กระดาน ดังน้ี
T: What does Unda/Mac do on Monday?
S1: She/He rides her/his bike.
ครูให้นักเรียนช่วยกันวเิ คราะหโ์ ครงสร้างของประโยคคาถามและคาตอบ เสรจ็ แล้วครสู รุปโครงสร้าง
ใหน้ ักเรียนดบู นกระดาน
โครงสรา้ งประโยคคาถาม คอื ...........................
โครงสรา้ งประโยคบอกเล่า คอื ................
สดุ ทา้ ยครสู มุ่ เรียกนกั เรยี นใหต้ อบคาถามเกีย่ วกับกจิ วัตรประจาวนั จากตารางข้อมลู บนกระดาน ครยู า้
ให้นกั เรยี นออกเสยี ง -s/-es ทา้ ยคากริยารปู เอกพจน์ใหช้ ัดเจน แล้วใหน้ ักเรียนทีเ่ หลอื พดู ประโยคที่
ถูกตอ้ งตาม 1-2 ครัง้
กิจกรรมเพิ่มเตมิ
ครอู าจเปิดคลปิ วดิ โี อใหน้ กั เรยี นฝกึ การออกเสยี งคาเชือ่ มเพมิ่ เติมท่ี
https://www.youtube.com/watch?v=gAHUTKm_1n0
หรอื ให้นักเรยี นฝึกด้วยตนเอง โดยครูบอกคาสาคญั เชน่ linking sound หรือช่อื คลิป
Connected Speech & Linking | American English Pronunciation ให้นกั เรียนเข้าไป
เปดิ ดูดว้ ยตนเองที่ www.youtube.com
3. ครูเขยี นตวั อย่างประโยคต่อไปนบี้ นกระดาน
I get up at 6 o’clock every day.
I visit my grandfather every Sunday.
I watch TV every day.
I play basketball on Tuesdays.
I go to the cinema on Fridays.
I ride a bike every day.
I do my homework every day.
การเติม s หลงั ชือ่ วนั หมายถงึ ทกุ ๆ วนั นั้น เชน่ Sundays (ทกุ วันอาทติ ย)์ , Mondays
(ทุกวนั จนั ทร์) จะมคี วามหมายคล้ายกับการใช้ every + ชื่อวนั เช่น every Sunday, every
Monday แตถ่ ้าใช้ every ช่ือวนั จะไมเ่ ตมิ s
จากน้นั ครูเรียกนกั เรยี นชาย 1 คน ออกมายืนหน้ากระดาน แล้วพูดวา่ He gets up at 6 o’clock. และ
ให้นกั เรียนพดู ตาม ครูทากจิ กรรมเชน่ เดียวกันนกี้ บั ประโยคอื่นด้วย โดยเปล่ยี นสรรพนามจาก I เป็น He
และครเู ขยี นประโยคบนกระดาน พรอ้ มท้งั ขดี เส้นใตค้ ากรยิ าทีเ่ ติม -s/-es ครูยา้ กบั นกั เรยี นวา่ ถา้
281
ประธานเป็นเอกพจน์ คากริยาจะต้องเติม -s/-es เสมอ เสร็จแล้วครูใหน้ กั เรยี นจับกลุ่ม กลุ่มละ 3 คน
ผลดั กนั แตง่ ประโยคเช่นเดียวกนั นโี้ ดยใช้ขอ้ มูลของเพ่ือนในกลุม่ เชน่
He gets up at 7 o’clock every day. He plays basketball every Friday.
ขั้น Practice
1. หนงั สอื เรียน หนา้ 40 Ex. 1 ครพู ูดบอกนกั เรยี น Look at exercise 1. Listen, point and repeat.
และเปิด
CD ให้นักเรยี นฟัง 2 ครงั้ คร้งั แรกใหน้ ักเรียนฟังและช้ตี ามไปดว้ ย ครั้งที่ 2 ครูหยดุ CD เป็นระยะ ให้
นกั เรยี นพดู ตามพรอ้ มกนั เสร็จแลว้ ครูสมุ่ เรียกนักเรยี นทีละคน อา่ นออกเสียงให้เพ่ือนฟงั ครูยา้ ให้
นักเรยี นออกเสยี งเชอ่ื มระหว่างคาในคาว่า wake up และ get up ดว้ ย
wake up, get up, go to school, play basketball
Days of the week
Monday, Tuesday, Wednesday, Thursday, Friday, Saturday, Sunday
2. หนงั สอื เรียน หน้า 40 Ex. 2 ครพู ดู ประโยคคาสง่ั Close your book. แลว้ วาดตารางในกจิ กรรมนบ้ี น
กระดาน จากน้นั ครชู ้ีไปท่ี Monday แลว้ ถามนกั เรยี นว่า What does Oscar do on Mondays? และให้
นักเรียนพดู ตอบ เช่น He visits his grandfather.
ต่อมาครูเขยี นคากริยารปู เอกพจน์ ดังน้ี
visits tidies does rides
watches plays goes
ครูอธบิ ายการเตมิ -s/-es หลงั คากรยิ าที่ประธานเป็นเอกพจน์ เสรจ็ แล้วใหน้ ักเรียนฝึกออกเสียงตาม
282
การเตมิ s และ es หลงั คากรยิ าในประโยค present simple
1. คากรยิ าทว่ั ไป (regular verbs) สามารถเติม s ขา้ งหลังคากรยิ านนั้ ได้เลย
เชน่ work → works
visit → visits
2. คากรยิ าทล่ี งทา้ ยดว้ ย s, sh, ch, x, z ตอ้ งเติม es
เช่น kiss → kisses
wash → washes
watch → watches
3. คากริยาทีล่ งทา้ ยด้วย y ให้เปล่ยี น y เปน็ i แลว้ เตมิ es
เช่น fly → flies
study → studies
ท่ีมา: ภาษาองั กฤษออนไลน์.com/การเตมิ -s-es-ท่ีคากริยา-present-simple-tense/
การออกเสยี ง s, es ท้ายคากรยิ า
เสียง s, es ทา้ ยคากรยิ าสามารถออกเสียงได้ 3 แบบ คือ /s/, /z/ และ /Iz/
1. ออกเสยี งเป็น /s/ เมื่อคาน้ันสะกดด้วยเสียงไมก่ อ้ ง (voiceless) ไดแ้ ก่ /p/, /t/, /k/, /f/, /θ/
เช่น sleeps, eats, drinks, laughs, breaths
2. ออกเสียงเปน็ /z/ เมอื่ คาน้นั สะกดดว้ ยเสยี งก้อง (voiced) ได้แก่ /b/, /d/, /g/, /v/, /l/, /m/,
/n/, /w/, /ŋ/, /ð/ เช่น grabs, reads, digs, lives, kills, swims, listens, draws, brings,
breathes
3. ออกเสียงเปน็ /Iz/ เมือ่ คานัน้ สะกดลงทา้ ยดว้ ย s, z, sh, ch, ge เช่น misses, sneezes,
washes, watches, changes
ทีม่ า: http://english-madmonster.blogspot.com/2009/08/pronunciation-in-plural
-words.html
ต่อมาครูใหน้ ักเรียนจับคู่ ผลัดกันถาม-ตอบกจิ กรรมท่ี Oscar ทาในวันองั คารถงึ วนั อาทติ ย์ ครเู ดนิ
รอบห้องเพอื่ สังเกตการทากิจกรรมของนกั เรยี น เสร็จแลว้ ครูเฉลยคาตอบด้วยการส่มุ เรยี กนกั เรยี น
พูดถาม-ตอบให้เพ่ือนดูอกี คร้ัง
ตัวอย่าง S1: What does Oscar do on Tuesdays?
283
S2: He tidies his room.
S1: What does Oscar do on Wednesdays?
S2: He does his homework.
S1: What does Oscar do on Thursdays?
S2: He rides his bike.
S1: What does Oscar do on Fridays?
S2: He watches TV.
S1: What does Oscar do on Saturdays?
S2: He plays basketball.
S1: What does Oscar do on Sundays?
S2: He goes to the cinema.
ครูเขยี นคาถามบนกระดาน เช่น What does Oscar do on Mondays? และขดี เส้นใต้คาวา่ does และ
do ครอู ธบิ ายวา่ ประโยคคาถามที่มีกรยิ าชว่ ย does กริยาทตี่ ามหลงั จะคงรปู base form หรอื ชอ่ งที่ 1 ไว้
เหมอื นเดมิ
3. ครเู ตรยี มบตั รคาวันทั้ง 7 จากนัน้ ครูแบ่งนักเรียนเป็น 2 ทมี แลว้ บอกวา่ นกั เรยี นจะได้เลน่ เกมความจา
โดยครใู หเ้ วลาแตล่ ะทมี จดจาว่าในแต่ละวนั Oscar ทาอะไร ครูพดู บอกนักเรียน Close your book.
จากนน้ั ให้แต่ละทีมสง่ ตวั แทนมายนื ทีห่ น้าชนั้ แลว้ ครหู ยบิ บัตรคา Monday ข้ึนมา แลว้ ถามวา่
What does Oscar do on Mondays? ทีมใดตอบก่อนและถูกต้องจะได้ 1 คะแนน ทมี ทไ่ี ดค้ ะแนน
มากทสี่ ุดเป็นทีมทชี่ นะ
ตวั อยา่ ง T: (แสดงบตั รคา Monday) What does Oscar do on Mondays?
Team 1: He visits his grandfather on Mondays!
T: That’s right. One point for Group 1!
ขั้น Production
1. ครูใหน้ กั เรียนทาตารางกจิ วตั รประจาวนั ของเพือ่ น 1 คน ตัง้ แตว่ นั จนั ทรถ์ ึงวันศกุ ร์ จากน้นั ให้นักเรยี น
จับคู่กับเพอื่ นอกี 1 คน และผลัดกนั พูดถาม-ตอบเกยี่ วกบั กจิ วัตรประจาวนั ของบคุ คลอืน่ ครูเดินสงั เกต
และใหค้ าแนะนากับนักเรียนในภาพรวมในประเดน็ ที่ควรปรบั ปรงุ แก้ไข จากนน้ั ใหน้ ักเรยี นจบั คกู่ บั
เพอื่ นคนใหม่ และพูดถาม-ตอบอีกครัง้ ครเู ดินสังเกตเพ่ือประเมินการพดู ของนักเรยี น เชน่
S1: What does Pat do on Saturdays?
S2: She goes to the cinema.
S1: What does Pat do on Sundays?
S2: She visits her grandmother. etc.
284
2. ให้นกั เรยี นทากิจกรรมในแบบฝึกหดั หนา้ 34 Exs. 1-2 เปน็ การบา้ น
Ex. 1 Tuesday - 2 Saturday - 6
Thursday - 4 Sunday - 7 Wednesday - 3
Friday - 5
Ex. 2 3 Thursday 4 Friday
2 Sunday 6 Tuesday 7 Saturday
5 Wednesday
7. การวดั และประเมนิ ผล
วธิ กี ารวดั เครอื่ งมอื เกณฑ์
ประเมนิ การพูดขอและใหข้ อ้ มูล แบบประเมนิ การพูด ระดบั คณุ ภาพ พอใช้
เก่ยี วกบั กิจกรรมประจาวันของเพือ่ น ผา่ นเกณฑ์
ตรวจการเลอื กภาพตรงตาม แบบฝกึ หดั รอ้ ยละ 60 ผา่ นเกณฑ์
ความหมายของประโยคและขอ้ ความ
ทอ่ี ่าน
ตรวจแบบฝกึ หัด แบบฝึกหัด (Workbook) ร้อยละ 60 ผา่ นเกณฑ์
สงั เกตพฤติกรรมบง่ ช้ีดา้ นใฝ่เรียนรู้ แบบประเมนิ คุณลกั ษณะอนั พงึ ระดบั คุณภาพ พอใช้
ประสงค์ ผา่ นเกณฑ์
8. สือ่ /แหลง่ การเรียนรู้
8.1 หนงั สอื เรียน EXTRA and Friends 4 ป. 4
8.2 แบบฝึกหัด EXTRA and Friends 4 ป. 4
8.3 Class Audio CD ประกอบสอ่ื ฯ ชดุ EXTRA and Friends 4 ป. 4
8.4 บัตรภาพ/บัตรคาศพั ท์
8.5 อนิ เทอรเ์ นต็
285
แผนการจดั การเรียนร้ทู ี่ 2 Does Oscar play football on
Tuesdays?
เวลา 1 ชว่ั โมง
จดุ ประสงค์ (Objectives)
- พดู และเขยี นขอและให้ข้อมูลเก่ยี วกบั กจิ วตั รประจาวนั ของผู้อืน่ ได้
- ใช้คาสงั่ งา่ ย ๆ ได้
1. สาระ มาตรฐานการเรียนรู้/ตัวช้ีวัด
สาระที่ 1 ภาษาเพอื่ การส่ือสาร
มาตรฐาน ต 1.1 เขา้ ใจและตีความเร่ืองทฟ่ี ังและอ่านจากสือ่ ประเภทตา่ ง ๆ และแสดงความคิดเห็น
อยา่ งมเี หตุผล
ตวั ช้ีวัด
ต 1.1 ป.4/3 เลือก/ระบภุ าพ หรือสัญลกั ษณ์หรือเคร่ืองหมายตรงตามความหมายของประโยค
และข้อความสนั้ ๆ ทฟี่ งั หรอื อ่าน
มาตรฐาน ต 1.2 มที ักษะการส่อื สารทางภาษาในการแลกเปลย่ี นขอ้ มลู ข่าวสาร แสดงความรสู้ กึ
และแสดงความคิดเหน็ อย่างมปี ระสทิ ธภิ าพ
ตวั ชว้ี ัด
ต 1.2 ป.4/2 ใช้คาสัง่ คาขอร้อง และคาขออนุญาตง่าย ๆ
ต 1.2 ป.4/4 พดู /เขยี นเพอ่ื ขอและให้ข้อมลู เกี่ยวกบั ตนเอง เพอ่ื น และครอบครวั
สาระที่ 4 ภาษากับความสมั พันธ์กับชุมชนและโลก
มาตรฐาน ต 4.1 ใชภ้ าษาต่างประเทศในสถานการณ์ตา่ ง ๆ ท้ังในสถานศึกษา ชุมชน และสงั คม
ตัวชว้ี ัด
ต 4.1 ป.4/1 ฟงั และพูด/อ่านในสถานการณ์ทเี่ กดิ ขนึ้ ในหอ้ งเรยี นและสถานศึกษา
2. สาระสาคัญ/ความคิดรวบยอด
การรู้และเขา้ ใจคาศพั ท์เก่ียวกบั กิจวตั รประจาวนั โครงสรา้ งภาษา ชว่ ยใหส้ นทนา พดู /เขียนสือ่ สารใน
ชวี ิตประจาวนั ไดอ้ ยา่ งถูกตอ้ งและเหมาะสม
286
3. สาระการเรยี นรู้
3.1 ทักษะเฉพาะวชิ า
1) Language Features and Functions
Structure: Does Oscar play football on Tuesdays? No, he doesn’t.
