เป็นจ�ำนวนมากตามส่งท่านไปสถานีรถไฟ ท่านว่าบนอากาศท้ังข้างหน้า
ขา้ งหลงั ขา้ งซา้ ยขา้ งขวาเตม็ ไปดว้ ยเทวดาท่เี หาะลอยตามสง่ ท่าน แมไ้ ป
จนถงึ สถานีแล้วกย็ ังไมพ่ ากันกลับไปภมู ฐิ านของตน ยงั คงยบั ยงั้ รอคอย
ตามส่งท่านอยู่บนอากาศ จนถึงเวลารถไฟจะเคล่ือนออกจากสถานี
ท่านว่าชลุ มนุ วนุ่ วายพอดู ทัง้ จะแสดงอาการตอ้ นรับประชาชนพระเณรท่ี
ตามสง่ เปน็ จำ� นวนมาก ทงั้ จะแสดงกริ ยิ าทางใจเพอื่ อวยชยั ใหพ้ รแกเ่ ทวดา
ทง้ั หลายทเี่ หาะลอยและยบั ยง้ั อยใู่ นอากาศ เพอื่ รบั พรจากทา่ นเปน็ วาระ
สดุ ท้าย พอปฏิสันถารกับประชาชนเสร็จ และรถไฟเริ่มเคล่ือนออกจาก
สถานแี ลว้ จึงได้ปฏสิ ันถารและอวยพรให้แก่เทวดาทัง้ หลายบนรถไฟ
ทา่ นวา่ นา่ สงสารเทวดาบางรายทเี่ กดิ ความเลอื่ มใสในทา่ นมาก ไมอ่ ยาก
ใหท้ า่ นจากไป แสดงความกระวนกระวายระสำ่� ระสาย และเสยี อกเสยี ใจ
เชน่ เดยี วกบั มนษุ ยเ์ ราดๆี นเ่ี อง เทวดาบางพวกอตุ สา่ หเ์ หาะลอยตามสง่
ท่านไปไกลตามขบวนรถไฟท่ีกำ� ลงั วงิ่ ตามรางไปอยา่ งเต็มท่ี จนทา่ นต้อง
กำ� หนดจติ บอกใหพ้ ากนั กลบั ไปถนิ่ ฐานของตน จงึ ใหพ้ ากนั กลบั ดว้ ยความ
อาลยั อาวรณอ์ ยา่ งไมม่ จี ดุ หมาย วา่ ทา่ นจะไดก้ ลบั มาเมตตาโปรดอกี เมอื่ ไร
หรอื ไม่ สดุ ทา้ ยกพ็ ากนั หมดหวงั เพราะทา่ นมไิ ดก้ ลบั ไปอกี และทา่ นกม็ ไิ ด้
พูดด้วยว่า รุกขเทวดาทางเชียงใหม่ได้พากันไปฟังเทศน์เวลาท่านไปอยู่
อุดรฯ และสกลนครแล้ว
พอรถไฟถงึ กรงุ เทพฯ เขา้ พกั วดั บรมนวิ าสตามคำ� สงั่ ทางโทรเลขของ
สมเด็จพระมหาวรี วงศ์ (ตสิ ฺโส อว้ น) วัดบรมนิวาส กรุงเทพมหานคร
ทบ่ี อกไปวา่ ใหท้ า่ นไปพกั วดั บรมฯ กอ่ นเดนิ ทางไปอดุ รฯ ในระยะทพ่ี กั อยู่
ทน่ี นั้ ปรากฏวา่ มคี นมาถามปญั หากบั ทา่ นมาก มปี ญั หาของบางรายทแ่ี ปลก
357
กวา่ ปัญหาท้ังหลายจึงได้นำ� มาลง มใี จความวา่ “ได้ทราบว่าทา่ นรักษาศีล
องคเ์ ดยี ว มไิ ดร้ กั ษาถงึ ๒๒๗ องค์ เหมอื นพระทงั้ หลายทร่ี กั ษากนั ใชไ่ หม?”
ทา่ นตอบวา่ “ใช่ อาตมารักษาเพยี งอันเดยี ว”
เขาถามว่า “ท่ีท่านรักษาเพียงอันเดียวนั้นคืออะไร” ท่านตอบว่า
“คอื ใจ” เขาถามว่า “สว่ น ๒๒๗ นั้นท่านไม่ได้รกั ษาหรือ” ท่านตอบวา่
“อาตมารักษาใจไม่ให้คิดพูดท�ำในทางผิด อันเป็นการล่วงเกินข้อห้ามท่ี
พระองคท์ รงบญั ญตั ไิ ว้ จะเปน็ ๒๒๗ หรอื มากกวา่ นน้ั กต็ าม บรรดาทเ่ี ปน็
ขอ้ ทรงบญั ญตั หิ า้ ม อาตมากเ็ ยน็ ใจวา่ ตนมไิ ดท้ ำ� ผดิ ตอ่ พทุ ธบญั ญตั ิ สว่ น
ทา่ นผู้ใดจะวา่ อาตมารกั ษาศีล ๒๒๗ หรอื ไม่น้นั สุดแตผ่ ้นู ั้นจะคิดจะพูด
เอาตามความคดิ ของตน เฉพาะอาตมาไดร้ กั ษาใจอนั เปน็ ประธานของกาย
วาจาอย่างเขม้ งวดกวดขันตลอดมา นบั แตเ่ รม่ิ อุปสมบท”
ถามว่า “การรกั ษาศีลต้องรกั ษาใจด้วยหรอื ?” ท่านตอบว่า “ถา้ ไม่
รกั ษาใจจะรกั ษาอะไรถงึ จะเปน็ ศลี เปน็ ธรรมทด่ี งี ามได้ นอกจากคนทตี่ าย
แลว้ เทา่ นน้ั จะไมต่ อ้ งรกั ษาใจ แมก้ ายวาจากไ็ มจ่ ำ� ตอ้ งรกั ษา แตค่ วามเปน็
เชน่ นน้ั ของคนตาย นกั ปราชญท์ า่ นไมไ่ ดเ้ รยี กวา่ เขามศี ลี เพราะไมม่ เี จตนา
เป็นเครื่องส่อแสดงออก ถ้าเป็นศีลได้ควรเรียกได้เพียงว่าศีลคนตาย
ซ่ึงไม่ส�ำเร็จประโยชน์ตามค�ำเรียกแต่อย่างใด ส่วนอาตมามิใช่คนตาย
จะรกั ษาศลี แบบคนตายนน้ั ไม่ได้ ต้องรักษาใจให้เป็นศีลเป็นธรรมสมกับ
ใจเปน็ ผู้ทรงไว้ทัง้ บุญท้งั บาปอยา่ งตายตวั ”
เขาถามวา่ “ไดย้ นิ ในตำ� ราวา่ ไวว้ า่ รกั ษากายวาจาใหเ้ รยี บรอ้ ยเรยี กวา่
ศลี จงึ เขา้ ใจวา่ การรกั ษาศลี ไมจ่ ำ� ตอ้ งรกั ษาใจกไ็ ด้ จงึ ไดเ้ รยี นถามอยา่ งนนั้ ”
ทา่ นตอบวา่ “ทว่ี า่ รกั ษากายวาจาใหเ้ รยี บรอ้ ยเปน็ ศลี นนั้ กถ็ กู แตก่ อ่ นกาย
358
วาจาจะเรียบร้อยเป็นศีลได้นั้น ต้นเหตุเป็นมาจากอะไร ถ้าไม่เปน็ มาจาก
ใจผู้เปน็ นายคอยบังคบั กายวาจาให้เปน็ ไปในทางทถี่ ูก เมอ่ื เป็นมาจากใจ
ใจจะควรปฏบิ ตั อิ ยา่ งไรตอ่ ตวั เองบา้ ง จงึ จะควรเปน็ ผคู้ วบคมุ กายวาจาให้
เปน็ ศลี เป็นธรรมท่นี ่าอบอุ่นแกต่ นเอง และนา่ เคารพเล่ือมใสแกผ่ ู้อื่นได้
ไมเ่ พยี งแตศ่ ลี ธรรมทจ่ี ำ� ตอ้ งอาศยั ใจเปน็ ผคู้ อยควบคมุ รกั ษาเลย แมก้ จิ การ
อ่นื ๆ จ�ำตอ้ งอาศัยใจเป็นผู้ควบคุมดแู ลอยโู่ ดยดี การงานนัน้ ๆ จงึ จะเปน็
ที่เรยี บรอ้ ยไม่ผดิ พลาด และทรงคุณภาพโดยสมบูรณต์ ามชนดิ ของมัน
การรกั ษาโรคเขายงั คน้ หาสมฏุ ฐานของมนั จะควรรกั ษาอยา่ งไรจงึ จะ
หายได้เทา่ ท่ีควร ไม่เป็นโรคเร้อื รังต่อไป การรักษาศลี ธรรมไมม่ ใี จเป็น
ตัวประธานพาให้เปน็ ไป ผลก็คือความเปน็ ผู้มีศีลด่างพรอ้ ย ศีลขาด
ศีลทะลุ ความเป็นผู้มีธรรมที่น่าสลดสังเวช ธรรมพาอยู่ธรรมพาไป
อย่างไมม่ ีจุดหมาย ธรรมบอ ธรรมบา้ ธรรมแตก ซึ่งลว้ นเปน็ จดุ ท่ี
ศาสนาจะพลอยได้รับเคราะห์กรรมไปด้วยอย่างแยกไม่ออก ไม่เป็น
ศีลธรรมอันน่าอบอุ่นแก่ผู้รักษา และไม่น่าเลื่อมใสแก่ผู้อ่ืนท่ีมีส่วน
เกี่ยวขอ้ งบ้างเลย
อาตมาไม่ได้ศึกษาเล่าเรียนมาก บวชแล้วอาจารย์พาเที่ยวและอยู่
ตามปา่ ตามเขา เรยี นธรรมกเ็ รยี นไปกบั ตน้ ไมใ้ บหญา้ แมน่ ำ้� ลำ� ธาร หนิ ผา
หนา้ ถำ�้ เรยี นไปกบั เสยี งนกเสยี งกา เสยี งสตั วป์ า่ ชนดิ ตา่ งๆ ตามทศั นยี ภาพ
ทม่ี ีอยตู่ ามธรรมชาตขิ องมนั อยา่ งนนั้ เอง ไมค่ อ่ ยไดเ้ รยี นในคมั ภรี ใ์ บลาน
พอจะมีความรู้แตกฉานทางศีลธรรม การตอบปัญหาจึงเป็นไปตามนิสัย
ของผศู้ กึ ษาธรรมเถอื่ นๆ รสู้ กึ จนปญั ญาทไี่ มส่ ามารถคน้ หาธรรมทไ่ี พเราะ
เหมาะสม มาอธบิ ายใหท้ ่านผ้สู นใจฟงั อย่างภูมใิ จได้”
359
เขาถามท่านว่า “คำ� ว่าศีลได้แกส่ ภาพเช่นไร และอะไรเป็นศลี อย่าง
แทจ้ รงิ ?” ท่านตอบว่า “ความคดิ ในแงต่ ่างๆ อนั เป็นไปด้วยความมีสติ
รสู้ ง่ิ ทคี่ วรคดิ หรอื ไมค่ วร ระวงั การระบายออกทางทวารทงั้ สาม คอยบงั คบั
กายวาจาใจใหเ้ ปน็ ไปในขอบเขตของศลี ทเ่ี ปน็ สภาพปกติ ศลี ทเี่ กดิ จากการ
รักษาในลักษณะดงั กลา่ วมาช่ือว่ามสี ภาพปกติ ไม่คะนองทางกายวาจาใจ
ให้เป็นกิริยาที่น่าเกลียด นอกจากความปกติดีงามทางกายวาจาใจของ
ผู้มีศีลว่าเป็นศีลเป็นธรรมแล้ว ก็ยากจะเรียกให้ถูกได้ว่า อะไรเป็นศีล
เปน็ ธรรมทแ่ี ทจ้ รงิ เพราะศลี กับผรู้ ักษาศลี แยกกนั ไดย้ าก ไมเ่ หมือนตวั
บา้ นเรอื นกบั เจา้ ของบา้ นเรอื นซง่ึ เปน็ คนละอยา่ ง ทพี่ อจะแยกกนั ออกได้
ไม่ยากนกั วา่ นั่นคือตวั บ้านเรอื น และน่ันคือเจา้ ของบา้ น
สว่ นศลี กบั คนจะแยกจากกนั อยา่ งนน้ั เปน็ การลำ� บาก เฉพาะอาตมา
แล้วแยกไม่ได้ แม้แต่ผลคอื ความเย็นใจทีเ่ กดิ จากการรกั ษาศีลกแ็ ยกกัน
ไมอ่ อก ถา้ แยกออกไดศ้ ลี กอ็ าจกลายเปน็ สนิ คา้ มเี กลอ่ื นตลาดไปนานแลว้
และอาจจะมีโจรมาแอบขโมยศีลธรรมไปขายจนหมดเกลี้ยงจากตัวไป
หลายรายแล้ว เม่ือเป็นเช่นน้ีศีลธรรมก็จะกลายเป็นสาเหตุก่อความ
เดือดร้อนแก่เจ้าของเช่นเดียวกับสมบัติอื่นๆ ท�ำให้พุทธศาสนิกชนเกิด
ความเออื มระอาที่จะแสวงหาศลี ธรรมกัน เพราะได้มาแลว้ ก็ไม่ปลอดภยั
ดังน้ัน ความไม่รู้ว่าอะไรเป็นศีลอย่างแท้จริง จึงเป็นอุบายวิธีหลีกภัย
อนั อาจเกดิ แกศ่ ลี และผมู้ ศี ลี ไดท้ างหนง่ึ อยา่ งแยบยลและเยน็ ใจ อาตมา
จงึ ไมค่ ดิ อยากแยกศลี ออกจากตวั แมแ้ ยกได้ เพราะระวงั ภยั ยาก แยกไมไ่ ด้
อย่างนร้ี สู้ ึกอยูส่ บาย ไปไหนมาไหนและอยทู่ ี่ใดไมต่ อ้ งห่วงวา่ ศลี จะหาย
ตวั จะตายจากศลี แลว้ กลบั มาเปน็ ผเี ฝา้ กองศลี เชน่ เดยี วกบั คนเปน็ หว่ ง
สมบัติ ตายแล้วกลบั มาเปน็ ผีเฝ้าทรพั ย์ ไม่มวี ันไปผดุ ไปเกดิ ได้ฉะนน้ั ”
360
พระมหาเถระถามปัญหาท่านพระอาจารย์มนั่
โอกาสวา่ งๆ พระมหาเถระสง่ั พระมาอาราธนานมิ นตท์ า่ นอาจารยม์ น่ั
ไปหา เพอ่ื สมั โมทนยี กถาเฉพาะ โดยปราศจากผคู้ นพระเณรเขา้ ไปเกย่ี วขอ้ ง
พระมหาเถระถามประโยคแรกวา่ “ทา่ นชอบอยแู่ ตผ่ เู้ ดยี วในปา่ ในเขา
ไม่ชอบเกี่ยวข้องกังวลกับพระเณรตลอดฆราวาส เม่ือเกิดปัญหาขึ้นมา
ทา่ นไปศกึ ษากับใครจงึ จะผ่านปญั หานนั้ ๆ ไปได้ แมผ้ มเองอยใู่ นพระนคร
ทเี่ ตม็ ไปดว้ ยนกั ปราชญเ์ จา้ ตำ� รบั ตำ� ราพอชว่ ยปดั เปา่ ขอ้ ขอ้ งใจได้ บางคราว
ยังเกิดความงงงันอน้ั ตไู้ ปได้ ไม่มีใครสามารถช่วยแก้ให้ตกไปได้ ยิ่งท่าน
อยเู่ ฉพาะองคเ์ ดยี วเปน็ สว่ นมากตามทท่ี ราบเรอื่ งตลอดมา เวลาเกดิ ปญั หา
ขนึ้ มา ทา่ นศกึ ษาปรารภกบั ใคร หรอื ทา่ นจดั การกบั ปญั หานน้ั ๆ ดว้ ยวธิ ใี ด
นิมนต์อธบิ ายใหผ้ มฟังดว้ ย”
ทา่ นเลา่ วา่ ทา่ นกราบเรยี นดว้ ยความอาจหาญเตม็ ทไี่ มม่ สี ะทกสะทา้ น
เลย เพราะได้ศึกษาจากหลักธรรมชาติอย่างนั้น จึงกราบเรียนท่านว่า
“ขอประทานโอกาส เกลา้ ฯ ฟงั ธรรมและศกึ ษาธรรมอยทู่ งั้ กลางวนั กลางคนื
ไมม่ อี ริ ยิ าบถตา่ งๆ นอกจากหลบั ไปเสยี เทา่ นนั้ พอตน่ื ขนึ้ มาใจกบั ธรรมก็
361
เข้าสัมผสั กนั ทนั ที ขึน้ ชอ่ื วา่ ปญั หาแล้วกระผมไมม่ เี วลาท่หี วั ใจจะว่างอยู่
เปลา่ ๆ เลย มีแต่การถกเถยี งโต้ตอบกันอยทู่ �ำนองน้ัน ปญั หาเก่าตกไป
ปัญหาใหม่เกิดข้ึนมา การถอดถอนกิเลสก็เป็นไปในระยะเดียวกันกับ
ปญั หาแต่ละขอ้ ตกไป ปัญหาใหม่เกิดข้นึ มากเ็ ท่ากบั รบกนั กับกิเลสใหม่
ปญั หาทง้ั ใกลท้ ง้ั ไกล ทงั้ วงกวา้ งวงแคบ ทงั้ วงในวงนอก ทงั้ ลกึ ทงั้ ตนื้ ทง้ั หยาบ
ทงั้ ละเอยี ด ลว้ นเกดิ ขนึ้ และปะทะกนั ทห่ี วั ใจ ใจเปน็ สถานทรี่ บขา้ ศกึ ทง้ั มวล
และเป็นทป่ี ลดเปลื้องกิเลสทั้งปวงในขณะทีป่ ญั หาแตล่ ะขอ้ ตกไป
ท่ีจะมีเวลาไปคิดว่าเม่ือปัญหาเกิดข้ึนเฉพาะหน้าเราจะไปศึกษา
ปรารภกับใครนั้น เกล้าฯ มิได้สนใจคิดให้เสียเวลาย่ิงไปกว่าจะตั้งท่า
ฆ่าฟันห้ำ� หนั่ กันกับปญั หา ซึง่ เป็นฉากของกิเลสแฝงมาพรอ้ ม ใหส้ ะบน้ั
หน่ั แหลกกนั ลงไปเปน็ ทอดๆ และถอดถอนกเิ ลสออกไดเ้ ปน็ พกั ๆ เทา่ นนั้
จงึ ไมว่ ติ กกงั วลกบั หมคู่ ณะวา่ จะมาชว่ ยแกไ้ ขปลดเปลอ้ื งกเิ ลสออกจากใจ
ได้รวดเร็ว ย่ิงกว่าสติปัญญาที่ผลิตและฝึกซ้อมอยู่กับตนตลอดเวลา
คำ� วา่ อตตฺ า หิ อตตฺ โน นาโถ ตนเปน็ ทพ่ี งึ่ ของตนนนั้ เกลา้ ฯ ไดป้ ระจกั ษ์
ใจตวั เองขณะปญั หาแตล่ ะขอ้ เกดิ ขน้ึ และสามารถแกไ้ ขกนั ลงไดท้ นั ทว่ งที
ด้วยอุบายวิธีของสติปัญญาท่ีเกิดกับตนโดยเฉพาะ มิได้ไปเท่ียวคว้ามา
จากตำ� ราหรอื คมั ภรี ใ์ ดในขณะนนั้ แตธ่ รรมคอื สตปิ ญั ญาในหลกั ธรรมชาติ
หากผดุ ออกรบั ออกรบและแกไ้ ขกนั ไปในตวั และผา่ นพน้ ไปไดโ้ ดยลำ� ดบั
ไมอ่ บั จน
แมจ้ ะมอี ยบู่ า้ งทเี่ ปน็ ปญั หาลกึ ลบั และสลบั ซบั ซอ้ น ทจี่ ำ� ตอ้ งพจิ ารณา
กันอย่างละเอียดลออและกินเวลานานหน่อย แต่ก็ไม่พ้นก�ำลังของสติ
ปัญญาที่เคยใช้ได้ผลมาแล้วไปได้ จ�ำต้องทลายลงในเวลาหน่ึงจนได้
362
ดว้ ยเหตดุ งั ทก่ี ราบเรยี นมา เกลา้ ฯ จงึ มไิ ดส้ นใจใฝฝ่ นั ในการอยกู่ บั หมคู่ ณะ
เพอื่ อาศยั เวลาเกดิ ปญั หาจะไดช้ ว่ ยแกไ้ ข แตส่ นใจไยดตี อ่ การอยคู่ นเดยี ว
ความเปน็ ผเู้ ดยี วเปลย่ี วกายเปลยี่ วใจเปน็ สง่ิ ทพี่ อใจแลว้ สำ� หรบั เกลา้ ฯ ผมู้ ี
วาสนานอ้ ย แมถ้ งึ คราวเปน็ คราวตายกอ็ ยงู่ า่ ยตายสะดวก ไมพ่ ะรงุ พะรงั
หว่ งหนา้ หว่ งหลงั สนิ้ ลมแลว้ กส็ นิ้ เรอ่ื งไปพรอ้ มๆ กนั ตอ้ งขอประทานโทษ
ทเี่ รยี นตามความโงข่ องตนจนเกนิ ไป ไมม่ คี วามแยบคายแสดงออกพอเปน็
ทน่ี ่าฟังบา้ งเลย”
ทา่ นวา่ พระมหาเถระฟงั ทา่ นกราบเรยี นอยา่ งสนใจ และเลอ่ื มใสในธรรม
ทเ่ี ลา่ ถวายเปน็ อยา่ งยงิ่ พรอ้ มกบั อนโุ มทนาวา่ เปน็ ผสู้ ามารถสมกบั ชอบ
อยใู่ นปา่ ในเขาคนเดยี วจรงิ ๆ ธรรมทแี่ สดงออก ทา่ นวา่ จะไปเทยี่ วคน้ ดู
ในคมั ภรี ไ์ มม่ วี นั เจอ เพราะธรรมในคมั ภรี ก์ บั ธรรมทเี่ กดิ จากใจอนั เปน็
ธรรมในหลักธรรมชาติต่างกันอยู่มาก แม้ธรรมในคัมภีร์ท่ีจารึกมาจาก
พระโอษฐข์ องพระพทุ ธเจา้ วา่ เปน็ ธรรมบริสทุ ธิ์ เพราะผจู้ ารกึ เป็นคนจรงิ
คอื เป็นผูบ้ ริสุทธเิ์ หมือนพระองค์ แต่พอตกมานานๆ ผู้จารกึ ต่อๆ มาอาจ
ไมเ่ ปน็ ผบู้ รสิ ทุ ธอ์ิ ยา่ งแทจ้ รงิ เหมอื นรนุ่ แรก ธรรมจงึ อาจมที างลดคณุ ภาพลง
ตามส่วนของผจู้ ารกึ พาใหเ้ ปน็ ไป ฉะนน้ั ธรรมในคมั ภีร์กับธรรมที่เกดิ ขนึ้
จากใจอยา่ งสดๆ รอ้ นๆ จึงนา่ จะตา่ งกนั แมเ้ ป็นธรรมดว้ ยกนั
ผมหายสงสัยในข้อท่ถี ามท่านด้วยความโงข่ องตนแล้ว แตค่ วามโง่
ชนดิ นท้ี ำ� ใหเ้ กดิ ประโยชนไ์ ดด้ ี เพราะถา้ ไมถ่ ามแบบโงๆ่ กจ็ ะไมไ่ ดฟ้ งั อบุ าย
แบบฉลาดแหลมคมจากท่าน วันน้ีผมจึงเป็นท้ังฝ่ายขายทั้งความโง่และ
ซอ้ื ทัง้ ความฉลาด หรือจะเรียกวา่ ถา่ ยความโง่เขลาออกไปไลค่ วามฉลาด
เข้ามากไ็ มผ่ ิด
363
