาน)
arrest (v) = to take someone to a police station by the police because the police think
they have done something illegal (จบั กุม)

94

ข้นั Reading
หนังสือเรยี น หน้า 22 Ex. 2 ครูให้นกั เรียนอา่ นบทอา่ นเรื่อง Pocahontas แลว้ ให้แต่ละกลมุ่ ร่วมกนั
พจิ ารณาคาตอบทเ่ี ลือกอีกคร้ัง เสร็จแลว้ ครูสุ่มเรียกนกั เรียนให้ตอบคาถามกลมุ่ ละ 1 ขอ้ โดยใหก้ ลุม่
อืน่ ๆ ตรวจคาตอบร่วมกนั

1B 2B 3B 4C

ข้นั Post-reading
1. หนงั สือเรียน หน้า 22 Ex. 3 นกั เรียนอา่ นคาศพั ทท์ พี่ ิมพต์ วั หนาในแตล่ ะประโยคพร้อมกนั หากคาใด

นกั เรียนอ่านไมไ่ ด้ ให้อา่ นตามครู จากน้นั ให้นกั เรียนเลือกคาตอบท่ีถกู ตอ้ ง เสร็จแลว้ ครูสุ่มเรียก
นกั เรียนอา่ นประโยคพร้อมคาตอบท่เี ลือกคนละ 1 ประโยค ครูอธิบายเพ่มิ เตมิ สาหรบั ขอ้ ท่ีนกั เรียน
ยงั ไมเ่ ขา้ ใจ

1 chief 2 peace 3 arrested 4 colonists 5 manners

2. ครูถามคาถามใน THINK! และใหน้ กั เรียนแต่ละกลุม่ อภิปราย และเขียนประโยค 3-4 ประโยค เพ่ือ
อธิบายและแสดงเหตผุ ล จากน้นั ใหต้ วั แทนแตล่ ะกล่มุ อ่านประโยคของกลุ่มตนเองใหเ้ พ่อื นฟัง

3. หนังสือเรียน หน้า 22 Ex. 4 ครูให้นกั เรียนแต่ละกลมุ่ เขียนสรุปเร่ือง Pocahontas โดยใชค้ าท่ี
กาหนดให้ และใหน้ กั เรียนใชป้ ระโยคตวั อยา่ งที่ใหม้ าเป็นประโยคข้ึนตน้ เมือ่ เขียนเสร็จแลว้ ครูให้
นกั เรียนแตล่ ะกลุ่มอา่ นสรุปเรื่องของกลมุ่ ตนเองใหเ้ พื่อนกลมุ่ อื่นฟัง

4. ครูให้นกั เรียนแต่ละกลุ่มนาเรื่องทีเ่ ขยี นสรุปไปเขียนลงในกระดาษและตกแต่งให้สวยงาม

Pocahontas was the daughter of Powhatan, an important Indian chief. Pocahontas
was from Virginia. Her real name was Matoaka. Pocahontas’ people were the
Powhatans, Pocahontas tried to promote peace between her people and the
English who came to live in Virginia as colonists. Pocahontas saved the life of an
English captain called John Smith. She married an English colonist called John
Rolfe. They had a son called Thomas. She died in England while she was visiting
King James I.

95

5. แบบฝึกหัด (Workbook) หนา้ 12 Exs. 1-4 ใหน้ กั เรียนทาเป็นการบา้ น

ชั่วโมงที่ 2

ข้นั Warm up
1. ครูใหน้ กั เรียนวาดภาพเดก็ ผหู้ ญิงตามที่ครูบรรยาย โดยครูพดู บรรยาย 2 คร้ัง

(Nina is a little girl. She is short and slim. She has got long, wavy hair. Her face is round. She has
got big blue eyes, small nose, small mouth and full lips.)
2. ครูให้นกั เรียนช่วยกนั บรรยายลกั ษณะของ Nina โดยครูขออาสาสมคั ร 2 คน ออกมาช่วยกนั วาดภาพ
Nina ตามท่ีเพ่อื นบรรยายบนกระดาน จากน้นั ใหน้ กั เรียนเปรียบเทียบภาพท่ีตนเองวาดกบั ภาพท่ี
เพือ่ นวาดบนกระดาน
3. ครูใหน้ กั เรียนช่วยกนั คาดเดาเก่ียวกบั เร่ืองที่จะเรียนในวนั น้ี

ข้นั Presentation
1. หนังสือเรยี น หน้า 23 Ex. 5 ครูให้นกั เรียนอ่านออกเสียงคาศพั ทพ์ ร้อมกนั แลว้ ครูช่วยอธิบายคาว่า

spiky และ fair
spiky (adj) = (hair) sticking straight up from the head ((ผม) ต้งั )
fair (adj) = very light in colour (สีออ่ น)

ตอ่ มาครูอา่ นคาส่ังและอธิบายว่า คาคณุ ศพั ทท์ ่ีอยใู่ นแต่ละขอ้ ใชส้ าหรบั บรรยายลกั ษณะของอวยั วะ
ใดอวยั วะหน่ึง แลว้ ใหน้ กั เรียนพจิ ารณาว่าคาคุณศพั ทใ์ นแต่ละขอ้ ใชบ้ รรยายอวยั วะส่วนใด เสร็จแลว้
ตรวจคาตอบพร้อมกนั

1 hair 2 nose 3 face
4 eyes 5 mouth 6 lips

2. ครูพดู ประโยค แลว้ ใหน้ กั เรียนสังเกตการใชค้ าคุณศพั ทบ์ รรยายอวยั วะ เช่น Suda has got straight
hair. You have got blue eyes. จากน้นั ครูสุ่มเรียกนกั เรียนให้ใชค้ าคุณศพั ทใ์ นแตล่ ะขอ้ บรรยาย
อวยั วะส่วนต่าง ๆ ของเพอ่ื นในห้อง

96

3. หนังสือเรียน หน้า 23 Ex. 6 ให้นกั เรียนจบั คู่กบั เพื่อน ดหู ัวขอ้ ในตารางและตวั อยา่ งคาคุณศพั ทท์ อ่ี ยู่
ในตารางในแตล่ ะหวั ขอ้ ครูถามนกั เรียนวา่ การบรรยายลกั ษณะของคนนอกจากการใชค้ าคุณศพั ท์
บรรยายอวยั วะใน Ex. 5 แลว้ นกั เรียนคดิ ว่าการบรรยายลกั ษณะของคนสามารถบรรยายเก่ียวกบั
อะไรไดอ้ ีก (ความสูง อายุ น้าหนกั รูปร่างหนา้ ตา) จากน้นั ให้นกั เรียนอา่ นคาคณุ ศพั ทท์ ีใ่ หม้ าพร้อม
กนั แลว้ ช่วยกนั บอกความหมาย

4. ครูให้นกั เรียนแตล่ ะคูช่ ่วยกนั จดั กลมุ่ คาคณุ ศพั ทต์ ามหวั ขอ้ ในตาราง เสร็จแลว้ ครูวาดตารางบน
กระดาน และขออาสาสมคั ร 4 คน ออกมาเขยี นคาตอบคนละ 1 หัวขอ้ ครูตรวจคาตอบบนกระดาน

HEIGHT AGE WEIGHT LOOKS
tall, short, of old, young, fat, overweight, handsome,
medium height middle-aged plump, thin, slim, beautiful, ugly,
well built attractive

หลงั จากน้นั ครูยกตวั อยา่ งประโยคการใชค้ าคณุ ศพั ทเ์ หล่าน้ี เช่น Malee is tall and slim. Ben is
young and handsome. แลว้ ครูสุ่มเรียกนกั เรียนให้พดู ประโยคบรรยายเพอ่ื นในหอ้ งโดยใชค้ าคุณศพั ท์
ใน Ex. 6
5. หนังสือเรียน หน้า 23 Ex. 7 ครูใหน้ กั เรียนดูภาพ Dave, Helen, Bill, Jim และ Ann และอ่านชื่อของ
บุคคลท้งั 5 แลว้ ครูอธิบายว่า จะให้นกั เรียนพดู บรรยายบคุ คลท้งั 5 โดยใชค้ าคณุ ศพั ทจ์ าก Ex. 5 และ
Ex. 6 ครูถามคาถาม What does Dave look like? และให้นกั เรียนอา่ นประโยคตวั อยา่ งพร้อมกนั
จากน้นั ครูขออาสาสมคั รแถวละ 1 คน เพือ่ ถามคาถาม What does … look like? แลว้ ให้นกั เรียนท่ี
เป็นผถู้ ามเลือกผตู้ อบเอง ครูกระตนุ้ ให้นกั เรียนพดู บรรยายบุคคลท้งั 5 ให้ไดม้ ากทสี่ ุด โดยครูเขียน
คาถามและคาตอบของนกั เรียนบนกระดาน จากน้นั ให้นกั เรียนอา่ นพร้อมกนั

Helen is young, tall and thin. She’s got long curly, fair hair and full lips.
Bill is young, short and fat. He’s got short, straight, fair hair, a round face and big eyes.
Jim is tall and well built. He’s got short, dark hair, a long face, a big nose and thin lips.
Ann is old and slim and of medium height. She’s got short, curly, grey hair and thin lips.

97

6. หนังสือเรียน หน้า 23 Ex. 8 (ส่วนจบั คู่คา) ครูให้นกั เรียนฝ่ังซา้ ยอา่ นคาคุณศพั ท์ 1-6 และนกั เรียนฝ่ัง
ขวาอา่ นคาคณุ ศพั ท์ a-f คาใดทน่ี กั เรียนอ่านไมไ่ ดใ้ หอ้ ่านตามครู แลว้ ใหน้ กั เรียนช่วยกนั พจิ ารณาว่า
คาคุณศพั ทเ์ หล่าน้ีใชบ้ รรยายเกี่ยวกบั อะไร (ลกั ษณะนิสยั ) และครูสรุปให้อกี คร้ัง จากน้นั ใหน้ กั เรียน
จบั คูค่ าคณุ ศพั ทท์ ี่มคี วามหมายตรงขา้ มกนั แลว้ ตรวจคาตอบร่วมกนั และครูช่วยอธิบายความหมาย
ของคาศพั ทท์ ีน่ กั เรียนไมร่ ู้ เช่น
hardworking (adj) = working with a lot of effort (ขยนั )
cowardly (adj) = not brave (ข้ขี ลาด, ไม่กลา้ )

1e 2f 3a 4b 5c 6d

7. หนงั สือเรียน หน้า 23 Ex. 8 (ส่วนเติมคา) ครูเขยี นคาถาม What is … like? บนกระดาน และให้
นกั เรียนดูประโยคขอ้ 1 และเดาคาตอบ ตอ่ มาครูถามคาถาม What is his dad like? และขอ
อาสาสมคั ร 1 คน บอกคาตอบ โดยพดู ตอบท้งั ประโยค ครูเขยี นคาตอบบนกระดาน และใหน้ กั เรียน
พจิ ารณาร่วมกนั วา่ ถกู ตอ้ งหรือไม่ ครูให้นกั เรียนช่วยกนั อธิบายว่า สงั เกตจากคาใดในประโยคจึง
ตอบเช่นน้นั เมอื่ นกั เรียนตอบแลว้ ครูจึงอธิบายเพิ่มเตมิ วา่ การจะเลือกใชค้ าใดเพ่ือบรรยายลกั ษณะ
นิสยั น้นั ในแต่ละขอ้ จะมคี าหรือกลุม่ คาที่เป็น clue word(s) เช่น ขอ้ 1 คือ can wait จากน้นั ให้
นกั เรียนช่วยกนั บอก clue word(s) ของแตล่ ะขอ้ แลว้ ครูสุ่มเรียกนกั เรียน 5 คน ถามคาถามสาหรบั
ขอ้ 2-6 และใหผ้ ถู้ ามเลอื กผตู้ อบเอง

1 patient 2 hardworking 3 stupid
4 funny 5 brave 6 honest

8. ครูถามคาถามนกั เรียน What does (ช่ือนกั เรียน) look like? และขออาสาสมคั รตอบ แลว้ ครูถาม
คาถาม What is she/he like? และขออาสาสมคั รตอบ จากน้นั ใหน้ กั เรียนสรุปการใชค้ าถาม What
does ... look like ? และWhat is ... like?

What does ... look like? ใชถ้ ามลกั ษณะรูปร่างหนา้ ตา
What is ... like? ใชถ้ ามลกั ษณะนิสัย

98

ข้นั Practice

1. หนังสือเรยี น หน้า 23 Ex. 9 ครูแบง่ นกั เรียนเป็น 2 กลุ่ม กลุม่ แรกอา่ นคาถาม อกี กลุ่มหน่ึงอา่ น
คาตอบ จากน้นั สลบั บทบาทกนั

2. ใหน้ กั เรียนจบั ค่กู นั สนทนา โดยสามารถเปลีย่ น your best friend เป็นบคุ คลอนื่ ได้ เช่น เพ่อื นในช้นั ,
your dad, your mum, your sister

3. ครูสุ่มเรียกนกั เรียน 3-4 คู่ ออกมาพูดสนทนาหนา้ ช้นั เรียน

A: What does your mum look like?
B: She’s short and slim with long, curly, brown hair, green eyes and full lips.
A: What’s she like?
B: She’s hard working and clever.

