The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

คู่มือการดำเนินงานสวนพฤกษศาสตร์โรงเรียน พ.ศ.2560 โครงการอนุรักษ์พันธุกรรมอันเนื่องมาจากพระราชดำริฯ หน้า 1-492

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by kookkig.work42, 2021-10-14 02:37:54

คู่มือการดำเนินงานสวนพฤกษศาสตร์โรงเรียน1

คู่มือการดำเนินงานสวนพฤกษศาสตร์โรงเรียน พ.ศ.2560 โครงการอนุรักษ์พันธุกรรมอันเนื่องมาจากพระราชดำริฯ หน้า 1-492

Keywords: พฤษศาสตร์

ทะเบยี นพ

โรงเรียน.......................................... จ

รหัสสมาชิก .....-......

ก.7-005

พรรณไม้

จงั หวัด.................................................

...............-................

สารวจคร้งั ที่.......... พ.ศ...................

ทะเบยี นพ
โรงเรียน ............................................จังหวดั ..........................

รหัสพรรณไม้ ช่อื พนื้ เมอื ง ช่ือวทิ ยาศาสตร์

พรรณไม้
.................. รหสั สมาชกิ ......-.............................-................

ชือ่ วงศ์ ลักษณะวสิ ัย ลักษณะเดน่ ของพชื บริเวณท่พี บ

คมู อื การทําทะเบ

(ฉบับปรับปรุงใหม

ขอ กาํ หนดในการทาํ ทะเบียนพรรณไม

เพ่ือความสะดวกในการจดั ทาํ ฐานขอมูลพรรณไมส วนพฤกษศาสตรโ รงเรยี น โค
วางขอ กําหนดในการทําทะเบยี นพรรณไมใ หมีรูปแบบเหมอื นกนั ดงั ตอ ไปน้ี

1. จะตองบนั ทกึ ขอ มูลสงมาในรปู file ของโปรแกรม Microsoft office
2. จะตองบนั ทึกใหเปน รูปแบบเดียวกนั กบั ตวั อยา งขา งลา งนเ้ี ทานนั้ (ทง้ั 7 หวั ขอ จ
3. จะตองทาํ การบันทึกขอมลู มาใหค รบทุกหัวขอ
4. หากมไิ ดทําการบันทกึ ขอ มูลมาตามน้ี จะทาํ การสงทะเบียนกลบั เพื่อแกไ ขใหต รง

รหัสพรรณไม ช่อื พ้นื เมอื ง ชือ่ วิทยาศาสตร รปู แบบทะเบยี น

ชอื่ วงศ

บียนพรรณไม

ม/ 12/10/2549)

เรียบเรยี งโดย อารยา โชไชย
หนวยปฏบิ ัตกิ ารพฤกษศาสตร ฝายวิชาการ อพ. สธ.

ครงการอนุรกั ษพันธกุ รรมพชื อนั เนอื่ งมาจากพระราชดาํ รฯิ (อพ.สธ.) จงึ ไดม กี าร

excel เทาน้นั
จะตอ งใชช ื่อหัวขอ เดยี วกนั กับรูปแบบและตอ งเรียงในลําดบั เดยี วกนั กบั รปู แบบ)

งกบั ขอ กําหนดดงั กลาว กอ นทจี่ ะสงกลับมาตรวจสอบอีกครง้ั

นพรรณไม ลกั ษณะเดนของพืช บรเิ วณท่พี บ

ลักษณะวสิ ัย

วิธีการบันทึกขอ มลู ลงในทะเบียนพรรณไม

1. รหัสพรรณไม

ขอมูลในชองขอ มูลแรกของทะเบยี นพรรณไมจ ะเปนรหัสพรรณไมข องพชื ชนดิ นน้ั ด

รหสั พรรณไม ชือ่ พ้ืนเมือง ช่ือวิทยาศาสตร ช่ือวงศ
7-10303-002-001
7-10303-002-002/3

ตัวอยางรหัสพรรณไมท่ีบันทกึ อยา งสมบรู ณ เชน 7-10303-002-001
7 คอื รหสั กจิ กรรมสรา งจติ สํานกึ ฯ
10303 คอื รหัสไปรษณยี ประจาํ ทองถน่ิ ข
002 คือ รหัสสมาชิกสวนพฤกษศาสตร
001 คอื รหัสหมายเลขประจําพชื แตล ะ

ในกรณที พี่ ืชชนดิ นั้นๆมีจํานวนมากกวา 1 ใหเขยี นเปน รหสั พรรณไม/ จํานวนต

เชน 7-10303-002-002/3 หมายถงึ พืชชนิดนมี้ รี หสั พรรณไมคอื 7-10303-0

ดงั ตวั อยางขางลาง ลักษณะเดน ของพืช บริเวณทพี่ บ

ลักษณะวิสัย

ของโรงเรยี น
รโรงเรยี นของแตล ะทอ งทีโ่ ดยแบง ตามรหสั ไปรษณยี 
ะชนดิ

ตน

002-002 และมจี าํ นวน 3 ตน

2. ชอ่ื พนื้ เมอื ง

ขอมูลในสวนถัดมาน้จี ะเปนชือ่ พนื้ เมือง ซ่ึงเปนชื่อทีเ่ รยี กพืชนั้นๆในแตล ะทองถิ่นแต
แตช อ่ื แรกควรจะเปนชอื่ ทนี่ ยิ มเรยี กท่ัวไปในทองถ่ินของโรงเรยี นนั้นๆ ดงั ตวั อยาง

