เพยี งใดหรอื ไมก่ ม็ ใี นบางขณะตามประสาของปถุ ชุ นอยา่ งนน้ั เอง แตค่ ำ� พดู
ทา่ นเปน็ เครอื่ งปลกุ ประสาทใหต้ นื่ ตวั ตนื่ ใจไดด้ มี าก นแ่ี ลเปน็ เครอ่ื งพยงุ
ความเพยี รไมใ่ หล้ ดละเพื่ออนาคตของตนตลอดมา ทา่ นเลา่ วา่ พอเร่ง
ความเพยี รทางปัญญาเข้ามากทีไร ยิ่งทำ� ให้จิตใจจืดจางออกจากหมคู่ ณะ
มากข้ึน และกลับดูดดื่มทางความเพียรมากเข้าทุกที ท้ังท่ีทราบเร่ือง
ของตัวมาโดยล�ำดับว่าก�ำลังของเรายังไม่พอ แต่ก็จ�ำต้องอยู่รออบรม
หมู่คณะพอให้มหี ลกั ฐานทางใจบา้ ง
ทราบว่าท่านจ�ำพรรษาท่ีจังหวัดนครพนมหลายปี ตามแถบหมู่บ้าน
สามผง อ�ำเภอศรีสงคราม ถา้ จำ� ไมผ่ ิดกร็ าว ๓-๔ ปี ทบี่ ้านห้วยทราย
ซ่งึ ต้งั อยู่เขตอำ� เภอคำ� ชะอี จงั หวัดเดียวกัน ๑ ปี แถบหมบู่ า้ นหว้ ยทราย
บ้านค�ำชะอี หนองสูง โคกกลาง เหล่าน้ีมีภูเขามาก ท่านชอบพักอยู่
แถบนมี้ าก ทเี่ ขาผกั กดู ซงึ่ อยใู่ กลห้ มบู่ า้ นแถบนนั้ ทา่ นวา่ เทวดากช็ มุ เสอื ก็
ชมุ มาก ตอนกลางคืนเสือกม็ าเทีย่ วรอบๆ บรเิ วณที่ทา่ นพกั อยู่ เทวดาก็
ชอบมาฟงั ธรรมทา่ นบ่อยเช่นกัน กลางคนื เสียงเสอื โคร่งใหญ่กระหม่ึ อยู่
ใกลๆ้ กบั ทพี่ กั ทา่ น บางคนื มนั กระหม่ึ พรอ้ มกนั ทลี ะหลายๆ ตวั เสยี งสนนั่
หว่ันไหวไปทั่วท้ังป่า เสียงมันร้องรับกันเหมือนเสียงคนร้องหากันนี่เอง
ทางโนน้ กร็ อ้ ง ทางนกี้ ร็ อ้ ง กระหม่ึ รบั กนั เปน็ พกั ๆ ทลี ะหลายๆ ตวั นา่ กลวั มาก
พระเณรบางคืนไม่ไดห้ ลับนอนกนั เลย กลวั เสอื จะมาฉวยไปกนิ
ทา่ นฉลาดหาอบุ ายพดู แปลกๆ ใหพ้ ระเณรกลวั เสอื เพอื่ จะไดพ้ ากนั
ขยนั ทำ� ความเพยี ร โดยพดู วา่ ใครขเ้ี กยี จทำ� ความเพยี รระวงั ใหด้ นี ะ เสอื ใน
เขาลกู นช้ี อบพระเณรทขี่ เี้ กยี จทำ� ความเพยี รนกั กนิ กอ็ รอ่ ยดี ใครไมอ่ ยาก
เปน็ อาหารอรอ่ ยของมนั ตอ้ งขยนั ใครขยนั ทำ� ความเพยี ร เสือกลัวและ
157
ไม่ชอบเอาเปน็ อาหาร พอพระเณรได้ยินดงั น้นั ตา่ งกพ็ ยายามทำ� ความ
เพียรกัน แม้เสือกำ� ลงั กระหึ่มอยู่รอบๆ ก็จ�ำต้องฝนื ออกไปเดินจงกรม
แบบสละตายทัง้ ท่กี ลวั ๆ เพราะเช่อื คำ� ท่านว่าใครข้เี กยี จเสือจะมาเอาไป
เปน็ อาหารอนั อรอ่ ยของมนั เพราะทอ่ี ยนู่ น้ั มไิ ดเ้ ปน็ กฎุ เี หมอื นวดั ทว่ั ๆ ไป
แต่เป็นร้านเล็กๆ พอหมกตัวเวลาหลับนอนเท่านั้น และเตี้ยๆ ด้วย
เผอ่ื เสอื นกึ หวิ ขน้ึ มาและโดดมาเอาไปกนิ ตอ้ งเสยี ทา่ ใหม้ นั จรงิ ๆ เพราะฉะนน้ั
พระทา่ นถงึ กลวั และเชอื่ คำ� ของท่านอาจารย์
ท่านเล่าให้ฟังก็น่ากลัวด้วยว่าบางคืนเสือโคร่งใหญ่เข้ามาถึงบริเวณ
ทีพ่ ระพักอยู่ก็มี แตก่ ็ไม่ท�ำอะไร เปน็ เพยี งเดินผา่ นไปเท่าน้ัน ตามปกติ
ท่านก็ทราบอยู่แล้วว่าเสือไม่กล้ามาท�ำอะไรได้ ท่านว่าเทวดารักษาอยู่
ตลอดเวลา คือเวลาเทวดาลงมาเย่ียมฟังเทศนท์ า่ น เขาบอกกับท่านวา่
เขาพากันอารักขาไม่ให้มีอะไรมารบกวนและท�ำอันตรายได้ และขอ
อาราธนาทา่ นใหพ้ กั อยทู่ น่ี ั้นนานๆ ฉะนัน้ ท่านจึงหาอบุ ายพูดใหพ้ ระเณร
กลัวและสนใจต่อความเพียรมากขึ้น เสือเหล่านั้นก็รู้สึกจะทราบว่าท่ี
บริเวณท่านพักอยู่เป็นสถานท่ีเย็นใจ พวกสัตว์เสือต่างๆ ไม่ต้องระวัง
อนั ตรายจากนายพราน เพราะตามปกตชิ าวบา้ นทราบวา่ ทา่ นไปพกั อยทู่ ใ่ี ด
เขาไมก่ ล้าไปเท่ยี วล่าเนื้อทนี่ น้ั เขาบอกวา่ กลัวเปน็ บาป และกลวั ปนื จะ
ระเบิดท้งั ลำ� กลอ้ งใส่มอื เขาตายขณะยงิ สัตวใ์ นทีใ่ กล้บริเวณนนั้
สงิ่ ทแี่ ปลกอยอู่ ยา่ งหนง่ึ กค็ อื เวลาทา่ นไปพกั อยู่ ณ สถานทใ่ี ด ซง่ึ เปน็
แหล่งที่เสือชุมๆ ท่ีนั้นแม้ปกติเสือจะเคยมาเท่ียวหากัดวัวควายกินเป็น
ประจำ� ตามหมบู่ า้ นแถบนน้ั แตก่ เ็ ลกิ รากนั ไป ไมท่ ราบวา่ มนั ไปเทย่ี วหากนิ
กนั ทไี่ หน เรอื่ งทงั้ นท้ี า่ นเองกเ็ คยเลา่ ใหฟ้ งั และชาวบา้ นหลายหมบู่ า้ นทท่ี า่ น
158
เคยไปพกั อยกู่ เ็ คยเลา่ ใหฟ้ งั เหมอื นกนั วา่ เสอื ไมไ่ ปทำ� อนั ตรายสตั วเ์ ลย้ี ง
เขาเลย น่าอัศจรรย์มากดังน้ี ยังมีข้อแปลกอยู่อีกอย่างหน่ึงคือเวลา
พวกเทวดามาเยย่ี มฟงั เทศน์ท่าน หวั หน้าเทวดาเล่าวา่ ท่านมาพกั อยู่ทนี่ ี่
ทำ� ใหพ้ วกเทวดาสบายใจไปทว่ั กนั เทวดามคี วามสุขมากผิดปกติ เพราะ
กระแสเมตตาธรรมทา่ นแผก่ ระจายครอบทอ้ งฟา้ อากาศและแผน่ ดนิ ไปหมด
กระแสเมตตาธรรมทา่ นเปน็ กระแสทบ่ี อกไมถ่ กู และอศั จรรยม์ าก ไมม่ อี ะไร
เหมอื นเลยดังน้ี แลว้ พดู ต่อไปวา่ ฉะน้ัน ทา่ นพักอยู่ที่ไหน พวกเทวดา
ต้องทราบกันจากกระแสธรรมท่ีแผ่ออกจากองค์ท่านไปทุกทิศทุกทาง
แมเ้ วลาท่านแสดงธรรมแก่พระเณรและประชาชน กระแสเสยี งท่าน
ก็สะเทือนไปหมดท้ังเบ้ืองบนเบ้ืองล่าง ไม่มีขอบเขต ใครอยู่ที่ไหน
ก็ได้เห็นได้ยิน นอกจากคนตายแล้วเท่านั้นจะไม่ได้ยิน ตอนน้ีต้อง
ขออภัยทา่ นผ้อู ่านมากๆ อกี ด้วย
จะได้เชิญอาราธนาค�ำพูดระหว่างท่านพระอาจารย์กับพวกเทวดา
สนทนากันมาลงอีกเล็กน้อย ส่วนจะจริงหรือเท็จก็เขียนตามที่ได้ยิน
ได้ฟังมา ท่านย้อนถามเขาบ้างว่า ก็มนุษย์ไม่เห็นได้ยินกันบ้าง ถ้าว่า
เสยี งเทศน์สะเทอื นไปไกลดงั ทว่ี ่าน้ัน หัวหนา้ เทพฯ รบี ตอบทา่ นทันทวี ่า
ก็มนุษย์เขาจะรู้เรื่องอะไรและสนใจกับศีลกับธรรมอะไรกันท่าน ตา หู
จมูก ล้ิน กาย ใจของเขา เขาเอาไปใช้ในทางบาปทางกรรมและขนนรก
มาทบั ถมตวั ตลอดเวลา นบั แตว่ นั เขาเกดิ มาจนกระทง่ั เขาตายไป เขามไิ ด้
สนใจกบั ศลี กบั ธรรมอะไรเทา่ ทคี่ วรแกภ่ มู ขิ องตนหรอกทา่ น มนี อ้ ยเตม็ ที
ผู้ที่สนใจจะนำ� ตา หู จมกู ลน้ิ กาย ใจ ไปท�ำประโยชน์ คือศีลธรรม
ชวี ิตเขาก็นอ้ ยนดิ เดยี ว ถา้ เทยี บกนั แล้วมนษุ ย์ตายคนละกี่สิบกี่รอ้ ยคร้ัง
159
เทวดาที่อยู่ภาคพ้ืนแม้เพียงรายหนึ่งก็ยังไม่ตายกันเลย ไม่ต้องพูดถึง
เทวดาบนสวรรค์ชัน้ พรหมซึง่ มอี ายยุ ืนนานกันเลย
มนุษย์จ�ำนวนมากมีความประมาทมาก ที่มีความไม่ประมาทมีน้อย
เตม็ ที มนษุ ยเ์ องเปน็ ผู้รกั ษาศาสนา แต่แลว้ มนษุ ย์เสยี เองไมร่ ู้จกั ศาสนา
ไม่รู้จักศีลธรรมซึ่งเป็นของดีเย่ียม มนุษย์คนใดชั่วก็ยิ่งรู้จักแต่จะท�ำชั่ว
ถ่ายเดียว เขายังแต่ลมหายใจเท่านั้นพอเป็นมนุษย์อยู่กับโลกเขา
พอลมหายใจขาดไปเทา่ นน้ั เขากจ็ มไปกบั ความชว่ั ของเขาทนั ทแี ลว้ เทวดา
กไ็ ด้ยินทำ� ไมจะไม่ได้ยิน ปิดไมอ่ ยู่ เวลามนุษยต์ ายแลว้ นมิ นต์พระท่าน
มาสาธยายธรรมกุสลาธัมมาให้คนตายฟัง เขาจะเอาอะไรมาฟังส�ำหรับ
คนช่ัวขนาดนั้น พอแต่ตายลงไปกรรมชั่วก็มัดดวงวิญญาณเขาไปแล้ว
เริ่มแต่ขณะส้ินลมหายใจ จะมีโอกาสมาฟังเทศน์ฟังธรรมได้อย่างไร
แม้ขณะท่ีเขายังมีชีวิตอยู่ก็ไม่สนใจอยากฟังเทศน์ฟังธรรม นอกจาก
คนที่ยังเป็นอยู่เท่านั้น พอฟังได้ถ้าสนใจอยากฟัง แต่เขามิได้สนใจฟัง
หรอกทา่ น
ทา่ นไมส่ งั เกตดเู ขาบา้ งหรอื เวลาพระทา่ นสาธยายธรรมกสุ ลาธมั มา
ให้ฟัง เขาสนใจฟังเม่ือไร ศาสนามิได้ถึงใจมนุษย์เท่าที่ควรหรอกท่าน
เพราะเขาไม่สนใจกับศาสนา สิ่งที่เขารักชอบท่ีสุดนั้น มันเป็นสิ่งท่ีต�่ำ
ทรามทสี่ ตั วเ์ ดยี รจั ฉานบางตวั กย็ งั ไมอ่ ยากชอบ นน่ั แลเปน็ สง่ิ ทม่ี นษุ ยท์ ไ่ี ม่
ชอบศาสนาชอบมากกวา่ สง่ิ อน่ื ใด และชอบแตไ่ หนแตไ่ รมา ทง้ั ชอบแบบ
ไมม่ วี นั เบอ่ื ไมร่ จู้ กั เบอ่ื เอาเลย ขณะจะขาดใจยงั ชอบอยเู่ ลยทา่ น พวกเทวดา
รเู้ รอื่ งของมนษุ ยไ์ ดด้ กี วา่ มนษุ ยจ์ ะมาสนใจรเู้ รอื่ งของพวกเทวดาเปน็ ไหนๆ
มที า่ นนแ่ี ลเปน็ พระวเิ ศษ รทู้ ง้ั เรอื่ งมนษุ ย์ ทงั้ เรอ่ื งเทวดา ทงั้ เรอ่ื งสตั วน์ รก
160
สัตว์กี่ประเภทท่านรู้ได้ดีกว่าเป็นไหนๆ ฉะนั้น พวกเทวดาทั้งหลายจึง
ยอมตนลงกราบไหว้ทา่ น
พอหวั หนา้ เทวดาพดู จบลง ทา่ นพระอาจารยม์ น่ั กพ็ ดู เปน็ เชงิ ปรกึ ษา
วา่ เทวดาเปน็ ผมู้ ตี าทพิ ยห์ ทู พิ ยแ์ ลเหน็ ไดไ้ กล ฟงั เสยี งไดไ้ กล รเู้ รอ่ื งดชี วั่
ของชาวมนุษย์ได้ดีกว่ามนุษย์จะรู้เรื่องของตัวและรู้เร่ืองของพวกมนุษย์
ดว้ ยกนั จะไมพ่ อมที างเตอื นมนษุ ยใ์ หร้ สู้ กึ สำ� นกึ ในความผดิ ถกู ทตี่ นทำ� ได้
บา้ งหรอื อาตมาเขา้ ใจวา่ จะไดผ้ ลดกี วา่ มนษุ ยด์ ว้ ยกนั ตกั เตอื นกนั สงั่ สอนกนั
จะพอมีทางได้บ้างไหม หัวหนา้ เทวดาตอบทา่ นว่า เทวดายงั ไมเ่ คยเหน็
มนุษยม์ ีก่รี ายพอจะมีใจเป็นมนุษย์สมภมู ิเหมือนอยา่ งพระคุณเจ้า ซ่ึงให้
ความเมตตาแกช่ าวเทพฯ และชาวมนษุ ยต์ ลอดมาเลย พอทเี่ ขาจะรบั ทราบ
ว่าในโลกนี้มีสัตวช์ นดิ ต่างๆ หลายตอ่ หลายจำ� พวกอยูด่ ้วยกัน ทงั้ ทเ่ี ป็น
ภพหยาบ ทั้งที่เป็นภพละเอียด ซึ่งมนุษย์จะยอมรับว่าเทวดาประเภท
ตา่ งๆ มอี ยใู่ นโลก และสตั วอ์ ะไรๆ ทมี่ อี ยใู่ นโลกกห่ี มนื่ กแี่ สนประเภทวา่
มจี ริงตามที่สัตวเ์ หลา่ นนั้ มีอยู่
เพราะนับแต่เกิดมามนุษย์ไม่เคยเห็นสิ่งเหล่านี้มาแต่พ่อแต่แม่แต่
ป่ยู า่ ตายาย แล้วมนุษยจ์ ะมาสนใจอะไรกบั เทวดาเลา่ ท่าน นอกจากเห็น
อะไรผดิ สงั เกตบา้ ง จรงิ หรอื ไมจ่ รงิ ไมค่ ำ� นงึ พวกมนษุ ยม์ แี ตพ่ ากนั กลา่ วตู่
ว่าผีกันเท่านั้น จะมาหวังค�ำตักเตือนดีชอบอะไรจากเทวดา แม้เทวดา
จะรู้เห็นพวกมนุษย์อยู่ตลอดเวลา แต่มนุษย์ก็มิได้สนใจจะรู้เทวดาเลย
แลว้ จะใหเ้ ทวดาตักเตือนสั่งสอนมนุษยด์ ้วยวิธใี ด เปน็ เรอ่ื งจนใจทีเดยี ว
ปล่อยตามกรรมของใครของเราไว้อย่างน้ันเอง แม้แต่พวกเทวดาเองก็
ยังมกี รรมเสวยอยทู่ กุ ขณะ ถ้าปราศจากกรรมแล้วเทวดากไ็ ปนพิ พานได้
เท่าน้ันเอง จะพากันอยใู่ หล้ ำ� บากไปนานอะไรกนั
161
ท่านพระอาจารย์ม่ันถามเขาว่า พวกเทวดาก็รู้นิพพานกันด้วยหรือ
ถึงว่าหมดกรรมแล้วก็ไปนิพพานกันได้ และพวกเทวดาก็มีความทุกข์
เชน่ สตั วท์ งั้ หลายเหมอื นกนั หรอื เขาตอบทา่ นวา่ ทำ� ไมจะไมร่ ทู้ า่ น กเ็ พราะ
พระพทุ ธเจา้ องคใ์ ดมาสง่ั สอนโลกกล็ ว้ นแตส่ อนใหพ้ น้ ทกุ ขไ์ ปนพิ พานกนั
ท้งั น้นั มิไดส้ อนให้จมอย่ใู นกองทกุ ข์ แต่สัตว์โลกไมส่ นใจพระนพิ พาน
เท่าเครื่องเล่นที่เขาชอบเลย จึงไม่มีใครคิดอยากไปนิพพานกัน ค�ำว่า
นิพพานพวกเทวดาจ�ำได้อย่างติดใจจากพระพุทธเจ้าแต่ละองค์ที่มา
สงั่ สอนสตั วโ์ ลก แตเ่ ทวดากม็ กี รรมหนาจงึ ยงั ไมพ่ น้ จากภพของเทวดาให้
ได้ไปนิพพานกัน จะได้หมดปัญหา ไม่ตอ้ งวกเวียนถว่ งตนดงั ทเี่ ป็นอยู่น้ี
สว่ นความทกุ ขน์ นั้ ถา้ มกี รรมอยแู่ ลว้ ไมว่ า่ สตั วจ์ ำ� พวกใดตอ้ งมที กุ ขไ์ ปตาม
ส่วนของกรรมดชี ว่ั ท่ีมมี ากน้อยในตวั สัตว์
ท่านถามเทวดาว่า พระที่พูดกับเทวดารู้เร่ืองกันมีอยู่แยะไหม?
