The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

เล่มแผนการสอน ม.ปลาย

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by 421ed000047, 2021-09-14 23:17:57

เล่มแผนการสอน ม.ปลาย

เล่มแผนการสอน ม.ปลาย

โทรศพั ท์ ถึงคณุ ครบั คุณกัญญา

แต่ถ้าผทู้ ่ีถูกถามหาเปน็ ผรู้ บั โทรศัพทน์ ัน้ เอง เขาก็จะพูดวา่
1. ( สปคี กิง้ ) กำลงั พดู ครบั
2. This is he / she. (ธสิ อีสฮี / ซี)ผม/ดิฉันคือคนนัน้ แหละ
3. I’m on the line. (ไอมออนเธอะ ไลน)ผมกำลงั พูดครับ
4. Here’s Thanapol. (เฮยี สธนพล) น่ีคือ ธนพล ครบั
5. Thanapol is speaking. (ธนพล อีส สปคี ก้งิ ) ธนพละกำลงั พดู ครบั

ควรกล่าวขอบคุณที่เขาโทรมาหาโดยพูดวา่
1. Thanks for calling. Goodbye. (แธ้งส ฟอร์ คอลลิ่ง กู้ดบาย)
ขอบคุณทโ่ี ทรมาลาก่อนครับ
2. Thank you for your call.
ขอบคุณทโี่ ทรมา
3. Nice talking to you. Goodbye. (ไนซ ทอคกิง่ ทู ยู กู้ดบาย)
ผมดใี จที่ได้พูดกบั คุณครับ ลาก่อน

แบบทดสอบกอ่ นเรยี น

Choose the best answer.

1. What do people do on Christmas day?
a. They give each other present.
b. They wear costumes and go “trick or treating.
c. They carry their Krathongs to float along the river.
d. They celebrate with firecrackers and lion dances.

2. When is the deadline of the application?
a. 15 June
b. 24 hours
c. 2 weeks
d. one month

3. What ate the positions required?
a. Only one secretary.
b. We require 2 positions.
c. What is your position?
d. Two designers and a secretary.

4. What should you do when you are in Korea?
a. Eat with left hand.
b. Touch people on their head.
c. Shake hands when you meet other people.
d. Give something to the elders with both hands.

5. What would Thai people do on Songkran festival?
a. Go to work as usual.
b. Throw water at each other.
c. Attend a costume party.
d. Avoid eating meat or dairy products.

แบบทดสอบหลังเรยี น

Choose the best answer.

1. What do people do on Christmas day?
a. They give each other present.
b. They wear costumes and go “trick or treating.
c. They carry their Krathongs to float along the river.
d. They celebrate with firecrackers and lion dances.

2. When is the deadline of the application?
a. 15 June
b. 24 hours
c. 2 weeks
d. one month

3. What ate the positions required?
a. Only one secretary.
b. We require 2 positions.
c. What is your position?
d. Two designers and a secretary.

4. What should you do when you are in Korea?
a. Eat with left hand.
b. Touch people on their head.
c. Shake hands when you meet other people.
d. Give something to the elders with both hands.

5. What would Thai people do on Songkran festival?
a. Go to work as usual.
b. Throw water at each other.
c. Attend a costume party.
d. Avoid eating meat or dairy products.

1 a เฉลยแบบทดสอบ
2 a
3 d
4 c
5 b

เฉลยกิจกรรม
ทา้ ยบทเรยี นหนว่ ยท่ี 3

คร้ังท่ี 8

แผนการจัดการเรยี นรู้รายสปั ดาห์ วันท่ี 1/08/2564

ภาคเรยี นท่ี 1 ปีการศกึ ษา 2564

รายวชิ าภาษาอังกฤษเพ่ือชีวิตและสงั คม (พต31001) ระดับมัธยมศกึ ษาตอนปลาย (5 หนว่ ยกติ )

หน่วยท่ี 4 Culture Differences ( 1 ชัว่ โมง)

ศนู ยก์ ารศึกษานอกระบบและการศกึ ษาตามอธั ยาศัยอำเภอเมอื งระยอง

1. มาตรฐานการเรียนร้รู ะดับ
มคี วามร้คู วามเขา้ ใจทักษะและเจตคติเกยี่ วกับภาษา ท่าทาง การฟงั พดู อ่าน เขียน ภาษาต่างประเทศดว้ ย

ประโยคท่ซี บั ซ้อนมากขึ้นในชีวติ ประจำวัน และงานอาชีพของตนถูกต้องตามหลักภาษา วฒั นธรรม และกาลเทศะ
ของเจ้าของภาษา
2. เนือ้ หาตามหลกั สตู ร

2.1 เร่อื งท่ี 1 การใชภ้ าษาในการสอ่ื สารได้อย่างตามแบบ ตามมารยาททางสังคมและวัฒนธรรมของ
เจา้ ของภาษา

2.2 เรอ่ื งท่ี 2 ความเชื่อและขนบธรรมเนียมประเพณขี องเจ้าของภาษา
2.3 เรือ่ งท่ี 3 การเปรียบเทียบโครงสรา้ งภาษาไทยกบั ภาษาอังกฤษ
2.4 เรอ่ื งท่ี 4 การเปรยี บเทียบสำนวน คำพังเพย สุภาษติ บทกลอน ภาษาไทยและภาษาอังกฤษ
3. ผลการเรียนรู้ทค่ี าดหวงั (ตัวช้ีวดั )
3.1 เขา้ ใจความแตกต่างทางวัฒนธรรมของเจ้าของภาษา
3.2 ใชค้ ำศัพท์ และโครงสรา้ งภาษาทถ่ี ูกตอ้ งเหมาะสมกับวัฒนธรรมของเจา้ ของภาษา
3.3 เปรยี บเทียบความแตกต่างระหว่าง วฒั นธรรมองั กฤษกับวัฒนธรรมได้
4. กระบวนการจัดการเรยี นรแู้ ละกิจกรรมเพ่ิมเติม
ขน้ั นำ (Warm-up Activity)
1. ทักทายผู้เรียน / พูดคุยเกี่ยวกับเร่ืองของวิธีการใช้ภาษา น้ำเสียงและภาษาท่าทางต่าง ๆ ให้มีความ
เหมาะสมกับบุคคล สถานท่ี เวลา และโอกาส ขนบธรรมเนียมประเพณีของเจ้าของภาษา โครงสร้างภาษาไทยกับ
ภาษาองั กฤษ และสำนวนภาษา
2. ผู้สอนช้แี จงจุดประสงค์การเรียนร้/ู หัวขอ้ การเรียนรู้ / ประเด็นของการเรียนรู้
3. ทำแบบทดสอบก่อนเรยี น

ขั้นสอน
1. ผู้สอนต้ังประเด็นคำถาม เรอ่ื ง ผู้เรยี นมีทักษะหรอื วิธีการใช้ภาษาในการส่ือสารได้เหมาะสมหรือไม่ มี

ความเข้าใจในขนบธรรมเนียม ประเพณีของเจ้าของภาษามากน้อยเพียงใด รวมถึงสามารถเปรียบเทียบ
โครงสรา้ งภาษาไทยกับภาษาอังกฤษ และเปรยี บเทียบสำนวนภาษาไทยกับภาษาองั กฤษได้หรอื ไม่

2. ผู้เรียนฝึกการพูดบทสนทนา เกี่ยวกบั หัวข้อการติดต่อโทรศัพท์กับผู้คุ้นเคย การติดต่อทางโทรศัพท์เพ่ือ
สอบถามข้อมลู ต่าง ๆ การติดต่อทางโทรศัพท์เพ่ือการประกอบอาชีพ

3. ผู้สอนสอนวิธีการพูดโต้ตอบทางโทรศัพท์กับเพื่อน ญาติ พ่ีน้อง และผู้ที่คุ้นเคยในเร่ืองต่าง ๆ โดยใช้
สำนวนและภาษาที่เหมาะสม ใช้สำนวนภาษาท่ีใช้พูดทางโทรศัพท์เพื่อสอบถามข้อมูลต่าง ๆ ที่ต้องการทราบ
โดยใช้รูปประโยคขอรอ้ ง ประโยคคำถามลักษณะต่าง ๆ ประโยคแสดงความคิดเห็นและการขอบคณุ เชน่ การ
สอบถามเส้นทางการเดินทางไปท่ีต่าง ๆ สอบถามตารางรถไฟ เคร่ืองบิน สอบถามข้อมูลด้านการคุ้มครอง
ผบู้ รโิ ภค/สขุ ภาพอนามยั /พยากรณอ์ ากาศ

ขั้นสรปุ
1. ผสู้ อนและผู้เรยี นร่วมกันสรปุ องค์ความรู้ โดยเชื่อมโยงจากแบบเรียน ใบความรู้ และแหลง่ เรียนรู้ ส่ือ

Internet ตา่ ง ๆ ในการศึกษาหาข้อมูล
2. ให้ผเู้ รียนแต่ละคนสรปุ ความรใู้ นเรอ่ื งทเ่ี รยี นร้จู ากการศึกษาค้นควา้ และจากการนำเสนอผลงานของแต่

ละคนเขียนลงในใบกิจกรรมตามประเด็นที่กำหนด พรอ้ มเปิดโอกาสใหซ้ ักถามในเรอ่ื งท่ียังไม่เขา้ ใจหรอื ยงั สนใจ
3. รวบรวมใบกิจกรรม จดั เก็บในแฟ้มสะสมงาน
4. ทำแบบทดสอบหลงั เรยี น

งานท่มี อบหมาย
1. ศกึ ษาแบบเรียนวิชาภาษาองั กฤษเพอ่ื ชวี ิตและสงั คม และใบกจิ กรรม
2. ครูมอบหมายให้ผู้เรยี นไปศึกษาเพมิ่ เติมด้วยตนเอง (กรต.) ในหวั ข้อตามแบบเรยี น

5. ส่อื /แหลง่ เรยี นรู้
1. มุมหนังสอื กศน.ตำบลเชิงเนนิ
2. หอ้ งสมดุ ประชาชนจงั หวัดระยอง
3. หนังสือเรียนวิชาภาษาอังกฤษเพ่ือชีวิตและสังคม หนว่ ยท่ี 4
4. Internet

6. การเรยี นรดู้ ว้ ยตนเอง (กรต.)