ข้นั Production
1. หนงั สือเรียน หน้า 23 Ex. 10 ครูบอกนกั เรียนว่าจะไดฟ้ ังเรื่องราวของนกั รบหญงิ คนหน่ึง แลว้

พิจารณาวา่ ประโยค 1-5 ถูกหรือผดิ หากประโยคใดผิด ให้แกไ้ ขให้ถกู ตอ้ ง จากน้นั ครูให้นกั เรียน
อ่านประโยค 1-5 พร้อมกนั แลว้ เปิ ด CD ใหน้ กั เรียนฟังเรื่อง Boudicca: Britain’s First Warrior
ในขณะทฟ่ี ังให้นกั เรียนขีดเส้นใตข้ อ้ มูลทผ่ี ิด และเขียนขอ้ มลู ทถ่ี กู ตอ้ งไวด้ ว้ ย จากน้นั ครูใหน้ กั เรียน
ฟังเร่ืองอีกคร้งั และตรวจคาตอบร่วมกนั

1 F She was born in Britain. 4T
2 F She was tall with long red hair. 5 F She died in about 60 AD.
3T

2. หนังสือเรยี น หน้า 23 Ex. 11 นกั เรียนนาขอ้ มูลจาก Ex. 10 มาเตมิ ลงในช่องว่างในขอ้ ความให้
ถูกตอ้ ง เสร็จแลว้ ครูใหน้ กั เรียนอา่ น paragraph พร้อมกนั

99

Boudicca was born in Britain in the first century. She was very tall with long red
hair and very clever and brave. She went to war with the Romans. She died in
about 60 AD.

3. นกั เรียนทา Language Review 2a Exs. 1-2 ในหนงั สือเรียน หนา้ 106 ร่วมกนั ในช้นั
4. แบบฝึกหดั (Workbook) หนา้ 13 Exs. 5-8 ให้นกั เรียนทาเป็นการบา้ น

7. การวดั และการประเมนิ ผล เคร่ืองมือ เกณฑ์การผ่าน
แบบฝึกหัด (Workbook) ร้อยละ 60
วิธีการวดั
ตรวจการตอบคาถามจากการอ่านหรือ แบบสงั เกตพฤตกิ รรมการเรียนรู้ ระดบั คุณภาพ พอใช้
การฟัง
สังเกตการอภิปรายแสดงความคิดเห็น สมุดนกั เรียน -
เก่ียวกบั เร่ืองทอ่ี า่ น
ตรวจการบรรยายลกั ษณะของบคุ คล แบบประเมนิ การพดู ระดบั คณุ ภาพ พอใช้
ตามภาพทีก่ าหนด
ประเมนิ การพดู บรรยายลกั ษณะและ แบบประเมนิ การเขยี น ระดบั คณุ ภาพ พอใช้
นิสัยของบคุ คลอื่น แบบประเมนิ คณุ ลกั ษณะ ระดบั คณุ ภาพ ผ่าน
ประเมนิ การเขียนสรุปเรื่อง อนั พึงประสงค์
สังเกตความใฝ่เรียนรู้และความมงุ่ มน่ั
ในการทางาน

8. ส่ือ/แหล่งการเรียนรู้
1) หนงั สือเรียน SPARK 2 ม. 2
2) Class Audio CDs ประกอบสื่อฯ ชุด SPARK 2 ม. 2
3) แบบฝึกหัด SPARK 2 ม. 2
4) พจนานุกรมองั กฤษ-องั กฤษ
5) พจนานุกรมออนไลน์

100

2 Grammar 2b

2 ชั่วโมง

จุดประสงค์การเรยี นรู้
- อธิบายความเหมือนและความแตกตา่ งของประโยคภาษาไทยและภาษาองั กฤษได้
- เขียนประโยค Past simple ไดถ้ ูกตอ้ ง
- เขียน paragraph เกี่ยวกบั กิจกรรมที่ตนเองทาในวนั สุดสปั ดาหท์ ผี่ า่ นมาได้

1. สาระ มาตรฐานการเรียนรู้/ตัวชีว้ ดั
สาระท่ี 1 ภาษาเพือ่ การส่ือสาร
มาตรฐาน ต 1.3 นาเสนอข้อมลู ข่าวสาร ความคิดรวบยอด และความคิดเหน็ ในเรื่องต่าง ๆ โดยการพูด
และการเขียน
ตวั ช้ีวดั
ต 1.3 ม. 2/1 พูดและเขยี นบรรยายเกี่ยวกบั ตนเอง กิจวตั รประจาวนั ประสบการณ์ และขา่ ว/
เหตุการณ์ทอ่ี ยใู่ นความสนใจของสังคม
สาระที่ 2 ภาษาและวัฒนธรรม
มาตรฐาน ต 2.2 เข้าใจความเหมือนและความแตกต่างระหว่างภาษาและวัฒนธรรมของเจ้าของภาษา
กบั ภาษาและวัฒนธรรมไทย และนามาใช้อย่างถกู ต้องและเหมาะสม
ตวั ช้ีวดั
ต 2.2 ม. 2/1 เปรียบเทยี บและอธิบายความเหมอื นและความแตกต่างระหวา่ งการออกเสียงประโยค
ชนิดตา่ ง ๆ และการลาดบั คาตามโครงสร้างประโยคของภาษาตา่ งประเทศและ
ภาษาไทย

2. สาระสาคัญ/ความคดิ รวบยอด
การเรียนรู้และเขา้ ใจโครงสร้างทางภาษา ช่วยให้สามารถพูดและเขียนประโยคตา่ ง ๆ ไดถ้ กู ตอ้ ง

และเหมาะสมตามสถานการณ์ ตลอดจนเกิดความเขา้ ใจในความเหมือนและความต่างของภาษาองั กฤษ
และภาษาไทย

101

3. สาระการเรียนรู้

3.1 ทักษะเฉพาะวิชา

1) Language Features and Functions

Grammar: Past simple (regular and irregular verbs)

Used to

Prepositions of movement

Pronunciation: /t/, /d/, /Id/

watch, liked, walked, played, wanted, stopped

2) Language Skills

Speaking: สนทนาเกี่ยวกบั เหตุการณใ์ นอดีต

Writing: เขยี นใหข้ อ้ มูลเกี่ยวกบั ตนเอง

4. สมรรถนะสาคัญของผ้เู รียน
1) ความสามารถในการส่ือสาร
2) ความสามารถในการคิด

5. คุณลักษณะอันพึงประสงค์
- ใฝ่เรียนรู้

6. กิจกรรมการเรียนรู้

ช่ัวโมงท่ี 1

ข้นั Warm up
1. ครูให้นกั เรียนขีดเส้นใตค้ ากริยาในเรื่อง Pocahontas หนงั สือเรียน หนา้ 22 จากน้นั ใหน้ กั เรียน

ช่วยกนั บอกคาทข่ี ีดเสน้ ใต้ และครูเขียนบนกระดาน
2. นกั เรียนช่วยกนั ตรวจว่ามคี าใดบา้ งท่ีไม่ใช่คากริยาและเพิ่มคากริยาทหี่ ายไป จากน้นั ให้นกั เรียนอา่ น

คากริยาท้งั หมดบนกระดาน

102

ข้นั Presentation
1. ครูบอกนกั เรียนว่า คากริยาบนกระดานน้นั อยใู่ นรูป Past simple แลว้ ให้นกั เรียนจบั กลมุ่ ยอ่ ย ช่วยกนั

จดั กลมุ่ คากริยาบนกระดาน โดยใหก้ าหนดเกณฑท์ ่ใี ชใ้ นการจดั กลมุ่ เอง
2. ครูถามนกั เรียนแตล่ ะกล่มุ วา่ ใชเ้ กณฑใ์ ดในการจดั กลุ่ม แลว้ ครูสรุปให้ฟังว่าคากริยาบนกระดานจะ

แบ่งได้ 2 กลุ่ม คอื คากริยาทีเ่ ปลย่ี นรูป เรียกวา่ irregular และคากริยาที่เติม -ed เรียกว่า regular ครูขอ
อาสาสมคั รออกมาเขียนผลการจดั กลุ่มคากริยาบนกระดาน

คากริยาท่เี ปล่ยี นรูป ไดแ้ ก่ was, could, did, had, got
คากริยาทเ่ี ตมิ -ed ไดแ้ ก่ tried, arrived, settled, managed, believed, asked, started,
arrested, saved, stayed, liked, married, helped, died

จากน้นั ครูให้นกั เรียนสงั เกตคากริยาทเ่ี ตมิ -ed แลว้ ช่วยกนั บอกวา่ จะแยกคากริยาท่เี ตมิ -ed เป็นกลมุ่
ยอ่ ยโดยใช้เกณฑใ์ นการแยกอยา่ งไร แลว้ ครูจึงสรุปให้ฟังอกี คร้ัง

คากริยาท่เี ตมิ -ed ไดเ้ ลย ไดแ้ ก่ asked, started, arrested, helped
คากริยาทล่ี งทา้ ยดว้ ย e ให้เติม d ไดแ้ ก่ arrived, settled, managed, believed, saved, liked,
died
คากริยาที่ลงทา้ ยดว้ ย y และขา้ งหนา้ y เป็นพยญั ชนะ ให้เปล่ยี น y เป็น i แลว้ จึงเติม -ed
ไดแ้ ก่ tried, married
แตถ่ า้ ขา้ งหนา้ y เป็นสระ ใหเ้ ตมิ -ed ไดเ้ ลย ไดแ้ ก่ stayed

3. ครูอธิบายการออกเสียงคากริยาที่เติม -ed โดยออกเสียงคากริยาบนกระดานให้นกั เรียนฟังทีละคา
แลว้ ครูถามนกั เรียนวา่ ไดย้ นิ ครูออกเสียงทา้ ยคากริยาเป็นเสียงอะไรบา้ ง ให้นกั เรียนช่วยกนั ตอบ
แลว้ ครูจึงสรุปให้ฟัง

103

คากริยาท่เี ตมิ -ed จะออกเสียงได้ 3 เสียง คอื
1) ออกเสียง /t/ เม่อื คากริยาลงทา้ ยดว้ ยเสียงไมก่ อ้ ง (voiceless sound) ไดแ้ ก่ /k/, /p/, /s/

เช่น talk, tap, kiss
2) ออกเสียง /d/ เม่ือคากริยาลงทา้ ยดว้ ยเสียงกอ้ ง (voice sound) ไดแ้ ก่ /b/, /d/, /n/, /v/

เช่น rob, open, live
3) ออกเสียง /Id/ เมอ่ื คากริยาลงทา้ ยดว้ ยเสียง /t/, /d/ เช่น want, need

จากน้นั ครูให้นกั เรียนช่วยกนั จดั กลุ่มคากริยาทเ่ี ตมิ -ed บนกระดานตามหลกั การออกเสียง -ed
เสร็จแลว้ ใหน้ กั เรียนออกเสียงคากริยาที่จดั กลุม่ แลว้ คาละ 2 คร้ัง

/t/ /d/ /Id/
asked, helped, liked tried, arrived, settled, started, arrested
managed, believed, save,
stayed, married, died

4. ครูเขยี นประโยคบนกระดาน
She /They went to the museum last month?
Did she/they go to the museum last week?
No, she/they didn’t.

ครูใหน้ กั เรียนสงั เกตการใชค้ ากริยากบั ประธาน และรูปของคากริยาเมือ่ อยใู่ นประโยคคาถาม และ
ประโยคคาตอบ จากน้นั ให้นกั เรียนอภปิ รายร่วมกนั
5. หนังสือเรยี น หน้า 24 Ex. 1 ครูให้นกั เรียนศึกษาตาราง และช่วยกนั สรุปรูปของคากริยา Past simple
ในประโยคบอกเลา่ ปฏิเสธ และคาถามอกี คร้งั (คากริยา Past simple ใชไ้ ดก้ บั ประธานเอกพจนแ์ ละ
พหูพจน์ การทาเป็นประโยคปฏิเสธให้ใช้ didn’t/did not มาวางขา้ งหนา้ คากริยาหลกั และเปลยี่ น
คากริยาหลกั ให้อยใู่ นรูป base form ส่วนการทาเป็นประโยคคาถาม ใหใ้ ช้ did ข้นึ ตน้ ประโยค และ
เปลยี่ นคากริยาหลกั ให้อยใู่ นรูป base form)

104

ข้นั Practice
1. หนังสือเรียน หน้า 24 Ex. 2 นกั เรียนเขียนรูป Past simple ของคากริยาท่กี าหนดให้ เสร็จแลว้ ครูเปิ ด

CD ให้นกั เรียนฟังเพ่อื ตรวจคาตอบ โดยครูเขียนคาตอบบนกระดาน จากน้นั ให้นกั เรียนช่วยกนั ระบุ
วา่ คากริยาคาใดเป็น irregular แลว้ ครูขออาสาสมคั รอ่านคากริยาทเี่ ป็น irregular

1 came (I) 2 found (I) 3 changed 4 saw (I)
5 ate (I) 6 tried 7 had (I) 8 bought (I)
9 looked 10 went (I) 11 took (I) 12 gave (I)
13 listened 14 wanted 15 made (I)

2. หนังสือเรียน หน้า 24 Ex. 3 ครูเปิ ด CD ให้นกั เรียนฟังการออกเสียงคากริยาทเี่ ติม -ed และออกเสียง
ตาม จากน้นั ให้นกั เรียนฟัง CD อกี คร้ัง และทาเคร่ืองหมาย  ลงในตาราง เสร็จแลว้ ครูเฉลยคาตอบ
และให้นกั เรียนช่วยกนั คิดคากริยาเตมิ -ed ที่ออกเสียงท้งั 3 เสียง เพิ่มเตมิ

/t/ /d/ / Id/ /t/ /d/ /Id/
watched  played 
wanted  stopped 
liked  walked 

3. หนงั สือเรียน หน้า 24 Ex. 4 นกั เรียนเปล่ียนคากริยาในวงเลบ็ ให้อยใู่ นรูป Past simple เสร็จแลว้ ครู
สุ่มเรียกนกั เรียนอ่านประโยคคนละ 1 ประโยค พร้อมสะกดคากริยา จากน้นั ให้นกั เรียนช่วยกนั ระบุ
ว่าคากริยาคาใดเป็น irregular และคาใดเป็น regular

1 took (I) 2 was (I) 3 visited (R) 4 went (I)
5 ate (I) 6 saw (I) 7 walked (R) 8 had (I)

105

ข้นั Production
1. หนงั สือเรียน หน้า 24 Ex. 5 นกั เรียนดูภาพ และเขยี นประโยคใหมใ่ หถ้ ูกตอ้ ง เสร็จแลว้ ครูขอ

อาสาสมคั รอา่ นประโยคขอ้ ละ 1 คน

2 They didn’t go with their parents. They went with their grandparent.
3 They didn’t wear their school uniform. They wore casual clothes.
4 They didn’t see an exhibition about the ancient Greeks. They saw an exhibition

about the ancient Egyptians.
5 Tom didn’t take his MP3 player. He took his digital camera.
6 Lucy didn’t buy a book from the gift shop. She bought some pencils.
7 They didn’t feel bored. They felt happy.

