The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.
Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by wonchai890, 2022-09-19 00:04:13

ประวัติหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต

ประวัติหลวงปู่มั่น

มรี า่ งเลก็ ผิวขาวแดง มีความเข้มแข็งวอ่ งไวประจ�ำนิสัย มสี ตปิ ญั ญา
เฉลียวฉลาดมาแต่เลก็ พออายไุ ด้ ๑๕ ปี ได้บรรพชาเป็นสามเณรอยู่
ในส�ำนักวัดบ้านค�ำบง มีความสนใจและรักชอบในการศึกษาธรรมะ
เรียนสูตรต่างๆ ในส�ำนักอาจารย์ได้อย่างรวดเร็ว มีความประพฤติ
และอัธยาศัยเรียบร้อย ไม่เป็นท่ีหนักใจหมู่คณะและครูอาจารย์ท่ีให้
ความอนุเคราะห์

เม่ือบวชได้ ๒ ปี ทา่ นจ�ำตอ้ งสึกออกไปตามคำ� ขอร้องของบดิ าที่มี
ความจำ� เปน็ ตอ่ ทา่ น แมส้ กึ ออกไปแลว้ ทา่ นกย็ งั มคี วามมนั่ ใจทจ่ี ะบวชอกี
เพราะมีความรักในเพศนักบวชมาประจ�ำนิสัย เวลาสึกออกไปเป็น
ฆราวาสแล้ว ใจท่านยังประหวัดถึงเพศนักบวชมิได้หลงลืมและจืดจาง
ท้ังยังปักใจว่าจะกลับมาบวชอีกในไม่ช้า ท้ังนี้อาจจะเป็นเพราะอ�ำนาจ
ศรัทธาที่มกี �ำลังแรงกล้าประจำ� นิสัยมาดงั้ เดิมก็เปน็ ได้

พออายไุ ด้ ๒๒ ปี ทา่ นมีศรัทธาอยากบวชเปน็ ก�ำลงั จึงได้ลาบิดา
มารดา ท่านทงั้ สองก็อนุญาตตามใจไม่ขดั ศรทั ธา เพราะมีความประสงค์
จะใหล้ ูกของตนบวชอยูแ่ ลว้ พรอ้ มทั้งมีศรัทธาจัดแจงบรขิ ารในการบวช
ให้ลูกอย่างสมบูรณ์ ท่านได้เข้าอุปสมบทเป็นพระภิกษุที่วัดศรีทองใน
ตัวเมอื งอุบล มที ่านพระอรยิ กวีเป็นพระอปุ ัชฌาย์ ทา่ นพระครสู ีทาเปน็
พระกรรมวาจาจารย์ ทา่ นพระครปู ระจกั ษอ์ บุ ลคณุ เปน็ พระอนสุ าวนาจารย์
เมื่อวันที่ ๑๒ มถิ ุนายน พ.ศ. ๒๔๓๖ พระอุปชั ฌายะให้นามฉายาว่า
ภรู ทิ ตั โต เมอ่ื อปุ สมบทแลว้ ไดม้ าอยใู่ นสำ� นกั วปิ สั สนากบั ทา่ นพระอาจารย์
เสาร์ กันตสีโล วัดเลียบ เมืองอุบล

7

เกดิ สุบนิ นมิ ิต

เมอ่ื ทา่ นเรมิ่ ปฏบิ ตั วิ ปิ สั สนาใหมๆ่ ในสำ� นกั พระอาจารยเ์ สาร์ กนั ตสโี ล
วัดเลียบ อุบลราชธานี ท่านบรกิ รรมภาวนาด้วยบทพุทโธ ประจ�ำนิสัย
ที่ชอบกว่าบรรดาบทธรรมอ่ืนๆ ในขั้นเร่ิมแรกยังไม่ปรากฏเป็นความ
สงบสุขมากเท่าท่ีควร ท�ำให้มีความสงสัยในปฏิปทาว่าจะถูกหรือผิด
ประการใด แตม่ ไิ ดล้ ดละความเพยี รพยายาม ในระยะตอ่ มาผลปรากฏ
เปน็ ความสงบพอให้ใจเยน็ บา้ ง ในคนื วนั หน่ึงเกิดสุบนิ นมิ ติ ว่า ทา่ นออก
เดินทางจากหมู่บ้านเข้าสู่ป่าใหญ่อันรกชัฏที่เต็มไปด้วยขวากหนามจนจะ
หาทดี่ น้ ด้ันผา่ นไปแทบไม่ได้ ท่านพยายามซอกซอนไปตามป่านน้ั จนพ้น
ไปไดโ้ ดยปลอดภยั พอพน้ จากปา่ ไปกถ็ งึ ทงุ่ กวา้ งจนสดุ สายตา เดนิ ตามทงุ่
ไปโดยลำ� ดบั ไมล่ ดละความพยายาม ขณะทเี่ ดนิ ตามทงุ่ ไปไดพ้ บไมต้ น้ หนง่ึ
ชือ่ ต้นชาติ ซึง่ เขาตดั ล้มเอง ขอนจมดินอยู่เป็นเวลานานปี เปลอื กและ
กระพี้ผุพังไปบ้างแล้ว ไม้ต้นน้ันรู้สึกใหญ่โตมาก ท่านเองก็ปีนข้ึนและ
ไตไ่ ปตามขอนชาตทิ ล่ี ม้ นอนอยนู่ นั้ พรอ้ มทง้ั พจิ ารณาอยภู่ ายใน และรขู้ นึ้ มา
ว่าไม้นี้จะไม่มีการงอกขึ้นได้อีก ซ่ึงเทียบกับชาติของท่านว่าจะไม่ก�ำเริบ
ใหเ้ ป็นภพ-ชาติสืบต่อไปอกี แน่นอน

8

คำ� วา่ ขอนชาติ ท่านพิจารณาเทยี บกบั ชาตคิ วามเกดิ ของทา่ นที่
เคยเป็นมา ทข่ี อนชาตผิ พุ ังไปไม่กลบั งอกขึน้ ไดอ้ ีก เทียบกบั ชาติของ
ท่านว่าจะมีทางส้ินสุดในอัตภาพน้ีแน่ ถ้าไม่ลดละความพยายามเสีย
ทุ่งน้ีเว้ิงว้างกว้างขวางเทียบกับความไม่มีส้ินสุดแห่งวัฏวนของมวลสัตว์
ขณะท่ีก�ำลังยืนพิจารณาอยู่ ปรากฏว่ามีม้าสีขาวตัวหน่ึงรูปร่างใหญ่
และสูงเดินเข้ามาเทียบท่ีขอนชาติน้ัน ท่านนึกอยากจะข่ีม้าข้ึนมา
ในขณะน้ัน เลยปีนข้ึนบนหลังม้าตัวแปลกประหลาดน้ัน ขณะนั้น
ปรากฏว่าม้าได้พาท่านว่ิงไปอย่างเต็มก�ำลังฝีเท้า ท่านเองก็มิได้นึกว่า
จะไปเพอ่ื ประโยชนอ์ ะไร ณ ทใี่ ด แตม่ า้ กพ็ าทา่ นวงิ่ ไปอยา่ งไมล่ ดละฝเี ทา้
โดยไมก่ ำ� หนดทิศทางและสิ่งทตี่ นพงึ ประสงคใ์ ดๆ ในขณะน้นั ระยะทาง
ท่ีม้าพาวิ่งไปตามทุ่งอันกว้างขวางน้ัน รู้สึกว่าไกลแสนไกลโดยไม่อาจจะ
คาดได้ ขณะท่มี า้ ก�ำลงั วิง่ ไปนน้ั ได้แลเหน็ ตู้ใบหนึง่ ในความรูส้ ึกว่าเป็น
ตพู้ ระไตรปฎิ กซึ่งวจิ ิตรด้วยเงนิ สขี าวงดงามมาก มา้ ได้พาทา่ นตรงเขา้ ไป
สู่ตู้นั้นโดยมิได้บังคับ พอถึงตู้พระไตรปิฎกม้าก็หยุด ท่านก็รีบลงจาก
หลังม้าทันทีด้วยความหวังจะเปิดดูตู้พระไตรปิฎกท่ีต้ังอยู่เฉพาะหน้า
สว่ นมา้ กไ็ ดห้ ายตวั ไปในขณะนนั้ โดยมไิ ดก้ ำ� หนดวา่ ไดห้ ายไปในทศิ ทางใด
ท่านได้เดินตรงเข้าไปหาตู้พระไตรปิฎกท่ีตั้งอยู่ท่ีสุดของทุ่งอันกว้างน้ัน
ซ่ึงมองจากน้ันไปเห็นมีแต่ป่ารกชัฏท่ีเต็มไปด้วยขวากหนามต่างๆ ไม่มี
ชอ่ งทางพอจะเดนิ ตอ่ ไปอีกได้ แตม่ ิทันจะเปดิ ดูตพู้ ระไตรปฎิ กว่ามอี ะไร
อยู่ข้างในบ้าง เลยรู้สึกตวั ต่นื ขึ้น

สบุ นิ นมิ ติ นนั้ เปน็ เครอ่ื งแสดงความมน่ั ใจวา่ จะมที างสำ� เรจ็ ตามใจ
หวงั อยา่ งแนน่ อนไมเ่ ปน็ อยา่ งอน่ื ถา้ ไมล่ ดละความเพยี รพยายามเสยี

9

เทา่ นน้ั จากนนั้ ทา่ นไดต้ งั้ หนา้ ประกอบความเพยี รอยา่ งเขม้ แขง็ มบี ทพทุ โธ
เปน็ คำ� บรกิ รรมประจำ� ใจในอริ ยิ าบถตา่ งๆ อยา่ งมนั่ ใจ สว่ นธรรมคอื ธดุ งควตั ร
ท่ีท่านศึกษาเป็นประจ�ำด้วยความรักสงวนอย่างย่ิงตลอดมานับแต่เร่ิม
อปุ สมบทจนถงึ วนั สดุ ทา้ ยปลายแดนแหง่ ชวี ติ ไดแ้ ก่ ถอื ผา้ บงั สกุ ลุ เปน็ วตั ร
ไมร่ บั คหปตจิ วี รทเี่ ขาถวายดว้ ยมอื ๑ บณิ ฑบาตเปน็ วตั รประจำ� วนั ไมล่ ดละ
เวน้ เฉพาะวนั ทไ่ี มฉ่ นั เลยกไ็ มไ่ ป ๑ ไมร่ บั อาหารทตี่ ามสง่ ทหี ลงั คอื รบั เฉพาะ
ทไ่ี ดม้ าในบาตร ๑ ฉนั มอ้ื เดยี ว คอื ฉนั วนั ละหน ไมม่ อี าหารวา่ งใดๆ ทเ่ี ปน็
อามสิ เขา้ มาปะปนในวนั นน้ั ๆ ๑ ฉนั ในบาตร คอื มภี าชนะใบเดยี วเปน็ วตั ร ๑
อยู่ในป่าเป็นวัตร คือเที่ยวอยู่ตามร่มไม้บ้างในป่าธรรมดา ในภูเขาบ้าง
หบุ เขาบา้ ง ในถำ้� ในเงอ้ื มผาบา้ ง ๑ ถอื ผา้ ไตรจวี รเปน็ วตั ร คอื มผี า้ ๓ ผนื
ได้แก่ สงั ฆาฏิ จีวร สบง (เวน้ ผ้าอาบน้ำ� ฝนซง่ึ จำ� เป็นตอ้ งมใี นสมยั น้)ี ๑

ธดุ งคน์ อกจากนที้ า่ นกส็ มาทานและปฏบิ ตั เิ ปน็ บางสมยั สว่ น ๗ ขอ้ นี้
ท่านปฏิบัติเป็นประจ�ำ จนกลายเป็นนิสัยซ่ึงจะหาผู้เสมอได้ยากในสมัย
ปัจจุบนั ทา่ นมนี สิ ยั ท�ำจรงิ ในงานทุกช้ินทัง้ กจิ นอกการในไม่เหลาะแหละ
มคี วามมงุ่ หวงั ตอ่ แดนหลดุ พน้ อยา่ งเตม็ ใจ ในอริ ยิ าบถตา่ งๆ เตม็ ไปดว้ ย
ความพากเพยี รเพอ่ื ถอดถอนกเิ ลสทางภายใน ไมม่ คี วามฟงุ้ เฟอ้ เหอ่ เหมิ
เข้ามาแอบแฝงได้ ทง้ั ๆ ที่มกี ิเลสเหมือนสามัญชนท่วั ๆ ไป เพราะท่าน
ไมย่ อมปลอ่ ยใจใหก้ เิ ลสยำ่� ยไี ด้ มกี ารตา้ นทานหำ�้ หน่ั ดว้ ยความเพยี รอยา่ ง
ไมล่ ดละ ซง่ึ ผดิ กบั คนธรรมดาอยมู่ าก (ตามทา่ นเลา่ ใหฟ้ งั ในเวลาบำ� เพญ็ )

ในระยะต่อมาท่ีแน่ใจว่าจิตมีหลักฐานมั่นคงพอจะพิจารณาได้แล้ว
ท่านจึงย้อนมาพิจารณาสุบินนิมิตจนได้ความโดยล�ำดับว่า การออกบวช
ปฏิบัติตนสมควรแก่ธรรมก็เท่ากับการยกระดับจิตให้พ้นจากความผิดมี

10

ประเภทต่างๆ ซ่ึงเปรียบเหมือนบ้านเรือนอันเป็นท่ีรวมแห่งสรรพทุกข์
และป่าอนั รกชฏั ทงั้ หลายอนั เปน็ ทซี่ มุ่ ซอ่ นแหง่ ภยั ทง้ั ปวง ให้ถึงที่เว้ิงว้าง
ไม่มีจุดหมาย ซึ่งเม่ือเข้าถึงแล้ว เป็นคุณธรรมที่แสนสบายหายกังวล
โดยประการท้ังปวง ด้วยปฏิปทาข้อปฏิบัติท่ีเปรียบเหมือนม้าตัวองอาจ
เป็นพาหนะขับขี่ไปถึงท่ีอันเกษม และพาไปพบตู้พระไตรปิฎกอันวิจิตร
สวยงาม แตว่ าสนาไมอ่ ำ� นวยสมบรู ณ์ จึงเป็นเพยี งได้เห็น แตม่ ิได้เปดิ
ตู้พระไตรปิฎกออกชมอย่างสมใจเต็มภูมิแห่งจตุปฏิสัมภิทาญาณทั้งส่ี
อันเป็นคุณธรรมยังผู้เข้าถึงให้เป็นผู้ฉลาดปราดเปรื่องเล่ืองลือระบือ
ทั่วไตรโลกธาตุ มีความฉลาดกว้างขวางในอุบายวิธีประหน่ึงท้องฟ้า
มหาสมทุ ร ไม่มคี วามคบั แค้นจนมมุ ในการอบรมสัง่ สอนหมชู่ นทงั้ เทวดา
และมนุษย์ทุกช้ัน แต่เพราะกรรมอันดีเยี่ยมไม่เพียงพอ บารมีไม่ให้
โอกาสวาสนาไมอ่ ำ� นวย จงึ เปน็ เพยี งไดช้ มตพู้ ระไตรปฎิ ก และตกออกมา
เป็นผลให้ท่านไดร้ บั เพยี งชัน้ ปฏิสมั ภทิ านศุ าสน์ มีเชิงฉลาดในเทศนาวธิ ี
อันเป็นบาทวิถีแก่หมู่ชนพอเปน็ ปากเปน็ ทางเทา่ นนั้ ไมล่ กึ ซง้ึ กวา้ งขวาง
เทา่ ทค่ี วร ทง้ั นแี้ มท้ า่ นจะพดู วา่ การสง่ั สอนของทา่ นพอเปน็ ปากเป็นทาง
อนั เปน็ เชงิ ถอ่ มตนกต็ าม แตบ่ รรดาผทู้ ไี่ ดเ้ หน็ ปฏปิ ทาคอื ขอ้ ปฏบิ ตั ทิ ท่ี า่ น
พาดำ� เนนิ และธรรมะทท่ี า่ นนำ� มาอบรมสงั่ สอน แตล่ ะบทละบาท แตล่ ะครงั้
ละคราว ลว้ นเปน็ ความซาบซง้ึ ใจไพเราะเหลอื จะพรรณนาและยากทจ่ี ะได้
เหน็ ไดย้ นิ จากที่อ่นื ใดในสมัยปัจจบุ นั ซ่ึงเป็นสมัยที่ต้องการคนดอี ยูม่ าก

11

เกดิ สมาธินิมติ

เมอ่ื ท่านพกั อบรมภาวนาดว้ ยบทพุทโธ อยทู่ ี่วดั เลยี บ จงั หวดั อบุ ลฯ
ขณะที่จิตสงบลง ปรากฏเป็นอุคคหนิมิตขึ้นมาในลักษณะคนตายอยู่
ตอ่ หนา้ แสดงอาการพพุ องมนี ำ้� เนา่ นำ�้ หนองไหลออกมา มแี รง้ กาและสนุ ขั
มากัดกินและยื้อแย่งกันอยู่ต่อหน้าท่าน จนซากนั้นกระจัดกระจายไป
ท่ัวบริเวณ เปน็ ท่นี า่ เบือ่ หนา่ ยและสลดสงั เวชเหลอื ประมาณในขณะนนั้
เม่อื จติ ถอนขึ้นมา ในวาระต่อไปไม่วา่ จะนงั่ ภาวนา เดินจงกรม หรืออยู่
ในทา่ อริ ิยาบถใด ท่านก็ถอื เอานมิ ิตนั้นเปน็ เครื่องพจิ ารณาโดยสม�่ำเสมอ
ไมล่ ดละ จนนมิ ติ แหง่ คนตายนน้ั ไดก้ ลบั กลายมาเปน็ วงแกว้ อยตู่ อ่ หนา้ ทา่ น
เมอื่ เพง่ พจิ ารณาวงแกว้ นน้ั หนกั ๆ เขา้ กย็ ง่ิ แปรสภาพไปตา่ งๆ ไมม่ ที างสนิ้ สดุ
ทา่ นพยายามตดิ ตามกย็ งิ่ ปรากฏเปน็ รปู รา่ งตา่ งๆ จนไมม่ ปี ระมาณวา่ ความ
สนิ้ สดุ แหง่ ภาพนมิ ติ จะยตุ ลิ ง ณ ทใี่ ด ยงิ่ เพง่ พจิ ารณากย็ งิ่ แสดงอาการตา่ งๆ
ไมม่ สี น้ิ สดุ โดยเปน็ ภเู ขาสงู ขนึ้ เปน็ พกั ๆ บา้ ง ปรากฏวา่ องคท์ า่ นสะพายดาบ
อันคมกลา้ และเทา้ ทั้งสองมรี องเท้าสวมอยู่บา้ ง แล้วเดนิ ไป-มาบนภูเขา
นน้ั บ้าง ปรากฏเหน็ ก�ำแพงขวางหนา้ มปี ระตบู ้าง ทา่ นเปดิ ประตูเขา้ ไปดู
เห็นมที ี่นั่งและทอ่ี ย่ขู องพระ ๒-๓ รูป กำ� ลังนง่ั สมาธิอยู่บ้าง บรเิ วณ

12

กำ� แพงนนั้ มีถำ�้ และเง้อื มผาบา้ ง มีดาบสอยใู่ นถ้ำ� น้นั บ้าง มยี นตค์ ล้ายอู่
มสี ายหยอ่ นลงมาจากหนา้ ผาบา้ ง ปรากฏวา่ ทา่ นขน้ึ สอู่ ขู่ น้ึ ไปบนภเู ขาบา้ ง
มสี ำ� เภาใหญอ่ ยบู่ นภเู ขาบา้ ง เหน็ โตะ๊ สเี่ หลยี่ มอยใู่ นสำ� เภาบา้ ง มปี ระทปี
ความสวา่ งอยู่บรเิ วณรอบๆ หลงั เขานัน้ บ้าง ปรากฏว่าทา่ นฉันจงั หนั อยู่
บนภูเขานนั้ บา้ ง จนไมอ่ าจจะตามรตู้ ามเหน็ ให้สนิ้ สุดลงได้

สงิ่ ทท่ี า่ นไดเ้ หน็ เกยี่ วกบั นมิ ติ เปน็ เหตใุ หร้ สู้ กึ วา่ มมี ากมาย จนไมอ่ าจ
จะน�ำมากล่าวจบสิน้ ได้ ทา่ นพิจารณาในท�ำนองนถี้ ึง ๓ เดอื น โดยการ
เขา้ ๆ ออกๆ ทางสมาธิภาวนา พจิ ารณาไปเท่าไร ก็ย่ิงร้ยู ่ิงเหน็ สงิ่ ท่จี ะมา
ปรากฏจนไม่มีทางสิ้นสุด แต่ผลดีปรากฏจากการพิจารณา ไม่ค่อยมี
พอเป็นเคร่ืองยนื ยันไดว้ า่ เป็นวธิ ที ถ่ี กู ตอ้ งและแน่ใจ เมอื่ ออกจากสมาธิ
ประเภทนี้แลว้ ขณะกระทบกับอารมณต์ ่างๆ ทม่ี อี ยทู่ ว่ั ๆ ไปกเ็ กดิ ความ
หว่นั ไหว คอื ท�ำใหด้ ีใจ เสยี ใจ รกั ชอบ และเกลยี ดชงั ไปตามเร่อื งของ
อารมณน์ น้ั ๆ หาความเทีย่ งตรงคงตัวอยู่มไิ ด้ จึงเปน็ เหตุใหท้ า่ นสำ� นึกใน
ความเพียรและสมาธทิ ีเ่ คยบำ� เพ็ญมาวา่ คงไมใ่ ช่ทางแน่ ถ้าใชท่ ำ� ไมถึง
ไมม่ คี วามสงบเย็นใจและด�ำรงตนอยดู่ ว้ ยความสม�่ำเสมอ แตท่ �ำไมกลับ
กลายเป็นใจที่วอกแวกคลอนแคลนไปตามอารมณ์ต่างๆ ไม่มีประมาณ
ซ่ึงไม่ผิดอะไรกับคนที่เขามิได้ฝึกหัดภาวนาเลย ชะรอยจะเป็นความรู้
ความเห็นที่ส่งออกนอก ซ่งึ ผดิ หลกั ของการภาวนาไปกระมงั ? จงึ ไม่เกดิ
ผลแกใ่ จให้ได้รับความสงบสขุ เท่าทค่ี วร

