The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

เล่มแผนการสอน ม.ปลาย

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by 421ed000047, 2021-09-14 23:17:57

เล่มแผนการสอน ม.ปลาย

เล่มแผนการสอน ม.ปลาย

ใบกจิ กรรมท่ี 3 (กรต.)
รายวชิ า ภาษาอังกฤษเพ่ือชีวิตและสังคม (พต31001)

1. It _______ heavily in the rainy season.
2. It’s __________ because there are a lot of clouds in the sky.
3. It is __________ because of the thick fog.
4. It’s __________ because there is a lot of snow scattering over every thing.
5. The sea is very __________ because it is _________.
6. Today’s ____________ temperature will be 65°C.
7. The _____________ of the temperature today is 23 °C.
8. Low __________ often brings rain.
9. The southern __________ of Thailand has two seasons: hot season and wet season.
10. The wind blowing from the northeast is the ____________ wind and the
_____________ wind blows from the southeast.

ใบกจิ กรรมที่ 4 (กรต.)
รายวชิ า ภาษาอังกฤษเพ่ือชีวติ และสงั คม (พต31001)



ใบกิจกรรมที่ 5 (กรต.)
รายวชิ า ภาษาอังกฤษเพื่อชีวิตและสงั คม (พต31001)



ใบความรู้
Parts of Speech

PARTS OF SPEECH (สว่ นตา่ งๆ ของคำพดู )
คอื สว่ นประกอบของคำพูด ในภาษาองั กฤษนน้ั สว่ นประกอบถอื ว่าสำคัญทสี่ ุด เพราะการพดู และ การเขียนสรา้ ง

มาจาก PARTS OF SPEECH อาจอยู่ในรูปของ ประโยค (sentence ) อนุประโยค (Clause ) หรือ วลี
(Phrase) การนำเอาสว่ นประกอบของคำพูดที่ชื่อวา่ PARTS OF SPEECH มาประกอบเขา้ ดว้ ยกันตามโครงสรา้ งของภาษา
เช่น

1. Noun ( คำนาม ) เป็นชอ่ื คน สตั ว์ ส่ิงของ หรือสถานที่ เชน่ Jany, Dog, School Bangkok is the capital
city of Thailand. กรุงเทพฯเป็นเมอื ง หลวงของประเทศไทย

2. Pronoun ( คำสรรพนาม ) คือคำพูดที่ใช้แทนคำนาม เชน่ I, You, We, They, He, She, It She is a
beautiful girl in the village. หล่อนเป็นเด็ก ท่ีสวยคนหน่ึงในหม่บู า้ น

3. Adjective ( คำคุณศพั ท์ ) คอื คำที่ขยายคำนาม เชน่ สูง ตำ่ ดำ ขาว อว้ น ผอม My sister is thin. (นอ้ งสาว
ของฉันผอม) There are student ten in my class. มีนักศกึ ษา 10 คน ในห้องเรียนของฉัน

4. Verb (คำกรยิ า) Ex. Eat / Went / Taste / is, am, are / Go / Went / Learn / Resist / Swim /Cry /
Broken / Stop / Work / See / Talk etc.

5. Adverb (คำกรยิ าวิเศษณ์) Ex. Fully / Well / angrily / gaily /shyly / rarely/happily /easily/dully
/solely /completely / surprisingly / dramatically / specifically / favorably etc.

6. Auxiliary หรือ Helping Verb (คำกรยิ าช่วย) มี 24 ตัวคือ is / am / are / was / were / do / does /
did / has / have / had / can / could / may / might / will / would / shall / should / must / need / dare /
ought / used to

7. Proposition (คำบพุ บท) Ex. across / above / below / over / under / before / after / around /
between / among / at / from / to / behind / by etc.

8. Conjunction (คำสันธาน) Ex. after / although as / as if / as long as / because / before / even if
/ even though / if / in order that / once since / so that / than

9. Interjection (คำอทุ าน) ไม่ตายตวั แต่สิ่งที่บอกวา่ เป็นคำอุทานจะอย่ทู เ่ี ครอ่ื งหมายตกใจ (Exclamation
mark) “ ! ” / Hey! / Hooray! / Indeed! / My Goodness! / Nuts! / Oh no! / Oops! / Ouch! / Phew! / Right
on! / Ugh! / Dear me! etc.

เฉลยกิจกรรม

ครัง้ ท่ี 18

แผนการจดั การเรียนรูร้ ายสปั ดาห์ วนั ท่ี 26/09/2564

ภาคเรียนที่ 1 ปกี ารศกึ ษา 2564

รายวชิ าภาษาอังกฤษเพ่ือชีวิตและสงั คม (พต31001) ระดบั มัธยมศึกษาตอนปลาย (5 หนว่ ยกติ )

หน่วยท่ี 14 Global Warming ( 2 ช่ัวโมง)

ศนู ยก์ ารศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยอำเภอเมืองระยอง

1. มาตรฐานการเรยี นรูร้ ะดับ
มคี วามร้คู วามเขา้ ใจทกั ษะและเจตคตเิ กีย่ วกับภาษา ทา่ ทาง การฟงั พูดอ่าน เขียน ภาษาต่างประเทศด้วย

ประโยคทีซ่ ับซ้อนมากข้นึ ในชวี ติ ประจำวัน และงานอาชีพของตนถูกต้องตามหลักภาษา วฒั นธรรม และกาลเทศะ
ของเจา้ ของภาษา

2. เนื้อหาตามหลักสูตร
2.1 เรื่องที่ 1 บทความเกี่ยวกับสาเหตแุ ละผลกระทบของภาวะโลกรอน
2.2 เร่ืองที่ 2 คําศัพทและวลีเกยี่ วกบั ภาวะโลกรอน
2.3 เร่ืองท่ี 3 บทสนทนาเกี่ยวกับการลดภาวะโลกรอน
2.4 เรื่องท่ี 4 การแลกเปล่ียนขอมลู ความรู้

3. ผลการเรียนรทู้ ี่คาดหวงั (ตวั ชวี้ ดั )
3.1 ผู้เรียนมีความเขาใจ บทความท่มี สี าระเก่ยี วกบั ภาวะโลกรอน
3.2. ผู้เรียนสามารถอ่านออกเสยี งคําศัพทเก่ยี วกับบทความทอ่ี ่านได้
3.3 ผู้เรียนสามารถสนทนาแลกเปลี่ยนข้อมลู เก่ยี วกับการลดภาวะโลกรอนได้
3.4 โครงสร้างของประโยคPassive Voice

4. กระบวนการจดั การเรียนร้แู ละกจิ กรรมเพ่ิมเติม
ข้นั นำ (Warm-up Activity)
1. ผู้สอนและผเู้ รยี นแลกเปลี่ยนข้อมลู เกย่ี วกับสาเหตแุ ละผลกระทบที่เกดิ ข้นึ จากภาวะโลกรอ้ น
2. ผู้สอนชแี้ จงจุดประสงค์การเรยี นร/ู้ หวั ข้อการเรยี นรู้ / ประเดน็ ของการเรยี นรู้
3. ทำแบบทดสอบก่อนเรียน

ข้นั สอน
1. ผู้สอนให้ผู้เรียนดูคลิปวิดโี อเกี่ยวกับภาวะโลกร้อนจาก You tube เพื่อสร้างความเข้าใจถึงเหตุผล การ

ป้องกนั หรือลดภาวะโลกรอ้ น
2. ผู้สอนใหผ้ ้เู รียนอา่ นบทความเรือ่ งภาวะโลกร้อน
3. ผเู้ รยี นฝกึ อา่ นออกเสยี งคำศพั ท์ในบทความทอ่ี ่าน และทำแบบฝกึ หดั เร่ืองภาวะโลกรอ้ น
4. ผเู้ รียนฝกึ พูดสนทนาการถาม - ตอบ จากแบบฝึกปฏบิ ัติเรือ่ งปอ้ งกนั การเกดิ ภาวะโลกรอ้ น
5. ใหผ้ ู้เรียนจบั คกู่ ันแสดงบทบาทสมมตุ ถิ าม - ตอบ เร่อื งการป้องกันการเกิดภาวะโลกร้อน

ขัน้ สรุป
1. ผเู้ รยี นสรปุ ผลการเรยี นรูเ้ รอื่ งเหตผุ ลและผลกระทบการเกดิ ภาวะโลกร้อนในรูปแบบ Mind map
2. ให้ผู้เรยี นแต่ละคนสรุปความรูใ้ นเร่อื งทเ่ี รียนรจู้ ากการศึกษาค้นควา้ รายกลมุ่ และจากการนำเสนอ

ผลงานของแต่ละกลุ่มเขียนลงในใบกิจกรรมตามประเดน็ ท่ีกำหนด พรอ้ มเปดิ โอกาสใหซ้ กั ถามในเรื่องทยี่ ังไม่เข้าใจ
หรือยงั สนใจ

3. รวบรวมใบกิจกรรม จัดเก็บในแฟ้มสะสมงาน
4. ทำแบบทดสอบหลงั เรยี น

งานท่ีมอบหมาย
1. ศกึ ษาแบบเรียนวชิ าภาษาองั กฤษเพือ่ ชีวติ และสงั คม และใบความรู้
2. ครูมอบหมายใหผ้ ้เู รียนไปศึกษาเพมิ่ เติมด้วยตนเอง (กรต.) ในหัวข้อตามแบบเรียน

5. ส่ือ/แหล่งเรียนรู้
- วดี ที ศั นเ์ รอื่ งการเกิดภาวะโลกร้อน https://www.youtube.com/watch?v=hSesY-n3nKQ

- รายการโทรทัศน์เพ่ือการศึกษา ETV http://www.etvthai.tv/stream/home.aspx

6. การเรียนร้ดู ้วยตนเอง (กรต.)