เขาตอบว่ามีอยู่เหมือนกันท่าน แต่ไม่มากนัก โดยมากก็เป็นพระซ่ึง
ชอบปฏิบัติบ�ำเพ็ญอยู่ในป่าในเขาเหมือนพระคุณเจ้านี่แล ท่านถามว่า
สว่ นฆราวาสเลา่ มบี า้ งไหม? เขาตอบวา่ มเี หมอื นกนั แตม่ นี อ้ ยมาก และ
ตอ้ งเปน็ ผใู้ ครท่ างธรรมปฏบิ ตั ิ ใจผอ่ งใสถงึ รไู้ ด้ เพราะกายพวกเทวดานนั้
หยาบสำ� หรบั พวกเทวดาดว้ ยกัน แต่กล็ ะเอยี ดสำ� หรบั มนุษย์จะร้เู หน็ ได้
ทั่วไป นอกจากผมู้ ีใจผอ่ งใสจึงจะรจู้ ะเหน็ ไดไ้ ม่ยากนกั
ทา่ นถามเขาวา่ ทธ่ี รรมทา่ นวา่ พวกเทวดาไมอ่ ยากมาอยใู่ กลพ้ วกมนษุ ย์
เพราะเหม็นสาบคาวมนุษย์น้ันเหม็นสาบคาวอย่างไรบ้าง ขณะท่ีท่าน
ทงั้ หลายมาเยยี่ มอาตมาไมเ่ หมน็ คาวบา้ งหรอื ทำ� ไมถงึ พากนั มาหาอาตมา
บอ่ ยนกั เขาตอบวา่ มนษุ ยท์ ม่ี ศี ลี ธรรมมใิ ชม่ นษุ ยท์ ค่ี วรรงั เกยี จ ยง่ิ เปน็ ที่
162
หอมหวนชวนใหเ้ คารพบชู าอยา่ งยงิ่ และอยากมาเยย่ี มฟงั เทศนอ์ ยเู่ สมอ
ไมเ่ บื่อเลย มนุษยท์ เ่ี หม็นคาวนา่ รงั เกียจ คือมนุษย์ท่เี หมน็ คาวศลี ธรรม
รงั เกยี จศลี ธรรม ไมส่ นใจในศลี ธรรม มนษุ ยป์ ระเภทเบอ่ื ศลี ธรรมซงึ่ เปน็
ของดเี ลศิ ในโลกทงั้ สาม แตช่ อบในสง่ิ ทน่ี า่ รงั เกยี จของทา่ นผดู้ มี ศี ลี ธรรม
ทงั้ หลาย มนษุ ยป์ ระเภทนนี้ า่ รงั เกยี จจงึ ไมอ่ ยากเขา้ ใกลแ้ ละเหมน็ คาวฟงุ้
ไปไกลดว้ ย แตเ่ ทวดามิไดต้ ั้งขอ้ รังเกียจชาวมนษุ ย์แตอ่ ย่างใด หากเป็น
นิสยั ของพวกเทวดามีความรู้สึกอยา่ งนน้ั มาดงั้ เดิมดังนี้
เวลาทา่ นเลา่ เรอ่ื งเทวดาภตู ผชี นดิ ตา่ งๆ ใหฟ้ งั ผฟู้ งั เคลม้ิ ไปจนลมื ตวั
และลืมเวล�่ำเวลา ลืมเหน็ดเหนื่อยเม่ือยลา้ ไปตามๆ กนั ประหนึ่งตนก็
ใคร่รู้อย่างนั้นบ้าง และคิดว่าจะรู้จะเห็นอย่างนั้นบ้างในวันหน่ึงข้างหน้า
แลว้ ทำ� ใหเ้ กดิ ความกระหยม่ิ ตอ่ ความเพยี รเพอ่ื ผลอยา่ งนนั้ ขนึ้ มา กบั ตอน
ทา่ นเลา่ อดตี ชาตขิ องทา่ นและของคนอนื่ เปน็ บางรายทเ่ี หน็ วา่ จำ� เปน็ ใหฟ้ งั
ยงิ่ ทำ� ใหอ้ ยากรเู้ รอื่ งอดตี ของตนจนลมื ความคดิ ทอ่ี ยากพน้ ทกุ ขไ์ ปนพิ พาน
ในบางครงั้ พอรตู้ วั เกดิ ตกใจและตำ� หนติ นวา่ ออ๋ เรานจี่ ะเรมิ่ บา้ ไปเสยี แลว้
แทนทจ่ี ะคดิ ไปในทางหลดุ พน้ ดงั ทที่ า่ นสง่ั สอน แตก่ ลบั ไปควา้ และงมเงา
ในอดตี ทผ่ี า่ นมาแลว้ กท็ ำ� ใหร้ สู้ กึ ตวั ไปพกั หนงึ่ พอเผลอตวั กค็ ดิ ไปอกี แลว้
ตอ้ งคอยปราบปรามตัวเองอยูเ่ รือ่ ย
เวลาท่านเล่าเรื่องพวกเทวดาภูตผีชนิดต่างๆ มาเย่ียมท่าน รู้สึก
น่าฟังมาก เฉพาะพวกภูตผรี ้สู ึกมีผอี ันธพาลเชน่ กบั มนุษย์เรา ถา้ พวกใด
ชอบก่อความไม่สงบมาก เขาต้องจับพวกนั้นมาขังรวมกันไว้ในคอกที่
มนุษย์เรียกว่าห้องขังนั่นเอง ขังไว้เป็นพวกๆ เป็นห้องๆ เต็มห้องขัง
แตล่ ะหอ้ ง มที ัง้ ผีอันธพาลหญงิ ผีอนั ธพาลชาย และอนั ธพาลประเภท
163
โหดร้ายทารุณ จ�ำพวกทารุณยังมีท้ังหญิงท้ังชายอีกด้วย มองดูหน้าตา
พวกนบี้ อกอยา่ งชดั แจง้ วา่ แผเ่ มตตาใหไ้ มย่ อมรบั พวกผนี เี้ ขามบี า้ นเมอื ง
เหมอื นมนษุ ยเ์ ราเหมอื นกนั เปน็ บา้ นเมอื งใหญโ่ ตมาก มหี วั หนา้ ปกครอง
ดูแลเหมอื นกัน ผที ี่มีอปุ นิสัยใฝ่บุญกุศลกม็ ีอยู่แยะ พวกผีธรรมดาและ
ผจี ำ� พวกอนั ธพาลเคารพนบั ถอื มาก เพราะผมู้ อี ปุ นสิ ยั วาสนาเปน็ ผมู้ ฤี ทธา
ศกั ดานุภาพมาก ผีท้งั หลายเคารพเกรงกลวั มากตามหลกั ธรรมชาติ มใิ ช่
การประจบประแจง
ทา่ นเลา่ วา่ ทว่ี า่ บาปมอี ำ� นาจนอ้ ยกวา่ บญุ นนั้ ทา่ นไปพบเหน็ ในเมอื งผี
เปน็ พยานอีกประเด็นหน่งึ คอื ผมี วี าสนาแต่มาเสวยกรรมตามวาระ เช่น
มาเกดิ เปน็ ภตู ผี แตน่ สิ ยั ใจคอในทางบญุ นน้ั ไมเ่ คยเปลย่ี นแปลงเลยและ
มีอำ� นาจมากด้วย เพยี งผเู้ ดยี วเทา่ นนั้ กส็ ามารถปกครองผไี ดเ้ ป็นจ�ำนวน
มากมาย เพราะเมืองผีไม่มีการถือพวกถือพ้องเหมือนเมืองมนุษย์เรา
แตถ่ อื อำ� นาจตามหลกั ธรรม แมจ้ ะฝนื ถอื อยา่ งมนษุ ยก์ เ็ ปน็ ไปไมไ่ ด้ เพราะ
กรรมไม่อ�ำนวยไปตาม ตอ้ งขน้ึ อยู่กับกรรม ดีช่ัวเทา่ นนั้ เปน็ หลกั ตายตัว
อำ� นาจทใ่ี ชอ้ ยใู่ นเมอื งมนษุ ยจ์ งึ นำ� ไปใชใ้ นปรโลกไมไ่ ด้ ทา่ นเลา่ ตอนนรี้ สู้ กึ
พิสดารมาก แต่จำ� ได้เพยี งเลก็ น้อยขาดๆ วน่ิ ๆ จึงขออภัยด้วย
เวลาท่านออกเที่ยวโปรดสัตว์ตามสถานท่ีท่ีพวกผีต้ังบ้านเรือนอยู่
โดยทางสมาธภิ าวนา พอมองเหน็ ทา่ นเขากร็ บี โฆษณาบอกกนั มาทำ� ความ
เคารพเหมือนมนุษย์เรา ท่านเดินผ่านไปตามท่ีต่างๆ ในที่ชุมนุมผีและ
ผ่านไปท่ีคุมขังผีอันธพาลหญิงชาย โดยมีหัวหน้าผีเป็นผู้พาน�ำทางด้วย
ความเคารพเลื่อมใสท่านมาก และอธบิ ายสภาพความเป็นอยูข่ องผชี นดิ
ตา่ งๆ ใหท้ า่ นฟงั และอธบิ ายเรอื่ งผที ถ่ี กู คมุ ขงั วา่ เปน็ ผมู้ ใี จโหดรา้ ยคอย
164
รบกวนผอู้ น่ื ไมใ่ หม้ คี วามสงบสขุ เทา่ ทคี่ วร ตอ้ งขงั ไวต้ ามแตโ่ ทษหนกั เบา
ของเขา คำ� วา่ ภตู ผีนนั้ เป็นคำ� ท่ีมนุษยเ์ ราให้ช่ือเขาต่างหาก ความจริง
เขากเ็ ปน็ สตั วช์ นดิ หนง่ึ เชน่ เดยี วกบั สตั วช์ นดิ ตา่ งๆ ทม่ี อี ยใู่ นโลกทวั่ ไป
ตามภมู ขิ องตน
ทา่ นวา่ ที่ใดมปี ่ามีเขามาก ท่านพระอาจารย์มนั่ ชอบพกั อยู่ทน่ี ั้นนาน
ไปๆ มาๆ อยตู่ ามแถบเขานนั้ ๆ เมอื่ ทา่ นพกั อยนู่ ครพนมและอบรมหมคู่ ณะ
นานพอสมควรแล้ว ท�ำให้คิดถึงตัวเองมากขึ้น โดยค�ำนึงถึงความรู้สึก
ทโี่ ผลข่ น้ึ เสมอวา่ กำ� ลงั เรายงั ไมพ่ อดงั น้ี ถา้ จะฝนื อยกู่ บั หมคู่ ณะไปทำ� นองน้ี
ความเพยี รก็ล่าช้า ท่านว่าเท่าทสี่ งั เกตดู นับแตก่ ลับมาจากภาคกลางมา
อบรมส่ังสอนหมู่คณะอยู่ทางภาคอีสาน รู้สึกว่าภูมิจิตใจไม่ค่อยก้าวไป
รวดเรว็ เหมือนอยอู่ งคเ์ ดยี ว จะต้องเรง่ ความเพียรอีกสักพกั จนบรรลุถงึ
ความพึงใจแลว้ น่นั แหละถึงจะหมดความกงั วลหว่ งใยตัวเอง
ประกอบระยะนั้นท่านรับโยมมารดามาบวชเป็นอุบาสิกาอบรมอยู่
ด้วยประมาณ ๖ ปี จะไปมาทางใดไม่ค่อยสะดวก ทำ� ให้เป็นอารมณ์
ห่วงใยอยู่เสมอ เลยท�ำให้ท่านตัดสินใจจะเอาโยมมารดาไปส่งท่ีจังหวัด
อุบลราชธานี มารดาท่านก็เห็นดีด้วยไม่ขัดอัธยาศัย จากน้ันท่านก็เร่ิม
พามารดาออกเดนิ ทางจากนครพนม โดยเดนิ ตดั ตรงไปภเู ขาแถบหนองสงู
คำ� ชะอี ออกไปอ�ำเภอเลงิ นกทา จงั หวัดอบุ ลฯ ขณะท่ีท่านออกเดินทาง
ทราบวา่ มพี ระเณรตดิ ตามไปดว้ ยมากมาย ปนี นั้ ไปจำ� พรรษาบา้ นหนองขอน
อำ� เภออำ� นาจเจรญิ อบุ ลฯ มพี ระเณรจำ� พรรษากบั ทา่ นมาก ขณะทจี่ ำ� พรรษา
อยนู่ กี้ ใ็ หก้ ารอบรมพระเณรอบุ าสกอบุ าสกิ าอยา่ งเตม็ กำ� ลงั มผี คู้ นพระเณร
เกดิ ความเชื่อเลือ่ มใสและมาอยอู่ บรมกับท่านมากข้นึ เปน็ ล�ำดับ
165
คนื วนั หนง่ึ เวลาดกึ สงดั ทา่ นกำ� ลงั เขา้ ทภี่ าวนา พอจติ สงบรวมลงไป
ปรากฏเห็นพระเณรจ�ำนวนมากท่ีค่อยๆ เดินตามหลังท่านมาด้วยความ
เคารพและมีระเบียบสวยงามน่าเลื่อมใสก็มี ท่ีเดินแซงหน้าท่านไปข้าง
หน้าด้วยอาการลุกลี้ลุกลน ไม่มีความเคารพและส�ำรวมอินทรีย์เลยก็มี
ทกี่ ำ� ลงั ถอื โอกาสเดนิ แซงหนา้ ทา่ นไปดว้ ยทา่ ทางทไ่ี มม่ รี ะเบยี บธรรมวนิ ยั
ติดตัวเลยก็มี พวกท่ีก�ำลังเอาไม้มีลักษณะเหมือนไม้ผ่าคร่ึงเหมือนหีบ
ปิ้งปลามาคีบหัวอกท่านอย่างแน่นแทบหายใจไม่ได้ก็มี เม่ือเห็นความ
แตกต่างแห่งพระท้ังหลายท่ีแสดงอาการไม่มีความเคารพ และท�ำความ
โหดรา้ ยทรมานทา่ นดว้ ยวธิ กี ารตา่ งๆ กนั เชน่ น้ี ทา่ นกก็ ำ� หนดจติ ดเู หตกุ ารณ์
ทเ่ี กดิ เฉพาะหนา้ ให้ละเอยี ด กท็ ราบขนึ้ มาทนั ทีว่า
จ�ำพวกท่ีค่อยๆ เดินตามหลังท่านด้วยความเคารพและมีระเบียบ
สวยงามเป็นท่ีน่าเล่ือมใส น้ันคือจ�ำพวกท่ีจะประพฤติปฏิบัติชอบตาม
โอวาทคำ� สงั่ สอนของทา่ น จะเปน็ ผเู้ คารพเทดิ ทนู ทา่ นและพระศาสนาให้
เจรญิ รงุ่ เรอื งตอ่ ไปในอนาคต จะสามารถทำ� ตนใหเ้ ปน็ ประโยชนแ์ กพ่ ระศาสนา
ตลอดหมชู่ นทว่ั ไปได้ และสามารถจะยงั ขนบธรรมเนยี มประเพณอี นั ดงี าม
ทางศาสนาใหค้ งทด่ี งี ามตอ่ ไป เปน็ ทน่ี า่ เคารพเลอ่ื มใสทงั้ มนษุ ยแ์ ละเทวดา
อีกพรหมยมยกั ษท์ ั่วหน้ากนั ซ่ึงนบั ว่าเปน็ ผู้ทรงตนและพระศาสนาไว้ได้
ตามแบบอรยิ ประเพณไี มเ่ ส่ือมสญู
จำ� พวกทเี่ ดนิ แซงหนา้ ทา่ นไปดว้ ยทา่ ทางไมร่ ะวงั สำ� รวมนนั้ คอื จำ� พวก
อวดรู้อวดฉลาด เขา้ ใจวา่ ตนเรยี นมากรมู้ าก ปฏบิ ตั ดิ ยี งิ่ กวา่ ครอู าจารย์
ผพู้ าปฏบิ ตั ดิ ำ� เนนิ ดว้ ยสามจี กิ รรมมากอ่ นไม่สนใจเคารพเอื้อเฟื้อต่อการ
ศึกษาไต่ถามข้ออรรถข้อธรรมใดๆ เพราะความส�ำคัญตนว่าฉลาดรอบรู้
166
ทุกอยา่ งแล้วปฏบิ ตั ิตนไปดว้ ยความส�ำคัญนัน้ ๆ อันเปน็ ทางล่มจมแก่ตน
และพระศาสนา ตลอดประชาชนผู้มาเก่ียวข้องศึกษา ต่างจะน�ำยาพิษ
เพราะความเห็นผิดจากอาจารย์องค์น้ันไปใช้แล้วกลายเป็นผู้ท�ำลายตน
และหม่ชู นตลอดกุลบุตรสุดทา้ ยภายหลงั ใหเ้ สียหายไปตาม โดยไม่รูส้ ึก
ระลึกได้วา่ เป็นทางถูกตอ้ งดงี ามหรอื ไมป่ ระการใด
จ�ำพวกที่ก�ำลังคอยหาโอกาสเดินแซงหน้าท่านไปในล�ำดับต่อมานั้น
คอื จำ� พวกทก่ี ำ� ลงั เรมิ่ กอ่ ตง้ั ความเสอ่ื มเสยี แกต่ นและวงพระศาสนาตอ่ ไป
ดว้ ยความสำ� คญั ผดิ ชนดิ ตา่ งๆ ทำ� นองจำ� พวกกอ่ นซง่ึ เปน็ จำ� พวกทจี่ ะชว่ ยกนั
ทำ� ลายตนและพระศาสนา อนั เปน็ สว่ นรวมดวงใจของประชาชนชาวพทุ ธ
ให้ฉิบหายล่มจมลงไปโดยมิได้สนใจว่าผิดหรือถูกประการใด จ�ำพวกท่ี
เอาไมม้ าคบี หวั อกทา่ นนน้ั คอื จำ� พวกทเ่ี ขา้ ใจวา่ ตนฉลาดรอบรแู้ ละปฏบิ ตั ิ
ไปดว้ ยความส�ำคญั น้ันๆ โดยมิได้คำ� นงึ วา่ ผดิ หรือถกู ทง้ั ทค่ี วามจรงิ การ
ปฏบิ ตั นิ ัน้ เป็นทางผดิ และยงั มสี ่วนกระทบกระเทือนวงพระศาสนาและ
ครอู าจารยท์ พ่ี าดำ� เนนิ มากอ่ นใหม้ สี ว่ นบอบชำ�้ เสยี หายไปดว้ ย สว่ นจำ� พวก
หลงั นี้ ทา่ นเลา่ วา่ ทา่ นรตู้ วั และนามของพระนน้ั ๆ ดว้ ย ทมี่ าทำ� ใหท้ า่ นลำ� บาก
ในเวลาตอ่ มา คอื พระทเี่ ปน็ ลกู ศษิ ยท์ า่ นอยกู่ อ่ น เปน็ แตอ่ อกไปจำ� พรรษา
อย่ไู มห่ า่ งกนั นกั ซง่ึ ทา่ นเองเปน็ ผ้เู ห็นชอบและอนญุ าตให้ออกไป
เม่ือก�ำหนดดูเหตุการณ์ทราบละเอียดแล้ว ท่านก็มาร�ำพึงถึงพระ
จ�ำพวกที่มาท�ำความทรมานให้ท่านล�ำบาก ว่าเป็นพระที่มีความเคารพ
เล่ือมใสและนับถือท่านมาก ไม่น่าจะท�ำอย่างน้ันได้ หลังจากน้ันท่าน
ก็คอยสังเกตความเคลื่อนไหวของบรรดาลูกศิษย์เหล่านั้นตลอดมา
โดยมิได้แสดงเร่ืองที่ปรากฏในคืนวันน้ันให้ใครทราบเลย ต่อมาไม่ก่ีวัน
167
ก็มีผู้ว่าราชการจังหวัดกับข้าราชการหลายท่าน และพระอาจารย์ที่เป็น
ลูกศิษย์ท่าน และเป็นองค์ที่เป็นหัวหน้าพากันเอาไม้มาคีบหัวอกท่าน
มาเยีย่ มท่านที่ส�ำนัก
ทง้ั สองฝา่ ยมาแสดงความประสงคข์ อใหท้ า่ นชว่ ยอนเุ คราะห์ ประกาศ
เรยี่ ไรเงนิ จากชาวบา้ นในตำ� บล อำ� เภอนนั้ เพอื่ สรา้ งโรงเรยี นขนึ้ ๒-๓ แหง่
อนั เปน็ การชว่ ยทางราชการอกี ทางหนงึ่ ดว้ ย โดยความเหน็ ของทง้ั สองฝา่ ย
ท่ตี กลงกนั มากอ่ นแลว้ วา่ ท่านพระอาจารยม์ ั่นเป็นทเ่ี คารพเลอ่ื มใสของ
ประชาชนมาก ท่านพดู อะไรขน้ึ มาต้องส�ำเรจ็ แนน่ อน จงึ ไดพ้ ากันมาหา
ท่านใหอ้ นุเคราะหช์ ว่ ยเหลือ พอทราบความประสงคข์ องผู้มาตดิ ตอ่ แลว้
