The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

ประมวลเอกสารพระราชพิธีบรมราชาภิเษก

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by cstd, 2021-07-10 00:25:51

ประมวลเอกสารพระราชพิธีบรมราชาภิเษก

ประมวลเอกสารพระราชพิธีบรมราชาภิเษก

Keywords: บรมราชาภิเษก

ประมวลเอกสารพระราชพิธีบรมราชาภิเษก 147

ประดับเพชร เสด็จเข้าไปในพระท่ีนั่งไพศาลทักษิณ ทรงจุดเทียนเคร่ืองนมัสการทรงศีลแล้วถวายเทียนฉนวร
(ชนวร) แก่กรมหมื่นบวรรังษีสุริยพันธุ์ ออกมา ณ พระท่ีน่ังอมรินทรวินิจฉัยจุดเทียนชัย แล้วพระมหาราชครู
ถวายใบมะม่วง ๒๕ ได้แก่ภยันตราย ใบทอง ๓๒ ได้แก่อุปัทวันตราย ใบตะขบ ๙๖ ได้แก่โรคันตราย ทรงรับ
มาฟาดพระองค์ แล้วส่งให้แก่พระมหาราชครู พระมหาราชครู รับมากระท�ำสาตรปุนยาชุบโหมเพลิงแล้ว
เสด็จเข้าไปในพระมหามนเทียร ทรงจุดเทียนนมัสการ ทรงสวดพระมหามงคล ฟังพระราชาคณะ ๕ รูป
สวดพระพุทธมนต์ ๓ วัน คร้ันกติกมาศ กาฬปักษ พารัสมีดิถี พุธวาร เวลาใกล้รุ่ง1 ทรงพระภูษาขาว
เขียนทอง ฉลองพระองค์ครุยกรองทอง รัดพระองค์ประดับเพชร เหมือนอย่างทรงฟังสวด เสด็จเข้าไป
ประทับอยู่ ณ พระท่ีน่ังไพศาลทักษิณ ทรงจุดเทียนนมัสการ ฯ

๏ คร้ันเวลารุ่งแล้วกับ ๕๔ นาที2 พระลัคนาสถิตราศีพิจิก เกาะนวางค์ ๔ ตรียางค์ ๓ เสวยอนุราธ ๑๗
พระอาทิตย์สถิตราศีดุล พระจันทร์สถิตราศีกันย์ เสวยฤกษหัสต ๑๓ พระอังคารสถิตราศีกรกฎ พระพุธสถิต
ราศีดุล พระพฤหัสบดีราศีมิน พระศุกร์สถิตราศีกันย์ พระเสาร์สถิตราศีพิจิก พระราหูสถิตราศีกรกฎ บริบูรณ์
ด้วยนักษัตรฤกษ์เป็นมหาชัยมงคลบรมราชาภิเษก ต้องอย่างขัตติยราชประเพณีมาแต่ก่อน พระโหราธิบดี
พระมหาราชครู จงึ ทลู อญั เชญิ เสดจ็ สทู่ สี่ รง เจา้ พนกั งานชาวพระภษู ามาลาถวายพระภษู าถอด แลว้ พระเมธาธบิ ดี
เชิญพระไชย หลวงอัฐยาเชิญพระพุทธขิเนศ* พระมหาราชครู พระครูอัษฎาจารย์โปรยข้าวตอก หลวง
ราชมุนี หลวงศรีอาจารย์ เป่าพระมหาสังข์ทักขิณาวัฏน�ำเสด็จ เบ้ืองมุขประเทศไปสู่มณฑปพระกระยาสนาน
เสด็จสถิตเหนืออุทุมพรราชอาสน์ ผันพระพักตร์สู่ทิศพายัพ จึงพระราชโกษาถวายเคร่ืองพระกระยาสนาน
หลวงราชวงศาไขสหัสธารา สรงสหัสธาราแล้ว จึงกรมหมื่นบวรรังษีสุริยพันธุ์ ถวายพระเต้าสัมฤทธ์ิ ๑
กรมหลวงเทเวศร์วัชรินทร์ ถวายพระเต้าทอง ๑ กรมหลวงวงศาธิราชสนิท ถวายพระเต้านาก ๑ กรมขุนวรจักร
ธรานุภาพ ถวายพระเต้าเงิน ๑ แล้วพระวงศานุวงศ์และท่านเสนาบดี ถวายพระเต้าใหญ่น้อยท้ังปวงต่อไปตาม
ล�ำดับ พระมหาราชครู ถวายพระเต้าเบญจคัพย์ สรงน�้ำพระเต้าเสร็จแล้ว พระมหาราชครู ถวายพระมหาสังข์

1 วันพธุ เดอื น ๑๒ แรม ๑๒ ค่�ำ ตรงกับวนั ท่ี ๑๑ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๔๑๑
2 สมยั หลังไดเ้ กดิ ความเข้าใจคลาดเคลื่อนว่า ตรงกบั วันพุธที่ ๑๑ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๔๑๑ สบื เน่ืองจากเนื้อความก่อนหน้านี้
ระบุว่า “...พุธวาร...” หมายถึง วันพุธ เม่ืออ่านเน้ือความโดยละเอียดสรุปความได้ดังนี้ “...เวลาใกล้รุ่งของวันพุธ พระบาทสมเด็จ
พระจุลจอมเกล้าเจา้ อยูห่ ัวเสด็จเขา้ ไปประทบั ณ พระท่นี ัง่ ไพศาลทักษิณ ครั้นเมื่อรงุ่ แลว้ ๕๔ นาที เปน็ มหาพชิ ัยบรมราชาภิเษก...”
การทโ่ี หรระบวุ า่ วนั พุธ เวลาใกล้รุ่งนน้ั เปน็ การนับเวลาแบบเก่าทวี่ นั ใหมจ่ ะเรม่ิ ตน้ เมอื่ เวลา ๐๖.๐๐ น. เป็นการเริม่ ต้นเวลากลางวัน
ส่วนเวลากลางคนื จะเริ่มตน้ ท่เี วลา ๑๘.๐๐ น. จนกระทัง่ ถงึ เวลา ๐๕.๕๙ น. นับเปน็ ๑ วัน เพราะฉะนน้ั การนบั เวลาแบบเกา่ “เวลา
ใกล้รุ่ง” จึงเป็นวันพุธท่ี ๑๑ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๔๑๑ ในขณะท่ีการนับเวลาแบบสากลวันใหม่จะเร่ิมต้นหลังจากเวลา ๒๔.๐๐ น.
ฉะนั้น “เวลาใกล้รุ่ง” จึงเป็นวันพฤหัสบดีที่ ๑๒ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๑๑ ส่วนข้อความที่ระบุว่า “คร้ันเวลารุ่งแล้วกับ ๕๔ นาที”
ทง้ั การนับเวลาแบบเก่าและแบบปจั จบุ นั ตรงกับวันพฤหสั บดีท่ี ๑๒ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๔๑๑

* พระพฆิ เณศวร์

148 ประมวลเอกสารพระราชพิธีบรมราชาภิเษก

ทักขิณาวัฏ ๑ พระครูอัษฎาจารย์ ถวายพระมหาสังข์ทอง ๑ หลวงอัฐยา ถวายพระมหาสังข์เงิน ๑ หลวงราชมุนี
ถวายพระมหาสังข์นาก ๑ หลวงศรีอาจารย์ ถวายพระมหาสังข์งา ๑ หลวงเทพาจารย์ ถวายพระครอบ ๑
ทรงรับต่อพระหัตถ์ ขุนรักษ์นารายณ์ ขุนราชธาดา เป่าพระมหาสังข์ทักขิณาวัฏ ๒ องค์ ขุนหมื่นพราหมณ์มีชื่อ
เป่าสังข์ อุตราวัฏ ๒ องค์ เจ้าพนักงานประโคมดุริยางคดนตรีมโหระทึกแตรสังข์บัณเฑาะว์

คร้ันสรงเสร็จแล้วพระราชโกษาถวายพระภูษา ทรงผลัดลายพื้นเขียวเขียนทอง ทรงฉลองพระองค์
ครุยทองเสด็จกลับมาสถิตเหนืออุทุมพรราชอาสน์ ภายใต้พระบวรเศวตฉัตร ๗ ชั้น ที่ตั่งอัฐทิศล้อม
ผันพระพักตร์ไปทิศพายัพเป็นปฐม จึ่งราชบัณฑิตถวายน�้ำพระพุทธมนต์ พราหมณ์ถวายน�้ำพระมหาสังข์
ทักขิณาวัฏ น�้ำกลศ ทรงรับมาสะสรงพระพักตร์แล้วเสวยหน่อยหน่ึง แล้วผันพระองค์ไปตามล�ำดับทิศ
โดยทักขิณาวัฏ ทรงรับน้�ำพระพุทธมนต์น�้ำสังข์ทั้ง ๘ ทิศ และพระมหาราชครูประคองพระองค์เชิญเสด็จ ฯ
โดยทางลาดพระบาทมาข้ึนพระท่ีนั่งภัทรบิฐ มีพระบวรเศวตฉัตร ๗ ช้ัน เสด็จนั่งเหนือแผ่นทองซ่ึงเขียนเป็น
รูปราชสีห์อันมีมหันตเดช ผันพระพักตร์สู่บูรพทิศ พระมหาราชครูอ่านเวทสรรเสริญไกรลาสแล้วถวาย
พระสังวาล ๓ องค์ และพระสุพรรณบัฏ เบญจราชกกุธภัณฑ์ แล้วถวายพระแสงอัษฎาวุธและเคร่ืองราชูปโภค
ประกอบไปด้วยวิศณุเวทอิศวรมนตร์ ทรงรับพระสังวาลและพระมหาพิชัยมงกุฎมาสอดทรง พระแสงขรรค์
วางเบ้ืองขวา ธารพระกรวางเบ้ืองซ้าย เครื่องนอกน้ีทรงรับแล้วส่งพระราชทานพนักงาน พระราชโกษา
รับต่อพระหัตถ์ส่งให้พนักงานแต่ฉลองพระบาทพระมหาราชครูรับมาสอดทรงถวายแล้วถวายพรชัย
เสร็จแล้วพระมหาราชครูพิธีกราบบังคมทูลพระกรุณาว่า ขอเดชะฝ่าละออง ฯ ปกเกล้า ฯ สิริราชสมบัติ
อันหาพระมหากษัตริย์จะครอบครองมิได้ ข้าพระพุทธเจ้ากับเสนาบดี มนตรีมุขทั้งปวงขอพระราชทาน
ทูลเกล้า ฯ ถวายแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้าจุฬาลงกรณ กรมขุนพินิตประชานาถเป็นท่ีพึ่ง
แก่สมณพราหมณาจารย์อาณาประชาราษฎร์สืบไป ขอเดชะ ฯ

หลวงอัฐยากราบบังคมทูลว่า ขอเดชะฝ่าละออง ฯ ปกเกล้า ฯ ข้าพระพุทธเจ้าขอพระราชทานทูลเกล้า ฯ
ถวายพระบรมมหาเศวตฉัตรเป็นที่เฉลิมสิริราชสมบัติส�ำหรับบรมกษัตราธิราชเจ้าสืบมา แด่พระบาทสมเด็จ
พระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้าจุฬาลงกรณ กรมขุนพินิตประชานาถ ขอเดชะ ฯ

เสร็จแล้ว จึงมีพระราชโองการด�ำรัสส่ังแก่พระมหาราชครูผู้ใหญ่ว่า พรรณพฤกษชลธีและสิ่งของใน
แผ่นดินท่ัวอาณาเขตพระนครซ่ึงหาผู้หวงแหนมิได้นั้น ตามแต่สมณชีพราหมณาจารย์ราษฎรจะปรารถนาเถิด
จึงพระมหาราชครูผู้ใหญ่ซึ่งมีตระกูลรับพระราชโองการเป็นฤกษ์ก่อนว่า ข้าพระพุทธเจ้าขอรับพระราชโองการ
มานพระบัณฑูรสุรสิงหนาทใส่เกล้า ฯ ขอเดชะ แล้วทรงโปรยดอกพิกุลทองเงิน ทรงหลั่งน�้ำทักขิโณทก
ด้วยพระคาถาตามเคยทรงสังเกตนั้น ทรงอธิษฐานตามพระอัธยาศัยแล้วพราหมณ์เป่ามหาสังข์ประโคม
ดนตรีมโหระทึกสุดเสียงประโคมแล้ว เสด็จเข้าไปทรงถวายไทยธรรมแก่พระสงฆ์ในพระมหามนเทียร กรมหมื่น
บวรรังษี ฯ ถวายอติเรก พระสงฆ์ราชาคณะถวาย สัพพะพุทธาฯ ภวตุ สัพ ฯ แล้วถวายพระพรลา จึงพระครู
ราชพิธีพระหมอเฒ่าข้ึนไปบนพระมหามนเทียรประพรมน้�ำกลศ น�้ำสังข์รอบพระมหามนเทียรท้ังใน นอก

ประมวลเอกสารพระราชพิธีบรมราชาภิเษก 149

อวยชัยถวายพรแล้ว ทรงผลัดพระภูษารัดพระองค์กรอง ฉลองพระองค์ครุยสี ทรงพระแสงดาบใจเพชร แล้ว
ทรงฉลองพระบาทเสด็จออกพระท่ีนั่งอมรินทรวินิจฉัย ถวายไทยธรรมแก่พระสงฆ์ พระสงฆ์รับไทยธรรมแล้ว
ถวายพระพรลา จึงทรงพระมหาชฎาเสด็จข้ึนสู่พระที่น่ังเศวตฉัตร พระวงศานุวงศ์ท่ีมีกรม และยังไม่ได้ตั้งกรม
ข้าทูลละออง ฯ ผู้ใหญ่ ผู้น้อย ฝ่ายทหาร ฝ่ายพลเรือนเข้าเฝ้าพร้อมกัน จ่ึงพระศรีสุนทรโวหารท่ีพระอาลักษณ์
กราบทูลขอพระราชทานพระราชวโรกาส ให้ข้าทูลละอองธุลีพระบาทท้ังปวง กราบทูลถวายสิ่งของและเครื่อง
ท่ีเฉพาะพนักงานท้ังปวง จ่ึงมีพระราชโองการว่า แต่นี้ไปท่านท้ังปวง จงมีโอกาสที่จะกราบทูลได้ อย่าต้องหา
ผู้กราบทูลแทนตัวเลย จึงพระอาลักษณ์รับพระราชโองการว่า ข้าพระพุทธเจ้าขอรับพระราชโองการมาน
พระบัณฑูรสุรสิงหนาทใส่เกล้า ฯ

๏ ท่านเจ้าพระยาภูธราภัยที่สมุหนายกกราบทูลว่า ข้าพระพุทธเจ้าขอพระราชทานทูลเกล้า ฯ ถวาย
พระยาช้างต้นพระท่ีน่ัง พระยาม้าต้นพระท่ีนั่ง กับเมืองเอก โท ตรี จัตวา ท้ังพลฝ่ายพลเรือนแด่
พระบาทสมเด็จบรมนาถบรมบพิตร พระจุฬาลงกรณเกล้าเจ้าอยู่หัว ขอเดชะ ฯ

๏ พระยาเทพอรชุน ราชปลัดทูลฉลอง (สมุหพระกลาโหม) กราบทูลว่า ข้าพระพุทธเจ้าขอพระราชทาน
ทูลเกล้า ฯ ถวาย พระมหาพิชัยราชรถ เรือพระที่น่ังศรีสมรรถไชยไกรสรมุข เรือกระบวนใหญ่น้อยและเคร่ือง
สรรพยุทธ์ท้ังปวง กับเมืองเอก โท ตรี จัตวา ไพร่พลฝ่ายทหารแด่พระบาทสมเด็จบรมนาถบรมบพิตร
พระจุฬาลงกรณเกล้าเจ้าอยู่หัว ขอเดชะ ฯ

๏ พระยามหาอมาตยาธิบดี ผู้ว่าที่เจ้าพระ (ยา) ธรรมาธิกรกราบทูลว่า ข้าพระพุทธเจ้าขอพระราชทาน
ทูลเกล้า ฯ ถวายพระท่ีนั่งมนเทียรปราสาทราชนิเวศน์มหาสถาน พระราเชนทรราชยานทั้งเครื่องสูง
เฉลิมพระเกียรติยศ แด่พระบาทสมเด็จบรมนาถบรมบพิตร พระจุฬาลงกรณเกล้าเจ้าอยู่หัว ขอเดชะ ฯ

๏ ท่านเจ้าพระยายมราชกราบทูลว่า ข้าพระพุทธเจ้าขอพระราชทานทูลเกล้า ฯ ถวายกรุงเทพมหานคร
อมรรัตนโกสินทรมหินทรายุทธยามหาสถาน แด่พระบาทสมเด็จบรมนาถบรมบพิตร พระจุฬาลงกรณเกล้า
เจ้าอยู่หัว ขอเดชะ ฯ

๏ พระยาประชาชีพ ราชปลัด (ทูลฉลองเจ้าพระยาพลเทพ) กราบทูลว่า ข้าพระพุทธเจ้าขอพระราชทาน
ทูลเกล้า ฯ ถวายธัญญาหาร แดนสถานลานนาท่ัวพระราชอาณาเขตประเทศต�ำบลใหญ่น้อยท้ังปวง แด่
พระบาทสมเด็จบรมนาถบรมบพิตร พระจุฬาลงกรณเกล้าเจ้าอยู่หัว ขอเดชะ ฯ

๏ พระยาพิพัฒโกษา กราบทูลว่า ข้าพระพุทธเจ้าขอพระราชทานทูลเกล้า ฯ ถวายเครื่องพัทธยากร
ราชสมบัติทั้ง ๑๒ พระคลัง แด่พระบาทสมเด็จบรมนาถบรมบพิตร พระจุฬาลงกรณเกล้าเจ้าอยู่หัว ขอเดชะ ฯ

๏ แล้วจึงมีพระราชโองการตรัสปฏิสันถารแก่เจ้าพระยาและพระยาท้ังปวงว่า สิ่งของทั้งน้ีจงจัดแจง
ท�ำนุบ�ำรุงไว้ให้ดี จะได้ป้องกันรักษาแผ่นดินและจะได้อุปถัมภ์พระพุทธศาสนาสืบไป แล้วท่านอัครมหาเสนาบดี
รับพระราชโองการกราบบังคมทูลว่า ข้าพระพุทธเจ้าขอรับพระราชโองการมานพระบัณฑูรสุรสิงหนาท
ใส่เกล้า ฯ แล้วเสด็จกลับขึ้นพระที่น่ังไพศาลทักษิณ เสด็จเหนือพระภัทรบิฐ ฯ

๏ ท้าววรจันทร์ กราบทูลว่า ข้าพระพุทธเจ้าขอพระราชทานทูลเกล้า ฯ ถวายพระสนม ๑๒ พระก�ำนัล
แด่พระบาทสมเด็จบรมนาถบรมบพิตร พระจุฬาลงกรณเกล้าเจ้าอยู่หัว ขอเดชะ ฯ

150 ประมวลเอกสารพระราชพิธีบรมราชาภิเษก

ทรงพระราชปฏิสันถารตามพระราชอัธยาศัยเสร็จแล้ว พระวงศานุวงศ์ฝ่ายในถวายธูปเทียน ครั้นได้
พระฤกษ์เสด็จเข้าสู่พระมหามนเทียร ทรงโปรยดอกพิกุลทอง ดอกพิกุลเงิน มีนางช�ำระพระบาท ๒ นาง
เชิญเคร่ืองราชบริโภคตามสมควร แล้วมีนางเช้ือพระวงศ์ ๖ อุ้มวิลา ๑ นางเชิญศิลาบด ๑ นางเชิญพาน
ผลฟักเขียว ๑ นางเชิญพานทองข้าวเปลือก ๑ นางเชิญพานทองถ่ัว ๑ นางเชิญพานทองงา ๑ ครั้นเสด็จถึง
ในทจ่ี ดุ เทยี นนมสั การแลว้ เสดจ็ ขนึ้ พระแทน่ ทบ่ี รรทมพระองคเ์ จา้ ปกุ (พระวงศานวุ งศผ์ ใู้ หญฝ่ า่ ยใน) ถวายดอกหมาก
ท�ำด้วยทองค�ำ หนัก ๕1 พระองค์เจ้ายี่สุ่นถวายหางช้างเผือกผู้ ทรงรับแล้ววางไว้ข้างที่ แล้วท้าวทรงกันดาล
ถวายลูกกุญแจ แล้วทรงเอนพระองค์ลงบรรทมเหนือพระแท่นที่ โดยทักษิณปรัศว์เบ้ืองขวาเป็นพระฤกษ์ก่อน
และพระวงศานุวงศ์ฝ่ายในผู้ทรงพระชนมายุถวายพระพรก่อน แล้วพระวงศานุวงศ์ทั้งนั้น ถวายพระพรต่อ
ภายหลัง ให้ประโคมดุริยางคดนตรี คร้ันสุดเสียงประโคมแล้วเสด็จโดยทางข้างใน ทรงโปรยเงินไปพระที่นั่ง
ดุสิตมหาปราสาท เสด็จข้ึนไปทรงจุดเทียนนมัสการ ถวายบังคมพระบรมศพ แล้วเสด็จกลับไปสู่พระมหา
มนเทียร ครั้นเวลาบ่ายจะได้บายศรีแก้ว ทอง เงิน ตอง พระวงศานุวงศ์ ข้าทูลละออง ฯ ผู้น้อยข้างหน้า ข้างใน
และฝ่ายทหาร พลเรือนพร้อมกันรับแว่นเวียนเทียนเฉลิมพระมหามนเทียรตามจารีตโบราณขัตติยราชาธิราช
สืบมา เพื่อทรงพระเจริญพระราชสิริสวัสด์ิพิพัฒนมงคลเมทนิดลสกลศัตรกษัย ขอเดชะ ฯ

และพระสงฆ์ท่ีสวดในห้องพระบรรทม ๕ รูป สวดท่ีพระที่นั่งไพศาลทักษิณ ๕๐ รูป ฉันที่พระท่ีนั่ง
๓ไพ๐ศารลูปทฉกั ันษทณิ ี่พ๒ระวทนั ่ีนวั่งนั อม๔ร๑ฯิน๒ท๑ร๒วินคิจำ่� ฉ2ัยฉทนั ้ังบน๓พวรันะทฯน่ี ง่ั องคต์ ะวนั ตก พระสงฆท์ สี่ วด ณ พระทน่ี งั่ อมรนิ ทรวนิ จิ ฉยั

1 อา่ นว่า หนกั ๕ ต�ำลึง
2 วันพธุ เดอื น ๑๒ แรม ๑๒ ค�่ำ ตรงกับวันท่ี ๑๑ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๔๑๑

ประมวลเอกสารพระราชพิธีบรมราชาภิเษก 151

จดหมายเหตุบรมราชาภิเษกคร้ังหลัง*
รัชกาลที่ ๕

พุทธศักราช ๒๔๑๖

๏ ลุศักราช ๑๒๓๕ กุกุฏสังวัจฉระ ภัทรบทมาส กาฬปักษ์บัณณรสีดิถี โสรวาร1 พระบาทสมเด็จ
พระปรมินทรมหาจุฬาลงกรณเกล้าเจ้าอยู่หัว เสด็จด�ำรงถวัลยราชสมบัติ ณ กรุงเทพมหานครอมรรัตนโกสินทร
มหินทรายุธยา ทรงพระเจริญพระชนม์ถ้วน ๒๐ พรรษา เวลาบ่าย ๒ โมง ๑๓ นาที เสด็จขึ้นท่ีสรงพระมุรธา
ภิเษกแล้วเสร็จ คร้ันเวลาบ่าย ๓ โมง พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จออกพระท่ีนั่งอมรินทรวินิจฉัย
มหัยสวริยพิมาน โดยสถานอุตราภิมุข พระบรมวงศานุวงศ์ ท่านเสนาบดีแลข้าราชการ พร้อมกันถวายพระพร
ไชยมงคลในวันพระราชสมภพ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว มีพระบรมราชโองการมอบศิริราชสมบัติให้ท่าน
เจ้าพระยาศรีสุริยวงษสมันตพงษพิสุทธิ มหาบุรุศยรัตโนดม เป็นผู้ส�ำเร็จราชการรักษาพระนครในเวลาท่ีจะ
เสด็จออกทรงผนวชเป็นพระภิกษุภาวะในพระพุทธศาสนา ตามจารีตในขัติยราชตระกูลแต่ในกาลก่อนสืบมา
พระราชทานค�ำมอบศิริราชสมบัติ แลลาพระบรมวงศานุวงศ์ แลท่านเสนาบดี (ดังนี้) ฯ

๏ สมเด็จพระปรมินทรมหาจุฬาลงกรณเกล้าเจ้ากรุงสยาม ขอประกาศแด่พระราชวงศานุวงศ์ และ
ท่านเสนาบดี แลข้าราชการผู้ใหญ่ ให้ทราบทั่วกันว่า สมเด็จพระบรมชนกนารถ คือพระบาทสมเด็จ
พระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เม่ือยังด�ำรงพระชนม์อยู่น้ัน ทรงพระปรารภอยู่เนือง ๆ ว่า จะใคร่ให้พระบรม
ราโชรสได้รับผนวชในพระพุทธศาสนา ให้ทันเวลาในเมื่อยังด�ำรงพระชนม์อยู่ ก็ไม่สมดังพระราชประสงค์
เสด็จสวรรคตล่วงลับไป ท่านท้ังปวงพร้อมกันยกเราขึ้นเป็นเจ้าแผ่นดิน บัดน้ีเราได้ด�ำรงราชสมบัติมาจนเวลาน้ี
ก็มีพระชนมายุถ้วนครบ ๒๐ ปีบริบูรณ์ ควรจะรับอุปสมบทได้ ขอลาพระบรมราชวงษานุวงษ แลท่านเสนาบดี
ออกผนวชอุปสมบทในพระบรมพุทธศาสนา เพื่อปฏิการฉลองพระเดช พระคุณให้สมดังพระราชประสงค์
ในสมเด็จพระบรมชนกนารถ แลเป็นส่วนกุศลอันวัชบุญกิริยาไม่ให้เส่ือมทรามตามบรมราชตระกูลขัติย
ราชประเพณีมาแต่ก่อน ขอท่านทั้งปวงจงมีจิตสโมสรเป็นเอกฉันท์พร้อมยอมอนุญาตให้เราได้ออกผนวช
รับอุปสมบทโดยสะดวกสบายตามพระราชประสงค์ เทอญ

* คดั จากสมดุ ไทยดำ� ดนิ สอขาว เลขท่ี ร. ๕ ๓๑/๖

1 วันเสาร์ เดือน ๑๐ แรม ๑๕ ค่�ำ จ.ศ. ๑๒๓๕ ซึ่งความจริงแล้ววันเสาร์ เดือน ๑๐ ตรงกับแรม ๑๔ ค�่ำ ดังนั้นต้นฉบับ
สมุดไทยจงึ มรี อยแก้เปน็ รวิวาร หมายถึง วันอาทิตย์ ซง่ึ ตรงกับวันท่ี ๒๑ กันยายน พ.ศ. ๒๔๑๖

152 ประมวลเอกสารพระราชพิธีบรมราชาภิเษก

อนึ่ง ราชกิจใด ๆ ซึ่งเป็นธรรมเนียมในพระบรมมหาราชวังพระเจ้าแผ่นดินได้เคยประพฤติเป็น
ราชประเพณีมาทุกอย่างกับทั้งพระราชนิเวศน์ทั่วท้ังบรมมหาราชวัง ขอมอบให้พระเจ้าบรมวงษเธอ เจ้าฟ้ามหา
มาลา กรมขุนบ�ำราบปรปักษ์ เป็นประธานในพระบรมวงศ์ แลราชการในธรรมเนียมท้ังปวง ราชการแผ่นดิน
โดยพระราชกฤษฎีกา พระไอยการ สรรพอาญาสิทธิ์ทั้งปวง ขอมอบให้ท่านเจ้าพระยาศรีสุริยวงษสมันตพงษ
พิสุทธิ มหาบุรุศยรัตโนดม เป็นประธานในราชการแผ่นดินทั้งส้ิน แลราชการอื่น ๆ ตามต�ำแหน่งท่านเสนาบดี
แลพนักงานต่าง ๆ เคยได้รับท�ำมานั้น ขอให้เป็นไปตามต�ำแหน่งพนักงานนั้น ๆ ขอท่านท้ังปวงจงมีความสามัคคี
พร้อมเพรียงกันรักษาแผ่นดินให้เรียบร้อย อย่าให้มีเหตุการณ์อันใดอันหนึ่งได้ ให้สมณพราหมณาจารย์
อาณาประชาราษฎรทั้งปวงได้มีความเย็นใจท่ัวกันตามการที่เป็นท่ีมีมาแต่ก่อนน้ัน เทอญ

คร้ันมีพระบรมราชโองการเสร็จแล้ว พระราชทานหนังสือน้ันให้ท่านเจ้าพระยาศรีสุริยวงษแล้วท่าน
เจ้าพระยาศรีสุริยวงษอ่านหนังสือค�ำยอม พระบรมวงศานุวงศ์แลท่านเสนาบดีท้ังปวงให้เสด็จออกทรง
อุปสมบท แลรับรักษาสิริราชสมบัติไว้มิให้มีเหตุอันตรายได้ ดังน้ี*

คร้ันอ่านแล้วเสร็จสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จขึ้นไปประทับอยู่ ณ พระที่น่ังใหม่ท่ีพระต�ำหนักเดิม
ณ สวนซ้ายในพระบรมมหาราชวัง ๔ ราตรี

ครั้นศิริศยุภมัศดุ พระพุทธศาสนกาลเป็นอดีตภาคสมัยสหัสสสังวัจฉระ จตุสตาธฤก โสฬสสังวัจฉระ
ปตั ยบุ นั กาล กกุ ฏุ สงั วจั ฉระ อษั ยชุ มาศ ชศุ ณปกั ษ์ จตภุ ดฤดี ครุ วุ าร1 ปรเิ ฉทกาลอกุ ฤษฐ์ เวลาย่�ำคำ่� แลว้ ๓๐ นาที
พระบาทสมเด็จบรมนารถบพิตร พระจุฬาลงกรณเกล้าเจ้าอยู่หัว เสด็จจากพระที่นั่งใหม่ในพระบรมมหาราชวัง
ทรงพระราชด�ำเนินโดยพระบาทไปสู่วัดพระศรีรัตนสาศดาราม ถวายนมัสการพระพุทธรัตนปฏิมากรแล้ว
เสด็จเข้าไปทรงขอบรรพชา พระเจ้าบวรวงษเธอ กรมหม่ืนบวรรังษีสุริยพันธุ์** เป็นพระอุปัชฌาย์ พระสาสน
โสภณ*** เป็นกรรมวาจา พระสงฆ์คณะธรรมยุตติกนิกายน่ังหัตถบาศ ๘ รูปรวม ๑๐ รูป เม่ือทรงขอบรรพชา
แล้ว กรมหม่ืนบวรรังษีสุริยพันธุ์สมมติพระองค์มาจรดพระกรรบิดถวายก่อน แล้วเจ้าพนักงานกรมภูษามาลาได้
ถวายต่อไป แล้วเสด็จเข้าท่ีสรง เสร็จแล้วมาทรงขอผ้ากาษาวพัตร พระสงฆ์จะได้ทรงถวาย แล้วทรงอุปสมบท
กรรมต่อไป ครั้นทรงอุปสมบทแล้ว เสด็จจากวัดพระศรีรัตนสาศดารามโดยทางข้างในด้วยพระภิกษุ ๕ รูป
สู่ ณ วัดพระพุทธรัตนสฐานในพระบรมมหาราชวัง แล้วพระภิกษุ ๕ รูป เป็นหัตถบาศ มาสวดญัติจตุถกรรม
อุปสมบท ในพระอุโบสถวัดพระพุทธรัตนสฐานอีกครั้งหน่ึง แล้วเสด็จไปประทับท่ีกุฏิในพระบรมมหาราชวัง
ด้วยพระสงฆ์ ๕ รูป เป็นคณะหน่ึงครบ ๗ ราตรี ฯ