ที่ ตวั ชี้วัด เนอื้ หา (กรต.) จำนวน หมายเหตุ
ชัว่ โมง
ผู้เรียนมคี วาม บทความเกยี่ วกับภาวะโลกรอน (Global Warming) สาเหตขุ อง ใบกจิ กรรมท่ี
3 1-3 พบกลุม่
1 เขาใจ ภาวะโลกรอนหรอื ผลกระทบของภาวะโลกรอนจากหนงั สือหรือ ชัว่ โมง
ใบกิจกรรมท่ี
บทความท่ีมี หนงั สอื พมิ พหรือWebsite ท่ีเกีย่ วของ 3 ชว่ั โมง 4-5
กรต.
สาระเก่ียวกับ 2 ชั่วโมง

ภาวะโลกรอน 2 ชัว่ โมง

2 ผู้เรยี นสามารถ การอานออกเสียงคําศัพท วลี สํานวน ที่เก่ียวของ เชน

อา่ นออกเสยี ง temperature, increase, melt, burn, earth, hot เป็นตน

คาํ ศัพท

เก่ียวกบั

บทความที่อ่าน

ได้

3 ผู้เรียนสามารถ บทสนทนาท่ีเกย่ี วกับการปองกนั หรือลดภาวะ โลกรอน

สนทนา Mind map แสดงเหตุผลและผลกระทบของ ภาวะโลกรอน

แลกเปลย่ี น

ข้อมลู เกย่ี วกับ

การลดภาวะ

โลกรอนได้

4 ผู้เรยี นมคี วาม โครงสร้าง Passive Voice

เขาใจและใช

ประโยค

Passive

Voice ไดอ้ ย่าง

ถูกตอง

7. การวัดผลและประเมินผล

การวดั ผลตามจุดประสงค์ เครือ่ งมือการวดั ผล เกณฑ์การประเมินผล
ทำแบบทดสอบผา่ น 70% ขึ้นไป
ความรู้ (Knowledge) แบบทดสอบกอ่ นเรียน
ร้อยละ 80 ของผเู้ รียนทำใบ
1.ผู้เรยี นมคี วามเขาใจ บทความท่มี ี แบบทดสอบหลงั เรยี น กิจกรรมไดอ้ ยา่ งถูกตอ้ ง

สาระเก่ียวกบั ภาวะโลกรอน การตั้งคำถาม และการตอบคำถาม

2. ผู้เรียนมีความเขาใจและใช

ประโยคPassive Voice ได้อย่าง

ถูกตอง

ทักษะ (Skill) ใบกิจกรรม

1. ผู้เรียนสามารถอ่านออกเสียง

คาํ ศัพทเก่ยี วกับบทความที่อา่ นได้

2. ผู้เรยี นสามารถสนทนา

แลกเปล่ยี นขอ้ มลู เก่ยี วกับการลด

ภาวะโลกรอนได้

เจตคติ (Attitude) การทำกิจกรรมพบกลุ่ม

1. มีความรู้สกึ เจตคติทีด่ ตี อ่

การเรยี นภาษาอังกฤษ

ลงชื่อ.............................................................ผสู้ อน
(…………………………..………………)

วนั ท…่ี ......เดอื น…………….......พ.ศ……………....
ขอ้ เสนอแนะของหัวหนา้ สถานศกึ ษาหรือผูท้ ี่ไดร้ ับมอบหมาย
............................................................................................................................. .....................................
............................................................................................ ......................................................................

ลงช่ือ...................................................ผอู้ ำนวยการ กศน.อำเภอเมืองระยอง
(……....................…………………………)
วันที.่ .....เดอื น…………….......พ.ศ………..

ใบกจิ กรรมที่ 1
รายวิชา ภาษาอังกฤษเพ่ือชีวติ และสังคม (พต31001)

Global Warming

What is global warming?

The term global warming refers to the rise in the average temperature of the planet, due to
the accumulation of greenhouse gases in the atmosphere as a result of various natural and human
activities. These greenhouse gases, such as carbon dioxide and methane, have the tendency to trap the
Sun’s heat in the atmosphere, in a phenomenon referred to as the greenhouse effect, and contribute
to the problem of global warming.

The main causes of global warming can be broadly categorized into two groups – natural
causes and human causes. The natural causes of global warning, such as the solar variation, natural
release of the methane gas, volcanic eruption etc., do not cause much harm to the planet. In fact,
these natural causes play a crucial role in regulating the temperature of the planet, and absence of
these world have resulted in frying conditions on the planet. The human causes of global warming, on
the other hand, include several human activities which result in accumulation of various greenhouse
gases in the atmosphere. These activities include pollution caused by vehicles and industries, methane
released by mining, fossil fuels used in energy plants and cattle – rearing, depletion of oxygen as a
result of deforestation, etc. It’s obvious that cattle – rearing generates more global warming than
transportation.

There are various examples of some of the most several global warming effects on earth.
• increasing in overall air and water temperature
• a definite imbalance of nature
• changes in climate
• sea level rise
• The ice capo are melting faster
• carbon dioxide from nature increases

Simply being aware of the numerous things that can cause global warming is a great way to help
people modify behaviors which harm the atmosphere.

กจิ กรรมที่ 1 Fill in the blanks with the suitable words from the passage.
1. The global surface ______________ rises a further 1.1 to 6.4°C during the 21stcentury.
2. Carbon dioxide and methane are __________________.
3. Carbon dioxide is continuing to rise due to burning of _______________.
4. Volcanic eruption is one of the __________ causes of global warming.
5. We will see hurricanes, typhoons and cyclone increasing in frequency because of
____________ changes.

กิจกรรมที่ 2 Matching the related phrases according to the passage you’ve read.
________1. Pollution caused by vehicle a. produce more greenhouse gases than driving cars
________2. Depletion of oxygen b. don’t cause much harm to the Earth
________3. Greenhouse effect c. the transportation increases CO 2
________4. Cattle – rearing d. Sea level rise
________5. Global warming effects on Earth e. result of deforestation
________6. Natural release of methane f. the rise in the temperature of the world

ชื่อ-นามสกุล ………........................…………………………………. รหสั กลมุ่ …………….............รหสั นักศกึ ษา........…..……..………

ใบกิจกรรมท่ี 2
รายวชิ า ภาษาอังกฤษเพ่ือชีวติ และสงั คม (พต31001)

ใบกิจกรรมท่ี 3 (กรต.)
รายวชิ า ภาษาอังกฤษเพื่อชีวิตและสงั คม (พต31001)

ช่อื -นามสกุล ………........................…………………………………. รหัสกลมุ่ …………….............รหัสนกั ศึกษา..............