ที่ ตวั ช้ีวดั เนื้อหา (กรต.) จำนวน หมายเหตุ
ชัว่ โมง
ใบกิจกรรมท่ี
เขา้ ใจความ 1. การใชภาษาในการสื่อสารได้เหมาะสมตาม มารยาททางสงั คม 1 พบกลมุ่

1 แตกตา่ งทาง และวัฒนธรรมของเจของ ภาษา การใชภาษา น้ำเสียงและภาษาท ใบกิจกรรมที่
2
วฒั นธรรม าทางได้ อย่างเหมาะสมกับบุคคล เวลา สถานทแี่ ละโอกาส เชน 3
ของเจา้ ของ การสัมผัสมอื การโบกมือ การใชสีหนาทา่ ทาง และน้ำเสียง ชั่วโมง พบกล่มุ
ภาษา ประกอบการพูด การแนะนําตัวเอง การ แสดงความรูสึกในโอกาส
ใบกจิ กรรมที่
ตา่ ง ๆ การแตง่ กาย การ รบั ประทานอาหาร รว่ มงานงานเล้ียง 3
กรต.
งานสงั สรรค และกิจกรรมทางสงั คมต่าง ๆ
ใบกจิ กรรมที่
2 ใชค้ ำศพั ท์ 2. ความเชือ่ และขนบธรรมเนียม ประเพณขี อง 4
กรต.
และ เจาของภาษา ความเปน็ มาของความเช่ือขนบธรรมเนยี มและ

โครงสรา้ ง ประเพณีต่าง ๆ ในสังคมของเจาของภาษา การทำกจิ กรรมตาม

ภาษาที่ ความเชอ่ื ขนบธรรมเนียมและประเพณีต่าง ๆ ในด้านบทเพลง

ถกู ต้อง การแตง่ กาย อาหารเครื่องด่มื และการประกอบพิธีกรรมทีเ่ กี่ยวของ 4 ชวั่ โมง

เหมาะสมกับ ไดแ้ ก วนั ครสิ ตมาส วนั ขอบคุณพระเจา วนั วาเลนไทน และวนั พอ

วัฒนธรรม

ของเจา้ ของ

ภาษา

3 เปรยี บเทยี บ 3.การเปรียบเทยี บโครงสร้างภาษาไทยกบั ภาษาอังกฤษ

ความ เปรยี บเทียบลกั ษณะคาํ ท่ีมาของคําความหมายและการประยกุ ตคาํ

แตกต่าง ในภาษาองั กฤษใชในภาษาไทยและคําในภาษาไทย ท่ีนาํ ไปใน

ระหวา่ ง ภาษาองั กฤษ ตัวอยา่ ง เชน

วฒั นธรรม - ศัพทของภาษาไทยสวนใหญ่มาจากภาษาบาลี/

อังกฤษกับ สนั สกฤตในขณะท่ีศัพทของภาษาอังกฤษ สวนใหญ่

วัฒนธรรมได้ จากภาษากรีกและโรมัน 5 ช่ัวโมง

- คาํ ในภาษาอังกฤษทน่ี ํามาใชในภาษาไทย เชน

กโิ ลกรมั กิโลเมตร เซนติเมตร คําในภาษาไทยที่นําไปใช

ในภาษาอังกฤษ เชน Tom Yam Kung, Muai Thai

4. เปรยี บเทยี บ สํานวน คาํ พังเพย สภุ าษติ บท

กลอนภาษาไทยและภาษาอังกฤษ

1.1 คาํ และสาํ นวนที่ไดร้ ับอิทธพิ ลจากศาสนา

ที่ ตวั ชี้วัด เนื้อหา (กรต.) จำนวน หมายเหตุ
ชัว่ โมง

เชน
- Oh, god! = คุณพระช่วย
- Oh, my god! = พทุ โธธมั โม สังโฆ
etc.
1.2 คาํ พงั เพย สุภาษติ ท่ีมักจะใชใน
ชีวิตประจำวนั เชน
- It’s a piece of cake.
= ปลอกกล้วยเขาปาก
- Silence is gold. = นง่ิ เสียตำลึงทอง
- Time and tide wait for no one.
= เวลาและวารีไมเ่ คยคอยใคร
ลักษณะของบทกลอนภาษาไทยกับภาษาองั กฤษท่เี หมือนและ
แตกต่างกัน แรงบันดาลใจของกวีในการแต่งคาํ ประพันธพรอม
ตวั อย่างทม่ี ักได้ยนิ เสมอ ๆ
เชน Roses are red, violets are blue,
sugar is sweet, but not as sweet as you.
แมเ้ นือ้ เยน็ เปน็ หวงมหรรณพ
จะขอพบศรสี วสั ดิ์เป็นมัจฉา
แมเ้ ปน็ บวั ตัวพ่ีเป็นภุมรา
เชยผกาโกสุมภประทุมทอง
แมเ้ ปน็ ถ้ำอำไพใครเป็นหงส
จะรอนลงสงิ สู่เป็นคสู อง
จะตดิ ตามทรามสงวนนวลละออง
เป็นคคู รอง พิศวาส ทุกชาติไป
Etc.

7. การวัดผลและประเมินผล เครอ่ื งมอื การวดั ผล เกณฑ์การประเมินผล
แบบทดสอบกอ่ นเรียน ทำแบบทดสอบผา่ น 70% ข้นึ ไป
การวัดผลตามจดุ ประสงค์ แบบทดสอบหลังเรยี น
ความรู้ (Knowledge)
1. มคี วามรู้ความเข้าใจความ

การวัดผลตามจุดประสงค์ เครื่องมอื การวดั ผล เกณฑก์ ารประเมินผล

แตกตา่ งทางวัฒนธรรมของเจ้าของ รอ้ ยละ 80 ของผ้เู รียนทำใบ
กจิ กรรมได้อย่างถูกต้อง
ภาษา
การตั้งคำถาม และการตอบคำถาม
2. มคี วามรู้ความเข้าใจการใช้

คำศัพท์ และโครงสร้างภาษาท่ี

ถูกต้องเหมาะสมกับวัฒนธรรมของ

เจา้ ของภาษา

3. มคี วามรเู้ ขา้ ใจเปรียบเทยี บ

ความแตกต่างระหวา่ ง วฒั นธรรม

องั กฤษกับวฒั นธรรมได้

ทกั ษะ (Skill) ใบกิจกรรม

1. เขา้ ใจความแตกตา่ งทาง

วฒั นธรรมของเจ้าของภาษา

2. ใช้คำศพั ท์ และโครงสร้างภาษา

ที่ถูกต้องเหมาะสมกับวัฒนธรรม

ของเจา้ ของภาษา

3. เปรียบเทียบความแตกต่าง

ระหว่าง วฒั นธรรมองั กฤษกบั

วัฒนธรรมได้

เจตคติ (Attitude) การทำกิจกรรมพบกลมุ่

1. มีความร้สู กึ เจตคติทด่ี ีต่อ

การเรียนภาษาอังกฤษ

ลงชอื่ .............................................................ผสู้ อน
(…………………………..………………)

วนั ท่ี…......เดือน…………….......พ.ศ……………....

ขอ้ เสนอแนะของหัวหน้าสถานศกึ ษาหรือผ้ทู ่ีไดร้ บั มอบหมาย

.................................................................................. ................................................................................
………………………………………………………………………………………………………………………………………………..

ลงชือ่ ...................................................ผู้อำนวยการ กศน.อำเภอเมืองระยอง

(……....................…………………………)

วันที่......เดือน…………….......พ.ศ………..

