The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

ประมวลเอกสารพระราชพิธีบรมราชาภิเษก

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by cstd, 2021-07-10 00:25:51

ประมวลเอกสารพระราชพิธีบรมราชาภิเษก

ประมวลเอกสารพระราชพิธีบรมราชาภิเษก

Keywords: บรมราชาภิเษก

ประมวลเอกสารพระราชพิธีบรมราชาภิเษก 397

๔๐. พระอริยธัชะ (พุด พุทฺธญาณ)
วัดส�ำแล จังหวัดประทุมธานี อ.
๔๑. พระธรรมานุสารี (สว่าง จนฺทโชติ)
วัดเทียนถวาย จังหวัดประทุมธานี อ., ภ.
๔๒. พระชยาภิวัฒน (หนู ติสฺสรภิกฺขุ)
วัดสมุหนิมิตต์ จังหวัดสุราษฎร์ธานี อ., ภ.
๔๓. พระธรรมารามคณี (หนู วิชิต)
วัดโตนด จังหวัดหลังสวน อ., ภ.
๔๔. พระวิสุทธิรังสี (เปลี่ยน อินฺทสร)
วัดชัยชุมพลชะนะสงคราม จังหวัดกาญจนบุรี อ., ภ.
๔๕. พระอุดมญาณ (ดวด อุตฺตม)
วัดเสาธงทอง จังหวัดนนทบุรี อ., ภ.
๔๖. พระวินัยกิจโกศล (ตรี จนฺทสร)
วัดกัลยาณมิตร อ., ภ.
๔๗. พระรัตนมุนี (บาง ธมฺมรํสี)
วัดหงสรัตนาราม อ., ภ.
๔๘. พระศาสนุเทศาจารย์ (บุญ ปริปุณฺณสีล)
วัดเศวตฉัตร อ., ภ.
๔๙. พระกวีวงศ์ (กระแจะ วสุตฺตม)
วัดบพิตรพิมุข อ., ภ.
๕๐. พระประสิทธิ์ศีลคุณ (จ้อย สิริทตฺต)
วัดโมลีโลกยาราม อ., ภ.
๕๑. พระวิเชียรมุนี (บุญ ปุณฺณสุวณฺณ)
วัดดุสิดาราม อ., ภ.
๕๒. พระประสิทธ์ิสุตคุณ (ทิม อุทิต)
วัดราชนัดดาราม อ., ภ.
๕๓. พระสุเมธมุนี (ลับ สงฺกิจฺจ)
วัดชะนะสงคราม อ., ภ.
๕๔. พระวิสุทธิสารเถร (ผ่อง ธมฺมโชติก)
วัดคูหาสวรรค์ อ., ภ.
๕๕. พระวิสุทธิสมาจาร (เซ็ก พฺรหฺมสร)
วัดทองธรรมชาติ อ., ภ.

398 ประมวลเอกสารพระราชพิธีบรมราชาภิเษก

๕๖. พระภัทรศีลสังวร (สาต อหึสก)
วัดนิเวศน์ธรรมประวัติ จังหวัดพระนครศรีอยุธยา อ.
๕๗. พระพุทธพยากรณ์ (เจริญ อุปติสฺส)
วัดอับสรสวรรค์ อ., ภ.
๕๘. พระสุวรรณวิมลศีล (ลับ ติสฺสโชติ)
วัดสุวรรณดาราราม จังหวัดพระนครศรีอยุธยา อ., ภ.
๕๙. พระสังกิจจคุณ (ข�ำ อินฺทวํส)
วัดตรีทศเทพ อ., ภ.
๖๐. พระธรรมธราจารย์ (อ่อน ปญฺญุตฺตม)
วัดมหาพฤฒาราม อ., ภ.
๖๑. พระศรีสมโพธิ (ช้อย ฐานทตฺต)
วัดมหาธาตุ อ., ภ.
๖๒. พระวิเชียรธรรมคุณาธาร (โสม ฉนฺน)
วัดราชบุรณะ อ., ภ.
๖๓. พระพินิตพินัย (ช้ัน กมาธิก)
วัดมกุฎกษัตริยาราม อ.
๖๔. พระธรรมกิติ (นาค เมณฺฑกนาม)
วัดระฆังโฆสิตาราม อ., ภ.
๖๕. พระวิเชียรกวี (ฉัตร อินฺทสุวณฺณ)
วัดพระเชตุพน อ., ภ.
๖๖. พระศีลาจารพิพัฒ (ช่วย อิสฺสรญาณ)
วัดสระเกศ อ., ภ.
๖๗. พระญาณสมโพธิ (สวัสด์ิ กิตฺติสาร)
วัดมหาธาตุ อ., ภ.
๖๘. พระนิกรมมุนี (ปล้ืม อุตฺตร)
วัดมหาธาตุ อ., ภ.
๖๙. พระอมราภิรักขิต (ชัย ชิตมาร)
วัดบรมนิวาส อ., ภ.
๗๐. พระสาธุศีลสังวร (สีลรตน)
วัดบวรนิเวศวิหาร อ.

ประมวลเอกสารพระราชพิธีบรมราชาภิเษก 399

๗๑. พระธรรมปหังษนาจารย์ (เชื้อ จนฺทโชติ)
วัดประยุรวงศาวาส อ., ภ.
๗๒. พระอริยกวี (ส�ำราญ โกสล)
วัดจักรวรรดิราชาวาส อ., ภ.
๗๓. พระปริยัติบัณฑิต (ด�ำ อาภารํสี)
วัดสุทัศนเทพวราราม อ., ภ.
๗๔. พระศากยบุตติยวงศ์ (อยู่ ปุญฺญวฑฺฒน)
วัดอรุณราชวราราม อ., ภ.
๗๕. พระอริยมุนี (สว่าง ธมฺมโชติ)
วัดเบญจมบพิตร อ., ภ.
๗๖. พระสุนทรสมาจาร (พรหม อินฺทโชติ)
วัดกัลยาณมิตร อ., ภ.
๗๗. พระพุทธวิริยากร (จัน จนฺทกนฺต)
วัดโสมนัสวิหาร อ., ภ.
๗๘. พระอุดมศีลคุณ (อิน อคฺคิทตฺต)
วัดเทพศิรินทราวาส อ., ภ.
๗๙. พระมหาคณิศร (ภา ภาณก)
วัดราชบพิธ จ., ภ.
๘๐. พระญาณรักขิต (ศรี นารท)
วัดนิเวศน์ธรรมประวัติ จังหวัดพระนครศรีอยุธยา จ., ภ.

400 ประมวลเอกสารพระราชพิธีบรมราชาภิเษก

ประกาศเทวดาในการพระราชพิธีบรมราชาภิเษก รัชกาลที่ ๗

สรชฺชํ สเสนํ สพนฺธํุ นรินฺทํ
ปริตฺตานุภาโว สทา รกฺขตูติ
ผริตฺวาน เมตฺตํ สเมตฺตา ภทนฺตา
อวิกฺขิตฺตจิตฺตา ปริตฺตํ ภณนฺตุฯ
ภทนฺตา ข้าแต่พระผู้เปนเจ้าท้ังหลาย นิมนตพระผู้เปนเจ้าส�ำรวมจิตต์อย่าให้ส่ายในอารมณ จงกอบ
ด้วยเมตตาพรหมวิหาร แผ่ไปในพระบรมราชวงศข้าราชการแล้วจงสวดพระปริตรอธิฏฐานจิตต์ว่า ขออานุภาพ
พระปริตรน้ี จงคุ้มครองป้องกันรักษาสมเดจบรมกษัตริยกับท้ังราชมไหศวรยสมบัติ แลพระราชวงศานุวงศ
เสนาพฤฒามาตย ให้ปราศจากสรรพอุปัทวทุกขเจริญสุขสิรีสวัสดิเปนนิพัทธนิรันดรเทอญฯ
สคฺเค กาเม จ รูเป คิริสิขรตเฏ จนฺตลิกฺเข วิมาเน
ทีเป รฏฺเ จ คาเม ตรุวนคหเน เคหวตฺถุมฺหิ เขตฺเต
ภุมฺมา จายนฺตุ เทวา ชลถลวิสเม ยกฺขคนฺธพฺพนาคา
ติฏฺนฺตา สนฺติเก ยํ มุนิวรวจนํ สาธโว เม สุณนฺตุฯ
โภนฺโต เทวสงฺฆา ดูกรหมู่เทพยอมรนิกรยักษคนธรรพ์ กุมภัณฑ์นาคท้ังหลาย มีอาทิคือ ท้าวทตรฐราช
ท้าววิรุฬหก ท้าววิรูปักษ์ แลท้าวกุเวรราช กับทั้งสมเดจวัชรินทรเทพโกสีย์ผู้มีมหิทธิอ�ำนาจ มีทิพยโศรต
ทพิ ยจกั ษอุ นั ประเสรฐิ บงั เกดิ อยใู่ นทพิ ยพมิ านมาส แลเทพยเจา้ ซง่ึ เนาวอ์ ยใู่ นภมู พิ ฤกษบรรพตากาศฉะกามาวจร
โสฬศพรหมพิภพ อีกองค์มหิศวรวิษณุนพเคราะหเทพยดาทวาทศราศีสถิต กับทั้งเทพยสัปตพิศนักษัตรดารา
แลเทพไทยอนั อภบิ าลบำ� รงุ รกั ษาพระมหานคร พระบรมมหาราชวงั พระทน่ี งั่ เศวตฉตั รมนทริ รตั นปราสาท จงมา
สโมสรสนั นบิ าตในพระราชนเิ วศนมหาสถาน สมาทานเบญจางคกิ ศลี สดบั รบั รศพระสทั ธรรมพทุ โธวาทศาสนกถา
จงปรีดารับราชพลีทั้งสองประการ คืออามิสพลี มีต้นว่าธูปเทียนสุคนธบุบผชาติโภชนาหารอันเอมโอช
ที่โปรสให้จัดสรรเปนเคร่ืองสักการพิธี แลธรรมพลี คือพระราชกุศลที่ทรงบ�ำเพญในงารพระบรมราชาภิเษก
คร้ังนี้ มีต้นว่าทรงบูชาพระศรีรัตนตรัย ทรงบริจาคไทยธรรมไตรจีวรพัสตรขัชชะโภชนาหารแลสมณะปริกขาร
อันประณีตแด่พระภิกษุสงฆ ทรงพระราชูทิศแก่เทพยท้ังปวงเปนธรรมบรรณาการ จงมีไมตรีจิตต์สถิตเปนสักขี
พยานในงานพระราชพิธีบรมราชาภิเษกนี้ฯ จ�ำเดิมแต่สมเด็จพระบรมนราธิบดีประถมกษัตริยในพระบรมวงศ
ทรงสถาปนากรุงเทพมหานครอมรรัตนโกสินทรมหินทรายุทธยาน้ีมา คณนาได้ถึง ๑๔๔ ปี มีบรมกษัตริยได้
เสวยไอศวรยาธิปัตยสืบสุริยสันตติวงศถึง ๖ พระองค์ล่วงแล้วมา ทุกพระองค์ได้ทรงปกครองแผ่นดินโดยผาสุก
สวัสดิ คลาดแคล้วจากสรรพพิบัติอุปัทวภยันตราย พระราชอาณาจักรปราศจากรส�่ำรสายสงบราบคาบ ทั้งน้ี
ก็เห็นแท้แน่ว่า เปนด้วยอานุภาพเทพไทยท้ังปวงช่วยอภิบาลรักษาฯ กาลบัดนี้ พระราชวงศานุวงศเสนาบดี

ประมวลเอกสารพระราชพิธีบรมราชาภิเษก 401

มนตรีมุขสมณะพราหมณาจารย มีสมานฉันท์ประชุมกันต้ังพระราชพิธีถวายพระบรมราชาภิเษก แด่สมเดจ
บรมบพิตรพระราชสมภารพระองค์ซ่ึงเสด็จผ่านพิภพฉลองพระองค์ สมเด็จพระบรมเชฏฐาธิราช สืบสุริย
สันตติวงศ อันจะได้ทรงพระปรมาภิไธยประกาสิตว่า

พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาประชาธิปก มหันตเดชนดิลกรามาธิบดี เทพยปรียมหาราชรวิวงศ
อสัมภินพงศ พีระกษัตร บุรุษรัตนราชนิกโรดม จาตุรันตบรมมหาจักรพรรดิราชสังกาศ อุภโตสุชาตส�ำศุทธ
เคราหณีจักรีบรมนาถจุฬาลงกรณราชวรางกูร มหามกุฏวงศวีรสูรชิษฐ ราชธรรมทศพิธอุต์กฤษฏนิบุญ อดุลย
กฤษฏาภินีร์หาร บูรพาธิการสุสาธิตธันยลักษณวิจิตรเสาภาคยสรรพางค์ มหาชโนตมางคมานท สนธิมตสมันต
สมาคม บรมราชสมภาร ทิพยเทพาวตาร ไพศาลเกียรติคุณ อดุลยศักดิเดช สรรพเทเวศ ปริยานุรักษ มงคล
ลัคนเนมาหวัย สุโขทัยธรรมราชา อภิเนาวศิลปศึกษาเดชนาวุธ วิชัยยุทธศาสตรโกศล วิมลนรรยพินิต สุจริต
สมาจาร ภัทรภิชญานประดิภานสุนทร ประวรศาสโนปสดมภก มูลมุขมาตยวรนายกมหาเสนานีสราชนาวี
พยูหโยธโพยมจร บรมเชษฐโสทรสมมต เอกราชยยศสธิคมบรมราชสมบัติ นพปฎลเศวตฉัตราดิฉัตร ศรีรัตโน
ปลักษณ มหาบรมราชาภิเษกาภิษิกต์ สรรพทศทิควิชิตเดโชไชย สกลมไหศวรยมหาสวามินทร มเหศวรมหินทร
มหารามาธิราชวโรดม บรมนาถชาติอาชันยาศรัย พุทธาทิไตรรัตนศรณารักษ วิศิษฏศักตอัครนเรศวราธิบดี
เมตตากรุณาศีตลหฤทัย อโนปไมยบุนยการ สกลไพศาลมหารัษฎราธิบดินทร์ ปรมินทรธรรมิกมหาราชาธิราช
บรมนาถบพิตร พระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว

เสด็จเถลิงถวัลยราชพระบรมมหาราชวัง กรุงเทพมหานคร อมรรัตนโกสินทรมหินทรายุทธยา มหาดิลก
ภพนพรัตนราชธานีบุรีรมย์ อุดมราชนิเวศนมหาสถาน อภิบาลสยามรัฐมหามณฑลฯ ขอเทพยเจ้าทั้งหลาย
มีกมลประกอบด้วยเมตตา ช่วยกันคุ้มครองรักษาสมเด็จบรมบพิตรพระราชสมภารพระองค์ให้ทรงพระเจริญ
ในสิรีราชสมบัติ ชัชวาลย์ด้วยพระราชศักดาดิเรกยศ ปรากฏแผ่ไพศาลไปในนานาประเทศ ทุกเขตต์ขันธ
รัชสีมา ปราศจากสรรพภัยพยาธิทุกข เสวยไอศวรยสุขทีฆายุศมชนมสวัสดิ์ จงขจัดสรรพทุกขาดูร พูลสุข
เกษมเปรมปรีดี ตลอดถึงพระราชวงศานุวงศเสนาบดีอมาตยราชบริพาร สมณพราหมณาจารยประชานิกร
ทั้งในกรุงเทพมหานครท้ังในหัวเมืองมณฑลช้ันในช้ันนอก ปันออกเปนเมืองเอกโทตรีจัตวา อีกท้ังในประเทศ
ราชธานีทั่วรัชสีมาอาณาเขตต์

อน่ึงขออานุภาพเทพยมเหศวรศักดิ แลเทพยผู้อภิรักษก์พระมหานครราชธานีน้ี มีพระสยามเทวาธิราช
พระกาฬไชยศรี แลพระเสื้อเมืองพระทรงเมือง เทพารักษ์หลักพระนครเปนต้นไป จงบันดาลบรรดาไพรัช
ประเทศต่างเขตต์ขันธสีมาให้มีหิตูปเทศจิตต์ไกลจากวิหิงสา ไม่ก่อกิจอมิตรไพรีมารันท�ำกลับเปนสัมพันธมิตร
สนิธสนม น้อมน�ำประโยชน์มาสู่พระมหานครให้สมบูรณพูลสวัสดิ ยังหมู่เสนาพลนิกายให้มีมนัสร่วม
สามัคคีธรรมเปนน้�ำหนึ่งใจเดียวกัน มั่นคงในความสวามิภักดิ เปนก�ำลังพิทักษ์รักษารัชสีมาให้ราบคาบ
มีสูรภาพเหี้ยมหาญพอจะต่อยุทธ์ชิงชัยจากศัตรู เม่ือถึงเวลาจะเข้าสู้สงคราม เชิดชูความเปนเอกราชย์ของชาติ
ให้ยืนยงยังหมู่พระราชวงศานุวงศเสวกามาตยราชบริพาร ให้พรักพร้อมสมัคสมานฉันท์ช่วยกันปฏิบัติราชกิจ

402 ประมวลเอกสารพระราชพิธีบรมราชาภิเษก

ด้วยความซื่อสัตย์สุจริตกตัญญูเปนก�ำลังค้�ำชูพระราชอาณาจักให้เจริญมั่น ยังสรรพอุปัทวะอย่าให้เกิดมีแก่
ประชาชน ยังฝนให้ตกต้องตามฤดูกาล เก้ือกูลแก่สรรพธัญญาหารพืชผลพฤกษาลดาชาติ ยังเหล่าสัตว์จตุบท
ทวิบาทให้ปราศจากอันตราย เกิดสืบพืชพันธุ์เจริญแพร่หลายเปนอุปการแก่มนุษยนิกร ยังพระมหานครให้
สมบูรณด้วยโภคสมบัติไหลหลั่งถ่ังมามิได้ขัดท่ัวทิศานุทิศ ขอจงประสิทธิ์ศุภมนุญผลโดยนัยประกาศอันอาตม
พรรณนามาฉน้ี

ธมฺมสฺสวนกาโล อยมฺภทนฺตา
ธมฺมสฺสวนกาโล อยมฺภทนฺตา
ธมฺมสฺสวนกาโล อยมฺภทนฺตา

พระราชพิธีบรมราชาภิเษก

พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร
มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร

404 ประมวลเอกสารพระราชพิธีบรมราชาภิเษก

พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ทรงเครื่องบรมขัตติยราชภูษิตาภรณ์
ประทับเหนือพระที่นั่งพุดตานกาญจนสิงหาสน์ แวดล้อมด้วยเครื่องบรมขัตติยราชูปโภค
ในพระราชพิธีบรมราชาภิเษก วันท่ี ๕ พฤษภาคม พุทธศักราช ๒๔๙๓

ประมวลเอกสารพระราชพิธีบรมราชาภิเษก 405

ค�ำอธิบาย

หนังสือเร่ือง “ราชกิจจานุเบกษา ฉบับจดหมายเหตุ พระราชพิธีราชาภิเษกสมรส พระราชพิธีบรม
ราชาภิเษก และพระราชพิธีเฉลิมพระราชมนเทียร พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช
สยามินทราธิราช พ.ศ. ๒๔๙๓” นายบุญชู เจนพนัส กรมเลขาธิการคณะรัฐมนตรี ได้รวบรวมและเรียบเรียงข้ึน1
เม่ือ พ.ศ. ๒๔๙๓ โดยมีหม่อมราชวงศ์เทวาธิราช ป. มาลากุล สมุหพระราชพิธี เป็นผู้ตรวจสอบ พิมพ์เผยแพร่
ครั้งแรกโดยแผนกราชกิจจานุเบกษา กองประกาศิต กรมเลขาธิการคณะรัฐมนตรี2

หนังสือดังกล่าวมีลักษณะเน้ือหาเป็นการขยายความจากเอกสารต่าง ๆ เช่น ประกาศ หมายก�ำหนดการ
ข่าวในพระราชส�ำนัก ท่ีประกาศในราชกิจจานุเบกษาในช่วงต้ังแต่วันพฤหัสบดี ท่ี ๒๐ เมษายน พ.ศ. ๒๔๙๓
ซึ่งเป็นพิธีจารึกพระปรมาภิไธย ดวงพระบรมราชสมภพ และแกะพระราชลัญจกรประจ�ำรัชกาล ถึงวันจันทร์
ที่ ๘ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๔๙๓ ซ่ึงเป็นวันประกอบพิธีสถาปนาพระอิสริยยศฐานันดรศักด์ิพระบรมราชวงศ์
อันเป็นที่สุดแห่งการพระราชพิธีบรมราชาภิเษก ทั้งนี้พบว่าผู้เรียบเรียงใช้หมายก�ำหนดการในการวาง
เค้าโครงหนังสือ และเพิ่มเติมรายละเอียดการพระราชพิธีซึ่งไม่สามารถแสดงได้ทั้งหมดในหมายก�ำหนดการ
การรวบรวมและเรียบเรียงหนังสือครั้งน้ันค่อนข้างสมบูรณ์ครบถ้วน โดยแสดงล�ำดับการเตรียมการ
ตลอดจนถึงข้ันตอนการประกอบพระราชพิธีอย่างละเอียด โดยหัวข้อท่ีผู้เรียบเรียงได้ก�ำหนดไว้ มีดังน้ี

ค�ำอธิบายลักษณะงานพระราชพิธีบรมราชาภิเษก พระราชประวัติ การท�ำน้�ำอภิเษก การจารึก
พระสพุ รรณบฏั ดวงพระบรมราชสมภพ และแกะพระราชลญั ฉกรประจำ� รชั กาล การพระราชพธิ รี าชาภเิ ษกสมรส
การพระราชพิธีบรมราชาภิเษก แห่พระสุพรรณบัฏและจุดเทียนชัย บรมราชาภิเษก (สรงพระมุรธาภิเษก
เสดจ็ ออกมหาสมาคมและสถาปนาสมเดจ็ พระนางเจา้ ฯ พระบรมราชนิ ี ประกาศพระองคเ์ ปน็ พทุ ธศาสนปู ถมั ภก
และถวายบังคมพระบรมอัฐิ) เฉลิมพระราชมนเทียร ถวายพระพรชัยมงคล เฉลิมพระนามสมเด็จพระสังฆราช
สถาปนาฐานันดรศักด์ิพระบรมราชวงศ์ ล�ำดับถัดมาจึงเป็นภาคผนวก แสดงรายละเอียดปลีกย่อยต่าง ๆ เช่น
บริเวณพระมหามนเทียรท่ีประกอบพระราชพิธีบรมราชาภิเษก แผนที่บริเวณพระมหามนเทียรที่ประกอบ
พระราชพิธีบรมราชาภิเษก การแต่งกาย ต�ำแหน่งเฝ้า รายชื่อโหรบูชาประจ�ำทิศ พระที่นั่งอัฐทิศ บัญชีคู่เคียง
พระท่ีนั่งเสด็จฯ กระบวนราบใหญ่ ประวัติน้�ำอภิเษกจังหวัดต่าง ๆ เป็นต้น

1 แต่เดิมปลัดกระทรวงมหาดไทยมีค�ำสั่งให้หัวหน้ากองกลางและกองคลังรวบรวมกิจการท่ีกระทรวงจัดท�ำในการ
บรมราชาภเิ ษก แตต่ อ่ มากองประกาศติ กรมเลขาธกิ ารคณะรฐั มนตรี ไดจ้ ดั พมิ พร์ าชกจิ จานเุ บกษา ฉบบั จดหมายเหตซุ ง่ึ มรี ายละเอยี ด
ครบถว้ น ดงั นนั้ ความประสงคเ์ บอื้ งตน้ จงึ เปน็ ทยี่ ตุ ิ ดใู น หอจดหมายเหตแุ หง่ ชาติ มท. ๐๒๐๑.๒.๑.๓๑ เรอื่ ง รวบรวมกจิ การทก่ี ระทรวง
มหาดไทยได้จัดท�ำเน่อื งในการพระราชพิธีบรมราชาภิเษก รชั กาลท่ี ๙

2 บญุ ชู เจนพนัส, รวบรวมและเรียบเรียง, ราชกิจจานเุ บกษา ฉบับจดหมายเหตุ พระราชพิธรี าชาภเิ ษกสมรส พระราชพิธี
บรมราชาภิเษก และพระราชพิธีเฉลิมพระราชมนเทียร พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช สยามินทราธิราช
พ.ศ. ๒๔๙๓ (พระนคร: โรงพมิ พบ์ ำ� รงุ นุกูลกจิ , ๒๔๙๓).