ใบความรู้

หลักการใชป้ ระโยค Passive Voice

Active Voice คือ รูปของกริยาซ่ึงประธานเป็นผู้กระทำโดยตรง
Mary eats a mango. (แมรี่รบั ประทานมะมว่ ง)
Passive Voice คอื รปู กริยาซึ่งประธานเป็นผถู้ กู กระทำกรยิ านนั้ โดยผูอ้ ื่นหรือสงิ่ อ่นื
A mango is eaten by Mary. (มะมว่ งถูกรบั ประธานโดยแมร)ี่
จะเหน็ ได้วา่ ใจความประโยค Active Voice และ Passive Voice น้นั มีความหมายอย่างเดียวกนั ผดิ กันกต็ รงที่

ประโยค Active Voice นน้ั ประธานเป็นผ้ทู ำกรยิ า ส่วน Passive Voice นัน้ ประธานเป็นผถู้ กู กระทำกริยา
กริยา ที่จะทำเปน็ ประโยค Passive Voice ได้จะต้องเป็นกรยิ าทีเ่ รียกวา่ Transitive Verb คอื กริยาที่ต้องการกรรม

มารบั เชน่ to love, to catch, to buy, to eat, to see, etc. ส่วน Intransitive Verb ซ่ึงหมายถึงกริยาที่ไม่ต้องการ
กรรมมารบั เชน่ to run, to walk, to go, to fly, to swim, etc. น้นั จะทำให้เปน็ Passive Voice ไมไ่ ด้

หลกั ทั่วไปในการเปลย่ี นประโยค Active Voice ให้เป็นประโยค Passive Voice
1. ให้กลบั เอากรรมของประโยค Active Voice ไปเป็นกรรมในประโยค Passive Voice โดยมี preposition "by"
นำหนา้
2. ให้กลับเอากรรมของประโยค Active Voice มาเปน็ ประธานในประโยค Passive Voice
3. กริยาของประโยค Active Voice นั้น เมื่อนำมาใชใ้ นประโยค Passive Voice จะต้องเปน็ รปู กรยิ าชอ่ งที่ 3
(Past Participle) และใชต้ ามหลัง verb to be คือ is, am , are, was , were, be, being, been ซ่ึงจะใช้ Verb to be
ตวั ใดนน้ั ตอ้ งดู tense
อย่างไรก็ดี หลกั โดยละเอยี ดในการเปลี่ยน Active Voice ใหเ้ ป็น Passive Voice น้นั ใหศ้ ึกษาจากตาราง
ดังต่อไปนี้
1. ใน tense ตา่ ง ๆ

Active Voice Passive Voice
1. Present Simple
is , am, are + V3
- The teacher punishes the boy. - The boy is punished by the teacher.
- Do you always laugh at him? - Is he always laughed at by you?

2. Present Continuous is, am, are + being + V3
- The painters are painting our house. - Our house is being painted by the painters.
- Are the students doing the exercises? - Are the exercises being done by the
students?

3. Present Perfect has, have + been + V3
- They have built a new hotel. - A new hotel has been built by them.
- Has the boy caught a bird? - Has a bird been caught by the boy?

* Present Perfect Continuous has, have + been + being +V3
- Trenton Company has been making bikes - Bikes have been being made by Trenton
since 1960. Company since 1960.

4. Past Simple was, were + V3
- My sister wrote a letter. - A letter was written by my sister.
- Did the servant polish Tom's shoes? - Were Tom's shoes polished by the servant?

5. Past Continuous was, were + being + V3
- While John was introducing me, the -While I was being introducing by John, the
telephone rang. telephone rang.
- Weren't they digging this hole when you - Wasn't this hole being dug by them when
went past yesterday? you went past yesterday?

6. Past Perfect had + been + V3
- The guests had eaten all the food. - All the food had been eaten by the guests.
- Had he seen you before? - Had you been seen by him before?

* Past Perfect Continuous had + been + being + V3
- Mr. Trevor had been teaching English in - English had been being taught by Mr.Trevor
Jamaica for many years before he moved to in Jamaica for many years before he moved to
Thailand. Thailand.

7. Future Simple will + be + V3
- His mother will beat him if he does that - He will be beaten by his mother if he does
again. that again.
- Will Mary invite Jack to her party? - Will Jack be invited by Mary to her party?

8. "going to" future is, am, are +going to + be + V3
- They are going to widen the bridge. - The bridge is going to be widened by them.
- Is she going to open the shop? - Is the shop going to be opened?

9. Future Continuous

- They will be mowing the grass at two o'clock will be + being + V3

tomorrow. - The grass will be being mown at two o'clock

tomorrow by them.

10. Future Perfect will have + been + V3

- By next March the pupils will have taken the - By next March the examination will have

examination. been taken by the pupils.

- Will she have announced the results by the - Will the results have been announced by

end of next month? her by the end of next month?

**Future perfect Continuous will have been being + V3

- By next year they'll have been building - By next year that road will have been being

that road for a year. built by them for a year.

2. ใน verb form ต่างๆ คือ

verb form Active Voice Passive Voice
Infinitive to write to be written
Perfect Infinitive to have written to have been written
Present Participle writing being written
Past Participle written been written

คำทไ่ี ม่สามารถทำใหเ้ ปน็ ประโยค Passive Voice ได้
1. Intransitive Verb คือคำกรยิ าที่ไมต่ ้องการกรรม เช่น
- They go to school every day.
2. Transitive Verb บางคำ เช่น
- Dang had his breakfast.

(His breakfast was had by Dang. = wrong)
3. Verb of Incomplete คือกริยาซึง่ ไม่สมบูรณ์ เช่น

- She became queen.
(A queen was become by her. = wrong)
(เพราะ queen ในประโยคแรกเปน็ complement ไม่ใช่ object)

แบบทดสอบก่อนเรยี น
Choose the best answer.

1. Tony doesn’t go to school, because he has a ________headache.

1. highly 2. terrible 3. softly 4. lot of

2. Which one is correct?

1. This bear is white beautiful. 2. This is a bear white beautiful.

3. This white bear beautiful is. 4. This white bear is beautiful.

3. Jane ________________. Her mother took her to see the dentist

1. had a fever 2. got a pain in the tooth

3. was unconscious 4. had a broken leg.

4. Don’t ____________ the door because I don’t have the key

1. open 2. lock

3. push 4. Pull

5. There ___________ in the kitchen.

1. aren’t any plates 2. isn’t many coffee

3. is no spoons 4. are some tea

แบบทดสอบหลังเรยี น
Choose the best answer.

1. Tony doesn’t go to school, because he has a ________headache.

1. highly 2. terrible 3. softly 4. lot of

2. Which one is correct?

1. This bear is white beautiful. 2. This is a bear white beautiful.

3. This white bear beautiful is. 4. This white bear is beautiful.

3. Jane ________________. Her mother took her to see the dentist

1. had a fever 2. got a pain in the tooth

3. was unconscious 4. had a broken leg.

4. Don’t ____________ the door because I don’t have the key

1. open 2. lock

3. push 4. Pull

5. There ___________ in the kitchen.

1. aren’t any plates 2. isn’t many coffee

3. is no spoons 4. are some tea

เฉลยแบบทดสอบ

12
24
32
42
51

เฉลยกิจกรรม

ครง้ั ที่ 18

แผนการจัดการเรยี นรรู้ ายสปั ดาห์ วันท่ี 26/09/2564

ภาคเรยี นท่ี 1 ปีการศึกษา 2564

รายวชิ าภาษาอังกฤษเพื่อชีวิตและสังคม (พต31001) ระดับมัธยมศกึ ษาตอนปลาย (5 หนว่ ยกิต)

หน่วยที่ 15 Urgently Wanted ( 1 ช่ัวโมง)

ศนู ย์การศกึ ษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยอำเภอเมืองระยอง

1. มาตรฐานการเรยี นรู้ระดับ
มคี วามรู้ความเข้าใจทักษะและเจตคตเิ กยี่ วกับภาษา ทา่ ทาง การฟงั พูดอ่าน เขียน ภาษาตา่ งประเทศด้วย

ประโยคทีซ่ บั ซ้อนมากขึน้ ในชวี ิตประจำวัน และงานอาชีพของตนถูกต้องตามหลักภาษา วฒั นธรรม และกาลเทศะ
ของเจา้ ของภาษา

2. เนอื้ หาตามหลักสูตร
2.1 เรอ่ื งท่ี 1 โฆษณารบั สมคั รงาน (Job Advertisement)
2.2 เรื่องท่ี 2 ประวตั ิสวนตัว (Resume)
2.3 เร่ืองที่ 3 จดหมายสมคั รงาน (Employment Letter)
2.4 เรือ่ งที่ 4 สมั ภาษณเขาทำงาน (Job Interview)

3. ผลการเรยี นรทู้ ่คี าดหวัง (ตัวช้วี ดั )
3.1 ผูเรยี นรูและเขาใจในการใชคาํ ศัพทสาํ นวนภาษาอังกฤษเพื่อการอ่านโฆษณารับสมคั รงาน
3.2 ผูเรียนรูและเขาใจในการใชคําศัพทสาํ นวนภาษาองั กฤษเพอ่ื การเขยี นประวัตสิ วนตวั (Resume)
3.3 ผูเรยี นรูและเขาใจในการใชคาํ ศพั ทสาํ นวนภาษาองั กฤษเพ่ือการเขียนจดหมายสมคั รงาน