* คำ� กราบทลู ไม่มีส�ำเนาอยู่ในจดหมายเหตุฉบับนี้

1 วันพฤหสั บดี เดือน ๑๑ ขน้ึ ๔ ค�่ำ ตรงกบั วันท่ี ๒๕ กนั ยายน พ.ศ. ๒๔๑๖

** คือ สมเด็จพระมหาสมณเจา้ กรมพระยาปวเรศวริยาลงกรณ์
*** คอื สมเด็จพระสงั ฆราช (ปุสสฺ เทว) วดั ราชประดษิ ฐ์

ประมวลเอกสารพระราชพิธีบรมราชาภิเษก 153

ครั้น ณ วัน ๕๑ฯ๑๑๑ ค�่ำ1 ปีระกา เบญจศก พระบรมวงศานุวงศ์ แลท่านเสนาบดีพร้อมกันเข้าไปเฝ้า
ณ วัดพระพุทธรัตนสฐาน กราบทูลอัญเชิญให้ทรงปริวัติ ลาพระผนวช ด�ำรงราชสมบัติสืบต่อไป
พระยาศรีสุนทรโวหาร อ่านค�ำกราบทูลดังน้ี –
คร้ันอ่านค�ำกราบทูลแล้ว ทรงรับค�ำซ่ึงทูลเชิญเสด็จน้ันแล้วทรงพระผนวชอยู่อีก ๗ ราตรีรวมเป็น
๑๕ ราตรี
พระราคชราั้นคณณะวผันู้ให๖ญ๔ฯ่ป๑ร๑ะชคุม�่ำพ2รเว้อลมาก๒ัน ทุ่ม กับ ๔๘ นาทีเป็นมหามงคลฤกษ์ เสด็จสู่วัดพระศรีรัตนสาสดาราม
เสด็จไปทรงประกาศสงฆ์ทรงปริวัติลาพระผนวชแล้วเสด็จสู่ท่ีสรง
ประโคมดุริยางคดนตรี คร้ันสรงเสร็จแล้วเสด็จมาประทับในพระอุโบสถจึงพระบรมวงศานุวงศ์แลท่านเสนาบดี
ข้าราชการผู้ใหญ่ผู้น้อยเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาทพร้อมกัน
พระยาศรีสุนทรโวหาร อ่านค�ำกราบทูลเชิญเสด็จเถลิงถวัลยราชสมบัติสืบพระบรมราชวงศ์ด�ำรงพิภพ
กรุงเทพมหานครอมรรัตนโกสินทรมหินทรายุทธยาสืบไป เป็นค�ำกราบทูลดังนี้ - - -*
ครั้นทรงรับครองสิริราชสมบัติ พระราชาคณะผู้ใหญ่ซึ่งประชุมอยู่ในที่น้ัน กรมหม่ืนบวรรังษีสุริยพันธุ์
เป็นประธาน ก็ถวายไชยมงคลพร้อมกัน แล้วจ่ึงประกาศปฏิญญาพระองค์แด่พระบรมวงศานุวงศ์แลท่าน
เสนาบดีว่า ได้เสด็จเถลิงถวัลยราชสมบัติแล้ว จะทรงรักษาราชประเพณีซึ่งมีมาแต่ก่อนแลรักษาความยุติธรรม
เท่ียงตรง ผู้ใดมีความผิดก็จะท�ำตามผิด ผู้ใดมีความชอบก็จะยกย่องตามสมควร แลจะทรงท�ำนุบ�ำรุงแผ่นดิน
ให้มีความเจริญ ให้สมณพราหมณาจารย์ทั้งปวงอยู่เย็นเป็นสุขทั่วกัน ขอให้พระบรมวงศานุวงศ์แลท่านเสนาบดี
ข้าราชการผู้ใหญ่ ผู้น้อย มีความสามัคคีรสพร้อมเพรียงกันต้ังอยู่ในยุติธรรมเท่ียงตรง ช่วยกันท�ำนุบ�ำรุง
แผ่นดินให้มีความเจริญย่ิงขึ้นไป เทอญ
คร้ันเมื่อทรงปฏิญญาณอย่างน้ีแล้ว พระบรมวงศานุวงศ์ ท่านเสนาบดี ข้าราชการผู้ใหญ่ ผู้น้อย ผู้ถวาย
สัตยานุสัตย์ ถือน้�ำพระพิพัฒนสัตยาตามประเพณีมาแต่ก่อน ทั้งฝ่ายหน้าฝ่ายใน แล้วเสด็จมาประทับอยู่ใน
พระท่ีนั่งใหม่ท่ีพระต�ำหนักเดิม ณ สวนซ้ายในพระบรมมหาราชวัง
๏ ข้าพระพุทธเจ้า พระโหราธิบดี เจ้ากรมโหรหน้า ๑ ขุนโชติพรหมา ปลัดกรมโหรหน้า ๑ หลวงโลก
ทีปนี เจ้ากรมโหรหลัง ๑ ขุนเทพพยากรณ์ ปลัดกรมโหรหลัง ๑ โหรมีชื่อพร้อมกันค�ำนวณพระฤกษ์มงคล
บรมราชาภิเษกทูลเกล้าฯ ถวายก�ำหนด

1 วันพฤหัสบดี เดือน ๑๑ ขึ้น ๑๑ ค่�ำ ตรงกับวันที่ ๒ ตุลาคม พ.ศ. ๒๔๑๖ ในหนังสือสมุดไทยมีลายมือเพ่ิมเลข ๑๒
ท่ีถกู ต้องคอื ๑๑

2 วนั ศุกร์ เดือน ๑๑ แรม ๔ ค่ำ� ตรงกบั วันท่ี ๑๐ ตลุ าคม พ.ศ. ๒๔๑๖

* คำ� กราบทลู ไมม่ ีส�ำเนาอยูใ่ นจดหมายเหตฉุ บบั นี้

154 ประมวลเอกสารพระราชพิธีบรมราชาภิเษก

ศุภมัศดุ พุทธศาสนกาลเป็นอดีตภาค ๒๔๑๖ พรรษา จุลศักราช ๑๒๓๕ ปัตยุบันกาล กุกุฏสังวัจฉระ
กฤติกมาศ ชุสณปักษ์ ปัญจมีดฤถี โสรวาร1 ปริเฉทกาลก�ำหนด เวลาบ่าย ๔ โมง ๓๐ นาที เป็นมหาอุดมพิไชย
มงคล ขุนโชติพรหมาได้จารึกดวงพระชนม์พรรษา ลงในแผ่นทองกว้าง ๑๐ น้ิว ยาว ๑๐ น้ิว หนัก ๒ ต�ำลึง
นายราชสารนายเวรกรมพระอาลักษณ์ ได้จารึกพระนามลงในแผ่นทองกว้าง ๗ นิ้ว ยาว ๑๔ นิ้ว หนัก ๒ ต�ำลึง
พระมหาราชครูจุณเจิมแล้วพันด้วยไหมเบญจพรรณ แล้วบรรจุไว้ในกล่องทองค�ำจ�ำหลักลายกุดั่น แล้วเชิญ
ลงในหีบถมยาด�ำตะทอง ถุงเข้มขาบนอกตีตราประจ�ำเล็บ เชิญขึ้นประดิษฐานไว้บนพานทองสองช้ันส�ำรับ
ใหญ่ปิดคลุมปักเลื่อม ข้าทูลละอองธุลีพระบาทผู้ใหญ่ผู้น้อยสมโภชเวียนเทียน มีบายศรีทอง ๑ บายศรีเงิน ๑
บายศรีแก้ว ๑ บายศรีตอง ๑ (รวม) ๕ ส�ำรับ ศีศะสุกร ๒ เคร่ืองกระยาบวด พร้อมสรรพด้วยแตรสังข์มโหรี
พิณพาทย์กลองแขก ฆ้องไชย พราหมณ์ เป่าสังข์ทักษิณาวัตร อุตราวัตรสมโภชเสร็จเชิญประดิษฐานไว้ใน
พระอุโบสถวัดพระศรีรัตนสาสดาราม ฯ

ครั้นศิริศยุภมัศดุ พระพุทธศาสนกาลเป็นอดีตภาค ชมัยสหัสสังวัจฉระ จตุสตาธฤก โสฬศ สังวัจฉระ
ปัตยุบันกาล กุกุฏสังวัจฉระ กฤติกมาศ กาฬปักษ์ อัฐมีดีถี พุทธวาร2 เวลาบ่าย พระราชาคณะ ๒๐ รูป จะได้
สวดพระปริตรพุทธมนต์ ต้ังน�้ำวงด้ายในพระท่ีน่ังไพศาลทักษิณ ครั้นกฤติกมาศ นวมีดิถี คุรุวาร3 ปริเฉทกาล
ก�ำหนด เวลาเช้า ๓ โมง พระสงฆ์ได้รับพระราชทานฉันในพระท่ีน่ังไพศาลทักษิณ ๓๕ รูป พระท่ีนั่งอมรินทร
วินิจฉัย ๕๐ รูป ครั้นเวลาเช้า ๔ โมง ๔๒ นาที ทรงถวายเทียนชนวนพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหมื่นบวรรังษี
สุริยพันธุ์จุดเทียนไชย แล้วทรงถวายไตรยแพรบาตร์ฝาเชิงประดับมุกตราแผ่นดิน พัดด้�ำงา ท้ังแท่งปักลาย
ตราแผ่นดิน ย่ามแพรหักทองขวาง แล้วพระสงฆ์สวดภาณวารต่อไป คร้ันเวลาบ่าย ๓ โมง พระราชาคณะจะได้
สวดพระพุทธมนต์ในพระท่ีนั่งไพศาลทักษิณ ๓๐ รูป ในพระมหามณเฑียร ๕ รูป พระที่นั่งอมรินทรวินิจฉัย
๕๐ รูป ทรงพระภูษาพ้ืนขาวฉลองพระองค์สระบับขาว ฉลองพระองค์ครุยกรองทอง เสด็จพระราชด�ำเนิน
เข้าไปที่พระที่น่ังไพศาลทักษิณ ทรงจุดเครื่องนมัสการ ทรงศีลแล้ว พระมหาราชครูพิธีถวายใบมะม่วง ๒๕ ใบ
ได้แก่ไภยันตราย ใบทอง ๓๒ ใบ ได้แก่อุปัทววันตราย ใบตะขบ ๙๖ ใบ ได้แก่โรคันตราย ทรงรับมา
ควาดแลว้ สง่ ใหพ้ ระมหาราชครรู บั มาทำ� สาตรปณุ ยาชบุ โหมเพลงิ แลว้ เสดจ็ เขา้ ในพระมหามณเฑยี ร ทรงจดุ เทยี น
นมัสการแล้ว ทรงสอดพระมหามงคล ฟังพระราชาคณะ ๕ รูป สวดพระพุทธมนต์ ๓ วัน ครั้นสวดพระพุทธมนต์
จบแล้ว สวดภาณวารต่อไป คร้ันเวลาเช้าเสด็จเข้าไปปรนนิบัติพระสงฆ์ ณ พระท่ีน่ังไพศาลทักษิณทั้ง ๓ เวลา

1 วนั เสาร์ เดอื น ๑๒ ขึน้ ๕ ค่�ำ ตรงกับวันท่ี ๒๕ ตุลาคม พ.ศ. ๒๔๑๖
2 วันพธุ เดอื น ๑๒ แรม ๘ ค�ำ่ ตรงกบั วันท่ี ๑๒ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๔๑๖
3 วนั พฤหสั บดี เดือน ๑๒ แรม ๙ คำ�่ ตรงกับวนั ที่ ๑๓ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๔๑๖

ประมวลเอกสารพระราชพิธีบรมราชาภิเษก 155

คร้ันกฤติกามาส กาฬปักษ์ พารัศมีดิถี โสรวาร เวลาใกล้รุ่ง1 ทรงพระภูษาขาวตามเดิมเหมือนทรง
ฟังสวด เสด็จมาพระที่น่ังไพศาลทักษิณ ทรงจุดเทียนนมัสการ ทรงศีลแล้ว

คร้ันเวลารุ่งแล้ว ๑๘ นาที2 พระลัคนาสถิตราศีพิจิก เกาะนวางค์ ๔ ตรียางค์ ๓ เสวยอนุราธฤกษ์ ๑๗
พระอาทิตย์สถิตราศีพิจิก พระจันทร์สถิตราศีกัญ เสวยฤกษ์อัทร ๑๓ พระอังคารสถิตราศีมังกร พระพุทธสถิต
ราศีพิจิก พระพฤหัศบดีสถิตราศีกัญ พระศุกร์สถิตราศีดุล พระเสาร์สถิตราศีมังกร พระราหูสถิตราศีเมศ
บริบูรณ์ด้วยนักษัตรฤกษ์ เป็นมหาอุดมวิไชยมงคลบรมราชาภิเษก ต้องอย่างขัติยราชประเพณีมาแต่ก่อน

๏ พระโหราธิบดี พระมหาราชครูพิธี กราบบังคมทูลอัญเชิญเสด็จสู่ที่สรงเจ้าพนักงานชาวพระภูษามาลา
ถวายพระภษู าถอด พระเมธาธิบดีเชญิ พระไชย พระสทิ ธไิ ชยบดี เชญิ มหาพระพฆิ เนศวร พระมหาราชครู พระครู
อัษฎาจารย์ โปรยข้าวตอก หลวงราชมุนี หลวงสิวาจารย์ เป่าพระมหาสังข์ทักขิณาวัตร น�ำเสด็จพระราชด�ำเนิน
เบื้องมุขประเทศ ไปสู่พระมณฑปพระกระยาสนานที่ชาลาพระมหามณเฑียรด้านตะวันออก เสด็จสถิตเหนือ
อุทุมพรราชอาสน์แปรพระพักตร์สู่ทิศทักษิณ พระยาราชโกษาถวายเครื่องพระกระยาสนาน หลวงราชวงษา
ไขสหัสธารา ซึ่งเจือด้วยน�้ำท้ัง ๕ ในมัชฌิมประเทศแลน้�ำ ๔ สระ สรงสหัสธาราแล้ว กรมหมื่นบวรรังษีสุริยพันธุ์
ถวายพระเต้าสัมฤทธิ์ สมเด็จพระวันรัตนถวายพระเต้า แล้วพระบรมวงศานุวงศ์ถวายพระเต้าใหญ่น้อยทั้งปวง
ต่อไปเป็นล�ำดับ สรงน�้ำพระเต้าเสร็จแล้ว พระมหาราชครูถวายพระเต้าเบญจครรภ พระมหาสังข์ทักขิณาวัตร
พระสิทธิไชยบดี ถวายพระมหาสังข์ทอง พระครูอัษฎาจารย์ ถวายพระมหาสังข์เงิน หลวงราชมุนีถวาย
พระมหาสงั ขน์ าก หลวงสวิ าจารยถ์ วายพระมหาสงั ขง์ าเจรญิ หลวงเทพาจารยถ์ วายพระครอบ ทรงรบั ตอ่ พระหตั ถ์
ขุนรักษนารายน์ ขุนราชธาดา เป่าพระมหาสังข์ทักขิณาวัตร ๒ องค์ ขุนหม่ืนพราหมณ์มีชื่อเป่าสังข์อุตราวัตร
๖ องค์ เจ้าพนักงานประโคมดุริยางค์ดนตรีมโหรทึกแตรสังข์บันเฑาะ คร้ันสรงเสร็จแล้วพระยาราชโกษา
ถวายพระภูษาผลัดพ้ืนแดง ฉลองพระองค์สระบับแดง ฉลองพระครุยกรองทอง เสด็จข้ึนบนพระท่ีนั่งไพศาล
ทักษิณ สถิตเหนืออุทุมพรราชอาสน์ ภายใต้พระบวรเศวตฉัตร ๗ ชั้น ที่ตั่งอัฐทิศล้อม ผันพระพักตร์ไปทิศ
บูรพาเป็นปฐม ฯ

1 วนั เสาร์ เดือน ๑๒ แรม ๑๒ คำ�่ ซงึ่ ความจริงแลว้ เปน็ แรม ๑๑ คำ่� ตรงกับวันที่ ๑๕ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๔๑๖
2 เนอื้ ความกอ่ นหนา้ นร้ี ะบวุ า่ “...โสรวารเวลาใกลร้ งุ่ ...” หมายถงึ วนั เสารใ์ กลร้ งุ่ เปน็ เวลาทพ่ี ระบาทสมเดจ็ พระจลุ จอมเกลา้
เจ้าอยู่หัวเสด็จเข้าไปประทับ ณ พระที่น่ังไพศาลทักษิณ คร้ันเมื่อรุ่งแล้ว ๑๘ นาที “...เป็นมหาอุดมวิไชยมงคลบรมราชาภิเษก...”
การท่ีโหรระบุว่าวันเสาร์ เวลาใกล้รุ่งน้ัน เป็นการนับเวลาแบบเก่าท่ีวันใหม่จะเริ่มต้นเม่ือเวลา ๐๖.๐๐ น. หรือเร่ิมต้นเวลากลางวัน
สว่ นเวลากลางคนื จะเร่มิ ต้นทเ่ี วลา ๑๘.๐๐ น. จนกระทง่ั ถงึ เวลา ๐๕.๕๙ น. นับเป็น ๑ วัน เพราะฉะนัน้ การนบั เวลาแบบเกา่ “เวลา
ใกล้รุ่ง” จึงเป็นวันเสาร์ท่ี ๑๕ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๔๑๖ ในขณะที่การนับเวลาแบบสากลวันใหม่จะเริ่มต้นหลังจากเวลา ๒๔.๐๐ น.
ฉะนั้น “เวลาใกลร้ ุ่ง” จงึ เป็นวนั อาทิตย์ท่ี ๑๖ พฤศจกิ ายน พ.ศ. ๒๔๑๖

156 ประมวลเอกสารพระราชพิธีบรมราชาภิเษก

๏ จึงราชบัณฑิตย์ทูลถวายท่ีพระราชอาณาเขต ด้วยค�ำมคธ ดังนี้ ฯ
ยคฺเฆ เทว เทโว อมฺหากํ วจโนกาสํ ททาตุ อิมสฺมึ โข เอตรหิ อธุนา อราชกีภูเต สฺยามรฎฺเฐ เย เต
มนุสฺสา อิมมฺหา ปรมราชาสนโต ปุรตฺถิมาย ทิสาย ปุรตฺถิมายานุทิสาย ทกฺขิณาย ทิสาย ทกฺขิณายานุทิสาย
ปจฺฉิมาย ทิสาย ปจฺฉิมายานุทิสาย อุตฺตราย ทิสาย อุตฺตรายานุทิสาย นานา นาเมสุ ยถาฐฺเตสุ คามนิคมชนปเทสุ
นิวาสิโน วา สญฺจาริโน วา สนฺติ ฯ เตสํ อนิวาเรยฺยํ เยภุยฺยานุมตึ คเหตฺวา อธุนา มหามงฺคลาภิเสเกน
อภิสิตฺตสฺส มหาชนาภิปตฺถิตสฺส เทวสฺส เตสํ ยถาวุตฺตมนุสฺสานํ นิวาสนสญฺจารภูมิภูตํ สวตฺถุกํ สสพฺพนิสฺสิตํ
ปุรตฺถิมทิสิกปฐวีตลํ ปุรตฺถิมานุทิสิกปฐฺวีตลํ ทกฺขณทิสิกปฐวีตลํ ทกฺขิณานุทิสิกปฐฺวีตลํ ปจฺฉิมทิสิกปฐวีตลํ ปจฺฉิ
มานุทิสิกปฐฺวีตลํ อุตฺตรทิสิกปฐฺวีตลํ อุตฺตรานุทิสิกปฐวีตลํ ตนฺนิวาสิกสญฺจารกมนุสฺสานํ ราชานํ วินา อตฺตโน
ชีวิตสฺสาปิ ปติฏฺฐํ อลภนฺนานํ เยภุยฺยานุมติยา อิมินา คณฺฐานิเตน พุทฺธาทิวตฺถุคุณปริภาวิเตน ปริตฺโตทเกน
โอโณเชม นิยฺยาเทาม ฯ สมฺปฏิจฺฉตุ เทโว เตสุ มนุสฺเสสุ อนุกมฺปํ อุปาทาย ตตฺถ สวตฺถุกสฺมึ สสพฺพนิสฺสิเต
ปุรตฺถิมทิสิกปฐวีตเล ปุรตฺถิมานุทิสิกปฐวีตเล ทกฺขิณทิสิกปฐวีตเล ทกฺขิณานุทิสิกปฐวีตเล ปจฺฉิมทิสิกปฐวีตเล
ปจฺฉิมานุทิสิกปฐวีตเล อุตฺตรทิสิกปฐวีตเล อุตฺตรานุทิสิกปฐวีตเล ยํ ยํ เทโว อากงฺขติ ตํ ตํ กโรนฺโต อชฺฌาวสตุ
สพฺพทา สุขี อโรโค นิรุปทฺทโว พุทฺธาทิวตฺถุสฺมึ อติสยเขตฺตภูเต สิทฺธานํ ปุญฺญานํ เตชสา ฯ
แล้วถวายน�้ำอภิเษกรินลงสักน้อยในพระเต้าเบญจครรภที่ทรงรับนั้น แล้วผู้ถวายน�้ำว่าค�ำนี้ไปพลาง
โสภณมตฺถุ กลฺยาณมตฺถุ สิทฺธิรตฺถุ ชยตุ เทโว ปุรตฺถิมทิสิกํ ปุรตฺถิมานุทิสิกํ ทกฺขิณทิสิกํ ทกฺขิณานุทิ
สิกํ ปจฺฉิมทิสิกํ ปจฺฉิมานุทิสิกํ อุตฺตรทิสิกํ อุตฺตรานุทิสิกํ สฺยามรฏฺฐาทิปฐวี อชฺฌาวสตุ เทโว ธมฺเมน สเมน ๚
เมื่อน้ัน จึงมีพระบรมราชโองการ มารพระบัณฑูรสุรสิงหนาท ด�ำรัสเหนือเกล้าเหนือกระหม่อมรับ ดังน้ี
สาธุ สาธุ สามตฺถิยาหํ ตุมฺหากํ วจนํ อนุกริสฺสามิ เย เต สวตฺถุกา สสพฺพนิสฺสิตา ปุรตฺถิมทิสิกา ปุรตฺถิ
มานุทิสิกา ทกฺขิณทิสิกา ทกฺขิณานุทิสิกา ปจฺฉิมทิสิกา ปจฺฉมานุทิสิกา อุตฺตรทิสิกา อุตฺตรานุทิสิกา คามนิคม
ชนปทา เต สพฺเพ ยถาสเกน สญฺฐาเนน ติฏฺฐนฺตุ เย เต มม วิชิเต ปุรตฺถิมทิสิกปฐวีตเล ปุรตฺถิมานุทิสิกปฐวี
ตเล ทกฺขิณทิสิกปฐวีตเล ทกฺขิณานุทิสิกปฐวีตแล ปฐฉิมทิสิกปฐวีตเล ปจฺฉิมานุทิสิกปฐวีตเล อุตฺตรทิสิกปฐวี
ตเล อุตฺตรานุทิสิกปฐวีตเล นิวาสิโน วา สญฺจาริโน วา สตฺตา สพฺเพ เต อเวรา อนีฆา อพฺยาปชฺฌา สุขี อตฺตานํ
ปริหรนฺตุ สุขิตตฺตา จ เขมิโน ๚
เจ้าพนักงานจึงรับพระบรมราชโองการว่าดังนี้ เอวํ เทว ๚
แล้วพราหมณ์ถวายน้�ำสังข์ทักขิณาวัตร น�้ำกรด ทรงรับแล้วผันพระองค์ไปตามล�ำดับทิศ โดยทักขิณาวัตร
ครบท้ัง ๘ ทิศ แล้วพระมหาราชครูประคองพระองค์ เชิญเสด็จพระราชด�ำเนินโดยทางลาดพระบาท ประคอง
พระองค์ขึ้นพระท่ีน่ังภัทธบิฐ มีพระบวรเศวตฉัตร ๗ ชั้น แลเขียนท่ีแผ่นทองเป็นรูปราชสีห์อันมีมหันตเดช
ผันพระพักตร์สู่บูรพาทิศ พระมหาราชครูอ่านเวทสรรเสริญไกรลาศ แล้วกราบทูลถวายสิริราชสมบัติ ด้วยค�ำ
มคธว่า
ยคฺเฆ โภ ภวํ มม วจโนกาสํ ททาตุ เอตรเหทํ สฺยามรฏฺฐิกํ สิริรชฺชํ มุทฺธาวสิตฺเตน รญฺญา อราชิกํ เต
มยญฺเจว อญฺเญ จ อิมสฺมึ รฏฺเฐ ปธานภูตา เสนาปตฺยามจฺจมนฺติอาทโย อญฺญมญฺญํ มนฺตยิตฺวา ภวนฺตเมวิมสฺส
รชฺชสฺส อจฺจานุรูปํ วิทิตฺวา เอกฉนฺทาเยว หุตฺวา โภโต วิมํ สพฺพํ สฺยามรฏฺฐิกํ รชฺชํ โอโนชยาม นิยฺยาเทม ฯ

ประมวลเอกสารพระราชพิธีบรมราชาภิเษก 157

สาธุ ภวํ อมฺหสุ อนุกมฺปมุปาทาย ตํ สมฺปฏิฐฺฉิตฺวา สพฺพาย สฺยามาทิรฏฐิกาย สสฺสมณพฺราหฺมณิยา สนาครเน
คมชนปทิกาย ปชาย ปรมุตฺตมปติฏฐา หุตฺวา สทาปิ จ สุขิโต อโรโค นิรุปทฺทโว หุตฺวา อิธ อิสฺสราปิปจฺจํ รชฺชํ
กาเรตุ ธมฺเมน สเมน อสาหเสน

ทรงรับว่า เอวํ พฺราหฺมณ ฯ
แล้วกราบทูลเป็นค�ำไทยต่อไป โดยค�ำแปลภาษามคธว่า ดังนี้ ๚
ขอเดชะฝ่าละอองธุลีพระบาทปกเกล้า ฯ ได้ทรงพระกรุณาโปรดพระราชทานบรมราชวโรกาสแก่
ข้าพระพุทธเจ้า ด้วยคร้ังน้ีสิริราชสมบัติทั่วท้ังสยามราชวราณาจักรน้ี ไม่มีพระบรมราชาซ่ึงได้มุรธาภิเษก
จะครองครอบเป็นเจ้าเป็นใหญ่ เพราะฉะน้ัน ข้าพุทธเจ้าท้ังหลาย แลท่านเสนาบดีมุขอ�ำมาตย์ราชมนตรีท่ีเป็น
ประธานในรัชกาลน้ี ปรึกษาพร้อมกันทราบความประจักษ์ว่า พระองค์เป็นสมควรย่ิงนัก ซึ่งจะเสด็จเถลิง
ถวัลยราชสมบัติปกครองพระบรมวงศานุวงศ์ สมณพราหมณาจารย์ แลประชาราษฎรให้ได้ความเกษมสันต์
ร่มเย็นเป็นสุขทั่วกันได้ จึงมีฉันทะความลงใจเป็นอันเดียวกัน มอบถวายศิริรัตนราไชยสวรรย์ท่ัวทั้งสยาม
ราษฎาณาจักรน้ีแด่พระองค์ ขอได้ทรงพระการุญภาพแก่ข้าพระพุทธเจ้าท้ังหลาย ทรงรับแล้วจงได้เป็นท่ีพ่ึง
อย่างย่ิงแก่พระบรมราชวงศานุวงศ์ และข้าทูลละอองธุลีพระบาท อีกสมณพราหมณาจารย์ แลอาณาประชา
ราษฎรท้ังชาวพระนครแลชาวนิคมคามชนบทประเทศราชใหญ่ น้อยทั้งปวง แลขอให้พระองค์ทรงเจริญ
สิริทฤฆายุสุขสวัสด์ิ อย่าได้มีพระโรคภยุปัทวันตราย กอปด้วยความเกษมส�ำราญพระวรกาย พระราชหฤทัย
ด�ำรงในศิริรัตนราไชยมหัยสวริยาธิปัตย์ โดยราชธรรมจริยานุวัตรสม่�ำเสมอไม่เป็นสาหัสกิริยา ขอเดชะ
๏ พระสิทธิไชย กราบบังคมทูลถวายนพปดลมหาเศวตฉัตรด้วยค�ำมคธดังนี้ ฯ
ชยตุ ภวํ มหาราชา (๓ ที) ฯ
ยโต ภวํ มหาราชา สฺยามรฏฺฐิกํ อิสฺสราธิปจฺจํ รชฺชํ สมฺปฏิจฺฉิ เตนาหํ สพฺเพสํ อนุมตึ คเหตฺวา พหิ
มหาราชุตฺตมกาญฺจ ปลฺลงฺเก อุสฺสิตํ สิริรชฺชสฺส อุปลกฺขณภูตํ ฆนโสรณฺณาลงฺการํ นวปตลฺ มหาเสตฉตฺตาติฉตฺตํ
โภโต รญฺโญ โอโนชยามิ นิยฺยาเทมิ สาธุ ภวํ มหาราชา ตํ สมฺปฏิจฺฉิตฺวา ธาเรตุ โปราณราชปเวณึ อวิชหนฺโต ฯ
สทาปิ จ ภวํ มหาราชา โหตุ อโรโค นิรุปทฺทโว สพฺพมิมํ รฏฺฐํ สสามนฺตชนปทํ วิชินิตฺวา อิสฺสราธิปจฺจํ รชฺชํ
กาเรตุ ธมฺเมน สเมน อสาหเสน ๚ะ
แล้วกราบบังคมทูลเป็นค�ำไทยตามเน้ือความในภาษามคธ ดังนี้ว่า
ขอเดชะ ฝ่าละอองธุลีพระบาทปกเกล้าปกกระหม่อม เมื่อพระองค์ทรงรับเวนสิริราชสมบัติบรมอิสริยยศ
สยามรัษฎาธิบดินทรดังนี้แล้ว ข้าพระพุทธเจ้าจะได้ถือเอาความลงใจตาม ซึ่งท่านท้ังหลาย ทั้งปวงได้ยอม
พร้อมกันนั้น ขอพระราชทานมอบถวายนพปดลมหาเศวตฉัตราดิฉัตรอันอลงกฎด้วยสุพรรณวิกัติ ล้วนทองค�ำ
ธรรมชาติเป็นเคร่ืองหมายเฉลิมลักษณ์แก่สิริราชสมบัติ ซึ่งกางก้ันบนรัตนมหาราชบัลลังก์กาญจนวิจิตรอยู่
ณ ภายนอกน้ัน ขอพระองค์ได้ทรงรับด�ำรงไว้เพื่อจะไม่มละให้ผิดโบราณราชประเพณี แลขอให้พระองค์
ทรงพระเจริญศรีทฤฆายุสุขสวัสดิ์ อย่าได้มีพระโรคภยุปัทวันตราย กอปด้วยความเกษมส�ำราญพระวรกาย