2. แบบฝึกหัด (Workbook) หนา้ 14 Exs. 1-4 ใหน้ กั เรียนทาเป็นการบา้ น

ชั่วโมงท่ี 2

ข้นั Warm up
1. ครูบอกคากริยา Present simple ให้นกั เรียนบอก Past simple ของคากริยาน้นั
2. ครูให้นกั เรียนแต่ละแถวแข่งกนั เปลย่ี นประโยคบอกเลา่ เป็นประโยคคาถาม Yes/No question โดยครู

จะพูดประโยคบอกเลา่ แถวใดยกมือข้ึนกอ่ นจะไดพ้ ูดประโยคกอ่ น ถา้ พดู ประโยคถูกตอ้ งจะได้ 1
คะแนน เช่น

T: Linda played basketball yesterday.
แถวท่ี 1: Did Linda play basketball yesterday?
T: Correct. Get 1 point.

ข้นั Presentation
1. หนงั สือเรียน หน้า 25 Ex. 7 ครูทบทวนประโยคคาถาม Yes/No question ในรูป Past simple โดย

นกั เรียนอ่านประโยคคาถามและคาตอบขอ้ 1 พร้อมกนั แลว้ ครูสุ่มเรียกนกั เรียนทีละแถวใหถ้ าม
คาถาม และสุ่มเรียกอกี แถวให้ตอบคาถาม จนครบท้งั 5 ขอ้

106

2 A: Did your dad drive you to school yesterday?
B: Yes, he did./No, he didn’t.

3 A: Did your family have a beach holiday last year?
B: Yes, they did./No, they didn’t.

4 A: Did you have a big breakfast yesterday morning?
B: Yes, I did./No, I didn’t.

5 A: Did your friend send you a text message last night?
B: Yes, he did./No, he didn’t.

2. ครูเขียนประโยคคาถามขอ้ 2 Did your dad drive you to school yesterday? บนกระดาน โดยขีดเส้น
ใตค้ าวา่ yesterday และเขียนคาตอบ No, he didn’t. ครูถามนกั เรียนว่า ถา้ ตอ้ งการถามเวลาทถี่ ูกตอ้ งที่
พอ่ ขบั รถพาไปโรงเรียน นกั เรียนจะใช้ wh-word คาใด ครูกระตนุ้ ให้นกั เรียนตอบ when เมื่อนกั เรียน
ตอบแลว้ ครูเขยี น When บนกระดาน ตามดว้ ยประโยคคาถามเดิม และตดั คาวา่ yesterday ออก
Question: Did your dad drive you to school yesterday?
Answer: No, he didn’t.
Question: When did your dad drive you to school?
Answer: Last Monday./Last week. etc.
ตอ่ มาครูเขียนคาถามขอ้ 5 Did your friend send you a text message last night? โดยขีดเส้นใต้ text
message แลว้ ถามนกั เรียนว่า ถา้ ตอ้ งการคาตอบเป็นสิ่งอืน่ ท่ีไมใ่ ช่ text message ตอ้ งถามวา่ อยา่ งไร
(What did your friend send you last night?) และถา้ ตอ้ งการคาตอบเป็นเวลาอ่ืนทไี่ ม่ใช่ last night
ตอ้ งถามว่าอยา่ งไร (When did your friend send you a text message?)

3. ครูเขียนประโยค Past simple ที่ใช้ used to และไมใ่ ช้ used to บนกระดาน และขีดเสน้ ใตค้ ากริยา
แลว้ ให้นกั เรียนแสดงความคดิ เห็นวา่ ประโยคท้งั สองเหมือนหรือต่างกนั อยา่ งไร
- My grandfather played tennis when he was young.
My grandfather used to play tennis when he was young.
- Did your grandfather play tennis when he was young?
Did your grandfather use to play tennis when he was young?
- Yes, he did.

107

จากน้นั ใหน้ กั เรียนศึกษาตารางในหนังสือเรียน หน้า 25 Ex. 9a และอภปิ รายร่วมกนั ว่าในภาษาไทยมี
รูปประโยคในลกั ษณะน้ีหรือไม่
4. ครูนาเสนอ prepositions of movement: across, along, into, over, past, through, up, down, towards
โดยการวาดภาพงา่ ย ๆ บนกระดาน และออกเสียง ให้นกั เรียนออกเสียงตาม และช่วยกนั บอก
ความหมาย

ข้นั Practice
1. หนงั สือเรยี น หน้า 25 Ex. 8 ครูให้นกั เรียนเขียนประโยค Past simple เก่ียวกบั ตนเองโดยใชค้ าบอก

เวลาท่กี าหนดให้ เสร็จแลว้ ครูสุ่มเรียกนกั เรียน 1 คน อ่านประโยคของตนเอง เม่อื นกั เรียนอ่าน
ประโยคแลว้ ครูถามคาถามโดยใช้ when เป็นตวั อยา่ ง ให้นกั เรียนท้งั ช้นั ตอบพร้อมกนั เช่น

S1: I went to the cinema last night.
T: When did he go to the cinema?
Class: He went to the cinema last night.
จากน้นั ครูสุ่มเรียกนกั เรียน 5-6 คน อา่ นประโยคของตนเอง แลว้ ครูขออาสาสมคั รเป็นผถู้ ามคาถาม
โดยใช้ when และให้นกั เรียนท้งั ช้นั ตอบพร้อมกนั

I had cereal for breakfast yesterday morning.
I watched a DVD last night.
I bought a new CD yesterday.
I went to the cinema last Sunday.

2. หนังสือเรยี น หน้า 25 Ex. 6 ครูให้นกั เรียนใชค้ าทใ่ี ห้มาเขยี นประโยคคาถามให้ถูกตอ้ ง พร้อมท้งั ตอบ
คาถามโดยเลอื กจากคาตอบทกี่ าหนดให้ เสร็จแลว้ ครูขออาสาสมคั รอา่ นคาถามและคาตอบ ให้
นกั เรียนตรวจคาตอบร่วมกนั

108

2 Where in Egypt did Cleopatra live? She lived in Alexandria.
3 Who did Lady Diana marry? She married Prince Charles.
4 What did Marie Curie discover? She discovered radium.
5 When did Leonardo da Vinci paint the Mona Lisa? He painted it from 1503-1506.
6 What did Amelia Earhart do? She flew across the Atlantic Ocean alone.
7 When did Abraham Lincoln die? He died in 1865.

3. หนังสือเรียน หน้า 25 Ex. 9b ครูให้นกั เรียนเขยี นประโยคบอกสิ่งที่ Peter เคยทา/ไมเ่ คยทาเม่ือตอน
10 ขวบ โดยใช้ used to ร่วมกบั คาทก่ี าหนดให้ เสร็จแลว้ ครูใหน้ กั เรียนอา่ นประโยคพร้อมกนั เพอื่
ตรวจคาตอบ

2 He used to play in the street.
3 He didn’t use to surf the Net.
4 He used to wear glasses.
5 He didn’t use to play video games.
6 He didn’t use to go to bed late.
7 He used to ride a bike.
8 He didn’t use to drive a car.

4. ครูใหน้ กั เรียนจบั คกู่ บั เพ่อื น ผลดั กนั พดู บอกประสบการณ์ของตนเองตามขอ้ 1-8 ใน Ex. 9b เช่น I
didn’t use to play in the street. สุ่มเรียกนกั เรียน 2 คน พูดบอกประสบการณ์ของตนเองใหเ้ พอื่ นฟัง

5. หนังสือเรียน หน้า 25 Ex. 10 นกั เรียนอ่านเน้ือเรื่อง แลว้ นา preposition ไปเติมลงในช่องวา่ ง
เสร็จแลว้ ครูตรวจคาตอบ

1 along 2 past 3 through 4 towards 5 up
6 down 7 over 8 across 9 into

109

ข้นั Production
1. หนังสือเรยี น หน้า 25 Ex. 11 นกั เรียนเขยี น paragraph เกี่ยวกบั กิจกรรมท่ีตนเองทาในวนั สุดสัปดาห์

ทผี่ า่ นมา โดยให้มีความยาวอยา่ งนอ้ ย 5 ประโยค

Last weekend, I went shopping with my friend on Saturday. We tried on some
clothes and I bought a pair of jeans and then we had lunch. After, we went to
the cinema. I had a great time! On Sunday, I stayed at home and relaxed. I read
a book and watched some TV.

2. นกั เรียนทา Grammar Bank 2 ในแบบฝึกหดั (Workbook) หนา้ 75 Exs. 1-7
3. แบบฝึกหัด (Workbook) หนา้ 14-15 Exs. 5-8 ให้นกั เรียนทาเป็นการบา้ น

7. การวัดและการประเมนิ ผล เคร่ืองมือ เกณฑ์การผ่าน

วธิ กี ารวดั แบบสังเกตพฤติกรรมการเรียนรู้ ระดบั คุณภาพ พอใช้
สงั เกตการอธิบายเปรียบเทียบความ
เหมือนและความต่างของประโยค สมุดนกั เรียน -
ภาษาองั กฤษและภาษาไทย แบบประเมนิ การเขยี น ระดบั คุณภาพ พอใช้
ตรวจการเขียนประโยค Past simple
ประเมินการเขยี น paragraph เก่ียวกบั แบบประเมินคณุ ลกั ษณะอนั พงึ ระดบั คุณภาพ ผ่าน
กิจกรรมท่ีตนเองทาในวนั สุดสัปดาห์ ประสงค์
ทผี่ ่านมา
สงั เกตความใฝ่เรียนรู้และความม่งุ มนั่
ในการทางาน

8. ส่ือ/แหล่งการเรียนรู้
1) หนงั สือเรียน SPARK 2 ม. 2
2) Class Audio CDs ประกอบส่ือฯ ชุด SPARK 2 ม. 2
3) แบบฝึกหัด SPARK 2 ม. 2
4) พจนานุกรมองั กฤษ-องั กฤษ
5) พจนานุกรมออนไลน์

110

3 Skills 2c

2 ชั่วโมง

จุดประสงค์การเรยี นรู้
- เขยี นสรุปใจความสาคญั จากเรื่องทอี่ ่านได้
- เลา่ เร่ืองทฟี่ ังได้
- เขียนอเี มลเลา่ ประสบการณ์ของตนเองได้

1. สาระ มาตรฐานการเรียนรู้/ตัวชีว้ ัด
สาระท่ี 1 ภาษาเพื่อการสื่อสาร
มาตรฐาน ต 1.1 เข้าใจและตีความเรื่องทฟ่ี ังและอ่านจากสื่อประเภทต่าง ๆ และแสดงความคดิ เหน็
อย่างมเี หตุผล
ตวั ช้ีวดั
ต 1.1 ม. 2/4 เลือกหัวขอ้ เร่ือง ใจความสาคญั บอกรายละเอียดสนบั สนุน (supporting detail) และ
แสดงความคิดเห็นเก่ียวกบั เรื่องทฟี่ ังและอา่ น พร้อมท้งั ใหเ้ หตุผลและยกตวั อยา่ ง
งา่ ย ๆ ประกอบ
มาตรฐาน ต 1.2 มที ักษะการส่ือสารทางภาษาในการแลกเปลย่ี นข้อมลู ข่าวสาร แสดงความรู้สึกและ
ความคดิ เห็นอย่างมปี ระสิทธภิ าพ
ตวั ช้ีวดั
ต 1.2 ม. 2/4 พูดและเขยี นเพอื่ ขอและใหข้ อ้ มลู บรรยาย และแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกบั เรื่องท่ฟี ัง
หรืออ่านอยา่ งเหมาะสม
มาตรฐาน ต 1.3 นาเสนอขอ้ มลู ข่าวสาร ความคิดรวบยอด และความคดิ เห็นในเรื่องตา่ ง ๆ โดยการพูด
และการเขยี น
ตวั ช้ีวดั
ต 1.3 ม. 2/1 พดู และเขียนบรรยายเกี่ยวกบั ตนเอง กิจวตั รประจาวนั ประสบการณ์ และข่าว/
เหตกุ ารณ์ทอี่ ยใู่ นความสนใจของสังคม

