The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.
Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by wonchai890, 2022-09-19 00:04:13

ประวัติหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต

ประวัติหลวงปู่มั่น

“เอาละ ทนี ส้ี มมตุ วิ า่ ทา่ นรเู้ หน็ ธรรมหรอื สงิ่ ตา่ งๆ ดงั ทที่ า่ นยกขนึ้ ถามผม
มีการเห็นเปรตผี เป็นต้น ท่านจะปฏิบัติต่อความรู้ความเห็นและแก่
ผเู้ กยี่ วขอ้ งอยา่ งไรบา้ ง ถงึ จะจดั วา่ เปน็ ผมู้ คี วามรอบคอบในสมบตั ปิ ระเภทนนั้
และเปน็ ประโยชนแ์ กห่ มู่ชนผมู้ าเกี่ยวข้องเทา่ ท่คี วร โดยไม่มกี ารออ้ื ฉาว
ราวเรอ่ื ง ซงึ่ อาจเป็นความเสยี หายแก่ท่านเองและพระศาสนาได้”

อาจารยอ์ งคน์ นั้ เรยี นทา่ นวา่ “กระผมกจ็ ำ� ตอ้ งปฏบิ ตั ทิ ำ� นองเดยี วกนั
กบั การปฏบิ ตั ติ อ่ เงนิ ซง่ึ เหน็ วา่ เปน็ คณุ แกต่ นและผอู้ นื่ โดยถา่ ยเดยี ว ไมม่ ี
ภยั เขา้ มาแทรกดว้ ย” ทา่ นถามวา่ “กเ็ มอื่ สกั ครนู่ ท้ี า่ นพดู เปน็ เชงิ ชกั นำ� ให้
ผมประกาศโฆษณาความรคู้ วามเหน็ มเี หน็ เปรตผี เปน็ ตน้ แกป่ ระชาชน
โดยมไิ ดค้ ำ� นงึ ถงึ ผลประโยชนแ์ ละความเสยี หายอนั จะตามมานน้ั ทา่ นพดู
มคี วามหมายอยา่ งไรบา้ ง ผมคดิ วา่ ถา้ คนมสี ตปิ ญั ญาพอประคองตวั อยบู่ า้ ง
ดงั มนษุ ยท์ ั่วๆ ไป เขาคงไม่พูดอย่างท่านแน่นอน แต่ทา่ นเองยังพูดออก
มาได้ ถ้าท่านไม่เลยขัน้ คนธรรมดากา้ วเข้าข้นั ไมม่ สี ตแิ ล้ว จะควรชมเชย
ว่าท่านก้าวข้ามไปขั้น…อะไรแล้ว ผมเองยังมองไม่เห็นจุดท่ีควรชมเชย
ทา่ นบา้ งเลย

สมมตุ ิว่ามีผูม้ าต่อว่าท่านวา่ เวลาทา่ นก้าวเขา้ ถึงขั้น…แลว้ ทา่ นจะ
ตอบเขาวา่ อยา่ งไรจงึ จะตรงกบั ความจรงิ ทเี่ ขาวา่ ทา่ นโดยมเี หตผุ ล ทา่ นได้
คิดบ้างหรือเปล่าว่า คนในโลกมีคนฉลาดมากหรือคนโง่มาก และคน
จ�ำพวกไหนที่จะสามารถทรงพระศาสนาให้เจริญรุ่งเรืองไปด้วยความมี
เหตผุ ล และยง่ั ยนื ไปนานไมถ่ กู ทำ� ลายดว้ ยแบบทา่ นถามผมเมอื่ สกั ครนู่ ”้ี

ท่านนั้นเรยี นทา่ นวา่ “ถ้าพจิ ารณาตามทท่ี ่านอาจารย์ว่าแล้ว ก็เป็น
ความผิดในการกล่าวของกระผมโดยไม่มีเงื่อนไข เพราะเท่าท่ีกระผม

307

กราบเรยี นขอนน้ั โดยมงุ่ เจตนาในทางอยากใหค้ นทง้ั หลายทราบบา้ ง อยา่ ง
กระผมทราบแลว้ รสู้ กึ ซาบซง้ึ และอศั จรรยอ์ ยา่ งยงิ่ ทไี่ มเ่ คยไดย้ นิ ไดฟ้ งั มา
จากท่านผ้ใู ดเลย เม่อื เลา่ ใหเ้ ขาทราบบา้ ง คงจะรสู้ ึกซาบซงึ้ ไปนานและ
เกดิ ประโยชนแ์ กเ่ ขามากมาย ดว้ ยความรสู้ กึ อยา่ งนจ้ี งึ ทำ� ใหค้ วามอยากนนั้
หลุดปากออกมา โดยมิได้ค�ำนึงว่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้พูดและ
พระศาสนามากน้อยเพียงไรด้วยความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ กระผมจึงขอ
ประทานโทษได้โปรดเมตตาอย่าให้กรรมน้ีต้องติดในสันดานอีกต่อไป
กระผมจะพยายามสำ� รวมมิใหเ้ ป็นท�ำนองนอ้ี ีก

หากมคี นมาตอ่ วา่ วา่ กระผมกา้ วเขา้ ถงึ ขนั้ …..กจ็ ำ� ตอ้ งยอมรบั เหตผุ ล
เพราะเราเปน็ ผคู้ วรถกู ตำ� หนอิ ยา่ งหาทางหลกี เลยี่ งไมไ่ ด้ แตก่ อ่ นกระผม
ยงั มไิ ดค้ ดิ วา่ คนในโลกมคี วามฉลาดมากหรอื คนโงม่ าก เพง่ิ จะมาสะดดุ ใจ
เอาขณะทที่ า่ นอาจารยถ์ ามนเี่ อง เลยเดาเอาตามความรสู้ กึ วา่ คนโงม่ มี ากกวา่
คนฉลาดอยมู่ ากมาย คดิ ดใู นหมบู่ า้ นหนงึ่ ๆ มคี นฉลาดและรกั ศลี รกั ธรรม
อยเู่ พยี งไมก่ ค่ี น นอกนนั้ แทบจะพดู ไดว้ า่ ไมท่ ราบทไ่ี ปทม่ี าของตวั เอาเลย
วา่ ไปเพอ่ื อะไร มาเพื่ออะไร ท�ำเพอ่ื อะไร ผิดหรอื ถกู ดีหรือชวั่ ควรท�ำ
หรอื ไมค่ วร เขาไมค่ อ่ ยสนใจคิดเลย ขอแต่ใหส้ ะดวกสบายในขณะน้ันก็
พอใจแลว้ จะเปน็ อะไรตอ่ ไปกม็ อบใหย้ ถากรรมเปน็ ผตู้ ดั สนิ เอาเอง คราวนี้
กระผมพอเข้าใจไดบ้ า้ งไม่มดื มิดปดิ ทวารเหมือนแต่ก่อน

สว่ นผจู้ ะทรงพระศาสนาใหเ้ จรญิ รงุ่ เรอื งและยนื นานตอ่ ไปดว้ ยความ
มีเหตุมีผลนั้น ก็เห็นจะได้แก่คนฉลาดเป็นผู้น�ำ และทรงไว้ด้วยความ
ราบรน่ื สมำ่� เสมอมากกวา่ จำ� พวกอน่ื ๆ จำ� พวกนอกนนั้ กพ็ ลอยไดป้ ระโยชน์
ไปตามๆ กนั แตห่ ลกั ใหญเ่ หน็ จะอยใู่ นคนจำ� พวกมเี หตมุ ผี ลเปน็ แน่ เพราะ

308

ทางโลกทางธรรม กจิ บา้ นการอาชพี ตลอดงานทกุ แผนก รสู้ กึ จะหนจี ำ� พวก
ฉลาดมเี หตุผลเปน็ ผู้น�ำไปไม่ได้”

ท่านอาจารย์อธิบายต่อไปว่า “งานทางโลกทางธรรมท่านยังพอคิด
พอพดู ไดว้ า่ คนฉลาดเปน็ บคุ คลสำ� คญั ในวงการตา่ งๆ แตง่ านของทา่ นเอง
ซงึ่ เปน็ นกั บวชและนกั ปฏบิ ตั ทิ ำ� ไมจงึ ไมค่ ดิ บา้ งวา่ ควรอยา่ งไรไมค่ วรอยา่ งไร
งานพระศาสนาเปน็ งานละเอยี ดมาก ยากทจ่ี ะรทู้ วั่ ถงึ ผจู้ ะทรงพระศาสนา
ทรงธรรมทรงวินยั ใหถ้ ึงขน้ั สมบรู ณไ์ ด้ ตอ้ งเป็นคนฉลาด ความฉลาด
ในท่ีน้ีมิได้หมายความฉลาดท่ีท�ำลายโลกให้พินาศ ท�ำลายศาสนาให้
ฉิบหายล่มจม แต่เป็นความฉลาดในเหตุผลท่ีจะยังโลกและธรรมให้
เจรญิ โดยถา่ ยเดยี ว ความฉลาดนแี่ ลทแ่ี สดงไวใ้ นมรรคแปดวา่ สมั มาทฏิ ฐิ
สมั มาสงั กปั โป คอื ความเหน็ ชอบ ความดำ� รคิ ดิ นกึ ชอบ และเปน็ ผนู้ ำ� กาย
วาจาใหป้ ระพฤตแิ ตใ่ นทางทช่ี อบตามปญั ญาสมั มาทฏิ ฐซิ ง่ึ เปน็ ผนู้ ำ�

แมแ้ ตส่ มาธทิ เี่ ปน็ ไปในทางชอบ กจ็ ำ� ตอ้ งอาศยั สมั มาทฏิ ฐอิ งคป์ ญั ญา
คอยตรวจตราสอดสอ่ งอยเู่ สมอ ไมเ่ ชน่ นน้ั จะกลายเปน็ สมาธหิ วั ตอไปได้
จติ สงบจติ รวมตอ้ งมสี ตปิ ญั ญาคอยแฝงอยเู่ สมอ จติ เกดิ ความรอู้ ะไรขนึ้ มา
จติ ออกรอู้ ะไรบา้ ง สงิ่ ทร่ี นู้ น้ั ๆ จะควรปฏบิ ตั อิ ยา่ งไรจงึ จะถกู ตอ้ งตามหลกั
ของผ้ตู อ้ งการความรจู้ ริงเหน็ จริงในสิ่งที่มาเกย่ี วขอ้ ง ถ้าไม่มปี ญั ญาแฝง
อยดู่ ว้ ยแลว้ ตอ้ งทำ� ใหเ้ หน็ ผดิ ยดึ ผดิ ไปจนได้ เพราะความรตู้ า่ งๆ ทงั้ ขา้ งใน
ทั้งข้างนอกที่เกี่ยวกับสมาธิไม่มีประมาณ สุดแต่จะปรากฏข้ึนมาและ
ผา่ นเขา้ มา ในรายทนี่ สิ ยั จะควรรคู้ วรเหน็ เปน็ ตอ้ งรตู้ อ้ งเหน็ จะหา้ มไมใ่ หร้ ู้
ใหเ้ หน็ ยอ่ มไมไ่ ด้ แตส่ ำ� คญั อยทู่ ป่ี ญั ญาจะคดั เลอื กเกบ็ เอาเทา่ ทพี่ จิ ารณา
เห็นว่าควร นอกน้ันก็ปล่อยให้ผ่านไปอย่างนักปัญญา ไม่ยึดถือไว้ให้
กอ่ กวนตัวเองอยูไ่ ม่หยุด

309

ถ้าขาดปัญญาเพียงขั้นสมาธิก็ไปไม่ตลอด คือต้องยินดีกับส่ิงน้ัน
ยนิ รา้ ยกบั สง่ิ นี้ เพลดิ เพลนิ กบั สงิ่ นนั้ เศรา้ โศกกบั สงิ่ น้ี ซงึ่ ลว้ นเปน็ อารมณ์
เขยา่ ใจใหล้ มุ่ หลงไปตามทงั้ สน้ิ อารมณท์ มี่ าปรากฏถา้ ไมก่ ำ� จดั ดว้ ยปญั ญา
จะตกไปได้ยาก นอกจากจะพาให้เป็นอารมณ์ก่อกวนอยู่ไม่หยุดเท่านั้น
แตถ่ า้ คดั เลอื กดว้ ยปญั ญาแลว้ จะมที างผา่ นไปได้ ทยี่ งั เหลอื อยกู่ เ็ ฉพาะท่ี
ปัญญาคัดไว้เท่าน้ัน ปัญญาจงึ เปน็ ธรรมจ�ำเป็นในธรรมทกุ ข้ัน

ผู้ก้าวเข้ามาบวชในศาสนา ก็คือก้าวเข้ามาหาความรู้ความฉลาด
เพื่อคุณงามความดีทั้งหลายที่โลกปรารถนากัน มิได้เข้ามาสั่งสมความ
โง่เขลาเบาต่อเล่ห์เหล่ียมของกิเลสตัวหลอกลวง แต่เพื่ออุบายปัญญา
พลิกแพลงให้ทันเร่ืองของกิเลสต่างหาก เพราะคนเราอยู่และไปโดย
ไม่มีเคร่ืองป้องกันตัว ย่อมไม่ปลอดภัยต่ออันตรายท้ังภายนอกภายใน
เคร่ืองป้องกันตัวของนักบวชคือหลักธรรมวินัย มีสติปัญญาเป็นอาวุธส�ำคัญ
ถา้ ตอ้ งการความเปน็ ผมู้ น่ั คงตอ่ สง่ิ ทงั้ หลายไมส่ ะทกสะทา้ น จงึ ควรเปน็ ผมู้ ี
สตปิ ัญญาแฝงอยกู่ บั ตัวทุกอริ ิยาบถ จะคดิ จะพดู จะท�ำอะไรๆ ก็ตามไม่มี
การยกเว้นสติปัญญาท่ีจะไม่เข้ามาสอดแทรกอยู่ด้วยในวงงานที่ท�ำ
ทัง้ ภายนอกภายใน จะเปน็ ทแี่ นน่ อนตอ่ คติของตนทกุ ๆ ระยะไป

ผมปรารถนาอย่างยิ่งที่จะเห็นบรรดาลูกศิษย์มีความเข้มแข็งต่อ
แดนพน้ ทกุ ข์ด้วยความเพยี รทกุ ประโยค ท่ีเต็มไปดว้ ยสตปิ ญั ญาเป็น
หวั หนา้ งาน ไมง่ มุ่ งา่ มเซอะซะตอ่ ตวั เองตลอดธรุ ะหนา้ ทที่ ง้ั หลาย สมกบั
ศาสนายอดเยย่ี มดว้ ยหลกั ธรรมทสี่ อนคนใหฉ้ ลาดทกุ แงท่ กุ มมุ แตไ่ ม่
ปรารถนาอยา่ งย่ิงทจี่ ะเห็นผปู้ ฏบิ ัตทิ มี่ าอาศัยอยู่ด้วย เป็นคนอ่อนแอ
โงเ่ งา่ เตา่ ตนุ่ วนุ่ วายอยกู่ บั อารมณเ์ ครอื่ งผกู พนั ดว้ ยความนอนใจ และ

310

เกยี จครา้ นในกจิ การทจี่ ะยกตวั ใหพ้ น้ ภยั ไมข่ ยนั คดิ อา่ นดว้ ยความสนใจ
ในงานของตวั ทกุ ประเภท เพราะงานของพระผพู้ รอ้ มแลว้ เพอ่ื ขา้ มโลก
ข้ามสงสารเป็นงานชั้นเยี่ยม ไม่มีงานใดในโลกจะหนักหน่วงถ่วงใจ
ยง่ิ กวา่ งานยกจติ ใหพ้ น้ จากหว้ งแหง่ วฏั ทกุ ข์ งานนเ้ี ปน็ งานทที่ มุ่ เทกำ� ลงั
ทกุ ด้าน แมช้ ีวิตกย็ อมสละไม่อาลัยเสยี ดาย จะเปน็ จะตายก็มอบไว้
กบั ความเพยี ร เพอื่ รอื้ ถอนตนใหพ้ น้ จากหลม่ ลกึ คอื กเิ ลสทง้ั มวล ไมม่ ี
การแบง่ รบั แบง่ สเู้ หมอื นงานอน่ื ๆ จะรจู้ ะเหน็ ธรรมอศั จรรยท์ ไ่ี มเ่ คยพบ
เคยเหน็ กร็ แู้ ละเห็นกนั กับความเพยี รทีส่ ละตายไมเ่ สียดายชีวิตนแ่ี ล
วธิ อี นื่ ๆ ก็ยากจะคาดถูกได้

การท�ำความเพียรของผู้ตั้งใจจะข้ามโลก ไม่ขอเกิดมาแบกหาม
กองทกุ ขน์ านาชนดิ อกี ตอ่ ไป ตอ้ งเปน็ ความเพยี รชนดิ เอาตายเขา้ แลกกนั
เฉพาะผมเองก่อนท่ีจะมาเป็นอาจารย์สอนหมู่คณะ มิได้นึกว่าชีวิตจะ
ยังเหลือเดนมาเลย เพราะความมุ่งมั่นต่อธรรมแดนหลุดพ้นมีระดับสูง
เหนือชีวิตที่ครองตัวอยู่ การท�ำความเพียรทุกประโยคและทุกอิริยาบถ
ไดต้ ้งั เขม็ ทิศไวเ้ หนือชวี ิตทกุ ระยะ ไม่ยอมใหค้ วามอาลัยเสยี ดายในชวี ติ
เข้ามากีดขวางในวงความเพียรเลย นอกจากความบีบบังคับของจิตท่ี
เต็มไปด้วยความหวังต่อทางหลุดพ้นเท่านั้น เป็นผู้บงการแต่ผู้เดียวว่า
ถ้าขันธ์ทนไม่ไหวจะแตกตายไปก็ขอให้แตกไป เราเคยตายมาแล้วจน
เบ่ือระอา ถ้าไม่ตายขอให้รู้ธรรมที่พระองค์รู้เห็น อย่างอ่ืนไม่ปรารถนา
อยากรอู้ ยากเหน็ เพราะเบอ่ื ตอ่ การรเู้ หน็ มาเตม็ ประดาแลว้ บดั นเ้ี ราอยากรู้
เพยี งอยา่ งเดยี วคอื สงิ่ ทเ่ี รารแู้ ลว้ ไมต่ อ้ งกลบั มาลมุ่ หลงเกดิ ตายอกี ตอ่ ไป
สง่ิ น้ันเป็นสง่ิ ทปี่ รารถนาอยา่ งยงิ่ ของเราในบัดน้ี

311

ส่วนความเพียรที่หมุนไปตามความอยากรู้อยากเห็นธรรมดวงน้ัน
จงึ เปน็ เหมอื นโรงจกั รทเี่ ปดิ ทำ� งานแลว้ ไมย่ อมปดิ เครอ่ื ง ปลอ่ ยใหห้ มนุ ตวั
เป็นธรรมจักร ฟาดฟันห่ันแหลกกับกิเลสวัฏฏะท้ังหลายไม่มีวันมีคืน
ไมม่ ีอิรยิ าบถใดวา่ ไดย้ ่อหยอ่ นความเพยี ร เวน้ แตห่ ลับไปเสียเทา่ นนั้ เปน็
เวลาพักงานช่ัวคราว พอตน่ื ขึ้นมามือกับงาน คือสตปิ ญั ญาศรัทธาความ
เพยี รกบั กเิ ลสทย่ี งั เหลอื เป็นเชอ้ื เรื้อรงั อยูภ่ ายในมากน้อย ไมว่ า่ งตอ่ การ
รบพุ่งชิงชัยกันเลย จนถูกท�ำลายด้วยสติปัญญาศรัทธาความเพียรให้
ราบเรยี บไปหมดอย่างสบายหายหว่ ง

นับแต่ขณะน้ันมาส่วนที่ตายไปคือกิเลสท้ังหลายก็ทราบว่าตายไป
อย่างสนทิ ไม่กลบั ฟื้นคืนมากอ่ กวนวุ่นวายได้อีก ส่วนทย่ี งั เหลอื คือชีวติ
ธาตุขันธ์ กท็ ราบว่ายังพอทนตอ่ ไปได้ไมแ่ ตกสลายไปตามกิเลส ขณะที่
เขา้ สสู่ งครามทำ� การหกั โหมกนั อยา่ งสดุ กำ� ลงั ทกุ ฝา่ ย สงิ่ ทตี่ า่ งฝา่ ยตา่ งหมาย
ยดึ ครองถงึ กบั ตอ้ งทำ� สงครามยอ้ื แยง่ แขง่ ชยั ชนะกนั นน้ั คอื ใจอนั เปรยี บ
เหมือนนางงาม ได้ตกมาเป็นสมบัติอันล�้ำเลิศประเสริฐสุดของฝ่ายเรา
เรียกว่าอมตจิตหรืออมตธรรม ใครค้นพบผู้นั้นประเสริฐโดยไม่มีอะไร
มาเสกสรร

แตธ่ รรมน้นั อยู่ฟากตาย ถา้ ใครกลวั ตายเสยี ดายทกุ ข์ ชอบถอื เอา
ความสนุกในการเกิดว่าเลิศเลอ ผู้นั้นต้องจัดว่าลืมตัวมัวประมาทและ
ชอบผัดเพย้ี นเลื่อนเวลาวา่ เชา้ สาย บ่าย เยน็ ไมอ่ ยากบ�ำเพ็ญความดี
ส�ำหรบั ตนในเวลาทีเ่ ปน็ ฐานะพอท�ำได้อยู่ ความประมาททั้งนย้ี งั จะพาให้
หล่ังน�้ำตาดว้ ยความทกุ ขใ์ นสงสาร ไม่อาจประมาณไดว้ ่ายังอกี นานเท่าไร
จึงจะผ่านพ้นแหล่งกันดารอันเป็นท่ีทรมานไปได้ จึงขอฝากปัญหาธรรม