ผมยงั สงสยั อยอู่ กี เปน็ บางขอ้ คอื ทวี่ า่ พระสาวกทา่ นทลู ลาพระศาสดา
ออกไปบ�ำเพ็ญอยู่ในที่ต่างๆ เวลาเกิดปัญหาข้ึนมาก็กลับมาเฝ้าทูลถาม
เพอ่ื ทรงชว่ ยชแ้ี จงปญั หานน้ั ๆ จนเปน็ ทเี่ ขา้ ใจ แลว้ ทลู ลาออกบำ� เพญ็ ตาม
อธั ยาศัย นนั้ เปน็ ปญั หาประเภทใด พระสาวกจงึ ไมส่ ามารถแก้ไขได้ดว้ ย
ตัวเอง ต้องมาทลู ถามใหพ้ ระองค์ทรงช่วยช้ีแจงแก้ไข
ท่านกราบเรียนว่า “เม่ือมีผู้ช่วยให้เกิดผลรวดเร็วโดยไม่ต้องเสีย
เวลานาน นิสัยคนเราท่ีชอบหวังพึ่งผู้อ่ืนย่อมจะต้องด�ำเนินตามทางลัด
ดว้ ยความแนใ่ จวา่ ตอ้ งดกี วา่ ตวั เองพยายามไปโดยลำ� พงั นอกจากทางไกล
ไปมาลำ� บากจรงิ ๆ กจ็ ำ� ตอ้ งตะเกยี กตะกายไปดว้ ยกำ� ลงั สตปิ ญั ญาของตน
แมจ้ ะชา้ บา้ งกท็ นเอา เพราะพระพทุ ธเจา้ ผทู้ รงรเู้ หน็ โดยตลอดทวั่ ถงึ ทรงแก้
ปญั หาขอ้ ขอ้ งใจ ยอ่ มทำ� ใหเ้ กดิ ความกระจา่ งแจง้ ชดั และไดผ้ ลรวดเรว็ ผดิ
กบั ทแี่ กไ้ ขโดยลำ� พงั เปน็ ไหนๆ ดงั นนั้ บรรดาสาวกทมี่ ปี ญั หาขอ้ งใจจงึ ตอ้ ง
มาทลู ถามใหท้ รงพระเมตตาแกไ้ ขเพอ่ื ผา่ นไปไดอ้ ยา่ งรวดเรว็ สมปรารถนา
แม้กระผมเอง ถ้าพระองค์ยังทรงพระชนม์อยู่และอยู่ในฐานะจะพอไป
เฝา้ ไดก้ ต็ อ้ งไป และทลู ถามปญั หาใหส้ มใจทหี่ วิ กระหายมานาน ไมต่ อ้ งมา
ถไู ถคบื คลานใหล้ ำ� บากและเสยี เวลาดงั ทเ่ี ปน็ มา เพราะการวนิ จิ ฉยั โดยลำ� พงั
ตวั เองเปน็ การลำ� บากมาก แตต่ อ้ งทำ� เพราะไมม่ ที พี่ ง่ึ นอกจากตวั ตอ้ งเปน็
ทพี่ งึ่ ของตวั ดังที่เรยี นแล้ว
ความมีครูอาจารย์ส่ังสอนโดยถูกต้องแม่นย�ำคอยให้อุบาย ท�ำให้
ผปู้ ฏิบตั ติ ามดำ� เนินไปโดยสะดวกราบรืน่ และถงึ เรว็ ผดิ กับการดำ� เนนิ ไป
แบบสมุ่ เดาโดยลำ� พงั ตนเองอยมู่ าก ทง้ั นเ้ี กลา้ ฯ เหน็ โทษในตวั เกลา้ ฯ เอง
แตก่ จ็ ำ� เปน็ เพราะไมม่ อี าจารยค์ อยใหอ้ บุ ายสง่ั สอนในสมยั นนั้ ทำ� ไปแบบ
364
ด้นเดาและล้มลุกคลุกคลาน ผดิ มากกว่าถูก แตส่ �ำคญั ทีค่ วามหมายมัน่
ปน้ั มือเป็นเจตนาทเ่ี ดด็ เดี่ยวอาจหาญมาก ไมย่ อมลดละลา่ ถอย จงึ พอ
มที างทำ� ให้สงิ่ ทเี่ คยขรุขระมาโดยลำ� ดบั คอ่ ยๆ กลบั กลายคลายตวั ออก
ทลี ะเลก็ ละนอ้ ย พอใหค้ วามราบรนื่ ชน่ื ใจไดม้ โี อกาสคบื คลานและเดนิ ได้
เปน็ ลำ� ดบั มา พอไดล้ มื ตาดโู ลกดธู รรมไดเ้ ตม็ ตาเตม็ ใจดงั ทเ่ี รยี นใหท้ ราบ
ตลอดมา ปญั หาระหว่างพระมหาเถระยังมีอยอู่ กี แต่ท่ีเหน็ วา่ ส�ำคญั ได้
นำ� มาลงบ้างแล้วจงึ ขอผา่ น
ขณะทา่ นพักอยู่กรุงเทพฯ มีผ้มู าอาราธนานิมนต์ไปฉันในบา้ นเสมอ
แตท่ า่ นขอผา่ นเพราะไมส่ ะดวกแกก่ ารปฏบิ ตั ติ อ่ สรรี กจิ ประจำ� วนั หลงั จาก
ฉันเสร็จแลว้
พอควรแกก่ าลแลว้ ทา่ นเรมิ่ ออกเดนิ ทางมาพกั โคราช ตามคำ� อาราธนา
ของคณะศรัทธาชาวนครราชสีมา พักที่วัดป่าสาลวัน ขณะพักอยู่ท่ีน้ัน
กม็ ที า่ นผสู้ นใจมาถามปญั หาหลายราย มปี ญั หาทน่ี า่ คดิ อยขู่ อ้ หนง่ึ ผเู้ ขยี น
ฟงั จากทา่ นแลว้ ยงั จำ� ไดไ้ มห่ ลงลมื ชะรอยปญั หานนั้ จะกลบั มาเปน็ ประวตั ิ
ท่านอีกก็อาจเป็นได้ จึงบันดาลไม่ให้หลงลืม ทั้งที่ผู้เขียนเป็นคนชอบ
หลงลมื เก่ง ปญั หานนั้ เปน็ เชงิ หย่ังหาความจริงในทา่ น วา่ จะมคี วามจรงิ
มากนอ้ ยเพียงไร สมคำ� เล่าลอื ของประชาชนหรอื หาไม่ เจา้ ของปญั หาก็
ลูกศิษย์กรรมฐานเพ่ือมุง่ หาความจรงิ อยอู่ ยา่ งเตม็ ใจจรงิ ๆ
เรม่ิ ตน้ ปญั หาวา่ “เทา่ ทท่ี า่ นอาจารยม์ าโคราชคราวนี้ เปน็ การมาเพอ่ื
อนุเคราะห์ประชาชนตามค�ำนิมนต์เพียงอย่างเดียว หรือยังมีหวังเพ่ือ
มรรคผลนิพพานอยดู่ ว้ ยในการรับนิมนตค์ ราวน้”ี ทา่ นตอบว่า “อาตมา
365
ไม่หิว อาตมาไม่หลง จึงไม่หาอะไรให้ยุ่งไป อันเป็นการก่อทุกข์ใส่ตัว
คนหวิ อยเู่ ปน็ ปกตสิ ขุ ไมไ่ ดจ้ งึ วงิ่ หาโนน่ หาน่ี เจออะไรกค็ วา้ ตดิ มอื มา โดย
ไมค่ ำ� นงึ วา่ ผดิ หรอื ถกู ครน้ั แลว้ สงิ่ ทค่ี วา้ มากม็ าเผาตวั เองใหร้ อ้ นยงิ่ กวา่ ไฟ
อาตมาไมห่ ลงจงึ ไมแ่ สวงหาอะไร คนทีห่ ลงจึงต้องแสวงหา ถา้ ไมห่ ลงก็
ไมต่ อ้ งหา จะหาไปใหล้ ำ� บากทำ� ไม อะไรๆ กม็ อี ยกู่ บั ตวั เองอยา่ งสมบรู ณ์
อย่แู ล้ว จะตืน่ เงาและตะครุบเงาไปท�ำไม เพราะร้แู ลว้ ว่าเงาไม่ใช่ตวั จรงิ
ตัวจริงคือสัจจะท้ังสี่ก็มีอยู่ในกายในใจอย่างสมบูรณ์แล้ว และรู้จนหมด
สนิ้ แลว้ จะหาอะไรกนั อกี ถา้ ไมห่ ลง ชวี ติ ลมหายใจยงั มแี ละผมู้ งุ่ ประโยชน์
กับเรายงั มี ก็สงเคราะหก์ ันไปอยา่ งนน้ั เอง
หาคนดมี ธี รรมในใจนห้ี ายากยงิ่ กวา่ หาเพชรนลิ จนิ ดาเปน็ ไหนๆ ไดค้ น
เป็นคนเพียงคนเดียวย่อมมีคุณค่ามากกว่าได้เงินเป็นล้านๆ เพราะเงิน
ลา้ นๆ ไมส่ ามารถท�ำความร่มเยน็ ให้แก่โลกได้อยา่ งถงึ ใจเหมือนได้คนดี
มาทำ� ประโยชน์ คนดแี มเ้ พยี งคนเดยี วยงั สามารถทำ� ความเยน็ ใจใหแ้ ก่
โลกได้มากมายและย่งั ยนื เชน่ พระพุทธเจ้าและพระสาวกทง้ั หลาย
เปน็ ตวั อย่าง คนดีแต่ละคนมีคณุ ค่ามากกว่าเงินเปน็ ก่ายกอง และเหน็
คุณค่าแห่งความดีของตนท่ีจะท�ำต่อไปมากกว่าเงิน แม้จะจนก็ยอมจน
ขอแตใ่ หต้ ัวดแี ละโลกมีความสขุ
แตค่ นโงช่ อบเงนิ มากกวา่ คนดแี ละความดี ขอแตไ่ ดเ้ งนิ แมต้ วั จะเปน็
อยา่ งไรไมส่ นใจคดิ ถงึ จะชวั่ ชา้ ลามกหรอื แสนโสมมเพยี งไรกต็ าม ขนาด
นายยมบาลเกลียดกลัวไม่อยากนับเข้าบัญชีผู้ต้องหา กลัวจะไปท�ำลาย
สัตว์นรกด้วยกันให้เดือดร้อนฉิบหายก็ไม่ว่า ขอแต่ได้เงินก็เป็นท่ีพอใจ
สว่ นจะผดิ ถกู ประการใด ถา้ บาปมคี อ่ ยคดิ บญั ชกี นั เองโดยเขาไมย่ งุ่ เกยี่ ว
366
คนดีกับคนชั่วและสมบัติเงินทองกับธรรมคือคุณงามความดีผิดกัน
อย่างนแ้ี ล ใครมหี มู ตี ากร็ บี คดิ เสยี แต่บัดน้อี ย่าทันให้สายเกินไป จะหมด
หนทางเลอื กเฟน้ การใหผ้ ลกต็ า่ งกนั สดุ แตก่ รรมของตนจะอำ� นวย จะทกั ทว้ ง
หรอื คดั คา้ นไมไ่ ด้ กรรมอำ� นวยใหอ้ ยา่ งใดตอ้ งยอมรบั เอาอยา่ งนนั้ ฉะนน้ั
สตั ว์โลกจงึ ต่างกนั ทั้งภพกำ� เนดิ รปู รา่ ง ลักษณะ จริต นสิ ัย สขุ ทุกข์
อนั เป็นสมบัตปิ ระจำ� ตัวของแตล่ ะราย แบง่ หนกั แบ่งเบากนั ไม่ได้ ใครมี
อย่างไรก็หอบหิ้วไปเอง ดีชั่ว สุขทุกข์ก็ยอมรับ ไม่มีอ�ำนาจปฏิเสธได้
เพราะไม่ใช่แง่กฎหมาย แต่เป็นกฎของกรรมหรือกฎของตัวเองท่ีท�ำข้ึน
มใิ ช่กฎของใครไปท�ำให้ ตวั ท�ำเอาเอง ถามอาตมาเพ่อื อะไรอย่างนั้น”
การตอบปญั หาทา่ นคราวนรี้ สู้ กึ เขม้ ขน้ พอดู นท้ี ราบจากทา่ นเองและ
พระที่ตดิ ตามเล่าใหฟ้ งั รูส้ ึกวา่ ถงึ ใจและจ�ำไมล่ มื
เขาตอบท่านวา่ “ขอประทานโทษ พวกกระผมเคยไดย้ นิ กิตตศิ ัพท์
กิตติคุณท่านอาจารย์โด่งดังมานานแล้ว ไม่ว่าครูอาจารย์หรือพระเณร
องค์ใดตลอดฆราวาส ใครพูดถึงอาจารย์ล้วนพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า
อาจารยม์ ใิ ชพ่ ระธรรมดา ดงั นจี้ งึ กระหายอยากฟงั เมตตาธรรมทา่ น แลว้ ได้
เรียนถามไปตามความอยากความหิว แต่ไม่มีความฉลาดรอบคอบใน
การถามซง่ึ อาจจะทำ� ความกระเทอื นแกท่ า่ นอยบู่ า้ ง กระผมกส็ นใจปฏบิ ตั ิ
มานานพอสมควร จติ ใจนบั วา่ ไดร้ บั ความเยน็ ประจกั ษเ์ รอ่ื ยมา ไมเ่ สยี ชาติ
ท่เี กดิ มาพบพระศาสนา และยังได้กราบไหวค้ รอู าจารยผ์ ู้ศักดส์ิ ทิ ธ์วิ เิ ศษ
ดว้ ยการปฏบิ ตั แิ ละคณุ ธรรม แมป้ ญั หาธรรมทเี่ รยี นถามวนั นกี้ ไ็ ดร้ บั ความ
แจง้ ชดั เกนิ คาดหมาย วนั นเี้ ปน็ หายสงสยั เดด็ ขาดตามภมู ขิ องคนยงั มกี เิ ลส
ท่ยี ังอยู่ก็ตวั เองเทา่ น้นั จะสามารถปฏบิ ตั ใิ หไ้ ดใ้ ห้ถึงมากนอ้ ยเพยี งใด”
367
ทา่ นตอบซำ�้ อกี วา่ “โยมถามมาอยา่ งนน้ั อาตมากต็ อ้ งตอบไปอยา่ งนน้ั
เพราะอาตมาไม่หิวไม่หลง จะให้อาตมาไปหาอะไรอีก อาตมาเคยหิว
เคยหลงมาพอแลว้ ครงั้ ปฏบิ ตั ทิ ย่ี งั ไมร่ เู้ รอ่ื งรรู้ าวอะไรโนน้ อาตมาแทบตาย
อยใู่ นปา่ ในเขาคนเดยี วไมม่ ใี ครไปเหน็ จนพอลมื หลู มื ตาไดบ้ า้ ง จงึ มคี นนนั้
ไปหาคนนไี้ ปหา แลว้ รำ่� ลอื กันวา่ วเิ ศษอยา่ งนนั้ อย่างนี้ ขณะอาตมาสลบ
สามหนรอดตายครงั้ น้นั ไมเ่ หน็ ใครทราบและรำ่� ลอื บ้าง จนเลยข้ันสลบ
และขั้นตายมาแล้ว จึงมาเล่าลือกันหาประโยชน์อะไร อยากได้ของดี
ท่ีมีอยู่กับตัวเราทุกคนก็พากันปฏิบัติเอาท�ำเอา เมื่อเวลาตายแล้วจึง
พากันวุ่นวาย หานิมนต์พระมาให้บุญกุสลามาติกา นั่นไม่ใช่เกาถูก
ท่คี นั นะ จะวา่ ไม่บอก ต้องรบี เกาใหถ้ กู ทค่ี ันเสยี แต่บัดน้ี โรคคนั จะ
ไดห้ าย คอื เรง่ ทำ� ความดเี สยี แตบ่ ดั นี้ จะไดห้ ายหว่ งหายหวงกบั อะไรๆ
ทเี่ ปน็ สมบตั ขิ องโลก มใิ ชส่ มบตั อิ นั แทจ้ รงิ ของเรา แตพ่ ากนั จบั จองเอา
แต่ชอ่ื ของมนั เปล่าๆ ตวั จรงิ ไมม่ ีใครเหลียวแล
สมบตั ใิ นโลกเราแสวงหามาเปน็ ความสขุ แกต่ วั กพ็ อหาได้ จะแสวงหา
มาเป็นไฟเผาตัวก็ท�ำให้ฉิบหายได้จริงๆ ข้อน้ีข้ึนอยู่กับความฉลาดและ
ความโงเ่ ขลาของผแู้ สวงหาแตล่ ะราย ทา่ นผพู้ น้ ทกุ ขไ์ ปไดด้ ว้ ยความอตุ สา่ ห์
สรา้ งความดใี สต่ นจนกลายเปน็ สรณะของพวกเรา จะเขา้ ใจวา่ ทา่ นไมเ่ คยมี
สมบตั เิ งนิ ทองเครอ่ื งหวงแหนอยา่ งนน้ั หรอื เขา้ ใจวา่ เปน็ คนรำ�่ รวยสวยงาม
เฉพาะสมัยของพวกเราเท่านน้ั หรือ จงึ พากนั รกั พากันหวงพากนั หว่ งจน
ไม่รจู้ ักเป็นรู้จกั ตาย
บา้ นเมอื งเราสมยั นไี้ มม่ ปี า่ ชา้ สำ� หรบั ฝงั หรอื เผาคนตายอยา่ งนนั้ หรอื
จงึ ส�ำคญั วา่ ตนจะไม่ตาย และพากนั ประมาทจนลืมเนือ้ ลมื ตัว กลัวแตจ่ ะ
368
ไมไ่ ด้กนิ ไดน้ อน กลัวแต่จะไม่ไดเ้ พลดิ ไดเ้ พลนิ ประหนึง่ โลกจะดับสญู
จากไปในเดย๋ี วน้ี จงึ พากนั รบี ตกั ตวงเอาแตค่ วามไมเ่ ปน็ ทา่ ใสต่ นแทบหาบ
ไมไ่ หว อนั สงิ่ เหลา่ นแี้ มแ้ ตส่ ตั วเ์ ขากม็ ไิ ดเ้ หมอื นมนษุ ยเ์ รา อยา่ สำ� คญั ตน
ว่าเก่งกาจสามารถฉลาดรู้ย่ิงกว่าเขาเลย ถึงกับสร้างความมืดมิดปิดตา
ทบั ถมตัวเองจนไมม่ วี นั สร่างซา เมื่อถงึ เวลาจนตรอก อาจจนยง่ิ กว่าสัตว์
ใครจะไปทราบได้ ถ้าไมเ่ ตรยี มทราบไวเ้ สยี แตบ่ ดั นซ้ี ึง่ อย่ใู นฐานะที่ควร
อาตมาต้องขออภัยด้วยถ้าพูดหยาบคายไป แต่ค�ำพูดที่ส่ังสอนให้
คนละชั่วท�ำดียงั จดั เปน็ คำ� หยาบคายอยแู่ ลว้ โลกเรากจ็ ะถงึ คราวหมดสน้ิ
ศาสนา เพราะไมม่ ผี ยู้ อมรบั ความจรงิ การท�ำบาปหยาบคายมมี าประจำ� ตน
แทบทุกคนท้ังให้ผลเป็นทุกข์ ตนยังไม่อาจรู้ได้และต�ำหนิมันบ้างพอมี
ทางคิดแก้ไข แต่กลับต�ำหนิค�ำส่ังสอนว่าหยาบคาย นับว่าเป็นโรคที่
หมดหวงั ” ตอนนี้ต้องขออภัยทา่ นสภุ าพชนทั้งหลาย ท่ีได้บงั อาจเขียน
แบบคนไม่มีสติอยู่กับตัวเอาเลย ทั้งนี้ความมุ่งหมายเพ่ือสงวนธรรมที่
ทา่ นเมตตาแสดงในบางครง้ั ใหค้ งเสน้ คงวาไวบ้ า้ ง เพอื่ บางทา่ นไดพ้ จิ ารณา
ถือเอาความจริงในธรรมนี้ ไม่อยากให้ลดลงจากระดับเดิมของท่าน
จงึ พยายามหลับหหู ลับตาเขยี นไปตามเน้ือหา
ส�ำหรับปัญหาธรรมนั้นไม่ว่าท่านไปพักท่ีไหน มีคนมาเรียนถาม
มไิ ดข้ าด แตไ่ มส่ ามารถจดจำ� ไดท้ กุ บททกุ บาท ทงั้ อาจารยท์ งั้ หลายทกี่ รณุ า
ใหต้ น้ ฉบบั มาแตล่ ะองค์ และผเู้ ขยี นจำ� มาเอง ประโยคใดทสี่ ะดดุ ใจประโยค
น้ันก็จ�ำไว้ได้และบันทึกไว้ ประโยคท่ีไม่สะดุดใจก็หลงลืมจ�ำต้องปล่อย
ใหผ้ า่ นไป
369
ท่านพักนครราชสีมาพอสมควรแล้วออกเดินทางต่อไปจังหวัด
อุดรธานี มาถึงขอนแก่น ทราบว่า พ่ีน้องชาวขอนแก่นไปรอรับท่าน
ทสี่ ถานคี บั คงั่ และพรอ้ มกนั อาราธนาทา่ นใหล้ งแวะพกั เมตตาทขี่ อนแกน่
กอ่ น แล้วคอ่ ยเดินทางต่อไปอดุ รฯ แตท่ า่ นไมอ่ าจแวะตามค�ำนิมนตไ์ ด้
จึงพากนั พลาดหวังไปบา้ งในโอกาสทีค่ วรจะไดน้ น้ั
เม่ือท่านถึงอุดรฯ ทราบว่า ท่านตรงไปพักวัดโพธิสมภรณ์กับท่าน
เจา้ คณุ ธรรมเจดยี ก์ อ่ น มปี ระชาชนจากจงั หวดั หนองคายบา้ ง สกลนครบา้ ง
อ�ำเภอตา่ งๆ ของจงั หวดั อุดรบ้าง มารอกราบนมัสการทา่ น จากวัดโพธ-ิ
สมภรณก์ ็ไปพักที่วดั โนนนิเวศน์และจำ� พรรษาท่นี ั่น เวลาทา่ นจำ� พรรษาท่ี
วดั โนนนเิ วศน์ ทราบวา่ ทา่ นเจา้ คณุ ธรรมเจดยี ว์ ดั โพธฯิ ไดพ้ าคณะศรทั ธา
ท้ังข้าราชการและพ่อค้าประชาชนไปรับโอวาทท่านทุกวันพระตอนเย็นๆ
มไิ ดข้ าด เพราะทา่ นเจา้ คณุ ธรรมฯ เองอตุ สา่ หเ์ ดนิ ทางไปอาราธนานมิ นต์
ทา่ นอาจารยม์ น่ั ทจี่ งั หวดั เชยี งใหม่ ซง่ึ ไกลแสนไกล และยงั อตุ สา่ หด์ น้ ดนั้
เขา้ ไปจนถงึ ที่อยูข่ องท่านดว้ ย จึงไดอ้ งคท์ ่านมาโปรดชาวอุดรฯ เปน็ ตน้
สมความปรารถนา ท่านเจ้าคณุ ธรรมฯ จึงเปน็ ผู้มีพระคุณมากแกพ่ วกเรา
ทีไ่ ด้เหน็ ไดย้ ินธรรมทา่ นเวลามาถงึ อดุ รฯ แล้ว
ปกตทิ า่ นเจา้ คณุ เปน็ ผสู้ นใจในธรรมปฏบิ ตั เิ ปน็ ประจำ� นสิ ยั มาดง้ั เดมิ
ถ้าพูดคุยธรรมกับท่านนานเท่าไร ท่านไม่แสดงอาการเหน็ดเหน่ือยให้