111

2. สาระสาคญั /ความคิดรวบยอด
การเรียนรู้เก่ียวกบั ใจความสาคญั เขา้ ใจความสัมพนั ธข์ องการเขียนตามลาดบั เหตุการณ์ รวมท้งั

การมีความรู้และความเขา้ ใจเกี่ยวกบั การใชค้ าทแ่ี สดงลาดบั เวลาจะช่วยให้สามารถนาคาศพั ท์ ประโยค
ต่าง ๆไปใชใ้ นการเขยี นไดอ้ ยา่ งถูกตอ้ งตามโครงสร้างของการเขียน ไดถ้ ูกตอ้ งและน่าสนใจ

3. สาระการเรียนรู้
3.1 ทกั ษะเฉพาะวชิ า
1) Language Features and Functions
Vocabulary: Verbs (cool, fit together, cross, fight)
Nouns (bridge of rocks, giant, enemy, eruption, surface, Irish legend, result,
size, boiling lava, place of myth and legend)
Adjectives (powerful, mysterious, terrified, huge)
Phrase (wonder of nature)
Functions: Narrating a story
Once there was a giant called Finn MacCool who built a rock bridge from
Ireland to Scotland.
2) Language Skills
Listening: ฟังเพ่อื หาขอ้ มูลเฉพาะ
Speaking: เล่าเร่ือง Finn MacCool and the Giant’s Causeway
Writing: เขียนอเี มล

4. สมรรถนะสาคญั ของผ้เู รียน
1) ความสามารถในการสื่อสาร
2) ความสามารถในการคิด

5. คุณลกั ษณะอันพึงประสงค์
1) ใฝ่เรียนรู้
2) มงุ่ มน่ั ในการทางาน

112

6. กจิ กรรมการเรียนรู้

ชั่วโมงท่ี 1

ข้นั Warm up
1. นกั เรียนดูภาพ Finn MacCool ในหนงั สือเรียน หนา้ 26 ครูสนทนาบอกนกั เรียนว่า Finn MacCool

เป็นยกั ษ์ เพ่อื ให้นกั เรียนทราบขอ้ มลู เบ้อื งตน้ เก่ียวกบั Finn MacCool แลว้ ให้นกั เรียนจบั คู่กนั นาคาท่ี
ครูกาหนดให้ ไดแ้ ก่ lived, sea, bridge, surface, walk, made เตมิ ลงในขอ้ ความ (ครูอาจเขียนขอ้ ความ
บนกระดานใหน้ กั เรียนลอกลงสมุด หรือพมิ พใ์ ส่กระดาษแจกนกั เรียน) เสร็จแลว้ ครูเฉลยคาตอบ

The Giant Causeway is a bridge between Ireland and Scotland. Finn lived in Ireland.
He made a bridge by throwing rocks into the sea. People can walk on it but they
can’t walk to Scotland, because it is under the surface of the sea.

2. ครูขออาสาสมคั รอา่ นขอ้ ความทเี่ ติมสมบูรณแ์ ลว้ จากน้นั ครูบอกนกั เรียนวา่ ขอ้ ความน้ีเป็นส่วนหน่ึง
ของเร่ืองที่จะเรียนในวนั น้ี

ข้นั Presentation
1. ครูให้นกั เรียนอา่ นคาศพั ทใ์ นกรอบ check these words พร้อมกนั คา/กลุม่ คาใดนกั เรียนอ่านไม่

ถูกตอ้ งใหน้ กั เรียนอ่านตามครู จากน้นั ให้นกั เรียนช่วยกนั บอกความหมาย คา/กล่มุ คาใดทนี่ กั เรียน
บอกความหมายไมไ่ ด้ ใหน้ กั เรียนเปิ ดหาความหมายในพจนานุกรม
2. หนงั สือเรียน หน้า 26 Ex. 1 ครูสุ่มเรียกนกั เรียน 3-4 คน อา่ นเน้ือเร่ือง Finn MacCool and the Giant’s
Causeway ที่ยงั ไม่สมบรู ณ์ เพื่อให้นกั เรียนไดเ้ ห็นเน้ือเร่ืองโดยรวม จากน้นั ครูขออาสาสมคั รตอบว่า
ในช่องวา่ งแตล่ ะขอ้ น่าจะเตมิ คาชนิดใด (noun/verb/adjective) พร้อมบอกเหตุผล โดยครูคอยอธิบาย
เพ่มิ เติม
3. ครูให้นกั เรียนจบั คูช่ ่วยกนั เติมเน้ือเร่ืองให้สมบรู ณ์ โดยเลือกคา/กลมุ่ คาจากกรอบ check these words
มาเตมิ
4. ครูเปิ ด CD ให้นกั เรียนฟังเรื่อง Finn MacCool and the Giant’s Causeway และตรวจคาตอบที่
นกั เรียนเตมิ

113

1. bridge of rocks 2. fit together 3. surface
4. huge 5. enemy 6. cross
7. terrified 8. result 9. eruption

ข้นั Practice
1. นกั เรียนอา่ นเร่ือง Finn MacCool and the Giant’s Causeway ที่เติมสมบรู ณ์แลว้ พร้อมกนั
2. ครูแบ่งนกั เรียนเป็นกลุม่ กลมุ่ ละ 4 คน ให้แตล่ ะกลุ่มตอบคาถามจากซองคาถามที่ครูแจกใหก้ ลมุ่ ละ

1 ซอง

Questions
1) How many characters are in the story?
2) Who built the rock bridge?
3) Who push down the rocks? Why?
4) Why Finn’s wife dressed him in baby’s clothes?
5) Do you believe the legend or the scientists about the Giant’s Causeway? Why?

Suggested Answer Key
1) There are three characters in the story.
2) Finn MacCool did.
3) Benandonner did. He didn’t want Finn to follow him.
4) She couldn’t wake her husband.
5) (Ss’ own answer)

ข้นั Production
1. หนังสือเรยี น หน้า 26 Ex. 2a นกั เรียนอา่ น notes เกี่ยวกบั โครงเรื่องของเร่ือง Finn MacCool and the

Giant’s Causeway แลว้ ช่วยกนั บอกขอ้ มลู
2. นกั เรียนฟังเร่ืองอีกคร้งั และเติมขอ้ มลู ลงใน notes จากน้นั ครูขออาสาสมคั รบอกขอ้ มลู ทเ่ี ตมิ

114

main character: Finn MacCool, his wife, Benandonner
where he/they lived: Finn MacCool and his wife lived in Ireland, Benandonner
lived in Scotland.
how the story began: Finn MacCool and Benandonner were enemies, but they
couldn’t cross the sea to fight.
what happened next: Finn had the idea to build a rock bridge across the sea, this
made him tired so he went to sleep.
what was the main event: While Finn was sleeping, Benandonner ran across the
bridge. Finn’s wife couldn’t wake her husband so she dressed him as a baby. When
Bnnandonner saw the size of the sleeping baby, he imagined the size of Finn; he
got scared.

3. นกั เรียนทา Language Review 2c Ex. 3 ในหนงั สือเรียน หนา้ 106 ร่วมกนั ในช้นั
4. แบบฝึกหดั (Workbook) หนา้ 16 Ex. 3 ให้นกั เรียนฟัง CD แลว้ จบั ค่บู ุคคลกบั กิจกรรมให้ถูกตอ้ ง
5. แบบฝึกหัด (Workbook) หนา้ 16 Exs. 1-2 ให้นกั เรียนทาเป็นการบา้ น

ช่ัวโมงที่ 2

ข้นั Warm up
1. ครูเขียนประโยคเกี่ยวกบั เรื่อง Finn MacCool and the Giant’s causeway บนกระดาน หรือพมิ พใ์ ส่

กระดาษแจกนกั เรียน แลว้ ใหน้ กั เรียนอา่ นประโยคและพิจารณาวา่ ประโยคถูกหรือผิดจากเร่ืองท่ีเรียน
มาแลว้ หากประโยคใดผิดใหน้ กั เรียนแกใ้ ห้ถูกตอ้ ง

1 The Giant’s Causeway is a rock bridge between England and Scotland.
2 Giant Finn MacCool lived in Scotland while his enemy lived in England.
3 Giant Finn made the bridge by throwing the rocks into the sea.
4 Benandonner ran across the bridge and saw Finn’s baby.
5 Benandonner was terrified by the size of the baby and ran back home.

115

2. นกั เรียนตรวจคาตอบร่วมกนั

 1 The Giant’s Causeway is a rock bridge between Ireland and Scotland.
 2 Giant Finn MacCool lived in Ireland while his enemy lived in Scotland.
3
 4 Benandonner ran across the bridge and saw Finn’s in baby clothes.
5

ข้นั Presentation
1. หนังสือเรยี น หน้า 26 Ex. 2b ครูให้นกั เรียนแบง่ กลุ่ม กลุม่ ละ 4 คน แลว้ ให้นกั เรียนอา่ นคากริยาที่

กาหนดให้พร้อมกนั ครูขออาสาสมคั รกลมุ่ ละ 1 คน บอก Past simple ของคากริยาดงั กลา่ ว
2. ครูให้นกั เรียนแต่ละกลุ่มช่วยกนั เขียนประโยคเก่ียวกบั เร่ือง Finn MacCool and the Giant’s

Causeway โดยใชค้ ากริยาทก่ี าหนดให้
3. ครูขอตวั แทนกลมุ่ กลุ่มละ 1 คน อ่านประโยคของกล่มุ ตนเอง นกั เรียนคนอ่ืนช่วยตรวจความถูกตอ้ ง

หากมปี ระโยคใดไมถ่ กู ตอ้ ง นกั เรียนช่วยกนั ปรบั แก้ จากน้นั ครูให้ทกุ กลุ่มนาประโยคท้งั หมดมาเรียง
ตามลาดบั เหตกุ ารณ์
4. ครูอธิบายการใชค้ าบอกลาดบั เหตุการณ์ โดยยกตวั อยา่ งประโยค เช่น

- Once there was a princess called Snow White.
- One day a prince rode a horse into the forest and saw Snow White sleeping. etc.
5. ครูขออาสาสมคั รกลุ่มละ 1 คน แต่งประโยคโดยใชค้ าบอกลาดบั เหตุการณ์ที่กาหนดใหใ้ น Ex. 2b ครู
คอยให้คาแนะนา

ข้นั Practice
1. นกั เรียนแต่ละกลุ่มช่วยกนั ร้อยเรียงประโยคเก่ียวกบั เรื่อง Finn MacCool and the Giant’s Causeway

ใหเ้ ป็นขอ้ ความ โดยเลือกใชค้ าบอกลาดบั เหตกุ ารณท์ ก่ี าหนดให้ใน Ex. 2b เป็นตวั เช่ือมประโยค ครู
เดินสงั เกตการทางานของนกั เรียนและใหค้ าแนะนา
2. ครูใหแ้ ตล่ ะกลุ่มเล่าเร่ืองของกลมุ่ ตนเองให้เพอ่ื นกลุม่ อ่นื ฟัง เมื่อกลมุ่ อน่ื ฟังแลว้ ให้เปรียบเทียบกบั
เร่ืองของกลมุ่ ตน

116

Once, there was a giant called Finn MacCool who built a rock bridge from Ireland
to Scotland. Finn lived in Ireland and his enemy, Benandonner, lived over the sea
in Scotland. They couldn’t cross the sea to fight. One day Finn threw rocks into
the sea and made a bridge. Then he was tired so he went to sleep. Benandonner
started running across the bridge. Finn’s wife tried to wake him up, but he
didn’t, so she dressed him in baby’s clothes. When Benandonner saw the sleeping
baby, he imagined the size of the father. He was scared. In the end, Benandonner
ran back to Scotland and pushed down the rocks so Finn couldn’t follow him.