406 ประมวลเอกสารพระราชพิธีบรมราชาภิเษก

ภายหลังการพิมพ์เผยแพร่ใน พ.ศ. ๒๔๙๓ ส�ำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ได้พิมพ์หนังสือ
ดังกล่าวเพ่ือเป็นอนุสรณ์ในงานพระราชทานเพลิงศพพลตรี หม่อมทวีวงศ์ถวัลยศักดิ์ (หม่อมราชวงศ์
เฉลิมลาภ ทวีวงศ์) ป.จ., ม.ป.ช., ม.ว.ม. ณ เมรุหลวงหน้าพลับพลาอิศริยาภรณ์ วัดเทพศิรินทราวาส วันอังคาร
ที่ ๒๓ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๑๔1 ใช้ช่ือในการจัดพิมพ์คร้ังน้ีว่า “พระราชพิธีราชาภิเษกสมรส พระราชพิธี
บรมราชาภิเษก และพระราชพิธีเฉลิมพระราชมนเทียร พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช
สยามินทราธิราช พ.ศ. ๒๔๙๓ และ เรื่อง บรมราชาภิเษก พระนิพนธ์ของพระวรวงศ์เธอ กรมหม่ืนพิทยลาภ
พฤฒยิ ากร” โดยลำ� ดบั เนอ้ื หาตามตน้ ฉบบั พมิ พค์ รง้ั แรก2 ตง้ั แตค่ ำ� อธบิ ายลกั ษณะงานพระราชพธิ บี รมราชาภเิ ษก
ถึงประวัติน�้ำอภิเษกจังหวัดต่าง ๆ ซ่ึงอยู่ในภาคผนวก รวมทั้งได้แทรกภาพงานพระราชพิธีเพิ่มเติมจาก
ฉบับพิมพ์ครั้งแรก3 ส่วนตอนท้ายน�ำพระนิพนธ์เรื่องบรมราชาภิเษกของพระวรวงศ์เธอ กรมหม่ืนพิทยลาภ
พฤฒิยากร มาลงไว้เพ่ิมเติมประกอบเอกสารหลัก

หนังสือ “ราชกิจจานุเบกษา ฉบับจดหมายเหตุ พระราชพิธีราชาภิเษกสมรส พระราชพิธีบรมราชาภิเษก
และพระราชพิธีเฉลิมพระราชมนเทียร พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช สยามินทราธิราช
พ.ศ. ๒๔๙๓” และหนังสือ “พระราชพิธีราชาภิเษกสมรส พระราชพิธีบรมราชาภิเษก และพระราชพิธีเฉลิม
พระราชมนเทียร พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช สยามินทราธิราช พ.ศ. ๒๔๙๓ และ
เรื่อง บรมราชาภิเษก พระนิพนธ์ของพระวรวงศ์เธอ กรมหม่ืนพิทยลาภพฤฒิยากร” นับเป็นหลักฐานท่ีน�ำมา
ใช้เป็นข้อมูลส�ำคัญในการประพันธ์ เรียบเรียง หรือใช้ประกอบการค้นคว้าวิจัยเรื่องเกี่ยวกับพระราชพิธี
บรมราชาภิเษก ดังเช่น

“ลิลิตราชาภิเษกสมรส บรมราชาภิเษก และเฉลิมพระราชมนเทียร พระบาทสมเด็จพระปรมินทร
มหาภูมิพลอดุลยเดช” ประพันธ์โดยจิรภา อ่อนเรือง จัดพิมพ์ข้ึนทูลเกล้าฯ ถวายเน่ืองในพระราชพิธีรัชดาภิเษก
๙ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๑๔4 เน้ือหาของลิลิตเร่ิมด้วยร่ายและโคลงเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระบรม
ชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร โคลงสรรเสริญพระเกียรติพระมหากษัตริย์ใน
พระบรมราชจักรีวงศ์ตั้งแต่รัชกาลท่ี ๑ ถึงรัชกาลที่ ๘ จากน้ันเป็นโคลงและร่ายกล่าวถึงเหตุการณ์ส�ำคัญ
ต้นรัชกาลพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ได้แก่ การเสด็จ

1 พระราชพิธีราชาภิเษกสมรส พระราชพิธีบรมราชาภิเษก และพระราชพิธีเฉลิมพระราชมนเทียร พระบาทสมเด็จ
พระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช สยามินทราธิราช พ.ศ. ๒๔๙๓ และเรื่องบรมราชาภิเษก พระนิพนธ์ของพระวรวงศ์เธอ
กรมหม่นื พิทยลาภพฤฒติยากร (พระนคร: โรงพิมพ์กรมสรรพสามิต, ๒๕๑๔).

2 การสะกดค�ำในการพิมพ์คร้ังท่ี ๒ ได้แก้ไขอักขรวิธีบางค�ำให้เป็นปัจจุบัน เช่น “พะม่า” เปลี่ยนเป็น “พม่า” “ฉัตร์”
เปล่ียนเป็น “ฉัตร” “เขา้ ” เปลยี่ นเปน็ “ขา้ ว” แตบ่ างคำ� ยงั คงใช้ตามตน้ ฉบบั พมิ พ์ครัง้ แรก เช่น “ไกลาส” “สมัคสมาน” สว่ นบางค�ำ
แกไ้ ขจนนัยของศัพทเ์ ปลี่ยนแปลงไป เชน่ รชั อาณาจกั ร แกเ้ ป็น รัฐอาณาจักร

3 ภาพประกอบฉบับพิมพ์คร้ังแรกระบุช่ือผู้ถ่ายภาพไว้ที่สารบัญภาพ ส่วนภาพประกอบฉบับพิมพ์ครั้งท่ี ๒ พบว่ามีท้ัง
ภาพเดิมและภาพเพ่มิ เตมิ ใหม่ โดยระบไุ ว้ตอนทา้ ยสารบญั เร่ืองว่าภาพเหลา่ น้ี “ทรงพระกรณุ าโปรดเกล้าฯ พระราชทาน”

4 จริ ภา อ่อนเรอื ง, ลลิ ติ ราชาภเิ ษกสมรส บรมราชาภเิ ษก และเฉลิมพระราชมนเทียร พระบาทสมเดจ็ พระปรมินทรมหา
ภูมิพลอดุลยเดช (พระนคร: โรงพิมพค์ รุ ุสภาลาดพรา้ ว, ๒๕๑๔).

ประมวลเอกสารพระราชพิธีบรมราชาภิเษก 407

ยุโรป ทรงหม้ัน เสด็จนิวัตประเทศไทย ถวายพระเพลิงพระบรมศพรัชกาลที่ ๘ จากนั้นจึงเป็นเนื้อหาว่าด้วยการ
พระราชพิธีราชาภิเษกสมรส การพระราชพิธีบรมราชาภิเษกและเฉลิมพระราชมณเฑียร ซ่ึงพบว่าผู้ประพันธ์
พยายามที่จะเก็บรายละเอียดการพระราชพิธีไว้ให้ได้มากท่ีสุด ตั้งแต่พระราชพิธีเบ้ืองต้นถึงพระราชพิธี
เบื้องปลายลักษณะเดียวกับหนังสือ “ราชกิจจานุเบกษา ฉบับจดหมายเหตุ ฯ” ดังตัวอย่างร่ายและโคลงท่ีกล่าว
ถึงนางเชิญเคร่ืองในร้ิวกระบวนไปเฉลิมพระราชมณเฑียร โดยผู้ประพันธ์ให้ความส�ำคัญในการเก็บความ
รายพระนามเจ้านายตลอดจนเครื่องเชิญอย่างครบถ้วน1

หนังสือ “พระราชพิธีบรมราชาภิเษก” โดย ณัฏฐภัทร จันทวิช กรมศิลปากรจัดพิมพ์เฉลิมพระเกียรติ
พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร เน่ืองในมหาวโรกาส
พระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา ๕ รอบ ๕ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๓๐2 มีเน้ือหาว่าด้วยภาพรวมของการ
ประกอบพระราชพิธีบรมราชาภิเษกในประเทศไทยเรียงล�ำดับมาตั้งแต่ก่อนสมัยสุโขทัย กระทั่งถึงพระราช
พิธีบรมราชาภิเษกพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร กล่าว
เฉพาะเน้ือหาพระราชพิธีบรมราชาภิเษกรัชกาลที่ ๙ พบว่าผู้จัดท�ำล�ำดับเหตุการณ์งานพระราชพิธีเป็นหัวข้อ ๆ
ลักษณะเดียวกับเอกสารเรื่อง “ราชกิจจานุเบกษา ฉบับจดหมายเหตุ พระราชพิธีราชาภิเษกสมรส พระราช
พิธีบรมราชาภิเษก และพระราชพิธีเฉลิมพระราชมนเทียร พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช
สยามินทราธิราช พ.ศ. ๒๔๙๓” ซ่ึงการค้นคว้าเรียบเรียงครั้งนี้ผู้จัดท�ำได้ท�ำเชิงอรรถอธิบายความเพิ่มเติมไว้
ด้วย อย่างไรก็ดีรายละเอียดในแต่ละหัวข้อนั้นผู้จัดท�ำได้ตัดทอนลงบางประการ และล�ำดับพิธีบางรายการไม่
ปรากฏในเอกสารเรื่องน้ี เช่น การสถาปนาฐานันดรศักด์ิพระราชวงศ์3

อน่ึง หนังสือเร่ือง “พระราชพิธีบรมราชาภิเษก” ดังกล่าว บริษัท รุ่งอรุณ พับลิชชิ่ง จ�ำกัด ได้น�ำมาพิมพ์
ขึ้นอีกครั้งหน่ึง เนื่องในมหามงคลสมัยที่พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช
บรมนาถบพิตร ทรงเจริญพระชนมพรรษา ๖ รอบ ในพุทธศักราช ๒๕๔๒ โดยจัดพิมพ์เน้ือหาตามต้นฉบับ
พิมพ์ พ.ศ. ๒๕๓๐4

หนังสือ "พระราชพิธีบรมราชาภิเษก ๒๔๙๓" งานประชาสัมพันธ์และเผยแพร่ ส�ำนักพระราชวัง
ได้รวบรวมและจัดพิมพ์ขึ้นเม่ือ พ.ศ. ๒๕๓๓ เพ่ือสนองพระมหากรุณาธิคุณพระบาทสมเด็จพระบรมชนกา
ธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร5 มีเนื้อหาว่าด้วยล�ำดับการพระราชพิธีบรมราชาภิเษก

1 เร่ืองเดียวกัน, หนา้ ๔๔ - ๔๕.
2 ณฏั ฐภัทร จนั ทวชิ , พระราชพิธบี รมราชาภเิ ษก (กรงุ เทพฯ: บริษทั อมรินทร์ พร้ินต้ิง กรุ๊พ จ�ำกดั , ๒๕๓๐).
3 ภาพรวมของพระราชพิธีบรมราชาภิเษกปรากฏในเอกสารอื่น ๆ อีกหลายเร่ือง เช่น “พระราชพิธีบรมราชาภิเษกครั้งกรุง
รัตนโกสินทร์” โดย หม่อมราชวงศ์แสงสูรย์ ลดาวัลย์ “พระราชพิธีบรมราชาภิเษก” รวบรวมและจัดท�ำโดยงานประชาสัมพันธ์และ
เผยแพร่ สำ� นกั พระราชวงั บทความเรอ่ื ง “พระราชพธิ บี รมราชาภเิ ษกในรชั กาลปจั จบุ นั กบั การแกไ้ ขระเบยี บการพระราชพธิ ใี หต้ อ้ งกบั
กาลสมัย” ของบุหลง ศรีกนก เปน็ ตน้
4 ณฏั ฐภัทร จนั ทวิช, พระราชพิธีบรมราชาภิเษก (ม.ป.ท.: บรษิ ัท คอมแพคพริ้นท์ จ�ำกัด, ๒๕๔๒).
5 สำ� นักพระราชวัง, พระราชพธิ บี รมราชาภเิ ษก ๒๔๙๓ (ม.ป.ท.: บรษิ ทั อมรนิ ทร์ พร้นิ ต้งิ กรพุ๊ จ�ำกดั , ๒๕๓๓).

408 ประมวลเอกสารพระราชพิธีบรมราชาภิเษก

เม่ือ พ.ศ. ๒๔๙๓ นับแต่พิธีแห่เชิญพระสุพรรณบัฏ ดวงพระบรมราชสมภพ และพระราชลัญจกร จนถึงพิธี
สถาปนาฐานันดรศักด์ิพระราชวงศ์ ความส�ำคัญของหนังสือดังกล่าวคือ การน�ำภาพหายากจากส่วนภาพยนตร์
ส่วนพระองค์และส่วนช่างภาพส่วนพระองค์มาพิมพ์เผยแพร่ประกอบเนื้อหาในแต่ละล�ำดับพระราชพิธี ซ่ึงช่วย
เสริมความเข้าใจในแบบแผนโบราณราชประเพณีได้เป็นอย่างดี เช่นเดียวกับหนังสือ “หกสิบปีแล้วพระแก้วฟ้า”
เรียบเรียงโดยศาสตราจารย์ธงทอง จันทรางศุ ซ่ึงให้รายละเอียดเก่ียวกับคติ ตลอดจนสังเขปล�ำดับการ
พระราชพิธรี าชาภิเษกสมรสและพระราชพธิ บี รมราชาภิเษกรัชกาลที่ ๙ พรอ้ มอธิบายศพั ท์เพม่ิ เตมิ ในส่วนท้าย1

ส่วนในการค้นคว้าวิจัยเก่ียวกับพระราชพิธีบรมราชาภิเษกนั้น พบว่ารายละเอียดการพระราชพิธี
บรมราชาภิเษกในรัชกาลที่ ๙ ส่วนมากปรากฏเป็นส่วนหนึ่งของการวิเคราะห์ เช่น วิทยานิพนธ์ของสุจรรยา
เหลืองธาดา เรื่อง “พระราชพิธีบรมราชาภิเษกสมัยรัตนโกสินทร์”2 วิทยานิพนธ์ของศรีนวล ภิญโญสุนันท์
เร่ือง “พิธีราชาภิเษกในคติอินเดียและไทย: การศึกษาเปรียบเทียบ”3 วิทยานิพนธ์ของศราวุฒิ วัชระปันตี
เร่ือง “พระราชพิธีบรมราชาภิเษกสมัยรัตนโกสินทร์”4 รายงานการศึกษาข้อมูลเรื่อง “พระราชพิธีในรัชสมัย
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดชมหาราช (ฉบับสมบูรณ์)” โดยศูนย์บริการวิชาการแห่ง
จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย5 วิทยานิพนธ์ของบุรยา ศราภัยวานิช เร่ือง “เครื่องประกอบพระราชอิสริยยศ
สำ� หรับพระมหากษตั ริยท์ ป่ี รากฏในพระราชพิธบี รมราชาภิเษกสมัยรัตนโกสนิ ทร์”6 บทความเรอื่ ง “พระราชพิธี
บรมราชาภิเษกสองรัชกาล King RAMA VII and King RAMA IX Coronations” ของชลลดา หงส์งาม7

ต่อมาเมื่อ พ.ศ. ๒๕๖๐ พระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้า
โปรดกระหม่อมให้พิมพ์หนังสือ “พระราชพิธีราชาภิเษกสมรส พระราชพิธีบรมราชาภิเษก และพระราชพิธี
เฉลิมพระราชมนเทียร พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช สยามินทราธิราช พ.ศ. ๒๔๙๓”
พระราชทานเนอื่ งในการพระราชพธิ ถี วายพระเพลงิ พระบรมศพพระบาทสมเดจ็ พระบรมชนกาธเิ บศร มหาภมู พิ ล
อดลุ ยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร การจัดพิมพ์คร้ังนี้ได้ใช้หนังสือ “พระราชพิธีราชาภิเษกสมรส พระราช

1 ธงทอง จันทรางศุ, เรียบเรยี ง, หกสบิ ปแี ล้วพระแกว้ ฟา้ (ม.ป.ท.: บรษิ ัท เอส.ซพี รน้ิ แอนด์แพค จ�ำกดั , ๒๕๕๓).
2 สจุ รรยา เหลอื งธาดา, “พระราชพธิ บี รมราชาภเิ ษกสมยั รตั นโกสนิ ทร,์ ” (วทิ ยานพิ นธป์ รญิ ญาศลิ ปศาสตรบณั ฑติ (โบราณคด)ี
คณะโบราณคดี มหาวิทยาลัยศิลปากร, ๒๕๑๓).
3 ศรนี วล ภญิ โญสุนนั ท,์ “พธิ ีราชาภิเษกในคติอนิ เดยี และไทย: การศึกษาเปรยี บเทียบ,” (วิทยานิพนธ์ปรญิ ญาอกั ษรศาสตร
มหาบณั ฑติ ภาควชิ าภาษาตะวนั ออก บณั ฑิตวทิ ยาลยั จฬุ าลงกรณม์ หาวิทยาลยั , ๒๕๒๘).
4 ศราวุฒิ วัชระปันตี, “พระราชพิธีบรมราชาภิเษกสมัยรัตนโกสินทร์,” (วิทยานิพนธ์ปริญญามหาบัณฑิต สาขาไทยศึกษา
บัณฑติ วิทยาลยั มหาวิทยาลัยรามคำ� แหง, ๒๕๔๙).
5 “พระราชพธิ บี รมราชาภเิ ษก,” ใน ศนู ยบ์ รกิ ารวชิ าการแหง่ จฬุ าลงกรณม์ หาวทิ ยาลยั , รายงานการศกึ ษาขอ้ มลู เรอื่ ง พระ
ราชพธิ ใี นรชั สมยั พระบาทสมเดจ็ พระเจา้ อยหู่ วั ภมู พิ ลอดลุ ยเดชมหาราช (ฉบบั สมบรู ณ)์ (ม.ป.ท.: ม.ป.พ., ๒๕๕๐), หนา้ ๓๗ - ๔๐.
6 บรุ ยา ศราภยั วานชิ , “เครอื่ งประกอบพระราชอสิ รยิ ยศสำ� หรบั พระมหากษตั รยิ ท์ ป่ี รากฏในพระราชพธิ บี รมราชาภเิ ษกสมยั
รตั นโกสนิ ทร,์ ” (การคน้ ควา้ อสิ ระหลกั สตู รปรญิ ญาศลิ ปศาสตรมหาบณั ฑติ สาขาวชิ าโบราณคดสี มยั ประวตั ศิ าสตร์ ภาควชิ าโบราณคดี
บัณฑติ วทิ ยาลยั มหาวิทยาลยั ศิลปากร, ๒๕๕๖)
7 ชลลดา หงสง์ าม, “พระราชพธิ บี รมราชาภเิ ษกสองรชั กาล King RAMA VII and King RAMA IX Coronations,” PULINET
Journal Vol. 5, No. 1, January - April 2018: pp. 283 - 293.

ประมวลเอกสารพระราชพิธีบรมราชาภิเษก 409

พิธีบรมราชาภิเษก และพระราชพิธีเฉลิมพระราชมนเทียร พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช
สยามินทราธิราช พ.ศ. ๒๔๙๓ และ เร่ือง บรมราชาภิเษก พระนิพนธ์ของพระวรวงศ์เธอ กรมหมื่นพิทย
ลาภพฤฒิยากร” ที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมพิมพ์เป็นอนุสรณ์ในงานพระราชทานเพลิงศพ
พลตรี หมอ่ มทววี งศถ์ วลั ยศักดิ์ (หม่อมราชวงศ์เฉลิมลาภ ทวีวงศ์) เป็นต้นฉบับ โดยคงอักขรวิธีและรูปแบบตาม
ต้นฉบับเดิม1 นอกจากนี้ได้เพ่ิมเติมเชิงอรรถอธิบายความเก่ียวกับแหล่งน้�ำที่ใช้ท�ำน�้ำอภิเษกรวมท้ังข้อมูลท่ี
เกี่ยวข้องอื่น ๆ ไว้ท้ายเล่มเพ่ือความถูกต้องสมบูรณ์ของข้อมูล และเพื่อประโยชน์ในการศึกษาค้นคว้าด้วย2

การตรวจสอบช�ำระและจัดพิมพ์ใน พ.ศ. ๒๕๖๑ น้ี ใช้ช่ือเอกสารว่า “ราชกิจจานุเบกษา
ฉบับจดหมายเหตุ พระราชพิธีราชาภิเษกสมรส พระราชพิธีบรมราชาภิเษก และพระราชพิธีเฉลิมพระราช
มนเทียร พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช สยามินทราธิราช พ.ศ. ๒๔๙๓ ฉบับตรวจ
สอบช�ำระและเพ่ิมเติมเชิงอรรถ พุทธศักราช ๒๕๖๑” ในการน้ี คณะท�ำงานจัดท�ำหนังสือประมวลเอกสาร
พระราชพิธีบรมราชาภิเษก มอบหมายให้นายทัตพล พูลสุวรรณ นักอักษรศาสตร์ปฏิบัติการ กลุ่มจารีต
ประเพณี ส�ำนักวรรณกรรมและประวัติศาสตร์ พิจารณาด�ำเนินการตรวจสอบช�ำระโดยใช้ต้นฉบับหนังสือ
“ราชกจิ จานเุ บกษา ฉบับจดหมายเหตุพระราชพิธีราชาภิเษกสมรส พระราชพิธีบรมราชาภิเษก และพระราชพิธี
เฉลิมพระราชมนเทียร พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช สยามินทราธิราช พ.ศ. ๒๔๙๓”
เป็นหลักพิจารณาร่วมกับเอกสารช้ันต้นท่ีประกาศในราชกิจจานุเบกษา เช่น ข่าวในพระราชส�ำนัก “ก�ำหนดการ
พระราชพิธีบรมราชาภิเษก พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช สยามินทราธิราช และ
พระราชพิธีเฉลิมพระราชมนเทียร พ.ศ. ๒๔๙๓” “การพระราชพิธีราชาภิเษกสมรส ๒๔๙๓” เป็นต้น

รวมถึงเอกสารกองกลาง ส�ำนักงานปลัดกระทรวง กระทรวงมหาดไทย จากส�ำนักหอจดหมายเหตุ
แห่งชาติ คือ เอกสารพระราชพิธีบรมราชาภิเษก มท. ๐๒๐๑.๒.๑.๓๑.๑ ปึกท่ี ๑ - ๙ ได้แก่ “การพระราชพิธี
เฉลิมพระนามสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และพิธีถวายสัจปฏิญาณ (พ.ศ. ๒๔๘๙)” “สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพล
แสดงองค์เป็นพุทธมามกะ” “พระราชพิธีบรมราชาภิเษก รัชกาลท่ี ๙” “เจ้าผู้ครองนครภาคเหนือและ
วงศ์ญาติพระยาเมืองใต้ เข้าเฝ้าเนื่องในงานบรมราชาภิเษก รัชกาลที่ ๙” และ “พระราชพิธีสมโภช สมเด็จ
พระเจ้าอยู่หัว รัชกาลท่ี ๙ (๒๔๙๓)” โดยเอกสารแต่ละปึกประกอบด้วยเอกสารหลักฐานอันเกี่ยวเนื่องกับ
การพระราชพิธีบรมราชาภิเษก พ.ศ. ๒๔๙๓ ซ่ึงส่วนมากเป็นเอกสารประเภทหมายก�ำหนดการ บัญชีรายนาม
บุคคล บัญชีส่ิงของ และบันทึกการประชุมที่เกี่ยวเนื่อง

1 ใน พ.ศ. ๒๕๖๒ พระพรหมมนุ ีไดน้ �ำต้นฉบบั พมิ พ์ พ.ศ. ๒๕๑๔ มาจัดพมิ พ์ตามต้นฉบบั เดิมอกี ครง้ั หนง่ึ ถวายเปน็ พระราช
กศุ ลแด่สมเดจ็ พระมหากษตั รยิ าธิราช เนื่องในอภลิ ักขิตสมยั ๑๔๙ ปี วนั กอ่ พระฤกษว์ ดั ราชบพิธสถติ มหาสีมาราม

2 พระราชพิธรี าชาภิเษกสมรส พระราชพธิ บี รมราชาภิเษก และพระราชพิธเี ฉลิมพระราชมนเทยี ร พระบาทสมเด็จพระ
ปรมนิ ทรมหาภมู พิ ลอดลุ ยเดช สยามินทราธิราช พ.ศ. ๒๔๙๓ (กรุงเทพฯ: บริษัทอมรนิ ทร์พรน้ิ ติง้ แอนด์พบั ลิชชิ่ง จำ� กดั (มหาชน),
๒๕๖๑, ทรงพระกรณุ าโปรดเกลา้ โปรดกระหม่อมให้พิมพ์พระราชทานในการพระราชพิธถี วายพระเพลงิ พระบรมศพพระบาทสมเดจ็
พระปรมินทรมหาภมู พิ ลอดุลยเดช บรมนาถบพติ ร ณ พระเมรมุ าศ ท้องสนามหลวง วนั พฤหัสบดีท่ี ๒๖ ตุลาคม พทุ ธศกั ราช ๒๕๖๐).

