พประบรมวะลรเอรมกสาารรชาพชิาธภี ิเษก
รัฐบาลในพระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว
จัดพิมพ์ทูลเกล้าทูลกระหม่อมถวายสนองพระมหากรุณาธิคุณ
ในงานพระราชพิธีบรมราชาภิเษก พุทธศักราช 2562
ภาพปก: จิตรกรรมฝาผนังภายในพระอุโบสถวัดอัมพวันเจติยาราม อ�ำเภออัมพวา จังหวัดสมุทรสงคราม
เล่าเรื่องการถวายสิริราชสมบัติและเคร่ืองสิริราชกกุธภัณฑ์ ในพระราชพิธีบรมราชาภิเษกพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย
พประบรมวะลรเอรมกสาารรชาพชิาธภี ิเษก
รัฐบาลในพระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว
จัดพิมพ์ทูลเกล้าทูลกระหม่อมถวายสนองพระมหากรุณาธิคุณ
ในงานพระราชพิธีบรมราชาภิเษก พุทธศักราช 2562
ตราสัญลักษณ์
พระราชพิธีบรมราชาภิเษก พุทธศักราช ๒๕๖๒
ตราสัญลักษณ์พระราชพิธีบรมราชาภิเษก พุทธศักราช ๒๕๖๒ ประกอบด้วย อักษรพระปรมาภิไธย วปร
อยู่ตรงกลาง พ้ืนอักษรสีขาวขอบเดินทอง อันเป็นสีของวันจันทร์ซึ่งเป็นวันพระบรมราชสมภพ ภายในอักษร
ประดับเพชร ตามความหมายแห่งพระนามมหาวชิราลงกรณ อักษร วปร อยู่บนพ้ืนสีขาบ (น้�ำเงินเข้ม) อันเป็น
สีของขัตติยกษัตริย์ ภายในกรอบพุ่มข้าวบิณฑ์สีทอง สอดสีเขียว อันเป็นสีซ่ึงเป็นเดชแห่งวันพระบรมราชสมภพ
กรอบทรงพุ่มข้าวบิณฑ์อัญเชิญมาจากกรอบท่ีประดิษฐานพระมหาอุณาโลม อันเป็นพระราชลัญจกรประจํา
พระองค์พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช ปฐมกษัตริย์แห่งพระบรมราชจักรีวงศ์ แวดล้อม
ด้วยเคร่ืองเบญจราชกกุธภัณฑ์ อันเป็นเคร่ืองประกอบพระบรมราชอิสริยยศของพระมหากษัตริย์และเป็น
เคร่ืองหมายแห่งความเป็นสมเด็จพระบรมราชาธิราช ได้แก่ พระมหาพิชัยมงกุฎพร้อมอุณาโลมประกอบ
เลขมหามงคลประจํารัชกาลอยู่เบ้ืองบน พระแสงขรรค์ชัยศรีกับพระแส้จามรี ทอดไขว้อยู่เบ้ืองขวา ธารพระกร
กับพัดวาลวิชนี ทอดไขว้อยู่เบื้องซ้าย และฉลองพระบาทเชิงงอนอยู่เบื้องล่าง
พระมหาพชิ ยั มงกฎุ หมายถงึ ทรงรบั พระราชภาระอนั หนกั ยง่ิ ของแผน่ ดนิ เพอื่ ประโยชนส์ ขุ ของประชาชน
พระแสงขรรค์ชัยศรี หมายถึง ทรงรับพระราชภาระปกป้องแผ่นดินให้พ้นจากภยันตราย
ธารพระกร หมายถึง ทรงดํารงราชธรรมเพื่อค้�ำจุนบ้านเมืองให้ผาสุกม่ันคง
พระแสจ้ ามรี กบั พดั วาลวชิ นี หมายถงึ ทรงขจดั ปดั เปา่ ความทกุ ขย์ ากเดอื ดรอ้ นของอาณาประชาราษฎร์
ฉลองพระบาทเชงิ งอน หมายถึง ทรงทํานุบํารุงปวงประชาทั่วรัฐสีมาอาณาจักร
เบ้ืองหลังพระมหาพิชัยมงกุฎประดิษฐานพระมหาเศวตฉัตรอันมีระบายขลิบทอง จงกลยอดฉัตร
ประกอบรูปพรหมพักตร์อันวิเศษสุด ระบายช้ันล่างสุด ห้อยอุบะจําปาทอง แสดงถึงพระบารมีและพระบรม
เดชานุภาพที่ปกแผ่ไปทั่วทิศานุทิศ
เบ้ืองล่างกรอบอักษรพระปรมาภิไธยมีแถบแพรพื้นสีเขียวถนิมทอง ขอบขลิบทอง มีอักษรสีทอง
ความว่า “พระราชพิธีบรมราชาภิเษก พุทธศักราช ๒๕๖๒”
ปลายแถบแพรเบ้ืองขวามีรูปคชสีห์กายม่วงอ่อนประคองฉัตร ๗ ช้ัน หมายถึงข้าราชการฝ่ายทหาร
เบื้องซ้ายมีรูปราชสีห์กายขาวประคองฉัตร ๗ ช้ัน หมายถึงข้าราชการฝ่ายพลเรือน ผู้ปฏิบัติราชการสนอง
งานแผ่นดินอยู่ด้วยกัน ข้างคันฉัตรด้านในทั้งสองข้างมีดอกลอยกนกนาค แสดงถึงปีมะโรงนักษัตรอันเป็นปี
พระบรมราชสมภพ สีทองหมายถึงความเจริญรุ่งเรืองยิ่งของประเทศชาติและประชาชน
ค�ำปรารภ
พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี
ในโอกาสจัดพิมพ์หนังสือท่ีระลึกและจดหมายเหตุงานพระราชพิธีบรมราชาภิเษก
พุทธศักราช ๒๕๖๒
ราชอาณาจักรไทยมีความเจริญรุ่งเรืองสถาพรสืบมาโดยล�ำดับ อันเน่ืองมาจากความมั่นคงของสถาบัน
ชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ ซ่ึงเป็นสถาบันหลักท่ีส�ำคัญของชาติ เป็นศูนย์รวมจิตใจของชาวไทย
ท้ังประเทศ ตลอดระยะเวลาอันยาวนานนับแต่อดีตตราบจนปัจจุบัน พระมหากษัตริย์ไทยทุกพระองค์ล้วน
ทรงปฏิบัติพระราชกรณียกิจนานัปการด้วยพระวิริยอุตสาหะตามหลักทศพิธราชธรรม เพื่อประโยชน์สุขแห่ง
อาณาประชาราษฎร์เป็นส�ำคัญ
เน่ืองในโอกาสมหามงคลสมัยที่พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ
มหิศรภูมิพลราชวรางกูร กิติสิริสมบูรณอดุลยเดช สยามินทราธิเบศรราชวโรดม บรมนาถบพิตร พระวชิรเกล้า
เจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้ต้ังการพระราชพิธีบรมราชาภิเษก ระหว่างวันศุกร์
ที่ 3 ถึงวันจันทร์ท่ี ๖ พฤษภาคม พุทธศักราช ๒๕๖๒ รัฐบาลพร้อมด้วยหน่วยงานภาครัฐและภาคเอกชน
ตลอดจนประชาชนชาวไทยทุกหมู่เหล่าล้วนปีติปราโมทย์อย่างย่ิง จึงพร้อมใจกันจัดโครงการและกิจกรรม
เฉลิมพระเกียรติ เพื่อแสดงออกถึงความจงรักภักดีและน้อมส�ำนึกในพระมหากรุณาธิคุณอันหาท่ีสุดมิได้
โดยพร้อมเพรียงกันทั่วประเทศ รัฐบาลในนามคณะกรรมการอ�ำนวยการจัดงานพระราชพิธีบรมราชาภิเษกได้
กราบบังคมทูลเชิญสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี
ทรงเปน็ ทปี่ รกึ ษากติ ตมิ ศกั ดใิ์ นการพระราชพธิ ี และไดแ้ ตง่ ตงั้ คณะกรรมการฝา่ ยตา่ ง ๆ เพอ่ื การดำ� เนนิ งานจดั การ
พระราชพิธีบรมราชาภิเษก พุทธศักราช ๒๕๖๒ ให้สมบูรณ์ครบถ้วนตามขัตติยโบราณราชประเพณี เพ่ือท�ำ
หน้าท่ีต่าง ๆ อันเนื่องด้วยการพระราชพิธีบรมราชาภิเษกทั้งมวล ตลอดจนบันทึกเหตุการณ์พระราชพิธี
บรมราชาภิเษก พุทธศักราช ๒๕๖๒ ไว้เป็นหลักฐานส�ำคัญทางประวัติศาสตร์ชาติและเฉลิมพระเกียรติยศ
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวให้เป็นที่ปรากฏแผ่ไพศาลไปในนานาอารยประเทศ
รัฐบาลและปวงชนชาวไทยทุกหมู่เหล่าน้อมส�ำนึกในพระมหากรุณาธิคุณล้นเกล้าล้นกระหม่อมและ
ขอพระราชทานพระบรมราชานุญาตอัญเชิญพลานุภาพแห่งคุณพระศรีรัตนตรัยและสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลาย
ในสากลพิภพ โปรดอภิบาลพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินี ให้เจริญ
พระชนมสุขสิริสวัสดิ์ สรรพพิบัติอุปัทวันตรายจงเสื่อมหายสูญสนิท เสด็จสถิตเป็นมิ่งขวัญแห่งสยามรัฐสีมา
และปวงชนชาวไทยตราบนิรันดร์
พลเอก
(ประยุทธ์ จันทร์โอชา)
นายกรัฐมนตรี
ประธานกรรมการอ�ำนวยการจัดงานพระราชพิธีบรมราชาภิเษก
ค�ำน�ำ
สถาบันพระมหากษัตริย์ เป็นสถาบันหลักของชาติท่ีด�ำรงอยู่คู่สังคมไทยมาช้านาน พระมหากษัตริย์ไทย
นบั แตอ่ ดตี ตราบจนปจั จบุ นั ลว้ นทรงพระคณุ อนั ประเสรฐิ ทรงอทุ ศิ พระองคป์ ระกอบพระราชกรณยี กจิ นานปั การ
เพ่ือสร้างความเจริญม่ันคงแก่ประเทศและน�ำความผาสุกร่มเย็นมาสู่อาณาประชาราษฎร์อย่างแท้จริง
เนอื่ งในโอกาสมหามงคลสมยั ทพี่ ระบาทสมเดจ็ พระปรเมนทรรามาธบิ ดศี รสี นิ ทรมหาวชริ าลงกรณ มหศิ ร
ภมู พิ ลราชวรางกรู กติ สิ ริ สิ มบรู ณอดลุ ยเดช สยามนิ ทราธเิ บศรราชวโรดม บรมนาถบพติ ร พระวชริ เกลา้ เจา้ อยหู่ วั
ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้ต้ังการพระราชพิธีบรมราชาภิเษก ระหว่างวันศุกร์ ที่ 3 ถึงวันจันทร์
ที่ ๖ พฤษภาคม พุทธศักราช ๒๕๖๒ คณะกรรมการฝ่ายจัดพิธีการงานพระราชพิธีบรมราชาภิเษกได้มอบหมาย
ให้คณะอนุกรรมการฝ่ายจัดท�ำหนังสือที่ระลึกและจดหมายเหตุงานพระราชพิธีบรมราชาภิเษก พิจารณาด�ำเนนิ
การจัดพิมพ์หนังสือและสื่ออิเล็กทรอนิกส์อันเน่ืองด้วยการพระราชพิธีบรมราชาภิเษก พุทธศักราช ๒๕๖๒
น้อมเกลา้ น้อมกระหมอ่ มถวายเป็นราชสักการะ ท้ังยังเป็นบันทึกส�ำคัญทางประวัติศาสตร์ของชาติ จ�ำนวน
๑๓ รายการ ประกอบด้วย
หนังสือจดหมายเหตุฉบับหลัก ๑ รายการ ได้แก่
๑. จดหมายเหตุพระราชพิธีบรมราชาภิเษก พุทธศักราช ๒๕๖๒
หนังสือและสื่ออิเล็กทรอนิกส์ จดหมายเหตุฉบับรอง ๓ รายการ ได้แก่
๑. จดหมายเหตุพระราชพิธีบรมราชาภิเษก พุทธศักราช ๒๕๖๒ ฉบับส่ือมวลชน
๒. จดหมายเหตุพระราชพิธีบรมราชาภิเษก พุทธศักราช ๒๕๖๒ ฉบับวีดิทัศน์
๓. หนังสือสมุดภาพพระราชพิธีบรมราชาภิเษก พุทธศักราช ๒๕๖๒
หนังสือที่ระลึก ๙ รายการ ได้แก่
๑. หนังสือพระราชพิธีบรมราชาภิเษก พุทธศักราช ๒๕๖๒ ฉบับภาษาไทยและภาษาอังกฤษ
2. หนังสือพระบาทสมเดจ็ พระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชริ าลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยหู่ ัว
3. หนังสือชุมชนด้ังเดิมภายใต้ร่มพระบารมีจักรีวงศ์
4. หนังสือชุมชนต่างชาติใต้ร่มพระบรมโพธิสมภาร
๕. หนังสือประมวลบทความเนื่องในพระราชพิธีบรมราชาภิเษก
๖. หนังสือพระราชพิธีบรมราชาภิเษกในเอกสารต่างประเทศ
๗. หนังสือประมวลเอกสารพระราชพิธีบรมราชาภิเษก
๘. หนังสือขบวนพยุหยาตราทางสถลมารค
๙. หนังสือขบวนพยุหยาตราทางชลมารค
นอกจากนน้ั ยงั มหี นว่ ยงานภาครฐั และเอกชนไดจ้ ดั พมิ พห์ นงั สอื ทร่ี ะลกึ ซงึ่ มเี นอ้ื หาสาระเกยี่ วกบั พระราช
กรณียกิจและพระราชพิธีบรมราชาภิเษก เพื่อร่วมเฉลิมพระเกียรติในมหามงคลสมัยพิเศษน้ีอีกหลายรายการ
หนังสือและส่ืออิเล็กทรอนิกส์เหล่าน้ีจะได้เผยแพร่ไปสู่สถาบันการศึกษา ห้องสมุด หน่วยงาน
ทั้งภาครัฐและเอกชน อันจะยังประโยชน์แก่ประชาชน นักเรียน นิสิต นักศึกษา ตลอดจนประชาชน
ทั่วพระราชอาณาจักรและนานาประเทศ การที่คณะท�ำงานฯ ต่างสมานฉันท์ร่วมกันสร้างสรรค์ผลงานอันทรง
คุณค่าออกสู่สาธารณชนครั้งน้ี นับเป็นเครื่องแสดงออกถึงความจงรักภักดีที่มีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์
อย่างเหนียวแน่นม่ันคง อีกท้ังยังเป็นการเผยแพร่พระเกียรติคุณให้แผ่ไพศาลไปช่ัวกาลนาน
ในนามของคณะอนุกรรมการฝ่ายจัดท�ำหนังสือที่ระลึกและจดหมายเหตุงานพระราชพิธีบรมราชาภิเษก
ผมหวงั เปน็ อยา่ งยง่ิ วา่ หนงั สอื และสอ่ื อเิ ลก็ ทรอนกิ สท์ จี่ ดั ทำ� ทง้ั ๑๓ รายการดงั กลา่ ว จะสรา้ งความรู้ ความเขา้ ใจ
เก่ียวกับพระราชพิธีบรมราชาภิเษก อันเป็นขัตติยโบราณราชประเพณีคู่สังคมไทยมายาวนาน ขณะเดียวกัน
ก็ยังธ�ำรงรักษาและสืบทอดไว้ซึ่งงานประณีตศิลป์ไทยอีกหลายแขนง กล่าวได้ว่าพระมหากรุณาธิคุณของ
พระมหากษัตริยาธิราช นอกจากจะปกแผ่ไพร่ฟ้าประชาไทยแล้ว ยังท�ำให้โบราณราชประเพณีและมรดก
ศิลปวัฒนธรรมของชาติฟื้นคืนชีวิต แสดงถึงความเข้มแข็งม่ันคงของรากฐานวัฒนธรรมไทย ซึ่งปวงชนชาวไทย
ควรร่วมกันปกป้องเทิดทูนสถาบันพระมหากษัตริย์ไว้เป็นหลักชัยของชาติสืบไป
(นายอิทธิพล คุณปล้ืม)
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม
ประธานอนุกรรมการ
ฝ่ายจัดท�ำหนังสือท่ีระลึกและจดหมายเหตุพระราชพิธีบรมราชาภิเษก
ค�ำช้ีแจง
สถาบันพระมหากษัตริย์ถือเป็นสถาบันหลักที่ผูกพันแนบแน่นกับสังคมไทยมาแต่โบราณกาล
ด้วยพระมหากษัตริย์ทรงเป็นหลักชัยน�ำพาราชอาณาจักรให้เจริญรุ่งเรืองเป็นปึกแผ่นม่ันคงมาถึงปัจจุบัน ดังน้ัน
“พระราชพิธีบรมราชาภิเษก” อันปรากฏหลักฐานว่าได้ปฏิบัติสืบเนื่องมาแต่คร้ังก่อนสมัยสุโขทัยตราบจนถึง
สมัยรัตนโกสินทร์ จึงเป็นโบราณราชประเพณีที่ส�ำคัญยิ่งแห่งการเสด็จเถลิงถวัลยราชสมบัติ ด้วยเป็นเครื่อง
เฉลิมพระเกียรติยศให้ปรากฏไปท่ัวทิศานุทิศว่าได้ทรงด�ำรงพระราชสถานะพระประมุขแห่งรัฐสีมามณฑล
โดยสมบูรณ์
วันเสาร์ ท่ี ๔ พฤษภาคม พุทธศักราช ๒๕๖๒ นับเป็นวันมหาปีติของพสกนิกรชาวไทยทุกหมู่เหล่า
ท่ีสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร ทรงรับบรมราชาภิเษกเป็นพระมหากษัตริย์
รัชกาลที่ 10 แห่งพระบรมราชจักรีวงศ์โดยสมบูรณ์ตามโบราณขัตติยราชประเพณี เฉลิมพระปรมาภิไธย
ตามจารึกในพระสุพรรณบัฏว่า “พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ
มหิศรภูมิพลราชวรางกูร กิติสิริสมบูรณอดุลยเดช สยามินทราธิเบศรราชวโรดม บรมนาถบพิตร พระวชิรเกล้า
เจ้าอยู่หัว”
คณะอนุกรรมการฝ่ายจัดท�ำหนังสือท่ีระลึกและจดหมายเหตุงานพระราชพิธีบรมราชาภิเษก
ไดม้ อบหมายใหก้ รมศลิ ปากร โดยสำ� นกั วรรณกรรมและประวตั ศิ าสตรจ์ ดั ทำ� หนงั สอื ทรี่ ะลกึ เนอ่ื งในการพระราชพธิ ี
บรมราชาภิเษก พุทธศักราช ๒๕๖๒ เร่ือง “ประมวลเอกสารพระราชพิธีบรมราชาภิเษก” เพื่อน้อมเกล้า
น้อมกระหม่อมถวายเป็นราชสักการะและแสดงออกถึงความจงรักภักดีในวโรกาสอันส�ำคัญย่ิงน้ี อีกท้ังเพื่อเป็น
การสืบทอดธ�ำรงรักษาเอกสารอันทรงคุณค่าทางประวัติศาสตร์จารีตประเพณีแก่อนุชนสืบไป
“ประมวลเอกสารพระราชพิธีบรมราชาภิเษก” เป็นหนังสือท่ีรวบรวมเอกสารอันเก่ียวเน่ืองกับ
การพระราชพธิ บี รมราชาภเิ ษกทแี่ สดงใหเ้ หน็ ถงึ คตคิ วามเชอ่ื และลำ� ดบั ขนั้ ตอนของการพระราชพธิ ี ประกอบดว้ ย
พระราชพิธีบรมราชาภิเษกนับต้ังแต่สมัยอยุธยาถึงรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพล
อดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร อันได้แก่ เร่ืองปัญจราชาภิเษก พระราชพิธีบรมราชาภิเษกคัดจากอรรถกถา
สิงหล ราชาภิเษกคร้ังกรุงศรีอยุธยา พระราชพิธีบรมราชาภิเษกพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก
มหาราช พระราชพิธีบรมราชาภิเษกพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย พระราชพิธีบรมราชาภิเษก
พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว พระมหาเจษฎาราชเจ้า พระราชพิธีบรมราชาภิเษกพระบาทสมเด็จ
พระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหามงกุฎ พระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว พระสยามเทวมหามกุฏวิทยมหาราช
พระราชพิธีบรมราชาภิเษกพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว พระราชพิธีบรมราชาภิเษก
พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว พระราชพิธีบรมราชาภิเษกพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว
และพระราชพิธีบรมราชาภิเษกพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช
บรมนาถบพิตร พร้อมทั้งได้จัดท�ำบทน�ำว่าด้วยความส�ำคัญของพระราชพิธีบรมราชาภิเษก ตลอดจนองค์ความรู้
จากการตรวจสอบช�ำระเอกสารเกี่ยวกับพระราชพิธีบรมราชาภิเษกด้วย
อน่ึง ในการจัดพิมพ์คร้ังที่ ๒ นี้ ได้น�ำเอกสาร “ประกาศเทวดา” เน่ืองในการพระราชพิธีบรมราชาภิเษก
รัชกาลท่ี ๔ ถึงรัชกาลท่ี ๖ ซ่ึงรวบรวมอยู่ในหนังสือ “ประกาศพระราชพิธี เล่ม ๒ ส�ำหรับพระราชพิธีการจร”
มาพิมพ์เพ่ิมเติมตามต้นฉบับต่อจากเอกสารพระราชพิธีบรมราชาภิเษกในรัชกาลดังกล่าว เพื่อให้หนังสือ
มีเน้ือหาที่ครบถ้วนสมบูรณ์อันจะเป็นประโยชน์ต่อการศึกษาค้นคว้ายิ่งขึ้น ส่วนเอกสารปลีกย่อยอ่ืน ๆ เช่น
หมายรับสั่ง บัญชีสิ่งของ รายงานการประชุม ฯลฯ ไม่ได้น�ำมารวมไว้
เอกสารที่น�ำมาจัดพิมพ์น้ีมีทั้งท่ีเคยจัดพิมพ์เผยแพร่รวมอยู่ในชุดเอกสารต่าง ๆ และเอกสารส่วนหน่ึง
เป็นต้นฉบับหนังสือสมุดไทยท่ียังไม่เคยพิมพ์เผยแพร่มาก่อน ซึ่งรายละเอียดของเอกสารแต่ละเรื่องเกี่ยวกับ
ประวัติที่มาของเอกสารและเร่ืองราวที่เกี่ยวข้องจะปรากฏอยู่ในค�ำอธิบายของเอกสารแต่ละเรื่อง ซ่ึงคณะ
บรรณาธิการได้ยึดหลักการตรวจสอบช�ำระดังน้ี
๑. เอกสารพระราชพธิ บี รมราชาภเิ ษก เรอ่ื ง ปญั จราชาภเิ ษก พระราชพธิ บี รมราชาภเิ ษกคดั จากอรรถกถา
สิงหล ราชาภิเษกครั้งกรุงศรีอยุธยา และพระราชพิธีบรมราชาภิเษก รัชกาลท่ี ๑ ถึงรัชกาลที่ ๕ ซึ่งต้นฉบับเดิม
เป็นหนังสือสมุดไทย ในการตรวจสอบช�ำระครั้งนี้ใช้ต้นฉบับหนังสือสมุดไทยสอบทานร่วมกับฉบับพิมพ์
คร้ังต่างๆ และฉบับพิมพ์คร้ังล่าสุด ด้วยเหตุนี้ช่ือบุคคลและสถานท่ีท่ีเป็นช่ือเดียวกันจึงอาจมีการสะกดด้วย
ตัวอักษรท่ีแตกต่างกัน ค�ำศัพท์ท่ีสะกดแบบเดียวกันทั้งหมดจะคงไว้ตามการสะกดดังท่ีปรากฏในสมุดไทย เช่น
สุพรรณบัฏ รวมท้ังค�ำศัพท์โบราณที่ยังไม่รู้ถึงที่มาชัดเจน เช่น ราชวัด กะลาโหม/กรลาโหม ฯลฯ ท้ังน้ี
เพ่ือประโยชน์ในการศึกษาวิเคราะห์ด้านอักษรศาสตร์ ยกเว้นตัวสะกด “ษ” และ “ศ” เช่น ค�ำ “ราชาภิเศก”,
“วงษานุวงษ” ท่ีปรากฏในสมุดไทยจะปรับเป็น “ราชาภิเษก”, “วงศานุวงศ์” ตามความนิยมในปัจจุบัน
ส่วนค�ำศัพท์โดยทั่วไป เช่น ข้างน่า (ข้างหน้า) สิลา (ศิลา) เปน (เป็น) เลก (เล็ก) ฯลฯ จะปรับอักขรวิธีตาม
พจนานุกรมราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. ๒๕๕๔
๒. เอกสารพระราชพิธีบรมราชาภิเษก รัชกาลที่ ๖ รัชกาลท่ี ๗ และรัชกาลที่ ๙ ในการตรวจสอบช�ำระ
ใช้ต้นฉบับท่ีจัดพิมพ์คร้ังแรกร่วมสอบทานกับเอกสารชั้นต้นอ่ืน ๆ ที่เกี่ยวข้อง ซ่ึงอักขรวิธียังคงไว้ตามต้นฉบับ
ท่ีใช้ในการตรวจสอบช�ำระ
นอกจากน้ี ในการตรวจสอบช�ำระยังได้จัดท�ำเชิงอรรถอธิบายเปรียบเทียบเน้ือความที่มีรายละเอียด
แตกต่างกันของเอกสารต่าง ๆ และเชิงอรรถอธิบายความเพิ่มเติมเท่าท่ีจ�ำเป็น เพื่อเสริมสร้างความรู้
ความเขา้ ใจเกยี่ วกบั เรอื่ งราวทเี่ กยี่ วขอ้ ง รวมถงึ ไดเ้ ทยี บวนั เดอื นปที างจนั ทรคตทิ รี่ ะบตุ ามตน้ ฉบบั เปน็ วนั เดอื นปี
ทางสุริยคติ โดยใช้ปฏิทินส�ำหรับค้นวันเดือนจันทรคติกับสุริยคติของกรมวิชชาการ กระทรวงธรรมการด้วย
การจัดพิมพ์หนังสือเล่มนี้ กรมศิลปากร ได้รับความอนุเคราะห์จากผู้เช่ียวชาญด้านโบราณราชประเพณี
และไทยคดีศึกษา ได้แก่ นายสมบัติ พลายน้อย ศิลปินแห่งชาติ สาขาวรรณศิลป์ พ.ศ. ๒๕๕๓ นางสายไหม
จบกลศึก ผู้ทรงคุณวุฒิ นางสาวเพลินพิศ ก�ำราญ ผู้ทรงคุณวุฒิ นางสาวฉวีงาม มาเจริญ อดีตนักอักษรศาสตร์
ทรงคุณวุฒิ ข้าราชการบ�ำนาญ กรมศิลปากร นายเทิม มีเต็ม ผู้เชี่ยวชาญภาษาตะวันออก และนายเกษียร
มะปะโม ผู้เช่ียวชาญด้านภาษาโบราณ กรุณาให้ค�ำแนะน�ำและตรวจแก้ไขต้นฉบับ พร้อมกันนี้ ยังได้รับ
ความอนุเคราะห์จากนางสาวรัชนี ทรัพย์วิจิตร ข้าราชการบ�ำนาญ กรมศิลปากร เป็นผู้ท�ำดัชนีค้นค�ำของหนังสือ
จึงขอขอบพระคุณมา ณ โอกาสน้ี
กรมศิลปากรขอน้อมเกล้าน้อมกระหม่อมถวายหนังสือ “ประมวลเอกสารพระราชพิธีบรมราชาภิเษก”
เป็นราชสักการะแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พระผู้ทรงพระมหากรุณาธิคุณอันประเสริฐ
ขออ�ำนาจแห่งคุณพระศรีรัตนตรัยและส่ิงศักด์ิสิทธิ์ในสากลพิภพ ตลอดจนพระบารมีแห่งสมเด็จพระบูรพ
มหากษัตริยาธิราชเจ้า ทั้งอานุภาพแห่งพระราชสัตยาธิษฐานที่ใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาทมีพระปฐม
บรมราชโองการพระราชทานอารักขาแก่อาณาประชาราษฎร์ โปรดอภิบาลบันดาลดลให้ทรงพระเกษมส�ำราญ
เสด็จสถิตในไอสูรยสมบัติแห่งมหาจักรีบรมราชวงศ์ เป็นร่มฉัตรคุ้มเกล้าเหล่าพสกนิกรตลอดจิรัฐิติกาล เทอญ
(นายประทีป เพ็งตะโก)
อธิบดีกรมศิลปากร
พระราชประวัติ
พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ
พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว
พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ
พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว
พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว พระมหากษัตริย์
รัชกาลที่ ๑๐ แห่งพระบรมราชจักรีวงศ์ พระนามเดิม สมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้าวชิราลงกรณ เป็นพระราชโอรส
ในพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร กับสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิต์ิ
พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง เสด็จพระราชสมภพ ณ พระท่ีนั่งอัมพรสถาน พระราชวังดุสิต
เมื่อวันจันทร์ ที่ ๒๘ กรกฎาคม พุทธศักราช ๒๔๙๕ มีพระเชษฐภคินี ๑ พระองค์ คือ ทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตนราช
กัญญา สิริวัฒนาพรรณวดี และพระขนิษฐภคินี ๒ พระองค์ คือ สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตน
ราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี และสมเด็จพระเจ้าน้องนางเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี กรมพระ
ศรีสวางควัฒน วรขัตติยราชนารี
ขณะยงั ทรงพระเยาว์ ทรงเข้ารับการศกึ ษาเบ้ืองต้น ณ โรงเรยี นจติ รลดา ในพระราชวงั ดสุ ิต ถึงพทุ ธศกั ราช ๒๕๐๙
จากนั้นเสด็จฯ ไปทรงศึกษาท่ีประเทศอังกฤษ ณ โรงเรียนคิงส์มีด เมืองซีฟอร์ด แคว้นซัสเซกส์ และโรงเรียนมิลล์ฟิลด์
เมืองสตรีท แคว้นซอมเมอร์เซท จนถึงพุทธศักราช ๒๕๑๓ จึงเสด็จฯ ไปทรงศึกษาวิชาการทหารตามท่ีทรงต้ัง
พระราชหฤทัยไว้ ณ ประเทศออสเตรเลียในระดับเตรียมทหารท่ีคิงส์สกูล นครซิดนีย์ และวิชาการทหารชั้นสูงท่ีวิทยาลัย
วิชาการทหารดันทรูน กรุงแคนเบอร์รา หลังจากทรงส�ำเร็จการศึกษาและเสด็จฯ กลับประเทศไทย ทรงเข้าศึกษาต่อ
ณ โรงเรียนเสนาธิการทหารบก รุ่นที่ ๔๖ จากนั้น ทรงศึกษาต่อ ณ มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช สาขาวิชานิติศาสตร์
รุ่นที่ ๒ ทรงส�ำเร็จการศึกษานิติศาสตรบัณฑิต (เกียรตินิยมอันดับ ๒) และทรงเข้ารับการศึกษา ณ วิทยาลัยป้องกัน
ราชอาณาจักรแห่งสหราชอาณาจักร ตามล�ำดับ
พุทธศักราช ๒๕๑๕ ทรงเจริญพระชนมพรรษา ๒๐ พรรษาบริบูรณ์ พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร
มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้สถาปนาพระอิสริยยศขึ้นเป็น
สมเด็จพระบรมโอรสาธิราช เจ้าฟ้ามหาวชิราลงกรณ สยามมกุฎราชกุมาร
พุทธศักราช ๒๕๒๑ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมีพระราชศรัทธาทรงผนวชในพระพุทธศาสนา ณ
วัดพระศรีรัตนศาสดาราม โดยมีสมเด็จพระสังฆราชเจ้า กรมหลวงชินวราลงกรณ (วาสน์ วาสโน) วัดราชบพิธสถิตมหา
สีมารามราชวรวิหาร เป็นพระราชอุปัธยาจารย์ ทรงได้รับพระสมณฉายาว่า “วชิราลงฺกรโณ”
พระราชโอรสและพระราชธิดา
๑. สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าพัชรกิติยาภา นเรนทิราเทพยวดี กรมหลวงราชสาริณีสิริพัชร มหาวัชร
ราชธิดา
๒. สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญา
๓. สมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้าทีปังกรรัศมีโชติ มหาวชิโรตตมางกูร สิริวิบูลยราชกุมาร
เสด็จข้ึนทรงราชย์
วันพฤหัสบดี ท่ี ๑๓ ตุลาคม พุทธศักราช
๒๕๕๙ พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพล
อดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพติ ร เสดจ็ สวรรคต ประธาน
ส ภ า นิ ติ บั ญ ญั ติ แ ห ่ ง ช า ติ ท� ำ ห น ้ า ที่ ป ร ะ ธ า น รั ฐ ส ภ า
กราบบงั คมทลู อญั เชญิ สมเดจ็ พระบรมโอรสาธริ าช เจา้ ฟา้
มหาวชิราลงกรณ สยามมกุฎราชกุมาร เสด็จข้ึนด�ำรง
สิริราชสมบัติสืบราชสันตติวงศ์เป็นพระมหากษัตริย์
รัชกาลที่ ๑๐ แห่งพระบรมราชจักรีวงศ์ เฉลิมพระ
ปรมาภิไธยว่า “สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ
บดินทรเทพยวรางกูร”
พระราชพิธีราชาภิเษกสมรส พระราชพิธีบรมราชาภิเษก
วันพุธ ที่ ๑ พฤษภาคม พุทธศักราช ๒๕๖๒ วันเสาร์ ท่ี ๔ พฤษภาคม พุทธศักราช
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงประกอบพระราชพธิ ี ๒๕๖๒ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงประกอบ
ราชาภิเษกสมรสกับพลเอกหญิง สุทิดา วชิราลงกรณ์ พระราชพิธีบรมราชาภิเษกตามโบราณราชประเพณี
ณ อยธุ ยา ณ พระทนี่ ง่ั อัมพรสถาน พระราชวังดุสิต และมี เฉลิมพระปรมาภิไธยตามท่ีจารึกในพระสุพรรณบัฏว่า
พระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้สถาปนาพลเอกหญิง “พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทร
สุทิดา วชิราลงกรณ์ ณ อยุธยา พระอัครมเหสี เป็นสมเด็จ มหาวชิราลงกรณ มหิศรภูมิพลราชวรางกูร กิติสิริสมบูรณ
พระราชินีสุทิดา ต่อมาในการพระราชพิธีบรมราชาภิเษก อดุลยเดช สยามินทราธิเบศรราชวโรดม บรมนาถบพิตร
มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้สถาปนาสมเด็จ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว”
พระราชินีสุทิดา เป็นสมเด็จพระนางเจ้าสุทิดา พัชรสุธา
พิมลลักษณ พระบรมราชินี
พระปรีชาสามารถ
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวสนพระราชหฤทัยใฝ่รู้ในกิจการงานหลากหลายสาขา โดยเฉพาะ
ดา้ นการบนิ ทรงศกึ ษาหลกั สตู รการบนิ ทงั้ ของกองทพั บกและกองทพั อากาศ ตลอดจนเสดจ็ ฯ ไปทรงศกึ ษาเทคนคิ การบนิ
จากประเทศสหรัฐอเมริกา รวมถึงหลักสูตรนักบินพาณิชย์จากสถาบันการบินพลเรือน ทรงพระปรีชาสามารถในการ
ขับอากาศยานหลากหลายแบบทั้งอากาศยานทหารและอากาศยานพาณิชย์ ทรงปฏิบัติหน้าที่ครูการบินแก่นักบิน
ของกองทัพอากาศจนทรงได้รับการทูลเกล้าฯ ถวายกิตติบัตรครูฝึกการบินเครื่องบินขับไล่สมรรถนะสูง ด้านภาษา
และวรรณศิลป์ ทรงพระราชนิพนธ์บทประพันธ์ทั้งร้อยแก้วและร้อยกรองพระราชทานแก่บุคคลในโอกาสต่าง ๆ
ด้านภูมิสถาปัตยกรรม ทรงเปี่ยมด้วยพระปรีชาสามารถในศาสตร์อันเน่ืองด้วยสถาปัตยกรรมและภูมิสถาปัตยกรรม
ดังเป็นท่ีประจักษ์ชัดจากแนวพระราชด�ำริในการออกแบบ วางผัง และตกแต่งอาคารสถานท่ีส�ำคัญ ๆ อันทรงคุณค่า
ทางประวัติศาสตร์ของชาติ
พระราชกรณียกิจ
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงบ�ำเพ็ญพระราชกรณียกิจเพ่ือบ้านเมืองมาแต่ยังทรงพระเยาว์ ได้โดย
เสด็จสมเด็จพระบรมชนกนาถและสมเด็จพระบรมราชชนนี ไปทรงเยี่ยมเยียนราษฎรในชนบทท่ีห่างไกลท่ัวทุกภูมิภาค
ขณะทรงด�ำรงพระราชอิสริยยศสมเด็จพระบรมโอรสาธิราช ฯ สยามมกุฎราชกุมาร ได้ทรงปฏิบัติพระราชกิจแทน
พระองค์ พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร มาโดยตลอด ท้ังงาน
พระราชพิธี งานด้านการศึกษา ศาสนา สังคม สาธารณสุข การทหาร และความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ยังประโยชน์
แก่บ้านเมืองเป็นอเนกประการ ครั้นเม่ือเสด็จด�ำรงสิริราชสมบัติ จึงมีพระราชปณิธานท่ีจะทรงสืบสานพระราชกรณียกิจ
ของสมเด็จพระบรมชนกนาถและสมเด็จพระบรมราชชนนี เพ่ือพัฒนาคุณภาพชีวิตของราษฎรและยังความผาสุกร่มเย็น
แก่บ้านเมืองสืบไป
ด้านการศึกษา พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงตระหนักในความส�ำคัญของการศึกษาว่ามีส่วนช่วยพัฒนาคน
ให้มีความรู้ความสามารถ อันจะน�ำไปสู่การพัฒนาชาติให้ก้าวหน้าต่อไป ได้พระราชทานพระราชทรัพย์ส่วนพระองค์
จัดสร้างโรงเรียนมัธยมในท้องถิ่นทุรกันดารทั่วประเทศและทรงรับไว้ในพระบรมราชูปถัมภ์ ทั้งยังทรงพระกรุณา
โปรดเกล้าฯ พระราชทานทุนการศึกษาแก่เยาวชนท่ีเรียนดี ประพฤติดี ฐานะยากจน ครอบคลุมหลากหลายสาขา อาทิ
ด้านการแพทย์ การพยาบาล และการเกษตร
