ประมวลเอกสารพระราชพิธีบรมราชาภิเษก 447
๗ ช้ัน1 สีทอง นาก เงิน ปักท้ัง ๔ มุม ๆ ละ ๓ องค์ ที่ราชวัตรประดับต้นกล้วย อ้อย จ่ันหมาก จั่นมะพร้าว
มีช่องทางขึ้นลงท้ัง ๔ ด้าน
ด้านตะวันออกและตะวันตกมณฑปพระกระยาสนาน ต้ังบุษบกน้อยพ้ืนขาวลายสลักปิดทองส�ำหรับ
ประดิษฐานพระชัยนวโลหะและพระคเณศร์ ซึ่งจะได้เชิญน�ำเสด็จสู่พระมณฑปวันสรงพระมุรธาภิเษก ดังนี้
เชิญพระชัยนวโลหะไปประดิษฐาน ณ บุษบกด้านตะวันออก เชิญพระคเณศร์ไปประดิษฐาน ณ บุษบก
ด้านตะวันตก
ต้ังศาลพระอินทร์ที่ชาลาตรงทางข้ึนลงมณฑปทิศตะวันออก2 บนพื้นมณฑปมีศาลเทวดาจตุโลกบาล
ทั้ง ๔ คือ ๑. ท้าวธตรฐ จอมภูต อยู่ทิศตะวันออก ๒. ท้าววิรุฬหก จอมเทวดา อยู่ทิศใต้ ๓. ท้าววิรูปักษ์
จอมนาค อยู่ทิศตะวันตก ๔. ท้าวกุเวร จอมยักษ์ อยู่ทิศเหนือ รวม ๔ ศาล ตั้งท่ีมุมราชวัตรท้ัง ๔ มุม
ศาลเทวดาเหล่าน้ีมีบายศรีตอง ๓ ช้ัน ยอดบายศรีมีพุ่มดอกบานไม่รู้โรย มีหัวหมู กล้วยน้�ำ มะพร้าวอ่อน
วางบนพานเงินส�ำหรับบูชาจตุโลกบาล
ท่ีชาลาทิศตะวันออกของมณฑปพระกระยาสนาน หน้าศาลพระอินทร์ตั้งโต๊ะเครื่องสังเวยเทวดา
กลางหาว มีกระถางธูปต้ังกลาง เทียนทอง เงิน หนักเล่มละ ๖ บาท ซ้ายขวามีหัวหมู คู่หนึ่ง พร้อมด้วยขนม
สังเวย กล้วยน�้ำ ข้างโต๊ะบูชาตั้งฆ้องชัย ส�ำหรับโหรบอกพระฤกษ์สรงพระมุรธาภิเษก ตั้งโต๊ะทองปูผ้าเยียระบับ
ข้างทางขึ้นลงมณฑปพระกระยาสนานด้านตะวันออก ส�ำหรับวางสังข์และพระเต้าต่าง ๆ ซึ่งจะถวายในเวลา
สรงพระมุรธาภิเษก
๕. สถานที่ท�ำพิธีพราหมณ์ ต้ังสถานท่ีท�ำพิธีที่ศาลาสหทัย3 ตั้งราชวัตรขาว ๔ มุม มีฉัตรธงกระดาษ
๕ ชั้น ประดับต้นกล้วย อ้อย จั่นหมาก จ่ันมะพร้าว ตั้งเตียงมณฑลเล็ก มีโต๊ะทอง ตั้งพระอิศวร พระอุมา
พระนารายณ์ พระลักษมี พระมเหศวรี พระพรหม พระมหาพิฆเนศกับตั้งโต๊ะเทวดานพเคราะห์ โต๊ะเบญจคัพย
ตั้งหม้อกุณฑ ๙ หม้อ อยู่เบ้ืองขวาเตียงมณฑล ต้ังเตาโหมกุณฑอยู่เบ้ืองซ้าย วงด้ายสายสิญจน์รอบราชวัตร
และแขวนพรหมโองการท้ัง ๘4
1 จากการพิจารณาลักษณะตัวเลขในฉบับพิมพ์ครั้งแรก พบว่าเลขดังกล่าวควรเป็นเลข “๗” หากแต่ต้นฉบับพิมพ์ครั้งแรก
หางของเลข “๗” ลบเลอื น ทำ� ใหฉ้ บบั พมิ พค์ รง้ั ที่ ๒ รวมถงึ งานศกึ ษาวจิ ยั ตา่ ง ๆ ระบเุ ปน็ เลข “๓” แตเ่ มอ่ื พจิ ารณาจากรปู ทรงสณั ฐาน
เทียบเคียงกับภาพถ่ายงานพระราชพิธี รวมถึงจดหมายเหตุพระราชพิธีบรมราชาภิเษกรัชกาลที่ ๖ และ ๗ พบว่าที่ถูกต้องน่าจะเป็น
เครือ่ งสูงทองแผ่ลวด ๗ ช้ัน
2 ในจดหมายเหตุพระราชพิธีบรมราชาภิเษก รัชกาลที่ ๗ ระบุว่า “ศาลพระอินทร์อยู่กลางมณฑป โหรเริ่มบูชาตั้งแต่
วันท่ี ๒๒ ท่ี ๒๓ ที่ ๒๔ ท้ัง ๓ วัน ถึงวันท่ี ๒๕ จะได้เสด็จสู่พระแท่นสรงพระมูรธาภิเษกสนาน เจ้าพนักงานจึงย้ายศาลพระอินทร์
ไปตง้ั ท่ีชาลาหนา้ มณฑปทศิ บรู พา”
3 คือ ศาลาสหทัยสมาคมในพระบรมมหาราชวัง อนึ่ง แต่เดิมสถานที่ท�ำพิธีพราหมณ์จะปลูกเป็นอาคารช่ัวคราวข้ึนเฉพาะ
ดังในพระราชพิธีบรมราชาภิเษกรัชกาลที่ ๗ ปลูกโรงพระราชพิธีพราหมณ์ท่ีริมก�ำแพงนอกฉนวนข้างพระท่ีนั่งอมรินทรวินิจฉัย
ดา้ นตะวนั ออก กบั ดา้ นทศิ ตะวนั ตกแหง่ พระทน่ี งั่ บรมพมิ าน ผนั หนา้ โรงพระราชพธิ ไี ปทางทศิ ใต้ มชี อ่ ฟา้ ใบระกา หางหงส์ ทำ� ดว้ ยไมจ้ รงิ
ปดิ ทองนำ�้ ตะโก หลังคาดาดผา้ ขาว เพดานและฝา้ บุผ้าขาว
4 พรหมโองการ หรอื ไตรทวาร คอื กระดาษขาวตดั เปน็ รปู ดวงไฟสามเปลวหรอื รปู ใบมะตมู ตดิ อยบู่ นผา้ ขาวพบั เปน็ รปู สเ่ี หลยี่ ม
ผนื ผา้ สำ� หรบั ต้ังแต่งในสถานทใ่ี นพธิ ศี าสตรปณุ ยาชบุ โหมเพลงิ
448 ประมวลเอกสารพระราชพิธีบรมราชาภิเษก
๖. พระอุโบสถวัดพระศรีรัตนศาสดาราม มีเทียนพระมหามงคลวันละคู่หนึ่ง เทียนเท่าพระองค์
วันละคู่หนึ่ง ตั้งเครื่องนมัสการทองใหญ่ส�ำหรับบูชาและพระแท่นทรงกราบ ในวันพระสงฆ์เจริญพระพุทธมนต์
อน่ึง กรมโฆษณาการ ได้จัดตั้งเคร่ืองถ่ายทอดเสียงทางวิทยุกระจายเสียง ในงานพระราชพิธีวันท่ี ๔,
๕, ๗ และ ๘ รวม ๔ วัน เพื่อให้ประชาชนได้ทราบทั่วกันด้วย1
ตามสถานที่ราชการ อาคารบ้านเรือนได้ประดับธงทิวและประทีปโคมไฟ ตลอดงาน
แห่พระสุพรรณบัฏและจุดเทียนชัย
พระสุพวรันรทณี่ บ๔ัฏพพรฤ้อษมภดา้วคยมดว๒ง๔พ๙ระ๓บร(๕มรฯ๓าช๖สมปภีขพาลแ)ล2ะเพวรละารา๑ช๐ล.ัญ๐ฉ๐กรนป. รเะจจ้า�ำพรนัชักกงาาลนอพอกระจอากาพลักระษอณุโบ์เชสิญถ
วดั พระศรรี ตั นศาสดารามมาขนึ้ พระราชยานกงทเ่ี กยพลบั พลาเปลอื้ งเครอ่ื งประตหู ลงั วดั พระศรรี ตั นศาสดาราม3
มีกระบวนเครื่องสูง กลองชะนะและคู่แห่ แห่ไปตามถนนหน้าศาลาสหทัย เล้ียวตามถนนจักรีจรัณย์เข้าประตู
พิมานไชยศรี ไปตามถนนอมรวิถี ถึงหน้าประตูสนามราชกิจ แล้วเชิญไปประดิษฐาน ณ พระแท่นมณฑลใน
พระที่น่ังไพศาลทักษิณ4
เวลา ๑๘.๐๐ น. สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงเคร่ืองเต็มยศจอมพลทหารบกประดับราชอิสริยาภรณ์มหา
จักรีบรมราชวงศ์ พร้อมด้วยสมเด็จพระราชินีสิริกิต์ิ ทรงรถยนต์พระที่นั่งเสด็จออกจากพระต�ำหนักจิตรลดา
ระโหฐาน สวนจิตรลดา มายังพระบรมมหาราชวัง เทียบรถพระท่ีน่ังหน้าพระทวารเทเวศร์รักษา เสด็จลงทรง
พระราชด�ำเนินเข้าพระทวารเทเวศร์รักษา ณ ชาลาหน้าพระท่ีนั่งอมรินทรวินิจฉัย หม่อมราชวงศ์เทวาธิราช
ป. มาลากุล สมุหพระราชพิธีกราบบังคมทูลเบิกผู้ท่ีจัดหาช้างมาน้อมเกล้าฯ ถวาย5 มีรายนามดังนี้
1 วันท่ี 17 พฤษภาคม พ.ศ. 2493 ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้นำ� ภาพยนตร์ส่วนพระองค์บันทึกพระราชพิธรี าชาภิเษก
สมรส และพระราชพธิ บี รมราชาภเิ ษก ออกฉายใหป้ ระชาชนชม ณ โรงภาพยนตรศ์ าลาเฉลมิ กรงุ เปน็ เวลา 21 วนั โดยสว่ นแบง่ รายไดจ้ าก
ภาพยนตรเ์ ร่อื งน้ี ทรงพระกรณุ าโปรดเกล้าฯ พระราชทานใหโ้ รงพยาบาลภมู ิพลอดุลยเดช แห่งกองทพั อากาศ
2 วนั พฤหัสบดี เดอื น ๖ แรม ๓ คำ�่
3 ประตูระเบียงคดวัดพระศรีรัตนศาสดารามท่ีมีเกยเทียบพระราชยานมี ๒ ประตู คือ ประตูเกยเสด็จ (หน้า) ตรงกับประตู
สวัสดโิ สภาและปราสาทพระเทพบิดร และประตเู กยเสดจ็ (หลัง) ตรงศาลาสหทัยสมาคม ปัจจบุ นั ประตูเกยเสดจ็ (หลัง) ใช้เปน็ ประตู
เทยี บรถยนต์พระท่ีน่ังหรอื พระราชยาน เมอื่ จะเสดจ็ พระราชดำ� เนินเขา้ ยังเขตวดั พระศรรี ัตนศาสดาราม
4 ในพระราชพิธีบรมราชาภิเษกรัชกาลที่ ๖ ระบุว่า เม่ือเชิญพระสุพรรณบัฏพร้อมด้วยดวงพระบรมราชสมภพ และ
พระราชลัญจกรประจ�ำรัชกาลผ่านประตูพิมานไชยศรีแล้ว เชิญเข้าในพระที่น่ังอมรินทรวินิจฉัย ทางพระทวารเทเวศรรักษาข้ึนยัง
พระทน่ี ่งั ไพศาลทักษิณ ประดิษฐานบนพระแท่นมณฑล
5 นอกจากนี้ปรากฏเอกสารระบุถึงนายพา ศาลางาม ยินดีน้อมเกล้าฯ ถวายช้างส�ำคัญชื่อ “พลายทองใบ” ดูใน
หอจดหมายเหตุแหง่ ชาต.ิ มท.๐๒๐๑.๒.๑.๓๑.๑/๕ [๘๔]. หนงั สอื ที่ ๒๗๙๔/ ๒๔๙๓ เร่อื ง ชา้ งส�ำคญั (๒๓ กมุ ภาพันธ์ ๒๔๙๓).
ประมวลเอกสารพระราชพิธีบรมราชาภิเษก 449
แห่พระสุพรรณบัฏ
450 ประมวลเอกสารพระราชพิธีบรมราชาภิเษก
๑. นายเลียง ไชยกาล1 รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย
๒. นายท�ำนุก รัตนดิลก ณ ภูเก็ต ข้าหลวงประจ�ำจังหวัดสุรินทร์
๓. นายยืน สืบนุการ ผู้แทนราษฎรจังหวัดสุรินทร์
๔. นางสี สุขแสวง
๕. นายแก้ว สุขแสวง เจ้าของช้างพลาย “สิงห์ทอง”
๖. นายเกียรติ จันทรหอม เจ้าของช้างพัง “ค�ำพัน”
๗. นายตุ่ย สุขศรี
สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมีพระราชปฏิสันถารแล้ว เสด็จพระราชด�ำเนินเข้าสู่พระท่ีนั่งอมรินทรวินิจฉัย
ทรงจุดธูปเทียนถวายนมัสการพระศรีรัตนตรัยแล้วประทับพระราชอาสน์ พระยารามราชภักดี (ม.ล.สวาสดิ์
อิศรางกูร)2 ปลัดกระทรวงมหาดไทย กราบบังคมทูลเบิกทายาทผู้สืบสกุลเจ้าผู้ครองนครและทายาท
ผู้สืบสกุลพระยาเมือง ข้าหลวงตรวจการกระทรวงมหาดไทย ข้าหลวงประจ�ำจังหวัด เข้าเฝ้าทูลละอองธุลี
พระบาท ดังน้ี
“ขอเดชะ ฝ่าละอองธุลีพระบาทปกเกล้าปกกระหม่อม
ข้าพระพุทธเจ้าขอพระราชทานพระบรมราชวโรกาสกราบบังคมทูลเบิกผู้ท่ีมาเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท
ในงานพระราชพิธีบรมราชาภิเษก คือ
๑. พลตรี เจ้าราชบุตร3 ผู้สืบสกุลเจ้าผู้ครองนครเชียงใหม่
๒. พระเพ็ชร์คีรี (ไทย ณ ล�ำปาง)4 ผู้สืบสกุลเจ้าผู้ครองนครล�ำปาง
1 นายเลียง ไชยกาล เกิดเม่ือวันท่ี ๒๖ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๔๔๕ บุตรนายสายและนางส�ำเนียง (สกุลเดิม ณ อุบล)
เป็นผู้ก่อต้ังพรรคประชาชน เป็นอดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม และรัฐมนตรีว่าการ
กระทรวงศึกษาธิการ สมรสกับนางอรพินท์ ไชยกาล สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรหญิงคนแรกของไทย นายเลียง ไชยกาล ถึงแก่กรรม
เมื่อวนั ท่ี ๒ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๒๙
อน่ึง ปรากฏเอกสารระบุถึงพันเอก บัญญัติ เทพหัสดิน ณ อยุธยา รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทยเป็นผู้น�ำเจ้าของ
ช้างเข้าเฝ้า ฯ ด้วย ดูใน หอจดหมายเหตุแห่งชาติ. มท.๐๒๐๑.๒.๑.๓๑.๑/๘ (๙๙). “บัญชีรายช่ือรัฐมนตรี ข้าหลวงประจ�ำจังหวัด
สุรนิ ทร์ สมาชกิ สภาผู้แทน จงั หวดั สรุ นิ ทร์ เจ้าของชา้ งทท่ี างราชการ กระทรวงมหาดไทย จดั น้อมเกล้าฯ ถวายในงานบรมราชาภเิ ษก”
2 พระยารามราชภักดี (หม่อมหลวงสวาสดิ์ อิศรางกูร) เกิดเมื่อวันท่ี ๑๓ ธันวาคม พ.ศ. ๒๔๓๘ เป็นบุตรของหลวง
ธนสารสิทธิกร (หม่อมราชวงศ์มงคล อิศรางกูร) กับหม่อมหลวงหญิงนารถ ธนสารสิทธิกร (สกุลเดิม ปาลกะวงศ์) สมรสคร้ังแรกกับ
คุณหญิงสง่า ธิดาพระยาวิเชียรปราการ และครั้งท่ีสองกับคุณหญิงชื่นแช่ม รามราชภักดี พระยารามราชภักดี ถึงแก่อสัญกรรม
เม่อื วนั ที่ ๑๒ พฤศจกิ ายน พ.ศ. ๒๕๑๘
3 พลตรี เจ้าราชบุตร นามเดิม เจ้าวงศ์ตวัน เป็นโอรสของเจ้าแก้วนวรัฐกับแม่เจ้าจามรีวงศ์ เกิดเมื่อวันที่ ๗ พฤษภาคม
พ.ศ. ๒๔๒๙ เจ้าราชบุตร สมรสกับเจ้าจันทร มีธิดา ๑ คน ต่อมาสมรสกับเจ้าภัทรา (สกุลเดิม ณ ล�ำพูน) มีธิดา ๒ คน และต่อมา
ได้สมรสกับหม่อมศรีนวล (สกุลเดิม นันทขว้าง) เจ้าราชบุตรวงศ์ตวัน ณ เชียงใหม่ ถึงแก่อนิจกรรม เมื่อวันท่ี ๒๕ พฤษภาคม
พ.ศ. ๒๕๑๕ สิรอิ ายุ ๘๖ ปี
4 พระเพชรคีรศี รรี าชสงคราม (เจ้าแกว้ เมอื งไท ณ ลำ� ปาง) เป็นโอรสของพลตำ� รวจตรี เจ้าราชวงศ์ (แก้วปราบเมรุ ณ ลำ� ปาง)
กบั เจา้ ทพิ ยอด เกดิ เมื่อ พ.ศ. ๒๔๓๔ ถึงแก่อนิจกรรมเมอ่ื พ.ศ. ๒๕๑๓ สิรอิ ายุ ๘๐ ปี
ประมวลเอกสารพระราชพิธีบรมราชาภิเษก 451
๓. เจ้าพงศ์ธาดา ณ ล�ำพูน1 ผู้สืบสกุลเจ้าผู้ครองนครล�ำพูน
๔. เจ้าราชบุตร2 ผู้สืบสกุลเจ้าผู้ครองนครน่าน
๕. พระพิพิธภักดี3 ผู้สืบสกุลพระยาเมืองปัตตานี สายท่ี ๒
๖. ตนกูมะ บินกูปูเต๊ะ4 ผู้สืบสกุลพระยาเมืองปัตตานี สายที่ ๑
๗. ตนกูตึงเงาะ5 ผู้สืบสกุลพระยาเมืองนราธิวาส
๘. ตนกูอับดุลเลาะรงโซะ6 ผู้สืบสกุลพระยาเมืองยะลา
๙. ตนกูอิบบราฮิม บินตนกูอหมัด7 ผู้สืบสกุลพระยาเมืองสตูล สายท่ี ๑
๑๐. กูฮาหมัด บินต�ำมะหงง8 ผู้สืบสกุลพระยาเมืองสตูล สายท่ี ๒
๑๑. พระยาอมรฤทธิธ�ำรง (พร้อม ณ ถลาง)9 ข้าหลวงตรวจการกระทรวงมหาดไทยภาค ๕
๑๒. นายเชื้อ พิทักษากร10 ข้าหลวงตรวจการกระทรวงมหาดไทยภาค ๔
๑๓. หลวงวิวิธสุรการ (ถวิล เจียรมานพ)11 ข้าหลวงตรวจการกระทรวงมหาดไทยภาค ๓
1 เจ้าพงศ์ธาดา ณ ล�ำพูน เป็นโอรสของเจ้าจักรค�ำขจรศักด์ิ เจ้าผู้ครองนครล�ำพูนองค์สุดท้าย กับแม่เจ้าขานแก้วขจรศักดิ์
เกดิ เม่ือ พ.ศ. ๒๔๔๙ สมรสกับท่านหญิงจติ รจง ณ ลำ� พนู (จกั รพนั ธุ์) เจา้ พงศธ์ าดา ณ ลำ� พูน ถึงแก่อนจิ กรรมเม่อื วนั ท่ี ๒๑ กุมภาพันธ์
พ.ศ. ๒๕๓๘
2 เจ้าราชบตุ ร (น้อยหมอกฟา้ ณ น่าน) เป็นโอรสของเจา้ มหาพรหมสุรธาดา เจ้าผคู้ รองนครนา่ น กับแม่เจ้าศรโี สภา ณ นา่ น
เกดิ เมอื่ พ.ศ. ๒๔๒๓ สมรสกบั เจา้ บญุ โสมมโี อรสธิดา ๗ ทา่ น เจา้ ราชบุตร ถงึ แก่อนจิ กรรมเมอื่ วันท่ี ๑ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๐๑ สิรอิ ายุ
๗๘ ปี
3 พระพิพิธภักดี (ตนกูมุกดา อับดุลบุตร) เกิดเม่ือ พ.ศ. ๒๔๓๔ เป็นบุตรของพระยาพิพิธเสนามาตย์ (นิโว๊ะ) พระยา
เมอื งยะหริง่ ถงึ แกก่ รรมเม่อื วันที่ ๒๔ สงิ หาคม พ.ศ. ๒๕๑๒
4 ตนกมู ะ บนิ กปู ูเต๊ะ เกิดเมือ่ พ.ศ. ๒๔๒๘ เปน็ บุตรของตนกู ปอื ซา ตวนตมิ งุ พระยาเมืองปัตตานี
5 ตนกตู ึงเงาะ เกิดเม่ือ พ.ศ. ๒๔๓๓ เป็นบตุ รของตนกู นแิ ว พระยาเมืองระแงะ
6 ตนกูอับดลุ เลาะรงโซะ เกิดเม่อื พ.ศ. ๒๔๔๕ เป็นบุตรของพระยาณรงคฤ์ ทธิศ์ รีประเทศวเิ ศษวงั ษา
7 นายบวร สนบู ตุ ร หรือตนกอู ิบบราฮิม บนิ ตนกอู หมดั เกิดเมือ่ พ.ศ. ๒๔๕๓ เป็นบตุ รของพระพิมลสัตยารักษ์ (ตนกอู าหมัด)
กับนางตวนหยำ�
8 กฮู าหมัด บนิ ตำ� มะหงง เกิดเม่อื พ.ศ. ๒๔๔๘ เปน็ บุตรของนายกูฮามดิ กับนางกูหย�ำ บนิ ตำ� มะหงง
อนึง่ ทายาทพระยาเมืองสตลู ทง้ั ๒ สาย ไดเ้ ขียนหนังสอื แจง้ ความบรรยายเหตุการณ์ท่ีไดพ้ บเหน็ ในคราวมาเฝา้ ทูลละออง
ธุลีพระบาท แจกจ่ายไปยังบรรดาชาวไทย - อิสลาม ชักชวนให้ตั้งตนอยู่ในความสงบและตั้งหน้าท�ำมาหากินด้วยความเรียบร้อย
และแสดงความจงรักภักดตี อ่ ประเทศไทย ดูใน หอจดหมายเหตแุ หง่ ชาต.ิ มท.๐๒๐๑.๒.๑.๓๑.๑/๘ [๓]-[๔].