ท่านจึงท�ำความเข้าใจเสียใหม่ โดยย้อนจิตเข้ามาอยู่ในวงแห่งกาย
ไมส่ ง่ ใจไปนอก พจิ ารณาอยเู่ ฉพาะกาย ตามเบอ้ื งบน เบอื้ งลา่ ง ดา้ นขวาง
สถานกลาง โดยรอบ ดว้ ยความมสี ตติ ามรกั ษา โดยการเดนิ จงกรมไป-มา

13

มากกวา่ อริ ยิ าบถอน่ื ๆ แมเ้ วลานง่ั ทำ� สมาธภิ าวนาเพอื่ พกั ผอ่ นใหห้ ายเมอื่ ย
บ้างเป็นบางกาล ก็ไม่ยอมให้จิตรวมสงบลงดังท่ีเคยเป็นมา แต่ให้จิต
พจิ ารณาและทอ่ งเทยี่ วอยตู่ ามรา่ งกายสว่ นตา่ งๆ เทา่ นน้ั ถงึ เวลาพกั ผอ่ น
นอนหลับก็ให้หลบั ดว้ ยพจิ ารณากายเป็นอารมณ์ พยายามพิจารณาตาม
วิธีน้ีอยู่หลายวันจึงตั้งท่าน่ังขัดสมาธิพิจารณาร่างกายเพื่อให้ใจสงบด้วย
อบุ ายนี้ อนั เปน็ เชิงทดลองดวู า่ จิตจะสงบแบบไหนกันอีกแน่ ความทจ่ี ติ
ไมไ่ ดพ้ กั สงบตวั เลยเปน็ เวลาหลายวนั พรอ้ มกบั ไดร้ บั อบุ ายวธิ ที ถ่ี กู ตอ้ งเขา้
กลอ่ มเกลา จติ จงึ รวมสงบลงไดอ้ ยา่ งรวดเรว็ และงา่ ยดายผดิ ปกติ ขณะทจ่ี ติ
รวมสงบตวั ลงไป ปรากฏวา่ รา่ งกายไดแ้ ตกออกเปน็ สองภาค และรขู้ นึ้ มา
ในขณะนน้ั ว่า “น้เี ปน็ วิธที ถี่ ูกต้องแนน่ อนแลว้ ไมส่ งสยั ” เพราะขณะท่ี
จิตรวมลงไปมีสติประจ�ำตัวอยู่กับท่ี ไม่เหลวไหลและเท่ียวเร่ร่อนไปใน
ทต่ี า่ งๆ ดงั ท่เี คยเปน็ มา

และน้ีคืออุบายที่แน่ใจว่าเป็นความถูกต้องในข้ันแรกของการปฏิบัติ
ในวาระต่อไปก็ถืออุบายน้ีเป็นเคร่ืองด�ำเนินไม่ลดละ จนสามารถท�ำ
ความสงบใจได้ตามตอ้ งการ และมคี วามช�ำนิชำ� นาญขน้ึ ไปตามกำ� ลงั แหง่
ความเพียร ไมล่ ดหยอ่ นอ่อนกำ� ลัง นับวา่ ได้หลักฐานทางจติ ใจท่มี ่ันคง
ดว้ ยสมาธิ ไมห่ วนั่ ไหวคลอนแคลนอยา่ งงา่ ยดาย ไมเ่ หมอื นคราวบำ� เพญ็
ตามนิมิตในข้นั เริม่ แรก ซง่ึ ทำ� ให้เสยี เวลาไปเปลา่ ตั้ง ๓ เดอื น โทษแห่ง
ความไมม่ คี รอู าจารยผ์ ฉู้ ลาดคอยใหอ้ บุ ายสง่ั สอน ยอ่ มมที างเปน็ ไปตา่ งๆ
ดงั ทเ่ี คยพบเหน็ มาแลว้ นน้ั แล อยา่ งนอ้ ยกท็ ำ� ใหล้ า่ ชา้ มากกวา่ นน้ั กท็ ำ� ให้
ผิดทาง และมีทางเสียไปไดอ้ ยา่ งไมม่ ีปญั หา ท่านเลา่ ว่า สมยั ที่ท่านออก
บำ� เพญ็ กรรมฐานภาวนาครงั้ โนน้ ไมม่ ใี ครสนใจทำ� กนั เลย ในความรสู้ กึ ของ

14

ประชาชนสมยั นน้ั คลา้ ยกบั วา่ การบำ� เพญ็ กรรมฐานเปน็ ของแปลกปลอม
ไมเ่ คยมใี นวงของพระและพระศาสนาเลย แมแ้ ตช่ าวบา้ นเองพอมองเหน็
พระกรรมฐานเดนิ ธดุ งค์ไป ซ่งึ อย่หู า่ งกันคนละฟากทงุ่ นา เขายงั พากัน
แตกต่ืนและกลัวกนั มาก

ถา้ อยใู่ กลห้ มบู่ า้ นกจ็ ะพากนั วงิ่ เขา้ บา้ นกนั หมด ถา้ อยใู่ กลป้ า่ กพ็ ากนั
วง่ิ เข้าหลบซอ่ นในปา่ กันหมด ไม่กลา้ มายนื ซึง่ ๆ หน้า พอให้เราได้ถาม
หนทางทจ่ี ะไปส่หู มู่บา้ น ตำ� บลตา่ งๆ บ้างเลย บางครั้งเราเดินทางไปเจอ
กับพวกผ้หู ญงิ ท่ีก�ำลังเท่ยี วหาอยู่หากิน เทยี่ วเก็บผกั หาปลาตามปา่ ตาม
ภูเขา ซ่ึงมีเด็กๆ ติดไปด้วย พอมองเห็นพระธรรมกรรมฐานเดินมา
เสยี งรอ้ งล่ันบอกกันดว้ ยความตกใจกลัววา่ “พระธรรมมาแลว้ ” พรอ้ ม
กับท้ิงหาบหรือสิ่งของอยู่บนบ่าลงพื้นดินเสียงดังตูมตาม โดยไม่อาลัย
เสียดายว่าอะไรจะแตก อะไรจะเสียหาย ส่วนตัวก็ต่างคนต่างวิ่งหาท่ี
หลบซ่อน ถา้ อยู่ใกลป้ า่ หรืออยใู่ นปา่ กพ็ ากนั วิ่งเขา้ ป่า ถา้ อยูใ่ กลห้ มู่บ้าน
กพ็ ากันว่ิงเขา้ บ้าน ส่วนเดก็ ๆ ทีไ่ ม่รเู้ ดียงสาเหน็ ผใู้ หญร่ อ้ งโวยวายและ
ตา่ งคนตา่ งวงิ่ หนี เจา้ ตวั กร็ อ้ งไหว้ งิ่ ไปวง่ิ มาอยบู่ รเิ วณนน้ั โดยไมม่ ใี ครกลา้
ออกมารบั เอาเดก็ ไปดว้ ยเลย เดก็ จะวงิ่ ตามผใู้ หญก่ ไ็ มท่ นั เลยตอ้ งวง่ิ หนั รี
หนั ขวางอยู่แถวๆ นน้ั เอง ซ่งึ นา่ ขบขันและน่าสงสารเด็กท่ีไมเ่ ดยี งสาซึ่ง
ร้องไห้ว่ิงตามหาผู้ใหญด่ ้วยความตกใจและความกลวั เป็นไหนๆ

สว่ นพระธรรมทา่ นเห็นท่าไม่ดี กลัวเดก็ จะกลวั มากและรอ้ งไห้ใหญ่
ก็ต้องรีบก้าวเดินเพ่ือผ่านไปให้พ้น ถ้าขืนไปถามเด็กเข้าคงได้เร่ืองแน่ๆ
คอื เดก็ ยงิ่ จะกลวั และรอ้ งไหว้ งิ่ ไปวง่ิ มา และยงิ่ จะรอ้ งไหใ้ หญไ่ ปทวั่ ทงั้ ปา่
ส่วนผู้ใหญ่ที่เป็นแม่ของเด็กก็ยืนตัวส่ันอยู่ในป่าอย่างกระวนกระวาย

15

ทงั้ กลัวพระธรรมกรรมฐาน ทั้งกลัวเด็กจะวิ่งเตลดิ เปิดเปงิ หนีไปทอ่ี ่ืนอกี
ใจเลยไม่เป็นใจเพราะความกระวนกระวายคิดถึงลกู เวลาพระธรรมผ่าน
ไปแลว้ แมว่ ง่ิ หาลกู ลกู วง่ิ หาแมว่ นุ่ วายไปตามๆ กนั กวา่ จะออกมาพบหนา้
กันทุกคนบรรดาที่ไปด้วยกัน ประหน่ึงบ้านแตกสาแหรกขาดไปพักหนึ่ง
พอออกมาครบถ้วนหน้าแล้ว ต่างก็พูดและหัวเราะกันถึงเรื่องชุลมุน
วนุ่ วาย เพราะความกลวั พระธรรมกรรมฐานไปยกใหญ่ กอ่ นทจี่ ะเทย่ี วหากนิ
ตามปกติ

เรอื่ งเปน็ เชน่ นโี้ ดยมาก คนสมยั ทท่ี า่ นออกธดุ งคกรรมฐาน เขาไมเ่ คย
พบเคยเหน็ กนั เลย จงึ แสดงอาการตนื่ เตน้ ตกใจและกลวั กนั สำ� หรบั ผหู้ ญงิ
และเดก็ ๆ ฉะน้ัน เม่อื คบกันในขน้ั เริ่มแรกจงึ ไม่ค่อยมีใครสนใจธรรมะ
กบั พระธดุ งคน์ กั นอกจากจะกลวั กนั เปน็ สว่ นมาก ทง้ั นอ้ี าจจะเปน็ เพราะ
เหตุหลายประการ เช่น มารยาทท่านก็อยู่ในอาการส�ำรวม เคร่งขรึม
ไมค่ อ่ ยแสดงความคนุ้ กบั ใครนกั ถา้ ไมค่ บกนั นานๆ จนรนู้ สิ ยั กนั ดกี อ่ นแลว้
และผา้ สงั ฆาฏิ จวี ร สงบ องั สะ และบรขิ ารอนื่ ๆ โดยมากยอ้ มดว้ ยสกี รกั
คือสแี ก่นขนนุ ซึ่งเปน็ สีฉูดฉาดน่ากลัวมากกวา่ จะน่าเลอื่ มใส

เวลาออกเดินทางเพื่อเจริญสมณธรรมในที่ต่างๆ ท่านครองจีวร
สีแกน่ ขนนุ บา่ ขา้ งหน่ึงแบกกลด ซึง่ มีขนาดใหญก่ วา่ รม่ ธรรมดาที่โลกๆ
ใชก้ นั ทว่ั ๆ ไป บา่ ขา้ งหนง่ึ สะพายบาตร ถา้ มดี ว้ ยกนั หลายองค์ เวลาออก
เดินทางท่านเดินตามหลังกันเป็นแถว ครองจีวรสีกรักคล้ายสีน้�ำตาล
เหน็ แล้วนา่ คิดนา่ ทงึ่ อย่ไู ม่นอ้ ยสำ� หรับผ้ทู ย่ี ังไม่เคยพบเหน็ มาก่อน และ
นา่ เลอ่ื มใสสำ� หรบั ผทู้ เ่ี คยรอู้ ธั ยาศยั และจรยิ ธรรมทา่ นมาแลว้ ประชาชน
ที่ยังไม่สนิทกับท่านจะเกิดความเลื่อมใสก็ต่อเมื่อท่านไปพักอยู่นานๆ

16

เขาได้รบั ค�ำชแ้ี จงจากท่านด้วยอบุ ายต่างๆ หลายครงั้ หลายคราว นานไป
ใจก็คอ่ ยโอนอ่อนต่อเหตุผลอรรถธรรมไปเอง จนเกดิ ความเช่อื เลื่อมใส
กลายเปน็ ผ้มู ธี รรมในใจ มีความเคารพเลือ่ มใสในครูอาจารยผ์ ูใ้ ห้โอวาท
ส่งั สอนอย่างถงึ ใจกม็ ีจำ� นวนมาก

พระธดุ งคผ์ มู้ งุ่ ปฏบิ ตั เิ พอื่ อรรถเพอื่ ธรรมจรงิ ๆ เขา้ ถงึ ใจประชาชนไดด้ ี
และทำ� ประโยชนไ์ ดม้ ากโดยไมอ่ าศยั คำ� โฆษณา แตก่ ารประพฤตปิ ฏบิ ตั ติ วั
โดยสามีจิกรรมยอ่ มเปน็ เครือ่ งดงึ ดดู จติ ใจผู้อืน่ ให้เกดิ ความสนใจไปเอง

การเทยี่ วแสวงหาทว่ี เิ วกเพอื่ ความสงดั ทางกายทางใจ ไมพ่ ลกุ พลา่ น
วุ่นวายด้วยเรื่องต่างๆ เป็นกิจวัตรประจ�ำนิสัยของพระธุดงคกรรมฐาน
ผู้มุ่งอรรถธรรมทางใจ ดังน้นั พอออกพรรษาแลว้ ทา่ นพระอาจารย์มน่ั
จึงชอบออกเที่ยวธุดงค์ทกุ ๆ ปี โดยเที่ยวไปตามป่าตามภเู ขาท่ีมีหมู่บ้าน
พอไดอ้ าศยั โคจรบณิ ฑบาต ทางภาคอสี านทา่ นชอบเทยี่ วมากกวา่ ทกุ ๆ ภาค
เพราะมีป่ามีภูเขามาก เช่น จังหวัดนครพนม สกลนคร อุดรธานี
หนองคาย เลย หลม่ สกั และทางฝ่ังแมน่ ำ�้ โขงของประเทศลาว เช่น
ทา่ แขก เวยี งจนั ทน์ หลวงพระบาง ทมี่ ปี า่ เขาชกุ ชมุ มากเหมาะแกก่ ารบำ� เพญ็
สมณธรรม การบำ� เพ็ญเพยี รในทา่ อริ ิยาบถตา่ งๆ น้นั ไม่วา่ ท่านจะพักอยู่
ในสถานทใ่ี ด ไมม่ กี ารลดละทง้ั กลางวนั กลางคนื ถอื เปน็ งานสำ� คญั ยง่ิ กวา่
งานอนื่ ใด เพราะนสิ ยั ของทา่ นพระอาจารยม์ น่ั ไมช่ อบทางการกอ่ สรา้ งมา
แต่เร่ิมแรก ท่านชอบการบ�ำเพ็ญเพียรทางใจโดยเฉพาะ และไม่ชอบ
เกาะเกยี่ วกบั เพื่อนฝูงและหม่ชู น ชอบอยูล่ ำ� พังคนเดยี ว มีความเพียร
เปน็ อารมณท์ างใจ มศี รทั ธามงุ่ มน่ั ตอ่ แดนพน้ ทกุ ขอ์ ยา่ งแรงกลา้ ดงั นนั้ เวลา
ทา่ นทำ� อะไรจงึ ชอบทำ� จรงิ เสมอ ไมม่ นี สิ ยั โกหกหลอกลวงตนเองและผอู้ น่ื

17

การบ�ำเพ็ญเพียรของท่านเป็นเรื่องอัศจรรย์ไปตลอดสาย ทั้งมี
ความขยนั ทง้ั มคี วามทรหดอดทนและมนี สิ ยั ชอบใครค่ รวญ จติ ทา่ นปรากฏ
มคี วามก้าวหน้าทางสมาธแิ ละทางปญั ญาอยา่ งสมำ่� เสมอ ไมล่ ่าถอยและ
เส่ือมโทรม การพิจารณากายนับแตว่ นั ท่ีทา่ นได้อุบายจากวิธที ่ีถกู ตอ้ งใน
ข้ันเริ่มแรกมาแล้ว ไม่ยอมให้เสื่อมถอยลงได้เลย ท่านยึดม่ันในอุบาย
วธิ นี นั้ อย่างม่นั คง และพจิ ารณากายซำ้� ๆ ซากๆ จนเกดิ ความชำ� นชิ ำ� นาญ
แยกส่วนแบ่งส่วนแห่งกายให้เป็นช้ินเล็กชิ้นใหญ่และท�ำลายลงด้วย
ปญั ญาไดต้ ามตอ้ งการ จติ ยงิ่ นบั วนั หยงั่ ลงสคู่ วามสงบเยน็ ใจไปเปน็ ระยะ
ไมข่ าดวรรคขาดตอน เพราะความเพยี รหนุนหลังอยูต่ ลอดเวลา

ทา่ นเลา่ วา่ ทา่ นไปทใ่ี ด อยทู่ ใ่ี ด ใจทา่ นมไิ ดเ้ หนิ หา่ งจากความเพยี ร
แมไ้ ปบณิ ฑบาต กวาดลานวดั ขดั กระโถน ทำ� ความสะอาด เยบ็ ผา้
ยอ้ มผา้ เดนิ ไปมาในวดั นอกวดั ตลอดการขบฉนั ทา่ นทำ� ความรสู้ กึ ตวั
อยกู่ บั ความเพยี รทกุ ขณะทเี่ คลอ่ื นไหว ไมย่ อมใหเ้ ปลา่ ประโยชนจ์ าก
การเคลอ่ื นไหวใดๆ ทง้ั สน้ิ นอกจากเวลาหลบั นอนเทา่ นนั้ แม้เชน่ นั้น
ท่านยังตั้งใจไว้เม่ือรู้สึกตัวจะรีบลุกข้ึนไม่ยอมนอนซ้�ำอีก จะเป็นความ
เคยตัวต่อไปและจะแก้ไขได้ยากตามปกตินิสัย พอรู้สึกตัวท่านรีบลุกขึ้น
ลา้ งหนา้ แลว้ เรม่ิ ประกอบความเพยี รตอ่ ไป ขณะทตี่ นื่ นอนข้ึนมาและล้างหน้า
เสร็จแล้ว ถ้ายังมีอาการง่วงเหงาอยู่ ท่านไม่ยอมน่ังสมาธิในขณะนั้น
กลวั จะหลบั ใน ทา่ นตอ้ งเดนิ จงกรมเพอ่ื แกค้ วามโงกงว่ งทค่ี อยแตจ่ ะหลบั
ในเวลาเผลอตัว การเดินจงกรม ถา้ ก้าวขาไปช้าๆ ยงั ไมอ่ าจระงับความ
งว่ งเหงาได้ ทา่ นตอ้ งเรง่ ฝกี า้ วใหเ้ รว็ ขน้ึ จนความงว่ งหายไป เมอ่ื รสู้ กึ เมอื่ ย
เพลยี และไมม่ คี วามงว่ งเหลอื อยใู่ นเวลานน้ั ทา่ นถงึ จะออกจากทางจงกรม
เข้ามาที่พักหรอื กุฏิ แล้วนั่งสมาธภิ าวนาตอ่ ไปจนสมควรแกก่ าล

18

เมอ่ื ถงึ เวลาบณิ ฑบาตกเ็ ตรยี มนงุ่ สบง ทรงจวี ร ซอ้ นสงั ฆาฏิ สะพาย
บาตรข้ึนบนบ่า ออกบิณฑบาตในหมู่บ้านโดยอาการส�ำรวม ท�ำความ
รสู้ ึกตวั กบั ความเพยี รไปตลอดสาย บิณฑบาตทั้งไปและกลบั ถือเป็นการ
เดินจงกรมไปในตัว มีสติประคองใจ ไม่ปล่อยให้เพ่นพ่านโลเลไปตาม
อารมณต์ า่ งๆ ทมี่ อี ยทู่ วั่ ไป เมอ่ื กลบั ถงึ ทพ่ี กั หรอื วดั แลว้ เตรยี มจดั อาหาร
ทไี่ ดม้ าจากบิณฑบาตลงในบาตร ตามปกตทิ า่ นไม่ยอมรบั อาหารทีศ่ รทั ธา
ตามมาสง่ ท่านรับและฉันเฉพาะทีบ่ ิณฑบาตได้มาเทา่ น้ัน ตอนชรามาก
แล้วท่านถึงอนุโลมผ่อนผัน คือรับอาหารที่ศรัทธาน�ำมาถวาย ฉะนั้น
อาหารนอกบาตรจึงไมม่ ีในระยะน้ัน

เมอ่ื เตรยี มอาหารใสล่ งในบาตรเสรจ็ แลว้ เรมิ่ พจิ ารณาปจั จเวกขณะ
เพื่อระงับดับไฟนรก คือตัณหาอันอาจแทรกขึ้นมาตามความหิวโหยได้
ในขณะนัน้ คือจิตอาจบริโภคด้วยอำ� นาจตณั หาความสอดส่ายในอาหาร
ประณีตบรรจง และมรี สเอร็ดอรอ่ ย โดยมิไดค้ �ำนึงถงึ ความเป็นธาตุและ
ปฏกิ ลู ทแ่ี ฝงอยใู่ นอาหารนน้ั ๆ ดว้ ย ปฏสิ งั ขา โยนโิ ส ฯลฯ เสรจ็ แลว้ เรมิ่ ฉนั
โดยธรรม มใิ ห้เป็นไปดว้ ยตณั หาในทกุ ๆ ประโยคแหง่ การฉัน จนเสรจ็
ไปดว้ ยดี ซ่ึงจดั วา่ มวี ตั รในการขบฉัน หลังจากนัน้ กล็ า้ งบาตร เช็ดบาตร
ใหแ้ หง้ แลว้ ผง่ึ แดดชว่ั คราวถา้ มแี ดด และนำ� เขา้ ถลกยกไปไวใ้ นสถานทคี่ วร
แลว้ เรมิ่ ทำ� หนา้ ทเี่ ผาผลาญกเิ ลสใหว้ อดวายหายซากไปเปน็ ลำ� ดบั จนกวา่
จะดบั สนทิ ไมม่ พี ษิ ภยั เครอ่ื งกอ่ กวนและรงั ควานจติ ใจตอ่ ไป แตก่ ารเตรยี ม
เผากเิ ลสนร้ี สู้ กึ เปน็ งานทยี่ ากเยน็ เขญ็ ใจเหลอื จะกลา่ ว เพราะแทนทเ่ี รา
จะเผามนั ให้ฉิบหาย แต่มันกลับเผาเราให้ได้รับความทกุ ขร์ อ้ นและตาย
จากคณุ งามความดที ค่ี วรบำ� เพญ็ ไปอย่างสดๆ รอ้ นๆ และบอ่ นทำ� ลายเรา

