The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.
Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by wonchai890, 2022-09-19 00:04:13

ประวัติหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต

ประวัติหลวงปู่มั่น

จงั หวดั ถงึ ตวั จงั หวดั เทา่ นนั้ ทงั้ ไมค่ อ่ ยมมี ากเหมอื นสมยั นี้ ไปผดิ เวลาบา้ ง
กม็ หี วงั ตกรถและเสยี เวลาไปอกี หนึง่ วนั

พระธุดงค์ปกตทิ า่ นชอบเดนิ ด้วยเท้ากัน ไมช่ อบขึ้นรถขึ้นรา เพราะ
ไม่สะดวกเก่ียวกับคนมาก เวลาท่านเดินธุดงค์ท่านถือเป็นความเพียร
ไปพร้อมในเวลาน้นั ด้วย ไม่ว่าจะไปปา่ ใดหรือภเู ขาลูกใด เพยี งต้งั ความ
มุ่งหมายไว้แล้วท่านก็เดินจงกรมไปกับการเดินทางน่ันแล โดยไม่คิดว่า
จะถึงหมู่บ้านวันหรือค่�ำเพียงไร ท่านถือเสียว่าค�่ำที่ไหนก็พักนอนที่น่ัน
ต่ืนเช้าค่อยเดินทางต่อไปถึงหมู่บ้าน แล้วเข้าโคจรบิณฑบาตมาฉันตาม
มีตามเกิด ไมก่ ระวนกระวายในอาหารว่าดหี รอื เลวประการใด เพยี งยัง
อัตภาพให้เป็นไปในวันหน่ึงๆ เท่าน้ัน ท่านถือเป็นความสบายส�ำหรับ
ธาตขุ นั ธแ์ ล้ว จากนัน้ ก็เดินทางต่อไปอยา่ งเยน็ ใจจนถึงทหี่ มาย

อนั ดบั ตอ่ ไป ทา่ นเดนิ เทย่ี วหาทำ� เลทเี่ หมาะกบั อธั ยาศยั จนกวา่ จะพบ
ทมี่ งุ่ หมายไว้ แตน่ ำ้� เปน็ สง่ิ สำ� คญั ในการพกั บำ� เพญ็ เมอื่ ไดท้ ำ� เลทเ่ี หมาะแลว้
จากนน้ั กเ็ รง่ ความพากเพยี รเดนิ จงกรมนง่ั สมาธภิ าวนาทง้ั กลางวนั กลางคนื
มสี ตปิ ระคองใจ มปี ญั ญาเปน็ เครอ่ื งรำ� พงึ ในธรรมทง้ั หลายทม่ี าสมั ผสั กบั
อายตนะ พยายามเกลย้ี กลอ่ มใจดว้ ยธรรมทถี่ กู กบั จรติ ใหม้ คี วามสงบเยน็
เปน็ สมาธิ เมอ่ื จติ ถอนขนึ้ มาจากสมาธแิ ลว้ พจิ ารณาธรรมทง้ั หลายโดยทาง
ปญั ญา ทงั้ ขา้ งนอกคอื ทศั นยี ภาพทส่ี มั ผสั กนั อยตู่ ลอดเวลา ทงั้ ขา้ งในคอื
ธาตขุ นั ธอ์ ายตนะทแี่ สดงอาการกระเพอ่ื มตวั อยทู่ กุ ขณะ ไมม่ เี วลาสงบนงิ่
อยู่ได้ วา่ เปน็ วปิ ริณามธรรม มีความแปรปรวนอยู่เสมอมาและเสมอไป
ใจไม่น่ิงนอนอยูก่ บั อะไร ซ่งึ จะเป็นเหตุให้ติดข้องพัวพัน

407

กำ� หนดคลคี่ ลายดรู า่ งกายจติ ใจใหเ้ หน็ ชดั ดว้ ยปัญญาจนรู้เทา่ และ
ปล่อยวางไปเป็นระยะๆ ปัญญาท�ำการขุดค้นท้ังรากแก้วรากฝอยและ
ตน้ ตอของกเิ ลสทกุ ประเภทไมล่ ดละ มคี วามเพลดิ เพลนิ อยกู่ บั ความเพยี ร
สืบเนื่องกับธรรมท้ังหลาย สิ่งท่ีมาสัมพันธ์เก่ียวข้องกับใจก็พิจารณาลง
ในธรรม คอื ไตรลกั ษณ์ เพอ่ื ความรแู้ จง้ และถอดถอนไปโดยลำ� ดบั เมอื่ มี
ข้อข้องใจเกิดขึ้นที่ไม่แน่ใจว่าถูกหรือผิดก็รีบมาเรียนถามท่าน พอได้รับ
คำ� ชแ้ี จงเปน็ ทแ่ี นใ่ จแลว้ กก็ ลบั ไปบำ� เพญ็ เพอื่ ความกา้ วหนา้ ของจติ ตอ่ ไป

พระธุดงคกรรมฐานจ�ำนวนมากที่อาศัยอยู่กับท่านอาจารย์ม่ัน
เพอ่ื การศกึ ษาอบรม เมอื่ ทีพ่ กั ในส�ำนกั ทา่ นมไี มเ่ พียงพอ ท่านก็แยกยา้ ย
กนั ไปอยใู่ นทตี่ า่ งๆ โดยปลกี ออกไปอยทู่ ลี่ ะองคบ์ า้ ง ๒ องคบ์ า้ ง ตา่ งองค์
ต่างไปเที่ยวหาทวี่ ิเวกสงดั ของตน และต่างองค์ตา่ งอย่ตู ามหมบู่ า้ นตา่ งๆ
ที่มอี ยใู่ นปา่ และในภเู ขาซง่ึ ไม่ห่างจากส�ำนักทา่ นนัก พอไปมาหาส่กู ันได้
สะดวกราว ๖-๗ กโิ ลเมตรบา้ ง ๘-๙ กโิ ลเมตรบา้ ง ๑๑-๑๒ กโิ ลเมตรบา้ ง
๑๕-๑๖ กโิ ลเมตรบา้ ง หรอื ราว ๒๐-๓๐ กโิ ลเมตรบา้ ง ตามแตท่ ำ� เลเหมาะ
กับอัธยาศยั ที่อย่ไู กลราว ๒๐ กโิ ลเมตรขึ้นไป เวลามากราบเยย่ี มท่าน
ก็พักค้างคืนฟังการอบรมพอสมควรก่อนแล้วค่อยกลับไปท่ีพักของตน
บางท่านอาจจะไม่เข้าใจว่ากิโลเมตรหน่ึงมีประมาณก่ีเส้น จึงขอช้ีแจงไว้
พร้อมน้ีคอื กิโลเมตรหนงึ่ มี ๒๕ เส้น ๔ กโิ ลเมตรกเ็ ทา่ กบั ๑๐๐ เส้น
โปรดเทยี บตามหลกั เกณฑ์ทใ่ี ห้ไว้นี้

หนทางตามบา้ นปา่ บา้ นเขาไมเ่ หมอื นทางถนนจากอำ� เภอไปสอู่ ำ� เภอ
จากจงั หวดั ไปสจู่ งั หวดั ดงั ทเ่ี ห็นๆ กนั แตเ่ ปน็ ทางของชาวบา้ นปา่ บา้ นเขา
เขาเดินทอ่ งเทีย่ วหากนั อย่างนนั้ มาด้งั เดิม และเปน็ ความเคยชนิ ของเขา

408

อย่างนั้น นานวันจึงจะไปหากันคร้ังหน่ึง ทางจึงเต็มไปด้วยป่าดงพงลึก
และขวากหนาม บางแหง่ ถา้ ไมส่ งั เกตใหม้ ากอาจเดนิ ผดิ ทาง และหลงเขา้ ปา่
เข้าเขาซึ่งไม่มีหมู่บ้านเลยก็ได้ ระหว่างทางบางตอนไม่มีหมู่บ้านคนเลย
มแี ตป่ า่ แตเ่ ขาทง้ั นน้ั และยาวตง้ั ๒๐-๓๐ กโิ ลเมตรถงึ จะพบหมบู่ า้ นชาวปา่
ชาวเขากม็ ี ระหวา่ งทางนั้นส�ำคญั มาก ถ้าเกิดไปหลงทางเขา้ แลว้ มหี วัง
นอนค้างป่าค้างเขาและอดอาหารแน่นอน ท้ังอาจไม่ถูกหมู่บ้านเลยก็ได้
นอกจากจะพบพวกนายพรานทเ่ี ทย่ี วลา่ สตั ว์ และอาศยั เขาบอกทาง หรอื
เขานำ� ออกไปหาทางไปยงั หมบู่ ้านจึงจะพ้นภยั

พระธดุ งคกรรมฐานผหู้ วงั ในธรรมอยา่ งยง่ิ ทา่ นรสู้ กึ ลำ� บากอยไู่ มน่ อ้ ย
ในการอยู่ การบ�ำเพญ็ การเดินทาง และการแสวงหาครูอาจารยผ์ ู้อบรม
โดยถกู ต้องและราบรื่นชืน่ ใจ เช่น ทา่ นอาจารยม์ ั่น มาพบเห็นท่านแล้ว
ดอี กดใี จเหมอื นลกู เลก็ ๆ เหน็ พอ่ แมเ่ ราดๆี นเ่ี อง ทง้ั รกั ทง้ั เคารพทงั้ เลอ่ื มใส
และอะไรๆ รวมเปน็ ความไวว้ างใจหมดทกุ อยา่ ง หรอื จะเรยี กวา่ หมดชวี ติ
จติ ใจรวมลงในทา่ นองคเ์ ดยี วกถ็ กู เพราะนสิ ยั พระธดุ งคกรรมฐานมคี วาม
เช่ือถือและเคารพรักอาจารย์มาก ขนาดสละชีวิตแทนได้โดยไม่อาลัย
เสยี ดายเลย แมจ้ ะแยกยา้ ยกนั ไปอยใู่ นทต่ี า่ งๆ กต็ าม แตท่ า่ นมคี วามผกู พนั
ในอาจารยม์ ากผิดธรรมดา

การอยกู่ ารบำ� เพญ็ หรอื การไปมาแมจ้ ะลำ� บาก ทา่ นพอใจทจี่ ะพยายาม
ขอแต่มีครูอาจารย์คอยให้ความอบอุ่นก็พอ ความเป็นอยู่หลับนอน
การขบฉันท่านทนได้ อดบา้ งอม่ิ บา้ งท่านทนได้ เพราะใจทา่ นมุง่ ต่อธรรม
เปน็ สำ� คญั กวา่ สงิ่ อนื่ ใด บางคนื ทา่ นนอนตากฝนทงั้ คนื ทนหนาวจนตวั สนั่
เหมอื นลูกนก ทา่ นกย็ อมทนเพราะความเหน็ แกธ่ รรม เวลาทา่ นสนทนา

409

ธรรมกนั เกยี่ วกบั การบำ� เพญ็ การพกั อยใู่ นทต่ี า่ งๆ กนั และการไปมาตามปา่
ตามเขา รู้สกึ ว่านา่ ฟงั มาก ทง้ั นา่ สงสารท่านเหมือนสัตวอ์ ย่ใู นป่าตัวหนึง่
ไมม่ ีราคาอะไรเลย เพราะความลำ� บากจนมุม ทีอ่ ยหู่ ลบั นอนในบางครั้ง
เหมอื นของสตั ว์ เพราะความจำ� เปน็ บงั คบั ท่ีจ�ำต้องอดทน

การบำ� เพญ็ ทา่ นมอี บุ ายวธิ ตี า่ งๆ กนั ไปตามจรติ นสิ ยั ชอบ คอื อดนอนบา้ ง
ผอ่ นอาหารบ้าง อดอาหารบ้าง กี่คนื หรอื กี่วันตามแตค่ วามเหมาะสมกับ
จรติ และธาตขุ นั ธจ์ ะพอทนได้ เดนิ จงกรมแตห่ วั คำ�่ ตลอดสวา่ งบา้ ง นงั่ สมาธิ
หลายๆ ชว่ั โมงบา้ ง นง่ั สมาธแิ ตห่ วั คำ่� จนสวา่ งบา้ ง ไปนง่ั สมาธอิ ยทู่ างเสอื
เข้าถ�้ำของมันบา้ ง ไปนั่งสมาธิอยทู่ ี่ด่านอนั เปน็ ทางมาของเสือบา้ ง ไปนง่ั
สมาธอิ ยู่ในปา่ ช้าทีก่ ำ� ลงั เผาผอี ยใู่ นวันน้ันบา้ ง ไปน่งั อย่รู มิ เหวลึกๆ บ้าง
กลางคนื ดกึ ๆ เดนิ เทยี่ วบนภเู ขา พอไปเจอทำ� เลเหมาะๆ คอื ทน่ี า่ กลวั มาก
กน็ งั่ สมาธอิ ยเู่ สยี ทน่ี นั้ บา้ ง ไปนง่ั สมาธใิ ตร้ ม่ ไมก้ ลางภเู ขาดกึ ๆ คอยใหเ้ สอื
มาทนี่ ัน้ จติ จะได้สงบในขณะน้นั บ้าง

วิธีเหล่าน้ีท่านมีความมุ่งหมายลงในจุดเดียวกัน คือเพ่ือทรมานจิต
ใหห้ ายพยศ ซ่ึงกเ็ ป็นไปตามความม่งุ หมายจรงิ ๆ โดยมากท่านได้อุบาย
จากวธิ เี หล่านี้ แต่ละวิธีของแต่ละนิสยั ทำ� ใหท้ ่านมีก�ำลังใจทำ� ไดต้ ามวิธี
ทีถ่ ูกกบั จริตนิสยั ของตน ฉะนน้ั ท่านจึงชอบอุบายวิธที รมานตา่ งๆ กนั
แมท้ า่ นอาจารยม์ นั่ เองกเ็ คยทำ� มา และสง่ เสรมิ พระทฝี่ กึ และทรมานโดย
วธิ ตี า่ งๆ วา่ เปน็ ผฉู้ ลาดฝกึ อบรมตน วธิ เี หลา่ นพ้ี ระธดุ งคท์ า่ นยงั ทำ� ของทา่ น
อยู่มไิ ด้ลดละตลอดมา

การฝึกตัวให้เป็นคนมีคุณค่าท�ำใจให้มีราคาย่อมเป็นส่ิงท่ีฝืนอยู่บ้าง
ความยากลำ� บากนั้นไมส่ ำ� คญั เทา่ ผลที่จะทำ� ใหเ้ ปน็ คนดี มีความสขุ มีข่ือ

410

มแี ป และมธี รรมเปน็ เครอ่ื งกำ� กบั รกั ษา ไมว่ า่ โลกหรอื ธรรมเคยถอื กนั มา
อย่างน้ัน นอกจากสิ่งของที่ใช้การอะไรไม่ได้หมดความหมายไร้ค่าและ
คนตายแลว้ เทา่ นนั้ จงึ ไมม่ กี ารรกั ษากนั คนเรายงั มคี ณุ คา่ ควรจะไดร้ บั จาก
การปรบั ปรงุ รักษาอยู่ จงึ ควรสงวนรักษาตวั อย่างยิง่ ผลแห่งการรักษาจะ
ยงั ผนู้ นั้ ใหเ้ ปน็ คนดมี คี วามสขุ ความเจรญิ ทงั้ ปจั จบุ นั และอนาคตไมม่ สี น้ิ สดุ
ดังนน้ั ท่ีพระธุดงคท์ ่านปฏบิ ัติบำ� เพ็ญโดยไมเ่ ห็นแก่ความยากล�ำบากมา
เป็นอุปสรรค จึงเป็นการเบิกทางเพ่ือความก้าวหน้าแห่งธรรมภายในใจ
อันเปน็ ทน่ี า่ กราบไหว้บูชาอย่างย่งิ

ตราบใดทย่ี งั มผี สู้ นใจและปฏบิ ตั ธิ รรมสมควรแกธ่ รรมอยู่ พระศาสนา
ก็ยังดำ� รงคงอยกู่ ับโลกตลอดไป และแสดงผลให้โลกที่ใครต่ อ่ ธรรมเหน็
อยตู่ ามลำ� ดับทป่ี ฏบิ ตั ไิ ด้ ตรงกับหลกั พระพุทธศาสนาที่พระพทุ ธเจา้ ทรง
เปน็ ผูท้ ำ� จรงิ รู้จรงิ และสอนโลกดว้ ยธรรมจรงิ ผ้เู ชอ่ื ถอื ศาสนาก็เปน็
ผู้ท�ำจริงเพื่อความรู้จริงเห็นจริง ไม่เหลาะแหละย่อหย่อนอ่อนความ
สามารถ อันเปน็ การกดถ่วงและลดคณุ คา่ ของพระศาสนาลงใหพ้ าหิรชน
เขาดถู กู เหยยี ดหยามดงั ทที่ ราบกนั อยู่ เพราะศาสนาทแ่ี ทจ้ รงิ เปน็ คณุ ธรรม
ทคี่ วรนำ� ออกแสดงไดอ้ ยา่ งเปดิ เผยทวั่ ไตรโลกธาตุ โดยไมม่ คี วามสะทา้ น
หว่นั ไหวว่าไม่จริง เพราะเปน็ ธรรมท่จี รงิ ตามหลักธรรมชาติด้วย ศาสดา
ทส่ี อนกเ็ ปน็ ผบู้ รสิ ทุ ธแ์ิ ละทรงสอนตามความจรงิ แหง่ ธรรมดว้ ย นอกจาก
จะไม่สนใจหรือไม่สามารถค้นให้ถึงความจริงตามท่ีศาสนาสอนไว้เท่าน้ัน
จึงอาจเป็นไปตามความรู้ความเห็นที่ไม่มีประมาณของแต่ละหัวใจท่ีมี
ธรรมชาติหนึ่งปิดบังอย่างลึกลับและฝังลึกอยู่ในใจ ทั้งปกปิดดวงใจไว้
ตลอดกาล ซึง่ ศาสนาแทงทะลปุ รโุ ปรง่ ไปหมดแลว้

411

ขออภยั ทเี่ ขยี นเลยเถดิ ไปบา้ งตามนสิ ยั ของคนไมม่ หี ลกั ยดึ ทแ่ี นน่ อน
ขอย้อนอธิบายวิธีฝึกทรมานต่างๆ ท่ีพระธุดงค์ท่านชอบท�ำเป็นประจ�ำ
นิสัยตลอดมาอีกเล็กน้อย พอทราบความมุ่งหมายและผลท่ีเกิดจากวิธี
น้ันๆ บ้าง

การฝึกแต่ละวิธีท่านเห็นผลประจักษ์ใจเป็นล�ำดับ คือท�ำให้จิตที่มี
ความพยศล�ำพองเพราะร่างกายมีก�ำลงั มาก ใหล้ ดลงด้วยวธิ ีผอ่ นอาหาร
อดอาหารหรืออดนอน ตลอดการหักโหมด้วยวิธีต่างๆ คือเดินจงกรม
นานๆ บา้ ง น่งั สมาธิภาวนานานๆ บา้ ง เพอื่ ใจจะไดม้ ีกำ� ลงั ก้าวหนา้ ไป
ตามแถวแหง่ ธรรมดว้ ยความสะดวก เพอื่ ใจทหี่ วาดกลวั ตอ่ อนั ตรายมเี สอื
หรอื ผเี ปน็ ตน้ แลว้ ยอ้ นเขา้ มาสภู่ ายในอนั เปน็ ทส่ี ถติ อยขู่ องใจอยา่ งแทจ้ รงิ
จนเกดิ ความสงบและกล้าหาญขน้ึ มา ซ่ึงเป็นการบรรเทาหรอื กำ� จดั ความ
หวาดกลวั ตา่ งๆ เสยี ได้ เพอ่ื จติ ไดร้ กู้ ำ� ลงั ความสามารถของตนในเวลาเขา้ ที่
คับขันคือความจนตรอกจนมุม หรือคราวเกิดทุกขเวทนากล้าจนถึงเป็น
ถึงตายจรงิ ๆ จะมีทางต่อส้เู พ่ือชัยชนะเอาตัวรอดได้

ตามปกติถ้าไม่เขา้ ท่ีคับขนั สติปัญญาไมค่ ่อยเกดิ และไม่อาจรคู้ วาม
สามารถของตน การหาวธิ ีทรมานต่างๆ ตามจรติ นสิ ัยและความแยบคาย
ของแต่ละรายน้ัน เป็นวิธีฝึกซ้อมสติปัญญาให้มีความสามารถอาจหาญ
และทราบกำ� ลงั ของตนไดด้ ี ไมส่ ะทกสะทา้ นตอ่ เหตกุ ารณต์ า่ งๆ ทอ่ี าจเกดิ ขนึ้
ไดไ้ ม่เลอื กกาลสถานที่ ผลทปี่ รากฏแกผ่ ูช้ อบฝึกทรมานตนดว้ ยวิธตี า่ งๆ
คอื ผทู้ เี่ คยกลวั ผมี าดงั้ เดมิ กห็ ายกลวั ผไี ด้ ดว้ ยวธิ ฝี นื ใจเขา้ ไปเยย่ี มปา่ ชา้
ผเู้ คยกลวั สตั วร์ า้ ยตา่ งๆ มเี สอื เปน็ ตน้ กห็ ายกลวั ไดด้ ว้ ยวธิ ฝี นื ใจเขา้ ไปอยู่
ในท่ีเปลีย่ วอันเป็นที่น่ากลวั ผู้มักเหน็ แกป่ ากแก่ทอ้ งชอบโลเลในอาหาร

