ออกทเี ดยี ว ไมต่ อ้ งแยกแยะหรอื ขยายเนอื้ ความใหเ้ ดน่ ชดั เหมอื นใชค้ ำ�
พดู ทางวาจาเป็นเคร่อื งมอื ของใจอกี วาระหน่งึ ซงึ่ บางประโยคความร้สู ึก
ทางใจกบั คำ� พดู ทจี่ ะใชใ้ หเ้ หมาะสมไมค่ อ่ ยตรงกนั จงึ ทำ� ใหเ้ สยี ความมงุ่ หมาย
อยูบ่ อ่ ยๆ
ตราบใดทใี่ ชว้ าจาเปน็ สอื่ แทนใจอยู่ ความไมส่ ะดวกยอ่ มมอี ยตู่ ราบนนั้
แต่ก็เป็นเรื่องจ�ำเป็นท่ีคนเราไม่รู้ภาษาใจของกันและกัน จ�ำต้องใช้วาจา
เป็นเคร่ืองมอื ของใจอยตู่ ลอดไปอย่างแยกไมอ่ อก ทัง้ ๆ ท่ีไมส่ ูจ้ ะตรงกบั
ความมงุ่ หมายของใจเทา่ ไรนกั เพราะโลกหากพานยิ มใชก้ นั มาอยา่ งนี้ ไมม่ ี
ทางแก้ไขใหเ้ ปน็ อย่างอ่ืนซึ่งดยี ง่ิ กวา่ นไี้ ด้ นอกจากจะร้ภู าษาใจกนั เทา่ นน้ั
สง่ิ ลลี้ บั กก็ ลบั เปดิ เผยและยตุ กิ นั ไปเอง ทา่ นพระอาจารยม์ น่ั ทา่ นเชยี่ วชาญ
ทางนม้ี าก เครอื่ งมอื ทา่ นกม็ พี รอ้ มในการฝกึ อบรมคนใหเ้ ปน็ คนดี สว่ นพวกเรา
แม้แต่จะคิดข้ึนมาใช้เฉพาะตัว ยังต้องเที่ยวหาหยิบยืมจากผู้อื่น คือ
เที่ยวศึกษาอบรมจากครูอาจารย์ในที่ต่างๆ อยู่เป็นประจ�ำ แม้เช่นน้ันก็
ยงั หลดุ ไม้หลุดมือไปได้ รกั ษาไว้ไม่อยู่ คอื ฟังจากทา่ นแล้วก็หลงลืมไป
แทบไมม่ อี ะไรเหลอื ตดิ ตวั แตส่ งิ่ ทไี่ มด่ อี นั มอี ยดู่ ง้ั เดมิ คอื ความผดิ พลาด
ขาดสติปัญญาความระลึกรู้ไตร่ตรอง ไม่ยอมหลงลืมและตกไป คงยัง
สมบรู ณอ์ ยตู่ ลอดไป ฉะนนั้ จงึ มแี ตค่ วามผดิ หวงั คอื นงั่ อยกู่ ผ็ ดิ หวงั เดนิ ไป
ก็ผดิ หวัง ยืนอย่กู ็ผดิ หวงั นอนอยู่ก็ผิดหวงั อะไรๆ มีแต่ความผดิ หวงั
เพราะขาดคุณธรรมดงั กล่าวทีจ่ ะท�ำใหม้ หี วังในสงิ่ ที่พงึ ใจทัง้ หลาย
ปฏิปทาเคร่ืองด�ำเนินและการอบรมส่ังสอน ท่านพระอาจารย์ม่ัน
รูส้ กึ วา่ ราบรน่ื สม�ำ่ เสมอ ไม่คอ่ ยมีเร่ืองกระเทือนฝ่งั ดงั ทเ่ี คยปรากฏมา
ทา่ นไปทไี่ หนชมุ่ เยน็ ราบเรยี บในทนี่ นั้ พระเณรมคี วามเคารพเลอ่ื มใสศรทั ธา
107
ญาติโยมพอทราบข่าวว่าท่านไปท่ีไหนต่างมีความยิ้มแย้มแจ่มใส พากัน
หลัง่ ไหลไปกราบไหว้บชู าดว้ ยความเคารพเลอ่ื มใสอย่างฝงั จิตฝงั ใจ ไม่มี
เวลาจดื จางตลอดมา ดงั ชาวบา้ นถำ้� ทที่ า่ แขก ฝง่ั แมน่ ำ้� โขงแหง่ ประเทศลาว
ซงึ่ เปน็ หมบู่ า้ นทที่ า่ นพระอาจารยม์ น่ั พระอาจารยเ์ สารเ์ คยไปพกั กอ่ นหนา้
ทที่ า่ นไปเลก็ นอ้ ยชาวบา้ นนน้ั เกดิ โรคฝดี าษกนั เกอื บทง้ั บา้ น พอเหน็ ทา่ นไป
เขาดีอกดีใจกันมากแทบตวั ลอย พร้อมกันว่ิงออกมาต้อนรบั และวงิ วอน
ขอใหท้ า่ นเปน็ ทพี่ งึ่ ทา่ นกใ็ หเ้ ขาพากนั มารบั พระไตรสรณคมน์ คอื ถอื พระพทุ ธ
พระธรรม พระสงฆ์ เปน็ สรณะแทนถอื ผี เพราะแตก่ อ่ นเขาพากนั นบั ถอื ผี
กนั ทงั้ บา้ น ท่านแนะน�ำวธิ ีปฏิบตั ใิ หเ้ ขา เช่น ตอนเช้าตอนเยน็ เวลาจะ
หลับนอนใหพ้ ากันไหว้พระสวดมนต์กอ่ น และให้พากนั ทำ� วัตรสวดมนต์
ทกุ ๆ เชา้ เยน็ เขากท็ ำ� ตาม สว่ นทา่ นเองกท็ ำ� พธิ อี ะไรๆ อนั เปน็ การภายใน
ชว่ ยเขา
เป็นท่ีน่าประหลาดและอัศจรรย์ทันตาเห็น คนท่ีล้มตายกันวันละ
หลายๆ ศพเรอื่ ยมาเพราะโรคน้นั กลบั ไม่มีใครตายอีกเลยนบั แต่วันน้นั
เป็นตน้ มา แมท้ ่กี �ำลงั เปน็ กนั อยูก่ ก็ ลบั หายไปอย่างรวดเรว็ และไมม่ ีการ
กำ� เรบิ อกี ตอ่ ไปราวกบั ปาฏหิ ารยิ ์ ชาวบา้ นเกดิ ความอศั จรรย์ ไมเ่ คยเหน็ และ
ไมค่ าดฝนั วา่ จะเปน็ ไดถ้ งึ เพยี งนี้ ยง่ิ เกดิ ความเชอื่ เลอ่ื มใสกนั ทงั้ บา้ น ตลอด
ลกู หลานตดิ ตอ่ สบื เนอ่ื งกนั มากระทงั่ ทกุ วนั น้ี แมพ้ ระทเี่ ปน็ สมภารองคป์ จั จบุ นั
ประจำ� หมบู่ า้ นนนั้ ก็เกิดศรัทธาเคารพเล่ือมใสท่านพระอาจารย์ท้ังสองมาก
มาจนบดั น้ี พดู ถงึ ทา่ นพระอาจารยท์ งั้ สองทไี รตอ้ งยกมอื ไหวก้ อ่ น แลว้ คอ่ ย
พดู เรอื่ งของทา่ นพระอาจารยท์ ง้ั สองตอ่ ไป ทเ่ี ปน็ ทง้ั นก้ี เ็ พราะอำ� นาจธรรม
ในใจทา่ นแผก่ ระจายออกไปให้เป็นความสขุ เย็นใจแก่โลก
108
ทา่ นเล่าว่า ทา่ นแผเ่ มตตาใหญ่ในรอบ ๒๔ ชัว่ โมงตอ่ ๓ คร้งั คือ
เวลากลางวันตอนบ่ายขณะนั่งภาวนาหนึ่งคร้ัง ตอนก่อนนอนหนึ่งครั้ง
ตอนต่นื นอนหน่ึงครั้ง ส่วนการแผเ่ มตตาปลีกย่อยประจ�ำนสิ ยั นั้น มไิ ด้
นบั อา่ นวา่ วนั หนง่ึ กส่ี บิ ครงั้ ทา่ นแผเ่ มตตาใหญ่ ทา่ นวา่ กำ� หนดจติ ใหด้ ำ� รงตวั
อยู่เฉพาะ แล้วก�ำหนดกระแสใจให้แผ่ซ่านออกไปทั่วโลกธาตุเบ้ืองบน
เบอ้ื งลา่ ง ทวั่ ทกุ ทศิ ทุกทางไมม่ ีว่างเวน้ ปรากฏวา่ จิตในขณะนั้นมีอำ� นาจ
แผ่รัศมีและแสงสว่างออกไปทั่วพิภพ ไม่มีที่สิ้นสุด และไม่มีอะไรมา
ปิดบงั ไดเ้ ลย ยิ่งกว่าแสงพระอาทติ ยก์ ร่ี ้อยก่พี นั ดวงเป็นไหนๆ และไมม่ ี
อะไรจะทรงแสงสว่างเสมอด้วยใจทไี่ ด้ช�ำระอยา่ งเตม็ ภมู แิ ลว้ คณุ สมบตั ิ
ซง่ึ แสดงออกจากจติ ทบี่ รสิ ทุ ธส์ิ นิ้ เชงิ แลว้ ยอ่ มทำ� ใหโ้ ลกสวา่ งและมคี วาม
ร่มเย็นอย่างอัศจรรย์ท่ีบอกไม่ถูก เพราะไม่มีพิษสงแม้น้อยเจือปนอยู่
มแี ตค่ ณุ ธรรมคอื ความเยน็ ลว้ นๆ ดำ� รงอยใู่ นดวงใจ ทา่ นผมู้ เี มตตาจติ และ
มใี จบรสิ ทุ ธสิ์ ะอาดไปอยู่ ณ ทใี่ ด มนษุ ยเ์ ทวดาอารกั ษย์ อ่ มเคารพเลอื่ มใส
ตลอดสตั วเ์ ดยี รจั ฉานกไ็ มร่ ะเวยี งระวงั วา่ จะเปน็ ภยั ตอ่ เขา เพราะจติ ทา่ น
ออ่ นนม่ิ ไปทงั้ ดวงดว้ ยเมตตาทม่ี อี ยปู่ ระจำ� ตลอดเวลา ไมน่ ยิ มกาลสถานท่ี
บคุ คล และก�ำเนิดสูงต่�ำ เหมอื นฝนตกลงสู่พน้ื พิภพ ไมน่ ิยมว่าสถานท่ี
สงู ต�ำ่ ประการใดฉะนนั้
คราวท่านกลับจากอุบลฯ ทีแรกท่านมาจ�ำพรรษาท่ีบ้านหนองลาด
อำ� เภอวาริชภูมิ จงั หวดั สกลนคร มีพระเณรติดตามมาศกึ ษาปฏบิ ัติด้วย
เป็นจ�ำนวนมากมาย ประชาชนหญงิ ชายพากันต่ืนเต้นมาก ประหนงึ่ ทา่ น
ผมู้ บี ญุ มาเกดิ แตม่ ไิ ดต้ น่ื เตน้ แบบมงคลตนื่ ขา่ ว หากแตต่ นื่ เตน้ เพอ่ื ละชวั่
ท�ำดี ละการนับถอื ผไี หว้เจ้า กราบพระพุทธเจ้า พระธรรม พระสงฆ์แทน
109
เทา่ นน้ั พอออกพรรษาแลว้ ทา่ นออกเทย่ี วธดุ งคไ์ ปเรอื่ ยๆ มาทางจงั หวดั
อุดรธานี ไปอ�ำเภอหนองบัวล�ำภูบ้าง อ�ำเภอบ้านผือและจ�ำพรรษาท่ี
บ้านค้อบ้าง ไปอ�ำเภอท่าบ่อจ�ำพรรษาท่ีน้ันในเขตจังหวัดหนองคายบ้าง
พกั อยสู่ องจงั หวดั นนี้ านพอควร สถานทที่ ที่ า่ นพกั บำ� เพญ็ โดยมากมแี ตป่ า่
แตเ่ ขาดงั กลา่ วแลว้ หมบู่ า้ นกม็ อี ยหู่ า่ งๆ กนั ในสมยั โนน้ ไมแ่ ออดั ดว้ ยผคู้ น
และบา้ นเรอื นเหมอื นสมยั นี้ การอบรมสงั่ สอนกง็ า่ ย ปา่ กเ็ ปน็ ปา่ จรงิ ๆ เตม็ ไป
ดว้ ยหม่ไู มใ้ หญ่ๆ สงู ไม่มใี ครท�ำลาย สัตว์ป่ากช็ ุกชมุ
พอตกกลางคนื ไดย้ นิ แตเ่ สยี งสตั วช์ นดิ ตา่ งๆ รอ้ งไปตามภาษาของเขา
ฟังแล้วท�ำให้เพลิดเพลินไปตามด้วยความเมตตาและสนิทสนม เพราะ
เสียงสัตว์ไมค่ ่อยเปน็ ข้าศึกตอ่ การบ�ำเพ็ญสมณธรรม ผิดกบั เสียงมนษุ ย์
อยู่มาก ท่านว่า ท้ังน้ีอาจเป็นเพราะเราไม่เข้าใจความหมายของเสียงก็
เป็นได้ ส่วนเสียงมนุษย์ไม่ว่าจะพูดสนทนากันธรรมดา ไม่ว่าจะขับล�ำ
ท�ำเพลงกัน ไมว่ ่าจะทะเลาะววิ าทกนั ไมว่ ่าจะแสดงความสนกุ รืน่ เรงิ กนั
เพยี งแตเ่ รม่ิ แสดงออกกเ็ รมิ่ เขา้ ใจความหมายไปตามทกุ ๆ คำ� และทกุ ๆ ระยะ
จึงท�ำให้ไม่ค่อยสะดวกนักในเวลามีเสียงคนมากระทบขณะท�ำสมาธิ
ภาวนา ยงิ่ เปน็ เสยี ง อติ ถฺ ี สทโฺ ท ดว้ ยแลว้ กย็ ง่ิ เพมิ่ ความทม่ิ แทงมากขน้ึ
ถา้ สมาธไิ ม่ดพี อ มหี วังล้มละลายไดอ้ ย่างงา่ ยดาย
แต่ต้องขออภัยจากท่านเจ้าของเสียงน้ีมากๆ ที่เขียนน้ีมิได้มุ่งเพื่อ
จะต�ำหนทิ า่ นผเู้ ปน็ เจา้ ของเสยี งแตอ่ ย่างใด แตเ่ ขียนไปตามความไม่เปน็
ท่าของนักภาวนาต่างหาก เพอ่ื จะได้สติฮึดสู้บ้าง พอมที างเอาตวั รอดได้
ไมห่ มอบยอมแพร้ าบอยทู่ า่ เดยี ว ทท่ี า่ นชอบพกั อยใู่ นปา่ ในเขาอาจมสี ว่ น
เกี่ยวข้องกับเร่ืองท�ำนองน้ีอยู่บ้าง เพ่ือหลบภัยและเพื่อบ�ำเพ็ญคุณงาม
110
ความดใี หย้ ง่ิ ๆ ขน้ึ ไปไมล่ า่ ถอย จนถงึ ทส่ี ดุ อนั เปน็ จดุ หมายปลายทางของ
ผูป้ ระพฤตพิ รหมจรรยเ์ พอ่ื ธรรมข้ันนัน้ ท่านพระอาจารย์มัน่ ท่านชอบอยู่
ในปา่ ในเขาตลอดมาจนถงึ วนั มรณภาพ จึงไดธ้ รรมอันเป็นขวัญใจมาฝาก
พวกเราอย่างภูมิใจ
ท่านเล่าว่า เวลาท่านก�ำลังบ�ำเพ็ญ ถ้าเป็นโรคก็เป็นประเภทชีวิต
ไมย่ งั เหลอื คา้ งโลกใหใ้ ครๆ ไดเ้ หน็ ตอ่ ไป เพราะมแี ตก่ ารฝกึ ทรมานทงั้ กาย
ทงั้ ใจตลอดไป ไมม่ วี นั จะไดล้ มื ตาอา้ ปากพดู อยา่ งสนกุ รนื่ เรงิ เหมอื นทา่ น
ผู้อื่นบ้างเลย เพราะกิเลสกับใจมันไวต่อการติดพันกันจนมองไม่ทัน
เผลอตวั บา้ งไมไ่ ดเ้ ลย เปน็ ไดเ้ รอื่ งทนั ที แตพ่ อมนั ตดิ พนั ใจไดแ้ ลว้ แกห้ รอื
ถอนไมย่ อมออกอยา่ งงา่ ยๆ มแี ตจ่ ะพนั ใหแ้ นน่ เขา้ ทกุ ที อนั นแ้ี ลทจ่ี ะทำ� ให้
เผลอตวั ไมไ่ ด้ ตอ้ งจอ้ งตอ้ งมองตอ้ งคอยจองจำ� ทำ� โทษมนั อยเู่ สมอ ไมย่ อม
ใหม้ กี ำ� ลงั ขนึ้ มาได้ เดยี๋ วมนั มดั เราเขา้ อกี มหี วงั จอดจมแน่ ทำ� ถงึ ขนาดนนั้
จงึ พอมคี วามสขุ และลมื ตาไดบ้ า้ งเทา่ นนั้ พอมกี ำ� ลงั ใจบา้ งและไดร้ บั ความ
สะดวกกายสบายใจกไ็ ดว้ กมาสง่ั สอนหมเู่ พอื่ น ตอ่ จากนน้ั หมเู่ พอื่ นทง้ั พระ
ทงั้ เณรทงั้ ฆราวาสไมท่ ราบมาจากไหน ทางนน้ั กม็ า ทางนก้ี ม็ า มาไมห่ ยดุ
และมาทกุ ทศิ ทกุ ทาง บางครงั้ จนไมม่ ที พี่ กั เพยี งพอกนั เพราะมามากตอ่ มาก
ทัง้ น่าสงสาร ท้ังนา่ เหน็ ใจท่านวา่
บางครง้ั กท็ ำ� ใหว้ ติ กกบั ผอู้ น่ื เกยี่ วกบั ความปลอดภยั ซงึ่ มผี หู้ ญงิ และ
ชีนงุ่ ขาวไปเยย่ี ม เชน่ คราวพักอยู่ในถำ้� บา้ นนาหมี นายงู อำ� เภอบา้ นผือ
จงั หวดั อดุ รธานี สมยั นน้ั คนมนี อ้ ยและสตั วเ์ สอื กช็ กุ ชมุ มาก ถำ้� และบรเิ วณ
ที่ท่านพกั อยู่ เสือโคร่งใหญ่ซง่ึ มอี ยูห่ ลายตวั ในแถวนัน้ เคยเขา้ มาบริเวณ
นนั้ เสมอ ไมเ่ ปน็ ทไ่ี วใ้ จในชวี ติ ของผไู้ ปเยย่ี มทา่ นและคา้ งคนื ทนี่ น้ั เวลาเขา
111
ไปเยยี่ ม ทา่ นต้องสั่งให้ชาวบ้านหาไมม้ าทำ� หา้ งสูงๆ จนพ้นจากปากเสอื
ท่จี ะกระโดดข้ึนไปถงึ ท่ีคนทห่ี ลบั นอนอยบู่ นห้างน้นั เวลาค่ำ� คนื ท่านหา้ ม
ไมใ่ หล้ งมาพน้ื ดนิ กลวั เสอื จะโดดคาบเอาไปกนิ แมป้ วดหนกั ปวดเบากใ็ ห้
เตรยี มหาภาชนะข้นึ ไปไวข้ า้ งบนด้วย เพอื่ สะดวกแกก่ ารขับถา่ ยในเวลา
คำ่� คนื เพราะแถวนน้ั เสอื ชมุ มากและดรุ า้ ยดว้ ย ผทู้ ไ่ี ปเยย่ี ม ทา่ นไมใ่ หพ้ กั
อยหู่ ลายวนั ตอ้ งรีบพากนั กลบั เสอื แถบนั้นไมค่ ่อยกลวั คนนัก ยิ่งเปน็
ผู้หญิงด้วยแล้วมันย่ิงไม่กลัวเอาเลย หากพอท�ำอันตรายได้มันอาจท�ำ
แม้ชาวบ้านกพ็ ดู เหมือนกันวา่ เสือพวกน้ไี ม่คอ่ ยจะกลวั คนนัก
บางครั้งเวลากลางคนื ทา่ นก�ำลังเดินจงกรมอยู่ โดยจดุ เทียนไขใส่
โคมไฟแขวนไวท้ ่ที างจงกรม ยังเหน็ เสือโคร่งใหญเ่ ดินตามหลงั ฝูงควาย
ทพี่ ากนั เดนิ ผา่ นมาทพ่ี กั ทา่ นอยา่ งองอาจ ไมก่ ลวั ทา่ นซง่ึ กำ� ลงั เดนิ จงกรม
อยบู่ า้ งเลย ฝงู ควายทถ่ี กู เสอื รบกวนมาก ตอ้ งพากนั กลบั เขา้ บา้ น เสอื ยงั
กล้าเดินตามหลังฝูงควายมาได้ต่อหน้าต่อตาพระซึ่งก็เป็นคนผู้หนึ่งที่น้ัน
พระท่ีไปศึกษาอบรมกับท่านต้องเป็นพระที่เตรียมพร้อมทุกอย่างแล้ว
ทง้ั ความสละเปน็ สละตายตอ่ การประกอบความพากเพยี รในสถานทต่ี า่ งๆ
ซึ่งไมเ่ ป็นทแี่ น่ใจและอาจมีภัยรอบด้าน ท้ังสละทฐิ ิมานะ ความถือตวั ว่า
มรี าคาคา่ งวด ซง่ึ อวดรอู้ วดฉลาดอยภู่ ายใน และสละทฐิ มิ านะตอ่ หมตู่ อ่ คณะ
ประหนงึ่ เปน็ อวยั วะอนั เดยี วกนั จติ ใจถงึ จะมคี วามสงบสขุ การประกอบ
ความเพยี รกม็ ี เกดิ สมาธิไดเ้ รว็ ไมม่ นี วิ รณ์มาขัดขวางถ่วงใจ
ในท่ีถูกบังคับให้อยู่ในวงจ�ำกัด เช่น สถานท่ีกลัวๆ อาหารมีน้อย