19

ทง้ั ๆ ทเ่ี ห็นๆ มันอยู่ต่อหนา้ ต่อตา แต่ไมก่ ล้าทำ� อะไรมันได้ เพราะกลัว
จะล�ำบาก

ผลสดุ ทา้ ยมนั กป็ นี ขนึ้ นง่ั นอนอยบู่ นหวั ใจเราจนได้ และเปน็ เจา้ ใหญ่
นายโตตลอดไป แทบจะไม่มีเพศมีวัยใด และความรู้ความฉลาดใดจะ
ต่อสแู้ ละเอาชนะมันได้ โลกจึงยอมมนั ทัว่ ไตรภพ นอกจากพระศาสดา
เพียงองค์เดียวเท่านั้นที่ท�ำการกวาดล้างมันให้ส้ินซากไปจากใจได้
ไมก่ ลบั แพอ้ กี ตลอดอนนั ตกาล เมอื่ พระองคท์ รงชนะแลว้ กท็ รงแผเ่ มตตา
แหวกหาหนทางเพื่อสาวกและหมู่ชนด้วยการประทานพระธรรมส่ังสอน
จนเกิดศรัทธาเลื่อมใสและปฏิบัติตามพระโอวาทด้วยความไม่ประมาท
นอนใจ บำ� เพ็ญไปไมล่ ดละตามรอยพระบาท คอื แนวทางท่เี สดจ็ ผ่านไป
กส็ ามารถตามเสดจ็ จนเสรจ็ สน้ิ ทางเดนิ คอื บรรลถุ งึ พระนพิ พาน ดว้ ยการ
ดับกิเลสขาดจากสันดานกลายเป็นพระอรหันต์ขึ้นมาเป็นล�ำดับล�ำดา
ให้โลกได้กราบไหว้บูชาเป็นขวัญตาขวัญใจตลอดมา นี้คือท่านผู้สังหาร
กิเลสตัวมหาอ�ำนาจให้ขาดกระเด็นออกจากใจหายซากไปโดยแท้
ไมแ่ ปรผนั เปน็ อยา่ งอนื่ ทา่ นพระอาจารยม์ นั่ ทา่ นเจรญิ ตามรอยพระบาท
พระศาสดา มคี วามเพยี รอยา่ งแรงกลา้ มศี รทั ธาเหนยี วแนน่ ไมพ่ ดู พลา่ ม
ทำ� เพลง

พอเสร็จภัตกิจแล้ว ท่านก้าวเข้าสู่ป่าเดินจงกรมเพื่อสงบอารมณ์
ในรมณียสถานอันเป็นที่ให้ความสุขส�ำราญทางภายใน ท้ังเดินจงกรม
ทง้ั นง่ั สมาธภิ าวนา จนกวา่ จะถงึ เวลาอนั ควร จงึ พกั ผอ่ นกายเพอื่ คลายทกุ ข์
พอมกี ำ� ลงั บา้ งแลว้ เรม่ิ ทำ� งานเพอื่ เผาผลาญกเิ สสตวั กอ่ ภพกอ่ ชาตภิ ายใน
ใจตอ่ ไป ไมล่ ดหยอ่ นออ่ นขอ้ ใหก้ เิ ลสหวั เราะเยย้ หยนั การทำ� สมาธกิ เ็ ขม้ ขน้

20

เอาการ การท�ำวปิ ัสสนาปัญญาก็หมนุ ตัวอย่างไม่หยุดยงั้ ทัง้ สมาธแิ ละ
วปิ สั สนาทา่ นดำ� เนนิ ไปอยา่ งสมำ่� เสมอ ไมใ่ หบ้ กพรอ่ งในสว่ นใดสว่ นหนง่ึ

จิตท่านได้รับความสงบสุขโดยสม่�ำเสมอ ที่มีช้าอยู่บ้างในบางกาล
ตามทท่ี า่ นเลา่ วา่ เพราะขาดผแู้ นะนำ� ในเวลาตดิ ขดั ลำ� พงั ตนเองเพยี งไป
เจอเขา้ แตล่ ะเรอ่ื ง กวา่ จะหาทางผา่ นพน้ ไปไดก้ ต็ อ้ งเสยี เวลาไปหลายวนั
ทัง้ จ�ำตอ้ งใช้ความพิจารณาอย่างมากและละเอยี ดถี่ถว้ น เพราะนอกจาก
ตดิ ขดั จนไปไมไ่ ดแ้ ลว้ ยงั กลบั มาเปน็ ภยั แกต่ วั เองอกี ดว้ ย หากมผี คู้ อยเตอื น
และให้ค�ำแนะนำ� ในเวลาเชน่ น้นั บ้าง ร้สู ึกวา่ ไปไดอ้ ย่างรวดเรว็ ไมต่ อ้ ง
เสียเวลา และเป็นท่ีแน่ใจดว้ ย ฉะน้นั กัลยาณมติ รจงึ เปน็ ส่งิ สำ� คญั มาก
สำ� หรบั ผกู้ ำ� ลงั อยใู่ นระหวา่ งแหง่ การบำ� เพญ็ ทางใจ ทา่ นเคยเหน็ โทษของ
ความขาดกัลยาณมิตรมาแล้ววา่ เปน็ ส่ิงไมด่ เี ลย และเปน็ ความบกพร่อง
อย่างบอกไม่ถกู

ในบางครั้ง แม้มีความอบอุน่ วา่ ตนมีครูอาจารยค์ อยใหค้ วามร่มเย็น
อยกู่ ็ตาม เวลาไปเทย่ี วธุดงคใ์ นท่ีต่างๆ กับท่านพระอาจารยเ์ สารผ์ ู้เปน็
บพุ พาจารย์ แตเ่ วลาเกดิ ขอ้ ขอ้ งใจข้นึ มา ไปกราบเรยี นถามทา่ น ทา่ นก็
ตอบวา่ ผมไมเ่ คยเปน็ อยา่ งทา่ น เพราะจติ ทา่ นเปน็ จติ ทผี่ าดโผนมาก เวลา
เกดิ อะไรขนึ้ มาแตล่ ะครงั้ มนั ไมพ่ อดี เดย๋ี วจะเหาะขน้ึ บนฟา้ บา้ ง เดย๋ี วจะ
ด�ำดินลงไปใต้พ้ืนพิภพบ้าง เด๋ียวจะด�ำน�้ำลงไปใต้ก้นมหาสมุทรบ้าง
เดี๋ยวจะโดดขึ้นไปเดินจงกรมอยู่บนอากาศบ้าง ใครจะไปตามแก้ทัน
ขอใหท้ า่ นใชค้ วามพิจารณาและค่อยดำ� เนนิ ไปอยา่ งนน้ั แหละ แลว้ ทา่ นก็
ไมใ่ หอ้ บุ ายอะไรพอเปน็ หลกั ยดึ เลย ตวั เองตอ้ งมาแกต้ วั เอง กวา่ จะผา่ น
ไปได้แตล่ ะคร้งั แทบเอาตวั ไม่รอดก็มี

21

ทา่ นเลา่ วา่ นสิ ยั ของทา่ นพระอาจารยเ์ สาร์ เปน็ ไปอยา่ งเรยี บๆ และ
เยือกเย็นน่าเลื่อมใสมาก ท่ีมีแปลกอยู่บ้างก็เวลาท่านเข้าที่นั่งสมาธิ
ตัวของท่านชอบลอยข้ึนเสมอ บางคร้ังตัวท่านลอยขึ้นไปจนผิดสังเกต
เวลาท่านนงั่ สมาธิอยู่ ท่านเองเกดิ ความแปลกใจในขณะน้นั ว่า “ตัวเรา
ถ้าจะลอยข้นึ จากพ้ืนแน่ๆ” เลยลมื ตาขึ้นดูตัวเอง ขณะน้นั จติ ทา่ นถอน
ออกจากสมาธพิ อดี เพราะพะวกั พะวงกบั เรอ่ื งตวั ลอย ทา่ นเลยตกลงมา
ก้นกระแทกกบั พ้ืนอย่างแรง ต้องเจบ็ เอวอยู่หลายวนั ความจริงตวั ท่าน
ลอยขนึ้ จากพืน้ จริงๆ สงู ประมาณ ๑ เมตร ขณะทที่ า่ นลมื ตาดตู วั เองน้ัน
จิตไดถ้ อนออกจากสมาธิ จึงไมม่ สี ติพอยับยั้งไว้บา้ ง จงึ ท�ำให้ทา่ นตกลง
สูพ่ น้ื อยา่ งแรง เช่นเดยี วกับส่ิงต่างๆ ตกลงจากท่สี ูง ในคราวต่อไปเวลา
ทา่ นนง่ั สมาธิ พอรสู้ กึ ตวั ทา่ นลอยขนึ้ จากพน้ื ทา่ นพยายามทำ� สตใิ หอ้ ยใู่ น
องคข์ องสมาธิ แลว้ คอ่ ยๆ ลืมตาข้นึ ดตู ัวเอง ก็ประจักษว์ ่าตวั ทา่ นลอย
ขน้ึ จรงิ ๆ แตม่ ไิ ดต้ กลงสพู่ นื้ เหมอื นคราวแรก เพราะทา่ นมไิ ดป้ ราศจากสติ
และคอยประคองใจให้อย่ใู นองค์สมาธิ ทา่ นจงึ รูเ้ รอื่ งของท่านไดด้ ี

ท่านเปน็ คนละเอยี ดถถ่ี ้วนอยูม่ าก แมจ้ ะเห็นด้วยตาแล้ว ท่านยัง
ไมแ่ น่ใจ ต้องเอาวัตถชุ ้ินเลก็ ๆ ขึ้นไปเหน็บไว้บนหญ้าหลังกฏุ ิ แลว้ กลับ
มาทำ� สมาธอิ กี พอจติ สงบและตวั เรมิ่ ลอยขนึ้ ไปอกี ทา่ นพยายามประคอง
จติ ใหม้ น่ั อยใู่ นสมาธิ เพอ่ื ตวั จะไดล้ อยขนึ้ ไปจนถงึ วตั ถเุ ครอื่ งหมายทที่ า่ น
นำ� ขน้ึ ไปเหนบ็ ไว้ แลว้ ค่อยๆ เอ้อื มมอื จบั ดว้ ยความมสี ติ แลว้ นำ� วตั ถุน้ัน
ลงมาโดยทางสมาธิภาวนา คอื พอหยบิ ไดว้ ตั ถุน้นั แลว้ ก็ค่อยๆ ถอนจติ
ออกจากสมาธิ เพอ่ื กายจะไดค้ อ่ ยๆ ลงมาจนถงึ พนื้ อยา่ งปลอดภยั แตไ่ มถ่ งึ
กับให้จิตถอนออกจากสมาธิจริงๆ เมื่อได้ทดลองจนเป็นท่ีแน่ใจแล้ว

22

ท่านจึงเช่ือตัวเองว่าตัวท่านลอยข้ึนได้จริงในเวลาเข้าสมาธิในบางคร้ัง
แตม่ ไิ ดล้ อยขน้ึ เสมอไป นเี้ ปน็ จรติ นสิ ยั แหง่ จติ ของทา่ นพระอาจารยเ์ สาร์
รูส้ ึกผดิ กบั นิสยั ของทา่ นพระอาจารย์มน่ั อยมู่ ากในปฏิปทาทางใจ

จิตของท่านพระอาจารย์เสาร์เป็นไปอย่างเรียบๆ สงบเย็นโดย
สมำ�่ เสมอ นบั แตข่ นั้ เรมิ่ แรกจนถงึ สดุ ทา้ ยปลายแดนแหง่ ปฏปิ ทาของทา่ น
ไมค่ อ่ ยลอ่ แหลมตอ่ อนั ตราย และไมค่ อ่ ยมอี บุ ายตา่ งๆ และความรแู้ ปลกๆ
เหมอื นจิตท่านพระอาจารยม์ นั่

ทา่ นเล่าวา่ ทา่ นพระอาจารย์เสาร์เดิมท่านปรารถนาเปน็ พระปจั เจก-
พุทธเจา้ เวลาออกบ�ำเพญ็ พอเรง่ ความเพียรเขา้ มากๆ ใจรูส้ ึกประหวัดๆ
ถงึ ความปรารถนาเดมิ เพอ่ื ความเปน็ พระปจั เจกพทุ ธเจา้ แสดงออกเปน็ เชงิ
อาลัยเสียดายยังไม่อยากไปนิพพาน ท่านเห็นว่าเป็นอุปสรรคต่อความ
เพียรเพ่ือความรู้แจ้งซึ่งพระนิพพานในชาติปัจจุบันนี้ ท่านเลยอธิษฐาน
ของดจากความปรารถนาน้ัน และขอประมวลมาเพื่อความรู้แจ้งซึ่ง
พระนิพพานในชาติน้ี ไม่ขอเกิดมารับความทุกข์ทรมานในภพชาติต่างๆ
อีกต่อไป พอท่านปล่อยวางความปรารถนาเดิมแล้ว การบำ� เพ็ญเพียร
รสู้ กึ สะดวกแลเหน็ ผลไปโดยลำ� ดบั ไมม่ อี ารมณเ์ ครอ่ื งเกาะเกยี่ วเหมอื น
แตก่ อ่ น สุดทา้ ยทา่ นก็บรรลุถงึ แดนแหง่ ความเกษมดงั ใจหมาย แตก่ าร
แนะน�ำส่ังสอนผู้อ่ืน ท่านไม่ค่อยมีความรู้แตกฉานกว้างขวางนัก ทั้งนี้
อาจจะเปน็ ไปตามภมู นิ สิ ยั เดมิ ของทา่ นทม่ี งุ่ เปน็ พระปจั เจกพทุ ธเจา้ ซง่ึ ตรสั รู้
เองชอบ แต่ไม่สนใจส่ังสอนใครก็ได้ อีกประการหน่ึงที่ท่านกลับความ
ปรารถนาได้ส�ำเร็จตามใจน้ัน คงอยู่ในข้ันพอแก้ไขได้ ซ่ึงยังไม่สมบูรณ์
เต็มภูมแิ ท้

23

แม้ท่านพระอาจารย์มั่นเอง ตามท่านเล่า ว่าท่านก็เคยปรารถนา
พุทธภูมิมาแล้วเช่นเดียวกัน ท่านเพิ่งมากลับความปรารถนาเม่ือออก
บำ� เพญ็ ธดุ งคกรรมฐานนเ่ี อง โดยเหน็ วา่ เนนิ่ นานเกนิ ไปกวา่ จะไดส้ ำ� เรจ็ เปน็
พระพุทธเจ้าขึ้นมาตามความปรารถนา จ�ำต้องท่องเท่ียวเกิด แก่ เจ็บ
ตายอยูใ่ นวฏั สงสารหลายกปั หลายกัลป์ ไม่ชนะจะแบกขนทนความทกุ ข์
ทรมานไม่มีวันจบส้ินน้ีได้ เวลาเร่งความเพียรมากๆ จิตท่านมีประหวัด
ประหวดั ในความหลงั แสดงเปน็ ความอาลยั เสยี ดายความเปน็ พระพทุ ธเจา้
ยังไม่อยากนิพพานในชาติน้ีเหมือนท่านพระอาจารย์เสาร์ พออธิษฐาน
ของดจากความปรารถนาเดมิ เทา่ นน้ั รสู้ กึ เบาใจหายหว่ ง และบำ� เพญ็ ธรรม
ไดร้ บั ความสะดวกไปโดยลำ� ดบั ไมข่ ดั ขอ้ งเหมอื นแตก่ อ่ น และปรากฏวา่
ทา่ นผา่ นความปรารถนาเดมิ ไปไดอ้ ยา่ งราบรน่ื ชน่ื ใจ เขา้ ใจวา่ ภมู แิ หง่ ความ
ปรารถนาเดิมคงยังไม่แก่กล้าพอ จงึ มีทางแยกตวั ผ่านไปได้

เวลาท่านออกเที่ยวธุดงคกรรมฐานทางภาคอีสานตามจังหวัดต่างๆ
ในระยะต้นวัย ท่านมักจะไปกับท่านพระอาจารย์เสาร์เสมอ แม้ความรู้
ทางภายในจะมีแตกต่างกันบ้างตามนิสัย แต่ก็ชอบไปด้วยกัน ส�ำหรับ
ท่านพระอาจารย์เสาร์ท่านเป็นคนไม่ชอบพูด ไม่ชอบเทศน์ ไม่ชอบมี
ความรู้แปลกๆ ต่างๆ กวนใจเหมือนท่านพระอาจารย์ม่ัน เวลาจ�ำเป็น
ต้องเทศน์ท่านก็เทศน์เพียงประโยคหน่ึงหรือสองเท่านั้น แล้วก็ลง
ธรรมาสน์ไปเสีย ประโยคธรรมที่ท่านเทศน์ซึ่งพอจับใจความได้ว่า
“ใหพ้ ากนั ละบาปและบ�ำเพ็ญบุญ อย่าให้เสียชีวิตลมหายใจไปเปล่า
ท่ีได้มีวาสนามาเกิดเป็นมนุษย์” และ “เราเกิดเป็นมนุษย์ มีความ
สูงศักดิ์มาก แต่อย่าน�ำเรื่องของสัตว์มาประพฤติ มนุษย์ของเราจะ

24

ต�่ำลงกว่าสัตว์ และจะเลวกว่าสัตว์อีกมาก เวลาตกนรกจะตกหลุม
ที่ร้อนกว่าสัตว์มากมาย อย่าพากันท�ำ” แล้วก็ลงธรรมาสน์ไปกุฏิ
โดยไมส่ นใจกบั ใครตอ่ ไปอีก

ปกตนิ สิ ยั ของทา่ นเปน็ คนไมช่ อบพดู พดู นอ้ ยทสี่ ดุ ทงั้ วนั ไมพ่ ดู อะไร
กบั ใครเกนิ ๒-๓ ประโยค เวลาน่งั กท็ นทาน น่งั อยูไ่ ดเ้ ป็นเวลาหลายๆ
ชั่วโมง เดินก็ท�ำนองเดียวกัน แต่ลักษณะท่าทางของท่านมีความสง่า
ผา่ เผย นา่ เคารพเลอ่ื มใสมาก มองเหน็ ทา่ นแลว้ เยน็ ตาเยน็ ใจไปหลายวนั
ประชาชนและพระเณรเคารพเล่ือมใสท่านมาก ท่านมีลูกศิษย์มากมาย
เหมือนท่านพระอาจารยม์ น่ั

ทราบวา่ ทา่ นพระอาจารยท์ ง้ั สององคน์ ร้ี กั และเคารพกนั มาก ในระยะ
วัยต้นไปที่ไหนท่านชอบไปด้วยกัน อยู่ด้วยกัน ทั้งในและนอกพรรษา
พอมาถึงวยั กลางผ่านไป เวลาพกั จำ� พรรษามักแยกกันอยู่ แต่ไม่ห่างไกล
กนั นัก พอไปมาหาสกู่ ันไดส้ ะดวก มีนอ้ ยครั้งท่จี �ำพรรษารว่ มกนั ทง้ั นี้
อาจเก่ียวกับบรรดาศิษย์ซ่ึงต่างฝ่ายต่างก็มีมากด้วยกัน และต่างก็เพิ่ม
จ�ำนวนมากขึ้นทุกที ถ้าจ�ำพรรษาร่วมกันจะเป็นความล�ำบากในการจัด
ท่ีพักอาศัย จ�ำต้องแยกกันอยู่เพ่ือเบาภาระในการจัดท่ีพักอาศัยไปบ้าง
ทั้งสองพระอาจารย์ขณะท่ีแยกกันอยู่จ�ำพรรษาหรือนอกพรรษา รู้สึก
คดิ ถงึ กนั มากและเปน็ หว่ งกนั มาก เวลามพี ระทเี่ ปน็ ลกู ศษิ ยข์ องแตล่ ะฝา่ ย
มากราบนมัสการ จะมากราบนมัสการท่านพระอาจารย์เสาร์หรือมากราบ
นมัสการท่านพระอาจารย์ม่ัน ต่างจะต้องถามถึงความสุขทุกข์ของกัน
และกันก่อนเรื่องอื่นๆ จากนั้นก็บอกกับพระที่มากราบว่า “คิดถึงท่าน
พระอาจารย์...……” และฝากความเคารพคิดถึงไปกับพระลูกศิษย์ที่มา

25

กราบเย่ียมตามสมควรแก่ “อาวุโส ภันเต” ทุกๆ ครั้งท่ีพระมากราบ
พระอาจารย์ทั้งสองแตล่ ะองค์

ท่านมีความเคารพในคุณธรรมของกันและกันมาก ไม่ว่าจะอยู่ใกล้
หรอื อยไู่ กล เวลาพระอาจารยท์ งั้ สององคใ์ ดองคห์ นงึ่ พดู ปรารภถงึ กนั และ
กันให้บรรดาลูกศิษย์ฟัง จะมีแต่ค�ำที่เต็มไปด้วยความเคารพและความ
ยกยอสรรเสรญิ โดยถา่ ยเดยี ว ไมเ่ คยมแี มค้ ำ� เชงิ ตำ� หนแิ ฝงขนึ้ มาบา้ งเลย