4. กระบวนการจัดการเรยี นรู้และกจิ กรรมเพิ่มเตมิ
ขน้ั นำ (Warm-up Activity)
1. ผู้สอนและผู้เรียนทำความเข้าใจเรื่องการเขียนประวัติ (Resume) เพื่อสมัครงานพร้อมกับการสมัคร
และการสง่ e-mail
2. ผูส้ อนและผู้เรยี นรว่ มกันวางแผนการจัดกิจกรรม

ขนั้ สอน
1. ผู้สอนให้ใบความรเู้ กีย่ วกับคำศพั ท์เกยี่ วกับการเขยี นประวตั พิ ร้อมกบั การแปลความหมาย
2. ใหผ้ เู้ รียนกรอกประวตั ิตวั เองตามแบบฟอรม์ การเขยี นประวัติเพื่อการสมัครงาน
3. ผสู้ อนแจกใบความรเู้ รื่องการสมคั รและการส่ง e-mail
4. ผเู้ รยี นเขียนประวัติการสมัครงานไปฝกึ ปฏบิ ัติส่งขอ้ มูลทาง e-mail

ขน้ั สรุป
1. ผูส้ อนประเมนิ ความถูกต้องเกยี่ วกบั การกรอกแบบฟอร์มการเขียนประวัติเพื่อการสมัครงาน

ภาษาองั กฤษ
2. รวบรวมใบกิจกรรม จัดเก็บในแฟ้มสะสมงาน

งานที่มอบหมาย
1. ให้ผ้เู รยี นศึกษา Website / ดวู ดี ีทัศนท์ ่ีเกย่ี วกบั การพยากรณ์อากาศ (กรต.)
2. ครูมอบหมายใหผ้ เู้ รยี นไปศึกษาเพิ่มเติมดว้ ยตนเอง (กรต.) ในหัวข้อตามแบบเรียน

5. ส่ือ/แหลง่ เรียนรู้
1. แบบฟอร์มกรอกใบสมคั รงาน

6. การเรียนรู้ด้วยตนเอง (กรต.)

ที่ ตัวชีว้ ัด เน้อื หา (กรต.) จำนวน หมายเหตุ
ชวั่ โมง

ผู้เรียนรูและเขาใจ บทอา่ น การพยากรณอากาศ (Weather 3 ใบกิจกรรมท่ี
1 ในการใชคําศัพท Forecast) ท้ังในประเทศและต่างประเทศ ชว่ั โมง 1 พบกลุ่ม
Website ที่เกย่ี วกบั การพยากรณอากาศ
สาํ นวน Role play เป็นผู้ประกาศข่าวการพยากรณ ใบกิจกรรมที่
ภาษาอังกฤษเพื่อ อากาศ
การอ่านโฆษณารบั
สมคั รงาน การถามและการขอข้อมลู (Asking & Giving
2 ผู้เรยี นรูและเขาใจ Information)
ในการใชคาํ ศพั ท
สํานวน 4 ช่ัวโมง 2
ภาษาอังกฤษเพ่ือ พบกลมุ่
การเขยี นประวตั สิ
วนตวั (Resume)

ที่ ตวั ชว้ี ัด เน้ือหา (กรต.) จำนวน หมายเหตุ
ชัว่ โมง

3 ผู้เรียนรูและเขาใจ การถาม-ตอบ คาํ ถามจากบทอ่าน 5 ชัว่ โมง ใบกิจกรรมท่ี
ในการใชคําศัพท การพยากรณอากาศ (Weather Forecast) 4
สาํ นวน เสียง คาํ ศัพท วลี สาํ นวนทม่ี กั ใชบ่อยๆ ในขา่ ว
ภาษาองั กฤษเพื่อ พยากรณอากาศ เชน shower, windy, กรต.
การเขยี นจดหมาย heavy, scatter, stormy, sunrise, sunset,
สมคั รงาน maximum, minimum, Northeast

7. การวดั ผลและประเมินผล เครอื่ งมือการวัดผล เกณฑ์การประเมนิ ผล
ใบกิจกรรม ทำแบบทดสอบผา่ น 70% ข้ึนไป
การวัดผลตามจดุ ประสงค์ ใบกจิ กรรม
1. ผู้เรยี นรแู ละเขาใจในการใช รอ้ ยละ 80 ของผ้เู รียนทำใบ
คําศัพทสาํ นวนภาษาอังกฤษเพื่อการ การทำกจิ กรรมพบกลุ่ม กิจกรรมไดอ้ ย่างถูกต้อง
เขียนจดหมายสมัครงาน
ทกั ษะ (Skill) การตั้งคำถาม และการตอบ
1. ผู้เรียนรแู ละเขาใจในการใช คำถาม
คาํ ศัพทสาํ นวนภาษาอังกฤษเพื่อการ
เขียนประวัติสวนตัว (Resume)
เจตคติ (Attitude)
1. มีความร้สู ึก เจตคติทด่ี ีตอ่
การเรยี นภาษาอังกฤษ

ลงชอื่ .............................................................ผสู้ อน
(…………………………..………………)

วันท่ี…......เดอื น…………….......พ.ศ……………....
ขอ้ เสนอแนะของหวั หน้าสถานศึกษาหรือผูท้ ี่ไดร้ บั มอบหมาย
..................................................................................................................................................................
............................................................................................................................. .....................................

ลงชื่อ...................................................ผู้อำนวยการ กศน.อำเภอเมอื งระยอง
(……....................…………………………)
วนั ท่ี......เดอื น…………….......พ.ศ………..

ใบกิจกรรมท่ี 1
รายวชิ า ภาษาอังกฤษเพื่อชีวิตและสงั คม (พต31001)

1. E-mailหมายถึงอะไร
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………….

2. E-mail มปี ระโยชน์อย่างไร
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
3. E-mail มีขอ้ เดน่ และข้อด้อยกว่าการสง่ จดหมายธรรมดาอยา่ งไร
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………

ใบกจิ กรรมท่ี 2
รายวชิ า ภาษาอังกฤษเพื่อชีวิตและสงั คม (พต31001)

1. การสมคั ร E-mail Address มีข้ันตอนการปฏิบตั ิอยา่ งไร
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
2.บอกช่อื เว็บไซตท์ ี่ใหบ้ รกิ ารอเี มลม์ า 5 ชอื่
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
5. อธบิ ายถึงมารยาทการส่งอีเมล์
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………

ใบกิจกรรมที่ 3-5 (กรต.)
รายวชิ า ภาษาอังกฤษเพ่ือชีวติ และสังคม (พต31001)

1.ให้ผ้เู รยี นฝึกเขยี น E-mail โดยสมมติฐาน ดงั นี้
- เรอ่ื ง ขอความชว่ ยเหลอื จากภยั พิบัติ เรง่ ดว่ น
- เรอ่ื งเลิกจ้างพนกั งาน
- เรื่องประชมุ ด่วน

เป็นภาษาองั กฤษ โดยใชค้ ำศัพท์และโครงสรา้ งประโยคจากหลกั ไวยากรณ์ ในบทเรียนที่ 1-14

ครง้ั ท่ี …………………………….……

แผนการจัดการเรยี นร้รู ายสปั ดาห์ วนั ท่ี………./…………………../…..…….

.