312

เหล่านี้ไว้กับท่านท้ังหลายน�ำไปขบคิดด้วยว่า เราจะเป็นฝ่ายคืบหน้า
กล้าตายด้วยความเพียรหมายพ่ึงธรรม ไม่เหลียวหลังไปดูทุกข์ท่ีเคย
เป็นภาระให้แบกหามด้วยความเจ็บแสบและปวดร้าวในหัวใจมาเป็น
เวลานาน หรอื ยงั จะเปน็ ฝา่ ยเสยี ดายความตายแลว้ กลบั มาเกดิ อกี อนั เปน็
ตวั มหนั ตทกุ ขท์ แี่ สนทรมานอกี ตอ่ ไป รบี พากนั นำ� ไปพจิ ารณา อยา่ มวั เมา
เฝ้าทุกข์และหายใจทิ้งเปล่าๆ ดังทเ่ี ป็นมาและเปน็ อยู่เวลานี้ จะชา้ ทาง
และเสียใจไปนาน

เพราะโรงดัดสันดานกิเลส ตัวพาให้ว่ายบกอกแตกแบกกองทุกข์
ไม่มีเวลาปลงวางน้ัน มิได้มีอยู่ในที่อ่ืนใดและโลกไหนๆ แต่มีอยู่กับ
ผตู้ ง้ั หนา้ บำ� เพญ็ ดว้ ยการใชห้ วั คดิ ปญั ญาศรทั ธาความเพยี ร เปน็ เครอื่ งมอื
บุกเบิกเพ่ือพ้นไปน้ีเท่าน้ัน ไม่หยุดหย่อนนอนใจว่ากาลเวลายังอีกนาน
สงั ขารยงั ไมต่ ายรา่ งกายยงั ไมแ่ ก่ ซง่ึ เปน็ ความคดิ ทที่ ำ� ใหแ้ ยล่ งโดยถา่ ยเดยี ว
ผเู้ ป็นนักบวชและนักปฏิบัตจิ ึงไมค่ วรคิดอยา่ งยิง่

อนึ่ง ผู้จะพาให้ผิดพลาดและพาให้ฉลาดแหลมคมก็มีอยู่กับใจ
ดวงเดยี วจะเปน็ ผผู้ ลติ ไมม่ อี ยใู่ นทใ่ี ดๆ จงึ ไมค่ วรตง้ั ความหวงั ไวก้ บั ทใี่ ดๆ
ทม่ี ิไดส้ นใจดูตวั เอง ตัวจักรเครอ่ื งท�ำงาน คือกายวาจาใจทีก่ �ำลังหมนุ ตัว
กบั งานทุกประเภทอยทู่ ุกขณะ วา่ ผลิตอะไรออกมาบ้าง ผลิตยาถอนพษิ
คอื ธรรมเพอื่ แกค้ วามไมเ่ บอื่ หนา่ ยและอมิ่ พอในความเกดิ ตาย หรอื ผลติ
ยาบ�ำรุงส่งเสริมความมัวเมาเหมาทุกข์ ให้มีก�ำลังขยายวัฏวนให้ยืดยาว
กว้างขวางออกไปไม่มีสน้ิ สุด หรือผลิตอะไรออกมาบา้ ง ควรตรวจตราดู
ใหล้ ะเอยี ดถถ่ี ว้ น ไมเ่ ชน่ นนั้ จะเจอแตค่ วามฉบิ หายลม่ จม ไมม่ วี นั โผลต่ วั
ข้ึนจากทุกข์ท่โี ลกทง้ั หลายกลวั ๆ กันได้เลย”

313

ท่านแสดงธรรมโดยถือเอาพระท่ีเป็นต้นเหตุอาราธนาท่านให้แสดง
ตามท่รี ูท้ ่เี หน็ ส่งิ ต่างๆ แก่โลกอย่างไมม่ ีขอบเขตนนั้ ปรากฏวา่ ทา่ นแสดง
อยา่ งเผด็ รอ้ นมาก ทง้ั เนอื้ ธรรมกท็ รงรสชาตอิ ยา่ งมหศั จรรยย์ ากจะไดย้ นิ
ไดฟ้ งั พระผเู้ ปน็ ตน้ เหตใุ หท้ า่ นตอ้ งแสดงกไ็ มน่ า่ จะผดิ ตามทท่ี า่ นดดุ า่ ขเู่ ขญ็
แต่อาจจะเป็นอุบายวิธีอาราธนาให้ท่านแสดงธรรมโดยทางอ้อมก็ได้
เท่าที่เคยสังเกตท่านตลอดมา ถ้าท่านแสดงธรรมตามปกติ ไม่มีอะไร
เข้าไปสัมผัสหรือกระเทือนถึงใจหรือถึงธรรมท่าน ท่านชอบแสดงไป
เรียบๆ แม้จะแสดงธรรมช้นั สูงก็ทำ� นองเดียวกัน ผฟู้ ังรู้สึกจะขาดอะไรๆ
อย่บู า้ งไม่จใุ จ

แต่ถ้ามีรายใดรายหนึง่ ก่อเหตุขึ้น เปน็ เชิงเรียนถามปัญหาท่านหรือ
สนทนาธรรมกนั เองตอ่ หน้าทา่ นแบบผิดๆ ถกู ๆ พอใหท้ ่านร�ำคาญ หรือ
ธรรมที่ก�ำลังสนทนากันไปสะดุดใจท่านเข้าขณะนั้น น่ันแลเป็นขณะท่ี
ธรรมภายในใจท่านเร่ิมไหวตัวออกมาผิดปกติ และแสดงออกทางวาจา
อย่างเผ็ดรอ้ นถึงใจ ท้งั ท่านผแู้ สดงและผฟู้ งั อย่างเพลินใจ และทุกครัง้
ทที่ า่ นแสดงแบบน้ี ต้องเป็นที่ซาบซึง้ ดื่มดำ�่ เหลอื ทจี่ ะพรรณนาให้ถกู ต้อง
กับความรสู้ ึกได้

ผู้เขียนซ่ึงเป็นผู้มีนิสัยหยาบจึงชอบฟังธรรมท่ีท่านแสดงแบบน้ี
มากกวา่ แบบอนื่ ๆ เพราะเหน็ วา่ ถกู กบั จรติ นสิ ยั ทห่ี ยาบของตนมาก ฉะนนั้
ทา่ นผเู้ ปน็ ตน้ เหตอุ าราธนาทา่ นดว้ ยอบุ ายวธิ ตี า่ งๆ ถงึ กบั ทา่ นไดแ้ สดงธรรม
แบบเผ็ดรอ้ นออกมานนั้ จงึ เขา้ ใจวา่ เปน็ ความแยบคายของแตล่ ะองค์จะ
หาอุบายแสดงออกตามสติปัญญาของตน ซ่ึงไม่ควรจะผิดไปทีเดียว
อาจมเี จตนาเพอ่ื ประโยชนแ์ กต่ นแฝงอยกู่ บั คำ� อาราธนานน้ั ดว้ ย ทง้ั นเี้ มอ่ื

314

มาถงึ วาระของผเู้ ขยี นไดส้ ดบั ธรรมจากทา่ นจรงิ ๆ แลว้ โดยมากไดฟ้ งั ธรรม
เด็ดเดีย่ วทีใ่ ห้เกิดความอาจหาญร่าเริง มกั จะเกิดจากวิธีเรยี นถามปญั หา
ซอกแซกกับท่านมากกว่าวิธีอ่ืนๆ ขณะท่านอธิบายธรรมก็ถูกกับจุดที่
ตอ้ งการ ซงึ่ ผดิ กบั การแสดงแบบแกงหม้อใหญ่เปน็ ไหนๆ ดงั นั้น เมอื่ อยู่
กับท่านนานๆ ไป กค็ ่อยทราบวิธแี สวงหาธรรมกับทา่ นกวา้ งขวางออกไป
ไม่รอคอยให้ท่านหยบิ ยื่นให้ถา่ ยเดียว ยังพอมีอบุ ายขอร้องตา่ งๆ พอให้
ทา่ นเมตตาบ้าง โดยมใิ ชว่ นั ประชุมแสดงธรรมตามปกติ

315

ท่านพิจารณาเห็นถ้�ำด้วยตาทพิ ย์

ท่านกับหมู่คณะราว ๓-๔ องค์เที่ยววิเวกมาพักอยู่ถ�้ำเชียงดาว
ได้ประมาณสองคืน พอต่นื เช้าคืนทสี่ ามท่านบอกว่า คนื นภ้ี าวนาปรากฏ
เห็นถ้�ำใหญ่และกว้างขวางน่าอยู่มาก อยู่บนยอดเขาสูงและชัน ถ�้ำนี้
สมยั กอ่ นๆ เคยมพี ระปจั เจกพทุ ธเจา้ ทง้ั หลายมาพกั เสมอ แตพ่ ระเราสมยั นี้
ไปอยไู่ มไ่ ดเ้ พราะสงู และชนั มาก ทง้ั ไมม่ ที โี่ คจรบณิ ฑบาต ทา่ นสงั่ ใหพ้ ระ
ขนึ้ ไปดถู ำ�้ นน้ั และกำ� ชบั วา่ กอ่ นขน้ึ ไปตอ้ งเตรยี มเสบยี งอาหารขน้ึ ไปพรอ้ ม
ทางข้ึนไม่มี ให้พยายามปีนป่ายขึ้นไปโดยถือเอายอดเขาลูกน้ันเป็น
จดุ ทหี่ มาย คอื ถำ้� ทว่ี า่ นอ้ี ยใู่ ตย้ อดเขานน้ั เอง พระและโยมไดพ้ ากนั ขน้ึ ไปดู
ตามคำ� ทท่ี า่ นบอก เมอ่ื ขนึ้ ไปถงึ แลว้ ปรากฏวา่ ถำ้� นนั้ สวยงามและกวา้ งขวาง
มากดงั ทที่ ่านวา่ จริงๆ อากาศปลอดโปร่งสบายน่าอยมู่ าก พระเกดิ ความ
ชอบใจอยากพักอยู่บ�ำเพ็ญสมณธรรมเป็นเวลานานๆ แต่จ�ำเป็นด้วยที่
โคจรบณิ ฑบาตไมม่ ี เพราะถำ�้ อยสู่ งู และหา่ งไกลจากหมบู่ า้ นมาก พอเสบยี ง
จวนหมดจำ� ต้องลงมา

เมอ่ื ลงถงึ ทพ่ี กั ทา่ นถามวา่ เปน็ อยา่ งไรถำ�้ สวยงามนา่ อยไู่ หม ผมเหน็
ในนิมิตภาวนารู้สึกว่าถ้�ำนั้นทั้งกว้างขวางและสวยงามมาก จึงอยากให้

316

หมเู่ พอื่ นขน้ึ ไปดู ใครๆ คงจะชอบกนั แนๆ่ แตก่ อ่ นผมกไ็ มไ่ ดส้ นใจพจิ ารณา
วา่ จะมสี งิ่ แปลกๆ อยใู่ นเขาลูกนี้ แตพ่ อพจิ ารณาจงึ ทราบวา่ มขี องแปลก
และอัศจรรย์อยู่ที่นี่มากมายหลายชนิด ในถ้�ำที่พวกท่านขึ้นไปดูน้ันยังมี
รกุ ขเทพอารกั ขาอยเู่ ปน็ ประจำ� ตลอดมามไิ ดข้ าด ใครไปทำ� อะไรทไี่ มส่ มควร
ในทน่ี น้ั ไมไ่ ด้ ตอ้ งเกดิ เปน็ ตา่ งๆ ขนึ้ มาจนได้ ขณะทส่ี งั่ ใหพ้ วกทา่ นขนึ้ ไปดู
ผมกล็ มื บอกวา่ ทนี่ นั้ มพี วกเทพฯ อารกั ขาอยู่ ควรพากนั สำ� รวมระวงั มรรยาท
และอาการทกุ สว่ น อยา่ ไปสง่ เสยี งออื้ องึ ผดิ วสิ ยั ของสมณะ เกรงวา่ จะเกดิ
ความไมส่ บายตา่ งๆ ขนึ้ มา เพราะความไมพ่ อใจของพวกเทพฯ ทอี่ ารกั ขา
อยใู่ นสถานทน่ี น้ั อาจบันดาลให้เป็นต่างๆ ได้

พระที่ขึ้นไปได้กราบเรียนท่านตามที่ได้ประสบมา และแสดงความ
ประสงค์อยากอย่ถู ้�ำน้ันเปน็ เวลานานๆ ทา่ นตอบวา่ แม้จะสวยงามและ
นา่ อยเู่ พยี งไรกอ็ ยไู่ มไ่ ด้ เพราะไมม่ ขี า้ วจะกนิ ดงั นอี้ าการทที่ า่ นพดู กบั พระ
ที่ไปดถู ำ้� กลบั ลงมาเป็นค�ำพูดธรรมดาๆ ประหน่ึงทา่ นเคยเหน็ ถ้ำ� นนั้ ด้วย
ตามาแลว้ หลายครงั้ ทั้งทีไ่ ม่เคยขึ้นไปเลย เพราะอยสู่ งู และชนั ขนึ้ ลง
ล�ำบากมาก แต่กลับถามว่าน่าอยู่ไหม ซึ่งเป็นค�ำพูดออกมาจากความ
แนใ่ จจริงๆ มไิ ดส้ งสัยว่าความรู้ทางด้านภาวนาจะโกหกหลอกลวงเลย

ทท่ี า่ นเตอื นพระใหพ้ ากนั สำ� รวมระวงั เวลาพกั อยใู่ นทตี่ า่ งๆ ไมเ่ ฉพาะ
เพยี งถำ้� นัน้ แหง่ เดียวนนั้ เกี่ยวกับพวกเทพฯ ท่สี ถิตอยูใ่ นทน่ี นั้ ๆ ซึ่งชอบ
ความเปน็ ระเบยี บงามตาและชอบสะอาดมาก เวลาพวกรกุ ขเทพฯ มาเหน็
อากปั กิรยิ าของพระท่ีจัดวางอะไรไวไ้ มเ่ ป็นระเบียบ เช่น การหลับนอน
ไม่มีมรรยาท นอนหงายเหมือนเปรตท้ิงเนื้อทิ้งตัว บ่นพึมพ�ำด้วยการ
ละเมอเพอ้ ฝนั ไปตา่ งๆ เหมอื นคนไมม่ สี ติ แมจ้ ะเปน็ สง่ิ ทสี่ ดุ วสิ ยั ของคน

317

นอนหลับจะรักษาได้ก็ตาม แต่พวกเทวดามีความอิดหนาระอาใจอยู่
เหมือนกัน และเคยมาเล่าให้ท่านอาจารย์ม่ันทราบเสมอ และเล่าว่า
พระซง่ึ เปน็ เพศทน่ี า่ เลอื่ มใและเยน็ ตาเยน็ ใจแกโ่ ลกทไ่ี ดเ้ หน็ ไดย้ นิ จงึ ควร
ส�ำรวมระวังกิริยามรรยาทท้ังการหลับนอนและเวลาปกติ พอเป็นความ
งามตาเยน็ ใจแก่ตนและทวยเทพ ตลอดมนุษยท์ ัง้ หลายบา้ ง ไม่แสลงตา
แสลงใจจนเกินไปเม่ือยังพอมีทางรักษาได้อยู่ ไม่อยากให้เป็นไปแบบ
ฆราวาสซ่ึงไม่มีขอบเขตหรือปล่อยไปตามยถากรรมจนเกินไป เพราะ
สิ่งเหลา่ น้ยี อ่ มอยูใ่ นวสิ ัยของพระจะท�ำได้

การมาเลา่ เรอื่ งทงั้ นมี้ ไิ ดม้ งุ่ มน่ั มาตำ� หนติ เิ ตยี นพระวา่ ไมด่ โี ดยถา่ ยเดยี ว
แตเ่ ทวดาทง้ั หลายก็มีส่วนแห่งความดีและเจตนาหวังเทิดทูนพระศาสนา
พร้อมทั้งมีความพอใจกราบไหว้พระสงฆ์ผู้มีมรรยาทอันดีประจ�ำนิสัย
ของพวกเทวดาเหมือนกนั จงึ ใคร่ขอกราบท่านเพอ่ื ไดต้ ักเตือนพระสงฆ์
ทเ่ี ป็นลูกศษิ ยไ์ ด้ตง้ั อยใู่ นทา่ สำ� รวม พอเปน็ ที่งามตาแกม่ นุษย์มนาตลอด
เทวดาอนิ ทรพ์ รหมทง้ั หลายบา้ ง เทวดาทง้ั หลายกจ็ ะพลอยมสี ว่ นเพม่ิ พนู
ความเคารพเลอื่ มใสขนึ้ อกี มากมายจากความดขี องพระทนี่ า่ เลอื่ มใส นเี้ ปน็
ค�ำของพวกเทวดามาเลา่ ถวายทา่ น

ดงั นน้ั เวลาทา่ นกบั พระลกู ศษิ ยพ์ กั อยใู่ นปา่ ในเขาลกึ ซงึ่ เปน็ ทสี่ ถติ
ของพวกรกุ ขเทวดา ทา่ นจงึ คอยเตอื นพระอยเู่ สมอเกย่ี วกบั การวางบรขิ าร
เครื่องใชส้ อยตา่ งๆ ใหเ้ ปน็ ระเบยี บเรยี บรอ้ ย ตลอดผ้าเช็ดเทา้ ท่านกส็ ่งั
ใหพ้ บั และเกบ็ ไวอ้ ยา่ งเปน็ ระเบยี บ ไมใ่ หท้ งิ้ ระเกะระกะ การขบั ถา่ ยกใ็ ห้
เปน็ ทเี่ ปน็ ทาง และกำ� หนดทศิ ทางวา่ ควรจะทำ� สว้ มสำ� หรบั ถา่ ยในทเี่ ชน่ ไร
บางครงั้ ทา่ นกส็ ง่ั พระตรงๆ เลยวา่ ไมใ่ หไ้ ปทำ� สว้ มหนกั สว้ มเบาทางทศิ นนั้

318

หรอื ตน้ ไมน้ นั้ เพราะพวกเทวดาทสี่ ถติ อยหู่ รอื เทวดามาทางทศิ นนั้ จะรงั เกยี จ
และยกโทษเอาดังนี้กม็ ี

ถ้าเป็นพระที่รู้เร่ืองของพวกเทวดาได้ดีอยู่แล้ว ก็ไม่หนักใจที่ท่าน
อาจารย์ต้องบอกกล่าวเพราะท่านองค์น้ันย่อมทราบวิธีปฏิบัติต่อเทวดา
โดยถกู ตอ้ ง และพระทเ่ี ปน็ ลกู ศษิ ยท์ า่ นพระอาจารยม์ นั่ มคี วามสามารถใน
ทางนอ้ี ยไู่ มน่ อ้ ย เปน็ แตค่ วามรขู้ องทา่ นเปน็ ประเภทปา่ ๆ จงึ ไมอ่ าจแสดง
ตวั อยา่ งเปดิ เผย กลวั นกั ปราชญจ์ ะหวั เราะเยาะ เราพอทราบไดเ้ วลาทา่ น
สนทนากนั เร่ืองเทวดาประเภทและภูมิต่างๆ กันมาเยีย่ มท่าน เขามเี รอื่ ง
อะไรบ้างมาสนทนาหรือถามปัญหาท่านๆ น�ำมาเลา่ สกู่ นั ฟงั เราก็พลอย
ทราบภมู ิจติ ใจท่านทเี่ ก่ียวกบั ทางน้ีไปดว้ ย

ในถำ�้ เชยี งดาวซง่ึ มใิ ชถ่ ำ�้ ยาวเขา้ ไปในกลางเขาทปี่ ระชาชนชอบเขา้ ไป
เท่ยี วกันเปน็ ประจำ� แต่เป็นถ้�ำหน่ึงทีส่ ูงขึน้ ไปกว่าถำ้� ทท่ี ่านพักอยู่ ทา่ นวา่
ในถ้�ำที่ท่านพักมีพญานาคตนหน่ึงรักษาถ�้ำอยู่เป็นประจ�ำมาเป็นเวลานาน
แต่รู้สึกจะเป็นพญานาคมิจฉาทิฐิ จึงชอบยกโทษพระไม่มีประมาณแห่ง
ความพอดี ขณะท่านพักอยู่ถ�้ำนั้นถูกพญานาคตนน้ันต�ำหนิติเตียนด้วย
เรอ่ื งต่างๆ อยเู่ ป็นประจำ� เวลาแผ่เมตตาสว่ นกศุ ลใหก้ ็รสู้ กึ วา่ รับได้ยาก
คงจะเคยมีกรรมกับพระมานานยังไม่จบส้ินลงได้ ขณะท่านพักอยู่ท่ีน้ัน
จึงยกโทษอยู่เป็นประจ�ำแทบทุกอิริยาบถแม้ขณะหลับ ตอนกลางคืน
เวลาทา่ นใสร่ องเทา้ เดนิ จงกรมมเี สยี งดงั บา้ งกว็ า่ สมณะอะไรเดนิ จงกรมมี
เสยี งดงั ราวกะเสยี งมา้ แขง่ ไมส่ ำ� รวมระวงั บา้ งเลย เสยี งรองเทา้ กระทบดนิ
และหนิ กระเทือนท่ัวภูเขา ไมค่ ิดว่าใครจะมคี วามล�ำบากรำ� คาญบ้างเลย
ดงั นี้ ทง้ั ทท่ี า่ นกเ็ ดนิ ไปมาอยา่ งเบาๆ ในทา่ สำ� รวมของผบู้ ำ� เพญ็ ธรรม ไมผ่ ดิ
ไปจากปกตธิ รรมดาเลย