ทา่ นพระอาจารยม์ น่ั เลา่ ใหฟ้ งั วา่ ทที่ า่ นพระอาจารยเ์ สารว์ า่ ใหท้ า่ นวา่
จิตท่านเป็นจิตท่ีโลดโผนมาก รู้อะไรขึ้นมาแต่ละคร้ังมันไม่พอดีเลย
เด๋ียวจะเหาะเหินเดินฟ้า เด๋ียวจะด�ำดิน เด๋ียวจะด�ำน�้ำข้ามทะเลน้ัน
ทา่ นว่าเปน็ ความจริงดงั ทีท่ ่านพระอาจารยเ์ สารต์ ำ� หนิ เพราะจติ ทา่ นเป็น
เชน่ นนั้ จรงิ ๆ เวลารวมสงบลงแตล่ ะครงั้ แมแ้ ตข่ นั้ เรมิ่ แรกบำ� เพญ็ ยงั ออก
เท่ียวรู้เห็นอะไรต่างๆ ท้ังที่ท่านไม่เคยคาดฝันว่าจะเป็นได้เช่นน้ัน เช่น
ออกรเู้ หน็ คนตายตอ่ หนา้ และเพง่ พจิ ารณาจนคนตายนนั้ กลายเปน็ วงแกว้
และเกิดความรู้ความเห็นแตกแขนงออกไปไม่มีสิ้นสุด ดังที่เขียนไว้ใน
เบอ้ื งตน้ เวลาปฏิบัตทิ ีเ่ ข้าใจวา่ ถูกทางแล้ว ขณะที่จติ รวมสงบตวั ลงกย็ งั
อดจะออกรสู้ ง่ิ ตา่ งๆ มไิ ด้ บางทตี วั เหาะลอยขน้ึ ไปบนอากาศและเทย่ี วชม
สวรรคว์ มิ าน กวา่ จะลงมากก็ นิ เวลาหลายชวั่ โมง และมดุ ลงไปใตด้ นิ คน้ ดู
นรกหลุมต่างๆ และปลงธรรมสงั เวชกบั พวกสัตว์นรกทมี่ กี รรมต่างๆ กนั
เสวยวิบากทกุ ขข์ องตนๆ อยู่ จนลมื เวลำ�่ เวลาไปกม็ ี เพราะเวลาน้ันยงั
ไมแ่ นว่ า่ จะเปน็ ความจรงิ เพยี งไร เรอ่ื งทำ� นองนท้ี า่ นวา่ จะพจิ ารณาตอ่ เมอ่ื
จติ มคี วามช�ำนาญแล้ว จงึ จะร้เู หตผุ ลผดิ -ถกู ดี-ชว่ั ไดอ้ ย่างชดั เจนและ
อย่างแมน่ ยำ� พอเผลอนดิ ขณะท่ีจติ รวมลงและพกั อยู่ ก็มที างออกไปรู้

26

กับส่ิงภายนอกอีกจนได้ แม้เวลามีความช�ำนาญและรู้วิธีปฏิบัติได้ดีพอ
สมควรแลว้ ถา้ ปล่อยใหอ้ อกรู้สงิ่ ตา่ งๆ จติ ย่อมจะออกรู้อยา่ งรวดเร็ว

ระยะเริ่มแรกที่ท่านยังไม่เข้าใจและช�ำนาญต่อการเข้าออกของจิต
ซง่ึ มนี สิ ยั ชอบออกรสู้ งิ่ ตา่ งๆ นน้ั ทา่ นเลา่ วา่ เวลาบงั คบั จติ ใหพ้ จิ ารณาลง
ในรา่ งกายสว่ นลา่ ง แทนทจ่ี ติ จะรลู้ งไปตามรา่ งกายสว่ นตา่ งๆ จนถงึ พน้ื เทา้
แต่จิตกลับพุ่งตัวเลยร่างกายส่วนต�่ำลงไปใต้ดินและทะลุดินลงไปใต้
พน้ื พิภพ ดังท่านพระอาจารย์เสาร์ว่าใหจ้ ริงๆ พอรบี ฉุดยอ้ นคืนมาสกู่ าย
กก็ ลบั พงุ่ ขนึ้ ไปบนอากาศ แลว้ เดนิ จงกรมไป-มาอยบู่ นอากาศอยา่ งสบาย
ไมส่ นใจวา่ จะลงมาสรู่ า่ งกายเลย ตอ้ งใชส้ ตบิ งั คบั อยา่ งเขม้ แขง็ ถงึ จะยอม
ลงมาเข้าสู่ร่างกายและท�ำงานตามค�ำสั่ง การรวมสงบตัวลงในระยะนั้น
กร็ วมลงอยา่ งรวดเรว็ เหมอื นคนตกเหวตกบอ่ จนสตติ ามไมท่ นั และอยไู่ ด้
เพยี งขณะเดยี วกถ็ อนออกมาขน้ั อปุ จาระแลว้ ออกรสู้ ง่ิ ตา่ งๆ ไมม่ ปี ระมาณ
รูส้ ึกรำ� คาญตอ่ ความรู้ความเหน็ ของจติ ประเภทนีอ้ ยา่ งมากมาย

ถ้าจะบังคับไม่ให้ออกและไม่ให้รู้ก็ไม่มีอุบายปัญญาจะบังคับได้
เพราะจิตมีความรวดเร็วเกินกว่าสติปัญญาจะตามรู้ทัน จึงท�ำให้หนักใจ
และกระวนกระวายในบางคร้ังแบบคิดไม่ออกบอกใครไม่ได้เพราะเป็น
เรื่องภายใน ต้องใช้การทดสอบด้วยสติปัญญาอย่างเข้มงวดกวดขัน
กวา่ จะรวู้ ธิ ปี ฏบิ ตั ติ อ่ จติ ดวงผาดโผนในการออกรสู้ ง่ิ ตา่ งๆ ไมม่ ปี ระมาณน้ี
กน็ บั วา่ เปน็ ทกุ ขเ์ อาการอยู่ แตเ่ วลารวู้ ธิ ปี ฏบิ ตั ริ กั ษาแลว้ รสู้ กึ วา่ คลอ่ งแคลว่
วอ่ งไว และไดผ้ ลกวา้ งขวางทงั้ รวดเรว็ ทนั ใจตอ่ ภายในภายนอก เวลามสี ติ
ปญั ญารเู้ ทา่ ทนั จนกลมกลนื เปน็ อนั หนงึ่ อนั เดยี วกนั แลว้ จติ ดวงนจ้ี งึ กลาย
เปน็ แกว้ สารพดั นกึ ขนึ้ มา เพราะทนั กบั เหตกุ ารณท์ เี่ กดิ กบั ตนไมม่ ขี อบเขต

27

พระอาจารย์ม่ันท่านมีนิสัยองอาจกล้าหาญและฉลาดแหลมคม
อบุ ายวธิ ฝี กึ ทรมานตนกผ็ ิดกับผอู้ นื่ อยมู่ าก ยากทจี่ ะยดึ ได้ตามแบบฉบบั
ของทา่ นจรงิ ๆ ผเู้ ขยี นอยากจะพดู ใหส้ มใจทเี่ ฝา้ ดทู า่ นตลอดมาวา่ ทา่ นเปน็
นิสัยอาชาไนย ใจว่องไวและผาดโผน การฝึกทรมานก็เด็ดเด่ียว
เฉยี บขาดเทา่ เทยี มกนั อบุ ายฝกึ ทรมานมีชนดิ แปลกๆ แยบคาย ทั้งวิธี
ขเู่ ขญ็ และปลอบโยนตามเหตกุ ารณท์ คี่ วรแกจ่ ติ ดวงมเี ชาวนเ์ รว็ แกมพยศ
ซึ่งคอยแต่จะนำ� เรอ่ื งเข้ามาทบั ถมโจมตีเจ้าของอยูท่ กุ ขณะที่เผลอตัว

ทา่ นเลา่ วา่ เรอื่ งทที่ ำ� ใหท้ า่ นไดร้ บั ความลำ� บากหนกั ใจเหลา่ น้ี เพราะ
ไม่มีผู้คอยให้อุบายแนะน�ำนั่นเอง พยายามตะเกียกตะกายปลุกปล้�ำใจ
ดวงพยศโดยลำ� พงั คนเดยี ว แบบเอาหวั ชนภเู ขาทงั้ ลกู เอาเลย ไมม่ อี บุ าย
ต่างๆ ที่แน่ใจมาจากครูอาจารยบ์ า้ งเลย พอเป็นเคร่อื งมือชว่ ยสนบั สนุน
เหมอื นผู้อืน่ ทา่ นทำ� กนั ทง้ั น้ที า่ นพูดเพ่ือตกั เตือนบรรดาลูกศษิ ยท์ มี่ ารบั
การศกึ ษากบั ทา่ นไมใ่ หป้ ระมาทนอนใจ เวลาเกดิ อะไรขน้ึ มาจากสมาธภิ าวนา
ทา่ นจะได้ช่วยช้ีแจง ไม่ตอ้ งเสยี เวลาไปนานดังท่ีทา่ นเคยเปน็ มาแลว้

เวลาท่านออกปฏิบัติเบ้ืองต้น ท่านว่าท่านไปทางจังหวัดนครพนม
และข้ามไปเที่ยวทางฝั่งแม่น�้ำโขง บ�ำเพ็ญสมณธรรมอยู่แถบท่าแขก
ตามปา่ และภเู ขา ทา่ นไดร้ บั ความสงบสขุ ทางใจมากพอควรในปา่ และภเู ขา
แถบน้ัน ท่านเล่าว่า มีสัตว์เสือชุกชุมมาก เฉพาะเสือทางฝั่งโน้นรู้สึก
ดรุ า้ ยกวา่ เสอื ทางเมอื งไทยเราอยมู่ ากเปน็ พเิ ศษ เนอ่ื งจากเสอื ทางฝง่ั โนน้
เคยดกั ซุ่มกดั กนิ คนญวนอยู่เสมอมิได้ขาด มขี ่าวอยู่บอ่ ยๆ แตค่ นญวน
ไม่ค่อยกลัวเสือมากเหมือนคนลาวและคนไทยเรานัก และไม่ค่อยเข็ด
หลาบและกลัวเสืออยู่นานท้ังๆ ที่เคยเห็นเสือกัดและกินคนอยู่เสมอ

28

และเห็นมันโดดมากัดเอาเพ่ือนที่ไปป่าด้วยกันไปกินต่อหน้าต่อตาอย่าง
วันนี้ แต่พอวันหลังคนญวนยังกล้าพากันเข้าไปป่าที่มีเสือชุมเพ่ือหาอยู่
หากนิ ไดอ้ กี อยา่ งธรรมดา ไมต่ นื่ เตน้ ตกใจกลวั และเลา่ ลอื กนั เหมอื นคนลาว
และคนไทยเรา ทง้ั นอี้ าจจะเปน็ เพราะความเคยชินของเขากเ็ ป็นได้

ท่านเลา่ วา่ คนญวนน้แี ปลกอยอู่ ยา่ งหน่ึง เวลาเห็นเสอื โดดมากัด
เพอ่ื นทไ่ี ปดว้ ยกนั หลายคนไปกนิ กไ็ มม่ ใี ครทจี่ ะชว่ ยเหลอื กนั ดว้ ยวธิ ตี า่ งๆ
บา้ งเลย ตา่ งคนตา่ งวง่ิ หนเี อาตวั รอด ไมส่ นใจในการชว่ ยเหลอื เวลาไปนอน
คา้ งคืนในป่าหลายคนดว้ ยกัน ตกกลางคืนถกู เสือโดดมากดั และคาบเอา
เพ่อื นคนใดคนหนึง่ ไปกิน พวกทนี่ อนอยู่ดว้ ยกนั ไดย้ นิ เสียงตกใจตนื่ ข้นึ
เหน็ เหตกุ ารณแ์ ลว้ ตา่ งกว็ ง่ิ หนไี ปหาทนี่ อนใหมซ่ ง่ึ อยใู่ กลก้ บั บรเิ วณนนั้ เอง
ความรสู้ กึ เขาเหมอื นเดก็ ๆ ในเรอื่ งเชน่ น้ี ไมม่ คี วามคดิ อา่ นใดๆ ทแี่ ยบคาย
ไปกว่าน้ีเลย ท�ำเหมือนเสือโคร่งใหญ่ทั้งตัวที่เคยกินคนมาแล้วอย่าง
ช�ำนาญไมม่ ีหไู มม่ ตี าและไมม่ หี วั ใจเอาเลย

เร่อื งคนพรรคน์ ้ี ผู้เขยี นเองก็พอร้เู ร่ืองท่เี ขาไมค่ อ่ ยกลัวเสือมาบ้าง
พอควร คอื เวลาเขามาพกั อาศยั ในบา้ นเมอื งเราทเี่ ปน็ ปา่ รกชฏั และมสี ตั ว์
เสอื ชกุ ชมุ เวลาเขาพากนั ไปนอนคา้ งคนื เลอื่ ยไมอ้ ยใู่ นปา่ ลกึ ซง่ึ อยหู่ า่ งไกล
จากหมบู่ า้ นมากและมีเสือชุม เขาไมเ่ ห็นแสดงอาการหวาดกลัวบ้างเลย
แมเ้ ขาจะนอนอยดู่ ว้ ยกนั หลายคนหรอื คนเดยี ว เขากน็ อนไดอ้ ยา่ งสบาย
ไม่กลัวอะไร ถ้าเขาต้องการจะเข้ามาในหมู่บ้านเวลาค�่ำคืนเขาก็มาได้
ไม่ต้องหาเพือ่ นฝูงมาดว้ ย อยากกลับไปท่ีพกั เวลาใดกก็ ลับไปได้ เวลา
ถูกถามวา่ ไม่กลัวเสือบา้ งหรือ? เขากต็ อบว่าไม่กลัว เพราะเสือเมอื งไทย
ไม่กินคนและยงิ่ กลวั คนด้วยซ�ำ้ ไม่เหมอื นเสอื เมืองเขาซึง่ มีแตต่ วั ใหญ่ๆ
และชอบกนิ คนแทบทง้ั นนั้

29

เมืองเขาบางแห่งเวลาเข้าป่าต้องท�ำคอกนอนเหมือนคอกหมู
ไม่เช่นน้ันเสือมาเอาไปกิน ไม่ได้กลับบ้าน แม้บางหมู่บ้านที่เสือดุมาก
เวลากลางคนื ผูค้ นออกมานอกบ้านเรือนไมไ่ ด้ เสอื โดดมาเอาไปกินเลย
ไม่มเี หลอื เขายังกลับว่าให้เราอกี ด้วยว่า คนไทยขกี้ ลัวมาก จะไปป่าก็
แหแ่ หนกนั ไปไมก่ ลา้ ไปคนเดยี ว ทที่ า่ นพระอาจารยม์ น่ั วา่ คนญวนไมค่ อ่ ย
กลวั เสอื นนั้ คงจะเปน็ ในทำ� นองนกี้ ไ็ ด้ เวลาทา่ นไปพกั อยทู่ นี่ นั้ กไ็ มค่ อ่ ยเหน็
เสอื มารบกวน เหน็ แตร่ อยมนั เดนิ ผา่ นไปมาและสง่ เสยี งรอ้ งครางไปตาม
ภาษาของสตั วท์ ม่ี ปี าก และรอ้ งครวญครางไดเ้ ทา่ นน้ั ในบางคนื แตเ่ ขารอ้ ง
มไิ ด้คำ� รามให้เรากลวั หรือแสดงทา่ ทางจะกัดกินเป็นอาหาร

เฉพาะองค์ท่านเองรู้สึกจะไม่ค่อยสนใจกับความกลัวสัตว์เสืออะไร
มากไปกวา่ ความกลวั จะไมห่ ลดุ พน้ จากกองทกุ ข์ ถงึ บรมสขุ คอื พระนพิ พาน
ในชาติน้ี ท้ังน้ีทราบจากท่านเล่าถึงการข้ามไปฝั่งแม่นำ�้ โขงฟากโน้นและ
ข้ามมาฝั่งฟากน้ี เพ่ือการบำ� เพ็ญเพียรอย่างเอาจริงเอาจัง ทำ� ให้เห็นว่า
ทา่ นถอื เปน็ ธรรมดาในการไป-มา เพราะไมเ่ หน็ ทา่ นนำ� เรอ่ื งความกลวั ของ
ทา่ นมาเลา่ ใหฟ้ งั ถา้ เปน็ ผเู้ ขยี นไปเจอเอาทเี่ ชน่ นนั้ เขา้ บา้ ง นา่ กลวั ชาวบา้ น
แถบน้ันจะพากันกลายเป็นต�ำรวจรักษาพระธุดงค์ข้ีขลาดไม่เป็นท่ากัน
ท้งั บ้านโดยไม่ต้องสงสยั เพยี งไดย้ ินเสียงเสอื กระห่มึ ในบางคร้ังยังชักใจ
ไมด่ ี เดนิ จงกรมกย็ งั ถอยหนา้ ถอยหลงั กา้ วขาไมค่ อ่ ยออก และเดนิ ไมถ่ งึ
ทสี่ ดุ ทางจงกรมอยแู่ ลว้ เผอื่ ไปเจอเอาเรอ่ื งดงั ทวี่ า่ นนั้ จงึ นา่ กลวั ธรรมแตก
มากกว่าสง่ิ อ่นื ๆ จะแตก เพราะนับแต่วันรคู้ วามมา พอ่ แม่และชาวบา้ น
ก็เคยพูดกันทั่วแผ่นดินว่าเสือเป็นสัตว์ดุร้าย ซ่ึงเป็นเร่ืองฝังใจจนถอน
ไมข่ นึ้ ตลอดมา จะไมใ่ หก้ ลวั นน้ั สำ� หรบั ผเู้ ขยี นจงึ เปน็ ไปไมไ่ ดเ้ อาเลย และ
ยอมสารภาพตลอดไป ไม่มที างตอ่ สู้

30

พระอาจารย์ม่ันท่านได้เที่ยวจาริกไปตามจังหวัดต่างๆ มีนครพนม
เป็นต้น ทางภาคอีสานนานพอสมควรสมัยออกปฏิบัติเบื้องต้น จนจิต
มกี ำ� ลงั พอตา้ นทานอารมณภ์ ายในทเี่ คยผาดโผนมาประจำ� ใจและอารมณ์
ภายนอกไดบ้ า้ งแลว้ กเ็ ทยี่ วจารกิ ลงไปทางภาคกลาง จำ� พรรษาทวี่ ดั ปทมุ วนั
พระนครฯ ระยะทจี่ ำ� พรรษาอยวู่ ดั ปทมุ วนั กไ็ ดพ้ ยายามมาศกึ ษาอบรมอบุ าย
ปญั ญาเพม่ิ เตมิ กบั ทา่ นเจา้ คณุ พระอบุ าลคี ณุ ปู มาจารย์ (สริ จิ นั โท) ทว่ี ดั บรม-
นิวาสมไิ ด้ขาด

พอออกพรรษาแลว้ ทา่ นกอ็ อกเทยี่ วจารกิ ไปทางจงั หวดั ลพบรุ ี พกั อยู่
ถ�้ำไผ่ขวาง เขาพระงามบ้าง ถำ้� สิงโตบ้าง ขณะท่ีพักอยู่ได้มีโอกาสเร่ง
ความเพียรเต็มก�ำลังไม่ขาดวรรคขาดตอน ใจรู้สึกมีความอาจหาญต่อ
ตนเองและมีส่ิงเกยี่ วขอ้ งต่างๆ ไมพ่ ร่นั พรึงอย่างง่ายดาย สมาธกิ ม็ นั่ คง
อบุ ายปญั ญากเ็ กดิ ขนึ้ เรอื่ ยๆ มองเหน็ สง่ิ ตา่ งๆ เปน็ อรรถเปน็ ธรรมไปโดยลำ� ดบั
เวลามีโอกาสก็เข้าไปกราบนมัสการและเล่าธรรมะถวายและเรียนถาม
ปญั หาขอ้ ขอ้ งใจเกยี่ วกบั อบุ ายปญั ญากบั ทา่ นเจา้ คณุ อบุ าลฯี วดั บรมนวิ าส
ท่านก็ได้รับอธิบายวิธีพิจารณาปัญญาเพ่ิมเติมให้จนเป็นท่ีพอใจ แล้ว
กราบลาท่านไปเที่ยววิเวกทางถ้�ำสาริกา เขาใหญ่ จงั หวดั นครนายก

ทา่ นเล่าว่า เวลาพักอยู่ถ้�ำสาริกา ๓ ปี ไดป้ ระสบเหตุการณต์ า่ งๆ
หลายประการท้ังภายในและภายนอกแทบตลอดเวลาท่ีพักอยู่ จนเป็น
ทส่ี ะดดุ และฝงั ใจตลอดมา คอื ขณะทที่ า่ นไปถงึ หมบู่ า้ น ถา้ จำ� ไมผ่ ดิ ชอื่ วา่
“บา้ นกล้วย” ทอี่ ยู่ใกล้กบั ถ้ำ� มากกว่าหมู่บ้านอน่ื ๆ พอโคจรบิณฑบาตถึง
สะดวก ทา่ นขอวานใหช้ าวบา้ นนนั้ ไปสง่ ทถ่ี ำ�้ ดงั กลา่ ว เพราะไมเ่ คยไปไมร่ ู้
หนทาง ชาวบ้านกเ็ ล่าเรื่องฤทธ์เิ ดชต่างๆ ของถ�้ำน้นั ใหท้ า่ นฟงั ว่า เปน็ ถ้�ำ

31

ทสี่ �ำคัญอยู่มาก พระไม่ดีจรงิ ๆ ไปอยูไ่ มไ่ ด้ ตอ้ งเกิดเจบ็ ป่วยต่างๆ และ
ตายกันแทบไม่มีเหลือหลอลงมา เพราะถ้�ำน้ีมีผีหลวงรูปร่างใหญ่และมี
ฤทธม์ิ ากรกั ษาอยู่ ผตี วั นดี้ รุ า้ ยมาก ไมเ่ ลอื กพระเลอื กใคร ถา้ ไปอยถู่ ำ้� นน้ั
ตอ้ งมอี นั เปน็ ไปอยา่ งคาดไมถ่ งึ และตายกนั จรงิ ๆ ยง่ิ พระองคใ์ ดทอี่ วดตวั
ว่ามวี ิชาอาคมขลงั ๆ เก่งๆ ไม่กลัวผแี ลว้ ผยี ่ิงชอบทดลอง พระองค์นน้ั
ต้องเกิดเจ็บขึ้นมาอย่างกะทันหัน และตายเร็วกว่าปกติธรรมดาท่ีควร
จะเปน็ ชาวบา้ นพรอ้ มกนั นมิ นตว์ งิ วอนไมอ่ ยากใหท้ า่ นขนึ้ ไปอยู่ เพราะกลวั
ท่านจะตายเหมอื นพระทั้งหลายที่เคยเปน็ มาแล้ว