ข้นั Production
1. หนงั สือเรียน หน้า 26 Ex. 3 ครูให้นกั เรียนจินตนาการวา่ ไดไ้ ปเท่ยี ว Giant’s Causeway ที่ Ireland

แลว้ ให้นกั เรียนเขียนอเี มลถงึ เพ่อื นต่างชาติ ความยาวประมาณ 60-80 คา โดยเขียนเก่ียวกบั where
you went, what it looks like, what the legend says, what you thought/how you felt ครูให้นกั เรียน
ข้นึ ตน้ อีเมลดว้ ย Dear และลงทา้ ยดว้ ย See you soon และแนะนาว่านกั เรียนสามารถใชข้ อ้ มลู จาก
เร่ือง Finn MacCool and the Giant’s Causeway ใน Ex. 1 และ Ex. 2 มาเขียนได้
(สาหรับช้นั เรียนเดก็ ออ่ นครูอาจจะเขยี นอีเมลใหด้ บู นกระดาน โดยเวน้ ช่องว่างเพ่ือให้นกั เรียนนาคา
ที่กาหนดใหไ้ ปเติม เช่น คาว่า time, best, bridge, rocks, surface, giant, cross, enemy)

Dear Andrew,
I’m back from Ireland. I had a wonderful time and I visited some great places, but
the best was the Giant’s Causeway. It’s a rock bridge that stretches from Ireland to
Scotland. It’s made of thousands of rocks that fit together to make a surface you
can walk on. It leads out into the sea. There is a legend that a giant called Finn
MacCool built the bridge to cross the sea to Scotland to fight his enemy. It was
amazing, I felt so small standing on it. I took lots of pictures for you to see.
See you soon,
Brian

117

2. แบบฝึกหัด (Workbook) หนา้ 17 Ex. 8 ใหน้ กั เรียนฟัง CD แลว้ เตมิ คาลงในช่องว่าง
3. แบบฝึกหัด (Workbook) หนา้ 17 Exs. 4-7 ให้นกั เรียนทาเป็นการบา้ น

7. การวัดและการประเมนิ ผล

วธิ กี ารวดั เคร่ืองมือ เกณฑ์การผ่าน

ตรวจการเขียนขอ้ มูลตามโครงเรื่องท่ีฟัง สมุดนกั เรียน -

สงั เกตการพูดเล่าเร่ือง Finn MacCool and แบบสังเกตพฤติกรรมการเรียนรู้ ระดบั คณุ ภาพ พอใช้

the Giant’s Causeway

ประเมนิ การเขียนอเี มล แบบประเมนิ การเขยี น ระดบั คณุ ภาพ พอใช้

สังเกตความใฝ่เรียนรู้และความมงุ่ มน่ั ใน แบบประเมินคุณลกั ษณะอนั พึง ระดบั คณุ ภาพ ผา่ น

การทางาน ประสงค์

8. สื่อ/แหล่งการเรียนรู้
1) หนงั สือเรียน SPARK 2 ม. 2
2) Class Audio CDs ประกอบส่ือฯ ชุด SPARK 2 ม. 2
3) แบบฝึกหัด SPARK 2 ม. 2
4) พจนานุกรมองั กฤษ-องั กฤษ
5) พจนานุกรมออนไลน์

118

4 Everyday English 2d

2 ชั่วโมง

จุดประสงค์การเรียนรู้
- ฟังบทสนทนาและบอกรายละเอยี ดสนบั สนุนได้
- แตง่ บทสนทนาตามสถานการณ์ทีก่ าหนดได้
- สนทนาเก่ียวกบั ภาพยนตร์ที่ดไู ด้

1. สาระ มาตรฐานการเรยี นรู้/ตัวชีว้ ดั
สาระที่ 1 ภาษาเพอ่ื การส่ือสาร
มาตรฐาน ต 1.1 เข้าใจและตคี วามเรื่องท่ฟี ังและอ่านจากส่ือประเภทต่าง ๆ และแสดงความคิดเหน็
อย่างมีเหตผุ ล
ตวั ช้ีวดั
ต 1.1 ม. 2/4 เลอื กหัวขอ้ เรื่อง ใจความสาคญั บอกรายละเอียดสนบั สนุน (supporting detail) และ
แสดงความคิดเห็นเก่ียวกบั เรื่องท่ฟี ังและอา่ น พร้อมท้งั ให้เหตุผลและยกตวั อยา่ ง
งา่ ย ๆ ประกอบ
มาตรฐาน ต 1.2 มที ักษะการสื่อสารทางภาษาในการแลกเปลย่ี นข้อมูลข่าวสาร แสดงความรู้สึกและ
ความคดิ เหน็ อย่างมปี ระสิทธภิ าพ
ตวั ช้ีวดั
ต 1.2 ม. 2/1 สนทนา แลกเปลย่ี นขอ้ มลู เก่ียวกบั ตนเอง เร่ืองตา่ ง ๆ ใกลต้ วั และสถานการณต์ า่ ง ๆ
ในชีวิตประจาวนั อยา่ งเหมาะสม
มาตรฐาน ต 1.3 นาเสนอข้อมลู ข่าวสาร ความคิดรวบยอด และความคดิ เห็นในเรื่องต่าง ๆ โดยการพดู
และการเขียน
ตวั ช้ีวดั
ต 1.3 ม. 2/3 พดู และเขียนแสดงความคิดเห็นเก่ียวกบั กิจกรรม เร่ืองต่าง ๆ ใกลต้ วั และ
ประสบการณ์ พร้อมท้งั ใหเ้ หตุผลส้ัน ๆ ประกอบ

119

สาระท่ี 2 ภาษาและวฒั นธรรม

มาตรฐาน ต 2.1 เข้าใจความสัมพันธ์ระหว่างภาษากบั วัฒนธรรมของเจ้าของภาษา และ นาไปใช้ ได้

อย่างเหมาะสมกับกาลเทศะ
ตวั ช้ีวดั
ต 2.1 ม. 2/1 ใชภ้ าษา น้าเสียง และกิริยาท่าทางเหมาะกบั บุคคลและโอกาส ตามมารยาทสงั คมและ

วฒั นธรรมของเจา้ ของภาษา
สาระที่ 4 ภาษากับความสัมพันธ์กับชุมชนและโลก

มาตรฐาน ต 4.1 ใช้ภาษาต่างประเทศในสถานการณ์ต่าง ๆ ท้งั ในสถานศึกษา ชุมชน และสังคม
ตวั ช้ีวดั
ต 4.1 ม. 2/1 ใชภ้ าษาส่ือสารในสถานการณจ์ ริง/สถานการณจ์ าลองท่ีเกิดข้นึ ในหอ้ งเรียน
สถานศึกษา และชุมชน

2. สาระสาคัญ/ความคดิ รวบยอด
การเรียนรู้และเขา้ ใจเก่ียวกบั ประโยคและสานวนท่ีใชใ้ นการสนทนาเก่ียวกบั ภาพยนตร์ จะช่วยให้

สามารถนาคาศพั ท์ สานวน และประโยคตา่ ง ๆ ไปใชใ้ นการสนทนาในชีวิตประจาวนั ไดอ้ ยา่ งเหมาะสม
ตลอดจนมีความเขา้ ใจในวฒั นธรรมของเจา้ ของภาษา

3. สาระการเรียนรู้

3.1 ทักษะเฉพาะวิชา

1) Language Features and Functions

Vocabulary: Sentences (How was your weekend?, I’m sorry about that., What did you

watch?, It was brilliant., What’s it about?, Sounds exciting., Who stars in

it?, It’s a pity., You can rent it on DVD.)

Functions: Recommending a film

What were the special effects like?

The special effects were amazing.

2) Language Skills

Listening: ฟังเพอื่ หาขอ้ มลู เฉพาะ

Speaking: สนทนาเกี่ยวกบั ภาพยนตร์

Writing: แต่งบทสนทนาตามสถานการณท์ ี่กาหนด

120

4. สมรรถนะสาคัญของผ้เู รียน
1) ความสามารถในการส่ือสาร
2) ความสามารถในการคิด

5. คุณลกั ษณะอันพึงประสงค์
1) ใฝ่เรียนรู้
2) มงุ่ มนั่ ในการทางาน

6. กจิ กรรมการเรียนรู้

ช่ัวโมงท่ี 1

ข้นั Warm up
ครูสนทนากบั นกั เรียนเก่ียวกบั กิจกรรมทีน่ กั เรียนทาในช่วงวนั หยดุ สุดสปั ดาห์ที่ผา่ นมา หากมี
นกั เรียนตอบว่าชมภาพยนตร์ครูชวนสนทนาตอ่ เกี่ยวกบั ภาพยนตร์ทน่ี กั เรียนช่ืนชอบ นกั แสดงที่
แสดงในภาพยนตร์เรื่องน้นั

ข้นั Presentation
1. หนังสือเรียน หน้า 27 Ex. 1a นกั เรียนอา่ นประโยคทกี่ าหนดให้พร้อมกนั ครูถามความคดิ เห็น

นกั เรียนว่า จากประโยคที่อ่านน่าจะเป็นการสนทนาเกี่ยวกบั เรื่องอะไร

The dialogue is about a film a person watched.

2. หนงั สือเรยี น หน้า 27 Ex. 1b นกั เรียนฟังประโยคใน Ex. 1a จาก CD และอา่ นตามทลี ะประโยค
พร้อมกนั จากน้นั ครูสุ่มเรียกนกั เรียนอ่านเป็นรายบคุ คล

3. หนงั สือเรียน หน้า 27 Ex. 2 ครูบอกนกั เรียนวา่ จะไดฟ้ ังบทสนทนา ใหน้ กั เรียนต้งั ใจฟังวา่
บทสนทนาดงั กล่าวเก่ียวขอ้ งกบั เร่ืองอะไร จากน้นั ครูให้นกั เรียนปิ ดหนงั สือเรียนและฟังบทสนทนา
จาก CD ขณะท่ีนกั เรียนฟังบทสนทนาครูเขยี นคาถามทีก่ าหนดให้บนกระดาน เมอื่ นกั เรียนฟัง
บทสนทนาจบแลว้ ให้อ่านคาถามพร้อมกนั

4. นกั เรียนฟังบทสนทนาอีกคร้ัง และช่วยกนั ตอบคาถาม ครูเขียนคาตอบบนกระดาน

121

1 2012.
2 A science-fiction film.
3 John Cusack, Amanda Peet and Danny Glover.
4 Yes, he did. The special effects were amazing.

ข้นั Practice
1. นกั เรียนเปิ ดหนงั สือเรียน หนา้ 27 Ex. 2 ครูให้นกั เรียนฟัง CD และอ่านบทสนทนาในหนงั สือเรียน

ตามไปดว้ ย
2. ครูสุ่มเรียกนกั เรียนตามเลขที่ใหอ้ า่ นบทสนทนาใน Ex. 2 จานวน 3-4 คู่
3. นกั เรียนตรวจคาตอบของคาถามใน Ex. 2 ที่ครูเขียนบนกระดาน และช่วยกนั ปรบั แก้
4. ครูใหน้ กั เรียนช่วยกนั บอกความหมายของประโยคใน Ex. 1 เป็นภาษาไทย

ข้นั Production

1. ครูเขียนประโยคเหล่าน้ีบนกระดาน

Did you enjoy your weekend? I’m sorry about that.

What did you watch? Really? What it’s about?

Sounds exciting. They are amazing.

Which actors are in it? It’s a shame I missed it.

และแจกกระดาษท่ีมบี ทสนทนาใหน้ กั เรียนทุกคน จากน้นั ครูอธิบายว่าให้นกั เรียนเลอื กประโยคบน

กระดานไปเติมในบทสนทนาให้สมบรู ณ์ เสร็จแลว้ ใหน้ กั เรียนแลกเปลยี่ นกนั ตรวจ

A: Hi Ann. 1) Did you enjoy your weekend?
B: Not so good. I was ill so I stayed home.
A: 2) I’m sorry about that.
B: That’s OK. I watched a really good science-fiction film.
A: 3) What did you watch?
B: 2012. It was brilliant.
A: 4) Really? What it’s about?

122

B: It’s about the end of the world and how people try to stay alive. There are
lots of earthquakes, floods and fires!

A: 5) Sounds exciting. What were the special effects like?
B: 6) They are amazing. All the disasters looked real.
A: 7) Which actors are in it?
B: John Cusack plays a writer and it also stars Amanda Peet and Danny Glover.
A: It sounds great. 8) It’s a shame I missed it.
B: You can rent it on DVD.

2. นกั เรียนทา Language Review 2d Ex. 4 ในหนงั สือเรียน หนา้ 106 ร่วมกนั ในช้นั
3. หนังสือเรยี น หน้า 27 Ex. 5 ครูใหน้ กั เรียนจบั คู่กบั เพื่อนช่วยกนั แตง่ บทสนทนาเกี่ยวกบั ภาพยนตร์

ทดี่ ทู างโทรทศั น์ โดยใชบ้ ทสนทนาจาก Ex. 2 เป็นตน้ แบบ

A: Hi Ann. How was your weekend?
B: Not so good. I was ill so I stayed home.
A: I’m sorry about that.
B: That’s OK. I watched a good comedy adventure film.
A: What did you watch?
B: Night at the Museum 2. It was brilliant.
A: Really? What’s it about?
B: It’s about a security guard who works in a museum where the exhibits come to life.
A: Sounds exciting. What were the special effects like?
B: The special effects were amazing.
A: Who stars in it?
B: Ben Stiller plays the security guard and it also stars Amy Adams and Owen Wilson.
A: It sounds great. It’s a pity I didn’t watch it.
B: You can rent it on DVD.