ฝดื เคอื งดว้ ยปจั จยั สตกิ ำ� กบั ใจไมล่ ดละ คดิ อา่ นเรอ่ื งอะไรมสี ตคิ อยสะกดิ
บังคับอยู่เสมอ ย่อมเข้าสู่ความสงบได้เร็วกว่าเท่าที่ควรจะเป็น เพราะ
112
ขา้ งนอกกม็ ภี ยั ขา้ งในกม็ สี ตคิ อยบงั คบั ขเู่ ขญ็ จติ ซง่ึ เปรยี บเหมอื นนกั โทษ
กย็ อมตวั ไมค่ กึ คะนอง นอกจากนนั้ ยงั มอี าจารยค์ อยใสป่ ญั หาเวลาจติ คดิ
ออกนอกลูน่ อกทางอีกด้วย จติ ซง่ึ ถกู บงั คับดว้ ยเครื่องทรมานอยู่ตลอด
เวลาทัง้ ข้างนอกข้างใน ย่อมกลายเปน็ จติ ทีด่ ขี ้ึนได้อย่างไม่คาดฝนั คอื
กลางคืนซึ่งเป็นเวลากลัวๆ เจ้าของก็บังคับให้ออกเดินจงกรมแข่งกับ
ความกลวั ทางไหนจะแพจ้ ะชนะ ถา้ ความกลวั แพ้ ใจกเ็ กดิ ความอาจหาญ
ขนึ้ มาและรวมสงบลงได้ ถา้ ใจแพส้ งิ่ ทแ่ี สดงขนึ้ มาในเวลานน้ั กค็ อื ความกลวั
อยา่ งหนกั น่นั เอง ฤทธิ์ของความกลวั คอื ทง้ั หนาวทง้ั รอ้ น ทงั้ ปวดหนกั
ปวดเบา ทงั้ เหมอื นจะเปน็ ไข้ หายใจไมส่ ะดวกแบบคนจะตายเราดๆี นเ่ี อง
เครอ่ื งส่งเสริมความกลวั คือเสียงเสอื กระหมึ่ ๆ อยูต่ ามชายเขาบา้ ง
ไหลเ่ ขาบา้ ง หลังเขาบา้ ง พื้นราบบา้ ง จะกระห่มึ อยูท่ ีไ่ หนทิศใดก็ตาม
ใจจะไม่ค�ำนงึ ทศิ ทางเลย แต่จะคำ� นึงอยา่ งเดยี ววา่ เสอื จะตรงมากนิ พระ
องค์เดียวที่ก�ำลังเดินจงกรมด้วยความกลัวตัวสั่นไม่เป็นท่าอยู่น้ีเท่าน้ัน
แผ่นดินกว้างใหญ่ขนาดไหน ไม่ได้นึกว่าเสือเป็นสัตว์มีเท้าจะเท่ียวไป
ทอ่ี น่ื ๆ แตค่ ดิ อยา่ งเดยี ววา่ เสอื จะตรงมาทท่ี มี่ บี รเิ วณแคบๆ เลก็ ๆ นดิ เดยี ว
ซึง่ พระขขี้ ลาดกำ� ลังเดินวนุ่ วายอยูด่ ว้ ยความกลัวนี้แหง่ เดียว การภาวนา
ไม่ทราบว่าไปถึงไหนมิได้คิดค�ำนึงเพราะลืมไปหมด ที่จดจ่อที่สุดก็คือ
ค�ำบรกิ รรมโดยไม่รู้สกึ ตวั วา่ ได้บริกรรมว่า เสือจะมาท่ีนี่ เสือจะมาทน่ี ่ี
อย่างเดียวเท่าน้ัน จิตก็ย่ิงก�ำเริบด้วยความกลัวเพราะการส่งเสริมด้วย
คำ� บรกิ รรมแบบโลกแตก ธรรมกเ็ ตรยี มจะแตกหากบงั เอญิ เสอื เกดิ หลงปา่
เดินเปะปะมาท่ีน้ันจริงๆ ลักษณะน้ีอย่างน้อยก็ยืนตัวแข็งไม่มีสติ
มากกว่านัน้ เปน็ อะไรไปเลยไมม่ ีทางแก้ไข
113
นค่ี อื การตง้ั จติ ไวผ้ ดิ ธรรม ผลจะแสดงความเสยี หายขน้ึ มาตามขนาด
ทผ่ี นู้ นั้ พาใหเ้ ป็นไป ทางทีถ่ กู ทท่ี ่านสอนใหต้ ้งั หลกั ใจไวก้ บั ธรรม จะเป็น
มรณสั สตหิ รอื ธรรมบทใดบทหนงึ่ ในขณะนนั้ ไมใ่ หส้ ง่ จติ ปรงุ ออกไปนำ� เอา
อารมณท์ เี่ ปน็ ภยั เขา้ มาหลอกตวั เอง เปน็ กบั ตายกต็ ง้ั จติ ไวก้ บั ธรรมทเ่ี คย
บรกิ รรมอย่เู ทา่ นั้น จติ เมือ่ มธี รรมเปน็ เครื่องยดึ จะไม่เสยี หลกั และจะ
ต้ังตวั ไดใ้ นขณะท่ที งั้ กลวั ๆ นัน่ แล จะกลายเป็นจติ ท่อี าจหาญข้ึนมา
ในขณะน้ันอย่างอศั จรรย์ทีบ่ อกไม่ถูก
ท่านพระอาจารย์ม่ันท่านสอนให้ต้ังหลักด้วยความเสียสละทุกส่ิง
บรรดามอี ยูก่ ับตัว คือ ร่างกาย จิตใจ แตม่ ใิ ห้สละธรรมที่ตนปฏบิ ตั ิหรือ
บริกรรมอยู่ในขณะน้ัน จะเป็นอะไรก็ปล่อยให้เป็นไปตามคติธรรมดา
เกดิ แล้วตอ้ งตาย จะเป็นคนขวางโลกไม่ยอมตายไมไ่ ด้ ผดิ คติธรรมดา
ไมม่ คี วามจรงิ ใดๆ มาชมเชยคนผมู้ คี วามคดิ ขวางโลกเชน่ นน้ั ทา่ นสอนให้
เดด็ เดย่ี วอาจหาญ ไมใ่ หส้ ะทกสะทา้ นตอ่ ความตาย เกย่ี วกบั สถานทท่ี จี่ ะ
ไปบำ� เพญ็ เพอื่ หาความดใี สต่ วั ดงหนาปา่ รกชฏั มสี ตั วเ์ สอื ชมุ เทา่ ไรยง่ิ สอน
ใหไ้ ปอยู่ โดยใหเ้ หตผุ ลวา่ ทน่ี นั้ แลจะไดก้ ำ� ลงั ใจทางสมาธปิ ญั ญา เสอื จะได้
ชว่ ยใหธ้ รรมเกดิ ในใจไดบ้ า้ ง เพราะคนเราเมอ่ื ไมก่ ลวั พระพทุ ธเจา้ ไมเ่ ชอ่ื
พระพทุ ธเจา้ แตก่ ลวั เสอื และเชอื่ เสอื วา่ เปน็ สตั วด์ รุ า้ ยจะมาคาบเอาไปเปน็
อาหาร และชว่ ยไลต่ ะลอ่ มจติ เขา้ สธู่ รรมใหก้ ย็ งั ดี จะไดก้ ลวั และตงั้ ใจภาวนา
จนเหน็ ธรรม เมอื่ เหน็ ธรรมแลว้ กเ็ ชอื่ พระพทุ ธเจา้ และเชอ่ื พระธรรมไปเอง
เมอื่ เขา้ สทู่ คี่ บั ขนั แลว้ จติ ไมเ่ คยเปน็ สมาธกิ จ็ ะเปน็ ไมเ่ คยเปน็ ปญั ญากจ็ ะ
เปน็ ในทเี่ ชน่ นั้นแล
114
ใจไมม่ อี ะไรบงั คบั บา้ ง มนั ขเ้ี กยี จและตงั้ หนา้ สงั่ สมแตก่ เิ ลสพอกพนู
ใจแทบจะหาบหามไปไม่ไหว ไปให้เสือช่วยหาบขนกิเลสตัวขี้เกียจ
ตัวเพลิดเพลินจนลืมตัวลืมตายออกเสียบ้าง จะได้หายเมาและเบาลง
ยนื เดนิ นง่ั นอนจะไมพ่ ะรงุ พะรังไปด้วยกเิ ลสประเภทไม่เคยลงจากบนบ่า
คอื หวั ใจคน ทใ่ี ดกเิ ลสกลวั ทา่ นสอนใหไ้ ปทน่ี นั้ แตท่ ที่ ก่ี เิ ลสไมก่ ลวั อยา่ ไป
เดยี๋ วเกดิ เร่อื ง ไม่ไดค้ วามแปลกและอศั จรรยอ์ ะไรเลย นอกจากกิเลส
จะพาสร้างความฉิบหายใส่ตัวจนมองไม่เห็นบุญบาปเท่าน้ัน ไม่มีอะไร
นา่ ชมเชย ท่านใหค้ วามมนั่ ใจแก่นักปฏิบัตวิ า่ สถานท่ีที่ไม่มสี งิ่ บังคบั บ้าง
ทำ� ความเพยี รไมด่ ี จติ ลงสคู่ วามสงบไดย้ าก แตส่ ถานทที่ เี่ ตม็ ไปดว้ ยความ
ระเวยี งระวังภัย ท�ำความเพยี รได้ผลดี ใจกไ็ ม่ค่อยปราศจากสติ ซงึ่ เป็น
ทางเดินของความเพยี รอยู่ในตัวอยแู่ ล้ว ผหู้ วังความพ้นทกุ ขโ์ ดยชอบจึง
ไมค่ วรกลวั ความตายในทๆ่ี น่ากลัว มใี นปา่ ในเขาท่ีเขา้ ใจวา่ เป็นสถานท่ี
น่ากลวั เปน็ ต้น
เวลาเขา้ สทู่ ่ีคบั ขันจรงิ ๆ ขอให้ใจอยกู่ บั ธรรม ไมส่ ง่ ออกนอกกาย
นอกใจ ซึ่งเป็นท่ีสถติ อยขู่ องธรรม ความปลอดภยั และกำ� ลงั ใจทกุ ดา้ น
ทจี่ ะพงึ ไดใ้ นเวลานนั้ จะเปน็ สง่ิ ทย่ี อมรบั กนั ไปในตวั อยา่ งไรกไ็ มต่ ายถา้ ไมถ่ งึ
กาลตามกรรมนยิ ม แทนทจ่ี ะตายดงั ความคาดหมายทด่ี ้นเดาไว้ ท่านเคยว่า
ท่านได้ก�ำลังใจในที่เช่นนั้นแทบทั้งนั้น จึงชอบสั่งสอนหมู่เพ่ือนให้มีใจ
มงุ่ มนั่ ตอ่ ธรรมในทค่ี บั ขนั จะสมหวงั ในไมช่ า้ เลย แทนทจี่ ะทำ� ไปแบบเสย่ี ง
วาสนาบารมอี นั เปน็ เรอ่ื งเหลวไหลหลอกลวงตนมากกวา่ จะเปน็ ความจรงิ
เพราะความคิดเช่นนั้นส่วนมากมักจะออกมาจากความอ่อนแอท้อถอย
จงึ มกั เปน็ ความคดิ ทกี่ ดถว่ งลวงใจมากกวา่ จะชว่ ยเสรมิ ใหด้ ี และเพม่ิ พนู
115
กำ� ลงั สตปิ ญั ญาใหย้ ง่ิ ๆ ขน้ึ ธรรมทใี่ หค้ วามมนั่ ใจแกน่ กั ปฏบิ ตั เิ พอื่ ถอื เปน็
หลักประกันชีวิตและความเพียร คือ พึงหวังพึ่งเป็นและพึ่งตายต่อ
ธรรมจรงิ ๆ อยา่ ฟน่ั เฟอื นหวนั่ ไหวโดยประการทงั้ ปวงหนงึ่ พงึ เปน็ ผกู้ ลา้ ตาย
ดว้ ยความเพียรในทท่ี ่ีตนเห็นวา่ น่ากลัวนัน้ ๆ หน่งึ
เม่ือเข้าท่ีจ�ำเป็นและคับขันเท่าไร พึงเป็นผู้มีสติก�ำกับใจให้ม่ัน
ในธรรม มคี ำ� บรกิ รรมเปน็ ตน้ ใหก้ ลมกลนื กนั ทกุ ระยะ อยา่ ปลอ่ ยวาง
แม้ช้างเสืองูเป็นต้น จะมาท�ำลาย ถ้าจิตสละเพื่อธรรมจริงอยู่แล้ว
สง่ิ เหลา่ นน้ั จะไมก่ ลา้ เขา้ ถงึ ตวั มหิ นำ� เรายงั จะกลา้ เดนิ เขา้ ไปหามนั ดว้ ย
ความองอาจกลา้ หาญ ไมก่ ลวั ตาย แทนทมี่ นั จะทำ� อนั ตรายเรา แตใ่ จเรากลบั
จะเปน็ มติ รอยา่ งลกึ ลบั อยภู่ ายในกบั มนั อกี ดว้ ย โดยไมเ่ ปน็ อนั ตรายหนงึ่
ใจเรามีธรรมประจ�ำแต่ใจสัตว์ไม่มีธรรม ใจเราต้องมีอ�ำนาจเหนือกว่า
สตั ว์เป็นไหนๆ แม้สตั วจ์ ะไมท่ ราบไดว้ า่ มธี รรม แต่สิ่งทท่ี ำ� ให้สัตวไ์ ม่กล้า
อาจเออ้ื มมอี ยกู่ บั ใจเราอยา่ งลกึ ลบั นนั่ แลคอื ธรรมเครอ่ื งปอ้ งกนั หรอื ธรรม
เครอ่ื งทรงอำ� นาจใหส้ ตั วใ์ จออ่ นไมก่ ลา้ ทำ� อะไรไดห้ นง่ึ อำ� นาจของจติ เปน็
อ�ำนาจที่ลึกลับและรู้อยู่เฉพาะตัว แต่ผู้อ่ืนทราบได้ยากหากไม่มีญาณ
ภายในหน่ึง
ฉะน้ัน ธรรมแม้จะเรียนและประกาศสอนกันท่ัวโลก ก็ยังเป็น
ธรรมชาตทิ ลี่ กึ ลบั อยนู่ น่ั เอง ถา้ ใจยงั เขา้ ไมถ่ งึ ธรรมชาตเิ ปน็ ขนั้ ๆ ทคี่ วรจะ
เปดิ เผยกบั ใจเป็นระยะๆ ไป เมอื่ เขา้ ถึงกนั จรงิ ๆ แลว้ ปญั หาระหว่างใจ
กับธรรมก็ส้นิ สดุ ลงเอง เพราะใจกบั ธรรมมีความละเอยี ดสขุ มุ และล้ลี ับ
พอๆ กนั เมอ่ื ถงึ ขนั้ นแี้ ลว้ แมจ้ ะพดู วา่ ใจคอื ธรรมและธรรมคอื ใจกไ็ มผ่ ดิ
และไมม่ อี ะไรมาขดั แยง้ ถา้ กเิ ลสตวั เคยขดั แยง้ สนิ้ ไปไมม่ เี หลอื แลว้ เทา่ ท่ี
116
ใจกลายเปน็ เครอ่ื งมอื ของกเิ ลสตณั หาจนมองหาคณุ คา่ ไมเ่ จอนน้ั กเ็ พราะ
ใจถกู สงิ่ ดงั กลา่ วคละเคลา้ กลมุ้ รมุ จนเปน็ อนั หนง่ึ อนั เดยี วกนั จงึ ดเู หมอื น
ไมม่ คี ณุ คา่ อะไรแฝงอยเู่ ลยในระยะนน้ั ถา้ ปลอ่ ยใหเ้ ปน็ ทำ� นองนน้ั เรอ่ื ยไป
ไมส่ นใจรกั ษาและชำ� ระแกไ้ ข ใจกไ็ มม่ คี ณุ คา่ ธรรมกไ็ มม่ รี าคาสำ� หรบั ตน
แมจ้ ะตายแลว้ เกดิ และเกดิ แลว้ ตายสกั กร่ี อ้ ยกพ่ี นั ครงั้ กเ็ ปน็ ทำ� นองเขา
เปลีย่ นชดุ เสื้อผ้าซง่ึ ล้วนเป็นชุดท่ีสกปรกด้วยกนั จะเปล่ยี นวันละกีค่ รัง้
ก็คือผู้สกปรกน่าเกลียดอย่นู ่นั เอง
ผดิ กบั ผเู้ ปลยี่ นชดุ เสอ้ื ผา้ ทสี่ กปรกออก แลว้ สวมใสเ่ สอื้ ผา้ ทส่ี ะอาด
แทนเป็นไหนๆ ฉะนั้น การเปลยี่ นชุดดีช่ัวสำ� หรบั ใจ จึงเป็นปัญหาสำ� คัญ
ของแต่ละคนจะพิจารณาและรับผิดชอบตัวเองในทางใด ไม่มีใครจะมา
รบั ภาระแทนได้ ไมต่ อ้ งเปน็ กงั วลอกี ตอ่ ไป แตเ่ รอื่ งตวั เองนเี้ ปน็ เรอ่ื งใหญโ่ ต
ของแตล่ ะคน ซง่ึ รอู้ ยกู่ บั ตวั ทง้ั ปจั จบุ นั และอนาคต วา่ ตอ้ งเปน็ ผรู้ บั ผดิ ชอบ
ตวั เองตลอดไป ไมม่ กี ำ� หนดกาล นอกจากผใู้ หก้ ารบำ� รงุ รกั ษาจนถงึ ทปี่ ลอดภยั
โดยสมบรู ณ์แลว้ เทา่ นั้น ดงั พระพทุ ธเจ้าและพระสาวกท่านเป็นตัวอยา่ ง
นนั้ ชอื่ วา่ เปน็ ผหู้ มดภาระโดยประการทงั้ ปวงอยา่ งสมบรู ณ์ ผเู้ ชน่ นน้ั แลทโ่ี ลก
กลา่ วอา้ งเปน็ สรณะเพอื่ หวงั ฝากเปน็ ฝากตายในชวี ติ ตลอดมา แมผ้ ตู้ กอยู่
ในลักษณะแห่งความไม่ดี แต่ยังพอรู้บุญรู้บาปอยู่บ้าง ก็ยังกล่าวอ้าง
พระพทุ ธเจา้ พระธรรม พระสงฆ์ วา่ เปน็ สรณะอยา่ งไมห่ ยดุ ปากกระดากใจ
ยงั ระลกึ ถงึ พอใหพ้ ระองคท์ รงเปน็ หว่ งและรำ� คาญในความไมด่ ขี องเขาอยู่
นนั่ เอง เชน่ เดยี วกบั ลกู ๆ ทงั้ ทเี่ ปน็ ลกู ทดี่ แี ละลกู ทเ่ี ลวบน่ ถงึ ผบู้ งั เกดิ เกลา้
วา่ เปน็ พ่อเป็นแม่ของตนฉะนน้ั
117
ท่านพระอาจารย์มั่นท่านฝึกอบรมพระเณรเพ่ือเห็นผลประจักษ์ใน
การบำ� เพญ็ ทา่ นมอี บุ ายปลกุ ปลอบดว้ ยวธิ ตี า่ งๆ ดงั กลา่ วมา ผตู้ งั้ ใจปฏบิ ตั ิ
ตามท่านด้วยความเคารพเทิดทูนจริงๆ ย่อมได้รับคุณธรรมเป็นการ
ถา่ ยทอดขอ้ วตั รวธิ ดี ำ� เนนิ จากทา่ นมาอยา่ งพอใจ ตลอดความรคู้ วามฉลาด
ภายในใจเปน็ ทน่ี า่ เลอื่ มใส และนำ� มาสงั่ สอนลกู ศษิ ยส์ บื ทอดกนั มาพอเหน็
เป็นสักขีพยานว่า ศาสนายังทรงมรรคทรงผลประจักษ์ใจของผู้ปฏิบัติ
ตลอดมาไม่ขาดสูญ ถ้าพูดตามความเป็นมาและการอบรมสั่งสอนของ
ทา่ นพระอาจารยม์ น่ั แลว้ ควรเรยี กไดอ้ ยา่ งถนดั ใจวา่ “ปฏปิ ทาอดอยาก”
คอื ทอ่ี ยกู่ อ็ ดอยาก ทอี่ าศยั กฝ็ ดื เคอื ง ปจั จยั เครอื่ งอาศยั โดยมากดำ� เนนิ
ไปแบบขาดๆ เขินๆ ท้งั ทสี่ งิ่ เหลา่ นัน้ มีอยู่ ความเปน็ อยหู่ ลับนอนท่ีลว้ น
อยใู่ นสภาพอนิจจงั น้นั
ถ้าผู้เคยอยู่ด้วยความสนุกร่ืนเริงและสมบูรณ์ไปเจอเข้า อาจเกิด
ความสลดสงั เวชใจในความเปน็ อยขู่ องทา่ นเหลา่ นน้ั อยา่ งยากจะปลงตกได้
เพราะไม่มีอะไรจะเป็นที่เจริญตาเจริญใจส�ำหรับโลกผู้ไม่เคยต่อสภาพ
เชน่ นนั้ จงึ เปน็ ทนี่ า่ ทเุ รศเอานกั หนา แตท่ า่ นเองแมจ้ ะเปน็ อยใู่ นลกั ษณะ
ของนกั โทษในเรอื นจำ� แตก่ เ็ ปน็ ความสมคั รใจและอยไู่ ดด้ ว้ ยธรรม เปน็ อยู่
หลบั นอนดว้ ยธรรม ลำ� บากลำ� บนทนทกุ ขด์ ว้ ยธรรม ทรมานตนเพอื่ ธรรม
อะไรๆ ในสายตาทเี่ หน็ วา่ เปน็ การทรมานของผไู้ มเ่ คยพบเคยเหน็ จงึ เปน็
เรื่องความสะดวกกายสบายใจส�ำหรับท่านผู้มีปฏิปทาในทางนั้น ดังนั้น
จึงควรให้นามวา่ “ปฏิปทาอดอยาก” เพราะอยู่ดว้ ยความตั้งใจทรมาน
อดอยาก ฝนื กายฝืนใจจริงๆ คือ อยกู่ ฝ็ ืน ไปกฝ็ นื นั่งกฝ็ ืน ยืนก็ฝนื