ปรากฏเลย ย่ิงเป็นธรรมฝ่ายปฏิบัติด้วยแล้ว ท่านยิ่งชอบเป็นพิเศษ
ทา่ นรกั และเลอื่ มใสท่านอาจารยม์ ่นั มาก เวลาทา่ นพระอาจารย์อยู่อดุ รฯ
ทา่ นเปน็ ผเู้ อาใจใสเ่ ปน็ พเิ ศษ และคอยสอบถามความสขุ ทกุ ขท์ า่ นอาจารย์
จากใครตอ่ ใครอยเู่ สมอ นอกจากน้ันยงั พยายามชกั ชวนให้ประชาชนไป
370
รู้จักและสนิทสนมกับท่านอาจารย์อยู่เสมอ ถ้าเขาไม่กล้าไป ท่านเป็น
ผพู้ าไปเองโดยไมเ่ หน็ แกค่ วามเหนด็ เหนอ่ื ย คณุ ธรรมทา่ นในขอ้ นร้ี สู้ กึ วา่
เด่นมากเปน็ พเิ ศษและน่าเล่ือมใสมาก
ออกพรรษาแล้วอากาศแห้งแล้ง ท่านอาจารย์ชอบออกไปวิเวกอยู่
ตามบ้านนอกเพ่ือบ�ำเพ็ญสมณธรรมตามนิสัย บ้านหนองน้�ำเค็มที่อยู่
ห่างตัวเมอื งราว ๓๐๐ เสน้ เป็นหมบู่ า้ นทีท่ า่ นชอบไปพกั เปน็ เวลานานๆ
หมู่บา้ นนม้ี ปี ่าไมร้ ม่ รน่ื ดีเหมาะกบั การบำ� เพ็ญธรรม ทา่ นพักจ�ำพรรษาอยู่
จังหวัดอุดรฯ นับว่าได้ท�ำประโยชน์แก่ประชาชนพระเณรอย่างมากมาย
แถบจงั หวดั และอำ� เภอใกลเ้ คยี งกบั จงั หวดั อดุ รฯ ทท่ี า่ นพกั อยู่ มปี ระชาชน
และพระสงฆท์ ยอยกนั มาบำ� เพญ็ กศุ ลและสดบั ธรรมทา่ นมไิ ดข้ าด เพราะ
ทา่ นเหลา่ นโี้ ดยมากกเ็ คยเปน็ ลกู ศษิ ยเ์ กา่ แกส่ มยั ทท่ี า่ นมาบำ� เพญ็ อยกู่ อ่ น
เดนิ ทางไปจงั หวดั เชยี งใหมแ่ ลว้ ดงั นน้ั เมอ่ื ทราบวา่ ทา่ นมาจงึ ตา่ งมคี วาม
ดีใจกระหยม่ิ ยม้ิ แยม้ อยากมาพบมาเห็นและทำ� บญุ ให้ทานสดบั ตรับฟงั
โอวาทกับท่าน
ในระยะนน้ั อายทุ ่านยงั ไมแ่ ก่นัก ราว ๗๐ ปี การไปมาในทศิ ทางใด
ก็พอสะดวกอย่บู า้ ง ประกอบกบั ท่านมีนสิ ัยคล่องแคล่วว่องไวลกุ ง่ายไป
เรว็ อยดู่ ว้ ย และไมช่ อบอยใู่ นทแ่ี หง่ เดยี วเปน็ ประจำ� ชอบเทย่ี วซอกแซก
ตามปา่ ตามเขาที่เหน็ วา่ สงบสงัดปราศจากส่ิงกอ่ กวน
ทอ่ี ุดรฯ กป็ รากฏวา่ มีผูม้ าเรยี นถามปญั หาธรรมกับท่านบ่อยๆ เชน่
ทอี่ น่ื ๆ เหมอื นกนั ปญั หาทเ่ี ขาถามทา่ นมคี ลา้ ยคลงึ กบั ปญั หาทผี่ า่ นมาแลว้
กม็ ี ทแ่ี ปลกตา่ งกนั ออกไปตามความคดิ เหน็ ของผถู้ ามกม็ ี ทคี่ ลา้ ยคลงึ กนั
371
ได้แก่ ปัญหาที่เก่ียวกับบุพเพสันนิวาสของสัตว์ท่ีเคยสร้างความดีมา
เปน็ ล�ำดบั ไมล่ ะนิสยั วาสนาของตนหน่งึ บุพเพสนั นิวาสของสามภี รยิ า
ทเ่ี คยครองรกั อยรู่ ว่ มกนั มาหนง่ึ ทงั้ สองขอ้ นท้ี า่ นวา่ มผี สู้ งสยั ถามมากกวา่
ขอ้ อนื่ ๆ ในขอ้ แรกทา่ นมไิ ดร้ ะบปุ ญั หาทเ่ี ขาถามลงอยา่ งชดั เจนวา่ เขาถาม
อย่างน้ันๆ เป็นแต่ท่านปรารภแล้วอธิบายไปเองทีเดียวว่า ส่ิงเหล่าน้ี
ต้องมีการริเร่ิมก่อต้ังเจตนาข้ึนมาให้เป็นทางเดินแห่งภพชาติของผู้จะ
เกีย่ วข้องกับตน และตนจะเกย่ี วขอ้ งกบั ผ้นู นั้
ส่วนข้อต่อมาท่านระบุปัญหาท่ีเขาถามว่า ค�ำว่า บุพเพสันนิวาสนี้
เราจะรู้ได้อย่างไรว่า หญิงชายรักกันอย่างน้ีเป็นบุพเพสันนิวาส รักกัน
อยา่ งนนั้ ไมใ่ ชบ่ พุ เพสนั นวิ าส และอยรู่ ว่ มกนั กบั คนนเี้ ปน็ บพุ เพสนั นวิ าส
อยรู่ ว่ มกนั กบั คนนน้ั มใิ ชบ่ พุ เพสนั นวิ าส ทา่ นตอบวา่ สำ� หรบั พวกเรายากจะ
มที างทราบไดว้ า่ รกั อยา่ งนน้ั และรกั คนนนั้ เปน็ บพุ เพสนั นวิ าส รกั อยา่ งนนั้
และรักคนน้ันมใิ ช่บุพเพสันนิวาส ก็รกั และอยู่ร่วมกนั ไปแบบคนตาบอด
เกิดความหิวจัดคว้าหาอาหารมารับประทานนั่นแล อะไรถูกมือก็รับไป
พอประทังชีวติ ไปวนั หน่ึงๆ บุพเพสันนิวาสก็เช่นเดียวกัน ทั้งท่มี อี ย่กู ับ
สตั วบ์ ุคคลทัว่ ไป แต่จะควา้ ถกู จุดของบพุ เพสนั นวิ าส คือรักและอยูร่ ่วม
กบั ผเู้ คยเปน็ บพุ เพสนั นวิ าสกนั นน้ั เปน็ สงิ่ ทหี่ าเจอไดย้ ากมาก เนอื่ งจาก
กิเลสตัวรักๆ น้ีมันมิได้ไวห้ น้าใคร และมิได้รอคอยใหบ้ พุ เพสันนวิ าสมา
วินิจฉัยหรอื ตัดสินกอ่ นมัน ขอแตว่ า่ เป็นหญงิ หรอื เปน็ ชายท่ตี ้องกับเพศ
และนิสัยของมนั แลว้ เปน็ ต้องรักและคว้าดะไปเลย
กิเลสตัวรักน่ีแลพาให้คนเป็นนักต่อสู้แบบไม่รู้จักเป็นรู้จักตาย
ไม่รูจ้ กั สูงจักตำ�่ ไมร่ ู้จักใกลจ้ กั ไกล ไมร่ ู้จกั เลือกสรรปนั แบ่งว่ามากไป
372
หรอื นอ้ ยไป ควรหรอื ไมค่ วรเพยี งใด มแี ตจ่ ะสตู้ ายเอาทา่ เดยี วไมย่ อมแพ้
แม้จะพลาดท่าหรือตายไปก็ยังไม่ยอมทิ้งลวดลายท่ีเคยเป็นนักต่อสู้
เอาเลย นแี่ ลเรอ่ื งของกเิ ลสตวั รกั มนั แสดงตวั เดน่ อยใู่ นหวั ใจของสตั วโ์ ลก
อยา่ งเปดิ เผย ไมย่ อมอยใู่ ตอ้ ำ� นาจของใครเอางา่ ยๆ ผตู้ อ้ งการมหี ลกั ฐาน
และความมีประมาณเป็นเคร่ืองทรงตัวไว้บ้าง จึงไม่ควรปล่อยให้มัน
วงิ่ แซงหนา้ ไปตามนสิ ยั โดยถา่ ยเดยี ว ควรมกี ารหกั หา้ มกนั บา้ ง พอมที าง
ตงั้ ตวั แมจ้ ะไมท่ ราบบพุ เพสนั นวิ าสของตวั กย็ งั พอมที างยบั ยง้ั ใจไดบ้ า้ ง
ไมถ่ ูกมันจับถูไถเขา้ ถ้�ำเขา้ รูลงเหวตกบอ่ ไปทา่ เดียว
ความรู้บุพเพสันนวิ าสของตนน้ี ถ้าไม่ใชน่ ักปฏิบัตจิ ติ ตภาวนา ซงึ่ มี
นสิ ยั ในทางรเู้ หตกุ ารณต์ า่ งๆ กย็ ากทจ่ี ะทราบได้ แตอ่ ยา่ งไรกต็ าม เราควรมี
สตหิ กั หา้ มมนั อยเู่ สมอ อยา่ ปลอ่ ยใหม้ นั พาไหลลงสทู่ โี่ สมมแบบนำ�้ ลน้ ฝง่ั
ไม่มอี ะไรกัน้ กแ็ ลว้ กนั ยังพอจะมหี วังครองตัวไปได้ ไม่จอดจมหล่มลึก
ลงในกลางทะเลแหง่ ความรักอันไม่มปี ระมาณโดยถ่ายเดยี ว
เขาถามทา่ นอกี ปญั หาหนงึ่ วา่ “ระหวา่ งสามภี รยิ าทอ่ี ยรู่ ว่ มกนั ดว้ ยความ
ผาสุกเย็นใจตลอดมา ไม่ประสงค์จะให้พลัดพรากจากกันในภพต่อไป
เกดิ ในชาตใิ ดภพใดขอให้ได้เปน็ สามีภรยิ ากันตลอดไป จะปฏิบัตอิ ยา่ งไร
จงึ จะสมหวัง ถ้าต่างคนต่างตั้งความปรารถนาให้ได้พบกันทกุ ภพทกุ ชาติ
จะเปน็ ไปไดไ้ หม” ทา่ นตอบวา่ “ความปรารถนานนั้ เปน็ เพยี งเสน้ ทางเดนิ
ของจติ ใจผมู้ งุ่ หมายเทา่ นน้ั ถา้ ไมด่ ำ� เนนิ ตามความปรารถนากไ็ มเ่ กดิ ประโยชน์
ตามความม่งุ หมาย เชน่ คนตอ้ งการเปน็ คนร่�ำรวย แตเ่ กียจคร้านในการ
แสวงหาทรพั ย์ ความรำ่� รวยกเ็ ปน็ ไปไมไ่ ด้ ตอ้ งอาศยั ความขวนขวายตาม
เจตนาจำ� นงทต่ี ้ังไว้ด้วยจงึ จะสมหวัง
373
นกี่ เ็ หมอื นกนั ถา้ ตอ้ งการเปน็ สามภี รยิ าครองรกั กนั อยา่ งมคี วามสขุ
ทุกภพทุกชาติไป ไม่อยากพลัดพรากจากกัน ต้องมีจิตใจคือทรรศนะ
ตรงกัน ต่างคนต่างอยู่ในขอบเขตของกันและกัน ไม่ชอบแสวงหาเศษ
หาเลยอนั เปน็ การทำ� ลายจติ ใจและความสขุ ความไวว้ างใจกนั ตา่ งคนเปน็
ผรู้ กั ศลี รกั ธรรม มคี วามประพฤตดิ ไี วว้ างใจกนั ได้ ความรคู้ วามเหน็ ลงรอยกนั
ตา่ งพยายามรกั ษาความปรารถนาดว้ ยการทำ� ดี ยอ่ มมที างสมหวงั ได้ ไมเ่ หนอื
ความพยายามของผปู้ รารถนาไปไดเ้ ลย แตถ่ า้ ความประพฤตทิ กุ ดา้ นแบบ
ตรงกันขา้ ม หรอื สามดี แี ตภ่ ริยาช่ัว หรอื ภรยิ าดแี ตส่ ามชี ว่ั ต่างคนต่างท�ำ
ความชอบใจ ไมล่ งรอยกนั แมต้ า่ งจะปรารถนาสกั กร่ี อ้ ยกพี่ นั ครงั้ กไ็ มม่ ที าง
สำ� เร็จ เพราะเปน็ การท�ำลายความปรารถนาของตน”
ท่านย้อนถามว่า “โยมปรารถนาเพียงอยากอยู่ร่วมกันเท่าน้ัน
ไมป่ รารถนาอะไรอ่นื บ้างหรอื ” เขาตอบทา่ นวา่ “นอกนั้นกไ็ ม่ทราบวา่ จะ
ปรารถนาอะไรอกี เพราะความปรารถนาอยากไดเ้ งนิ ไดท้ อง อยากไดบ้ รษิ ทั
บรวิ าร อยากไดย้ ศถาบรรดาศกั ด์ิ อยากเปน็ พระมหากษตั รยิ อ์ ยากไปสวรรค์
นพิ พาน กย็ งั อดลมื ภรยิ าซง่ึ เปน็ ทรี่ กั ไมไ่ ดอ้ ยนู่ น่ั เอง เพราะนเ้ี ปน็ จดุ ใหญ่
แหง่ ความปรารถนาของโลก เลยตอ้ งปรารถนาสงิ่ นซ้ี ง่ึ เปน็ เรอื่ งใหญส่ ำ� หรบั
ปถุ ชุ นกอ่ น จากนน้ั ถา้ พอเปน็ ไปไดค้ อ่ ยพจิ ารณากนั ไป กระผมจงึ เรยี นถาม
เรอ่ื งนกี้ อ่ น แมก้ ลวั ทา่ นดแุ ละอายทา่ นกท็ นเอา เพราะความจรงิ ของโลก
โดยมากเป็นกันอย่างนีท้ ั้งน้ัน เปน็ แตจ่ ะกลา้ พูดหรือไม่เทา่ นั้น”
ทา่ นหวั เราะแล้วถามเขาวา่ “ถ้าเป็นดังท่วี ่าน้ี โยมไปไหนก็จะตอ้ ง
เอาแมเ่ ดก็ ไปดว้ ยใชไ่ หม” เขาหวั เราะบา้ งแลว้ เรยี นทา่ นวา่ “กระผมอาย
จะเรยี นทา่ นตามความหยาบของปถุ ชุ นทเ่ี ปน็ อยภู่ ายใน แตค่ วามจรงิ แลว้
374
เทา่ ทก่ี ระผมยงั บวชไมไ่ ดจ้ นบดั นี้ กเ็ พราะเปน็ หว่ งแมเ่ ดก็ กลวั เขาจะวา้ เหว่
เป็นทกุ ข์ ไม่มีผปู้ รกึ ษาปรารภและใหค้ วามอบอนุ่ แกเ่ ขาเทา่ ท่ีควร ลูกๆ
นอกจากจะมารบกวนขอเงินไปซ้ือนั่นซอ้ื น่ี และเรอ่ื งอืน่ ๆ ซงึ่ เป็นเรอ่ื ง
กวนใจใหย้ งุ่ แลว้ กย็ งั มองไมเ่ หน็ วา่ เขาจะมคี วามสามารถทำ� ใหแ้ มม่ คี วาม
อบอ่นุ และสบายใจไดใ้ นทางใดบ้าง ผมจึงอดเป็นหว่ งเขามไิ ด้
อกี ประการหนงึ่ สวรรคช์ นั้ นนั้ ๆ ตามธรรมทา่ นบอกไวว้ า่ มที ง้ั เทวบตุ ร
เทวธดิ า ซง่ึ แสดงวา่ มที งั้ หญงิ ทงั้ ชายเหมอื นแดนมนษุ ยเ์ รา และมคี วามสขุ
ความส�ำราญดว้ ยเครื่องบำ� รุงบำ� เรอนานาชนิด ซ่ึงเป็นสถานทนี่ า่ ไปและ
นา่ อยมู่ าก แตพ่ รหมโลกไมป่ รากฏวา่ มเี ทวบตุ รเทวธดิ าเหมอื นมนษุ ยแ์ ละ
สวรรคเ์ ลย เมอ่ื เปน็ เชน่ นนั้ จะไมว่ า้ เหวไ่ ปหรอื เพราะไมม่ ผี คู้ อยปลอบโยน
เอาอกเอาใจในเวลาเกดิ ความหงดุ หงดิ ใจขนึ้ มา ยงิ่ นพิ พานดว้ ยแลว้ ยงิ่ ไมม่ ี
อะไรไปเก่ียวข้องสัมผัสเอาเลย เป็นตัวของตัวโดยสมบูรณ์ทุกอย่าง
ไมต่ อ้ งอาศยั สง่ิ อน่ื ผอู้ นื่ ใดเขา้ ไปชว่ ยเหลอื หรอื เกยี่ วขอ้ งบา้ งเลย เปน็ ตวั
ของตวั แทๆ้ แลว้ จะมอี ะไรเปน็ ทภ่ี าคภมู ใิ จและเทดิ เกยี รตวิ า่ ผถู้ งึ นพิ พาน
แล้วเป็นผู้ได้รับความภาคภูมิใจ ท้ังเกียรติยศช่ือเสียงเรียงนามและ
ความสขุ ความสบายจากบรรดาท่านผถู้ ึงนพิ พานดว้ ยกัน อย่างมนษุ ยผ์ ู้มี
ฐานะดีมีสมบัติมาก มีเกียรติยศสูงได้รับความยกย่องสรรเสริญจาก
เพื่อนมนุษย์หญงิ ชายดว้ ยกัน
ท่านท่ีไปนิพพานแล้วเห็นเงียบไปเลย ไม่มีพวกเดียวกันยกย่อง
สรรเสริญท่าน จึงท�ำให้สงสัยว่าการเงียบไปเลยเช่นน้ันจะเป็นความสุข
ไดอ้ ยา่ งไร กระผมตอ้ งขอประทานโทษทมี่ าถามบา้ ๆ บอๆ ไมเ่ ขา้ เรอื่ งเขา้ ราว
เหมอื นคนทีม่ สี ติท่ัวๆ ไป แตก่ ็เป็นความสงสยั ท�ำใหล้ ำ� บากใจอยไู่ ม่หาย
ถา้ ไม่ไดเ้ รียนถามทา่ นผรู้ ใู้ หห้ ายสงสยั เสียก่อน”
375
ทา่ นตอบวา่ “สวรรค์ พรหมโลก และนพิ พานมไิ ดม้ ไี วเ้ ฉพาะคนขส้ี งสยั
แบบโยม แตม่ ไี ว้สำ� หรับผมู้ องเหน็ คุณค่าของตวั และคณุ ค่าของสวรรค์
พรหมโลก และนพิ พาน วา่ เป็นของดมี ีคุณค่าตา่ งกนั ขน้ึ ไปตามล�ำดบั ชนั้
และความดีของผู้ท่ีควรจะได้จะถึงตามล�ำดับ คนแบบโยม สวรรค์
พรหมโลก และนพิ พานคงมไิ ดฝ้ นั ถงึ เลย แมโ้ ยมจะไปกย็ งั ไปไมไ่ ดถ้ า้ แมเ่ ดก็
ยงั อยู่ หรอื แมแ้ มเ่ ดก็ ตายไป โยมกจ็ ะอดคดิ ถงึ ไมไ่ ด้ แลว้ จะมโี อกาสคดิ ถงึ
สวรรค์นพิ พานพอจะหาเวลาคดิ เพอื่ จะไปได้อยา่ งไร แมพ้ รหมโลกและ
นิพพานก็มิได้ดีกว่าแม่เด็กส�ำหรับความรู้สึกของโยม เพราะพรหมโลก
และนิพพานบ�ำรุงบ�ำเรอโยมไม่เป็นเหมือนแม่เด็ก โยมจึงสงสัยและ
ไมอ่ ยากไป กลวั จะขาดผบู้ ำ� เรอ (ตอนนที้ า่ นวา่ ทง้ั ทา่ นทงั้ เขาหวั เราะถกู ใจ)
อนั ความสขุ ทเ่ี กดิ จากสง่ิ ตา่ งๆ นน้ั แมใ้ นโลกมนษุ ยเ์ รายงั ตา่ งกนั ตาม
ชนิดของสง่ิ นัน้ ๆ ท่ีมีรสตา่ งกัน แมป้ ระสาทเครื่องรบั สิง่ เหลา่ น้นั ท่มี อี ยู่
ในร่างกายอนั เดยี วกัน ก็ยงั นิยมรบั สมั ผสั ต่างๆ กนั เช่น ตาชอบสมั ผัส
ทางรูป หชู อบสมั ผสั ทางเสียง จมกู ชอบสมั ผสั ทางกล่ิน ล้นิ ชอบสัมผัส
ทางรส กายชอบสัมผัสทางเยน็ รอ้ นออ่ นแขง็ ใจชอบสมั ผัสทางอารมณ์
ตา่ งๆ ตามหนา้ ทแี่ ละความนยิ มของตน จะใหร้ สนยิ มเหมอื นกนั ยอ่ มไมไ่ ด้
การรบั ประทานเปน็ ความสขุ ทางหนง่ึ การพกั ผอ่ นนอนหลบั เปน็ ความสขุ
ทางหนงึ่ การครองรกั ตามประเพณขี องโลกเปน็ ความสขุ ทางหนง่ึ แตอ่ ยา่
ลืมว่า การทะเลาะกันเพราะความเหน็ ขดั แยง้ กันด้วยเรอ่ื งต่างๆ ก็เปน็
ความทกุ ขท์ างหนง่ึ ฉะนน้ั โลกจงึ ไมข่ าดจากการสมั พนั ธต์ ดิ ตอ่ กนั กบั สงิ่ ท่ี
ตนเหน็ วา่ เปน็ ความสขุ ตลอดมา และจำ� ตอ้ งแสวงกนั ทวั่ โลก จะขาดมไิ ด้
376
ความสุขในมนุษย์และสัตว์ที่ได้รับตามภูมิของตนเป็นความสุข
ประเภทหนงึ่ ความสขุ ในสวรรคแ์ ละพรหมโลกเปน็ ความสขุ ประเภทหนง่ึ
ความสุขในพระนิพพานของท่านผู้สิ้นกิเลสเคร่ืองกังวลใจโดยประการ
ทงั้ ปวงเปน็ ความสขุ ประเภทหนงึ่ ตา่ งจากความสขุ ทโี่ ลกมกี เิ ลสทง้ั หลายได้
รบั กนั จะใหเ้ ปน็ ความสขุ เหมอื นแมเ่ ดก็ เสยี ทกุ อยา่ งแลว้ โยมกไ็ มจ่ ำ� เปน็
ตอ้ งดรู ปู ฟงั เสยี ง รบั ประทานอาหารพกั ผอ่ นหลบั นอน และแสวงหาคณุ งาม
ความดมี กี ารใหท้ านรกั ษาศลี ภาวนาเปน็ ต้นให้ล�ำบาก เพียงอยู่กับแม่เดก็
เทา่ นนั้ ความสขุ จากสงิ่ ตา่ งๆ กไ็ หลมารวมในทนี่ นั้ หมด ซงึ่ เปน็ การตดั ปญั หา
ความยุง่ ยากลงได้เยอะแยะ แต่คณุ จะใหเ้ ปน็ ดังท่ีวา่ นีไ้ ดไ้ หม?