9 พระยาอมรฤทธธิ ำ� รง (พรอ้ ม ณ ถลาง) เปน็ บตุ รของหลวงเทพนธิ ยานกุ ลู ( ชน่ื ณ ถลาง ) และนางหรา่ ย มสุ กิ ธชั เกดิ เมอื่ วนั ท่ี
๒๘ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๔๓๕ สมรสกับคณุ หญงิ อมรฤทธธิ ำ� รง (ตรี บุณยภักดิ์) มบี ตุ รธดิ า ๗ คน พระยาอมรฤทธิธำ� รงถึงแกอ่ สัญกรรม
เมื่อวันที่ ๒๔ กนั ยายน พ.ศ.๒๕๐๙ สริ อิ ายุ ๗๔ ปี
10 นายเชื้อ พทิ กั ษากร เกดิ เมื่อวนั ที่ 14 พฤศจกิ ายน พ.ศ. 2450 เปน็ บุตรของนายกจิ และนางทองค�ำ สมรสกบั นางสมจติ ต์
พิทักษากร ถงึ แก่อนจิ กรรมเม่อื วนั ท่ี 24 กันยายน พ.ศ. 2495
11 หลวงวิวิธสุรการ (ถวิล เจียรมานพ) เกิดเมื่อวันท่ี ๒๓ เมษายน พ.ศ. ๒๔๓๗ ถึงแก่อนิจกรรมเม่ือวันที่ ๓๐ เมษายน
พ.ศ. ๒๕๑๐
452 ประมวลเอกสารพระราชพิธีบรมราชาภิเษก
๑๔. ขุนภักดีด�ำรงฤทธ์ิ (ภักดี ภักดีด�ำรงฤทธ์ิ)1 ข้าหลวงตรวจการกระทรวงมหาดไทยภาค ๒
๑๕. พระสมัครสโมสร (เสงี่ยม สมัครสโมสร)2 ข้าหลวงตรวจการกระทรวงมหาดไทยภาค ๑
๑๖. ขุนไตรกิตยานุกูล (อัมพร สาตรพันธุ์)3 ข้าหลวงประจ�ำจังหวัดเชียงใหม่
๑๗. พระยารัตนภักดี (แจ้ง สุวรรณจินดา)4 ข้าหลวงประจ�ำจังหวัดปัตตานี
๑๘. นายนวน มีช�ำนาญ5 ข้าหลวงประจ�ำจังหวัดน่าน
๑๙. ขุนสนิทประชาราษฎร์ (สนิท จันทรศัพท์)6 ข้าหลวงประจ�ำจังหวัดล�ำพูน
๒๐. นายประเสริฐ กาญจนดุล7 ข้าหลวงประจ�ำจังหวัดยะลา
๒๑. นายสง่า ศุขรัตน์8 ข้าหลวงประจ�ำจังหวัดนราธิวาส
๒๒. นายชาติ บุณยรัตพันธุ์9 ข้าหลวงประจ�ำจังหวัดสตูล
ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อม ขอเดชะ”
สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงมีพระราชปฏิสันถานแล้ว พระยารามราชภักดี ปลัดกระทรวงมหาดไทย
น�ำทายาทผสู้ บื สกลุ เจา้ ผคู้ รองนครและทายาทผสู้ บื สกลุ พระยาเมอื งและขา้ ราชการกระทรวงมหาดไทยออกจาก
ทเ่ี ฝา้
1 ขุนภักดีด�ำรงฤทธิ์ (ภักดี ภักดีด�ำรงฤทธิ์ หรือ อ้น เกษีพันธ์) เคยด�ำรงต�ำแหน่งต่าง ๆ เช่น ผู้ว่าราชการจังหวัด
นครศรีธรรมราช ผู้ว่าราชการจังหวดั ยะลา
2 พระสมัครสโมสร (เสงี่ยม บุรสมบูรณ์) เคยด�ำรงต�ำแหน่งต่าง ๆ เช่น ผู้ว่าราชการจังหวัดนครสวรรค์ ผู้ว่าราชการจังหวัด
อุตรดิตถ์ ผ้วู ่าราชการจังหวัดเพชรบรู ณ์ ผู้วา่ ราชการจงั หวดั เพชรบรุ ี
3 ขนุ ไตรกิตยานุกูล (อัมพร สาตรพนั ธ)ุ์ เกิดเมอ่ื วันที่ ๒๗ กนั ยายน พ.ศ. ๒๔๔๑ เป็นบตุ รของนายชัย และนางวร สาตรพันธ์ุ
รับราชการในตำ� แหนง่ ตา่ ง ๆ เช่น มหาดเล็กรายงานมณฑลจันทบุรี นายอ�ำเภอศรีราชา ปลัดจงั หวดั สมุทรสาคร ถึงแก่กรรมเม่อื วันที่
๑๙ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๑๘
4 พระยารัตนภักดี (แจ้ง สุวรรณจินดา) เกิดเม่ือวันที่ ๑๓ สิงหาคม พ.ศ. ๒๔๓๕ เป็นบุตรของพระวิมานวัชรี (แม้น
สุวรรณจินดา) สมรสกับนางสาวผ่อง เกาไศยนันท์ มีบุตรธิดารวม ๑๐ คน พระยารัตนภักดีด�ำรงต�ำแหน่งต่าง ๆ เช่น ผู้ว่าราชการ
จังหวัดปตั ตานี ผู้วา่ ราชการภาค ๙ ประจำ� กรมประมวลราชการแผ่นดิน ถึงแก่อนจิ กรรมเมือ่ วันท่ี ๑๓ มนี าคม พ.ศ. ๒๕๑๕
5 นายนวน มีช�ำนาญ เคยด�ำรงต�ำแหน่งต่าง ๆ เช่น ผู้ว่าราชการจังหวัดนครนายก ผู้ว่าราชการจังหวัดมหาสารคาม
ผู้ว่าราชการจังหวดั ปราจีนบุรี เปน็ ตน้
6 ขุนสนิทประชาราษฎร์ (สนิท จันทรศัพท์) เคยด�ำรงต�ำแหน่งต่าง ๆ เช่น ผู้ว่าราชการจังหวัดล�ำพูน ผู้ว่าราชการจังหวัด
อตุ รดติ ถ์ สมรสกับนางปราณี จนั ทรศัพท์
7 นายประเสรฐิ กาญจนดลุ เคยดำ� รงตำ� แหนง่ ตา่ ง ๆ เชน่ ผวู้ า่ ราชการจงั หวดั สงขลา ผวู้ า่ ราชการจงั หวดั เชยี งใหม่ ผวู้ า่ ราชการ
จงั หวัดยะลา เปน็ ต้น
8 นายสง่า ศุขรัตน์ เคยด�ำรงต�ำแหน่งต่าง ๆ เช่น ผู้ว่าราชการจังหวัดกาญจนบุรี ผู้ว่าราชการจังหวัดอุตรดิตถ์ ผู้ว่าราชการ
จังหวดั พระนครศรอี ยุธยา ผวู้ ่าราชการจงั หวัดร้อยเอ็ด เป็นตน้
9 นายชาติ บณุ ยรัตพันธ์ุ เคยดำ� รงต�ำแหนง่ ตา่ ง ๆ เช่น ผูว้ ่าราชการจังหวดั ปตั ตานี ผวู้ า่ ราชการจังหวดั เพชรบรุ ี
ประมวลเอกสารพระราชพิธีบรมราชาภิเษก 453
พระดุลยพากย์สุวมัณฑ์ (ปิ่ณฑ์ ปัทมัษฐาน)1 ปลัดกระทรวงยุติธรรมน�ำข้าหลวงยุติธรรมประจ�ำภาค
ท้ัง ๕ ภาค เข้าเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท กราบบังคมทูลดังน้ี
“ขอเดชะ ฝ่าละอองธุลีพระบาทปกเกล้าปกกระหม่อม
ข้าพระพุทธเจ้า ขอพระราชทานพระบรมราชวโรกาสกราบบังคมทูลเบิกข้าหลวงยุติธรรมท่ีมาเฝ้า
ทูลละอองธุลีพระบาท ในงานพระราชพิธีบรมราชาภิเษก ด่ังจะได้ขอพระราชทานกราบบังคมทูลเบิกเป็น
รายบุคคลโดยล�ำดับ ต่อไปน้ี
๑. พระนิติกฤตย์ประภันย์ (นิติกฤตย์ อินสว่าง)2 ข้าหลวงยุติธรรมภาค ๑
๒. หลวงทรงนิติกรณ์ (นิติกรณ์ ทุมวิภาต) ข้าหลวงยุติธรรมภาค ๒
๓. พระนิติธรรมประกรณ์ (นิติธรรม เนตตาคม)3 ข้าหลวงยุติธรรมภาค ๓
๔. หลวงจักรปาณีศรีศิลวิสุทธ์ (วิสุทธ์ิ ไกรฤกษ์)4 ข้าหลวงยุติธรรมภาค ๔
๕. พระพิบูลไอศวรรย์ (พิบูลไอศวรรย์ สุจริตกุล)5 ข้าหลวงยุติธรรมภาค ๕
ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อม ขอเดชะ”
สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงมีพระราชปฏิสันถารแล้ว ปลัดกระทรวงยุติธรรมน�ำข้าหลวงยุติธรรม
ออกจากที่เฝ้า
สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงจุดเทียนชนวนพระราชทานพระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าธานีนิวัต เพื่อทรงน�ำ
ไปจุดเคร่ืองนมัสการบูชาพระมหามณีรัตนปฏิมากร ท่ีในพระอุโบสถวัดพระศรีรัตนศาสดาราม แล้วสมเด็จ
พระเจ้าอยู่หัวทรงจุดเทียนพระมหามงคลและเทียนเท่าพระองค์
1 พระดลุ ยพากยส์ วุ มณั ฑ์ (ปณ่ิ ฑ์ ปัทมัษฐาน) เกดิ เมื่อวันที่ ๖ มถิ ุนายน พ.ศ. ๒๔๓๗ ดำ� รงตำ� แหน่งตา่ ง ๆ เช่น ผพู้ ิพากษา
ศาลฎกี า ปลดั กระทรวงยตุ ธิ รรม รฐั มนตรวี า่ การกระทรวงยตุ ธิ รรม เปน็ ตน้ สมรสกบั นางสาวฉลวย สคุ นธรกั ษ์ พระดลุ ยพากยส์ วุ มณั ฑ์
ถงึ แก่อนจิ กรรมเมอื่ วนั ท่ี ๙ กมุ ภาพนั ธ์ พ.ศ. ๒๕๒๕ สิริอายุ ๘๗ ปี
2 พระนติ กิ ฤตยป์ ระภนั ย์ (นิติกฤตย์ หรือทองอยู่ อนิ สวา่ ง) เกิดเม่อื วนั ท่ี ๒๐ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๔๓๗ เป็นบุตรของนายทอง
และนางนวล อินสว่าง พระนิติกฤตย์ประภันย์สมรสกับนางสวน อินสว่าง มีบุตรธิดา ๑๑ คน พระนิติกฤตย์ประภันย์รับราชการ
ในตำ� แหนง่ ตา่ ง ๆ เชน่ ผู้พิพากษาศาลอทุ ธรณ์ อธิบดีผูพ้ พิ ากษาศาลอาญา กรรมการตลุ าการ ถึงแกอ่ นจิ กรรมเม่ือวันท่ี ๑๗ มกราคม
พ.ศ. ๒๕๑๔ สิริอายุ ๗๗ ปี
3 พระนิติธรรมประกรณ์ (นิติธรรม หรือจิว เนตราคม) เกิดเม่ือวันท่ี ๔ ธันวาคม พ.ศ. ๒๔๔๑ เป็นบุตรของนายชื่นและ
นางทองศุข เนตราคม ด�ำรงต�ำแหนง่ ต่าง ๆ เช่น ผพู้ พิ ากษาศาลอุทธรณ์ ผู้พพิ ากษาศาลฎกี า เปน็ ตน้ สมรสกบั นางเพ็ญศรี (สกุลเดิม
สวุ รรณเสถยี ร) มบี ตุ รธดิ า ๘ คน พระนิติธรรมประกรณถ์ ึงแกอ่ นจิ กรรมเมือ่ วนั ท่ี ๑๓ มกราคม พ.ศ. ๒๕๑๐ สริ อิ ายุ ๖๘ ปี
4 หลวงจักรปาณศี รศี ลี วิสทุ ธิ์ (วิสทุ ธิ์ ไกรฤกษ)์ เกิดเมื่อวันที่ ๓ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๔๔๖ เปน็ บุตรของเจา้ พระยามหธิ ร (ลออ
ไกรฤกษ์) กบั ทา่ นผหู้ ญิงกลบี มหิธร สมรสกบั นางจักรปาณีศรศี ลี วสิ ทุ ธ์ิ (ถนิต ณ สงขลา) มบี ุตรธิดา ๒ คน หลวงจักรปาณศี รศี ีลวสิ ุทธ์ิ
ถึงแกก่ รรมเม่อื วนั ท่ี ๖ ธนั วาคม พ.ศ. ๒๕๐๑ สิริอายุ ๕๕ ปี
5 พระพบิ ูลย์ไอศวรรย์ (พบิ ลู ไอศวรรย์ หรอื เปรยี บ สจุ ริตกุล) เกิดเม่ือวนั ท่ี ๒๓ มีนาคม พ.ศ. ๒๔๔๑ เปน็ บตุ รของเจ้าพระยา
สุธรรมมนตรี (ปลมื้ สุจรติ กลุ ) กบั ทา่ นผ้หู ญงิ สธุ รรมมนตรี (กมิ ไล้) สมรสกบั นางโสภา สจุ รติ กุล พระพบิ ลู ยไ์ อศวรรยถ์ งึ แก่อนจิ กรรม
เมอ่ื วนั ท่ี ๑๗ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๒๒
454 ประมวลเอกสารพระราชพิธีบรมราชาภิเษก
เวลา ๑๘.๒๐ น. ต�ำรวจหลวง ๔ นาย น�ำเสด็จข้ึนพระที่นั่งไพศาลทักษิณ ทางพระทวารเทวราชมเหศวร์
นายประสิทธิ บุนนาค มหาดเล็กเชิญพระแสงดาบฝักทองเกล้ียงตามเสด็จพระราชด�ำเนิน ชาวพนักงานประโคม
สังข์ แตร และดุริยางค์ สังฆการีอาราธนาพระสงฆ์ทรงสมณศักด์ิ ๓๐ รูป มีสมเด็จพระสังฆราชเป็นประธาน
ซึ่งจะเจริญพระพุทธมนต์ในพระราชพิธีบรมราชาภิเษก ขึ้นสู่พระท่ีน่ังไพศาลทักษิณ ทางประตูสนามราชกิจ
สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงจุดเทียนเคร่ืองนมัสการพระศรีรัตนตรัย หน้าพระแท่นมณฑล สมเด็จพระสังฆราช
ถวายศีล
ถึงอุดมมหามงคลฤกษ์ เวลา ๑๘.๕๐ น.1 สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงจุดเทียนทองชนวนด้วยไฟฟ้า2
ทรงตั้งพระราชสัตยาธิษฐาน แล้วถวายเทียนทองชนวนน้ันแด่สมเด็จพระสังฆราช สมเด็จพระสังฆราชเสด็จ
ไปจุดเทียนชัย3 ที่ในพระท่ีน่ังอมรินทรวินิจฉัย4 พระสงฆ์ทั้งนั้นเจริญมงคลคาถาจุดเทียนชัย ชาวพนักงาน
ประโคมฆ้องชัย สังข์ บัณเฑาะว์ แตรและดุริยางค์ เมื่อสมเด็จสังฆราชจุดเทียนชัยแล้ว สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
ทรงจุดเทียนชนวนให้มหาดเล็กพร้อมด้วยธูปเงินเทียนทองดอกไม้ไปบูชาพระมหาเศวตฉัตร ๕ แห่ง คือ
๑. พระมหาเศวตฉัตรในพระท่ีนั่งอมรินทรวินิจฉัย5
๒. พระมหาเศวตฉัตรในพระที่นั่งไพศาลทักษิณ6
๓. พระมหาเศวตฉัตรในพระที่น่ังจักรีมหาปราสาท7
๔. พระมหาเศวตฉัตรในพระที่น่ังอนันตสมาคม8
๕. พระมหาเศวตฉัตรในพระท่ีน่ังดุสิตมหาปราสาท9
1 ในภาพยนตรส์ ว่ นพระองคร์ ะบุว่าเป็น ๑๙.๐๐ น.
2 หมายถงึ โคมไฟฟา้ คอื ไฟทพ่ี ระมหากษตั รยิ ท์ รงจดุ ดว้ ยพระแวน่ สรู ยิ กานต์ แลว้ ใหเ้ จา้ พนกั งานเลย้ี งเพลงิ ไวใ้ นพระอโุ บสถ
วัดพระศรรี ตั นศาสดารามตอ่ เมือ่ มพี ิธีทต่ี ้องใช้ไฟหลวงเจา้ พนักงานจะได้ต่อเพลิงไปอีกทอดหนงึ่
3 ในพระราชพงศาวดารกรุงรัตนโกสินทร์ รัชกาลที่ ๕ ระบุว่า ตามแบบโบราณพระเจ้าแผ่นดินทรงจุดเทียนชัยเอง สมเด็จ
พระสังฆราชเปน็ แต่ผ้กู �ำกับ (ท�ำนองจะมหี น้าท่บี อกคาถาใหท้ รงบริกรรม) แต่ในสมยั กรงุ รัตนโกสนิ ทร์น้ี สมเดจ็ พระเจ้าอยู่หัวเป็นแต่
ทรงจุดเทยี นชนวนและทรงอธิษฐาน แล้วให้สมเด็จพระสงั ฆราชจดุ เทยี นชยั จะบัญญตั แิ ตร่ ชั กาลไหนหาทราบไม่
อน่ึง ในรชั กาลกอ่ น สมเด็จพระสังฆราชทรงจุดเทียนชัยและพระราชาคณะเปน็ ผู้ดับ แตใ่ นรชั กาลที่ ๙ สมเดจ็ พระสังฆราช
ทรงจุดและดบั เทยี นชยั
4 ในภาพยนตร์ส่วนพระองคร์ ะบุว่า สมเดจ็ พระสงั ฆราชทรงจุดเทยี นชยั เวลา ๑๙.๑๐ น.
5 คือ นพปฎลมหาเศวตฉตั รเหนือพระท่นี ัง่ พุดตานกาญจนสิงหาสน์
6 คอื นพปฎลมหาเศวตฉตั รเหนอื พระทน่ี ง่ั ภทั รบฐิ อนง่ึ เพง่ิ ปรากฏการสกั การะพระมหาเศวตฉตั รในพระทนี่ ง่ั ไพศาลทกั ษณิ
ในสมัยรชั กาลที่ ๙ เพราะเชิญพระนพปฎลเศวตฉัตรปักเหนอื พระแท่นภทั รบิฐในรัชกาลนี้
7 คอื นพปฎลมหาเศวตฉตั รเหนือพระทน่ี งั่ พดุ ตานถม
8 คือ นพปฎลมหาเศวตฉตั รเหนอื พระแท่นมนังคศลิ ารัตนสิงหาสน์
9 คือ นพปฎลมหาเศวตฉตั รเหนอื พระแท่นราชบัลลังก์ประดบั มุก
ประมวลเอกสารพระราชพิธีบรมราชาภิเษก 455
และบูชาท่ีปูชนียสถานส�ำคัญอีก ๑๓ แห่ง คือ
๑. พระสยามเทวาธิราชในพระท่ีน่ังไพศาลทักษิณ
๒. หุ่นพระบรมรูปรัชกาลที่ ๑ ทรงเคร่ืองต้นที่ห้องภูษามาลา1
๓. เทวสถานพระอิศวร
๔. เทวสถานพระนารายน์
๕. เทวสถานพระคเณศ
๖. เทวรูป ณ หอเชือก
๗. พระหลักเมือง
๘. พระเส้ือเมือง
๙. พระกาฬชัยศรี
๑๐. พระเพลิง
๑๑. พระเจตคุปต์
๑๒. เทวรูป ณ หอแก้วพระภูมิ
๑๓. เทวรูป ณ ตึกดิน
สมเด็จพระสังฆราชกลับขึ้นไปนั่งอาสนะในพระท่ีน่ังไพศาลทักษิณ พระสาสนโสภณ (จวน อุฏฐายี)2
วัดมกุฎกษัตริยาราม ยืนบนอาสนะลาดผ้าขาวเบื้องซ้ายพระสยามเทวาธิราชท้ายอาสนสงฆ์ด้านตะวันออก
เฉพาะพระพักตรสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว คล้องด้ายสายสิญจน์ซ่ึงโยงมาจากยันตร์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า
อา่ นประกาศการพระราชพธิ บี รมราชาภเิ ษกจบแลว้ พระสงฆใ์ นพระทนี่ งั่ ไพศาลทักษณิ ๓๐ รปู และในพระท่นี ง่ั
อมรินทรวินิจฉัยอีก ๔๕ รูป เจริญพระพุทธมนต์พระราชพิธีบรมราชาภิเษก พระราชครูวามเทพมุนี พราหมณ์
พิธีถวายน�้ำมหาสังข์ พราหมณ์เป่าสังข์แล้วถวายใบสมิต คือ ใบมะม่วง ๒๕ ใบ ได้แก่ภยันตราย ใบทอง ๓๒ ใบ
ได้แก่อุปัทวันตราย ใบตะขบ ๙๖ ใบ ได้แก่โรคันตราย ส�ำหรับทรงปัดพระองค์ สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงรับ
และทรงปัดแล้วพระราชครูวามเทพมุนีรับพระราชทานกลับไปกระท�ำพิธีศาสตร์ปุณยา ชุบโหมเพลิง3
ยังท่ีท�ำพิธีพราหมณ์
1 พระราชพธิ บี รมราชาภเิ ษกในรชั กาลกอ่ น ๆ ระบุวา่ คอื รูปพระนเรศวร ซ่ึงในสมัยรัชกาลท่ี ๕ ว่า ประดิษฐานทหี่ อโรงแสง
ในสมัยรชั กาลที่ ๗ วา่ ประดษิ ฐานท่หี ้องภษู ามาลา
2 คือ สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช (จวน อุฏฐายี ศิริสม) ประสูติเมื่อวันที่ ๑๖ มกราคม
พ.ศ. ๒๔๔๐ เป็นสมเด็จพระสังฆราชพระองค์ท่ี ๑๖ แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ สถิต ณ วัดมกุฏกษัตริยาราม ส้ินพระชนม์
เมือ่ วนั ที่ ๑๘ ธนั วาคม พ.ศ. ๒๕๑๔ พระชนั ษา ๗๔ ปี พรรษา ๕๔
3 พธิ ศี าสตรป์ ณุ ยาชบุ โหมเพลงิ คอื พธิ นี ำ� ใบสมติ ทที่ รงปดั แลว้ มาเผาในเตากณู ฑใ์ หเ้ ปน็ เถา้ ธลุ เี พอ่ื ใหส้ รรพอนั ตรายในพระองค์
สญู ไปและจะน�ำเถา้ ใบสมติ ไปลอยน้ำ� ต่อไป
456 ประมวลเอกสารพระราชพิธีบรมราชาภิเษก
ระหว่างเวลาน้ีทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานเคร่ืองราชอิสสริยาภรณ์อันเป็นโบราณมงคล
นพรตั นราชวราภรณแ์ ดพ่ ระเจา้ บรมวงศเ์ ธอ กรมขนุ ชยั นาทนเรนทร เครอื่ งขตั ตยิ ราชอสิ รยิ าภรณอ์ นั มเี กยี รตคิ ณุ
รุ่งเรืองย่ิงมหาจักรีบรมราชวงศ์ แด่พระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าประดิษฐาสาร1ี พระเจ้าบรมวงศ์เธอ
พระองคเ์ จา้ อาทรทพิ ยนภิ า2 พระเจา้ บรมวงศเ์ ธอ พระองคเ์ จา้ อดสิ ยั สรุ ยิ าภา3 พระเจา้ บรมวงศเ์ ธอ พระองคเ์ จา้
วาปีบุษบากร4 พระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าเหมวดี5 และพระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าธานีนิวัต
สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงจุดเทียนพระมหามงคล6 เทียนเท่าพระองค์7 ธูปเทียนบูชาพระสยาม
เทวาธิราช บูชาพระแท่นอัฐทิศ บูชาพระท่ีน่ังภัทรบิฐ
สมาชิกรัฐสภา ซึ่งจะถวายน้�ำอภิเษกในวันรุ่งขึ้นจุดเทียนบูชาพระแท่นอัฐทิศ โหรจุดเทียนปักท่ีขัน
พระสาครแล้วมานั่งสวดบูชาเทพดานพเคราะห์ประจ�ำทิศ คู่กับสมาชิกรัฐสภา
ขณะน้ัน เจ้าพนักงานสังฆการีได้นิมนต์พระสงฆ์ทรงสมณศักด์ิ ชั้นพระราชาคณะจ�ำนวน ๕ รูป คือ
พระพรหมมุนี (ผิน สุวโจ ป. ๖)8 วัดบวรนิเวศวิหาร พระธรรมโกศาจารย์ (ปลอด อตฺถการี ป. ๙)9
วัดราชาธิวาส พระธรรมปาโมกข์ (วาศน์ วาสโน ป.๔)10 วัดราชบพิธ พระเมธาธรรมรส (ทิม อุฑาฒิโม ป. ๕)11
1 พระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าประดิษฐาสารี ประสูติเมื่อวันที่ ๑๙ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๔๐๘ เป็นพระราชธิดาใน
พระบาทสมเดจ็ พระจอมเกลา้ เจา้ อยหู่ วั ประสตู แิ ตเ่ จา้ จอมมารดาดวงคำ� สนิ้ พระชนมเ์ มอ่ื วนั ท่ี ๑๘ มนี าคม พ.ศ. ๒๕๐๕ พระชนั ษา ๙๖ ปี
2 พระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าอาทรทิพยนิภา ประสูติเมื่อวันที่ ๒๑ เมษายน พ.ศ. ๒๔๓๒ เป็นพระราชธิดาใน
พระบาทสมเดจ็ พระจลุ จอมเกลา้ เจา้ อยหู่ วั ประสตู แิ ตเ่ จา้ จอมมารดาชมุ่ สนิ้ พระชนมเ์ มอ่ื วนั ท่ี ๒๓ มนี าคม พ.ศ. ๒๕๐๑ พระชนั ษา ๖๘ ปี
3 พระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าอดิสัยสุริยาภา ประสูติเมื่อวันท่ี ๑๔ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๔๓๒ เป็นพระราชธิดาใน
พระบาทสมเดจ็ พระจลุ จอมเกลา้ เจา้ อยหู่ วั ประสตู แิ ตเ่ จา้ จอมมารดาออ่ น สนิ้ พระชนมเ์ มอื่ วนั ท่ี ๒๗ มกราคม พ.ศ. ๒๕๐๖ พระชนั ษา ๗๓ ปี
4 พระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าวาปีบุษบากร ประสูติเมื่อวันที่ ๒๕ มิถุนายน พ.ศ. ๒๔๓๔ เป็นพระราชธิดาใน
พระบาทสมเดจ็ พระจลุ จอมเกลา้ เจา้ อยหู่ วั ประสตู แิ ตเ่ จา้ จอมมารดาพรอ้ ม สนิ้ พระชนมเ์ มอ่ื วนั ท่ี ๑๕ ธนั วาคม พ.ศ. ๒๕๒๕ พระชนั ษา ๙๑ ปี
5 พระเจ้าบรมวงศเ์ ธอ พระองคเ์ จ้าเหมวดี ประสูตเิ มอ่ื วนั ท่ี ๑๒ มกราคม พ.ศ. ๒๔๓๕ เปน็ พระราชธดิ าในพระบาทสมเด็จ
พระจุลจอมเกล้าเจา้ อยูห่ ัว ประสตู ิแต่เจา้ จอมมารดาเหม สน้ิ พระชนมเ์ ม่ือวนั ท่ี ๑๗ ตลุ าคม พ.ศ. ๒๕๑๕ พระชันษา ๘๐ ปี
6 เทยี นพระมหามงคล คอื เทยี นทม่ี ีขนาดยาวเท่ารอบพระเศียร จุดในการพระราชพิธมี งคล เช่น การเฉลิมพระชนมพรรษา
พระราชพธิ ีหลอ่ พระพุทธรูปประจำ� พระชนมวาร ซ่ึงหากเปน็ ประเพณีหลวงจะตัง้ คู่ จุดคกู่ บั เทียนเท่าพระองค์
7 เทียนเท่าพระองค์ คือ เทียนที่มีขนาดสูงเท่าพระองค์ วัดตั้งแต่พระบาทถึงพระเศียร ๑ คู่ จุดคู่กับเทียนพระมหามงคล
อนึ่ง ในพระราชพิธบี รมราชาภเิ ษกรัชกาลที่ ๖ และรัชกาลที่ ๗ ทรงจดุ เทียนเทา่ พระองคก์ ่อน แล้วจึงจดุ เทยี นพระมหามงคล
8 คือ พระพรหมมุนี อดีตเจ้าอาวาสวัดบวรนิเวศวหิ าร นามเดิม ผิน ธรรมประทีป เกิดเมอื่ วนั ที่ ๒๑ กันยายน พ.ศ. ๒๔๓๗
มรณภาพเม่ือวันท่ี ๒๒ มกราคม พ.ศ. ๒๕๐๔ สิรอิ ายุ ๖๖ ปี
9 คือ พระศาสนโศภน อดีตเจ้าอาวาสวัดราชาธิวาส นามเดิม ซุยห้ิน วัฒโนดร เกิดเมื่อวันที่ ๑๙ ตุลาคม พ.ศ. ๒๔๔๕
ภายหลัง พระธรรมโกศาจารย์ (เซ่ง อุตฺตโม) เปล่ียนช่ือให้ท่านใหม่ว่า ปลอด พระศาสนโศภน (ปลอด อตฺถการี) มรณภาพ
เมอ่ื วนั พฤหสั บดที ่ี ๑๒ ตลุ าคม พ.ศ. ๒๕๒๑ สิรอิ ายุ ๗๖ ปี พรรษา ๕๖
10 คอื สมเดจ็ พระสงั ฆราชเจา้ กรมหลวงชนิ วราลงกรณ สมเดจ็ พระสงั ฆราชพระองคท์ ี่ ๑๘ แหง่ กรงุ รตั นโกสนิ ทร์ พระนามเดมิ
มทั รี นลิ ประภา ภายหลงั เปลยี่ นพระนามเปน็ วาสน์ ประสตู เิ มอ่ื วนั ที่ ๒ มนี าคม พ.ศ. ๒๔๔๐ สน้ิ พระชนมด์ ว้ ยพระโรคปบั ผาสะอกั เสบ
และพระหทยั วาย เม่อื วันท่ี ๒๗ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๓๑ พระชนั ษา ๙๑ ปี พรรษา ๗๐
11 คือ สมเดจ็ พระมหาวรี วงศ์ อดตี เจา้ อาวาสวัดราชประดิษฐสถิตมหาสมี าราม นามเดิม ทมิ พันทา เกดิ เมอื่ วนั ท่ี ๑๖ ตุลาคม
พ.ศ. ๒๔๔๗ มรณภาพเมอื่ วันท่ี ๑๐ ตลุ าคม พ.ศ. ๒๕๔๓ สิริอายุ ๙๕ ปี พรรษา ๗๕
ประมวลเอกสารพระราชพิธีบรมราชาภิเษก 457
วัดราชประดิษฐ์ พระปริยัติเมธี (ห้ิน คนฺถโร ป. ๖)1 วัดมกุฏกษัตริยาราม ข้ึนน่ังยังอาสนะบนพระแท่นบรรทม
ในพระท่ีน่ังจักรพรรดิพิมานไว้พร้อมสรรพ
สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จข้ึนพระท่ีน่ังจักรพรรดิพิมาน เสด็จประทับในห้องพระบรรทม ทรงจุดธูปเทียน
เคร่ืองนมัสการพระศรีรัตนตรัยแล้ว ประทับพระราชอาสน์ ห้องกลาง ทรงพระมหามงคล และทรงสดับ
พระสงฆ์ ๕ รูป เจริญพระพุทธมนต์ พระราชพิธีเฉลิมพระราชมนเทียร จบแล้วทรงเปล้ืองพระมหามงคล
เสด็จไปประทับพระที่น่ังไพศาลทักษิณ พระสงฆ์ถวายพระพรลา
สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จออกพระท่ีนั่งอมรินทรวินิจฉัย ทรงจุดธูปเทียนบูชาธรรมที่พระแท่นสวด
ภาณวาร พระสงฆ์ราชาคณะน่ังปรกและสวดภาณวารต่อไปตลอดคืน เสด็จพระราชด�ำเนินกลับเวลา ๑๙.๓๐ น.
