แผนการจัดการเรียนรู้ ป.4
วชิ า ภาษาอังกฤษ
โดย นายภาณเุ ดช สมฤทธิ์
ครูผูส้ อน
โรงเรียนบ้านปา่ แฝ-หนองอ้อ-สนั ทรายมูล
อาเภอแม่สาย จงั หวัดเชียงราย
สานกั งานเขตพืน้ ที่การศกึ ษาประถมศกึ ษาเชียงราย เขต 3
สารบัญ หนา้
B
มาตรฐานการเรียนรู้ ตวั ช้ีวัดและสาระการเรยี นร้แู กนกลาง G
แบบวิเคราะห์เพ่อื จัดทาคาอธิบายรายวิชา M
ตารางวเิ คราะห์มาตรฐานการเรยี นร้แู ละตวั ชว้ี ดั ชน้ั ป/ี นา้ หนกั คะแนน P
คาอธิบายรายวชิ า Q
โครงสรา้ งรายวชิ าภาษาองั กฤษ 1
หนว่ ยการเรยี นรู้ Welcome! 9
หนว่ ยการเรยี นรู้ที่ 1 The Way We Look! 90
หน่วยการเรยี นรทู้ ่ี 2 Something to Eat
หนว่ ยการเรยี นรทู้ ี่ 3 What’s the Weather Like? 180
หน่วยการเรยี นรทู้ ่ี 4 Hooray, It’s Saturday! 270
หน่วยการเรยี นร้ทู ่ี 5 My Favourite Season 375
หน่วยการเรยี นรู้ท่ี 6 All About Animals! 476
มาตรฐานการเรียนรู้ ตัวช้ีวดั และสาระการเรยี นรแู้ กนกลาง
กลุ่มสาระการเรยี นรู้ภาษาต่างประเทศ
ช้ันประถมศกึ ษาปีท่ี 4
สาระท่ี 1 ภาษาเพือ่ การสือ่ สาร
มาตรฐาน ต 1.1 เขา้ ใจและตีความเรื่องทฟ่ี งั และอ่านจากส่อื ประเภทตา่ ง ๆ และแสดงความคดิ เห็น อยา่ งมี
เหตุผล
ตวั ชีว้ ัด สาระการเรยี นรู้แกนกลาง
1. ปฏิบตั ติ ามคาสง่ั คาขอรอ้ ง และคาแนะนา คาส่ังและคาขอร้องทใ่ี ชใ้ นห้องเรียน และคาแนะนา
(instructions) ง่าย ๆ ทฟ่ี ังหรืออ่าน ในการเลน่ เกม การวาดภาพ หรอื การทาอาหารและ
เคร่อื งดืม่
- คาสั่ง เช่น Look at the…/here/over there./
Say it
again./ Read and draw./ Put
a/an…in/on/under a/an…/ Don’t go over
there. etc.
- คาขอร้อง เชน่ Please take a queue./ Take
a queue, please./ Can you help me, please?
etc.
- คาแนะนา เช่น You should read
everyday./Think before you speak./ คาศัพท์ท่ี
ใชใ้ นการเลน่ เกม Start./ My turn./ Your turn./
Roll the dice./ Count the number./ Finish./
คาบอกลาดบั ขนั้ ตอน First,... Second,…
Then,… Finally,... etc.
2. อา่ นออกเสยี งคา สะกดคา อา่ นกลุม่ คา ประโยค คา กลุม่ คา ประโยค ข้อความ บทพูดเขา้ จังหวะ
ขอ้ ความงา่ ย ๆ และบทพูดเขา้ จังหวะถูกต้องตาม และการสะกดคา การใชพ้ จนานุกรม หลกั การอา่ น
หลักการอา่ น ออกเสียง เช่น
- การออกเสียงพยัญชนะตน้ คาและพยัญชนะทา้ ย
คา
- การออกเสียงเน้นหนัก-เบา ในคาและกลมุ่ คา
- การออกเสียงตามระดบั เสยี งสูง-ต่า ในประโยค
B
ตัวชว้ี ัด สาระการเรยี นรแู้ กนกลาง
3. เลอื ก/ระบุภาพ หรือสญั ลกั ษณ์ หรอื เครื่องหมาย
ตรงตามความหมายของประโยคและข้อความสนั้ ๆ กลมุ่ คา ประโยคเด่ียว สญั ลกั ษณ์ เคร่อื งหมาย และ
ที่ฟัง หรอื อา่ น
ความหมาย เกย่ี วกับตนเอง ครอบครัว โรงเรียน
4. ตอบคาถามจากการฟงั และอา่ นประโยค บท
สนทนา และนทิ านงา่ ย ๆ สิง่ แวดล้อม อาหาร เครอื่ งดม่ื เวลาว่างและ
นนั ทนาการ สขุ ภาพและสวัสดกิ าร การซื้อ-ขาย
และลมฟ้าอากาศ และเป็นวงคาศัพท์สะสมประมาณ
550-700 คา (คาศัพทท์ ่ีเป็นรูปธรรมและนามธรรม)
ประโยค บทสนทนา นทิ านทมี่ ีภาพประกอบ
คาถามเก่ียวกบั ใจความสาคัญของเรือ่ ง เชน่ ใคร
ทาอะไร ทไ่ี หน
- Yes/No Question เชน่
Is/Are/Can…? Yes,…is/are/can./
No,…isn’t/aren’t/can’t.
Do/Does/Can/Is/Are...? Yes/No…
etc.
- Wh-Question เช่น
Who is/are…? He/She is…/They
are…
What…?/Where…? It is …/They are…
What...doing? …is/am/are…
etc.
- Or-Question เชน่
Is this/it a/an...or a/an…? It is a/an…
etc.
มาตรฐาน ต 1.2 มีทักษะการสือ่ สารทางภาษาในการแลกเปล่ยี นขอ้ มูลขา่ วสาร แสดงความรสู้ กึ และความ
คิดเหน็ อยา่ งมปี ระสทิ ธภิ าพ
ตวั ชวี้ ัด สาระการเรยี นรแู้ กนกลาง
1. พดู /เขยี นโต้ตอบในการสอื่ สารระหวา่ งบุคคล บทสนทนาท่ีใช้ในการทักทาย กลา่ วลา ขอบคณุ
ขอโทษ การพดู แทรกอยา่ งสภุ าพ ประโยค/ขอ้ ความ
ท่ีใช้แนะนาตนเอง เพอื่ น และบุคคลใกล้ตวั และ
สานวนการตอบรบั เชน่ Hi/Hello/Good
C
morning/Good afternoon/Good evening/I
am sorry./How are you?/I’m fine. Thank
you. And you?/ Hello.I am… Hello,…I am…
This is my sister.Her name is… Hello,…/Nice
to see you. Nice to see you too./Goodbye./
Bye./See you soon/later./ Thanks./Thank
you./Thank you very much./You’re
welcome./It’s O.K. etc.
2. ใช้คาสงั่ คาขอรอ้ ง และคาขออนุญาตงา่ ย ๆ คาสั่ง คาขอรอ้ ง และคาขออนุญาตทีใ่ ชใ้ น
3. พดู /เขยี นแสดงความต้องการของตนเอง และขอ
ความชว่ ยเหลือในสถานการณ์งา่ ย ๆ ห้องเรยี น
4. พดู /เขยี นเพ่อื ขอและให้ขอ้ มูลเก่ียวกับตนเอง
เพื่อน และครอบครัว คาศัพท์ สานวน และประโยคทใี่ ชแ้ สดงความ
5. พดู แสดงความรู้สกึ ของตนเองเกี่ยวกับเรื่องตา่ งๆ ตอ้ งการและขอความช่วยเหลือในสถานการณต์ า่ งๆ
ใกล้ตวั และกจิ กรรมต่าง ๆ ตามแบบที่ฟัง
เช่น I want …/ Please…/ May…?/ I need your
help./ Please help me./ Help me! etc.
คาศัพท์ สานวน และประโยคที่ใช้ขอและให้ขอ้ มูล
เกย่ี วกบั ตนเอง สิง่ ใกลต้ วั เพอ่ื น และครอบครวั เช่น
What’s your name? My name is…
What time is it? It is one o’clock.
What is this? It is a/an…
How many…are there? There is
a/an…/There are…
Where is the…? It is in/on/under…
etc.
คาและประโยคทใี่ ช้แสดงความรู้สกึ เชน่ ดใี จ เสยี ใจ
ชอบ ไม่ชอบ รกั ไมร่ ัก เชน่
I/You/We/They like…/He/She likes…
I/You/We/They love…/He/She loves…
I/You/We/They don’t like/love/feel…
He/She doesn’t like/love/feel…
I/You/We/They feel… etc.
D
มาตรฐาน ต 1.3 นาเสนอข้อมูลข่าวสาร ความคดิ รวบยอด และความคดิ เหน็ ในเรื่องต่าง ๆ โดยการพดู และ
การเขียน
ตวั ชว้ี ัด สาระการเรยี นรูแ้ กนกลาง
1.พูด/เขียนใหข้ ้อมูลเกีย่ วกับตนเองและเรอื่ งใกล้ตวั ประโยคและข้อความท่ใี ช้ในการพูดใหข้ ้อมูลเกี่ยวกบั
ตนเอง บุคคล สัตว์ และเร่อื งใกลต้ ัว เช่น ชื่อ อายุ
รูปร่าง สี ขนาด รูปทรง สิง่ ต่างๆ จานวน 1-100
วนั เดอื น ปี ฤดูกาล ทอี่ ยขู่ องส่ิงต่าง ๆ เครื่องหมาย
วรรคตอน
2. พดู /วาดภาพแสดงความสมั พันธข์ องส่งิ ตา่ ง ๆ คา กลุ่มคาทมี่ คี วามหมายสัมพันธข์ องส่งิ ต่างๆ ใกล้
ใกล้ตวั ตามทฟ่ี ังหรืออา่ น ตวั เชน่ การระบุ/เช่ือมโยงความสมั พนั ธ์ของภาพกบั
คา หรือกลุม่ คา โดยใช้ภาพ แผนภมู ิ แผนภาพ
แผนผงั
3. พดู แสดงความคิดเหน็ งา่ ย ๆ เกยี่ วกบั เรอ่ื งต่าง ๆ ประโยคทใ่ี ชใ้ นการแสดงความคดิ เหน็ เกยี่ วกับเรอ่ื ง
ใกล้ตัว ตา่ ง ๆ ใกลต้ วั
สาระท่ี 2 ภาษาและวัฒนธรรม
มาตรฐาน ต 2.1 เขา้ ใจความสัมพนั ธร์ ะหวา่ งภาษากับวฒั นธรรมของเจา้ ของภาษา และนาไปใช้ได้อยา่ ง
เหมาะสมกับกาลเทศะ
ตัวช้ีวดั สาระการเรยี นรูแ้ กนกลาง
1. พดู และทาทา่ ประกอบอย่างสุภาพ ตามมารยาท มารยาทสงั คมและวัฒนธรรมของเจา้ ของภาษา เชน่
สังคมและวัฒนธรรมของเจ้าของภาษา การขอบคุณ ขอโทษ การใช้สหี นา้ ทา่ ทางประกอบ
การพดู ขณะแนะนาตนเอง การสัมผัสมือ การโบกมอื
การแสดงความร้สู ึกชอบ/ไมช่ อบ การแสดงอาการ
ตอบรับหรือปฏิเสธ
2. ตอบคาถามเก่ียวกบั เทศกาล/วนั สาคญั / งาน คาศัพท์และขอ้ มูลเก่ยี วกบั เทศกาล/วันสาคญั /งาน
ฉลองและชวี ติ ความเป็นอยู่งา่ ย ๆ ของเจ้าของภาษา ฉลอง และชวี ิตความเป็นอยูข่ องเจา้ ของภาษา เชน่
วนั คริสต์มาส วันขึ้นปใี หม่ วันวาเลนไทน์
เครือ่ งแต่งกาย ฤดูกาล อาหาร เครอื่ งดืม่
3. เขา้ รว่ มกจิ กรรมทางภาษาและวฒั นธรรมทีเ่ หมาะ กจิ กรรมทางภาษาและวฒั นธรรม เชน่ การเล่นเกม
กับวยั การรอ้ งเพลง การเล่านิทานประกอบท่าทาง ทบาท
สมมตุ ิ วนั ครสิ ตม์ าส วนั ขน้ึ ปใี หม่ วันวาเลนไทน์
E
มาตรฐาน ต 2.2 เข้าใจความเหมือนและความแตกตา่ งระหว่างภาษาและวัฒนธรรมของเจ้าของภาษากบั ภาษา
และวัฒนธรรมไทย และนามาใชอ้ ยา่ งถูกต้องและเหมาะสม
ตวั ชีว้ ดั สาระการเรยี นรแู้ กนกลาง
1. บอกความแตกตา่ งของเสยี งตวั อกั ษร คา กลมุ่ คา ความแตกต่างของเสียงตวั อกั ษร คา กลุม่ คา และ
ประโยค และข้อความของภาษาตา่ งประเทศและ ประโยคของภาษาต่างประเทศและภาษาไทย
ภาษาไทย
2. บอกความเหมอื น/ความแตกตา่ งระหวา่ งเทศกาล ความเหมือน/ความแตกต่างระหวา่ งเทศกาล และ
และงานฉลอง ตามวัฒนธรรมของเจ้าของภาษากบั งานฉลองตามวัฒนธรรมของเจ้าของภาษากับของ
ของไทย ไทย
สาระท่ี 3 ภาษากับความสมั พันธ์กบั กลุ่มสาระการเรยี นรอู้ ื่น
มาตรฐาน ต 3.1 ใชภ้ าษาตา่ งประเทศในการเชอื่ มโยงความรู้กบั กลมุ่ สาระการเรียนรู้อ่ืน และเป็นพืน้ ฐานใน