ด้านการเกษตร พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงให้ความส�ำคัญกับงานด้านเกษตรกรรมทุกแขนง ขณะทรง
ด�ำรงพระราชอิสริยยศสมเด็จพระบรมโอรสาธิราช ฯ สยามมกุฎราชกุมาร ได้เสด็จพระราชด�ำเนินแทนพระองค์
พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ไปในการพระราชพิธีพืชมงคลจรด
พระนงั คลั แรกนาขวญั เพอ่ื พระราชทานขวญั และกำ� ลงั ใจแกเ่ กษตรกรในการประกอบอาชพี และทรงปฏบิ ตั พิ ระราชกรณยี กจิ
ดังกล่าวอย่างต่อเน่ือง ทรงให้การอุปถัมภ์และส่งเสริมงานด้านเกษตรกรรมอย่างครบวงจร ทั้งการพัฒนาผลผลิตและ
ยกระดับคุณภาพชีวิตของเกษตรกร ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้จัดต้ังโครงการคลินิกเกษตรเคลื่อนที่ ให้บริการ
ความรู้ท้ังด้านการเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต และให้ค�ำปรึกษาแก้ไขปัญหาอุปสรรคต่าง ๆ แก่เกษตรกร นอกจากน้ี
ยังทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้จัดสร้างอาคารวิจัยและพัฒนาวิทยาศาสตร์เกษตร ภายในมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์
รวมท้ังพระราชทานทุนส�ำหรับการวิจัย และพระราชทานที่ดินส่วนพระองค์จัดสร้างศูนย์เรียนรู้ด้านการเกษตร
บนพื้นท่ีสูงภาคเหนือ “เกษตรวิชญา” ท่ีอ�ำเภอแม่ริม จังหวัดเชียงใหม่
ด้านศิลปวัฒนธรรม พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
มีพระราชหฤทัยต้ังมั่นที่จะทรงสืบสานพระราชปณิธานในการ
บ�ำเพ็ญพระราชกรณียกิจเพ่ือธ�ำรงไว้ซ่ึงมรดกศิลปวัฒนธรรม
อันทรงคุณค่าของชาติ อาทิ ด้านประวัติศาสตร์และโบราณคดี
โดยสนพระราชหฤทัยเสด็จพระราชด�ำเนินไปทอดพระเนตร
โบราณสถานและแหล่งเรียนรู้ทางประวัติศาสตร์และ
วัฒนธรรมท้ังในประเทศและต่างประเทศ ด้านนาฏศิลป์และ
ดนตรี ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้จัดแสดงโขนกลางแปลง
พระราชทานในหลายโอกาส เพื่อเป็นการธ�ำรงรักษา สืบทอด
และเผยแพรม่ รดกศลิ ปวฒั นธรรมอนั ทรงคณุ ค่าของชาติสืบไป
ด้านการศาสนา พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
มพี ระราชศรทั ธาในพระบวรพทุ ธศาสนาอยา่ งมน่ั คง ทรงประกาศ
พระองค์เป็นพุทธมามกะเมื่อพุทธศักราช ๒๕๐๙ รวมถึง
ในการพระราชพธิ บี รมราชาภเิ ษกพทุ ธศกั ราช๒๕๖๒นอกจากน้ี
ยังทรงปฏิบัติพระราชกรณียกิจเนื่องในพระพุทธศาสนา
ทกุ โอกาส ทง้ั การพระราชพธิ ที เี่ สดจ็ พระราชดำ� เนนิ แทนพระองค์
พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดช
มหาราช บรมนาถบพิตร เป็นประจ�ำตั้งแต่พุทธศักราช
๒๕๔๐ คือ พระราชพิธีเปลี่ยนเครื่องทรงพระพุทธมหามณี
รัตนปฏิมากร ณ วัดพระศรีรัตนศาสดาราม พระราชพิธี
ประจ�ำเนื่องในวันส�ำคัญทางศาสนา ได้แก่ วันมาฆบูชา
วันวิสาขบูชา และวันอาสาฬหบูชา รวมท้ังการพระราชพิธีจร
และพิธีต่าง ๆ นอกจากนี้ ยังทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ
ให้จัดพิธีมหามงคลเจริญพระพุทธมนต์ ในโอกาสส�ำคัญ ๆ
ณ พระลานพระราชวังดุสิต รวมทั้งจัดพิมพ์หนังสือบทเจริญ
พระพุทธมนต์พระราชทานแก่ประชาชนท่ีมาร่วมพิธีเพื่อเป็น
พระราชกุศลธรรมทาน
นอกจากพระราชกรณียกิจในการท�ำนุบ�ำรุงพระพุทธ
ศาสนาแล้ว พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวยังทรงเป็น
เอกอคั รศาสนปู ถมั ภกศาสนาทกุ ศาสนา และทรงปฏบิ ตั พิ ระราช
กรณียกิจเนื่องในกิจกรรมของศาสนาอ่ืน ๆ ท้ังศาสนาคริสต์
อิสลาม พราหมณ์ - ฮินดู และซิกข์
ดา้ นการแพทยแ์ ละการสาธารณสขุ พระบาทสมเดจ็
พระเจ้าอยู่หัวทรงตระหนักว่าปัจจัยส�ำคัญในการพัฒนา
ประเทศให้ม่ันคง คือ การดูแลชีวิตความเป็นอยู่ของคน
ในชาติให้ผาสุกปราศจากโรคภัยไข้เจ็บ ทรงเล็งเห็น
ถึงปัญหาการขาดแคลนแพทย์และการบริการด้าน
สาธารณสุข พระราชทานพระบรมราชูปถัมภ์แก่โครงการ
“โรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราช” ในท้องถิ่นทุรกันดาร
ทั่วประเทศ ตั้งแต่พุทธศักราช ๒๕๒๐ นอกจากนี้ ยังทรง
เป็นประธานอ�ำนวยการจัดสร้างอาคาร “ศูนย์โรคหัวใจ
สมเด็จพระบรมราชินีนาถ” โรงพยาบาลศิริราช
เพ่ือเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรม
ราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง เนื่องในโอกาส
ทรงเจริญพระชนมพรรษา ๕ รอบ พุทธศักราช ๒๕๓๕
ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้จัดต้ังโครงการกาญจน
บารมี เพ่ือช่วยเหลือผู้ป่วยมะเร็งยากไร้ และทรงเป็น
ประธานจัดสร้างศูนย์บ�ำบัดรักษาผู้ป่วยโรคมะเร็ง จังหวัด
ปทุมธานี พระราชทานนามว่า “ศูนย์มหาวชิราลงกรณ
ธัญบุรี” สถาบันมะเร็งแห่งชาติ เพื่อเฉลิมพระเกียรติ
พระบาทสมเดจ็ พระบรมชนกาธเิ บศร มหาภมู พิ ลอดลุ ยเดช
มหาราช บรมนาถบพิตร เน่ืองในโอกาสทรงครองสิริราชสมบัติครบ ๕๐ ปี พุทธศักราช ๒๕๓๙ นอกจากน้ี ยังทรง
พระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้จัดสร้างโรงพยาบาลสงเคราะห์พระสงฆ์ที่อาพาธในภูมิภาค เนื่องในโอกาสมหามงคล
ทรงเจรญิ พระชนมพรรษา ๕๐ พรรษา พทุ ธศกั ราช ๒๕๔๕ ตลอดจนพระราชทานพระราชทรพั ยจ์ ำ� นวน ๒,๔๐๐ ลา้ นบาท
แก่โรงพยาบาล ๒๗ แห่งทั่วประเทศ เพื่อจัดซ้ือเครื่องมือและอุปกรณ์ทางการแพทย์ และพระราชทานหน่วยแพทย์
เคล่ือนที่พระราชทาน ดูแลรักษาประชาชนท่ีประสบภัยพิบัติท้ังในประเทศและประเทศเพื่อนบ้านใกล้เคียง
โครงการจิตอาสาพระราชทาน พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้จัดตั้งโครงการ
จิตอาสาพระราชทาน เพื่อเสริมสร้างความสมัครสมานสามัคคีของคนในชาติในการประกอบกิจกรรมสาธารณประโยชน์
โดยแบ่งกิจกรรมจิตอาสาพระราชทานเป็น ๓ ประเภท คือ จิตอาสาพัฒนา จิตอาสาภัยพิบัติ และจิตอาสาเฉพาะกิจ
ปัจจุบันการจัดกิจกรรมจิตอาสาพระราชทานตามแนวพระราชด�ำริ ได้ด�ำเนินการไปแล้วในพ้ืนที่แหล่งชุมชนต่าง ๆ
ทั่วประเทศ
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงห่วงใยและตระหนักถึงความอยู่ดีมีสุขของพสกนิกรทุกหมู่เหล่า จึงมีพระราช
ปณิธานที่จะสืบสาน รักษา และต่อยอดโครงการอันเนื่องมาจากพระราชด�ำริของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร
มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร เพื่อความวัฒนาผาสุกของปวงชนชาวไทยและความเจริญก้าวหน้า
ของชาตบิ า้ นเมอื งสบื ไปดงั พระปฐมบรมราชโองการในพระราชพธิ บี รมราชาภเิ ษกเมอ่ื วนั เสาร์ที่ ๔พฤษภาคมพทุ ธศกั ราช
๒๕๖๒ ว่า “เราจะสืบสาน รักษา และต่อยอด และครองแผ่นดินโดยธรรม เพ่ือประโยชน์สุขแห่งอาณาราษฎรตลอดไป”
สารบัญ
หน้า
ค�ำปรารภ
ค�ำน�ำ
ค�ำชี้แจง
พระราชประวัติพระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ
พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว
สารบัญ
บทน�ำ 22
ปัญจราชาภิเษก 39
พระราชพิธีราชาภิเษกคัดจากอรรถกถาสิงหล 47
ราชาภิเษกคร้ังกรุงศรีอยุธยา 57
พระราชพิธีบรมราชาภิเษกพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช 71
พระราชพิธีบรมราชาภิเษกพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย 81
พระราชพิธีบรมราชาภิเษกพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว พระมหาเจษฎาราชเจ้า 87
พระราชพิธีบรมราชาภิเษกพระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหามงกุฎ
พระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว พระสยามเทวมหามกุฏวิทยมหาราช 93
พระราชพิธีบรมราชาภิเษกพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว 141
พระราชพิธีบรมราชาภิเษกพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว 167
พระราชพิธีบรมราชาภิเษกพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว 319
พระราชพิธีบรมราชาภิเษกพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร
มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร 403
ดัชนีค้นค�ำ 611
ภาคผนวก ค�ำส่ังแต่งต้ังคณะกรรมการฯ คณะอนุกรรมการฯ และคณะท�ำงานฯ 714
22 ประมวลเอกสารพระราชพิธีบรมราชาภิเษก
บทน�ำ*
พระราชพิธีบรมราชาภิเษกเป็นโบราณราชประเพณีส�ำคัญคู่สถาบันพระมหากษัตริย์และสังคมไทย
มายาวนาน นับตั้งแต่รูปแบบการเมืองการปกครองตามคติอินเดียได้เผยแพร่เข้ามาสู่ดินแดนเอเชียตะวันออก
เฉยี งใตเ้ มอ่ื ประมาณ ๑,๐๐๐ กวา่ ปมี าแลว้ จากนน้ั พธิ กี รรมไดป้ รบั เปลย่ี นไปตามสมยั และขนบธรรมเนยี มประเพณี
ของแต่ละบ้านเมืองรวมทั้งของไทย ตามคติความเชื่อด้ังเดิมนั้นพระมหากษัตริย์ท่ีทรงรับอัญเชิญข้ึนครอง
สิริราชสมบัติจะทรงเป็นแต่ผู้ส�ำเร็จราชการแผ่นดินไปก่อน จนกว่าจะได้ทรงรับราชาภิเษก ในระหว่างน้ัน
เคร่ืองประกอบพระราชอิสริยยศบางอย่างก็ยังไม่ใช้ข้ันสูงสุด เช่น พระเศวตฉัตรมีเพียง ๗ ช้ัน ไม่ใช่ ๙ ช้ัน
ค�ำสั่งของพระองค์ไม่เป็นโองการ1 ต่อเมื่อทรงรับพระบรมราชาภิเษกแล้วจึงจะทรงเป็นพระราชาธิบดี
อย่างสมบูรณ์ ซึ่งคติความเชื่อดังกล่าวยังสืบเนื่องมาจนถึงสมัยรัตนโกสินทร์ ดังความใน “จดหมายเหตุ
พระราชพิธีบรมราชาภิเษก สมเด็จพระรามาธิบดี ศรีสินทรมหาวชิราวุธ พระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว” ความว่า
“...ตามราชประเพณีในสยามประเทศนี้ ถือเปนต�ำรามาแต่โบราณว่า พระมหา
กระษตั รยิ ซ์ ง่ึ เสดจ็ ผา่ นพภิ พ ตอ้ งทำ� พระราชพธิ บี รมราชาภเิ ษกกอ่ น จงึ จะเปนพระราชาธบิ ดี
โดยสมบูรณ์ ถ้ายงั มไิ ด้ท�ำพระราชพธิ บี รมราชาภเิ ษกอย่ตู ราบใด ถึงจะไดท้ รงรบั รชั ทายาท
เม่ือเสด็จเข้าไปประทับอยู่ในพระราชวังหลวง ก็เสด็จอยู่เพียง ณ ท่ีพักแห่งหน่ึง พระนาม
ที่ขานก็คงใช้พระนามเดิม เปนแต่เพ่ิมค�ำว่า “ซึ่งทรงส�ำเร็จราชการแผ่นดิน” เข้าข้างท้าย
พระนาม แลค�ำรับส่ังก็ยังไม่ใช้พระราชโองการ จนกว่าจะได้สรงมุรธาภิเษก ทรงรับ
พระสพุ รรณบฏั จารกึ พระบรมราชนามาภธิ ยั กบั ทง้ั เครอื่ งราชกกธุ ภณั ฑจ์ ากพระมหาราชครู
พราหมณ์ผู้ท�ำพิธีราชาภิเษกแล้ว จึงเสด็จข้ึนเฉลิมพระราชมณเฑียร ครอบครองสิริราช
สมบัติสมบูรณ์ด้วยพระเกียรติยศแห่งพระราชามหากระษัตริย์แต่น้ันไป...”2
นอกจากน้ี พระราชพิธีบรมราชาภิเษก ยังเป็นเคร่ืองแสดงถึงเกียรติยศของแผ่นดินและความเป็น
ศรีสวัสดิมงคลของบ้านเมือง อีกท้ังยังเป็นท่ีเจริญสุขแก่ไพร่ฟ้าประชาราษฎร์ทั่วไปในพระราชอาณาเขต3
* นายบณั ฑติ ลว่ิ ชยั ชาญ นกั อักษรศาสตรช์ ำ� นาญการพเิ ศษ ส�ำนกั วรรณกรรมและประวตั ศิ าสตร์ คน้ คว้าเรียบเรยี ง
1 พระวรวงศ์เธอ กรมหมืน่ พทิ ยลาภพฤฒิยากร, “เร่อื งบรมราชาภิเษก,” ใน พระราชพธิ ีราชาภิเษกสมรส พระราชพิธบี รม
ราชาภิเษก และพระราชพธิ ีเฉลิมพระมนเทียร พระบาทสมเดจ็ พระปรมินทรมหาภมู พิ ลอดุลยเดช สยามนิ ทราธิราช พ.ศ. ๒๔๙๓
และเรอ่ื งบรมราชาภเิ ษก พระนพิ นธข์ องพระวรวงศเ์ ธอ กรมหมน่ื พทิ ยลาภพฤฒยิ ากร (พระนคร: โรงพมิ พก์ รมสรรพสามติ , ๒๕๑๔),
หนา้ ๒๗๓ - ๒๗๔.
2 จดหมายเหตพุ ระราชพธิ บี รมราชาภเิ ษก สมเดจ็ พระรามาธบิ ดี ศรสี นิ ทรมหาวชริ าวธุ พระมงกฎุ เกลา้ เจา้ อยหู่ วั (พระนคร:
โรงพิมพโ์ สภณพพิ รรฒธนากร, ๒๔๖๖), หนา้ ๑ - ๒.
3 พระราชพงศาวดารกรงุ รตั นโกสนิ ทร์ รชั กาลที่ ๑ เจา้ พระยาทพิ ากรวงศ์ (ขำ� บนุ นาค) เรยี บเรยี ง สมเดจ็ พระเจา้ บรมวงศเ์ ธอ
กรมพระยาดำ� รงราชานภุ าพ ทรงตรวจชำ� ระและทรงพระนพิ นธค์ ำ� อธบิ าย, พมิ พค์ รง้ั ที่ ๗ (กรงุ เทพฯ: กองวรรณคดแี ละประวตั ศิ าสตร์
กรมศิลปากร, ๒๕๔๕), หนา้ ๒๘.
ประมวลเอกสารพระราชพิธีบรมราชาภิเษก 23
๑. ความเป็นมาของพระราชพิธีบรมราชาภิเษก
นักวิชาการสันนษิ ฐานวา่ พระราชพิธบี รมราชาภเิ ษกในประเทศไทยคงไมไ่ ดร้ บั รปู แบบพธิ กี รรมศกั ดสิ์ ิทธ์ิ
จากอินเดียโดยตรง แต่น่าจะมีการรับผ่านจากพวก มอญ ชวา และเขมร ดังปรากฏหลักฐานในศิลาจารึก
หลักที่ ๒ หรือศิลาจารึกวัดศรีชุม สมัยสุโขทัย ซึ่งเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อราวพุทธศตวรรษที่ ๑๙ กล่าวถึง
การข้ึนเป็นผู้น�ำของพ่อขุนบางกลางหาว ไว้ว่า “...พ่อขุนผาเมืองจึงอภิเษกพ่อขุนบางกลางหาวให้เมืองสุโขทัย
ให้ทั้งช่ือตนแก่พระสหายเรียกชื่อศรีอินทรบดินทราทิตย์...”1
ส่วนในศิลาจารึกวัดป่ามะม่วงภาษาไทย และภาษาเขมร พุทธศักราช ๑๙๐๔ กล่าวถึง “การราชาภิเษก”
ของ “พญาฦาไทย” หรือสมเด็จพระมหาธรรมราชาลิไทย เสด็จออกจากเมืองศรีสัชนาลัยไปปราบจลาจล
ในเมืองสุโขทัยเมื่อ พ.ศ. ๑๘๙๐ คร้ันเมื่อได้เมืองแล้วจึงได้กระท�ำพิธีราชาภิเษก ความว่า
“...ได้ข้ึนเสวยราชย์ในเมืองศรีสัชชนาลัยสุโขทัยแทนปู่แทนพ่อ ฝูงเป็นท้าวเป็น
พระยาเบื้องตะวันออกตะวันตก หัวนอน ตีนนอน ต่างคนต่างมีใจใคร่ใจรัก เอามกุฎ
(ขรรคชั) ยศรีเศวตรฉัตรมายัดยัญอภิเษกให้เป็นท้าวเป็นพระยาทั้งหลายจึงสมมติขึ้นช่ือ
ศรีสุริยพงศ์รามมหาธรรมราชาธิราช....”2
พระมหาพิชัยมงกุฎ พระแสงขรรค์ชัยศรี
1 “จารกึ วดั ศรชี มุ ,” ใน สำ� นกั หอสมดุ แหง่ ชาต,ิ กรมศลิ ปากร, ประชมุ จารกึ ภาคที่ ๘ จารกึ สโุ ขทยั (กรงุ เทพฯ: กรม, ๒๕๔๘),
หน้า ๑๐๕.
2 “จารกึ วดั ปา่ มะม่วงภาษาไทย หลกั ท่ี ๑,” ใน เร่ืองเดียวกนั , หนา้ ๗๓.