ท่านก็ทราบทันทีว่าพระทั้งสองรูปนี้เป็นตัวการส�ำคัญที่ท�ำให้ท่านล�ำบาก
ซ่ึงเทยี บกบั เอาไมม้ าคีบหวั อกทา่ น โอกาสตอ่ ไปท่านได้เรียกพระทง้ั สอง
รูปนน้ั มาอบรมสง่ั สอน เพื่อใหร้ สู้ งิ่ ทคี่ วรหรือไมค่ วรแกเ่ พศสมณะปฏบิ ตั ิ
ผู้ต้ังอยใู่ นความสงบและส�ำรวมระวงั
ที่เรียนท้ังนก้ี เ็ พ่ือทา่ นผ้อู า่ นได้ทราบว่า จติ เปน็ ธรรมชาติลกึ ลับและ
สามารถรไู้ ดท้ ง้ั สงิ่ เปดิ เผยและลกึ ลบั ทง้ั อดตี อนาคตและปจั จบุ นั ดงั เรอื่ ง
ทา่ นพระอาจารยม์ น่ั เปน็ ตวั อยา่ งมาหลายเรอ่ื ง ทา่ นเปน็ พระทปี่ ฏบิ ตั เิ พอ่ื
ความเทย่ี งตรงต่ออรรถธรรม มไิ ด้มคี วามคดิ ทเี่ ปน็ โลกามิสแอบแฝงอยู่
ด้วยเลย คำ� พดู ทอี่ อกจากความร้คู วามเห็นท่านแตล่ ะค�ำ จึงเปน็ คำ� ที่ควร
สะดดุ ใจวา่ มใิ ชเ่ ปน็ คำ� โกหกหลอกลวงทา่ นผหู้ นงึ่ ผใู้ ดทง้ั ทอี่ ยใู่ กลช้ ดิ และ
ทว่ั ๆ ไปใหง้ มงายเสยี หายไปดว้ ยแตอ่ ยา่ งใด เพราะคำ� พดู ทา่ นทนี่ ำ� มาลงน้ี
เปน็ คำ� พดู ทพี่ ดู ในวงจำ� เพาะพระทอี่ ยใู่ กลช้ ดิ มไิ ดพ้ ดู ทว่ั ไปโดยไมม่ ขี อบเขต
แต่ผู้เขียนอาจเป็นนิสัยไม่ดีอยู่บ้างที่ตัดสินใจน�ำเอาเรื่องท่านออกมา
168
ความคดิ กเ็ พอ่ื ทา่ นทส่ี นใจไดอ้ า่ นและพจิ ารณาดบู า้ ง ซง่ึ อาจเกดิ ประโยชน์
เทา่ ทค่ี วร
เรือ่ งของท่านพระอาจารยม์ ่ันเปน็ เรื่องอศั จรรย์ และพิสดารอย่มู าก
ในพระปฏบิ ตั สิ มยั ปจั จบุ นั ทง้ั ภาคปฏบิ ตั แิ ละความรทู้ ท่ี า่ นแสดงออกแตล่ ะ
ประโยค การสง่ั สอนบางประโยคกบ็ อกตรงๆ บางประโยคกบ็ อกเปน็ อบุ าย
ไมบ่ อกตรง ท้งั สิง่ ท่คี วรและไมค่ วร การทำ� นายทายทกั ทางจติ ใจนับแต่
เรอื่ งขรวั ตาทช่ี ายเขาถำ้� สารกิ าเปน็ ตน้ เหตมุ าแลว้ ทา่ นระวงั มากทง้ั ทอี่ ยาก
เมตตาสงเคราะห์ บอกตามความคดิ ของผมู้ าอบรมนนั้ ๆ แสดงออกในทาง
ผดิ ถกู ตา่ งๆ อยา่ งบรสิ ทุ ธใิ์ จในฐานะเปน็ อาจารยส์ อนคน แตเ่ วลาบอกไป
ตามตรงวา่ ทา่ นผนู้ นั้ คดิ อยา่ งนนั้ ผดิ ทา่ นผนู้ ค้ี ดิ อยา่ งนถี้ กู ตอ้ ง แทนทจ่ี ะ
ได้รบั ประโยชน์ตามเจตนาอนเุ คราะห์ แตผ่ ูร้ บั ฟงั กลับคดิ ไปอีกทางหนึ่ง
ซ่ึงเปน็ ความเสียหายแก่ตนแทบทัง้ น้ัน ไม่ค่อยมาสนใจตามเหตผุ ลและ
เจตนาสงเคราะหเ์ ลย
บางรายพอเหน็ คดิ ไมด่ แี ละเรม่ิ จะเปน็ ชนวนแหง่ ความเสยี หาย สว่ นใหญ่
ทา่ นกต็ ักเตอื นบ้างโดยอุบายไม่บอกตรง เกรงว่าผู้ถูกเตือนจะกลัวและ
อายหมเู่ พอื่ น เพยี งเตอื นใหร้ สู้ กึ ตวั มไิ ดร้ ะบนุ าม แมเ้ ชน่ นน้ั ยงั เกดิ ความ
รุ่มร้อนแทบจะเป็นบ้าเป็นหลังไปต่อหน้าต่อตาท่านและหมู่คณะก็ยังมี
เรอ่ื งทงั้ นจี้ งึ เทา่ กบั เตอื นใหร้ เู้ ทา่ ทนั ถงึ อบุ ายวธิ สี ง่ั สอนไปในตวั ทกุ ระยะที่
เหตุการณ์เก่ียวข้องบังคับอยู่ ต้องขออภัยหากเป็นความไม่สบายใจใน
บางตอนที่เขยี นตามความจริงทบ่ี ันทึกและจดจำ� มาจากทา่ นเอง และจาก
ครูอาจารยท์ ่อี ยู่กับท่านมาเปน็ คราวๆ หลายท่านดว้ ยกนั จงึ มหี ลายเร่อื ง
และหลายรสดว้ ยกนั
169
โดยมากสง่ิ ทเ่ี ปน็ ภยั ตอ่ นกั บวช นกั ปฏบิ ตั ิ และนกั บวช นกั ปฏบิ ตั ชิ อบ
คดิ โดยไมม่ เี จตนา แตเ่ ปน็ นสิ ยั ทฝ่ี งั ประจำ� สนั ดานมาดงั้ เดมิ กค็ อื อายตนะ
ภายนอก ได้แก่ รปู เสยี ง กล่นิ รส สมั ผัส ธรรมารมณข์ องเพศท่เี ป็น
วสิ ภาคกัน นั่นแลคือกัณฑ์เทศน์กัณฑ์เอกทท่ี า่ นจำ� ต้องเทศน์และเตอื น
ทงั้ ทางตรงทางอ้อมอยู่เสมอ มิไดร้ ามอื พอให้สบายใจได้บ้าง การนกึ คิด
อย่างอ่นื ๆ กม็ ี แต่ถ้าไมส่ ำ� คัญนกั ท่านกท็ ำ� เปน็ ไม่สนใจ ท่สี �ำคัญอย่างยงิ่
ก็เวลาประชุมฟังธรรมซ่ึงท่านต้องการความสงบทั้งทางกายและทางใจ
ไมต่ อ้ งการอะไรมารบกวนทง้ั ผฟู้ งั และผใู้ หโ้ อวาท จดุ ประสงคก์ เ็ พอ่ื ไดร้ บั
ประโยชนจ์ ากการฟงั จรงิ ๆ ใครเกดิ ไปคะนองคดิ เรอื่ งแสลงเพศแสลงธรรม
ขึ้นมาในขณะน้ัน ฟ้ามักจะผ่าเปร้ียงๆ ลงในท่ามกลางความคิดที่ก�ำลัง
คดิ เพลนิ และทา่ มกลางทปี่ ระชมุ ทำ� เอาผกู้ ำ� ลงั กลา้ หาญคดิ แบบไมร่ จู้ กั ตาย
ตัวส่ันแทบสลบไปในขณะน้นั ทงั้ ที่ไม่ได้ระบตุ ัวบคุ คล แตร่ ะบุเรื่องท่คี ิด
ซ่ึงเป็นเรื่องกระตุกใจของผู้ก�ำลังคิดเร่ืองน้ันอย่างส�ำคัญ แม้ผู้อื่นในที่
ประชุมกพ็ ลอยตกใจ และบางรายตวั สั่นไปดว้ ยเผือ่ คดิ เช่นน้ันขึน้ มาบา้ ง
ขณะเผลอ
ถ้าถูกฟ้าผ่าอยู่เร่ือยๆ ขณะฟังเทศน์ ปรากฏว่าจิตใจผู้ฟังหมอบ
และมสี ตริ ะวงั ตวั อยา่ งเขม้ งวดกวดขนั บางรายจติ รวมสงบลงอยา่ งเตม็ ท่ี
กม็ ใี นขณะนน้ั ผไู้ มร่ วมในขนาดนน้ั กอ็ ยใู่ นเกณฑส์ งบและระวงั ตวั เพราะ
กลวั ฟา้ จะลงเปรย้ี ง หรอื เหยย่ี วจะลงโฉบเอาศรี ษะขณะใดกไ็ มร่ ู้ ถา้ เผลอ
คิดไม่เขา้ เร่อื งในขณะนั้น ฉะนน้ั ผ้ทู ่อี ย่กู ับทา่ นจงึ มหี ลกั ใจเปน็ ท่มี น่ั คง
ไปโดยล�ำดับ อยู่กับท่านไปนานเท่าไรก็ยิ่งท�ำให้นิสัยทั้งภายในภายนอก
กลมกลนื กับนสิ ัยท่านไปไม่มสี ิ้นสดุ ผใู้ ดอดทนอยกู่ ับท่านไดน้ านๆ ด้วย
170
ความใฝใ่ จ ยอมเปน็ ผา้ ขร้ี วิ้ ใหท้ า่ นดดุ า่ สงั่ สอน คอยยดึ เอาเหตเุ อาผลจาก
อบุ ายตา่ งๆ ทที่ า่ นแสดงในเวลาปกตหิ รอื เวลาแสดงธรรม ไมล่ ดละความ
สังเกต และพยายามปฏิบัตติ นใหเ้ ปน็ ไปตามท่านทุกวันเวลา นสิ ัยความ
ใคร่ธรรมและหนักแน่นในข้อปฏิบัติทุกด้านนี่แล จะท�ำให้เป็นผู้มั่นคง
ทางภายในขน้ึ วันละเล็กละนอ้ ย จนสามารถทรงตวั ได้
ที่ไม่ค่อยได้หลักเกณฑ์จากการอยู่กับท่าน โดยมากมักจะเพ่งเล็ง
ภายนอกย่ิงกวา่ ภายใน เชน่ กลวั ท่านดุดา่ บ้างเวลาคดิ ไปตา่ งๆ ตามเรอ่ื ง
ความโง่ของตน พอถูกทา่ นวา่ ให้บา้ งเลยกลวั โดยมิไดค้ ดิ จะแก้ตัวสมกับ
ไปศกึ ษาอบรมกบั ทา่ นเพอื่ หาความดใี สต่ วั ไมม่ เี หตมุ ผี ลอะไรเลย ไปอยู่
กบั ทา่ นกไ็ ปแบบเรา อยแู่ บบเรา ฟงั แบบเรา คดิ ไปรอ้ ยแปดแบบเราทเี่ ปน็
ทางดั้งเดิม อะไรๆ ก็เปน็ แบบเราซ่งึ มีกิเลสหนาอยูแ่ ลว้ ไม่มีแบบท่าน
เข้ามาแทรกบ้างเลย เวลาจากท่านไปก็จ�ำต้องไปแบบเรา ท่ีเคยเป็นมา
อยา่ งไรกเ็ ปน็ ไปอยา่ งนน้ั ชอ่ื วา่ ความดไี มม่ อี ะไรเปลยี่ นแปลงพอใหเ้ ปน็ ที่
นา่ ชมเชย แตค่ วามชว่ั ทท่ี บั ถมจนมองไมเ่ หน็ ตวั นนั้ ยง่ิ สง่ั สมขนึ้ ทกุ วนั เวลา
ไม่มีความเบื่อหน่ายอิ่มพอ ผลจึงเป็นคนอาภัพอยู่เสมอ ไม่มีสิ่งใดมา
ฉดุ ลากพอใหก้ ลบั ฟน้ื ตวั ไดบ้ า้ งเลย ถา้ ไปอยกู่ บั ทา่ นแบบทว่ี า่ น้ี จะอยนู่ าน
เท่าไรก็ไม่ผิดอะไรกับทัพพีอยู่กับแกงท่ีมีรสอร่อย แต่ทัพพีจะไม่รู้เร่ือง
อะไรกับแกง นอกจากใหเ้ ขาจบั โยนลงหมอ้ น้ันหมอ้ นี้ ไมไ่ ด้หยุดหยอ่ น
เทา่ นน้ั กิเลสตัณหาเครอ่ื งพอกพูนความชว่ั ไม่มปี ระมาณ จบั เราโยนลง
กองทุกขห์ ม้อนน้ั หมอ้ นก้ี ท็ �ำนองเดียวกัน
ผเู้ ขยี นกน็ บั เขา้ ในจำ� นวนถกู จบั โยนลงหมอ้ นน้ั หมอ้ นด้ี ว้ ย โดยไมต่ อ้ ง
สงสัย เพราะชอบขยันหม่ันเพียร แต่สิ่งหนึ่งน้ันคอยกระซิบให้ข้ีเกียจ
171
ชอบไปแบบทา่ น อยแู่ บบทา่ น ฟงั แบบทา่ น คดิ แบบทา่ น อยา่ งเปน็ อรรถ
เปน็ ธรรม แต่สงิ่ หนงึ่ ก็คอยกระซิบใหไ้ ปแบบเรา อยแู่ บบเรา ฟังแบบเรา
คดิ แบบเรา อะไรๆ กก็ ระซบิ ใหเ้ ปน็ แบบเราทเี่ คยเปน็ มาดง้ั เดมิ และกระซบิ
ไมอ่ ยากให้เปลยี่ นแปลงอะไรทง้ั นนั้ สุดทา้ ยก็เชือ่ มันจนเคล้มิ หลบั สนทิ
และยอมทำ� ตามแบบด้งั เดมิ เราจงึ เปน็ คนดั้งเดิมไม่มีอะไรเปล่ียนแปลง
ในทางดีขึ้นพอให้ตัวเองและผู้อ่ืนได้ชมเชยบ้าง ค�ำว่า “ด้ังเดิม” จึง
เป็นเรื่องใหญ่ส�ำหรับเราและใครๆ จนมีรากฝังลึกอยู่ภายใน ยากที่จะ
ถอดถอนออกได้ ถา้ ไมส่ งั เกตสอดรคู้ วามเปน็ มาและเปน็ ไปของตนอยา่ ง
เอาใจใสจ่ ริงๆ
พอตกหน้าแล้ง ท่านพระอาจารย์มั่นก็เริ่มพาโยมมารดาท่านออก
เดนิ ทาง พาพกั บา้ นละคนื สองคนื ไปเรอื่ ยจนถงึ บา้ น และพกั อยทู่ บี่ า้ นทา่ น
นานพอควร ใหก้ ารอบรมมารดาและชาวบา้ นพอมคี วามอบอนุ่ โดยทว่ั กนั
แลว้ กล็ าโยมมารดาและญาตอิ อกเดนิ ทางธดุ งคไ์ ปเรอื่ ยๆ โดยมงุ่ หนา้ ลงไป
ทางภาคกลาง ไปแบบธดุ งคกรรมฐาน ไมร่ บี ไมด่ ว่ น เจอหมบู่ า้ นหรอื สถานที่
มีน�้ำท่าสมบูรณ์ก็กางกลดลงที่น้ัน แล้วพักบ�ำเพ็ญสมณธรรมอยู่อย่าง
เยน็ ใจ พอมกี ำ� ลงั กายกำ� ลงั ใจแลว้ กเ็ ดนิ ทางตอ่ ไป สมยั โนน้ เดนิ ดว้ ยเทา้ กนั
ทง้ั นนั้ รถราไมม่ เี หมอื นสมยั นี้ ทา่ นวา่ ทา่ นมไิ ดเ้ รง่ รบี กบั เวลำ่� เวลา จดุ ใหญ่
อยูท่ ี่การภาวนาเทา่ นั้น เดินทางทงั้ วันกเ็ ท่ากับเดินจงกรมภาวนาไปท้ังวัน
ขณะท่านจากหมู่คณะเดินทางลงมากรุงเทพฯ เพียงองค์เดียวน้ัน
เหมือนช้างสารตัวใหญ่ออกจากโขลงเที่ยวหากินในป่าล�ำพังตัวเดียว
เปน็ ความเบากายเบาใจ เหมอื นถอดเสย้ี นถอดหนามออกจากหวั อกทเี่ คย
หนักหน่วงถ่วงกายถว่ งใจมานาน กายก็เบา ใจก็เบา ขณะเดินทางด้วย
172
วิธีจงกรมภาวนาไปแถบทุ่งกว้างที่มีสับกันเป็นตอนๆ แต่ภายในใจไม่มี
ความรสู้ กึ วา่ รอ้ นเพราะแดดแผดเผาเลย บรรยากาศคลา้ ยกบั เปน็ เครอื่ ง
ส่งเสริมการเดนิ ทางให้มีความสะดวกสบายไปเป็นลำ� ดบั บนบา่ ท่เี ต็มไป
ดว้ ยบรขิ ารของพระธดุ งค์ มบี าตร กลด เปน็ ตน้ ซงึ่ รวมหลายชน้ิ ดว้ ยกนั
ตามปกติก็พอท�ำความล�ำบากให้พอดู แต่ในความรู้สึกกลับไม่หนักหนา
อะไรเลย กายกับใจที่ถอดถอนความกังวลจากหมู่คณะออกหมดแล้ว
จึงเป็นเหมือนจะเหาะลอยข้ึนบนอากาศในขณะน้ัน เพราะหมดอาลัย
หายห่วงโดยประการทั้งปวง โยมมารดาก็ได้อบรมส่ังสอนอย่างเต็มภูมิ
จนมีหลักฐานทางจิตใจอย่างมั่นคงหมดห่วงแล้ว มีความรับผิดชอบ
เฉพาะตัวคนเดยี วนับแต่บดั น้ีเป็นตน้ ไป
น่ีเป็นค�ำร�ำพึงบริกรรมภาวนาไปตามทาง ซึ่งท่านใช้เป็นบทธรรม
เตอื นสตติ วั เองมใิ หป้ ระมาท เดนิ ทางโดยวธิ จี งกรมภาวนาไปตามสายทาง
ทปี่ ราศจากผคู้ นสญั จรไปมา ขณะเดนิ ทางตอนกลางวนั แดดกำ� ลงั รอ้ นจดั
มองดูมีต้นไม้ใบหนาตามชายป่าก็เห็นว่าเหมาะก็แวะเข้าไปอาศัยพักพอ
หายเหนอ่ื ย นงั่ ภาวนาสงบอารมณใ์ ตร้ ม่ ไมใ้ หใ้ จเยน็ สบาย ตกบา่ ยๆ อากาศ
ร้อนค่อยลดลงบ้างก็เริ่มออกเดินทางต่อไปด้วยท่าทางของผู้เห็นภัย
ในวฏั สงสาร มีสติสมั ปชัญญะประคองใจ ไปถงึ หม่บู ้านไม่กี่หลังคาเรอื น
พอไดอ้ าศยั เขาโคจรบณิ ฑบาตกพ็ อแลว้ ไมต่ อ้ งการความเหลอื เฟอื อะไร
มากไปกว่านน้ั ตามองหาทพี่ ักอยู่ห่างไกลจากหมูบ่ า้ นพอประมาณ และ
แวะพกั ไปเปน็ ทอดๆ แลว้ แตท่ ำ� เลเหมาะสมจะพกั ภาวนาสะดวกเพยี งไร
บางแห่งก็เป็นความสะดวกแก่การบ�ำเพ็ญก็พักอยู่เป็นเวลานาน แล้ว
เดินทางตอ่ ไป
173
ทา่ นเลา่ วา่ ตอนเดนิ ทางไปถงึ ดงพญาเยน็ ระหวา่ งสระบรุ กี บั นครราชสมี า
ตอ่ กนั มปี า่ เขาลำ� เนาไพรมาก ทำ� ใหเ้ กดิ ความชนื่ บานหรรษา คดิ อยากพกั
อยทู่ นี่ นั้ นานๆ เพอ่ื บำ� เพญ็ เพยี รเสรมิ กำ� ลงั ใจทกี่ ระหายตอ่ การอยคู่ นเดยี ว
ในป่าในเขามานาน เม่ือมาเจอท�ำเลเหมาะๆ เข้า กอ็ ยากพกั ภาวนาอยู่
ทน่ี น้ั เปน็ เวลานาน แลว้ คอ่ ยผา่ นไปเรอ่ื ย พกั ไปเรอื่ ย ทา่ นวา่ ทา่ นกเ็ พลดิ เพลนิ
ไปกบั สัตว์ชนิดตา่ งๆ เหมือนกนั เพราะปา่ เขาแถบนั้นมสี ตั ว์นานาชนดิ