158 ประมวลเอกสารพระราชพิธีบรมราชาภิเษก

พระราชหฤทัย จงมีไชยชนะครองสยามราษฎาณาจักรทั้งส้ินนี้ กับท้ังท่ีชนบทสามันตประเทศราชโดยรอบทั่วไป
ด�ำรงในศิริรัตนราไชยมไหยสวริยาธิปัตย์ โดยราชธรรมจริยานุวัตรสม่�ำเสมอ ไม่เป็นสาหัสกิริยา ขอเดชะ ๚ะ

๏ แล้วพระมหาราชครูถวายพระสุพรรณบัตร พระสังวาลพราหมณ์ พระสังวาลนพรัตนราชวราภรณ์
พระสังวาลพระนพ ทรงรับมาสอดพระองค์แล้ว ถวายพระมหามงกุฎ ทรงรับมาทรงสรวมแล้วถวาย
พระแสงขรรค์ ทรงรับมาวางเบ้ืองซ้าย ธารพระกรวางเบื้องขวา พระแส้จามรี ๚ะ

๏ พระสิทธิไชย ถวายพระมหาเศวตฉัตร พระมหาราชครูสอดฉลองพระบาทถวาย แล้วถวายพระแสง
อัษฎาวุธแลเคร่ืองราชูประโภคบริภัณฑ์ทั้งปวง ทั้งน้ีทรงรับแล้วส่งพระราชทานให้เจ้าพนักงานเชิญไว้
แล้วพระมหาราชครู พระสิทธิไชย ถวายพร ไชย เสร็จแล้วจึงมีพระบรมราชโองการเป็นปฐม ด้วยค�ำมคธว่าดังนี้

อิทานาหํ สพฺเพสํ อนุมติยา ราชา มุทฺธาวสิตฺโต สฺยาเมสุ อิสฺสราธิปจฺจํ รชฺชํ กาเรมิ ธมฺมิกราช
ปเวณิยา อนุชานามิ ยนฺตํ สฺยามวิชิเต อปรปริคฺคหิตํ ติณกฎฺโฐทกํ สมณพฺราหฺมณาทโย สพฺเพ สฺยามรฏฺฐิกา
ยถาสุขํ ปริภุญฺชนฺตุ ฯ

จ่ึงพระมหาราชครูผู้ใหญ่ รับพระบรมราชโองการเป็นปฐมด้วยค�ำมคธว่าดังน้ี
สมฺปฏิจฺฉามหํ โภโต รญฺโญ อิมํ ปฐมํ ธมฺมิกํ ปรมราช อ อุ ม การํ วรปณฺฑรสุรสีหนาทสาทิสํ มม สิรสา ๚ะ
๏ แล้วจึงมีพระบรมราชโองการเป็นค�ำไทย ตามเน้ือความภาษามคธ ดังน้ี ๚
๏ ครั้งน้ีท่านท้ังปวงพร้อมใจกัน ยอมให้เราเป็นเจ้าครองราชสมบัติได้รับมุรธาภิเษก เป็นใหญ่ใน
สยามราษฎร์วราณาจักรนี้แล้ว เราอนุญาตยอมให้ โดยธรรมิกราชประเพณี พรรณพฤกษชลธีสิ่งของใดๆ
ในสยามราษฎร์วราณาจักรน้ี ซ่ึงไม่มีเจ้าของหวงแหนน้ันตามแต่สมณพราหมณาจารย์ ประชาราษฎรท้ังปวง
จะปรารถนาใช้สอยเทอญ ๚
๏ พระมหาราชครูรับพระบรมราชโองการเป็นปฐมว่า ข้าพระพุทธเจ้าขอรับพระบรมราชโองการ
มารพระบัณฑูรสุรสิงหนาทปฐมธรรมิกราชวาจา ด้วยเกล้า ฯ ขอเดชะ
๏ แล้วทรงโปรยดอกพิกุลทอง เงิน ทรงหลั่งน้�ำทักขิโณทก ทรงพระอธิษฐานตามราชอัธยาศัย แล้ว
พราหมณ์เป่ามหาสังข์ทักษิณาวัดประโคมดนตรีแตรสังข์มโหรทึก ทหารปืนใหญ่ยิงสลุต ๒๑ นัด ครั้นสุด
เสียงประโคมแล้ว เสด็จพระราชด�ำเนินข้ึนบนพระท่ีนั่งจักรพรรดิพิมาน ทรงปฏิบัติพระสงฆ์ในพระที่นั่งองค์
ตะวันตก ครั้นพระสงฆ์ฉันแล้วถวายไชยทาน แล้ว (พระสงฆ์ถวาย) อติเรกเป็นฤกษ์ ถวายพระพรลากลับไป ๚ะ
ครั้นเวลาเช้า ๔ โมง ๓๐ นาที สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงเคร่ืองราชวิภูษณาภรณ์ ทรงพระมหามงกุฎ
พระแสงขรรค์ เสด็จออกพระที่นั่งอมรินทรวินิจฉัย ประทับพระบรมอาสน์มีพระมหาเศวตฉัตร จึงพระบรม
ราชวงศานุวงศ์ อรรคมหาเสนาธิบดี อ�ำมาตยมุขมนตรี ข้าทูลละอองธุลีพระบาทผู้ใหญ่ ผู้น้อย ฝ่ายทหาร
พลเรือน กราบถวายบังคมเฝ้าโดยล�ำดับ เจ้าพนักงานประโคมมโหระทึกแตรสังข์กลองชนะ ครั้นสุดเสียง
ประโคม จึงพระยาศรีสุนทรโวหาร เจ้ากรมพระอาลักษณ์อ่านค�ำประกาศ แลค�ำกราบบังคมทูลขอพระราชทาน
พระบรมราชวโรกาสว่า

ประมวลเอกสารพระราชพิธีบรมราชาภิเษก 159

๏ สรวมชีพ ข้าพระพุทธเจ้า ผู้รับสากลานุมัติอัธยาศัยแห่งท่านผู้เป็นใหญ่ท้ังหลาย คือ อัคมหาเสนาธิบดี
แลอ�ำมาตยมุขมนตรี ข้าทูลละอองธุลีพระบาทถ้วนหน้า บรรดามาพร้อมกันในสถานท่ีน้ี ขอถวายอัญชลีบังคม
นอบน้อมศิโรตมางค์ แด่พระบาทสุบาทางค์บงกชมาศ แห่งสมเด็จบรมนารถบรมพิตร พระจุฬจอมเกล้า
เจ้าอยู่หัว อันได้เสด็จเถลิงถวัลย์ราชสมบัติบรมราชาภิเษก เป็นพระองค์เอกอัคมหาราชาธิราช ทรงพระบรม
ยศวโรภาส สถิตในภายใต้พระมหาเศวตฉัตร เหนือพระบรมรัตนราชบัลลังก์ มีพระปรมาภิไธยต้ังประดิษฐาน
ในแผ่นพระสุพรรณบัตร โดยอักษรลักษณ์แสดงอรรถว่า พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาจุฬาลงกรณ์
บดินทรเทพยมหามงกุฎ บุรุศยรัตนราชรวิวงษ วรุตมพงศบริพัตร วรขัติยราชนิกโรดม จาตุรันตบรมมหา
จักรพรรดิราชสังกาศ อุภโตสุชาติสังสุทธิเคราหณี จักรกรีบรมนารถมหามกุฎราชรามวรังกูร สุจริตมูลสุสาธิต
อรรคอุกฤษฐไพบูลย์ บุรพาดุลยกฤษดาภินิหาร สุภาธิการรังสฤษดิ ธัญญลักษณวิจิตรโสภาคยสรรพางค์
มหาชโนตมางคประณตบาทบงกชยคุ ล ประสทิ ธสิ รรพศภุ ผลอดุ มบรมศขุ มุ าลย์ ทพิ ยเทพาวตาลไพศาลเกยี รตคิ ณุ
อดุลยพิเสศสรรพเทเวศรานุรักษ์ วิสิฐศักดิสมญาพินิตประชานารถเปรมกระมลขัติยราชประยูร มูลมุขมาตยา
ภริ มย์ บรมกฤดาภนิ หิ ารบรบิ รู ณคณุ สารสยามาทนิ ครวรตุ เมกราชดลิ กมหาปรวิ ารนายกอนนั ตมหนั ตวรฤทธเิ ดช
สรรพวิเสศศิรินทร มหาชนนิกรสโมสรสมมต ประสิทธิวรยศมโหดมบรมราชสมบัติ นพปดลเสวตรฉัตราดิฉัตร
ศริ ริ ตั โนปลกั ษณมหาบรมราชาภเิ ศกาภศิ ติ สรรพทศทศิ วชิ ติ ไชย สกลมไหยศวรยิ มหาสวามนิ ทร์ มเหศวรมหนิ ทร
มหาราชาธิราชวโรดม บรมนารถชาติอาชาวไศรย พุทธาทิไตรยรัตนสรณารักษ อุกฤษฐศักดิอรรคนเรศราธิบดี
เมตตากรณุ าสตี ลหฤทยั อโนปไมยบญุ การ สกลไพศาลมหารษั ฎาธบิ ดนิ ทร ปรมนิ ทรธรรมกิ มหาราชาธริ าชบพติ ร
พระจุฬจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เสด็จถวัลยราชพระบรมมหาราชวัง กรุงเทพมหานครอมรรัตนโกสินทรมหินทรา
ยุทธยา มหาดิลกภพนพรัตนราชธานีบุรีรมย์อุดมราชนิเวศน์มหาสถานอันตั้งอยู่ในสยามราษฎาณาจักร
แลเป็นบรมราชาธิราชในมลาวประเทศแลมลายูประเทศ ทฤฆายุสิริสวัสดิ์ ฯ

๏ แลบัดนี้ ข้าพระพุทธเจ้า เจ้าพระยาภูธราภัย ท่ีสมุหนายก เจ้าพระยาสุรวงษไวยวัฒนท่ีสมุห
พระกระลาโหม เจ้าพระยาภาณุวงษมหาโกษาธิบดี เจ้าพนักงานกรมดิฐการ แล ๑๒ พระคลัง เจ้าพระยา
ยมราช เจ้าพนักงานกรมพระนครบาล เจ้าพระยาธรรมาธิกรณาธิบดี เจ้าพนักงานกรมวัง พระยาประชาชีพ
เจ้าพนักงานกรมนา ขอรับพระราชทานพระบรมราชวโรกาสบรมราชานุญาต แด่พระบาทสมเด็จบรมนารถ
บรมบพิตร พระจุฬจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เพ่ือจะได้กราบทูลพระกรุณามอบถวายสรรพส่ิงต่าง ๆ ซ่ึงเป็นเครื่อง
ประดับพระบรมราชอิสริยยศแลราชสมบัติทั้งปวง ซึ่งเน่ืองอยู่เฉพาะเจ้าพนักงานต่าง ๆ ตามธรรมเนียม
แต่ก่อนมา แด่พระบาทสมเด็จบรมนารถบรมบพิตร พระจุฬจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ควรมิควรสุดแล้วแต่จะทรง
พระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อม ขอเดชะ ฯ

๏ เมื่อน้ัน พระบาทสมเด็จพระจุฬจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว มีพระบรมราชโองการพระราชทานพระบรม
ราชานุญาต ดังน้ี ฯ

วา่ บรรดาเสนาบดมี ขุ มนตรหี มอู่ �ำมาตย์ ซง่ึ มีบรรดาศกั ด์ิ จกั ได้เข้ามาฝ้าทูลละอองธลุ ีพระบาทในทีเ่ ฉพาะ
พระพักตร์ท้ังปวงตั้งแต่วันน้ีไป จงได้โอกาสเพื่อจะกราบทูลเหตุการณ์ใด ๆ สมควรอัธยาศัยในเวลาอันควร

160 ประมวลเอกสารพระราชพิธีบรมราชาภิเษก

อย่าให้ป่วยการเน่ินช้า ด้วยจะหาผู้กราบทูลแทนตัวเลย จงมีความสะดวกใจในที่จะกราบทูลพระกรุณา
ด้วยวาจาของตน ๆ เทอญ ฯ

๏ จึ่งพระยาศรีสุนโทรโวหาร เจ้ากรมพระอาลักษณ์ กราบทูลรับสั่งว่า ข้าพระพุทธเจ้าขอรับพระบรม
ราชโองการมารพระบัณฑูรสุรสิงหนาท ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อม ขอเดชะ ฯ

๏ จึงท่านเจ้าพระยาภูธราภัยที่สมุหนายก กราบทูลว่า ขอเดชะฝ่าละอองธุลีพระบาทปกเกล้า
ปกกระหม่อม ข้าพระพุทธเจ้าขอพระราชทานทูลถวายพระยาช้างพระที่น่ังต้น พระยาม้าพระท่ีน่ังต้น
กับเมือง ๑ (เอก) ๒ (โท) ๓ (ตรี) ๔ (จัตวา) ทั้งไพร่พลฝ่ายพลเรือน แลมลาวประเทศซ่ึงเป็นเมืองประเทศราช
ขึ้นกรุงเทพมหานคร แด่พระบาทสมเด็จบรมนาถบพิตร พระจุฬจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ขอเดชะ ฯ

๏ เจ้าพระยาสุรวงษไวยวัฒน์ กราบทูลว่า ขอเดชะฝ่าละอองธุลีพระบาทปกเกล้าปกกระหม่อม
ข้าพระพุทธเจ้าขอพระราชทานทูลถวายพระมหาพิไชยราชรถ เรือพระที่น่ังต้น เรือกระบวนใหญ่น้อย
แลเคร่ืองสรรพยุทธ์ท้ังปวง กับเมือง ๑ (เอก) ๒ (โท) ๓ (ตรี) ๔ (จัตวา) ปากใต้ฝ่ายตะวันตกกับไพร่พล
ฝ่ายทหารแลมลายูประเทศ ซ่ึงเป็นเมืองประเทศราช ขึ้นกรุงเทพมหานครแด่พระบาทสมเด็จบรมนารถ
บพิตร พระจุฬจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ขอเดชะ ฯ

๏ เจ้าพระยาธรรมาธิกรณ์ กราบบังคมทูลพระกรุณาว่า ขอเดชะฝ่าละอองธุลีพระบาทปกเกล้า
ปกกระหม่อม ข้าพระพุทธเจ้าขอพระราชทานทูลถวายพระที่น่ังมณเฑียรปราสาทราชนิเวศมหาสถาน
พระราเชนทรราชยาน ท้ังเครื่องสูงเฉลิมพระเกียรติยศ แด่พระบาทสมเด็จบรมนารถบพิตร พระจุฬจอมเกล้า
เจ้าอยู่หัว ขอเดชะ ฯ

๏ ท่านเจ้าพระยายมราช กราบทูลว่า ขอเดชะฝ่าละอองธุลีพระบาทปกเกล้าปกกระหม่อม
ข้าพระพุทธเจ้าขอพระราชทานทูลถวายกรุงเทพมหานครอมรรัตนโกสินทรมหินทรายุทธยาบรมราชธานี
แด่พระบาทสมเด็จบรมนารถบพิตร พระจุฬจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ขอเดชะ ฯ

๏ ท่านเจ้าพระยาภาณุวงษมหาโกษาธิบดี กราบทูลว่า ขอเดชะฝ่าละอองธุลีพระบาทปกเกล้า
ปกกระหม่อม ข้าพระพุทธเจ้าขอพระราชทานทูลถวายเคร่ืองพระพัทธยากรราชสมบัติท้ัง ๑๒ พระคลัง
แด่พระบาทสมเด็จบรมนารถบพิตร พระจุฬจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ขอเดชะ

๏ พระยาประชาชีพบริบาลกราบทูลว่า ขอเดชะฝ่าละอองธุลีพระบาทปกเกล้าปกกระหม่อม
ข้าพระพุทธเจ้าขอพระราชทานทูลถวายธัญญาหารแดนสถานลานนาทั่วพระราชอาณาเขตประเทศต�ำบล
ใหญ่น้อยทั้งปวง แด่พระบาทสมเด็จบรมนารถบพิตร พระจุฬจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ขอเดชะ ฯ

๏ แล้วจึงมีพระบรมราชโองการมารพระบัณฑูรสุรสิงหนาท ตรัสปฏิสันถารแก่เจ้าพระยา แลพระยา
ท้ังปวง ว่าท่านท้ังปวงบรรดา ซึ่งมีต�ำแหน่งราชการได้บังคับบัญชาหัวเมือง ๑ (เอก) ๒ (โท) ๓ (ตรี) ๔ (จัตวา)
ปากใต้ฝ่ายเหนือ แลได้รับราชกิจในต�ำแหน่งใหญ่น้อยทั้งปวง จงได้รับต�ำแหน่งราชการรักษาพนักงาน
ตามซง่ึ ไดร้ บั ราชการมาแตก่ อ่ นนนั้ ใหเ้ รยี บรอ้ ยปรกติ จะไดท้ �ำนบุ �ำรงุ พระบวรพทุ ธศาสนา แลท�ำนบุ �ำรงุ แผน่ ดนิ
ให้สมณพราหมณาจารย์ประชาราษฎรทั้งปวง อยู่เย็นเป็นสุขตลอดพระราชอาณาเขต ฯ

ประมวลเอกสารพระราชพิธีบรมราชาภิเษก 161

๏ จึงท่านเจ้าพระยาภูธราภัย ซ่ึงเป็นผู้ใหญ่รับพระบรมราชโองการว่า ข้าพระพุทธเจ้าท้ังปวงขอรับ
พระบรมราชโองการมารพระบัณฑูรสุรสิงหนาท ใส่เกล้าใส่กระหม่อม ขอเดชะ ฯ

๏ แล้วผู้แทนคอเวอนแมนต์เมืองต่างประเทศ ซึ่งมีทางพระราชไมตรีอันตั้งอยู่ในกรุงเทพ ฯ เข้ามาอ่าน
แอดเรศถวายพระพรว่าดังนี้ - - -* ฯ

๏ แล้วมีพระบรมราชโองการทรงพระราชปฏิสันถารตอบตามสมควรแล้ว เสด็จพระราชด�ำเนินลงจาก
พระบรมราชบัลลังก์ ซึ่งมีพระมหาเศวตฉัตร ประทับบนพระแท่นถม จึงมีพระราชโองการด�ำรัส ดังนี้

จึงหลวงสารประเสริฐอ่านค�ำประกาศพระบรมวงศานุวงศ์แลท่านเสนาบดีท้ังปวง ว่าดังนี้ - - -** ฯ
๏ คร้ันอ่านค�ำประกาศเสร็จแล้ว พระบาทสมเด็จพระจุฬจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว มีพระบรมราชโองการว่า
- - -***
๏ แล้วจึงพระราชทานเคร่ืองราชอิสริยยศ จุฬจอมเกล้าท่ี ๑ (แก่) ท่านเจ้าพระยาศรีสุริยวงษ
เป็นปฐม แล้วจึงได้พระราชทานต่อไปเป็นล�ำดับ ครั้นพระราชทานเสร็จแล้วจึงมีพระบรมราชโองการ
พระราชทานพรแด่ท่านผู้ที่ได้รับเคร่ืองราชอิสริยยศ ฯ
๏ แล้วเสด็จพระราชด�ำเนินประทับในพระฉาก ข้างเฉลียงพระที่นั่งอมรินทรวินิจฉัย คร้ันเวลาบ่าย
๒ โมง ๓๖ นาที พระบาทสมเด็จพระจุฬจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เสด็จข้ึนพระที่นั่งไพศาลทักษิณ แล้วมาประทับ
พระที่น่ังภัทธบิฐพร้อมด้วยพระบรมวงศานุวงศ์ แลข้าราชการฝ่ายในเฝ้าโดยล�ำดับ จึ่งท้าววรจันทร์กราบ
บังคมทูลว่าข้าพระพุทธเจ้าขอพระราชทานทูลถวายพระสนม ๑๒ พระก�ำนัลสรรพพนักงานฝ่ายใน
แดพ่ ระบาทสมเดจ็ พระจฬุ จอมเกลา้ เจา้ อยหู่ วั ดว้ ยเกลา้ ดว้ ยกระหมอ่ ม แลว้ ทรงโปรยดอกพกิ ลุ ทอง เงนิ เสดจ็ ขนึ้
พระมหามณเฑียร มีนางช�ำระพระบาท ๒ นางเชิญเคร่ืองราชบริโภคตามประเพณีแล้วมีนางเช้ือพระวงศ์ ๖
นางอุ้มวิลา ๑ นางเชิญศิลาบด ๑ นางเชิญโต๊ะเงินรองฟักเขียว ๑ นางเชิญพานทองข้าวเปลือก ๑ นางเชิญ
พานทองถ่ัว ๑ นางเชิญพานทองงา ๑ ครั้นเสด็จถึงในที่ จุดเทียนนมัสการเสด็จข้ึนบนแท่นท่ีพระบรรทม
พระบรมวงศ์ผู้ใหญ่ฝ่ายในถวายดอกหมากท�ำด้วยทองค�ำหนัก ๕ ต�ำลึง หางช้างเผือกผู้ ทรงรับแล้ววางไว้
ขา้ งท่ี ทา้ วทรงกนั ดานถวายกญุ แจทองค�ำแลว้ ทรงเอนพระองคล์ งเหนอื พระแทน่ ทโ่ี ดยทกั ษณิ ปรศั ว์ พระบรมวงศ์
ฝ่ายในผู้ทรงพระชนมายุถวายพระพรก่อนแล้ว พระวงศานุวงศ์ท้ังนั้นถวายพระพรต่อภายหลัง แล้วให้ประโคม
ดุริยางค์ดนตรี คร้ันสุดเสียงประโคมแล้ว เสด็จพระราชด�ำเนินโดยทางข้างใน ทรงโปรยเงินไปตามทางไปจนถึง

* ความตอนทว่ี ่าง ไมม่ สี ำ� เนาอยใู่ นจดหมายเหตฉุ บับนี้
** ความตอนทวี่ า่ ง ไม่มีสำ� เนาอย่ใู นจดหมายเหตฉุ บับนี้
*** ความตอนทว่ี ่าง ไม่มีส�ำเนาอยู่ในจดหมายเหตฉุ บบั นี้

162 ประมวลเอกสารพระราชพิธีบรมราชาภิเษก

พระทน่ี งั่ ดสุ ติ มหาปราสาท ทรงจดุ เครอื่ งนมสั การ ถวายบงั คมพระรปู พระเจา้ แผน่ ดนิ ทงั้ ๔ พระองค์ แลว้ 1 เสดจ็
เฝ้ากรมพระสุดารัตนราชประยูร ถวายดอกไม้ธูปเทียนเป็นเคารพ แล้วเสด็จพระราชด�ำเนินกลับขึ้นพระมหา
มณเฑียร คร้ันเพลาบ่าย ต้ังบายศรีแก้ว ๑ บายศรีทอง ๑ บายศรีเงิน ๑ บายศรีตอง ๒ ส�ำรับ พระบรมวงศานุวงศ์
แลข้าทูลละอองธุลีพระบาทผู้ใหญ่ ผู้น้อย ข้างหน้า ข้างใน ฝ่ายทหาร พลเรือนพร้อมกันรับแว่นเวียนเทียน
รอบพระมหามณเฑียรตามจารีตโบราณขัตติยราชประเพณี ๚

๏ คร้ันเวลาค่�ำ เสด็จพระราชด�ำเนินออกพระที่นั่งอนันตสมาคมพร้อมด้วยพระบรมวงศานุวงศ์ แล
ท่านเสนาบดีข้าราชการผู้ใหญ่ ผู้น้อยรับพระราชทานเล้ียงพร้อมกัน แล้วเสด็จพระราชด�ำเนินออกพลับพลา
หน้าพระที่นั่งสุทไธยสวริย ท่ีท้องสนามไชย พร้อมด้วยพระบรมวงศานุวงศ์แลท่านเสนาบดี ข้าราชการผู้ใหญ่
ผู้น้อย ทอดพระเนตรดอกไม้เพลิง แลการแต่งพระนครต่าง ๆ จนเวลา ๕ ทุ่มเศษ เสด็จข้ึน ฯ

ในวัน ๑๒ ค�่ำนี้ วังพระบรมวงศานุวงศ์ แลบ้านข้าราชการผู้ใหญ่ ผู้น้อยแลบ้านเรือนราษฎรทั่วท้ัง
พระนคร มีจุดไฟแลมีการเล่น เป็นที่ช่ืนชมยินดีท่ัวกัน ฯ

คร้ันเสร็จการพระราชพิธีบรมราชาภิเษกแล้ว มีการสมโภชพระรูปพระเจ้าแผ่นดิน แลสมโภชพระนคร
ต่อไปอีก ๓ เวลา ฯ
เสด็จอ๏อกคพรร้ันะรทุ่งี่นข่ังึ้นอมณรินวทันรว๒ิน๑ิฯจ๓ฉัย๑๒พรคะ่�ำบ2รเมววลงาศเชาน้าุว๓งศโ์ มแงลทพ่ารนะเบสานทาสบมดเีขด้็าจรพารชะกจาุฬรจผอู้ใหมญเก่ ลผ้าู้นเจ้อ้ายอถยวู่หายัว
ดอกไม้ธูปเทียน เฉลิมพระราชมณเฑียรตามประเพณี แลได้พระราชทานเหรียญเงินเป็นที่ระลึก ในการ
พระบรมราชาภิเษกแก่ข้าราชการผู้ซึ่งไม่ได้รับเครื่องราชอิสริยยศจุฬจอมเกล้า คร้ันเวลาบ่ายพระราชาคณะ
เปรยี ญ ถานานุกรมสวดพระพุทธมนต์สมโภชพระรูปในพระท่ีนั่งดุสิตมหาปราสาทเท่าพระชนม์ ฯ

๏ พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกย์ ๗๔ รูป
๏ พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาไลย ๕๘ รูป
๏ พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว ๖๕ รูป
๏ พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ๖๕ รูป
รวมพระสงฆ์ ๒๖๒ รูป ทรงถวายไตรผ้าเนื้อดี ผ้ากราบปัก เคร่ืองบริขาร ตามสมควร พระสงฆ์สวดตาม
รอบก�ำแพงพระราชวัง ทรงถวายผ้าสบงจีวร ผ้ากราบตีพิมพ์ บาตรฝาไม้ลายประดับมุก ฯ

1 ตน้ ฉบับหนงั สอื สมดุ ไทยมีรอยเขยี นข้อความเพิ่มเติมว่า “พระราชทานตราจุลจอมเกลา้ เสร็จ”
2 วันจนั ทร์ เดอื น ๑๒ แรม ๑๓ คำ่� ตรงกบั วนั ที่ ๑๗ พฤศจกิ ายน พ.ศ. ๒๔๑๖

ประมวลเอกสารพระราชพิธีบรมราชาภิเษก 163

๏ ครั้นรุ่งข้ึน ณ วขัน้าร๓าช๑ฯก๔า๑ร๒ฝ่าคย่�ำใ1นถพวราะยสธงูปฆเ์รทับียพนรณะราพชรทะาทน่ีนฉั่งันไทพ่ีพศราะลทที่นักั่งษดิณุสิตจปะรไาดส้พาทระเรสาดช็จททารนง
ปรนนิบัติพระสงฆ์แล้ว
กล่องเงินกาไหล่ทองถมยา แก่พระบรมวงศานุวงศ์แลข้าราชการฝ่ายในท้ังปวง คร้ันเวลาบ่ายสวดมนต์
พระท่ีน่ังดุสิตมหาปราสาท ฯ
พระสง๏ฆ์แคลร้วั้นขร้าุ่งรขาึ้นชวกันาร๔ใน๑ฯพ๕ร๑ะใ๒นกคร่�ำม2ราพชรวะังสบงวฆร์รถับวพายรดะอรากชไมท้ธาูปนเฉทันียทนี่พแรละจทะ่ีนไั่งดด้พุสริตะมราหชาทปารนาสเหารทียญครเงั้นินเเลป้ีย็นง
ที่ระลึก๏ในคกราั้นรพณรวะันบร๕ม๑ฯรา๑ชาคภ่�ำิเ3ษเกวลาเช้า เล้ียงพระสงฆ์ในพระท่ีน่ังดุสิตมหาปราสาทแลรอบก�ำแพงพระราชวัง
พร้อมกัน ฯ
๏ ในวนั ๑๓ -ณ๑ว๔นั -๖๑๒ฯ๕ คำ่� มโี ขน หนุ่ ละคร งวิ้ ไมล้ อยญวนหก การเลน่ สมโภชพระราชวงั ตา่ ง ๆ สามวนั ฯ
๏ ครน้ั รงุ่ ขน้ึ ๑ คำ่� 4 เวลาเชา้ ๔ โมง เสดจ็ ดว้ ยกระบวนพยหุ ยาตราทางสถลมารคเลยี บพระนคร
ออกประตูวิเสศไชยศรีประทับ ณ วัดพระเชตุพน ออกจากวัดพระเชตุพน ประทักษิณรอบพระราชวังเข้าประตู
วิเสศไช๏ยศครรีตั้นามณเดวิมันท๑หา๔ฯรป๑ืนใคห่�ำญ5่ยเิงวสลลาุตเช๒้า ๑๓ นัดเดินกระบวนประทักษิณรอบพระราชวัง ฯ
โมง ๕๔ นาที เสด็จพยุหยาตราทางชลมารค ทหารปืนใหญ่
ยงิ สลตุ ๒๑ นดั ประทกั ษณิ รอบพระนคร เขา้ คลองบางลำ� ภู ประทบั ณ วดั บวรนเิ วศน แลว้ ออกจากวดั บวรนเิ วศน
ไปตามคลองคูรอบพระนคร ประทับ ณ วัดอรุณราชวราราม ออกจากวัดอรุณราชวรารามมาประทับ
ท่าราชวรดิฐ ฯ
๏ เสร็จการพระบรมราชาภิเษก ๚ะ๛

1 วันอังคาร เดอื น ๑๒ แรม ๑๔ คำ�่ ตรงกบั วนั ที่ ๑๘ พฤศจกิ ายน พ.ศ. ๒๔๑๖
2 วนั พุธ เดือน ๑๒ แรม ๑๕ ค�่ำ ตรงกบั วนั ที่ ๑๙ พฤศจกิ ายน พ.ศ. ๒๔๑๖
3 วันพฤหสั บดี เดือน ๑ ขึ้น ๑ ค�่ำ ตรงกบั วันที่ ๒๐ พฤศจกิ ายน พ.ศ. ๒๔๑๖
4 วันศุกร์ เดอื น ๑ ข้ึน ๒ ค่�ำ ตรงกับวนั ที่ ๒๑ พฤศจกิ ายน พ.ศ. ๒๔๑๖ ต้นฉบบั หนงั สอื สมดุ ไทยด้านล่างมีขอ้ ความแกไ้ ขเป็น
๑ ๔ฯ ๑ ค�่ำ คือวันอาทิตย์ เดือน ๑ ขึ้น ๔ ค�่ำ ตรงกับวันท่ี ๒๓ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๔๑๖ ซ่ึงฉบับพิมพ์เผยแพร่ใช้วันด้านล่าง
ตามทีแ่ ก้ไข แตเ่ ม่อื อ่านจากความขา้ งต้นทรี่ ะบวุ า่ “ครัน้ รงุ่ ขึน้ ” ทถ่ี กู ต้องจงึ ควรจะเป็นวันศกุ ร์ ก่อนการแกไ้ ข
5 วนั อาทติ ย์ เดอื น ๑ ขน้ึ ๔ คำ่� ตรงกบั วนั ที่ ๒๓ พฤศจกิ ายน พ.ศ. ๒๔๑๖ ตน้ ฉบบั หนงั สอื สมดุ ไทยดา้ นลา่ งมขี อ้ ความแกไ้ ขเปน็
๕ ๘ฯ ๑ ค่�ำ คือวันพฤหัสบดี เดือน ๑ ข้ึน ๘ ค่�ำ ตรงกับวันท่ี ๒๗ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๔๑๖ ซ่ึงฉบับพิมพ์เผยแพร่ใช้วันด้านล่าง
ตามทีแ่ ก้ไข

