527
การพฒั นาความสามารถในการจัดทาหน่วยการเรยี นรู้บูรณาการ
ทส่ี อดคล้องกับทอ้ งถ่ินของผู้สอนระดบั การศึกษาขัน้ พ้นื ฐาน
การวิจัยน้ีเป็นการพัฒนาความสามารถในการจัดทาหน่วยการเรียนรู้บูรณาการท่ีสอดคล้อง
กับท้องถ่ินของผู้สอนในบริบทโรงเรียนขนาดเล็กที่เป็นห้องเรียนสาขาของโรงเรียนหลัก ซึ่งมีการบริหาร
จัดการเบ็ดเสร็จในตัวเอง (school in school) ดาเนินการพัฒนาที่โรงเรียน โดยใช้แนวคิดการเรียนรู้
จากการปฏิบตั ิ (action learning) และการเพ่มิ พลังอานาจ (empowerment) มสี าระสาคัญดังน้ี
วตั ถุประสงค์
เพื่อพัฒนาความสามารถในการจัดทาหน่วยการเรียนรู้บูรณาการที่สอดคล้องกับท้องถิ่น ของ
ผูส้ อน
กระบวนการพัฒนา 4 ข้ันตอน
ดาเนินการตามข้นั ตอนดังน้ี
ขั้นตอนท่ี 1 การศึกษาความต้องการพฒั นาตนเองของผสู้ อน
จากการสอบถามผู้สอนทั้ง 6 คน เก่ียวกับความต้องการพัฒนาความสามารถของ
ตนเองดา้ นการจัดทาหน่วยการเรยี นรู้บรู ณาการ พบวา่ ผ้สู อนทุกคนมีความตอ้ งการพัฒนาตนเองในด้าน
การจัดทาหนว่ ยการเรยี นรบู้ ูรณาการที่สอดคลอ้ งกับทอ้ งถิ่น โดยเน้นการลงมือปฏิบตั ิจริงอย่างครบวงจร
528
ขน้ั ตอนท่ี 2 การวางแผนกิจกรรมการพัฒนา
จากการดาเนนิ การประชมุ สมั มนาผสู้ อนทุกคนเพื่อร่วมแสดงความคิดเห็นและวางแผน
กิจกรรมการพัฒนาความสามารถในการจัดทาหน่วยการเรียนรู้บูรณาการ โดยให้มีความสอดคล้องกับ
การปฏิบัติงานในการจดั การเรียนการสอนและเน้นการปฏิบัตจิ ริง ผลการดาเนินการ ดังตารางต่อไปน้ี
ตารางแผนกิจกรรมการพัฒนา
ข้นั ท่ี วัตถปุ ระสงค์ กจิ กรรม ผลลัพธ์ ผ้รู บั ผิดชอบ
ผูส้ อนมีความรคู้ วามเข้าใจ ผู้วจิ ัย
1 เพอ่ื ใหค้ วามรคู้ วามเขา้ ใจ การบรรยายหวั ขอ้ การจดั ทาหนว่ ยการเรยี นรู้
บรู ณการ ผู้สอน
เก่ียวกับหน่วย หนว่ ยการเรียนรู้ ทราบความต้องการ ทกุ คน
ของผู้เรียนและหวั เรือ่ ง
การเรยี นรูบ้ ูรณาการ บูรณาการ ของหนว่ ยการเรยี นรู้ ผสู้ อน
ทกุ คน
2 เพือ่ ทราบความตอ้ งการ ศึกษาความต้องการ ไดค้ วามคิดรวบยอด
ของแต่ละสาระ
ของผเู้ รยี นเกยี่ วกับ ของผเู้ รยี นเกย่ี วกับ การเรยี นรทู้ ี่มีความ
เชื่อมโยงกับหวั เรอื่ ง
ส่งิ ทสี่ นใจอยากเรียนรู้ สง่ิ ท่สี นใจอยากเรยี นรู้ หน่วยการเรียนรู้