การพฒั นา แสวงหาความรู้ และเปดิ โลกทัศนข์ องตน
ตวั ชี้วัด สาระการเรยี นรู้แกนกลาง
1. ค้นควา้ รวบรวมคาศพั ทท์ เี่ กย่ี วขอ้ งกบั กล่มุ สาระ การคน้ ควา้ การรวบรวม และการนาเสนอ คาศพั ท์
การเรยี นรอู้ ่นื และนาเสนอดว้ ยการพูด / การเขียน ที่เกี่ยวข้องกบั กลมุ่ สาระการเรียนรอู้ ่นื
สาระท่ี 4 ภาษากับความสมั พันธ์กบั ชมุ ชนและโลก
มาตรฐาน ต 4.1 ใชภ้ าษาต่างประเทศในสถานการณต์ ่างๆ ทั้งในสถานศกึ ษา ชุมชน และสังคม
ตัวชว้ี ัด สาระการเรยี นรู้แกนกลาง
1. ฟงั และพดู /อา่ นในสถานการณท์ ีเ่ กิดข้ึนใน การใชภ้ าษาในการฟังและพูด/อา่ นในสถานการณท์ ่ี
ห้องเรยี นและสถานศกึ ษา เกดิ ขึ้นในห้องเรยี น
มาตรฐาน ต 4.2 ใชภ้ าษาตา่ งประเทศเป็นเครื่องมือพน้ื ฐานในการศกึ ษาตอ่ การประกอบอาชีพ และการ
แลกเปลยี่ นเรียนร้กู ับสังคมโลก
ตวั ชี้วัด สาระการเรยี นร้แู กนกลาง
1. ใชภ้ าษาตา่ งประเทศในการสบื คน้ และรวบรวม การใชภ้ าษาต่างประเทศในการสืบค้นและการ
ข้อมลู ตา่ ง ๆ รวบรวมคาศัพทท์ เี่ ก่ยี วขอ้ งใกลต้ วั จากส่ือและแหลง่
การเรยี นรตู้ า่ ง ๆ
F
แบบวเิ คราะหเ์ พื่อจดั ทาคาอธบิ ายรายวชิ า
กลมุ่ สาระการเรยี นรู้ภาษาตา่ งประเทศ
รายวชิ า ภาษาอังกฤษ
ชนั้ ประถมศกึ ษาปที ี่ 4
สาระที่ 1 ภาษาเพือ่ การสอ่ื สาร
มาตรฐาน ต 1.1 เขา้ ใจและตคี วามเร่อื งทฟ่ี งั และอ่านจากสอ่ื ประเภทตา่ ง ๆ และแสดงความคดิ เหน็
อยา่ งมีเหตุผล
สาระการเรยี นรู้แกนกลาง
ตัวช้วี ัดช้ันปี ความรู้ (K) ทกั ษะ/กระบวนการ คุณลักษณะ
(P) อนั พงึ ประสงค์ (A)
ต 1.1 ป.4/1 คาสง่ั คาขอร้อง ปฏบิ ัตติ ามคาส่ัง 1. มวี ินยั
ปฏิบัตติ ามคาสงั่ คาขอรอ้ ง และ คาแนะนา คาขอร้อง และ 2. ใฝเ่ รียนรู้
คาแนะนา (instructions) งา่ ย คาแนะนาง่าย ๆ ที่ฟงั
ๆ ที่ฟงั หรอื อา่ น หรืออา่ น
ต 1.1 ป.4/2 หลักการอา่ นคา อ่านออกเสียงคา 1. ใฝเ่ รยี นรู้
อา่ นออกเสยี งคา สะกดคา อา่ น กลุ่มคา ประโยค สะกดคา อา่ นกลุ่มคา
กลุม่ คา ประโยค ขอ้ ความง่าย ๆ ข้อความง่าย ๆ และ ประโยค ข้อความงา่ ย
และบทพูดเขา้ จงั หวะถกู ตอ้ ง บทพดู เข้าจงั หวะ ๆ และบทพูดเข้า
ตามหลักการอา่ น ตามหลักการอา่ น จังหวะถกู ต้องตาม
หลักการอา่ น
ต 1.1 ป.4/3 ความหมายของค า เลอื ก/ระบุภาพ หรอื 1. ใฝ่เรยี นรู้
เลือก/ระบภุ าพหรือสัญลักษณ์ กลุ่มคา ประโยคเด่ียว สัญลักษณ์เครือ่ งหมาย 2. มุง่ มน่ั ในการทางาน
หรอื เครื่องหมายตรงตาม สั ญ ลั ก ษ ณ์ แ ล ะ ตรงตามความหมาย
ความหมายของประโยคและ เครอื่ งหมาย ข อ งป ร ะ โย ค แ ล ะ
ขอ้ ความสัน้ ๆ ทีฟ่ งั หรืออ่าน ข้อความส้ัน ๆ ที่ฟัง
หรืออ่าน
ต 1.1 ป.4/4 คาศัพท์ สานวน และ เขา้ ใจและตอบคาถาม 1. มีวนิ ัย
ตอบคาถามจากการฟงั และอ่าน ใจความสาคัญ ของ จากเร่ืองที่ฟังและอ่าน 2. ใฝเ่ รียนรู้
ประโยค บทสนทนา และนิทาน เรอ่ื งที่ฟงั และอา่ น ได้ 3. มุ่งม่ันในการทางาน
ง่าย ๆ
G
มาตรฐาน ต 1.2 มีทกั ษะการสื่อสารทางภาษาในการแลกเปลี่ยนขอ้ มลู ข่าวสาร แสดงความรสู้ กึ และ
ความคดิ เห็นอยา่ งมีประสิทธิภาพ
สาระการเรยี นรแู้ กนกลาง
ตวั ช้ีวดั ช้ันปี ความรู้ (K) ทกั ษะ/กระบวนการ คณุ ลกั ษณะ
(P) อนั พงึ ประสงค์ (A)
ต 1.2 ป.4/1 คาศัพทแ์ ละบท เลือกใช้คาพดู 1. มีวินัย
พูด/เขียนโตต้ อบในการสอ่ื สาร สนทนาที่ใชใ้ นการ ประโยค ขอ้ ความทใี่ ช้ 2. ใฝ่เรยี นรู้
ระหว่างบคุ คล ส่ือสารระหวา่ ง ในการสนทนา เชน่ 3. มงุ่ มน่ั ในการทางาน
บุคคล การทกั ทาย กลา่ วลา
ขอบคุณ ขอโทษ และ
ประโยค/ขอ้ ความทใ่ี ช้
แนะนาตนเอง เพื่อน
และบคุ คลใกลต้ ัว
ต 1.2 ป.4/2 คาสั่ง คาขอรอ้ ง และ ใช้คาสงั่ คาขอรอ้ ง 1. มวี นิ ยั
ใช้คาสั่งคาขอรอ้ งและคาขอ คาขออนญุ าตง่าย ๆ และคาขออนญุ าต 2. ใฝเ่ รยี นรู้
อนุญาตงา่ ย ๆ
ต 1.2 ป.4/3 ประโยคท่ีใช้แสดง พูด/เขียนแสดงความ 1. มวี นิ ัย
พดู /เขยี นแสดงความต้องการ ความต้องการของ ตอ้ งการของตนเอง 2. ใฝเ่ รยี นรู้
ของตนเอง และขอความ ตนเองและขอความ และขอความ
ชว่ ยเหลอื ในสถานการณง์ า่ ย ๆ ชว่ ยเหลอื ช่วยเหลอื
ต 1.2 ป.4/4 คาศัพท์ โครงสร้าง พูด/เขียนเพอ่ื ขอและ 1. มวี ินยั
พูด/เขยี นเพอ่ื ขอและให้ข้อมลู ประโยคที่ใช้ในการขอ ใหข้ ้อมลู เก่ียวกบั 2. ใฝ่เรยี นรู้
เกี่ยวกบั ตนเองเพอื่ น และ และให้ขอ้ มูลเกย่ี วกบั ตนเอง เพ่อื น และ 3. มุง่ มัน่ ในการทางาน
ครอบครัว ตนเอง เพ่ือน และ ครอบครัว
ครอบครัว
ต 1.2 ป.4/5 คาศัพท์ โครงสร้าง พดู แสดงความรสู้ กึ 1. มวี นิ ัย
พดู แสดงความรสู้ กึ ตนเอง ประโยคทใี่ ช้ในการ ของตนเองเก่ียวกบั 2. ใฝเ่ รยี นรู้
เกีย่ วกบั เร่อื งต่าง ๆ ใกลต้ วั และ แสดงความรูส้ ึก เรอ่ื งต่าง ๆ ใกลต้ วั
กจิ กรรมตา่ ง ๆ ตามแบบท่ีฟงั และกจิ กรรมต่าง ๆ
H
มาตรฐาน ต 1.3 นาเสนอขอ้ มลู ข่าวสาร ความคดิ รวบยอด และความคดิ เห็นในเรอ่ื งตา่ ง ๆ โดยการ
พดู และเขยี น
สาระการเรยี นรู้แกนกลาง
ตัวชว้ี ัดช้นั ปี ความรู้ (K) ทกั ษะ/กระบวนการ คณุ ลักษณะ
(P) อนั พึงประสงค์ (A)
ต 1.3 ป.4/1 คาศพั ท์ เครื่องหมาย พดู /เขยี นใหข้ อ้ มลู 1. มีวินัย
พูด/เขียนใหข้ อ้ มูลเก่ียวกับ วรรคตอน และ เกยี่ วกบั ตนเองและ 2. ใฝเ่ รยี นรู้
ตนเองและเร่อื งใกลต้ ัว ประโยคที่ใชใ้ นการให้ เรอ่ื งใกล้ตัว 3. มุ่งม่ันในการทางาน
ขอ้ มูล
ต 1.3 ป.4/2 รคู้ วามหมายของคา พดู /วาดภาพเชือ่ มโยง 1. มีวินัย
พูด/วาดภาพแสดงความสมั พนั ธ์ กลมุ่ คา และเชอ่ื มโยง ความสมั พันธ์ของสิง่ 2. ใฝ่เรยี นรู้
ของสง่ิ ตา่ ง ๆ ใกลต้ วั ตามทฟี่ ัง ไปยงั สงิ่ ต่าง ๆ ใกล้ตวั ตา่ ง ๆ ใกลต้ วั ตามท่ี
หรอื อ่าน ฟงั หรอื อ่าน
ต 1.3 ป.4/3 คา กลุ่มคา ประโยค พูดแสดงความคดิ เห็น 1. ใฝเ่ รยี นรู้
พดู แสดงความคดิ เหน็ ง่าย ๆ ท่ีใช้ในการแสดง เก่ียวกับเรอื่ งตา่ ง ๆ 2. มุ่งมั่นในการทางาน
เกี่ยวกับเรื่องตา่ ง ๆ ใกลต้ ัว ความคดิ เห็น ใกล้ตวั
สาระท่ี 2 ภาษาและวัฒนธรรม
มาตรฐาน ต 2.1 เขา้ ใจความสมั พนั ธร์ ะหวา่ งภาษากับวฒั นธรรมของเจา้ ของภาษา และนาไปใชไ้ ด้
อย่างเหมาะสมกบั กาลเทศะ
สาระการเรยี นรู้แกนกลาง
ตวั ช้ีวดั ชัน้ ปี ความรู้ (K) ทกั ษะ/กระบวนการ คุณลกั ษณะ
(P) อันพึงประสงค์ (A)
ต 2.1 ป.4/1 มารยาททางสงั คมและ พดู และทาทา่ ประกอบ 1. มีวนิ ยั
พูดและทาทา่ ประกอบอยา่ ง วัฒนธรรมของเจ้าของ อยา่ งสภุ าพตาม 2. ใฝ่เรยี นรู้
สุภาพตามมารยาทสังคมและ ภาษา มารยาททางสงั คมและ 3. มุ่งมน่ั ในการทางาน
วัฒนธรรมของเจา้ ของภาษา วัฒนธรรมของเจา้ ของ 4. รักความเปน็ ไทย
ภาษา
ต 2.1 ป.4/2 เทศกาล/วนั สาคัญ/ ตอบคาถามเกย่ี วกบั 1. มีวินัย
ตอบคาถามเก่ยี วกับเทศกาล/ งานฉลอง และ เทศกาล/วันสาคัญ/ 2. ใฝ่เรียนรู้
วนั สาคญั /งานฉลองและชีวิต ชวี ิตความเป็นอยู่ งานฉลอง และ 3. มงุ่ มั่นในการทางาน
I
ตัวช้วี ดั ชัน้ ปี ความรู้ (K) สาระการเรยี นร้แู กนกลาง
ทักษะ/กระบวนการ คณุ ลกั ษณะ
ความเป็นอยู่ง่าย ๆ ของเจา้ ของ ของเจา้ ของภาษา (P) อันพึงประสงค์ (A)
ภาษา ชีวติ ความเปน็ อย่งู ่าย 4. รกั ความเป็นไทย
ต 2.1 ป.4/3 กิจกรรมทางภาษา ๆ ของเจา้ ของภาษา
เขา้ ร่วมกจิ กรรมทางภาษาและ และวัฒนธรรม เขา้ รว่ มกิจกรรมทาง 1. มวี นิ ัย
วฒั นธรรมท่ีเหมาะกบั วยั ภาษาและวฒั นธรรม 2. ใฝเ่ รยี นรู้
ของเจา้ ของภาษาที่ 3. มุ่งม่นั ในการทางาน
เหมาะสมกบั วยั 4. อยอู่ ย่างพอเพยี ง
มาตรฐาน ต 2.2 เข้าใจความเหมอื นและความแตกตา่ งระหว่างภาษาและวฒั นธรรมของเจ้าของภาษา
กบั ภาษาและวฒั นธรรมไทย และนามาใช้อยา่ งถกู ตอ้ งและเหมาะสมกับกาลเทศะ
สาระการเรยี นรูแ้ กนกลาง
ตวั ช้วี ดั ช้นั ปี ความรู้ (K) ทกั ษะ/กระบวนการ คุณลกั ษณะ
(P) อันพงึ ประสงค์ (A)
ต 2.2 ป.4/1 ความแตกต่างของ บอกความแตกตา่ ง 1. ใฝ่เรียนรู้
บอกความแตกตา่ งของเสียง เสยี ง ตวั อักษร คา ของเสยี งตวั อักษร คา 2. มงุ่ มัน่ ในการทางาน
ตวั อักษร คา กลุ่มคา ประโยค กลุ่มคา ประโยค และ กลุ่มคา ประโยค และ
และข้อความของ ขอ้ ความ ของ ข้อความของ
ภาษาตา่ งประเทศและภาษาไทย ภาษาตา่ งประเทศ ภาษาตา่ งประเทศ
และภาษาไทย และภาษาไทย
ต 2.2 ป.4/2 ความเหมอื น/ บอกความเหมอื น/ 1. ใฝ่เรียนรู้
บอกความเหมอื น/ความ ความแตกต่างระหวา่ ง ความแตกตา่ งระหวา่ ง 2. รักความเป็นไทย
แตกตา่ งระหว่างเทศกาลและ เทศกาลและงานฉลอง เทศกาลและงานฉลอง
งานฉลองตามวัฒนธรรมของ ตามวฒั นธรรมของ ตามวฒั นธรรมของ
เจา้ ของภาษากับของไทย เจา้ ของภาษากับของ เจา้ ของภาษากบั ของ
ไทย ไทย
J
สาระที่ 3 ภาษากับความสัมพนั ธก์ ับกลุม่ สาระการเรียนร้อู น่ื