319

พอท่านทราบว่าพญานาคยกโทษก็พยายามระวังเดินเบาๆ ก็ยังถูก
ว่าอีกว่าสมณะอะไรเดินจงกรมราวกับเขาด้อมจะยิงนก บางคร้ังเท้า
ท่านไปสะดุดหนิ ทางจงกรมมเี สียงดังตบุ๊ ตั๊บบา้ งเทา่ นน้ั ก็วา่ สมณะอะไร
เดินจงกรมราวกับเขาเต้นร�ำระบ�ำโป๊ โขยกเขยกไม่ส�ำรวมระวังบ้างเลย
บางคราวท่านตกแต่งทางจงกรมพอเดินได้สะดวก ไม่ขรุขระเกินไป
พอยกหินก้อนน้ันมาวางยกก้อนน้ีมาวางเรียงรายตามทางจงกรม ก็ว่า
สมณะอะไรไมส่ ำ� รวมจบั โนน้ โยนนอ่ี ยไู่ มเ่ ปน็ สขุ ไมค่ ดิ วา่ ศรี ษะใครจะแตก
เพราะความกระทบกระเทอื นจากความอยู่ไมเ่ ป็นสุขของตน ไมว่ ่าการไป
การมา การเขา้ การออกในบรเิ วณนนั้ ทา่ นตอ้ งทำ� ความระมดั ระวงั เปน็ พเิ ศษ
แม้เช่นนั้นยังต้องได้รับความต�ำหนิจากพญานาคตัวมิจฉาทิฐิจนได้
ตอนกลางคืนท่านพักจ�ำวัดขณะหลับไป อวัยวะส่วนต่างๆ อาจไหวติง
ไปบา้ ง พอตน่ื นอนขนึ้ มาความรสู้ กึ ทบ่ี นั ทกึ ไวโ้ ดยตลอดกบ็ อกวา่ พญานาค
ตำ� หนวิ า่ ทา่ นนอนทำ� เสยี งตกุ ตกิ บา้ ง เสยี งหายใจฟดู ฟาดบา้ ง เสยี งกรนบา้ ง
ร้อยแปด

ขณะท่านก�ำหนดจิตดูพญานาคตนข้ีโมโหและแสนยกโทษเก่งทีไร
ปรากฏว่าโผล่ศีรษะออกมาคอยจ้องมองท่านอยู่เป็นประจ�ำ ประหน่ึง
ไม่ยอมพลิกสายตาไปท่ีอ่ืนเลย ถ้าเป็นคนก็หน้าเสือใจยักษ์ ท่านว่า
ไม่ยอมรับส่วนบุญจากใครเลย ตั้งหน้าสร้างแต่ความโมโหโทโสอันเป็น
ไฟเผาตัวอยู่ตลอดเวลา ทา่ นเองก็เมตตาสงสารกลัวพญานาคตนนั้นจะ
เป็นบาปกรรมหนักเข้าทุกที แต่ก็สุดวิสัยที่จะอนุเคราะห์ได้ในระยะน้ัน
เพราะเธอไมม่ าสนใจในเหตุผลอรรถธรรมเอาเลย มีแตค่ อยยกโทษอยู่
ท่าเดยี ว

320

บางครง้ั ทา่ นกเ็ ตอื นเธอใหท้ ราบเรอ่ื งของสมณะบา้ ง เฉพาะอยา่ งยง่ิ
ท่านอธิบายเร่ืองขององค์ท่านเองให้พญานาคทราบว่า ท่านมิได้มาเพื่อ
กอ่ กรรมทำ� เขญ็ แกผ่ หู้ นงึ่ ผใู้ ด นอกจากมาบำ� เพญ็ ประโยชนต์ นและประโยชน์
ผู้อ่ืนอย่างเต็มก�ำลังความสามารถท่ีจะท�ำได้เท่าน้ัน ท่านไม่ควรติดใจ
ใฝ่ต�่ำวา่ อาตมาจะมาท�ำความเดือดรอ้ นเสียหาย แตพ่ ยายามท�ำความดี
ทกุ ขณะทร่ี ะลกึ ได้ ผลบญุ ทบี่ ำ� เพญ็ มามากนอ้ ยกไ็ ดแ้ ผไ่ ปยงั สตั วท์ งั้ หลาย
ไม่มีประมาณ ท่านเป็นผู้หนึ่งในจ�ำนวนสัตว์โลกที่ควรจะได้รับส่วนบุญ
ที่อาตมาแผ่อุทิศให้ จึงไม่ควรเดือดร้อนเสียใจว่าอาตมาจะมารบกวน
ความสขุ ท่คี วรจะได้

การเคลอื่ นไหวตา่ งๆ กเ็ ปน็ เรอื่ งธรรมดาของคนทย่ี งั เปน็ อยู่ ซงึ่ ทวั่ โลก
จะตอ้ งมกี ารพลกิ ไปเปลยี่ นมา นอกจากคนตายและสตั วต์ ายแลว้ เทา่ นน้ั
จะไม่มกี ระดุกกระดกิ อาตมาแม้เปน็ สมณะซึ่งเป็นเพศทส่ี ำ� รวม แต่มไิ ด้
ส�ำรวมแบบคนตาย เพราะลมหายใจยังมีอยู่จึงจ�ำต้องสูดเข้าสูดออก
คอ่ ยบา้ งแรงบา้ ง ขณะหลบั ลมหายใจกย็ งั ทำ� งานและรา่ งกายทกุ สว่ นยงั ทำ� งาน
เชน่ กนั ซงึ่ จำ� ตอ้ งมเี สยี งอยบู่ า้ งเปน็ ธรรมดา ขณะตน่ื นอนออกเดนิ จงกรม
และท�ำกจิ ธุระบางอย่าง ก็ยอ่ มทราบว่าทำ� งานและจ�ำต้องมเี สยี งเช่นกัน
แต่ก็มิได้เลยขอบเขต ท่านเคยเห็นสมณะท่ีไหนบ้างท่ีไม่มีการกระดุก
กระดิก ยนื แข็งโด่อยู่ราวกับของตาย เขา้ ใจวา่ คงไม่มีในโลกมนุษย์เรา

การเดินจงกรมก็พยายามค่อยเดินค่อยไปในท่าส�ำรวม แต่ก็อดถูก
ตำ� หนิจากท่านไม่ได้ วา่ เดนิ ราวกับม้าแข่งเป็นตน้ ความจริงแลว้ ม้าแขง่
ซึ่งเป็นเพียงสัตว์เดียรัจฉาน กับสมณะผู้มีศีลส�ำรวมเดินจงกรมด้วย
ทา่ ระวงั ตัง้ สตนิ ัน้ ผดิ กนั ราวฟ้ากับดิน ทา่ นไมค่ วรนำ� มาเปรยี บเทยี บกัน

321

ถา้ ไมใ่ ชผ่ อู้ าภพั ในความดที ง้ั หลาย หมายยดึ เอานรกเปน็ เรอื นนอนเทา่ นน้ั
อาตมากส็ ดุ วสิ ยั ทจ่ี ะปฏบิ ตั ใิ หถ้ กู ใจไปเสยี ทกุ อยา่ งทงั้ ทไ่ี มถ่ กู ทาง ถา้ ทา่ น
ยงั หวงั ความสขุ ความเจรญิ เหมอื นโลกทง้ั หลาย ทา่ นกค็ วรสำ� นกึ ในความ
ผดิ ถูกช่วั ดีของตนบา้ ง จะไมห่ าบแต่นรกเข้าไปเผาใจตลอดเวลา ยังจะ
มที างออกบา้ ง

การต�ำหนิติเตียนผู้อื่นแม้เขาจะเป็นผู้ผิดจริง ยังจัดว่าเป็นการ
ก่อกวนจิตใจตนให้ขุ่นมัวไปด้วยอยู่นั่นเอง เฉพาะการเคล่ือนไหวของ
อาตมายังมองไม่เห็นว่าได้ผิดพลาดจากหลักของสมณะไปท่ีตรงไหนบ้าง
แต่ก็ได้รับความต�ำหนิจากท่านเรื่อยมา ท่านนะถ้าเป็นคนก็น่าจะอยู่กับ
โลกเขาไมไ่ ด้ คงจะเหน็ โลกเปน็ มลู แหง้ มลู สดไปหมด แตจ่ ะสำ� คญั ตนวา่
เปน็ ทองทัง้ แท่งท่จี ะคละเคล้ากับโลกทเ่ี ตม็ ไปดว้ ยมลู ไมไ่ ด้ เพราะความ
เดือดร้อนวุ่นวายของใจท่ีคิดแต่เร่ืองยกโทษผู้อ่ืนจนอยู่ไม่เป็นสุข
การยกโทษผอู้ น่ื โดยไมม่ ขี อบเขตนกั ปราชญถ์ อื วา่ เปน็ ความผดิ และเปน็
บาปกรรมไมม่ ชี นิ้ ดเี ลย สำ� หรบั ทา่ นทำ� ไมจงึ ชอบแสวงยง่ิ นกั โดยไมส่ นใจ
คิดว่าสร้างบาปหาบทุกข์ใส่ตัว ดังท่านต�ำหนิอาตมา แต่อาตมาไม่เป็น
ทกุ ขเ์ ลย สว่ นทา่ นรสู้ กึ กระวนกระวายสา่ ยแสอ่ ยภู่ ายในไมเ่ ปน็ สขุ เมอื่ ผล
กเ็ หน็ ๆ กนั อยปู่ ระจกั ษใ์ จ แตท่ ำ� ไมจงึ ไมท่ ราบวา่ ความคดิ นนั่ เปน็ ทางแหง่
ความผดิ

ทา่ นคดิ อะไรออกมาอาตมาทราบอยอู่ ยา่ งเตม็ ใจ พรอ้ มทงั้ ใหอ้ ภยั อยู่
ตลอดมา แตท่ า่ นกย็ งั ตงั้ หนา้ ตงั้ ตาสรา้ งเอาๆ ในบรรดากรรมทง้ั หลายทจ่ี ะ
เผาผลาญตัวให้ฉิบหายย่อยยับ ท่านช่างเป็นนิสัยไม่เบ่ือในบาปกรรม
เอาเลย ถ้าเป็นโรคก็สุดก�ำลังยาจะตามแก้ไขให้หายได้ อาตมาเองได้

322

พยายามแก้ไขอยู่ภายใน และอนุเคราะห์สัตว์ร่วมโลกมากมายหลาย
จ�ำพวกมาเป็นเวลานาน มนุษย์และเปรตผีเทวบุตรเทวดาอินทร์พรหม
ยมยักษ์ตลอดพญานาค ท่ีมีฤทธาศักดานุภาพมากกว่าท่านเป็นไหนๆ
ทา่ นเหลา่ นนั้ ยงั ยอมรบั ความจรงิ จากธรรมของพระพทุ ธเจา้ ไมม่ ใี ครยกโทษ
โกรธเคืองว่าธรรมไมด่ ี ยงั ยอมรบั นับถอื กันท่ัวโลกธาตุ

แต่มาประหลาดเฉพาะท่านเพียงผู้เดียวที่เป็นสัตว์โลกที่แปลกและ
พสิ ดารอยไู่ มน่ อ้ ย ไมย่ อมรบั ความจรงิ จากอะไรเอาเลย สง่ิ ทที่ า่ นยอมรบั
และชอบใจไมม่ วี นั อมิ่ พอน้นั คือการตเิ ตียนยกโทษโกรธกร้ิวผ้อู ่ืนท่ีไมม่ ี
ความผดิ สง่ิ นที้ า่ นเขา้ ใจวา่ เปน็ ความรงุ่ เรอื งสำ� หรบั ทา่ น จงึ พยายามสง่ั สม
ไม่ยอมลดละปล่อยวาง ฉะนั้น คติของท่านจึงไม่มีนักปราชญ์ท่านใด
ยนื ยนั รบั รองไดว้ า่ ปลอดโปรง่ โลง่ ใจ ในเวลาทา่ นถา่ ยคราบจากภพทก่ี ำ� ลงั
อาภพั อยขู่ ณะนแ้ี ลว้ จะเปน็ ผผู้ อ่ งใสไรท้ กุ ขไ์ มม่ บี าปกรรมตดิ ตวั อาตมา
ตอ้ งขออภยั ทไ่ี ดต้ ดั สนิ ใจพดู กบั ทา่ นอยา่ งตรงไปตรงมาตามหลกั ธรรมดว้ ย
ความหวงั ดี มิได้มีส่งิ เปน็ พษิ มาแอบแฝงเลย นอกจากท่านจะคิดเอาเอง
ตามชอบใจเท่าน้นั กส็ ุดวิสยั จะทำ� ตามได้ทกุ สงิ่ ซงึ่ อาจไมค่ วรก็มี

นับแต่ขณะแรกท่ีอาตมามาพักอยู่ท่ีนี่ ได้พยายามท�ำความระวัง
สำ� รวมทง้ั กจิ ภายนอกการภายในไมป่ ระมาท เพราะทราบดวี า่ ทา่ นมาประจำ�
อยู่สถานที่นี้ เกรงว่าจะไม่ได้รับความสะดวกใจ และก็ทราบด้วยดีว่า
ท่านเป็นสัตว์โลกท่ีมีนิสัยหนักไปในทางชอบแสวงหาโทษผู้อื่นมาเป็น
ความพอใจ แมเ้ ชน่ นนั้ กไ็ มพ่ น้ จากการถกู มองไปในแงผ่ ดิ ๆ ตอ้ งมาเจอเอา
จนได้ ส�ำหรับอาตมามีความสุขใจโดยสม่�ำเสมอ แม้จะถูกต�ำหนิอยู่
ทุกขณะท่ีเคลื่อนไหว แต่เกรงท่านผู้ต�ำหนิเสียเองจะเป็นบาปหาบทุกข์

323

เพราะขวนขวายอยู่ทุกขณะจิตท่ีแสดงออก อาตมามิได้มาแสวงหาบาป
หาบกรรมอันเลวทราม จึงแน่ใจว่าเป็นผู้บริสุทธิ์ทางการแสดงออกทุก
ประตู และไมก่ ลัวบาปกรรมวา่ จะมที างติดตามได้

นักปราชญ์ทั้งหลายนับแต่เร่ิมแรกแยกสมมุติออกมาเป็นโลก
เปน็ ธรรม ท่านมคี วามยินดแี ละชมเชยในกุศลผลบญุ ทั้งหลาย ทัง้ ทที่ า่ น
สรา้ งขนึ้ เองและผอู้ นื่ สรา้ งขนึ้ เพอ่ื เปน็ ความรม่ เยน็ แกต่ น และทำ� การอบรม
สงั่ สอนโลกใหม้ คี วามชน่ื บานหรรษาในความดตี ลอดมาจนถงึ สมยั ปจั จบุ นั
แต่ท่านเองท�ำไมจึงมีความเห็นผิดแปลกและแหกคอกลอกความดี
ออกจากตัว และกลับเมามวั มว่ั สมุ ในส่งิ ช่ัว เกลยี ดกลัวความดีจนฝงั ใจ
โดยไมส่ นใจระลกึ ตนบา้ งเลย อาตมาเองแมไ้ มใ่ ชผ่ เู้ สวยกรรมแทนท่าน
แตก่ ลวั ความทกุ ขม์ หนั ตแ์ ทนทา่ น ผจู้ ะรบั เสวยผลทนทกุ ขอ์ ยมู่ าก จงึ ไมอ่ ยาก
ให้ท่านคิดในสิ่งท่ีไม่เป็นมงคลแก่ตน เพราะความไม่ดีที่ท�ำทุกประเภท
ล้วนเป็นส่ิงมีอ�ำนาจอาจบันดาลผู้ท�ำให้กลายเป็นผู้ไร้สารคุณโดยส้ินเชิง
แต่สิ่งไม่พึงปรารถนาจะกลายมาเป็นส่ิงทรมานอย่างไม่คาดฝัน สิ่งนั้น
อาตมากลวั มากกวา่ สง่ิ ใดๆ ในโลก ความแกเ่ จบ็ ตายทโ่ี ลกกลวั กนั แตอ่ าตมา
มิไดก้ ลวั มากเท่ากลวั บาปกลัวกรรม

การบวชเป็นพระตามหลักธรรมวินัยของพระพุทธศาสนา นับว่า
เป็นการทรมานใจ ทรมานสันดานของคนมีกิเลสที่ชอบในส่ิงที่หลัก
ศาสนาไม่ชอบ แต่กลับไม่ชอบในส่ิงท่ีหลักศาสนาส่ังสอนให้ชอบได้
เปน็ อย่างดี ความลำ� บากเพราะการฝนื กเิ ลสอาตมาก็ทราบ แตก่ จ็ �ำต้อง
เขา้ มาบวชเพอื่ ทรมานหัวใจตวั เอง การปฏิบัติตามพระธรรมวินยั ทราบว่า
ลำ� บากทกุ ระยะทฝ่ี นื ทรมาน แตก่ จ็ ำ� ตอ้ งทรมานเพราะอยากดี และอยาก

324

หลดุ พ้นจากกรรมอันลามก คอื กเิ ลสตวั ไม่ยอมลงรอยเหตผุ ลและอรรถ
ธรรมของพระพุทธเจ้า

แมก้ ารมาพักบำ� เพ็ญประพฤติตัวเปน็ คนเหลอื เดน ไม่คดิ คุณค่าใน
ชวี ติ อยใู่ นถำ้� เวลาน้ี เพราะกลวั บาปกลวั กรรมนน่ั แล มใิ ชก่ ลวั อะไรทไี่ หน
และมไิ ดม้ าหวงั ทำ� ลายหรอื เบยี ดเบยี นทา่ นผใู้ ดใหล้ ำ� บาก แมส้ ตั วท์ กุ ประเภท
ในแหล่งแหง่ ไตรภพ อาตมากเ็ คารพไมด่ ูถูกเหยยี ดหยาม โดยถอื ว่าเปน็
เพอ่ื นผทู้ รงชพี อยดู่ ว้ ยกรรมของตนเชน่ เดยี วกนั และมคี ณุ คา่ ความเปน็ อยู่
เทา่ เทยี มกนั ไดบ้ ำ� เพญ็ จติ แผส่ ว่ นกศุ ลใหค้ วามเสมอภาค และความอยู่
เป็นสุขโดยท่ัวกันตลอดมาไม่เลือกกาลสถานที่ มิได้เย่อหยิ่งจองหอง
และล�ำพองตวั วา่ เป็นมนษุ ยแ์ ละเป็นนักบวชท่มี ชี าติและเพศอันสูงกวา่
เพอ่ื นสตั วผ์ เู้ กดิ แกเ่ จบ็ ตายทงั้ หลาย ทา่ นกเ็ ปน็ สตั วโ์ ลกผหู้ นงึ่ ทอ่ี ยใู่ นขา่ ย
แห่งกรรมอันเดียวกนั จึงควรสำ� นึกในดีชัว่ สุขทกุ ขท์ มี่ ีอยกู่ ับตัวตลอดมา

การยกโทษผอู้ ื่นโดยขาดความไตรต่ รองนัน้ ไม่มีอะไรดขี นึ้ พอไดร้ บั
ประโยชน์บา้ งเลย นอกจากเปน็ การสั่งสมโทษและบาปกรรมใสต่ นให้ได้
รบั ความทกุ ขไ์ มม่ วี นั สนิ้ สดุ เทา่ นนั้ จงึ ควรสลดสงั เวชตอ่ ความผดิ ของตน
แล้วงดความรู้ความเห็นชนิดเป็นภัยแก่ตนเสีย ก็จะกลายเป็นผู้ดีมีหวัง
สุคตเิ ป็นที่ไปในเบอื้ งหนา้ ใจท่เี คยเหยี้ มโหดโกรธกร้ิวกจ็ ะมวี นั สงบเยน็
เวลาถ่ายภพถ่ายชาติเกิดในภพใหม่ชาติใหม่ก็มีหวังผลเป็นก�ำไร คือ
ความสุขเปน็ สมบตั ิ ไม่ลม่ จมระงมทุกขไ์ ปตลอดกาล

อนึ่ง ไม่ว่าใจคนใจสัตว์ ใจเทวบุตรเทวดาอินทร์พรหมยมยักษ์ใน
แหล่งโลกธาตุ ยอ่ มมคี วามร้สู กึ รกั สขุ เกลยี ดทกุ ข์ และไมต่ ำ� หนิธรรมว่า

325

เป็นข้าศึกต่อตัวเองแม้ปฏิบัติไม่ได้ เพราะธรรมเป็นธรรมชาติล�้ำเลิศใน
ไตรภพมาดง้ั เดมิ ถา้ พอมที างปฏบิ ตั หิ รอื เกย่ี วขอ้ งไดเ้ ทา่ ทก่ี ำ� เนดิ และฐานะ
อำ� นวยบา้ ง สตั วโ์ ลกยอ่ มพอใจในธรรมเชน่ เดยี วกบั สตั วผ์ มู้ กี ำ� เนดิ ทคี่ วร
แกธ่ รรมอยแู่ ลว้ เชน่ มนษุ ยเ์ ปน็ ตน้ สว่ นทา่ นกเ็ ปน็ ผหู้ นงึ่ ในจำ� นวนสตั วโ์ ลก
ผรู้ ดู้ ชี วั่ อยา่ งเตม็ ใจ พอจะพจิ ารณาเลอื กเฟน้ ถอื เอาประโยชนไ์ ดเ้ ทา่ ทค่ี วร
แต่แล้วท�ำไมจึงกลายเป็นคนละคนและคนละโลกไปได้ อาตมาเองก็
แปลกใจท่ีท่านไปพอใจและกอบโกยเอาสิ่งท่ีนักปราชญ์ทั้งหลายเกลียด
กลวั กนั และชอบตำ� หนสิ ิ่งที่นักปราชญท์ า่ นชมเชย