รหสั พรรณไม ชอ่ื พน้ื เมือง ชื่อวิทยาศาสตร ชื่อวงศ

7-10303-002-001 คนู ราชพฤกษ
ลมแลง

7-10303-002-002/3 มะพราว

3. ช่ือวิทยาศาสตร

สําหรบั ขอ มลู ชื่อวทิ ยาศาสตร นีจ้ ะเปน ชอื่ วิทยาศาสตรข องพืชน้นั ๆ หรอื เปน ช่อื พฤก

ท่สี มบรู ณ ซง่ึ จะประกอบดว ย 3 สว น คอื ชื่อสกลุ (Genus) คําคณุ ศพั ทร ะบชุ นิด
ดงั ตวั อยางขางลาง

ชื่อสกลุ คาํ คุณศพั ทระบชุ นดิ ชอ่ื ผูต ัง้ ช่อื

Cassia fistula L.

หลักการเขียนช่ือวทิ ยาศาสตร มดี งั ตอไปนี้
ชือ่ สกุล (Genus) จะตองพิมพเ ปนตวั เอน หรอื ขดี เสนใต และเฉพาะ ตัวอกั ษรตวั

ตกตางกนั ออกไป ซงึ่ อาจทาํ การบนั ทึกมาเพียงช่ือเดยี ว หรืออาจบันทกึ มาหลายช่อื

ลกั ษณะวสิ ัย ลักษณะเดน ของพืช บรเิ วณทพี่ บ

กษศาสตรน ั่นเอง การบันทึกในทะเบียนพรรณไมน ัน้ จะตอ งบนั ทึกชื่อวทิ ยาศาสตร
ด (Specific epithet) และ ชื่อผูตง้ั ชื่อพชื (Author name)
อพชื

วแรกของช่ือสกลุ จะตองพิมพเ ปน ตวั ใหญเสมอ

คําคณุ ศัพทระบุชนิด (Specific epithet) จะตอ งพิมพเ ปน ตวั เอน หรอื ขดี เสน
การพิมพช่ือสกุล และคําคุณศัพทระบุชนดิ เปน ตัวเอน หรือขีดเสน ใตนน้ั ตอ งแย
เชน Cassia fistula L. หรอื Cassia fistula L. ถกู

Cassiafistula L. หรอื Cassia fistula L. ผดิ

ช่ือผตู ้งั หรือผแู ตง ชือ่ พชื (Author name) จะตองพมิ พเ ปน ตวั ตรง และเฉพาะต
ของชอ่ื บางชอื่ เทาน้ัน เชน L.f. นอกจากนถ้ี า มีช่อื ผูต้งั ชือ่ มากกวาหนง่ึ คน หรอื มชี
อา งองิ โดยไมต ดั สวนหน่งึ สว นใดออก หรอื ยอ คาํ บางคาํ

ในกรณที ีช่ อ่ื วทิ ยาศาสตรน นั้ มี variety, subspecies และ cultivar ใหเ ข
- variety ใหเขยี นตอ ทา ยชือ่ ผูต ัง้ ช่อื วทิ ยาศาสตร ดว ยคาํ ยอ วา var. แลว ตามดว
ทง้ั หมด
เชน Cocos nucifera L. var. nucifera เปนช่ือวทิ ยาศาสตรของมะพ
ไมต อ งระบจุ นถึงระดับ variety นอกจากวาโรงเรยี นนนั้ มพี ชื ชนดิ เดียวกนั แตต า ง
นอกจากนีใ้ นบางคร้งั ชอ่ื ของ variety อาจมีช่ือผูตง้ั ช่ือดว ย ใหเ ขียนตอ ทา ยช่อื ขอ
K.C.Jacob เปนชือ่ วทิ ยาศาสตรของมะแพรว ซ่งึ มชี ื่อเดยี วกนั กบั มะพรา วแตต า ง

- subspecies ใหเ ขยี นตอทายช่ือผตู ง้ั ชอ่ื วิทยาศาสตร ดวยคํายอวา subsp. ห
และตอ งพิมพเปนตัวเล็กทงั้ หมด

นใต และตองพมิ พเ ปนตวั เลก็ ท้งั หมด
ยกจากกัน

ตัวอกั ษรตวั แรกของชือ่ ผูตงั้ แตละชือ่ จะตอ งพมิ พเ ปนตวั ใหญเ สมอ ยกเวน คาํ ยอ
ชอื่ อยใู นเครือ่ งหมายวงเล็บ เวลาเขียนชอื่ ใหล อกมาท้งั หมดใหเหมอื นตามหนังสอื

ขียนดงั ตอ ไปนี้
วยชอ่ื ของ variety ทพ่ี มิ พเปน ตวั เอน หรือขดี เสนใต และตอ งพมิ พเปน ตวั เล็ก

พราว และบอกดวยวา เปน variety nucifera ซ่งึ ในระดบั โรงเรียนน้ีอาจยงั
ง variety และทราบช่ือ variety นน้ั ๆแนน อนแลว
อง variety น้ันๆ เชน Cocos nucifera L. var. spicata
ง variety กนั