410 ประมวลเอกสารพระราชพิธีบรมราชาภิเษก

นอกจากนี้ ยังได้ตรวจสอบเทียบเคียงกับภาพยนตร์ส่วนพระองค์ชุด “พระราชพิธีราชาภิเษกสมรส”
ท่ีทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อม ให้หม่อมเจ้าศุกรวรรณดิศ ดิศกุล และนายแก้วขวัญ อนุรักษ์
ราชมณเฑียร ถ่ายภาพทูลเกล้าฯ ถวาย1 อีกด้วย

นอกจากข้อมูลท่ีเกี่ยวเน่ืองกับล�ำดับข้ันตอน สถานที่ สิ่งของเครื่องใช้ในการพระราชพิธีแล้ว ในส่วน
ของรายนามบุคคลต่าง ๆ ที่ปรากฏในหนังสือเล่มน้ี ผู้ตรวจสอบช�ำระได้จัดท�ำเชิงอรรถอธิบายความเพิ่มเติม
โดยตรวจสอบจากเอกสารต่าง ๆ กล่าวคือ ข้อมูลของพระบรมวงศานุวงศ์ใช้หนังสือราชสกุลวงศ์ อนุสรณ์
งานพระศพ และประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นแหล่งข้อมูลส�ำคัญ ส่วนข้อมูลของสมเด็จพระสังฆราช
สมเด็จพระราชาคณะ พระราชาคณะ พระสงฆ์ ข้าราชการ ใช้หนังสืออนุสรณ์งานพระศพ งานศพ รวมถึง
หนังสือและแหล่งข้อมูลอื่น ๆ ท่ีเกี่ยวข้อง

อนึ่ง ในการจัดพิมพ์ครั้งนี้ได้คงอักขรวิธีตามต้นฉบับพิมพ์พุทธศักราช ๒๔๙๓ ส่วนเลขหน้าใน
“สารบาญ” และ “ภาคผนวก” ได้ปรับให้สอดคล้องกับการล�ำดับหน้าในการพิมพ์คร้ังน้ี ทั้งยังได้น�ำภาพและ
ค�ำบรรยายภาพตามท่ีปรากฏใน “สารบาญรูป” ฉบับพิมพ์ครั้งแรกจ�ำนวน ๑๐ ภาพ มาพิมพ์เผยแพร่ประกอบ
เนื้อหาไว้ด้วย เพื่อประโยชน์ในการศึกษาค้นคว้าและสร้างความเข้าใจเก่ียวกับการพระราชพิธีบรมราชาภิเษก
โดยจัดวางต�ำแหน่งของภาพให้สอดคล้องกับเนื้อหาแต่ละส่วนและปรับการวางภาพให้อยู่ในแนวตั้งทุกภาพ
รวมถึงหน้าแทรกแก้ค�ำผิดในฉบับพิมพ์คร้ังแรก ผู้ตรวจสอบช�ำระได้แก้ไขข้อความเหล่าน้ันในเนื้อหาแล้ว
ดังน้ันจึงตัดหน้าแทรกแก้ค�ำผิดดังกล่าวออกเพ่ือความสะดวกแก่ผู้อ่าน

เอกสารเร่ือง “ราชกิจจานุเบกษา ฉบับจดหมายเหตุ พระราชพิธีราชาภิเษกสมรส พระราชพิธี
บรมราชาภิเษก และพระราชพิธีเฉลิมพระราชมนเทียร พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช
สยามินทราธิราช พ.ศ. ๒๔๙๓” มีความส�ำคัญใน ๒ มิติ กล่าวคือ มิติแรกในฐานะเอกสารที่บันทึกองค์ความรู้
ว่าด้วยระเบียบแบบแผนโบราณราชประเพณี เน่ืองในพระราชพิธีบรมราชาภิเษกยุคเปล่ียนผ่านจากระบอบ
สมบูรณาญาสิทธิราชย์มาสู่ระบอบรัฐธรรมนูญ ซึ่งธรรมเนียมบางประการได้คลี่คลายไปจากสมัยก่อนหน้า
นับเป็นหลักฐานทางประวัติศาสตร์ท่ีอาจสะท้อนให้เห็นถึงมโนทัศน์ต่อพระราชสถานะของพระมหากษัตริย์
ในช่วงเวลาดังกล่าว และความส�ำคัญอีกมิติหน่ึงของเอกสารเร่ืองนี้ คือ เป็นเครื่องบ่งช้ีให้เห็นว่าสังคมไทย
ยึดถือพระมหากษัตริย์เป็นสถาบันส�ำคัญ การสืบทอดพระราชพิธีท่ีปฏิบัติมาแต่โบราณนี้จึงแสดงนัยการด�ำรง
พระราชสถานะของพระมหากษัตริย์ตามคติความเชื่อของไทย ซ่ึงเชื่อว่าพระราชพิธีบรมราชาภิเษกเป็นเครื่อง
สถาปนาความเป็นพระมหากษัตริย์โดยสมบูรณ์

1 ม.จ. ศุกรวรรณดิศ ดศิ กลุ และแก้วขวัญ อนุรักษ์ราชมณเฑียร, “ภาพยนตร์ส่วนพระองค์ชดุ พระราชพธิ ีราชาภเิ ษกสมรส,”
สบื คน้ เมือ่ วันท่ี ๙ สงิ หาคม ๒๕๖๑, https://www.youtube.com/watch?v=XVB9YZRvvcE

ประมวลเอกสารพระราชพิธีบรมราชาภิเษก 411

ราชกิจจานุเบกษา
ฉบับจดหมายเหตุ
พระราชพิธีราชาภิเษกสมรส
พระราชพิธีบรมราชาภิเษก

และ
พระราชพิธีเฉลิมพระราชมนเทียร
พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช

สยามินทราธิราช
พ.ศ. ๒๔๙๓

ฉบับตรวจสอบช�ำระและเพ่ิมเติมเชิงอรรถ พุทธศักราช ๒๕๖๑

412 ประมวลเอกสารพระราชพิธีบรมราชาภิเษก

สารบาญ

ค�ำอธิบายลักษณะงานพระราชพิธีบรมราชาภิเษก หน้า 415
พระราชประวัติ หน้า 422
การท�ำน้�ำอภิเษก หน้า 426
การจารึกพระสุพรรณบัฏ ดวงพระบรมราชสมภพ หน้า 428
และแกะพระราชลัญฉกรประจ�ำรัชกาล หน้า 433
การพระราชพิธีราชาภิเษกสมรส หน้า 438
การพระราชพิธีบรมราชาภิเษก หน้า 448
แห่พระสุพรรณบัฏและจุดเทียนชัย หน้า 458
บรมราชาภิเษก หน้า 468
สรงพระมุรธาภิเษก หน้า 475
เสด็จออกมหาสมาคมและสถาปนา หน้า 477
สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี หน้า 481
ประกาศพระองค์เป็นพุทธศาสนูปถัมภกและถวายบังคมพระบรมอัฐิ หน้า 488
เฉลิมพระราชมนเทียร
ถวายพระพรชัยมงคล เฉลิมพระนามสมเด็จพระสังฆราช
สถาปนาฐานันดรศักด์ิ พระบรมราชวงศ์

ประมวลเอกสารพระราชพิธีบรมราชาภิเษก 413

ภาคผนวก

การแต่งกาย หน้า 494
ต�ำแหน่งเฝ้า หน้า 495
อาลักษณ โหร ศิลปิน ผู้จารึกพระสุพรรณบัฏ หน้า 497
ดวงพระบรมราชสมภพ และแกะพระราชลัญฉกร หน้า 497
โหรบูชาประจ�ำทิศ พระท่ีนั่งอัฐทิศ หน้า 498
ริ้วน�ำเสด็จจากหอพระสุลาลัยพิมานไปมณฑปพระกระยาสนานและกลับ หน้า 498
ผู้ถวายน้�ำอภิเษก หน้า 500
ริ้วน�ำเสด็จจากพระที่นั่งอัฐทิศ ไปพระที่นั่งภัทรบิฐ หน้า 501
ร้ิวเชิญเครื่อง หน้า 502
รายนามผู้เชิญเครื่องบรมราชาภิเษก หน้า 504
ริ้วกระบวนเสด็จพระราชด�ำเนินไปเฉลิมพระราชมนเทียร หน้า 506
ริ้วกระบวนแห่พระสุพรรณบัฏ หน้า 507
ร้ิวกระบวนราบใหญ่ เสด็จพระราชด�ำเนินไปวัดพระศรีรัตนศาสดาราม หน้า 509
และพระท่ีน่ังดุสิตมหาปราสาท หน้า 510
บัญชีคู่เคียงพระที่น่ังเสด็จฯ กระบวนราบใหญ่ หน้า 513
ประกาศการพระราชพิธีบรมราชาภิเษก หน้า 514
เวทสรรเสริญศิวาไลไกลาส หน้า 514
อนุษฏุภศิวมนตร์ หน้า 514
อนุษฏุภวิษณุมนตร์ หน้า 518
ใบก�ำกับพระสุพรรณบัฏ เฉลิมพระนามสมเด็จพระสังฆราช และพระบรมราชวงศ์ หน้า 523
เทศนามงคลสูตร รัตนสูตร และเมตตสูตร หน้า 534
เทศนาเทวตาทิสนกถา ทศพิธราชธรรม และจักรวรรดิวัตร หน้า 547
ค�ำกราบบังคมทูลถวายพระพรชัยมงคลของคณะบุคคลต่าง ๆ หน้า 554
บัญชีพระสงฆ์ท่ีเข้าพิธี หน้า 563
รายนามคณะทูตานุทูตถวายพระพรชัย หน้า 563
ระเบียบการถวายดอกไม้ธูปเทียน
ประวัติน้�ำอภิเษกจังหวัดต่าง ๆ

414 ประมวลเอกสารพระราชพิธีบรมราชาภิเษก ผู้ถ่าย ม.ล.ปรค�ำ มาลากุล1
ผู้ถ่าย นายอาณัติ บุนนาค2
สารบาญรูป ผู้ถ่าย ม.ล.ปรค�ำ มาลากุล
ผู้ถ่าย นายอาณัติ บุนนาค
จารึกพระสุพรรณบัฏ ผู้ถ่าย นายอาณัติ บุนนาค
สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวถวายดอกไม้ ผู้ถ่าย นายอาณัติ บุนนาค
ธูปเทียน แด่พระพันวัสสาอัยิกาเจ้า ผู้ถ่าย นายอาณัติ บุนนาค
แห่พระสุพรรณบัฏ ผู้ถ่าย นายอาณัติ บุนนาค
สรงพระมุรธาภิเษก ผู้ถ่าย นายอาณัติ บุนนาค
ทรงรับนพปฎลเศวตฉัตร ผถู้ า่ ย คณะกรรมการจงั หวดั สง่ มา3
เสด็จออกมหาสมาคมพระท่ีน่ังอมรินทรวินิจฉัย
ทรงสถาปนาสมเด็จพระบรมราชินี
เสด็จพระราชด�ำเนินด้วยกระบวนราบใหญ่
ไปวัดพระศรีรัตนศาสดาราม
ผู้เชิญเครื่องราชูปโภค และเคร่ืองเฉลิมพระราชมนเทียร
ในพระราชพิธีเฉลิมพระราชมนเทียร
น�้ำอภิเษกจังหวัดต่าง ๆ

1 สนั นษิ ฐานว่าคือ หม่อมหลวงประคำ� มาลากลุ หนงึ่ ในนกั แสดงภาพยนตร์เรอ่ื ง “เจา้ หญิงกุณฑลทิพย”์ ของ หมอ่ มราชวงศ์
เทวาธริ าช ป. มาลากุล เม่ือ พ.ศ. 2484 รบั บทเป็น ประค�ำ จันทนากร

2 นายอาณัติ บุนนาค อดีตช่างภาพส่วนพระองค์ ในพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช
บรมนาถบพิตร เกิดเม่ือวันท่ี ๒ สิงหาคม พ.ศ. ๒๔๖๖ เป็นบุตรของเจ้าหมื่นสรรเพธภักดี (อาคม บุนนาค) กับนางสรรเพธภักดี
(นลินี บุนนาค) ธิดาพระยาสุรพันธ์พิสุทธิ์ (เทียน บุนนาค) สมรสกับนางดารา บุนนาค (สกุลเดิม เดอ เยซูซ์) มีบุตรสองคน คือ
นายศุภกร บุนนาค และนางอรนิตย์ ปุตระเศรณี ผลงานช้ินส�ำคัญของนายอาณัติ คือ ภาพดอกไม้แห่งหัวใจ เป็นภาพถ่ายแม่เฒ่า
ตุ้ม จันทนิตย์ อายุ ๑๐๒ ปี ทูลเกล้าฯ ถวายดอกบัวเมื่อครั้งเข้าเฝ้าฯ รับเสด็จ พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพล
อดลุ ยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร เมอ่ื วนั ท่ี ๑๓ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๔๙๘ นายอาณัติ บนุ นาค ถงึ แกก่ รรมเมื่อวันที่ ๑๘ กรกฎาคม
พ.ศ. ๒๕๒๗ อายุ ๖๐ ปี

3 เข้าใจว่าคอื คณะกรมการจังหวัด

ประมวลเอกสารพระราชพิธีบรมราชาภิเษก 415

ค�ำอธิบาย
ลักษณะงาน พระราชพิธีบรมราชาภิเษก

งานพระราชพิธีบรมราชาภิเษกนี้ พระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าธานีนิวัต กรมหมื่นพิทยลาภพฤฒิยากร
ได้ทรงอธิบาย1 ไว้ว่าเป็นพิธีที่เจือปนด้วยลัทธิพราหมณ์ และลัทธิพุทธศาสนาทางฝ่ายหินยาน พิจารณาในทาง
ประวัติศาสตร์ พระองค์ท่านเข้าพระหฤทัยว่า คงจะได้ธรรมเนียมอภิเษกมาจากเขมรหรือมอญ เพราะทางเขมร
โบราณถือลัทธิพราหมณ์ ย่อมมีการอภิเษกไม่ต้องสงสัย พยานก็มีอยู่ว่าน้�ำพุที่ออกมาจากเขาลิงคบรรพต
ขา้ งบนวดั ภใู ตน้ ครจมั ปาศกั ด2์ิ นนั้ ใชเ้ ปน็ นำ้� อภเิ ษกตามความในศลิ าจารกึ (พ.ศ. ๑๑๓๒) พระราชพงศาวดารไทย
ไม่บรรยายการท�ำพิธีบรมราชาภิเษกว่ามีลักษณะอย่างไรบ้าง จนกระทั่งถึงคราวที่สมเด็จพระเจ้าบรมโกศ
รับราชสมบัติใน พ.ศ. ๒๒๗๕ ได้ท�ำเป็นพิธีลัด เพราะแย่งชิงราชสมบัติกับพระราชนัดดา3 อยู่ พระเจ้ากรุงธนบุรี
จะได้ทรงท�ำพระราชพิธีบรมราชาภิเษกหรือไม่ ท่านผู้รู้ไม่รับรอง แต่สมเด็จกรมพระยาด�ำรงราชานุภาพ
ได้ทรงพบหนังสือทางปักษ์ใต้ อ้างพระบรมราชโองการของท่าน จึงทรงสันนิษฐานว่าถ้ามิได้รับราชาภิเษก
ก็คงไม่ใช้พระบรมราชโองการ4 ที่ทราบแน่นอนน้ัน คือ พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกเมื่อขึ้นเสวย
ราชสมบัติน้ัน ได้ท�ำพิธีอย่างลัดคร้ังหน่ึงก่อนแล้วก็ติดงานพระราชสงครามกับพะม่า จนหมดห่วงเร่ืองน้ีแล้ว
จึงทรงต้ังกรรมการขึ้นคณะหน่ึง มีเจ้าพระยาเพชรพิชัยซึ่งเป็นข้าราชการครั้งกรุงศรีอยุธยาเป็นประธาน
ให้สอบสวนแบบแผนโดยถี่ถ้วน5 พอการสร้างพระนครทางฝั่งตะวันออกของแม่น้�ำเจ้าพระยาเสร็จลง จึงได้ทรง
ท�ำบรมราชาภิเษกโดยพิสดารอีกคร้ังหน่ึง เมื่อ พ.ศ. ๒๓๒๘ เข้าใจกันว่าพิธีพราหมณ์ (เฉพาะท่ีไม่เกี่ยวกับส่วน
ภาษาบาลี ซ่ึงเป็นพระราชนิพนธ์ในรัชกาลท่ี ๔) นั้น คงจะส�ำเร็จรูปข้ึนในงานบรมราชาภิเษกคราวน้ี โดยได้
ของเก่ามา พิธีพราหมณ์ท่ีว่านี้หมายถึงพิธีท่ีเรียกว่า เปิดประตูไกลาศ เป็นการอัญเชิญพระอิศวรให้เสด็จ
ลงมาจากเขาไกลาส

1 พระนิพนธ์ของกรมหม่ืนพิทยลาภพฤฒิยากรเกี่ยวกับพระราชพิธีบรมราชาภิเษก ได้แก่ “เรื่องบรมราชาภิเษก”
“The Coronation of His Majesty Prajadhipok, King of Siam” และ “The Old Siamese Conception of the Monarchy”

2 จดหมายเหตุราชวงศ์ซยุ ของจีนได้กล่าวถงึ ภูเขาชือ่ ลงิ เกียโปโพ ว่าเปน็ สถานทีส่ �ำคญั สร้างถวายเทพเจา้ พระนามว่าโพโตลิ
ซ่ึงภูเขาลิงเกียโปโพก็คือลิงคบรรพต ซึ่งเป็นภูเขาที่อยู่ใกล้กับวัดภูเขตเมืองจ�ำปาศักดิ์ ค�ำว่า โพโตลิ ตรงกับภัทเรศวรซ่ึงคือพระนาม
ของพระอศิ วร

3 หมายถงึ เจา้ ฟา้ อภยั และเจา้ ฟา้ ปรเมศร์ พระราชโอรสในสมเดจ็ พระสรรเพชญท์ ่ี ๙ (ทา้ ยสระ) ประสตู แิ ตก่ รมหลวงราชานรุ กั ษ์
4 หนังสือทางปักษ์ใต้ดังกล่าวสันนิษฐานว่าช�ำระหรือเขียนขึ้นไม่ก่อนรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ท่ีเริ่ม
ก�ำหนดให้ใช้ค�ำว่า “บรม” คู่กับ “บวร” ค�ำว่า“พระบรมราชโองการ” จึงเพิ่งเริ่มใช้ในรัชกาลนี้ ดังน้ันการท่ีระบุว่าสมเด็จพระเจ้า
กรุงธนบุรใี ช้คำ� ว่าพระบรมราชโองการอาจเปน็ การตีความของผชู้ ำ� ระเอกสารนั้นในสมัยหลัง
5 บุคคลส�ำคัญท่ีมีบทบาทในการถ่ายทอดราชประเพณีราชส�ำนักฝ่ายในครั้งกรุงศรีอยุธยาอีกคนหนึ่งคือ เจ้าฟ้าพินทวดี
พระราชธดิ าในสมเดจ็ พระเจา้ อยหู่ ัวบรมโกศ ที่มีพระดำ� รใิ ห้รือ้ ฟ้ืนการจดั พระราชพธิ ีโสกนั ต์เต็มต�ำราแบบสมัยอยธุ ยา

416 ประมวลเอกสารพระราชพิธีบรมราชาภิเษก

ลักษณะของพิธีบรมราชาภิเษกสมัยน้ี แต่เดิมเห็นจะส�ำคัญอยู่ที่การทรงรับน�้ำอภิเษก เพ่ือแสดงความ
เป็นเจ้าเป็นใหญ่ในแว่นแคว้นทั้ง ๘ เพราะช่ือพิธีก็บ่งอยู่เช่นนั้นแล้ว แต่ในสมัยนี้อนุโลมเอาการสวม
พระมหาพชิ ยั มงกฎุ เปน็ สำ� คญั ทส่ี ดุ แหง่ งานพระราชพธิ บี รมราชาภเิ ษก1 เพราะถงึ ตอนน้ี พระสงฆเ์ จรญิ ชยั มงคล
คาถา ประโคมสังข์ บัณเฑาะว์ ฆ้องชัย ฯลฯ และพระอารามท้ังหลายย�่ำระฆัง แบบอย่างการพระราชพิธี
บรมราชาภเิ ษกนนั้ พระบาทสมเดจ็ พระจลุ จอมเกลา้ เจา้ อยหู่ วั ไดพ้ ระราชทานพระบรมราชาธบิ ายไวว้ า่ 2 ไดท้ ำ� กนั
มาเป็น ๒ ต�ำรา แต่หลงท�ำระคนปนกันไปเสีย คือว่า หลักแห่งการราชาภิเษกน้ันมีรดน�้ำแล้วเถลิงราชาอาสน์
เป็นเสร็จพิธี ที่ว่าปนกันนั้นเล็งเห็นได้ สรงมุรธาภิเษกกับขึ้นอัฐทิศรับน�้ำเป็นรดน้�ำเหมือนกัน ข้ึนภัทรบิฐกับ
ขึ้นพระแท่นเศวตฉัตรเป็นเถลิงราชาอาสน์เหมือนกัน อย่างข้ึนพระที่นั่งอัฐทิศและภัทรบิฐนั้นเป็นอย่างน้อย
ท�ำพอเป็นสังเขป อย่างสรงมุรธาภิเษกและขึ้นพระแท่นเศวตฉัตรน้ันเป็นอย่างใหญ่ส�ำหรับเลือกท�ำตามโอกาส
จะอ�ำนวย แต่หากเกิดความสงสัยกันขึ้นคราวใดคราวหนึ่ง ไม่แน่ใจว่าจะเอาอย่างไหน เลยท�ำเสียทั้ง ๒ อย่าง
ให้เป็นท่ีสิ้นสงสัยทีเดียว

การบรมราชาภิเษกอย่างพิสดาร3 ในรัชกาลที่ ๑ เมื่อ พ.ศ. ๒๓๒๘ นั้นได้เป็นแบบแผนในรัชกาล
ต่อ ๆ มา โดยเปล่ียนรายการบางอย่างไปบ้าง ที่เปล่ียนแปลงมากที่สุดคือ พระราชนิพนธ์เพิ่มเติมในรัชกาลที่ ๔
ซ่ึงพราหมณ์และราชบัณฑิตย์กราบบังคมทูลเป็นภาษาบาลี แล้วแปลเป็นภาษาไทย และพระเจ้าอยู่หัวทรง
ตอบทั้ง ๒ ภาษานั้น4 รัชกาลต่อ ๆ มาก็คงใช้แบบอย่างของรัชกาลท่ี ๔ โดยมีการแก้ไขเล็กน้อยเช่นเดียวกัน
ในรัชกาลที่ ๙ นี้ การพระราชพิธีได้เปล่ียนแปลงไปมากอีกคราวหน่ึง จะได้ช้ีแจงโดยสังเขปก่อน เพ่ือจะได้
เข้าใจลักษณะงานคราวน้ีชัดเจนง่ายขึ้น

การพระราชพิธีราชาภิเษกคราวน้ีได้ย่นเวลาท�ำพิธีให้น้อยลง เพ่ือให้เหมาะกับพระบรมราชสรีระ
สุข ก่อนเริ่มพระราชพิธีที่กรุงเทพฯ ได้ต้ังพิธีท�ำน้�ำอภิเษก ณ พุทธเจดียสถานส�ำคัญตามภูมิภาค ๑๘ แห่ง
เพอื่ สง่ นำ้� มาเขา้ พธิ สี รงพระมรุ ธาภเิ ษก สว่ นทกี่ รงุ เทพฯ กม็ พี ธิ จี ารกึ พระสพุ รรณบฏั คอื จารกึ พระบรมนามาภไิ ธย
สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวลงแผ่นทอง จารึกดวงพระบรมราชสมภพ คือ ดวงพระชาตาตามแบบโหราศาสตร์
ลงแผ่นทองเช่นเดียวกัน และแกะพระราชลัญฉกรประจ�ำรัชกาล

ครั้นถึงก�ำหนดงาน วันแรกเวลาเย็นจุดเทียนชัยพระสงฆ์เจริญพระพุทธมนต์ พระราชพิธีบรมราชาภิเษก
และพระราชพิธีเฉลิมพระราชมนเทียรรวมเป็นงาน ๑ วัน ซึ่งในรัชกาลก่อน ๆ งานนี้ท�ำถึง ๓ วัน งานวันท่ี
สองตอนเช้า สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวสรงพระมุรธาภิเษก แล้วทรงเครื่องต้นเสด็จออกประทับเหนือพระราช

1 ธรรมเนียมยึดถือการสวมพระมหาพิชัยมงกุฎเป็นส�ำคัญที่สุดแห่งงานพระราชพิธีบรมราชาภิเษกเร่ิมเกิดข้ึนในรัชสมัย
พระบาทสมเดจ็ พระจอมเกล้าเจ้าอยู่หวั นยั ว่าเปน็ คติตามแบบตะวนั ตก

2 ในพระราชพงศาวดารกรงุ รตั นโกสนิ ทร์ รชั กาลที่ ๕ พระนพิ นธข์ องสมเดจ็ พระเจา้ บรมวงศเ์ ธอ กรมพระยาดำ� รงราชานภุ าพ
ระบวุ ่าเปน็ พระราชดำ� ริในพระบาทสมเดจ็ พระจอมเกล้าเจา้ อยหู่ วั

3 พิสดาร หมายถึง โดยละเอยี ด
4 การกราบบังคมทูลเป็นภาษาบาลี แล้วแปลเป็นภาษาไทย และพระเจ้าอยู่หัวทรงตอบทั้ง ๒ ภาษาน้ันปรากฏคร้ังสุดท้าย
ในพระราชพธิ บี รมราชาภิเษก รชั กาลท่ี ๗

ประมวลเอกสารพระราชพิธีบรมราชาภิเษก 417

อาสน์แปดเหลี่ยม ซึ่งเรียกว่าพระท่ีนั่งอัฐทิศ1 ภายใต้พระเศวตฉัตรเจ็ดช้ัน สมาชิกรัฐสภา (รัชกาลก่อนใช้
ราชบัณฑิตย์) ถวายน้�ำอภิเษกและพราหมณพิธีถวายน้�ำเทพมนตรเวียนไปครบแปดทิศ พระราชครูถวาย
พระเศวตฉัตรเก้าช้ันแล้วจึงเสด็จไปสู่พระราชอาสน์อีกด้านหนึ่ง เรียกว่าพระท่ีนั่งภัทรบิฐ พราหมณ์ร่ายเวท
เปิดศิวาลัยไกลาส แล้วถวายพระสุพรรณบัฏ ราชกกุธภัณฑ์ เครื่องขัตติยราชูปโภค และพระแสงอัษฎาวุธ
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงสวมพระมหาพิชัยมงกุฎในตอนนี้อันเป็นตอนส�ำคัญแห่งพิธี

ตอนกลางวันเสด็จออกมหาสมาคม ณ พระท่ีน่ังอมรินทรวินิจฉัย ทรงรับพรจากข้าทูลละอองธุลีพระบาท
แล้วเสด็จขึ้นพระที่นั่งไพศาลทักษิณ ทรงสถาปนาพระบรมราชินี และทรงรับพรจากพระบรมวงศานุวงศ์
ตอนเยน็ เสดจ็ ไปทรงประกาศพระองคเ์ ปน็ อคั รศาสนปู ถมั ภก ในพระอโุ บสถวดั พระศรรี ตั นศาสดาราม ดว้ ยขบวน
ราบใหญ่ แล้วเสด็จไปทรงบ�ำเพ็ญพระราชกุศล ถวายบังคมพระบรมอัฐิและพระอัฐิสมเด็จพระบรมราชบุพการี

งานวันที่สาม ตอนค�่ำเสด็จเถลิงพระราชมนเทียรในพระที่นั่งจักรพรรดิพิมาน เป็นพิธีอย่างคนไทย
ขึ้นบ้าน คือ ประทับบนแท่นพระบรรทม ทรงรับพระแส้ จ่ันหมากทอง กุญแจทองและพรรณพืช ฯลฯ
พระบรมวงศ์พระองค์หญิงผู้ใหญ่ถวายพระพรแล้วเอนพระองค์ลงพระแท่นบรรทมพอเป็นสิริมงคล

งานบรมราชาภิเษกแท้ ๆ นับว่ายุติเพียงน้ี แต่ยังมีงานอ่ืนต่ออีก ๒ วัน คือวันที่สี่ ตอนกลางวัน เสด็จ
ออกรับค�ำถวายพระพรชัยมงคลของคณะทูตานุทูต ตอนบ่ายเสด็จออกรับค�ำถวายพระพรชัยมงคลของ
ประชาชน และทรงเฉลิมพระนามสมเด็จพระสังฆราช ตั้งพระราชาคณะ ทรงสดับพระธรรมเทศนาว่าด้วย
มงคลธรรม ในวันที่หา้ สถาปนาพระอิศรยิ ศักดิ์พระบรมราชวงศ์ตามราชประเพณแี ละทรงสดบั พระธรรมเทศนา
ว่าด้วยหน้าที่พระราชาผู้ได้ทรงรับอภิเษก ส่วนท้ายของพิธีบรมราชาภิเษก คือ การเลียบเมืองอันเป็นธรรมเนียม
มีมาแต่อินเดียโบราณ คือแต่เดิมทีพระมหากษัตริย์เสด็จประทักษิณพระนคร เพ่ือแสดงพระองค์แก่ทวยราษฎร
คร้ันมาในรัชกาลที่ ๔ ทรงแปรรูปงานนี้เป็นการเสด็จไปถวายสักการะพระศรีรัตนตรัยในพระอารามท่ีส�ำคัญ
ท้ังทางบกและทางน�้ำ แต่คราวนี้ไม่เสด็จพระราชด�ำเนินเพราะเก่ียวด้วยพระบรมราชสรีระสุข ดังกล่าวแล้ว2

โดยนัยนี้จึงเห็นได้ว่าการราชาภิเษกคงมีส่วนส�ำคัญอยู่ ๒ ตอน คือ ตอนรดน้�ำ กับตอนเถลิงราชาอาสน์
นอกนั้นก็เป็นพระราชพิธีส่วนประกอบ ซึ่งอาจจะเปลี่ยนแปลงให้เหมาะกับกาลสมัยได้

1 คือ พระทนี่ ั่งอัฐทศิ อุทมุ พรราชอาสน์ อนึ่ง ในพระราชพงศาวดารกรุงรตั นโกสนิ ทร์ รชั กาลที่ ๔ ออกนามว่า “อฏั ฐังโสทมุ
พรราชาอาสน์”

2 ในรายงานการประชุมพิจารณาด�ำเนินการพระราชพิธีราชาภิเษกสมรส พระราชพิธีบรมราชาภิเษก และเฉลิมพระราช
มณเฑยี ร วันที่ ๒๒ กมุ ภาพนั ธ์ พ.ศ. ๒๔๙๓ ท่ปี ระชมุ มีความเหน็ วา่ การพระราชพิธีครง้ั น้ี (๒๔๙๓) จะกระท�ำเปน็ การยอ่ คร้ันเม่ือ
เสด็จนิวัตพระนครอีกคร้ังหน่ึงพร้อมกับทรงผนวชแล้ว จึงจะประกอบพระราชพิธีอย่างเต็มรวมถึงมีการเลียบพระนครด้วย
ดูใน หอจดหมายเหตุแห่งชาติ. มท.๐๒๐๑.๒.๑.๓๑.๑/๕ [๒๐] เร่ือง การประชุมพิจารณาด�ำเนินการพระราชพิธีราชาภิเษกสมรส
พระราชพิธีบรมราชาภิเษก และเฉลิมพระราชมณเฑียร (๒๒ กุมภาพนั ธ์ ๒๔๙๓).