He tidies his room on Tuesdays!
Vocabulary: Days of the week, wake up, get up, go to school, play
basketball
Function: ขอและให้ขอ้ มลู เก่ียวกบั กจิ วตั รประจาวนั
2) Language Skills
Speaking: พูดขอและใหข้ อ้ มลู เก่ยี วกับกจิ วตั รประจาวนั
Writing: เขยี นขอและให้ข้อมลู เก่ียวกับกิจวตั รประจาวัน
4. สมรรถนะสาคัญของผเู้ รยี น
4.1 ความสามารถในการสอื่ สาร
4.2 ความสามารถในการคดิ
- ทักษะการคดิ ที่ใชใ้ นการสื่อสาร
5. คุณลกั ษณะอันพงึ ประสงค์
5.1 ใฝเ่ รยี นรู้
5.2 ม่งุ ม่ันในการทางาน
6. กิจกรรมการเรียนรู้
ขนั้ Warm Up
1. ครูทบทวนโครงสรา้ งประโยคบอกเล่าของ Present simple โดยครเู ตรยี มบัตรคาศพั ท์เก่ยี วกบั กิจกรรมท่ี
ทาเปน็ ประจา เช่น get up, wake up, play basketball, do homework, ride a bike, read a book
จากนั้นครู
แจกบตั รคาใหน้ กั เรยี นคนละ 1 แผน่ เมือ่ แจกบตั รคาเสร็จแล้ว ครใู ห้นักเรยี นดูบัตรคาของตนเอง แล้ว
แตง่ ประโยค Present simple โดยใช้คาศพั ท์ท่นี กั เรยี นได้ไป ครูใหเ้ วลานกั เรยี นแต่งประโยคประมาณ
1 นาที เสรจ็ แลว้ ครรู วบรวมคาตอบจากนกั เรยี น
ตัวอยา่ ง S1: (บตั รคา get up) I get up at 7 o’clock.
S2: (บตั รคา ride a bike) I ride a bike to school every day.
S3: (บตั รคา read a book) I read a book on Sunday. etc.
287
จากนั้นครทู บทวนการอา่ นออกเสียงเชอ่ื มคา (linking sounds) โดยครูเขียนวลตี ่อไปนีบ้ นกระดาน
get up come in get out wake up
stop it look at this afternoon
ครูชีไ้ ปท่วี ลีแล้วใหน้ กั เรียนออกเสียงพรอ้ มกัน
2. ครใู หน้ กั เรยี นชว่ ยกันทาแผนทค่ี วามคิด (mind map) กจิ กรรมที่เกย่ี วข้องกบั ชวี ติ ประจาวัน โดยเขียน
หัวขอ้ วา่ Daily routine บนกระดาน จากน้นั ใหน้ กั เรียนช่วยกันบอกกจิ กรรมท่ีทาเป็นประจา เช่น
do homework, take a shower, go to school, watch TV
3. ทบทวนการใช้ has/have โดยให้นักเรยี นบอกประธานที่ใช้กบั has เช่น He, She, It และประธานท่ีใชก้ ับ
have เช่น I, You, We, They จากน้นั ครูเขยี นประโยคต่อไปนบี้ นกระดาน
1) I ______ breakfast at 7 o’clock. 2) She ______ a new computer.
3) My cat ______ a long tail. 4) They ______ five dogs.
ใหน้ กั เรยี นผลดั กันออกมาเติมคาในประโยคดังกลา่ ว โดยใช้ has หรอื have แลว้ ครตู รวจความถกู ต้อง
คาตอบ: have, has, has, have
ขั้น Presentation
1. นาเสนอวลีต่อไปน้ี wash the dog (อาบนา้ สนุ ขั ), walk the dog (พาสนุ ัขไปเดนิ เลน่ ), have a piano
lesson (เรยี นเปยี โน), have a guitar lesson (เรียนกีตาร์), play football (เล่นฟุตบอล) โดยครสู ุ่ม
เรยี ก
นกั เรยี น 1 คน มาแสดงทา่ ทางใบค้ า ครูพดู วลี แลว้ ใหน้ กั เรยี นพดู ตาม พร้อมกับช่วยกันอธิบาย
ความหมายของวลดี ังกลา่ ว ให้นกั เรียนฝกึ ลงเสยี งหนกั ในคาศัพท์ทมี่ ีมากกว่า 1 พยางค์ ดว้ ย
piano lesson guitar lesson football
2. ครทู บทวนประโยคบอกเลา่ ของ Present simple ดว้ ยการเขียนประโยคตอ่ ไปนีบ้ นกระดาน
I play football on Saturdays.
ใหน้ กั เรยี นอ่านออกเสียงประโยคนต้ี ามครพู รอ้ ม ๆ กนั และทลี ะคน จากนัน้ ครขู ดี เส้นใตค้ ากรยิ า play
I play football on Saturdays.
ครอู ธิบายวา่ This is the present simple tense. We use the present simple tense to talk
about things we
do every day (routines).
ตอ่ มาครูเขียนประโยคต่อไปนบี้ นกระดาน
He plays football on Saturdays.
ครอู ธิบายวา่ ถ้าประธานเปน็ เอกพจน์ เชน่ He, She, It คากริยาจะเติม -s แต่มคี ากรยิ าบางคาทลี่ งท้าย
ด้วย
288
sh, ch, o จะเตมิ -es จากนัน้ ครูให้นักเรยี นช่วยกันเปลยี่ นวลีทค่ี รูพดู ใหม่ โดยให้เปลย่ี นประธานเป็น
He และเปลย่ี นคากริยาใหส้ อดคล้องกนั เชน่
T: I wash the dog.
Ss: He washes his dog every week.
T: I watch TV every day.
Ss: He watches TV every day.
T: I go to school every day.
Ss: He goes to school every day.
ครเู น้นใหน้ กั เรยี นออกเสยี ง -s/-es ใหช้ ัดเจน
ต่อมาครูถามนักเรยี นว่า ถา้ คากริยาลงท้ายดว้ ย y จะทาอยา่ งไร ให้นักเรียนชว่ ยกนั บอก
T: I play basketball on Fridays.
Ss: He plays basketball on Fridays.
T: I tidy my room on Sundays.
Ss: He tidies his room on Sundays.
ครใู หน้ ักเรยี นช่วยกันบอกว่า ทาไมคากรยิ าทีล่ งทา้ ยด้วย y เหมอื นกนั แตบ่ างคาเติม -s บางคาตอ้ งเปล่ียน
y เป็น i กอ่ น แลว้ จงึ เตมิ -es ถา้ นกั เรียนไม่สามารถตอบได้ ครชู ่วยบอกใบ้เพิ่มเติม ดว้ ยการให้นักเรยี น
สังเกตตวั อกั ษรหนา้ y และเขยี นคาตอ่ ไปน้ี
stay - stays cry - cries
pay - pays carry - carries
say - says study - studies
buy - buys fly - flies
ครชู ใ้ี หน้ กั เรียนสงั เกตจนไดข้ ้อสรุปวา่ ถ้าหนา้ y เปน็ สระ ไดแ้ ก่ a, e, i, o, u จะสามารถเตมิ -s ได้เลย
แตถ่ า้ หนา้ y เปน็ พยัญชนะ จะต้องเปลีย่ น y เป็น i กอ่ น แลว้ จึงเติม -es เช่น studies, flies
3. ครูนาภาพเด็กผูห้ ญงิ 1 คน มาตดิ บนกระดาน ครูพดู แนะนาชอ่ื This is Mary. จากนั้นครูเขียนตาราง
กิจวตั รประจาวนั ของ Mary บนกระดาน
289
Monday have a piano lesson
Tuesday walk the dog
Wednesday have a guitar lesson
Thursday wash the dog
Mary Friday play basketball
Saturday go to the cinema
Sunday watch TV
ครูสนทนากบั นักเรยี น 1 คน เกย่ี วกับกจิ วัตรประจาวันของ Mary ดังน้ี
T: Does Mary have a piano lesson on Mondays?
S1: Yes, she does.
T: Does she have a guitar lesson on Tuesdays?
S1: No, she doesn’t. She walks the dog on Tuesdays.
T: Does she go to the cinema on Sundays?
S1: No, she doesn’t. She watches TV on Sundays.
เมอื่ สนทนาครบทกุ วันแลว้ ครเู ขยี นประโยคตอ่ ไปนีบ้ นกระดาน
Do you play football?
Yes, I do.
No, I don’t.
ครใู หน้ ักเรยี นชว่ ยกันอธบิ ายโครงสรา้ ง จนไดข้ อ้ สรปุ ว่า Do จะใช้กับประธาน I, You และประธาน
พหพู จน์ คากรยิ าในประโยคจะอยู่ในรูป base form หรอื ชอ่ งท่ี 1
ตอ่ มาครเู ขยี นประโยคคาถามท่ีประธานเปน็ เอกพจนบ์ นกระดาน และใหน้ ักเรียนชว่ ยกันพูดตอบ เชน่
Does he play football?
Yes, he does.
No, he doesn’t.
ครใู ห้นักเรยี นชว่ ยกนั อธบิ ายโครงสรา้ ง จนได้ข้อสรุปว่า Does จะใช้กับประธานเอกพจน์ คากรยิ าใน
ประโยคจะกลับมาอย่ใู นรูป base form หรอื ชอ่ งที่ 1 เหมอื นเดมิ โดยครอู าจเขียนประโยคบอกเล่าบน
กระดานและเปลยี่ นใหอ้ ย่ใู นรูปประโยคคาถาม เพื่อใหน้ กั เรียนเห็นการเปล่ียนแปลงของคากรยิ า
He plays football. → Does he play football?
He has a guitar lesson. → Does he have a guitar lesson?
4. ครูใหน้ ักเรยี นฝึกเปลยี่ นประโยคบอกเล่าเป็นประโยคคาถาม 7-8 ประโยค โดยใชค้ าศพั ท์ทีเ่ รียน
5. ครใู หน้ กั เรยี นจบั คกู่ ับเพอ่ื นที่น่ังด้านซ้ายของตนเอง และผลดั กนั พดู ถาม-ตอบเก่ยี วกบั กิจวัตรประจาวนั
290
ของ Mary ครสู ังเกตการทากิจกรรมของนักเรียน และให้ feedback เกีย่ วกับประเด็นที่ผดิ พลาดบอ่ ย
แล้ว
ให้นักเรยี นจับคกู่ ับเพ่อื นใหม่ และฝกึ สนทนาอีกครง้ั
กจิ กรรมเพิม่ เตมิ
ครใู ห้นักเรยี นเลม่ เกมเพอ่ื ฝึกการใช้ประโยค Present simple จากเวบ็ ไซตต์ อ่ ไปน้ี
http://learnenglishkids.britishcouncil.org/en/grammar-games/present-simple-and-
present-continuous
ขั้น Practice
1. หนังสอื เรยี น หนา้ 41 Ex. 3 ครอู า่ นคาสัง่ Read and complete. จากนนั้ ครูขออาสาสมคั รยนื ขึน้ และ
อา่ นตวั อยา่ งให้เพอ่ื นในหอ้ งฟงั ต่อมาครใู หน้ ักเรยี นดูขอ้ 2 แล้วถามคาถามนักเรยี น เชน่
T: Does Tom go to the cinema on Fridays?
Ss: No, he doesn’t. He washes the dog on Fridays.
ครทู ากจิ กรรมเชน่ เดยี วกนั น้กี ับขอ้ ทเี่ หลอื เสรจ็ แลว้ ครูให้เวลานักเรียนเขียนคาตอบลงในสมดุ
2 ... he doesn’t. He washes the dog on Fridays.
3 ... she doesn’t. She goes to the cinema on Saturdays.
ต่อมาครใู หน้ กั เรยี นจบั คู่ ฝึกถาม-ตอบเก่ียวกับกิจกรรมในหนงั สือเรียน หนา้ 41 Ex. 3 อกี ครั้งจนคล่อง
เสร็จแล้วครูสุ่มเรยี กนกั เรยี น 2-3 คู่ ลกุ ขึ้นยืนพดู ถาม-ตอบให้เพือ่ นในหอ้ งฟงั
ชาวองั กฤษเรียกโรงภาพยนตร์วา่ cinema ในขณะท่ชี าวอเมริกนั จะเรียกวา่ movie theater
2. หนงั สือเรยี น หน้า 41 Ex. 4 ครอู า่ นคาสงั่ ใหน้ กั เรยี นฟัง จากนน้ั ครูอธิบายภาระงานวา่ ให้นกั เรยี น
เรยี งลาดบั คาใหเ้ ปน็ ประโยค Present simple ทถ่ี กู ต้อง ครใู ห้เวลานักเรยี นทางาน เสรจ็ แลว้ ครูขอ
อาสาสมคั รออกมาเขียนคาตอบของตนเองบนกระดาน ครูตรวจคาตอบของนกั เรยี นบนกระดานอกี ครัง้ วา่
ถกู ตอ้ งหรือไม่ เม่ือแก้ไขถูกตอ้ งแลว้ ครใู ห้นักเรยี นอา่ นประโยคทีถ่ ูกต้องพรอ้ ม ๆ กนั
2 Tom drinks milk every morning.
3 Lin dances every afternoon.
4 Oscar has a guitar lesson every Tuesday.
291
3. ครูแบ่งนกั เรยี นออกเปน็ กลมุ่ จากนัน้ ครูแจกประโยค ซ่งึ ตัดเปน็ คา ๆ ไว้ ให้นักเรยี นแตล่ ะกลมุ่ แข่งกนั
เรียงประโยค กล่มุ ใดทเ่ี รยี งประโยคเสร็จกอ่ นและถูกตอ้ งเปน็ กล่มุ ที่ชนะ
ตวั อยา่ ง walks the dog Sundays on She
She walks the dog on Sundays.
Football. play Friday I every
I play football every Friday.
4. ครทู บทวนประโยคคาสง่ั แบบปฏเิ สธ โดยเขียนประโยคต่อไปนี้ และใหน้ กั เรียนอ่านออกเสียงตาม
Don’t smoke. Don’t forget your bag.
Don’t run in the corridor. Don’t eat in the classroom.
ครวู าดภาพประกอบและใหน้ กั เรยี นชว่ ยกันอธิบายความหมาย
ตอ่ มาครอู ธบิ ายความหมายของคาว่า waste วา่ หมายถงึ ทาให้สิ้นเปลอื งหรือหมดไปโดยเปลา่ ประโยชน์
ครูใหน้ กั เรียนชว่ ยกนั คดิ ว่ามสี ่ิงของอะไรในโลก นอกจากกระดาษทเ่ี ราไม่ควรจะใช้โดยส้นิ เปลอื ง
ครูเขียนคาศัพท์บนกระดาน เช่น water (น้า), energy (พลงั งาน), electricity (ไฟฟา้ ) และ trees (ต้นไม้)
ให้นกั เรียนช่วยกันแต่งประโยค เชน่
Don’t waste water. Don’t waste energy.