เขาตอบวา่ “โอโ้ ฮ จะไดอ้ ยา่ งไรทา่ นอาจารย์ แมแ้ ตก่ บั แมเ่ ดก็ บางครง้ั
ยังมีการทะเลาะกันได้ จะสามารถน�ำความสุขจากส่ิงตา่ งๆ มารวมกบั เขา
คนเดยี วได้อย่างไร กย็ ่ิงจะทำ� ให้ยุง่ ใหญ่” ท่านเลา่ วา่ เขาเป็นคนมีนสิ ยั
อาจหาญและตรงไปตรงมา ทงั้ รักศีลรกั ธรรมดมี าก ส�ำหรับฆราวาสทม่ี ี
ความใฝ่ใจในธรรมและมีความจงรักภักดีต่อครูอาจารย์มากมาย ท่านจึง
ได้สละเวลาพูดคุยธรรมกันแบบพิเศษ เป็นกันเองแทบทุกครั้งที่เขามา
เยี่ยมท่านเวลาปลอดจากแขก ปกติก็ไม่ค่อยมีใครสามารถมาถามท่าน
แบบเขาไดเ้ ลย เขาเปน็ คนมนี สิ ยั รกั ลกู รกั เมยี มาก เคยมากราบเยยี่ มทา่ น
บ่อยดว้ ยความรักเล่ือมในทา่ นมาก เวลามแี ขกอยกู่ บั ท่าน เขาเพียงมา
กราบแลว้ กห็ ลกี หนไี ป ทำ� งานอะไรชว่ ยพระเณรไปตามนสิ ยั ของคนสนทิ
กบั วดั ถา้ ไมม่ คี นนนั่ แลเปน็ โอกาสทเ่ี ขาจะกราบเรยี นถามเรอื่ งอะไรตา่ งๆ
ตามแต่เขาถนัด ท่านชอบเมตตาเขาด้วยแทบทุกคร้ังที่เขามาสบโอกาส
เหมาะๆ
377
ส�ำหรับท่านพระอาจารย์มั่นแล้ว ท่านฉลาดและรู้นิสัยของคนได้ดี
มากหาทตี่ ำ� หนมิ ไิ ด้ คนทกุ ชน้ั ทกุ เพศทกุ วยั มาหาทา่ น การปฏสิ นั ถารทาง
กริ ิยาจะไมเ่ หมอื นกนั เลย ทง้ั การพดู ธรรมดาและอรรถธรรมต้องตา่ งกนั
ไปเปน็ รายๆ ของผมู้ าเกี่ยวข้อง ดงั ที่เขียนผา่ นมาบ้างแลว้ ท่านพกั อยู่
วดั โนนนเิ วศน์ อุดรฯ พระมาจ�ำพรรษากบั ท่านมากและทมี่ าอบรมศึกษา
มีมากตลอดมา วัดโนนนิเวศน์แต่สมัยก่อนท่ีท่านพักอยู่มีความสงบ
มากกวา่ ทกุ วันนี้ รถราผคู้ นไม่มาก ผู้เข้าไปเกี่ยวขอ้ งกับวัดโดยมากเป็น
ผู้หวังบุญกุศลจริงๆ มิได้เข้าไปแบบท�ำลายทั้งท่ีมีเจตนาและไม่มีเจตนา
การบ�ำเพ็ญเพียรของพระเณรก็เต็มเม็ดเต็มหน่วยตามเวลาที่ต้องการ
ฉะนนั้ พระที่ทรงคณุ ธรรมทางใจจงึ มีมากพอเป็นเครอื่ งอบอุ่นแกต่ ัวเอง
และประชาชนผูห้ วังพ่ึงความร่มเยน็ ของพระ
ตอนกลางคืนท่านอบรมพระเณร การแสดงธรรมโดยมากท่าน
เรม่ิ แต่ ศลี สมาธิ ปญั ญา ขน้ึ ไปเปน็ ขน้ั ๆ อยา่ งไมม่ จี ดุ หมายวา่ ทา่ นจะไป
จบในธรรมขั้นใด แสดงจนถึงวิมุตติหลุดพ้นอันเป็นจุดส�ำคัญของธรรม
แล้วยอ้ นกลบั มาแสดงเก่ียวแกผ่ ู้ปฏิบัตวิ ่าจะควรปฏิบัติตนอยา่ งไร จงึ จะ
สามารถบรรลุจุดประสงคต์ ามธรรมท่ที า่ นอบรมสัง่ สอน การสอนพระใน
วงปฏบิ ตั ิ ทา่ นสอนเนน้ ลงในความเปน็ ผมู้ ศี ลี สงั วร โดยถอื ศลี เปน็ สำ� คญั
ในองคพ์ ระ พระจะสมบูรณ์ตามเพศของตนไดต้ อ้ งเปน็ ผหู้ นกั แนน่ ในศลี
เคารพในสกิ ขาบทนอ้ ยใหญ่ ไมล่ ว่ งเกนิ โดยเหน็ วา่ เปน็ สกิ ขาบทเลก็ นอ้ ย
ไม่สำ� คญั อันเปน็ ลักษณะของความไม่ละอายบาป และอาจล่วงเกินไดใ้ น
สกิ ขาบททว่ั ไป เปน็ ผรู้ กั ษาวนิ ยั เครง่ ครดั ไมย่ อมใหศ้ ลี ของตนดา่ งพรอ้ ย
ขาดทะลไุ ด้ อันเปน็ เครือ่ งเสรมิ ให้เปน็ ผ้มู คี วามอบอนุ่ กลา้ หาญในสังคม
ไม่กลวั ครอู าจารยห์ รือเพ่อื นพรหมจรรยจ์ ะรังเกียจหรือต�ำหนิ
378
พระในใจจะสมบรู ณเ์ ปน็ ขน้ั ๆ นบั แตพ่ ระโสดา ฯลฯ ถงึ พระอรหตั ได้
ต้องเป็นผู้หนักในความเพยี รเพอ่ื สมาธแิ ละปญั ญาทกุ ชน้ั จะมที างเกดิ ขนึ้
และเจรญิ กา้ วหนา้ สามารถชำ� ระลา้ งส่งิ สกปรกรุงรังภายในใจออกไดโ้ ดย
สน้ิ เชงิ อนง่ึ คำ� วา่ พระควรเปน็ ผเู้ ยย่ี มดว้ ยความสะอาดแหง่ ความประพฤติ
ทางกายวาจา และเย่ยี มดว้ ยจติ ทที่ รงไวซ้ ่งึ คุณธรรม คือสมาธิ ปญั ญา
วมิ ตุ ติ และวมิ ตุ ตญิ าณทสั สนะตามลำ� ดบั ไมค่ วรเปน็ พระทอ่ี บั เฉาเศรา้ ใจ
ไมส่ งา่ ผา่ เผย หลบๆ ซอ่ นๆ เพราะปมดอ้ ยคอยกระซบิ อยภู่ ายใน มอี ะไร
ลกึ ลบั ทำ� ใหร้ อ้ นสมุ อยใู่ นใจนน้ั มใิ ชพ่ ระลกู ศษิ ยพ์ ระตถาคตผงู้ ดงามดว้ ย
ความประพฤตภิ ายในภายนอก ไมม่ ที ต่ี ้องติ
แต่ควรเป็นพระท่ีองอาจกล้าหาญต่อการละช่ัวท�ำดี ด�ำเนินตามวิถี
รอยพระบาททศ่ี าสดาพาดำ� เนนิ เปน็ ผซู้ อ่ื ตรงตอ่ ตนเองและพระธรรมวนิ ยั
ตลอดเพอ่ื นฝงู อยทู่ ่ใี ดไปทใ่ี ดมสี คุ โตเปน็ ที่รองรบั มโี อชารสแหง่ ธรรม
เปน็ ทซี่ มึ ซาบ มคี วามสวา่ งไสวอยดู่ ว้ ยสตปิ ญั ญาเปน็ เครอื่ งสอ่ งทาง ไมอ่ ยู่
อย่างจนตรอกหลอกตัวเองใหจ้ นมุม น่นั คือพระลูกศษิ ย์พระตถาคตแท้
ควรสำ� เหนียกศึกษาอยา่ งถึงใจ ยึดไวเ้ ปน็ หลกั อนาคตอนั แจ่มใสไรก้ งั วล
จะเป็นสมบัติท่ีพึงพอใจของผู้น้ันแน่นอน น่ีเป็นปกตินิสัยท่ีท่านอบรม
พระปฏบิ ตั ิ
หลังจากการประชุมแล้ว ท่านผู้ใดมีข้อข้องใจก็ไปศึกษากับท่าน
เป็นรายๆ ไปตามโอกาสที่ท่านว่างกิจประจ�ำวัน ซ่ึงมีติดต่อกันท่ีท่าน
ตอ้ งปฏบิ ตั ไิ ม่ลดละไม่ว่าจะอยใู่ นทใี่ ด คอื ตอนเช้าออกจากท่ีภาวนาแล้ว
ลงเดินจงกรมก่อนบิณฑบาต พอได้เวลาแล้วก็ออกบิณฑบาต จากนั้น
เขา้ ทางจงกรมเดนิ จงกรมจนถงึ เทยี่ งเขา้ ทพี่ กั พกั จำ� วดั บา้ งเลก็ นอ้ ย ลกุ ขนึ้
379
ภาวนาแลว้ ลงเดินจงกรม บ่าย ๔ โมงเยน็ ปดั กวาดลานวัดหรือท่พี กั อยู่
ขณะนั้น สรงน�้ำแล้วเข้าทางจงกรมอีกเป็นเวลาหลายช่ัวโมง ออกจาก
ท่จี งกรมก็เข้าที่ไหว้พระสวดมนต์
การสวดมนต์ท่านสวดมากและสวดนานเป็นช่ัวโมงๆ เสร็จแล้ว
นงั่ สมาธภิ าวนาตอ่ ไปตงั้ หลายชวั่ โมง คนื หนงึ่ ๆ ทา่ นพกั จำ� วดั ราว ๔ ชว่ั โมง
เป็นอย่างมากในเวลาปกติ ถ้าเป็นเวลาพิเศษก็นั่งสมาธิภาวนาตลอดรุ่ง
ไมพ่ กั จำ� วดั เลย ในวยั หนมุ่ ทา่ นทำ� ความเพยี รเกง่ มาก ยากจะมผี เู้ สมอได้
แมใ้ นวยั แกย่ งั ไมท่ ง้ิ ลวดลาย เปน็ แตผ่ อ่ นลงบา้ งตามวบิ ากทที่ รดุ โทรมลง
ทกุ วนั เวลา ทผี่ ดิ กบั พวกเราอยมู่ ากคอื จติ ใจทา่ นไมแ่ สดงอาการออ่ นแอไป
ตามวบิ ากธาตขุ นั ธเ์ ทา่ นน้ั นค่ี อื วธิ กี ารของทา่ นผดู้ เี ปน็ คตแิ กโ่ ลกดำ� เนนิ มา
มิได้ทอดทิ้งปล่อยวางหน้าท่ีของตนนับแต่ต้นเป็นล�ำดับมา ไม่ลดละ
ความเพียรซง่ึ เปน็ แรงหนุนอนั ส�ำคัญ แดนแหง่ ชัยชนะท่ีทา่ นได้รับอย่าง
พอใจน้ันไดท้ เี่ ขาลึกในจงั หวดั เชียงใหม่ท่ีเขียนผ่านมาแลว้
เราท่ีเกิดมาในชาติมนุษย์ซึ่งเป็นชาติที่พร้อมด้วยคุณสมบัติท่ีควร
จะได้จะถึงอยู่แล้ว แต่ละท่านท่ีจะได้ประสบความส�ำเร็จดังใจหมาย
เชน่ ทา่ นทไี่ ดป้ ระสบมาแลว้ จนไดก้ ลายมาเปน็ ประวตั นิ น้ั แมจ้ ะมคี นมาก
แทบลน้ โลกสมยั ปจั จบุ นั แตผ่ จู้ ะไดป้ ระสบกบั แดนสมหวงั ดงั ทกี่ ลา่ วมานี้
มจี ำ� นวนนอ้ ยมากเหลอื เกนิ แทบจะไมม่ ใี นโลกสมยั ปจั จบุ นั ทแ่ี ตกตา่ งกนั
มากท้ังนี้ เพราะความรู้ความเหน็ ความขะมกั เขมน้ และอทิ ธบิ าท ๔ คอื
ฉนั ทะ วริ ิยะ จิตตะ วมิ งั สา ในทางจะให้เกดิ ผลดงั มุ่งหมายมมี ากน้อย
ต่างกันมาก ผลท่ีเกิดขึ้นจึงท�ำให้ต่างกันมากจนแทบไม่น่าเช่ือท้ังฝ่ายดี
ฝา่ ยชวั่ แตเ่ ปน็ สง่ิ ทโ่ี ลกไดป้ ระจกั ษต์ าประจกั ษใ์ จกนั มานานแลว้ จนหาทาง
380
ปฏิเสธไม่ได้ นอกจากตอ้ งยอมรับโดยท่ัวกันตามสิง่ ท่ีปรากฏ ท้งั ดที ัง้ ชว่ั
ทั้งสขุ ทงั้ ทุกข์ ซงึ่ เกดิ ขน้ึ กับตนแต่ละราย ไม่มีทางสลัดปดั ทงิ้ ไดเ้ ท่านัน้
ทา่ นพระอาจารยม์ นั่ เปน็ ผมู้ ปี ระวตั อิ นั งดงามมากในบรรดาครอู าจารย์
สมยั ปจั จบุ นั เปน็ ประวตั ทิ ท่ี รงดอกทรงผลตลอดตน้ ชนปลาย สวยงามมา
ทกุ ระยะ นา่ เคารพเลอื่ มใสของคนทกุ ชน้ั ทกุ เพศทกุ วยั กติ ตศิ พั ทก์ ติ ตคิ ณุ
ฟุ้งขจรไปถึงไหน เกิดความหอมหวนชวนให้เคารพเลื่อมใสในที่นั้น
แตเ่ ป็นทีน่ า่ เสียดายอยา่ งย่ิง เวลาทา่ นยงั มชี วี ติ อยู่ ทา่ นพุทธศาสนกิ ชน
ทม่ี คี วามรักใคร่ใฝ่ธรรมไมค่ อ่ ยมโี อกาสไดท้ ราบ และไดเ้ ข้าใกลช้ ิดสนทิ
กบั ท่านซึ่งมอี ย่มู ากมาย ทัง้ ท่ปี ระสงคอ์ ยากพบทา่ นผูด้ ีมคี ุณธรรมสงู อยู่
ตลอดมา
แต่เน่ืองจากท่านไม่ค่อยชอบออกมาตามบ้านเมืองท่ีมีผู้คนชุกชุม
ท่านเห็นเป็นความสะดวกสบายใจในการอยู่ในป่าเขาตลอดมาแต่ต้นจน
อวสาน แมพ้ ระสงฆผ์ มู้ ีความม่งุ มน่ั ต่ออรรถธรรมซง่ึ มีอยมู่ าก กไ็ มค่ อ่ ย
มโี อกาสไดเ้ ขา้ ไปถงึ องคท์ า่ นไดง้ า่ ยๆ เพราะทางลำ� บากกนั ดาร รถราไมม่ ี
การเขา้ ไปหาจนถงึ ทอี่ ยทู่ า่ นตอ้ งเดนิ ทางเปน็ วนั ๆ ผไู้ มเ่ คยเดนิ กไ็ ปไมไ่ หว
ทง้ั ความไม่กล้าหาญพอทจ่ี ะรบั ธรรมอนั แทจ้ ริงจากทา่ นบา้ ง กลัวทา่ นจะ
ไมร่ บั ใหอ้ ยดู่ ว้ ยบา้ ง กลวั ทา่ นจะดบุ า้ ง กลวั ตวั จะปฏบิ ตั ไิ มไ่ ดอ้ ยา่ งทา่ นบา้ ง
กลวั อาหารการเปน็ อยูจ่ ะขาดแคลนกันดารบ้าง กลัวจะฉันมอ้ื เดียวอย่าง
ทา่ นไม่ได้บา้ ง
เร่ืองท่ีจะเป็นอุปสรรคต่อการไปน้ัน รู้สึกว่าสร้างไว้อย่างมากมาย
จนไม่อาจจะฝ่าฝืนเล็ดลอดไปได้ ท้ังที่มีความมุ่งหวังอยู่อย่างเต็มใจ
381
สงิ่ เหลา่ นแ้ี ลทเี่ ปน็ อปุ สรรคตอ่ ตวั เอง จงึ ปลอ่ ยโอกาสใหผ้ า่ นไปโดยไมไ่ ด้
รับประโยชน์อะไรจากความคิดชนิดต่างๆ เหล่านี้เลย กระท่ังได้ยินแต่
ประวตั ทิ า่ นทไ่ี มม่ รี ปู รา่ งเหลอื อยแู่ ลว้ จงึ ไดท้ ราบวา่ ทา่ นเปน็ พระเชน่ ไรใน
วงพระศาสนา ซง่ึ เปน็ ศาสนาทท่ี รงมรรคทรงผลตลอดมานบั แตพ่ ระพทุ ธเจา้
เป็นพระองค์แรก ล�ำดับล�ำดากันลงมาถึงพระสาวกผู้ทรงมรรคทรงผล
นบั จำ� นวนไมไ่ ด้ ถา่ ยทอดกนั เรอ่ื ยมาดว้ ย สปุ ฏบิ ตั ิ อชุ ุ ญายะ สามจี ปิ ฏบิ ตั ิ
อันเป็นเหมือนท�ำนบใหญ่ที่ไหลออกมาแห่งน�้ำอมตมหานิพพานจากจิต
สันดานของทกุ ท่าน ผทู้ รงไวซ้ ึง่ ปฏิปทาตามทางศาสดาทีป่ ระทานไว้
ท่านพระอาจารย์มั่นเป็นองค์หน่ึงในจ�ำนวนพระสาวกอันดับปัจจุบัน
ซ่งึ เพ่ิงมรณภาพผา่ นไปเมอ่ื วนั ที่ ๑๐ พฤศจกิ ายน ๒๔๙๒ ถ้ารวมเวลาท่ี
ผา่ นไปกร็ าว ๒๐ ปกี วา่ เทา่ นน้ั แตก่ ารมรณภาพทา่ นจะรอลงขา้ งหนา้ เวลา
เรื่องท่านด�ำเนินไปถึง แต่อย่างไรก็ตามการผ่านไปแห่งรูปธรรมนั้นเป็น
ของมีมาด้ังเดิม ท้ังยังจะมีต่อไปตลอดกาลเม่ือความเกิดของสิ่งสมมุติ
ต่างๆ ยงั เปน็ ไปอยู่ ความอัศจรรย์ส�ำคญั ที่ยังคงอยู่ คือ พระเมตตาคณุ
พระปญั ญาคณุ และพระวสิ ทุ ธคิ ณุ ของพระพทุ ธเจา้ ทสี่ ถติ อยกู่ บั พระศาสนา
ไม่ได้ผ่านไปด้วย แม้เมตตาคุณ ปัญญาคุณ และวิสุทธิคุณของท่าน
พระอาจารยม์ นั่ กค็ งยงั อยเู่ ชน่ เดยี วกบั ของพระศาสดา เพราะเปน็ คณุ สมบตั ิ
ลกั ษณะเดียวกัน สำ� คญั อยูท่ ี่ผูจ้ ะปฏิบัติใหเ้ ป็นไปตามพระโอวาททีท่ า่ น
ประทานไว้ จะสามารถตกั ตวงไดม้ ากน้อยเพียงไร ในกาลอนั ควรที่ก�ำลงั
เปน็ ไปอยกู่ บั พวกเราเวลาน้ี นเี่ ปน็ สงิ่ ทยี่ งั ควรและนา่ สนใจอยมู่ ากสำ� หรบั
ผู้ยังมีชีวิตครองตัวอยู่ ถ้าหาไม่แล้วหมดหนทาง ไม่มีสิ่งใดมาแก้ไขให้
กลับคืนได้
382
ตอนท่านแก้ปญั หาพีน่ อ้ งชาวนครราชสีมาน้ัน มเี น้ือความสะดดุ ใจ
ผ้เู ขยี นตลอดมา จึงขอถอื เอาความย่อๆ มาลงอีกเลก็ น้อย วา่ อย่าท�ำ
ความรู้ ความเหน็ และความประพฤตทิ กุ ดา้ นเหมอื นเราไมม่ ปี า่ ชา้ อยกู่ บั ตวั
อยกู่ บั บา้ นเมอื งเรา อยกู่ บั ญาตมิ ติ รของเรา บทถงึ คราวเปน็ อยา่ งโลกทม่ี ี
ปา่ ชา้ ทว่ั ๆ ไปขนึ้ มา จะแกต้ วั ไมท่ นั แลว้ จะจมลงในทต่ี นและโลกไมป่ ระสงค์
อยากลงกัน จะคิดจะพูดจะทำ� อะไร ควรระลกึ ถงึ ป่าชา้ คือความตายบา้ ง
เพราะกรรมกบั ปา่ ชา้ อยดู่ ว้ ยกนั ถา้ ระลกึ ถงึ ปา่ ชา้ ในขณะเดยี วกนั ไดร้ ะลกึ
ถึงกรรมดว้ ย พอทำ� ใหร้ ู้สกึ ตัวขนึ้ บ้าง อยา่ อวดตัววา่ เก่งท้งั ๆ ทไี่ มเ่ หนือ