มาตรฐาน ต 3.1 ใช้ภาษาตา่ งประเทศในการเชอ่ื มโยงความรู้กบั กลุ่มสาระการเรียนรูอ้ ื่น และเปน็
พ้ืนฐานในการพัฒนา แสวงหาความรู้ และเปดิ โลกทัศน์ของตน
สาระการเรยี นร้แู กนกลาง
ตวั ชี้วัดชนั้ ปี ความรู้ (K) ทกั ษะ/กระบวนการ คุณลกั ษณะ
(P) อันพึงประสงค์ (A)
ต 3.1 ป.4/1 วธิ ีการคน้ ควา้ คาศัพท์ ค้นควา้ รวบรวม 1. ใฝเ่ รยี นรู้
คน้ คว้ารวบรวมคาศัพทท์ ่ี ท่ีเก่ยี วข้องกบั กลมุ่ คาศพั ทท์ ่ีเกย่ี วขอ้ งกับ 2. มุง่ ม่ันในการทางาน
เกีย่ วขอ้ งกับกลุ่มสาระการ สาระการเรียนรอู้ ืน่ กลุม่ สาระการเรยี นรู้
เรยี นรอู้ นื่ และนาเสนอดว้ ยการ อื่น และนาเสนอ
พดู /การเขยี น ดว้ ยการพดู /การเขียน
สาระท่ี 4 ภาษากับความสมั พนั ธก์ ับชุมชนและโลก
มาตรฐาน ต 4.1 ใช้ภาษาต่างประเทศในสถานการณต์ า่ ง ๆ ท้ังในสถานศึกษา ชุมชนและสงั คม
สาระการเรยี นรูแ้ กนกลาง
ตวั ชี้วัดชัน้ ปี ความรู้ (K) ทักษะ/กระบวนการ คุณลกั ษณะ
(P) อนั พึงประสงค์ (A)
ต 4.1 ป.4/1 คาศัพท์ สานวน ฟังและพูดหรอื อา่ น 1. ใฝเ่ รียนรู้
ฟังและพดู /อา่ นในสถานการณ์ ประโยคทีใ่ ช้ใน คาศพั ท์ สานวน
ที่เกดิ ขนึ้ ในห้องเรียนและ สถานการณ์ทเี่ กิดขึน้ ประโยค ท่ใี ช้ใน
สถานศกึ ษา ในห้องเรียนและ สถานการณ์ทีเ่ กิดขึ้น
ในสถานศกึ ษา ในหอ้ งเรยี นและ
สถานศึกษา
K
มาตรฐาน ต 4.2 ใชภ้ าษาตา่ งประเทศเปน็ เคร่อื งมือพ้ืนฐานในการศึกษาตอ่ การประกอบอาชีพและ
การแลกเปลยี่ นเรียนร้กู บั สังคมโลก
สาระการเรยี นร้แู กนกลาง
ตัวชี้วัดช้ันปี ความรู้ (K) ทักษะ/กระบวนการ คุณลักษณะ
(P) อนั พงึ ประสงค์ (A)
ต 4.2 ป.4/1 ภาษาตา่ งประเทศ ใชภ้ าษาตา่ งประเทศ 1. มุง่ ม่ันในการทางาน
ใชภ้ าษาตา่ งประเทศในการ ในการสืบค้นขอ้ มลู ในการสืบคน้ และ 2. มีจิตสาธารณะ
สบื ค้นและรวบรวมขอ้ มูลต่าง ๆ รวบรวมขอ้ มูลตา่ ง ๆ
L
ตารางวเิ คราะหม์ าตรฐานการเรยี นรู้และตวั ชีว้ ัดช้นั ปี/นา้ หนักคะแนน
กลุ่มสาระการเรยี นรูภ้ าษาต่างประเทศ
รายวิชา ภาษาอังกฤษ
ชั้นประถมศึกษาปที ่ี 4
น้าหนักคะแนน
สาระและ ตัวชวี้ ัดชน้ั ปี ภาคเ ีรยนที่ 1
มาตรฐานการเรยี นรู้ ภาคเ ีรยนที่ 2
รวมตลอด
ีปการ ึศกษา
สาระท่ี 1 ป.4/1 ปฏบิ ัติตามคาส่ัง คาขอรอ้ งและคาแนะนา 3 - 3
ภาษาเพื่อการสอื่ สาร (instructions) งา่ ย ๆ ทฟ่ี งั หรอื อ่าน 3 4 7
มาตรฐาน ต 1.1 ป.4/2 อา่ นออกเสียงคา สะกดคา อา่ นกลุ่มคา
ประโยค ขอ้ ความง่าย ๆ และบทพูดเขา้ จังหวะ 4 - 4
มาตรฐาน ต 1.2 ถกู ต้องตามหลักการอา่ น
ป.4/3 เลือก/ระบุภาพ หรือ สัญ ลักษณ์ หรือ 3 4 7
เครื่องหมายตรงตามความหมายของประโยคและ 3 3 6
ข้อความสัน้ ๆ ที่ฟงั หรืออา่ น 3 2 5
ป.4/4 ตอบคาถามจากการฟังและอ่านประโยค - 4 4
บทสนทนา และนทิ านงา่ ย ๆ 3 3 6
ป.4/1 พดู /เขียนโต้ตอบในการสอ่ื สารระหวา่ ง - 2 2
บคุ คล
ป.4/2 ใชค้ าส่งั คาขอรอ้ ง และคาขออนุญาตงา่ ย ๆ
ป.4/3 พดู /เขียนแสดงความตอ้ งการของตนเอง
และขอความชว่ ยเหลือในสถานการณ์ง่าย ๆ
ป.4/4 พดู /เขียนเพื่อขอและใหข้ อ้ มูลเก่ยี วกบั
ตนเอง เพ่อื น และครอบครวั
ป.4/5 พูดแสดงความรสู้ กึ ตนเอง เกย่ี วกบั เรอื่ งต่าง
ๆ ใกลต้ วั และกจิ กรรมตา่ ง ๆ ตามแบบทฟ่ี ัง
M
น้าหนกั คะแนน
สาระและ ตัวชี้วัดชนั้ ปี ภาคเ ีรยนที่ 1
มาตรฐานการเรยี นรู้ ภาคเ ีรยนที่ 2
รวมตลอด
ีปการ ึศกษา
มาตรฐาน ต 1.3 ป.4/1 พดู /เขียนให้ข้อมูลเกี่ยวกับตนเองและเรื่อง 2 2 4
ใกลต้ วั 2 2 4
สาระที่ 2 ป.4/2 พดู /วาดภาพแสดงความสัมพันธ์ของสงิ่ ตา่ ง 2 2 4
ภาษาและวัฒนธรรม ๆ ใกลต้ วั ตามทฟ่ี งั หรืออา่ น
มาตรฐาน ต 2.1 ป.4/3 พดู แสดงความคดิ เหน็ งา่ ย ๆ เกย่ี วกบั 3 6
เร่อื งตา่ ง ๆ ใกลต้ ัว 3 6
มาตรฐาน ต 2.2
ป.4/1 พูดและทาทา่ ประกอบอย่างสภุ าพ ตาม 3 2 5
มารยาทสังคมและวฒั นธรรมของเจ้าของภาษา 3 - 4
ป.4/2 ตอบคาถามเกีย่ วกับเทศกาล/วันสาคัญ/งาน
ฉลองและชีวติ ความเปน็ อยู่งา่ ย ๆ ของเจา้ ของ 3 2 2
ภาษา 4
ป.4/3 เขา้ รว่ มกจิ กรรมทางภาษาและวัฒนธรรมท่ี
เหมาะกับวยั -
ป.4/1 บอกความแตกตา่ งของเสียงตัวอกั ษร คา
กลมุ่ คา ประโยค และขอ้ ความของ
ภาษาตา่ งประเทศและภาษาไทย
ป.4/2 บอกความเหมอื น/ความแตกตา่ งระหวา่ ง
เทศกาลและงานฉลองตามวฒั นธรรมของเจ้าของ
ภาษากับของไทย
N
น้าหนกั คะแนน
สาระและ ตวั ชวี้ ดั ชนั้ ปี ภาคเ ีรยนที่ 1
มาตรฐานการเรยี นรู้ ภาคเ ีรยนที่ 2
รวมตลอด
ีปการ ึศกษา
สาระท่ี 3
ภาษากบั ความสมั พันธ์
กับกลมุ่ สาระการเรียนรู้
อ่ืน
มาตรฐาน ต 3.1 ป.4/1 ค้นคว้า รวบรวมคาศัพทท์ ี่เก่ยี วข้องกับกลมุ่ 3 4 7
สาระการเรียนรู้อ่นื และนาเสนอดว้ ยการพดู /การ 7
7
เขียน 100
สาระที่ 4
ภาษากบั ความสัมพนั ธ์
กับชมุ ชนและโลก
มาตรฐาน ต 4.1 ป.4/1 ฟงั และพูด/อา่ นในสถานการณ์ทีเ่ กดิ ขึน้ ใน 3 4
ห้องเรียนและสถานศกึ ษา
มาตรฐาน ต 4.2 ป.4/1 ใชภ้ าษาต่างประเทศในการสืบคน้ และ 34
รวบรวมขอ้ มลู ตา่ ง ๆ
รวมคะแนน 50 50
O
รายวชิ าพืน้ ฐาน ภาษาอังกฤษ คาอธบิ ายรายวชิ า
ชน้ั ประถมศึกษาปที ่ี 4
กลุ่มสาระการเรยี นรู้ภาษาตา่ งประเทศ
เวลาเรียน 80 ชวั่ โมง/ปี
ปฏิบัติตามคาสัง่ คาขอรอ้ ง และคาแนะนา (instructions) ง่าย ๆ ทฟ่ี งั หรอื อ่าน อ่านออกเสียง สะกด
อา่ นกลมุ่ คา ประโยค ขอ้ ความง่าย ๆ และบทพดู เขา้ จังหวะถูกตอ้ งตามหลกั การอา่ น และเลือก/ระบุภาพ
สญั ลักษณห์ รือเคร่อื งหมายตรงตามความหมายของประโยคและขอ้ ความส้นั ๆ ทฟี่ งั หรืออ่าน และตอบคาถาม
จากการฟงั และอ่านประโยค บทสนทนา และนทิ านง่าย ๆ พดู /เขียนโต้ตอบในการสอ่ื สารระหวา่ งบคุ คล
ใชค้ าสงั่ คาขอรอ้ ง และคาขออนญุ าตงา่ ย ๆ พดู /เขยี นแสดงความต้องการของตนเอง และขอความชว่ ยเหลือใน
สถานการณ์งา่ ย ๆ ขอและใหข้ อ้ มลู เกี่ยวกับตนเอง เพือ่ น และครอบครวั พูดแสดงความรูส้ ึกเก่ยี วกบั เรือ่ งต่าง ๆ
ใกลต้ ัว และกจิ กรรมต่าง ๆ รวมถงึ พดู /เขียนให้ข้อมลู เกย่ี วกับตนเองและเร่อื งใกลต้ ัว พดู /วาดภาพแสดง
ความสัมพนั ธ์ของสิ่งตา่ ง ๆ ใกลต้ ัวตามทฟ่ี ังหรอื อา่ น พดู แสดงความคดิ เห็นงา่ ย ๆ เกย่ี วกับเรอ่ื งใกล้ตวั พูดและ
ทาท่าประกอบอยา่ งสุภาพตอบคาถามเกีย่ วกบั เทศกาล/วนั สาคญั /งานฉลอง และชีวิตความเป็นอยู่ ของเจ้าของ
ภาษา เข้ารว่ มกจิ กรรมทางภาษาและวฒั นธรรมทเ่ี หมาะกบั วัย และบอกความแตกตา่ งของเสียงตัวอกั ษร คา
กลุ่มคา ประโยค ขอ้ ความเทศกาลและงานฉลองตามวฒั นธรรมของเจา้ ของภาษากับของไทย
ค้นคว้า รวบรวมคาศพั ทท์ ี่เกย่ี วข้องกับกลมุ่ สาระการเรยี นรอู้ ่ืน และนาเสนอด้วยการพดู /การเขียน
รวมทงั้ ฟงั พดู และอา่ น/เขียนในสถานการณ์ตา่ ง ๆ ท่ีเกิดข้ึนในหอ้ งเรยี นและสถานศกึ ษา และใช้
ภาษาตา่ งประเทศในการสบื ค้นและรวบรวมขอ้ มูลตา่ ง ๆ โดยสามารถสอ่ื สารดว้ ยภาษา นา้ เสยี ง และกิรยิ า
ท่าทางสภุ าพ เหมาะสมตามกาลเทศะ มคี วามใฝเ่ รียนรู้ มุง่ มั่นในการทางาน
ตวั ชว้ี ัด
ต 1.1 ป.4/1-4
ต 1.2 ป.4/1-5
ต 1.3 ป.4/1-3
ต 2.1 ป.4/1-3
ต 2.2 ป.4/1-2
ต 3.1 ป.4/1
ต 4.1 ป.4/1
ต 4.2 ป.4/1
รวม 20 ตวั ช้ีวดั
P
โครงสร้างรายวิชาภาษาอังกฤษ
ชั้นประถมศึกษาปีท่ี 4
หน่วยฯ ท่ี ช่ือหนว่ ยการเรยี นรู้ มาตรฐานการเรยี นรู/้ ตวั ชีว้ ดั เวลา (ชวั่ โมง)
2
0 Welcome! ต 1.1 ป. 4/1-3 ต 1.2 ป. 4/1, 4 11
ต 1.3 ป. 4/1 ต 2.1 ป. 4/1, 3
13
ต 2.2 ป. 4/1 ต 4.1 ป. 4/1
12
1 The Way We Look! ต 1.1 ป. 4/1-4 ต 1.2 ป. 4/2-4
2
ต 1.3 ป. 4/1 ต 2.1 ป. 4/3 12
ต 3.1 ป. 4/1 ต 4.1 ป. 4/1 13
ต 4.2 ป. 4/1 13
2 Something to Eat ต 1.1 ป. 4/1-4 ต 1.2 ป. 4/1-5
ต 1.3 ป. 4/1-2 ต 2.1 ป. 4/1-3
ต 2.2 ป. 4/1-2 ต 3.1 ป. 4/1
ต 4.1 ป. 4/1 ต 4.2 ป. 4/1
3 What’s the Weather ต 1.1 ป. 4/1-4 ต 1.2 ป. 4/1-5
Like? ต 1.3 ป. 4/1-2 ต 2.1 ป. 4/1-3
ต 2.2 ป. 4/1-2 ต 3.1 ป. 4/1
ต 4.1 ป. 4/1 ต 4.2 ป. 4/1
Mid-Year Examination
4 Hooray, It’s Saturday! ต 1.1 ป. 4/1-4 ต 1.2 ป. 4/1-4
ต 1.3 ป. 4/1-2 ต 2.1 ป. 4/2-3
ต 2.2 ป. 4/1-2 ต 3.1 ป. 4/1
ต 4.1 ป. 4/1 ต 4.2 ป. 4/1
5 My Favourite Season ต 1.1 ป. 4/1-4 ต 1.2 ป. 4/1-5
ต 1.3 ป. 4/1-3 ต 2.1 ป. 4/1-3
ต 2.2 ป. 4/1-2 ต 3.1 ป. 4/1
ต 4.1 ป. 4/1 ต 4.2 ป. 4/1
6 All About Animals! ต 1.1 ป. 4/1-4 ต 1.2 ป. 4/1-5
ต 1.3 ป. 4/1-2 ต 2.1 ป. 4/1-3
ต 2.2 ป. 4/2 ต 3.1 ป. 4/1
ต 4.1 ป. 4/1 ต 4.2 ป. 4/1
Q
หน่วยฯ ท่ี ชือ่ หน่วยการเรยี นรู้ มาตรฐานการเรียนร/ู้ ตวั ชว้ี ัด เวลา (ชวั่ โมง)
Final Examination 2
Total in year round 80
R
หน่วยการเรยี นรู้ Welcome!