ใบกิจกรรมที่ 1
รายวิชา ภาษาอังกฤษเพื่อชีวติ และสังคม (พต31001)

ใบกิจกรรมที่ 2
รายวิชา ภาษาอังกฤษเพื่อชีวติ และสังคม (พต31001)

ใบกจิ กรรมที่ 3 (กรต.)
รายวชิ า ภาษาอังกฤษเพ่ือชีวติ และสงั คม (พต31001)

ใบกจิ กรรมที่ 4 (กรต.)
รายวชิ า ภาษาอังกฤษเพ่ือชีวติ และสงั คม (พต31001)

ใบความรู้
การเปรยี บเทียบโครงสร้างภาษาไทย และภาษาอังกฤษ

โครงสร้างภาษาไทย และภาษาองั กฤษ ความคล้ายคลึงกันของโครงสรา้ งประโยค

โครงสร้างประโยคพ้ืนฐานในภาษาทกุ ๆ ภาษาน้ันจะประกอบดว้ ย ประธาน (Subject), กรรม (Object) และกริยา

(Verb) แมว้ า่ ในบางประโยคจะมไี ม่ครบทุกสว่ น แตค่ วามแตกต่างระหว่างภาษาน้ันอยทู่ ี่การวางตำแหน่งของคำในไวยากรณ์

โดยสามารถแบง่ รปู แบบไวยากรณต์ ามลักษณะการจัดเรยี งของคำในภาษา สำหรบั ภาษาไทย และภาษาอังกฤษพบว่ามี

ลกั ษณะของไวยากรณเ์ หมือนกนั คอื ประธาน กรยิ า กรรม (Subject, Verb, Object) จะตา่ งกันกแ็ ตเ่ พียงตำแหนง่ ของ

กริยาชว่ ย และบุพบท เทา่ น้ัน

ตารางท่ี 1 ตารางเปรยี บเทยี บรูปแบบประโยคภาษาองั กฤษ และภาษาไทย

ตวั อยา่ งของประโยคภาษาอังกฤษ และภาษาไทย มีดงั นี้

ภาษาอังกฤษ ภาษาไทย

1. Meg is beautiful. เม็ก สวย

2. The little cat is here. แมวตวั เล็กอยูท่ ี่นี่

3. My mother is a nurse. แม่ของฉันเปน็ นางพยาบาล

4. They laugh. พวกเขาหวั เราะ

5. She walk in the garden. หล่อนเดนิ ในสวน

โครงสร้างประโยคต่าง ๆ

1. ประโยคความเดียว Simple Sentence) คือ ประโยคทป่ี ระกอบด้วยกลุ่มคำ และมีความหมายสมบูรณ์

ประกอบด้วยภาคประธานและ ภาคกรยิ า หรอื อาจจะมสี ่วนเติมเต็มประกอบอยู่ในประโยคดว้ ย โครงสร้างของประโยค

ความเดยี วมดี งั ต่อไปน้ี

ตวั อยา่ งของประโยคความเดียวในแบบต่าง ๆ

- The students are happy. = ประธาน + กรยิ า + ส่วนเตมิ เต็ม

- Sujin bought the clothes. = ประธาน + กรยิ า + กรรม

- She is reading. = ภาคประธาน + ภาคแสดง

- Linda opens the store. = ภาคประธาน + กริยา + กรรมตรง

- I like his idea. = ภาคประธาน + กรยิ า + กรรมตรง

- The company is big and famous. = ภาคประธาน + กรยิ า + สว่ นเติมเต็มขยายประธาน

- The news made company staffs happy. = ภาคประธาน + กริยา + กรรม + ส่วนเติมเต็มขยายกรรม กล่าว

โดยสรุปได้ว่า ประโยคความเดียวจะต้องประกอบด้วย 1 ประธาน 1 กริยา น่ันเอง ในสว่ นของกรรม สว่ นเติมเต็ม และส่วน

ขยายอ่นื ๆ นนั้ ผเู้ ขียนสามารถนำไปประยุกต์ใช้ได้ตามความเหมาะสมของแตล่ ะโอกาส

2. ประโยคความรวม Compound Sentence) คือ ประโยคทป่ี ระกอบด้วยประโยคความเดียวอยา่ งน้อย 2
ประโยคโดยมคี ำเชื่อมระหวา่ งประโยค เชน่ and, or และอาจคั่นด้วยเคร่อื งหมายจลุ ภาค ( , ) เพื่อใหเ้ ปน็ ประโยคเดียวกนั
โครงสรา้ งของประโยคจะมีลักษณะดังต่อไปน้ี
คำเช่ือมท่ใี ชใ้ นการเช่ือมประโยคความรวมนั้น ก็มอี ยู่หลากหลายคำดว้ ยกนั ยกตวั อย่าง เช่น คำว่า and, not only….but
also, จะใช้ในประโยคทีค่ ลอ้ ยไปในทางเดยี วกัน คำว่า but, nor, neither nor จะใชใ้ นการเชอ่ื มประโยคท่ีมคี วามหมาย
ตรงข้ามกนั คำว่า because และ for instance ใช้ในการเชอ่ื มประโยคเพ่ือบอกเหตผุ ลหรือยกตวั อยา่ งเพิ่มเตมิ นอกจากนี้
แลว้ ยงั มคี ำเชือ่ มอืน่ ๆ อีกมากมาย เช่น for, or, so, yet, however, therefore, otherwise เป็นตน้

ตัวอย่างของประโยคความรวม
- The restaurant is big. - The food is not delicious.
= (The restaurant is big, but the food is not delicious.)
- John will write a homepage. - He will advertise his company.
John will write a homepage, and he will advertise his company.

3. ประโยคความซ้อน (Complex sentence)
ประโยคความซ้อน คือ ประโยคทปี่ ระกอบด้วยหนึง่ ประโยคท่ีสมบรู ณ์ ท่ีเรียกวา่ Independent clause และอนุ

ประโยคทีน่ ำหนา้ ด้วยคำแทนบุคคล สิง่ ของ สถานที่ เวลา หรือการกระทำท่เี ป็นประธานของประโยคหลกั ซึ่งเมอื่ แยกออก
แล้วไมไ่ ด้ความหมายท่สี มบูรณ์ เรยี ก อนุประโยคนีว้ า่ dependent clause กลา่ วคอื นำหน้าด้วย that, which, who,
while, what, when เป็นต้น
ตัวอย่าง ของประโยคความซ้อน

- The company that we like to apply for a job is famous.
= The company is famous. (Indep)
= That we like to apply for a job (Dep)
- The man who asked for your address is my boss.
= The man is my boss. (Indep)
= who asked for your address (Dep)
สกรรมกริยา Transitive verb) เป็นกริยาที่ยังไม่สมบูรณ์ต้องมีกรรมมารองรับจงึ จะทำใหป้ ระโยคสมบรู ณ์ เช่น
write give buy look close kick
ตวั อย่าง He writes a letter.

I bought a new house.
อกรรมกริยา (Intransitive verb) เป็นกรยิ าที่มคี วามสมบูรณใ์ นตัวมนั เอง ไม่ตอ้ งมกี รรมมารบั เช่น smile cry
run walk speak go come sleep
ตวั อย่าง I walk every morning.

They run very fast.

Conjunction หรือ คำสนั ธาน หมายถงึ คำเช่ือม หรือ คำต่อ เช่น and และ กบั or หรือ for เพราะว่า, เพราะ
but แต,่ นอกจาก since เน่อื งจาก, เพราะ because เพราะว่า, เพราะ till, จนกระทัง่ untill, before ก่อน, after
หลังจาก, although แมว้ า่ , though ถึงแมว้ ่า

หน้าทขี่ องคำสันธาน
คำสนั ธานมหี น้าที่ 2 ประการ คอื เชือ่ มคำกับคำ และเชื่อมประโยคกบั ประโยค
1. คำสนั ธานเช่ือมคำกบั คำ หมายถึง คำสันธานทเ่ี ช่ือมคำกับคำเข้าดว้ ยกนั เช่น คำนามกับคำนาม และคำกริยากบั

คำกริยา เชน่ - Can you sing or dance? (คุณสามารถรอ้ งเพลง หรือเต้นรำได้ไหม)
2. คำสันธานเชอื่ มประโยคกับประโยค หมายถงึ คำสันธานท่ีเชื่อมประโยคกบั ประโยคเข้าดว้ ยกนั เชน่ - I've lived

here since I was born. (ฉันอยู่ทน่ี ต่ี ัง้ แต่ผมเกิด) - Joe was there, but Jane was not. (โจอยูท่ ่นี ่แี ต่เจนไม่ได้อยู่ทน่ี ่ี)

ประเภทของคำสันธาน
1. คำสนั ธานแบง่ ตามหนา้ ที่ แบ่งไดเ้ ปน็ 2 ประเภท คือ คำสนั ธานเชือ่ มประสาน และคำสนั ธาน เชอ่ื มประโยครอง
1) คำสนั ธานเชื่อมประสาน (Coordinate conjunction) หมายถึง คำสันธานทเ่ี ช่ือมคำท่มี ีศักดิ์

เทา่ กนั คำสนั ธานเชือ่ มประสาน เช่น and or for but
- You or I must stay here. คุณหรือฉนั จะต้องอยู่ท่ีนี่
- My sister speaks French but I don't. พสี่ าวของฉนั พูดภาษาฝร่ังเศส แต่ฉันพูดไม่ได้
- She made a meal for us. เธอทำอาหารเพื่อพวกเรา
2) คำสันธานเช่ือมประโยครอง (Subordinate clause) หมายถึง คำสันธานที่เชอ่ื ม อนปุ ระโยครอง

หรือ ใหเ้ ข้ากับอนปุ ระโยคหลัก แบง่ ตามหน้าทีอ่ อกได้เป็น 3 ประเภท ได้แก่ อนปุ ระโยครองคำนาม อนุประโยครอง
คณุ ศัพท์ และอนุประโยครองวิเศษณ์

2.1 อนุประโยครองคำนาม "Noun clause" เชน่
- They say that they will come again. (พวกเขาพดู ว่าพวกเขาจะมาอีก)
- The students hope that they will pass the exam. (นกั ศึกษาหวงั ว่าพวกเขา

จะสอบผ่าน)
2.2 อนุประโยครองคุณศัพท์ "Adjective clause" หมายถึง อนุประโยครองท่ีทำหน้าที่ขยาย

คำนามท่ีอยู่ ขา้ งหน้า ซึ่งคำนามท่อี ยู่ข้างหน้าอาจเปน็ ประธานของประโยค เป็นกรรมของประโยค หรอื เป็นสว่ นเตมิ เต็ม
ของกรยิ าก็ได้