412

ปจั จยั กบ็ รรเทาหรอื หายเสยี ไดด้ ว้ ยการผอ่ นอาหารหรอื อดอาหาร ตามปกติ
นสิ ัยของคนเราโดยมากย่อมชอบอาหารดีๆ รบั ประทานได้มากๆ ถอื ว่า
เปน็ ความสขุ เพราะถกู กบั ใจ ผมู้ กั โลภไมเ่ คยมคี วามพอดแี อบซอ่ นอยดู่ ว้ ย
ไดเ้ ลย แมใ้ จจะทกุ ขเ์ พยี งไรกไ็ มค่ อ่ ยสนใจคดิ วา่ มสี าเหตเุ ปน็ มาจากอะไร
แตผ่ ปู้ ฏบิ ตั ธิ รรมเพอื่ ความรสู้ ง่ิ เกย่ี วขอ้ งกบั ตนอนั มมี ากมายและตา่ งๆ กนั
จำ� ต้องพิจารณาและทรมานกนั บา้ ง เพือ่ รู้ฤทธิข์ องกนั และกัน

ดังน้ัน พระธุดงค์บางองค์ท่านจึงทรมานท่านจนเป็นที่น่าสงสาร
อยา่ งจบั ใจกม็ ี คอื อาหารดๆี ตามสมมตุ นิ ยิ มทท่ี า่ นไดม้ าหรอื มผี นู้ ำ� มาถวาย
พอเห็นจิตแสดงอาการอยากได้จนเป็นท่ีน่าเกลียดอยู่ภายใน ท่านกลับ
ทรมานใจเสยี ไมย่ อมเอาอาหารชนดิ นนั้ แตก่ ลบั ไปเอาชนดิ ทจ่ี ติ ไมต่ อ้ งการ
ไปเสยี อยา่ งนน้ั ถา้ จติ ตอ้ งการมากทา่ นกเ็ อาแตเ่ พยี งเลก็ นอ้ ยหรอื บางคราว
ท่านบงั คบั ให้ฉันขา้ วเปล่าๆ ทั้งท่อี าหารมีอยู่ อย่างน้ีกม็ ี อาหารบางชนิด
เปน็ คณุ แกร่ า่ งกายแต่กลบั เปน็ ภัยแก่ใจ คือทับถมจติ ใจ ภาวนายากหรือ
ไมก่ า้ วหนา้ เทา่ ทคี่ วร ทง้ั ทที่ ำ� ความเพยี รดงั ทเ่ี คยทำ� มาเปน็ ประจำ� เมอื่ ทราบ
วา่ เปน็ เพราะเหตใุ ดจติ จงึ ไมก่ า้ วหนา้ ทา่ นกพ็ ยายามตดั ตน้ เหตนุ นั้ ออกไป
โดยไม่ยอมเสียดายและตามใจทเี่ ป็นเจ้ากเิ ลสตัวโลโภ สมกบั ท่านมาฝึก
ทรมานใจกบั ครอู าจารยจ์ รงิ ๆ มไิ ดป้ ลอ่ ยตามใจทเ่ี คยเอาแตใ่ จตวั มาจนเปน็
นิสยั

การฉันท่านก็ฝึกให้มีประมาณและขอบเขตจ�ำกัด การหลับนอน
ท่านก็ฝึกให้นอนและต่ืนตามเวลาที่ก�ำหนดไว้ ไม่ปล่อยให้นอนตามใจ
ชอบหรือตามยถากรรม การไปมาในทิศทางใดควรหรือไม่ควรท่านก็ฝึก
แม้ไม่ผิดพระวินัยแต่ผิดธรรม ท่านก็บังคับไม่ให้ฝ่าฝืนในส่ิงท่ีเห็นว่า

413

ไมค่ วรนน้ั ๆ การพยายามปลกู ธรรมใหเ้ จรญิ รงุ่ เรอื งขน้ึ โดยลำ� ดบั ภายในใจ
ไม่ใหเ้ ส่อื มทรามลง จงึ แสนปลกู ยากอย่างยิ่ง แทบพดู ไดว้ า่ ไม่มีอะไรจะ
ล�ำบากยากเยน็ เสมอเหมือนเลย

ส่วนการปลูกโลก ผู้เขียนอยากจะพูดว่า มันคอยแต่จะแย่งเกิด
และเจริญข้ึนเพ่ือท�ำลายจิตใจเราอยู่ทุกขณะท่ีเผลอ จนไม่ชนะท่ีจะ
ปราบปรามมนั เพยี งนาทหี นง่ึ มนั กแ็ อบเขา้ มาเกดิ และเจรญิ ในใจเสยี แลว้
ไมร่ วู้ า่ กปี่ ระเภท โดยมากกเ็ ปน็ ประเภทสงั หารทำ� ลายตวั เรานนั่ แล มนั เกดิ
และเจรญิ เรว็ ทสี่ ดุ ชวั่ พรบิ ตาเดยี วเทา่ นนั้ กม็ องไมท่ ว่ั ตามแกไ้ มท่ นั สง่ิ ที่
เกดิ งา่ ยแตท่ ำ� ลายยากคอื ตน้ ราคะตณั หาตวั ทำ� ความพนิ าศบาดหวั ใจ นแี่ ล
เป็นส่ิงท่ีเก่งกล้าสามารถกว่าอะไรในโลก ไม่ว่าท่านว่าเราต่างก็ชอบมัน
เสียด้วย มันจึงได้ใจและก่อความพินาศให้โลกอย่างไม่มีประมาณและ
ไม่เกรงขามใครเลย ทมี่ กี ลวั อยูบ่ ้างก็ผูม้ ีธรรมในใจ และท่ีกลวั จริงๆ คอื
พระพทุ ธเจา้ และพระอรหนั ตท์ า่ นเทา่ นน้ั มนั ไมก่ ลา้ เขา้ ไปแอบได้ เพราะ
ท่านท�ำลายโรงลิเกละครและโรงอะไรๆ ของมันพังพินาศไปหมดแล้ว
มันจงึ กลับมาเล่นงานกบั พวกเราผยู้ ังอยูใ่ ต้อ�ำนาจของมัน

พระธดุ งคท์ า่ นแทบเปน็ แทบตายในการฝกึ ทรมานตน กเ็ พราะกเิ ลส
สองสามตวั นแี่ ลเปน็ เหตุ และทำ� การกดี ขวางถว่ งใจทา่ นใหไ้ ดร้ บั ความลำ� บาก
แม้เปลี่ยนเพศเป็นพระมีผา้ เหลอื งซงึ่ เปน็ เครอื่ งหมายของทา่ นผชู้ นะมาร
มาแลว้ มาครองประกาศตวั แตก่ เิ ลสประเภทนม้ี นั ยงั ไมย่ อมเกรงกลวั ทา่ น
บา้ งเลย แถมมนั ยงั พยายามตามฉดุ ลากทา่ นใหเ้ ปลอื้ งผา้ เหลอื งอยตู่ ลอดไป
ไมย่ อมปลอ่ ยตวั เอางา่ ยๆ ทงั้ ไมเ่ ลอื กวยั เสยี ดว้ ย ทา่ นจงึ จำ� ตอ้ งตะเกยี ก
ตะกายดว้ ยการฝกึ ทรมานโดยวธิ ตี า่ งๆ ทีเ่ หน็ วา่ เปน็ วธิ กี ำ� จัดมันออกจาก

414

ใจได้ ยากกท็ น ลำ� บากกท็ ำ� ทุกข์ก็ต้องตอ่ สู้ ไม่ยอมถอยหลัง เดี๋ยวมนั
จะหวั เราะเยาะเขา้ อกี ยงิ่ ขายทง้ั หนา้ ขายทง้ั ผา้ เหลอื ง ขายทงั้ เพศนกั บวช
ทเี่ ปน็ เพศแหง่ นกั ตอ่ สไู้ มย่ อมจนมมุ และขายทงั้ ศาสนาซงึ่ เปน็ หลกั ใหญ่
ของมวลมนุษย์ ย่ิงเป็นความเสียหายอย่างใหญ่หลวง เมื่อเป็นเช่นนี้ก็
จำ� ตอ้ งพลชี พี เพอ่ื กหู้ นา้ กผู้ า้ เหลอื ง กเู้ พศแหง่ นกั บวช และกพู้ ระศาสนา
และองค์พระศาสดาไวด้ ีกวา่ จะตายแบบล่มจมป่นป้ี

เหลา่ นเ้ี ปน็ อบุ ายทพี่ ระธดุ งคท์ า่ นนำ� มาพรำ่� สอนตวั เพอ่ื ความกลา้ หาญ
ชาญชยั เทิดไวซ้ ่งึ ธรรมดวงเลิศ อนั จักน�ำให้ถงึ แดนประเสรฐิ พ้นทุกข์ไป
ไดใ้ นวนั หนง่ึ โดยไมส่ งสยั เพราะทางพน้ ทกุ ขถ์ งึ ความเปน็ ผปู้ ระเสรฐิ มอี ยู่
กบั ศาสนธรรมท่ีประทานไวน้ เ้ี ทา่ น้ัน ทเ่ี ปน็ ทางตรงแนว่ ต่อความพ้นทกุ ข์
โดยประการท้ังปวงไม่สงสยั ไม่มีอย่ใู นทอ่ี ืน่ ใดที่จะพอหลบหลกี ปลีกตวั
และผ่อนคลายไปไดโ้ ดยไม่ตอ้ งล�ำบากในการขวนขวาย นอกน้นั เตม็ ไป
ดว้ ยขวากหนามทจ่ี ะคอยทม่ิ แทงรา่ งกายจติ ใจใหเ้ ปน็ ทกุ ขจ์ นหาทป่ี ลงวาง
ไม่ได้ตลอดกัปกลั ป์ ไม่มปี ระมาณวา่ จะผา่ นพน้ ไปได้

แม้ท่านอาจารย์ม่ันก่อนหน้าท่านจะปรากฏองค์ข้ึนมาให้พวกเราได้
กราบไหวเ้ ปน็ ขวญั ใจ และเปน็ อาจารยส์ งั่ สอนบรรดาศษิ ย์ ทา่ นกเ็ คยเปน็
มาแลว้ ชนิดตายไม่มปี า่ ช้า คอื สน้ิ ลมท่ไี หนปลอ่ ยรา่ งกันท่นี ัน่ ไมอ่ าลัย
เสียดายชีวิตย่ิงกว่าธรรม ดังที่เขียนผ่านมาบ้างแล้ว เวลาเป็นอาจารย์
สง่ั สอนศษิ ย์ ทา่ นสง่ั สอนอยา่ งเดด็ ๆ เผด็ ๆ รอ้ นๆ ดว้ ยอบุ ายอนั แหลมคม
ตามแนวทางทา่ นเคยดำ� เนนิ และเหน็ ผลมาแลว้ น่ันแล ท่านสั่งสอนแบบ
ปลกุ จิตปลุกใจ และฟ้นื ฟูความฉลาดใหท้ ันกับกลมารยาของกิเลสทเี่ คย
เป็นนายบนหวั ใจคนมานาน เพอ่ื การถอดถอนท�ำลายกิเลสออกให้หมด

415

จะไดห้ มดโทษหมดภยั อยสู่ บาย ไปอยา่ งผู้สนิ้ ทกุ ข์ ไม่ต้องมกี ารวกเวยี น
เปลย่ี นภพเปล่ยี นชาติ แต่ความทกุ ข์ทฝี่ ังอยู่ในใจไมย่ อมเปลีย่ น

แมจ้ ะเปลย่ี นภพกำ� เนดิ ไปสกั เทา่ ไร กเ็ ทา่ กบั เปลยี่ นเครอื่ งมอื สงั หาร
ตนอยู่น่ันเอง จึงไม่ควรยินดีในการเกิดเป็นน่ันเป็นนี่ อันเป็นลักษณะ
นักโทษย้ายท่ีอยู่หลับนอนในเรือนจำ� ซ่ึงไม่มีอะไรดีข้ึนเลย การเกิดตาย
นกั ปราชญท์ า่ นถอื เปน็ ภยั โดยจรงิ ใจ เหมอื นยา้ ยทที่ ถ่ี กู ไฟไหม้ แมจ้ ะยา้ ย
ทอี่ ยไู่ ปไหนกไ็ มพ่ น้ จากการระวงั ภยั อยนู่ น่ั เอง เหลา่ นน้ี ำ� มาลงเพยี งเลก็ นอ้ ย
สำ� หรบั โอวาททที่ า่ นอาจารยม์ น่ั สงั่ สอนพระธดุ งคต์ ลอดมา ทน่ี ำ� มาลงบา้ งนี้
พอเปน็ คตแิ ก่ทา่ นที่ชอบในอบุ ายท่าน

การใหโ้ อวาทวนั ทำ� อโุ บสถและวนั ประชมุ ฟงั ธรรมโดยเฉพาะ มนี ำ้� หนกั
แห่งธรรมต่างกันอยู่มาก วันอุโบสถมีพระมามากจากส�ำนักต่างๆ ราว
๔๐-๕๐ องค์ การสงั่ สอนแมจ้ ะเดด็ เดย่ี วและลกึ ซงึ้ กไ็ มเ่ หมอื นวนั ประชมุ
ธรรมในส�ำนักท่านโดยเฉพาะ วันประชุมรู้สึกเด็ดและซึ้งจริงๆ อ�ำนาจ
แห่งธรรมที่แสดงออกแต่ละครั้งขณะท่านให้โอวาท ในความรู้สึกของ
ผฟู้ งั ทวั่ ๆ ไปประหนงึ่ โลกธาตดุ บั สนทิ ไปตามกเิ ลสทที่ า่ นเทศนข์ บั ไลอ่ อก
จากดวงใจพระธดุ งค์ ปรากฏเฉพาะธรรมกบั ใจทเี่ ขา้ สมั ผสั กนั อยขู่ ณะนนั้
เทา่ นนั้ เปน็ ความซาบซง้ึ ตรงึ ใจและอศั จรรยอ์ ยา่ งบอกไมถ่ กู แมห้ ลงั จากนน้ั
ยงั ปรากฏเหมอื นไมม่ อี ะไรเหลอื อยใู่ นใจ จติ หมอบอยเู่ ปน็ เวลาหลายวนั
เพราะอำ� นาจธรรมท่ีทา่ นแสดงอย่างเผ็ดร้อน ประหนง่ึ ทา่ นทา้ ทายกิเลส
ทั้งหลาย พอผ่านไปหลายวันกิเลสค่อยๆ โผล่หน้าออกมาทีละน้อยๆ
นานไปพองตัวข้ึนอีก พอดีถึงวันประชุมท่านก็ปราบให้อีก พอบรรเทา
เบาบางใหส้ บายใจไปไดเ้ ปน็ ระยะๆ

416

ด้วยเหตดุ งั กลา่ วมา พระธดุ งค์ทั้งหลายผูใ้ คร่ตอ่ ธรรมแดนพน้ ทกุ ข์
จงึ มใี จผกู พนั ในอาจารยม์ ากผดิ ธรรมดา เพราะการถอดถอนกเิ ลสนนั้ ทง้ั ทำ�
โดยล�ำพังตนเอง ท้ังมีส่วนเกี่ยวข้องกับอาจารย์ผู้คอยให้อุบายด้วย
อย่างแยกไม่ออก บางครั้งพระไปบำ� เพ็ญเพยี รอยู่โดยลำ� พัง พอเกิดขอ้
ข้องใจซ่งึ เปน็ เรือ่ งของกิเลสข้ึนมา ไมส่ ามารถแก้ไขโดยลำ� พังได้ ต้องรีบ
มาเลา่ ถวายอาจารยเ์ พอื่ ทา่ นไดช้ แี้ จงใหฟ้ งั พอมาเลา่ ถวาย ทา่ นกอ็ ธบิ าย
ให้ฟังตามสาเหตุน้ันๆ ย่อมได้สติและหายสงสัยไปในขณะน้ันนั่นเอง
บางคร้ังก�ำลังเกิดความสงสัยวุ่นวายอยู่กับจุดใดจุดหนึ่งที่สลับซับซ้อน
เหลือท่ีจะแก้ให้ตกได้โดยล�ำพังสติปัญญาของตน พอท่านอธิบายธรรม
ไปถึงจุดนั้น ปรากฏเหมือนท่านเข้าไปท�ำลายความสงสัยของตนเสียได้
และผา่ นไปได้ในขณะน้ันเป็นพักๆ

ในวงพระปฏบิ ตั ริ ะหวา่ งเพอื่ นนกั ปฏบิ ตั ดิ ว้ ยกนั และระหวา่ งลกู ศษิ ย์
กบั อาจารยจ์ ะทราบภมู ขิ องกนั และกนั ได้ และทำ� ใหเ้ กดิ ความเคารพเลอื่ มใส
ต่อกันมาก ย่อมทราบจากการสนทนาธรรมกันทางภาคปฏิบัติ เมื่อเล่า
ความจรงิ ทจ่ี ติ ประสบและผา่ นไปสกู่ นั ฟงั ยอ่ มทราบถงึ ภมู จิ ติ ภมู ธิ รรมของ
ผนู้ นั้ ทนั ทวี า่ อยใู่ นภมู ใิ ด บรรดาศษิ ยท์ ท่ี ราบภมู ขิ องอาจารยไ์ ด้ ย่อมทราบ
ในขณะที่เล่าธรรมภายในจิตของตนถวายท่าน หรือเล่าตอนท่ีจิตติดขัด
อยู่กับอารมณ์ที่ยังแยกจากกันไม่ออก ว่าจะควรปฏิบัติต่อกันอย่างไร
ถา้ อาจารยเ์ ปน็ ผรู้ หู้ รอื ผา่ นไปแลว้ ทา่ นจะตอ้ งอธบิ ายเพมิ่ เตมิ ตอ่ จากทต่ี น
เลา่ ถวายทา่ นแลว้ นน้ั หรอื ชแ้ี จงตอนทตี่ นกำ� ลงั ตดิ ขดั อยู่ ใหท้ ะลปุ รโุ ปรง่
อย่างไมม่ ที ข่ี ดั ขอ้ งต้องตใิ ดๆ เลย

417

อีกประการหนึ่งลูกศิษย์เกิดความส�ำคัญตนผิดคิดว่าตนผ่านพ้นไป
โดยสิ้นเชงิ แล้ว แต่ท่านทราบว่าเปน็ ความเหน็ ทยี่ ังไม่ตรงตามความเปน็
จรงิ ทท่ี า่ นผเู้ หน็ มาโดยถกู ตอ้ ง ทา่ นจำ� ตอ้ งอธบิ ายเหตผุ ลและชแ้ี จงใหฟ้ งั
ตามจดุ ทผี่ นู้ นั้ สำ� คญั ผดิ จนยอมรบั เหตผุ ลอนั ถกู ตอ้ งจากทา่ นเปน็ ตอนๆ
ไปจนถงึ ทปี่ ลอดภยั เมอื่ ตา่ งไดส้ นทนากนั ตามจดุ ตา่ งๆ แหง่ ธรรมจนเปน็ ท่ี
ทราบและลงกนั ได้ ยอ่ มยอมรบั ความจรงิ จากกนั โดยไมม่ อี ะไรมาประกาศ
ยนื ยนั เพราะหลักความจริงเป็นเครือ่ งยนื ยันกันพร้อมมูลแลว้ น่แี ลเป็น
หลกั พสิ จู นภ์ มู ขิ องนกั ปฏบิ ตั ธิ รรมดว้ ยกนั วา่ ทา่ นผใู้ ดอยใู่ นภมู จิ ติ ภมู ธิ รรม
ขนั้ ใด นบั แตข่ น้ั อาจารยล์ งมาหาพระปฏบิ ตั ทิ ว่ั ๆ ไป ทา่ นทราบกนั ไดด้ ว้ ย
หลักฐานดังกล่าวมา ส่วนการทราบด้วยญาณวิถีน้ันเป็นเร่ืองภายในอีก
ขนั้ หนงึ่ ผเู้ ขยี นไมอ่ าจนำ� มายนื ยนั จงึ ขอมอบไวก้ บั ทา่ นผมู้ คี วามชำ� นาญ
ในทางน้เี ปน็ กรณีพเิ ศษ จะพงึ ปฏิบตั ิเองเปน็ รายๆ ไป

ที่บรรดาศิษย์มีความเคารพเลื่อมใสท่านอาจารย์มั่นอย่างถึงใจ
ฝากเป็นฝากตายถวายชีวิตจริงๆ เพราะความใกล้ชิดสนิททั้งภายนอก
ภายใน เก่ียวกับการสนทนากับท่านอยู่เสมอนั่นแล ท�ำให้จิตยอมรับ
ความจรงิ จากทา่ นอยา่ งสนทิ และตายใจ มไิ ดเ้ ปน็ แบบสกั แตว่ า่ เหน็ ไดย้ นิ
คำ� เลา่ ลอื จากทใ่ี กลท้ ไ่ี กลแลว้ เชอ่ื สมุ่ ๆ ไปอยา่ งนน้ั เฉพาะผเู้ ขยี นซง่ึ เปน็
พระทมี่ ที ฐิ จิ ดั ไมย่ อมลงใครเอางา่ ยๆ แลว้ ยอมรบั วา่ เปน็ ตวั เกง่ ทน่ี า่ รำ� คาญ
และน่าเกลียดอยู่ไม่น้อยผู้หน่ึงในการโต้เถียงกับท่านอาจารย์ม่ัน
เปน็ นกั โตเ้ ถยี งจนลืมส�ำนึกตวั วา่ เวลานีเ้ รามาในนามลูกศษิ ยเ์ พือ่ ศกึ ษา
ธรรมกบั ทา่ น หรอื มาในนามอาจารยเ์ พอ่ื สอนธรรมแกท่ า่ นเลา่ อยา่ งนกี้ ม็ ี
ในบางคร้งั