164 ประมวลเอกสารพระราชพิธีบรมราชาภิเษก

ประกาศเทวดาบรมราชาภิเศก
รัชกาลที่ ๕

๏ สรัช์ชํ สเสนํ สพัน์ธํุ นริน์ทํ ปริต์ตานุภาโว สทา รัก์ขตูติ ผริต๎วาน เมต์ตํ สเมต์ตา ภทัน์ตา อวิก์ขิต์ต
จิต์ตา ปริต์ตํ ภณัน์ตุ ฯ

๏ ภทัน์ตา ข้าแต่พระผู้เปนเจ้าทั้งหลาย นิมนต์พระผู้เปนเจ้า จงส�ำรวมจิตรอย่าให้ฟุ้งซ่าน จงกอบด้วย
เมตตาจิตรแผ่เมตตาพรหมวิหารไปในราชสกูล แล้วจ่ึงส�ำแดงซ่ึงปริตด้วยอธิษฐานจิตรว่า ปริต์ตานุภาโว อันว่า
อานุภาพปริตนี้ จงคุ้มครองป้องกันรักษา สมเด็จบรมกระษัตริย์ กับท้ังไอสุริยราชสมบัติ แลพระบรมราชวงษา
นุวงษ์ เสนาพฤฒามาตย์ ให้ปราศจากสรรพภยันตรายเจริญศุขสิริสวัสด์ิ เปนนิพัทธกาลนิรันดรเทอญ ฯ

๏ สมัน์ตา จัก์กวาเฬสุ อัต๎ราคัจ์ฉัน์ตุ เทวตา
สัท์ธัม์มํ มุนิราชัส์ส สุณัน์ตุ สัค์คโมก์ขทํ ฯ

๏ สัค์เค กาเม จ รูเป คิริสิขรตเฏ จัน์ตลิก์เข วิมาเน
ทีเป รัฏ์เฐ จ คาเม ตรุวนคหเน เคหวัต์ถุม๎หิ เขต์เต
ภุม์มา จายัน์ตุ เทวา ชลถลวิสเม ยัก์ขคัน์ธัพ์พนาคา
ติฏ์ฐัน์ตา สัน์ติเก ยํ มุนิวรวจนํ สาธโว เม สุณัน์ตุ ฯ

ธัม์มสวนกาโล อยัม์ภทัน์ตา
ธัม์มสวนกาโล อยัม์ภทัน์ตา
ธัม์มสวนกาโล อยัม์ภทัน์ตา ฯ
๏ โภน์ โตเทวสังฆา ดูกรหมู่เทพยอมรนิกรแลยักขกุมภัณฑ์ คันธัพพทานพนาค มีอาทิคือท้าวธตรฐ
ราชแลท้าววิรุฬหก แลท้าววิรูปักษ์ แลท้าวกุเวรุราช กับท้ังสมเด็จท้าววัชรินทรเทพโกสีย์ ผู้มีมหิทธิอ�ำนาจ
อันมีทิพโสตทิพจักษุอันประเสริฐ ซึ่งบังเกิดประดิษฐานอยู่ในทิพยพิมานมาศ แลเทพยภูมพฤกษอากาศฉกา
มาวจรโสฬศพรหมพิภพ อิกองค์มหิศรวิษณุนพเคราะห์เทพยดาทวาทศราษีสถิตย์ กับท้ังเทพยสับดาพิศ
นักษัตรดารา แลเทพยท้าวอันอภิบาลบ�ำรุงรักษา พระมหานครบวรราชวัง พระที่น่ังเสวตรบวรฉัตรมณฑิร
รัตนปราสาท จงมาสโมสรสันนิบาต ในราชนิเวศน์มหาสถาน สมาทานปัญจางคิกศีลสดับรับรศพระสัทธรรม
พุทโธวาทสัมโมทนิยกถา แล้วจงปรีดารับราชพลีท้ังสองประการ คืออามิศพลีกับธรรมพลี ท่ีทรงตกแต่งเคร่ือง
มโหฬารสักการพิธี มีต้นว่าธูปเทียนสุคนธบุบผาอันทรงบูชาพระรัตนไตรย ในการพระบรมราชาภิเศก ทรงพระ
ราชูทิศแผ่ผลพระราชกุศลไปนั้น อิกอเนกสิ่งสรรพบูชาสักการอุฬาร อันมีในพระมหาวิหารนานาพุทธสังฆา
วาศ มีพระศรีรัตนสาศดารามเปนต้น กับทั้งพระราชอานิสงสผลที่ทรงถวายจตุปัจจัยมหาทาน บริขารวิธีมีไตร
จีวรเปนอาทิ แก่พระสงฆ์ แลทรงพระราชทานประณีตโภชนาหาร เล้ียงราชบรรพสัษย์ท้ังหลาย ในมหา
ราชาภิเศกสมาคมนี้ เทพยเจ้าท้ังปวงจงสโมสรเปรมปรีด์ิปราโมทย์รับอนุโมทนา ในทานมัยบุญกิริยากุศล

ประมวลเอกสารพระราชพิธีบรมราชาภิเษก 165

สุจริต แล้วจงมีกมลจิตรพิจารณาในพระอนิจจตาทิไตรลักษณญาณ ด้วยสมเด็จพระบรมนราธิบาลอันเปนปฐม
กระษัตริย์ทรงฐาปนากรุงเทพมหานคร อมรรัตนโกสินทร์มหินทรายุทธยานี้ ได้เสวยสวรรยาธิปัติถวัลยราช
สืบศรีสุริยสันตติวงษ์ ถึงส่ีพระองค์แล้วล่วงมา ก็มิได้พานต้องปัจจุบันพยาธิทุกขไภยพยาธ์ิ เปนต้นว่าปักขัณฑิก
โรคาพาธอันมีแก่หมู่มนุษย์ท้ังหลาย แลนานาอเนกพิบัติอุปัทวภยันตรายท้ังปวง ล่วงพระชนมชีพโดยอายุไขย
ทิวงคต ควรแก่ก�ำหนดโดยปรกติธรรมดา จะได้ถึงแก่อกาลมรณภาพ ด้วยเหตุอันใดอันหน่ึงน้ันหามิได้ ก็เหน
แท้ว่าด้วยอานุภาพแห่งเทพยไททั้งปวงช่วยอภิบาลบริรักษ์ ทั้งหมู่อริราชปรปักษ์ก็มิได้มาย�่ำยี กระทั่งถึงพระ
ราชธานีอันเปนอุดมสถาน กาลบัดน้ีสมณพรหมณาจารย์ แลพระราชวงษาคณาภิมุขมาตย์มนตรีมีสัมโมทนจิตร
มิได้คิดเภทนาการอันร้าวรานจากกัน กอบด้วยสโมสรสมานฉันท์ช่ืนชมประชุมเชิญเสด็จ สมเด็จพระเจ้าลูก
ยาเธอเจ้าฟ้าจุฬาลงกรณ์ กรมขุนพินิตประชานารถ เปนเอกอรรคอดุลยขัติยสุขุมาลบดินทร์ อสัมภินอุภโต
สุชาต ข้ึนเสวยมไหสุริยราชสมบัติ ด�ำรงเสวตรบรมราชาฉัตรผลัดแผ่นดินใหม่ จะได้ถวายพระนามกรประกาศ
พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาจุฬาลงกรณ์ บดินทรเทพยมหามงกุฏ บุรุษรัตนราชรวิวงษ์ วรุตมพงษบริพัตร
วรขัติยราชนิกโรดม จาตุรันตบรมมหาจักรพรรดิราชสังกาศ อุภโตสุชาตสังสุทธเคราะหณี จักรกรีบรมนารถ
มหามกุฏราชรามวรางกูร สุจิตรมูลสุสาธิตอุกฤษฐวิบูลย์ บุรพาดูลยกฤษฎาภินิหาร สุภาธิการรังสฤษดิ
ธัญลักษณวิจิตรโสภาคยสรรพางค์ มหาชโนตมางคประนต บาทบงกชยุคล ประสิทธิสรรพศุภผลอุดมบรม
สุขุมาลย์ ทิพยเทพาวตารไพศาลเกียรติคุณอดุลยพิเศษ สรรพเทเวศรานุรักษ์ วิสิฐศักดิสมญาพินิตประชานารถ
เปรมกมลขตั ยิ ราชประยรู มลู มขุ มาตยาภริ มย์ อดุ มกฤษฎาภนิ หิ าร บรบิ รุ ณค์ ณุ สารสยามาทนิ ครวรตุ เมกราชดลิ ก
มหาปริวารนายกอนันต์ มหันตวรฤทธิเดช สรรพวิเศษสิรินธร มหาชนนิกรสโมสรสมมต ประสิทธิวรยศ
มโหดมบรมราชสมบัติ นพปดลเสวตรฉัตราดิฉัตร สิริรัตโนปลักษณมหาบรมราชาภิเศกาภิสิต สรรพทศทิศวิชิต
ไชย สกลมไหสวริยมหาสวามินทร์ มเหศวรมหินทรมหารามาธิราช วโรดมบรมนารถชาติอาชาวไศรย พุทธาทิ
ไตรรัตนสรณารักษ์ อดุลยศักดิ์อรรคนเรศราธิบดี เมตตากรุณาสีตลหฤไทย อโนปไมยบุญการ สกลไพศาลมหา
รษั ฎาธบิ ดนิ ทร์ ปรมนิ ทรมหาราชาธริ าช บรมนารถบพติ ร พระจฬุ จอมเกลา้ เจา้ อยหู่ วั เสดจ็ ถวลั ยราชพระมหาราช
วัง กรุงเทพมหานคร อมรรัตนโกสินทร์ มหินทรายุทธยา มหาดิลกภพ นพรัตนราชธานีบุรีรมย์ อุดมราชนิเวศน์
มหาสถาน ฯ เทพยเจ้าท้ังหลายจงพร้อมกันบริบาลถวายพระพรอ�ำนวยไชย ให้เจริญพระราชสิริสวัสดิวัฒนา
จงไพบูลย์พระราชกฤษฎาดิเรกยศ ปรากฏแผ่ไพศาลไปในนานาประเทศ ทุกขอบเขตรขัณฑสิมารอาพระเดช
ปราศจากสรรพไภยเภทพยาธิทุกข์ จงเสวยไอสุริยศุขทีฆายุสมสมบูรณ์ภูลพิพัฒยืนโยค นฤโศกนิรันตราย
กับท้ังพระบรมราชวงษาเสนามาตย์ราชบรรพสัษย์ท้ังหลาย แลสมณพราหมณาประชากร ในกรุงเทพมหานคร
อมรรัตนโกสินทร์ มหินทรายุทธยา ฯ ท่ัวทุกคามนิคมชนบทสิมาประเทศราชธานี บุรีรอบขอบขันฑ์ปัจจันต
นครา บรรดาเปนเมืองขึ้นเมืองออกแก่พระนครนี้ ทั้งเมืองเอกโทตรีจัตวาปากใต้ฝ่ายเหนือท้ังปวง ท่ัวขอบเขตร
ประเทศรฐั สมิ า ขออานภุ าพเทพยมเหศรศกั ดท์ิ ง้ั หลาย แลเทพยอนั อภบิ าลรกั ษาพระมหานครราชธานนี ี้ มตี น้ วา่
พระกาลไชยศรี แลพระเส้ือเมืองทรงเมืองเทพยเทพารักษ์หลักพระนคร จงบันดาลให้บันดานรราชดัสกรท้ัง
หลาย ฝ่ายสัมมาทิฏฐิแลมิจฉาทิฏฐิ ในนานาประเทศที่มีเดชอ�ำนาจ เร่งคร่ันคร้ามขามขยาดย�ำเยงเกรงพระราช
กฤษฎาธิการ ให้สยดสยอนหย่อนก�ำลังหาญระทดท้อต่อบุญญานุภาพบารมี อย่าได้ก่อกิจอมิตรไพรีมารันท�ำ

166 ประมวลเอกสารพระราชพิธีบรมราชาภิเษก

ประทุษฐร้าย จงบันดาลให้พระบรมวงษาเสนามาตย์พิริยโยธาท้ังหลาย ท่ีมีจิตรย่อท้อต่อณรงค์ ให้มีมนัส
ทรนงองอาจสรุ ภาพเหย้ี มหาญในการยทุ ธสงคราม มไิ ดเ้ ขด็ ขามคดิ ยอ่ ทอ้ ตอ่ ปจั จามติ รไภย อาจสามารถจะปราบ
ปรปักษ์ประไลยลาญชีพิตรพินาศให้ปราไชยประลาศคืนนครตน ยังหมู่นิกรประชาชนให้พ้นปัจจนิกอ�ำนาจ
อิกอมนุษยภยันตราย จงบ�ำราศสรรพอุปัทวโรคาทุกขาดูร ให้ร�ำงับดับสูญเสื่อมสิ้นทุกประการ มีกมลเบิกบาน
ปรีด์ิเปรมเกษมศุข ท่ัวทุกอเนกมนุษย์นิกรประชา คณาสัตวจตุบททวิบาท จงสมบูรณภูลสวัสดิ์บ�ำราศพิบัติ
วัฒนา ท้ังวัสโสทกธาราให้ตกต้องตามฤดูกาล เปนอุปการะแก่สรรพธัญญาหารแลพืชผลพฤกษาลดาชาติ
ใหบ้ รบิ รู ณท์ ว่ั ประเทศราฐภาราคามนคิ มชนบท กำ� หนดในบรเิ วณจงั หวดั พระราชอาณาประวตั มิ ณฑล สกลเขตร
ขัณฑ์ปัจจันตพิไสยสิมา โดยไนยประกาศอันอาตมพรรณนามา ฉะน้ี ฯ

๏ ในรัชกาลที่ ๕ มีพระราชพิธีบรมราชาภิเศกสองหน คือเม่ือแรกเสด็จผ่านพิภพ ในปีมโรง พ.ศ. ๒๔๑๑
หนหนึ่ง เม่ือลาผนวชแล้ว ในปีรกา พ.ศ. ๒๔๑๖ อีกหนหน่ึง ประกาศท่ีได้ส�ำเนามาฉบับนี้ เห็นจะเปนคราว
แรกเพราะพระนามแห่งหน่ึงเปน อุดมกฤษฎาภินิหาร ซึ่งภายหลังแก้เปนอุดมเดชาธิการ แต่พระนามสุดท้าย
เปนพระจุฬจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวน้ัน เปนพระนามท่ีใช้เมื่อบรมราชาภิเศกตอนหลังเปนเดิมมา ตอนก่อนขึ้นไป
ใช้ว่าพระจุฬาลงกรณ์เกล้าเจ้าอยู่หัว เห็นจะคัดผิดเพราะเคยมี ส่วนประกาศในปีรกา พ.ศ. ๒๔๑๖ น่าจะมี
ใหม่อิกต่างหาก แต่ไม่พบฉบับสืบไม่ได้ความ หรือจะใช้อย่างเดียวกันก็ได้ เพราะถือว่าทรงผนวชเปนการท่ี
ทรงละราชสมบัติแล้วต้ังต้นใหม่ แต่การที่ว่านี้ไม่แน่ สงไสยว่าจะมีอิกฉบับหน่ึง แต่สูญเสียแล้ว ติดไปกับ
ท่านผู้ประกาศ ส่วนฉบับนี้เกิดติดตามกันข้ึนเม่ืองานรัชฎาภิเศก เพ่ือเปนส�ำเนาเทียบเคียงเรียงประกาศใหม่
จึงสืบได้มาจากที่แห่งเดียวกันกับประกาศรัชฎาภิเศก ฯ

พระราชพิธีบรมราชาภิเษก

พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว

พระบรมรูปทรงเคร่ืองเม่ืองารบรมราชาภิเษก

ประมวลเอกสารพระราชพิธีบรมราชาภิเษก 169

ค�ำอธิบาย

เอกสารช้ันต้นว่าด้วยพระราชพิธีบรมราชาภิเษกพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ประกอบด้วย
เอกสาร ๒ ส่วน คือ ส่วนที่ ๑ หนังสือเร่ือง “จดหมายเหตุพระราชพิธีบรมราชาภิเษกสมเด็จพระรามาธิบดี
ศรีสินทรมหาวชิราวุธ พระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว” และ ส่วนท่ี ๒ เอกสารเนื่องในการพระราชพิธีบรมราชาภิเษก
ซึ่งรวบรวมอยู่ในหนังสือ “ประกาศพระราชพิธี เล่ม ๒ ส�ำหรับพระราชพิธีการจร”

จดหมายเหตุพระราชพิธีบรมราชาภิเษกสมเด็จพระรามาธิบดี ศรีสินทรมหาวชิราวุธ พระมงกุฎเกล้า
เจ้าอยู่หัว

พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระนเรศวรฤทธ์ิทรงรวบรวมรายละเอียดเกี่ยวกับพระราชพิธีบรมราชาภิเษก
พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ทั้งพระราชพิธีบรมราชาภิเษกเฉลิมพระราชมณเฑียร จัดข้ึนระหว่าง
วันท่ี ๗ - ๑๔ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๔๕๓ และพระราชพิธีบรมราชาภิเษกสมโภช จัดข้ึนระหว่างวันที่ ๘
พฤศจิกายน ถึงวันที่ ๑๐ ธันวาคม พ.ศ. ๒๔๕๔ พร้อมอธิบายท่ีมาและขั้นตอนการพระราชพิธี ต่อมาได้จัดพิมพ์
เอกสารดังกล่าวโดยใช้ชื่อว่า “จดหมายเหตุพระราชพิธีบรมราชาภิเษกสมเด็จพระรามาธิบดี ศรีสินทรมหา
วชิราวุธ พระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว” เน่ืองในโอกาสต่าง ๆ เช่น

เม่ือ พ.ศ. ๒๔๖๖ พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ หอพระสมุด
ส�ำหรับพระนครรวมพิมพ์พระราชทานในงานเฉลิมพระชนมพรรษา พ.ศ. ๒๔๖๖

เมื่อ พ.ศ. ๒๕๑๘ กรมศิลปากรคัดลอกพิมพ์เป็นอนุสรณ์ในงานพระราชทานเพลิงศพพลตรี ดัด เดชะ
ชาติ วันที่ ๒๑ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๑๘

เมื่อ พ.ศ. ๒๕๕๓ มหาวิทยาลัยศิลปากรได้คัดลอกพิมพ์เนื่องในวาระเฉลิมพระเกียรติ ๑๐๐ ปี บรม
ราชาภิเษกพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ๑๑ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๕๓ โดยในการพิมพ์คร้ังน้ีได้
พิมพ์รวมกับจดหมายเหตุรายวัน พ.ศ. ๒๔๕๓ - ๒๔๕๔

เมื่อ พ.ศ. ๒๕๖๑ มูลนิธิบรมราชานุสรณ์พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ในพระบรมราชูปถัมภ์
และวชิราวุธวิทยาลัยได้จัดพิมพ์หนังสือ “พระบรมราชาภิเษก ฉัฐราชมหาจักรีวงศ์” ในวาระ ๙ รอบนักษัตร
พระราชพิธีบรมราชาภิเษกพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ๑๑ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๖๑ ประกอบ
ด้วยหนังสือ ๒ เล่ม คือ เล่มต้นเป็นการคัดลอกพิมพ์ “จดหมายเหตุพระราชพิธีบรมราชาภิเษก สมเด็จพระ
รามาธิบดี ศรีสินทรมหาวชิราวุธ พระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว” ตามต้นฉบับพิมพ์ พ.ศ. ๒๔๖๖ พร้อมจัดท�ำ
เชิงอรรถและดัชนี ส่วนเล่มปลายเป็นพระบรมฉายาลักษณ์พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว และ
ภาพพระราชพิธีบรมราชาภิเษกท้ังสองคราว พิมพ์รวมกับเอกสารต่างประเทศซึ่งมีเนื้อหาเกี่ยวเน่ืองกับ
พระราชพิธีบรมราชาภิเษกสมโภช

170 ประมวลเอกสารพระราชพิธีบรมราชาภิเษก

เอกสารเนื่องในการพระราชพิธีบรมราชาภิเษก
นอกจากหนังสือ “จดหมายเหตุพระราชพิธีบรมราชาภิเษก สมเด็จพระรามาธิบดี ศรีสินทรมหา
วชิราวุธ พระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว” อันเป็นเอกสารหลักว่าด้วยพระราชพิธีบรมราชาภิเษกพระบาทสมเด็จ
พระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวแล้ว “ค�ำประกาศเทวดา” นับเป็นสารัตถะหน่ึงที่ปรากฏอยู่ในข้ันตอนต่าง ๆ ของ
การพระราชพิธี ด้วยเหตุน้ีจึงได้คัดเอกสารดังกล่าวซ่ึงรวบรวมอยู่ในหนังสือ “ประกาศการพระราชพิธี เล่ม ๒
ส�ำหรับพระราชพิธีประจ�ำปี” เนื้อหาว่าด้วยการพระราชพิธีจรต่าง ๆ ซ่ึงพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระ
สมมตอมรพันธุ์ ทรงเรียบเรียงมารวมพิมพ์ไว้ด้วย ได้แก่ “ค�ำประกาศเทวดาในงารพระราชพิธีบรมราชาภิเษก
รชั กาลปตั ยบุ นั นฯี้ สมเดจพระเจา้ บรมวงศเ์ ธอ กรมพระยาวชริ ญาณวโรรสทรงพระนพิ นธ”์ “ประกาศเทวดาถวาย
ราชสักการในมหาเจดีย์สถานหกแห่ง หลวงธรรมาภิมณฑ์ ถึก แต่งทั้งหมด” ได้แก่ “ประกาศเทวดาพระปฐม
เจดีย์” “ประกาศเทวดาบูชาพระพุทธชินราชพิศณุโลก” “ประกาศเทวดาบูชาพระพุทธบาท” “ประกาศ
เทวดาพระธาตุนครศรีธรรมราช” “ประกาศเทวดาพระธาตุหริภุญไชย” “ประกาศเทวดาพระธาตุพนม”
“ประกาศเทวดาเร่ิมปริภาวนพิธี ท�ำน�้ำพระกระยาสนานสรงในงานพระราชพิธีบรมราชาภิเศกสมโภช สมเด็จ
กรมพระยาวชิรญาณวโรรสทรงแต่ง” “พิธีท�ำน้�ำพระกระยาสนานท่ีจะสรงในงานพระราชพิธีบรมราชาภิเศก”
และ “ค�ำประกาศเทวดาในงานพระราชพิธีบรมราชาภิเษกสมโภช สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยา
วชิรญาณวโรรสทรงนิพนธ์”
นอกจากนี้ ได้คัดเอกสารเร่ือง “พิธีท�ำน้�ำพระกระยาสนานที่จะสรงในงานพระราชพิธีบรมราชาภิเศก ใน
รัชชกาลปัจจุบันน้ี” มาพิมพ์ไว้ด้วย เนื่องด้วยเอกสารดังกล่าวแม้จะมีเน้ือหาคล้ายกับ “พิธีท�ำน้�ำมนต์อภิเษก”
ซ่ึงปรากฏรายละเอียดอยู่ในจดหมายเหตุพระราชพิธีฯ หากแต่มีสาระบางประการที่แตกต่างกัน
ในการน้ี คณะท�ำงานจัดท�ำหนังสือประมวลเอกสารพระราชพิธีบรมราชาภิเษก มอบหมายให้
นายภูวนารถ สังข์เงิน นักอักษรศาสตร์ปฏิบัติการ กลุ่มจารีตประเพณี ส�ำนักวรรณกรรมและประวัติศาสตร์
ด�ำเนินการตรวจสอบช�ำระเอกสารส่วนท่ี ๑ คือ “จดหมายเหตุพระราชพิธีบรมราชาภิเษก สมเด็จพระรามาธิบดี
ศรีสินทรมหาวชิราวุธ พระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว” โดยใช้ฉบับพิมพ์ พ.ศ. ๒๔๖๖ เป็นหลักสอบทานกับ
ฉบับพิมพ์ครั้งต่าง ๆ
อนึ่ง ในการจัดพิมพ์ครั้งน้ีได้คงการสะกดตามอักขรวิธีฉบับพิมพ์ พ.ศ. ๒๔๖๖ โดยปรับเฉพาะหมายเลข
หน้า “สารบารพ์เร่ือง” และ “สารบารพ์รูป” ให้สอดคล้องกับการล�ำดับหน้าในการพิมพ์คร้ังนี้เท่านั้น ส่วน
ภาพประกอบท่ีปรากฏในฉบับพิมพ์ครั้งแรกจ�ำนวน ๒๗ ภาพ ได้น�ำมาพิมพ์เผยแพร่ประกอบเนื้อหาไว้ด้วย
โดยจัดวางต�ำแหน่งของภาพให้สอดคล้องกับเนื้อหาแต่ละส่วนและปรับการวางภาพให้อยู่ในแนวตั้งทุกภาพ
เพื่อประโยชน์ในการศึกษาค้นคว้าและสร้างความเข้าใจเก่ียวกับการพระราชพิธีบรมราชาภิเษก

ประมวลเอกสารพระราชพิธีบรมราชาภิเษก 171

จดหมายเหตุพระราชพิธีบรมราชาภิเษก
สมเด็จพระรามาธิบดี ศรีสินทรมหาวชิราวุธ

พระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว
ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ
ให้หอพระสมุดส�ำหรับพระนครรวบรวมพิมพ์
พระราชทานในงารเฉลิมพระชนม์พรรษา

ปีกุญ พ.ศ. ๒๔๖๖

พิมพ์ท่ีโรงพิมพ์โสภณพิพรรฒธนากร.

ฉบับตรวจสอบช�ำระและเพ่ิมเติมเชิงอรรถ พุทธศักราช ๒๕๖๑

172 ประมวลเอกสารพระราชพิธีบรมราชาภิเษก หน้า 175
” 175
สารบารพ์เร่ือง ” 177
” 177
จดหมายเหตุเรื่องพระราชพิธีบรมราชาภิเษกในรัชกาลที่ ๖ ” 179
อธิบายลักษณพระราชพิธีบรมราชาภิเษก ” 183
พระราชพิธีบรมราชาภิเษก เฉลิมพระราชมณเฑียร ” 184
จารึกพระสุพรรณบัฏ ” 188
จัดท่ีท�ำพระราชพิธี ” 193
เริ่มงารพระราชพิธี ” 197
งารพระราชพิธี ” 197
บรมราชาภิเษก ” 198
ขบวรน�ำเสด็จแลขบวรตามเสด็จเดิรเปน ๒ สาย ๔ สาย ” 199
แต่งที่เสด็จออก ” 200
เสด็จออกท้องพระโรง ” 200
ค�ำถวายไชยมงคลฝ่ายหน้า ” 202
พระราชด�ำรัสตอบฝ่ายหน้า ” 202
ค�ำถวายไชยมงคลฝ่ายใน ” 203
พระราชด�ำรัสตอบฝ่ายใน ” 206
เฉลิมพระราชมณเฑียร ” 215
ทรงบูชา ” 215
งารเน่ืองต่อบรมราชาภิเษก ” 215
ทศพิธราชธรรมจรรยาทิกถา สมเด็จฯ กรมพระยาวชิรญาณวโรรส ” 218
ถวายในการพระราชพิธีบรมราชาภิเษก ” 222
งารพระราชพิธีบรมราชาภิเษกสมโภช ” 235
อธิบายลักษณงาร ” 235
พิธีท�ำน้�ำมนต์อภิเษก ” 238
การแต่งตั้งเตรียมพระราชพิธีในกรุงเทพฯ ” 241
การรับแขกเมืองต่างประเทศ ” 244
เร่ิมพิธีพราหมณ์ ” 244
พระราชทานเลี้ยงแขกเมือง
เร่ิมพิธีสงฆ์
พระราชพิธีบรมราชาภิเษก
ขบวรน�ำเสด็จพระราชด�ำเนิร
ขบวรตามเสด็จ

ประมวลเอกสารพระราชพิธีบรมราชาภิเษก 173

ขบวรน�ำเสด็จแลขบวรตามเสด็จเดิรเปน ๒ สาย ๔ สาย ” 249
เสด็จเลียบพระนครทางสถลมารค ” 261
ค�ำถวายไชยมงคลของพวกไพร่ฟ้าประชาราษฎร ” 265
พระราชด�ำรัสตอบประชาราษฎร ” 267
ค�ำถวายไชยมงคลชาวยุโรปประเทศ ” 269
ค�ำแปลค�ำถวายไชยมงคลของชาวยุโรปประเทศ ” 269
พระราชด�ำรัสตอบชาวยุโรป ” 270
เสด็จเลียบพระนครทางชลมารค ” 271
พระราชทานเลี้ยงลูกขุน ” 275
พิธีทรงตรึงธงไชยเฉลิมพล ” 275
นักเรียนเฝ้าฯ ” 277
ค�ำพระยาวิสุทธสุริยศักดิ์กราบบังคมทูลเบิกนักเรียนเฝ้าฯ ” 278
พระราชด�ำรัสตอบนักเรียน ” 278
งารมหรศพโขนหลวง ” 283
พิธีพระราชทานธงไชยเฉลิมพล ” 283
พระราชทานเลี้ยงนายทหาร ” 285
งารกระทรวงนครบาล ” 287
เสด็จออกตรวจพลสวนสนาม ” 287
งารสโมสรกระทรวงกลาโหม ” 291
พ่อค้าจีนแลแขกถวายไชยมงคล ” 292
ค�ำถวายไชยมงคลของพวกพ่อค้าจีน ” 292
พระราชด�ำรัสตอบพ่อค้าจีน ” 295
ค�ำถวายไชยมงคลของพ่อค้าแขก ” 295
พระราชด�ำรัสตอบพ่อค้าแขก ” 296
การเล้ียงที่กระทรวงการต่างประเทศ ” 297
การราตรีสโมสรท่ีกระทรวงทหารเรือ ” 297
ค�ำถวายไชยมงคลทหารเรือ ” 299
เสด็จออกตรวจพลสวนสนามเสือป่า ” 301
เลี้ยงถวายเฉลิมพระเกียรติยศนายกเสือป่า ” 302