อน่ึง พราหมณ์พิธีจะได้เร่ิมต้นท�ำพิธีตั้งแต่บ่ายวันนี้เป็นต้นไป จนกว่าจะเสร็จการพระราชพิธีบรม
ราชาภิเษก พิธีที่ท�ำในสถานที่ท�ำพิธีพราหมณ์ ศาลาสหทัย มีดังนี้ พราหมณ์พิธีช�ำระร่างกายให้บริสุทธิ บูชา
เทวดาประจ�ำทิศทั้ง ๘ บูชาเทพดานพเคราะห์ บูชากูณฑ์ โหมกูณฑ์2 โหมใบสมิต ซึ่งทรงปัดแล้วในกูณฑ์
บูชาสัปตพิสฤกษ์3 (นักษัตร ๒๗ ดวง)4 สวดถวายพระพรชัยมงคล ตลอดจนขอพรให้ประชาชนพลเมือง
อยู่เย็นเป็นสุข ฝนตกต้องตามฤดูกาล ข้าวปลาอาหารสมบูรณ์ ปราศจากโรคภัยไข้เจ็บทั้งปวง
1 คอื พระเทพกติ ตเิ มธี อดตี เจ้าอาวาสวดั มกุฏกษตั รยิ าราม เกิดเมอ่ื วันที่ ๑๗ เมษายน พ.ศ. ๒๔๔๒ มรณภาพเมอื่ วันท่ี ๒๘
ตลุ าคม พ.ศ. ๒๕๑๖ สิรอิ ายุ ๗๔ ปี พรรษา ๕๔
2 กูณฑ์ เป็นค�ำในภาษาสันสกฤต แปลว่า ไฟ, หลุมไฟ, หม้อไฟ ซึ่งการบูชากูณฑ์และโหมกูณฑ์เป็นพิธีพราหมณ์อันเนื่อง
มาจากคติการบูชาไฟ
3 สัปต มาจากภาษาสนั สกฤต แปลวา่ เจ็ด ส่วนพสิ มาจากคำ� วา่ วึศ ในภาษาสนั สกฤต หรอื วสี ในภาษาบาลี แปลวา่ ยีส่ ิบ
4 หมายถงึ กล่มุ ดาวบนทอ้ งฟ้า เป็นดาวทต่ี รงึ อย่กู ับท่ี ไมเ่ ปล่ยี นแปลง เรยี งรายกนั อยู่รอบจกั รราศี รวมกันเปน็ หมมู่ ี ๒๗ หมู่
หรือ ๒๗ ฤกษ์ (นักษัตร) อาศัยมาพยากรณ์ชะตาชวี ิตและความเปน็ ไปของบุคคลตา่ ง ๆ และยังนำ� มาใชใ้ นการก�ำหนดเวลากระทำ� การ
ต่าง ๆ ดว้ ย
458 ประมวลเอกสารพระราชพิธีบรมราชาภิเษก
บรมราชาภิเษก
สรงพระมุรธาภิเษก
จอมพลวทันหทา่ี ร๕บพกฤปษระภดาับครมา๒ชอ๔ิส๙ร๓ิยา(๖ภรฯ๔ณ๖์ ทปรีขงสาลวม)1สเาวยลสาะ๙พ.า๓ย๐นพนร. ัตสนมรเดาช็จวพรราะภเจรณ้าอ์ พยู่หร้อัวมทดร้วงเยคสรม่ือเงดแ็จบพบระเตร็มาชยินศี
ทรงรถยนต์พระท่ีน่ังมาเทียบที่พระทวารเทเวศรรักษา เสด็จพระราชด�ำเนินเข้าพระที่น่ังอมรินทรวินิจฉัย
ทรงจุดธูปเทียนถวายนมัสการพระสัมพุทธพรรณี และพระพุทธมณีรัตนปฏิมากร แล้วต�ำรวจหลวง ๔ นาย
น�ำเสด็จข้ึนพระที่น่ังไพศาลทักษิณทางพระทวารเทวราชมเหศวร์ นายกัลยทัศน์ สุจริตกุล มหาดเล็ก
เชิญพระแสงดาบฝักทองเกล้ียงตามเสด็จพระราชด�ำเนิน ชาวพนักงานประโคมสังข์ แตร และดุริยางค์
สังฆการีนิมนต์พระสงฆ์ทรงสมณศักด์ิ รวม ๕ รูป คือ สมเด็จพระสังฆราช (ม.ร.ว. ช่ืน นพวงศ์ สุจิตฺโต) สมเด็จ
พระพุทธโฆษาจารย์ (เจริญ ญาณวโร)2 วัดเทพศิรินทร์, สมเด็จพระมหาวีรวงศ์ (อ้วน ติสฺโส)3 วัดบรมนิวาศ,
สมเด็จพระพุฒาจารย์ (นวม พุทฺธสโร)4 วัดอนงคาราม, สมเด็จพระวันรัต (ปลด กิติโสภโณ)5 วัดเบญจมบพิตร
ขึ้นนั่งเหนืออาสน์ในพระที่นั่งไพศาลทักษิณ สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงจุดธูปเทียนเคร่ืองนมัสการพระศรี
รัตนตรัย หน้าพระแท่นมณฑล สมเด็จพระสังฆราชถวายศีล จบแล้วเสด็จเข้าในหอพระสุลาลัยพิมาน
เวลา ๙.๕๕ น. โหรบูชาพระฤกษ์ ที่ศาลจตุโลกบาลทั้ง ๔ และศาลพระอินทร์ท่ีมณฑปพระกระยาสนาน
เวลา ๑๐.๑๕ น. เป็นปฐมพระฤกษ์6 พระราชครูวามเทพมุนี กราบบังคมทูลเชิญเสด็จไปสู่มณฑปพระกระยา
สนาน สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงเศวตพัสตร์ ทรงสพักขาวขลิบทอง เสด็จออกจากหอพระสุลาลัยพิมานทาง
พระทวารพระที่นั่งไพศาลทักษิณ โดยริ้วกระบวนไปยังหน้าโต๊ะสังเวยเทวดากลางหาวทรงจุดธูปเงิน เทียนทอง
1 วนั ศกุ ร์ เดือน ๖ แรม ๔ คำ่�
2 สมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ อดีตเจ้าอาวาสวัดเทพศิรินทราวาส นามเดิม เจริญ สุขบท เกิดเมื่อวันที่ ๙ กรกฎาคม
พ.ศ. ๒๔๑๕ มรณภาพเมอ่ื วนั ที่ ๘ มิถุนายน พ.ศ. ๒๔๙๔ สริ ิอายุ ๗๘ ปี พรรษา ๕๙
3 สมเด็จพระมหาวีรวงศ์ นามเดิม อ้วน แสนทวีสุข เกิดเมื่อวันที่ ๒๑ มีนาคม พ.ศ. ๒๔๑๐ ด�ำรงต�ำแหน่งเจ้าอาวาส
วดั สปุ ฏั นาราม วดั สทุ ธจนิ ดา วดั บรมนวิ าส วดั พระศรมี หาธาตุ มรณภาพเมอ่ื วนั ที่ ๒๖ มกราคม พ.ศ. ๒๔๙๙ สริ อิ ายุ ๘๘ ปี พรรษา ๖๘
4 สมเด็จพระพุฒาจารย์ นามเดิม นวม เกิดวันที่ ๗ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๔๐๗ ด�ำรงต�ำแหน่งเจ้าอาวาสวัดอนงคาราม
วดั ประยุรวงศาวาส มรณภาพเม่อื วนั ที่ ๒๘ กนั ยายน พ.ศ. ๒๔๙๙ สริ อิ ายุ ๙๒ ปี พรรษา ๗๒
5 สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราชพระองค์ท่ี ๑๔ แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ สถิต ณ วัดเบญจมบพิตรดุสิต
วนาราม พระนามเดมิ ปลด เกตทุ ตั ประสตู เิ มือ่ วนั ท่ี ๒๗ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๔๓๒ สิน้ พระชนม์เมื่อวนั ท่ี ๑๗ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๐๕
พระชันษา ๗๓ ปี
6 ในดวงพระฤกษส์ รงพระมรุ ธาภเิ ษก ระบวุ ่า ๑๐.๐๐ น. เปน็ ปฐมพระฤกษ์
ประมวลเอกสารพระราชพิธีบรมราชาภิเษก 459
สรงพระมุรธาภิเษก
460 ประมวลเอกสารพระราชพิธีบรมราชาภิเษก
สังเวยเทวดากลางหาว1 แล้วเสด็จขึ้นมณฑปพระกระยาสนาน ประทับเหนืออุทุมพรราชอาสน์ แปรพระพักตรสู่
มงคลทิศบูรพา ทรงเหยียบใบไม้อ้อ หม่อมเจ้าพร้อม ลดาวัลย์2 เชิญพระชัยนวโลหะประดิษฐานบุษบก
ทิศตะวันออก พราหมณ์สมจิตต์ รังสิพราหมณกุล3 เชิญพระคเณศประดิษฐาน ณ บุษบกทิศตะวันตก
เวลา ๑๑.๒๐ น.4 พระยาโหราธิบดี ลั่นฆ้องชัย พระยาอนุรักษ์ราชมนเทียร (ก๊าด วัชโรทัย)5
ไขสหัสธารา6 อันเจือด้วยน้�ำปัญจมหานทีในมัธยมประเทศ คือแม่น้�ำคงคา แม่น้�ำยมุนา แม่น�้ำอจิรวดี แม่น�้ำ
สรภู แม่น�้ำมหิ และน้�ำเบญจสุทธคงคา ในแม่น้�ำส�ำคัญท้ัง ๕ ของราชอาณาจักรไทย ได้แก่แม่น�้ำเพชรบุรี
ตักที่ต�ำบลท่าชัย แขวงจังหวัดเพชรบุรี แม่น้�ำราชบุรี ตักท่ีต�ำบลดาวดึงส์ แขวงจังหวัดสมุทรสงคราม แม่น้�ำ
เจ้าพระยา ตักท่ีต�ำบลบางแก้ว แขวงจังหวัดอ่างทอง แม่น�้ำป่าสัก ตักท่ีต�ำบลท่าราบ แขวงจังหวัดสระบุรี
แม่น้�ำบางปะกง ตักท่ีต�ำบลบึงพระอาจารย์ แขวงจังหวัดนครนายกและน้�ำ ๔ สระ คือ สระเกศ สระแก้ว
สระคงคา สระยมุนา แขวงจังหวัดสุพรรณบุรี ซ่ึงเคยแต่งเป็นน้�ำสรงพระมุรธาภิเษกสมเด็จกษัตริยาธิราช
เป็นราชประเพณีมาแต่โบราณกาล ขณะนั้นพระสงฆ์ในพระราชพิธีมณฑลเจริญชัยมงคลคาถา ชาวพนักงาน
ประโคมสังข์ แตร มโหระทึกและเครื่องดุริยางค์ ทหารกองเกียรติยศถวายเคารพ แตรวงบรรเลงเพลงสรรเสริญ
พระบารมี ทหารปืนใหญ่ยิงปืนมหาฤกษ์ มหาชัย มหาจักร์ มหาปราบยุค7 ๒๑ นัด สมเด็จพระสังฆราช
และพระบรมวงศ์กับท้ังเจ้าหน้าที่ต่าง ๆ ถวายน้�ำโดยล�ำดับดังนี้
(ก) สมเด็จพระสังฆราช ถวายพระครอบพระกร่ิง ที่พระปฤษฎางค์ และพระครอบยันตรนพคุณ
ท่ีพระหัตถ์8
1 ตามรูปศัพท์ ค�ำว่า กลางหาว แปลว่า กลางแจ้ง แต่อีกนัยหน่ึงยังหมายถึง ช่องว่างระหว่างดินและฟ้า (อันตริกษะ) ซ่ึงมี
เทวดาประจำ� อยู่ ดงั นัน้ จงึ หมายถงึ การสังเวยเทวดาซึ่งอยู่ระหวา่ งดนิ และฟา้
2 หม่อมเจ้าพร้อม ลดาวัลย์ เป็นพระโอรสของพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหมื่นภูมินทรภักดี กับหม่อมมาลัย ประสูติเมื่อ
วนั ที่ ๒๓ มกราคม พ.ศ. ๒๔๑๒ เคยดำ� รงตำ� แหน่งเจ้าอาวาสวัดเทพศริ ินทราวาส ภายหลงั ลาสิกขาได้เข้ารบั ราชการในกรมราชบัณฑิต
หมอ่ มเจ้าพรอ้ ม ลดาวัลย์ ส้นิ ชีพติ ักษยั เมอ่ื วนั ท่ี ๒๘ มกราคม พ.ศ. ๒๔๙๘ ชันษา ๘๖ ปี
3 คือ พระราชครูวามเทพมุนี บิดาของพระมหาราชครูพิธีศรีวิสุทธิคุณ วิบุลย์เวทย์บรมหงส์ พรหมพงศ์พฤฒาจาริย์ (ชวิน
รังสพิ ราหมณกลุ ) ประธานพระครพู ราหมณค์ นปจั จุบนั (๒๕๖๑)
4 ที่ถูกควรเป็นเวลา ๑๐.๓๕ น. (สันนิษฐานว่าเวลาสรงพระมุรธาภิเษกกับเวลาเสด็จขึ้นเพื่อเปลี่ยนฉลองพระองค์
ในฉบับพมิ พ์ พ.ศ. ๒๔๙๓ อาจวางตำ� แหน่งสลับกัน)
5 พระยาอนุรักษ์ราชมนเทียร (ก๊าด วัชโรทัย) บุตรพระยาอุไทยธรรม (หรุ่น วัชโรทัย) กับคุณหญิงหลี บุตรีเจ้าสัวกวงหลิม
เกิดเมอ่ื วันที่ ๑๖ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๔๓๙ สมรสกบั ท่านผู้หญิงพัว อนุรกั ษร์ าชมณเฑียร ธิดาเจา้ พระยาสธุ รรมมนตรี (ปลื้ม สจุ รติ กุล)
มีบุตรชายฝาแฝดคือ นายแก้วขวัญ และนายขวัญแก้ว วัชโรทัย รวมท้ังมีธิดา ๑ คน คือ นางเฉลิมพร วัชโรทัย พระยาอนุรักษ์
ราชมนเทยี ร ถงึ แก่อนิจกรรมเมือ่ วนั ท่ี ๔ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๑๘ สริ อิ ายุ ๗๙ ปี
6 ภาพยนตร์สว่ นพระองค์ระบวุ ่า ก่อนสรงนำ้� พระมุรธาภเิ ษก ทรงวักนำ้� ในพระครอบสรงพระพักตรก์ อ่ น และในพระราชพิธี
บรมราชาภเิ ษก เช่น รัชกาลที่ ๕ - ๗ ระบวุ ่า ถวายเครอื่ งพระกระยาสนานแล้วจงึ ไขสหัสธารา
7 ปืนทองรางเกวียนขนาดย่อม ช่ือมหาฤกษ์ ๑ มหาชัย ๑ มหาจักร ๑ มหาปราบ ๑ ปืนเหล่านี้หล่อในสมัยรัชกาลท่ี ๔
ส�ำหรับยิงเป็นฤกษ์ในการพระราชพิธีบางอย่าง เช่น ยกเศวตฉัตรและเริ่มยิงอาฏาณาฯ พิธีตรุษ เป็นต้น อนึ่ง ในพระราชพิธี
บรมราชาภิเษกรชั กาลที่ ๙ ต้งั เรยี งปนื ดงั กลา่ วในสนามหนา้ ศาลาสหทัยสมาคม
8 ตำ� แหน่งท่ีสมเด็จพระสงั ฆราชถวายนำ�้ พระพุทธมนต์แตกตา่ งไปในแตล่ ะรัชกาล เชน่ ในรชั กาลที่ ๖ ถวายสรงท่พี ระขนอง
และพระหตั ถ์ รัชกาลที่ ๗ ถวายสรงท่พี ระอังสาและพระหตั ถ์
ประมวลเอกสารพระราชพิธีบรมราชาภิเษก 461
(ข) พระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้ารังสิตประยุรศักดิ์ กรมขุนชัยนาทนเรนทร ทูลเกล้าฯ ถวาย
พระเต้าเบญจคัพย รัชกาลที่ ๕
(ค) พระยาโหราธิบดี ทูลเกล้าฯ ถวายพระเต้านพเคราะห์
(ง) พระราชครูวามเทพมุนี1 ทูลเกล้าฯ ถวายพระเต้าเบญจคัพย์ รัชกาลท่ี ๑
พระมหาสังข์ เพชรใหญ่
” เพชรน้อย
” พิธี
” ทอง
” นาก
” เงิน
” งา
” สัมฤทธ์ิ
และพระครอบสัมฤทธ์ิ
ถวายใบมะตูมทรงทัด และใบกระถิน ทรงถือ
(จ) พระยาอนุรักษ์ราชมนเทียร2 ถวายพระมหาสังข์ทักษิณาวัฏ
เสร็จสรงพระมุรธาภิเษกแล้ว นายเฟื่อง จันทนดิลก3 มหาดเล็กถวายฉลองพระองค์คลุม4 หม่อมหลวง
ฉาบชื่น ก�ำภู5 มหาดเล็กสอดฉลองพระบาทถวาย เวลา ๑๐.๓๕ น.6 สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จขึ้นทาง
พระทวารหอพระสุลาลัยพิมาน มีกระบวนน�ำและตามเสด็จ เช่นเสด็จลง
สมาชิกรัฐสภา ซึ่งจะทูลเกล้าฯ ถวายน้�ำอภิเษก เข้ายืนประจ�ำที่ตามทิศ
เวลา ๑๑.๓๐ น.7 สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงเครื่องบรมขัตติยราชภูษิตาภรณ์ส�ำหรับบรมราชาภิเษก คือ
ทรงฉลองพระองค์ไหมทองสลับไหมสีฟ้า กลัดพระดุมนพรัตน์ ๗ พระดุม และจีบหลัง ๒ พระดุม ประกอบด้วย
ฉลองพระองค์ครุยริ้วทอง พื้นสีเหลืองอ่อน ทรงสวมสายสะพายนพรัตนราชวราภรณ์ ประดับจักรีดารา
1 ในภาพยนตร์ส่วนพระองค์ระบุว่า พระราชครูวามเทพมุนีถวายพระมหาสังข์ ๕ สังข์ ๓ และสังข์สัมฤทธิ์ ส่วนในหมาย
กำ� หนดการและขา่ วในพระราชส�ำนักระบุวา่ ผ้ทู ลู เกลา้ ฯ ถวายพระมหาสงั ข์และสงั ข์ดังกล่าวคอื พราหมณพ์ ธิ ี อย่างไรกต็ ามเมือ่ สังเกต
ในภาพยนตรพ์ บว่า ผ้ถู วายน้�ำพระมหาสังขห์ ลงั จากพระยาโหราธบิ ดีมที ง้ั พระราชครวู ามเทพมุนแี ละพราหมณ์พิธีตามล�ำดบั
2 หมายก�ำหนดการในราชกิจจานุเบกษา ข่าวในพระราชส�ำนัก และภาพยนตร์ส่วนพระองค์ระบุว่า เจ้าพนักงานภูษามาลา
เปน็ ผู้ถวายพระมหาสงั ข์ทกั ษิณาวฏั
3 เป็นต้นสกุล จันทนดิลก ได้รับพระราชทานนามสกุลจากพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ตั้งแต่คร้ังเป็น
พนั เด็กชาโทเฟือ่ ง กองมหาดเลก็ ในพระราชสำ� นกั สมเด็จพระศรีพัชรนิ ทรา บรมราชินนี าถ พระบรมราชชนนพี นั ปหี ลวง
4 พระราชพิธบี รมราชาภิเษกรัชกาลที่ ๗ เรียกวา่ ทรงคลุมซบั นำ�้
5 หมอ่ มหลวงฉาบชน่ื ก�ำภู บุตรพลโท พระยาศรีสรราชภักดี (หม่อมราชวงศ์ฉาย ก�ำภ)ู กับคณุ หญงิ ชื่น ศรีสรราชภักดี
6 ทีถ่ ูกควรเป็นเวลา ๑๑.๒๐ น.
7 ในภาพยนตร์ส่วนพระองคร์ ะบวุ า่ เป็นเวลา ๑๑.๐๐ น.
462 ประมวลเอกสารพระราชพิธีบรมราชาภิเษก
ทรงพระภูษาเขียนทอง พ้ืนสีน�้ำเงิน พระสนับเพลาสีเขียว รัดพระองค์สายทอง และหัวฝังเพชร ถุงพระบาทแพร
สีฟ้า ฉลองพระบาท (เข็ม)1 ไหมทองสลับสีฟ้า เสด็จออกจากหอพระสุลาลัยพิมานสู่พระที่น่ังไพศาลทักษิณ
สถิตเหนือพระที่นั่งอัฐทิศ ภายใต้พระบวรเศวตฉัตร แปรพระพักตร์สู่บูรพทิศเป็นปฐม หม่อมราชวงศ์เทวาธิราช
ป. มาลากุล สมุหพระราชพิธีทูลเกล้าฯ ถวายพระเต้าเบญจคัพย รัชกาลท่ี ๑ ส�ำหรับทรงรับน�้ำอภิเษก คือน�้ำท่ี
ได้พลีกรรมตักไปประกอบการพิธีแล้วน�ำมาถวายเพ่ืออัญเชิญให้ทรงแผ่พระราชอาณาปกครองปวงประชาชน
ในทิศทั้ง ๘ ซึ่งสมาชิกรัฐสภาประจ�ำทิศทั้ง ๘ จะได้น�ำทูลเกล้าฯ ถวายตามล�ำดับ2 เม่ือสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
ทรงรับพระเต้า3 จากหม่อมราชวงศ์เทวาธิราช ป. มาลากุล แล้ว นายควง อภัยวงศ์ สมาชิกสภาผู้แทนทูลเกล้าฯ
ถวายน�้ำอภิเษกประจ�ำทิศบูรพาเป็นปฐม ทรงรับน�้ำอภิเษกด้วยพระเต้าแล้ว จึงพระราชครูวามเทพมุนีถวาย
น้�ำเทพมนตร์ด้วยพระมหาสังข์ พราหมณ์แสง กล่ินจรุง ถวายน�้ำเทพมนตร์ด้วยพระครอบสัมฤทธิ์ ทรงรับด้วย
พระราชหัตถ์แล้ว4 เสด็จแปรท่ีประทับทรงรับน้�ำอภิเษกจากสมาชิกรัฐสภาและน�้ำเทพมนตร์จากพระราชครู
วามเทพมุนี พราหมณ์แสง กลิ่นจรุง ซ่ึงถวายประจ�ำทุกทิศตามล�ำดับ5 โดยทักษิณาวัฏจนครบทั้ง ๘ ทิศ
เม่ือทรงรับน�้ำอภิเษกประจ�ำทิศสุดท้ายแล้วจึงเสด็จมาประทับทิศบูรพาอีกคร้ังหน่ึง6 เจ้าพระยาศรีธรรมาธิเบศ
(จิตร ณ สงขลา)7 ประธานวุฒิสภาถวายพระพรเป็นมคธภาษาว่า
“รตนตฺตยานุภาเวน อวสิตฺเตน วารินา
สิทฺธมตฺถุ สิทฺธมตฺถุ สิทฺธมตฺถุ ยถากถํ”
ต่อนั้น นายเพียร ราชธรรมนิเทศ8 ประธานสภาผู้แทนถวายพระพรเป็นภาษาไทยว่า
1 หมายถงึ รองเทา้ หมุ้ สน้ ชนดิ หนงึ่ มเี ครอื่ งประดบั คลา้ ยหวั เขม็ ขดั ประดบั อยทู่ สี่ ว่ นหลงั เทา้ ในภาษาองั กฤษเรยี กวา่ buckled
shoes นยิ มสวมใส่ในยุโรปมาตั้งแตช่ ว่ งศตวรรษที่ ๑๘
2 แตเ่ ดมิ การถวายน้�ำอภิเษกเปน็ หน้าที่ของพราหมณแ์ ละราชบัณฑติ ในพระราชพิธบี รมราชาภิเษกรชั กาลที่ ๙ เปลย่ี นเปน็
ผู้แทนราษฎร โดยก�ำหนดคุณสมบัติว่า “การคัดเลือกควรถือภาคเป็นหลัก และถ้าได้ผู้แทนราษฎรที่ได้รับปริญญาบัณฑิต เช่น
ธรรมศาสตรบณั ฑติ อกั ษรศาสตรบณั ฑิต ยิ่งดี” ดูใน หอจดหมายเหตุแหง่ ชาติ. มท.๐๒๐๑.๒.๑.๓๑.๑/๕ (๒๒).
3 คือ พระเต้าเบญจคัพย์ รัชกาลท่ี ๑
4 ในรชั กาลกอ่ น ๆ ปรากฏวา่ ทรงรบั นำ�้ อภเิ ษกดว้ ยพระหตั ถ์ ทรงจบิ และลบู พระพกั ตร์ แลว้ จงึ ทรงรบั ดว้ ยพระเตา้ เบญจครรภ์
5 แต่เดิมแต่ละทิศของพระที่น่ังอุทุมพรราชอาสน์จะมีราชบัณฑิตและพราหมณ์น่ังประจ�ำแต่ละทิศ แต่ในพระราชพิธี
บรมราชาภเิ ษกรัชกาลที่ ๙ มีเฉพาะผู้แทนราษฎรเทา่ นน้ั ทยี่ นื ประจำ� แตล่ ะทิศส่วนพราหมณท์ �ำหน้าท่ีเพียง ๒ คนเทา่ นั้น
6 นบั แตร่ ชั กาลที่ ๗ พบวา่ เมอื่ ถวายน้ำ� อภิเษกครบทัง้ ๘ ทศิ แลว้ เสดจ็ ประทับทิศแรกอีกครั้งหนงึ่
7 เจ้าพระยาศรีธรรมาธิเบศ (จิตร ณ สงขลา) เกิดเม่ือวันท่ี ๓๐ ตุลาคม พ.ศ. ๒๔๒๘ เป็นบุตรของพระอนันตสมบัติ (เอม
ณ สงขลา) ผู้ชว่ ยราชการเมอื งสงขลา กับนางอนันตสมบัติ (เช้ือ วชั ราภยั ณ สงขลา) ดำ� รงตำ� แหนง่ สำ� คัญตา่ ง ๆ เช่น รฐั มนตรวี ่าการ
กระทรวงการคลัง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ประธานองคมนตรี เป็นต้น เจ้าพระยาศรีธรรมาธิเบศถึงแก่อสัญกรรม
เม่อื วันที่ ๒๕ กนั ยายน พ.ศ. ๒๕๑๙ สริ ิอายุ ๙๐ ปี
8 นายเพียร ราชธรรมนเิ ทศ หรอื พระราชธรรมนเิ ทศ (เพยี ร ไตติลานนท)์ เกิดเม่ือวนั ท่ี ๓๑ ธนั วาคม พ.ศ. ๒๔๓๔ เป็นบตุ ร
ของนายเปลย่ี น และนางจัน ไตตลิ านนท์ ด�ำรงตำ� แหน่งส�ำคญั ต่าง ๆ เช่น ผู้บังคบั การโรงเรียนราชวทิ ยาลยั เลขานกุ ารประจ�ำพระองค์
ของสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาด�ำรงราชานุภาพ ในสมัยรัชกาลที่ ๗ อธิบดีกรมธรรมการและประธานสภาผู้แทนราษฎร
ไทย ชุดท่ี ๖ นายเพยี ร ราชธรรมนเิ ทศ ถงึ แกอ่ นิจกรรมเม่ือวันที่ ๑๒ สงิ หาคม พ.ศ. ๒๕๐๘ สิริอายุ ๗๓ ปี
ประมวลเอกสารพระราชพิธีบรมราชาภิเษก 463
“ด้วยอ�ำนาจพระรตนัตยานุภาพ และน�้ำพระมูรธาวษิต ขอจงเป็นผลส�ำเร็จ ขอจงเป็นผลส�ำเร็จ ขอจง
เป็นผลส�ำเร็จ ตามค�ำที่ข้าพระพุทธเจ้าถวายพระพร.”