ภาคเรยี นท่ี 1 ปกี ารศึกษา 2564

รายวิชาทักษะการเรียนรู้ (ทช 31003) ระดับมัธยมศกึ ษาตอนปลาย ( 2 หนว่ ยกิต )

หน่วยที่ 1 ทศั นศลิ ป์ ( 2 ชั่วโมง)

ศนู ย์การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยอำเภอเมอื งระยอง

1. มาตรฐานการเรียนรู้

มาตรฐานการเรียนรทู้ ่ี 4.3 มีความรู้ ความเขา้ ใจ และเจตคติทด่ี ีเกยี่ วกบั ศิลปะ แลป ปะสุนทรยี ภาพ

2. เนอ้ื หาตามหลักสูตร
1. จุด เสน้ สี แสง เงา รูปรา่ ง รปู ทรง
2. การวพิ ากษว์ ิจารณ์งานทัศนศิลป์
3. ความงามตามธรรมชาติ
4. ความงามตามทัศนศลิ ป์สากล
5. ธรรมชาตกิ บั ทศั นศลิ ป์

3. ผลการเรยี นร้ทู ค่ี าดหวงั (ตัวช้วี ัด)
1. อธบิ ายความหมายและความร้สู ึกตอ่ ของ จดุ เส้น สี แสง เงา รูปรา่ ง รูปทรงได้
2. อธิบายความหมายความสำคัญของงานทศั นศลิ ปใ์ นดา้ นต่างๆได้
3. อธิบายกระบวนการ วพิ ากษ์ วจิ ารณ์งานทัศนศิลป์ในดา้ นต่างๆได้
4. สร้างสรรค์ความงามจากธรรมชาติใหอ้ อกมาเป็นความงามทางทศั นศิลป์
5. นำวัสดุ สง่ิ ของตา่ งๆ เข้ามาประดบั ตกแตง่ ร่างกาย ท่ีอยู่อาศัยได้อย่างเหมาะสม

4. กระบวนการจดั การเรียนรแู้ ละกจิ กรรมเพ่มิ เติม
ขั้นนำ
1. ครกู ล่าวทักทายผเู้ รียนและช้แี จงผลการเรยี นรทู้ ่ี
คาดหวัง
2. ผูเ้ รียนทำแบบทดสอบก่อนเรียน เร่ือง ทศั นศลิ ป์

ขนั้ สอน / การเรียนรดู้ ้วยตนเอง

1. ครูให้ผูเ้ รยี นดภู าพและวจิ ารณ์ภาพทีผ่ เู้ รียนเหน็
ทมี่ าของภาพ

https://petmaya.com/13-optical-illusion-paintings
2. ครอู ธิบายเกยี่ วกับภาพทั้งสองและบอกวตั ถปุ ระสงค์ของกิจกรรม
3. ครใู หผ้ เู้ รียนทำกิจกรรมที่ 1 เร่อื ง ทัศนศลิ ป์

ขนั้ สรุป
1. ครูสรุปองค์ความรู้
2. ครูและผ้เู รยี นตอบข้อซกั ถามรว่ มกันและแลกเปล่ียนเรยี นรู้
3. ผู้เรยี นทำแบบทดสอบหลงั เรียน เร่อื ง ทัศนศลิ ป์

5. งานที่มอบหมาย
1. ศึกษาแบบเรียนวชิ าศิลปศึกษา ทช 31003
2. กิจกรรมที่ 1 เรื่องทศั นศิลป์
2. ใบงาน กรต.ท่ี 1 เรือ่ งทัศนศิลป์

6. ส่อื /แหล่งเรยี นรู้
1. กิจกรรมท่ี 1 เรอ่ื งทัศนศลิ ป์
2. ใบงานกรต. 1 เร่อื ง ทัศนศิลป์
3. ใบงานกรต. 2.เรื่อง การสรา้ งสรรค์ผลงาน
3. แบบทดสอบก่อน-หลงั เรียน
4. หนงั สอื เรยี นรายวิชา ศิลปศึกษา ทช 31003

7. การเรียนรู้ดว้ ยตนเอง (กรต.)

ท่ี ตัวชวี้ ดั เน้ือหา (กรต.) จำนวนช่ัวโมง หมายเหตุ
1. จดุ เสน้ สี แสง เงา รูปร่าง 9 ชั่วโมง ใบงานกรต.
1 1.อธิบายความหมายและความรู้สกึ รูปทรง ที่ 1
ต่อของ จดุ เส้น สี แสง เงา รูปรา่ ง
รูปทรงได้ 9 ชั่วโมง ใบงานกรต.
ที่ 2
2 2.สรา้ งสรรคค์ วามงามจากธรรมชาติ 2. ความงามตามธรรมชาติ
ใหอ้ อกมาเป็นความงามทาง
ทศั นศลิ ป์

8. การวัดผลและประเมินผล เครื่องมือการวดั ผล เกณฑ์การประเมนิ ผล
แบบทดสอบกอ่ น - หลังเรยี น ผ่านการตอบคำถามได้
การวัดผลตามจุดประสงค์ 70% ข้ึนไป
ความรู้ (Knowledge) ใบงานเรอื่ ง ทัศนศลิ ป์ ผา่ นการประเมินผล รอ้ ยละ
อธิบายเรอ่ื งการจดั การความรู้ ใบงานกรต. 70 ขึ้นไป
ทกั ษะ (Skill) ท่ี 1และ 2
เลือกหัวข้อการจดั การความรู้ การมสี ว่ นร่วมในการอธบิ าย ผเู้ รียน 70% ขึ้นไปมสี ว่ นรว่ ม
ดำเนนิ การเสนอ ความคดิ เหน็ ในการอธบิ ายแลกเปล่ยี น
เจตคติ (Attitude) ความคดิ เหน็
มีความรูส้ กึ เจตคตทิ ดี่ ตี ่อ
การจัดการความรู้
แบบมเี หตผุ ล

ลงชื่อ.............................................................ผ้สู อน
(…………………………………………………)

วันที่ ......เดือน…………….......พ.ศ……………....

ขอ้ เสนอแนะของหัวหนา้ สถานศกึ ษาหรือผู้ท่ีไดร้ บั มอบหมาย
............................................................................................................................. .....................................
..................................................................................................................................................................

ลงช่อื ................................................ผู้อำนวยการ กศน.อำเภอ
(……………………………………..……)

วนั ท่ี ......เดือน…………….......พ.ศ……………....

แบบทดสอบก่อนเรยี น
หน่วยท่ี 1 ทัศนศลิ ป์
คำช้แี จง ให้ผเู้ รียนกากบาทคำตอบทีถ่ ูกท่ีสุดเพียงคำตอบเดียว
1.การวาดภาพที่มีการตดั เส้น หรอื วาดเส้นนิยมใช้กับงานในขอ้ ใด
ก. ภาพทิวทศั นเ์ สมือนจริง
ข. ภาพแสดงเหตุการณ์สำคญั
ค. ภาพประกอบนิทาน หรือละคร
ง. ภาพทใ่ี ช้เทคนิคต่าง ๆ ผสมกัน
2. เสน้ ในขอ้ ใดที่เป็นเสน้ หลักของการรา่ งภาพใบหน้าตัวละคร
ก. เสน้ โคง้ เส้นตรง
ข. เสน้ โค้ง เส้นเฉียง
ค. เส้นรูปไข่ เสน้ แนวตงั้
ง. เส้นแนวตัง้ เสน้ แนวนอน
3. ถ้าจะวาดภาพตวั ละครให้เปน็ ทน่ี ิยมของคนทั่วไปต้องคำนึงถงึ อะไร
ก. ภาพสอ่ื ใหเ้ ห็นถึงรปู แบบทเี่ รยี บงา่ ย มคี วามเหมือนจรงิ ตามธรรมชาติ
ข. ภาพที่เรยี บงา่ ย สื่อสารอารมณค์ วามรู้สึกได้ดี มีบุคลิกท่จี ำงา่ ย
ค. ภาพที่มเี ส้นคมชัด ใชส้ ที เ่ี กินจริงจากธรรมชาติ
ง. ภาพลายเส้นเรียบง่าย ส่ือวิถชี ีวิตในสังคมได้ดี
4. การออกแบบโปสเตอร์ทีด่ ีและมปี ระสิทธิภาพในการส่อื สารควรออกแบบให้มคี ณุ สมบัติตามข้อใด
ก. สะดดุ ตาอา่ นง่ายแต่แรกเห็น
ข. มีความกลมกลืนไปกับสภาพแวดล้อม
ค. ใช้ข้อความยาว ให้ไดร้ ายละเอียดมาก
ง. มแี ตภ่ าพ ใช้ตวั อักษรให้น้อยทส่ี ุด
5. สที ี่มีความบางเบามกั จะระบายระยะใด
ก. ระยะต้นื
ข. ระยะใกล้
ค. ระยะไกล
ง. ระยะใดก็ได้

