The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.
Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by wonchai890, 2022-09-19 00:04:13

ประวัติหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต

ประวัติหลวงปู่มั่น

557

558

559

560

561

562

563

564

565

566

567

ขันธะวมิ ุตสิ ะมงั คธี รรมะ

นะมัตถุ สุคตสั สะ ปัญจะธรรมะขันธานิ

ขา้ พเจา้ ขอนอบนอ้ มซง่ึ พระสคุ ตบรมศาสดาสกั ยมนุ ี สมั มาสมั พทุ ธเจา้
และพระนวโลกุตตรธรรม ๙ ประการแลอริยสงฆส์ าวก

บัดนี้ ขา้ พเจ้าจกั กล่าวซ่งึ ธรรมะขันธ์โดยสังเขป ตามสตปิ ญั ญา ฯ
ยังมีท่านคนหนึง่ รักตัวคิดกลวั ทกุ ข์ อยากไดส้ ุขพน้ ภัยเทย่ี วผายผนั
เขาบอกวา่ สขุ มที ไ่ี หนกอ็ ยากไป แตเ่ ทย่ี วหมนั่ ไปมาอยชู่ า้ นาน นสิ ยั ทา่ นนนั้
รกั ตวั กลวั ตายมาก อยากจะพน้ แทๆ้ เรอ่ื งแกต่ าย วนั หนง่ึ ทา่ นรจู้ รงิ ทงิ้ สมทุ ยั
พวกสงั ขาร ท่านกป็ ะถ้ำ� สนุกสุขไม่หายเปรียบเหมอื นดังกายนเี้ อง ฯ
ชะโงกดถู ำ�้ สนกุ ทกุ ขท์ ลาย แสนสบายรตู้ วั เรอ่ื งกลวั นน้ั เบาทำ� เมนิ ไป
เมินมาอยู่หนา้ เขา จะกลับไปป่าวรอ้ งซ่งึ พวกพ้องเล่า ก็กลัวเขาเหมาวา่
เปน็ บา้ บอ สอู้ ยู่ผูเ้ ดียวหาเรือ่ งเครื่องสงบ เป็นอนั จบเรื่องคดิ ไม่ติดตอ่
ดกี ว่าเที่ยวรุ่มร่ามท�ำสอพลอ เดย๋ี วถกู ยอถูกตเิ ปน็ เรื่องเคร่อื งร�ำคาญ ฯ
ยงั มบี รุ ษุ คนหนงึ่ อกี กลวั ตายนำ�้ ใจฝอ่ มาหาแลว้ พดู ตรงๆ นา่ สงสาร
ถามวา่ ท่านพากเพียรมากช็ า้ นาน เห็นธรรมท่ีแทจ้ ริงแล้วหรือยังทใ่ี จหวัง
เอะ๊ ทำ� ไมจึงรใู้ จฉนั บรุ ุษผนู้ น้ั กอ็ ยากอยู่อาศัย ทา่ นวา่ ดๆี ฉันอนุโมทนา

568

จะพาดูเขาใหญ่ถำ้� สนุกทุกขไ์ ม่มี คือ กายะคะตาสติภาวนา ชมเลน่ ให้
เย็นใจหายเดือดร้อน หนทางจรอริยวงศ์จะไปหรือไม่ไปฉันไม่เกณฑ์
ใชห่ ลอกเล่นบอกความใหต้ ามจริง

แลว้ กลา่ วปฤษณาท้าใหต้ อบ
ปฤษณาน้ันวา่ ระวงึ คอื อะไร?
ตอบว่า ว่ิงเร็ว คือวิญญาณอาการไว เดินเป็นแถวตามแนวกัน
สญั ญาตรงไมส่ งสยั ใจอยใู่ นวง่ิ ไปมา สญั ญาเหนยี่ วภายนอกหลอกลวงจติ
ทำ� ให้คิดว่นุ วายเที่ยวสา่ ยหา หลอกเป็นธรรมตา่ งๆ อยา่ งมายา
ถามว่า ขันธ์หา้ ใครพ้นจนทงั้ ปวง?
แก้ว่า ใจซิพ้นอยู่คนเดียว ไม่เกาะเก่ียวพัวพันติดส้ินพิษหวง
หมดท่ีหลงอยเู่ ดียวดวง สญั ญาลวงไมไ่ ด้หมายหลงตามไป
ถามว่า ที่วา่ ตาย ใครเขาตาย ทีไ่ หนกัน?
แกว้ ่า สังขารเขาตาย ทำ� ลายผล
ถามวา่ ส่ิงใดกอ่ ให้ตอ่ วน?
แกว้ า่ กลสญั ญาพาใหเ้ วยี น เชอื่ สญั ญาจงึ ผดิ คดิ ยนิ ดี ออกจากภพน้ี
ไปภพนั้นเท่ียวหันเหียน เลยลืมจิตจ�ำปิดสนิทเนียนถึงจะเพียรหาธรรม
ก็ไม่เหน็
ถามวา่ ใครก�ำหนดใครหมายเป็นธรรม?

569

แกว้ า่ ใจก�ำหนดใจหมายเร่อื งหาเจ้าสญั ญานนั้ เอง คอื ว่าดี คว้าชั่ว
ผลัก ตดิ รกั ชัง

ถามว่า กนิ หนเดยี วไม่เทย่ี วกนิ ?
แกว้ า่ สนิ้ อยากดรู ไู้ มห่ วงั ในเรอ่ื งเหน็ ตอ่ ไปหายรงุ รงั ใจกน็ ง่ั แทน่ นง่ิ
ท้งิ อาลัย
ถามวา่ สระสีเ่ หลยี่ มเป่ยี มด้วยนำ�้ ?
แก้วา่ ธรรมสน้ิ อยากจากสงสยั สะอาดหมดราคไี มม่ ีภยั สัญญาใน
นนั้ พราก สงั ขารนนั้ ไมก่ วน ใจจงึ เปย่ี มเตม็ ท่ี ไมม่ พี รอ่ งเงยี บระงบั ดวงจติ
ไมค่ ดิ ครวญ เป็นของควรชมชน่ื ทกุ คืนวัน แมไ้ ด้สมบัตทิ พิ ยส์ ักสบิ แสน
กไ็ มเ่ หมอื นรจู้ รงิ ทงิ้ สงั ขาร หมดความอยากเปน็ ยง่ิ สง่ิ สำ� คญั จำ� อยสู่ ว่ นจำ�
ไม่ก้ำ� เกนิ ใจไมเ่ พลนิ ทั้งสน้ิ หายดิ้นรน
เหมือนดังเอากระจกส่องเงาหน้า แล้วอย่าคิดติดสัญญาเพราะ
สญั ญานน้ั เหมอื นดงั เงา อยา่ ไดเ้ มาไปตามเรอ่ื งเครอ่ื งสงั ขาร ใจหยบั จบั ใจ
ทไ่ี มป่ น ไหวสว่ นตนรแู้ นเ่ พราะแปรไป ใจไมเ่ ทยี่ งของใจใชต่ อ้ งวา่ รขู้ นั ธห์ า้
ต่างชนิดเมอื่ จิตไหว แต่ก่อนน้ันหลงสัญญาวา่ เปน็ ใจ ส�ำคัญวา่ ในว่านอก
จึงหลอกลวง คราวนี้ใจเป็นใหญ่ไม่หมายพ่ึง สัญญาหน่ึงสัญญาใด
มิไดห้ วง เกิดกต็ ามดับกต็ ามส่งิ ท้งั ปวง ไม่ตอ้ งหวงไม่ตอ้ งกันหมูส่ ญั ญา
เปรยี บเหมอื นข้นึ ยอดเขาสงู แทแ้ ลเหน็ ดนิ แลเห็นสิน้ ทุกตวั สตั ว์...สงู ยิง่
นักแลเห็นเรอ่ื งของตนแต่ตน้ มา เป็นมรรคาท้งั น้ันเช่นบนั ได
ถามวา่ น้�ำขน้ึ ลงตรงสจั จงั นน้ั หรอื ?