อนง่ึ การเสดจ็ เลยี บพระนครโดยกระบวนพยหุ ยาตราทางสถลมารคในรชั สมยั พระบาทสมเดจ็ พระบรมชนกาธเิ บศร มหาภมู พิ ล
อดลุ ยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร จัดขน้ึ ในพระราชพธิ เี ฉลิมพระชนมพรรษา ๓ รอบ ๕ ธนั วาคม พ.ศ. ๒๕๐๖

418 ประมวลเอกสารพระราชพิธีบรมราชาภิเษก

การพระราชพิธีราชาภิเษกสมรส พระราชพิธีบรมราชาภิเษกแลพระราชพิธีเฉลิมพระราชมนเทียร
รัชกาลที่ ๙ นี้ ได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้หม่อมราชวงศ์เทวาธิราช ป. มาลากุล สมุหพระราชพิธี1
เป็นผู้อ�ำนวยการ ดังค�ำส่ังส�ำนักพระราชวังต่อไปน้ี

ที่ ๓/๒๔๙๓ ค�ำส่ังส�ำนักพระราชวัง
เรื่องผู้อ�ำนวยการงานพระราชพิธีราชาภิเษกสมรส
บรมราชาภิเษก และเฉลิมพระราชมนเทียร

ด้วยได้มีพระบรมราชโองการเหนือเกล้าฯ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งให้หม่อมราชวงศ์
เทวาธิราช2 แปด3 มาลากุล สมุหพระราชพิธี เป็นผู้อ�ำนวยการงานพระราชพิธีราชาภิเษกสมรส บรมราชาภิเษก
และเฉลิมพระราชมนเทียร

ฉะน้ัน ให้สมุหพระราชพิธีปฏิบัติสนองพระบรมราชโองการเตรียมการงานพระราชพิธีเหล่าน้ี
และอ�ำนวยการฝึกซ้อมตลอดจนอ�ำนวยการในงานพระราชพิธีโดยตลอด ให้ข้าราชการท่ีเกี่ยวข้องปฏิบัติการ
ตามค�ำสั่งและค�ำแนะน�ำของผู้อ�ำนวยการให้เป็นที่เรียบร้อยทุกประการ

ท้ังน้ี ตั้งแต่บัดน้ีเป็นต้นไป
(ลงชื่อ) ทวีวงศ์ถวัลยศักดิ์4
เลขาธิการพระราชวัง
๘ กุมภาพันธ์ ๒๔๙๓

1 หม่อมราชวงศ์เทวาธิราช ป. มาลากุล (นามเดิม หม่อมราชวงศ์โป้ย มาลากุล) เกิดเมื่อวันที่ ๒๒ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๔๓๒
เป็นโอรสของพลเรือโท พระวรวงศ์เธอ กรมหมื่นปราบปรปักษ์ และหม่อมสุ่น รับราชการและด�ำรงต�ำแหน่งท่ีส�ำคัญ เช่น สมุห
พระราชพธิ ี และท่ปี รกึ ษาสำ� นกั พระราชวงั เปน็ ผู้มคี วามรอบรู้ในเรอ่ื งพิธีการในพระราชสำ� นกั หมอ่ มราชวงศเ์ ทวาธิราช ป. มาลากุล
ถงึ แกอ่ นจิ กรรมเม่ือวนั ที่ ๒๒ กมุ ภาพนั ธ์ พ.ศ. ๒๕๑๐ สิริอายุ ๗๘ ปี

2 เทวาธิราช เป็นหนึ่งในนามของหม่อมราชนิกุลอันเป็นยศพิเศษที่พระราชทานแก่หม่อมราชวงศ์ชายท่ีปฏิบัติความดี
ความชอบแกร่ าชการแผ่นดิน เช่น หมอ่ มราโชทยั หม่อมชาติเดชอดุ ม หมอ่ มทวีวงศถ์ วลั ยศกั ดิ์ เปน็ ตน้

3 เอกสารบางช้ินระบุชื่อของพระยาเทวาธิราชว่า หม่อมราชวงศ์โป้ย มาลากุล ซึ่งค�ำว่า “โป้ย” ในภาษาจีนแปลว่า แปด
ดูใน “เรื่องพระราชทานพระบรมราชานุญาตให้ข้าราชการกราบถวายบังคมลาออกจากบรรดาศักด์ิ,” ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๕๙
ตอนท่ี ๑๘ (๑๗ มนี าคม ๒๔๘๕) : ๕๑๓.

4 พลตรี หม่อมทวีวงศ์ถวัลยศักดิ์ (หม่อมราชวงศ์เฉลิมลาภ ทวีวงศ์) เกิดเม่ือวันที่ ๗ สิงหาคม พ.ศ. ๒๔๔๔ เป็นโอรสของ
หม่อมเจ้าอุดมดิเรกลาภ ทวีวงศ์ และหม่อมเฉ่ือย (สกุลเดิม จารุจินดา) สมรสกับหม่อมราชวงศ์ทิพยวดี ชยางกูร มีธิดาสองคน
หมอ่ มทวีวงศถ์ วัลยศักดดิ์ ำ� รงตำ� แหนง่ สำ� คญั เชน่ ผ้อู ำ� นวยการส�ำนกั งานทรัพยส์ นิ ส่วนพระมหากษตั ริย์ เลขาธกิ ารพระราชวัง เปน็ ต้น
หม่อมทวีวงศถ์ วัลยศกั ดิ์ถงึ แกอ่ สัญกรรมเมือ่ วันท่ี ๒๗ ตลุ าคม พ.ศ. ๒๕๑๓ สิรอิ ายุ ๖๙ ปี

ประมวลเอกสารพระราชพิธีบรมราชาภิเษก 419

อนึ่ง เมื่อคืนวันท่ี ๓ พฤษภาคม ๒๔๙๓ ซึ่งรุ่งขึ้นจะเป็นวันงานพระราชพิธีบรมราชาภิเษกนั้น
ทางราชการได้ให้หม่อมราชวงศ์ เทวาธิราช ป. มาลากุล ไปพูดกระจายเสียงทางวิทยุท่ีกรมโฆษณาการ1
ดังความต่อไปนี้

พระราชพิธีบรมราชาภิเษก

โดย
หม่อมราชวงศ์ เทวาธิราช ป. มาลากุล สมุหพระราชพิธี

พระราชพิธีบรมราชาภิเษกรัชกาลที่ ๙ จะเริ่ม ณ วันที่ ๔ พฤษภาคม ๒๔๙๓ เป็นวันแรก คือเป็นวัน
จุดเทียนชัยแล้ว พระสงฆ์เจริญพระพุทธมนต์ รุ่งข้ึนวันท่ี ๕ พฤษภาคม เป็นวันบรมราชาภิเษก ตอนเช้าสรง
พระมุรธาภิเษกและทรงรับน�้ำอภิเษก ตอนบ่ายเสด็จฯ ออกท้องพระโรง ตอนเย็นเสด็จพระราชด�ำเนินไปวัด
พระศรีรัตนศาสดาราม เพ่ือถวายนมัสการพระศรีรัตนตรัยและแสดงพระองค์เป็นศาสนูปถัมภกท่ีในพระอุโบสถ
วันท่ี ๖ พฤษภาคม เป็นวันเสด็จเฉลิมพระราชมนเทียร วันที่ ๗ พฤษภาคม ตอนเช้า คณะทูตนานาประเทศ
เฝ้าฯ ตอนเย็นเสด็จออกให้ประชาชนเฝ้าฯ ณ ท้องสนามชัย และในวันที่ ๗ กับวันที่ ๘ พฤษภาคม รวม
๒ วันนี้ เสด็จฯ ออกทรงสถาปนาสมณฐานันดรศักดิ์และพระอิสริยฐานันดรศักด์ิพระบรมราชวงศ์ ทรงสดับ
พระธรรมเทศนาและมีการถวายดอกไม้ธูปเทียนตามราชประเพณีเฉลิมพระราชมนเทียรด้วย

พระราชพิธีบรมราชาภิเษก มักจะเข้าใจกันว่า Coronation Ceremony แท้ท่ีจริงนั้นหลักการตรงกัน
คือ เป็นการแสดงความเป็นเจ้าเป็นใหญ่ แต่พิธีการนั้นหาตรงกันไม่ Coronation เป็นพิธีซึ่งมีการสวมมงกุฎ
เป็นส�ำคัญ แต่พระราชพิธีบรมราชาภิเษกน้ัน ความส�ำคัญอยู่ท่ีค�ำว่า อภิเษก คือ การถวายน�้ำอภิเษกซึ่งช่ือ
พระราชพิธกี บ็ ง่ อยูแ่ ล้ว นำ้� อภเิ ษกทถ่ี วายนั้นเป็นนำ�้ ท่ีไดพ้ ลีกรรมตกั มาจากสถานศกั ดิส์ ิทธิใ์ นราชอาณาจกั รไทย
ทั้ง ๘ ทิศ นี้มีความหมายว่า เพื่ออัญเชิญให้สมเด็จพระมหากษัตริย์ทรงแผ่พระราชอาณาปกครองประชาชน
ในทิศท้ัง ๘

การถวายนำ้� อภเิ ษก เดมิ ราชบณั ฑติ เปน็ ผถู้ วาย แตส่ ำ� หรบั การครง้ั นผ้ี แู้ ทนของปวงชนเปน็ ผทู้ ลู เกลา้ ฯ ถวาย
อน่ึงเน่ืองในการพระราชพิธีบรมราชาภิเษก บางคร้ังก็มีการเสด็จเลียบพระนคร บางครั้งก็ไม่มีการ
เสด็จเลียบพระนคร การเสด็จเลียบพระนครนั้นก็เพ่ือให้ปวงชนมีโอกาสได้เฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท และรู้จัก
พระองค์ผู้ทรงเป็นพระมหากษัตริย์ ส�ำหรับการครั้งน้ีไม่มีเสด็จเลียบพระนคร แต่แทนที่นั้นมีการเสด็จออกให้
ปวงชนเฝ้าฯ ที่ท้องสนามชัย
พระราชพิธีบรมราชาภิเษกท�ำที่พระมหามนเทียรในพระบรมมหาราชวัง และเป็นพระราชพิธีท่ี
ศักดิสิทธิและสิริมงคลอย่างย่ิง สมเด็จพระมหากษัตริย์ผู้ทรงประกอบพระราชกรณียกิจจึงต้องทรงมีสมาธิเป็น

1 ต่อมาเม่ือวนั ที่ 8 มีนาคม พ.ศ. 2495 เปลี่ยนช่อื เป็น กรมประชาสมั พนั ธ์

420 ประมวลเอกสารพระราชพิธีบรมราชาภิเษก

ประการส�ำคัญ เหตุฉะน้ีระวาง1ทรงปฏิบัติการพระราชพิธีในพระราชพิธีมณฑล ณ พระที่น่ังไพศาลทักษิณ
จึงต้องการความสงบเงียบและห้ามการใด ๆ ท่ีรบกวนสมาธิ เช่น ห้ามการถ่ายรูปและการถ่ายภาพยนตร์
เป็นต้น เว้นแต่ผู้ที่ได้รับอนุญาต ๒ - ๓ คน ถ่ายรูปไว้เป็นประวัติเท่านั้น เพราะงานส�ำคัญ ๆ เช่นน้ี ถ้าไม่มีรูป
ปรากฏไว้ส�ำหรับการข้างหน้าเสียเลย ก็ดูออกจะเป็นท่ีน่าเสียดายอยู่บ้าง ยังอีกเร่ืองหนึ่ง คืองานน้ีเป็นงานท่ี
มีในพระราชนิเวศน์วังสถาน ฉะน้ันตามประเพณีที่ดีแต่ก่อน ๆ น้ันหาได้มีผู้คนภายนอกเข้าไปดูงานกันเนือง
แน่นไม่ เพราะโดยมากคงย่อมค�ำนึงถึงความเรียบร้อยและเคารพต่อสถานท่ีอันเป็นท่ีประทับของสมเด็จพระ
มหากษัตราธิราชตามขนบประเพณีอันดีของชาวเรา ซึ่งฝังอยู่ในจิตใจของเรามานานแล้ว แต่ว่าโอกาสอันควร
เช่นจะได้เฝ้าทูลละอองธุลีพระบาทก็ดี จะได้ถ่ายภาพซ่ึงควรจะถ่ายได้ก็ดี หาใช่จะไม่มีเสียเลยทีเดียวก็หามิได้
เพราะสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้ทรงตระหนักพระราชหฤทัยในความจงรักภักดีของปวงชนซึ่งมีต่อพระองค์
อยู่โดยแน่ชัดเหมือนกัน จึงโปรดเกล้าฯ จะเสด็จฯ ออกท่ีสีหบัญชรพระที่น่ังสุทไธสวรรยปราสาทพร้อมด้วย
สมเด็จพระนางเจ้า พระบรมราชินี ณ เวลา ๑๖ นาฬิกา ๓๐ นาที วันที่ ๗ พฤษภาคม ปีนี้ เพ่ือให้ราษฎร
ได้มีโอกาสเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาทสมเจตนจ�ำนง และในโอกาสน้ันท่านทั้งหลายถ้าต้องการจะถ่ายภาพน่ิง
หรือภาพยนตร์ก็ย่อมจะปฏิบัติได้ และเนื่องด้วยคงมีประชาชนไปเฝ้าฯ มากหลายด้วยกัน ท่านจึงควรพยายาม
ใช้ Tele - Photo lens ขนาด ๔ หรือ ๖ นิ้ว ส�ำหรับกล้องนิ่งหรือกล้องภาพยนตร์ของท่าน และถ้าเป็นกล้อง
ภาพยนตร์แล้ว โดยท่ีข้าพเจ้าเป็นผู้ชอบถ่ายภาพยนตร์มากอยู่คน ๑ เหมือนกัน จึงมีความเห็นว่า เคร่ือง Bell
Howell Filmo 16 m/m Camera ท่ีมี Turret Head เป็นเครื่องที่เหมาะสมที่สุด

สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวของชาวเราพระองค์นี้ เท่าที่เป็นที่ประจักษ์แก่ข้าพเจ้า สังเกตว่าทรงปฏิบัติอะไร
มักจะทรงพระราชด�ำริถึงปวงชนเป็นส่วนใหญ่ ข้าพเจ้าจะชักตัวอย่างให้ฟัง เช่น ราชประเพณีสรงพระมุรธา
ภิเษกมี ๒ อย่าง อย่าง 1 ถ้าวันไหนทิศไหนเป็นสิริมงคลแล้ว เวลาสรงสมเด็จพระมหากษัตริย์ก็ทรงแปร
พระพักตรสู่ทิศนั้น เพื่อสิริมงคลแด่พระองค์2 อีกอย่าง ๑ วันสรงจะเป็นวันใดก็ตาม เวลาสรงทรงแปรพระพักตร
สู่ทิศบูรพา คือ ทิศตะวันออก พระราชปฏิบัติเช่นนี้เป็นพระราชปฏิบัติเพ่ือสวัสดิสุขแด่ปวงชน ข้าพเจ้าจะแจ้ง
ให้ท่านทราบ สรงพระมุรธาภิเษกในงานพระราชพิธีบรมราชาภิเษกคร้ังน้ี สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวจะทรงแปร
พระพักตรสู่ทิศบูรพา

แบบอย่างเช่นน้ีมีมาแล้วในรัชกาลพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย ดุจข้าพเจ้าจะน�ำโคลง
พระราชนิพนธ์รัชกาลที่ ๓ เรื่องพระราชพิธีบรมราชาภิเษกรัชกาลที่ ๒3 มาอ่านให้ท่านฟัง

1 ระวาง เปน็ ค�ำบุพบท มีความหมายเชน่ เดยี วกับคำ� วา่ ระหว่าง
2 ดังในกรณีพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงแปรพระพักตร์ทิศพายัพ (ตะวันตกเฉียงเหนือ) พระบาทสมเด็จ
พระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงแปรพระพักตร์ทิศอาคเนย์ (ตะวันออกเฉียงใต้) และพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงแปร
พระพักตร์ทศิ อศิ าน (ตะวนั ออกเฉียงเหนอื )
3 คือ โคลงปราบดาภิเษกเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระพทุ ธเลิศหล้านภาลยั พระราชนิพนธใ์ นรัชกาลที่ ๓ ครัง้ ด�ำรง
พระราชอสิ ริยยศเปน็ พระเจา้ ลกู ยาเธอ กรมหมืน่ เจษฎาบดนิ ทร์

ประมวลเอกสารพระราชพิธีบรมราชาภิเษก 421

ตอนตั้งพิธี
เถลิงการก�ำหนดให้ แจงจัด
โดยขนบโบราณรัด เร่งเร้า
ปราบดาภิเษกสวัสดิ ศุภฤกษ์ นี้เฮย
กรมพิทักษมนตรีเจ้า ท่านช้ีอวยการ
ตอนสรง
ขึ้นตั่งชัยพฤกษพร้อม มุรธา ภิเษกเฮย
ตั้งพักตรฝ่ายบูรพา ม่านป้อง
ชาวงานพระธารา ไขท่อ ปทุมแฮ
ดูด่ังน้�ำฟ้าต้อง ธิราชเจ้าดูงาม
ด้วยประการฉะนี้ ข้าพเจ้าจึงหวังว่าพ่ีน้องชาวไทยที่รักและมีจริยาวัตรอันดีทั้งหลาย คงจะพร้อมใจกัน
ถวายความจงรักภักดีให้สมเด็จพระมหากษัตริย์ของเราได้ทรงปฏิบัติกิจพิธีส�ำคัญ โดยมีพระสมาธิกิริยาเพ่ือ
พระองค์ท่านจะได้ทรงเป็นพระมหากษัตริย์ท่ีดีของเรา ทรงปกครองเราต่อไปโดยสวัสดิสุขชั่วนิรันดรกาล
สมกับที่พระองค์ทรงเป็นสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวของปวงชนของพระองค์
ติรตเน สเก รฏเฐ สกวํเส มมายนํ
สกราเชชุจิตฺตญฺจ สกรฏฺฐาภิวฑฺฒนํ
ความเคารพนับถือรักใคร่ในพระรัตนตรัย ในรัฐของตนและในวงศ์สกุลของตน กับจิตซื่อตรงใน
พระราชาของตนนี้เป็นเครื่องท�ำให้รัฐของตนเจริญยิ่ง1
เทวาธิราช ป. มาลากุล
๓ พ.ค. ๒๔๙๓

1 คอื คำ� แปลคาถาภาษติ ภาษาบาลปี ระดบั พระราชลญั จกรประจำ� เครอ่ื งบรมขตั ตยิ ราชอสิ รยิ าภรณอ์ นั มเี กยี รตคิ ณุ รงุ่ เรอื งยงิ่
มหาจกั รีบรมราชวงศ์

422 ประมวลเอกสารพระราชพิธีบรมราชาภิเษก

พระราชประวัติ

ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช

๒๔๗๐พตรระงบกาับทส๒ม๑เฯด๒็จ๑พรคะ่�ำเจป้าีเอถยาู่หะัวจภุลูมศิพักลรอาดชุล๑ยเ๒ด๘ช๙พทระ่ีเมบือรงมแรคามชสบมริดภจพ์ ณ วันจันทร์ท่ี ๕ ธันวาคม พ.ศ.
(Cambridge) รัฐแมสซาซูเสตต์
(Massachusetts) สหรัฐอเมริกา ทรงเป็นพระโอรสล�ำดับพระองค์ที่ ๓ ของสมเด็จพระราชบิดา เจ้าฟ้ามหิดล
อดุลยเดช กรมหลวงสงขลานครินทร์ และสมเด็จพระราชชนนีศรีสังวาลย์1 มีพระนามในชั้นเดิมว่า
พระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าภูมิพลอดุลยเดช
พ.ศ. ๒๔๗๑ ได้ตามสมเด็จพระราชบิดาฯ เสด็จกลับเข้ามาประทับในประเทศไทย
พ.ศ. ๒๔๗๒ สมเด็จพระราชบิดา เจ้าฟ้ามหิดลอดุลยเดช กรมหลวงสงขลานครินทร์ได้สิ้นพระชนม์
พ.ศ. ๒๔๗๕ ได้ทรงศึกษาวิชาท่ีโรงเรียนมาแตร์ เดอี ถนนเพลินจิตต์ จังหวัดพระนคร
พ.ศ. ๒๔๗๖ ได้เสด็จไปยุโรป เพื่อทรงศึกษาวิชาการ เสด็จประทับ ณ เมืองโลซานน์ ประเทศ
สวิสเซอรแลนด์เม่ือเดือนกันยายน พ.ศ. ๒๔๗๖ ได้เสด็จเข้าทรงศึกษาวิชาช้ันต้นตามหลักสูตรวิชาช้ัน
ปถมศึกษา ท่ีโรงเรียนเมียร์มองต์ (Miremont) ณ เมืองโลซานน์
กรกฎาคม ๒๔๗๘ ได้ทรงรับสถาปนาพระฐานันดรศักด์ิขึ้นเป็นสมเด็จพระเจ้าน้องยาเธอ
เจ้าฟ้าภูมิพลอดุลยเดชภายหลังที่สมเด็จพระบรมเชษฐาธิราช พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรมหาอานันทมหิดล
เสด็จขึ้นเถลิงถวัลยราชสมบัติสืบราชสันตติวงศ์แล้ว
อนึ่ง ได้ทรงย้ายจากโรงเรียนเมียร์มองต์ ไปทรงศึกษาท่ีโรงเรียนอีกแห่งหน่ึงภาคฝร่ังเศส ในประเทศ
สวิสเซอรแลนด์ ชื่อโรงเรียนนูเวลล์ เดอ ลา สวิส โรมางด์ (Ecole Nouvelle de la Suisse Romande) ต�ำบล
ไชย่ี (Chailly) เขตเมืองโลซานน์ ทรงเป็นนักเรียนภายนอก คือ เสด็จไปกลับ
ในเดือนพฤศจิกายน ๒๔๘๑ ได้เสด็จมาเย่ียมประเทศไทยเป็นการช่ัวคราว พร้อมกับสมเด็จพระบรม
เชษฐาธิราชพระบาทสมเด็จพระปรเมนทรมหาอานันทมหิดล2 ประทับอยู่ในราชอาณาจักร ประมาณ ๒ เดือน
แล้วจึงเสด็จออกไปยังประเทศสวิสเซอรแลนด์ เมื่อเดือนมกราคม ๒๔๘๑ เพื่อทรงศึกษาวิชาการต่อไป
กรกฎาคม ๒๔๘๘ ทรงสอบไล่บาคคาลอเรียอาต์ (Baccalaureat) ท่ีโรงเรียนยิมนาส เดอ โลซานน์
(Gymnase de Lausanne) ได้ประกาศนียบัตรบาเชอเลียร์ เอส เลตรส์ (Bachelier ès Lettres)

1 วันที่ ๙ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๑๓ พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร
ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้เฉลิมพระนามาภิไธยพระอัฐิสมเด็จพระบรมราชชนกว่า สมเด็จพระมหิตลาธิเบศร อดุลยเดชวิกรม
พระบรมราชชนก และเฉลมิ พระนามาภไิ ธยสมเด็จพระบรมราชชนนวี ่า สมเดจ็ พระศรนี ครนิ ทราบรมราชชนนี

2 วันที่ ๘ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๓๙ พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร
ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้เฉลิมพระปรมาภิไธยพระบาทสมเด็จพระปรเมนทรมหาอานันทมหิดล เป็นพระปรมาภิไธยอันวิเศษ
ตามแบบแผนโบราณราชประเพณี โดยขานพระปรมาภิไธยอย่างสังเขปว่า พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรมหาอานันทมหิดล
พระอัฐมรามาธบิ ดินทร

ประมวลเอกสารพระราชพิธีบรมราชาภิเษก 423

ตุลาคม ๒๔๘๘ เสด็จเข้าศึกษาในมหาวิทยาลัยโลซานน์ในแผนกวิทยาศาสตร์ (Université de
Lausanne, Faculté des Sciences)

๕ ธันวาคม ๒๔๘๘ ได้เสด็จมาประเทศไทยพร้อมด้วยสมเด็จพระบรมเชษฐาธิราช พระบาทสมเด็จ
พระปรเมนทรมหาอานันทมหิดล อีกวาระหน่ึง

๑๐ พฤษภาคม ๒๔๘๙ ทรงได้รับยศร้อยโท นายทหารพิเศษประจ�ำกรมทหารราบท่ี ๑ กองพันท่ี ๑
มหาดเล็กรักษาพระองค์ ในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว

ณ วันท่ี ๙ มิถุนายน ๒๔๘๙ เสด็จข้ึนเถลิงถวัลยราชสมบัติต่อ สมเด็จพระบรมเชษฐาธิราช
พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรมหาอานันทมหิดล เป็นพระมหากษัตริย์รัชกาลที่ ๙ ในพระบรมราชจักรีวงศ์
เฉลิมพระปรมาภิไธยว่าสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช

๑๙ สิงหาคม ๒๔๘๙ ได้เสด็จพระราชด�ำเนินกลับไปยังประเทศสวิสเซอรแลนด์ เพ่ือทรงศึกษาวิชาการ
ต่อไป

ในเดอื นตุลาคม ๒๔๘๙ ได้ทรงเลอื กศกึ ษาวชิ าใหมค่ อื “Licence et Doctorat ès Sciences Sociales”
ณ มหาวิทยาลัยแห่งเมืองโลซานน์

๑๘ พฤศจิกายน ๒๔๙๒ ทรงม่ัน หม่อมราชวงศ์สิริกิติ์ กิติยากร1 ในหม่อมเจ้านักขัตรมงคล กิติยากร2
และหม่อมบัว กิติยากร3