ชุกชุมมาก มอี เี กง้ หมู กวาง ลิง ค่าง บ่าง ชะนี เสือ ชา้ ง อีเหน็
ไก่ปา่ ไกฟ่ า้ หมี เมน่ กระจ้อน กระแต เว้นสตั ว์เลก็ ๆ ท่เี ทย่ี วหากนิ เป็น
ประจำ� เสยี สตั วน์ อกนนั้ ยงั พากนั มาเทย่ี วหากนิ ในเวลากลางวนั ทา่ นเคย
เจอเขาบ่อย ซ่ึงเขาก็ไม่แสดงอาการกลวั ทา่ นนกั
ปา่ แถบนีแ้ ต่ก่อนไม่มีบ้านผู้บา้ นคน ถึงมกี ็อยู่หา่ งๆ กนั และมเี พยี ง
๓-๔ หลงั คาเรอื น ตง้ั อยเู่ ปน็ หยอ่ มๆ ซงึ่ อาศยั ทำ� ไรข่ า้ วและปลกู สงิ่ ตา่ งๆ
เปน็ อาชพี ตงั้ อยตู่ ามชายเขาระหวา่ งทผ่ี า่ นไป ทา่ นอาศยั ชาวบา้ นเหลา่ นนั้
เป็นโคจรบิณฑบาตไปเป็นระยะๆ หมู่บ้านท่ีอยู่แถบน้ันเขามีศรัทธาใน
พระธดุ งค์ดีมาก พวกนี้อาศัยสตั วป์ ่าเป็นอาหาร เพราะสัตวป์ า่ ชนดิ ตา่ งๆ
มมี าก เวลาพกั อย่กู บั เขาได้รบั ความสะดวกแก่การบ�ำเพญ็ มาก เขาไมม่ า
รบกวนใหเ้ สยี เวลาเลย ตา่ งคนตา่ งอยแู่ ละตา่ งทำ� หนา้ ทข่ี องตน ปรากฏวา่
การเดนิ ทางเปน็ ไปดว้ ยความสะดวกราบรนื่ ทง้ั ทางกายและทางใจ จนถงึ
กรุงเทพฯ ดว้ ยความสวสั ดี
ท่านเข้าพักวัดปทุมวัน ท่านว่าการขึ้นล่องระหว่างกรุงเทพฯ กับ
ภาคอสี าน ทา่ นขน้ึ ลอ่ งเสมอ บางเทยี่ วขน้ึ รถไฟไปลงเอาทส่ี ดุ รถไฟไปถงึ
เพราะแตก่ อ่ นรถไฟยงั ไมท่ นั ถงึ ทส่ี ดุ ทาง บางเทยี่ วกเ็ ดนิ ธดุ งคไ์ ปมาเรอ่ื ยๆ
174
ก็มี เวลาท่านพักและจ�ำพรรษาที่วัดปทุมวัน ได้ไปศึกษาอรรถธรรมกับ
ท่านเจ้าคุณพระอุบาลีฯ วัดบรมนิวาสเสมอ ออกพรรษาแล้วหน้าแล้ง
ทา่ นเจา้ คณุ อบุ าลฯี จะไปเชยี งใหม่ ทา่ นนมิ นตท์ า่ นอาจารยไ์ ปเชยี งใหมด่ ว้ ย
ท่านเลยไปเท่ียวทางเชียงใหม่กับท่านเจ้าคุณอุบาลีฯ ขณะนั่งรถไฟไป
เชียงใหม่ ท่านเล่าว่าท่านเข้าสมาธิภาวนาไปเร่ือยๆ เกือบตลอดทาง
มพี กั นอนบา้ ง กเ็ วลารถไฟออกจากกรงุ เทพฯ ไปถงึ ลพบรุ ี พอถงึ อตุ รดติ ถ์
รถจะเร่ิมเข้าเขา ทา่ นก็เร่ิมเขา้ สมาธิภาวนาแต่บัดนัน้ เป็นต้นไป จนจะถงึ
สถานีเชียงใหม่ถึงได้ถอนจิตออกจากสมาธิ เพราะขณะจะเริ่มท�ำสมาธิ
ภาวนา ท่านต้ังจิตไว้ว่า จะให้จิตถอนจากสมาธิต่อเม่ือรถไฟจวนเข้าถึง
ตัวเมืองเชียงใหม่ แล้วก็เริม่ ปฏิบตั หิ นา้ ทภี่ าวนาต่อไป โดยมไิ ด้สนใจกับ
อะไรอีก
ขณะนง่ั ทำ� สมาธไิ มน่ าน ประมาณ ๒๐ นาที จติ กร็ วมลงสคู่ วามสงบ
ถงึ ฐานของสมาธอิ ยา่ งเตม็ ท่ี จากขณะนน้ั แลว้ กไ็ มท่ ราบวา่ รถไฟวงิ่ หรอื ไม่
มีแต่จิตท่ีแน่วลงสู่ความสงบระงับตัวจากส่ิงภายนอกทั้งมวล ไม่มีอะไร
ปรากฏ แมท้ ส่ี ดุ กายกไ็ ดห้ ายไปในความรสู้ กึ เปน็ จติ ทด่ี บั สนทิ จากการรบั รู้
และรบกวนจากสงิ่ ตา่ งๆ เปน็ เหมอื นโลกธาตไุ มม่ อี ะไรเหลอื อยเู่ ลย ประหนงึ่
ได้ดับไปพร้อมกับความคิดปรุงและความส�ำคัญรับรู้ต่างๆ ของขันธ์
โดยสน้ิ เชงิ ขณะนนั้ เปน็ ความรสู้ กึ วา่ กายหายไป รถไฟและเสยี งรถหายไป
ผู้คนโดยสารในรถไฟหายไป ตลอดส่ิงต่างๆ ท่ีเคยเกี่ยวข้องกันกับจิต
ไดห้ ายไปจากความรสู้ กึ โดยสน้ิ เชงิ สิง่ ทเี่ หลืออยู่ในเวลาน้นั ก็นา่ จะเป็น
สมาธสิ มาบตั อิ ยา่ งเดยี วเทา่ นน้ั เพราะในขณะนนั้ มไิ ดส้ ำ� คญั ตนวา่ อยใู่ นท่ี
เช่นไร
175
จติ ทรงตวั อยใู่ นลกั ษณะนต้ี ลอดมาแต่ ๒๐ นาทแี รกเรมิ่ สมาธิ จนถงึ
ชานเมอื งเชยี งใหมจ่ งึ ไดถ้ อนตวั ออกมาเปน็ ปกตจิ ติ ลมื ตาขน้ึ มองดสู ภาพ
ทว่ั ไป กพ็ อดเี หน็ ตกึ รามบา้ นชอ่ งขาวดาดาษไปทกุ ทศิ ทกุ ทาง จากนน้ั กเ็ รมิ่
ออกจากทแ่ี ละเตรียมจะเกบ็ สง่ิ ของบริขาร มองดผู ูค้ นในรถรอบๆ ข้าง
ตา่ งพากนั มองมา นยั นต์ าจบั จอ้ งมองดทู า่ นอยา่ งพศิ วงสงสยั ไปตามๆ กนั
รู้สึกจะเป็นที่ประหลาดใจของคนในรถไฟท้ังขบวน นับตั้งแต่เจ้าหน้าท่ี
รถไฟลงมาไม่น้อยเลย มาทราบได้ชัดเจนเอาตอนท่านจะขนสิ่งของ
บริขารลงจากรถ ขณะที่รถจะถงึ ที่ เจ้าหน้าทีร่ ถไฟต่างมาช่วยขนสง่ิ ของ
ลงรถช่วยท่านด้วยสีหน้าย้ิมแย้มแจ่มใส ทั้งท่ีไม่เคยรู้จักกันมากอ่ นเลย
ท้ังคนโดยสารและเจ้าหน้าท่ีรถไฟต่างยืนมองท่านจนวาระสุดท้ายอย่าง
ไมก่ ะพรบิ ตาไปตามๆ กัน
แม้ก่อนจะลงจากรถก็มีเจ้าหน้าที่รถไฟและคนโดยสารมาถาม
ทา่ นวา่ ทา่ นอยวู่ ดั ไหน และทา่ นจะเดนิ ทางไปไหนตอ่ ไป ทา่ นกไ็ ดต้ อบวา่
ท่านเป็นพระอยู่ตามป่า ไม่ค่อยมีหลักฐานวัดวาแน่นอนนัก และต้ังใจ
จะมาเท่ียววิเวกตามเขาแถบนี้ เจ้าหน้าท่ีรถไฟและผู้โดยสารบางคน
ก็ถามทา่ นด้วยความเออื้ เฟ้ือเล่อื มใสวา่ ขณะนท้ี ่านจะไปพกั วดั ไหนและ
มผี มู้ ารบั หรอื ตามสง่ หรอื ยงั ทา่ นแสดงความขอบคณุ เจา้ หนา้ ทรี่ ถไฟ และ
เรยี นวา่ มผี มู้ ารบั เรยี บรอ้ ยแลว้ เพราะทา่ นไปกบั ทา่ นเจา้ คณุ อบุ าลฯี ซง่ึ เปน็
พระผู้ใหญ่และเป็นท่ีเคารพเลื่อมใสของชาวเมืองเป็นอย่างยิ่ง นับแต่
เจ้าผคู้ รองนครลงมาถึงพอ่ ค้าประชาชน
ขณะนน้ั ปรากฏวา่ มผี คู้ นพระเณรไปรอรบั ทา่ นเจา้ คณุ อบุ าลฯี อยคู่ บั คงั่
แม้รถยนต์ซ่ึงเป็นของหายากในสมัยนั้น แต่ก็ปรากฏว่ามีรถไปรอรับอยู่
176
หลายคนั ทงั้ รถขา้ ราชการและพอ่ คา้ ประชาชน รบั ทา่ นเจา้ คณุ ฯ จากสถานี
มาวดั เจดีย์หลวง
เมื่อประชาชนทราบว่า ท่านเจ้าคุณอุบาลีฯ มาพักท่ีวัดเจดีย์หลวง
จงั หวดั เชยี งใหม่ ตา่ งกม็ ากราบนมสั การเยยี่ มและฟงั โอวาททา่ น ในโอกาส
ทป่ี ระชาชนมามากนน้ั ทา่ นเจา้ คณุ อบุ าลฯี ไดอ้ าราธนาทา่ นพระอาจารยม์ น่ั
เป็นองค์แสดงธรรมให้ประชาชนฟัง ปรากฏว่าท่านแสดงธรรมไพเราะ
เพราะพรง้ิ จบั ใจทา่ นผฟู้ งั มากมาย ไมอ่ ยากใหจ้ บลงงา่ ยๆ เทศนก์ ณั ฑน์ น้ั
ทราบว่า ทา่ นเร่มิ แสดงมาแตต่ น้ อนุปพุ พกิ ถาข้นึ ไปเปน็ ลำ� ดับ จนจบลง
ในท่ามกลางแห่งความเสียดายของพุทธศาสนิกชนที่ก�ำลังฟังเพลิน
พอเทศนจ์ บลง ท่านลงมากราบพระเถระ แล้วหลกี ออกไปหาทีพ่ ักผอ่ น
ตามอัธยาศยั
ขณะน้ันท่านเจ้าคุณอุบาลีฯ กล่าวชมเชยธรรมเทศนาของท่านใน
ทา่ มกลางบรษิ ทั วา่ ทา่ นมนั่ แสดงธรรมไพเราะมาก หาผเู้ สมอเหมอื นไดย้ าก
และแสดงธรรมเปน็ มตุ โตทยั คอื แดนแหง่ ความหลดุ พน้ ทผ่ี ฟู้ งั ไมม่ ที น่ี า่
เคลอื บแคลงสงสัย นับวา่ ท่านแสดงได้อย่างละเอียดลออดมี าก แมแ้ ต่
เราเองก็ไมอ่ าจแสดงไดใ้ นลกั ษณะแปลกๆ และชวนให้ฟังเพลินไปอยา่ ง
ทา่ นเลย สำ� นวนโวหารของพระธดุ งคกรรมฐานนแ้ี ปลกมาก ฟงั แลว้ ทำ� ให้
ได้ข้อคิดและเพลนิ ไปตาม ไม่มีเวลาอมิ่ พอและเบ่ือง่ายเลย
ทา่ นเทศนใ์ นสง่ิ ทเ่ี ราเหยยี บยำ่� ไปมาอยนู่ แ่ี ล คอื สง่ิ ทเ่ี ราเคยเหน็ เคย
ไดย้ นิ อยเู่ ปน็ ประจำ� แตม่ ไิ ดส้ นใจคดิ และนำ� มาทำ� ประโยชน์ เวลาทา่ นเทศน์
ผ่านไปแลว้ ถงึ ระลึกได้ ทา่ นมนั่ ทา่ นเปน็ พระกรรมฐานองค์สำ� คัญที่ใชส้ ติ
177
ปัญญาตามทางมรรคที่พระพุทธเจ้าทรงสอนไว้จริงๆ ไม่นำ� มาเหยียบย่�ำ
ทำ� ลายใหก้ ลายเปน็ โลกๆ เลวๆ ไปเสยี ดงั ทเี่ หน็ ๆ กนั ทา่ นเทศนม์ บี ทหนกั
บทเบาและเน้นหนักลงเป็นตอนๆ พร้อมทั้งการคล่ีคลายความสลับ
ซับซ้อนแห่งเน้ือธรรมท่ีลึกลับ ซึ่งพวกเราไม่อาจแสดงออกมาได้อย่าง
เปดิ เผย และสามารถแยกแยะธรรมนนั้ ๆ ออกมาชแ้ี จงใหเ้ ราฟงั ไดอ้ ยา่ งถงึ ใจ
โดยไมม่ ปี ัญหาอะไรเลย นับวา่ ทา่ นฉลาดแหลมคมมากในเชิงเทศนาวิธี
ซงึ่ หาตวั จบั ไดย้ าก อาตมาแมเ้ ปน็ อาจารยท์ า่ น แตก่ ย็ กใหท้ า่ นสำ� หรบั อบุ าย
ต่างๆ ทเี่ ราไม่สามารถซ่งึ มีอยเู่ ยอะแยะ
เฉพาะทา่ นมนั่ ทา่ นสามารถจรงิ อาตมาเองยงั เคยถามปญั หาขดั ขอ้ งใจ
ท่ีตนไม่สามารถแก้ได้โดยล�ำพังกับท่าน แต่ท่านยังสามารถแก้ได้อย่าง
คล่องแคล่วว่องไวด้วยปัญญา เราพลอยได้คติจากท่านไม่มีประมาณ
อาตมาจะมาเชยี งใหมจ่ งึ ไดน้ มิ นตท์ า่ นมาดว้ ย ซง่ึ ทา่ นกเ็ ตม็ ใจมาไมข่ ดั ขอ้ ง
สว่ นใหญ่ท่านอาจเห็นวา่ ทเี่ ชยี งใหม่เรามีป่า มภี ูเขามาก สะดวกแก่การ
แสวงหาท่ีวิเวก ถึงได้ตกลงใจมากับอาตมาก็เป็นได้ เป็นแต่ท่านมิได้
แสดงออกเทา่ นัน้ เอง พระอย่างทา่ นมน่ั เปน็ พระทห่ี าไดย้ ากมาก อาตมา
แม้จะเป็นผู้ใหญ่กว่าท่าน แต่ก็เคารพเล่ือมใสธรรมของท่านอยู่ภายใน
ท่านเองก็ยิ่งมีความอ่อนน้อมถ่อมตนต่ออาตมามากจนละอายท่านใน
บางคราว ทา่ นพกั อยู่ทนี่ พี่ อสมควรกอ็ อกแสวงหาท่วี เิ วกตอ่ ไป อาตมา
ก็จ�ำต้องปล่อยตามอัธยาศัยท่าน ไม่กล้าขัดใจ เพราะพระจะหาแบบ
ท่านม่นั นี้รสู้ ึกจะหาไดย้ ากอย่างยิง่ เมือ่ ท่านมเี จตนามงุ่ ตอ่ ธรรมอยา่ งยิง่
เรากค็ วรอนโุ มทนา เพอ่ื ทา่ นจะไดบ้ ำ� เพญ็ ประโยชนแ์ กต่ นและประชาชน
พระเณรในอนาคตอนั ใกลน้ ้ี
178
ทา่ นผใู้ ดมขี อ้ ขอ้ งใจเกยี่ วกบั การอบรมภาวนากเ็ ชญิ ไปศกึ ษาไตถ่ ามทา่ น
จะไม่ผิดหวังแน่นอน แต่กรุณาอย่าไปขอตะกรุดวิชาคาถาอาคมอยู่ยง
คงกระพนั ชาตรี ความแคลว้ คลาดปลอดภยั ตา่ งๆ ท่ีผิดทาง จะเป็นการ
ไปรบกวนท่านให้ล�ำบากโดยมิใช่ทาง บางทีท่านอาจใส่ปัญหาเจ็บแสบ
เอาบ้างจะว่าอาตมาไม่บอก เพราะทา่ นมน่ั มิใช่พระประเภทนั้น ทา่ นเป็น
พระจริงๆ และส่งั สอนคนให้เห็นผดิ เห็นถูก เห็นช่วั เห็นดีและเห็นบาป
เหน็ บญุ จรงิ ๆ มไิ ดส้ ง่ั สอนออกนอกลนู่ อกทางไปจากคลองธรรม ทา่ นเปน็
พระปฏบิ ตั จิ ริงและรธู้ รรมตามที่พระพทุ ธเจา้ ทรงสั่งสอนไว้จรงิ ๆ
เท่าท่ีได้สนทนาธรรมกับท่านแล้วรู้สึกได้ข้อคิดอย่างน่าอัศจรรย์
ซงึ่ ใครๆ ไม่อาจพดู ไดอ้ ยา่ งท่านเลยเทา่ ท่ผี า่ นมาในสมัยปจั จบุ ัน อาตมา
เคารพเลอื่ มใสทา่ นมากภายในใจ โดยทท่ี า่ นไมท่ ราบวา่ อาตมาเคารพทา่ น
ถา้ ท่านไมท่ ราบดว้ ยญาณเอง เพราะมไิ ดพ้ ูดใหท้ า่ นฟัง ทา่ นเปน็ พระท่ีน่า
เคารพบชู าจรงิ ๆ และอยใู่ นขา่ ยแหง่ ปญุ ฺ กเฺ ขตตฺ ํ โลกสสฺ ขนั้ ใดขนั้ หนง่ึ
แนน่ อนไมส่ งสยั แตท่ า่ นเองมไิ ดแ้ สดงตวั วา่ เปน็ พระทต่ี ง้ั อยใู่ นธรรมขน้ั นนั้ ๆ
หากพอรู้ไดใ้ นเวลาสนทนากนั โดยเฉพาะ ไม่มีใครเขา้ มาเกยี่ วข้องด้วย
อาตมาเองเชื่อวา่ เป็นผู้ต้งั อยู่ในอริยธรรมขน้ั สามอย่างเต็มภูมิ ท้ังน้ี
ทราบจากการแสดงออกแห่งธรรมท่ีท่านรู้เห็น แม้ท่านจะไม่บอกภูมิ
ทบ่ี รรลวุ า่ ภมู นิ น้ั ๆ แตก่ ท็ ราบไดอ้ ยา่ งไมม่ ขี อ้ สงสยั เพราะธรรมทท่ี า่ นแสดง
ใหฟ้ งั เปน็ ธรรมในภมู ิน้ันๆ แน่นอน ไม่ผิดกับปริยัติทแ่ี สดงไว้ ท่านเป็น
พระที่มีความเคารพและจงรกั ภกั ดีต่ออาตมามากตลอดมา ไมเ่ คยแสดง
อากปั กริ ยิ ากระดา้ งวางตวั เยอ่ หยงิ่ แตอ่ ยา่ งใดใหเ้ หน็ เลย นอกจากวางตวั
แบบผ้าข้ีร้ิว ซงึ่ เห็นแลว้ อดเลื่อมใสอยา่ งจบั ใจไม่ได้ทุกๆ ครง้ั ไปเท่านน้ั
179
นเ่ี ปน็ คำ� ของเจา้ คณุ อบุ าลฯี กลา่ วชมเชยทา่ นพระอาจารยม์ น่ั ในทลี่ บั หลงั
ใหญ้ าตโิ ยมและพระเณรฟงั หลงั จากทา่ นแสดงธรรมจบลงแล้วหลีกไป
พระที่ได้ยินค�ำชมเชยนี้แล้วน�ำไปเล่าให้ท่านฟัง ท่านจึงน�ำเร่ืองน้ี
มาเลา่ ใหค้ ณะลกู ศษิ ยฟ์ งั เวลามโี อกาสดๆี คำ� วา่ “มตุ โตทยั ” ทมี่ ใี นชวี ประวตั ิ
ย่อของทา่ น ซ่ึงพมิ พแ์ จกในงานฌาปนกิจศพท่าน ก็เปน็ นิมิตตกนามไป
จากค�ำชมเชยของท่านเจา้ คุณอบุ าลีฯ คร้งั น้นั สบื ตอ่ มา ทราบวา่ ทา่ นไป
พักบ�ำเพญ็ เพยี รอย่ทู ี่จงั หวดั เชียงใหม่ เม่อื พ.ศ. ๒๔๗๒ จนถึง พ.ศ.