ท่านสงสัยจึงถามเขาว่า ทวี่ ่าถ้ำ� มีฤทธ์เิ ดชต่างๆ และมีผีใหญด่ นุ น้ั
มันเปน็ อยา่ งไร อาตมาอยากทราบบ้าง เขาบอกกบั ท่านว่าเวลาพระหรอื
ฆราวาสข้นึ ไปพักถำ�้ นนั้ โดยมากเพยี งคืนแรกกเ็ รม่ิ เหน็ ฤทธิบ์ า้ งแลว้ คอื
เวลานอนหลับไปจะต้องมีการละเมอเพ้อฝันไปต่างๆ โดยมีผีรูปร่างด�ำ
ใหญ่โตและสูงมากมาหา และจะเอาตัวไปบา้ ง จะมาฆ่าบา้ ง โดยบอกวา่
เขาเป็นผู้รักษาถ�้ำนี้มานานแล้วและเป็นผู้มีอ�ำนาจแต่ผู้เดียวในเขต
แขวงนนั้ ไมย่ อมใหใ้ ครมารกุ ลำ้� กลำ้� กรายได้ เขาตอ้ งปราบปรามหรอื กำ� จดั
ใหเ้ หน็ ฤทธท์ิ นั ที ไมย่ อมใหใ้ ครมอี ำ� นาจเกง่ กาจยง่ิ กวา่ เขาไปได้ นอกจาก
ผมู้ ศี ลี ธรรมอนั ดงี ามและมเี มตตาจติ คดิ เผอ่ื แผก่ ศุ ลแกบ่ รรดาสตั ว์ ไมเ่ ปน็
ผคู้ ับแคบใจดำ� และต่ำ� ทรามทางความประพฤติเท่าน้ัน เขาถงึ จะยินยอม
ให้อยูไ่ ด้ และเขาจะใหค้ วามอารกั ขาด้วยดี พร้อมท้งั ความเคารพรักและ
นบั ถือดังน้ี

ส่วนพระโดยมากที่ไปอยู่กันไม่ค่อยมีความผาสุกและอยู่ไม่ได้นาน
ต้องรบี ลงมา หรอื ตอ้ งตาย เท่าท่เี ห็นมาก็เปน็ ท�ำนองน้จี ริงๆ ใครไปอยู่

32

ไม่ค่อยจะได้ เพียงคืนเดียวหรือสองคืนก็เห็นรีบลงมาด้วยท่าทางที่
นา่ กลวั หรอื ตวั สน่ั แทบไมม่ สี ตอิ ยกู่ บั ตวั และพดู เรอื่ งผดี อุ อกมาโดยทย่ี งั
ไม่มใี ครถามเลย แลว้ ก็รบี หนไี ปด้วยความกลวั และเขด็ หลาบ ไมค่ ิดว่า
จะกลับคืนมาถ้�ำน้ีอีกได้เลย ย่ิงกว่าน้ัน ขึ้นไปแล้วก็อยู่ที่น้ันเลย ไม่มี
วนั กลับลงมาเห็นหนา้ มนุษย์มนาอีกตอ่ ไปเลยท่าน ฉะนั้น จงึ ไมอ่ ยากให้
ทา่ นขนึ้ ไป กลวั ว่าจะอยู่ที่นั้นเลย

ทา่ นพระอาจารยจ์ งึ ถามวา่ ทว่ี า่ ขนึ้ ไปอยเู่ ลยไมล่ งมาเหน็ หนา้ มนษุ ย์
นั้นขึ้นไปอย่างไรกันถึงไม่ยอมลงมา เขาบอกวา่ ตายเลยท่าน จงึ ไมม่ ีทาง
ทจี่ ะลงมาได้ เมือ่ เรว็ ๆ นก้ี ็มีพระมาตายอยใู่ นถ�้ำนีต้ ัง้ ๔ องค์ ล้วนมีแต่
พระองค์เก่งๆ ท้ังนั้น เท่าท่ีพวกกระผมทราบจากพระท่านพูดให้ฟังว่า
เร่ืองผีท่านบอกว่าไม่กลัว เพราะท่านมีคาถากันผีและปราบผี ตลอด
คาถาอน่ื ๆ อกี เยอะแยะ ผเี ขา้ ไมถ่ งึ ทา่ น เมอ่ื ชาวบา้ นบอกเรอื่ งราวของถำ้�
และผดี ใุ หท้ า่ นฟงั เพราะไมอ่ ยากใหท้ า่ นขนึ้ ไป แตท่ า่ นกลบั บอกวา่ ไมก่ ลวั
และใหญ้ าตโิ ยมพาทา่ นสง่ ขนึ้ ไปทถ่ี ำ�้ ชาวบา้ นจำ� ตอ้ งไปสง่ ทา่ นไปอยทู่ น่ี น้ั
เมอื่ ไปอยแู่ ลว้ ทำ� ใหเ้ ปน็ ตา่ งๆ มเี จบ็ ไขบ้ า้ ง ปวดศรี ษะบา้ ง เจบ็ ทอ้ งขนึ้ มา
อยา่ งสดๆ ร้อนๆ บ้าง เวลานอนหลับเกดิ ละเมอเพ้อฝันไปวา่ มคี นจะมา
เอาตัวไปบา้ ง จะมาฆ่าบา้ ง

แมพ้ ระทข่ี น้ึ ไปอยใู่ นถำ้� นน้ั มไิ ดไ้ ปพรอ้ มกนั ตา่ งองคต์ า่ งไปคนละวนั
ก็ตาม แต่อาการที่เป็นขึ้นมีลักษณะคล้ายคลึงกัน บางองค์ก็ตายอยู่ใน
ถ้�ำน้ัน บางองค์ก็รีบลงจากถ้�ำหนีไป พระท่ีมาตายอยู่ในถ้�ำนี้ ๔ องค์
ในระยะเวลาไม่ห่างกันเลย แต่ท่านจะตายด้วยผีดุหรือตายด้วยอะไร
ทางชาวบา้ นกไ็ มท่ ราบได้ แตเ่ ทา่ ทเ่ี คยสงั เกตมาถำ�้ นรี้ สู้ กึ แรงมากอยู่ และ

33

เคยเป็นมาอย่างนีเ้ สมอมา ชาวบ้านแถบนีก้ ลัวกันไม่กลา้ ไปทะลึง่ อวดดี
แตไ่ หนแตไ่ รมา กลวั จะถกู หามกนั ลงมาโดยอาการรอ่ แรบ่ า้ ง โดยเปน็ ศพ
ทตี่ ายแลว้ บา้ ง ทา่ นถามชาวบา้ นวา่ เหตกุ ารณด์ งั ทวี่ า่ นเี้ คยมมี าบา้ งแลว้ หรอื
เขาเรียนท่านว่า เคยมีจนชาวบ้านทราบอย่างฝังใจและกลัวกันทั้งบ้าน
ทัง้ รีบบอกกับพระหรือใครๆ ที่มาถำ�้ นีเ้ พื่อตอ้ งการของดี เช่น เหลก็ ไหล
หรือพระศกั ด์ิสิทธิ์อะไรตา่ งๆ ซึ่งอาจมหี รือไมม่ กี ็ตาม แต่บางคนกช็ อบ
ประกาศโฆษณาวา่ มี ดังน้นั จึงมกั มีพระและคนที่ชอบทางนีม้ ากันเสมอ
แตก่ ไ็ มเ่ หน็ ไดอ้ ะไรตดิ ตวั ไป นอกจากตายหรอื รอดตายไปเทา่ นนั้ เฉพาะ
ชาวบ้านน้ีไม่ปรากฏว่ามีใครเคยไปเห็นเหล็กไหลหรือของดีอย่างอ่ืนๆ
ในถ้�ำน้ีเลย เรื่องก็เป็นดังท่ีเล่ามาน้ี จึงไม่อยากให้ท่านข้ึนไป กลัวจะ
ไมป่ ลอดภัยดังท่เี ห็นๆ มา

พอชาวบา้ นเลา่ เรอ่ื งจบลง ทา่ นพระอาจารยย์ งั ไมห่ ายสงสยั ในความ
อยากไปชมถ้ำ� น้ัน ท่านอยากขน้ึ ไปทดลองดู จะเปน็ จะตายอยา่ งไรก็ขอ
ใหท้ ราบดว้ ยตนเองจะเป็นทีแ่ น่ใจกว่าคำ� บอกเลา่ แม้เขาจะเล่าเรอื่ งผีซงึ่
เป็นที่น่ากลัวให้ฟังก็ตาม แต่ใจท่านมิได้มีความสะดุ้งหวาดเสียวไปตาม
แมน้ ดิ หนงึ่ เลย ยงิ่ เหน็ เปน็ เครอื่ งเตอื นสตใิ หไ้ ดข้ อ้ คดิ มากมายยงิ่ ขน้ึ และ
มีความอาจหาญที่จะเผชิญต่อเหตุการณ์อยู่ทุกขณะจิต สมกับเป็นผู้มุ่ง
แสวงหาความจรงิ อยา่ งแทจ้ ริง ทา่ นจงึ พูดกบั ชาวบ้านเป็นเชงิ ถอ่ มตนวา่
เร่ืองนี้เป็นที่น่ากลัวจริงๆ แต่อาตมาคิดอยากไปชมถ�้ำสักชั่วระยะหนึ่ง
หากเห็นท่าไม่ดีจะรีบลงมา จึงขอความกรุณาโยมไปส่งอาตมาข้ึนไปอยู่
ถ้�ำนี้สักพักหนึ่งเถิด เพราะยังไม่หายสงสัยท่ีอยากชมถ้�ำน้ีมานานแล้ว
ฝ่ายชาวบ้านก็พากนั ตามส่งท่านขึน้ ถ้ำ� ตามความประสงค์

34

เวลาท่านพกั อยู่ในถ้ำ� น้ี มีรู้อะไรแปลกๆ หลายอย่าง

ขณะทพี่ กั อยใู่ นถำ�้ นนั้ ในระยะแรกๆ รสู้ กึ วา่ ธาตขุ นั ธท์ กุ สว่ นปกตดิ ี
จติ ใจกส็ งบเยอื กเยน็ เพราะเงยี บสงดั มาก ไมม่ อี ะไรมาพลกุ พลา่ นกอ่ กวน
นอกจากเสียงสตั ว์ปา่ ชนดิ ตา่ งๆ ท่พี ากันเทยี่ วหากนิ ตามภาษาเขาเทา่ น้ัน
ทา่ นรสู้ กึ เยน็ กายเยน็ ใจใน ๒-๓ คนื แรก พอคนื ตอ่ ไป โรคเจบ็ ทอ้ งทเี่ คย
เปน็ มาประจ�ำขนั ธก์ ช็ กั จะก�ำเริบ และมีอาการรนุ แรงข้นึ เปน็ ล�ำดบั จนถงึ
ขั้นหนักมาก บางครัง้ เวลาไปส้วมถงึ กับถ่ายเป็นเลอื ดออกมาอยา่ งสดๆ
ร้อนๆ ก็มี ฉันอะไรเข้าแล้วไม่ยอมย่อยเอาเลย เข้าไปอย่างไรก็ส้วม
ออกมาอยา่ งนน้ั ทำ� ใหท้ า่ นคดิ วติ กถงึ คำ� พดู ของชาวบา้ นทว่ี า่ มพี ระมาตาย
ทนี่ ี่ ๔ องค์ เราอาจเป็นองคท์ ่ี ๕ ก็ได้ ถ้าไม่หาย

เวลามีโยมข้นึ ไปถ�้ำตอนเชา้ ทา่ นกพ็ าโยมไปเที่ยวหายาท่ีเคยได้ผล
มาแล้ว มาตม้ ฉนั บา้ ง ฝนใส่น้ำ� ฉนั บ้าง เทา่ ทีท่ ราบเป็นยาประเภทรากไม้
แกน่ ไม้ แตฉ่ ันยาประเภทใดลงไปก็ไมป่ รากฏว่าได้ผล โรคนบั วันรุนแรง
ขน้ึ ทุกวัน กำ� ลงั กายก็อ่อนเพลยี มาก กำ� ลงั ใจกป็ รากฏวา่ ลดลงผดิ ปกติ
แม้ไม่มากก็พอให้ทราบได้อย่างชัดเจน ขณะที่น่ังฉันยาได้นึกวิตกข้ึนมา
เป็นเชิงเตือนตนให้ได้สติ และปลุกใจให้กลับมีก�ำลังเข้มแข็งข้ึนมาว่า
ยาทเี่ ราฉันอยูข่ ณะนี้ ถา้ เป็นยาชว่ ยระงับโรคไดจ้ รงิ กค็ วรจะเห็นผลบ้าง

35

แม้ไม่มาก เพราะฉนั ยามาหลายเวลาแล้ว แต่โรคก็นบั วนั กำ� เรบิ หากยา
มที างระงบั ไดบ้ า้ งทำ� ไมโรคจงึ ไมส่ งบ เหน็ ทา่ ยานจี้ ะมใิ ชย่ าเพอ่ื ระงบั บำ� บดั
โรคเหมอื นแตก่ อ่ นเสยี กระมงั แตอ่ าจเปน็ ยาประเภทชว่ ยสง่ เสรมิ โรคให้
ก�ำเรบิ แนน่ อนสำ� หรับคราวน้ี โรคจงึ นบั วันก�ำเริบข้ึนเปน็ ลำ� ดับ เมื่อเปน็
เชน่ น้ี เราจะพยายามฉนั ไปเพื่อประโยชนอ์ ะไร

พอได้สติจากความวิตกวิจารณ์ท่ีผุดข้ึนมาในขณะนั้นแล้ว ท่านก็
ตัดสินใจและบอกกับตัวเองทันทีว่า นับแต่บัดน้ีเป็นต้นไป เราจะระงับ
โรคพรรคน์ ดี้ ว้ ยยาคอื ธรรมโอสถเทา่ นนั้ จะหายกห็ าย จะตายกต็ าย เมอ่ื สดุ
กำ� ลังความสามารถในการเยยี วยาทกุ วิถีทางแล้ว ยาทีเ่ คยนำ� มารกั ษานนั้
จะงดไว้จนกว่าโรคนี้จะหายด้วยธรรมโอสถ หรือจนกว่าจะตายในถ�้ำน้ี
จะยงั ไมฉ่ นั ยาชนดิ ใดๆ ในระยะน้ี แลว้ กเ็ ตอื นตนวา่ เราจะเปน็ พระทงั้ องค์
ทไี่ ดป้ ฏบิ ตั บิ ำ� เพญ็ ทางใจมาพอสมควรจนเหน็ ผลและแนใ่ จตอ่ ทางดำ� เนนิ
เพ่ือมรรคผลนิพพานมาเป็นล�ำดับ ซึ่งควรถือเป็นหลักยึดของใจได้พอ
ประมาณอยแู่ ลว้ ทำ� ไมจะขขี้ ลาดออ่ นแอในเวลาเกดิ ทกุ ขเวทนาเพยี งเทา่ นี้
กเ็ พยี งทกุ ขเ์ กดิ ขนึ้ เพราะโรคเปน็ สาเหตเุ พยี งเลก็ นอ้ ยเทา่ น้ี เรายงั สไู้ มไ่ หว
กลายเป็นผู้อ่อนแอ กลายเป็นผู้พ่ายแพ้อย่างยับเยินเสียแต่บัดนี้แล้ว
เมือ่ ถึงคราวจวนตวั จะชงิ ชยั เพอื่ เอาแพ้เอาชนะกนั จริงๆ คือ เวลาขนั ธ์
จะแตก ธาตุจะสลาย ทุกข์ย่งิ จะโหมกนั มาทับธาตขุ ันธ์และจติ ใจจนไมม่ ี
ทป่ี ลงวาง เราจะเอากำ� ลงั จากทไ่ี หนมาตอ่ สเู้ พอ่ื เอาตวั รอดไปไดโ้ ดยสคุ โต
ไมเ่ สยี ท่าเสียทีในสงครามลา้ งขันธเ์ ลา่ ?

พอท่านท�ำความเข้าใจกับตนเองอย่างแน่ใจและมั่นใจแล้ว ก็หยุด
จากฉันยาในเวลานั้นทันที และเริ่มท�ำสมาธิภาวนาเพ่ือเป็นโอสถบ�ำบัด

36

บรรเทาจติ ใจและธาตขุ นั ธต์ อ่ ไปอยา่ งหนกั แนน่ ทอดความอาลยั เสยี ดาย
ในชวี ติ ธาตขุ ันธ์ ปลอ่ ยให้เป็นไปตามคตธิ รรมดา ท�ำหน้าทห่ี ำ้� หัน่ จิตดวง
ไม่เคยตาย แต่มีความตายประจ�ำนิสัยลงไปอย่างเต็มก�ำลังสติปัญญา
ศรทั ธาความเพยี รทเี่ คยอบรมมา โดยมไิ ดส้ นใจคำ� นงึ ตอ่ โรคทกี่ ำ� ลงั กำ� เรบิ
อยู่ภายในว่าจะหายหรือจะตายไปขณะใดในเวลานั้น หยั่งสติปัญญาลง
ในทุกขเวทนาแยกแยะส่วนต่างๆ ของธาตขุ นั ธ์ออกพจิ ารณาด้วยปัญญา
ไมล่ ดละ คือ ยกทั้งสว่ นรปู กาย ทัง้ ส่วนเวทนา คอื ทกุ ขภ์ ายใน ทงั้ สว่ น
สัญญาท่ีหมายกายส่วนต่างๆ ว่าเป็นทุกข์ ทั้งส่วนสังขารตัวปรุงแต่งว่า
ส่วนนี้เป็นทุกข์ ส่วนนั้นเป็นทุกข์ ข้ึนสู่เป้าหมายแห่งการพิจารณาของ
สตปิ ัญญาผดู้ ำ� เนนิ งาน ทำ� การขุดค้นคลี่คลายอยา่ งไม่หยดุ ยง้ั แตเ่ วลา
พลบคำ่� ถงึ เทยี่ งคนื คอื ๒๔.๐๐ นาฬกิ า จงึ ลงเอยกนั ได้ จติ มกี ำ� ลงั ขน้ึ มา
อยา่ งประจกั ษ์ สามารถคลค่ี ลายธาตขุ นั ธจ์ นรแู้ จง้ ตลอดทว่ั ถงึ ทกุ ขเวทนา
ท่ีก�ำลังก�ำเริบขึ้นอย่างเต็มที่จากโรคในท้อง โรคก็ระงับดับลงอย่างสนิท
จติ รวมลงถงึ ที่ในขณะน้นั

ขณะนน้ั โรคกด็ บั ทกุ ขก์ ด็ บั ความฟงุ้ ซา่ นของใจกด็ บั พอจติ รวมสงบ
ลงถึงทีแ่ ลว้ ถอนออกมาขัน้ อปุ จารสมาธแิ ล้ว จิตสว่างออกไปนอกกาย
ปรากฏเหน็ บุรุษผูห้ น่ึงมรี า่ งใหญด่ �ำและสูงมากราว ๑๐ เมตร ถือตะบอง
เหล็กใหญ่เท่าขา ยาวราว ๒ วา เดินเข้ามาหา และบอกกับท่านว่า
“จะทบุ ตที า่ นใหจ้ มลงไปในดนิ ถา้ ไมห่ นจี ะฆา่ ใหต้ ายในบดั เดยี๋ วใจ” ตามท่ี
ผีบอกกับท่านว่า “ตะบองเหล็กท่ีเขาแบกอยู่บนบ่าน้ัน ตีช้างสารใหญ่
ตัวหน่ึงเพียงหนเดียวเท่านั้น ช้างสารต้องจมลงไปในดินแบบจมมิดเลย
โดยไมต่ อ้ งตซี ำ้� อกี ” ทา่ นกำ� หนดจติ ถามผรี า่ งยกั ษน์ น้ั วา่ “จะมาตแี ละฆา่
อาตมาทำ� ไม อาตมามคี วามผดิ อะไรบา้ งถงึ จะตอ้ งถกู ตถี กู ฆา่ เลา่ ? การมาอยู่

37

ที่น้ีมิได้มากดขี่ข่มเหงหรือเบียดเบียนใครให้เดือดร้อนพอจะถูกใส่กรรม
ท�ำโทษถงึ ขนาดตีและฆา่ ให้ถึงตายเช่นน”้ี

เขาบอกวา่ เขาเปน็ ผมู้ อี ำ� นาจรกั ษาภเู ขาลกู นอี้ ยนู่ านแลว้ ไมย่ อมให้
ใครมาอยู่ครองอ�ำนาจเหนือตนไปได้ ต้องปราบปรามและก�ำจัดทันที
ทา่ นตอบว่า “กอ็ าตมามไิ ด้มาครองอ�ำนาจบนหวั ใจใคร นอกไปจากมา
ปฏบิ ตั บิ ำ� เพญ็ ศลี ธรรมอนั ดงี ามเพอ่ื ครองอำ� นาจเหนอื กเิ ลสบาปธรรม
บนหวั ใจตนเท่านนั้ จงึ ไม่สมควรอยา่ งย่งิ ทที่ า่ นจะมาเบยี ดเบยี นและ
ทำ� ลายคนเชน่ อาตมา ซง่ึ เปน็ นกั บวชทรงศลี และเปน็ ศษิ ยข์ องพระพทุ ธเจา้
ผมู้ ีใจบริสทุ ธ์ิ และมอี ำ� นาจในทางเมตตาครอบไตรโลกธาตุ ไมม่ ีใคร
เสมอเหมอื น”