แบบทดสอบหลังเรยี น
หนว่ ยที่ 1 ทศั นศิลป์
คำช้ีแจง ใหผ้ ูเ้ รยี นกากบาทคำตอบท่ีถูกท่ีสุดเพียงคำตอบเดียว
1. ถา้ ตอ้ งการสร้างผลงานท่สี ่ือถงึ ความแข็งแรง มัน่ คง ควรใช้เส้นลักษณะใดเปน็ หลักในผลงาน
ก. เสน้ แนวนอน
ข. เสน้ แนวตั้ง
ค. เสน้ โคง้ คด
ง. เสน้ ฟนั ปลา
2. ขอ้ ใดเปน็ ตัวอยา่ งของการน าผลงานทัศนศิลปม์ าสรา้ งสรรค์ให้เกดิ ประโยชน์ในชวี ติ ประจำวัน
ก. แต่งกายชุดนกั เรยี นมาโรงเรียน
ข. เขยี นหนงั สอื ดว้ ยลายมือที่อ่านง่าย
ค. นำภาพวาดมาตกแตง่ บา้ นเรือน
ง. ใชแ้ สงไฟหลากสใี นงานรนื่ เรงิ
3. ขอ้ ใดเปน็ ความสำคัญของส่งิ แวดล้อมต่อการสร้างสรรค์งานทัศนศิลป์
ก. ชว่ ยในเรือ่ งการจัดวางองค์ประกอบศิลป์
ข. เปน็ แบบอยา่ งใหง้ านทัศนศลิ ป์ทำตาม
ค. ทำให้เกดิ การใช้แสงเงาในตัวผลงาน
ง. เป็นแหล่งวตั ถุดบิ เพื่อสร้างงานศลิ ป์
4. การสร้างสรรคผ์ ลงานทัศนศลิ ปข์ องไทยได้รับอิทธพิ ลจากเรื่องใดมากท่ีสุด
ก. ความเช่ือ ความศรทั ธาทางพระพทุ ธศาสนา
ข. แนวความคดิ สรา้ งสรรค์ของศิลปิน
ค. อิทธิพลจากอนิ เดีย จีนและศรีลงั กา
ง. รูปแบบ เทคนิค วัสดุอุปกรณ์จากตะวันตก
5. ขอ้ ใดเป็นปจั จยั ท่ีมีอิทธพิ ลตอ่ การสรา้ งสรรค์ผลงานทัศนศิลปใ์ นวัฒนธรรมไทยมากที่สุด
ก. การทำมาหากิน
ข. ศาสนาและความเชื่อ
ค. สภาพลมฟ้าอากาศ
ง. การตอ่ สูท้ ำศกึ สงคราม

เฉลยแบบทดสอบ
หนว่ ยที่ 1 ทศั นศิลป์

ข้อ เฉลยกอ่ นเรยี น ข้อ เฉลยหลงั เรียน
1ค1 ข
2ง2 ค
3ข3 ข
4ก4 ก
5ค5 ข

กจิ กรรมท่ี 1
หนว่ ยท่ี 1 ทศั นศลิ ป์

คำชแ้ี จง ให้ผเู้ รียนใชเ้ สน้ แบบตา่ งๆตามแบบเรยี นมาประกอบเป็นภาพตามจินตนาการลงในกระดาษเปล่า
ขนาด A 4 จากนั้นนำมาแสดงผลงานและแลกเปล่ียนกันชมและวจิ ารณ์

ใบงานกรต. ท่ี 1
เรือ่ ง ทัศนศลิ ป์

1. ใหน้ ักศึกษาบอกความรู้สึกที่มีต่อเส้นในลักษณะต่างๆ ดังน้ี
1.1 เสน้ ตรงแนวตั้ง…………………………………………………………….
1.2 เสน้ ตรงแนวนอน………………………………………………………….
1.3 เส้นตรงแนวเฉยี ง…………………………………………………………..
1.4 เสน้ ติดกัน………………………………………………………………….
1.5 เสน้ โคง้ …………………………………………………………………….
1.6 ให้ความรสู้ กึ อย่างไร
1.7 ------------------------ ใหค้ วามรูส้ กึ อยา่ งไร
1.8 ใหค้ วามรสู้ ึกอยา่ งไร
1.9 ใหค้ วามรสู้ ึกอย่างไร

2. ให้นักศึกษา อธบิ ายว่าสีร้อน และสีเยน็ หมายถงึ อะไรและประกอบด้วยสอี ะไรบ้าง
-----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
-----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

3. ใหผ้ ้เู รียนเขียนภาพจติ รกรรมดว้ ยสนี ำ้ หรอื สตี ่างๆในการเขียนภาพระบายสี โดยอาจใชเ้ ปน็ ภาพทวิ ทศั น์
ภาพผักหรอื ผลไม้ ใหน้ ำผลงานมาแสดงในชน้ั เรยี นสัปดาห์หนา้ (กระดาษขนาด A 2)

ใบงานกรต. ท่ี 2
เรื่อง การสร้างสรรคผ์ ลงาน

คำชแ้ี จง ให้ผเู้ รียนเขยี นภาพจิตรกรรมด้วยสีน้ำ หรือสีต่างๆในการเขียนภาพระบายสี โดยอาจใช้เปน็ ภาพทวิ ทศั น์
ภาพผักหรือผลไม้ ใหน้ ำผลงานมาแสดงในชั้นเรยี นสัปดาห์หนา้ (กระดาษขนาด A 2)

ครั้งท่ี …………………………….……

แผนการจดั การเรียนรู้รายสปั ดาห์ วนั ท่ี………./…………………../…..…….
ภาคเรยี นท่ี 1 ปกี ารศกึ ษา 2564
.

รายวิชาทกั ษะการเรยี นรู้ (ทช 31003) ระดับมธั ยมศึกษาตอนปลาย ( 2 หนว่ ยกติ )

หน่วยที่ 2 ดนตรสี ากล ( 2 ช่วั โมง)

ศูนยก์ ารศึกษานอกระบบและการศกึ ษาตามอัธยาศยั อำเภอเมืองระยอง

1. มาตรฐานการเรยี นรู้

มาตรฐานการเรียนร้ทู ่ี 4.3 มีความรู้ ความเขา้ ใจ และเจตคติท่ดี เี ก่ียวกับศิลปะ และสนุ ทรียภาพ

2. เนอื้ หาตามหลักสตู ร

1. ดนตรสี ากล และดนตรีสากลประเภทตา่ งๆ
2. คณุ ค่าความไพเราะของเพลงสากล

3. ผลการเรียนรทู้ ่ีคาดหวงั (ตวั ชี้วัด)

1. มีความรู้ ความเข้าใจและอธิบายประเภทของดนตรีสากล
2. อธบิ ายคณุ ค่า วเิ คราะห์ วิพากษ์วิจารณถ์ ึงความไพเราะของเพลงสากล

4. กระบวนการจัดการเรยี นรู้และกจิ กรรมเพิม่ เติม
ข้นั นำ

1. ผ้สู อนนำเข้าสบู่ ทเรยี นดว้ ยการเปิดเพลงดนตรสี ากลรว่ มสมยั จาก you tube ทเี่ ตรยี มมา
สอบถามผูเ้ รียนเก่ียวกบั เพลงที่ไดร้ บั ฟงั ผู้แต่ง ความหมาย เน้ือหา ความไพเราะ เคร่ืองดนตรี ผ้สู อนและ
ผ้เู รยี นแสดงความคดิ เหน็ ร่วมกัน

2. ผู้เรยี นทำแบบทดสอบกอ่ นเรียน
3, ตรวจแบบทดสอบก่อนเรยี น

ขน้ั สอน / การเรียนร้ดู ว้ ยตนเอง
1. ผูส้ อนแจก ใบกจิ กรรม เรื่อง ดนตรีและคุณค่าความไพเราะของเพลงสากล ใหผ้ ู้เรยี นแต่ละ
คน และอธิบายขัน้ ตอนการดำเนนิ กจิ กรรม
2. ให้ตัวแทนนำเสนอสิ่งท่ีไดเ้ รียนรูจ้ ากการทำกจิ กรรม
3. ผสู้ อนและผ้เู รยี นร่วมกันแสดงความคิดเหน็
4. ใหผ้ ้เู รยี นจดบนั ทึกความรู้ทไ่ี ด้จากผู้สอนอธบิ าย แล้วบันทึกเป็น mind map
5. ผสู้ อนสังเกตพฤตกิ รรมและชว่ ยเตมิ เตม็ ในสว่ นท่ผี เู้ รยี นไมเ่ ข้าใจ
6. ผู้เรยี นรวบรวมเนอื้ หาท่ผี ู้สอนอธบิ าย ยกตวั อย่าง และสรุปเน้อื หาเปน็ ข้อมลู ของตัวเอง

ข้นั สรุป
1. ผู้สอนและผเู้ รียนร่วมกันสรปุ เนื้อหา ความรู้ และเชื่อมโยงความรู้ทไ่ี ด้กบั จุดประสงค์

การเรียนรเู้ พื่อให้ผู้เรยี นเห็นองคค์ วามรรู้ วม
2. ทำแบบทดสอบหลงั เรียน ผู้สอนเฉลยแบบทดสอบ

5. งานทมี่ อบหมาย
1. ศึกษาแบบเรียนวชิ าศิลปศึกษา ทช 31003
2. กจิ กรรมที่ 1 เรือ่ ง ดนตรีและคุณค่าความไพเราะของเพลงสากล
3. ใบงาน กรต.ท่ี 1 เรื่อง ดนตีสากล
4. ใบงาน กรต.ท่ี 2 เรอ่ื ง ดนตสี ากล

6. สอ่ื /แหล่งเรยี นรู้
1. หนงั สือเรียนรายศลิ ปศกึ ษา ทช 31003
2. มมุ หนังสือ กศน.
3. ห้องสมดุ ประชาชน
4. คลิปวีดโิ อ you tube https://www.youtube.com/watch?v=LetyQNd9PdI

7. การเรียนรดู้ ้วยตนเอง (กรต.)