๒๔๘๓ จึงได้ไปจังหวัดอุดรตามค�ำอาราธนาของท่านเจ้าคุณธรรมเจดีย์
วดั โพธสิ มภรณ์ จงั หวดั อดุ รธานี ตอนเกยี่ วกบั อดุ รจะรอเขยี นลงขา้ งหนา้
เมือ่ เรื่องทา่ นด�ำเนนิ ไปถึง
ท่านพกั อยวู่ ัดเจดยี ห์ ลวง จังหวัดเชียงใหม่ พอสมควรแลว้ กก็ ราบ
ลาทา่ นเจา้ คณุ อบุ าลฯี เพอื่ ไปเทย่ี วแสวงหาทวี่ เิ วกตามอำ� เภอตา่ งๆ ทมี่ ปี า่
มเี ขามาก ทา่ นเจ้าคุณอุบาลีฯ ก็อนุญาตตามอธั ยาศยั ทา่ นเร่ิมออกเทยี่ ว
ครงั้ แรกทจี่ งั หวดั เชยี งใหม่ ทราบวา่ ทา่ นไปเทยี่ วองคเ์ ดยี ว จงึ เปน็ โอกาส
อนั เหมาะอยา่ งยง่ิ ทชี่ ว่ ยใหท้ า่ นมตี นเปน็ ผเู้ ดยี วในการบำ� เพญ็ เพยี รอยา่ ง
สมใจทหี่ วิ กระหายมานาน นบั แตส่ มยั ทอี่ ยเู่ กลอ่ื นกลน่ กบั หมคู่ ณะมาหลายปี
เพงิ่ ไดม้ เี วลาเปน็ ของตนในคราวนน้ั ทราบวา่ ทา่ นเทย่ี ววเิ วกไปทางอำ� เภอ
แมร่ มิ เชยี งดาว เปน็ ตน้ เขา้ ไปพกั ในปา่ ในเขาตามนสิ ยั ทง้ั หนา้ แลง้ หนา้ ฝน
การบ�ำเพ็ญเพยี รคราวนี้ทา่ นเล่าว่าเป็นความเพียรขน้ั แตกหัก ท่าน
พรำ่� สอนตนวา่ คราวนจ้ี ะดหี รอื ไมด่ ี จะเปน็ หรอื จะตายตอ้ งเหน็ กนั แนน่ อน
เร่ืองอนื่ ๆ ไม่มยี ุ่งเกี่ยวแล้ว เพราะความสงสารหมูค่ ณะและการอบรม
180
สั่งสอนก็ได้ท�ำเต็มความสามารถแล้วไม่มีทางสงสัย ผลเป็นประการใด
ก็เห็นประจักษ์มาบ้างแล้ว บัดน้ีถึงเวลาแล้วท่ีจะสงสารตัวเอง อบรม
สั่งสอนตัวเองยกตัวเองให้พ้นจากสิ่งมืดมิดปิดบังท่ีมีอยู่ภายในให้พ้นไป
ชีวิตความเป็นอยู่ของคนท่ีมีภาวะเก่ียวข้องด้วยหมู่คณะ เป็นชีวิตที่
เกลอ่ื นกลน่ ทนทกุ ขจ์ นเหลอื ทน แทบไมม่ เี วลาปลกี ตวั ออกได้ แมจ้ ะมสี ติ
ปัญญาพอเป็นเครื่องพาหลบซ่อนผ่อนคลายความทุกข์ได้บ้างไม่เผาลน
จนเกินไปกต็ าม แต่กจ็ �ำต้องยอมรับว่าเปน็ ชวี ิตทีก่ ระเสอื กกระสนอดทน
ตอ่ ความทกุ ขร์ อ้ นอยนู่ น่ั เอง การบำ� เพญ็ กน็ อ้ ย ผลทจ่ี ะพงึ ไดร้ บั กน็ ดิ เดยี ว
ไมส่ มกบั ความเหนอื่ ยยากลำ� บากมานาน
บัดน้ีเป็นโอกาสที่เหมาะสมอย่างย่ิงท่ีได้หลีกออกมาบ�ำเพ็ญอยู่
คนเดยี ว ในสถานทเี่ ปลา่ เปลยี่ วไมเ่ กยี่ วขอ้ งกบั สง่ิ ใด นค่ี อื ชวี ติ ของบคุ คล
ผเู้ ดยี วไมเ่ กยี่ วเกาะ นค่ี อื สถานทอี่ ยทู่ บี่ ำ� เพญ็ ทเี่ ปน็ และทตี่ ายของบคุ คล
ผู้มุ่งตัดความเยื่อใยทั้งภายในภายนอกออกจากใจ มิให้มีสิ่งกังวลเศษ
เหลืออยู่พอเป็นเชื้อแห่งภพชาติ อันเป็นที่ไหลมาแห่งกองทุกข์ท้ังมวล
ซ่งึ จะตามมาบบี บงั คับใหจ้ ำ� ตอ้ งทรมานตอ่ ไปไมม่ เี วลาจบสน้ิ ลงได้ นีค่ ือ
สถานท่ีของผู้มีความเพียรตามติดเพ่ือประชิดต่อสิ่งท่ีเคยก่อภพก่อชาติ
อันเป็นจอมฉลาดทางปล้ินปล้อนหลอกลวงให้พลอยหลงตามอยู่ภายใน
ให้ขาดกระเดน็ ไปจากใจในไมช่ ้า
อย่ามัวพะว้าพะวังกับส่ิงโน้นสิ่งนี้ คนโน้นคนน้ี อันเป็นเรื่องของ
เรือพ่วงท่ีเพียบด้วยภาระหนัก จะไปไม่ถึงไหนและใกล้ต่อความอับปาง
ทงั้ หา่ งเหนิ ตอ่ ฝง่ั แหง่ พระนพิ พาน เมอ่ื ถงึ ทหี่ มายตามใจหวงั แลว้ ความเมตตา
สงสารจะดบั ไปตามกเิ ลสความเหน็ แกต่ วั ไมเ่ หลยี วแลผใู้ ดทก่ี ำ� ลงั ตกทกุ ข์
181
กข็ อใหร้ กู้ นั ในวงแหง่ ความบรสิ ทุ ธท์ิ กี่ ำ� ลงั มงุ่ มนั่ หวน่ั เกรงกลวั จะไมถ่ งึ อยู่
เวลานี้ ขณะนจ้ี งหว่ งใยตวั เอง เมตตาตวั เอง ใหพ้ อกบั ความหวงั ดว้ ยความ
เพียรของผู้เป็นศิษย์พระตถาคตผู้ปรากฏเด่นทางความเพียรไม่ลดละ
และถอยก�ำลงั
เราทราบหรือยังว่าเวลาน้ีเรามาท�ำความเพียรพยายามเพื่อข้ามโลก
ขา้ มสงสาร มพี ระนพิ พานเปน็ หลกั ชยั ไกลกงั วลและพน้ ทกุ ขโ์ ดยประการ
ทั้งปวง ถ้าทราบแล้วประโยคพยายามของผู้จะข้ามโลกสมมุติท่าน
ดำ� เนนิ กนั อยา่ งไรบา้ ง พระศาสดาผทู้ รงพาดำ� เนนิ และประกาศสอนธรรมไว้
ทา่ นพาดำ� เนนิ และสอนไวอ้ ยา่ งไร ทา่ นสอนไวว้ า่ พอรเู้ หน็ อรรถธรรมบา้ ง
แล้วให้เร่ิมห่วงนั้นห่วงนี้จนลืมตัวหรืออย่างไร? แรกเริ่มที่พระองค์ทรง
ประกาศพระศาสนาแกห่ มชู่ น โดยมพี ระองคแ์ ละพระสาวกไมก่ อี่ งคท์ คี่ วร
ชว่ ยพทุ ธภาระใหเ้ บาลง และเพอ่ื พระศาสนาไดแ้ พรไ่ ปในหมชู่ นกวา้ งขวาง
โดยรวดเร็ว ขอ้ นั้นควรอย่างยงิ่ สำ� หรบั เราไมเ่ ขา้ ในลกั ษณะนนั้ จงึ ควร
เหน็ ตนเปน็ สำ� คญั ในขณะน้ี เมอ่ื ตนชอบยง่ิ แลว้ ประโยชนเ์ พอ่ื ผอู้ นื่ จะคอ่ ย
ตามมาอยา่ งแยกไม่ออก นีจ่ ดั วา่ เป็นผู้รอบคอบและไม่เนิน่ ช้า ควรน�ำมา
ขบคดิ เพอ่ื เปน็ คตแิ กต่ วั เรา
เวลานี้เราก�ำลงั เข้าอยู่ในสนามรบ เพอื่ ชงิ ชยั ระหวา่ งกเิ ลสกับมรรค
คอื ขอ้ ปฏบิ ตั ิ เพอ่ื ชว่ งชงิ จติ ใหพ้ น้ จากความเปน็ สมบตั สิ องเจา้ ของ มาครอง
เปน็ เอกสทิ ธแิ์ ตผ่ เู้ ดยี ว ถา้ ความเพยี รยอ่ หยอ่ น ความฉลาดไมพ่ อ จติ จำ� ตอ้ ง
หลดุ มอื ตกไปอยูใ่ นอ�ำนาจของฝ่ายตำ�่ คือกเิ ลส และพาให้เปน็ วัฏจักร
หมนุ เพอื่ ความทกุ ขร์ อ้ นไปตลอดอนนั ตกาล ถา้ เราสามารถดว้ ยความเพยี ร
และความฉลาดแหลมคม จิตจ�ำตอ้ งตกมาอย่ใู นเง้ือมมอื และเป็นสมบัติ
182
อันลน้ คา่ ของเราแตผ่ เู้ ดียว คราวนีเ้ ปน็ เวลาท่ีเรารบรนั ฟนั แทงกับกเิ ลส
อยา่ งสะบน้ั หนั่ แหลก ไมร่ รี อยอ่ หยอ่ นออ่ นกำ� ลงั โดยเอาชวี ติ เขา้ ประกนั
ถ้าไม่ชนะก็ยอมตายกับความเพียรโดยถ่ายเดียว ไม่ยอมถอยหลังพัง
ทลายใหก้ เิ ลสหวั เราะเยาะเยย้ ซง่ึ เปน็ สงิ่ ทน่ี า่ อบั อายไปนานถา้ ชนะ เราก็
ครองอิสระอยา่ งสมบูรณ์ไปตลอดกาล ทางเดินของเรามีทางเดียวเท่านี้
คือต้องสู้จนถึงตายกับความเพียรเพ่ือชัยชนะอย่างเดียวเท่าน้ัน ไม่มี
ทางอนื่ เป็นทางออกตัว
เหล่าน้ีเป็นโอวาทที่ท่านพร�่ำสอนตัวเองให้เกิดความกล้าหาญ
เพ่ือชัยชนะอันเป็นความสมหวังดังใจหมายต่อไป ก็เป็นประโยคแห่ง
ความเพยี รทดี่ ำ� เนนิ ตามกฎขอ้ บงั คบั แบบตายตวั ทงั้ กลางวนั กลางคนื ยนื
เดนิ นงั่ นอน เวน้ แตข่ ณะหลบั เทา่ นน้ั นอกนนั้ เปน็ ความเพยี รไปตลอดสาย
สติกับปัญญาหมุนรอบความสัมผัสภายนอกและความคิดภายใน มีสติ
กบั ปญั ญาเปน็ ผวู้ นิ จิ ฉยั ไตส่ วนเรอื่ งทเ่ี กดิ กบั ใจไมย่ อมใหผ้ า่ นไปได้ เพราะ
สตปิ ญั ญาขนั้ นเี้ ปน็ ธรรมจกั รหมนุ รอบตวั อยตู่ ลอดเวลา ไมน่ ยิ มอริ ยิ าบถ
ท่านเล่าความเพียรตอนน้ี ผู้ฟังท้ังหลายต่างน่ังตัวแข็งเหมือนไม่มี
ลมหายใจไปตามๆ กนั เพราะเกดิ ความอศั จรรยใ์ นธรรมทา่ นอยา่ งสดุ ขดี
เหมอื นท่านเปดิ ประตูพระนพิ พานออกใหด้ ู ทง้ั ที่ไม่เคยรวู้ ่าพระนิพพาน
เป็นเช่นไรเลย แม้องค์ท่านเองก็ปรากฏว่าก�ำลังเร่งฝีเท้าคือความเพียร
เพ่ือบรรลุพระนิพพานอย่างรีบด่วนอยู่เช่นกันในขณะนั้น หากแต่ธรรม
ท่ีท่านเล่าเพียงข้ันก�ำลังด�ำเนินน้ัน เป็นธรรมท่ีผู้ไม่เคยได้ยินมาก่อนจะ
ทรงตวั อยไู่ มไ่ ด้ จำ� ตอ้ งไหวตามดว้ ยความอัศจรรย์อยูด่ ี
183
ทา่ นเล่าวา่ จติ ทา่ นทรงอริยธรรมขน้ั ๓ อยา่ งเตม็ ภูมิมานานแลว้
แต่ไม่มีเวลาเร่งความเพียรตามใจชอบ เพราะภารกิจเก่ียวกับหมู่คณะ
มีมากตลอดมา พอไดโ้ อกาสคราวไปพักทเี่ ชียงใหม่ จงึ ได้เรง่ ความเพียร
เตม็ เมด็ เตม็ หนว่ ย และกไ็ ดอ้ ยา่ งใจหมายไปทกุ ระยะ สถานทบ่ี รรยากาศ
ก็อ�ำนวย พ้นื เพของจติ ทเี่ ปน็ มาดง้ั เดิมกอ็ ยู่ในข้ันเตรียมพร้อม สุขภาพ
ทางรา่ งกายกส็ มบรู ณค์ วรแกค่ วามเพยี รทกุ ๆ อริ ยิ าบถ ความหวงั ในธรรม
ขน้ั สดุ ยอด ถา้ เปน็ ตะวนั กก็ ำ� ลงั ทอแสงอยแู่ ลว้ ทกุ ขณะจติ วา่ แดนพน้ ทกุ ข์
กับเราคงเจอกันในไมช่ า้ นี้
ท่านเทียบจิตกับธรรมและกิเลสขั้นนี้เหมือนสุนัขไล่เนื้อ ตัวอ่อน
กำ� ลังเต็มทีแ่ ลว้ เขา้ สทู่ จี่ นมุม รอคอยแตว่ าระสุดท้ายของเนอ้ื จะตกเขา้ สู่
ปากและบดเคี้ยวให้แหลกละเอียดอยู่เท่านั้น ไม่มีทางเป็นอย่างอ่ืน
เพราะเป็นจิตที่สัมปยุตด้วยมหาสติมหาปัญญา ไม่มีเวลาพลั้งเผลอตัว
แมไ้ มต่ ง้ั ใจระวงั รกั ษา เนอื่ งจากเปน็ สตปิ ญั ญาอตั โนมตั หิ มนุ กบั เหตกุ ารณ์
ต่างๆ ทเี่ กี่ยวขอ้ งไปโดยลำ� พังตนเอง เมื่อทราบเหตุผลแลว้ ปลอ่ ยวางไว้
ตามเปน็ จรงิ ไมต่ อ้ งมีการบังคบั บัญชาเหมอื นข้นั เริ่มแรกปฏบิ ตั ิ ว่าตอ้ ง
พจิ ารณาสง่ิ น้นั ต้องปฏิบตั ติ อ่ สิ่งนี้ อย่าเผลอตวั ดงั นี้ แต่เปน็ สตปิ ญั ญา
ท่ีมีเหตุมีผลอยู่กับตัวอย่างพร้อมมูลแล้ว ไม่จ�ำต้องหาเหตุหาผลหรือ
อุบายต่างๆ มาพรำ่� สอนสติปญั ญาขั้นนี้ให้ออกทำ� งาน
เพราะในอิริยาบถทั้งส่ีเว้นแต่หลับเท่านั้น เป็นเวลาท�ำงานของสติ
ปญั ญาข้นั น้ีตลอดไป ไม่ขาดวรรคขาดตอน เหมอื นน�้ำซับน้ำ� ซึมท่ีไหลรนิ
อยตู่ ลอดหนา้ แลง้ หนา้ ฝน โดยถอื เอาอารมณท์ ค่ี ดิ ปรงุ จากจติ เปน็ เปา้ หมาย
แห่งการพิจารณา เพื่อหามูลความจริงจากความคิดปรุงนั้นๆ ขันธ์สี่คือ
184
นามขนั ธ์ได้แก่ เวทนา สญั ญา สงั ขาร วญิ ญาณ นแี่ ลคอื สนามรบของ
สตปิ ญั ญาขนั้ นี้ สว่ นรปู ขนั ธเ์ รมิ่ หมดปญั หามาแตป่ ญั ญาขนั้ กลางทที่ ำ� หนา้ ท่ี
เพอื่ อริยธรรมขน้ั ๓ คอื อนาคามีธรรมนั้นแล้ว
อรยิ ธรรมขน้ั ๓ นี้ ตอ้ งถอื รปู ขนั ธเ์ ปน็ เปา้ หมายแหง่ การพจิ ารณา
อย่างเต็มที่ และละเอียดถี่ถ้วนจนหมดทางสงสัยแล้วผ่านไปอย่าง
หายหว่ ง เมอ่ื ถงึ ขนั้ สดุ ทา้ ย นามขนั ธเ์ ปน็ ธรรมจำ� เปน็ ทตี่ อ้ งพจิ ารณาให้
รแู้ จง้ เหน็ จรงิ ทง้ั ทปี่ รากฏขนึ้ ตงั้ อยแู่ ละดบั ไป โดยมอี นตั ตาธรรมเปน็
ที่รวมลง คอื พจิ ารณาลงในความว่างเปลา่ จากสตั ว์ บุคคล หญงิ ชาย
เรา เขา ไมม่ คี �ำวา่ สัตว์ บุคคล เปน็ ตน้ เขา้ ไปแทรกสิงอยู่ในนามธรรม
เหล่าน้ันเลย การเห็นนามธรรมเหล่านี้ต้องเห็นด้วยปัญญาหยั่งทราบ
ตามหลักความจริงจรงิ ๆ ไมเ่ พียงเหน็ ด้วยความคาดหมายหรือคาดคะเน
เดาเอาตามนสิ ยั ของมนษุ ยท์ ชี่ อบดน้ เดามาประจำ� สนั ดาน ความเหน็ ตาม
สัญญากับความเห็นด้วยปัญญาต่างกันอยู่มากราวฟ้ากับดิน ความเห็น
ด้วยสญั ญาพาใหผ้ ู้เหน็ มีอารมณ์มาก มกั เสกสรรตวั วา่ มีความร้มู ากทั้งที่
กำ� ลงั หลงมาก จงึ มที ิฐมิ านะมากไมย่ อมลงใครงา่ ยๆ
เราพอทราบได้เวลาสนทนาธรรมกันในวงนักศึกษาท่ีต่างรู้ด้วย
ความจดจำ� ดว้ ยกนั สภาธรรมมกั จะกลายเปน็ สภามวยฝปี ากกนั อยเู่ สมอ
โดยไม่จ�ำกัดชาติชั้นวรรณะและเพศวยั เลย เพราะความสำ� คัญตนพาให้
เปน็ ไป จนลมื มรรยาทความเคารพอนั ดงี ามตอ่ กนั ตามประเพณขี องมนษุ ย์
ผมู้ ธี รรม สว่ นความเหน็ ดว้ ยปญั ญาเปน็ ความเหน็ ซงึ่ พรอ้ มทจี่ ะถอดถอน
ความส�ำคัญม่ันหมายต่างๆ อันเป็นตัวกิเลสทิฐิมานะน้อยใหญ่ออกไป
โดยลำ� ดบั ทป่ี ญั ญาหยง่ั ถงึ ถา้ ปญั ญาหยง่ั ลงโดยทว่ั ถงึ จรงิ ๆ กเิ ลสทง้ั มวล
185
กพ็ งั ทลายไปหมด ไมม่ กี เิ ลสชนดิ ใดจะทนตอ่ สตปิ ญั ญาขน้ั ยอดเยย่ี มไปได้
ฉะน้ัน สติปัญญาจงึ เปน็ อาวุธชั้นน�ำของธรรมที่กิเลสทัง้ มวลไมห่ าญสู้ได้
แตไ่ หนแต่ไรมา
พระศาสดาไดเ้ ปน็ พระพทุ ธเจา้ กเ็ พราะสตปิ ญั ญา พระสาวกไดบ้ รรลุ
ถึงพระอรหัตก็เพราะสติปัญญาความรู้จริงเห็นจริง มิได้ถอดถอนกิเลส
ด้วยสัญญาความคาดหมายหรือเดาเอาเฉยๆ เลย นอกจากน�ำมาใช้
พอเป็นแนวทางในข้ันเร่มิ แรกเทา่ นนั้ แม้เช่นนั้นกจ็ ำ� ต้องระวงั สัญญาจะ
แอบแฝงตัวขึ้นมาเป็นความจริงให้หลงตามอยู่ทุกระยะมิได้น่ิงนอนใจ
การประกาศพระศาสนาเพ่ือความจริงแก่โลก ท้ังพระพุทธเจ้าและพระ
สาวกทรงประกาศดว้ ยปญั ญาความรู้จริงเห็นจรงิ ท้งั นนั้ ดงั น้นั ผู้ปฏิบตั ิ
ทางจิตตภาวนาจึงควรระวังเจ้าสัญญาจะแอบเข้าท�ำหน้าท่ีแทนปัญญา
โดยรเู้ อาหมายเองเฉยๆ แตก่ เิ ลสแมต้ วั เดยี วกไ็ มถ่ อดออกจากใจบา้ งเลย
และอาจกลายเปน็ ทำ� นองวา่ “ความรทู้ ว่ มหัว แตเ่ อาตวั ไปไม่รอด” กไ็ ด้
ธรรมข้ันรู้เห็นด้วยปัญญาน่ีแลที่พระพุทธเจ้าแสดงแก่กาลามชนว่า
ไมใ่ ห้เชอ่ื แบบสมุ่ เดา แบบคาดคะเน ไม่ให้เชื่อตามๆ กันมา ไมใ่ ห้เชอ่ื
ตามครอู าจารยท์ ค่ี วรเชอ่ื ได้ เปน็ ตน้ แตใ่ หเ้ ชอื่ ดว้ ยปญั ญาทหี่ ยง่ั ลงสหู่ ลกั
ความจริงด้วยตัวเอง ซึ่งเป็นความรู้ท่ีแน่ใจอย่างย่ิง พระพุทธเจ้าและ
สาวกอรหนั ตท์ า่ นมไิ ดม้ คี นประกนั รบั รองวา่ ทา่ นไดบ้ รรลธุ รรมจรงิ อยา่ งนน้ั
ไมจ่ รงิ อยา่ งนี้ แต่ สนทฺ ฏิ €ฺ โิ ก มอี ยกู่ บั ทกุ คน ถา้ ปฏบิ ตั ติ ามธรรมทแี่ สดงไว้
โดยสมควรแกธ่ รรม
ท่านพระอาจารย์มั่นเล่าว่า ปฏิบัติมาถึงขั้นน้ี มีความเพลิดเพลิน
จนลมื เวลำ่� เวลา ลมื วนั ลมื คนื ลมื พกั ผอ่ นหลบั นอน ลมื ความเหนด็ เหนอ่ื ย
186
เมอ่ื ยลา้ จติ ตง้ั ทา่ แตจ่ ะสกู้ เิ ลสทกุ ประเภทดว้ ยความเพยี ร เพอ่ื ถอดถอน
มันพร้อมท้งั ราก โดยไม่มคี วามสะทกสะทา้ นหวั่นเกรงอะไรเลย นับแต่