นอนก็ฝืน เดินจงกรมก็ฝืน นั่งสมาธิก็ฝืน ในอิริยาบถทั้งส่ีเป็นท่า
ฝนื กายฝนื ใจทัง้ น้นั ไมย่ อมใหอ้ ยตู่ ามอธั ยาศัยใจชอบเลย
118
บางครัง้ ยงั ตอ้ งทนอดทนหวิ ไม่ฉันจังหนั ไปหลายวนั เพื่อเรง่ ความ
เพียรทางใจ ขณะท่ีไม่ฉันน้ันเป็นเวลาท�ำความเพียรตลอดสาย ไม่มี
การลดหย่อนผ่อนตัวว่าหิวโหย แม้จะทุกข์ก็ทราบว่าทุกข์ในเวลานั้น
แตก่ ท็ ราบวา่ ตนทนอดทนหิวเพ่ือความเพียร เพราะผูป้ ฏิบัตบิ างรายจรติ
นสิ ยั ชอบทางอดอาหาร ถา้ ฉนั ไปทกุ วนั รา่ งกายสมบรู ณ์ ความเพยี รทางใจ
ไมก่ า้ วหน้า ใจอบั เฉา ไมส่ วา่ งไสว ไมอ่ งอาจกลา้ หาญ กจ็ ำ� ตอ้ งหาทางแกไ้ ข
โดยมกี ารผอ่ นและอดอาหารบา้ ง อดระยะสัน้ บ้าง ระยะยาวบา้ ง พร้อมกับ
ความสงั เกตตวั เองวา่ อยา่ งไหนมผี ลมากนอ้ ยตา่ งกนั อยา่ งไรบา้ ง เมอ่ื ทราบ
นิสัยของตนว่าถูกกับวิธีใดก็เร่งรีบในวิธีนั้น รายท่ีถูกจริตกับการอด
หลายวันกจ็ �ำต้องยอมรับตามนิสยั ของตน และพยายามท�ำตามแบบน้ัน
เรอ่ื ยไป แมจ้ ะลำ� บากบา้ งกย็ อมทนเอา เพราะอยากดี อยากรู้ อยากฉลาด
อยากหลุดพน้ จากทุกข์
ผู้ท่ีจริตนิสัยถูกกับการอดในระยะยาวย่อมทราบได้ในขณะที่ก�ำลัง
ท�ำการอดอยู่ คืออดไปหลายวันเท่าไร ใจยิ่งเด่นดวงและอาจหาญต่อ
อารมณท์ เี่ คยเปน็ ขา้ ศกึ ใจมคี วามคลอ่ งแคลว่ แกลว้ กลา้ ตอ่ หนา้ ทขี่ องตน
มากขนึ้ นง่ั สมาธภิ าวนาลมื มดื ลมื สวา่ ง เพราะความเพลนิ กบั ธรรม ขณะใจ
สมั ผสั สัมพนั ธ์กับธรรมยอ่ มไม่สนใจตอ่ ความหิวโหยและกาลเวลา มีแต่
ความร่ืนเริงในธรรมทั้งหลายอันเป็นสมบัติที่ควรได้ควรถึงในเวลาน้ัน
จงึ รบี ตกั ตวงใหท้ นั กบั เวลาทก่ี เิ ลสความเกยี จครา้ นออ่ นแอ ความไมอ่ ดทน
เป็นต้น กำ� ลงั นอนหลับอยู่ พอจะสามารถแอบปนี ขนึ้ บนหลงั หรอื บนคอ
มนั บา้ งกใ็ หไ้ ดข้ นึ้ ในเวลานนั้ ๆ หากรงั้ ๆ รอๆ หาฤกษง์ ามยามดพี รงุ่ นม้ี ะรนื อยู่
เวลามันต่ืนขึ้นมาแล้วจะล�ำบาก ดีไม่ดีอาจสู้มันไม่ได้และกลายเป็นช้าง
119
ใหม้ นั โดดขน้ึ บนคอ แลว้ เอาขอสบั ลงบนศรี ษะคอื หวั ใจ แลว้ ตอ้ งยอมแพ้
มนั อย่างราบ
เพราะใจเราเคยเป็นช้างให้กิเลสเป็นนายควาญบังคับมานานแสน
นานแลว้ ความรสู้ กึ กลวั ทเ่ี คยฝงั ใจมานานนน้ั แลพาใหข้ ยาดๆ ไมก่ ลา้ ตอ่ สู้
กบั มนั อยา่ งเตม็ ฝีมือได้ ทางด้านธรรมทา่ นวา่ กิเลสกบั ธรรมเป็นคู่อริกนั
แต่ทางโลกเห็นว่ากิเลสกับใจเป็นคู่มิตรในลักษณะบ๋อยกลางเรือนอย่าง
แยกกันไม่ออก ฉะน้ัน ผู้มีความเห็นไปตามธรรมจึงต้องพยายามต่อสู้
กบั สง่ิ ทตี่ นเหน็ วา่ เปน็ ขา้ ศกึ เพอื่ เอาตวั รอดและครองตวั อยา่ งอสิ ระ ไมต่ อ้ ง
ข้ึนกับกิเลสเป็นผู้คอยกระซิบส่ังการ แต่ผู้เห็นตามกิเลสก็ต้องคอย
พะเนา้ พะนอเอาอกเอาใจทม่ี นั แนะนำ� หรอื สงั่ การออกมาอยา่ งไรตอ้ งยอม
ปฏิบตั ิตามทุกอย่างไมข่ ัดขนื มนั ได้
สว่ นผลทไ่ี ดร้ บั จากมนั นนั้ เจา้ ตวั กท็ ราบวา่ มคี วามกระเทอื นตอ่ จติ ใจ
เพียงใด แม้ผู้อื่นก็ย่อมทราบได้จากการระบายออกของผู้เป็นเจ้าทุกข์
เพราะความกระทบกระเทือนทางจิตใจท่ีถูกกิเลสกล่ันแกล้งและทรมาน
โดยวธิ ีตา่ งๆ ไม่มีประมาณ โทษทง้ั นแี้ ลทำ� ให้ผมู้ คี วามรักตัวสงวนใจตอ้ ง
มมี านะต่อสู้ดว้ ยความเพียรทุกด้านอยา่ งไม่อาลยั เสยี ดายชีวิต ถงึ จะอด
กย็ อมอด ทกุ ขก์ ย็ อมทกุ ข์ แมต้ ายกย็ อมพลชี พี เพอื่ ยอมบชู าพระศาสนา
ไปเลย ไมม่ ีการแบง่ รับแบ่งสู้ไว้เพ่ือกิเลสไดห้ วังมีส่วนด้วย จะได้ใจ
ทที่ า่ นพระอาจารยม์ น่ั เทศนป์ ลกุ ใจพระเณรใหม้ คี วามอาจหาญรา่ เรงิ
ต่อความเพียรเพื่อยกตนให้พ้นทุกข์เครื่องกดถ่วงจิตใจ ก็เพราะท่านได้
พจิ ารณาทดสอบเรอื่ งของกเิ ลสกบั ธรรมมาอยา่ งละเอยี ดถถี่ ว้ นจนเหน็ ผล
120
ประจักษใ์ จแล้ว จงึ ได้กลบั มาภาคอสี านและทำ� การสงั่ สอนอยา่ งเตม็ ภมู ิ
แหง่ ธรรมทท่ี า่ นรู้เหน็ มาเปน็ คราวๆ ในสมยั น้นั
ธรรมทท่ี า่ นสง่ั สอนอยา่ งอาจหาญและออกหนา้ ออกตาแกบ่ รรดา
ศษิ ยอ์ ยเู่ สมอ ไดแ้ ก่ พลธรรม ๕ คอื ศรทั ธา วริ ยิ ะ สติ สมาธิ ปญั ญา
โดยใหเ้ หตุผลวา่ ผไู้ ม่เหินหา่ งจากธรรมเหลา่ น้ี ไปอยทู่ ไี่ หนกไ็ ม่ขาดทุน
และลม่ จม เปน็ ผมู้ หี วงั ความเจรญิ กา้ วหนา้ ไปโดยลำ� ดบั ธรรมทง้ั ๕ ขอ้ น้ี
ท่านแยกความหมายมาใช้ส�ำหรับท่านเองเป็นข้อๆ ซึ่งโดยมากเป็นไป
ในทางปลกุ ใจใหอ้ าจหาญ มใี จความวา่ ศรทั ธา เชอ่ื ศาสนธรรมทพ่ี ระองค์
ประทานไวเ้ พอื่ โลก เราผหู้ นงึ่ ในจำ� นวนของคนในโลก ซงึ่ อยใู่ นขา่ ยทคี่ วร
ได้รับแสงสว่างแห่งธรรมจากข้อปฏิบัติท่ีท�ำจริงแน่นอนไม่เป็นอื่น และ
เชื่อว่าเกิดแลว้ ต้องตาย แตจ่ ะช้าหรอื เร็วไม่ส�ำคัญ ทสี่ �ำคญั อยู่ตรงท่วี า่
เราจะตายแบบผ้แู พก้ เิ ลสวัฏฏ์ กรรมวัฏฏ์ วปิ ากวฏั ฏ์ หรือจะเป็นผ้ชู นะ
วฏั วนสามนก้ี อ่ นจะตาย ค�ำว่าแพ้ไม่เปน็ สิ่งพงึ ปรารถนา แมแ้ ต่เด็กเล่น
กีฬากนั ตา่ งฝ่ายเขายังหวงั ชนะกนั เราจงึ ควรสะดดุ ใจ และไมค่ วรทำ� ตวั
ใหเ้ ปน็ ผูแ้ พ้ ถา้ เปน็ ผู้แพ้กต็ อ้ งทนอยอู่ ย่างผ้แู พ้
ทกุ ๆ อาการของผแู้ พต้ อ้ งเปน็ การกระเทอื นใจอยา่ งมาก และระทมทกุ ข์
จนหาทางออกไมไ่ ด้ ขณะทจี่ ติ จะคดิ หาทางออกของผแู้ พม้ อี ยทู่ างเดยี วคอื
“ตายเสียดกี ว่า” ซง่ึ ตายไปแบบท่วี า่ ดกี วา่ น้ี กต็ อ้ งเปน็ การตายของผู้แพ้
ตอ่ ขา้ ศกึ อยนู่ นั่ เอง อนั เปน็ ทางกอบโกยโรยทกุ ขใ์ สต่ วั เองจนไมม่ ที ปี่ ลงวาง
จึงไม่มีอะไรดีเลยส�ำหรับผู้แพ้ทุกประตูแล้ว ถ้าจะตายแบบผู้ชนะดัง
พระพทุ ธเจา้ และพระสาวกทา่ น กต็ อ้ งเชอื่ แบบทา่ น ทำ� แบบทา่ น เพยี รและ
อดทนแบบทา่ น มสี ตริ กั ษาใจ รกั ษาตวั รกั ษากริ ยิ าทแ่ี สดงออกทกุ อาการ
121
แบบท่าน ทำ� ใจให้มน่ั คงตอ่ หนา้ ท่ขี องตน อยา่ โยกเยกคลอนแคลนแบบ
คนจวนตัวไม่มีสติเป็นหลักยึด แต่จงท�ำใจให้มั่นคงต่อเหตุท่ีท�ำเพ่ือผล
อนั พึงพอใจจะไดม้ ีทางเกดิ ขนึ้ ได้ อนั เปน็ แบบท่ที ่านพาด�ำเนนิ
ศาสนาคอื ค�ำสง่ั สอนของทา่ นผฉู้ ลาด ทา่ นสอนคนเพอื่ ใหเ้ กิดความ
ฉลาดทกุ แงท่ กุ มมุ ซงึ่ พอจะพจิ ารณาตามทา่ นได้ แตเ่ ราอยา่ ฟงั เพอ่ื ความโง่
อยู่ด้วยความโง่ กินด่ืมท�ำพูดด้วยความโง่ ค�ำว่าโง่ไม่ใช่ของดี คนโง่
ก็ไมด่ ี สัตว์โง่ก็ไมด่ ี เด็กโง่ ผู้ใหญโ่ ง่ มใิ ชข่ องดที ้งั นนั้ เราโง่จะใหใ้ ครเขา
ชมวา่ ดี จงึ ไมค่ วรทำ� ความสนทิ ตดิ จมอยกู่ บั ความโงโ่ ดยไมใ่ ชค้ วามพจิ ารณา
ไตรต่ รอง ไมใ่ ชท่ างพน้ ทกุ ขโ์ ดยประการทงั้ ปวง จงึ ไมค่ วรแกส่ มณะซง่ึ เปน็
เพศทใ่ี คร่ครวญไตร่ตรอง นค่ี ือความหมายในธรรม ๕ ข้อทท่ี า่ นคิดค้น
ข้ึนมาพร�่ำสอนท่านเองและหมู่คณะที่ไปอบรมศึกษากับท่าน รู้สึกว่า
เป็นคติได้ดีมาก เพราะเป็นอุบายปลุกใจให้เกิดสติปัญญาและอาจหาญ
ทงั้ เหมาะสมกบั สภาพการณแ์ ละสถานทข่ี องพระธดุ งค์ ผเู้ ตรยี มพรอ้ มแลว้
ในการรบพุ่งชิงชัยระหว่างกิเลสกับธรรมเพ่ือความชนะเลิศ คือวิมุตติ
พระนพิ พาน อนั เปน็ หลกั เขตแดนมหาชัยท่ีปรารถนามานาน
พระอาจารยท์ เ่ี ปน็ ศิษยผ์ ูใ้ หญ่ของทา่ นเลา่ ใหฟ้ งั วา่ เวลาอยูก่ บั ท่าน
แม้จะมพี ระเณรจำ� นวนมากด้วยกนั แต่มองดอู ากัปกิริยาของแตล่ ะองค์
เหมอื นพระเณรทส่ี น้ิ กเิ ลสกนั แลว้ ทง้ั นนั้ ไมม่ อี าการแสดงความคกึ คะนอง
ใดๆ แม้แตน่ อ้ ยใหป้ รากฏบ้างเลย ตา่ งองค์ตา่ งสงบเสงีย่ มเจียมตวั ทง้ั ท่ี
อยู่โดยล�ำพังตนเอง ท้ังเวลามารวมกันด้วยกิจธุระบางอย่าง และเวลา
รวมประชุมฟังการอบรม ต่างมีมรรยาทสวยงามมาก ถ้าไม่ได้ฟังธรรม
เก่ียวกับภูมิจิต เวลาท่านสนทนากันกับท่านอาจารย์บ้าง ก็อาจให้เกิด
122
ความสงสัยหรือเช่ือแน่ว่าแต่ละองค์คงส�ำเร็จพระอรหัตกันแน่ๆ แต่พอ
เดาไดจ้ ากการแกป้ ญั หาธรรมขณะทท่ี า่ นสนทนากนั วา่ องคไ์ หนควรอยใู่ น
ภมู ธิ รรมขนั้ ใด นบั แตส่ มาธแิ ละปญั ญาขนั้ ตน้ ขน้ึ ไปถงึ สมาธแิ ละวปิ สั สนา
ข้นั สงู
การแก้ปัญหาในเวลามีผไู้ ปศกึ ษาก็ดี การแสดงธรรมอบรมพระเณร
ในเวลาประชุมก็ดี ท่านแสดงดว้ ยความแน่ใจและอาจหาญ พอให้ผู้ฟัง
ทราบไดว้ า่ ธรรมทแ่ี สดงออกเปน็ ธรรมทท่ี า่ นรเู้ หน็ ทางจติ ใจจรงิ ๆ ไมแ่ สดง
ด้วยความลบู คล�ำหรือสมุ่ เดา ว่าเห็นจะเปน็ อยา่ งนน้ั เหน็ จะเป็นอยา่ งน้ี
จงึ เปน็ ทแี่ นใ่ จไดว้ า่ เปน็ ธรรมทส่ี อ่ แสดงอยกู่ บั ใจของทกุ คนแมย้ งั ไมร่ ไู้ มเ่ หน็
และคงมีวันหน่ึงท่ีผู้ปฏิบัติจะสามารถรู้ได้จ�ำเพาะตนหากไม่ลดละความ
เพยี รไปเสยี
วิธีให้การอบรมแก่พระเณรและฆราวาส รู้สึกว่าท่านแสดงให้พอ
เหมาะสมกับข้ันภูมิความเป็นอยู่และจริตนิสัยของผู้มาอบรมศึกษาได้ดี
และไดร้ ับประโยชน์ทั้งสองฝ่ายขณะท่ฟี ังอยดู่ ว้ ยกัน เพราะทา่ นอธบิ าย
แยกแยะธรรมออกเปน็ ตอนๆ ซงึ่ พอเหมาะสมกบั ภมู ขิ องผมู้ าฟงั จะเขา้ ใจ
และน�ำไปปฏิบัติให้เกิดผลได้ โดยมากเวลาท่านสอนฆราวาสญาติโยม
โดยเฉพาะ ทา่ นยกธรรมเกยี่ วกบั ฆราวาสขน้ึ แสดง มที าน ศลี ภาวนา
เป็นพ้ืน โดยให้เหตุผลว่า ธรรมทั้งสามนี้เป็นรากแก้วของความเป็น
มนษุ ยแ์ ละเปน็ รากเหงา้ ของพระศาสนา ผเู้ กดิ มาเปน็ มนษุ ยต์ อ้ งเปน็
ผเู้ คยผา่ น คอื เคยสง่ั สมธรรมเหลา่ นมี้ า อยา่ งนอ้ ยตอ้ งมอี ยา่ งใดอยา่ งหนง่ึ
ท่ีเป็นเชื้ออยู่ในนิสัยของผู้จะมาสวมร่างเป็นมนุษย์ท่ีสมบูรณ์ด้วย
มนษุ ยสมบตั อิ ยา่ งแทจ้ รงิ
123
ทาน คอื เครอื่ งแสดงนำ้� ใจมนษุ ยผ์ มู้ จี ติ ใจสงู ผมู้ เี มตตาจติ ตอ่ เพอื่ น
มนษุ ยแ์ ละสตั วผ์ อู้ าภพั ดว้ ยการใหก้ ารเสยี สละแบง่ ปนั มากนอ้ ยตามกำ� ลงั
ของวตั ถเุ ครอื่ งสงเคราะหท์ ม่ี อี ยู่ จะเปน็ วตั ถทุ าน ธรรมทาน หรอื วทิ ยาทาน
แขนงต่างๆ กต็ าม ท่ีใหเ้ พอื่ สงเคราะหผ์ อู้ นื่ โดยมิได้หวังค่าตอบแทนใดๆ
นอกจากกศุ ลคอื ความดที เ่ี กดิ จากทานนน้ั ซงึ่ จะเปน็ สงิ่ ตอบแทนใหเ้ จา้ ของ
ทานได้รับอยู่โดยดีเท่านั้น ตลอดอภัยทานท่ีควรให้แก่กันในเวลาอีก
ฝ่ายหน่ึงผิดพลาดหรือล่วงเกิน คนมีทานหรือคนที่เด่นในการให้ทาน
ยอ่ มเปน็ ผสู้ งา่ ผา่ เผยและเดน่ ในปวงชนโดยไมน่ ยิ มรปู รา่ งลกั ษณะ ผเู้ ชน่ นี้
มนษุ ยแ์ ละสตั วต์ ลอดเทวดาทม่ี องไมเ่ หน็ กเ็ คารพรกั จะตกทิศใดแดนใด
ยอ่ มไมอ่ ดอยากขาดแคลน หากมสี งิ่ หรอื ผอู้ ปุ ถมั ภจ์ นได้ ไมอ่ บั จนทนทกุ ข์
แม้ในแดนมนุษย์เราน้ีก็พอเห็นได้อย่างเต็มตารู้ได้อย่างเต็มใจว่า
ผู้มที านเป็นเคร่ืองประดบั ตัวย่อมเป็นคนไมล่ า้ สมยั ในสังคม และบคุ คล
ทกุ ชั้นไมม่ ีใครรงั เกียจ แม้แต่คนที่มง่ั มแี ตแ่ สนตระหนถ่ี ่เี หนยี วกย็ งั หวัง
ต่อการสงเคราะหช์ ว่ ยเหลอื จากผอู้ นื่ เช่นเดียวกบั มนษุ ย์ทั่วๆ ไป ไม่ต้อง
พูดถึงคนทช่ี ่วยตวั เองไมไ่ ด้ แต่ไม่หวงั ใหผ้ ู้อน่ื ชว่ ยเหลือ จะไม่มใี นโลก
เมอื งไทยเรา อำ� นาจทานทำ� ใหผ้ มู้ ใี จชอบบรจิ าคเกดิ ความเคยชนิ ตอ่ นสิ ยั
จนกลายเป็นผู้มีฤทธ์ิบันดาลไม่ให้อดอยากในภพท่ีเกิดก�ำเนิดที่อยู่น้ันๆ
ฉะนน้ั ทานและคนท่มี ใี จเป็นนักใหท้ าน การเสยี สละ จงึ เป็นเครือ่ งและ
เปน็ ผคู้ ้�ำจุนหนุนโลกให้เฟื่องฟูตลอดไป โลกท่ยี ังมีการสงเคราะหก์ ันอยู่
ยังจัดเป็นโลกท่ีมีความหมายตลอดไป ไม่เป็นโลกท่ีไร้ชาติขาดกระเจิง
เหลือแตซ่ ากคอื แผน่ ดินแนๆ่ ทานจงึ เป็นสาระส�ำคัญส�ำหรบั ตวั และโลก
ท่วั ๆ ไป ผู้มที านยอ่ มเป็นผอู้ บอุ่นและหนนุ โลกให้ชุ่มเยน็ ไม่เป็นบุคคล
และโลกท่แี ห้งแลง้ แข่งกบั ทุกข์ตลอดไป
124
ศีล คือร้ัวก้ันความเบียดเบียนและท�ำลายสมบัติร่างกายและจิตใจ
ของกนั และกนั ศลี คอื พชื แหง่ ความดอี นั ยอดเยยี่ มทค่ี วรมปี ระจำ� ชาตมิ นษุ ย์