570

ตอบว่า สังขารแปรแก้ไม่ได้ ธรรมดากรรมแต่งไม่แกล้งใคร
ขืนผลักไสจับต้องก็หมองมัวชั่วในจิต ไม่ต้องคิดขัดธรรมดาสภาวะส่ิง
เป็นจริง ดีชั่วตามแต่เรื่องของเร่ืองเปลื้องแต่ตัว ไม่พัวพันสังขารเป็น
การเย็น รู้จักจริงต้องทิ้งสังขารที่ผันแปรเม่ือแลเห็น เบื่อแล้วปล่อยได้
คล่องไมต่ อ้ งเกณฑ์ ธรรมกเ็ ย็นใจระงบั รับอาการ

ถามวา่ ห้าหน้าท่ี มคี รบกัน?
ตอบว่า ขันธ์แบ่งแจกแยกห้าฐานเรื่องสังขาร ต่างกองรับหน้าท่ีมี
กจิ การ จะรบั งานอน่ื ไมไ่ ดเ้ ตม็ ในตวั แมล้ าภยศ สรรเสรญิ เจรญิ สขุ นนิ ทา
ทกุ ข์ เสอื่ มยศ หมดลาภทว่ั รวมลงตามสภาพตามเปน็ จรงิ ทงั้ แปดอยา่ ง
ใจไม่หันไปพัวพัน เพราะว่ารูปขันธ์ก็ท�ำแก่ไข้มิได้เว้น นานก็มิได้พัก
เหมือนจักรยนต์ เพราะรับผลของกรรมท่ีท�ำมา เรื่องดีพาเพลิดเพลิน
เจริญใจ เรื่องช่ัวขุ่นวุ่นจิตคิดไม่หยุด เหมือนไฟจุดจิตหมองไม่ผ่องใส
นกึ ข้ึนเองทัง้ รกั ทง้ั โกรธไปโทษใคร
อยากไมแ่ กไ่ มต่ ายไดห้ รอื คน เปน็ ของพน้ วสิ ยั จะไดเ้ ชย เชน่ ไมอ่ ยาก
ให้จิตเที่ยวคิดรู้ อยากให้อยู่เป็นหนึ่งหวังพ่ึงเฉย จิตเป็นของผันแปร
ไม่แนเ่ ลย สญั ญาเคยอยู่ได้บา้ งเป็นครัง้ คราว ถ้ารูเ้ ท่าธรรมดาท้งั ห้าขันธ์
ใจนนั้ กข็ าวสะอาดหมดมลทินส้ินเรอื่ งราว ถา้ รูไ้ ดอ้ ย่างน้ีจงึ ดียงิ่ เพราะ
เหน็ จรงิ ถอนหลดุ สดุ วถิ ี ไมฝ่ า่ ฝนื ธรรมดาตามเปน็ จรงิ จะจนจะมตี ามเรอ่ื ง
เคร่ืองนอกใน ดหี รอื ชวั่ ต้องดบั เลือ่ นลับไป ยึดสงิ่ ใดไม่ได้ตามใจหมาย
ใจไม่เที่ยงของใจไหววิบวับ สังเกตจับรู้ได้สบายยิ่ง เล็กบังใหญ่รู้ไม่ทัน
ขนั ธ์บังธรรมมิดผดิ ท่ีน่ี มวั ดขู ันธธ์ รรมไม่เห็นเป็นธุลีไป ส่วนธรรมมใี หญ่
กวา่ ขนั ธน์ น้ั ไม่แล

571

ถามวา่ มไี ม่มี ไมม่ ีมี น่ีคอื อะไร?
ทนี ้ีตดิ หมด คดิ แกไ้ ม่ไหว เชิญชใ้ี ห้ชัดท้งั อรรถแปล โปรดแก้เถิด
ที่ว่าเกิดมีต่างๆ ท้ังเหตุผล แล้วดับไม่มีชัดใช่สัตว์คน นี้ข้อต้นมีไม่มี
อย่างน้ตี รง ขอ้ ปลายไม่มีมี น้เี ป็นธรรมท่ลี กึ ลำ�้ ไตรภพจบประสงค์ ไม่มี
สงั ขาร มธี รรมท่ีม่ันคง
นน้ั แล องค์ธรรมเอก วิเวกจริง ธรรมเปน็ ๑ ไมแ่ ปรผนั เลิศภพ
สงบยงิ่ เปน็ อารมณข์ องใจไมไ่ หวตงิ ระงบั นง่ิ เงยี บสงดั ชดั กบั ใจ ใจกส็ รา่ ง
จากเมาหายเร่าร้อน ความอยากถอนได้หมดปลดสงสัย เรื่องพัวพัน
ขันธ์ห้าซาสิ้นไป เครื่องหมุนในไตรจักรก็หักลง ความอยากใหญ่ย่ิง
กท็ งิ้ หลดุ ความรกั หยดุ หายสนทิ สน้ิ พษิ หวง รอ้ นทงั้ ปวงกห็ ายหมดดงั ใจจง
เชิญโปรดช้อี กี อยา่ งหนทางใจ สมุทยั ของจิตท่ปี ิดธรรม?
แก้ว่า สมุทัยกว้างใหญ่นัก ย่อลงก็คือความรักบีบใจอาลัยขันธ์
ถา้ ธรรมมีกับจิตเปน็ นิจนริ นั ดร์ เป็นเลกิ กนั สมทุ ยั มิได้มี จงจำ� ไวอ้ ย่างนี้
วถิ จี ติ ไม่ตอ้ งคิดเวียนวนจนปน่ ปี้ ธรรมไม่มีอยู่เปน็ นติ ยต์ ดิ ยินดี ใจตกที่
สมทุ ยั อาลยั ตวั
ว่าอย่างย่อทุกข์กับธรรมประจ�ำจิต เอาจนคิดรู้เห็นจริงจึงเย็นท่ัว
จะสุขทุกข์เท่าไรมิได้กลัว สร่างจากเครื่องมัวคือสมุทัยไปท่ีดี รู้เท่าน้ีก็
คลายหายรอ้ น พอพกั ผอ่ นเสาะแสวงหาทางหนี จติ รธู้ รรมลมื จติ ทต่ี ดิ ธลุ ี
ใจรธู้ รรมทเ่ี ปน็ สขุ ขนั ธท์ กุ ขแ์ ทแ้ นป่ ระจำ� ธรรมคงธรรม ขนั ธค์ งขนั ธเ์ ทา่ นน้ั
และคำ� วา่ เยน็ สบายหายเดอื ดรอ้ น หมายจติ ถอนจากผดิ ทต่ี ดิ แท้ แตส่ ว่ น
สังขารขันธ์ปราศจากสุขเป็นทุกข์แท้ เพราะต้องแก่ไข้ตายไม่วายวัน