Don’t waste electricity. Don’t waste trees.
เสรจ็ แลว้ ครแู บ่งนักเรียนเปน็ กล่มุ ให้เลอื กประโยคมาคนละ 1 ประโยค แล้วทาแผน่ ป้ายประกาศ Don’t
waste … . พรอ้ มทั้งวาดภาพประกอบและระบายสีใหส้ วยงาม
5. หนงั สอื เรียน หนา้ 41 หัวข้อ Go Green ครพู ดู ว่า Look at the picture. What do you see in the
picture?
เพอื่ ใหน้ ักเรยี นพดู บอกสง่ิ ทน่ี ักเรียนเหน็ ในภาพ ตอ่ มาครถู ามนักเรยี นวา่ กระดาษทามาจากอะไร ให้
นักเรยี นระดมสมองช่วยกันบอกคาตอบ จากนน้ั ครูอา่ นข้อความให้นักเรยี นฟังและให้นกั เรยี นช่วยกัน
อภปิ รายถึงความสาคญั ของการนากระดาษกลบั มาใช้ใหม่ เมอื่ อภปิ รายเสรจ็ แลว้ ครูแบ่งนกั เรียน
ออกเปน็ 3 กล่มุ ให้แต่ละกลมุ่ ช่วยกันระดมความคิดเก่ยี วกับวธิ ปี ระหยัดกระดาษ เสรจ็ แล้วให้แต่ละ
กลมุ่ สง่ ตัวแทนออกมาพดู นาเสนอวธิ ปี ระหยัดกระดาษใหเ้ พือ่ นในช้ันฟัง
ครสู อนให้นักเรียนรจู้ กั ใชพ้ จนานกุ รมในการหาความหมายของคาศพั ท์ เชน่ ในกรอบ
Go Green ครใู หน้ ักเรียนแข่งกันคน้ หาความหมายของคาวา่ tons (หนว่ ยชง่ั นา้ หนักเปน็ ตนั
ซึ่ง 1 ตัน มีคา่ เทา่ กบั 1,000 กโิ ลกรมั )
292
กิจกรรมเพิม่ เตมิ
ครอู าจเปดิ คลิปวดิ โี อ Sesame Street: Where Does Paper Come From? ใหน้ กั เรียนดูจาก
เว็บไซต์ต่อไปน้ี https://www.youtube.com/watch?v=uA56TLfEE9k
หรือครูอาจใหน้ ักเรียนไปดดู ว้ ยตนเองนอกเวลาเรยี น โดยครูบอกคาสาคญั “How paper is
made” หรือชื่อวดิ ีโอ เพ่อื ใหน้ กั เรียนไปคน้ หาคลิปดว้ ยตนเองใน www.youtube.com
ขั้น Production
1. ครูอธิบายภาระงาน ใหน้ ักเรียนจบั คู่ ผลดั กันถาม-ตอบเกี่ยวกับกจิ กรรมทเ่ี พ่อื นทาเป็นประจา ครใู หเ้ วลา
นักเรยี นฝกึ พดู จนคล่อง จากนัน้ ครใู ห้นกั เรยี นออกมาพดู ถาม-ตอบท่ีหน้าชั้น
ตวั อยา่ ง S1: Do you play football on Mondays?
S2: Yes, I do. /No, I don’t. I watch TV. etc.
2. ใหน้ กั เรยี นทางานคู่ เลือกตวั การต์ ูนทนี่ กั เรยี นช่นื ชอบมา 3 ตัว จากนัน้ ใหน้ กั เรยี นถามคาถามเก่ียวกับ
กิจวัตรประจาวันของตัวการต์ ูนดงั กลา่ ว พร้อมทงั้ เขียนตอบด้วย โดยใชก้ จิ กรรมใน Ex. 3 เป็นต้นแบบ
เมือ่ เขยี นเสร็จแลว้ ครใู หน้ กั เรียนฝึกพดู ถาม-ตอบกนั เก่ยี วกบั ขอ้ มลู ของตวั การต์ นู ท่นี ักเรียนทาไวด้ ว้ ย
โดยอาจจบั คู่กับนกั เรยี นอกี ค่หู น่ึงก็ได้
(ตวั อยา่ ง)
Does Conan play basketball on Mondays?
No, he doesn’t. He plays football.
Does Elsa have a guitar lesson on Fridays?
No, she doesn’t. She has a piano lesson.
Does Naruto tidy his room on Sundays?
No, he doesn’t. He goes to the cinema.
3. ให้นักเรียนทากจิ กรรมในแบบฝกึ หัด หน้า 35 Exs. 3-4 เป็นการบา้ น
293
Ex. 3
a2 b3
2 visits 3 play
Ex. 4
2 Does Lin watch TV in the evening?
No, she doesn’t. She goes to bed.
3 Does Fiona visit her grandmother on Fridays?
No, she doesn’t. She has a dance lesson on Fridays.
4 Does Phil tidy his room every afternoon?
No, he doesn’t. He watches TV.
7. การวดั และประเมนิ ผล เครือ่ งมือ เกณฑ์
วิธกี ารวดั แบบประเมนิ การพูด ระดบั คณุ ภาพ พอใช้
แบบประเมนิ การเขยี น ผา่ นเกณฑ์
ประเมนิ การพูดขอและใหข้ อ้ มลู ระดบั คุณภาพ พอใช้
เกีย่ วกบั กิจวัตรประจาวนั ของผู้อื่น แบบประเมินช้นิ งาน ผา่ นเกณฑ์
ประเมนิ การเขยี นขอและให้ข้อมลู
เกย่ี วกับกิจวัตรประจาวนั ของตวั ระดบั คุณภาพ พอใช้
การต์ นู ทช่ี อบ ผ่านเกณฑ์
ประเมนิ แผ่นป้ายประกาศ รอ้ ยละ 60 ผ่านเกณฑ์
ตรวจการเขียนประโยคตรงตาม แบบฝึกหดั (Workbook)/ รอ้ ยละ 60 ผ่านเกณฑ์
ความหมายของภาพ แบบทดสอบ ระดบั คณุ ภาพ พอใช้
ตรวจแบบฝกึ หดั แบบฝกึ หัด (Workbook) ผ่านเกณฑ์
สังเกตพฤตกิ รรมบ่งช้ีด้านใฝเ่ รยี นรู้ แบบประเมินคุณลักษณะ
และมงุ่ ม่ันในการทางาน อนั พึงประสงค์
294
8. ส่อื /แหลง่ การเรียนรู้
8.1 หนงั สอื เรียน EXTRA and Friends 4 ป. 4
8.2 แบบฝกึ หดั EXTRA and Friends 4 ป. 4
8.3 บัตรภาพ/บตั รคาศพั ท์
8.4 อปุ กรณท์ าชิ้นงาน
8.5 อินเทอร์เนต็
295
แผนการจดั การเรียนรทู้ ี่ 3 It’s one o’clock. It’s time for lunch!
เวลา 1 ชว่ั โมง
จดุ ประสงค์ (Objectives)
- อา่ นออกเสียง สะกดคา และบอกความหมายของคาศพั ทเ์ กยี่ วกับกิจกรรมที่ทาเป็นประจาได้
- สนทนาเก่ยี วกับเวลาและกจิ กรรมที่ทาเป็นประจาได้
- เขยี นให้ขอ้ มลู เกยี่ วกับกจิ วตั รประจาวนั ของตนเองได้
1. สาระ มาตรฐานการเรียนรู้/ตัวชี้วดั
สาระท่ี 1 ภาษาเพอ่ื การสอื่ สาร
มาตรฐาน ต 1.1 เข้าใจและตีความเรือ่ งทฟ่ี ังและอ่านจากสอื่ ประเภทตา่ ง ๆ และแสดงความคดิ เห็น
อยา่ งมเี หตผุ ล
ตวั ชวี้ ดั
ต 1.1 ป.4/2 อา่ นออกเสียงคา สะกดคา อา่ นกล่มุ คา ประโยค ข้อความง่าย ๆ และบทพูด
เข้าจังหวะถกู ตอ้ งตามหลกั การอ่าน
ต 1.1 ป.4/3 เลือก/ระบภุ าพ หรอื สญั ลักษณ์หรอื เครื่องหมายตรงตามความหมายของประโยค
และขอ้ ความส้ัน ๆ ทฟ่ี งั หรืออ่าน
มาตรฐาน ต 1.2 มีทกั ษะการส่อื สารทางภาษาในการแลกเปล่ยี นขอ้ มูลข่าวสาร แสดงความร้สู ึก
และแสดงความคดิ เห็นอย่างมปี ระสทิ ธภิ าพ
ตัวช้ีวัด
ต 1.2 ป.4/4 พดู /เขียนเพื่อขอและให้ขอ้ มูลเกย่ี วกับตนเอง เพือ่ น และครอบครวั
มาตรฐาน ต 1.3 นาเสนอขอ้ มลู ขา่ วสาร ความคดิ รวบยอด และความคิดเหน็ ในเรื่องต่าง ๆ โดย
การพูดและการเขยี น
ตัวชี้วดั
ต 1.3 ป.4/1 พดู /เขยี นใหข้ ้อมูลเกยี่ วกับตนเองและเรื่องใกล้ตวั
สาระท่ี 2 ภาษาและวัฒนธรรม
มาตรฐาน ต 2.1 เขา้ ใจความสัมพันธร์ ะหวา่ งภาษากับวฒั นธรรมของเจ้าของภาษา และนาไปใช้ได้
อย่างเหมาะสมกับกาลเทศะ
ตัวชว้ี ดั
ต 2.1 ป.4/3 เขา้ ร่วมกิจกรรมทางภาษาและวฒั นธรรมท่ีเหมาะกับวัย
296
สาระท่ี 4 ภาษากบั ความสัมพนั ธ์กับชุมชนและโลก
มาตรฐาน ต 4.1 ใช้ภาษาตา่ งประเทศในสถานการณต์ า่ ง ๆ ทง้ั ในสถานศกึ ษา ชุมชน และสงั คม
ตัวชว้ี ดั
ต 4.1 ป.4/1 ฟงั และพดู /อ่านในสถานการณ์ที่เกดิ ข้นึ ในห้องเรยี นและสถานศึกษา
2. สาระสาคญั /ความคิดรวบยอด
การรู้และเขา้ ใจคาศัพท์ โครงสรา้ งท่ีใชข้ อและใหข้ อ้ มลู เกย่ี วกับเวลาและกิจกรรมทที่ าเป็นประจา ช่วยให้
สนทนา พดู /เขียนสือ่ สารในชวี ติ ประจาวนั ได้อย่างถกู ต้องและเหมาะสม
3. สาระการเรยี นรู้
3.1 ทักษะเฉพาะวิชา
1) Language Features and Functions
Structure: What time is it? it’s one o’clock. It’s time for lunch!
Vocabulary: Days of the week, wake up, get up, go to school, play
basketball,
o’clock, breakfast, lunch, dinner, break, school, bed
Pronunciation: ลงเสียงหนกั ในคา (word stress)
Function: ขอและให้ข้อมูลเกีย่ วกบั เวลาและกิจกรรมท่ีทาเป็นประจา
2) Language Skills
Speaking: พูดขอและให้ขอ้ มลู เกย่ี วกับเวลาและกจิ กรรมท่ีทาเป็นประจา
3) Culture: การบอกเวลา
4. สมรรถนะสาคัญของผ้เู รยี น
4.1 ความสามารถในการส่ือสาร
4.2 ความสามารถในการคดิ
- ทกั ษะการคดิ ท่ใี ช้ในการส่อื สาร
4.3 ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี
5. คณุ ลักษณะอนั พึงประสงค์ 5.2 มุ่งมน่ั ในการทางาน
5.1 ใฝ่เรียนรู้
297
6. กจิ กรรมการเรียนรู้
ข้ัน Warm Up
1. ครูทักทายนักเรียนในช้นั โดยพูดวา่ Hello. How are you today? ให้นักเรียนพูดทกั ทายกลับ
2. ทบทวนตวั เลข 1-20 โดยให้นกั เรยี นนบั เลข 1-20 เปน็ ภาษาองั กฤษพร้อมกัน หรือครูอาจใหน้ ักเรยี น
ทนี่ ั่งอยแู่ ถวหน้าเป็นผเู้ ร่ิมนับ 1 กอ่ น จากน้นั ให้นกั เรียนคนถดั ไปนับเลขไปเร่ือย ๆ จนถึงคนท่ี 20
คนที่ 21 จะเรมิ่ นบั 1 ใหม่
3. ทบทวนคาศพั ทท์ ่ีขึน้ ตน้ และลงทา้ ยดว้ ยเสียง /f/ ด้วยบตั รคา โดยครูชบู ตั รคาขึ้นมา แล้วให้นกั เรยี น
ชว่ ยกันอ่านออกเสียงพรอ้ มกนั เช่น farmer, farm, fight, fall, food, fruit, feed, family
ขั้น Presentation
1. นาเสนอเรื่องการบอกเวลาโดยครูเปดิ คลปิ วดิ ีโอหรอื เพลงเก่ยี วกบั เรอ่ื งเวลาให้นักเรียนดูจากเวบ็ ไซต์
www.youtube.com
ครูสามารถเปดิ คลิปวดิ ีโอบทสนทนาสน้ั ๆ หรือเพลงเก่ยี วกบั เรอ่ื งเวลาจาก www.youtube.com
ดังน้ี
ช่อื คลิป: [Time] What time is it? Time for breakfast. - Easy Dialogue - English video for
Kids
หรือเข้าไปท่ี
https://www.youtube.com/watch?v=J9_Uknk4avE&list=PLii5rkhsE0Ld3xCgxG6j5fw7RlG
2S
5czO&index=34
ชอื่ คลิป: What time is it now? It's ten o'clock. (Time song) - Education English song for
Kids -
Sing a song หรือเข้าไปที่
https://www.youtube.com/watch?v=f6r1K8jAt2k&index=41&list=PLii5rkhsE0LfdEA-
fCg3qii9hI3LlgGTO
2. ครูนานาฬกิ าจาลองมาแสดงใหน้ กั เรียนดู และถามวา่ What is this? เมอื่ ได้คาตอบวา่ It’s a clock. แลว้
ครอู ธบิ ายวา่ การบอกเวลาเปน็ ชัว่ โมงใหด้ ทู ีเ่ ข็มส้นั สว่ นนาทีใหด้ ทู ่ีเข็มยาว จากน้นั ครหู มุนเข็มยาวไปท่ี
เลข 12 และเข็มส้ันของนาฬิกาไปท่เี ลข 1
ครถู ามเวลานกั เรยี นดงั นี้
298
T: What time is it?
S1: It’s one o’clock.
