การประเมนิ หลกั สตู ร
เพ่ือการเรียนรแู้ ละพัฒนา
ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.มารุต พฒั ผล
การประเมินหลกั สูตรท่ีมปี ระสิทธิภาพ
นาไปสกู่ ารเรยี นรู้ในผลการประเมนิ
แล้วนาสิง่ ที่เรียนรนู้ ั้นมาปรับปรงุ หลกั สูตร
และการเรยี นการสอนใหม้ ีคุณภาพขึ้น
สอดคลอ้ งกับการเปล่ียนแปลงของสังคม
และผเู้ รยี นมีคณุ ลกั ษณะท่ีพึงประสงค์
ตรงตามเป้าประสงค์และวัตถปุ ระสงคข์ องหลกั สตู ร
การประเมินหลกั สตู ร
เพื่อการเรยี นรแู้ ละพฒั นา
ผู้ชว่ ยศาสตราจารย์ ดร.มารุต พฒั ผล
การประเมนิ หลักสูตรเพื่อการเรยี นรแู้ ละพฒั นา
ผ้ชู ่วยศาสตราจารย์ ดร.มารุต พัฒผล
พมิ พ์ครัง้ ท่ี 1 กันยายน 2555 จานวน 100 เลม่
พมิ พค์ รั้งท่ี 2 มกราคม 2556 จานวน 500 เลม่
พิมพค์ รัง้ ท่ี 3 มิถุนายน 2558 จานวน 500 เล่ม
ข้อมลู ทางบรรณานกุ รมของสานกั หอสมดุ แห่งชาติ
National Library of Thailand Cataloging in Publication Data
มารตุ พฒั ผล.
การประเมินหลกั สตู รเพ่อื การเรยี นรแู้ ละพัฒนา.—พมิ พ์ครง้ั ท่ี 2.-- กรงุ เทพฯ : จรัลสนิทวงศก์ ารพิมพ์,
2556. 195 หน้า.
1. การประเมนิ หลักสตู ร. 2. การศกึ ษา--หลกั สตู ร. I. ช่ือเรอ่ื ง.
370.7
ISBN 978-616-321-854-4
ราคา 250 บาท
สงวนลิขสิทธเิ์ น้อื หาและภาพประกอบ ตามพระราชบัญญตั ลิ ขิ สทิ ธิ์
พิมพท์ ่ี บรษิ ทั จรลั สนิทวงศก์ ารพิมพ์ จากดั
233 ซอยเพชรเกษม 102/2
แขวงบางแคเหนอื เขตบางแค
กรุงเทพมหานคร 10160
โทรศพั ท์ 02-809-2281-3 แฟกซ์ 02-809-2284
www.fast-book.com e-mail: [email protected]
คานยิ ม
หนังสือ การประเมินหลักสูตรเพ่ือการเรียนรู้และพัฒนา ของ ดร.มารุต พัฒผล เล่มนี้
เป็นหนังสือท่ีให้แนวคิดใหม่ทางด้านการประเมินหลักสูตร มุ่งเน้นการเรียนรู้ผลการประเมินและนามา
ปรับปรุงหลักสูตรให้มีคุณภาพอย่างต่อเน่ือง นับว่าเป็นสิ่งที่มีคุณค่าสาหรับการประเมินหลักสูตร
ทั้งในระดับการศึกษาขั้นพ้ืนฐานและระดับอุดมศึกษาท่ีสามารถนาหลักการและแนวคิดไปประยุกต์ใช้
ได้อย่างมีประสทิ ธภิ าพ
สาหรับเน้ือหาสาระของหนังสือได้เรียบเรียงข้ึนจากประสบการณ์บนพ้ืนฐานหลักวิชาการ
และการวิจัยด้านการประเมินหลักสูตรในบริบทของการศึกษาระดับขั้นพื้นฐานและระดับอุดมศึก ษา
ควบคกู่ ัน ในส่วนของการประเมินหลักสูตรเชิงสร้างสรรค์ที่นาเสนอไว้นั้น เป็นมิติใหม่ของการประเมิน
หลักสูตรท่ีช่วยทาให้เกิดชุมชนแห่งการเรียนรู้เชิงวิชาชีพ (professional learning community)
ของบุคลากร ท่ีเกี่ยวข้องกับหลักสูตร นอกจากนี้ในส่วนของการประเมินฐานทฤษฎี ซึ่งเป็นองค์ความรู้
ใหมข่ องการประเมิน หนงั สอื เล่มนไ้ี ด้นาเสนอไวอ้ ย่างชดั เจน รวมท้ังการประเมินแบบผสมผสานวิธีท่ีใช้
การวิจัยแบบผสมผสานวิธี (mixed - method) เปน็ พนื้ ฐาน
โดยภาพรวมแล้วหนังสือเล่มนี้ได้ขยายองค์ความรู้ทางด้านการประเมินหลักสูตรที่ มีความ
ร่วมสมยั ซ่งึ จะเปน็ ประโยชนต์ ่อการนาไปปฏบิ ตั ไิ ดจ้ รงิ
(รองศาสตราจารย์ ดร.วิชัย วงษใ์ หญ่)
คานาการพมิ พค์ รัง้ ที่ 1
หนังสอื “การประเมินหลกั สตู รเพื่อการเรียนรู้และพัฒนา” เล่มนี้ ได้สังเคราะห์และเรียบเรียง
มาจากเอกสารที่ใช้ในการจัดการเรียนการสอนหัวข้อการประเมินหลักสูตร ให้กับนิสิตนักศึกษาระดับ
บัณฑิตศึกษา มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ และมหาวิทยาลัยอื่นๆ ทั้งภาครัฐ และเอกชน รวมท้ัง
ผลการวิจัยประเมินหลักสูตรพุทธศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิปัสสนาภาวนา มหาวิทยาลัยมหาจุฬา
ลงกรณราชวิทยาลัย วิทยาเขตบาฬีศึกษาพุทธโฆส จังหวัดนครปฐม โดยมุ่งเน้นการนาเสนอสาระสาคัญ
เกี่ยวกับการประเมินหลักสูตร โดยมีกรณีตัวอย่างให้ผู้อ่านสามารถนาไปประยุกต์ใช้ในการประเมิน
หลกั สตู รไดจ้ ริง
สาระสาคัญที่นาเสนอประกอบด้วย 1) ระบบการพัฒนาหลักสูตร 2) มโนทัศน์เก่ียวกับการ
ประเมินหลักสูตร 3) การประเมินหลักสูตรเชิงสร้างสรรค์ 4) ประเด็นและคาถามการประเมินหลักสูตร
5) การประเมินการเรียนการสอนกับการประเมินหลักสูตร 6) ความเช่ือมโยงระหว่างการประเมิน
หลักสูตรและการปรับปรุงหลักสูตร 7) รูปแบบการประเมินหลักสูตรร่วมสมัย 8) กระบวนการประเมิน
หลกั สูตรท้งั ระบบ 9) การประเมนิ หลักสูตรแบบผสมผสานวิธี 10) การประเมินหลักสูตรบนฐานทฤษฎียู
(Theory U) และสุนทรียสนทนา 11) เกณฑ์คณุ ภาพการประเมินหลกั สูตร และ 12) บทสรุป
ขอขอบคณุ รองศาสตราจารย์ ดร.วิชัย วงษ์ใหญ่ และนสิ ิตนักศึกษาทุกคนท่ีได้ให้ข้อเสนอแนะ
ที่เป็นประโยชน์ในการเรยี บเรียงหนงั สือคร้ังน้ี รวมท้งั เจ้าของผลงานทุกท่านที่ได้อ้างอิงไว้
มารตุ พฒั ผล
คานาการพมิ พ์ครง้ั ที่ 2
หนังสือ “การประเมินหลกั สูตรเพอื่ การเรียนรแู้ ละพัฒนา” พิมพ์คร้ังที่ 2 ได้ขยายรายละเอียด
ในหัวข้อการประเมินหลักสูตรแบบผสมผสานวิธี ให้มีความชัดเจนข้ึน ซึ่งจะเป็นประโยชน์สาหรับ
ผู้ทสี่ นใจดา้ นการประเมินหลักสตู รแบบผสมผสานวธิ ี ในการทาการประเมินไดอ้ ย่างมปี ระสิทธภิ าพ
มารตุ พัฒผล
คานาการพมิ พ์ครั้งที่ 3
หนังสือ “การประเมนิ หลกั สตู รเพ่ือการเรยี นร้แู ละพัฒนา” พิมพค์ รงั้ ที่ 3 ได้ขยายรายละเอยี ด
และเพิม่ เตมิ ตัวอย่างจากประสบการณ์การประเมินและปรับปรุงหลักสูตร ตลอดจนได้ขยายรายละเอียด
เก่ียวกับการเรียนรู้ผลการประเมินไปสู่การปรับปรุงและเปลี่ยนแปลงหลักสูตร รวมทั้งแนวทางการ
ปรับปรุงและเปล่ียนแปลงหลักสูตรให้มีคุณภาพมากขึ้น ซ่ึงจะเป็นประโยชน์สาหรับนิสิต นักศึกษา
และผู้ท่สี นใจดา้ นการประเมนิ หลกั สูตรแบบผสมผสานวธิ ี ในการทาการประเมนิ ไดอ้ ย่างมีประสิทธภิ าพ
มารตุ พฒั ผล
“If you can’t measure, You Can’t improve.
Evaluation is not to prove, but to improve.”