572

จติ รธู้ รรมทลี่ ้ำ� เลิศ จติ ก็ถอนจากผิดเครื่องเศรา้ หมองของแสลง ผดิ เป็น
โทษของใจอยา่ งรา้ ยแรง เห็นธรรมแจง้ ถอนผิดหมดพษิ ใจ จติ เห็นธรรม
ดลี ้นที่พ้นผดิ พบปะธรรมเปลอ้ื งเครอ่ื งกระสนั มีสติอยู่ในตัวไมพ่ วั พัน
เรอื่ งรกั ขนั ธข์ าดสน้ิ หายยนิ ดี สน้ิ ธลุ ที งั้ ปวงหมดหว่ งใย ถงึ จะคดิ กไ็ มห่ า้ ม
ตามนสิ ยั เมอ่ื ไมห่ ้ามกลบั ไม่ฟงุ้ พ้นยุง่ ไป พงึ ร้ไู ดบ้ าปมีขึ้นเพราะขนื จริง
ตอบว่า บาปเกิดได้เพราะไม่รู้ ถ้าปิดประตเู ขลาไดส้ บายยง่ิ ช่ัวท้ังปวง
เงียบหายไมไ่ หวติง ขนั ธ์ทุกสิง่ ย่อมทกุ ข์ไม่สขุ เลย

แตก่ อ่ นขา้ พเจา้ มดื เขลาเหมอื นเขา้ ถำ�้ อยากเหน็ ธรรมยดึ ใจจะใหเ้ ฉย
ยึดความจ�ำว่าเป็นใจหมายจนเคย เลยเพลินเชยชม “จ�ำ” ท�ำมานาน
ความจำ� ผดิ ปดิ ไวไ้ มใ่ หเ้ หน็ จงึ หลงเลน่ ขนั ธห์ า้ นา่ สงสาร ใหย้ กตวั อวดตน
พน้ ประมาณ เทยี่ วระรานตคิ นอนื่ เปน็ พนื้ ไปไมเ่ ปน็ ผล เทยี่ วดโู ทษคนอน่ื
นน้ั ข่นื ใจ เหมือนก่อไฟเผาตัวตอ้ งมัวมอม

ใครผดิ ถกู ดชี วั่ กต็ วั เขา ใจของเราเพยี รระวงั ตง้ั ถนอม อยา่ ใหอ้ กศุ ล
วนมาตอม ควรถึงพร้อมบุญกุศลผลสบาย เห็นคนอื่นเขาช่ัวตัวก็ดี
เปน็ ราคยี ดึ ขนั ธท์ ม่ี น่ั หมาย ยดึ ขนั ธต์ อ้ งรอ้ นแทเ้ พราะแกต่ าย เลยซำ้� รา้ ย
กเิ ลสกลมุ้ เขา้ รมุ กวน เตม็ ทง้ั รกั ทง้ั โกรธโทษประจกั ษ์ ทง้ั กลวั นกั หนกั จติ
คดิ โหยหวน ซ้ำ� อารมณ์กามห้ากม็ าชวน ยกกระบวนทุกอย่างตา่ งๆ ไป

เพราะยดึ ขนั ธท์ งั้ หา้ วา่ ของตน จงึ ไมพ่ น้ ทกุ ขภ์ ยั ไปไดน้ า ถา้ รโู้ ทษของ
ตัวแล้วอย่าชาเฉย ดอู าการสังขารทไี่ มเ่ ท่ียงร�ำ่ ไปใหใ้ จเคย คงไดเ้ ชยชม
ธรรมะอันเอกวิเวกจิต ไม่เท่ียงนั้นหมายใจไหวจากจ�ำ เห็นแล้วซ�้ำดูๆ
อยู่ท่ีไหว พออารมณ์นอกดับระงับไปหมดปรากฏธรรม เห็นธรรมแล้ว

573

ยอ่ มหายว่นุ วายจิต จติ นัน้ ไมต่ ิดคู่จริงเท่านห้ี มดประตู รู้ไมร่ ้อู ยา่ งน้ีวถิ ีใจ
รเู้ ทา่ ทไ่ี มเ่ ทย่ี ง จติ ตน้ พน้ รเิ รมิ่ คงจติ เดมิ อยา่ งเทยี่ งแท้ รตู้ น้ จติ พน้ จากผดิ
ทัง้ ปวงไม่หว่ ง ถ้าออกไปปลายจติ ผดิ ทนั ที

ค�ำว่าที่มืดนั้นเพราะจิตคิดหวงดี จิตหวงนี้ปลายจิตคิดออกไป
จิตต้นดีเมื่อธรรมะปรากฏหมดสงสัย เห็นธรรมะอันเลิศล�้ำโลกา
เรอ่ื งคิดค้นวนุ่ หามาแต่กอ่ น กเ็ ลกิ ถอนเปลอ้ื งปลดไดห้ มดส้ิน ยังมที ุกข์
ตอ้ งหลับนอนกบั กินไปตามเรื่อง ใจเชื่องชิดต้นจิตคดิ ไมค่ รวญ ธรรมดา
ของจิตก็ต้องนึกคิด พอรู้สึกจิตต้นพ้นโหยหวน เงียบสงัดจากเรื่อง
เครอื่ งรบกวน ธรรมดาสงั ขารปรากฏหมดดว้ ยกนั เสอ่ื มทงั้ นนั้ คงทไ่ี มม่ เี ลย

ระวังใจเม่ือจ�ำท�ำละเอียด มักจะเบียดให้จิตไปติดเฉย ใจไม่เที่ยง
ของซำ้� ใหเ้ คย เมอื่ ถงึ เอยหากรเู้ องเพลงของใจ เหมอื นดงั มายาทหี่ ลอกลวง
ท่านว่าวิปัสสนูปกิเลส จ�ำแลงเพศเหมือนดังจริงท่ีแท้ไม่จริง รู้ข้ึนเอง
หมายนามวา่ ความเหน็ ไมใ่ ชเ่ ชน่ ฟงั เขา้ ใจชนั้ ไตถ่ าม ทง้ั ตรกึ ตรองแยกแยะ
แกะรปู นาม กใ็ ชค่ วามเหน็ เองจงเลง็ ดู รขู้ นึ้ เองใชเ่ พลงคดิ รตู้ น้ จติ จติ ตน้
พ้นโหยหวน ต้นจิตรู้ตัวแน่ว่าสังขารเร่ืองแปรปรวน ใช่กระบวนไปดู
หรืออะไร

