แบบทดสอบก่อนเรยี น
Choose the best answer.
1. Which sentence has the linking sound?
a. Its all over.
b. I will do my homework.
c. No one laugh at that man.
d. He went to the zoo last week.
2. Peter : ………………………………………………..
Sandra : My pleasure.
a. This is not mine.
b. Excuse me. May I come in?
c. Thank you for your hospitality.
d. I’m sorry. I’ve got the wrong number.
3. Which group of words has the same pronunciation?
a. mixed, needed, cooked
b. cheated, waited, wanted
c. dropped, washed, rented
d. trained, started, disturbed
4. Which word stresses at the first syllable?
a. engineer
b. opposite
c. undertake
d. transportation
5. Which sentence has the rising intonation?
a. Are you ready?
b. How do you do?
c. The weather is fine.
d. What time are you leaving?
แบบทดสอบหลังเรยี น
Choose the best answer.
1. Which sentence has the linking sound?
a. Its all over.
b. I will do my homework.
c. No one laugh at that man.
d. He went to the zoo last week.
2. Peter : ………………………………………………..
Sandra : My pleasure.
a. This is not mine.
b. Excuse me. May I come in?
c. Thank you for your hospitality.
d. I’m sorry. I’ve got the wrong number.
3. Which group of words has the same pronunciation?
a. mixed, needed, cooked
b. cheated, waited, wanted
c. dropped, washed, rented
d. trained, started, disturbed
4. Which word stresses at the first syllable?
a. engineer
b. opposite
c. undertake
d. transportation
5. Which sentence has the rising intonation?
a. Are you ready?
b. How do you do?
c. The weather is fine.
d. What time are you leaving?
เฉลยแบบทดสอบ
1a
2c
3b
4a
5a
เฉลยใบกจิ กรรม
ใบกิจกรรมที่ 1 –
ใบกิจกรรมที่ 2
ใบกิจกรรมท่ี 4
1. She wants to deposit this money into her account.
2. She had to fill out a deposit slip.
3. The teller remained her to write down the account number.
4. No, she did not.
ใบกิจกรรมท่ี 5 3. takes up 4. Would 5. much
1. package 2. rather
คร้ังท่ี 7
แผนการจัดการเรยี นรู้รายสปั ดาห์ วนั ท่ี 25/07/2564
ภาคเรยี นท่ี 1 ปกี ารศกึ ษา 2564
รายวชิ าภาษาอังกฤษเพื่อชีวิตและสงั คม (พต31001) ระดับมธั ยมศกึ ษาตอนปลาย (5 หน่วยกิต)
หน่วยที่ 2 What should you do? ( 3 ชั่วโมง)
ศูนยก์ ารศึกษานอกระบบและการศกึ ษาตามอธั ยาศัยอำเภอเมอื งระยอง
1. มาตรฐานการเรียนรรู้ ะดบั
มคี วามร้คู วามเข้าใจทักษะและเจตคตเิ กีย่ วกบั ภาษา ทา่ ทาง การฟัง พดู อ่าน เขยี น ภาษาต่างประเทศดว้ ย
ประโยคทีซ่ บั ซ้อนมากข้ึนในชีวิตประจําวัน และงานอาชพี ของตนถูกต้องตามหลักภาษา วัฒนธรรม และกาลเทศะ
ของเจ้าของภาษา
2. เนอ้ื หาตามหลกั สูตร
2.1 เรอ่ื งท่ี 1 การใช้พจนานุกรม
2.2 เร่อื งที่ 2 การวเิ คราะห์ศัพท์ รากศพั ท์ อุปสรรค ปจั จยั
2.3 เรื่องที่ 3 สญั ลกั ษณ์ และปา้ ยประกาศตา่ ง ๆ
2.4 เรื่องที่ 4 สลากยาและคู่มือการใช้อปุ กณ์ตา่ ง ๆ
2.5 เรือ่ งท่ี 5 คำแนะนำและคำเตือนตา่ ง ๆ
3. ผลการเรียนรู้ท่ีคาดหวงั (ตวั ช้ีวัด)
3.1 คน้ หาคำศัพท์จากพจนานกุ รมคำศัพท์ได้
3.2 วิเคราะหค์ ำศัพทจ์ ากรากศัพท์ได้
3.3 เข้าใจความหมายปา้ ยประกาศ สัญลกั ษณ์ คำแนะนำและคำเตือนได้
4. กระบวนการจัดการเรยี นร้แู ละกจิ กรรมเพิ่มเตมิ
ข้นั นำ (Warm-up Activity)
1 ผู้สอนช้ีแจงผลการเรียนรทู้ ี่คาดหวัง
2 ผสู้ อนให้ผู้เรยี นทำแบบทดสอบก่อนเรยี นเร่ือง What should you do? จำนวน 5 ข้อ เวลา 5 นาที
3 ผู้สอนช้ีแจงจุดประสงคก์ ารเรียนรู้/ หัวขอ้ การเรยี นรู้ / ประเดน็ ของการเรียนรู้
4. ผสู้ อนสนทนากับผู้เรียนเพ่อื เชอ่ื มโยงเข้าสูบ่ ทเรียน เร่ือง What should you do?
5. ผู้สอนพูดคุยเกี่ยวกับเร่ืองราวท่ีเก่ียวกับในชีวิตประจำวัน เช่น ป้ายบอกทาง ป้ายสัญลักษณ์ต่าง ๆ
ฉลากยาและคู่มอื การใชอ้ ุปกรณ์ที่อยใู่ กลต้ ัวกับผเู้ รียน
ขัน้ สอน
1. ผ้สู อนต้ังประเด็นคำถาม เรื่องผูเ้ รียนมีทกั ษะหรอื วิธกี ารหาคำศพั ทใ์ นพจนานุกรมได้อยา่ งถูกต้องตาม
หลักวิธีการหรือไม่อย่างไร โดยการให้ผู้เรียนได้ฝึกการหาคำศัพท์ตามวิธีการท่ีถูกต้อง การวิเคราะห์คำศัพท์
การอ่านสญั ลกั ษณ์ ป้ายประกาศ ฉลากยาและค่มู อื การใช้อปุ กรณ์ตา่ ง ๆ คำแนะนำและคำเตอื น
2. ผู้เรยี นแตล่ ะคนฝึกการหาคำศพั ท์และดูความหมายของคำวา่ มีหน้าที่อะไร เครอื่ งหมายสัญลักษณ์
และปา้ ยประกาศต่าง ๆ ฉลากยาและคมู่ อื การใช้อปุ กรณ์
3. แบง่ กลุม่ ผูเ้ รียนออกเปน็ 4 กลุ่ม ๆ ละเท่า ๆ กนั โดยวิธีการใหผ้ เู้ รยี นจับฉลากจัดทำรายงาน ตามหัวข้อ
ท่คี รจู ดั เตรยี มไว้
- การสร้างคำใหม่ และหาความหมายรากคำ prefix และ suffix
- สญั ลกั ษณแ์ ละปา้ ยประกาศตา่ ง ๆ
- ฉลากยาและคู่มือการใชอ้ ปุ กรณ์ต่าง ๆ
- คำแนะนำและคำเตือนต่าง ๆ เกยี่ วกับการพยากรณอ์ ากาศ การเข้าชมพิพิธภณั ฑ์ เปน็ ต้น
ข้ันสรุป
1. ผูส้ อนและผู้เรียนรว่ มกนั สรุปองค์ความรู้ โดยเชื่อมโยงจากแบบเรยี น ใบความรู้ และแหล่งเรยี นรู้
สื่อ Internet ต่าง ๆ ในการศกึ ษาหาข้อมูล
2. ให้ผเู้ รยี นแตล่ ะคนสรปุ ความรู้ในเรือ่ งท่ีเรยี นรู้จากการศึกษาคน้ ควา้ รายกล่มุ และจากการนำเสนอ
ผลงานของแต่ละกลุ่มเขยี นลงในสมดุ ตามประเด็นท่ีกำหนด พร้อมเปิดโอกาสให้ซักถามในเรอ่ื งท่ยี ังไม่
เข้าใจหรอื ยงั สนใจใหน้ กั เรยี น จดบันทึกความรู้ทไี่ ด้รบั ลงในสมดุ
3. ทำแบบทดสอบหลงั เรียน
4. ครมู อบหมายให้ผู้เรยี นไปศึกษาเพิ่มเติมด้วยตนเอง (กรต.) ในหวั ข้อตามแบบเรียน
งานทมี่ อบหมาย
1. ใบกิจกรรมท่ี 1-3
2. ครมู อบหมายให้ผู้เรียนไปศึกษาเพิ่มเติมดว้ ยตนเอง (กรต.) ในหวั ข้อตามแบบเรียน
5. สือ่ /แหล่งเรยี นรู้
1. มมุ หนังสือ กศน.ตำบลเชงิ เนิน
2. หอ้ งสมุดประชาชนจังหวดั ระยอง
3. หนังสอื เรียนวิชาภาษาองั กฤษเพ่ือชวี ติ และสงั คม หนว่ ยที่ 2
4. Internet
6. การเรียนรู้ด้วยตนเอง (กรต.)