Ebel. (1979)
“The most important purpose of
program evaluation
is not to prove but to improve”
Stufflebeam. (1983)
สารบญั หน้า
เนื้อหาสาระ 1
ตอนท่ี 1 การประเมนิ หลกั สตู ร 3
5
บทที่ 1 ระบบการพัฒนาหลกั สตู ร 7
สาระสาคัญ 13
1.1 ระบบการร่างหลกั สตู ร 15
1.2 ระบบการบรหิ ารหลกั สตู ร 18
1.3 ระบบการประเมนิ หลักสูตร 19
1.4 แนวความคิดของการประเมนิ หลกั สูตรเพ่ือการเรียนรู้และพฒั นา 21
สรปุ
บรรณานุกรม 25
27
บทท่ี 2 สาระสาคญั เกี่ยวกับการประเมนิ หลักสตู ร 29
สาระสาคัญ 30
2.1 ความหมายของการประเมนิ หลกั สูตร 36
2.2 จุดมุ่งหมายของการประเมนิ หลักสตู ร 38
2.3 ความสาคัญของการประเมนิ หลกั สตู ร 43
2.4 เหตุผลและความจาเปน็ ที่ต้องมีการประเมนิ หลักสตู ร
2.5 เกณฑ์คณุ ภาพของการประเมนิ หลักสตู ร 45
2.6 ความสัมพันธร์ ะหวา่ งกิจกรรมการพฒั นาหลักสูตร
และกจิ กรรมการประเมิน ในกระบวนการพัฒนาหลักสตู ร
สารบัญ หนา้
เนื้อหาสาระ 48
51
2.7 การประเมนิ คุณภาพของการประเมนิ หลกั สตู ร 53
สรุป
บรรณานกุ รม 57
59
บทที่ 3 การประเมินหลกั สูตรเชงิ สร้างสรรค์ 61
สาระสาคัญ 61
3.1 ความหมายของการประเมนิ หลักสูตรเชงิ สรา้ งสรรค์ 65
3.2 องคป์ ระกอบของการประเมินหลักสูตรเชงิ สรา้ งสรรค์ 65
3.3 จดุ เนน้ ของการประเมินหลักสูตรเชิงสร้างสรรค์ 79
81
3.3.1 การประเมนิ ก่อนการใช้หลักสูตร 89
3.3.2 การประเมินระหวา่ งการใชห้ ลักสูตร 91
3.3.3 การประเมินหลงั การใช้หลกั สตู ร
สรุป 95
บรรณานุกรม 97
99
บทที่ 4 ประเดน็ และคาถามการประเมินหลักสตู ร 107
สาระสาคญั 115
4.1 ประเดน็ การประเมนิ หลักสูตร 117
4.2 คาถามการประเมินหลักสตู ร
สรุป
บรรณานกุ รม
สารบัญ หนา้
เนือ้ หาสาระ 121
123
บทท่ี 5 การประเมินหลกั สูตรกับการประเมินการเรยี นการสอน 125
สาระสาคญั 127
5.1 ความสมั พันธ์ระหวา่ งการประเมนิ หลกั สตู รกบั การประเมินการเรียนการสอน
5.2 จดุ เนน้ ทแ่ี ตกต่างกนั ของการประเมนิ หลักสตู รกบั การประเมินการเรยี นการสอน 128
5.3 ความสมั พนั ธ์ระหวา่ งสารสนเทศจากการประเมินหลกั สตู ร สู่การปรับปรุงหลกั สูตร 129
138
การเรียนการสอน และคุณภาพผู้เรียน 140
5.4 องคป์ ระกอบของการประเมนิ การเรียนการสอน 140
5.5 ประสทิ ธภิ าพของวธิ ีการประเมนิ ผลการเรียนรู้ 152
5.6 นวตั กรรมการประเมินการเรียนการสอนและการประเมินผลการเรียนรขู้ องผ้เู รยี น
155
1) รปู แบบการประเมินผลผลการเรียนรูท้ เี่ สริมพลังตามสภาพจรงิ
2) การประเมนิ ผลการเรยี นรูโ้ ดยใช้การถอดบทเรยี นตามหลักกาลามสตู ร 174
3) การพฒั นาเครือ่ งมือวัดและประเมนิ ผลลพั ธ์การเรยี นรู้ของนักศกึ ษา 178
183
วทิ ยาลัยพยาบาลบรมราชชนนี สถาบนั พระบรมราชชนก 185
4) การประเมินเพ่อื รับรองหลักสตู รตามกรอบมาตรฐานคุณวุฒริ ะดับอุดมศึกษา
แหง่ ชาติ พ.ศ. 2552 และมาตรฐานคุณวฒุ ิระดบั อดุ มศกึ ษา
5) การประเมินหลักสูตรบนฐานการคิดอย่างเป็นระบบ
สรุป
บรรณานกุ รม
สารบญั
เน้ือหาสาระ หนา้
บทท่ี 6 ความเช่ือมโยงระหว่างการประเมินหลกั สูตรและการปรับปรุงหลักสูตร 187
สาระสาคัญ 189
6.1 การประเมนิ หลักสูตรนาไปส่กู ารปรบั ปรุงและพฒั นา 191
6.2 กรณศี ึกษาการประเมินหลักสตู รระดบั การศึกษาข้ันพ้ืนฐาน 192
6.3 กรณศี ึกษาการประเมินหลกั สูตรระดบั บัณฑิตศึกษา 196
สรปุ 205
บรรณานุกรม 207
บทที่ 7 รปู แบบการประเมินหลักสูตรรว่ มสมัย 209
สาระสาคญั 211
7.1 รปู แบบการประเมิน 3 กลุ่ม 213
7.2 รูปแบบการประเมนิ ของ Tyler 214
7.3 รปู แบบการประเมนิ ของ Stake 218
7.4 รปู แบบการประเมนิ ของ Stufflebeam 225
7.5 รูปแบบการประเมินของ Provus 228
7.6 รปู แบบการประเมนิ ของ Hammond 232
7.7 รปู แบบการประเมินของ Kirkpatrick 238
7.8 รูปแบบการประเมินของ Eisner 242
สรุป 243
บรรณานุกรม 245
สารบญั หนา้
เน้อื หาสาระ 249
251
บทท่ี 8 การประเมนิ หลกั สูตรทัง้ ระบบ 253
สาระสาคญั 254
8.1 จดุ มงุ่ หมายของการประเมินหลักสูตรทัง้ ระบบ 256
8.2 ลกั ษณะเดน่ ของการประเมนิ หลกั สตู รทง้ั ระบบ 327
8.3 กระบวนการประเมนิ หลักสตู รทง้ั ระบบ 329
สรปุ
บรรณานกุ รม 333
335
บทที่ 9 การประเมนิ หลกั สูตรแบบผสานวธิ ี 337
สาระสาคญั 337
9.1 แนวความคิดของการประเมนิ หลักสูตรแบบผสานวิธี 338
9.2 ข้อดขี องการประเมินหลักสตู รแบบผสานวธิ ี 355
9.3 กรอบความคดิ ของการออกแบบการประเมินหลักสตู รแบบผสานวธิ ี 357
9.4 กลยุทธก์ ารประเมนิ หลกั สูตรแบบผสานวธิ ี 361
9.5 วิธกี ารและเครอื่ งมอื เก็บรวบรวมขอ้ มลู สาหรบั การประเมินหลกั สูตรแบบผสานวธิ ี 363
9.6 การจัดกระทาข้อมลู การวิเคราะหข์ อ้ มลู และสรุปผล 365
สรุป
บรรณานกุ รม
สารบัญ หน้า
เนื้อหาสาระ 367
369
บทที่ 10 การประเมินหลกั สูตรบนฐานทฤษฎี 371
สาระสาคัญ 372
10.1 คณุ คา่ แทข้ องการประเมนิ หลักสูตร
10.2 การประเมินหลักสูตรบนฐานทฤษฎี 374
10.3 การประเมินหลักสูตรบนฐานทฤษฎี: กรณีศกึ ษาการใช้ทฤษฎียูและสนุ ทรยี สนทนา 389
391
ร่วมกับการประเมนิ ปจั จยั กาหนด ปจั จัยนาเข้า กระบวนการ และผลผลติ
สรุป 393
บรรณานกุ รม
395
ตอนที่ 2 การเรยี นร้ผู ลการประเมนิ หลักสตู ร 397
บทท่ี 11 การเรียนรู้ผลการประเมินหลักสูตรท่ีนาไปสกู่ ารปรับปรุงและเปล่ยี นแปลง 399
สาระสาคญั 407
11.1 กระบวนการทางความคิดใหม่ (new mindset) ในการปรับปรุงและเปลี่ยนแปลง 408
411
หลักสตู ร 413
11.2 วิธกี ารปรับเปลีย่ นกระบวนการทางความคดิ
11.3 การถอดบทเรยี น
11.4 การสังเคราะหค์ วามรู้ท่ีได้จากการถอดบทเรยี น
11.5 การนาผลการประเมินหลักสูตรไปสกู่ ารปรบั ปรุงและพฒั นา
สารบัญ หนา้
เนอื้ หาสาระ 429
431
สรปุ
บรรณานกุ รม 437
439
บทท่ี 12 การปรบั ปรงุ และเปล่ยี นแปลงหลักสตู รภายหลังการประเมนิ หลกั สตู ร 441
สาระสาคัญ 445
12.1 การปรับปรุงและเปลย่ี นแปลงหลกั สตู รอย่างครบวงจร 450
12.2 การปรบั ปรงุ และพัฒนาคณุ ภาพของหลักสูตรและการเรยี นรอู้ ย่างย่งั ยนื 456
12.3 ปจั จัยสนบั สนนุ การปรับปรงุ และเปล่ยี นแปลงหลกั สูตรอยา่ งตอ่ เนือ่ ง 457
12.4 กระบวนการปรบั ปรงุ และเปลี่ยนแปลงหลักสูตร 460
12.5 การปรับปรงุ มาตรฐานการเรียนร้ภู ายหลังการประเมินหลักสูตร 463
12.6 ลักษณะของการเรยี นรทู้ ี่พึงปรารถนา 465
12.7 การปรบั ปรงุ รายวิชาหรือหนว่ ยการเรียนรู้โดยผสู้ อนภายหลงั การประเมนิ หลักสูตร 467