418

แตก่ ย็ งั ภมู ใิ จในทฐิ ขิ องตนทไี่ มย่ อมเหน็ โทษและกลวั ทา่ น แมถ้ กู ทา่ น
สบั เขกลงจนกะโหลกศรี ษะจะไมม่ ชี นิ้ ตอ่ กนั เวลานนั้ หลกั ใหญก่ เ็ พอ่ื ทราบ
ความจริงวา่ จะมีอยู่กับทฐิ เิ รา หรอื จะมีอย่กู บั ความรู้ความฉลาดของทา่ น
ผู้เป็นอาจารย์ ขณะที่กำ� ลังโต้แย้งกันอยู่อย่างชลุ มุนวุน่ วาย แต่ทกุ คร้ังท่ี
โตก้ นั อยา่ งหนกั ความจรงิ เปน็ ฝา่ ยทา่ นเกบ็ กวาดไวห้ มด แตค่ วามเหลวไหล
ไร้ความจริงมากองอยู่กับเราผู้ไม่เป็นท่า ท่ีเหลือแต่ใจสู้จนไม่รู้จักตาย
พอโต้เถียงกบั ท่านยุติลง เราเป็นฝา่ ยนำ� ไปขบคดิ เลือกเฟน้ และยอมรับ
ความจรงิ ของทา่ นไปเปน็ ตอนๆ สว่ นใดทเ่ี ราเหลวกก็ ำ� หนดโทษของตนไว้
และยอมรับความจริงจากท่านด้วยการเทิดทูนบนเศียรเกล้า ตอนใดที่
ไมเ่ ขา้ ใจซงึ่ ยงั ลงกนั ไมไ่ ด้ วนั หลงั มโี อกาสขน้ึ ไปโตก้ บั ทา่ นใหม่ แตท่ กุ ครง้ั
ตอ้ งศรี ษะแตกลงมาดว้ ยเหตผุ ลของทา่ นมดั ตวั เอา แลว้ อมความยมิ้ ในธรรม
ของท่านลงมา

องค์ทา่ นเองทั้งทีท่ ราบเรอ่ื งพระบา้ ทฐิ จิ ัดได้ดี แทนทีจ่ ะดดุ า่ หรือหา
อบุ ายทรมานใหห้ ายบา้ เสยี บา้ ง แตข่ ณะทท่ี า่ นมองหนา้ เราทไี รอดยม้ิ ไมไ่ ด้
ท่านคงนึกหมั่นไส้หรือนึกสงสารคนแสนโง่แต่ชอบต่อสู้แบบไม่รู้จักตาย
ผเู้ ขียนจงึ มใิ ชค่ นดีมาแตเ่ ดมิ แมก้ ระทงั่ ปจั จบุ นั นี้ ขนาดอาจารยย์ งั กล้า
ตอ่ ส้ไู ม่ละอายตวั เองเลย แต่ดีอย่างหน่ึงท่ไี ดค้ วามรู้แปลกๆ จากวธิ นี ั้น
มาเป็นคติสอนตนเร่ือยมาจนทุกวันนี้ ท่านเองก็ไม่เคยถือสาอะไรเลย
นอกจากนึกขันไปดว้ ยเทา่ น้ัน เพราะนานๆ จะมีพระหวั ดอื้ มากวนใจเสยี
ครงั้ หนงึ่ ปกตไิ มค่ อ่ ยมที า่ นผใู้ ดมาสนทนาและถกเถยี งทา่ น พอใหพ้ ระเณร
ในวดั ตืน่ ตกใจและงงไปตามๆ กนั บ้างเลย

419

หลังจากท่ีทา่ นผ่านดงหนาป่าทึบ คือ วัฏวนทีเ่ ชียงใหมต่ ามทเี่ ขียน
ผา่ นมาแลว้ ทา่ นไปพักอยู่ในสถานทใ่ี ดนานหนอ่ ย สถานทน่ี ัน้ ร้สู กึ จะมี
ความหมายอยอู่ ยา่ งลกึ ลบั สำ� หรบั ทา่ น โดยมไิ ดบ้ อกใครใหท้ ราบ พอสงั เกต
ได้ตอนมาจากเชียงใหม่มาแวะพักที่นครราชสีมา ก็มีพระและฆราวาส
ทม่ี นี สิ ยั ใครธ่ รรมเปน็ หลกั ใจและภาวนาดอี ยหู่ ลายทา่ น เขา้ มาศกึ ษาธรรม
กบั ทา่ นในขณะมาพกั ทน่ี นั้ หลงั จากนน้ั กไ็ ดต้ ดิ ตามไปอบรมศกึ ษากบั ทา่ น
ที่จังหวดั อดุ รธานีบ้าง ท่ีสกลนครบ้าง เสมอมาจนวาระสุดทา้ ย ทง้ั พระ
และฆราวาสท่ีกล่าวถึงน้ีก็ได้เป็นผู้มั่นคงทางด้านจิตตภาวนาตลอดมา
ฝ่ายพระก็ได้กลายเป็นอาจารย์ที่มีหลักธรรมมั่นคงในใจ กลายเป็นผู้มี
ชื่อเสียงและเป็นอาจารย์ส่ังสอนบรรดาศิษย์ท้ังพระฆราวาสหญิงชาย
ตลอดมาถึงปัจจุบันน้ี ฝ่ายฆราวาสก็เป็นผู้มั่นคงทางจิตตภาวนาและ
ศรทั ธาอยา่ งอน่ื ๆ เรอื่ ยมาจนทกุ วนั นี้ และเปน็ ผนู้ ำ� ฝา่ ยอบุ าสกสกี า ทงั้ ดา้ น
จิตใจและการเสียสละตา่ งๆ เปน็ ทีน่ า่ ชมเชยในแถบนัน้ ตลอดมา

เวลาท่านมาพักจ�ำพรรษาท่ีอุดรฯ ก็มีท่านเจ้าคุณธรรมเจดีย์ซ่ึงเป็น
พระสำ� คญั และเปน็ เจา้ อาวาสวดั โพธสิ มภรณ์ อดุ รฯ เปน็ ผนู้ ำ� ทงั้ ฝา่ ยพระ
และประชาชน ให้รู้จักคนุ้ เคยกับทา่ นอาจารยซ์ ่ึงเป็นพระส�ำคัญ ตลอด
การท�ำบุญให้ทานและรับการอบรมสั่งสอนจากท่าน ประกอบกับท่าน
เจ้าคุณท่านก็เคยเป็นลูกศิษย์ท่านอาจารย์มั่นมาด้ังเดิมที่ท่านรักและ
เมตตามากเสมอมา จึงได้มาอนเุ คราะห์เปน็ วาระสดุ ท้าย

เวลาไปพักที่บ้านนามน จังหวัดสกลนคร ก็มีอุบาสิกานุ่งขาวแก่ๆ
คนหน่ึงเป็นหัวหน้าส�ำนักอยู่ในหมู่บ้านนั้นเป็นสาเหตุ ท่านได้เมตตา
สง่ั สอนอบุ าสกิ าแกค่ นนน้ั โดยสมำ�่ เสมอ อบุ าสกิ าคนนน้ั ภาวนาดี มหี ลกั ใจ

420

ทางด้านจติ ตภาวนา ทา่ นเองก็ชมเชยว่าแกภาวนาดี ซึง่ นานๆ จะได้พบ
สักรายหน่ึง

ท่านมาพักบา้ นหนองผอื นาใน กท็ ราบวา่ มีสถานทแี่ ละผูเ้ กยี่ วขอ้ ง
เป็นสาเหตุส�ำคัญไม่ด้อยกว่าท่ีอ่ืนๆ สถานที่ที่บ้านหนองผือต้ังอยู่น้ัน
เปน็ ศนู ยก์ ลาง มภี เู ขาลอ้ มรอบแตเ่ นอ้ื ทใ่ี นหบุ เขานน้ั กวา้ งขวางมาก และ
เหมาะเปน็ ทำ� เลบำ� เพญ็ สมณธรรมของพระธดุ งคท์ ง้ั หลายไดด้ ี ในหมบู่ า้ น
หนองผือน้นั มอี บุ าสกิ าแก่นงุ่ หม่ ขาวคนหนง่ึ อายรุ าว ๘๐ ปี เช่นเดียวกับ
อุบาสิกาบ้านนามน เป็นนักภาวนาส�ำคัญคนหนึ่งท่ีท่านเมตตาแกเป็น
พเิ ศษเสมอมา แกพยายามตะเกยี กตะกายออกไปศกึ ษาธรรมกบั ทา่ นเสมอ
แกพยายามเดินด้วยเท้ากับไม้เท้าเป็นเครื่องพยุงออกไปหาท่านอาจารย์
กว่าจะถงึ วดั ตอ้ งพักเหน่ือยระหวา่ งทางถงึ สามส่ีครั้ง ท้ังเหนือ่ ยทง้ั หอบ
น่าสงสารมาก

บางทที า่ นอาจารยก์ ท็ ำ� ทา่ ดเุ อาบา้ งวา่ โยมจะออกมาทำ� ไม มนั เหนอื่ ย
ไม่รูห้ รอื แม้แตเ่ ดก็ ๆ เขายงั รู้จักเหน่ือย แต่โยมแก่จนอายุ ๘๐-๙๐ ปี
แล้วท�ำไมไม่รู้จักเหน่ือยเม่ือยล้า มาให้ล�ำบากท�ำไม แกเรียนตอบท่าน
อยา่ งอาจหาญตามนสิ ยั ทตี่ รงไปตรงมาของแก จากนน้ั ทา่ นกถ็ ามเกยี่ วกบั
จติ ตภาวนาและอธบิ ายธรรมใหฟ้ ัง

อบุ าสกิ าแกค่ นนนี้ อกจากแกภาวนาดมี หี ลกั เกณฑท์ างจติ แลว้ แกยงั
มปี รจติ ตวชิ ชา คอื สามารถรพู้ น้ื เพดชี วั่ แหง่ จติ ของผอู้ น่ื ไดด้ ว้ ยและมนี สิ ยั
ชอบรสู้ ิ่งแปลกๆ ภายนอกด้วย เวลาแกมารบั การอบรมกบั ท่านอาจารย์
แกเล่าความรแู้ ปลกๆ ถวายทา่ นด้วยความอาจหาญมาก ท่านท้ังขบขนั
ทงั้ หวั เราะ ทง้ั เมตตาวา่ ยายแกน่ อ้ี าจหาญจรงิ ไมก่ ลวั ใคร แมพ้ ระเณรจะ

421

นัง่ ฟงั อยเู่ วลานัน้ ร่วมครึ่งรอ้ ย แกพูดของแกอยา่ งสบาย ไม่สนใจว่าใคร
จะคดิ อะไร ทน่ี า่ ฟงั มากกต็ อนทแี่ กทายใจทา่ นอาจารยอ์ ยา่ งอาจหาญมาก
ไม่กลัวท่านจะวา่ จะดอุ ะไรบ้างเลย

แกทายว่าจิตหลวงพ่อพ้นไปนานแล้ว “ฉันทราบจิตหลวงพ่อมา
นานแล้ว จติ หลวงพ่อไม่มีใครเสมอ ท้ังในวดั น้ีหรอื ทีอ่ น่ื ๆ จิตหลวงพ่อ
ประเสริฐเลิศโลกแล้ว หลวงพ่อจะภาวนาไปเพื่ออะไรอีก” ท่านตอบ
แกทั้งหวั เราะว่า “ภาวนาไปจนวนั ตายไม่มีถอย ใครถอยผนู้ ้ันมิใชศ่ ิษย์
ตถาคต” ดงั นี้ ซงึ่ เปน็ อบุ ายส่ังสอนไปในตวั แกเรียนทา่ นว่า “ถ้าไปได้
ก็พอไป แต่นี่จิตหลวงพ่อหมดทางไปทางมาแล้ว มีแต่ความสว่างไสว
และความประเสริฐเตม็ ดวงจติ อยู่แลว้ หลวงพอ่ จะภาวนาไปไหนอีกเล่า
ฉนั ดจู ติ หลวงพอ่ สวา่ งไสวครอบโลกไปหมดแลว้ อะไรมาผา่ นหลวงพอ่ ก็
ทราบหมด ไมม่ อี ะไรปดิ บงั จติ หลวงพอ่ ไดเ้ ลย แตจ่ ติ ฉนั มนั ยงั ไมป่ ระเสรฐิ
อยา่ งจิตหลวงพอ่ จึงตอ้ งออกมาเรียนถามเพือ่ หลวงพ่อไดช้ แี้ จงทางเดนิ
ให้ถงึ ความประเสริฐอย่างหลวงพ่อดว้ ยดงั น้”ี

ขณะทฟ่ี งั แกสนทนากบั ทา่ นอาจารยร์ สู้ กึ วา่ แกภาวนาดจี รงิ ๆ เวลาภาวนา
ตดิ ขดั แกตอ้ งพยายามเดนิ คบื คลานออกมาดว้ ยไมเ้ ทา้ เปน็ เพอ่ื นรว่ มทาง
ท่านอาจารย์ก็เมตตาแกเป็นพิเศษด้วย ทุกคร้ังท่ีแกมาจะได้รับค�ำชี้แจง
จากทา่ นทางดา้ นจติ ตภาวนาดว้ ยดี ขณะทแี่ กมาหาทา่ นอาจารย์ พระเณร
ต่างองคต์ ่างมาแอบอยแู่ ถวบริเวณข้างๆ ศาลาฉนั ซงึ่ เปน็ ทที่ ่ียายแกม่ า
สนทนาธรรมกบั ทา่ น เพอื่ ฟงั ปญั หาธรรมทางจติ ตภาวนาระหวา่ งทา่ นอาจารย์
กบั ยายแกส่ นทนากนั เทา่ ทฟี่ งั ดแู ลว้ รสู้ กึ นา่ ฟงั อยา่ งเพลนิ ใจ เพราะเปน็
ปัญหาที่รู้เห็นข้ึนจากการภาวนาล้วนๆ เกี่ยวกับอริยสัจทางภายในบ้าง

422

เกย่ี วกบั พวกเทพพวกพรหมภายนอกบา้ ง ทงั้ ภายในและภายนอก เมอ่ื ยายแก่
เล่าถวายจบลง ถ้าท่านเห็นด้วยท่านก็ส่งเสริมเพ่ือเป็นก�ำลังใจในการ
พจิ ารณาธรรมสว่ นนนั้ ใหม้ ากยงิ่ ขนึ้ ถา้ ตอนใดทท่ี า่ นไมเ่ หน็ ดว้ ย กอ็ ธบิ าย
วิธีแกไ้ ข และส่งั สอนให้ละวธิ ีน้ันไมใ่ หท้ �ำต่อไป

ยายแกม่ าเลา่ ถวายทา่ นถงึ การร้จู ติ ท่านและรู้จิตพระเณรในวัด รู้สึก
นา่ ฟังมาก พระเณรท้งั แสดงอาการหวาดๆ บ้าง แสดงอาการอยากฟัง
แกเล่าบ้าง แกวา่ นับแต่จิตท่านอาจารยล์ งถึงจิตพระเณร ความสว่างไสว
ลดหลนั่ กนั ลงมาเปน็ ลำ� ดบั ลำ� ดา เหมอื นดาวใหญก่ บั ดาวเลก็ ๆ ทง้ั หลาย
ท่อี ยู่ด้วยกนั ฉะนัน้ รูส้ กึ นา่ ดแู ละน่าชมเชยมาก ที่มองดูจิตพระจิตเณร
มคี วามสวา่ งไสวและสงา่ ผา่ เผย ไมเ่ ปน็ จติ ทอ่ี บั เฉาเฝา้ ทกุ ขท์ กี่ ลมุ้ รมุ ดวงใจ
แมเ้ ปน็ จติ พระหนมุ่ และสามเณรนอ้ ยๆ กย็ งั นา่ ปตี ยิ นิ ดแี ละนา่ เคารพนบั ถอื
ตามภมู ขิ องแตล่ ะองค์ ทอี่ ตุ สา่ หพ์ ยายามชำ� ระขดั เกลาไดต้ ามฐานะของตนๆ

บางคร้งั แกมาเลา่ ถวายทา่ นเรอ่ื งแกขนึ้ ไปพรหมโลก วา่ เห็นแตพ่ ระ
จำ� นวนมากมายในพรหมโลก ไมเ่ ห็นมฆี ราวาสสลบั ปนอยบู่ า้ งเลย ท�ำไม
จึงเป็นเชน่ น้นั ท่านตอบว่า “เพราะทีพ่ รหมโลกโดยมากมีแต่พระทีท่ ่าน
บำ� เพญ็ จติ สำ� เรจ็ ธรรมขนั้ อนาคามผี ลแลว้ เวลาทา่ นตายกไ็ ปเกดิ ในพรหมโลก
สว่ นฆราวาสมจี ำ� นวนนอ้ ยมากทบ่ี ำ� เพญ็ ตนจนไดส้ ำ� เรจ็ ธรรมขนั้ อนาคามผี ล
แลว้ ไปเกดิ และอยใู่ นพรหมโลกชนั้ ใดช้นั หนงึ่ ฉะน้ัน โยมจึงเหน็ แต่พระ
ไมเ่ หน็ ฆราวาสสบั ปนอยเู่ ลย อกี ประการหนง่ึ ถา้ โยมสงสยั ทำ� ไมจงึ ไมถ่ าม
พระทา่ นบา้ ง เสยี เวลาขน้ึ ไปถงึ แลว้ มาถามอาตมาทำ� ไม” แกหวั เราะแลว้
เรยี นทา่ นวา่ “ลมื เรยี นถามพระทา่ น เวลาลงมาแลว้ จงึ ระลกึ ไดก้ ม็ าเรยี น
ถามทา่ น ต่อไปถา้ ไม่ลมื เวลาขึ้นไปอกี จึงจะเรียนถามพระท่าน”

423

ท่านอาจารย์ตอบปัญหายายแก่มีความหมายเป็นสองนัย นัยหน่ึง
ตอบตามความจรงิ นัยสองตอบเปน็ เชงิ แกค้ วามสงสยั ของยายแกท่ ่ถี าม
ต่อมาทา่ นห้ามไมใ่ หแ้ กออกรู้สิง่ ภายนอกมากไป เสียเวลาพิจารณาธรรม
ภายในซงึ่ เปน็ ทางมรรคทางผลโดยตรง ยายแกก่ ป็ ฏบิ ตั ติ ามทา่ น ทา่ นอาจารย์
เองชมเชยยายแก่คนนั้นให้พระฟังเหมือนกันว่า แกมีภูมิธรรมสูงที่น่า
อนโุ มทนา พวกพระเรามหี ลายองค์ท่ไี ม่อาจรไู้ ด้เหมือนยายแก่ คงเปน็
ด้วยเหตุเหล่านี้ที่ท�ำให้ท่านพักอยู่วัดหนองผือนานกว่าท่ีอ่ืนๆ บ้าง คือ
วดั หนองผอื เปน็ ศนู ยก์ ลางของคณะปฏบิ ตั ทิ ง้ั หลายทงั้ ทเี่ ทยี่ วอยใู่ นทต่ี า่ งๆ
แถบนนั้ ทง้ั ทพ่ี กั อยตู่ ามสำ� นกั ตา่ งๆ ทไ่ี ปมาหาสทู่ า่ นไดอ้ ยา่ งสะดวกสบาย
ทง้ั ทำ� เลบำ� เพญ็ สมณธรรมมมี าก หาเลอื กไดต้ ามชอบใจ เพราะมที ง้ั ปา่ ธรรมดา
มที ัง้ ภูเขา มีท้งั ถำ้� ซ่ึงเหมาะแก่ผแู้ สวงหาทบ่ี �ำเพญ็ อยู่มาก

ทา่ นอาจารยม์ นั่ พกั อยวู่ ดั หนองผอื ๕ พรรษา เฉพาะองคท์ า่ นเองพกั
อยกู่ บั ท่ี ไมค่ อ่ ยไดไ้ ปเทย่ี ววเิ วกทางไหนเหมอื นเมอ่ื กอ่ น เพราะอายทุ า่ น
ราว ๗๕ ปเี ขา้ ไปแลว้ สขุ ภาพกน็ บั วนั ทรดุ ลง เพยี งพกั อยเู่ ปน็ รม่ เงาของ
บรรดาศิษย์ท่ีก�ำลงั แสวงหาธรรมได้อาศยั ความร่มเย็น กเ็ ปน็ ที่ภาคภมู ใิ จ
พอแลว้ ทา่ นพกั อยทู่ นี่ ่ี เหตกุ ารณต์ า่ งๆ เกย่ี วกบั ภตู ผเี ทวดาไมค่ อ่ ยมมี าก
มมี าหาทา่ นกเ็ ปน็ บางสมยั ไมค่ อ่ ยมบี อ่ ยนกั เหมอื นทา่ นพกั อยทู่ เ่ี ชยี งใหม่
แตท่ า่ นทำ� ประโยชนแ์ ก่พระเณรและประชาชนได้มากกว่าท่ีอื่นๆ ในเขต
จังหวัดสกลนคร ท่วี ัดหนองผอื โดยมากเป็นปา่ ดงพงลกึ ไขป้ ่าชกุ ชุมมาก
พระเณรไปกราบเย่ียมท่าน ท่านต้องส่ังให้รีบออกถ้าจวนเข้าหน้าฝน
ถ้าหน้าแล้งก็อยู่ได้นานหน่อย ผู้ป่วยต้องใช้ความอดทนเพราะยาแก้ไข้
ไมม่ ใี ชก้ นั เลยในวดั นนั้ เนอื่ งจากยาหายาก ไมเ่ หมอื นสมยั ทกุ วนั น้ี ถา้ เปน็ ไข้

424

จำ� ตอ้ งใชธ้ รรมโอสถแทนยา คอื ตอ้ งพจิ ารณาทกุ ขเวทนาทเี่ กดิ ขน้ึ ในขณะนนั้
ดว้ ยสตปิ ญั ญาอยา่ งเขม้ แขง็ และแหลมคม ไมเ่ ชน่ นนั้ กแ็ กท้ กุ ขเวทนาไมไ่ ด้
ไขไ้ มส่ ร่างไมห่ ายไดเ้ รว็ กวา่ ธรรมดาท่คี วรเปน็ ได้