อ�ำนาจของกรรม แมอ้ วดไปกเ็ ปน็ การท�ำลายตัวใหล้ ่มจมไปเปลา่ ๆ
ไมค่ วรอวดเกง่ กวา่ ศาสดาผรู้ ดู้ รี ชู้ อบทกุ ๆ อยา่ ง ไมล่ บู ๆ คลำ� ๆ เหมอื น
คนมีกิเลสทอ่ี วดตวั ว่าเกง่ สุดทา้ ยกจ็ นมุมของกรรมคือความเก่งของตัว
(ผลรา้ ยทเี่ กดิ จากการทำ� ดว้ ยความอวดเกง่ ของตวั เอง) นฟี้ งั แลว้ ใจสะดงุ้
และหมอบยอมจ�ำนนต่อกรรมจริงๆ ไม่ผยองพองตัวจนลืมตน ว่ามิใช่
คนเดินดนิ เหมือนโลกๆ เขา จงึ ได้น�ำมาลงซำ�้ อีก ทีล่ งมาแล้วบางตอน
ก็มีบกพร่องบ้าง ไม่สมบูรณ์ตามที่ท่านอธิบาย มาระลึกได้ทีหลังก็มี
อยา่ งนเี้ องความรคู้ วามจำ� ของปถุ ชุ นคนหนามนั หลอกๆ ลวงๆ ขวางธรรม
ของจริงอยู่อย่างน้ีเอง จึงขออภัยท่านผู้อ่านไว้ด้วยท่ีเขียนซ�้ำบ้างเป็น
บางตอน
ทา่ นพระอาจารยม์ นั่ ทา่ นมคี วามรคู้ วามสามารถ ประสาทธรรมใหแ้ ก่
คณะลกู ศษิ ยฝ์ า่ ยพระเปน็ ตน้ โพธต์ิ น้ ไทรขน้ึ มาหลายองค์ ซงึ่ เปน็ ประเภท
ทปี่ ลกู ใหเ้ จรญิ เตบิ โตขนึ้ ยากอยา่ งยง่ิ เพราะเปน็ ประเภททชี่ อบมอี นั ตราย
รอบดา้ น ครอู าจารย์ท่เี ป็นลกู ศษิ ย์ผใู้ หญ่ทา่ นยังมีอย่หู ลายองค์ ทีร่ ะบุ
383
นามมาบ้างแลว้ ตอนตน้ กม็ ี คือ ทา่ นอาจารยส์ งิ ห์ ทา่ นอาจารยม์ หาปน่ิ
อบุ ลฯ ทา่ นอาจารย์เทสก์ ท่าบ่อ หนองคาย ท่านอาจารยฝ์ ้นั สกลนคร
ทา่ นอาจารยข์ าว วดั ถ้�ำกลองเพล อดุ รฯ ท่านอาจารยพ์ รหม บา้ นดงเยน็
อ�ำเภอหนองหาร อุดรฯ แตท่ ่านมรณภาพไปเมือ่ เร็วๆ นี้ ท่านอาจารยล์ ี
วดั อโศการาม สมทุ รปราการ ทา่ นอาจารยช์ อบ ทา่ นอาจารยห์ ลยุ จงั หวดั เลย
ทา่ นอาจารยอ์ อ่ น หนองบวั บาน ทา่ นอาจารยส์ มิ เชยี งใหม่ ทา่ นอาจารยต์ อ้ื
เชียงใหม่ ทา่ นอาจารยก์ งมา สกลนคร ท่หี ลงลืมจำ� ไม่ไดก้ ็ยงั มอี ย่มู าก
ทา่ นอาจารยเ์ หลา่ นล้ี ว้ นเปน็ ผมู้ คี ณุ ธรรมในลกั ษณะตา่ งๆ กนั องคห์ นง่ึ
เดน่ ไปทางหนงึ่ อกี องคห์ นงึ่ เดน่ ไปทางหนง่ึ รวมแลว้ ทา่ นเปน็ ผนู้ า่ กราบไหว้
บชู าอยา่ งสนทิ ใจแทบทกุ องค์ บางทา่ นมชี อ่ื เสยี งโดง่ ดงั มปี ระชาชนพระเณร
รจู้ กั มาก บางทา่ นชอบเกบ็ ตวั และชอบอยใู่ นทส่ี งดั ตามอธั ยาศยั บรรดา
ลกู ศษิ ยท์ า่ นพระอาจารยม์ นั่ บางทา่ นมสี มบตั มิ าก (คณุ ธรรม) แตไ่ มม่ คี น
ค่อยทราบก็มีอยู่หลายองค์ เพราะท่านชอบอยู่อย่างเงียบๆ ตามนิสัย
นับว่าท่านสามารถปลูกพระให้เป็นต้นโพธิ์ธรรมได้มากกว่าทุกอาจารย์ใน
ภาคอสี าน โพธคิ์ อื ความรคู้ วามฉลาด ถา้ เปน็ โพธข์ิ องพระพทุ ธเจา้ กเ็ รยี ก
วา่ ตรสั รู้ แตเ่ ปน็ อาจารยก์ ค็ วรเรยี กตามฐานะ หรอื ตามวสิ ยั ปา่ ของผเู้ ขยี น
วา่ โพธ์ิธรรมซึ่งรสู้ กึ ถนัดใจ
การปลูกพระก็เหมือนท่ีโลกเลี้ยงลูกปลูกโพธิ์นั่นเอง การแนะน�ำ
ส่ังสอนเพอื่ ปลูกฝงั หลกั ฐานทางมรรยาท ความประพฤติ ตลอดความรู้
ความฉลาด ทางภายในถึงข้ันปกครองตนได้ ไม่มีภัยเข้าไปอาจเอ้ือม
ทำ� ลายได้ เพยี งแตล่ ะองคน์ บั วา่ เปน็ สง่ิ ทท่ี ำ� ใหเ้ จรญิ ไดย้ ากมาก เพราะการ
ปลูกคุณธรรมให้ฝังลึกลงในหัวใจของคนมีกิเลสแสนแง่แสนงอนนั้น
384
เปน็ ภาระท่หี นกั หนว่ งถว่ งใจผู้เป็นอาจารย์แทบไมม่ ีเวลาปลงวางได้ และ
ตอ้ งเปน็ ผมู้ อี ำ� นาจเหนอื กเิ ลสโดยประการทง้ั ปวงแลว้ จงึ จะพอมที างทำ� ให้
ผมู้ ารบั การอบรมไดร้ บั ความซาบซงึ้ ถงึ ใจ และพอใจปฏบิ ตั ติ ามดว้ ยความ
เตม็ ใจ นสิ ยั กบั ธรรมจะพอมที างกลมกลนื กนั ได้ กลายเปน็ ผมู้ คี วามมนั่ คง
ทางใจไปโดยลำ� ดบั
ล�ำพังเราก็มีกิเลส ผู้มารับการอบรมต่างก็มีกิเลสเต็มตัวด้วยกัน
ยากทจ่ี ะมกี ำ� ลงั ฉดุ ลากกนั ไปใหถ้ งึ ทปี่ ลอดภยั ได้ จงึ อยากจะพดู วา่ สง่ิ ทที่ ำ� ได้
ยากในโลกมนษุ ยเ์ รากค็ อื การสรา้ งพระธรรมดาให้เป็นพระที่น่ากราบไหว้
บชู า และเสกสรรหรอื สง่ เสรมิ ใหเ้ ลอื่ นจากฐานะเดมิ ของจติ ขน้ึ สพู่ ระโลกตุ ระ
คอื พระโสดา พระสกิทาคา พระอนาคา และพระอรหนั ตน์ ้นั ย่ิงยาก
แสนยากข้ึนเป็นข้ันๆ ดีไม่ดียังไม่แตกกิ่งแตกแขนงก็ถูกตัวแมลงมากัด
มาไช มาโคน่ รากแกว้ รากฝอยใหโ้ คน่ ลม้ จมดนิ อยา่ งไมเ่ ปน็ ทา่ เสยี มากกวา่
จะเจรญิ เปน็ ตน้ เปน็ ลำ� ขน้ึ มาพอทำ� ประโยชนไ์ ด้ โดยมากเราเคยเหน็ กนั มา
อยา่ งนน้ั แทบทั้งนน้ั ไมค่ อ่ ยมีรากฝังลึกพอจะทนลมทนฝนทนตัวแมลง
กดั ไชได้
เราปลกู ตน้ ไมช้ นดิ ตา่ งๆ ไวท้ ำ� ประโยชน์ ไมก่ ปี่ กี ไ็ ดร้ บั ผล แตป่ ลกู พระน้ี
กี่ปีคอยแต่จะโค่นล้มอยู่นั่นเอง แม้ไม่มีอะไรมาตอม แต่ตัวเองคอย
สา่ ยแสห่ าตวั แมลงมาตอมเพอื่ ทำ� ลาย และตวั กค็ อยทำ� ลายตวั เองอยแู่ ลว้
จงึ เปน็ ความเจรญิ ไดย้ ากในการปลกู พระ ถา้ ไมเ่ ชอื่ วา่ เปน็ ความจรงิ กเ็ ชญิ
เข้ามาลองบวชบ�ำรุงตนด้วยสิกขาบทกฎบัญญัติที่ประทานไว้ดู น่ากลัว
วา่ ขา้ วเยน็ ก็จะหิวกอ่ นเวลาท้งั ทต่ี ะวนั ยงั ไม่ตก เที่ยวกอ็ ยากเท่ียวตลอด
เวลาทั้งท่ีศีรษะก็ไม่เหมือนโลกเขา ตาหูเป็นต้นต่างก็อยากดูอยากฟัง
385
อยากดมกลนิ่ ลม้ิ รส สมั ผสั สง่ิ ออ่ นนมุ่ ภมู ใิ จไม่มีเวลาอ่ิมพอตลอดเวลา
โดยไม่เลือกว่าเช้าสายบ่ายเย็นอะไรเลย จนลืมว่าตัวเป็นอะไรขณะน้ี
ส่วนจะสนใจบ�ำรุงต้นโพธิ์ คือใจให้มีเหตุมีผลรู้จักอดทนต่อค�ำสั่งสอน
น้อมเข้ามาฝึกฝนอบรมตนให้มีความสงบเย็นใจน้ัน น่ากลัวจะไม่สนใจ
นำ� พาเสยี แลว้ ตน้ โพธคิ์ อื ใจเมอ่ื ขาดการบำ� รงุ กม็ แี ตจ่ ะเหย่ี วแหง้ ยบุ ยอบ
ลงโดยล�ำดับ สิ่งคอยท�ำลายก็นับวันเวลามีโอกาสหักรานไปทุกระยะ
ตน้ โพธต์ิ น้ ไหนบา้ งจะทนตง้ั โดอ่ ยไู่ ด้ เพราะโพธข์ิ องพระเปน็ โพธทิ์ มี่ หี วั ใจ
จะต้องโอนไปเอนมาตามส่ิงร้าวราน ทนไม่ไหวก็โค่นล้มลงจมดินจมน�้ำ
อย่างไม่เปน็ ท่าเทา่ นั้นเอง
ฉะน้ัน การปลูกโพธ์ิจึงเป็นของปลูกยากอย่างน้ี ใครไม่เคยปลูก
ก็ไม่รู้ฤทธิ์ของมันซึ่งไม่ค่อยชอบปุ๋ยธรรมดาเหมือนต้นไม้ท้ังหลาย
แตแ่ หวกไปชอบปยุ๋ ประเภทสงั หารทำ� ลายเสยี มาก ฉะนนั้ โพธติ์ น้ นจ้ี งึ มกั
อบั เฉาและตายไดง้ า่ ยกวา่ ตน้ ไมช้ นดิ อนื่ ๆ คอื ตายจากศลี ธรรมความดงี าม
นนั่ เอง ผเู้ ขยี นเคยปลกู และบำ� รงุ มาบา้ ง และเคยทำ� ลายมาบา้ งดว้ ยความ
รู้เท่าไม่ถึงการณ์ จึงพอทราบฤทธ์ิของมันว่าเป็นธรรมชาติที่ปลูกยาก
บำ� รงุ ยาก คอยแตจ่ ะอบั เฉาเหยี่ วแหง้ และฉบิ หายอยตู่ ลอดมา แมป้ จั จบุ นั
น้ีก็ยังไม่อาจรับรองได้ว่า โพธ์ิต้นนี้จะเจริญขึ้นหรือเสื่อมลงไปถึงไหน
เพียงไร เพราะปกตกิ ็คอยแตจ่ ะเสอื่ มลงท่าเดียว ทั้งๆ ทม่ี องไมเ่ หน็ วา่
มอี ะไรเจริญขนึ้ พอให้เสือ่ มลงอันเป็นของคกู่ นั แต่ยังอตุ สา่ ห์เส่อื มลงได้
อยนู่ ่นั เอง
ปุ๋ยประเภทท�ำลายนี้ โพธ์ิชนิดน้ีรู้สึกชอบและแสวงหามาท�ำลาย
ตวั เองเปน็ ประจำ� แทบมองไมท่ นั โดยไมม่ ใี ครมาเกยี่ วขอ้ งและชว่ ยทำ� ลาย
386
ดังน้ัน ท่านที่อุตส่าห์ฝ่าฝืนและทรมานใจให้อยู่ในอ�ำนาจได้จนกลาย
เป็นโพธ์ิขึ้นมาอย่างสมบูรณ์ จึงเป็นผู้ท่ีน่ากราบไหว้สักการะอย่างถึงใจ
สมยั ปัจจุบนั ก็มีท่านอาจารยม์ ัน่ เป็นต้น ซ่ึงเป็นท่ีอบอุน่ แกบ่ รรดาศษิ ย์
โดยทว่ั กนั ทง้ั นเ้ี พราะทา่ นสามารถบำ� รงุ รกั ษาตน้ โพธทิ์ า่ นไวไ้ ดจ้ นทรงดอก
ทรงผล ทรงตน้ ทรงกง่ิ และทรงใบไวไ้ ดอ้ ยา่ งสมบรู ณแ์ ละรม่ เยน็ แกผ่ เู้ ขา้
อาศยั ตลอดมา แมท้ า่ นมรณภาพผา่ นไปแลว้ เพยี งไดอ้ า่ นประวตั กิ ย็ งั สามารถ
ท�ำความดึงดูดจิตใจให้เกิดความเลื่อมใสในท่านและในธรรมข้ึนอีกมาก
ประหนงึ่ ทา่ นยงั มชี วี ติ อยกู่ บั พวกเรามไิ ดพ้ ลดั พรากจากไปไหนเลยฉะนนั้
ทา่ นพกั จำ� พรรษาทวี่ ดั โนนนเิ วศน์ จงั หวดั อดุ รธานี เปน็ เวลา ๒ พรรษา
นับแตจ่ ากจงั หวดั เชียงใหมม่ า พอออกพรรษาปที ี่สองแลว้ คณะศรทั ธา
ทางจังหวัดสกลนคร มีคณุ แม่นุม่ ชวุ านนท์ เป็นต้น ซึ่งเคยเป็นลกู ศิษย์
เก่าแก่ของท่าน พร้อมกันมาอาราธนานิมนต์ท่านให้ไปโปรดทางจังหวัด
สกลนคร ซ่ึงท่านเคยอยู่มาก่อน ท่านยินดีรับอาราธนา คณะศรัทธา
ทั้งหลายต่างมีความยินดีพร้อมกันเอารถมารับท่านไปที่จังหวัดสกลนคร
ในปลายปี พ.ศ. ๒๔๘๔ ทา่ นไปพกั วดั สทุ ธาวาส สกลนคร ขณะทที่ า่ นพกั
อยู่มีประชาชนพระเณรพากันมากราบเยี่ยมและฟังโอวาทท่านมิได้ขาด
ท่านพักวัดสุทธาวาสคร้งั น้ันมผี มู้ าขอถ่ายภาพทา่ นไว้กราบไหวบ้ ชู า
ท่านอนุญาตให้ถ่ายภาพท่านคราวมาพักนครราชสีมาครั้งหน่ึง
คราวมาพกั ทส่ี กลนครครง้ั หนง่ึ ทบี่ า้ นฝง่ั แดง อำ� เภอพระธาตพุ นม จงั หวดั
นครพนม คราวกลับจากงานฌาปนกจิ ศพทา่ นพระอาจารยเ์ สาร์คร้งั หนึ่ง
ท่ที า่ นผเู้ คารพเล่ือมใสในท่านได้รับแจกไวส้ ักการบชู าทกุ วนั นี้ ก็เนอ่ื งมา
จากทที่ า่ นอนญุ าตใหถ้ า่ ยสามวาระนนั่ แล ไมเ่ ชน่ นนั้ กค็ งไมม่ อี ะไรปรากฏ
387
เปน็ พยานแหง่ ความเลอื่ มใสในทางรปู กายทา่ นบา้ งเลย เพราะปกติท่าน
ไมช่ อบใหถ้ า่ ยอย่างงา่ ยๆ กว่าจะอนุญาตใหใ้ ครแต่ละคร้ัง ผนู้ ัน้ ตอ้ งรสู้ กึ
อดึ อดั ใจอยไู่ มน่ อ้ ย ตอ้ งนงั่ ถอยเขา้ ถอยออก และเปลยี่ นทา่ เปลยี่ นทอี ยู่
หลายครง้ั จนเหงอื่ แตกโชกไปทงั้ ตวั โดยไมร่ สู้ กึ เพราะเคยทราบมาแลว้ วา่
ท่านไม่ค่อยอนุญาตให้ใครถ่ายเลย ดีไม่ดีถ้าเข้าไม่สบโอกาสอาจโดนดุ
ก็ได้ จึงตอ้ งกลัวกนั ทุกรายไป
ท่านพักวัดสุทธาวาสพอควรแล้ว ก็ออกเดินทางไปพักท่ีส�ำนักป่า
บา้ นนามน ซง่ึ เปน็ ท่ีสงดั วิเวกดที ั้งกลางวนั กลางคืน เหมาะกบั อธั ยาศัย
ทา่ นทช่ี อบเช่นนัน้ มาประจ�ำนิสยั พระเณรทไี่ ปอาศัยอยู่กับทา่ นเหน็ แล้ว
น่าเล่ือมใสอย่างจับใจ มีแต่องค์พูดน้อยแต่ชอบต่อยมากๆ กันทั้งนั้น
คือท่านไม่ชอบพูดคุยกัน ต่างองค์ประกอบความเพียรตลอดเวลาในที่
ของตนๆ อย่ใู นกระต๊อบเปน็ หลังๆ บ้าง อยู่ในทจ่ี งกรมในป่าริมท่ีพักบ้าง
ถงึ เวลาบ่าย ๔ โมงเยน็ เวลาปดั กวาดลานวดั ถงึ จะเห็นท่านเดนิ ออกมา
จากที่ต่างๆ แล้วปัดกวาดลานวัดโดยพร้อมเพรียงกัน จากน้ันก็พากัน
ขนนำ�้ ขึ้นใสต่ ุม่ ลา้ งเทา้ ตมุ่ ลา้ งบาตร และสรงนำ�้ อยา่ งสงบเสงย่ี มงามตา
ต่างองค์ต่างมีท่าอันส�ำรวม มีสติปัญญาพิจารณาธรรมไปกับกิจวัตรท่ีท�ำ
มิไดเ้ ลนิ เลอ่ เผลอตวั คะนองปากพดู ไปตา่ งๆ
พอเสร็จกิจวัตรแล้วต่างองค์ต่างปลีกตัวหาท่ีบ�ำเพ็ญเพียรในท่ีและ
ท่าต่างๆ ประหนึ่งไมม่ ีพระอยู่ในส�ำนกั เลยฉะน้นั เพราะไม่มองเห็นพระ
ยนื พดู นงั่ คยุ กนั ในทตี่ า่ งๆ เลย ถา้ กา้ วเขา้ ไปในปา่ รมิ สำ� นกั จะเหน็ แตท่ า่ น
เดินจงกรมไปมาอยู่บ้าง น่ังสมาธิภาวนาอยู่บ้าง น่ังท�ำความสงบอยู่ใน
กระตอ๊ บเลก็ ๆ บา้ ง อยา่ งนน้ั เปน็ ประจำ� ทกุ วนั เวลา นอกจากเวลาประชมุ
388
บณิ ฑบาตและเวลามกี จิ จำ� เปน็ อยา่ งอน่ื หรอื เวลาฉนั จงั หนั เทา่ นน้ั จงึ จะเหน็
ทา่ นอยรู่ วมกนั แมข้ ณะบณิ ฑบาตกต็ า่ งองคต์ า่ งสำ� รวมระวงั ตงั้ สตปิ ญั ญา
ใกลช้ ดิ ตดิ แนบอยกู่ บั ความเพยี รไปตามสายทาง มไิ ดไ้ ปแบบคนไมม่ สี ตอิ ยู่
กบั ตวั ตาสง่ ไปในสงิ่ โนน้ ปากพดู พลา่ มกบั คนนี้ อะไรเชน่ นนั้ ในอริ ยิ าบถ
และความเคล่ือนไหวไปมาของพระท่านเป็นที่เย็นตาเย็นใจน่าเคารพ
เล่อื มใส
ก่อนฉันต่างพิจารณาอาหารปัจจัยท่ีรวมอยู่ในบาตรด้วยอุบายท่ี