ท่ี ตวั ชวี้ ดั เน้ือหา (กรต.) จำนวน หมายเหตุ
ช่ัวโมง
คน้ หา 1. การใช้พจนานกุ รม (Dictionary) ใบกจิ กรรมที่
1 คำศัพทจ์ าก 1.1 ทบทวนการคา้ หาความหมายของคำศัพทโ์ ดยเรยี งตาม 2 ชั่วโมง 1 พบกลุ่ม
ตวั อกั ษรของคำศัพท์ที่คน้ หาจาก a ถึง z
พจนานกุ รม 1.2 ให้อา่ นวิธีการใช้พจนานุกรมและข้อมลู ต่าง ๆ ทีอ่ ยู่ในสว่ นหนา้
คำศัพทไ์ ด้ (คำช้แี จงในการใช้) ของ Dictionary ใหเ้ ขา้ ใจ
1.3 เมื่อคน้ หาคำศัพท์พบแล้ว ใหศ้ ึกษาวธิ ีการอ่านออกเสียงหน้าที่
ของคำ ความหมายและตัวอย่างในการใช้ (ซึ่งคำบางคำอาจจะทำ
หนา้ ทไ่ี ด้หลายอยา่ ง) และคำท่มี คี วามหมายใกลเ้ คยี งกัน เช่น
drug(ดรัก) n. ยา ผลิตภณั ฑ์ยา ยาเสพตดิ สินค้าทีเ่ กี่ยวกับสุขภาพ
ท่ีขายในรา้ นขายยา vt. drugged, drugging ผสมกบั ยา ทำให้ตดิ
ยา ทำใหไ้ ด้รับพษิ จากยา drug on the market สนิ ค้าที่มี มาก
เกนิ ความต้องการในตลาด
2 วเิ คราะห์ 2. การวเิ คราะหศ์ ัพท์โดยการร้จู กั ส่วนทเี่ ปน็ รากศัพท์ (Root) ใบกจิ กรรมที่
คำศัพท์จาก อปุ สรรค หรือที่คำเติมไปข้างหน้า (Prefix) และปจั จัยหรือคำทีเ่ ตมิ 2
รากศัพทไ์ ด้ ข้างหลัง (Suffix) โดยทราบความหมายของส่วนประกอบของ
คำศัพท์ต่าง ๆ เหลา่ น้ันก็จะทราบความหมายของศพั ท์ได้ เช่น พบกล่มุ
Prefix: re = again 4 ชว่ั โมง
Anti = against ใบกิจกรรมท่ี
tele = far 3
etc.
Suffix: ant = person พบกล่มุ
er = person who
dom = condition
ern = direction
etc.
รปู ประโยคท่ใี ชใ้ นสญั ลักษณ์/ปา้ ยประกาศ/คำแนะนำในการใช/้
คำแนะนำ/คำเตือนตา่ ง ๆ ซึ่งจะใช้รปู ประโยคคำส่งั (Imperative
Sentence) ท้งั ในลักษณะบอกเลา่ และปฏเิ สธ เช่น
ที่ ตัวชวี้ ัด เนอื้ หา (กรต.) จำนวน หมายเหตุ
ช่วั โมง ใบกิจกรรมท่ี
- Don’t smoke.
4 ชั่วโมง 4
- No smoking. กรต.
- No entry. ใบกจิ กรรมท่ี
5
- Put some oil in the pan, then put the garlic and stir กรต.
until it become yellow. etc. ใบกิจกรรมที่
6
3 เข้าใจ สัญลกั ษณแ์ ละปา้ ยประกาศต่าง ๆ (Signs & Notices) รู้จัก กรต.
ความหมาย ความหมายของสัญลกั ษณ์และ ป้ายประกาศทพี่ บในชีวิตประจำวัน ใบกจิ กรรมที่
7
ป้ายประกาศ และการประกอบอาชีพ เชน่ การปฏิบตั ิตนในแหล่งท่องเท่ียว กรต.
สัญลกั ษณ์ โรงแรมพิพธิ ภณั ฑ์ โรงงาน สำนกั งาน ยานพาหนะ สลากยาและ
คำแนะนำ คูม่ อื ในการใช้อุปกรณ์ตา่ ง ๆ (Instructions) การอา่ น ทำความ
และคำเตือน เขา้ ใจและปฏิบัติตามคำแนะนำในการใชย้ าและอปุ กรณ์
ได้ ต่าง ๆ ทีใ่ ช้ในชวี ติ ประจำวัน เช่น หม้อหุงขา้ วไฟฟ้า เครื่องซักผา้
คอมพวิ เตอร์ โทรศัพท์มอื ถือ เป็นต้น โดยให้เข้าใจสำนวนหรือ
โครงสร้างของประโยคท่ีมกั ใช้ เช่น
- Keep out of reach of children.
- Take one tablet after each meal.
- Shake well before use.
การใช้ Active Voice และ Passive Voice
Modal verb Direct Speech, Indirect speech, Conjunction
และ Connective words ทีส่ ำคญั เช่น
- You should have it directly after meal.
- The doses must not be divided.
- Don’t use if the package is open.
- First open the can with the opener. Pull it in a bowl.
Then put some chopped chili, lemon juice and fish
sauce. After that mix them together.
คำแนะนำและคำเตือนตา่ ง ๆ (Tips and Warning) รู้จักวธิ ีการ
อ่านและตคี วามคำแนะนำ
คำชแ้ี จง และคำอธบิ ายตา่ ง ๆ เช่น พยากรณ์อากาศประกาศ
เตือนภยั คำแนะนำในการเขา้ ไปในสถานทตี่ า่ ง ๆ คำอธบิ ายสนิ ค้า
ท่ี ตวั ช้ีวัด เน้ือหา (กรต.) จำนวน หมายเหตุ
ชั่วโมง
และสว่ นประกอบหรอื เครื่องปรุง วธิ ีการปรุงอาหาร เป็นต้น
7. การวดั ผลและประเมินผล เคร่อื งมอื การวัดผล เกณฑก์ ารประเมนิ ผล
แบบทดสอบกอ่ นเรยี น ทำแบบทดสอบผา่ น 70% ข้ึนไป
การวดั ผลตามจุดประสงค์ แบบทดสอบหลังเรียน
ความรู้ (Knowledge) รอ้ ยละ 80 ของผูเ้ รยี นทำใบ
1. มคี วามรู้ความเข้าใจการใช้ ใบกจิ กรรมท1่ี -7 กิจกรรมได้อยา่ งถูกต้อง
Dictionary
2. มีความรูค้ วามเข้าใจในการใช้ การทำกิจกรรมพบกลุ่ม การตงั้ คำถาม และการตอบคำถาม
รากศัพท์
3. มคี วามรู้เข้าใจความหมายปา้ ย
ประกาศ สญั ลักษณ์ คำแนะนำ
และคำเตือน
ทักษะ (Skill)
1. ค้นหาคำศัพทจ์ ากพจนานุกรม
คำศัพทไ์ ด้
2. วิเคราะหค์ ำศัพท์จากรากศัพท์
ได้
3. เข้าใจความหมายป้ายประกาศ
สัญลกั ษณ์ คำแนะนำและคำเตอื น
ได้
เจตคติ (Attitude)
1. มคี วามรสู้ ึก เจตคติที่ดตี ่อ
การเรียนภาษาอังกฤษ
ลงช่ือ.............................................................ผสู้ อน
(…………………………..………………)
วันท…่ี ......เดอื น…………….......พ.ศ……………....
ขอ้ เสนอแนะของหัวหน้าสถานศึกษาหรือผทู้ ่ีไดร้ บั มอบหมาย
..................................................................................................................................................................
............................................................................................................................. .....................................
ลงชอ่ื ...................................................ผูอ้ ำนวยการ กศน.อำเภอเมอื งระยอง
(……....................…………………………)
วันท.ี่ .....เดือน…………….......พ.ศ………..
ใบกิจกรรมท่ี 1
รายวิชา ภาษาอังกฤษเพ่ือชีวติ และสงั คม (พต31001)
ช่อื -นามสกลุ ………........................…………………………………. รหสั กลมุ่ …………….............รหสั นักศกึ ษา........…..……..………
ใบกจิ กรรมท่ี 2
รายวิชา ภาษาอังกฤษเพ่ือชีวติ และสงั คม (พต31001)
ช่อื -นามสกลุ ………........................…………………………………. รหสั กลมุ่ …………….............รหสั นักศกึ ษา........…..……..………
ใบกจิ กรรมท่ี 3
รายวิชา ภาษาอังกฤษเพ่ือชีวติ และสังคม (พต31001)
1. Match the prefix on the left side to correct meaning on the right.
Prefix Meaning
1. Re a. wrong, bad
2. Pre b. before
3. Mis c. again / back
4. de d. eight
5. tele e. one / same / whole
6. un f. remove / reduce
7. bi g. twice
8. uni h. far / distant
9. octo i. many
10. sub j. under / low
11. multi k. not
2. Match the suffixes on the left to the explanation or function on the right.
1. –able a. adverb making
2. –er , -or b. verb making
3. – ful c. can or able to do something
4. – ment , - ness , -ion d. see or range
5. –ively e. noun or name of something
6. –ive f. job , doer
7. –ate g. sound or audio
8. -phone h. adjective or description word building
9. –scope i. full of
ช่ือ-นามสกุล ………........................…………………………………. รหัสกลุ่ม…………….............รหสั นักศกึ ษา........…..……..
ใบกิจกรรมท่ี 4 (กรต.)
รายวิชา ภาษาอังกฤษเพื่อชีวติ และสังคม (พต31001)
ช่อื -นามสกุล ………........................…………………………………. รหัสกลุ่ม…………….............รหสั นักศกึ ษา........…..……..
ใบกิจกรรมท่ี 5 (กรต.)
รายวิชา ภาษาอังกฤษเพื่อชีวติ และสังคม (พต31001)
ช่อื -นามสกุล ………........................…………………………………. รหัสกลุ่ม…………….............รหสั นักศกึ ษา........…..……..
ใบกิจกรรมที่ 6 (กรต.)