12.8 การพฒั นารายวชิ าหรอื หนว่ ยการเรียนรู้ใหม่ภายหลงั การประเมนิ หลักสูตร 470
12.9 การพฒั นารายวิชาเพ่ิมเติมดา้ นอาชพี ท่ีสอดคล้องกบั ทอ้ งถ่ิน 473
12.10 การดารงคณุ ภาพของหลกั สตู รระหว่างการใช้ 475
สรปุ
บรรณานุกรม
สารบญั หนา้
เนื้อหาสาระ 479
481
บทที่ 13 บทบาทของบคุ ลากรต่อการปรบั ปรงุ และเปลี่ยนแปลงหลักสูตร 483
สาระสาคญั 485
13.1 ภาวะผู้นาทางหลักสตู ร 489
13.2 บทบาทของผูน้ าทางหลกั สตู ร 498
13.3 บทบาทของผ้ปู ฏิบัติการหลักสตู ร 502
13.4 บทบาทของโคช้ 505
13.5 บทบาทการโค้ชเพื่อการรู้คดิ ของผ้สู อนในปัจจุบัน 507
สรปุ
บรรณานกุ รม 511
513
บทท่ี 14 การพัฒนาผสู้ อนใหพ้ รอ้ มต่อการปรับปรงุ และเปล่ยี นแปลงหลักสูตร 515
สาระสาคญั 518
14.1 การพฒั นาผสู้ อนโดยใช้โรงเรียนเปน็ ฐาน 523
14.2 การพฒั นาผู้สอนโดยใช้ชุมชนแหง่ การเรยี นรู้เชิงวชิ าชีพ
14.3 การพฒั นาผู้สอนโดยใช้การวจิ ัยและพัฒนานวตั กรรมในงานประจา 525
14.4 แนวทางการพฒั นาผู้สอนใหพ้ ร้อมต่อการปรับปรงุ และเปลย่ี นแปลงหลกั สตู ร: 551
553
ถอดบทเรยี นจากประสบการณ์การวิจัย
สรปุ
บรรณานกุ รม
บญั ชแี ผนภาพ หนา้
แผนภาพ 9
17
1 ความเช่อื มโยงตลอดแนวของหลักสูตร 42
2 ระบบการพัฒนาหลกั สูตร 64
3 เหตุผลและความจาเปน็ ที่ทาใหต้ ้องมกี ารประเมินหลักสูตร
4 องค์ประกอบของการประเมนิ หลกั สตู รเชิงสร้างสรรค์ 66
5 ความสอดคล้องระหวา่ งจุดประสงคก์ ารเรยี นรู้ ประสบการณก์ ารเรียนรู้ 83
84
และการประเมนิ ผลการเรียนรู้ 86
6 กระบวนการประเมินหลักสตู รท่ยี ดึ จุดมงุ่ หมาย 106
7 กรอบแนวคดิ การประเมนิ หลักสตู รเชงิ สร้างสรรค์ 125
8 ขัน้ ตอนการประเมินหลักสูตรแบบรว่ มมอื รว่ มใจ 126
9 การประเมนิ หลักสูตรโดยผ้เู ช่ยี วชาญดา้ นหลกั สตู รและด้านเน้อื หา 128
10 การประเมินการเรยี นการสอนเป็นสว่ นหน่ึงของการประเมินหลักสูตร
11 ความสัมพนั ธร์ ะหว่างการประเมินหลักสูตรกบั การประเมนิ การเรยี นการสอน 129
12 ความสัมพนั ธ์ระหวา่ งหลกั สตู รและการเรยี นการสอน
13 ความสัมพันธ์ระหว่างสารสนเทศจากการประเมินหลักสูตร สู่การปรบั ปรงุ หลกั สูตร 135
139
การเรียนการสอนและคณุ ภาพผู้เรยี น 141
14 ความสัมพนั ธร์ ะหว่างการประเมนิ แบบกา้ วหน้า การประเมินแบบรวบยอด 143
149
และการสะท้อนผลการประเมิน
15 ระบบการประเมินการเรยี นการสอนท่เี ป็นส่วนหนึง่ ของการประเมินหลักสูตร
16 วงจรการประเมินผลการเรียนรูข้ องผู้เรยี น
17 รปู แบบการประเมนิ ผลการเรียนรทู้ ีเ่ สรมิ พลงั ตามสภาพจรงิ
18 แนวคิดการกาหนดเกณฑ์การให้คะแนนดา้ นคุณธรรมจริยธรรม
บัญชีแผนภาพ หนา้
แผนภาพ 157
19 ข้นั ตอนการดาเนินงานการสรา้ งเคร่อื งมอื วัดและประเมินผลการเรียนรตู้ ามมาตรฐาน 158
คุณวุฒิระดบั ปรญิ ญาตรสี าขาพยาบาลศาสตร์ พ.ศ. 2552 ระดบั สถาบัน 176
20 ขั้นตอนการดาเนนิ งานการสรา้ งเครื่องมอื วัดและประเมินผลการเรยี นรตู้ ามมาตรฐาน 177
คุณวฒุ ริ ะดับปริญญาตรีสาขาพยาบาลศาสตร์ พ.ศ. 2552 ระดับวทิ ยาลัย 179
21 กระบวนการรบั ทราบและรับรองหลักสูตรระดับอุดมศึกษา 181
22 ประเดน็ หลักท่สี านกั งานคณะกรรมการการอุดมศกึ ษาจะพจิ ารณา 204
214
เพ่อื รับรองหลักสูตร 215
23 แผนภูมิวงรอบเหตแุ ละผลของการลาออกของอาจารย์จานวนมาก 217
24 แผนภูมิวงรอบเหตุและผลของคุณภาพด้านการคิดของผเู้ รียนทีไ่ มผ่ า่ นเกณฑ์ 221
227
การประเมนิ 230
25 การประเมนิ หลักสตู รและการปรับปรงุ หลักสูตรมคี วามสอดคล้องกนั 232
26 รูปแบบการประเมนิ 3 กลุ่ม 237
27 แนวคิดการประเมินของ Tyler 241
28 ขน้ั ตอนการประเมินของ Tyler
29 รปู แบบการประเมินของ Stake
30 รปู แบบการประเมนิ ของ Stufflebeam
31 รูปแบบการประเมนิ ของ Provus
32 การประเมินโดยใช้การคิดอยา่ งเปน็ ระบบ
33 รปู แบบการประเมนิ ของ Hammond
34 ช่วงเวลาของการประเมินแบบ Kirkpatrick’s four levels of evaluation
บัญชีแผนภาพ หนา้
แผนภาพ 242
325
35 รูปแบบการประเมิน Connoisseurship 340
36 กระบวนการประเมินหลักสตู รท้งั ระบบ 341
37 กรอบความคิดของการประเมินหลกั สตู รแบบผสานวิธี แบบที่ 1 342
38 ตัวอยา่ งกรอบความคิดของการประเมนิ หลักสูตรแบบผสานวธิ ี แบบที่ 1 343
39 กรอบความคิดของการประเมินหลกั สตู รแบบผสานวธิ ี แบบท่ี 2 344
40 ตัวอย่างกรอบความคิดของการประเมนิ หลกั สูตรแบบผสานวธิ ี แบบที่ 2 345
41 กรอบความคดิ ของการประเมินหลกั สูตรแบบผสานวิธี แบบที่ 3 346
42 ตัวอย่างกรอบความคดิ ของการประเมนิ หลักสตู รแบบผสานวธิ ี แบบที่ 3 347
43 กรอบความคดิ ของการประเมินหลักสตู รแบบผสานวิธี แบบท่ี 4 348
44 ตวั อยา่ งกรอบความคดิ ของการประเมนิ หลกั สูตรแบบผสานวธิ ี แบบที่ 4.1 350
45 ตวั อยา่ งกรอบความคิดของการประเมินหลักสูตรแบบผสานวธิ ี แบบท่ี 4.2 351
46 กรอบความคดิ ของการประเมินหลกั สูตรแบบผสานวธิ ี แบบท่ี 5 352
47 กรอบความคดิ ของปัจจยั ท่ีสง่ ผลตอ่ คณุ ภาพของผเู้ รยี น 353
48 ตัวอยา่ งกรอบความคิดของการประเมินหลกั สตู รแบบผสานวิธี แบบที่ 5 354
49 กรอบความคดิ ของการประเมินหลกั สตู รแบบผสานวิธี แบบที่ 6 378
50 ตวั อยา่ งกรอบความคดิ ของการประเมนิ หลักสูตรแบบผสานวธิ ี แบบท่ี 6 381
51 สาระสาคัญของทฤษฎยี ู
52 การประเมินหลักสูตรฐานทฤษฎียู 384
53 การประเมนิ ปจั จยั กาหนด การประเมนิ นาเข้า การประเมนิ กระบวนการ
และการประเมนิ ผลผลติ ของหลกั สตู รบนฐานทฤษฎี
บญั ชแี ผนภาพ หนา้
แผนภาพ 385
387
54 การประเมนิ หลกั สตู รบนฐานทฤษฎี: กรณีศกึ ษาการใช้ทฤษฎียแู ละสุนทรยี สนทนา 399
ร่วมกบั การประเมนิ ปจั จยั กาหนด การประเมนิ นาเขา้ การประเมินกระบวนการ 401
และการประเมินผลผลิตของหลกั สตู ร 402
403
55 โมเดลสมมตฐิ านของการใช้ทฤษฎียูและสนุ ทรียสนทนาสาหรับการประเมินหลักสตู ร 404
56 กระบวนการทางความคิดใหมข่ องการปรับปรุงและเปล่ยี นแปลงหลักสตู ร 405
57 กระบวนการทางความคดิ แบบเดิมดา้ นเน้อื หาสาระ 406
58 กระบวนการทางความคดิ แบบเดมิ ดา้ นการสอน 412
59 กระบวนการทางความคดิ แบบเดมิ ด้านการประเมนิ ผล 413
60 กระบวนการทางความคิดแบบใหม่ดา้ นกระบวนการเรียนรู้ 442
61 กระบวนการทางความคดิ แบบใหม่ดา้ นการโคช้ 446
62 กระบวนการทางความคิดแบบใหม่ดา้ นการประเมนิ เพื่อพฒั นา 450
63 แนวคดิ การสังเคราะห์ความรทู้ ไ่ี ดจ้ ากการถอดบทเรยี นผลการประเมินหลักสตู ร 455