- This is the book that you gave me last month.
(นคี่ อื หนังสือท่ีคุณใหผ้ มเดือนท่ีแลว้ )
- The cake that your mother made was very good.
(ขนมเคก้ ท่ีแม่ของคุณทำอรอ่ ยมาก)
2.3 อนุประโยครองวิเศษณ์ "Adverb clause" หมายถึง อนปุ ระโยครอง ทีท่ ำหน้าท่ีขยาย

คำกริยาในอนปุ ระโยคหลกั อีกที เชน่
- He left the room before you came in. (เขาได้ออกจากห้องก่อนคณุ เข้ามา)
- I will wait for you until you return. (ฉันจะรอคณุ จนกว่าคุณจะกลบั มา)

การใชบ้ ุพบท (Preposition)
บพุ บท คือ คำที่ใช้เชอ่ื มคำนาม คำสรรพนาม หรือวลีเข้าด้วยกัน โดยคำหรอื วลีท่ี อยหู่ ลงั บุพบทจะถกู เรยี กวา่

"กรรมตามหลังบพุ บท" คำบุพบทจะใชเ้ พอื่ แสดงวา่ คำหรือวลที ่อี ยู่หลงั บุพบทนนั้ มีความสัมพนั ธ์กับสว่ นอื่น ๆ อย่างไรใน
ประโยค ในท่ีนี้ บุพบทในภาษาองั กฤษ มี 3 ลกั ษณะคือ บพุ บทบอกเวลา บุพบทบอกสถานท่ี และบพุ บทลูกผสม คือบอก
สถานท่ี และทิศทางในเวลาเดียวกัน

Preposition ใช้ไดใ้ นหลายกรณี
1. ใช้กบั สถานที่ แปลวา่ ที่ เช่น at the station = ที่สถานี at the office = ทีส่ ำนักงาน
at the bank = ทีธ่ นาคาร (หมายถงึ จุดตำแหนง่ ของสถานท่นี ้นั )
ใช้กับเวลา แปลว่า เมื่อเวลา เช่น at 8 o’clock = เม่อื เวลา 8 นาฬิกา
at noon = เวลาเที่ยงวนั at midnight = เวลาเทยี่ งคืน (หมายถงึ จดุ หนึง่ ของเวลา)
2. in ใช้กับสถานทแ่ี ปลว่า ใน เชน่ in the box = ในกลอ่ ง, in the house = ในบา้ น
in Bangkok = ในกรุงเทพ, in Thailand = ในประเทศไทย (หมายถึงภายในสถานที่, พ้ืนท)ี่
in ใช้กบั เดอื น, ป,ี ฤดู, ช่วงระยะเวลาแปลวา่ ใน เช่น in the morning = ในเวลาตอนเชา้
in june = ในเดอื นกรกฎาคม, in summer = ในฤดรู อ้ น, in 1999 = ในปี 1999
3. on ใชก้ ับ สถานท่แี ปลว่า บน เช่น on the table = บนโต๊ะ, on the tree = บนตน้ ไม้
on Silom street = บนถนนสีลม, on my head = บนศรษี ะของฉัน
on ใชก้ บั วัน, วนั ท,ี่ วันสำคัญตา่ ง ๆ แปลว่า ใน เช่น on Monday = ในวนั จนั ทร์
on Janury 2 = ในวนั ที่ 2 มกราคม, on my birthday = ในวนั เกิดของฉัน
4. โดยท่ัวไป แปลว่า เพื่อ, สำหรบั เชน่ for you = เพื่อคุณ, for me = เพ่อื ฉนั
for people = เพ่ือประชาชน, for our country = เพื่อประเทศของพวกเรา
for ใชก้ ับเวลาแปลวา่ เปน็ เวลา เช่น for ten minutes = เปน็ เวลา 10 นาที
for two weeks = เปน็ เวลาสองสัปดาห์, for two years = เปน็ เวลาสองปี
5. since แปลวา่ ต้ังแต่ ใชบ้ อกจุดเริ่มต้นของเวลาและเหตกุ ารณ์น้ัน ๆ เชน่
since 1995 = ตงั้ แตป่ ี 1995, since last year. = ตัง้ แตป่ ที ี่แล้ว
6. during แปลวา่ ระหว่าง (เวลา) เช่น during the summer = ระหวา่ งฤดรู ้อน
during my vacation = ระหว่างวันหยดุ ของฉัน (บอกความตอ่ เนื่องของเวลา)
7. between แปลวา่ ระหว่าง (สองส่งิ ) เชน่ B is between A and C = B อยรู่ ะหวา่ ง A และ C
Jenny is sitting between John and Tom. = เจนนก่ี ะลังนั่งอยรู่ ะหวา่ งจอหน์ และทอม
8. among = แปลว่า ระหว่าง (สามขึ้นไป) เช่น C is among A, B and D = C อยรุ่ ะหวา่ ง A, B และ D

Jenny is among Tom, John and Jack = เจนน่อี ยู่ระหวา่ งทอม จอห์น และแจ๊ค
9. over แปลว่า เหนือ (ตรงแนวด่ิงขึ้นไป) เช่น The sun is over our heads at noon.
ดวงอาทติ ย์ตรงศรีษะของพวกเราในเวลาเทยี่ งวัน
10. above แปลว่า เหนอื (ตรงไหนก็ได้ทสี่ งู กว่า) เชน่ The plane is above our heads.
เคร่อื งบนิ อยูเ่ หนือศรีษะของเรา (ตรงไหนก็ได้)

หลักไวยากรณ์ (Grammar focus)
ผ้เู รียนควรร้จู ักการใช้ tense ท่มี ักใชเ้ กี่ยวกับวฒั นธรรม ซึ่งเป็นประเพณีปฏบิ ัติเป็นความจริงท่คี นในชาติ หรือ

ทอ้ งถนิ่ ถือปฏบิ ัตเิ ปน็ ประจำ ไดแ้ ก่
Present Simple Tense

1. รูปประโยค (Form)

1) Subject + V1
ประธาน + กรยิ าช่องท่ี 1

2) ถา้ ประธานเป็นเอกพจน์บุรุษท่ี 3 (He, She, It หรอื เปน็ ชอื่ คน คำกริยาต้องเติม “s” หรือ “es”)

Examples
• My brother goes to school.
• Pom two tablets.
• Dang buys a red car.

3) เมอื่ ต้องการทำเป็นประโยคคำถามหรือปฏิเสธ ใชก้ ริยาชว่ ย “does” กบั ประธานเอกพจน์บรุ ษุ ท่ี 3 เทา่ นน้ั นอกน้ัน
ใช้ do

• Does she like to drink milk?
• Does the cat eat rat?
• Do you like to have lunch now?
• Do we have to go?
2. การใช้ (Usage)
1) เกดิ ขน้ึ เปน็ ประจำในปัจจบุ นั หรือเปน็ เหตกุ ารณ์ที่เกิดขึน้ อยา่ งสม่ำเสมอ
Examples
• She drinks tea every morning.
• That shop is closed at eight o’clock.
• I come to school on foot.

• My mother always gets up early in the morning.
2) เหตกุ ารณท์ เี่ ป็นจรงิ
Examples

• The earth moves around the sun.
• The sun shines by day.
• Honey is sweet.
• Honesty is the best policy.

3) ใช้กบั ประโยคคำสั่ง
Examples

• Open the window!
• quiet!
• Sit down!

4) มักใชก้ ับ Adverb of frequency เชน่ always, often, usually, generally, sometimes, rarely, seldom,
never, hardly (คำพวกนี้มักวางหลัง Verb to be แต่นำหน้า Verb แทท้ ่วั ๆ ไป)

กลมุ่ คำท่ีแสดง “ความบอ่ ย” จะวางไวท้ ้ายประโยคเสมอ ได้แก่ everyday, twice, three a month, from time
to time, in the morning, in the afternoon, during the summer, nowadays.

Examples
• He usually goes to his office at 7.30 a.m.
• I always go for a walk in the morning.
• Pat is sometimes cruel.
• She seldom misses the class.
• Som never eats meat in her life.

Adverb Clause of Time ใช้คำสันธาน (Conjunction) คือ when, after, before, until, till, as soon as
ตวั อยา่ ง

• Before a Japanese couple get married, they send wedding announcements.
• When they get married, they usually wear kimonos.
ลักษณะสำคัญบางประการของ Adverb Clause แสดงเวลา คอื
1. การกระทำในอนาคต Adverb Clause แสดงเวลาจะเป็น Present Simple แต่ละประโยคหลกั (Main
Clause) จะเปน็ Future เช่น When my uncle arrives next week, I will see him at the station.

2. แตถ่ ้าการกระทำในอดตี Adverb Clause แสดงเวลาจะเสรจ็ สนิ้ ในอดีตก่อนที่การกระทำใน Main Clause จะ
เกิดข้ึน Adverb Clause แสดงเวลาน้จี ะใช้ Present Perfect เช่น Living in another country widens your horizon.
It makes you appreciate the things you have and it strengthens the family units.