รายวิชา ภาษาอังกฤษเพื่อชีวติ และสังคม (พต31001)
ช่อื -นามสกุล ………........................…………………………………. รหัสกลมุ่ …………….............รหัสนกั ศกึ ษา........…..……..………
ใบกิจกรรมที่ 7 (กรต.)
รายวิชา ภาษาอังกฤษเพื่อชีวติ และสังคม (พต31001)
ช่อื -นามสกุล ………........................…………………………………. รหัสกลมุ่ …………….............รหัสนกั ศกึ ษา........…..……..………
ใบความรู้
What should you do?
หลกั การใช้ Prefix Suffix เเละ Root
Prefixes (อปุ สรรค)คือ ส่วนของคำทอ่ี ยหู่ น้าคำบง่ บอกความหมายของคำ
Suffixes (ปัจจยั ) คือ ส่วนของคำท่ีอยทู่ า้ ยคำบ่งบอกความหมายและหน้าท่ีของคำ
Root (รากคำ) คือ ส่วนที่เป็นความหมายหลกั ของคำ อาจอยู่ทต่ี ำแหนง่ ใดของคำกไ็ ด้
ลองสังเกตกลุ่มคำต่อไปนี้
suspect aspect respect expect inspect
introspect prospect retrospect circumspect specter
spectrum spectacle specimen spectacular speculate
specious perspective perspicuous
เราจะเหน็ ว่าใน 18 คำนี้มรี ากศัพท์รว่ มกันอยู่คอื คำวา่ "spect" ซ่งึ มาจากคำละติน specere แปลวา่ เหน็ เราจึงพอจะเกิด
แนวคิดได้ว่าความหมายของคำทัง้ หมดน้คี งมีความหมายในทางท่ี เกยี่ วกับสายตา หรอื การมองเห็นแน่นอนเมื่อรคู้ วามหมาย
ของรากศัพท์แล้ว จำเป็นต้องรู้ความหมายของอุปสรรคหรือปัจจัยท่ีตดิ มากับมนั ด้วยเพราะจะช่วยให้จำศัพทห์ รือเดา
ความหมายไดง้ ่ายขน้ึ เชน่ คำว่า suspect มีคำอุปสรรค sub ทแ่ี ปลว่า under ดงั น้ันจงึ จึงมีความหมายวา่ มองขา้ งใต้ สิ่งที่
เรามองข้างใต้ แปลว่าเราสงสัยในส่ิงนนั้ จึงตอ้ งก้มมองให้ชดั แนวคดิ นจ้ี ึงนำมาสูค่ วามหมายของคำน้ี ทแี่ ปลวา่ สงสยั ลองใช้
วธิ ีการศกึ ษาศัพทโ์ ดยการวเิ คราะห์คำในลักษณะนี้แล้วจะเหน็ การทอ่ งศัพทเ์ ปน็ เร่ืองท่ีไม่นา่ เบ่อื อีกต่อไป
1. อุปสรรค (prefix)
อุปสรรค (Prefix) คือหน่วยท่ีเลก็ ท่ีสุดของความหมายในภาษา และไม่สามารถอย่ลู ำพงั ได้ เปน็ ส่วนทเี่ ติมหนา้ รากศัพท์
(root or stem) เพื่อเพิ่มหรอื เปล่ียนความหมายของรากศัพท์นนั้ โดยจะไมเ่ ปล่ยี นหนา้ ที่ของรากศัพท์ ดังนน้ั คำท่ีเกิดขึ้น
ใหม่ส่วนใหญจ่ ะมีหน้าท่ีเหมือนเดมิ แตม่ ีความหมายเพม่ิ เติมหรือเปลี่ยนไป เชน่
- เปล่ยี นไปในทางตรงกนั ขา้ ม
- เปล่ยี นไปในทางท่ไี มด่ ี ดีขน้ึ แย่ลง
หรอื อาจจะเตมิ หนา้ รากศัพทเ์ พอ่ื บอกทัศนคติ ตำแหนง่ ท่ีตั้ง ลำดับท่ี จำนวน
อุปสรรคทีส่ ำคัญมดี ังน้ี
1. อปุ สรรค (Prefixes) ทีม่ คี วามหมายในเชงิ ปฏเิ สธ"No" หรือ "Not" เช่น อปุ สรรค ความหมาย ตวั อยา่ งคำ
un not unfair
in not inconvenient
im not impossible
2. อุปสรรค (Prefixes) สถานท่ี ตำแหนง่ (Placement) เช่น อุปสรรค ความหมาย ตวั อยา่ งคำ
inter among international
ex out exclude
sub under subtitle
3. อุปสรรค (Prefixes) ที่มีความหมายเกี่ยวข้องกับเวลา (Time) เชน่ อปุ สรรค ความหมาย ตัวอย่างคำ
pre first pre-school
pro for, before pro-America
post after post-graduate
4. อปุ สรรค (Prefixes) ทม่ี คี วามหมายเก่ยี วข้องกบั จำนวนเลข (Number) เชน่ อุปสรรค ความหมาย ตัวอยา่ งคำ
tri three tri angular
uni one unify
Example
อปุ สรรค (prefix) + รากศพั ท์ (Root) = คำใหม่ (New word)
1. fore - (ก่อน) + tell (บอก) = foretell (ทำนาย)
2. miss - (ผดิ ) + lead (นำ) = mislead (นำไปในทางท่ีผิด)
3. en (ทำให้) + danger (อนั ตราย) = endanger (ทำให้เป็นภยั )
4. contra (ต่อตา้ น,ปะทะ) + dict (พดู ) = contradict (ปฏิเสธ)
5. over (เหนือ่ ย) + head (ศีรษะ) = overhead (เหนือศีรษะ)
2. Root or Stem
รากศพั ท์ (Root or Stem) เปน็ ส่วนทแี่ สดงถงึ ความหมายพน้ื ฐานหรอื ความหมายหลกั (Basic Meaning)
ของคำ เมื่อเตมิ Prefix หรอื Suffix เข้าไปแล้วกจ็ ะเปน็ คำขนึ้ มา โดยที่ความหมายของรากศัพทย์ งั คงเดิมไมเ่ ปล่ียน
ความหมายไป รากศัพท์ (roots) เปน็ สว่ นทเี่ ปน็ ฐานของคำและเปน็ ตัวหลักเพ่ือสรา้ งคำอื่น ๆ เพม่ิ ข้นึ และรากศัพทเ์ ป็นสว่ น
ทไ่ี มส่ ามารถแยกออกจากกนั ได้อีก รากศัพท์อาจเกย่ี วข้องกับจำนวนเลข (Numbers) การวัด (Measurement) การ
เคลื่อนไหว (Motion) การกระทำ (Action)ความรูส้ ึก (Senses) คณุ ภาพ (Quality) กฎหมาย (Law) และสังคม (Social)
ดงั ตวั อยา่ งต่อไปนี้
รากศัพทท์ เี่ กีย่ วกับจำนวนเลข (Numbers) เชน่
รากศัพท์ ความหมาย
semi one half
mono one
bi two
cent hundred
รากศัพท์ทเี่ กย่ี วกบั การวดั (Measurement) เชน่
รากศัพท์ ความหมาย
graph / graphy a device to write or record
meter a device to measure
รากศัพทท์ ่ีเกี่ยวกบั การเคล่อื นไหว (Motion) เช่น
รากศัพท์ ความหมาย
vent to come
รากศัพท์ทเี่ กยี่ วกบั การกระทำ (Action) เชน่
รากศัพท์ ความหมาย
stat / stit / sist to stand up
รากศัพทท์ เ่ี กย่ี วกบั ความรู้สึก (Senses) เช่น
รากศัพท์ ความหมาย
voc / vok voice; to call
รากศัพท์ทเ่ี กี่ยวกับคุณภาพ (Quality) เชน่
รากศัพท์ ความหมาย
clar bright
dur hard; strong
รากศัพทท์ ี่เก่ียวกับกฎหมาย (Law) และสงั คม (Social) เช่น
รากศัพท์ ความหมาย
ver true; to prove
civ / cit city; government
cert to be sure or certain; approve
ตัวอย่างเชน่
1. contort = con (ร่วมกัน, ดว้ ยกนั ) เปน็ prefix + tort (บิด) เปน็ รากศัพท์
ดงั น้นั ความหมายของ contort คอื ทำให้คด, งอ, บิด
2. torsion = tors (บดิ ) เปน็ รากศัพท์ + ion (การ,ความ) เปน็ suffix
ดงั นนั้ ความหมายของ torsion จึงมีความหมายว่า "การบดิ "
3. irremovable = ir (ไม)่ เป็น prefix + remove (เคล่ือนย้าย) เปน็ รากศัพท์
+ able (สามารถ) เป็น suffix
ดังนน้ั ความหมายของคำ irremovable จงึ มีความหมายวา่ "เคลื่อนยา้ ยไม่ได"้
4. circumlocution = circum (รอบ ๆ) เป็น prefix + locu (พูด) เป็นรากศัพท์ + tion
(การ , ความ) เป็น suffix
ดงั นนั้ ความหมายของ circumlocution จึงมีความหมายว่า "การพดู จาแบบอ้อค้อม"
5. triarchy = tri (สาม) เป็น prefix + archy (การปกครอง) เปน็ รากศัพท์
ดงั นั้น triarchy จึงมีความหมายว่า "การปกครองโดยคน 3 คน "
3. ปจั จัย (Suffix) ปจั จัยคือส่วนทเ่ี ติมหลงั รากศัพท์ มักจะเปลย่ี นความหมายและหนา้ ทขี่ องคำดว้ ย หรอื เปน็ สว่ นหนึ่งของ
คำท่อี ยู่ข้างหลงั คำหลกั (Base words) หรือรากศัพท์ (Roots) โดยทว่ั ไป ปจั จัย (Suffixes) ชว่ ยชี้แนะชนิดของคำ (Parts
of speech) เชน่ การเตมิ ปจั จัย -er , -ist , -or หลงั คำหลัก และทำให้คำหลัก(Base words) เปลยี่ นชนดิ ของคำเป็น
คำนาม
ประเภทของปจั จัย (Suffixes) สรุปได้ดังนี้