ครูเขียนประโยคถาม-ตอบบนกระดาน และอธิบายวา่ ในการถามเวลา เรามกั จะใช้คาตอบวา่ What
time is it? หรอื What is the time? ก็ได้ สว่ นในการบอกเวลา ถ้าเป็นเวลาตรงท่ไี ม่มเี ศษนาที เราจะใช้
คาว่า o’clock ครใู ห้นกั เรยี นออกเสียง o’clock ตามครูหลาย ๆ คร้งั โดยให้นกั เรียนลงเสยี งหนกั ในคา
ว่า clock ส่วน o ใหอ้ อกเสยี งรปู weak form ซง่ึ จะออกเสียงเปน็ /ə/
o’clockออกเสียงเป็น /əˈklɒk/
จากนัน้ ครเู ปลยี่ นตาแหนง่ ของเข็มสั้นของนาฬกิ าจากเลข 1 ไปเป็นเลข 2-12 ตามลาดบั แล้วครพู ดู ถาม
เวลา นกั เรยี น เช่น
T: What time is it?
S1: It’s two o’clock.
ต่อมาครูเปลย่ี นตาแหน่งของเข็มส้ันนาฬกิ า โดยไมเ่ รียงตามลาดบั เวลา แลว้ ส่มุ เรียกใหน้ กั เรยี นพดู บอก
เวลา ครูสังเกตการพดู บอกเวลาของนักเรียน โดยถ้ามนี ักเรียนท่ีพูดบอกเวลาไมค่ ล่อง ใหน้ ักเรียนฝึกพดู กับ
ครูนอกเวลาเรยี น เพื่อหาสาเหตุ เพราะนักเรียนอาจจะพดู บอกเวลาไมไ่ ด้ อนั เนือ่ งมาจากหลายสาเหตุ
เช่น ดูนาฬกิ าไมเ่ ป็น หรอื จดจาวิธบี อกเลขในภาษาองั กฤษไมไ่ ด้ เป็นตน้
ครนู านาฬกิ าจาลองมาแสดงอีกคร้ัง จากนนั้ หมุนเข็มนาฬกิ าไปท่เี วลา 07:00 น.
ครูถามเวลานกั เรยี น และให้นกั เรยี นช่วยกันบอกเวลาวา่ เรามักจะทาอะไรในเวลาดงั กลา่ ว โดยครูแสดง
ท่าทางประกอบ เชน่
T: Look at the clock. What time is it?
Ss: It’s 7 o’clock.
T: What do you do at 7 o’clock? (ครทู าทา่ ทาง กาลงั กินขา้ ว)
Ss: We have breakfast.
T: Correct. It’s 7 o’clock. It’s time for breakfast. Repeat after me.
Ss: It’s 7 o’clock. It’s time for breakfast.
299
ครูเขยี นประโยค It’s time for breakfast. บนกระดาน และอธบิ ายวา่ เราสามารถเขยี นประโยคไดอ้ ีก
รปู แบบหนง่ึ คือ It’s time to have breakfast. โดยใหน้ กั เรียนจดจาไว้ว่า
For + คานาม
To + คากริยา
ตอ่ มาครูเปลย่ี นตาแหน่งเข็มส้นั ของนาฬกิ าไปทเี่ วลา 10:00, 12:00, 06:00 และ 09:00 ตามลาดบั
เพ่ือใหน้ ักเรียนฝึกพดู บอกเวลา และโครงสรา้ ง It’s time for + คานาม./to +คากรยิ า เชน่
It’s 3 o’clock. It’s time for break./It’s time to have break.
It’s 12 o’clock. It’s time for lunch./It’s time to have lunch.
It’s 6 o’clock. It’s time for dinner./It’s time to have dinner.
It’s 9 o’clock. It’s time for bed./It’s time to go to bed.
ครอู ธิบายเพิม่ เติมวา่ ในภาษาพดู เชน่ เพอ่ื นพดู กบั เพ่อื นหรอื พดู กบั คนในครอบครัว เราสามารถละ It’s
ได้ เชน่ Time for breakfast/break/lunch/dinner/bed.
3. นาเสนอคาศัพท์ที่เกี่ยวขอ้ งกับชีวติ ประจาวัน ได้แก่ breakfast (มื้อเช้า), lunch (มอ้ื กลางวัน), dinner
(มอื้ เยน็ ), break (ชว่ งพกั ), school (โรงเรยี น), bed (เตียงนอน) โดยครเู ขียนตัวอย่างประโยคบนกระดาน
I have breakfast at 7 o’clock.
I have lunch at 12 o’clock.
We have break between lessons at school. We usually have break at 10 o’clock in
the morning and
3 o’clock in the afternoon.
I go to school at 6 o’clock.
I go to bed at 9 o’clock.
ครอู ธบิ ายวา่ go to bed มีความหมายว่า เข้านอน จากนั้นครูออกเสยี งให้นักเรยี นฟังและพูดตามพรอ้ ม
กัน หรอื ทีละคน ครยู า้ ใหน้ กั เรียนสงั เกต ขณะครูออกเสยี ง breakfast และ dinner วา่ เน้นหนักทพ่ี ยางคใ์ ด
300
การลงเสยี งหนักในคา (word stress)
คนไทยมกั จะนาเอาหลกั การออกเสียงภาษาไทยไปใช้ในภาษาองั กฤษซ่งึ ไมถ่ กู ตอ้ งนกั
เพราะภาษาไทยจดั วา่ เปน็ syllable-timed language ซ่ึงเปน็ ภาษาทีม่ กี ารเน้นหนักที่พยางค์
ทกุ คาในประโยค ในขณะท่ภี าษาอังกฤษเป็น stress-timed language ซง่ึ เป็นภาษาท่ี
เน้นหนกั เฉพาะพยางค์บางคา (word stress) หรอื คาท่ตี อ้ งการเน้นในประโยค (sentence
stress) สว่ นคาหรอื พยางค์ท่ีไมล่ งเสยี งหนักก็จะมีการลดเสยี งสระและพดู รวบเหมอื นพดู อยู่
ในลาคอ ตวั อยา่ งการลงเสียงหนกั ในคา เช่น
breakfast dinner cinema
lesson basketball favourite
doctor teacher grandfather
ทีม่ า: http://www.myfirstbrain.com/student_view.aspx?id=96915
4. ครเู ขียนตารางกจิ วตั รประจาวันของเดก็ ชาย Peter บนกระดาน จากนั้นครูพูดถามเวลาและใหน้ กั เรยี น
พูดบอกเวลาและกิจกรรมท่ี Peter ทาในเวลาตา่ ง ๆ โดยใช้โครงสรา้ ง It’s time to … . ตวั อย่างเชน่
07:00 have breakfast
08:00 go to school
10:00 take a break
12:00 have lunch
04:00 go home
07:00 have dinner
09:00 go to bed
T: (ช้ไี ปทเ่ี วลา 7 นาฬกิ า) What time is it?
Ss: It’s seven o’clock. It’s time to have breakfast.
T: (ชไี้ ปทเี่ วลา 8 นาฬกิ า) What time is it?
Ss: It’s eight o’clock. It’s time to go to school.
T: (ชไี้ ปท่ีเวลา 10 นาฬกิ า) What time is it?
Ss: It’s ten o’clock. It’s time to have break.
301
5. ครลู บคากรยิ าในตารางบนกระดาน ใหเ้ หลือแต่คานาม ดังน้ี
07:00 breakfast
08:00 school
10:00 break
12:00 lunch
04:00 home
07:00 dinner
09:00 bed
จากนน้ั ครพู ูดถามเวลา และใหน้ ักเรียนพูดบอกเวลาและกจิ กรรมอกี คร้งั โดยใช้โครงสรา้ ง It’s time
for … . เชน่
T: (ช้ไี ปที่เวลา 7 นาฬกิ า) What time is it?
Ss: It’s seven o’clock. It’s time for breakfast.
T: (ช้ีไปที่เวลา 8 นาฬกิ า) What time is it?
Ss: It’s eight o’clock. It’s time for school.
T: (ชไ้ี ปที่เวลา 10 นาฬกิ า) What time is it?
Ss: It’s ten o’clock. It’s time for a break.
ขน้ั Practice
1. หนังสือเรยี น หนา้ 42 Ex. 5 ครอู า่ นคาสงั่ What’s the time? Complete. Then listen, point and
repeat.
จากนั้นครเู ปดิ CD ใหน้ ักเรยี นฟงั 2-3 ครงั้ เพื่อใหน้ ักเรียนเตมิ คาตอบให้ถกู ตอ้ ง เม่อื จบ CD แต่ละครง้ั
ครูให้เวลานักเรยี นเขยี นคาตอบด้วย โดยระหว่างทท่ี านั้น ครเู ดนิ สังเกตการทางานของนกั เรียน
It’s one o’clock. It’s two o’clock.
It’s three o’clock. It’s four o’clock.
It’s five o’clock. It’s six o’clock.
It’s seven o’clock. It’s eight o’clock.
It’s nine o’clock. It’s ten o’clock.
It’s eleven o’clock. It’s twelve o’clock.
breakfast, lunch, dinner, break, school, bed
302
2 - It’s two o’clock. 8 - It’s eight o’clock.
3 - It’s three o’clock. 9 - It’s nine o’clock.
4 - It’s four o’clock. 10 - It’s ten o’clock.
5 - It’s five o’clock. 11 - It’s eleven o’clock.
6 - It’s six o’clock. 12 - It’s twelve o’clock.
7 - It’s seven o’clock.
เม่ือนักเรยี นส่วนใหญเ่ ขียนคาตอบเสรจ็ แลว้ ครวู าดภาพนาฬกิ าบนกระดาน เหมอื นอย่างในหนงั สือ-
เรยี น และสุ่มเรียกนักเรียนออกมาเขยี นคาตอบ ครใู หน้ ักเรยี นท่เี หลือช่วยกนั ตรวจคาตอบ เสรจ็ แล้ว
ครูเปิด CD อกี ครัง้ ชีท้ ค่ี าตอบแตล่ ะขอ้ และใหน้ กั เรยี นอ่านออกเสยี งตามพรอ้ ม ๆ กนั และทลี ะคน
กิจกรรมเพ่ิมเตมิ
ครใู ชน้ าฬิกาจาลอง โดยหมนุ เขม็ นาฬิกาไปท่ีเวลาต่าง ๆ แลว้ ให้นกั เรยี นในหอ้ งพดู ถามเวลา
พรอ้ ม ๆ กันว่า What time is it? แล้วครสู มุ่ เรยี กนักเรียน 1 คน พดู บอกเวลา ครทู ากจิ กรรม
เชน่ น้ไี ปเร่อื ย ๆ จนนักเรยี นสามารถพดู ถามและบอกเวลาได้คลอ่ ง
2. หนังสอื เรียน หน้า 42 Ex. 6 ครใู ห้นักเรียนอ่านคาศพั ท์ทใ่ี ห้มาตามครู แลว้ ให้นักเรยี น 2 คนอา่ นตวั อยา่ ง
คาถามและคาตอบท่ีให้มา จากนนั้ ครใู หน้ ักเรียนเขยี นเวลาท่นี กั เรยี นทากจิ กรรมที่กาหนดให้ และให้
นกั เรยี นจับคูก่ นั แลว้ ฝึกพูดถาม-ตอบ
ตวั อย่าง S1: What time is it?
S2: It’s nine o’clock. It’s time for school.
S1: What time is it?
S2: It’s twelve o’clock. It’s time for lunch. etc.
การบอกเวลาแบบไทยและองั กฤษมีความแตกตา่ งกนั ในประเทศไทยจะเร่ิมตั้งแต่เวลา
00.00-24.00 น. แตอ่ งั กฤษจะใชร้ ะบบเลข 1-12 แล้วตามดว้ ย am หรือ pm แทน
• am คอื เวลาตั้งแต่หลังเทย่ี งคืนถึงก่อนเท่ียงวัน (00.00 am - 11.59 am)
• pm คอื เวลาต้งั แตห่ ลังเทยี่ งวนั ถงึ กอ่ นเทยี่ งคนื (12.00 pm - 11.59 pm)
หากเป็นเวลาเที่ยงตรงชาวอังกฤษจะใชค้ าวา่ noon และเวลาเท่ียงคืนให้ใช้คาวา่ midnight แทน
ตัวอย่าง I have breakfast at 6 am. (ฉนั รับประทานอาหารเชา้ เวลา 06.00 น.)
She goes to bed at 9 pm. (เธอเข้านอนเวลา 21.00 น.)
ท่ีมา: http://www.dailyenglish.in.th/whats-the-time/
303
กิจกรรมเพม่ิ เตมิ
ครเู ตรียมนาฬกิ า 3 เรือน จากนนั้ แบ่งนักเรียนออกเป็น 3 กล่มุ ครแู จกนาฬกิ าให้แต่ละกล่มุ กลมุ่ ละ 1
เรอื น ต่อมาครูอธิบายวา่ ใหแ้ ต่ละกลุ่มสง่ ตวั แทนออกมายืนถอื นาฬกิ าที่ครูแจกให้ เมอื่ ครพู ูดบอกเวลา
เช่น It’s three o’clock. ใหต้ วั แทนแตล่ ะกลุม่ หมนุ เข็มนาฬิกาตามเวลาทคี่ รบู อกและพูดบอกกจิ กรรมท่ี
ตนเองทา ณ ชว่ งเวลานี้ เชน่ It’s three o’clock. It’s time to go home. กล่มุ ทพี่ ดู บอกเวลาและ
กิจกรรมท่ี
ทาได้ถูกตอ้ งมากทีส่ ดุ เป็นกลุ่มที่ชนะ
โดยปกติแลว้ เราจะลงเสียงตา่ (falling intonation) เมื่อตอ้ งการจบประโยค เชน่ I go to school
at 7 o’clock. Anne likes cake. นอกจากน้เี รายงั ลงเสยี งตา่ ในประโยคคาถามแบบ Wh-
questions
ดว้ ย
ตวั อย่าง What time is it? What do you do on Mondays?
When does the bus arrive?
ครูแนะนาคลปิ วิดโี อเพลงเกีย่ วกบั เรือ่ งการบอกเวลา ให้นกั เรียนไปเปิดฟังและฝึกฝนด้วย
ตนเองนอกเวลาจากเวบ็ ไซตต์ อ่ ไปนี้
https://www.youtube.com/watch?v=0Yq_rztquuU
หรอื เข้าไปที่ www.youtube.com และพมิ พช์ ื่อคลิป What time is it? Song for kids (By
Dream English Kids)
ครูใหน้ กั เรยี นทย่ี งั พูดบอกเวลาไม่คลอ่ ง ทากิจกรรมทเี่ วบ็ ไซตต์ ่อไปนี้
https://learnenglishkids.britishcouncil.org/en/games/whats-the-time
หรอื ครอู าจดาวน์โหลดใบงานง่าย ๆ เกยี่ วกับการบอกเวลาจากเว็บไซตต์ อ่ ไปน้ี
https://www.superteacherworksheets.com/time.html
304
ขน้ั Production
1. ครอู ธิบายภาระงาน ใหน้ ักเรยี นเขียนบันทกึ ประจาวนั ของตนเอง (My diary) โดยเขียนบรรยายกจิ กรรม
ท่ที า ณ เวลาตา่ ง ๆ ใน 1 วนั พรอ้ มวาดภาพประกอบด้วย เสรจ็ แลว้ ครใู หน้ ักเรยี นออกมาอ่านบันทกึ
ประจาวันของตนเองใหเ้ พอ่ื นฟังหนา้ ชั้น
ตวั อยา่ ง It’s seven o’clock. It’s time to go to school.