ใบความรู้
การเปรียบเทียบโครงสร้างภาษาไทย และภาษาอังกฤษ

Provert (สภุ าษติ คำพังเพย) ในภาษาอังกฤษ และภาษาไทยมีความหมายทค่ี ลา้ ยกนั และแตกตา่ งกันบา้ งตามบรบิ ททาง
วัฒนธรรม สภุ าษติ องั กฤษมักจะใชค้ ำพดู ตรง ๆ มากกว่าสุภาษิตของไทย ทมี่ ีลกั ษณะเปรยี บเปรย ลองศกึ ษาสำนวน
ไทยและเปรียบเทียบกับภาษาอังกฤษต่อไปนี้

สำนวนอังกฤษ สำนวนไทย

Health is wealth. ความไม่มีโรคเป็นลาภอันประเสริฐ
Love is blind. ความรกั เหมอื นโรคา บนั ดาลตาให้มืดมน
Prevention is better than cure. กันไว้ดีกวา่ แก้
Spare the rod, spoil the child รกั ววั ให้ผกู รกั ลกู ใหต้ ี
Go to Rome do as Roman do. เขา้ เมืองตาหลิว่ ต้องหลิ่วตาตาม
Two heads are better than one. คนเดียวหวั หาย สองคนเพ่ือนตาย
Where there’s a will, there’s a way. ความพยายามอยทู่ ี่ไหน ความสำเร็จอย่ทู น่ี ั่น
Together we live; separate we die. รวมกันเราอยู่ แยกหมูเ่ ราตาย
When the cat’s away, the nice dance will แมวไม่อยู่ หนรู ่าเรงิ
play.
God helps those who help themselves. ตนเป็นทีพ่ ึง่ แหง่ ตน
Rome was not built in a day. ชา้ ๆ ไดพ้ รา้ เล่มงาม
Never do things by halves อยา่ ทำอะไรครงึ่ ๆ กลาง ๆ
A tree is known by its fruit. สำเนียงส่อภาษา กิริยาสอ่ สกลุ
A bird in the hand is worth two in the สบิ เบีย้ ใกลม้ อื
bush.
Strike while the iron is hot. ไมอ้ ่อนดดั งา่ ย
Action speaks louder than words. การกระทำสำคัญกว่าคำพูด
Don’t judge a book by its cover. อยา่ ตดั สนิ คนแค่เพียงรปู ลักษณ์ภายนอก
Speech is silver, silence is golden. พูดไปสองไพ่เบี้ย น่งิ เสยี ตำลงึ ทอง
Time and tide waited for no one. สายน้ำไมเ่ คยรอท่า วนั เวลาไม่เคยรอใคร
Still waters run deep. นำ้ น่งิ ไหลลกึ
Reading makes a full man. การอ่านหนงั สือทำใหเ้ ปน็ คนทส่ี มบูรณ์

แบบทดสอบกอ่ นเรยี น

Choose the best answer.

1. In ………….. , you should not touch anyone’s head, except a child.
a. Italy
b. Spain
c. Thailand
d. The United States

2. Which item has the same meaning as “It’s a piece of cake”?
a. It’s very easy.
b. It’s quite easy.
c. It’s not that easy.
d. It’s rather difficult.

3. Which item is the Imperative Sentence?
a. Don’t throw it into the bin.
b. We walk along the beach together.
c. This building was constructed in 1984.
d. Could you bring me some fruits, please?

4. Which question has the same meaning as “What do you think about the terrorist?”
a. Have you ever heard about the terrorist?”
b. What’s the meaning of terrorist?
c. How important is the terrorist?
d. What’s your idea on the terrorist?

5. Which is the Simple Sentence?
a. I’ve lived here since I was 5 years old.
b. Janet loves to eat fruits but Lisa does not.
c. Tony is driving to Khao Yai National Park.
d. The company that I used to work was closed down.

แบบทดสอบหลังเรยี น

Choose the best answer.

1. In …………., you should not touch anyone’s head, except a child.
a. Italy
b. Spain
c. Thailand
d. The United States

2. Which item has the same meaning as “It’s a piece of cake”?
a. It’s very easy.
b. It’s quite easy.
c. It’s not that easy.
d. It’s rather difficult.

3. Which item is the Imperative Sentence?
a. Don’t throw it into the bin.
b. We walk along the beach together.
c. This building was constructed in 1984.
d. Could you bring me some fruits, please?

4. Which question has the same meaning as “What do you think about the terrorist?”
a. Have you ever heard about the terrorist?”
b. What’s the meaning of terrorist?
c. How important is the terrorist?
d. What’s your idea on the terrorist?

5. Which is the Simple Sentence?
a. I’ve lived here since I was 5 years old.
b. Janet loves to eat fruits but Lisa does not.
c. Tony is driving to Khao Yai National Park.
d. The company that I used to work was closed down.

เฉลยแบบทดสอบ

1c
2a
3a
4d
5c

เฉลยกจิ กรรม
ทา้ ยบทเรยี นหนว่ ยที่ 4

ครง้ั ท่ี 8

แผนการจดั การเรยี นรู้รายสปั ดาห์ วันท่ี 1/08/2564

ภาคเรยี นท่ี 1 ปกี ารศกึ ษา 2564

รายวิชาภาษาอังกฤษเพื่อชีวิตและสงั คม (พต31001) ระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย (5 หนว่ ยกติ )

หน่วยท่ี 5 New & News Headline ( 1 ชั่วโมง)

ศนู ยก์ ารศึกษานอกระบบและการศกึ ษาตามอัธยาศัยอำเภอเมืองระยอง

1. มาตรฐานการเรียนรรู้ ะดบั
มคี วามรูค้ วามเขา้ ใจทกั ษะและเจตคติเก่ยี วกับภาษา ท่าทาง การฟัง พดู อ่าน เขยี น ภาษาตา่ งประเทศด้วย

ประโยคทซ่ี ับซ้อนมากข้นึ ในชวี ิตประจำวนั และงานอาชพี ของตนถูกต้องตามหลักภาษา วัฒนธรรม และกาลเทศะ
ของเจา้ ของภาษา

2. เนื้อหาตามหลกั สตู ร
2.1 เรือ่ งที่ 1 เสยี ง คำศัพท์ วลี สำนวน ทม่ี กั ใช้บอ่ ย ๆ ในข่าว
2.2 เร่ืองท่ี 2 องคป์ ระกอบของข่าว
2.3 เรอ่ื งท่ี 3 ประเภทของขา่ ว
2.4 เร่ืองที่ 4 โครงสรา้ งของการเขียนพาดหัวข่าว

3. ผลการเรียนรูท้ ีค่ าดหวัง (ตัวช้ีวัด)
3.1 รจู กั ประเภท องคประกอบและโครงสร้างของข่าว
3.2 เขาใจการใชคํา และเครอื่ งหมายวรรคตอนในข่าว

4. กระบวนการจัดการเรียนรแู้ ละกจิ กรรมเพ่ิมเติม
ขนั้ นำ (Warm-up Activity)
1. ทักทายผเู้ รยี น / พดู คุยเกยี่ วกบั เรอื่ งของหวั ข้อข่าวต่างๆ คำหรือสำนวนในขา่ วทพี่ บบอ่ ย ๆ
ประเภทของขา่ ว และโครงสร้างของการเขียนพาดหัวข่าว
2. ผู้สอนชีแ้ จงจดุ ประสงค์การเรยี นร/ู้ หวั ขอ้ การเรียนรู้ / ประเด็นของการเรยี นรู้
3. ทำแบบทดสอบก่อนเรียน

ขั้นสอน
1. ผูส้ อนทกั ทายผ้เู รียน / พดู คุยเกยี่ วกบั เรอื่ งของหัวข้อข่าวต่างๆ คำหรอื สำนวนในข่าวทพ่ี บบ่อย ๆ

ประเภทของข่าว และโครงสรา้ งของการเขยี นพาดหวั ข่าว
2. ผสู้ อนเปิด Video ข่าวจากหนังสือพิมพ์ เก่ียวกับประเภทของข่าวตา่ ง ๆ กรณีตัวอย่างของขา่ ว

3. ผู้สอนต้ังประเด็นคำถาม เร่ืองผู้เรียนมีความรู้ความเข้าใจเก่ียวกับเร่ืององค์ประกอบของข่าว และ
โครงสร้างของการเขียนพาดหัวขา่ วมากน้อยเพยี งใด

ขั้นสรุป
1. ผูส้ อนและผูเ้ รียนรว่ มกนั สรปุ องค์ความรู้ โดยเชอ่ื มโยงจากแบบเรยี น ใบความรู้ และแหล่งเรยี นรู้ สอ่ื

Internet ตา่ ง ๆ ในการศกึ ษาหาข้อมลู
2. ใหผ้ ้เู รยี นแต่ละคนสรปุ ความรใู้ นเร่อื งท่ีเรยี นรู้จากการศึกษาคน้ คว้าและจากการนำเสนอผลงานของแต่

ละคนเขยี นลงในใบกจิ กรรมตามประเด็นทก่ี ำหนด พร้อมเปิดโอกาสใหซ้ ักถามในเรอ่ื งที่ยังไมเ่ ข้าใจหรอื ยังสนใจ
3. รวบรวมใบกิจกรรม จดั เก็บในแฟ้มสะสมงาน
4. ทำแบบทดสอบหลงั เรยี น

งานที่มอบหมาย
1. ศกึ ษาแบบเรียนวชิ าภาษาองั กฤษเพือ่ ชวี ติ และสงั คม และใบกิจกรรม
2. ครมู อบหมายใหผ้ ้เู รยี นไปศึกษาเพ่ิมเติมด้วยตนเอง (กรต.) ในหัวขอ้ ตามแบบเรยี น

5. สือ่ /แหล่งเรียนรู้
1. มมุ หนังสอื กศน.ตำบลเชงิ เนิน
2. ห้องสมดุ ประชาชนจังหวัดระยอง
3. หนงั สอื เรียนวชิ าภาษาอังกฤษเพ่ือชวี ิตและสงั คม หนว่ ยท่ี 5
4. สอื่ VDO ข่าว

6. การเรยี นรู้ด้วยตนเอง (กรต.)