หรือ ssp. แลวตามดวยช่อื ของ subspecies ที่พิมพเ ปน ตัวเอน หรอื ขีดเสนใต

เชน Melastoma malabathricum L. subsp. malabathricu

- cultivar ใหเขยี นตอ ทา ยช่อื ผูตงั้ ช่ือวทิ ยาศาสตร ดว ยคํายอวา cv. แลวตามดว
cultivar จะตอ งพิมพเปน ตัวใหญเสมอ
เชน Graptophyllum pictum (L.) Griff. cv. Tricolor ชอื่

Graptophyllum pictum (L.) Griff. cv. Golden ชอื่
Graptophyllum pictum (L.) Griff. cv. Purple Leaf ชอ่ื
สังเกตไดว า ชอ่ื วิทยาศาสตรข องใบเงนิ ใบทอง และใบนากจะเหมอื นกนั คอื เปนพ
อกี วธิ ีหนึง่ ในการเขียน cultivar จะไมใ สค าํ วา cv. แตจะเขยี นชอื่ cultiva
เชน Graptophyllum pictum (L.) Griff. ‘Tricolor’

กรณที ม่ี ชี ื่อผตู งั้ ของช่ือ variety, subspecies และ cultivar ตอ ทา ยก็เขยี
เชน

รหสั พรรณไม ชือ่ พ้นื เมือง ชือ่ วทิ ยาศาสตร ชือ่ วงศ
Cassia fistula L.
7-10303-002-001 คนู ราชพฤกษ
ลมแลง Cocos nucifera L.

7-10303-002-002/3 มะพราว

um เปน ชือ่ วทิ ยาศาสตรของโคลงเคลง ซึ่งบอกถงึ ระดบั ใน subspecies ดวย

วยชอื่ ของ cultivar พิมพเ ปน ตวั ตรง และเฉพาะตวั อักษรตัวแรกของ

อวิทยาศาสตรข องใบเงิน
อวทิ ยาศาสตรข องใบทอง
อวทิ ยาศาสตรข องใบนาก
พืชชนดิ เดยี วกัน แตจ ะตา งกันตรงท่ี cultivar
ar ในระหวา งเครอื่ งหมาย ‘…’ ดังน้ี

ยนตามหลักการเดยี วกับการเขยี นชือ่ ผูต งั้ ชือ่ วิทยาศาสตร

ลกั ษณะวิสยั ลกั ษณะเดนของพชื บริเวณท่พี บ

4. ช่ือวงศ

ชอื่ วงศค ือ ช่อื ของหนวยการจาํ แนกที่อยูเหนอื ไปจาก ชอื่ ของสกุล หน่ึงลําดบั และสว
เชน วงศ Dipterocapaceae มาจากช่ือสกุลตน แบบ คือ สกุล Dipterocar
มขี อยกเวนในบางวงศจะมชี อ่ื อีกชอ่ื ทไ่ี มไดมาจากชอื่ ของสกลุ ตน แบบ และไมไ ดล งท

ช่ือเดมิ ช่อื ใหม

CRUCIFERAE = BRASSICACEAE
APIACEAE
UMBELLIFERAE = ASTERACEAE
ARECACEAE
COMPOSITAE = POACEAE
CLUSIACEAE
PALMAE = LAMIACEAE
FABACEAE
GRAMINEAE =

GUTTIFERAE =

LABIATAE =

LEGUMINOSAE =

อยางไรกต็ าม สามารถเลอื กใชช่ือวงศนน้ั ๆไดท้ังชือ่ เดิม หรือชอ่ื ใหม แตค วรคํานงึ วา
ใหม

วนใหญจ ะเปน ชอ่ื ของสกลุ ตนแบบท่ลี งทา ยดว ยคําวา –ACEAE
rpus + –ACEAE
ทายดว ยคาํ วา –ACEAE ดว ย ดังตวั อยา งตอ ไปนี้

าจะตองใชชื่อเดยี วกนั ไปตลอดทัง้ เอกสาร ไมใชป ะปนกนั ระหวางช่อื เดิมและช่อื

สาํ หรบั การเขยี นชื่อวงศ LEGUMINOSAE หรอื FABACEAE เน่ือง
กลุม คือ

- กลมุ พชื ทด่ี อกมีลกั ษณะคลา ยดอกราชพฤกษหรอื ดอกขีเ้ หลก็
- กลุมพืชทีด่ อกมลี ักษณะคลา ยดอกกระถินหรอื จามจุรี
- กลุมพืชท่ดี อกมีลักษณะคลา ยดอกถวั่ ดอกแค
นักพฤกษศาสตรบ างทานจะจําแนกพชื ใน 3 กลมุ นี้ออกเปน 3 อนวุ งศย อ ยใน 1 ว
ดังนน้ั จงึ สามารถเขียนชื่อวงศน้ไี ด 2 แบบ
1) เขียนชือ่ วงศ LEGUMINOSAE แลวตามดวยชอื่ อนุวงศย อ ย 3 อนุวงศ ด

ชื่อวงศ + ชื่ออนุวงศ - กลุม พืชท
LEGUMINOSAE-CAESALPINIOIDEAE - กลมุ พชื ท
LEGUMINOSAE-MIMOSOIDEAE - กลุมพชื ท
LEGUMINOSAE-PAPILIONOIDEAE
2) เขยี นแยกออกเปน 3 วงศ

ช่อื วงศ - กลมุ พชื ท่ีดอกมีลักษณะคลา ยดอกร
CAESALPINIACEAE - กลมุ พชื ทีด่ อกมีลักษณะคลา ยดอกก
MIMOSACEAE - กลุมพืชท่ีดอกมลี กั ษณะคลา ยดอกถ
PAPILIONACEAE