รู้อย่เู พราะหมายคู่ก็ไม่ใช่ จติ คงรูจ้ ติ เองเพราะเพลงไหว จติ รไู้ หวๆ
ก็จติ ตดิ กนั ไป แยกไม่ไดต้ ามจรงิ สงิ่ เดียวกนั จิตเปน็ สองอาการเรยี กว่า
สัญญาพาพัวพัน ไม่เที่ยงน้ันก็ตัวเองไปเล็งใคร ใจรู้เสื่อมของตัวก็พ้น
มัวมดื ใจก็จืดสน้ิ รสหมดสงสยั ขาดค้นคว้าหาเรื่องเครอ่ื งนอกใน ความ
อาลัยทั้งปวงก็ร่วงโรย ท้ังโกรธรักเคร่ืองหนักใจก็ไปจาก เรื่องใจอยาก

574

ก็หยุดไดห้ ายหวนโหย พ้นหนักใจท้งั หลายโอดโอย เหมอื นฝนโปรยใจ
ใจเย็นเห็นด้วยใจ ใจเย็นเพราะไม่ต้องเท่ียวมองคน รู้จิตต้นปัจจุบัน
พ้นหวั่นไหว ดีหรือช่ัวทั้งปวงไม่ห่วงใย ต้องดับไปทั้งเร่ืองเครื่องรุงรัง
อยู่เงียบๆ ต้นจิตไม่คิดอ่าน ตามแต่การของจิตส้ินคิดหวัง ไม่ต้องวุ่น
ต้องวายหายระวงั นอนหรอื น่งั นึกพน้ อย่ตู ้นจติ

ทา่ นชมี้ รรคฟงั หลกั แหลม ชา่ งตอ่ แตม้ กวา้ งขวางสวา่ งไสว ยงั อกี อยา่ ง
ทางใจไมห่ ลุดสมุทยั ขอจงโปรดชี้ให้พิสดารเปน็ การดี

ตอบวา่ สมุทยั คือ อาลยั รกั เพลนิ ยงิ่ นกั ท�ำภพใหม่ไม่หนา่ ยหนี
วา่ อยา่ งตำ่� กามคุณหา้ เปน็ ราคี อย่างสูงช้ีสมทุ ัยอาลัยฌาน ถา้ จบั ตามวิถี
มีในจิต ก็เร่ืองคิดเพลินไปในสังขาร เพลินทั้งปวงเคยมาเสียช้านาน
กลบั เปน็ การดไี ปใหเ้ จรญิ จติ ไปในสว่ นทผี่ ดิ กเ็ ลยแตกกง่ิ กา้ นฟงุ้ ซา่ นใหญ่
เทย่ี วเพลนิ ไปในผดิ ไมค่ ดิ เขนิ สงิ่ ใดชอบอารมณก์ ช็ มเพลนิ เพลนิ จนเกนิ
ลมื ตัวไมก่ ลวั ภยั

เพลนิ ดโู ทษคนอนื่ ดนื่ ดว้ ยชวั่ โทษของตวั ไมเ่ หน็ เปน็ ไฉน โทษคนอน่ื
เขามากสกั เทา่ ไร ไมท่ ำ� ใหเ้ ราตกนรกเลย โทษของเราเศรา้ หมองไมต่ อ้ งมาก
ส่งวิบากไปตกนรกแสนสาหัส หม่ันดูโทษตนไว้ให้ใจเคย เว้นเสียซ่ึง
โทษนัน้ คงไดเ้ ชยชมสขุ พ้นทกุ ขภ์ ยั

เมอ่ื เหน็ โทษตนชดั รบี ตดั ทง้ิ ทำ� ออ้ ยอง่ิ คดิ มากจากไมไ่ ด้ เรอื่ งอยากดี
ไมห่ ยดุ คอื ตวั สมทุ ยั เปน็ โทษใหญก่ ลวั จะไมด่ นี กี้ แ็ รง ดแี ลไมไ่ ดน้ เี้ ปน็ พษิ
ของจติ นกั เหมอื นไขห้ นกั ถกู ตอ้ งของแสลง กำ� เรบิ โรคดว้ ยพษิ ผดิ สำ� แลง
ธรรมไมแ่ จง้ เพราะอยากดนี เ้ี ปน็ เดมิ ความอยากดมี มี ากมกั ลากจติ ใหเ้ ทยี่ ว

575

คดิ วนุ่ ไปจนใจเหมิ สรรพชว่ั มวั หมองกต็ อ้ งเตมิ ผดิ ยงิ่ เพมิ่ รำ�่ ไปไกลจากธรรม
ทจ่ี รงิ ชส้ี มทุ ยั น้ีใจฉนั คร้าม ฟังเนอ้ื ความไปขา้ งนงุ ทางยุ่งย่ิง เมอ่ื ช้ีมรรค
ฟังใจไม่ไหวตงิ ระงบั น่ิงใจสงบจบกันที ฯ

อนั นช้ี อื่ วา่ ขนั ธะวมิ ตุ สิ ะมงั คธี รรมะประจำ� อยกู่ บั ที่ ไมม่ อี าการไปไมม่ ี
อาการมา สภาวธรรมท่เี ป็นจริงสิ่งเดียวเท่าน้ี และไมม่ เี ร่ืองจะแวะเวยี น
สน้ิ เนือ้ ความแต่เพียงเท่าน้ี ฯ

ผดิ หรือถกู จงใช้ปญั ญาตรองดูใหร้ ูเ้ ถดิ ฯ
พระภรู ิทัตโต ฯ (หมน่ั )

วดั สระประทุมวนั เป็นผแู้ ตง่ ฯ

576

โอวาทธรรม

ท่านพระอาจารย์ม่นั ภรู ทิ ตั ตเถระ

577

âÍÇÒ·¸ÃÃÁ

·Ò‹ ¹¾ÃÐÍÒ¨ÒÏÁÑè¹ ÀÙÃԷѵµà¶ÃÐ

“แกใหตกเนอ
แกบตกคาพกเจาไว
แกบไดแขวนคอตองแตง
แกบพนคากนยางยาย
คายางยายเวียนตายเวียนเกิด
เวียนเอากําเนิดในภพทั้งสาม
ภพทั้งสามเปนเฮือนเจาอยู”

๕๗๘

âÍÇÒ·¸ÃÃÁ

·‹Ò¹¾ÃÐÍÒ¨ÒÏÁÑè¹ ÀÙÃԷѵµà¶ÃÐ

“ไมซกงก หกพันงา
กะปอมกาแลนขึ้น มื่อละฮอย
กะปอมนอยแลนข้ึน มื้อละพัน
แลนข้ึนนําคูมื้อคูม้ือ”
ตัวใดมาบทัน

๕๗๙

âÍÇÒ·¸ÃÃÁ

·Ò‹ ¹¾ÃÐÍÒ¨ÒÃÂÁ ѹè ÀÙÃԷѵµà¶ÃÐ

“ราคะตัณหาความรักชอบไมไดอยูในหนังสือ
ไมไดอยูในโรงร่ําโรงเรียน

และครูที่ควรจะไปเรียนกับส่ิงดังกลาวนั้น
แตราคะตัณหาความหนาดานไมมียางอาย
มันเกิดและอยูกับใจของมนุษยหญิงชายและสัตวตางหาก
จึงทําใหผูมีส่ิงลามกนี้กลายเปนหญิงชาย
และสัตวผูลามกไปตามอํานาจของมันโดยไมรูสึกตัว
และไมเลือกชาติช้ันวรรณะและวัยอะไรทั้งส้ิน