ทา่ นซกั ถามและเทศนใ์ หผ้ รี า่ งยกั ษฟ์ งั เสยี ใหญใ่ นขณะนน้ั วา่ “ถา้ ทา่ น
เป็นผู้มีอ�ำนาจเก่งจริงดังที่อวดอ้างแล้ว ท่านมีอ�ำนาจเหนือกรรมและ
เหนือธรรมอันเป็นกฎใหญ่ปกครองมวลสัตว์ในไตรภพด้วยหรือเปล่า?”
เขาตอบวา่ “เปลา่ ” ทา่ นพดู วา่ พระพทุ ธเจา้ ทา่ นเกง่ กลา้ สามารถปราบกเิ ลส
ตัวท่ีคอยอวดอ�ำนาจว่าตัวดีตัวเก่งอยู่ภายใน คิดอยากตีอยากฆ่าคนอ่ืน
สัตว์อ่ืนให้หมดส้ินไปจากใจได้ ส่วนท่านที่ว่าเก่งได้คิดปราบกิเลสตัว
ดังกล่าวให้หมดส้ินไปบ้างหรือยัง เขาตอบว่า “ยังเลยท่าน” ท่านว่า
ถ้ายัง ท่านกม็ อี ำ� นาจไปในทางทีท่ �ำตนใหเ้ ปน็ คนมดื หนาป่าเถือ่ นต่างหาก
ซง่ึ นบั วา่ เปน็ บาปและเสวยกรรมหนกั แตไ่ มม่ อี ำ� นาจปราบความชว่ั ของตวั
ท่ีก�ำลังแผลงฤทธ์ิแก่ผู้อื่นอยู่โดยไม่รู้สึกตัวว่าเป็นผู้มีอ�ำนาจแบบก่อไฟ
เผาตวั และตอ้ งจดั ว่าก�ำลังสรา้ งกรรมอันหนกั มาก

38

มหิ นำ� ยงั จะมาตมี าฆา่ คนทท่ี รงศลี ธรรมอนั เปน็ หวั ใจของโลก ถา้ ไมจ่ ดั
วา่ ทา่ นทำ� กรรมอนั เปน็ บาปหยาบชา้ ยงิ่ กวา่ คนทง้ั หลายแลว้ จะจดั วา่ ทา่ น
ท�ำความดีทน่ี ่าชมเชยท่ตี รงไหน อาตมาเป็นผ้ทู รงศีลทรงธรรม มุ่งมาทำ�
ประโยชน์แก่ตนและแก่โลกโดยการประพฤติธรรมด้วยความบริสุทธิ์ใจ
ท่านยังจะมาทุบตีและสังหารโดยมิได้ค�ำนึงถึงบาปกรรมท่ีจะฉุดลากท่าน
ลงนรก เสวยกรรมอนั เป็นมหนั ตทุกข์เลย อาตมารู้สึกสงสารทา่ นยิง่ กว่า
จะอาลยั ในชวี ติ ของตวั เพราะทา่ นหลงอำ� นาจของตวั จนถงึ กบั จะเผาตวั เอง
ทั้งเป็นอยู่ขณะนี้แล้ว อ�ำนาจอันใดบ้างท่ีท่านว่ามีอยู่ในตัวท่าน อ�ำนาจ
อันนั้นจะสามารถต้านทานบาปกรรมอันหนัก ท่ีท่านก�ำลังจะก่อขึ้นเผา
ผลาญตัวอยเู่ วลานี้ไดห้ รอื ไม?่

ท่านว่าเป็นผู้มีอ�ำนาจอันใหญ่หลวงปกครองอยู่ในเขตเขาเหล่าน้ี
แตอ่ ำ� นาจนน้ั มฤี ทธเ์ิ ดชเหนอื กรรมและเหนอื ธรรมไปไดไ้ หม ถา้ ทา่ นมอี ำ� นาจ
และมฤี ทธเิ์ หนอื ธรรมแลว้ ทา่ นกท็ บุ ตหี รอื ฆา่ อาตมาได้ สำ� หรบั อาตมาเอง
ไมก่ ลวั ความตาย แมท้ า่ นไม่ฆ่าอาตมาก็ยังจกั ตอ้ งตายอย่โู ดยดเี มื่อกาล
ของมันมาถึงแล้ว เพราะโลกน้ีเป็นอยู่ของมวลสัตว์ผู้เกิดแล้วต้องตาย
ท่ัวหนา้ กัน แมต้ ัวท่านเองทีก่ ำ� ลงั อวดตวั วา่ เกง่ ในความมอี ำ� นาจจนกลาย
เปน็ ผมู้ ดื บอดอยขู่ ณะนี้ แตท่ า่ นกม็ ไิ ดเ้ กง่ กวา่ ความตายและกฎแหง่ กรรม
ทค่ี รอบง�ำสัตวโ์ ลกไปได้

ขณะทท่ี า่ นพระอาจารยม์ น่ั ซกั ถาม และเทศนส์ ง่ั สอนบรุ ษุ ลกึ ลบั โดย
ทางสมาธิอยนู่ นั้ ทา่ นเลา่ วา่ เขายนื ตวั แขง็ บา่ แบกตะบองเหลก็ เครอ่ื งมอื
สงั หารอยเู่ หมอื นตกุ๊ ตาไมก่ ระดกุ กระดกิ ไมข่ ยบั เขยอ้ื นไปไหนมาไหนเลย
ถา้ เปน็ คนธรรมดาเรา กท็ ง้ั อายทง้ั กลวั จนตวั แขง็ แทบลมื หายใจ แตน่ เ่ี ขา

39

เป็นอมนุษยพ์ ิเศษผูห้ น่ึง จงึ ไม่ทราบว่าเขามีลมหายใจหรอื ไม่ แตอ่ าการ
ทงั้ หมดนนั้ แสดงใหเ้ หน็ ชดั วา่ เขาทงั้ อายทงั้ กลวั ทา่ นพระอาจารยม์ น่ั จนสดุ
ท่จี ะอดกลัน้ ได้ แตเ่ ขากอ็ ดกล้นั ได้อย่างน่าชม

ตอนทา่ นแสดงธรรมจบลง เขาไดท้ งิ้ ตะบองเหลก็ จากบา่ อยา่ งเหน็ โทษ
และนฤมิตเปล่ียนภาพจากรา่ งของบุรุษลึกลบั ทมี่ ีกายดำ� สูงใหญ่ มาเปน็
สุภาพบุรุษพุทธมามกะผู้อ่อนโยนน่ิมนวลด้วยมรรยาทอัธยาศัย แสดง
ความเคารพคารวะและกลา่ วคำ� ขอโทษทา่ นอาจารย์ แบบบคุ คลผเู้ หน็ โทษ
สำ� นกึ ในบาปอย่างถึงใจ ซง่ึ ตอ่ ไปนเ้ี ปน็ ใจความของเขาท่กี ลา่ วตามความ
สตั ยจ์ รงิ ต่อท่านพระอาจารย์มั่นว่า

“กระผมรสู้ กึ แปลกใจและสะดงุ้ กลัวท่านแต่เริ่มแรก มองเหน็ แสง
สว่างท่ีแปลกและอศั จรรยม์ ากซง่ึ ไม่เคยพบเห็นมาก่อน พ่งุ จากองค์ทา่ น
มากระทบตวั กระผม ทำ� ใหอ้ อ่ นไปหมด แทบไมอ่ าจแสดงอาการอยา่ งใด
ออกมาได้ อวัยวะทกุ ส่วนตลอดจติ ใจออ่ นเพลียไปตามๆ กัน ไม่อาจจะ
ท�ำอะไรได้ด้วยพลการ เพราะมันอ่อนและนิ่มไปด้วยความซาบซ้ึงจับใจ
ในความสว่างน้นั ทั้งๆ ท่ไี มท่ ราบว่านน้ั คืออะไร เพราะไม่เคยเห็น เทา่ ท่ี
แสดงกิริยาค�ำรามว่าจะทุบตีและฆ่านั้น มิได้ออกมาจากใจจริงแม้แต่
น้อยเลย แต่แสดงออกตามความรู้สึกที่เคยฝังใจมานานว่าตัวเป็นผู้มี
อ�ำนาจในหมู่อมนุษย์ด้วยกันและมีอ�ำนาจในหมู่มนุษย์ท่ีไม่มีศีลธรรม
ชอบรกั บาปหาบความชั่วประจ�ำนิสัยตา่ งหาก อำ� นาจน้จี ะทำ� อะไรให้ใคร
เมอ่ื ไรกไ็ ดต้ ามตอ้ งการ โดยปราศจากการตา้ นทานขดั ขวาง มานะอนั นแี้ ล
พาให้ท�ำเป็นผู้มีอ�ำนาจ แสดงออกพอไม่ให้เสียลวดลาย ทั้งๆ ท่ีกลัว
และใจออ่ น ทำ� ไมล่ ง และมไิ ด้ปลงใจว่าจะทำ� หากเปน็ เพียงแสดงออก

40

พอเป็นกิริยาของผเู้ คยมีอ�ำนาจเทา่ นัน้ กรรมอันไมง่ ามใดๆ ทีแ่ สดงออก
ให้เป็นของน่าเกลียดในวงนักปราชญ์ท่ีแสดงต่อท่านวันนี้ ขอได้เมตตา
อโหสิกรรมแกก่ รรมน้ันๆ ให้กระผมดว้ ย อยา่ ตอ้ งใหร้ บั บาปหาบทกุ ขต์ อ่
ไปเลย เทา่ ท่เี ป็นอยู่เวลานี้กม็ ีทกุ ข์อย่างพอตัวอยู่แลว้ ยง่ิ จะเพม่ิ ทุกข์ให้
มากกว่านี้ กค็ งเหลอื ก�ำลงั ท่ีจะทนต่อไปไหว”

ทา่ นถามเขาวา่ “ทา่ นเปน็ ผใู้ หญม่ อี ำ� นาจวาสนามาก กายกเ็ ปน็ กายทพิ ย์
ไมต่ อ้ งพาหอบหว้ิ เดนิ เหนิ ไปมาใหล้ �ำบากเหมือนมนุษย์ การเปน็ อยหู่ ลับ
นอนก็ไม่เป็นภาระเหมือนมนุษย์ท่ัวโลกท่ีเป็นกัน แล้วท�ำไมจึงยังบ่นว่า
ทกุ ขอ์ ยอู่ กี ถา้ โลกทพิ ยไ์ มเ่ ปน็ สขุ แลว้ โลกไหนจะเปน็ สขุ เลา่ ?” เขาตอบวา่
“ถา้ พดู อยา่ งผวิ เผนิ และเทยี บกบั กายมนษุ ยท์ ห่ี ยาบๆ พวกกายทพิ ยอ์ าจมี
ความสขุ มากกวา่ พวกมนษุ ยจ์ รงิ เพราะเปน็ ภมู ทิ ลี่ ะเอยี ดกวา่ กนั แตถ่ า้ กลา่ ว
ตามชน้ั ภมู แิ ลว้ กายทพิ ยก์ ย็ อ่ มมที กุ ขไ์ ปตามวสิ ยั ของภมู นิ นั้ ๆ เหมอื นกนั ”
ระหวา่ งทผี่ กี บั พระสนทนากนั ในตอนน้ี รสู้ กึ วา่ ละเอยี ดและลกึ ลบั ยากท่ี
ผู้เขียนจะนำ� มาลงได้ทุกประโยค จงึ ขออภยั ท่านผูอ้ ่านไวด้ ้วยความจนใจ

สุดท้ายแห่งการสนทนาธรรม ท่านว่าบุรุษลึกลับมีความเคารพ
เลื่อมใสในธรรมเป็นอย่างยิ่งและปฏิญาณตนถึงพระไตรสรณคมน์
กล่าวอ้างท่านพระอาจารย์เป็นสรณะและเป็นองค์พยานด้วย พร้อมท้ัง
ใหค้ วามอารกั ขาแกท่ า่ นเปน็ อยา่ งดี และขอนมิ นตท์ า่ นพกั อยทู่ นี่ ใ่ี หน้ านๆ
ถา้ ตามใจเขาแลว้ ไมอ่ ยากใหท้ า่ นจากไปสทู่ อี่ น่ื ตลอดอายขุ องทา่ น เขาจะ
เปน็ ผคู้ อยดแู ลรกั ษาทา่ นทกุ อริ ยิ าบถ ไมใ่ หม้ อี ะไรมาเบยี ดเบยี นหรอื รงั แก
ทา่ นไดเ้ ลย ความจรงิ แลว้ เขามิใช่บรุ ษุ ลกึ ลับและมรี ่างกายดำ� สูงใหญ่ดังท่ี
แสดงภาพต่อท่าน แตเ่ ขาเป็นหวั หน้าแหง่ รุกขเทวดา ซึง่ มบี รษิ ทั บริวาร

41

มากมายทอี่ าศยั อยใู่ นภเู ขาและสถานทต่ี า่ งๆ มเี ขตอาณาบรเิ วณกวา้ งขวาง
มากตดิ ตอ่ กันหลายจงั หวดั มนี ครนายก เป็นต้น

นับแต่ขณะจิตท่านสงบลงและระงับโรคจนหายสนิทไม่ปรากฏเลย
ประมาณเท่ียงคืน กับที่รุกขเทพมาเกี่ยวข้องและสนทนาธรรมกันจนถึง
เวลาจากไป และจติ ถอนขนึ้ มากป็ ระมาณ ๔.๐๐ นาฬกิ า คือ ๑๐ ทุม่
โรคทกี่ ำ� ลงั กำ� เรบิ ในขณะทนี่ ง่ั ทำ� สมาธภิ าวนา พอจติ ถอนขนึ้ มาปรากฏวา่
หายไปโดยสน้ิ เชงิ ไมต่ อ้ งอาศยั ยาอน่ื ใดรกั ษาอกี ตอ่ ไป โรคหายไดเ้ ดด็ ขาด
ด้วยธรรมโอสถทางภาวนาล้วนๆ จึงเป็นส่ิงที่อัศจรรย์มากส�ำหรับท่าน
ในคืนวันนั้น พอจติ ถอนขนึ้ มาแลว้ ทา่ นทำ� ความเพยี รตอ่ ไปมไิ ดห้ ลบั นอน
ตลอดรงุ่ เมอื่ ออกจากทภ่ี าวนาแลว้ ร่างกายก็ไม่มกี ารออ่ นเพลยี แต่กลับ
กระปรีก้ ระเปรา่ ขน้ึ กว่าเดมิ อีกด้วย

คนื วนั นนั้ ทา่ นไดเ้ หน็ ความอศั จรรยห์ ลายอยา่ ง คอื เหน็ อานภุ าพแหง่
ธรรมที่สามารถยงั เทวดาให้หายพยศและเกดิ ความเลื่อมใสหนงึ่ จิตรวม
สงบลงเป็นเวลาหลายชั่วโมง และเห็นความอัศจรรย์ในขณะที่จิตสงบ
อยู่ตัวอย่างมีความสุขหนึ่ง โรคท่ีเคยก�ำเริบอยู่เสมอจนควรเรียกได้ว่า
โรคประเภทเรื้อรังได้หายไปโดยส้ินเชิงหนึ่ง จิตได้หลักยึดเป็นที่พอใจ
หายสงสยั ในสง่ิ ทเ่ี คยเปน็ มาหลายชนดิ หนงึ่ อาหารทฉ่ี นั ลงไปในตอนเชา้
แตว่ นั หลงั กลบั ทำ� การยอ่ ยตามปกตหิ นงึ่ ความรแู้ ปลกๆ ทไี่ มเ่ คยรมู้ ากอ่ น
ได้ปรากฏข้ึนมากมาย ท้ังประเภทถอดถอนและประเภทประดับความรู้
พเิ ศษตามวสิ ยั วาสนาหน่งึ

ในคนื ตอ่ ไป ทา่ นบำ� เพญ็ เพยี รดว้ ยความสะดวก และมคี วามสงบสขุ
ทางใจอยา่ งบอกไมถ่ กู รา่ งกายกเ็ ปน็ ปกตสิ ขุ ไมม่ อี าการใดกอ่ กวน บางคนื

42

ยามดกึ สงดั กต็ อ้ นรบั พวกรกุ ขเทพทมี่ าจากทตี่ า่ งๆ จำ� นวนมากมาย โดยมี
เทพลกึ ลบั ทเ่ี คยทำ� สงครามวาทะกบั ทา่ นอาจารย์ เปน็ ผปู้ ระกาศโฆษณาให้
ทราบและเปน็ หวั หนา้ พามา คนื ทไี่ มม่ เี รอื่ งมาเกย่ี วขอ้ งทา่ นกส็ นกุ บำ� เพญ็
สมาธิภาวนา

บา่ ยวนั หนง่ึ ทา่ นออกจากทสี่ มาธแิ ลว้ กอ็ อกไปนง่ั ตากอากาศ หา่ งจาก
หนา้ ถำ้� พอประมาณ ขณะนนั้ กำ� ลงั รำ� พงึ ธรรมทพ่ี ระพทุ ธเจา้ ทรงพระเมตตา
ประทานไวแ้ กห่ มชู่ น รสู้ กึ วา่ เปน็ ธรรมทส่ี ขุ มุ ลมุ่ ลกึ มาก ยากทจ่ี ะมผี สู้ ามารถ
ปฏบิ ัติและไตร่ตรองให้เหน็ จริงตามได้ ท่านเกิดความภูมิใจและอัศจรรย์
ในตวั ทา่ นเองขนึ้ มา ทม่ี วี าสนาไดป้ ฏบิ ตั แิ ละรเู้ หน็ ความอศั จรรยห์ ลายอยา่ ง
จากธรรม แม้จะยังไม่สมบูรณ์เต็มภูมิทใ่ี ฝ่ฝนั มานานก็ตาม แตก่ ย็ งั จดั วา่
อยใู่ นขน้ั พอกนิ พอใช้ ไม่ขัดสนจนมมุ ในความสขุ ทเี่ ป็นอยูแ่ ละจะเป็นไป
ซง่ึ ตวั เองกแ็ นใ่ จวา่ จะถงึ แดนแหง่ ความสมหวงั ในวนั หนง่ึ แนน่ อน ถา้ ไมต่ าย
เสียในระยะกาลที่ควรจะเปน็ นี้

ขณะนน้ั กำ� ลงั เสวยสขุ เพลนิ อยดู่ ว้ ยการพจิ ารณาธรรม ทง้ั ฝา่ ยมรรค
คอื ทางดำ� เนนิ และฝา่ ยผลคอื ความสมหวงั เปน็ ลำ� ดบั จนถงึ ความดบั สนทิ
แห่งกองทกุ ขภ์ ายในใจไมม่ ีเหลอื พอดีมีลงิ ฝูงใหญพ่ ากันมาเทย่ี วหากนิ
บริเวณหน้าถ�้ำนั้น โดยมีหัวหน้ามาก่อนเพ่ือน ปล่อยระยะห่างจากฝูง
ประมาณ ๑ เสน้ พอหวั หนา้ ลงิ มาถงึ ทน่ี นั้ กม็ องเหน็ ทา่ นนงั่ นง่ิ ๆ อยพู่ อดี
แต่มิได้หลับตา ท่านเองก็ได้ช�ำเลืองไปดูลิงตัวน้ันเช่นกัน ประกอบกับ
ลิงตัวนายฝูงนั้นก�ำลังเกิดความสงสัยในท่านอยู่ว่า น่ันคืออะไรกันแน่
มนั คอ่ ยด้อมๆ มองๆ ท่าน และวิ่งถอยไปถอยมาอยูบ่ นกิง่ ไม้ดว้ ยความ
สงสยั และเปน็ หว่ งเพอื่ นฝงู ของมนั มาก กลวั จะเปน็ อนั ตราย ขณะทม่ี นั

43

สงสัยท่าน ท่านก็ทราบเร่ืองของมันพร้อมกับเกิดความสงสารขึ้นมาใน
ขณะนน้ั และแผเ่ มตตาจติ ไปยงั ลงิ ตวั นนั้ วา่ เรามาบำ� เพญ็ ธรรม มไิ ดม้ าหา
เบยี ดเบยี นและทำ� รา้ ยใคร ไมต่ อ้ งกลวั เรา จงพากนั หาอยหู่ ากนิ ตามสบาย
แมจ้ ะพากนั มาหากนิ อยูแ่ ถวบรเิ วณนท้ี กุ วันเรากไ็ มว่ ่าอะไร สกั ประเด๋ยี ว
ใจมนั วิ่งไปหาพวกของมันซึ่งพอมองเห็นตัวที่ก�ำลงั ตามหลงั กันมา

ท่านเล่าตอนนี้น่าหัวเราะและน่าสงสารมาก พอมันวิ่งไปถึงพรรค
พวกของมนั แลว้ มนั รบี บอกกนั วา่ “โกก้ เฮย้ อยา่ ดว่ นไป มอี ะไรอยทู่ น่ี นั้ ”
“โกก้ ระวงั อนั ตราย” พวกของมนั ทยี่ งั ไมเ่ หน็ พอไดย้ นิ เสยี งกร็ อ้ งถามมา
วา่ “โกก้ อยทู่ ไ่ี หน” “โกก้ อยทู่ น่ี นั้ ” พรอ้ มทง้ั หนั หนา้ มองมาทที่ า่ นพกั อยู่
เหมอื นจะบอกกนั วา่ นนั่ นง่ั อยนู่ น่ั เหน็ ไหม ทำ� นองน้ี แตเ่ ปน็ ภาษาของสตั ว์
จงึ เปน็ เรื่องลกึ ลับสำ� หรับมนษุ ย์ธรรมดาจะตามรู้ แตท่ า่ นอาจารย์ม่ันท่าน
รทู้ ุกค�ำทมี่ ันพูดกนั เมอ่ื มันให้สญั ญาณกันว่าอยู่ทีน่ ั้นแลว้ มันบอกกนั วา่
อยา่ พากันไปเรว็ นกั จงพากนั ค่อยๆ ไป และดูซวิ ่าเปน็ อะไรกนั แน่ แลว้ ก็
พากนั คอ่ ยๆ ไป สว่ นหวั หนา้ ฝงู พอบอกพรรคพวกเสรจ็ แลว้ กร็ บี ไป แตค่ อ่ ย
ดอ้ มๆ มองๆ ไปจนถงึ หนา้ ถำ้� ทที่ า่ นนงั่ อยู่ มอี าการทง้ั กลวั ทงั้ อยากดแู ละ
อยากรวู้ า่ เปน็ อะไรกนั แน่ ทงั้ เปน็ หว่ งเพอื่ นฝงู ทพี่ ากนั คอ่ ยมารออยเู่ บอ้ื งหลงั
หัวหน้ามันโดดขึ้นลงอยู่บนกิ่งไม้ตามนิสัยลิงซึ่งเป็นนิสัยหลุกหลิกดังท่ี
เคยเหน็ มาแล้วนนั่ แล มันมาดอ้ มๆ มองอยู่ระยะหา่ งจากทา่ นประมาณ
๑๐ วา ทา่ นเองกไ็ ดใ้ ชค้ วามสงั เกตอยภู่ ายในทกุ ระยะวา่ มนั จะมคี วามรสู้ กึ
ตอ่ ทา่ นอย่างไรบา้ ง

