ขณะประชมุ ฟงั เทศน์ ถา้ ใจคดิ เปน็ ธรรมแบบสละทฐิ มิ านะเสยี จรงิ ๆ
ก็รู้สึกสนุกเพลิดเพลินในธรรมท่าน เพราะท่านเทศน์เป็นธรรมล้วนๆ
ท�ำให้จิตใจเพลิดเพลินไปตามยิ่งกว่าอะไรท่ีเคยผ่านมา ถ้าจิตไม่ค่อย
เป็นธรรมและหาบหามโลกไปทับถมท่าน จะได้ยินเสียงเทศน์เป็นไฟไป
ทเี ดยี ว และผฟู้ งั แบบหามโลกไปหาทา่ นกร็ สู้ กึ รอ้ นเปน็ ไฟไปเชน่ เดยี วกนั
ทง้ั นท้ี า่ นมไิ ดส้ นใจวา่ การเทศนจ์ ะไปโดนกเิ ลสของใครเขา้ ตรงไหนทม่ี เี รอื่ ง
มีกเิ ลสชุกชุมมากทา่ นจะพงุ่ ธรรมเขา้ ไปตรงนน้ั ไมย่ อมแสดงไปทอ่ี น่ื เลย
บางครงั้ ถงึ กบั ระบุตวั บุคคลออกเลยวา่ คืนน้ีท่าน….ภาวนาทำ� ไมอย่างน้ัน
นั้นมันไม่ถูก ที่ถูกต้องท�ำอย่างน้ัน และเมื่อเช้านี้ท่าน…..คิด…….อะไร
อย่างนั้น ถ้าไม่อยากฉิบหายเพราะการท�ำลายตัวด้วยความคิดประเภท
สังหารนั้นแลว้ อยา่ หาญคดิ ตอ่ ไป สงิ่ ที่พระพุทธเจ้าให้คดิ ใหท้ �ำ ทำ� ไม
ไม่คดิ ไม่ทำ� แหวกไปคิดหาอะไรอยา่ งนั้น ท่นี เ่ี ปน็ สถานท่อี บรมศีลธรรม
เพอื่ แกค้ วามเหน็ ผดิ คดิ ผดิ มใิ ชส่ ถานทสี่ ง่ั สมความคดิ เพอื่ กอ่ ไฟเผาตวั
ทำ� นองท่คี ดิ น้นั
ผทู้ ย่ี อมรบั ความจรงิ ทางใจจะรสู้ กึ เยน็ สบาย ทา่ นเองกไ็ มค่ อ่ ยวา่ อะไร
ส�ำคัญที่มีอะไรไปตะขิดตะขวงใจท่านอยู่ภายในอย่างลึกลับน้ัน รู้สึกจะ
เหมอื นเอาไฟไปเผาลนทา่ น และจะไดย้ นิ คำ� แปลกๆ ออกมาทนั ที แตถ่ า้
ผู้นัน้ ร้สู กึ ตัว รบี แก้ไขความคิดเหน็ เสียใหมก่ ็ไมม่ ีอะไรต่อไปอีก เรอ่ื งก็
สงบไป
คนื หนง่ึ มพี วกชาวเขาพดู กนั วา่ ตเุ๊ จา้ หลวง (พระอาจารยใ์ หญ)่ ทม่ี า
พักอย่กู บั พวกเรา ทา่ นจะมีคาถากันผขี ับไลผ่ ีหรือเปล่ากไ็ มท่ ราบ พร่งุ นี้
พวกเราลองพากันออกไปขอท่านดู ท่านจะพอมีให้พวกเราบ้างไหม?
257
พอต่ืนเช้ามา ท่านอาจารย์มั่นก็รีบบอกกับพระทันทีว่า คืนนี้นั่งภาวนา
อยู่ได้ยินพวกชาวเขาในหมู่บ้านนี้พูดกันว่า พวกพระเราจะมีคาถากันผี
ไลผ่ บี า้ งไหม เขาจะมาขอคาถานนั้ กบั พวกเรา ถา้ เขามาขอคาถาดงั ทว่ี า่ นนั้
ให้เอาคาถาพุทโธ ธัมโม สังโฆ ใหเ้ ขาไปภาวนา คาถาน้ีกนั ผีดนี กั ผใี น
โลกนกี้ ลัวแต่ พทุ โธ ธัมโม สงั โฆ เท่าน้ัน ไมม่ ีผีตัวใดจะกลา้ ต่อสูก้ ับ
ธรรมเหลา่ น้ีได้
พอตอนเชา้ พวกชาวเขาพากนั มาจรงิ ๆ ดงั ทที่ า่ นบอกไว้ และพรอ้ มกนั
มาขอคาถากันผีไลผ่ ีกบั ทา่ นจรงิ ๆ ท่านกบ็ อกคาถา พุทโธ ธัมโม สังโฆ
ใหแ้ กเ่ ขาไป โดยบอกวธิ ที ำ� ใหเ้ ขา คอื นกึ พทุ โธ ธมั โม สงั โฆ บทใดบทหนง่ึ
ไวใ้ นใจ และบอกว่าผกี ลวั นกั หนา พอเขาไดพ้ ุทโธ ธัมโม สังโฆไปแลว้
ต่างก็เริ่มท�ำพิธีกันผีตามที่ท่านส่ัง โดยท่ีเขาไม่รู้ว่าท่านให้เขาภาวนา
พอเขาพากนั ทำ� แบบทท่ี า่ นสง่ั สอน ใจเลยรวมสงบลงเปน็ สมาธใิ นขณะนนั้
รุง่ เช้าเขาก็รีบออกมาหาท่านและเลา่ อาการท่ีเป็นใหท้ ่านฟงั ทา่ นบอกวา่
นั่นเป็นวิธีท่ีถูกต้องแล้ว ผีแถวๆ นี้จะต้องกลัวและพากันวิ่งหนีหมด
อยู่ท่ีน่ีต่อไปไม่ได้ เพราะธรรมของพวกแกแก่กล้าแล้ว ต่อไปพวกแก
ไมต่ อ้ งกลวั ผอี กี แลว้ แมพ้ วกทภ่ี าวนากนั ผยี งั ไมเ่ ปน็ ผกี เ็ รมิ่ กลวั อยแู่ ลว้
จากนนั้ ทา่ นสอนใหเ้ ขาทำ� ทกุ วนั ตามปกตคิ นชาวเขาเปน็ คนซอ่ื สตั ย์
สจุ รติ มาดง้ั เดมิ จงึ สง่ั สอนงา่ ยอยบู่ า้ ง เขาพากนั ทำ� ทกุ วนั อยา่ งเอาจรงิ เอาจงั
ตอ่ มาไมช่ า้ คนในบา้ นนนั้ บางคนภาวนาเปน็ จรงิ ๆ จนจติ เกดิ ความสวา่ งไสว
สามารถรู้จิตใจของคนอื่นได้ ตลอดจิตพระท่ีอยู่ในวัด เช่นเดียวกับ
คนบา้ นเสอื เยน็ ทก่ี ลา่ วผา่ นมาแลว้ เวลาเขาออกมาวดั มาเลา่ เรอื่ งภาวนา
ใหพ้ ระอาจารยฟ์ งั และเรอ่ื งทจี่ ติ สามารถรเู้ หน็ สง่ิ ตา่ งๆ อยา่ งนา่ จบั ใจนน้ั
258
พระในวัดเกิดความอัศจรรย์และกลัวเขาจะรู้เห็นจิตของตัวที่คิดไปต่างๆ
พระบางองค์ท่ีมีนิสัยข้ีขลาดแต่อยากรู้เร่ืองต่างๆ อดทนไม่ได้ก็ถามเขา
เขาก็เลา่ ให้ฟงั ตามเปน็ จริง ยังทนต่อความอยากถามไม่ได้อกี พยายาม
แคะไค้ไล่เบ้ียสอบถามเขาเข้ามาหาเรื่องของตัวโดยจะขาดทุนก็ไม่ยอม
รสู้ กึ ตวั ราวกบั ใจมฝี าปดิ ไวร้ อ้ ยชน้ั อยา่ งมดิ ชดิ ไมม่ อี ะไรจะสามารถเออื้ ม
เขา้ ไปสมั ผสั แตะตอ้ งได้ พอถามเขา เขากบ็ อกอยา่ งตรงไปตรงมาตามภาษา
ของคนปา่ ซงึ่ ไมส่ นใจกบั สงั คมวา่ นยิ มกนั อยา่ งไร พระทฟี่ งั แลว้ ชอบใจวา่
ถกู กบั ปมดอ้ ยของตวั และกลวั ในเวลาคดิ ปรงุ ไปตา่ งๆ วา่ เขาจะรทู้ ำ� นอง
ท่เี ขาเคยรแู้ ลว้ นัน้
นอกจากเขาจะรสู้ งิ่ ตา่ งๆ ดงั ทว่ี า่ นนั้ เขายงั พดู กบั ทา่ นพระอาจารยม์ น่ั
อยา่ งหนา้ ตาเฉยดว้ ยวา่ จติ ตเุ๊ จา้ หลวง เฮากฮ็ กู้ า๊ (เรารคู้ รบั ) เพราะเฮาดู
และฮู้จิตตุ๊เจ้าหลวงก่อนใครๆ ท่านก็ถามบ้างว่า จิตเราเป็นอย่างไร
กลวั ผไี หม? เขายมิ้ แลว้ กต็ อบทา่ นวา่ จติ ของตเุ๊ จา้ หลวงหมดดวงสมมตุ แิ ลว้
เหลอื แต่นิพพานในรา่ งมนษุ ย์อยา่ งเดยี ว และไม่กลวั อะไรเลย จิตตเุ๊ จ้า
วเิ ศษสดุ แลว้ เรอื่ งผสี างอะไรเขาเลยไมก่ ลา่ วถงึ แมค้ นในบา้ นนน้ั กห็ นั มา
เลื่อมใสศาสนาและท่านพระอาจารย์มั่นเสียหมด ไม่สนใจกับผีกับสาง
อะไรอกี ตอ่ ไป เพราะคนทภี่ าวนาเกง่ คนนนั้ เปน็ ผปู้ ระกาศใหช้ าวบา้ นทราบ
เรอ่ื งของศาสนา และเรอ่ื งของทา่ นพระอาจารย์อยทู่ กุ วัน
เวลาใส่บาตรเขาพรอ้ มกนั มารวมใส่ในท่แี ห่งเดยี ว พอเสร็จจากการ
ใสบ่ าตร เวลาจะอนโุ มทนา ทา่ นพระอาจารยบ์ อกใหเ้ ขาพรอ้ มกนั สาธดุ งั ๆ
เผ่ือเทวดาจะไดอ้ นโุ มทนาด้วย เขาจะมีสว่ นบุญกบั พวกเราอกี ส่วนหน่ึง
เขาเชอ่ื ทา่ นพร้อมกันสาธดุ งั ๆ ทุกวนั ทที่ า่ นให้เขาสาธุดังๆ นี้ ทราบว่า
259
เวลากลางคืนยามดึกสงัด มักมีเทวดามาเย่ียมและฟังเทศน์ท่านเสมอ
บางพวกก็บอกว่าได้ยินเสียงสาธุดังไปถึงเขา เขาจึงทราบว่าพระคุณเจ้า
พกั อยูท่ นี่ ี่ ถึงไดพ้ ากนั มาเยีย่ ม ตามธรรมดาทกุ ครั้งที่พวกเทพมาเยี่ยม
จะตอ้ งมีหวั หน้าน�ำมาเสมอ และพวกเทวดานัน้ ๆ กม็ ีภูมิที่อยตู่ ่างๆ กัน
บางพวกกเ็ ปน็ รกุ ขเทวดามาจากทใ่ี กลบ้ า้ งไกลบา้ ง บางพวกกเ็ ปน็ พวกเทวดา
บนสวรรค์ชน้ั น้ันๆ ดงั ทีแ่ สดงไว้ในต�ำรา
ก่อนเวลาเขาจะมาในคืนใด คืนน้ันท่านต้องทราบล่วงหน้าไว้ก่อน
เสมอว่าเขาจะมาประมาณตี ๒ หรือตี ๓ ท่านก็พักผ่อนเสียก่อน
พอจวนถงึ เวลากล็ กุ ขน้ึ เขา้ ทค่ี อยตอ้ นรบั ถา้ ทราบวา่ เขาจะมาราวเทย่ี งคนื
หรอื ตี ๑ ทา่ นกเ็ ขา้ ทค่ี อยตอ้ นรบั แตก่ ารเขา้ ทค่ี อยนน้ั มสี องประเภท คอื
ภาวนาไปตามล�ำพังจนจติ ลงสู่ความสงบแลว้ พักอย่หู นงึ่ พอควรแกก่ าล
แลว้ ถอนขนึ้ มาอยรู่ ะดบั พอดกี บั ภมู ขิ องแขกจะรบั ทราบกนั ไดห้ นง่ึ ถา้ แขก
ยงั ไมม่ ากด็ ี กำ� ลงั มากด็ ี หรอื มารออยูก่ ่อนแลว้ กด็ ี ยอ่ มรับทราบกนั ได้
กบั จติ ทอ่ี ยใู่ นระดบั นี้ มอี ะไรกส็ นทนากนั ไปจนกวา่ จะยตุ ลิ งดว้ ยเหตกุ ารณ์
อนั ควร ถา้ จติ ลงไปอยใู่ นสมาธเิ สยี จรงิ ๆ ภมู ขิ องแขกทม่ี าเยย่ี มกเ็ ขา้ ไมถ่ งึ
ถา้ ถอนออกมาเปน็ จติ ธรรมดาเสยี หากจติ ไมม่ คี วามชำ� นาญในทางนจี้ รงิ ๆ
กไ็ มอ่ าจรบั ทราบกนั ไดท้ กุ ระยะกบั สง่ิ ทมี่ าเกยี่ วขอ้ ง แมท้ ราบไดก้ ไ็ มถ่ นดั
เหมอื นจติ ทอ่ี ยใู่ นขนั้ เตรยี มรบั ฉะนนั้ จติ ทอ่ี ยภู่ มู อิ ปุ จาระ คอื อยทู่ ป่ี ากประตู
จงึ เป็นภมู ทิ ี่เหมาะกบั เหตุการณแ์ ทบทุกกรณี
ท่านพระอาจารยม์ ัน่ ทา่ นเชย่ี วชาญในทางนี้มานาน เร่ิมแต่สมัยท่าน
พกั อยถู่ ำ�้ สารกิ านครนายกเปน็ ตน้ มา ซง่ึ ระยะนน้ั ทราบวา่ ทา่ นได้ ๒๒ พรรษา
จากนน้ั มาจนถงึ วนั ทา่ นมรณภาพพรรษากร็ ว่ ม ๖๐ แลว้ ทา่ นจงึ มคี วามชำ� นิ
260
ชำ� นาญในทางน้ีมาก โลกมนษุ ยเ์ ราต่างกม็ ใี จเป็นของคู่ควรกบั ส่งิ เหลา่ นี้
เช่นเดียวกับท่านที่สามารถปฏิบัติจนรู้เห็นได้ แต่ยังไม่ค่อยมีผู้สามารถ
ปฏบิ ตั จิ นรเู้ หน็ ไดอ้ ยา่ งทา่ น พอเปน็ พยานแกต่ วั เอง แมไ้ มม่ ากเหมอื นทา่ น
ท่ีเชี่ยวชาญ นอกจากไม่เห็นแล้ว ยังอาจเข้าใจว่าส่ิงเหล่าน้ีไม่มีอยู่ใน
โลกสมมุติอีกด้วย จึงเป็นเร่ืองล�ำบากที่จิตไม่มีระดับความพอดีเป็น
ธรรมเครื่องอยู่ ถ้าจิตมีความสามารถด้วยการปฏิบัติตนตามหลักธรรม
ซงึ่ เปน็ หลกั รบั รองความรจู้ รงิ เหน็ จรงิ เทา่ ทคี่ วรแลว้ สงิ่ ทไี่ ดร้ ดู้ ว้ ยใจอยา่ ง
ประจกั ษแ์ ลว้ แมค้ ำ� คดั คา้ นทงั้ แผน่ ดนิ วา่ ไมจ่ รงิ มาลบลา้ ง กเ็ ปน็ คำ� คดั คา้ น
ที่เป็นโมฆะโดยประการท้ังปวง สิ่งที่ยังคงอยู่ก็คือความจริงของผู้รู้จริง
เห็นจริงนั่นแล ไม่มีส่ิงใดจะสามารถมาลบล้างได้ เพราะความจริงย่อม
ไมข่ น้ึ อยกู่ บั คำ� เสกสรรและตชิ มใดๆ นอกจากเปน็ สง่ิ ทจี่ รงิ อยอู่ ยา่ งตายตวั
ตามหลักธรรมชาตเิ ท่าน้ัน
ตามป่าตามเขาของอ�ำเภอต่างๆ ในจังหวัดเชียงใหม่ ปรากฏว่า
ท่านพระอาจารยม์ ั่นไดท้ อ่ งเท่ยี วซอกแซกทกุ ซอกทุกมุมกว่าจังหวัดอื่นๆ
เพราะทา่ นอยทู่ จ่ี งั หวดั นน้ั มาหลายปี และนานกวา่ ทอ่ี นื่ ๆ การบำ� เพญ็ ธรรม
กส็ ะดวก ความรู้ทีเ่ กี่ยวกบั เหตุการณ์ตา่ งๆ กม็ ีมากกว่าทอี่ ่นื ๆ ทา่ นว่า
ท่านอยู่ท่ีเชียงใหม่นานเพราะเหตุหลายประการ คือสถานที่บ�ำเพ็ญ
เหมาะสมมากหนงึ่ ชาวป่าผูม้ ภี ูมิจิตท่ีน่าสงสารควรอนุเคราะห์มอี ยมู่ าก
ความผดิ ปกตขิ องคนในเขาทม่ี จี ำ� นวนนอ้ ย ซงึ่ ควรไดร้ บั การอบรมสง่ เสรมิ
เพอื่ ความมนั่ คงตอ่ ไป ดกี วา่ จะปลอ่ ยทงิ้ ไวอ้ นั อาจมกี ารเสอ่ื มถอยลงไดห้ นงึ่
และเพ่อื สงเคราะหพ์ วกเทวดาทัง้ หลายหนง่ึ
261
พวกกายทพิ ยน์ ช้ี อบมาถามปญั หาและฟงั เทศนท์ า่ นเสมอ อยา่ งนอ้ ย
วันพระละสองคร้ัง นอกจากน้ันยังมีพวกนาคพาบริวารมาฟังธรรมท่าน
อยู่เสมอเช่นกัน ท่านว่ากลางคืนท่านไม่ค่อยว่างจากการรับแขกจ�ำพวก
กายทิพย์เลย บางคืนพวกเทพจากเบื้องบนช้ันน้ันๆ มาเย่ียม บางคืน
พวกรกุ ขเทพมาเยยี่ ม บางคืนพวกพญานาคมาเยีย่ ม พวกเทพเบือ้ งบน
ชน้ั นน้ั ๆ มาแตล่ ะครงั้ หวั หนา้ เขาประกาศใหท้ า่ นและเทวดาทงั้ หลายทราบ
กอ่ นจะถามปญั หาและฟงั ธรรมวา่ มจี ำ� นวนหมนื่ บา้ ง แสนบา้ ง พวกรกุ ขเทพ
มาแตล่ ะครงั้ หวั หน้าประกาศว่ามีจำ� นวนพันบ้าง หม่นื บา้ ง พวกพญานาค
พาบริวารมาแต่ละครง้ั ประกาศว่า มจี �ำนวนห้ารอ้ ยบ้าง หนึง่ พันบ้าง
เวลาท่านลงเดนิ จงกรมตอนเย็น จิตจะรบั ทราบความนดั หมายแหง่
การมาของพวกเทพเหล่านัน้ แทบทกุ เยน็ บางครัง้ กป็ รากฏเอาเวลาเข้าที่
ภาวนาวา่ เทวดาช้นั น้ันจะมาเยยี่ มเวลาเทา่ นั้น ชั้นน้นั จะมาเวลาเท่านั้น
รกุ ขเทพพวกนน้ั จะมาเวลาเทา่ นน้ั และพวกนน้ั จะมาเวลาเทา่ นนั้ พวกนาค
จะมาเวลาเท่าน้ัน บางคืนมีถึงสองสามพวก ท่านต้องนัดเวลาไม่ให้มา
ตรงกนั โดยพวกหนง่ึ นดั ใหม้ าราวหา้ ทมุ่ บา้ ง พวกหนง่ึ นดั ใหม้ าราวหกทมุ่ บา้ ง
อีกพวกหน่ึงนัดใหม้ าราวเจด็ ทุ่มบา้ ง ตามแตเ่ หน็ ควร ไมใ่ ห้เวลาตรงกัน
เพราะพวกเทพแต่ละช้ันละภูมิ มีพื้นเพทางจิตใจและธรรมที่ควรแก่ตน
ต่างกัน พวกหน่ึงมาตอ้ งการฟงั ธรรมประเภทหนงึ่ อีกพวกหนง่ึ ต้องการ
ฟงั ธรรมอกี ประเภทหนงึ่ เพอื่ ความเหมาะสมกบั ภมู ขิ องเทวดาทม่ี ปี ระเภท
ต่างๆ กัน ท่านจ�ำตอ้ งนดั ใหม้ าในเวลาตา่ งกนั เพือ่ สะดวกแก่การแสดง
และการฟังทงั้ สองฝ่าย เพราะความจ�ำเปน็ ดังกลา่ วน้ี ท�ำให้ท่านพักอย่ทู ่ี
เชยี งใหมน่ าน
262
เฉพาะพวกเทพท้งั เบอื้ งบนเบื้องลา่ ง ปรากฏวา่ มาเกีย่ วขอ้ งกับท่าน
เปน็ ประจำ� ยงิ่ กวา่ มนษุ ยแ์ ละนาคครฑุ ภตู ผที ง้ั หลาย ทงั้ นเี้ นอ่ื งจากผเู้ ขา้ ถงึ