ถามีมากก็ยิ่งทําใหโลกกลายเปน
โลกวินาศไปไดอยางไมมีปญหา
หากไมมีสติปญญาสกัดก้ันมันไวบางพอใหนาดู
ก็จะกลายเปนน้ําลนฝงทวมทับหัวใจ
และทวมบานเมืองใหฉิบหายปนปไปได
โดยไมมีอะไรยังเหลือพอใหเปนท่ีนาดูบางเลย”

๕๘๐

âÍÇÒ·¸ÃÃÁ

·Ò‹ ¹¾ÃÐÍÒ¨ÒÃÂÁ èѹ ÀÙÃԷѵµà¶ÃÐ

“สถานที่ท่ีไมมีสิ่งบังคับบาง
ทําความเพียรไมดี จิตลงสูความสงบไดยาก
แตสถานที่ที่เต็มไปดวยความระเวียงระวังภัย

ทําความเพียรไดผลดี
ใจก็ไมคอยปราศจากสติ
ซ่ึงเปนทางเดินของความเพียรอยูในตัวอยูแลว
ผูหวังความพนทุกขโดยชอบ
จึงไมควรกลัวความตายในท่ีๆ นากลัว
มีในปาในเขาที่เขาใจวาเปนสถานท่ีนากลัว เปนตน
เวลาเขาสูที่คับขันจริงๆ ขอใหใจอยูกับธรรม
ไมสงออกนอกกายนอกใจ ซึ่งเปนที่สถิตอยูของธรรม
ความปลอดภัยและกําลังใจทุกดานที่จะพึงไดในเวลาน้ัน
จะเปนส่ิงที่ยอมรับกันไปในตัว
อยางไรก็ไมตายถาไมถึงกาลตามกรรมนิยม
แทนท่ีจะตายดังความคาดหมายท่ีดนเดาไว”

๕๘๑

âÍÇÒ·¸ÃÃÁ

·‹Ò¹¾ÃÐÍÒ¨ÒÏÁѹè ÀÙÃÔ·µÑ µà¶ÃÐ

“อํานาจของจิตเปนอํานาจท่ีลึกลับและรูอยูเฉพาะตัว
แตผูอ่ืนทราบไดยากหากไมมีญาณภายในหน่ึง

ฉะนั้น ธรรมแมจะเรียนและประกาศสอนกันท่ัวโลก
ก็ยังเปนธรรมชาติท่ีลึกลับอยูน่ันเอง
ถาใจยังเขาไมถึงธรรมชาติเปนขั้นๆ
ท่ีควรจะเปดเผยกับใจเปนระยะๆ ไป
เมื่อเขาถึงกันจริงๆ แลว

ปญหาระหวางใจกับธรรมก็ส้ินสุดลงเอง
เพราะใจกับธรรมมีความละเอียดสุขุมและล้ีลับพอๆ กัน

เม่ือถึงขั้นนี้แลว
แมจะพูดวาใจคือธรรมและธรรมคือใจก็ไมผิด

และไมมีอะไรมาขัดแยง
ถากิเลสตัวเคยขัดแยงส้ินไปไมมีเหลือแลว”

๕๘๒

âÍÇÒ·¸ÃÃÁ

·‹Ò¹¾ÃÐÍÒ¨ÒÏÁ¹Ñè ÀÙÃ·Ô µÑ µà¶ÃÐ

“พลธรรม ๕ คือ
ศรัทธา วิริยะ สติ สมาธิ ปญญา

ผูไมเหินหางจากธรรมเหลาน้ี
ไปอยูที่ไหนก็ไมขาดทุนและลมจม
เปนผูมีหวังความเจริญกาวหนาไปโดยลําดับ”

๕๘๓

âÍÇÒ·¸ÃÃÁ

·Ò‹ ¹¾ÃÐÍÒ¨ÒÏÁѹè ÀÙÃԷѵµà¶ÃÐ

“ศาสนาคือคําสั่งสอนของทานผูฉลาด
ทานสอนคนเพื่อใหเกิดความฉลาดทุกแงทุกมุม

ซึ่งพอจะพิจารณาตามทานได
แตเราอยาฟงเพื่อความโง

อยูดวยความโง กินด่ืมทําพูดดวยความโง
คําวาโงไมใชของดี คนโงก็ไมดี สัตวโงก็ไมดี

เด็กโง ผูใหญโง มิใชของดีทั้งนั้น
เราโงจะใหใครเขาชมวาดี

จึงไมควรทําความสนิทติดจมอยูกับความโง
โดยไมใชความพิจารณาไตรตรอง
ไมใชทางพนทุกขโดยประการทั้งปวง

จึงไมควรแกสมณะซึ่งเปนเพศที่ใครครวญไตรตรอง”

๕๘๔

âÍÇÒ·¸ÃÃÁ

·‹Ò¹¾ÃÐÍÒ¨ÒÃÂÁ Ñè¹ ÀÙÃÔ·µÑ µà¶ÃÐ

“ทานและคนท่ีมีใจเปนนักใหทานการเสียสละ
จึงเปนเครื่องและเปนผูคํ้าจุนหนุนโลก
ใหเฟองฟูตลอดไป
โลกที่ยังมีการสงเคราะหกันอยู
ยังจัดเปนโลกท่ีมีความหมายตลอดไป
ไมเปนโลกที่ไรชาติขาดกระเจิง
เหลือแตซากคือแผนดินแนๆ

ทานจึงเปนสาระสําคัญสําหรับตัวและโลกทั่วๆ ไป
ผูมีทานยอมเปนผูอบอุนและหนุนโลกใหชุมเย็น

ไมเปนบุคคลและโลกท่ีแหงแลง
แขงกับทุกขตลอดไป”

๕๘๕

âÍÇÒ·¸ÃÃÁ

·Ò‹ ¹¾ÃÐÍÒ¨ÒÃÂÁ Ñè¹ ÀÙÃԷѵµà¶ÃÐ

“ศีล คือร้ัวก้ันความเบียดเบียน
และทําลายสมบัติรางกายและจิตใจของกันและกัน

ศีลคือพืชแหงความดีอันยอดเย่ียม
ท่ีควรมีประจําชาติมนุษย
ไมปลอยใหสูญหายไปเสีย

เพราะมนุษยที่ไมมีศีลเปนร้ัวก้ัน
และเปนเครื่องประดับตัวเสียเลย
ก็คือกองเพลิงแหงมนุษยเราดีๆ น่ีเอง”

๕๘๖

âÍÇÒ·¸ÃÃÁ

·Ò‹ ¹¾ÃÐÍÒ¨ÒÃÂÁ è¹Ñ ÀÙÃԷѵµà¶ÃÐ

“ภาวนา คือ
การอบรมใจใหฉลาดเท่ียงตรง

ตอเหตุผลอรรถธรรม
รูจักวิธีปฏิบัติตอตัวเองและสิ่งท้ังหลาย
ไมใหจิตผาดโผนโลดเตนแบบไมมีฝงมีฝา
ยึดการภาวนาเปนรั้วกั้นความคิดฟุงของใจ