แล้วทูลเกล้าฯ ถวายน้�ำมุรธาภิเษก เมื่อทรงรับน�้ำอภิเษกเสร็จแล้ว พระราชทานพระเต้าเบญจคัพย
ให้หม่อมราชวงศ์เทวาธิราช ป. มาลากุล เชิญกลับไป ต่อจากนั้นพระราชครูวามเทพมุนี กราบบังคมทูลถวาย
พระพรด้วยมคธภาษาว่า
“ยคฺเฆ เม เทโว โอกาสํ กโรตุฯ ยโต จ โข เทโว มุทฺธาภิสิตฺโต มหาราชา สฺยามานมินฺโท โหติ เตน มยํ
เสตจฺฉตฺตํ เทวสฺส นิยฺยาเทมฯ สาธุ เทโว อิมํ ปฏิคฺคเหตฺวา อมฺหากํ อุปริราชกํ อาณํ ปสาเรตฺวา นาโถ หุตฺวา
ธมฺมิกํ รกฺขาวรณคุตฺตึ สํวิทหตุฯ”
พระราชครูกราบบังคมทูลด้วยภาษาไทย ว่า
“ขอเดชะ ฝ่าละอองธุลีพระบาทปกเกล้าปกกระหม่อม ขอได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทาน
พระบรมราชวโรกาสแก่ข้าพระพุทธเจ้า ด้วยพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ได้ทรงรับพระมุรธาภิเษก เป็นบรม
ราชาธิราช เป็นเจ้าเป็นใหญ่ของประชาชนชาวสยาม เหตุดังนั้น ข้าพระพุทธเจ้าท้ังหลายท้ังพระบรมวงศา
นุวงศ์ ข้าทูลละอองธุลีพระบาท และสมณะพราหมณาจารย์ทั้งปวง ขอมอบพระเศวตฉัตรน้ีถวาย
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ขอได้ทรงรับแล้วแผ่พระราชอาณาปกเกล้าฯ ข้าพระพุทธเจ้าทั้งปวงตลอดถึง
อาณาประชาราษฎร์ เป็นบรมนาถทรงจัดการคุ้มครองป้องกันอันเป็นธรรมสืบไป ขอเดชะ”
เจ้าพนักงานพระราชพิธีเชิญนพปฎลมหาเศวตฉัตรมามอบให้พระราชครูวามเทพมุนีน้อมเกล้าฯ ถวาย1
ขณะน้ันพราหมณ์เป่าสังข์ ชาวพนักงานแกว่งบัณเฑาะว์ ประโคมฆ้องชัย แตร มะโหระทึก เคร่ืองดุริยางค์
สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงรับและพระราชทานให้หม่อมหลวงปรค�ำ มาลากุล ผู้เชิญรับเชิญไว้ แล้วเสด็จ
พระราชด�ำเนินจากพระที่น่ังอัฐทิศมาตามทางลาดพระบาทสู่พระที่นั่งภัทรบิฐ2 มีขบวนเชิญพระชัยนวโลหะ
และพระคเณศกับโปรยข้าวตอกดอกไม้น�ำเสด็จ3 และผู้เชิญพระมหาเศวตฉัตรตามเสด็จไป ประทับเหนือ
พระที่น่ังภัทรบิฐภายใต้นพปฎลมหาเศวตฉัตรแปรพระพักตรสู่ทิศบูรพา4 ผู้เชิญพระมหาเศวตฉัตรไปยืนเชิญ
อยู่เบื้องซ้ายพระท่ีน่ังภัทรบิฐ แถวหน้า พระราชครูวามเทพมุนีกล่าวเวทสรรเสริญเปิดศิวาลัยไกลาสจบแล้ว
กราบบังคมทูลถวายเครื่องราชกกุธภัณฑ์และเครื่องบรมราชาภรณ์ เครื่องประดับพระอิสริยยศ ด้วยภาษา
มคธดังต่อไปนี้
1 ตามธรรมเนียมเดิมจะถวายนพปฎลมหาเศวตฉัตรที่พระท่ีนั่งภัทรบิฐต่อจากท่ีพระมหาราชครูถวายพระสุพรรณบัฏ
พระมหาสงั วาลย์ เครือ่ งราชกกธุ ภัณฑ์ พระธำ� มรงค์ และพระแสงต่าง ๆ แล้ว
2 ในพระราชพิธีบรมราชาภเิ ษกรัชกาลที่ ๖ และรชั กาลที่ ๗ ระบุวา่ ทรงพระด�ำเนินจากพระท่ีนง่ั อัฐทศิ วนโดยทักษณิ าวตั ร
มาตามทางลาดพระบาทไปยังพระที่นง่ั ภัทรบฐิ
3 ธรรมเนยี มเกา่ ไมป่ รากฏขบวนเชญิ ไปประทบั พระทน่ี ง่ั ภทั รบฐิ ปรากฏเฉพาะพระมหาราชครปู ระคององคพ์ ระมหากษตั รยิ ์
ขน้ึ ประทบั ดังความทป่ี รากฏในพระราชพงศาวดารรชั กาลที่ ๑ และรชั กาลท่ี ๕
4 ในภาพยนตรส์ ว่ นพระองคร์ ะบเุ วลาประทบั เหนอื พระทนี่ ง่ั ภทั รบฐิ คอื ๑๑.๓๐ น. อนงึ่ กอ่ นประทบั พระทน่ี งั่ ภทั รบฐิ ทรงคม
พระบรมวงศ์ช้นั ผใู้ หญ่ทีป่ ระทับด้านทศิ เหนอื เชน่ สมเดจ็ พระนางเจ้าร�ำไพพรรณี พระบรมราชินีในรัชกาลท่ี ๗ พระเจ้าบรมวงศ์เธอ
พระองค์เจ้าประดษิ ฐาสารี สมเดจ็ พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาชัยนาทนเรนทร เปน็ ตน้
464 ประมวลเอกสารพระราชพิธีบรมราชาภิเษก
ทรงรับนพปฎลเศวตฉัตร
ประมวลเอกสารพระราชพิธีบรมราชาภิเษก 465
“ยคฺเฆ เม เทโว โอกาสํ กโรตุฯ ยโต จ โข เทโว มุทฺธาภิสิตฺโต มหาราชา สฺยามานมินฺโท โหติ เตน มยํ
สมคฺคา หุตฺวา เทวสฺส สุวณฺณปฏฺเฏ ยถาลิขิตํ อภิเธยฺยํ กโรม อิสสริยานุรูปานิ จ ราชกกุธภณฺฑานิ นิยฺยาเทมฯ
สาธุ เทโว เตน อภิเธยฺเยน วิสฺสุโต โหตุ อิมานิ จ ราชกกุธภณฺฑานิ ปฏิคฺคณฺหาตุ ตถา กตฺวา ราชภารํ วหนฺโต
พหุโน ชนสฺส อตฺถาย หิตาย สุขาย ธมฺเมน สเมน รชฺชํ กาเรตุฯ”
พระราชครูวามเทพมุนีกราบบังคมทูลจบแล้ว เจ้าพนักงานพระราชพิธีเชิญพระสุพรรณบัฏ ซ่ึงจารึก
พระปรมาภิไธยว่า
“พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มหิตลาธิเบศรรามาธิบดี จักรีนฤบดินทร
สยามินทราธิราช บรมนาถบพิตร”
จากพระแทน่ ทบ่ี ชู าในพระราชพธิ มี ณฑลมามอบใหพ้ ระราชครวู ามเทพมนุ ที ลู เกลา้ ฯ ถวาย พระบาทสมเดจ็
พระเจ้าอยู่หัวทรงรับแล้ว หลวงบรรเจิดอักษรการ อาลักษณ์ ผู้เชิญฯ เชิญไปยืนข้างพระท่ีน่ังภัทรบิฐ
เบื้องขวาต้นแถวใน ต่อจากนั้นเจ้าพนักงานพระราชพิธีเชิญเบญจราชกกุธภัณฑ์ ขัตติยราชวราภรณ์
เคร่ืองขัตติยราชูปโภค และพระแสงราชศัตราวุธจากพระแท่นท่ีบูชาในพระราชพิธีมณฑลทีละส่ิงมามอบ
พระราชครูวามเทพมุนี ทูลเกล้าฯ ถวาย มีล�ำดับดังต่อไปนี้
พระสังวาลย์พราหมณ์ธุร�ำ1 ทรงรับแล้ว ทรงสวมพระองค์เฉียงซ้าย
พระสังวาลย์นพรัตนราชวราภรณ์ ทรงรับแล้ว ทรงสวมพระองค์เฉียงขวา
พระสังวาลย์พระนพ ทรงรับแล้ว ทรงสวมพระองค์เฉียงขวา
พระมหาพิชัยมงกุฎ ทรงรับแล้ว ทรงสวม พระยาอนุรักษ์ราชมนเทียรผู้เชิญรับพานไปยืนเชิญอยู่
เบื้องขวาพระที่นั่งภัทรบิฐต้นแถวนอก
พระแสงขรรค์ชัยศรี ทรงรับแล้ว ทรงวางไว้บนโต๊ะข้างพระที่นั่งภัทรบิฐเบื้องซ้าย
ธารพระกรชัยพฤกษ์ ทรงรับแล้ว ทรงวางไว้บนโต๊ะข้างพระที่น่ังภัทรบิฐเบ้ืองขวา
พระแส้จามรี ทรงรับแล้ว ทรงวางไว้บนโต๊ะข้างพระที่นั่งภัทรบิฐเบ้ืองซ้าย
พัดวาฬวิชนี ทรงรับแล้ว ทรงวางไว้บนโต๊ะข้างพระที่นั่งภัทรบิฐเบื้องขวา
พระแส้หางช้างเผือก ทรงรับแล้ว ทรงวางไว้บนโต๊ะข้างพระท่ีน่ังภัทรบิฐเบ้ืองซ้าย
พระธ�ำมรงค์รัตนวราวุธ ทรงรับแล้ว ทรงสวมน้ิวพระหัตถ์ขวา นายเตียบ สุจริตกุล ผู้เชิญรับพานไปยืน
เชิญอยู่เบ้ืองขวาพระท่ีน่ังภัทรบิฐ คนที่สองแถวใน
พระธ�ำมรงค์วิเชียรจินดา ทรงรับแล้ว ทรงสวมนิ้วพระหัตถ์ซ้าย นายเจียด สุจริตกุล ผู้เชิญรับพานไป
ยืนเชิญอยู่เบ้ืองซ้ายพระท่ีนั่งภัทรบิฐ คนที่สองแถวใน
พระราชครูวามเทพมุนี สอดฉลองพระบาทเชิงงอนถวาย หม่อมราชวงศ์ดิลกลาภ ทวีวงศ์ ผู้เชิญรับพาน
ไปยืนเชิญอยู่เบื้องซ้ายพระที่น่ังภัทรบิฐ ต้นแถวใน
1 ธรุ ำ� คอื สายเครื่องหมายวรรณะพราหมณ์ กษตั รยิ ์ และแพศย์ สวมจากไหลซ่ ้ายเฉยี งลงไปทางขวา
466 ประมวลเอกสารพระราชพิธีบรมราชาภิเษก
พระแสงฝักทองเกล้ียง ทรงรับแล้ว พระราชทานให้นายกัลยทัศน์ สุจริตกุล ผู้เชิญรับไปยืนเชิญอยู่
เบ้ืองขวาพระท่ีนั่งภัทรบิฐ คนท่ีสองแถวนอก
ธารพระกรเทวรูป ทรงรับแล้ว พระราชทานให้นายปิยชาติ สุจริตกุล ผู้เชิญรับไปยืนเชิญอยู่เบื้องซ้าย
พระท่ีน่ังภัทรบิฐ คนท่ีสองแถวนอก
หม่อมราชวงศ์สิทธิดิศ ดิศกุล เชิญพานพระขันหมาก นายสหัส พุกกะมาน เชิญพระสุพรรณศรีบัวแฉก
ไปทอดบนโต๊ะเบ้ืองขวาพระที่น่ังภัทรบิฐ หม่อมหลวงสรรพชัย สนิทวงศ์ เชิญพระมณฑปรัตนกรัณฑ์
หม่อมหลวงทองปอนด์ นพวงศ์ เชิญพระเต้าทักษิโณทก ไปทอดบนโต๊ะเบื้องซ้ายพระที่น่ังภัทรบิฐ
พระแสงจักร ทรงรับแล้ว พระราชทานให้นายประภา สุวรรณจินดา ผู้เชิญรับไปยืนเชิญอยู่เบ้ืองขวา
พระที่นั่งภัทรบิฐ คนท่ีสามแถวใน
พระแสงตรีศูล ทรงรับแล้ว พระราชทานให้นายอุทัย สุวรรณจินดา ผู้เชิญรับไปยืนเชิญอยู่เบ้ืองซ้าย
พระที่น่ังภัทรบิฐ คนที่สามแถวใน
พระแสงหอกเพชรรัตน ทรงรับแล้ว พระราชทานให้นายกุณฑล สุนทรเวช ผู้เชิญรับไปยืนเชิญอยู่
เบ้ืองขวาพระท่ีนั่งภัทรบิฐ คนที่สามแถวนอก
พระแสงดาบเชลย ทรงรับแล้ว พระราชทานให้นายอ�ำพน สุนทรเวช ผู้เชิญรับไปยืนเชิญอยู่เบื้องซ้าย
พระที่น่ังภัทรบิฐ คนท่ีสามแถวนอก
พระแสงธนู ทรงรับแล้ว พระราชทานให้นายพูนเพิ่ม ไกรฤกษ์ ผู้เชิญรับไปยืนเชิญอยู่เบ้ืองขวาพระท่ีน่ัง
ภัทรบิฐ คนที่ส่ีแถวใน
พระแสงดาบโล่ห์ ทรงรับแล้ว พระราชทานให้นายอาทร ติดติรานนท์ ผู้เชิญรับไปยืนเชิญอยู่เบื้องขวา
พระที่น่ังภัทรบิฐ คนที่สี่แถวใน
พระแสงปืนข้ามแม่น้�ำสโตง ทรงรับแล้ว พระราชทานให้นายชัชวาลย์ ชุติมา ผู้เชิญรับไปยืนเชิญอยู่
เบื้องขวาพระที่น่ังภัทรบิฐ คนที่ส่ีแถวนอก
พระแสงของ้าวแสนพลพ่าย ทรงรับแล้ว พระราชทานให้หม่อมหลวงสมศักดิ์ ก�ำภู ผู้เชิญรับไปยืนเชิญ
อยู่เบ้ืองซ้ายพระที่น่ังภัทรบิฐ คนท่ีสี่แถวนอก
ในขณะท่ีพระราชครูวามเทพมุนีทูลเกล้าฯ ถวายเครื่องราชูปโภคนี้ พระสงฆ์เจริญชัยมงคลคาถา
ชาวพนักงานประโคม สังข์ บัณเฑาะว์ ฆ้องชัย แตร มะโหระทึกและดุริยางค์ กองทหารถวายความเคารพ
แตรวงบรรเลงเพลงสรรเสริญพระบารมี ยิงปืนกองแก้วจินดา1 ๒๑ นัด ตามก�ำลังวัน (วันศุกร) ทหารบก
ทหารเรือยิงปืนใหญ่เฉลิมพระขัตติยราชอิสริยยศฝ่ายละ ๑๐๑ นัด2 พระสงฆ์ในพระอารามท้ังหลายทั่ว
ราชอาณาจักรย่�ำระฆังถวายชัย พระอารามละ ๗ ลา โอกาสนี้กองทัพอากาศ ได้ส่งอากาศยานมาบินฉวัดเฉวียน
โปรยดอกไม้ด้วย3 เมื่อสุดเสียงประโคมแล้ว
1 หมายถึง ปืนใหญ่มหาฤกษ์ มหาชัย มหาจักร มหาปราบยุค ซ่ึงอยู่ในความดูแลของทหารปืนใหญ่ซ่ึงโบราณเรียกว่า
กรมกองแก้วจนิ ดา
2 คือ การยงิ สลุตหลวงพเิ ศษ
3 ปรากฏครง้ั แรกในรัชกาลนี้
ประมวลเอกสารพระราชพิธีบรมราชาภิเษก 467
พราหมณ์ นาค โกมลเวทิน ถวายอนุษฏุภศิวมนตร์จบแล้วเป่าสังข์
พราหมณ์ละมัย รัตนะพราหมณ์ ถวายอนุษฏุภวิษณุมนตร์จบแล้วเป่าสังข์ แล้วพระราชครูวามเทพมุนี
ถวายพระพรชัยมงคลด้วยมคธภาษาว่า
“ชยตํ ปฐวี สพฺพํ ชยตํ อรโย สทา
ปรมินฺโท มหาราชา รชฺชํ กาเรติ โย อิธฯ ”
แล้วกราบบังคมทูลเป็นภาษาไทยว่า
“ขอเดชะฝ่าละอองธุลีพระบาทปกเกล้าปกกระหม่อม ข้าพระพุทธเจ้าท้ังหลายขอถวายชัย ขอพระบาท
สมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มหิตลาธิเบศรรามาธิบดี จักรีนฤบดินทร สยามินทราธิราช
บรมนาถบพิตร อันเสด็จเถลิงถวัลยราชสมบัติในสยามรัฐมหามณฑลนี้ ทรงช�ำนะท่ัวปถพีดล ทรงช�ำนะเหล่า
อริราชดัสกร ทุกเม่ือ เทอญฯ”
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว มีพระบรมราชโองการตอบพระราชทานอารักขาแด่ประชาชนชาวไทย
ด้วยภาษาไทยว่า
“เราจะครองแผ่นดินโดยธรรม เพื่อประโยชน์สุขแห่งมหาชนชาวสยาม”1
พระราชครูวามเทพมุนี รับพระบรมราชโองการด้วยภาษามคธดังนี้
“โอมฺ เทวสฺส อิมํ ปฐมํ โองฺการภูตํ สูรสีหนาทํ สมฺปฏิจฺฉามิฯ”
แล้วกราบบังคมทูลเป็นภาษาไทยว่า
“ข้าพระพุทธเจ้า ขอรับพระบรมราชโองการ สุรสิงหนาท ประถมธรรมิกราชวาจา ด้วยเกล้า
ด้วยกระหม่อม ขอเดชะ”
แล้วพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงหล่ังน�้ำทักษิโณทก ตั้งพระราชสัตยาธิษฐาน จะทรงปฏิบัติ
พระราชกรณียกิจ ปกครองราชอาณาจักรไทย โดยทศพิธราชธรรมจริยา2 แล้วทรงเปล้ืองพระมหาพิชัยมงกุฎ
พระธ�ำมรงค์รัตนวราวุธ และพระธ�ำมรงค์วิเชียรจินดา พระราชทานให้ผู้เชิญ รับเชิญไว้ จม่ืนสิริวังรัตน์
(เฉลิม คชาชีวะ)3 เลขานุการส�ำนักพระราชวังทูลเกล้าฯ ถวายขันดอกพิกุลเงิน พิกุลทอง ทรงโปรยพระราชทาน
แก่พราหมณ์แล้ว4 พระราชครูวามเทพมุนี ถอดฉลองพระบาทเชิงงอน มอบให้ผู้เชิญรับไปเชิญอยู่ตามท่ี
พระบาทสมเด็จพระเจา้ อยู่หวั เสดจ็ พระราชด�ำเนนิ ออกจากพระทน่ี ่งั ไพศาลทักษิณ ไปพระทน่ี ั่งอมรินทรวินจิ ฉัย
1 พระบรมราชโองการตอบพระราชทานอารกั ขาแกป่ ระชาชนชาวไทยดว้ ยเนอื้ ความทป่ี ระกอบดว้ ยค�ำวา่ “ครองแผน่ ดนิ โดย
ธรรม” ปรากฏมาตงั้ แต่พระราชพธิ ีบรมราชาภเิ ษกสมยั รัชกาลที่ ๖
2 ในพระราชพงศาวดารกรงุ รตั นโกสนิ ทร์ รชั กาลท่ี ๑ ระบวุ า่ “ทรงหลง่ั นาํ้ ทกั ษโิ ณทก ทรงพระอธษิ ฐานตามพระอทั ยาไศรย”
3 จมื่นสิริวังรัตน์ (เฉลิม คชาชีวะ) เกิดเมื่อวันที่ ๑๓ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๔๔๐ เป็นบุตรของเสวกเอก พระยาราชวังเมือง
(ปอ๋ ย คชาชีวะ) และคุณหญงิ เปล่ง ราชวงั เมอื ง สมรสกบั นางสริ วิ ังรตั น์ (กมลา คชาชีวะ สกุลเดิม นิกรประเสริฐ) มบี ตุ ร ๕ คน
4 ตงั้ แตร่ ชั กาลท่ี ๑ ถงึ รชั กาลท่ี ๖ ทรงโปรยดอกพกิ ลุ เงนิ พกิ ลุ ทอง พระราชทานแกพ่ ราหมณก์ อ่ นแลว้ จงึ ทรงหลง่ั ทกั ษโิ ณทก
ต้ังพระราชสัตยาธิษฐาน
468 ประมวลเอกสารพระราชพิธีบรมราชาภิเษก
ทางพระทวารเทวราชมเหศวร์ มีนายชิดหุ้มแพร เชิญพระแสงขรรคชัยศรี ตามเสด็จพระราชด�ำเนิน1
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงประเคนจตุปัจจัยไทยธรรมแด่พระสงฆ์ ๘๐ รูป พระสงฆ์ถวายอนุโมทนา
สมเด็จพระสังฆราชถวายอดิเรกเป็นปฐม สมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ถวายพระพรลา แล้วเสด็จข้ึน
สมเด็จพระสังฆราช ดับเทียนชัย พระสงฆ์ท้ังน้ันสวดคาถาดับเทียนชัย เสร็จแล้วพระสงฆ์กลับ
เสด็จออกมหาสมาคมและสถาปนา
สมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินี
เวลา ๑๔.๑๕ น.2 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงเครื่องบรมขัตติยราชภูษิตาภรณ์ ประดับ
ราชอิสริยาภรณ์นพรัตนราชวราภรณ์ เช่นตอนเช้า เสด็จออกทางพระทวารเทวราชมเหศวร์ มายังพระที่น่ัง
อมรินทรวินิจฉัย ประทับเหนือพระท่ีนั่งพุดตานกาญจนสิงหาสน์ บนพระราชบัลลังก์ภายใต้นพปฎลมหา
เศวตฉัตร ทรงพระมหาพิชัยมงกุฎ มหาดเล็กเชิญเครื่องราชกกุธภัณฑ์ พระแสงรายตีนตอง พระแสง
อัษฎาวุธ และถวายอยู่งานพัดโบก มหาดเล็กรัวกรับ ชาวม่านไขพระสูตร พระสุริยภักดี (บุญช่วย วรรธะภัฎ)3
ชพู มุ่ ดอกไมท้ องใหส้ ญั ญา ชาวพนกั งานกระทงั่ มโหระทกึ ประโคมสงั ข์ แตร และกลองชะนะ ทหารกองเกยี รตยิ ศ
กระท�ำความเคารพ แตรวงบรรเลงเพลงสรรเสริญพระบารมี รัฐมนตรี คณะทูต สมาชิกวุฒิสภา สมาชิก
สภาผู้แทนและข้าราชการ เฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท เม่ือสุดเสียงประโคมแล้ว จอมพล ป. พิบูลสงคราม
นายกรัฐมนตรี กราบบังคมทูลถวายความจงรักภักดีและถวายพระพรชัยมงคลในนามคณะรัฐมนตรีและ
ข้าราชการผู้ใหญ่ผู้น้อยทั่วพระราชอาณาจักร ดังน้ี
“ขอเดชะฝ่าละอองธุลีพระบาทปกเกล้าปกกระหม่อม
ในศุภวาระมงคลดิถีท่ีใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาทได้เสด็จเถลิงถวัลยราชสมบัติสืบบรมราชสันตติวงศ์
ต่อจากพระองค์พระบาทสมเด็จพระบรมเชษฐาธิราช โดยพระราชพิธีบรมราชาภิเษกตามขัตติยราชประเพณี
เพียบพร้อมด้วยพระบรมราชอิสริยยศครบถ้วนทุกส่ิงสรรพแล้ว ข้าพระพุทธเจ้าผู้รับฉันทานุมัติจากคณะ
รัฐมนตรีและข้าราชการฝ่ายทหารพลเรือน จึงขอพระราชทานพระบรมราชวโรกาส กราบบังคมทูลพระกรุณา
ถวายพระพรชัยมงคลโดยขออาราธนาคุณพระศรีรัตนตรัย และอานุภาพแห่งสิ่งศักดิ์สิทธ์ิท้ังหลาย จงอภิบาล
รักษาพระองค์พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มหิตลาธิเบศรรามาธิบดี จักรีนฤบดินทร
1 ในรชั กาลกอ่ น ๆ ทรงโปรยดอกพกิ ุลเงนิ พิกุลทอง และเงินสลึงพระราชทานพระบรมวงศานวุ งศแ์ ละขา้ ราชการ
2 ขา่ วในพระราชสำ� นักและภาพยนตรส์ ่วนพระองคร์ ะบวุ า่ เสดจ็ ออกมหาสมาคม เวลา ๑๔.๐๐ น.