เหน็ ภยั ไมใ่ หต้ ดิ ใจในอาหาร ไมแ่ สดงอาการเพลดิ เพลนิ ในอาหารชนดิ ตา่ งๆ
ขณะฉนั กท็ ำ� ความรสู้ กึ แบบคนมสี ตอิ ยกู่ บั ตวั และฉนั ดว้ ยทา่ สำ� รวม ไมพ่ ดู
คยุ กนั ในเวลาฉนั และไมม่ องโน้นมองนี่ การขบเคยี้ วอาหารก็มีสตริ ะวงั
ไมใ่ ห้มเี สียงดงั เกินความงาม อันเป็นทรี่ �ำคาญแกผ่ ู้อ่ืนทฉ่ี นั อย่ดู ้วยกนั
หลังจากฉันเสร็จต่างเก็บสิ่งของบริขารและปัดกวาดเช็ดถูที่ฉัน
ใหส้ ะอาด แลว้ ลา้ งบาตรเช็ดบาตรใหแ้ ห้ง ผง่ึ แดดครู่หน่งึ แลว้ เก็บไว้
ในทคี่ วร หลงั จากนนั้ ตา่ งเขา้ หาทวี่ เิ วกเพอ่ื ความเพยี ร คอื การฝกึ อบรมใจ
ตามแต่เห็นสมควรจะปฏิบัติต่อใจอย่างไร หนักบ้างเบาบ้าง โดยมิได้
คำ� นงึ ถงึ กบั เวลำ�่ เวลาวา่ เชา้ สายบา่ ยเยน็ และความเพยี รวา่ ทำ� มากไปหรอื
น้อยไป จุดที่หมายอย่างน้อยก็หวังให้จิตอยู่ในค�ำบริกรรมภาวนาท่ีน�ำ
มาบังคับหรือก�ำกับให้เป็นอารมณ์ท่ีพึ่งพิง เพื่อความสงบเย็นใจหน่ึง
เพื่อบงั คับใจให้อยู่ในเหตผุ ลทีป่ ัญญาช้แี จงหรืออบรมในกรณนี น้ั ๆ หน่งึ
เพื่อภูมิจิตภูมิธรรมข้ันละเอียดขึ้นไปโดยล�ำดับจนถึงจุดที่หมายหน่ึง
องค์ใดอยู่ในภูมิใดก็พยายามอบรมจิตของตนให้ด�ำเนินไปตามภูมิน้ัน
ไม่ลดละความเพียร
389
คำ� วา่ สตยิ อ่ มถอื เปน็ ธรรมสำ� คญั ของความเพยี รทกุ ๆ ประโยค และ
คำ� ว่าปัญญาก็ยอ่ มถือเปน็ ส�ำคญั ในเวลาทคี่ วรใช้ตามกาลของตน เพราะ
ปญั ญาเปน็ ธรรมจำ� เปน็ ไปตามภมู ขิ องธรรม สว่ นสตเิ ปน็ ธรรมจำ� เปน็ ตลอดไป
ในอริ ยิ าบถตา่ งๆ กาลใดทขี่ าดสติ กาลนนั้ เรยี กวา่ ขาดความเพยี ร แมก้ ำ� ลงั
เดินจงกรมหรือน่ังสมาธิอยู่ก็สักแต่ว่าเท่านั้น แต่มิได้เรียกว่าเป็นความ
เพยี รชอบ ดงั นนั้ ทา่ นจงึ สอนเนน้ ลงในความมสี ตมิ ากกวา่ ธรรมอน่ื ๆ เพราะ
สติเป็นรากฐานส�ำคัญของความเพียรทุกประเภทและทุกประโยคที่ท�ำ
จนกลายเป็นมหาสติขึ้นมาและผลิตปัญญาให้เป็นไปตามๆ กัน ภูมิต้น
เพื่อความสงบต้องใช้สติให้มาก ภูมิต่อไปสติกับปัญญาควรเป็นธรรม
ควบคูก่ นั ไปตลอดสาย
ทา่ นอาจารยม์ น่ั ทา่ นสอนพระใหเ้ ดด็ เดย่ี วอาจหาญมาก ใครไมต่ งั้ ใจ
จริงจังอยู่กับท่านไม่ค่อยได้ ราว ๖-๗ คืนมีการประชุมธรรมคร้ังหนึ่ง
คนื นอกน้นั ท่านเปดิ โอกาสให้พระเณรเร่งความเพยี ร ผ้ใู ดมีข้อขอ้ งใจไป
เรยี นถามทา่ นไดโ้ ดยไมร่ อจนถงึ วนั ประชมุ ขณะอยกู่ บั ทา่ นบรรยากาศรสู้ กึ
อบอวลไปด้วยอรรถด้วยธรรม ประหนึ่งมรรคผลนิพพานราวกับอยู่แค่
เออ้ื มมอื เพราะความอบอนุ่ และความมงุ่ มน่ั มกี ำ� ลงั กลา้ ตา่ งองคต์ า่ งเปน็
เครอ่ื งพยงุ จงู ใจกนั ในทางความเพยี ร ตลอดมรรยาททแี่ สดงออก ราวกบั
ต่างองค์ต่างเอื้อมเพื่อบรรลุมรรคผลนิพพานด้วยกัน จึงต่างองค์ต่างมี
ความขยันหม่ันเพียรมาก กลางวันกับกลางคืนเหมือนเป็นราตรีเดียว
ในการประกอบความเพยี รของพระทงั้ หลาย ถา้ เดอื นมดื กม็ องเหน็ ไฟโคม
ทีจ่ ุดดว้ ยเทยี นไขสว่างไสวอยทู่ วั่ บริเวณ ถา้ เดือนหงายก็ยังพอสงั เกตได้
ในการประกอบความเพยี รของทา่ น ซงึ่ ตา่ งองคต์ า่ งเรง่ ไมค่ อ่ ยหลบั นอนกนั
390
เฉพาะองคท์ า่ น (พระอาจารยม์ นั่ ) สวดมนตภ์ าวนาเกง่ ไมแ่ พใ้ ครเลย
สวดมนต์เป็นช่ัวโมงๆ ถึงจะหยุด และสวดเป็นประจ�ำทุกคืนมิได้ขาด
สตู รยาวๆ เช่น ธรรมจกั รและมหาสมัย เป็นต้น ทา่ นสวดเปน็ ประจำ�
นอกจากนนั้ เวลามโี อกาสทา่ นยงั แปลใหเ้ ราฟงั อกี ดว้ ย แตก่ ารแปลสตู รตา่ งๆ
ท่านแปลองิ ภาคปฏบิ ตั ิโดยมาก คอื แปลเอาใจความเลยทเี ดยี ว ไม่คอ่ ย
เป็นไปตามวภิ ัติ ปัจจัย ธาตุ อายตนนบิ าต เพือ่ รกั ษาศพั ท์แสงเหมือน
พวกเราแปลกนั แต่กลบั ไดค้ วามชดั และเห็นจรงิ ตามท่านอย่างหาที่คา้ น
ไม่ได้เลย จึงเกิดอัศจรรย์ใจอย่างลึกๆ ว่าการเรียนศัพท์เรียนแปล
ทา่ นไมค่ อ่ ยไดเ้ รยี นมากมายอะไรนกั แตเ่ วลาแปลทำ� ไมทา่ นแปลเกง่ กวา่
มหาเปรยี ญเสยี อกี พอยกศพั ทป์ บุ๊ กแ็ ปลปบ๊ั ในขณะนน้ั อยา่ งคลอ่ งแคลว่
ว่องไวแทบฟงั ไม่ทัน
เช่น ท่านยกศพั ท์ธรรมจักรหรือมหาสมัยสูตรขึน้ แปลเปน็ บางตอน
ที่สัมผัสกับธรรมท่านในเวลาเทศน์น้ันๆ ท่านแปลอย่างรวดเร็วทันใจ
ราวกับไดเ้ ปรียญ ๑๐ ประโยคฉะนน้ั ที่ไมอ่ ยากวา่ ๙ ประโยคตามท่ี
นยิ มกนั กเ็ พราะเคยไดฟ้ งั ทา่ นทส่ี อบไดเ้ ปรยี ญ ๙ ประโยคแปลมาบา้ งแลว้
เวลาแปลยงั อกึ อักๆ และแปลเชื่องช้ามาก กวา่ จะไดแ้ ต่ละศัพทล์ ะแสง
รู้สกึ กนิ เวลานาน นอกจากน้นั ยงั ไมแ่ นใ่ จในคำ� แปลของตนอีกดว้ ยกม็ ี
สว่ นทา่ นทงั้ แปลกร็ วดเรว็ ทง้ั อาจหาญตอ่ ความจรงิ ทแี่ ปลออกมา ทงั้ เคย
ไดเ้ หน็ ผลจากความหมายแหง่ ธรรมนนั้ ๆ มาแลว้ อยา่ งประจกั ษใ์ จ จงึ ไมม่ ี
ความสะทกสะทา้ นในการแปล
แม้คาถาท่ีผุดขึ้นจากใจท่านเป็นค�ำบาลีก็ยังมีแปลกจากบาลีอยู่บ้าง
ไมต่ รงกนั ทเี ดยี ว เชน่ วาตา รกุ ขฺ า น ปพพฺ โต เปน็ ตน้ ทา่ นแปลวา่ ลมพดั
391
ตน้ ไมท้ ้ังหลายให้แหลกวิจุณไป แต่ไมส่ ามารถพดั ภเู ขาหนิ ให้หว่นั ไหวได้
ดังน้ี รู้สึกจะเป็นเชิงอรรถธรรมท่ีผุดขึ้นท้ังความหมายท่ีน�ำออกมาแปล
ใหเ้ ราฟงั การกลา่ วเกย่ี วกบั เปรยี ญประโยค ๙ ประโยค ๑๐ นนั้ กลา่ วไป
ตามภาษาป่าๆ ตามนสิ ยั อย่างนนั้ เอง กรุณาใหอ้ ภัยอย่าไดถ้ ือสาผู้เขยี น
ซง่ึ เปน็ พระปา่ เหมอื นวานรทเ่ี คยชนิ กบั ปา่ มาแตว่ นั เกดิ แมจ้ ะจบั มาเลย้ี ง
อยกู่ บั มนษุ ยจ์ นเชอ่ื งชนิ กค็ งเปน็ นสิ ยั ของตวั อยนู่ น้ั แล ไมอ่ าจเปลย่ี นแปลง
ตัวเองและมรรยาทให้เป็นเหมอื นมนษุ ยไ์ ด้ แม้การแปลของท่านกบั ของ
พวกเราทผ่ี เู้ ขยี นบงั อาจนำ� มาลงกก็ รณุ าใหอ้ ภยั ดว้ ย ซงึ่ อาจจะเหน็ วา่ สงู ไป
หรือต�ำ่ ไปทไ่ี ม่ควรอาจเออ้ื มนำ� มาลง
ทา่ นพกั บา้ นนามนพอควรแลว้ กม็ าพกั และจำ� พรรษาทบ่ี า้ นโคก ซง่ึ หา่ ง
จากบา้ นนามนราว ๒ กิโลเมตร ท่บี า้ นนมี้ ีความสงดั พอสมควร แต่อยู่
ห่างจากหมู่บา้ นไม่ถึงกิโลเมตร เพราะหาทำ� เลยากบ้าง ทัง้ สองแหง่ นมี้ ี
พระเณรอยกู่ บั ทา่ นไมม่ ากนกั ราว ๑๑–๑๒ องคเ์ ทา่ นน้ั พอดกี บั เสนาสนะ
ตอนทที่ า่ นมาพกั บา้ นโคกผเู้ ขยี นกไ็ ปถงึ ทา่ นพอดี ทา่ นไดเ้ มตตารบั ไวแ้ บบ
ขอนซุงท้ังทอ่ น ไม่เป็นทา่ เปน็ ทางอะไรเลย อยูก่ ับท่านแบบทพั พอี ยกู่ บั
แกงเราดีๆ น่ีเอง คิดแล้วน่าอับอายขายหน้าท่ีพระซุงทั้งท่อนไปอยู่กับ
ทา่ นผฉู้ ลาดปราดเปร่อื งเลอื่ งลอื ระบอื ทั่วทง้ั จกั รวาล เบือ้ งบน เบื้องล่าง
แตพ่ อเบาใจหนอ่ ยในการเขยี นประวตั ทิ า่ น ไมต่ บี ตนั อน้ั ตนู้ กั เหมอื น
ที่แลว้ ๆ มา ซงึ่ ไปเท่ียวจดและอัดเทปเอาจากพระอาจารยท์ ้ังหลายในที่
ตา่ งๆ ซงึ่ เปน็ ลกู ศษิ ยท์ เ่ี คยอยกู่ บั ทา่ นมาในยคุ นนั้ ๆ นบั แตเ่ ทยี่ วจดบนั ทกึ
อยกู่ วา่ จะไดม้ าลงเปน็ อกั ษรใหท้ า่ นไดอ้ า่ น กเ็ สยี เวลาไปเปน็ ปๆี แมเ้ ชน่ นนั้
ยงั ต้องมาเรยี งตามลำ� ดับกาลสถานทีเ่ ท่าทจี่ ดจ�ำได้ กว่าจะเขา้ รปู รอยพอ
392
อา่ นไดค้ วามกแ็ ยไ่ ปเหมอื นกนั ทจ่ี ะเขยี นตอ่ ไปนี้ แมเ้ รอ่ื งราวของทา่ นจะ
ไมป่ ระทบั ใจทา่ นผอู้ า่ นเทา่ ทคี่ วร แตก่ ย็ งั เบาใจสำ� หรบั ผเู้ รยี บเรยี งอยบู่ า้ ง
เพราะได้รเู้ ห็นทา่ นด้วยตาตนเองตลอดมาจนวาระสดุ ทา้ ย
ท่านพาหมู่คณะจ�ำพรรษาท่ีส�ำนักป่าบ้านโคกด้วยความผาสุกทั้ง
ทางกายและจติ ใจ ไมม่ กี ารเจบ็ ไขไ้ ดท้ กุ ขต์ ลอดพรรษา ขณะทพี่ กั อยทู่ งั้ ใน
และนอกพรรษา มกี ารประชมุ ธรรมเปน็ ประจำ� ๖-๗ คนื ตอ่ ครงั้ การแสดงธรรม
แต่ละครง้ั นบั แต่ ๒ ชัว่ โมงขนึ้ ไปถงึ ๓-๔ ชัว่ โมง ผฟู้ งั นัง่ ทำ� จติ ตภาวนา
ไปพร้อมอย่างเพลิดเพลินลืมเหน็ดเหนื่อยเมื่อยล้าในขณะฟังธรรมท่าน
แม้องค์ท่านเองก็รู้สึกเพลิดเพลินไปด้วยในการแสดงธรรมแก่พระเณร
แตล่ ะครง้ั ทา่ นแสดงอยา่ งถงึ เหตถุ งึ ผลและถงึ ใจผฟู้ งั ซงึ่ มงุ่ ตอ่ อรรถธรรม
จริงๆ ธรรมท่ีท่านแสดงล้วนถอดออกมาจากใจท่ีรู้เห็นมาอย่างประจักษ์
แลว้ ทงั้ นน้ั จงึ ไมม่ อี ะไรทน่ี า่ สงสยั วา่ ไมเ่ ปน็ ความจรงิ นอกจากจะสามารถ
ปฏบิ ตั ไิ ดอ้ ยา่ งท่านแสดงหรอื ไมเ่ ทา่ น้นั
ขณะทฟี่ งั ท่านแสดงทำ� ให้จิตประหวัดถึงคร้ังพุทธกาล ทพ่ี ระสมั มา-
สัมพุทธเจ้าทรงแสดงแก่ภิกษุบริษัทโดยเฉพาะในสมัยน้ัน แน่ใจว่า
พระองค์ทรงหยบิ ยกเอาแต่ธรรมมหาสมบตั ิ คอื มรรคผลนพิ พานอออก
แสดงลว้ นๆ ไม่มีธรรมอ่ืนแอบแฝงอยใู่ นขณะนนั้ เลย จึงสามารถทำ� ให้
ผูฟ้ ังบรรลุมรรคผลนพิ พานไปตามๆ กัน ไม่ขาดวรรคขาดตอนตลอดวนั
เสดจ็ ดบั ขนั ธปรนิ ิพพาน เพราะพระพทุ ธเจา้ ผปู้ ระกาศธรรม ก็เปน็ ผทู้ รง
ความบรสิ ทุ ธส์ิ ดุ สว่ นแหง่ ธรรมในพระทยั พระธรรมทแ่ี สดงออกกเ็ ปน็ ธรรม
ประเสรฐิ อศั จรรย์ ทรงมรรคทรงผลลว้ นๆ ผ้ฟู งั จงึ กลายเป็นผู้ทรงมรรค
ทรงผลไปตามๆ กนั
393
ท่านอาจารย์ม่ันแสดงธรรมก็ล้วนเป็นธรรมปัจจุบันกล่ันกรองออก
จากใจล้วนๆ มิได้แสดงแบบลูบๆ คล�ำๆ ก�ำด�ำก�ำขาวออกมาให้ผู้ฟัง
ซ่งึ ต่างมีความสงสัยอยแู่ ล้ว ให้เพม่ิ ความสงสัยยิง่ ขึ้น แต่กลับเปน็ ธรรม
เพื่อท�ำลายความสงสัยนั้นๆ ให้ทลายหายไปทุกระยะที่แสดง ผฟู้ ังธรรม
ประเภทอศั จรรยจ์ ากทา่ นจึงมีทางบรรเทากเิ ลสไปได้มากมาย ย่งิ กวา่ น้ัน
กม็ ีทางให้สิ้นความสงสัยโดยประการทงั้ ปวงเสียได้
วนั ทไ่ี มม่ กี ารประชมุ ธรรม พอขน้ึ จากทางจงกรม ราว ๒ ทมุ่ จะไดย้ นิ
เสยี งท่านท�ำวตั รสวดมนตเ์ บาๆ ทุกคนื เปน็ เวลานานๆ กว่าจะจบ และ
นั่งสมาธภิ าวนาตอ่ ไปจนถงึ เวลาทา่ นจำ� วดั ถา้ วนั ทม่ี กี ารประชมุ จะไดย้ ิน
ตอนหลงั จากเลิกประชมุ แล้วทกุ คืนเช่นเดยี วกนั และได้ยนิ ทา่ นสวดอยู่
เป็นเวลานาน เช่นเดียวกับคืนท่ีท่านสวดแต่หัวค�่ำ วันเช่นน้ันท่านต้อง
เลอื่ นการจำ� วดั ไปพกั เอาตอนดกึ ราวเทยี่ งคนื หรอื ตหี นงึ่ นาฬกิ า บางครงั้
ผเู้ ขยี นทน่ี กึ คะนองบา้ ขนึ้ มา พอไดย้ นิ เสยี งทา่ นสวดมนตก์ แ็ อบเขา้ ไปฟงั บา้ ง
เพื่อทราบว่าท่านสวดสูตรใดบ้างถึงได้นานนักหนากว่าจะจบแต่ละคืน
พอแอบเขา้ ไปใกลๆ้ เพอ่ื จะฟงั ใหช้ ดั แตท่ า่ นกลบั หยดุ นงิ่ ไปเสยี เฉยๆ นเ่ี อง
พอเห็นท่าไม่ดี เราก็รีบออกมายืนรอฟังอยู่ห่างๆ หน่อย พอเราถอย
ออกมาท่านกเ็ ริม่ สวดข้ึนอีก เราก็แอบเขา้ ไปฟงั อกี ทา่ นกห็ ยดุ น่งิ ไปอีก
เลยไม่ทราบชดั วา่ ทา่ นสวดสูตรใดกนั บ้าง
ถา้ จะขนื ดอ้ื แอบรอฟงั อยทู่ นี่ น้ั นานๆ กก็ ลวั ฟา้ จะผา่ ลงทน่ี นั้ คอื ตะโกน
ดุออกมาในขณะน้ัน แม้เช่นน้ันพอต่ืนเช้าเวลาท่านออกจากที่พักมา
เรามองดูท่านยังไมเ่ ตม็ ตาเลย ทา่ นเองกม็ องดเู ราด้วยสายตาอนั คมกล้า
น่ากลัวมาก เลยเข็ดแต่วันนั้นไม่กล้าไปแอบฟังท่านสวดมนต์อีกต่อไป
394
กลวั จะโดนอะไรอยา่ งหนกั ๆ เทา่ ทส่ี งั เกตดู ถา้ ขนื ไปแอบฟงั ทา่ นอกี มหี วงั
โดนอะไรแน่ๆ ข้อน้ีมาทราบเร่ืองท่านได้ชัดเม่ือภายหลัง ว่าท่านทราบ
เรอ่ื งตา่ งๆ ไดด้ จี รงิ ๆ คดิ ดเู วลาเราไปยนื สง่ จติ จดจอ้ งมองทา่ นแบบไมม่ สี ติ
เชน่ นน้ั ทา่ นจะไมท่ ราบอยา่ งไรเลา่ ตอ้ งทราบอยา่ งเตม็ ใจทเี ดยี ว เปน็ แต่
ทา่ นรอฟงั ดเู หตกุ ารณก์ บั พระทดี่ อื้ ไมเ่ ขา้ เรอื่ งไปกอ่ น หากยงั ขนื ทำ� อยา่ งนน้ั