ที่ ตวั ชี้วดั เนื้อหา (กรต.) จำนวนชัว่ โมง หมายเหตุ

1. อธบิ ายประวัติ ความเป็นมาและ 1. ประวตั ิ ความเปน็ มาและ 18 ชัว่ โมง ใบงานกรต.
ท่ี 1และ 2
ววิ ฒั นาการของเคร่ืองดนตรสี ากล วิวัฒนาการของเคร่อื งดนตรี

ประเภทตา่ ง ๆ สากลประเภทต่าง ๆ

2. อธบิ าย รปู แบบและเทคนิควิธกี าร 2. รูปแบบของเครอื่ งดนตรี
เลน่ ของเครื่องดนตรสี ากลประเภท
ต่าง ๆ สากลประเภทต่าง ๆ และ
3. อธิบายความหมาย ความสำคญั เทคนิควธิ ีการเลน่ ของเครอ่ื ง

ความเป็นมาของดนตรสี ากล เข้าใจ ดนตรสี ากลแตล่ ะประเภท

ถงึ ตน้ กำเนิด ภมู ปิ ัญญา และการ 3. ประวตั ิ ความเป็นมาของ

ถ่ายทอดสืบต่อกนั มา ภูมิปัญญาทางดนตรีและเพลง

สากล

4. เห็นคุณคา่ และเกิดความหวง

แหนภูมปิ ญั ญาทางดนตรีสากล

8. การวัดผลและประเมนิ ผล เครอ่ื งมอื การวดั ผล เกณฑ์การประเมนิ ผล
แบบทดสอบก่อน - หลงั เรียน ผ่านการตอบคำถามได้
การวัดผลตามจดุ ประสงค์ 70% ข้นึ ไป
ความรู้ (Knowledge) ใบงานเรอ่ื ง ดนตรแี ละคุณค่า ผ่านการประเมินผล รอ้ ยละ
อธิบายเร่ืองการจดั การความรู้ ความไพเราะของเพลงสากล 70 ขึ้นไป
ทักษะ (Skill) ใบงานกรต. ที่ 1และ 2
เลอื กหวั ข้อการจดั การความรู้ การมสี ่วนร่วมในการอธิบาย ผู้เรียน 70% ขึน้ ไปมสี ว่ นร่วม
ดำเนนิ การเสนอ ความคดิ เห็น ในการอธบิ ายแลกเปลีย่ น
เจตคติ (Attitude) ความคดิ เห็น
มีความรสู้ กึ เจตคตทิ ีด่ ตี ่อ
การจดั การความรู้
แบบมีเหตุผล

ลงชื่อ.............................................................ผู้สอน
(…………………………………………………)

วันที่ ......เดอื น…………….......พ.ศ……………....

ขอ้ เสนอแนะของหวั หน้าสถานศกึ ษาหรือผู้ท่ีได้รบั มอบหมาย
............................................................................................................................. .....................................
............................................................................................. ................................................................ .....

ลงช่ือ................................................ผู้อำนวยการ กศน.อำเภอ
(……………………………………..……)

วันที่ ......เดือน…………….......พ.ศ……………....

แบบทดสอบก่อนเรยี น
หน่วยท่ี 1 ดนตรีสากล
คำชแี้ จง ใหผ้ เู้ รยี นกากบาทคำตอบท่ถี ูกท่ีสุดเพยี งคำตอบเดียว

1. ยุคทองของดนตรีตรงกบั ข้อใด ข. Romantic Period
ก. Modera Period ง. Classical Period
ค. Polyphonic Period

2. เพลงประเภทใดที่ใช้รอ้ งในโบสถ์ ข. แชมเบอรม์ ิวสิค
ก. โอราทอรโิ อ ง. คอนเซอร์โต
ค. ออร์เคสตรา้

3. เคร่อื งดนตรสี ากลในข้อใดเปน็ เครอื่ งดนตรีประเภทดดี

ก. ปิคโคโล ข. แบนโจ

ค. เรคอรเ์ ดอร์ ง. คลารเิ น็ต

4. เมโลเดยี น จัดเปน็ เครอ่ื งดนตรปี ระเภทใด
ก. ดดี ข. สี
ค. ตี ง. คียบ์ อร์ด

5. ละครโอเปรา ทโี่ ด่งดังเรื่องหนึ่งของโลกคอื เรื่องใด

ก. Twilight ข. Romeo must died

ค. Bird of Paradise ง. The Phantom of the Opera

แบบทดสอบหลังเรยี น
หนว่ ยที่ 2 ดนตรีสากล
คำชีแ้ จง ให้ผ้เู รยี นกากบาทคำตอบทถ่ี ูกท่ีสุดเพยี งคำตอบเดียว
1. ดนตรีในข้อใดทเ่ี กิดจากวงดนตรีทีใ่ ชใ้ นการเดนิ สวนสนามของทหาร
ก. วงแจ๊ซ
ข. วงชาร์โดว์
ค. วงมวิ สคิ แบนด์
ง. วงโยธวาธติ

2. ประเภทของวงดนตรสี ากล จัดแบ่งวงดนตรเี ป็นกีว่ ง
ก. แบง่ เป็น 4 วง
ข. แบ่งเป็น 6 วง
ค. แบ่งเป็น 8 วง
ง. แบง่ เป็น 10 วง

3. การบรรเลงของวงแชมเบอร์มิวสคิ จะมเี คร่ืองดนตรีในกลมุ่ ใดทนี่ ยิ มนำมาบรรเลง
ก. กล่มุ เครื่องลมไม้
ข. กล่มุ เคร่ืองกระทบ
ค. กลุ่มเครื่องสาย (String)
ง. กลมุ่ คียบ์ อรด์

4. วงดนตรีแจซ๊ เกดิ จากคนพ้ืนเมืองกลุ่มใดครงั้ แรก
ก. ชนชาวเยอร์มนั
ข. ชนชาวนิโกร
ค. ชนชาวรัสเซยี ์
ง. คนพืน้ เมืองเอเชยี

9. วงดนตรีที่ใช้เครอ่ื งเป่าโลหะจำนวนมากเป็นหลักคือวงใด
ก. Brass Band
ข. Combo Band
ค. Jazz Band
ง. Sring Band

เฉลยแบบทดสอบ
หนว่ ยท่ี 2 ดนตรีสากล

ข้อ เฉลยก่อนเรียน ขอ้ เฉลยหลงั เรยี น

1ข1 ค
2ก2 ค
3ข3 ข
4ง4 ก
5ง5

ใบกิจกรรม
เร่อื ง ดนตรีและคณุ ค่าความไพเราะของเพลงสากล
คำสง่ั ใหผ้ เู้ รยี นแต่ละคนเลือกเพลงสากลที่ชอบ 1 เพลง พรอ้ มเขยี นเนื้อร้องและทำนอง บอกความหมายของ
เพลงที่ชอบ บอกเหตุผลที่ชอบเพราเหตใุ ด ผูส้ อนสุ่มเลอื กใหผ้ ูเ้ รียนออกไปนำเสนอเพลงสากลทต่ี นเองเลือกให้
เพ่อื นรว่ มห้องไดฟ้ งั พรอ้ มร่วมกนั แสดงความคดิ เหน็
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………

ใบงาน กรต. 1
เรอ่ื ง ดนตรีสากล
1. สบื ค้นหาเครอื่ งดนตรสี ากลทกุ ประเภทๆละ 2-3 ชนิดแลว้ รวบรวมนำเสนอผูส้ อน
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………

ใบงาน กรต. 2
เรอ่ื ง ดนตรีสากล
1. สืบคน้ ประวัตินกั ดนตรีสากลท้ังในประเทศไทยและสากล เขียนเป็นรายงานไมต่ ่ำกว่า 5 หน้ากระดาษ ขนาด A4
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………