๒๙ กุมภาพันธ์ ๒๔๙๓ ทรงโดยสารรถไฟออกจากโลซานน์ไปเมืองวิลล์ฟรังซ Villefranche ในประเทศ
ฝร่ังเศสและประทับเรือซีแลนเดีย4 ออกจากฝร่ังเศสเมื่อวันที่ ๒๗ กุมภาพันธ์ ๒๔๙๓ เสด็จถึงประเทศไทย
วันที่ ๒๔ มีนาคม ๒๔๙๓5

1 คือ สมเดจ็ พระนางเจ้าสิริกิต์ิ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง
2 พระวรวงศ์เธอ กรมหมื่นจันทบุรีสุรนาถ พระนามเดิม หม่อมเจ้านักขัตรมงคล กิติยากร เป็นพระโอรสของพระเจ้า
บรมวงศ์เธอ กรมพระจันทบุรีนฤนาถ และหม่อมเจ้าอัปษรสมาน กิติยากร ประสูติเมื่อวันที่ ๔ มกราคม พ.ศ. ๒๔๔๐ เสกสมรสกับ
หมอ่ มหลวงบัว กติ ยิ ากร (สนทิ วงศ์) ทรงดำ� รงตำ� แหน่งทสี่ �ำคัญ เชน่ ผู้ชว่ ยเสนาธิการทหารบก เอกอัครราชทูตประจำ� ส�ำนกั เซนตเ์ จมส์
องคมนตรี เปน็ ตน้ พระวรวงศ์เธอ กรมหม่ืนจนั ทบรุ ีสรุ นาถ สิ้นพระชนม์เมอื่ วนั ที่ ๑๑ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๔๙๖ พระชนั ษา ๕๖ ปี
3 หมอ่ มหลวงบัว กิติยากร ธิดาของเจ้าพระยาวงษานุประพทั ธ์ (หมอ่ มราชวงศส์ ท้าน สนทิ วงศ์) กบั ทา้ ววนิดาพจิ ารณิ ี (บาง
สนทิ วงศ์ ณ อยธุ ยา) เกดิ เม่อื วนั ที่ ๒๕ พฤศจกิ ายน พ.ศ. ๒๔๕๒ สมรสกบั หม่อมเจ้านกั ขตั รมงคล กิติยากร (ตอ่ มาคอื พระวรวงศ์เธอ
กรมหม่ืนจนั ทบุรสี รุ นาถ) มีโอรสธดิ า ๔ คน หม่อมหลวงบวั กิตยิ ากร ถึงแก่พริ าลัยเม่อื วนั ท่ี ๑๙ กนั ยายน พ.ศ. ๒๕๔๒
4 เม่ือเสดจ็ ถงึ ปอ้ มพระจลุ จอมเกล้า เปล่ยี นเรอื พระทีน่ งั่ เป็นเรอื หลวงศรอี ยธุ ยา ดรู ายละเอียดใน "ที่ ๑/๒๔๙๓ ก�ำหนดการ
รับเสด็จสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จพระราชด�ำเนินนิวัตต์สู่ราชอาณาจักรไทย ๒๔๙๓," ราชกิจจานุเบกษา ตอนที่ ๑๔ เล่ม ๖๗
(๗ มนี าคม ๒๔๙๓) : ๙๙๔
5 รงุ่ ข้นึ ในวนั ท่ี ๒๕ มนี าคม พ.ศ. ๒๔๙๓ สมเดจ็ พระเจา้ บรมวงศเ์ ธอ กรมพระยาชยั นาทนเรนทร โปรดให้ต้ัง “การพระราช
พธิ สี มโภชสมเดจ็ พระเจา้ อยหู่ วั ในการเสดจ็ พระราชด�ำเนนิ นวิ ตั ตส์ รู่ าชอาณาจกั รไทย” ณ พระทน่ี งั่ อมรนิ ทรวนิ จิ ฉยั การนพ้ี ราหมณไ์ ด้
เบิกแวน่ พระบรมวงศานวุ งศ์พร้อมทั้งขา้ ทลู ละอองธลุ พี ระบาทรับแวน่ เวยี นเทยี นสมโภช เปน็ เสรจ็ การพระราชพธิ ี ดูใน “ที่ ๒/๒๔๙๓
กำ� หนดการพระราชพธิ สี มโภชสมเดจ็ พระเจา้ อยหู่ วั ในการเสดจ็ พระราชดำ� เนนิ นวิ ตั ตส์ รู่ าชอาณาจกั รไทย ๒๔๙๓,” ราชกจิ จานเุ บกษา
ตอนที่ ๑๔ เลม่ ๖๗ (๗ มนี าคม ๒๔๙๓) : ๙๙๙ - ๑๐๐๐.

424 ประมวลเอกสารพระราชพิธีบรมราชาภิเษก

ดวงพระบรมราชสมภพ

พระบรมราชสมภพ วันจันทร์ท่ี ๕ ธันวาคม พุทธศาสนายุกาล ๒๔๗๐ ตรงกับ ณ วัน ๒๑ฯ๒๑ ค่�ำ1
ปีเถาะ นพศก จุลศักราช ๑๒๘๙ เวลา ๘ นาฬิกา ๔๕ นาที (๒ โมงเช้า ๔๕ นาที เวลาท่ีกรุงเทพฯ) พระลัคนา
สถิตราศีธนู ตติยนวางค ๗ ปฐมตรียางค ๖ เชฐฤกษ์ ๑๘ ประกอบด้วยสมณแห่งฤกษ์

1 วันจนั ทร์ เดือนอ้าย ขึ้น ๑๒ ค�่ำ

ประมวลเอกสารพระราชพิธีบรมราชาภิเษก 425

ดวงพระฤกษ์สรงพระมุรธาภิเษก

วันที่ ๒๗ เมษายน พุทธศักราช ๒๔๙๓
ขอเดชะฝ่าละอองธุลีพระบาทปกเกล้าปกกระหม่อม
ข้าพระพุทธเจ้า พระยาโหราธิบดี (แหยม วัชรโชติ) ขอพระราชทานค�ำนวณพระฤกษ์ศุภมงคลการ
พระราชพิธีบรมราชาภิเษกทูลเกล้าทูลกระหม่อมถวาย โดยทางสุริยคติกาล จันทรคติวารดิถี ตามคัมภีร์ฎีกา
โหราศาสตรนิยม
ก�ำหนดวันศุกร์ท่ี ๕ พฤษภาคม พุทธศักราช ๒๔๙๓ ตรงกับเดือน ๖ แรม ๔ ค่�ำ เวลา ๑๐ นาฬิกา
เป็นประถมพระฤกษ์ขอพระราชทานเชิญเสด็จสู่พระแท่นสรง ทรงแปรพระพักตรสู่มงคลทิศบูรพา สรงพระ
มุรธาภิเษก สนานน�้ำพระพุทธมนต์เทพมนต์ช�ำระพระองค์ ถึงเวลา ๑๑ นาฬิกา ๔๖ นาที เป็นที่สุดแห่งพระฤกษ์
เพื่อทรงเจริญพระราชสิริสวัสดิพิพัฒนมงคล พระชนมสุขทุกทิพาราตรีกาล
โสตฺถิเตโหตุสพฺพทา
ขอเดชะ
ข้าพระพุทธเจ้า
พระยาโหราธิบดี.

426 ประมวลเอกสารพระราชพิธีบรมราชาภิเษก

การท�ำน้�ำอภิเษก

พิธีท�ำน�้ำอภิเษกได้ต้ังพิธีท�ำ ณ พุทธเจดียสถานส�ำคัญตามภูมิภาค ๑๘ แห่งในราชอาณาจักรไทย คือ
๑. จังหวัดสระบุรี ตั้งที่พระพุทธบาท
๒. จังหวัดพิษณุโลก ตั้งที่วัดพระศรีรัตนมหาธาตุ
๓. จังหวัดสุโขทัย ตั้งที่วัดพระมหาธาตุ อ�ำเภอสวรรคโลก
๔. จังหวัดนครปฐม ตั้งท่ีพระปฐมเจดีย์
๕. จังหวัดนครศรีธรรมราช ตั้งท่ีวัดพระมหาธาตุ
๖. จังหวัดล�ำพูน ตั้งที่พระธาตุหริภุญชัย
๗. จังหวัดนครพนม ตั้งท่ีพระธาตุพนม
๘. จังหวัดน่าน ตั้งท่ีพระธาตุแช่แห้ง1
๙. จังหวัดร้อยเอ็ด ตั้งท่ีบึงพระลานชัย
๑๐. จังหวัดเพชรบุรี ตั้งที่วัดมหาธาตุ
๑๑. จังหวัดชัยนาท ตั้งที่วัดพระบรมธาตุ
๑๒. จังหวัดฉะเชิงเทรา ตั้งท่ีวัดโสธร
๑๓. จังหวัดนครราชสีมา ตั้งท่ีวัดพระนารายณ์มหาราช
๑๔. จังหวัดอุบลราชธานี ตั้งท่ีวัดศรีทอง2
๑๕. จังหวัดจันทบุรี ตั้งที่วัดพลับ
๑๖. จังหวัดสุราษฎร์ธานี ตั้งท่ีวัดพระมหาธาตุ อ�ำเภอไชยา
๑๗. จังหวัดปัตตานี ตั้งที่วัดตานีนรสโมสร
๑๘. จังหวัดภูเก็ต ตั้งที่วัดพระทอง

1 การทำ� นำ�้ อภเิ ษกซง่ึ แตเ่ ดมิ ในรชั กาลกอ่ น ๆ กำ� หนดไวท้ ว่ี ดั พระธาตชุ อ่ แฮ จงั หวดั แพร่ เนอ่ื งดว้ ยเปน็ จงั หวดั ทม่ี คี วามส�ำคญั
เมื่อคร้ังท่ีสยามยังมีการบริหารราชการแบบมณฑล ต่อมาเมื่อยกเลิกระบบมณฑลแล้ว ได้พิจารณาจังหวัดท่ีมีความเหมาะสมและ
เก่ียวข้องกับเจ้านายฝ่ายเหนือ จึงมีมติเปล่ียนเป็นจังหวัดน่านแทน ดูใน หอจดหมายเหตุแห่งชาติ. มท.๐๒๐๑.๒.๑.๓๑.๑/๕ [๒๑].
เรื่อง การประชุมพิจารณาด�ำเนินการพระราชพิธีราชาภิเษกสมรส พระราชพิธีบรมราชาภิเษก และเฉลิมพระราชมณเฑียร
(๒๒ กมุ ภาพันธ์ ๒๔๙๓).

2 ปัจจุบนั คือ วดั ศรีอุบลรตั นาราม ต�ำบลในเมอื ง อ�ำเภอเมืองอุบลราชธานี จังหวดั อุบลราชธานี

ประมวลเอกสารพระราชพิธีบรมราชาภิเษก 427

น�้ำอภิเษกนั้น ข้าหลวงประจ�ำจังหวัด1 ได้ให้ราชบุรุษ2 ไปพลีกรรมตักน้�ำที่เป็นสิริมงคล ณ สถาน
ศักด์ิสิทธิ์ในจังหวัดนั้นบรรจุภาชนะแล้วน�ำเข้าพิธี ประกอบด้วยเครื่องสักการะบูชา

วันท่ี ๑๘ มีนาคม ๒๔๙๓ เวลา ๑๖.๐๐ น. ข้าหลวงประจ�ำจังหวัดไปยังพิธีมณฑล จุดธูปเทียนเคร่ือง
นมัสการสมาทานศีลแล้วประธานสงฆ์ประกาศเทวดา เวลา ๑๕.๐๖ - ๑๗.๑๔ น. ประธานสงฆ์จุดเทียนชัย
ประโคมฆ้องชัย ดุริยางค์ แล้วพระสงฆ์ ๓๐ รูปเจริญพระพุทธมนต์จบแล้วจะได้ผลัดเปลี่ยนกันสวดภาณวาร
ต่อไป

วันที่ ๑๙ มีนาคม ๒๔๙๓ เวลา ๑๐.๐๐ น. ข้าหลวงประจ�ำจังหวัดไปยังพิธีมณฑล จุดธูปเทียนเคร่ือง
นมัสการสมาทานศีลแล้วประธานสงฆ์ดับเทียนชัยแล้วเจือน้�ำพระพุทธมนต์ลงไปในน�้ำอภิเษก แล้วข้าราชการ
ประเคนภัตตาหาร พระสงฆ์ ๓๐ รูปฉันเสร็จแล้ว ข้าหลวงประจ�ำจังหวัดประเคนจตุปัจจัยไทยธรรม พระสงฆ์
อนุโมทนา เวลา ๑๒.๐๐ น. ตั้งบายศรีเวียนเทียนสมโภชน�้ำอภิเษกแล้วข้าหลวงประจ�ำจังหวัดทุกจังหวัดได้จัด
ข้าราชการเชิญน้�ำอภิเษกน้ัน มายังกระทรวงมหาดไทย เพ่ือน�ำส่งส�ำนักพระราชวัง (ก่อนวันท่ี ๒๐ เมษายน
๒๔๙๓)3

ในงานน้ี การแต่งกาย แต่งเครื่องแบบเต็มยศ.

1 ปจั จบุ นั คอื ต�ำแหน่งผู้ว่าราชการจงั หวัด
2 ขา้ ราชการพลเรอื นชน้ั สามญั แตเ่ ดมิ จำ� แนกออกเป็น ๒ ชัน้ คอื ชัน้ สัญญาบตั ร และชนั้ ราชบุรษุ
3 วันท่ี ๒๐ เมษายน พ.ศ. ๒๔๙๓ เป็นวนั แรกของพธิ ีจารึกพระสุพรรณบฏั ดวงพระบรมราชสมภพ และแกะพระราชลญั จกร
ประจำ� รชั กาล

428 ประมวลเอกสารพระราชพิธีบรมราชาภิเษก

การจารึกพระสุพรรณบัฏ ดวงพระบรมราชสมภพ
และแกะพระราชลัญฉกร ประจ�ำรัชกาล

วันที่ ๒๐ เมษายน ๒๔๙๓ (วัน ๕ ฯ๔ ๖ ปีขาล)1 เป็นวันพระสงฆ์เจริญพระพุทธมนต์ ณ พระอุโบสถ
วัดพระศรีรัตนศาสดาราม

เจ้าพนักงานตั้งเครื่องนมัสการทองใหญ่2 กับพระแท่นทรงกราบหน้าธรรมาสน์ศิลา3กลางพระอุโบสถ
ในพระอุโบสถด้านเหนือตั้งอาสนส�ำหรับพระสงฆ์ ๑๐ รูป เจริญพระพุทธมนต์ ด้านใต้ตั้งเก้าอ้ีหมู่ ๑ แถว
เว้นทางเดินระหว่างผนัง ที่ชาลาหน้าพระอุโบสถ ตั้งศาลบูชาเทวดาคู่หน่ึง มีเคร่ืองบัดพลีคือ บัตรพระภูมิเจ้าท่ี
บัตรพระเจ้ากรุงพะลี และบัตรพระเกตุ รวม ๒๔ บัตร ล้อมด้วยธงฉัตรข้ออ้อยกระดาษขาว ๓ ช้ัน รวม ๖ ฉัตร4

เวลา ๑๖.๓๐ น. พระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าธานีนิวัตเสด็จไปยังพระอุโบสถ มหาดเล็กถวายเทียน
ท้ายพระที่น่ัง5 ทรงจุดบูชาพระพุทธมหามณีรัตนปฏิมากร และพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก พระพุทธเลิศหล้า
นภาลัย6 แล้วทรงจุดเคร่ืองนมัสการทองใหญ่ บูชาพระศรีรัตนตรัย และทรงกราบพระสงฆ์ราชาคณะ ๑๐ รูป
มีพระอุบาลีคุณูปมาจารย์ (โสม ฉันฺน)7 วัดสุทัศน์เทพวรารามเป็นประธาน เจริญพระพุทธมนต์

1 วันพฤหสั บดี เดือน ๖ ขน้ึ ๔ ค่�ำ
2 เครื่องนมัสการทองใหญ่ เป็นเคร่ืองนมัสการของหลวง ส�ำรับหน่ึงประกอบด้วย เชิงทองปักธูปไม้ระก�ำ ๕ เชิง เชิงทอง
ปักเทียน ๕ เชิง พานทองค�ำสลักลายใส่พุ่มข้าวตอก ๕ พาน และพานทองค�ำสลักลายใส่พุ่มดอกไม้ ๕ พานตั้งบนโต๊ะเท้าคู้สลักลาย
ปดิ ทอง
3 ธรรมาสน์ศิลาต้ังอยู่เบ้ืองหน้าฐานชุกชีพุทธบัลลังก์บุษบกที่ประดิษฐานพระพุทธมหามณีรัตนปฏิมากร ใช้เป็นท่ีพระสงฆ์
ขึ้นแสดงพระธรรมเทศนาในงานหลวง รวมถึงใช้เป็นที่ประดิษฐานปูชนียวัตถุในพระราชพิธีต่าง ๆ เช่น ประดิษฐานพระพุทธปฏิมา
ชัยวฒั น์ พระพุทธคันธารราษฎร์ และเทวรูปองคส์ ำ� คญั ในการพระราชพิธพี ชื มงคล เปน็ ตน้
4 ในพระราชพิธีบรมราชาภิเษกรัชกาลท่ี ๖ และรัชกาลท่ี ๗ ระบุว่าต้ังเฉพาะศาลบูชาเทวดาคู่หน่ึงที่ชาลาหน้าพระอุโบสถ
วดั พระศรรี ัตนศาสดาราม
5 หมายถึง เคร่ืองนมัสการท้ายที่น่ังส�ำหรับทรงบูชาอย่างสังเขปใช้คู่กับผ้าทรงกราบ จัดไว้ส�ำหรับตามเสด็จ ประกอบด้วย
กระถางธูป ส�ำหรบั ปกั ธปู หาง ๑ เชงิ เทยี น ๒ พานกะไหลท่ องสำ� หรับวางกระทงเจิม ๑ แต่ในทีน่ ีเ้ ข้าใจว่าคอื เทยี นชนวนทเ่ี จา้ พนกั งาน
ถวายให้ทรงจดุ เครือ่ งนมัสการอกี ทอดหนงึ่
6 พระพทุ ธยอดฟา้ จฬุ าโลก และพระพทุ ธเลศิ หลา้ นภาลยั หมายถงึ พระพทุ ธรปู ทรงเครอ่ื งปางหา้ มสมทุ รขนาดใหญป่ ระดษิ ฐาน
เบ้อื งหนา้ บุษบกพระพทุ ธมหามณีรัตนปฏิมากรซึ่งพระบาทสมเดจ็ พระนั่งเกลา้ เจ้าอยหู่ วั โปรดเกลา้ ฯ ใหส้ รา้ งขนึ้ ฉลองพระองค์สมเดจ็
พระบรมอยั กาธริ าชและสมเด็จพระบรมชนกนาถ
7 คือ สมเด็จพระพุฒาจารย์ นามเดิม โสม ศุภเทศ เกิดเม่ือวันที่ ๑๕ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๔๑๗ ภายหลังอุปสมบทได้รับ
ฉายาว่า ฉนฺโน รับพระราชสมณศักดิ์สูงสุดเป็นสมเด็จพระราชาคณะท่ี “สมเด็จพระพุฒาจารย์ อเนกสถานปรีชา สัปตวิสุทธิจริยา
สมบัติ นิพัทธธุตคุณ สิริสุนธรพรตจาริก อรัญญิกมหาปริณายก ตรีปิฎกโกศล วิมลคัมภีรญาณสุนทร บวรสังฆาราม คามวาสี
อรัณยวาสี” ด�ำรงต�ำแหน่งส�ำคัญ เช่น เจ้าอาวาสวัดราชบุรณ เจ้าอาวาสวัดสุทัศนเทพวราราม สมเด็จพระพุฒาจารย์มรณภาพ
เมอื่ วันที่ ๑๘ กนั ยายน พ.ศ. ๒๕๐๕ สิริอายุ ๘๘ ปี พรรษา ๖๗

ประมวลเอกสารพระราชพิธีบรมราชาภิเษก 429

นายจินดา วัชรโชติ1 กับนายใจ ทับเทศ โหร สวดบูชาเทวดา ชาวพนักงานประโคม สังข์ แตร และดุริยางค์
จบแล้ววันพทระ่ี ๒วร๑วงเมศษ์เธาอยนพร๒ะ๔อ๙งค๓์เจ(้าวธันาน๖ีนฯ๕ิวัต๖เสปดีข็จากลล)ับ2 เป็นวันจารึกพระสุพรรณบัฏ

เจ้าพนักงานตั้งโต๊ะจ�ำหลักลายปิดทอง บนธรรมาสน์ศิลาท่ามกลางพระอุโบสถหน้าธรรมาสน์ศิลาต้ัง
เคร่ืองนมัสการทองใหญ่ และต้ังอาสนสงฆ์ริมผนังในพระอุโบสถด้านเหนือเช่นวันก่อน ตอนกลางหน้าอาสนสงฆ์
ตั้งโต๊ะคลุมผ้าเยียระบับเรียงกัน ๘ โต๊ะ มีเทียนเงินเทียนทองคู่หน่ึง กับพานดอกไม้สดต้ังกลางทุกโต๊ะพร้อม
ทั้งเก้าอี้ส�ำหรับเจ้าหน้าท่ีน่ังจารึก3 หันหน้าไปสู่สิริมงคลทิศอาคเนย์4 ตามล�ำดับคือ โต๊ะจารึกพระสุพรรณบัฏ
พระปรมาภิไธย อยู่ต้นแถวด้านใต้ ถัดไปโต๊ะจารึกดวงพระบรมราชสมภพ โต๊ะแกะพระราชลัญฉกร โต๊ะจารึก
พระสุพรรณบัฏพระนามสมเด็จพระสังฆราช โต๊ะจารึกพระสุพรรณบัฏพระนามพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระ
ชัยนาทนเรนทร โต๊ะจารึกพระสุพรรณบัฏพระนามพระวรวงศ์เธอ กรมหม่ืนพิทยลาภพฤฒิยากร โต๊ะจารึก
พระสพุ รรณบฏั พระนามพระวรวงศเ์ ธอ พระองคเ์ จา้ ววิ ฒั นไชย โตะ๊ จารกึ พระสพุ รรณบฏั พระนามพระวรวงศเ์ ธอ
พระองค์เจ้านักขัตรมงคล ในพระอุโบสถด้านตะวันออก ตั้งโต๊ะจ�ำหลักลายปิดทองรองรับเครื่องบายศรี แก้ว
ทอง เงิน5 ท่ีชาลาหน้าพระอุโบสถต้ังบายศรีตอง ๓ ช้ัน6 ซ้ายขวา มีกล้วยน�้ำ หัวหมู ส�ำหรับบูชาพระฤกษ์

เวลา ๙.๑๕ น. พระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าธานีนิวัตเสด็จมายังพระอุโบสถวัดพระศรีรัตนศาสดาราม
ทรงจุดธูปเทียน ถวายนมัสการพระศรีรัตนตรัย7 พระอุบาลีคุณูปมาจารย์ วัดสุทัศน์เทพวราราม ถวายศีลแล้ว
เจ้าพนักงานจารึก แต่งตัวนุ่งผ้าขาว คาดผ้าขาว8 คุกเข่ากราบพระพุทธมหามณีรัตนปฏิมากร ๓ คร้ัง แล้วบ่าย

1 บุตรพระยาโหราธบิ ดี (แหยม วชั รโชติ)
2 วนั ศุกร์ เดอื น ๖ ขน้ึ ๕ คำ่�
3 ตามธรรมเนยี มเดิมผจู้ ารึกนัง่ ท่พี ้นื และจารึกบนตั่งขนาดเล็ก
4 สริ มิ งคลทิศในการจารึกแตกตา่ งไปในแต่ละรชั กาล เช่น รชั กาลที่ ๖ เปน็ ทิศอาคเนย์ รัชกาลที่ ๗ เป็นทศิ อีสาน
5 บายศรีแก้ว ทอง เงิน เป็นบายศรีของหลวงชนิดหนึ่งประกอบด้วยพานแก้ว พานทอง และพานเงิน ขนาดใหญ่เล็ก
วางซ้อนกันขึน้ ไปตามลำ� ดบั เปน็ ชน้ั ๆ ๕ ชนั้ โดยจะต้งั บายศรีแกว้ ไวต้ รงกลาง บายศรีทองทางขวา และบายศรเี งินตัง้ ทางซ้ายของผ้รู ับ
การสมโภช
6 ในพระราชพิธีบรมราชาภิเษกพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว ระบุว่า “ตั้งบายศรีตองลองทองขาวขวาซ้ายคู่หน่ึง”
ซง่ึ เปน็ บายศรที ที่ �ำดว้ ยใบตองอยา่ งบายศรใี หญข่ องราษฎร มลี กั ษณะเปน็ ๕ ชนั้ หรอื ๗ ชน้ั แตโ่ ดยมากมกั ท�ำ ๗ ชน้ั บายศรตี องชนดิ นี้
มักต้ังบนพานใหญ่ซ่ึงเป็นโลหะทองขาว จึงเรียกว่าบายศรีตองรองทองขาว ส่วนใหญ่จะต้ังคู่กับบายศรีแก้ว ทอง เงิน มักใช้ในงาน
พระราชพธิ ใี หญ่ เช่น พระราชพธิ ีสมโภชเดอื นและขึน้ พระอู่ พระราชพิธสี มโภชขึน้ ระวางช้างสำ� คัญ เป็นตน้
7 ก่อนเร่ิมพิธีจารึกพระสุพรรณบัฏในการพระราชพิธีบรมราชาภิเษกรัชกาลที่ ๖ ผู้แทนพระองค์ทรงประเคนภัตตาหาร
บณิ ฑบาต และรับพระราชทานฉนั ก่อน
8 ในพระราชพธิ บี รมราชาภิเษกรัชกาลท่ี ๖ และรัชกาลท่ี ๗ ระบกุ ารแตง่ กายของผู้ท�ำหน้าท่ีจารกึ วา่ “น่งุ ขาว สวมเสื้อขาว
และมผี า้ ขาวเฉียงบ่า”

430 ประมวลเอกสารพระราชพิธีบรมราชาภิเษก

หน้าสู่ทิศที่เสด็จประทับ ถวายบังคมสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวอีก ๓ คร้ัง1 จึงเข้าประจ�ำท่ีคล้องด้ายสายสิญจน์2
หันหน้าสู่สิริมงคลทิศอาคเนย์

ถึงเวลาพระฤกษ์ ๙.๒๖ น. พระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าธานีนิวัต ทรงจุดเทียนเงินเทียนทองที่โต๊ะจารึก
ท้ัง ๘ โต๊ะ โหรล่ันฆ้องชัย พระสงฆ์เจริญชัยมงคลคาถา พราหมณ์เป่าสังข์ พนักงานแกว่งบัณเฑาะว์ ประโคม
แตรและดุริยางค์ ตลอดเวลาจารึก หลวงบรรเจิดอักษรการ (ทับ สาตราภัย) หัวหน้ากองประกาศิต ในหน้าท่ี
อาลักษณ์จารึกอักษรพระปรมาภิไธย

“พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มหิตลาธิเบศรรามาธิบดี จักรีนฤบดินทร
สยามินทราธิราช บรมนาถบพิตร”
ลงในพระสุพรรณบัฏ แผ่นทองเนื้อ ๘ กว้าง ๑๗ เซนติเมตร ยาว ๓๑.๕ เซนติเมตร หนัก ๑๙๒.๕๐๐ กรัม
พระยาโหราธิบดี (แหยม วัชรโชติ)3 จารึกดวงพระบรมราชสมภพ หม่อมเจ้าสมัยเฉลิม กฤดากร4 ศิลปิน
แกะพระราชลัญฉกรประจ�ำรัชกาล เม่ือจารึกและแกะเสร็จแล้ว พระราชครูวามเทพมุนี (สวาสดิ์ รังสิพราหมณ์
กุล) พราหมณ์พิธีหลั่งน้�ำสังข์ที่พระสุพรรณบัฏ ดวงพระบรมราชสมภพ พระราชลัญฉกร และพระสุพรรณบัฏ
นอกนั้น สอดใบมะตูม ๑ ก่ิง (๓ ใบ) แล้วห่อพระสุพรรณบัฏด้วยผ้าแพรแดง พันไหมเบญจพรรณ บรรจุลงใน
หีบทองลงยา ประดับตราแผ่นดินรัชกาลที่ ๕ ฝังเพชร แผ่นทองจารึกดวงพระบรมราชสมภพ ห่อด้วยผ้าแพร
แดง พันไหมเบญจพรรณ บรรจุลงในพระราชกรัณฑ์ทองลงยาจ�ำหลักลาย พระราชลัญฉกรบรรจุในถุงตาดทอง
ผูกรูด พนักงานภูษามาลาเชิญหีบพระสุพรรณบัฏต้ังบนพานทองเล็กเชิญดวงพระบรมราชสมภพ และพระราช
ลัญฉกร วางบนพานทองสองชั้น ส�ำรับใหญ่ ปิดคลุมพื้นตาดปักด้ินเล่ือมแล้วเชิญขึ้นประดิษฐานบนโต๊ะทอง
จ�ำหลักลายเหนือธรรมาสน์ศิลา หน้าพระพุทธมหามณีรัตนปฏิมากร เสร็จแล้วพระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้า
ธานีนิวัต ทรงประเคนภัตตาหารพระสงฆ์รับพระราชทานฉันเสร็จแล้วทรงประเคนจตุปัจจัยไทยธรรม
พระสงฆ์ถวายอนุโมทนาแล้วกลับ

1 หมายถึง ถวายบังคมไปยังพระราชอาสน์ที่เจ้าพนักงานทอดไว้ อนึ่ง ในพิธีจารึกพระสุพรรณบัฏงานบรมราชาภิเษก
รชั กาลท่ี ๗ ระบุวา่ ผจู้ ารึกถวายบงั คมไปยังทิศใต้อนั เปน็ ท่ีตั้งของวังไกลกังวลอนั เป็นท่ีประทบั ขณะนน้ั

2 พระราชพิธีบรมราชาภิเษกรัชกาลที่ ๖ ระบุว่า “พาดด้ายสายสิญจน์” พระราชพิธีบรมราชาภิเษกรัชกาลที่ ๗
ระบุวา่ “พาดด้ายสายสญิ จนค์ ล้องคอ”

3 พระยาโหราธิบดี (แหยม วัชรโชติ) เกิดเม่ือวันที่ ๒ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๔๑๑ เป็นบุตรของท่านย้ิมและท่านต่อ เริ่มศึกษา
และสนใจวิชาโหราศาสตร์โดยเป็นศิษย์พระอาจารย์ปิ่น เจ้าอาวาสวัดต�ำหนักใต้ จังหวัดนนทบุรี เริ่มเข้ารับราชการในกรมโหรหลวง
กระทรวงวงั ทขี่ นุ หมน่ื ประจำ� การ ไดส้ นองพระเดชพระคณุ ในพระบาทสมเดจ็ พระเจา้ อยหู่ วั ตงั้ แตร่ ชั กาลที่ ๕ จนถงึ รชั กาลท่ี ๗ ทำ� หนา้ ท่ี
ถวายพระฤกษ์ในวาระต่าง ๆ เช่น พระราชพิธีบรมราชาภิเษกรัชกาลที่ ๖ รัชกาลท่ี ๗ และรัชกาลท่ี ๙ ถวายพระฤกษ์พระราชทาน
รฐั ธรรมนญู เปน็ ตน้ พระยาโหราธบิ ดถี ึงแกก่ รรมเมอ่ื วนั ท่ี ๑๔ มกราคม พ.ศ. ๒๔๙๔ สริ อิ ายุ ๘๒ ปี

4 หมอ่ มเจ้าสมัยเฉลิม กฤดากร ประสูตเิ มื่อวนั ท่ี ๒๐ กันยายน พ.ศ. ๒๔๓๘ เปน็ พระโอรสของพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระ
นเรศรวรฤทธ์ิ และหม่อมแช่ม กฤดากร ณ อยธุ ยา ภายหลังจากสำ� เรจ็ วชิ าสถาปตั ยกรรมจาก สถาบนั École Nationale Supérieure
des Beaux - Arts กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศสแล้ว เร่มิ เข้ารบั ราชการในแผนกศลิ ปากรสถาน ต�ำแหน่งนายช่าง มีผลงานการออกแบบ
เช่น โรงละครเฉลิมกรุง พระต�ำหนักภูพิงคราชนิเวศน์ ศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร เป็นต้น หม่อมเจ้าสมัยเฉลิมเสกสมรสกับ
หมอ่ มเจา้ รสั สาทสิ กฤดากร มโี อรสคอื หมอ่ มราชวงศส์ าทสิ กฤดากร หมอ่ มเจา้ สมยั เฉลมิ กฤดากร สนิ้ ชพี ติ กั ษยั เมอื่ วนั ที่ ๒๐ มถิ นุ ายน
พ.ศ. ๒๕๑๐ พระชนั ษา ๗๑ ปี

ประมวลเอกสารพระราชพิธีบรมราชาภิเษก 431

จารึกพระสุพรรณบัฏ

432 ประมวลเอกสารพระราชพิธีบรมราชาภิเษก

ต่อจากน้ัน พราหมณ์เบิกแว่นเวียนเทียนสมโภชพระสุพรรณบัฏ ดวงพระบรมราชสมภพ และพระราช
ลัญฉกร พราหมณ์เป่าสังข์ พนักงานแกว่งบัณเฑาะว์ ชาวพนักงานประโคมสังข์แตรและดุริยางค์ คร้ันถ้วน
๓ รอบแล้วพระราชครูวามเทพมุนี (สวาสดิ์ รังสิพราหมณกุล) พราหมณ์ขุนศิวาจารย์ (นา ภวังคนันทน์)
พราหมณ์ละมัย รัตนพราหมณ์เจิมพระสุพรรณบัฏ ดวงพระบรมราชสมภพ และพระราชลัญฉกร อีกคร้ังหนึ่ง
เสร็จแล้ว พระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าธานีนิวัตเสด็จกลับ พระสุพรรณบัฏ ดวงพระบรมราชสมภพ
และพระราชลัญฉกร คงประดิษฐานพักไว้ในพระอุโบสถวัดพระศรีรัตนศาสดาราม จนกว่าจะถึงวันแห่เข้า
พระราชพิธีมณฑลในพระที่น่ังไพศาลทักษิณ

ในการน้ี มีการจารึกพระสุพรรณบัฏพระนามสมเด็จพระสังฆราช และพระบรมวงศานุวงศ์ ซึ่งจะ
สถาปนาในวันที่ ๗ และ ๘ พฤษภาคม ๒๔๙๓ รวม ๔ พระองค์ด้วย คือ

๑. สมเด็จพระสังฆราช (ม.ร.ว. ชื่น นพวงศ์ สุจิตฺโต)1 เฉลิมพระนามเป็น สมเด็จพระวชิรญาณวงศ์
จารึกในพระสุพรรณบัฏว่า “สมเด็จพระวชิรญาณวงศ์ วิสุทธิสงฆคุณาลังการ อริยวงศาคตญาณวิมล
สกลมหาสังฆปริณายก ตรีปิฎกกลากุสโลภาส ภูมิพลมหาราชสรณคมนาจารย์ สุจิตตาภิธานสังฆวิสุต
มหามกฏุ มหาราชประนปั ดา นภวงศราชกลุ าภวิ รรธน์ สขุ มุ อรรถธรรมวจิ ารปรชี า กาพยรจนาฉนั ทพากยปฏภิ าน
ปาวจนุตตมญาณวราภรณ์ สุนทรวิสุทธิพรหมจรรย์ วิมลศีลขันธสมาจารวัตร พุทธศาสนิกบริษัทคารวสถาน
วิจิตรปฏิภานพัฒนคุณ อดุลยคัมภีรญาณบัณฑิต สรรพคณิสสรมหาปธานาธิบดี คามวาสี อรัณยวาสี สมเด็จ
พระสังฆราช เสด็จสถิต ณ วัดบวรนิเวศราชวรวิหาร พระอารามหลวง จงทรงเจริญพระชนมายุ วรรณ สุข พล
ปฏิภาน คุณสารสิริสวัสดิ์ จิรัฏฐิติ วิรุฬหิไพบูลย์ ในพระพุทธศาสนา เทอญฯ”
แผ่นพระสุพรรณบัฏ ทองเนื้อ ๘ กว้าง ๑๐ เซนติเมตร ยาว ๒๑ เซนติเมตร น�้ำหนัก ๕๑.๔๐๐ กรัม
๒. พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมขุนชัยนาทนเรนทร2 สถาปนาเป็น พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระ
ชัยนาทนเรนทร
จารึกในพระสุพรรณบัฏว่า “พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระชัยนาทนเรนทร จุฬาลงกรณราชวโรรส สยาม
สุขบทปุรัสการี เมตตาสีตลหฤทัย อาชชวมัททวัธยาศัยสุจารี วิวิธเมธีวงศาธิราชสนิท นวมนริศรสุมันตนบดุล
ติรตนคุณสรณาภิรักษ์ ประยุรศักดิธรรมิกนาถบพิตร สิงหนาม จงทรงเจริญพระชนมายุ พรรณ สุข พล ปฏิภาน
คุณสารสมบัติสรรพสิริสวัสดิพิพัฒนมงคล วิบุลศุภผล สกลเกียรติยศเดชานุภาพมโหฬารทุกประการ เทอญ”

1 สมเด็จพระสังฆราชเจ้า กรมหลวงวชิรญาณวงศ์ เป็นสมเด็จพระสังฆราชพระองค์ที่ ๑๓ แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ สถิต ณ
วัดบวรนเิ วศวหิ าร พระนามเดิม หม่อมราชวงศ์ชื่น นพวงศ์ เป็นโอรสของหม่อมเจา้ ถนอม นพวงศ์ และหมอ่ มเอม (สกุลเดมิ คชเสนี)
เปน็ พระราชอปุ ัชฌยาจารยใ์ นพระบาทสมเดจ็ พระบรมชนกาธเิ บศร มหาภมู ิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ครัง้ ทรงพระผนวช
เมือ่ พ.ศ. ๒๔๙๙ สิ้นพระชนม์เมื่อวนั ท่ี ๑๑ พฤศจกิ ายน พ.ศ. ๒๕๐๑ พระชันษา ๘๕ ปี

2 สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาชัยนาทนเรนทร เป็นพระราชโอรสในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว
ประสูติแต่เจ้าจอมมารดาหม่อมราชวงศ์เน่ือง สนิทวงศ์ เม่ือวันที่ ๑๒ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๔๒๘ ทรงด�ำรงต�ำแหน่งท่ีส�ำคัญ เช่น
ผู้บัญชาการโรงเรียนราชแพทยาลัย ประธานคณะผู้ส�ำเร็จราชการแทนพระองค์พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพล
อดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ประธานองคมนตรี เปน็ ตน้ เสกสมรสกับหม่อมเอลซิ าเบท รังสิต ณ อยุธยา มพี ระโอรสธิดา ๓ องค์
สมเด็จพระเจ้าบรมวงศเ์ ธอ กรมพระยาชัยนาทนเรนทร สน้ิ พระชนมเ์ ม่อื วนั ที่ ๗ มีนาคม พ.ศ. ๒๔๙๔ พระชันษา ๖๖ ปี

ประมวลเอกสารพระราชพิธีบรมราชาภิเษก 433

แผ่นพระสุพรรณบัฏ ทองเนื้อ ๘ กว้าง ๙ เซนติเมตร ยาว ๒๑ เซนติเมตร น�้ำหนัก ๕๑.๕๐๐ กรัม
๓. พระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าธานีนิวัต1 สถาปนาเป็นพระวรวงศ์เธอ กรมหมื่นพิทยลาภพฤฒิยากร
จารึกในพระสุพรรณบัฏว่า “พระวรวงศ์เธอ กรมหมื่นพิทยลาภพฤฒิยากร มุสิกนาม จงทรงเจริญ
พระชนมายุ พรรณ สขุ พล ปฏภิ าน คณุ สารสมบตั ิ สรรพสริ สิ วสั ดพิ พิ ฒั นมงคล วบิ ลุ ยศภุ ผล มโหฬารทกุ ประการ
เทอญฯ
แผ่นพระสุพรรณบัฏ ทองเน้ือ ๘ กว้าง ๗ เซนติเมตร ยาว ๑๖ เซนติเมตร น�้ำหนัก ๓๔.๕๐๐ กรัม
๔. หม่อมเจ้าวิวัฒนไชย ไชยันต์2 สถาปนาเป็นพระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าวิวัฒนไชย
จารึกในพระสุพรรณบัฏว่า “พระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าวิวัฒนไชย คชนาม จงทรงเจริญพระชนมายุ
พรรณ สุข พล ปฏิภาน คุณสารสมบัติ สรรพสิริสวัสดิ พิพัฒนมงคล ทุกประการ เทอญฯ”
แผ่นพระสุพรรณบัฏ ทองเน้ือ ๘ กว้าง ๗ เซนติเมตร ยาว ๑๖ เซนติเมตร น้�ำหนัก ๓๑.๕๓๐ กรัม
๕. หม่อมเจ้านักขัตรมงคล กิติยากร สถาปนาเป็นพระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้านักขัตรมงคล
จารึกในพระสุพรรณบัฏว่า “พระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้านักขัตรมงคล นาคนาม จงทรงเจริญพระชนมายุ
พรรณ สุข พล ปฏิภาน คุณสารสมบัติ สรรพสิริสวัสดิ พิพัฒนมงคล ทุกประการ เทอญฯ”
แผ่นพระสุพรรณบัฏ ทองเน้ือ ๘ กว้าง ๗ เซนติเมตร ยาว ๑๖ เซนติเมตร น�้ำหนัก ๒๙.๖๗๐ กรัม

การพระราชพิธีราชาภิเษกสมรส

วันศุกร์ที่ ๒๘ เมษายน ๒๔๙๓ เวลา ๙.๓๐ น. สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงเครื่องแบบจักรีบรมราชวงศ์
ประดับราชอิสริยาภรณ์ ทรงสวมสายสะพายตราจุลจอมเกล้า ทรงรถยนต์พระที่นั่ง3 เสด็จไปสู่วังสมเด็จพระ

1 พระวรวงศ์เธอ กรมหม่ืนพิทยลาภพฤฒิยากร ประสูติเมื่อวันที่ ๗ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๔๒๘ เป็นพระโอรสของพระเจ้า
บรมวงศ์เธอ กรมขนุ พทิ ยลาภพฤฒิธาดา กบั หมอ่ มเอม โสณกุล ณ อยธุ ยา แรกประสูติด�ำรงพระยศเป็นหมอ่ มเจา้ ทรงด�ำรงตำ� แหนง่
ท่ีส�ำคัญ เช่น ราชเลขานุการในสมเด็จพระศรีพัชรินทราบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง เสนาบดีกระทรวงธรรมการ
ผู้สำ� เร็จราชการแทนพระองค์ เป็นตน้ เสกสมรสกบั หมอ่ มประยรู โสณกลุ ณ อยธุ ยา (สกลุ เดมิ สุขุม) มีโอรสธิดา ๔ คน พระวรวงศเ์ ธอ
กรมหมน่ื พิทยลาภพฤฒิยากร ส้นิ พระชนมเ์ มือ่ วนั ที่ ๘ กนั ยายน พ.ศ. ๒๕๑๗ พระชนั ษา ๘๘ ปี

2 พระวรวงศเ์ ธอ พระองค์เจา้ ววิ ัฒนไชย ประสูตเิ มอื่ วนั ที่ ๒๙ เมษายน พ.ศ. ๒๔๔๒ เป็นพระโอรสของพระเจ้าบรมวงศ์เธอ
กรมหม่ืนมหิศรราชหฤทัย และหม่อมซ่วน ไชยันต์ ณ อยุธยา ทรงด�ำรงต�ำแหน่งที่ส�ำคัญ เช่น ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย
ประธานกรรมการคณะกรรมการทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ เป็นต้น เสกสมรสกับหม่อมราชวงศ์หญิงชวลิต สนิทวงศ์ และต่อมา
เสกสมรสกับหม่อมเจ้าหญิงพัฒนคณนา กิติยากร พระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าวิวัฒนไชย ส้ินพระชนม์เม่ือวันที่ ๒๒ สิงหาคม
พ.ศ. ๒๕๐๓ พระชนั ษา ๖๑ ปี

3 หมายถงึ ประทับรถยนต์พระทน่ี ่งั

434 ประมวลเอกสารพระราชพิธีบรมราชาภิเษก

ราชบิดา ต�ำบลปทุมวัน1 ประทับ ณ ห้องรับแขก ต�ำหนักสมเด็จพระศรีสวรินทิรา บรมราชเทวี พระพันวัสสา
อัยิกาเจ้า2 ในโอกาสนี้ ได้พระราชทานเคร่ืองราชอิสริยาภรณ์ทุติยจุลจอมเกล้า แก่พระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้า
สุทธสิริโสภา3แล้ว หม่อมเจ้านักขัตรมงคล กิติยากร ได้ทรงพาหม่อมราชวงศ์ สิริกิต์ิ กิติยากร ไปเฝ้าทูล
ละอองธุลีพระบาท พลโท มังกร พรหมโยธี4 รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ทูลเกล้าถวายทะเบียนสมรส
สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงลงพระปรมาภิไธยในทะเบียนสมรส และโปรดเกล้าให้หม่อมราชวงศ์ สิริกิต์ิ กิติยากร
ในหม่อมเจ้านักขัตรมงคล กิติยากร ลงนามในทะเบียนน้ันแล้วทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ราชสักขี คือ
พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมขุนชัยนาทนเรนทร และ จอมพล ป. พิบูลสงคราม นายกรัฐมนตรี ลงนามด้วยแล้ว
เสด็จพระราชด�ำเนินข้ึนประทับห้องพระราชพิธีชั้นบนพระต�ำหนัก ทรงจุดธูปเทียนถวายนมัสการพระพุทธ
ปฏิมาชัยวัฒน์รัชกาลที่ ๒ และที่ ๕ พร้อมด้วยหม่อมราชวงศ์ สิริกิติ์ กิติยากร

เวลา ๑๐.๔๕ น. สมเด็จพระศรีสวรินทิรา บรมราชเทวี พระพันวัสสาอัยิกาเจ้า เสด็จออก ถวายน�้ำ
พระพุทธมนต์ เทพมนตร์และทรงเจิม แด่สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และทรงรดน�้ำพระพุทธมนต์ เทพมนตร์และ
ทรงเจิมแด่หม่อมราชวงศ์ สิริกิติ์ กิติยากร ในการพระราชพิธีราชาภิเษกสมรสตามโบราณราชประเพณี

เวลา ๑๑ น. สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พร้อมด้วยหม่อมราชวงศ์ สิริกิติ์ กิติยากร เสด็จออกห้องรับแขก
ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้หลวงบรรเจิดอักษรการ อาลักษณ์ อ่านประกาศสถาปนา หม่อมราชวงศ์
สิริกิติ์ กิติยากร เป็นสมเด็จพระราชินี แล้วพระราชทานเคร่ืองขัตติยราชอิสริยาภรณ์ อันมีเกียรติคุณรุ่งเรือง
ย่ิงมหาจักรีบรมราชวงศ์ประดับเพ็ชรแก่สมเด็จพระราชินี สิริกิต์ิ สมเด็จพระราชินี สิริกิต์ิ เสด็จขึ้นประทับ
บนพระราชอาสน์ ซึ่งทอดเคียงพระราชอาสน์สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ต่อจากน้ี ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้
พระบรมราชวงศ์ ลงพระนามในสมุดถวายพระพร แล้วพระราชทานหีบบุหรี่เงินถม มีพระปรมาภิไธยย่อ ภ.อ.
กับ ส.ก. และจักรกับตรีศูลอยู่กลาง

เวลา ๑๑.๓๐ น. เสด็จกลับ

1 คือ วงั สระปทมุ
2 คอื ต�ำหนกั ใหญ่ ปัจจุบนั สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสดุ าฯ สยามบรมราชกุมารี โปรดเกลา้ ฯ
ใหจ้ ดั ตงั้ เป็นพิพิธภัณฑ์สมเด็จพระพนั วสั สาอัยยิกาเจา้
3 พระวรวงศเ์ ธอ พระองคเ์ จา้ สทุ ธสริ โิ สภา พระธดิ าของสมเดจ็ พระเจา้ บรมวงศเ์ ธอ เจา้ ฟา้ จฑุ าธชุ ธราดลิ ก กรมขนุ เพช็ รบรู ณ์
อนิ ทราไชย กบั หม่อมลออ จุฑาธชุ ณ อยธุ ยา ประสตู ิเมอ่ื วนั ที่ ๑๖ ธนั วาคม พ.ศ. ๒๔๖๔ เมอ่ื แรกประสตู ิด�ำรงพระยศเปน็ หมอ่ มเจ้า
เสกสมรสกับหม่อมเจ้าสุวินิต กิติยากร มีธิดา ๒ คน พระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าสุทธสิริโสภา สิ้นพระชนม์เม่ือวันที่ ๒ กุมภาพันธ์
พ.ศ. ๒๕๔๑ พระชันษา ๗๖ ปี
4 พลเอก มังกร พรหมโยธี เกิดเม่ือวันที่ ๑๖ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๔๓๙ เป็นบุตรหมื่นสาธิตพิทักษ์ (เทียน ผลโยธิน)
และนางอนุ่ ผลโยธิน ดำ� รงต�ำแหนง่ ต่าง ๆ เชน่ รฐั มนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม รัฐมนตรีวา่ การกระทรวงมหาดไทย รฐั มนตรีว่าการ
กระทรวงศกึ ษาธิการ เปน็ ต้น พลเอก มังกร พรหมโยธี ถงึ แกอ่ นจิ กรรมเมื่อวันท่ี ๒๔ มนี าคม พ.ศ. ๒๕๐๙ สิรอิ ายุ ๖๙ ปี

ประมวลเอกสารพระราชพิธีบรมราชาภิเษก 435

สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวถวายดอกไม้ธูปเทียน แด่สมเด็จพระพันวัสสาอัยิกาเจ้า

436 ประมวลเอกสารพระราชพิธีบรมราชาภิเษก

ประกาศสถาปนาสมเด็จพระราชินี


มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้ประกาศว่า โดยที่ได้ทรงประกอบพระราชพิธีราชาภิเษกสมรส
กับ หม่อมราชวงศ์ สิริกิติ์ กิติยากร ถูกต้องตามกฎหมายและราชประเพณีโดยสมบูรณ์ทุกประการแล้ว
จ่ึงมีพระบรมราชโองการด�ำรัสสั่งให้สถาปนาหม่อมราชวงศ์สิริกิติ์ พระอัครมเหษี เป็น สมเด็จพระราชินี
สิริกิต์ิ ทรงด�ำรงต�ำแหน่งพระอิสสริยยศฐานันดรศักด์ิแห่งพระราชวงศ์ ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป
ประกาศ ณ วันท่ี ๒๘ เมษายน พุทธศักราช ๒๔๙๓ เป็นปีที่ ๕ ในรัชกาลปัจจุบัน

ผู้รับสนองพระบรมราชโองการ
จอมพล ป. พิบูลสงคราม
นายกรัฐมนตรี

การเสด็จออกมหาสมาคม
เน่ืองในการพระราชพิธีราชาภิเษกสมรส ๒๔๙๓


วันศุกร์ที่ ๒๘ เมษายน ๒๔๙๓ เวลา ๑๖ น. สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงเคร่ืองเต็มยศจอมพลทหารบก
ประดับราชอิสริยาภรณ์สายสะพายมหาจักรีบรมราชวงศ์ พร้อมด้วยสมเด็จพระราชินี ทรงรถยนต์พระท่ีน่ัง
เสด็จมายังพระที่นั่งไพศาลทักษิณมหินทรพิมาน เสด็จประทับเหนือพระราชอาสน์ พระบรมวงศานุวงศ์
เฝา้ ทลู ละอองธลุ พี ระบาท พระเจา้ บรมวงศเ์ ธอ กรมขนุ ชยั นาทนเรนทร ทรงรบั ฉนั ทานมุ ตั จิ ากพระบรมวงศานวุ งศ์
กราบบังคมทูลพระกรุณาถวายพระพรชัยมงคลในการที่ได้ทรงประกอบการพระราชพิธีราชาภิเษกสมรส ดังนี้
“ขอเดชะใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาท ในศุภวาระดิถีมงคลสมัยท่ีใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาท ซึ่งได้ทรง
ประกอบพระราชพิธีราชาภิเษกสมรส ข้าพระพุทธเจ้า พระบรมวงศานุวงศ์ทั้งหลายต่างพากันปลาบปล้ืม
ปิติโสมนัสด้วยความจงรักภักดีที่ใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาท เป็นพลเทพย์แห่งพระราชจักรีวงศ์ได้ทรงพิจารณา
เลือกสรรค์ประสพผู้ท่ีสมควรแก่การสนองพระยุคลบาทร่วมทุกข์สุขแบ่งเบาพระภาระในภายภาคหน้า
ขา้ พระพทุ ธเจา้ และมวลสมาชกิ แหง่ พระราชจกั รวี งศ์ ขอพระราชทานพระบรมราชวโรกาสถวายพระพรชยั มงคล
ตอ่ ใต้ฝ่าละอองธลุ ีพระบาท และสมเด็จพระราชนิ ี ขอใหท้ รงพระเจริญด้วยพระชนมายยุ ่ิงยนื นาน ทรงพระเกษม
ส�ำราญปราศจากสรรพโรคาพาธภัยพิบัติ จงประสพสรรพสิริสวัสดิพิพัฒนมงคล ขอให้ใต้ฝ่าละออง
ธุลีพระบาท ท้ังสมเด็จพระราชินีเสด็จสถิตย์เป็นศรีแก่พระราชจักรีวงศ์ชั่วกาลนาน”
สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงมีพระราชด�ำรัสตอบดังน้ี
“หม่อมฉันและสมเด็จพระราชินีขอขอบพระทัยพระบรมวงศานุวงศ์ท้ังหลายท่ีทรงอ�ำนวยพรในการที่
ได้ประกอบพิธีราชาภิเษกสมรสในวันน้ี หม่อมฉันรู้สึกซาบซ้ึงในความอารีที่ทรงมีแก่หม่อมฉัน ขอให้พระบรม
วงศานุวงศ์จงทรงพระเจริญสวัสดีทุกพระองค์”