จ�ำพวกกายทิพย์ในทางจิตใจมีจ�ำนวนน้อยมาก จึงเป็นความจ�ำเป็นมาก
ในการท�ำประโยชน์แก่พวกเทวดา แม้เทวดาเองก็เคยพูดกับท่านแล้ว
แทบทุกจ�ำพวกเกย่ี วกับผู้ไม่รู้เรือ่ ง ไมเ่ ข้าใจกบั พวกเทวดา และไมส่ นใจ
ว่าเทวดาก็เป็นกำ� เนดิ ชนิดหน่งึ ทีม่ โี ลกอยูอ่ าศยั ตามกรรมของตน และมี
ความหวังในสิ่งท่พี ึงพอใจเชน่ เดยี วกับสตั วโ์ ลกทั่วๆ ไป
ฉะนั้น เทวดาจึงไม่มคี วามหมายส�ำหรบั มนุษย์ประเภทดังกลา่ วน้นั
เมอื่ มาพบทา่ นผทู้ รงคณุ ธรรมอนั สงู สดุ ทม่ี ญี าณหยง่ั ทราบวา่ สตั วเ์ ปน็ สตั ว์
คนเปน็ คน เทวดาเป็นเทวดา และอะไรเป็นอะไรไม่ปฏเิ สธ อนั เปน็ การ
ใหเ้ กียรติแกภ่ พก�ำเนดิ ของสัตว์นัน้ ๆ เชน่ น้ี ซ่งึ นานๆ จะเจอสกั ครงั้ หนึง่
จึงอดท่ีจะเกิดความปีติยินดีอย่างซาบซ้ึงมิได้ และพากันมากราบไหว้
ถามปัญหาข้อข้องใจและฟังธรรมเสมอ เพื่อด่ืมโอชารสพระสัทธรรม
เขา้ ไปหลอ่ เลย้ี งเชดิ ชจู ติ ใจ ความเปน็ อยแู่ หง่ ภพชาตขิ องตนใหม้ คี วามสขุ
สมบรู ณ์ย่งิ ขน้ึ ดังน้นั เทวดาทัง้ หลายจงึ เคารพเลอ่ื มใสทา่ นผูม้ คี ุณธรรม
สงู มาก ทั้งรู้เรอ่ื งและเหน็ อกเห็นใจพวกเทวดาวา่ เป็นสตั ว์ทีม่ ีความหวงั
อะไรๆ ทเี่ ปน็ สริ มิ งคลแกต่ น และมคี วามหมายเชน่ เดยี วกบั สตั วโ์ ลกทวั่ ไป
ทา่ นเลา่ วา่ สตั วจ์ ำ� พวกกายทพิ ยใ์ นกำ� เนดิ ตา่ งๆ ทพ่ี อมที างตะเกยี ก
ตะกายชว่ ยตวั เอง ได้มาติดตอ่ เกี่ยวขอ้ งกบั ทา่ นเพือ่ ขอความอนเุ คราะห์
ชว่ ยเหลอื มจี ำ� นวนมากกวา่ มนษุ ยห์ ลายเทา่ แตเ่ ปน็ สงิ่ ลลี้ บั สำ� หรบั พวกเรา
ผยู้ งั ไมส่ ามารถรเู้ หน็ ไดใ้ นทางจติ ใจ สงิ่ เหลา่ นจี้ งึ กลายเปน็ ปญั หาตอ่ สงั คม
มนุษย์ชนิดไม่มีทางแก้ให้ตกได้ แต่ท้ังน้ีมิได้เป็นอุปสรรคต่อการรู้เห็น
263
ของทุกรายไป ผู้มีความสามารถในทางจิตใจ สิ่งเหล่าน้ีย่อมกลายเป็น
เรอ่ื งธรรมดา เชน่ เดยี วกบั เร่ืองธรรมดาทวั่ ๆ ไปท่ีมนุษยส์ ามารถ สำ� หรบั
ทา่ นพระอาจารยม์ นั่ รสู้ กึ จะถอื เปน็ เรอื่ งธรรมดา ทา่ นจงึ สามารถทำ� หนา้ ที่
เกี่ยวกับพวกกายทิพย์ตลอดมา ไม่ว่าจะอยู่ท่ีไหนท่านจ�ำเป็นต้องมีการ
เกย่ี วขอ้ งเสมอ ในเวลาท่เี ขาตอ้ งการความช่วยเหลอื จากท่าน
เฉพาะจังหวัดเชียงใหม่ ท่านว่าท่านได้ท�ำการเก่ียวข้องกับพวก
กายทิพย์ท่ีมีภพภูมิต่างๆ กันมากกว่าท่ีท่ัวไป โดยท่ีสัตว์จ�ำพวกเหล่านี้
ส่วนมากชอบมาติดต่อกับท่านขณะท่ีพักอยู่ในท่ีเปลี่ยวๆ อันสงัด
ปราศจากผคู้ นพลกุ พลา่ นหรอื สญั จรไปมา ประกอบกบั เชยี งใหมเ่ ปน็ ทำ� เล
ที่เหมาะสมอย่างยิ่งเพราะมีป่ามีเขามาก ท่านเองขณะพักอยู่ที่เช่นนั้น
กม็ เี วลาวา่ งจากภาระภายนอกมากกวา่ ทอี่ นื่ ๆ จงึ เปน็ โอกาสทพ่ี วกกายทพิ ย์
จะเข้าถึงได้ง่าย
264
เทวดาประเทศเยอรมันมาขอฟังเทศนท์ า่ น
นี่ก็เป็นเรื่องท่ีแปลกอยู่เร่ืองหนึ่ง ในบรรดาเร่ืองท่ีเกี่ยวกับเทวดา
ทท่ี า่ นเคยสงเคราะหเ์ รอื่ ยมา เทวดาพวกนมี้ าจากประเทศเยอรมนั มาขอ
ฟังเทศนท์ ่านขณะที่พักอยู่หมบู่ ้านอีก้อ กบั พวกมเู ซอในเขาลกึ โดยเขา
แสดงความประสงคอ์ อกมาเลยวา่ อยากฟงั เทศนช์ ยั ชนะคาถา ทา่ นกำ� หนด
หาบทธรรมที่ตรงกับความต้องการของเขา ธรรมก็ผุดขึ้นมาภายในว่า
อกโฺ กเธน ชิเน โกธํ เป็นต้น บอกความหมายข้ึนมาพร้อม และแสดงให้
พวกเทวดาฟังว่า ธรรมนแ่ี ลเปน็ ยอดแหง่ ธรรมที่ผูห้ วงั ความชนะจะพงึ
เจรญิ ใหม้ าก โลกทมี่ คี วามรม่ เยน็ เปน็ สขุ ตอ่ กนั ตลอดมากเ็ พราะธรรมน้ี
เปน็ เครอ่ื งปราบปรามความชั่วท้ังหลาย มคี วามโกรธเป็นต้น ใหเ้ ส่ือม
ส้ินอ�ำนาจในการท�ำลายสังคมมนุษย์และเทวดาทั้งหลาย ท�ำให้โลก
มีความเจริญและสงบสุขโดยทั่วกัน เทวดาควรมีธรรมน้ีเป็นเครื่อง
ยดึ เหนีย่ วประสานกนั
โลกถ้าขาดชัยชนะธรรมน้ีแล้ว อย่างน้อยก็เกิดความไม่สงบสุข
มากกวา่ นนั้ กส็ งั หารทำ� ลายกนั ใหฉ้ บิ หายยอ่ ยยบั โดยถา่ ยเดยี ว โลกจะเอา
ความโกรธแค้นมาปราบปรามข้าศึกท้ังภายในภายนอก ท้ังใกล้และไกล
265
ทง้ั วงแคบและวงกวา้ ง ดว้ ยความโกรธแคน้ อนั เปน็ ของไมด่ แี ละเปน็ เครอ่ื ง
ทำ� ลายตนและผอู้ น่ื จงึ ไมม่ ที างสำ� เรจ็ ไดต้ ลอดกาล ถา้ ขนื ปราบดว้ ยความ
โกรธแค้นมากข้ึนเพียงไร โลกก็ย่ิงจะเป็นไฟประลัยกัลป์เผาผลาญกัน
ให้ย่อยยับจนไม่มีอะไรเหลืออยู่เพียงน้ัน เพราะความโกรธแค้นเป็นไฟ
อยู่แล้วโดยธรรมชาติ แต่น�ำไปท�ำการหุงต้มอะไรไม่ส�ำเร็จ ทางส�ำเร็จ
ของมนั กค็ ือทำ� โลกใหว้ อดวายไปโดยถ่ายเดยี วเทา่ น้นั ผ้ตู อ้ งการให้โลก
ยงั คงเปน็ โลกทม่ี คี วามหมายและนา่ อยู่ จงึ ควรเหน็ โทษของความโกรธแคน้
อนั เปน็ เครอื่ งทำ� ลายนวี้ า่ เปน็ ไฟมหาวนิ าศ ไมค่ วรนำ� มาใช้ จะเปน็ การกอ่ ไฟ
เผาตนและผูอ้ ืน่ ใหเ้ ป็นไฟไปตามๆ กัน
โลกอยู่ได้ด้วยเมตตาคือความเอ็นดูสงสารกันทุกตัวสัตว์ที่มีชีวิต
ครองตวั อยู่ ไม่พงึ เบียดเบียนท�ำลายกันดว้ ยความโกรธแค้น หรือดว้ ย
ความเหน็ แก่ปากแก่ทอ้ ง ซง่ึ ไมม่ ปี ระมาณแหง่ ความอ่ิมพอและไม่มีทาง
สนิ้ สดุ แหง่ การทำ� ลายกนั พระพทุ ธเจา้ ทรงเหน็ โทษของมนั ดว้ ยพระปญั ญา
อนั แหลมคมไมม่ ที างสงสยั และทรงเหน็ คณุ ในความเมตตาวา่ เปน็ ธรรม
อ่อนโยนและสมัครสมานรักใคร่ไมตรีต่อกันระหว่างสัตว์โลกทุกช้ัน
ทุกภูมิ ซึ่งมีความรักสุขเกลียดทุกข์เสมอหน้ากัน จึงประทานไว้เพื่อ
ความมนั่ คงแหง่ สนั ตสิ ขุ แกโ่ ลกตลอดกาลนาน หากเมตตาธรรมยงั มใี นใจ
ของสตั วโ์ ลกอยตู่ ราบใด โลกยงั จะมหี วงั ความสขุ ความสมหวงั อยตู่ ราบนนั้
แต่ถ้าเมตตาได้ห่างเหินจากใจของสัตว์โลกกาลใด กาลน้ันแม้สัตว์โลก
จะมคี วามอดุ มสมบรู ณด์ ว้ ยเครอ่ื งอปุ โภคบรโิ ภคนานาชนดิ อยา่ งพงึ พอใจ
ก็ตาม แตจ่ ะไมม่ ีความสงบสุขตกคา้ งอยใู่ นวงสตั ว์โลกน้ันๆ เลย สว่ นท่ี
ได้รบั จะมีแต่ความเดือดร้อนขุ่นเคืองไปทกุ หย่อมหญ้า
266
ดังน้ัน เมื่อเราทราบอยู่แก่ใจว่า ธรรมเป็นธรรม และเป็นเครื่อง
น�ำความเจริญมาสู่ตน และทราบอยู่ว่าโลกท่ีเต็มไปด้วยความโหดร้าย
ทารณุ เผาอย่ใู นดวงใจ เหมือนไฟลุกโพลงอยู่ด้วยเช้ือ คอยแตจ่ ะสงั หาร
ท�ำลายสิ่งต่างๆ ให้ย่อยยับดับสูญลงไปทุกเวลานาทีเช่นน้ี จึงควรเร่ง
บำ� เพญ็ ตนใหพ้ น้ ภยั ไปเฉพาะหนา้ ซงึ่ ยงั ควรแกว่ สิ ยั พอจะทำ� ได้ หากกาล
อนั ควรผา่ นไปแลว้ จะเสยี ใจภายหลงั เพราะโลกนค้ี อื โลกอนจิ จฺ ํ และตงั้ อยู่
บนรา่ งกายและจติ ใจของคนและสตั วไ์ มเ่ ลอื กหนา้ นเี่ ปน็ ใจความยอ่ แหง่
ชัยชนะคาถาที่ท่านแสดงแกเ่ ทวดาทม่ี าจากประเทศเยอรมนั ฟงั
พอจบเทศนาเทวดาสาธุการสามคร้ัง เสียงสะเทือนไปท่ัวโลกธาตุ
เสรจ็ แล้วท่านถามเขาว่าทำ� ไมเทวดาอยู่ถงึ ประเทศเยอรมนั ซึง่ ชาวมนุษย์
ถือว่าไกลแสนไกล จึงทราบได้ว่าอาตมาพักอยู่ที่น่ี เขาตอบว่าส�ำหรับ
ท่านแล้วจะอยู่ท่ีไหนเขาก็ทราบกันท้ังน้ัน อีกประการหน่ึง เทวดาใน
ประเทศไทยเคยไปมาหาสกู่ บั เทวดาในประเทศเยอรมนั มไิ ดข้ าด พวกเทวดา
มิได้ถอื วา่ ประเทศไทยกับประเทศเยอรมันหรือประเทศใดๆ อยู่ห่างกนั
เหมอื นทพ่ี วกมนษุ ยเ์ ขา้ ใจกนั แตถ่ อื วา่ เปน็ ประเทศเขตแดนทพี่ วกเทวดา
ไปมาหาสู่กนั ไดส้ ะดวกสบายธรรมดาๆ เรานเี่ อง เพราะมไิ ดไ้ ปดว้ ยเทา้
หรือด้วยยานพาหนะดังมนุษย์ทั้งหลายไปกัน แต่เทวดาเหาะลอยไป
ดว้ ยฤทธิ์ เหมอื นกระแสจติ ทส่ี ง่ ไปในทตี่ า่ งๆ เพยี งขณะเดยี วกถ็ งึ จดุ ทห่ี มาย
การไปมาของเทวดาจงึ สะดวกกวา่ ชาวมนษุ ยอ์ ยมู่ าก ทา่ นวา่ เทวดาประเทศ
เยอรมนั มาฟงั เทศนท์ า่ นเสมอ เชน่ เดยี วกบั รกุ ขเทวดาซงึ่ สถติ อยใู่ นทต่ี า่ งๆ
ของเมอื งไทยมาฟงั เทศน์ทา่ นบ่อยๆ ฉะนน้ั
267
ความเคารพของเทวดาไมว่ า่ ชน้ั บนชนั้ ลา่ งมลี กั ษณะคลา้ ยคลงึ กนั คอื เวลา
เขามาเยยี่ มทา่ นในสถานที่ทมี่ ีพระพักอยู่กบั ท่าน เทวดาจะไม่เขา้ มาดา้ นที่
มพี ระอยนู่ น้ั เลยหนงึ่ มายามดกึ สงดั เวลาพระทา่ นพกั จำ� วดั หนงึ่ มาถงึ แลว้
พรอ้ มกันทำ� ประทักษณิ สามรอบหน่งึ มคี วามสงบเสงี่ยมโดยทัว่ กันหนง่ึ
เวลาจะจากไปพรอ้ มกนั ทำ� ประทกั ษณิ สามรอบกอ่ น แลว้ คอ่ ยๆ เดนิ ถอย
หา่ งออกไป พอเหน็ วา่ พน้ เขตทพี่ กั ทา่ นอนั เปน็ ทค่ี วรเคารพแลว้ ตา่ งคอ่ ย
เหาะลอยข้ึนบนอากาศเหมือนส�ำลีฉะน้ันหน่ึง เทวดาท้ังหลายท�ำความ
เคารพทา่ นโดยอาการอยา่ งนี้
ท่านอยู่ในเขาจังหวัดเชียงใหม่ สถานท่ีบ�ำเพ็ญสะดวกท้ังกลางวัน
กลางคืน ท่านมีความร่ืนเริงในทิฏฐธรรมสุขวิหาร คือธรรมเป็นเครื่อง
อยสู่ บายในเวลาขนั ธย์ งั ครองตวั อยู่ การนง่ั สมาธภิ าวนาเปน็ ไปตามเวลาท่ี
ต้องการ ไม่มสี ่ิงมาเป็นอุปสรรคทำ� ให้ขาดวรรคขาดตอน ทา่ นมคี วามสขุ
กายสบายใจมาก การสงเคราะห์ผมู้ าเกี่ยวขอ้ งนั้นในเวลากลางคนื กเ็ ปน็
พวกเทวดา ซง่ึ มภี มู ลิ ะเอยี ดตามคตนิ สิ ยั อยแู่ ลว้ จงึ ไมเ่ ปน็ ภาระกงั วลมาก
ในการต้อนรับ และการสงเคราะห์ดว้ ยธรรมท่เี กีย่ วกับประชาชนก็มีบ้าง
เป็นบางกาล เชน่ ตอนบา่ ยๆ หรือเย็น ส่วนพระของท่านเอง ถ้าวันจะมี
การประชมุ ทา่ นกน็ ดั ใหเ้ องตามทเี่ หน็ ควร เชน่ หนง่ึ ทมุ่ เปน็ ตน้ โดยมาก
ก็เปน็ ผมู้ ีภูมจิ ิตสงู นับแต่สมาธขิ นึ้ ไปถึงปัญญาเปน็ ขั้นๆ ทัง้ เปน็ ผู้มุ่งมน่ั
ตอ่ ธรรม และฟงั กนั แบบบำ� เพญ็ เพยี รเพอื่ มรรคผลนพิ พานในขณะฟงั จรงิ ๆ
การแสดงธรรมแก่ผู้มีภูมิจิตภูมิธรรมต่างกันและสูงข้ึนไปตามล�ำดับ
ล�ำดาเชน่ นัน้ ทา่ นกแ็ สดงธรรมไปตามล�ำดับภมู ิ นับแต่ภูมิสมาธิขน้ึ ไปหา
ภมู ปิ ัญญาเปน็ ขนั้ ๆ จนถงึ ขน้ั ละเอยี ดสดุ คอื วมิ ตุ ตหิ ลดุ พ้นแทบทุกครัง้
268
ผู้มีภูมิจิตนั่งฟังท่านอธิบายธรรมภาคต่างๆ ท�ำให้จิตเพลิดเพลินไปตาม
ธรรมข้ันน้ันๆ จนลืมตัวและลืมเวลา ปกติท่านเทศน์สอนพระล้วนๆ
ทางภาคปฏบิ ตั จิ ติ ตภาวนา กว่าจะยตุ กิ ก็ ินเวลาไม่ตำ�่ กว่าสองชว่ั โมงเป็น
อยา่ งนอ้ ย แตผ่ ฟู้ งั มไิ ดส้ นใจกบั เวลำ�่ เวลายง่ิ ไปกวา่ สนใจไปตามกระแสธรรม
ทที่ า่ นกำ� ลงั แสดงไปเปน็ ระยะๆ ในเวลานน้ั ขณะฟงั ถา้ จติ ของผฟู้ งั อยใู่ น
ระดับใดก็ได้ก�ำลังเพ่ิมระดับเดิมของตนขึ้นเป็นล�ำดับในทุกคร้ังที่รับการ
สดับธรรม
ฉะนั้น การฟังธรรมทางภาคปฏิบัติด้วยความส�ำรวมระวัง และ
ทดสอบจติ ไปตามขณะทฟี่ งั จงึ จดั เปน็ ความเพยี รสำ� คญั ภาคหนงึ่ ไมด่ อ้ ย
กว่าการท�ำความเพียรในอิริยาบถและความเพียรภาคอ่ืนๆ ท่านผู้แสดง
ก็มีความมุ่งหมายอยากให้ผู้ฟังได้รู้เห็นความจริงตามธรรมที่แสดงออก
ทุกระยะไปเช่นเดียวกัน และแสดงไปตามความคิดนึกความแสดงออก
ของจติ ทง้ั ทเี่ ปน็ ฝา่ ยสมทุ ยั และฝา่ ยมรรคของผฟู้ งั จรงิ ๆ เพอื่ ใหร้ ทู้ งั้ โทษ
และคุณที่ควรละและควรเจริญให้ยิ่งข้ึนไปในขณะท่ีนั่งฟังยิ่งกว่าขณะ
อน่ื ใดในเวลานน้ั ผมู้ สี ตจิ ดจอ่ ตอ่ จติ ซงึ่ เปน็ ทร่ี วมของธรรมไมใ่ หส้ ง่ ไปทอี่ นื่
ย่อมได้รับความสงบตามขัน้ สมาธิและไดอ้ ุบายตา่ งๆ ตามขน้ั ของปัญญา
ท่สี ามารถไตร่ตรองตามธรรมซง่ึ ทา่ นกำ� ลังแสดงในขณะน้ัน ผูท้ ่คี วรผ่าน
ไปได้ในขณะฟังก็ผ่านไปเป็นพักๆ ฟังคราวน้ีได้อุบายอย่างหนึ่งข้ึนมา
ฟังคราวหนา้ ได้อุบายอกี อยา่ งหนึ่งขึ้นมา อนั เป็นการเพ่มิ สติปญั ญาด้วย
การฟังอยู่เสมอ จิตย่อมเจริญก้าวหน้าทั้งทางสมาธิทุกขั้นและปัญญา
ทุกภูมิเป็นล�ำดับ จนสามารถผ่านพ้นไปได้ด้วยการปฏิบัติและการฟังที่
ผแู้ สดงเปน็ ผรู้ ู้จรงิ เห็นจรงิ และแสดงถกู ต้องกับจุดความจรงิ ที่ก�ำลงั เปน็
ไปในผปู้ ฏิบตั ิทมี่ าอบรมศกึ ษา
269