อีกต่อไป ท่านถึงจะลงอย่างหนัก ท่ีแปลกใจอยู่มากคือเวลาเราแอบ
เข้าไปทีไร ท่านตอ้ งหยดุ สวดทุกครั้ง แสดงวา่ ท่านทราบได้อย่างชดั เจน
ทีเดยี ว
กลางวนั วนั หนง่ึ ซง่ึ ผเู้ ขยี นไปถงึ ใหมๆ่ กำ� ลงั กลวั ทา่ นเปน็ กำ� ลงั เผอญิ
เอนกายลงเลยเคลม้ิ หลบั ไป ขณะท่ีเคลมิ้ หลับไปน้นั ปรากฏว่าท่านมา
ดใุ หญว่ า่ “ทา่ นมานอนเหมอื นหมอู ยทู่ ำ� ไมทน่ี ่ี เพราะทน่ี ม่ี ใิ ชโ่ รงเลยี้ งหมู
ผมจึงไม่ส่งเสริมพระท่ีมาเรียนวิชาหมู เดี๋ยววัดน้ีจะกลายเป็นโรง
เลยี้ งหมไู ป” ดงั นี้ เสยี งทา่ นเปน็ เสยี งตะโกนดดุ า่ ขเู่ ขญ็ ใหเ้ รากลวั เสยี ดว้ ย
จงึ สะดงุ้ ตน่ื ทงั้ หลบั และโผลห่ นา้ ออกมาประตมู องหาทา่ น ทงั้ ตวั สน่ั ใจสน่ั
แทบเปน็ บา้ ไปในขณะนั้น เพราะปกติกก็ ลัวท่านแทบตง้ั ตวั ไม่ตดิ อยูแ่ ล้ว
แต่บังคับตนอยู่กับท่านด้วยเหตุผลที่เห็นว่าชอบธรรมเท่าน้ัน แถมท่าน
ยงั น�ำยาปราบหมูมากรอกเข้าอีก นกึ ว่าสลบไปในเวลานนั้ พอโผล่หนา้
ออกมามองโน้นมองน้ีไม่เห็นท่านมายืนอยู่ตามท่ีปรากฏ จึงค่อยมีลม
หายใจข้นึ มาบา้ ง
พอไดโ้ อกาสจงึ ไปกราบเรยี นความเปน็ ไปถวายทา่ น ทา่ นแกเ้ ปน็ อบุ าย
ปลอบโยนดีมาก แต่เราคิดว่าไม่ค่อยดีนักในบางตอน ซึ่งอาจท�ำให้
คนนอนใจประมาท เม่ือได้รับค�ำปลอบโยนที่เคลือบด้วยน�้ำตาลเช่นนั้น
395
ทา่ นอธบิ ายนมิ ติ ใหฟ้ งั วา่ “เรามาหาครอู าจารยใ์ หมๆ่ ประกอบกบั มคี วาม
ระวังตั้งใจมาก เวลาหลับไปท�ำให้คิดและฝันไปอย่างนั้นเอง ที่ท่านไป
ดุว่าเราเหมือนหมูนั้น เป็นอุบายของพระธรรมท่านไปเตือน ไม่ให้เรา
น�ำลัทธนิ ิสัยของหมมู าใช้ในวงของพระและพระศาสนา
โดยมากคนเราไม่ค่อยค�ำนึงถึงความเป็นมนุษย์ของตัวว่ามีคุณค่า
เพยี งไร เวลาอยากทำ� อะไรทำ� ตามใจชอบ ไมค่ ำ� นงึ ถงึ ความผดิ ถกู ชว่ั ดี
จึงเป็นมนุษย์เต็มภูมิได้ยาก ที่โบราณท่านว่ามนุษย์ขาดตาเต็งตาช่ัง
ไม่เตม็ บาทนน้ั คือไม่เต็มตามภูมขิ องมนษุ ยน์ นั่ เอง เพราะเหตแุ ห่งความ
ไม่รสู้ กึ ตวั ว่าเปน็ มนษุ ยท์ ่มี คี ุณสมบัตสิ ูงกวา่ สัตว์ จงึ ทำ� ใหม้ นษุ ยเ์ ราต�่ำลง
ทางความประพฤติ จนกลายเป็นคนเสียหายที่ไม่มีอะไรวัดระดับได้
เหลือแต่ร่างความเป็นมนุษย์ เจ้าตัวยังไม่รู้ว่าตนได้เสียไปแล้วเพราะ
เหตนุ นั้ ๆ ผทู้ ค่ี วรจะมสี ตปิ ญั ญาพจิ ารณาตามไดบ้ า้ ง พระธรรมทา่ นมาสงั่ สอน
ดงั ทท่ี า่ นปรากฏนน้ั เปน็ อบุ ายทช่ี อบธรรมดแี ลว้ จงนำ� ไปเปน็ คตเิ ตอื นใจตวั เอง
เวลาเกิดความเกียจคร้านข้ึนมาจะได้น�ำอุบายน้ันมาใช้เตือนสติก�ำจัดมัน
ออกไป
นมิ ติ เชน่ นเ้ี ปน็ ของดหี ายาก ไมค่ อ่ ยปรากฏแกใ่ ครงา่ ยๆ ผมชอบนมิ ติ
ท�ำนองน้ีมาก เพราะจะพลอยได้สติเตือนตนมิให้ประมาทอยู่เนืองๆ
ความเพยี รจะไดเ้ รง่ รบี จติ ใจจะไดส้ งบอยา่ งรวดเรว็ ถา้ ทา่ นมหานำ� อบุ าย
ทพ่ี ระธรรมทา่ นมาเทศนใ์ หฟ้ งั ไปปฏบิ ตั อิ ยเู่ สมอๆ ใจทา่ นจะสงบไดเ้ รว็ ดี
ไม่ดีอาจถึงธรรมก่อนพวกท่ีปฏิบัติมาก่อนเหล่าน้ีด้วยซ�้ำ นิมิตท่ีเตือน
ทา่ นมหานัน้ ดีมาก มใิ ชน่ มิ ติ ท่สี าปแช่งแบง่ เวรในทางไม่ดี เรามาอยูก่ ับ
ครอู าจารย์อยา่ กลวั ทา่ นเกนิ ไป ใจจะเดอื ดรอ้ นนัง่ นอนไมเ่ ป็นสขุ ผดิ ถูก
396
ประการใดท่านจะส่ังสอนเราไปตามจารีตแห่งธรรม การกลัวท่านอย่าง
ไมม่ เี หตผุ ลนนั้ ไมเ่ กดิ ประโยชนอ์ ะไรเลย จงกลวั บาปกลวั กรรมทจี่ ะนำ� ทกุ ข์
มาเผาลนตนใหม้ ากกวา่ กลวั อาจารย์
ผมเองมิได้เตรียมรับหมู่คณะไว้เพื่อดุด่าเฆ่ียนตีโดยไม่มีเหตุผล
ท่คี วร การฝกึ ทรมานตวั ก็ท�ำไปตามคลองธรรมทที่ า่ นแสดงไว้ การอบรม
สง่ั สอนหมคู่ ณะกจ็ ำ� ตอ้ งดำ� เนนิ ไปตามหลกั ธรรม คอื เหตผุ ล ถา้ ปลกี แวะ
จากทางนนั้ ยอ่ มเปน็ ความผดิ ไมเ่ กดิ ประโยชนท์ ง้ั สองฝา่ ย ฉะนน้ั นมิ นต์
อยู่เยน็ ใจและประกอบความเพยี รให้เป็นชิ้นเปน็ อนั อย่าลดละท้อถอย
ความเพยี ร ธรรมเปน็ สมบตั กิ ลางและเปน็ สมบตั ขิ องทกุ คนทใี่ ครต่ อ่ ธรรม
พระพทุ ธเจา้ มไิ ดผ้ กู ขาดไวแ้ กผ่ หู้ นง่ึ ผใู้ ดโดยเฉพาะ ตา่ งมสี ทิ ธคิ รอบครอง
เป็นเจ้าของได้ด้วยการปฏิบัติดีของตนด้วยกัน อย่าลืมนิมิตอันดีงามซ่ึง
เป็นมงคลอย่างนี้ไปเสยี จงระลึกถึงอย่เู สมอ ลัทธนิ ิสัยหมูจะได้หา่ งไกล
จากพระเรา มรรคผลนพิ พานจะนบั วนั ใกล้เข้ามาทุกเวลานาที แดนแหง่
ความพ้นทุกข์จะปรากฏเฉพาะหนา้ ในวนั หรอื เวลาหนง่ึ แนน่ อนหนไี ม่พ้น
ผมยนิ ดแี ละอนโุ มทนาดว้ ยนมิ ติ ทา่ นมหาอยา่ งจรงิ ใจ แมผ้ มสง่ั สอน
ตัวผมเองก็สั่งสอนแบบเผ็ดร้อนทำ� นองน้ีเหมือนกัน และชอบได้อุบาย
ต่างๆ จากอบุ ายเช่นนี้เสมอมา จึงจ�ำตอ้ งใช้วธิ แี บบนีบ้ งั คบั ตวั ตลอดมา
แมบ้ างครง้ั ยงั ตอ้ งสั่งสอนหมคู่ ณะโดยวธิ นี ้เี หมอื นกนั ” น้เี ป็นคำ� อธิบาย
แก้นิมิตท่ีท่านใช้ปลอบโยนเด็กที่เร่ิมฝึกหัดใหม่ๆ กลัวจะเสียใจและ
ท้อถอยปล่อยวางความเพียรเวียนไปเป็นมิตรกับหมู ท่านจึงหาอุบาย
สอนแบบนี้ นบั วา่ ท่านแยบคายในเชงิ การสอนมาก ยากจะหาผู้เสมอได้
397
แมข้ ณะทไี่ ปหาทา่ นซง่ึ เปน็ ขณะทจ่ี ติ กำ� ลงั เจรญิ แลว้ เสอ่ื ม เสอ่ื มแลว้
กลบั เจรญิ และเปน็ ขณะทกี่ ำ� ลงั ไดร้ บั ความทกุ ขร์ อ้ นและกระวนกระวายมาก
ท่านกม็ ีอุบายสง่ั สอนแบบอนุโลมไปตามทำ� นองนเ้ี หมอื นกัน คือเวลาไป
กราบทา่ น ทา่ นถามวา่ จติ เปน็ อยา่ งไร ถา้ เปน็ ขณะทจ่ี ติ กำ� ลงั เจรญิ กเ็ รยี น
ท่านว่าระยะนี้ก�ำลังเจริญ ท่านก็ให้อุบายว่า “น่ันดีแล้ว จงพยายาม
ให้เจริญมากๆ จะได้พ้นทุกข์เร็วๆ” ถ้าเวลาจิตก�ำลังเสื่อม ไปหาท่าน
ทา่ นถามวา่ “จติ เปน็ อยา่ งไรเวลาน”้ี เราเรยี นทา่ นตามตรงวา่ “วนั นจี้ ติ เสอ่ื ม
ไปเสียแลว้ ไมม่ ีร่องรอยแห่งความสขุ เหลืออยเู่ ลย” ท่านแสดงเปน็ เชงิ
เสียใจไปดว้ ยว่า “นา่ เสยี ดายมันเส่อื มไปทไี่ หนกันนา เอาเถอะท่านอยา่
เสยี ใจ จงพยายามทำ� ความเพยี รเขา้ มากๆ เดยี๋ วมนั จะกลบั มาอกี แนๆ่ มนั ไป
เทยี่ วเฉยๆ พอเราเร่งความเพียรมันก็กลบั มาเอง หนีจากเราไปไม่พ้น
เพราะจิตเป็นเหมือนสุนัขน่ันแล เจ้าของไปไหนมันต้องติดตาม
เจ้าของไปจนได้ นี่ถา้ เราเร่งความเพียรเข้าใหม้ าก จิตกต็ อ้ งกลบั มาเอง
ไม่ต้องตดิ ตามมนั ให้เสียเวลา มนั หนีไปไหนไมพ่ ้นเราแน่ๆ จงพยายาม
ท�ำความเพียรเขา้ ใหม้ ากเชียว มันจะกลับมาในเร็วๆ นแ่ี ล ไม่ต้องเสยี ใจ
ให้มันได้ใจ เด๋ียวมันว่าเราคิดถึงมันมากมันจะไม่กลับมา จงปล่อย
ความคดิ ถึงมันเสีย แล้วให้คดิ ถึงพุทโธติดๆ กนั อย่าลดละ พอบรกิ รรม
พทุ โธถย่ี บิ ตดิ ๆ กนั เขา้ มนั วง่ิ กลบั มาเอง คราวนแ้ี มม้ นั กลบั มากอ็ ยา่ ปลอ่ ย
พทุ โธ มนั ไมม่ อี าหารกินเด๋ียวมันก็วิ่งกลบั มาหาเรา จงึ นกึ พทุ โธเพือ่ เป็น
อาหารของมันไวม้ ากๆ เมื่อมันกนิ อ่มิ แลว้ ต้องพักผ่อน เราสบายขณะที่
มนั พกั สงบตวั ไมว่ ิง่ วุ่นข่นุ เคืองเทย่ี วหาไฟมาเผาเรา ท�ำจนไลม่ นั ไมย่ อม
หนไี ปจากเราน่ันแล พอดีกับใจตัวหวิ โหยอาหารไมม่ ีวนั อม่ิ พอ ถ้าอาหาร
398
พอกบั มันแลว้ แม้ไลห่ นไี ปไหนมันก็ไมย่ อมไป ท�ำอย่างน้นั แล จิตเราจะ
ไม่ยอมเสือ่ มต่อไป คือไมเ่ ส่ือมเมอ่ื อาหารคอื พทุ โธพอกบั มนั จงทำ� ตาม
แบบทีส่ อนนท้ี ่านจะได้ไมเ่ สียใจเพราะจิตเสอ่ื มแล้วเสอื่ มเล่าอีกตอ่ ไป”
นกี่ เ็ ปน็ อกี อบุ ายหนงึ่ ทท่ี า่ นสอนคนทแ่ี สนโง่ แตด่ ไี ปอยา่ งหนงึ่ ทเี่ ชอื่
ท่านตามแบบโง่ของตน ไม่เช่นน้ันคงจะวิ่งตามหาใจดวงเสื่อมแล้ว
เส่อื มเลา่ ไม่มีวนั เจอและหยุดได้ ท่เี ขยี นนเี้ พือ่ ท่านผ้อู ่านทอ่ี าจได้ข้อคดิ
ในแงต่ า่ งๆ ของคนฉลาดสงั่ สอนคนโงบ่ า้ งเทา่ ทค่ี วร แตม่ ไิ ดเ้ ขยี นเพอื่ ชมเชย
พระผ้แู สนโง่ซงึ่ รับคำ� ชแ้ี จงอนุโลมและปลอบโยนจากทา่ นในเวลานัน้
พอออกพรรษาแล้วท่านกลับไปพักท่ีบ้านนามนท่ีท่านเคยพักอีก
จากนนั้ กไ็ ปพกั ทบ่ี า้ นหว้ ยแคนในปา่ และพกั วดั รา้ งชายเขา บา้ นนาสนี วน
หลายเดอื น และไปปว่ ยเปน็ ไขท้ บี่ า้ นนาสนี วนอยหู่ ลายวนั จงึ หายดว้ ยอบุ าย
แหง่ ธรรมโอสถทท่ี า่ นเคยบำ� บดั องคท์ า่ นตลอดมา
ตกเดือนเมษายน พ.ศ. ๒๔๘๕ ท่านออกเดินทางไปจังหวัด
อบุ ลราชธานใี นงานฌาปนกจิ ศพทา่ นพระอาจารยเ์ สาร์ ทเ่ี ปน็ อาจารยท์ า่ น
เสร็จงานศพแล้ว ท่านกลับมาจ�ำพรรษาที่บ้านนามน ปีนี้ก็เป็นปีที่ท่าน
กลนั่ กรองความเพยี รของคณะลกู ศษิ ยโ์ ดยอบุ ายวธิ ตี า่ งๆ ทงั้ เทศนอ์ บรม
ทงั้ ใชอ้ ุบายขเู่ ขญ็ ไมใ่ หน้ อนใจในความเพียร ในพรรษาทา่ นเว้น ๔ คนื
มีการประชุมครั้งหน่ึงจนตลอดพรรษา ปีนั้นปรากฏว่ามีพระได้ก�ำลัง
ทางจิตใจกันหลายองค์และมีความรู้ความเห็นแปลกๆ ไปเล่าถวายท่าน
ผู้เขียนพลอยได้ฟังด้วย แม้ไม่มีความรู้ความสามารถเหมือนท่านผู้อ่ืน
ในพรรษานนั้ กพ็ ลอยมอี ะไรๆ เปน็ เครอ่ื งระลกึ อยา่ งฝงั ใจมาจนบดั นี้ คงไมม่ ี
วนั หลงลมื ตลอดชวี ติ เพราะเปน็ สง่ิ ทไ่ี มน่ า่ หลงลมื ในชวี ติ เปน็ ของหายากนี้
399
ท่านพระอาจารย์มั่นเร่ิมดุด่าขู่เข็ญเรานับแต่พรรษานั้นเป็นต้นมา
จนกลายเปน็ ทรี่ องเชด็ เทา้ ทา่ นเรอ่ื ยมา แตก่ อ่ นทา่ นมแี ตใ่ ชอ้ บุ ายอนโุ ลม
และเออออกับเราไปเรื่อยๆ จากน้ันท่านคงคิดว่าควรจะเขกเสียบ้าง
ขืนอนุโลมไปนานก็หนักอกเปล่าๆ ผู้นั้นก็จะมัวนอนหลับแบบไม่มีวัน
ตนื่ ขน้ึ มองดดู นิ ฟา้ อากาศ เดอื นดาว ตะวนั บา้ งเลย พรรษานพ้ี ระทง้ั หลาย
รู้สึกต่ืนเต้นกันมาก ท้ังทางความเพียรและความรู้ต่างๆ ท่ีเกิดจาก
จติ ตภาวนา เวลาประชุมธรรมหรือเวลาธรรมดา มผี ู้เล่าธรรมในใจถวาย
ทา่ นเสมอเพ่ือขอความอนเุ คราะห์ช้ีแจงจากทา่ น และน�ำไปส่งเสริมเตมิ
ต่อจากจุดท่ีเห็นว่ายังบกพร่อง ท่านเองก็อนุเคราะห์เมตตาอย่างเต็มที่
ที่มผี ู้มาเรียนถาม ทำ� ให้เกดิ ความเพลิดเพลนิ ในธรรมอย่างมาก
ขณะท่ีมีท่านผู้มาเรียนถามและท่านเป็นผู้ช้ีแจงซ่ึงเป็นเนื้อธรรม
ตา่ งๆ กันเปน็ รายๆ ไป ธรรมทีท่ า่ นอธิบายแก้ไขและเพิ่มเติมแก่ผู้มาเล่า
ถวายและมาเรยี นถามปญั หานน้ั ไมแ่ นน่ อนนกั ตามแตผ่ เู้ ลา่ ถวายจะออกมา
ในรปู ใด และเรยี นถามปญั หาทา่ นในรปู ใด ทา่ นกอ็ ธบิ ายแกไ้ ขและเพม่ิ เตมิ
ไปในรูปนั้นตามข้ันของผู้มาศึกษา ท่ีรู้สึกสนุกมากก็เวลาท่ีมีท่านผู้มี
ภูมิธรรมอันสูงมาเล่าถวายและเรียนถามปัญหาท่าน นั่นย่ิงได้ฟังอย่าง
ถงึ ใจจรงิ ๆ ไมอ่ ยากใหจ้ บลงอยา่ งงา่ ยๆ และอยากใหม้ ผี มู้ าถามทา่ นบอ่ ยๆ
เราผเู้ ปน็ กองฉวยโอกาสอยขู่ า้ งหลงั ไดส้ นกุ แอบดม่ื ธรรมอยา่ งจใุ จหายหวิ
ไปหลายวนั
เวลาโอกาสดีๆ ทา่ นเลา่ อดีตชาตขิ องท่านใหฟ้ งั บา้ ง เลา่ การปฏบิ ัติ
บำ� เพญ็ นบั แต่ข้นั เริ่มแรกใหฟ้ ังบ้าง เลา่ ความรคู้ วามเหน็ ต่างๆ ทง้ั ภายใน
ภายนอกทเี่ กดิ จากจติ ตภาวนาใหฟ้ งั บา้ ง เลา่ วถิ จี ติ ทพี่ ยายามตะเกยี กตะกาย
400
ข้นึ จากตมจากโคลน จนถงึ ขณะท่ีจะหลุดพน้ จากโลกสมมุติ ตลอดขณะ
ท่จี ติ หลุดพ้นไปจรงิ ๆ ใหฟ้ ังบา้ ง ตอนสดุ ทา้ ยนที้ �ำให้เราผูน้ ่ังฟังอยู่ด้วย
ความกระหายในธรรมประเภทหลดุ พน้ เกดิ ความกระวนกระวายอยากได้
อยากถึงเป็นก�ำลัง จนเกดิ ความนอ้ ยเนอ้ื ต�่ำใจว่า เรานี้พอมวี าสนาบารมี