ประมวลเอกสารพระราชพิธีบรมราชาภิเษก 437

ครั้นแล้วสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระราชินีเสด็จออกพระท่ีนั่งอมรินทรวินิจฉัยมไหศวริยพิมาน
โดยสถานอุตราภิมุข1 ชาวพนักงานประโคมแตรและมโหระทึก ทหารกองเกียรติยศถวายเคารพ แตรวงบรรเลง
สรรเสริญพระบารมี คณะรัฐมนตรี คณะทูต สมาชิกวุฒิสภา สภาผู้แทน และข้าราชการ2 เฝ้าทูลละอองธุลี
พระบาท

คร้ันสุดเสียงประโคมแล้วสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว มีพระราชด�ำรัสในการที่ได้ทรงประกอบการพระราชพิธี
ราชาภิเษกสมรสให้ผู้ที่มาเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาทในมหาสมาคมทราบเกล้าฯ ดังน้ี

“ท่านทั้งหลาย ข้าพเจ้าได้เชิญท่านท้ังหลายมาประชุมครั้งนี้ เพื่อท่ีจะแจ้งให้ทราบว่าข้าพเจ้าได้ประกอบ
การพระราชพิธีราชาภิเษกสมรสกับหม่อมราชวงศ์ สิริกิต์ิ ธิดาหม่อมเจ้านักขัตรมงคล กิติยากร ตามกฎหมาย
และประเพณีเมื่อเช้าวันน้ี ณ ต�ำหนักของสมเด็จพระอัยยิกาเจ้า ในวังสมเด็จพระราชบิดา ต�ำบลปทุมวัน
เฉพาะพระพักตรสมเด็จพระพันวัสสาอัยยิกาเจ้า ซึ่งได้ประทับเป็นประธานพร้อมด้วยพระราชวงศ์ผู้ใหญ่และ
ข้าราชการผู้ใหญ่ในสภาท้ังสอง และรัฐบาลกับเจ้าหน้าที่ทะเบียนท้องถิ่น ดังได้ประกาศให้ทราบทั่วกันแล้ว”

คร้ันแล้ว จอมพล ป. พิบูลสงคราม นายกรัฐมนตรี รับฉันทานุมัติจากผู้ซ่ึงได้ไปเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท
ในมหาสมาคมนั้น กราบบังคมทูลพระกรุณาแสดงความชื่นชมยินดีและถวายพระพรชัยมงคลดังนี้

“ขอเดชะฝ่าละอองธุลีพระบาทปกเกล้าปกกระหม่อมในมหามงคลสมัยท่ีใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาทได้
ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานกระแสพระราชด�ำรัสในการที่ได้ทรงประกอบพระราชพิธีราชาภิเษก
สมรสกับสมเด็จพระราชินีสิริกิติ์แล้วน้ัน ข้าพระพุทธเจ้าในนามข้าทูลละอองธุลีพระบาทท้ังหลาย และผู้ซึ่ง
ได้มาชุมนุมเฝ้า ณ มหาสมาคมนี้รู้สึกปลาบปลื้มและชื่นชมยินดีเป็นอย่างยิ่ง จึงขอพระราชทานพระบรมราช
วโรกาสถวายพระพรชัยมงคล ขอให้สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช กับท้ังสมเด็จพระราชินีสิริกิติ์
จงทรงพระชนมายุย่ังยืนนาน เสด็จอยู่ในสิริราชสมบัติเป็นม่ิงขวัญแก่ประเทศชาติและพศกนิกรชาวไทย ขอจง
พ้นจากสรรพอุปัทวันตราย มีพระราชประสงค์จ�ำนงหมายในส่ิงใด จงบรรลุผลส�ำเร็จสมดังค�ำสัตยาธิษฐานน้ี
ทุกประการ ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อม ขอเดชะ”

เสร็จแล้ว สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระราชินีเสด็จข้ึนเมื่อเวลา ๑๖.๒๐ น. ชาวพนักงานประโคม
แตรและมะโหระทึก ทหารกองเกียรติยศถวายความเคารพแตรวงบรรเลงเพลงสรรเสริญพระบารมี3

1 อตุ ราภมิ ขุ แปลวา่ บา่ ยหนา้ ไปทางทศิ เหนอื ในทน่ี หี้ มายถงึ การเสดจ็ ออกจากพระทน่ี งั่ ไพศาลทกั ษณิ ทางพระทวารเทวราช
มเหศวรมายงั พระทน่ี งั่ อมรินทรวินิจฉยั อันเป็นพระที่นงั่ ซงึ่ ตัง้ อยทู่ างทศิ เหนือของหมู่พระมหามณเฑียร

2 “ก�ำหนดการเสด็จออกมหาสมาคมเนื่องในการพระราชพิธีราชาภิเษกสมรส ๒๔๙๓” ระบุคณะบุคคลผู้เข้าเฝ้าทูลละออง
ธุลีพระบาท ณ ทอ้ งพระโรงพระที่น่งั อมรนิ ทรวนิ จิ ฉัย ไดแ้ ก่ องคมนตรี คณะรัฐมนตรี สมาชิกวุฒิสภา สมาชกิ สภาผ้แู ทน ข้าราชการ
นายกเทศมนตรี เทศมนตรนี ครกรุงเทพและธนบรุ ี รวมทง้ั คณะทูตด้วย ดใู น “ที่ ๙/ ๒๔๙๓ กำ� หนดการเสด็จออกมหาสมาคมเนือ่ งใน
การพระราชพิธีราชาภิเษกสมรส ๒๔๙๓,” ราชกจิ จานเุ บกษา ตอนท่ี ๒๓ เลม่ ๖๗ (๒๕ เมษายน ๒๔๙๓): ๑๖๙๒ - ๑๖๙๔.

3 อนึ่ง วันเสาร์ที่ ๒๙ เมษายน พ.ศ. ๒๔๙๓ เวลาเช้า สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จออกพร้อมด้วยสมเด็จพระราชินี
ณ ทอ้ งพระโรงกลาง พระทน่ี ่งั จกั รมี หาปราสาท รับการถวายพระพรชยั มงคลจากคณะทูตานุทตู และกงสลุ ตา่ งประเทศ ดูใน “ขา่ วใน
พระราชสำ� นกั พระบรมมหาราชวัง วันเสาร์ที่ ๒๙ เมษายน ๒๔๙๓,” ราชกจิ จานเุ บกษา ตอนที่ ๒๗ เลม่ ๖๗ (๙ พฤษภาคม ๒๔๙๓) :
๑๙๙๔ - ๑๙๙๕.

438 ประมวลเอกสารพระราชพิธีบรมราชาภิเษก

การทรงถวายสักการะสมเด็จพระบรมราชบุพการี

ราชบุพวกันาทรีอี่ ๓อกพปฤรษะภดาิษคฐมาน๒๔ใน๙ห๓อ(พ๔รฯะ๒ธ ๖าตปุมีขนาเลท)ีย1รเ2จ้าพนักงานเชิญพระบรมอัฐิ และพระอัฐิสมเด็จพระบรม
เวลา ๑๙.๐๐ น. สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวพร้อมด้วยสมเด็จพระราชินี ทรงรถยนต์พระท่ีน่ังจากพระต�ำหนัก

จิตรลดารโหฐาน3 เสด็จมายังพระบรมมหาราชวังเทียบรถพระท่ีนั่งหน้าพระทวารเทเวศร์รักษา เสด็จลงทรง
พระราชด�ำเนินเข้าพระท่ีน่ังอมรินทรวินิจฉัย เสด็จข้ึนพระท่ีนั่งไพศาลทักษิณทางพระทวารเทวราชมเหศวร์
แล้วเสด็จเข้าสู่หอพระธาตุมนเทียร ทรงจุดธูปเทียนเครื่องราชสักการะ และธูปเทียนเครื่องนมัสการถวายบังคม
พระบรมอัฐิ และพระอัฐิสมเด็จพระบรมราชบุพการี เพ่ือเป็นสวัสดิมงคลในการที่จะเสด็จเข้าพระราชพิธี
บรมราชาภิเษก แล้วเสด็จพระราชด�ำเนินกลับ

การพระราชพิธีบรมราชาภิเษก

วันท่ี ๔ พฤษภาคม ๒๔๙๓ (๕ ฯ๓ ๖ ปีขาล)4 เป็นวันเริ่มการพระราชพิธีบรมราชาภิเษกและเฉลิม
พระราชมนเทียร
เจ้าพนักงานแต่งท่ีซึ่งจะมีการพระราชพิธีไว้ท่ีพระมหามนเทียร คือ พระที่น่ังจักรพรรดิพิมาน
พระท่ีน่ังไพศาลทักษิณ พระที่น่ังอมรินทรวินิจฉัย กับแต่งที่ประกอบการพระราชพิธีไว้ท่ีพระอุโบสถ
วัดพระศรีรัตนศาสดาราม และท่ีท�ำพิธีพราหมณ์ ณ ศาลาสหทัยสมาคม ดังน้ี

1 วนั พธุ เดอื น ๖ แรม ๒ ค�่ำ
2 ในอดีตทก่ี ารพระราชพธิ บี รมราชาภเิ ษกจดั ขนึ้ ระหวา่ งทย่ี ังมีการบำ� เพ็ญพระราชกุศลพระบรมศพพระมหากษัตรยิ ์รชั กาล
ก่อน หากรัชกาลก่อนหน้าเป็นสมเด็จพระบรมเชษฐาธิราช รัชกาลปัจจุบันจะทรงถวายราชสักการะพระบรมอัฐิสมเด็จพระบูรพมหา
กษัตริยาธิราชเจ้า สมเด็จพระบรมราชินี ก่อนเสด็จพระราชด�ำเนินไปถวายราชสักการะพระบรมศพรัชกาลก่อน ดังในพระราชพิธี
บรมราชาภิเษกพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว ท่ีถวายราชสักการะพระบรมอัฐิรัชกาลที่ ๑ - ๕ พร้อมด้วยพระบรมราชินี
ก่อนเสดจ็ มาถวายราชสักการะพระบรมศพพระบาทสมเดจ็ พระมงกุฎเกลา้ เจ้าอยู่หัว ณ พระท่ีนงั่ ดสุ ติ มหาปราสาท
ส่วนในพระราชพิธีบรมราชาภิเษกพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร
จดั ขนึ้ ภายหลงั พระราชพธิ ถี วายพระเพลงิ พระบรมศพพระบาทสมเดจ็ พระปรเมนทรมหาอานนั ทมหดิ ล พระอฐั มรามาธบิ ดนิ ทร ดงั นน้ั
เจ้าพนักงานจึงได้เชิญพระโกศพระบรมอัฐิ พระอัฐิสมเด็จพระราชบุพการีมาประดิษฐานยังหอพระธาตุมณเฑียรเพ่ือทรงถวาย
ราชสักการะ
3 หลงั พระราชพธิ รี าชาภเิ ษกสมรสทงั้ สองพระองคเ์ สดจ็ แปรพระราชฐานไปประทบั ณ วงั ไกลกงั วล ครน้ั ถงึ วนั ท่ี ๓ พฤษภาคม
จงึ เสดจ็ พระราชดำ� เนนิ โดยรถไฟพระทน่ี ั่งกลับคืนส่พู ระมหานคร
4 วนั พฤหสั บดี เดอื น ๖ แรม ๓ คำ่�

ประมวลเอกสารพระราชพิธีบรมราชาภิเษก 439

๑. พระที่น่ังอมรินทรวินิจฉัย เชิญพระสัมพุทธพรรณี1 และพระพุทธมณีรัตนปฏิมา2 ประดิษฐานใน
พระท่ีน่ังบุษบกมาลา3 มีเทียนทอง เทียนเงิน หนักเล่มละ ๘ บาท ต้ังในบุษบกท้ัง ๔ มุม ๒ คู่ ข้างบุษบก
ทั้ง ๒ ข้าง4 ต้ังพุ่มดอกไม้สดคู่หน่ึง ท่ีฐานช้ันลดลงมามีเทียนทอง เทียนเงิน หนักเล่มละ ๘ บาท5 ๒ คู่
หน้าพระที่นั่งบุษบกมาลาต้ังโต๊ะทองจ�ำหลักลายมีพานทอง จัดดอกไม้สด ตามล�ำดับชั้นเป็นหล่ันลงมา
มีเทียนพระมหามงคลคู่หนึ่ง และเทียนเท่าพระองค์ในตู้ซ้ายขวาคู่หน่ึง ต่อออกมาทอดเครื่องนมัสการพานทอง
สองช้ันและพระแท่นทรงกราบและตั้งพระอภิรุมชุมสาย ๑ ส�ำรับภายในพระท่ีนั่ง

บนพระที่นั่งมหาเศวตฉัตร ตั้งพระท่ีน่ังพุดตานกาญจนสิงหาสน์ เป็นบรมราชบัลลังก์ท่ีประทับเวลา
เสด็จออกมหาสมาคม6 มีโต๊ะทองส�ำหรับต้ังเคร่ืองราชูปโภคทั้ง ๒ ข้าง ท่ีมุมพระที่น่ังมหาเศวตฉัตร ตั้งต้นไม้
เงินทอง ๔ มุม ๆ ละต้น และปักพระมหานพปฎลเศวตฉัตรไว้พร้อม7 ต้ังพระราชอาสน์ ตรงหน้าพระท่ีนั่งมหา
เศวตฉัตรเป็นที่เสด็จออกประทับ ส�ำหรับพระบรมวงศานุวงศ์และข้าทูลละอองธุลีพระบาทเฝ้า8 ทอดเครื่อง
ราชูปโภค มีพานพระขันหมาก พระมณฑปรัตนกรัณฑ์ พระสุพรรณศรีบัวแฉก และพระสุพรรณราช ข้างหลัง
พระราชอาสน์ ทอดพระแสงง้าวและพระแสงปืน

ตรงเสาคู่หน้าพระท่ีน่ังเศวตฉัตร ติดพระสูตรทองมีสายเลื่อน ส�ำหรับไขเวลาเสด็จออกมหาสมาคม
ตรงหน้าพระสูตรออกไประหว่างเสาท้องพระโรงด้านตะวันออก ตั้งอาสนสงฆ์ ๔ แถว ส�ำหรับ
พระสงฆ์ ๔๕ รูป เจริญพระพุทธมนต์ หน้าและเสาระหว่างท้องพระโรงด้านตะวันตก ตรงข้ามกับอาสนสงฆ์

1 พระสัมพุทธพรรณี เป็นพระพุทธรูปประทับขัดสมาธิราบ ปางสมาธิ ครองจีวรตามแบบพระภิกษุในธรรมยุติกนิกาย
พาดสังฆาฏิ จีวรท�ำเป็นริ้วตามธรรมชาติ องค์พระไม่มีพระเมาลี หรือพระเกตุมาลา พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวเมื่อ
ครั้งทรงผนวชเป็นพระวชิรญาณเถระ โปรดเกล้าฯ ให้หล่อขึ้น ปัจจุบันประดิษฐานอยู่ที่ฐานชุกชีชั้นล่างของบุษบกพระพุทธมหามณี
รัตนปฏมิ ากร อนง่ึ ในการพระราชพิธเี ปลย่ี นเครอ่ื งทรงพระพุทธมหามณีรตั นปฏิมากรจะทรงเปลย่ี นพระรศั มีถวายในแต่ละฤดดู ว้ ย

2 หมายถึง พระพุทธมณีรัตนปฏิมากร หรือพระแก้วมรกตน้อย สร้างในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว
ผลงานของหา้ งฟาแบร์เช่ ประเทศรสั เซยี สร้างจากหยกสีเขยี วขนาดใหญเ่ ป็นพระพุทธรูปประทบั สมาธเิ พชร ปางมารวชิ ยั ประทบั บน
ฐานบวั คว่�ำบวั หงายแบบบัวฟนั ยักษ์ตกแต่งด้วยเกสรบวั พระศกเปน็ ก้นหอยใหญ่ และพระเกตมุ าลาเปน็ ดอกบวั ตมู ทรงคล้องสังวาล
เฉวียงพระอังสะซ้าย ๒ องค์ จ�ำลองแบบจากพระมหาสังวาลนพรัตน์และพระสังวาลพระนพ ประดิษฐานบนพุทธสิงหาสน์ด้านหลัง
พุทธสิงหาสน์มีพระมหาเศวตฉัตรคันดาลกางกั้นถวายพระพุทธรูป ทั้งหมดประดิษฐานบนฐานเขียงรองรับด้วยฐานสิงห์แบกจ�ำลอง
จากพระแท่นมนังคศิลาอาสน์ ปรากฏการเชิญพระพุทธรูปองค์น้ีมาประดิษฐานในการพระราชพิธีบรมราชาภิเษกคู่กับพระสัมพุทธ
พรรณตี ัง้ แตร่ ชั กาลท่ี ๗ เป็นต้นมา

3 คอื พระทน่ี ง่ั บษุ บกมาลามหาจกั รพรรดพิ มิ าน ตงั้ อยตู่ อนในสดุ ของพระทน่ี ง่ั อมรนิ ทรวนิ จิ ฉยั ตรงพระทวารเทวราชมเหศวร
ในสมัยรชั กาลที่ ๖ โปรดใชเ้ ปน็ ท่ีประทับเสดจ็ ออกมหาสมาคมในพระราชพธิ เี ฉลิมพระชนมพรรษา

4 หมายถึง เกรินสองขา้ งของบษุ บก
5 ในพระราชพธิ ีบรมราชาภเิ ษกรชั กาลท่ี ๖ และรชั กาลท่ี ๗ ระบวุ า่ หนกั ๘๐ บาท
6 แตเ่ ดิมทอดพระทีน่ ่งั พุดตานกาญจนสิงหาสนเ์ หนอื หนงั ไกรสรราชสหี ์ท้ังผืนซึง่ มศี รี ษะและมอื ยืน่ ออกมา
7 ตามธรรมเนียมเดิมเจ้าพนักงานเชิญพระนพปฎลมหาเศวตฉัตรลดลงแต่งใหม่ ทอดไว้บนขาทราย (ไม้ ๒ อันผูกหรือ
รอ้ ยปลายใหอ้ า้ ออกเปน็ งา่ มสำ� หรบั รบั หรอื คาํ้ ของ) เบอื้ งหลงั และจะเชญิ ขน้ึ ประดษิ ฐานเหนอื พระแทน่ ราชบลั ลงั กพ์ รอ้ มกบั พระฤกษ์
สรงพระมุรธาภิเษก
8 เจา้ พนกั งานถอนพระราชอาสน์นี้เมอ่ื ประทับเหนือพระราชบลั ลงั ก์เพือ่ ทรงรับถวายชัยมงคล

440 ประมวลเอกสารพระราชพิธีบรมราชาภิเษก

ตั้งเก้าอ้ีหมู่ส�ำหรับข้าราชการเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท ริมผนังด้านเหนือระหว่างพระทวารทั้งสอง ต้ังพระแท่น
ส�ำหรับพระสงฆ์ ๔ รูปสวดภาณวารและตั้งเตียงพระราชาคณะน่ังปรก1 เรียงไปทางทิศตะวันออกหันหน้าสู่
ท่ามกลางท้องพระโรง หน้าพระแท่นพระสวดภาณวารต้ังกระโจมเทียนชัย บุผ้าปักทองแร่ง

เทียนชัยน้ีพระมงคลทิพมุนี (เซ็ก พรหมสโร)2 วัดทองธรรมชาติเป็นผู้คว่ัน มีฤกษ์และเจริญพระ
พุทธมนต์ ใช้ข้ีผ้ึงอย่างดี หนัก ๓๖ กิโลกรัม ไส้ ๑๐๘ เส้น

๒. พระท่ีนั่งไพศาลทักษิณ
ก. พระแท่นมณฑล ด้านตะวันออกมุมผนังด้านเหนือ พระท่ีนั่งไพศาลทักษิณ ต้ังพระแท่น
มณฑลน้อยซึ่งเป็นพระแท่นส�ำหรับตั้งเครื่องมงคลต่าง ๆ ในการพระราชพิธีบรมราชาภิเษก นับว่าเป็นพระแท่น
ส�ำคัญ จึงจะได้พรรณาเคร่ืองตั้งไว้เป็นหมวด ๆ ดังน้ี

เครื่องตั้งพระแท่นมณฑล3

ก. หมวดส่ิงสักการะ
๑. พระพุทธบุษยรัตน รัชกาลที่ ๒
๒. พระพุทธบุษยรัตน รัชกาลที่ ๕ 4
๓. พระพุทธปฏิมาชัยวัฒน ประจ�ำรัชกาลท่ี ๑ - ๗ รวม ๗ องค์
๔. พระแก้วนาคสวาท
๕. พระชัยนวโลหะรัชกาลท่ี ๔
๖. พระพุทธรูปนิรันตราย
๗. พระแก้วเชียงแสน
๘. พระเจดีย์ลังกาบรรจุพระบรมสารีริกธาตุ

1 น่ังปรก คอื อาการทพี่ ระสงฆ์นัง่ ทำ� จติ ให้เป็นสมาธกิ ํากบั พระสงฆด์ ้วยกันอกี ๔ รูปซง่ึ สวดในพธิ ที ีม่ สี วดภาณวาร
2 พระมงคลทิพยมุนี (เซ็ก พฺรหฺมสโร) อดีตเจ้าอาวาสวัดทองธรรมชาติ เกิดเม่ือวันท่ี ๑๑ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๔๑๕
มรณภาพด้วยอาการอันสงบเมือ่ วันที่ ๒ มถิ นุ ายน พ.ศ. ๒๕๐๔ สริ ิอายุ ๘๙ ปี พรรษา ๖๘
3 เคร่อื งต้งั ในพระแท่นมณฑลแต่ละหมวด ตลอดจนเครื่องตงั้ เคยี งพระแทน่ มณฑล สมเด็จพระเจา้ บรมวงศเ์ ธอ กรมพระยา
ด�ำรงราชานุภาพ มีพระวินิจฉัยไว้ในพระราชพงศาวดารกรุงรัตนโกสินทร์ รัชกาลท่ี ๕ ว่า การเพ่ิมเคร่ืองตั้งดังกล่าวมีขึ้นในสมัย
รัชกาลท่ี ๔ และรัชกาลท่ี ๕ โดยทรงระบุไว้ในพระวินิจฉัยว่าเคร่ืองสิ่งใดน�ำมาต้ังในสมัยใด เช่น พระนิรันตราย น�ำมาประดิษฐาน
ในงานบรมราชาภเิ ษกรชั กาลที่ ๕ พระแสห้ างชา้ งเผอื ก แรกตง้ั ในสมยั รชั กาลที่ ๔ พระแสงศรสามเลม่ ตงั้ งานพระราชพธิ บี รมราชาภเิ ษก
เป็นทีแรกเมื่อครั้งรัชกาลที่ ๕ รวมถึงตู้เทียนเท่าพระองค์คู่ ๑ เทียนพระมหามงคลคู่ ๑ เข้าใจว่ามีขึ้นเมื่อครั้งรัชกาลท่ี ๔ เช่นกัน
อนึ่ง ในรัชกาลก่อน ๆ เชิญเครื่องบรมขัตติยราชูปโภค ๔ อย่าง คือ พานพระขันหมาก พระมณฑปรัตนกรัณฑ์ พระสุพรรณศรี
และพระสุพรรณราช ตั้งแต่งบนพระแทน่ มณฑลดว้ ย
4 ในพระราชพิธีบรมราชาภิเษกรัชกาลท่ี ๖ และรัชกาลท่ี ๗ ระบุว่าประดิษฐานพระพุทธบุษยรัตนองค์ใหญ่และพระพุทธ
บุษยรัตนองคน์ ้อย

ประมวลเอกสารพระราชพิธีบรมราชาภิเษก 441

๙. พระขันหยก
๑๐. เครื่องพระมหาพิชัยสงคราม1
ข. หมวดพระราชสิริ
๑. พระสุพรรณบัฏ
๒. ดวงพระบรมราชสมภพ
๓. พระราชลัญฉกรประจ�ำรัชกาล
ค. หมวดเคร่ืองพระมุรธาภิเษก
๑. พระครอบพระกร่ิง
๒. พระครอบยันตเดิม
๓. พระมหาสังข์ทักษิณาวัฏ
๔. พระเต้าทองเกลี้ยง
๕. พระเต้ามงคลแปด
๖. พระเต้าเบญจคัพย รัชกาลที่ ๑
๗. พระเต้าเบญจคัพย รัชกาลท่ี ๔
๘. พระเต้าเบญจคัพย รัชกาลที่ ๕
๙. พระเต้าปทุมนิมิตร ทอง บรรจุน�้ำ ๔ สระ
๑๐. พระเต้าปทุมนิมิตร นาก บรรจุน�้ำ ๔ สระ
๑๑. พระเต้าปทุมนิมิตร เงิน บรรจุน้�ำ ๔ สระ
๑๒. พระเต้าปทุมนิมิตร สัมฤทธ์ิ บรรจุน้�ำ ๔ สระ
๑๓. พระเต้าหยกเขียว
๑๔. พระเต้ากลีบบัวแดง
๑๕. พระเต้ากลีบบัวขาวยอดเก้ียว
๑๖. พระเต้ากลีบบัวใหญ่
๑๗. พระเต้า ๕ กษัตริย์ (พระเต้า ทอง นาก เงิน สัมฤทธ์ิ ศิลา รวม ๕ พระเต้า)
๑๘. พระเต้าโมราด�ำ
๑๙. พระเต้านวเคราะห์
๒๐. พระเต้าไกลาส
๒๑. พระเต้าศิลาจารึกอักษร
๒๒. พระเต้าเทวบิฐ
๒๓. พระเต้าศิลา ๕ ห้อง

1 ในพระราชพงศาวดารกรงุ รตั นโกสนิ ทร์ รชั กาลที่ ๕ นบั “เครอ่ื งพระมหาพชิ ยั สงคราม” อยใู่ น “หมวดเครอ่ื งพชิ ยั สงคราม”