ผู้ที่สติปัญญาผ่านทุกขเวทนาในเวลาเป็นไข้ไปได้อย่างอาจหาญ
ยอ่ มไดห้ ลกั ยดึ ทง้ั เวลาปกตแิ ละเวลาเจบ็ ไขไ้ ดท้ กุ ข์ ตลอดเวลาจวนตวั จรงิ ๆ
ไม่ท้อแท้อ่อนแอและเสียทีในวาระสุดท้าย เป็นผู้ก�ำชัยชนะในทุกขสัจ
ไวไ้ ดอ้ ย่างประจกั ษ์ใจ และอาจหาญต่อคตธิ รรมดา คือความตาย การรู้
ทกุ ขสจั ดว้ ยสตปิ ญั ญาจรงิ ๆ ไมม่ กี ารอาลยั ในเวลาตอ่ ไป จติ ยดึ ความจรงิ
ทเี่ คยพจิ ารณารแู้ ลว้ เปน็ หลกั ใจตลอดไป เมอ่ื ถงึ คราวจวนตวั เขา้ มา สตปิ ญั ญา
ประเภทน้ันจะเข้ามาเทียมแอกเพ่ือลากเข็นทุกข์ด้วยการพิจารณาให้ถึง
ความปลอดภยั ทนั ที ไมย่ อมทอดธรุ ะนอนจมทกุ ขอ์ ยดู่ งั แตก่ อ่ นทย่ี งั ไมเ่ คย
ก�ำหนดรูท้ กุ ขเ์ ลย แต่สติปัญญาประเภทนจี้ ะเข้าประชิดข้าศึกทันที

กิรยิ าท่าทางภายนอกก็เปน็ เหมือนคนไข้ท่วั ๆ ไป คือมีการอิดโหย
โรยแรงเปน็ ธรรมดา แตก่ ริ ยิ าภายในคอื ใจกบั สตปิ ญั ญาจะเปน็ ลกั ษณะทหาร
เตรยี มออกแนวรบ ไมม่ ีการสะท้านหวน่ั ไหวตอ่ ทุกขเวทนาที่เกดิ ข้นึ มาก
นอ้ ยในขณะน้ัน มีแตก่ ารคน้ หามลู ความจริงของกาย เวทนา จติ ธรรม
ซึ่งเป็นทรี่ วมแหง่ ทุกข์ในขณะน้ันอยา่ งเอาจรงิ เอาจงั ไมก่ ลัวว่าตนสู้หรือ
ทนทกุ ขไ์ มไ่ หว กลวั แตส่ ตปิ ญั ญาจะไมร่ รู้ อบทนั กบั เวลาทต่ี อ้ งการเทา่ นนั้
การพิจารณาธรรมของจริงมีทุกขสัจเป็นต้น กับผู้ต้องการรู้ความจริงอยู่
อยา่ งเตม็ ใจทเ่ี คยรเู้ หน็ มาแลว้ นน้ั ทา่ นไมถ่ อื เอาความลำ� บากมาเปน็ เครอ่ื ง
กดี ขวางทางเดนิ ใหเ้ สยี เวลา และทำ� ความออ่ นแอแกต่ นอยา่ งไรป้ ระโยชน์
ทคี่ วรจะไดเ้ ลย มแี ตค่ ดิ วา่ ทำ� อยา่ งไรจงึ จะรู้ ทำ� อยา่ งไรจงึ จะเหน็ ความจรงิ

425

ดงั ทเี่ คยเหน็ ประจกั ษม์ าแลว้ กต็ อ้ งทำ� อยา่ งนนั้ จนรปู้ ระจกั ษข์ น้ึ มาในปจั จบุ นั
ไม่พน้ มอื สตปิ ญั ญาศรัทธาความเพียรไปได้

เมอื่ รคู้ วามจรงิ แลว้ ทกุ ขก์ จ็ ริง กายก็จรงิ ใจก็จริง ตา่ งอนั ตา่ งจริง
ไมม่ อี ะไรรงั ควานรงั แกบบี คนั้ กนั สมทุ ยั ทกี่ อ่ เหตใุ หเ้ กดิ ทกุ ขก์ ส็ งบตวั ลง
ไม่คิดปรุงว่ากลัวทุกข์กลัวตายหรือกลัวไข้ไม่หายอันเป็นอารมณ์เขย่าใจ
ให้ว้าวนุ่ ขนุ่ มวั ไปเปล่าๆ เมอ่ื สตปิ ญั ญารูร้ อบแลว้ ไขก้ ็สงบลงในขณะนั้น
หรอื แมไ้ ขย้ งั ไมส่ งบลงในขณะนน้ั แตไ่ มก่ ำ� เรบิ รนุ แรงตอ่ ไป และไมท่ บั ใจ
ใหเ้ กดิ ทกุ ขเวทนาไปดว้ ย ทเี่ รยี กวา่ ปว่ ยกายปว่ ยใจ กลายเปน็ ไขส้ องซอ้ น

การพิจารณาทุกขเวทนาในเวลาเจ็บไข้ได้ทุกข์ พระธุดงค์ท่านชอบ
พิจารณาเป็นข้อวัตรของการฝึกซ้อมสติปัญญาให้ทันกับเรื่องของตัว
โดยมากกเ็ รอ่ื งทกุ ข์ ทงั้ ทกุ ขก์ าย ทง้ั ทกุ ขใ์ จ รายใดขณะทก่ี ำ� ลงั เปน็ ไขแ้ สดง
อาการระส่�ำระสายกระวนกระวาย ในวงพระปฏิบัติท่านถือว่ารายนั้น
ไม่เปน็ ท่าทางจติ ใจ เก่ียวกับสมาธแิ ละปญั ญา ไม่สามารถประคองตวั ได้
ในเวลาจ�ำเป็นเช่นน้ัน ไม่สมกับสร้างสติปัญญาเครื่องปราบปรามและ
ปอ้ งกนั ตวั ไวเ้ พอื่ สงคราม คอื ทกุ ขเวทนาทเ่ี กดิ ขน้ึ จากเหตตุ า่ งๆ แตแ่ ลว้
กลับเหลวไหลไร้มรรยาทขาดสติปัญญา แต่รายใดส�ำรวมสติอารมณ์ได้
ด้วยสติปัญญา ไม่แสดงอาการทุรนทุรายในเวลาเช่นนั้น ท่านชมและ
ถอื วา่ รายนัน้ ดีจรงิ สมเกียรตพิ ระปฏิบัติทเี่ ปน็ นักต่อสู้ สมกับปฏบิ ัติมา
เพื่อต่อสู้จริงๆ เห็นผลในการปฏิบัติของตนและประกาศตนให้หมู่คณะ
เหน็ ประจักษโ์ ดยท่วั กันอกี ด้วย

วงพระธุดงค์ทา่ นถือกันตรงนี้เปน็ ส�ำคญั แมอ้ งค์ที่ถกู ภยั คุกคามนน้ั
ท่านก็ถือท่านเหมือนกันว่าจะไม่ยอมแพ้แม้จนตายไปในเวลาน้ัน คือ

426

ไม่ยอมแพ้ทางสติปัญญาอันเป็นเคร่ืองพิจารณาเพื่อหาทางออกอย่าง
ปลอดภยั ไรก้ ังวล เมื่อสดุ วสิ ัยจะอยตู่ อ่ ไปไม่ไดแ้ ล้ว

ดังน้ัน ผู้ปฏิบัติธรรมจนเข้าถึงความจริงดังที่ท่านสั่งสอนไว้แล้ว
จงึ เปน็ ผเู้ ชอ่ื ตอ่ ความจรงิ ไมย่ อมถอยทพั กลบั แพข้ า้ ศกึ ทเี่ ผชญิ หนา้ อยใู่ น
ขณะน้นั ต้องต่อสจู้ นตาย รา่ งกายทนไม่ไหวก็ปล่อยใหต้ ายไป แตใ่ จกบั
สติปัญญาเครื่องรักษาและป้องกันตัว ท่านไม่ยอมปล่อยวาง พยายาม
ฉุดลากกันไปจนได้ ไม่ให้ไร้ผลในส่วนที่ตนมุ่งหมาย สมกับเป็นนักรบ
หวังชัยชนะเพ่ือเอาตัวรอดพาไปจอดในที่เหมาะสมและปลอดภัยจริงๆ
ธรรมบทวา่ ธมโฺ ม หเว รกขฺ ติ ธมมฺ จารึ นนั้ เหน็ ประจกั ษอ์ ยกู่ บั ใจผปู้ ฏบิ ตั ิ
ตามหลกั ความจรงิ ไมเ่ ปลย่ี นแปลงไปเปน็ อน่ื แนน่ อน นอกจากปฏบิ ตั แิ บบ
สะเทนิ้ นำ�้ สะเทนิ้ บกไมจ่ รงิ ไมจ่ งั เทา่ นน้ั ผลกไ็ มท่ ราบวา่ จะใหเ้ ปน็ ความจรงิ
มาไดอ้ ยา่ งไร นอกจากจะมาขดั กบั ความจรงิ เทา่ นน้ั ไมม่ อี ยา่ งอน่ื ทจี่ ะพอ
สนั นษิ ฐานได้ เพราะคำ� วา่ ธรรมแลว้ ตอ้ งเหตกุ บั ผลลงกนั ได้ จงึ จะเรยี กวา่
สวากขาตธรรม ตามทปี่ ระทานไว้

พระธดุ งคท์ า่ นมงุ่ ปฏบิ ตั เิ พอ่ื เหน็ ผลในปจั จบุ นั ทนั ตาจากศาสนธรรม
มากกวา่ อน่ื ในบรรดาผลทจี่ ะควรปรากฏในปจั จบุ นั เชน่ สมาธคิ วามสงบ
เย็นใจ ปัญญาการถอดถอนลูกศรคือกิเลสประเภทต่างๆ ออกจากใจ
ซึ่งทั้งสองประเภทนี้เป็นความสุขเย็นใจขึ้นไปเป็นขั้นๆ ท่ีควรจะเห็นได้
ประจักษใ์ จในทิฏฐธรรมปัจจุบัน ทา่ นจึงหมายมัน่ หมัน่ เพียรเพ่ือรู้เห็นใน
ปจั จบุ นั อนั เปน็ การตดั ปญั หาขอ้ ขดั ขอ้ งและกดถว่ งใจไปเปน็ พกั ๆ ถา้ ควร
พน้ ไปไดใ้ นวนั นี้ เดอื นน้ี ปนี ้ี หรือชาตินี้ ก็ขอใหพ้ ้นไปดว้ ยความเพยี รท่ี
กำ� ลังตะเกยี กตะกายอยอู่ ยา่ งสดุ ก�ำลงั ตลอดมา

427

แม้ท่านอาจารย์เองก็อบรมพระเณรด้วยอุบายการปลุกจิตปลุกใจ
ไมใ่ หท้ อ้ แทอ้ อ่ นแอตอ่ หนา้ ทข่ี องตน ทงั้ ในยามปกตแิ ละเวลาเจบ็ ไขไ้ ดท้ กุ ข์
ทา่ นเทศนป์ ลกุ ใจใหเ้ ปน็ นกั ตอ่ สเู้ พอื่ กตู้ วั เองใหพ้ น้ ภยั ไปทกุ ระยะ ยง่ิ เวลา
ปว่ ยไขด้ ว้ ยแลว้ รายใดแสดงอาการออ่ นแอและกระวนกระวาย ไมส่ ำ� รวม
มรรยาทและสตอิ ารมณ์ดว้ ยแล้ว รายนั้นตอ้ งถูกเทศน์อย่างหนัก ดไี มด่ ี
ไม่ให้พระเณรไปพยาบาลรักษาเสียด้วย โดยเห็นว่าความอ่อนแอความ
กระวนกระวายและร้องครางต่างๆ ไม่ใช่ทางระงับโรคและบรรเทาทุกข์
แตอ่ ยา่ งใด คนดๆี เราทำ� เอากไ็ ดไ้ มเ่ หน็ ยากเยน็ อะไร ทงั้ ไมใ่ ชท่ างของพระ
ผมู้ เี พศอนั อดทนและใครค่ รวญเลย ไมค่ วรนำ� มาใชใ้ นวงปฏบิ ตั ิ จะกลาย
เปน็ โรคระบาดตดิ ตอ่ กอ่ แขนงออกไป เปน็ ตวั อยา่ งไมด่ แี กผ่ อู้ นื่ ยดึ เอาอยา่ ง
กลายเปน็ โรคเลอะเทอะไปดว้ ยการรอ้ งครางทงิ้ เนอื้ ทงิ้ ตวั เหมอื นสตั วจ์ ะ
ตายดิ้นรนกระเสือกกระสนฉะนั้น

เราเปน็ พระและเปน็ นกั ปฏบิ ตั ิ อยา่ ยดึ เอาลทั ธสิ ตั วม์ าใชจ้ ะกลายเปน็
พระลทั ธสิ ตั ว์ ศาสนาของสตั วไ์ ปทว่ั ทกุ หนทกุ แหง่ จนกลายเปน็ พระโลกแตก
ศาสนาโลกแตกไป ซ่ึงมิใช่ลทั ธิของพทุ ธศาสนาเลย อาการหนักหรือเบา
แม้จะไมแ่ สดงออกมา คนดีมีสตพิ อรูเ้ รื่องและดกู ันรู้ เพราะการเจ็บไข้
ได้ทกุ ข์ ใครกเ็ คยมเี คยเปน็ มาด้วยกัน ถา้ หายได้ดว้ ยการกระวนกระวาย
รอ้ งครางก็ไมต่ อ้ งรักษากันดว้ ยหยกู ยา ใครเปน็ ขนึ้ ผนู้ ้นั ร้องครางข้ึนเสีย
ไขก้ ็หายไปเอง ยิ่งง่ายนดิ เดยี วไมต่ อ้ งรกั ษาใหล้ ำ� บากและเสยี เวลาเปลา่ ๆ
นเ่ี วลาเปน็ ไข้ เรารอ้ งครางไขม้ นั หายไหมละ่ ถา้ ไมห่ ายจะรอ้ งครางประกาศ
ความโง่ความไม่เป็นท่าของตัวใหค้ นอ่นื เบื่อกนั ทำ� ไม

428

นี่คือกัณฑ์เทศน์รายที่ไม่เป็นท่าต้องได้รับจากท่าน และท�ำให้ท่าน
ผอู้ น่ื รำ� คาญดว้ ยความไมเ่ ปน็ ทา่ ของเธอองคน์ น้ั แตร่ ายทเี่ ขม้ แขง็ และสงบ
สตอิ ารมณด์ ว้ ยดี ไมแ่ สดงอาการทรุ นทรุ าย เวลาทา่ นไปเยย่ี มไข้ ทา่ นตอ้ ง
แสดงความยนิ ดีด้วย แสดงความชมเชยและเทศน์ให้ฟงั อยา่ งจบั ใจและ
เพลนิ ไปในขณะนน้ั แมไ้ ขห้ ายไปแลว้ กแ็ สดงความชมเชยในลำ� ดบั ตอ่ ไป
อยู่เสมอ และแสดงความพอใจความไว้วางใจด้วยว่า ต้องอย่างน้ัน
จงึ สมกบั เปน็ นกั รบในสงครามกองทกุ ขไ์ มต่ อ้ งบน่ ใหข้ า้ ศกึ วา่ มามากหรอื
มานอ้ ย มาเทา่ ไรกร็ บมนั เทา่ นน้ั จนสดุ กำ� ลงั อาวธุ และความสามารถขาดดน้ิ
ไมถ่ อยทพั กลบั ยอมแพใ้ หข้ า้ ศกึ มาเหยยี บยำ่� ซำ้� เตมิ เราเปน็ นกั รบในวงปฏบิ ตั ิ
ไมต่ อ้ งบ่นให้การเจบ็ ไขไ้ ดท้ ุกข์วา่ ทุกขม์ ากทุกข์นอ้ ย ทุกข์มีเท่าไรก�ำหนด
รูใ้ ห้หมด

เพราะทกุ ขม์ ากหรอื นอ้ ยลว้ นเปน็ สจั ธรรมของจรงิ ดว้ ยกนั ผปู้ ระสงค์
อยากรขู้ องจรงิ แตก่ ลวั ทกุ ขไ์ มย่ อมพจิ ารณาจะรขู้ องจรงิ ไดอ้ ยา่ งไร พระพทุ ธเจา้
ทรงรขู้ องจรงิ ก็เพราะการพิจารณา มิใช่เพราะการรอ้ งครางต่างๆ ดังพระ
ไมเ่ ปน็ ทา่ ประกาศขายตวั อยเู่ วลาน้ี พระองคไ์ ดต้ รสั ไวห้ รอื เปลา่ วา่ ถา้ ตอ้ งการ
รู้ความจริงต้องร้องต้องครวญคราง ผมเรียนน้อยจึงไม่เจอธรรมบทน้ี
การรอ้ งครางมนั อยใู่ นคมั ภรี ไ์ หนกไ็ มท่ ราบ ใครเรยี นมาก ถา้ พบเหน็ พระองค์
ตรสั ไว้ดงั ทีว่ ่าน้นั นมิ นตน์ ำ� มาบอกผมบา้ ง เผ่อื จะไม่ต้องส่ังสอนใครให้
พจิ ารณาและอดทนกันให้ลำ� บาก ตา่ งคนต่างร้องเอาครางเอาให้เป็นของ
จริงข้ึนมาเต็มโลกธาตุโน้น จะได้เห็นนักปราชญ์ท่ีส�ำเร็จมรรคผลด้วย
การครวญครางข้ึนในโลก แขง่ ธรรมของพระพทุ ธเจ้าทีต่ รสั ไว้ได้สองพัน
กว่าปแี ล้ว วา่ ไมเ่ ป็นของจริงลา้ สมยั ไปแลว้

429

ธรรมของนกั ปราชญร์ นุ่ หลงั นเ้ี ปน็ ธรรมใหมแ่ ละจรงิ ทนั สมยั ไมต่ อ้ ง
พิจารณาให้ล�ำบาก เพียงแต่ครางเอาครางเอาเท่านั้นก็ส�ำเร็จมรรคผล
รวดเร็วทันใจ สมกับสมัยท่ีคนชอบผลดีมีความสุขด้วยการท�ำเหตุช่ัวๆ
ซง่ึ กำ� ลงั จะเกลอ่ื นโลกอยแู่ ลว้ ตอ่ ไปนา่ กลวั โลกจะคบั แคบไมม่ ที ใ่ี หน้ กั ปราชญ์
สมัยใหมอ่ ยู่ ผมมนั หัวโบราณ พระพทุ ธเจ้าวา่ อยา่ งไรก็เชอื่ ตามอยา่ งนน้ั
ไมก่ ลา้ ลดั ควิ กลวั เวลาเทา้ พน้ จากพน้ื แลว้ จะกลบั เอาศรี ษะและปากลงฟาด
กับพนื้ ตายแบบไม่เป็นท่า น่าอนาถใจเหลือประมาณ

ธรรมเหลา่ นจี้ ะไดฟ้ งั เวลาทา่ นเทศนส์ อนพระทอ่ี อ่ นแอไมอ่ ดทนและ
เขม้ แข็งตอ่ ทุกขเวทนาท่เี กิดขึ้นในเวลาปว่ ย หรือเวลาฝกึ ทรมานตนดว้ ย
ตปธรรมอยา่ งใดอยา่ งหนงึ่ แลว้ เกดิ ความออ่ นแอทอ้ ถอยขน้ึ มาในระหวา่ ง
การบำ� เพญ็ ไมส่ ามารถพจิ ารณาดว้ ยอบุ ายตา่ งๆ จนผา่ นพน้ ไปไดด้ ว้ ยความ
พากเพียรของนักต่อสู้ จึงมักได้ฟังธรรมประเภทเผ็ดร้อนจากท่านเสมอ
แตผ่ ู้สนใจจรงิ ๆ ธรรมดงั กล่าวกลบั เป็นธรรมโอสถ เครอ่ื งปลกุ ประสาท
ใหเ้ กดิ ความอาจหาญรา่ เรงิ ในการบำ� เพญ็ ไมล่ ดหยอ่ นออ่ นกำ� ลงั ลงงา่ ยๆ
มที างกำ� ชยั ชนะไดเ้ ปน็ พกั ๆ จนถงึ แดนแหง่ ความเกษมไดด้ ว้ ยธรรมเหลา่ น้ี
เพราะเป็นธรรมปลุกให้ตื่นตัวตื่นใจ ไม่นอนจมอยู่กับความเกียจคร้าน
ออ่ นแอ อนั เปน็ ทางเดนิ ของวฏั ทุกขป์ ระจ�ำวฏั วน

ระยะทท่ี า่ นอาจารยพ์ กั อยวู่ ดั หนองผอื มพี ระตายในวดั ๒ องค์ ตาย
บา้ นนาในอกี ๑ องค์ องคแ์ รกอายรุ าวกลางคน ทา่ นองคน์ บ้ี วชเพอ่ื ปฏบิ ตั ิ
โดยเฉพาะ และปฏิบัตอิ ยกู่ บั ท่านอาจารยแ์ บบเข้าๆ ออกๆ เรอ่ื ยมาแต่
สมยั ท่านอยู่เชียงใหม่ และตดิ ตามท่านจากเชียงใหมม่ าอุดรฯ สกลนคร
แลว้ มามรณภาพทีว่ ดั หนองผอื ทางดา้ นจิตตภาวนาทา่ นดมี ากทางสมาธิ

430

ส่วนทางปัญญาก�ำลังเร่งรัดโดยมีท่านอาจารย์เป็นผู้คอยให้นัยเสมอมา
ทา่ นมนี สิ ยั เครง่ ครดั เดด็ เดย่ี วมาก เทศนก์ เ็ กง่ และจบั ใจไพเราะมาก ทงั้ ท่ี
ไมไ่ ดห้ นงั สอื สกั ตวั เทศนม์ ปี ฏภิ าณไหวพรบิ ปญั ญาฉลาด สามารถยกขอ้
เปรยี บเทียบมาสาธกใหผ้ ฟู้ ังเขา้ ใจได้อยา่ งงา่ ยๆ