64 กระบวนการนาผลการประเมินหลักสูตรไปสกู่ ารปรบั ปรงุ และพัฒนา 464
65 การปรับปรุงและเปลี่ยนแปลงหลกั สตู รอย่างครบวงจร 466
66 การประเมินประเมินหลกั สตู รเพื่อยกระดบั คณุ ภาพการศึกษาอย่างต่อเนื่อง 469
67 แนวคดิ ของการพัฒนาอยา่ งต่อเนื่อง 487
68 รปู แบบการปรับปรงุ และเปลย่ี นแปลงหลกั สตู รอย่างต่อเนอื่ ง
69 ขั้นตอนการปรับปรงุ รายวิชาหรอื หน่วยการเรยี นรู้โดยผูส้ อน
70 ขน้ั ตอนการพัฒนารายวชิ าหรือหน่วยการเรียนรู้ขนึ้ ใหมจ่ ากทม่ี อี ย่ใู นหลักสูตรเดมิ
71 ขนั้ ตอนการพัฒนารายวชิ าเพ่มิ เติมด้านอาชีพที่สอดคล้องกบั ท้องถ่นิ
72 บทบาทของผนู้ าการเปลยี่ นแปลงหลกั สูตร
บญั ชแี ผนภาพ หน้า
แผนภาพ 520
524
73 องคป์ ระกอบของชุมชนแหง่ การเรยี นรู้เชิงวิชาชีพ
74 แนวคิดของการวิจัยและพัฒนานวตั กรรมในงานประจา 540
75 รูปแบบการพัฒนาครูดา้ นการจัดการเรยี นรูท้ เ่ี สริมสรา้ งการรคู้ ิด
548
และความสุขในการเรียนรู้ของผู้เรยี นระดับประถมศกึ ษา
76 รูปแบบเชิงทฤษฎกี ารเสริมสรา้ งศักยภาพการจัดการเรียนรสู้ าหรับผสู้ อน
โรงเรยี นตารวจตระเวนชายแดน ในเขตอาเภอไทรโยค จังหวัดกาญจนบุรี
บญั ชตี าราง หนา้
ตาราง 46
127
1 ความสมั พันธร์ ะหวา่ งกิจกรรมการพฒั นาหลักสตู รและกิจกรรมการประเมนิ
ในกระบวนการพัฒนาหลักสูตร 136
138
2 จุดเน้นที่แตกต่างกนั ระหว่างการประเมินการเรยี นการสอนกับการประเมินหลกั สูตร
3 การวเิ คราะหค์ วามแตกตา่ งระหว่างการประเมนิ แบบกา้ วหน้า การประเมินเพ่อื วินจิ ฉัย 193
และการประเมินรวบยอด 195
4 ประสิทธภิ าพของวธิ ีการประเมนิ ผลการเรียนรู้
5 การเปรียบเทียบจดุ มุ่งหมายของหลกั สูตรการศึกษาขน้ั พ้นื ฐาน พทุ ธศักราช 2544 197
240
กบั หลักสูตรแกนกลางการศกึ ษาขั้นพ้นื ฐาน พทุ ธศักราช 2551 258
6 การเปรยี บเทยี บสาระและมาตรฐานการเรยี นร้ขู องหลกั สูตรการศึกษาข้ันพนื้ ฐาน
259
พทุ ธศักราช 2544 กับหลกั สูตรแกนกลางการศกึ ษาขน้ั พน้ื ฐาน พุทธศกั ราช 2551 414
7 การเปรยี บเทยี บประเด็นสาคญั ของหลักสูตรการศึกษาดุษฎบี ัณฑติ 460
สาขาการวิจัยและพฒั นาหลักสูตร พทุ ธศักราช 2530 กบั หลกั สตู ร
ปรัชญาดษุ ฎบี ัณฑติ สาขาการวิจัยและพฒั นาหลกั สตู ร พทุ ธศกั ราช 2553
8 จุดเน้นของการประเมิน Kirkpatrick’s four levels of evaluation
9 พิมพเ์ ขียวการประเมินหลักสูตร
10 การออกแบบและวางแผนการประเมินหลักสูตรพุทธศาสตรมหาบณั ฑิต
สาขาวชิ าวิปสั สนาภาวนา มหาวิทยาลยั มหาจุฬาลงกรณราชวทิ ยาลยั
วิทยาเขตบาฬีศึกษาพุทธโฆส นครปฐม
11 คาอธบิ ายเชิงคณุ ภาพในประเดน็ ทีเ่ ก่ียวข้องกบั หลกั สูตรและการเรียนรู้
12 ลักษณะของการเรยี นร้ทู ่ีพงึ ปรารถนา
1
ตอนท่ี 1
การประเมินหลักสูตร
2
3
บทที่ 1
ระบบการพัฒนาหลักสตู ร
4
1.1 ระบบการรา่ งหลักสตู ร
1. ระบบการพัฒนาหลักสตู ร 1.2 ระบบการบรหิ ารหลักสตู ร
1.3 ระบบการประเมินหลกั สูตร
1.4 แนวความคิดของการประเมนิ หลกั สตู รเพื่อการเรยี นรู้และพฒั นา
5
สาระสาคัญ
สาหรับในบทท่ี 1 เร่อื ง ระบบการพฒั นาหลกั สูตร มีสาระสาคัญดงั ต่อไปนี้
1. ระบบการพัฒนาหลักสูตร ประกอบด้วย ระบบการร่างหลักสูตร ระบบการบริหาร
หลักสูตร และระบบการประเมนิ หลกั สูตร
2. ระบบการร่างหลักสูตร เป็นกระบวนการพัฒนาเอกสารหลักสูตรตั้งแต่เริ่มต้น
จนกระท่ังได้เอกสารหลกั สตู รท่ีมคี วามสมบรู ณ์พร้อมสาหรับการนาไปใช้กบั กลุ่มเปูาหมาย
3. ระบบการบริหารหลักสูตร เป็นการวางแผนและดาเนินการใช้หลักสูตรอย่างเป็น
ระบบและมีประสทิ ธภิ าพและเกดิ ประสิทธผิ ล
4. ระบบการประเมินหลักสูตร หมายถึง กระบวนการวางแผน เก็บรวบรวมข้อมูล
และวิเคราะห์ข้อมูลนาไปสู่การตดั สนิ ใจในเชงิ คณุ คา่ (value judgments) ของหลกั สูตร
5. การประเมนิ หลักสตู รเพอื่ การเรียนรู้และพัฒนา มีแนวความคิดสาคัญคือการใช้การ
ประเมินหลักสูตรเป็นเครื่องมือท่ีนาไปสู่การเรียนรู้ของผู้ที่เกี่ยวข้องกับหลักสูตรทุกฝุายว่า หลักสูตรที่ใช้
อยู่นั้นมีจุดแข็งและจุดท่ีต้องปรับปรุง เพ่ือให้หลักสูตรมีคุณภาพสอดคล้องกับบริบทในปัจจุบันและการ
เปลี่ยนแปลงในอนาคต
6
ระบบการรา่ งหลกั สูตร
ระบบการบริหารหลกั สตู ร
และระบบการประเมนิ หลกั สตู ร
เป็นระบบที่มคี วามเชือ่ มโยงกนั
7
1.1 ระบบการร่างหลักสตู ร
การประเมินหลักสตู รเปน็ หน่ึงในสามระบบของระบบการพัฒนาหลักสูตร ท่ีประกอบด้วย
ระบบการร่างหลักสูตร ระบบการบริหารหลักสูตร และระบบการประเมินหลักสูตร โดย ระบบ
การพัฒนาหลักสูตร ประกอบด้วย ระบบการร่างหลักสูตร ระบบการบริหารหลักสูตร และระบบ
การประเมนิ หลกั สูตร ซ่ึงจะไดน้ าเสนอเฉพาะประเด็นที่เปน็ สาระสาคัญของแตล่ ะระบบ เพ่ือให้เกิดความ
เข้าใจกระบวนการพัฒนาหลักสูตรโดยภาพรวมทั้งระบบก่อนท่ีจะขยายรายละเอียดของระบบ
การประเมนิ หลักสูตรต่อไป ซงึ่ ระบบการพัฒนาหลกั สตู รท้งั 3 ระบบ มีสาระสาคญั โดยสรปุ ดังนี้
ระบบการร่างหลักสูตร หมายถึง กระบวนการพัฒนาเอกสารหลักสูตรต้ังแต่เร่ิมต้น
จนกระทง่ั ได้เอกสารหลักสูตรทมี่ คี วามสมบูรณ์พร้อมสาหรับการนาไปใช้กับกลุ่มเปูาหมาย ประกอบด้วย
กิจกรรมหลัก 4 กิจกรรม ดงั น้ี
1) การวิเคราะห์ส่ิงกาหนดหลักสูตร หมายถึง การศึกษาวิเคราะห์ข้อมูลพื้นฐานด้านต่างๆ
ที่เก่ียวข้องและจาเป็นต่อการพัฒนาหลักสูตร เพื่อใช้เป็นข้อมูลพื้นฐาน (based – line data)
ประกอบการตัดสินใจในกระบวนการพัฒนาหลักสูตร จุดมุ่งหมายของการวิเคราะห์สิ่งกาหนดหลักสูตร
คือ การมสี ารสนเทศหรอื องคค์ วามรทู้ ่ีถูกตอ้ งและทันสมยั
ประเด็นการวิเคราะห์ส่ิงกาหนดหลักสูตรมีหลายประเด็นขึ้นอยู่กับมุมมองของ
คณะกรรมการพฒั นาหลักสูตร เช่น ด้านปรัชญา ด้านสังคม ด้านเศรษฐกิจ ด้านการเมือง ด้านประเพณี
วัฒนธรรม ด้านกลุ่มเปูาหมาย เป็นต้น โดยใช้แหล่งข้อมูลอย่างหลากหลายเช่ือถือได้ การวิเคราะห์สิ่ง
กาหนดหลกั สูตรจากเอกสารตารา ตลอดจนผลการวิจัยเป็นวิธีการหน่ึงท่ีจะทาให้ได้สารสนเทศท่ีมีความ
ถูกต้องแม่นยาสูง สารสนเทศที่ได้จากการวิเคราะห์ส่ิงกาหนดหลักสูตรจะนาไปสู่การตัดสินใจต่างๆ
เพอ่ื การปรบั ปรงุ และพัฒนาหลักสูตรใหด้ ยี ิ่งข้นึ
8
2) การกาหนดรูปแบบของหลักสูตร หมายถึง การตัดสินใจเลือกใช้รูปแบบของหลักสูตร
ท่ีสอดคล้องกับความต้องการในการพัฒนาหลักสูตรและกลุ่มเปูาหมายบนพ้ืนฐานของสารสนเทศท่ีได้