ออกจากวดั เจดยี ห์ ลวงไปบำ� เพญ็ โดยลำ� พงั องคเ์ ดยี วดว้ ยเวลาเปน็ ของตน
ทกุ ๆ ระยะ ไม่ปลอ่ ยใหว้ นั คนื ผ่านไปเปลา่ ไมน่ านนักเลยกไ็ ปถงึ บงึ ใหญ่
ช่ือ “หนองออ้ ” และ “ออ้ นีเ่ อง” คือนบั แตข่ ณะปลกี ออกไป จิตท่าน
เร่มิ แสดงตวั อยา่ งผาดโผนเหมอื นมา้ อาชาไนยตวั องอาจ
ทง้ั จะเหาะเหนิ เดนิ ฟา้ ทงั้ จะดำ� ดนิ และบนิ ขนึ้ บนอากาศ ทงั้ จะออกรู้
ส่งิ ตา่ งๆ ไมม่ ีประมาณบรรดามอี ยใู่ นโลกธาตุ ท้ังจะขุดค้นร้ือถอนกิเลส
ภายในใจใหห้ มดสนิ้ ไป ประหนง่ึ ในอดึ ใจเดยี ว เพราะความสามารถอาจหาญ
ของสตปิ ญั ญาทถี่ กู กกั ขงั บงั คบั ไวด้ ว้ ยภาระเกยี่ วกบั หมคู่ ณะเปน็ เวลานาน
มิได้ออกแล่นในห้วงมหาสมมุติมหานิยม เพื่อชมและเลือกเฟ้นกล่ัน
กรองใหส้ ดุ สตปิ ัญญาทแี่ สนอยากร้มู านาน คราวน้นั จงึ สบโอกาสวาสนา
อ�ำนวย สติปัญญาจึงแผลงฤทธิ์ทะยานออกล่องหนค้นดูไตรโลกธาตุ
ทง้ั ภายในภายนอก วิง่ ออกวงิ่ เข้า แหวกวา่ ยผุดข้นึ ด�ำลง ท้ังปลดท้งั ปลง
ทง้ั ปล่อยทั้งวาง ทั้งตดั ท้ังฟนั ทงั้ ขยีท้ ำ� ลายสงิ่ จอมปลอมท้ังหลายอยา่ ง
สดุ กำ� ลงั เหมอื นปลาใหญส่ นกุ แหวกวา่ ยหวั หางกลางตวั ในทะเลหลวงฉะนน้ั
จติ มองคืนไปข้างหลงั ทผ่ี า่ นมาแล้ว เหน็ แตค่ วามตีบตันมดื มิดและ
เตม็ ไปดว้ ยภยั นานาชนดิ สดุ ทจ่ี ะรงั้ รออยไู่ ด้ ใจสน่ั รกิ ๆ เพอื่ หาทางรอดพน้
มองไปข้างหน้าเห็นมีแต่ความสง่าผ่าเผยเว้ิงว้างสว่างไสว สุดความรู้
ความเห็นที่จะพรรณนาให้จบสิ้นลงได้ และยากท่ีจะน�ำมาเขียนลงเพื่อ
ทา่ นไดอ้ า่ นอยา่ งสมใจ จงึ ขออภัยไวด้ ว้ ยในตอนท่ไี มส่ ามารถจะนำ� มาลง
ซึ่งมอี ยูม่ ากมายตามทที่ ่านเลา่ ให้ฟัง
187
ในเวลาไมน่ านนกั นบั แตท่ า่ นออกรบี เรง่ ตกั ตวงความเพยี รดว้ ยมหาสติ
มหาปญั ญา ซง่ึ เปน็ สตปิ ญั ญาธรรมจกั รหมนุ รอบตวั และรอบสง่ิ เกย่ี วขอ้ ง
ไมม่ ปี ระมาณตลอดเวลา ในคนื วนั หนงึ่ เวลาดกึ สงดั ทา่ นนงั่ สมาธภิ าวนา
อยชู่ ายภเู ขาทม่ี หี นิ พลาญกวา้ งขวางและเตยี นโลง่ อากาศกป็ ลอดโปรง่ ดี
ท่านว่าท่านน่ังอยู่ใต้ร่มไม้ซึ่งต้ังอยู่โดดเด่ียวเพียงต้นเดียว มีใบดกหนา
รม่ เยน็ ดี ซ่ึงในตอนกลางวนั ทา่ นก็เคยอาศัยนง่ั ภาวนาที่น้นั บา้ งในบางวนั
แตผ่ เู้ ขยี นจำ� ชอื่ ตน้ ไมแ้ ละทอ่ี ยไู่ มไ่ ดว้ า่ เปน็ ตำ� บล อำ� เภอและชายเขาอะไร
เพราะขณะฟังท่านเล่าก็มีแต่ความเพลิดเพลินในธรรมท่านจนลืมคิด
เรอ่ื งอน่ื ๆ ไปเสียหมด หลงั จากฟงั ทา่ นผ่านไปแลว้ กน็ ำ� ธรรมทท่ี า่ นเลา่ ให้
ฟงั ไปบริกรรมครนุ่ คิดแตค่ วามอัศจรรย์แหง่ ธรรมนั้นถา่ ยเดยี ววา่ ตัวเราน้ี
จะเกิดมาเสียชาติและจะน�ำวาสนาแห่งความเป็นมนุษย์น้ีไปท้ิงลงในตม
ในโคลนที่ไหนหนอ จะมีวาสนาบารมีพอมีวันโผล่หน้าข้ึนมาเห็นธรรม
ดวงเลศิ ดงั ทา่ นบา้ งหรอื เปลา่ กท็ ราบไมไ่ ด้ ดงั น้ี จงึ ลมื ไปเสยี สน้ิ มไิ ดส้ นใจ
วา่ จะมีสว่ นเกย่ี วข้องเร่อื งราวกับทา่ นในวาระตอ่ ไป ดังได้น�ำประวตั ิท่าน
มาลงอยู่ขณะน้ี
นับแต่ตอนเย็นไปตลอดจนถึงยามดึกสงัดของคืนวันน้ัน ท่านว่าใจ
มคี วามสมั ผสั รบั รอู้ ยกู่ บั ปจั จยาการ คอื อวชิ ชฺ าปจจฺ ยา สงขฺ ารา เปน็ ตน้
เพยี งอย่างเดยี ว ทั้งเวลาเดินจงกรมตอนหวั ค�่ำ ท้ังเวลาน่ังเขา้ ทภ่ี าวนา
จึงท�ำให้ท่านสนใจพิจารณาในจุดนั้นโดยมิได้สนใจกับหมวดธรรมอ่ืนใด
ตง้ั หนา้ พจิ ารณาอวชิ ชาอยา่ งเดยี วแตแ่ รกเรม่ิ นง่ั สมาธภิ าวนา โดยอนโุ ลม
ปฏโิ ลมกลบั ไปกลับมาอยู่ภายในอันเป็นทร่ี วมแห่งภพชาติ กิเลสตัณหา
มอี วชิ ชาเปน็ ตวั การ เรม่ิ แต่ ๒๐ น. คอื ๒ ทมุ่ ทอี่ อกจากทางจงกรมแลว้
188
เปน็ ต้นไป ตอนน้ีเป็นตอนสำ� คัญมาก ในการรบของทา่ นระหว่างมหาสติ
มหาปัญญาอันเป็นอาวุธคมกล้าทันสมัย กับอวิชชาซึ่งเป็นข้าศึกที่เคย
ทรงความฉลาดในเชิงหลบหลกี อาวุธอยา่ งวอ่ งไว แล้วกลบั ยงิ โต้ตอบให้
อีกฝ่ายหนึ่งกลับพ่ายแพ้ยับเยินไม่เป็นท่า และครองต�ำแหน่งกษัตริย์
วัฏจักรบนหัวใจสัตว์โลกต่อไปตลอดอนันตกาล ไม่มีใครกล้าต่อสู้กับ
ฝีมอื ได้
แต่ขณะท่ีต่อยุทธสงครามกันกับท่านพระอาจารย์ม่ันในคืนวันน้ัน
ประมาณเวลาราวตี ๓ ผลปรากฏวา่ ฝา่ ยกษตั รยิ ว์ ฏั จกั รถกู สงั หารทำ� ลาย
บัลลังก์ลงอย่างพินาศขาดสูญ ปราศจากการต่อสู้และหลบหลีกใดๆ
ทง้ั สน้ิ กลายเปน็ ผสู้ นิ้ ฤทธ์ิ สน้ิ อำ� นาจ สน้ิ ความฉลาดทง้ั มวลทจี่ ะครอง
อำ� นาจอยตู่ อ่ ไป ขณะกษตั รยิ อ์ วชิ ชาดบั ชาตขิ าดภพลงไปแลว้ เพราะ
อาวธุ สายฟา้ อนั สงา่ แหลมคมของทา่ นสงั หาร ทา่ นวา่ ขณะนนั้ เหมอื น
โลกธาตหุ วนั่ ไหว เสยี งเทวบตุ รเทวธดิ าทว่ั โลกธาตปุ ระกาศกอ้ งสาธกุ าร
เสยี งสะเทอื นสะทา้ นไปทวั่ พภิ พวา่ ศษิ ยพ์ ระตถาคตปรากฏขนึ้ ในโลก
อกี หนงึ่ องคแ์ ลว้ พวกเราทงั้ หลายมคี วามยนิ ดแี ละเปน็ สขุ ใจกบั ทา่ นมาก
แตช่ าวมนษุ ยค์ งไมม่ โี อกาสทราบ อาจมวั แตเ่ พลดิ เพลนิ หาความสขุ ทาง
โลกเกนิ ขอบเขต ไมม่ ใี ครสนใจทราบวา่ ธรรมประเสรฐิ ในดวงใจเกดิ ขน้ึ
ในแดนมนษุ ยเ์ มอ่ื สกั ครนู่ ้ี
พอขณะอัศจรรย์กระเทือนโลกธาตุผ่านไป เหลือแต่วิสุทธิธรรม
ภายในใจอนั เปน็ ธรรมชาตแิ ทซ้ ง่ึ แผซ่ า่ นไปทว่ั สรรพางคร์ า่ งกายและจติ ใจ
แผก่ ระจายไปทวั่ โลกธาตใุ นเวลานน้ั ทำ� ใหท้ า่ นเกดิ ความแปลกประหลาด
และอศั จรรยต์ วั เองมากมาย จนไมส่ ามารถจะบอกกบั ใครได้ ทเี่ คยมเี มตตา
189
ต่อโลกและสนใจจะอบรมส่ังสอนหมู่คณะและประชาชนมาด้ังเดิม
เลยกลบั กลายหายสญู ไปหมด เพราะความเหน็ ธรรมภายในใจวา่ เปน็ ธรรม
ละเอยี ดและอศั จรรยจ์ นสดุ วสิ ยั ของมนษุ ยจ์ ะรเู้ หน็ ตามได้ และเกดิ ความ
ท้อใจจนกลายเป็นผ้มู คี วามขวนขวายน้อย ไม่คดิ จะส่ังสอนใครตอ่ ไปใน
ขณะนั้น คดิ จะเสวยธรรมอศั จรรยใ์ นทา่ มกลางโลกสมมตุ แิ ต่ผเู้ ดียว
ใจหนักไปทางร�ำพึงร�ำพันถึงพระคุณของพระพุทธเจ้าผู้เป็นบรมครู
ทรงรจู้ รงิ เหน็ จรงิ และสง่ั สอนเวไนยเพอ่ื วมิ ตุ ตหิ ลดุ พน้ จรงิ ๆ ไมม่ คี ำ� โกหก
หลอกลวงแฝงอยใู่ นพระโอวาทแมบ้ ทเดยี วบาทเดยี วเลย แลว้ กราบไหว้
บูชาพระคุณท่านไม่มีเวลาอ่ิมพอตลอดคืน จากนั้นก็คิดเมตตาสงสาร
หมู่ชนเป็นก�ำลังที่เห็นว่าสุดวิสัยจะสั่งสอนได้ โดยถือเอาความบริสุทธ์ิ
และอศั จรรยภ์ ายในใจมาเปน็ อปุ สรรควา่ ธรรมนมี้ ใิ ชธ่ รรมของคนมกี เิ ลส
จะครองได้ ถ้าส่ังสอนใครก็เกรงจะถกู หาวา่ เปน็ บา้ วา่ ไปหาเร่อื งอะไรมา
สั่งสอนกัน คนดีๆ มีสตสิ ตังอยบู่ ้างเขาจะไมน่ �ำเรอ่ื งท�ำนองนมี้ าสอนกัน
ดงั นก้ี นั ทวั่ โลก จะไมม่ ใี ครอาจรเู้ หน็ ตามไดพ้ อเปน็ พยานใหเ้ กดิ กำ� ลงั ใจใน
การสงั่ สอน นอกจากอยไู่ ปคนเดยี วอยา่ งนพ้ี อถงึ วนั ตายเทา่ นนั้ กพ็ อแลว้
กับความหวังท่ีอุตส่าห์เสาะแสวงมาเป็นเวลานาน อย่าหาเร่ืองร้ายใส่
ตวั เองเลย จะกลายเปน็ วา่ ทำ� คณุ กลบั ไดโ้ ทษ โปรดสตั วก์ ลบั ไดบ้ าปไปเปลา่ ๆ
นี้เป็นความคิดท่ีเกิดขึ้นกับท่านขณะที่ค้นพบธรรมอัศจรรย์ใหม่ๆ
ยงั มไิ ดค้ ดิ อะไรใหก้ วา้ งขวางออกไป พอมที างเชอื่ มโยงถงึ การอบรมสง่ั สอน
ตามแนวศาสนธรรมทพ่ี ระศาสดาพาดำ� เนนิ มา ในวาระตอ่ มาคอ่ ยมโี อกาส
ทบทวนธรรมทรี่ เู้ หน็ และปฏปิ ทาเครอื่ งดำ� เนนิ ตลอดตวั เองทรี่ เู้ หน็ ธรรม
อยขู่ ณะนน้ั วา่ กเ็ ปน็ มนษุ ยเ์ ดนิ ดนิ กนิ ผกั กนิ หญา้ เหมอื นโลกทว่ั ๆ ไป ไมม่ ี
190
อะไรพเิ ศษแตกตา่ งกนั พอจะเปน็ บคุ คลพเิ ศษสามารถอาจรเู้ ฉพาะผเู้ ดยี ว
สว่ นผอู้ นื่ ไมส่ ามารถ ทงั้ ทมี่ อี ำ� นาจวาสนาสามารถรไู้ ดอ้ าจมอี ยจู่ ำ� นวนมาก
จึงเป็นความคิดเห็นที่เหยียบย่�ำท�ำลายอ�ำนาจวาสนาของเพ่ือนมนุษย์
ดว้ ยกนั เพราะความไม่รอบคอบกวา้ งขวางซึ่งไม่เป็นธรรมเลย
เพราะปฏิปทาเคร่ืองด�ำเนินเพ่ือมรรคผลนิพพาน พระศาสดามิได้
ประทานไว้เฉพาะบุคคลเดียว แต่ประทานไว้เพ่ือโลกท้ังมวล ทั้งก่อน
และหลังการเสด็จปรินิพพาน ผู้ตรัสรู้มรรคผลนพิ พานตามพระองค์ดว้ ย
ปฏิปทาท่ีประทานไว้มีจ�ำนวนมหาศาลเหลือท่ีจะนับจะประมาณ มิได้มี
เฉพาะเราคนเดียวท่ีก�ำลงั มองข้ามโลกว่าไร้สมรรถภาพอย่เู วลาน้ี
พอพิจารณาทบทวนทั้งเหตุและผลทั้งต้นและปลายแห่งพระโอวาท
ทป่ี ระกาศปฏปิ ทาทางดำ� เนนิ เพอ่ื มรรคเพอ่ื ผล วา่ เปน็ ธรรมสมบรู ณส์ ดุ สว่ น
ควรแก่สตั วโ์ ลกทั่วไป ไมล่ �ำเอยี งต่อผู้หนึง่ ผใู้ ดที่ปฏิบัติชอบอยู่ จงึ ท�ำให้
เกิดความหวงั ทีจ่ ะสงเคราะห์ผู้อืน่ ขนึ้ มา มคี วามพอใจท่ีจะอบรมส่งั สอน
แก่ผู้มาเก่ียวข้องอาศัยเท่าท่ีจะสามารถท้ังสองฝ่าย แต่การแสดงธรรม
ผู้แสดงต้องมีความเคารพต่อธรรม ไม่แสดงแก่บุคคลไม่มีความเคารพ
และไม่สนใจที่จะฟัง ขณะฟังมีผู้ส่งเสียงอ้ืออึงไม่สนใจว่าธรรมมีคุณค่า
เพยี งไร ขณะน้เี ปน็ เวลาเชน่ ไรและกำ� ลงั อยใู่ นสถานทเี่ ชน่ ไร ควรจะใช้
กริ ยิ ามรรยาทอยา่ งใดถงึ จะเหมาะสมกบั กรณี เหน็ เปน็ ธรรมดาๆ แบบโลก
ทช่ี ินชาตอ่ ธรรมมาจนจำ� เจ ชินชาต่อวัด ชินชาตอ่ พระ ชินชาต่อธรรม
เหมือนส่ิงธรรมดาท่วั ไป อย่างนก้ี แ็ สดงไมล่ ง เรากเ็ ป็นโทษ ผ้ฟู งั กไ็ มไ่ ด้
รับประโยชน์ทค่ี วรจะได้
191
กวา่ จะไดธ้ รรมมาแสดงกแ็ ทบกระอกั เลอื ดตายอยกู่ ลางปา่ กลางเขา
อยแู่ ลว้ เพราะความพยายามตะเกยี กตะกายสดุ กำ� ลงั แถมยงั นำ� ธรรมมา
ละลายกับน้ำ� ในทะเลเสยี อกี ซึง่ มที ไี่ หนท่านพากนั ทำ� สบื มาพอจะไม่คิด
ค�ำนึงบา้ ง ส�ำหรบั สมณะซงึ่ เป็นเพศทใี่ คร่ครวญ แมแ้ ตก่ ะปิเขายังรูจ้ ักท่ี
ทคี่ วรละลาย ธรรมมใิ ชก่ ะปจิ งึ ควรพจิ ารณาดว้ ยดกี อ่ นจะนำ� ออกทำ� ประโยชน์
มิฉะนั้นจะกลายเป็นโทษโดยไม่รู้สึกและไม่มีอะไรส�ำคัญในโลกเลย
การแสดงธรรมกเ็ พอื่ อนเุ คราะหโ์ ลก เหมอื นหมอวางยาแกค่ นไขเ้ พอ่ื หาย
โรคและทุกขเวทนา หวังความอยู่สบายเปน็ ผล ถ้าเขาไมส่ นใจอยากฟงั
กจ็ ะไปกระวนกระวายแสดงธรรมหาประโยชน์อะไร
ถา้ เรามธี รรมในใจจรงิ อยคู่ นเดยี วกส็ บายพอแลว้ ไมจ่ ำ� ตอ้ งไปแสวงหา
เพ่อื นหรือใครๆ มาคยุ ด้วยเพื่อแกร้ �ำคาญหรอื บรรเทาทกุ ข์ เพราะความ
อยากเทศน์อยากคุยซึ่งเป็นการเสริมทุกข์แก่ตัวเปล่าๆ ผู้ทรงธรรมใน
ลักษณะเช่นนั้นก็เป็นเพียงชื่อเท่านั้น ไม่เป็นความจริงใจในธรรมอย่าง
แทจ้ รงิ ทวี่ า่ รธู้ รรมเหน็ ธรรมดงั พระพทุ ธเจา้ และพระสาวกทรงรเู้ หน็ สำ� หรบั
ผมเองอยู่คนเดียวเป็นความสนิทใจว่าได้ปรับตัวท้ังทางกายและทางใจ
ไดด้ พี อ เพราะผมู้ ธี รรมกค็ อื ผไู้ มก่ ระเพอ่ื มคะนองทางใจนน่ั เอง ธรรมคอื
ความสงบ ใจทม่ี ธี รรมบรรจอุ ยกู่ ค็ อื ใจดวงสงบระงบั จากเรอ่ื งทงั้ ปวงนน่ั แล
ดว้ ยความรสู้ กึ ประจำ� ใจอยา่ งนแ้ี ล จงึ ชอบอยแู่ ตป่ า่ แตเ่ ขาประจำ� นสิ ยั
เพราะเปน็ ทใ่ี หค้ วามสขุ ทางวหิ ารธรรมไดด้ กี วา่ ทท่ี ง้ั หลาย การสงเคราะห์
โลกเปน็ กรณพี เิ ศษทม่ี เี ปน็ บางกาล ไมถ่ อื เปน็ ความจำ� เปน็ เสมอไป ดงั สขุ -
วหิ ารธรรมทจี่ ะควรทำ� ใหม้ อี ยเู่ สมอในเวลาขนั ธย์ งั ครองตวั อยู่ ไมเ่ ชน่ นน้ั
ยอ่ มไมส่ ะดวกในการครองตวั ธรรมเมอื่ มอี ยกู่ บั เรา เรารอู้ ยู่ เหน็ อยู่ ทรงอยู่
192
จะกระวนกระวายไปไหน ซง่ึ ลว้ นเปน็ การแสห่ าทกุ ขท์ งั้ นน้ั ธรรมอยทู่ ไี่ หน
ความสงบสขุ กอ็ ยทู่ นี่ นั่ ตามหลกั ธรรมชาตแิ ลว้ ธรรมอยทู่ ใ่ี จของผปู้ ฏบิ ตั ธิ รรม
ความสงบสขุ จึงมกั เกิดข้ึนท่ีนัน้ ท่ีอนื่ ไม่มที างเกิดความสงบสุขได้
การแสดงธรรมผมระวังเอานักเอาหนา ไม่แสดงแบบสุ่มส่ีสุ่มห้า
เพราะธรรมมิใชธ่ รรมส่มุ สีส่ ่มุ หา้ การปฏิบตั ธิ รรมก็มิไดป้ ฏิบัติแบบสุม่ สี่
สุม่ หา้ แต่ปฏบิ ัติอยา่ งมกี ฎเกณฑ์ มขี อ้ บังคับ มีระเบยี บแบบแผนต�ำรบั
ตำ� ราพาดำ� เนนิ เวลารกู้ ม็ ไิ ดร้ สู้ มุ่ สส่ี มุ่ หา้ แตร่ ตู้ ามหลกั ความจรงิ ตามความ
สามารถมากนอ้ ยเพยี งไร พระนกั ปฏบิ ตั จิ งึ ควรระวงั และสำ� นกึ ตวั เสมอวา่
เรามใิ ชพ่ ระสมุ่ สสี่ มุ่ หา้ แตเ่ ปน็ พระทมี่ รี ะเบยี บธรรมวนิ ยั คอื องคแ์ ทนของ
ศาสดาเปน็ เครอื่ งปฏบิ ตั ดิ ำ� เนนิ ความสงบเสงยี่ มเจยี มตวั ระวงั กาย วาจา ใจ
ไมใ่ หเ้ คล่ือนไปในทางผดิ นนั่ แลคือพระท่ที รงมรรค ทรงผล ทรงธรรม
ทรงวินัย จะสามารถทรงตนได้ดีทั้งปจั จบุ ันและอนาคตไม่เส่ือมเสีย
ทา่ นวา่ ทา่ นพดู ถงึ การแสดงธรรม แลว้ กย็ อ้ นมาหาธรรมภายในอกี วา่
ขณะท่ีธรรมแสดงข้ึนกับใจอยา่ งเต็มท่ี โดยมิได้คดิ อ่านไตร่ตรองไว้ก่อน
เลยนน้ั เปน็ ขณะทผี่ ดิ คาดผดิ หมายและสดุ วสิ ยั ทจ่ี ะคาดคะเนหรอื ดน้ เดา
ใหถ้ กู กบั ความจรงิ ของธรรมจรงิ ๆ ได้ รสู้ กึ เหมอื นเราตายแลว้ เกดิ ชาตใิ หม่