แตน่ า่ เสยี ดาย ทา่ นปว่ ยเปน็ วณั โรคกระเสาะกระแสะมานาน มาหนกั
มากและมรณะทว่ี ดั หนองผอื ตอนเช้าเวลาประมาณ ๗ น. ดว้ ยทา่ ทาง
อนั สงบสมเปน็ นกั ปฏบิ ตั ทิ างจติ มานานพอสมควรจรงิ ๆ เหน็ อาการทา่ นใน
ขณะจวนตวั และสนิ้ ลมแลว้ เกดิ ความเชอื่ เลอ่ื มใสในทา่ น และในอบุ ายวธิ ี
ของจติ ทไี่ ดร้ บั การฝกึ อบรมมาเทา่ ทค่ี วร กอ่ นจะมาถงึ วาระสดุ ทา้ ยซงึ่ เปน็
ขณะทตี่ อ้ งชว่ ยตวั เองโดยเฉพาะ ไมม่ ใี ครแมร้ กั สนทิ อยา่ งแยกไมอ่ อกจะ
เขา้ ไปเกย่ี วขอ้ งได้ จิตจะมที างต้านทานสู้กบั สิ่งเปน็ ภัยแก่ตนได้อยา่ งเต็ม
กำ� ลงั ฝมี อื ทม่ี อี ยแู่ ละแยกตวั ออกไดโ้ ดยปลอดภยั เพราะวาระสดุ ทา้ ยเปน็
ขา้ ศกึ ศตั รตู อ่ ตวั เองอยา่ งสำ� คญั ใครมอี บุ ายฉลาดหรือขลาดเขลาเมามัว
เพียงไร ก็ต้องมาเผชิญกับเหตุการณ์อันนี้จนได้ ผู้ช่วยตัวเองได้ก็ดีไป
ผู้ช่วยตัวเองไม่ได้ก็จมไป และจมอยู่ในความไม่เป็นท่าของตนโดยไม่มี
ใครชว่ ยได้

ฉะนนั้ ทพ่ี ระพุทธเจา้ ตรัสไว้วา่ โก นุ หาโส กิมานนฺโท เป็นต้น
ซง่ึ แปลเอาความวา่ กเ็ มอ่ื โลกอนั ความมดื ดว้ ย ราคะ โทสะ โมหะ เหมอื นไฟ
กองใหญไ่ หมล้ กุ โพลงอยทู่ งั้ วนั ทงั้ คนื เชน่ น้ี ยงั พากนั หวั เราะเฮฮาหนา้ ยมิ้
อยไู่ ด้ ท�ำไมไมพ่ ากันแสวงหาทพ่ี ่งึ เสยี แตบ่ ัดนี้เลา่ ? อย่าพากันอย่แู บบน้ี
เดีย๋ วจะพากันไปแบบนี้ ตายแบบนี้ แลว้ ก็เสวยผลทนทกุ ขแ์ บบน้กี นั อกี
ไมม่ สี น้ิ สดุ ไดด้ งั น้ี ทงั้ นกี้ เ็ พอื่ เตอื นหมชู่ นไมใ่ หล้ มื ตวั จนเกนิ ไป พระคาถา

431

ทท่ี รงเตอื นไวน้ นั้ ฟงั แลว้ นา่ อบั อายแทบมดุ หนา้ ลงในดนิ กลวั พระองคจ์ ะ
ทรงมองหนา้ ตนทเ่ี พลดิ เพลนิ ไมร่ จู้ กั ตาย อายกอ็ าย อยากกอ็ ยาก รกั กร็ กั
เกลียดก็เกลียดเพราะนิสัยของปุถุชนมันหากด้ือด้านอย่างนี้แต่ไหน
แตไ่ รมา ไมท่ ราบจะทำ� อยา่ งไรจงึ จะละได้ นเ้ี หมอื นเปน็ คำ� ทท่ี ลู ตอบพระองค์
ด้วยความละอายทต่ี นละไม่ได้ตามค�ำทท่ี รงตำ� หนิ

ที่เขียนเรื่องพระองค์ท่ีมรณภาพในวัดหนองผือแทรกลงในประวัติ
ท่านบา้ ง เนื่องจากเหน็ ว่าเปน็ คตแิ กพ่ วกเราอย่บู ้าง ซงึ่ ก�ำลงั เดนิ ทางไปสู่
จุดนั้นด้วยกัน ไดพ้ ิจารณาเพอ่ื ตวั เองในวาระต่อไป ขณะท่านองคน์ ั้นจะ
สน้ิ ลม ทา่ นอาจารย์มัน่ และพระสงฆซ์ ง่ึ กำ� ลงั จะออกบณิ ฑบาต ได้พากัน
แวะไปปลงธรรมสงั เวชทก่ี ำ� ลังแสดงอยอู่ ย่างเต็มตา พอท่านสน้ิ ลมแลว้
ชว่ั ขณะหนง่ึ ซงึ่ เปน็ ขณะทท่ี า่ นอาจารยก์ ำ� ลงั ยนื รำ� พงึ อยอู่ ยา่ งสงบ ไดพ้ ดู
ออกมาด้วยทา่ ทางเคร่งขรึมว่า “ไมน่ า่ วติ กกับเธอหรอก เธอขนึ้ ไปอบุ ตั ิ
ท่ีอาภสั รา พรหมโลกชนั้ ๖ เรียบร้อยแลว้ ” นบั วา่ หมดปญั หาไปสำ� หรบั
ทา่ นในครงั้ น้ี แตเ่ สยี ดายอยหู่ นอ่ ยหนงึ่ ถา้ ทา่ นมชี วี ติ ยดื เวลาเรง่ วปิ สั สนา
ให้มากย่ิงกว่านีบ้ ้าง ก็มีหวงั ไดข้ ึ้นพรหมโลก ๕ ชนั้ ชน้ั ใดชั้นหนง่ึ แล้ว
เตลดิ ถงึ ที่สุดเลย ไมต่ อ้ งกลับมาวกเวยี นในวัฏวนน้อี ีก

ท่ีเปน็ ปญั หาอยมู่ ากเวลานกี้ ค็ อื พวกเรา ไมท่ ราบวา่ ใครจะเตรียมไป
ชน้ั ไหนกนั แนบ่ า้ ง จะไปชนั้ เดยี รจั ฉาน เปรต ผี นรกอเวจี หรอื ชนั้ มนษุ ย์
เทวบตุ ร เทวธดิ า อนิ ทร์ พรหม หรอื นพิ พาน ชนั้ ใดกนั แน่ ฉะนน้ั เพอ่ื ความ
แนใ่ จจงดเู ขม็ ทศิ คอื ใจของตนๆ ใหด้ ี วา่ เบนหนา้ ไปทางใดมาก เปน็ ทางดี
หรอื ช่ัว ควรพิจารณาด้วยดแี ต่บดั น้ี ตายแล้วไม่มีทางแกไ้ ขได้อกี ใครๆ
กท็ ราบกนั ทวั่ โลกวา่ ความตายคอื แดนสดุ วสิ ยั ทำ� อะไรตอ่ ไปอกี ไมไ่ ดด้ งั นี้

432

องคท์ ส่ี องเปน็ ไขป้ า่ ทา่ นเปน็ พระชาวอบุ ลฯ นบั แตเ่ รม่ิ ปว่ ยรวมเวลา
ประมาณหนึ่งเดือนก่อนท่านจะมรณภาพ มีพระองค์หน่ึงท่านพิจารณา
เหน็ เหตกุ ารณข์ องทา่ นผปู้ ว่ ยอยา่ งไรไมท่ ราบ วนั นน้ั ตอนเยน็ ทา่ นขน้ึ ไป
กราบทา่ นอาจารย์และสนทนาธรรมกันในแงต่ า่ งๆ จนเรอื่ งวกเวียนมาถงึ
ทา่ นผปู้ ว่ ย พระองคน์ น้ั ไดโ้ อกาสจงึ กราบเรยี นเหตกุ ารณท์ ตี่ นปรากฏถวาย
ทา่ นวา่ คนื นไี้ มท่ ราบวา่ จติ เปน็ อะไรไป กำ� ลงั พจิ ารณาธรรมอยดู่ ๆี พอสงบ
ลงไปปรากฏว่าเห็นท่านอาจารย์ไปยืนอยู่หน้ากองฟืนที่ใครก็ไม่ทราบ
เตรยี มขนมากองไวว้ า่ “ใหเ้ ผาทา่ น…ตรงนเี้ อง ตรงนเี้ หมาะกวา่ ทอ่ี นื่ ๆ ดงั น”้ี
ท�ำไมจึงปรากฏอยา่ งนัน้ ก็ไม่ทราบ หรอื ผปู้ ่วยจะไปไม่รอดจริงหรอื แต่ดู
อาการกไ็ ม่เห็นรนุ แรงนักทคี่ วรจะเปน็ ได้อย่างทปี่ รากฏน้นั

พอพระองค์น้ันกราบเรียนจบลง ท่านก็พูดข้ึนทันทีว่าผมพิจารณา
ทราบมานานแล้ว อย่างไรก็ไปไม่รอด แต่เธอไม่เสียทีแม้จะไปไม่รอด
ส�ำหรับความตาย เหตุการณ์แสดงบอกเกี่ยวกับจิตใจเธอสวยงามมาก
สุคติเป็นท่ีไปของเธอแน่ แต่ใครๆ อย่าไปพูดเร่ืองน้ีให้เธอฟังเด็ดขาด
เม่ือเธอทราบเรื่องนี้จะเสียใจแล้วจะทรุดทั้งกายและเสียทั้งใจ สุคติท่ี
เธอควรจะไดอ้ ยแู่ ลว้ จะพลาดไปได้ เพราะความเสยี ใจเป็นเครื่องทำ� ลาย
พออยตู่ อ่ มาไมก่ วี่ นั พระทป่ี ว่ ยกเ็ กดิ ปบุ ปบั ขน้ึ ในทนั ทที นั ใดตอนคอ่ นคนื
พอ ๓ นาฬกิ ากวา่ ๆ กส็ นิ้ ลมไปดว้ ยความสงบ จงึ ทำ� ใหค้ ดิ เรอื่ งทา่ นอาจารย์
เกย่ี วกบั เหตกุ ารณต์ า่ งๆ วา่ พออะไรมาผา่ นทา่ นคงพจิ ารณาไปเรอ่ื ยๆ ใน
ทกุ เรอ่ื ง เมอื่ ทราบเหตกุ ารณช์ ดั เจนแลว้ กป็ ลอ่ ยไวต้ ามสภาพของสงิ่ นน้ั ๆ

กลางวันวันหนึ่ง มีพระเป็นไข้มาลาเรียในวัดน้ัน วันน้ันปรากฏว่า
ไขเ้ รม่ิ หนกั แตเ่ ชา้ เจา้ ตวั กไ็ มไ่ ปบณิ ฑบาตและไมฉ่ นั จงั หนั ดว้ ย พระทป่ี ว่ ย

433

ต่อสู้กัทุกขเวทนาด้วยการพิจารณาแต่เช้าจนบ่าย ๓ โมงไข้จึงสร่าง
ตอนกลางวนั ทท่ี า่ นกำ� ลงั พจิ ารณาอยู่ ปรากฏวา่ กำ� ลงั เรยี่ วแรงออ่ นเพลยี มาก
ท่านเลยเพ่งจิตให้อยู่กับจุดใดจุดหนึ่งของทุกขเวทนาท่ีก�ำลังก�ำเริบหนัก
โดยไม่คิดทดสอบแยกแยะเวทนาด้วยปัญญาแต่อย่างใด พอดีเวลานั้น
เป็นเวลาที่ท่านอาจารย์ท่านพิจารณาดูพระองค์น้ันก�ำลังปฏิบัติอยู่อย่าง
ชดั เจน แลว้ ยอ้ นจิตกลับมาตามเดิม

พอบา่ ย ๔ โมง ทา่ นที่ปว่ ยมาหาทา่ นอาจารย์พอดี ท่านกต็ ง้ั ปญั หา
ถามขนึ้ ทนั ที โดยพระนนั้ ไมท่ ราบสาเหตบุ า้ งเลยวา่ ทำ� ไมทา่ นจงึ พจิ ารณา
อยา่ งนนั้ เลา่ ? การเพง่ จติ จอ้ งอยไู่ มใ่ ชป้ ญั ญาพจิ ารณาแยกแยะ กาย เวทนา
จิต ให้ร้เู รื่องของกนั และกนั ทา่ นจะทราบความจรงิ ของกาย ของเวทนา
ของจติ ไดอ้ ยา่ งไร แบบทา่ นเพง่ จอ้ งอยนู่ น้ั มนั เปน็ แบบฤๅษี แบบหมากดั กนั
ไมใ่ ชแ่ บบพระผตู้ อ้ งการทราบความจรงิ ในธรรมทง้ั หลาย มเี วทนาเปน็ ตน้
ตอ่ ไปอยา่ ทำ� อยา่ งนนั้ มนั ผดิ ทางทจี่ ะใหร้ ใู้ หเ้ หน็ ความจรงิ ทง้ั หลายทม่ี อี ยู่
ในกาย ในเวทนา ในจติ ตอนกลางวนั ผมไดพ้ จิ ารณาดทู า่ นแลว้ วา่ ทา่ นจะ
ปฏบิ ัตอิ ย่างไรบ้างกับทกุ ขเวทนาทกี่ ำ� ลงั แสดงอยู่ในเวลาเป็นไข้ พอดไี ป
เห็นท่านก�ำลังเพ่งจิตจ่ออยู่กับเวทนาเฉยๆ ไม่ใช้สติปัญญาคลี่คลายดู
กาย ดเู วทนา ดจู ติ บา้ งเลย พอเปน็ ทางใหส้ งบและถอดถอนทุกขเวทนา
ในเวลานน้ั เพ่ือไขจ้ ะได้สงบลงดังน้ี

การอนุเคราะห์เมตตาแก่บรรดาศิษย์ ท่านมิได้เลือกกาลสถานท่ี
แต่อนเุ คราะห์ด้วยวธิ ตี ่างๆ ตามท่ีเหน็ สมควรจะทำ� ได้เมื่อไรและแก่ผูใ้ ด
ทา่ นเมตตาอนเุ คราะหอ์ ยา่ งนนั้ เสมอมา บางทที า่ นกบ็ อกตรงๆ วา่ ทา่ นองคน์ ี้
ไปภาวนาอยู่ท่ีถ้�ำโน้นดีกว่ามาอยู่กับหมู่คณะอย่างน้ี นิสัยท่านชอบถูก

434

ดัดสันดานอยู่เปน็ นติ ย์ นก่ี ไ็ ปให้เสอื ช่วยดัดเสยี บา้ ง จติ จะไดก้ ลวั และ
หมอบสงบลงได้ พอเหน็ อรรถเหน็ ธรรมและอยสู่ บายบา้ ง อยอู่ ยา่ งนไี้ มด่ ี
คนหวั ดือ้ ตอ้ งมีสิง่ แขง็ ๆ คอยดัดบา้ งถงึ จะออ่ น เช่นเสอื เป็นตน้ พอเป็น
คทู่ รมานกนั ได้ คนกลวั เสอื กต็ อ้ งเอาเสอื เปน็ ครู ดกี วา่ อาจารยท์ ตี่ นไมก่ ลวั
เป็นครู กลัวผีก็ควรเอาผีเป็นครูคู่ทรมาน จิตกลัวอะไรก็เอาสิ่งน้ันเป็น
ครูค่ทู รมาน จัดวา่ เปน็ ผูฉ้ ลาดในการฝกึ ทรมานตน

พระองคน์ น้ั แตก่ อ่ นทย่ี งั ไมบ่ วชเธอเคยเปน็ นกั เลงมาแลว้ จงึ มนี สิ ยั
กลา้ หาญและตรงไปตรงมา ว่าจะอยูต่ อ้ งอยู่ ว่าจะไปต้องไป และมีนสิ ัย
หวั ดอ้ื อยู่บา้ ง แต่ด้อื แบบพระ พอได้รับโอวาทอยา่ งเด็ดๆ เชน่ น้นั แล้ว
เธอกต็ ดั สนิ ใจจะไปตามคำ� ทท่ี า่ นบอก โดยใหเ้ หตผุ ลแกต่ วั เองวา่ พระขนาด
ทา่ นอาจารยม์ นั่ นจ้ี ะบอกเราไปใหเ้ สอื กนิ นน้ั เปน็ ไปไมไ่ ดแ้ นๆ่ เราตอ้ งไป
อยถู่ ำ�้ น้ันตามค�ำท่ที า่ นบอก ตายก็ยอมตาย ไม่ตอ้ งเสยี ดายชวี ิตเพ่ือได้
เห็นเหตเุ หน็ ผลในค�ำที่ทา่ นบอก ว่ามคี วามจริงมากนอ้ ยเพยี งไร เราเคย
ไดย้ นิ แตค่ นอน่ื บอกเลา่ วา่ ทา่ นพดู อะไรตอ้ งมเี หตผุ ลแฝงอยใู่ นคำ� พดู นนั้
อยา่ งสมบรู ณเ์ สมอไป คอื ทา่ นพจิ ารณาดว้ ยความละเอยี ดถถี่ ว้ นแลว้ ถงึ ได้
พดู ออกมา ผูท้ ท่ี ราบความหมายของท่านพยายามปฏบิ ัติตามยอ่ มไดผ้ ล
ทุกรายไป

ก็ค�ำที่ท่านพูดกับเราคราวน้ีเป็นค�ำพูดท่ีหนักแน่นมาก ซ่ึงประกอบ
ด้วยเมตตาพร้อมทั้งความเห็นแจ้งภายใน ประหน่ึงท่านควักเอาหัวใจ
เราไปขย้ีขย�ำดูจนทราบเรื่องทุกอย่างแล้ว ถ้าเราไม่เชื่อและปฏิบัติตาม
ทา่ นเมตตาบอกอยา่ งตรงไปตรงมาในคราวนี้ เรากไ็ มใ่ ชพ่ ระ เรากค็ อื นาย…
ดๆี นนั้ เอง อยา่ งไรกต็ าม เราตอ้ งไปอยใู่ นถำ้� นนั้ แนน่ อนในครงั้ นี้ จะตาย

435

กต็ ายไปเมอื่ ไมต่ ายขอใหร้ ธู้ รรมแปลกประหลาดในทนี่ น้ั จนได้ คำ� พดู ทา่ น
บง่ บอกชอื่ เราอยา่ งชดั เจนไมม่ เี งอื่ นงำ� แฝงอยเู่ ลย แมค้ ำ� ทท่ี า่ นวา่ “เราหวั ดอื้
ไมย่ อมลงใครงา่ ยๆ” นน้ั กเ็ ปน็ เครอื่ งวดั ความถกู ตอ้ งไดอ้ ยา่ งสมบรู ณแ์ ลว้
เรายังไมส่ ามารถรู้เรอื่ งเราไดเ้ ท่าทา่ นเลย เท่าทท่ี ราบบ้างกเ็ ปน็ ดังท่านว่า
จรงิ ๆ เราจงึ เปน็ คนชนดิ ทที่ า่ นวา่ รอ้ ยเปอรเ์ ซน็ ต์ ฉะนนั้ อบุ ายทท่ี า่ นบอก
เคร่อื งทรมานคือเสอื ให้เรา จงึ เป็นค�ำท่ีไมค่ วรขัดแยง้ อยา่ งย่งิ นอกจาก
จะปฏบิ ัตติ ามทา่ นเท่านนั้

ความจรงิ ทา่ นองคน์ มี้ นี สิ ยั หวั ดอื้ ไมล่ งใครงา่ ยๆ ดงั ทา่ นอาจารยว์ า่ จรงิ ๆ
พอเธอนำ� คำ� พดู ของทา่ นไปคดิ เปน็ ทป่ี ลงใจแลว้ วนั หลงั กม็ ากราบลาทา่ น
ไปถำ้� นนั้ พอขนึ้ ไปกราบ ทา่ นถามทนั ทวี า่ “ทา่ น….จะไปไหน เหน็ ครองผา้
เตม็ ยศมาหา ทำ� นองจะออกแนวรบอยา่ งเอาจรงิ เอาจงั ” เธอตอบทา่ นตาม
นสิ ยั ว่า “กระผมจะไปตายในถำ้� ท่ีทา่ นอาจารย์บอกให้ไป” ทา่ นอาจารย์
พดู สวนขนึ้ มาทนั ทวี า่ “ผมบอกทา่ นใหไ้ ปตายในถำ�้ นนั้ จรงิ ๆ ดงั ทา่ นวา่ หรอื
ผมบอกใหท้ า่ นไปภาวนาตา่ งหากเลา่ ” เธอตอบทา่ นว่า “ความจริงท่าน
อาจารย์บอกกระผมใหไ้ ปภาวนาตา่ งหาก มไิ ดบ้ อกใหไ้ ปตาย แต่กระผม
ทราบจากพระท่านเล่าว่า ถ้�ำนั้นมีเสือโคร่งใหญ่อยู่ในถ้�ำข้างบนของถ้�ำ
ท่ีกระผมจะไปอยู่นั้นเป็นประจ�ำ ซึ่งถ้�ำนั้นอยู่ไม่ห่างจากถ้�ำที่กระผมจะ
ไปอยู่นกั เลย และทราบว่ามนั เคยเข้าๆ ออกๆ ขนึ้ ๆ ลงๆ ถ้�ำน้นั เสมอ
เวลามนั จะไปเทย่ี วหากนิ ทไี่ หน กล็ งมาผา่ นหนา้ ถำ้� ทกี่ ระผมจะไปพกั เสมอ
จึงไม่แน่ใจในชีวิตเวลาไปพักอยู่ท่ีน้ัน ฉะน้ัน เวลาท่านอาจารย์ถาม
กระผมจงึ เรียนตอบตามความร้สู ึกทหี่ วาดตอ่ มันอยเู่ สมอมา”

436

ทา่ นถามวา่ “กถ็ ำ้� นนั้ เคยมพี ระไปอยมู่ าแลว้ หลายองคแ์ ละหลายครง้ั
ก็ไม่ปรากฏว่าเสือมาเอาท่านไปกิน แต่เวลาท่านไปอยู่ที่นั้น ท�ำไมเสือ
จะมาคว้าเอาไปกินเล่า? เนื้อท่านกับเนื้อพระเหล่านั้นต่างกันอย่างไรจึง
ทำ� ใหเ้ สอื กลวั และกลา้ และหวิ โหยอยากกนิ ตา่ งกนั นกั เลา่ ? ทา่ นไปไดเ้ นอื้
หอมหวานมาจากไหนเสือถึงได้ชอบนัก ถึงกับต้องจดจ้องมองดู และ
คอยจะกนิ เฉพาะทา่ นเพยี งองคเ์ ดยี วเทา่ นน้ั ” จากนนั้ ทา่ นกอ็ บรมสงั่ สอน
เกยี่ วกับมายาของใจทีห่ ลอกลวงคนได้รอ้ ยแปดพนั นยั ยากที่จะตามทัน
ไดง้ า่ ยๆ ถา้ ไมใ่ ชน่ กั ทดสอบและวพิ ากษว์ จิ ารณจ์ รงิ ๆ จะทรมานใจดวงแสน
ปล้ินปล้อนใหห้ ายพยศได้ยาก นี่ยงั ไมถ่ ึงไหนก็ยอมเช่ือกเิ ลสกระซิบใจ
ย่ิงกว่าเชอ่ื อาจารย์เสียแลว้ จะไปรอดหรือท่าน?