และกาหนดหวั เรอื่ ง
ของหนว่ ยบูรณาการ
3 เพอ่ื เชื่อมโยงความคดิ ศึกษามาตรฐาน
รวบยอดของแตล่ ะสาระ การเรยี นร้แู ละตัวชีว้ ดั ของ
การเรยี นร้กู ับหวั เรอื่ งหน่วย หลกั สตู ร
การเรยี นรแู้ ละความตอ้ งการ แลว้ วิเคราะห์ความคิดรวบ
ของผู้เรียน ยอดหลกั กับหัวเรื่อง
หนว่ ยการเรยี นรู้
และความตอ้ งการเรยี นรู้
ของผู้เรียน
529
ตารางแผนกจิ กรรมการพฒั นา (ตอ่ )
ขน้ั ท่ี วัตถปุ ระสงค์ กจิ กรรม ผลลพั ธ์ ผรู้ ับผดิ ชอบ
4 เพื่อเขียนแผนการจดั ผู้สอนร่วมกนั เขียน มีแผนการจดั การเรยี น ผูส้ อน
ทกุ คน
การเรยี นการสอน แผนการจดั การเรยี น การสอนหน่วยการเรยี นรู้
ผู้สอน
หนว่ ยการเรยี นรู้ การสอนหนว่ ยการเรยี นรู้ บรู ณาการ ทกุ คน
บรู ณาการ บูรณาการ
5 เพ่ือดาเนนิ การจดั การเรยี น ผู้สอนรว่ มกนั จดั การเรยี นรู้ ผูเ้ รยี นเกดิ การเรยี นรู้
การสอนหน่วยการเรียนรู้ หน่วยการเรยี นร้บู รู ณาการ ตามวตั ถุประสงค์
บรู ณาการ รวมทงั้ การวัด รวมทง้ั การวัดประเมินผล ที่กาหนดไว้
ประเมินผล
ขั้นตอนท่ี 3 การดาเนินกจิ กรรมการพัฒนา
1. ประชุมสัมมนาเพื่อทาความเข้าใจเกี่ยวกับการจัดทาหน่วยการเรียนรู้บูรณากาที่ผู้สอน
ทกุ คนทาความตกลงร่วมกนั และมสี ่วนรว่ มในกิจกรรมทุกขั้นตอน
2. ประชุมสัมมนาเชิงปฏิบัติการเพ่ือพัฒนาความรู้ความเข้าใจเก่ียวกับการจัดทาหน่วยการ
เรียนรบู้ รู ณาการทีส่ อดคล้องกบั ทอ้ งถ่ินตามหลกั สูตรแกนกลางการศึกษาขน้ั พื้นฐาน พุทธศักราช 2551
3. ดาเนินการจัดทาหน่วยการเรียนรู้บูรณาการท่ีมีความสอดคล้องกับท้องถ่ินตามหลักสูตร
แกนกลางการศกึ ษาขัน้ พนื้ ฐาน พทุ ธศกั ราช 2551
530
4. ออกแบบหน่วยการเรียนรู้โดยการวิเคราะห์มาตรฐานการเรียนรู้และตัวชี้วัดท่ีอยู่ใน
หลกั สตู รแกนกลางการศกึ ษาขน้ั พน้ื ฐาน พุทธศกั ราช 2551 และเชื่อมโยงกบั สภาพของทอ้ งถ่ิน
5. ดาเนินการร่วมกนั เขยี นแผนการจดั การเรียนรู้ โดยมีองค์ประกอบสาคัญ ได้แก่
1) มาตรฐานการเรยี นรูแ้ ละตัวชีว้ ัด
2) ผงั มโนทศั น์สาระสาคัญของหนว่ ยการเรียนรู้
3) สมรรถนะและคุณลกั ษณะอนั พึงประสงค์
4) ผลการเรยี นรู้ทคี่ าดหวัง
5) จดุ ประสงค์การเรยี นรู้
6) กจิ กรรมการเรยี นรู้
7) สอ่ื และแหลง่ การเรยี นรู้