It’s eleven o’clock. It’s time for break.
It’s one o’clock. It’s time for lunch
It’s four o’clock. It’s time to play football.
It’s five o’clock. It’s time to wash the dog. etc.
2. ครูถามนกั เรยี นว่า รูจ้ กั เร่อื ง Cinderella หรือไม่ แล้วให้นกั เรียนท่รี ู้จกั เล่าเรอ่ื งครา่ ว ๆ ให้เพื่อนฟงั
จากน้นั ครอู ธบิ ายว่า ครจู ะเปิดคลิปวิดโี อเรอื่ ง Cinderella - What time is it? (จาก
www.youtube.com)
ใหน้ ักเรยี นดู ซ่ึงเปน็ การต์ ูนส้นั ๆ ท่ีปรบั มาจากเรอื่ ง Cinderella แตจ่ ะเนน้ เรื่องการบอกเวลา เม่อื
นักเรยี นดูจบแล้ว ครูแบ่งนักเรียนเป็นกล่มุ กลมุ่ ละ 6 คน ซง่ึ จะมตี วั ละครไดแ้ ก่ stepmom (แม่เล้ียง),
stepsister 1 (พส่ี าว/นอ้ งสาวตา่ งมารดา), stepsister 2 (พสี่ าว/นอ้ งสาวตา่ งมารดา), Cinderella (ซิ
นเดอ-
เรลลา), fairy (นางฟา้ ), prince (เจ้าชาย) เมอื่ นักเรยี นแบง่ บทบาทกันเสรจ็ แล้ว ครนู าบทสนทนาจาก
เรอื่ งดังกล่าวมาแจกให้แต่ละกล่มุ ซงึ่ ครูควรเปลี่ยนเวลาในบทสนทนาให้เปน็ o’clock ทงั้ หมด สดุ ทา้ ย
ครูให้เวลานักเรียนปรึกษาและฝึกซอ้ มกันสนั้ ๆ และให้นักเรยี นไปฝกึ ซ้อมตอ่ นอกเวลาเรียน
แลว้ นัดหมายเวลาเพ่อื มาแสดงใหค้ รดู ู
Cinderella - What time is it?
Stepmom: What time is it?
Stepsister 1: It’s 12 o’clock.
Stepsister 2: Time for lunch.
Stepmom: Cinderella, lunch time.
Cinderella: Okay. Coming!
Stepsister 1: What time is it?
Stepsister 2: It’s 5:30.
Stepmom: It’s party time.
Stepsister 1: Let’s go.
Cinderella: Please wait for me.
Fairy: Cinderella, close your eyes.
305
Fairy: Open your eyes, please.
Cinderella: Wow! Thanks.
Fairy: You’re welcome. Party time, Cinderella.
Prince: Time for dancing.
Cinderella: What time is it?
Prince: It’s 11 o’clock
Cinderella: Oh, no! It’s late. Good night!
Prince: Please wait for me.
ท่มี า: https://www.youtube.com/watch?v=BBRtA5vQfWg
3. ให้นกั เรียนทากจิ กรรมในแบบฝึกหดั หนา้ 36 Exs. 5-6 เป็นการบ้าน
Ex. 5 2 It’s three o’clock.
1 It’s seven o’clock. 4 It’s twelve o’clock.
3 It’s five o’clock.
6 walks
Ex. 6 4 goes to bed
2 visits 5 has breakfast
3 does
306
7. การวดั และประเมนิ ผล เครือ่ งมอื เกณฑ์
วิธกี ารวดั แบบประเมินการเขียน ระดับคณุ ภาพ พอใช้ ผา่ น
เกณฑ์
ประเมนิ การเขียนบันทกึ ประจาวนั แบบประเมินการพูด ระดับคุณภาพ พอใช้ ผา่ น
ของตนเอง (My diary) เกณฑ์
ประเมินการพดู ขอและใหข้ อ้ มลู แบบประเมินการแสดงบทบาท ระดับคณุ ภาพ พอใช้ ผา่ น
เกยี่ วกับเวลาและกิจกรรมทท่ี า สมมติ เกณฑ์
ประเมนิ การแสดงบทสนทนาเรอื่ ง แบบฝกึ หัด (Workbook)/ รอ้ ยละ 60 ผา่ นเกณฑ์
Cinderella - What time is it? แบบทดสอบ
ตรวจการเลอื กคาศพั ท์ตรงตาม แบบประเมินคุณลักษณะอนั พึง ระดับคุณภาพ พอใช้ ผา่ น
ความหมายของภาพ ประสงค์ เกณฑ์
สงั เกตพฤติกรรมบง่ ช้ีด้านใฝเ่ รยี นรู้
และมุ่งมนั่ ในการทางาน
8. สื่อ/แหลง่ การเรยี นรู้
8.1 หนงั สอื เรยี น EXTRA and Friends 4 ป. 4
8.2 แบบฝกึ หัด EXTRA and Friends 4 ป. 4
8.3 Class Audio CD ประกอบสื่อฯ ชดุ EXTRA and Friends 4 ป. 4
8.4 บัตรภาพ/บตั รคาศพั ท์
8.5 อนิ เทอร์เนต็
307
แผนการจัดการเรียนรู้ท่ี 4 What does Jack Michaels do at six
o’clock?
เวลา 1 ชว่ั โมง
จดุ ประสงค์ (Objectives)
- ฟังและเตมิ คาได้
- พูดและเขยี นใหข้ อ้ มลู เกยี่ วกับกจิ วตั รประจาวนั ได้
- พูดขอและใหข้ ้อมลู เก่ยี วกับกิจวตั รประจาวนั และเวลาได้
1. สาระ มาตรฐานการเรยี นรู/้ ตัวชว้ี ดั
สาระที่ 1 ภาษาเพ่ือการส่ือสาร
มาตรฐาน ต 1.1 เขา้ ใจและตีความเรือ่ งท่ฟี ังและอา่ นจากสือ่ ประเภทตา่ ง ๆ และแสดงความคดิ เหน็
อย่างมเี หตุผล
ตวั ชว้ี ัด อา่ นออกเสียงคา สะกดคา อ่านกลมุ่ คา ประโยค ข้อความงา่ ย ๆ และบทพดู
ต 1.1 ป.4/2 เข้าจงั หวะถูกต้องตามหลกั การอา่ น
ต 1.1 ป.4/4 ตอบคาถามจากการฟังและอา่ นประโยค บทสนทนา และนิทานง่าย ๆ
มาตรฐาน ต 1.2 มที ักษะการสอื่ สารทางภาษาในการแลกเปลี่ยนขอ้ มูลข่าวสาร แสดงความรู้สึก
และ แสดงความคดิ เห็นอย่างมีประสทิ ธภิ าพ
ตวั ชว้ี ัด พดู /เขียนเพอื่ ขอและให้ขอ้ มลู เกี่ยวกับตนเอง เพื่อน และครอบครัว
ต 1.2 ป.4/4
มาตรฐาน ต 1.3 นาเสนอขอ้ มลู ขา่ วสาร ความคดิ รวบยอด และความคดิ เหน็ ในเรื่องตา่ ง ๆ โดย
ตัวชว้ี ดั การพูดและการเขียน
ต 1.3 ป.4/1 พูด/เขียนให้ข้อมลู เกี่ยวกบั ตนเองและเร่ืองใกล้ตวั
สาระที่ 2 ภาษาและวฒั นธรรม
มาตรฐาน ต 2.1 เข้าใจความสัมพนั ธร์ ะหว่างภาษากับวฒั นธรรมของเจา้ ของภาษา และนาไปใช้ได้
อยา่ งเหมาะสมกับกาลเทศะ
ตัวช้วี ดั
ต 2.1 ป.4/3 เข้าร่วมกิจกรรมทางภาษาและวฒั นธรรมทเ่ี หมาะกับวยั
308
สาระท่ี 4 ภาษากับความสมั พันธ์กับชุมชนและโลก
มาตรฐาน ต 4.1 ใช้ภาษาตา่ งประเทศในสถานการณ์ตา่ ง ๆ ท้งั ในสถานศกึ ษา ชมุ ชน และสงั คม
ตัวชีว้ ัด
ต 4.1 ป.4/1 ฟังและพดู /อ่านในสถานการณ์ท่เี กดิ ข้นึ ในหอ้ งเรียนและสถานศึกษา
2. สาระสาคญั /ความคิดรวบยอด
การรู้และเขา้ ใจคาศัพท์ โครงสรา้ งภาษาและสานวนทีใ่ ช้ขอและใหข้ อ้ มูลเกยี่ วกับกจิ วตั รประจาวนั และ
เวลา ช่วยใหส้ นทนา และพูด/เขียนส่อื สารในชวี ติ ประจาวนั ได้อยา่ งถกู ต้องและเหมาะสม
3. สาระการเรยี นรู้
3.1 ทกั ษะเฉพาะวชิ า
1) Language Features and Functions
Structure: What does Jack Michaels do at six o’clock? He gets up.
Vocabulary: Days of the week, meals, wake up, get up, go to school, play
basketball, o’clock, break, school, bed
Function: ขอและให้ขอ้ มลู เก่ยี วกบั กจิ วตั รประจาวนั และเวลา
2) Language Skills
Listening: ฟงั และเตมิ คาได้
Speaking: พูดขอและให้ขอ้ มูลเก่ียวกบั กจิ วัตรประจาวนั และเวลา
4. สมรรถนะสาคัญของผเู้ รยี น
4.1 ความสามารถในการสื่อสาร
4.2 ความสามารถในการคดิ
- ทักษะการคดิ ท่ีใช้ในการสอ่ื สาร
4.3 ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี
5. คุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์
5.1 ใฝเ่ รียนรู้
5.2 ม่งุ ม่ันในการทางาน
309
6. กิจกรรมการเรียนรู้
ขนั้ Warm Up
1. ครกู ล่าวทกั ทายนกั เรยี น How are you today? จากน้ันครูสุ่มเรยี กนกั เรยี น 5-6 คน พดู ตอบครูโดยท่ี
คาตอบของนกั เรียนแต่ละคนต้องไม่ซา้ กนั เชน่
T: How are you today?
S1: I’m OK.
T: How are you today?
S2: I’m not fine. etc.
2. ทบทวนการลงเสียงหนักในคา (word stress) โดยครูเขยี นคาศพั ท์ต่อไปนบ้ี นกระดาน
breakfast dinner cinema
lesson basketball favourite
doctor teacher grandfather
จากน้ันครชู ท้ี คี่ าศพั ทแ์ ตล่ ะคาและให้นกั เรียนอ่านออกเสียงตามครู โดยใช้คาสง่ั วา่ Repeat after me.
จากนั้นครูสุ่มเรยี กนกั เรียนอา่ นคาศพั ทแ์ ต่ละคา ครพู ดู ยา้ ใหน้ ักเรยี นฝึกฝนการลงเสียงหนักในคาที่มี
มากกวา่ 1 พยางค์ใหถ้ ูกตอ้ ง โดยใช้พจนานกุ รมออนไลน์ เช่น Cambridge, Oxford, Longman
3. ทบทวนการเตมิ -s และ -es หลงั คากรยิ าทม่ี ปี ระธานเป็นเอกพจน์ โดยเขียนคาศัพทต์ อ่ ไปนี้บนกระดาน
swim watch play draw wash listen
จากนนั้ ครใู ห้นักเรียนชว่ ยกันพูดบอกวา่ คาใดเติม -s และคาใดเตมิ -es ดังน้ี
swims watches plays draws washes
listens
ครใู หน้ กั เรยี นฝึกออกเสยี งคาละ 2-3 คร้งั แล้วครูให้นกั เรยี นแตง่ ประโยค Present simple โดยใช้
คาศพั ท์
บนกระดาน เสรจ็ แล้วครขู ออาสาสมัครออกมาเขียนประโยคท่ีตนเองแต่งบนกระดาน เช่น
He plays basketball every Saturday. She listens to music on Mondays.
ครูอธบิ ายวา่ คากริยาทเ่ี ตมิ -s และ -es สามารถออกเสียงได้ 3 แบบ คอื /s/, /z/ และ /Iz/ ดังนี้
/s/ /z/ /Iz/
eats swims watches
sleeps plays catches
walks draws washes
likes listens pushes
310
4. ใหเ้ ลน่ เกม Bingo เก่ียวกบั เวลา โดยครแู จกตารางบงิ โกใหน้ กั เรียนคนละ 1 ใบ (ดใู บงานท้ายแผน) ให้
นักเรียนผลัดกันจับฉลากและพูดบอกเวลาทจ่ี บั ได้ ใครมีเวลาดงั กล่าวในตารางบงิ โกของตนเองให้
กากบาททับช่องดังกล่าว คนท่กี ากบาททับได้ 3 ชอ่ ง ติดตอ่ กันก่อนในแนวใดก็ได้ ให้ตะโกนว่า บิงโก
ขนั้ Presentation
1. ครเู ขียนประโยคต่อไปน้ีบนกระดาน
I get up at 6 o’clock. I don’t get up at 6 o’clock.
He plays football at 4 o’clock. He doesn’t play football at 4 o’clock.
จากนั้นให้นกั เรยี นอา่ นทลี ะประโยคพรอ้ มกัน แลว้ ใหน้ กั เรียนช่วยกันสรปุ โครงสรา้ งประโยคบอกเลา่
และปฏเิ สธบนกระดาน ดังนี้
ประธาน + กริยาช่องที่ 1 (-s, -es).
ประธาน + doesn’t/don’t + กรยิ ารปู base form (ชอ่ งท่ี 1).
ครอู ธิบายเพม่ิ เติมวา่ เราจะใช้ doesn’t เมอื่ ประธานเป็นเอกพจน์ เช่น He, She, It สว่ นประธานพหพู จน์
รวมท้งั I และ You เราจะใช้ don’t
ตอ่ มาครูเขียนประโยคต่อไปน้ีบนกระดาน
What time do you get up? I get up at 6 o’clock.
What time does he get up? He gets up at 6 o’clock.
จากน้ันครอู า่ นประโยคดงั กล่าวใหน้ ักเรียนอ่านตาม ครอู ธิบายว่า ประโยคคาถามเหล่าน้ใี ช้ถามถงึ เวลา
ทีเ่ ราทากจิ กรรมตา่ ง ๆ มีโครงสรา้ งดงั นี้
What time does + ประธานเอกพจน์ + กริยารปู base form (ช่องที่ 1)?