1. ปจั จัยทที่ ำใหก้ รยิ าเป็นคำนาม คือ ปัจจยั ทเ่ี ติมหลังคำกริยา แล้วเปลย่ี นคำหลกั เปน็ ชนิดของคำนาม เช่น
ปจั จัย ตัวอยา่ งคำ ความหมาย
ation combine combination
ment payment payment
er paint painter
al propose proposal
2. ปจั จัยที่ทำใหค้ ุณศัพท์เป็นคำนาม คือ ปจั จยั ทเี่ ติมหลังคำคุณศัพท์ แลว้ เปล่ยี นเปน็ ชนิดของคำนาม เช่น
ปัจจัย ตวั อย่างคำ ความหมาย
ness kind kindness
ce absent absence
ism human humanism
3. ปัจจยั ทท่ี ำให้คำนามเป็นคุณศพั ท์ คือ ปจั จัยท่ีเติมหลังคำนาม แล้วเปลยี่ นเป็นชนิดของคำศัพท์ เชน่
ปัจจยั ตวั อย่างคำ ความหมาย
ful success successful
ish selfish selfish
4. ปจั จยั ที่ทำใหค้ ำกรยิ าเปน็ คุณศัพท์ คือ ปัจจยั ท่เี ติมหลงั คำกรยิ า แล้วเปลี่ยนเปน็ ชนดิ ของคำคณุ ศพั ท์ เช่น
ปจั จยั ตวั อย่างคำ ความหมาย
ing amuse amusing
able remark remarkable
ive creat creative
1. ปจั จยั ท่ีทำใหค้ ณุ ศพั ท์เปน็ กริยาวิเศษณ์ คือ ปัจจัยท่ีเติมหลงั คำคุณศัพท์ แล้วเปลย่ี นเปน็ ชนดิ ของคำกริยา
วเิ ศษณ์ เช่น ปจั จัย ตัวอย่างคำ ความหมาย
ly private privately
2. ปจั จยั ทที่ ำใหค้ ุณศพั ทเ์ ป็นกรยิ า คือ ปัจจยั ท่ีเติมหลงั คำคุณศัพท์ แลว้ เปล่ยี นเปน็ ชนดิ ของคำกรยิ า เช่น
ปัจจยั ตวั อยา่ งคำ ความหมาย
ize civil civilize
en bright brighten
ตวั อยา่ งเชน่ ปัจจัย (Suffix) คำใหม่ (New word)
คำ (Word ) +
1.kind (adj) + Ness = kindness (noun)
2. assist (verb) +
3.danger (noun)+ Ant = assistant (noun)
4. use (verb) +
5. instant (noun)+ Ous = dangerous (adjective)
Ful = useful (adjective)
Ly = instantly (adverb)
ตวั อยา่ งการวิเคราะห์หน่วยคำทปี่ ระกอบอยใู่ นคำศัพท์
1. Oxygen is an invisible gas.
Definition = cannot be seen
Prefix = in
Root= vis
Suffix= ible
Part of speech= adj
2. Barbara talks incessantly.
Definition =without stopping, constantly
Prefix =in
Root = cess
Suffix = ant
Suffix = ly
Part of speech = adverb
3. The school board allocated some money for the purchase of computer equipment.
Definition = to distribute for a specific purpose
Prefix = al
Root = loc
Suffix = ate
Suffix = ed
Part of speech = verb
4. There are laws against indecent behavior.
Definition = not conforming to standards, not appropriate
Prefix = in
Root = dec
Suffix = ent
Part of speech = adj.
5. Ever since he was sick, Vincent's hair has looked flat and lusterless.
Definition = without shine, dull
Root = lust
Suffix = less
Part of speech = adj.
6. Yoko is reading a nonfiction book.
Definition = literature that is based on fact, not fiction
Prefix = non
Root = fict
Suffix = ion
Part of speech = noun
7. It finally occurred to Sam that the more he studied the better grade he received.
Definition = to come to mind, happen
Prefix = oc
Root = curr
Suffix = ed
Part of speech = verb
8. Some products have disclaimers written on their packages.
Definition = a denial of legal responsibilities and demands
Prefix = dis
Root = claim
Suffix = er
Part of speech = plural noun
9. Carlos placed the camera on a tripod.
Definition = a three - legged stand
Prefix = tri
Root = pod
Part of speech = noun
10. Katrina was readmitted to school after a year off.
Definition = allowed in again
Prefix = re
Prefix = ad
Root = mit
Suffix = ed
Part of speech = verb
การใช้ Prefix in- im- il- และ ir- in-
in + accessible = inaccessible (adj.) access (v.) คอื "เข้าถงึ " accessible (adj.) เปน็ รูปคำคุณศพั ทข์ องเจา้
ตัวนีเ้ จอพ่ี in- มาอยู่ข้างหนา้ เลยแปลวา่ "เขา้ ไม่ถึง" หรือ "ไม่สามารถเขา้ ถงึ ได"้
in + accurate = inaccurate (adj.)
คำน้ีแปลว่า "ไม่ถูกต้อง" (มาจาก accuracy (n.) ความถูกต้อง แมน่ ยำ) มีเพ่ือนสนิท คือคำวา่ incorrect (adj.) แปลวา่ ไม่
ถูกต้องเชน่ กัน
in + effective = ineffective (adj.)
effective (adj.) แปลวา่ มปี ระสิทธภิ าพ ใส่ in- เข้าไปกแ็ ปลวา่ ไมม่ ปี ระสิทธภิ าพ
in + complete = incomplete (adj.)
อะไรทีม่ นั ยังไมเ่ สร็จส้นิ ไมส่ มบรู ณ์ กใ็ ช้คำน้ี
individual (adj./n.) คำน้ีมองไปถงึ รากศัพทข์ องมนั เกดิ จาก prefix in- รวมกับ
คำท่ที ำหน้าที่เปน็ base (ในที่นี้คือ dividual) มาจากรากเดิมคือ divide ทีแ่ ปลว่า "แบ่ง"
เลยแปลว่าออกมาไดว้ า่ อะไรท่ีเปน็ ปัจเจกบคุ คล คนเดียว ไมแ่ บ่ง
im-
im + balance = imbalance (n.)
คำนี้ได้เดาไดง้ ่าย ๆ เลย balance กค็ ือ สมดุล เท่าเทียมกนั
ในภาษาองั กฤษออกเสยี ง (แบ-เลิน่ ซ)์ imbalance ก็คอื อะไรที่ไมส่ มดลุ ไม่พอดกี นั
im + maturity = immaturity (n.)
คำนถี้ ้าเป็น adj. จะเขียนวา่ immature มาจาก mature / maturity
(หมะ่ -เชอร์ / หม่ะ-เชอ-หร-ิ ถิ) แปลวา่ มีความเป็นผู้ใหญ่ มีเหตผุ ล มีวฒุ ิภาวะ
ใส่ im- เข้าไปก็เหมือนทำตวั เป็นเดก็ ๆ "ขาดวฒุ ภิ าวะ"
im + possible = impossible (adj.)
โอ้วว คำน้ยี อดฮิตเลยนะเนย่ี possible = เป็นไปได้
impossible ก็เปน็ ไปไมไ่ ด้
im + mobilize = immobilize (v.)
ดูทค่ี ำว่า mobile ก่อน มนั แปลว่าอะไรทเ่ี คล่ือนทไี่ ด้ (อยา่ ง mobile phone นนั่ ไง)
mobilize (v.) คือเคลือ่ นที่ เคลือ่ นพล (ในทางทหาร) หรือ มีการเคล่ือนไหวอะไรบางอย่าง
ใส่ im- เขา้ ทกุ อย่างก็หยุดเลย ไม่ขยับไปไหน
im + polite = impolite (adj.)
polite คือ สภุ าพ อ่อนน้อมครบั พอเปน็ impolite ไม่สุภาพ
il-
il + legal = illegal (adj.)
legal (adj.) คืออะไรที่ถูกต้องตามท่ีกฎหมายวา่ ไว้
il + literate = illiterate (adj.)
literate (adj.) มาจาก literacy (n.) หลาย ๆ คร้ังจะมีการทำสถติ สิ ำรวจ literacy rate ตามประเทศ
ตา่ ง ๆ ซึง่ ก็คือ อัตราการอ่านออกเขยี นไดข้ องประชากรในประเทศนน้ั ๆ พอใส่ il- เขา้ ไปก็เลยแปลว่า อ่านไมอ่ อก เขียน
ไม่ได้
ir-
ir + regular = irregular (adj.)
regular แปลว่า ปกติ สมำ่ เสมอ พอใส่ prfix ตัวน้เี ข้าไปก็เลยแปลว่า ผดิ ปกติ
ถา้ ใครจำ Verb ในภาษาอังกฤษได้ว่า verb จะสามารถแบ่งเป็นกล่มุ ปกติ (เพราะเติม -ed) กบั กล่มุ ไมป่ กติ (เพราะเปลยี่ น
รปู )
1. regular verbs: walk walked walked / study studied studied
2. irregular verbs: go went gone / drink drank drunk
ir + rensponsible = irresponsible (adj.)
responsible เฉยๆ แปลวา่ รบั ผดิ ชอบ irresponsible กค็ อื ขาดความรับผิดชอบ
ir + relevant = irrelevant (adj.)