เวลา 2 ชัว่ โมง
จดุ ประสงค์ (Objectives)
- ทบทวนคำศัพท์ท่ีเรยี นมำแล้วได้
- พูดทักทำยและแนะนำตนเองได้
- เขียนแนะนำตนเองสั้น ๆ ได้
1. สาระ มาตรฐานการเรยี นรู้/ตวั ชวี้ ัด
สาระที่ 1 ภาษาเพ่ือการสอื่ สาร
มาตรฐาน ต 1.1 เข้าใจและตีความเร่ืองทฟี่ งั และอ่านจากส่อื ประเภทตา่ ง ๆ และแสดงความคิดเหน็
อย่างมีเหตุผล
ตวั ชี้วัด
ต 1.1 ป.4/1 ปฏบิ ตั ิตำมคำส่ัง คำขอร้อง และคำแนะนำ (instructions) ง่ำย ๆ ทฟ่ี ังหรืออ่ำน
ต 1.1 ป.4/2 อำ่ นออกเสียงคำ สะกดคำ อ่ำนกลุ่มคำ ประโยค ข้อควำมงำ่ ย ๆ และบทพูด
เขำ้ จังหวะถูกต้องตำมหลักกำรอำ่ น
ต 1.1 ป.4/3 เลือก/ระบภุ ำพ หรือสญั ลักษณห์ รือเคร่ืองหมำยตรงตำมควำมหมำยของประโยค
และข้อควำมสนั้ ๆ ที่ฟังหรืออ่ำน
มาตรฐาน ต 1.2 มที ักษะการส่อื สารทางภาษาในการแลกเปล่ียนข้อมูลข่าวสาร แสดงความคิดเห็น
อยา่ งมปี ระสิทธิภาพ
ตวั ชีว้ ัด
ต 1.2 ป.4/1 พดู /เขยี นโต้ตอบในกำรสื่อสำรระหว่ำงบุคคล
ต 1.2 ป.4/4 พดู /เขยี นเพือ่ ขอและให้ข้อมลู เก่ียวกับตนเอง เพื่อน และครอบครวั
มาตรฐาน ต 1.3 นาเสนอขอ้ มลู ขา่ วสาร ความคดิ รวบยอด และความคิดเห็นในเร่ืองตา่ ง ๆ โดย
การพูดและการเขยี น
ตัวชีว้ ัด
ต 1.3 ป.4/1 พดู /เขียนให้ขอ้ มูลเกย่ี วกบั ตนเองและเร่อื งใกลต้ ัว
สาระที่ 2 ภาษาและวฒั นธรรม
มาตรฐาน ต 2.1 เขา้ ใจความสัมพนั ธร์ ะหว่างภาษากับวัฒนธรรมของเจา้ ของภาษาและนาไปใช้ได้
อย่างเหมาะสมกับกาลเทศะ
1
ตัวชี้วดั
ต 2.1 ป.4/1 พูดและทำท่ำประกอบอยำ่ งสุภำพตำมมำรยำทสงั คมและวัฒนธรรมของเจำ้ ของ
ภำษำ
ต 2.1 ป.4/3 เข้ำรว่ มกจิ กรรมทำงภำษำและวฒั นธรรมทเ่ี หมำะกบั วยั
มาตรฐาน ต 2.2 เขา้ ใจความเหมือนและความแตกตา่ งระหวา่ งภาษาและวฒั นธรรมของเจ้าของ
ภาษาและวัฒนธรรมไทย และนามาใชไ้ ดอ้ ยา่ งถูกตอ้ ง
ตัวช้ีวัด
ต 2.2 ป.4/1 บอกควำมแตกตำ่ งของเสยี ง ตวั อักษร คำ กล่มุ คำ ประโยค และขอ้ ควำมของ
ภำษำตำ่ งประเทศและภำษำไทย
สาระท่ี 4 ภาษากับความสัมพนั ธ์กับชุมชนและโลก
มาตรฐาน ต 4.1 ใช้ภาษาต่างประเทศในสถานการณต์ ่าง ๆ ทง้ั ในสถานศกึ ษา ชมุ ชน
และสงั คม
ตวั ช้วี ัด
ต 4.1 ป.4/1 ฟัง พดู และอ่ำน/เขียนในสถำนกำรณต์ ่ำง ๆ ท่เี กดิ ขึ้นในห้องเรียนและ
สถำนศึกษำ
2. สาระสาคัญ/ความคดิ รวบยอด
กำรเรียนรเู้ ก่ยี วกับคำศัพทแ์ ละสำนวนภำษำเกยี่ วกับกำรทักทำย กำรแนะนำตัว กำรถำมช่ือผู้อ่ืน และ
วฒั นธรรมของเจำ้ ของภำษำ ช่วยใหส้ นทนำ พดู /เขยี นสื่อสำรได้อยำ่ งถูกตอ้ งและเหมำะสม
3. สาระการเรยี นรู้
3.1 ทกั ษะเฉพาะวชิ า
1) Language Features and Functions
Vocabulary: ทบทวนคำศัพท์ท่เี รยี นมำแล้ว
Pronunciation: ลงเสยี งหนักในคำ (word stress)
Function: ทกั ทำยและแนะนำตนเอง
2) Language Skills
Speaking: พูดทักทำย แนะนำชอ่ื ตนเอง และถำมช่ือผอู้ ่นื
3) Culture: กำรจบั มือทักทำยของคนอังกฤษ
2
4. สมรรถนะสาคัญของผู้เรยี น 4.2 ควำมสำมำรถในกำรใช้ทกั ษะชีวิต
4.1 ควำมสำมำรถในกำรส่ือสำร 5.2 มงุ่ มัน่ ในกำรทำงำน
5. คุณลกั ษณะอันพึงประสงค์
5.1 ใฝเ่ รยี นรู้
6. กิจกรรมการเรยี นรู้
ขัน้ Warm-up
1. เป็นกำรพบกนั คร้งั แรก ครูควรสรำ้ งควำมคุ้นเคยและทักทำยนักเรยี น โดยเดนิ เขำ้ มำในห้องและ
เขยี นชอ่ื บนกระดำน จำกนั้นครพู ดู วำ่ Hello, everyone. My name’s … พร้อมกับชี้ท่ีชอ่ื ครูบน
กระดำน โดยครูกระต้นุ ใหน้ กั เรยี นกลำ่ วทักทำยตอบกลับ จำกนั้นครูพูดว่ำ Welcome to my class!
พร้อมกบั ถำมว่ำ How are you today? หรือถำมเกี่ยวกับเรือ่ งทั่วไปโดยอำจใช้ภำษำไทยได้ เช่น
นักเรียนทำกจิ กรรมอะไรในช่วงปิดเทอมทผ่ี ำ่ นมำ เปน็ ต้น โดยครรู วบรวมคำตอบจำกนกั เรยี น
หลำย ๆ คน มำเขยี นบนกระดำน
2. ครทู บทวนคำส่งั ทีจ่ ำเปน็ ในห้องเรียน เช่น
Stand up. (ยืนขึ้น)
Sit down. (นั่งลง)
Open the book. (เปิดหนังสือ)
Close the book. (ปดิ หนังสือ)
Look at the picture. (ดูภำพ)
Look at exercise 1. (ดูแบบฝกึ หัดท่ี 1)
Point to the window. (ช้ไี ปท่ีหน้ำต่ำง)
โดยครแู สดงท่ำทำงให้นกั เรียนดูเป็นตัวอย่ำง จำกนั้นครูให้นักเรยี นเล่นเกม โดยครูพดู คำสงั่ และ
ให้นกั เรียนปฏบิ ตั ิตำม เช่น Sit down. Stand up. โดยครพู ดู เร็วขน้ึ เรือ่ ย ๆ เพ่ือเพิ่มควำมสนกุ สนำน
ขน้ั Presentation Goodbye
1. ครนู ำเสนอคำทักทำยโดยเขียนคำเหล่ำน้บี นกระดำน
Hello Good morning Goodnight
จำกน้ันครชู ีไ้ ปท่ีคำว่ำ Hello และพดู วำ่ Hello พรอ้ มกับให้นกั เรยี นพดู ตำมครู โดยครูอธบิ ำยว่ำ Hello
ใช้สำหรบั ทกั ทำยทว่ั ไป ตอ่ มำครชู ีค้ ำว่ำ Good morning แล้วอ่ำนออกเสยี งใหน้ ักเรียนพูดตำม โดยครูลง
เสยี งหนัก (word stress) ในคำให้ถูกต้อง ครอู ธบิ ำยว่ำ Good morning. ใช้ทักทำยเฉพำะชว่ งเวลำเช้ำ
3
เทำ่ นนั้ หำกเป็นช่วงบ่ำยเรำจะพูดว่ำ Good afternoon. ช่วงเย็นจะพูดว่ำ Good evening. ต่อมำครู
อ่ำนออกเสยี งคำวำ่ Goodnight และ Goodbye และบอกนักเรียนว่ำ 2 คำนใี้ ช้กลำ่ วลำ เมอ่ื เรำจะเข้ำ
นอนจะพดู วำ่ Goodnight. ส่วน Goodbye. ใชก้ ล่ำวลำโดยทวั่ ไป
การลงเสียงหนัก (word stress) ในคาศัพทภ์ าษาอังกฤษ
ในภำษำอังกฤษจะมีกำรลงเสียงหนักในคำซง่ึ แตกตำ่ งจำกภำษำไทย ดงั น้นั ปัญหำที่
พบบอ่ ย คือ นักเรยี นมักจะลงเสยี งหนักทพ่ี ยำงค์สุดท้ำยของคำ ทำให้กำรสือ่ สำรไมเ่ ป็น
ธรรมชำติเทำ่ ทค่ี วร ครูจึงต้องใหค้ วำมสำคัญเร่ืองน้โี ดยใหน้ ักเรียนฝึกลงเสยี งหนกั ในคำ
เปน็ ประจำ
Hello Good morning Good afternoon
Good evening Goodnight Goodbye
2. ครนู ำเสนอประโยคถำม-ตอบท่ีใชใ้ นกำรขอและใหข้ ้อมลู เกี่ยวกบั ชื่อและอำยุ โดยครูสุ่มเรียกนกั เรียน ถำม
คำถำม What’s your name? และ How old are you? จำกน้ันครูเอำคำตอบของนักเรยี นมำเขียนบน
กระดำนโดยใช้โครงสรำ้ ง My name is … และ I’m … years old.
ตัวอยำ่ ง T: Hello. My name is Wanna. What’s your name?
S: Hello, Wanna. My name’s Keawta.
T: How old are you?
S: I’m ten years old.
จำกนัน้ ครใู หน้ ักเรียนจับคกู่ นั ผลัดกันถำม-ตอบเก่ยี วกับช่ือและอำยุ โดยแนะนำให้นักเรียนจบั มอื
ทักทำยกนั ดว้ ย
ตวั อย่ำง S1: Hello. My name is Wandee. I’m ten years old. What’s your name?
S2: Hello, Wandee. My name is Somchai. I’m nine years old.
เสร็จแลว้ ครูสมุ่ เรยี กนกั เรยี น 5-6 คู่ ออกมำพดู ถำม-ตอบที่หนำ้ ช้นั
การจบั มอื ทกั ทายของคนอังกฤษ
เมื่อแรกพบ ในขณะที่คนไทยใช้กำรไหว้ คนอังกฤษเม่ือพบกันจะใช้วธิ ีย่นื มือขวำจับกนั และ
เขย่ำเล็กน้อย (handshake) ขณะจับมือมกั จะพดู ว่ำ Nice to meet you. และอีกฝ่ำยหน่ึง
ควรจะพูดตอบเชน่ เดยี วกนั นอกจำกนี้ผ้พู ูดควรยิม้ และสบตำคสู่ นทนำเพื่อแสดงควำมจริงใจ
และควำมเป็นมิตร
ทมี่ า: http://www.oeauk.net/home/?page_id=1228
4
การเชือ่ มเสียงในประโยค (linking sound)
กำรเชอ่ื มเสียงเกิดขน้ึ เมือ่ พยำงคท์ ีต่ ำมหลังเป็นเสยี งสระ จะออกเสยี งควบตวั สะกดพยำงค์
แรกและสระทข่ี ้ึนต้นพยำงคห์ ลังดว้ ย
เชน่ My name is Suchada. I’m ten years old.
3. ครนู ำเสนอประโยคถำม-ตอบเกีย่ วกับข้อมูลส่วนตวั เชน่ หมำยเลขโทรศพั ท์ สถำนที่อยู่ และ
ควำมสำมำรถ โดยครเู ขียนประโยค What’s your phone number? Where do you live? และ
What can
you do? บนกระดำน จำกนั้นอ่ำนออกเสยี งและให้นักเรยี นพูดตำมพรอ้ มกัน เสร็จแลว้ ครสู รปุ โครงสร้ำง
ประโยคคำถำมบนกระดำน ดังนี้
ถำมหมำยเลขโทรศัพท์
A: What’s your phone number?
B: My phone number is + หมำยเลขโทรศัพท์.
ถำมท่ีอยู่
A: Where do you live?
B: I live in + เมอื งทีเ่ รำอำศัยอยู่.
ถำมควำมสำมำรถ
A: What can you do?
B: I can + ควำมสำมำรถ.
ครูใหน้ ักเรียนอำ่ นประโยคคำถำมพร้อมกนั และครเู ป็นคนตอบ 1 รอบ เช่น
Ss: What’s your phone number?
T: My phone number is 02 1115 5558.
Ss: Where do you live?
T: I live in Bangkok.
Ss: What can you do?
T: I can play the piano.
ตอ่ มำครูใหน้ ักเรยี นจับคู่กัน ผลดั กันถำม-ตอบตำมโครงสร้ำงท่คี รูเขียนไว้บนกระดำน เช่น
S1: Hello, Patchara. What’s your phone number?
S2: My phone number is 02 4445 5559.
5
S1: Where do you live?
S2: I live in Pathum Thani.
S1: What can you do?
S2: I can sing very well.
3. ครทู บทวนคำศัพทใ์ นหนังสือเรยี น หน้ำ 3 Ex. 3 โดยกำรนำบัตรภำพมำตดิ บนกระดำนหรือนำส่ิงของ
มำวำงท่ีหน้ำชน้ั จำกนนั้ ครูพูดคำศัพท์ทลี ะคำและใหน้ ักเรียนพดู ตำมครพู ร้อมกัน เช่น clock, coat,
jump
ตอ่ มำครสู อนนกั เรียนอำ่ นออกเสยี งคำศัพท์ทม่ี ีมำกกว่ำ 1 พยำงค์ ไดแ้ ก่ thirteen, fifteen, nineteen,
guitar, fifteen, sofa, doctor เสร็จแล้วครอู ำจสุม่ เรียกนักเรียนลกุ ขึ้นอำ่ นคำศพั ท์ทีละคน
ครูสำมำรถเข้ำไป download บัตรภำพ (flashcard) จำกเว็บไซต์ต่อไปน้ี
http://www.mes-english.com/flashcards.php
ขัน้ Practice
1. หนงั สอื เรียน หนา้ 2 Ex. 1 ครพู ูดบอกนักเรยี น Look at exercise 1. และอำ่ นข้อควำมในกรอบให้
นกั เรียนฟงั จำกนัน้ ใหเ้ วลำนักเรียนเตมิ ข้อมูลของตนเอง ครเู ดินสงั เกตกำรทำกจิ กรรม เสรจ็ แลว้ ครู
สมุ่ เรยี กนกั เรยี น 2-3 คน ลุกขึ้นอำ่ นขอ้ มลู ของตนเองใหเ้ พื่อนฟัง เช่น
My name is Araya and I am 10 years old. I live in Nonthaburi. My mother’s name is
Suchada
and my father’s name is Pongsatorn. My best friend’s name is Yupa. We have a lot of
fun
together! We can do a lot of things! We can sing and we can play the violin very well!
ครูอธบิ ำยประเดน็ ที่นักเรยี นส่วนใหญม่ ักจะผิดบนกระดำนอีกครั้ง เพ่ือให้นักเรยี นเข้ำใจ
2. หนังสอื เรียน หนา้ 2 Ex. 2 ครอู ่ำนคำส่งั จำกน้นั ใหน้ ักเรียนจับคคู่ ำทักทำย (a-d) ท่ีสมั พันธ์กบั ภำพ (1-4)
เสร็จแล้วครรู วบรวมคำตอบจำกนักเรยี น แลว้ ครเู ฉลยคำตอบพร้อมกัน
1 b 2 c 3d 4a
3. หนงั สือเรียน หน้า 3 Ex. 3 ครอู ่ำนคำสัง่ Let’s play. และอธบิ ำยควำมหมำยใหน้ ักเรยี นฟัง จำกน้ันครู
ช้แี จงกจิ กรรม โดยให้นกั เรียนดูภำพในตำรำง ครอู ธิบำยกำรบอกชอ่ื ภำพ โดยบอกตวั เลขของแถวก่อน
6
จำกนัน้ ตำมดว้ ยตวั อักษรชอ่ื คอลมั น์ เช่น
T: Clock!
Ss: 1A! etc.
ตอ่ มำครใู ห้นักเรยี นจับคเู่ ลน่ เกม ให้นกั เรยี นคนแรกพูดคำศัพท์ ส่วนอกี คนพดู บอกตวั เลขและตวั อักษร
ตำมตำแหน่งของภำพน้นั ให้ถูกต้อง เสร็จแล้วให้นักเรียนสลับกันถำม-ตอบ เช่น
S1: Swing!
S2: 2B! etc.