ควรจะบรรลถุ งึ แดนแหง่ ธรรมทท่ี า่ นรเู้ หน็ ได้ หรอื จะมวั นอนจมดนิ จมโคลน
อยู่ท�ำนองนี้เร่ือยไปไม่มีวันโผล่ข้ึนจากหล่มลึกได้บ้างเลยหรืออย่างไร
ทำ� ไมทา่ นรไู้ ดเ้ หน็ ไดห้ ลดุ พน้ ได้ สว่ นเราทำ� ไมจงึ ยงั นอนไมต่ น่ื เมอ่ื ไรจะรู้
จะเหน็ จะหลุดพน้ ได้เหมอื นอย่างทา่ นบา้ ง
ทคี่ ดิ อยา่ งนกี้ ด็ อี ยา่ งหนง่ึ ทำ� ใหม้ มี านะความมงุ่ มน่ั อดทน ความเพยี ร
ทุกด้านได้มีโอกาสด�ำเนินสะดวก มีความดูดด่ืมในธรรมที่ท่านเมตตา
อธบิ ายใหฟ้ งั เปน็ กำ� ลงั ใจ ทำ� ใหห้ ายความเหนด็ เหนอื่ ยเมอ่ื ยลา้ มศี รทั ธา
กลา้ แขง็ มเี ร่ยี วแรงทจ่ี ะลากเขน็ ภาระแมห้ นกั ไปได้อยา่ งพอใจ
ท่ที า่ นสอนวา่ ใหค้ บนักปราชญ์นัน้ เป็นความจรงิ หาทแี่ ยง้ ไม่ไดเ้ ลย
ดังคณะลูกศิษย์เข้าอยู่อาศัยสดับตรับฟังความดีงามจากครูอาจารย์
วันละเล็กละน้อย ท�ำให้เกิดก�ำลังใจและซึมซาบเข้าภายในไปทุกระยะ
จนกลายเป็นคนดตี ามท่านไปได้ แมไ้ ม่เหมอื นท่านทุกกระเบยี ด กย็ งั อยู่
ในเกณฑ์ของลูกศิษย์ท่ีมีครูอาจารย์สั่งสอน อนึ่งการคบคนพาลก็ท�ำให้
มสี ว่ นเสยี ไดม้ ากนอ้ ยตามสว่ นแหง่ ความสมั พนั ธก์ นั ทท่ี า่ นสอนไวท้ ง้ั สอง
ภาคน้ีมีความจริงเท่ากัน คือท�ำให้คนเป็นคนดีได้เพราะการคบกับคนดี
และทำ� ใหค้ นเสยี ไดเ้ พราะการคบกบั คนไมด่ ี เราพอทราบไดร้ ะหวา่ งลกู ศษิ ย์
กับอาจารย์ท่คี บกันนานๆ อย่างนอ้ ยลกู ศษิ ยน์ ้นั ๆ ย่อมพอมหี ลกั ยดึ ได้
จากอาจารย์ และคนที่หลวมตัวเข้าไปอยู่กับคนพาล อย่างน้อยย่อมมี
401
การแสดงออกในลกั ษณะแห่งคนพาลจนได้ มากกวา่ น้นั กด็ งั ทเ่ี ห็นๆ กนั
ไม่มีทางสงสยั นี่กลา่ วถึงพาลภายนอก แตค่ วรทราบวา่ พาลภายในยงั มี
และฝังจมอยอู่ ยา่ งลึกลับในนิสัยของมนุษยเ์ ราแทบทกุ ราย แมส้ ภุ าพชน
ทว่ั ๆ ไปตลอดพระเณรเถรชผี ทู้ รงเครอ่ื งแบบของพระศาสนาอนั เปน็ เครอ่ื ง
ประกาศตนวา่ เป็นลกู ศิษย์พระตถาคตอย่างเปิดเผย
ค�ำว่าพาลในที่นี้หมายถึงความขลาดเขลาย่อหย่อนต่อกลมารยา
ของใจท่ีเปน็ ฝา่ ยตำ่� ซง่ึ คอยแสดงออกในทางช่วั และต่�ำทรามโดยเจ้าตัว
ไม่รู้ หรือแม้รู้แต่เข้าใจว่าเป็นเพียงอยู่ภายในไม่ได้แสดงออกภายนอก
ใหเ้ ปน็ สง่ิ ทนี่ า่ เกลยี ด ความจรงิ ขนึ้ ชอ่ื วา่ ของไมด่ แี ลว้ จะมอี ยู่ ณ ทแี่ หง่ ใด
ย่อมเป็นของน่าเกลียดอยู่ในตัวของมันเอง ไม่ถึงกับต้องแสดงออกมา
จึงจะเป็นของน่าเกลียด เพราะมันเป็นของน่าเกลียดน่ากลัวอยู่แล้ว
พระพุทธเจ้าผู้เป็นจอมปราชญ์ฉลาดแหลมคม จึงทรงสอนให้ละและ
ถอดถอนโดยลำ� ดบั จนหมดสนิ้ ไป ไมม่ คี ำ� วา่ “สง่ิ ไมด่ ”ี เหลอื อยเู่ ลยนน่ั แล
ดังพระองค์และพระสาวกอรหันต์เป็นตัวอย่าง จัดว่าเป็นผู้หมดมลทิน
ทั้งภายนอกภายใน อยู่ท่ีใดก็เย็นกายสบายใจไม่มีส่ิงเสียดแทงรบกวน
ทา่ นอาจารยม์ น่ั เปน็ ผหู้ นง่ึ ในบรรดาทา่ นผหู้ มดมลทนิ โดยสนิ้ เชงิ ในความ
รสู้ กึ ของผเู้ ขยี นทไ่ี ดส้ งั เกตตามสตกิ ำ� ลงั ตลอดมา จงึ กลา้ เขยี นลงดว้ ยความ
สนิทใจ แม้จะถูกต�ำหนิกย็ อมรบั ความจรงิ ท่ีแนใ่ จแลว้ น้ัน ไม่ให้กระทบ
กระเทอื นถึงองค์ท่านผู้ไปดแี ล้วดว้ ยความหมดห่วงจากบ่วงแหง่ มาร
ออกพรรษาแล้วท่านยังพักบ�ำเพ็ญวิหารธรรมอยู่ที่น้ันเป็นเวลานาน
พรรษาตอ่ มาจงึ มาจำ� พรรษาทบ่ี า้ นโคกอกี แตม่ ไิ ดจ้ ำ� สำ� นกั เดมิ ทเ่ี คยจำ� มาแลว้
สำ� นกั ใหมแ่ หง่ นท้ี า่ นอาจารยก์ งมา จริ ปญุ โญ สรา้ งถวาย ทา่ นมาจำ� พรรษา
402
ทส่ี ำ� นกั ปา่ แหง่ นด้ี ว้ ยความผาสกุ ทงั้ ทางกายและทางใจ การประชมุ อบรม
พระเณรยอ่ มดำ� เนนิ ไปตามท่เี คยปฏิบัติมา
สรุปความในตอนน้ีท่านมาพักอยู่แถบบ้านห้วยแคน บ้านนาสีนวน
บา้ นโคก บ้านนามน ต�ำบลตองโขบ เขตอ�ำเภอเมือง จังหวัดสกลนคร
๓ พรรษาตดิ ๆ กนั ในระยะทพี่ กั อยแู่ ถบนที้ ง้ั ในและนอกพรรษา การตดิ ตอ่
สัง่ สอนพวกเทพฯ และชาวมนุษย์ ทา่ นวา่ ทา่ นดำ� เนินไปโดยสมำ�่ เสมอ
เฉพาะพวกเทพไมค่ อ่ ยมมี ากและไมม่ าบอ่ ยนกั เหมอื นอยจู่ งั หวดั เชยี งใหม่
ทงั้ นคี้ งเก่ยี วกับสถานทม่ี คี วามเงียบสงัดตา่ งกัน จะมบี า้ งกห็ นา้ เทศกาล
โดยมาก เชน่ วนั มาฆบชู า วนั วสิ าขบชู า วนั เขา้ พรรษา กลางพรรษา และ
วนั ปวารณาออกพรรษาเทา่ นน้ั วนั นอกนน้ั ไมค่ อ่ ยมพี วกเทพฯ มาเกยี่ วขอ้ ง
เหมือนเวลาท่านพักอยู่ท่ีเชียงใหม่ ในพรรษาพระเณรไม่มีมากเพราะ
เสนาสนะมจี ำ� กดั พอดกี บั พระเณรทอี่ าศยั อยกู่ ับท่านโดยเฉพาะเทา่ น้ัน
สว่ นพระเณรจากทศิ ตา่ งๆ ทไ่ี ปรบั การอบรมกบั ทา่ นตอนนอกพรรษานน้ั
มไี ม่ขาด เข้าๆ ออกๆ สับเปล่ยี นกนั เสมอมา ทา่ นอุตส่าหเ์ มตตาสั่งสอน
ด้วยความเอ็นดูสงสารอยา่ งสม�่ำเสมอ พอตกหนา้ แลง้ ของพรรษาทส่ี าม
กม็ ญี าตโิ ยมจากบา้ นหนองผอื นาในไปอาราธนาทา่ นใหม้ าโปรดทห่ี มบู่ า้ นนน้ั
ท่านรับค�ำนิมนต์เขาแล้ว ไม่นานญาติโยมก็พร้อมกันไปรับท่านมาพัก
และจำ� พรรษาที่บา้ นหนองผือ ต�ำบลนาใน อ�ำเภอพรรณานคิ ม จงั หวดั
สกลนคร ท่านออกเดินทางจากบ้านโคกมาบ้านหนองผือด้วยเท้าเปล่า
และพกั แรมมาตามรายทางราว ๓-๔ คนื จงึ ถึงหมู่บ้านหนองผือ เพราะ
ทางเต็มไปด้วยป่าดงพงลึก ต้องด้นด้ันซอกซอนมาตลอดสายจนถึง
หมู่บ้านหนองผือ
403
เพยี งไมก่ ว่ี นั ทม่ี าถงึ บา้ นหนองผอื ทา่ นเรม่ิ ปว่ ยเปน็ ไขม้ าลาเรยี แบบ
จบั ส่ัน ชนดิ เปลย่ี นหนาวเปน็ รอ้ นและเปล่ยี นรอ้ นเป็นหนาว ซ่งึ เปน็ การ
ทรมานอยา่ งยงิ่ อยแู่ รมเดอื น ไขป้ ระเภทนใี้ ครโดนเขา้ รสู้ กึ จะเขด็ หลาบไป
ตามๆ กัน เพราะเป็นไข้ชนดิ ทไี่ มร่ จู้ ักหายลงได้ เปน็ เข้ากบั รายใดแลว้
ตง้ั แรมปกี ็ไม่หาย คงแอบมาเยี่ยมๆ มองๆ อยู่ทำ� นองนน้ั คอื หายไป
ตง้ั ๑๕ วันหรือเดอื นหน่ึง นึกวา่ หายสนิทแลว้ กก็ ลบั มาเป็นเขา้ อกี หรือ
ตง้ั เป็นเดอื นๆ แลว้ กก็ ลับมาเป็นอีก ซงึ่ เคยเขยี นเรื่องไข้ประเภทน้บี ้าง
แล้วว่า ถ้าลูกเขยเป็นก็อาจท�ำเอาจนพ่อตาแม่ยายเบ่ือ ถ้าพ่อตาหรือ
แม่ยายเป็นก็ท�ำเอาจนลูกเขยเบ่ือ เพราะท�ำงานหนักหนาอะไรไม่ได้
แตร่ บั ประทานไดม้ าก นอนหลบั สนทิ ดชี นดิ ไมร่ จู้ กั ตนื่ และบน่ ไดเ้ กง่ ชนดิ
ไมห่ ยดุ ปากพอใหค้ นดเี บอื่ กนั ดนี นั่ แล ผเู้ ปน็ ไขช้ นดิ นใี้ ครไมเ่ บอ่ื เปน็ ไมม่ ี
เพราะเปน็ ไขท้ น่ี า่ เบอ่ื เอามากทเี ดยี ว ทง้ั นเ้ี นอื่ งจากสมยั นนั้ ไมม่ ยี าแกก้ นั
ใหห้ ายเดด็ ขาดไดเ้ หมอื นสมยั นี้ เมอ่ื เปน็ เขา้ แลว้ ตอ้ งปลอ่ ยใหห้ ายไปเอง
มิฉะนั้นก็กลายเป็นโรคเรื้อรังไปเป็นปีๆ ถ้าเป็นเด็กโดยมากก็ลงพุง
จนกลายเป็นเดก็ พุงโตหรือพงุ โร หน้าไม่มีสีสันวรรณะเลย
ไข้ประเภทนี้ชอบเป็นกับคนที่เคยอยู่บ้านทุ่งๆ แล้วย้ายภูมิล�ำเนา
เข้าไปอยใู่ นปา่ ตามไร่นา แมค้ นทเี่ คยอยปู่ า่ เป็นประจ�ำมาแล้วกย็ งั เป็นได้
แต่ไม่ค่อยรุนแรงเหมือนคนมาจากทางทุ่ง และชอบเป็นกับพระธุดงค-
กรรมฐานทช่ี อบเทยี่ วซอกแซกไปตามปา่ ตามเขาโดยมาก สำ� หรบั ผเู้ ขยี นแลว้
ถ้าเป็นสิ่งที่มีค่าควรออกอวดโลกได้เก่ียวกับไข้ชนิดเข็ดหลาบตลอด
วนั ตายน้ี กค็ งไดอ้ วดอยา่ งเตม็ ภมู ไิ มย่ อมแพใ้ ครอยา่ งงา่ ยๆ ทเี ดยี ว เพราะเคย
โดนมามากมายหลายครง้ั และรฤู้ ทธขิ์ องมนั ชนดิ ไมก่ ลา้ สตู้ ลอดวนั ตายเลย
404
ขณะเขียนก็ยังกลัวอยู่เลย แม้มาอยู่บ้านหนองผือปีแรกก็โดนไข้น้ี
ดดั สนั ดานจนตลอดพรรษาและเตลดิ ถงึ หนา้ แลง้ ไมย่ อมหายสนทิ ไดเ้ ลย
จะไม่ให้เข็ดหลาบอย่างไรเพราะพระก็คือคนที่มีหัวใจและรู้จักสุข ทุกข์
ดี ชว่ั อยา่ งเตม็ ใจเชน่ เดยี วกบั คนทวั่ ๆ ไปนนั่ เอง สง่ิ ทน่ี า่ เขด็ นา่ กลวั จงึ ตอ้ ง
เขด็ ตอ้ งกลวั เชน่ เดยี วกบั คนทงั้ หลาย
ทา่ นพกั อยทู่ หี่ นองผอื ปรากฏมพี ระเณรมากขน้ึ โดยลำ� ดบั เฉพาะ
ภายในวดั ในพรรษาหนง่ึ ๆ ก็มถี งึ ๒๐-๓๐ กว่าองคอ์ ยูแ่ ล้ว นอกจากน้นั
ยังมีพระเณรพักและจ�ำพรรษาอยู่ตามหมู่บ้านเล็กๆ แถบใกล้เคียงอีก
หลายแห่ง แห่งละ ๒ องคบ์ า้ ง ๓ องคบ์ า้ ง ๔-๕ องคบ์ า้ ง แห่งละ ๙-๑๐
องคบ์ า้ ง วนั ประชมุ ทำ� อโุ บสถ ปรากฏมพี ระมารวมทำ� อโุ บสถถงึ ๓๐-๔๐ องค์
กม็ ี รวมทงั้ ในวดั และบรเิ วณใกลเ้ คยี งแลว้ มพี ระเณรไมต่ ำ�่ กวา่ ๕๐-๖๐ องค์
นอกพรรษายงั มมี ากกวา่ นน้ั ในบางครงั้ และมมี ากตลอดมานบั แตท่ า่ นไป
จำ� พรรษาท่ีน้ัน เวลากลางวันพระเณรต่างปลีกตวั เขา้ ไปอยใู่ นป่าลกึ นอก
บรเิ วณวดั เพอ่ื ประกอบความเพยี ร เพราะปา่ ดงทตี่ ง้ั สำ� นกั รสู้ กึ กวา้ งขวาง
มากเปน็ สบิ ๆ กโิ ลเมตร ยงิ่ ดา้ นยาวดว้ ยแลว้ แทบจะหาทส่ี ดุ ปา่ ไมเ่ จอ เพราะ
ยาวไปตามภูเขาท่ีมีตดิ ต่อกันไปอย่างสลับซับซอ้ นจนไม่อาจพรรณนาได้
อ�ำเภอพรรณานิคมทางด้านทิศใต้ โดยมากมีแต่ป่าแต่เขาท้ังน้ัน
จนไปจดจังหวัดกาฬสินธุ์ ฉะนน้ั เวลาทา่ นพระอาจารยม์ ัน่ ไปพักอยู่วดั
หนองผอื จึงเป็นจดุ ศูนยก์ ลางแหง่ พระธุดงคกรรมฐานดีมาก ทท่ี ่านต้อง
มารวมฟงั ปาฏโิ มกข์และฟังโอวาทตามโอกาสตลอดเวลา เกดิ ข้อขอ้ งใจ
ทางด้านภาวนาข้ึนมาก็มาศึกษาได้สะดวก พอออกพรรษาหน้าแล้งท่าน
ผปู้ ระสงคจ์ ะขน้ึ ไปพกั อยบู่ นเขากไ็ ด้ ในถำ�้ หรอื เงอ้ื มผากไ็ ด้ จะพกั อยตู่ าม
405
ปา่ ดงธรรมดากส็ ะดวก เพราะหมบู่ า้ นมปี ระปรายอยเู่ ปน็ แหง่ แหง่ ละ ๑๐
หลังคาเรอื นบา้ ง ๒๐-๓๐ หลังคาเรอื นบ้าง แม้บนไหลเ่ ขากย็ ังมหี ม่บู ้าน
เลก็ ๆ นอ้ ยๆ ทอี่ าศยั ทำ� ไรท่ ำ� สวนอยแู่ ทบทว่ั ไป แหง่ ละ ๕-๖ หลงั คา ซงึ่ ปลกู
เป็นกระตอ๊ บเลก็ ๆ พอไดอ้ าศัยเขาโคจรบิณฑบาต
บ้านหนองผือต้ังอยู่ในหุบเขาซึ่งท้ังสี่ด้านหรือสี่ทิศมีป่าและภูเขา
ล้อมรอบ แต่เป็นหุบเขาท่ีกว้างขวางพอสมควร ประชาชนท�ำนากันได้
สะดวกเป็นแห่งๆ ไป ป่ามีมาก ภเู ขากม็ มี าก สนุก เลอื กหาทีว่ เิ วกเพื่อ
อธั ยาศยั ไดอ้ ยา่ งสะดวกเปน็ ทๆ่ี ไป ฉะนนั้ พระธดุ งคจ์ งึ มมี ากในแถบนนั้
และมมี ากทง้ั หนา้ แล้งหนา้ ฝน สมยั ทท่ี า่ นอาจารยม์ น่ั พักอยู่ พระธุดงค์
ทยอยกนั เขา้ ออกวดั หนองผอื ไมค่ อ่ ยขาดแตล่ ะวนั ทงั้ มาจากปา่ ทงั้ ลงมา
จากภเู ขาทบ่ี ำ� เพญ็ มาฟงั การอบรม ทง้ั ออกไปปา่ และขนึ้ ภเู ขาเพอื่ สมณธรรม
ท้ังมาจากอ�ำเภอ จังหวดั และภาคตา่ งๆ มารับการอบรมกบั ท่านมไิ ด้ขาด
ยิ่งหน้าแล้งพระย่ิงหล่ังไหลมาจากท่ีต่างๆ ตลอดประชาชนจากอ�ำเภอ
และจงั หวดั ตา่ งๆ ทง้ั ใกลแ้ ละไกล พากนั มากราบเยย่ี มและฟงั โอวาททา่ น
มิไดข้ าด แต่ลว้ นเดนิ ด้วยเท้าเปลา่ กันทง้ั น้ัน นอกจากผหู้ ญิงทีไ่ ม่เคยคดิ
เดนิ ทางไกลและคนแกเ่ ทา่ นนั้ ทว่ี า่ จา้ งลอ้ เกวยี นเขาไปสง่ ถงึ วดั หนองผอื
ทางจากอำ� เภอพรรณนานคิ มเขา้ ไปถงึ หมบู่ า้ นหนองผอื ถา้ ไปทางตรง
แต่ตอ้ งเดินตัดขนึ้ หลงั เขาไปราว ๕๐๐ เส้น ถ้าไปทางอ้อมโดยไมต่ ้อง
ขึน้ เขากร็ าว ๖๐๐ เส้น ผไู้ ม่เคยเดินทางไปไม่ตลอด เพราะทางตรงไมม่ ี
หมบู่ ้านในระหว่างพอได้อาศยั หรือพักแรม สว่ นทางอ้อมยงั พอมหี มูบ่ ้าน
บา้ งหา่ งๆ ซงึ่ ไมค่ อ่ ยสะดวกนกั พระทไี่ ปหาทา่ นตอ้ งเดนิ ดว้ ยเทา้ กนั ทง้ั นนั้
เพราะไมม่ ที างทร่ี ถยนตพ์ อเขา้ ไปได้ แมร้ ถมกี เ็ ฉพาะทวี่ ง่ิ ตามทางใหญจ่ าก
406