ถ้าใครรจู้ ักคำว่า relate (v.) กน็ ่าจะเดาคำน้ีได้ relate แปลว่า เก่ียวข้อง
คำวา่ relative (n.) แปลว่า ญาติ ๆ ของเรา (คนทเ่ี กีย่ วของกับเรา)
relevant (adj.) ก็แปลว่า เกย่ี วข้อง
1. Which item is a warning sign? แบบทดสอบก่อนเรยี น
a. Stop Choose the best answer.
b. No parking 2. Which word has suffix?
a. monotone
b. antisocial
c. historian
d. bicycle
c. Do not Enter 4. Which item is a warning?
a. Store at 20 °c.
d. Pedestrian Crossing b. Relieve analgesic.
c. Apply twice a day.
3. What kind of medicine normally use this instruction? d. Keep out of reach of children.
Shake well before use.
a. pill
b. balm
c. syrup
d. ointment
5. You are looking for a word in a dictionary and come across “s”. What does “s” stand for?
a. synonym
b. sentence
c. stress
d. same
แบบทดสอบหลังเรยี น
Choose the best answer.
1. Which item is a warning sign? 2. Which word has suffix?
a. Stop a. monotone
b. antisocial
b. No parking c. historian
d. bicycle
c. Do not Enter 4. Which item is a warning?
a. Store at 20 °c.
d. Pedestrian Crossing b. Relieve analgesic.
c. Apply twice a day.
3. What kind of medicine normally use this instruction? d. Keep out of reach of children.
Shake well before use.
a. pill
b. balm
c. syrup
d. ointment
5. You are looking for a word in a dictionary and come across “s”. What does “s” stand for?
a. synonym
b. sentence
c. stress
d. same
เฉลยแบบทดสอบ
1d
2c
3c
4d
5a
เฉลยกิจกรรม
ท้ายบทเรยี นหนว่ ยท่ี 2
ครั้งที่ 8
แผนการจดั การเรียนรู้รายสปั ดาห์ วนั ที่ 1/08/2564
ภาคเรยี นท่ี 1 ปกี ารศกึ ษา 2564
รายวชิ าภาษาอังกฤษเพื่อชีวิตและสงั คม (พต31001) ระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย (5 หนว่ ยกิต)
หน่วยท่ี 3 Hello! Could you tell me……? ( 1 ช่วั โมง)
ศูนย์การศกึ ษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศยั อำเภอเมอื งระยอง
1. มาตรฐานการเรียนรรู้ ะดบั
มคี วามรูค้ วามเข้าใจทกั ษะและเจตคติเกยี่ วกับภาษา ทา่ ทาง การฟงั พูดอ่าน เขียน ภาษาต่างประเทศด้วย
ประโยคที่ซับซ้อนมากขน้ึ ในชีวิตประจำวนั และงานอาชพี ของตนถูกต้องตามหลักภาษา วัฒนธรรม และกาลเทศะ
ของเจ้าของภาษา
2. เน้อื หาตามหลกั สูตร
2.1 เร่ืองท่ี 1 การตดิ ต่อทางโทรศัพทก์ ับผู้คนุ้ เคย
2.2 เรอื่ งที่ 2 การติดต่อทางโทรศัพท์เพ่ือสอบถามข้อมูลตา่ ง ๆ
2.3 เรอื่ งท่ี 3 การตดิ ต่อทางโทรศัพท์เพื่อการประกอบอาชีพ
3. ผลการเรียนรู้ท่ีคาดหวัง (ตวั ชว้ี ัด)
3.1 ใชส้ ำนวนภาษาทเี่ หมาะสมในการพูดโต้ตอบทางโทรศัพท์กับเพ่ือน ญาติพน่ี ้องและผ้คู ุ้นเคยได
3.2. ใช้โทรศัพท์ในการสอบถามข้อมูลตา่ ง ๆ ได้
3.3 ใช้โทรศัพท์ในการสอบถามหรือใหข้ ้อมูลท่ีเกย่ี วกบั งานอาชพี ได้
4. กระบวนการจดั การเรียนรแู้ ละกจิ กรรมเพิ่มเตมิ
ขน้ั นำ (Warm-up Activity)
1. ทักทายผู้เรียน / พดู คยุ เก่ียวกบั เรื่องของวธิ ีการพดู สนทนาอย่างไรใหถ้ ูกต้องตามหลักไวยากรณ์ โดย
เรยี บเรยี งประโยคการพดู ใหเ้ หมาะสม ชดั เจนกบั เร่ืองท่จี ะพูด
2. ผูส้ อนช้แี จงจุดประสงค์การเรยี นร/ู้ หวั ขอ้ การเรียนรู้ / ประเดน็ ของการเรียนรู้
3. ทำแบบทดสอบก่อนเรยี น
ขน้ั สอน
1. ให้ผเู้ รยี น ดูสอ่ื เรอ่ื งทักษะวิธกี ารพูดสนทนาแบบตา่ ง ๆ และสถานการณ์ต่าง ๆ ท่ีถูกต้อง
2. ผู้สอนตั้งประเด็นคำถาม เร่ืองผู้เรียนมีทักษะหรือวิธีการพูดที่ถูกต้องหรือไม่ โดยการให้ผู้เรียนจับคู่
ฝึกการพดู สนทนาตามแบบตา่ ง ๆ
3. ผู้เรียนฝึกการพูดบทสนทนา เกีย่ วกับหัวข้อการติดต่อโทรศัพท์กบั ผู้คุ้นเคย การติดต่อทางโทรศัพท์เพ่ือ
สอบถามขอ้ มูลตา่ ง ๆ การติดตอ่ ทางโทรศัพท์เพ่อื การประกอบอาชีพ
4. ผู้สอนสอนวิธีการพูดโต้ตอบทางโทรศัพท์กับเพื่อน ญาติ พ่ีน้อง และผู้ที่คุ้นเคยในเรื่องต่าง ๆ โดยใช้
สำนวนและภาษาท่ีเหมาะสม ใช้สำนวนภาษาที่ใช้พูดทางโทรศัพท์เพ่ือสอบถามข้อมูลต่าง ๆ ที่ต้องการทราบ
โดยใช้รูปประโยคขอร้อง ประโยคคำถามลกั ษณะต่าง ๆ ประโยคแสดงความคิดเห็นและการขอบคุณ เชน่ การ
สอบถามเส้นทางการเดินทางไปที่ต่าง ๆ สอบถามตารางรถไฟ เคร่ืองบิน สอบถามข้อมูลด้านการคุ้มครอง
ผู้บรโิ ภค/สุขภาพอนามัย/พยากรณ์อากาศ
ขั้นสรุป
1. ผูส้ อนและผู้เรียนร่วมกนั สรปุ องค์ความรู้ โดยเช่ือมโยงจากแบบเรียน ใบความรู้ และแหล่งเรยี นรู้ สื่อ
Internet ตา่ ง ๆ ในการศึกษาหาขอ้ มูล
2. ใหผ้ ู้เรยี นแตล่ ะคนสรปุ ความรู้ในเร่ืองท่ีเรยี นรจู้ ากการศึกษาค้นคว้าและจากการนำเสนอผลงานของแต่
ละคนเขยี นลงในใบกจิ กรรมตามประเดน็ ท่ีกำหนด พรอ้ มเปิดโอกาสให้ซักถามในเรอ่ื งท่ยี ังไม่เข้าใจหรือยังสนใจ
3. รวบรวมใบกจิ กรรม จดั เก็บในแฟ้มสะสมงาน
4. ทำแบบทดสอบหลงั เรยี น
งานทม่ี อบหมาย
1. ศึกษาแบบเรียนวิชาภาษาอังกฤษเพอื่ ชวี ติ และสังคม และใบความรู้
2. ครมู อบหมายใหผ้ ู้เรียนไปศึกษาเพม่ิ เติมดว้ ยตนเอง (กรต.) ในหวั ข้อตามแบบเรียน
5. สอ่ื /แหล่งเรียนรู้
1. มุมหนงั สือ กศน.ตำบลเชงิ เนนิ
2. หอ้ งสมดุ ประชาชนจังหวดั ระยอง
3. หนังสอื เรยี นวชิ าภาษาอังกฤษเพ่ือชวี ิตและสังคม หน่วยที่ 3
4. Internet
6. การเรียนรดู้ ว้ ยตนเอง (กรต.)
ท่ี ตัวชวี้ ัด เน้ือหา (กรต.) จำนวน หมายเหตุ
ช่ัวโมง
ใชส้ ำนวน 1. การติดต่อทางโทรศัพท์กับผูท้ ีค่ นุ้ เคย ใบกิจกรรมท่ี
1 ภาษาท่ี รจู้ ักวธิ ีการพดู โตต้ อบทางโทรศัพท์กับเพ่ือน ญาติ พน่ี ้องและผู้ที่ 2 1 พบกลุ่ม
ชว่ั โมง
เหมาะสมใน คุ้นเคยในเรื่องตา่ ง ๆ โดยใชส้ ำนวนและภาษาท่เี หมาะสม เชน่ ใบกจิ กรรมที่
การพดู โต - Is ……………. at home? 5 ชั่วโมง 2
ตอบทาง - Could I speak to………., please?
โทรศัพท์กับ - May I speak to …….…., please? พบกลุ่ม
เพือ่ น ญาติพี่ - She/he is out.