ค�ำว่าความทุกข์ท่านเองท้ังทราบท้ังเกลียดกลัว แต่สาเหตุท่ีจะให้
เกิดทุกข์ท่านท�ำไมจึงพอใจส่ังสมเอานักหนา คือการท�ำความพยายาม
ยกโทษผอู้ น่ื นกั ปราชญท์ า่ นวา่ เปน็ การสรา้ งเหตแุ หง่ ความทกุ ขน์ บั แตน่ อ้ ย
ไปถงึ มากจนถงึ ขนั้ มหนั ตทกุ ข์ นเี้ ปน็ กจิ ประจำ� ตวั ทา่ นทที่ ำ� อยทู่ กุ ขณะอยา่ ง
ไม่นึกละอายบาป และอาจไม่สนใจว่าอาตมาจะทราบ แต่อาตมาทราบ
ทุกระยะที่ท่านคิดไม่ดี และให้อภัยท่านตลอดมา มิได้ถือโกรธถือโทษ
อะไรเลย นอกจากสงสารท่านท่กี ำ� ลงั เดินทางผดิ เทา่ นัน้ จึงได้ตดั สนิ ใจ
แสดงความจริงให้ทราบไม่ปิดบัง หากจะพอเกิดประโยชน์แก่ท่านบ้าง
อาตมากพ็ ลอยยนิ ดีอนุโมทนาดว้ ย สำ� หรบั อาตมาเองไม่มโี ทษทกุ ข์ใดๆ
เกิดขึ้นแก่ตัวเองจากความคิดดีช่ัวของท่านเป็นต้นเหตุ เพราะมิได้เป็น
ผ้กู ่อขึน้ และเก็บสั่งสมไว้ในใจ มีแต่ความสงบสขุ และความสงสารท่เี กดิ
จากการบ�ำเพญ็ มาเปน็ เรือนอยขู่ องใจเท่าน้ัน

ขณะทที่ า่ นอธบิ ายธรรมในแงต่ า่ งๆ ใหพ้ ญานาคฟงั เธอมไิ ดต้ อบรบั
คำ� ทา่ นแมป้ ระโยคหนึง่ เลย แตม่ ีความคิดแทรกขน้ึ มาในระหวา่ ง ซึง่ พอ

326

เปน็ ประโยชนแ์ กเ่ ธอบา้ งวา่ สมณะนพี้ ดู มเี หตผุ ลนา่ ฟงั แตเ่ รายงั ไมส่ ามารถ
ปฏบิ ตั ติ ามทา่ นไดใ้ นระยะน้ี เพราะยงั มคี วามยนิ ดใี นวสิ ยั ของตนอยู่ จนกวา่
จะผา่ นพ้นจากภพนี้ไปแล้วจึงจะสนใจปฏิบตั ิ สมณะนม้ี สี ่ิงทีน่ ่าเกรงขาม
อยมู่ าก สง่ิ ทไ่ี มน่ า่ รนู้ า่ เหน็ กร็ เู้ หน็ ได้ ความคดิ ทเี่ ราคดิ ขน้ึ โดยลำ� พงั ทำ� ไม
สมณะนที้ ราบได้ เราอยใู่ นสถานทลี่ กึ ลบั ทำ� ไมสมณะนเี้ หน็ ได้ เราคดิ อะไร
สมณะนท้ี ราบไดโ้ ดยตลอด พระทเ่ี คยมาพกั อยใู่ นถำ้� นเ้ี ปน็ จำ� นวนมากมาย
แต่ไม่เห็นว่าองค์ใดทราบว่าเราคิดอยา่ งไรบา้ ง เราอยอู่ ยา่ งไรบ้าง ซึ่งนับ
แตเ่ รามาอยทู่ นี่ กี่ น็ านแสนนาน พระบางองคถ์ งึ ตอ้ งหนไี ปเพราะเราขบั ไล่
ดว้ ยอบุ ายตา่ งๆ ใหท้ า่ นอยไู่ มไ่ ด้ (ตอนนที้ า่ นพระอาจารยม์ นั่ วา่ พญานาค
พ่นพษิ ให้พระทีม่ าพกั อยู่มอี ันเปน็ ไปตา่ งๆ จนทนอยูไ่ มไ่ ด้จำ� ต้องหนไี ป)

แตส่ มณะนที้ ำ� ไมรเู้ หน็ เอาเสยี ทกุ อยา่ งกระทง่ั ความคดิ นกึ และยงั รู้
ไปตลอดทเ่ี ราคดิ ตา่ งๆ แมข้ ณะกำ� ลงั หลบั สนทิ อยยู่ งั สามารถรแู้ ละนำ� มา
เล่าได้โดยถูกต้อง ประหน่ึงไม่หลับเลย แต่เราท�ำไมจึงมีทิฐิมานะไม่มี
แก่ใจท่ีจะยอมรับนับถือและปฏิบัติตามที่สมณะนี้สั่งสอนบ้าง เราคงมี
กรรมหนามากดังท่านว่าไม่ผดิ แน่ เวลาฟังสมณะอธบิ ายกจิ วัตรที่ทา่ นทำ�
ประจำ� วนั มไิ ด้มีเจตนาเพ่อื ความกระทบกระท่ังเรา ทงั้ ๆ ทท่ี า่ นเหน็ และ
ทราบความคดิ ชวั่ ลามกของเราอยตู่ ลอดมา เราเกดิ มาชาตกิ อ็ าภพั แมใ้ จ
ก็ยังอาภัพอีก ทั้งที่รู้ดีชั่วอยู่อย่างเต็มใจดังสมณะว่าไม่ผิด เวลาเกิด
ชาตหิ น้ากค็ งจะเปน็ ผู้อาภพั อยู่ท�ำนองน้ี ไม่มวี นั สน้ิ กรรมไดเ้ ลย

อีกพักหนึ่งท่านก็ถามพญานาคว่า เป็นอย่างไรบ้างที่อาตมาอธิบาย
ธรรมใหฟ้ งั พอเขา้ ใจบา้ งหรอื เปลา่ เธอตอบทา่ นวา่ เขา้ ใจไดด้ ที กุ ประโยค
ทท่ี า่ นเมตตาโปรดสตั วผ์ อู้ าภพั แตต่ วั ผมเองมกี รรมหนามาก คงยงั ไมเ่ บอื่

327

ความอาภพั ของตน จงึ กำ� ลงั ถกเถยี งกบั ตวั เองอยเู่ วลานี้ ยงั ไมล่ งรอยกนั
ไดเ้ ลย ใจคอยแตจ่ ะไหลลงทางตำ่� ทเ่ี คยเปน็ มาอยเู่ รอื่ ยๆ ไมย่ อมฟงั เสยี ง
อรรถธรรมท่นี �ำมาพร่ำ� สอนบ้างเลย ท่านถามวา่ ใจชอบไหลลงทางต�่ำนนั้
ไหลลงอย่างไร เธอตอบว่า ก็ใจชอบแต่จะยกโทษท่านอยู่ทุกขณะที่
เผลอตัวทั้งที่ท่านไม่มีความผิดอะไรเลย แต่ใจมันก็ชอบคิดของมัน
อย่างนั้น ไม่ทราบจะปฏิบัติอย่างไรถึงจะพอดีและเห็นโทษในความผิด
เสยี บา้ ง พอมที างเดนิ เพือ่ ความดีต่อไปได้

ท่านตอบว่าทุกสิ่งที่เห็นว่าเป็นโทษจริงๆ ด้วยความสนใจคิดอ่าน
ไตรต่ รอง ใจกย็ อ่ มจะเพกิ ถอนเสอ่ื มคลายในสงิ่ นนั้ ไมก่ ำ� เรบิ ลำ� พองตอ่ ไป
แต่ถา้ ใจยงั ฝักใฝ่ไยดี โดยเข้าใจว่าสงิ่ น้นั ยังเปน็ คุณ กย็ อ่ มจะสนใจใคร่
คดิ ผลติ โทษขน้ึ เผาผลาญตนอยเู่ รอ่ื ยๆ ไมม่ ที างลดหยอ่ นผอ่ นคลายลงได้
แนน่ อน และนบั วนั ทใี่ จจะทำ� ความลามกโสมมแกต่ นอยา่ งไมม่ ที างชว่ ยได้
ถา้ ไมร่ บี แกไ้ ขเสยี บดั นเี้ ปน็ ตน้ ไป อาตมากเ็ ปน็ เพยี งผแู้ นะแนวทางใหบ้ า้ ง
เลก็ นอ้ ยเทา่ นนั้ ไมอ่ าจทำ� หนา้ ทแี่ กไ้ ข หรอื ถอดถอนแทนทา่ นได้ การแกไ้ ข
ดัดแปลงจึงเป็นหน้าท่ีของท่าน ผู้รับผิดชอบตัวเองจะท�ำความพยายาม
เต็มก�ำลังความสามารถไม่ลดละท้อถอย ส่ิงที่เคยเป็นภัยก็จะค่อย
ลดตวั ลง สง่ิ ที่เป็นคุณจะมีทางเจรญิ ได้และลบลา้ งกนั ไป จนกลายเป็น
ความดลี ้วนๆ ไมม่ ีสงิ่ ช่ัวเข้ามาแอบแฝงแทงใจตอ่ ไป

ถ้าท่านเชื่อธรรมของพระพุทธเจ้าที่เคยช่วยโลกให้พ้นจากทุกข์ภัย
ตลอดมา ทา่ นกจ็ ะเปน็ ผมู้ ธี รรมคมุ้ ครองใจ ใจทม่ี ธี รรมคมุ้ ครองหลบั นอน
และตน่ื ยอ่ มเปน็ สขุ ไมก่ ระวนกระวายสา่ ยแส่ มตี นเสมอภาคตอ่ สง่ิ ทงั้ ปวง
ไมช่ มสงิ่ นนั้ วา่ ดี ไมต่ ำ� หนสิ ง่ิ นว้ี า่ ชว่ั จนตวั เองตอ้ งเปน็ ทกุ ขไ์ ปตาม ซงึ่ ไมใ่ ช่
ทางนกั ปราชญท์ ่านดำ� เนินกัน

328

พอจบการสนทนา เธอรบั คำ� ทา่ นวา่ จะพยายามทำ� ตามทท่ี า่ นแนะนำ�
หลังจากนน้ั ท่านเองก็ท�ำความเพยี รไปและสังเกตเธอไป ผลปรากฏว่าดี
ขึ้นบ้างตอนที่ขณะจิตเธอซ่ึงคอยจะยกโทษท่านบ่อยๆ ปรากฏข้ึนมา
ตามนสิ ยั เธอคอยทำ� ความกวดขนั ตวั เองอยเู่ รอื่ ยๆ ไมป่ ลอ่ ยตวั ดงั ทเี่ คย
เปน็ มานกั แตก่ ร็ สู้ กึ วา่ เปน็ ความลำ� บากไมน่ อ้ ย เมอื่ ทา่ นเหน็ ความลำ� บาก
ในการรกั ษาจติ ของพญานาคทคี่ อยจะคดิ ไมด่ อี ยเู่ รอ่ื ยๆ ทา่ นเลยหาอบุ าย
ลาเธอไปเท่ียวทอ่ี ่นื ซง่ึ เธอกย็ ินดใี ห้ท่านไป เรอ่ื งพญานาคกับทา่ นจึงเปน็
อนั ยตุ ิลงเพยี งแคน่ ้ี

หลังจากน้ัน ท่านเลยถือเอาเร่ืองพญานาคเป็นเหตุอธิบายธรรม
เกยี่ วกบั นสิ ยั ของคนและสตั วต์ อ่ ไปอกี เพอ่ื เปน็ ประโยชนแ์ กผ่ นู้ ง่ั ฟงั บา้ ง
ไม่เสียเวลาไปเปลา่ อันนบั วา่ เป็นคตไิ ด้ดี จึงไดน้ ำ� มาลงเพ่ือท่านผ้อู ่าน
นำ� ไปพจิ ารณา ถือเอาเปน็ คตเิ ทา่ ทคี่ วรแกจ่ ริตนิสัยของตน

ท่านว่า “ดีช่ัวมิได้เกิดข้ึนมาเอง แต่อาศัยการท�ำบ่อยก็ชินไปเอง
เมอื่ ชนิ แลว้ กก็ ลายเปน็ นสิ ยั ถา้ เปน็ ฝา่ ยชว่ั กแ็ กไ้ ขยาก คอยแตจ่ ะไหลลงไป
ตามนสิ ยั ทเี่ คยทำ� อยเู่ สมอ ถา้ เปน็ ฝา่ ยดกี น็ บั วนั คลอ่ งแคลว่ แกลว้ กลา้ ขนึ้
เปน็ ลำ� ดบั ฉะนน้ั เดก็ ๆ ทแี่ รกเกดิ พอ่ แมท่ ฉ่ี ลาดจงึ ตอ้ งพยายามอบรมใน
ทางทด่ี กี อ่ นจะสายเกนิ ไป และหาพเ่ี ลย้ี งทเ่ี หมาะสมมาบำ� รงุ รกั ษา ไมใ่ ห้
ปลอ่ ยไวต้ ามยถากรรม เพราะเดก็ เรมิ่ ศกึ ษาวชิ าหลกั ธรรมชาตมิ าแตอ่ อ้ น
แตอ่ อก ไมข่ าดวรรคขาดตอนเหมอื นไปเรยี นทโี่ รงเรยี น หลกั วชิ าธรรมชาติ
น่ีแล เป็นวิชาท่ีฝังนิสัยเด็กได้ดีกว่าวิชาแขนงอื่นๆ เพราะมีอยู่ท่ัวไป
ท้งั ในบ้านนอกบา้ น ในสถานทเ่ี รยี นและนอกสถานท่เี รียน

329

เด็กสามารถเรียนและจดจ�ำได้ทุกกาลสถานที่ที่ส่ิงน้ันๆ มาสัมผัส
ทางทวารอายตนะภายนอกคือ รูป เสียง เป็นต้น น่ันแลเป็นเหมือน
แผน่ กระดาน และตัวหนงั สือทีเ่ ต็มไปด้วยความหมายดชี ่ัวตา่ งๆ ทงั้ จาก
เดก็ ดว้ ยกนั ทงั้ จากผใู้ หญช่ ายหญงิ ไมเ่ ลอื กหนา้ ทง้ั จากโรงหนงั โรงละคร
และโรงอะไรต่างๆ ท่ีมอี ยูท่ ว่ั ไป ไม่มีวันเวลาบกพรอ่ ง หลกั ธรรมชาติ
เหลา่ นีแ้ ลเป็นครเู ครือ่ งพรำ่� สอนเด็กๆ ทพ่ี ร้อมอย่แู ล้วในการสำ� เหนยี ก
ศึกษาไดเ้ ปน็ อยา่ งดี และมกี ารรบั ถา่ ยทอดไปตลอดสาย ถา้ เป็นฝ่ายชั่ว
กพ็ าให้เด็กชั่วได้จริง ถา้ เปน็ ฝ่ายดกี พ็ าใหเ้ ด็กดีไดจ้ ริง การเห็นการได้ยิน
อย่บู อ่ ยๆ เดก็ ย่อมถือเอาเปน็ เยยี่ งอยา่ งไปวนั ละเลก็ ละน้อย นานไปก็
กลายเป็นนิสัยไปเอง

ถา้ ลงไดเ้ ปน็ นสิ ยั แลว้ ไมว่ า่ ทางชว่ั ทางดยี อ่ มมที างระบายออกไดท้ าง
ไตรทวาร ไมย่ ากเยน็ อะไร ที่คนชัว่ ท�ำช่วั ไดง้ ่ายและตดิ ใจไม่ยอมลดละ
แกไ้ ขกด็ ี คนดีทำ� ดไี ด้งา่ ยและติดใจกลายเปน็ คนรกั ศลี รกั ธรรมไปตลอด
ชวี ติ กด็ ี กเ็ พราะหลกั นสิ ยั เปน็ สำ� คญั ลำ� พงั การฝนื ทำ� ทง้ั ทนี่ สิ ยั ไมอ่ ำ� นวย
มาก่อน ย่อมลดละปล่อยวางได้ง่าย จนกว่าจะปรากฏผลเป็นน�้ำเช่ือม
ทมี่ รี สดม่ื ดำ�่ แกใ่ จแลว้ นน่ั แล จงึ จะเกดิ ความพอใจในงานนน้ั ๆ ทงั้ ชว่ั และดี
ไม่ยอมปล่อยวางอย่างง่ายดาย ฉะนนั้ หลกั นสิ ยั จงึ เปน็ สง่ิ สำ� คญั มาก
ในตวั บคุ คลและสตั ว์ การทำ� อะไรจนกลายเปน็ นสิ ยั แลว้ เป็นส่ิงแก้ไข
ได้ยาก จึงไม่ควรท�ำแบบสมุ่ เดา โดยมไิ ด้ใครค่ รวญให้รอบคอบก่อน

เราพอทราบได้จากการฝึกฝนตนในทางที่ดีจนเคยชินต่อนิสัย เช่น
การเที่ยวท่ีมีเหตุผลควรเท่ียว การจ่ายทรัพย์เพื่อประโยชน์แก่ตนและ
ครอบครัวอย่างมีเหตุผล การรับประทานเป็นเวล�่ำเวลาไม่พร�่ำเพรื่อ

330

การหลับและการต่ืนนอนตามเวลา การฝึกมรรยาทและความประพฤติ
ในทางดีพยายามฝึกฝนด้วยความสนใจไม่ลดละจนเป็นนิสัยเคยชินแล้ว
ยอ่ มสะดวกราบร่ืนตอ่ ตวั เองในวาระตอ่ ไปไปเอง ไม่ต้องฝนื กนั อยเู่ ร่ือย
เหมอื นขน้ั เรม่ิ แรก เพยี งเทา่ นกี้ พ็ อทราบไดว้ า่ นสิ ยั เปน็ สงิ่ ทฝี่ กึ ไดไ้ มเ่ หลอื บา่
กวา่ แรง เปน็ แตค่ วรใชค้ วามเพยี รพยายามบา้ งในเบอื้ งตน้ การฝกึ เดก็ หรอื
เราซ่งึ เป็นผู้ใหญก่ ฝ็ ึกในทำ� นองเดียวกัน

เราตอ้ งการของดคี นดกี จ็ ำ� ตอ้ งฝกึ ฝกึ จนดี จะพน้ การฝกึ ไปไมไ่ ด้
งานอะไรๆ ย่อมมีการฝึกกันทั้งนั้น โลกถึงได้เรียกกันว่า ฝึกงาน
ฝกึ สตั ว์ ฝกึ คน ฝกึ ตน ฝกึ ใจตลอดมา นอกจากตายเสยี เทา่ นน้ั จงึ หมด
การฝึกกัน สง่ิ ใดทที่ �ำยังไมเ่ ปน็ เม่ือต้องการเปน็ ในสิ่งนน้ั กจ็ ำ� ต้องฝกึ
และฝกึ จนเปน็ การเปน็ งาน เปน็ คนดสี ตั วด์ ี รวมลงในคำ� วา่ ฝกึ นท้ี งั้ สนิ้
จงึ ควรพจิ ารณาใหถ้ งึ ใจปฏบิ ตั ใิ หเ้ กดิ ผล คำ� วา่ ดจี ะเปน็ สมบตั ขิ องผฝู้ กึ
ดีแล้วแน่นอน” ได้น�ำเรื่องนิสัยท่ีท่านพระอาจารย์มั่นอธิบายให้ฟังมา
ลงบ้างเล็กน้อย พอเป็นคติแก่พวกเราท่ีก�ำลังอยู่ในข่ายแห่งธรรมนี้
จงึ ขอยุตไิ ว้เพอ่ื ดำ� เนินเรอื่ งใหมต่ อ่ ไป

331

พระอรหันต์มานพิ พานทีถ่ ำ�้ เชยี งดาว ๓ องค์

ขณะท่ีท่านพักอยู่ในถ�้ำเชียงดาวปรากฏนิมิตต่างๆ ที่ประทับใจ
มากมายหลายนมิ ติ แตจ่ ะนำ� มาลงเทา่ ทคี่ วร คอื ตอนกลางคนื ยามดกึ สงดั
แทบทุกคืน มีเทวดามาจากเบื้องบนช้ันต่างๆ บ้าง มาจากเบ้ืองล่าง
ทต่ี า่ งๆ บ้าง มาฟังเทศนท์ ่านคืนละ ๓ พวกบ้าง ๒ พวกบ้าง ๑ พวกบา้ ง
ตามเวลาทท่ี า่ นนดั ใหม้ า และมพี ระอรหนั ตม์ าสมั โมทนยี กถาธรรม เครอื่ ง
รน่ื เริงกับท่านเสมอมิไดข้ าด พระอรหันต์ทม่ี าน้ัน ตา่ งองค์ต่างแสดงวธิ ี
นพิ พานของตนท่าตา่ งๆ ใหท้ า่ นดบู ้าง ทั้งองคท์ ่มี านิพพานในถ�้ำนัน้ และ
นิพพานในทีอ่ ่นื ๆ ก็มาแสดงในที่นัน้ บ้าง พรอ้ มค�ำอธบิ ายประกอบด้วย
ขณะท่ีแต่ละท่านแสดงวิธีนิพพานท่าต่างๆ ให้ท่านดูและฟังอย่างถึงใจ
ขณะทฟ่ี งั ทา่ นเลา่ เกดิ ความสลดสงั เวชตนและนอ้ ยใจวา่ ตนมวี าสนานอ้ ย
ตา หใู จกม็ อี ยอู่ ย่างทา่ น แต่ไมส่ ามารถเป็นอย่างทา่ นได้ ท้ังเกิดความปีติ
ทง้ั เกดิ ความนอ้ ยใจเสยี ใจ ทงั้ หวั เราะทง้ั รอ้ งไห้ กเ็ ปน็ ไปในเวลาเดยี วกนั
แตก่ ารรอ้ งไหไ้ ดพ้ ยายามเกบ็ ไวใ้ นสว่ นลกึ ไมก่ ลา้ แสดงออกอยา่ งเปดิ เผย
กลวั หมเู่ พอื่ นจะวา่ บา้ เพราะขณะนน้ั กเ็ ปน็ บา้ อยา่ งลกึ ๆ อยแู่ ลว้