ไมป่ ลอ่ ยใหส้ ญู หายไปเสยี เพราะมนษุ ยท์ ไี่ มม่ ศี ลี เปน็ รวั้ กน้ั และเปน็ เครอ่ื ง
ประดบั ตวั เสยี เลย กค็ อื กองเพลงิ แหง่ มนษุ ยเ์ ราดๆี นเี่ อง การเบยี ดเบยี น
และท�ำลายกันย่อมมีไปทุกหย่อมหญ้าและท่ัวโลกดินแดน ไม่มีเกาะมี
ดอนพอจะเอาศรี ษะซกุ นอนใหห้ ลบั สนทิ ไดโ้ ดยปลอดภยั แมโ้ ลกจะเจรญิ
ดว้ ยวัตถจุ นกองสงู กวา่ พระอาทติ ยบ์ นทอ้ งฟา้ แตค่ วามรุม่ ร้อนแผดเผา
จะทวีคูณย่ิงกว่าพระอาทิตย์เป็นไหนๆ โลกจะไม่มีท่ีปลงใจได้เลยถ้ายัง
มัวคิดว่าวัตถุมีคุณค่ายิ่งกว่าศีลธรรมอยู่ เพราะศีลธรรมเป็นสมบัติของ
จอมมนษุ ย์ คือพระพุทธเจ้า ผู้คน้ พบและนำ� มาประดบั โลกทกี่ �ำลงั มดื มัว
กลวั ทกุ ขพ์ อใหส้ วา่ งไสวรม่ เยน็ ควรอาศยั ไดบ้ า้ งดว้ ยอำ� นาจศลี ธรรมเปน็
เครอ่ื งปดั เปา่ ก�ำจัด
ล�ำพังความคิดของมนุษย์ท่ีมีกิเลสคิดผลิตอะไรออกมาท�ำให้
โลกร้อนจะบรรลัยอยแู่ ลว้ ยง่ิ จะปลอ่ ยใหค้ ดิ ตามอำ� นาจโดยไมม่ กี ลนิ่ แหง่
ศลี ธรรมชว่ ยเปน็ ยาแกแ้ ละชะโลมไวบ้ า้ ง กน็ า่ กลัวความคิดนนั้ ๆ จะผลิต
ยักษ์ใหญ่ตัวโหดร้ายที่ทรงพิษขึ้นมาก่ีแสนก่ีล้านตัวออกเท่ียวหากว้าน
กนิ มนุษยใ์ ห้ฉบิ หายกนั ทง้ั โลก ไม่มอี ะไรเหลืออยู่บ้างเลย ความคิดของ
คนสน้ิ กเิ ลสทที่ รงคณุ อยา่ งสงู สดุ คอื พระพทุ ธเจา้ มผี ลใหโ้ ลกไดร้ บั ความ
ร่มเยน็ ซาบซง้ึ กบั ความคิดทเ่ี ปน็ ไปด้วยกิเลสท่มี ีผลใหต้ ัวเองและผูอ้ ่ืน
ได้รับความเดือดรอ้ นจนจะคาดไม่ถงึ นี่แล เปน็ ความคดิ ที่ผดิ กนั อยมู่ าก
พอจะนำ� มาเทยี บเคยี งเพอ่ื หาทางแกไ้ ขผอ่ นหนกั ผอ่ นเบาลงไดบ้ า้ ง ไมจ่ ม
ไปกบั ความคดิ ประเภทนน้ั จนหมดทางแกไ้ ข ศลี จงึ เปน็ เหมอื นยาปราบโรค
ทง้ั โรคระบาดและโรคเรอื้ รงั อยา่ งนอ้ ยกพ็ อใหค้ นไขท้ สี่ มุ ดว้ ยกเิ ลสกนิ อยู่
125
หลับนอนได้บ้าง ไม่ถูกบีบคั้นด้วยโรคที่เกิดแล้วไม่ยอมหายนี้ตลอดไป
มากกว่านัน้ กห็ ายขาดอยูส่ บาย
ทา่ นพระอาจารยม์ นั่ ทา่ นเมตตาสงั่ สอนฆราวาสใหร้ คู้ ณุ ของศลี และ
ใหร้ โู้ ทษของความไมม่ ศี ลี อยา่ งถงึ ใจจรงิ ๆ ฟงั แลว้ จบั ใจไพเราะ แมผ้ เู้ ขยี น
เองพอได้ทราบวา่ ท่านสัง่ สอนประชาชนใหเ้ ห็นโทษเหน็ คุณในศลี อยา่ ง
ซาบซึ้งจับใจเชน่ น้นั ยังเผลอตวั ไปว่า “อยากมศี ีล ๕ กับเขาบ้าง” ท้ังๆ
ท่ีขณะนั้นตนกม็ ศี ีลอยูถ่ งึ ๒๒๗ ศลี อยูแ่ ล้ว เพราะความปีตผิ าดโผน
ไปบา้ งเวลานน้ั จงึ ขาดสตไิ ปพกั หนงึ่ พอไดส้ ตขิ นึ้ มาเลยนกึ อายตวั เองและ
ไมก่ ลา้ บอกใคร กลวั ทา่ นเหลา่ นนั้ จะหาวา่ เราบา้ ซำ�้ เขา้ ไปอกี เพราะขณะนนั้
เราก็ชักจะบ้าๆ อยู่บ้างแล้วที่คิดว่าอยากมีศีล ๕ กับฆราวาสเขาโดย
ไมค่ ลำ� ดศู รี ษะบา้ งเลย อยา่ งนแ้ี ลคนเรา เวลาคดิ ไปทางชวั่ จนถงึ กบั ทำ� ชว่ั
ตามความคดิ จริงๆ ก็คงเปน็ ไปในลักษณะดงั กลา่ วมา จึงควรส�ำเหนียก
ในความคิดของตนไปทุกระยะ ว่าคิดไปในทางดีหรือช่ัว ถูกหรือผิด
ต้องคอยชกั บงั เหยี นไว้เสมอ ไม่เช่นนัน้ มีหวงั เลยเถดิ ได้แน่นอน
ภาวนา คือ การอบรมใจให้ฉลาดเท่ียงตรงต่อเหตุผลอรรถธรรม
รู้จักวิธีปฏิบัติต่อตัวเองและส่ิงท้ังหลาย ไม่ให้จิตผาดโผนโลดเต้นแบบ
ไม่มีฝั่งมีฝา ยึดการภาวนาเป็นรั้วก้ันความคิดฟุ้งของใจให้อยู่ในเหตุผล
อนั จะเปน็ ทางแหง่ ความสงบสขุ ใจทยี่ งั มไิ ดร้ บั การอบรมจากภาวนาจงึ ยงั
เป็นเหมือนสัตว์ท่ียังมิได้รับการฝึกหัดให้ท�ำหน้าที่ของตนอย่างสมบูรณ์
มีจ�ำนวนมากน้อยก็ยังมิได้รับประโยชน์จากมันเท่าท่ีควร จ�ำต้องฝึกหัด
ให้ท�ำประโยชน์ตามประเภทของมันก่อนถึงจะได้รับประโยชน์ตามควร
ใจจงึ ควรไดร้ บั การอบรมใหร้ เู้ รอ่ื งของตวั เสยี บา้ ง จะเปน็ ผคู้ วรแกก่ ารงาน
126
ท้ังหลาย ทัง้ สว่ นหยาบสว่ นละเอยี ด ทัง้ ส่วนเล็กสว่ นใหญ่ ทั้งภายใน
ภายนอก ผู้มีภาวนาเป็นหลักใจจะท�ำอะไรชอบใช้ความคิดอ่านเสมอ
ไม่ค่อยเอาตัวเข้าไปเส่ียงต่อการกระท�ำท่ีไม่แน่ใจ ซ่ึงอาจเกิดความเสีย
หายแก่ตนและผ้เู กย่ี วข้องตลอดสว่ นรวมเมอื่ ผดิ พลาดลงไป การภาวนา
จึงเป็นงานเพ่ือผลในปัจจุบันและอนาคต ไม่เสียประโยชน์ท้ังสองทาง
ประโยชนส์ ำ� คญั คอื ประโยชนเ์ ฉพาะหนา้ ทเี่ รยี กวา่ ทฏิ ฐธรรมมกิ ตั ถประโยชน์
การงานทุกชนิดที่ท�ำด้วยใจของผู้มีภาวนา จะส�ำเร็จลงด้วยความ
เรียบร้อย ขณะทที่ �ำกไ็ ม่ทำ� แบบขอไปที แตท่ ำ� ด้วยความใคร่ครวญ และ
เลง็ ถงึ ประโยชนท์ จี่ ะไดร้ บั จากงานเมอื่ สำ� เรจ็ ลงไปแลว้ จะไปมาในทศิ ทางใด
จะทำ� อะไร ยอ่ มเลง็ ถงึ ผลไดเ้ สยี เกยี่ วกบั การนนั้ ๆ เสมอ การปกครองตน
กส็ ะดวก ไม่ฝา่ ฝืนตัวเองซงึ่ เปน็ ผ้มู หี ลักเหตุผลอยู่แล้ว ถือหลกั ความ
ถกู ตอ้ งเปน็ เขม็ ทศิ ทางเดนิ ของกาย วาจา ใจประจำ� ตวั ไมย่ อมเปดิ ชอ่ งให้
ความอยากอนั ไมม่ ขี อบเขตเขา้ มาเกยี่ วขอ้ ง เพราะความอยากไป อยากมา
อยากทำ� อยากพดู อยากคดิ ทเี่ คยเปน็ มาดง้ั เดมิ เปน็ ไปตามอำ� นาจของ
กเิ ลสตณั หา ซงึ่ ไมเ่ คยสนใจตอ่ ความผดิ ถกู ดชี ว่ั เสยี มากตอ่ มาก และพาเรา
เสียไปจนนับไม่ถ้วนประมาณไม่ถูก จะเอาโทษกับมันก็ไม่ได้ นอกจาก
ยอมใหเ้ สยี ไปอยา่ งนา่ เสยี ดาย แลว้ พยายามแกต้ วั ใหมเ่ ทา่ นน้ั เมอื่ ยงั มสี ติ
อยูบ่ า้ งพอจะหกั ลา้ งกันได้ ถ้าไม่มสี ตพิ อระลึกบ้างเลยแลว้ ท้งั ของเก่าก็
เสยี ไป ทง้ั ของใหมก่ พ็ ลอยจมไปดว้ ย ไมม่ วี นั กลบั ฟน้ื คนื ตวั ไดเ้ ลย นแ่ี ล
เรอ่ื งของกเิ ลส ตอ้ งพาใหเ้ สยี หายเรอื่ ยไป ฉะนนั้ การภาวนาจงึ เปน็ เครอ่ื ง
หักล้างความลามกไม่มีเหตุผลของตนได้ดี แต่วิธีภาวนาน้ันรู้สึกล�ำบาก
อยบู่ า้ ง เพราะเปน็ การบงั คบั ใจซง่ึ เหมอื นบงั คบั ลงิ ใหอ้ ยเู่ ชอ่ื งๆ พองามตาบา้ ง
ยอ่ มเปน็ ของลำ� บากฉะนน้ั
127
วธิ ภี าวนากค็ อื วธิ สี งั เกตตวั เองนนั่ แล คอื สงั เกตจติ ทมี่ นี สิ ยั หลกุ หลกิ
เหมือนถูกไฟหรือน�้ำร้อนลวก ไม่อยู่เป็นปกติสุข ด้วยสติตามระลึกรู้
ความเคลอ่ื นไหวของจติ โดยมธี รรมบทใดบทหนงึ่ เปน็ คำ� บรกิ รรม เพอ่ื เปน็
ยารกั ษาจติ ใหท้ รงตวั อยไู่ ดด้ ว้ ยความสงบสขุ ในขณะภาวนา ตามทน่ี ยิ มใช้
กันมากและไดผ้ ลดีกม็ ีอานาปานสติบา้ ง พทุ โธบา้ ง ธัมโมบ้าง สงั โฆบ้าง
มรณานสุ สตบิ า้ ง หรอื เกสา โลมา นขา ทนั ตา ตโจ โดยอนโุ ลม ปฏโิ ลมบา้ ง
หรอื ใชบ้ รกิ รรมเฉพาะบทใดบทหนง่ึ บา้ ง พยายามบงั คบั ใจใหอ้ ยกู่ บั อารมณ์
แหง่ ธรรมบททนี่ ำ� มาบรกิ รรมขณะภาวนา ใจทอ่ี าศยั บทธรรมอนั เปน็ อารมณ์
ที่ใหค้ ุณ ไม่เป็นภัยแกจ่ ติ ใจ ย่อมจะเกิดความสงบสุขขน้ึ มาในขณะนัน้
ทเี่ รยี กวา่ จติ สงบ หรอื จติ รวมเปน็ สมาธิ คอื ความมนั่ คงตอ่ ตวั เอง ไมอ่ าศยั
ธรรมบทใดๆ เปน็ เครื่องยึดเหน่ยี วในเวลาน้ัน เพราะจิตมกี ำ� ลังพอด�ำรง
ตนอยโู่ ดยอิสระได้
ค�ำบริกรรมท่ีเคยน�ำมาก�ำกับใจ ก็ระงับกันไปชั่วขณะที่จิตปล่อย
อารมณ์เข้าพักสงบตัว ต่อเมื่อถอนข้ึนมา ถ้ามีเวลาท�ำต่อไปอีกก็น�ำ
ค�ำบริกรรมท่ีเคยก�ำกับมาบริกรรมต่อไป พยายามท�ำอย่างน้ีเสมอด้วย
ความใฝใ่ จไมล่ ดละความเพยี ร จติ ทเี่ คยทำ� บาปหาบทกุ ขอ์ ยเู่ สมอกจ็ ะคอ่ ย
รู้สกึ ตัวและปล่อยวางไปเปน็ ล�ำดับ และมคี วามสนใจหนักแน่นในหน้าที่
ของตนเป็นประจ�ำ ไม่ถูกบงั คบั ถูไถเหมือนขั้นเรมิ่ แรก ซ่งึ เป็นขนั้ ก�ำลัง
ฝึกหดั จติ ทสี่ งบตัวลงเปน็ สมาธิ เปน็ จิตท่ีมีความสุขเยน็ ใจมากและจ�ำ
ไม่ลืม ถ้าได้ปรากฏข้ึนเพียงคร้ังเดียว ย่อมเป็นเคร่ืองปลุกใจให้ตื่นตัว
และตน่ื ใจไดอ้ ยา่ งนา่ ประหลาด หากไมป่ รากฏอกี ในวาระตอ่ ไปทง้ั ทภี่ าวนา
อยูใ่ นใจ จะเกิดความเสยี ดายอย่างบอกไม่ถูก อารมณ์แหง่ ความติดใจ
และความเสียดายในจิตประเภทนั้นจะฝงั ใจไปนาน นอกจากจติ จะเจริญ
128
ก้าวหน้าข้ึนสู่ความสงบสุขอันละเอียดไปเป็นล�ำดับเท่านั้น จิตถึงจะลืม
และเพลนิ ในธรรมขน้ั สงู เรอ่ื ยไป ไมม่ าเกยี่ วขอ้ งเสยี ดายจติ และความสงบ
ทเี่ คยผา่ นมาแล้ว
แตเ่ มอื่ พดู ถงึ การภาวนาแลว้ ทา่ นผอู้ า่ นอาจจะรสู้ กึ เหงาหงอยนอ้ ยใจ
และอ่อนเปียกไปทั้งร่างกายและจิตใจว่าตนมีวาสนาน้อย ท�ำไม่ไหว
เพราะคิดว่ากิจการยุ่งยากทั้งภายในบ้านและนอกบ้านตลอดงานสังคม
ต่างๆ ลกู หลานกม็ ีหลายคนล้วนแตต่ ้องเป็นธรุ ะในการเล้ียงดู จะมวั มา
นงั่ หลบั ตาภาวนาอยู่เห็นจะไมท่ นั อยทู่ นั กินกบั โลกเขา ต้องอดตายแนๆ่
แล้วท�ำให้เกิดความอิดหนาระอาใจไม่อยากท�ำ ประโยชน์ที่ควรได้เลย
ผ่านไป ความคิดเช่นนั้นเป็นความคิดที่เคยฝังนิสัยมาด้ังเดิม และอาจ
เปน็ ความคดิ ทค่ี อยกดี กนั ทางเดนิ เพอ่ื การระบายคลายทกุ ขท์ างใจไปเสยี
ถ้าไม่พยายามคิดแกไ้ ขเสียแต่บัดนี้เป็นตน้ ไป
แทจ้ รงิ การภาวนา คอื วธิ กี ารแกค้ วามยงุ่ ยากและความลำ� บากทางใจ
ทกุ ประเภท ทเ่ี คยรบั ภาระอันหนกั หน่วงมานานให้เบาลงและหมดสน้ิ ไป
เหมือนอุบายอืน่ ๆ ทเี่ ราเคยนำ� มาแก้ไขไล่ทกุ ข์ออกจากตัวเหมอื นทโี่ ลก
ท�ำกนั มาน่ันเอง เช่น เวลาร้อนตอ้ งแก้ดว้ ยวธิ ีอาบน�้ำ เวลาหนาวแกด้ ้วย
วธิ หี ม่ ผา้ หรอื ผงิ ไฟ หรอื ดว้ ยวธิ อี น่ื ๆ เวลาหวิ กระหายแกด้ ว้ ยวธิ รี บั ประทาน
และดืม่ เวลาเป็นไขก้ ็แกด้ ้วยวิธรี ับประทานหรอื ฉดี ยาท่จี ะยงั โรคใหส้ งบ
และหายไป ซง่ึ ล้วนเปน็ วิธกี ารท่ีโลกเคยทำ� ตลอดมาถงึ ปัจจบุ นั โดยไม่มี
การผดั เพยี้ นเลอ่ื นเวลา วา่ ยงั ยงุ่ ยากยงั ลำ� บาก และขดั สนจนใจใดๆ ทงั้ นน้ั
ทกุ ชาตชิ ้นั วรรณะจำ� ต้องปฏบิ ัตกิ นั ทัว่ โลก แมแ้ ต่สตั ว์ก็ยังต้องอาศยั การ
เยยี วยารกั ษาตวั ดงั ทเ่ี ราเหน็ เขาหากนิ เลย้ี งปากเลย้ี งทอ้ ง เพอ่ื ผอ่ นคลาย
129
ระบายทกุ ขไ์ ปวนั หนง่ึ ๆ พอยงั ชวี ติ ใหเ้ ปน็ ไปตลอดกาลของเขา ลว้ นเปน็
วิธีการแก้ไขและรักษาตวั แต่ละอย่างๆ
การอบรมใจดว้ ยภาวนากเ็ ปน็ วธิ หี นงึ่ แหง่ การรกั ษาตวั วธิ นี ย้ี ง่ิ เปน็ งาน
สำ� คญั ทค่ี วรสนใจเปน็ พเิ ศษ เพราะเปน็ วธิ ที เี่ กยี่ วกบั จติ ใจผเู้ ปน็ หวั หนา้ งาน
ทกุ ดา้ นโดยตรง งานอะไรเรอ่ื งอะไรทม่ี สี ว่ นเกย่ี วขอ้ งกบั ตวั จติ จำ� ตอ้ งเปน็
ตัวการอย่างแยกไม่ออกท่ีจะต้องเข้ารับภาระแบกหามโดยไม่ค�ำนึงถึง
ความหนักเบา และชนิดของงานว่าเป็นงานชนิดใด จะพอยกไหวไหม
แต่จติ ต้องเข้ารบั ภาระทนั ที ดีหรอื ช่ัวผิดหรือถูกไม่ค่อยสนใจคดิ แม้งาน
หรอื เรอื่ งจะหนกั เบาเศรา้ โศกเพยี งใด ซงึ่ บางเรอ่ื งแทบจะควา้ เอาชวี ติ ไป
ดว้ ยในขณะนน้ั แมเ้ ชน่ นน้ั ใจยงั กลา้ เอาตวั เขา้ ไปเสย่ี งและแบกหามจนได้
โดยไม่ค�ำนึงว่าจะเป็นจะตายเพราะเหลือบ่ากว่าแรง มิหน�ำยังหอบเอา
เร่ืองมาคิดเป็นการบ้านอยู่อีก จนแทบนอนไม่หลับ รับประทานไม่ได้
กย็ ังมใี นบางครง้ั คำ� ว่าหนักเกินไปยกไมไ่ หวเพราะเกนิ กว่าก�ำลังใจจะคดิ
และต้านทานน้นั เป็นไมม่ ี มีแตจ่ ะสเู้ อาท่าเดียว
งานทางกายยังมีเวลาพักผอ่ น และยังรู้ประมาณว่าควรหรอื ไม่ควร
แก่ก�ำลังของตนเพียงใด ส่วนงานทางใจไม่มีวันเวลาได้พักผ่อนเอาเลย
จะมีพักอย่บู ้างเลก็ นอ้ ยก็ขณะหลบั นอนเท่านน้ั แมเ้ ช่นนั้นจติ ยงั อุตส่าห์
ทำ� งานดว้ ยการละเมอเพอ้ ฝนั ตอ่ ไปอกี และไมร่ จู้ กั ประมาณวา่ เรอื่ งตา่ งๆ นนั้
ควรหรอื ไมค่ วรแกก่ ำ� ลงั ของใจเพยี งใด เมอ่ื เกดิ เปน็ อะไรขน้ึ มากท็ ราบแต่
เพยี งวา่ ทกุ ขเ์ หลอื ทน แตไ่ มท่ ราบวา่ ทกุ ขเ์ พราะงานหนกั และเรอื่ งเผด็ รอ้ น
เหลือกำ� ลังทใี่ จจะสไู้ หว จึงควรให้นามวา่ “ใจคือนักต่อส”ู้ เพราะดีก็สู้
ช่วั กส็ ู้ สจู้ นไม่ร้จู กั หยุดย้ังไตรต่ รอง
130
อารมณ์ชนิดใดผ่านมาต้องสู้ และสู้แบบรับเหมา ไม่ยอมให้อะไร
ผา่ นหนา้ ไปได้ จติ เปน็ เชน่ นแ้ี ลจงึ สมนามวา่ นกั ตอ่ สู้ เพราะสจู้ นไมร่ จู้ กั ตาย