นอ้ งและผู้ - Sorry, she’s not here now. ใบกิจกรรมท่ี
คนุ้ เคยได้ - Would you like to wait? 3
กรต.
- Will you leave a message?
- May I take a message for her/him?
- Wait a minute, please.
- Will you hole on?
- Just a moment, please.
- Please tell ........to call me at.......
2 ใช้โทรศัพท์ 2. การตดิ ต่อทางโทรศัพทเ์ พือ่ สอบถามขอ้ มลู ตา่ ง ๆ
ในการ การใชส้ ำนวนภาษาทใี่ ชพ้ ูดทางโทรศพั ท์เพ่ือสอบถามข้อมูลต่าง ๆ
สอบถาม ทตี่ ้องการทราบโดยใช้ รูปประโยคขอร้อง /ขอร้องอยา่ งสภุ าพ
ขอ้ มลู ตา่ ง ๆ (request, polite, request) ประโยค direct/ indirect speech
ได้ ประโยคคำถามลกั ษณะตา่ ง ๆ ประโยคแสดงความคิดเหน็ และการ
ขอบคุณ เช่น การสอบถามเส้นทางการเดินทางไปท่ีตา่ ง ๆ
สอบถามตารางรถไฟ เครือ่ งบิน สอบถามข้อมูล ด้านการคุ้มครอง
ผ้บู ริโภค/สขุ ภาพอนามัย/ พยากรณ์อากาศ เปน็ ต้น ตัวอยา่ ง
ประโยคท่ีใช้
- Hello, I’d like to ask about.........................
- Could you tell me......................, please?
- Would you mind giving me the information
about.................................?
- Can/Could you...............................?
ท่ี ตัวช้ีวัด เน้อื หา (กรต.) จำนวน หมายเหตุ
ชว่ั โมง ใบกจิ กรรมท่ี
- May/Can/Could I.................................?
- Don’t............................, please? 5 ช่ัวโมง 4
- At what time...........................? กรต.
- How many.................................?
- How far..............................? ใบกิจกรรมที่
- How much..............................? 5
- I need your help..............................? กรต.
- Pradon.
- I think..............................
- Well, I must..............................
- In my opinion, ..............................
- Thanks. /Thank you.
- Sorry. /I’m sorry.
- You’re welcome.
3 ใชโ้ ทรศพั ท์ 3. การติดต่อทางโทรศัพทเ์ พื่อการประกอบอาชีพ
ในการ วิธกี ารพูดโต้ตอบทางโทรศัพท์ เพอ่ื ถาม-ใหข้ ้อมลู เกีย่ วกบั การ
สอบถาม ประกอบอาชีพ โดยใชส้ ำนวนและภาษาทเ่ี หมาะสมในการ
หรอื ให้ข้อมูล สอบถามขอ้ มูลเก่ยี วการสมัครงาน การซอื้ -ขายสนิ คา้ การใหข้ ้อมูล
ท่เี กย่ี วกบั เกีย่ วกับคุณภาพและราคาของสนิ ค้า การส่งเสริมการขาย การ
งานอาชพี ได้ ตอ่ รองราคา การรบั และสง่ ของตัวอย่างประโยคทีใ่ ช้
- Hello. I’d like to ask/know about........... Can/could you
tell me about....................?
- May/Could I speak to..............,please?
- Can/Could you inform me about.........?
- What is the position required?
- What is the qualification?
- How can I apply for this position?
- When is the dateline of the application?
- Do I have to send the application form?
- Should I also send the resume/reference?
ท่ี ตัวชี้วัด เนื้อหา (กรต.) จำนวน หมายเหตุ
ช่วั โมง
- When/Where will the interview take place?
- What kind of goods are available?
- How much does it cost?
- How can I send the order?
- Is there any discount?
- How about the present promotion?
- How about the quality?
- Where/When can I buy this product?
- What is the product’s significance?
- Please let me know if............................
- I’m interested in...........................
- That’s very interesting.
- I’m very appreciated.........................
- When will I receive the product?
- How should I pay for the product?
- By cash/check /credit.
- Thanks for your interest /kindness/information.
- It’s my pleasure.
- You’re welcome.
- Sorry. /I’m sorry.
7. การวดั ผลและประเมินผล เคร่อื งมือการวัดผล เกณฑก์ ารประเมนิ ผล
แบบทดสอบกอ่ นเรยี น ทำแบบทดสอบผา่ น 70% ข้นึ ไป
การวัดผลตามจุดประสงค์ แบบทดสอบหลงั เรียน
ความรู้ (Knowledge)
1. มีความรูค้ วามเขา้ ใจการใช้
Dictionary
2. มคี วามรคู้ วามเขา้ ใจในการใช้
รากศัพท์
3. มคี วามรู้เข้าใจความหมายปา้ ย
การวดั ผลตามจุดประสงค์ เครอื่ งมือการวดั ผล เกณฑก์ ารประเมินผล
ประกาศ สญั ลักษณ์ คำแนะนำ ใบกิจกรรม รอ้ ยละ 80 ของผู้เรยี นทำใบ
และคำเตือน กจิ กรรมไดอ้ ย่างถูกตอ้ ง
ทกั ษะ (Skill) การทำกิจกรรมพบกลุ่ม
1. ค้นหาคำศัพท์จากพจนานุกรม การต้ังคำถาม และการตอบคำถาม
คำศัพทไ์ ด้
2. วิเคราะห์คำศัพทจ์ ากรากศัพท์
ได้
3. เขา้ ใจความหมายป้ายประกาศ
สญั ลักษณ์ คำแนะนำและคำเตอื น
ได้
เจตคติ (Attitude)
1. มีความรสู้ ึก เจตคติทดี่ ีตอ่
การเรยี นภาษาอังกฤษ
ลงชื่อ.............................................................ผสู้ อน
(…………………………..………………)
วันท…ี่ ......เดือน…………….......พ.ศ……………....
ขอ้ เสนอแนะของหวั หนา้ สถานศึกษาหรือผูท้ ่ีไดร้ ับมอบหมาย
......................................................... ............................................................................................... ..........
............................................................................................................................. .....................................
ลงชอื่ ...................................................ผู้อำนวยการ กศน.อำเภอเมอื งระยอง
(……....................…………………………)
วันท.ี่ .....เดือน…………….......พ.ศ………..
ใบกิจกรรมที่ 1
รายวชิ า ภาษาอังกฤษเพื่อชีวติ และสังคม (พต31001)
ช่อื -นามสกลุ ………........................…………………………………. รหัสกลุม่ …………….............รหสั นกั ศกึ ษา........…..……..………
ใบกจิ กรรมท่ี 2
รายวิชา ภาษาอังกฤษเพ่ือชีวติ และสงั คม (พต31001)
ช่อื -นามสกลุ ………........................…………………………………. รหสั กลมุ่ …………….............รหสั นักศกึ ษา........…..……..………
ใบกิจกรรมท่ี 3 กรต.
รายวิชา ภาษาอังกฤษเพ่ือชีวิตและสังคม (พต31001)
ช่อื -นามสกลุ ………........................…………………………………. รหสั กลุ่ม…………….............รหสั นกั ศกึ ษา........…..……..
ใบกิจกรรมที่ 4 (กรต.)
รายวชิ า ภาษาอังกฤษเพื่อชีวิตและสงั คม (พต31001)
ใบกิจกรรมท่ี 5 (กรต.)
รายวิชา ภาษาอังกฤษเพื่อชีวิตและสงั คม (พต31001)
ช่อื -นามสกลุ ………........................…………………………………. รหัสกลมุ่ …………….............รหสั นกั ศกึ ษา........….
ใบความรู้
Telephone Conversation
ในชวี ิตประจำวันของเราน้นั โทรศัพท์นับว่าเปน็ เครอ่ื งมืออำนวยความสะดวกทีส่ ำคญั อย่างย่งิ
เพราะนอกจากจะใช้ในการติดตอ่ สอ่ื สารไดอ้ ย่างฉบั ไวแล้ว ยงั จะชว่ ยประหยัดค่าใช้จ่ายในการเดนิ ทางอีกดว้ ย
อยา่ งไรกต็ ามโทรศัพทไ์ มว่ า่ เป็นชนิดติดตัง้ ในตวั อาคารหรอื โทรศัพท์เคล่อื นทีต่ ดิ รถยนต์ (Mobile Telephone) หรือ
โทรศพั ท์มอื ถือ (Portable / Handheld telephone) ตา่ งก็ใชภ้ าษาสนทนาอย่างเดยี วกัน ตามปกติเม่ือมเี สยี งโทรศัพทด์ งั
ขน้ึ เราควรรบี รบั แลว้ ทกั ทายดว้ ยประโยคเหลา่ นี้
1. Hello! Good morning / afternoon / evening. This is ………………….. company. May I help you ?
(เฮลโล่ กดู๊ มอรน์ ่ิง / อ๊าฟเตอร์นนู / อฟิ๊ นิ่ง ธิส อิส ................... คัมพะนิ เมย์ ไอ เฮ็ลพ ยู)
สวัสดคี รับ (ตอนเช้า / ตอนบ่าย / ตอนเยน็ ) น่ีคือบรษิ ัท .......................ผมชว่ ยอะไรคุณได้บา้ งครับ ?
2. Hello! Vichai speaking. What can I do for you ?
(เฮลโล่ วิชัย สปกี กิง้ วอ็ ท แคน ไอ ดู ฟอร์ ยู)
สวัสดคี รบั วชิ ัยกำลงั พดู ครบั ผมชว่ ยอะไรคุณได้บา้ งครับ ?