นบั แตเ่ รม่ิ แรกทม่ี นั มาหาทา่ นและวงิ่ กลบั ไปจนมนั วงิ่ กลบั มาอกี และ
ดทู ่านซำ้� ๆ ซากๆ พอมนั แน่ใจแล้ววา่ ไม่ใช่อันตราย มนั ก็วง่ิ กลับไปบอก

44

เพ่ือนฝงู ของมนั วา่ “โกก้ ไปได้ โกก้ ไม่มีอนั ตราย” ท่านเล่าว่า ตอนมนั
วง่ิ ไปบอกเพอื่ นฝงู ของมนั นนั้ นา่ ขบขนั และนา่ หวั เราะ ทงั้ นา่ สงสารมนั มาก
เม่ือเรารู้ภาษาของมันแล้ว แต่ถ้าไม่รู้ค�ำที่มันพูดกันจะเห็นว่าเสียงท่ีมัน
เปลง่ ออกมาแตล่ ะคำ� และแตล่ ะตวั นน้ั เปน็ เสยี งมนั รอ้ งธรรมดาไปเสยี หมด
เชน่ เดยี วกบั เราไดย้ นิ เสยี งนกเสยี งการอ้ งฉะนนั้ ความจรงิ เทา่ ทท่ี า่ นตง้ั ใจ
สังเกตก�ำหนดดเู สยี งของลิงทีว่ งิ่ กลบั ไปบอกเพือ่ นฝูงของมนั จรงิ ๆ แล้ว
มนั เปลง่ เสยี งออกชดั ถอ้ ยชัดคำ� เหมอื นเสยี งคนเราพดู กันดๆี นเ่ี อง

คือพอมันว่ิงกลับไปถึงพวกของมันแล้ว มันก็รีบพูดเป็นค�ำเตือน
พวกของมันให้สนใจในค�ำของมัน เพ่ือระวังตัว โดยเป็นเสียงของลิง
พดู กนั วา่ โกก้ ๆ ดงั น้ี แตค่ วามหมายทมี่ นั เขา้ ใจกนั จากคำ� วา่ “โกก้ ๆ” นนั้
เปน็ ใจความว่า “เฮย้ หยดุ กอ่ น อย่าด่วนพากนั ไป โกก้ มันยังมอี ะไรอยู่
ข้างหน้านั้น” พวกของมันได้ยินเสียงมันเตือนเช่นน้ัน ต่างตัวต่างเกิด
ความสงสัยจงึ ร้องถามมาวา่ “โกก้ มีอะไรหรอื ” ตวั นนั้ ถามมาว่า “โก้ก
อะไรกัน” ตัวน้ีร้องถามว่า “โก้กอะไรกัน” ตัวหัวหน้าฝูงก็ตอบว่า
“โกก้ เกก้ มนั มีอะไรอยทู่ ี่นน้ั นา่ กลวั เป็นอันตราย” พวกของมนั ถามมา
วา่ “โกก้ อยทู่ ่ไี หน” หัวหน้าตอบวา่ “โกก้ น้ันอยา่ งไรละ่ ” เสียงมนั
ถามและตอบรับกันสน่นั ป่าไปหมด เพราะมีลิงจ�ำนวนมากด้วยกัน

ตัวนน้ั “โกก้ ” ถามมา ตวั น้ี “โกก้ ” ถามมาด้วยความต่นื ตกใจ
ท้ังตัวเล็กตัวใหญ่วิ่งวุ่นกันไปมา ขณะท่ีมันเกิดความสงสัยไม่แน่ใจ
กลวั จะเกดิ อนั ตรายแกต่ วั และพวกของตวั จงึ ตา่ งตวั ตา่ งเรยี กรอ้ งถามกนั
อยา่ งชลุ มุนวุ่นวาย เช่นเดียวกับมนษุ ย์เราร้องถามกนั ถึงเหตุการณ์ตา่ งๆ
นเ่ี อง หวั หนา้ ตอ้ งชแ้ี จงเรอื่ งราวใหท้ ราบและเตอื นพวกของมนั วา่ “โกก้ เกก้

45

ใหพ้ ากนั รออยทู่ นี่ กี่ อ่ น เราจะกลบั ไปดใู หแ้ นน่ อนอกี ครง้ั ” พอมนั สงั่ เสยี
แลว้ กร็ บี กลบั ไปดู ขณะทม่ี นั วงิ่ ไปดทู า่ นอาจารยก์ น็ ง่ั อยู่ พอจวนถงึ ตวั ทา่ น
มันค่อยด้อมค่อยมอง วิ่งข้ึนว่ิงลงอยู่บนกิ่งไม้ ตาจับจ้องมองดูอย่าง
พนิ ิจพิเคราะห์จนเป็นทแ่ี นใ่ จว่าไมใ่ ช่ข้าศึกผูจ้ ะคอยทำ� ลายแล้ว มนั กร็ ีบ
ว่ิงกลบั มาบอกเพอ่ื นฝูงของมันว่า “โก้กเก้ก ไปได้แล้ว ไม่เป็นอนั ตราย
โกก้ ไมต่ ้องกลัว” พอทราบแล้วตา่ งตวั มาสทู่ ท่ี า่ นน่ังพักอยู่ และตา่ งตวั
ตา่ งดทู า่ นในลกั ษณะทา่ ทางไมค่ อ่ ยไวใ้ จนกั ตา่ งวง่ิ ขนึ้ วง่ิ ลงแบบลงิ นน่ั เอง
เพราะความหิวกระหายอยากดูอยากรู้ และร้องถามกันโกก้ เก้กลั่นปา่ ไป
เวลานน้ั วา่ นคี่ อื อะไรและมาอยทู่ ำ� ไมกนั เสยี งตอบรบั กนั แบบตา่ งๆ ตาม
ภาษาสตั วซ์ ง่ึ ตา่ งตวั ตา่ งสงสยั อยากรเู้ รอ่ื งดว้ ยความกระวนกระวาย

ทพี่ ดู ซำ�้ นเี้ ขยี นตามคำ� ทท่ี า่ นเนน้ ซำ้� เพอื่ ผนู้ งั่ ฟงั ดว้ ยความสนใจจาก
ทา่ นไดเ้ ขา้ ใจชดั เจน ทา่ นเลา่ วา่ ขณะทเ่ี ขาเกดิ ความสงสยั ไมแ่ นใ่ จในชวี ติ
ของตัวและพรรคพวกนั้น รสู้ ึกว่าเปน็ เสียงที่แสดงออกดว้ ยความชุลมุน
วุ่นวายมากพอดู เพราะสัตวป์ ระเภทนีเ้ คยถกู มนษุ ย์ทำ� ลายด้วยวธิ ตี ่างๆ
มามากตอ่ มากตลอดชวี ติ ของมนั จงึ เปน็ สตั วท์ ม่ี คี วามระแวงตอ่ มวลมนษุ ย์
อยู่มากประจ�ำนิสัย ขณะน้ันต่างตัวต่างมารุมดูท้ังตัวเล็กตัวใหญ่ด้วย
ทา่ ทางระมดั ระวงั อยา่ งยง่ิ กระแสจติ ทแ่ี สดงความหมายออกมาตามเสยี ง
ทมี่ นั รอ้ งถามและตอบรบั กนั นนั้ เหมอื นกบั กระแสใจของมนษุ ยท์ ส่ี ง่ ออก
มาตามกระแสเสียงท่ีพูดกันน่ันเอง ฉะน้ัน เขาจึงรู้เร่ืองของกันได้ดีทุก
ประโยคเชน่ เดยี วกบั มนษุ ยเ์ ราพดู กนั ฉนั นน้ั ในคำ� ทเ่ี ขาแสดงออกแตล่ ะคำ�
ซง่ึ แสดงออกมาจากกระแสจติ ทม่ี คี วามมงุ่ หมายไปตา่ งๆ กนั นนั้ เปน็ คำ� ท่ี
ให้ความหมายแกต่ วั รบั ฟังอย่างชดั เจน ไม่มีความบกพร่องพอจะใหเ้ กิด
ความสงสยั แก่ฝ่ายหนงึ่ ฝา่ ยใด

46

ดงั นนั้ คำ� แสดงของลงิ แตล่ ะประโยค เชน่ โกก้ เปน็ ตน้ ทม่ี นษุ ยธ์ รรมดา
เราฟังไม่รู้เรื่อง แต่ระหว่างเขาเองรู้เร่ืองกันดีทุกประโยคที่แสดงออก
เพราะเปน็ ภาษาของสัตวพ์ ูดตอ่ กนั เชน่ เดยี วกบั มนษุ ยเ์ ราชาตติ า่ งๆ ตา่ ง
กม็ ภี าษาประจ�ำชาติของตนฉะน้นั สรุปความกค็ ือ ภาษาสัตว์ต่างๆ ก็มไี ว้
ส�ำหรับชาติของตน ภาษามนุษย์ชาติต่างๆ ก็มีไว้ส�ำหรับชาติของตน
การจะฟงั รเู้ รอื่ งหรอื ไมร่ รู้ ะหวา่ งสตั วช์ นดิ ตา่ งๆ พดู กนั ระหวา่ งมนษุ ยช์ าติ
ตา่ งๆ พดู กัน กย็ ุติลงเองไมเ่ ปน็ อารมณ์ข้องใจต่อไป ปล่อยใหเ้ ป็นสทิ ธิ
ของแต่ละชาติจะวินิจฉัยรับรู้ของเขาเอง พอต่างตัวต่างหายสงสัยแล้ว
ต่างก็มาเที่ยวหากินในบริเวณน้ันตามสบาย หายความหวาดระแวง
ไม่ระเวยี งระวงั วา่ จะมีอะไรเกดิ ขน้ึ นบั แตว่ ันนน้ั เปน็ ต้นมา เขาพากนั มา
เทย่ี วหากนิ ตามบรเิ วณหนา้ ถำ�้ อยา่ งสบาย ไมส่ นใจกบั ทา่ น ทา่ นเองกม็ ไิ ด้
สนใจกบั เขา ต่างคนตา่ งท�ำหนา้ ท่ขี องตน

ท่านว่า สัตว์ท่ีมาเที่ยวหากินอยู่บริเวณใกล้เคียงท่านโดยไม่ต้อง
ระแวงและกลวั ภยั นี้ เขาก็เป็นสุขดเี หมือนกัน โดยมากพระไปอยู่ทไี่ หน
พวกสตั วช์ นดิ ตา่ งๆ ชอบไปอาศยั อยดู่ ว้ ย ไมว่ า่ สตั วเ์ ลก็ สตั วใ์ หญ่ เพราะ
ความรสู้ กึ มนั คลา้ ยคลงึ กนั กบั มนษุ ย์ เปน็ แตเ่ ขาไมม่ อี ำ� นาจและไมม่ คี วาม
เฉลยี วฉลาดรอบดา้ นเหมอื นมนษุ ยเ์ ทา่ นนั้ มคี วามฉลาดเฉพาะการหาอยู่
หากนิ และหาทซี่ ่อนตัวเพ่ือชีวิตไปวนั หน่งึ ๆ เทา่ นัน้

คนื วนั หน่ึง ทา่ นเกิดความสลดสงั เวชใจอย่างมากจนนำ�้ ตารว่ งออก
มาจริงๆ คือเวลาน่ังสมาธิจติ รวมลงอย่างเตม็ ที่ เพราะการพิจารณากาย
เปน็ เหตุ ปรากฏวา่ จติ วา่ งและปลอ่ ยวางอะไรๆ หมดโลกธาตเุ ปน็ เหมอื น
ไม่มอี ะไรเหลืออยเู่ ลยในความรู้สกึ ขณะนน้ั หลงั จากสมาธแิ ล้วพจิ ารณา

47

พระธรรมวินัยที่พระพุทธเจ้าทรงบัญญัติไว้เพ่ือลบล้างหรือถอดถอน
ความผิดท่ีมีอยู่ในใจของสัตว์โลก ซ่ึงเป็นธรรมที่ออกจากความฉลาด
แหลมคมแห่งพระปัญญาของพระพุทธเจ้า พิจารณาไปเท่าไร ก็ยิ่งเห็น
ความฉลาดและอศั จรรยข์ องพระองค์ และเหน็ ความโงเ่ ขลาเตา่ ปลาของตน
ยิ่งขึ้น เพราะการขบฉันขับถ่ายก็ต้องได้รับการอบรมสั่งสอนมาก่อน
การยืน เดิน นั่ง นอนก็ตอ้ งไดร้ บั การอบรมสงั่ สอนมากอ่ น การน่งุ ห่ม
ซกั ฟอกก็ตอ้ งไดร้ ับการสง่ั สอนมากอ่ น ไมเ่ ช่นนัน้ กท็ ำ� ไมถ่ กู นอกจากท�ำ
ไม่ถกู แล้วยังทำ� ผิดอีกด้วย ซง่ึ ลว้ นแต่เปน็ เรื่องหาบบาปหาบกรรมใสต่ ัว
การปฏบิ ตั ติ อ่ รา่ งกายดว้ ยวธิ ตี า่ งๆ กต็ อ้ งไดร้ บั การอบรมสง่ั สอน การปฏบิ ตั ิ
ต่อจิตใจก็ต้องได้รับการอบรมส่ังสอน ถ้าไม่ได้รับการอบรมส่ังสอนมา
เทา่ ทค่ี วร กต็ อ้ งทำ� ผดิ จรงิ ๆ ดว้ ย โดยไมเ่ ลอื กเพศวยั และชาตชิ นั้ วรรณะ
ใดๆ เลย เพราะสามญั มนษุ ยเ์ ราเปน็ เหมอื นเดก็ ซงึ่ ตอ้ งไดร้ บั การดแู ลและ
อบรมส่งั สอนจากผ้ใู หญ่อยทู่ กุ ขณะจึงจะปลอดภัยและเจริญเตบิ โตได้

คนเราใหญ่แต่กาย ใหญ่แต่ชาติ ใหญ่แต่ชื่อใหญ่แต่ยศ ใหญ่แต่
ความส�ำคัญตน แต่ความรู้ความฉลาดที่จะท�ำตนให้ร่มเย็นเป็นสุขทั้ง
ทางกายและทางใจโดยถกู ทาง ตลอดผอู้ น่ื ไดร้ บั ความรม่ เยน็ เปน็ สขุ ดว้ ย
น่ันไม่ค่อยเจริญเติบโตด้วยและไม่สนใจบำ� รุงให้ใหญ่โตอีกด้วย จึงเกิด
ความเดือดร้อนกันอยู่ทุกหนทุกแห่งโดยไม่เลือกเพศวัยและชาติช้ัน
วรรณะอะไรเลย

เหล่าน้ีแลที่ท�ำให้เกิดความสลดสังเวชตนอย่างย่ิงในคืนวันน้ัน
ทชี่ ายเขาทางขนึ้ ไปถำ้� ทที่ า่ นพระอาจารยพ์ กั อยู่ กม็ สี ำ� นกั บำ� เพญ็ วปิ สั สนา
อยู่แห่งหนึ่ง เวลาท่านพักอยู่ถ�้ำนั้น มีขรัวตาองค์หน่ึงพักอยู่ส�ำนัก

48

บ�ำเพ็ญนนั้ คืนวนั หน่ึงท่านพระอาจารย์คิดถงึ ขรวั ตาองค์นน้ั ว่าทา่ นจะทำ�
อะไรอยเู่ วลานี้ กก็ ำ� หนดจติ สง่ กระแสลงมาดขู รวั ตา พอดเี ปน็ เวลาทข่ี รวั ตา
องค์น้ันก�ำลังคิดวุ่นวายไปกับกิจการบ้านเรือนครอบครัวยุ่งไปหมด
เรอ่ื งทขี่ รวั ตาคดิ เกยี่ วกบั อตตี ารมณ์ พอตกดกึ ทา่ นสง่ กระแสจติ ลงมาหา
ขรวั ตาองคน์ น้ั อกี ก็มาเจอเอาเร่ืองท�ำนองนนั้ เขา้ อีก ท่านก็ยอ้ นจิตกลบั
จวนสวา่ งสง่ กระแสจติ ลงมาอกี กม็ าโดนเอาแตเ่ รอื่ งคดิ จะสงั่ เสยี ลกู คนนน้ั
หลานคนนอ้ี ยรู่ ำ�่ ไป ทงั้ สามวาระทท่ี า่ นสง่ กระแสจติ ลงมา แตก่ ม็ าเจอเอา
แตเ่ รอ่ื งขรวั ตาคดิ จะสรา้ งบา้ นสรา้ งเรอื น สรา้ งภพสรา้ งชาติ สรา้ งวฏั สงสาร
ไมม่ ีส้นิ สดุ วิถแี หง่ ความคิดความปรุงเอาเสียเลย

ตอนเช้าท่านลงมาบิณฑบาต ขากลับมาจึงแวะไปเย่ียมขรัวตา
ถงึ ท่พี ัก แล้วพูดเปน็ เชงิ ปัญหาว่า เป็นอยา่ งไรหลวงพ่อ ปลกู บ้านใหม่
แตง่ งานกบั คคู่ รองใหมแ่ ตเ่ ปน็ แมอ่ หี นคู นเกา่ เมอ่ื คนื นต้ี ลอดคนื ไมย่ อมนอน
เสรจ็ เรียบร้อยไปด้วยดแี ลว้ มใิ ชห่ รือ คืนต่อไปคงจะสบายไมต่ ้องวนุ่ วาย
จดั แจงสงั่ ลกู คนนนั้ ใหท้ ำ� สง่ิ นนั้ สงั่ หลานคนนใี้ หท้ ำ� งานสงิ่ นอี้ กี กระมงั คนื น้ี
รสู้ กึ หลวงพอ่ มงี านมากและวนุ่ วายพอดู แทบมไิ ดพ้ กั ผอ่ นนอนหลบั มใิ ชห่ รอื
ขรวั ตาถามทา่ นดว้ ยอาการเอียงอายและยิ้มแห้งๆ วา่ ท่านพระอาจารย์
เปน็ พระอศั จรรยม์ าก ทา่ นรดู้ ว้ ยหรอื เมอ่ื คนื นี้ ทา่ นพระอาจารยแ์ สดงอาการ
ย้ิมรับแล้วตอบว่า ผมเข้าใจว่าท่านจะรู้เร่ืองของตัวดียิ่งกว่าผมผู้ถาม
เปน็ ไหนๆ แตท่ ำ� ไมทา่ นจงึ กลบั มาถามผมอยา่ งนอี้ กี ผมเขา้ ใจวา่ ความคดิ
ปรงุ ของทา่ นเปน็ ไปดว้ ยเจตนาและพอใจในความคดิ นน้ั ๆ จนลมื หลบั นอน
ไปท้ังคืน แม้แต่รุ่งเช้าตลอดมาถึงปัจจุบันนี้ ผมก็เข้าใจว่าท่านจงใจคิด
เร่ืองเช่นนั้นอยู่อย่างเพลินใจจนไม่มีสติจะยับยั้ง และยังพยายามท�ำตัว
ให้เป็นไปตามความคดิ นั้นๆ อยา่ งมน่ั ใจมิใช่หรือ

49

พอจบลง ทา่ นมองดหู นา้ ขรวั ตาเหมอื นคนจะเปน็ ลม ทง้ั อายทง้ั กลวั
พดู ออกมาดว้ ยเสียงส่ันเครือแทบไมเ่ ป็นเสยี งคน และไม่ชดั ถ้อยชัดคำ�
ขาดๆ วิน่ ๆ เหมอื นจะเป็นอะไรไปในเวลาน้ันจนได้ พอเหน็ ทา่ ไมไ่ ดก้ าร
ขนื พดู เรอ่ื งนน้ั ตอ่ ไป เดยี๋ วขรวั ตาจะเปน็ อะไรไปกจ็ ะแย่ ทา่ นเลยหาอบุ าย
พูดไปเร่อื งอ่นื พอให้เร่ืองจางไป แล้วก็ลาขนึ้ ถ�้ำ

ตอ่ มาได้ ๓ วนั โยมผปู้ ฏบิ ตั ขิ รวั ตาองคน์ น้ั กข็ นึ้ ไปทถ่ี ำ้� ทา่ นพระอาจารย์
จงึ ถามถงึ ขรวั ตานนั้ วา่ สบายดหี รอื โยมทา่ นบอกวา่ ขรวั ตาองคน์ นั้ จากไป
ท่ีอ่ืนเสยี แลว้ ตัง้ แตเ่ ช้าวานนี้ ผมถามท่านวา่ หลวงพอ่ จะไปท�ำไม อยู่ท่ีน่ี
ไมส่ บายหรอื ทา่ นบอกวา่ จะอยไู่ ปไดอ้ ยา่ งไร กเ็ ชา้ วานนที้ า่ นพระอาจารยม์ น่ั
มาหาอาตมาทนี่ ี่ แลว้ เทศนอ์ าตมาเสยี ยกหนงึ่ หนกั ๆ อาตมาแทบเปน็ ลม
สลบไปตอ่ หนา้ ทา่ นอยแู่ ลว้ ถา้ ทา่ นขนื เทศนไ์ ปอกี สกั ประโยคสองประโยค
อาตมาตอ้ งลม้ ตายตอ่ หนา้ ทา่ นแนๆ่ แตพ่ อดที า่ นหยดุ และเลยพดู เรอ่ื งอน่ื
ไปเสีย อาตมาจึงพอมีชีวิตและลมหายใจกลับคืนมาได้ ไม่ตายไปเสีย
ในขณะนัน้ แล้วจะให้อาตมาอยู่ตอ่ ไปได้อยา่ งไร อาตมาขอไปวนั น้ี