332

ค�ำสัมโมทนียกถาธรรมท่ีพระอรหันต์แต่ละองค์แสดงแก่ท่าน
พระอาจารย์ม่ันน้ัน เป็นค�ำจับใจไพเราะมาก ยากที่จะหาค�ำพูดในโลก
มาเทียบให้เสมอเหมือนได้ แม้ผู้เขียนเองก็ไม่แน่ใจว่าจะน�ำมาลงตาม
แบบฉบบั ของทา่ นแทไ้ ด้ จงึ ขออภยั ทา่ นผอู้ า่ นไวด้ ว้ ยความจนใจ ทพ่ี อจบั ใจ
ความได้จากท่านมีดังนี้ พระอรหันต์ทุกประเภทเป็นบุคคลประเสริฐ
อศั จรรยท์ งั้ แกต่ นและแกโ่ ลกทงั้ สามมมี นษุ ยเ์ ทวดา เปน็ ตน้ จะปรากฏขน้ึ
ในโลกแต่ละองค์เป็นของยากล�ำบากมากรองพระพุทธเจ้าตรัสรู้ลงมา
เหมือนขุมทองธรรมชาติจะผุดข้ึนท่ามกลางพระนครหลวงของพระเจ้า
จกั รพรรดิ ไมเ่ ปน็ สง่ิ จะผดุ ขน้ึ ไดอ้ ยา่ งงา่ ยดายเลย ความเปน็ อยแู่ หง่ ชวี ติ
ของพระอรหันต์ทั้งหลายก็ผิดจากความเป็นอยู่ของโลก เพราะมีชีวิต
อนั สดช่นื ด้วยธรรม แมร้ า่ งกายจะเป็นสมมตุ ิเหมือนโลกทวั่ ๆ ไป แตใ่ จ
ผู้ครองร่างเป็นของบริสุทธิ์ จึงท�ำใหท้ กุ สว่ นในร่างกายสดชนื่ ไปตาม

ทา่ นกเ็ ปน็ ผหู้ นง่ึ ในจำ� นวนพระอรหนั ตท์ งั้ หลาย ทไี่ ดท้ ำ� ความพยายาม
กล่นั กรองเชอ้ื แห่งภพออกจากใจจนหมดสิ้นไป ได้กลายเปน็ บคุ คลไม่มี
ภพชาตขิ น้ึ มาทใี่ จ ใหโ้ ลกไดก้ ราบไหวบ้ ชู าเปน็ ขวญั ตาขวญั ใจอกี องคห์ นง่ึ
พวกเราจึงได้มาเยี่ยมแสดงความยินดี เพราะไม่มีบ่อยคร้ังนักท่ีบุคคล
ประเภทนี้จะอุบัติ เนื่องจากเป็นความอบุ ัติยาก ทั้งๆ ทใ่ี ครก็อยากเป็น
แต่ความอยากท�ำไมอ่ ำ� นวย ดังน้นั โลกแมจ้ ะเกิดมาในท่ามกลางที่พง่ึ มี
พอ่ แมญ่ าตวิ งศเ์ ปน็ ตน้ กต็ าม แตท่ พี่ ง่ึ เพอ่ื เกาะเพอื่ ยดึ ทางใจอนั เปน็ ทพี่ ง่ึ
สำ� คญั นนั้ โลกยงั ไมค่ อ่ ยมกี นั เลย สตั วโ์ ลกเกดิ มาอยา่ งเควง้ ควา้ งถว่ งตน
อยู่เปล่าๆ มีจ�ำนวนมากต่อมาก เหลือหูเหลือตาจะพรรณนานบั อา่ นได้
พระอรหนั ตอ์ บุ ตั ติ รสั รขู้ น้ึ แตล่ ะองคจ์ งึ เปน็ ของอศั จรรยแ์ ละทำ� ประโยชน์
แกโ่ ลกท้งั สามไดม้ าก

333

ทา่ นเองก็ปรากฏว่าทำ� ประโยชน์แก่มนุษย์ เทวดา อินทร์ พรหมได้
อย่างกวา้ งขวางมากมาย เพราะท่านบรรลุถึงความบริสทุ ธ์ิ และแตกฉาน
ทางภาษาใจซง่ึ เปน็ ภาษาสำ� คญั กวา่ ภาษาใดๆ ในโลกทง้ั สาม พระพทุ ธเจา้
ทกุ พระองคแ์ ละพระอรหนั ตบ์ างประเภทตอ้ งใชภ้ าษาใจชว่ ยทำ� ประโยชน์
แก่โลก เพราะภาษาใจเป็นภาษากลางของสัตว์โลก ผู้มีวิญญาณรับรู้
การสง่ั สอน สตั วโ์ ลกประเภทกายทพิ ย์ (กายทไี่ มป่ รากฏดว้ ยตาเนอื้ ) ตอ้ งใช้
ภาษาใจลว้ นๆ ตดิ ตอ่ และแสดงอรรถธรรม ผรู้ ภู้ าษาใจดว้ ยกนั ยอ่ มเขา้ ใจ
ได้ง่ายและได้รบั ประโยชนร์ วดเร็วกวา่ ธรรมดาอยมู่ ากดงั นี้

พอจบสมั โมทนยี กถาธรรมแลว้ กแ็ สดงวธิ นี พิ พานทา่ ตา่ งๆ ใหท้ า่ นดู
แทบทุกองค์ในบรรดาพระอรหันต์ซ่ึงมาเย่ียมท่านที่แสดงธรรมเคร่ือง
ร่ืนเริงและแสดงท่านิพพานให้ดู บางองค์ก็แสดงท่านั่งขัดสมาธินิพพาน
บางองค์ก็แสดงท่าสีหไสยาสน์คือนอนตะแคงข้างขวานิพพาน บางองค์
ก็แสดงท่ายืนอย่กู ลางทางจงกรมนิพพาน บางองค์ก็แสดงท่าเดินจงกรม
นพิ พาน ในทา่ ตา่ งๆ กนั ทแี่ สดงทา่ นง่ั กบั ทา่ นอนสหี ไสยาสนน์ พิ พานมากกวา่
ท่าอื่นๆ ที่แสดงท่ายืนนิพพานและท่าเดินจงกรมนิพพานมีน้อยมาก
องค์ท่ีแสดงท่านั่งและท่านอนนิพพานก็แสดงให้เห็นชัดไปตลอดสายจน
ถงึ อวสานสดุ ทา้ ย พอสนิ้ วาระของการแสดงทา่ แลว้ องคน์ งั่ นพิ พานกล็ ม้
ผลอ็ ยลงไปราวกบั ปยุ นนุ่ รา่ งกายทกุ สว่ นกห็ ยดุ ทำ� งานและนง่ิ แนว่ ไปเลย

องคท์ แี่ สดงทา่ นอนสหี ไสยาสนน์ พิ พานทา่ นวา่ สงั เกตไดย้ าก มองเหน็
ลมหายใจเพียงขณะเริ่มแรกแสดงท่าเท่านั้น จากน้ันไปลมก็ละเอียด
อวยั วะทกุ สว่ นไมก่ ระดกุ กระดกิ เลย มแี ตท่ า่ อนั สงบเหมอื นคนนอนหลบั
จากน้ันก็เงียบไปเลย องค์แสดงท่ายืนนิพพานก็ยืนในลักษณะร�ำพึง

334

เอามือขวาทับมือซ้ายตั้งกายตรง ตาทอดลงพอประมาณ ตาทั้งสอง
หลบั สนทิ มอี าการรำ� พงึ อยคู่ รหู่ นง่ึ แลว้ กค็ อ่ ยๆ ลม้ แบบยอ่ ตวั ลงนง่ั กอง
อยกู่ บั พน้ื แลว้ คอ่ ยๆ ลม้ จากทา่ นงั่ ลงไปนอนกบั พน้ื อยา่ งเบาๆ ราวกบั สำ� ลี
สว่ นองคท์ แ่ี สดงทา่ เดนิ จงกรมนพิ พานกเ็ ดนิ กลบั ไปกลบั มาราว ๖-๗ รอบแลว้
ก็ค่อยๆ ล้มผล็อยลงไปนอนอยู่กับพ้ืนอย่างเบาๆ แล้วก็แน่นิ่งไปเลย
เชน่ เดียวกัน

ทกุ ๆ องคท์ แ่ี สดงวธิ นี พิ พานในทา่ ตา่ งๆ กนั นน้ั มาแสดงตอ่ หนา้ ทา่ น
โดยหา่ งกนั ประมาณวาหรอื วาเศษเทา่ น้ัน ท�ำใหม้ องเห็นได้อยา่ งชัดเจน
และประจกั ษใ์ จตลอดมา ฟงั แลว้ อดนำ้� ตารว่ งไมไ่ ดต้ อ้ งหนั หนา้ เขา้ ฝาทนั ที
ท่ีรู้สึกมีอาการแปลกเกิดข้ึนในขณะนั้น มิฉะนั้นก็จะปล่อยอะไรออกมา
ท�ำให้เกิดเรอ่ื งใหญ่ และอาจเป็นประวตั ิตอ่ ท้ายท่านไปอกี ก็ได้

บรรดาพระอรหันต์ท่ีมาแสดงวิธีนิพพานท่าต่างๆ ให้ท่านดูนั้น
แสดงดว้ ยทา่ อนั สงบเสงยี่ มงามตามาก ไมม่ อี าการกระวนกระวายสา่ ยแส่
เหมอื นโลกทว่ั ๆ ไปเลย ฟงั ทา่ ไหนกล็ ว้ นเปน็ ทา่ ทใ่ี หเ้ กดิ ความสลดสงั เวช
เหลอื จะอดกลนั้ นำ�้ ตาไวไ้ ดท้ กุ ทา่ ไป เพราะบคุ คลอศั จรรยน์ พิ พานลาโลก
สมมุตทิ เี่ ต็มไปดว้ ยความวุ่นวายยุ่งเหยงิ นานาประการ จะไมใ่ ห้อศั จรรย์
อย่างไร ใครก็ใครเถิดถ้าลงได้ประสบอย่างนั้นเข้าบ้าง เข้าใจว่าต้องมี
ความรสู้ ึกอยา่ งเดยี วกัน จะทนเปน็ ใจไม้ไสร้ ะกำ� อยไู่ ม่ไดแ้ น่นอน

ทถี่ ำ�้ เชยี งดาวมพี ระอรหนั ตม์ านพิ พาน ๓ องค์ สององคน์ อนนพิ พาน
แตอ่ กี องคห์ นง่ึ เดนิ จงกรมนพิ พาน และแสดงทา่ นพิ พานใหท้ า่ นดตู อ่ หนา้
ต่อตาเลย ทุกองค์ท่ีนิพพานในท่าต่างๆ ได้อธิบายเหตุผลประกอบให้

335

ท่านทราบอย่างละเอียดก่อนจะท�ำพิธีนิพพาน ที่แสดงท่ายืนนิพพาน
และท่าเดินจงกรมนิพพานมีไม่ก่ีรูป ส่วนท่านั่งกับท่านอนมีมากและ
ทา่ นอนมีมากกวา่ ท่าอน่ื ๆ ทา่ นพิจารณาทราบวา่ พระอรหันตม์ านิพพานท่ี
เมอื งไทยเราหลายองค์ เท่าทจ่ี �ำไดม้ ีดงั น้ี นิพพานทถ่ี ำ�้ เชียงดาว จังหวัด
เชยี งใหม่ ๓ องค์ นพิ พานทห่ี ลงั เขาวงพระจนั ทร์ ๑ องค์ นพิ พานทถี่ ำ�้ ตะโก
จงั หวดั ลพบรุ ี ๑ องค์ นพิ พานทเ่ี ขาใหญ่ จงั หวดั นครนายก ๑ องค์ นพิ พาน
ทวี่ ดั ธาตหุ ลวง อ�ำเภอเกาะคา จงั หวัดลำ� ปาง ๑ องค์ ที่จ�ำไมไ่ ดก้ ย็ ังมีจึง
ขออภยั ไวด้ ว้ ย

คำ� วา่ “นพิ พาน” เปน็ ศพั ทใ์ ชเ้ ฉพาะพระพทุ ธเจา้ พระปจั เจกพทุ ธเจา้
และพระอรหนั ตท์ ง้ั หลายทส่ี นิ้ กเิ ลสและภพชาตภิ ายในใจแลว้ โดยเฉพาะ
มิได้ใช้ท่ัวไปในสัตว์โลกผู้ยังมีกิเลสท้ังหลาย เพราะพวกหลังน้ียังเป็น
ผู้ส่ังสมภพชาติอยู่ภายในอย่างสมบูรณ์ จึงไม่มีอะไรจะควรเรียกว่า
นพิ พานไดใ้ นทางสมมตุ ิ พอตายจากนกี้ ไ็ ปเกดิ ทน่ี น้ั ตายจากทน่ี นั้ กไ็ ปเกดิ
ทโี่ นน้ ตายจากคนไปเกดิ เปน็ สตั ว์ ถา้ ประมาทในชาตเิ ปน็ มนษุ ย์ ไมพ่ ยายาม
สรา้ งความดไี วส้ ง่ เสรมิ เตมิ ตอ่ ในภพชาตติ อ่ ไป การเปน็ สตั วก์ ม็ หี ลายชนดิ
ไม่แน่นอน เพราะทางที่จะให้เกิดเป็นสัตว์มีมากกว่าทางจะให้เกิดเป็น
มนษุ ย์ เทวดา อินทร์ พรหม อนั เป็นภูมิสงู เปน็ ไหนๆ เนอ่ื งจากจติ ใจ
ชอบทำ� กรรมชว่ั อนั เปน็ ทางใหไ้ ปเกดิ เปน็ สตั วช์ นดิ ตา่ งๆ ไดม้ ากกวา่ ทางดี
ดังนัน้ สัตว์ชนดิ ต่างๆ จึงมีมากกว่ามนุษยแ์ ละเทพพรหม

แต่จะเป็นสัตว์ชนิดใดและมนุษย์เทพพรหมประเภทใด กล็ ้วนมีสิ่ง
เกาะเกี่ยวเหนี่ยวรั้งพาให้ต่อต้นต่อแขนงเป็นภพชาติสืบต่อไปไม่มีทาง
ดับสนิทได้ จึงไม่เรียกว่านิพพาน ส่วนท่านที่สิ้นกิเลสภายในใจโดย

336

สิ้นเชิงแล้ว เป็นความดับสนิทอยู่ตลอดเวลาท้ังที่ขันธ์ยังครองตัวอยู่
ท่านเหล่าน้ีแลเป็นผู้ควรได้รับค�ำว่านิพพานโดยเฉพาะ ไม่มีทางเป็น
อย่างอื่น เพราะหมดทางเกย่ี วเกาะวกเวยี น ขณะจะนพิ พานก็มิไดม้ ี
ความกงั วลหว่ งใยกบั สง่ิ ใดๆ กระทง่ั ขนั ธท์ กี่ ำ� ลงั จะแตกทลายในขณะนนั้
อยูแ่ ล้ว ทง้ั นเ้ี พราะใจทา่ นหมดคำ� ว่าหว่ งวา่ หวง ท้งั ภายนอกภายใน
ทัง้ ใกล้ทั้งไกลโดยตลอดท่ัวถึง

ขณะจะลาโลกแหง่ ขนั ธก์ ล็ ากนั แบบดบั สนทิ ไมม่ คี วามสะทกสะทา้ น
หว่นั ไหว ทั้งมิได้คิดว่าจะไปอยูโ่ ลกนัน้ จะมาอยู่โลกน้ี จะไปเสวยผลดี
อยา่ งนั้น จะมาเสวยผลช่ัวอย่างนี้ อันเป็นการท�ำใจให้กระเพ่อื มขุ่นมวั
แต่เป็นความคงที่และพอตัวโดยสมบูรณ์ของจิตดวงวิมุตติหลุดพ้นแล้ว
มิได้คอยรับส่วนได้ส่วนเสียของสมมุติมีขันธ์เป็นต้นแต่อย่างใด เป็นผู้
ปราศจากกาลสถานที่ ไมม่ สี มมตุ แิ มป้ รมาณเู ขา้ ไปเกย่ี วขอ้ งกบั ใจดวงบรสิ ทุ ธิ์
ลว้ นๆ แลว้ นแี่ ลทา่ นเรยี กวา่ นพิ พานของทา่ นผสู้ นิ้ ความกงั วลหมน่ หมอง
ขณะครองขนั ธอ์ ยกู่ ม็ ไิ ดเ้ ศรา้ โศก ขณะวโิ ยคพลดั พรากจากไปกม็ ไิ ดเ้ สยี ใจ
เคยเปน็ อยอู่ ยา่ งไรก็เป็นไปอยา่ งนน้ั

ฉะนน้ั คำ� วา่ นพิ พานจงึ เปน็ คำ� พเิ ศษสำ� หรบั ทา่ นผเู้ ปน็ บคุ คลพเิ ศษ
จะครองโดยเฉพาะ ไมม่ ผี ใู้ ดจะกลา้ เขา้ ยดึ ครองได้ ถา้ ไมท่ ำ� ใจใหบ้ รสิ ทุ ธิ์
โดยสน้ิ เชงิ กอ่ น ไมเ่ หมอื นสมบัติอ่ืน ซ่งึ อาจมเี จ้าอำ� นาจเข้ายึดครองได้
ทั้งที่เจา้ ของไม่ยนิ ยอม เชน่ เรอื กสวน ไร่นา เปน็ ตน้ ใครอยากเปน็
เจ้าของเข้ายดึ ครองกพ็ ยายามสร้างเอาเอง รอน่ังเซ็นนอนเซน็ เอาเฉยๆ
คงไม่มหี วงั ตลอดกาล

337

ท่านอาจารย์ม่ันซ่ึงเป็นเจ้าของประวัติที่ได้รับยกย่องชมเชยและ
เลอื่ มใสจากหมชู่ นแทบทว่ั ประเทศเขตแดน และไดร้ บั ธรรมเครอ่ื งรน่ื เรงิ
จากพระอรหันตท์ ั้งหลาย ก็เพราะท่านเชือ่ ธรรมท�ำจรงิ จึงได้พบเห็นแต่
ของจรงิ ของปลอมไมม่ ใี นใจท่าน แมช้ วี ติ รา่ งกายจะเป็นของจอมปลอม
หลอกลวงตามธรรมชาตขิ องมนั ทา่ นกป็ ลดปลอ่ ยไวต้ ามเรอ่ื ง มไิ ดย้ ดึ ถอื
แบกหามไปด้วย ส่ิงที่เป็นท่านอย่างจริงไม่แปรผันก็คือธรรมของจริงที่
เห็นแล้ว ธรรมน้ันจริงอยู่ตลอดเวลา ไม่มีอดีตอนาคตเข้าไปท�ำลายได้
เหมอื นส่งิ ท้งั ปวงทถ่ี กู ทำ� ลายดว้ ยกาลของมนั เองตลอดมา

ทา่ นพกั อยใู่ นปา่ ในเขาลกึ จังหวดั เชยี งใหม่ ทราบวา่ มกี ารเจ็บป่วย
หลายครง้ั บางคราวแทบเอาตวั ไมร่ อดจนหมอไมร่ บั รอง ถา้ เปน็ คนธรรมดา
มีชีวิตลมหายใจอยู่กับยากับหมอแบบไม่มีจมูกของตนเองเป็นท่ีหายใจ
กค็ งจะผา่ นไปนานแลว้ แตท่ า่ นเองยงั พอรอดตวั มาไดด้ ว้ ยอำ� นาจธรรมโอสถ
เยยี วยารกั ษาไวไ้ ด้ ทกุ ครง้ั ทปี่ ว่ ยไขไ้ ดท้ กุ ขต์ า่ งๆ ทา่ นวา่ ธรรมโอสถตอ้ งเกดิ
มาพรอ้ มกนั และปฏบิ ตั หิ นา้ ทตี่ อ่ กนั ในทนั ทที นั ใดไมร่ อชกั ชา้ ทา่ นอาจารยม์ น่ั
มนี สิ ยั อยา่ งนน้ั ปกตทิ า่ นไมค่ อ่ ยชอบเกย่ี วขอ้ งกบั หยกู ยาเทา่ ไรนกั แมต้ ก
มาวยั ชรากำ� ลงั วงั ชาลดรารว่ งโรยลงเปน็ ลำ� ดบั ทา่ นกย็ งั หนกั ในธรรมโอสถ
เป็นเครอื่ งประสานธาตุขนั ธ์อยู่เสมอมา

คร้งั หนง่ึ ท่านพักอยู่ในเขากบั พระ ๓ องค์ดว้ ยกนั ซงึ่ ท่นี ัน้ ชกุ ชุมไป
ด้วยไข้ปา่ เผอญิ พระองคห์ นงึ่ เกดิ เป็นไขจ้ ับส่ันขน้ึ มา แมย้ าเม็ดหนึง่ ก็
ไมม่ ีรักษา เวลาจับไข้แล้วตั้งวนั กไ็ ม่สร่าง ตอนเชา้ ตอนเยน็ ทา่ นอาจารย์
ไปเยยี่ มไข้และใหอ้ บุ ายตา่ งๆ เปน็ เครือ่ งพจิ ารณาเพอื่ ระงบั ไข้ ดังท่ที ่าน
เคยได้ผลมาแล้วเสมอ แต่พระองค์น้ันไม่สามารถพิจารณาตามท่านได้