24 ประมวลเอกสารพระราชพิธีบรมราชาภิเษก
ต่อมาในสมัยอยุธยาปรากฏเรื่องราวของพระราชพิธีบรมราชาภิเษกในพระราชพงศาวดารกรุงศรีอยุธยา
ฉบับต่าง ๆ และหลักฐานประเภทค�ำให้การ ได้แก่ ค�ำให้การชาวกรุงเก่า ค�ำให้การขุนหลวงหาวัด ซึ่งหลักฐาน
ดังกล่าวข้างต้นให้ข้อมูลเก่ียวกับการพระราชพิธีชัดเจนมากขึ้นกว่าหลักฐานประเภทศิลาจารึก
พระราชพงศาวดารกรุงศรีอยุธยาไม่ได้กล่าวถึงการ “ราชาภิเษก” ของกษัตริย์อยุธยาทุกพระองค์
และบางพระองค์กล่าวแต่เพียงส้ัน ๆ ว่า โปรดให้ประกอบ “พระราชพิธีราชาภิเษก” เท่าน้ัน แต่ก็มีบางพระองค์
ซึ่งปรากฏรายละเอียดเพิ่มเติม กล่าวถึงเคร่ืองราชาภิเษกและพิธีถือน้�ำ ตัวอย่างเช่น การราชาภิเษกของ
สมเด็จพระนารายณ์มหาราช ความว่า
“...คร้ันถึงวันพฤหัสบดี พเดรือะนคร๑ูแ๒ลทแ้ารวมพญ๒าคส่�ำาม(นวันตร๕าชฯ๒เส๑น๒าบคด่�ำีม) นเพตรลีมาชุขาทย้ังแปลว้วง
สองนาฬิกาจ่ึงพระมหาราชครู
ก็อัญเชิญสมเด็จพระบรมบพิตรพระเป็นเจ้าเสด็จปราบดาภิเษกเสวยราชสมบัติถวัลยราช
ประเพณี โดยบูรพพระมหากษัตราธิราชเจ้าแต่ก่อนอันผ่านพิภพ ณ กรุงพระมหานคร
บวรทวาราวดีศรีอยุทธยานั้น ในวันแรกต้ังพระราชพิธีน้ัน เพลาค�่ำแล้วประมาณสองทุ่ม
มีพระสุคนโธทกขาวบริสุทธ์ิตกลงมาแต่เพดานในโรงพระราชพิธีเป็นอัศจรรย์ พระมหา
ราชครู พระราชครูประพฤติการพระราชพิธีประถมาภิเศกแลพระราชพิธีราชาภิเศก
ถวายพระนามกรบวรพระราชศรีสวัสดิพิพัฒนมงคลตามบูรพประเพณี พระมหากษัตรา
ธิราชเจ้าแต่ก่อนอันกอปรด้วยพระเดชะบุญญานุภาพ เสด็จปราบดาภิเศกทรงพระนามกร
บวรศรีสวัสติ สมเด็จพระบรมราชาธิราชรามาธิบดีสีสรรเพชญบรมมหาจักรพรรณดิศวร
ราชาธิราชราเมศวรธรรรามาธิบดี.......แล้วถวายเคร่ืองเบญจกกุธภัณฑ์ แลเคร่ือง
ราโชปโภคทงั้ ปวง แลบชู าบรเทพอษั ฎามรตอิ นั ประเสรฐิ สถติ สถาวรในพระองคโ์ ดยยถาสาตร
แลถวายอาศิรพาทอภิเษกจ�ำเริญพระพร บวรราชศรีสวัสดิพิพัฒนดิมงคลนฤมล พระองค์
คือพระนารายณ์เป็นเจ้า สังข์จักรคธาธรอันกอปรด้วยพระเดชฤทธานุภาพอันประเสริฐ
เพ่ือจะรักษาสมณพราหมณาจารย์แลท้าวพญาเสนาบดีมนตรีมุข ประชาราษฎรท้ังปวง
ให้สุขเกษมเปรมปรีด์ิท่ัวธานีจ�ำเริญสืบไปเม่ือหน้า แล้วก็ให้เบิกท้าวพญาสามนตราช
เสนาบดีมนตรีมุขทุกกระทรวงการท้ังหลาย ถวายบังคมแลถวายสัตยาธิษฐานถือน�้ำ
พระพิพัฒน์ตามบูรพประเพณีแล้วเสร็จ....”1
ส่วนในค�ำให้การชาวกรุงเก่า มีข้อความตอนหนึ่งกล่าวถึงข้ันตอนของพระราชพิธีบรมราชาภิเษกว่า
“...พระเจ้ากรุงศรีอยุธยาจึงโปรดให้เอามะเดื่อน้ันมาท�ำต่ังส�ำหรับประทับสรง
พระกระยาสนานในการมงคล เชน่ พระราชพธิ บี รมราชาภเิ ษก เปน็ ตน้ พระองคย์ อ่ มประทบั
1 ประชุมพงศาวดารฉบับกาญจนาภิเษก เล่ม ๒ (กรุงเทพฯ: กองวรรณกรรมและประวัติศาสตร์ กรมศิลปากร, ๒๕๔๒),
หนา้ ๑๘๑ - ๑๘๒.
ประมวลเอกสารพระราชพิธีบรมราชาภิเษก 25
เหนือพระที่น่ังตั่งไม้มะเด่ือ สรงพระกระยาสนานก่อนแล้ว (จึงเสด็จไปประทับเหนือ
พระที่นั่งภัทรบิฐ) มุขอ�ำมาตย์ถวายเคร่ืองเบญจราชกกุธภัณฑ์...”1
ในสมัยธนบุรี แม้จะไม่พบหลักฐานท่ีเกี่ยวกับพระราชพิธีบรมราชาภิเษก แต่ได้พบเอกสาร เช่น
หนงั สอื เรื่องต้งั เจ้าพระยานครศรธี รรมราช เปน็ ต้น ใช้พระราชโองการเตม็ ตามแบบอยา่ งครั้งสมยั อยุธยา สมเดจ็
พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาด�ำรงราชานุภาพ จึงมีพระวินิจฉัยว่า สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชน่าจะ
ประกอบพระราชพิธีบรมราชาภิเษกโดยสังเขป อนุโลมตามแบบอย่างเมื่อครั้งแผ่นดินสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
บรมโกศ แห่งกรุงศรีอยุธยา และตัดทอนลง ลักษณะการพระราชพิธีบรมราชาภิเษกจึงไม่ถูกต้องตามต�ำรา
จึงมีค�ำกล่าวสืบมาว่า สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชไม่ได้ประกอบพระราชพิธีบรมราชาภิเษก2
ในสมัยรัตนโกสินทร์ เม่ือ พ.ศ. ๒๓๒๕ พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราชได้ประดิษฐาน
พระบรมราชจักรีวงศ์ และทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ประกอบพระราชพิธีปราบดาภิเษกแต่โดยสังเขป
ยังไม่พร้อมมูลเต็มต�ำรา ครั้น พ.ศ. ๒๓๒๖ โปรดเกล้าฯ ให้ข้าราชการผู้รู้คร้ังกรุงเก่า มีเจ้าพระยาเพชรพิชัยเป็น
ประธาน ประชมุ ปรกึ ษาหารอื กบั สมเดจ็ พระสงั ฆราชและพระราชาคณะผใู้ หญท่ ำ� การสอบสวนรว่ มกนั ตรวจสอบ
ต�ำราว่าด้วยการราชาภิเษกในแผ่นดินสมเด็จพระเจ้าอุทุมพร หรือขุนหลวงวัดประดู่ แล้วแต่งเรียบเรียงขึ้น
ไว้เป็นต�ำรา เรียกว่า “ต�ำราราชาภิเษกครั้งกรุงศรีอยุธยาส�ำหรับหอหลวง”3 ซึ่งนับว่าเป็นต�ำราเก่ียวกับการ
ราชาภิเษกที่เก่าแก่ท่ีสุดเท่าท่ีพบหลักฐานในดินแดนประเทศไทย เม่ือได้แบบแผนการราชาภิเษกที่สมบูรณ์แล้ว
อีกทั้งพระราชมณเฑียรสถานท่ีสร้างขึ้นใหม่แล้วเสร็จใน พ.ศ. ๒๓๒๘ จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ต้ัง
การพระราชพิธีบรมราชาภิเษกให้สมบูรณ์ตามแบบแผนอันได้เคยมีมาแต่เก่าก่อนอีกคร้ังหน่ึง4 และแบบแผน
การราชาภิเษกดังกล่าวได้รับการยึดถือปฏิบัติเป็นแบบอย่างสืบมาเพ่ือความเป็นพระมหากษัตริย์โดยสมบูรณ์
บางพระองค์ทรงประกอบพระราชพิธีบรมราชาภิเษก ๒ คร้ัง คือ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว
และพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว
1 คำ� ใหก้ ารชาวกรงุ เกา่ คำ� ใหก้ ารขนุ หลวงหาวดั และพระราชพงศาวดารกรงุ เกา่ ฉบบั หลวงประเสรฐิ อกั ษรนติ ์ิ (กรงุ เทพฯ:
คลงั วิทยา, ๒๕๑๕), หนา้ ๒๖๑ - ๒๖๔.
2 สมเดจ็ พระเจา้ บรมวงศเ์ ธอ กรมพระยาด�ำรงราชานภุ าพ, พระราชพงศาวดารกรงุ รตั นโกสนิ ทร์ รชั กาลที่ ๒, พมิ พค์ รง้ั ที่ ๙
(กรุงเทพฯ: กรมศลิ ปากร, ๒๕๔๖), หนา้ ๙ - ๑๐.
3 ในเร่ืองปัญจราชาภิเษกซ่ึงรวบรวมขึ้นในสมัยรัชกาลท่ี ๑ กล่าวถึงลักษณะการราชาภิเษก ที่สมเด็จพระมหากษัตริย์
อันจะครองราชสมบัติ มี ๕ ประการ ได้แก่ มงคลอินทราภิเษก คือ สมเด็จพระอมรินทราธิราชเอาเคร่ืองปัญจกกุธภัณฑ์ท้ัง ๕
มาถวาย มงคลโภคาภิเษก คือ เป็นชาติตระกูลมหาเศรษฐี มียศบริวารและทรัพย์สมบัติอันสมควรท่ีจะเป็นสมเด็จพระมหากษัตริย์
มงคลปราบดาภิเษก คือ เป็นตระกูลกษัตริย์ขัตติยราช มีฤทธิอ�ำนาจรบพุ่งหักหาญ มีชัยชนะเหนือข้าศึก มงคลราชาภิเษก
คือ การสืบราชสันตติวงศ์ต่อจากสมเด็จพระราชบิดาพระราชมารดาที่ทรงชรา และมงคลอุภิเษก คือ สมเด็จพระบิดาพระมารดา
เอาตระกูลชาติเสมอกันมากระท�ำวิวาหะอุภิเษกให้ปกครองบ้านเมือง ดูรายละเอียดใน กรมศิลปากร, เร่ืองราชาภิเษก (พระนคร:
โรงพิมพ์ชวนพิมพ,์ ๒๕๐๙), หนา้ ๑ - ๒.
4 ม.ร.ว. แสงสูรย์ ลดาวัลย,์ พระราชพิธบี รมราชาภเิ ษกสมัยกรุงรตั นโกสนิ ทร์ (กรงุ เทพฯ: ส�ำนกั เลขาธิการนายกรฐั มนตรี,
๒๕๒๗), หนา้ ๑.
26 ประมวลเอกสารพระราชพิธีบรมราชาภิเษก
พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ประกอบพระราชพิธีบรม
ราชาภเิ ษกครงั้ แรกเมอื่ วนั ที่ ๑๒ พฤศจกิ ายน พ.ศ. ๒๔๑๑ เมอื่ ทรงขนึ้ ครองราชสมบตั สิ บื ตอ่ จากสมเดจ็ พระบรม
ชนกนาถ ขณะมีพระชนมพรรษาเพียง ๑๕ พรรษา ในระยะเวลา ๕ ปีแรกของรัชกาล สมเด็จเจ้าพระยา
บรมมหาศรีสุริยวงศ์ (ช่วง บุนนาค) เป็นผู้ส�ำเร็จราชการแผ่นดิน จนกระทั่งเมื่อทรงเจริญพระชนมพรรษาครบ
๒๐ พรรษาจึงทรงพระผนวช หลังจากทรงลาสิกขาแล้ว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ประกอบพระราชพิธี
บรมราชาภิเษกคร้ังที่ ๒ เมื่อวันที่ ๑๖ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๔๑๖ หลังจากน้ันทรงรับพระราชภาระและ
มีพระราชอ�ำนาจในการบริหารราชการแผ่นดินโดยสมบูรณ์
ส่วนพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ประกอบพระราชพิธี
บรมราชาภิเษก ๒ ครั้งคือ พระราชพิธีบรมราชาภิเษกเฉลิมพระราชมณเฑียรเมื่อวันท่ี ๑๑ พฤศจิกายน
พ.ศ. ๒๔๕๓ เน่ืองจากอยู่ในช่วงไว้ทุกข์งานพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว จึงโปรด
ให้งดการเสด็จเลียบพระนครและการรื่นเริงต่าง ๆ ต่อมาเม่ือถวายพระเพลิงพระบรมศพพระบาทสมเด็จ
พระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวแล้วจึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ประกอบพระราชพิธีบรมราชาภิเษกสมโภช
เม่ือวันที่ ๒ ธันวาคม พ.ศ. ๒๔๕๔ เพ่ือให้เป็นส่วนรื่นเริงส�ำหรับประเทศ อีกทั้งให้นานาประเทศที่เป็น
สัมพันธมิตรไมตรีมีโอกาสมาร่วมงาน
ตัวอย่างหนังสือสมุดไทย เรื่องปัญจราชาภิเษก
ประมวลเอกสารพระราชพิธีบรมราชาภิเษก 27
ตัวอย่างหนังสือสมุดไทย เรื่องพระราชพิธีบรมราชาภิเษกรัชกาลที่ ๔ และรัชกาลที่ ๕
28 ประมวลเอกสารพระราชพิธีบรมราชาภิเษก
๒. เอกสารพระราชพิธีบรมราชาภิเษก
เอกสารลายลักษณ์อักษรประเภทศิลาจารึก เป็นหลักฐานส�ำคัญแสดงให้เห็นว่า “พิธีราชาภิเษก”
เป็นโบราณราชประเพณีอันเก่าแก่ของไทยมายาวนานนับพันปี ดังกล่าวถึง “การราชาภิเษก” ของ
พระมหากษัตริย์สมัยก่อนสุโขทัยและสมัยสุโขทัย แต่ลักษณะการพระราชพิธีแต่เดิมมีแบบแผนรายละเอียด
เป็นอย่างไรไม่ปรากฏ เช่น จารึกวัดศรีชุม จารึกวัดป่ามะม่วง เป็นต้น หลักฐานที่กล่าวถึงแบบแผนรายละเอียด
ของการพระราชพิธีบรมราชาภิเษกชัดเจนข้ึนเป็นเอกสารสมัยอยุธยาที่ได้ตรวจสอบช�ำระในสมัยรัตนโกสินทร์
ตอนต้น
สมัยอยุธยาปรากฏเอกสารส�ำคัญ ๒ ช้ินที่อาจนับเป็นต้นเค้าต�ำราการพระราชพิธีบรมราชาภิเษก
เรื่องแรกคือ ปัญจราชาภิเษก มีเน้ือหาว่าด้วยประเภทของการราชาภิเษก ๕ ประการ และความหมายของ
เครื่องบรมราชาภิเษก ท่ีส�ำคัญเอกสารช้ินน้ีได้กล่าวถึงการปฏิบัติพระองค์ของพระมหากษัตริย์ในฐานะที่ทรง
เป็นด่ัง “พระสุเมรุราชอันต้ังอยู่เป็นหลักธรณี” เรื่องที่สองคือ ราชาภิเษกคร้ังกรุงศรีอยุธยา มีเนื้อหาว่าด้วย
แบบแผนการพระราชพิธีบรมราชาภิเษกคร้ังอยุธยาตอนปลาย ซึ่งได้รับการช�ำระในรัชสมัยพระบาทสมเด็จ
พระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราชเมื่อ พ.ศ. ๒๓๒๖
นอกจากนี้ พระราชพงศาวดารกรุงศรีอยุธยายังได้ให้รายละเอียดเก่ียวกับ “การราชาภิเษก” ของ
พระมหากษัตริย์บางพระองค์เพ่ิมบ้าง แต่ก็ยังคงกล่าวอย่างรวบรัดถึงการโปรดให้ประกอบ “พระราชพิธี
ราชาภิเษก” หรืออย่างละเอียดท่ีสุดก็กล่าวแต่เพียงว่าในการพระราชพิธีมีการถวายเครื่องเบญจราชกกุธภัณฑ์
ส�ำหรับพระมหากษัตริย์และการประกอบพระราชพิธีตามอย่างโบราณราชประเพณี ซ่ึงผู้สนใจสามารถ
ดูรายละเอียดได้ในพระราชพงศาวดารกรุงศรีอยุธยาฉบับต่าง ๆ
ในส่วนของเอกสารอันเน่ืองด้วยพระราชพิธีบรมราชาภิเษกสมัยรัตนโกสินทร์แบ่งได้เป็น ๒ ลักษณะ
คอื รายละเอยี ดการพระราชพธิ ซี งึ่ ปรากฏในเอกสารตา่ ง ๆ เชน่ หมายรบั สงั่ อกี สว่ นหนงึ่ อยใู่ นพระราชพงศาวดาร
กรงุ รตั นโกสนิ ทร์ รชั กาลที่ ๑ ถงึ รชั กาลท่ี ๔ ซงึ่ เปน็ การรวบรวมเรอ่ื งราวตา่ ง ๆ ตามลำ� ดบั เวลา ทงั้ การพระราชพธิ ี
บรมราชาภิเษกจากหลักฐานเอกสาร ดังปรากฏเร่ืองราวว่าด้วยการพระราชพิธีบรมราชาภิเษกเป็นส่วนหน่ึง
อยู่ในพระราชพงศาวดาร ครั้นเมื่อจารีตการบันทึกพระราชพงศาวดารกรุงรัตนโกสินทร์ รัชกาลท่ี ๕ ซึ่งเป็น
พระนิพนธ์ของสมเด็จฯ กรมพระยาด�ำรงราชานุภาพ ทรงเปล่ียนแปลงรูปแบบการน�ำเสนอเรื่องราว
ในพงศาวดารตามเหตุการณ์ส�ำคัญทางประวัติศาสตร์ อาจเรียกได้ว่าเป็นลักษณะประวัติศาสตร์นิพนธ์แบบใหม่
ที่มีการวิเคราะห์ตีความเนื้อหาพระราชพิธีบรมราชาภิเษก รัชกาลท่ี ๕ ซ่ึงข้อมูลส่วนหนึ่งน�ำมาจากหลักฐาน
ช้ันต้นเก่ียวกับพระราชพิธีบรมราชาภิเษก ซ่ึงจดบันทึกลงในหนังสือสมุดไทย พระนิพนธ์ดังกล่าวจึงมีลักษณะ
เป็นบทความทางวิชาการอย่างสมัยปัจจุบัน
ในรัชกาลท่ี ๖ เอกสารว่าด้วยพระราชพิธีบรมราชาภิเษกปรากฏในรูปของ “ข่าวของทางราชการ”
ซึ่งประกาศในราชกิจจานุเบกษา ต่อมาภายหลังทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้รวบรวมและเรียบเรียง
ในลักษณะหนังสือ “จดหมายเหตุการพระราชพิธีบรมราชาภิเษก” ซึ่งนับเป็นธรรมเนียมปฏิบัติท่ีสืบเน่ืองมาถึง
พระราชพิธีบรมราชาภิเษกพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร
ประมวลเอกสารพระราชพิธีบรมราชาภิเษก 29
๓. องค์ความรู้จากประมวลเอกสารพระราชพิธีบรมราชาภิเษก
เอกสารท่ีเก่ียวเน่ืองกับพระราชพิธีบรมราชาภิเษกดังกล่าวข้างต้น นับว่าเป็นหลักฐานส�ำคัญทางด้าน
อักษรศาสตร์ ประวัติศาสตร์ และจารีตประเพณีท่ีท�ำให้นักวิชาการและผู้สนใจเร่ืองพระราชพิธีบรมราชาภิเษก
ได้เข้าใจอย่างถูกต้องและชัดเจนขึ้น
๓.๑ องค์ความรู้ทางด้านอักษรศาสตร์
เอกสารท่ีเก่ียวเน่ืองกับพระราชพิธีบรมราชาภิเษกท�ำให้เห็นถึงท่ีมาและความหมายของค�ำศัพท์
ความเปล่ียนแปลงทางด้านส�ำนวนและภาษา อันเป็นมรดกทางวัฒนธรรมอันล้�ำค่าของชาติ ดังนี้
๓.๑.๑ ท่ีมาและความหมายของค�ำศัพท์
ร่องรอยของต้นฉบับเอกสารโบราณที่เก่ียวเน่ืองกับพระราชพิธีบรมราชาภิเษกเป็นหลักฐานส�ำคัญ
ประการหน่ึงท่ีท�ำให้เห็นถึงท่ีมาและความหมายของค�ำศัพท์ที่เก่ียวข้อง รวมทั้งรูปแบบอักขรวิธีอันเป็น
ความรู้ทางด้านอักษรศาสตร์ ดังจะยกตัวอย่างเช่น ค�ำว่า “ราชาภิเษก” “ถือน้�ำพระพิพัฒสัตยา”
ค�ำว่า “ราชาภิเษก” เป็นค�ำที่ปรากฏในเอกสารโบราณสมัยอยุธยา และเอกสารสมัยรัชกาลท่ี ๑ - ๓
ที่ยังไม่ได้ผ่านการตรวจสอบช�ำระ ส่วนเอกสารสมัยต่อมาพบค�ำว่า “บรมราชาภิเษก” ในความหมายเดียวกัน
ซึ่งสอดคล้องกับหลักฐานทางประวัติศาสตร์ท่ีระบุว่า ในการพระราชพิธีอุปราชาภิเษกพระบาทสมเด็จ
พระปิ่นเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้จัดการพระราชพิธีอย่างเดียวกับ “ราชาภิเษก” และ
“....ได้จารึกพระนามประดิษฐานไว้ในแผ่นพระสุพรรณบัฏ มีพระนามอันวิเศษ
คล้ายกันกับสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว พระบรมวงศานุวงศ์ เสนาบดีข้าทูลละออง
ธุลีพระบาทผู้ใหญ่ผู้น้อยก็ได้ออกพระนามว่า สมเด็จพระปิ่นเกล้าเจ้าอยู่หัว รับพระ
ราชโองการท้ังสองพระองค์ ก็ผิดกันแต่ค�ำน�ำหน้าท่ีว่า [รับพระบรมราชโองการ] แลรับ
พระบวรราชโองการเท่าน้ัน....”1
อน่ึง ข้อมูลดังกล่าวจึงเป็นหลักฐานส�ำคัญประการหน่ึงท่ีช่วยก�ำหนดอายุเอกสารโบราณว่า เขียนข้ึน
ในสมัยใดอย่างกว้าง ๆ กล่าวคือหากพบว่าเอกสารเรื่องนั้นมีการใช้ค�ำว่า “บรมราชาภิเษก” แสดงให้เห็นว่า
เอกสารดังกล่าวเขียนขึ้นหรือได้รับการแก้ไขในสมัยรัชกาลท่ี ๔ เป็นต้นมา เมื่อได้อายุสมัยของเอกสารแล้ว
ยังจะเป็นประโยชน์ในการศึกษารูปแบบของอักขรวิธีในแต่ละสมัยอีกด้วย
ต่อมาได้เกิดความรู้ชุดใหม่อธิบายว่า เม่ือพระมหากษัตริย์ซึ่งข้ึนครองราชสมบัติหากยังไม่ได้ประกอบ
พระราชพิธีบรมราชาภิเษก ค�ำราชาศัพท์บางค�ำต้องใช้อีกค�ำหนึ่ง เช่น “พระบรมราชโองการ” ต้องใช้
“พระราชโองการ”2 เป็นต้น
1 เจ้าพระยาทิพากรวงศมหาโกษาธิบดี (ข�ำ บุนนาค), พระราชพงศาวดารกรุงรัตนโกสินทร์ รัชกาลที่ ๔, พิมพ์ครั้งที่ ๖
(กรุงเทพฯ: กองวรรณคดีและประวตั ศิ าสตร์ กรมศิลปากร, ๒๕๔๘), หน้า ๓๐.