3 ขุนต�ำรวจโทพระสุริยะภกั ดี (บุญชว่ ย วรรธนะภัฎ) ขา้ ราชการในส�ำนักต�ำรวจหลวง เกิดเมอื่ วันท่ี ๒ ตุลาคม พ.ศ. ๒๔๓๑
เป็นบุตรของนายเปล้ืองและนางบัว สมรสกับนางสุริยะภักดี (หวั่น) มีบุตรซึ่งเป็นนักประพันธ์ผู้มีช่ือเสียง คือ กัณหา เคียงศิริ
(ชื้น วรรธนะภฎั ) หรือ ก.สุรางคนางค์ พระสุรยิ ะภักดถี งึ แก่อนิจกรรมเมือ่ วนั ที่ ๒๖ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๑๙
ประมวลเอกสารพระราชพิธีบรมราชาภิเษก 469
เสด็จออกมหาสมาคม พระที่น่ังอมรินทรวินิจฉัย
470 ประมวลเอกสารพระราชพิธีบรมราชาภิเษก
สยามินทราธิราช บรมนาถบพิตร ให้ทรงเจริญพระชนมายุย่ิงยืนนานเสวยสุขส�ำราญปราศจากสรรพภัยพิบัต
อุปัทวันตราย ต้องพระราชประสงค์สิ่งใด ขอจงส�ำเร็จสมด่ังพระราชหฤทัย เสด็จด�ำรงอยู่ในสิริราชสมบัติ
เพื่อเป็นท่ีพึ่งพ�ำนักแห่งความร่มเย็นแก่ปวงประชา อีกทั้งเพ่ือได้บ�ำรุงพระบวรพุทธศาสนาให้วัฒนาถาวรสืบไป
ช่ัวกาลนาน
อน่ึง ข้าพระพุทธเจ้าพร้อมด้วยข้าทูลละอองธุลีพระบาทท้ังหลายขอถวายความสวามิภักด์ิ และความ
จงรักภักดีไว้ต่อใต้เบ้ืองพระยุคลบาท โดยตั้งปณิธานที่จะสนองพระมหากรุณาธิคุณให้บังเกิดศุภผลแก่
ประเทศชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ และรัฐธรรมนูญโดยเต็มสติก�ำลังความสามารถทุกประการ
ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อม ขอเดชะ”
เจ้าพระยาศรีธรรมาธิเบศร์ประธานรัฐสภากราบบังคมทูลถวายความจงรักภักดีและถวายพระพรชัย
ในนามประชาชนชาวไทย ดังน้ี
“ขอเดชะฝ่าละอองธุลีพระบาทปกเกล้าปกกระหม่อม
ในนามแห่งปวงประชาราษฎร เหล่าพศกนิกรบรรดาที่ได้พึ่งพระบรมโพธิสมภาร ข้าพระพุทธเจ้าขอ
พระราชทานพระบรมราชวโรกาส กราบบังคมทูลพระกรุณาแสดงปราโมทย์ปิติโสมนัส ถวายอาศิรวาทแด่
พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มหิตลาธิเบศรรามาธิบดี จักรีนฤบดินทร สยามินทราธิราช
บรมนาถบพิตร อันได้ทรงรับบรมราชาภิเษกเถลิงถวัลยราชสมบัติสืบสันตติวงศ์สนองพระองคสมเด็จพระบรม
เชฏฐาธิบดี โดยขัตติยราชประเพณีสมบูรณตามคติวิสัย
ขออานุภาพแห่งพระศรีรัตนตรัยและส่ิงท่ีศักดิสิทธ์ิ อีกทั้งธรรมทศพิธอันเป็นราชจรรยาวัตร จงป้องกัน
ภัยพิบัติมิให้มากล้�ำกลาย สมเด็จบรมนาถนราธิบดี จงมีพระชนมายุยืนนาน ประกอบด้วยพระวรรณ พล
ปฏิภาน สิริสวัสด์ิ จงได้ทรงปฏิบัติพระราชกรณียกิจจานุกิจ ทรงสฤษฏิให้ได้บรรลุผลสมพระบรมราชประสงค์
โดยท�ำนองคลองธรรม จะเสด็จไปแห่งใด ขอคนจงมีใจสโมสรโดยถ้วนหน้า จงทรงแผ่พระกฤดาภินิหาร
ให้ปรากฏท่ัวไปทุกทิศ ขอชัยจงมีแด่สมเด็จบรมนาถบพิตรทั่วรัฐสีมามณฑล
ในมงคลดิถีน้ี ปวงข้าพระพุทธเจ้าบรรดาประชาราษฎรขอถวายความสวามิภักด์ิไว้ในใต้ฝ่าละอองธุลี
พระบาท ขอได้ทรงแผ่พระราชอาณาเหนือข้าพระพุทธเจ้าท้ังหลาย และทรงรักษาแว่นแคว้นแดนไทยกับ
พระศาสนาและประชาราษฎร์ทรงประสาทความร่มเย็นเป็นสุขทั่วเมทนีดล
ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อม ขอเดชะ”
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมีพระบรมราชโองการด�ำรัสตอบขอบใจท่ัวกันว่า
“ข้าพเจ้ามีความปลื้มใจยิ่งนัก ที่ท่านท้ังหลายได้มีไมตรีจิต มาร่วมชุมนุมกันแสดงความภักดี และอวยพร
แก่ข้าพเจ้าในวาระน้ี รู้สึกจับใจในถ้อยค�ำที่ท่านได้กล่าวอ�ำนวยพร และแสดงปณิธานในอันจะพยายามปฏิบัติ
งานให้บังเกิดผลดี แก่ประเทศชาติอันเป็นท่ีรักของเรา ขอท่านทั้งหลายจงรับความขอบใจอันจริงใจจากข้าพเจ้า
โดยท่ัวกัน และขอให้บรรดาข้าราชการทุกฝ่าย ทุกแผนก จงมีความสามัคคีสมานฉันท์ร่วมใจช่วยกันส่งเสริม
ท�ำนุบ�ำรุง ชาติ ศาสนา และให้อาณาประชาราษฎรได้อยู่เย็นเป็นสุขตลอดไป ดั่งที่ท่านได้แสดงปณิธานไว้นั้น
เถิด ในส่วนตัวของข้าพเจ้าเอง ก็ได้ต้ังใจไว้ว่าจะพยายามประกอบกรณียกิจตามหน้าที่จนสุดความสามารถและ
ก็หวังอยู่ว่า ในการนี้คงจะได้รับความร่วมมือจากท่านทั้งหลายโดยถ้วนหน้า
ประมวลเอกสารพระราชพิธีบรมราชาภิเษก 471
ขอคุณพระศรีรัตนตรัย จงดลบันดาลให้ท่านทั้งหลายได้ประสพความสุขและความเจริญสืบไปเถิด”
มหาดเล็กรัวกรับ ชาวม่านปิดพระสูตร พระสุริยภักดีชูพุ่มดอกไม้ทองให้สัญญา ชาวพนักงานกระท่ัง
มโหระทึก ประโคมสังข์ แตร และกลองชะนะ ทหารกองเกียรติยศ กระท�ำความเคารพ แตรวงบรรเลงเพลง
สรรเสริญพระบารมี
เวลา ๑๔.๔๐ น. พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงเคร่ืองบรมขัตติยราชภูษิตาภรณ์ ฯลฯ เสด็จขึ้น
พระท่ีน่ังไพศาลทักษิณ มหาดเล็กเชิญราชกกุธภัณฑ์ตามเสด็จประทับเหนือพระท่ีนั่งภัทรบิฐภายใต้นพปฎล
มหาเศวตฉัตร สมเด็จพระราชินีประทับข้างพระที่น่ังภัทรบิฐเบ้ืองซ้าย พระบรมวงศานุวงศ์และข้าราชการหญิง
ในพระราชฐาน เฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท โปรดเกล้าฯ ให้หลวงบรรเจิดอักษรการ อาลักษณ์อ่านประกาศ
กระแสพระบรมราชโองการ ทรงพระกรุณาโปรดเกลา้ ฯ สถาปนาสมเดจ็ พระราชินใี หท้ รงดำ� รงราชฐานนั ดรศกั ด์ิ
เป็นสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิต์ิ พระบรมราชินี ดังน้ี
ประกาศสถาปนา
สมเด็จพระบรมราชินี
ภูมิพลอดุลยเดช ป.ร.
พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มหิตลาธิเบศรรามาธิบดี จักรีนฤบดินทร
สยามินทราธิราช บรมนาถบพิตร
มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าโปรดกระหม่อม ให้ประกาศว่า โดยที่ได้ทรงพระราชด�ำริว่า ตามราช
ประเพณีซึ่งมีสืบมาแต่โบราณ เม่ือสมเด็จพระมหากษัตราธิราชเจ้าได้เสด็จเถลิงถวัลยราชสมบัติบรมราชาภิเษก
แล้ว ย่อมโปรดให้สถาปนาเฉลิมพระเกียรติยศสมเด็จพระอัครมเหษีข้ึนเป็นสมเด็จพระบรมราชินี และ
ในคร้ังนี้ก็มีพระราชหฤทัยประสงค์ที่จะให้เป็นไปตามโบราณราชประเพณีน้ัน
จึ่งมีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าโปรดกระหม่อม ให้ประกาศสถาปนาเฉลิมพระเกียรติยศสมเด็จ
พระราชินีสิริกิติ์ข้ึนเป็นสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิต์ิ พระบรมราชินี ให้มีพระเกียรติยศสมบูรณ์ตามราชประเพณี
ด่ังกล่าวนั้นจงทุกประการ
ขออานุภาพแห่งคุณพระศรีรัตนตรัย และเทพเจ้าทั้งหลาย จงดลบันดาลอภิบาลรักษา สมเด็จ
พระนางเจ้าสิริกิต์ิ พระบรมราชินี ให้ทรงเจริญพระชนมายุ พรรณ สุข พล ปฏิภาน ธนสารสมบัติ สรรพสิริ
สวัสดิพิพัฒนมงคล อิฐวิบูลย์มนูญผล สกลเกียรติยศ เดชานุภาพมโหฬารทุกประการ เทอญฯ
ประกาศ ณ วันท่ี ๕ พฤษภาคม พุทธศักราช ๒๔๙๓ เป็นปีท่ี ๕ ในรัชกาลปัจจุบัน
ผู้รับสนองพระบรมราชโองการ
จอมพล ป. พิบูลสงคราม
นายกรัฐมนตรี
472 ประมวลเอกสารพระราชพิธีบรมราชาภิเษก
ทรงสถาปนาสมเด็จพระบรมราชินี
ประมวลเอกสารพระราชพิธีบรมราชาภิเษก 473
แล้วสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิต์ิ พระบรมราชินี เสด็จไปสู่หน้าพระท่ีนั่ง พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
ทรงหลั่งน�้ำพระมหาสังข์ ทรงเจิม พระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์อันเป็นโบราณมงคลนพรัตนราช
วราภรณ์ และเคร่ืองอิสริยราชูปโภค ส�ำหรับต�ำแหน่งสมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินี คือ
(๑) พานพระศรีทองลงยาขอบประดับทับทิม ประกอบด้วย
ก. จอกทองลงยา
ข. ผอบทองลงยา ปริกประดับเพชร
ค. ซองพลูทองลงยา ขอบล่างและบนประดับทับทิม
ง. ตลับขี้ผึ้งประดับทับทิมและเพชร มีไม้แคะพระกรรณ
จ. มีดด้ามทองลงยา
(๒) พระสุพรรณศรีทองลงยา ขอบบนและล่างประดับทับทิม
(๓) ขันพระสุธารสทองลงยา พานรองทองลงยารอบขอบฝังทับทิม มีจอกฝาทองลงยา
(๔) ขันสรงพระพักตรทองลงยา มีพานรองและคลุมปัก
(๕) หีบพระศรีทองลายกอบัว ตรามงกุฎประดับเพชร ทับทิม มรกต มีตลับทองลงยาลายกอบัว
ท่ีฝาตลับมีมงกุฎเพชรล้อม ๓ ตลับ
(๖) กาพระสุธารสทองลงยา มีสร้อยโยง ถาดทองลงยารอง
(๗) กล่องตราจุลจอมเกล้า ตลับซีก ๔ ตลับ พานทองลงยารอง
ชาวพนักงานประโคมสังข์ แกว่งบัณเฑาะว์ ฆ้องชัย แตรและเครื่องดุริยางค์ คร้ันสุดเสียงประโคมแล้ว
พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมขุนชัยนาทนเรนทร กราบบังคมทูลพระกรุณาแทนพระบรมวงศานุวงศ์และ
ข้าทูลละอองธุลีพระบาทในพระราชฐาน1 ถวายพระพรชัยมงคลแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและ
สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิต์ิ พระบรมราชินี ดังน้ี
“สรวมชีพ ข้าพระพุทธเจ้าผู้ได้รับฉันทานุมัติจากบรรดาพระบรมวงศานุวงศ์ทั้งมวล ท้ังที่มาชุมนุมอยู่ใน
มหาสมาคมนี้ ท้ังที่ติดอุปสรรคน้อยใหญ่ ไม่สามารถจะมาเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท ขอพระบรมราชวโรกาส
กราบบังคมทูลถวายอาศิรวาท ด้วยใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาทได้เสด็จเถลิงราชสมบัติ รับราชสันตติวงศ์สืบต่อ
แต่พระองค์สมเด็จพระบรมเชฏฐาธิบดี ย่อมเป็นที่ยินดีแก่ข้าพระพุทธเจ้าทั้งหลายยิ่งนัก
อันความโสมนัสยินดีของข้าพระพุทธเจ้า ย่อมทวีแน่นแฟ้นขึ้น เมื่อได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้า
โปรดกระหม่อมพระราชทานสถาปนาสมเด็จพระบรมราชินีขึ้นไว้ในโอกาสนี้ ด้วยจะได้มีองค์ประมุขแห่ง
1 สมัยรัชกาลที่ ๗ โปรดเกล้าฯ ให้สถาปนาพระบรมราชินีขึ้นอันเป็นส่วนหนึ่งของการเสด็จออกพระท่ีน่ังไพศาลทักษิณ
เพื่อให้พระบรมวงศานุวงศ์ข้าทูลละอองธุลีพระบาทฝ่ายในเข้าเฝ้าถวายพระพรชัยมงคล ซึ่งเป็นธรรมเนียมท่ีแก้ไขจากการถวาย ๑๒
พระก�ำนัลแต่โบราณในสมัยรัชกาลที่ ๖ ดังนั้นจะสังเกตได้ว่าผู้ถวายพระพรชัยมงคลภายหลังสถาปนาพระบรมราชินีในรัชกาลท่ี ๗
เป็นพระบรมวงศ์ฝ่ายใน คือ พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหลวงทิพยรัตนกิริฎกุลินี แต่ในสมัยรัชกาลท่ี ๙ เปลี่ยนเป็นพระบรมวงศ์
ฝ่ายหน้า คือ สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาชัยนาทนเรนทร ทรงกล่าวถวายพระพรชัยมงคลในนามพระบรมวงศานุวงศ์
ทง้ั ฝา่ ยหน้าและฝา่ ยใน
474 ประมวลเอกสารพระราชพิธีบรมราชาภิเษก
สตรีในบ้านเมืองไว้เชิดชูพระเกียรติ และร่วมทุกข์ร่วมสุขกับใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาทเพ่ิมพูนสถาพรภาพแห่ง
พระราชวงศ์จักรีสืบต่อไป
ข้าพระพุทธเจ้าจึงขอพระราชทานตั้งสัตยาธิษฐานถวายพระพรชัย ขอได้ทรงด�ำรงอยู่ในมไหสูรยสมบัติ
สรรพภัยพิบัติอย่าได้กล้�ำกลาย สรรพอุปัทวันตรายอย่าได้พ้องพาน จงทรงพระเกษมส�ำราญทุกทิพาราตรี.
ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อม ขอเดชะ”
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมีพระด�ำรัสตอบว่า
“หม่อมฉันและสมเด็จพระบรมราชินี มีความยินดีที่พระบรมวงศานุวงศ์ท้ังมวล ได้ทรงแสดงความ
เออ้ื อารแี ละอำ� นวยพร เพอื่ ความสริ สิ วสั ดมิ งคล แกห่ มอ่ มฉนั ทงั้ สองในวาระนี้ ยงิ่ ไดฟ้ งั ถอ้ ยคำ� ทที่ รงกลา่ วถงึ สมเดจ็
พระบรมราชินีด้วยแล้วก็ย่ิงทวีความปิติยินดีขึ้นอีกเป็นอันมาก โดยทราบตระหนักว่า ในการที่ได้สถาปนา
สมเด็จพระบรมราชินีน้ีเป็นที่พอพระทัยทั่วกัน หม่อมฉันและสมเด็จพระบรมราชินีขอขอบพระทัยท่ีทรงมี
ไมตรีจิตแก่หม่อมฉันทั้งสอง ขอให้ทุกพระองค์ทรงปฏิบัติการอันควร ช่วยกันรักษาพระเกียรติยศ เกียรติคุณ
ของพระบรมวงศ์ไว้ ให้ม่ันคงตลอดไป ในที่สุดนี้หม่อมฉันและสมเด็จพระบรมราชินี ขอถวายพระพรให้ทรง
เจริญด้วยอายุ วัณณะ สุขะ พละ ทุกประการ.”
แล้วจม่ืนสิริวังรัตน์ เลขานุการพระราชวังทูลเกล้าฯ ถวายขันดอกพิกุลเงินพิกุลทอง ทรงโปรย
พระราชทานพระบรมวงศานุวงศ์ แล้วเสด็จพระราชด�ำเนินพร้อมด้วยสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิต์ิ พระบรมราชินี
ขึ้นสู่หอพระสุลาลัยพิมาน
ในการเสด็จออกมหาสมาคมวันน้ี เจ้าหน้าที่ได้เทียบช้างต้นที่เกยหน้าพระท่ีนั่งดุสิดาภิรมย์1 ม้าต้น
ท่ีสนามหญ้าหน้าพระที่นั่งจักรีมหาปราสาท พระที่นั่งราเชนทรยานที่เกยข้างพระท่ีนั่งดุสิดาภิรมย์ รถยนตร
พระท่ีนั่งท่ีหน้าอัฒจันทร พระท่ีนั่งจักรีมหาปราสาท และเทียบเรือพระที่นั่งสุพรรณหงส์ท่ีท่าราชวรดิฐ2
1 ก่อนการน�ำช้างมาเทียบแท่นเบญพาดท่ีเกยพระคชาธารในวันพระราชพิธีได้มีการจัดแตรวงไปบรรเลงให้ช้างคุ้นชิน
เพอื่ ปอ้ งกนั ชา้ งตน่ื ดว้ ย ดใู น หอจดหมายเหตแุ หง่ ชาติ มท. ๐๒๐๑.๒.๑.๓๑.๑/๖ [๗] “การประชมุ พจิ ารณาดำ� เนนิ การงานพระราชพธิ ี
คร้ังท่ี ๒ วนั พธุ ที่ ๕ เมษายน ๒๔๙๓.”
2 การเทยี บชา้ งตน้ มา้ ตน้ พระราชยาน เรอื พระทนี่ งั่ สนั นษิ ฐานวา่ เปน็ ธรรมเนยี มทสี่ บื มาแตก่ ารเสดจ็ ออกมหาสมาคมในพระราชพธิ ี
บรมราชาภิเษกคร้ังรัชกาลท่ี ๑ ถึงรัชกาลท่ี ๕ หมายถึงการเสด็จออกให้พระบรมวงศานุวงศ์ เสนาบดี ข้าราชการผู้ใหญ่ผู้น้อยเฝ้าฯ
ถวาย “สรรพสิ่งซึง่ เปน็ เคร่อื งประดับพระบรมราชอสิ สริยยศ และราชสมบตั ทิ ้งั ปวงอันปฏิพทั ธฉะเพาะพนักงานตา่ งๆ ตามธรรมเนยี ม
แต่ก่อนมา” ประกอบด้วย ราชรถ เรือพระท่ีนั่ง เรือกระบวน เคร่ืองสรรพยุทธ เมืองเอกโทตรีจัตวา ไพร่พลเมืองฝ่ายทหาร
เครื่องพระพัทธยากรราชสมบัติทั้ง ๑๒ พระคลัง พระท่ีน่ังมนเทียรปราสาทราชนิเวศน์มหาสถาน พระราเชนทรยาน ทั้งเครื่องสูง
เฉลิมพระเกียรตยิ ศ พระนคร ธัญญาหารทวั่ ราชอาณาจักร เมือ่ ทรงรบั แล้วจะได้มีพระราชด�ำรัสให้เสนาบดีทัง้ หลายน�ำ “ส่งิ ของทง้ั น้ี
จงจดั แจงท�ำนุบ�ำรุงไวใ้ ห้ดี จะไดป้ ้องกันรักษาแผน่ ดนิ และจะได้อุปถมั ภ์พระพทุ ธศาสนาสบื ไป” ครน้ั ถึงสมยั รัชกาลที่ ๖ โปรดเกลา้ ฯ
ใหเ้ ปล่ียนเปน็ การเสดจ็ ออกเพื่อรับคำ� ถวายพระพรชัยมงคล
อนึ่ง ในพระราชพิธีบรมราชาภิเษกรัชกาลที่ ๖ และรัชกาลที่ ๗ ไม่ปรากฏการเทียบเรือพระที่นั่ง เทียบเฉพาะ
พระราเชนทรยาน พระยาชา้ งตน้ และพระยามา้ ต้น สว่ นรถยนตพ์ ระที่นง่ั เทยี บในสมัยรัชกาลที่ ๙ เป็นครั้งแรก
ประมวลเอกสารพระราชพิธีบรมราชาภิเษก 475
ประกาศพระองค์เป็นพุทธศาสนูปถัมภก
และ
ถวายบังคมพระบรมอัฐิ
เวลา ๑๖.๐๐ น. พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงเคร่ืองบรมขัตติยราชภูษิตาภรณ์ ทรงพระมหามาลา
เส้าสูงเสด็จออกเถลิงเกยหน้าพระทวารเทเวศร์รักษา1 ประทับพระท่ีนั่งราชยานพุดตานทอง2 เจ้าพนักงาน
กระท่ังมโหระทึก ประโคมสังข์แตรและกลองชะนะทองเงิน ทหารกองเกียรติยศกระท�ำวันทยาวุธ แตรวง
บรรเลงเพลงสรรเสริญพระบารมีเสด็จพระราชด�ำเนินโดยกระบวนราบใหญ่จากเกยไปตามถนนอมรวิถี เลี้ยว
ออกประตูพิมานไชยศรีไปตามถนนจักรีจรัณย์ เลี้ยวถนนหน้าศาลาสหทัยไปเทียบเกยพลับพลาเปลื้องเคร่ือง
ที่ประตูหลังวัดพระศรีรัตนศาสดาราม แล้วเสด็จพระราชด�ำเนินโดยทางลาดพระบาท มีมหาดเล็กเชิญเครื่อง
ตามเสด็จ ทหารราบท่ี ๑ มหาดเล็กรักษาพระองค์แซงซ้ายและขวา ไปยังพระอุโบสถ ทรงจุดธูปเทียนเคร่ือง
ราชสักการะ และถวายต้นไม้ทองเงินบูชาพระพุทธมหามณีรัตนปฏิมากร พระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก พระพุทธ
เลศิ หลา้ นภาลยั แลว้ ทรงจดุ ธปู เทยี นถวายนมสั การพระศรรี ตั นตรยั สมเดจ็ พระสงั ฆราชถวายศลี พระบาทสมเดจ็
พระเจ้าอยู่หัวทรงสมาทานศีลแล้ว มีพระราชด�ำรัสประกาศพระองค์เป็นพุทธศาสนูปภัมภกในท่ีชุมนุม
สงฆ์และพระบรมวงศานุวงศ์กับข้าราชการว่า
*“ยโตหํ ภนฺเต สทฺโธ ปสนฺโน เตน เตน วิธินา ติสรณคโต อิทานิ จ รชฺเช อภิสิตฺโต เตนาหํ พุทฺธสฺส
ธมฺมสฺส สงฺฆสฺส อตฺตานํ นิยฺยาเทมิ พุทฺธสาสนสฺส ธมฺมิกํ รกฺขาวรณคุตฺตึ สํวิทหามิ สาธุ ภนฺเต สงฺโฆ พุทฺธสา
สนุปตฺถมฺกโกติมํ ธาเรตุ”
ค�ำแปล
*“ข้าแต่พระสงฆ์ผู้เจริญ แต่เดิมมา โยมก็ได้มีจิตศรัทธาเลื่อมใส และได้ถึงพระรัตนตรัยเป็นสรณะด้วยวิธี
นั้น ๆ อยู่แล้ว ฉะนั้น บัดนี้โยมได้เถลิงถวัลยราชสมบัติ บรมราชาภิเษกแล้ว จึ่งขอมอบตัวแด่พระพุทธเจ้า
พระธรรมเจา้ และพระสงฆเจา้ กบั จะไดร้ บั จดั การใหค้ วามคมุ้ ครองรกั ษาพระพทุ ธศาสนาโดยชอบธรรมตลอดไป
ข้าแต่พระสงฆ์ผู้เจริญ ขอพระสงฆ์จงทรงจ�ำไว้ด้วยดีว่าโยมเป็นพุทธศาสนูปถัมภก เถิดฯ”
ขณะนั้นพระสงฆ์ ๘๐ รูป มีสมเด็จพระสังฆราชเป็นประธาน พร้อมกันเปล่งสังฆวาจา “สาธุ” ๓ ครั้ง
แล้วสมเด็จพระสังฆราชถวายอดิเรก สมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ถวายพระพรลา พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
เสด็จออกจากพระอุโบสถ3 เสด็จพระราชด�ำเนินตามทางเดิมไปยังเกยหลังวัดพระศรีรัตนศาสดาราม
ประทับพระที่น่ังราชยานพุดตานทอง เสด็จพระราชด�ำเนินโดยขบวนราบใหญ่ เคลื่อนขบวนกลับเข้า
1 พระราชพิธบี รมราชาภเิ ษกรชั กาลที่ ๖ และรชั กาลที่ ๗ ประทับพระราชยานทเ่ี กยพระทีน่ ง่ั ดสุ ิดาภริ มย์
2 รชั กาลท่ี ๖ และรชั กาลที่ ๗ ประทับพระท่นี ่งั ราเชนทรยาน
3 หมอ่ มราชวงศ์แสงสูรย์ ลดาวลั ย์ ระบไุ ว้ในงานนิพนธ์เร่อื ง “พระราชพิธบี รมราชาภิเษกครัง้ กรงุ รัตนโกสินทร์” วา่ เสด็จไป
ถวายบงั คมพระบรมรูปทีป่ ราสาทพระเทพบิดรด้วย
476 ประมวลเอกสารพระราชพิธีบรมราชาภิเษก
เสด็จพระราชด�ำเนินด้วยกระบวนราบใหญ่ ไปวัดพระศรีรัตนศาสดาราม
ประมวลเอกสารพระราชพิธีบรมราชาภิเษก 477
ประตูพิมานไชยศรี เล้ียวไปเทียบยังเกยพระท่ีน่ังอาภรณ์พิโมกขปราสาท เสด็จพระราชด�ำเนินเข้าสู่พระท่ีนั่ง
ดุสิตมหาปราสาท สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิต์ิ พระบรมราชินีเสด็จออก สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จ
พระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีทรงจุดธูปเทียนถวายนมัสการพระศรีรัตนตรัยและเคร่ืองราชสักการะ
ถวายบังคมพระบรมอัฐิ และพระอัฐิสมเด็จพระบรมราชบุพการี คือ พระบรมอัฐิพระบาทสมเด็จพระปฐม
บรมมหาชนก พระบรมอัฐิพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลท่ี ๑ ถึงรัชกาลที่ ๘ พระบรมอัฐิสมเด็จ
พระอมรินทรา บรมราชินี สมเด็จพระศรีสุริเยนทรา บรมราชินี สมเด็จพระเทพศิรินทรา บรมราชินี
สมเด็จพระศรีพัชรินทรา บรมราชินีนาถ และพระอัฐิสมเด็จพระราชบิดา
แล้วพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีทรงทอดผ้า พระสงฆ์
สดับปกรณ์ ถวายอนุโมทนา ถวายอดิเรกและถวายพระพรลา พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและสมเด็จ
พระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีเสด็จข้ึน
เวลา ๑๘.๐๐ น. เจ้าพนักงานตั้งบายศรีแก้วทองเงิน ที่หน้าพระท่ีนั่งอมรินทรวินิจฉัย พราหมณ์เบิกแว่น
ข้าราชการรับแว่นเวียนเทียน สมโภชพระราชมนเทียรตามบูรพราชประเพณี
เฉลิมพระราชมนเทียร
วันที่ ๖ หพันฤหษนภ้าาแคถมว๒ส๔ู่ท๙ิศต๓ะ(ว๗ันฯ๕อ๖อกปหีขมาล่อ)มเรวาลชาว๑งศ๙์ป.๐ระ๐สนา.นผศู้มรีหี ดนิศ้ากทุล่ีใ1นกริ้วับกหรมะ่อบมวรนาชยืวนงเขศ้า์ปรริ้วียใานโพสรณะทกุลี่น2ั่ง
ไพศาลทักษิณ
ผู้น�ำเทียน และมีพนักงานหญิงจุดเทียนคอยอยู่ที่อัฒจันทร์ชานพักพระที่นั่งไพศาลทักษิณ ด้านตะวันออก
เวลา ๒๐ น. พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงเคร่ืองสีวันเสาร์ ฉลองพระองค์ไหมทองสลับสีน้�ำเงิน
แก่ พระดุมเพชร ๕ พระดุม พระภูษาไหมทองสลับสีกรมท่า ถุงพระบาทแพรสีน้�ำเงินแก่ฉลองพระบาท (โบว์)3