338

เพราะภูมิจิตภูมิธรรมต่างกันมาก เวลาจับไข้ทีไรต้องปล่อยให้สร่างเอง
ไมม่ อี บุ ายพิจารณาแกไ้ ขพอไขล้ ดลงบ้างเลย

ทา่ นอาจารยเ์ องคงนกึ รำ� คาญ เลยทำ� เปน็ ดเุ อาเสยี บา้ งวา่ ทา่ นนมี้ แี ต่
ชอื่ วา่ มหาๆ แตค่ วามรทู้ เี่ รยี นมาไมเ่ หน็ เปน็ ประโยชนอ์ ะไรเลย ชว่ ยแกไ้ ข
บรรเทาตวั เองในเวลาจำ� เปน็ บา้ งกไ็ มไ่ ด้ ทา่ นไปเรยี นใหเ้ สยี กระดาษเปลา่ ๆ
และเอาแตช่ อ่ื มหาเปลา่ ๆ มาทำ� ไม การเรยี นความรทู้ กุ แขนงตอ้ งเรยี นมา
เพอื่ ชว่ ยตวั เอง แตค่ วามรทู้ า่ นมหาเปน็ ความรปู้ ระเภทใดกไ็ มร่ ู้ จงึ ไมเ่ หน็
เกดิ ประโยชนอ์ ะไรเลย เจา้ ของเปน็ ไขแ้ ทบตายอยแู่ ลว้ ความรทู้ เ่ี รยี นมา
ไมเ่ หน็ มาชว่ ยบรรเทาใหเ้ บาลงบา้ งเลย ทา่ นเรยี นมาเพอ่ื อะไรกนั แน่ ผมยงั
แปลไมอ่ อก ผมไม่เหน็ ไดเ้ รียนเป็นมหาเปรยี ญอะไร แม้ประโยคเดยี ว
ก็ไม่ได้กับเขา มีแต่กรรมฐานห้าท่ีอุปัชฌายะมอบให้แต่วันอุปสมบท
เทา่ นนั้ ติดตวั อยู่ทุกวนั น้ี กย็ งั พอรักษาตัวได้ ไมเ่ หน็ ออ่ นแอเหมอื นท่าน
ทเี่ รียนมากแต่ออ่ นแอมาก

ท่านนี่อ่อนแอย่ิงกว่าผู้หญิงที่ไม่ได้รับการศึกษาเลย ผู้ชายทั้งคน
มหาท้ังองค์ ท�ำไมจึงอ่อนแอนัก เวลาเปน็ ไข้ไม่เห็นมีลกั ษณะผูช้ ายและ
การเรยี นรธู้ รรมแฝงอยบู่ า้ งเลย ควรเอาเครอ่ื งของผชู้ ายทง้ั หมดไปมอบให้
ผหู้ ญงิ เสยี แลว้ ไปขอเอาเครอ่ื งของผหู้ ญงิ มาสวมใสเ่ ขา้ ไป จะไดเ้ ปน็ ผหู้ ญงิ
ไปเสยี ทง้ั คน ไขก้ อ็ าจจะลดลงบา้ ง เพราะมนั เหน็ วา่ เปน็ ผหู้ ญงิ คงไมก่ ลา้
ทรมานอยา่ งรนุ แรง มาเย่ียมทีไรแทนท่ีจะเหน็ ทา่ ทางองอาจกลา้ หาญพอ
ให้เบาใจได้บ้าง แต่กลับเห็นแต่ความใจน้อยอ่อนแอเป็นประจำ� เรื่อยมา
กรรมฐานและมหาน้ันเรยี นมาท�ำไมไม่พจิ ารณาบ้าง

339

ท่านว่าทุกขังอริยสัจจังน้ัน หมายความว่าอย่างไร หมายความว่า
ให้อ่อนแอ และเวลาเป็นไข้ขึ้นมาคอยแต่จะร้องไห้คิดถึงพ่อคิดถึงแม่
อยา่ งนน้ั หรอื ถา้ เชน่ นนั้ กเ็ ปน็ กรรมฐานปลอมละซิ เพยี งทกุ ขเวทนาเกดิ
จากไขเ้ ท่านกี้ จ็ ะทนไม่ไหว บทถึงเวลาจวนตัวเข้าจรงิ ๆ จะไมล่ ม้ ละลาย
ไปแบบไม่เปน็ ท่าละหรือ เราเริ่มไมเ่ ป็นท่าแต่บัดนี้แลว้ จะเหน็ สัจธรรม
มีทุกขสจั เปน็ ต้น เปน็ ของจรงิ ได้อยา่ งไร ผ้จู ะพน้ จากโลกสมมตุ ิต้องเหน็
สจั ธรรมเปน็ ของจรงิ เตม็ สว่ น แตน่ เ้ี พยี งทกุ ขสจั เรม่ิ ตนื่ นอนออกลา้ งหนา้
ล้างตากระตุกกระติกนิดหน่อยเท่านั้น ก็เร่ิมยอมอย่างหมอบราบแล้ว
จะไปที่ไหนกันได้เล่า พอท่านให้อุบายเผ็ดร้อนบ้างเป็นการหยั่งเสียงดู
จบลงน่ิงอยู่ครู่หนึ่ง มองไปเห็นท่านมหาองค์นั้นก�ำลังร้องไห้น้�ำตาไหล
ออกมาเปียกหน้า ท่านเลยหาอุบายหนีไปในขณะนั้น และก่อนจะไป
ทำ� ทา่ ปลอบโยนวา่ “ไมเ่ ปน็ ไรเดยี๋ วหาย ผมแกลง้ วา่ ใหท้ า่ นมหาอยา่ งนนั้ เอง”
แลว้ ก็ไปทพ่ี ัก

พอตอนกลางคืนทา่ นคงพจิ ารณาหายาขนานใหม่ ขนานทใี่ ห้ไปแล้ว
อาจจะแรงไปบ้างส�ำหรับคนไข้รายน้ีที่ใจไม่เข้มแข็งพอ เช้าวันหลังและ
คราวต่อไป ทา่ นเปลี่ยนยาขนานใหม่โดยสิ้นเชิง คอื มไิ ดน้ �ำกิริยาน้นั มา
ใช้อีกต่อไปเลย คราวนี้มีแต่แสดงอาการปลอบโยน เอาอกเอาใจใหญ่
คล้ายกับไม่ใช่ท่านอาจารย์มั่นคนเก่าเลย พูดจาด้วยถ้อยค�ำไพเราะ
อ่อนหวานเหมือนน้�ำอ้อยน�้ำตาลเป็นกระสอบๆ ทุ่มเทลงทุกเช้าทุกเย็น
จนหวานหอมไปทวั่ บรเิ วณ เหมาะแกโ่ รคออ่ นแออยา่ งบอกไมถ่ กู ทง้ั สงั เกต
คนไขอ้ าการดขี น้ึ หรอื ทรดุ ลง ทงั้ วางยาเคลอื บนำ้� ตาลทกุ เชา้ เยน็ จนเหน็ ผล
ประจกั ษใ์ จ ทงั้ คนไขค้ นดมี คี วามสขุ โดยทวั่ กนั คนไขก้ ค็ อ่ ยหายวนั หายคนื

340

ไปเปน็ ลำ� ดบั จนหายสนทิ แตก่ นิ เวลาหลายเดอื นกวา่ จะหายขาดได้ นบั วา่
ยาขนานสดุ ทา้ ยไดผ้ ลดเี กินคาด

นี่คืออุบายท่านที่เปรียบกับหมอผฉู้ ลาดท้งั ภายนอกภายใน พลกิ ได้
ทกุ ทา่ ทกุ ทาง ไมจ่ นสตปิ ญั ญา นำ� มาใชไ้ ดท้ กุ กรณี จงึ ควรถอื เปน็ แบบฉบบั
ของชาวเราผกู้ ำ� ลงั แสวงหาความฉลาดใสต่ น ทน่ี ำ� มาลงกเ็ พอ่ื ทา่ นทส่ี นใจ
ไดอ้ า่ นบา้ ง อาจเกดิ ประโยชนเ์ ทา่ ทคี่ วร เพราะเปน็ อบุ ายวธิ ขี องทา่ นผฉู้ ลาด
มปี ัญญาหลกั แหลม ไม่จนแตม้ จนมมุ ต่อเหตกุ ารณท์ เ่ี กดิ ข้นึ เฉพาะหน้า

ตามปกตนิ สิ ยั ทา่ นพระอาจารยม์ นั่ เวลาเขา้ ทค่ี บั ขนั จนมมุ ทา่ นชอบ
คดิ คน้ ดว้ ยสตปิ ญั ญาไมอ่ ยเู่ ฉยๆ เชน่ เวลาเจบ็ ไขห้ รอื เวลาพจิ ารณาไปเจอ
เอากิเลสตัวส�ำคญั เขา้ จนหาทางออกไมไ่ ด้ นั่นแลคอื เวลาคับขัน จิตจะ
น่ิงนอนใจอยู่ไม่ได้ ต้องหมุนต้ิวท้ังวันท้ังคืน จนเกิดอุบายปัญญาน�ำมา
แก้ไขทันเหตุการณ์และผ่านไปได้เป็นพักๆ ไม่จนมุม ท่านเคยเห็นผล
ทำ� นองนตี้ ลอดมาแตเ่ รมิ่ ออกปฏบิ ตั จิ นอวสาน เวลามพี ระไปอาศยั อยกู่ บั
ทา่ นและเกดิ เจบ็ ไขไ้ ดป้ ว่ ยขน้ึ มา ทา่ นมกั จะเตอื นดว้ ยอบุ ายตา่ งๆ เพอ่ื ระงบั
อาการไม่ให้หนักไปในทางหยูกยาจนเกินไป และเพ่ือเกิดอุบายต่างๆ
อันเป็นวิธีพิจารณาธรรมไปด้วยในขณะเดียวกัน ท่านถือว่าทุกขเวทนา
ทเี่ กดิ ขน้ึ ในกายในใจเปน็ เรอ่ื งของสจั ธรรมโดยตรง ต้องพิจารณาใหร้ ้ใู น
สิ่งทคี่ วรจะรไู้ ด้ ไม่ปลอ่ ยให้ทุกขย์ ่�ำยอี ยู่เปล่าๆ เหมอื นคนไม่ได้รับการ
ศึกษาอบรมธรรมมาเลย

เฉพาะท่านเองเคยได้อุบายตา่ งๆ จากการป่วยมาเปน็ ล�ำดับ ไมเ่ คย
ปลอ่ ยใหท้ กุ ขเวทนาทเ่ี กดิ ขนึ้ จากการเจบ็ ปว่ ยตา่ งๆ ยำ่� ยอี ยเู่ ฉยๆ โดยมไิ ด้
พจิ ารณาใหร้ เู้ รอื่ งของมนั บา้ งเทา่ ทสี่ ามารถ เวลาเชน่ นน้ั ทา่ นถอื เปน็ ความ

341

จำ� เปน็ ทตี่ อ้ งพจิ ารณาจนสดุ ความสามารถ เพอื่ เปน็ การฝกึ ซอ้ มสตปิ ญั ญา
ว่าจะทันกับเหตุการณ์ท่ีเกิดขึ้นเฉพาะหน้า หรือมีความล้มเหลวไป
อยา่ งไรบา้ ง แลว้ แกไ้ ขดดั แปลงกนั ใหมจ่ นเปน็ ทพ่ี อใจ วา่ สตปิ ญั ญาทเ่ี คย
อบรมและฝกึ ซอ้ มมาเปน็ เวลานาน ขณะเขา้ สสู่ งครามคอื ความทกุ ขท์ รมาน
ใจไม่มีความหว่ันเกรงต่อความจริง คือทุกขสัจอันเป็นสัจธรรมของจริง
ทกุ สว่ น สตปิ ญั ญากท็ ำ� หนา้ ทท่ี นั กบั เหตกุ ารณ์ ไมม่ คี วามสะทา้ นหวน่ั ไหว
กบั พายุ คือทกุ ข์ท่ีโหมกนั มาทกุ ทิศทุกทาง เบอ้ื งบนเบ้อื งลา่ ง ดา้ นขวาง
สถานกลาง สามารถพจิ ารณาตะลอ่ มเขา้ มาสหู่ ลกั ความจรงิ ไดโ้ ดยตลอด

ดังน้ัน ท่านจึงชอบใช้อุบายแก่บรรดาศิษย์หนักไปทางพิจารณา
ทกุ ขเวทนา เพราะเปน็ การฝกึ ซอ้ มสตปิ ญั ญาศรทั ธาความเพยี รใหเ้ ขม้ แขง็
แกลว้ กลา้ เวลาเอาจรงิ เอาจงั คอื ขณะขนั ธจ์ ะแตกจะไมต่ อ้ งกลวั มหนั ตทกุ ข์
ทแี่ สดงตวั อยา่ งเตม็ ทใี่ นเวลานนั้ ผพู้ จิ ารณารเู้ ทา่ ทนั ขนั ธด์ งั กลา่ วน้ี อยกู่ ็
สบาย ตายกม็ ชี ยั ชนะ สมกบั เปน็ นกั ตอ่ สเู้ พอื่ เอาตวั รอดเปน็ ยอดคน คอื
เราเองซง่ึ เปน็ คนๆ หนง่ึ ไมต่ อ้ งเปน็ ยอดใครทไี่ หน ไดเ้ ราและเปน็ ยอดเรา
แล้วเป็นพอตวั

ท่านอาจารย์มั่นนับว่าเป็นอาจารย์ตัวอย่างได้ทั้งภายนอกภายใน
ความเพียร ความอดทน ความอาจหาญ ความฉลาดภายนอกภายใน
ความสนั โดษและมกั นอ้ ย นบั วา่ ทา่ นเปน็ เยยี่ มในสมยั ปจั จบุ นั ยากจะมี
ลกู ศษิ ยค์ นใดลำ้� หนา้ ทา่ นไปได้ ทา่ นมที งั้ หทู พิ ย์ ตาทพิ ย์ และปรจติ ตวชิ ชา
คือฟังไดท้ งั้ เสียงสัตว์ เสียงมนุษย์ เสยี งภตู ผี เทวบุตร เทวดา อนิ ทร์
พรหม ยม นาค เห็นได้ทั้งสตั วม์ นษุ ยท์ เ่ี ป็นกายและวัตถหุ ยาบ ทง้ั ทเ่ี ป็น
กายทิพย์ เช่น เปรตผี เทวดาเป็นต้น รไู้ ด้ทั้งจติ สัตว์ จติ มนุษยว์ ่ามีความ

342

เศรา้ หมองผอ่ งใสประการใด ตลอดความคิดปรงุ ต่างๆ ท่ีคดิ อย่ภู ายใน
บางครง้ั แมเ้ จา้ ตวั ผคู้ ดิ ขนึ้ เองกไ็ มร่ วู้ า่ ไดค้ ดิ อะไรไปบา้ ง เพราะเปดิ ทางให้
ความคิดนึกไหลออกสู่อารมณ์ต่างๆ อยู่ตลอดเวลาโดยไม่มีสติควบคุม
รกั ษาบา้ งเลย กระทงั่ ไดย้ นิ ปญั หาทา่ นเปน็ เชงิ ทกั ขนึ้ มาถงึ ระลกึ ได้ บางราย
ยงั มวั เซอ่ ไมท่ ราบวา่ ทา่ นพดู อะไรใหต้ วั บา้ งกย็ งั มี จงึ นา่ สลดสงั เวชอยมู่ าก
สำ� หรับรายเชน่ นัน้

เวลาอยู่กับท่านไม่จ�ำต้องอยู่ต่อหน้าท่านก็ได้ เพียงอยู่ภายในวัด
หรอื ในสำ� นกั เดยี วกบั ทา่ นกพ็ อแลว้ ขณะคดิ คะนองไปตา่ งๆ แบบปลอ่ ยตวั
ไมม่ สี ติ เวลามาหาทา่ นจะไดย้ นิ คำ� พดู แปลกๆ ออกมาในเวลาใดเวลาหนงึ่
จนได้ ยิง่ ไปหาญคดิ เร่อื งลึกลบั ในเวลาอยูต่ ่อหน้าท่านด้วยแลว้ จะเปน็
เวลาทา่ นกำ� ลงั แสดงธรรมอบรมอยกู่ ต็ าม เวลาสนทนาธรรมกนั อยกู่ ต็ าม
หรอื เวลาอน่ื ใดกต็ าม ในเวลานนั้ จะไดย้ นิ คำ� พดู หรอื คำ� ตอบเปน็ เชงิ ไมเ้ รยี ว
หรอื เปน็ อบุ ายแปลกๆ อยา่ งใดอยา่ งหนงึ่ ออกมาจนได้ นอกจากทา่ นขเี้ กยี จ
เทา่ นั้นจงึ ปลอ่ ยไปตามกรรมในบางคราว

ตามที่พระอาจารย์ทั้งหลายที่เป็นลูกศิษย์ และเคยอยู่เชียงใหม่
กับท่านเล่าให้ฟังถึงเร่ืองหูทิพย์ตาทิพย์และปรจิตตวิชชาของท่าน
วา่ นา่ อศั จรรยแ์ ละนา่ กลวั มาก เฉพาะปรจติ ตวชิ ชารสู้ กึ วา่ ทา่ นรวดเรว็ มาก
ใครคิดไมด่ ีขน้ึ ทใ่ี ดขณะใดเปน็ ไดก้ ารทันทแี ทบทกุ ครั้ง ฉะนนั้ เวลาอยู่
กับท่าน ตา่ งองคต์ ่างระวังส�ำรวมอินทรยี อ์ ยา่ งเตม็ ท่ี ไม่เชน่ นนั้ ต้องโดน
แน่ไมม่ ีทางปิดบังหรอื หลกี เลี่ยงได้ บางครงั้ มีพระบางองคค์ ิดเร่ืองท่านดุ
อยู่โดยล�ำพังตนเอง เหตุที่จะคิดก็เพราะกลัวท่านมาก พอมาหาท่าน
ทา่ นเรม่ิ ตอบปญั หาทนั ทวี า่ แทบทุกสิ่งไม่ว่าอาหารหรือท่ีอยู่เคร่ืองใช้สอย

343

นุ่งหม่ ต่างๆ กอ่ นจะสำ� เร็จรูปมาใช้ประโยชน์ไดต้ ้องผ่านการจัด การทำ�
การหงุ การตม้ การฟนั การถาก การเลอื่ ย การไส การปกั การทอ มาอยา่ ง
เตม็ ทมี่ ใิ ชห่ รอื อยๆู่ กส็ ำ� เรจ็ รปู ออกมาใหอ้ ยกู่ นิ ใชส้ อยอยา่ งสบายไปเลย
อยา่ งนนั้ ไมเ่ คยมี เพราะโลกนเี้ ปน็ โลกสรา้ งอยสู่ รา้ งกนิ มใิ ชโ่ ลกนอนอยู่
เฉยๆ แล้วเกิดมาเอง

เหน็ แตค่ นตายเทา่ นน้ั เองทนี่ อนอยเู่ ฉยๆ ไมต่ อ้ งทำ� อยทู่ ำ� กนิ ไมต่ อ้ ง
ดัดแปลงแต่งมรรยาทความประพฤติ ไม่ต้องมีครูอาจารย์ดุด่าสั่งสอน
กเ็ รายงั ไมต่ ายและยงั แสวงหาครอู าจารยใ์ หอ้ บรมสง่ั สอนอยู่ แตแ่ ลว้ กลวั
อย่างไม่มีเหตุมีผล และคิดว่าท่านดุท่านด่า ถ้าท่านไม่ว่าอะไรเลยก็จะ
คดิ ไปวา่ ทา่ นไมส่ งั่ ไมส่ อน กย็ งิ่ จะรอ้ นเขา้ ไปอกี เลยไมม่ อี ะไรพอดี มแี ต่
เรอ่ื งคดิ แบบโดดขนึ้ โดดลง ทำ� นองวานรตวั โดดอยบู่ นกง่ิ ไม้ โดดไปโดดมา
ถกู กงิ่ ไมผ้ กุ ล็ งนอนกบั พน้ื เทา่ นน้ั เอง เราจะเอาแบบไหน จะเอาแบบโดด
กิ่งไมผ้ ุ หรอื จะเอาแบบพระผูม้ คี รูอาจารย์คอยบอกกลา่ วสงั่ สอน บางที
ถามเจ้าของต้นเหตุเสียเองเผื่อได้สติระลึกรู้ตัวว่าได้คิดอย่างไรไปบ้าง
บางคร้ังก็อธิบายเปรียบเปรยไปธรรมดา แต่รวมแลว้ เพอื่ เจา้ ตวั ไดร้ ะลึก
รใู้ นสงิ่ ทค่ี ดิ ไปแลว้ นนั้ วา่ ไมส่ ญู หายไปไหน ยงั กลบั มาใหเ้ จา้ ของไดฟ้ งั อกี
ท้ังยังได้รู้ความผิดถูกของตัว คราวต่อไปจะได้ระวังส�ำรวม ไม่คิดแบบ
เปิดเปงิ ไปถา่ ยเดียว

บางคร้ังท่านเทศน์อย่างเผ็ดร้อน และในบางขณะยังได้ยกเอา
องค์ท่านออกเป็นหลักฐานในทางความเพียร เก่ียวกับความเด็ดเดี่ยว
อาจหาญไมก่ ลวั ตายกม็ ี เพอื่ ปลกุ ใจบรรดาศษิ ยใ์ หม้ แี กใ่ จ โดยเทศนเ์ ปน็
เชิงวา่ ถ้าใครกลวั ตายเพราะความเดด็ เดีย่ วทางความเพยี ร ผู้น้นั จะต้อง