174 ประมวลเอกสารพระราชพิธีบรมราชาภิเษก หน้า 168
” 186
สารบารพ์รูป ” 201
” 223
๑ พระบรมรูปทรงเครื่องเมื่องารบรมราชาภิเษก ” 224
๒ รูปกระบวรแห่เสด็จไปยังที่ท�ำการพระราชพิธี ” 227
๓ พระบรมรูปเสด็จโดยกระบวรแห่ไปวัดพระศรีรัตนศาสดาราม ” 230
๔ รูปรับเจ้าต่างประเทศท่ีท่าราชวรดิษฐ ” 232
๕ รูปเจ้าเดนมารค ” 234
๖ รูปเจ้าย่ีปุ่น ” 237
๗ รูปเจ้าอังกฤษ ” 242
๘ รูปอรรคราชทูตพิเศษเอาสเตรีย ” 247
๙ รูปเจ้ารุสเซีย ” 251
๑๐ รูปอรรคราชทูตพิเศษอะเมริกัน ” 256
๑๑ รูปเอกอรรคราชทูตพิเศษฝร่ังเศส ” 258
๑๒ พระบรมรูปเสด็จประทับพระแท่นอัฐทิศ ” 262
๑๓ พระบรมรูปเสด็จประทับพระแท่นมนังคศิลา ” 264
๑๔ พระบรมรูปเสด็จออกข้าราชการท่ีมุขเด็จพระมหาปราสาท ” 273
๑๕ กระบวรแห่เสด็จไปวัดพระศรีรัตนศาสดารามเม่ือราชาภิเษกแล้ว ” 276
๑๖ รูปเอกอรรคราชทูตพิเศษกรุงอิตาลี ” 279
๑๗ รูปเสด็จออกรับพรของประชาชน ท่ีพลับพลาท้องสนามหลวง ” 282
๑๘ รูปแห่เสด็จเลียบพระนครทางชลมารค ” 286
๑๙ รูปอรรคราชทูตพิเศษนอรเวย์ ” 288
๒๐ รูปอรรคราชทูตพิเศษสเปญ ” 290
๒๑ รูปเจ้าสวีเดน ” 293
๒๒ รูปอรรคราชทูตพิเศษเยอรมัน ” 298
๒๓ พระบรมรูปเสด็จทรงม้าออกตรวจพลสวนสนาม ” 303
๒๔ พระบรมรูปตรวจพลสวนสนาม
๒๕ รูปอรรคราชทูตพิเศษฮอลันดา
๒๖ พระรูปหมู่เจ้านายต่างประเทศที่มาช่วยงาร
๒๗ รูปเสด็จออกสวนสนามเสือป่าท่ีสวนดุสิต

ประมวลเอกสารพระราชพิธีบรมราชาภิเษก 175

จดหมายเหตุ
เร่ืองพระราชพิธีบรมราชาภิเษก

ในรัชกาลที่ ๖

อธิบายลักษณพระราชพิธีบรมราชาภิเษก

พระราชพธิ บี รมราชาภเิ ษกพระบาทสมเดจ็ พระรามาธบิ ดี ศรสี นิ ทรมหาวชริ าวธุ พระมงกฎุ เกลา้ เจา้ อยหู่ วั
ในรัชกาลปัจจุบันน้ี ท�ำเปน ๒ งาร คืองารพระราชพิธีบรมราชาภิเษกเฉลิมพระราชมณเฑียร ท�ำเมื่อวันที่ ๑๑
พฤศจิกายน ปีจอ พ.ศ. ๒๔๕๓ งาร ๑ งารพระราชพิธีบรมราชาภิเษกสมโภช ท�ำเม่ือวันที่ ๒๘ พฤศจิกายน
ปีกุญ พ.ศ. ๒๔๕๔ งาร ๑

เหตุที่ท�ำพระราชพิธีบรมราชาภิเษกเปน ๒ งารนั้น เพราะตามราชประเพณีในสยามประเทศนี้ ถือเปน
ต�ำรามาแต่โบราณว่า พระมหากระษัตริย์ซ่ึงเสด็จผ่านพิภพ ต้องท�ำพระราชพิธีบรมราชาภิเษกก่อน จึงจะเปน
พระราชาธิบดีโดยสมบูรณ์ ถ้ายังมิได้ท�ำพระราชพิธีบรมราชาภิเษกอยู่ตราบใด ถึงจะได้ทรงรับรัชทายาท
เม่ือเสด็จเข้าไปประทับอยู่ในพระราชวังหลวง ก็เสด็จอยู่เพียง ณ ท่ีพักแห่งหน่ึง พระนามที่ขานก็คงใช้พระนาม
เดิม เปนแต่เพิ่มค�ำว่า “ซึ่งทรงส�ำเร็จราชการแผ่นดิน” เข้าข้างท้ายพระนาม แลค�ำรับส่ังก็ยังไม่ใช้
พระราชโองการ จนกว่าจะได้สรงมุรธาภิเษก1 ทรงรับพระสุพรรณบัฏ2 จารึกพระบรมราชนามาภิธัยกับท้ัง
เคร่ืองราชกกุธภัณฑ์3 จากพระมหาราชครูพราหมณ์ผู้ท�ำพิธีราชาภิเษกแล้ว จึงเสด็จข้ึนเฉลิมพระราชมณเฑียร4
ครอบครองสิริราชสมบัติสมบูรณ์ด้วยพระเกียรติยศแห่งพระราชามหากระษัตริย์แต่นั้นไปเพราะถือเปนนิติ

1 พระมหากษตั รยิ ท์ รงพระภษู าเศวตพสั ตร์ ทรงสะพกั ขาวขลบิ ทองคำ� ประทบั บนตง่ั ไมอ้ ทุ มุ พรหมุ้ ผา้ ขาวเพอ่ื สรงมรุ ธาภเิ ษก
ถอื เปน็ ขนั้ ตอนสำ� คญั ทส่ี ดุ ในงานพระราชพธิ บี รมราชาภเิ ษก ภายหลงั นบั จากพระราชพธิ บี รมราชาภเิ ษกพระบาทสมเดจ็ พระจอมเกลา้
เจ้าอยู่หัว พ.ศ. ๒๓๙๔ เป็นต้นมาจะยึดถือเอาการทรงพระมหาพิชัยมงกุฎเป็นขั้นตอนส�ำคัญที่สุด นัยว่าถือเอาธรรมเนียมดังกล่าว
มาจากประเทศตะวันตก นอกจากน้ี การสรงมุรธาภิเษกยังปรากฏในเหตกุ ารณส์ ำ� คัญอ่นื ๆ อกี ดว้ ย เช่น เมอ่ื มีเหตกุ ารณ์จนั ทรปุ ราคา
หรือสุริยปุ ราคาเกิดขน้ึ ในพระนคร เป็นตน้

2 คอื แผน่ ทองคำ� รปู สเี่ หลยี่ มผนื ผา้ ทจี่ ารกึ พระนามพระมหากษตั รยิ ์ หากในกรณอี น่ื ๆ เรยี กวา่ สพุ รรณบฏั เชน่ จารกึ พระนาม
สมเด็จพระสังฆราชและนามสมเด็จพระราชาคณะเมื่อได้รับพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ สถาปนา จารึกพระนามพระบรมวงศ์
เมื่อได้รับพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ เฉลิมพระยศ และจารึกนามขุนนางช้ันผู้ใหญ่เมื่อได้รับพระราชทานบรรดาศักดิ์สูงขึ้น
ขนาดความกว้างยาวของพระสุพรรณบัฏข้ึนอยู่กับอักษรหรือข้อความที่จะจารึก นอกจากนี้ยังหมายรวมถึงแผ่นทองค�ำที่จารึก
พระราชสาสน์ ที่ทรงส่งไปยังมิตรประเทศ

3 สญั ลกั ษณส์ ำ� คญั แหง่ ความเปน็ พระมหากษตั รยิ ์ ๕ อยา่ ง ประกอบดว้ ย พระมหาพชิ ยั มงกฎุ พระแสงขรรคช์ ยั ศรี ธารพระกร
ชยั พฤกษ์ วาลวิชนี และฉลองพระบาท รวมเรียกว่าเบญจราชกกุธภัณฑ์

4 พระราชพิธีที่มักกระท�ำต่อเน่ืองจากพระราชพิธีบรมราชาภิเษก ในสมัยรัตนโกสินทร์ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
พระองคใ์ หม่เสด็จขึน้ ประทับ ณ พระท่ีนง่ั จกั รพรรดิพมิ าน หมพู่ ระมหามณเฑยี รในพระบรมมหาราชวงั

176 ประมวลเอกสารพระราชพิธีบรมราชาภิเษก

ดังกล่าวมาน้ี เม่ือสมเด็จพระเจ้าแผ่นดินพระองค์ใดเสด็จผ่านพิภพ จึงรีบท�ำการพระราชพิธีบรมราชาภิเษก
ภายใน ๗ วันบ้าง กว่านั้นบ้าง อย่างช้าเพียงภายในเดือนเศษ เปนประเพณีสืบมา คร้ันถึงรัชกาลปัจจุบันน้ี
เมือ่ พระบาทสมเด็จพระเจา้ อยูห่ ัวเสด็จผ่านพิภพทรงพระราชด�ำริหว์ า่ ตั้งแต่ในรชั กาลท่ี ๕ มา ทางพระราชไมตรี
ที่มีกับนานาประเทศนับถือกันสนิทสนมย่ิงข้ึนกว่าแต่ก่อนเปนอันมาก สมเด็จพระพุทธเจ้าหลวงกับ
ท้ังพระองค์เองก็ได้ทรงคุ้นเคยกับพระเจ้าแผ่นดินแลเจ้านายต่างประเทศที่มีทางพระราชไมตรีโดยมาก
การบรมราชาภิเษกน้ัน ประเพณีในนานาประเทศทางยุโรปย่อมถือกันว่าเปนการมงคลอันส�ำคัญ โดยปรกติ
มักรอไว้ท�ำต่อเม่ือเสร็จงารพระบรมศพพระเจ้าแผ่นดินพระองค์ก่อน ออกจากไว้ทุกข์แล้วจึงท�ำการพิธี
บรมราชาภิเษก เปนการรื่นเริงอิกส่วนหน่ึง ซึ่งพระเจ้าแผ่นดินแลประธานาธิบดีของประเทศที่เปนมิตรไมตรี
มักแต่งเจ้านายหรือขุนนางผู้ใหญ่เปนผู้แทนไปช่วยให้เปนเกียรติยศ เจ้านายในประเทศน้ีก็ได้เคยไปช่วยงาร
บรมราชาภิเษกประเทศอื่นมาหลายคราว ลักษณการพระราชพิธีราชาภิเษกตามแบบโบราณเช่นเคยท�ำมา
ในประเทศนี้ เมื่อคิดเทียบกับความนิยมของประเทศท้ังปวงในสมัยนี้ มีข้อขัดข้องอยู่ ๒ อย่าง คือเหมือนหน่ึงท�ำ
การร่ืนเริงในเวลาก�ำลังไว้ทุกข์อย่างหนึ่ง รีบท�ำไม่ให้เวลาแก่ราชตระกูลหรือประเทศท่ีเปนสัมพันธมิตรมีโอกาศ
ได้มาช่วยงารตามอัธยาศรัยแลประเพณีท่ีนิยมกันในประเทศน้ัน ๆ อย่างหน่ึง เพราะฉนั้นควรจะแก้ไขระเบียบ
งารพระราชพธิ บี รมราชาภเิ ษกอยา่ ใหข้ ดั ขวางกบั ความนยิ มในประเทศทง้ั ปวง ทรงปฤกษากระแสพระราชดำ� รหิ ์
แก่พระบรมวงศานุวงศแลเสนาบดีผู้ใหญ่ ก็เห็นชอบพร้อมกันตามพระราชบริหาร เห็นว่าควรจะจัดระเบียบ
การพระราชพิธีบรมราชาภิเษกท�ำเปน ๒ ครั้ง ครั้งแรกให้เปนการพระราชพิธีบรมราชาภิเษกเฉลิมพระราช
มณเฑียร ตามโบราณราชประเพณี แต่งดการแห่เสด็จเลียบพระนคร1 แลการรื่นเริงอย่างอ่ืน ๆ ไว้ เม่ือถวาย
พระเพลิงพระบรมศพสมเด็จพระพุทธเจ้าหลวงแล้ว จึงท�ำพระราชพิธีบรมราชาภิเษกสมโภชอิกคร้ังหน่ึง
ให้เปนส่วนการรื่นเริงส�ำหรับประเทศ แลให้นานาประเทศที่เปนสัมพันธมิตรไมตรีมีโอกาศที่จะมาช่วยงาร
แลการท่ีท�ำพระราชพิธีบรมราชาภิเษกเปน ๒ คร้ังเช่นนี้ก็ไม่ผิดโบราณราชประเพณี ด้วยเย่ียงอย่างเคยมีมา
ในรัชกาลท่ี ๑ พระบาทสมเด็จฯ พระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกเมื่อแรกเสด็จปราบดาภิเษกในปีขาล พ.ศ. ๒๓๒๕
ทรงทำ� พระราชพธิ รี าชาภเิ ษกแตพ่ อเปนสงั เขปครง้ั หนง่ึ ตอ่ มาเมอื่ ทรงสรา้ งพระนครกบั ทง้ั ปราสาทราชมณเฑยี ร
เสร็จแล้ว ก็ทรงท�ำพระราชพิธีบรมราชาภิเษกเต็มตามต�ำรา เม่ือปีมะเสง พ.ศ. ๒๓๒๘ อีกครั้งหน่ึง ต่อมา
ถงึ รชั กาลท่ี ๕ เมอ่ื แรกพระบาทสมเดจ็ ฯ พระจลุ จอมเกลา้ เจา้ อยหู่ วั เสดจ็ เถลงิ ถวลั ยราชสมบตั ิ ทรงทำ� พระราชพธิ ี
บรมราชาภิเษกเมื่อปีมะโรง พ.ศ. ๒๔๑๑ คร้ังหน่ึง ครั้นเม่ือเสด็จออกทรงผนวช ลาผนวชแล้วก็ท�ำการ
พระราชพิธีบรมราชาภิเษก เม่ือปีระกา พ.ศ. ๒๔๑๖ อิกคร้ังหน่ึง อาศรัยเหตุซ่ึงทรงพระราชด�ำริห์ดังกล่าวมา
จึงด�ำรัสสั่งให้ท�ำการพระราชพิธีบรมราชาภิเษกเฉลิมพระราชมณเฑียรเมื่อปีจอ พ.ศ. ๒๔๕๓ แลท�ำพระราชพิธี
บรมราชาภิเษกสมโภชเมื่อปีกุญ พ.ศ. ๒๔๕๔ มีรายการดังจะปรากฎต่อไปในหนังสือน้ี

1 การเสดจ็ พระราชดำ� เนนิ รอบพระนครของพระมหากษตั รยิ ภ์ ายหลงั พระราชพธิ บี รมราชาภเิ ษกแลว้ หากเสดจ็ พระราชดำ� เนนิ
ทางบก เรียกว่า เสด็จพระราชดำ� เนนิ เลยี บพระนครทางสถลมารค หากเสด็จพระราชดำ� เนินทางนำ้� เรียกวา่ เสด็จพระราชดำ� เนินเลียบ
พระนครทางชลมารค ธรรมเนยี มการเสดจ็ เลยี บพระนครน้มี ักเปน็ เส้นทางจากพระบรมมหาราชวังไปยังพระอารามสำ� คญั ในพระนคร
เช่น วดั บวรนเิ วศวหิ าร วดั พระเชตพุ นวมิ ลมังคลาราม และวัดอรุณราชวราราม เป็นต้น

ประมวลเอกสารพระราชพิธีบรมราชาภิเษก 177

พระราชพิธีบรมราชาภิเษก เฉลิมพระราชมณเฑียร
ปีจอ พระพุทธศาสนกาล ๒๔๕๓
จารึกพระสุพรรณบัฏ

๑ วันท่ี ๓ พฤศจิกายน รัตนโกสินทรศก ๑๒๙ (วัน ๕ ๒ฯ ๑๒ ค�่ำ)1 เจ้าพนักงารได้จัดการท่ีพระอุโบสถ
วัดพระศรีรัตนศาสดาราม ตั้งโต๊ะจ�ำหลักปิดทอง บนธรรมาสน์ศิลา2 หน้าบุษบกพระมหามณีรัตนปฏิมากร
ต้ังพานทองสองช้ันส�ำรับใหญ่รองแผ่นพระสุพรรณบัฏ แลแผ่นทองค�ำดวงพระชนมพรรษาท่ีจะได้จาฤกในวัน
รุ่งขึ้น เหนือโต๊ะจ�ำหลักปิดทองน้ัน แลต้ังเคร่ืองนมัสการทองใหญ่3 กับพระแท่นทรงกราบต่อหน้าธรรมาสน์ศิลา
ออกมา แลต้ังอาสนสงฆ์ข้างผนังด้านเหนือในพระอุโบสถ ที่ชาลาหน้าพระอุโบสถตั้งศาลบูชาเทวดาคู่หนึ่ง4

เวลายำ�่ คำ�่ 5 เศษโปรดเกลา้ ฯ ใหพ้ ระเจา้ บรมวงศเ์ ธอ กรมขนุ สมมตอมรพนั ธ์ุ6 เสดจ็ ไปทรงจดุ เทยี นเครอ่ื ง
นมัสกาวรันพทรี่ ะ๔ราพชฤาศคจณิกะาย๑น๐รรัตูปนโมกีพสรินะทธรรศรกมเจ๑ด๒ีย๙์เป(นวันปร๖ะธ๓ฯาน๑เ๒จรคิญ�่ำพ)7ระเจพ้าุทพธนมักนงตา์สรัตไดต้ตปั้งรบิตายโหศรรบี แูชกา้วเททวดอาง
เงิน ส�ำหรับเวียนเทียนสมโภชแลบายศรีตองกับศีร์ษะสุกรคู่หน่ึงส�ำหรับบูชาฤกษ์ ตรงประตูหน้าพระอุโบสถ
ข้ึนไป เวลาเช้าพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมขุนสมมตอมรพันธุ์เสด็จมาทรงประเคนอาหารบิณฑบาตแก่พระสงฆ์

1 วันพฤหัสบดี เดอื น 12 ข้ึน ๒ ค�่ำ
2 ธรรมาสน์ศิลาตั้งอยู่เบื้องหน้าฐานชุกชีพุทธบัลลังก์บุษบกท่ีประดิษฐานพระพุทธมหามณีรัตนปฏิมากร ใช้เป็นท่ีพระสงฆ์
ขึ้นแสดงพระธรรมเทศนาในงานพระราชพิธี รวมถึงใช้เป็นที่ประดิษฐานปูชนียวัตถุในพระราชพิธีต่าง ๆ เช่น ประดิษฐานพระพุทธ
ปฏมิ าชัยวฒั น์ พระพุทธคันธารราษฎร์ และเทวรูปองคส์ �ำคัญในการพระราชพิธีพชื มงคล เป็นต้น
3 เครื่องนมัสการทองใหญ่ เป็นเคร่ืองนมัสการของหลวง ส�ำรับหนึ่งประกอบด้วย เชิงทองปักธูปไม้ระก�ำ ๕ เชิง เชิงทอง
ปักเทียน ๕ เชิง พานทองค�ำสลักลายใส่พุ่มข้าวตอก ๕ พาน และพานทองค�ำสลักลายใส่พุ่มดอกไม้ ๕ พานต้ังบนโต๊ะเท้าคู้สลักลาย
ปดิ ทอง
4 ธรรมเนียมการตั้งศาลเทวดาคู่ ณ ชาลาพระอุโบสถวัดพระศรีรัตนศาสดารามน้ียังปรากฏในพระราชพิธีบรมราชาภิเษก
พระบาทสมเดจ็ พระปกเกลา้ เจา้ อยหู่ วั พ.ศ. ๒๔๖๘ อยา่ งไรกด็ ี ในคราวพระราชพธิ บี รมราชาภเิ ษกพระบาทสมเดจ็ พระบรมชนกาธเิ บศร
มหาภูมิพลอดลุ ยเดชมหาราช บรมนาถบพติ ร พ.ศ. ๒๔๙๓ ระบบุ ตั รพลเี พ่ิมเติม คอื บตั รพระภูมิเจา้ ที่ บัตรพระเจ้ากรงุ พะลี และบัตร
พระเกตุ รวม ๒๔ บตั ร ลอ้ มด้วยธงฉตั รข้อออ้ ยกระดาษขาว ๓ ชน้ั รวม ๖ ฉัตร
5 เวลา ๑๘.๐๐ น. เศษ
6 พระนามเดิม พระองค์เจ้าสวัสดิประวัติ ประสูติเม่ือวันท่ี ๗ กันยายน พ.ศ. ๒๔๐๓ เป็นพระราชโอรสในพระบาทสมเด็จ
พระจอมเกลา้ เจา้ อยหู่ วั กบั เจา้ จอมมารดาหนุ่ (ในรชั สมยั พระบาทสมเดจ็ พระจลุ จอมเกลา้ เจา้ อยหู่ วั ทรงสถาปนาเปน็ ทา้ วทรงกนั ดาล)
ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงสถาปนาเป็นกรมหม่ืนสมมตอมรพันธุ์ เมื่อ พ.ศ. ๒๔๒๙ เลื่อนเป็นกรมขุน
สมมตอมรพันธุ์ เม่ือ พ.ศ. ๒๔๔๓ เป็นเสนาบดีต�ำแหน่งราชเลขานุการและเป็นอธิบดีกรมพระคลังข้างท่ี ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จ
พระมงกฎุ เกล้าเจา้ อยู่หวั โปรดเกลา้ ฯ เลื่อนเปน็ กรมพระสมมตอมรพนั ธ์ุ เปน็ สมหุ มนตรี และเป็นเสนาบดีที่ปรึกษา เมื่อ พ.ศ. ๒๔๕๔
สิ้นพระชนมเ์ มื่อวนั ที่ ๒๑ เมษายน พ.ศ. ๒๔๕๘ พระชันษา ๕๕ ปี เป็นตน้ ราชสกุล สวสั ดิกุล
7 วนั ศุกร์ เดือน ๑๒ ข้ึน ๓ คาํ่

178 ประมวลเอกสารพระราชพิธีบรมราชาภิเษก

ครั้นรับพระราชทานฉันแล้ว1 ทรงจุดเทียนเครื่องนมัสการทรงศีล ผู้ที่จะจาฤกนุ่งขาวสวมเสื้อขาวแลมีผ้าขาว
เฉียงบ่า รับศีลแล้ว เวลาใกล้พระฤกษ์ พระเจ้าบรมวงศ์เธอที่ได้ออกพระนามมาแล้ว ทรงจุดเทียนทองเทียนเงิน
ท่ีโต๊ะทองส�ำหรับจาฤก2 ซ่ึงตั้งอยู่หน้าอาสนสงฆ์ตอนต้นเรียงกัน ๓ โต๊ะ โต๊ะส�ำหรับจาฤกพระสุพรรณบัฏ
อยู่กลาง โต๊ะส�ำหรับจาฤกดวงพระชนมพรรษาอยู่ข้างขวา โต๊ะส�ำหรับแกะพระราชลัญจกรอยู่ข้างซ้าย ผู้ที่
จะจาฤกนมัสการพระมหามณีรัตนปฏิมากร แลบ่ายหน้าไปกราบถวายบังคมสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว3 แล้วพาด
ด้ายสายสิญจน์4 ผันหน้าสู่ทิศอาคเณย์5 พระยาศรีสุนทรโวหารเจ้ากรมพระอาลักษณ์จาฤกพระบรมนามาภิธัย
ลงในแผ่นทองค�ำเนื้อ ๘ กว้าง ๗ น้ิว ยาว ๑๔ น้ิว หนัก ๒ ต�ำลึง พระมหาวิชาธรรมกรมราชบัณฑิตจาฤก
ดวงพระชนมพรรษา ลงในแผ่นทองค�ำเนื้อ ๘ กว้าง ๑๐ นิ้ว ยาว ๑๐ น้ิว หนัก ๒ ต�ำลึง หลวงวิจิตรนฤมล
เจ้ากรมช่างแกะ จาฤกพระราชลัญจกรประจ�ำรัชกาล คร้ันได้พระฤกษ์เวลาเช้า ๔ โมง ๑๓ นาฑีกับ ๓๖ วินาฑี
หลวงโลกทีปลั่นฆ้องไชยให้สัญญา ผู้ที่ออกนามมาแล้วจาฤก พระสงฆ์สวดไชยมงคลคาถาพราหมณ์เป่าสังข์
ทักษิณาวัฏอุตราวัฏ เจ้าพนักงารประโคมแตรสังข์พิณพาทย์ตลอดจนจาฤกแล้ว ประมาณช่ัวโมงหน่ึง
เมื่อจาฤกแล้วหลวงเทพมุนี หลวงเทพาจารย์ถวายน้�ำสังข์ หลวงโลกทีป หลวงญาณเวทเจิมจุรณ์แล้ว พราหมณ์
ม้วนพระสุพรรณบัฏห่อแพรแดงพันด้วยไหมเบญจพรรณ บรรจุในกล่องทองค�ำจ�ำหลักลงยาราชาวดี มีถุง
ตาดระก�ำ โหรม้วนดวงพระชนมพรรษาห่อพันบรรจุกล่องมีถุงตาดเหมือนกัน เชิญลงรวมในหีบถมยาตะทอง
ถุงตาดระก�ำนอกประจ�ำตราแล้วประดิษฐานไว้บนพานทองสองช้ันส�ำรับใหญ่ปิดคลุมพื้นตาดปักเล่ือมเชิญข้ึน
ตั้งบนโต๊ะจ�ำหลักปิดทองเหนือธรรมาสน์ศิลา ชีพ่อพราหมณ์แลข้าทูลลอองธุลีพระบาท เวียนเทียนสมโภช
เสร็จแล้ว คงประดิษฐานพระสุพรรณบัฏแลดวงพระชนมพรรษาไว้ในพระอุโบสถวัดพระศรีรัตนศาสดาราม
จนถึงวันเริ่มการพระราชพิธีบรมราชาภิเษก จึงต้ังกระบวรแห่เชิญเข้าไปประดิษฐานบนพระแท่นมณฑล
ในพระที่น่ังไพศาลทักษิณ

1 เป็นครง้ั สดุ ทา้ ยทม่ี ีการถวายภตั ตาหารแก่พระสงฆ์และรับพระราชทานฉนั กอ่ นการจารกึ ดวงพระฤกษ์
2 ตามธรรมเนียมเดิมผู้ที่จะจารึกจะนั่งพื้นแล้วจารึกบนต่ังขนาดเล็ก ต่อมาในระยะหลังผู้จารึกจะน่ังบนเก้าอ้ีแล้วจารึก
บนโต๊ะเริ่มในคราวพระราชพิธีบรมราชาภิเษกพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร
พ.ศ. ๒๔๙๓ เป็นคราวแรก
3 หมายถึงการถวายบังคมไปยังพระราชอาสน์ที่เจ้าพนักงานทอดไว้ อน่ึง ในพิธีจารึกพระสุพรรณบัฏงานบรมราชาภิเษก
พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว พ.ศ. ๒๔๖๘ ระบุว่า ผู้จารึกถวายบังคมไปยังทิศใต้ซึ่งทรงแปรพระราชฐานไปประทับยัง
วงั ไกลกงั วลในขณะน้ัน
4 ในพระราชพิธีบรมราชาภิเษกพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว พ.ศ. ๒๔๖๘ ใช้ว่า “พาดด้ายสายสิญจน์คล้องคอ”
และในพระราชพิธีบรมราชาภิเษกพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร พ.ศ. ๒๔๙๓
ใชว้ า่ “คลอ้ งดา้ ยสายสญิ จน์”
5 สริ มิ งคลทศิ ในแตล่ ะรชั กาลจะแตกตา่ งกนั ออกไป เชน่ พระบาทสมเดจ็ พระปกเกลา้ เจา้ อยหู่ วั เปน็ ทศิ อสี าน พระบาทสมเดจ็
พระบรมชนกาธเิ บศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตรเป็นทศิ อาคเนย์

ประมวลเอกสารพระราชพิธีบรมราชาภิเษก 179

จัดที่ท�ำพระราชพิธี

๒ วันท่ี ๖ พฤศจิกายน รัตนโกสินทรศก ๑๒๙ (วัน ๑ ๕ฯ ๑๒ ค�่ำ)1 เวลาค�่ำสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
เสด็จออกทรงบ�ำเพญพระราชกุศลที่พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ได้ทรงจุดเทียนทองเงินคู่ ๑ มีพานทองค�ำ
ประดับดอกไม้สด พกรฤาศบจถิกวาายยนบัง(วคันมพ๒ระ๖ฯบร๑ม๒ศพคเ�่ำป)2นเเคปานรวพันในตก้ังนาร�้ำทวงี่จดะ้าเสยดเร็จิ่มเขก้าาพรพระรระารชาพชพิธีบิธีรบมรรมารชาาชภาิเภษิเกษก
๓ วันท่ี ๗
เฉลิมพระราชมณเฑียร เจ้าพนักงารได้จัดการพระราชพิธี ณ พระมหามณเฑียร คือ พระท่ีนั่งอมรินทรวินิจฉัย
พระที่น่ังไพศาลทักษิณ แลพระท่ีนั่งจักรพรรดิพิมาน อันเปนสถานที่ได้กระท�ำพระราชพิธีบรมราชาภิเษก
มาแต่เดิมน้ัน
๔ ที่พระท่ีนั่งอมรินทรวินิจฉัย
(ก) ตั้งพระสัมพุทธพรรณีในพระท่ีนั่งบุษบกมาลา มีเทียนทอง เทียนเงินหนัก ๘ บาท ในบุษบก
ทั้ง ๔ มุม ๒ คู่ ที่เกรินสองข้างบุษบกตั้งพานทองสองช้ันส�ำรับใหญ่ ปักพุ่มดอกไม้สดคู่ ๑ ท่ีฐานบุษบก
มีเทียนทองเทียนเงินหนัก ๘๐ บาท ๒ คู่ หน้าพระที่นั่งบุษบกตั้งโต๊ะจ�ำหลักลายทอง มีพานทองจัดดอกไม้สด
ต้ังตามล�ำดับชั้นหลั่นลงมา มีเทียนพระมหามงคลคู่ ๑ เทียนเท่าพระองค์ในตู้คู่ ๑ มีต้นไม้ทองเงิน ๒ ข้าง
ต้ังเครื่องนมัสการพานทองสองชั้น แลพระแท่นทรงกราบ
(ข) พระท่ีนั่งมหาเศวตฉัตรลาดหนังไกรสรราชสีห์ทั้งผืน มีศีร์ษะแลมือยื่นออกมาที่เก็จ ต้ังพระที่นั่ง
พุดตาลทองค�ำเปนรัตนสิงหาสน์ ท่ีประทับเสด็จออกทรงรับค�ำถวายไชยมงคล มีโต๊ะทองส�ำหรับต้ังเคร่ือง
ราชูปโภคบนนั้นด้วยท้ังสองข้าง ที่มุมเตียงลารองพระท่ีนั่งมหาเศวตฉัตรตั้งต้นไม้ทองเงินสองคู่ มุมละต้น
พระมหาเศวตฉัตรลดลงแต่งใหม่ ทอดไว้บนขาทรายเบื้องหลังหน้าห้องพระฉาก เพ่ือจะยกข้ึนพร้อมกันกับ
พระฤกษ์สรงมุรธาภิเษก
(ฃ) ตั้งเคร่ืองสูงหักทองขวางหน้าเสาตอนหน้าพระท่ีนั่งมหาเศวตฉัตรเคร่ืองสูงห้าชั้นเปนคู่กัน ๓ คู่
ที่ผนังด้านเหนือสองข้างพระทวารกลางอีกคู่ ๑ รวมเปน ๔ คู่ เสาตรงพระท่ีน่ังมหาเศวตฉัตรเครื่องสูง ๗ ชั้น
คู่ ๑ แต่เสาหลังพระที่น่ังมหาเศวตฉัตรต้ังชุมสายเปนคู่กัน ๒ คู่
(ค) ตั้งพระราชบัลลังก์ตรงหน้าพระท่ีน่ังมหาเศวตฉัตร เปนที่เสด็จออกพระบรมวงศานุวงศ์ข้าทูลลออง
ธุลีพระบาทเฝ้า ต้ังเคร่ืองพานพระขันหมากส�ำรับใหญ่ มีพระแสงง้าว พระแสงปืน ทอดราวหลังพระราชบัลลังก์
แต่เวลาเสด็จขึ้นพระท่ีนั่งมหาเศวตฉัตรทรงรับค�ำถวายไชยมงคลน้ันเลิกถอนพระราชบัลลังก์น้ี
(ฅ) พระสูตรเลื่อนสายมาติดหน้าพระที่น่ังมหาเศวตฉัตร เพื่อส�ำหรับไขพระสูตร เวลาเสด็จออก
ทรงรับค�ำถวายไชยมงคล