ไหมทองสลับสีน้�ำเงินแก่ รัดพระองค์ด้วยประคตกรองทอง พร้อมด้วยสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินี
เสด็จจากหอพระสุลาลัยพิมานแปรพระพักตรสู่ทิศเหนือ หม่อมเจ้าอัจฉราฉวี เทวกุล4 ทูลเกล้าฯ ถวายขัน
ทรงโปรย แด่สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิต์ิ พระบรมราชินี แล้วเสด็จพระราชด�ำเนินจากพระท่ีน่ังไพศาลทักษิณ
1 ทถี่ กู นา่ จะคอื หมอ่ มราชวงศป์ ระสาสนศ์ รี ดศิ กลุ ธดิ าพลโท หมอ่ มเจา้ พสิ ฐิ ดศิ พงษ์ ดศิ กลุ กบั หมอ่ มสวาสดิ์ ดศิ กลุ (เกตทุ ตั )
2 หม่อมราชวงศป์ รียา โสณกลุ ธดิ าหมอ่ มเจา้ รชั ฎาภเิ ศก โสณกลุ กับหม่อมเจ้าพมิ พ์รำ� ไพ รพพี ัฒน์
3 คือ รองเทา้ ผ้าไหมหุ้มสน้ ชนดิ หนึง่ ในภาษาองั กฤษเรยี กรองเท้าประเภทน้ีวา่ Court Shoe นิยมสวมใส่ในราชสำ� นักยโุ รป
รูปทรงคล้ายรองเทา้ ผู้หญิง มีโบตดิ ประดับบริเวณหลังเท้า ผ้ชู ายนยิ มสวมใสใ่ นโอกาสทเ่ี ป็นทางการ
4 หม่อมเจ้าอัจฉราฉวี เทวกุล พระธิดาของสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาเทวะวงศ์วโรปการ และหม่อมจันทร์
เทวกุล ณ อยุธยา ประสูติเมื่อวันท่ี ๒๔ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๔๓๘ ทรงด�ำรงต�ำแหน่งครูใหญ่โรงเรียนราชินี สิ้นชีพิตักษัยด้วยโรค
พระทยั วาย เม่ือวันท่ี ๒๖ ธนั วาคม พ.ศ. ๒๕๒๕ พระชนั ษา ๘๗ ปี
478 ประมวลเอกสารพระราชพิธีบรมราชาภิเษก
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงโปรยเงินสลึงพระราชทานตลอดทาง ผู้น�ำเทียน น�ำกระบวนเสด็จออก
พระทวารพระมหามนเทียรตะวันออกเหนือ เลี้ยวขวาไปตามถนนทรงบาตร เลี้ยวขวาผ่านถนนหลังพระมหา
มนเทียร1 เลี้ยวขวาผ่านพระราชมนเทียรหมู่กลาง เข้าพระทวารพระมหามนเทียรตะวันตกใต้แล้ว เดินไปตาม
ถนนระหว่างพระที่นั่งจักรพรรดิพิมาน และก�ำแพงแก้วพระมหามนเทียรด้านในเลี้ยวขวาผ่านเก๋งนารายณ์2
เข้าพระทวารท้องพระโรงหน้าด้านตะวันตก3 ผู้น�ำเทียนทั้งคู่ หยุดยืนที่ท้องพระโรงหน้าตามซ้ายและขวา
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวพร้อมด้วยสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีเสด็จข้ึนท้องพระโรงหน้า ข้ึนสู่
พระที่น่ังจักรพรรดิพิมานทางอัฒจันทร์ตะวันตก กระบวนตามเสด็จข้ึนไปด้วย พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
และสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิต์ิ พระบรมราชินีประทับพักท่ีห้องกลาง สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินี
ทรงวางขันทรงโปรยบนโต๊ะข้างที่ประทับ หม่อมเจ้าเฟื่องฉัตร ฉัตรชัย4 เชิญพระแสงขรรค์เพชรเฝ้าอยู่ข้างท่ี
ประทับ หม่อมราชวงศ์วิมลพยอม สวัสดิวัตน์5 เชิญพระสุพรรณศรี หม่อมราชวงศ์พวงแก้ว ชุมพล6 เชิญพาน
พระศรี หม่อมราชวงศ์นิสารัตน์ เทวกุล7 เชิญพานพระโอสถ ไปทอดที่โต๊ะทองข้างที่ประทับ เคร่ืองเฉลิม
พระราชมนเทียรนอกน้ัน ผู้เชิญเชิญไปมอบท้าววรคณานันท์ (ม.ร.ว. แป้ม มาลากุล)8 ท่ีพระท่ีนั่งองค์ตะวันออก
1 ภายในเขตพระราชฐานช้ันใน มีถนนอยู่ ๒ สาย คือ ถนนทรงบาตร ตั้งแต่ประตูดุสิตศาสดา เร่ือยลงไปผ่านประตูมังกร
เล่นลม (ประตูด้านเหนือเป็นประตูรูปเก๋งจีนบานประตูเขียนภาพมังกรจีนดั้นเมฆ) ประตูกลมเกลาตรู (ประตูกลางเป็นรูปเก๋งจีน
บานประตเู ขยี นภาพเทพธดิ าจนี หรอื นางกำ� นลั ถอื พานเครอื่ งบชู าดอกไมธ้ ปู เทยี น) และประตชู มพไู พที (เปน็ ประตซู มุ้ ไมป่ ระดบั กระเบอ้ื งสี
บานประตูสีชมพ)ู ถนนด้านหลงั พระราชมณเฑียร ปลายถนนมาบรรจบกนั ทีห่ นา้ ประตชู มพูไพที
2 เกง๋ นารายณ์ ตง้ั อยใู่ นกำ� แพงแกว้ ของพระทน่ี งั่ จกั รพรรดพิ มิ านดา้ นตะวนั ตกระหวา่ งพระทน่ี งั่ จกั รพรรดพิ มิ านและพระทนี่ ง่ั
ไพศาลทกั ษณิ หลงั หอพระธาตมุ ณเฑยี ร สนั นษิ ฐานวา่ เปน็ เกง๋ ทพี่ ระบาทสมเดจ็ พระพทุ ธเลศิ หลา้ นภาลยั โปรดเกลา้ ฯ ใหส้ รา้ งในปลาย
รชั สมยั สำ� หรบั เปน็ ทท่ี รงงานศลิ ปกรรม มลี กั ษณะเปน็ อาคารโถงขนาดเลก็ ทรงสเ่ี หลยี่ มผนื ผา้ รปู แบบสถาปตั ยกรรมจนี มฝี าสามดา้ น
ด้านหลังเปน็ ด้านประธาน มีแทน่ ก่ออิฐฉาบปูน ภายในประดษิ ฐานรปู ปนั้ เจ้าแม่ทบั ทมิ และบรวิ าร
3 เส้นทางเสด็จพระด�ำเนินจากพระที่น่ังไพศาลทักษิณไปยังพระที่น่ังจักรพรรดิพิมานมีลักษณะเดินทักษิณาวัตรรอบหมู่
พระวิมาน
4 หม่อมเจ้าเฟื่องฉัตร ฉัตรชัย พระธิดาของพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระก�ำแพงเพ็ชรอัครโยธิน กับหม่อมบัวผัด (สกุลเดิม
อินทรสูต) ประสูติเมื่อวันที่ ๙ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๔๗๕ ภายหลังลาออกจากฐานันดรศักดิ์เพ่ือเสกสมรสกับหม่อมราชวงศ์พิพัฒนดิศ
ดศิ กุล สิ้นชพี ิตักษัยเมอื่ วันที่ ๘ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๔๗
5 หมอ่ มราชวงศว์ ิมลพยอม (สวัสดิวัตน์) อนริ ุทธเทวา เกิดเมื่อวนั ท่ี ๒๒ สิงหาคม พ.ศ. ๒๔๗๙ เปน็ ธดิ าของพลอากาศจตั วา
หม่อมเจ้าวิศษิ ฎส์ วัสดิรกั ษ์ สวสั ดิวัตน์ กับหม่อมราชวงศ์เครอื ศรี โศภางค์ สมรสกบั พลเอก เฟือ่ งเฉลย อนริ ุทธเทวา มีบุตรธดิ า ๓ คน
หม่อมราชวงศว์ ิมลพยอมถึงแกก่ รรมเมอ่ื วนั ที่ ๑๘ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๕๔ สริ ิอายุ ๗๕ ปี
6 แพทยห์ ญงิ หมอ่ มราชวงศพ์ วงแก้ว ชมุ พล ธิดาของหม่อมเจ้าอปุ ลสี าณ ชุมพล กบั หม่อมเจา้ หญิงพวงรตั นประไพ เทวกุล
สมรสกับนายแพทย์กณุ ฑล สุนทรเวช มีบุตรธดิ า ๓ คน
7 หมอ่ มราชวงศน์ ิสารตั น์ เทวกลุ ธิดาของหม่อมเจา้ มรพุ รพันธ์ุ เทวกลุ และหม่อมเจา้ กมลปราโมทย์ กิติยากร
8 ทา้ ววรคณานนั ท์ (หมอ่ มราชวงศแ์ ปม้ มาลากลุ ) ธดิ าในพระวรวงศเ์ ธอ กรมหมน่ื ปราบปรปกั ษ์ เกดิ เมอ่ื วนั ท่ี ๑๗ พฤษภาคม
พ.ศ. ๒๔๑๙ ต่อมาได้ถวายตัวเป็นเจ้าจอมในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ใน พ.ศ. ๒๔๙๑ พระบาทสมเด็จ
พระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร โปรดเกล้าฯ พระราชทานบรรดาศักดิ์เป็นท้าววรคณานันท
อพั ภันตรปตานี ราชนารีกิจวจิ ารณ์ ถอื ศักดนิ า ๓๐๐๐ ถงึ แก่อนจิ กรรมเมอ่ื วันที่ ๑๗ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๐๒
ประมวลเอกสารพระราชพิธีบรมราชาภิเษก 479
ผู้เชิญเคร่ืองราชูปโภคและเครื่องเฉลิมพระราชมนเทียร
ในพระราชพิธีเฉลิมพระราชมนเทียร
480 ประมวลเอกสารพระราชพิธีบรมราชาภิเษก
เสร็จแล้วเฝ้าอยู่ท่ีห้องกลาง ท้าววรคณานันท์รับพระแสงไปทอดท่ีราวพระแสง รับเครื่องไปต้ังไว้บนโต๊ะ
รับแมวและไก่อุ้มไว้ ผู้เชิญเทียนส่งเทียนให้เจ้าหน้าท่ีฝ่ายในแล้วไปรวมเฝ้าที่ห้องกลาง พระเจ้าบรมวงศ์เธอ
พระองค์เจ้านภาพรประภา กรมหลวงทิพยรัตนกิริฏกุลินี1 และพระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าประดิษฐา
สารี2 ทรงลาดพระท่ี3 และวางเคร่ืองเฉลิมพระราชมนเทียร เสร็จแล้วท้าววรคณานันท์ออกมากราบบังคม
ทูลพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิต์ิ พระบรมราชินี เสด็จเข้าสู่ห้องพระบรรทม
หม่อมราชวงศ์บุษบา กิติยากร4 เชิญขันทรงโปรยตามเสด็จไปข้างในและทอดถวายไว้ข้างท่ีประทับ สมเด็จ
พระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีเสด็จประทับรวมกับพระบรมวงศ์ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ประทับบน
พระแท่นลด พระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้านภาพรประภา กรมหลวงทิพยรัตนกิริฏกุลินี ทูลเกล้าฯ ถวาย
พระแสห้ างชา้ งเผอื ก พระเจา้ บรมวงศเ์ ธอ พระองคเ์ จา้ ประดษิ ฐาสารี ทลู เกลา้ ฯ ถวายจน่ั หมาก ทา้ ววรคณานนั ท์
ทูลเกล้าฯ ถวายกุญแจ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงรับ และทรงวางไว้ปลายพระที่บนพระแท่น
ใหญ่ แล้วเสด็จจากพระแท่นลดข้ึนบนพระแท่นใหญ่ ทรงเอนพระองค์ลงบรรทมโดยเบ้ืองขวาลงสู่พระท่ี
ชาวพนักงานประโคม ฆ้องชัย สังข์ แตร และดุริยางค์ พอสุดเสียงประโคม พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
เสด็จประทับ ณ พระแท่นลดดุจตอนต้น พระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้านภาพรประภา กรมหลวงทิพยรัตน
กิริฏกุลินีถวายพระพรชัยมงคล พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงรับพระพร แล้วทรงโปรยดอกพิกุลเงิน
พิกุลทอง พระราชทานเป็นเสร็จการพระราชพิธีเฉลิมพระราชมนเทียร5
อนึ่งในคืนวันน้ี พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินี ประทับแรม
ในพระบรมมหาราชวัง รุ่งข้ึนเวลาเช้าจึงเสด็จพระราชด�ำเนินกลับพระต�ำหนักจิตรลดารโหฐาน สวนจิตรลดา
1 พระเจา้ บรมวงศเ์ ธอ พระองคเ์ จา้ นภาพรประภา กรมหลวงทพิ ยรตั นกริ ฎิ กลุ นิ ี พระราชธดิ าในพระบาทสมเดจ็ พระจอมเกลา้
เจา้ อยูห่ วั ประสตู ิแตเ่ จา้ คุณจอมมารดาส�ำลี เม่อื วนั ที่ ๑๓ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๔๐๗ สนิ้ พระชนม์เมือ่ วนั ท่ี ๑๙ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๐๑
พระชนั ษา ๙๔ ปี
2 พระเจ้าบรมวงศเ์ ธอ พระองคเ์ จา้ ประดิษฐาสารี พระราชธิดาในพระบาทสมเดจ็ พระจอมเกลา้ เจา้ อยูห่ วั ประสูติแตเ่ จา้ จอม
มารดาดวงคำ� เม่อื วนั ท่ี ๑๙ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๔๐๘ สิ้นพระชนมเ์ มื่อวนั ท่ี ๑๘ มนี าคม พ.ศ. ๒๕๐๕ พระชันษา ๙๖ ปี
3 ในพระราชพิธีบรมราชาภิเษกรัชกาลที่ ๖ ระบุว่า ในมหามงคลอุดมฤกษ์สรงพระมุรธาภิเษก เจ้าพนักงานยกพระมหา
เศวตฉัตรในพระท่ีน่ังอมรินทรวินิจฉัย กับสมเด็จพระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนี และสมเด็จพระนางเจ้า พระบรมราชเทวี
ทรงลาดพระยี่ภู่ ณ ที่พระบรรทม พระทน่ี ง่ั จักรพรรดิพมิ านพร้อมกันด้วย
4 ท่านผู้หญิงบุษบา สธนพงศ์ (นามเดิม หม่อมราชวงศ์บุษบา กิติยากร) ธิดาของพระวรวงศ์เธอ กรมหมื่นจันทบุรีสุรนาถ
กับหม่อมหลวงบัว กิติยากร เกิดเมื่อวันท่ี ๒ สิงหาคม พ.ศ. ๒๔๗๗ สมรสกับหม่อมหลวงทวีสันต์ ลดาวัลย์ มีธิดา ๑ คน ต่อมา
ท่านผูห้ ญิงบุษบาสมรสกับนาวาเอก สุรยทุ ธ์ สธนพงศ์
5 ชว่ งเวลาเถลงิ พระแทน่ พระบรรทม คอื ๑๙.๕๔ น. - ๒๒.๐๒ น. ดใู น “ที่ ๑๑/๒๔๙๓ กำ� หนดการพระราชพธิ บี รมราชาภเิ ษก
พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช สยามินทราธิราช และพระราชพิธีเฉลิมพระราชมนเทียร,” ราชกิจจานุเบกษา
ตอนที่ ๒๗ เลม่ ๖๘ (๙ พฤษภาคม ๒๔๙๓) : ๑๙๔๐. อน่ึง ทรงพระกรณุ าโปรดเกลา้ ฯ พระราชทานเหรยี ญเสมาที่ระลกึ พระราชพธิ ี
บรมราชาภเิ ษก และดอกพกิ ลุ ทองพกิ ุลเงนิ หนึง่ คแู่ กส่ ตรีในราชสกลุ ที่ปฏบิ ัตหิ น้าที่ในรว้ิ ขบวนเฉลมิ พระราชมณเฑียรดว้ ย
ประมวลเอกสารพระราชพิธีบรมราชาภิเษก 481
ถวายพระพรชัยมงคล
เฉลิมพระนาม สมเด็จพระสังฆราช
จอมพลวทันหทาี่ ๗รบพกฤษพภร้อาคมมด้ว๒ย๔ส๙ม๓เด(็จ๑พฯ๖ระ๖น)1างเเวจล้าาส๑ิริก๑ิต.๐ิ์ พ๐รนะ.บพรรมะรบาชาทินสี เมสเดด็จ็จอพอรกะทเจ้อ้างอพยรู่หะัวโรทงรกงลเาคงร่ือพงรเตะท็มยี่นศั่ง
จักรีมหาปราสาท นายวรการบัญชา (บุญเกิด สุตันตานนท์)2 รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศเฝ้า
ตามต�ำแหน่ง พลตรี พระยาสุรวงศ์วิวัฒน์ (เต้ียม บุนนาค)3 สมุหพระราชมนเทียร กราบบังคมทูล เบิกทูตานุทูต
เฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท เซอร์ จีออฟฟรีย์ แฮริงตัน ทอมสัน Sir Geoffrey Harington Thomson, K.C.M.G.
เอกอัครราชทูตอังกฤษในฐานะหัวหน้าคณะทูตอ่านค�ำกราบบังคมทูล ถวายพระพรชัยมงคล ดังนี้
*“I have the honour to convey to Your Majesty the sincere congratulations and best
wishes of the Diplomatic and Consular Corps on Your Majesty’s formal assumption of the
grace responsibilities and high dignities of the great estate to which Your Majesty has been
called.
It is the earnest hope of all those on whose behalf I speak today that Your Majesty’s
reign will be long and happy, and that under it the Thai people, who during the last few
weeks have so clearly demonstrated their loyalty and affection towards Your Majesty’s
Person will continue to enjoy the blessings of peace, prosperity and progress.
I beg that Her Majesty the Queen will also graciously accept our warm felicitations
and every good wish for the future.”
ค�ำแปล
* “ขอเดชะ ฝ่าละอองธุลีพระบาทปกเกล้าปกกระหม่อม
ข้าพระพุทธเจ้าขอพระราชทานกราบบังคมทูลถวายพระพรชัยด้วยน้�ำใจจริงและความปรารถนา
1 วันอาทติ ย์ เดอื น ๖ แรม ๖ คำ�่
2 นายวรการบัญชา (บุญเกิด สุตันตานนท์) เกิดเมื่อวันท่ี ๒๔ มิถุนายน พ.ศ. ๒๔๔๖ เป็นบุตรของพระพิจิตรโอสถ (รอด
สุตันตานนท์) และเจ้ากาบแก้ว ณ ล�ำพูน ด�ำรงต�ำแหน่งส�ำคัญทางราชการ เช่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ รัฐมนตรี
ว่าการกร3ะ ทพรลวตงรเศี พรษรฐะกยาารสุรรวฐั งมศน์วติวรัฒวี ่านก์ า(เรตก้ียรมะทบรุนวงนกาาคร)คลเกังิดถเงึมแ่ือกว่อันสทญั ี่ ๒กร๐รมธเันมวื่อาวคันมท่ี ๒๑ มถิ ุนายน พ.ศ. ๒๕๑๗ สิริอายุ ๗๐ ปี
พ.ศ. ๒๔๒๒ เป็นบุตรของพลโทเจ้าพระยา
สรุ วงศว์ ฒั นศกั ด์ิ (โต) กบั ทา่ นผหู้ ญงิ ตลบั (สกลุ เดมิ โอสถานนท)์ สมรสกบั หมอ่ มหลวงวงศ์ ฉตั รกลุ มบี ตุ รธดิ า ๕ คน พระยาสรุ วงศว์ วิ ฒั น์
ด�ำรงต�ำแหน่งส�ำคัญทางราชการ เช่น ผู้บังคับการกรมทหารราบท่ี ๓ ปลัดกรมเสนาธิการทหารบก สมุหพระราชมณเฑียร
ถึงแก่อนิจกรรมเมือ่ วนั ท่ี ๒๕ มถิ ุนายน พ.ศ. ๒๕๐๕ สิริอายุ ๘๓ ปี
482 ประมวลเอกสารพระราชพิธีบรมราชาภิเษก
อย่างดีย่ิงของคณะทูตานุทูตและกงสุล ในการที่ใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาทได้เสด็จข้ึนทรงรับพระราชภาระ
อันส�ำคัญย่ิงและเถลิงพระราชอิสริยยศอันสูงศักดิ์ของแผ่นดินตามพระราชพิธีแล้ว
พวกข้าพระพุทธเจ้าทุกคน ซึ่งข้าพระพุทธเจ้าเป็นผู้กราบบังคมทูลพระกรุณาแทนเขาอยู่ในวันนี้ มีความ
หวังใจอย่างแท้จริงว่า รัชกาลของพระองค์จะด�ำรงย่ังยืนนานด้วยความผาสุกและตลอดรัชสมัยนี้ พศกนิกร
ชาวไทยซึ่งต่างได้พากันแสดงความจงรักภักดีปฏิพัทธ์ในใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาทอย่างประจักษ์แจ้งในระหว่าง
สัปดาห์ที่ล่วงมานั้นจะคงมีแต่สันติสุขความรุ่งเรือง และความเจริญก้าวหน้าสืบต่อไป
ข้าพระพุทธเจ้าขอพระราชทานกราบบังคมทูลพระกรุณาสมเด็จพระบรมราชินี ขอได้ทรงรับค�ำถวาย
พระพรอันจริงใจและความปรารถนาอันดีของเราด้วย เพ่ืออนาคตกาล
ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อม ขอเดชะฯ
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมีพระราชด�ำรัสตอบ ด่ังนี้
“ข้าพเจ้ายินดีมากท่ีได้รับค�ำอวยพรของคณะทูตานุทูตและกงสุล ท่ีท่านได้กล่าวแก่ข้าพเจ้าในวันนี้
ขอท่านจงได้รับความขอบใจและความชื่นชมอย่างจริงใจของข้าพเจ้าด้วย
ข้าพเจ้ามีความพอใจเป็นอย่างยิ่งท่ีได้เห็นท่านผู้แทนนานาประเทศท้ังปวงแสดงอัธยาศัยไมตรีอันดีนี้
อย่างพร้อมเพรียงในวาระงานพระราชพิธีบรมราชาภิเษกของข้าพเจ้าคร้ังน้ี และการน้ีย่อมเป็นการแสดงถึง
มิตรภาพที่บรรดาประชาชาติต่าง ๆ ได้มีต่อประเทศชาติของข้าพเจ้าอีกครั้งหนึ่ง ส�ำหรับตัวข้าพเจ้าเองก็จะได้
เพียรพยายามที่จะปฏิบัติการทุกอย่างเท่าท่ีสามารถจะท�ำได้ เพื่อช่วยส่งเสริมสัมพันธไมตรี ซ่ึงมีอยู่โดยผาสุก
ระหว่างประเทศของเราแต่ละฝ่ายน้ันให้สนิทสนมแน่นแฟ้นยิ่งข้ึน
ในการที่ท่านได้แสดงไมตรีจิตแด่สมเด็จพระบรมราชินีและตัวข้าพเจ้าเองน้ัน ข้าพเจ้าขอบใจท่าน
ทั้งหลายด้วยความจริงใจ และใคร่สนองพร ขอให้ท่านทั้งหลายได้ประสพความสุขส�ำราญและขอให้ประเทศ
ซึ่งท่านมาเป็นผู้แทนอยู่ ณ พระราชส�ำนักน้ี จงมีแต่ความเจริญรุ่งเรืองย่ิงข้ึนสืบไป”
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมีพระราชด�ำรัสตอบแล้วเสด็จข้ึน
เวลา ๑๖.๓๐ น. พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวพร้อมด้วยสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิต์ิ พระบรมราชินี
ทรงรถยนตพ์ ระทนี่ ง่ั จากพระตำ� หนกั จติ รลดารโหฐาน สวนจติ รลดาเสดจ็ มายงั พระบรมมหาราชวงั เทยี บรถยนต์
พระที่น่ังเชิงบันไดพระท่ีน่ังสุทไธสวรรย์ปราสาทด้านเหนือ เสด็จขึ้น พลตรี สวัสดิ์ สวัสดิ์รณชัย สวัสดิเกียรติ1
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ กราบบังคมทูลเบิกนายต่วน สุวรรณศาสน์2 จุฬาราชมนตรี และคณะ
กรรมการกลางอิสลามเข้าเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท ถวายพระพรชัยมงคล
1 พลโท สวัสด์ิ สวัสด์ิรณชัย สวัสดิเกียรติ เกิดเมื่อวันที่ ๓๐ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๔๔๒ เป็นบุตรของนายเซ้งและนางจีน
เคยด�ำรงต�ำแหน่งส�ำคัญต่าง ๆ เช่น ผู้บัญชาการโรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า รองนายกรัฐมนตรี รัฐมนตรีว่าการกระทรวง
คมนาคม รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม ถึงแก่กรรมเม่ือวันท่ี ๑๖ พฤษภาคม
พ.ศ. ๒๔๙๕ สิรอิ ายุ ๕๕ ปี
2 นายตว่ น สุวรรณศาสน์ (ฮัจยีอิสมาเเอล บนิ ฮัจยียะฮย์ า) เกิดเม่อื วันท่ี ๑ เมษายน พ.ศ.๒๔๓๒ เปน็ บุตรของฮจั ยียะฮ์ยา
และนางเอี่ยม สมรสกับนางสาย สุวรรณศาสน์ มีบุตรธิดา ๒ คน ถึงแก่อนิจกรรมเมื่อวันท่ี ๒๒ มีนาคม พ.ศ.๒๕๒๔ สิริอายุ ๙๓ ปี
ดำ� รงตำ� เเหน่งจฬุ าราชมนตรี ๓๓ ปี
ประมวลเอกสารพระราชพิธีบรมราชาภิเษก 483
ต่อจากนั้น พลโท มังกร พรหมโยธี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย กราบบังคมทูลเบิกผู้แทน
คณะบุคคลต่าง ๆ ทางศาสนาและพาณิชย์เข้าเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาทด่ังต่อไปนี้
“ขอเดชะ ฝ่าละอองธุลีพระบาทปกเกล้าปกกระหม่อม
ข้าพระพุทธเจ้า ขอพระราชทานพระบรมราชวโรกาสกราบบังคมทูลเบิกผู้แทนคณะบุคคลต่าง ๆ ทาง
ศาสนาและพาณิชย์ ที่มาเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาทในงานพระราชพิธีบรมราชาภิเษก ดั่งจะได้ขอพระราชทาน
กราบบังคมทูลเบิกเป็นรายคณะ โดยล�ำดับต่อไปน้ี
๑. อุปสังฆราช เปรูดอง กับคณะโรมันคาร์ทอลิก
๒. มร.ฮอเรส ดับละยู. ไรเบิร์น กับคณะเปรสไบเตเรียน
๓. มร.อัลวา ปอล ริตซ์ กับคณะเสฟเวนเดย์ แอดเวนตีส
๔. นายพ่วง อรรฆภิญญ์ กับคณะสภาคริสตจักรในประเทศไทย
๕. มร.กอรดอน แลงฟอร์ ลอร่ี กับคณะสมาคมอเมริกัน
๖. มร.เอียน สิลเอร์ แมคอิเวน กับคณะหอการค้าอังกฤษ
๗. มร.ชางทรูเกง กับคณะสโมสรฝร่ังเศส
๘. นายสหัท มหาคุณ กับคณะสมาคมพาณิชย์จีน
๙. มร.เอินสต์ ดิกเกนแมน กับคณะสโมสรสวิสส์
๑๐. มร.เจนส์ โอเก หยาร์ตเว็ต กับคณะสมาคมชาวเดนมาร์ค
๑๑. มร.เอส. ที. มาตานี กับคณะหอการค้าอินเดีย
๑๒. มร.ซาดาซิงห์ ชาชเตฟ กับคณะสมาคมซิกส์
๑๓. มร.แอกเซล นีลเซน กับคณะบริษัท อิสต์ เอเชียติก จ�ำกัด
๑๔. นายด�ำรง จ่างตระกูล กับคณะสมาคม ไว.เอม.ซี. เอ.