จากการวิเคราะหส์ ่ิงกาหนดหลักสตู ร รปู แบบของหลกั สูตรมีความหลากหลายประเภท เช่น
หลกั สูตรรายวิชา (subject curriculum)
หลกั สตู รบูรณาการ (integrated curriculum)
หลักสตู รเสริม (enrichment curriculum)
หลกั สูตรฝกึ อบรม (training curriculum)
หลกั สูตรอิงมาตรฐาน (standard – based curriculum)
หลกั สตู รท่เี นน้ ประสบการณ์ (experience – based curriculum)
หลกั สตู รรายบคุ คล (individualize curriculum)
หลกั สตู รเนน้ สมรรถนะ (competency – based curriculum)
นักพฒั นาหลกั สูตรจะเลือกหรอื ผสมผสานรูปแบบของหลักสูตรให้เหมาะสมสอดคล้อง
กับบริบทของการใช้หลักสูตรแต่ละหลักสูตร ไม่ว่าจะเป็นหลักสูตรการศึกษาในสถานศึกษาระดับต่างๆ
หรือหลักสูตรการศึกษาระดับชาติ หลักสูตรในระดับองค์กร และหน่วยงานต่างๆ ซึ่งปัจจุบันหลักสูตร
การศึกษาระดับการศึกษาขั้นพ้ืนฐานของประเทศไทยเป็นหลักสูตรที่อิงมาตรฐาน ส่วนหลักสูตร
ระดับอุดมศึกษาโดยส่วนใหญ่จะเป็นหลักสูตรรายวิชา ส่วนหลักสูตรบูรณาการในระดับอุดมศึกษา
ที่ผู้เขียนเห็นว่ามีความชัดเจน คือ หลักสูตรพยาบาลศาสตร์บัณฑิต ของสถาบันพระบรมราชชนก
กระทรวงสาธารณสขุ
3) การพัฒนาหลักสูตร หมายถึง การจัดทาเอกสารหลักสูตรท่ีมีความเชื่อมโยงตลอดแนว
(alignment) ระหว่างจดุ มุ่งหมายของหลกั สตู ร การจัดประสบการณ์การเรียนรู้ การวัดและประเมินผล
บนพื้นฐานสารสนเทศและองค์ความรู้ที่ได้จากข้ันตอนวิเคราะห์ส่ิงกาหนดหลักสูตร การพัฒนาเอกสาร
หลักสูตรต้องดาเนินการโดยคณะกรรมการพัฒนาหลักสูตรที่มีความรู้และประสบการณ์สอดคล้องกับ
9
หลักสูตรท่ีจะสรา้ งเพ่อื ให้หลักสูตรมีความถูกต้องตามหลักวิชาการและสามารถตอบสนองความต้องการ
ของกลมุ่ เปาู หมาย การเชอื่ มโยงตลอดแนว แสดงได้ดังแผนภาพตอ่ ไปน้ี
จดุ มุง่ หมายของหลักสตู ร
การจดั การเรียนรู้ ความเชอ่ื มโยงตลอดแนว
ของหลักสตู ร
การวัดและประเมินผล
แผนภาพ 1 ความเชอื่ มโยงตลอดแนวของหลกั สตู ร
10
4) การสอบทานความถูกต้องของหลักสูตร (curriculum validation) หมายถึง
การตรวจสอบคุณภาพของเอกสารหลักสูตรโดยผู้เชี่ยวชาญและนาไปทดลองใช้นาร่อง (pilot study)
เพอื่ ให้มนั่ ใจวา่ หลักสตู รจะสามารถนาไปใช้จริงไดอ้ ยา่ งมีประสทิ ธภิ าพและประสทิ ธผิ ล
การสอบทานความถูกตอ้ งของหลกั สูตรเปน็ กระบวนการสาคัญท่ีขาดไม่ได้ของการพัฒนา
หลักสูตร เนื่องจากเป็นการยืนยันความถูกต้องในเบื้องต้นว่าหลักสูตรท่ีพัฒนาข้ึนเป็นหลักสูตรท่ีมี
คุณภาพ น่าสนใจ ตอบสนองความต้องการของผู้เรียน และมีแนวโน้มว่าการนาหลักสูตรไปใช้จริง
จะประสบความสาเรจ็
ในกระบวนการสอบทานหลักสูตรนั้น คณะกรรมการพัฒนาหลักสูตรจะต้องเปิดใจกว้าง
รับฟังความคิดเห็น ข้อเสนอแนะ และต้ังใจฟังคาวิพากษ์ต่างๆ ของผู้ทรงคุณวุฒิ แล้วนาความคิดเห็น
ข้อเสนอแนะ ข้อวิพากษ์ เหล่านั้นมาคิดพิจารณาว่าจะดาเนินการปรับปรุงแก้ไขเอกสารหลักสูตร
ในประเดน็ ใด อย่างไรก็ตามคณะกรรมการพัฒนาหลักสูตรก็จะต้องมีจุดยืนหรือหลักการท่ีชัดเจนในการ
พฒั นาหลักสตู ร เพราะจะทาให้สามารถคัดกรองความคิดและข้อเสนอแนะต่างๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
และนามาส่กู ารปรับปรุงเอกสารหลกั สูตรได้ตรงตามความต้องการในการพฒั นาหลักสตู ร
กรณีศึกษาข้อเสนอแนะของคณะกรรมการพิจารณาหลักสูตรปรัชญาดุษฎีบัณฑิต สาขา
การวิจัยและพัฒนาหลักสูตร (ฉบับปรับปรุง พ.ศ. 2553) เม่ือวันที่ 16 กันยายน พ.ศ. 2551 ณ โรงแรม
เคปราชา อาเภอศรีราชา จังหวัดชลบุรี โดยผู้ทรงคุณวุฒิ จานวน 5 คน มาวิพากษ์หลักสูตร โดยใช้
กระบวนการสนทนากลุ่ม สรุปได้ดังน้ี
รายชือ่ ผทู้ รงคุณวุฒิ จุฬาลงกรณมหาวทิ ยาลยั
1. ศาสตราภิชาน ดร.นงลกั ษณ์ วิรชั ชัย มหาวิทยาลยั นเรศวร
2. รองศาสตราจารย์ ดร.รตั นะ บัวสนธ์ มหาวทิ ยาลยั มหาสารคาม
3. รองศาสตราจารย์ ดร.ประวทิ ย์ เอราวรรณ มหาวิทยาลยั ขอนแกน่
4. ผ้ชู ว่ ยศาสตราจารย์ ดร.ธีรชัย เนตรถนอมศักด์ิ มหาวิทยาลยั ศรีนครินทรวโิ รฒ
5. ดร.ชูศกั ดิ์ ขมั ภลขิ ิต
11
สรุปประเด็นการวิพากษ์หลกั สตู ร
1. ช่อื หลักสูตร
การใช้ช่ือหลักสูตรเป็นปรัชญาดุษฎีบัณฑิต (ปร.ด.) สามารถใช้ได้เม่ือลักษณะของหลักสูตร
มุ่งเน้นทางด้านวิชาการ (academic degree) เน้นทางการวิจัย (research – based) ซึ่งสามารถ
ปรบั ปรุงจากหลกั สูตรเดมิ ได้
2. หลกั การและเหตุผล
ควรระบุเหตุผลและความต้องการจาเป็นสาหรับการปรับปรุงหลักสูตร เช่น การปรับปรุง
เกณฑ์มาตรฐานหลักสูตรระดับบัณฑิตศึกษา พุทธศักราช 2548 จานวนอาจารย์ประจาหลักสูตร
ทิศทางการพฒั นามหาวทิ ยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ ให้เป็นมหาวิทยาลัยแห่งการวิจัย ความก้าวหน้าของ
ศาสตร์ด้านการวจิ ัยและพัฒนาหลกั สูตร
3. วัตถปุ ระสงคข์ องหลักสตู ร
1. ควรแบ่งออกเปน็ 2 ขอ้ ใหญ่ ได้แก่
1) คุณลักษณะดษุ ฎีบณั ฑติ และ
2) การสรา้ งองคค์ วามรใู้ นศาสตร์สาขาการวจิ ัยและพัฒนาหลักสูตร
2. วัตถปุ ระสงคข์ องหลักสตู รควรสะทอ้ นภาพของผู้สาเร็จการศึกษาอย่างชัดเจนว่ามีจุดเด่น
ด้านใด เชน่ นกั วิจัย นักพฒั นาหลักสูตร นกั นิเทศ นกั วิจยั ทางด้านหลักสูตร หรอื นักวิจยั ประเมนิ
3. คุณลักษณะของดุษฎีบัณฑิตสาขาวิชาการวิจัยและพัฒนาหลักสูตรควรมีความแตกต่าง
จากคณุ ลกั ษณะของดษุ ฎีบัณฑติ ในสาขาวชิ าหลกั สูตรและการสอนซ่งึ เปดิ สอนในหลายมหาวิทยาลัย
4. คุณลักษณะดา้ นความเป็นผนู้ าเป็นสงิ่ ท่สี าคัญและจาเปน็ สาหรบั ดุษฎบี ณั ฑิตซึ่งควรระบไุ ว้
ในวัตถปุ ระสงค์ของหลักสูตรด้วย
4.. โครงสรา้ งของหลกั สูตร
ควรปรับปรุงโครงสร้างหลักสูตรในหมวดวิชาแกน กลุ่มระเบียบวิธีวิจัยให้มีจานวนหน่วยกิต
เพิ่มมากขึน้ ซง่ึ อาจปรบั ให้เปน็ 9 หนว่ ยกิต เทา่ กบั จานวนหนว่ ยกิตในกลมุ่ การพัฒนาหลกั สูตร และปรับ
ลดจานวนหน่วยกิตในกลุ่มวิชาเลือกเฉพาะด้านเหลือ 6 หน่วยกิต ท้ังนี้เพื่อให้สอดคล้องกับธรรมชาติ
ของหลักสูตรที่เนน้ การวิจัย
12
5. รายวชิ า
1. ควรเพิม่ รายวชิ าทเ่ี กีย่ วกบั การนเิ ทศ
2. รายวิชาในกลุ่มระเบียบวิธีวิจัยควรปรับให้สะท้อนสาระสาคัญของแต่ละรายวิชา
และควรมีสาระสาคญั เกีย่ วกับการวิจยั ผสมผสาน (mixed - method)
3. รายวชิ าควรเน้นการสัมมนาแลกเปล่ียนเรียนรู้ การฝึกปฏิบัติการวิจัยหรือการสังเคราะห์
งานวิจยั
4. ควรมรี ายวิชาทีส่ ่งเสรมิ พฤติกรรมความเป็นผู้นาทางวิชาการหรือผูน้ าทางหลักสูตร