344

กลบั มาตายอกี หลายภพหลายชาตไิ มอ่ าจนบั ได้ สว่ นผใู้ ดไมก่ ลวั ตายผนู้ น้ั
จะตดั ภพชาตใิ ห้นอ้ ยลงถึงกับไมม่ ีภพชาตเิ หลอื อยู่ และผ้นู ้นั แลจะเปน็
ผไู้ ปไมก่ ลบั หลงั มาหาบทกุ ขอ์ กี ตวั ผมเองสลบไปถงึ ๓ หน เพราะความ
เพียรกล้าเวทนาทับถม ยังไม่เห็นตายและยังรอดมาเป็นอาจารย์สอน
หมู่คณะอยู่ได้ หมู่เพ่อื นท�ำความเพยี รยงั ไม่ถงึ ขั้นสลบไสลเลย ทำ� ไมจึง
กลวั ตายกนั นกั หนาเลา่ ถา้ ไมต่ ายไปพกั หนง่ึ กอ่ นกน็ า่ กลวั ไมเ่ หน็ ธรรมชาติ
อศั จรรย์

ใครจะเช่อื หรือไมผ่ มก็ได้ท�ำมาอยา่ งนี้ ร้เู หน็ ธรรมมาบ้างตามก�ำลัง
ก็ด้วยวิธีนี้ แล้วจะให้สอนหมู่คณะว่าค่อยเป็นค่อยไปนะ ฉันให้มาก
นอนให้มาก ขเี้ กยี จให้มาก กิเลสจะไดก้ ลวั อย่างนีผ้ มสอนไม่ได้ เพราะ
ไมใ่ ชท่ างกเิ ลสจะกลัว นอกจากมนั จะหัวเราะเยาะเอาวนั ยังค�ำ่ ว่านึกวา่
พากันมาท�ำความพากเพยี ร แต่แล้วท�ำไมจงึ พากันมานอนตายอยูอ่ ยา่ งนี้
ทั้งๆ ท่ยี งั หายใจอยู่ หรือพระพวกนีพ้ รอ้ มกันตายด้วยทง้ั ยังมลี มหายใจ
อยูอ่ ยา่ งนีเ้ ท่านน้ั ไม่มอี ะไรน่าชมเชย

พอเทศนจ์ บลงกม็ พี ระองคห์ นง่ึ คดิ ขน้ึ มาดว้ ยทฐิ ใิ นเวลานนั้ วา่ โอโ้ ฮ
ทำ� ความเพยี รขนาดถงึ สลบไปเชน่ นนั้ มนั เกนิ ไป ถา้ จะเปน็ ถงึ ขนาดนน้ั แลว้
เรายงั ไมไ่ ปนพิ พาน แมจ้ ะทกุ ขอ์ ยใู่ นโลกกย็ อมทกุ ขม์ นั ไป โลกเขากท็ กุ ข์
เหมือนกัน มิได้ทุกข์เฉพาะเราคนเดียว ลงถึงสลบไสลแล้วจึงจะได้ไป
นิพพานเชน่ น้ี ใครจะไปสักกี่ร้อยกี่พนั องค์ก็เชิญไปเถิด สำ� หรบั เราแล้ว
เปน็ ไมไ่ ปแนๆ่ เราอยใู่ นโลกกไ็ มเ่ หน็ ทกุ ขถ์ งึ กบั สลบ กท็ กุ ขธ์ รรมดาเหมอื น
โลกๆ เขาทุกข์กัน แต่ถ้าจะไปนิพพานต้องสลบเสียก่อนค่อยไปกันได้
อย่างนี้ กเ็ ท่ากับนพิ พานคือยาสลบเราดีๆ นเ่ี อง ใครจะอยากไป เราน่ะ

345

ไมอ่ ยากไปแนเ่ พราะไมอ่ ยากสลบ เพยี งเหน็ เขาสลบกก็ ลวั จะตายอยแู่ ลว้
ยงั จะถกู เราเขา้ ไปอีกคนก็แย่

อกี พกั หนงึ่ ธรรมเทศนากเ็ รม่ิ ขน้ึ อยา่ งเผด็ รอ้ นมาก ราวกบั จะฉกี ดบิ ๆ
สดๆ เอาทเี ดยี ววา่ ทา่ น…ไมเ่ ชอื่ ผมหรอื ? ทา่ นเขา้ ใจวา่ ผมมาโกหกเลน่ ๆ
อย่างน้ันหรือ? ถ้าไม่เช่ือก็นิมนต์ไปซะซิ จะมาอยู่ให้หนักส�ำนักท�ำไม
ท่านมาเอง ผมมิได้นมิ นตท์ า่ นมา เมอ่ื ไม่เชื่อก็ตอ้ งไปเอง อยา่ ให้ทันได้
ขบั ไล่ แมจ้ ะอยกู่ ไ็ มเ่ ปน็ ประโยชน์ เพราะธรรมของพระพทุ ธเจา้ มไิ ดป้ ระกาศ
ไวเ้ พอ่ื สอนโมฆบรุ ษุ เชน่ ทา่ น ความคดิ แบบทา่ นไมค่ วรนำ� มาคดิ ในเพศของ
พระทก่ี ำ� ลงั อาศยั ผา้ เหลอื งเปน็ อยู่ เพราะผทู้ รงเพศนเ้ี ปน็ เพศทเ่ี ชอ่ื ธรรม
แต่ท่านมิได้เชื่อผมและเชื่อธรรม จึงคิดค้านความพ้นทุกข์ที่เป็นไปตาม
แบบของพระพุทธเจา้

ที่ใดสนุกกินสนุกนอนไม่ต้องท�ำความพากเพียรให้ล�ำบากก็นิมนต์
ทา่ นไปทน่ี น้ั ถา้ รธู้ รรมเหน็ ธรรมของจรงิ ดว้ ยวธิ นี นั้ ในสถานทนี่ น้ั กข็ อนมิ นต์
กลบั มาโปรดผมคนกเิ ลสหนาปญั ญาทบึ บา้ ง จะยกมอื สาธสุ ดุ ศอกสดุ แขน
และขอบบญุ ขอบคณุ ลน้ เกลา้ ลน้ กระหมอ่ มนนั่ แล การสอนผมกส็ อนดว้ ย
ความจรงิ วา่ ผหู้ วงั พน้ ทกุ ขต์ อ้ งเปน็ ผอู้ าจหาญไมก่ ลวั ตาย แตท่ า่ นไมเ่ ชอ่ื วา่
เปน็ ความจรงิ จงึ ขอเกดิ ตายเพอื่ แบกหามทกุ ขอ์ ยใู่ นโลก ทา่ นอยากอยใู่ น
โลกกองทกุ ข์กเ็ ชิญท่านอยไู่ ป แต่อย่ามาคัดค้านทางเดนิ ของธรรมท่ีเปน็
ศาสดาสอนโลกแทนพระพทุ ธเจ้า จะเปน็ ขวากหนามทิ่มแทงพระศาสดา
อันบริสทุ ธ์ิ และก้นั ทางเดินของหม่ชู นผูม้ ุง่ ตามเสด็จอยอู่ ย่างเต็มใจ

ความคดิ เหน็ แบบทา่ นนอกจากจะเปน็ ความผดิ เฉพาะตนแลว้ ถา้ ได้
ระบายออกทางวาจา ยงั จะเปน็ ขา้ ศกึ แกพ่ ระศาสนาและประชาชนอย่าง

346

มากมาย ผมเขา้ ใจวา่ ทา่ นมาบำ� เพญ็ เพอื่ สง่ เสรมิ ตนและพระศาสนา มไิ ด้
คดิ วา่ ทา่ นจะมาคดิ ทำ� ลายตนและพระศาสนา ตลอดหมชู่ นทเ่ี ลอ่ื มใสธรรม
ของพระพทุ ธเจา้ เพงิ่ ทราบวา่ ทา่ นคอื เพชฌฆาตสงั หารตนและพระศาสนา
อยา่ งยอ่ ยยบั ถา้ ไมค่ ดิ แกไ้ ขเสยี แตข่ ณะนท้ี า่ นจะเสยี คน และยงั จะทำ� ให้
ผอู้ น่ื เสยี ตามทา่ นอกี มากมายซง่ึ นา่ สลดและเสยี ดายอยา่ งยง่ิ ในพระประวตั ิ
มีว่า ก่อนตรัสรู้พระพุทธเจ้าทรงบ�ำเพ็ญพระองค์สลบไปสามครั้งนั้น
ท่านเชอื่ วา่ เป็นความจริงหรือหาวา่ พระองคโ์ กหก

ท่านเป็นคนทั้งคนและมาบวชเป็นพระธุดงค์ท้ังองค์ ไม่เช่ือธรรม
และเจ้าของพระประวัติแล้วก็หมดคุณค่าท้ังมวลในตัวคน เพียงอยู่กับ
ลมหายใจไปวนั หนงึ่ เทา่ น้นั ซึง่ ไมผ่ ดิ อะไรกบั คนทต่ี ายแลว้ เพราะทิฐพิ า
ให้ตายท้ังเป็น เหม็นท้ังที่ยังมีลมเดินอยู่ ว่าอย่างไรล่ะท่าน…จะเลือก
ทางไหนเดนิ เพอ่ื ความสะดวกราบรนื่ และปลอดภยั แกต่ วั เอง เฉพาะผม
แลว้ ไมม่ ที างใหท้ า่ นเดนิ ยงิ่ กวา่ น้ี นอกจากทแ่ี สดงมานเ้ี ทา่ นนั้ พระพทุ ธเจา้
และพระสาวกอรหนั ต์ทุกๆ องค์ ทา่ นเดนิ ทางน้ี ไมม่ ที างพเิ ศษไปกวา่ น้ี
ผมกเ็ ดนิ ตามทางสายนน้ี บั แตว่ นั บวชและปฏบิ ตั มิ า แมธ้ รรมทน่ี ำ� มาสงั่ สอน
หม่เู พ่อื นกไ็ ด้มาจากทางสายน้ี

ทา่ นแสดงอยา่ งเผด็ รอ้ นยง่ิ กวา่ ครง้ั ใดๆ พรอ้ มดว้ ยเหตผุ ล ประหนงึ่
นำ้� ไหลไฟสวา่ งไปทวั่ โลกธาตุ แตน่ ำ� มาลงพอประมาณ ไมเ่ ตม็ ตามความจรงิ
ทท่ี ่านแสดงในเวลานน้ั บรรดาผู้ฟังแทบตวั จมลงพน้ื ใจสั่นขวญั หายไป
ตามๆ กนั สตไิ มอ่ ยกู่ บั ตวั ตา่ งคนตา่ งกลวั เพราะไมเ่ คยไดย้ นิ ไดฟ้ งั มาในชวี ติ
ขณะทท่ี า่ นเทศนท์ เี่ ตม็ ไปดว้ ยเหตผุ ลและเผด็ รอ้ นอยา่ งถงึ ใจเชน่ นนั้ ทำ� ให้
ผูฟ้ ังเหน็ จรงิ ยอมจ�ำนนและกลัวทา่ นมาก เฉพาะผู้เปน็ ตน้ เหตกุ เ็ ห็นจรงิ

347

ตามและยอมตนลงโดยล�ำดับ จนยอมอย่างหมอบราบไม่มีทางโต้แย้ง
การแสดงก็ค่อยๆ ลดความเผ็ดร้อนลงตามๆ กัน จนเลยลงมาถึงข้ัน
ปลอบโยน เมื่อเห็นผู้นั้นยอมตนแลว้

พอจบการแสดงธรรมและเลกิ ประชมุ แลว้ ออกมา ตา่ งถามกนั วนุ่ วาย
ว่าใครนะหาญไปคิดเรื่องพิสดารเกินโลก ท�ำให้ท่านเทศน์ใหญ่จนเสียง
ไมเ่ ปน็ เสยี ง จนกลายเปน็ เสยี งฟา้ รอ้ งฟา้ ผา่ ไปได้ ใครไปคดิ คดั คา้ นอะไร
จังๆ กบั ท่าน ทา่ นถงึ ไดเ้ ทศนข์ นาดนี้ ตอ้ งมี ถา้ ไม่มที า่ นไมเ่ คยเทศนถ์ งึ
ขนาดนี้ ความคดิ นน้ั คงไปกระทบทา่ นอยา่ งแรงจนรงั้ ไมอ่ ยู่ ทา่ นถงึ ไดเ้ ปดิ
เต็มที่ พระองคน์ นั้ ก็เปิดเผยใหฟ้ ังดังท่ีเขียนผ่านมา

ตามบรรดาพระธดุ งคท์ า่ นมไิ ดป้ ดิ บงั ความคดิ ความเหน็ ของตวั องคใ์ ด
คิดอย่างไรเวลาถูกท่านเทศน์ผ่านไปแล้วออกมาจากที่นั้น ขณะถามกัน
ท่านกเ็ ล่าใหฟ้ งั ตามจริง ท่านเปน็ ท�ำนองนีแ้ ทบทกุ องค์ ทา่ นถือเป็นเรอื่ ง
ขบขันและไดส้ ตไิ ปดว้ ยจากการเทศนด์ ุด่าผู้คดิ ผดิ ยงิ่ เวลาไปบณิ ฑบาต
หรอื ไปกจิ ธรุ ะตา่ งๆ ไปเจอเอาอะไรเขา้ ในทต่ี า่ งๆ กลบั มาอารมณน์ นั้ คา้ งมา
และคอยกระซิบเขย่าให้คิดอยู่เสมอ นั่นแลย่ิงส�ำคัญและลงเคร่ืองดัด
สันดาน ถึงขนาดจนผฟู้ ังดว้ ยกนั ตอ้ งตกใจกลัวและหนั หนา้ มององค์นน้ั
องคน์ ไี้ ปรอบๆ ไมอ่ ยสู่ งบสขุ ได้ เฉพาะตวั การเองมอื ไมแ้ ละอวยั วะสนั่ ไป
ท้งั ร่าง ทงั้ กลัวท่าน ท้งั ละอายหม่เู พือ่ น ตัวแทบหมอบตดิ พนื้ เงยศรี ษะ
ไม่ขนึ้ พอออกมากร็ มุ ถามกนั อกี และไดค้ วามวา่ มีผูก้ ่อเหตใุ หท้ า่ นต้อง
เทศน์จนไดอ้ ยา่ งนี้เสมอ

คิดแลว้ น่าสงสาร เพราะไมม่ ีเจตนา แตป่ ุถุชนคนธรรมดาเราไมใ่ ช่
ไมแ้ หง้ ถกู แดดถกู ฝนยอ่ มแสดงอาการรอ้ นอาการหนาวไปบา้ ง ขณะทคี่ ดิ นน้ั

348

เนอ่ื งจากสตติ ามไมท่ นั เพราะใจเปน็ สงิ่ ทร่ี วดเรว็ ยงิ่ กวา่ สายฟา้ แลบ จงึ ตอ้ ง
ถกู ท่านเข่นบอ่ ยๆ เร่อื งปรจติ ตวชิ ชาคือการก�ำหนดรูใ้ จผู้อนื่ นน้ั ทา่ นรูส้ ึก
รวดเรว็ มากเทา่ ทเ่ี คยเหน็ มาแลว้ บรรดาพระทเี่ คยอยกู่ บั ทา่ นมาแลว้ ไมม่ ี
ทางสงสยั ทา่ นเกย่ี วกบั ความรปู้ ระเภทน้ี ทา่ นรไู้ ดอ้ ยา่ งรวดเรว็ และทกั จติ
ของผู้คิดผิดได้โดยถกู ต้องไมม่ ีผดิ นอกจากท่านขเี้ กยี จทกั บอ่ ยก็ปล่อย
ไปบา้ งพอเราไดม้ เี วลาหายใจ มฉิ ะนน้ั คงอดั อน้ั ตนั ใจตายเปน็ แน่ ขอ้ นผี้ เู้ ขยี น
เคยโดนบอ่ ยกว่าเพอื่ น เพราะความไม่อย่เู ป็นสขุ น่ันแลเป็นสาเหตุ

ผอู้ ดทนอยกู่ บั ทา่ นนานๆ ยอ่ มไดก้ ำ� ลงั ทางจติ ตภาวนา มหี ลกั ใจมนั่ คง
เพราะถกู ทบุ ถกู เขน่ ถกู ตบตอี ยเู่ สมอ ความทเ่ี คยระวงั สำ� รวมใจอยเู่ ปน็ นจิ
ยอ่ มกลายเปน็ คนมสี ตปิ ญั ญาขนึ้ มา และสามารถตา้ นทานตอ่ เหตกุ ารณไ์ ด้
ถ้าเป็นวิชาทางโลกเรียกว่าเรียนและทดลองกับครูจนอยู่ยงคงกระพัน
ชาตรี คอื อยปู่ นื ยนื ดาบไมส่ ะทกสะทา้ น เพราะฟนั ไมเ่ ขา้ ยงิ ไมอ่ อก ถา้ เปน็
ธรรมกเ็ รยี กวา่ ยนื ยงคงทต่ี อ่ อารมณด์ ชี วั่ ไมก่ ลวั วา่ จติ จะหวน่ั ไหวพรน่ั พรงึ
เพราะสิ่งยว่ั ยวนกวนใจ อยูอ่ ยา่ งสุคโตในอริ ิยาบถต่างๆ

แตใ่ จปถุ ชุ นเราพอพดู ถงึ นพิ พานรสู้ กึ หดหเู่ หย่ี วแหง้ พกิ ล ไมห่ า้ วหาญ
รา่ เรงิ เหมอื นพดู เรอื่ งงานอน่ื ๆ ทน่ี น่ั ทนี่ ี่ ทงั้ นคี้ งคดิ วา่ ไมส่ นกุ สนานรน่ื เรงิ
เพราะไมเ่ คยเหน็ เคยไป ไมเ่ คยไดเ้ คยถงึ เหมอื นสง่ิ จำ� เจทง้ั หลาย ไมจ่ ำ� ตอ้ ง
พดู ถึงพวกเราทีเ่ ป็นลูกๆ หลานๆ วา่ ไม่อยากไปนิพพานกัน แม้แต่พอ่
แม่ ปู่ ยา่ ตา ยายของพวกเรา ทา่ นยงั ไมค่ อ่ ยคดิ อยากไปกนั เลย ทงั้ ไมค่ อ่ ย
เหน็ ทา่ นชกั ชวนบา้ ง อยา่ งนอ้ ยกช็ กั ชวนเขา้ วดั ฟงั ธรรมจำ� ศลี อบรมธรรม
ใสใ่ จพอเปน็ ผสู้ งบงามตาบา้ ง ไมป่ ระพฤตแิ สลงแทงใจจนเกนิ ไป เรอื่ งอนื่ ๆ
ทา่ นยงั ชกั ชวนชาวบา้ นทง้ั ทางตรงและทางออ้ มจนเบอ่ื จะฟงั และปฏบิ ตั ติ าม

349

ฉะนัน้ ค�ำวา่ นิพพานคงคิดเดาลว่ งหน้ากนั ไปอย่างไม่สงสัยว่าจะผดิ
ว่านิพพานคือเมอื งเงยี บนัน่ เอง เพราะไมม่ ปี มี่ ีขลุ่ยเครอื่ งขับกล่อมบำ� รงุ
บ�ำเรอและผู้คอยทะนุถนอมเอาอกเอาใจ เป็นเมืองไร้ชาติขาดรสท่ีโลก
ต้องการเสียทุกอยา่ ง จึงไมค่ ่อยคิดอยากไปกัน กลัวจะไปตกนรกเมือง
สงบเงยี บ ไมม่ องเหน็ หนา้ ใคร พ่ี ปา้ นา้ อา สงิ สาราสตั ว์ เสยี งนกเสยี งกา
เสียงรถเสียงรา เสียงหัวเราะและร้องไห้ก็ไม่มี เป็นเมืองที่หมดความ
คาดหมายคลายความทะเยอทะยานอยากเสียทกุ อย่าง ผู้มีความหวังอยู่
จงึ ไมอ่ ยากไปกนั แมจ้ ะไปคงไปไมไ่ ด้ เพราะยงั มคี วามหวงั อนั เปน็ เครอ่ื ง
เหนี่ยวร้ังยงั้ ใจไวว้ ่าตอ้ งรอ

ทา่ นผไู้ ปนพิ พานได้ คอื ทา่ นผหู้ มดความหวงั ทางโลกามสิ โดยสน้ิ เชงิ
ไม่ติดต่อก่อเรื่องราว ใจไม่หนาวไม่ร้อน ไม่หย่อนไม่ตึง มีความพอดี
คือมัชฌิมาโดยหลักธรรมชาติเป็นที่สถิต ไม่มีความอยาก ความหวัง
ความหวิ โหยอดิ โรย ความรน่ื เรงิ บนั เทงิ ทงั้ หลาย อนั เปน็ เครอื่ งเขยา่ กอ่ กวน
จิตใจใหข้ ุ่นมัวม่วั สุม มีแต่ความสงบสุขอันละเอยี ดสุขุม ไมม่ ีส่ิงใดๆ มา
เขยา่ เยา้ ยวนเหมอื นจติ ทเี่ จอื ดว้ ยโลกามสิ ซง่ึ เปน็ ความสขุ เพยี งสมุ่ ๆ เดาๆ
ลมุ่ ๆ ดอนๆ สุขเพยี งโยกๆ คลอนๆ คอยแต่จะหกจะล้มจะจมหายไป
ไมจ่ รี งั ถาวรพอหายใจได้ ถา้ เปน็ นำ้� กท็ ง้ั ขนุ่ ทง้ั โคลน ถา้ เปน็ อาหารกท็ ง้ั เผด็
ทงั้ เปรย้ี วทงั้ จดื ทงั้ เคม็ ไมม่ รี สอรอ่ ยเหมาะสม รบั เขา้ ไปคอยแตจ่ ะเปน็ ลม
ท�ำใหง้ ว่ งเหงาหาวนอนอย่ไู ม่เป็นสขุ