ที่ ตวั ช้ีวดั เนือ้ หา (กรต.) จำนวน หมายเหตุ
ชั่วโมง

รจู กั ประเภท องค 1. เสียง คาํ ศพั ท วลี สํานวน ที่ มักใชบ่อย ๆ ในขา่ ว

1 ประกอบและโครง 2. องคประกอบของข่าวประกอบด้วย Headline, Sub ใบกิจกรรมท่ี

สร้างของขา่ ว headline, Lead และ Detail 5 1 พบกลุม่
3. ประเภทของขา่ ว เชน ขา่ วการเมือง ข่าวการศึกษา ข่าวกีฬา ชวั่ โมง ใบกจิ กรรมที่
ข่าวสังคม ข่าวเศรษฐกิจ เป็นตน

2 กรต.

ท่ี ตัวช้ีวดั เน้ือหา (กรต.) จำนวน หมายเหตุ
ช่วั โมง
2 เขาใจการใชคํา 4. โครงสร้างของการเขียนพาดหวั ข่าว (News Headline) ได้ ใบกจิ กรรมท่ี
และเคร่ืองหมาย แก 4.1 ข่าวและพาดหวั ข่าว4.2 การถามและตอบคําถามจาก 7 3
วรรคตอนในขา่ ว ข่าวดว้ ย คําถามท่ี เป็น Wh-Question และ Yes/No ช่วั โมง กรต.
Question 4.3 การถามและแสดงความคิดเหน็ วาเหน็ ด้วย
หรือไมเ่ หน็ ด้วย เชน - Do you agree with this....................?
- What do you think about..................
4.4 Website ของหนงั สือพิมพ The Nation หรอื Bangkok
Post เพื่อศึกษาข่าวประเภท ต่าง ๆ ท่ี สนใจแล้ววเิ คราะห์
โครงสร้างของพาดหวั ขา่ วนัน้ ๆ หรอื บอกประเภทของข่าวนั้น


7. การวัดผลและประเมินผล เคร่ืองมือการวดั ผล เกณฑก์ ารประเมินผล
แบบทดสอบกอ่ นเรยี น ทำแบบทดสอบผ่าน 70% ขึ้นไป
การวัดผลตามจดุ ประสงค์ แบบทดสอบหลงั เรยี น
ความรู้ (Knowledge) รอ้ ยละ 80 ของผเู้ รยี นทำใบ
1. มีความรู้ความเขา้ รจู ักประเภท ใบกจิ กรรม กจิ กรรมได้อย่างถูกต้อง
องคประกอบและโครงสรา้ งของ
ข่าว การทำกิจกรรมพบกลุม่ การตง้ั คำถาม และการตอบคำถาม
2. มีความรคู้ วามเข้าใจการใชคาํ
และเคร่ืองหมายวรรคตอนในข่าว
ทักษะ (Skill)
1. รจู กั ประเภท องคประกอบและ
โครงสร้างของขา่ ว
2. เขาใจการใชคํา และ
เครอ่ื งหมายวรรคตอนในขา่ ว
เจตคติ (Attitude)
1. มีความรสู้ กึ เจตคติที่ดตี อ่
การเรยี นภาษาอังกฤษ

ลงช่อื .............................................................ผสู้ อน
(…………………………..………………)

วนั ท่ี…......เดอื น…………….......พ.ศ……………....

ขอ้ เสนอแนะของหวั หน้าสถานศกึ ษาหรือผทู้ ี่ไดร้ บั มอบหมาย
........................................................................................................................................ ..........................
..................................................................................................................................................................

ลงช่อื ...................................................ผู้อำนวยการ กศน.อำเภอเมืองระยอง
(……....................…………………………)
วันท่.ี .....เดือน…………พ.ศ…………….

ใบกิจกรรมที่ 1
รายวิชา ภาษาอังกฤษเพ่ือชีวติ และสงั คม (พต31001)

1. ข่าวตอไปนจ้ี ดั อยู่ในประเภทใด
2. มีข้อพจิ ารณา หรือมีเหตุผลใดจงึ ตัดสินใจว่าเป็นขา่ วประเภทนนั้ ๆ

ใบกิจกรรมที่ 2 (กรต.)
รายวิชา ภาษาอังกฤษเพื่อชีวิตและสงั คม (พต31001)
คำชแ้ี จง: สืบคนข่าวจากเว็บไซต และสงั เกตพาดหัวข่าว พาดหวั ข่าวรอง ข่าวนาํ เน้อื ขา่ ว การใชคาํ และ
เครอื่ งหมายวรรคตอน

ใบกิจกรรมท่ี 3 (กรต.)
รายวชิ า ภาษาอังกฤษเพ่ือชีวิตและสงั คม (พต31001)
อา่ นข่าวตอไปนี้ แล้วบอกวาองคกรท่เี รียกกันวา World Health Organisation เรียกชอ่ื ยอวา อย่างไร ปรากฏอยู่ทใ่ี ดใน
ข่าว

ใบความรู้
เสียง คำศพั ท์ วลี สำนวน ท่ีมักใชบ้ ่อย ๆ ในขา่ ว
เหตกุ ารณ์ต่าง ๆ ทีเ่ กดิ ข้ึนในโลกยคุ ปัจจบุ นั สามารถเผยแพรผ่ า่ นสอื่ มวลชนแขนงตา่ ง ๆ ได้อย่างรวดเร็ว ไม่วา่ จะ
เปน็ เหตกุ ารณ์ทางธรรมชาติ หรอื เร่ืองราวท่ีกระทำขนึ้ โดยน้ำมอื มนุษย์ ลักษณะของคำที่ใชใ้ นการพาดหวั ขา่ ว มกั เปน็
ถอ้ ยคำสนั้ ๆ เพอ่ื อา่ นได้อย่างรวดเรว็ ชดั เจน เขา้ ใจได้ง่าย ในการพาดหวั ขา่ ว อาจใชก้ รยิ าได้หลายรปู แบบ เช่น
1. กรยิ ารปู Present Simple เชน่ Governor signs bill
Two hours of TV – watching boosts heart risk.
2. กรยิ าทีล่ งท้ายดว้ ย –ed เป็นกรยิ าช่องท่ี 3 มคี วามหมายเปน็ Passive Voice เช่น
HIV/Aids drugs license extended.
3. กรยิ ารปู to + V1 หมายถึงเหตุการณ์ในอนาคต เชน่
Thai group to build $ US 50 m Cultural Centre.
4. กริยารูป –ing หรอื continuous หมายถึงเหตกุ ารณท์ ก่ี ำลงั จะเกิดขนึ้ ในอนาคต เช่น
Foreigners looking to invest in Thailand.
5. คำสันธาน (Conjunctions) มกั แทนด้วยเครอื่ งหมายวรรคตอน (comma,)
6. มักจะไมใ่ ช้ a, an, the นำหน้าคำนาม เช่น “Bush, Blair laughs off microphone mishap” ในกรณีที่เปน็
ข่าวพาดหัว มกั ใช้คำส้นั ๆ เชน่
eye หมายถงึ consider
ink หมายถงึ sign a contract
see หมายถงึ forecast
probe หมายถึง investigation
mull หมายถึง consider
Whitehall หมายถึง the UK government administration
Davos หมายถึง World Economic Forum
etc.
เคร่ืองหมายวรรคตอนท่พี บเห็นในขา่ ว ไดแ้ ก่
• comma (,) ในขา่ วจะหมายถงึ และ นอกจากนีอ้ าจมชี ่ือคน ตามด้วยเครอ่ื งหมาย,
สว่ นขอ้ ความหลังจาก , จะพูดถึงบคุ คลผู้นน้ั
• colon (:) เมอ่ื ปรากฏชอ่ื คนแล้วตามด้วย: ขอ้ ความหลงั จากนนั้ จะเปน็ คำพดู ของผนู้ ้นั
• hyphen (-) หมายถงึ ระหว่างเมื่อไหรถ่ งึ เมอื่ ไหร่
• slash (/) แปลวา่ หรอื
• bracket เครอื่ งหมายวงเลบ็ () ให้ความหมายเพม่ิ เติมข้อความหนา้ วงเลบ็
หรือสรุปวา่ หน้าวงเล็บคืออะไร

สำนวน
- to put a new face on แปลว่า เปล่ียนโฉมหนา้ เปลีย่ นสภาพการณ์ เช่น

Bush’s announcement of his decision to be a candidate for the presidency put an entirely
new face on the political campaign.