งจากพืชในวงศถ่ัวนี้มีความแตกตา งกนั มากจนสามารถแบงออกไดเ ปน กลุมยอ ย 3

วงศ ในขณะทนี่ กั พฤกษศาสตรบ างทา นจาํ แนกพชื ท้งั 3 กลมุ น้ีเปน 3 วงศแ ทน
ดังตัวอยางขา งลา ง

ที่ดอกมีลกั ษณะคลา ยดอกราชพฤกษหรือดอกขเ้ี หล็ก
ทดี่ อกมีลักษณะคลา ยดอกกระถินหรอื จามจุรี
ทดี่ อกมลี ักษณะคลา ยดอกถวั่ ดอกแค

ราชพฤกษหรือดอกขเ้ี หล็ก
กระถินหรอื จามจรุ ี
ถว่ั ดอกแค

แมว า จะสามารถเลือกใชไดท ้ัง 2 แบบ แตค วรคํานึงวา จะตอ งใชชือ่ เดยี วกันไปตลอดท

รหัสพรรณไม ช่อื พน้ื เมอื ง ชอ่ื วทิ ยาศาสตร ช่อื วงศ
7-10303-002-001 Cassia fistula L.
คูน ราชพฤกษ LEGUMINOSAE-
ลมแลง CAESALPINIOIDEA

7-10303-002-002/3 มะพราว Cocos nucifera L. PALMAE

5. ลกั ษณะวิสัย

เปน ลักษณะทส่ี ังเกตไดจ ากพืชนั้นๆ วาเปน ไมต น ไมพ มุ ไมเ ล้อื ย ไมร อเลอ้ื ย ไม
ยกเวนพวกไมไ ผ จะมลี กั ษณะวสิ ัยเปน ไมไ ผ นอกจากนพี้ วกวงศปาลม เชน มะพ
เปน เฟร น

รหัสพรรณไม ชือ่ พน้ื เมอื ง ชือ่ วทิ ยาศาสตร ชอื่ วงศ
7-10303-002-001 Cassia fistula L.
คูน ราชพฤกษ LEGUMINOSAE-
ลมแลง CAESALPINIOIDEA

7-10303-002-002/3 มะพรา ว Cocos nucifera L. PALMAE

ทั้งเอกสาร ไมใชปะปนกนั

ลักษณะวสิ ัย ลกั ษณะเดนของพชื บริเวณทพ่ี บ

AE

มล มลกุ ฯลฯ ถา เปนพืชวงศห ญา เชน ขา ว ขา วโพด จะมลี กั ษณะวิสัยเปน หญา
พรา ว หมาก หวาย จะมีลักษณะวสิ ยั เปน ปาลม และพชื พวกเฟรน จะมีลักษณะวิสัย

ลักษณะวิสยั ลกั ษณะเดนของพืช บริเวณท่ีพบ
ไมต น

AE

ปาลม

6. ลกั ษณะเดน ของพชื

คือลกั ษณะเดน ของพชื นน้ั ๆ ที่จะชว ยบอกวาพืชนนั้ มลี ักษณะทแ่ี ตกตางจากพืชอื่นอย
ซง่ึ การบันทกึ ลกั ษณะเดน ของพืชมาดว ยนนั้ จะชวยในการระบุชนิดของพชื โดยเฉพ
อนง่ึ ควรระวังการสบั สนระหวา งลักษณะเดนกบั ประโยชนข องพชื เชน ใชเปนไมปร
แตเ ปนประโยชนของพชื นัน้ ๆ

รหสั พรรณไม ชื่อพ้นื เมือง ชื่อวิทยาศาสตร ช่ือวงศ
7-10303-002-001 Cassia fistula L.
คูน ราชพฤกษ LEGUMINOSAE-
ลมแลง CAESALPINIOID

7-10303-002-002/3 มะพราว Cocos nucifera L. PALMAE

ยา งไร และทาํ ใหท ราบวาพืชนนั้ เปนพืชชนดิ ใด เชน สขี องดอกและผล สนี ้าํ ยาง
พาะพชื ท่ีเปน ชนดิ ตา งกนั แตมชี อ่ื เหมอื นกนั
ระดบั ใชเ ปน ไมคลมุ ดนิ ใชร ักษาโรค ฯลฯ ขอความเหลานไี้ มใชล กั ษณะเดน ของพชื

ลกั ษณะวิสยั ลักษณะเดนของพืช บรเิ วณทีพ่ บ
ไมตน
- ใบประกอบแบบขนนก ดอกชอ สเี หลอื ง
DEAE ฝกกลมยาว

ปาลม ผลกลมขนาดใหญสเี ขยี ว ผลแกสีนาํ้ ตาล

7. บริเวณที่พบ

การบันทึกบรเิ วณท่พี บพชื นน้ั ๆวา อยทู บี่ รเิ วณใดบางจะเปนประโยชนใ นการทาํ แผน

รหสั พรรณไม ชื่อพนื้ เมือง ชือ่ วทิ ยาศาสตร ชือ่ วงศ
7-10303-002-001 Cassia fistula L.
คนู ราชพฤกษ LEGUMINOSAE-
ลมแลง CAESALPINIOIDEA