ใหอยูในเหตุผล
อันจะเปนทางแหงความสงบสุข”

๕๘๗

âÍÇÒ·¸ÃÃÁ

·Ò‹ ¹¾ÃÐÍÒ¨ÒÃÂÁ èѹ ÀÙÃ·Ô Ñµµà¶ÃÐ

“เรามาศึกษาหาอรรถหาธรรม
ไมควรกลาจนเกินตัวและกลัวจนเกินไป

เพราะความผิดพลาด
อาจมีไดดวยกันทุกคน
ความเห็นโทษความผิดน่ันแลเปนความดี
พระพุทธเจาทานก็เคยผิดมากอนพวกเรา
ตรงไหนที่เห็นวาผิด ทานก็เห็นโทษในจุดน้ัน
และพยายามแกไขไปทุกระยะที่เห็นวาผิด
เจตนานั้นดีอยู แตความรูเทาไมถึงการณน้ันอาจมีได
ควรสํารวมระวังตอไปทุกกรณี
เพราะความมีสติระวังตัวทุกโอกาส
เปนทางของนักปราชญ”

๕๘๘

âÍÇÒ·¸ÃÃÁ

·‹Ò¹¾ÃÐÍÒ¨ÒÃÂÁ ¹èÑ ÀÙÃԷѵµà¶ÃÐ

“ผูมารับการศึกษาอบรม
ควรเปนผูหนักในเหตุผลซ่ึงเปนเรื่องของธรรมแท
ไมควรปลอยใหความอยากท่ีคอยผลักดันอยูตลอดเวลา

ออกมาเพนพานในวงปฏิบัติ
จะมาทําลายธรรมอันเปนแนวทางท่ีถูก
และเปนแบบฉบับแหงการดําเนินเพ่ือความพนทุกข
จะทําใหทุกสิ่งที่มุงปรารถนาเสียไปโดยลําดับ
ธรรมวินัยหน่ึง คําพูดของครูอาจารยหน่ึง

ท่ีเราถือเปนที่เคารพไมควรฝาฝน
การฝาฝนพระธรรมวินัยและการฝาฝนคําครูอาจารย

เปนการทําลายตัวเอง
และเปนการสงเสริมนิสัยไมดีใหมีกําลัง
เพื่อทําลายตนและผูอ่ืนตอไปไมมีทางสิ้นสุด”

๕๘๙

âÍÇÒ·¸ÃÃÁ

·‹Ò¹¾ÃÐÍÒ¨ÒÏÁèѹ ÀÙÃÔ·µÑ µà¶ÃÐ

“เวลาน้ีเรากําลังเขาอยูในสนามรบ
เพื่อชิงชัยระหวางกิเลสกับมรรค คือขอปฏิบัติ
เพ่ือชวงชิงจิตใหพนจากความเปนสมบัติสองเจาของ

มาครองเปนเอกสิทธ์ิแตผูเดียว
ถาความเพียรยอหยอน ความฉลาดไมพอ
จิตจําตองหลุดมือตกไปอยูในอํานาจของฝายต่ํา

คือกิเลส และพาใหเปนวัฏจักร
หมุนเพื่อความทุกขรอนไปตลอดอนันตกาล
ถาเราสามารถดวยความเพียรและความฉลาดแหลมคม

จิตจําตองตกมาอยูในเงื้อมมือ
และเปนสมบัติอันลนคาของเราแตผูเดียว”

๕๙๐

âÍÇÒ·¸ÃÃÁ

·‹Ò¹¾ÃÐÍÒ¨ÒÏÁèѹ ÀÃ٠Էѵµà¶ÃÐ

“พุทโธเปนดวงแกว
อันประเสริฐเลิศโลกในไตรภพ
เปนดวงฉลาดรอบรูทั่วไตรโลกธาตุ”
“พุทโธนี้เปนสมบัติอันวิเศษของพระพุทธเจา
พุทโธนั้นเปนองคแหงความรูความสวางไสว

ไมเปนวัตถุ”

๕๙๑

âÍÇÒ·¸ÃÃÁ

·Ò‹ ¹¾ÃÐÍÒ¨ÒÏÁè¹Ñ ÀÙÃԷѵµà¶ÃÐ

“อยาทําความรู ความเห็น และความประพฤติทุกดาน
เหมือนเราไมมีปาชาอยูกับตัว

อยูกับบานเมืองเรา อยูกับญาติมิตรของเรา
บทถึงคราวเปนอยางโลกที่มีปาชาท่ัวๆ ไปขึ้นมา

จะแกตัวไมทัน แลวจะจมลงในที่ตน
และโลกไมประสงคอยากลงกัน
จะคิดจะพูดจะทําอะไร

ควรระลึกถึงปาชาคือความตายบาง
เพราะกรรมกับปาชาอยูดวยกัน ถาระลึกถึงปาชา

ในขณะเดียวกันไดระลึกถึงกรรมดวย
พอทําใหรูสึกตัวขึ้นบาง อยาอวดตัววาเกง

ทั้งๆ ท่ีไมเหนืออํานาจของกรรม
แมอวดไปก็เปนการทําลายตัวใหลมจมไปเปลาๆ
ไมควรอวดเกงกวาศาสดาผูรูดีรูชอบทุกๆ อยาง
ไมลูบๆ คลําๆ เหมือนคนมีกิเลสท่ีอวดตัววาเกง
สุดทายก็จนมุมของกรรมคือความเกงของตัว”

๕๙๒

âÍÇÒ·¸ÃÃÁ

·‹Ò¹¾ÃÐÍÒ¨ÒÃÂÁ ¹èÑ ÀÃÙ Ô·µÑ µà¶ÃÐ

“สมถะกับวิปสสนา
เปนธรรมมีอุปการะแกพระขีณาสพ

แตตนจนวาระสุดทายแหงขันธ
ตองอาศัยสมถวิปสสนาเปนวิหารธรรม
เครื่องบรรเทาทุกขระหวางขันธกับจิตที่อาศัยกันอยู
จนกวาระหวางสมมุติคือขันธกับวิมุตติ

คือวิสุทธิจิตจะเลิกราจากกัน
ที่โลกเรียกวาตายนั่นแล

สมถะกับวิปสสนาจึงจะยุติในการทําหนาที่ลงได
และหายไปพรอมๆ กับสมมุติทั้งหลาย

ไมมีอะไรจะมาสมมุติกันวาเปนอะไรตอไปอีก”

๕๙๓

âÍÇÒ·¸ÃÃÁ

·‹Ò¹¾ÃÐÍÒ¨ÒÃÂÁ ¹èÑ ÀÙÃ·Ô Ñµµà¶ÃÐ

“งานพระศาสนาเปนงานละเอียดมาก
ยากท่ีจะรูทั่วถึง

ผูจะทรงพระศาสนาทรงธรรมทรงวินัย
ใหถึงข้ันสมบูรณได ตองเปนคนฉลาด
ความฉลาดในที่นี้มิไดหมายความฉลาด
ท่ีทําลายโลกใหพินาศ ทําลายศาสนาใหฉิบหายลมจม