What time do + ประธานพหพู จน์รวมทง้ั I และ You + กริยารูป base form (ช่องที่ 1)?
สว่ นการตอบเราจะใช้โครงสร้าง ประธาน + กริยา (-s, -es) + at + เวลา. ครยู า้ วา่ เราจะใชค้ าบุทบท at
ในการบอกเวลาทแ่ี น่นอน เช่น I get up at 6 o’clock. แต่ถ้าเปน็ ชว่ งเวลา เชน่ ชว่ งเชา้ ชว่ งบา่ ย ชว่ ง
เยน็
เราจะใช้ in เชน่ in the morning, in the afternoon, in the evening ยกเวน้ ชว่ งกลางคนื เราจะใช้
at night
ครูใหน้ ักเรียนช่วยกนั ยกตัวอย่างประโยค แล้วครเู ขียนบนกระดาน เชน่
We have breakfast in the morning.
We play football in the afternoon.
We gave dinner in the evening.
We sleep at night.
311
ครวู งคากริยาชว่ ย do และ does ในประโยคคาถาม และอธิบายวา่ เราใช้ does กบั ประธาน
เอกพจน์ เชน่ He, She, It ส่วน do ใชป้ ระธานพหพู จน์ เช่น They, We รวมท้ัง I และ You
คากรยิ าทอี่ ยู่หลงั ประธานจะกลบั ไปอยู่ในรปู base form เสมอ เมอ่ื มคี ากริยาชว่ ย does เชน่
What time does she get up? She gets up at 6 o’clock.
What time does he watch TV? He watches TV at 7 o’clock.
What time do you go to bed? I go to bed at 9 o’clock.
2. ครเู ขยี นประโยคตอ่ ไปนี้บนกระดาน
What do you do on Saturdays?
ครใู หน้ ักเรยี นอา่ นออกเสยี งตามครพู ร้อม ๆ กนั และทีละคน จากนัน้ ครรู วบรวมคาตอบจากนักเรยี น
T: What do you do on Saturdays?
Anne: I tidy my room.
ครูเขยี นคาตอบของนักเรียนบนกระดาน และใหน้ ักเรยี นอา่ นออกเสียงพรอ้ ม ๆ กัน
Anne tidies her room on Saturdays.
ตอ่ มาครถู ามนกั เรยี นอกี คร้ังว่า Anne ทาอะไรในวันเสาร์ เพ่ือใหน้ กั เรียนฝึกใชป้ ระธานเอกพจน์ ใน
ประโยค Present simple และใชค้ าบพุ บท on ร่วมกับวัน
T: What does Anne do on Saturdays?
Ss: She tidies her room on Saturdays.
ครถู ามคาถามเช่นเดียวกนั นีก้ บั นักเรียนอีกหลาย ๆ คน
เสรจ็ แลว้ ครบู อกนักเรยี นว่า on เปน็ คาบพุ บท (preposition) ทใี่ ชร้ ่วมกบั วนั เช่น Monday,
Tuesday และ
วันท่ี เช่น My birthday is on 20 July. ครอู าจถามคาถามนกั เรยี นเพ่ิมเติม เช่น When is your
birthday?
3. ครเู ขียนคา/วลบี ่งบอกเวลาและตารางตอ่ ไปนบี้ นกระดาน
January afternoon night August
5th December Sunday evening six o’clock
12 o’clock morning Wednesday Tuesdays
312
IN ON AT
ครใู ห้เวลานกั เรียนสั้น ๆ เติมขอ้ มูลลงในตารางใหถ้ ูกตอ้ ง เสรจ็ แล้วครรู วบรวมคาตอบจากนกั เรียน
และเขียนเฉลยลงในตารางบนกระดาน
คาตอบ: IN - January, afternoon, August, evening, morning
ON - 5th December, Sunday, Wednesday, Tuesdays
AT - night, six o’clock, 12 o’clock
คาบุพบทบอกเวลา (prepositions of time)
1. in ใชก้ ับเดือน ปี ฤดู และช่วงเวลา
ตวั อย่าง I will visit my grandmother in May.
My birthday is in June.
They plant flowers in spring.
I play football in the afternoon.
2. on ใชก้ ับวนั ในสปั ดาห์ วันท่ี หรอื วนั เฉพาะในเทศกาลตา่ ง ๆ
ตวั อยา่ ง He washes the dog on Mondays.
My birthday is on 14th July.
3. at ใชบ้ อกเวลาตามเขม็ นาฬิกา
ตวั อย่าง He gets up at 7 o’clock.
I have a piano lesson at 3 o’clock.
นอกจากน้ยี งั ใชก้ ับสานวน at noon, at night, at midday, at midnight, at lunchtime,
at sunrise, at sunset, at present, at the moment, at the same time
ตวั อยา่ ง See you at lunchtime.
I don’t play football at night.
ทม่ี า: http://www.pasaangkit.com/การใช้บพุ บท-in-on-at-บอกเวลาใน/
ขั้น Practice
1. หนงั สอื เรยี น หนา้ 43 Ex. 7 ครอู า่ นคาสงั่ Read and correct. และอา่ นตัวอยา่ งใหน้ ักเรยี นฟัง จากน้นั
313
ครถู ามนกั เรยี นวา่ ทาไม don’t ถงึ เปน็ คาตอบที่ไมถ่ กู ต้อง เพือ่ กระตุ้นใหน้ ักเรียนตอบวา่ เพราะประธาน
เปน็ เอกพจน์ กรยิ าชว่ ยตอ้ งเปน็ doesn’t ครใู ห้เวลานักเรียนทาข้อทเ่ี หลือ เสรจ็ แลว้ ครรู วบรวมคาตอบ
จากนักเรยี นมาเขยี นบนกระดาน เสรจ็ แลว้ เฉลยคาตอบพรอ้ มกัน
2 drinks 4 do 6 like
3 play 5 don’t
2. หนังสือเรยี น หน้า 43 Ex. 8 ครูพูดวา่ Look at exercise 8. ให้นักเรยี นเตมิ คาบุพบทบอกเวลา in, on
หรอื
at ลงในชอ่ งวา่ งใหถ้ กู ต้อง จากนน้ั ครูอา่ นประโยคแต่ละข้อ ให้นักเรียนพดู ตอบปากเปล่า โดยครเู ขยี น
คาตอบท่ถี ูกตอ้ งบนกระดาน เสรจ็ แลว้ ครสู มุ่ เรยี กนกั เรียนอ่านประโยคท่เี ตมิ คาตอบสมบรู ณ์
2 in 3 on 4 at 5 at 6 on
3. หนังสอื เรยี น หน้า 43 Ex. 9 ให้นักเรียนดภู าพทใี่ หม้ า และระบุวา่ คือกฬี าชนดิ ใด เมื่อไดค้ าตอบว่า
basketball แล้ว ใหน้ ักเรียนอา่ นขอ้ มูลที่ให้มา ครูชีใ้ ห้เหน็ ว่า มีบางคาทีน่ กั เรยี นออกเสยี งไม่ถกู ต้อง
ซ่ึงส่งผลตอ่ การฟงั ของนักเรียน จากนนั้ ครูเขยี นคาศัพทต์ ่อไปนีบ้ นกระดาน ใหน้ กั เรียนฝกึ ออกเสยี ง
o’clock ออกเสียง /əˈklɒk/
seven ออกเสยี ง /ˈsevn/
morning ออกเสียง /ˈmɔːnɪŋ/
evening ออกเสียง /ˈiːvnɪŋ/
breakfast ออกเสียง /ˈbrekfəst/
basketball ออกเสยี ง /ˈbɑːskɪtbɔːl/
นอกจากนี้ยงั มีคาบางคาในประโยค เวลาออกเสยี งจะมเี สียงเชื่อมระหว่างคา เชน่
get up gets up
swim in swims in
ครใู หน้ ักเรียนฝกึ ออกเสยี งเชอ่ื มระหว่างคา จากน้นั ครูอธิบายภาระงานวา่ นักเรยี นจะได้ฟงั บทสนทนา
ระหวา่ งคน 2 คน โดยมผี ู้ชายคนหนึง่ พูดถามคาถาม Jack Michaels ซึ่งคอื บคุ คลท่นี กั เรียนเหน็ ในภาพ
ในหนงั สือเรียนเก่ยี วกบั กิจวตั รประจาวนั ของเขา เมอ่ื นักเรียนเขา้ ใจแลว้ ครเู ปิด CD ให้นักเรยี นฟัง
1-2 คร้งั และเติมขอ้ มูลลงในชอ่ งวา่ ง โดยเขียนคาตอบลงในสมุด เสร็จแลว้ ครูรวบรวมคาตอบจาก
นักเรยี นมาเขียนบนกระดาน แลว้ เฉลยคาตอบ หรือครอู าจเปดิ CD อกี ครงั้ โดยหยดุ CD หลงั จบแตล่ ะ
314
ขอ้ เพือ่ ให้นกั เรียนตรวจคาตอบ
Weak classes: ครูนา Audio Script ของ Ex. 9 มาตดิ บนกระดาน และเปดิ CD อกี ครงั้ ใหน้ กั เรียนฟงั
เพอ่ื ใหน้ กั เรยี นร้สู กึ วา่ เข้าใจในส่งิ ทตี่ นเองฟังมากข้ึน
Man: What time do you get up, Jack?
Jack: I get up at six o’clock. Then, at seven o’clock, I swim in the pool.
Man: At seven o’clock?
Jack: Yes. At seven.
Man: Do you have breakfast?
Jack: Oh yes, I have breakfast at eight o’clock.
Man: Mmm ... And what do you do in the morning?
Jack: Oh, I go to the gym.
Man: To the gym?
Jack: Yes. I go to the gym or visit my friends.
Man: And in the evening?
Jack: Evening? I play basketball, of course!
1 pool 28 3 gym 4 plays
4. ครเู ขยี นคาถามท่อี ยูใ่ น Audio Script บนกระดาน จากน้นั ครูถามคาถามเก่ียวกับส่ิงท่ี Jack Michaels
ทาในเวลาตา่ ง ๆ เชน่
T: What does Jack Michaels do at 6 o’clock?
Ss: He gets up.
T: What does he do at 7 o’clock?
Ss: He swims in the pool.
T: What does he do at 8 o’clock?
Ss: He has breakfast.
T: What does he do in the morning?
Ss: He goes to the gym. /He visits his friends.
T: What does he do in the evening?
315
Ss: He plays basketball. etc.
ครูย้าใหน้ กั เรียนออกเสยี งเชือ่ มระหว่างคา และลงเสยี งหนกั ในคาและ intonation ให้ถกู ต้อง
กจิ กรรมเพม่ิ เตมิ
หลังจากทบทวนการออกเสียงสูง-ตา่ (intonation) ในประโยคบอกเล่าและประโยคคาถาม
Wh-questions แล้ว ครถู ามนักเรียนว่า ในภาษาไทยมกี ารออกเสียงสงู -ตา่ ในประโยคเหล่าน้ี
หรอื ไม่ ครูออกเสียงให้นักเรียนเห็นความแตกตา่ ง
I go to school at 8 o’clock. ฉันไปโรงเรยี นเวลา 8 นาฬกิ า
Mary likes eating pizza. แมรชี อบรบั ประทานพซิ ซ่า
What do you have for breakfast? เธอรับประทานอะไรเปน็ อาหารเชา้
Why does he go to school late? ทาไมเขาจึงไปโรงเรยี นสาย
Where do you live? เธออาศัยอยู่ที่ไหน
ขัน้ Production
1. หนงั สือเรียน หนา้ 43 หัวข้อ Now ask and answer. ใหน้ กั เรียนจบั คู่ ฝึกพดู ถาม-ตอบเกี่ยวกบั กจิ วตั ร
ประจาวันของ Jack Michaels แล้วสุ่มเรียกนักเรียน 3-4 คู่ ออกมาพดู ถาม-ตอบให้เพ่อื นฟงั อีกครงั้ เช่น
S1: What does Jack do at 7 o’clock?
S2: He swims in the pool.
S1: What does Jack do at 8 o’clock?
S2: He has breakfast.
S1: What does Jack do in the morning?
S2: He goes to the gym or visits his friends.
S1: What does Jack do in the evening?
S2: He plays basketball.
2. ครอู ธิบายวา่ ให้จบั คกู่ นั สนทนาเก่ียวกับชีวติ ประจาวันของตนเอง ครอู าจกาหนดเวลาให้นกั เรยี น เชน่
- 7 o’clock - 3 o’clock
- at night - in the morning
- 1 o’clock - on Saturdays
ใหน้ ักเรยี นใชร้ ปู แบบใน Now ask and answer. หนา้ 43 เปน็ ตน้ แบบในการสนทนา
ตวั อย่าง S1: What do you do at seven o’clock?
S2: I have breakfast.
S1: What do you do at eleven o’clock?
S2: I have a dance lesson. etc.
316
เสรจ็ แลว้ ขออาสาสมัคร 4-5 คู่ ออกมาพดู หน้าชนั้ หลงั จากนักเรยี นพดู จบ 1 คู่ ครถู ามเกีย่ วกับกจิ กรรมท่ี
เพอื่ นทา เช่น
T: What does Anne do at 7 o’clock?
S: She has breakfast.
ครยู า้ ให้นกั เรียนเหน็ ความสาคญั ของการเป็นผฟู้ งั ทด่ี ี โดยถามว่า ขณะท่พี ดู ถ้าคนฟงั ไมต่ ั้งใจฟงั จะรูส้ ึก
อยา่ งไร เราควรจะทาอยา่ งไร เพ่อื ให้ผูพ้ ดู รูว้ า่ เราตงั้ ใจฟงั เช่น พยกั หนา้ ตอบรับส้ัน ๆ การถามกลบั
กจิ กรรมเพิ่มเตมิ
แบ่งนักเรยี นเป็นกล่มุ และถามวา่ What should students do every day? ครอู ธิบายคาวา่
should
แปลวา่ ควรทา จากนัน้ ใหน้ กั เรยี นช่วยกันระดมสมองบอกส่งิ ท่คี วรทาเป็นประจาทกุ วนั เช่น
You should read books every day. You should wear a uniform to school. เสรจ็ แลว้ ให้
กลุ่มท่ีเขียนไดม้ ากทีส่ ุด ส่งตัวแทนออกมาอา่ นใหเ้ พอ่ื นฟงั ครถู ามกล่มุ อืน่ ว่า มปี ระโยคใดที่เพ่ือนยงั ไมไ่ ดพ้ ดู
ให้ตัวแทนกลมุ่ ดังกลา่ วออกมาอ่านใหเ้ พื่อนฟัง
3. ให้นักเรยี นทากจิ กรรมในแบบฝึกหัด หนา้ 37 Exs. 7-9 เปน็ การบา้ น
แบบฝึกหดั หน้า 37 Ex. 9
Narrator: Listen and draw the times.