8) การวัดและประเมนิ ผล
9) การสะทอ้ นผลการจัดการเรยี นรู้
10) การถอดบทเรียน
6. รว่ มกันใช้หน่วยการเรยี นรบู้ ูรณาการทจ่ี ัดทาข้นึ โดยนาไปใช้ในการจัดการเรียนการสอน
กบั ผเู้ รียนและมกี ารวัดประเมนิ ผลการเรยี นร้ขู องผู้เรียนอย่างเป็นระบบ
7. การแลกเปล่ียนเรียนรู้ประสบการณ์เกี่ยวกับการจัดทาหน่วยการเรียนรู้บูรณาการ
ระหวา่ งผู้วิจยั ผสู้ อน และผูบ้ รหิ าร
531
ขน้ั ตอนที่ 4 การประเมนิ ผลการพัฒนา
ประเมินความสามารถในการจัดทาหน่วยการเรียนรู้บูรณาการท่ีสอดคล้องกับท้องถ่ิน
โดยให้ผู้สอนประเมินตนเองและผู้วิจัยประเมินผู้สอน จากหลักฐานร่องรอยต่างๆ ก่อนและหลังการ
ดาเนินกิจกรรมการพัฒนา และวิเคราะห์ข้อมูลโดยการหาค่าเฉลี่ย ( X ) และส่วนเบ่ียงเบนมาตรฐาน
(S.D.)
สรปุ ผลการวิจยั
จากการดาเนินการพัฒนา พบว่า ผู้สอนสามารถจัดทาหน่วยการเรียนรู้บูรณาการท่ีสอดคล้อง
กับท้องถิ่นได้ดีข้ึน โดยมีการศึกษาผู้เรียนอย่างเป็นระบบ วิเคราะห์มาตรฐานการเรียนรู้ของแต่ละกลุ่ม
สาระการเรียนรู้ได้ท้ัง 8 กลุ่มสาระ เชื่อมโยงกับเอกลักษณ์ของท้องถิ่นได้เป็นอย่างดี เช่น หน่วยการ
เรียนรู้บูรณาการ “อุทยานแห่งชาติเอราวัณ” ผู้สอนได้วิเคราะห์มาตรฐานการเรียนรู้และตัวชี้วัดต่างๆ
ในหลักสูตรและนามาเขียนผังมโนทัศน์ของหน่วยบูรณาการ ซ่ึงนาไปสู่การจัดการเรียนการสอน
ดงั แผนภาพต่อไปนี้
532
ความสามารถในการคิดอยา่ งเปน็ ระบบ ความสามารถในการเรียนรู้และการส่ือสาร
มวี ินยั และมคี วามรบั ผิดชอบในการเรยี นรู้ มจี ิตสาธารณะ
วางแผนและดาเนินการเฝูาระวงั อนรุ ักษ์ เขียนสอ่ื สารในรูปแบบตา่ งๆ
และพัฒนาสง่ิ แวดลอ้ มและทรพั ยากรธรรมชาติ ไดต้ รงตามวัตถปุ ระสงค์
อภปิ รายแนวทางในการปอู งกนั อทุ ยานแหง่ ชาติ เขียนรายงานการศึกษาคน้ ควา้
แกไ้ ข ปญั หา สิ่งแวดลอ้ ม เอราวัณ ตามหลกั การเขยี นเชิงวชิ าการ
และทรัพยากรธรรมชาติ
การวเิ คราะห์สภาพปัญหา การสารวจความคิดเห็นอยา่ งง่าย
สาเหตุของปญั หาสิง่ แวดล้อม
และทรัพยากรธรรมชาติในทอ้ งถิ่น ค่าเฉลย่ี เลขคณติ
และส่วนเบยี่ งเบนมาตรฐาน
การเลอื กใช้คา่ กลางทีเ่ หมาะสม
กับข้อมูลและวตั ถปุ ระสงค์
แผนภาพผงั มโนทศั นห์ น่วยการเรียนรู้บรู ณาการ “อทุ ยานแห่งชาตเิ อราวัณ”