ถา้ ยงั ครองรา่ งอยู่ และไมไ่ ดร้ บั การแกไ้ ข กต็ อ้ งเปน็ นกั ตอ่ สเู้ รอ่ื ยไปชนดิ
ไม่มีวันปลงวางภาระลงได้ หากปล่อยให้เป็นไปตามชอบของใจที่ไม่รู้
ประมาณโดยไมม่ ธี รรมเครอ่ื งยบั ยง้ั บา้ ง คงไมม่ เี วลาไดร้ บั ความสขุ แมส้ มบตั ิ
จะมเี ปน็ กา่ ยกอง เพราะนนั้ มใิ ชก่ องแหง่ ความสขุ แตก่ ลบั เปน็ กองสง่ เสรมิ
ทกุ ขส์ �ำหรบั ใจทไ่ี มม่ ีเรอื นพักคอื ธรรมภายในใจ
นกั ปราชญท์ า่ นกลา่ วไดอ้ ยา่ งเตม็ ปากวา่ ธรรมแลเปน็ เครอ่ื งปกครอง
ทรพั ยส์ มบตั แิ ละปกครองใจ ถา้ ใจมธี รรมมากนอ้ ย ผนู้ น้ั แมม้ ที รพั ยส์ มบตั ิ
มากน้อยย่อมจะมีความสุขพอประมาณ ถ้าขาดธรรมเพียงอย่างเดียว
ล�ำพังความอยากของใจ จะพยายามหาทรัพย์ให้ได้กองเท่าภูเขาก็ยังหา
ความสุขไม่เจอ เพราะน้ันเปน็ เพยี งเครื่องอาศัยของกายและใจ ผูฉ้ ลาด
หาความสุขใส่ตัวเท่านั้น ถ้าใจไม่ฉลาดด้วยธรรม ไม่มีธรรมในใจเพียง
อย่างเดียวจะไปอยู่โลกใดและกองสมบัติใด ก็เป็นเพียงโลกเศษเดน
และกองสมบัติเศษเดนอยู่เท่านั้น ไม่มีประโยชน์อะไรแก่ใจเลยแม้นิด
ความสมบกุ สมบัน ความรบั ทุกขท์ รมาน ความอดทนและความทนทาน
ต่อสิ่งกระทบกระทั่งต่างๆ ไม่มีอะไรจะแข็งแกร่งเท่าใจ ถ้าได้รับความ
ช่วยเหลือท่ีถูกทาง ใจจะกลายเป็นของประเสริฐขึ้นมาให้เจ้าของได้ชม
อย่างภูมใิ จและอิ่มพอตอ่ เรอ่ื งทัง้ หลายทันที
การใช้งานจิตนับแต่วันเกิดจนบัดน้ี รู้สึกว่าใช้เอาอย่างไม่มีปรานี
ปราศรยั ถ้าเป็นเครอ่ื งใช้ชนดิ ต่างๆ มีรถราเปน็ ต้น จะเป็นอย่างไรบา้ ง
ไม่ควรพูดถึงการน�ำเข้าอู่ซ่อม แต่ควรพูดถึงความแหลกยับเยินของรถ
131
จนกลายเปน็ เศษเหลก็ ไปนานแลว้ จะเหมาะสมกวา่ นแ่ี ลทกุ สงิ่ เมอื่ มกี าร
ใชต้ อ้ งมกี ารบรู ณะซอ่ มแซม มกี ารเกบ็ รกั ษา ถงึ จะพอมที างอำ� นวยประโยชน์
ต่อไป จิตเป็นสมบัติส�ำคัญมากในตัวเราที่ควรได้รับการเหลียวแล
ด้วยวิธีเก็บรักษาเช่นเดียวกับสมบัติท่ัวไป วิธีท่ีควรแก่จิตโดยเฉพาะ
ก็คือภาวนาวิธีดังที่อธิบายมาบ้างแล้ว ผู้สนใจในความรับผิดชอบต่อจิต
อันเป็นสมบัติที่มีค่ายิ่งของตน จึงควรปฏิบัติรักษาจิตด้วยวิธีท่ีถูกต้อง
เหมาะสม คือฝึกหัดภาวนาในโอกาสอันควร เพื่อเป็นการตรวจตราดู
เครอ่ื งเคราของรถคอื จิต ว่ามอี ะไรบกพร่องและเสยี ไปบ้าง จะไดน้ ำ� เขา้
โรงซอ่ มสขุ ภาพทางจติ
คอื นงั่ พนิ จิ พจิ ารณาดสู งั ขารภายใน คอื ความคดิ ปรงุ ของใจ วา่ คดิ อะไร
บ้างในวนั และเวลาหนึง่ ๆ พอมสี ารประโยชนบ์ ้างไหม หรือพยายามคดิ
แส่หาแต่เร่ือง หาแต่โทษ และขนทุกข์มาเผาลนเจ้าของอยู่ท�ำนองนั้น
พอใหร้ คู้ วามผดิ ถกู ของตวั บา้ ง และพจิ ารณาสงั ขารภายนอก คอื รา่ งกาย
ของเรา วา่ มคี วามเจรญิ ขนึ้ หรอื เจรญิ ลงในวนั และเวลาหนง่ึ ๆ ทผี่ า่ นไปจน
กลายเปน็ ปีเก่าและปใี หม่ผลัดเปลย่ี นกันไปไมม่ ีทส่ี ้ินสุด สังขารร่างกาย
เรามีอะไรใหม่ขึ้นบ้างไหม หรือมีแต่ความเก่าแก่และคร�่ำคร่าชราหลุด
ลงไปทุกวัน ซ่ึงพอจะนอนใจกับเขาละหรือ จึงไม่พยายามเตรียมตัว
เตรยี มใจเสยี แตเ่ วลาทพี่ อทำ� ได้ เวลาตายแลว้ จะเสยี การ นค่ี อื การภาวนา
การภาวนาคอื วธิ เี ตอื นตนสงั่ สอนตน ตรวจตราดคู วามบกพรอ่ งของตนวา่
ควรจะแก้ไขจดุ ใดตรงไหนบา้ ง
ผู้ใช้ความพิจารณาอยู่ท�ำนองน้ีเร่ือยๆ ด้วยวิธีสมาธิภาวนาบ้าง
ดว้ ยการรำ� พงึ ในอริ ยิ าบถตา่ งๆ บา้ ง ใจจะสงบเยอื กเยน็ ไมล่ ำ� พองผยองตวั
132
และควา้ ทกุ ขม์ าเผาลนตวั เอง เปน็ ผรู้ จู้ กั ประมาณ ทง้ั หนา้ ทก่ี ารงานทพ่ี อเหมาะ
พอดแี กต่ วั ทงั้ ทางกายและทางใจ ไมล่ มื ตวั มว่ั สมุ ในสงิ่ ทเ่ี ปน็ หายนะตา่ งๆ
คณุ สมบตั ขิ องผภู้ าวนานม้ี มี ากมายไมอ่ าจพรรณนาใหจ้ บสนิ้ ลงได้ แตท่ า่ น
พระอาจารยม์ นั่ ทา่ นมไิ ดอ้ ธบิ ายลกึ ซง้ึ มากไปกวา่ ฐานะของฆราวาสทม่ี ารบั
การอบรม ผดิ กบั ทา่ นอธิบายให้พระเณรฟงั อยู่มาก เท่าท่ีเขยี นตามท่าน
อธิบายไวพ้ อหอมปากหอมคอน้ี ก็ยังอาจมีบทท่ีรสู้ ึกวา่ เปรีย้ วจดั เคม็ จัด
แฝงอยบู่ า้ งตามทรรศนะของนานาจติ ตงั จะใหเ้ ปน็ แบบเดยี วกนั ยอ่ มไมไ่ ด้
เทา่ ทไ่ี ดพ้ ยายามตะเกยี กตะกายนำ� มาลง กเ็ พอ่ื ทา่ นผอู้ า่ นไดช้ ว่ ยตชิ ม
พอเปน็ ยาอายวุ ฒั นะ ผดิ ถกู ประการใดโปรดไดต้ ำ� หนผิ นู้ ำ� มาเขยี น กรณุ า
อยา่ ไดส้ นใจกบั ทา่ นผเู้ ปน็ เจา้ ของประวตั ิ เพราะทา่ นมไิ ดม้ สี ว่ นรเู้ หน็ ดว้ ย
เวลาแสดงธรรมข้ันสูงท่านก็แสดงเป็นการภายในเฉพาะผู้ที่อยู่ใกล้ชิด
เทา่ นนั้ แตผ่ เู้ ขยี นคะนองไปเอง ใจและมอื ไมอ่ ยเู่ ปน็ สขุ ไปเทยี่ วซอกแซก
บันทึกเอาจากปากค�ำของพระอาจารย์ทั้งหลายที่เป็นลูกศิษย์ท่าน
พระอาจารย์มัน่ ซงึ่ เคยอยูก่ ับทา่ นมาเป็นคราวๆ ในสมยั นน้ั ๆ แลว้ นำ� มา
ลงเพื่อท่านผู้อ่านได้ทราบปฏิปทาการด�ำเนินของท่านบ้างแม้ไม่สมบูรณ์
เพราะปฏปิ ทาทา่ นปรากฏวา่ เดด็ เดี่ยวอาจหาญมาก แทบจะพดู ไดว้ า่ ไมม่ ี
ทา่ นผใู้ ดบรรดาลกู ศษิ ยท์ เ่ี คยพง่ึ รม่ เงาแหง่ บารมที า่ นมา จะสามารถปฏบิ ตั ิ
เดด็ เดย่ี วตอ่ ธดุ งควตั รและจรยิ ธรรมทง้ั หลายอยา่ งสมำ่� เสมอเหมอื นทา่ น
สำ� หรบั องคท์ า่ น ทง้ั ขอ้ ปฏบิ ตั ิ ทงั้ ความรภู้ ายในใจ นบั วา่ เปน็ เยยี่ มในสมยั
ปัจจุบนั ยากจะหาผูเ้ สมอเหมือนได้
แถบจงั หวดั อดุ ร และหนองคาย ตามในปา่ ชายเขา และบนเขาที่
ทา่ นพักอยู่ ทา่ นเลา่ ว่าพวกเทพฯ ทง้ั เบอื้ งบนเบอื้ งล่างมาเย่ยี มฟงั ธรรม
133
ท่านเป็นคราวๆ ครึ่งเดือนบ้าง หนึ่งเดือนบ้างมาหนหน่ึง ไม่บ่อยนัก
เหมือนจังหวัดเชียงใหม่ แต่จะเขียนต่อเมื่อประวัติท่านด�ำเนินไปถึง
ระยะนี้ขอดำ� เนินเรอ่ื งไปตามล�ำดบั เพ่อื ไมใ่ ห้ก้าวกา่ ยกนั ท่านเคยไปพัก
บำ� เพญ็ เพยี รอยชู่ ายเขาฝง่ั ไทยตะวนั ตกเมอื งหลวงพระบางนานพอสมควร
ท่านเล่าว่าท่ีใตช้ ายเขาลกู น้นั มเี มืองพญานาคตงั้ อยใู่ หญ่โตมาก หวั หนา้
พญานาคพาบริวารมาฟังธรรมท่านเสมอ และมากันมากมายในบางครั้ง
พวกนาคไมค่ อ่ ยมปี ญั หามากเหมอื นพวกเทวดา พวกเทวดาทงั้ เบอื้ งบน
เบอื้ งลา่ งมกั มปี ญั หามากพอๆ กนั สว่ นความเลอ่ื มใสในธรรมนนั้ มพี อๆ กนั
ทา่ นพกั อยูช่ ายเขาลกู นน้ั พญานาคมาเย่ยี มท่านแทบทกุ คืนและมบี ริวาร
ตดิ ตามมาไมม่ ากนกั นอกจากจะพามาเปน็ พเิ ศษ ถา้ วนั ไหนพญานาคจะพา
บรวิ ารมามาก ทา่ นก็ทราบได้ล่วงหนา้ ก่อนทกุ ครง้ั
ท่านว่าท่านพักอยู่ท่ีน้ันเป็นประโยชน์แก่พวกนาคและพวกเทวดา
โดยเฉพาะ ไมค่ อ่ ยเกยี่ วกบั ประชาชนนกั พวกนาคมาเยยี่ มทา่ นไมม่ าตอน
ดึกนัก ท่านว่าอาจจะเป็นเพราะที่ท่ีพักสงัดและอยู่ห่างไกลจากหมู่บ้าน
กไ็ ด้ พวกนาคจงึ พากนั มาเยยี่ มเฉพาะทนี่ น้ั ราว ๒๒–๒๓ นาฬกิ า คอื ๔-๕ ทมุ่
สว่ นทอ่ี น่ื ๆ มาดกึ กวา่ นนั้ กม็ ี เวลาขนาดนน้ั กม็ ี พญานาคอาราธนานมิ นต์
ทา่ นใหอ้ ยทู่ นี่ นั่ นานๆ เพอ่ื โปรดเขา เขาเคารพเลอื่ มใสทา่ นมาก และจดั ให้
บริวารมารักษาท่านท้งั กลางวันและกลางคนื โดยผลดั เปลย่ี นวาระกนั มา
มไิ ดข้ าด แตเ่ ขามไิ ดม้ าอยใู่ กลน้ กั อยหู่ า่ งๆ พอทราบและรกั ษาเหตกุ ารณ์
เกีย่ วกับทา่ นได้สะดวก ส่วนพวกเทพฯ โดยมากมักมาดกึ กวา่ พวกนาค
คอื ๒๔ นาฬกิ าหรอื ตี ๑ ตี ๒ ถา้ อยใู่ นเขาหา่ งไกลจากหมบู่ า้ น พวกเทพฯ
กม็ มี าแตว่ นั ราว ๒๒–๒๓ นาฬกิ าอยบู่ า้ งจงึ ไมแ่ นน่ กั แตโ่ ดยมากนบั แต่
เทีย่ งคนื ขึ้นไป พวกเทพฯ ชอบมากนั เป็นนิสัย
134
ขอ้ วัตรประจำ� องค์ท่านโดยเฉพาะในมชั ฌิมวัย
ขอ้ วตั รประจ�ำองคท์ ่านโดยเฉพาะในมัชฌิมวยั หลังจงั หนั เสร็จแลว้
เข้าทางจงกรมจวนเทยี่ งหรอื เที่ยงวนั เข้าท่พี กั กลางวนั เล็กนอ้ ย หลังจาก
พกั กเ็ ขา้ ทท่ี ำ� สมาธภิ าวนาราวชว่ั โมงครงึ่ จากนน้ั ลงเดนิ จงกรม จนถงึ เวลา
บา่ ย ๔ โมงปดั กวาดลานวดั หรอื ทพี่ กั เสรจ็ แลว้ สรงนำ้� แลว้ เขา้ ทางจงกรมอกี
จนถึงเวลา ๑-๒ ทุ่มเข้าทีพ่ กั ทำ� สมาธภิ าวนาตอ่ ไป ถา้ เป็นหน้าฝนหรอื
หนา้ แลง้ คนื ทฝ่ี นไมต่ ก ทา่ นยงั ลงมาเดนิ จงกรมอกี จนดกึ ดน่ื ถงึ จะขนึ้ กฏุ ิ
หรือเข้าที่พัก ซึ่งเป็นร้านเล็กๆ ถ้าเห็นว่าดึกมากไปท่านก็เข้าพักจ�ำวัด
ปกติท่านพักจำ� วดั ราว ๒๓ นาฬกิ า คือ ๕ ทุ่ม ไปต่นื เอาตี ๓ คอื ๙ ท่มุ
ถา้ วนั ใดจะมแี ขกเทพฯ มาเยยี่ มฟงั ธรรม ซงึ่ ปกตทิ า่ นตอ้ งทราบไวล้ ว่ งหนา้
ในตอนเย็นก่อนแลว้ ทกุ ครั้ง วนั น้นั ถา้ เขาจะมาดกึ ทา่ นก็รบี พักเสยี กอ่ น
ถา้ จะมาราว ๕ ทมุ่ หรอื เทย่ี งคนื กเ็ ขา้ ทรี่ อรบั พวกเทพฯ อยา่ งนเ้ี ปน็ ประจำ�
ท่านไปพักบ�ำเพ็ญในท่ีบางแห่ง บางคืนมีทั้งพวกเทพฯ เบ้ืองบน
และเทพฯ เบ้อื งลา่ งจะมาเยี่ยมท่านในเวลาเดยี วกนั กม็ ี ถ้าเปน็ อย่างน้ี
ทา่ นตอ้ งยน่ เวลาคอื รบั แขกเทพฯ พวกมาถงึ กอ่ นแตน่ อ้ ย แสดงธรรมใหฟ้ งั
135
และแก้ปัญหาเท่าที่จ�ำเป็น แล้วก็บอกชาวเทพฯ ที่มาก่อนใหท้ ราบวา่
ถดั จากนไ้ี ปจะมชี าวเทพฯ มาฟงั ธรรมและถามปญั หาอกี พวกทม่ี ากอ่ น
กร็ บี ลาทา่ นกลับไป พวกมาทีหลังซึ่งรออยู่ห่างๆ พอไม่ให้เสียมารยาท
ความเคารพก็พากันเข้ามา ท่านก็เรม่ิ แสดงธรรมใหฟ้ งั ตามแตบ่ าทคาถา
ที่ท่านก�ำหนดในขณะน้ันจะผุดขึ้นมา ซ่ึงพอเหมาะกับจริตนิสัยและภูมิ
ของเทพฯ พวกนน้ั ๆ บางทหี วั หนา้ เทพฯ กแ็ สดงความประสงคข์ นึ้ เสยี เอง
ว่าขอฟงั ธรรมน้นั ทา่ นก็เรมิ่ กำ� หนด พอธรรมนัน้ ผุดขึ้นมากเ็ ริม่ แสดงให้
พวกเทพฯ ฟงั
ในบางคร้ังหัวหน้าเทพฯ ขอฟังธรรมประเภทน้ัน ท่านสงสัยต้อง
ถามเขาก่อนว่าธรรมน้ันช่ืออะไรในสมัยนี้ เพราะชื่อธรรมท่ีพวกเทพฯ
เคยนับถือกันมาด้ังเดิมแต่สมัยโน้นกับช่ือธรรมในสมัยนี้ต่างกันใน
บางสตู รบางคมั ภรี ์ เขากบ็ อกวา่ อยา่ งนน้ั ในสมยั น้ี แตส่ มยั โนน้ ซงึ่ พวกเทพฯ
นบั ถอื กนั มาชอ่ื วา่ อยา่ งนนั้ บางครง้ั ถา้ สงสยั ทา่ นกก็ ำ� หนดเอง ยอมเสยี เวลา
เลก็ นอ้ ย บางครงั้ กถ็ ามเขาเลยทเี ดยี ว แตบ่ างครง้ั พอเขาขอฟงั ธรรมสตู รนน้ั
หรอื คัมภรี น์ นั้ ซง่ึ เป็นสตู รหรือคัมภรี ์ทที่ ่านเคยรู้อยแู่ ล้ว นึกว่าเป็นความ
นยิ มในชอื่ อนั เดยี วกนั ทา่ นเลยไมต่ อ้ งกำ� หนดพจิ ารณาตอ่ ไป เพราะเขา้ ใจ
วา่ ตรงกันกบั ทเี่ ขาขอ ทา่ นเรม่ิ แสดงไปเลย พอแสดงขนึ้ เขารีบบอกทันที
ว่าไมใ่ ช่ ทา่ นยกสตู รหรือคมั ภรี ผ์ ิดไป ต้องข้นึ คาถาว่าอยา่ งนัน้ ถงึ จะถกู
อย่างน้กี ็เคยมี
ทา่ นวา่ พอโดนเขา้ ครง้ั หนง่ึ สองครงั้ กจ็ ำ� ไดเ้ อง จากนนั้ ทา่ นตอ้ งกำ� หนด
ให้แน่ใจเสียก่อนว่าตรงกับมนุษย์และเทวดานิยมใช้ตรงกันหรือเปล่า
คอ่ ยเรมิ่ แสดงตอ่ ไป บางวนั พวกเทพฯเบอื้ งบนบา้ ง เบอื้ งลา่ งบา้ ง พวกใด
136
พวกหนึ่งจะมาเยี่ยมฟังธรรมกับท่านในเวลาเดียวกันกับพวกพญานาค
จะมากม็ ี เช่นเดียวกบั แขกมนษุ ยเ์ รามาเยย่ี มครูอาจารยใ์ นเวลาเดียวกนั
ฉะนน้ั แตน่ านๆ มคี รง้ั ในกรณเี ชน่ น้ี เมอ่ื เขามาในเวลาตรงกนั บอ่ ยๆ เขา้
ท่านจ�ำต้องตกลงกับเทพฯ ท้ังเบ้ืองบนเบ้ืองล่างว่าพวกน้ีให้มาในเวลา
เทา่ นัน้ พวกนั้นให้มาในเวลาเท่าน้ัน และพวกนาคใหม้ าในเวลาเท่านน้ั
เพือ่ ความสะดวกท้งั ฝ่ายพระฝา่ ยเทพฯ และฝ่ายนาคทัง้ หลาย
ตามท่านเล่าว่า ท่านไม่ค่อยมีเวลาว่างเท่าไรนัก แม้จะไปอยู่ในป่า
ในเขาลกึ ๆ กจ็ ำ� ตอ้ งปฏบิ ตั ติ อ่ พวกเทพฯ ซงึ่ มาจากเบอื้ งบนชน้ั ตา่ งๆ และ
มาจากเบอ้ื งลา่ งในทต่ี า่ งๆ กนั อยนู่ น่ั เอง ในคนื หนง่ึ พวกหนงึ่ ชนั้ หนง่ึ ไมม่ า
กต็ อ้ งมอี กี พวกหนง่ึ อกี ชนั้ หนงึ่ และพวกรกุ ขเทพฯ ทใี่ ดทห่ี นงึ่ มากนั จนได้
จงึ ไมค่ อ่ ยมเี วลาวา่ งในเวลากลางคนื แตท่ เี่ ชน่ นน้ั มนษุ ยไ์ มค่ อ่ ยมี ถา้ ลงมา