2 ดูตัวอย่างการใช้ค�ำราชาศัพท์ “พระราชโองการ” และ “พระบรมราชโองการ” ใน “ท่ี 8/2562 หมายก�ำหนดการ
พระราชพธิ จี ารกึ พระสพุ รรณบฏั ดวงพระราชสมภพ และแกะพระราชลญั จกรประจำ� รชั กาลในพระราชพธิ บี รมราชาภเิ ษก พทุ ธศกั ราช
2562,” ราชกิจจานุเบกษา เล่ม 136 ตอนท่ี 12 ข (3 พฤษภาคม 2562) : 17. และ “ที่ 33/2562 หมายก�ำหนดการ
เสด็จพระราชด�ำเนินเลียบพระนครโดยขบวนพยุหยาตราทางชลมารค เน่ืองในพระราชพิธีบรมราชาภิเษก พุทธศักราช 2562,”
ราชกิจจานเุ บกษา เล่ม 137 ตอนท่ี 3 ข (16 มกราคม 2563) : 7.
30 ประมวลเอกสารพระราชพิธีบรมราชาภิเษก
ส่วนค�ำว่า “ถือน�้ำพระพิพัฒสัตยา” “ถือน้�ำพระพิพัทสัจจา” ท่ีปรากฏในเอกสารโบราณ ซ่ึงในสมัยหลัง
ใช้ว่า “ถือน้�ำพระพิพัฒน์สัตยา” นับเป็นร่องรอยหลักฐานส�ำคัญท่ีช่วยท�ำให้เข้าใจถึงที่มาและความหมาย
ของค�ำศัพท์รวมท้ังที่มาและความส�ำคัญของ “พระราชพิธีถือน�้ำพิพัฒน์สัตยา” ดังที่ใช้ในปัจจุบันได้อย่าง
ถูกต้องและชัดเจนข้ึน
ที่มาและความหมายท่ีแท้จริงของค�ำว่า “พิพัท” หรือ “พิพัฒ” น่าจะมาจากค�ำว่า “พัทธ” ซ่ึงหมายถึง
ผูกหรือติด1 “พระราชพิธีถือน้�ำพิพัทสัจจา” “พระราชพิธีถือน้�ำพิพัฒสัจจา” จึงหมายถึงพิธีสาบานตน
ผูกมัดว่าจะจงรักภักดีและซ่ือสัตย์ ส่วนท่ีเขียนว่า “พิพัฒ” ซึ่งตามรูปศัพท์หมายถึง เจริญแล้ว2 น่าจะ
เขียนตามการออกเสียง ท้ังยังเป็นร่องรอยส�ำคัญที่แสดงให้เห็นว่าภายหลังเรียกพระราชพิธีดังกล่าวว่า
“ถือน�้ำพระพิพัฒน์สัตยา” ท�ำให้ความหมายเปลี่ยนแปลงไปเป็น “น�้ำแห่งความเจริญรุ่งเรือง”
๓.๑.๒ ความเปลี่ยนแปลงทางด้านส�ำนวนและภาษา
ธรรมชาติประการหน่ึงของภาษาคือ มีการเปล่ียนแปลง ส่วนภาษาท่ีไม่เปลี่ยนแปลงคือภาษาที่ตาย
ไปแล้ว เช่น ภาษาบาลี การรู้และเข้าใจส�ำนวน ความหมาย อักขรวิธีและอื่น ๆ ของภาษาท่ีเปลี่ยนไปจะช่วย
ให้เห็นถึงพัฒนาการของภาษารวมถึงเบ้ืองหลังทางความคิดของคนในแต่ละสมัย ซึ่งจะช่วยให้เข้าใจเร่ืองราว
หรือเหตุการณ์ทางประวัติศาสตร์ได้อย่างถูกต้องและกระจ่างข้ึน ดังจะยกตัวอย่างให้เห็นดังน้ี
ในเอกสารโบราณพบการประกอบศัพท์ค�ำว่า “สวรรคต” ว่า “เสด็จสู่สวรรคต” ดังในจดหมายเหตุ
พระบรมศพรัชกาลที่ ๒ จดหมายเหตุบรมราชาภิเษกรัชกาลท่ี ๕ คร้ังแรก พ.ศ. ๒๔๑๑ ต่อมาในจดหมายเหตุ
บรมราชาภิเษกรัชกาลที่ ๕ คร้ังหลัง พ.ศ. ๒๔๑๖ ใช้ว่า “เสด็จสวรรคต” ส่วนค�ำว่า “เสด็จสู่สวรรคาลัย”
ในจดหมายเหตุพระบรมศพรัชกาลท่ี ๒ ใช้ว่า “เสด็จสรรคาไลย” นอกจากน้ีในเอกสารโบราณบางแห่ง
ยังสะกด “สวรรคต” ว่า “สวันณคํต” ซึ่งอาจเป็นการออกเสียงหรือการเขียนมาแต่เดิม จนกระทั่งภายหลัง
ราชบัณฑิตยสถานก�ำหนดให้เขียนศัพท์ค�ำน้ีว่า “สวรรคต” อ่านออกเสียงว่า “สะ-หฺวัน-คด” แต่ผู้คนส่วนหนึ่ง
ก็ยังคุ้นอยู่กับการออกเสียงว่า “สะ-หฺวัน-นะ-คด” ดังที่พบได้ท่ัวไปในปัจจุบัน
๓.๒ องค์ความรู้ด้านประวัติศาสตร์
จากการตรวจสอบช�ำระเอกสารพระราชพธิ บี รมราชาภเิ ษกพบว่า หลกั ฐานขอ้ เท็จจริงทางประวตั ศิ าสตร์
บางอยา่ งทีเ่ ชอ่ื กันมาแตเ่ ดิมมีความคลาดเคลอ่ื นจากหลักฐานช้นั ตน้ ตวั อยา่ งเชน่ วนั พระราชพิธีบรมราชาภเิ ษก
พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว พบว่ามีข้อมูลที่แตกต่างกันออกไป กล่าวคือวันบรมราชาภิเษก
คร้ังแรกของรัชกาลท่ี ๕ ท่ีรับรู้กันในปัจจุบันน่าจะคลาดเคล่ือนไปจากวันจริงหนึ่งวัน คือตรงกับวันพฤหัสบดี
1 ราชบัณฑิตยสถาน, พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. ๒๕๕๔ เฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา ๗ รอบ ๕ ธันวาคม ๒๕๕๔ (กรุงเทพฯ: บริษัท ศิริวัฒนาอินเตอร์
พริน้ ท์ จำ� กดั (มหาชน), ๒๕๕๖), หนา้ ๘๒๘.
2 เรื่องเดียวกนั , หนา้ ๘๖๓.
ประมวลเอกสารพระราชพิธีบรมราชาภิเษก 31
ท่ี ๑๒ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๔๑๑ แต่เข้าใจคลาดเคลื่อนว่าเป็นวันพุธที่ ๑๑ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๔๑๑1 นอกจากนี้
ยงั มีเอกสารชัน้ รองบางเร่ืองระบุข้อมูลแตกต่างออกไปวา่ เปน็ วันท่ี ๗ พฤศจกิ ายน พ.ศ. ๒๔๑๑2 เปน็ ต้น
ส่วนวันบรมราชาภิเษกคร้ังที่ ๒ เมื่อ พ.ศ. ๒๔๑๖ คือวันอาทิตย์ท่ี ๑๖ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๔๑๖ ดังท่ีระบุ
ไว้ในจดหมายเหตุ ซ่ึงต่อมาพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ประกอบ
“การพระราชกุศลในวันตรงกับวันพระบรมราชาภิเศกคร้ังหลังในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว”
ในวันดังกล่าว3 แต่พบว่าในเอกสารช้ันรองสมัยหลังระบุแตกต่างออกไปเป็นวันที่ ๑๘ ตุลาคม พ.ศ. ๒๔๑๖4
๓.๓ องค์ความรู้ด้านโบราณราชประเพณี
การตรวจสอบช�ำระเอกสารพระราชพิธีบรมราชาภิเษกท�ำให้องค์ความรู้ด้านโบราณราชประเพณี
เพม่ิ ขนึ้ คอื ไดร้ ถู้ งึ การเปลยี่ นแปลง การยกเลกิ และการเพมิ่ เตมิ ขนั้ ตอนในพระราชพธิ บี รมราชาภเิ ษกใหเ้ หมาะสม
ตามกาลสมัยและเป็นไปตามพระราชนิยมในแต่ละรัชกาล ดังตัวอย่างต่อไปนี้
๓.๓.๑ ธรรมเนียมการถวายสิริราชสมบัติ
ธรรมเนียมการถวายสิริราชสมบัติ ซึ่งเป็นพระราชพิธีเบื้องปลายในการพระราชพิธีบรมราชาภิเษก
แต่ละรัชกาลมีรายละเอียดแตกต่างกันไป กล่าวคือแต่เดิมหลังจากสรงพระมุรธาภิเษกจะเสด็จออก
มหาสมาคมโปรดให้พระบรมวงศานุวงศ์และขุนนางทั้งฝ่ายทหารและพลเรือนเข้าเฝ้าถวายราชสมบัติต่าง ๆ
ดังตัวอย่างในพระราชพิธีบรมราชาภิเษกพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราชเมื่อ พ.ศ. ๒๓๒๘
ข้าทูลละอองธุลีพระบาทได้ขอพระราชทานทูลเกล้าฯ ถวายพระยาช้างต้น พระยาม้าต้น เรือพระท่ีน่ัง
เครื่องสรรพยุทธทั้งปวง เมืองเอก โท ตรี จัตวา พระมหามณเฑียรปราสาท พระราชยานต่าง ๆ
กรุงเทพมหานคร ธัญญาหารในพระราชอาณาเขต เคร่ืองพัทธยากรราชสมบัติท้ัง ๑๒ พระคลัง
แด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว จากนั้นพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราชจึง “...มีพระราช
โองการประฏิสัณฐาน แก่เจ้าพระยาและพระยาท้ังปวงว่า สิ่งของทั้งน้ีจงจัดแจงท�ำนุบ�ำรุงไว้ให้จงดี จะไว้ป้องกัน
รักษาแผ่นดิน ท�ำนุบ�ำรุงพระพุทธสาศนาแลพระราชอาณาเขตรสืบไป...” 5 จากนั้นท้าววรจันทร์กราบบังคมทูล
1 สมเดจ็ พระเจา้ บรมวงศเ์ ธอ กรมพระยาด�ำรงราชานภุ าพ, พระราชพงศาวดารกรงุ รตั นโกสนิ ทร์ รชั กาลที่ ๕, พมิ พค์ รงั้ ท่ี ๕
(กรุงเทพฯ: ส�ำนกั วรรณกรรมและประวัตศิ าสตร์ กรมศิลปากร, ๒๕๕๖. ส�ำนักวรรณกรรมและประวัตศิ าสตร์ กรมศลิ ปากร จัดพิมพ์
เทิดพระเกียรติสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาด�ำรงราชานุภาพ เนื่องในโอกาส ๑๕๐ ปี วันประสูติและครบ ๕๐ ปี
บคุ คลสำ� คญั ของโลก ๒๑ มิถนุ ายน ๒๕๕๔), หนา้ ๑๐๔
2 กรมศิลปากร, ราชสกุลวงศ์, พิมพ์ครั้งท่ี ๑๔ (กรุงเทพฯ: ส�ำนักวรรณกรรมและประวัติศาสตร์ กรมศิลปากร, ๒๕๕๔),
หนา้ ๕๓. และ ธงทอง จันทรางศุ, “พระบาทสมเด็จพระจลุ จอมเกลา้ เจ้าอยู่หวั ,” ใน นามานุกรมพระมหากษตั ริย์ไทย, (กรุงเทพฯ:
มลู นิธิสมเดจ็ พระเทพรัตนราชสุดา, ๒๕๕๔), หนา้ ๒๑๕.
3 ดูรายละเอียดใน “การพระราชกุศลในวันตรงกับวันพระบรมราชาภิเศกคร้ังหลัง ในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้า
เจา้ อยู่หัว,” ราชกจิ จานุเบกษา เล่ม ๒๗ (๒๗ พฤศจกิ ายน ๑๒๙): ๑๙๘๙ - ๑๙๙๓.
4 กรมศิลปากร, ราชสกุลวงศ,์ พมิ พค์ ร้ังที่ ๑๔, หน้า ๕๓.
5 นฤมล ธรี วฒั น์ (ผชู้ ำ� ระตน้ ฉบบั ), พระราชพงศาวดารกรงุ รตั นโกสนิ ทร์ รชั กาลท่ี ๑ ฉบบั เจา้ พระยาทพิ ากรวงศ์ ฉบบั ตวั เขยี น
(กรงุ เทพฯ: อมรนิ ทรว์ ิชาการ, ๒๕๓๙), หนา้ ๕๙ - ๖๐.
32 ประมวลเอกสารพระราชพิธีบรมราชาภิเษก
ถวายสนม ๑๒ พระก�ำนัล ซึ่งหลังจากนั้นจึงมีพระราชปฏิสันถารตามพระราชอัธยาศัย ครั้นได้พระฤกษ์
เจ้าพนักงานจึงประโคมดุริยางคดนตรีแตรสังข์พิณพาทย์มโหรี เสด็จเข้าสู่พระมหามณเฑียร ทรงประกอบ
พระราชพิธีเฉลิมพระราชมณเฑียร1 เน้ือความในพระราชโองการปฏิสันถารนี้แสดงให้เห็นว่าพระราชทรัพย์
ต่าง ๆ ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมีไว้เพ่ือใช้ประโยชน์ในราชการบ้านเมืองและท�ำนุบ�ำรุงพระพุทธ
ศาสนาเป็นส�ำคัญ ซึ่งมีเนื้อความเดียวกันทุกรัชกาล
ธรรมเนียมการถวายราชสมบัติต่าง ๆ ดังกล่าวข้างต้น ในการพระราชพิธีบรมราชาภิเษกได้กระท�ำ
สืบมาในรัชกาลท่ี ๒ รัชกาลที่ ๓ รัชกาลท่ี ๔ และรัชกาลที่ ๕ ครั้นถึงรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้า
เจ้าอยู่หัวไม่ปรากฏพิธีส่วนนี้ในจดหมายเหตุพระราชพิธีบรมราชาภิเษกสมเด็จพระรามาธิบดี ศรีสินทรมหา
วชิราวุธ พระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ซึ่งทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้หอพระสมุดส�ำหรับพระนครรวบรวมพิมพ์
พระราชทานในงานเฉลิมพระชนมพรรษาเม่ือ พ.ศ. ๒๔๖๖ “พระราชโองการปฏิสันถาร” ได้เปล่ียนเป็น
พระราชด�ำรัสตอบเหล่าข้าทูลละอองธุลีพระบาทซึ่งถวายพระพรชัยมงคล
การเสด็จออกมหาสมาคมในการพระราชพิธีบรมราชาภิเษกเฉลิมพระราชมณเฑียรเมื่อ พ.ศ. ๒๔๕๓
มีแต่เพียงการถวายพระพรชัยมงคลจากขุนนางฝ่ายหน้า พระราชด�ำรัสตอบฝ่ายหน้า และการถวายชัยมงคล
ของฝ่ายใน และพระราชด�ำรัสตอบฝ่ายในเท่านั้น 2 และเป็นแบบแผนสืบมาในการพระราชพิธีบรมราชาภิเษก
พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวเมื่อ พ.ศ. ๒๔๖๘3 ส่วนในการพระราชพิธีบรมราชาภิเษก
พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ
ให้นายกรัฐมนตรีกราบบังคมทูลถวายความจงรักภักดีและถวายพระพรชัยมงคล ในนามคณะรัฐมนตรีและ
ข้าราชการ ประธานรัฐสภากราบบังคมทูลถวายความจงรักภักดีและถวายพระพรชัยมงคลในนามประชาชน
ชาวไทย พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมีพระบรมราชโองการด�ำรัสตอบขอบใจท่ัวกันพร้อมกับทรงอ�ำนวยพร4
๓.๓.๒ การเปล่ียนแปลงรูปแบบและเน้ือหาของพระปฐมบรมราชโองการ
พระปฐมบรมราชโองการในการพระราชพิธีบรมราชาภิเษกสมัยรัตนโกสินทร์มีรูปแบบและ
ความหมายเปลี่ยนแปลงไปในแต่ละสมัย ซึ่งพระราชพิธีบรมราชาภิเษก ประกอบด้วย พิธีสรง
พระมุรธาภิเษก พิธีถวายน้�ำอภิเษกจากผู้แทนทิศทั้ง ๘ ณ พระท่ีนั่งอัฐทิศอุทุมพรราชอาสน์ และพิธีถวาย
สิริราชสมบัติและเคร่ืองสิริราชกกุธภัณฑ์ ณ พระท่ีนั่งภัทรบิฐ จากน้ันจึงมีพระบรมราชโองการเป็นคราวแรก
ซึ่งเรียกในสมัยหลังว่า “พระปฐมบรมราชโองการ”
1 เรือ่ งเดยี วกนั , หน้า ๖๐ - ๖๑.
2 ดรู ายละเอียดใน จดหมายเหตุพระราชพธิ ีบรมราชาภเิ ษก สมเดจ็ พระรามาธิบดี ศรสี นิ ทรมหาวชริ าวธุ พระมงกฎุ เกล้า
เจ้าอยหู่ วั , หน้า ๓๙ - ๔๖.