5. รายวิชาในหมวดวิชาเลือกเฉพาะด้านควรแบ่งเป็นกลุ่มๆ เช่น กลุ่มระเบียบวิธีวิจัย
กลมุ่ พัฒนาหลกั สตู ร กลมุ่ พฤติกรรมศาสตร์และสังคมศาสตร์
6. ทบทวนสาระสาคัญในคาอธิบายรายวิชาโดยไมค่ วรมคี วามซา้ ซอ้ นกนั
6. แผนการศกึ ษา
การทาปริญญานิพนธ์ควรให้นิสิตสาเสนอ concept paper โดยเป็นกรอบการศึกษากว้างๆ
ที่จะพัฒนาไปสู่เค้าโครงปริญญานิพนธ์ การสร้างเคร่ืองมือที่ใช้ในการเก็บรวบรวมข้อมูล ดาเนินการ
เก็บรวบรวมข้อมูล การวเิ คราะหข์ ้อมลู และการสรปุ ผลการศึกษา การลงทะเบยี นเรียนภาคการศึกษาละ
12 หน่วยกิต ตามข้อบังคับมหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ ว่าด้วยการศึกษาระดับบัณฑิตศึกษา
พทุ ธศกั ราช 2548
7. การประกันคณุ ภาพของหลกั สตู ร
1. คณะกรรมการบรหิ ารหลกั สตู รควรมีหน้าท่คี วบคมุ มาตรฐานทางวชิ าการของหลกั สตู ร
2. ควรกาหนดให้มอี าจารย์ท่ปี รึกษาทางดา้ นวิชาการเพื่อใหค้ าปรกึ ษาแก่นสิ ติ
3. ควรเพิ่มประเด็นการปรับปรุงหลกั สตู รระหวา่ งการใช้หลกั สตู รอยา่ งต่อเน่ือง
4. ควรมกี ารประเมินและปรับปรงุ หลักสตู รทั้งระบบทกุ ๆ 3 – 5 ปี
13
1.2 ระบบการบรหิ ารหลักสูตร
ระบบการบรหิ ารหลักสตู ร หมายถึง การวางแผนและดาเนินการใช้หลักสูตรอย่างเป็นระบบ
และมีประสิทธภิ าพและเกดิ ประสิทธิผล ประกอบด้วยกิจกรรมหลกั 6 กิจกรรม ดงั นี้
1) การขออนุมัติใช้หลักสูตร หมายถึง การนาหลักสูตรเสนอคณะกรรมการควบคุม
คณุ ภาพหลักสูตร เพ่ือขอความเห็นชอบก่อนที่จะนาหลักสูตรที่พัฒนาข้ึนไปใช้กับกลุ่มเปูาหมาย การขอ
อนุมัติใช้หลักสูตรเป็นกระบวนการตรวจสอบและควบคุมคุณภาพหลักสูตรประเภทหน่ึง เพราะ
คณะกรรมการจะร่วมกันพิจารณาว่าหลักสูตรที่พัฒนาข้ึนเป็นประโยชน์สูงสุดต่อกลุ่มเปูาหมายอย่าง
แท้จริงหรือไม่ ถ้าคณะกรรมการพบว่ามีประเด็นท่ีต้องปรับปรุงแก้ไขก่อนการนาไปใช้ คณะกรรมการ
จะแจง้ ให้ดาเนนิ การปรบั ปรุงแกไ้ ขให้สมบูรณก์ ่อน แล้วจึงอนุมตั ใิ หใ้ ชห้ ลกั สูตร
2) การประชาสมั พันธห์ ลกั สูตรสู่กลุม่ เป้าหมาย หมายถงึ การสอ่ื สารสาระสาคัญเก่ียวกับ
หลกั สูตรจากผรู้ ับผดิ ชอบหลักสูตรไปสู่กลุ่มเปูาหมาย เพ่ือให้ได้รับข้อมูลประกอบการตัดสินใจเข้าศึกษา
ในหลักสูตร เช่น วัตถุประสงค์ โครงสร้างเวลาเรียน ทีมผู้สอน เป็นต้น การประชาสัมพันธ์หลักสูตร
สู่กลุ่มเปูาหมายทาได้หลายวิธีการ เช่น การติดปูายประกาศ การประกาศผ่านส่ือส่ิงพิมพ์ การส่ือสาร
บนโลกออนไลน์ การจดั สัมมนาทางวชิ าการ เปน็ ตน้
3) การวางแผนการใช้หลักสูตร หมายถึง การเตรียมความพร้อมก่อนการใช้หลักสูตร
ทกุ ดา้ นอยา่ งเป็นระบบชัดเจน เพื่อให้การใช้หลักสูตรมีประสิทธิภาพและประสิทธิผลบรรลุจุดมุ่งหมายท่ี
กาหนดไว้ โดยทั่วไปการวางแผนการใช้หลักสูตรจะดาเนินการก่อนการใช้หลักสูตรใหม่ หรือก่อนการใช้
หลักสูตรในวงรอบใหม่ เช่น ก่อนเปดิ ภาคการศกึ ษา การวางแผนการใช้หลักสูตรท่ีดีควรมองภาพอนาคต
ว่าเม่ืออยู่ในระหว่างการจัดการเรียนการสอนแล้วมีปัจจัยใดบ้างท่ีส่งผลต่อคุณภาพผู้เรียน ทั้งทางตรง
และทางอ้อมใหน้ าปัจจยั เหล่านั้นมาวางแผน เช่น การเตรียมความพร้อมด้านเอกสารหลักสูตร คู่มือการ
14
ใช้หลักสูตร ผู้สอน ความต้องการของผู้เรียน การจัดตารางเรียน วัสดุ สื่อ อุปกรณ์ แหล่งการเรียนรู้
การกากบั ดแู ลคุณภาพหลกั สูตร การประเมินผลการใชห้ ลกั สตู ร เป็นตน้
4) การกาหนดทรัพยากรหลักสูตร หมายถึง การจัดสรรทรัพยากรท่ีมีอยู่ทั้งหมด
ประกอบด้วย บุคคล ส่ิงของ และงบประมาณ ให้มีความเหมาะสมกับการนาหลักสูตรไปใช้อย่างมี
ประสิทธิภาพสูงสุด เช่น การแบ่งภาระหน้าที่รับผิดชอบของบุคลากรไม่ว่าจะเป็นผู้สอน ผู้สนับสนุน
ทางวิชาการ เป็นต้น ในกรณีที่มีบุคลากรน้อยอาจต้องกาหนดให้ผู้สอนมีหน้าที่สนับสนุนทางวิชาการ
ควบคู่กับหน้าที่การจัดการเรียนการสอนด้วย การกาหนดวันเวลาและสถานที่ท่ีใช้ในการจัดการเรียน
การสอนให้มีความคุ้มค่ามากท่ีสุด ตลอดจนการจัดสรรงบประมาณเพ่ือใช้ในการจัดการศึกษาซึ่งเป็น
ปจั จยั สาคัญของการประสบความสาเรจ็
5) การกาหนดคณะกรรมการบรหิ ารหลักสตู ร หมายถึง การกาหนดคณะบุคคลผู้มีหน้าท่ี
กาหนดนโยบายและดูแลคุณภาพทางวิชาการของหลักสูตร การกาหนดคณะกรรมการบริหารหลักสูตร
ควรเป็นบุคคลที่มีความรู้ความสามารถ เข้าใจธรรมชาติของหลักสูตรเป็นอย่างดี มีความสนใจและมี
ความรู้รวมทั้งประสบการณ์งานด้านวิชาการ เพราะจะสามารถกากับดูแลคุณภาพของหลักสูตร
บนพ้ืนฐานหลักวิชาการ ในการบริหารจัดการหลักสูตรจาเป็นอย่างยิ่งท่ีต้องดาเนินการในรูปของ
คณะกรรมการ ท้ังนี้เพราะงานหลักสูตรเป็นงานวิชาการที่มีความละเอียดอ่อน การคิดและตัดสินใจ
เพียงคนเดียวอาจมีข้อจากดั ด้านความรูแ้ ละประสบการณท์ ี่สง่ ผลให้ตดั สินใจผดิ พลาดได้
6) การกากบั ดแู ลคณุ ภาพการใชห้ ลกั สตู ร หมายถึง การดาเนนิ กิจกรรมต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง
กับการส่งเสริมและควบคุมคุณภาพทางวิชาการของการใช้หลักสูตร ซ่ึงมีองค์ประกอบหลัก ได้แก่
ด้านการบริหารงานวิชาการ ด้านการจัดการเรียนการสอน ด้านการสนับสนุนงานวิชาการ กิจกรรม
การดูแลคุณภาพการใช้หลักสูตรมีหลายรูปแบบ เช่น การนิเทศการเรียนการสอน การฝึกอบรมและ
พัฒนาครู การพัฒนาเจ้าหน้าที่ทุกฝุายที่เกี่ยวข้อง การประเมินคุณภาพการศึกษา การดูแลช่วยเหลือ
15
ผู้เรียน การประชุม การสัมมนา การกากับดูแลคุณภาพการใช้หลักสูตรท่ีมีประสิทธิภาพต้องดาเนินการ
อย่างต่อเนื่อง ตลอดเวลาการใช้หลักสูตร โดยยึดหลักการมีส่วนร่วมของทุกฝุายที่เกี่ยวข้องทั้งผู้สอน
ผู้บรหิ าร ผ้ปู กครอง ชุมชน ตลอดจนผเู้ รียน ทง้ั นีเ้ พือ่ ใหก้ ารใชห้ ลกั สตู รเปน็ ไปอย่างมคี ณุ ภาพ
1.3 ระบบการประเมินหลักสตู ร
ระบบการประเมินหลักสูตร หมายถึง กระบวนการวางแผน เก็บรวบรวมข้อมูล และ
วิเคราะห์ข้อมูลนาไปสู่การตัดสินใจในเชิงคุณค่า (value judgments) ของหลักสูตรในมิติต่างๆ ท่ีต้ัง
อยู่บนพ้ืนฐานข้อมูลเชิงประจักษ์ (empirical data) การรายงานผลการประเมินต่อผู้มีส่วนเก่ียวข้อง
ทุกฝุาย และนาผลการประเมินมาประกอบการพิจารณาการปรับปรงุ หลักสูตรหรอื ยกเลกิ การใช้หลักสูตร
ระบบการประเมินหลกั สูตรประกอบด้วยกจิ กรรมหลกั 4 กจิ กรรม ดังนี้
1) การวางแผนการประเมนิ หมายถึง การออกแบบการประเมินหลักสูตรท่ีสอดคล้องกับ