3. Hello, this is vichai Saendee speaking.
(เฮลโล่ ธสิ อีส วิชยั แสนดี สปีคก้ิง)
สวสั ดีครับ น่วี ชิ ัย แสนดี กำลงั พดู ครับ
4. Hello, this is 3735135.May I help you ?
(เฮลโล่ ธิส อิส ธรี เซวนึ่ ธรี ไฟว วนั ธรี ไฟว เมย์ ไอ เฮล็ พ ย)ู
สวสั ดคี รบั น้ี 3735135 ผมช่วยอะไรคณุ ไดบ้ ้างครบั
5. This is Doctor Thongchai’s residence. What can I do for you?
(อสิ อีส ดอ็ กเตอร์ ธงไชย เรซ็ ซิดนึ ส ว็อท แคน ไอ ดู ฟอร์ ย)ู
ทน่ี บ่ี า้ นพักคณุ หมอธงไชย มอี ะไรให้ชว่ ยไหมครบั
หลังจากที่เราทราบแลว้ วา่ ผู้ทร่ี ับโทรศัพทน์ ัน้ เปน็ ใคร เราซึ่งเปน็ ผโู้ ทรกจ็ ะต้องแนะนำตัวเองบา้ ง พร้อมทั้งช้แี จง
จุดประสงคท์ โี่ ทรมาด้วย เช่น
1. This is Roger Aslin. May I speak to Khyn Thanpol Chadchaidee?
(ธสิ อสี โรเจอร์ แอสลิน เมย์ ไอ สปคี ทู คุณธนพล จาดใจด)ี
น่ผี มโรเจอร์ แอสลิน ขอคุยกับคณุ ธนพล จาดใจดีหน่อยได้ไหมครับ
2. This is Roger Aslin. Is Khyn Thanapol there?
(ธิส อีส โรเจอร์ แอสลนิ อีส คณุ ธนพลล แธร์)
นผี่ มโรเจอร์ แอสลินครับ คุณธนพลอยทู่ น่ี ่ันหรือเปลา่ ครับ
3. I’m Peter Thomson. Could I speak to Mr. Thanapol, please?
(ไอม ปีเตอร์ ทอมสนั คูด ไอ สปีค ทู มิสเตอร์ ธนพล พลสี )
ผมชื่อปเี ตอร์ ทอมสันครับ ผมขอพดู กบั คณุ ธนพล หน่อยได้ไหมครบั
4. I’m calling from the board of Investment and I like to speak to Mr. Somsak of TYK company.
Would you get him on the phone, please?
(ไอม คอลล่งิ ฟรอม เธอะ บอร์ด ออฟ อินเวสเมน้ ท แอน ไอ ไลค ทู สปคี ทู มสิ เตอร์ สมศกั ด์ิ ออฟ ทวี ายเค คัม
พะนิ ยูด ยู เก็ท ฮิม ออน เธอะ โฟน พลีส)
ผมโทรจากคณะกรรมการสง่ เสรมิ การลงทุน และผมอยากจะพดู คยุ กับคุณสมศักด์ิ ที่อยูบ่ รษิ ทั ทีวายเค คุณช่วยตาม
เขามารบั สายหน่อยได้ไหมครับ
5. Can I speak to Mr, Decha, please?
(แคน ไอ สปคี ทู มสิ เตอร์ เดชา พลีส)
ผมขอพูดกบั คุณเดชา หน่อยไดไ้ หมครับ
ในกรณที เี่ บอร์โทรศัพทน์ ้นั ไม่ใชส่ ายตรง หรือทีเ่ รยี กว่า “Direct line” จำเปน็ ต้องผ่านพนกั งานตอบรับโทรศัพท์
(Operator) และเราไมท่ ราบเบอร์ตดิ ต่อภายในจงึ ต้องขอให้เขาต่อสายใหโ้ ดยพดู ว่า
1. Extension 124 please.
(อิคสเทน็ ชั่น วนั ทเว้นต้ีฟอร์ พลีส)
ช่วยกรณุ าต่อ 124 หนอ่ ยครับ
2. The Managing Director’s office, please.
(เธอะ เมเน็จจิ่ง ไดเร็คเตอรส์ อ๊อฟฟิซ พลีส)
ช่วยกรณุ าตอ่ ห้องกรรมการผู้จดั การใหผ้ มหนอ่ ยครบั
3. Room number 407 please.
(รูม นัมเบอร์ ฟอร์-โอ-เซวึ่น พลีส)
ชว่ ยกรุณาตอ่ ห้อง 407 ใหผ้ มหน่อยครับ
4. Please give me Sales Department.
(พลีส กฟี มี เซลส ดีพาทเมน้ ท์)
ช่วยตอ่ แผนกขายให้ผมหนอ่ ยครับ
5. Could I have extension 318, please
(คูด ไอ แฮ็ฟ อิคสเท็นช่ัน ทรี – วัน – เอท้ พลสี )
ช่วยกรณุ าต่อ 318 ใหห้ น่อยครับ
ถ้าบคุ คลทเ่ี ราถามหาไม่อยู่ ฝ่ายผรู้ บั ก็อาจจะพดู ว่า
1. I’m sorry he isn’t in right now. Would you like to leave a message?
(ไอม ซอ้ ร่ี ฮี อีสซน่ึ อิน ไร้ท นาว วู้ด ยู ไลค ทู ลีฟ อะ เม็สซิจ)
เสยี ใจครับเขาไม่อยู่ตอนนี้ คุณจะท้งิ ขอ้ ความไว้หรอื ไมค่ รับ
2. I’m sorry he is out for lunch. Shall I have him call you back?
(ไอม ซอ้ ร่ี ฮี อีส เอ้าท ฟอร์ ลนั ช แชล ไอ แฮ็ฟ ฮมิ คอล ยู แบค็ )
เสียใจครบั เขาออกไปทานอาหารกลางวนั ครับ จะใหผ้ มบอกใหเ้ ขาโทรกลบั หาคณุ ไหมครับ
3. I’m sorry he just left and I don’t think he’ll be back again today.
(ไอม ซ้อร่ี ฮี จันท เล็ฟท แอนด์ ไอ โด้นท ธิงค ฮลี บี แบ็ค อะเกน็ ทเู ดย์)
ผมเสยี ใจครบั เขาเพิ่งจะออกไป และผมก็ไม่คิดวา่ เขาจะกลบั เข้ามาอกี วันน้ี
4. He’s just stepped out.
(ฮสี จัสท สเตพ็ ท เอ้าท)
เขาเพงิ่ จะเดนิ ออกไปเดี๋ยวนีเ้ อง
5. I’m sorry Mr. Thanapol is tied up at the moment.
(ไอม ซ้อร่ี มสิ เตอร์ ธนพล อีส ไทท อัพ แอท เธอะ โมเมน้ ท)
เสียใจครับ คุณธนพลไม่ว่างที่จะรบั สายในขณะนี้
6. I’m sorry he’s not available at the moment.
(ไอม ซอ้ ร่ี ฮี แฮส อะ วซิ ิทเทอะ วิธ ฮมิ ไร้ท นาว อีส แธร์ เอนนี่ เม็สซจิ )
เสยี ใจครับเขาไมว่ ่างเลยในขณะน้ี
7. I’m sorry he has a visitor with him right now. Is there any message?
(ไอม ซ้อรี่ ฮี แฮส อะ วซิ ทิ เทอะ วธิ ฮมิ ไร้ท นาว อสี แธร์ เอนนี่ เม็สซจิ )
เสียใจครบั เขามีแขกขณะนี้ มีขอ้ ความอะไรไหมครบั
8. I’m sorry he is in a meeting
(ไอม ซ้อร่ี ฮี อสี อนิ อะ มีทติ้ง)
เสียใจครับ เขาอยู่ในทป่ี ระชุมครับ
9. I’m sorry he’s on another line at the moment.
(ไอม ซ้อร่ี อสี ออน อะนัธเธอ่ ร์ ไลน แอท เธอะ โมเมน้ ท)
เสยี ใจครบั เขาตดิ อย่อู ีกสายหนง่ึ ในขณะนี้
ถา้ เราทราบวา่ เขาไม่อยู่ และอยากจะฝากขอ้ ความไว้ หรือขอให้เขาโทรกลับเม่ือเขากลับเขา้ มาเราก็จะพูดว่า
1. May I leave a message for him?
(เมย์ ไอ ลีฟว อะ เมส็ เซจ้ ฟอร์ ฮมิ )
ผมฝากข้อความไว้ใหเ้ ขาหน่อยไดไ้ หมครบั
2. Would you ask him to call me when he comes in ? May number is……………..
(วูด ยู อ้าคส ฮิม ทู คอล มี เว็น ฮี คมั ส อิน มาย นัมเบอร์ อีส...........)
คณุ ชว่ ยกรุณาบอกใหเ้ ขาโทรหาผม เมื่อเขากลับเข้ามาหน่อยครับ
เบอร์โทรของผมคือ ......................
3. Could you ask him to call me back right away?
(คดู ยู อา๊ สค ฮิม ทู คอล มี แบ็ค ไร้ท อะเวย์)
คณุ ชว่ ยกรณุ าบอกให้เขารีบโทรกลบั หาผมในทนั ทเี ลยได้ไหมครบั
4. Would you have him return my call?
(วูด ยู แฮฟ็ ฮิม รีเทิน มาย คอล)
คุณช่วยกรณุ าบอกให้เขาโทรกลบั หาผมหน่อยได้ไหมครับ
5. Please have him call me back at 3735135 between 2.00 to 5.00 p.m.
I’ll be at this number till 5.15 p.m.