7-10303-002-002/3 มะพรา ว Cocos nucifera L. PALMAE

เอกสารอางอิง
โครงการอนุรกั ษพ นั ธกุ รรมพืชฯ. ทะเบียนพรรณไม. เอกสารงานสวนพฤกษศาส
เต็ม สมติ นิ ันทน.2544. ช่ือพรรรณไมแหงประเทศไทย. สวนพฤกษศาสตรปาไม
เอ้อื มพร วสี มหมาย และคณะ. 2541. พฤกษาพัน. เอช เอน กรุป. กรุงเทพฯ. 631

นผงั พรรณไมใ นบริเวณโรงเรียน

ลกั ษณะวิสยั ลักษณะเดน ของพชื บรเิ วณทพี่ บ
หนา อาคารหอประชุม
ไมต น ใบประกอบแบบขนนก ดอกชอ สเี หลอื ง ฝก
กลมยาว
AE

ปาลม ผลกลมขนาดใหญสเี ขียว ผลแกสนี ้ําตาล หนาประตโู รงเรียน หนา
อาคารเรียน 1 และ 2

สตรโ รงเรยี น ก7-005. กรุงเทพฯ. 6 น.
ม. กรมปาไม. กรุงเทพฯ. 810 น.
1 น.

ทะเบยี นพรร

(ชื่อ หมู่บา้ น ชมุ ชน แขวง)......................
ตาบล/แขวง..................................................อาเภอ/เขต...........

รณไม้ในชมุ ชน

..................................................................
..............................จังหวดั ............................................................

การสารวจคร้งั ที่................/ 25……….

ทะเบยี นพรร

ชื่อหม่บู ้าน /ชุมชน ..................................ตาบล/แขวง............................

รหสั พรรณไม้ ชือ่ พื้นเมือง ลักษณะวสิ ยั ลักษณะเดน่ ของพืช
(ชื่อท่ที ้องถิ่นนน้ั เรยี ก) (เช่น ไมต้ ้น ไม้พุ่ม ไมเ้ ลอื้ ย (เช่น สี กลิน่ ยาง มหี นาม

ไม้รอเลื้อย ฯลฯ) ฯลฯ)

รณไม้ในชมุ ชน

.......... อาเภอ/เขต....................................... จังหวดั ...................................

ขอ้ มูลภมู ิปญั ญาทอ้ งถิน่ บรเิ วณท่ีพบ หมายเหตุ
(เช่น เป็นอาหาร ยารักษาโรค (ระบุ ช่อื หมู่บา้ น ตาบล อาเภอ จงั หวดั )

เครอ่ื งมอื เคร่อื งใช้ ฯลฯ)

วธิ กี ารบันทกึ ข้อมลู ลงในทะเบยี นพรรณไม้ในชุมชน

1.รหสั พรรณไม้ คอื การระบรุ หสั ของพรรณไม้ทพี่ บในชุมชน มรี หสั ตวั เลข 4

ตวั อยา่ ง : รหัสพรรณไมท้ ่ีพบในชมุ ชน เช่น 8-6302007-03-001/3

8 คือ รหสั กิจกรรมพิเศษสนบั สนุนการอนรุ กั

6302007 คือ รหสั หมายเลของคก์ รปกครองส่วนท้อง

03 คอื รหสั หมบู่ า้ น

001 คอื รหสั ชนดิ พรรณไม้

/3 คอื รหสั พรรณไม้ที่ศึกษาท้ังหมด

2.ช่อื พ้ืนเมอื ง คอื ชื่อทเ่ี รยี กพรรณไมท้ ่พี บในแตล่ ะท้องถนิ่ อาจบันทกึ เพยี งชอื่

3.ลกั ษณะวสิ ัย คือ เป็นลักษณะที่สงั เกตได้จากพชื นน้ั ๆ เช่น ไม้ตน้ ไมพ้ ุ่ม ไม

หญา้ พชื กลุ่มไมไ้ ผ่ จะมลี ักษณะวิสัยเป็น ไม้ไผ่ กลมุ่ ปาลม์ เช่น มะพร้าว หม

4.ลกั ษณะเด่นของพืช คอื ความแตกต่างของพรรณไมช้ นิดนน้ั กบั ชนิดอ่ืนๆ เ

ระบชุ นดิ โดยเฉพาะพรรณไม้ชนดิ ตา่ งกนั แต่ชือ่ เหมอื นกนั ควรระวังการสับส

รกั ษาโรค ฯลฯ ขอ้ ความเหลา่ นไ้ี มใ่ ช่ลกั ษณะเด่นของพืช แตเ่ ปน็ ประโยชน์ข

5.ขอ้ มูลภูมิปญั ญาท้องถ่นิ คือ ข้อมูลภมู ปิ ญั ญาเพอ่ื การดารงชพี เชน่ ภูมิปญั

ของปา่ ภมู ิปัญญาทเ่ี ก่ียวกับทอี่ ยู่อาศัย ใช้ในการสร้างบ้านเรอื น ภมู ิปญั ญาเ

ปญั ญาเกยี่ วกบั เคร่ืองนงุ่ ห่ม หรือยารักษาโรค เชน่ การนาสมนุ ไพร มาใชเ้ ปน็

6.บรเิ วณท่พี บ คือ การบนั ทึกบรเิ วณทีพ่ บพรรณไม้ในชุมชน ซง่ึ เปน็ ประโยช

7.หมายเหตุ คือ การบันทึกขอ้ มลู อน่ื ๆ ทพ่ี บเพ่ิมเตมิ เชน่ ผใู้ ห้ขอ้ มลู จานวน

รหัสพรรณไม้ ชอ่ื พ้นื เมอื ง ลกั ษณะวิสยั ลกั ษณะเด่นของพ

(ชือ่ ทท่ี ้องถิ่น (เช่น ไม้ต้น ไม้พุ่ม ไม้ (เช่น สี กลน่ิ ยาง หนา

นัน้ เรียก) เลือ้ ย ไม้รอเลื้อย)