๑๕. นายจุลินทร์ ล�่ำซ�ำ กับคณะหอการค้าไทย
๑๖. นายเกษม ล่�ำซ�ำ กับคณะสมาคมพ่อค้าไทย
ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อม ขอเดชะ”
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยกราบบังคมทูลเบิกจบแล้ว ผู้แทนคณะต่าง ๆ ได้ทูลเกล้าฯ ถวาย
ซองบรรจุค�ำถวายพระพรต่อพระราชหัตถ์เป็นรายละคณะ คร้ันถ้วนแล้วพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
และสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิต์ิ พระบรมราชินีเสด็จออกสีหบัญชรพระท่ีน่ังสุทไธสวรรย์ปราสาท1
1 แตเ่ ดมิ จะเสดจ็ ออกทม่ี ขุ เดจ็ พระทนี่ ง่ั จกั รมี หาปราสาทอนั เปน็ ธรรมเนยี มมาแตค่ รงั้ รชั สมยั พระบาทสมเดจ็ พระปกเกลา้ เจา้ อยหู่ วั
แต่พิจารณาแล้วสถานท่ีดังกล่าวคับแคบจึงเปล่ียนเป็นเสด็จออกท่ีสีหบัญชรพระที่นั่งสุทไธสวรรย์ปราสาท ดูใน หอจดหมายเหตุ
แห่งชาติ. มท. ๐๒๐๑.๒.๑.๓๑.๑/๕ [๒๔] “รายงานการประชุมก�ำหนดการพระราชพิธีราชาภิเษก ณ ห้องประชุมส�ำนักพระราชวัง
๒๒ กมุ ภาพันธ์ ๒๔๙๓.”
484 ประมวลเอกสารพระราชพิธีบรมราชาภิเษก
พระยารามราชภักดี ปลัดกระทรวงมหาดไทยน�ำประชาชนเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท น้อมเกล้าฯ ถวายดอกไม้
ธูปเทียนและกราบบังคมทูลถวายพระพรชัยมงคลแทนประชาชนดังนี้
“ขอเดชะฝ่าละอองธุลีพระบาทปกเกล้าปกกระหม่อม
ข้าพระพุทธเจ้าในนามแห่งอาณาประชาราษฎรทั้งหลายท่ีได้มาสโมสรสันนิบาต เพ่ือถวายพระพร
ชัยมงคลในมหามงคลสมัยวันพระบรมราชาภิเษก ก่อนที่ข้าพระพุทธเจ้าทั้งหลายจะถวายพระพรชัยมงคลนี้
ข้าพระพุทธเจ้าขอพระราชทานพระบรมราชวโรกาสกราบบังคมทูลพระกรุณาถึงความรู้สึกอันจริงใจของเหล่า
อาณาประชาราษฎร ทั้งท่ีได้มีโอกาสมาเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท ณ ที่นี้ และที่มิได้มีโอกาสมา เพ่ือทรงทราบ
ใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาท
นับจ�ำเดิมแต่ใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาทเสด็จข้ึนเถลิงถวัลยราชสมบัติสืบต่อจากสมเด็จพระบรมเชษฐา
ธิราช ข้าพระพุทธเจ้าทั้งหลายผู้สืบสายโลหิตจากบรรพบุรุษชาวไทยผู้มีความจงรักภักดีในพระมหากษัตรา
ธิราชเจ้า มั่นคงอยู่ในสันดานเป็นเนืองนิตย์ตลอดมาแต่บรรพกาล ต่างรู้สึกปลาบปล้ืมปิติเป็นล้นพ้น ท่ีได้มี
พระมหากษัตริย์ผู้ทรงพระคุณธรรมอันประเสริฐ ทรงมีพระราชอัธยาศัยและพระราชจริยาวัตรอ่อนโยนเป็น
ที่พึงเคารพสักการ ได้ทรงแสดงพระเมตตาปราณีปฏิสันถารแก่อาณาประชาราษฎรโดยทั่วไปสมกับ
ประเทศไทยท่ีมีการปกครองตามระบอบรัฐธรรมนูญ
ด้วยน�้ำใสใจจริงของข้าพระพุทธเจ้าท้ังหลาย ได้มีความปรารถนาอันแรงกล้า ใคร่จะได้เห็นใต้ฝ่าละออง
ธุลีพระบาทเสด็จประทับอยู่ในราชอาณาจักรเพื่อเป็นที่อุ่นเกล้าฯ และเป็นม่ิงขวัญอาณาประชาราษฎรโดย
ตลอดไป แต่โดยที่ข้าพระพุทธเจ้าทั้งหลายได้เล็งเห็นความส�ำคัญและความจ�ำเป็นท่ีใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาท
จะต้องเสด็จไปทรงศึกษาวิทยาการ ณ ไพรัชประเทศ1 เพื่อเป็นทางเจริญพระปัญญาบารมี จะได้เป็นศรีสง่าแก่
ราชอาณาจักรสืบไป จ่ึงได้หักห้ามอารมณ์แห่งความปรารถนาและกลับบังเกิดความปีติปราโมทย์ท่ีจะได้มี
พระมหากษัตริย์ผู้ทรงรอบรู้ในวิทยาการและทรงพระปรีชาสามารถมาเป็นประมุขของชาติ ทรงปกครอง
ประเทศชาติให้เจริญรุ่งเรืองทันเทียมอารยะประเทศท้ังหลาย ในเมื่อทรงส�ำเร็จการศึกษาแล้ว
ในระหว่างที่ใต้ฝา่ ละอองธลุ พี ระบาททรงศกึ ษาและเสดจ็ ประทับอยู่ ณ ไพรชั ประเทศนนั้ ข้าพระพุทธเจา้
ท้ังหลายต่างได้สนใจสดับข่าวคราวในใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาทอยู่เป็นเนืองนิตย์ คราวใดที่ได้ข่าวว่าใต้ฝ่าละออง
ธุลีพระบาททรงพระเกษมส�ำราญก็มีความยินดีปราโมทย์ คราวใดท่ีได้ข่าวว่าทรงพระประชวรก็มีความวิตก
ทุกข์ร้อน ใคร่จะให้หายจากพระประชวรเสียโดยพลัน
ต่อมาเม่ือได้ข่าวว่า ใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาทจะเสด็จนิวัตสู่พระนครในครั้งนี้ ข้าพระพุทธเจ้าท้ังหลาย
ต่างรู้สึกปีติปลาบปล้ืมอย่างหาท่ีเปรียบมิได้ ท่ีจะได้มีโอกาสเฝ้าชมพระบุญญาบารมี แต่น้ันก็นับวันนับคืนคอย
เวลาท่ีจะให้ถึงก�ำหนดเสด็จมาถึงพระนคร คร้ันในวันเสด็จถึง นับแต่เข้าเขตราชอาณาจักร เหล่าข้าพระพุทธเจ้า
ทั้งหลายต่างก็ได้มีโอกาสเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาทตลอดระยะทางท่ีได้เสด็จพระราชด�ำเนินผ่านอย่างคับค่ัง
เต็มไปด้วยความปรีดาปราโมทย์ ท้ังนี้ย่อมเป็นองค์พะยานในความจงรักภักดีและกตัญญูกตเวทิตาของ
อาณาประชาราษฎรท่ีมีในใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาทอย่างสุดซ้ึง
1 คอื ตา่ งประเทศ
ประมวลเอกสารพระราชพิธีบรมราชาภิเษก 485
อน่ึง ท่ีได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานพระบรมราชวโรกาสให้เหล่าข้าพระพุทธเจ้า
ทั้งหลายมาเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาทถวายพระพรชัยมงคลในวันน้ี ต่างเต็มตื้นไปด้วยความปีติยินดีและซาบซ้ึง
ในพระมหากรุณาธิคุณเป็นล้นเกล้าฯ หาที่สุดมิได้ จึ่งขอพระราชทานถวายพระพรชัยในมหามงคลพระบรม
ราชาภิเษก ณ บัดนี้
ด้วยเดชะอ�ำนาจแห่งสัจวาจาดั่งได้กราบบังคมทูลพระกรุณามาแล้วแต่ต้น ทั้งอ�ำนาจแห่งความกตัญญู
กตเวทิตาของปวงข้าพระพุทธเจ้าทั้งหลาย อันประกอบด้วยความเช่ือมั่นและเล่ือมใสในพระศรีรัตนตรัย
จงบันดาลให้ใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาทเสด็จด�ำรงสิริราชสมบัติสถิตสถาพรยั่งยืนนาน ไพโรจน์ชัชวาลย์ด้วย
พระเกียรติยศเกียรติคุณทุกทิพาราตรีกาล มีพระชนมายุเจริญนานนับด้วยร้อยพรรษาปราศจากสรรพโรคาพาธ
ภัยพิบัติอุปัทวันตราย ทรงมีพระพลานามัยอันสมบูรณ์ ขอให้พระเกียรติยศ เกียรติคุณแผ่ไพศาลไปทั่วทิศานุทิศ
แม้มีพระราชประสงค์จ�ำนงหมายส่ิงใด ก็ให้ส�ำเร็จลุล่วงสมด่ังพระบรมราชประสงค์ทุกประการ
ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อม ขอเดชะ”
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมีพระราชด�ำรัสตอบดังนี้
“ข้าพเจ้าขอบใจในไมตรีจิต ท่ีท่านท้ังหลายได้มาร่วมชุมนุมกันอ�ำนวยพรแก่ข้าพเจ้าทั้งสองในวันน้ี และ
รู้สึกปีติยินดี ที่ได้เห็นความสามัคคีพร้อมเพรียงของท่านทั้งหลาย ท่ีแสดงความจงรักภักดีและความปรารถนา
อันดีแก่ข้าพเจ้า ขอให้ท่านทั้งหลายจงเชื่อเถิดว่า ข้าพเจ้ามีความอาลัยห่วงใย และต้ังใจที่จะช่วยท�ำนุบ�ำรุง
ความสุขความเจริญ ให้แก่อาณาประชาราษฎรชาวไทย โดยจริงใจอยู่เสมอ หากแต่ในขณะน้ี ข้าพเจ้ายังอยู่ใน
ระหว่างท่ียังจะต้องได้รับการพิทักษ์รักษาของแพทย์ เพ่ือให้กลับมีสุขภาพและอนามัยสมบูรณ์ จึงจ�ำจะต้องอยู่
ในความดูแลของแพทย์ผู้ท่ีได้ท�ำการรักษาข้าพเจ้ามาแต่ต้นน้ัน ต่อไปอีกก่อน และในโอกาสนั้น ก็จะได้ศึกษา
และดูกิจการไปด้วย เพ่ือจะได้น�ำมาประกอบความด�ำริ ในการบริหารราชการแผ่นดินต่อไป ข้าพเจ้ารู้สึก
จับใจมาก ที่ท่านท้ังหลายได้ต้อนรับข้าพเจ้า ต้ังแต่วันที่ได้กลับมาสู่พระนครและย่ิงได้มาเห็นไมตรีจิต อันส�ำแดง
แก่ข้าพเจ้าในวันน้ีก็ยิ่งมีความปลาบปลื้มเป็นทวีคุณ ด้วยความโสมนัสยินดีขออวยพรให้อาณาประชาราษฎร
ชาวไทยทั้งหลาย จงประสพความสุขความเจริญโดยทั่วกัน”
ต่อจากน้ันพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีประทับยืนอยู่ ณ
สีหบัญชรต่อไปอีกประมาณ ๑๐ นาที จึงเสด็จพระราชด�ำเนินลงจากพระท่ีนั่งสุทไธสวรรย์ปราสาท ประทับ
รถยนตพ์ ระทนี่ ง่ั เสดจ็ พระราชดำ� เนนิ ไปยงั พระทนี่ งั่ ไพศาลทกั ษณิ 1 ทรงรบั ดอกไมธ้ ปู เทยี นของทา้ ววรคณานนั ท์
1 ปรากฏหลักฐานว่ามีแนวความคิดท่ีหลังจากเสด็จออกให้ประชาชนเฝ้าฯ ท่ีสีหบัญชรพระท่ีน่ังสุทไธสวรรย์ปราสาทแล้ว
จะได้เสด็จพระราชด�ำเนินไปยังท่าราชวรดิฐเพื่อทอดพระเนตรขบวนพยุหทางเรือ ซ่ึงจะแต่งไฟลอยล�ำถวาย ดูใน หอจดหมายเหตุ
แหง่ ชาติ. มท. ๐๒๐๑.๒.๑.๓๑.๑/๕ [๗]. “เสดจ็ ใหร้ าษฎรเฝ้า.”
486 ประมวลเอกสารพระราชพิธีบรมราชาภิเษก
ทูลเกล้าฯ ถวายในนามข้าราชการหญิงในพระราชฐาน แล้วพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและสมเด็จ
พระนางเจ้าสิริกิต์ิ พระบรมราชินีเสด็จออกพระท่ีน่ังอมรินทรวินิจฉัย ทางพระทวารเทวราชมเหศวร์
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงจุดธูปเทียนถวายนมัสการพระศรีรัตนตรัยแล้ว โปรดเกล้าฯ ให้
หลวงบรรเจิดอักษรการ อาลักษณ์อ่านประกาศกระแสพระบรมราชโองการทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ
ประกาศสถาปนาเฉลิมพระนามสมเด็จพระสังฆราช1 จบแล้ว พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงหลั่งน�้ำถวายที่
พระหัตถ์สมเด็จพระสังฆราช และทรงประเคนใบก�ำกับพระสุพรรณบัฏ ไตร ย่าม ชาวพนักงานประโคมสังข์
บัณเฑาะว์ ฆ้องชัย แตร และดุริยางค์ ครั้นแล้วพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงตั้งสมณศักดิ์พระราชาคณะ
เพ่ือพระราชสิริสวัสด์ิและเป็นราชธรรมานุสรณ์ในการพระราชพิธีบรมราชาภิเษกตามบูรพราชประเพณี
และทรงประเคนพัดยศแก่พระราชาคณะที่ได้รับแต่งตั้ง ดังต่อไปน้ี
๑. พระมหาอ่อน (จิตสุทฺธิ) เปรียญ ๗ ประโยค วัดปรินายก เป็น พระวิสุทธินายก พระราชาคณะ
สามัญ ฝ่ายมหานิกาย2
๒. พระครูมหาเจติยาภิมณฑ์ (แสวง วิมโล) เปรียญ ๓ ประโยค วัดพระศรีมหาธาตุ เป็น พระวิมล
ศีลาจารย์ พระราชาคณะสามัญ ฝ่ายธรรมยุตติกนิกาย3
๓. พระมหาเชือน (อินฺทปญฺโญ) เปรียญ ๕ ประโยค วัดทรงธรรม เป็น พระสุเมธมุนี พระราชาคณะ
สามัญ ฝ่ายรามัญนิกาย
ระหว่างท่ีสถาปนาสมเด็จพระสังฆราชและพระราชาคณะฤกษ์ ๓ รูป ที่พระที่น่ังอมรินทรวินิจฉัยนี้
พระสงฆ์ทรงสมณศักด์ิชั้นสมเด็จพระราชาคณะและพระราชาคณะจ�ำนวน ๑๐ รูป มีสมเด็จพระพุทธ
โฆษาจารย์ สมเด็จพระพุฒาจารย์ สมเด็จพระวันรัต พระธรรมวโรดม พระอุบาลีคุณูปมาจารย์ พระสาสนโสภณ
พระพิมลธรรม พระพรหมมุนี พระธรรมโกศาจารย์ พระรัตนธัชมุนี เจริญชัยมงคลคาถา เมื่อทรงตั้งสมณศักด์ิ
แล้ว สมเด็จพระสังฆราช ถวายอดิเรก สมเด็จพระวันรัต ถวายพระพรลา
ต่อจากนั้นพระบรมวงศานุวงศ์และข้าราชการ ทูลเกล้าฯ ถวายดอกไม้ธูปเทียนในการพระราชพิธีเฉลิม
พระราชมนเทียร4 มีล�ำดับดั่งต่อไปนี้
พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมขุนชัยนาทนเรนทร ทูลเกล้าฯ ถวายในนามของพระบรมวงศานุวงศ์
จอมพล ป. พิบูลสงคราม นายกรัฐมนตรี ทูลเกล้าฯ ถวายในนามของส�ำนักนายกรัฐมนตรี และหน่วย
ราชการท่ีบังคับบัญชา
1 ดูรายละเอียดใน “ประกาศสถาปนาเฉลิมพระนามสมเด็จพระสังฆราช,” ราชกิจจานุเบกษา ตอนท่ี ๒๗ เล่ม ๖๗
(๙ พฤษภาคม ๒๔๙๓): ๔๘๔ - ๔๘๙.
2 พระวสิ ทุ ธินายก (อ่อน ฐิตสุทฺธิ) เกิดเมอ่ื วนั ท่ี ๒๖ มนี าคม พ.ศ. ๒๔๖๑ อดตี เจ้าอาวาสวัดปรนิ ายก
3 พระเทพสุเมธี (แสวง วิมโล) อดีตเจ้าอาวาสวัดพระศรีมหาธาตุ นามเดิม แสวง วิเศษโกสิณ เกิดเมื่อวันที่ ๓ เมษายน
พ.ศ. ๒๔๕๕ เป็นบตุ รพระพิพิธเสนห่ า (สด วิเศษโกสณิ ) กบั นางพิพิธเสนห่ า (ฉาก วเิ ศษโกสณิ ) มรณภาพเม่อื วนั ที่ ๒๔ พฤศจิกายน
พ.ศ. ๒๕๒๑ ดว้ ยอาการสงบ สิรอิ ายุ ๖๗ ปี พรรษา ๔๖
4 ในพระราชพิธีบรมราชาภิเษก รัชกาลท่ี ๗ พระบรมวงศานุวงศ์และข้าราชการฝ่ายหน้า ทูลเกล้าฯ ถวายดอกไม้ธูปเทียน
ก่อนการตงั้ สมณศกั ดพิ์ ระราชาคณะ
ประมวลเอกสารพระราชพิธีบรมราชาภิเษก 487
นายวรการบัญชา (บุญเกิด สุตันตานนท์) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ทูลเกล้าฯ ถวาย
ในนามของข้าราชการกระทรวงการต่างประเทศ
พระช่วงเกษตรศิลปการ (ช่วง โลจายะ)1 รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตราธิการ ทูลเกล้าฯ ถวาย
ในนามของข้าราชการกระทรวงเกษตราธิการ
พระยาบริรักษ์เวชชการ (บริรักษ์ ติตติรานนท์)2 รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ทูลเกล้าฯ ถวาย
ในนามของข้าราชการกระทรวงการสาธารณสุข
นายปฐม โพธิ์แก้ว รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม ทูลเกล้าฯ ถวายในนามของข้าราชการ
กระทรวงคมนาคม
นายสุกิจ นิมมานเหมินทร์3 รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุตสาหกรรม ทูลเกล้าฯ ถวายในนามของ
ข้าราชการกระทรวงการอุตสาหกรรม
พลตรี เภา เพียรเลิศ บริภัณฑ์ยุทธกิจ4 รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ทูลเกล้าฯ ถวายในนามของ
ข้าราชการกระทรวงพาณิชย์
พลโท มังกร พรหมโยธี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ทูลเกล้าฯ ถวายในนามของข้าราชการ
กระทรวงมหาดไทย
พระมนูภาณวิมลศาสตร์ (ชม จามรมาน)5 รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ทูลเกล้าฯ ถวายในนาม
ของข้าราชการกระทรวงยุติธรรม
พลตรี สวัสด์ิ สวัสดิ์รณชัย สวัสดิ์เกียรติ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ทูลเกล้าฯ ถวายในนาม
ของข้าราชการกระทรวงศึกษาธิการ
1 พระช่วงเกษตรศิลปการ (ช่วง โลจายะ) เกิดเมื่อวันที่ ๒๐ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๔๔๒ เป็นบุตรของหลวงศรีพลแผ้ว
(ขาว โลจายะ) ด�ำรงต�ำแหน่งต่าง ๆ เช่น อธิบดีกรมเกษตรและการประมง นายกสภามหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ รัฐมนตรีว่าการ
กระทรวงเกษตราธกิ าร เป็นต้น พระช่วงเกษตรศลิ ปการ ถงึ แกอ่ นจิ กรรมเมอื่ วนั ที่ ๑๐ มกราคม พ.ศ. ๒๕๓๑
2 พระยาบรริ กั ษเ์ วชชการ (ไล่ฮวด หรอื บริรกั ษ์ ตติ ติรานนท์) เกิดเมอ่ื วนั ที่ ๒๕ สิงหาคม พ.ศ. ๒๔๓๕ ด�ำรงต�ำแหน่งตา่ ง ๆ
เช่น สภานายกแพทยสมาคมแห่งประเทศไทย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข นายกสมาคมโหรแห่งประเทศไทยในพระบรม
ราชนิ ูปถัมภ์ เปน็ ต้น สมรสกับทา่ นผหู้ ญิงละมูล บรริ กั ษเ์ วชชการ ถงึ แกอ่ สญั กรรมในวันท่ี ๒๖ มนี าคม พ.ศ. ๒๕๑๑ สิริอายุ ๗๕ ปี
3 นายสุกิจ นิมมานเหมินทร์ เกิดเม่ือวันท่ี ๒๕ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๔๔๙ เป็นบุตรของนายหยี กับนางจันทร์ทิพย์
นิมมานเหมินทร์ ด�ำรงต�ำแหน่งต่าง ๆ เช่น อธิบดีกรมอาชีวศึกษา สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร จังหวัดเชียงใหม่ รัฐมนตรีว่าการ
กระทรวงอุตสาหกรรม เปน็ ต้น ถงึ แก่อนิจกรรมเมือ่ วันที่ ๒ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๑๙ สิรอิ ายุ ๖๙ ปี
4 พลเอก เภา เพยี รเลศิ บรภิ ณั ฑย์ ทุ ธกจิ เกดิ เมอื่ วนั ท่ี ๑๐ พฤศจกิ ายน พ.ศ. ๒๔๓๖ เปน็ บตุ รของนายเพช็ รแ์ ละนางสม้ จนี
เพยี รเลศิ รบั ราชการทหารจนไดร้ บั พระราชทานบรรดาศกั ดเ์ิ ปน็ พระบรภิ ณั ฑย์ ทุ ธกจิ ดำ� รงตำ� แหนง่ ตา่ ง ๆ เชน่ พลาธกิ ารทหารบก รฐั มนตรี
วา่ การกระทรวงเศรษฐการ นายกสภามหาวทิ ยาลยั เกษตรศาสตร์ เปน็ ตน้ สมรสกบั คณุ หญงิ มาเกอรติ บรภิ ณั ฑย์ ทุ ธกจิ (นางสาวมาเกอรติ
คลอ๊ ต) พลเอก เภา เพยี รเลศิ บรภิ ณั ฑย์ ทุ ธกจิ ถงึ แกอ่ นจิ กรรมเมอ่ื วนั ท่ี ๓ เมษายน พ.ศ. ๒๕๑๓ สริ อิ ายุ ๗๖ ปี
5 อ�ำมาตย์เอก พระมนูภาณวิมลศาสตร์ (ชม จามรมาน) เกิดเมื่อวันที่ ๓๐ มีนาคม พ.ศ. ๒๔๓๘ เป็นบุตรของนายกอน
และนางแดง จามรมาน ด�ำรงต�ำแหนง่ ตา่ ง ๆ เช่น รัฐมนตรวี า่ การกระทรวงยุติธรรม รัฐมนตรวี ่าการกระทรวงการคลงั พระมนูภาณ
วิมลศาสตร์ สมรสกับนางมนภู าณวมิ ลศาสตร์ (สาย จามรมาน) และถึงแก่อนจิ กรรมเมอ่ื วันที่ ๓๐ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๒๒
488 ประมวลเอกสารพระราชพิธีบรมราชาภิเษก
เมื่อรัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่าง ๆ ทูลเกล้าฯ ถวายดอกไม้ธูปเทียนเสร็จแล้ว กรรมการช�ำระปทานุกรม
ทูลเกล้าฯ ถวายพจนานุกรมฉบับบรมราชาภิเษก รัชกาลที่ ๙ แด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและสมเด็จ
พระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินี เสร็จแล้ว สังฆการีนิมนต์สมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ ขึ้นน่ังเหนืออาสนะ
บนธรรมาสน์ ซ่ึงตั้งทางด้านตะวันตก1 และพระสงฆ์ ๔ รูป ส�ำหรับรับอนุโมทนา ข้ึนนั่งอาสนะด้านตะวันออก
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินี ทรงจุดธูปเทียน
เคร่ืองทรงธรรม สมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ถวายศีลแล้ว ถวายพระธรรมเทศนามงคลสูต รัตนสูต เมตตสูต
รวมกัณฑ์หน่ึง จบแล้วทรงประเคนจตุปัจจัยไทยธรรม ชาวพนักงานประโคมแตรและดุริยางค์ พระสงฆ์ถวาย
อนุโมทนา สมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ถวายอดิเรก และถวายพระพรลา
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีเสด็จพระราชด�ำเนินกลับ
สถาปนาฐานันดรศักด์ิ พระบรมราชวงศ์
วันท่ี ๘ พฤษภาคม พุทธศักราช ๒๔๙๓ เวลา ๑๖.๓๐ น. พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงเคร่ือง
เต็มยศจอมพลเรือ ประดับราชอิสริยาภรณ์นพรัตนราชวราภรณ์ พร้อมด้วยสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรม
ราชินี เสด็จพระราชด�ำเนินโดยรถยนต์พระท่ีนั่งจากพระต�ำหนักจิตรลดารโหฐาน สวนจิตรลดามายังพระบรม
มหาราชวัง เสด็จออกพระที่น่ังไพศาลทักษิณ ทรงรับดอกไม้ธูปเทียนของสตรีบรรดาศักด์ิทูลเกล้าฯ ถวาย
เน่ืองในงานพระราชพิธีเฉลิมพระราชมนเทียรแล้ว เสด็จพระราชด�ำเนินออกพระที่นั่งอมรินทรวินิจฉัย
ทางพระทวารเทวราชมเหศวร์ ทรงจุดธูปเทียนถวายนมัสการพระศรีรัตนตรัยแล้ว ประทับพระราชอาสน์
โปรดเกล้าฯ ให้หลวงบรรเจิดอักษรการ อาลักษณ์อ่านประกาศกระแสพระบรมราชโองการ ทรงพระกรุณา
โปรดเกล้าฯ ให้สถาปนาพระฐานันดรศักด์ิพระบรมราชวงศ์2 ตามราชประเพณีท่ีสมเด็จพระมหากษัตริยาธิราช
ทรงปฏิบัติต่อเนื่องงานพระราชพิธีบรมราชาภิเษก จบแล้ว พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวพระราชทาน
น้�ำพระมหาสังข์ และทรงเจิมพระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้ารังสิตประยุรศักด์ิ กรมพระชัยนาทนเรนทร
แล้วพระราชทานเครื่องประกอบพระอิสริยยศ อันมี
๑. พระสุพรรณบัฏ
๒. พระแสงดาบนาคเศียรเดียว
๓. พานหมากเสวยทอง ประกอบด้วย มังสีทองลงยา, ผอบทองลงยา, ซองพลูทองลงยา, ซองบุหรี่ทอง
ลงยา, ตลับภู่ทองลงยา, ไม้จิ้มพระทนต์และไม้ควักพระกรรณทองลงยา, มีดด้ามทองลงยา
1 ในพระราชพิธีบรมราชาภิเษก รัชกาลท่ี ๖ และรัชกาลที่ ๗ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้พระราชาคณะถวาย
พระธรรมเทศนาบนพระราชอาสน์ ภายใตพ้ ระมหาเศวตฉตั ร
2 ดูรายละเอียดใน “ประกาศสถาปนาพระราชวงศ์,” ราชกิจจานุเบกษา ตอนท่ี ๒๗ เล่ม ๖๗ (๙ พฤษภาคม ๒๔๙๓):
๔๙๐ - ๕๑๑.