Let’s + กรยิ ำรูป base form (ช่องที่ 1). ใช้ในกำรเชิญชวนให้ทำบำงส่ิงบำงอย่ำง โดย Let’s
ยอ่ มำจำก Let us
ตัวอย่ำง Let’s go to school. (ไปโรงเรียนกันเถอะ)
Let’s play football. (เลน่ ฟุตบอลกนั เถอะ)
4. ครใู หน้ กั เรียนดภู ำพส่งิ ของในหนงั สอื เรยี น หนำ้ 3 Ex. 3 อีกครง้ั จำกนนั้ ครูแบง่ นักเรยี นเปน็ กลมุ่
เลน่ เกม I spy with my little eye! โดยครูอธิบำยควำมหมำยของ spy วำ่ เปน็ คำกรยิ ำ หมำยถงึ สอด
แนม
นอกจำกนี้ยังสำมำรถเปน็ คำนำมไดซ้ ่ึงจะแปลวำ่ สำยลับ จำกนน้ั ครูอธิบำยกตกิ ำใหน้ ักเรยี นฟังว่ำ
ให้นกั เรียนดูภำพในตำรำงและหำคำศัพท์ท่ีข้ึนดว้ ยตัวอกั ษรท่คี นทำยบอก เมื่อครูอธิบำยเสร็จแล้ว
ครสู ำธติ วธิ กี ำรเล่นเกมให้นกั เรยี นดกู อ่ นคร้ังแรก
ตัวอยำ่ ง T: I spy with my little eye something beginning with g!
Ss: Guitar!
T: That’s correct.
ครูแนะนำสำนวนภำษำเพื่อใช้ในกำรเล่นเกม เชน่ Your turn. และ My turn. เมอื่ นักเรยี นเข้ำใจแล้ว
ครูใหน้ ักเรยี นจบั คู่กันและครเู รมิ่ เกมโดยพูดวำ่ Start แลว้ ใหเ้ วลำนกั เรยี นเล่นเกม
ขั้น Production
1. อธบิ ำยภำระงำน ใหน้ ักเรยี นทำช้ินงำน All About Me โดยให้นักเรียนนำข้อมลู ของตนเองจำกหนังสือ-
เรยี น หนำ้ 2 Ex. 1 มำเขียนลงในกระดำษ A4 และติดรปู ของตนเอง พร้อมตกแต่งให้สวยงำม จำกน้นั ครู
ขออำสำสมคั รออกมำอำ่ นช้ินงำนของตนเองใหเ้ พ่ือนฟัง โดยก่อนท่นี ักเรยี นจะอ่ำน ครูให้นกั เรียนกล่ำว
คำทกั ทำยเพ่ือน ๆ ก่อน เช่น Good morning, everyone.
2. ให้นักเรยี นทำกจิ กรรมในแบบฝกึ หัด หน้า 2-3 Exs. 1-3 เป็นกำรบำ้ น
7
Ex. 1 2 My phone number is 8965306.
(ตัวอยำ่ งคำตอบ) 4 I can play the guitar.
1 My name’s Mark.
3 I’m eleven years old.
Ex. 2
1b 3a 5a
2a 4b 6b
Ex. 3
My Family: brother, sister, father, grandfather, grandmother
My Things: guitar, watch, camera, bike, radio
My Clothes: skirt, boots, trousers, gloves, jacket
My House: kitchen, bathroom, sofa, bookcase, garden
Things I Can Do!: draw, jump, cook, fish, play the drum
7. การวดั และประเมนิ ผล เครอ่ื งมอื เกณฑ์
วิธกี ารวัด แบบประเมนิ ช้นิ งำน ระดบั คุณภำพ พอใช้
ผ่ำนเกณฑ์
ประเมินช้ินงำน All About Me แบบฝกึ หดั (Workbook) ร้อยละ 60 ผำ่ นเกณฑ์
แบบประเมินคณุ ลักษณะอนั พึง ระดับคุณภำพ พอใช้
ตรวจแบบฝกึ หดั ประสงค์ ผ่ำนเกณฑ์
สังเกตพฤตกิ รรมบง่ ชดี้ ำ้ น
ใฝเ่ รยี นรู้และมงุ่ มน่ั ในกำรทำงำน
8. สื่อ/แหล่งการเรียนรู้
8.1 หนังสือเรยี น EXTRA and Friends 4 ป. 4
8.2 แบบฝึกหดั EXTRA and Friends 4 ป. 4
8.3 Class Audio CD ประกอบส่อื ฯ ชุด EXTRA and Friends 4 ป. 4
8.4 อุปกรณ์ทำชน้ิ งำน
8.5 สิง่ ของหรือบัตรภำพ
8.6 อนิ เทอร์เนต็
8
1 The Way We Look!
ชัน้ ประถมศกึ ษาปที ี่ 4 เวลาเรยี น 11 ชั่วโมง
1 มาตรฐานการเรยี นร/ู้ ตวั ชี้วดั
สาระที่ 1 ภาษาเพอ่ื การสอ่ื สาร
มาตรฐาน ต 1.1 เขา้ ใจและตีความเรอ่ื งทฟ่ี งั และอา่ นจากสอื่ ประเภทต่าง ๆ และแสดงความคดิ เหน็
อยา่ งมเี หตผุ ล
ตวั ชีว้ ดั
ต 1.1 ป.4/1 ปฏิบัตติ ามคาส่ัง คาขอรอ้ ง และคาแนะนา (instructions) งา่ ย ๆ ทฟ่ี งั หรอื อา่ น
ต 1.1 ป.4/2 อ่านออกเสียงคา สะกดคา อ่านกลมุ่ คา ประโยค ขอ้ ความงา่ ย ๆ และบทพูด
เขา้ จังหวะถูกต้องตามหลักการอ่าน
ต 1.1 ป.4/3 เลอื ก/ระบุภาพหรอื สญั ลกั ษณ์ หรอื เคร่อื งหมายตรงตามความหมายของประโยค
และข้อความสนั้ ๆ ทฟ่ี ังหรอื อ่าน
ต 1.1 ป.4/4 ตอบคาถามจากการฟังและอ่านประโยค บทสนทนา และนทิ านง่าย ๆ
มาตรฐาน ต 1.2 มีทักษะการสอื่ สารทางภาษาในการแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสาร แสดงความรู้สกึ
และความคิดเห็นอย่างมปี ระสทิ ธภิ าพ
ตัวชี้วัด
ต 1.2 ป.4/2 ใช้คาสง่ั คาขอร้อง และคาขออนญุ าตงา่ ย ๆ
ต 1.2 ป.4/3 พดู /เขียนแสดงความตอ้ งการของตนเอง และขอความชว่ ยเหลือในสถานการณ์
งา่ ย ๆ
ต 1.2 ป.4/4 พูด/เขยี นเพ่อื ขอและให้ข้อมลู เกีย่ วกบั ตนเอง เพอ่ื น และครอบครวั
มาตรฐาน ต 1.3 นาเสนอข้อมูลขา่ วสาร ความคิดรวบยอด และความคดิ เหน็ ในเรอื่ งตา่ ง ๆ
โดยการพดู และการเขยี น
ตวั ชี้วัด
ต 1.3 ป.4/1 พดู /เขียนใหข้ ้อมูลเก่ียวกับตนเองและเรือ่ งใกล้ตวั
สาระที่ 2 ภาษากับวัฒนธรรม
มาตรฐาน ต 2.1 เขา้ ใจความสมั พันธ์ระหวา่ งภาษากบั วฒั นธรรมของเจา้ ของภาษา และนาไปใชไ้ ด้
อยา่ งเหมาะสมกบั กาลเทศะ
9
ตัวชวี้ ดั
ต 2.1 ป.4/3 เข้าร่วมกิจกรรมทางภาษาและวฒั นธรรมทีเ่ หมาะกับวยั
สาระท่ี 3 ภาษากับความสัมพนั ธ์กบั กลุม่ สาระการเรยี นรอู้ ื่น
มาตรฐาน ต 3.1 ใช้ภาษาต่างประเทศในการเชอ่ื มโยงความรกู้ ับกล่มุ สาระการเรยี นรอู้ นื่ และเป็น
พ้นื ฐานในการพัฒนา แสวงหาความรู้ และเปดิ โลกทศั นข์ องตน
ตัวชว้ี ัด
ต 3.1 ป.4/1 ค้นคว้า รวบรวมคาศพั ทท์ ่ีเกย่ี วขอ้ งกับกลมุ่ สาระการเรยี นรอู้ ่นื และนาเสนอดว้ ย
การพูด/การเขยี น
สาระที่ 4 ภาษากบั ความสัมพนั ธก์ ับชมุ ชนและโลก
มาตรฐาน ต 4.1 ใชภ้ าษาตา่ งประเทศในสถานการณต์ า่ ง ๆ ทัง้ ในสถานศกึ ษา ชุมชน และสงั คม
ตัวชี้วัด
ต 4.1 ป.4/1 ฟังและพดู /อ่านในสถานการณ์ท่ีเกดิ ขน้ึ ในห้องเรียนและสถานศึกษา
มาตรฐาน ต 4.2 ใชภ้ าษาตา่ งประเทศเป็นเครอื่ งมือพืน้ ฐานในการศึกษาตอ่ การประกอบอาชีพ
และการแลกเปลี่ยนเรียนรกู้ บั สงั คมโลก
ตัวชี้วัด
ต 4.2 ป.4/1 ใช้ภาษาต่างประเทศในการสบื คน้ และรวบรวมขอ้ มูลต่าง ๆ
2 สาระสาคญั /ความคิดรวบยอด
รูแ้ ละเขา้ ใจเร่ืองท่ไี ดศ้ กึ ษา คาศพั ท์สานวนและโครงสรา้ งภาษา หลักวธิ กี ารเขียน ช่วยใหส้ นทนา เขยี น
โตต้ อบ พดู /เขยี นสอ่ื สารเก่ยี วกบั ลักษณะภายนอก และสถานการณท์ ี่กาหนดได้อยา่ งถูกต้องและเหมาะสม
3 สาระการเรยี นรู้
3.1 ทกั ษะเฉพาะวิชา
1) Language Features and Functions
Vocabulary: (body) body, face, teeth, hair, mouth, ears, nose, eyes, neck, head,
legs, feet, arms, toes, hands, fingers, shoulders, knees; (animals)
sheep, fish, mice, duck, horse, cat, spider, octopus, frog, elephant,
dog, parrot, hippo, monkey, lion; (colour) grey; (nouns) children,
men, women, character, mistake, meat, heat, team, film, space,
heroes, Muay Thai boxer, actor; (verbs) wear, read; (adjectives)
happy, sad, silly, strange, weak, famous, successful, international,
10
popular
Structure: He hasn’t got any hair!
Has he got green eyes? No, he hasn’t. He’s got blue eyes!
What colour are the monster’s heads?
It’s Franky, the monster! He’s got a very big head and three big
green eyes. What does Alice look like?
How many legs does a cat have?
Pronunciation: ลงเสยี งหนักในคา, ออกเสยี งคาที่ลงทา้ ยด้วย th, ออกเสียง
คาที่ลงทา้ ยด้วย s และ es, ออกเสยี งคาทีส่ ะกดดว้ ย long e
Function: บอกสว่ นต่าง ๆ ของใบหน้า, ขอและใหข้ อ้ มูลเก่ยี วกับสว่ นต่าง ๆ
ของใบหนา้ , ขอและใหข้ ้อมลู เกย่ี วกับสว่ นต่าง ๆ ของรา่ งกาย, ขอและ
ใหข้ อ้ มูลเกี่ยวกบั ลกั ษณะภายนอก, ขอและใหข้ ้อมลู เกี่ยวกับลกั ษณะ
ภายนอกและส,ี แสดงบทบาทตามทก่ี าหนด, ใหข้ อ้ มลู เก่ียวกบั
ลกั ษณะภายนอก, แนะนาตวั ละครท่ชี นื่ ชอบ, ให้ขอ้ มูลเกี่ยวกับบคุ คล
ที่ชน่ื ชอบในประเทศของตนเอง, บอกจานวนขาของสัตวต์ า่ ง ๆ
2)Language Skills
Reading: ตอบคาถามจากการอ่าน, อ่านเพื่อความเขา้ ใจ
Listening: ตอบคาถามจากการฟัง, ฟงั เพอ่ื ความเขา้ ใจ
Speaking: พูดบอกสว่ นตา่ ง ๆ ของใบหน้า, พูดขอและให้ข้อมลู เกี่ยวกบั
สว่ นตา่ ง ๆ ของรา่ งกาย, พดู ขอและให้ขอ้ มลู เกย่ี วกับลักษณะภายนอก
และสี, พูดขอและใหข้ ้อมูลเกยี่ วกบั ลกั ษณะภายนอก, พดู ให้ข้อมูล เก่ียวกบั ตัว
ละครในภาพยนตร์, พดู ให้ขอ้ มลู เกย่ี วกับบคุ คลที่ชน่ื ชอบในประเทศของตนเอง, ขอ
และให้ข้อมูลจานวนขาของสัตว์ตา่ ง ๆ
Writing: เขียนบรรยายใบหน้าของสมาชกิ ในครอบครัว, เขียนบรรยายสตั ว์
ประหลาดของตนเอง, เขียนบรรยายสนั้ ๆ เกี่ยวกบั
บุคคลทีม่ ีช่อื เสยี งในประเทศของตนเอง
3) Culture: ลักษณะของคนแต่ละเชื้อชาติ, สิง่ ท่ีควรและไม่ควรปฏิบัติในประเทศ
ไทยท่ีเกย่ี วขอ้ งกบั อวยั วะในร่างกาย, บคุ คลทมี่ ชี อื่ เสียงใน
ภมู ิภาคอาเซยี น
11
4 สมรรถนะสาคัญของผู้เรียน
4.1 ความสามารถในการส่ือสาร
4.2 ความสามารถในการคดิ
- ทกั ษะการคดิ ท่ใี ช้ในการสอ่ื สาร
- ทกั ษะการจดั กลมุ่
4.3 ความสามารถในการใช้ทกั ษะชวี ิต
4.4 ความสามารถในการใชเ้ ทคโนโลยี
5 คุณลักษณะอันพึงประสงค์
5.1 ใฝ่เรียนรู้
5.2 มงุ่ มน่ั ในการทางาน
6 ชน้ิ งาน/ภาระงาน (รวบยอด)
1. ช้ินงาน All About Me
2. ช้ินงาน The Face
3. ช้นิ งานแผน่ ปา้ ยกฎระเบียบในชน้ั เรยี น
4. การพดู ถาม-ตอบเกย่ี วกบั สตั ว์ประหลาด
5. ชิ้นงานโปสเตอรค์ าศพั ทเ์ ก่ยี วกับสว่ นตา่ ง ๆ ในรา่ งกาย
6. การพูดถาม-ตอบเก่ียวกบั จานวนของสิ่งต่าง ๆ
7. ช้นิ งานบตั รภาพคานามพหพู จน์
8. การแสดงบทบาทสมมติ
9. งานเขียนบรรยายเกย่ี วกบั สัตวป์ ระหลาดของตนเอง
10. ชิ้นงานคาศพั ท์ท่สี ะกดดว้ ยสระ long e
11. งานเขียนบรรยายตวั ละครท่ีชนื่ ชอบ
12. การพูดแนะนาตวั ละครทชี่ ่นื ชอบ
13. การพดู นาเสนอเกี่ยวกับนกั รอ้ งที่มีชอื่ เสยี งในประเทศของตนเอง
14. การพดู สนทนาเกย่ี วกับจานวนของสัตวแ์ ตล่ ะชนิด
12
7 การวดั และประเมนิ ผล
7.1 การประเมินระหวา่ งการจัดกิจกรรมการเรียนรู้
- ทาแบบฝึกหดั ในหนงั สอื เรียน หน้า 4-15
- ทาแบบฝกึ หัดใน Workbook หน้า 4-13
7.2 การประเมินชิน้ งาน/ภาระงาน (รวบยอด)
- ประเมนิ ช้ินงานในข้อ 6
8 สือ่ /แหลง่ การเรียนรู้
8.1 หนงั สือเรยี น EXTRA and Friends 4 ป. 4
8.2 แบบฝึกหดั EXTRA and Friends 4 ป. 4
8.3 Class Audio CD ประกอบสื่อฯ ชุด EXTRA and Friends 4 ป. 4
8.4 อปุ กรณ์การทาช้นิ งาน
8.5 บตั รภาพ/คาศพั ท์
8.6 ภาพบคุ คลทีม่ ีชือ่ เสยี ง
8.7 บัตรภาพตวั ละครตา่ ง ๆ
8.8 บัตรภาพ Story Cutouts
8.9 อนิ เทอรเ์ น็ต
13
แผนการจัดการเรียนรทู้ ี่ 1 He hasn’t got any hair!