พกั ใกลบ้ า้ นใกลเ้ มอื งกเ็ ปน็ ชาวมนษุ ยจ์ ากทตี่ า่ งๆ มาเยย่ี ม แตต่ อ้ งตอ้ นรบั
เวลากลางวนั ตอนบา่ ยหรือตอนเย็น จากนนั้ ก็อบรมพระเณรตอ่ ไป
ขณะที่จะเขียนประวัติของชาวมนุษย์เราในอันดับต่อจากชาวเทพฯ
ทม่ี าเกย่ี วขอ้ งกบั ทา่ นซง่ึ ผเู้ ขยี นมสี ว่ นไดเ้ สยี รวมอยดู่ ว้ ย เพราะความเปน็
มนษุ ยป์ ถุ ชุ นดว้ ยกนั จงึ ตอ้ งขออภยั ทา่ นผอู้ า่ นมากๆ หากเปน็ การไมง่ าม
และไม่สมควรประการใดในเน้ือหาต่อไปนี้ เพราะความจำ� เป็นที่จ�ำต้อง
เขยี นตามความจริงท่ที า่ นเลา่ ใหฟ้ ังเป็นการภายในโดยเฉพาะ แต่ผูเ้ ขยี น
มีนิสัยไม่ดีประจ�ำตัวที่แก้ไม่ตกในบางกรณี ดังเร่ืองที่จะเขียนต่อไปนี้
ท้ังนี้เพื่อจะได้น�ำมาเทยี บเคยี งกนั ระหวา่ งชาวมนุษยก์ ับชาวเทพฯ และ
ถอื เอาประโยชนเ์ ทา่ ทคี่ วร จงึ ขออภยั อกี ครงั้
137
ทา่ นเลา่ ว่า การติดต่อและแสดงธรรมระหวา่ งมนุษย์กบั เทวดารสู้ ึก
ตา่ งกันอย่มู าก คอื เวลาแสดงธรรมให้เทวดาฟัง ไมว่ ่าเบ้ืองบน เบ้อื งล่าง
หรอื รกุ ขเทวดา พวกนฟ้ี งั เขา้ ใจงา่ ยกวา่ มนษุ ยเ์ ราหลายเทา่ พอแสดงธรรม
จบลง เสียงสาธกุ าร ๓ คร้งั กระเทือนโลกธาตุ ขณะทพี่ วกเทพฯ ทุกช้ัน
ทกุ ภมู มิ าเยยี่ มกม็ คี วามเคารพพระอยา่ งยง่ิ ไมเ่ คยเหน็ พวกเทพฯ แมร้ ายหนงึ่
แสดงอาการไมด่ ไี มง่ ามภายในใจ ทกุ อาการของพวกเทพฯ ออ่ นนม่ิ เหมอื น
ผา้ พับไวเ้ สมอกันในขณะนน้ั ขณะทีม่ าก็ดี ขณะนง่ั ฟงั ธรรมกด็ ี ขณะจะ
จากไปกด็ ี เป็นความสงบเรยี บร้อยและสวยงามไปตลอดสาย แต่เวลา
แสดงธรรมใหช้ าวมนุษย์ฟังกลบั ไม่เขา้ ใจกนั แมอ้ ธบิ ายซ�้ำแลว้ ซ้ำ� เลา่ กย็ งั
ไมค่ อ่ ยจะเขา้ ใจ นอกจากไมเ่ ขา้ ใจแลว้ ยงั คดิ ตำ� หนผิ แู้ สดงอยภู่ ายในอกี
ดว้ ยว่าเทศนอ์ ะไรฟงั ไม่รเู้ รือ่ งเลย สอู้ งค์น้นั ไมไ่ ด้ สู้องค์นไี้ ม่ได้
บางรายยงั อดจะเอากเิ ลสหยาบๆ อยภู่ ายในของตวั ออกอวดไมไ่ ดว้ า่
สมัยเราบวชยังเทศน์เก่งกว่านี้เป็นไหนๆ คนฟังฮากันตึงๆ ด้วยความ
เพลดิ เพลิน ไมม่ กี ารง่วงเหงาหาวนอนเลย ย่ิงเทศน์โจทกส์ องธรรมาสน์
ดว้ ยแลว้ คนฟงั หวั เราะกนั ไมไ่ ดห้ บุ ปากตลอดกณั ฑ์ บางรายกค็ ดิ ในใจวา่
คนเลา่ ลอื กนั วา่ ทา่ นเกง่ มากทางรวู้ าระนำ้� จติ คน ใครคดิ อะไรขน้ึ มาทา่ นรไู้ ด้
ทนั ที แตเ่ วลาเราคดิ อะไรๆ ทา่ นไมเ่ หน็ รบู้ า้ งเลย ถา้ รกู้ ต็ อ้ งแสดงออกบา้ ง
ถา้ ไมแ่ สดงออกตรงๆ ตอ่ หนา้ ผกู้ ำ� ลงั คดิ กค็ วรพดู เปน็ อบุ ายเปรยี บเปรยวา่
นาย ก. นาย ข. ไมค่ วรคดิ เชน่ นน้ั ๆ มนั ผดิ ควรเปลย่ี นความคดิ เสยี ใหม่
ดงั นี้ พอจะจับเงื่อนได้วา่ ผรู้ หู้ วั ใจคนจรงิ สมคำ� เล่าลือ บางรายเตรียมตวั
จะมาจับผิดจับพลาดด้วยความอวดตัวว่าฉลาดอย่างพอตัว ผู้นั้นไม่มี
ความสนใจตอ่ ธรรมเอาเลย แมจ้ ะแสดงธรรมใหผ้ อู้ นื่ ฟงั ดว้ ยวธิ ใี ดๆ ทเี่ ขา
138
นั่งฟังอยดู่ ว้ ยในขณะนน้ั กเ็ ปน็ เหมอื นเทนำ้� ใสห่ ลงั หมานน่ั เอง มนั สลดั
ทง้ิ หมดทนั ที ไมม่ นี ำ�้ เหลอื อยบู่ นหลงั แมห้ ยดเดียว วา่ แลว้ ท่านก็หัวเราะ
อาจจะขบขนั ในใจอยบู่ า้ ง ทน่ี านๆ ทา่ นจะไดพ้ บมนษุ ยท์ ฉี่ ลาดสกั ครง้ั หนง่ึ
แลว้ ก็เลา่ ต่อไป
เวลามาตา่ งกแ็ บกทฐิ มิ านะมาจนจะเดนิ แทบไมไ่ หว เพราะหนกั มาก
เกินกว่าแรงมนุษย์ท้ังคนจะแบกหามได้ ในตัวท้ังหมดปรากฏว่ามีแต่ทิฐิ
มานะตวั เปง้ ๆ ทงั้ นนั้ ไมใ่ ชข่ องเลน่ มองดแู ลว้ นา่ กลวั ยง่ิ กวา่ ทจี่ ะนา่ สงสาร
และคดิ แสดงธรรมใหฟ้ งั แตก่ จ็ ำ� ตอ้ งแสดงเพอื่ สงั คม ถไู ถกนั ไปอยา่ งนน้ั แล
ธรรมกไ็ มท่ ราบวา่ หายไปไหนหมด คดิ หาแตล่ ะบทละบาทกไ็ มเ่ หน็ มแี สดง
ขน้ึ มาบา้ งเลย เขา้ ใจวา่ ธรรมจะสตู้ วั เปง้ ๆ ไมไ่ หวเลยวงิ่ หนหี มด ยงั เหลอื
แตต่ ัวเปล่าท่เี ปน็ เหมอื นตกุ๊ ตา ซง่ึ ก�ำลงั ถกู เหลก็ แหลมทิม่ แทงอยู่อย่าง
ไม่มีใครสนใจว่าจะมีความรู้สึกอย่างไรเวลาน้ัน ท่ีเขาต�ำหนิก็ถูกของเขา
เพราะบางครั้งเราก็ไม่มีธรรมโผล่หน้าข้ึนมาเพื่อให้แสดงบ้างเลยจริงๆ
มแี ตน่ ง่ั อยเู่ หมอื นหวั ตอ จะไดอ้ รรถไดธ้ รรมมาจากไหน แลว้ ทา่ นกห็ วั เราะ
ไปพลางเลา่ ไปพลาง ผนู้ ง่ั ฟงั อยดู่ ว้ ยกนั หลายคนในขณะนน้ั บางรายกเ็ กดิ
ตวั สน่ั ขน้ึ มาเอาเฉยๆ แตห่ าไขไ้ มเ่ จอหาหนาวไมเ่ จอ เพราะไมใ่ ชห่ นา้ หนาว
เลยพากันเดาเอาเองว่าคงเปน็ เพราะความกลวั น่ันเอง
ท่านว่าถ้าไม่จ�ำเป็นจริงๆ ก็ไม่เทศน์ เพราะการเทศน์เป็นเหมือน
โปรยยาพษิ ทำ� ลายคนผไู้ มม่ คี วามเคารพอยภู่ ายใน สว่ นธรรมนนั้ ยกไวว้ า่
เป็นธรรมที่เยีย่ มยอดจรงิ ๆ มีคุณค่ามหาศาลสำ� หรบั ผู้ตัง้ ใจและมเี มตตา
เปน็ ธรรม ไมอ่ วดรอู้ วดฉลาดเหนอื ธรรม ตรงนแี้ ลทสี่ ำ� คญั มาก และทำ� ให้
เปน็ ยาพษิ เผาลนเจา้ ของผกู้ อ่ เหตโุ ดยไมร่ สู้ กึ ตวั ผไู้ มก่ อ่ เหตุ ผลจะเกดิ ขนึ้
139
ได้อยา่ งไร ขณะนั่งฟังอยดู่ ว้ ยกันหลายคน ผรู้ ้อนๆ จนจะละลายตายไป
กม็ ี ผเู้ ยน็ ๆ จนตวั จะเหาะลอยขน้ึ บนอากาศกม็ ี มนั ผดิ กนั ทใี่ จดวงเดยี วน้ี
เท่าน้ัน นอกน้ันไม่ส�ำคัญ เราจะพยายามอนุเคราะห์เขาเพ่ือผ่อนหนัก
ให้เป็นเบาบ้างก็ไม่มีทาง เม่ือใจไม่ยอมรับแล้ว แม้จะพยายามคิดว่า
ถ้าไมเ่ กดิ ประโยชน์กไ็ มอ่ ยากให้เกดิ โทษ แตก่ ็ปิดไม่อยู่ เพราะผูค้ อยจะ
สรา้ งบาปสร้างกรรมนั้นเขาสรา้ งอยู่ตลอดเวลา แบบไมส่ นใจกบั ใครและ
อะไรทงั้ นั้น
การเทศน์สั่งสอนมนุษย์นับว่ายากอยู่ไม่น้อย เวลาเขามาหาเรา
ซ่ึงไม่กี่คน แต่โดยมากต้องมียาพิษแอบติดตัวมาจนได้ไม่มากก็พอให้
รำ� คาญใจได้ ถา้ เราจะสนใจรำ� คาญอยา่ งโลกๆ กต็ อ้ งไดร้ ำ� คาญจรงิ ๆ แตน่ ้ี
ปลอ่ ยตามบญุ ตามกรรม เมอ่ื หมดทางแกไ้ ขแลว้ ถอื วา่ เปน็ กรรมของสตั ว์
ท่านว่าแล้วก็หัวเราะ ผู้ต้ังใจมาเพ่ือแสวงหาอรรถหาธรรม หาบุญกุศล
ด้วยความเชื่อบุญเช่ือกรรมจริงๆ ก็มี น่ันน่าเห็นใจและน่าสงสารมาก
แต่มีจ�ำนวนนอ้ ย ผูม้ าแสวงหาส่งิ ไม่เป็นทา่ และไม่มีขอบเขตนั้นรูส้ ึกมาก
เหลอื หเู หลอื ตาพรรณนาไมจ่ บ ฉะนนั้ จงึ ชอบอยแู่ ตใ่ นปา่ ในเขาอนั เปน็ ที่
สบายกายสบายใจ ทำ� ความพากเพยี รกเ็ ตม็ เมด็ เตม็ หนว่ ย ไมม่ สี ง่ิ รบกวน
ให้ลำ� บากตาลำ� บากใจ มองไปทางไหน คิดเรอ่ื งอะไรเก่ียวกับอรรถธรรม
ก็ปลอดโปร่งโลง่ ใจ
มองดแู ละฟงั เสยี งสตั วส์ าราสงิ พวกลงิ คา่ งบา่ งชะนที หี่ ยอกเลน่ กนั
ทง้ั หอ้ ยโหนโยนตวั และกรู่ อ้ งโหยหวนหากนั อยตู่ ามกง่ิ ไมช้ ายเขาลำ� เนาปา่
ยงั ทำ� ใหเ้ ยน็ ตาเยน็ ใจไปตาม โดยมไิ ดค้ ดิ วา่ เขาจะมคี วามรสู้ กึ อะไรตอ่ เรา
ต่างตัวต่างหากินและปีนขึ้นโดดลงไปตามภาษาของสัตว์ ท�ำให้รู้สึกใน
140
อิริยาบถและความเป็นอยู่ทุกด้านสดช่ืนผ่องใสและวิเวกวังเวง หากจะ
มีอันเป็นอันตายขนึ้ มาในเวลาน้ัน กเ็ ป็นไปด้วยความสงบสขุ ทัง้ ทางกาย
และจิตใจ ไม่เกล่ือนกล่นวุ่นวาย ตายแบบธรรมชาติคือมาคนเดียวไป
คนเดยี วแท้ โดยมากพระสาวกอรหนั ตท์ า่ นนพิ พานแบบนก้ี นั ทง้ั นน้ั เพราะ
กายและจิตของท่านไม่มีความเกล่ือนกล่นวุ่นวายมาแอบแฝง มีกาย
อนั เดยี ว จติ ดวงเดยี ว และมอี ารมณ์เดียว ไมไ่ หลบ่าแสห่ าความทกุ ข์
ไมส่ งั่ สมอารมณใ์ ดๆ มาเพมิ่ เตมิ ใหเ้ ปน็ การหนกั หนว่ งถว่ งตน ทา่ นอยแู่ บบ
อรยิ ะ ไปแบบอริยะ ไมร่ ะคนคละเคลา้ กับส่ิงทจ่ี ะท�ำใหก้ ังวลเศร้าหมอง
ในทิฏฐธรรมปจั จบุ นั
สะอาดเทา่ ไรยง่ิ รกั ษา บรสิ ทุ ธเ์ิ ทา่ ไรยง่ิ ไมค่ นุ้ กบั อารมณ์ ตรงกนั ขา้ ม
กับที่ว่าหนักเท่าไรยิ่งขนมาเพ่ิมเข้า แต่ท่านเบาเท่าไรย่ิงขนออกจน
ไมม่ อี ะไรจะขน แลว้ กอ็ ยกู่ บั ความไมม่ ที ง้ั ๆ ทผ่ี วู้ า่ ไมม่ คี อื ใจกม็ อี ยกู่ บั ตวั
คือไม่มีงานจะขนออกและขนเข้าอีกต่อไป เรียกว่าบรรลุถึงข้ัน
คนว่างงาน ใจว่างงาน ทางศาสนาถือการว่างงานแบบน้ีเปน็ ความสุข
อันยง่ิ ใหญ่ ผิดกบั โลกท่ีผู้วา่ งงานกลายเปน็ คนมที ุกขม์ ากขึน้ เพราะ
ไมม่ ที างไหลมาแห่งโภคทรัพย์
ท่านเล่าความแตกต่างระหว่างมนุษย์กับเทวดาให้ฟังมากมาย
แต่น�ำมาเขียนเท่าท่ีจ�ำได้และที่เห็นว่าควรจะยึดเป็นสารประโยชน์ได้บ้าง
ตามสติปัญญาที่จะคัดเลือกหาแง่ท่ีเป็นประโยชน์ ที่มีขาดตอนไปบ้าง
ในเรอ่ื งเดยี วกนั เชน่ เรอ่ื งเทวดา เปน็ ตน้ ซงึ่ ควรจะนำ� มาเชอ่ื มโยงตดิ ตอ่
กันไปจนจบ แต่ไม่สามารถท�ำได้ในระยะน้ีนั้น เกี่ยวกับประสบการณ์
ของท่านผู้เป็นเจ้าของ มีประสบหลายคร้ังท้ังในท่ีและสมัยต่างๆ กัน
141
จำ� ตอ้ งเขยี นไปตามประวตั ทิ ที่ า่ นประสบเพอื่ ใหเ้ รยี งลำ� ดบั กนั ไป แมเ้ รอื่ ง
เทวดากย็ งั จะมอี ยอู่ กี ในวาระตอ่ ไป ตามประวตั ทิ ผี่ เู้ ขยี นดำ� เนนิ ไปถงึ ตาม
ประสบการณ์นั้นๆ ไม่กลา้ นำ� มาลงให้คละเคลา้ กนั จึงขออภยั ดว้ ยหาก
ไม่สะดวกในการอา่ น ซึ่งม่งุ ประสงค์จะให้จบสิน้ ในเร่อื งท�ำนองเดียวกัน
ในตอนเดยี วกัน
ทีท่ ่านเลา่ ระหว่างมนุษยก์ ับเทวดานนั้ เป็นเรือ่ งราวของมนุษยแ์ ละ
เทวดาในสมยั โนน้ ตา่ งหาก ซง่ึ องคท์ า่ นผปู้ ระสบและเลา่ ใหฟ้ งั กม็ รณภาพ
ผ่านไปราว ๒๐ ปนี ี้แลว้ คิดวา่ มนษุ ย์และเทวดาสมัยนัน้ คงจะแปรสภาพ
เป็นอนิจจังไปตามกฎอันมีมาด้ังเดิม อาจจะยังเหลือเฉพาะมนุษย์และ
เทวดาสมัยใหม่ ซึ่งต่างก็ได้รับการอบรมพัฒนาทางจิตใจและความ
ประพฤตกิ นั มาพอสมควร เรอื่ งมนษุ ยท์ ำ� นองทมี่ ใี นประสบการณข์ องทา่ น
จนกลายเปน็ ประวตั ิมาน้ัน คงจะไมม่ ที า่ นผูส้ นใจสบื ต่อให้รกรงุ รังแกต่ น
และประเทศชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์อีกต่อไป เพราะการศึกษา
นับวันเจริญ ผู้ได้รับการศึกษามากคงไม่มีท่านผู้มีจิตใจใฝ่ต่�ำขนาดน้ัน
จึงเป็นที่เบาใจกบั ชาวมนษุ ยใ์ นสมัยนี้
ท่านพักบ�ำเพ็ญและอบรมพระเณรและประชาชนชาวจังหวัดอุดรฯ
หนองคาย พอสมควรแลว้ กย็ อ้ นกลบั ไปทางจงั หวดั สกลนคร เทยี่ วไปตาม
หมูบ่ า้ นทม่ี อี ยู่ในป่าในเขาต่างๆ มีอำ� เภอวารชิ ภูมิ พงั โคน สว่างแดนดนิ
วานรนิวาส อากาศอ�ำนวย แล้วก็เลยเข้าเขตจงั หวดั นครพนม เทยี่ วไป
ตามแถบอำ� เภอศรสี งคราม มหี มบู่ า้ นสามผง โนนแดง ดงนอ้ ย คำ� นกกก
เปน็ ตน้ ซงึ่ เปน็ หมบู่ า้ นทเ่ี ตม็ ไปดว้ ยดงหนาปา่ ทบึ และชกุ ชมุ ไปดว้ ยไขป้ า่
(ไขม้ าลาเรีย) ซง่ึ รายใดเจอเขา้ แลว้ กย็ ากจะหายได้ง่ายๆ อยา่ งนอ้ ยเปน็
142
แรมปีก็ยังไม่หายขาด หากไม่ตายก็พอทรมาน ดังที่เคยเขียนผ่านมา
บา้ งแลว้ วา่ “ไขท้ พี่ อ่ ตาแมย่ ายเบอื่ หนา่ ยและเกลยี ดชงั ” เพราะผเู้ ปน็ ไข้
ประเภทนีน้ านๆ ไป แมย้ ังไม่หายขาดแต่กพ็ อไปมาไดแ้ ละรับประทานได้
แต่ท�ำงานไม่ได้ บางรายก็ท�ำให้เป็นคนวิกลวิการไปเลยก็มี ชาวบ้าน
แถบนน้ั เจอกนั บอ่ ยและมดี าษดน่ื สว่ นพระเณรจำ� ตอ้ งอยใู่ นขา่ ยอนั เดยี วกนั
มากกว่านนั้ ก็ถงึ ตาย ท่านจำ� พรรษาแถบหม่บู ้านสามผง ๓ ปี มีพระตาย
เพราะไข้ป่าไปหลายรูป ที่เป็นพระชาวทุ่งไม่เคยชินกับป่ากับเขา เช่น
พระชาวอุบล รอ้ ยเอด็ สารคาม ไปอยูก่ บั ทา่ นในปา่ แถบนั้นไม่ค่อยได้
เพราะทนตอ่ ไขป้ า่ ไมไ่ หว ตอ้ งหลกี ออกไปจำ� พรรษาตามหมบู่ า้ นแถวทงุ่ ๆ
ทา่ นเลา่ วา่ ขณะทา่ นกำ� ลงั แสดงธรรมอบรมพระเณรตอนกลางคนื ที่
หมบู่ า้ นสามผง มพี ญานาคทอ่ี ยแู่ ถบลำ� แมน่ ำ้� สงครามไดแ้ อบมาฟงั เทศน์
ทา่ นแทบทกุ คนื เฉพาะวนั พระมาทกุ คนื ถา้ ไมม่ าตอนทา่ นอบรมพระเณร
ก็ต้องมาตอนดึกขณะท่านเข้าท่ีภาวนา ส่วนพวกเทวดาทั้งเบื้องบน
เบอื้ งลา่ งมมี าหา่ งๆ ไมเ่ หมอื นอยทู่ อี่ ดุ รฯ หนองคาย เฉพาะวนั เขา้ พรรษา
วนั กลางพรรษา และวนั ปวารณาออกพรรษาแลว้ ไมว่ ่าท่านจะพกั จำ� อยู่