ความตายนั้นพวกเรายังไม่เคยตายกันแต่โลกกลัวกันมาก
ส่วนความเกิดอันเป็นเหยื่อล่อปลาท�ำให้ความตายปรากฏตัวขึ้นมา
ไม่ค่อยมใี ครกลัวกัน ใครๆ ก็อยากเกิดกันทัง้ โลก ไม่ทราบอยากเกดิ
อะไรกนั นักหนา เท่าทเี่ กิดมาเพียงร่างเดยี วกแ็ สนทกุ ข์แสนกงั วลพอ
อยแู่ ลว้ ถา้ มนษุ ยเ์ ราแยกแขนงเกดิ ไดเ้ หมอื นแขนงไมไ้ ผแ่ ลว้ กย็ งิ่ อยาก
เกิดกันมาก เพียงคนเดียวก็อยากแตกแขนงออกไปเป็นร้อยคนพันคน
โดยไมค่ ดิ ถงึ เวลาจะตายเลย วา่ จะพรอ้ มกนั กลวั ความตายทลี ะตงั้ รอ้ ยคน
พันคน โลกน้ีต้องเป็นไฟแห่งความกลัวตายกันจนไม่มีท่ีอยู่แน่ๆ เลย
เราเป็นนักปฏิบัติท�ำไมจึงกลัวตายนัก ยิ่งกว่าฆราวาสท่ีไม่เคยได้รับการ
อบรมมาเลย และทำ� ไมจงึ ปลอ่ ยใจใหก้ เิ ลสยำ่� ยหี ลอกหลอนจนกลายเปน็
คนสนิ้ คดิ ไปได้ ทง้ั ทค่ี วามคดิ และสตปิ ญั ญามอี ยู่ ทำ� ไมจงึ ไมน่ ำ� ออกมาใช้
เพอ่ื ขบั ไลก่ เิ ลสกองตม้ ตนุ๋ ทซี่ อ่ งสมุ อยใู่ นหวั ใจใหแ้ ตกกระจายออกไปบา้ ง

437

จะไดเ้ หน็ ความโงเ่ ขลาของตวั ทเี่ คยมวั เมาเฝา้ กเิ ลสมานานไมเ่ คยเหน็ ฤทธิ์
ของมนั

สนามชยั ของนกั รบก็คือความกลา้ ตายในสงครามนน่ั เอง ถา้ ไมก่ ลา้
ตายก็ไม่ต้องเข้าสู่แนวรบ ความกล้าตายนั่นแลเป็นทางมาแห่งชัยชนะ
ขา้ ศกึ ศตั รู ถา้ ทา่ นมงุ่ ตอ่ แดนพน้ ทกุ ขด์ ว้ ยความเหน็ ทกุ ขจ์ รงิ ๆ ทา่ นกต็ อ้ ง
เหน็ ความกลวั ตายนนั้ วา่ เปน็ กเิ ลสพอกพนู ทกุ ขบ์ นหวั ใจ แลว้ ตามแกไ้ ขกนั
ทีส่ นามชัยอนั เปน็ ทีเ่ หมาะสมดังที่ผมชบ้ี อก ท่านกจ็ ะเห็นโทษแหง่ ความ
กลัวว่าเป็นตัวเขย่าก่อกวนใจให้กระเพื่อมขุ่นมัว และเป็นทุกข์ในวันใด
หรอื เวลาหนง่ึ แนน่ อน ดกี วา่ ทา่ นจะนงั่ กอดนอนกอดความกลวั ตายนน้ั ไว้
เผาลนหวั อกใหเ้ กดิ ความทกุ ขร์ อ้ นนอนครางอยใู่ นใจ ไมม่ วี นั ปลดปลอ่ ย
ได้ดังทเ่ี ปน็ อย่เู วลานี้

ทา่ นจะเชอ่ื ธรรม เชอ่ื ครอู าจารย์ วา่ เปน็ ความเลศิ ประเสรฐิ ศกั ดส์ิ ทิ ธิ์
หรือท่านจะเช่ือความกลัวท่ีกิเลสปล่อยมาย่ัวหัวอกให้มีความสะทก
สะท้านหวั่นไหว จนไร้สติปัญญาเคร่ืองปลดเปลื้องแก้ไขตน มองไป
ทางไหนมีแต่เสือจะมากัดมาฉีกไปกินเป็นอาหารอยู่ท�ำนองนั้น นิมนต์
นำ� ไปคดิ ใหถ้ งึ ใจ ธรรมทผี่ มเคยปฏบิ ตั ดิ ดั สนั ดานตนและเคยไดผ้ ลมาแลว้
กม็ ดี งั ทพี่ ดู ใหท้ า่ นฟงั นแี้ ล นอกนน้ั ผมยงั มองไมเ่ หน็ ขอจงคดิ ใหด้ ตี ดั สนิ ใจ
ให้ถกู

นับแต่ขณะท่ีท่านเทศน์กัณฑ์หนักๆ ให้ฟังแล้ว เธอว่าขณะนั้นใจ
เหมือนจะออกแสงแพรวพราวขึ้นด้วยความกล้าหาญเพราะความปีติ
ในธรรม พอทา่ นเทศนจ์ บลงกก็ ราบลาทา่ นลงมา และเตรยี มตวั ออกเดนิ ทาง

438

ไปถ�้ำในขณะนั้น เม่ือไปถึงถ�้ำด้วยความกล้าหาญและเอิบอ่ิมด้วยปีติ
ยังไม่หาย ก็ปลงบริขารลงจากบนบ่าเที่ยวดูท�ำเลท่ีพักตามบริเวณน้ัน
แตต่ าเจา้ กรรม ใจเจา้ เวร ทำ� ใหร้ ะลกึ ถงึ เสอื ขนึ้ มาไดว้ า่ ถำ�้ นมี้ เี สอื พรอ้ มกบั
สายตาทม่ี องลงไปพน้ื บรเิ วณหนา้ ถำ�้ กไ็ ปเจอเอารอยเทา้ เสอื ทเ่ี หยยี บไว้
แต่เมอ่ื ไรไมท่ ราบอยา่ งถนัดตา ใจร้สู ึกสะท้านกลัวข้นึ มาในขณะน้ันแทบ
เป็นบา้ ไปได้ จนลืมโอวาทท่านอาจารยท์ ีส่ อนไว้ และลมื ความกลา้ หาญ
ที่เคยออกแสงแพรวพราวขณะที่น่ังฟังเทศน์อยู่วัดหนองผือเสียโดย
สิ้นเชิง มีแต่ความกลัวเต็มหัวใจ พยายามแก้ความกลัวด้วยวิธีต่างๆ
กไ็ มห่ าย ตอ้ งเดนิ ไปกลบรอยเสอื ดว้ ยฝา่ เทา้ ออกจนหมดกย็ งั ไมห่ ายกลวั
แต่มีเบาลงเลก็ น้อยท่มี องไปไมเ่ ห็นรอยมันอกี

นบั แตข่ ณะทเี่ หลอื บมองลงไปเจอรอยเสอื จนกระทง่ั กลางคนื ตลอดรงุ่
ยงั แกก้ นั ไมต่ ก แมก้ ลางวนั กย็ งั กลวั ยงิ่ ตกกลางคนื ยง่ิ เพมิ่ ความกลวั หนกั
เขา้ ราวกบั บรเิ วณทพ่ี กั นน้ั เตม็ ไปดว้ ยเสอื ทง้ั สน้ิ จากนนั้ ไขม้ าลาเรยี ชนดิ
จับสั่นก็เริ่มก�ำเริบข้ึนอีก เท่ากับตกนรกท้ังเป็นอยู่ในถ้�ำน้ัน ไม่มีความ
สบายกายสบายใจเอาเลย แตน่ า่ ชมเชยทา่ นทใ่ี จแขง็ แกรง่ ไมย่ อมลดละ
ความพยายามทรมานตนให้หายกลวั ด้วยอุบายวธิ ตี า่ งๆ ตลอดไป ไขก้ ็
กำ� เรบิ รนุ แรงขนึ้ ตามๆ กนั หรอื จะเปน็ เพราะธรรมบนั ดาลกส็ ดุ จะคาดถงึ
ทั้งทุกข์เพราะกลัวเสือ ท้ังทุกข์เพราะไข้ก�ำเริบ จนไม่เป็นตัวของตัว
แทบเปน็ บา้ ไปได้ในเวลาน้นั นานๆ ระลกึ ถึงโอวาทและพระคุณของทา่ น
อาจารย์ม่ันได้ทีหนึ่ง หัวใจท่ีเต็มไปด้วยไฟ คือความทุกข์ทรมานก็สงบ
ลงไดพ้ ักหน่งึ

439

ตอนไข้ก�ำเริบรุนแรงเป็นเหตุให้ท่านระลึกสละตายขึ้นมาได้ ก็รีบ
ถามตวั เองในขณะนนั้ วา่ กอ่ นจะมาอยทู่ น่ี กี่ ไ็ ดค้ ดิ อยา่ งเตม็ ใจแลว้ วา่ จะมา
สละตาย เวลาทา่ นอาจารยถ์ ามวา่ จะไปไหน ไดต้ อบทา่ นวา่ จะไปตายในถำ้� นน้ั
แล้วก็มาด้วยความอาจหาญต่อความตายราวกับจะเหาะเหินเดินฟ้าได้
แตเ่ มอ่ื มาถงึ ถำ้� อนั เปน็ ทต่ี ายจรงิ ๆ แลว้ ทำ� ไมจงึ กลบั ไมอ่ ยากตาย และมี
ความกลัวตายจนตงั้ ตวั ไมต่ ดิ ใจเราคนเดียวกัน มิได้ไปเทีย่ วหาเอาหัวใจ
คนขขี้ ลาดหวาดกลวั ของผใู้ ดและของสตั วต์ วั ใดมาสวมใสเ่ ขา้ พอจะกลาย
เปน็ ผใู้ หมแ่ ละสตั วต์ วั ใหมท่ ข่ี ขี้ ลาดขก้ี ลวั ขนึ้ มาในเราคนเดยี วกนั แลว้ ทำ� ไม
เวลาอยโู่ นน้ เปน็ อยา่ งหนง่ึ บทมาอยทู่ น่ี กี้ ลบั เปน็ อกี อยา่ งหนง่ึ เราจะเอา
อย่างไรกนั แน่ รบี ตดั สนิ ใจเดี๋ยวนี้อย่าชักช้า

เอาอยา่ งน้ีดีไหม เราจะตัดสนิ ใจให้ คอื หนึ่ง ออกไปนั่งภาวนาอยู่
รมิ เหว ถา้ เผลอสติก็ใหม้ นั ตกลงไปตายอย่ใู นเหว ให้แร้งกาแมลงวันมา
จดั การศพใหเ้ ลย ไมต่ อ้ งใหย้ งุ่ ยากกบั ชาวบา้ น เพราะเราเปน็ พระไมเ่ ปน็ ทา่
อยา่ ใหใ้ ครมาแตะตอ้ งกายของพระไมเ่ ปน็ ทา่ ใหแ้ ปดเปอ้ื นเขา แลว้ กลาย
เปน็ คนไมเ่ ปน็ ทา่ ไปหลายคนเลย สอง ออกไปนง่ั ภาวนาอยทู่ างขนึ้ ถำ้� เสอื
เวลาเสอื ออกไปเทย่ี วหากนิ อยา่ ใหม้ นั ตอ้ งลำ� บาก จะไดโ้ ดดคาบคอพระ
ไมเ่ ปน็ ทา่ องคน์ ไี้ ปเปน็ อาหารวา่ งของมนั ในคนื น้ี จะเอาขอ้ ไหนใหเ้ ลอื กเอา
เดยี๋ วนอ้ี ยา่ เน่ินนาน เราจะพาจดั การเด๋ยี วน้ี

วา่ แลว้ กอ็ อกจากมงุ้ มายนื อยหู่ นา้ ถำ้� ขณะหนงึ่ รอการตดั สนิ ใจ สดุ ทา้ ย
กต็ กลงเอาตามขอ้ ทหี่ นง่ึ คอื ออกไปนงั่ ภาวนาอยรู่ มิ เหวอยา่ งหมนิ่ เหมท่ สี่ ดุ
ถ้าเผลอก็ต้องมอบศพให้สัตว์จ�ำพวกที่พูดฝากไว้แล้วเหล่าน้ันแน่นอน
แลว้ กเ็ ตรยี มนง่ั ภาวนาหนั หนา้ ไปทางเหวลกึ หนั หลงั ออกมาทางทเี่ สอื เดนิ

440

ขน้ึ ถำ�้ บรกิ รรมภาวนาดว้ ยพทุ โธ กบั คำ� วา่ ถา้ ประมาทตอ้ งตายในบดั เดย๋ี วใจ
ไมช่ กั ชา้ ขณะทน่ี ง่ั บรกิ รรมภาวนาไดท้ ำ� ความสงั เกตดใู จวา่ จะกลวั ตกเหว
ตายหรอื จะกลวั เสอื กนิ ตาย ปรากฏวา่ กลวั ตกเหวตายเปน็ กำ� ลงั และตงั้ สติ
มไิ ดพ้ ลง้ั เผลอจากคำ� บรกิ รรมดว้ ยธรรมสองบทนนั้ ตามแตจ่ ติ จะระลกึ ได้
บทใดเวลาใด

พอภาวนาตง้ั ทา่ ตายอยรู่ มิ เหวลกึ ไมน่ านเลย จติ กร็ วมสงบตวั ลงอยา่ ง
รวดเรว็ และลงถงึ ฐานของอปั ปนาสมาธิเลย รวดเดยี วดบั เงียบไปเลย
ในขณะน้นั หมดความกังวลวนุ่ วายท่ีเป็นไฟเผาใจ เหลือแตเ่ จ้าของของ
ผกู้ ลวั ตายคอื จติ ดวงเดยี วเทา่ นน้ั ทรงตวั อยอู่ ยา่ งอศั จรรย์ ความกลวั ตาย
ได้หายไปโดยสิน้ เชงิ นบั แต่เวลา ๔ ทมุ่ จนถึง ๔ โมงเช้าของวันรงุ่ ข้นึ
จิตจึงได้ถอนข้ึนมา มองดูตะวันข้ึนคร่ึงฟ้าแล้ว วันนั้นเลยไม่ต้องลงไป
บณิ ฑบาตและไมฉ่ นั จงั หนั ดว้ ย พอจติ ถอนขนึ้ มาความกลวั ไมท่ ราบหายหนา้
ไปไหนหมด ปรากฏแตค่ วามอาจหาญกบั ความอศั จรรยท์ ไ่ี มเ่ คยปรากฏมา
เทา่ นน้ั ไขก้ ถ็ อนหายขาดในคนื วนั นน้ั ไมม่ อี กี ตอ่ ไปเลย ทา่ นวา่ ธรรมโอสถ
รักษาได้ทัง้ โรคมาลาเรยี ทั้งโรคขี้กลัวเสือ

นับแต่วันนั้นทั้งไข้ท้ังความกลัวไม่มีมารบกวนร่างกายและจิตใจ
อีกเลย อยูท่ ไี่ หนก็อยไู่ ด้ ไปท่ีไหนก็ไปได้อย่างสบายหายหว่ ง เสือจะมา
หรอื ไมม่ าเลยไมส่ นใจคดิ นอกจากคดิ อยากใหเ้ สอื มาบา้ ง จะไดท้ ดลองจติ
ดว้ ยวธิ เี ดนิ เขา้ ไปหาเสอื โดยไมม่ คี วามสะทกสะทา้ นแมแ้ ตน่ อ้ ยเลยเทา่ นนั้
ทั้งได้ระลึกถึงพระคุณท่านอาจารย์อย่างเทิดทูนบนศีรษะอยู่ตลอดเวลา
ว่าเราไดเ้ หน็ ฤทธขิ์ องกิเลสตวั กลัวๆ เพราะท่านสอน

441

พอทา่ นจบั เคลด็ ของจติ ไดแ้ ลว้ ทา่ นฝกึ ทรมานจติ ดว้ ยวธิ นี นั้ ตลอดมา
คอื ชอบเทย่ี วแสวงหาทน่ี า่ กลวั มากเปน็ ทน่ี งั่ สมาธภิ าวนา แมท้ า่ นพกั อยใู่ น
ถำ้� นนั้ นบั แตว่ นั นน้ั มาแลว้ กฝ็ กึ แบบนนั้ ตลอดไป โดยเทยี่ วหานง่ั ภาวนาอยู่
ในทตี่ ่างๆ เชน่ ทางเสือขน้ึ ถ้ำ� บ้าง ทางเสอื เคยเดินผา่ นไปมาบ้าง ขณะที่
นั่งภาวนาในทพ่ี ักทา่ นกไ็ ม่ลดมงุ้ ลง โดยความหมายวา่ ถ้าลดมุง้ ลงจิตจะ
ไม่นึกกลัวเสือแล้วจะไม่รวมสงบลงได้อย่างใจหมาย หรือนั่งภาวนาอยู่
หน้าถ�้ำบ้าง นอกมุ้งบ้าง ตามแตว่ ธิ ีทเ่ี หน็ ว่าจติ จะรวมลงไดเ้ ร็ว และสนทิ
เต็มฐานของสมาธิ

คนื หนึ่งจติ ไม่ยอมสงบลงได้ แม้จะนง่ั ภาวนานานเพยี งไร ทา่ นเลย
นกึ ถึงเสอื โครง่ ตวั ทเ่ี คยข้ึนๆ ลงๆ และไปมาอยเู่ สมอในแถบบริเวณน้นั
วา่ วนั นเี้ สอื ตวั นไี้ ปไหนกนั นะ มาชว่ ยใหจ้ ติ เราภาวนารวมสงบลงบา้ งเปน็ ไร
ถ้าเสือมามนั ไมไ่ ด้ภาวนายากเยน็ อะไรเลย จติ คอยแต่จะรวมลงท่าเดยี ว
หลังจากท่านคดิ รำ� พึงถึงเสอื โคร่งค่มู ติ รไม่นานนกั ราวคร่งึ ชั่วโมงกไ็ ดย้ ิน
บาทย่างเท้าของเสือตัวน้ันเดินข้ึนมาบนถ้�ำอย่างเป็นจังหวะจะโคนจริงๆ
เวลาน้นั ราว ๒ นาฬิกา พอไดย้ นิ เสียงเสือเดนิ ข้ึนมา ท่านก็เตือนจิตว่า
บัดนี้เสือข้ึนมาแล้วนะจะมัวเพลินอยู่นี้ ไม่กลัวเสือคาบคอไปกินหรือ
จะลงหาทซ่ี อ่ นตัวเพ่อื หลบภยั กร็ ีบลงมาซิ ถ้าไม่อยากเปน็ อาหารเสือ

พอคิดเท่านั้นก็กำ� หนดจิตสมมุติเอาเสือตัวกำ� ลังเดินมานั้นโดดคาบ
ทคี่ อของตน ปรากฏวา่ พอกำ� หนดเอาเสอื โดดมาคาบคอเท่านน้ั จิตก็รวม
ลงส่สู มาธิอยา่ งรวดเร็วและถงึ ฐานอัปปนาสมาธใิ นขณะนัน้ หายเงยี บไป
เลยทั้งเสือท้ังคนในความหมาย ยังเหลือแต่ความสงบอันราบคาบเป็น
เอกจติ เอกธรรม ทเ่ี ตม็ ไปดว้ ยความอศั จรรยส์ ดุ จะคาดในเวลานน้ั นบั แต่

442

เวลาจติ รวมสงบลงเวลา ๒ นาฬกิ า จนถงึ ๑๐ โมงเชา้ (๔ โมงเชา้ ) จงึ ถอน
ขน้ึ มา รวมเปน็ เวลา ๘ ชว่ั โมงเตม็ ตอนออกจากสมาธมิ องดตู ะวนั ครง่ึ ฟา้
เลยตอ้ งงดไมไ่ ปบณิ ฑบาต และไมฉ่ นั ในวนั นนั้ ขณะทจ่ี ติ รวมลงอยา่ งเตม็ ท่ี
ถงึ ฐานของอปั ปนาสมาธิ ตามจรติ นสิ ยั ของจติ ทรี่ วมลงอยา่ งรวดเรว็ เหมอื น
คนตกเหวตกบ่อนั้น ต้องดับอายตนะภายในไม่รับทราบกับอายตนะ
ภายนอกโดยประการทงั้ ปวงในเวลานน้ั จติ ของทา่ นองคน์ กี้ ม็ นี สิ ยั เชน่ นนั้
ฉะนน้ั เวลารวมสงบลงเต็มท่ีแล้วจงึ หมดความร้สู กึ กบั สิง่ ภายนอก