ผลการประเมินตนเองของผู้สอนและผู้วิจัยประเมินผู้สอน ก่อนและหลังการดาเนินการ
พัฒนาความสามารถในการจัดทาหน่วยการเรียนรู้บูรณาการท่ีสอดคล้องกับท้องถ่ิน พบว่าภายหลังการ
ดาเนินการพฒั นา ผสู้ อนมีความสามารถในการจดั การเรียนรู้ทส่ี อดคลอ้ งกบั ท้องถ่นิ สงู ขึ้น
533
หลักสูตรฝกึ อบรมผสู้ อนเพื่อเสรมิ สรา้ งความสามารถในการจดั การเรยี นร้โู ดยใชว้ ิจัยเปน็ ฐาน
หลักการของหลักสูตร
1. มุ่งเน้นการฝึกอบรมควบคู่ไปกับการจัดการเรียนรู้ปกติ โดยใช้โรงเรียนเป็นสถานที่หลัก
ในการฝกึ อบรม กอ่ ใหเ้ กิดประโยชน์กับผสู้ อนและผู้เรียนอย่างยัง่ ยนื
2. กระบวนการฝึกอบรมมุ่งเน้นการปฏิบตั จิ ริง การถอดบทเรยี น และการแลกเปลี่ยนเรียนรู้
รวมกันทัง้ ผูใ้ หก้ ารฝกึ อบรมและผู้เขา้ รบั การฝึกอบรม
3. การประเมินผลมุ่งเน้นการประเมินตามสภาพจริงและนาผลการประเมินมาปรับปรุง
และพัฒนาผ้สู อนท่ีเข้ารับการฝึกอบรมอยา่ งต่อเน่ือง
จดุ มงุ่ หมายของหลกั สตู ร
หลักสูตรฝึกอบรมผูส้ อนเพอื่ เสรมิ สร้างความสามารถในการจัดการเรียนรู้โดยใช้วิจัยเป็นฐาน
มจี ุดมงุ่ หมายเพื่อให้ผู้สอนมคี วามรแู้ ละความสามารถด้านการจดั การเรยี นรูโ้ ดยใช้วิจยั เปน็ ฐาน
เน้อื หาสาระของหลักสตู ร
1. แนวคิดเกยี่ วกบั การเรยี นรสู้ กู่ ารคดิ และการวิจัย
2. สมรรถนะของครนู ักวจิ ัย
534
3. การจัดการเรียนร้โู ดยใช้วจิ ัยเปน็ ฐาน 4 รปู แบบ
3.1 ผูส้ อนนาผลการวิจยั มาใชใ้ นการจดั การเรยี นรู้
3.2 ผู้เรยี นศกึ ษาคน้ คว้าผลการวิจัยในการเรยี นรู้
3.3 ผสู้ อนทาวิจัยควบคู่กบั การจัดการเรียนรู้
3.4 ผเู้ รียนใชก้ ารวจิ ยั เป็นกระบวนการเรียนรู้
4. การถอดบทเรยี น การแลกเปลีย่ นเรียนรู้โดยใช้สุนทรยี สนทนา
กิจกรรมการฝกึ อบรม
กิจกรรมการฝกึ อบรมมี 2 ระยะดงั นี้
ระยะที่ 1 การฝึกอบรมภาคทฤษฎี
เป็นกระบวนการพัฒนาผู้สอนให้มีความรู้ความเข้าใจเก่ียวกับการจัดการเรียนรู้
โดยใชว้ จิ ัยเป็นฐาน โดยการบรรยายแบบมสี ว่ นร่วม ซง่ึ มสี าระสาคัญ ดงั น้ี
1. แนวคิดเกี่ยวกบั การเรียนรู้สู่การคิดและการวิจยั
2. สมรรถนะของครนู ักวิจยั
3. การจัดการเรียนรู้โดยใชว้ จิ ยั เป็นฐาน 4 รปู แบบ
3.1 ผู้สอนนาผลการวจิ ยั มาใช้ในการจัดการเรียนรู้