3 ดูรายละเอียดใน รายการละเอียดพระราชพิธีบรมราชาภิเษกเฉลิมพระราชมนเทียรและเสด็จเลียบพระนครใน
พระบาทสมเด็จฯ พระปกเกลา้ เจ้าอยู่หัว พุทธศกั ราช ๒๔๖๘ (พระนคร: โรงพิมพ์รงุ่ เรอื งธรรม, ๒๔๙๖), หน้า ๔๒ - ๔๗.
4 ราชกิจจานุเบกษา ฉบับจดหมายเหตุ พระราชพิธีราชาภิเษกสมรส พระราชพิธีบรมราชาภิเษก และพระราชพิธี
เฉลิมพระราชมนเทียรพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช สยามินทราธิราช (พระนคร: โรงพิมพ์บ�ำรุงนุกูลกิจ,
๒๔๙๓), หนา้ ๘๙ - ๙๐.
ประมวลเอกสารพระราชพิธีบรมราชาภิเษก 33
พระปฐมบรมราชโองการของรัชกาลที่ ๑ สืบมาจนถึงในการพระราชพิธีบรมราชาภิเษกพระบาทสมเด็จ
พระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ครั้งแรก พ.ศ. ๒๔๑๑ ว่า “ ...พรรณพฤกษชลธีแลสิ่งของในแผ่นดิน ทั่วท้ัง
พระราชอาณาเขตร์ ซึง่ หาผหู้ วงแหนมิได้นน้ั ตามแตส่ มณชพี ราหมณาจารย์ราษฎรปราฐนาเถดิ ...”1 ซง่ึ ในแต่ละ
รัชกาลแตกต่างกันเล็กน้อยในการสะกดและรายละเอียดเท่าน้ัน2 อย่างไรก็ดี ถึงแม้ว่ายังไม่พบหลักฐาน
พระปฐมบรมราชโองการของพระบาทสมเดจ็ พระนง่ั เกลา้ เจา้ อยหู่ วั รชั กาลท่ี ๓ แตเ่ ชอ่ื วา่ มเี นอื้ ความเชน่ เดยี วกนั
ต่อมาพบหลักฐานว่า พระปฐมบรมราชโองการในพระราชพิธีบรมราชาภิเษกพระบาทสมเด็จ
พระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว คร้ังท่ี ๒ พ.ศ. ๒๔๑๖ ในตอนต้นได้เพ่ิมภาษามคธ และจากนั้นจึงเป็นภาษาไทย
ที่เพิ่มเติมขึ้น ต่อด้วยพระปฐมบรมราชโองการที่มีเนื้อความเช่นเดิมในอดีต ดังความในจดหมายเหตุ
บรมราชาภิเษกว่า
“...อิทานาหํ สพฺเพสํ อนุมติยา ราชา มุทฺธาวสิตฺโต สฺยาเมสุ อิส̣สราธิปจฺจํ รชฺชํ กาเรมิ
ธมฺมิกราชปเวณิยา อนุชานามิ ยนฺตํ สฺยามวิชิเต อปรปริคฺคหิตํ ติณกฏฺโทกํ
สมณพฺราหฺมณาทโย สพฺเพ สฺยามรฏฺิกา ยถาสุขํ ปริภุญฺชนฺตุ ฯ
จึ่งพระมหาราชครูผู้ใหญ่ รับพระบรมราชโองการเป็นปฐมด้วยค�ำมคธว่าดังนี้ฯ
สมฺปฏิจฺฉามหํ โภโต รญฺโญ อิมํ ปมํ ปรมราช อ อุ ม การํ วรปณฺฑรสุรสิหนาทสาทิสํ
มม สิรสาฯ
แล้วจึ่งมีพระบรมราชโองการเป็นค�ำไทย ตามเนื้อความภาษามคธดังนี้ ฯ
ครั้งนี้ท่านทั้งปวงพร้อมใจกัน ยอมให้เราเป็นเจ้าครองราชสมบัติได้รับมุรธาภิเษก
เป็นใหญ่ในสยามราษฎร์วราณาจักรนี้แล้ว เราอนุญาตยอมให้ โดยธรรมิกราชประเพณี
พรรณพฤกษชลธีในสยามราษฎร์วราณาจักรนี้ ซึ่งไม่มีเจ้าของหวงแหนน้ัน ตามแต่
สมณพราหมณาจารย์ ประชาราษฎรทั้งปวง จะปรารถนาใช้สอยเทอญฯ...”3
ธรรมเนียมปฏิบัติดังพระปฐมบรมราชโองการท่ีกล่าวคร้ังแรกเป็นภาษามคธและตามด้วยภาษาไทยนั้น
ปฏิบัติสืบมาในพระราชพิธีบรมราชาภิเษกพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว และพระบาทสมเด็จ
พระปกเกลา้ เจา้ อยหู่ วั แตเ่ นอื้ ความทเี่ คยใชม้ าตง้ั แตค่ รงั้ รชั กาลพระบาทสมเดจ็ พระพทุ ธยอดฟา้ จฬุ าโลกมหาราช
ถึงพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวคือ “...พรรณพฤกษชลธีในสยามราษฎร์วราณาจักรนี้ ซึ่งไม่มี
1 นฤมล ธีรวัฒน์ (ผู้ช�ำระต้นฉบับ), พระราชพงศาวดารกรุงรัตนโกสินทร์ รัชกาลที่ ๑ ฉบับเจ้าพระยาทิพากรวงศ์
ฉบับตวั เขียน, หน้า ๕๘.
2 พระปฐมบรมราชโองการของรัชกาลที่ ๔ ดังที่ปรากฏในจดหมายเหตุบรมราชาภิเษก และพระราชพงศาวดาร
กรุงรตั นโกสนิ ทร์ รชั กาลที่ ๔ ของเจา้ พระยาทิพากรวงศ์มหาโกษาธิบดี (ข�ำ บนุ นาค) ใชว้ ่า “...ผลพฤกษช์ ลธารและส่ิงของในแผน่ ดนิ
เขตพระนคร ซง่ึ หาผหู้ วงหา้ มไมน่ น้ั ตามแตส่ มณพราหมณาจารยร์ าษฎรจะปรารถนาเถดิ ...” ดใู น เจา้ พระยาทพิ ากรวงศมหาโกษาธบิ ดี
(ข�ำ บุนนาค), พระราชพงศาวดารกรุงรัตนโกสินทร์ รัชกาลท่ี ๔, พิมพ์ครั้งท่ี ๖ (กรุงเทพฯ: กองวรรณคดีและประวัติศาสตร์
กรมศิลปากร, ๒๕๔๘), หนา้ ๑๖.
3 “จดหมายเหตุบรมราชาภิเษกครั้งหลัง รัชกาลท่ี ๕ พุทธศักราช ๒๔๑๖,” ใน กรมศิลปากร, เรื่องราชาภิเษก และ
จดหมายเหตุบรมราชาภเิ ษก รชั กาลท่ี ๕ (พระนคร: โรงพิมพช์ วนพมิ พ์, ๒๕๐๙), หนา้ ๕๗.
34 ประมวลเอกสารพระราชพิธีบรมราชาภิเษก
เจ้าของหวงแหนนั้น ตามแต่สมณพราหมณาจารย์ ประชาราษฎรทั้งปวง จะปรารถนาใช้สอยเทอญฯ...” และ
ข้อความในตอนต้นของพระปฐมบรมราชโองการของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว คร้ังท่ี ๒
ที่เพิ่มเติมเข้ามาว่า “คร้ังนี้ท่านท้ังปวงพร้อมใจ ยอมให้เราเป็นเจ้าครองราชย์สมบัติได้รับมุรธาภิเษก เป็นใหญ่
ในสยามราษฎร์ วราณาจักรน้ีแล้ว เราอนุญาตยอมให้ โดยธรรมิกราชประเพณี...” ไม่ปรากฏอีกต่อไป
โดยพระปฐมบรมราชโองการได้เปล่ียนเป็นเน้ือความ ดังน้ี
“อิทานาหํ พฺราหมฺณ ราชภารํ วหนฺโต พหุโน ชนสฺส อตฺถาย หิตาย สุขาย ธมฺเมน
สเมน รชฺชํ กาเรมิ ตุมฺหากํ สปริคฺคหิตานํ อุปริ ราชกํ อาณํ ปสาเรตฺวา นาโถ หุตฺวา ธมฺมิกํ
รกฺขาวรณคุตฺตึ สํวิทหามิ วิสฺสฏฺา หุตฺวา ยถาสุขํ วิหรถฯ
จึงพระราชครู รับพระบรมราชโองการเปนประถมด้วยค�ำมคธ
โอม̣ เทวส̣ส อิมํ ปมํ โอง̣การภูตํ สูรสีหนาทํ สม̣ปฏิจ̣ฉามิ ฯ
แล้วจึงมีพระบรมราชโองการเปนค�ำไทยตามภาษามคธดังนี้
ดกู รพราหมณ์ บดั นเี้ ราทรงราชภาระ ครองแผน่ ดนิ โดยธรรมสมำ�่ เสมอ เพอ่ื ประโยชน์
เกื้อกูลและสุขแห่งมหาชน เราแผ่ราชอาณาเหนือท่านท้ังหลายกับโภคสมบัติ เปนที่พ่ึง
จัดการปกครองรักษาป้องกัน อันเปนธรรมสืบไป ท่านทั้งหลายจงวางใจอยู่ตามสบาย
เทอญฯ”1
คร้ันต่อมาในการพระราชพิธีบรมราชาภิเษกพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดช
มหาราช บรมนาถบพิตร เมื่อวันท่ี ๕ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๔๙๓ หลังจากคณะพราหมณ์ถวายพระพรชัย
พระราชครูวามเทพมุนีถวายพระพรชัยมงคลด้วยภาษามคธ แล้วกราบบังคมทูลเป็นภาษาไทย พระบาทสมเด็จ
พระบรมชนกาธเิ บศร มหาภมู พิ ลอดลุ ยเดชมหาราช บรมนาถบพติ ร มพี ระบรมราชโองการพระราชทานอารกั ขา
แก่ประชาชนชาวไทยด้วยภาษาไทยเพียงอย่างเดียว ความว่า
“เราจะครองแผ่นดินโดยธรรมเพื่อประโยชน์สุขแห่งมหาชนชาวสยาม”2
เมื่อพิจารณาถึงความหมายพระปฐมบรมราชโองการทุกรัชกาลนับต้ังแต่พระบาทสมเด็จพระพุทธ
ยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราชถึงพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว ซ่ึงเป็นพระมหากษัตริย์ในระบอบ
สมบูรณาญาสิทธิราชย์ ทรงไว้ซ่ึงพระราชอ�ำนาจ ทรงเป็นเจ้าของทั่วทั้งพระราชอาณาจักร จะพระราชทานหรือ
ทรงเรียกคืนแก่ผู้ใดก็ได้ แต่ในพระปฐมบรมราชโองการกลับให้สิทธิแก่อาณาประชาราษฎรดังค�ำที่ว่า
“...ซึ่งหาผู้หวงแหนมิได้นั้น...” หรือ “...ซ่ึงไม่มีเจ้าของหวงแหนนั้น...” ย่อมแสดงให้เห็นถึงน�้ำพระราชหฤทัย
ที่ทรงค�ำนึงถึงสิทธิในทรัพย์สินของพสกนิกร
1 ส�ำนักหอจดหมายเหตุแห่งชาติ, กรมศิลปากร, ประมวลภาพประวัติศาสตร์ไทย พระราชพิธีบรมราชาภิเษก
สมยั รตั นโกสนิ ทร์ (กรุงเทพฯ: กรม, ๒๕๕๐), ไม่ระบุเลขหน้า.
2 ราชกิจจานเุ บกษา ฉบับจดหมายเหตุพระราชพธิ รี าชาภิเษกสมรส พระราชพธิ ีบรมราชาภเิ ษก และพระราชพิธเี ฉลมิ
พระราชมนเทยี รพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภมู ิพลอดลุ ยเดช สยามนิ ทราธิราช พ.ศ. ๒๔๙๓, หนา้ ๘๔.
ประมวลเอกสารพระราชพิธีบรมราชาภิเษก 35
คร้ันต่อมาเมื่อ พ.ศ. ๒๔๗๕ ราชอาณาจักรไทยได้เปลี่ยนแปลงการปกครองจากระบอบ
สมบูรณาญาสิทธิราชย์เป็นระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข พระปฐมบรม
ราชโองการพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ในพระราช
พิธีบรมราชาภิเษกจึงเปล่ียนแปลงไปจากเดิม ซ่ึงมีความสอดคล้องกับพระราชอ�ำนาจตามรัฐธรรมนูญ อีกท้ัง
เป็นพระราชปณิธานอันส�ำคัญยิ่งที่จะอารักขาแก่ประชาชนชาวไทยให้อยู่เย็นเป็นสุข
เอกสารพระราชพิธีบรมราชาภิเษกเป็นหลักฐานส�ำคัญทางประวัติศาสตร์ ท�ำให้รู้และเข้าใจถึงประวัติ
ความเป็นมา คติความเช่ือ ขั้นตอน และแบบแผนของรายละเอียดการพระราชพิธีบรมราชาภิเษกในแต่ละสมัย
อันเป็นโบราณราชประเพณีส�ำคัญแสดงถึงความเป็นอารยะของชาติไทย ท้ังยังเป็นองค์ความรู้ส�ำคัญทางด้าน
ประวัติศาสตร์ ภาษาและวรรณกรรมของชาติอีกด้วย
ขบวนพยุหยาตราเสด็จออกจากวัดพระศรีรัตนศาสดารามภายหลังพิธีประกาศพระองค์เป็นพุทธศาสนูปถัมภก
เนื่องในพระราชพิธีบรมราชาภิเษกสมโภช พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว พ.ศ. ๒๔๕๔
36 ประมวลเอกสารพระราชพิธีบรมราชาภิเษก
บรรณานุกรม
กรมศิลปากร. ราชสกุลวงศ์. พิมพ์คร้ังที่ ๑๔. กรุงเทพฯ: ส�ำนักวรรณกรรมและประวัติศาสตร์ กรมศิลปากร,
๒๕๕๔.
___________. เร่ืองราชาภิเษกและจดหมายเหตุบรมราชาภิเษก รัชกาลท่ี ๕. พระนคร: โรงพิมพ์ชวนพิมพ์,
๒๕๐๙. (พิมพ์เป็นอนุสรณ์ในงานพระราชทานเพลิงศพนาวาอากาศตรี สมภพ สุตสุนทร
ณ ฌาปนสถานกองทัพบก วัดโสมนัสวิหาร วันที่ ๒๗ สิงหาคม พุทธศักราช ๒๕๐๙).
___________. ส�ำนักหอจดหมายเหตุแห่งชาติ. ประมวลภาพประวัติศาสตร์ไทย พระราชพธิ บี รมราชาภิเษก
สมัยรัตนโกสินทร์. กรุงเทพฯ: กรม, ๒๕๕๐.
___________. ส�ำนักหอสมุดแห่งชาติ. ประชุมจารึกภาคท่ี ๘ จารึกสุโขทัย. กรุงเทพฯ: กรม, ๒๕๔๘.
(คณะกรรมการอ�ำนวยการจัดงานเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว
จัดพิมพ์เป็นท่ีระลึกในโอกาสที่วันพระบรมราชสมภพครบ ๒๐๐ ปี วันท่ี ๑๘ ตุลาคม
พุทธศักราช ๒๕๔๗).
“การพระราชกุศลในวันตรงกับวันพระบรมราชาภิเศกครั้งหลัง ในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว.”
ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๒๗ (๒๗ พฤศจิกายน ๑๒๙): ๑๙๘๙ - ๑๙๙๓.
“ก�ำหนดการพระราชพิธีบรมราชาภิเษกพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช สยามินทราธิราช
และพระราชพิธีเฉลิมพระราชมนเทียร พ.ศ. ๒๔๙๓.” ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๖๗ ตอนท่ี
๒๗ (๙ พฤษภาคม ๒๔๙๓): ๑๙๓๗ - ๑๙๘๙.
คำ� ใหก้ ารชาวกรงุ เกา่ คำ� ใหก้ ารขนุ หลวงหาวดั และพระราชพงศาวดารกรงุ เกา่ ฉบบั หลวงประเสรฐิ อกั ษรนติ .์ิ
กรุงเทพฯ: ส�ำนักพิมพ์คลังวิทยา, ๒๕๑๕.
จดหมายเหตุพระราชพิธีบรมราชาภิเษกสมเด็จพระรามาธิบดี ศรีสินทรมหาวชิราวุธ พระมงกุฎเกล้า
เจ้าอยู่หัว. พระนคร: โรงพิมพ์โสภณพิพรรฒธนากร, ๒๔๖๖. (ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ
ให้หอพระสมุดส�ำหรับพระนครรวบรวมพิมพ์พระราชทานในงารเฉลิมพระชนม์พรรษา
ปีกุญ พ.ศ. ๒๔๖๖).
ด�ำรงราชานุภาพ, สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยา. พระราชพงศาวดารกรุงรัตนโกสินทร์ รัชกาลที่ ๒.
พิมพ์ครั้งท่ี ๙. กรุงเทพฯ: กองวรรณคดีและประวัติศาสตร์ กรมศิลปากร, ๒๕๔๖.
___________. พระราชพงศาวดารกรงุ รัตนโกสินทร์ รัชกาลท่ี ๕. พิมพ์ครงั้ ท่ี ๕. กรุงเทพฯ: ส�ำนักวรรณกรรม
และประวัติศาสตร์ กรมศิลปากร, ๒๕๕๖. (จัดพิมพ์เพ่ือเทิดพระเกียรติสมเด็จพระเจ้า
บรมวงศ์เธอ กรมพระยาด�ำรงราชานุภาพ เนื่องในโอกาส ๑๕๐ ปีวันประสูติ และครบ ๕๐ ปี
บุคคลส�ำคัญของโลก ๒๑ มิถุนายน ๒๕๕๕).
ประมวลเอกสารพระราชพิธีบรมราชาภิเษก 37
ทิพากรวงศมหาโกษาธิบดี (ข�ำ บุนนาค), เจ้าพระยา. พระราชพงศาวดารกรุงรัตนโกสินทร์ รัชกาลท่ี ๓.
พิมพ์คร้ังท่ี ๖. กรุงเทพฯ: กองวรรณคดีและประวัติศาสตร์ กรมศิลปากร, ๒๕๔๗.
___________. พระราชพงศาวดารกรุงรัตนโกสินทร์ รัชกาลที่ ๔. พิมพ์คร้ังท่ี ๖. กรุงเทพฯ: กองวรรณคดี
และประวัติศาสตร์ กรมศิลปากร, ๒๕๔๘.
“ท่ี 8/2562 หมายก�ำหนดการพระราชพิธีจารึกพระสุพรรณบัฏ ดวงพระราชสมภพ และแกะพระราช
ลัญจกรประจ�ำรัชกาลในพระราชพิธีบรมราชาภิเษก พุทธศักราช 2562.” ราชกิจจานุเบกษา
เล่ม 136 ตอนท่ี 12 ข (3 พฤษภาคม 2562) : 17 - 18.
“ท่ี 33/2562 หมายก�ำหนดการเสด็จพระราชด�ำเนินเลียบพระนครโดยขบวนพยุหยาตราทางชลมารค
เน่ืองในพระราชพิธีบรมราชาภิเษก พุทธศักราช 2562.” ราชกิจจานุเบกษา เล่ม 137
ตอนท่ี 3 ข (16 มกราคม 2563) : 7 - 33.
นฤมล ธรี วฒั น์ (ผชู้ ำ� ระตน้ ฉบบั ). พระราชพงศาวดารกรงุ รตั นโกสนิ ทร์ รชั กาลที่ ๑ ฉบบั เจา้ พระยาทพิ ากรวงศ์
ฉบับตัวเขียน. กรุงเทพฯ: อมรินทร์วิชาการ, ๒๕๓๙.
นามานุกรมพระมหากษัตริย์ไทย. กรุงเทพฯ: มูลนิธิสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา, ๒๕๕๔.