4. แบบฝึกหดั (Workbook) หนา้ 18 Exs. 3-4 ใหน้ กั เรียนทาเป็นการบา้ น

123

ช่ัวโมงที่ 2

ข้นั Warm up
ครูสนทนากบั นกั เรียนเก่ียวกบั ภาพยนตร์ทน่ี กั เรียนแตง่ บทสนทนาในชว่ั โมงท่ีแลว้

ข้นั Presentation
1. หนงั สือเรยี น หน้า 27 Ex. 3 ครูให้นกั เรียนอา่ นประโยค 1-5 พร้อมกนั แลว้ ให้นกั เรียนอ่าน

บทสนทนาอยา่ งรวดเร็วเพื่อหาประโยคทีม่ ีความหมายเหมอื นกบั ประโยค 1-5

1 Did you enjoy your weekend? - How was your weekend?

2 That’s too bad. - I’m sorry about that.

3 Sounds really good. - Sounds exciting.

4 Which actors are in it? - Who stars in it?

5 It’s a shame I missed it. - It’s a pity I didn’t watch it.

2. หนังสือเรยี น หน้า 27 Ex. 4 นกั เรียนฟังบทสนทนาอกี คร้งั แลว้ ครูแบ่งนกั เรียนออกเป็น 2 ฝ่ัง ให้ฝั่ง
ซ้ายอา่ นบทของ Ann และฝั่งขวาอ่านบทของ Bill ครูให้นกั เรียนอา่ นตามครูสาหรับประโยคที่
นกั เรียนอ่านออกเสียงไม่ถกู ตอ้ ง จากน้นั ใหท้ ้งั สองฝ่ังสลบั กนั อ่านบทสนทนาอกี คร้งั

3. ครูสุ่มเรียกนกั เรียน 4-5 คู่ อา่ นบทสนทนาใหเ้ พือ่ นฟัง

ข้นั Practice
1. ครูให้นกั เรียนฝึกอ่านบทสนทนาที่นกั เรียนจบั คชู่ ่วยกนั แต่งในชวั่ โมงทแ่ี ลว้
2. ครูใหน้ กั เรียนแต่ละคู่ฝึกสนทนาเพอ่ื เตรียมแสดงบทบาทสมมติ ครูเดินสังเกตการสนทนาของ

นกั เรียนและใหค้ าแนะนา

ข้นั Production

1. ครูให้นกั เรียนออกมาแสดงบทบาทสมมติทีห่ นา้ ช้นั โดยครูเนน้ ให้นกั เรียนแสดงความรู้สึกและใช้
น้าเสียงให้สมจริง

2. แบบฝึกหัด (Workbook) หนา้ 10 Exs. 4-5 ใหน้ กั เรียนทาเป็นการบา้ น

124

7. การวัดและการประเมนิ ผล

วธิ ีการวดั เคร่ืองมือ เกณฑ์การผ่าน
ร้อยละ 60
ตรวจการตอบคาถามจากการอา่ นหรือ แบบฝึกหัด (Workbook)
ระดบั คุณภาพ พอใช้
การฟัง
ระดบั คณุ ภาพ พอใช้
ประเมินการแตง่ บทสนทนาเก่ียวกบั แบบประเมนิ การเขยี น
ระดบั คณุ ภาพ ผ่าน
ภาพยนตร์ที่ดทู างโทรทศั น์

ประเมนิ การแสดงบทบาทสมมติ แบบประเมินการแสดงบทสนทนา/

บทบาทสมมติ

สังเกตความใฝ่เรียนรู้และความมงุ่ มน่ั แบบประเมินคณุ ลกั ษณะ

ในการทางาน อนั พงึ ประสงค์

8. ส่ือ/แหล่งการเรียนรู้
1) หนงั สือเรียน SPARK 2 ม. 2
2) Class Audio CDs ประกอบส่ือฯ ชุด SPARK 2 ม. 2
3) แบบฝึกหดั SPARK 2 ม. 2
4) พจนานุกรมองั กฤษ-องั กฤษ
5) พจนานุกรมออนไลน์

125

5 Across the curriculum 2e

2 ชั่วโมง

จุดประสงค์การเรยี นรู้
- พดู แสดงความคดิ เห็น สรุปเกี่ยวกบั เร่ืองท่ฟี ังได้
- คน้ ควา้ ขอ้ มลู ตามประเดน็ ทก่ี าหนดให้ได้
- เขยี นบทความตามประเด็นทกี่ าหนดให้ได้

1. สาระ มาตรฐานการเรียนรู้/ตัวชี้วดั
สาระที่ 1 ภาษาเพอ่ื การส่ือสาร
มาตรฐาน ต 1.1 เข้าใจและตีความเร่ืองท่ีฟังและอ่านจากสื่อประเภทต่าง ๆ และแสดงความคิดเห็น
อย่างมีเหตุผล
ตวั ช้ีวดั
ต 1.1 ม. 2/4 เลอื กหวั ขอ้ เรื่อง ใจความสาคญั บอกรายละเอียดสนบั สนุน (supporting detail) และ
แสดงความคดิ เห็นเกี่ยวกบั เรื่องที่ฟังและอา่ น พร้อมท้งั ให้เหตุผลและยกตวั อยา่ ง
ง่าย ๆ ประกอบ
มาตรฐาน ต 1.3 นาเสนอข้อมลู ข่าวสาร ความคดิ รวบยอด และความคดิ เห็นในเร่ืองต่าง ๆ โดยการพดู
และการเขยี น
ตวั ช้ีวดั
ต 1.3 ม. 2/1 พดู และเขียนบรรยายเก่ียวกบั ตนเอง กิจวตั รประจาวนั ประสบการณ์ และข่าว/
เหตกุ ารณท์ ่ีอยใู่ นความสนใจของสังคม
สาระท่ี 3 ภาษากบั ความสัมพนั ธ์กบั กล่มุ สาระการเรียนรู้อ่นื
มาตรฐาน ต 3.1 ใช้ภาษาต่างประเทศในการเช่ือมโยงความรู้กับกล่มุ สาระการเรียนรู้อื่น และเป็ น
พ้ืนฐานในการพฒั นา แสวงหาความรู้ และเปิ ดโลกทัศน์ของตน
ตวั ช้ีวดั
ต 3.1 ม. 2/1 คน้ ควา้ รวบรวม และสรุปขอ้ มูล/ ขอ้ เท็จจริงท่เี ก่ียวขอ้ งกบั กลมุ่ สาระการเรียนรู้อืน่
จากแหลง่ การเรียนรู้ และนาเสนอดว้ ยการพดู /การเขียน

126

2. สาระสาคัญ/ความคดิ รวบยอด
การเรียนรู้เกี่ยวกบั ใจความสาคญั ใจความเฉพาะ และเขา้ ใจเกี่ยวกบั โครงสร้างของบทความ จะช่วย

ให้สามารถอ่านและเขียนบทความไดอ้ ยา่ งถกู ตอ้ ง

3. สาระการเรียนรู้

3.1 ทักษะเฉพาะวชิ า

1) Language Features and Functions

Vocabulary: Nouns (civilisation, astronomy, temple, pyramid, stone building, statue,

ruler, dynasty, tragedy, war, drought)

Adjective (ancient)

Phrase (get on well)

2) Language Skills

Reading: อ่านและแสดงความคิดเห็นและสรุปเร่ือง

Writing: เขียนบทความเก่ียวกบั อารยธรรมโบราณ

4. สมรรถนะสาคญั ของผ้เู รียน
1) ความสามารถในการส่ือสาร
2) ความสามารถในการคิด
3) ความสามารถในการใชเ้ ทคโนโลยี

5. คุณลกั ษณะอันพงึ ประสงค์
1) ใฝ่เรียนรู้
2) ม่งุ มน่ั ในการทางาน

6. กจิ กรรมการเรียนรู้

ช่ัวโมงที่ 1

ข้นั Warm up
นกั เรียนอา่ นช่ือเรื่อง “The Maya” ในหนงั สือเรียน หนา้ 28 และดภู าพประกอบ จากน้นั ครูสนทนา
กบั นกั เรียนเพอื่ ตรวจสอบความรู้พ้ืนฐานของนกั เรียนเกี่ยวกบั เรื่องน้ี

127

ข้นั Presentation
1. หนังสือเรียน หน้า 28 Ex. 1a ครูให้นกั เรียนปิ ดหนงั สือเรียน และเปิ ด CD ให้นกั เรียนฟังเสียงดนตรี

เม่อื ฟังจบให้นกั เรียนจบั คู่กบั เพอื่ นเขยี นคาถาม 3 คาถาม เพือ่ ถามขอ้ มลู ทนี่ กั เรียนตอ้ งการทราบ
เก่ียวกบั อารยธรรมของชาวมายา

1 Where was it from? 2 When did it exist?
3 Why did it disappear?

2. ครูสุ่มเรียกนกั เรียน 2-3 คน อ่านคาถามทเี่ ขียน ครูเขียนคาถามของนกั เรียนบนกระดาน และขอ
อาสาสมคั รทีส่ ามารถตอบคาถามบนกระดานได้ (หากมี ครูเขยี นคาตอบบนกระดาน)

3. หนงั สือเรยี น หน้า 28 Ex. 1b ครูเปิ ด CD ให้นกั เรียนฟังเร่ือง The Maya และช่วยกนั ตอบคาถาม
บนกระดาน

1 Where was it from? (It was from southern Mexico and other parts of Central
America.)

2 When did it exist? (Not answer in text.)
3 Why did it disappear? (A tragedy happened. Some people say it was a war or a

drought.)

4. หนงั สือเรียน หน้า 28 Ex. 2 นกั เรียนอ่านคาถามที่กาหนดให้ แลว้ ครูถามนกั เรียนวา่ Key words
ในคาถามแต่ละขอ้ คอื อะไร และตอ้ งการคาตอบเก่ียวกบั อะไร
1) Key word คือ Where
2) Key words คือ What were … like?
3) Key words คอื What … good at?
4) Key words คอื What … see in Mayan cities?
5) Key words คือ How long … last?
6) Key words คือ How … disappear?

5. นกั เรียนจบั คู่กบั เพื่อนอา่ นเรื่อง The Maya และช่วยกนั ตอบคาถาม จากน้นั ตรวจคาตอบร่วมกนั

128

1 The Mayan civilisation was in Southern Mexico and other parts of Central
America.

2 They were very clever and got on well with other people.
3 They were good at astronomy, architecture, writing and they had their own

system of mathematics.
4 You could see temples and pyramids with statutes of their gods or rulers on them.
5 It lasted for 2,000 years.
6 A tragedy like a war or a drought happened.

ข้นั Practice
1. นกั เรียนอ่านคาศพั ทใ์ นกรอบ Check these words และหาความหมายจากพจนานุกรม
2. หนังสือเรียน หน้า 28 Ex. 3 ครูใหน้ กั เรียนเลือกคาศพั ทจ์ ากกรอบ Check these words มาเติมลงใน

สรุปเรื่อง The Maya
3. ครูขออาสาสมคั รอ่านประโยคพร้อมคาตอบคนละ 1 ประโยค เพ่ือตรวจคาตอบ

1 civilisation 2 got on well 3 temples 4 pyramids
5 statues 6 war 7 drought

ข้นั Production
1. ครูแจกกระดาษทมี่ รี ายการคาจานวน 5 ขอ้ ใหน้ กั เรียนทุกคน แลว้ ครูอธิบายว่าให้นกั เรียนเรียงคาที่

กาหนดใหเ้ ป็นประโยคท่ีถูกตอ้ ง

1 and / Central America / was / in / the Mayan / an / Southern Mexico / ancient
civilization / other parts of / .

2 Cities / full of / Mayan / were / temples / pyramids / and / .
3 stone buildings / on / were / statues / these / very tall / them / with / .
4 could / far away / the statues / people / see / from / .
5 a drought / disappeared / because of / they / a war / suddenly / or / .

129

1 The Mayan was an ancient civilisation in Southern Mexico and other parts of
Central America.

2 Mayan cities were full of temples and pyramids.
3 These stones buildings were very tall with statues on them.
4 People could see the statues from far away.
5 They disappeared suddenly because of a war or a drought.

2. นกั เรียนทา Language Review 2e & Prepositions Exs. 5-6 ในหนงั สือเรียน หนา้ 106 ร่วมกนั ในช้ัน
3. ครูแบ่งนกั เรียนเป็นกลุ่ม กลมุ่ ละ 4 คน ให้แตล่ ะกลมุ่ คน้ ควา้ ขอ้ มูลเกี่ยวกบั ชุมชนอารยธรรมโบราณ

อืน่ ๆ พร้อมท้งั หาภาพประกอบ โดยเลือกมา 1 อารยธรรม และเตรียมขอ้ มลู ท่ีคน้ ควา้ ไดม้ าในชวั่ โมง
หนา้
4. แบบฝึกหัด (Workbook) หนา้ 18 Exs. 1-2 ใหน้ กั เรียนทาเป็นการบา้ น

ชั่วโมงที่ 2

ข้นั Warm up
1. ครูทบทวนคาศพั ทท์ เ่ี รียนในชวั่ โมงท่แี ลว้ ดว้ ยการเขียนคาศพั ทบ์ นกระดาน โดยเวน้ ตวั อกั ษรบางตวั

ไว้ เพอื่ ให้นกั เรียนเตมิ ตวั อกั ษรลงในช่องวา่ งให้เป็นคาศพั ทท์ ่ถี ูกตอ้ ง

1 c___l___t__n 2 a_t__n__y
3 s__t_e 4 d_s__p__r
5 a_c__t__t__e 6 a_c___t
7 p_r___d 8 d_n___y
9 t__g__y 10 d _ _ _ g _ t

130

1 civilisation 2 astronomy
3 statue 4 disappear
5 architecture 6 ancient
7 pyramid 8 dynasty
9 tragedy 10 drought

2. ครูขออาสาสมคั รสะกดคาศพั ทค์ นละ 1 คา และให้นกั เรียนคนท่เี หลอื ตรวจความถกู ตอ้ ง

ข้นั Presentation
1. ครูอธิบายให้นกั เรียนฟังวา่ ครูจะพูดประโยคทีป่ ระกอบดว้ ยประโยคยอ่ ย 2 ประโยค ให้นกั เรียน

สงั เกตประโยคยอ่ ยท้งั สองวา่ คลอ้ ยตามกนั หรือขดั แยง้ กนั
- There were pyramids in Egypt, but there aren’t any pyramids in my country.
- Ayuthaya was a kingdom, and Sukhothai was a kingdom too.
- There is a giant stone bridge in Ireland, but there isn’t a stone bridge in my city.