3.2 ผู้เรียนศึกษาค้นควา้ ผลการวจิ ยั ในการเรยี นรู้
3.3 ผสู้ อนทาวจิ ัยควบคู่กบั การจัดการเรียนรู้
3.4 ผู้เรียนใชก้ ารวิจยั เปน็ กระบวนการเรียนรู้
4. การถอดบทเรียน การแลกเปล่ยี นเรยี นรู้โดยใช้สนุ ทรยี สนทนา
535
ระยะท่ี 2 การฝึกอบรมภาคปฏิบตั ิ
เป็นกระบวนการพัฒนาให้ผู้สอนที่เข้ารับการฝึกอบรมนาความรู้ที่ได้รับจากการ
ฝึกอบรมภาคทฤษฎมี าปรับประยุกต์ใช้เขา้ กับงานการจัดการเรียนรูป้ กติของตนเองเป็นจานวน 3 วงรอบ
โดยใช้กระบวนการ วางแผน (Plan) ปฏิบัติ (Do) ตรวจสอบ (Check) และสะท้อนผล
(Reflection) หรอื PDCR ดงั น้ี
2.1 การวางแผน (P) เป็นกิจกรรมการฝึกอบรมที่มุ่งพัฒนาผู้สอนให้วิเคราะห์บริบท
การจัดการเรียนรู้ของตนเองแล้ววางแผนการจัดการเรียนรู้โดยใช้วิจัยเป็นฐานอย่างมีคุณภาพ
และสอดคล้องกับบริบท ซ่ึงอาจเลือกใช้รูปแบบการจัดการเรียนรู้โดยใช้วิจัยเป็นฐานรูปแบบใดรูปแบบ
หนง่ึ หรือผสมผสานกันหลายรูปแบบก็ได้
2.2 การปฏิบัติ (D) เป็นกิจกรรมการฝึกอบรมที่มุ่งพัฒนาผู้สอนให้นาแผนการ
จัดการเรียนรู้โดยใช้วิจัยเป็นฐานท่ีได้วางแผนไว้ ไปใช้จัดการเรียนรู้จริงในช้ันเรียนของตนเองอย่างมี
ประสทิ ธภิ าพ
2.3 การตรวจสอบ (C) เป็นกิจกรรมการฝึกอบรมที่มุ่งพัฒนาผู้สอนให้สามารถ
วัดและประเมินผลผู้เรยี นเกี่ยวกับทักษะการเรียนรู้โดยใช้กระบวนการวิจัยซ่ึงเป็นคุณลักษณะที่เป็นแกน
อันเกิดจากการจัดการเรียนรู้โดยใช้วิจัยเป็นฐาน ตลอดจนการประเมินตนเองเก่ียวกับความรู้
ความสามารถในการจัดการเรียนรู้โดยใช้วจิ ยั เปน็ ฐานของตนเอง
2.4 การสะท้อนผล (R) เป็นกิจกรรมการฝึกอบรมท่ีมุ่งพัฒนาผู้สอนให้สามารถ
ถอดบทเรียนและแลกเปล่ียนเรียนรู้ โดยใช้กระบวนการสุนทรียสนทนา (Dialogue) กับเพื่อนผู้สอน
ทเ่ี ข้ารับการฝกึ อบรมร่วมกัน และนาความรู้และประสบการณ์ท้ังของตนเองและเพื่อนผู้สอนไปปรับปรุง
และพฒั นาการจดั การเรยี นรู้โดยใช้วิจยั เปน็ ฐานของตนเองต่อไป
536
สอ่ื ประกอบการฝกึ อบรม
1. เอกสารหลักสูตรฝึกอบรม เรือ่ ง การจัดการเรียนรโู้ ดยใช้วจิ ัยเปน็ ฐาน
2. คู่มอื การฝึกอบรม เรอ่ื ง การจัดการเรยี นรโู้ ดยใชว้ ิจัยเปน็ ฐาน
3. ชดุ กิจกรรมและใบงาน เรอื่ ง การจดั การเรียนรู้โดยใช้วจิ ยั เปน็ ฐาน