ประกาศอักษรกิจ (เสงี่ยม รามนันทน์), พระยา. จดหมายเหตุบรมราชาภิเษกพระบาทสมเด็จพระปกเกล้า
เจา้ อยหู่ วั . พระนคร: โรงพมิ พไ์ ทยเขษม, ๒๔๙๒. (สมเดจ็ พระนางเจา้ รำ� ไพพรรณฯี โปรดเกลา้ ฯ
ให้พิมพ์เป็นท่ีระลึกในการเชิญพระบรมอัฐิเสด็จคืนเข้าสู่พระนคร พุทธศักราช ๒๔๙๒).
ประชุมพงศาวดารฉบับกาญจนาภิเษก เล่ม ๒. กรุงเทพฯ: กองวรรณกรรมและประวัติศาสตร์ กรมศิลปากร,
๒๕๔๒. (คณะกรรมการอ�ำนวยการจัดงานฉลองสิริราชสมบัติ ครบ ๕๐ ปี จัดพิมพ์เป็นท่ีระลึก
เน่ืองในมหามงคลสมัยฉลองสิริราชสมบัติครบ ๕๐ ปี พุทธศักราช ๒๕๓๙).
พระราชพงศาวดารกรุงรัตนโกสินทร์ รัชกาลท่ี ๑ เจ้าพระยาทิพากรวงศ์ (ข�ำ บุนนาค) เรียบเรียง สมเด็จ
พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาด�ำรงราชานุภาพ ทรงตรวจช�ำระและทรงพระนิพนธ์
คำ� อธบิ าย. พมิ พค์ รง้ั ท่ี ๗. กรงุ เทพฯ: กองวรรณกรรมและประวตั ศิ าสตร์ กรมศลิ ปากร, ๒๕๔๕.
พระราชพิธีราชาภิเษกสมรส พระราชพิธีบรมราชาภิเษก และพระราชพิธีเฉลิมพระราชมนเทียร
พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช สยามินทราธิราช พ.ศ. ๒๔๙๓
และเร่ืองบรมราชาภิเษก พระนิพนธ์ของพระวรวงศ์เธอ กรมหมื่นพิทยลาภพฤฒิยากร.
พระนคร: โรงพิมพ์กรมสรรพสามิต, ๒๕๑๔. (พิมพ์เป็นอนุสรณ์ในงานพระราชทาน
เพลงิ ศพ พลตรี หมอ่ มทววี งศถ์ วลั ยศกั ด์ิ (หมอ่ มราชวงศเ์ ฉลมิ ลาภ ทววี งศ)์ ป.จ., ม.ป.ช., ม.ว.ม.,
ณ เมรุหน้าพลับพลาอิศริยาภรณ์ วัดเทพศิรินทราวาส วันอังคารที่ ๒๓ กุมภาพันธ์
พ.ศ. ๒๕๑๔).
38 ประมวลเอกสารพระราชพิธีบรมราชาภิเษก
ราชกจิ จานเุ บกษา ฉบบั จดหมายเหตพุ ระราชพธิ รี าชาภเิ ษกสมรส พระราชพธิ บี รมราชาภเิ ษก และพระราชพธิ ี
เฉลิมพระราชมนเทียรพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช สยามินทราธิราช
พ.ศ. ๒๔๙๓. พระนคร: โรงพิมพ์บ�ำรุงนุกูลกิจ, ๒๔๙๓. (นายบุญชู เจนพนัส กรมเลขาธิการ
คณะรัฐมนตรี รวบรวมและเรียบเรียง หม่อมราชวงศ์เทวาธิราช ป. มาลากุล สมุหพระราชพิธี
ตรวจสอบ).
ราชบัณฑิตยสถาน. พจนานุกรม ฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. ๒๕๕๔ เฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จ
พระเจา้ อยหู่ วั เนอื่ งในโอกาสพระราชพธิ มี หามงคลเฉลมิ พระชนมพรรษา ๗ รอบ ๕ ธนั วาคม
๒๕๕๔. กรุงเทพฯ: บริษัท ศิริพัฒนาอินเตอร์พริ้น จ�ำกัด (มหาชน), ๒๕๕๖.
รายการละเอยี ดพระราชพธิ บี รมราชาภเิ ษกเฉลมิ พระราชมนเทยี ร และเสดจ็ เลยี บพระนครในพระบาทสมเดจ็ ฯ
พระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว พุทธศักราช ๒๔๖๘. พระนคร: โรงพิมพ์รุ่งเรืองธรรม, ๒๔๙๖. (สมเด็จ
พระนางเจา้ รำ� ไพพรรณี พระบรมราชนิ ี ในรชั กาลที่ ๗ โปรดใหพ้ มิ พใ์ นงานพระศพพระวรวงศเ์ ธอ
พระองค์เจ้ามนัศสวาสดิ์ วันท่ี ๓ มีนาคม พ.ศ. ๒๔๙๖).
ส�ำนักพระราชวัง. พระราชพิธีบรมราชาภิเษก ๒๔๙๓. กรุงเทพฯ: บริษัท อมรินทร์ พร้ินติ้ง กรุ๊พ จ�ำกัด,
๒๕๓๓. (ส�ำนักพระราชวังรวบรวมและจัดพิมพ์สนองพระมหากรุณาธิคุณพระบาทสมเด็จ
พระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชฯ พุทธศักราช ๒๕๓๓).
แสงสูรย์ ลดาวัลย์, ม.ร.ว. พระราชพิธีบรมราชาภิเษกสมัยกรุงรัตนโกสินทร์. กรุงเทพฯ: ส�ำนักเลขาธิการ
นายกรฐั มนตร,ี ๒๕๒๗. (คณะอนกุ รรมการจดั ทำ� เอกสารภาษาไทยในคณะกรรมการเอกลกั ษณ์
ของชาติ ส�ำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี จัดพิมพ์เผยแพร่พุทธศักราช ๒๕๒๖).
ปัญจราชาภิเษก
40 ประมวลเอกสารพระราชพิธีบรมราชาภิเษก
ค�ำอธิบาย
เรื่อง “ปัญจราชาภิเษก” พิมพ์เผยแพร่ครั้งแรกเม่ือ พ.ศ. ๒๔๑๔ ท่ีโรงพิมพ์หลวง ในพระบรมมหาราชวัง
โดยพิมพ์รวมกับ “ราชาภิเษกครั้งกรุงศรีอยุธยา” และ “ราชาภิเษกในกรุงรัตนโกสินทร” ต่อมาเม่ือ พ.ศ.
๒๔๗๙ พิมพ์เผยแพร่คร้ังท่ี ๒ เป็นอนุสรณ์ในงานพระราชทานเพลิงศพหม่อมเจ้าหญิงเม้า ทองแถม ใช้ชื่อว่า
“เรื่องราชาภิเษก” หลังจากนั้นได้พิมพ์เผยแพร่อีกหลายคร้ัง เช่น
เมื่อ พ.ศ. ๒๕๐๙ พิมพ์เป็นอนุสรณ์ในงานพระราชทานเพลิงศพนาวาอากาศตรี สมภพ สุตสุนทร
ณ ฌาปนสถานกองทัพบก วัดโสมนัสวิหาร วันท่ี ๒๗ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๐๙ ซึ่งการจัดพิมพ์ในครั้งน้ี
ได้น�ำจดหมายเหตุบรมราชาภิเษก รัชกาลท่ี ๕ มาต่อท้าย ใช้ชื่อว่า “เร่ืองราชาภิเษก และจดหมายเหตุ
บรมราชาภิเษก รัชกาลที่ ๕”
เม่ือ พ.ศ. ๒๕๔๖ พิมพ์เป็นอนุสรณ์ในงานพระราชทานเพลิงศพพลอากาศตรี จ�ำนง ผุสสราค์มาลัย
ณ ฌาปนสถานกองทัพอากาศ วัดพระศรีมหาธาตุวรมหาวิหาร เขตบางเขน กรุงเทพมหานคร วันที่ ๑๓
ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๔๖ การจัดพิมพ์ในครั้งน้ี ใช้ชื่อว่า “รวมเร่ืองราชาภิเษก ธรรมเนียมราชตระกูลใน
กรุงสยาม พระราชานุกิจ และอธิบายว่าด้วยยศเจ้า” ซ่ึงในส่วนของรวมเรื่องราชาภิเษกประกอบด้วยเรื่อง
ปัญจราชาภิเษก ราชาภิเษกคร้ังกรุงศรีอยุธยา ราชาภิเษกครั้งกรุงรัตนโกสินทร์ (รัชกาลที่ ๔) จดหมายเหตุ
บรมราชาภิเษก รัชกาลท่ี ๕ (ครั้งแรกและคร้ังหลัง)
ในการนี้ คณะท�ำงานจัดท�ำหนังสือประมวลเอกสารพระราชพิธีบรมราชาภิเษก มอบหมายให้
นายบัณฑิต ลิ่วชัยชาญ นักอักษรศาสตร์ช�ำนาญการพิเศษ กลุ่มประวัติศาสตร์ ส�ำนักวรรณกรรมและ
ประวัติศาสตร์ และนายจุง ดิบประโคน นักภาษาโบราณช�ำนาญการพิเศษ กลุ่มหนังสือตัวเขียนและจารึก
ส�ำนักหอสมุดแห่งชาติ ตรวจสอบช�ำระโดยใช้ต้นฉบับหนังสือสมุดไทย เลขที่ ๓๐๕ ปัญจราชาภิเษก สมุดไทยด�ำ
เส้นดินสอ อักษรไทย - อักษรขอม ภาษาไทยและภาษาบาลี ซึ่งกรมเลขาธิการคณะรัฐมนตรีมอบให้
หอพระสมุดวชิรญาณ ปัจจุบันเก็บรักษาอยู่ท่ีกลุ่มหนังสือตัวเขียนและจารึก ส�ำนักหอสมุดแห่งชาติ เป็นหลัก
สอบทานกับฉบับพิมพ์เผยแพร่ การจัดพิมพ์ในคร้ังน้ีใช้ต้นฉบับสมุดไทยมาพิมพ์เผยแพร่ โดยคงอักขรวิธี
ส่วนใหญ่ไว้ตามต้นฉบับเดิม พร้อมทั้งจัดท�ำเชิงอรรถอธิบายความเพ่ิมเติมเพื่อความสมบูรณ์ของเน้ือหา
อันจะท�ำให้ผู้อ่านเข้าใจเรื่องราวในเอกสารได้ชัดเจนยิ่งขึ้น
ประมวลเอกสารพระราชพิธีบรมราชาภิเษก 41
ปัญจราชาภิเษก
๏ วัน ๗ ๑ฯ๒๘ ค�่ำ จุลศักราช ๑๑๔๔ ปีขาลจัตวาศก1 ต้นฉบับปัญจราชาภิเษกฯ ข้าฯ
หม่ืนทิพกระวี หม่ืนทิพกระวี
พระเกษมถวายฯ ข้าฯ จ�ำลองฯ ข้าฯ ทานแล้วคร้ังหน่ึง2 ๚ะ๛
นายคง นายราชสาร
๏ ปญฺจ เอกราชาโน มหาสตฺโต ราชาภิเสกํ จกฺกวตฺติ ภวิสฺสนฺติ3
อันว่าพระลักษณะราชาภิเษกมีแก่ชาติมหากษัตริย์4 อันจะได้ราชสมบัติเป็นเอกราชานุวัติมหัษดิอุดม
บรมอรรคฐาน มีลักษณะห้าประการคือ มงคลอินทราภิเษก ๑ มงคลโภคาภิเษก ๑ มงคลตราบฎาภิเษก ๑
มงคลราชาภิเษก ๑ มงคลอภิเษก ๑ มีลักษณะห้าประการ ส�ำหรับสมเด็จพระมหากษัตริย์อันจะครองราช
สมบัติ มีวาระพระบาลี ๚ะ๛
๏ สกฺกราชาภิเสกํ มหาสตฺตํ มงฺคลํ ๏ อันว่าลักษณะอินทราภิเษกคือสมเด็จอินทราธิราช5 เอาเครื่อง
ปัญจกกุธภัณฑ์ท้ังห้ามาถวาย เม่ือจะได้ราชสมบัติน้ันก็ดี แลเส่ียงบุษพระพิไชยราชรถมาจบเอาฝ่าพระบาท
ด้วยฤทธิอ�ำนาจวาสนาบุญน้ันก็ดี แลเหาะเหินมาโดยนพดลอากาศ มีฉัตรทิพย์โอภาสมากางก้ันนั้นก็ดี ลักษณะ
๓ ประการนี้ ช่ืออินทราภิเษกแล ๚
๏ โภคาภิเสกํ ราชานํ มงฺคลํ ๚ะ๛ ๏ อันว่าลักษณะโภคาภิเษก คือเป็นชาติตระกูลพราหมณ
มหาศาล มีโภไคยไอศุริยสมบัติอันบริบูรณ์ก็ดี เป็นชาติตระกูลมหาเศรษฐี มียศบริวารแลทรัพย์สมบัติ
อันเรืองรุ่ง6 สมควรด้วยจะเป็นสมเด็จพระมหากษัตริย์ อันจะเป็นเจ้าแก่พิภพปกครองอาณาประชาราษฎร์
ทั้งหลาย แลรู้จักในลักษณะราชธรรมและตราชูธรรม และทศกุศลผลอันจะเป็นประโยชน์โทษทัณฑ์ แลรู้จัก
ลักษณะท่ีจะแบ่งปันตัดรอน ซ่ึงทุกข์ของราษฎรอาวรณ์ในแผ่นดิน ลักษณะดังนี้ชื่อว่าโภคาภิเษกแล
๏ ตราปตาภิเสกํ พิฆาฏหตฺถตาว มงฺคลํ7 ๚ะ อันลักษณะปราบดาภิเษกคือว่าเป็นตระกูลกษัตริย์
ขัตติยราช มีฤทธิ์อ�ำนาจรบพุ่งหักหาญได้ราชฐานบ้านเมือง แลราชสมบัติด้วยฤทธ์ิอาณาจักร แลมีชัยชนะแก่
ข้าศึกศัตรู หีนชาติท้ังปวงบ่มิได้จะล่วงเข้ามาประทุษร้าย แห่งสมเด็จพระมหากษัตริย์องค์น้ันได้ ลักษณะดังน้ี
ช่ือว่าปราบดาภิเษกแล
1 วันเสาร์ เดือน ๘ แรม ๑๒ คำ่� ตรงกับวันที่ ๖ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๓๒๕
2 ขอ้ ความข้างต้นนีไ้ มป่ รากฏในฉบบั พิมพเ์ ผยแพร่
3 ตวั อกั ษรท่เี นน้ ในเอกสารนี้ ตน้ ฉบับหนงั สือสมุดไทยเขยี นด้วยอักษรขอม ภาษาบาลี
4 ฉบับพมิ พ์ใช้วา่ “...อนั วา่ ลกั ษณะราชาภิเษกมแี กพ่ ระมหากษัตริย์...”
5 ฉบับพมิ พใ์ ชว้ า่ “...สมเดจ็ อมรนิ ทราธิราช...”
6 ฉบับพิมพใ์ ชว้ ่า “...รงุ่ เรอื ง...”
7 ฉบบั พิมพ์ใชว้ า่ “...ปราบดาภเิ ษก.ํ ..”
42 ประมวลเอกสารพระราชพิธีบรมราชาภิเษก
๏ ราชาภิเสกํ ปิตุมาตานํ ญาตีนํ มงฺคลํ1 ๏ อันว่าลักษณะราชาภิเษก เมื่อสมเด็จพระบิดาพระมารดา
ทรงพระชราแลว้ แลเหน็ พระราชโอรสาแลพระราชบตุ รกี ษตั รยิ ท์ งั้ สองพระองคน์ ้ี เปน็ สวสั ดเิ์ ชอื้ ชาตเิ นอื้ พระวงศ์
แก่กัน2 แลพระญาติวงศาท้ังส่ีตระกูลนั้น เห็นสมควรด้วยพระลักษณะซึ่งจะเป็นสมเด็จพระมหากษัตริย์เสวย
ราชสมบัติสืบพระวงศา ทรงพิภพตามสันดานพระราชวงศา ลักษณะดังน้ีช่ือว่าราชาภิเษกแล ๛
๏ อภิเสกํ ราชา ปิตุมาตานํ มงฺคลํ3 ๏ อันว่าลักษณะอภิเษกคือสมเด็จพระบิดามารดาเอาตระกูลชาติ
เสมอกันมากระท�ำมงคลวิวาหอภิเษก ให้ปกครองกันตามพระวงศาสันดานแห่งเราก็ดี และเหล่ากษัตริย์อันจร
มาแต่ต่างประเทศ แลเรามาเห็นเป็นสุขุมขัตติยชาติ แลมาราชาภิเษกด้วยพระญาติพระวงศ์แห่งเราก็ดี
เป็นสวัสดิชาติ ลักษณะดังน้ีช่ือว่าอภิเษกแล
๏ ลักษณะเคร่ืองส�ำหรับราชาภิเษกแห่ง4 สมเด็จพระมหากษัตริย์ คือ5 พระมหามงกุฎ ๑ พระวิภูษา
ผ้ารัตนก�ำพล ๑6 พระขรรค์ ๑ พระเศวตฉัตร ๑ เกือกทองประดับแก้วฉลองพระบาท ๑ ส�ำรับราชาภิเษก
แห่ง7 สมเด็จพระมหากษัตริย์มีลักษณะห้าประการดังน้ีแล
๏ โส มหาสตฺโต สิเนโร อธิฏฺฐานกายํ ปญฺจาภิเสกํ อธิฏฺฐาสิ ๏ แลเม่ือสมเด็จพระมหากษัตริย์ แลได้
ราชาภิเษกเป็นเอกแก่ราชสมบัติ แลให้8 อธิษฐานอาตมาพระองค์เอง ว่าเรานี้คือเขาพระสุเมรุราชอันต้ังอยู่
เป็นหลักพระธรณีในพื้นปฐพีดล แลพระเนตรแห่งเรา9 ข้างขวาคือพระสุริยอาทิตย์ พระเนตรแห่งเรา10
ข้างซ้ายคือพระจันทร์อันส่องโลกให้เห็นแจ้งในพระทัยแห่ง11 สมเด็จพระมหากษัตริย์อันจะตัดทุกข์ภัย
ให้แจ้งในพระอุเบกขาปริยัติ ท่ีร้อนก็ให้ร้อน ท่ีเย็นก็ให้เย็นตามประเวณีเสมือนกัน12 แลพระหัตถ์ท้ังซ้ายขวา
แลฝ่าพระบาทน้ัน คือ ทวีปทั้งสี่ เศวตฉัตรหกช้ันนั้น คือฉกามาพจรทั้งหก อธิษฐานพระโองการมั่นคง
บ่มิได้หว่ันไหวในน�้ำพระทัย พระมหามงกุฎน้ันไซร้ คือยอดวิมานพระอินทร์ พระขรรค์นั้น คือพระปัญญา
อันจะตัดมลทินถ้อยความไพร่ฟ้า ข้าแผ่นดินให้เห็นแจ้งท่ัวทั้งโลกธาตุ แลเครื่องประดับผ้ารัตนก�ำพลน้ัน คือ
1 ฉบบั พมิ พไ์ ดเ้ ปลยี่ น “...ปติ มุ าตาน.ํ ..” เปน็ “...มาตาปติ นุ .ํ ..” ซง่ึ เขา้ ใจวา่ “...ปิตมุ าตาน.ํ ..” ในต้นฉบับหนงั สือสมดุ ไทยน่าจะ
เป็นบาลแี บบไทย
2 ฉบบั พิมพใ์ ชว้ า่ “...ด้วยกนั ...”
3 ฉบบั พมิ พไ์ ดเ้ ปลย่ี น “...ปติ มุ าตาน.ํ ..” เปน็ “...มาตาปติ นุ .ํ ..”
4 ฉบับพิมพ์ใชว้ า่ “...ของ...”
5 ฉบับพิมพ์ใช้ว่า “...นั้น คือ...”
6 ฉบับพิมพใ์ ช้ว่า “...พระภูษาผ้ารัตกัมพล ๑...”
7 ฉบับพิมพใ์ ชว้ า่ “...สำ� หรบั ราชาภเิ ษกของ...”
8 ฉบับพมิ พใ์ ช้ว่า “...แลว้ พงึ ได้....”
9 ฉบับพิมพใ์ ชว้ า่ “...ของเรา...”
10 ฉบบั พมิ พใ์ ช้วา่ “...ของเรา...”
11 ฉบบั พิมพ์ใชว้ ่า “...ของ...”