เวลา 1 ชัว่ โมง
จุดประสงค์ (Objectives)
- อา่ นออกเสียง สะกดคา และบอกความหมายของคาศพั ท์และประโยคเก่ียวกับส่วนต่าง ๆ
ของใบหนา้ ได้
- พดู ขอและให้ขอ้ มลู เกย่ี วกบั สว่ นต่าง ๆ ของใบหน้าได้
- ปฏบิ ตั ิตามคาสงั่ และเล่นเกมทางภาษาได้
- พดู ขออนุญาตหรอื บอกความตอ้ งการได้
- เขยี นบรรยายใบหน้าของสมาชกิ ในครอบครวั ได้
1. สาระ มาตรฐานการเรียนรู้/ตัวชีว้ ดั
สาระที่ 1 ภาษาเพือ่ การสือ่ สาร
มาตรฐาน ต 1.1 เขา้ ใจและตีความเรื่องทฟ่ี งั และอ่านจากสอ่ื ประเภทต่าง ๆ และแสดงความคดิ เหน็
อย่างมเี หตุผล
ตวั ชว้ี ดั
ต 1.1 ป.4/1 ปฏิบัติตามคาส่งั คาขอรอ้ ง และคาแนะนา (instructions) งา่ ย ๆ ทฟี่ ังหรอื อ่าน
ต 1.1 ป.4/2 อ่านออกเสยี งคา สะกดคา อา่ นกลุม่ คา ประโยค ข้อความงา่ ย ๆ และบทพดู
เข้าจังหวะถูกต้องตามหลักการอา่ น
ต 1.1 ป.4/3 เลือก/ระบุภาพหรือสัญลกั ษณ์ หรือเครอ่ื งหมายตรงตามความหมายของประโยค
และขอ้ ความส้ัน ๆ ทฟี่ งั หรอื อ่าน
มาตรฐาน ต 1.2 มีทักษะการสอ่ื สารทางภาษาในการแลกเปลีย่ นข้อมลู ขา่ วสาร แสดงความรูส้ ึก
และความคดิ เห็นอย่างมปี ระสทิ ธภิ าพ
ตวั ชี้วดั
ต 1.2 ป.4/2 ใช้คาสั่ง คาขอร้อง และคาขออนญุ าตง่าย ๆ
ต 1.2 ป.4/3 พดู /เขียนแสดงความต้องการของตนเอง และขอความช่วยเหลือในสถานการณ์งา่ ย ๆ
ต 1.2 ป.4/4 พดู /เขียนเพอ่ื ขอและให้ข้อมลู เกย่ี วกับตนเอง เพือ่ น และครอบครวั
มาตรฐาน ต 1.3 นาเสนอข้อมูลข่าวสาร ความคดิ รวบยอด และความคิดเห็นในเร่อื งตา่ ง ๆ
โดยการพดู และการเขียน
ตัวชว้ี ดั
ต 1.3 ป.4/1 พูด/เขยี นให้ข้อมลู เกยี่ วกับตนเองและเร่อื งใกลต้ ัว
14
สาระท่ี 2 ภาษากบั วัฒนธรรม
มาตรฐาน ต 2.1 เข้าใจความสัมพันธ์ระหวา่ งภาษากับวัฒนธรรมของเจ้าของภาษา และนาไปใชไ้ ด้
อยา่ งเหมาะสมกับกาลเทศะ
ตัวชวี้ ัด
ต 2.1 ป.4/3 เข้ารว่ มกจิ กรรมทางภาษาและวัฒนธรรมท่เี หมาะกบั วัย
สาระที่ 4 ภาษากับความสมั พันธ์กบั ชุมชนและโลก
มาตรฐาน ต 4.1 ใช้ภาษาต่างประเทศในสถานการณต์ า่ ง ๆ ทัง้ ในสถานศกึ ษา ชมุ ชน และสงั คม
ตัวชวี้ ดั
ต 4.1 ป.4/1 ฟังและพดู /อ่านในสถานการณ์ที่เกดิ ข้ึนในหอ้ งเรียนและสถานศกึ ษา
2. สาระสาคัญ/ความคิดรวบยอด
การรคู้ วามหมายของคาศัพท์เก่ยี วกับส่วนตา่ ง ๆ ของใบหน้า โครงสร้างประโยค ชว่ ยใหพ้ ูด/เขียนเกยี่ วกบั
ตนเองและเรอื่ งใกลต้ ัวไดอ้ ยา่ งถูกตอ้ งและเหมาะสม
3. สาระการเรยี นรู้
3.1 ทักษะเฉพาะวชิ า
1) Language Features and Functions
Structure: He hasn’t got any hair!
Vocabulary: face, teeth, hair, mouth, ears, nose, eyes, happy, sad
Pronunciation: ออกเสยี งคาที่ลงทา้ ยด้วย th
Function: พูดบอกสว่ นตา่ ง ๆ ของใบหนา้
2) Language Skills
Speaking: พูดบอกส่วนตา่ ง ๆ ของใบหนา้
พดู ขออนุญาตหรอื บอกความตอ้ งการ
Writing: เขียนบรรยายใบหนา้ ของสมาชกิ ในครอบครัว
4. สมรรถนะสาคญั ของผูเ้ รยี น
4.1 ความสามารถในการสอ่ื สาร
- ทักษะการคดิ ที่ใชใ้ นการสอื่ สาร
4.2 ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี
4.3 ความสามารถในการใชท้ กั ษะชวี ิต
15
5. คณุ ลักษณะอนั พงึ ประสงค์ 5.2 มุง่ มน่ั ในการทางาน
5.1 ใฝ่เรยี นรู้
6. กิจกรรมการเรยี นรู้
ข้ัน Warm Up
1. ครกู ล่าวทักทายนกั เรยี น Good morning, everyone. จากนน้ั ครทู บทวนประโยคที่ใชใ้ นการทักทาย
โดยเขียนประโยคตอ่ ไปน้ีบนกระดาน
Good morning. Good afternoon. Good evening.
ให้นกั เรียนพดู ตามครพู รอ้ มกนั หรอื เป็นรายบุคคล แลว้ ถามวา่ ประโยคดงั กลา่ วใชใ้ นสถานการณ์ใดบา้ ง
2. ครูเตรียมบตั รคาศพั ทท์ ่ีเรียนในบททแ่ี ลว้ มา 8-10 คา จากนน้ั แบ่งนกั เรียนออกเป็น 2 กลุม่ เพือ่ เลน่ เกม
ใบ้คา โดยมกี ตกิ า ดงั นี้
1) แตล่ ะกลุ่มส่งตวั แทนออกมาหนา้ ชน้ั
2) ใหต้ วั แทนแตล่ ะกลมุ่ ดบู ตั รคา และแสดงท่าทางใบ้คาใหก้ ลุม่ ตนเองตอบ กล่มุ ทต่ี อบถูกตอ้ ง
จะได้ 1 คะแนน กลุ่มทไ่ี ด้คะแนนมากทีส่ ดุ เป็นกลุ่มชนะ
ตัวอย่างคาศพั ท์: clock, watch, armchair, skirt, coat, jacket, cook, draw, fish, numbers etc.
3. ทบทวนคาศัพท์เกีย่ วกับสีตา่ ง ๆ โดยหยิบสง่ิ ของในช้ันเรียนทม่ี สี ตี ่าง ๆ มาแสดง และให้นักเรียน
พดู ตอบปากเปล่าว่าเปน็ สใี ด พรอ้ มกบั สะกดคาศัพทใ์ หถ้ กู ตอ้ ง
4. ทบทวนคาศัพท์เก่ียวกับจานวน โดยครเู ลือกนักเรียนออกมาทหี่ นา้ ช้ัน 5-6 คน เมื่อครบู อก จานวนเปน็
ภาษาไทย ใหน้ กั เรียนบอกคาอา่ นภาษาอังกฤษพรอ้ มทัง้ สะกดคาดว้ ย
ตัวอยา่ ง T: 20!
S: Twenty! T-W-E-N-T-Y!
5. ครูบอกกฎกตกิ าตา่ ง ๆ ท่ีใช้ในหอ้ งเรียน โดยเขียนประโยคต่อไปนี้บนกระดาน แล้วใหน้ ักเรียนชว่ ยกนั
เดาความหมาย
Listen to the teacher. (เชอื่ ฟังครู)
Do not eat in the class. (ไมร่ ับประทานอาหารในหอ้ งเรียน)
Do not run in the class. (ไมว่ ิง่ ในหอ้ งเรยี น)
Do not talk while the teacher is teaching. (ไมค่ ยุ ในขณะทค่ี รูกาลังสอน)
Do not play while the teacher is teaching. (ไมเ่ ล่นในขณะท่คี รกู าลังสอน)
6. ครสู อนประโยคทใี่ ชใ้ นหอ้ งเรยี น ไดแ้ ก่
การขออนุญาต May I go to the toilet, please?
May I come in, please?
16
Can I ask you a question?
การขอความชว่ ยเหลือ Can you help me?
ข้ัน Presentation
1. ครนู าเสนอคาศัพทเ์ กย่ี วกบั ส่วนต่าง ๆ ของใบหน้า เช่น face (ใบหนา้ ), teeth (ฟนั ), hair (ผม),
mouth (ปาก), lips (รมิ ฝปี าก), eyebrow (ค้วิ ) และ eyelash (ขนตา) โดยครูชีท้ ใ่ี บหนา้ ของตนเอง
แล้วพูดวา่ face จากนัน้ ช้ไี ปทีฟ่ นั แลว้ พดู วา่ teeth ครูทากจิ กรรมเช่นน้ไี ปเรอื่ ย ๆ จนครบทกุ คา จากน้ัน
ครูเขียนคาศพั ทบ์ นกระดาน ครูชคี้ าศพั ท์ทีละคาให้นักเรียนออกเสยี งตามครู พร้อมกับชห้ี รือจับที่อวยั วะ
สว่ นตา่ ง ๆ บนใบหน้าของตนเองดว้ ย
ตอ่ มาครชู ้ที ่คี าว่า teeth อีกครงั้ แล้วอธบิ ายการออกเสยี งคาที่ลงทา้ ยดว้ ย th ให้นักเรียนฟงั
การออกเสยี งคาทล่ี งท้ายด้วย th
ครคู วรฝึกใหน้ ักเรียนออกเสียงคาท่ีลงทา้ ยดว้ ย th หรอื เสยี ง /θ/ ให้ชัดเจน เพราะเป็นเสียง
ที่ไม่มใี นภาษาไทย และนกั เรียนมกั จะอา่ นผิดเปน็ ตวั สะกด แมก่ ด ซ่งึ อาจทาให้ความหมาย
ของคาผดิ เพี้ยนไป
การออกเสยี ง /θ/ ทาได้โดยการนาลน้ิ มาอยรู่ ะหวา่ งปลายฟนั หนา้ บนและลา่ ง และให้ลม
จากลาคอลอดผา่ นไรฟันออกมาพรอ้ มกบั ดงึ ปลายลนิ้ เขา้
ตัวอย่างคาศพั ท์
teeth breath bath mouth
path earth with both
ครอู าจเปิดคลิปวดิ ีโอใหน้ ักเรยี นฝึกการออกเสียง /θ/ เพ่มิ เตมิ ท่ี
https://www.youtube.com/watch?v=7ivTDJIxRW0
หรอื ใหน้ กั เรยี นไปฝึกด้วยตนเอง โดยครบู อกคาสาคญั ในการคน้ หา เช่น th pronunciation
หรอื ชอ่ื คลปิ Pronunciation - TH - through, weather, lethal, breath, breathe
ใหน้ ักเรยี นเข้าไปเปิดดูดว้ ยตนเองท่ี www.youtube.com
2. ครนู าเสนอการใช้ have got/has got โดยเขียนประโยคต่อไปนี้บนกระดาน
She has got brown eyes.
I have got brown eyes.
They have got brown eyes.
17
เสร็จแล้วครูอธบิ ายวา่ has got ใชก้ ับคานามเอกพจน์ ยกเว้น I และ You แต่ have got จะใช้กับคานาม
พหพู จน์รวมท้ัง I และ You ครใู หน้ กั เรียนชว่ ยกนั ยกตัวอยา่ งคานามเอกพจน์และพหพู จนเ์ พื่อตรวจสอบ
ความเข้าใจของนกั เรียน ต่อมาครูเขยี นประโยคที่ใชร้ ูปยอ่ ของ have got ตอ่ จากตวั อยา่ งประโยค
บนกระดาน ดังน้ี
She has got brown eyes. She’s got brown eyes.
I have got brown eyes. I’ve got brown eyes.
They have got brown eyes. They’ve got brown eyes.
ครอู ธบิ ายวา่ She’s เป็นรูปย่อของ She has และ I’ve เป็นรูปยอ่ ของ I have โดยครูอาจใหน้ ักเรยี น
ไปศกึ ษาเพิ่มเติมในหนงั สือเรยี น หน้า 82 หวั ข้อ Grammar Handbook
ต่อมาครูเขยี นตวั อย่างประโยคปฏเิ สธบนกระดาน
She has not got brown eyes.
I have not got brown eyes.
They have not got brown eyes.
ครูใหน้ กั เรยี นช่วยกันบอกโครงสรา้ งของประโยคปฏเิ สธ เสรจ็ แล้วครเู ขยี นรปู ยอ่ ปฏเิ สธตอ่ จาก
ตวั อย่างประโยคบนกระดาน ดงั น้ี
She has not got brown eyes. She hasn’t got brown eyes.
I have not got brown eyes. I haven’t got brown eyes.
They have not got brown eyes. They haven’t got brown eyes.
เสรจ็ แล้วครใู หน้ ักเรยี นชว่ ยกนั บอกโครงสรา้ งของประโยคบอกเลา่ และปฏิเสธอกี ครั้ง ครูเขยี น
ใหน้ กั เรยี นดูบนกระดาน
ประโยคบอกเลา่ : He/She/It + has got _______.
I/You/We/They + have got + _______.
ประโยคปฏิเสธ: He/She/It + hasn’t got (any) + ________.
I/You/We/They + haven’t got + _______.
3. ครนู าเสนอคาคุณศพั ท์บอกขนาด ไดแ้ ก่ big (ใหญ)่ , small (เล็ก) โดยวาดภาพปากบนกระดาน 3 ขนาด
ดังนี้
a mouth a big mouth a small mouth
18
จากน้นั ครูชที้ ีภ่ าพแรกแลว้ พดู ว่า Look at the first picture. แลว้ อา่ นประโยค I have got a mouth.
ให้นักเรียนฟงั ครทู ากจิ กรรมเชน่ เดยี วกันน้กี บั ภาพอน่ื ด้วย ครูสมุ่ เรยี กนักเรียนพูดบอกขนาดของอวยั วะ
บนใบหน้าของตนเอง เช่นเดยี วกบั ประโยคบนกระดาน เชน่
I have got a nose . I have got a big nose.