ฉะน้ัน การฟงั ส�ำหรบั พระธดุ งคกรรมฐาน จงึ ถอื เปน็ กิจจ�ำเปน็ ทาง
ภาคปฏบิ ตั เิ ชน่ เดยี วกบั การปฏบิ ตั ภิ าคอน่ื ๆ เสมอมา จะหา่ งเหนิ ตอ่ การฟงั
ย่อมไม่ได้ เมือ่ ครูอาจารย์ผ้สู ามารถทางจติ ใจมีอยู่ ดว้ ยเหตนุ พ้ี ระธดุ งค์
ผมู้ งุ่ อรรถธรรมอยา่ งแทจ้ รงิ จงึ ชอบแสวงหาครอู าจารยผ์ คู้ อยแนะนำ� ทาง
จิตตภาวนาเป็นนิสัย และเคารพรักในอาจารย์มาก หวังพึ่งเป็นพ่ึงตาย
ด้วยจริงๆ ท่านให้อุบายแนะน�ำอย่างไรย่อมเข้าถึงใจจริงๆ และน�ำไป
ใคร่ครวญและปฏิบัติตามเต็มสติก�ำลังของตน ถ้ายังมีแง่สงสัยหรือมี
ข้อสงสัยที่เกิดจากการภาวนาในแง่ใดบ้างก็มาขอค�ำแนะน�ำจากท่านอีก
แลว้ นำ� ไปปฏบิ ตั เิ ปน็ อาจณิ ฉะนน้ั ครอู าจารยผ์ ทู้ รงคณุ วฒุ ใิ นทางจติ ตภาวนา
มอี ยู่ ณ ที่ใด พระธดุ งคกรรมฐานจงึ มกั ไปรมุ ลอ้ มอย่กู บั ท่าน ณ ท่นี ั้น
ดงั ทา่ นพระอาจารยม์ นั่ ทา่ นอาจารยเ์ สารเ์ ปน็ ตวั อยา่ ง ทงั้ สององคน์ นี้ บั วา่
มลี ูกศิษย์ทีเ่ ป็นพระธดุ งคจ์ �ำนวนมากเป็นพิเศษในภาคอีสาน
แต่เวลาท่ีพระอาจารย์ม่ันพักอยู่ท่ีเชียงใหม่น้ัน ท่านตั้งใจปลีกองค์
จากหมคู่ ณะออกบำ� เพญ็ เปน็ พิเศษ ไมต่ ้องการความย่งุ เหยิงว่นุ วายจาก
ภาระตา่ งๆ มกี ารอบรมสงั่ สอนเปน็ ตน้ เพอ่ื เรง่ ความเพยี รใหถ้ งึ จดุ ทหี่ มาย
และเพอื่ ความอยสู่ บายในทฎิ ฐธรรม แมเ้ ชน่ นน้ั กจ็ ำ� ตอ้ งไดร้ บั ภาระในการ
อบรมส่ังสอนประชาชนและพระเณรอยู่โดยดี ดังที่รู้ๆ กันอยู่ท่ัวไปว่า
ท่านมีลูกศิษย์ท้ังบรรพชิตและฆราวาสจ�ำนวนมากมายในประเทศไทย
กอ่ นหนา้ ทท่ี า่ นจะปลกี จากหมคู่ ณะไปบำ� เพญ็ อยา่ งเดด็ เดยี่ วแตผ่ เู้ ดยี วท่ี
เชียงใหม่ ท่านเคยพดู เสมอวา่ เวลาน้กี �ำลงั ทา่ นยงั ไมเ่ พยี งพอ ท้งั เพอื่
ตนเองและผอู้ น่ื ทา่ นจงึ ไดป้ ลกี ออกไปตามเจตนาเดมิ ทพ่ี ดู ไวแ้ ละบำ� เพญ็
เตม็ กำ� ลงั จนสนิ้ ความสงสยั ทางจติ ใจทกุ ดา้ น ดงั ทเ่ี คยกลา่ วผา่ นมาบา้ งแลว้
จากนั้นมาท่านไมเ่ คยพดู อีกเลยวา่ “ก�ำลังไม่พอ”
270
ครงั้ หนง่ึ ทา่ นเดนิ ธดุ งคไ์ ปในเขาดว้ ยกนั สามองค์ มที า่ นพระอาจารย์
ขาว วดั ถำ้� กลองเพล อดุ รธานี และทา่ นพระอาจารยม์ หาทองสกุ วดั สทุ ธาวาส
สกลนคร ติดตามไปด้วย พอไปถึงช่องแคบจะข้ึนเขาก็เผอิญไปเจอ
ชา้ งใหญเ่ ชือกหนง่ึ ทเ่ี จา้ ของเขามาปล่อยท้ิงไว้แลว้ หนไี ปไหนก็ไมท่ ราบ
เหน็ แตช่ า้ งเทยี่ วหากนิ อยปู่ ากชอ่ งขน้ึ เขา งาของมนั ยาวเกอื บวา เหน็ แลว้
นา่ กลวั พลิ กึ ทา่ นปรกึ ษากนั วา่ จะทำ� อยา่ งไร ทางกจ็ ำ� เพาะมเี ทา่ นไี้ มม่ ที พี่ อ
ปลีกแวะไปไดบ้ า้ งเลย ท่านพระอาจารยม์ ่ันบอกให้ท่านพระอาจารยข์ าว
พูดกบั ช้างซง่ึ กำ� ลงั กินใบไผ่อยู่ตดิ ๆ กบั ทางท่ที า่ นจะผ่านไป ช้างอยหู่ า่ ง
กบั ท่านประมาณสบิ วา ยนื หันกน้ มาทางพระ มันยังไม่เห็นพระเวลาน้นั
ท่านพระอาจารย์ขาวก็เร่ิมพูดกับช้างว่า “พ่ีชาย เราขอพูดด้วย”
ประโยคแรกมนั ยงั ไมไ่ ดย้ นิ ชดั เปน็ แตห่ ยดุ กนิ ใบไผ่ ทา่ นอาจารยข์ าวพดู ขน้ึ
อกี ว่า “พีช่ าย เราขอพดู ด้วย” พอประโยคนจ้ี บลง มันรีบหันหน้ามาทาง
พระยนื อยทู่ นั ที หกู างเตม็ ที่ และยนื นง่ิ ไมก่ ระดกุ กระดกิ ทา่ นกพ็ ดู ซำ้� กบั มนั
อกี วา่ “พชี่ าย เราขอพดู ดว้ ย พช่ี ายนน้ั ตวั กใ็ หญก่ ำ� ลงั กม็ ากสว่ นพวกเรา
เปน็ พระ ทง้ั กำ� ลงั มนี อ้ ยและกลวั พช่ี ายมาก พวกเราขอเดนิ ผา่ นไปทพ่ี ช่ี าย
ยืนอยู่นั้น ขอให้พ่ีชายหลีกทางให้พวกเราบ้างพอมีทางไปได้ ถ้าพ่ีชาย
ยนื อยู่ท่ีน้ันพวกเรากลวั พีช่ ายมาก ไม่กลา้ เดนิ ผา่ นไปท่นี ัน้ ได”้
พอพูดจบลง ช้างตัวนน้ั รบี ยนื หนั หน้าเขา้ กอไผข่ ้างทางทันที เอางา
ยาวๆ สอดเข้าไปในกลางกอไผ่ซึ่งแสดงว่าไม่ท�ำไมแล้ว ให้มากันได้
พอช้างหนั หน้าเขา้ กอไผ่เรียบร้อยแล้ว ท่านพระอาจารยม์ น่ั ก็บอกกันวา่
ทนี ีเ้ ขาไม่ท�ำไมแลว้ พวกเราไปได้ ท่านอาจารย์ทั้งสองขอนิมนตใ์ ห้ท่าน
พระอาจารยม์ น่ั เดนิ กลาง ทา่ นอาจารยข์ าวเดนิ หนา้ ทา่ นอาจารยม์ หาทองสกุ
271
เดนิ หลงั พากนั เดนิ ผา่ นไปทกี่ น้ ชา้ งหา่ งกนั ประมาณหนง่ึ วา โดยไมม่ อี ะไร
เกดิ ขน้ึ เผอญิ พอเดนิ ผา่ นชา้ งไปไดป้ ระมาณวาเศษ ขอกลดทา่ นอาจารย์
มหาทองสกุ กไ็ ปเกย่ี วเอาแขนงไมไ้ ผเ่ ขา้ พอดี ปลดอย่างไรก็ไม่ยอมออก
ต้องพยายามปลดอยู่น้ันนานจนเหงื่อโชกไปทั้งตัวเพราะกลัวช้างมาก
ซงึ่ กำ� ลงั ยนื ดทู า่ นอยู่ ขณะทกี่ ำ� ลงั ปลดขอกลดอยนู่ น้ั ไดช้ ำ� เลอื งดตู าชา้ ง
ตวั กำ� ลงั ยนื นง่ิ เหมอื นตกุ๊ ตาอยนู่ นั้ ไดเ้ หน็ ตาชา้ งตวั นนั้ ใสแจว๋ นา่ รกั มากกวา่
จะนา่ กลวั แตใ่ จกย็ งั กลวั อยใู่ นขณะนนั้ พอพน้ ไปไดแ้ ลว้ ใจกลบั เหน็ ชา้ ง
ตวั นน้ั เปน็ สตั วท์ นี่ า่ รกั มาก เมอ่ื ผา่ นกนั ไปหมดแลว้ ทา่ นอาจารยข์ าวหนั มา
พดู กบั มนั วา่ “พชี่ ายเอย๋ พวกเราผา่ นมาแลว้ ขอใหพ้ ช่ี ายหากนิ ไดต้ าม
สบายเถิด” พอจบลงเทา่ นั้น เสยี งมนั ฉดุ ลากกิง่ ไม้ดงั ฟูดฟาดข้ึนทนั ที
เม่ือไปถึงท่พี ักแลว้ จงึ ไดส้ นทนากนั ถงึ ช้างตวั แสนรู้นน้ั วา่ เป็นสตั ว์
ที่น่ารักน่าสงสารมากเป็นแต่มันพูดไม่เป็นเท่าน้ัน ขณะสนทนากัน
ทา่ นอาจารย์มหาทองสุกกราบเรียนถามทา่ นอาจารย์มนั่ ว่า ขณะนนั้ ทา่ น
อาจารย์ไดก้ �ำหนดดูจติ มันบา้ งหรือเปลา่ วา่ ช้างตัวนนี้ ึกอะไรบา้ ง ขณะท่ี
พวกเราเรยี กและพดู กบั มนั ตลอดขณะทเ่ี ราเดนิ ผา่ นมนั มา กระผมอยาก
ทราบบา้ ง เพราะเปน็ สตั วท์ นี่ า่ รกั และนา่ สงสารมาก ขณะพวกเราเรยี กมนั
พอได้ยินเสียงเรียก เห็นมันท�ำท่าตึงตังหันหน้ากลับมาหาพวกเราทันที
ทันใด ราวกับจะวิ่งมาขย้ใี หแ้ หลกละเอียดในขณะนนั้ จนได้ แต่พอทราบ
เรอื่ งแลว้ กลบั เปน็ มนษุ ยข์ น้ึ มาในรา่ งสตั ว์ และรบี หนั หนา้ เขา้ กอไผเ่ อางา
ยาวๆ สอดเขา้ กลางกอไผ่ ยนื นง่ิ เหมอื นสตั วไ์ มม่ วี ญิ ญาณ ซงึ่ เปน็ การบอก
อยา่ งชดั เจนวา่ “พวกนอ้ งๆ พากนั มาเถอะ พไี่ มท่ ำ� ไมแลว้ พเี่ กบ็ ศาสตรา
อาวุธซอ่ นมันหมดแล้ว เช่อื และมาเถอะ” ในทำ� นองน้ี
272
แลว้ กพ็ ดู เชงิ หยอกเลน่ กบั ทา่ นอาจารยข์ าวบา้ งวา่ “ทา่ นอาจารยข์ าว
กพ็ สิ ดารไมใ่ ชเ่ ลน่ พดู กบั ชา้ งซง่ึ เปน็ สตั วท์ งั้ ตวั ราวกบั พดู กบั มนษุ ยท์ งั้ คนวา่
“พีๆ่ พวกนอ้ งกลวั ไปไมไ่ ด้ ขอให้พห่ี ลกี ทางให้หน่อย พวกนอ้ งจะได้
ไปกันได้ ไมต่ ้องกลวั พ่”ี ไอ้พี่ก็เหมอื นเทวบุตรใจมหาเวสสนั ดร พอได้
ลูกยอเข้าไปสักลูกเท่าน้ันก็อ่ิมท้อง รีบจัดแจงหลีกทางให้ทันทีทันใด
ไม่รีรอ แต่นอ้ งคนเล็กเซอ่ เอาการ พอผ่านพี่ไปได้ ขอกลดกเ็ กิดไปเกี่ยว
กับแขนงไมไ้ ผ่ ปลดเท่าไรๆ ก็ไมย่ อมออก จะพยายามใหอ้ ยูก่ บั พจี่ นได้
ใจหายหมดขณะที่ก�ำลงั ปลดขอกลดอยนู่ นั้ กลวั พจ่ี ะเล่นไม่ซอ่ื ”
ทา่ นพระอาจารยม์ นั่ พอฟงั คำ� ทา่ นอาจารยม์ หาทองสกุ พดู หยอกเลน่
ท่านอาจารย์ขาว ว่าฉลาดพูดกับช้างแล้ว เลยหัวเราะใหญ่ไปพักหน่ึง
จงึ พดู ตอ่ ไปวา่ “ทำ� ไมจะไมก่ ำ� หนดดมู นั เลา่ แมแ้ ตเ่ รอื่ งเลก็ ๆ นอ้ ยๆ เชน่
นกและลิง เรายงั กำ� หนดดูมนั ในบางเวลา นี่มันเร่ืองถงึ ตายจะไมก่ �ำหนด
ไดห้ รอื ” “เวลาทา่ นอาจารยก์ ำ� หนดดชู า้ งตวั นนั้ มนั คดิ อยา่ งไรบา้ ง” ผถู้ าม
ทา่ นตอบ “ทแี รกไดย้ นิ เสยี งพวกเรามนั ตกใจ จงึ รบี หนั หนา้ มาอยา่ งรวดเรว็
เป็นท่าและความคิดจะต่อสู้ พอมองเห็นพวกเราซ่ึงมีสีผ้ากาสาวพัสตร์
ครองอยู่ มันกร็ ู้ทันทีว่าเปน็ เพศทเ่ี ย็นและไวใ้ จได้ เพราะมันเคยเห็นมา
จนชินตาชินใจแล้ว เจ้าของมันก็เคยเสี้ยมสอนมาจนพอแล้วไม่ให้ท�ำ
อันตรายแกเ่ พศนี้ ฉะนน้ั พอพวกเราพูดกบั มนั ซง่ึ เปน็ คำ� ท่มี ันชอบมาก
อยู่แล้วว่า พี่ๆ ดังท่ีท่านขาวพูดกับมัน ก็ย่ิงท�ำให้มันชอบใจใหญ่และ
หลกี ทางใหท้ ันท”ี
ผถู้ าม “มันรภู้ าษาทเ่ี ราพูดกบั มันได้ทุกค�ำหรอื เปล่า” “ทำ� ไมจะไม่รู้
ไม่เช่นนนั้ จะเอามนั มาลากไมเ้ ข็นซุงในป่าในเขาได้หรอื เด๋ยี วมนั ฆา่ ตาย
273
ทิ้งเปล่าๆ สัตว์พรรค์น้ีเขาต้องฝึกสอนจนมันรู้ภาษาคนได้ดีถึงจะน�ำมา
ทำ� งานชนดิ ตา่ งๆ ได้ ชา้ งตวั นอ้ี ายมุ นั เปน็ รอ้ ยปขี น้ึ ไป ดงู ามนั ซยิ าวเกอื บวา
แล้วมันอยู่กับคนมากี่ปี แม้เจ้าของของมันก็น่ากลัวเพ่ิงเกิดมาไม่กี่ปียัง
มาเป็นควาญมันได้ มันจะไม่แสนรู้ภาษามนุษย์อย่างไรเล่า ต้องรู้อย่าง
ไมม่ ปี ญั หา” “ขณะทมี่ นั หนั หนา้ และสอดงาเขา้ กอไผม่ นั คดิ อยา่ งไรบา้ ง”
ผถู้ าม ท่านตอบ “กม็ ันรเู้ รื่องแล้วนนั่ เองมนั จึงให้ทาง ไมค่ ิดจะท�ำอะไร”
ผถู้ าม “ขณะทพี่ วกเราเดนิ ผา่ นมนั มานนั้ ทา่ นอาจารยไ์ ดก้ ำ� หนดดใู จมนั มา
ตลอดทางผ่านหรอื เปลา่ ว่ามนั อาจคิดอยา่ งไรบา้ ง ขณะทพ่ี ระก�ำลังเดิน
ผา่ นมา” ทา่ นตอบ “กำ� หนดดกู เ็ หน็ แตม่ นั ใหท้ างอยแู่ ลว้ โดยไมค่ ดิ อะไรอนื่ ”
กระผมกลวั ว่าเวลาพวกเรากำ� ลงั เดนิ ผา่ นมามนั อาจคดิ สนุกขน้ึ มา อยาก
ทำ� ลายพวกเราเลน่ สนกุ ๆ ไปตามประสาสัตว์ จงึ เรียนถามอย่างนัน้
ท่านวา่ “หาคดิ เรือ่ งพิสดารทโ่ี ลกเขามไิ ดค้ ิดกนั มาถาม ถ้าชอบคดิ
ซอกแซกดังท่ีคิดถามเร่ืองช้างก็คงมีหวังพ้นทุกข์ได้ในวันหน่ึงแน่นอน
แตน่ ค้ี งไมส่ นใจคดิ นสิ ยั มนษุ ยเ์ ราชอบเปน็ อยา่ งนมี้ าดงั้ เดมิ ถา้ สงิ่ ทเี่ ปน็
คณุ เปน็ ประโยชนไ์ มช่ อบคดิ แตท่ เี่ สยี เวลาและเปน็ โทษแลว้ ชอบคดิ แบบ
ถงึ ไหนถงึ กนั นก่ี จ็ ะพยายามคดิ และถามเรอ่ื งชา้ งไปตลอดคนื จนไมต่ อ้ ง
สนใจกบั ธรรมะธมั โมอะไรละหรอื ” พอถกู ขเู่ ทา่ นน้ั เรอ่ื งชา้ งเลยจบลงทนั ที
เพราะกลวั ทา่ นจะเข่นใหญ่ (นท่ี า่ นอาจารยม์ หาทองสุกเล่าใหฟ้ ัง)
เรอ่ื งการพดู คยุ อะไรกบั ทา่ นแบบไรส้ ติ วา่ ควรอยา่ งไรไมค่ วรอยา่ งไรบา้ ง
นเ่ี คยโดนทา่ นดมุ ามากราย บางรายถงึ กบั เสยี สตใิ นวาระตอ่ ไปกม็ ี มพี ระ
รปู หนงึ่ ซึง่ มีนิสยั ไมค่ อ่ ยสภุ าพนักไปพ�ำนกั อย่กู บั ทา่ นช่ัวคราว เวลาทา่ น
พดู อะไรขึ้นมาเธอชอบพูดไปตามท่านเสมอ ตอนไปอยใู่ หม่ๆ ท่านเคย
274
เตือนบอ่ ยให้สนใจในหน้าท่ขี องตัว โดยมีสติระวงั รกั ษาใจทจ่ี ะคิดจะพูด
ในเรอื่ งตา่ งๆ ไมส่ นใจกบั เรอื่ งของผอู้ น่ื นกั ปฏบิ ตั ติ อ้ งรจู้ กั วธิ ปี ฏบิ ตั ติ วั โดย
ถกู ทาง ผมู้ สี ตอิ ยกู่ บั ตวั ยอ่ มเหน็ ความบกพรอ่ งของใจทแ่ี สดงออก แตเ่ ธอ
นน้ั คงมไิ ดส้ นใจคดิ เรอ่ื งทา่ นใหอ้ บุ ายสง่ั สอนเทา่ ทค่ี วร จงึ ชอบเปน็ ไปตาม
นสิ ยั เสมอ วนั หนง่ึ เขา้ ไปบณิ ฑบาตในหมบู่ า้ น ทา่ นพระอาจารยม์ นั่ ทา่ นมี
นิสัยท่ีใครๆ สังเกตได้ยาก เวลาเดินไปไหนมาไหนท่านมองเห็นอะไร
เช่นสัตว์ต่างๆ หรือผู้คนตลอดเด็กๆ ท่านมักจะเอาเร่ืองท่ีได้เห็นน้ันๆ
มาพิจารณาและพูดของทา่ นไปคนเดียว ดงั ทเ่ี คยเขยี นไวบ้ ้างแลว้
วันน้ันขณะท่ีก�ำลังบิณฑบาต ท่านได้เห็นลูกวัวมีรูปร่างน่ารักท่ี
ก�ำลังว่ิงเพลินอยกู่ ับแม่ของมนั ขณะพระเดินไป มันยังมองไมเ่ ห็นท่าน
พอพระเดินไปจวนถึงตัวมันจึงหันหน้ามามองอย่างตกใจ และกระโดด
ว่งิ อา้ วไปหาแม่แลว้ เอาหลังหนุนคอแมไ่ ว้ หนั หน้าออกมาส่พู ระ นยั นต์ า
บอกวา่ กลัวมาก สว่ นแม่พอเห็นลกู ว่งิ ไปหาก็รีบหนั หนา้ มองมาทางพระ
พอรู้แล้วก็ท�ำเฉยตามนิสัยของสัตว์ที่เคยกับพระมาจ�ำเจแล้ว แต่ลูก
ของมนั ยนื ตาจบั จอ้ งอยใู่ ตค้ างแมอ่ ยา่ งไมไ่ วใ้ จ เมอื่ ทา่ นอาจารยเ์ หน็ อาการ
ของทง้ั แมท่ ง้ั ลกู ทแ่ี สดงอาการตา่ งกนั เชน่ นนั้ จงึ พดู ขน้ึ ลอยๆ วา่ “แมไ่ มเ่ หน็