12 ฉบับพมิ พ์ใช้ว่า “...เหมือนกัน...”
ประมวลเอกสารพระราชพิธีบรมราชาภิเษก 43
เขาคนั ธมาทนอ์ นั ประดบั เขาพระสเุ มรรุ าช อนั องคพ์ ระมหากษตั รยิ น์ น้ั คอื พระวนิ ยั ธรรม อนั ตรสั สง่ั สอนแกไ่ พรฟ่ า้
ข้าแผ่นดิน ให้ปรากฏเห็นแจ้งรุ่งเรืองไปทั่วท้ังชมพูทวีป เกือกแก้วนั้น คือแผ่นดินอันท1ี่ รองรับเขาพระสุเมรุราช
แลเป็นท่ีอาศัยแก่อาณาประชาราษฎร์ทั้งหลายท่ัวท้ังแว่นแคว้นขอบขัณฑเสมา แลจะฦาชาปรากฏด้วย
พระยศพระเดชแห่ง2 สมเด็จพระมหากษัตริย์เจ้าน้ันแล ๚ะ
อติเรกวสฺสสตํ ชีวตุ โส ราชา ๏ แลพระองค์บ�ำรุงเล้ียงชีวิตอยู่ด้วยสุคติธรรม ๏ สจฺจํ เมาะ วจนํ ๏
พระองค์ต้ังอยู่ในความสัตย์บ่มิได้จะเกล่ือนกลับพระโองการ ๏ ตํ วจนํ ๏ ซ่ึงถ้อยค�ำของสมเด็จพระมหา
กษตั รยิ เ์ จา้ นนั้ ก็จะหาบม่ ไิ ด้ ถา้ แลกษตั รยิ จ์ ะตรสั สุขทกุ ขส์ ิ่งอนั ใดยอ่ มจะตรสั ไปเปน็ พระอเุ บกขาปรยิ ตั ธิ รรม3 ๚
วณฺณํ เมาะ สุวณฺโณ ๚ แลมีพระสุวรรณสัณฐานอันรุ่งโรจน์โชตนาการปรากฏด้วยพระยศพระเดชย่ิงนักหนา4
อติเรกลาภํ เหตุว่าสมเด็จพระมหากษัตริย์องค์นั้นบ่มิได้5 จะเจตนาเห็นแก่ลาภพัสดุแห่ง6 ข้าทูลละอองธุลี
พระบาท แลอาณาประชาราษฎร์ข้าแผ่นดินก็หามิได้ แลสมเด็จพระมหากษัตริย์เจ้าน้ัน ก็ตั้งอยู่ตามสุจริตธรรม
แม้นว่า ข้าทูลละอองธุลีพระบาทกระท�ำความชอบด้วยราชการถวายส่ิงอันใดก็ดี ย่อมโปรดเลี้ยงตามคุณานุ
รูปที่สมควร ย่อมจะให้จ�ำเริญ7 เป็นปริวัฒนมงคลแก่พระญาติพระวงศ์แลข้าทูลละอองธุลีพระบาทท้ังปวงเป็น
ยุติธรรม แม้น8 ข้าทูลละอองธุลีพระบาทจะทูลน�ำท�ำให้ฟั่นเฟือนเกล่ือนกลับด้วยภาระแผ่นดิน9 แลสมเด็จ
พระมหากษัตริย์เจ้านั้น บ่มิได้มีน้�ำพระทัยใฝ่เฝือ10 ไปแก่พระญาติพระวงศ์ แลข้าทูลละอองธุลีพระบาทว่า
เป็นทาษข้าหลวงเดิมก็หาบมิได้11 แลสมเด็จพระมหากษัตริย์เจ้านั้น ก็ทรง12 พระองค์ไว้ ดังเขาพระสุเมรุราช
1 ฉบบั พิมพ์ใชว้ ่า “...อนั เปน็ ท.่ี ..”
2 ฉบบั พิมพ์ใชว้ ่า “...ของ...”
3 ฉบับพมิ พ์ใชว้ า่ “...พระอเุ บกขายตุ ิธรรม...”
4 ฉบับพิมพ์ใชว้ า่ “...ยิ่งนกั ...”
5 ฉบับพมิ พ์ใช้ว่า “...ใชจ่ ะเจตนา...”
6 ฉบับพิมพใ์ ช้ว่า “...ของ...”
7 ฉบับพมิ พใ์ ชว้ ่า “...เจรญิ ...”
8 ฉบับพิมพใ์ ช้ว่า “...แม.้ ..”
9 ฉบบั พมิ พ์ใชว้ า่ “...ฟนั่ เฟอื นเกลอื่ นกลบั ด้วยผา่ นแผ่นดิน...”
10 ฉบับพมิ พ์ใช้วา่ “...ใฝ่ฝันเผ่อื แผ่...”
11 ฉบับพิมพ์ใช้วา่ “...ก็หามไิ ด.้ ..”
12 ฉบับพิมพ์ใช้วา่ “...กด็ �ำรงพระองคไ์ ว้...”
44 ประมวลเอกสารพระราชพิธีบรมราชาภิเษก
อันเป็นหลักพระธรณี ๚ ทีฆายุโก โหตุ1 ๚ ก็จะมีพระชนมายุอันยืนยงย่ิงนักหนา2๚ สุขิโต โหตุ3 ๚ ก็จะได้
ทรงความสุขเป็นอันมาก4 อชฺฌตฺติกพาหิเร ชาตํ๚ อันว่าทุกข์ภัยอันบังเกิดภายในภายนอกพระกายก็ดี
ก็จะอันตรธานหายไป ด้วยสมเด็จพระมหากษัตริย์นั้นตั้งอยู่ตาม5 พุทธบัญญัติ ๚ โสตฺถิ สพฺพมงฺคลํ ก็จะได้
จ�ำเริญซึ่งพระมงคลอันประเสริฐ เหตุว่าสมเด็จพระมหากษัตริย์เจ้าน้ันสะดุ้งแก่บาป ละอายแก่บาป กลัวแก่บาป
แลเช่ือเอา6 ในกุศลบุญ7 แลเลี้ยงชีวิตด้วยชอบธรรม สตตํ เมาะ ชีวิตํ อันว่ามนุษย์ทั้งหลายอันบังเกิดมา
ในโลกนี้ คนหนึ่งชีวิต ๗ ประการ8 ชีวิตอันหน่ึงอยู่ในจักษุ แต่งให้รู้ดูลักษณะท้ังปวง ชีวิตอันหน่ึงอยู่ใน9
โสต แต่งให้รู้รสธรรม10 ชีวิตอันหน่ึงอยู่ใน ฆานะ แต่งให้รู้ดมกลิ่นหอมเหม็นท้ังปวง ชีวิตอันหน่ึงอยู่ใน
ชิวหา แต่งให้รู้รสหวานขม แลชีวิตอันหนึ่งอยู่ใน11 กายา12 แต่งให้รู้จักแข็งอ่อน และร้อนเย็นอันเจ็บปวด
ชีวิตอันหนึ่งอยู่ใน มโนทวาร แต่งให้รู้ร�ำพึงถึงทุกข์ภัยในอารมณ์กาย ชีวิตอันหนึ่งอยู่ใน อัตตภาวะ
แต่งให้รู้รสตัณหาอันเกิดมาเป็นมนุษย์กอปรไปด้วยนิวรณ์ทุกข์เป็นอันมากนักหนา แลสมเด็จพระมหากษัตริย์
องค์ใดตรองตรึก13 เห็นแจ้งในทศกุศลธรรมดั่งนี้แล้ว สญญํ ปรมํ สุขํ14 ก็จะบังเกิดบรมสุขแก่สมเด็จ
พระมหากษัตริย์เจ้าน้ันเป็นอันมากนักหนา15 เทวตาโย อันว่าเทวดาท้ังปวงก็จะอวยพระพรบวรสวัสด์ิแก่
สมเด็จพระมหากษัตริย์เจ้าน้ันแล
1 ฉบับพมิ พ์ใชว้ ่า “...ทีฆายโุ ก โหต.ิ ..”
2 ฉบับพิมพใ์ ช้ว่า “...ย่งิ นกั ...”
3 ต้นฉบบั หนังสือสมดุ ไทยเขียนดว้ ยอักษรขอม ภาษาบาลี ฉบับพิมพ์ใชว้ ่า “...สขุ โิ ต โหติ...”
4 ฉบับพิมพ์ใช้ว่า “...ก็จะไดเ้ จรญิ อยู่ด้วยความสขุ เป็นอนั มาก...”
5 ฉบบั พมิ พ์ใช้ว่า “...ตั้งอยู่ใน...”
6 ฉบบั พิมพใ์ ช้ว่า “...แลเช่อื ถอื ใน...”
7 ฉบบั พมิ พ์ใชว้ า่ “...กุศลผลบญุ ...”
8 ฉบับพิมพ์ใช้ว่า “...คนหนึง่ ชีวิตมอี ยู่ ๗ ประการ...”
9 ฉบบั พิมพ์ใช้วา่ “...แตง่ ใหร้ ู้ดลู ักษณะทง้ั ปวง ชีวติ อันหนงึ่ อยู่ใน...”
10 ฉบบั พมิ พ์ใชว้ ่า “...แต่งให้รู้ฟงั รสธรรม...”
11 ฉบับพมิ พ์ใชว้ ่า “...แตง่ ใหร้ รู้ สหวานขม ชวี ติ อันหน่ึงอยู่ใน...”
12 ฉบบั พมิ พ์ใช้วา่ “...กาย...”
13 ฉบับพิมพใ์ ช้ว่า “...ทรงตรึก...”
14 ฉบับพมิ พ์ใช้วา่ “...ปรมํ สุขํ...”
15 ฉบบั พมิ พใ์ ช้ว่า “...เป็นอันมากนัก...”
ประมวลเอกสารพระราชพิธีบรมราชาภิเษก 45
นสฺสปญฺญตฺติยา มหาสตฺตอปฺปกายา ปญฺญตฺติโย อปฺปมาติ มีในคัมภีร์บาลีพระโลกบัญญัติ1 ส�ำรับ2
สมเด็จพระมหากษัตริย์อันจะรักษาพระองค์ให้ศรีสูงรุ่งเรือง คืออย่าให้ทอดพระเนตรดูแสงพระอาทิตย์
อนึ่ง อย่าบรรทมขืนพระองค์3 จนถึงแสงพระอาทิตย์ข้ึนมา อน่ึงอย่าให้เสวยโภชนาเมื่อตะวันบ่ายถึงยามหนึ่ง
อน่ึงอย่าให้เสวยผลไม้อันต้นด�ำแลผลลูกด�ำ4 อนึ่งอย่าให้เสวยน้�ำซ่ึงมีมันตมแลห้วยหนอง อนึ่งอย่าให้เสวย
มัจฉมังสา5 อันคาวแลไม่มีมัน อน่ึงอย่าให้เสวยพระโอสถยาอันหมอประกอบมิชอบท่ีเสวยอย่าพึงเสวย อน่ึง
๔๐
อย่าให้เสวยของอันขบอันกัด อน่ึงอย่าให้เสพกามคุณด้วยสตรีอันมีอายุ ๕๐ ปี และอย่าให้ทรงพระภูษา
เน้ือหยาบช้า6 ๑๐ ประการนี้ มิควรด้วยสมเด็จพระมหากษัตริย์เจ้าแล ๚
สุขราสิยา ปรมเสฏฺอตฺตโน สุวตฺถิยา สุคนฺธรส อตฺตมา อาภาติ7๚๛
๏ อธิบาย8 ถ้าจะรักษาพระองค์ให้เป็นสูงศรี แลเป็นตบะฤทธี แลเมื่อจะเสวยโภชนานั้น ให้บ่าย
พระพักตร์ไปบูรพทิศ แลให้เสวยมัจฉมังสา9 ซึ่งมีรสโอชา แลให้เสวยผลไม้อันมีรสอันหวาน แลให้ดมกล่ิน
รสดอกไม้10 อันหอม แลให้สระสรงพระองค์กายาเมื่อหว่างเที่ยง11 แลให้ลูบไล้ด้วยสุคนธารสเคร่ืองหอม
แลเมอื่ จะบรรทมนน้ั ใหบ้ า่ ยพระพกั ตรไ์ ปบรู พทศิ แลเมอ่ื ตน่ื จากพระบรรทมแลว้ ๆ12 ใหช้ ำ� ระพระพกั ตร์ ดว้ ยนำ�้
สังข์แลน้�ำอันหอม แลบ่ายพระพักตร์ไปฝ่ายบูรพทิศ แลให้ทรงพระวิภูษา13 เน้ือละเอียด แล14 สมเด็จพระมหา
กษัตริย์องค์ใด แลมีสิริวัฒน์15 ดังน้ีไซร้ ย่อมจะจ�ำเริญพระสิริ16 ยศ แลมีอ�ำนาจแก่สมเด็จพระมหากษัตริย์เจ้า
นั้นแล17
1 ตน้ ฉบบั หนงั สอื สมดุ ไทยมรี อยแกข้ า้ งใต้ “...ยดั ...” แกเ้ ปน็ “...ญัต.ิ ..”
2 ตน้ ฉบบั หนงั สือสมดุ ไทยมรี อยเพ่ิมตัว “ห” ดา้ นใต้อกั ษร “ร”
3 ฉบับพิมพ์ใช้วา่ “...อยา่ บรรทมต่นื ขืนพระองค์...”
4 ฉบับพมิ พ์ใช้ว่า “...แลผลด�ำ...”
5 ต้นฉบบั หนงั สือสมดุ ไทยมีรอยขีดฆ่าอกั ษร “ช” ด้านใต้มอี ักษร “จฉ”
6 ฉบับพมิ พ์ใชว้ ่า “...เน้ือหยาบ...”
7 ฉบบั พมิ พเ์ ปลย่ี นจาก “...ปรมเสฏฺ อตตฺ โน...” เปน็ “...ปรมเสฏโฺ อตั ตฺ โน...”
8 ฉบบั พิมพใ์ ชว้ ่า “...อธิบายวา่ ...”
9 ตน้ ฉบับหนงั สือสมดุ ไทยมรี อยขดี ทับอกั ษร “ช” ด้านใต้มีอักษร “จฉ”
10 ฉบบั พมิ พ์ใชว้ ่า “...ดมกลน่ิ ดอกไม.้ ..”
11 ฉบับพิมพใ์ ชว้ า่ “...สระสรงพระองคเ์ ม่อื ระหว่างเที่ยง...”
12 ฉบบั พิมพใ์ ชว้ า่ “...แล้ว...”
13 ฉบบั พิมพ์ใช้ว่า “...พระภูษา...”
14 ฉบบั พมิ พใ์ ชว้ า่ “...เมอ่ื สมเด็จพระมหากษตั ริย.์ ..”
15 ฉบบั พิมพ์ใชว้ า่ “...มสี ิรสิ วสั ด.ิ์ ..”
16 ฉบับพิมพ์ใช้วา่ “...พระอสิ รยิ ยศ...”
17 ฉบับพิมพ์ใช้ว่า “...สมเด็จพระมหากษตั ริยเ์ จ้าทัง้ ปวงนัน้ แล...”
46 ประมวลเอกสารพระราชพิธีบรมราชาภิเษก
เอกราชา มหาสตฺโต ฉ จ ทสฺสนยฺโย ยาว เสสฺสติ1 อธิบายว่า รางวัดสมเด็จพระมหากษัตริย์เจ้าน้ัน
๖ ศอกเป็นปริวัต ถ้าแลลูกหลวง เจ้าพระยาอุปราช แลเจ้าพระยา แลพระยา พระ หลวง ท้ังปวงนั้น ล่วงเข้ามา
ย่อมจะมีโทษหนัก และรางวัตพระเนตร ๔๗ ศอกบริมณฑล2 แลย่อมให้หมอบคลานเข้ามาถวายบังคม
ถึงสามครา จนถึงที่ตามต�ำแหน่ง แลเมื่อสมเด็จพระมหากษัตริย์เสด็จออกนั่งมงคลที่เฝ้าแล้ว3 คร้ันไม่มี
พระราชโองการแย้มพระโอษฐ์ออกก่อน แลเจ้าพระยา4 แลพระยา พระ หลวง จะล่วงกราบทูลขึ้นไปนั้น
บ่มิได้5 แลให้มีพระราชโองการตรัสปราศรัยแก่เจ้าพระยาอรรคมหาเสนาอันเป็นชาติตระกูลก่อน จึงจะ
กราบทูลสนองพระโองการไปได้ อน่ึง ข้าทูลละอองธุลีพระบาทมิได้เป็นชาติตระกูล จะเอาเข้ามาเป็นมหาดเล็ก
ใช้ฝ่ายข้างในน้ันมิได้
มหาสตฺโต คุณอุปฺปนฺโน สุริโย6 เหตุว่าสมเด็จพระมหากษัตริย์ ทรงพระเมตตาคุณแก่ข้าทูลละออง
ธุลีพระบาท แลอาณาประชาราษฎรท้ังปวง สุริโย ดังพระสูริยอาทิตย์อันส่องโลกทั้งปวงให้รู้จักค�่ำแลรุ่ง
แลสมณพรามณาจารย์ แลข้าทูลละอองธุลีพระบาท แลอาณาประชาราษฎรทั้งปวง จงรักษาป้องกันสัจซ่ือต่อ
ละอองธุลีพระบาทจึงจะจ�ำเริญซ่ึงพระยศศักด์ิ7 ถ้าแลข้าทูลละอองธุลีพระบาทท�ำราชการส่ิงอันใดมิสัตย์
มิซื่อต่อฝ่าละอองธุลีพระบาทไซร้ อันว่าทุกข์ภัยจะบังเกิดมีแก่ข้าทูลละอองธุลีพระบาทมีลักขณะต่าง ๆ
ด้วยสมเด็จพระมหากษัตริย์ต้ังอยู่ในทศพิธราชธรรม แลทรงพระเมตตาคุณแลกรุณาคุณเป็นสมมุติเทวดา
ในชมพูทวีปพิภพอันน้ีแล ๚
ราชาภิเษก ๕ ประการ แลทศกุศลธรรม ๑๐ ประการแล8 สมเด็จเจ้าพระพิมลธรรมคัดออก9
ในคัมภีร์พระโลกบัญญัติและฎีกา พระมงคลเทพมุนีถวายของหลวง10 เมื่อข้ึนปราบดาภิเษก สมเด็จเจ้า
พระธรรมเจดี ลอกเอามาแต่สมเด็จพระเทพมุนี เอาออกมา11 แต่กรุงเทพพระมหานคร ส�ำรับราชาภิเษก
สมเด็จพระมหากษัตริย์เจ้าแล12๚ะ๛
1 ฉบับพมิ พ์เปลยี่ นจาก “...ทสสฺ นยฺโย ยาว เสสฺสติ...” เปน็ “...ทสฺสเนยยฺ ฉาราวเสสฺสต.ิ ..”
2 ฉบับพมิ พใ์ ชว้ ่า “...เปน็ ปริมณฑล...”
3 ฉบบั พิมพ์ใช้ว่า “...เสดจ็ ออกนั่งราชอาสนมงคลบนพระแท่นทเ่ี ฝา้ แล้ว...”
4 ฉบับพิมพ์ใช้ว่า “...แยม้ พระโอษฐอ์ อกกอ่ น เจา้ พระยา...”
5 ฉบบั พิมพ์ใชว้ า่ “...น้ันมิได้...”
6 ฉบับพมิ พ์ใช้วา่ “...สรุ ิโยว...”
7 ฉบับพมิ พ์ใช้ว่า “...ฝ่าละอองธุลีพระบาทจึง่ จำ� เรญิ ซง่ึ ยศศกั ดิ.์ ..”
8 ฉบบั พิมพใ์ ชว้ า่ “...๑๐ ประการนี้...”
9 ฉบับพมิ พ์ใชว้ า่ “...คัดออกจาก...”
10 ฉบับพิมพ์ใชว้ ่า “...และฎีกาพระมงคลทปี นี ถวายในหลวง…”
11 ฉบับพมิ พใ์ ช้ว่า “...เป็นต�ำรบั มา...”
12 ฉบับพมิ พ์ใชว้ า่ “...ส�ำหรบั ราชาภเิ ษกสมเด็จพระมหากษตั รยิ ์เจ้าแล...”