I have got a small nose.
4. ครนู าเสนอคาคุณศพั ทบ์ ง่ บอกความรู้สกึ ไดแ้ ก่ happy (มคี วามสขุ ), sad (เศร้า), angry (โกรธ),
hungry (หิว), tired (เหนอื่ ย) โดยการแสดงสีหนา้ และทา่ ทางประกอบ จากน้นั ครูอธบิ ายวา่ เราจะ
วางคาคณุ ศัพท์ไว้ได้ 2 ท่ี คอื วางไวห้ ลัง verb to be และหนา้ คานาม โดยครูเขียนสรปุ โครงสร้าง
บนกระดาน ดงั นี้
verb to be + คาคณุ ศพั ท์
คาคุณศพั ท์ + คานาม
ต่อมาครูเขียนตัวอย่างบนกระดาน เช่น
She is beautiful. She is a beautiful girl.
5. ครูนาเสนอคาคุณศพั ท์ทนี่ ักเรยี นควรรจู้ ัก ไดแ้ ก่ long (ยาว) และ short (สั้น) โดยเขียนประโยคตอ่ ไปน้ี
บนกระดาน
I have got long black hair. I have got short brown hair.
ครูอธิบายวา่ ในกรณีทมี่ คี าคุณศพั ท์ 2 ตัวข้ึนไป เราจะวางคาคุณศพั ทเ์ กี่ยวกบั สี (colour) ไวต้ ดิ กบั
คานามกอ่ น แล้วจงึ วางคาคณุ ศพั ท์เกี่ยวกบั ขนาด (size) ไว้ขา้ งหนา้ อีกที
ข้ัน Practice
1. หนงั สอื เรียน หน้า 4 Ex. 1 ครใู ห้นกั เรยี นอา่ นประโยคคาสัง่ และครอู ธบิ ายภาระงานให้นกั เรียนฟัง
จากน้นั ครูเปดิ CD ให้นกั เรียนฟงั 1-2 รอบ รอบแรกใหน้ กั เรียนฟงั และชี้ภาพตาม รอบที่ 2 ใหฟ้ ัง
ชภ้ี าพ และออกเสียงตาม CD ดว้ ย
ตอ่ มาครเู ปดิ CD อีกคร้งั และหยดุ CD หลงั จบคาศัพทแ์ ตล่ ะคา และสุ่มเรียกนักเรียนออกเสียงตาม
เป็นรายบุคคล แลว้ จงึ ให้เวลานักเรียนจับคภู่ าพ 1-6 กบั คาศพั ท์ a-f ครูใหน้ กั เรียนอ่านออกเสยี งคาศัพท์
a-f อกี ครัง้ โดยเน้นให้นักเรียนออกเสียง /θ/ และเสยี ง /s/, /z/ ทา้ ยคาใหถ้ กู ต้อง เสร็จแลว้ ครรู วบรวม
คาตอบจากนักเรียนและเฉลยคาตอบพรอ้ มกัน
teeth hair mouth ears nose eyes happy sad
19
1 d - ears 3 f - eyes 5 c - mouth
2 b - hair 4 a - teeth 6 e – nose
การออกเสยี งคาทีล่ งท้ายด้วย s และ es
คาที่ลงท้ายดว้ ย s สามารถออกเสียงไดห้ ลายแบบทั้ง /s/, /z/ และ /Iz/ ซ่งึ นกั เรยี นจะต้องจดจา
ใหด้ ี เพือ่ ที่จะได้ส่อื สารได้อยา่ งถูกตอ้ ง
ตวั อยา่ งคาศพั ท์
/s/ /z/ /Iz/
face ears dresses
kiss eyes watches
weeks nose dishes
ครูอาจเปิดคลิปวดิ ีโอใหน้ กั เรยี นฝกึ การออกเสยี งคาท่ีลงทา้ ยด้วย s เพิม่ เตมิ ที่
https://www.youtube.com/watch?v=cWNW3-4Wpao
หรือให้นักเรียนไปฝึกด้วยตนเอง โดยครบู อกคาสาคัญในการคน้ หา เช่น s endings หรือ
ชอ่ื คลปิ 3 Sounds of the Plural “s” in English: [s], [z] or [ɪz] ใหน้ ักเรยี นเขา้ ไปเปิดดูด้วย
ตนเองที่ www.youtube.com
2. หนงั สอื เรยี น หน้า 4 Ex. 2 ครพู ดู กบั นักเรียนวา่ Look at the picture number 1. Has he got any
hair?
เมอื่ นกั เรียนตอบวา่ No, he hasn’t. แลว้ ครทู ากจิ กรรมเช่นเดยี วกันน้กี บั ข้ออ่ืน ๆ ด้วย
2 He hasn’t got any eyes! 3 He hasn’t got any ears!
4 He hasn’t got any teeth!
จากน้นั ครวู าดภาพหวั สตั วป์ ระหลาดที่ไมม่ ีผม 1 ภาพ ไมม่ จี มกู 1 ภาพ แลว้ ส่มุ เรียกนักเรียน 2-3 คน
ลกุ ขน้ึ ยืนพดู บรรยายภาพทีค่ รูช้ี
3. ครวู าดภาพหรือนาบตั รภาพสัตวป์ ระหลาดมาตดิ บนกระดาน (ครูเตรยี มไว้ 2-3 ภาพ) ซงึ่ สตั ว์ประหลาด
เหลา่ นี้มีลกั ษณะ เชน่ ผมยาวถึงพน้ื ตาโต ปากเล็ก จากนน้ั ครใู ห้นกั เรียนดูภาพสตั วป์ ระหลาดและ
20
พดู บรรยายโดยใช้โครงสรา้ ง has got เชน่
He has got blue hair. He has got big eyes.
4. ครูบอกว่า จะใหเ้ ลน่ เกม Teacher says โดยครูอธบิ ายกติกาวา่ เมือ่ ครพู ูดบอกคาศพั ทเ์ กีย่ วกบั ใบหน้าคาใด
ให้เอามือไปจบั ทอ่ี วยั วะนนั้ ๆ เชน่ Teacher says, “Touch your nose.” เมอ่ื นักเรยี นเขา้ ใจกตกิ าแล้ว
ให้ทากจิ กรรม โดยเปลีย่ นคาศัพท์ไปเรอ่ื ย ๆ และเพ่ิมความเร็ว ให้นักเรียนผลดั กันเป็นผ้อู อกคาสั่งบา้ ง
5. ครวู าดภาพโครงหนา้ ที่ยงั ไมม่ อี วัยวะใด ๆ บนกระดาน
จากน้นั ครถู ามว่า ในการขออนญุ าต ภาษาองั กฤษใชโ้ ครงสรา้ งวา่ อย่างไร แล้วครูบอกวา่ ใหน้ กั เรยี น
ออกมาวาดสว่ นต่าง ๆ บนใบหนา้ โดยให้นักเรยี นพูดขออนญุ าตครกู ่อน เชน่
May I draw eyes? May I draw a mouth?
6. ครชู ท้ี ีต่ วั เองและพดู วา่ I’m an adult. จากน้ันชที้ ี่นักเรียนและพูดว่า You’re children. จากน้ันครูถาม
ความหมายของคาวา่ adult และ children เชน่ What does the word ‘adult’ mean in Thai?
ตอ่ มาครูเขยี น
ประโยคตอ่ ไปนี้บนกระดาน
I have got 32 teeth. They are adult teeth.
My son has got 20 teeth. They are milk teeth.
My grandma hasn’t got any teeth. She has got false teeth.
ครูถามนกั เรยี นว่า ในบา้ นของนักเรยี นมีผ้สู ูงอายหุ รอื ไม่ นักเรียนสังเกตเหน็ หรือไมว่ ่าผู้สูงอายุเหลา่ นี้
สามารถรับประทานอาหารทกุ อยา่ งได้ไม่เหมือนกบั นักเรยี น จากนน้ั ครูชี้ใหน้ ักเรียนเห็นวา่ ผู้สูงอายุ
หลายคนไมม่ ีฟันแทแ้ ล้ว ตอ้ งใสฟ่ ันปลอม ถงึ แม้จะใสฟ่ นั ปลอม กย็ งั ไม่สามารถรบั ประทานอาหาร
บางชนดิ ได้ เช่น อาหารทีม่ ีลกั ษณะแข็งหรอื เหนียวที่ทาใหเ้ ค้ียวยาก ดงั นน้ั ในตอนที่นกั เรยี นยงั มีฟนั อยู่
นักเรียนจงึ ควรรกั ษาฟนั ของนกั เรยี นไว้ใหด้ ี เสร็จแลว้ ครูให้นักเรียนช่วยกนั บอกวิธีดแู ลรกั ษาฟันของ
ตนเอง เช่น แปรงฟนั อยา่ งนอ้ ยวนั ละ 2 ครง้ั ไมก่ นิ ลูกอมหรอื ขนมหวานบอ่ ย ๆ
21
ฟันน้านม (milk teeth) จะงอกเมอื่ อายุ 6 เดอื น และจะหลดุ ออกท้งั หมดตัง้ แตอ่ ายุประมาณ
2 ปคี รงึ่ ถงึ 12 ปี มที ้ังหมด 20 ซี่ ฟนั นา้ นมชว่ ยกนั ทใ่ี ห้ฟันแท้สามารถงอกขึ้นมาได้
ฟันแท้ (adult teeth) เป็นฟันทจี่ ะอยู่กบั เราไปตลอดชวี ิต มคี วามแขง็ แรงกวา่ ฟนั น้านม
มที ัง้ หมด 32 ซี่
ฟันทัง้ สองชดุ นี้ตา่ งก็มคี วามสาคญั เพราะใชใ้ นการกัด ตดั บดเคยี้ วอาหารให้ละเอยี ด และชว่ ย
ทาใหเ้ ราออกเสยี งชดั เจน ดังนัน้ เราจึงต้องหม่นั รักษาความสะอาดในช่องปากเพื่อป้องกันฟันผุ
ทมี่ า: http://www.colgate.co.th/th/th/oc/oral-health/basics/mouth-and-teeth-
anatomy/article/how-many-teeth-do-we-have-0113
ข้ัน Production
1. ครอู ธบิ ายวา่ ใหน้ ักเรียนทาช้ินงาน The Face โดยให้นักเรยี นสงั เกตลกั ษณะใบหน้าของสมาชกิ ใน
ครอบครวั ของตนเอง เชน่ มตี าขนาดเลก็ /ใหญ่ จากนั้นใหน้ ักเรียนแตง่ ประโยคบรรยายใบหน้าของ
สมาชกิ ในครอบครวั ของตนเอง 1 คน โดยใชโ้ ครงสรา้ ง He/She has got/hasn’t got … เสรจ็ แล้วครูให้
นักเรยี นออกมาพดู นาเสนอที่หน้าชัน้ พร้อมทั้งแสดงภาพวาดประกอบ เช่น He/She has got big eyes.
2. ครแู บง่ นักเรยี นเป็นกลุ่ม ใหน้ กั เรียนทาแผ่นป้ายประโยคขออนุญาตเพ่ือทาสง่ิ ต่าง ๆ ในชัน้ เรยี น กลมุ่ ละ
5 ขอ้ ครูให้นักเรียนชว่ ยกนั คดิ ว่า ทาไมเราจึงควรขออนุญาตทาส่ิงต่าง ๆ เพือ่ ใหน้ ักเรียนตระหนกั ถึง
มารยาททคี่ วรปฏิบัติ
3. ใหน้ กั เรียนทากจิ กรรมในแบบฝกึ หดั หนา้ 4 Exs. 1-2 เปน็ การบา้ น
Ex. 1 2 nose 3 mouth 4 hair 5 eyes 6 teeth
1 ears
Ex. 2 3a 4e 5d
2b
22
7. การวดั และประเมนิ ผล
วิธกี ารวดั เครือ่ งมือ เกณฑ์
ระดับคณุ ภาพ พอใช้
สงั เกตการออกเสียงคาศพั ทเ์ กย่ี วกบั ส่วน แบบสงั เกตพฤตกิ รรมการ ผ่านเกณฑ์
ระดับคณุ ภาพ พอใช้
ตา่ ง ๆ ของใบหนา้ เรียนรู้ ผ่านเกณฑ์
ระดับคณุ ภาพ พอใช้
ประเมนิ การพูดและใหข้ อ้ มูลเก่ียวกบั แบบประเมินการพูด ผ่านเกณฑ์
ระดบั คณุ ภาพ พอใช้
สว่ นต่าง ๆ ของใบหนา้ ผ่านเกณฑ์
ระดบั คุณภาพ พอใช้
สงั เกตการปฏบิ ัติตามคาสงั่ และเลน่ เกม แบบสังเกตพฤตกิ รรมการ ผ่านเกณฑ์
รอ้ ยละ 60 ผา่ นเกณฑ์
ทางภาษา เรยี นรู้ ระดบั คณุ ภาพ พอใช้
ผา่ นเกณฑ์
ประเมนิ ช้ินงาน The Face เขียน แบบประเมนิ ชนิ้ งาน
บรรยายใบหนา้ ของสมาชกิ ในครอบครวั
ประเมินชน้ิ งานแผ่นปา้ ยประโยค แบบประเมนิ ชน้ิ งาน
ขออนุญาต
ตรวจแบบฝกึ หดั แบบฝึกหัด (Workbook)
สังเกตพฤตกิ รรมบง่ ชีด้ า้ นใฝเ่ รยี นรแู้ ละ แบบประเมนิ คุณลักษณะ
มงุ่ ม่ันในการทางาน อันพงึ ประสงค์
8. สื่อ/แหล่งการเรียนรู้
8.1 หนงั สอื เรยี น EXTRA and Friends 4 ป. 4
8.2 แบบฝึกหดั EXTRA and Friends 4 ป. 4
8.3 Class Audio CD ประกอบส่ือฯ ชุด EXTRA and Friends 4 ป. 4
8.4 อปุ กรณท์ าช้นิ งาน
8.5 บตั รภาพ/คาศพั ท์
8.6 อนิ เทอรเ์ นต็
23
แผนการจัดการเรยี นรทู้ ี่ 2 Has he got green eyes?