แสดงอาการกลวั แตล่ กู ทำ� ไมกลวั จนจะแบกแมท่ ง้ั ตวั วง่ิ หนไี ปได้ (ทา่ นเหน็
มนั อยใู่ ตค้ อแมอ่ นั เปน็ ลกั ษณะแบกแมถ่ งึ ไดพ้ ดู อยา่ งนนั้ ) พอเหลอื บเหน็
พระเท่านน้ั กท็ ้ังเผน่ ทัง้ ร้องหาแมใ่ หช้ ่วย
คนเรากเ็ หมอื นกนั ตอ้ งวงิ่ หาทพ่ี ง่ึ ถา้ อยใู่ กลแ้ มก่ ว็ ง่ิ พงึ่ แม่ อยใู่ กลพ้ อ่
กว็ ง่ิ พง่ึ พอ่ อยกู่ บั ใครกม็ กั จะพง่ึ คนนนั้ จะคดิ พง่ึ ตวั เองไมค่ อ่ ยมี ตอนยงั เลก็
กค็ ดิ หวงั พงึ่ ผอู้ น่ื แบบหนงึ่ โตขน้ึ มาคดิ หวงั พงึ่ ผอู้ นื่ ไปอกี แบบหนง่ึ แกต่ วั
275
ลงไปคดิ หวงั พงึ่ ผอู้ น่ื อกี แบบหนงึ่ จะยอ้ นจติ เขา้ มาใชอ้ บุ ายหาทางพงึ่ ตวั เอง
ไม่คอ่ ยจะมีกนั ฉะนั้น คนเราจึงมักทำ� ตัวใหอ้ ่อนแอ อยใู่ นวัยใดกห็ วัง
พงึ่ แตผ่ ูอ้ ื่น อย่ทู ี่ใดไปท่ีใดก็หวังพ่ึงแต่ผอู้ ืน่ เลยไมเ่ ปน็ ตวั ของตัวเองได้
ตลอดกาล พระเราก็เหมือนกันบวชมาในศาสนาจะศึกษาก็เกียจคร้าน
จะปฏบิ ตั กิ ก็ ลวั เปน็ ทกุ ขล์ ำ� บาก เพราะความขเ้ี กยี จไมย่ อมใหท้ ำ� คดิ อะไร
ทจี่ ะเปน็ ประโยชนบ์ า้ ง พอคดิ จะลงมอื ทำ� ความขเ้ี กยี จกม็ าคอยกนั ทา่ ไวเ้ สยี
เลยไม่มีอะไรส�ำเร็จได้ เม่ือไม่มีทางช่วยตัวเองได้จ�ำต้องหวังพ่ึงผู้อื่น
ไม่เชน่ นั้นก็ครองตวั ไปไมไ่ ด้
คำ� วา่ อตตฺ า หิ อตตฺ โน นาโถ เลยไมม่ ปี ระโยชนส์ ำ� หรบั คนไมม่ จี มกู
หายใจ เราผบู้ วชเปน็ พระและเปน็ นกั ปฏบิ ตั จิ งึ ไมค่ วรทำ� ตนเปน็ คนไมม่ จี มกู
คอยหายใจจากผอู้ นื่ อยเู่ รอ่ื ยไป ครอู าจารยส์ ง่ั สอนอะไรควรนำ� ไปคดิ และ
พยายามทำ� ตาม ไมใ่ หห้ ลดุ มอื ตกสญู หายไปเปลา่ ๆ พยายามคดิ และทำ� ตาม
ท่านจนเกิดประโยชน์ขึ้นมาแก่ตนจนได้ จะต้องไม่หวังพึ่งท่านตลอดไป
จมกู ทางหายใจคอื ความรคู้ วามฉลาดทางระบายทกุ ขน์ อ้ ยใหญอ่ อกจากใจ
ก็พอมที างอาศัยตนได้ ช่ือวา่ เป็นพระขึ้นมาโดยล�ำดบั จนกลายเป็นพระ
สมบรู ณ์แบบและพ่งึ ตนเองไดอ้ ย่างเต็มที่
ท่านพูดเป็นเชิงสอนพระหรือสอนใครก็สุดแต่ผู้จะพิจารณาน�ำมา
สอนตน คำ� พดู ทา่ นยงั ไมจ่ บเรอื่ งซง่ึ พอจะแทรกขน้ึ ในระหวา่ งทา่ นหยดุ ชวั่ คราว
แตพ่ ระองคไ์ มค่ อ่ ยพจิ ารณานกั กพ็ ดู พลา่ มไปตามทา่ น โดยมไิ ดส้ ำ� นกึ ตวั วา่
ควรหรอื ไมค่ วรเพยี งไร ความบา้ ของเธออาจจะเขา้ ไปกระทบธรรมภายใน
ท่านอยา่ งแรง จึงทำ� ใหท้ ่านหันหน้ากลบั มาช�ำระเสียบา้ ง พอให้พระองค์
ทมี่ ีสงั วรธรรมพลอยตกตะลึงกลวั ไปตามๆ กัน ใจความว่า “ท่านนี้จะบา้
276
เสยี แลว้ กระมงั น่ี พอตามองเหน็ คอ้ นเหน็ ไมท้ ใี่ ครโยนมาแตท่ ศิ ใดแดนใด
กค็ อยแตจ่ ะโดดกดั รำ�่ ไปเหมอื นสนุ ขั บา้ ไมม่ องดใู จทกี่ ำ� ลงั จะบา้ อยขู่ ณะน้ี
บ้างเลย ผมว่าทา่ นจะบา้ แลว้ นะ ถา้ ยังขนื ปลอ่ ยให้น�้ำลายไหลออกแบบ
ไม่มีสติดังท่ีเป็นอยู่ขณะน้ี” ว่าเท่านั้นก็หันกลับและเดินเข้าที่พักไม่พูด
อะไรตอ่ ไปอกี
มองดพู ระองคน์ นั้ หนา้ ตาพกิ ลอยา่ งพดู ไมอ่ อก ตอนมาถงึ ทพ่ี กั แลว้
ขณะฉนั กเ็ หน็ เธอฉนั นดิ เดยี ว พอเหน็ อาการอยา่ งนน้ั ตา่ งองคก์ ต็ า่ งนง่ิ เฉย
ทำ� เหมอื นไมร่ แู้ ละไมเ่ กย่ี วขอ้ งกบั เธอ เกรงวา่ จะอาย เวลาอน่ื กท็ ำ� เหมอื น
ไมม่ อี ะไร ตา่ งองคต์ า่ งอยแู่ ละบำ� เพญ็ ภาวนาไปตามทเ่ี คยปฏบิ ตั มิ า พอตก
กลางคนื เงยี บๆ ไดย้ นิ เสยี งรอ้ งโวยวายขน้ึ แบบคนไมม่ สี ติ พดู ไมไ่ ดศ้ พั ท์
ไดแ้ สง พอทราบเหตตุ า่ งองคต์ า่ งกร็ บี ไปดทู เ่ี สยี งปรากฏขน้ึ กไ็ ดเ้ หน็ พระ
องค์นั้นนอนรา่ ยมนตบ์ น่ เพอ้ ทง้ิ เนอื้ ทงิ้ ตวั อยบู่ รเิ วณทพี่ กั นน้ั แบบคนไมม่ ี
สตเิ อาเลย แตพ่ อจบั ใจความได้เปน็ บางตอนว่า “เสยี ใจทไ่ี ด้ล่วงเกนิ ท่าน
อาจารยโ์ ดยไมร่ กู้ าลเทศะ” ใครกต็ กตะลงึ พรงึ เพรดิ ไปตามๆ กนั และตอ้ ง
รีบไปตามชาวบ้านมาช่วยพยาบาลรักษา คือหายาแก้ลมเป็นต้น มาให้
เธอฉัน คนนั้นบบี คนนน้ี วดตามบริเวณรา่ งกายอยู่พักหนง่ึ จากนนั้ ก็สงบ
และนอนหลบั ได้จนสว่าง
พอวนั รงุ่ ขนึ้ กม็ คี นมารบั เธอไปหาหมอฉดี หยกู ยาใหเ้ ธอ อาการกพ็ อ
ลดลงบา้ ง แตย่ งั มกี ารกำ� เรบิ เปน็ คราวๆ พอคอ่ ยยงั ชวั่ บา้ งกส็ ง่ เธอกลบั บา้ น
หลงั จากนั้นก็ไม่ทราบว่าโรคหายหรือเปน็ ตายอย่างไร ผเู้ ขียนก็ทราบจาก
พระท่ีอยดู่ ว้ ยกันกบั เธอในเวลานน้ั เล่าใหฟ้ งั ท้งั นพี้ ูดเรอื่ งโดนดุ ถา้ โดน
พอเบาะๆ ก็พอให้ผู้ถกู ดไุ ด้สติและระวงั ตวั ต่อไป ถา้ หาเรือ่ งให้ถกู โดนดุ
277
อย่างหนักและผู้ถูกดุไม่มีสติปัญญาพอจะถือเอาประโยชน์ได้ มักมีทาง
เสียได้ดังท่ีปรากฏมา ฉะน้ัน ผู้อยู่กับท่านจึงอยู่ด้วยความระวังส�ำรวม
อย่างยิ่ง จะตีสนิทคุ้นเคยในฐานะว่าเคยอยู่กับท่านมานานย่อมไม่ได้
เพราะนสิ ยั ทา่ นเปน็ นสิ ยั ทไี่ มค่ นุ้ กบั ใครเอางา่ ยๆ แตไ่ หนแตไ่ รมา ผอู้ ยกู่ บั
ทา่ นจึงนอนใจไมไ่ ด้ แมร้ ะวงั ตวั อยู่เหมือนแม่เนอ้ื ระวงั นายพรานก็ยังถูก
โดนยงิ จนได้
เทา่ ทที่ ราบจากครอู าจารยท์ เี่ คยอยกู่ บั ทา่ นมากอ่ นวา่ ถา้ มเี ฉพาะทา่ น
ทม่ี ภี มู จิ ติ ใจสงู อยกู่ บั ทา่ น การวางตวั ทา่ นกป็ ลอ่ ยตามนสิ ยั ทร่ี จู้ กั ทา่ นดแี ลว้
คอื แสดงกริ ยิ ามรรยาทธรรมดาสบายๆ เหมอื นผใู้ หญอ่ ยดู่ ว้ ยกนั ไมค่ อ่ ย
เขม้ งวดกวดขนั นกั แตก่ ารเปลย่ี นแปลงมรรยาท ทา่ นรสู้ กึ เปลย่ี นแปลงได้
อยา่ งรวดเรว็ จนตามแทบไมท่ นั อยสู่ ถานทแี่ หง่ หนง่ึ เปน็ อยา่ งหนงึ่ สถาน
ทแี่ หง่ หนงึ่ เปน็ อกี อยา่ งหนงึ่ ตามแตเ่ หตกุ ารณท์ คี่ วรเปลย่ี นแปลงไปตาม
สถานทบ่ี ุคคลน้ัน และเปล่ียนแปลงไดอ้ ย่างรวดเรว็ ทงั้ ไม่ซ้ำ� รอยกนั เลย
นับว่าเป็นเร่ืองท่ีแปลกประหลาดส�ำหรับผู้ไม่สามารถท�ำอย่างท่านได้
เวลาวา่ งโอกาสดๆี ทา่ นเลา่ นทิ านใหฟ้ งั ซงึ่ โดยมากมกั ขนั ๆ และนา่ หวั เราะ
ทั้งน้ัน จึงขอยกเรื่องท่านมาเล่าให้ท่านผู้อ่านฟังเล็กน้อย พอทราบว่า
คนๆ เดยี วมกี ารเปล่ยี นแปลงตัวอย่างนา่ อัศจรรย์
คอื สมยั ทา่ นเปน็ ฆราวาสกำ� ลงั แตกหนมุ่ ทา่ นเคยเปน็ หมอลำ� หมอเพลง
คราวหน่ึงท่านข้ึนไปขับล�ำท�ำเพลงประชันกันกับหญิงสาว ซึ่งเป็น
นกั ประชันทมี่ ีชอื่ คนหน่งึ ในงานใหญ่ มคี นไปในงานนั้นเป็นพันๆ ทา่ นนกึ
สนกุ ขนึ้ มากข็ นึ้ ไปบนเวทขี อประชนั เพลงกบั หญงิ คนนน้ั หรอื ทา่ นอาจมรี กั
เขาบ้างกท็ ราบไมไ่ ด้ จงึ เกดิ ความฮึกหาญขน้ึ มาอยา่ งคาดไม่ถงึ หญิงนน้ั
278
ยินดีเป็นคู่แข่งกับท่าน พอเร่ิมกลอนประชันยังไม่ถึงไหน ท่านก็เป็น
ฝา่ ยแพก้ ลอนเขาเขา้ ไปสองสามกลอนแลว้ พอดมี เี ทวบตุ รมาโปรดไวท้ นั
คอื ในงานนน้ั ทา่ นเจา้ คณุ อบุ าลคี ณุ ปู มาจารย์ ซงึ่ เวลานนั้ ทา่ นเปน็ ฆราวาส
และอย่ใู นวยั หนุม่ เชน่ เดยี วกนั แต่อายแุ กก่ ว่าท่านอาจารยม์ ั่นบ้าง ไดไ้ ป
ในงานน้ันด้วย และเข้าฟงั เพลงระหวา่ งทา่ นอาจารย์มั่นซ่งึ เป็นชายหนมุ่
กบั หญิงสาวคนนัน้ ขบั เค่ยี วกันในเชิงกลอนตา่ งๆ
ทา่ นเจา้ คณุ อบุ าลฯี เหน็ ทา่ ไมไ่ ดก้ าร เพราะฝา่ ยเราคอื ทา่ นอาจารยม์ น่ั
แพเ้ ขาไปหลายกลอนแลว้ ถา้ ตกดกึ ไปกวา่ นี้ คงจะลงเวทไี มไ่ ดแ้ น่ อาจจะ
ถกู หญงิ สาวคนน้ันหามลงแบบไมม่ ีหน้าตดิ ตัวลงมาเลย เพราะหญิงสาว
เปน็ นกั ตอ่ สมู้ าหลายเวทแี ลว้ สว่ นคนของเราเพงิ่ จะเรมิ่ ขนึ้ เวที และกใ็ จปา้ํ
ฮึกหาญส�ำคัญ โดดข้ึนสู้กับเสือโคร่งใหญ่ลายพาดกลอน แม้จะเป็น
เสอื ตวั เมยี มนั กม็ เี ขย้ี วเตม็ ปากอยา่ งพอตวั แตเ่ สอื เราแมจ้ ะเปน็ เสอื ตวั ผู้
แตฟ่ นั นำ้� นมมนั กเ็ พงิ่ จะออกไมก่ ซี่ ่ี ขนื ใหส้ ตู้ อ่ ไปเสอื ตวั เมยี ตอ้ งถลกหนงั
มันเข้าตลาดแน่ๆ อ้ายม่ันน่ีมันไม่รู้จักเสือ มันนึกว่าแต่สาวๆ เท่านั้น
แตม่ นั ไมร่ จู้ กั ตาย เราตอ้ งเขา้ ชว่ ยเอาหนงั มนั ไวก้ อ่ นครง้ั นี้ ไมเ่ ชน่ นนั้ หนงั
มนั จะเข้าตลาดแนน่ อน
พอคดิ แลว้ กโ็ ดดขึน้ บนเวทีทำ� ทา่ วา่ “อ้ายมั่น อา้ ยหา่ กเู ทีย่ วตาม
หามึงแทบตาย แม่มงึ ตกเรือนสูงๆ ลงมากองอยกู่ ับพนื้ จะตายหรือยังก็
ไมแ่ นใ่ จเลย พอกโู ผลเ่ ขา้ ไปจะชว่ ย เขากใ็ ชใ้ หก้ มู าเทยี่ วตามหามงึ ตงั้ แต่
วันๆ จนป่านน้ี กูตามหามงึ แทบตาย ข้าวก็ยงั ไมต่ กท้องเลยกูจะเปน็ ลม
ตายอยู่เด๋ียวนี้”
279
ทางอ้ายม่ันก็ตกตะลึง หญิงสาวก็ตกตะลึงในอุบายไปตามๆ กัน
ฝา่ ยอ้ายมัน่ อดไม่ไดร้ บี ถามขน้ึ มาทันทีว่า “แม่กูเปน็ ยังไงวะ อ้ายจันทร”์
(ชอื่ ทา่ นเจา้ คณุ อบุ าลฯี วา่ นายจนั ทร์ สมยั เปน็ ฆราวาส ทา่ นพดู กนั ตอนเปน็
ฆราวาส) ฝา่ ยอา้ ยจนั ทรท์ ำ� เปน็ อดิ โรยจะเปน็ ลมตายอยบู่ นเวทวี า่ “กคู ดิ วา่
แม่มึงตายแล้ว ส่วนกูกำ� ลงั จะตายด้วยทั้งหิวข้าวทั้งเป็นลม” พอจบคำ�
อ้ายจันทร์ก็ฉุดแขนอ้ายม่ันท�ำท่าลากกันลงมาจากเวทีท่ามกลางคนเป็น
พนั ๆ ตกตะลงึ พรงึ เพรดิ ไปตามๆ กนั แลว้ พากนั ออกวงิ่ ผา่ นฝงู คนไปอยา่ ง
รบี ดว่ น พอพน้ หมบู่ า้ นนน้ั ไปแลว้ อา้ ยมนั่ ถามซำ้� อกี อยา่ งกระหาย อยาก
ทราบเป็นก�ำลังว่า “แม่กูไปท�ำอะไรถึงได้ตกเรือนขนาดกองกับพ้ืนเล่า”
ฝ่ายอ้ายจนั ทร์ตอบว่า “กูเองกย็ ังไม่ทราบสาเหตุชัด พอมองเหน็ และจะ
วงิ่ เข้าไปช่วย เขาใชใ้ ห้วิ่งตามหามงึ กูว่งิ มาน่ี จะไปรู้เรือ่ งละเอยี ดลออ
อย่างไรเลา่ ” “เทา่ ทมี่ งึ ดบู ้างแล้วแม่กูพอจะตายไหม” อ้ายมนั่ ถามอย่าง
กระวนกระวาย อา้ ยจนั ทรต์ อบวา่ “ตายหรอื ยงั อยเู่ ราจะไปดเู องอยขู่ ณะน้ี
ยงั ไงละ่ ”
พอเลยหมบู่ า้ นไปไกล กะประมาณวา่ อา้ ยมนั่ ไมก่ ลา้ กลบั มาคนเดยี ว
ไดอ้ กี แลว้ (สมยั กอ่ นหมบู่ า้ นอยหู่ า่ งกนั มาก สตั วเ์ สอื ผกี ช็ มุ ใครๆ จงึ ไมก่ ลา้
มาคนเดยี วในเวลาคำ่� คนื ) จงึ เปลยี่ นกริ ยิ าอาการทกุ อยา่ งเสยี ใหม่ แลว้ บอก
กบั อา้ ยมน่ั โดยตรงวา่ “แมม่ งึ ไมไ่ ดเ้ ปน็ อะไรหรอก ทก่ี ทู ำ� ทา่ อยา่ งนนั้ กทู น
ดูมึงติดกลอนอียายเมียมึงคนน้ันไม่ไหว กลัวมันจะถลกหนังมึงไป
ขายตลาด ซ่งึ เปน็ การขายหน้ากู และขายหนา้ บ้านเราว่าอ้ายม่ันสู้ผหู้ ญิง
ไม่ได้ ให้เขาเปิดผ้าลบลายเล่นเหมือนเสือตายแล้ว กูจึงได้คิดอุบาย
หลอกมงึ และหลอกอยี ายเมยี มงึ ใหม้ นั ตายใจ และใหช้ าวบา้ นเชอ่ื ถอื ไดว้ า่
280
มึงยังไมห่ มดประตูสู้ แตต่ อ้ งหนไี ปเพราะเหตสุ ดุ วสิ ัย แล้วฉดุ มงึ หนเี พอื่
ไม่ให้ใครเขาจับพิรุธได้ แม้อียายเมียคู่แข่งมึงก็เห็นอดตกตะลึงไปตาม
อบุ ายอันแยบคายของกูไมไ่ ด้ มนั ต้องสนใจฟังและมองตามพวกเราดว้ ย
ความตกใจแสนสงสารแม่มึงและมึงไปตามเรา เห็นไหมอุบายกูช่วยมึง
ออกจากนรกผูห้ ญิง คราวนี้มงึ คิดวา่ แยบคายดีพอใชไ้ หม”
พออา้ ยจนั ทรพ์ ดู จบลง อา้ ยมน่ั อทุ านวา่ “โอโ้ ฮ นา่ เสยี ดาย อา้ ยหา่ น่ี
ทำ� กถู งึ ขนาดนเ้ี ทยี วนะ กกู ำ� ลงั คนั ฟนั หำ�้ หน่ั กบั มนั อยา่ งสนกุ สนาน มงึ มา
ฉุดกอู อกจากถว้ ยลาภ แหม มึงท�ำกอู ย่างถนดั กูมิไดน้ กึ เลยอ้ายจันทร์
กอู ยากคนื ไปซำ�้ มนั อกี เอาหนงั เขา้ ตลาดในคนื วนั นจี้ นได”้ อา้ ยจนั ทรต์ อบ
“โธ่ มึงจะตาย กชู ่วยชุบชีวิตไว้ได้แลว้ มึงยังกลับทำ� ทา่ อวดเกง่ อยู่อีก
เดย๋ี วกจู ะผลกั หลงั กลบั คนื ไปใหอ้ ยี ายเมยี มงึ เอาเนอื้ ขน้ึ เขยี งเสยี ในคนื นี้
ไมด่ หี รอื ” อา้ ยมนั่ ออกทา่ วา่ “ทก่ี ทู ำ� ทา่ ตดิ กลอนมนั บา้ งพอใหม้ นั ไดใ้ จไป
หนอ่ ยนั้น เพราะกูกเ็ หน็ มันเปน็ ผูห้ ญิง พอตกดึกกกู ็มดั มนั เขา้ กระสอบ
เอาไปขายกินอย่างหวานๆ ยังไงล่ะ มึงยังไม่รู้อุบายกู เป็นอุบายเสือ