ประธานาธิบดีบชุ คำประกาศความตกลงใจเขา้ เปน็ ผสู้ มคั รรับเลือกตำแหน่ง ประธานาธบิ ดี ทำให้การชิงชัยทาง
การเมืองเปลยี่ นโฉมหน้าไปอยา่ งส้ินเชงิ

- diehard แปลว่า เปลี่ยนแปลงยาก
The Liverpool fan’s die-hard supporters might be found in England.
แฟนทีมลเิ วอรพ์ ูลท่เี หนยี วแน่น มกั เปน็ ผูม้ ีภมู ลิ ำเนาในประเทศอังกฤษ

- call in แปลวา่ เรยี กหรอื เชญิ มาปรกึ ษา ตวั อย่างเช่น
We should call in a specialist at this point.
เราควรจะเชิญผู้เชี่ยวชาญมาปรึกษาหารือในเวลาน้ี

- big hit แปลว่า ประสบความสำเรจ็
“The product is good, the presentation is great, you are sure to be a big hit.”
สินค้าดี การนำเสนอดีเยยี่ ม คุณจะประสบความสำเร็จอย่างแนน่ อน

- against all odds แปลว่า สู้ตาย
Brian is fighting against all odds to save his company.
ไบรอนั กำลังต่อสู้แบบหลังพงิ ฝา โดยพยายามอย่างสุดความสามารถเพื่อปกป้องธุรกจิ ของตนให้อยูร่ อดต่อไป

- all set แปลว่า เตรยี มพร้อมอย่แู ล้วทกุ ขณะ
Our plans for the new corporation are all set.
แผนการสำหรบั บรษิ ัทใหมน่ ้ันเตรียมพร้อมอยู่แล้ว

แบบทดสอบกอ่ นเรยี น
Choose the best answer.
Questions no. 1-2
Academics called on the government yesterday to review its Bht 350-billion water-management
mega-projects, saying they would cause conflicts. They also urged the government to reveal
details to the public, especially data related to risk areas, as well as use a multiparty water-
management mechanism wit people’s and stakeholders’participation.

1. What is the type of this news?
a. Sport news
b. Local news
c. Politics news
d. Education news

2. According to the news, what is the main idea?
a. People must get away from the risky areas.
b. The government should tell the important details to the public.
c. The water-management mega-projects are a cause of conflicts.
d. Academics want to be a part of water-management mega-projects.

3. What is a Philosophy of Sufficiency Economy?
a. It is a state of not requiring any aid or any support.
b. It is a theory which can make much money by using agriculture.
c. It is a revolutionary socialist movement to create a moneyless and stateless social.
d. It is a method of development based on moderation, prudence, and social immunity.

4. Which of the following sentences about registering e-mail is correct?
a. Choose any profile.
b. Call the internet provider.
c. Blank an identification number.
d. choose a username and password

5. Which component of news comes first?
a. Lead
b. Detail
c. Headline
d. Sub headline

แบบทดสอบหลังเรยี น
Choose the best answer.
Questions no. 1-2
Academics called on the government yesterday to review its Bht 350-billion water-management
mega-projects, saying they would cause conflicts. They also urged the government to reveal
details to the public, especially data related to risk areas, as well as use a multiparty water-
management mechanism wit people’s and stakeholders’participation.

1. What is the type of this news?
a. Sport news
b. Local news
c. Politics news
d. Education news

2. According to the news, what is the main idea?
a. People must get away from the risky areas.
b. The government should tell the important details to the public.
c. The water-management mega-projects are a cause of conflicts.
d. Academics want to be a part of water-management mega-projects.

3. What is a Philosophy of Sufficiency Economy?
a. It is a state of not requiring any aid or any support.
b. It is a theory which can make much money by using agriculture.
c. It is a revolutionary socialist movement to create a moneyless and stateless social.
d. It is a method of development based on moderation, prudence, and social immunity.

4. Which of the following sentences about registering e-mail is correct?
a. Choose any profile.
b. Call the internet provider.
c. Blank an identification number.
d. choose a username and password

5. Which component of news comes first?
a. Lead
b. Detail
c. Headline
d. Sub headline

เฉลยแบบทดสอบ
1A
2b
3d
4d
5c

เฉลยกจิ กรรม
ทา้ ยบทเรยี นหนว่ ยที่ 5

ครง้ั ที่ 9

แผนการจัดการเรียนรู้รายสปั ดาห์ วนั ท่ี 7/08/2564

ภาคเรยี นท่ี 1 ปีการศกึ ษา 2564

รายวิชาภาษาอังกฤษเพ่ือชีวิตและสงั คม (พต31001) ระดับมัธยมศกึ ษาตอนปลาย (5 หนว่ ยกิต)

หนว่ ยท่ี 6 Self –sufficiency Economy ( 2 ช่ัวโมง)

ศูนยก์ ารศึกษานอกระบบและการศกึ ษาตามอัธยาศยั อำเภอเมืองระยอง

1. มาตรฐานการเรยี นรรู้ ะดับ
มคี วามรู้ความเขา้ ใจทักษะและเจตคตเิ ก่ียวกบั ภาษา ท่าทาง การฟงั พดู อ่าน เขยี น ภาษาต่างประเทศด้วย

ประโยคที่ซบั ซ้อนมากขน้ึ ในชีวติ ประจําวนั และงานอาชพี ของตนถูกต้องตามหลักภาษา วฒั นธรรม และกาลเทศะ
ของเจา้ ของภาษา

2. เน้ือหาตามหลักสูตร
2.1 เรื่องที่ 1 เรยี นและรูจักใชคาํ ศัพทเกีย่ วกบั Self – sufficiency economy
2.2 เร่อื งท่ี 2 Self – sufficiency in Thailand

3. ผลการเรยี นรู้ทีค่ าดหวัง (ตวั ชี้วัด)
3.1 ผู้เรยี นรูคําศพั ท สาํ นวน เรือ่ งSelf –sufficiency Economy
3.2. ผู้เรียนสามารถอา่ นถงึ ความเขาใจเร่ืองภาษา ข่าวหรอื บทความเกยี่ วกับ Self – sufficiency
Economy
3.3 ผู้เรียนสามารถใชภาษาเพ่ือสื่อสารถึงความเขาใจเกย่ี วกบั Self –sufficiency Economy

4. กระบวนการจัดการเรยี นรแู้ ละกจิ กรรมเพ่ิมเตมิ
ขน้ั นำ (Warm-up Activity)
1. ทักทายผูเ้ รียน / พดู คุยเก่ียวกับประวตั ิความเปน็ มาของปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพยี ง และคำศัพทห์ รือ

สำนวนต่าง ๆ ทเี่ กย่ี วข้องในนิตยสาร หนงั สือพมิ พ์
2. ผูส้ อนชแี้ จงจุดประสงค์การเรยี นรู/้ หัวขอ้ การเรียนรู้ / ประเดน็ ของการเรียนรู้
3. ทำแบบทดสอบก่อนเรียน

ขั้นสอน
1. ศกึ ษาดสู ือ่ DVD หรือขา่ วจากหนังสอื พิมพ์ นติ ยสารต่าง ๆ กรณีตัวอย่างของบทความเกี่ยวกับปรัชญา

ของเศรษฐกิจพอเพยี ง
2. ผูส้ อนต้งั ประเด็นคำถาม เรื่องผู้เรียนมคี วามรู้ความเขา้ ใจเก่ียวกับเรอ่ื งเศรษฐกิจพอเพียง

โครงสรา้ ง Conditional sentence (If-clause) และ โครงสร้าง Imperative มากนอ้ ยเพยี งใด
3. ผู้เรยี นทำรายงาน เกี่ยวกับ Self-Sufficiency Economy ดังน้ี
- บทความเกี่ยวกับเศรษฐกจิ พอเพยี ง
- คำศัพท์ วลี สำนวน ท่เี กย่ี วข้องกับเศรษฐกิจพอเพียง
- โครงสร้าง Conditional sentence (If-clause)
- โครงสร้าง Imperative
- Cross word

ข้ันสรปุ
1. ผู้สอนและผู้เรียนร่วมกนั สรปุ องค์ความรู้ โดยเชื่อมโยงจากแบบเรียน ใบความรู้ และแหล่งเรยี นรู้ สอ่ื

Internet ต่าง ๆ ในการศกึ ษาหาข้อมูล
2. ให้ผเู้ รยี นแตล่ ะคนสรุปความรู้ในเรื่องท่ีเรยี นรจู้ ากการศึกษาค้นควา้ และจากการนำเสนอผลงานของแต่

ละคนเขยี นลงในใบกจิ กรรมตามประเด็นทก่ี ำหนด พรอ้ มเปิดโอกาสให้ซักถามในเร่อื งที่ยงั ไมเ่ ขา้ ใจหรอื ยงั สนใจ
3. รวบรวมใบกจิ กรรม จัดเก็บในแฟ้มสะสมงาน
4. ทำแบบทดสอบหลงั เรยี น

งานท่ีมอบหมาย
1. ศึกษาแบบเรยี นวชิ าภาษาองั กฤษเพอื่ ชีวิตและสังคม และใบความรู้
2. ครมู อบหมายให้ผู้เรียนไปศึกษาเพิม่ เติมด้วยตนเอง (กรต.) ในหวั ข้อตามแบบเรยี น

5. ส่อื /แหลง่ เรยี นรู้
1. มมุ หนังสอื กศน.ตำบลเชงิ เนนิ
2. ห้องสมดุ ประชาชนจังหวัดระยอง
3. หนังสอื เรยี นวชิ าภาษาองั กฤษเพื่อชีวติ และสังคม หน่วยที่ 6
4. Internet

6. การเรยี นรูด้ ้วยตนเอง (กรต.)