ทไี่ หน แมแ้ ตใ่ นตวั เมอื ง กย็ งั มพี วกเทวดาทงั้ เบอื้ งบนเบอ้ื งลา่ งชน้ั ใดชน้ั หนง่ึ
และทใี่ ดทหี่ นง่ึ มาฟงั ธรรมทา่ นมไิ ดข้ าด เชน่ ทว่ี ัดเจดยี ์หลวงที่จังหวดั
เชยี งใหม่ เป็นตน้
ขณะท่ีท่านพักอยู่บ้านสามผงมีเรื่องที่แปลกอยู่เร่ืองหน่ึง เวลาน้ัน
เปน็ หนา้ แลง้ พระเณรอบรมกบั ทา่ นมากราว ๖๐–๗๐ รปู นำ�้ ทา่ มไี มพ่ อใช้
และขุ่นข้นไปหมด พระและเณรพากันปรึกษากันกับชาวบ้านว่าควรจะ
ขดุ บอ่ ใหล้ กึ ลงไปอกี เผอ่ื จะไดน้ ำ้� ทส่ี ะอาดและพอกนิ พอใชไ้ มข่ าดแคลน
143
ดงั ทเี่ ปน็ อยบู่ า้ ง เมอื่ ตกลงกนั แลว้ พระผใู้ หญก่ เ็ ขา้ ไปกราบเรยี นทา่ นเพอื่
ขออนญุ าต พอกราบเรยี นความประสงคใ์ หท้ า่ นทราบ ทา่ นนงิ่ อยพู่ กั หนง่ึ
แลว้ แสดงอาการเครง่ ขรมึ และหา้ มออกมาอยา่ งเสยี งแขง็ วา่ “อยา่ ๆ ดไี มด่ ี
เป็นอนั ตราย” พดู เทา่ น้นั ก็หยดุ ไมพ่ ดู อะไรตอ่ ไปอีก พระอาจารย์รปู นน้ั
กง็ งงนั ในคำ� พดู ทา่ นทวี่ า่ “ดไี มด่ เี ปน็ อนั ตราย” พอกราบทา่ นออกมาแลว้
กน็ ำ� เรอ่ื งมาเลา่ ใหพ้ ระเณรและญาตโิ ยมฟงั ตามทต่ี นไดย้ นิ มา แทนทจี่ ะมี
ผคู้ ดิ และเหน็ ตามทท่ี า่ นพดู หา้ ม แตก่ ลบั ปรกึ ษากนั เปน็ ความลบั วา่ พวกเรา
ไมต่ อ้ งใหท้ า่ นทราบ พากนั ขโมยทำ� กย็ งั ได้ เพราะนำ�้ บอ่ กอ็ ยหู่ า่ งไกลจากวดั
พอจะขโมยท�ำได้
พอเทยี่ งวนั กะวา่ ทา่ นพกั จำ� วดั กพ็ ากนั เตรยี มออกไปขดุ บอ่ พอขดุ กนั
ยงั ไมถ่ งึ ไหน ดนิ รอบๆ ปากบอ่ กพ็ งั ลงใหญจ่ นเตม็ ขนึ้ มาเสมอพน้ื ทท่ี เี่ ปน็
อยดู่ งั้ เดมิ ปากบอ่ เบกิ กวา้ งและเสยี หายไปเกอื บหมด พระเณรญาตโิ ยม
พากันกลัวจนใจหายใจควำ่� ไปตามๆ กนั และต้ังตัวไม่ติด เพราะดนิ พงั ลง
เกอื บทบั คนตายหนง่ึ เพราะพากนั ลว่ งเกนิ คำ� ทท่ี า่ นหา้ มโดยไมม่ ใี ครระลกึ รู้
พอยับยั้งกันไว้บ้างหนึ่ง และกลัวท่านจะทราบว่าพวกตนพากันขโมยทำ�
โดยการฝ่าฝืนท่านหนึ่ง พระเณรท้ังวัดและญาติโยมท้ังบ้านพากันร้อน
เป็นไฟไปตามๆ กัน และรีบพากันหาไม้มากั้นดินปากบ่อที่พังลงด้วย
ความเห็นโทษ ขออาราธนาวิงวอนถึงพระคุณท่านให้ช่วยคุ้มครองพอ
เอาดินทีพ่ งั ลงในบอ่ ขนึ้ ได้ และไดอ้ าศยั น�้ำต่อไป เดชะบญุ พออธิษฐาน
ถงึ พระคุณท่านแล้ว ทกุ อย่างเลยเรียบรอ้ ยไปอย่างนา่ อศั จรรย์คาดไมถ่ ึง
จึงพอมหี นา้ ย้ิมตอ่ กันไดบ้ ้าง
144
พอเสรจ็ งานพระเณรและญาติโยมตา่ งกร็ ีบหนีเอาตวั รอด กลวั ทา่ น
จะมาท่ีน่ัน ส่วนพระเณรท้ังวัดต่างก็มีความร้อนใจสุมอยู่ตลอดเวลา
เพราะความผิดท่ีพากันก่อไว้แต่กลางวัน ยิ่งจวนถึงเวลาประชุมอบรม
ซง่ึ เคยมเี ปน็ ประจำ� ทกุ คนื กย็ ง่ิ เพมิ่ ความไมส่ บายใจมากขน้ึ ใครๆ กเ็ คยรู้
เคยเห็นและเคยถูกดุเร่ืองท�ำนองนี้มาแล้วจนฝังใจ บางเร่ืองแม้ตน
เคยคิดและท�ำจนลมื ไปแลว้ ทา่ นยงั สามารถรแู้ ละน�ำมาเทศนส์ อนจนได้
เพยี งเรอื่ งนำ้� บอ่ ซง่ึ เปน็ เรอ่ื งหยาบๆ ทพ่ี ากนั ขโมยทา่ นทำ� ทง้ั วดั จะเอาอะไร
ไปปิดไม่ใหท้ ่านทราบ ท่านตอ้ งทราบและเทศน์อย่างหนกั แน่นอนในคนื
วนั น้ี หรอื อย่างชา้ กต็ อนเช้าวันรุ่งขน้ึ อารมณเ์ หล่านี้แลที่ท�ำให้พระเณร
ไมส่ บายใจกนั ทง้ั วดั พอถงึ เวลาประชมุ และแทนทจี่ ะถกู โดนอยา่ งหนกั ดงั
ทคี่ าดกนั ไว้ ทา่ นกลบั ไมป่ ระชุมและไมด่ ุดา่ อะไรแก่ใครๆ เลย สมเปน็
อาจารยท์ ฉี่ ลาดสงั่ สอนคนจำ� นวนมาก ทง้ั ทที่ ราบเรอื่ งนน้ั ไดด้ แี ละยงั ทราบ
ความไมด่ ขี องพระทงั้ วดั ทล่ี ว่ งเกนิ ฝา่ ฝนื ทา่ นแลว้ กำ� ลงั ไดร้ บั ความเรา่ รอ้ น
กันอยู่ หากจะว่าอะไรลงไปเวลาน้ันก็เท่ากับการซ้�ำเติมผู้ท�ำผิดที่รู้เท่า
ไมถ่ งึ การณ์ ขณะนน้ั ผทู้ ำ� ผดิ ตา่ งกำ� ลงั เหน็ โทษของตนอยา่ งเตม็ ทอี่ ยแู่ ลว้
พอรงุ่ เชา้ วนั ใหมเ่ วลาทา่ นออกจากทภี่ าวนา ปกติท่านลงเดินจงกรม
จนไดเ้ วลาบณิ ฑบาต แลว้ คอ่ ยขนึ้ บนศาลา ครองผา้ ออกบณิ ฑบาตอยา่ งนน้ั
เปน็ ประจำ� มไิ ดข้ าด เชา้ วนั นนั้ พอทา่ นจากทางจงกรมขนึ้ ศาลา พระทงั้ วดั
ต่างร้อนอยู่ภายในและคอยฟังปัญหาว่าท่านจะออกแง่ไหนบ้างวันนี้
แตแ่ ทนที่จะเป็นไปตามความคิดของพระทัง้ วดั ซ่ึงกำ� ลังกระวนกระวาย
อยากฟงั แตเ่ รอื่ งกลบั เปน็ ไปคนละโลก คอื ทา่ นกลบั พดู นม่ิ นวลออ่ นหวาน
แสดงเปน็ เชงิ ปลอบใจพระเณรทกี่ ำ� ลงั เรา่ รอ้ นใหก้ ลบั สบายใจวา่ “เรามา
ศกึ ษาหาอรรถหาธรรม ไมค่ วรกลา้ จนเกนิ ตวั และกลัวจนเกินไป เพราะ
145
ความผดิ พลาดอาจมไี ดด้ ว้ ยกนั ทกุ คน ความเหน็ โทษความผดิ นนั่ แลเปน็
ความดี พระพุทธเจ้าท่านกเ็ คยผิดมาก่อนพวกเรา ตรงไหนทเ่ี ห็นว่าผิด
ท่านก็เห็นโทษในจุดน้ัน และพยายามแก้ไขไปทุกระยะที่เห็นว่าผิด
เจตนาน้ันดีอยู่ แต่ความรู้เท่าไม่ถึงการณ์น้ันอาจมีได้ ควรส�ำรวมระวัง
ตอ่ ไปทกุ กรณี เพราะความมสี ตริ ะวงั ตวั ทกุ โอกาสเปน็ ทางของนกั ปราชญ”์
เพียงเท่านี้ก็หยุด และแสดงอาการยิ้มแย้มต่อพระเณรต่อไป ไม่มีใคร
จบั พิรุธท่านไดเ้ ลย แล้วก็พาออกบณิ ฑบาตตามปกติ
คืนวันหลังก็ไม่ประชุมอีก เป็นแต่ส่ังให้พากันประกอบความเพียร
รวมเป็นเวลาสามคืนที่ไม่มีการประชุมอบรมธรรม พอดีกับระยะนั้น
พระเณรกำ� ลังกลวั ทา่ นจะเทศน์เรอ่ื งบอ่ นำ�้ อยูแ่ ล้ว ก็พอเหมาะกับทที่ ่าน
ไมส่ งั่ ใหป้ ระชมุ จนคนื ทส่ี ถ่ี งึ มกี ารประชมุ เวลาประชมุ กม็ ิไดเ้ อย่ ถงึ เรอ่ื ง
บอ่ นำ้� ทำ� เปน็ ไมร่ ไู้ มช่ ใ้ี หเ้ รอื่ งหายเงยี บไปเลยตงั้ นาน จนปรากฏวา่ พระทงั้ วดั
ลมื กันไปหมดแลว้ เรื่องถงึ ไดโ้ ผลข่ นึ้ มาอย่างไม่นึกไมฝ่ ัน และก็ไม่มใี คร
กลา้ เลา่ ถวายให้ท่านทราบเลย เพราะต่างคนต่างปดิ เงียบ ท่านเองกม็ ไิ ด้
เคยไปท่ีบ่อซงึ่ อยูห่ ่างจากวดั นั้นเลย
เริ่มแรกก็แสดงธรรมอบรมทางภาคปฏิบัติไปเรื่อยๆ อย่างธรรมดา
พอแสดงไปถงึ เหตุผลและความเคารพในธรรมในครูอาจารย์ ธรรมก็เรมิ่
กระจายไปถึงผู้มารับการศึกษาอบรมว่าควรเป็นผู้หนักในเหตุผลซ่ึงเป็น
เร่ืองของธรรมแท้ ไม่ควรปล่อยให้ความอยากท่ีคอยผลักดันอยู่ตลอด
เวลาออกมาเพน่ พา่ นในวงปฏบิ ตั ิ จะมาทำ� ลายธรรมอนั เปน็ แนวทางทถี่ กู
และเป็นแบบฉบบั แหง่ การด�ำเนินเพ่ือความพ้นทุกข์ จะทำ� ให้ทกุ สง่ิ ทมี่ งุ่
ปรารถนาเสียไปโดยล�ำดบั ธรรมวนิ ยั หน่งึ ค�ำพูดของครูอาจารย์หนึ่ง
146
ท่ีเราถือเป็นท่ีเคารพไม่ควรฝ่าฝืน การฝ่าฝืนพระธรรมวินัยและการ
ฝ่าฝืนค�ำครูอาจารย์เป็นการท�ำลายตัวเอง และเป็นการส่งเสริมนิสัย
ไม่ดีให้มีก�ำลังเพ่ือท�ำลายตนและผู้อ่ืนต่อไปไม่มีทางสิ้นสุด น�้ำบ่อนี้
มิใชม่ แี ต่ดนิ เหนยี วลว้ นๆ แต่มีดินทรายอยู่ข้างลา่ งด้วย หากขุดลึกลงไป
มากดินทรายจะพังลงไปก้นบ่อและจะท�ำให้ดินเหนียวขาดตกลงไปด้วย
ดีไมด่ ที ับหัวคนตายก็ได้จึงได้หา้ มมิใหพ้ ากนั ทำ�
การหา้ มมใิ หท้ ำ� หรอื การสั่งให้ท�ำในกจิ ใดๆ ก็ตาม ได้พิจารณากอ่ น
แล้วทุกอย่างถึงได้สั่งลงไป ผู้มารับการอบรมก็ควรพิจารณาตามบ้าง
บางอย่างก็เป็นเร่อื งภายในโดยเฉพาะ ไม่จ�ำตอ้ งแสดงออกต่อผู้อนื่ เสีย
จนทกุ แงท่ ุกมมุ เท่าท่แี สดงออกเพอ่ื ผู้อืน่ ก็พอเข้าใจความมุ่งหมายดีพอ
แตท่ ำ� ไมจึงไมเ่ ขา้ ใจ เช่น อยา่ ท�ำสิง่ นน้ั แต่กลบั ทำ� ในส่งิ นน้ั ใหท้ ำ� สง่ิ นั้น
แตก่ ลบั ไมท่ ำ� ในส่ิงนัน้ ดังนี้ เรือ่ งท้งั นม้ี ใิ ชไ่ ม่เขา้ ใจ ตอ้ งเข้าใจกันแนน่ อน
แตท่ ที่ ำ� ไปอกี อยา่ งหนง่ึ นนั้ เปน็ ความดอื้ ดงึ ตามนสิ ยั ทเี่ คยดอื้ ดงึ ตอ่ พอ่ แม่
มาแตเ่ ปน็ เดก็ เพราะทา่ นเอาใจ นสิ ยั นน้ั เลยตดิ ตวั และฝงั ใจมาจนถงึ ขน้ั พระ
ขนั้ เณร ซง่ึ เปน็ ขน้ั ผใู้ หญเ่ ตม็ ทแี่ ลว้ แลว้ กม็ าดอ้ื ดงึ ตอ่ ครอู าจารยต์ อ่ พระธรรม
วนิ ยั อนั เปน็ ทางเสยี หายเขา้ อกี ความดอ้ื ดงึ ในวยั และเพศนไ้ี มใ่ ชค่ วามดอื้
ดงึ ทค่ี วรไดร้ บั อภยั และเอาใจเหมอื นคราวเปน็ เดก็ แตค่ วรตำ� หนอิ ยา่ งยงิ่
ถ้าขืนดื้อดึงต่อไปอีกก็จะเป็นการส่งเสริมนิสัยไม่ดีนั้นให้ยิ่งข้ึนและควร
ได้รับสมัญญาวา่ “พระธดุ งค์หวั ดือ้ ” บริขารใช้สอยทุกชิน้ ท่ีเกย่ี วกับตัว
ก็ควรเรยี กว่าบริขารของพระหวั ดือ้ ไปด้วย
องค์นี้ก็ด้ือ องค์น้ันก็ด้าน องค์โน้นก็มึนและด้ือด้านกันท้ังวัด
อาจารย์ก็ได้ลูกศิษย์หัวด้ือ อะไรก็กลายเป็นเร่ืองดื้อด้านไปเสียหมด
147
โลกน้เี หน็ จะแตก ศาสนากจ็ ะล่มจมแนน่ อน แลว้ ก็แสดงเป็นเชงิ ถามวา่
ใครบ้างทต่ี ้องการเปน็ พระหัวดอื้ และต้องการใหอ้ าจารยเ์ ปน็ อาจารย์ของ
พระหัวดื้อ มีไหมในท่ีน่ี ถ้ามีพรุ่งนี้ให้พากันไปร้ือไปขุดน�้ำบ่ออีกให้ดิน
พงั ลงทบั ตาย จะได้ไปเกดิ บนสวรรค์วิมานหวั ดื้อ เผอื่ ชาวเทพท้งั หลาย
ชั้นต่างๆ จะได้มาชมบารมีบ้างว่าเก่งจริง ไม่มีชาวเทพพวกไหนแม้ชั้น
พรหมโลกที่เคยเหน็ และเคยไดอ้ ยวู่ ิมานประหลาดเชน่ นมี้ าก่อน
จากนั้นก็แสดงอ่อนลงท้ังเสียงและเน้ือธรรม ท�ำให้ผู้ฟังเห็นโทษ
แหง่ ความดือ้ ดึงฝา่ ฝืนของตนอยา่ งถึงใจ ผู้น่งั ฟงั อยู่ในขณะน้ันคล้ายกับ
ลืมหายใจไปตามๆ กัน พอจบการแสดงธรรมและเลกิ ประชุมแลว้ ตา่ งก็
ออกมาถามและยกโทษกันวุ่นวายไปว่า มีใครไปกราบเรียนท่านถึงได้
เทศน์ขนาดหนัก ท�ำเอาผฟู้ ังแทบสลบไปตามๆ กนั ในขณะนั้น ทุกองค์
ตา่ งกป็ ฏเิ สธเปน็ เสยี งเดยี วกนั วา่ ไมม่ ใี ครกลา้ ไปกราบเรยี น เพราะตา่ งก็
กลัววา่ ทา่ นจะทราบและถกู โดนเทศนห์ นกั อย่แู ล้ว เรื่องก็เป็นอันผา่ นไป
โดยมไิ ด้ต้นสายปลายเหตุ
ตามปกติ ท่านพระอาจารย์มั่นท่านมีความรู้เชี่ยวชาญเก่ียวกับ
เหตกุ ารณ์ต่างๆ มาแตส่ มัยทา่ นจ�ำพรรษาอยถู่ ำ้� สารกิ า จังหวัดนครนายก
ตลอดมา และมีความช�ำนาญกวา้ งขวางข้นึ เป็นล�ำดบั จนแทบจะพูดไดว้ า่
ไมม่ ปี ระมาณ เวลาปกตกิ ด็ ี ขณะเขา้ ประชมุ ฟงั การอบรมกด็ ี พระทอี่ ยกู่ บั
ทา่ นซงึ่ รเู้ รอ่ื งของทา่ นไดด้ ตี อ้ งมคี วามระวงั สำ� รวมจติ อยา่ งเขม้ งวดกวดขนั
อยตู่ ลอดไป จะเผลอตวั คดิ ไปตา่ งๆ นานาไมไ่ ด้ เวลาเขา้ ประชมุ ความคดิ
นน้ั ตอ้ งกลบั มาเปน็ กณั ฑเ์ ทศนใ์ หเ้ จา้ ของฟงั อกี จนได้ ยง่ิ ขณะทที่ า่ นกำ� ลงั
ให้การอบรมอยู่ดว้ ยแลว้ ยิ่งเป็นเวลาทสี่ ำ� คญั มากกว่าเวลาอื่นใด ท้ังๆ ท่ี
148
แสดงธรรมอยู่ แต่ขณะทีห่ ยุดหายใจ หรอื หยุดเพ่ือสงั เกตการณ์อะไรก็
สดุ จะเดา เพยี งขณะเดยี วเทา่ นนั้ ถา้ มรี ายใดคดิ เปะปะออกนอกลนู่ อกทาง
ไปบา้ ง ขณะนน้ั แลเปน็ ตอ้ งไดเ้ รอื่ ง และไดย้ นิ เสยี งเทศนแ์ ปลกๆ ออกมา
ทันที ซ่ึงตรงกับความคิดท่ีไม่มีสติรายนั้นๆ เป็นแต่ท่านไม่ระบุรายชื่อ
ออกมาอย่างเปิดเผยเทา่ นัน้ แมเ้ ช่นนั้นกท็ �ำให้ผู้คิดสะดดุ ใจในความคดิ
ของตนทันทแี ละกลวั ท่านมาก ไมก่ ลา้ คิดแบบน้นั ตอ่ ไปอีก
กบั เวลาออกบณิ ฑบาตตามหลงั ทา่ นนนั้ หนงึ่ จะตอ้ งระวงั ไมเ่ ชน่ นนั้
จะได้ยินเสียงเทศน์เรื่องความคิดไม่ดีของตนในเวลาเข้าประชุมแน่นอน
บางทกี น็ า่ อบั อายหมเู่ พอื่ นทนี่ งั่ ฟงั อยดู่ ว้ ยกนั หลายทา่ นซง่ึ ไดย้ นิ แตเ่ สยี ง
ท่านเทศนร์ ะบเุ รื่องความคดิ แตม่ ไิ ด้ระบุตวั ผูค้ ดิ ผถู้ กู เทศน์แทบมุดดนิ
ให้จมหายหน้าไปเลยก็มี เพราะบางคร้ังเวลาได้ยินท่านเทศน์แบบน้ัน
ทำ� ใหผ้ นู้ ง่ั ฟงั อยดู่ ว้ ยกนั หลายทา่ นตา่ งหนั หนา้ มององคน์ นั้ ชำ� เลอื งดอู งคน์ ้ี
เพราะไม่แน่ใจว่าเป็นองค์ไหนแน่ที่ถูกเทศน์เรื่องน้ันอยู่ขณะน้ัน บรรดา
พระเณรจำ� นวนมากรสู้ กึ จะมนี สิ ยั คลา้ ยคลงึ กนั พอโดนเจบ็ ๆ ออกมาแลว้
แทนที่จะเสียใจหรือโกรธ พอพ้นเขตดัดสันดานออกมาต่างแสดงความ
ย้ิมแย้มขบขันพอใจ และไต่ถามซ่ึงกันและกันว่า วันน้ีโดนใคร? วันนี้
โดนใคร?