จุดมุ่งหมายของการประเมิน เพื่อให้ได้ผลการประเมินที่มีความถูกต้อง สามารถนาไปใช้เป็นสารสนเทศ
สาหรับการปรับปรุงหลักสูตรได้อย่างมีประสิทธิภาพ ได้แก่ การกาหนดวัตถุประสงค์ของการประเมิน
การกาหนดกรอบการประเมิน การกาหนดวิธีการเคร่ืองมือสาหรับการเก็บรวบรวมข้อมูล การกาหนด
แหล่งข้อมูล วิธกี ารวเิ คราะห์ข้อมลู และเกณฑก์ ารประเมิน การวางแผนการประเมินเปน็ ส่ิงสาคัญต่อการ
ประเมินหลักสูตรเพราะเปรียบเสมือนพิมพ์เขียว (blueprint) ของการดาเนินการจริงๆ ซ่ึงจะช่วยทาให้
การประเมนิ หลักสูตรมคี วามถูกตอ้ งและประหยัดงบประมาณไดเ้ ปน็ อย่างดี
2) การวางแผนเก็บข้อมูล หมายถึง การเตรียมความพร้อมก่อนดาเนินการเก็บรวบรวม
ข้อมูล ไดแ้ ก่ การเตรียมเครอื่ งมือสาหรับการเก็บรวบรวมข้อมูล การติดต่อประสานงานและนัดหมายวัน
เวลาสถานที่กับผู้ให้ข้อมูล การกาหนดบุคคลท่ีจะทาหน้าท่ีเก็บรวบรวมข้อมูล บันทึกข้อมูล ตลอดจน
16
ผู้ทาหน้าท่ีวิเคราะห์ข้อมูล และระยะเวลาการเก็บรวบรวมข้อมูล ผู้ประเมินหลักสูตรต้องวางแผนการ
เก็บรวบรวมข้อมูลให้สอดคล้องกับแผนการประเมินเพ่ือให้การประเมินบรรลุจุดมุ่งหมายอย่างมี
ประสิทธิภาพ การวางแผนเก็บรวบรวมข้อมูลท่ีดีจะทาให้การเก็บข้อมูลมีความประหยัดท้ังในด้านเวลา
งบประมาณ และทรัพยากรอื่นๆ ส่งผลทาให้ข้อมูลมีความถูกต้องสมบูรณ์ สามารถนาไปวิเคราะห์
ไดท้ ันที
3) การเก็บข้อมูลและวิเคราะห์ข้อมูล หมายถึง การดาเนินการเก็บรวบรวมข้อมูลตาม
แผนการเก็บข้อมูลท่ีกาหนดไว้ และนามาวิเคราะห์แปลความหมาย และลงสรุปตามเกณฑ์การประเมิน
การเก็บรวบรวมข้อมูลที่ดีต้องได้ข้อมูลครบถ้วน และต้องมีความซ่ือสัตย์กล่าวคือ ผู้เก็บข้อมูลต้องไม่
สร้างข้อมูลจากความคิดหรืออุปาทานของตนเอง (ไม่ใช่การสร้างข้อมูลเท็จแต่เป็นการตีความ
ปรากฏการณ์จากมุมมองของตนเอง) เช่น ข้อมูลที่ได้จากการสังเกตพฤติกรรมก็จะต้องบันทึกข้อมูล
เฉพาะพฤติกรรมท่ีสังเกตได้จริงๆ เท่าน้ัน โดยไม่นาความรู้สึกของตนเองท่ีเกิดขึ้นในระหว่างการสังเกต
ไปบันทึกเป็นข้อมูลการประเมิน เพราะส่ิงนี้เป็นความรู้สึก (feel) ไม่ใช่ข้อเท็จจริง (fact) สาหรับการ
วิเคราะห์ข้อมูลผู้ประเมินหลักสูตรต้องวิเคราะห์อย่างตรงไปตรงมาและไม่นามุมมองของตนเอง
ไปใช้เป็นเกณฑก์ ารประเมินหลกั สูตรเพราะจะทาให้เกิดความขัดแย้งตามมาภายหลังได้ ส่วนการสรุปผล
การประเมินต้องสรุปไปตามเกณฑ์การประเมินท่ีได้กาหนดไว้ อย่างไรก็ตามหากมีประเด็นอื่นที่น่าสนใจ
ยงั สามารถนาเสนอเปน็ ข้อสงั เกตเพม่ิ เติมได้
4) การรายงานผลต่อผู้เกี่ยวข้อง หมายถึง การสื่อสารข้อสรุปผลจากการประเมิน
หลักสูตรด้วยวิธีการต่างๆ อย่างเหมาะสมไปยังผู้มีส่วนเกี่ยวข้องกับหลักสูตรทุกฝุาย เช่น ผู้บริหาร
ผู้สอน ผสู้ นับสนุน ผู้เรียน ผู้ปกครอง และชมุ ชน การรายงานผลต่อผเู้ ก่ียวข้องมีความสาคัญมากในฐานะ
ท่ีจะทาใหผ้ เู้ กีย่ วขอ้ งท้งั หลายได้มีโอกาสรับรู้คุณภาพของหลักสูตรในประเด็นต่างๆ ท้ังท่ีเป็นจุดแข็งและ
จุดท่ีตอ้ งปรับปรุงแก้ไข อันจะนาไปสู่การปรับปรุงหลักสูตรให้มีคุณภาพมากยิ่งข้ึน เช่น การปรับเปล่ียน
จุดมุ่งหมายของหลักสูตร การเปล่ียนแปลงวิธีการจัดการเรียนการสอนและการประเมินผล การจัด
กิจกรรมเสริมหลักสูตร การจัดซ้ือจัดหาวัสดุอุปกรณ์ต่างๆ ตลอดจนการปรับปรุงแหล่งเรียนรู้ภายใน
17
สถานศึกษา เป็นต้น อย่างไรก็ตามการรายงานผลการประเมินหลักสูตรจะต้องใช้วิธีการสื่อสารเชิงบวก
และการเสริมพลัง (empowerment) ที่ช่วยให้เกิดการปรับปรุงและพัฒนาคุณภาพของหลักสูตร
ท้ังระบบ ได้แก่ ระบบร่างหลักสูตร ระบบบริหารหลักสูตรและระบบประเมินหลักสูตร บนพื้นฐานของ
ผลการประเมนิ ต่อไป
ระบบการพัฒนาหลกั สูตรท้ัง 3 ระบบ มีความเชื่อมโยงกันในลักษณะเหตุและผล โดยระบบ
การประเมินหลักสูตรเป็นระบบสุดท้ายท่ีทาหน้าท่ีตรวจสอบคุณภาพหลักสูตร ซ่ึงนาไปสู่การปรับปรุง
และพัฒนาให้หลกั สูตรมีคุณภาพอยา่ งต่อเนือ่ ง สรุปดงั แผนภาพต่อไปนี้
ระบบการร่างหลกั สูตร ระบบการบรหิ ารหลักสูตร ระบบการประเมินหลักสูตร
1. การวเิ คราะห์ 1. การขออนมุ ัตใิ ช้หลกั สตู ร 1. การประเมนิ แบบก้าวหนา้
2. การประชาสมั พนั ธ์
สิ่งกาหนดหลกั สตู ร และการประเมิน
2. การกาหนดรูปแบบ หลกั สตู รสู่กลมุ่ เปา้ หมาย แบบรวบยอด
3. การใชห้ ลักสตู ร 2. การวางแผนเกบ็ ขอ้ มูล
ของหลักสตู ร 4. การกาหนดทรัพยากร 3. การเก็บขอ้ มลู
3. การพัฒนาเอกสาร และวิเคราะห์ขอ้ มูล
หลกั สูตร 4. การรายงานผล
หลักสูตร 5. การกาหนดคณะกรรมการ ตอ่ ผูเ้ กี่ยวข้อง
4. การสอบทานคุณภาพ
บรหิ ารหลักสูตร
หลักสตู รและปรับปรุง 6. การกากับดูแลคณุ ภาพ
แก้ไข
การใชห้ ลักสตู ร
การปรบั ปรุงและพฒั นา
แผนภาพ 2 ระบบการพฒั นาหลกั สตู ร
18
1.4 แนวความคิดของการประเมนิ หลกั สตู รเพอื่ การเรียนรูแ้ ละพัฒนา
การประเมินหลกั สูตรเพอ่ื การเรยี นรู้และพัฒนามีแนวความคิดสาคญั คอื
“การประเมินหลักสูตรเป็นเครื่องมือท่ีนาไปสู่การเรียนรู้และปรับปรุงเปล่ียนแปลง
หลกั สตู รใหม้ คี ณุ ภาพมากขน้ึ อย่างตอ่ เนอ่ื ง และสอดคล้องกบั การเปลยี่ นแปลงในอนาคต”
แนวคิดของการประเมินหลักสูตรเพ่ือการเรียนรู้และพัฒนา มีรากฐานมาจากระบบการ
พัฒนาหลักสูตร ตามแผนภาพ 2 โดยที่ระบบการประเมินหลักสูตรจะมีประโยชน์ทั้งต่อระบบการร่าง
หลักสูตร ระบบการบรหิ ารหลักสตู ร และระบบการประเมนิ หลักสตู รเอง
จากประสบการณ์ของผู้เขียนที่ได้รับโอกาสให้เป็นกรรมการและเลขานุการคณะกรรมการ
บริหารหลักสูตรสาขาการวิจัยและพัฒนาหลักสูตร มีหน้าที่รับผิดชอบดาเนินการปรับปรุงหลักสูตร
การศึกษาดุษฎีบัณฑิต (กศ.ด.) สาขาการวิจัยและพัฒนาหลักสูตร (พ.ศ. 2530) บัณฑิตวิทยาลัย
มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ เป็นหลักสูตรปรัชญาดุษฎีบัณฑิต (ปร.ด.) สาขาการวิจัยและพัฒนา
หลกั สูตร มาต้ังแต่ พ.ศ. 2552 ได้ดาเนินการปรับปรุงหลักสูตรตามระบบข้ันตอนต่างๆ จนกระท่ังได้รับ
การรับทราบจากสานักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา (สกอ.) ใน พ.ศ. 2554 ใช้เวลาดาเนินการรวม
3 ปี ปัจจุบันมีการรับนิสิตเข้าเรียนมาแล้วหลายรุ่น โดยมีการประเมินหลักสูตรเป็นประจาทุกปี
ซึ่งคณะกรรมการบริหารหลักสูตรได้ร่วมกันเรียนรู้ผลการประเมิน และนามาปรับปรุงพัฒนาหลักสูตร
ให้มีคุณภาพมาอย่างตอ่ เนอ่ื ง
และจากการที่ได้มีโอกาสทางานทางด้านหลักสูตรโดยเฉพาะอย่างย่ิงการประเมินและ