8-6302007-03-001/3 มะเว่อ ไม้พมุ่ ท้ังต้นมีกล่ินน้ามันหอ

ระเหย ผลขนาดใหญ

ผลสุกมรี สเปรย้ี ว

ชดุ เช่น 8 –6302007–03–001/3 โดยมีคาอธบิ ายรหสั ดงั น้ี

กษท์ รัพยากร
งถ่ิน

อเดยี วหรอื หลายชอื่ ซง่ึ ชอ่ื แรกในทะเบียนพรรณไม้ควรเปน็ ชือ่ เรียกของท้องถ่นิ นั้นๆ

ม้เล้ือย ไม้รอเลอื้ ย ไม้ล้มลกุ ถา้ เป็นพืชวงศ์หญ้า เชน่ ขา้ ว ข้าวโพด ลักษณะวิสยั เป็น

มาก หวาย จะมลี กั ษณะวสิ ยั เปน็ ปาลม์ และพืชกล่มุ เฟิร์น จะมลี ักษณะวิสยั เปน็ เฟิร์น

เช่น สขี องดอกและผล สีนา้ ยาง ซ่งึ การบนั ทึกลักษณะเด่นของพรรณไม้ จะช่วยในการ

สนระหวา่ งลกั ษณะเดน่ กบั ประโยชน์ของพืช เชน่ ใชเ้ ป็นไม้ประดบั ใช้เป็นไม้คลุมดนิ ใช้

ของพชื นน้ั ๆ

ญญาท่ีเกย่ี วกับการทามาหากิน เช่น ใชเ้ ป็นเคร่ืองมอื เคร่ืองใชใ้ นการลา่ สตั ว์ จบั สัตว์ หา

เกีย่ วกับวัฒนธรรมดา้ นโภชนาการ ด้านอาหาร วิธีการปรงุ หรือการถนอมอาหาร ภมู ิ

นตัวยา การผสมยา วิธีปรุงยา การใชย้ ารกั ษาโรคในคน หรอื โรคในสัตว์

ชนใ์ นการทาแผนผังแสดงตาแหนง่ พรรณไม้ในบริเวณทอ้ งถน่ิ นน้ั ๆ

นพรรณไม้ทส่ี ารวจพบทัง้ หมด เปน็ ตน้

พชื ขอ้ มลู ภูมปิ ัญญาทอ้ งถ่ิน บริเวณทพ่ี บ หมายเหตุ

าม) (เชน่ เป็นอาหาร ยารกั ษาโรค (ระบุ ชื่อหมบู่ ้าน ตาบล อาเภอ จงั หวัด)

เคร่ืองมอื เครอ่ื งใช้ )

อม ผล นาน้าผลสกุ มาประกอบ บา้ นเลขท่ี 42 หมู่ 3

ญ่ อาหาร เชน่ ลาบ ก้อย ตม้ ยา บา้ นหนองขอน ต.คลองไผ่ อ.สคี ิ้ว

ใบ นามาหัน่ ใสก่ อ้ ย จ.นครราชสมี า

ทะเบยี นพันธส์ุ

(ช่อื หมู่บา้ น ชมุ ชน แขวง).......................
ตาบล/แขวง..................................................อาเภอ/เขต............

สตั วใ์ นชุมชน

.................................................................
.............................จังหวัด............................................................

การสารวจครัง้ ที.่ .............../ 25……….

ทะเบียนพันธสุ์

ชือ่ หมบู่ ้าน /ชมุ ชน ..................................ตาบล/แขวง.............................

รหสั พันธุส์ ตั ว์ ช่ือพืน้ เมอื ง ประเภท ลักษณะเด่นของส

(ช่ือทีท่ ้องถน่ิ น้นั เรียก) (เช่น สตั วน์ ้ำ สตั ว์เลยี้ งลูกดว้ ย (เช่น ขนำด สี รปู ร

น้ำนม สัตว์เล้ือยคลำน สัตว์ ล้ำตัว ฯลฯ)

คร่งึ บกครงึ่ น้ำ สัตวป์ ีก ฯลฯ)

สตั ว์ในชุมชน

......... อาเภอ/เขต..................................... จังหวดั ...................................

สตั ว์ ขอ้ มูลภูมปิ ัญญาทอ้ งถิ่น บริเวณทพี่ บ หมายเหตุ

รำ่ ง (เช่น เปน็ อำหำร ยำรักษำโรค (ระบุ ชอื่ หมบู่ ้ำน ตำ้ บล
เครอ่ื งมือเครอ่ื งใช้ ฯลฯ) อำ้ เภอ จังหวัด)