หลอกลิงเลย”
“ถ้ามึงเก่งจริงดังที่คุยโม้ เพียงกูคิดอุบายนิดหน่อยฉุดมึงขึ้นจาก
นรกผหู้ ญงิ มงึ ยงั ตกตะลงึ ทงั้ จะรอ้ งหม่ รอ้ งไหต้ อ่ หนา้ เมยี มงึ อยา่ งไมค่ ดิ
อายวา่ ตวั เปน็ ผชู้ ายเลย แลว้ ใครจะชมมงึ วา่ ฉลาดพอจะเอาอยี ายเมยี มงึ
เขา้ กระสอบละ่ กคู ดิ เหน็ แตม่ นั จะมดั มงึ โยนลงเวทตี อ่ หนา้ คนจำ� นวนพนั ๆ
เทา่ นน้ั มงึ อยา่ คยุ โมไ้ ปมาก รบี สาธอุ บุ ายเมตตากทู มี่ ตี อ่ มงึ ดกี วา่ อา้ ยแพ้
ผ้หู ญิง” สดุ ทา้ ยคืนน้นั ทง้ั อา้ ยจนั ทรท์ ั้งอ้ายมนั่ เลยไมไ่ ดด้ งู านตามความ
คาดหมายไว้ เพราะเรอ่ื งนีเ้ ป็นสาเหตุให้ต้องพรากงาน
281
ฟังนักปราชญ์ท้ังสองโต้กัน แม้สมัยท่านยังเป็นฆราวาสก็ยังรู้สึก
นา่ ฟงั มาก ถงึ จะเปน็ เรอื่ งโลกๆ แตก่ เ็ ปน็ เชงิ ของคนฉลาดพดู กนั จงึ เปน็ ที่
ซาบซ้ึงจับใจในอุบายที่แสดงออกทุกๆ ประโยค ฟังแล้วท�ำให้เพลินใจ
ประหนึ่งทา่ นสนทนากนั อย่ตู อ่ หน้าเราฉะนั้น เร่อื งของทา่ นทัง้ สองโต้กนั
ยังมีอีกแยะ แต่เห็นว่าเท่าที่กล่าวมาพอเป็นคติแก่พวกเราพอสมควร
อบุ ายของทา่ นทง้ั สองแสดงใหเ้ หน็ ไดช้ ดั วา่ มเี คา้ แหง่ ความฉลาดมาแตเ่ ปน็
ฆราวาส ฉะนน้ั เวลามาบวชเป็นพระ ทา่ นจึงเป็นจอมปราชญท์ ัง้ สององค์
ในสมัยปัจจุบัน ปรากฏชื่อลือนามกระเด่ืองเล่ืองลือทั่วประเทศไทยว่า
ท่านเจ้าคุณอุบาลีคุณูปมาจารย์และท่านพระอาจารย์มั่น ภูริทัตตเถระ
เป็นจอมปราชญ์สมัยปัจจุบัน ที่เขียนว่าอ้ายจันทร์และอ้ายม่ันนั้นเขียน
ตามทท่ี ราบจากทา่ นเลา่ ใหพ้ ระฟัง
เวลาทา่ นเปดิ โอกาสสบายๆ กบั บรรดาศษิ ยท์ เ่ี ครง่ เครยี ดตอ่ การระวงั
ในทา่ นมาเปน็ ประจำ� หากเปน็ การไมบ่ งั ควรประการใด กข็ อประทานโทษ
ทา่ นเจา้ พระคุณท้ังสองและท่านผู้อา่ นทั่วๆ ไปดว้ ย ถ้าจะเล่ยี งเขียนตาม
ศพั ท์นิยมก็ไมถ่ นดั ใจ ทีท่ า่ นเรยี กกันเชน่ นั้น เข้าใจวา่ ท่านนยิ มนบั ถอื กัน
ดว้ ยคำ� พดู ทำ� นองนนั้ ซง่ึ เราเองกเ็ คยใชต้ อ่ กนั ระหวา่ งบคุ คลทสี่ นทิ สนมกนั
ตามฐานะและวยั เสมอมา จงึ ไดเ้ ขยี นตามเคา้ มาดงั้ เดมิ จะหยาบคายหรอื
ละเอยี ดประการใดกป็ ระสงคใ์ หเ้ ปน็ ไปตามเร่ืองเดมิ ซึ่งเปน็ ธรรมชาตแิ ท้
ท่ที า่ นใชก้ ันในเพศและวัยนนั้ รสู้ กึ สะดวกใจ และอาจมองเหน็ ภาพท่าน
ท้ังคราวเป็นฆราวาสที่กำ� ลงั คะนองรน่ื เริง และภาพท่เี ป็นนักบวชซึง่ สละ
ความเปน็ โลกออกอยา่ งสนิ้ เชงิ มแี ตค่ วามอศั จรรยล์ ว้ นๆ อยใู่ นองคแ์ หง่
พระเวลาท่านบวชแล้ว
282
ขณะทา่ นเลา่ นทิ านใหฟ้ งั นา่ ฟงั มาก โดยมากกเ็ ปน็ เรอ่ื งสมยั ปจั จบุ นั
มากกว่าจะเป็นนิทาน ท่านชอบชมเชยความฉลาดของเจ้าคุณอุบาลีฯ
ให้ฟังเสมอ ครงั้ หนึ่งทา่ นเลา่ ว่า ท่านสนทนากับทา่ นเจ้าคณุ อบุ าลีฯ ถึง
พระเวสสนั ดร พอไดโ้ อกาสทา่ นเรยี นถามถึงแมข่ องพระนางมทั รคี อื ใคร
ไม่เห็นกล่าวไว้ในคัมภีร์ หรือค้นหาไม่พบต่างหาก ท่านเจ้าคุณอุบาลีฯ
ก็ตอบข้ึนทันทีว่า ท่านยังไม่เคยเห็นไม่เคยได้ยินแม่นางมัทรีบ้างหรือ
เขาเห็นกันทั้งบ้านท้ังเมือง ท่านมัวไปหานางมัทรีอยู่ที่ไหนถึงไม่ได้เห็น
กบั เขา ทา่ นพระอาจารยม์ ่ันกราบเรยี นวา่ ยงั ไม่เคยเห็นเลย ไม่ทราบวา่
อยใู่ นคมั ภรี ไ์ หน ทา่ นตอบทนั ทวี า่ จะอยใู่ นคมั ภรี อ์ ะไรทไี่ หนกนั กส็ าวอบ
ผูพ้ ดู เสียงดังๆ บ้านแกหลงั ใหญๆ่ อยสู่ ี่แยกทางออกไปวัดยงั ไงละ่
ทา่ นพระอาจารยม์ น่ั เกดิ งง ตอ้ งเรยี นถามทา่ นอกี วา่ สแี่ ยกทไ่ี หนและ
ทางออกไปวัดไหน ทา่ นไมเ่ หน็ กล่าวเรือ่ งวัดเร่อื งวาไวเ้ ลย ท่านตอบวา่
ก็แม่นางมัทรีบ้านแกอยู่เกือบติดกับบ้านท่านอย่างไรล่ะ ท�ำไมยังไม่รู้
กระทงั่ นางมทั รแี ละสาวอบแมน่ างมทั รเี ขา้ อกี ทา่ นนแี้ ยจ่ รงิ ๆ เพยี งนางมทั รี
และสาวอบในหม่บู ้านเดยี วกนั ยังไม่รอู้ ีก ท่านจะไปเทย่ี วหาแม่นางมัทรี
ในคมั ภรี ไ์ หนกนั อกี ผมกแ็ ยแ่ ทนทา่ นถา้ เปน็ อยา่ งน้ี ทา่ นอาจารยก์ ร็ ะลกึ ได้
ทันทีเมื่อท่านพูดว่า นางมัทรีและสาวอบที่อยู่ในบ้านเดียวกัน แต่ก่อน
มวั ไปนกึ ภาพในเรอื่ งพระเวสสนั ดรในคมั ภรี โ์ นน้ จงึ ทำ� ใหง้ งไปนาน ทา่ นวา่
ทา่ นเจา้ คณุ อบุ าลีฯ ทา่ นฉลาดโตต้ อบดว้ ยอบุ ายแปลกๆ อยา่ งนเี้ สมอมา
ท่านมักโต้ตอบแบบศอกกลับเสมอ ทำ� เอาผ้ฟู งั งงไปตามๆ กันและก็ได้
สตปิ ญั ญาจากอบุ ายทา่ นตลอดมา ทา่ นเลา่ ทงั้ หวั เราะขนั ตวั ทา่ นเองทไี่ มท่ นั
ลกู ไม้ทา่ นเจ้าคุณอุบาลฯี
283
ท้าวสักกเทวราชบนสวรรค์มาเยยี่ มท่านเสมอ
ทา่ นพกั จำ� พรรษาอยบู่ า้ นนำ้� เมา อำ� เภอแมป่ งั เชยี งใหม่ ทา่ นวา่ ทา่ น
ต้อนรับแขกจ�ำพวกกายทิพย์บนสวรรค์ มีท้าวสักกเทวราชเป็นหัวหน้า
มากเป็นพิเศษ แม้หน้าแล้งท่านหลีกออกไปเท่ียววิเวกองค์เดียวอยู่ใน
ถำ�้ ดอกคำ� กม็ ที า้ วสกั กเทวราชพาพวกเทวดามาเยยี่ มทา่ น ซง่ึ มาแตล่ ะครง้ั
เป็นหมน่ื เป็นแสนและมาบ่อยทสี่ ดุ ถา้ พวกท่ีไม่เคยมา ทา้ วสักกเทวราช
ต้องเตอื นใหเ้ ขาเข้าใจวิธีฟงั ธรรมกอ่ นทที่ ่านจะแสดงให้ฟงั โดยมากทา่ น
แสดงเมตตาอปั ปมญั ญาพรหมวหิ ารใหเ้ ขาฟงั เพราะพวกเทวดาชอบธรรมนี้
มากเปน็ พเิ ศษ ทา่ นพกั อยทู่ ง้ั สองแหง่ นี้ ทา้ วสกั กเทวราชมาเยยี่ มฟงั ธรรม
เสมอ การตอ้ นรบั พวกเทพทกุ ชนั้ ทกุ ภมู กิ ป็ รากฏวา่ มากเปน็ พเิ ศษกวา่ ทอ่ี น่ื ๆ
เพราะที่น่อี ย่ลู ึกและสงดั มากบรรยากาศก็อ�ำนวย
พวกน้ีเคารพท่านและสถานท่ีท่ีท่านพักอยู่มาก แม้ทางจงกรมที่
ญาตโิ ยมเอาทรายมาเกลย่ี ไวส้ ำ� หรบั ใหท้ า่ นเดนิ จงกรมกไ็ มก่ ลา้ ผา่ นเขา้ มา
ตอ้ งเวน้ ไปเขา้ ทางอนื่ พวกพญานาคกเ็ ชน่ กนั เวลาเขาเขา้ มาเยย่ี มฟงั ธรรม
ท่านก็ไมอ่ าจเดนิ ข้ามทางจงกรมเข้ามา ถา้ หัวหนา้ จ�ำเป็นตอ้ งเดนิ ผา่ นเขา้
284
มาเปน็ บางครง้ั ตอ้ งเวน้ ไปทางหวั จงกรมเดนิ ออ้ มเขา้ มา บางครงั้ พญานาค
ใช้ให้บริวารมากราบนิมนต์ท่านในกิจบางอย่าง เช่นเดียวกับมนุษย์เรา
มานมิ นตพ์ ระไปในงาน กไ็ ม่กลา้ เดนิ ข้ามทางจงกรมเขา้ มา ถ้ามีทรายโรย
ไว้ก็เอามอื กวาดทรายออกเสียก่อนแลว้ คอ่ ยคลานเขา้ มา พอพน้ จากน้ัน
แล้วค่อยลุกข้ึนเดินเข้ามาหาท่าน กิริยามรรยาททุกอาการอยู่ในความ
สำ� รวมดมี าก
ท่านว่ามนุษย์เราซ่ึงเป็นเจ้าของศาสนา ถ้าต่างสนใจในธรรมและ
มีความเคารพต่อตัวเองสมกับว่ารักตนจริงๆ ตามความรู้สึกที่ฝังลึกอยู่
ภายใน กค็ วรมมี รรยาทเคารพศาสนาเชน่ เดยี วกบั พวกเทวดาและพญานาค
ทเ่ี ขาทำ� กนั แมไ้ มส่ ามารถจะมองเหน็ วธิ กี ารทเี่ ขาทำ� ความเคารพตอ่ ศาสนา
แตศ่ าสนากส็ อนวธิ เี คารพไวอ้ ยา่ งสมบรู ณแ์ ลว้ ไมม่ อี ะไรบกพรอ่ ง นอกจาก
พวกมนษุ ยเ์ ราไมค่ อ่ ยสนใจเทา่ ทค่ี วร และตง้ั ใจสง่ั สมความประมาทใสต่ น
จนหาที่เก็บไม่ได้เท่าน้ัน จึงไม่ค่อยประสบความสุขความสมหวังดังที่
ปรารถนากนั
ความจริงศาสนาเป็นแหล่งผลิตมรรยาทศีลธรรมอันดีงามเพื่อผล
คือความสุขความสมหวังจะมีทางเกิดขึ้นแก่ผู้สนใจตามหลักศาสนาที่
สอนไว้ ทา่ นกลา่ วเนน้ หนกั ลงไปวา่ ความสำ� คญั ของทกุ สงิ่ ในโลกกค็ อื ใจ
ถา้ ใจหยาบทกุ สงิ่ ทม่ี าเกย่ี วขอ้ งกก็ ลายเปน็ ของหยาบไปดว้ ย เชน่ เดยี วกบั
ร่างกายสกปรก แม้ส่ิงที่มาคละเคล้ากับกายจะเป็นของสะอาดสวยงาม
เพยี งไร กก็ ลายเปน็ ของสกปรกไปตามร่างกายท่สี กปรกอยแู่ ลว้ ฉะนนั้
ธรรมจึงอดจะหยาบไปตามใจที่สกปรกไม่ได้ ถึงจะเป็นธรรมท่ีบริสุทธิ์
หมดจด แตพ่ อคนมใี จโสมมเขา้ ไปเกยี่ วขอ้ ง ธรรมกก็ ลายเปน็ ธรรมอบั เฉา
285
ไปตาม เหมอื นผา้ ท่ีสะอาดตกลงไปคลุกฝนุ่ หรือคนชั่วแบกคัมภีรธ์ รรม
อวดโลกใหเ้ ขารับนับถือ ซึง่ ทงั้ สองนไ้ี ม่มีผลดตี า่ งกันเลย
คนที่มีใจหยาบกระด้างต่อศาสนาก็เป็นคนในลักษณะนี้เหมือนกัน
จึงไม่มีทางได้รับประโยชน์จากศาสนธรรม แม้เป็นของวิเศษเพียงไร
เทา่ ทคี่ วร เอาแตช่ อื่ ออกประกาศกันวา่ ตนนับถอื ศาสนา แตไ่ มท่ ราบวา่
ศาสนาคอื อะไร และมีสว่ นเกยี่ วข้องกบั ผนู้ บั ถอื อยา่ งไรบ้าง ถา้ ประสงค์
อยากทราบข้อเท็จจริงจากศาสนาอย่างแท้จริงแล้ว ตนกับศาสนาก็เป็น
อันเดียวกัน ความสุขทุกข์ที่เกิดกับตนย่อมกระเทือนถึงศาสนาด้วย
ความประพฤตดิ ชี ว่ั กก็ ระเทอื นถงึ ศาสนาเชน่ กนั คำ� วา่ ศาสนา คอื แนวทาง
ทีถ่ ูกตอ้ งแห่งการดำ� เนินชวี ิตน่ันแล จะเปน็ อ่ืนมาจากไหน
ถ้าคิดว่าศาสนาอยู่ที่อื่นนอกจากตัว ก็ชื่อว่าเข้าใจศาสนาผิดจาก
ความจรงิ การปฏบิ ตั ติ อ่ ศาสนากป็ ฏบิ ตั ไิ มถ่ กู คำ� วา่ ไมถ่ กู นี้ ไมว่ า่ อะไรไมถ่ กู
ของนัน้ ใช้ประโยชน์อะไรไม่ได้ แมไ้ ด้กไ็ ม่ถกู ตามกฎเกณฑ์ คือได้แบบ
ขวางโลก ขวางธรรม ขวางตน และขวางผ้อู ื่นไปทง้ั นน้ั คดิ อย่างงา่ ยๆ
และเห็นประจักษต์ าคือ การบวกลบคูณหารไมถ่ กู ตัดเสอื้ กางเกงไม่ถกู
เยบ็ เส้ือผา้ ไมถ่ กู สามีภรยิ าปฏบิ ตั ิไม่ถูกตามจารีตประเพณี ครู่ ักปฏบิ ตั ิ
ไม่ถกู ตามคำ� มั่นสญั ญาท่ีให้ไว้ตอ่ กนั พ่อแม่กบั ลกู ๆ ปฏบิ ัตติ อ่ กันไม่ถูก
การแสวงหาทรพั ยไ์ มถ่ กู ทาง การจา่ ยทรพั ยไ์ มถ่ กู ทาง ขบั รถไมถ่ กู กฎจราจร
เจ้าหน้าทป่ี ฏิบตั งิ านไมถ่ ูกตอ้ งตามกฎหมาย อนั เปน็ เคร่อื งปกครองโลก
ให้ร่มเย็นทั่วหน้ากัน ราษฎรกับเจ้านายปฏิบัติต่อกันไม่ถูกตามระบอบ
ประเพณแี ละกฎหมายบา้ นเมอื ง ขาดความเคารพนบั ถอื กนั และกลายเปน็
ขา้ ศกึ ต่อกนั
286
เหล่านีจ้ ะเห็นเป็นความเสียหายมากน้อยกว้างแคบเพียงไร ผลคอื
ความผดิ หวงั และความเดอื ดรอ้ นทเ่ี กดิ ขน้ึ จากสง่ิ ทที่ ำ� ผดิ จะแสดงขน้ึ ทไ่ี หน
ถา้ ไมแ่ สดงขน้ึ ตามจดุ แหง่ เหตทุ ที่ ำ� ผดิ กไ็ มม่ ที แ่ี สดง ขน้ึ ชอื่ วา่ ผดิ แลว้ ผลคอื
ความเสยี หายตอ้ งแสดงขนึ้ ตามเหตนุ น้ั ๆ แมค้ นทที่ ำ� ผดิ ตอ่ ผอู้ นื่ โดยทเี่ ขา
จะทราบวา่ ตวั ทำ� ผดิ ตอ่ เขาหรอื ไมก่ ต็ าม ผลคอื ความเสยี หายทจ่ี ะระบาด
ออกจากการทำ� ผดิ นั้น ปิดไม่อยู่แนน่ อน ตอ้ งแสดงสดุ ขดี แหง่ การทำ� ผิด
จะเปน็ ฝา่ ยใดไดร้ บั ไมเ่ ปน็ ปญั หา ขอ้ แกต้ วั วา่ ทำ� ผดิ แลว้ ผลไมแ่ สดงตวั ให้
ปรากฏ อย่างไรต้องแสดงมากน้อยจนถึงขน้ั แดงโร่ท่วั ดินแดน
ฉะนน้ั คำ� วา่ ไมถ่ กู เชน่ คดิ ไมถ่ กู พดู ไมถ่ กู และคำ� วา่ ไมถ่ กู หรอื คำ� วา่
ผิดนี้จึงเป็นจุดที่ควรสนใจอยา่ งยงิ่ ไมช่ นิ ชาตามวั ไมเ่ หลยี วแลเรอื่ งจะ
แกก่ ลา้ พรา่ เอาตวั ผเู้ ลอื่ นลอยตอ่ ความผดิ ใหล้ ม่ จมอยา่ งเหน็ ประจกั ษต์ าใน
ขณะนช้ี าตนิ ้ี ไมต่ อ้ งมองไกลอนั เปน็ การตะครบุ เงามากกวา่ ถกู ตวั จรงิ เพราะ
ศาสนามใิ ช่เงาเคร่ืองหลอกหลอนคนให้โง่ แต่เป็นศาสนาทใี่ ห้ความจรงิ
ทกุ ประตทู ป่ี ระกาศสอนไว้ ไมผ่ ดิ พลาด ถา้ ผนู้ บั ถอื ไมป่ ฏบิ ตั ใิ หผ้ ดิ พลาด
ไปเอง แลว้ กลา่ วต่วู า่ ศาสนาไมเ่ ปน็ ท่า ซ่ึงเปน็ การกว้านความผดิ พลาด
มาทับถมโจมตตี วั เอง ให้เกิดความทกุ ขร์ ้อนจนหาที่ปลงวางไมไ่ ด้เทา่ นั้น
จงึ ไมม่ ปี ญั หาสำ� หรบั ศาสนาซ่งึ เป็นของบรสิ ุทธ์ิมาด้งั เดมิ
ทา่ นกลา่ วยำ้� อกี วา่ คนเราถา้ ยอมรบั ความจรงิ ตามหลกั ศาสนาทสี่ อนไว้
ตัวย่อมได้รับความเป็นธรรม คือตัวเย็น ผู้เกี่ยวข้องมากน้อยก็เย็น
โลกร่มเย็นไม่ค่อยมีการทะเลาะเบาะแว้งแย่งชิง เพ่ือแข่งดิบแข่งดีกัน
ให้เดอื ดร้อนไปทัง้ สองฝ่าย ซ่ึงสุดท้ายก็เปน็ ไฟไปตามๆ กนั ไม่มีใครได้
ครองความสขุ ดงั ใจหวงั เพราะเอาใจดวงก�ำลงั เป็นไฟทง้ั กอง เขา้ ไปเปน็
287
หวั หนา้ วา่ ความในกจิ การในโรงในศาล ในเรอื่ งตา่ งๆ ไมม่ ปี ระมาณ ดว้ ยเหตุ