ครัง้ ท่ี 17
วันท่ี 19/09/2564

แผนการจดั การเรียนรู้รายสปั ดาห์
ภาคเรยี นท่ี 1 ปกี ารศกึ ษา 2564
รายวชิ าศิลปศึกษา (ทช31003) ระดบั มธั ยมศึกษาตอนปลาย (/ หน่วยกติ )
หน่วยที่ 3 นาฎศลิ ป์ ( 2 ชั่วโมง)
ศนู ย์การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอธั ยาศยั อำเภอเมืองระยอง

1. มาตรฐานการเรยี นรู้ระดับ
รู้ เข้าใจ มีคุณธรรม จรยิ ธรรม ช่ืนชม เหน็ คณุ ค่าความงาม ความ ไพเราะ ธรรมชาติ สงิ แวดล้อมทาง

ทัศนศลิ ป์ ดนตรี และ นาฏศลิ ป์ สากล และ สามารถวิเคราะห์วิพากษ์ วิจารณ์ได้อย่างเหมาะสม
2. เนื้อหาตามหลักสตู ร

เรือ่ งที่ 1 นาฏยนิยาม

เร่ืองท่ี 2 สนุ ทรยี ะทางนาฏศิลป์

เรือ่ งที่ 3 นาฏศลิ ป์สากลเพ่ือนบานของไทย

เรื่องที่ 4 ละครที่ไดร้ บั อิทธิพลของวัฒนธรรมตะวนั ตก

เรอ่ื งที่ 5 ประเภทของละคร

เรอื่ งท่ี 6 ละครกบั ภูมิปัญญาสากล

3. ผลการเรยี นรู้ที่คาดหวัง(ตัวชว้ี ัด)
อธิบายความหมาย ความสำคัญ ความเป็นมาของนาฎยนิยาม สนุ ทรียะทางนาฎศลิ ป์ เขาใจถึงประเภท
ของนาฎศลิ ป์แขนงตง ๆ ภูมปิ ญั ญา

4. กระบวนการจดั การเรยี นร้แู ละกจิ กรรมเพมิ่ เติม
ขนั้ นำ

(ผสู้ อนควรมอบหมาย ใบงาน กรต.ใหก้ ับผู้เรยี นล่วงหนา้ เพื่อให้ผู้เรยี นไดศ้ ึกษาก่อนการพบกลมุ่ )
1. ผู้สอนนำเข้าส่บู ทเรียนด้วยนันทนาการโดยฟังเพลงจาก you tube ที่เตรียมมา (เนื้อหาของเพลง

สอดคลอ้ งกับบทเรียน เชน่ เพลงที่เปิดขณะแสดงนาฏศิลป์) สอบถามผู้เรียนเกี่ยวกับเพลงทไ่ี ดร้ บั ฟัง ประวัติความ
เปน็ มาของเพลง เนื้อหา โอกาสที่จะไดร้ ับฟงั เพลงประเภทนี้ เปน็ ต้น

2. ผเู้ รยี นทำแบบทดสอบกอ่ นเรยี น
3, ตรวจแบบทดสอบก่อนเรยี นเพอื่ แบ่งผ้เู รยี นออกเปน็ 5 กลมุ่ กลุ่มละเทา่ ๆกนั
ขั้นสอน
1. ผู้สอนแจก ใบกจิ กรรม เรื่อง นาฏศิลป์สากลเพื่อนบ้านของไทย ให้ผู้เรียนแตล่ ะกลุม่ และอธบิ าย
ข้นั ตอนการดำเนนิ กจิ กรรม
2. ใหต้ ัวแทนกลุ่มออกมานำเสนอส่งิ ที่ได้เรียนรจู้ ากการทำกจิ กรรมกลุ่มโดยการจบั สลาก

3. ผูส้ อนอธิบายเพ่ิมเติม

4. ให้ผูเ้ รยี นจดบนั ทึกความรู้ท่ีไดจ้ ากผ้สู อนอธิบาย แล้วบันทกึ เป็น mind map

5. ผู้สอนสงั เกตพฤตกิ รรมและช่วยเติมเตม็ ในสว่ นทผี่ ูเ้ รยี นไมเ่ ข้าใจ

6. ผเู้ รยี นรวบรวมเน้ือหาทผ่ี สู้ อนอธบิ าย ยกตัวอย่าง และท่ีแตล่ ะกล่มุ นำเสนอเป็นข้อมลู ของตวั เอง

ขนั้ สรุป
1. ผู้สอนและผเู้ รยี นร่วมกนั สรปุ เน้ือหา ความรู้ และเชื่อมโยงความร้ทู ี่ได้กบั จดุ ประสงค์การเรียนรู้

เพอ่ื ให้ผู้เรียนเหน็ องคค์ วามร้รู วม
2. ผเู้ รยี นสรุปความรู้รายบุคคล
3. ทาแบบทดสอบหลังเรยี น ผ้สู อนเฉลยแบบทดสอบ

งานทีม่ อบหมาย
ใหผ้ เู้ รียนทบทวนเนือ้ หาและทำใบงาน กรต. ตามที่ไดร้ บั มอบหมาย โดยการคน้ ควา้ ข้อมูลจากส่อื ต่างๆ

5.สอ่ื /แหล่งเรียนรู้
1. หนังสือเรียนรายศิลปศึกษา ทช 31003
2. มุมหนังสอื กศน.
3. ห้องสมดุ ประชาชน
4. คลปิ วดี ิโอ youtube

6. การเรยี นรูด้ ้วยตนเอง(กรต.) เนอื้ หา (กรต.) จำนวนช่ัวโมง หมายเหตุ
1. นาฏยนยิ าม 18 ชั่วโมง
ท่ี ตัวชี้วดั 2. สนุ ทรียะทางนาฏศลิ ป์
1 อธิบายความหมาย ความสำคัญ 3. ละครท่ไี ดร้ ับอิทธิพลของ
วฒั นธรรมตะวันตก
ความเปน็ มาของนาฏนยิ าม 4. ประเภทของละคา
สุนทรียะทางนาฏศลิ ป์ เขา้ ใจถงึ 5. ละครกับภูมปิ ัญญาสากล
ประเภทของนาฏศิลปแ์ ขนง
ตา่ งๆ ภมู ิปัญญา

7. การวัดและประเมินผล เครอื่ งมือการวดั ผล เกณฑ์การประเมนิ ผล
แบบทดสอบหลังเรยี น ผา่ นการทำแบบทดสอบ
ท่ี การวัดตามจุดประสงค์ แบบฝึกหดั หลงั เรยี น และแบบฝึกหัด
1 ความร(ู้ knowสedge) ได้คะแนน70% ขึ้นไป

1. รจู้ กั ความเปน็ มาของนาฎย แบบบนั ทกึ การนำเสนองานหนา้ ผ่านการประเมินผล ร้อยละ
นยิ าม สุนทรียะทางนาฎศลิ ป์ เข หอ้ งเรียน 70 ขึน้ ไป
าใจถึงประเภท ทำแบบฝึกหัดเสรจ็ ทัน ในเวลาที่
ของนาฎศลิ ป์แขนงตง ๆ ภูมิ กำหนด
ปัญญา.
2 ทักษะ(skill) แบบสังเกตการมสี ่วนรว่ มในกิจกรรม ผา่ นการประเมินผล รอ้ ยละ
อธิบายความหมาย ความสำคัญ กลุ่ม 70 ขึน้ ไป
ความเป็นมาของนาฎยนิยาม
สนุ ทรยี ะทางนาฎศลิ ป์ เขาใจถงึ
ประเภท
ของนาฎศิลป์แขนงตง ๆ ภูมิ
ปัญญา
3 เจตคต(ิ attitude)
1.มีทศั นคติที่ดตี ่อการเรยี น
นาฎศลิ ป์

ลงชอ่ื ………………………………………………ผสู้ อน
()

วันท่ี………….เดอื น………………………..พ.ศ………………

ขอเสนอแนะของผบู้ รหิ ารสถานศกึ ษาหรือผู้ทีไ่ ดร้ ับมอบหมาย
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..

ลงช่ือ………………………………………………ผู้อำนวยการ กศน.อำเภอเมืองระยอง
()

วนั ท่ี…………..เดอื น…………………….พ.ศ……………………….…

ใบกจิ กรรม
เรือ่ ง นาฏศิลปส์ ากลเพื่อนบ้านของไทย
1. ลักษณะพิเศษของนาฏศิลป์และการละครในประเทศพมาคืออะไร
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
2. ตามความเชื่อของศาสนาพรามณนาฏศลิ ป์ชัน้ สงู ตองมาจากอะไร

………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………

3. การแสดงทนี่ ยิ มแสดงกันในงานมงคลสมรสของชาวมาเลยคือการแสดงอะไร

………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………


Click to View FlipBook Version