ผมถามท่านว่า ท่านพระอาจารย์มั่นเทศน์ดุด่าท่านหรือ ถึงจะอยู่
ตอ่ ไปไม่ไดแ้ ละจะตายตอ่ หนา้ ท่าน ทา่ นมไิ ด้ดดุ ่าอาตมา แตป่ ญั หาธรรม
ของทา่ นนน้ั มนั หนกั ยงิ่ กวา่ ทา่ นดดุ า่ เฆยี่ นตเี ปน็ ไหนๆ ขรวั ตาตอบ ทา่ นถาม
ปัญหาหลวงพ่ออย่างนั้นหรือ ปัญหาน้ันมีว่าอย่างไรผมอยากทราบด้วย
พอเปน็ คตบิ า้ ง ผมถามทา่ น ทา่ นพดู วา่ ขออยา่ ใหอ้ าตมาเลา่ ใหโ้ ยมฟงั เลย
อาตมาอายจะตายอยู่แล้ว จะมุดดินลงไปเด๋ียวน้ีแลถ้าขืนบอกใครให้
ทราบดว้ ย อาตมาจะพดู ใหโ้ ยมฟงั เพยี งเปรยๆ นะ กเ็ ราคดิ อะไรๆ ทา่ นรู้
เสยี จนหมดสนิ้ จะไม่หนกั กว่าท่านดดุ ่าอยา่ งไรล่ะ ธรรมดาปุถุชนก็ยอ่ ม

50

มีคิดดบี า้ งชว่ั บ้างเปน็ ธรรมดา จะห้ามไม่ให้คดิ ได้อยา่ งไร ทีนี้พอเราคดิ
อะไรขนึ้ มา ทา่ นกร็ เู้ สยี หมดอยา่ งนจ้ี ะอยไู่ ดอ้ ยา่ งไร หนไี ปตายทอี่ น่ื ดกี วา่
อย่าอยู่ให้ท่านพลอยหนักใจด้วยเลย คนอย่างเราไม่ควรอยู่ที่น่ีต่อไป
อายโลกเขาเปล่าๆ คืนนอ้ี าตมานอนไม่ได้เลย คดิ แต่เรอ่ื งน้อี ยา่ งเดียว

ผมแยง้ ทา่ นวา่ กท็ า่ นจะมาหนกั ใจดว้ ยเราทำ� ไม เพราะทา่ นมใิ ชผ่ ผู้ ดิ
เราผผู้ ดิ ตา่ งหากจะควรหนกั ใจ และควรแกค้ วามผดิ ของตนใหส้ นิ้ เรอื่ งไป
ท่านอาจารย์ยังจะอนุโมทนาอีกด้วย นิมนต์ท่านอยู่ที่นี่ไปก่อน เผ่ือคิด
อะไรผดิ ๆ ถูกๆ ขึน้ มา ท่านอาจารยจ์ ะได้ช่วยเตอื น เราก็จะได้สตแิ ก้ไข
ยงั จะดกี วา่ หนไี ปอยทู่ อี่ น่ื เปน็ ไหนๆ ความเหน็ ของผมวา่ อยา่ งนหี้ ลวงพอ่
จะว่าอย่างไร ไม่ได้ ความคิดว่าจะได้สติและจะแก้ไขตัวกับความกลัว
ทา่ นนน้ั มนั มนี ำ�้ หนกั กวา่ คนละโลก เหมอื นชา้ งกบั แมวเอาทเี ดยี ว แลว้ เรา
จะพอมีสติสตังมาแก้อยู่อย่างไรได้ พอคิดว่าท่านจะรู้เรื่องเราเท่านั้น
ตวั มนั สน่ั ขนึ้ มาแลว้ อาตมาขอไปวนั นี้ ถา้ ขนื อยทู่ น่ี ตี่ อ่ ไปอาตมาตอ้ งตายแนๆ่
โยมเช่ืออาตมาเถอะ อย่าใหอ้ ยู่เลยทา่ นว่าอย่างนี้

ไมท่ ราบวา่ ผมจะหา้ มทา่ นไดอ้ ยา่ งไร คดิ แลว้ กน็ า่ สงสาร เวลาทา่ นพดู
ใหผ้ มฟัง ก็ทงั้ พูดทงั้ กลวั หนา้ ซดี เซียวไปหมด เลยตอ้ งปล่อยใหท้ า่ นไป
กอ่ นจะไปผมถามทา่ นวา่ หลวงพอ่ จะไปอยทู่ ไี่ หน ทา่ นตอบวา่ เอาแนน่ อน
ไมไ่ ด้ ถา้ ไมต่ ายเราคงเหน็ หนา้ กนั อกี แลว้ กไ็ ปเลย ผมใหเ้ ดก็ ตามไปสง่ ทา่ น
เวลาเดก็ กลบั มาแล้วถามเด็ก เด็กบอกว่าไมท่ ราบ เพราะทา่ นไมบ่ อกที่
ท่ที ่านจะพกั อยู่ สุดท้ายก็เลยไมไ่ ดเ้ ร่อื งราวจนป่านนี้ น่าสงสาร ท้งั ทา่ น
ก็แก่แล้ว ไมน่ ่าจะเป็นเอาขนาดน้นั

51

ฝา่ ยทา่ นอาจารยเ์ กดิ ความสลดใจ ทท่ี ำ� คณุ ไดโ้ ทษ โปรดสตั วไ์ ดบ้ าป
เราคดิ แลว้ แตแ่ รกทเี่ หน็ อาการไมด่ เี วลาถามปญั หา จากวนั นนั้ มาแลว้ กม็ ไิ ด้
สนใจคดิ และสง่ กระแสจติ ไปถงึ ขรวั ตาอกี เพราะกลวั จะไปเจอเอาเรอื่ งท่ี
เคยเจอ แล้วก็มาเป็นดังท่ีคิดจนได้ ท่านคิดในใจขณะที่ทราบเรื่องจาก
โยมเล่าให้ฟัง และได้พูดกับโยมบ้างเล็กน้อยเกี่ยวกับปัญหาท่ีเขาเล่า
ให้ทา่ นฟงั ว่าอาตมากพ็ ูดไปธรรมดาในฐานะคุน้ เคยกนั ทีเลน่ ทีจริงบ้าง
อย่างน้ันเอง ไม่คิดว่าจะเป็นเรื่องใหญ่โตถึงกับพาให้ขรัวตาต้องร้างวัด
รา้ งวาหนีไปเช่นนนั้

เรื่องของขรัวตาเป็นเร่ืองส�ำคัญต่อท่านอาจารย์ไม่น้อยตลอดมาใน
การที่จะปฏิบตั ติ อ่ บรรดาผทู้ ่มี าเกี่ยวขอ้ งทงั้ ใกลแ้ ละไกล เกรงว่าเรอ่ื งจะ
ซ้ำ� รอยเข้าอีกหากไมส่ นใจคดิ ไวก้ ่อน จากนั้นมาแล้ว ทา่ นวา่ ทา่ นไมเ่ คย
ทกั ใครเกยี่ วกับความคดิ นกึ ดชี ัว่ เพียงพูดเปน็ อบุ ายไปเทา่ นนั้ เพ่ือผนู้ ้นั
ระลึกรู้ตัวเอาเองโดยมิให้กระเทือนใจ เพราะใจคนเราย่อมเป็นเหมือน
เด็กออ่ นทีเ่ พง่ิ ฝกึ หัดเดนิ กะเปะกะปะไปตามเร่อื ง ผูใ้ หญ่เปน็ เพียงคอย
ดแู ลสอดสอ่ งเพอื่ มใิ หเ้ ดก็ เปน็ อนั ตรายเทา่ นนั้ ไมจ่ ำ� ตอ้ งไปกระวนกระวาย
กับเด็กให้มากไป ใจของสามัญชนก็เช่นกัน ปล่อยให้คิดไปตามเรื่อง
ถกู บา้ งผดิ บา้ ง ดบี า้ งชวั่ บา้ งเปน็ ธรรมดา จะใหถ้ กู ตอ้ งดงี ามอยตู่ ลอดเวลา
ย่อมเปน็ ไปไม่ได้

ทา่ นวา่ ทา่ นพกั อยทู่ ถ่ี ำ้� นนั้ ไดค้ วามรแู้ ละอบุ ายแปลกๆ ตา่ งๆ มากมาย
ท้ังเป็นเร่ืองภายในโดยเฉพาะ ท้ังเก่ียวกับเร่ืองภายนอกไม่มีประมาณ
ทา่ นเกดิ ความอาจหาญรา่ เรงิ ในขอ้ ปฏบิ ตั จิ นลมื เวลำ่� เวลา ไมค่ อ่ ยไดส้ นใจ
กับวันคืนเดือนปีอะไรนัก ความรู้ภายในใจเกิดข้ึนทุกระยะเหมือนน้�ำ
ไหลรินในฤดูฝน บางวันตอนบ่ายอากาศโปร่งๆ ท่านก็เดินเที่ยวชมป่า

52

ชมเขา ภาวนาไปเรอ่ื ยๆ ทำ� ใหเ้ พลนิ ใจไปตามทัศนยี ภาพท่มี อี ยูเ่ ปน็ อยู่
ตามธรรมชาติของมัน เย็นๆ หนอ่ ยค่อยลงมาถ้ำ� ที่ท่ีท่านพักอยู่ สตั ว์ปา่
ชนดิ ตา่ งๆ มมี าก พชื ผลอนั เปน็ อาหารธรรมชาตกิ ม็ มี าก จำ� พวกสตั วป์ า่ ท่ี
อาศยั ผลไม้เปน็ อาหาร เช่น ลงิ ค่าง บ่าง ชะนี กร็ ู้สกึ วา่ เขาเพลดิ เพลิน
ไปตามภาษาของเขา เวลาเขามองเหน็ เรากไ็ ม่แสดงอาการกลัว ต่างตัว
ตา่ งหากนิ ไปตามภาษา

ท่านว่าท่านก็เพลินไปกับเขาด้วยความเมตตาสงสาร ว่าเขาก็เป็น
เพื่อนเกิดแก่เจ็บตายเช่นเดียวกันกับเรา ไม่มีอะไรย่ิงหย่อนไปกว่ากัน
แมว้ าสนาบารมขี องสตั วก์ บั มนษุ ยต์ า่ งกม็ เี ชน่ เดยี วกนั สว่ นความยงิ่ หยอ่ น
แหง่ วาสนาบารมนี น้ั ย่อมมไี ด้ทง้ั คนและสัตว์ นอกจากนั้นสัตว์บางตวั ที่มี
วาสนาบารมแี กก่ ลา้ และอธั ยาศยั ดกี วา่ มนษุ ยบ์ างรายยงั มอี ยมู่ าก แตเ่ วลา
เขาตกอยู่ในภาวะความเป็นสัตว์ก็จ�ำต้องทนรับเสวยไป เช่นเดียวกับ
มนษุ ยเ์ ราแมไ้ ดม้ าเกดิ เปน็ มนษุ ยซ์ ง่ึ จดั วา่ เปน็ ชาตทิ ส่ี งู กวา่ สตั ว์ แตข่ ณะที่
ตกอยู่ในความทุกข์จนข้นแค้นก็จ�ำต้องทนเอาจนกว่าจะสิ้นกรรมหรือ
สิ้นวาระของมัน แล้วมีส่วนดีเข้ามาแทนที่ให้รับเสวยผลสืบต่อไปตาม
วาระดงั ท่ีเหน็ ๆ กนั อยู่ เพราะฉะน้นั ท่านจงึ สอนไมใ่ หด้ ถู ูกเหยยี ดหยาม
ชาตกิ ำ� เนดิ ความเปน็ อยขู่ องกนั และกนั และสอนวา่ สตั วท์ ง้ั หลายมกี รรม
ดีช่ัวเป็นของของตน

พอตกเย็นทา่ นก็ทำ� ขอ้ วตั รปดั กวาดหน้าถ้�ำบริเวณทอี่ ยู่อาศยั เสรจ็
แล้วก็เร่ิมท�ำความเพียร โดยวิธีเดินจงกรมบ้าง นั่งสมาธิบ้าง จิตท่าน
มีความเจรญิ กา้ วหน้าท้ังทางสมาธิ ความสงบใจ ท้งั ทางปัญญา พจิ ารณา
แยกส่วนแบ่งส่วนแห่งธาตุขันธ์ลงในไตรลักษณญาณ ปรากฏเป็นความ
ม่ันใจขนึ้ เป็นลำ� ดับ

53

พระสาวกอรหันต์มาแสดงธรรมให้ฟัง

บางคืนปรากฏมีพระสาวกอรหันต์มาแสดงธรรมให้ท่านฟังตามทาง
อริยประเพณี โดยปรากฏทางสมาธินิมติ เป็นใจความวา่ วธิ ีเดนิ จงกรม
ตอ้ งให้อยใู่ นท่าส�ำรวมท้ังกายและใจ ตง้ั จติ และสตไิ วท้ ่จี ดุ หมายของงาน
ท่ีตนก�ำลังท�ำอยู่ คือก�ำลังก�ำหนดธรรมบทใดอยู่ พิจารณาขันธ์ใดอยู่
อาการแห่งกายใดอยู่ พึงมีสติอยู่กับธรรมหรืออาการนั้นๆ ไม่พึงส่งใจ
และสติไปอ่ืน อันเป็นลักษณะของคนไม่มีหลักยึด ไม่มีความแน่นอน
ในตัวเอง การเคล่ือนไหวไปมาในทิศทางใดควรมีความรู้สึกด้วยสติ
พาเคล่ือนไหว ไม่พึงท�ำเหมือนคนนอนหลับ ไม่มีสติตามรักษาความ
กระดุกกระดิกของกาย และความละเมอเพ้อฝันของใจในเวลาหลับ
ของตน การบิณฑบาต การขบฉัน การขับถ่าย ควรถืออริยประเพณี
เป็นกจิ วัตรประจ�ำตัว ไมค่ วรทำ� เหมอื นคนผ้ไู ม่เคยอบรมศลี ธรรมมาเลย
พึงท�ำเหมือนสมณะคือเพศของนักบวชอันเป็นเพศท่ีสงบเยือกเย็น
มสี ตปิ ัญญาเครือ่ งก�ำจดั โทษทฝี่ ังลึกอยูภ่ ายในอย่ทู กุ อริ ิยาบถ การขบฉัน
พงึ พจิ ารณาอาหารทกุ ประเภทดว้ ยดี อยา่ ปลอ่ ยใหอ้ าหารทม่ี รี สเอรด็ อรอ่ ย
ตามชวิ หาประสาทนยิ มกลายมาเปน็ ยาพษิ แผดเผาใจ แมร้ า่ งกายจะมกี ำ� ลงั

54

เพราะอาหารทขี่ าดการพิจารณาเข้าไปหล่อเลย้ี ง แต่ใจจะอาภัพเพราะรส
อาหารเขา้ ไปทำ� ลาย จะกลายเปน็ การทำ� ลายตนดว้ ยการบำ� รงุ คอื ทำ� ลายใจ
เพราะการบำ� รุงรา่ งกายด้วยอาหารโดยความไมม่ ีสติ

สมณะไปท่ใี ด อยู่ทใี่ ด ไมพ่ งึ ก่อความเปน็ ภัยแกต่ ัวเองและผู้อน่ื
คือไม่สั่งสมกิเลสสิ่งน่ากลัวแก่ตัวเองและระบาดสาดกระจายไป
เผาลนผอู้ นื่ คำ� วา่ กเิ ลส อรยิ ธรรมถอื เปน็ สงิ่ ทนี่ า่ กลวั อยา่ งยงิ่ พงึ ใชค้ วาม
ระมดั ระวงั ด้วยความจงใจ ไม่ประมาทต่อกระแสของกิเลสทุกๆ กระแส
เพราะเป็นเหมือนกระแสไฟที่จะสังหารหรือท�ำลายได้ทุกๆ กระแสไป
การยนื เดิน นง่ั นอน การขบฉัน การขับถา่ ย การพดู จาปราศรัยกับผู้มา
เกี่ยวข้องทกุ ๆ ราย และทกุ ๆ คร้งั ด้วยความสำ� รวม นแ่ี ล คืออรยิ ธรรม
เพราะพระอรยิ บคุ คลทกุ ประเภททา่ นดำ� เนนิ อยา่ งนกี้ นั ทง้ั นน้ั ความไมม่ สี ติ
ไมม่ กี ารสำ� รวม เปน็ ทางของกเิ ลสและบาปธรรม เปน็ ทางของวฏั ฏะลว้ นๆ
ผ้จู ะออกจากวฏั ฏะจงึ ไม่ควรสนใจกับทางอันลามกตกเหวเช่นนัน้ เพราะ
จะพาใหเ้ ปน็ สมณะทเ่ี ลว ไมเ่ ปน็ ผอู้ นั ใครๆ พงึ ปรารถนา อาหารเลวไมม่ ใี คร
อยากรบั ประทาน สถานทบี่ า้ นเรอื นเลวไมม่ ใี ครอยากอยอู่ าศยั เครอื่ งนงุ่ หม่
ใชส้ อยเลว ไมม่ ใี ครอยากนงุ่ หม่ ใชส้ อยและเหลอื บมอง ทกุ สงิ่ ทเ่ี ลวไมม่ ใี คร
สนใจ เพราะความรงั เกยี จโดยประการทง้ั ปวง คนเลว ใจเลว ยงิ่ เปน็ บอ่ แหง่
ความรังเกียจของโลกผดู้ ีทง้ั หลาย ยิง่ สมณะคือนักบวชเราเลวด้วยแลว้
กย็ ง่ิ เปน็ จุดท่ิมแทงจติ ใจของทงั้ คนดคี นชวั่ สมณะชีพราหมณ์ เทวบตุ ร
เทวดาอินทรพ์ รหมไมเ่ ลอื กหน้า จงึ ควรส�ำรวมระวงั นักหนา

การบำ� รงุ รกั ษาสง่ิ ใดๆ ในโลก การบำ� รงุ รกั ษาตน คอื ใจเปน็ เยยี่ ม
จดุ ทเ่ี ยย่ี มยอดของโลกคอื ใจ ควรบำ� รงุ รกั ษาดว้ ยดี ไดใ้ จแลว้ คอื ไดธ้ รรม

55

เห็นใจตนแล้วคือเห็นธรรม รู้ใจแล้วคือรู้ธรรมทั้งมวล ถึงใจตนแล้ว
คอื ถึงพระนิพพาน ใจน่แี ลคอื สมบัตอิ ันลน้ ค่า จึงไม่ควรอย่างยงิ่ ท่ีจะ
มองขา้ มไป คนพลาดใจคอื ไมส่ นใจปฏบิ ตั ติ อ่ ใจดวงวเิ ศษในรา่ งน้ี แมจ้ ะ
เกิดสักร้อยชาติพันชาติก็คือผู้เกิดผิดพลาดน่ันเอง เมื่อทราบแล้วว่าใจ
เป็นส่ิงประเสริฐในตัวเรา จึงไม่ควรให้พลาดทั้งรู้ๆ จะเสียใจภายหลัง
ความเสยี ใจทำ� นองนไี้ มค่ วรใหเ้ กดิ ไดเ้ มอ่ื ทราบอยอู่ ยา่ งเตม็ ใจ มนษุ ยเ์ ปน็
ชาติที่ฉลาดในโลก แต่อย่าให้เราที่เป็นมนุษย์ทั้งคน โง่เต็มตัว จะเลว
เตม็ ทนและหาความสขุ ไมเ่ จอ กจิ การทงั้ ภายในภายนอกของสมณะเปน็ กจิ
หรือเป็นงานตัวอย่างของโลกได้อย่างม่ันใจ เพราะเป็นกิจที่ขาวสะอาด
ปราศจากมลทนิ โทษทงั้ กริ ยิ าทท่ี ำ� และงานทปี่ ระกอบ จดั วา่ ชอบดว้ ยอรรถ
ดว้ ยธรรม จงึ ควรบำ� รงุ สง่ เสรมิ สมณกจิ ของตนใหม้ คี วามเจรญิ รงุ่ เรอื งยง่ิ ๆ
ข้ึนไป จะเปน็ ผเู้ จรญิ รุง่ เรอื งในท่ที ุกสถานตลอดกาลทกุ เมอื่ สมณะผู้รัก
ในศลี รักในสมาธิ รักสติ รกั ปญั ญา รกั ความเพยี ร จะเป็นสมณะ
อย่างเต็มภูมิทั้งปัจจุบันและอนาคตอันใกล้นี้ ธรรมที่แสดงน้ีคือธรรม
ของท่านผ้มู ีความเพียร ของทา่ นผอู้ ดผทู้ น ของท่านผเู้ ปน็ นักต่อสู้เพ่อื
เอาตัวรอดเป็นยอดคน ของผูพ้ น้ จากทกุ ข์โดยส้ินเชิง ปราศจากสิง่ กดขี่
บงั คบั ของทา่ นผเู้ ปน็ อสิ ระอยา่ งเตม็ ภมู ิ คอื พระพทุ ธเจา้ ผเู้ ปน็ ศาสดาของ
โลกทง้ั สาม ถา้ ท่านเหน็ ว่าธรรมทั้งน้ีเปน็ ธรรมส�ำคญั ส�ำหรับท่าน ท่านจะ
เป็นผไู้ มม่ กี ิเลสในไมช่ า้ นี้ จงึ ขอฝากธรรมไวก้ ับทา่ นนำ� ไปพิจารณาด้วยดี
ท่านจะกลายเป็นคนที่แปลกข้ึนมาในใจ ซ่ึงเป็นของแปลกอยู่แล้วตาม
หลกั ธรรมชาตดิ ังนี้

เมอื่ พระสาวกอรหนั ตม์ าแสดงธรรมใหท้ า่ นฟงั จากไปแลว้ ทา่ นกน็ อ้ ม
เอาธรรมนนั้ มาพจิ ารณาใครค่ รวญอกี ตอ่ หนง่ึ โดยแยกแยะออกเปน็ แขนงๆ

56


Click to View FlipBook Version