แตเปนความฉลาดในเหตุผล
ท่ีจะยังโลกและธรรมใหเจริญโดยถายเดียว
ความฉลาดน่ีแลที่แสดงไวในมรรคแปดวา

สัมมาทิฏฐิ สัมมาสังกัปโป
คือความเห็นชอบ ความดําริคิดนึกชอบ

และเปนผูนํากายวาจาใหประพฤติ
แตในทางที่ชอบตามปญญา
สัมมาทิฏฐิซึ่งเปนผูนํา”

๕๙๔

âÍÇÒ·¸ÃÃÁ

·Ò‹ ¹¾ÃÐÍÒ¨ÒÃÂÁ ¹Ñè ÀÃÙ Ô·µÑ µà¶ÃÐ

“งานของพระผูพรอมแลวเพื่อขามโลกขามสงสาร
เปนงานชั้นเยี่ยม

ไมมีงานใดในโลกจะหนักหนวงถวงใจ
ย่ิงกวางานยกจิตใหพนจากหวงแหงวัฏทุกข

งานน้ีเปนงานที่ทุมเทกําลังทุกดาน
แมชีวิตก็ยอมสละไมอาลัยเสียดาย
จะเปนจะตายก็มอบไวกับความเพียร
เพื่อรื้อถอนตนใหพนจากหลมลึกคือกิเลสทั้งมวล
ไมมีการแบงรับแบงสูเหมือนงานอ่ืนๆ
จะรูจะเห็นธรรมอัศจรรยท่ีไมเคยพบเคยเห็น
ก็รูและเห็นกันกับความเพียรที่สละตายไมเสียดายชีวิตนี่แล

วิธีอ่ืนๆ ก็ยากจะคาดถูกได
การทําความเพียรของผูต้ังใจจะขามโลก
ไมขอเกิดมาแบกหามกองทุกขนานาชนิดอีกตอไป
ตองเปนความเพียรชนิดเอาตายเขาแลกกัน”

๕๙๕

âÍÇÒ·¸ÃÃÁ

·‹Ò¹¾ÃÐÍÒ¨ÒÃÂÁ ѹè ÀÙÃÔ·µÑ µà¶ÃÐ

“ธรรมนั้นอยูฟากตาย ถาใครกลัวตายเสียดายทุกข
ชอบถือเอาความสนุกในการเกิดวาเลิศเลอ
ผูนั้นตองจัดวาลืมตัวมัวประมาท
และชอบผัดเพี้ยนเลื่อนเวลาวา
เชา สาย บาย เย็น
ไมอยากบําเพ็ญความดีสําหรับตน
ในเวลาท่ีเปนฐานะพอทําไดอยู
ความประมาททั้งนี้ยังจะพาใหหล่ังนํ้าตา
ดวยความทุกขในสงสาร
ไมอาจประมาณไดวายังอีกนานเทาไร

จึงจะผานพนแหลงกันดารอันเปนท่ีทรมานไปได”

๕๙๖

âÍÇÒ·¸ÃÃÁ

·Ò‹ ¹¾ÃÐÍÒ¨ÒÃÂÁ ¹Ñè ÀÙÃԷѵµà¶ÃÐ

“ดีช่ัวมิไดเกิดขึ้นมาเอง
แตอาศัยการทําบอยก็ชินไปเอง

เมื่อชินแลวก็กลายเปนนิสัย
ถาเปนฝายชั่วก็แกไขยาก
คอยแตจะไหลลงไปตามนิสัยท่ีเคยทําอยูเสมอ

ถาเปนฝายดี
ก็นับวันคลองแคลวแกลวกลาขึ้นเปนลําดับ”

๕๙๗

âÍÇÒ·¸ÃÃÁ

·Ò‹ ¹¾ÃÐÍÒ¨ÒÃÂÁ Ñè¹ ÀÃÙ Ô·µÑ µà¶ÃÐ

“ถาใครกลัวตายเพราะความเด็ดเด่ียวทางความเพียร
ผูนั้นจะตองกลับมาตายอีกหลายภพหลายชาติ
ไมอาจนับได
สวนผูใดไมกลัวตาย
ผูนั้นจะตัดภพชาติใหนอยลง
ถึงกับไมมีภพชาติเหลืออยู

และผูนั้นแลจะเปนผูไปไมกลับหลังมาหาบทุกขอีก”

๕๙๘

âÍÇÒ·¸ÃÃÁ

·Ò‹ ¹¾ÃÐÍÒ¨ÒÏÁ¹èÑ ÀÃÙ ·Ô ѵµà¶ÃÐ

“กรรมอยูกับตัวและตัวทํากรรมอยูทุกขณะ
ผลก็เกิดอยูทุกเวลา ยังสงสัยหรือไมเชื่อกรรม

วามีและใหผลแลวก็สุดหนทาง
ถากรรมวิ่งตามคนเหมือนสุนัขว่ิงตามเจาของ

เขาก็เรียกวาสุนัขเทาน้ันเอง
ไมเรียกวากรรม
น่ีกรรมไมใชสุนัข

แตคือการกระทําดีชั่วทางกายวาจาใจตางหาก
ผลจริง คือความสุขทุกขที่ไดรับกันอยูท่ัวโลก
กระทั่งสัตวผูไมรูจักกรรม รูแตกระทําคือหาอยูหากิน
ที่ทางศาสนาเรียกวากรรมของสัตวของบุคคล

และผลกรรมของสัตวของบุคคล”

๕๙๙

âÍÇÒ·¸ÃÃÁ

·‹Ò¹¾ÃÐÍÒ¨ÒÏÁèѹ ÀÃ٠Էѵµà¶ÃÐ

“อยากไดของดีที่มีอยูกับตัวเราทุกคนก็พากันปฏิบัติเอาทําเอา
เมื่อเวลาตายแลวจึงพากันวุนวาย
หานิมนตพระมาใหบุญกุสลามาติกา
นั่นไมใชเกาถูกท่ีคันนะ จะวาไมบอก

ตองรีบเกาใหถูกที่คันเสียแตบัดน้ี โรคคันจะไดหาย
คือเรงทําความดีเสียแตบัดน้ี จะไดหายหวงหายหวง

กับอะไรๆ ที่เปนสมบัติของโลก
มิใชสมบัติอันแทจริงของเรา
แตพากันจับจองเอาแตชื่อของมันเปลาๆ
ตัวจริงไมมีใครเหลียวแล”

๖๐๐

âÍÇÒ·¸ÃÃÁ

·‹Ò¹¾ÃÐÍÒ¨ÒÃÂÁ ¹èÑ ÀÃÙ ·Ô ѵµà¶ÃÐ

“พระในใจจะสมบูรณเปนข้ันๆ
นับแตพระโสดา ฯลฯ ถึงพระอรหัตได

ตองเปนผูหนักในความเพียร
เพ่ือสมาธิและปญญาทุกช้ัน
จะมีทางเกิดขึ้นและเจริญกาวหนา
สามารถชําระลางสิ่งสกปรกรุงรัง
ภายในใจออกไดโดยส้ินเชิง”