2. ครูให้นกั เรียนช่วยกนั สรุปการใช้ too และ but โดยครูอธิบายเพมิ่ เตมิ หากนกั เรียนยงั ไม่เขา้ ใจ
3. THINK! หนังสือเรียน หน้า 28 นกั เรียนจบั คแู่ ต่งประโยคเปรียบเทียบชนเผา่ มายากบั เมือง/หมบู่ า้ น

ของตนเอง

Mayan cities were full of temples; my city is full of temples too.
There were tall stone buildings in Mayan cities, but there weren’t tall stone
buildings in my cities.
The Maya had their own system of mathematics, but we didn’t have our system of
mathematics.

ข้นั Practice
1. ครูให้นกั เรียนแบง่ กล่มุ กลมุ่ ละ 4 คน แตง่ ประโยคเปรียบเทยี บจงั หวดั ของตนเองกบั จงั หวดั อื่น ๆ ใน

ประเทศไทย โดยใช้ too และ but กลุม่ ละ 5 ประโยค

131

2. ครูให้ตวั แทนกลมุ่ อ่านประโยค กลมุ่ ละ 2 ประโยค คือ ประโยคทใี่ ช้ too 1 ประโยค และประโยคท่ี
ใช้ but 1 ประโยค โดยครูเขียนประโยคของนกั เรียนบนกระดาน แลว้ ตรวจความถูกตอ้ งร่วมกนั

ข้นั Production
1. หนงั สือเรียน หน้า 28 Ex. 4 ครูให้นกั เรียนจบั กลุ่มเดิมตามท่ีครูมอบหมายใหไ้ ปคน้ ควา้ ขอ้ มูล

เกี่ยวกบั ชุมชนอารยธรรมโบราณอื่น ๆ จากชวั่ โมงทแ่ี ลว้ ครูแจกกระดาษ A4 ให้กลุ่มละ 1 แผ่น
จากน้นั ให้แตล่ ะกลมุ่ นาขอ้ มูลที่คน้ ควา้ ไดม้ าเขยี นเป็นบทความส้ัน ๆ ใหค้ รอบคลมุ ตามรายละเอยี ด
where it was and who lived there, what the people were like, what you could see there, how long
the civilisation lasted พร้อมท้งั นาภาพประกอบมาตดิ ตกแตง่ ให้น่าสนใจ
2. เมื่อทุกกลมุ่ เขยี นเสร็จแลว้ ครูขออาสาสมคั ร 1 กล่มุ อ่านบทความให้เพอ่ื นฟัง

The Nubian civilisation was an ancient civilisation in northern Sudan and southern
Egypt. The Nubian people were very rich because their land had a lot of gold
mines. They were very clever and had their own alphabet with 23 letters.
Nubian cities had lots of beautiful palaces and temples with statues like sphinxes.
The Egyptians and the Assyrians defeated them. They slowly lost all their land and
riches. The last Nubian kingdom disappeared in 1900.

7. การวดั และการประเมนิ ผล

วิธกี ารวดั เครื่องมือ เกณฑ์การผ่าน
-
ตรวจการเขียนสรุปเรื่องที่อ่าน สมุดนกั เรียน ระดบั คุณภาพ พอใช้

ประเมนิ การเขยี นบทความ แบบประเมนิ การเขยี น ระดบั คุณภาพ ผา่ น

เกี่ยวกบั ชุมชนอารยธรรมโบราณ

สงั เกตความใฝ่เรียนรู้และความ แบบประเมินคุณลกั ษณะ

มุง่ มน่ั ในการทางาน อนั พึงประสงค์

132

8. สื่อ/แหล่งการเรียนรู้
1) หนงั สือเรียน SPARK 2 ม. 2
2) Class Audio CDs ประกอบส่ือฯ ชุด SPARK 2 ม. 2
3) แบบฝึกหัด SPARK 2 ม. 2
4) พจนานุกรมองั กฤษ-องั กฤษ
5) พจนานุกรมออนไลน์
6) อนิ เทอร์เนต็

133

6 Writing 2f

2 ชั่วโมง

จุดประสงค์การเรยี นรู้
- เขียนสรุปเร่ืองทอ่ี ่านได้
- คน้ ควา้ ขอ้ มลู ชีวประวตั ิบคุ คลสาคญั ได้
- เขียนชีวประวตั ิของบคุ คลสาคญั ได้

1. สาระ มาตรฐานการเรยี นรู้/ตัวชี้วัด
สาระท่ี 1 ภาษาเพอื่ การสื่อสาร
มาตรฐาน ต 1.2 มที กั ษะการสื่อสารทางภาษาในการแลกเปลยี่ นข้อมูลข่าวสาร แสดงความรู้สึกและ
ความคิดเหน็ อย่างมปี ระสิทธภิ าพ
ตวั ช้ีวดั
ต 1.2 ม. 2/4 พูดและเขยี นเพอื่ ขอและให้ขอ้ มลู บรรยาย และแสดงความคดิ เห็นเก่ียวกบั เร่ืองท่ฟี ัง
หรืออ่านอยา่ งเหมาะสม
มาตรฐาน ต 1.3 นาเสนอข้อมูลข่าวสาร ความคดิ รวบยอด และความคดิ เห็นในเรื่องต่าง ๆ โดยการพดู
และการเขยี น
ตวั ช้ีวดั
ต 1.3 ม. 2/2 พูดและเขียนสรุปใจความสาคญั แกน่ สาระ หวั ขอ้ เร่ือง (topic) ทไ่ี ดจ้ ากการวเิ คราะห์
เรื่อง/ข่าว/เหตุการณ์ที่อยใู่ นความสนใจของสังคม
สาระท่ี 3 ภาษากับความสัมพันธ์กบั กล่มุ สาระการเรียนรู้อื่น
มาตรฐาน ต 3.1 ใช้ภาษาต่างประเทศในการเชื่อมโยงความรู้กบั กล่มุ สาระการเรียนรู้อนื่ และเป็ น
พ้ืนฐานในการพฒั นา แสวงหาความรู้ และเปิ ดโลกทศั น์ของตน
ตวั ช้ีวดั
ต 3.1 ม. 2/1 คน้ ควา้ รวบรวม และสรุปขอ้ มลู / ขอ้ เท็จจริงที่เกี่ยวขอ้ งกบั กลมุ่ สาระการเรียนรู้อืน่
จากแหลง่ การเรียนรู้ และนาเสนอดว้ ยการพดู /การเขียน

134

2. สาระสาคญั /ความคิดรวบยอด
การเรียนรู้และเขา้ ใจเกี่ยวกบั โครงสร้างของการเขียนตามความสัมพนั ธ์ของลาดบั เวลา รวมท้งั

คาศพั ทแ์ ละประโยคที่ใชใ้ นการเขียนชีวประวตั ิ ช่วยให้สามารถเขา้ ใจลาดบั เหตุการณ์สาคญั ตามเวลาและ
สามารถเขยี นชีวประวตั ไิ ดถ้ กู ตอ้ งตามโครงสร้าง

3. สาระการเรียนรู้

3.1 ทักษะเฉพาะวชิ า

1) Language Features and Functions

Vocabulary: Verbs (elect, guide, shoot, admire)

Nouns (president, farmhouse, lawyer, honesty, courage, civil war)

2) Language Skills

Listening: ฟังเพ่อื หาขอ้ มลู เฉพาะ

Reading: อ่านและลาดบั เหตุการณ์สาคญั

Writing: เขียนชีวประวตั ขิ อง Abraham Lincoln และ Queen Victoria

4. สมรรถนะสาคัญของผ้เู รียน
1) ความสามารถในการสื่อสาร
2) ความสามารถในการคิด
3) ความสามารถในการใชเ้ ทคโนโลยี

5. คุณลกั ษณะอันพงึ ประสงค์
1) ใฝ่เรียนรู้
2) มงุ่ มน่ั ในการทางาน

135

6. กิจกรรมการเรียนรู้

ช่ัวโมงท่ี 1

ข้นั Warm up
1. ครูเขียนประโยคเกี่ยวกบั ประวตั ขิ องมานิตย์ (ซ่ึงเป็นบคุ คลสมมต)ิ บนกระดาน และให้นกั เรียนอ่าน

ประโยคพร้อมกนั
1 His first child was born in 1992.
2 He started his first job as a lawyer when he was 23 years old.
3 He married in 1989.
4 Manit was born in 1942 in Phuket.
5 He retired in 2002.
6 When he was 3 years old, his family moved to Songkhla.

2. ครูใหน้ กั เรียนอ่านปี ค.ศ. และอายขุ องมานิตยอ์ กี คร้งั
3. ครูให้นกั เรียนเรียงลาดบั เหตกุ ารณช์ ีวิตของมานิตย์

Manit was born in 1942 in Phuket. When he was 3 years old, his family moved to
Songkhla. He started his first job as a lawyer when he was 23 years old. He married
in 1989. His first child was born in 1992. He retired in 2002.

4. ครูบอกนกั เรียนว่า วนั น้ีนกั เรียนจะไดเ้ รียนอตั ชีวประวตั ขิ องประธานาธิบดีคนหน่ึงที่มีคณุ ูปการตอ่
ประเทศอเมริกา ผลงานหน่ึงของท่านคอื การเลิกทาส ใหน้ กั เรียนเดาวา่ คอื ประธานาธิบดีคนใด
(Abraham Lincoln)

ข้นั Presentation
1. นกั เรียนอา่ นคาศพั ทใ์ นกรอบ Check these words พร้อมกนั จากน้นั ใหน้ กั เรียนหาความหมายของ

คาศพั ทท์ ่ีไม่รู้ความหมายจากพจนานุกรม แลว้ ครูถามความหมายจากนกั เรียนอกี คร้ัง
courage (n) = he quality of being brave when you are facing a difficult or dangerous
situation (ความกลา้ หาญ)
admire (v) = to respect someone because they have done something that you think is
good (ยกยอ่ งสรรเสริญ)

136

2. หนงั สือเรียน หน้า 29 Ex. 1a นกั เรียนอ่านตวั เลขและวลีทีก่ าหนดให้ แลว้ ครูอธิบายวา่ จะใหน้ กั เรียน
นาตวั เลขและวลีดงั กลา่ วไปเติมลงในขอ้ ความให้สมบูรณ์ ก่อนนกั เรียนจะเตมิ ขอ้ ความ ครูให้
นกั เรียนอา่ นขอ้ ความและขดี เส้นใตค้ า/ขอ้ ความทบี่ ่งบอกถึงเหตกุ ารณ์ในแตล่ ะช่วงของ Abraham
Lincoln

3. หนงั สือเรียน หน้า 29 Ex. 1b ครูสุ่มเรียกนกั เรียนบอกเหตกุ ารณ์สาคญั ในแต่ละช่วงของ Abraham
Lincoln ตามลาดบั เวลา
1 He was born.
2 He left the farm.
3 He became a lawyer.
4 He was elected the president.
5 He stopped slavery.
6 Booth shot him.

4. ครูให้นกั เรียนพิจารณาตวั เลขและวลีใน Ex. 1a ตามลาดบั เวลา และนาตวั เลขและวลไี ปเติมลงใน
ขอ้ ความ เสร็จแลว้ นกั เรียนฟัง CD เพื่อตรวจคาตอบ

1 1809 2 19 3 1836 4 the age of 52
5 On 14th April 6 the next day 7 to this day

5. นกั เรียนอ่านกรอบ Study Skills แลว้ ครูอธิบายคาว่า biography และ chronological order

biography (n) = a book that tells what has happened in someone’s life, written

by someone else (อตั ชีวประวตั ิ)

chronological order (n) = a sequence according to time of occurrence (ลาดบั ทเ่ี กิดตาม

เวลา)

6. ครูสุ่มเรียกนกั เรียนอ่านชีวประวตั ขิ อง Abraham Lincoln ที่เตมิ คาถูกตอ้ งสมบรู ณแ์ ลว้

ข้นั Practice
1. นกั เรียนจบั คู่กบั เพอ่ื นเขยี นสรุปชีวประวตั ิของประธานาธิบดี Abraham Lincoln โดยเขยี นตามลาดบั

เหตุการณ์ ครูย้าว่าการเขียนสรุปน้นั ใหน้ กั เรียนเขยี นเฉพาะประเด็นสาคญั หรือเหตุการณส์ าคญั
เท่าน้นั ส่วนทเี่ ป็นรายละเอยี ดไม่ตอ้ งนามาเขียน
2. ครูขออาสาสมคั ร 3-4 คู่ อา่ นสรุปประวตั ิของ Abraham Lincoln ให้เพอื่ นฟัง

137

Abraham Lincoln was born in Kentucky in 1809. When he was a child, he lived on
a farm. He left the farm at 19. He studied hard and became a lawyer in 1836. At the
age of 52, he was elected President of the USA. He guided his country through the
civil war and stopped slavery. On 14th April, 1865 he was shot by John Wilkes
Booth. He died the next day. To this day people remember him as a great leader.