ขน้ึ มาในขณะนนั้ ซง่ึ เปน็ การตายและการเกดิ ทอี่ ศั จรรยไ์ มม่ อี ะไรจะเทยี บได้
ความรู้ซ่ึงเปลยี่ นตวั ขน้ึ มาที่วา่ เกดิ ใหมน่ ้ี เปน็ ความรู้ที่ไมเ่ คยพบเคยเห็น
ท้ังๆ ทม่ี ีอยู่กับตวั มาดงั้ เดมิ แตเ่ พิ่งมาปรากฏอยา่ งตื่นเต้นและอศั จรรย์
เหลือประมาณเอาขณะน้ันนั่นเอง จึงท�ำให้เกิดความคิดเห็นไปต่างๆ
ซ่งึ ออกจะนอกลู่นอกทางไปบ้าง ตอนคิดวา่ ไม่มที างจะสัง่ สอนคนอืน่ ให้
รู้ตามได้ เพราะธรรมนี้สุดวสิ ยั ทใ่ี ครๆ จะรู้ได้ ดังน้ี
193
ท่านพระอาจารย์ม่ัน ท่านมีนิสัยผาดโผนมาดั้งเดิมนับแต่เร่ิมออก
ปฏบิ ตั ใิ หมๆ่ ดังที่เรยี นแล้ว แม้ขณะจติ จะเข้าถงึ จุดอันเปน็ วาระสุดทา้ ย
กย็ งั แสดงลวดลายใหอ้ งคท์ า่ นเองระลกึ อยไู่ มล่ มื ถงึ กบั ไดน้ ำ� มาเลา่ ใหบ้ รรดา
ลูกศิษย์ฟังพอเป็นขวัญใจ คือ พอจิตพลิกคว�่ำวัฏจักรออกจากใจโดย
สน้ิ เชงิ แลว้ ยงั แสดงขณะเปน็ ลกั ษณะฉวดั เฉวยี นเวยี นรอบตวั ววิ ฏั จติ ถงึ
สามรอบ รอบทห่ี นง่ึ สน้ิ สดุ ลงแสดงบทบาลขี น้ึ มาวา่ “โลโป” บอกความหมาย
ขน้ึ มาพรอ้ มวา่ ขณะใหญข่ องจติ ทที่ ำ� หนา้ ทสี่ น้ิ สดุ ลงนน้ั คอื การลบสมมตุ ิ
ทั้งส้ินออกจากใจ รอบท่ีสองส้ินสุดลงแสดงค�ำบาลีขึ้นมาว่า “วิมุตติ”
บอกความหมายว่า ขณะใหญ่ของจิตที่ท�ำหน้าท่ีส้ินสุดลงนั้น คือความ
หลดุ พน้ อยา่ งตายตวั รอบทส่ี ามสนิ้ สดุ ลงแสดงคำ� บาลขี นึ้ มาวา่ “อนาลโย”
บอกความหมายขน้ึ มาว่า ขณะใหญ่ของจติ ท่ที �ำหน้าทส่ี ิน้ สุดลงนั้น คอื
การตดั อาลยั อาวรณ์โดยสน้ิ เชงิ เปน็ เอกจิต เอกธรรม จิตแท้ ธรรมแท้
มอี นั เดยี ว ไม่มสี องเหมือนสมมุติทั้งหลาย นค่ี อื วิมตุ ติธรรมล้วนๆ ไม่มี
สมมุตเิ ข้าแอบแฝง จึงมไี ดเ้ พียงอันเดียว รู้ได้เพยี งครั้งเดียว ไมม่ ีสอง
มีสามมาสืบตอ่ สนบั สนนุ กนั
พระพุทธเจ้าและพระสาวกล้วนแต่รู้เพียงครั้งเดียวก็เป็นเอกจิต
เอกธรรมอันสมบรู ณ์ ไมแ่ สวงเพื่ออะไรอกี สมมตุ ิภายในคือขันธ์ก็เปน็
ขนั ธล์ ว้ นๆ ไมเ่ ปน็ พษิ เปน็ ภยั และทรงตวั อยตู่ ามปกตเิ ดมิ ไมม่ กี ารเพม่ิ ขน้ึ
และลดลงตามความตรสั รู้ คอื ขนั ธท์ เี่ คยนกึ คดิ เปน็ ตน้ กท็ ำ� หนา้ ทขี่ องตน
ไปตามคำ� สงั่ ของจติ ผบู้ งการ จติ ทเ่ี ปน็ วมิ ตุ ตกิ ห็ ลดุ พน้ จากความคละเคลา้
พวั พันในขันธ์ ตา่ งอนั ตา่ งอยู่ ต่างอันตา่ งจรงิ ต่างไม่หาเรอื่ งหลอกลวง
ต้มตุ๋นกันดังท่ีเคยเป็นมา ต่างฝ่ายต่างสงบอยู่ตามธรรมชาติของตน
194
ตา่ งฝา่ ยตา่ งทำ� ธรุ ะหนา้ ทป่ี ระจำ� ตนจนกวา่ จะถงึ กาลแยกยา้ ยจากสว่ นผสม
เมอื่ กาลนน้ั มาถงึ จติ ทบี่ รสิ ทุ ธก์ิ แ็ สดง ยถาทโี ป จ นพิ พฺ โุ ต เหมอื นประทปี
ดวงไฟที่หมดเช้ือแล้วดับไปฉะน้ัน ไปตามความจริง เรื่องของสมมุติท่ี
เกยี่ วขอ้ งกนั กม็ เี พยี งเทา่ นี้ นอกนน้ั ไมม่ สี มมตุ จิ ะตดิ ตอ่ กนั ใหเ้ กดิ เรอื่ งราว
ต่อไป น่ีคือธรรมแสดงในจิตท่านขณะแสดงลวดลายเป็นขณะสามรอบ
จบลง อันเป็นวาระสุดท้ายแห่งสมมุติกับวิมุตติท�ำหน้าที่ต่อกัน และ
แยกทางกันเดินตั้งแตบ่ ัดน้ันเปน็ ตน้ มา
ตลอดคืนวันนั้นท่านว่าท่านปลงความสลดสังเวชในความโง่เขลา
เตา่ ตนุ่ ซงึ่ เปรยี บเหมอื นหนุ่ ตวั ทอ่ งเทย่ี วในภพนอ้ ยภพใหญไ่ มม่ ปี ระมาณ
จนน้�ำตาไหลตลอดคืน ในขณะท่ีเดินทางมาพบบึงใหญ่ มีน�้ำใสสะอาด
รสชาติมหัศจรรย์ท่ีไม่เคยพบมาก่อน ช่ือว่า “หนองอ้อ” และ “อ้อ
นเ้ี องหรอื ” ทพี่ ระพทุ ธเจา้ และสาวกทา่ นคน้ พบวา่ หนองออ้ และประกาศ
ธรรมสอนโลกมาไดต้ ง้ั ๒,๐๐๐ กว่าปีแล้ว เพ่งิ มาพบวนั น้ี และกราบ
พระคณุ ของพระพทุ ธเจา้ พระธรรม และพระสงฆอ์ ยา่ งถงึ ใจ โดยกราบแลว้
กราบเล่าอยูท่ ำ� นองนั้นไม่อม่ิ พอ
ถ้ามคี นไปพบเหน็ เขา้ ซ่งึ ก�ำลงั นัง่ ปลงธรรมสงั เวชดว้ ยท้งั นำ�้ ตาและ
กม้ กราบแลว้ กราบเลา่ อยเู่ ชน่ นนั้ คงจะมคี วามรสู้ กึ ผดิ ปกตขิ นึ้ มาทนั ทวี า่
สมณะรปู นเ้ี หน็ ทา่ จะมที กุ ขม์ ากถงึ กบั นำ�้ ตารว่ งไหลออกมา และคงกราบ
กรานสารกล่าวเพื่อวิงวอนเทวดาอารักษ์ที่สิงสถิตอยู่ในทิศท้ังหลายให้
ช่วยระบายคลายทุกข์ให้อย่างแน่นอน หรือมิฉะน้ันคงจวนเข้าขั้น……
แล้วเป็นแน่ ดงั นแ้ี น่นอน เพราะเปน็ กริ ยิ าท่ีผิดปกติเอามากในเวลานั้น
ความจรงิ กค็ อื ทา่ นถงึ พทุ ธะ ธรรมะ สงั ฆะ ประจกั ษใ์ จในคำ� วา่ ผใู้ ดเหน็ ธรรม
195
ผู้น้ันเห็นเราตถาคต และเข้าเฝ้าพระพุทธเจ้า พระธรรม พระสงฆ์
ทางมรรยาทของบคุ คลผมู้ กี ตญั ญกู ตเวทติ าธรรมในใจจะพงึ ทำ� ฝนื ทน
อยู่มไิ ด้
ในคนื วนั นน้ั ชาวเทพทงั้ หลายทง้ั เบอื้ งบนชนั้ ตา่ งๆ ทงั้ เบอ้ื งลา่ งทกุ ทศิ
ทกุ ทาง หลงั จากพรอ้ มกนั ใหส้ าธกุ ารประสานเสยี งสำ� เนยี งไพเราะเสนาะ
โสตจนสะเทอื นโลกธาตุ เพอื่ ประกาศอนโุ มทนากบั ทา่ นแลว้ ยงั พรอ้ มกนั มา
เยยี่ มฟงั ธรรมทา่ นอกี วาระหนง่ึ แตท่ า่ นไมม่ เี วลารบั แขก เพราะภารกจิ เกย่ี ว
กับธรรมขัน้ สูงสดุ ยงั ไม่ยตุ ลิ งเป็นปกติ ทา่ นเป็นเพยี งให้อาณตั สิ ัญญาณ
บอกชาวเทพท้ังหลายให้ทราบว่าท่านไม่ว่าง โอกาสหน้าค่อยมาใหม่
ชาวเทพทุกภูมิพากันกลับไปด้วยความโสมนัสยินดีโดยทั่วกัน ที่ได้มา
พบเหน็ วสิ ุทธิเทพในคืนแรกทีท่ า่ นเห็นธรรม
พอสว่างออกจากท่ีภาวนาแล้ว ท่านยังหวนระลึกถึงธรรมที่แสดง
ความอัศจรรยใ์ นตอนกลางคนื อยู่มิได้ลืม ทัง้ ขณะท่ีแสดงความหลดุ พน้
ทง้ั ขณะทแี่ สดงสามรอบตอนสดุ ทา้ ยทแ่ี สดงความหมายตา่ งๆ ใหท้ า่ นเหน็
อย่างละเอียดลออ ทั้งหวนระลึกคุณของต้นไม้ที่ท่านอาศัยนั่งภาวนา
และสถานทีอ่ ยู่อาศยั ตลอดชาวบ้านทีใ่ หท้ านอาหารปจั จัยความเป็นอยู่
ทกุ อยา่ งตลอดมา จนถงึ เวลาบณิ ฑบาตซง่ึ ทแี รกทา่ นนกึ จะไมไ่ ปบณิ ฑบาต
มาฉนั โดยคดิ วา่ เทา่ ทเี่ สวยวมิ ตุ ตสิ ขุ ตอนกลางคนื มาถงึ บดั นกี้ พ็ อกบั ความ
ตอ้ งการอยแู่ ลว้ แตอ่ ดคดิ เมตตาสงสารชาวบา้ นปา่ บา้ นเขาทเ่ี คยมบี ญุ คณุ
ตอ่ ทา่ นมไิ ด้ เลยจำ� ต้องไปท้งั ท่ีไมป่ ระสงคจ์ ะไป
ขณะออกไปบณิ ฑบาตในหมบู่ า้ นชาวเขา สายตาปรากฏวา่ ตงั้ หนา้ ตง้ั ตา
จบั จ้องมองดูชาวบ้านท้ังท่ีมาใสบ่ าตร ท้ังทีอ่ ย่ตู ามบา้ นตามเรือน ตลอด
196
เด็กเล็กๆ ท่ีเล่นคลุกฝุ่นอยู่ตามหน้าบ้านหลังเรือนด้วยความสนใจและ
เมตตาสงสารเป็นพิเศษ ทั้งท่ีแต่ก่อนไม่ค่อยมองดูใคร แม้ประชาชน
ทง้ั บา้ นกร็ สู้ กึ หนา้ ตายมิ้ แยม้ แจม่ ใสเปน็ พเิ ศษ มองเหน็ ทา่ นแลว้ ตา่ งยม้ิ ยอ่ ง
ผ่องใสไปตามๆ กนั กลับมาถงึ ทพี่ ักแลว้ ใจก็อ่มิ ธรรม ธาตุขนั ธก์ ็อิ่มพอ
ในอาหารทงั้ ทยี่ งั มไิ ดล้ งมอื ฉนั จติ ใจและธาตขุ นั ธไ์ มร่ สู้ กึ หวิ โหยอะไรเลย
แต่ก็ฝืนฉันไปตามจารตี ของขันธท์ มี่ คี วามสบื ต่อกนั ดว้ ยอาหารปจั จยั เปน็
เครอื่ งประสาน ขณะฉันอาหารก็ไมม่ รี สชาติ มีแตร่ สแหง่ ธรรมท่วมทน้
ไปหมดทวั่ รา่ งกายจติ ใจ เขา้ ในบทธรรมวา่ รสแหง่ ธรรมชำ� นะซง่ึ รสทง้ั ปวง
ในคนื ตอ่ มาชาวเทพทงั้ หลายทมี่ คี วามหวิ กระหายในธรรม ไดพ้ ากนั
มาเยยี่ มทา่ นเปน็ พวกๆ ทง้ั เบอ้ื งบนเบอ้ื งลา่ งแทบทกุ ทศิ ทกุ ทาง ตา่ งพวก
ก็มาเล่าความอัศจรรย์แห่งรัศมีและอานุภาพแห่งธรรมของคืนวันน้ัน
ใหท้ า่ นฟงั วา่ เหมอื นสวรรคว์ มิ านพภิ พ ครฑุ นาค เทวดา อนิ ทร์ พรหม ยม
ยกั ษ์ ทกุ ชน้ั ทกุ ภมู ใิ นแดนโลกธาตุ สะเทอื นสะทา้ นหวนั่ ไหวไปตามๆ กนั
พร้อมกบั ความอศั จรรย์ซ่งึ ไมเ่ คยมีมาก่อน สง่ แสงสวา่ งไปทั่วพภิ พเบอื้ ง
บนเบ้ืองล่างไม่มีประมาณ ผู้มีญาณหยั่งทราบต้องสามารถมองเห็นกัน
ได้ทั่วแดนโลกธาตุ ไม่มีอะไรปิดบัง เพราะความสว่างไสวแห่งธรรมที่
พงุ่ ออกจากกายจากใจของพระคณุ เจา้ ยง่ิ กวา่ ความสวา่ งของดวงอาทติ ย์
รอ้ ยดวงพันดวงเป็นไหนๆ
ใครไม่เห็นและเกิดความอัศจรรย์ก็นับว่าเหลือทน ท่ีเกิดเป็นคน
เปน็ สตั วน์ อนคา้ งโลกอยเู่ ปลา่ ๆ นอกจากสตั วต์ วั มดื มดิ ปดิ ทวารเอาเสยี จรงิ ๆ
จนไม่มีช่องว่างเอาเลย ถึงจะไม่รู้ไม่เห็นความอัศจรรย์ของคืนวันนั้น
ใครอยทู่ ไี่ หนตา่ งกต็ ะลงึ พรงึ เพรดิ เกดิ พศิ วงงงงนั และอศั จรรยไ์ ปตามๆ กนั
197
พวกเทวดาในภพภูมิต่างๆ จึงไดพ้ ากันเปล่งเสยี งสาธุการ เพอื่ อนุโมทนา
โพธิสมภารที่เกิดจากบุญบันดาล เพราะบารมีของพระคุณเจ้าเป็นเสียง
เดยี วกนั ถา้ ไมอ่ ศั จรรยถ์ งึ ขนาดนน้ั ใครจะไดร้ ทู้ วั่ ถงึ กนั เลย นบั วา่ พระคณุ เจา้
มบี ญุ หนกั ศกั ดใิ์ หญ่ มวี าสนาบารมแี กก่ ลา้ สามารถทำ� ใหม้ วลสตั วม์ ากมาย
หลายภพหลายภูมิ ได้อาศัยพึ่งร่มเงาแห่งความร่มเย็นจากบารมีท่านได้
เปน็ สุขทั่วหนา้ กัน นานๆ ทถี งึ จะมสี กั คร้ัง
ผ้ไู ม่มบี ุญวาสนาไม่วา่ มนุษย์มนา เทวดา อินทร์ พรหม ใตน้ �ำ้ บนบก
ในเวหาอากาศทว่ั ไตรโลกธาตุ เกดิ มาตายเปลา่ ไมไ่ ดพ้ บไดเ้ หน็ อยา่ งงา่ ยดาย
ทั้งนนี้ บั วา่ พวกขา้ พเจ้าทัง้ หลายมบี ุญชกั น�ำมา วาสนาตามส่ง ถึงไดพ้ บ
ได้เห็น ได้กราบไหว้บูชาท่านอย่างสมใจ และได้ฟังโอวาทค�ำส่ังสอนที่
ทา่ นเมตตาชแ้ี จงพอเปน็ แสงสวา่ งแกจ่ ติ ใจ และทางดำ� เนนิ เพอื่ ภพเพอ่ื ภมู ิ
อนั สูงส่งขน้ึ ไปดว้ ยความสดช่ืนตนื่ ตัว
พอพวกเทวดาที่มาจากช้ันและที่ต่างๆ กลับไปตามวาระของตน
ซ่ึงมาในเวลาต่างๆ กันแล้ว ท่านก็เร่ิมร�ำพึงธรรมท่ีได้รู้เห็นมาด้วย
ความทุกข์ยากล�ำบาก ปรากฏได้ความส�ำหรับท่านผู้ค่อนข้างปฏิบัติยาก
ผดิ ธรรมดาวา่ “ธรรมรอดตาย” ถา้ ไมร่ อดตายกค็ งไมไ่ ดพ้ บเหน็ แนน่ อน
เม่ือพยายามแหวกว่ายจนถึงฝั่งแห่งความปลอดภัยไร้ทุกข์แล้ว จากนั้น
พอเรม่ิ ทำ� ภาวนาทไี ร ทำ� ใหท้ า่ นหวนระลกึ ถงึ สง่ิ ทไ่ี มค่ วรระลกึ แทบทกุ ครงั้ ไป
ทงั้ ทแ่ี ต่กอ่ นท่านไม่เคยสนใจเลย
ตอนนต้ี อ้ งขออภยั จากทา่ นผอู้ า่ นมากๆ ดว้ ยทจี่ ำ� ตอ้ งนำ� เรอื่ งนม้ี าลง
โดยเหน็ วา่ เปน็ เรอ่ื งเกย่ี วเนอื่ งกนั ถา้ ไมน่ ำ� มาลงกร็ สู้ กึ จะขาดเรอ่ื งนา่ คดิ ไป
ซงึ่ เรอ่ื งทำ� นองนอี้ าจเปน็ เงาเทยี มตวั อยกู่ บั ทกุ ทา่ นกไ็ ด้ นอกจากไมร่ เู้ รอื่ ง
198
ของตัวเท่าน้ัน หากเป็นการไม่งามก็กรุณาต�ำหนิผู้น�ำมาลงซึ่งไม่มีความ
รอบคอบพอ เพราะเรอื่ งนท้ี า่ นผ้อู ่านกค็ งทราบดวี า่ ต้องเปน็ เร่อื งภายใน
ท่ีระหว่างอาจารย์กับลูกศิษย์พูดต่อกันโดยเฉพาะเท่าน้ัน แต่ผู้น�ำมาลง
กพ็ ยายามปราบความอยากเขยี นอยากนำ� ลงตวั นอ้ี ยา่ งเตม็ กำ� ลงั เหมอื นกนั
จงึ ขอความเหน็ ใจวา่ เราพยายามปราบเทา่ ไร ความอยากตวั นกี้ ร็ สู้ กึ ยงิ่ อยาก
มากข้ึน เลยจ�ำต้องปล่อยให้ลองดู พอได้เขียนเร่ืองน้ีแล้วความอยาก
คอ่ ยหายไป ดงั นจี้ งึ สารภาพตวั วา่ เหลวจรงิ ๆ และหวงั วา่ คงไดร้ บั อภยั จาก
ท่านโดยทั่วกัน และอาจเป็นข้อคิดส�ำหรับชาวเราท่ีอยู่ในกฎแห่งความ
หมนุ เวียนด้วยกนั
ส่ิงน้ันเก่ียวกับคู่บารมีท่านมาดั้งเดิม ท่านเล่าว่าแต่ก่อนท่ียังไม่ถึง
ธรรมข้ันน้ี คู่บารมีที่เคยปรารถนาพุทธภูมิมาด้วยกันแต่สมัยก่อนโน้น
ก็เคยมาเยย่ี มท่านทางสมาธภิ าวนาเสมอ ท่านแสดงธรรมใหฟ้ งั เลก็ น้อย
แลว้ ส่งั ใหก้ ลบั ไป นานๆ มาคร้ังหนง่ึ แต่มาในรูปแห่งวญิ ญาณ มองรา่ ง
ไมป่ รากฏเหมอื นภพอนื่ ๆ เวลาทา่ นถามกต็ อบวา่ เปน็ หว่ งทา่ นมาก ยงั มไิ ด้
ตงั้ ใจไปเกดิ ในภพภมู ทิ เี่ ปน็ หลกั เปน็ ฐานใดๆ ทง้ั สนิ้ ทง้ั กลวั ทา่ นจะหลงลมื
ความสัมพันธ์ และความปรารถนาท่ีเคยพาปรารถนาเป็นพระพุทธเจ้า
องคห์ นง่ึ ในอนาคต จงึ ตอ้ งมาคอยฟงั เรอ่ื งราวอยเู่ สมอดว้ ยความเปน็ หว่ ง
และเสยี ดาย ทา่ นกไ็ ด้บอกว่าไดข้ องดความปรารถนานน้ั ไปแลว้ และได้
ต้ังใจปฏิบัติตนให้พ้นจากทุกข์ในชาติน้ี ไม่ขอเกิดอีก ซ่ึงเท่ากับขอเอา
ทกุ ข์ภยั ที่เคยพบเคยเหน็ มากับชาติน้นั ๆ มาแบกหามต่อไปอกี แมม้ ิได้
ตอบให้ท่านทราบว่าหายห่วงหรือยังห่วงอยู่ในเรื่องน้ัน แต่ก็ยังเป็นห่วง
คดิ ถงึ ทา่ นตลอดมามไิ ดห้ ลงลมื จดื จาง แตน่ านๆ มาเยยี่ มทา่ นหนหนง่ึ ดงั น้ี
199
พอมาถึงระยะนี้องค์ท่านเองนึกเป็นห่วงและสงสาร ที่เคยรับ
ความทกุ ขย์ ากลำ� บากในภพชาตนิ น้ั ๆ มาดว้ ยกนั ตามทท่ี า่ นพจิ ารณารเู้ หน็
จึงนึกวิตกอยากพบเพ่ือจะได้ปรับปรุงความเข้าใจและเล่าอะไรที่จ�ำเป็น
ให้ฟงั จะได้หายสงสยั หมดกังวลความผูกพนั ในความหลัง เพยี งนึกวิตก
เทา่ นัน้ พอตกกลางคนื ยามดึกสงดั ค่บู ารมที า่ นกม็ าจรงิ ๆ และมาในรูป
แหง่ วญิ ญาณตามเดมิ ทา่ นเรมิ่ ถามถงึ ภพชาตทิ ก่ี ำ� ลงั เปน็ อยวู่ า่ ทำ� ไมมแี ต่
ดวงวญิ ญาณไมม่ รี า่ งเหมอื นภมู อิ นั เปน็ ทพิ ยท์ วั่ ๆ ไป เวลานเี้ กดิ เปน็ อะไร
จงึ ได้มาในลกั ษณะวิญญาณเชน่ นี้