ประมวลเอกสารพระราชพิธีบรมราชาภิเษก 489
๔. บ้วนพระโอษฐ์ทองลงยา
๕. พระด่ิงทอง1 สายทอง
๖. พระตะกรุดทอง สายทอง
๗. แหวนนพรัตน
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวพระราชทานเครื่องประกอบพระอิสริยยศแด่ พระเจ้าบรมวงศ์เธอ
พระองค์เจ้ารังสิตประยุรศักดิ์ กรมพระชัยนาทนเรนทร เสร็จแล้ว พระราชทานน�้ำพระมหาสังข์และทรงเจิม
พระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าธานีนิวัต กรมหม่ืนพิทยลาภพฤฒิยากร และพระราชทานเคร่ืองประกอบ
พระอิสริยยศ อันมี
๑. พระสุพรรณบัฏ
๒. พระมาลาเส้าสะเทิน
๓. พระแสงดาบญี่ปุ่นฝักทองลายสลัก
๔. กากะบอกทองลงยาตรามงกุฎ มีถาดรอง
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวพระราชทานเคร่ืองประกอบพระอิสริยยศแด่พระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้า
ธานีนิวัต กรมหม่ืนพิทยลาภพฤฒิยากร เสร็จแล้ว พระราชทานน้�ำพระมหาสังข์ และทรงเจิม พระวรวงศ์เธอ
พระองค์เจ้าวิวัฒนไชย และพระราชทานเคร่ืองประกอบพระอิสริยยศ อันมี
๑. พระสุพรรณบัฏ
๒. หีบหมากไม้แดงหุ้มทองลงยา ตรามงกุฎ
๓. กากะบอกทองลงยา ตรามงกุฎ
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวพระราชทานเครื่องประกอบพระอิสริยยศแด่พระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้า
วิวัฒนไชยเสร็จแล้ว พระราชทานน้�ำพระมหาสังข์ และทรงเจิมพระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้านักขัตรมงคล
แล้วพระราชทานเคร่ืองประกอบพระอิสริยยศ อันมี
๑. พระสุพรรณบัฏ
๒. หีบหมากไม้แดงหุ้มทองลงยา ตราจุลมงกุฎ
๓. กากะบอกทองลงยา ตราจุลมงกุฎ
ขณะที่พระราชทานน้�ำพระมหาสังข์ ทรงเจิม และพระราชทานเครื่องประกอบพระอิสริยยศนี้
ชาวพนักงานประโคมสังข์ บัณเฑาะว์ แตร และดุริยางค์ เม่ือสุดเสียงประโคมแล้ว พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
ทรงรับดอกไม้ธูปเทียน2 ด่ังต่อไปนี้
1 วตั ถมุ งคลมีลักษณะคล้ายลกู ดิง่ หรือเม็ดมะยมซอ้ นกนั เปน็ ต้น ส�ำหรับหอ้ ยสายลกู ประค�ำ พระมหากษตั ริยท์ รงใช้ เรยี กวา่
พระดิ่ง และอาจพระราชทานแก่ข้าราชการช้ันผู้ใหญ่ท่ีมีความดีความชอบเพ่ือใช้เป็นเครื่องเตือนสติ เม่ือเกิดปัญหาจะได้พิจารณาให้
รอบคอบดว้ ยวิธีบรกิ รรมนับลูกประค�ำ ทำ� ให้มีสติเพ่ือกอ่ ใหเ้ กดิ สมาธแิ ละปัญญาสามารถแกไ้ ขปญั หาได้
2 ในพระราชพิธีบรมราชาภิเษก รัชกาลที่ ๖ ระบุว่า ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ถวายธูปเทียนท่ีพระบรมวงศานุวงศ์
ข้าราชการทงั้ ฝ่ายหน้าฝา่ ยในทลู เกล้าฯ ถวายแดพ่ ระสงฆ์ทีม่ าในการพระราชพิธี
490 ประมวลเอกสารพระราชพิธีบรมราชาภิเษก
๑. พระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้ารังสิตประยุรศักดิ์ กรมพระชัยนาทนเรนทร ประธานองคมนตรี
ในนามของคณะองคมนตรี ทูลเกล้าฯ ถวายดอกไม้ธูปเทียน
๒. เจ้าพระยาศรีธรรมาธิเบศ ประธานวุฒิสภา ทูลเกล้าฯ ถวายดอกไม้ธูปเทียนในนามของสมาชิก
วุฒิสภา
๓. นายเพียร ราชธรรมนิเทศ ประธานสภาผู้แทน ทูลเกล้าฯ ถวายดอกไม้ธูปเทียนในนามของสมาชิก
สภาผู้แทนและประชาชน
๔. ผู้บังคับการทหารมหาดเล็กรักษาพระองค์1 ทูลเกล้าฯ ถวายดอกไม้ธูปเทียนในนามของ
กรมทหารราบที่ ๑ มหาดเล็กรักษาพระองค์
๕. หม่อมหลวงเดช สนิทวงศ์2 ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย ทูลเกล้าฯ ถวายดอกไม้ธูปเทียน
ในนามของธนาคารแห่งประเทศไทย
เสร็จแล้ว สังฆการี3 นิมนต์สมเด็จพระสังฆราช เสด็จประทับเหนืออาสนะบนธรรมมาสน์ ซึ่งต้ัง
ทางด้านตะวันตกพร้อมด้วยพระสงฆ์ส�ำหรับรับอนุโมทนาอีก ๔ รูป นั่งอาสนะด้านตะวันออก พระบาทสมเด็จ
พระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินี ทรงจุดธูปเทียนเคร่ืองทรงธรรม ทรงศีลแล้ว
สมเด็จพระสังฆราชถวายพระธรรมเทศนาเทวตาทิสนกถา ทศพิธราชธรรม และจักรวรรดิวัตร รวมกัณฑ์หน่ึง
จบแล้ว พระสงฆ์ถวายอนุโมทนา ทรงประเคนจตุปัจจัยไทยธรรม ชาวพนักงานประโคมสังข์ แตร และ
เคร่ืองดุริยางค์ สมเด็จพระสังฆราชถวายอดิเรก ถวายพระพรลา พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและ
สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิต์ิ พระบรมราชินี เสด็จกลับ
ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้จัดต้นไม้เงินทอง และธูปเงินเทียนทองเป็นเคร่ืองราชสักการะ
มอบกระทรวงมหาดไทย เพื่อให้ข้าราชการฝ่ายภูมิภาคเชิญไปบูชาพระพุทธเจดียสถานที่เป็นหลักส�ำคัญใน
ราชอาณาจักร4 คือ
๑. พระพุทธบาท สระบุรี
๒. พระพุทธชินราช พิษณุโลก
๓. พระบรมธาตุ สวรรคโลก
๔. พระธาตุหริภุญไชย นครล�ำพูน
1 คือ จอมพล ประภาส จารเุ สถียร คร้งั ดำ� รงยศเป็นพนั เอก ประภาส จารุเสถยี ร
2 หม่อมหลวงเดช สนิทวงศ์ หรือหลวงเดชสหกรณ์ เกิดเม่ือวันที่ ๑๘ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๔๔๑ เป็นบุตรของพลเอก
เจ้าพระยาวงษานุประพัทธ์ (หมอ่ มราชวงศส์ ท้าน กลาง สนทิ วงศ)์ กบั ท่านผหู้ ญงิ วงษานปุ ระพทั ธ์ (ตาด สิงหเสน)ี ดำ� รงต�ำแหน่งต่าง ๆ
เช่น ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย รัฐมนตรีกระทรวงเกษตราธิการ ประธานองคมนตรี เป็นต้น สมรสกับท่านผู้หญิงประยงค์
สนิทวงศ์ ณ อยธุ ยา มีบุตรธิดา ๔ คน หม่อมหลวงเดช สนิทวงศ์ ถงึ แกอ่ สัญกรรมเมื่อวนั ท่ี ๘ กนั ยายน พ.ศ. ๒๕๑๘ สริ อิ ายุ ๗๗ ปี
3 เจา้ พนกั งานผ้มู ีหน้าท่เี กี่ยวกบั สงฆใ์ นงานหลวง บางสมยั ท�ำหน้าทพ่ี จิ ารณาโทษพระสงฆด์ ว้ ย
4 เครื่องราชสักการะดังกล่าวประกอบด้วย ต้นไม้ทอง ๑ ต้น ต้นไม้เงิน ๑ ต้น เทียนทองขนาดเล่มละ ๑๘๐ กรัม ๔ เล่ม
และธปู เงนิ ๔ ดอก ดใู น หอจดหมายเหตแุ หง่ ชาต.ิ มท.๐๒๐๑.๒.๑.๓๑.๑/๗ (๕๒). “บญั ชรี ายการเครอื่ งราชสกั การะทรงพระราชอทุ ศิ
ใหเ้ ชญิ ไปบชู าพระพทุ ธเจดยี สถานสำ� คญั ในราชอาณาจักร”
ประมวลเอกสารพระราชพิธีบรมราชาภิเษก 491
๕. พระปฐมเจดีย์ นครปฐม
๖. พระมหาธาตุ นครศรีธรรมราช
๗. พระธาตุพนม นครพนม
อน่ึง ในงานพระราชพิธีราชาภิเษกสมรส และพระราชพิธีบรมราชาภิเษกคราวน้ี ทรงพระกรุณา
โปรดเกล้าฯ พระราชทาน1
๑. หีบบุหร่ีเงินถม มีอักษรพระปรมาภิไธยย่อ ภอ. กับ สก. และจักรกับตรีศูลอยู่กลาง พระราชทานแก่
พระบรมวงศานุวงศ์ ข้าราชการผู้ใหญ่ ในวันงานพระราชพิธีราชาภิเษกสมรส
๒. ดอกพิกุลทอง ดอกพิกุลเงิน พระราชทานแก่พราหมณ์ พระบรมวงศานุวงศ์ และผู้มาเฝ้าในงาน
พระราชพิธีบรมราชาภิเษก
๓. เหรียญบรมราชาภิเษก ด้านหน้ามีอักษรพระปรมาภิไธยย่อ ภปร. ประดิษฐานบนพระท่ีนั่งอัฐทิศ
ด้านหลังมีอักษร
“บรมราชาภิเษก
วันท่ี ๕ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๔๙๓”2
มีแถบร้ิวเหลืองสลับขาว ชนิดทอง เงินชุบทอง เงิน และทองแดง พระราชทานแก่พระบรมวงศานุวงศ์
ข้าราชการและพระสงฆ์สมณศักด์ิ
๔. เสมาพระบรมรูปชนิดทองและเงินชุบทอง พระราชทานแก่ผู้ท่ีได้มีหน้าที่ปฏิบัติราชการ
สนองพระเดชพระคุณในงานพระราชพิธีบรมราชาภิเษก3
1 นอกจากส่ิงของท่ีทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานแก่พระบรมวงศานุวงศ์ ข้าราชการ พระสงฆ์ทรงสมณศักดิ์
ทรี่ ว่ มในงานพระราชพธิ แี ลว้ สำ� หรบั สาธารณะกรมไปรษณยี โ์ ทรเลขไดส้ รา้ งและจำ� หนา่ ยตราไปรษณยี ากรบรมราชาภเิ ษก เปน็ ทรี่ ะลกึ
โดยเร่ิมจ�ำหน่ายวันที่ ๕ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๔๙๓ ดูใน “ประกาศกระทรวงคมนาคม เรื่องสร้างและจ�ำหน่ายตราไปรษณียากร
บรมราชาภิเษก,” ราชกิจจานเุ บกษา ตอนที่ ๒๗ เล่ม ๖๗ (๙ พฦษภาคม ๒๔๙๓) : ๑๘๒๔ - ๑๘๒๕.
2 ทเี่ หรยี ญสะกดวา่ “บรมราชาภเิ ศก วันท่ี ๕ พฦษภาคม พ.ศ. ๒๔๙๓”
3 ดา้ นหนา้ ของเหรยี ญเสมาดงั กลา่ วเปน็ พระบรมรปู รชั กาลที่ ๙ ครงึ่ พระองค์ พระพกั ตรต์ รง ฉลองพระองคพ์ ลเรอื น ดา้ นหลงั
มีอักษรพระปรมาภิไธย “ภปร” ผูกลายเป็นวงกลม ด้านล่างมีข้อความ “พระราชพิธีบรมราชาภิเษก ๒๔๙๓” ซ่ึงนอกจากชนิดทอง
และเงินชุบทองแล้วยังพบเนื้อเงินกะไหล่ทอง เนื้อเงิน และเน้ือทองแดงจ�ำนวนหน่ึงด้วย อนึ่ง แหล่งข้อมูลบางแห่งยังได้กล่าวถึง
เหรยี ญชนดิ หนงึ่ ระบวุ า่ สรา้ งขนึ้ เพอื่ พระราชทานเปน็ ทร่ี ะลกึ เนอื่ งในพระราชพธิ บี รมราชาภเิ ษกแกพ่ ระบรมวงศานวุ งศ์ ขา้ ราชบรพิ าร
และประชาชน ลักษณะเป็นเหรียญเน้ือเงินและเน้ือนิกเกิล ด้านหน้าเป็นพระบรมรูปรัชกาลท่ี ๙ ครึ่งพระองค์ ผินพระพักตร์
ไปเบ้อื งขวา ด้านหลงั มขี อ้ ความ “พระราชทานเปน็ ท่ีระลกึ ”
492 ประมวลเอกสารพระราชพิธีบรมราชาภิเษก
ภาคผนวก
แผนท่ีบริเวณพระมหามนเทียรท่ีประกอบพระราชพิธีบรมราชาภิเษก
ประมวลเอกสารพระราชพิธีบรมราชาภิเษก 493
บริเวณพระมหามนเทียรท่ีประกอบพระราชพิธี
พระบรมราชาภิเษก
ก. พระที่น่ังจักรพรรดิพิมาน ๒๕. พระแท่นภาณวาร
ข. ท้องพระโรงหน้า ๒๖. พระท่ีนั่งราชฤดี
ค. พระท่ีนั่งไพศาลทักษิณ ๒๗. หอศาสตราคม
ง. พระที่นั่งอมรินทรวินิจฉัย ๒๘. หอพระสุลาลัยพิมาน
จ. พระที่น่ังจักรีมหาปราสาท ๒๙. พระท่ีนั่งดุสิดาภิรมย์
๑. ห้องทรงเคร่ือง ๓๐. เกยราชยาน
๒. พระท่ีน่ังจักรพรรดิพิมานองค์กลาง ๓๑. เกยช้าง
๓. พระแท่นราชบรรจถรณ์ ๓๒. สนามหน้าพระท่ีนั่งจักรีมหาปราสาท
๔. ท่ีเฝ้าในท้องพระโรงหน้า ๓๓. ประตูสนามราชกิจ
๕. มณฑปพระกระยาสนาน ๓๔. ประตูดุสิตศาสดา
๖. ศาลท้าวธตรฐ ๓๕. พระทวารเทเวศร์รักษา
๗. ศาลท้าววิรูปักษ์ ๓๖. พระทวารเทวาภิบาล
๘. ศาลท้าววิรุฬหก ๓๗. พระทวารชานอมรินทร
๙. ศาลท้าวกุเวร ๓๘. ถนนทรงบาตร
๑๐. ศาลพระอินทร ๓๙. ถนนอมรวิถี
๑๑. ที่ประดิษฐานพระชัยนวโลหะ ๔๐. เขาไกลาสจ�ำลอง
๑๒. ที่ประดิษฐานพระคเณศร์
๑๓. โต๊ะเคร่ืองสังเวยเทวดา
๑๔. พระท่ีนั่งอัฐทิศ
๑๕. พระแท่นมณฑล
๑๖. วิมานพระสยามเทวาธิราช
๑๗. พระทวารเทวราชมเหศวร์
๑๘. พระที่น่ังบุษบกมาลา
๑๙. พระที่น่ังภัทรบิฐ
๒๐. เก๋งนารายน์
๒๑. หอพระธาตุมนเทียร
๒๒. พระท่ีน่ังสนามจันทร
๒๓. พระแท่นเศวตฉัตร
๒๔. กระโจมเทียนชัย
494 ประมวลเอกสารพระราชพิธีบรมราชาภิเษก
การแต่งกาย
วันที่ ๑๘ - ๑๙ มีนาคม ๒๔๙๓
พิธีท�ำน�้ำอภิเษกตามภูมิภาค แต่งเคร่ืองแบบเต็มยศ
วันท่ี ๒๐ - ๒๑ เมษายน ๒๔๙๓
การจารึกพระสุพรรณบัฏ แต่งเครื่องแบบปกติ
วันท่ี ๓ พฤษภาคม ๒๔๙๓
เวลาเย็น ถวายสักการะพระบรมอัฐิ และพระอัฐิ แต่งเคร่ืองแบบปกติ
วันที่ ๔ พฤษภาคม ๒๔๙๓
เวลาบ่าย จุดเทียนชัย เจริญพระพุทธมนต์ แต่งเคร่ืองแบบเต็มยศ
สายสะพายราชอิสริยาภรณ์จุลจอมเกล้า
วันที่ ๕ พฤษภาคม ๒๔๙๓
เวลาเช้า บรมราชาภิเษก แต่งเคร่ืองแบบเต็มยศสายสะพายนพรัตนราชวราภรณ์
หรือ สายสะพายสูงสุดที่ได้รับพระราชทาน เว้นสายสะพายราชอิสริยาภรณ์
จุลจอมเกล้า สวมสายสร้อยจุลจอมเกล้า
เวลาบ่าย เสด็จออกมหาสมาคม แต่งเครื่องแบบเต็มยศสายสะพายขัตติยราช
อิสริยาภรณ์มหาจักรี หรือสายสะพายสูงสุดท่ีได้รับพระราชทาน เว้นสาย
สะพายราชอิสริยาภรณ์จุลจอมเกล้า สวมสายสร้อยจุลจอมเกล้า
เวลาเย็น เสด็จไปวัดพระศรีรัตนศาสดาราม แต่งเคร่ืองแบบเต็มยศ สายสะพาย
ขัตติยราชอิสริยาภรณ์มหาจักรี หรือสายสะพายสูงสุดท่ีได้รับพระราชทาน
เว้นสายสะพายราชอิสริยาภรณ์จุลจอมเกล้า สวมสายสร้อยจุลจอมเกล้า
เวลาค�่ำ เวียนเทียนสมโภช แต่งเครื่องแบบปกติ
เวลากลางคืน1 เฉลิมพระราชมนเทียร แต่งเคร่ืองแบบปกติ
วันที่ ๗ พฤษภาคม ๒๔๙๓
เวลาเช้า ทูตเฝ้าฯ แต่งเครื่องแบบเต็มยศ สายสะพายขัตติยราชอิสริยาภรณ์มหาจักรี
เวลาบ่าย ประชาชนเฝ้าฯ ข้าราชการแต่งเคร่ืองแบบเต็มยศ สายสะพายราชอิสริยาภรณ์
ช้างเผือก ประชาชนแต่งกายสุภาพตามธรรมนิยม
เวลาเย็น ถวายดอกไม้ธูปเทียน ต้ังสมณศักด์ิทรงธรรม แต่งเครื่องแบบเต็มยศ
สายสะพายราชอิสริยาภรณ์ช้างเผือก
1 น่าจะหมายถงึ เวลากลางคนื ของวนั ท่ี ๖ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๔๙๓
ประมวลเอกสารพระราชพิธีบรมราชาภิเษก 495
วันท่ี ๘ พฤษภาคม ๒๔๙๓
เวลาเย็น สถาปนาพระฐานันดรศักด์ิพระบรมวงศ์ ถวายดอกไม้ธูปเทียน ทรงธรรม
แต่งเครื่องแบบเต็มยศสายสะพายนพรัตน์ราชวราภรณ์
ต�ำแหน่งเฝ้าฯ
(๑) พระราชพิธีจารึกพระสุพรรณบัฏ
เป็นการจ�ำเพาะเจ้าพนักงานผู้มีหน้าท่ี
(๒) วันที่ ๔ พฤษภาคม ๒๔๙๓ เย็น
เจริญพระพุทธมนต์
(ก) เฝ้าฯ บนพระท่ีนั่งไพศาลทักษิณ
พระบรมวงศานุวงศ์ ฝ่ายหน้า ฝ่ายใน ตั้งแต่พระองค์เจ้าขึ้นไป องคมนตรี นายกรัฐมนตรี
รัฐมนตรี ประธานวุฒิสภา ประธานสภาผู้แทน
ท้ังนี้ รวมทั้งชายาหรือสามีด้วย
(ข) เฝ้าฯ ท่ีท้องพระโรงหน้า
หม่อมเจ้าและข้าราชการฝ่ายใน
(ค) เฝ้าฯ ที่พระท่ีนั่งอมรินทรวินิจฉัย
สมาชิกวุฒิสภา สมาชิกสภาผู้แทนและข้าราชการ
(๓) วันท่ี ๕ พฤษภาคม ๒๔๙๓ เช้า
บรมราชาภิเษก
(ก) เฝ้าฯ บนพระท่ีนั่งไพศาลทักษิณ
พระบรมวงศานุวงศ์ฝ่ายหน้า ฝ่ายใน องคมนตรี นายกรัฐมนตรี รัฐมนตรี ประธานวุฒิสภา
ประธานสภาผู้แทน เอกอัครราชทูต อัครราชทูต ผู้รักษาการแทนทูต
ท้ังนี้ รวมท้ังชายาหรือสามีด้วย
(ข) เฝ้าฯ ท่ีท้องพระโรงหน้า
หม่อมเจ้าและข้าราชการฝ่ายใน
(ค) เฝ้าฯ ท่ีพระท่ีนั่งอมรินทรวินิจฉัย
สมาชิกวุฒิสภา สมาชิกสภาผู้แทนและข้าราชการ
เสด็จออกมหาสมาคมที่พระท่ีนั่งอมรินทรวินิจฉัย
นายกรัฐมนตรี ประธานวุฒิสภา ประธานสภาผู้แทน คณะรัฐมนตรีเฝ้าฯ หน้าพระสูตร
ด้านตะวันตก
496 ประมวลเอกสารพระราชพิธีบรมราชาภิเษก
คณะทูต เฝ้าฯ หน้าพระสูตรด้านตะวันออก
สมาชิกวุฒิสภา สมาชิกสภาผู้แทน และข้าราชการเฝ้าฯ ภายในร้ิวต�ำรวจกรมวังซ้ายขวา
ทั้งน้ี รวมท้ังชายาหรือสามีด้วย
ราชองครักษ์และข้าราชการในพระองค์ เฝ้าฯ ภายในพระสูตร
เสด็จออกมหาสมาคมที่พระที่นั่งไพศาลทักษิณ
พระบรมวงศานุวงศ์ฝ่ายหน้าฝ่ายใน เฝ้าฯ ในพระที่นั่งไพศาลทักษิณ ข้าทูลละอองธุลีพระบาท
ฝ่ายใน เฝ้าฯ ท่ีท้องพระโรงหน้า
เสด็จไปวัดพระศรีรัตนศาสดาราม
พระบรมวงศานุวงศ์ฝ่ายหน้า ข้าราชการผู้ใหญ่เฝ้าฯ ในพระอุโบสถ
ทั้งนี้ รวมทั้งชายาหรือสามีด้วย
นอกจากนี้ เฝ้าฯ ท่ีมุขหน้าพระอุโบสถและชาลา
เสด็จไปพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท
พระบรมวงศานุวงศ์ฝ่ายหน้า ฝ่ายใน และข้าทูลละอองธุลีพระบาทฝ่ายใน เฝ้าฯ บนพระที่นั่ง
ดุสิตมหาปราสาท มุขใต้และมุขกระสันต์ ข้าราชการผู้ใหญ่ เฝ้าฯ บนพระท่ีน่ังดุสิตมหาปราสาท มุขเหนือ
ท้ังนี้ รวมทั้งชายาหรือสามีด้วย
นอกกว่านี้ เฝ้าฯ ที่ชาลาหน้าพระมหาปราสาท
เฉลิมพระราชมนเทียร เวลาค�่ำ
พระบรมวงศานุวงศ์ และข้าราชการในพระองค์ เฝ้าฯ ที่ท้องพระโรงหน้า
(๔) วันท่ี ๗ พฤษภาคม ๒๔๙๓
เช้า ทูตเฝ้าฯ
เฝ้าฯ จ�ำเพาะพนักงานเจ้าหน้าท่ี
บ่าย ประชาชนเฝ้าฯ
หน้าพระที่น่ังสุทไธสวรรยปราสาท
การถวายดอกไม้ธูปเทียน
พระบรมวงศานุวงศ์ฝ่ายหน้า ฝ่ายใน เฝ้าฯ ท่ีพระที่น่ังอมรินทรวินิจฉัย
ข้าทูลละอองธุลีพระบาทฝ่ายใน เฝ้าฯ ที่ท้องพระโรงหน้าถวายดอกไม้ธูปเทียนท่ีพระท่ีน่ัง
ไพศาลทักษิณ
สมาชิกวุฒิสภา สมาชิกสภาผู้แทน ข้าราชการฝ่ายหน้าเฝ้าฯ ในพระท่ีนั่งอมรินทรวินิจฉัย
ท้ังนี้ รวมท้ังชายาหรือสามีด้วย