(พลีส แฮ็ฟ ฮิม คอล มี แบ็ค แอท ธรี–เซเวน่ –ธรี-ไฟว-วัน-ธรี-ไฟว บที ะวีน ทู ทู ไฟว พเี อ็ม ไอล บี แอท ธิส นัม
เบอร์ ทลิ ไฟว-ฟฟิ๊ ทนี พีเอม็ )
ช่วยกรุณาบอกใหเ้ ขาโทรกลับหาผมตามเบอรโ์ ทรนี้ 3735135ระหว่างเวลาบา่ ย 2 โมง ถึง บ่าย 5 โมง ผมจะอยู่ท่ี
หมายเลขน้จี นกระท่ังถงึ เวลาบา่ ย 5 โมง 15 นาที
6. Please ask him to call me back when he is free. (พลีส อ๊าสค ฮิม ทู คอล มี แบ็ค เวน็ ฮี อสี ฟร)ี
โปรดบอกใหเ้ ขาโทรกลับหาผมด้วยเมื่อเขาวา่ ง
7. When can I expect him to return my call?
(เว็น แคน ไอ เอก๊ ซเปค็ ฮมิ ทู รเี ทนิ มาย คอล)
เขาจะโทรกับหาผมได้เม่อื ไหร่ครับ
8. I have some urgent business with him.
(ไอ แฮ็ฟ ซมั เออเจ่น บสิ เนส วิธ ฮิม)
ผมมเี ร่อื งดว่ นกับเขา
9. Please tell him I called.
(พลสี เทล็ ฮิม ไอ คอลท)
โปรดบอกเขาด้วยว่าผมโทรหาครับ
10. Well, then, I’ll phone him again.
(เวล เธ็น ไอล โฟน ฮมิ อะเก็น)
ออ้ ! ถ้าอย่างน้นั ผมจะโทรหาเขาอีกครับ
11. Could you tell me where to reach him?
(คดู ยู เทล็ มี แวร์ ทู รชี ฮมิ )
คณุ ชว่ ยบอกผมหน่อยครับว่าจะติดต่อเขาไดอ้ ย่างไร
12. I’ll ring him at about 8.30 p.m.
(ไอล รงิ ฮมิ แอท อะเบา้ ท เอ้ท-เธอตี้ พี เอ็ม)
ผมจะโทรหาเขาประมาณ 8.30 น. ครับ
ถ้าต้องการใหผ้ ู้ทโี่ ทรมาถือสายรอเราพูดวา่
1. Just a moment, please (จสั ท อะ โมเมน้ ท พลสี )
กรณุ ารอสักครูค่ รับ
2. Hold on, please. (โฮลด ออน พลสี )
ถือสายไว้กอ่ นครบั
3. Hang on please. (แฮง ออน พลสี )
ถอื สายไว้กอ่ นครับ
4. Wait a moment, please. (เว็ท อะ โมเม้นท พลีส)
กรุณารอสักครู่ครับ
5. Just a second, please. (จัสท อะ เช็คคั่น พลีส)
กรณุ ารอสักครู่ครับ
6. Will you hold the line for a moment? (วิล ยู โฮลด เธอะ ไลน ฟอร์ อะ โมเมน้ ท)
คุณจะกรณุ าถือสายรอสักครู่ได้ไหมครับ
ถ้าต้องการทราบชื่อของเขาก่อน เรากจ็ ะพดู วา่
1. Who is calling please? (ฮู อีส คอลลง่ิ พลสี )
ใครโทรมาครับ
2. Who shall I say is calling? (ฮูแชลไอเซย์อสี คอลลิง่ )
จะใหผ้ มบอกวา่ ใครโทรมาดคี รบั
3. Who is this, please?
ใครพดู ครับ
4. May I ask who is calling, please? (เมย์ ไอ อ๊าสค ฮู อีส คอลล่ิง พลีส)
จะกรุณาบอกได้ไหมครับ วา่ ใครโทรมาครับ
5. Can you tell me where you’re calling from, please?
(แคน ยู เท็ล มี แวร์ ยเู ออะ คอลล่ิง ฟรอม พลีส)
คุณจะกรณุ าบอกผมหนอ่ ยได้ไหมครับว่าคุณโทรมาจากไหนครบั
6. Who did you say you wanted to speak to?
(ฮู ดดิ ยู เซย์ ยู ว้อทเตด็ ทู สปีค ทู)
คุณพูดวา่ คณุ ต้องการพูดกบั ใครนะครับ
ถา้ เราไมร่ จู้ ักคนทีเ่ ขาถามหา หรอื สงสยั วา่ เขาจะโทรผดิ เบอรก์ ็อาจจะพดู ว่า
1. This is 3735135.What number are you calling?
(ธสิ อีส ธรี-เซเวน่ -ธร-ี ไฟว-วนั -ธรี-ไฟว ว็อท นัมเบอร์ อาร์ ยู คอลลิง่ )
น่ีโทร 3735135 ไม่ทราบวา่ คุณต้องการโทรถงึ เบอร์อะไรครับ
2. I’m sorry. You have the wrong number.
(ไอม ซอ้ ร่ี ยู แฮ็ฟ เธอะ ร็อง นัมเบอร์)
ผมเสยี ใจครบั คุณโทรผดิ เบอรค์ รับ
3. I’m afraid you have the wrong number, this is…………………….
(ไอม อะเฟรด ยู แฮ็ฟ เธอะ ร็อง นัมเบอร์ ธสิ อสี ..........................
ผมเกรงวา่ คณุ จะโทรเบอร์ผิดนะครบั นเ่ี บอรโ์ ทร ...............................
4. There is no one by that name here. You must have the wrong number. This is
(แธร์ อสี โน วนั บาย แธ็ท เนม เฮยี ร์ ยู มัสท แฮฟ็ เธอะ ร็องนมั เบอร์ ธสิ อีส ...................... )
ทนี่ ไ่ี ม่มคี นชอ่ื นน้ั หรอกครับ คุณต้องโทรเบอรผ์ ดิ แน่เลย นเี่ บอร์โทร .........................
5. Mr.Thanapol has changed offices. His new number is ………………………….
(มิสเตอร์ ธนพล แฮส เชน็ จ อ๊อฟฟิซ ฮิส นวิ นมั เบอร์ อีส ........................)
คณุ ธนพบเปลยี่ นทีทำงานใหม่แลว้ ครบั เบอร์โทรใหมข่ องเขาคือ
6. His extension number has changed. The new number is……………………….
(ฮิส อิคซเท็นชัน่ นัมเบอร์ แฮส เชน็ จ เธอะ นิว นัมเบอร์ อีส .......................)
เบอร์ตอ่ ของเขาเปลยี่ นไปแล้ว เบอร์ใหมค่ ือ...................................................
7. Nobody by that name works here.
(โนบอด้ี บาย แธท็ เนม เวิคส เฮยี ร์)
ไม่มีคนที่ชอ่ื นัน้ ทำงานอยู่ท่นี ี่หรอกครับ
8. Sorry, the number’s changed.
(ซ้อรี่ เธอะ นมั เบอรส์ เชน็ จท)
เสยี ใจครับ เบอร์โทรน้ันเปล่ยี นไปแล้วครบั
9. No, this isn’t the number you want.
(โน ธสิ อสี ซน่ึ เธอะ นมั เบอร์ ยู วอ้ นท)
ไมค่ รบั น่ีไม่ใช้เบอร์ท่คี ุณต้องการหรอกครบั
ถ้าค่สู นทนาพดู ไมช่ ัด หรือโทรศพั ท์ขดั ข้องเราก็อาจจะพดู วา่
1. I beg your pardon? (ไอเบอยัวร์พ้าดนึ )
ขอโทษครับ / อะไรนะครับ
2. Would you speak a little louder?
กรณุ าพดู ดังหน่อยได้ไหมครับ
3. Will you speak up, please? (วิลยสู ปคี อพั พลีส ) กรณุ าพดู ดงั ๆ ครบั
4. Please speak more slowly. (พลีส สปีค มอร์ สโลล)่ี
กรณุ าพูดช้า ๆ หนอ่ ยครับ
5. I’m sorry I can’t hear (ไอม ซ้อรี่ ไอค้านท เฮียรย์ ู)
ผมเสียใจครบั ผมไม่ไดย้ นิ ที่คุณพูดเลยครับ
6. I’ll get someone who speaks English. (ไอล เก็ท ซมั วนั ฮสู ปีคส องิ ลชิ )
ผมจะหาคนพูดภาษาอังกฤษไดม้ านะครับ
7. Now there is no one here who understands English.
(นาว แธร์ อีส โน วัน เฮยี ร์ ฮู อนั เดร์สแต็นด์ส อิงลชิ
ตอนน้ี ทนี่ ีไ่ มม่ ีใครสกั คนทเ่ี ข้าใจภาษาอังกฤษเลย
ถา้ ผทู้ โ่ี ทรมาบอกเราว่าเขาต้องการพดู กับคนนนั้ คนนแี้ ละบังเอญิ บุคคลนั้นอยู่บรเิ วณนั้นเราก็จะบอกเขาวา่
1. Anong, you are wanted on the phone line 7. (ให้เขากดปุ่มแลว้ พดู )
(อนงค์ ยู อาร์ วอ้ นเตด็ ออน เธอะ โฟน ไลน เซเวน่ )
คุณอนงค์ โทรศัพท์ถึงคุณ สาย 7 ครับ
2. It’s for you, Kanya. (สง่ หูรับใหเ้ ขา)
(อิทส ฟอร์ ยู กญั ญา)