นี้แลคนเราจึงหาประมาณความทรงตัวได้ยาก อยู่ท่ีไหนก็ร้อนเป็นฟืน
เปน็ ไฟไมเ่ ปน็ สขุ เพราะใจแบกกองไฟไวก้ บั ตวั ตลอดเวลา ไมค่ ดิ จะปลงวาง
ลงบา้ ง พอไดห้ ายใจไกลทุกขป์ ระสบสุขเสยี บ้าง เพอ่ื ทรงตัว
ท่านว่าผมเองนับแต่บวชมาในศาสนา ชาตินี้เกือบท้ังชาติสนุก
พิจารณาศาสนธรรมที่พระพุทธเจ้าประทานไว้ ความกว้างลึกของ
ศาสนธรรมยังกว้างลึกกว่ามหาสมุทรทะเลเป็นไหนๆ เทียบกันไม่ได้
เอาเลย ถา้ พดู ตามความจรงิ จรงิ ๆ แลว้ ความละเอยี ดสขุ มุ เหลอื ประมาณ
ที่จะพิจารณาตามได้ ความอัศจรรย์แห่งผลท่ีแสดงข้ึนกับการปฏิบัติ
เปน็ ระยะๆ ไปกส็ ดุ จะกลา่ ว ถ้าไม่คิดวา่ คนจะหาวา่ บา้ แลว้ ผมกราบ
พระพทุ ธเจา้ พระธรรม พระสงฆ์ ซงึ่ เปน็ องคแ์ หง่ ธรรมอศั จรรยแ์ ทไ้ ด้
ตลอดไป เชน่ เดยี วกบั คนงานอนื่ ๆ ซงึ่ หนกั ยงิ่ กวา่ การกราบไหวเ้ ปน็ ไหนๆ
ไมม่ กี ารเกยี จครา้ น ไมน่ กึ ระอา ไมน่ กึ วา่ ซำ้� ซาก แตแ่ นใ่ จอยา่ งถอนไมข่ นึ้
แมช้ วี ติ ดบั ไปวา่ พทุ ธะ ธรรมะ สงั ฆะอยกู่ บั เรา เราอยกู่ บั ทา่ นตลอดเวลา
อกาลโิ ก ไมม่ กี ารแยกยา้ ยจากกนั เหมอื นโลก อนจิ จฺ ํ ทกุ ขฺ ํ อนตตฺ า ทค่ี อย
ทำ� ลายหวั ใจสตั วโ์ ลกใหร้ ะทมขมขนื่ อยเู่ สมอ ไมพ่ อใหห้ ายใจไดแ้ ตล่ ะ
เวลาเลย
ท่านเลา่ ว่า หลายคนื ที่ทำ� ความเพียรอยูต่ ลอดกลางคืนยามดกึ สงัด
ปรากฏเห็นสามเณรน้อยองค์หน่ึงกับผู้หญิงคนหนึ่ง พากันเดินผ่านไป
ผา่ นมาอยแู่ ถวบรเิ วณนน้ั แทบทกุ คนื ทา่ นนกึ สงสยั วา่ คนทงั้ สองนเ้ี ดนิ ไป
มาเพ่ือประสงคอ์ ะไร วนั ตอ่ มาจึงถามถงึ เหตุทตี่ อ้ งพากนั มาเดินวกเวียน
อยแู่ ถวนน้ั กไ็ ดค้ ำ� ตอบจากคนทง้ั สองวา่ เปน็ หว่ งและอาลยั ในพระเจดยี ์
288
ท่ีสร้างยังไม่เสร็จ แต่ได้ตายไปเสียก่อน เพราะความห่วงใยน้ันจึงต้อง
วกเวียนไปมาอยู่ท�ำนองน้ีนานแล้ว ส่วนสามเณรน้อยนั้นเป็นน้องชาย
ของหญงิ คนนนั้ ทงั้ สองคนไดร้ ว่ มกำ� ลงั กนั สรา้ งพระเจดยี ์ ความทตี่ า่ งคน
ตา่ งหว่ งและอาลยั พระเจดยี แ์ ละเสยี ดายเวลาไมร่ อคอยพอใหส้ รา้ งพระเจดยี ์
เสรจ็ กอ่ นแลว้ คอ่ ยตายไป จะไมเ่ ปน็ ภาระผกู พนั ดงั ทเี่ ปน็ อยเู่ วลาน้ี แมจ้ ะ
เปน็ อยใู่ นภพทม่ี คี วามหว่ งใย แตก่ ม็ ไิ ดม้ คี วามทกุ ขท์ รมานซง่ึ ควรจะเปน็
เป็นแต่จะไปผุดไปเกดิ ทีไ่ หนกไ็ ม่อาจปลงใจลงได้เด็ดขาดเท่าน้นั
ท่านจึงได้เทศน์ให้คนทั้งสองฟังว่า “ส่ิงท่ีล่วงไปแล้วไม่ควรไปท�ำ
ความผกู พนั เพราะเปน็ สงิ่ ทล่ี ว่ งไปแลว้ อยา่ งแทจ้ รงิ แมจ้ ะทำ� ความผกู พนั
และมนั่ ใจใหส้ งิ่ นนั้ กลบั มาเปน็ ปจั จบุ นั กเ็ ปน็ ไปไมไ่ ด้ ผทู้ ำ� ความสำ� คญั
มัน่ หมายน้นั เป็นทุกขแ์ ตผ่ เู้ ดยี วโดยความไม่สมหวงั ตลอดไป อนาคต
ท่ียังไม่มาถึงก็เป็นสิ่งไม่ควรไปยึดเหน่ียวเก่ียวข้องเช่นกัน อดีตควร
ปลอ่ ยไวต้ ามอดตี อนาคตกค็ วรปลอ่ ยไวต้ ามกาลของมนั ปจั จบุ นั เทา่ นนั้
จะส�ำเรจ็ ประโยชนไ์ ด้ เพราะอยูใ่ นฐานะที่ควรท�ำได้ไม่สดุ วสิ ยั ”
การสรา้ งพระเจดยี ไ์ มส่ ำ� เรจ็ แตม่ าดว่ นตายไปเสยี กอ่ นนนั้ ถา้ เปน็ สง่ิ
ทส่ี ามารถท�ำใหเ้ ปน็ ไปตามใจหวงั ได้แลว้ เราก็ไมค่ วรตาย ควรจะสรา้ งให้
สำ� เรจ็ ไปเสยี กอ่ น แตย่ งั ฝนื ตายไปจนได้ มหิ นำ� เวลาตายแลว้ ยงั มาเปน็ หว่ ง
อยากใหเ้ จดยี ส์ ำ� เรจ็ ทงั้ ทไี่ มส่ ามารถทำ� ได้ นแ่ี สดงวา่ คดิ ผดิ ไปถงึ สองชน้ั แลว้
ยงั จะเป็นหว่ งเพ่อื ให้สมความปรารถนาอีกตอ่ ไป ยิง่ คดิ ผดิ ไปอกี สามชั้น
ความคิดผิดมิได้ผิดเฉพาะความคิดเท่านั้น การไปการมาเกิดในภพ
การเสวยสขุ เสวยทกุ ขใ์ นภพนน้ั ๆ กพ็ ลอยผดิ ความมงุ่ หมายไปดว้ ย เพราะ
ความคดิ ผดิ เปน็ สาเหตจุ ากใจเพยี งดวงเดยี ว จงึ เปน็ การไมส่ มควรอยา่ งยงิ่
ทีจ่ ะฝืนคดิ ฝืนเป็นห่วงตอ่ ไป
289
การสร้างพระเจดียเ์ ราสร้างหวังบุญหวงั กุศลตา่ งหาก มิได้สรา้ งเพ่อื
หวงั เอากอ้ นอฐิ กอ้ นหนิ ปนู ทรายในองคพ์ ระเจดยี ไ์ ปดว้ ย สงิ่ ทเี่ ปน็ สมบตั ิ
ของเราในการสรา้ งพระเจดยี ก์ ค็ อื บญุ สรา้ งไดม้ ากนอ้ ย บญุ ทเ่ี กดิ จากการ
สร้างนั้นเป็นของเรา จึงไม่ควรเป็นห่วงใยในอิฐในปูนและในพระเจดีย์
ซ่ึงเป็นวัตถุท่ีหยาบย่ิง และเป็นสิ่งสุดวิสัยที่จะให้เป็นไปได้ดังใจหวัง
ทา่ นนกั สรา้ งบญุ ทง้ั หลาย ทา่ นเอาเฉพาะบญุ ตดิ ตวั ไป มไิ ดเ้ อาสง่ิ กอ่ สรา้ ง
วัตถุทานต่างๆ ท่ีสละลงเพื่อทานแล้วติดตัวไปด้วย เช่น การสร้างวัด
สรา้ งกุฎวี หิ าร ศาลาโรงธรรมสวนะ สร้างถนนหนทาง สรา้ งถงั น้ำ� สรา้ ง
สาธารณสถาน ตลอดการใหท้ านดว้ ยวตั ถตุ า่ งๆ มากมายหลายวธิ ี สง่ิ เหลา่ นน้ั
เป็นเพียงเครื่องสนองกุศลเจตนาของผู้มุ่งท�ำบุญให้ทานเท่าน้ัน มิใช่
ตัวบุญตัวกุศลตัวสวรรค์นิพพาน และมิใช่ผู้จะไปสู่มรรคสู่ผลสู่สวรรค์
นพิ พาน สรา้ งไว้แลว้ นานไปก็ชำ� รุดทรดุ โทรม และรว่ งโรยไปตามฐานะ
และกาลของมนั
สงิ่ ทสี่ ำ� เรจ็ จากการกอ่ สรา้ งและการใหท้ านอนั เปน็ สว่ นนามธรรมอยู่
ภายในนนั้ คอื ตวั บญุ กศุ ล เจา้ ของผคู้ ดิ เปน็ กศุ ลเจตนาขนึ้ มาใหส้ ำ� เรจ็ เปน็
วตั ถไุ ทยทานตา่ งๆ นนั้ คอื ใจ ใจนแ่ี ลเปน็ ผทู้ รงบญุ ทรงกศุ ล ทรงมรรคทรงผล
ทรงสวรรค์นิพพาน และใจน่ีแลเป็นผู้ไปสู่สวรรค์นิพพาน นอกจากใจ
ไม่มอี ะไรจะไป เจดยี ข์ องคณุ ท้งั สองท่ีสรา้ งยงั ไมเ่ สรจ็ นั้น ก็มไิ ด้มจี ติ ใจ
พอจะมเี จตนาในบญุ กศุ ลเพอื่ ไปสวรรคน์ พิ พานอะไรเลย ความเปน็ หว่ งก็
คอื ใจดวงหงึ หวง แมจ้ ะเปน็ ฝา่ ยดี แตค่ วามคดิ ทต่ี ดิ อยจู่ ดั วา่ เปน็ ความคดิ
ที่ไม่ฉลาดต่อตวั เองอยู่น่นั แหละ จึงท�ำเจ้าของใหว้ กไปเวียนมาชักช้าตอ่
ทางไปผุดไปเกิด
290
ถ้าคุณทั้งสองยินดีเฉพาะกุศลผลบุญที่ท�ำได้จากการสร้างพระเจดีย์
ไปเท่านน้ั ไม่มุ่งจะแบกหามพระเจดียไ์ ปสวรรคน์ พิ พานด้วย คุณทั้งสอง
กไ็ ปอยา่ งสคุ โตหายหว่ งไปนานแลว้ เพราะบญุ เปน็ เครอื่ งสนบั สนนุ คนให้
สคุ โตเสมอมา ดังธรรมแสดงไวว้ ่าอกาลิโก ฉะนน้ั บุญจงึ ไมเ่ ปลยี่ นแปลง
ตัวกลายเป็นบาปตลอดกาล ความห่วงในสิ่งไม่ควรห่วงและในกาล
ไมค่ วรหว่ ง จงึ เปน็ ความผดิ ของผหู้ ว่ งใยเอง อนงึ่ ความหว่ งใยอยากใหเ้ จดยี ์
สำ� เรจ็ นน้ั กม็ ไิ ดส้ ำ� เรจ็ ไปตามความหว่ งความหวงั จงึ ไมค่ วรตงั้ จติ คดิ เปน็
ห่วงในส่ิงท่ีเป็นไปไม่ได้ พลังแห่งบุญกุศลของคุณทั้งสองพอดีกับคุณ
ท้ังสองอยู่เฉพาะปัจจุบัน อย่าคิดเร่ืองอดีตอนาคตให้เป็นการกดถ่วง
กำ� ลงั ใจทคี่ วรจะไปทางดใี หเ้ สยี เวลาอยนู่ านดงั ทเี่ ปน็ มาและเปน็ อยขู่ ณะน้ี
ควรแก้ไขเจตสิกธรรม คือความคิดปรุงต่างๆ นั้นเสีย คุณท้ังสองจะ
หายหว่ งและไปอยา่ งสบายหายกงั วลในไมช่ า้ ขอไดพ้ ากนั สนใจในปจั จบุ นั
อันเป็นท่ีบรรจุกุศลธรรมทั้งมวลเพ่ือมรรคผลนิพพาน อดีตอนาคตเป็น
ข้าศึกที่ควรแกไ้ ขอยา่ ให้เนน่ิ นาน
คณุ ท้ังสองเปน็ บคุ คลท่ีนา่ สงสารมาก สร้างบุญญาภิสมภารมาเพอ่ื
ยังตนไปสู่สุคติ แต่กลับมาติดกังวลในอิฐในปูนเพียงเท่านั้น จนเป็น
อปุ สรรคตอ่ ทางเดนิ ของตนซง่ึ ทำ� ใหเ้ สยี เวลาไปนาน ถา้ คณุ ทงั้ สองพยายาม
ตดั ความขดั ขอ้ งหว่ งใยทก่ี ำ� ลงั เปน็ อยอู่ อกจากใจ ชว่ั เวลาไมน่ านเลยจะเปน็
ผู้หมดภาระเครื่องผูกพัน คุณมีจิตมุ่งม่ันในภพใดจะสมหวังในภพนั้น
เพราะแรงกศุ ลทีไ่ ดพ้ ากนั สรา้ งมาพรอ้ มอยู่แล้ว
จากนน้ั ท่านแสดงศีล ๕ ซงึ่ เปน็ คณุ ธรรมท่ไี ม่ขดั ต่อภพกำ� เนดิ และ
เพศวัยใหฟ้ งั พรอ้ มอานสิ งสเ์ ปน็ ใจความยอ่ ว่า
291
“หนึ่ง สิ่งท่ีมีชีวิตเป็นส่ิงที่มีคุณค่าอยู่ในตัวของมันเอง จึงไม่ควร
เบยี ดเบียนและท�ำลายคณุ คา่ แห่งความเปน็ อย่ขู องเขาใหต้ กไป อันเปน็
การทำ� ลายคณุ ค่าของกันและกันเปน็ บาปกรรมแก่ผู้ท�ำ
สอง สิ่งของของใครๆ ก็รักและสงวนแม้คนอ่ืนจะเห็นว่าไม่ดีมี
คุณค่า แต่ผู้เป็นเจ้าของย่อมเห็นคุณค่าในสมบัติของตน ไม่ว่าสมบัติ
หรอื สิ่งของใดๆ ที่มเี จา้ ของ แมม้ ีคณุ ค่าน้อยกไ็ มค่ วรท�ำลาย คือ ฉกลกั
ปลน้ จ้ี เปน็ ตน้ อันเป็นการท�ำลายสมบตั ิและท�ำลายจติ ใจกันอยา่ งหนกั
ท้ังเปน็ บาปมาก ไม่ควรท�ำ
สาม ลกู หลานสามภี รยิ าใครๆ กร็ กั สงวนอยา่ งยงิ่ ไมป่ รารถนาใหใ้ คร
มาอาจเอื้อมล่วงเกนิ จึงควรใหส้ ทิ ธเิ ขาโดยสมบรู ณ์ ไมล่ ว่ งลำ้� เขตแดน
ของกนั และกนั อนั เปน็ การทำ� ลายจติ ใจของผอู้ น่ื อยา่ งหนกั และเปน็ บาป
ไม่มีประมาณ
ส่ี มสุ า การโกหกพกลมเปน็ สงิ่ ทำ� ลายความเชอ่ื ถอื ของผอู้ นื่ ใหข้ าด
สะบ้ันลง ขาดความนับถอื อย่างไมม่ ีชนิ้ ดีเลย แม้แต่สตั ว์ดิรัจฉานเขาก็
ไม่พอใจในคำ� หลอกลวง จึงไมค่ วรพูดโกหกหลอกลวงใหผ้ ้อู นื่ เสียหาย
ห้า สุรา ตามธรรมชาตเิ ปน็ ของมนึ เมาและใหโ้ ทษอยใู่ นตัวของมัน
อยา่ งเตม็ ทอี่ ยแู่ ลว้ เมอ่ื ดมื่ เขา้ ไปยอ่ มสามารถทำ� คนดๆี ใหก้ ลายเปน็ คนบา้
ได้ในทันทีทันใด และลดคุณค่าลงโดยล�ำดับ ผู้ต้องการเป็นคนดีมีสติ
ปกครองตวั อย่างมนษุ ย์ทั้งหลาย จงึ ไม่ควรดมื่ สุราเคร่ืองท�ำลายสุขภาพ
ทางกายและทางใจอยา่ งยง่ิ เพราะเปน็ การทำ� ลายตวั เองและผอู้ นื่ ไปดว้ ย
ในขณะเดียวกนั
292
อานิสงสข์ องศีล ๕ เมอ่ื รกั ษาได้
หนง่ึ ท�ำให้อายยุ ืนปราศจากโรคภัยมาเบียดเบยี น
สอง ทรพั ยส์ มบตั ทิ อี่ ยใู่ นความครอบครอง มคี วามปลอดภยั จากโจร
ผู้รา้ ยมาราวเี บียดเบยี นท�ำลาย
สาม ระหวา่ งลกู หลาน สามภี รยิ าอยดู่ ว้ ยกนั เปน็ ผาสกุ ไมม่ ผี มู้ าคอย
ลว่ งล้�ำกลำ�้ กราย ต่างครองกันดว้ ยความเปน็ สขุ
สี่ พดู อะไรมผี เู้ คารพเชอื่ ถอื คำ� พดู มเี สนห่ เ์ ปน็ ทจ่ี บั ใจไพเราะดว้ ยสตั ย์
ดว้ ยศลี เทวดาและมนษุ ยเ์ คารพรกั ผมู้ สี ตั ยม์ ศี ลี ไมเ่ ปน็ ภยั แกต่ นและผอู้ น่ื
ห้า เป็นผู้มีสติปัญญาดีและเฉลียวฉลาด ไม่หลงหน้า หลงหลัง
จับโนน่ ชนนี่เหมอื นคนบ้าบอหาสตไิ ม่ได้
ผู้มีศีลเป็นผู้ปลูกและส่งเสริมความสุขบนหัวใจคนและสัตว์ทั่วโลก
ใหม้ แี ตค่ วามอบอนุ่ ใจ ไมเ่ ปน็ ทรี่ ะแวงสงสยั ผไู้ มม่ ศี ลี เปน็ ผทู้ ำ� ลายหวั ใจคน
และสตั วใ์ หไ้ ดร้ บั ความทกุ ขเ์ ดอื ดรอ้ นทกุ หยอ่ มหญา้ ฉะนน้ั ผเู้ หน็ คณุ คา่
ของตวั จงึ ควรเหน็ คณุ คา่ ของผอู้ นื่ วา่ มคี วามรสู้ กึ เชน่ เดยี วกนั ไมเ่ บยี ดเบยี น
ทำ� ลายกนั ผมู้ ศี ลี สตั ย์ เมอื่ ทำ� ลายขนั ธไ์ ปเกดิ ในสคุ ตโิ ลกสวรรคไ์ มต่ กตำ่�
เพราะอำ� นาจศลี ธรรมคมุ้ ครองรกั ษาและสนบั สนนุ จงึ สมควรอยา่ งยง่ิ ทจ่ี ะ
พากันรกั ษาใหบ้ ริบูรณ์ เมอ่ื จากอตั ภาพนจ้ี ะมีสวรรค์เป็นทีไ่ ปโดยไม่ตอ้ ง
สงสยั ธรรมทสี่ งั่ สอนแลว้ ควรจดจำ� ใหด้ ี ปฏบิ ตั ใิ หม้ น่ั คง จะเปน็ ผทู้ รงสมบตั ิ
ทุกอย่างในอัตภาพทจี่ ะมาถึงในไม่ชา้ นี้แนน่ อน”
293
พอจบธรรมเทศนา สองพนี่ อ้ งมใี จรา่ เรงิ ในธรรม และขอสมาทานศลี ๕
กับท่าน ท่านได้ประกาศศีล ๕ ให้แก่สองพี่น้องตามเจตนา พอเสร็จ
การแสดงธรรมและประกาศศลี ๕ แล้ว คนท้ังสองได้นมสั การลาและ
หายตัวไปในท่ีและขณะน้ันนั่นเอง ด้วยอ�ำนาจกุศลศีลทานท่ีได้สร้างมา
และกศุ ลท่ีฟังธรรมรกั ษศีล ๕ กบั ท่านอาจารย์ สองพีน่ ้องได้เปลยี่ นภพ
ถ่ายภูมิที่เป็นอยู่ ไปเกิดในสวรรค์ช้ันดาวดึงส์พิภพในล�ำดับต่อมาโดย
ไมช่ กั ชา้ และไดพ้ ากนั มานมสั การเยย่ี มฟงั เทศนท์ า่ นอาจารยเ์ สมอมไิ ดข้ าด
พร้อมด้วยความขอบพระคุณท่านที่เมตตาอนุเคราะห์ให้อุบายสั่งสอน
ตา่ งๆ จนไดพ้ น้ จากความวกเวยี นไปมาในสถานทนี่ น้ั แลว้ ไปเกดิ ในสวรรค์