วธิ ีการบนั ทึกขอ้ มูลลงในทะเบยี นพันธุ์สตั วใ์ นชุมชน
1.รหัสพนั ธ์สุ ตั ว์ คือ กำรระบุรหสั ของพันธ์ุสตั วท์ ่พี บในชมุ ชน โดยมรี หสั ตัวเล
ตัวอยำ่ ง : รหสั พันธสุ์ ตั วท์ ่พี บในชมุ ชน เช่น 8-6302007-03-001/3
8 คือ รหสั กิจกรรมพิเศษสนับสนนุ กำรอนุรกั
6302007 คอื รหสั หมำยเลของคก์ รปกครองสว่ นท้อง
03 คือ รหสั หมบู่ ำ้ น
001 คือ รหัสชนิดพันธ์สุ ัตว์
/3 คือ รหัสพนั ธ์สุ ตั ว์ที่ศกึ ษำทั้งหมด
2.ช่ือพ้ืนเมือง คอื ชื่อที่เรียกพันธุ์สัตว์ทพี่ บในแต่ละท้องถ่ินอำจบันทกึ เพยี งชื่อ
3.ประเภท คือ เปน็ ลักษณะทสี่ งั เกตได้จำกสัตว์นน้ั ๆ เช่น สตั วน์ ำ้ สัตวเ์ ลยี้ งลกู
4.ลักษณะเดน่ ของสัตว์ คือ ควำมแตกต่ำงของสัตว์ชนดิ นั้นกบั ชนิดอน่ื ๆ เชน่
5.ข้อมลู ภูมปิ ญั ญาทอ้ งถ่ิน คือ ข้อมูลภูมปิ ัญญำเพ่อื กำรดำ้ รงชพี เช่น ภมู ิปัญ
หำของป่ำ ภมู ิปัญญำทีเ่ ก่ียวกบั ที่อยอู่ ำศัย ใช้ในกำรสรำ้ งบำ้ นเรอื น ภมู ิปญั ญ
อำหำร ภมู ิปัญญำเกี่ยวกบั เครอ่ื งนงุ่ หม่ หรอื ยำรักษำโรค เช่นกำรน้ำสมุนไ
6.บรเิ วณทีพ่ บ คอื กำรบันทึกบริเวณท่พี บพืชพันธุ์สตั ว์ เพื่อเป็นประโยชน์ใน
7.หมายเหตุ คือ ข้อมลู อ่นื ๆ ทพ่ี บเพมิ่ เตมิ เชน่ ผู้ให้ขอ้ มลู จำ้ นวนทรพั ยำกรท

รหสั พันธุ์สัตว์ ช่อื พ้นื เมอื ง ประเภท ลักษณะเด่นข
8-6302007-03-001/3
(ชื่อทีท่ ้องถ่นิ (เชน่ สัตว์น้ำ สัตว์เล้ียงลูก (เชน่ ขนำด,ส
นน้ั เรยี ก) ด้วยน้ำนม สัตว์เลื้อยคลำน ล้ำตวั ฯล
สตั วค์ ร่ึงบกครึง่ น้ำ สตั ว์ปีก)
โคนม มเี ต้ำนมขนำด
สตั ว์เลีย้ งลกู ดว้ ยนม น้ำนมมำก

ลข 4 ชุด เช่น 8 –6302007–03–001/3 โดยมคี ำ้ อธบิ ำยรหสั ดงั นี้

กษท์ รพั ยำกร
งถนิ่

อเดียวหรอื หลำยชื่อ ซึง่ ชอ่ื แรกในทะเบียนพนั ธุส์ ตั ว์ควรเปน็ ชอ่ื เรยี กของทอ้ งถ่นิ นั้นๆ
กด้วยน้ำนม สตั ว์เลื้อยคลำน สตั วค์ รง่ึ บกครึ่งน้ำ สตั ว์ปีก เปน็ ต้น
ขนำด สี รปู ร่ำง ลำ้ ตวั เปน็ ต้น
ญญำทีเ่ กี่ยวกบั กำรท้ำมำหำกนิ เช่น ใชเ้ ปน็ เคร่อื งมือเครอ่ื งใช้ในกำรลำ่ สัตว์ จบั สัตว์
ญำทเี่ ก่ียวกบั ดำ้ นวฒั นธรรมดำ้ นโภชนำกำร ดำ้ นอำหำร วิธกี ำรปรงุ หรอื กำรถนอม
ไพร มำใช้เปน็ ตวั ยำ กำรผสมยำ วธิ ปี รงุ ยำ กำรใชย้ ำรกั ษำโรคในคน หรือโรคในสตั ว์
นกำรสบื คน้ ขอ้ มูล และกำรน้ำไปใช้ประโยชนใ์ นด้ำนต่ำงๆ ต่อไป
ทง้ั หมดเป็นตน้

ของสัตว์ ขอ้ มูลภูมปิ ัญญาทอ้ งถ่นิ บรเิ วณทพี่ บ หมายเหตุ

สี,รูปรำ่ ง (เชน่ เป็นอำหำร ยำรกั ษำโรค (ระบุ ชื่อหมู่บ้ำน ต้ำบล อ้ำเภอ

ลฯ) เครื่องมือเครื่องใช้ ฯลฯ) จังหวดั )

ดใหญ่ ให้ น้ำนมน้ำไปผลติ เป็นนมโค บ้ำนเลขท่ี 206/5 หมู่ 3
สดแท้ บ้ำนหนองขอน ต.คลองไผ่
อ.สคี ว้ิ จ.นครรำชสมี ำ

ทะเบยี นชวี ภา

(ชอ่ื หม่บู า้ น ชมุ ชน แขวง)..................
ตาบล/แขวง..................................................อาเภอ/เขต........

าพอืน่ ๆ ในชมุ ชน

.....................................................................
.................................จงั หวัด............................................................