๖๐๑

ËÅǧ»†ÁÙ Ñè¹ ÀÙÃԷѵâµ

๑ ๖

อันบัวงามเติบโตจากโคลนตม ทางเลียบโขงมีปาภูสลับ
โคลนเพาะบมบัวบานหาฟาใส ทานไปกับหลวงปูหนูหลวงปูเสาร
อันคนเราไมวาหมูเหลาใด เม่ือถึงพระธาตุพนมโทรมซบเซา
ลวนบมใจงามไดดวยกายตน ทานบอกเลามีพระธาตุสถิตจริง

๒ ๗

โอวาทธรรมคําเทศนมุตโตทัย นับแตนั้นเกิดงานบุญเดือนสาม
สรางแรงใจแมลําบากอยากฝกฝน วันเพ็ญงามทั้งพระธาตุและชายหญิง
สิ่งดีงามเกิดไดในทุกคน องคพระธาตุไมถูกลูกหลานท้ิง
ถึงมรรคผลไดดวยกายเนานี้ นับวันยิ่งคนมาไหวสากัน

๓ ๘

ยามความรูยุโรปโอบเขาหา ทานธุดงคไปไกลถึงพมา
หลวงปูมั่นผานฟามาเกิดที่ ปหาหามานครนายกน่ัน
บานคําบงเขตอุบลราชธานี ทานพบธรรมอันแสนอัศจรรย
คือเมธีผูคํ้าธรรมรุงเรือง ยากจํานรรจที่ถ้ําสาริกา

๔ ๙

ทานบวชตอนอายุยี่สิบสอง ปหาเจ็ดไดถูกเจาคุณจันทร
เพื่อออกตามมรรคผลในผาเหลือง นิมนตทานมาสอนในเนื้อหา
ภูริทัตโตคือฉายาประเทือง เก่ียวกับการเจริญวิปสสนา
ผูปราดเปรื่องเรื่องการใหปญญา ใหเถรานุเถระวัดปทุม

๕ ๑๐

ปสองพันส่ีรอยสี่สิบสาม ปถัดมาทานอยูวัดบูรพา
อายุสามสิบปธุดงคหา สนทนาธรรมะงามชอุม
ทางดับทุกขท่ีสรางภพชาติมา หลวงปูเสารซาทุกขที่รุกรุม
ใหยึดวาตัวตนเปนของเรา ส่ิงหอหุมจิตหายไปท้ังปวง

๖๐๒

๑๑ ๑๗
อายุหาสิบแปดไดตราต้ัง ฝกใหเปนกอนไปเพื่อใชสอน
ดํารงรั้งเจาอาวาสวัดดีหลวง เดินยืนนอนนั่งเปนแบบอยางสงฆ
หนึ่งพรรษาทานสละยศหลอกลวง ทานมีวัตรเจ็ดขอของธุดงค
เพราะลาภจวงแทงบุรุษท่ีมัวเมา ทานสอนตรงพุทธธรรมอยางลํ้าลึก

๑๒ ๑๘

แลวธุดงคปาภูอยูเมืองเหนือ สติคือชัยภูมิควบคุมทัพ
เพ่ือเปนเรือขามฝงพนความเขลา ใหรุกรับดีกวาฝายขาศึก
สิบสองปคือเวลาท่ีทานเนา สังขารไมเปนไปดั่งใจนึก
จนทานเขาถึงธรรมในชวงน้ี หมั่นตรองตรึกเพื่อเขาทางสายกลาง

๑๓ ๑๙

ถํ้าดอกคําอําเภอพราวในเชียงใหม คือคําสอนยอจากมุตโตทัย
ทานก็ไดธรรมเลิศประเสริฐศรี ใหผูใฝรูพระธรรมทําตามอยาง
กิจควรทําเสร็จแลวพนโลกีย ปลอกของปลอมเคลือบจิตยากคิดลาง
เหลือชีวีบอกทิศทางศิษยเดิน ใหสวางเปลงแสงไรแตงเติม

๑๔ ๒๐

อายุหกสิบเกาทานเขากรุง นอมรําลึกคุณพระอรหันต
กอนจะมุงหนาใชเทาเดินเหิน หลวงปูมั่นผูดําริและริเริ่ม
สูอุดรแลสกลนครเจริญ นําหมูสงฆยอนสูรอยครูเดิม
คนสรรเสริญคุณทานอยางเลื่องลือ ไมตัดเสริมคําสอนพระศาสดา

๑๕ ๒๑

หลังพํานักวัดปาโนนนิเวศน หากส่ิงใดลวงเกินหลวงปูม่ัน
ก็มีเหตุไปวัดปาบานผือ ขอใหทานยกโทษอดโทษา
ทานทุมเทสอนธรรมนําศิษยรื้อ อโหสิกรรมดวยคําขอขมา
กิเลสคือตนเหตุความวอดวาย จากใจขาพระพุทธเจานี้ดวยเทอญ

๑๖
ทานคือผูรักษาพระสัทธรรม
เปนผูนําพาสงฆงามเฉิดฉาย ๔ มี.ค. ๖๕
ดุจจันทรเพ็ญเดนสวางงามพรางพราย
พาหญิงชายเลื่อมใสอยางยืนยง

๖๐๓

¤³Ø ¤Ò‹ ¢Í§¡ÒÃÍÒ‹ ¹Ë¹§Ñ ÊÍ× ¸ÃÃÁÐ

เราเห็นคุณคาของการอานหนังสือทางดานธรรมะเปนสําคัญ
อานธรรมะ ฟงธรรมะ อบรมธรรมะเพื่อดับไฟในใจ เพราะสิ่งท่ีทําให
เพลิดเพลินนั้นเปนส่ิงที่มีพิษภัยและความโศกเศราแฝงอยูในน้ัน
จึงนําธรรมะเขาไปชะลางในจุดน้ัน เปดออกเพ่ือใหเห็นโทษของมัน
ถามีแตสิ่งเหลานั้น ถึงจะมีโทษขนาดไหน ก็ไมไดเห็นโทษ เพราะ
ไมสนใจดโู ทษ พอธรรมะสองเขาไปปปกเ็ หน็ เห็นโทษของมนั มากนอย
เห็นเรื่อยๆ เห็นหลายครั้งหลายหนก็มีกําลังมากและปราบกันไดๆ
อยางนอยกอ็ ยูดวยความสงบเยน็ ใจ ไมปนร้วั ปนลูกกรงอยางเขาวา

เราเหน็ อยางนน้ั แหละ จงึ ไดพมิ พหนงั สือออกแจก ทแี รกทางวัด
พิมพแจกกอน ทีน้ีตอมาบรรดาลูกศิษยลูกหาก็พิมพ เลยพิมพกันเปน
เนื้อเปนหนังจริงๆ ทางวัดก็เปนอันวาปลอย เปนแตเพียงวารับแจก
ใหทําออกมาแลวก็แจกประชาชนญาติโยม เพราะเราเห็นคุณคา
ของการอานหนังสือธรรมะน้ีมากอยางฝงใจ น่ีหลวงตาบัวบวชต้ังแต
หนุมฟอจนกระท่ังปานน้ี ก็เพราะไดอานหนังสือธรรมะ ใหลูกหลาน
ท้ังหลายเอาไปเปนคตนิ ะ

๖๐๔


Click to View FlipBook Version