ท่ี ตัวชีว้ ดั เน้อื หา (กรต.) จำนวน หมายเหตุ
ช่ัวโมง

ผู้เรยี นรูคาํ ศัพท 1. คาํ ศพั ท วลี สาํ นวน ทีเ่ กย่ี วของกบั เศรษฐกจิ พอเพยี ง เชน 2 ใบกจิ กรรมที่
1 สํานวน เร่อื ง moral, moderation, reasonable, knowledge, saving ชว่ั โมง 1 พบกลุ่ม
เป็นตน
Self – ใบกจิ กรรมที่
sufficiency 2. บทความเกยี่ วกับเศรษฐกิจพอเพียงจากหนงั สอื หนังสือ 2
Economy พิมพ หรือ Website ท่ีเก่ียวของ
2 ผู้เรยี นสามารถ พบกลุ่ม
อา่ นถงึ ความเข
าใจเรือ่ งภาษา 4 ชั่วโมง ใบกจิ กรรมท่ี
ข่าวหรอื 3
บทความ กรต.
เก่ียวกบั Self –
sufficiency
Economy

3 ผู้เรียนสามารถ 3. การนาํ เสนอการนําเศรษฐกจิ พอเพียงมาใชใน รปู แบบต่าง ใบกิจกรรมท่ี
ใชภาษาเพื่อ ๆ เชน การตดิ คาํ ขวญั การสมั ภาษณ การทำ Poster เป็นตน
สอ่ื สารถงึ ความ การเล่นเกม Cross word 4
เขาใจเกี่ยวกับ กรต.
Self – 5 ชวั่ โมง
sufficiency
Economy

7. การวดั ผลและประเมินผล เครือ่ งมือการวดั ผล เกณฑ์การประเมนิ ผล
แบบทดสอบกอ่ นเรยี น ทำแบบทดสอบผา่ น 70% ขน้ึ ไป
การวดั ผลตามจุดประสงค์ แบบทดสอบหลงั เรียน
ความรู้ (Knowledge)
1. มีความรู้คาํ ศัพท สาํ นวน เรอ่ื ง
Self –sufficiency Economy
2. มีความรูค้ วามเขาใจเรื่องภาษา
ขา่ วหรอื บทความเกยี่ วกบั Self –

การวดั ผลตามจดุ ประสงค์ เครื่องมือการวัดผล เกณฑ์การประเมนิ ผล
ร้อยละ 80 ของผ้เู รยี นทำใบ
sufficiency Economy กจิ กรรมไดอ้ ย่างถูกต้อง

ทกั ษะ (Skill) ใบกิจกรรม การตั้งคำถาม และการตอบคำถาม

1. ผู้เรยี นสามารถอ่านถึงความเข

าใจเรื่องภาษา ขา่ วหรอื บทความ

เกี่ยวกับ Self –

sufficiency Economy

2. ผเู รยี นสามารถใชภาษาเพื่อ

สอ่ื สารถงึ ความเขาใจเกย่ี วกบั Self

–sufficiency

Economy

เจตคติ (Attitude) การทำกจิ กรรมพบกลมุ่

1. มีความรูส้ ึก เจตคติทดี่ ตี อ่

การเรียนภาษาอังกฤษ

ลงชื่อ.............................................................ผสู้ อน
(…………………………..………………)

วันท…่ี ......เดือน…………….......พ.ศ……………....
ขอ้ เสนอแนะของหัวหนา้ สถานศึกษาหรือผู้ที่ไดร้ ับมอบหมาย
............................................................................................................................. .....................................
............................................................................................ ......................................................................

ลงชอ่ื ...................................................ผู้อำนวยการ กศน.อำเภอเมืองระยอง
(……....................…………………………)
วันท.่ี .....เดือน…………….......พ.ศ………..

ใบกิจกรรมที่ 1
รายวชิ า ภาษาอังกฤษเพื่อชีวติ และสังคม (พต31001)

ช่อื -นามสกลุ ………........................…………………………………. รหัสกลุม่ …………….............รหสั นกั ศกึ ษา........…..……..………

ใบกจิ กรรมที่ 2
รายวิชา ภาษาอังกฤษเพื่อชีวติ และสงั คม (พต31001)
คำช้แี จง: ใหผ้ ู้เรยี นอา่ นบทความในใบความรแู้ ละตอบคำถามต่อไปนี้

ช่อื -นามสกลุ ………........................…………………………………. รหัสกลุม่ …………….............รหัสนกั ศึกษา........…..……..………

ใบกจิ กรรมที่ 3 กรต.
รายวชิ า ภาษาอังกฤษเพื่อชีวติ และสงั คม (พต31001)

ช่อื -นามสกุล ………........................…………………………………. รหสั กลุม่ …………….............รหัสนกั ศกึ ษา........…..……..

ใบกจิ กรรมที่ 4 (กรต.)
รายวชิ า ภาษาอังกฤษเพื่อชีวิตและสงั คม (พต31001)
คำช้แี จง: ให้ผเู้ รยี นสร้างเกม cross word “Self –sufficiency Economy”

ใบกิจกรรมที่ 5 (กรต.)

รายวชิ า ภาษาอังกฤษเพ่ือชีวติ และสงั คม (พต31001)

Self-Sufficiency Economy
Activity 1 : A reading comprehension on the topic of Philosophy of the “Sufficiency Economy” and
translate to Thai

Philosophy of the “Sufficiency Economy”
“Sufficiency Economy” is a philosophy bestowed by His Majesty the King to his subjects

through royal remarks on many occasions over the past three decades. The philosophy provides
guidance on appropriate conduct covering numerous aspects of life. After the economic crisis in 1997,
His Majesty reiterated and expanded on the “Sufficiency Economy” in remarks made in December 1997
and 1998. The philosophy points the way for recovery that will lead to a more resilient and sustainable
economy, better able to meet the challenges arising from globalization and other changes.

“Sufficiency Economy” is a philosophy that stresses the middle path as an overriding principle
for appropriate conduct by the populace at all levels. This applies to conduct starting from the level of
the families, communities, as well as the level of nation in development and administration so as to
modernize in line with the forces of globalization. “Sufficiency” means moderation, reasonableness,
and the need of self-immunity for sufficient protection from impact arising from internal and external
changes. To achieve this, an application of knowledge with due consideration and prudence is
essential. In particular great care is needed in the utilization of theories and methodologies for planning
and implementation in every step. At the same time, it is essential to strengthen the moral fibre of the
nation, so that everyone, particularly public officials, academics, businessmen at all levels, adheres first
and foremost to the principles of honesty and integrity. In addition, a way of life based on patience,
perseverance, diligence, wisdom and prudence is indispensable to create balance and be able to cope
appropriately with critical challenges arising from extensive and rapid socioeconomic, environmental,
and cultural changes in the world.”

Activity 2: Read the passage and choose one of the best alternatives to fill in each blank.
Sufficiency Economy

Sufficiency Economy is a philosophy _____1_____by His Majesty the King to his

_____2_____through royal remarks on many _____3_____over the past three decades. The

philosophy guidance _____4_____on appropriate conduct _____5_____ numerous aspects of life. After

the economic crisis _____6_____1997, His Majesty reiterated and expanded_____7____

the Sufficiency Economy in remarks_____8____in December 1997 and 1998. The_____9_____point the

way for recovery that will lead to a more resilient and ____10_____ economy, better able to meet the

challenges arising ___11____globalization and other changes.

1. a. bestow b. bestoes c. bestowed d. bestowing
2. a. subjects b. courses c. classes d. schools
3. a. times b. chances c. opportunities d. occasions
4. a. provides b. proverbs c. proceeds d. proclaims
5. a. cover b. covered c. covering d. covers
6. a. in b. on c. to d. over
7 a. in b. on c. to d. over
8. a. making b. make c. makes d. made
9. a. philosophy b. donation c. theory d. issue
10. a. sustainable b. sustainabily c. sustain d. sustainative
11. a. in b. against c. from d. with

ชอื่ -นามสกุล ………........................…………………………………. รหัสกลุม่ …………….............รหัสนักศึกษา........….

ใบความรู้

บทความเก่ียวกับ Self-sufficiency

SELF SUFFICIENCY ECONOMY IN THAILAND
The Concept

His Majesty King Bhumibol Adulyadej developed the philosophy of the Sufficiency Economy to
lead his people to a balances way of life and to be the main sustainable development theory for the
country. The theory is based upon a Middle Path between society at the local level and the market in
the global context. By highlighting a balanced approach, the philosophy allows the nation to
modernize without resisting globalization, buy provides a means to counteract negative outcomes from
rapid economic and cultural transitions. The Sufficiency Economy became critical during the economic
crisis in 1997, in which Thailand needed to maintain stability to persist on self-reliance and develop
important policies to recover. By creating a self – supporting economy, Thai citizens will have what
they need to survive but not excess, which would turn into waste.
The Principle of Self Reliance

His Majesty has recommended a secure balance in the five following aspects to achieve the
principle of self – reliance:

• State of Mind: One should be strong, self – reliant, compassionate and flexible. Besides, one
should possess a good conscience and place public interests as a higher priority than one’s own.

• Social Affairs: People should help one another, strengthen the community,
maintain unity and develop a learning process that stems from a stable foundation.

• Natural Resource and Environmental Management: The country’s resources need
to be used efficiently and carefully to create sustainable benefits and to develop the nation’s stability
progressively.

• Technology: Technological development should be used appropriately while
encouraging new development to come from the villagers’ local wisdom.

• Economic Affairs: One needs to increase earnings, reduce expenses, and pursue
a decent life.

The Self Sufficiency Economy theory has led to diverse interpretations by many different
groups. However, His Majesty has rejected extreme perspectives on his ideology, stating the self –
sufficiency does not require families to grow food and make clothes for themselves. But each village

should have some quantity of sufficiency. For instance, if agricultural production exceeds the amount
needed for the village, they should sell the remaining amount to a nearby village, close in distance, to
avoid unnecessary transportation costs.


Click to View FlipBook Version