1 วนั อาทติ ย์ เดือน ๑๒ ขนึ้ ๕ คาํ่
2 วันจันทร์ เดอื น ๑๒ ขน้ึ ๖ ค่าํ

180 ประมวลเอกสารพระราชพิธีบรมราชาภิเษก

(ฆ) เตียงพระสงฆ์สวดภาณวาร ต้ังด้านเหนือชิดลับแลพระทวารกลาง มีเตียงพระราชาคณะน่ังปรก
อยู่ข้างด้านตวันออก กระโจมเทียนไชยขึงผ้าปักทองแร่ง ต้ังหน้าเตียงสวด

(ง) อาสน์สงฆ์ตั้งหน้าเสานอกเครื่องสูง แลหลังเสาทั้งสองข้างเปน ๔ แถว
(จ) เฉลียงด้านเหนือต้ังเก้าอี้พระบรมวงศานุวงศ์เฝ้าทูลลอองธุลีพระบาท เฉลียงด้านใต้เปนท่ีข้าราชการ
ในพระราชส�ำนักแลทหารมหาดเล็กยืนเฝ้า ในประธานกลางพระที่นั่งหน้าพระราชบัลลังก์ ต้ังเก้าอ้ีข้าราชการ
เฝ้า เว้นทางเดิรหน้าอาสน์สงฆ์ทั้งสองข้าง
(ฉ) เพดานพระที่น่ังห้อยพวงดอกไม้สดเปน ๒ แถว
๕ พระที่น่ังไพศาลทักษิณ
(ก) พระแท่นมณฑล ต้ังที่ผนังด้านตวันออกมุมเหนือ มีโต๊ะหมู่จ�ำหลักลายทองประดิษฐานพระพุทธ
ปฏมิ ากรพระพทุ ธบษุ ยรตั นองคใ์ หญแ่ ลองคน์ อ้ ยพระไชยวฒั นทงั้ ๕รชั กาลพระไชยเนาวโลหของพระบาทสมเดจ็
พระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว พระนิรันตราย พระแก้วเชียงแสน พระเรือนแก้ว พระห้ามสมุททองทรงเคร่ือง
พระห้ามสมุทเงินแลพระแก่นศรีมหาโพธิ์ พระเจดีย์ถมบรรจุพระบรมธาตุในระย้ากินร พระเจดีย์ลังกาบรรจุ
พระบรมสารีริกธาตุ พระธรรมสามคัมภีร์ พระสุพรรณบัฏกับดวงพระชนมพรรษา แลต้ังเคร่ืองราชกกุธภัณฑ์
เคร่ืองบรมราชาภรณ์แลเคร่ืองราชูปโภค เทวดาเชิญหีบพระราชลัญจกรแลเชิญพระแสง กับประดับพระแสง
ส�ำหรับแผ่นดิน พระแสงประจ�ำรัชกาลแลพระแสงอัษฎาวุธ พระเศวตฉัตร พระกันภิรมย์ ธงไชยราชกระบี่ธุช
ครุฑพ่าห์ ธงบรมราชธวัช ธงไอยราพรต แลต้ังพระขันหยกมีเทียนทองส�ำหรับพระราชพิธี พระครอบพระกริ่ง
พระมหาสังข์กับพระเต้าน�้ำพระพุทธมนต์ต่าง ๆ เหมปักแว่นเทียน แลเทียนทอง เทียนเงินหนัก ๘ บาท ๒ คู่
เทียนสามกิ่งทองเงินคู่ ๑ แลบนเตียงลารองพระแท่นมณฑล มีเทียนพระมหามงคลคู่ ๑ เทียนทอง เทียนเงิน
หนัก ๘ บาทสลับกับหม้อน�้ำพระพุทธมนต์แลพานดอกไม้ ๖ คู่ มีเทียนเท่าพระองค์ต้ังคู่ข้างพระแท่นมณฑลคู่
๑ หน้าพระแท่นมณฑลต้ังเครื่องนมัสการลงยาราชาวดี มีพระแท่นทรงกราบ วงสายสิญจน์สพานจากพระแท่น
มณฑลแยกเลียบไปตามผนังเหนือลวดบัวทั้งสองด้าน ไปรวมออกพระทวารเทวราชมเหศวร์ต่อกับพระท่ีน่ัง
บษุ บกมาลาแลว้ แยกไปตามเสาพระทน่ี ง่ั อมรนิ ทรวนิ จิ ฉยั ทง้ั สองขา้ ง ไปเลย้ี วเขา้ ยงั กระโจมเทยี นไชยแลเตยี งสวด
โยงสายสิญจน์จากสพานมาส�ำหรับพระสงฆ์สวดพระพุทธมนต์ในพระท่ีนั่งอมรินทรวินิจฉัย พระที่น่ังไพศาล
ทักษิณแลพระท่ีนั่งจักรพรรดิพิมานทุกสายที่สวดมนต์ แล้วต่อออกไปวงรอบพระมหามณเฑียรที่ท�ำพระราช
พิธีท้ังสิ้น แลวงไปท่ีมณฑปพระกระยาสนาน แล้ววงต่อออกไปวัดพระศรีรัตนศาสดารามด้วย
(ข) พระท่ีน่ังอัฐทิศอุทุมพรราชอาสน์ มีพระบวรเศวตฉัตรอยู่ท่ามกลาง ต้ังอยู่ตรงหน้าพระทวารลงจาก
หอพระสุราลัยพิมาน มีตั่งอัฐทิศล้อมท�ำด้วยไม้สีสุกหุ้มผ้าขาวปูผ้าขาว ตั้งเทวรูปอธิไทโพธิบาตแลเทวรูป
นพเคราะห์ประจ�ำทิศ เทวรูปพระเกตุตั้งบนพระราชอาสน์แต่วันเสด็จข้ึนอัฐทิศย้ายมาต้ังบนตั่งข้างหน้ารวมกับ
เทวดาองค์อื่น บนตั่งอัฐทิศ มีหม้อน้�ำศิลา พระถ้วยศิลาจาฤก มีคลุมตาด กรด สังข์กับเคร่ืองนมัสการ
ท้ังแปดทิศ คือถ้วยแก้วเชิงจัดพุ่มดอกไม้สดตามสีเทวดานพเคราะห์แลเทียนทอง ธูปเงินสองข้างคู่ ๑ แลมี
เครื่องบูชาทิศกลาง มีเทียนทอง เทียนเงินหนัก ๘ บาท บูชาพระเศวตฉัตรคู่ ๑ วันเจริญพระพุทธมนต์สามวัน
มีบัตยอดมณฑปลายจ�ำหลักปิดทองโหรบูชานพเคราะห์ด้วย บัตแลเครื่องบูชาทิศกลางเทียนทอง เทียนเงิน

ประมวลเอกสารพระราชพิธีบรมราชาภิเษก 181

บูชาพระเศวตฉัตรณพระที่นั่งอัฐทิศนี้ต้ังบนพระแท่นลารองต่ังอุทุมพรตามทิศ มีขันพระสาครเงิน
น�้ำพระพุทธมนต์ส�ำหรับโหรจุดเทียนบูชานพเคราะห์นั้นด้วย

(ฃ) พระที่นั่งภัทรบิฐ มีพระบวรเศวตฉัตรตั้งอยู่ตรงหน้าทวารลงจากหอพระธาตุมณเฑียร มีโต๊ะต้ังข้าง
พระท่ีน่ังภัทรบิฐทั้งซ้ายขวาส�ำหรับต้ังเครื่องราชูปโภค มีเทียนทอง เทียนเงินหนัก ๘ บาท บูชาพระเศวตฉัตร
คู่ ๑ ตั้งบนพระแท่นลารองพระที่น่ังภัทรบิฐนั้นด้วย

(ค) ท่ีวิมานพระสยามเทวาธิราช มีโต๊ะจีนเครื่องบูชาเคร่ืองหยก ตอนเย็นมีเทียนพระมหามงคล
ทองเงินคู่ ๑ ตอนเช้ามีเทียนทองเทียนเงินหนัก ๑๒ บาทคู่ ๑

(ฅ) ในพระที่นั่งไพศาลทักษิณ มียันต์พระสัมมาสัมพุทธเจ้าแขวนกลางใต้โคมรย้าไฟฟ้าหน้าวิมาน
พระสยามเทวาธิราช มีสายสิญจน์ต่อจากสายสพานมาที่ยันต์ แล้วห้อยลงมาส�ำหรับผู้ประกาศเทวดาถือเวลา
ประกาศ แลมียันต์พระอริยสาวกแขวนผนังพระที่นั่งตามแนวลวดบัวประจ�ำทิศทั้งแปด ต่อสายสิญจน์จาก
สายสพานมาที่ยันต์ทุกยันต์ แลเพดานพระท่ีนั่งห้อยพวงดอกไม้สดท้ังสองแถว แลมีพวงมาไลยเปียห้อยท่ี
พระบวรเศวตฉัตรทั้งสองแห่ง

(ฆ) ต้ังพระราชบัลลังก์ที่ประทับต่อพระที่น่ังอัฐทิศออกมาตรงช่องท่ีสามนับแต่ผนังตวันออก ตั้งเครื่อง
พานพระขันหมากทองค�ำลงยาราชาวดีส�ำรับกลม มีพระแสงง้าว พระแสงปืนทอดราวหลังพระราชบัลลังก์

(ง) ตั้งอาสน์สงฆ์ตามแนวผนังด้านเหนือ ข้างตวันออก พระสวดแลฉันเปน ๒ แถว แต่ข้างตวันตก
แถวเดียว

(จ) เก้าอี้พระบรมวงศานุวงศ์ แลข้าราชการท่ีได้รับพระราชทานพานทองเฝ้าทูลลอองธุลีพระบาท
ตั้งหน้าอาสน์สงฆ์ด้านตวันตกผันหน้าไปทางทิศตวันออก

(ฉ) ท่ีหลังพระท่ีนั่งภัทรบิฐแลท่ีชานพักด้านตวันตก เปนที่มหาดเล็กแลเจ้าพนักงารกรมต่าง ๆ
ผู้เกี่ยวข้องแก่หน้าที่การพระราชพิธีเฝ้าทูลลอองธุลีพระบาท

(ช) ทช่ี านพกั ด้านตวันออกแลทอ้ งพระโรงหน้า เปนทีพ่ ระบรมวงศานุวงศฝ์ ่ายในเฝ้าทลู ลอองธลุ พี ระบาท
ตั้งเก้าอี้ท่ีท้องพระโรงหน้าเพียงแนวพลสิงห์อัฒจันท์ช่องกลางพระท่ีนั่งไพศาลทักษิณ ตรงไปยังพระแท่นหน้า
พระมหามณเฑียรฟากตวันออกข้างเดียว กลางท้องพระโรงหน้าเปิดโถง มีทางลาดพระบาทไปข้ึนอัฒจันท์
พระมหามณเฑียรข้างด้านตวันตก ท้าวนางเถ้าแก่เฝ้าตามเฉลียงท้องพระโรงหน้าท้ังสองข้าง เว้นช่องทาง
พระทวารทั้งสองข้าง ข้างต้นมะกรูด คือทางชาลาด้านตวันออกเปนทางข้างในขึ้นท้องพระโรงหน้า ข้างทางเก๋ง
คือทางตวันตกเปนทางข้าราชการฝ่ายหน้าผู้มีหน้าที่ตามเสด็จข้ึนพระมหามณเฑียร

๖ พระที่น่ังจักรพรรดิพิมาน
(ก) ต้ังพระแท่นพระบรรธมในพระฉากตอนข้างใต้ ซ่ึงเปล่ียนจากตอนข้างเหนือตามล�ำดับรัชกาล
มีนพปฎลเศวตฉัตรแขวนลอยเหนือเพดานพระแท่นพระบรรธม บนพระแท่นลดทอดพระย่ีภู่พับไว้คลุม
ผ้าเยียรบับพร้อมด้วยพระเขนยทอดบนพานแว่นฟ้า บนพระแท่นพระบรรธมต้ังม้าหมู่ประดิษฐานพระไชย
เนาวโลห ของสมเด็จพระพุทธเจ้าหลวงพระราชทาน แลต้ังเคร่ืองเฉลิมพระราชมณเฑียร มีพานทองประดับ
ดอกไม้สดแลเทียนทองเทียนเงินหนัก ๘ บาท ๒ คู่ ลาดอาสน์พระราชาคณะเจริญพระพุทธมนต์บนพระแท่น

182 ประมวลเอกสารพระราชพิธีบรมราชาภิเษก

(ข) ต้ังเคร่ืองนมัสการเคร่ืองแก้ว หน้าพระแท่นพระบรรธม
(ฃ) ตั้งพระราชอาสน์ท่ีประทับทรงสดับพระราชาคณะเจริญพระพุทธมนต์ต่อเน่ืองเครื่องนมัสการ
ตั้งเครื่องพานพระศรีลงยาราชาวดีของเดิมมีพระมณฑปพระมหามงคลแลถาดสรงพระพักตร์ มีขันพระนพ
ในเวลาพระสงฆ์เจริญพระพุทธมนต์ท้ัง ๒ วันนั้นด้วย
(ค) ในพระฉากตอนเหนือห้องทรงเครื่อง ตั้งพระแท่นลาดราชอาสน์ ต้ังเคร่ืองสรงพระพักตร์แลเคร่ือง
พระส�ำอางพร้อม มีนพปฎลเศวตฉัตรแขวนลอยเหนือพระแท่น แลมีพระฉากห้องสรงต่อเน่ืองกัน
๗ พระมณฑปพระกระยาสนาน
(ก) ท่ีสรงพระกระยาสนานปลูกที่ชาลาหน้าชานพักด้านตวันออกยกพ้ืนช้ันหน่ึง ตั้งพระมณฑปหุ้มผ้าขาว
มีนาคช่อห้อยช่อตั้งเฟื่องอุบะห้อยเคร่ืองทอง หลังคาดาดผ้าขาว เพดานผ้าขาวลายทองดอกจ�ำปาทองห้อย
มีพระสูตรขาวลายแย่งทรงเข้าบิณฑ์ทองแผ่ลวดทั้ง ๔ ด้าน ต้ังตั่งไม้มะเด่ือบนถาดทอง วันสรงมุรธาภิเษก
ตั้งถาดสรงพระพักตร์มีพระครอบมุรธาภิเษกสนาน แลมีใบกระฐินซึ่งเปนใบไม้กาลกิณีส�ำหรับทรงเหยียบ
แลบนฐานพระมณฑปประดับราชวัตรทรงเคร่ืองพื้นขาวลายทอง มีเครื่องสูงเจ็ดชั้นทองแผ่ลวดพื้นโหมดทอง
เงินนาคทั้ง ๔ ด้าน ๆ ละ ๓ ประดับด้วยต้นกล้วยต้นอ้อยจั่นหมากแลจั่นมะพร้าวมีทางข้ึนทุกด้าน
(ข) มีบุษบกน้อยลายจ�ำหลักปิดทองส�ำหรับต้ังพระไชยเนาวโลหที่เชิญน�ำเสด็จสู่ท่ีสรงทิศตวันออก
ส�ำหรับต้ังพระมหาพิฆเนศวร ทิศตวันตก มีศาลเทวดาบูชาฤกษ์แลจัตุโลกบาล คือ ท้าวธตรฐ วิรุฬหก วิรูปักษ์
แลกุเวรุราช ทั้ง ๔ ทิศ
(ฃ) ท่ีชาลาด้านเหนือ มณฑปพระกระยาสนาน วันสรงมีโต๊ะเครื่องสังเวยเทวดากลางหาว มีกระถาง
ธูปแลเทียนทองเงินหนัก ๖ บาทคู่ ๑
(ค) มีปร�ำหน้าพระเฉลียงพระมหามณเฑียร ข้างด้านตวันออกเปนที่ประทับพระบรมวงศานุวงศ์ฝ่ายใน
เฝ้าเวลาสรงพระกระยาสนาน
๘ โรงพระราชพิธีพราหมณ์
ต้ังข้างพระท่ีน่ังอมรินทรวินิจฉัยด้านตวันออก ผันหน้าโรงไปทางทิศใต้ มีช่อฟ้าใบระกา นาคสดุ้ง
ท�ำด้วยไม้จริงปิดทองน�้ำตะกู หลังคาดาดผ้าแดง มีไม้โขลนทวาร ประดับราชวัตร์ตาชะแลง ฉัตร์กระดาษ
ห้าช้ัน มีต้นกล้วยต้นอ้อยดอกหมากดอกมะพร้าวประดับ ตั้งเตียงมณฑลเล็ก มีโต๊ะทองต้ังเปนล�ำดับลงมา
ต้ังพระอิศวร พระอุมา พระนารายณ์ พระลักษมี พระมเหศวรี พระพรหม แลพระมหาพิฆเนศวร์1 กับต้ังโต๊ะ
เทวดานพเคราะห์ แลโต๊ะเบญจครรภมีม้ารองหม้อกุมภ์ ๙ หม้อ อยู่เบ้ืองขวาเตียงมณฑล เตาโหมกุณฑ์อยู่
เบ้ืองซ้าย
๙ มีราชวัตรฉัตรเบญจรงค์เจ็ดชั้น ประดับต้นกล้วยต้นอ้อยดอกหมากดอกมะพร้าวล้อมพระที่นั่ง
ซึ่งต้ังการพระราชพิธี
๑๐ ท่ีในพระอุโบสถวัดพระศรีรัตนศาสดาราม มีเทียนพระมหามงคลวันละคู่ เทียนเท่าพระองค์วันละคู่
มีเคร่ืองนมัสการพานทองใหญ่ส�ำหรับบูชาในวันสวดพระพุทธมนต์ วันที่ ๘ ที่ ๙ แลที่ ๑๐ พฤศจิกายนน้ันด้วย

1 ครั้งรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช ปรากฏใช้พระเทวกรรมไม่ปรากฏพระมเหศวร ส่วนรัชกาล
อ่ืน ๆ ไม่ปรากฏรายละเอยี ด แต่ในธรรมเนียมครง้ั กรงุ ศรอี ยุธยาปรากฏเพยี งพระอิศวร พระอมุ า พระนารายณ์ และพระลกั ษมี

ประมวลเอกสารพระราชพิธีบรมราชาภิเษก 183

เร่ิมงารพระราชพิธี

๑๑ วันที่ ๗ พฤศจิกายน เวลาเช้า ๕ โมง1 เจ้าพนักงารได้เชิญพระสุพรรณบัฏ แลดวงพระชนมพรรษา
แต่พระอุโบสถวัดพระศรีรัตนศาสดาราม มาข้ึนพระราชยานกงท่ีหน้าประตูหลังพระอารามด้านตวันตก
ขุนพิจิตรราชสาส์นกรมพระอาลักษณ์ นุ่งสมปักลายสวมเส้ือครุย ล�ำพอกเก้ียว ข้ึนประคองพานพระสุพรรณบัฏ
มีคู่เคียงพระราชยาน ข้าราชการชั้นหลวงกรมต่าง ๆ นุ่งสมปักลายสวมครุย ล�ำพอกเกี้ยว ๘ คู่ มีกระบวรต�ำรวจ
เทวดาคู่แห่ กลองชนะ จ่าปี่ จ่ากลอง แตรงอน แตรฝร่ัง สังข์ เคร่ืองสูง บังแทรก พระกลด บังสูริย์ พัดโบก
เดิรกระบวรแห่แต่เกยหน้าประตูหลังพระอาราม เข้าประตูพิมานไชยศรี เชิญเข้าในพระที่น่ังอมรินทรวินิจฉัย
ทางพระทวารเทเวศรรักษา ขึ้นยังพระที่น่ังไพศาลทักษิณ ประดิษฐานบนพระแท่นมณฑล

ครั้นเวลาย่�ำค�่ำครึ่ง2 สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงเคร่ืองคร่ึงยศนายพันเอก กรมทหารมหาดเล็กรักษา
พระองค์ ในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว หม่อมหลวงเฟื้อมหาดเล็กเชิญพระแสงฝักทองเกล้ียง
ตามเสด็จ แลเปนผู้เชิญต่อไปทุกเวลา เว้นแต่วันสรงมุรธาภิเษกท่ีก�ำหนดเปนผู้อื่น เสด็จออกทางพระทวารกลาง
พระท่ีนั่งจักรีมหาปราสาท ทรงพระราชยานกง พร้อมด้วยกระบวร ต�ำรวจ ราชองครักษ์ ทหารมหาดเล็ก
รักษาพระองค์ แลมหาดเล็ก กรมวังแห่น�ำตามเสด็จ กรมทหารราบท่ี ๑๑ รักษาพระองค์ ต้ังแถวอยู่หน้า
ห้องเวรกรมพระอาลักษณ์เปนกองเกียรติยศ มีแตรวงธงประจ�ำกองกระท�ำวันทยาวุธแลบรรเลงเพลงสรรเสริญ
พระบารมี เสดจ็ ไปประทบั เกยพระทวารเทเวศรรกั ษา เสดจ็ เขา้ ในพระทน่ี ง่ั อมรนิ ทรวนิ จิ ฉยั พระบรมวงศานวุ งศ์
แลข้าราชการเฝ้าทูลลอองธุลีพระบาท สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงจุดเทียนนมัสการพระสัมพุทธพรรณีแล้ว
เสด็จขึ้นทางพระทวารเทวราชมเหศวร์ เจ้ากรมพระต�ำรวจสี่น�ำเสด็จ มหาดเล็กเชิญเคร่ือง แลจางวางหัวหมื่น
มหาดเล็กตามเสด็จ ประทับพระท่ีน่ังไพศาลทักษิณ เจ้าพนักงารประโคมดุริยดนตรี พระสงฆ์ราชาคณะ ๓๐ รูป
ซึ่งจะเจริญพระพุทธมนต์ต้ังน�้ำวงด้าย เข้าทางประตูสนามราชกิจ พระบรมวงศานุวงศ์กับข้าราชการช้ัน
ได้รับพระราชทานพานทอง แลผู้ที่มีหน้าที่เข้าไปเฝ้าทูลลอองธุลีพระบาท พระสงฆ์น่ังอาสน์พร้อมกันแล้ว
หยุดประโคมดนตรี สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงจุดเทียนนมัสการ พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหลวงวชิรญาณวโรรส3
ถวายศีล ทรงศีลแล้ว พระสงฆ์ราชาคณะ ๓๐ รูปเจริญพระพุทธมนต์ ทรงจุดเทียนทองเงินที่โต๊ะเครื่องบูชา

1 เวลา ๑๑.๐๐ น.
2 เวลา ๑๘.๓๐ น.
3 พระนามเดิม พระองค์เจ้ามนุษยนาคมานพ เป็นพระราชโอรสในพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว
กับเจ้าจอมมารดาแพ ประสูติเม่ือวันท่ี ๑๒ เมษายน พ.ศ. ๒๔๐๓ ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงผนวช
ทรงแปลพระปรยิ ตั ธิ รรมไดเ้ ปรยี ญ ๕ ประโยค จงึ โปรดเกลา้ ฯ สถาปนาเปน็ กรมหมน่ื วชริ ญาณวโรรส ทรงสมณศกั ดเ์ิ ปน็ พระราชาคณะ
เจา้ คณะใหญธ่ รรมยตุ กิ นกิ าย เลอื่ นเปน็ กรมหลวงวชริ ญาณวโรรส เมอ่ื พ.ศ. ๒๔๔๙ ในรชั สมยั พระบาทสมเดจ็ พระมงกฎุ เกลา้ เจา้ อยหู่ วั
ทรงรับมหาสมณุตมาภิเษกเป็นสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาวชิรญาณวโรรส ทรงสมณศักดิ์ท่ีสมเด็จพระมหาสมณ สมเด็จ
พระสังฆราชพระองค์ที่ ๑๐ แห่งกรงุ รตั นโกสนิ ทร์ เม่ือ พ.ศ. ๒๔๕๓ ตอ่ มาทรงสถาปนาเปน็ สมเดจ็ พระมหาสมณเจ้า เมอ่ื พ.ศ. ๒๔๖๔
สนิ้ พระชนม์เม่ือวนั ที่ ๒ สงิ หาคม พ.ศ. ๒๔๖๔ พระชนั ษา ๖๒ ปี

184 ประมวลเอกสารพระราชพิธีบรมราชาภิเษก

พระสยามเทวาธิราช แลเทียนที่พระท่ีนั่งอัฐทิศ ภัทรบิฐ พระสงฆ์สวดมนต์จบถวายภวตุสัพแลถวายพระพรลา
แล้ว สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จกลับออกทางพระทวารเทวราชมเหศวร์ ทรงพระราชยานกลับทางเดิม

งารพระราชพิธี

๑๒ วันท่ี ๘ พฤศจกิ ายน เวลาเชา้ ใกลพ้ ระฤกษ์ สมเดจ็ พระเจ้าอย่หู ัว ทรงเครือ่ งคร่ึงยศนายพันเอกพเิ ศษ
กรมทหารราบท่ี ๑๑ รักษาพระองค์ เสด็จพระราชด�ำเนิรโดยขบวรพระราชยานทางพระที่นั่งจักรีมหาปราสาท
เหมือนวันก่อน ประทับพระที่นั่งอมรินทรวินิจฉัย พระสงฆ์ซ่ึงเข้าพระราชพิธีมีจ�ำนวน ๘๕ รูป นั่งพร้อมกันใน
พระที่น่ังอมรินทรวินิจฉัย ทรงจุดเทียนเคร่ืองนมัสการทรงศีลแล้ว คร้ันได้เวลาอุดมฤกษ์ เช้า ๒ โมง ๖ นาฑี
กับ ๑ วินาฑี ทรงจุดเทียนทองเปนเทียนชนวนด้วยไฟฟ้า ทรงต้ังสัตยาธิฐานแล้ว ถวายเทียนทองแด่พระเจ้า
บรมวงศเ์ ธอ กรมหลวงวชริ ญาณวโรรสทรงจดุ เทยี นไชย แปรพระพกั ตรสเู่ บอ้ื งมงคลทศิ ปราจมิ พระสงฆส์ วดคาถา
จดุ เทยี นไชยขนึ้ พรอ้ มกนั เจา้ พนกั งารประโคมแตรสงั ขฆ์ อ้ งไชยเครอ่ื งดรุ ยิ ดนตรี เมอื่ จดุ เทยี นไชยแลว้ ทรงประเคน
ไตรแพรมีผ้ากราบตรางารบรมราชาภิเษก กับย่ามเยียรบับแก่พระสงฆ์ท่ัวกันแล้ว มหาดเล็กตั้งเคร่ืองบวงสรวง
เทวดา คือพระสยามเทวาธิราช แลพระมหาเศวตฉัตรในพระท่ีน่ังอมรินทรวินิจฉัย พระที่น่ังดุสิตมหาปราสาท
พระทน่ี ง่ั จกั รีมหาปราสาท แลสถานทีเ่ คารพต่าง ๆ รวมด้วยกัน ๑๖ แหง่ ทลู เกลา้ ฯ ถวาย ทรงจบพระหัดถ์แลว้
มอบให้เจ้าพนักงารไปบวงสรวง สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จข้ึนพระท่ีน่ังไพศาลทักษิณ เจ้าพนักงารประโคม
ดุริยดนตรี พระสงฆ์เข้าไปฉันในพระที่น่ังไพศาลทักษิณ ๓๕ รูป คงฉันในพระที่นั่งอมรินทรวินิจฉัย ๕๐ รูป
ทรงจุดเทียนเคร่ืองนมัสการทรงศีลแล้ว พระสงฆ์สวดถวายพรพระแล้วทรงประเคนอาหารบิณฑบาต พระเจ้า
บรมวงศ์เธอ มีกรมหลวงนเรศวรฤทธิ์เปนประธานทรงปฏิบัติพระ ส่วนพระฉันที่พระท่ีน่ังอมรินทรวินิจฉัย
พระราชวงศานุวงศท์ ่ีคอยเฝ้าทูลลอองธลุ ีพระบาทขา้ งนอกทรงประเคนแลปฏบิ ตั พิ ระ พระสงฆร์ บั พระราชทาน
ฉันแล้ว ทรงประเคนบาญชีเครื่องไทยธรรม ซึ่งแบ่งจัดเปนส่วนฉเพาะวันทุกเวลาน้ันแล้ว พระสงฆ์ในพระท่ีน่ัง
ไพศาลทักษิณถวายอนุโมทนาเสร็จ เสด็จออกพระท่ีนั่งอมรินทรวินิจฉัย ทรงประเคนบาญชีเครื่องไทยธรรม
พระสงฆถ์ วายอนโุ มทนา แลว้ ทรงจดุ เทยี นเครอ่ื งกระบะมกุ บชู าธรรมทเ่ี ตยี งสวด พระราชาคณะเรมิ่ สวดภาณวาร
ตง้ั แตเ่ วลาน้ีไปจนตลอดเวลาดับเทยี นไชย สมเด็จพระเจ้าอยูห่ วั เสด็จข้นึ ทางขา้ งหนา้ อย่างวันก่อน

เวลาย่�ำค�่ำ1 สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงเคร่ืองเต็มยศนายพันเอกพิเศษกรมทหารราบที่ ๑๑ ทรงสาย
สพายเคร่ืองราชอิศริยาภรณ์อันมีเกียรติยศยิ่งมงกุฎสยาม พระสังวาลช้างเผือก ทรงจุดเทียนเคร่ืองนมัสการ
กระบะถมในพระแท่นพระบรรธม ที่พระที่นั่งอมรพิมานมณี2 ซึ่งอยู่ในจังหวัดท่ีประทับในเวลาน้ี พระสงฆ์
แบ่งไปจากพระที่นั่งอมรินทรวินิจฉัย ๕ รูปสวดพระพุทธมนต์แล้ว เสด็จออกทางพระทวารกลางพระที่นั่งจักรี
มหาปราสาท กระบวรต�ำรวจมหาดเล็กแห่น�ำตามเสด็จแต่งเต็มยศสวมเสื้อครุย พระบรมวงศานุวงศ์ข้าราชการ