ข้นั Production
ครูให้นกั เรียนคู่เดิมช่วยกนั คน้ ควา้ ประวตั บิ ุคคลสาคญั ของไทย หรือบคุ คลท่ีทาคุณประโยชน์ให้กบั
ประเทศจากอนิ เทอร์เนต็ หรือหนงั สืออา้ งอิงต่าง ๆ และเตรียมขอ้ มูลท่คี น้ ควา้ ไดม้ าในชว่ั โมงหนา้

ช่ัวโมงที่ 2

ข้นั Warm up
ครูสนทนากบั นกั เรียนเก่ียวกบั ชีวประวตั ิของบคุ คลสาคญั ทนี่ กั เรียนคน้ ควา้ มา โดยใชค้ าถาม Who is
he/she? What was his/her achievement? How old is he/she now? When did he/she die?

ข้นั Presentation
1. หนังสือเรยี น หน้า 29 Ex. 2 ครูให้นกั เรียนดขู อ้ ความในกรอบ ใหน้ กั เรียนอ่านหัวขอ้ ทพ่ี มิ พต์ วั หนา

พร้อมกนั
2. ครูบอกนกั เรียนวา่ จะไดฟ้ ังเร่ือง Queen Victoria 2 คร้ัง ในคร้ังแรกใหน้ กั เรียนฟังเพียงอยา่ งเดียว เพื่อ

จบั ประเดน็ ทจ่ี ะตอ้ งนามาเตมิ คร้งั ที่ 2 ให้นกั เรียนฟังและนาขอ้ มูลทไ่ี ดย้ ินไปเติมลงในขอ้ ความ
จากน้นั ครูเปิ ด CD ให้นกั เรียนฟัง
3. ครูขออาสาสมคั รอ่านคาตอบท่ีเตมิ

138

Name: Queen Victoria
When/Where born: 24th May 1819 / Kensington Palace, London
Early years: became queen at age 18; married Prince Albert at age 21; had 9
children
Achievements: British Empire grew, wealthy, educated people, she became
empress of Indian in 1876
Later years: ruled for 63 years
When/Where died: 22nd January 1901 / Isle of Wight

ข้นั Practice
1. ครูใหน้ กั เรียนแตล่ ะคูส่ รุปขอ้ มลู ชีวประวตั ิบคุ คลสาคญั ทนี่ กั เรียนคน้ ควา้ มา โดยเขยี นขอ้ มูลเป็น fact

file ตามหวั ขอ้ ใน Ex. 2 นกั เรียนสามารถกาหนดหวั ขอ้ เพ่มิ เติมไดห้ ากประเด็นใน Ex. 2 ไม่
ครอบคลุมขอ้ มลู ของนกั เรียน หรือสามารถตดั หัวขอ้ ทีข่ อ้ มลู ของนกั เรียนไมม่ ี
2. ครูสุ่มเรียกนกั เรียน 4-5 คู่ นาเสนอขอ้ มูลชีวประวตั ิบุคคลสาคญั

ข้นั Production
1. หนงั สือเรยี น หน้า 29 Ex. 3 ให้นกั เรียนแต่ละคนู่ าขอ้ มลู ของ Queen Victoria จาก Ex. 2 มาเขียนเป็น

ชีวประวตั ิโดยยอ่ เพอ่ื เผยแพร่ใน international school magazine ความยาว 60-80 คา โดยเขียนเป็น
4 ยอ่ หนา้ ตามโครงร่างท่ีกาหนด
ก่อนเขยี นครูถามนกั เรียนวา่ การกลา่ วถึงเหตกุ ารณ์ที่เกิดข้นึ และจบไปแลว้ ในอดีตจะใช้ tense ใด
เพอ่ื ให้นกั เรียนเขา้ ใจตรงกนั ว่าให้เขยี นโดยใช้ Past simple จากน้นั ให้นกั เรียนฟังเรื่อง Queen
Victoria 1 คร้ัง แลว้ จดขอ้ มลู ทต่ี อ้ งการเพิ่มเตมิ เม่อื ฟังจบครูให้นกั เรียนทางาน

Queen Victoria was a British queen. She was born in Kensington Palace in London
on 24th May 1819.
At the age of 18, she became queen. When she was 21, she married Prince Albert.
They had nine children.

139

While she was queen, the British Empire grew and people became wealthy and
educated. She became empress of India in 1876. People loved her. She ruled for 63
years. She died on 22nd January 1901 on the Isle of Wight.
Queen Victoria was a great queen. She wanted to make life better for everyone.

2. นกั เรียนทา Self-Check 2 ในหนงั สือเรียน หนา้ 114
3. แบบฝึกหดั (Workbook) หนา้ 19 Exs. 1-4 ใหน้ กั เรียนทาเป็นการบา้ น

7. การวดั และการประเมนิ ผล เครื่องมือ เกณฑ์การผ่าน
แบบประเมนิ การเขียน ระดบั คณุ ภาพ พอใช้
วิธีการวดั
ประเมินการเขยี นสรุปชีวประวตั ิของ สมดุ นกั เรียน -
Abraham Lincoln จากขอ้ ความทอี่ ่าน
ตรวจการเขียน fact file ประวตั ิบุคคล แบบประเมินการเขยี น ระดบั คณุ ภาพ พอใช้
สาคญั ของไทย
ประเมินการเขยี นชีวประวตั ิโดยยอ่ แบบประเมินคุณลกั ษณะ ระดบั คณุ ภาพ ผา่ น
ของ Queen Victoria อนั พงึ ประสงค์
สังเกตความใฝ่เรียนรู้และความมุง่ มน่ั
ในการทางาน

8. สื่อ/แหล่งการเรียนรู้
1) หนงั สือเรียน SPARK 2 ม. 2
2) Class Audio CDs ประกอบสื่อฯ ชุด SPARK 2 ม. 2
3) แบบฝึกหัด SPARK 2 ม. 2
4) พจนานุกรมองั กฤษ-องั กฤษ
5) พจนานุกรมออนไลน์
6) อนิ เทอร์เน็ต หรือหนงั สืออา้ งอิง

140

7 ASEAN corner 2

1 ช่ัวโมง

จดุ ประสงค์การเรียนรู้
- อ่านเรื่องแลว้ บอกใจความสาคญั และตอบคาถามได้
- คน้ ควา้ ขอ้ มลู เก่ียวกบั ตานานและจดั ทาเป็นการ์ตนู ช่องได้

1. สาระ มาตรฐานการเรียนรู้/ตัวชี้วดั
สาระท่ี 1 ภาษาเพอื่ การสื่อสาร
มาตรฐาน ต 1.1 เข้าใจและตคี วามเร่ืองทฟ่ี ังและอ่านจากส่ือประเภทต่าง ๆ และแสดงความคิดเห็น
อย่างมีเหตผุ ล
ตวั ช้ีวดั
ต 1.1 ม. 2/3 ระบุ/เขยี นประโยคและขอ้ ความใหส้ ัมพนั ธก์ บั ส่ือท่ีไม่ใช่ความเรียงรูปแบบตา่ ง ๆ
ทอี่ า่ น
ต 1.1 ม. 2/4 เลือกหัวขอ้ เรื่อง ใจความสาคญั บอกรายละเอยี ดสนบั สนุน (supporting detail) และ
แสดงความคดิ เห็นเกี่ยวกบั เร่ืองที่ฟังและอา่ น พร้อมท้งั ใหเ้ หตผุ ลและยกตวั อยา่ ง
งา่ ย ๆ ประกอบ
มาตรฐาน ต 1.3 นาเสนอข้อมลู ข่าวสาร ความคดิ รวบยอด และความคิดเหน็ ในเร่ืองต่าง ๆ โดยการพูด
และการเขยี น
ตวั ช้ีวดั
ต 1.3 ม. 2/2 พดู และเขียนสรุปใจความสาคญั แกน่ สาระ หัวขอ้ เร่ือง (topic) ทไ่ี ดจ้ ากการวิเคราะห์
เรื่อง/ขา่ ว/เหตกุ ารณ์ท่อี ยใู่ นความสนใจของสงั คม
สาระที่ 3 ภาษากบั ความสัมพันธ์กับกล่มุ สาระการเรียนรู้อนื่
มาตรฐาน ต 3.1 ใช้ภาษาต่างประเทศในการเช่ือมโยงความรู้กบั กล่มุ สาระการเรียนรู้อน่ื และเป็ น
พืน้ ฐานในการพัฒนา แสวงหาความรู้ และเปิ ดโลกทัศน์ของตน
ตวั ช้ีวดั
ต 3.1 ม. 2/1 คน้ ควา้ รวบรวม และสรุปขอ้ มูล/ ขอ้ เท็จจริงท่เี กี่ยวขอ้ งกบั กลมุ่ สาระการเรียนรู้อ่นื
จากแหล่งการเรียนรู้ และนาเสนอดว้ ยการพดู /การเขียน

141

2. สาระสาคญั /ความคดิ รวบยอด
การเรียนรู้เก่ียวกบั ประเพณีของตนเองและของประเทศกลุ่มประชาคมอาเซียนจะช่วยให้เกิดความ

เขา้ ใจเก่ียวกบั การทากิจกรรมตา่ ง ๆ ตามประเพณีของแตล่ ะประเทศกลมุ่ ประชาคมอาเซียน และส่งเสริม
ใหเ้ กิดมติ รภาพท่ดี ี

3. สาระการเรียนรู้

3.1 ทักษะเฉพาะวชิ า

1) Language Features and Functions

Vocabulary: Verbs (launch, adapt, pray, transform, celebrate)

Nouns (festival, gratitude, drought, famine, tradition)

Adjectives (diverse, embarrassed)

Phrase (pay respect)

2) Language Skills

Reading: อ่านเพอ่ื หาขอ้ มลู เฉพาะ

Writing: เขียนการ์ตูนช่องเก่ียวกบั ตานานในประเทศไทยหรือประเทศกลุ่ม

ประชาคมอาเซียน

3) Cultures ประเพณีท่เี กี่ยวขอ้ งกบั ตานาน

4. สมรรถนะสาคญั ของผ้เู รยี น
1) ความสามารถในการส่ือสาร
2) ความสามารถในการใชเ้ ทคโนโลยี

5. คุณลักษณะอันพงึ ประสงค์
1) ใฝ่เรียนรู้
2) ม่งุ มน่ั ในการทางาน

142

6. กจิ กรรมการเรียนรู้
ข้นั Warm up
ครูสนทนากบั นกั เรียนเกี่ยวกบั ตานานตา่ ง ๆ ซ่ึงเป็นท่ีมาของประเพณีไทย

ข้นั Presentation
1. ครูใหน้ กั เรียนดภู าพและอา่ นช่ือเรื่องในหนงั สือเรียน หนา้ 30 แลว้ ครูสนทนากบั นกั เรียนเก่ียวกบั

ประเพณีที่เก่ียวขอ้ งกบั ภาพและชื่อเร่ืองดงั กลา่ ว รวมท้งั จงั หวดั ท่มี ีการจดั กิจกรรมเกี่ยวกบั ประเพณีน้ี
2. ครูใหน้ กั เรียนอ่านยอ่ หนา้ ที่ 1 และยอ่ หนา้ สุดทา้ ย แลว้ บอกใจความสาคญั ของแต่ละยอ่ หนา้
3. ครูแบ่งนกั เรียนเป็นกลุม่ กลมุ่ ละ 4 คน ใหแ้ ต่ละกลมุ่ อ่านเร่ือง Asking for rain และขดี เสน้ ใตค้ าศพั ท์

ยาก ครูสุ่มเรียกนกั เรียนให้อ่านคาศพั ทท์ ่ีขีดเสน้ ใตก้ ลุ่มละ 1 ยอ่ หนา้ คาใดทนี่ กั เรียนอ่านไม่ถกู ตอ้ ง
ใหอ้ า่ นตามครูพร้อมกนั จากน้นั ใหน้ กั เรียนช่วยกนั เดาความหมายของคาศพั ท์ ถา้ คาใดนกั เรียนไมร่ ู้
ใหห้ าความหมายจากพจนานุกรม

launch (v) = to send a weapon or spacecraft into the sky or into space (ปลอ่ ย)
gratitude (n) = the feeling of being grateful (ความรู้สึกสานึกในบญุ คณุ )
diverse (adj) = very different from each other (หลากหลาย)
4. หนงั สือเรยี น หน้า 30 Ex. 1 ครูสุ่มเรียกนกั เรียนอ่านคาถามกลุ่มละ 1 ขอ้ พร้อมท้งั บอก Key words
ในคาถามของคาถามที่อา่ น
5. นกั เรียนแต่ละกลมุ่ ร่วมกนั ตอบคาถามใน Ex. 1 เสร็จแลว้ ครูขอตวั แทนกล่มุ บอกคาตอบ

1 To ask for rain and show gratitude to the rain god.
2 He was Lord Buddha.
3 Eight years and eight months.
4 People adapt stories to their culture.
5 Fancy parades. (or a stage performance of the love story ‘Phadaeng - Nang Ai’/

outdoor cinema/Morlam)

ข้นั Practice
1. นกั เรียนอ่านเรื่อง Asking for rain อีกคร้งั หลงั จากน้นั ปิ ดหนงั สือเรียน
2. ใหน้ กั เรียนทากิจกรรมใน Worksheet 1 (อยทู่ า้ ยแผน ฯ ASEAN corner 2) โดยเติมคาในประโยค

เสร็จแลว้ ครูเฉลยคาตอบ หลงั จากน้นั ครูขออาสาสมคั รอ่านประโยคที่เติมคาสมบรู ณ์แลว้

143


Click to View FlipBook Version