การสารวจครง้ั ท.่ี .............../ 25……….

ทะเบียนชีวภ

ช่ือหมูบ่ ้าน /ชมุ ชน ....................................ตาบล................................

รหัสชวี ภาพอน่ื ๆ ชื่อพืน้ เมอื ง ประเภท ลักษณะเด
(ชอื่ ท่ีท้องถน่ิ น้นั
(เช่น เห็ด รา สาหรา่ ย (เชน่ สี ความหนาแ
เรียก) ไลเคน ฯลฯ)

ภาพอ่ืนๆ ในชมุ ชน

........ อาเภอ ........................................... จงั หวดั ..........................................

ด่น ขอ้ มลู ภมู ปิ ญั ญาทอ้ งถิ่น บริเวณท่พี บ หมายเหตุ

แน่น ฯลฯ) (ระบุ ช่ือหมู่บ้าน ตาบล อาเภอ
จงั หวดั )

วธิ ีการบันทึกข้อมูลลงในทะเบียนชีวภาพอ่ืนๆ ในชุมชน
1.รหัสชวี ภาพอ่นื ๆ คอื การระบรุ หสั ของชวี ภาพอืน่ ๆ ท่พี บในชมุ ชน โดยมรี ห
ตัวอยา่ ง : รหสั ชวี ภาพอ่นื ๆ ทีพ่ บในชุมชน เชน่ 8-6302007-03-00
8 คอื รหสั กิจกรรมพิเศษสนับสนนุ การอนรุ กั
6302007 คือ รหัสหมายเลของค์กรปกครองส่วนทอ้ ง
03 คอื รหสั หมบู่ ้าน
001 คือ รหสั ชนิดชีวภาพอนื่ ๆ
/3 คือ รหัสพนั ธช์ุ วี ภาพอ่นื ๆ ท่ศี กึ ษาท้งั หมด
2.ชอ่ื พ้นื เมอื ง คือ ชอื่ ท่ีเรียกชีวภาพอ่ืนๆ ในแตล่ ะทอ้ งถน่ิ ซง่ึ อาจบันทกึ เพยี ง
3.ประเภท คือ ลักษณะทส่ี งั เกตได้จากชีวภาพอน่ื ๆ เชน่ เหด็ รา สาหร่าย ไลเ

4.ลักษณะเดน่ คอื ความแตกต่างของชวี ภาพอืน่ ๆ ชนิดน้นั กับชนดิ อื่นๆ เชน่

5.ขอ้ มูลภูมิปัญญาท้องถิ่น คอื ขอ้ มูลภูมปิ ัญญาเพ่อื การดารงชีพ เช่น ภูมปิ ญั

อาหาร หรือภูมปิ ญั ญาการทายารกั ษาโรค เชน่ การนามาใช้เปน็ ตวั ยา การผ

6.บริเวณท่ีพบ คือ พ้ืนที่ทีพ่ บชีวภาพอนื่ ๆ ซึง่ มีความสมั พันธ์กับการทาแผนผ

7.หมายเหตุ คือ ขอ้ มูลอนื่ ๆ ที่พบเพม่ิ เตมิ เช่น จานวนทรพั ยากรทง้ั หมดเปน็

รหัสชวี ภาพอืน่ ๆ ชื่อพ้ืนเมือง ประเภท ลกั ษณะเด

(ช่อื ทท่ี ้องถนิ่ น้ัน (เช่น เห็ด รา สาหรา่ ย (เช่น ส,ี ความหนาแ
เรียก) ไลเคน ฯลฯ)
ทุกส่วนมสี ขี าว ม
8-6302007-03-001/3 เห็ดโคนเลก็ เห็ด
เหด็ โคนหมู่

หัสตัวเลข 4 ชดุ เชน่ 8 –6302007–03–001/3 โดยมคี าอธบิ ายรหสั ดงั น้ี
01/3
กษ์ทรัพยากร
งถน่ิ


งช่ือเดยี ว หรือหลายช่ือ ซง่ึ ช่ือแรกในทะเบยี นชีวภาพอน่ื ๆ ควรเป็นชื่อเรียกของทอ้ งถนิ่ นนั้ ๆ
เคน เปน็ ต้น
สี ความหนาแนน่ เป็นต้น
ญญาที่เกย่ี วกบั ดา้ นวัฒนธรรมด้านโภชนาการ ดา้ นอาหาร วธิ กี ารปรุง หรือการถนอม
ผสมยา วิธปี รุงยา การใช้ยารกั ษาโรคในคน หรอื โรคในสัตว์ เป็นตน้
ผงั แสดงตาแหน่ง เชน่ ชอ่ื หม่บู ้าน ตาบล อาเภอ จังหวัด เป็นต้น
นตน้

ดน่ ขอ้ มลู ภูมปิ ญั ญาท้องถ่นิ บรเิ วณทพี่ บ หมายเหตุ

แน่น ฯลฯ) (ระบุ ชอ่ื หมูบ่ า้ น ตาบล

อาเภอ จังหวดั )

มีสปอร์ ทุกสว่ นนามาเปน็ อาหาร หมู่ 3 บา้ นหนองขอน

รสหวาน ต.คลองไผ่ อ.สคี วิ้ จ.นครราชสีมา

(ป่าชุมชน โคกปา่ ชา้ เก่าทางทิศใต้

ของหมบู่ า้ นหา่ งจากบ้านประมาณ

800 เมตร)


Click to View FlipBook Version