One
Woman: What time do you have breakfast, Alex?
Boy: Breakfast? I have breakfast at eight o’clock.
Woman: Eight o’clock?
Boy: Yes.
Two
Woman: What time do you do your homework?
Boy: Oh, I do my homework at six o’clock.
Woman: You do your homework at six o’clock?
Boy: Yes.
Three
Woman: What time do you go to bed?
Boy: I go to bed at nine o’clock.
Woman: At nine o’clock?
Boy: Yes, that’s right!
317
Ex. 7
2 What do you do on Sundays?
(I play basketball with my friends.)
3 Do you wear a uniform at school?
(No, I don’t.)
4 Do you tidy your room every day?
(Yes, I do.)
Ex. 8
2 at 4 at 6 in
3 on 5 on
Ex. 9 2 6 o’clock 3 9 o’clock
1 8 o’clock
7. การวดั และประเมินผล
วิธีการวดั เครือ่ งมอื เกณฑ์
ตรวจการตอบคาถามจากการฟัง แบบฝกึ หัด ร้อยละ 60 ผา่ นเกณฑ์
ประเมนิ การพูดขอและใหข้ อ้ มูล แบบประเมินการพดู ระดบั คณุ ภาพ พอใช้
เกย่ี วกบั กิจวตั รประจาวนั ของตนเอง ผ่านเกณฑ์
ตรวจแบบฝกึ หัด แบบฝกึ หัด (Workbook) รอ้ ยละ 60 ผา่ นเกณฑ์
สงั เกตพฤตกิ รรมบง่ ช้ีด้านใฝ่เรียนร้แู ละ แบบประเมินคณุ ลักษณะอันพึง ระดบั คณุ ภาพ พอใช้
มงุ่ มั่นในการทางาน ประสงค์ ผา่ นเกณฑ์
8. สอ่ื /แหล่งการเรยี นรู้
8.1 หนังสอื เรยี น EXTRA and Friends 4 ป. 4
8.2 แบบฝกึ หัด EXTRA and Friends 4 ป. 4
8.3 Class Audio CD ประกอบสื่อฯ ชุด EXTRA and Friends 4 ป. 4
8.4 บัตรภาพ/บตั รคาศพั ท์
8.5 อนิ เทอรเ์ นต็
318
Bingo Time
-----------------------------------------------------------------------------------------------------------
319
Bingo Time
-----------------------------------------------------------------------------------------------------------
320
แผนการจดั การเรยี นรทู้ ่ี 5 Does the bus come on Saturdays?
เวลา 2 ชัว่ โมง
จดุ ประสงค์ (Objectives)
- ตอบคาถามจากการฟังและอ่านได้
- แสดงบทสนทนาจากเร่ืองที่อ่านได้
- อ่านออกเสยี งได้ถกู ต้องตามหลักการอา่ น
- เลอื กภาพตรงตามความหมายของประโยคทีอ่ ่านได้
1. สาระ มาตรฐานการเรียนร/ู้ ตวั ชว้ี ดั
สาระท่ี 1 ภาษาเพ่อื การส่ือสาร
มาตรฐาน ต 1.1 เขา้ ใจและตีความเรอ่ื งท่ฟี งั และอา่ นจากสอื่ ประเภทตา่ ง ๆ และแสดงความคดิ เห็น
อย่างมีเหตผุ ล
ตัวชีว้ ัด
ต 1.1 ป.4/2 อ่านออกเสยี งคา สะกดคา อ่านกล่มุ คา ประโยค ข้อความงา่ ย ๆ และบทพูด
เข้าจังหวะถูกตอ้ งตามหลักการอ่าน
ต 1.1 ป.4/3 เลือก/ระบภุ าพ หรอื สญั ลักษณ์หรอื เครอ่ื งหมายตรงตามความหมายของประโยค
และขอ้ ความส้ัน ๆ ทฟี่ ังหรืออ่าน
ต 1.1 ป.4/4 ตอบคาถามจากการฟังและอ่านประโยค บทสนทนา และนิทานงา่ ย ๆ
มาตรฐาน ต 1.2 มีทกั ษะการสือ่ สารทางภาษาในการแลกเปล่ยี นข้อมลู ข่าวสาร แสดงความรู้สกึ
และ แสดงความคดิ เห็นอยา่ งมปี ระสิทธิภาพ
ตัวชว้ี ัด
ต 1.2 ป.4/1 พดู /เขยี นโตต้ อบในการสอื่ สารระหวา่ งบุคคล
ต 1.2 ป.4/3 พดู /เขยี นแสดงความต้องการของตนเอง และขอความชว่ ยเหลือในสถานการณ์
งา่ ย ๆ
สาระที่ 2 ภาษากบั วฒั นธรรม
มาตรฐาน ต 2.1 เข้าใจความสมั พนั ธร์ ะหวา่ งภาษากับวฒั นธรรมของเจ้าของภาษา และนาไปใชไ้ ด้
อยา่ งเหมาะสมกบั กาลเทศะ
ตวั ชี้วดั
ต 2.1 ป.4/1 พูดและทาทา่ ประกอบอย่างสภุ าพ ตามมารยาทสังคมและวฒั นธรรมของเจ้าของ
ภาษา
321
สาระที่ 4 ภาษากบั ความสัมพันธ์กับชุมชนและโลก
มาตรฐาน ต 4.1 ใช้ภาษาต่างประเทศในสถานการณ์ต่าง ๆ ท้งั ในสถานศึกษา ชมุ ชน และสงั คม
ตัวชี้วดั
ต 4.1 ป.4/1 ฟังและพดู /อา่ นในสถานการณ์ที่เกดิ ขน้ึ ในห้องเรยี นและสถานศึกษา
2. สาระสาคัญ/ความคดิ รวบยอด
การรู้และเข้าใจความหมายของคาศัพท์ทเี่ กี่ยวข้องกับชีวติ ประจาวนั สานวนภาษาและโครงสร้างภาษา
ช่วยให้ตอบคาถามจากการอ่านและฟงั รวมทัง้ ใชพ้ ูดสอื่ สารไดอ้ ยา่ งถูกต้องและเหมาะสม
3. สาระการเรยี นรู้
3.1 ทกั ษะเฉพาะวิชา
1) Language Features and Functions
Structure: Does the bus come on Saturdays? He doesn’t go to school on
Saturdays.
I get up at six o’clock every morning. I swim in the pool and I have a
shower. Then I have breakfast.
Vocabulary: Days of the week, meals, wake up, get up, go to school, play
basketball, o’clock, break, school, bed
2) Language Skills
Listening: ตอบคาถามจากการฟัง
Speaking: แสดงบทสนทนา
Reading: ตอบคาถามจากการอา่ น
3) Culture: คานาหนา้ ชื่อ Mr, Miss, Ms และ Mrs
4. สมรรถนะสาคัญของผ้เู รยี น
4.1 ความสามารถในการส่อื สาร
4.2 ความสามารถในการคดิ
- ทักษะการคดิ ท่ีใช้ในการส่ือสาร
5. คุณลักษณะอันพงึ ประสงค์ 5.2 ม่งุ มนั่ ในการทางาน
5.1 ใฝเ่ รียนรู้
322
6. กจิ กรรมการเรียนรู้
ขน้ั Warm Up
1. ครูทักทายนักเรียนตามชว่ งเวลา เชน่ Good morning/Good afternoon. และให้นกั เรียนทกั ทายกลบั
จากนั้นครพู ดู บอกเวลาตา่ ง ๆ และให้นกั เรยี นทกั ทายอีกครั้ง เช่น
T: It’s five o’clock in the evening.
Ss: Good evening. etc.
2. ทบทวนประโยคท่ใี ช้ขอความชว่ ยเหลือ โดยจาลองสถานการณว์ า่ ครทู าหนงั สือหลน่ จากโต๊ะ ตอ้ งการ
ใหน้ ักเรียนชว่ ยเกบ็ โดยพดู ว่า Can you help me, please? เมือ่ นักเรยี นช่วยครเู ก็บหนงั สือแลว้ ครู
อธบิ าย
ว่า ในการตอบรับ นกั เรยี นสามารถตอบวา่ Yes. หรอื Sure. ก็ได้ ส่วนถา้ ปฏิเสธให้นกั เรียนตอบว่า
Sorry, I can’t. จากน้นั ครูสมุ่ ขอความชว่ ยเหลือนกั เรียน 3-4 คน เช่น
T: Can you help me, please?
S: Yes.
T: Can you help me, please?
S: Sorry, I can’t. etc.
3. ทบทวนคาศัพทเ์ กี่ยวกบั กจิ วัตรประจาวัน เช่น eat, sleep, study, breakfast, lunch, dinner โดยให้
นกั เรยี นเลน่ เกม Spelling Bee โดยครอู ธบิ ายกตกิ าการเลน่ เกมวา่ ครจู ะเปน็ พดู คาศพั ท์ 2-3 คร้ัง ให้
นกั เรยี นสะกดคาศพั ทล์ งในกระดาษแล้วยกขน้ึ ใหค้ รตู รวจความถูกต้อง ถ้านกั เรียนสะกดคาผดิ จะถกู
คดั ออกไปเร่ือย ๆ จนเหลอื ผู้ชนะเพยี งคนเดยี ว
4. ทบทวนคาศพั ท์เกีย่ วกบั อาหาร เช่น sausage, egg, pizza, bread, salad, chicken, fish, milk, cake,
orange,
banana ดว้ ยการเล่นเกม Bingo โดยให้นกั เรียนทาตาราง 9 ช่อง แลว้ ใหน้ ักเรียนเขยี นช่อื อาหารที่เรียน
มาแล้วลงไปในแตล่ ะชอ่ ง จากนั้นครูพดู ช่อื อาหาร ใครที่มีช่ืออาหารดังกล่าวในตารางบงิ โกของตนเอง
ใหก้ ากบาททับชอ่ งดังกลา่ ว นักเรียนทกี่ ากบาททบั ได้ 3 ช่องติดตอ่ กนั ในแนวใดกไ็ ด้ ให้ตะโกนว่า
บงิ โก
5. ให้นกั เรยี นจับคู่ ผลดั กันถาม-ตอบเก่ียวกบั กจิ วตั รประจาวันทเี่ พอ่ื นทาในแตล่ ะวนั เช่น
S1: What do you do on Saturdays?
S2: I watch TV. etc.
6. นาเขา้ สู่บทเรียนโดยใหน้ ักเรยี นเปดิ ดภู าพประกอบในหนงั สอื เรียน หนา้ 44 แล้วพดู วา่ Look at
the pictures. Who are they? (Oscar, Oscar’s mum, Oscar’s sister and Tom) Where are
they? (They are at home.)
323
ขน้ั Presentation
1. ครเู ขียนประโยคตอ่ ไปน้ีบนกระดาน Do you want pizza? จากน้นั อ่านออกเสียงและให้นักเรยี นอ่าน
ออกเสียงตามพรอ้ มกนั ให้นกั เรยี น 1 คน พดู ตอบคาถาม เช่น
T: Do you want pizza? (ครูแสดงบตั รภาพหนา้ ย้ิม)
Anne: Yes, please.
T: Do you want burgers? (ครแู สดงบัตรภาพหนา้ บงึ้ )
Anne: No, thank you.
ครเู ขยี นประโยคนบี้ นกระดาน ให้นักเรยี นฝึกอา่ นตาม Anne wants pizza, but she doesn’t want
burgers. ต่อมาครถู ามนักเรยี นเกีย่ วกบั ส่งิ ที่ Anne ต้องการอกี ครงั้
T: Does Anne want pizza?
Ss: Yes, she does.
T: Does Anne want burgers?
Ss: No, she doesn’t.
ใหน้ ักเรยี นชว่ ยกันอธบิ ายการใช้ do และ does ในประโยคคาถามและปฏิเสธของ Present simple
กจิ กรรมเพิ่มเตมิ
ครเู ปดิ คลิปชือ่ What Do You Want? - Simple Skits จาก
https://www.youtube.com/watch?v=_ISGxmJYliU
ให้นกั เรยี นดูและฝึกพูดตาม โดยครูสามารถกดปุม่ เพอื่ แสดง subtitles ได้ ซ่งึ อย่ดู า้ นซ้ายของปมุ่
setting หรอื ปุ่มแสดง script ของคลิปนี้ไดใ้ นปุม่ หวั ข้อ More และเลอื กหวั ข้อ Transcript ครูอาจให้
นกั เรียนฝกึ ฝนด้วยตนเองเพิม่ เตมิ ทบ่ี ้าน
2. ครอู ธบิ ายวธิ ีการตอบรบั และปฏิเสธอย่างสุภาพ เมอ่ื มีคนเสนอสงิ่ ใดส่ิงหน่ึงใหเ้ รา หากเราตอบรับ
จะพดู วา่ Yes, please. หากปฏเิ สธเราจะพูดวา่ No, thank you. หรอื No, thanks. แทน เช่น
A: Do you want chicken?
B: Yes, please.
A: Do you want ice cream?
B: No, thank you.
A: Do you want something to eat?
B: Yes, please. I want salad and some pizza.
ครูยา้ ความสาคัญของ Thank you. วา่ เป็นประโยคท่แี สดงความสุภาพและถอื เป็นมารยาทท่นี ักเรยี น
ควรทาเปน็ นสิ ัย
3. ครอู ธิบายคาศพั ทใ์ นเนื้อเร่อื ง ไดแ้ ก่ point (แตม้ /คะแนน), late (สาย), wake up (ต่นื ไดแ้ ลว้ ) จากน้ันครู
ทบทวนความหมายของสานวน wake up วา่ หมายถงึ ลมื ตาตื่นนอน ต่อมาครูอธบิ ายวา่ late เป็นได้ท้งั
324
คาคุณศพั ทแ์ ละคากริยาวเิ ศษณ์ จากนัน้ ครูช่วยยกตัวอยา่ งประโยค
late (adj) = after the planned, expected, usual, or necessary time
ตัวอยา่ ง This train is always late.
late (adv) = after the arranged or expected time
ตวั อย่าง Ellen has to work late tonight.
ข้นั Practice
1. หนังสือเรยี น หน้า 44 Ex. 10 ครูสง่ั นกั เรยี นวา่ Close your book. แลว้ อา่ นคาถาม What day is it?
แล้ว
เขยี นตวั เลอื กทงั้ 3 ข้อบนกระดาน จากนน้ั ครูเปดิ CD ให้นกั เรียนฟงั และเลือกคาตอบให้ถูกต้อง
เสร็จแล้วครูใหน้ ักเรยี นเปดิ หนงั สอื เรียนและอา่ นเน้อื เรอ่ื งอยา่ งรวดเรว็ เพอื่ หาคาตอบ ครรู วบรวม
คาตอบจากนกั เรยี นแลว้ เปิด CD ให้นกั เรยี นฟงั และอ่านเนอ้ื เรอ่ื งตามไปดว้ ยในใจ เพอื่ ตรวจคาตอบ
ครเู ฉลยคาตอบที่ถกู ต้องอีกคร้ังบนกระดาน
c) Saturday
Well done ใชก้ ล่าวชน่ื ชมเม่อื คนอื่นทาอย่างใดอย่างหน่ึงได้ดมี าก เช่น
A: I passed the test.