ดวงวิญญาณตอบท่านว่า นี่เป็นภพย่อยอันละเอียดอีกภพหน่ึงใน
บรรดาภพทง้ั หลาย ทมี่ ารออยใู่ นภพนก้ี เ็ พราะความเปน็ หว่ งดงั ทเี่ คยเรยี น
แลว้ นน่ั เอง ทม่ี านี้กท็ ราบว่าท่านอยากใหม้ าถึงได้มา ไมก่ ล้ามาบ่อยนกั
เพราะเป็นความกระดากอายอย่ภู ายใน ทง้ั ๆ ทอี่ ยากมาบ่อยทสี่ ุด แม้มา
แล้วจะไม่มีความเสียหายอะไรทั้งสองฝ่าย เพราะมิใช่วิสัยจะท�ำให้เกิด
ความเสียหายได้ก็ตาม แตค่ วามรสู้ ึกอนั ดง้ั เดิมทเี่ คยมตี ่อกัน หากท�ำให้
เกิดความตะขิดตะขวงใจไม่กล้ามาไปเอง ทั้งท่านก็เคยบอกว่าไม่ให้มา
บอ่ ยนกั แมไ้ มเ่ สยี หายกอ็ าจเปน็ อารมณเ์ ครอ่ื งทำ� ใหเ้ นน่ิ ชา้ แกก่ ารปฏบิ ตั ไิ ด้
เพราะใจเป็นส่ิงละเอียดอาจรับเอาอารมณ์อันละเอียดมาเป็นอุปสรรค
แก่การดำ� เนินของตนได้ ก็เช่อื วา่ อาจเป็นไดด้ ังทบี่ อก จึงมไิ ดม้ าบอ่ ยนัก
คนื วนั ทา่ นตดั ขาดจากภพจากชาตจิ ากญาตมิ ติ รสหาย จากสายบารมี
ผู้หวังพึ่งเป็นพ่ึงตายอย่างไม่อาลัยเสียดายเลยนั้นก็ทราบ เพราะเรื่อง
กระเทือนไปท่ัวโลกธาตุต้องทราบกันทกุ แหง่ หน แตแ่ ทนทจี่ ะเกดิ ความ
ชื่นบานหรรษาอนุโมทนาด้วยดังที่เคยมีเคยเป็นมาแต่ก่อนนั้นเลยกลับ
200
เกิดความน้อยเนื้อต่�ำใจด้วยความวิปริตคิดไปต่างๆ ว่า ท่านไปแบบ
ไม่เหลียวแล แม้คู่บารมีท่ีเคยทุกข์เคยตะเกียกตะกายถวายความจงรัก
ภักดีในภพน้อยภพใหญม่ าด้วยกันก็ไม่เหลอื บมอง ชาตวิ าสนาของตวั น้ี
แสนอาภพั กอ็ ยไู่ ปตามกรรม มแี ตล่ บู คลำ� ทกุ ขไ์ มม่ วี นั ปลอ่ ยวางอยา่ งนแี้ ล
ผู้พ้นไปกไ็ กลทุกข์ แตผ่ ูท้ ก่ี ำ� ลังตกอยู่ในกองทกุ ขก์ ็อดทนไป
คดิ ไปมากเทา่ ไรกเ็ หมือนคนไม่มปี ัญญาแตอ่ ยากขึ้นไปชมเดอื นดาว
บนฟา้ สดุ ทา้ ยกก็ ลบั มานงั่ นอนกอดกบั ทกุ ขไ์ ปตามแบบของคนมกี รรมหนา
หาทางออกไมไ่ ด้ ผอู้ าภพั ชาตวิ าสนาทกี่ ำ� ลงั ดนิ้ รนทนทกุ ขบ์ น่ หาความสขุ
อยู่เวลานี้ ก็คือผู้ก�ำลังเสียใจร้องไห้อยากข้ึนไปชมเดือนชมดาวบนฟ้า
ซงึ่ แสนนา่ ทเุ รศเอาหนกั หนา นา่ เวทนาเหลอื ประมาณ ผนู้ เี้ องจะเปน็ ผอู้ นื่ ใด
ท่ีไหนกัน ท่านผู้เป็นเสมือนเดือนดาวบนฟ้าส่งแสงสว่างจ้าทั่วสารทิศ
จะสถิตอยู่ท่ีใดก็ไม่อับเฉาเขลาในธรรม มีแต่ความสว่างไสวไปทุกทิศ
ทุกทางโดยรอบขอบเขตจกั รวาล สนุกอยดู่ ้วยความสำ� ราญบานใจ
หากบุญวาสนาของดวงวิญญาณข้าบาทบริจาริกายังพอมีอยู่บ้าง
ไม่ขาดสูญพูนทุกข์ ก็ขอท่านได้โปรดเมตตาแผ่กระแสธรรมไปบันดาล
พร้อมท้ังดวงปัญญาญาณอันบริสุทธ์ิผ่องใสไปโปรดประทานพอได้พ้น
จากโทษในสงสาร บรรลพุ ระนพิ พานตามไปในไมช่ า้ นเ้ี ถดิ จะไมอ่ ดรนทนทกุ ข์
ทรมานจติ ใจไปชา้ นาน ขอคำ� วงิ วอนสตั ยาธษิ ฐานน้ี จงมกี ำ� ลงั บนั ดาลใหเ้ ปน็ ไป
ดงั ใจหมายของขา้ อย่าเน่นิ นาน ไดโ้ พธิสมภารอยา่ งใกล้ชดิ เร็วพลนั เถิด
นเี่ ปน็ คำ� ของดวงวญิ ญาณวงิ วอนอธษิ ฐานหวงั โพธสิ มภาร หมายปองดว้ ย
ความละล�่ำละลกั ซง่ึ เปน็ คำ� ทน่ี ่าสมเพชเวทนาเอานกั หนา
201
ท่านตอบว่าเท่าท่ีนึกวิตกอยากให้มา ก็มิได้มุ่งเจตนาให้เกิดความ
เสยี ใจดงั ทเ่ี ปน็ อยเู่ วลาน้ี ซง่ึ เปน็ ทางทผ่ี ดิ สตั วโ์ ลกทมี่ อี ยทู่ ว่ั โลกธาตซุ ง่ึ มี
ความหวงั ดตี อ่ กนั เขามไิ ดน้ ำ� เรอ่ื งทำ� นองนมี้ าคดิ กนั คำ� วา่ เมตตา กรณุ า
มทุ ติ า อเุ บกขา ในพรหมวหิ ารกเ็ คยบำ� เพญ็ มามใิ ชห่ รอื ดวงวญิ ญาณตอบวา่
เคยบำ� เพ็ญมาชา้ นาน จึงอดคดิ ถงึ ความผูกพันที่เคยบ�ำเพ็ญธรรมทัง้ ส่นี ้ี
มาดว้ ยกนั ไมไ่ ด้ เมอื่ ผหู้ นง่ึ เอาตวั รอดไปเสยี เพยี งคนเดยี วเชน่ นี้ ธรรมดา
สัตว์ท่ีมีกิเลสเช่นวิญญาณน้ีจึงอดกลั้นความเสียใจไม่ได้ แล้วก็ได้รับ
ความทุกข์ เพราะความสลัดปัดท้ิงไม่เหลียวแลน้ัน จนเวลาน้ีก็ยังมอง
ไม่เห็นความสว่างสร่างซาแหง่ ความทุกขน์ ้นั ลงบ้างเลย
ทา่ นพดู ตอบวา่ การสรา้ งความดมี าทงั้ มวล ทงั้ ทส่ี รา้ งโดยลำ� พงั ตนเอง
ท้ังท่ผี ูอ้ ื่นพาสร้างก็เพอ่ื แกค้ วามกงั วลขนทุกข์ออกจากตวั มิได้สรา้ งเพือ่
ความร้อนรนขนทุกข์เข้าใส่ตัวจนถึงต้องได้รับความเดือดร้อนวุ่นวาย
มใิ ชห่ รอื ดวงวญิ ญาณตอบวา่ ใช่ แตว่ สิ ยั ของผมู้ กี เิ ลสเมอื่ ไมส่ ามารถเลอื ก
ทางเดนิ ทร่ี าบรนื่ ปลอดภยั ได้ กจ็ ำ� ตอ้ งลบู คลำ� ไปตามประสา โดยไมท่ ราบ
ว่าทีท่ �ำไปน้ันถกู หรอื ผิดจะพาใหต้ นเปน็ สขุ หรือเปน็ ทุกข์ สว่ นทีเ่ ป็นทกุ ข์
กร็ อู้ ยแู่ กใ่ จ แตไ่ มท่ ราบจะหาทางออกดว้ ยวธิ ใี ด กจ็ ำ� ตอ้ งดนิ้ รนบน่ ทกุ ขไ์ ป
ทำ� นองดงั ทเ่ี หน็ อยเู่ วลานี้ ทา่ นเลา่ วา่ วญิ ญาณทำ� ความเหนยี วแนน่ แมน่ มนั่
ปรบั ทกุ ขป์ รบั รอ้ นกบั ทา่ นอยา่ งเอาจรงิ เอาจงั หาวา่ ทา่ นหลบหลกี ปลกี ตวั
ไปเสยี คนเดยี ว ปราศจากความเมตตาสงสารกบั ผู้ทีเ่ คยตะเกียกตะกาย
เสือกคลานผ่านทุกข์มาด้วยกัน ไม่เหลือบมองเพ่ืออนุเคราะห์ส่งเสริม
พอใหม้ ที างผ่านพ้นไปด้วยได้
ตอนนท้ี า่ นพดู เปน็ ประโยคแทรกในระหวา่ ง จากนนั้ กอ็ นสุ นธสิ บื ตอ่
กบั ดวงวญิ ญาณตอ่ ไป ทา่ นพดู ปลอบโยนกบั ดวงวญิ ญาณวา่ การรบั ประทาน
202
แม้จะรับอยู่ร่วมวงในภาชนะหรือในโต๊ะเดียวกัน ก็ยังมีผู้อิ่มก่อนผู้อ่ิม
ทหี ลงั จะให้อิม่ ในขณะเดียวกนั ยอ่ มไมไ่ ด้ การบ�ำเพ็ญความดีทงั้ หลาย
แม้จะบ�ำเพ็ญมาด้วยกัน ดังพระพุทธเจ้ากับพระนางพิมพายโสธราคู่
พระบารมกี ย็ งั ปรากฏวา่ พระองคท์ รงบรรลถุ งึ แดนพน้ ทกุ ขก์ อ่ น แลว้ เสดจ็
กลับมาประทานพระโอวาทแกพ่ ระนาง แลว้ ค่อยสำ� เร็จในวาระตอ่ ไป
เรอื่ งเชน่ นก้ี ค็ วรนำ� ไปคดิ อา่ นไตรต่ รองยดึ เปน็ คติ ยอ่ มจะเกดิ ประโยชน์
มหาศาลแก่เราเอง ดีกวา่ จะมาปรบั ทุกขป์ รับรอ้ นแกฝ่ า่ ยหน่งึ ซ่งึ ก�ำลัง
พยายามคดิ หาทางชว่ ยเหลอื อยอู่ ยา่ งเตม็ ใจ และเสาะแสวงหาทางเพอ่ื ชว่ ย
ให้หลุดพ้นอย่างเต็มก�ำลัง มิหน�ำยังถูกหาว่ามีใจจืดจางวางปล่อย
ไมเ่ หลียวแล ก็ยงิ่ เพ่ิมความทุกข์ทัง้ สองฝา่ ยเข้าไปอีก ซ่งึ เปน็ ความคดิ ท่ี
ไม่เหมาะสมเลย ควรเปลี่ยนความคิดเสียใหม่ตามแบบพระชายาของ
พระพทุ ธเจา้ ซง่ึ เปน็ ทางใหเ้ กดิ ความสขุ และเปน็ แบบฉบบั ทถี่ กู ตอ้ งดงี าม
แกผ่ ู้อนื่ ด้วย
การวิตกอยากให้มาก็เพื่อจะอนุเคราะห์ มิได้เพื่อจะขับไล่ไสส่ง
การสั่งสอนตลอดมาก็เพ่ืออนุเคราะห์ส่งเสริมตามแบบฉบับแห่งธรรม
แกผ่ คู้ วรอนเุ คราะห์ คำ� วา่ ปลอ่ ยปละละเลยไมเ่ หลยี วแลนี้ ยงั มองไมเ่ หน็
วา่ ไดท้ อดธรุ ะปลอ่ ยวางหา่ งเหนิ อยา่ งไร ความคดิ และอบุ ายทแ่ี สดงออก
ทุกขณะจิตทค่ี ิดเพ่ืออนุเคราะห์ เป็นจิตที่บริสทุ ธิ์ด้วยเมตตากรุณาจรงิ ๆ
เพื่อผลที่ผู้รับไปปฏิบัติได้มากน้อยเพียงใด ก็รอคอยจะแสดงมุทิตาจิต
ไปดว้ ยอยเู่ สมอ หากไดผ้ ลเปน็ ทีพ่ งึ พอใจไมม่ ีข้องแวะทไี่ หนแล้ว ผใู้ ห้
ความอนุเคราะหก์ ็เบาใจหายหว่ ง จิตกบั อุเบกขาธรรมกเ็ ขา้ กนั ได้สนิท
203
การที่พาปรารถนาพุทธภูมิก็มุ่งจะพาข้ามโลกสงสาร การของดจาก
พทุ ธภมู มิ าตง้ั ความปรารถนาเปน็ สาวกภมู ิ อนั เปน็ ภมู ขิ องผสู้ น้ิ กเิ ลสอาสวะ
กเ็ ปน็ ความมงุ่ หมายเพอื่ จะพาสน้ิ กเิ ลสและกองทกุ ขท์ งั้ มวล กา้ วเขา้ สบู่ รมสขุ
คือพระนิพพานอันเป็นจุดอันเดียวกัน การพาบ�ำเพ็ญกุศลในชาติต่างๆ
ตลอดมาจนชาติปจั จบุ นั ไดม้ าบวชบ�ำเพญ็ ในศาสนา มีสติปญั ญาเพยี งใด
พอติดต่อข่าวสารถึงได้ก็พยายามเสมอมา จนได้มาพบเห็นกันในภพนี้
และไดใ้ หโ้ อวาทสง่ั สอนเตม็ สตปิ ญั ญาตลอดมาถงึ ปจั จบุ นั บดั นี้ ลว้ นเปน็
อบุ ายวธิ อี นเุ คราะหด์ ว้ ยความเมตตาสงสารสดุ ทจี่ ะประมาณอยแู่ ลว้ ไมม่ ี
ขณะจติ ใดทจ่ี ะทอดอาลยั หมายหลีกปลีกตัวให้พน้ ไปแต่ผูเ้ ดยี ว แตเ่ ปน็
ขณะจติ ทเ่ี ตม็ ไปดว้ ยความเปน็ หว่ งสงสาร หวงั จะฉดุ จะลากจะพรากออก
จากกองทุกขภ์ พชาติในสงสารให้ถึงพระนิพพานเพียงอยา่ งเดยี วเท่านัน้
ความคิดวิปรติ ไปในทางนอ้ ยเน้ือต่ำ� ใจ ท่ีสำ� คญั วา่ ทอดทงิ้ ปล่อยวาง
ไมเ่ หลียวแลนี้ เปน็ ความคิดทไ่ี ม่เกิดประโยชนอ์ ะไรทั้งสองฝ่าย จงึ ควร
ระงบั ดบั มนั เสยี อยา่ ใหเ้ กดิ มขี นึ้ มาเหยยี บยำ�่ ทำ� ลายจติ ใจอกี ตอ่ ไป ผลคอื
ความทกุ ขจ์ ะตามมาอกี ไมม่ เี วลาจบสน้ิ ลงไดต้ ลอดกาล และผดิ กบั ความ
มงุ่ หมายของผหู้ วงั อนเุ คราะหด์ ว้ ยใจเมตตาสงสารตลอดมา คำ� วา่ หลดุ พน้
ไปไมอ่ าลยั อาวรณน์ นั้ หลดุ พน้ ไปไหน? และไมอ่ าลยั ผใู้ ด? เพราะขณะน้ี
ก�ำลังช่วยฉุดลากช่วยถากช่วยถาง ชว่ ยอนเุ คราะหก์ ันอยอู่ ย่างเตม็ กำ� ลงั
แมก้ ารอบรมสง่ั สอนทง้ั มวลกล็ ว้ นออกจากความอาลยั สงสารโดยถา่ ยเดยี ว
มใิ ชห่ รอื ? จะหาความอาลยั สงสารจากทไี่ หนใหย้ ง่ิ กวา่ ทก่ี ำ� ลงั ใหแ้ ละกำ� ลงั
ไดร้ บั อยู่เวลาน้ี
การอบรมบ่มนิสยั เพือ่ การเชดิ ชสู ง่ เสรมิ ตลอดมา กไ็ ด้ถอดออกมา
จากดวงใจที่เป่ยี มด้วยความสงสารยิง่ กว่านำ�้ ในทะเลมหาสมุทร และได้
204
ทมุ่ เทลงอยา่ งไมอ่ ดั ไมอ่ น้ั ไมค่ ดิ เปน็ คดิ ตาย และคดิ จะหมดหรอื ยงั เหลอื
อยใู่ นบรรดาธรรมทมี่ อี ยภู่ ายในใจ ขอไดเ้ ขา้ ใจตามเจตนาทหี่ วงั อนเุ คราะห์
อยเู่ สมอมา และรบั ไปเป็นสิรมิ งคลแกต่ นตามธรรมทีอ่ บรมสง่ั สอนมานี้
ผลคือความสุขใจจะเป็นท่ียอมรับอยู่กับตัวผู้เช่ือถือและปฏิบัติตาม
นบั แต่ออกบวชและปฏิบัตธิ รรมแทบเปน็ แทบตาย แมแ้ ต่ขณะจิตหนง่ึ ท่ี
คดิ ขน้ึ เพอ่ื เปน็ คนใจดำ� นำ�้ ขนุ่ ยงั ไมเ่ คยปรากฏวา่ มเี ลย การวติ กคดิ ถงึ อยาก
ให้มาหาก็มิได้หวังเพื่อจะต้มตุ๋นหลอกลวงให้ล่มจมเสียหาย แต่หวังจะ
อนเุ คราะหอ์ ยา่ งสมใจทเ่ี มตตาสงสารอยา่ งเดยี วเทา่ นน้ั ถา้ ยงั เปน็ ทเ่ี ชอ่ื ถอื
ไม่ได้อยู่แล้ว ก็ยากที่จะไปแสวงหาความเชื่อถือที่ไว้วางใจได้จากผู้ใด
ที่เหน็ ว่าดเี ย่ียมและซื่อสตั ย์สุจริตยิง่ กว่าน้ี
ทวี่ า่ ทราบเรอื่ งสะเทอื นโลกธาตใุ นคนื วนั นนั้ นน้ั เปน็ การทราบความ
สะเทือนแห่งธรรมประเภทหลอกลวงต้มตุ๋นให้โลกล่มจมปรากฏข้ึนหรือ
อย่างไร? จึงไม่แน่ใจและปลงใจท่ีจะยอมเช่ือถือตามค�ำอบรมสั่งสอนท่ี
ตง้ั ใจอนเุ คราะหด์ ว้ ยความเมตตา ถา้ เขา้ ใจวา่ ธรรมเปน็ ธรรมแลว้ ความสะเทอื น
โลกธาตนุ นั้ กค็ วรนำ� มาคดิ เพอื่ ปลงจติ ปลงใจเชอื่ ถอื และเยน็ ใจวา่ เรายงั มี
วาสนาบารมีอยู่มาก แม้มาอุบัติในภพชาติที่ลึกลับควรจะสุดวิสัยแล้ว
แต่ยังได้รับฟังส่ิงดีชั่วของตัวจากธรรมที่มีผู้เมตตาแสดงให้ฟังได้ไม่เสีย
กาลไปเปลา่ นบั วา่ เปน็ โชควาสนาของเราท่เี คยสง่ั สมอบรมมา
และควรจะภาคภูมิใจในวาสนาของตัวท่ีมีผู้มาฉุดมาลาก มาช่วย
พรากจากความมดื มนอนธการ พอไดร้ คู้ วามผดิ พลาดของตวั บา้ ง ไมม่ ดื บอด
จอดจมไปถ่ายเดียว หากคิดอย่างน้ีก็น่าอนุโมทนาสาธุการและพลอย
เบาใจหายหว่ งไปดว้ ย ไม่เปน็ ความคิดทีใ่ ห้ทกุ ข์ผกู มดั รดั ตวั จนพากนั หา
205
ทางออกมไิ ด้ เพราะธรรมกลายเปน็ โลก ความหว่ งใยสงสารกลายเปน็ ศตั รู
คกู่ อ่ เวร
ขณะทีฟ่ ังทา่ นส่งั สอนดว้ ยความเมตตาสงสาร เหมือนสายนำ้� ทพิ ย์
ในล�ำธารประพรมโสรจสรงด้วยท้ังเหตุและผลระคนคละเคล้ากันไป
ไมห่ ยดุ หยอ่ น บาทบรจิ ารกิ าคบู่ ารมกี ลบั ไดส้ ติ กลายเปน็ ผมู้ ใี จออ่ นนอ้ ม
ยอมรบั ธรรมดว้ ยความซาบซง้ึ เพลดิ เพลนิ จนลมื เวลำ�่ เวลา พอจบเทศนา
วนิ จิ ฉยั ปญั หากย็ อมตนเปน็ ผผู้ ดิ วา่ มาทำ� ใหท้ า่ นไดร้ บั ความลำ� บากลำ� บน
เพราะความมดื มนดว้ ยความรกั ความอาลยั โดยเขา้ ใจวา่ ทา่ นปลอ่ ยทา่ นวาง
ไปกับดินกับหญ้าไมเ่ มตตาเออื้ เฟอ้ื อาลยั จงึ เกดิ ความเสยี อกเสยี ใจจนไมม่ ี
ทป่ี ลงทวี่ าง นกึ วา่ ตนไรญ้ าตขิ าดมติ รปลดิ ชวี ติ ชวี า ไมม่ ที พ่ี ง่ึ พาอาศยั มาบดั น้ี
ได้รับความสว่างจากดวงธรรม ใจเกิดความเย็นฉ�่ำเป็นสุข ทุกข์ท่ีเคย
แบกหามมากป็ ลงวางลงได้ เพราะธรรมเหมอื นนำ้� อมฤตรดโสรจสรงชะลา้ ง
ให้เกิดความสว่างไสวข้ึนมา โทษใดที่ได้ล่วงเกินพระคุณท่านด้วยความ
รู้เท่าไม่ถึงการณ์ ขอได้โปรดประทานโทษนั้นให้แก่ข้าบาทดวงวิญญาณ
เพื่อจะได้ต้ังหน้าส�ำรวมระวังต่อไปตลอดอวสาน ไม่หลงลืมผิดพลาด
ขลาดเขลาอีกตอ่ ไป
จากนน้ั ทา่ นกอ็ ธบิ ายแนะนำ� เกยี่ วกบั ภพกำ� เนดิ วา่ ขอใหไ้ ปเกดิ ในภพ
ทเี่ ปน็ หลกั ฐานอนั สมควรแกภ่ าวะของตน ไมค่ วรมากงั วลวกเวยี นเกยี่ วขอ้ ง
กบั ความเปน็ หว่ งใยดงั ทเ่ี คยเปน็ มาอกี ตอ่ ไป ดวงวญิ ญาณยนิ ดรี บั คำ� ทา่ น
ด้วยความเคารพนบน้อม กอ่ นจะจากไปไดก้ ราบขอพรวา่ เมือ่ ได้ไปเกดิ
ในภพที่เหมาะสมแล้ว ขอให้ได้มารับฟังโอวาทตามความปรารถนาดังท่ี
เคยทำ� มา ขอได้โปรดประทานพรตามใจหวังเถิด เม่ือทา่ นอนุญาตแล้ว
206