ปรบั ปรงุ หลักสตู รดังกลา่ ว ทาให้เห็นว่าการประเมินหลักสูตรเป็นกิจกรรมทางวิชาการที่มีความสาคัญ
ไม่ยิ่งหย่อนไปกว่าการพัฒนาหลักสูตร และการบริหารจัดการหลักสูตร ซึ่งมีความจาเป็นอย่างย่ิง
ที่หลักสูตรจะต้องได้รับการประเมินอย่างเป็นระบบ เพื่อนาไปสู่การปรับปรุงและเปลี่ยนแปลงให้มี
ความทันสมัย สอดคล้องกบั บรบิ ททมี่ ีการเปลีย่ นแปลงอย่ตู ลอดเวลา
19
สรปุ
จากที่ไดก้ ล่าวมาในบทที่ 1 เรื่อง ระบบการพฒั นาหลกั สตู ร มสี าระสาคัญสรปุ ไดด้ ังต่อไปน้ี
1. ระบบการพัฒนาหลักสูตร ประกอบด้วย ระบบการร่างหลักสูตร ระบบการบริหาร
หลกั สตู ร และระบบการประเมินหลกั สตู ร
2. ระบบการร่างหลักสูตร เป็นกระบวนการพัฒนาเอกสารหลักสูตรตั้งแต่เร่ิมต้น
จนกระทัง่ ไดเ้ อกสารหลกั สูตรที่มคี วามสมบรู ณ์พร้อมสาหรับการนาไปใช้กบั กลุ่มเปูาหมาย
3. ระบบการบริหารหลักสูตร เป็นการวางแผนและดาเนินการใช้หลักสูตรอย่างเป็น
ระบบและมปี ระสิทธิภาพและเกิดประสทิ ธผิ ล
4. ระบบการประเมินหลักสูตร หมายถึง กระบวนการวางแผน เก็บรวบรวมข้อมูล
และวิเคราะห์ข้อมูลนาไปสู่การตดั สินใจในเชิงคณุ คา่ (value judgments) ของหลกั สูตร
5. การประเมินหลกั สตู รเพอื่ การเรียนรู้และพัฒนา มีแนวความคิดสาคัญคือการใช้การ
ประเมินหลักสูตรเป็นเครื่องมือท่ีนาไปสู่การเรียนรู้ของผู้ท่ีเก่ียวข้องกับหลักสูตรทุกฝุายว่าหลักสูตรที่ใช้
อยู่นั้นมีจุดแข็งและจุดท่ีต้องปรับปรุง เพ่ือให้หลักสูตรมีคุณภาพสอดคล้องกับบริบทในปัจจุบันและการ
เปลย่ี นแปลงในอนาคต
20
การประเมินหลกั สูตร
เปรียบเสมอื นกระจกสะท้อน
คณุ ภาพของหลักสตู ร
21
บรรณานกุ รม
บณั ฑิตศึกษา มหาวิทยาลยั สโุ ขทยั ธรรมาธริ าช. (2555). การประเมินหลักสตู รและการเรียนการสอน:
ประมวลชุดวชิ า = Evaluation of Curriculum and Instruction. นนทบุรี:
สานักพมิ พ์มหาวิทยาลัยสโุ ขทัยธรรมาธริ าช.
Armstrong. David G. (1989). Developing and Documenting the Curriculum.
Boston: Allyn and Bacon.
. (2003). Curriculum Today. New Jersey: Merrill Prentice Hall.
Beane, James A. and others. (1986). Curriculum Planning and Development.
Boston: Allyn and Bacon.
Bobbit, Franklin. (1918). The Curriculum. Boston: Houghton Mifflin.
. (1924). How to Make a Curriculum. Boston: Houghton Mifflin.
Brady, Laurie. (1992). Curriculum Development. 4thed. Sydney: Prentice Hall.
Henson, Kenneth T. (2001). Curriculum Planning: Integrating Multiculturalism,
Constructivism, and Education Reform. 2nded. New York: McGraw - Hill.
Jacobs, Heidi Hayes. (2010). Curriculum 21: Essential education for a Changing
World. Alexandria: Association for Supervision and Curriculum Development.
Kelly, A. V. (1999). The Curriculum. 4thed. London: Paul Chapman Publishing Ltd.
Lattuca, Lisa R. (2009). Shaping the Collage Curriculum: Academic Plans
in Context. 2nded. San Francisco: Jossey – Bass.
Marsh, Colin J., and Willis, George. (2003). Curriculum: Alternative Approached,
Ongoing Issues. Upper Saddle River, New Jersey: Merrill Prentice Hall.
McNeil, John D. (1976). Designing Curriculum: Self – Instructional Modules.
Boston: Little, Brown and Company.
22
Miller, J. P. & Seller, W. (1985). Curriculum: Perspectives and Practice. New York :
Longman.
Oliva, Peter F. (2009). Developing the Curriculum. 7thed. Boston: Allyn and Bacon.
Oliva, Peter F., and Gordon, II, William, R. (2013). Developing the Curriculum. 8thed.
Boston: Pearson.
Ornstein, Allan C. (2013). Curriculum: Foundations, Principles, and Issues. Boston:
Pearson.
Ornstein, Allan C., and Hunkins, Francis P. (2004). Curriculum: Foundations,
Principles, and Issues. Boston: Allyn and Bacon.
Posner, George J. (2004). Analyzing the Curriculum. New York: McGraw Hill.
Print, Murray. (1993). Curriculum Development and Design. 2nd ed. Sydney:
Allen & Unwin.
Saylor, J. G. and Alexander, W.M. (1974). Curriculum Planning for Schools. New York:
Holt, Rinehart & Winston.
. (1981). Curriculum Planning for Better Teaching and Learning. New York:
Holt, Rinehart and Winston.
Taba, Hilda. (1962). Curriculum Development : Theory and Practice. New York:
Harcourt Brace Jovanovich.
Tanner, Daniel and Tanner, Laurel. (1975). Curriculum Development: Theory
into Practice. New York: Macmillan Publishing.
Tanner, Daniel and Tanner, Laurel. (1980). Curriculum Development: Theory
into Practice. 2nded. New York: Macmillan Publishing.
Tyler, Ralph W. (1949). Basic Principles of Curriculum and Instruction. Chicago:
The university of Chicago Press.
23
Udelhofen, Susan. (2005). Keys to Curriculum Mapping: Strategies and Tools to
Make it Work. Thousand Oaks, California: Corwin Press.
Walker, Decker F. and Soltis, Jonas F. (2009). Curriculum and Aims. New York:
Teachers College Columbia University.
Wiles, Jon W., and Bondi, C. Joseph. (2011). Curriculum Development a Guide to
Practice. 8thed. Boston: Pearson.
William, Pinar. (2012). What is Curriculum Theory. New York: Routledge.
24
การประเมินหลักสูตร
จะเกิดประโยชน์สูงสุดก็ต่อเม่อื
มีการปรบั ปรุงและเปล่ยี นแปลง
ส่งิ ต่างๆ ที่เก่ียวขอ้ งใหด้ ียิ่งข้นึ
25
บทที่ 2
สาระสาคัญเก่ยี วกบั การประเมินหลักสูตร
26 2.1 ความหมายของการประเมนิ หลกั สูตร
2. สาระสาคญั 2.2 จุดมุ่งหมายของการประเมินหลกั สตู ร
เก่ยี วกบั 2.3 ความสาคญั ของการประเมินหลกั สตู ร
การประเมินหลักสตู ร 2.4 เหตผุ ลและความจาเปน็ ท่ีตอ้ งมกี ารประเมินหลักสูตร
2.5 เกณฑ์คุณภาพของการประเมนิ หลกั สตู ร
2.6 ความสมั พนั ธ์ระหว่างกจิ กรรมการพัฒนาหลกั สูตร
และกจิ กรรมการประเมนิ ทอี่ ยใู่ นกระบวนการพฒั นาหลกั สตู ร
2.7 การประเมินคณุ ภาพของการประเมินหลกั สตู ร