1 เวลา ๑๘.๐๐ น.
2 ในรัชกาลก่อน ๆ ตัง้ พระแท่นบรรทมในพระที่น่ังจกั รพรรดิพมิ าน

ประมวลเอกสารพระราชพิธีบรมราชาภิเษก 185

นอกน้ัน แต่งเต็มยศใหญ่ ผู้นุ่งสมปักลายสวมเสื้อเยียรบับคาดครุย ผู้ที่ได้รับพระราชทานสร้อยปฐมจุลจอมเกล้า
แลสายสพายมงกุฎสยาม ประดับสร้อยแลสวมสายสพายน้ัน สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จประทับพระท่ีนั่ง
อมรินทรวินจิ ฉัย พระบรมวงศานุวงศ์ข้าทูลลอองธุลีพระบาทเฝ้า ทรงจุดเทียนเทา่ พระองค์ เทียนพระมหามงคล
แล้ว ทรงจุดเทียนชนวนด้วยไฟฟ้า พระราชทานแก่พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมขุนสมมตอมรพันธุ์ให้ไปทรง
จุดเทียนเคร่ืองนมัสการพระมหามณีรัตนปฏิมากร แล้วทรงเทียนเครื่องนมัสการพระสัมพุทธพรรณี แล้วเสด็จ
ขึ้นพระท่ีนั่งไพศาลทักษิณ ทรงจุดเทียนเท่าพระองค์ เทียนพระมหามงคล เจ้าพนักงารประโคมดุริยดนตรี
พระสงฆ์เข้านั่งอาสน์ พระบรมวงศานุวงศ์ ข้าราชการช้ันที่ได้มีก�ำหนดไว้เฝ้าเหมือนวันก่อน ทรงจุดเทียนเครื่อง
นมัสการแลเทียนในพระแท่นมณฑลแล้ว พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหลวงวชิรญาณวโรรสถวายศีล ทรงศีล
แล้วทรงจุดเทียนทองเงินบูชาพระสยามเทวาธิราช แลบูชาพระเศวตฉัตรที่พระที่น่ังอัฐทิศกับพระท่ีน่ังภัทรบิฐ
แล้วประทับพระราชบัลลังก์ พระพิมลธรรมอ่านประกาศเทวดาในการบรมราชาภิเษกที่ท้ายอาสน์สงฆ์
หน้าวิมานพระสยามเทวาธิราชยืนบนอาสน์ซึ่งดาดด้วยผ้าขาว ถือสายสิญจน์ตรงยันต์พระอรหังสัมมา
สัมพุทธเจ้า1 ครั้นประกาศเทวดาจบแล้วพระราชาคณะในพระที่น่ังไพศาลทักษิณ ๓๐ รูป ในพระที่น่ัง
อมรินทรวินิจฉัย ๔๕ รูป เจริญพระพุทธมนต์ พระราชครูพิธีพราหมณ์ (หลวงราชมุนีว่าที่) ถวายน�้ำพระมหาสังข์
แลถวายใบไม้ทรงปัด ทรงรับมาปัดท่ีพระองค์แล้ว พราหมณ์รับไปกระท�ำศาสตรปุณยาชุปโหมเพลิงท่ี
โรงพระราชพิธีพราหมณ์ตามไสยวิธี แล้วเสด็จเข้าในพระมหามณเฑียรทรงจุดเทียนเคร่ืองนมัสการแล้วทรง
พระมหามงคล สดับพระราชาคณะ ๕ รูปเจริญพระพุทธมนต์

ในเวลาเสด็จขึ้นพระที่น่ังไพศาลทักษิณ แลพระท่ีนั่งจักรพรรดิพิมานส่ีต�ำรวจน�ำเสด็จ จนกว่าจะเสด็จ
ข้ึนพระที่น่ังภัทรบิฐแล้ว จึงไม่ได้น�ำเสด็จ

ในเวลาท่ีพระสวดพระพุทธมนต์อยู่น้ัน พระบรมวงศานุวงศ์แลข้าราชการซ่ึงทรงนับว่าเปนราชบัณฑิต
ได้บูชาทิศที่พระที่น่ังอิฐทิศทุกทิศ แลโหรบูชาเทวดาโพไทธิบาตแลบูชานพเคราะห์ด้วย คร้ันพระสงฆ์สวดมนต์
ในพระแท่นที่พระบรรธมจบแล้ว ทรงเปล้ืองพระมหามงคล เสด็จออกมาประทับพระที่นั่งไพศาลทักษิณ
พระสงฆ์ถวายภวตุสัพ แลถวายพระพรลาแล้วเสด็จออกพระที่น่ังอมรินทรวินิจฉัยประทับพระราชบัลลังก์
พระยาศรีสหเทพปลัดทูลฉลอง2 กระทรวงมหาดไทย น�ำเจ้าพระยาอภัยภูเบศร์กับข้าหลวงเทศาภิบาล
แลข้าราชการหัวเมืองซึ่งมาฉลองพระเดชพระคุณในการพระราชพิธี เฝ้าทูลลอองธุลีพระบาท มีพระราชด�ำรัส
กบั ขา้ ราชการทมี่ าเฝา้ ทลู ลอองธลุ พี ระบาท ตามสมควรแลว้ เวลา ๒ ทมุ่ ครงึ่ เสดจ็ ขน้ึ สพู่ ระทน่ี ง่ั จกั รมี หาปราสาท

๑๓ วันท่ี ๙ พฤศจิกายน เวลาเช้า ๔ โมง ๔๕ นาที3 สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงเครื่องเต็มยศจอมพล
ทหารเรือ ทรงสายสพายช้างเผือก พระสังวาลมงกุฎสยาม เสด็จออกทางพระที่น่ังจักรีมหาปราสาทอย่าง
วันก่อน ประทับพระท่ีนั่งอมรินทรวินิจฉัย ทรงจุดเทียนเคร่ืองนมัสการแล้ว เสด็จข้ึนพระที่น่ังไพศาลทักษิณ
พระสงฆ์เข้าน่ังอาสน์พร้อมแล้ว ทรงจุดเทียนเคร่ืองนมัสการ พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหลวงวชิรญาณวโรรส

1 เมอ่ื คราวพระราชพธิ บี รมราชาภเิ ษกพระบาทสมเดจ็ พระจลุ จอมเกลา้ เจา้ อยหู่ วั ครงั้ หลงั มกี ารบวงสรวงเทวดา ณ เทวสถาน
ท่ตี า่ ง ๆ ๑๕ แหง่ ด้วย

2 ตำ� แหนง่ ปลดั กระทรวงในปจั จุบนั
3 เวลา ๑๐.๔๕ น.

186 ประมวลเอกสารพระราชพิธีบรมราชาภิเษก

กระบวรแห่เสด็จไปยังท่ีท�ำการพระราชพิธี

ประมวลเอกสารพระราชพิธีบรมราชาภิเษก 187

ถวายศีล ทรงศีลแล้ว พระสงฆ์สวดถวายพรพระ สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงจุดเทียนทองเงินบูชาพระสยาม
เทวาธิราช แลบูชาพระเศวตฉัตรท่ีพระที่นั่งอัฐทิศ พระท่ีน่ังภัทรบิฐ พระสงฆ์สวดถวายพรพระจบแล้ว
ทรงประเคนภัตตาหาร พระสงฆ์รับพระราชทานฉัน พระเจ้าบรมวงศ์เธอ ทรงปฏิบัติพระอย่างวันก่อน พระสงฆ์
ฉันแล้ว ทรงประเคนเครื่องไทยธรรมแก่พระสงฆ์ในพระที่นั่งไพศาลทักษิณ แล้วพระสงฆ์ถวายอนุโมทนา
ถวายภวตุสัพ พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหลวงวชิรญาณวโรรส ถวายพระพรลา เสด็จออกถวายเครื่องไทยธรรม
แก่พระสงฆ์ ท่ีพระท่ีน่ังอมรินทรวินิจฉัยแล้วเสด็จกลับตามทางเดิม

เวลาย่�ำค่�ำคร่ึง1 สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงเคร่ืองอย่างเวลาเช้าทรงจุดเทียนเคร่ืองนมัสการ พระสงฆ์
๕ รูปสวดมนต์ในพระท่ีนั่งอมรพิมานมณีแล้ว เสด็จพระราชด�ำเนิรไปประทับพระที่นั่งอมรินทรวินิจฉัย
พระท่ีน่ังไพศาลทักษิณแลพระท่ีนั่งจักรพรรดิพิมาน ทรงจุดเทียนเคร่ืองนมัสการ แลพระราชทานเทียนชนวน
แกพ่ ระเจา้ บรมวงศเ์ ธอ กรมขนุ สมมตอมรพันธ์ุ ไปทรงจดุ เคร่ืองนมัสการท่ีพระอโุ บสถวดั พระศรรี ตั นศาสดาราม
พระพิมลธรรมประกาศเทวดา พราหมณ์ถวายน้�ำพระมหาสังข์ แลถวายทรงปัด พระสงฆ์สวดพระพุทธมนต์
ทั้ง ๓ แห่ง ราชบัณฑิตบูชาทิศ แลโหรบูชาเทวดานพเคราะห์ เหมือนอย่างวันก่อน เมื่อทรงสดับพระสงฆ์
สวดพระพุทธมนต์ ในพระแท่นที่พระบรรธม ในพระที่น่ังจักรพรรดิพิมานจบแล้ว เสด็จออกมาประทับพระท่ีน่ัง
ไพศาลทักษิณ พระสงฆ์ถวายภวตุสัพแลถวายพระพรลาแล้ว เสด็จออกพระที่นั่งอมรินทรวินิจฉัยประทับ
พระราชบัลลังก์ ข้าราชการเฝ้าทูลลอองธุลีพระบาทอย่างวันก่อน แล้วเสด็จกลับสู่พระท่ีนั่งจักรีมหาปราสาท

๑๔ วันท่ี ๑๐ พฤศจิกายน เวลาเช้าเล้ียงพระแลเวลาเย็นสวดมนต์ สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จออก
ทรงประเคนอาหารบิณฑบาต พระสงฆ์รับพระราชทานฉัน แลทรงสดับพระสงฆ์สวดพระพุทธมนต์ท้ัง ๒ เวลา
เหมือนอย่างวันก่อน เวลาเล้ียงพระในพระที่นั่งไพศาลทักษิณ โปรดให้พระเจ้าพ่ียาเธอ พระเจ้าน้องยาเธอ
แลพระเจ้าวรวงศ์เธอ ทรงปฏิบัติพระ ตอนเช้าทรงเครื่องเต็มยศต�ำรวจ ทรงสายสพายมหาจักรีบรมราชวงศ์
พระสังวาลจุลจอมเกล้า เวลาค่�ำทรงเคร่ืองเต็มยศทหารมหาดเล็ก

เม่ือคืนวันที่ ๙ น้ี เวลาเสด็จขึ้นจากการพระราชพิธีแล้วฝนตกมาก ๆ เปนคราว ๆ แลเวลาเช้าวันที่ ๑๐ นี้
ก่อนเสด็จออกฝนตกพร�ำ ๆ จนเวลาเสด็จออกแล้ว จึงพอขาดเม็ด ในเวลาค�่ำวันท่ี ๑๐ เม่ือสวดมนต์จบเสด็จ
ข้ึนแล้ว เจ้าพนักงารได้ยกอาสน์สงฆ์ในพระที่น่ังไพศาลทักษิณออก คงไว้แต่ฉเพาะแนวผนังฟากตวันออกฉเพาะ
เท่าจ�ำนวนพระสงฆ์ ๔ รูป ซ่ึงจะถวายศีลแลถวายน�้ำพระพุทธมนต์ แลเก้าอ้ีพระบรมวงศานุวงศ์ กับข้าราชการ
ช้ันพานทองเฝ้า ต้ังร่นเข้าไปชิดผนังฟากเหนือเปลี่ยนเปนหันหน้ามาทางทิศใต้ แลต้ังต้นแถวทางทิศตวันตก
ตรงหน้าพระท่ีนั่งภัทรบิฐปลายไปทางทิศตวันออก จนถึงวิมานพระสยามเทวาธิราช แลเปิดฉากท่ีกั้นตามช่อง
พระท่ีน่ังไพศาลทักษิณออก เว้นแต่ฉากชานพักคงไว้ แลปูทางลาดพระบาทต้ังแต่พระที่นั่งอัฐทิศมาพระท่ีน่ัง
ภัทรบิฐ แต่พับเปิดช่องทางลงชานพักด้านตวันออกไว้ เม่ือสรงพระกระยาสนานแล้ว จึงได้ปูเชื่อมทางตลอด

ในพระท่ีน่ังจักรพรรดิพิมาน ได้ต้ังอาสน์สงฆ์ที่จะได้รับพระราชทานฉันในวันรุ่งข้ึน ที่ห้องตวันตก

1 เวลา ๑๘.๓๐ น.

188 ประมวลเอกสารพระราชพิธีบรมราชาภิเษก

บรมราชาภิเษก

๑๕ วันท่ี ๑๑ พฤศจิกายน (วัน ๖ ๑ฯ๐๑๒ ค�่ำ)1 เวลาเช้าใกล้พระฤกษ์สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงเครื่อง
เตม็ ยศทหารมหาดเล็กทรงสายสพายนพรตั นราชวราภรณ์ พระสงั วาลจุลจอมเกล้า เสด็จออกพระทน่ี ัง่ จกั รีมหา
ปราสาท เสด็จพระราชดำ� เนิรโดยกระบวรพระราชยาน ประทบั พระทน่ี ัง่ อมรินทรวนิ จิ ฉยั ทรงจุดเทยี นนมัสการ
พระสัมพุทธพรรณีแล้ว เสด็จขึ้นพระที่น่ังไพศาลทักษิณ พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหลวงวชิรญาณวโรรส
พระวรวงศ์เธอ พระองคเ์ จ้าพระสถาพรพริ ยิ พรต2 สมเด็จพระพทุ ธโฆษาจารย์ แลพระพมิ ลธรรมผู้ที่จะไดถ้ วาย
น้�ำพระพุทธมนต์ ขึ้นนั่งอาสน์พระท่ีนั่งไพศาลทักษิณ พระสงฆ์นอกนั้นอีก ๓๑ รูป เข้าไป ณ ที่ฉันในพระที่นั่ง
จกั รพรรดพิ มิ านหลงั ตวนั ตก พระสงฆท์ พ่ี ระทน่ี ง่ั อมรนิ ทรวนิ จิ ฉยั คงฉนั อยู่ ณ ทเ่ี ดมิ พระบรมวงศานวุ งศข์ า้ ราชการ
แตง่ เต็มยศใหญ่ ผู้ทไ่ี ด้รบั พระราชทานเคร่ืองราชอศิ รยิ าภรณอ์ ันเปนโบราณมงคล นพรัตนราชวราภรณป์ ระดับ
สายสพายนพรัตน์สร้อยจุลจอมเกล้า เจ้าพนักงารท่ีเข้ากระบวรน�ำแลตามเสด็จพระราชด�ำเนิร ตั้งแต่เวลาสรง
พระกระยาสนานตลอดจนขน้ึ พระทนี่ ง่ั ภทั รบฐิ นน้ั กระบวรหนา้ แตง่ เตม็ ยศพนื้ ขาว กระบวนหลงั แตง่ เตม็ ยศตาม
ตำ� แหน่ง แลสวมเส้อื ครยุ ทั้งสองกระบวร พระบรมวงศานวุ งศ์ ข้าราชการผกู้ ระท�ำหน้าท่รี าชบณั ฑิต แตง่ เตม็ ยศ
พื้นขาว แต่สวมเสื้อครุยห่มเฉียงบ่า ตลอดท้ังพราหมณ์ผู้ถวายน้�ำสังข์น�้ำครอบ แลน�ำเสด็จยังพระที่น่ังภัทรบิฐ
น้ันด้วย พระบรมวงศานวุ งศข์ ้าราชการผใู้ หญ่ เฝา้ ทูลลอองธลุ พี ระบาท ในพระท่ีนงั่ ไพศาลทกั ษณิ ตามท่ซี ึ่งจัดไว้
ข้าราชการประจ�ำการเฝ้าท่ีชานพักด้านตวันตก โหรพราหมณ์ แลผู้มีหน้าท่ีน�ำเสด็จในการสรงมุรธาภิเษก
อย่ชู านพักด้านตวนั ออก

สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงจุดเทียนเคร่ืองนมัสการแล้วประทับพระราชบัลลังก์ พระเจ้าบรมวงศ์เธอ
กรมหลวงวชริ ญาณวโรรสถวายศลี ทรงศลี แลว้ เสดจ็ ขน้ึ ประทบั หอพระสรุ าลยั พมิ าน ผลดั พระภษู า ทรงเศวตพสั ตร
แลทรงสพกั ขาวขอบขลบิ ทองคำ� คร้นั ถึงเวลาเช้า ๓ โมง ๑๓ นาฑี กับ ๕๖ วินาฑี เปนมหาอดุ มพไิ ชยมงคลฤกษ์
พระราชครูพิธี (หลวงราชมุนีว่าที่) กราบบังคมทูลอัญเชิญเสด็จสู่ที่สรงมุรธาภิเษกเสด็จพระราชด�ำเนิรจาก
หอพระสรุ าลยั พมิ าน ทางพระทนี่ ง่ั ไพศาลทกั ษณิ หมอ่ มเจา้ พรอ้ มในพระเจา้ ราชวรวงศเ์ ธอ กรมหมน่ื ภมู นิ ทรภกั ดี
ราชบัณฑิต เชิญพระไชยเนาวโลหน�ำเสด็จอยู่เบื้องขวา หลวงอินทรฦๅไชยพราหมณ์พฤฒิบาศ เชิญพระมหา
พฆิ เนศวรนำ� เสดจ็ อยเู่ บอ้ื งซา้ ยคู่ ๑ กรมพระแสงในขบั ไมบ้ ณั เฑาะว์ ๒ คู่ พราหมณเ์ ปา่ สงั ขอ์ ตุ ราวฏั ๒ คู่ หลวงสรุ ยิ า

1 วันศกุ ร์ เดือน ๑๒ ขึน้ ๑๐ คา่ํ
2 พระนามเดมิ หมอ่ มเจา้ ภชุ งค์ เปน็ พระโอรสในพระเจา้ บรมวงศเ์ ธอ กรมขนุ เจรญิ ผลพลู สวสั ด์ิ ประสตู เิ มอื่ วนั ที่ ๑๖ ธนั วาคม
พ.ศ. ๒๔๐๒ ทรงผนวชเป็นพระราชาคณะสถติ ณ วัดราชบพิธสถิตมหาสีมาราม ในรชั สมยั พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกลา้ เจ้าอยู่หัว
โปรดเกลา้ ฯสถาปนาเปน็ พระองคเ์ จา้ พระสถาพรพริ ยิ พรตเมอ่ื พ.ศ.๒๔๔๙ ในรชั สมยั พระบาทสมเดจ็ พระมงกฎุ เกลา้ เจา้ อยหู่ วั โปรดเกลา้ ฯ
สถาปนาเปน็ กรมหมื่นชินวรศริ วิ ฒั น์ เมื่อ พ.ศ. ๒๔๕๓ ต่อมาโปรดเกล้าฯ สถาปนาขน้ึ เป็นสมเดจ็ พระสงั ฆราชเจา้ สมเดจ็ พระสังฆราช
พระองคท์ ี่ ๑๑ แหง่ กรุงรตั นโกสนิ ทร์ เมื่อ พ.ศ. ๒๔๖๔ ในรชั สมัยพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยูห่ ัว โปรดเกล้าฯ สถาปนาขึ้นเป็น
กรมหลวงชินวรศิริวัฒน์ เมื่อ พ.ศ. ๒๔๖๙ ส้ินพระชนม์ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระปรเมนทรมหาอานันทมหิดล พระอัฐมรามา
ธบิ ดนิ ทร เมื่อวนั ที่ ๒๕ สงิ หาคม พ.ศ. ๒๔๘๐ พระชันษา ๗๘ ปี

ประมวลเอกสารพระราชพิธีบรมราชาภิเษก 189

เทเวศรเ์ บอ้ื งขวา หลวงญาณสยมภวู เ์ บอื้ งซา้ ย เปา่ สงั ขท์ กั ษณิ าวฏั คู่ ๑ พระครอู ษั ฎาจารยเ์ บอ้ื งขวา หลวงศวิ าจารย์
เบื้องซ้ายโปรยเข้าตอกคู่ ๑ พระราชครูพิธี (หลวงราชมุนีว่าท่ี) เบื้องขวา พระสิทธิไชย (หลวงเทพาจารย์ว่าท่ี)
เบื้องซ้าย น�ำเสด็จเจ้าหม่ืนไวยวรนาถหัวหม่ืนมหาดเล็กถวายฉลองพระบาท พระยาบุรุษรัตนราชพัลลภ
จางวางมหาดเลก็ เชิญพระแสงฝักทองเกลยี้ งตามเสด็จทั้ง ๒ นาย เสดจ็ พระราชดำ� เนิรทางชานพกั ดา้ นตวันออก
เจา้ พนกั งารภษู ามาลาอยงู่ ารพระกลด อภริ มยอ์ ยงู่ ารบงั สรู ยิ ์ ทรงจดุ เทยี นทองเงนิ ธปู สงั เวยเทวดากลางหาวแลว้
เสดจ็ สมู่ ณฑปพระกระยาสนานสถติ ยเ์ หนอื อทุ มุ พรราชอาสน์ แปรพระพกั ตรส์ สู่ ริ มิ งคลทศิ อาคเณย์ พระยาราชโกษา
ถวายเครื่องสรงพระกระยาสนาน พระโหราธิบดี (หลวงโลกทปี แทน) ลนั่ ฆ้องไชย พราหมณเ์ ปา่ สงั ข์ทกั ษิณาวฏั
พระยาราชโกษาไขสหัสธาราน�้ำนทีท้ังห้า (คือแม่น้�ำเจ้าพระยา แม่น้�ำนครไชยศรี แม่น้�ำราชบุรี แม่น�้ำเพ็ชร์
แลแม่น้�ำฉเชิงเทรา) ซึง่ เจอื ด้วยน�้ำเบญจมหานทใี นมัชฌิมประเทศ (คือแม่น�้ำคงคา ยมนา นที สรภู แลอจิรวดี)
แลนำ�้ ๔ สระ (คอื สระแกว้ สระเกศ สระคา สระยมนา แขวงเมอื งสพุ รรณบรุ )ี สรงมรุ ธาภเิ ษก พระสงฆใ์ นพระทน่ี งั่
จักรพรรดิพิมานแลพระท่ีน่ังอมรินทรวินิจฉัยสวดไชยมงคลคาถา เจ้าพนักงานประโคมแตรสังข์ บัณเฑาะว์
มโหรทกึ เครอื่ งดรุ ยิ ดนตรี ยงิ ปนื มหาฤกษ์ มหาไชย มหาจกั ร์ มหาปราบยคุ (ซง่ึ เรยี งอยใู่ นสนามหนา้ พระทน่ี ง่ั จกั รี
มหาปราสาท) ๒๑ นดั ตามกำ� ลังวัน กรมทหารบกแลกรมทหารเรอื ยิงปนื ใหญเ่ ฉลิมพระเกียรติยศแหง่ ละ ๑๐๑
นัด1 พระสงฆ์ในพระอารามทั้งหลายได้ย�่ำรฆังถวายไชยมงคลอารามละ ๗ ลา ประชาชนได้สดับอุโฆษนาการ
เปนทหี่ มายแหง่ สมเดจ็ พระเจา้ อยหู่ วั ไดม้ รุ ธาภเิ ษกสนานเถลงิ ถวลั ยราชสมบตั สิ บื สนองพระองค์ สมเดจ็ พระบรม
ชนกนาถปิยมหาราช ต่างเตม็ ตื้นดว้ ยความปีติอธษิ ฐานพระพรไชยมงคล

เมื่อสรงสหัสธาราแล้ว พระบรมวงศ์ท่ีทรงผนวชแลพระสงฆ์ที่จะโปรดให้ถวายน�ำพระพุทธมนต์นั้น
ลงทางบันไดชานพักตวันออก ขึ้นถวายน�้ำทางทิศตวันออกดังนี้

(๑) พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหลวงวชิรญาณวโรรส พระครอบพระกร่ิงหลวง กับพระครอบยันต์
ของเดิม สรงท่ีพระขนองแลที่พระหัดถ์เพื่อทรงลูบพระพักตร์

(๒) พระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าพระสถาพรพิริยพรต พระครอบพระกริ่งมาแต่อาราม สรงท่ีพระขนอง
แลท่ีพระหัดถ์

(๓) สมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ พระเต้าบัวแดง ถวายแต่ท่ีพระหัดถ์
(๔) พระพิมลธรรม พระครอบพระกร่ิงในรัชกาลท่ี ๕ ถวายแต่ท่ีพระหัดถ์
เมื่อพระสงฆ์ถวายน้�ำเสร็จกลับขึ้นทางเดิมแล้วลงจากพระที่น่ังไพศาลทักษิณทางช่องกลาง ผ่านท้อง
พระโรงหน้าขึ้นยังพระท่ีน่ังจักรพรรดิพิมาน สวดถวายไชยมงคลด้วยกันกับหมู่สงฆ์ต่อไปจนสรงแล้ว
เม่ือพระสงฆ์ถวายน้�ำแล้ว สมเด็จพระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนี2 เสด็จขึ้นทางทิศตวันออก
สรงที่พระขนองแลพระหัดถ์ด้วยพระเต้าศิลายอดเก้ียว

1 มีขึ้นเป็นครั้งแรกในงานพระราชพิธีบรมราชาภิเษกของพระมหากษตั ริยใ์ นพระบรมราชจกั รีวงศ์
2 พระนามเดิม พระองค์เจ้าเสาวภาผ่องศรี เป็นพระราชธิดาในพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวกับสมเด็จ
พระปยิ มาวดี ศรพี ชั รนิ ทรมาตา (เจา้ คณุ จอมมารดาเปย่ี ม) ประสตู เิ มอ่ื วนั ท่ี ๑ มกราคม พ.ศ. ๒๔๐๖ พระบาทสมเดจ็ พระจลุ จอมเกลา้
เจ้าอยู่หัวทรงสถาปนาเป็นสมเด็จพระบรมราชินีนาถ ทรงส�ำเร็จราชการแผ่นดินต่างพระองค์คราวเสด็จประพาสยุโรปคร้ังแรก
พ.ศ. ๒๔๔๐ ในรชั สมยั พระบาทสมเดจ็ พระมงกฎุ เกลา้ เจา้ อยหู่ วั ทรงเฉลมิ พระปรมาภไิ ธยเปน็ สมเดจ็ พระศรพี ชั รนิ ทรา บรมราชนิ นี าถ
พระบรมราชชนนีพันปีหลวง เสด็จสวรรคตเม่ือวันที่ ๒๐ ตุลาคม พ.ศ. ๒๔๖๒ พระชนมายุ ๕๗ พรรษา มีพระราชโอรสธิดาทั้งส้ิน
๙ พระองค์

190 ประมวลเอกสารพระราชพิธีบรมราชาภิเษก

พระบรมวงศ์ฝ่ายหน้าผู้ถวายน�้ำเสด็จลงไปคอยอยู่ท่ีท้องพระโรงหน้าลงทางบันไดต้นมะกรูด
เชิญพระเต้าขึ้นทูลเกล้าฯ ถวายทางทิศใต้แต่โปรดเกล้าฯ ให้ถวายที่พระหัดถ์ตามล�ำดับดังน้ี

๑ สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้ากรมพระภาณุพันธุวงศ์วรเดช1 พระเต้าเบญจครรภน้อย
๒ พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหลวงนเรศวรฤทธ์ิ2 พระเต้าศิลาจาฤกอักษร
๓ พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหลวงเทวะวงศ์วโรปการ3 พระเต้าบัวหยกเขียว
๔ พระเจ้าพี่ยาเธอ กรมหม่ืนจันทบุรีนฤนาถ4 พระเต้าประทุมศิลาขาว

1 พระนามเดิม สมเด็จเจ้าฟ้าภาณุรังษีสว่างวงศ์ ด�ำรงราชอิศริยาธิบดีศรีวิสุทธ มหามกุฏพงศวโรภยาภิชาติ ราชโสทรา
นุชาธิบดินทร์ ทิพศิรินทรพิพัฒน์ สุขุมาลรัตนราชกุมาร เป็นพระราชโอรสในพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวกับสมเด็จ
พระเทพศิรินทรา บรมราชินี ประสูติเม่ือวันที่ ๑๑ มกราคม พ.ศ. ๒๔๐๒ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว โปรดเกล้าฯ
สถาปนาเป็นสมเดจ็ เจ้าฟา้ ฯ กรมหลวงภาณพุ นั ธุวงศว์ รเดช เมื่อ พ.ศ. ๒๔๒๔ เลือ่ นเปน็ สมเดจ็ เจ้าฟ้าฯ กรมพระภาณุพันธุวงศ์วรเดช
เม่อื พ.ศ. ๒๔๒๘ เปน็ พลเอก ราชองครักษ์ เสนาบดกี ระทรวงยุทธนาธกิ าร และกระทรวงกลาโหม เป็นราชทูตพิเศษเสดจ็ ประเทศ
ญ่ีปุ่น และทวีปยุโรป ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว โปรดเกล้าฯ สถาปนาเป็นสมเด็จเจ้าฟ้าฯ กรมพระยา
ภาณุพันธุวงศ์วรเดช เม่ือ พ.ศ. ๒๔๕๔ เป็นจอมพลทหารบก จอมพลเรือ ราชองครักษ์ และเป็นจเรทหารบก ทหารเรือท่ัวไป
ในรชั สมยั พระบาทสมเด็จพระปกเกลา้ เจา้ อยหู่ วั โปรดเกล้าฯ สถาปนาเป็นสมเด็จพระราชปิตุลาบรมพงศาภิมุข เจา้ ฟา้ ฯ กรมพระยา
ภาณพุ นั ธวุ งศว์ รเดช ทรงศกั ดนิ า ๑๐๐,๐๐๐ เสมอดว้ ยศกั ดนิ าพระมหาอปุ ราช แตม่ ไิ ดต้ ง้ั ขน้ึ เปน็ มหาอปุ ราช เมอื่ พ.ศ. ๒๔๖๘ ทวิ งคต
เมือ่ วนั ที่ ๑๓ มิถุนายน พ.ศ. ๒๔๗๑ เปน็ ต้นราชสกลุ ภาณพุ นั ธ์ุ

2 พระนามเดิม พระองค์เจ้ากฤษดาภินิหาร เป็นพระราชโอรสในพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว กับเจ้าจอมมารดา
กลิ่น ประสูติเมื่อวันท่ี ๗ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๓๙๘ ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว โปรดเกล้าฯ สถาปนาเป็น
กรมหม่ืนนเรศรวรฤทธิ์ เมื่อ พ.ศ. ๒๔๑๘ เล่ือนเป็นกรมหลวง เมื่อ พ.ศ. ๒๔๔๒ ทรงเป็นราชทูตประจ�ำสหราชอาณาจักร และ
สหรฐั อเมรกิ า เปน็ เสนาบดกี ระทรวงนครบาลและกระทรวงโยธาธกิ าร ในรชั สมยั พระบาทสมเดจ็ พระมงกฎุ เกลา้ เจา้ อยหู่ วั โปรดเกลา้ ฯ
สถาปนาเป็นกรมพระนเรศรวรฤทธ์ิ เม่ือ พ.ศ. ๒๔๕๔ ทรงเป็นสมุหมนตรี เสนาบดีกระทรวงมุรธาธร สิ้นพระชนม์เมื่อวันที่ ๑๐
สงิ หาคม พ.ศ. ๒๔๖๘ พระชันษาได้ ๗๑ ปี เปน็ ตน้ ราชสกุล กฤดากร