เสวยทพิ ยสมบตั ทิ ไี่ ปรอคอยอยเู่ ปน็ เวลานานแลว้ อยา่ งมคี วามสขุ เวลาท่ี
ลงมาเยีย่ มท่านไดเ้ ลา่ เรอ่ื งความหว่ งใยว่าเป็นภยั แกจ่ ติ ใจอย่างยิ่ง ทำ� ให้
เน่นิ ช้าตอ่ ทางด�ำเนนิ และภพชาตทิ คี่ วรจะได้จะถึง พอได้รบั อบุ ายแล้วก็
สามารถตดั ความห่วงใยเหลา่ นั้นเสยี ได้ จติ พน้ จากความผกู พันไปเกดิ ใน
สวรรค์ไดโ้ ดยสะดวก
ล�ำดับนั้นท่านได้แสดงความห่วงใยของจิตว่า เป็นสิ่งท่ีท�ำให้เกิด
อปุ สรรคไดอ้ ย่างมากมาย เวลาจะพรากจากขันธ์ นกั ปราชญท์ ่านจึงสอน
ให้ระวังจิตไม่ใหเ้ ปน็ อารมณ์ห่วงใยกบั ส่ิงใดๆ ท้งั ส้ิน กลวั จติ จะประหวดั
กับสิ่งหน่ึงสิ่งใดซ่ึงเป็นที่รักบ้าง เป็นอารมณ์ขุ่นมัวในใจบ้าง เช่น
ความโกรธแคน้ ในผหู้ นง่ึ ผใู้ ด ขณะจติ จะออกจากรา่ งเปน็ ขณะทสี่ ำ� คญั มาก
อาจไปเกาะเอาอารมณท์ ไ่ี มด่ เี ขา้ แลว้ กลบั มาเปน็ ไฟเผาตวั จากนนั้ กไ็ ปเกดิ
ในทคุ ตภิ พมนี รก เปรต อสรุ กาย สตั วด์ ริ จั ฉานอยา่ งใดอยา่ งหนง่ึ ซงึ่ ลว้ น
เปน็ ภพกำ� เนดิ ทไี่ มพ่ งึ ปรารถนา และใหค้ วามทกุ ขร์ อ้ นตลอดภพนน้ั ๆ
294
ฉะน้ัน การฝึกอบรมจิตเมื่ออยู่ในฐานะที่ควรท�ำได้จึงควรสนใจ
อยา่ งยงิ่ ฝกึ ใหร้ เู้ รอ่ื งของจติ เสยี แตย่ งั เปน็ คนทร่ี ๆู้ เหน็ ๆ เรอ่ื งของตน
อยู่ทุกขณะ นี้เป็นความชอบแท้ เมื่อทราบว่ายังบกพร่องส่วนใด
จะไดร้ บี แกไ้ ขดดั แปลงเสยี เวลาเขา้ ตาจนแลว้ จะไดม้ ที างรกั ษาตวั ทนั
กบั เหตกุ ารณ์ ไมต่ อ้ งวติ กวจิ ารณว์ า่ จะเสยี ทใี หค้ วามชว่ั ทง้ั หลายเขา้ มา
เหยยี บยำ่� ทำ� ลายได้ ยงิ่ ฝกึ ใหข้ าดความสบื ตอ่ กบั อารมณด์ ชี ว่ั ทง้ั หลาย
อยา่ งประจกั ษแ์ ลว้ ยง่ิ ประเสรฐิ เลศิ โลกไมม่ สี ง่ิ ใดเสมอเหมอื น นกั ปราชญ์
ทา่ นเหน็ ความสำ� คญั ของใจวา่ ประเสรฐิ ยง่ิ กวา่ สง่ิ ใดๆ ในสามภพ ทา่ นจงึ
พยายามฝกึ ใจให้ไปถูกทาง และส่งั สอนผอู้ นื่ ใหป้ ฏิบตั ิตอ่ ใจด้วยดี
เพราะการขาดทนุ สญู ทรพั ยน์ อกภายใน ขน้ึ อยกู่ บั ใจเปน็ สำ� คญั เวลา
เปน็ อยกู่ อ็ ยดู่ ว้ ยใจ สขุ ดว้ ยใจ ทกุ ขด์ ว้ ยใจ เวลาตายไปกไ็ ปดว้ ยใจ เกดิ เปน็
กำ� เนดิ ตา่ งๆ ดหี รอื ชว่ั กเ็ กดิ ดว้ ยใจ เสวยกรรมทั้งหนักทั้งเบา ท้งั ดที งั้ ชั่ว
ด้วยใจเป็นเหตุทั้งมวล ไม่มีส่ิงใดพาให้เป็น มีใจดวงเดียวเท่านั้นพาให้
เปน็ ไป ใจจงึ ควรได้รับการอบรมในทางท่ีถกู ทดี่ เี สมอ เพื่อรู้วิธปี ฏิบัติตอ่
ตัวเองท้ังปัจจุบันและอนาคต พอจบการแสดงธรรมเทวดาได้รับความ
แช่มชนื่ เบกิ บานใจเปน็ อันมาก และกลา่ วสรรเสรญิ ธรรมท่ที ่านแสดงว่า
เปน็ ยอดแหง่ ธรรม ซงึ่ ไมเ่ คยไดย้ นิ ไดฟ้ งั จากทอี่ นื่ ใดมากอ่ นเลย เสรจ็ แลว้
พากันกระทำ� ประทกั ษิณสามรอบ และถอยห่างออกไปจนพน้ เขตที่ท่าน
พักอยู่ แลว้ ตา่ งกเ็ หาะลอยขนึ้ บนอากาศ ราวกบั ส�ำลอี นั ละเอยี ดถูกลม
พดั ปลวิ ขึ้นสู่อากาศฉะนน้ั
มเี รอื่ งแปลกประหลาดอกี เรอื่ งหนง่ึ ทา่ นเลา่ วา่ แปลกใจมาก คนื หนงึ่
ทมี่ ีเหตกุ ารณโ์ ดยทางนิมติ ภาวนาเกิดข้ึน เวลาน้ันท่านพกั อย่ใู นภเู ขาลกึ
295
แหง่ หนึ่ง ห่างจากหม่บู ้านมากที่จังหวดั เชียงใหม่ เป็นเหตกุ ารณ์ท่ีท้งั นา่
หวาดเสียวและน่ายินดพี อๆ กัน คนื นนั้ ดกึ มากราว ๓ นาฬิกา อนั เปน็
เวลาธาตขุ นั ธล์ ะเอยี ด ทา่ นตน่ื จากจำ� วดั นงั่ พจิ ารณาไปเลก็ นอ้ ย ปรากฏ
วา่ จติ ใจมคี วามประสงคจ์ ะพกั สงบมากกวา่ จะพจิ ารณาธรรมทงั้ หลายตอ่ ไป
ท่านเลยปล่อยให้จิตพักสงบ พอเร่ิมปล่อยจิตก็เร่ิมหยั่งลงสู่ความสงบ
อยา่ งละเอยี ดเตม็ ภมู สิ มาธิ และพกั อยนู่ านประมาณ ๒ ชวั่ โมง หลงั จาก
นน้ั ก็คอ่ ยๆ ถอยออกมา แต่แทนท่ีจติ จะถอนออกมาสปู่ กติจิต เพราะมี
กำ� ลงั จากการพกั ผอ่ นทางสมาธพิ อสมควรแลว้ แตก่ ลบั ถอยออกมาเพยี ง
ขั้นอปุ จารสมาธิ แลว้ ออกรู้เหตกุ ารณต์ ่อเนอ่ื งไปในเวลานัน้ เลยทเี ดียว
คอื ขณะนน้ั ปรากฏวา่ มชี า้ งเชอื กหนง่ึ ใหญม่ ากเดนิ เขา้ มาหาทา่ น แลว้
ทรุดตัวหมอบลงแสดงเป็นอาการจะให้ท่านข้ึนบนหลัง ท่านก็ปีนข้ึนบน
หลังชา้ งเชือกนัน้ ทนั ที พอท่านขึ้นนงั่ บนคอชา้ งเรียบร้อยแลว้ ขณะนนั้
ปรากฏวา่ มพี ระวยั หนมุ่ อกี สององค์ ขชี่ า้ งองคล์ ะเชอื กเดนิ ตามมาขา้ งหลงั
ทา่ น ช้างท้ังสองเชอื กนน้ั ใหญพ่ อๆ กัน แต่เล็กกว่าชา้ งตวั ที่ทา่ นกำ� ลังขี่
อยู่เล็กน้อย ช้างท้ังสามเชือกน้ันมีความองอาจสง่าผ่าเผยและสวยงาม
มากพอๆ กนั คลา้ ยกบั เปน็ ชา้ งทรงของกษตั รยิ ์ มคี วามฉลาดรอบรคู้ วาม
ประสงคแ์ ละอบุ ายตา่ งๆ ทเี่ จา้ ของบอกแนะดเี ชน่ เดยี วกบั มนษุ ย์ พอชา้ ง
สองเชือกของพระหนุ่มเดินมาถึง ท่านก็พาออกเดินทางมุ่งหน้าไปทาง
ภูเขาท่มี องเหน็ ขวางหนา้ อยไู่ มห่ า่ งจากทีน่ ั้นนกั ประมาณ ๑ กโิ ลเมตร
ชา้ งท่านเป็นผพู้ าเดนิ หนา้ ไปอยา่ งสงา่ ผ่าเผย
ในความร้สู กึ ส่วนลึก ท่านว่าราวกบั จะพาพระหน่มุ สององค์นัน้ ออก
จากโลกสมมตุ ทิ งั้ สามภพ ไมม่ วี นั กลบั มาสโู่ ลกใดๆ อกี ตอ่ ไปเลย พอไปถงึ
296
ภเู ขาแล้ว ช้างพาทา่ นและพระหนุม่ สององคเ์ ดนิ เข้าไปท่ีหน้าถ้�ำแหง่ หน่งึ
ซึ่งไม่สูงนัก เพียงเป็นเนินเชื่อมกันขึ้นไปหาถ�้ำเท่านั้น เมื่อช้างใหญ่ทั้ง
สามเชือกเข้าไปถึงถ�้ำแล้ว ช้างเชือกที่ท่านอาจารย์ข่ีอยู่หันก้นเข้าไปใน
หนา้ ถำ�้ หนั หนา้ ออกมา แลว้ ถอยกน้ เขา้ ไปจรดผนงั ถำ�้ สว่ นชา้ งสองเชอื ก
ของพระหนุ่มสององค์ต่างเดินเข้าไปยืนเคียงข้างช้างท่านข้างละเชือก
อยา่ งใกลช้ ดิ หนั หนา้ เขา้ ไปในถำ้� สว่ นชา้ งทา่ นอาจารยย์ นื หนั หนา้ ออกมา
หน้าถ้�ำ
ขณะนั้นปรากฏว่าท่านอาจารย์เองได้พูดส่ังเสียพระว่า นี้เป็นวาระ
สดุ ทา้ ยแหง่ ขนั ธแ์ ละภพชาตขิ องผมจะขาดความสบื ตอ่ กบั สมมตุ ทิ งั้ หลาย
และจะยตุ ลิ งเพยี งแคน่ ้ี จะไมไ่ ดก้ ลบั มาสโู่ ลกเกดิ ตายนอี้ กี แลว้ นมิ นตท์ า่ น
ทง้ั สองจงกลับไปบำ� เพญ็ ประโยชน์ตนให้สมบูรณเ์ ต็มภมู ิกอ่ น อีกไม่นาน
ท่านทั้งสองกจ็ ะตามผมมา และไปในลกั ษณะเดียวกับทผ่ี มจะเตรยี มไป
อยขู่ ณะน้ี การทส่ี ตั วโ์ ลกจะหนจี ากโลกทแ่ี สนอาลยั ออ้ ยองิ่ แตเ่ ตม็ ไปดว้ ย
ความระบมงมทกุ ข์นไ้ี ปไดแ้ ต่ละรายนั้น มใิ ชเ่ ปน็ ของไปไดอ้ ยา่ งงา่ ยดาย
เหมอื นเขาไปเที่ยวงานกัน แต่ตอ้ งเป็นสงิ่ ฝนื ใจมากทีผ่ ู้น้นั จะตอ้ งทมุ่ เท
กำ� ลงั ทกุ ดา้ นลงเพอื่ ตอ่ สกู้ คู้ วามดที ง้ั หลาย ราวกบั จะไมม่ ชี วี ติ ยงั เหลอื อยู่
ในร่างตอ่ ไปนั่นแล จงึ จะเปน็ ทางพน้ ภยั ไร้กงั วล ไม่ตอ้ งกลับมาเกิดตาย
เสียดายปา่ ชา้ อีกต่อไป
การจากไปของผมคราวนม้ี ไิ ดเ้ ปน็ การจากไปเพอื่ ความลม่ จมงมทกุ ขใ์ ดๆ
แตเ่ ปน็ การจากไปเพอื่ หายทกุ ขก์ งั วลในขนั ธ์ จากไปดว้ ยความหมดเยอ่ื ใย
ในสง่ิ ทเ่ี คยอาลยั อาวรณท์ ง้ั หลาย และจากไปอยา่ งหมดหว่ ง เหมอื นนกั โทษ
ออกจากเรือนจำ� ฉะนัน้ ไมม่ คี วามหงึ หวงและน้อยเนอ้ื ต่ำ� ใจ เพราะความ
297
พรากไปแหง่ ขนั ธท์ โ่ี ลกถอื เปน็ เรอื่ งกองทกุ ขอ์ นั ใหญห่ ลวง และไมม่ สี ตั ว์
ตวั ใดปรารถนาตายกนั เลย ฉะนน้ั จงึ ไมค่ วรเสยี ใจอาลยั ถงึ ผมอนั เปน็ เรอ่ื ง
สงั่ สมกเิ ลสและกองทุกข์ไมม่ ชี ้ินดีเลย นักปราชญ์ไมส่ รรเสรญิ
พอท่านแสดงธรรมแก่พระหนุ่มสององค์จบลง ก็บอกให้ถอยช้าง
สองเชือกออกไป ซึ่งยืนแนบสองขา้ งทา่ นดว้ ยอาการสงบนิง่ ราวกับไม่มี
ลมหายใจ และอาลยั คำ� สง่ั เสยี ทา่ นทใี่ หโ้ อวาทแกพ่ ระหนมุ่ สององค์ ขณะนน้ั
ชา้ งทง้ั สามเชอื กแสดงความรสู้ กึ เหมอื นสตั วม์ ชี วี ติ จรงิ ๆ ราวกบั มใิ ชน่ มิ ติ
ภาวนา พอสง่ั เสยี เสรจ็ แลว้ ชา้ งสองเชอื กของพระหนมุ่ กค็ อ่ ยๆ ถอยออก
มาหน้าถ�้ำหันหลังกลับออกไป แล้วหันหน้ากลับคืนมายังท่านอาจารย์
ตามเดมิ ดว้ ยท่าทางอนั สงบอยา่ งยง่ิ สว่ นช้างทา่ นกเ็ รมิ่ ทำ� หนา้ ท่หี มนุ กน้
เขา้ ไปในผนงั ถำ้� โดยลำ� ดบั เฉพาะองคท์ า่ นนงั่ อยบู่ นคอชา้ งนนั่ เอง ทงั้ ขณะ
ใหโ้ อวาททงั้ ขณะชา้ งหมนุ ตวั เขา้ ในผนงั ถำ้� พอชา้ งหมนุ กน้ เขา้ ไปไดค้ อ่ นตวั
จติ ทา่ นเร่มิ รู้สึกตวั ถอนจากสมาธขิ ึ้นมา เร่ืองเลยยุติลงเพยี งนั้น
เรอ่ื งน้ันจงึ เป็นสาเหตใุ หท้ า่ นพิจารณาความหมายตอ่ ไป เพราะเปน็
นมิ ติ ทแี่ ปลกประหลาดมากไมเ่ คยปรากฏในชวี ติ ไดค้ วามขนึ้ เปน็ สองนยั
นัยหนึ่ง ตอนท่านมรณภาพจะมีพระหนุ่มสององค์รู้ธรรมตามท่าน
แต่ทา่ นมิได้ระบวุ ่าเป็นใครบา้ ง
อกี นยั หนงึ่ สมถะกับวิปสั สนา เปน็ ธรรมมอี ุปการะแกพ่ ระขณี าสพ
แต่ต้นจนวาระสุดท้ายแห่งขันธ์ ต้องอาศัยสมถวิปัสสนาเป็นวิหารธรรม
เครอื่ งบรรเทาทกุ ขร์ ะหวา่ งขนั ธก์ บั จติ ทอ่ี าศยั กนั อยู่ จนกวา่ ระหวา่ งสมมตุ ิ
คือขันธ์กับวิมุตติคือวิสุทธิจิตจะเลิกราจากกัน ท่ีโลกเรียกว่าตายน่ันแล
298
สมถะกับวิปัสสนาจึงจะยตุ ใิ นการท�ำหนา้ ทลี่ งได้ และหายไปพรอ้ มๆ กับ
สมมุติทง้ั หลาย ไมม่ ีอะไรจะมาสมมตุ กิ นั วา่ เปน็ อะไรตอ่ ไปอีก
ทา่ นวา่ นา่ หวาดเสยี วนน้ั ทา่ นคดิ ตามความรสู้ กึ ทวั่ ๆ ไป คอื ตอนชา้ ง
ท่านก�ำลงั หมนุ ก้นเขา้ ไปในผนงั ถำ้� ท้งั ท่ีท่านน่ังอยบู่ นคอชา้ ง แตท่ ่านว่า
ท่านมิได้มีความสะทกสะท้านหวั่นไหวเพราะเหตุการณ์ท่ีก�ำลังเป็นไปอยู่
นนั้ เลย ปลอ่ ยใหช้ า้ งทำ� หนา้ ทไ่ี ปจนกวา่ จะถงึ ทส่ี ดุ ของเหตกุ ารณ์ ทน่ี า่ ยนิ ดี
เชน่ กนั คอื ตอนทน่ี มิ ติ แสดงภาพพระหนมุ่ และชา้ งใหป้ รากฏขน้ึ ในขณะนน้ั
บอกความหมายวา่ จะมพี ระหนมุ่ รธู้ รรมตามทา่ นสององคใ์ นระยะทมี่ รณภาพ
ไมก่ อ่ นหรอื หลงั ทา่ นนานนกั ทา่ นวา่ แปลกอยอู่ กี ตอนหนงึ่ กค็ อื ตอนทา่ น
ส่งั เสยี และอบรมสง่ั สอนพระหนมุ่ ไมใ่ หต้ กใจ และมคี วามอาลยั ถึงทา่ น
ให้พากันกลับไปบ�ำเพ็ญประโยชนส์ ่วนตนใหเ้ ต็มภูมิก่อน และพดู ถงึ การ
จากไปของทา่ นเองราวกบั จะไปในขณะนน้ั จรงิ ๆ นท้ี า่ นวา่ นมิ ติ แสดงใหเ้ หน็
เปน็ ความแปลกในรปู เปรยี บวา่ เมอ่ื วาระนน้ั มาถงึ จรงิ ๆ พระหนมุ่ สององค์
จะรธู้ รรมในระยะนนั้ แตเ่ ปน็ ทน่ี า่ เสยี ดายทพี่ ระหนมุ่ สององคน์ น้ั คอื ใครบา้ ง
เวลาเรียนถามทา่ นท่านไม่บอก
เวลานนั้ ผเู้ ขยี นมอี าการบา้ กำ� ลงั กำ� เรบิ อยากรชู้ อ่ื พระหนมุ่ สององคน์ นั้
จนลมื อยากรู้ความบกพร่องของตนเสยี หมด เลยวาดภาพหลอกตวั เอง
อยรู่ ่ำ� ไปวา่ จะเป็นองค์ไหนกันแน่ องค์ไหนกันแน่ อยทู่ ำ� นองนัน้ และได้
พยายามใช้ความสังเกตเร่ือยมาแต่ท่านมรณภาพทีแรกจนถึงวันเขียน
ประวตั ทิ า่ น กย็ งั ไมม่ วี แ่ี ววมาจากทางไหนวา่ องคน์ น้ั เปน็ ผมู้ โี ชคมหศั จรรย์
ตามนิมติ ภาวนาท่ที า่ นเมตตาบอกเล่า คิดไปมากเทา่ ไรก็ยิ่งเห็นความบ้า
ของตนหนกั เขา้ ทต่ี ะครบุ เงานอกจากตวั ไปวา่ ใครจะมาประกาศขายตวั วา่
299
ตนเป็นผ้บู รรลุธรรมน้ัน เพราะมิใช่ปลาเน่าท่ีจะประกาศขายใหแ้ มลงวัน
ตอมเลน่ ไมม่ ปี ระโยชน์ เนอื่ งจากทา่ นผจู้ ะบรรลธุ รรมขนั้ นนั้ ตอ้ งเปน็ ผมู้ ี
ความฉลาดอยา่ งพอตวั และควรแกธ่ รรมขนั้ นนั้ อยา่ งเตม็ ภมู จิ งึ จะบรรลไุ ด้
แลว้ ใครจะยอมโงม่ าประกาศขายตวั ใหน้ กั ปราชญส์ มเพชเวทนา ใหค้ นพาล
หวั เราะเยาะ ใหค้ นหเู บาเชอ่ื งา่ ยไมม่ เี หตผุ ลรบั เชอื่ และตนื่ ขา่ วไปตามๆ กนั
เหมอื นกระตา่ ยตน่ื ตมู วา่ ฟา้ ถลม่ ฉะนน้ั เรอื่ งบา้ เลยขอบเขตกค็ อ่ ยสงบลง
จงึ ไดเ้ ขยี นเรอ่ื งนล้ี งไวเ้ พอื่ ทา่ นผอู้ า่ นทงั้ หลายไดพ้ จิ ารณาตอ่ ไป ผดิ ถกู
ประการใดกรณุ าตำ� หนผิ เู้ ขยี นซงึ่ มนี สิ ยั ไมร่ อบคอบมาดง้ั เดมิ เพราะเรอ่ื ง