ตอนออกจากสมาธแิ ลว้ จงึ เดนิ ไปดตู รงทไ่ี ดย้ นิ เสยี งเสอื มา เปน็ เสอื
มาจรงิ ๆ หรอื หมู นั หลอกตา่ งหาก เวลาไปดกู เ็ หน็ รอยเสอื โครง่ ใหญค่ มู่ ติ ร
ตวั นน้ั เดนิ ผ่านมาด้านหลงั ทา่ นจรงิ ๆ ห่างกันประมาณ ๒ วา มันเดินขึ้น
ไปถ้�ำท่ีอยู่ประจ�ำของมัน โดยมิได้สนใจเดินวกเวียนดูคู่มิตรของมันเลย
จงึ นา่ แปลกและอศั จรรยอ์ ยมู่ าก ทา่ นวา่ พอจติ รวมลงเทา่ นน้ั เรอื่ งทง้ั หลาย
กด็ ับไปหมดในขณะนั้น จนกวา่ จติ จะถอนขน้ึ มาถึงจะมีสงิ่ มาเกีย่ วข้อง

การฝกึ จติ โดยลำ� พงั โดยไมม่ เี หตมุ าบงั คบั รวมสงบไดย้ ากไมเ่ หมอื น
มีเหตอุ ันตรายมาเก่ยี วข้องในเวลานั้น ซงึ่ รวมได้เรว็ ท่ีสดุ ชัว่ วนิ าทีเดยี ว
เทา่ นน้ั กล็ งถงึ ทเ่ี ลยไมช่ กั ชา้ ฉะนน้ั ผมจงึ ชอบไปเทย่ี วแสวงหาอยใู่ นทกี่ ลวั ๆ
สะดวกแกก่ ารฝกึ จติ ดมี าก ไมอ่ ยากอยใู่ นทท่ี เี่ ปน็ ปา่ เปน็ เขาหรอื ถำ้� ธรรมดา
แตต่ อ้ งเปน็ ปา่ เสอื เขาทม่ี เี สอื หรอื ถำ้� ทมี่ เี สอื อยา่ งนน้ั ถกู กบั จรติ ของผม
ซ่ึงเปน็ คนหยาบ ดงั ท่ีเปน็ มานแ่ี ล ผมจงึ จำ� ตอ้ งชอบอยู่ในทเี่ ช่นนนั้

มแี ปลกอยตู่ อนหนงึ่ ทผ่ี มพกั อยถู่ ำ�้ นน้ั นอกจากจติ ไดร้ บั ความสงบตาม
ความมงุ่ หมายแลว้ ยงั มคี วามรแู้ ปลกๆ เกยี่ วกบั พวกรกุ ขเทพและคนตาย
ไดอ้ ีก บางคืนมรี ุกขเทพเขา้ มาหา (ตอนนขี้ อเรยี นเพียงเท่านี้ : ผ้เู ขียน)

443

และเวลาคนตายในบา้ นตอ้ งทราบจนได้ ไมท่ ราบวา่ มอี ะไรมาบอก แตท่ ราบ
ขน้ึ ภายในใจเองและแนท่ กุ ครงั้ เสยี ดว้ ย ถา้ จะวา่ ความรโู้ กหกกไ็ มก่ ลา้ ตำ� หนิ
เราพักอยู่ในถ้�ำน้ัน ก็อยู่ห่างไกลจากหมู่บ้านต้ังหลายกิโลเมตรทางร่วม
สองรอ้ ยเส้น เขายงั มานิมนตไ์ ปมาตกิ าบังสกุ ุลคนตายจนได้ ซึง่ เปน็ การ
ลำ� บากแกเ่ รามาก พอคนในบา้ นตายตอ้ งทราบแลว้ วา่ พรงุ่ นต้ี อ้ งเดนิ บกุ ปา่
ฝ่าดงไปป่าชา้ อีกแลว้ และเขากม็ ารบกวนจริงๆ ดว้ ย บอกเขาๆ ก็ไมฟ่ ัง
โดยใหเ้ หตผุ ลวา่ พระหายากจงึ ตอ้ งมารบกวนทา่ น นกึ วา่ โปรดสตั วเ์ อาบญุ เถดิ
ดงั น้ี เรากจ็ ำ� ตอ้ งไปเพราะความเหน็ ใจและสงสาร ถา้ เวลาอดอาหารซงึ่ เปน็
เวลาทตี่ อ้ งเร่งความเพียรอย่างยิ่ง ไมอ่ ยากให้เร่อื งใดๆ มากวนใจ แต่ก็
ต้องมจี นได้

เธอว่าพักอยู่ที่ถ�้ำน้ันได้ก�ำลังใจดีมาก โดยอาศัยเสือคู่มิตรตัวนั้น
ชว่ ยพยงุ จติ ใหเ้ สมอมา ซงึ่ เวน้ เพยี งคนื หนงึ่ หรอื สองคนื มนั กข็ นึ้ หรอื ลงมา
เพอ่ื เทย่ี วหากนิ ตามภาษาสตั วท์ มี่ ปี ากมที อ้ งโดยไมส่ นใจกบั เราเลย ทง้ั ๆ ที่
มนั เดนิ ผา่ นหลงั เราไปมาทกุ ครง้ั ทอี่ อกหากนิ เพราะทางออกมเี พยี งเทา่ นนั้
ไมท่ ราบจะใหม้ ันไปท่ีไหน นสิ ัยเธอองคน์ แ้ี ปลกอย่บู า้ ง ที่เวลากลางคนื
ดกึ ๆ กอ็ อกจากถำ�้ ไปเทย่ี วนงั่ ภาวนาอยตู่ ามหนิ ดานบนภเู ขา อยา่ งไมส่ นใจ
กับสัตวเ์ สืออะไรเลย และชอบเทย่ี วไปองคเ์ ดยี วเป็นนสิ ยั

ท่ีเขียนเร่ืองเธอองค์น้ีแทรกลงบ้างก็โดยเห็นว่า พอเป็นคติอยู่บ้าง
เปน็ บางตอน ทเ่ี ปน็ คนเอาจรงิ เอาจงั จนเหน็ ขอ้ เทจ็ จรงิ จากใจดวงพยศและ
สามารถดดั กนั ลงได้ สง่ิ ทเี่ คยเหน็ วา่ เปน็ ภัยก็กลบั ถือมาเปน็ มติ รในความ
เพยี รได้ เชน่ เสอื เปน็ ตน้ ซง่ึ เปน็ สตั วท์ ไ่ี มน่ า่ ไวใ้ จไดเ้ ลยยงั ยดึ เอามาเปน็
เครอ่ื งปลกุ ใจทางความเพยี รได้ จนเห็นผลประจกั ษ์ใจ

444

ทา่ นอาจารยม์ นั่ พกั อยทู่ ว่ี ดั หนองผอื ดว้ ยความผาสกุ พระธดุ งคท์ ไี่ ป
อาศยั ร่มเงาท่านกป็ รากฏวา่ ไดก้ ำ� ลังจติ ใจกันมาก แมจ้ ะมีจำ� นวน ๒๐-๓๐
องค์ในพรรษา ต่างกต็ ง้ั ใจปฏบิ ตั ติ ่อหนา้ ที่ของตนๆ ไมม่ เี รื่องราวทน่ี า่ ให้
ทา่ นหนักใจ มีความสามคั คกี ลมกลนื กันดีมากราวกบั อวัยวะอนั เดียวกัน
ตอนออกบิณฑบาตรู้สึกน่าดูมาก เดินกันเป็นแถวยาวเหยียดไปตลอด
สายทาง ชาวบา้ นจดั ทนี่ ง่ั เปน็ มา้ ยาวไวส้ ำ� หรบั พระสงฆท์ า่ นนง่ั อนโุ มทนาทาน
หลังจากใส่บาตรเสร็จแล้ว ท่านฉันรวมที่โรงฉันแห่งเดียวกัน โดยน่ัง
เรยี งแถวกนั ตามลำ� ดบั พรรษา เมอื่ เสรจ็ แลว้ ตา่ งองคต์ า่ งลา้ งและเชด็ บาตร
ใส่ถลกนำ� ไปเก็บไว้เรยี บรอ้ ย แลว้ ต่างองค์เข้าหาทางจงกรมในปา่ กว้างๆ
ตดิ กบั วัด ท�ำความเพียร เดินจงกรมน่งั สมาธติ ามอธั ยาศยั

จวนบา่ ย ๔ โมงเยน็ ถงึ เวลาปดั กวาดลานวดั ตา่ งกท็ ยอยกนั ออกมา
จากท่ที ำ� ความเพียรของตนๆ พร้อมกนั ปดั กวาดลานวดั เสร็จแลว้ ขนน�ำ้
ขึน้ ใส่ตมุ่ ใส่ไห นำ้� ฉันน�ำ้ ล้างเท้าล้างบาตรและสรงน�ำ้ หลงั จากนนั้ ต่างก็
เข้าหาทางจงกรมท�ำความเพียรตามเคย ถ้าไม่มีการประชุมอบรมก็ท�ำ
ความเพยี รตอ่ ไปตามอธั ยาศยั จนกวา่ จะถงึ เวลาพกั ผอ่ น ปกติ ๗ วนั ทา่ น
จดั ให้มีการประชุมครั้งหน่ึง แตผ่ ูป้ ระสงค์จะไปศึกษาธรรมเปน็ พเิ ศษกบั
ท่านก็ได้ โดยไม่ต้องรอจนถึงวันประชุม หรือผู้มีความขัดข้องจะเรียน
ถามปัญหาธรรมกับท่านกไ็ ดต้ ามโอกาสที่ท่านวา่ ง เชน่ ตอนหลงั จังหนั
ตอนบา่ ยๆ ตอนราว ๕ โมง และตอน ๒ ทุม่ กลางคืน

เวลาท่านสนทนาหรือแก้ปัญหาธรรมกันตอนกลางคืนเงียบๆ รู้สึก
น่าฟงั มาก เพราะมปี ญั หาแปลกๆ จากบรรดาศษิ ยซ์ ง่ึ มาจากท่ตี า่ งๆ ท่ีตน
พักบ�ำเพ็ญ เป็นปัญหาเกี่ยวกับธรรมภายในบ้าง เก่ียวกับสิ่งภายนอก

445

เช่น พวกกายทพิ ยบ์ ้าง ฟงั แล้วทำ� ใหเ้ พลิดเพลินอยู่ภายใน ไม่อยากให้
จบสนิ้ ลงงา่ ยๆ ทง้ั เปน็ คตทิ งั้ เปน็ อบุ ายแกใ้ จในขณะนนั้ เพราะผมู้ าศกึ ษา
กับท่านมีภูมิธรรมทางภายในเหลื่อมลำ้� ต่�ำสูงต่างกันเป็นรายๆ ไปและมี
ความรแู้ ปลกๆ ตามจรติ นสิ ยั มาเลา่ ถวายทา่ น จงึ ทำ� ใหเ้ กดิ ความรน่ื เรงิ ใจ
ไปกับปัญหาธรรมน้นั ๆ ไม่มสี ิ้นสุด

เวลามีโอกาสท่านก็เล่านิทานที่เป็นคติให้ฟังบ้าง เล่าเรื่องความ
เป็นมาของท่านในชาติปัจจุบันแต่สมัยเป็นฆราวาส จนได้บวชเป็นเณร
เปน็ พระใหฟ้ งั บา้ ง บางเรอ่ื งกน็ า่ ขบขนั นา่ หวั เราะ บางเรอื่ งกน็ า่ สงสารทา่ น
และนา่ อศั จรรยเ์ รอื่ งของทา่ น ซง่ึ มมี ากมายหลายเรอื่ ง ฉะนน้ั การอยกู่ บั
ครูบาอาจารย์นานๆ จึงทำ� ใหจ้ ริตนิสัยของผูไ้ ปศึกษา มีการเปลีย่ นแปลง
ไปในทางดตี ามทา่ นวนั ละเลก็ ละนอ้ ยทง้ั ภายนอกภายใน จนกลมกลนื กบั
นสิ ยั ทา่ นตามควรแก่ฐานะของตน ทัง้ มคี วามปลอดภยั มาก มีทางเจรญิ
มากกวา่ ทางเสอื่ มเสยี ธรรมคอ่ ยซมึ ซาบเขา้ สใู่ จโดยลำ� ดบั เพราะการเหน็
การไดย้ นิ ไดฟ้ งั อยเู่ สมอ ความสำ� รวมระวงั อนั เปน็ ทางสง่ เสรมิ สตปิ ญั ญา
ใหม้ กี ำ� ลงั กม็ ากกวา่ ปกติ เพราะความเกรงกลวั ทา่ นเปน็ สาเหตไุ มใ่ หน้ อนใจ
ตอ้ งระวงั กายระวงั ใจอยรู่ อบดา้ น แมเ้ ชน่ นนั้ ทา่ นยงั จบั เอาไปเทศนใ์ หเ้ รา
และหมู่คณะฟงั จนได้ ซึ่งบางเร่ืองน่าอับอายหมคู่ ณะ แตก่ ย็ อมทนเอา
เพราะเราโง่ไมร่ อบคอบต่อเร่อื งของตัว

เวลาอยู่กับท่านมีความเย็นกายเย็นใจเจือด้วยความปีติอย่างบอก
ไม่ถูก แต่ถ้าใจไม่เป็นธรรมก็ให้ผลตรงข้าม คือเกิดความรุ่มร้อนไป
ทุกอิริยาบถ เพราะความคิดผิดของตัวในความรู้สึกของตนเป็นอย่างน้ี
ส�ำหรับท่านผู้อื่นก็ไม่อาจทราบได้ เรามันเป็นคนหยาบต้องอาศัยท่าน

446

คอยสบั คอยเขกใหอ้ ยเู่ สมอ จงึ พอมลี มหายใจสบื ตอ่ กนั ไปได้ กเิ ลสตณั หา
ไมแ่ ยง่ เอาไปกนิ เสยี หมด ยงิ่ เวลาทา่ นเลา่ เรอื่ งจติ ทา่ นในเวลาบำ� เพญ็ ใหฟ้ งั
เป็นระยะๆ ก็ย่ิงเพ่ิมก�ำลังใจมากขึ้น ราวกับจะเหาะเหินเดินเมฆบน
อากาศได้ ปรากฏวา่ กายเบาใจเบายงิ่ กวา่ สำ� ลี แตเ่ วลาไปทำ� ความเพยี รเขา้
จริงๆ ให้สมกับใจที่จะเหาะลอยอยู่ขณะน้ัน แต่กลับกลายเป็นเหมือน
ลากภูเขาท้ังลูก ท้ังหนักท้ังฝืด ซึ่งน่าโมโหแทบมุดดินลงได้อยู่ใต้พิภพ
ไมอ่ ยากใหใ้ ครเหน็ หนา้ เลย พอดกี บั จติ ทหี่ ยาบคายรา้ ยเลวเอาเสยี จรงิ ๆ
ไมย่ อมฟงั อะไรกบั ใครเอางา่ ยๆ

นเี้ ขยี นตามความหยาบความหนาของตวั ใหท้ า่ นไดอ้ า่ นบา้ ง เพอ่ื ทราบ
ความจมดิ่งของใจท่ีถูกบรรจุเคร่ืองท�ำลายและกดถ่วงไว้อย่างอัดแน่น
ว่าเป็นจิตท่ีแสนจะฉุดลากและฝึกทรมานยาก ถ้าไม่เอาจริงๆ กับมัน
ตอ้ งนบั วนั จะพาเจา้ ของจมดง่ิ ลงสคู่ วามตำ่� ทรามไดอ้ ยา่ งไมเ่ ลอื กกาลสถานท่ี
และเพศวัยเลย ท่านผู้พยายามฝึกจิตดวงแสนพยศมาประจ�ำก�ำเนิด
ภพชาตใิ หห้ ายพยศ ดำ� รงตนอยโู่ ดยอสิ ระเสยี ได้ จงึ เปน็ บคุ คลทน่ี า่ กราบ
ไหวบ้ ชู าอยา่ งยิ่ง ดงั พระพุทธเจ้าและพระสาวกเปน็ ตวั อยา่ งสมยั ปัจจุบัน
พดู ตามความสนทิ ใจของผเู้ ขยี นกค็ อื พระอาจารยม์ นั่ ทพ่ี วกเรากำ� ลงั อา่ น
ประวตั ทิ า่ นอยเู่ วลาน้ี ทเ่ี ปน็ ผหู้ นง่ึ ในบรรดาปจั ฉมิ สาวกของพระพทุ ธองค์

ท่านเป็นผู้อาจหาญชาญชยั ทางข้อวตั รปฏิบตั เิ ครื่องดำ� เนนิ ไม่ยอม
ลดหยอ่ นผอ่ นคลายไปตามอำ� นาจฝา่ ยตำ�่ ตลอดมา แมก้ า้ วเขา้ วยั ชราควร
จะอยสู่ บายตามวบิ ากขนั ธ์ ไมต่ อ้ งขวนขวายกบั กจิ การภายใน คอื สมณธรรม
ทางสมาธิภาวนา แต่การเดินจงกรมภาวนาตามเวลาที่เคยท�ำมานั้น
พระหนมุ่ ๆ ยงั สไู้ มไ่ ด้ และกจิ ภายนอกเกยี่ วกบั การอบรมสง่ั สอนบรรดาศษิ ย์

447

ทา่ นกอ็ นเุ คราะหด์ ว้ ยจติ เมตตาเสมอมาไมเ่ คยทอดอาลยั การเทศนอ์ บรม
โดยมากท่านมักเทศน์ไปตามนิสัยท่ีเคยเด็ดเดี่ยวมาแล้ว ไม่ค่อยทิ้ง
ลวดลายของนกั ต่อสู้ตลอดมา คอื เทศนเ์ ปน็ เชิงปลกุ ใจผ้ฟู ังให้มคี วาม
อาจหาญร่าเริงในปฏิปทาเพื่อแดนพ้นทุกข์เป็นส่วนมากกว่าจะเทศน์
อนโุ ลม อนั เปน็ การกลอ่ มใจของคนทมี่ นี สิ ยั ออ่ นแอประจำ� สนั ดานอยแู่ ลว้
ใหเ้ คล้ิมหลบั ไปขณะท่ฟี งั และวาระตอ่ ไป

พระอาจารยม์ นั่ ทา่ นเปน็ ผเู้ ทดิ ทนู ศาสนธรรมไวไ้ ดท้ ง้ั ทางปรยิ ตั ิ ปฏบิ ตั ิ
และปฏเิ วธธรรมเตม็ ภมู ทิ ส่ี มยั สาวกหายาก เฉพาะอยา่ งยงิ่ ธดุ งควตั ร ๑๓ ขอ้
ท่ีแทบจะขาดความสนใจในวงพุทธบริษัทอยู่เสมอมา ไม่ค่อยมีผู้ฟื้นฟู
ขน้ึ มาปฏบิ ตั กิ นั ใหเ้ ปน็ เนอ้ื เปน็ หนงั บา้ ง เหมอื นธรรมอน่ื ๆ ทธ่ี ดุ งคเ์ หลา่ นี้
ปรากฏเด่นในสายตา และเกิดความสนใจปฏิบัติกันในวงพระธุดงค์
ทง้ั หลายสมยั ปจั จบุ นั กเ็ พราะทา่ นอาจารยเ์ สาร์ ทา่ นอาจารยม์ น่ั เปน็ ผพู้ า
ดำ� เนนิ อยา่ งเอาจรงิ ตลอดมาในภาคอสี าน ธดุ งคท์ ง้ั ๑๓ ขอ้ นท้ี า่ นอาจารย์
ทง้ั สองเคยปฏบิ ตั มิ าแทบทกุ ขอ้ ตามสถานทแี่ ละโอกาส เปน็ แตเ่ พยี งไมไ่ ด้
ปฏบิ ตั เิ ปน็ ประจำ� เหมอื นธดุ งคข์ อ้ ทรี่ ะบไุ วใ้ นประวตั ทิ า่ นซง่ึ เขยี นผา่ นมา
แลว้ เท่านนั้ คอื ป่าช้าทา่ นก็เคยอยู่มาจนจำ� เจ อพั โภกาศทา่ นกเ็ คยอยู่มา
โคนไมท้ า่ นกเ็ คยอยมู่ าจนเคยชนิ ทไ่ี ดเ้ หน็ พระธดุ งคท์ างภาคอสี านซงึ่ เปน็
สายของทา่ นอาจารยท์ งั้ สองปฏบิ ตั กิ นั มา กล็ ว้ นดำ� เนนิ ตามทท่ี า่ นพาดำ� เนนิ
ให้เห็นรอ่ งรอยมาแล้วทงั้ นน้ั

ทา่ นอาจารยเ์ สารท์ า่ นอาจารยม์ นั่ ทา่ นฉลาดแหลมคมมาก รคู้ วามสำ� คญั
ของธดุ งคท์ งั้ ๑๓ ขอ้ วา่ เปน็ เครอื่ งมอื ปดิ ชอ่ งทางออกแหง่ กเิ ลสของพระธดุ งค์
ไดด้ มี าก เพราะถา้ ไมม่ ธี ดุ งคเ์ หลา่ นชี้ ว่ ยปดิ ชอ่ งไวบ้ า้ ง กเิ ลสของพระธดุ งค์

448

ทส่ี กั แตช่ อ่ื กร็ สู้ กึ จะเพน่ พา่ นเอามาก และอาจจะทำ� ความรำ� คาญแกป่ ระสาท
ของผอู้ น่ื พอดู แตพ่ ระธดุ งคท์ มี่ ธี รรมเหลา่ นช้ี ว่ ยบา้ ง กพ็ อทำ� ใหเ้ บาใจแก่
ตวั เองและผอู้ น่ื จะทนดไู ด้ ไมแ่ สลงตาแสลงใจเกนิ ไป ธดุ งคแ์ ตล่ ะขอ้ รสู้ กึ
เปน็ ธรรมกระซิบใจได้ดีไมเ่ ผลอตวั ไปมาก และไม่เผลอตัว พอจิตคิดไป
ในทางผดิ ซึง่ เปน็ ข้าศกึ กับธดุ งค์ขอ้ ใด ใจกลับร้สู ึกไดใ้ นธดุ งค์ข้อน้นั ทนั ที
แลว้ ทำ� ความระวังและแกไ้ ขตนต่อไป