3 พระนามเดิม พระองค์เจ้าเทวัญอุไทยวงศ์ เป็นพระราชโอรสในพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวกับสมเด็จ
พระปยิ มาวดี ศรีพชั รินทรมาตา (เจา้ คุณจอมมารดาเป่ยี ม) ประสตู ิเมอื่ วันท่ี ๒๗ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๔๐๑ ในรัชสมยั พระบาทสมเด็จ
พระจลุ จอมเกลา้ เจา้ อยหู่ วั โปรดเกลา้ ฯ สถาปนาเปน็ กรมหมนื่ เทวะวงศว์ โรปการ เมอื่ พ.ศ. ๒๔๒๔ เลอ่ื นเปน็ กรมหลวง เมอื่ พ.ศ. ๒๔๒๙
เปน็ ราชเลขานกุ าร เสนาบดีกระทรวงการตา่ งประเทศ เปน็ ราชทูตพเิ ศษเสดจ็ ไปทวีปยโุ รป ในรัชสมัยพระบาทสมเดจ็ พระมงกุฎเกล้า
เจ้าอยู่หัว โปรดเกล้าฯ สถาปนาเป็นกรมพระเทวะวงศ์วโรปการ เมื่อ พ.ศ. ๒๔๕๔ เป็นสมุหมนตรี แล้วเล่ือนเป็นสมเด็จพระเจ้า
บรมวงศ์เธอ กรมพระยาเทวะวงศว์ โรปการ เมอ่ื พ.ศ. ๒๔๕๙ เป็นมหาอ�ำมาตยเ์ อก คงในต�ำแหนง่ เสนาบดกี ระทรวงการต่างประเทศ
เปน็ สภานายกแห่งสภาการคลงั เมอ่ื พ.ศ. ๒๔๖๕ สิ้นพระชนมเ์ มอื่ วันท่ี ๒๘ มถิ ุนายน พ.ศ. ๒๔๖๖ พระชนั ษา ๖๖ ปี เป็นตน้ ราชสกุล
เทวกุล

4 พระนามเดิม พระองค์เจ้ากิติยากรวรลักษณ์ เป็นพระราชโอรสในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวกับ
เจา้ จอมมารดาอว่ ม ประสตู เิ มอื่ วนั ที่ ๘ มถิ นุ ายน พ.ศ. ๒๔๑๗ เสดจ็ ไปทรงศกึ ษา ณ สหราชอาณาจกั ร พระบาทสมเดจ็ พระจลุ จอมเกลา้
เจ้าอยู่หวั โปรดเกลา้ ฯ สถาปนาเปน็ กรมหม่นื จันทบรุ นี ฤนาถ เมือ่ พ.ศ. ๒๔๔๕ เปน็ เสนาบดกี ระทรวงพระคลงั มหาสมบตั ิ ในรัชสมัย
พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว เป็นสมุหมนตรี เลื่อนเป็นกรมหลวงจันทบุรีนฤนาถ เม่ือ พ.ศ. ๒๔๕๔ เลื่อนเป็น
กรมพระจันทบุรีนฤนาถ เมื่อ พ.ศ. ๒๔๕๙ คงในต�ำแหน่งเสนาบดีกระทรวงพระคลังมหาสมบัติ และเป็นนายกสภาเผยแผ่พาณิชย์
เมื่อ พ.ศ. ๒๔๖๓ เป็นเสนาบดีกระทรวงพาณิชย์ และเป็นกรรมการสภาการคลัง เมื่อ พ.ศ. ๒๔๖๕ เป็นสภานายกแห่งสภาการคลัง
เมื่อ พ.ศ. ๒๔๖๖ ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว เป็นอภิรัฐมนตรี เมื่อ พ.ศ. ๒๔๖๘ สิ้นพระชนม์ ณ กรุงปารีส
สาธารณรัฐฝร่ังเศส เมอื่ วนั ท่ี ๒๗ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๔๗๔ พระชันษา ๕๗ ปี เป็นตน้ ราชสกุล กติ ยิ ากร

ประมวลเอกสารพระราชพิธีบรมราชาภิเษก 191

แลเจ้าพนักงารได้ทูลเกล้าฯ ถวายพระเต้าศิลาต่าง ๆ พระเต้าเทวบิฐ พระเต้าห้ากระษัตริย์ พระเต้า
ประทุมนิมิตร แล้วพระโหราธิบดี (หลวงโลกทีปแทน) ทูลเกล้าฯ ถวายพระเต้านวเคราะห์ พระราชครูพิธี
(หลวงราชมุนีว่าท่ี) ทูลเกล้าฯ ถวายพระเต้าเบญจครรภ พราหมณ์ทูลเกล้าฯ ถวายพระมหาสังข์ ๕
แลพระมหาสังข์ ๓ แล้วหลวงอินทรฦๅไชยทูลเกล้าฯ ถวายพระสังข์สัมฤทธิ์แล้ว พระยาราชโกษาทูลเกล้าฯ
ถวายพระมหาสังข์ทักษิณาวัฏตามขัตติยราชประเพณี ครั้นเสร็จสรงมุรธาภิเษกแล้ว พระเทพทวาราวดี
จางวางมหาดเล็กข้าหลวงเดิมทูลเกล้าฯ ถวายฉลองพระองค์คลุมสีเหลือง เจ้าหม่ืนไวยวรนาถถวาย
ฉลองพระบาท เสด็จข้ึนทรงเครื่อง ณ หอพระสุราลัยพิมาน มีกระบวรราชบัณฑิตชีพราหมณ์น�ำเสด็จขึ้น
ทางหอพระ หยุดประโคม

อน่ึงในมหาอุดมมงคลฤกษ์ เม่ือสรงมุรธาภิเษก พระสงฆ์สวดไชยมงคลคาถา เจ้าพนักงารประโคมแตร
สังข์ดุริยดนตรีอยู่น้ัน เจ้าพนักงารได้ยกพระมหาเศวตฉัตร ในพระท่ีน่ังอมรินทรวินิจฉัย กับสมเด็จพระบรม
ราชินีนาถ พระบรมราชชนนี แลสมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชเทวี1 ได้ทรงลาดพระย่ีภู่ ณ ท่ีพระบรรธม
บนพระที่นั่งจักรพรรดิพิมานพระมหามณเฑียรสถานพร้อมกันด้วย

ในเวลานี้เจ้าพนักงารประเคนภัตตาหารแก่พระสงฆ์ฉันในพระที่นั่งจักรพรรดิพิมาน แลพระที่นั่ง
อมรินทรวินิจฉัยท้ัง ๒ แห่ง คร้ันฉันแล้วพระสงฆ์ในพระที่น่ังอมรินทรวินิจฉัยเข้าไปพร้อมด้วยหมู่สงฆ์ใน
พระที่นั่งจักรพรรดิพิมาน ข้ึนทางท้องพระโรงหลัง

สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จสู่หอพระสุราลัยพิมาน ทรงเคร่ืองตามสีพิไชยสงคราม ทรงสนับเพลาเชิงงอน
พระภูษาเขียนทองพื้นเหลือง ฉลองพระองค์ตาดพื้นเหลือง ประดับพระดาราเครื่องอิศริยาภรณ์ท้ัง ๕
ทรงสวมสายสพายราชอิศริยาภรณ์มหาจักรีพร้อมทั้งพระสังวาล ทรงสวมฉลองพระองค์ครุยกรองทองริ้ว
ปัตหล่าช้ันนอกเสร็จ เจ้าพนักงารเผยพระทวารทางออกพระท่ีน่ังไพศาลทักษิณ หม่อมเจ้าพร้อมเชิญ
พระไชยเนาวโลห หลวงอินทรฦๅไชย เชิญพระมหาพิฆเนศวรน�ำเสด็จพระราชด�ำเนิร พราหมณ์เป่าสังข์
แลกรมพระแสงในขับไม้บัณเฑาะว์ ต้ังแถวอยู่ตรงพระท่ีนั่งอัฐทิศ แลมีกระบวรหลังเชิญเคร่ืองราชกกุธภัณฑ์
แลเคร่ืองราชูปโภคกับพระแสงอัษฎาวุธส�ำหรับตามเสด็จยืนประจ�ำท่ี อยู่ที่ชานพักหอพระสุราลัยพิมานหลัง
พระทวารลงพระท่ีน่ังไพศาลทักษิณน้ัน พระบรมวงศานุวงศ์ ข้าราชผู้ใหญ่ยืนประจ�ำที่เฝ้าทูลลอองธุลีพระบาท
ตลอดจนถึงเวลาเสด็จขึ้นพระราชมณเฑียร สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวสถิตย์เหนืออุทุมพรราชอาสน์พระที่น่ังอัฐทิศ

1 พระนามเดิม พระองคเ์ จา้ สวา่ งวฒั นา เปน็ พระราชธิดาในพระบาทสมเดจ็ พระจอมเกลา้ เจา้ อยหู่ วั กับสมเดจ็ พระปิยมาวดี
ศรพี ชั รนิ ทรมาตา(เจา้ คณุ จอมมารดาเปย่ี ม)ประสตู เิ มอื่ วนั ที่๑๐กนั ยายนพ.ศ.๒๔๐๕ในรชั สมยั พระบาทสมเดจ็ พระจลุ จอมเกลา้ เจา้ อยหู่ วั
โปรดเกล้าฯ สถาปนาเป็นสมเด็จพระนางเจ้า พระบรมราชเทวี ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว เป็นสมเด็จ
พระมาตจุ ฉาเจา้ เสดจ็ ดำ� รงตำ� แหนง่ สภานายกิ าแหง่ สภากาชาดสยาม เมอื่ พ.ศ. ๒๔๖๓ ในรชั สมยั พระบาทสมเดจ็ พระปกเกลา้ เจา้ อยหู่ วั
โปรดเกลา้ ฯ สถาปนาเปน็ สมเดจ็ พระศรีสวรนิ ทริ า บรมราชเทวี พระพนั วสั สามาตจุ ฉาเจา้ เมือ่ พ.ศ. ๒๔๖๘ ในรชั สมยั พระบาทสมเด็จ
พระปรเมนทรมหาอานนั ทมหดิ ล พระอฐั มรามาธบิ ดนิ ทร โปรดเกลา้ ฯ สถาปนาเปน็ สมเดจ็ พระศรสี วรนิ ทริ า บรมราชเทวี พระพนั วสั สา
อัยยิกาเจ้า เม่ือวันที่ ๒๕ มีนาคม พ.ศ. ๒๔๗๗ เสด็จสวรรคตในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดช
มหาราช บรมนาถบพิตร เมื่อวนั ที่ ๑๗ ธันวาคม พ.ศ. ๒๔๙๘ พระชนมายุ ๙๓ พรรษา มพี ระราชโอรสธดิ าท้ังส้ิน ๘ พระองค์

192 ประมวลเอกสารพระราชพิธีบรมราชาภิเษก

ภายใต้พระบวรเศวตฉัตร ผันพระพักตร์สู่บูรพทิศเปนปฐม พระยาราชโกษาทูลเกล้าฯ ถวายพระเต้าเบญจครรภ
ส�ำหรับทรงรับน้�ำอภิเษก เม่ือประทับพระท่ีน่ังอัฐทิศ พราหมณ์ผู้ได้บวชพรต เข้าไปประจ�ำทิศเพื่อถวายน้�ำสังข์
พระบรมวงศานุวงศ์ข้าราชการซึ่งทรงนับว่าเปนราชบัณฑิต กับพราหมณ์ผู้ได้บวชพรตน่ังหันหน้าเฝ้าทูลลออง
ธุลีพระบาท ประจ�ำอยู่ตามทิศเปนคู่ ๆ จึงพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมขุนสมมตอมรพันธุ์ ซ่ึงประจ�ำบูรพทิศ
ทรงนั่งคุกเข่ากราบบังคมทูลเปนมคธภาษา แล้วถวายน�้ำอภิเษกด้วยถ้วยศิลาจาฤกอักษร ทรงรับด้วย
พระหัดถ์ ทรงจิบแลลูบพระพักตร์แล้วทรงรับด้วยพระเต้าเบญจครรภหน่อยหน่ึง แล้วมีพระราชด�ำรัสตอบ
แลผู้ถวายน้�ำรับพระราชด�ำรัสแล้ว พราหมณ์ท่ียืนประจ�ำร้ิวเป่าสังข์ พราหมณ์ท่ีคุกเข่านั่งประจ�ำทิศถวายน้�ำ
พระมหาสังข์ กับหลวงเทพาจารย์พราหมณ์พฤฒิบาศถวายน�้ำพระครอบด้วย เวียนตามไปทุกทิศ เม่ือทรงรับน้�ำ
แล้วเสด็จผันพระองค์ไปตามล�ำดับโดยทักษิณาวัฏทิศอาคเณย์ พอประทับปรกติแล้วสุดเสียงสังข์ ราชบัณฑิต
ผู้ประจ�ำทิศอยู่ก็ถวายไชย แลน�้ำอภิเษก ทรงรับแลมีพระราชด�ำรัสตอบ พราหมณ์เป่าสังข์แลถวายน�้ำ
พระมหาสังข์ แลพระครอบต่อไป คือ

ทิศ ราชบัณฑิต พราหมณ์
บูรพา กรมขุนสมมตอมรพันธุ์ หลวงราชมุนี
อาคเณย์ พระมหาวิชาธรรม ขุนปัจจเวกข์
ทักษิณ พระยารักษาสมบัติ ขุนธรรมนารายณ์
หรดี พระปริยัติธรรมธาดา หลวงศิวาจารย์
ประจิม กรมหมื่นวิวิธวรรณปรีชา1 หลวงญาณสยมภูว์
พายัพ หลวงราชาภิรมย์ หลวงสุริยาเทเวศร์
อุดร เจ้าพระยายมราช พระครูอัษฎาจารย์
อิสาณ พระเมธาธิบดี หลวงเทพมุนี

คร้ันถึงทิศอิสาณเปนท่ีสุดแล้ว สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จพระราชด�ำเนิรแต่พระที่น่ังอัฐทิศ วงโดย
ทักษิณาวัฏ เสด็จโดยทางลาดพระบาทไปพระที่นั่งภัทรบิฐ มีกระบวรน�ำเสด็จตามเสด็จ ดังนี้

1 พระนามเดิม พระองค์เจ้าจันทรทัตจุฑาธาร เป็นพระราชโอรสในพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวกับเจ้าจอม
มารดาโหมด ประสูติเม่ือวนั ท่ี ๑๑ ธนั วาคม พ.ศ. ๒๔๐๓ ในรัชสมยั พระบาทสมเดจ็ พระจลุ จอมเกลา้ เจา้ อยู่หัว โปรดเกล้าฯ สถาปนา
เป็นกรมหมื่นวิวิธวรรณปรีชา เมื่อ พ.ศ. ๒๔๓๙ ทรงเป็นอธิบดีกรมพยาบาล ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว
ทรงเป็นมหาอ�ำมาตย์ตรีในกระทรวงยุติธรรม สิ้นพระชนม์ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว เม่ือวันที่ ๑๐ ตุลาคม
พ.ศ. ๒๔๗๕ พระชนั ษา ๗๒ ปี เปน็ ต้นราชสกลุ จันทรทัต

ประมวลเอกสารพระราชพิธีบรมราชาภิเษก 193

(๑) ขบวรน�ำเสด็จ เดินเปน ๒ สาย

เบื้องซ้าย เบื้องขวา

คู่ที่ ๑ เชิญมหาพิฆเนศว์ร เชิญพระไชยเนาวโลห
หลวงอินทรฦๅไชย หม่อมเจ้าพร้อม
พราหมณ์พฤฒิบาศ ขับไม้บัณเฑาะว์
คู่ท่ี ๒ ขับไม้บัณเฑาะว์ ขุนหม่ืนกรมแสงใน
คู่ท่ี ๓ ขุนหมื่นกรมแสงใน เป่าสังอุตราวัฏ
คู่ท่ี ๔ เป่าสังข์อุตราวัฏ พราหมณ์
คู่ที่ ๕ พราหมณ์ เป่าสังข์ทักษิณาวัฏ
คู่ท่ี ๖ เป่าสังข์ทักษิณาวัฏ หลวงสุริยาเทเวศร์
หลวงญาณสยมภูว์ โปรยเข้าตอก
คู่ที่ ๗ โปรยเข้าตอก พระครูอัษฎาจารย์
หลวงศิวาจารย์ หลวงราชมุนี
คู่ที่ ๘ หลวงเทพาจารย์ ว่าท่ีพระราชครู
ว่าท่ีพระสิทธิไชย

(๒) ขบวรตามเสด็จเดิรเปน ๔ สาย

เบื้องซ้าย เบื้องขวา

แถวที่ ๑ เชิญพระมหา เชิญพระสังวาล เชิญพระสุพรรณบัฏ เชิญพระมหาพิไชยมงกุฎ
เศวตฉัตร พราหมณ์ธุร�ำ พระยาศรีสุนทรโวหาร พระยาราชโกษา
พันทอง หลวงเทพมุนี

แถวที่ ๒ เชิญธารพระกร เชิญพระสังวาล เชิญพระสังวาลนพรัตน เชิญพระขรรค์ไชยศรี
พระยา พระนพ ราชวราภรณ์ พระยาบุรุษรัตนราช
วรพงศ์พิพัฒน์ พระเทพาภรณ์ พระยาวงศาภรณ์ภูษิต พัลลภ

แถวที่ ๓ เชิญพัดวาฬวิชนี เชิญพระแส้จามรี เชิญพระแส้ เชิญฉลองพระบาท
เจ้าหม่ืนเสมอ เจ้าหมื่นศรีสรรักษ์ หางช้างเผือก เจ้าหมื่นไวยวรนาถ
ใจราช เจ้าหม่ืนสรรเพธภักดี

194 ประมวลเอกสารพระราชพิธีบรมราชาภิเษก

แถวท่ี ๔ เชิญธารพระกร เชิญพระธ�ำมรงค์ เชิญพระธ�ำมรงค์ เชิญพระแสง
เทวะรูป วิเชียรจินดา รัตนวราวุธ ฝักทองเกลี้ยง
หลวงศักด์ิ หลวงราชาภิมณฑ์ หลวงสุนทรภูษิต หลวงฤทธิ์

แถวท่ี ๕ เชิญพระสุพรรณ เชิญพานพระ เชิญพระมณฑป เชิญพระเต้าทักษิโณทก
ศรีบัวแฉก ขันหมาก นายจ่ายวด นายจ่ารง
นายจ่ายง นายจ่าเรศ

แถวท่ี ๖ เชิญพระแสง เชิญพระแสงจักร เชิญพระแสงตรี เชิญพระแสงหอก
ดาบเชลย นายกวด นายฉัน เพชร์รัตน
นายไชยขรรค์ นายชิด

แถวที่ ๗ เชิญของ้าว เชิญพระแสง เชิญพระแสงธนู เชิญพระแสงปืน
แสนพลพ่าย ดาบเขน นายสนิท ข้ามแม่น�้ำสโตง
นายพิไนย นายบ�ำรุง นายพลพ่าย

ขบวรน�ำเสด็จ เม่ือน�ำไปพ้นพระที่นั่งภัทรบิฐ ผู้เชิญพระไชยแลเทวะรูปเดิรไปยืนริมผนังด้านตวันตก
แต่กรมแสงในผู้ขับไม้บัณเฑาะว์แลพราหมณ์เป่าสังข์เดิรวงเล้ียวกลับออกข้างขวาแลซ้ายตามแถวทั้ง ๒ ข้าง
ย้อนกลับมาตามทางน�ำเสด็จมาแซงเข้าในระหว่างแถวขบวรมหาดเล็กเชิญเคร่ือง กับทางลาดพระบาทนั้น
ทางลาดพระบาทอยู่ในระหว่างกลางแถวพราหมณ์ท้ัง ๒ แถว แล้วกลับหน้ามาทางพระที่นั่งภัทรบิฐ พราหมณ์
ผู้โปรยเข้าตอกแลผู้น�ำเสด็จท้ัง ๔ น่ังคุกเข่าตรงหน้าพระที่นั่ง ขบวรหลังที่เชิญเครื่องตามเสด็จเมื่อขบวรหน้า
เดิรย้อนกลับมาได้แยกทางให้ขบวรหน้าแซงเข้าระหว่างแถว กับทางลาดพระบาท แล้วหยุดยืนอยู่เพียงแนว
พราหมณ์เป่าสังข์

สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จขึ้นประทับพระที่นั่งภัทรบิฐ ผันพระพักตร์สู่บูรพทิศ เมื่อประทับเปน
ปรกติแล้ว สุดเสียงสังข์ จึงพระราชครู (หลวงราชมุนีผู้ว่าท่ี) อ่านเวทสรรเสริญไกรลาส พราหมณ์เป่าสังข์
ท้ัง ๓ ลา คร้ันสุดเสียงสังข์ พระราชครูกราบบังคมทูลเฉลิมพระปรมาภิไธยแลถวายเคร่ืองราชกกุธภัณฑ์
แลเครื่องประดับพระราชอิศริยยศด้วยมคธภาษาจบแล้ว ตรัสรับด้วยมคธภาษา แล้วพระราชครูกราบทูลเปน
ค�ำสยามอีก ครั้นจบแล้วทรงรับด้วยค�ำสยามอีก แล้วพราหมณ์เป่าสังข์ โหรลั่นฆ้องไชย กรมแสงในขับไม้
บัณเฑาะว์เจ้าพนักงารประโคมแตรสังข์มโหรทึกเคร่ืองดุริยดนตรี เจ้าพนักงารผู้เชิญเครื่องตามเสด็จ เชิญเข้าไป
ส่งให้พระราชครูถวายโดยมีล�ำดับดังนี้

(๑) พระสุพรรณบัฏ ทรงรับแล้ว พระยาศรีสุนทรโวหารรับต่อพระหัดถ์ เชิญไปยืนท้ายพระท่ีน่ัง
ภัทรบิฐ ด้านเหนือต้นแถวนอก

ประมวลเอกสารพระราชพิธีบรมราชาภิเษก 195

(๒) พระสังวาลพราหมณ์ธุร�ำ ทรงรับแล้ว ทรงสวมพระองค์เฉียงซ้าย
(๓) พระสังวาลนพรัตนราชวราภรณ์ ทรงรับแล้ว ทรงสวมพระองค์เฉียงขวา
(๔) พระสังวาลพระนพ ทรงรับแล้ว ทรงสวมพระองค์เฉียงขวา
(๕) พระมหาพิไชยมงกุฎ ทรงรับมาทรงสวมแล้ว ผู้เชิญพานไปยืนท้ายพระท่ีนั่งภัทรบิฐ ด้านเหนือ
ต้นแถวใน
(๖) พระขรรค์ไชยศรี ทรงรับแล้วทรงวางบนโต๊ะข้างพระท่ีนั่งภัทรบิฐเบ้ืองซ้าย
(๗) ธารพระกร ทรงรับแล้ว ทรงวางบนโต๊ะข้างพระท่ีนั่งภัทรบิฐเบ้ืองขวา
(๘) พัดวาฬวิชนี ทรงรับแล้ว ทรงวางบนโต๊ะข้างพระที่น่ังภัทรบิฐเบ้ืองขวา
(๙) พระแส้จามรี ทรงรับแล้ว ทรงวางบนโต๊ะข้างพระท่ีนั่งภัทรบิฐเบ้ืองซ้าย
(๑๐) พระแส้หางช้างเผือก ทรงรับแล้ว ทรงวางบนโต๊ะข้างพระที่นั่งภัทรบิฐเบื้องซ้าย
(๑๑) พระธ�ำมรงค์วิเชียรจินดา ทรงรับมาทรงสวม ผู้เชิญพานไปยืนท้ายพระท่ีนั่งภัทรบิฐด้านใต้
แถวนอกที่ ๒
(๑๒) พระธ�ำมรงค์รัตนวราวุธ ทรงรับมาทรงสวม ผู้เชิญพานไปยืนท้ายพระที่นั่งภัทรบิฐด้านเหนือ
แถวนอกท่ี ๒
(๑๓) ฉลองพระบาท พระราชครู (หลวงราชมุนีผู้ว่าที่) สอดถวาย ผู้เชิญอ้อมข้างหลังพระท่ีน่ังภัทรบิฐ
วงมายืนท้ายพระท่ีน่ังภัทรบิฐด้านใต้ต้นแถวนอก
(๑๔) พระแสงดาบฝักทองเกลี้ยง ทรงรับแล้ว ผู้เชิญรับไปยืนเชิญอยู่ท้ายพระท่ีนั่งภัทรบิฐ ด้านเหนือ
แถวในที่ ๒
(๑๕) ธารพระกรเทวรูป ทรงรับแล้ว ผู้เชิญรับไปยืนเชิญอยู่ท้ายพระท่ีนั่งภัทรบิฐ ด้านใต้ แถวในท่ี ๒
(๑๖) พระสุพรรณศรีบัวแฉก
(๑๗) พานพระขันหมาก ผู้เชิญ ๆ เข้าไปตั้งโต๊ะข้างพระที่น่ังภัทรบิฐเบื้องขวา

(๑๘) พระมณฑป ผู้เชิญ ๆ เข้าไปตั้งโต๊ะข้างพระที่นั่งภัทรบิฐเบ้ืองซ้าย
(๑๙) พระเต้าทักษิโณทก
แลพระราชครู (หลวงราชมุนีผู้ว่าท่ี) ถวายพระแสงอัษฎาวุธต่อไป คือ
(๒๐) พระแสงหอกเพชร์รัตน์
(๒๑) พระแสงดาบชเลย
(๒๒) พระแสงตรี
(๒๓) พระแสงจักร์
(๒๔) พระแสงเขนมีดาบ
(๒๕) พระแสงธนู
(๒๖) พระแสงของ้าวแสนพลพ่าย
(๒๗) พระแสงปืนคาบชุดข้ามแม่น�้ำสโตง

196 ประมวลเอกสารพระราชพิธีบรมราชาภิเษก

ทรงรับแล้ว มหาดเล็กผู้เชิญรับไปยืนเชิญอยู่ข้างหลังพระท่ีน่ังภัทรบิฐด้านเหนือแลด้านใต้ ตามระเบียบ
ที่เชิญตามเสด็จมาแล้ว หยุดประโคม พระสิทธิไชยบดี (หลวงเทพาจารย์ผู้ว่าท่ี) กราบทูลถวายพระนพปฎล
เศวตฉัตร ด้วยมคธภาษาแล้ว ตรัสรับด้วยมคธภาษา แล้วกราบทูลด้วยค�ำสยามอีก คร้ันจบแล้วทรงรับด้วย
ค�ำสยามอีก แล้วพระสิทธิไชยบดีเชิญพระนพปฎลเศวตฉัตรถวาย ขณะน้ันพราหมณ์เป่าสังข์โหรล่ันฆ้องไชย
เจ้าพนักงารประโคมแตรสังข์บัณเฑาะว์มโหรทึกเคร่ืองดุริยดนตรี เมื่อทรงรับแล้ว ผู้เชิญรับไปยืนเชิญอยู่ท้าย
พระที่นั่งภัทรบิฐด้านใต้ต้นแถวโดยปรกติแล้ว จึงหยุดประโคม จึงพระครูอัษฎาจารย์อ่านมนต์ยกอนุษฎุภอิศวร
หลวงเทพาจารย์อ่านมนต์ยกอนุษฎุภนารายณ์ ถวายไชย นายละจบ เม่ืออ่านจบพราหมณ์เป่าสังข์ทุกครั้ง
เสร็จแล้วพระราชครูกล่าวค�ำถวายไชยด้วยมคธภาษา แล้วกล่าวค�ำสยามตามความในภาษามคธถวาย
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว จึงมีพระบรมราชโองการ พระราชทานอภัยแลอารักขาให้แก่ประชาชนด้วย
ค�ำมคธภาษาจบแล้ว พระราชครูรับพระบรมราชโองการเปนปฐมด้วยค�ำมคธภาษา จึงมีพระบรมราชโองการ
เปนภาษาสยามตามเน้ือความในมคธภาษาน้ันอีก พระราชครูพราหมณ์ ก็รับพระบรมราชโองการด้วยค�ำสยาม
เปนปฐมเสร็จแล้ว1 พราหมณ์เป่าสังข์ทักษิณาวัฏ เจ้าพนักงารก็ประโคมแตรสังข์บัณเฑาะว์ ฆ้องไชย
มโหรทึกเคร่ืองดุริยดนตรี จึงพระยาศุภกรณ์บรรณสาร เจ้ากรมพระคลังข้างที่ทูลเกล้าฯ ถวายขันทองค�ำ
ลงยาราชาวดี มีดอกพิกุลทองพิกุลเงินในนั้น ทรงโปรยพระราชทานพราหมณ์ทั้ง ๔ ผู้เฝ้าทูลลอองธุลีพระบาท
อยู่ฉเพาะหน้าพระที่นั่งน้ันเปนปฐม แล้วพระสิทธ์ิธนรักษ์ เจ้าพนักงารกรมพระคลังข้างที่ทูลเกล้าฯ ถวาย
ขันทองค�ำลงยาราชาวดีมีเงินสลึงในน้ันก็ทรงโปรยพระราชทานพราหมณ์ท้ัง ๔ อีกครั้งหนึ่ง แล้วทรงหล่ังน้�ำ
ทักษิโณทก ทรงตั้งสัตยาธิฐาน ต้ังพระราชหฤทัยทรงบ�ำเพ็ญราชธรรมจริยาแผ่อาณาแด่ประชาชนแล้ว
ทรงเปล้ืองพระมหาพิไชยมงกุฎ พระยาราชโกษาเชิญพานเข้าไปรับแล้ว เชิญกลับมายืนอยู่ตามท่ี ทรงปลด
พระธ�ำมรงค์พระวิเชียรจินดา แลพระธ�ำมรงค์รัตนวราวุธ หลวงราชาภิมณฑ์แลหลวงสุนทรภูษิต เชิญพาน
เข้าไปรับแล้ว เชิญกลับมายืนอยู่ตามท่ี จึงเสด็จจากพระที่น่ังภัทรบิฐ ทรงโปรยดอกพิกุลทอง พิกุลเงิน
แลเงินสลึงพระราชทานพระบรมวงศานุวงศ์แลข้าราชการ เจ้าพนักงารหยุดประโคม

เสด็จขึ้นยังพระท่ีน่ังจักรพรรดิพิมาน มีมหาดเล็กเชิญเครื่อง ตามปรกติตามเสด็จพระราชด�ำเนิร
ทรงประเคนเครื่องไทยธรรม แก่พระสงฆ์ 8๕ รูป พระสงฆ์ถวายอนุโมทนา พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหลวง
วชิรญาณวโรรส ถวายอติเรกพิเศษเปนพระฤกษ์ปฐมพระสงฆ์สวดโสอัทธลัทโธ ๓ จบ แล้วสวดสัพพุทธาแล
ภวตุสัพ พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหลวงวชิรญาณวโรรส ถวายพระพรลาเสร็จแล้วพระออก พระเจ้าบรมวงศ์เธอ
กรมหลวงวชิรญาณวโรรส กับพระราชาคณะ ๒๙ รูป รวม ๓๐ รูป ที่สวดมนต์ในพระที่น่ังไพศาลทักษิณ
เข้าไปน่ังอาสน์ในพระที่น่ังอมรินทรวินิจฉัย พระพิมลธรรมดับเทียนไชย พระราชาคณะสวดคาถาดับเทียนไชย
เปนเสร็จการพระราชพิธีสงฆ์

1 การกราบบงั คมทลู เปน็ ภาษามคธแลว้ แปลเปน็ ภาษาไทย และพระบาทสมเดจ็ พระเจา้ อยหู่ วั ทรงตอบทงั้ ๒ ภาษานน้ั ปรากฏ
ครงั้ สุดท้ายในพระราชพธิ ีบรมราชาภเิ ษกพระบาทสมเด็จพระปกเกลา้ เจา้ อยหู่ วั พ.ศ. ๒๔๖๘


Click to View FlipBook Version