442 ประมวลเอกสารพระราชพิธีบรมราชาภิเษก

ง. หมวดเคร่ืองต้น
๑. พระมหาพิชัยมงกุฎ
๒. พระชฎา ๕ ยอด
๓. พระแสงขรรค์ชัยศรี
๔. ธารพระกรชัยพฤกษ์
๕. ธารพระกรเทวรูป
๖. ธารพระกรศักดิ์สิทธิ์
๗. พระสังวาลพราหมณ์ธุร�ำ
๘. พระแส้จามรี
๙. พระแส้หางช้างเผือก
จ. หมวดพระแสง
๑. พระแสงดาบใจเพ็ชร
๒. พระแสงจักร
๓. พระแสงตรีศูล
๔. พระแสงดาบและเสโล1
๕. พระแสงหอกพระมหากฐิน
๖. พระแสงปืนคาบชุด
๗. พระแสงของ้าวแสนพลพ่าย
๘. พระแสงง้าวด้ามถมฝักทอง
๙. พระแสงทวนทอง
๑๐. พระแสงศูล
๑๑. พระแสงดาบคาบค่าย
๑๒. พระแสงเวียต
๑๓. พระแสงฟันปลา
๑๔. พระแสงดาบญี่ปุ่นรัชกาลท่ี ๖
๑๕. พระแสงปืนคาบศิลา
๑๖. พระแสงแฝด
๑๗. พระแสงขรรคนวโลหะ
๑๘. พระแสงฝักมุกทรงเดิม
๑๙. พระแสงฝักทองเกลี้ยง
๒๐. พระแสงมรกต

1 โล่ประเภทหนง่ึ

ประมวลเอกสารพระราชพิธีบรมราชาภิเษก 443

๒๑. พระแสงตรีศูลด้ามหยก
๒๒. พระแสงตรีศูลด้ามกรามช้าง
๒๓. พระแสงขอชัยพฤกษ์
๒๔. พระแสงศร ๓ เล่ม (พระแสงศรพรหมาสตร์ - อัคนีวาต - ประลัยวาต)
๒๕. พระแสงตรีศูลด้ามส้ัน
๒๖. พระแสงหอกร่อนน้อย
๒๗. พระแสงหอกร่อนใหญ่
๒๘. พระแสงทวนถมคู่
๒๙. พระแสงง้าวถมคู่
๓๐. พระแสงดาบฝักเหล็กคร�่ำทองคู่
ฉ. หมวดเครื่องสูง
๑. พระเศวตฉัตร
๒. พระเสนาธิปัตย ๓ ฉัตรนี้เรียกรวมกันว่าพระกรรม์ภิรมย์
๓. พระฉัตรชัย เป็นฉัตรแพรขาวลงยันต์เส้นทอง

๔. พระเกาวพ่าห์
๕. ธงชัยราชกระบี่ยุทธ ใหญ่
๖. ธงชัยราชกระบี่ยุทธ น้อย
๗. ธงชัยพระครุฑพ่าห์ ใหญ่
๘. ธงชัยพระครุทพ่าห์ น้อย
๙. ธงมหาราช
๑๐. ธงมหาไพชยนตธวัช
และพระขันหยกมีเชิงเทียนชนวนส�ำหรับสมเด็จพระสังฆราชจุดเทียนชัย
เครื่องตั้งเคียงพระแท่นมณฑล มีเทียนเท่าพระองค์ ๑ คู่ต้ังในตู้ ตั้งอยู่เบ้ืองขวาและซ้ายพระแท่น
มณฑลคู่หนึ่ง หน้าพระแท่นมณฑลมีเทียนพระมหามงคลคู่หน่ึง ต่อออกมาต้ังเครื่องนมัสการทองลงยา
และมีพระแท่นทรงกราบ1
การวงด้ายสายสิญจน์ เจ้าพนักงานวงด้ายสายสิญจน์จากพระแท่นมณฑล แยกเลียบไปตามบัวผนัง
เหนือช่องพระบัญชรทั้งสองด้าน ไปออกช่องพระทวารเทวราชมเหศวรตรงพระท่ีนั่งบุษบกมาลาโยงไป
พระท่ีน่ังอมรินทรวินิจฉัยเข้ากระโจมเทียนชัย พระแท่นภาณวาร โยงไปยังอาสนสงฆ์เจริญพุทธมนต์ทุกแห่ง
ในพระท่ีนั่งอมรินทรวินิจฉัย พระที่น่ังไพศาลทักษิณ พระที่นั่งจักรพรรดิพิมาน โยงรอบพระราชมนเทียร
ที่ท�ำพิธี มณฑปพระกระยาสนาน สถานท่ีท�ำพิธีพราหมณ์ท่ีศาลาสหทัย พระอุโบสถวัดพระศรีรัตนศาสดาราม
ท่ีก�ำแพงพระบรมมหาราชวังวงด้ายสายสิญจน์รอบ

1 นอกจากเคร่อื งต้งั เคยี งพระแท่นมณฑลดงั กลา่ ว ในสมยั รชั กาลท่ี ๖ และรชั กาลท่ี ๗ ระบเุ ครื่องตัง้ ทีเ่ ตยี งลารองพระแทน่
มณฑล ได้แก่ เทียนทอง เทยี นเงิน หนัก ๘ บาท สลบั กบั หม้อนำ้� พระพทุ ธมนตแ์ ละพานดอกไม้ ๖ คู่

444 ประมวลเอกสารพระราชพิธีบรมราชาภิเษก

ข. พระท่ีน่ังอัฐทิศอุทุมพรราชอาสน์ ตั้งอยู่ด้านตะวันออกริมผนังด้านใต้ หน้าพระทวารที่ลงจากหอ
พระสุลาลัยพิมาน เคียงพระแท่นมณฑล ปักพระบวรเศวตฉัตร ๗ ชั้น ณท่ามกลางพระที่น่ัง ต้ังต่ังอัฐทิศ ๖
เหล่ียม ท�ำด้วยไม้ไผ่สีสุก พันผ้าขาว ปูผ้าขาวประจ�ำ ๘ ทิศพระท่ีน่ัง และข้างทิศบูรพาอีก ๑ ตั่ง รวม ๙ ต่ัง
บนต่ังอัฐทิศ ตั้งเทวรูปนพเคราะห์ประจ�ำทิศในบุษบกลายทองพื้นสีตามนพเคราะห์กลางต่ัง ด้านหน้าตั้งเทวรูป
อธิไทโพธิบาต1 ถ้วยศิลาจารึกอักษรคลุมตาด พุ่มดอกไม้สีตามนพเคราะห์ กลศและสังข์ของพราหมณ์
ล้อมรอบเทวรูปนพเคราะห์2 มีโต๊ะทองส่ีเหลี่ยมเล็ก ตั้งเครื่องนมัสการถ้วยแก้วเชิง พุ่มดอกไม้สดตามสีเทวดา
นพเคราะห์ มีเทียนเงินเทียนทองคู่ ๑ อยู่หลังต่ังอัฐทิศท้ัง ๙ ต่ัง บนพระแท่นลา ข้างหน้าพระที่น่ังอัฐทิศ
ตั้งเครื่องบูชา เทียนเงิน เทียนทอง อย่างละ ๒ คู่ พระเต้าศิลา ๑ คู่ และตั้งขันพระสาครเงิน บรรจุน้�ำ
พระพุทธมนต์ ส�ำหรับโหรปักเทียนบูชานพเคราะห์

วันเจริญพระพุทธมนต์วันที่ ๔ พฤษภาคม ๒๔๙๓ บนพระแท่นลาหน้าต่ังทุกตั่ง ต้ังบัตรเทวรูป
นพเคราะห์ ๓ ช้ัน ส�ำหรับโหรบูชาเทวดานพเคราะห์เฉพาะวันน้ี และจะถอนไปในวันที่ ๕ พฤษภาคม ๒๔๙๓

ค. พระท่ีน่ังภัทรบิฐ ตั้งอยู่ด้านตะวันตก หน้าพระทวารที่ลงจากหอพระธาตุมนเทียร ปักนพปฎลมหา
เศวตฉัตร3 ต้ังโต๊ะทองข้างพระที่น่ังทั้งสองข้าง ส�ำหรับตั้งเคร่ืองราชูปโภค มีพานทองพุ่มดอกไม้สด
เทียนทอง เทียนเงิน หนักเล่มละ ๘ บาท คู่ ๑ ต้ังบนพระแท่นลารองพระท่ีนั่งภัทรบิฐ4 ตรงที่ประทับบน
พระท่ีน่ังภัทรบิฐ พราหมณ์ท�ำพิธีลาดหญ้าคา โรยแป้งข้าวสาลี และข้าว ๕ สี (ข้าวย้อมด้วยสีแดง เหลือง
เขียว ขาว ด�ำ)5 ปูแผ่นทองสลักรูปราชสีห์ทับ แล้วลาดพระย่ีภู่

1 อธไิ ทโพธบิ าต เขยี นอยหู่ ลายแบบ เชน่ อธไิ ทโ้ พธบิ าทว์ อธไิ ทโพธบิ าทว์ อภไิ ทยโพธบิ าทว์ อภไิ ธยโพธบิ าทว์ อภไิ ทโพธบิ าทว์
หรือ อภิไทโภธิบาทว์ เป็นต้น หมายถึง ช่ือเรียกเทวดารักษาทิศท้ัง ๘ ทิศ ซ่ึงตามคัมภีร์ฮินดูเรียกว่า อัษฎิกบาล มี ๘ องค์ ได้แก่
พระอินทร์เป็นเทวดารักษาทิศบูรพา พระเพลิงเป็นเทวดารักษาทิศอาคเนย์ พระยมเป็นเทวดารักษาทิศทักษิณ พระนารายณ์เป็น
เทวดารักษาทิศหรดี พระพิรุณเปน็ เทวดารักษาทศิ ประจมิ พระพายเปน็ เทวดารักษาทศิ พายพั พระโสมเป็นเทวดารักษาทศิ อุดร และ
พระไพสพเปน็ เทวดารักษาทิศอิสาน มีความเกีย่ วโยงกบั อบุ าทว์ตา่ ง ๆ ทีเ่ ทวดารักษาทิศทัง้ ๘ องค์เป็นผู้บันดาลให้เกดิ ขึน้ เรยี กสิง่ ท่ี
สำ� แดงตามช่อื เทวดาน้นั เช่น อบุ าทว์พระอนิ ทร์ อุบาทวพ์ ระเพลิง อุบาทว์พระยม เป็นต้น

2 เทวดานพเคราะห์ คือ เทพท้ัง ๙ องค์ ผู้ครองเรือนชะตาของมนุษย์ซึ่งให้โทษหรือสร้างอุปสรรคให้กับมนุษย์มากกว่า
จะใหค้ ุณ ประกอบด้วย พระอาทติ ย์ พระจนั ทร์ พระองั คาร พระพธุ พระพฤหัสบดี พระศุกร์ พระเสาร์ พระราหู และพระเกตุ

3 แตเ่ ดมิ ในรชั กาลกอ่ น ๆ พระทน่ี ง่ั ภทั รบฐิ กางกนั้ ดว้ ยพระบวรเศวตฉตั ร ดว้ ยเมอื่ เสดจ็ มาประทบั ทพี่ ระทนี่ ง่ั ภทั รบฐิ นนั้ ยงั มไิ ด้
รับการถวายนพปฎลมหาเศวตฉัตร แตใ่ นรชั กาลท่ี ๙ ทรงพระกรณุ าโปรดเกล้าฯ ใหถ้ วายนพปฎลเศวตฉตั รทพ่ี ระทน่ี ั่งอัฐทิศอุทมุ พร
ราชอาสนเ์ ป็นปฐม ดังน้นั เม่ือเสดจ็ มาประทับทพ่ี ระทนี่ ัง่ ภัทรบฐิ จึงปกั นพปฎลเศวตฉตั รเหนือพระทีน่ ั่งนน้ั

4 ส�ำหรบั บูชาพระเศวตฉัตร
5 พิธีพราหมณ์ดังกล่าวคือ พิธีท�ำให้พระท่ีน่ังภัทรบิฐเป็นท่ีประทับของพระผู้เป็นเจ้าโดยสมบูรณ์ ดังปรากฏในพระราชพิธี
ตรปี วายซงึ่ พราหมณเ์ ตรยี มตง่ั ลาดดว้ ยหญา้ คา ทอดแปง้ แลว้ โรยดว้ ยขา้ วสาลี เรยี กตง่ั นวี้ า่ “ภทั รบฐิ ทอดขลงั ” (ขลงั มาจากภาษาเขมร
แปลว่า หญ้าคา) จากน้ันจึงเชิญเทวรูปพระนารายณ์จากพานลงมาสรงน้�ำด้วยกลศและสังข์ ถวายใบมะตูม เสร็จแล้วพระราชครู
เชิญเทวรูปข้ึนลูบที่ศีรษะของตนเอง ๓ คร้ัง แล้วอัญเชิญข้ึนประดิษฐานบนภัทรบิฐ ถวายสายธุร�ำ (ยัชโญปวีต) และใบมะตูม ซึ่งพิธี
ดงั กลา่ วเทยี บไดก้ บั การสรงน้�ำพระมรุ ธาภเิ ษก เสดจ็ ประทบั เหนอื พระทนี่ งั่ ภทั รบฐิ และทรงรบั พระสงั วาลยพ์ ราหมณธ์ รุ �ำสวมพระองค์
ดว้ ยนัยนี้พระมหากษตั รยิ จ์ ึงเปรยี บเสมือนพระนารายณท์ เี่ สด็จลงมายังโลกมนษุ ย์

ประมวลเอกสารพระราชพิธีบรมราชาภิเษก 445

วิมานพระสยามเทวาธิราช1 ซ่ึงประดิษฐาน ณ ตอนกลางพระท่ีนั่งไพศาลทักษิณด้านเหนือ ตรงลับแล
พระทวารเทวราชมเหศวร ข้างหน้าโต๊ะมุก ตั้งเคร่ืองบูชาแบบจีนมีเทียนทอง เทียนเงิน หนัก ๑๒ บาท คู่หน่ึง2

ในพระที่นั่งไพศาลทักษิณน้ี มียันต์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า อักขระขอมตัวทองพ้ืนขาว แขวนห้อยอยู่กับ
ระย้าแก้วไฟฟ้า ตรงหน้าโต๊ะบูชาพระสยามเทวาธิราช มีสายสิญจน์ต่อมาท่ียันต์น้ี มียันต์พระอริยสาวก อักขระ
คาถาตัวทองแขวนที่สายสิญจน์ติดผนังตามแนวลวดบัว ประจ�ำทิศท้ัง ๘3 มีพวงมาลัยผูกห้อย4 ที่พระบวร
เศวตฉัตร ณ พระท่ีน่ังอัฐทิศและนพปฎลมหาเศวตฉัตร ณ พระท่ีน่ังภัทรบิฐโยงสายสิญจน์มาท่ีพระเศวตฉัตร
ท้ัง ๒ แห่ง มีพวงระย้าดอกไม้พู่กล่ินและพวงแก้ว5 ห้อยตามพระบัญชรและพระทวารทุกแห่ง6

ทอดพระราชอาสน์ที่ประทับต่อหน้าพระท่ีนั่งอัฐทิศออกมาตามผนังด้านใต้ช่องท่ี ๓ บนโต๊ะทองซ้าย
ขวา ทอดเครื่องพานพระขันหมากทองลงยา และพระสุพรรณศรีเบื้องขวา ทอดพระมณฑปรัตนกรัณฑ์
เบ้ืองซ้าย พระแสงง้าว พระแสงปืน ทอดราวอยู่หลังพระราชอาสน์

ต้ังอาสนสงฆ์ ข้างแนวผนังด้านเหนือ หน้าพระแท่นมณฑลออกมาแถวเดียวส�ำหรับพระสงฆ์ ๗ รูป
ต่อจากวิมานพระสยามเทวาธิราช ต้ังอาสนสงฆ์ ๒ แถวไปทางตะวันตก ส�ำหรับพระสงฆ์ ๒๓ รูป หน้าแถว
อาสน์สงฆ์ตอนตะวันตก ต้ังพระเก้าอ้ีและเก้าอ้ีหันหน้าไปยังท่ีประทับด้านตะวันออก ส�ำหรับพระบรม
วงศานุวงศ์ องคมนตรี นายกรัฐมนตรี รัฐมนตรี ประธานสภาทั้งสองและคณะทูตานุทูตเฝ้า ด้านหลังพระที่นั่ง
ภัทรบิฐและท่ีพระเฉลียงชานพักด้านใต้ เป็นท่ีมหาดเล็กและเจ้าพนักงานต่าง ๆ ผู้มีหน้าท่ีเกี่ยวกับพระราชพิธี
เฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท

ทอ้ งพระโรงหนา้ พระทนี่ งั่ จกั รพรรดพิ มิ าน ตงั้ หมเู่ กา้ อสี้ ำ� หรบั พระบรมวงศานวุ งศ์ ทา้ วนาง7 เถา้ แกเ่ ฝา้ 8ฯ

1 วิมานพระสยามเทวาธิราชมีลักษณะเป็นเรือนแก้วไม้จันทน์แบบวิมานเก๋งจีน ตั้งอยู่ในพระวิมานทองสามมุข มีค�ำจารึก
ที่ผนงั ด้านหลงั เป็นอกั ษรจีน แปลความว่าสถานที่สงิ สถิตแห่งพระสยามเทวาธิราช

2 ในพระราชพิธีบรมราชาภิเษก รัชกาลที่ ๖ ระบุว่า ท่ีวิมานพระสยามเทวาธิราช ตอนเย็นมีเทียนพระมหามงคลทองเงิน
คู่ ๑ ตอนเช้ามเี ทยี นทอง เทียนเงนิ หนงั ๑๒ บาท คู่ ๑

3 ยันต์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า และยันต์พระอรหันต์ประจ�ำทิศท้ัง ๘ ยันต์ดังกล่าว พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว
ทรงพระราชดำ� รขิ ้ึน

4 พระราชพิธบี รมราชาภเิ ษกรัชกาลที่ ๖ และรัชกาลที่ ๗ ระบวุ ่าเปน็ มาลยั เปยี
5 เมอ่ื สงั เกตจากภาพถา่ ยงานพระราชพิธบี รมราชาภเิ ษกพบว่า เครือ่ งแขวนท่ปี ระดบั ตามพระทวารและพระบัญชรพระทนี่ ่งั
ไพศาลทักษิณ น่าจะเป็นเคร่ืองแขวนท่ีเรียกว่า “พวงแก้ว” และ “ระย้า” ส่วน “พู่กลิ่น” ปรากฏว่าใช้ประดับพระบัญชรพระท่ีน่ัง
จักรพรรดิพิมานงานบรมราชาภิเษกรัชกาลท่ี ๗ แต่โดยมากเคร่ืองแขวนประเภทนี้นิยมประดับตามมุมท้ังสี่ของพระแท่นสวด
หรือจิตกาธาน
6 ในพระราชพธิ ีบรมราชาภิเษกรัชกาลที่ ๖ และรชั กาลที่ ๗ ระบุว่ามกี ารประดับเพดานพระทน่ี งั่ ดว้ ยอบุ ะดอกไม้สดดว้ ย
7 พนกั งานฝา่ ยหญงิ ในวงั เปน็ ผคู้ วบคมุ กจิ การฝา่ ยในรองลงมาจากอธบิ ดี มหี ลายตำ� แหนง่ เชน่ ทา้ ววรคณานนั ท์ ทา้ ววรจนั ทร์
ท้าวโสภานเิ วศน์ เปน็ ต้น
8 ตำ� แหนง่ ข้าราชการฝ่ายในในพระราชสำ� นกั เป็นผู้บงั คับบัญชารองลงมาจากทา้ วนาง เทียบเท่าชั้นนายเวรมหาดเล็ก

446 ประมวลเอกสารพระราชพิธีบรมราชาภิเษก

๓. พระที่น่ังจักรพรรดิพิมาน ต้ังพระแท่นบรรทมในพระฉากด้านตะวันออกห้องเหนือ1 มีนพปฎล
เศวตฉัตรแขวนลอยบนเพดานเหนือพระแท่นบรรทม2 ตั้งโต๊ะทองรองพระยี่ภู่พับ คลุมเยียระบับไว้ พร้อมด้วย
พระเขนยบนพานแว่นฟ้า บนพระแท่นบรรทมต้ังม้าหมู่ประดิษฐานพระชัยนวโลหะ รัชกาลท่ี ๕ พร้อมด้วย
พานทองประดับดอกไม้สดและเทียนทอง เงิน หนัก ๘ บาท ๒ คู่ ตั้งเครื่องเฉลิมพระราชมนเทียร คือ พระแส้
หางช้างเผือก ศิลาบดโมรา พานพืช มีข้าวเปลือก ถ่ัวงา เมล็ดพรรณผักกาด เมล็ดฝ้าย ไส่ถุงเยียระบับ ๔ ถุง
กุญแจทอง จั่นหมากทอง และพานฟัก ปูลาดอาสนบนพระแท่นบรรทม ส�ำหรับพระราชาคณะ ๕ รูป
เจริญพระพุทธมนต์ ต้ังเครื่องนมัสการหน้าพระแท่นบรรทม3 ห้องกลางทอดพระราชอาสน์ ส�ำหรับประทับ
ทรงสดับพระราชาคณะ ๕ รูปเจริญพระพุทธมนต์ ทอดเครื่องพานพระศรีลงยา พระมณฑปพระมหามงคล
ถาดสรงพระพักตรมีขันพระนพส�ำหรับทรงเมื่อเวลาพระราชาคณะเจริญพระพุทธมนต์

ในพระฉากด้านใต้ ห้องทรงเครื่อง ตั้งพระแท่นลาดพระราชอาสน์ ต้ังถาดสรงพระพักตร และเคร่ือง
พระส�ำอางพร้อม มีนพปฎลเศวตฉัตรแขวนลอยเหนือพระแท่น4

๔. มณฑปพระกระยาสนาน ปลูกที่ชาลาหน้าชานพักท้องพระโรงหน้า5 ด้านตะวันออก6 ต้ังพระมณฑป
พ้ืนขาวฐานยกพื้นขาว ประดับนาคสดุ้ง ห้อยช่อเงิน ต้ังกระจังปิดทองมีเฟื่องอุบะจ�ำปาเงินรอบ7 เพดานผ้าขาว
ปิดทองฉลุลายมีจ�ำปาทองรายรอบฝักบัว และห้อยอุบะจ�ำปาทองกลางฝักบัว มีพระสูตรขาวทองแผ่ลวด
ลายทรงขา้ วบณิ ฑท์ งั้ ๔ ดา้ น ตง้ั ตงั่ ไมอ้ ทุ มุ พรหมุ้ ผา้ ขาว ดาดผา้ ขาว ลาดดว้ ยใบแกว้ บนถาดทองพนื้ ขาวในมณฑป
ข้างตั่งไม้อุทุมพรต้ังโต๊ะทอง ๒ ชั้น บนโต๊ะต้ังพระครอบมุรธาภิเษก มีใบอ้อ8 ซ่ึงเป็นใบไม้กาลกัณณีส�ำหรับ
ทรงเหยียบรองใต้ผ้าขาวดาดพื้น ที่ยกพ้ืนฐานพระมณฑป ตั้งราชวัตรพ้ืนขาวลายทอง มีเครื่องสูงทองแผ่ลวด

1 การตงั้ แตง่ พระแทน่ บรรทมเปลยี่ นระหวา่ งตอนขา้ งเหนอื กบั ตอนขา้ งใตต้ ามลำ� ดบั รชั กาล ดงั ในพระราชพธิ บี รมราชาภเิ ษก
รัชกาลที่ ๖ ต้ังพระแท่นบรรทมในพระฉากข้างใต้ พระราชพิธีบรมราชาภิเษกรัชกาลท่ี ๗ ต้ังพระแท่นบรรทมในพระฉากข้างเหนือ
เป็นราชประเพณีท่ยี ึดถือสบื มาดงั ปรากฏในโคลงลิลติ สุภาพ ตำ� รับพระบรมราชาภิเษก สัปดมะราชมหาจกั รวี งศ์ เม่ือพุทธศก ๒๔๖๘
ความว่า “...รัชชะกาลก่อนสถิตเบ้ือง ทักษิณ เปล่ียนทิศเปล่ียนแผ่นดิน เปล่ียนตั้ง ตามขนบผ่านพิภพภิญ เญาวะภาพ ผะเดียงเอย
ราชะประเพณีครั้ง กว่าร้อยพรรษา...”

2 พระราชพธิ บี รมราชาภเิ ษกรชั กาลที่ ๗ ระบวุ า่ เจา้ พนกั งานเชญิ นพปฎลมหาเศวตฉตั รทอดไวบ้ นขาทรายโยงดา้ ยสายสญิ จน์
ผูกไว้ เม่อื เวลาพระมหามงคลฤกษ์สรงพระมรู ธาภเิ ษกสนานจงึ เชิญขึน้ แขวนเหนอื พระแท่นบรรทม

3 ในพระราชพธิ ีบรมราชาภิเษกรชั กาลท่ี ๖ และรัชกาลท่ี ๗ ระบุว่าเป็นเคร่ืองนมสั การเคร่ืองแกว้
4 ในพระราชพธิ บี รมราชาภเิ ษกรชั กาลท่ี ๗ เชิญนพปฎลเศวตฉัตรลงแต่งใหม่ ทอดไว้บนขาทราย โยงดา้ ยสายสญิ จนม์ าผกู ไว้
จะได้ยกข้ึนเม่ือเวลาพระมหามงคลฤกษ์สรงพระมูรธาภิเษกสนานพรอ้ มกนั
5 คือ ทอ้ งพระโรงหนา้ พระทน่ี ั่งจักรพรรดิพิมาน
6 แตเ่ ดมิ มกี ารปลูกปะรำ� ข้างเฉลียงพระมหามณเฑียรสำ� หรับพระบรมวงศานุวงศ์ ข้าทูลละอองธลุ ีพระบาทฝ่ายใน ตลอดจน
ภรรยาของข้าราชการเฝ้าขณะสรงพระพระมูรธาภเิ ษกสนาน
7 เครื่องยอดมณฑปพระกระยาสนานของรัชกาลที่ ๖ ระบุว่า เป็นเฟื่องอุบะห้อยเครื่องทอง และของรัชกาลที่ ๗ ว่าเป็น
เฟอื่ งอบุ ะจำ� ปาทองรอบ
8 ใบไม้กาลกิณีส�ำหรับทรงเหยียบเปลี่ยนไปตามแต่รัชกาล เช่น รัชกาลท่ี ๖ ทรงเหยียบใบกระถิน รัชกาลที่ ๗ ทรงเหยียบ
ใบตะขบ


Click to View FlipBook Version