ดงั นนั้ สง่ิ ทเี่ คยสมั ผสั มาแลว้ พอรรู้ สของมนั จงึ ควรใครค่ รวญทดสอบ
ความหนกั เบาไดเ้ สยี ของสงิ่ นนั้ ๆ บา้ ง พอมที างระบายถา่ ยเทพอประมาณ
สว่ นไมด่ ีจะไมน่ อนจมอยใู่ นจิตจนไม่มีทเี่ ก็บ เพราะมมี ากเหลอื ประมาณ

350

มองไปมาทางใดเห็นแต่กองทุกข์ที่ใจเที่ยวเก็บมาสั่งสมไว้ นักปราชญ์
ท่านฉลาดกว่าพวกเรามากในการปฏิบัติต่อตัวเอง ท�ำอะไร พูดอะไร
คิดอะไรถูกต้องจุดท่ีมุ่งหมาย ท่านไม่แย้ง ไม่ฝืน ไม่ขัดขืนความจริง
ทง้ั ไม่เยอ่ หยิง่ จองหอง ไมล่ �ำพองตนวา่ เก่ง ว่าดี เมื่อมผี เู้ ตือนสตทิ ่าน
รบี ยึดมาเปน็ ธรรมสอนตน ผดิ กับพวกเราอยมู่ าก ราวฟา้ กบั ดิน จงึ ควร
ยดึ ถอื เปน็ หลกั เปน็ เกณฑ์ จะเปน็ คนมขี อบเขตมเี หตมุ ผี ล ไมย่ อมทำ� ตาม
ความอยากที่เคยมีอำ� นาจบนหวั ใจมานาน

เมื่อพยายามฝ่าฝืนดัดแปลงใจให้เป็นไปตามทางของนักปราชญ์
ตอ้ งประสบผลคอื ความสขุ ในปจั จบุ นั ทนั ตา แมจ้ ะมไิ ดเ้ ปน็ เจา้ ของเงนิ ลา้ น
แตก่ พ็ อมที างไดร้ บั ความสขุ จากสมบตั แิ ละความประพฤตขิ องตนเทา่ ทค่ี วร
เพราะคนฉลาดปกครองตนให้มีความสุขและปลอดภัย ไม่จ�ำต้องเที่ยว
แสวงหาทรพั ยต์ ง้ั มากมาย หรอื เทย่ี วกอบโกยเงนิ เปน็ ลา้ นๆ มาเปน็ เครอื่ ง
บ�ำรุงโดยถ่ายเดียวถึงจะมีความสุข แม้ผู้มีสมบัติพอประมาณในทางที่
ชอบก็พอมีความสุขได้ และอาจมีความสุขมากกว่าผู้ได้มาในทางมิชอบ
เสียอีก เพราะนั่นมใิ ช่สมบัตขิ องตนอย่างแท้จริง ท้ังๆ ทอ่ี ยู่ในกรรมสิทธ์ิ
ทต่ี นรบั รอง แตก่ ฎความจรงิ คอื กรรมสาปแชง่ ไมเ่ หน็ ดว้ ย และอำ� นวยผล
เป็นทุกข์ในล�ำดับต่อไปไม่มีสิ้นสุด นักปราชญ์ท่านจึงกลัวกันนักหนา
แตค่ นโงอ่ ยา่ งพวกเราผชู้ อบสกุ เอาเผากนิ และชอบเหน็ แกต่ วั จงึ ชอบทำ�
กันอุตลุดชนิดไม่มีวันอิ่มพอ ท้ังท่ีไม่ประสบผลคือความสุขดังใจหมาย
แมพ้ ยายามไปอย่างไม่ลดละเพียงไร

ทา่ นพระอาจารย์มน่ั คราวพกั อยูจ่ งั หวดั เชียงใหม่ พระท่ีตัง้ ใจปฏบิ ตั ิ
ธดุ งคกรรมฐานไปอยกู่ บั ทา่ นไมค่ อ่ ยมากนกั เพราะทา่ นไมช่ อบออกมาเมอื ง

351

มานาแถวนอกๆ อยู่แต่ในป่าในเขาตลอดมา ขณะท่ีท่านอยู่เชียงใหม่
กไ็ ด้รบั จดหมายทา่ นเจ้าคุณธรรมเจดยี ์ วัดโพธสิ มภรณ์ อุดรธานี ซึง่ เคย
เป็นลูกศิษย์ท่านมาแต่เล็ก อาราธนานิมนต์ให้ท่านกลับไปอยู่จังหวัด
อุดรธานีหลายฉบบั แต่ทา่ นทั้งไม่ตอบจดหมายทง้ั ไมร่ ับนมิ นตต์ ลอดมา
จนราว พ.ศ. ๒๔๘๒–๒๔๘๓ ทา่ นเจา้ คณุ ธรรมเจดยี ์ อดุ รธานี มาอาราธนา
นมิ นตด์ ว้ ยตนเอง และเขา้ ไปจนถงึ ทท่ี า่ นอาจารยพ์ กั อยู่ ทา่ นจงึ ตอบจดหมาย
ทา่ นเจา้ คณุ ทกุ ฉบบั ในเวลาเดยี วกนั วา่ จดหมายทา่ นเจา้ คณุ สง่ มาผมไดร้ บั
ทุกฉบับ แต่เป็นจดหมายเล็กเห็นว่าไม่ส�ำคัญจึงมิได้ตอบ แต่คราวน้ี
จดหมายใหญ่มาคือท่านเจ้าคุณมาเอง ผมจึงตอบ ว่าแล้วท่านหัวเราะ
ท่านเจา้ คณุ ก็หัวเราะเช่นกนั

พอได้โอกาสท่านเจ้าคุณก็อาราธนานิมนต์ท่านอาจารย์ให้กลับไป
โปรดที่อุดรฯ ซึ่งท่านได้จากมาเป็นเวลาหลายปีแล้ว บรรดาสานุศิษย์
ทางอุดรฯ คดิ ถงึ ท่านมาก ขอให้ท่านเจา้ คุณมาอาราธนาในนามของชาว
อดุ รฯ คราวนท้ี า่ นขดั ไมไ่ ดจ้ ำ� ตอ้ งรบั นมิ นต์ จากนน้ั ทา่ นเจา้ คณุ กราบเรยี น
กำ� หนดการมารบั ทา่ น ตกลงกนั ตน้ เดอื นพฤษภาคม ๒๔๘๒ เปน็ ระยะเวลา
มารับท่าน

ก่อนท่านอาจารย์จะจากที่พักออกมาวัดเจดีย์หลวง เชียงใหม่
พวกรุกขเทวดาจ�ำนวนมากพากันมาอาราธนาวิงวอนขอให้ท่านพักอยู่
ที่นั้นต่อไป ยังไม่อยากให้ท่านหนีไปไหน เขาบอกว่าเวลาท่านอยู่ที่นั้น
พวกเทวดาทกุ ชน้ั ทกุ ภมู ไิ ดร้ บั ความรม่ เยน็ เปน็ สขุ โดยทวั่ กนั เพราะอำ� นาจ
เมตตาธรรมท่านแผ่ครอบทั่วทุกทิศทุกทางท้ังกลางวันกลางคืน เทวดา
ทงั้ หลายมคี วามสขุ มากและเคารพรกั ทา่ นมากมาย ไมอ่ ยากใหท้ า่ นจากไป

352

เมอื่ ทา่ นจากไปแลว้ ความสขุ ทพ่ี วกเขาเคยไดร้ บั จากทา่ นจะลดลง แมก้ าร
ปกครองกันกไ็ มส่ ะดวกเหมือนท่ีท่านยังอยู่

ท่านได้บอกกับเทวดาทั้งหลายว่า เป็นความจำ� เป็นท่ีจะต้องจากไป
เพราะได้รับค�ำนิมนต์แล้วว่าไป จ�ำต้องไปตามความสัตย์ความจริง
จะเปลย่ี นแปลงเปน็ อยา่ งอนื่ ไมไ่ ด้ คำ� พดู ของพระไมเ่ หมอื นคำ� พดู ของโลก
ทว่ั ๆ ไป พระเปน็ ผูม้ ศี ีลตอ้ งมีสัตย์ ถา้ ขาดค�ำสตั ยศ์ ีลกก็ ลายเป็นสูญไป
ทนั ที ไม่มีอะไรเหลอื อยู่ในองค์พระ ฉะน้ัน พระต้องรักษาสตั ยศ์ ีล

พอตกเดอื นพฤษภาคม ทา่ นกบั คณะลกู ศษิ ยท์ จี่ ะตดิ ตามไปอดุ รฯ ดว้ ย
เริ่มออกเดินทางจากที่พัก ออกมาวัดเจดีย์หลวงและพักที่นั่น ฝ่าย
พระอาจารยอ์ นุ่ วดั ทพิ ยรตั นน์ มิ ติ กบั คณะญาตโิ ยมชาวอดุ รฯ ทม่ี ารบั ทา่ น
กม็ าถงึ ในระยะเดยี วกนั ทา่ นพกั อยวู่ ดั เจดยี ห์ ลวง ราว ๖-๗ คนื ขณะพกั
อยทู่ น่ี นั้ มคี ณะศรทั ธาชาวเชยี งใหมท่ ม่ี คี วามเลอ่ื มใสในทา่ น ไดพ้ รอ้ มกนั
มาอาราธนานมิ นตใ์ หท้ า่ นพกั อยทู่ น่ี นั้ นานๆ เพอ่ื โปรดเมตตาชาวเชยี งใหม่
ตอ่ ไป แตท่ า่ นรบั นมิ นตไ์ มไ่ ด้ ทำ� นองเดยี วกบั เทวดาอาราธนา เพราะไดร้ บั
นมิ นตเ์ สยี แลว้ กอ่ นจะจากเชยี งใหม่ ทา่ นเจา้ คณุ ราชกวี และคณะศรทั ธา
เชยี งใหม่ อาราธนาทา่ นขนึ้ แสดงธรรมในวนั วสิ าขะ เปน็ กณั ฑต์ น้ เพอื่ ไว้
อาลยั สำ� หรบั ศรทั ธาทง้ั หลาย ซง่ึ ผเู้ ขยี นกไ็ ปถงึ เชยี งใหมใ่ นระยะเดยี วกนั
ไดฟ้ งั เทศนท์ า่ นด้วยความสนใจอย่างยิ่ง ทา่ นแสดงธรรม ๓ ช่ัวโมงพอดี
ถงึ จบกณั ฑ์ ทา่ นเทศนเ์ ปน็ ทจ่ี บั ใจอยา่ งฝงั ลกึ ยงั ไมม่ เี วลาลบเลอื นตลอด
มาถึงปจั จบุ นั

ใจความส�ำคญั ของธรรมท่ที ่านแสดงในวนั นนั้ มวี ่า “วนั นต้ี รงกับวัน
พระพทุ ธเจา้ ประสตู ิ ตรสั รู้ และดบั ขนั ธปรนิ พิ พาน เราเรยี กวา่ วนั วสิ าขบชู า

353

พระพุทธเจ้าเกิดกับสัตว์โลกเกิดต่างกันมาก ตรงท่ีท่านเกิดแล้วไม่หลง
โลกทเ่ี กดิ ทอี่ ยแู่ ละทต่ี าย มหิ นำ� ยงั กลบั รแู้ จง้ ทเี่ กดิ ทอี่ ยู่ และทตี่ ายของ
พระองค์ด้วยพระปัญญาญาณโดยตลอดทั่วถึง ท่ีเรียกว่าตรัสรู้น่ันเอง
เม่ือถึงกาลอันควรจากไป ทรงลาขันธ์ท่ีเคยอาศัยเป็นเคร่ืองมือบำ� เพ็ญ
ความดมี าจนถึงขัน้ สมบูรณ์เตม็ ท่ี แลว้ จากไปแบบสุคโต สมเป็นศาสดา
ของโลกทง้ั สาม ไมม่ ที นี่ า่ ตำ� หนแิ มน้ ดิ เดยี ว กอ่ นเสดจ็ จากไปโดยพระกาย
ทห่ี มดหนทางเยยี วยากไ็ ดป้ ระทานพระธรรมไวเ้ ปน็ องคแ์ ทนศาสดา ซงึ่ เปน็
ท่นี า่ กราบไหว้บชู าค่พู งึ่ เปน็ พ่ึงตายถวายชีวติ จรงิ ๆ

เราท้ังหลายต่างเกิดมาด้วยวาสนา มีบุญพอเป็นมนุษย์ได้อย่าง
เต็มภมู ิ ดงั ทที่ ราบอยแู่ กใ่ จ แต่อย่าลืมตัวลมื วาสนาของตัว โดยลืมสรา้ ง
คุณงามความดเี สรมิ ตอ่ ภพชาติของเราท่เี คยเป็นมนุษย์ จะเปล่ยี นแปลง
และกลบั กลายหายไป ชาตติ ำ่� ทรามทไ่ี มป่ รารถนาจะกลายมาเปน็ ตวั เราเขา้
แล้วแก้ไมต่ ก ความสงู ศักดิ์ ความต่ำ� ทราม ความสขุ ทกุ ข้นั จนถงึ บรมสขุ
และความทุกข์ทุกขั้นจนเข้าขั้นมหันตทุกข์เหล่านี้ มีได้กับทุกคนตลอด
สัตว์ถา้ ตนเองทำ� ให้มี อยา่ เข้าใจวา่ จะมีได้เฉพาะผูก้ �ำลังเสวยอยู่เท่านน้ั
โดยผู้อื่นมีไม่ได้ เพราะส่ิงเหล่าน้ีเป็นสมบัติกลาง แต่กลับกลายมา
เป็นสมบัติจ�ำเพาะของผู้ผลิตผู้ท�ำก็ได้ ฉะนั้น ท่านจึงสอนไม่ให้ดูถูก
เหยียดหยามกนั เมื่อเห็นเขาตกทุกข์หรือกำ� ลังจน จนน่าทุเรศ เราอาจ
มีเวลาเป็นเช่นน้ันหรือย่ิงกว่านั้นก็ได้ เม่ือถึงวาระเข้าจริงๆ ไม่มีใคร
มอี ำ� นาจหลกี เลย่ี งได้ เพราะกรรมดชี ว่ั เรามที างสรา้ งไดเ้ ชน่ เดยี วกบั ผอู้ นื่
จึงมีทางเป็นได้เช่นเดียวกับผู้อื่น และผู้อื่นก็มีทางเป็นได้เช่นที่เราเป็น
และเคยเปน็

354

ศาสนาเปน็ หลกั วชิ าตรวจตราดตู วั เองและผอู้ นื่ ไดอ้ ยา่ งแมน่ ยำ� และ
เป็นวิชาเครือ่ งเลอื กเฟ้นไดอ้ ยา่ งดีเยีย่ ม ไม่มีวชิ าใดในโลกเสมอเหมือน
นบั แตบ่ วชและปฏบิ ตั มิ าอยา่ งเตม็ กำ� ลงั จนถงึ วนั น้ี มไิ ดล้ ดละการตรวจตรา
เลอื กเฟน้ สง่ิ ดชี ว่ั ทมี่ ี และเกดิ อยกู่ บั ตนทกุ ระยะ มใี จเปน็ ตวั การพาสรา้ ง
กรรมประเภทตา่ งๆ จนเหน็ ไดช้ ดั วา่ กรรมมอี ยกู่ บั ผทู้ ำ� มใี จเปน็ ตน้ เหตุ
ของกรรมทงั้ มวล ไมม่ ที างสงสยั ผสู้ งสยั กรรมหรอื ไมเ่ ชอ่ื กรรมวา่ มผี ล
คอื คนลมื ตนจนกลายเปน็ ผมู้ ดื บอดอยา่ งชว่ ยอะไรไมไ่ ด้ คนประเภทนนั้
แม้เขาจะเกิดและได้รับการเลี้ยงดูจากพ่อแม่มาเป็นอย่างดีเหมือนโลก
ทงั้ หลายกต็ าม เขามองไมเ่ หน็ คณุ ของพอ่ แมว่ า่ ไดใ้ หก้ ำ� เนดิ และเลยี้ งดตู น
มาอยา่ งไรบา้ ง แตเ่ ขาจะมองเหน็ เฉพาะรา่ งกายเขาทเี่ ปน็ คนซงึ่ กำ� ลงั รกโลก
อยโู่ ดยเจา้ ตวั ไมร่ เู้ ทา่ นน้ั ไมส่ นใจคดิ วา่ เขาเกดิ และเตบิ โตมาจากทา่ นทง้ั สอง
ซึง่ เปน็ แรงหนนุ ร่างกายชวี ติ จิตใจเขาให้เจรญิ เติบโตมาจนถงึ ปจั จบุ ัน

การด่ืมและการรับประทานอาหารทุกประเภท ล้วนเป็นการเสริม
สรา้ งสุขภาพและความเจรญิ เตบิ โตแกร่ ่างกายใหเ้ ปน็ อยู่ตามกาลของมนั
การท�ำเพ่ือร่างกาย ถ้าไม่จัดว่าเป็นกรรมคือการท�ำ จะควรจัดว่าอะไร
สง่ิ ทร่ี า่ งกายไดร้ บั มาเปน็ ประจำ� ถา้ ไมเ่ รยี กวา่ ผล จะเรยี กวา่ อะไรจงึ จะถกู
ตามความจริง ดชี ัว่ สุขทุกข์ที่สัตว์ทัว่ โลกไดร้ บั กันมาตลอดสาย ถ้าไมม่ ี
แรงหนนุ เปน็ ตน้ เหตอุ ยแู่ ลว้ จะเปน็ มาไดด้ ว้ ยอะไร ใจอยเู่ ฉยๆ ไมค่ ะนอง
คดิ ในลกั ษณะตา่ งๆ อนั เปน็ ทางมาแหง่ ดแี ละชวั่ คนเราจะกนิ ยาตายหรอื
ฆา่ ตวั ตายไดด้ ว้ ยอะไร สาเหตแุ สดงอยอู่ ยา่ งเตม็ ใจทเี่ รยี กวา่ ตวั กรรมและ
ท�ำคนจนถงึ ตาย ยงั ไม่ทราบว่าตนท�ำกรรมแลว้ ถ้าจะไมเ่ รียกว่ามดื บอด
จะควรเรยี กวา่ อะไร

355

กรรมอยู่กับตัวและตัวท�ำกรรมอยู่ทุกขณะ ผลก็เกิดอยู่ทุกเวลา
ยังสงสัยหรือไม่เช่ือกรรมว่ามีและให้ผลแล้วก็สุดหนทาง ถ้ากรรมว่ิง
ตามคนเหมอื นสนุ ขั วง่ิ ตามเจา้ ของเขากเ็ รยี กวา่ สนุ ขั เทา่ นนั้ เอง ไมเ่ รยี กวา่
กรรม น่ีกรรมไม่ใช่สุนัข แต่คือการกระท�ำดีชั่วทางกายวาจาใจต่างหาก
ผลจริงคือความสุขทุกข์ท่ีได้รับกันอยู่ทั่วโลก กระทั่งสัตว์ผู้ไม่รู้จักกรรม
รแู้ ตก่ ระทำ� คอื หาอยหู่ ากนิ ทที่ างศาสนาเรยี กวา่ กรรมของสตั วข์ องบคุ คล
และผลกรรมของสตั วข์ องบุคคล”

กัณฑ์นี้ผู้เขียนได้ฟังด้วยตัวเองอย่างถึงใจจากความสนใจใฝ่ฝันใน
องคท์ า่ นมานาน จงึ ไดน้ ำ� มาลงเพอื่ ทา่ นผไู้ มไ่ ดฟ้ งั จะไดอ้ า่ นกรรมตวั เองบา้ ง
บางทีอาจเหมือนกรรมของผู้อ่ืน ซึ่งต่างเป็นนักสร้างกรรมเหมือนกัน
พอเทศนาจบลงจากธรรมาสนเ์ ดนิ มากราบพระประธาน ทา่ นเจา้ คณุ ราชกวี
เรยี นขน้ึ วา่ วนั นท้ี า่ นอาจารยเ์ ทศนใ์ หญ่ สนกุ ฟงั กนั เตม็ ทส่ี ำ� หรบั กณั ฑน์ ้ี
ทา่ นตอบวา่ “เทศนซ์ ำ้� ทา้ ยความแกอ่ าจมใี หญบ่ า้ ง ตอ่ ไปจะไมไ่ ดม้ าเทศนอ์ กี
เวลาน้กี แ็ กม่ ากแล้ว” ทา่ นพูดนี้เหมอื นเปน็ อุบายบอกวา่ จะไมไ่ ด้กลบั มา
เชียงใหม่อีกแล้วในชีวิตน้ี เลยกลายเป็นความจริงขึ้นมา คือท่านไม่ได้
กลบั ไปอกี จรงิ ๆ สมกบั คำ� วา่ เทศนซ์ ำ�้ ทา้ ยความแก่ ผเู้ ขยี นรสู้ กึ ปตี ซิ าบซง้ึ
ในองค์ทา่ น และธรรมท่านแทบตัวลอย และมองดทู ่านไม่มเี วลาอ่มิ พอ
ดังได้เขยี นความไม่เป็นท่าของตนลงในหนงั สือทางร่มเย็นบา้ งแลว้

ท่านพักอยู่วัดเจดีย์หลวงพอควรแก่กาลแล้ว ก็ออกเดินทางลงมา
กรงุ เทพฯ ขณะออกจากวัดมสี มเดจ็ พระมหาวรี วงศ์ (ธมฺมธโร, พมิ พ์)
วดั พระศรมี หาธาตุ บางเขน กรงุ เทพมหานคร ซงึ่ เวลานนั้ เปน็ พระราชกวี
และพระผู้ใหญ่ตลอดศรทั ธาญาตโิ ยมตามสง่ ทา่ นมากมาย และมีเทวดา

356


Click to View FlipBook Version