B: Well done!
นอกจากน้ี Well done ยงั เป็นสานวน มคี วามหมายวา่ สุกทว่ั ท้ังหมด เราใช้สานวนน้ใี น
การสง่ั สเต็ก ซึง่ มีระดับความสุกแตกตา่ งกันไป ไดแ้ ก่ Well done (สกุ ทวั่ ทง้ั หมด), medium
(สุกปานกลาง) และ rare (ก่งึ สกุ กง่ึ ดิบ) เมื่อเราสงั่ สเตก็ พนักงานมกั จะถามวา่ How do you
like your steak to be cooked? ซ่งึ หมายความว่า จะใหเ้ นอื้ สุกระดับใด
Here สามารถนามาใชข้ ้นึ ตน้ ประโยคได้ โดยประธานและกรยิ าจะสลับตาแหน่งกนั เชน่
Here’s Extra. ในโครงสรา้ งประโยคน้ี Extra เปน็ ประธานของประโยค (Extra is here.)
2. หนงั สอื เรียน หน้า 45 Ex. 11 ครูอ่านคาสง่ั ใหน้ กั เรยี นฟงั จากนัน้ ใหน้ กั เรียนกลับไปอา่ นเนอื้ เร่ือง
อกี ครง้ั โดยครกู าหนดเวลาสั้น ๆ เพ่อื ให้นกั เรยี นฝึกอ่านเนือ้ เร่ืองอยา่ งรวดเร็วเพ่อื หาคาตอบ เสรจ็ แลว้
ครูถามว่า คาพูดในแต่ละข้อปรากฏอยู่ในภาพใดบา้ ง ใหน้ กั เรียนยกมอื ตอบ ครูเขยี นคาตอบบนกระดาน
325
1 picture 1 2 picture 4 3 picture 7 4 picture 2
3. ครูเขยี น Mr, Mrs, Miss และ Ms บนกระดาน จากน้ันครอู ธิบายวา่ คาเหล่านเี้ ปน็ คานาหนา้ ช่ือเพ่อื บอก
เพศ หรอื สถานะสมรส ดงั น้ี
Mr = นาย Miss = นางสาว
Mrs = นาง (ผหู้ ญิงที่แตง่ งานแลว้ )
Ms = ใช้นาหนา้ ชือ่ ผู้หญิงทวั่ ไปทเ่ี ราไมแ่ นใ่ จวา่ เปน็ สาวโสดหรือแต่งงานแลว้
โดยคานาหน้าชอื่ เหลา่ นีจ้ ะอยู่หนา้ ช่ือและนามสกลุ เชน่ Mr Ryan Reynolds, Miss Miley Cyrus ถ้า
หากเปน็ คนทีเ่ ราเพงิ่ รู้จกั อาทิ พอ่ แม่เพ่ือนท่เี ราเพ่ิงร้จู ัก เราจะใช้คานาหนา้ ช่ือกับนามสกลุ อยา่ งเดยี ว เช่น
Mr Atkinson, Mrs Spears, Miss Watson
4. ครูเปดิ CD อีกคร้งั และหยุด CD เมือ่ จบเนื้อเรื่องในแตล่ ะภาพ เพอื่ ใหน้ กั เรยี นฝึกอา่ นออกเสยี งตาม CD
ครูย้าให้นกั เรยี นออกเสยี งสงู -ตา่ ตามตน้ แบบทไี่ ด้ฟงั
5. ครูให้นักเรยี นทางานคู่ โดยครูถ่ายเอกสารเนอ้ื เร่ืองในหนงั สือเรยี น หนา้ 44-45 และตดั ออกตามกรอบ
แลว้ แจกให้นกั เรียนคู่ละ 1 กรอบ ครใู ห้แตล่ ะคไู่ ปฝึกพูดจนคลอ่ ง โดยหา้ มดูบท
ตัวอยา่ ง S1: Wake up, Oscar! It’s time to get up!
S2: Oh, no! I’m late!
ครูเปดิ CD อกี คร้ัง และหยุด CD ให้นักเรียนฟังหลังจบแตล่ ะกรอบ ใหน้ ักเรียนที่ไดข้ ้อความในกรอบ
ฝกึ อา่ นออกเสยี งตาม CD พรอ้ มกนั เสร็จแลว้ ให้เวลาแต่ละค่ฝู ึกซอ้ มดว้ ยตนเอง ครยู า้ ให้แสดงสหี นา้ และ
ทา่ ทางประกอบการพดู ของตนเองดว้ ย
ข้ัน Production
1. ครูใหน้ ักเรยี นแตล่ ะคทู่ ไ่ี ดเ้ นอ้ื หาเรยี งต่อกนั ออกมาแสดงทลี ะกลุ่ม
2. ครูแบ่งนกั เรียนออกเปน็ กลุม่ กลุม่ ละ 6 คน จากน้ันครูแจก Story Cutouts ซึง่ ถ่ายเอกสารมาจาก
แบบฝึกหัด หนา้ 81 ใหแ้ ตล่ ะกลมุ่ แบ่งบทบาทกันเปน็ ตวั ละครในเรอ่ื งนี้ และฝกึ พูดประโยคจากภาพ
ใน Story Cutouts จนคล่อง เม่อื นักเรียนฝึกพูดจนคล่องแล้ว ใหแ้ ตล่ ะกลมุ่ ออกมาพดู และแสดงทา่ ทาง
ประกอบที่หน้าชน้ั โดยทไี่ มด่ ขู ้อความในหนงั สอื เรยี น
Weak classes: ระหวา่ งท่นี ักเรยี นพดู บทพดู ของตนเอง นักเรยี นคนอ่ืนอาจชว่ ยบอกบทได้
3. ใหน้ ักเรยี นฝึกอ่านเน้อื เรือ่ งในหนังสือเรียน หนา้ 44-45 ดว้ ยตนเอง และอา่ นใหค้ รูฟงั นอกเวลาเรยี น
4. ให้นกั เรยี นทากิจกรรมในแบบฝกึ หัด หน้า 38 Exs. 10-12 เป็นการบา้ น
326
Ex. 10 2 Basketball. 3 Six o’clock.
1 Eight o’clock. 2
4 Basketball.
Ex. 11
2a 3b
Ex. 12
1
7. การวดั และประเมนิ ผล
วธิ กี ารวดั เครื่องมอื เกณฑ์
ร้อยละ 60 ผ่านเกณฑ์
ตอบคาถามจากการอ่าน แบบฝกึ หัด (Workbook)/
ร้อยละ 60 ผา่ นเกณฑ์
แบบทดสอบ
ระดับคณุ ภาพ พอใช้
ตรวจการจบั คปู่ ระโยคกบั รปู ภาพ แบบฝกึ หดั (Workbook)/ ผา่ นเกณฑ์
ระดบั คุณภาพ พอใช้
แบบทดสอบ ผา่ นเกณฑ์
ระดบั คณุ ภาพ พอใช้
ประเมินการแสดงบทสนทนา แบบประเมินการแสดงบท ผา่ นเกณฑ์
สนทนา
ประเมนิ การพูดสอื่ สาร แบบประเมนิ ความสามารถ
ในการพดู สอื่ สาร
สงั เกตพฤติกรรมบง่ ชด้ี า้ นใฝ่เรียนรแู้ ละ แบบประเมินคณุ ลักษณะอนั
มุ่งมน่ั ในการทางาน พึงประสงค์
8. สอื่ /แหล่งการเรียนรู้
8.1 หนงั สือเรียน EXTRA and Friends 4 ป. 4
8.2 แบบฝึกหดั EXTRA and Friends 4 ป. 4
8.3 Class Audio CD ประกอบสอื่ ฯ ชุด EXTRA and Friends 4 ป. 4
8.4 บัตรคาศพั ท์
8.5 บัตรภาพ Story Cutouts
8.6 อินเทอรเ์ นต็
327
แผนการจัดการเรยี นร้ทู ี่ 6 My day!
เวลา 1 ชวั่ โมง
จุดประสงค์ (Objectives)
- ตอบคาถามจากการฟงั หรืออ่านได้
- พูดบรรยายกจิ วตั รประจาวันของนกั ร้องท่ีช่ืนชอบได้
- เขยี นบรรยายเก่ียวกบั กิจวัตรประจาวนั ของตนเองได้
1. สาระ มาตรฐานการเรยี นร/ู้ ตวั ช้ีวัด
สาระท่ี 1 ภาษาเพอื่ การสอ่ื สาร
มาตรฐาน ต 1.1 เขา้ ใจและตีความเรือ่ งทฟ่ี ังและอา่ นจากสอื่ ประเภทต่าง ๆ และแสดงความคิดเห็น
ตัวชี้วัด อยา่ งมเี หตผุ ล
ต 1.1 ป.4/4 ตอบคาถามจากการฟังและอ่านประโยค บทสนทนา และนิทานงา่ ย ๆ
มาตรฐาน ต 1.3 นาเสนอขอ้ มูลข่าวสาร ความคิดรวบยอด และความคดิ เหน็ ในเร่อื งต่าง ๆ
ตัวช้วี ัด โดยการพดู และการเขียน
ต 1.3 ป.4/1 พูด/เขียนให้ขอ้ มูลเกี่ยวกับตนเองและเรอื่ งใกล้ตัว
สาระที่ 4 ภาษากบั ความสมั พนั ธ์กับชุมชนและโลก
มาตรฐาน ต 4.1 ใช้ภาษาตา่ งประเทศในสถานการณ์ตา่ ง ๆ ท้ังในสถานศกึ ษา ชุมชน และสังคม
ตัวชีว้ ดั
ต 4.1 ป.4/1 ฟังและพดู /อา่ นในสถานการณ์ทเี่ กดิ ข้ึนในหอ้ งเรยี นและสถานศึกษา
2. สาระสาคัญ/ความคิดรวบยอด
การร้แู ละเขา้ ใจคาศพั ท์ โครงสรา้ งที่ใช้ขอและใหข้ อ้ มลู เกีย่ วกับเวลาและกจิ วตั รประจาวัน ชว่ ยให้เข้าใจ
เรอื่ งทอ่ี ่าน และพดู /เขยี นสื่อสารในชวี ิตประจาวนั ไดอ้ ยา่ งถกู ตอ้ งและเหมาะสม
3. สาระการเรยี นรู้
3.1 ทกั ษะเฉพาะวชิ า
1) Language Features and Functions
Structure: She gets up at seven o’clock every morning. She has breakfast at
eight o’clock. At four o’clock she plays the piano and she sings.
328
Vocabulary: Days of the week, meals, wake up, get up, go to school,
play basketball, o’clock, break, school, bed, favourite, singer, theatre
Function: ใหข้ อ้ มูลเกี่ยวกับกจิ วตั รประจาวัน
2) Language Skills
Speaking: พูดให้ขอ้ มูลเก่ียวกับกจิ วตั รประจาวันของนกั ร้องทีช่ ื่นชอบ
Listening: ตอบคาถามจากการฟัง
Reading: ตอบคาถามจากการอ่าน
Writing: เขียนให้ข้อมลู เกยี่ วกับกจิ วัตรประจาวนั ของตนเอง
4. สมรรถนะสาคัญของผเู้ รยี น
4.1 ความสามารถในการส่ือสาร
4.2 ความสามารถในการคดิ
- ทกั ษะการคดิ ท่ีใชใ้ นการสื่อสาร
5. คุณลักษณะอันพงึ ประสงค์
5.1 ใฝเ่ รยี นรู้
5.2 มงุ่ มัน่ ในการทางาน
6. กิจกรรมการเรยี นรู้
ขั้น Warn Up
1. ครูใหน้ กั เรยี นเลน่ เกม Bingo เพื่อทบทวนการบอกเวลา โดยครูใหน้ กั เรียนวาดตาราง 9 ช่อง ลงในสมดุ
จากนนั้ วาดนาฬกิ าเวลาต่าง ๆ ลงในแต่ละช่อง ครอู ธิบายวธิ ีการเล่นเกมว่า ครจู ะพดู บอกเวลา ให้
นักเรียนวงนาฬิกาท่ีนกั เรียนไดย้ นิ คนท่ีวงได้ครบ 3 ช่องตดิ กนั ในแนวใดก็ได้กอ่ น ใหพ้ ดู วา่ บงิ โก
และเป็นผ้ชู นะ
2. ทบทวนการอา่ นออกเสียงคากริยาท่เี ตมิ s โดยครเู ขยี นคาศัพทบ์ นกระดาน แล้วให้นักเรียนอา่ นออกเสยี ง
พรอ้ ม ๆ กัน
ขั้น Presentation
1. ครนู ารปู นักแสดงหรือนักร้องทม่ี ีชอื่ เสียงมาตดิ บนกระดาน จากนั้นครเู ขยี นตารางกจิ วตั รประจาวนั ของ
บคุ คลดงั กลา่ วบนกระดาน เช่น
329
07:00 get up
08:00 have breakfast
09:00 walk the dog
10:00 have singing lessons
12.00 have lunch
01:00 have dance lessons
03:00 go home
05:00 watch TV
06:00 have dinner
07:00 take a shower
08:00 watch a film
10:00 go to bed
จากน้นั ครพู ูดถามเวลาทน่ี ักแสดงหรอื นกั ร้องคนดังกล่าวทากจิ กรรมในเวลานนั้ เชน่
What does she do at 7 o’clock? She gets up.
ครูทากจิ กรรมเชน่ นี้ไปจนครบทกุ กจิ กรรมในตารางบนกระดาน เสรจ็ แลว้ ครเู ปล่ยี นเป็นการถามเวลา บ้าง
เช่น
What time does she get up? She gets up at 7 o’clock.
เสร็จแลว้ ให้นกั เรยี นจบั ค่กู ัน พดู ถาม-ตอบโดยใชข้ อ้ มลู จากตารางบนกระดาน ครกู าหนดให้นักเรียน
ถามเกี่ยวกบั เวลา 3 คาถามและถามเก่ยี วกบั กจิ กรรมทที่ าในเวลานน้ั อกี 3 คาถาม เช่น
S1: What time does she have breakfast?
S2: She has breakfast at 8 o’clock.
S1: What time does she have singing lessons?
S2: She has singing lessons at 10 o’clock.
S1: What time does she watch TV?
S2: She watches TV at 5 o’clock.
S1: What does she do at 9 o’clock?
S2: She walks the dog.
S1: What does she do at 7 o’clock?
S2: She takes a shower.
S1: What does she do at 8 o’clock?
330