ทำ� นองนถี้ อื เปน็ การภายในระหวา่ งอาจารยก์ บั ศษิ ยค์ วรพดู ตอ่ กนั โดยเฉพาะ
ไมเ่ ป็นภยั ต่อฝ่ายใดฝา่ ยหนงึ่ แต่ผเู้ ขยี นประวัติท่านเป็นคนมีนสิ ยั ท่ีควร
ตำ� หนอิ ย่มู าก ถ้าไมส่ งสารและให้อภยั ดังท่เี รียนขอแลว้ ขอเล่าตลอดมา
จึงหวังได้รับความเมตตาเปน็ อยา่ งดีตามเคย
การเทศน์โปรดอนุเคราะห์จ�ำพวกกายทิพย์ในภพภูมิต่างๆ ท่าน
พระอาจารย์ม่ันได้ท�ำภาระอย่างหนักหน่วงตลอดมาจนถึงวันมรณภาพ
ไมว่ า่ ทา่ นจะพกั อยทู่ ใี่ ด จำ� ตอ้ งไดต้ ดิ ตอ่ สอ่ื สารกบั พวกกายทพิ ยป์ ระเภทตา่ งๆ
อยเู่ สมอ ย่งิ พกั อยู่ในป่าในเขาลึกปราศจากผ้คู นด้วยแลว้ พวกกายทิพย์
จากภพภูมิตา่ งๆ ยง่ิ มาเก่ียวขอ้ งทา่ นมากเปน็ พิเศษแทบไม่เว้นแตล่ ะคนื
โดยพวกน้นั มา พวกนี้มา ภมู นิ นั้ มา ภูมินี้มา ชัน้ นั้นมา ชั้นนีม้ า แมพ้ วก
เปรตผที รี่ อรบั ไทยทานจากญาตๆิ ซงึ่ ทง้ั ผเู้ ปน็ เปรตเปน็ ผี และผเู้ ปน็ ญาติ
เดมิ เปน็ โคตรแซอ่ ะไร อยเู่ มอื งไหน ตายไปแตเ่ มอื่ ไร และญาตใิ นโคตรแซน่ น้ั
ยงั มใี ครเหลอื อยบู่ า้ งพอชว่ ยตดิ ตอ่ สอ่ื สาร กไ็ มม่ ใี ครทราบได้ ยงั อตุ สา่ หม์ า
ตดิ ตอ่ กบั ทา่ นอาจารยเ์ พอื่ เมตตาอนเุ คราะหช์ ว่ ยบอกกบั ญาตๆิ ของเปรต
300
ผนี น้ั ๆ ใหพ้ ากนั ทำ� บญุ ใหท้ านแลว้ อทุ ศิ แผส่ ว่ นกศุ ลไปใหเ้ ขา พอชว่ ยพยงุ
ให้ความทกุ ขท์ ี่เสวยอยู่ได้มีวันเบาบางลงบ้าง ไม่ทรมานจนเกนิ ไป เทา่ ท่ี
เสวยทกุ ขอ์ ยู่ในนรกกน็ บั วา่ เหลือทนมานานแสนนานแล้ว จนไมม่ มี นุษย์
คนใดจะสามารถนับอ่านเดือนปีของแดนนรกซ่ึงต่างกับเมืองมนุษย์ได้
เพราะเลยการนบั อา่ นของแดนมนษุ ยท์ ใ่ี ชน้ บั กนั จะอาจเออ้ื ม
พอพน้ แดนนรกขน้ึ มาแทนทจ่ี ะหมดกรรมหมดเวรพอมคี วามสขุ บา้ ง
แตไ่ มป่ รากฏความทกุ ขไ์ ดล้ ดตวั ลงสมกบั คำ� วา่ พน้ จากนรกบา้ งเลย ความมี
กรรมชวั่ ตดิ ตวั น้อี ยใู่ นโลกไหนก็สักแตช่ ่อื เทา่ นน้ั ไม่มีอะไรเปลีย่ นแปลง
ไปพอใหเ้ ย็นใจหายทุกขพ์ อควรบ้างเลย ดังพวกขา้ พเจ้าเสวยอยเู่ วลานี้
ทั้งยังไม่ทราบว่าจะพ้นจากกรรมชั่วไปได้เม่ือไร ถ้าพระคุณเจ้าได้เมตตา
บอกข่าวกล่าวเร่ืองให้ญาติๆ ฟังแล้ว เขาอาจมีจิตเมตตาบ�ำเพ็ญกุศล
อุทิศกัลปนาผลส่งมาให้ พวกข้าพเจ้าอาจมีเวลาหลุดพ้นจากความทุกข์
ทรมาน ซึง่ สดุ จะสงั เวชสงสารตนเหลอื ประมาณนเ้ี สยี ได้
เวลาท่านถามถึงญาติของผู้เป็นเปรตผีที่มาขอส่วนบุญ ก็บอกไป
คนละโลกจนไมร่ เู้ รอื่ งกนั ผทู้ ตี่ ายไปตกนรกตง้ั หมน่ื ตง้ั แสนปที พิ ย์ กวา่ จะ
พ้นโทษข้ึนมาและมาเสวยกรรมปลีกย่อยอันเป็นเศษนรกอยู่ บางราย
หา้ รอ้ ยปที พิ ย์ บางรายกพ็ นั ปที พิ ย์ จนไมส่ ามารถคน้ หาตน้ ตอหนอ่ แขนง
แหง่ โคตรแซไ่ ดว้ า่ อยทู่ ไี่ หน ถา้ เปน็ เชน่ รายนน้ั กส็ ดุ วสิ ยั ซงึ่ นบั วา่ เปน็ กรรม
ของสตั ว์อีกแขนงหนึ่ง ท่พี น้ กรรมหนกั ข้ึนมาสกู่ รรมเบาบา้ ง ทพ่ี อจะรบั
ความช่วยเหลือจากผู้อ่ืนได้ แต่กลับค้นหาบัญชีส�ำมะโนครัวไม่เจอเสีย
เปน็ อนั วา่ ตอ้ งยอมทนทกุ ขเ์ สวยกรรมนนั้ ตอ่ ไปโดยไมม่ กี ำ� หนดกฎหมาย
วา่ จะตดั สนิ กรรมลงไดเ้ มอื่ ไรสกั ที รายทเ่ี ปน็ ทำ� นองสตั วไ์ มม่ เี จา้ ของคอย
อปุ การะน้มี ีจำ� นวนไมน่ ้อย
301
รายทพี่ อชว่ ยเหลอื ไดบ้ า้ งกม็ ี เชน่ รายทไี่ มน่ านและไมห่ นกั ทง้ั อยใู่ น
ฐานะท่ีควรรับทานจากญาตไิ ด้ สำ� มะโนครัวคือโคตรแซท่ ่ีเป็นญาตกิ ย็ ังมี
ชอื่ ญาตแิ ละสถานทก่ี จ็ ำ� ได้ ทงั้ อยไู่ มห่ า่ งไกลกบั สถานทม่ี าตดิ ตอ่ ขอความ
ชว่ ยเหลอื จากทา่ น ถา้ อยา่ งนที้ า่ นกอ็ นเุ คราะหช์ ว่ ยเหลอื ได้ โดยหาอบุ าย
แสดงธรรมใหเ้ ขาทราบและอทุ ศิ สว่ นกศุ ลในเวลาบำ� เพญ็ ทานในงานตา่ งๆ
หรือให้ทานประจำ� วนั เชน่ ใสบ่ าตรถวายทานอันเป็นการทำ� บุญทว่ั ๆ ไป
เสรจ็ แลว้ อทุ ศิ แผส่ ว่ นกศุ ลไปยงั ผลู้ ว่ งลบั ซง่ึ รอรบั อยพู่ รอ้ มแลว้ บางราย
ก็รับส่วนกุศลจากการอุทิศของท่านผู้ใจบุญทั้งหลายอุทิศกันอยู่ท่ัวไปได้
เฉพาะทา่ นเองกอ็ ทุ ศิ สว่ นกศุ ลหรอื แผเ่ มตตาแกบ่ รรดาสตั วท์ วั่ ๆ ไปมไิ ดข้ าด
แต่บางรายก็รับได้เฉพาะทญี่ าติอทุ ิศให้เท่าน้ัน บางรายกร็ บั ไดท้ ่วั ไปตาม
ความนิยมของกรรมทมี่ ตี า่ งๆ กนั
ท่านว่าพวกเปรตผีนี้พิสดารมาก และมีก่ีร้อยก่ีพันจ�ำพวกที่มา
เกย่ี วขอ้ งกบั ทา่ น จนไมส่ ามารถนบั อา่ นได้ ทงั้ รบกวนมากกวา่ จำ� พวกอนื่ ๆ
ที่มีกายลึกลับเหมือนกัน เพราะพวกน้ีหมดที่พึ่งเหมือนคอยลมหายใจ
จากผูอ้ นื่ พอเขาปดิ จมูกไอหรอื จามเสยี ขณะหนึ่งตัวก็จะตายเพราะหมด
ทางหากนิ จงึ ลำ� บากมากเกยี่ วกบั การอาศยั ผ้อู ่นื โดยทไี่ มเ่ ป็นตัวของตวั
มาแตด่ งั้ เดมิ ฉะนน้ั การทำ� บญุ ใหท้ านจงึ เปน็ กจิ สำ� คญั มากเหนอื สง่ิ อน่ื ใด
ส�ำหรับผู้หวังพ่ึงตัวเองท้ังปัจจุบันและอนาคตท่ียังท่องเที่ยวอยู่ในสงสาร
เพราะสัตว์ที่มีกรรมท่ัวไตรโลกธาตุต้องเป็นผู้รับผิดชอบตัวเองด้วยกัน
ไมม่ ใี ครจะคอยรบั ผดิ ชอบใคร ทง้ั การเกดิ ในกำ� เนดิ ดชี ว่ั ตา่ งๆ ตลอดการ
เสวยคอื สขุ หรอื ทกุ ขห์ นกั เบามากนอ้ ย ตอ้ งเปน็ ผเู้ สวยกรรมของตวั ทำ� ไว้
ทัง้ ส้นิ ไม่มีใครทำ� ไว้เพือ่ ใคร ต่างทำ� ไว้เพ่ือตวั แมไ้ มม่ เี จตนาว่าทำ� ไว้เพอื่
ตัวเองก็ตาม แตค่ วามจรงิ ก็เป็นกฎตายตัวมาดง้ั เดมิ อยา่ งน้ัน
302
ทา่ นพระอาจารยม์ นั่ ทา่ นเชย่ี วชาญในทางเปรต ผี เทวบตุ ร เทวดา
อนิ ทร์ พรหม ยม ยกั ษ์ นาค ครฑุ มาก ทง้ั ภพหยาบภพละเอยี ด
สามารถรซู้ อกแซกไปไดอ้ ยา่ งไมม่ ปี ระมาณ ในสง่ิ ทส่ี ดุ วสิ ยั ของตาเนอ้ื
หหู นงั จะเหน็ และไดย้ นิ ได้ นอกจากทา่ นไมเ่ ลา่ หมดตามทร่ี ทู้ เ่ี หน็ เทา่ นน้ั
ขณะท่านเล่าเร่ืองเปรตผีเป็นต้นให้ฟัง อดขนลุกไม่ได้ ท้ังท่ีไม่กลัวผี
แตก่ อ็ ดกลวั กรรมซงึ่ เปน็ ของลกึ ลบั และมอี ำ� นาจมากไมไ่ ด้ ทา่ นวา่ คนเรา
ถ้าสามารถรู้เห็นกรรมดีชั่วท่ีตนและผู้อื่นท�ำข้ึนเหมือนเห็นวัตถุต่างๆ
เชน่ เห็นน�ำ้ เห็นไฟ เปน็ ต้น จะไม่กล้าทำ� บาปเหมอื นคนไม่กล้าเขา้ ไฟ
แตก่ ระตอื รอื รน้ กนั ทำ� แตค่ วามดี ซงึ่ เปน็ ของเยน็ เหมอื นนำ้� ความเดอื ดรอ้ น
ของโลกท่ีเคยได้รับก็นับวันลดน้อยลง เพราะต่างคนต่างก็รักษาตัว
กลัวเป็นบาปอนั ตราย
303
ลกู ศิษย์กับอาจารยโ์ ตน้ รก-สวรรคก์ ัน
ขณะทท่ี า่ นอธบิ ายธรรมเกย่ี วกบั เปรตผนี รกสวรรค์ เปน็ ตน้ มอี าจารย์
องคห์ นง่ึ ทเ่ี ปน็ ศษิ ยท์ า่ นเรยี นถามทา่ นขนึ้ วา่ เมอื่ คนทง้ั โลกไมร่ ไู้ มเ่ หน็ บาป
เห็นบญุ เหน็ นรกสวรรค์ ตลอดเหน็ เปรต เทวบตุ ร เทวดา ครุฑ นาค
และวญิ ญาณที่เปน็ ภพละเอยี ดยง่ิ แตท่ ่านอาจารย์สามารถรเู้ ห็นได้เพียง
องคเ์ ดยี วทง้ั ทค่ี นอนื่ ไมร่ ไู้ มเ่ หน็ ดว้ ย ทา่ นอาจารยจ์ ะอธบิ ายใหค้ นรเู้ หน็ ดว้ ย
ไมไ่ ดบ้ า้ งหรอื ตง้ั แตพ่ ระพทุ ธเจา้ และพระสาวกทา่ นเวลาเหน็ แลว้ ยงั นำ� มา
สั่งสอนโลกได้ เช่น บาป บุญ นรก สวรรค์ เป็นตน้ ล้วนเป็นธรรมชาติ
ทพี่ ระองคร์ เู้ หน็ แลว้ นำ� มาสอนโลกทง้ั สนิ้ ไมเ่ หน็ ใครปรบั โทษพระพทุ ธเจา้
และพระสาวกทา่ น นกี่ เ็ ขา้ ใจวา่ จะไมม่ ที า่ นผใู้ ดจะมาปรบั โทษทา่ นอาจารย์
นอกจากเขาจะอนโุ มทนาสาธกุ บั ทา่ นอาจารยเ์ ทา่ นนั้ เชน่ เดยี วกบั พวกกระผม
เชอื่ และอัศจรรยค์ วามรคู้ วามสามารถของท่านอาจารยอ์ ยูเ่ วลาน้ี
ท่านอาจารย์ตอบวา่ ผมยงั ไมไ่ ดค้ ิดวา่ จะพดู อย่างท่านขอรอ้ ง แต่ผู้
ขอรอ้ งคอื ทา่ นจะหาเรอื่ งบา้ มาฆา่ ตวั ทา่ นและผมกอ่ นแลว้ ถา้ ผมพดู ตาม
ความเห็นท่าน ท่านกเ็ ป็นบ้าคนทีห่ น่ึง ผมกค็ ือบ้าคนทส่ี อง ผู้ฟังที่นัง่ อยู่
ดว้ ยกนั นกี้ จ็ ะเปน็ บา้ คนทสี่ ามทส่ี ี่ จะเปน็ บา้ ไปดว้ ยกนั ทง้ั วดั แลว้ จะมวี ดั บา้
304
ท่ีไหนให้พวกเราซึ่งเป็นบ้ากันหมดท้ังวัดอยู่ล่ะ ศาสนาออกจากท่าน
ผู้รอบคอบ แสดงไว้ดว้ ยความรอบคอบ เพ่อื ปฏบิ ตั ดิ ้วยความรอบคอบ
รู้ด้วยความรอบคอบ และพูดด้วยความรอบคอบ แต่การพูดพล่ามไป
ดงั ทา่ นน้ี จะจดั วา่ รอบคอบหรอื จดั วา่ พวกบา้ นำ้� ลาย ทา่ นลองพจิ ารณาดซู ิ
ผมวา่ เพยี งคดิ ขน้ึ เทา่ นนั้ กเ็ รมิ่ คดิ เรอื่ งบา้ อยแู่ ลว้ มหิ นำ� ยงั จะขนื พดู ออกมา
ถ้าโลกทนฟังได้โลกไมแ่ ตก ผพู้ ูดผู้ฟงั เหลา่ นี้กด็ ีแตกและบา้ แตกหาโลก
อยไู่ มไ่ ดแ้ น่ๆ
การพดู ดังท่ที า่ นคิดนนั้ ทา่ นมเี หตุผลอะไรบ้าง ท่านลองคิดดูแมแ้ ต่
สง่ิ ทเี่ หน็ ๆ รๆู้ กนั อยทู่ ว่ั ไป เขายงั รจู้ กั วธิ ปี ฏบิ ตั วิ า่ ควรอยา่ งไรไมค่ วรอยา่ งไร
จึงจะเหมาะสมกับเหตุการณ์สถานที่และความนิยมของคนในยุคนั้นๆ
ธรรมแมจ้ ะเปน็ ความจรงิ เหนอื สง่ิ ใด แตย่ งั อาศยั โลกผเู้ กยี่ วขอ้ งกบั ธรรมอยู่
ซ่ึงควรปฏิบัติให้เหมาะสมกับโลกกับธรรมไปตามกรณี แม้พระพุทธเจ้า
ทที่ รงรเู้ หน็ สง่ิ ตา่ งๆ กอ่ นใครในโลก ทง้ั สามารถจะตรสั อะไรไดด้ ว้ ยความรู้
ความเหน็ ทป่ี ระจกั ษพ์ ระทยั แตก่ ท็ รงรอบคอบในสง่ิ ทง้ั ปวงวา่ จะควรปฏบิ ตั ิ
อยา่ งไรเสมอมา หากพระองคจ์ ะตรสั บา้ งในบางเรอื่ ง กท็ รงเหน็ วา่ เหมาะ
กับเหตุการณ์สถานท่ีและบุคคลผู้รับฟัง มิได้ตรัสโดยปราศจากพระสติ
ปญั ญาความรอบคอบอนั แหลมคม
ความรคู้ วามเหน็ สงิ่ ตา่ งๆ ทค่ี วรแกฐ่ านะของตนนนั้ เปน็ สทิ ธขิ องผนู้ นั้
แตจ่ ะพดู พลา่ มออกมาเสยี ทกุ สง่ิ ทกุ อยา่ งโดยปราศจากสตปิ ญั ญาทค่ี วรนำ�
ใชเ้ ปน็ ประจำ� นนั้ รสู้ กึ จะเปน็ ความรคู้ วามเหน็ ทแ่ี หวกแนว คำ� พดู แหวกแนว
แตผ่ รู้ บั ฟงั ซงึ่ มใิ ชค่ นแหวกแนวกท็ นฟงั อยมู่ ไิ ด้ การทใ่ี ครจะปรบั โทษหรอื
ไมน่ น้ั เปน็ เรอื่ งหยาบและเรอื่ งนอกๆ ซง่ึ ไมส่ ำ� คญั ยง่ิ กวา่ ตวั ผรู้ ผู้ เู้ หน็ จะควร
305
ปฏบิ ตั ติ อ่ ตวั โดยสามจี กิ รรมอนั เปน็ ความชอบธรรมแกต่ นและผเู้ กย่ี วขอ้ ง
ทัว่ ๆ ไป
ความเช่ือและความอัศจรรย์ก็มิใช่เหตุผลท่ีจะน�ำมาสนับสนุนเพื่อ
เสรมิ คนใหเ้ ปน็ บา้ ความเชอ่ื และความอศั จรรยด์ ว้ ยความอยากใหพ้ ดู ใหค้ ยุ
ก็เป็นความเช่ือความอัศจรรย์ของคนที่ก�ำลังจะหาทางเป็นบ้า ผมจึง
ไมส่ รรเสรญิ ความเชอ่ื ความอศั จรรยแ์ บบนน้ั แตอ่ ยากใหม้ คี วามเชอ่ื ความ
อัศจรรย์ท่ีจะเป็นความแหลมคม สมกับท่ีพระพุทธเจ้าทรงสอนคนให้
ฉลาดบ้าง แม้ไม่ฉลาดมากก็พอน่าชมด้วยความหวังว่าจะยังมีผู้ทรง
พระศาสนา และสบื พระศาสนาไปดว้ ยความฉลาดรอบคอบอยบู่ า้ ง ผมขอ
ถามทา่ นบา้ งวา่ “สมมตุ วิ า่ ทา่ นมเี งนิ ตดิ ตวั อยจู่ ำ� นวนพอทจี่ ะทำ� ประโยชน์
หรอื ทำ� ความเสยี หายแกต่ วั ทา่ นไดห้ ากไมฉ่ ลาด เวลาทา่ นเขา้ ในทช่ี มุ นมุ ชน
ท่านจะปฏิบัติต่อสมบัตินั้นอย่างไรบ้าง ถึงจะปลอดภัยทั้งสมบัติและ
ตัวทา่ นเอง”
พระอาจารย์องค์นั้นเรียนตอบท่านว่า “กระผมก็จะพยายามรักษา
สมบัติน้ันเต็มสติปัญญาที่จะรักษาได้” ท่านถามว่า “สติปัญญาที่ท่าน
จะน�ำมาใช้ต่อสมบัติและชุมนุมชนในเวลานนั้ ทา่ นจะนำ� มาใชด้ ว้ ยวธิ ใี ด
สมบตั สิ ว่ นอน่ื ๆ และตวั ทา่ นเองจงึ จะปลอดภยั ” อาจารยน์ นั้ เรยี นทา่ นวา่
“ถ้ากระผมจะสงเคราะห์เขาโดยท่ีเห็นว่าควรสงเคราะห์ ก็จะพยายาม
แยกสมบัติจ�ำนวนที่จะสงเคราะห์ออกแผนกหน่ึง โดยมิให้เขามองเห็น
สมบตั สิ ่วนใหญท่ มี่ ีอยู่ของตน แลว้ สงเคราะห์เขาไปเฉพาะจ�ำนวนท่ีแยก
ออกไวจ้ ากสว่ นใหญเ่ ทา่ นน้ั นอกนน้ั กระผมกเ็ กบ็ ไวอ้ ยา่ งมดิ ชดิ ไมใ่ หใ้ ครรู้
ใครเหน็ เพราะกลัวจะเปน็ ภัยแกส่ มบตั แิ ละตวั กระผมเอง” ทา่ นตอบว่า
306