แตน่ า่ ชมเชยอยอู่ ยา่ งหนง่ึ ทพี่ ระทา่ นมคี วามสตั ยซ์ อ่ื ตอ่ ความคดิ ผดิ
ของตวั และตอ่ เพอื่ นฝงู ไมป่ กปดิ ไวเ้ ฉพาะตวั พอมผี ถู้ าม จะเปน็ องคใ์ ด
กต็ ามทคี่ ดิ ผดิ ทำ� นองทา่ นเทศนน์ นั้ องคน์ น้ั ตอ้ งสารภาพตนทนั ทวี า่ วนั น้ี
โดนผมเอง เพราะผมมนั ด้ือไมเ่ ข้าเรื่องไปหาญคดิ เร่ือง…..ทงั้ ทตี่ ามปกติ
กร็ อู้ ยวู่ า่ จะโดนเทศนถ์ า้ ขนื คดิ อยา่ งนน้ั แตพ่ อไปเจอเขา้ มนั ลมื เรอ่ื งทเี่ คย
149
กลวั เสยี สนิ้ มแี ตเ่ รอื่ งกลา้ แบบบา้ ๆ บอๆ ออกมาทา่ เดยี ว ทท่ี า่ นเทศนน์ น้ั
สมควรอย่างยิ่งแล้ว จะไดด้ ัดสันดานเราที่คดิ ไมด่ เี สยี ที
ต้องขออภัยจากท่านผู้อ่านมากๆ ท่ีบางเร่ืองผู้เขียนก็ไม่สะดวกใจ
ที่จะเขียน แตเ่ รอ่ื งที่วา่ ไมส่ ะดวกก็มผี ้กู อ่ ไวแ้ ล้ว พอให้เกดิ ปญั หากลนื
ไมไ่ ดค้ ายไมอ่ อกขวางอย่ใู นคอดๆี นี่เอง ถ้าได้ระบายออกตามความจรงิ
ก็นา่ จะเป็นธรรม เหมอื นพระทา่ นแสดงอาบตั ิ ก็เป็นวิธีท่ีท�ำให้หมดโทษ
หมดกังวล ไม่ก�ำเริบต่อไป จึงขอเรียนเป็นบางตอนพอเป็นข้อคิดจาก
ทงั้ ทา่ นผู้เป็นเจ้าของเรื่อง ทง้ั ท่านผชู้ �ำระเรอ่ื ง ทั้งพวกเราผูม้ ีหวั ใจท่ีอาจ
มคี วามคดิ อย่างนัน้ บ้าง
โดยมากนักบวชและนักปฏิบัติที่โดนเทศน์เจ็บๆ อยู่บ่อยๆ
กเ็ นอ่ื งจากอายตนะภายนอก คอื รปู เสยี ง เปน็ ตน้ ทเี่ ปน็ วสิ ภาคตอ่ กนั
น่นั เอง มากกว่าเรือ่ งอ่ืนๆ ต้นเหตทุ ่ีถกู เทศน์โดยมากก็เวลาบณิ ฑบาต
ซง่ึ เปน็ กจิ จำ� เปน็ ของพระ จะละเวน้ มไิ ด้ เวลาไปกต็ อ้ งเจอ เวลาเจอกจ็ ำ� ตอ้ ง
คดิ ไปตา่ งๆ บางรายพอเจอเขา้ เกดิ ความรกั ชอบ ความคดิ กลายเปน็ กงจกั ร
ไปโดยไม่รู้สึกตัว นี่แลคือต้นเหตุส�ำคัญที่ฉุดลากใจให้คิดออกไปนอกลู่
นอกทาง ทง้ั ทไี่ มอ่ ยากจะใหเ้ ปน็ เชน่ นน้ั พอไดส้ ตริ งั้ กลบั มาได้ ตกตอนเยน็
มากโ็ ดนเทศน์ แลว้ พยายามทำ� ความสำ� รวมตอ่ ไป พอวาระตอ่ ไปกไ็ ปเจอ
เอาของดเี ขา้ อกี ทำ� ใหแ้ ผลกำ� เรบิ ขนึ้ อกี ขากลบั มาวดั กโ็ ดนยาเมด็ ขนานเดด็ ๆ
ใสแ่ ผลเข้าอกี คอื โดนเทศน์นั่นเอง ถ้าองค์นไ้ี ม่โดนของดี แต่องคน์ ้นั
กโ็ ดนเขา้ จนได้ เพราะพระเณรมมี ากตอ่ มากและตา่ งองคก์ ม็ แี ผลเครอื่ งรบั
ของแสลงดว้ ยกนั ฉะนนั้ จงึ ไปโดนแตข่ องดมี าจนไมช่ นะจะหลบหลกี แกไ้ ข
พอมาถงึ วดั และสบจังหวะก็โดนเทศน์จากท่านเขา้ อีก
150
ธรรมดาความคิดของคนมีกิเลสก็ต้องมีคิดไปต่างๆ ดีบ้างช่ัวบ้าง
ทา่ นเองกไ็ ม่ใชน่ กั ดดุ ่าไปเสียทุกขณะจติ ท่ีคดิ ที่ท่านต�ำหนกิ ็คอื สิง่ ทที่ า่ น
อยากใหค้ ดิ เชน่ คดิ อรรถคดิ ธรรมดว้ ยสตปิ ญั ญาเพอ่ื หาทางปลดเปลอ้ื งตน
ออกจากทกุ ข์ อันเป็นความคิดที่ถูกทางและเบาใจแกผ่ อู้ บรมส่ังสอนนนั้
ไม่คอ่ ยชอบคดิ กนั แตช่ อบไปคิดในสง่ิ ท่ีไมอ่ ยากให้คดิ จงึ โดนเทศน์กัน
อยู่เสมอแทบทุกคนื เพราะผ้ทู �ำให้ท่านต้องเทศนบ์ อ่ ยๆ มมี าก
ทงั้ น้ีกลา่ วถึงความรคู้ วามละเอยี ดแหง่ ปรจิตตวิชชา คือการกำ� หนด
รใู้ จผอู้ นื่ ของทา่ นพระอาจารยม์ นั่ วา่ ทา่ นรแู้ ละสามารถจรงิ ๆ สว่ นความคดิ
ท่นี ่าต�ำหนนิ ้นั ก็มไิ ดเ้ ปน็ ขนึ้ ดว้ ยเจตนาจะสัง่ สมของผูค้ ิด หากแตเ่ ป็นข้ึน
เพราะความเผอเรอทส่ี ตติ ามไมท่ นั เปน็ บางครงั้ เทา่ นนั้ แมเ้ ชน่ นน้ั ในฐานะ
ท่ีท่านเป็นอาจารย์ผู้คอยให้ความรู้ความฉลาดแก่ลูกศิษย์ เมื่อเห็นว่า
ไม่เหมาะสมก็รีบเตือนเพื่อผู้น้ันจะได้สติและเข็ดหลาบแล้วระวังส�ำรวม
ตอ่ ไป ไมห่ ลวมตวั คดิ อยา่ งนนั้ อกี จะเปน็ ทางเบกิ กวา้ งเพอื่ ความเสยี หาย
ตอ่ ไป เพราะความคดิ ซ�ำ้ ซากเป็นเครื่องสง่ เสริม
การสงั่ สอนพระ รสู้ กึ วา่ ทา่ นสง่ั สอนละเอยี ดถถ่ี ว้ นมาก ศลี ทเี่ ปน็ ฝา่ ย
วินัยท่านก็สอนละเอียด สมาธิและปัญญาที่เป็นฝ่ายธรรมท่านย่ิงสอน
ละเอียดลออมาก แต่ปัญญาข้ันสูงสุดจะเขียนลงข้างหน้าตามประวัติ
ท่านท่ีบ�ำเพ็ญธรรมข้ันสูงข้ึนไปเป็นล�ำดับ ส่วนสมาธิทุกข้ันและปัญญา
ขน้ั กลาง ท่านเรมิ่ มีความชำ� นาญมาแลว้ จากถำ้� สารกิ า นครนายก พอมา
ฝกึ ซอ้ มอยทู่ างภาคอสี านนานพอควรกย็ ง่ิ มคี วามชำ� นชิ ำ� นาญยงิ่ ขน้ึ ฉะนนั้
การอธิบายสมาธิทุกข้ันและวปิ สั สนาขนั้ กลางแกพ่ ระเณร ทา่ นจงึ อธบิ าย
ได้อย่างคล่องแคล่วมาก ไม่มีการเคล่ือนคลาดจากหลักสมาธิปัญญาที่
151
ถูกต้องเลย ผู้รับการอบรมได้ฟังอย่างถึงใจทุกข้ันของสมาธิและปัญญา
ข้นั กลาง
สมาธิทา่ นร้สู ึกแปลกและพสิ ดารมาก ท้งั ขณกิ สมาธิ อุปจารสมาธิ
และอปั ปนาสมาธิ คอื ขณะจติ รวมเปน็ ขณกิ สมาธแิ ลว้ ตงั้ อยไู่ ดข้ ณะเดยี ว
แต่มิได้ถอนออกมาเป็นจิตธรรมดา หากแต่ถอนออกมาสู่อุปจารสมาธิ
แลว้ ออกรสู้ งิ่ ตา่ งๆ ไมม่ ปี ระมาณ บางครง้ั เกย่ี วกบั พวกภตู ผี เทวบตุ ร เทวธดิ า
พญานาคตา่ งๆ นบั ภพนบั ภมู ไิ ดท้ ม่ี าเกยี่ วขอ้ งกบั สมาธปิ ระเภทน้ี ซง่ึ ทา่ น
ใชร้ บั แขกจำ� พวกมรี ปู ไมป่ รากฏดว้ ยตา มเี สยี งไมป่ รากฏดว้ ยหมู าเปน็ ประจำ�
บางครง้ั จติ กเ็ หาะลอยออกจากกายแลว้ เทยี่ วชมสวรรคว์ มิ านและพรหมโลก
ชนั้ ตา่ งๆ และลงไปเทยี่ วดภู พภมู ขิ องสตั วน์ รกทก่ี ำ� ลงั เสวยกรรมมปี ระเภท
ตา่ งกันอยูท่ ี่ทีท่ รมานต่างๆ กันตามกรรมของตน
ค�ำว่าขึ้นลงตามค�ำสมมุติท่ีโลกน�ำมาใช้กันตามกิริยาของกายซึ่งเป็น
อวยั วะหยาบนน้ั ผดิ กบั กริ ยิ าของจติ ซงึ่ เปน็ ของละเอยี ดอยมู่ ากจนกลาย
เปน็ คนละโลกเอาเลย คำ� วา่ ขนึ้ หรอื ลงของกาย รสู้ กึ เปน็ ประโยคพยายาม
อยา่ งเอาจรงิ เอาจงั แตจ่ ติ ถา้ ใชก้ ริ ยิ าแบบกายบา้ งวา่ ขนึ้ หรอื ลงกส็ กั แตว่ า่
เท่าน้ัน แต่มิได้เป็นประโยคพยายามว่าจิตข้ึนหรือลงเลย ค�ำว่าสวรรค์
พรหมโลก และนพิ พาน อยสู่ งู ขนึ้ ไปตามลำ� ดบั แหง่ ความละเอยี ดของชนั้ นน้ั ๆ
ก็ดี ค�ำว่านรกอยู่ต�่ำลงไปตามล�ำดับของความต�่ำแห่งภูมิและผู้มีกรรม
ตา่ งๆ กนั กด็ นี ี้ เรานำ� ดา้ นวตั ถเุ ขา้ ไปวดั กบั นามธรรมเหลา่ นน้ั ตา่ งหาก นรก
สวรรค์ เปน็ ต้น จงึ มีต่ำ� สูงไปตามโลก
เราพอเทยี บกันไดบ้ า้ ง เช่น นกั โทษทัง้ ลหโุ ทษและครโุ ทษทีอ่ ยู่ใน
เรือนจ�ำอันเดียวกัน ซึ่งต้ังอยู่ในท่ีที่มนุษย์ผู้ไม่มีโทษทัณฑ์อะไรอยู่กัน
152
ในนักโทษทง้ั สองชนดิ ไมม่ กี ารข้ึนลงต่างกันท่ตี รงไหนบ้างเลย เพราะอยู่
ในเรือนจ�ำอันเดียวกันและไม่มีข้ึนลงต่างกันกับมนุษย์ผู้ไม่มีโทษอีกด้วย
เพราะเรอื นจำ� หรอื ตะรางอนั เปน็ ทอี่ ยขู่ องนกั โทษทกุ ชนดิ อยกู่ นั กบั สถานท่ี
ทม่ี นษุ ยอ์ ยกู่ นั มนั เปน็ แผน่ ดนิ อนั เดยี วกนั บา้ นเมอื งอนั เดยี วกนั เปน็ แต่
แยกเป็นเอกเทศกันอยู่คนละส่วนเท่าน้ัน เมื่อต่างคนต่างมีตาดีหูดี
ทั้งลหุโทษครุโทษและมนุษย์ผู้ปราศจากโทษ ต่างก็มองเห็นได้ยินและ
รู้เรื่องของกันได้อย่างธรรมดาท่ัวๆ ไป ไม่เป็นปัญหาเหมือนระหว่าง
พวกนรกกับเทวดา ระหว่างเทวดากับพรหม และระหว่างพวกเทพฯ
ทุกช้ันกับสัตว์นรกทุกภูมิและระหว่างสัตว์นรกทุกภูมิและเทวดาพรหม
ทุกชน้ั กับพวกมนุษย์ทีไ่ มร่ เู้ ร่ืองของกันเอาเลย
แม้กระแสใจของทุกๆ จ�ำพวกจะส่งประสานผ่านภูมิที่อยู่ของกัน
และกันอย่ตู ลอดเวลา แต่ก็เหมือนไมไ่ ดผ้ า่ นและเหมือนไม่มีอะไรมีอยู่
ในโลก นอกจากเราคนเดยี วทร่ี เู้ รอื่ งของตวั ทกุ อยา่ งเทา่ นน้ั จะรบั รองตน
ไดว้ า่ การมอี ยใู่ นโลก เพยี งใจทม่ี อี ยกู่ บั ทกุ คนตลอดสตั วก์ ย็ งั ไมส่ ามารถ
รเู้ รอื่ งความคิดดชี ว่ั ของกันและกนั ได้ ถา้ จะปฏิเสธว่าใจของคนและสตั ว์
ไม่มี และถ้ามที �ำไมไมร่ ูไ้ มเ่ หน็ ใจเรือ่ งใจกนั บา้ ง ดังน้ี ก็พอจะปฏิเสธได้
ถา้ จะเป็นความจริงตามค�ำปฏิเสธ แตจ่ ะปฏเิ สธวนั ยังค�่ำกค็ งผิดไปทงั้ วนั
เพราะปกติคนและสัตว์ที่ยังครองตัวอยู่ย่อมมีใจด้วยกันทุกราย แม้จะ
ไมร่ ไู้ มเ่ หน็ ความคดิ ของกนั กป็ ฏเิ สธไมไ่ ดว้ า่ ใจไมม่ ใี นรา่ งทเ่ี ราไมส่ ามารถ
มองเหน็ และไดย้ นิ สง่ิ ละเอยี ดทสี่ ดุ วสิ ยั ของตาหจู ะรบั รไู้ ดใ้ นโลกแหง่ สตั ว์
ทง้ั หลาย กค็ งขนึ้ อยกู่ บั ความไมส่ ามารถของแตล่ ะราย ไมข่ น้ึ กบั สง่ิ ทม่ี อี ยู่
เปน็ อย่จู ะปกปิดตวั เอง
153
คำ� วา่ สวรรคแ์ ละพรหมโลกชน้ั นนั้ ๆ สงู ขนึ้ ไปเปน็ ลำ� ดบั นนั้ กม็ ไิ ด้
สงู ขนึ้ ไปแบบบา้ นทมี่ หี ลายชนั้ ซงึ่ เปน็ ดา้ นวตั ถุ ดงั ทร่ี ๆู้ กนั ทจ่ี ะตอ้ งใช้
บนั ไดหรอื ลฟิ ทข์ น้ึ ไปเปน็ ชน้ั ๆ หากสงู แบบนามธรรม ขนึ้ แบบนามธรรม
ด้วยนามธรรม คือใจดวงมีสมรรถภาพภายในตัว เพราะกรรมดีคือ
กศุ ลกรรม คำ� วา่ นรกตำ�่ กม็ ไิ ดต้ ำ�่ แบบลงเหวลงบอ่ แตต่ ำ่� แบบนามธรรม
ลงแบบนามธรรม และดูด้วยนามธรรม คือดวงใจมีความสามารถ
ภายในตัว แต่ผู้ลงไปเสวยกรรมของตนต้องไปด้วยอ�ำนาจกรรมช่ัวที่
พาให้เป็นไปทางตรงกันข้าม อยู่รับความทุกข์ทรมานก็อยู่ด้วยกรรม
พาให้อยู่จนกว่าจะพ้นโทษ เหมือนคนติดคุกตะรางตามก�ำหนดเวลา
เมือ่ พน้ โทษกอ็ อกจากคุกตะรางไปฉะน้นั
ส่วนอุปจารสมาธิของท่านรู้สึกเริ่มเกี่ยวพันกันกับขณิกสมาธิมาแต่
เรม่ิ แรกปฏบิ ตั ิ เพราะจติ ทา่ นเปน็ จติ ทวี่ อ่ งไวผาดโผนมาดงั้ เดมิ เวลารวมลง
เพยี งขณะเดียวท่เี รยี กวา่ ขณิกสมาธิ กเ็ รม่ิ ออกเท่ียวรเู้ ห็นสง่ิ ตา่ งๆ ทอ่ี ยู่
ในวงของอปุ จาระ จนกระทง่ั ทา่ นมคี วามชำ� นาญและบงั คบั ใหอ้ ยกู่ บั ทหี่ รอื
ใหอ้ อกรเู้ หตกุ ารณต์ า่ งๆ กไ็ ดแ้ ลว้ จากนนั้ ทา่ นตอ้ งการจะปฏบิ ตั ติ อ่ สมาธิ
ประเภทใดกไ็ ดส้ ะดวกตามตอ้ งการ คอื จะใหเ้ ปน็ ขณกิ ะแลว้ เลอ่ื นออกมา
เปน็ อปุ จาระเพอ่ื รบั รสู้ ง่ิ ตา่ งๆ หรอื จะใหร้ วมสงบลงถงึ ฐานสมาธอิ ยา่ งเตม็ ที่
ท่เี รียกว่าอัปปนาสมาธิ แล้วพกั อย่ใู นสมาธิน้ันตามต้องการกไ็ ด้
อปั ปนาสมาธเิ ปน็ สมาธทิ สี่ งบละเอยี ดแนบแนน่ และเปน็ ความสงบสขุ
อยา่ งพอตัว ผูป้ ฏบิ ตั จิ ึงมที างติดสมาธปิ ระเภทนี้ได้ ทา่ นพระอาจารยม์ นั่
ทา่ นเล่าวา่ ทา่ นเคยติดสมาธิประเภทนบ้ี า้ งเหมอื นกนั แต่ทา่ นเปน็ นสิ ยั
ปญั ญาจงึ หาทางออกได้ ไมน่ อนใจและตดิ อยใู่ นสมาธปิ ระเภทนน้ี าน ผตู้ ดิ
154
สมาธิประเภทน้ีท�ำให้เนิ่นช้าได้เหมือนกัน ถ้าไม่พยายามคิดค้นทาง
ปญั ญาตอ่ ไป นกั ปฏบิ ตั ทิ ตี่ ดิ อยใู่ นสมาธปิ ระเภทนม้ี เี ยอะแยะ เพราะเปน็
สมาธิที่เต็มไปด้วยความสุข ความเยื่อใยและอ้อยอิ่งน่าอาลัยเสียดาย
อยมู่ าก ไมค่ ดิ อยากแยกตวั ออกไปทางปญั ญาอนั เปน็ ทางถอนกเิ ลสทง้ั มวล
ถา้ ไมม่ ผี ฉู้ ลาดมาตกั เตอื นดว้ ยเหตผุ ลจรงิ ๆ จะไมย่ อมถอดถอนตวั ออกมา
ส่ทู างปญั ญาเอาเลย
เมื่อจิตติดอยู่ในสมาธิประเภทนี้นานไป อาจเกิดความส�ำคัญตนไป
ต่างๆ ได้ เช่น สำ� คญั วา่ นพิ พานความสิ้นทกุ ข์ก็ตอ้ งมีอยูใ่ นจุดแหง่ ความ
สงบสขุ นี้ หามอี ยใู่ นทอ่ี น่ื ใดไมด่ งั น้ี ความจรงิ จติ ทรี่ วมตวั เขา้ เปน็ จดุ เดยี ว
จนร้เู หน็ จุดของจิตได้อย่างชัดเจน และรู้เห็นความสงบสขุ ประจกั ษใ์ จใน
สมาธิขั้นอัปปนาน้ี เป็นการรวมกิเลสภพชาติอยู่ในจิตดวงน้ันด้วยใน
ขณะเดยี วกนั ถา้ ไมใ่ ชป้ ญั ญาเปน็ เครอ่ื งบกุ เบกิ ทำ� ลาย กม็ หี วงั ตง้ั ภพชาติ
อีกต่อไปโดยไม่ต้องสงสยั ฉะนน้ั ผปู้ ฏิบตั ิในสมาธขิ ้ันใดก็ตาม ปัญญา
จงึ ควรมแี อบแฝงอยเู่ สมอตามโอกาสทคี่ วร เฉพาะอปั ปนาสมาธดิ ว้ ยแลว้
ควรใชป้ ญั ญาเดนิ หนา้ อยา่ งยงิ่ ถา้ ไมอ่ ยากรอู้ ยากเหน็ จติ ทมี่ เี พยี งความ
สงบสขุ อยอู่ ยา่ งเดียว ไม่มีความฉลาดรอบตัวเลยเทา่ น้นั
ทา่ นพระอาจารยม์ ั่น นบั แตท่ า่ นกลบั มาทางภาคอีสานเท่ยี วน้ี ท่าน
ช�ำนาญในปัญญาข้ันกลางมากจริงอยู่ เพราะผู้ก้าวขึ้นสู่ภูมิธรรมขั้นสาม
คือพระอนาคามี ต้องนับว่ามีปัญญาข้ันกลางอย่างพอตัว ไม่เช่นน้ันจะ
พจิ ารณาภมู ธิ รรมขนั้ นนั้ ไมไ่ ด้ การกา้ วขน้ึ สภู่ มู ธิ รรมขน้ั นต้ี อ้ งผา่ นกายคตา-
สติ ทง้ั สุภะความเหน็ ว่ากายเป็นของสวยงาม ท้งั อสุภะความเหน็ ว่ากาย
เปน็ ของไมส่ วยงาม ไปดว้ ยปญั ญา มไิ ดต้ ดิ อยู่ โดยจติ แยกสภุ ะและอสภุ ะ
155
ออกด้วยปญั ญา แลว้ กา้ วผา่ นไปในทา่ มกลางคอื มชั ฌมิ าตรงกลาง ไดแ้ ก่
ระหว่างสุภะและอสุภะต่อกัน หมดความสงสัยและเยื่อใยในธรรม
ทง้ั สองนน้ั อนั เปน็ เพยี งทางเดนิ ผา่ นเทา่ นนั้ การพจิ ารณาถงึ ขนั้ ทว่ี า่ นจี้ ดั วา่
เพยี งผา่ นไปได้ ถา้ เทยี บการสอบไลก่ เ็ พยี งไดค้ ะแนนตามกฎทต่ี ง้ั ไวเ้ ทา่ นนั้
ยงั มไิ ดค้ ะแนนสงู และสงู สดุ ในชน้ั นนั้ ผบู้ รรลธุ รรมถงึ ระดบั นแ้ี ลว้ จำ� ตอ้ ง
ฝกึ ซอ้ มปญั ญาเพอ่ื ความชำ� นาญละเอยี ดขนึ้ ไปจนเตม็ ภมู ขิ องธรรมชน้ั นนั้
ทเี่ รยี กวา่ อนาคามเี ตม็ ภมู ิ ถา้ ตายในขณะนนั้ กไ็ ปเกดิ ในชนั้ อกนษิ ฐาพรหม
โลกช้นั ท่หี ้าทนั ที ไม่ต้องเกดิ ในพรหมโลกส่ชี ้นั ต่�ำนน้ั
ทา่ นพระอาจารยม์ น่ั ทา่ นเลา่ วา่ ทา่ นเคยตดิ อยใู่ นภมู นิ น้ี านเอาการอยู่
เพราะไมม่ ีผู้คอยใหอ้ บุ ายใดๆ เลย ตอ้ งลบู คล�ำกันอยา่ งระมดั ระวังมาก
กลวั จะผดิ พลาด เพราะทางไมเ่ คยเดิน เท่าทีส่ ังเกตรตู้ ลอดมา เวลาสติ
ปัญญาละเอียด ธรรมละเอียด ส่วนกิเลสท่ีจะท�ำให้หลงก็ละเอียดไป
ตามๆ กนั จงึ เปน็ ความลำ� บากอยไู่ มน่ อ้ ยในธรรมแตล่ ะขนั้ กวา่ จะผา่ นไปได้
ทา่ นเลา่ นา่ อศั จรรยเ์ หลอื ประมาณ อตุ สา่ หค์ ลำ� ไมค้ ลำ� ตอและขวากหนาม
โดยมไิ ดร้ บั คำ� แนะจากใคร นอกจากธรรมในคมั ภรี เ์ ทา่ นน้ั กวา่ จะผา่ นพน้
ไปได้และมาเมตตาส่ังสอนพวกเรา ก็อดท่ีจะระลึกถึงความทุกข์อย่าง
มหนั ตข์ องท่านมิได้ เวลาก�ำลงั บกุ ปา่ ฝา่ ดงไปองคเ์ ดยี ว
มโี อกาสดๆี ทา่ นเลา่ ถงึ การบำ� เพญ็ ของทา่ นใหฟ้ งั ทน่ี า่ สมเพชเวทนา
ท่านนกั หนา ผู้เขียนเองเคยนำ�้ ตารว่ งสองคร้งั ดว้ ยความเห็นทกุ ขไ์ ปตาม
เวลาทา่ นลำ� บากมากในการบำ� เพญ็ และดว้ ยความอศั จรรยใ์ นธรรมทท่ี า่ น
เลา่ ให้ฟงั ซง่ึ เป็นธรรมละเอียดลกึ ซ้งึ จนเกิดความคิดขึ้นมาว่า เรานีจ้ ะ
พอมีวาสนาบารมีแค่ไหนบ้างหนอ พอจะถูไถเสือกคลานไปกับท่านได้
156