เวลา 1 ช่วั โมง
จุดประสงค์ (Objectives)
- ปฏิบัตติ ามคาสั่งและเล่นเกมทางภาษาได้
- พูดขอและให้ข้อมูลเกยี่ วกับสว่ นตา่ ง ๆ ของใบหน้าได้
- ระบุภาพจากเร่ืองทฟี่ ังได้
1. สาระ มาตรฐานการเรียนร/ู้ ตวั ช้ีวดั
สาระที่ 1 ภาษาเพ่อื การสือ่ สาร
มาตรฐาน ต 1.1 เขา้ ใจและตีความเรอ่ื งที่ฟังและอา่ นจากสอื่ ประเภทตา่ ง ๆ และแสดงความคดิ เห็น
อย่างมเี หตผุ ล
ตวั ช้ีวดั
ต 1.1 ป.4/1 ปฏิบตั ติ ามคาสง่ั คาขอรอ้ ง และคาแนะนา (instructions) งา่ ย ๆ ทฟ่ี งั หรอื อ่าน
ต 1.1 ป.4/3 เลอื ก/ระบุภาพหรอื สญั ลกั ษณ์ หรือเครือ่ งหมายตรงตามความหมายของประโยค
มาตรฐาน ต 1.2 และขอ้ ความส้นั ๆ ทฟ่ี ังหรอื อ่าน
มที กั ษะการสอ่ื สารทางภาษาในการแลกเปลย่ี นข้อมูลข่าวสาร แสดงความรู้สึก
และความคิดเหน็ อยา่ งมีประสทิ ธิภาพ
ตัวช้ีวดั พดู /เขยี นเพอ่ื ขอและให้ขอ้ มูลเกย่ี วกับตนเอง เพอ่ื น และครอบครัว
ต 1.2 ป.4/4
สาระท่ี 2 ภาษาและวฒั นธรรม
มาตรฐาน ต 2.1 เขา้ ใจความสัมพันธ์ระหว่างภาษากบั วัฒนธรรมของเจ้าของภาษา และนาไปใช้ได้
อย่างเหมาะสมกบั กาลเทศะ
ตัวชีว้ ัด
ต 2.1 ป.4/3 เข้ารว่ มกจิ กรรมทางภาษาและวัฒนธรรมท่ีเหมาะกับวัย
สาระท่ี 4 ภาษากบั ความสมั พนั ธก์ บั ชุมชนและโลก
มาตรฐาน ต 4.1 ใชภ้ าษาต่างประเทศในสถานการณ์ต่าง ๆ ท้ังในสถานศึกษา ชุมชน และสงั คม
ตวั ชีว้ ดั
ต 4.1 ป.4/1 ฟังและพดู /อา่ นในสถานการณต์ า่ ง ๆ ท่ีเกดิ ขน้ึ ในห้องเรยี นและสถานศกึ ษา
24
2. สาระสาคญั /ความคดิ รวบยอด
การรคู้ าศพั ท์ และโครงสร้างท่ใี ช้ขอและใหข้ อ้ มูลเก่ยี วกับสว่ นตา่ ง ๆ ของใบหน้า ชว่ ยใหส้ นทนา
พดู /เขียนใหข้ ้อมลู เกีย่ วกบั ตนเองและเรอ่ื งใกล้ตวั ได้อย่างถูกต้องและเหมาะสม
3. สาระการเรยี นรู้
3.1 ทกั ษะเฉพาะวชิ า
1) Language Features and Functions
Structure: Has he got green eyes? No, he hasn’t. He’s got blue eyes!
Function: ขอและใหข้ ้อมูลเกี่ยวกับสว่ นต่าง ๆ ของใบหน้า
2) Language Skills
Listening: ระบุภาพจากเรอื่ งทฟี่ งั
Speaking: พดู ขอและให้ขอ้ มูลเกีย่ วกับสว่ นตา่ ง ๆ ของใบหน้า
3) Culture: ลกั ษณะของคนแต่ละเช้ือชาติ
4. สมรรถนะสาคญั ของผ้เู รียน
4.1 ความสามารถในการส่ือสาร
4.2 ความสามารถในการคดิ
- ทักษะการคดิ ทีใ่ ชใ้ นการสอื่ สาร
4.3 ความสามารถในการใชท้ กั ษะชวี ิต
5. คุณลักษณะอนั พึงประสงค์ 5.2 มุ่งม่นั ในการทางาน
5.1 ใฝ่เรยี นรู้
6. กิจกรรมการเรียนรู้
ขนั้ Warm Up
1. หลังจากทกั ทายกบั นักเรยี นท้ังชั้นแลว้ ครูทบทวนประโยคท่ีใช้ในการทกั ทายแตล่ ะชว่ งเวลา ไดแ้ ก่
Good morning. Good afternoon. Good evening. โดยการสุม่ เรียกนกั เรียน 6-7 คน พดู ทักทายกับ
ครู
โดยครวู าดนาฬิกาบนกระดานหรอื พดู บอกเวลา ใหน้ ักเรยี นพูดทักทายใหถ้ ูกตอ้ ง เช่น
T: 8 am.
S: Good morning.
T: 9 pm.
25
S: Good evening. etc.
2. ครทู บทวนประโยคคาสั่งและขอร้องในชนั้ เรียน เช่น Listen to the teacher. Don’t run in the class.
Don’t eat in the class. May I go to the toilet, please? Can I ask you a question? โดยครู
แสดงทา่ ทางให้
นกั เรียนพูดบอกประโยคคาสั่งและขอร้อง
3. ให้นกั เรยี นเลน่ เกม Teacher says ทบทวนคาศพั ทเ์ กย่ี วกับสว่ นตา่ ง ๆ ของใบหนา้ โดยให้นักเรยี น
ออกมายืนเป็นวงกลม จากนน้ั ครูอธิบายกตกิ าวา่ หากครพู ดู วา่ Teacher says ตามด้วยช่อื อวยั วะใด ให้
นักเรยี นเอามอื ไปจับที่อวัยวะน้ัน ถ้าครูไมไ่ ด้พดู วา่ Teacher says … ใหน้ กั เรียนเอามือไปจับอวัยวะ
อ่นื ๆ ซ่ึงไมใ่ ชอ่ วยั วะท่คี รบู อก เชน่
T: Teacher says, “Touch your ears.”
Ss: (นกั เรียนเอามอื ไปจบั ท่ีหูของตนเอง)
T: Touch your nose.
Ss: (เอามือไปจบั อวยั วะอ่ืน ๆ ทีไ่ มใ่ ชจ่ มูก)
จากนน้ั ครูเพมิ่ จงั หวะการทากจิ กรรมเรว็ ขึ้นเรือ่ ย ๆ เพอ่ื เพิ่มความสนุกสนาน นกั เรียนคนใดทาทา่ ผิด
ครูอาจคิดกิจกรรมใหท้ าเพมิ่ เติม เชน่ รอ้ งเพลง เตน้ เปน็ ตน้
4. ทบทวนการใช้ has got/have got โดยครเู ขยี นประโยคตอ่ ไปนบี้ นกระดาน
I ________ blue eyes.
She ________ black hair.
It ________ big ears.
Charlie and Jane ________ yellow hair.
จากนนั้ ใหน้ ักเรียนพูดบอกคาตอบในแต่ละข้อพรอ้ มกนั ทงั้ ห้อง
5. ทบทวนการใชค้ าคณุ ศพั ท์ขยายคานามโดยใชภ้ าพการต์ ูนหรอื ดารา ใหน้ ักเรยี นพูดบรรยายภาพ
เหล่าน้ีโดยใชค้ าคณุ ศพั ท์ เช่น He has got green eyes. She has got a big nose. They have got
long
black hair. เป็นตน้
ขั้น Presentation
1. ครนู าเสนอประโยคท่ใี ชข้ อและใหข้ อ้ มลู เกี่ยวกบั ลักษณะภายนอกโดยใช้ภาพดาราหรอื ศิลปนิ ที่มี
ชอ่ื เสียง จากนั้นครพู ูดกบั นักเรยี น Look at the picture. Has he got brown hair? ตอ่ มาครเู ขยี น
คาตอบ
Yes, he has. / No, he hasn’t. บนกระดาน เสร็จแล้วครสู รุปโครงสรา้ งบนกระดาน
26
A: Has + ประธานเอกพจน์ + got + …?
B: Yes, he has. / No, he hasn’t. He has got …
2. ครูนาเสนอคาศัพท์เก่ียวกับสเี พมิ่ เตมิ ไดแ้ ก่ คาวา่ fair และ blonde โดยครูนาภาพบุคคลท่ีมีสีผม
เหล่าน้มี าแสดง และใหน้ กั เรยี นชว่ ยกันบอกว่า คอื สอี ะไร เสรจ็ แลว้ ครูนาภาพบุคคลท่ีมสี ีผมเหล่าน้ี มา
แสดงอกี ครงั้ และให้นักเรยี นจบั คู่กนั พูดถาม-ตอบเกีย่ วกบั สีผม/สีตา โดยใชโ้ ครงสรา้ งทค่ี รเู ขยี น
บนกระดาน เช่น
S1: Has Brad Pitt got black hair?
S2: No, he hasn’t. He has got blonde hair., etc.
ลักษณะสผี ม (hair colour)
blonde หรือ blond ใช้บรรยายลักษณะสผี ม มคี วามหมายวา่ สีทองหรอื สีเหลืองออ่ น
fair เป็นคาคณุ ศัพท์ มคี วามหมายวา่ ซดี หากใชบ้ รรยายลักษณะของผมและสีผิว
จะมีความหมายว่า สวา่ งหรือสอี อ่ น เชน่ She has got fair hair.
3. ครูถามคาถามเกี่ยวกับสผี มและสตี าของคนไทย เช่น
Have Thai people got fair hair?
Have Thai people got blue eyes?
เสร็จแล้วครใู ห้นักเรียนชว่ ยกนั สรุปว่าคนไทยจะมสี ีผมและสีตา สีอะไร และคนตะวนั ตก เช่น
คนอังกฤษจะมสี ีผม สตี า สีอะไร
27
ลกั ษณะสีผวิ และผมของแต่ละเชอ้ื ชาติ
1. คอเคซอยด์ (Caucasoid) โดยทั่วไปจะมีผวิ ขาวหรอื น้าตาล เส้นผมสีทองอ่อน
นา้ ตาลเขม้ หรือคอ่ นข้างแดง มนี ัยนต์ าสฟี า้ สเี ขยี วเขม้ หรือนา้ ตาลออ่ น เช่น คนใน
ประเทศองั กฤษ เยอรมนี ฝร่งั เศส เป็นตน้
2. มองโกลอยด์ (Mongoloid) โดยทั่วไปจะมีผวิ เหลือง นา้ ตาลและน้าตาลแดง
ผมสีดาเหยยี ดตรง มนี ัยน์ตาสีดา หรอื นา้ ตาล เชน่ คนในประเทศจนี ญ่ีปนุ่ ไทย เปน็ ตน้
3. นกิ รอยด์ (Negroid) โดยทว่ั ไปจะมีผวิ คลา้ นา้ ตาลถงึ น้าตาลเขม้ ผมมสี ีดาและหยิก
เป็นกน้ หอยจนถึงหยิกขอด มีนัยน์ตาสดี าหรอื สนี ้าตาลเขม้ เชน่ คนในประเทศแอฟรกิ าใต้
เคนยา ซูดาน เป็นต้น
4. ออสตราลอยด์ (Australoid) หรือ เซยี มมอยด์ (Siamoid) โดยทวั่ ไปผิวจะมีสีคลา้
ผมหยิกสลวยอย่างพวกคอเคซอยด์ มีนัยนต์ าสีดาหรือสีน้าตาลเข้ม เชน่ ชนเผ่าพ้นื เมืองใน
ประเทศอนิ โดนเี ซยี และมาเลเซีย เป็นต้น
ที่มา: http://www.udru.ac.th/website/attachments/elearning/02/09.pdf
ขั้น Practice
1. หนังสือเรยี น หนา้ 5 Ex. 3 ครอู า่ นคาส่งั และอธบิ ายประโยค Which one is Bog? ให้นักเรียนฟงั โดยครู
บอกนกั เรยี นว่า นักเรยี นจะไดฟ้ งั คาบรรยายลักษณะของ Bog ใหน้ ักเรยี นเลือกภาพทส่ี ัมพนั ธ์กับ
คาบรรยาย จากน้นั ครูช้ีไปท่ภี าพท้ัง 3 ภาพ ให้นกั เรียนพดู บรรยายภาพเหล่านี้ ตอ่ มาครูเปดิ CD
ให้นักเรียนฟัง 1-2 รอบ เพื่อใหน้ กั เรยี นเลอื กคาตอบที่ถกู ต้อง เสรจ็ แลว้ ครแู ละนักเรียนเฉลยคาตอบ
บนกระดานพร้อมกนั
Man: Which one is Bog? Has he got dark eyes?
Girl: Yes, he has.
Man: Has he got green ears?
Girl: No, he hasn’t. He’s got yellow ears.
Man: Has he got a yellow nose?
Girl: No, he’s got a red nose.
Man: And has he got a red mouth?
Girl: Yes, he has. He’s got a red mouth.
28
A
ประโยคคาถาม Which one? ใช้ถามถึงสง่ิ ไหน อันไหน เชน่ Which one is Bog? Which one
do you like?
2. หนงั สือเรียน หนา้ 5 Ex. 4 ครอู ธิบายภาระงาน จากนัน้ ให้เวลานักเรียนเตมิ คาตอบ เสร็จแลว้ ครูขอ
อาสาสมัครนกั เรยี นผลัดกันออกมาเขียนคาตอบบนกระดาน จากน้ันครตู รวจสอบความถกู ตอ้ ง
อกี ครัง้ แลว้ ใหน้ ักเรยี นทงั้ ชัน้ อา่ นประโยคทเ่ี ตมิ คาถูกต้องแล้วพร้อม ๆ กนั
1 has got 3 have got 5 has got
2 have got 4 have got 6 has got
3. หนงั สอื เรียน หนา้ 5 Ex. 5 ให้นักเรยี นดูภาพในข้อแรก จากน้นั ครูถามคาถาม Has he got green
eyes?
เพ่ือใหน้ ักเรียนตอบวา่ No, he hasn’t. He’s got blue eyes. จากน้ันใหน้ ักเรยี นเติมคาตอบลงในขอ้ 1-
3
ดว้ ยตนเอง เสรจ็ แลว้ ครสู ุ่มเรียกนักเรียนเฉลยคาตอบโดยใหน้ กั เรยี นทเ่ี หลือช่วยตรวจความถกู ต้อง
สดุ ทา้ ยครใู ห้นักเรียนจบั คกู่ นั ฝึกพูดสนทนา
1 A: Has she got …
B: … she hasn’t. She’s got green eyes!
2 A: Has she got …
B: … she hasn’t. She’s got red hair!
3 A: Has he got …
B: … he hasn’t. He’s got white hair!
กจิ กรรมเพิม่ เตมิ
ครูนาชิน้ งานของนกั เรยี นเมือ่ คาบทแ่ี ล้วมาแสดง แลว้ พูดถาม-ตอบกบั นักเรยี น เช่น Has he/she
29
got small eyes? จากนนั้ ครแู จกผลงานคืนนักเรยี น ใหน้ ักเรยี นผลดั กันพดู ถาม-ตอบกบั เพือ่ น
เสร็จแลว้ ครูสุม่ เรียกนกั เรยี นมาพดู ถาม-ตอบทห่ี น้าชั้นเรียน
ขน้ั Production
1. ครนู า Tapescript ของ Ex. 3 ในหนงั สอื เรยี น หน้า 5 มาเขียนใสก่ ระดาษแผน่ ใหญ่และนามาตดิ บน
กระดาน จากนั้นให้นักเรียนอา่ น Tapescript ดงั กล่าวตาม CD พรอ้ ม ๆ กนั ให้นกั เรยี นวาดภาพคนหรอื
สตั วป์ ระหลาด 3 ภาพ พรอ้ มท้ังระบายสใี ห้แตกตา่ งกนั ให้นกั เรยี นเลอื กภาพ 1 ภาพ และตงั้ ชอ่ื ใหก้ บั
ภาพดงั กลา่ ว แล้วใหน้ ักเรยี นจบั คู่กนั ผลดั กนั พดู ถาม-ตอบวา่ ภาพใดคือภาพที่นกั เรยี นตง้ั ชอ่ื ไว้
เหมอื นดังกิจกรรมใน Ex. 3
2. ให้นกั เรียนสงั เกตว่า สผี วิ และสีตาของเรามคี วามแตกตา่ งกัน นอกจากเชอื้ ชาตแิ ล้วยงั มีอกี หลายปัจจยั
นักเรียนชอบหรอื ไม่ ถา้ มคี นไม่ชอบเราเพียงเพราะสผี วิ เราต่างออกไปหรอื นาสีผิวมาเรยี กแทนชือ่ เรา
3. ให้นักเรียนทากจิ กรรมในแบบฝกึ หดั หน้า 5 Exs. 3-4 เปน็ การบา้ น
Ex. 3
2 Fred and Tina have got a ball.
3 Lucy has got a doll.
4 Harry has got a kite.
5 Janet and Bill have got a cat.
6 I have got a guitar.
Ex. 4
2 Has he got, he hasn’t got any teeth 3 Has he got, he hasn’t got any
eyes
4 Has he got, he hasn’t got any ears
30