ธุดงค์เป็นธรรมละเอียดลออมาก และมีความหมายอย่างเต็มตัว
ทกุ ขอ้ ไป ทงั้ สามารถแกก้ เิ ลสในหวั ใจของสตั วไ์ ดโ้ ดยสน้ิ เชงิ ดว้ ยธดุ งคข์ อ้
นนั้ ๆ อยา่ งไมม่ ปี ญั หา ขอแตผ่ ปู้ ฏบิ ตั คิ ดิ ใหถ้ งึ ความจรงิ ของธดุ งคข์ อ้ นน้ั ๆ
แล้วน�ำมาปฏิบัติต่อตนเองด้วยดีเท่าน้ัน จะเห็นว่ากิเลสทุกประเภทอยู่
ในข่ายของธุดงค์เหล่านั้น จะเป็นธรรมปราบปรามให้สิ้นซากไปท้ังสิ้น
ไมม่ กี เิ ลสตวั ใดจะเหนอื อำ� นาจธดุ งคไ์ ปได้ เทา่ ทก่ี เิ ลสไมค่ อ่ ยกลวั เรานกั ก็
เพราะเรากลวั ธดุ งคจ์ ะทำ� ความลำ� บากใหแ้ กต่ นทป่ี ฏบิ ตั ติ าม สว่ นกเิ ลสจะ
ทำ� ความลำ� บากแกเ่ ราเพยี งไร เมอ่ื ไมม่ ธี ดุ งคธรรมเปน็ เครอื่ งปราบปรามนนั้
รู้สกึ จะเปน็ ชอ่ งโหว่ของตน จงึ เปน็ ชอ่ งทางให้เผลอตวั ไปต�ำหนธิ ุดงค์วา่
ปฏิบัติยากเสียบ้าง หรือบางหัวใจอาจคิดไปว่า ธุดงค์ล้าสมัยเสียบ้างก็
ไมอ่ าจทราบได้

ในขณะท่ีความคิดกลับเป็นข้าศึกแก่ตน กิเลสจึงได้รับความนิยม
นับถอื อยูอ่ ยา่ งลึกลบั โดยผ้ชู มเชยก็ไม่อาจทราบได้ แตผ่ ลของมันท่เี กดิ
จากการส่งเสริมชมเชยผลิตออกมาให้โลกได้รับเสวยน้ัน เป็นส่ิงเปิด
เผยอยู่ตลอดเวลา แทบพูดไดว้ า่ เปน็ อกาลิโก การปฏบิ ตั ิตามธดุ งคไ์ มว่ ่า
ขอ้ ใดยอ่ มเปน็ ความสงา่ งามนา่ ดู ทงั้ เปน็ ผเู้ ลยี้ งงา่ ย กนิ งา่ ย นอนงา่ ย เครอ่ื ง

449

ใช้สอยของผู้มีธุดงค์อยู่ในใจบ้างย่อมถือเป็นความสบายไปตลอดสาย
เปน็ ผเู้ บากายเบาใจไมพ่ ะรงุ พะรงั ท้งั ทางอารมณ์และเครือ่ งเปน็ อยูต่ ่างๆ

ธดุ งคเ์ หลา่ น้ี แมฆ้ ราวาสจะเลอื กนำ� ไปใชใ้ นบางขอ้ เพอ่ื เปน็ ประโยชน์
แกต่ น กย็ อ่ มไดเ้ ชน่ เดยี วกบั พระ เพราะกเิ ลสของฆราวาสกบั กเิ ลสของพระ
มนั เปน็ ประเภทเดยี วกนั ธดุ งคเ์ ปน็ ธรรมแกก้ เิ ลสจงึ ควรนำ� ไปปฏบิ ตั เิ พอ่ื
แกก้ เิ ลสไดเ้ ช่นเดยี วกัน ตามฐานะและเพศของตนจะอำ� นวย ธดุ งค์เปน็
คุณธรรมท่ีสูงอย่างลึกลับ ยากที่เราจะทราบได้ตามความจริงของธุดงค์
แตล่ ะขอ้ ผเู้ ขียนเองกต็ ะเกียกตะกายเขยี นไปแบบปา่ ๆ ตามนิสยั อย่าง
น้นั แล ไมไ่ ด้มีความร้คู วามเข้าใจในธุดงค์เท่าที่ควรอะไรเลย แต่หัวใจมี
กเ็ ขยี นสุม่ ๆ ไปอยา่ งน้นั เองจึงขออภัยดว้ ย

คณุ สมบตั ขิ องธดุ งคท์ ง้ั หลายไมอ่ าจพรรณนาใหจ้ บสนิ้ ลงได้ เพราะเปน็
ธรรมที่ละเอียดสุขุมมาก ท้ังสามารถท�ำให้ผู้รักใคร่ใฝ่ใจปฏิบัติในธุดงค์
ส�ำเร็จได้ในคุณธรรมต้ังแต่ขั้นต�่ำจนถึงขั้นอริยชน ไม่นอกไปจากธุดงค์
เหล่านี้เลย ท่านอาจารย์มั่นเป็นอาจารย์ผู้น�ำบรรดาศิษย์พาด�ำเนินมา
ตลอดสายจนถงึ วาระสดุ ทา้ ย หมดกำ� ลงั แลว้ จงึ ปลอ่ ยวางพรอ้ มกบั สงั ขาร
ทต่ี ิดแนบกบั องค์ทา่ น

ฉะน้ัน ธุดงควัตรจึงเป็นธรรมจ�ำเป็นส�ำหรับผู้มุ่งช�ำระกิเลส
ทุกประเภทภายในใจใหส้ ิน้ ไป จะทอดธุระว่า ธุดงค์ไมใ่ ชธ่ รรมจ�ำเปน็
เสยี มไิ ด้ แตจ่ ะไมข่ ออธบิ ายคณุ สมบตั ขิ องธดุ งคแ์ ตล่ ะขอ้ วา่ มคี ณุ คา่ และ
ความจ�ำเป็นแก่เราอย่างไรบ้าง กรุณาท่านผู้สนใจพิจารณาตีแผ่เอาเอง
อาจไดค้ วามละเอยี ดและเกดิ ประโยชนแ์ กต่ วั ทา่ นเองมากกวา่ ผอู้ นื่ อธบิ าย

450

ให้ฟังเสยี อกี ผเู้ ขยี นเคยพิจารณาและเห็นผลมาบา้ งตามประสา นับแต่
เริ่มออกปฏิบัติจนทุกวันนี้เท่าที่สามารถ เพราะเห็นว่าเป็นธรรมจ�ำเป็น
ประจำ� ตวั ตลอดมาและตลอดไป ทา่ นผู้มงุ่ ตอ่ ความสิ้นกิเลสทงั้ ประเภท
ทหี่ ยาบโลน และประเภททลี่ ะเอยี ดสดุ จงึ ไมค่ วรมองขา้ มธดุ งคไ์ ป โดยเหน็
ว่าไม่สามารถถอดถอนกิเลสได้

451

ทา่ นพระอาจารยม์ ่นั เริ่มปว่ ย
และเริ่มลาวัฏวนเปน็ ครัง้ สดุ ท้าย

พอท่านจ�ำพรรษาวัดหนองผอื ปที ่ี ๔ ผ่านไปแลว้ ตกหน้าแล้งราว
เดอื นมนี าคม พ.ศ. ๒๔๙๒ ทางจนั ทรคตจิ ำ� ไดว้ า่ เปน็ วนั ขนึ้ ๑๔ เดอื น ๔
เปน็ วนั สงั ขารทา่ นเร่มิ แสดงอาการไม่สนิททจ่ี ะครองขันธ์ต่อไป ดงั ที่เปน็
มาแลว้ ๗๙ ปี วนั นนั้ เปน็ วนั ทที่ า่ นเรมิ่ ปว่ ยอนั เปน็ สาเหตลุ กุ ลามไปถงึ จดุ
สุดท้ายของสังขารที่ครองตัวมาเป็นเวลานาน วันนั้นได้แสดงความ
สน่ั สะเทอื นขนึ้ มาแกข่ นั ธปญั จกทา่ นและพระสงฆใ์ นวงใกลช้ ดิ โดยเรมิ่ แรก
มีไข้และไอผสมกันไมม่ ากนกั มอี าการรมุ ๆ ไปแทบทง้ั วนั ท้งั คนื ไม่คอ่ ย
มเี วลาสรา่ งนบั แตว่ นั แรกเปน็ ทา่ นแสดงออกเปน็ อาการผดิ ปกตทิ นี่ า่ วติ ก
ด้วยแล้ว ท�ำให้คนดีไม่น่าไว้ใจเลย องค์ท่านทราบอย่างประจักษ์ไม่มี
ทางสงสัยว่าไข้คราวนี้เป็นไข้คร้ังสุดท้าย ไม่มีทางหายได้ด้วยวิธีและยา
ขนานใดๆ ทั้งส้ิน

ฉะน้ัน ท่านจึงเผดียงให้บรรดาศิษย์ทราบต้ังแต่เริ่มแรกเป็น และ
ไมส่ นใจกบั หยกู ยาอะไรเลย นอกจากแสดงอาการเปน็ ความรำ� คาญเวลา

452

มีผู้น�ำยาเข้าไปถวายให้ฉันเท่านั้น โดยบอกว่าไข้นี้มันเป็นไข้ของคนแก่
ซึ่งหมดความสืบต่อใดๆ อีกแล้ว ไม่ว่ายาขนานใดมาใส่จะไม่มีวันหาย
มเี พยี งลมหายใจทร่ี อวนั ตายอยเู่ ทา่ นนั้ เชน่ เดยี วกบั ไมท้ ตี่ ายยนื ตน้ แมจ้ ะ
รดน้ำ� พรวนดินให้ฟื้นเพื่อผลดิ อกออกใบ กไ็ ม่มีทางเปน็ ไปได้ รออยูพ่ อ
ถึงวันโค่นล้มลงจมดินของมันเท่าน้ัน ไข้ที่เร่ิมเป็นอยู่เวลานี้ก็เป็นไข้
ประเภทนนั้ นนั่ แล จะผดิ กนั อะไรเลา่ ผมไดพ้ จิ ารณาประจกั ษใ์ จแลว้ แตไ่ ข้
ยงั ไมเ่ รม่ิ ปรากฏโนน้ ฉะนน้ั จงึ ไดเ้ ตอื นหมเู่ พอ่ื นเสมอวา่ อยา่ พากนั นอนใจ
รีบเร่งทางความเพียรขณะท่ีผมยังมีชีวิตอยู่ ติดขัดอะไรจะได้ช่วยแก้ไข
ให้ทันกบั เหตุการณ์ อยา่ ให้ผิดพลาดและเสียเวลานาน

ผมจะอยู่กับหมู่เพ่ือนไปอีกไม่นาน จะจากไปตามกฎของอนิจฺจํ
ทเ่ี ดนิ ตามสงั ขารอยทู่ กุ เวลาไมล่ ดละ อยา่ งไรกไ็ มเ่ ลย ๓ ปี นเ่ี ปน็ คำ� ทเี่ คย
เตือนลว่ งหนา้ มาได้ ๓ ปเี ขา้ น้ีแลว้ จะให้ผมเตอื นอย่างไรอกี จะพดู ให้
เคลอ่ื นจากทแี่ นใ่ จอยแู่ ลว้ นไ้ี ปไมไ่ ด้ งานของวฏั จกั รทท่ี ำ� บนรา่ งกายจติ ใจ
ของคนและสตั ว์ เขาทำ� ของเขาอย่ทู กุ เวลานาที นีก้ เ็ ป็นงานครง้ั สดุ ท้าย
ของเขาที่ท�ำอยู่บนร่างกายผม ซ่งึ จะเสร็จสน้ิ ไปภายในไม่กี่เดอื นนี้ จะให้
เขาเปลย่ี นแปลงงานเขาอย่างไรได้ดังนี้

อาการท่านนับแต่วันเริ่มเป็นมีแต่ทรงกับทรุดไปวันละเล็กละน้อย
คอ่ ยๆ ขยบั ไปโดยไมส่ นใจกบั หยกู ยาอะไรทงั้ สน้ิ เวลาถกู อาราธนาใหท้ า่ น
ฉันยา รสู้ กึ ท่านแสดงความรำ� คาญอย่างเห็นได้ชดั ทุกๆ ครงั้ ท่ขี อรบกวน
แตท่ นคนหมมู่ ากไมไ่ หว เพราะคนนนั้ วา่ ยานน้ั ดี คนนก้ี ว็ า่ ยานดี้ ี ฉนั แลว้ หาย
ใครฉันแล้วมีแต่หายกัน จึงอยากขออาราธนาท่านอาจารย์ได้โปรด
เมตตาบา้ ง จะไดห้ ายและโปรดบรรดาลกู ศษิ ยล์ กู หาไปนานๆ ทา่ นเตอื น

453

เสมอว่า ยาไมเ่ ปน็ ประโยชน์กับไข้ของผมในคร้ังนี้ มีแต่ฟืนเท่าน้ันจะ
เขา้ กนั ไดส้ นทิ ทา่ นพดู หา้ มเทา่ ไรกย็ ง่ิ ขอวงิ วอน จงึ ไดฉ้ นั ใหเ้ สยี บา้ งทลี ะนดิ
ทีละหน่อย ตามค�ำขอร้องของคนหมู่มาก พอไม่ให้เสียใจนักว่าท่าน
ทอดอาลัยในสังขารเกินไป

เมอ่ื ขา่ ววา่ ทา่ นปว่ ยไปถงึ ไหน ใครทราบกม็ าถงึ ทง้ั นนั้ ทงั้ พระทงั้ ฆราวาส
พากันหลั่งไหลมาแทบทุกทิศทุกทาง มิได้ค�ำนึงว่าทางไกลหรือใกล้
หน้าแล้งหรือหน้าฝน ผู้คนหลั่งไหลเข้าไปเย่ียมท่านย่ิงกว่าฝนท่ีท้ังตก
ทงั้ พรำ� เสยี อกี บา้ นหนองผอื อยใู่ นปา่ และหบุ เขา ทงั้ หา่ งไกลจากถนนใหญ่
สายอดุ ร-สกลฯ ราว ๕๐๐–๖๐๐ เสน้ มไิ ดส้ นใจวา่ ไกลและลำ� บาก ซง่ึ โดยมาก
เดนิ กนั ด้วยเท้าเปลา่ เข้าไปหาทา่ น นอกจากคนแก่ๆ เดนิ ไมไ่ หวกว็ ่าจา้ ง
ลอ้ เกวยี นเขาเขา้ ไป เฉพาะทา่ นเองชอบอยอู่ งคเ์ ดยี วเงยี บๆ ตามอธั ยาศยั
แม้พระเณรกไ็ มอ่ ยากใหเ้ ขา้ ไปเกีย่ วข้องถ้าไม่จำ� เปน็ จรงิ ๆ ดังนน้ั เม่อื มี
ผู้คนพระเณรเข้าไปเก่ียวข้องมากๆ รู้สึกขัดกับอัธยาศัยที่ท่านไม่เคย
ด�ำเนินมา จึงไม่อยากเกี่ยวข้องกับเร่ืองใดๆ ท้ังสิ้น เพียงพระเณรซ่ึง
เปน็ ลกู ศิษยใ์ กล้ชิดภายในวดั ท่านยงั ไมป่ ระสงคใ์ หเ้ ข้าไปเกี่ยวขอ้ งเลย
แตค่ วามจำ� เปน็ มกี จ็ ำ� ตอ้ งอนโุ ลมผอ่ นผนั เปน็ บางกาล แมเ้ ชน่ นน้ั กจ็ ำ� ตอ้ ง
ระมดั ระวงั กนั อย่างมาก

ขณะเข้าไปเกี่ยวข้องท่านด้วยกิจธุระจ�ำเป็น ไม่ให้เข้าไปแบบสุ่มส่ี
สมุ่ หา้ ตลอดขอ้ วตั รทค่ี วรทำ� ถวายทา่ นในเวลาจำ� เปน็ ตอ้ งจดั พระเณรองคท์ ่ี
เหน็ สมควรไว้ใจได้ เปน็ ผูจ้ ัดท�ำถวายเปน็ คราวๆ ไป สิง่ ทเี่ ก่ียวกับทา่ น
ต้องมีพระผู้อาวุโสและฉลาดพอควร เป็นผู้คอยควบคุมดูแลให้เห็น
สมควรกอ่ นคอ่ ยทำ� ลงไปทกุ กรณี เพราะทา่ นอาจารยเ์ ปน็ ผรู้ อบคอบและ

454

ละเอยี ดมากตามปกตนิ สิ ยั ผเู้ ขา้ ไปเกย่ี วขอ้ งจงึ ควรไดร้ บั การพจิ ารณากนั
พอสมควร เพ่อื ไมใ่ ห้ขดั กบั อัธยาศยั ทา่ นซ่ึงเปน็ เวลาท่ีจ�ำเปน็ อยา่ งย่งิ

เมอื่ มปี ระชาชนพระเณรมาจากทตี่ า่ งๆ ประสงคจ์ ะเขา้ กราบเยยี่ มทา่ น
ทางวัดต้องขอให้รออยู่ท่ีสมควรก่อน แล้วมีพระผู้เคยปฏิบัติทางนี้เห็น
เปน็ กาลอนั ควรแลว้ เขา้ ไปกราบเรยี นใหท้ า่ นทราบ เมอ่ื ทา่ นอนญุ าตแลว้
คอ่ ยมาบอกใหเ้ ขา้ ไป และเมอื่ มพี ระในวดั องคส์ มควรนำ� เขา้ ไปกราบทา่ น
มีอะไรท่านก็แสดงโปรดท่านเหล่าน้ันตามอัธยาศัย พอสมควรแล้วก็พา
กราบลาทา่ นออกมา การพาแขกเขา้ กราบเยย่ี มทา่ น ทางวดั ไดป้ ฏบิ ตั อิ ยา่ งนี้
ตลอดมา และพาเข้ากราบเยี่ยมเป็นคราวๆ ไป ตามแตแ่ ขกมมี ากนอ้ ย
ซงึ่ มาในเวลาตา่ งกนั เฉพาะพระอาจารยท์ เี่ คยเปน็ ลกู ศษิ ยท์ า่ นมาแลว้ และ
มีความสนิทกับท่านเป็นพิเศษ ก็เป็นเพียงไปกราบเรียนให้ท่านทราบว่า
ท่านอาจารย์นั้นจะมากราบเยี่ยม เมื่อท่านอนุญาตแล้วก็เข้ากราบเย่ียม
และสนทนาธรรมกันตามอธั ยาศยั ทัง้ สองฝา่ ย

อาการปว่ ยทา่ นคอ่ ยเปน็ ไปเรอื่ ยๆ ไมผ่ าดโผนรนุ แรง แตไ่ มค่ อ่ ยเปน็
ปกตสิ ุขได้ ถา้ เป็นสงครามก็แบบสงครามใต้ดนิ ค่อยขยบั เขา้ ทีละเลก็ ที
ละนอ้ ยจนกลายเปน็ สงครามไปทวั่ ดินแดน และกลายเป็นแดนยดึ ครอง
ไปทัว่ พภิ พ ไมม่ ีสว่ นเหลอื เลย พอทา่ นซงึ่ เปน็ จุดหวั ใจของส่วนรวมเร่มิ
ป่วยลงเท่านั้น มองดูพระเณรในวัดรู้สึกเศร้าหมองทางอาการ ไม่ค่อย
แชม่ ชน่ื เบกิ บานเหมอื นแตก่ อ่ น มองดหู นา้ ตากนั กม็ องแบบเศรา้ ๆ ไมผ่ อ่ งใส
ทางอาการ ตลอดการสนทนากนั กต็ อ้ งยกเรอื่ งปว่ ยทา่ นอาจารยข์ นึ้ สนทนา
ก่อนจะกระจายไปเรอื่ งอน่ื ๆ แลว้ กต็ อ้ งมายุติกนั ท่เี ร่ืองของทา่ นอกี

455

แตก่ ารให้โอวาทสงั่ สอนพระเณร ท่านยงั คงมเี มตตาอนเุ คราะห์อยู่
อย่างสม�่ำเสมอมิได้ทอดธุระ เป็นแต่ไม่ได้ช้ีแจงข้ออรรถข้อธรรมให้
ละเอยี ดลออได้เตม็ ความเมตตาเหมอื นแต่กอ่ นเท่านน้ั พออธบิ ายธรรม
จบลงและชแ้ี จงจุดสงสัยของผ้เู รยี นถามเสรจ็ ส้นิ ลงแลว้ ก็สั่งให้เลิกกัน
ไปประกอบความเพยี ร องคท์ า่ นเองกเ็ ขา้ พกั ผอ่ น ขณะทท่ี า่ นแสดงธรรม
ปรากฏวา่ ไมม่ คี วามไมส่ บายแฝงอยเู่ ลย แสดงอยา่ งฉะฉานรา่ เรงิ เสยี งดงั
และกังวาน ลักษณะอาการอาจหาญเหมือนคนไม่ป่วยเป็นอะไรเลย
การเรง่ และเนน้ หนกั ในธรรมเพอ่ื ผฟู้ งั กเ็ นน้ ลงอยา่ งถงึ ใจจรงิ ๆ ไมม่ คี วาม
สะทกสะทา้ นใดๆ ปรากฏในเวลานนั้ ทุกอาการทแ่ี สดงออกเหมือนทา่ น
ไม่ได้เป็นอะไรเลย พอจบการแสดงแล้วถึงจะทราบว่า อาการท่าน
ออ่ นเพลยี และตอ้ งการพกั ผอ่ น พอทราบอาการเชน่ นน้ั ตา่ งกร็ บี ใหโ้ อกาส
ท่านไดพ้ ักผอ่ นตามอัธยาศยั

456


Click to View FlipBook Version