4. Power Point ประกอบการบรรยายและแลกเปล่ียนเรยี นรู้
ระยะเวลาการฝกึ อบรม
ใชร้ ะยะเวลาฝึกอบรมรวมทัง้ สิ้น 4 สัปดาห์ ดงั น้ี
สปั ดาห์ที่ จดุ ประสงค์ กิจกรรม ระยะเวลา
1 เพอ่ื ใหผ้ สู้ อนมีความรู้เกยี่ วกับการ การบรรยายแบบมสี ว่ นร่วม 3 ชัว่ โมง
จัดการเรยี นรโู้ ดยใช้วจิ ยั เป็นฐาน วนั – เวลา
ที่สอน
เพ่อื ใหผ้ ู้สอนมีความสามารถ นาความรทู้ ี่ได้รบั จากการฝึกอบรมภาคทฤษฎีมา ตามปกติ
ในการจดั การเรียนรโู้ ดยใชว้ จิ ยั ปรบั ประยุกต์ใช้เข้ากบั งานการจดั การเรยี นรปู้ กติ วัน – เวลา
ทส่ี อน
เปน็ ฐาน ของตนเอง โดยใช้กระบวนการ PDCR รอบท่ี 1 ตามปกติ
2 เพอื่ ใหผ้ ู้สอนมคี วามสามารถ นาความรู้ทไี่ ด้รับจากการฝึกอบรมภาคทฤษฎีมา วัน – เวลา
ที่สอน
ในการจดั การเรียนรู้โดยใช้วจิ ัย ปรบั ประยุกตใ์ ชเ้ ขา้ กบั งานการจดั การเรยี นรู้ปกติ ตามปกติ
3 ชั่วโมง
เป็นฐาน ของตนเอง โดยใช้กระบวนการ PDCR รอบท่ี 2
3 เพื่อใหผ้ ู้สอนมคี วามสามารถ นาความรู้ทีไ่ ดร้ บั จากการฝึกอบรมภาคทฤษฎีมา
ในการจัดการเรียนร้โู ดยใช้วิจัย ปรับประยุกตใ์ ช้เขา้ กบั งานการจดั การเรยี นรู้ปกติ
เป็นฐาน ของตนเอง โดยใช้กระบวนการ PDCR รอบท่ี 3
4 การถอดบทเรยี นและแลกเปลยี่ น การใช้สุนทรียสนทนา
เรียนรใู้ นภาพรวมทัง้ หมด
537
สถานที่ฝึกอบรม
ใชโ้ รงเรียนเปน็ สถานที่ฝึกอบรม
การประเมินผล
1. การทดสอบความรูค้ วามเขา้ ใจเกี่ยวกบั การจัดการเรยี นร้โู ดยใชว้ จิ ัยเป็นฐานก่อนและหลัง
การฝึกอบรม โดยใชแ้ บบทดสอบปรนัย 4 ตัวเลอื ก
2. การประเมินความสามารถในการจัดการเรียนรู้โดยใช้วิจัยเป็นฐานก่อนและหลัง
การฝึกอบรม โดยใช้แบบประเมินชนิดมาตราส่วนประมาณค่า 5 ระดับ ครอบคลุมการออกแบบ
การจัดการเรยี นรู้ การดาเนนิ การจัดการเรียนรู้ และการประเมินผลการเรียนรู้
3. การประเมินทักษะการเรียนรู้โดยใช้กระบวนการวิจัยของผู้เรียนก่อนและหลัง
การฝึกอบรม โดยใช้แบบประเมินชนิดมาตราส่วนประมาณค่า 5 ระดับ ครอบคลุมทักษะการเรียนรู้
โดยใช้กระบวนการวิจัย ได้แก่ การกาหนดเปูาหมายการเรียนรู้ การกาหนดปัญหาที่ต้องการรู้
การกาหนดวิธีการศึกษาค้นคว้า การประเมินความน่าเช่ือถือของข้อมูล การวิเคราะห์และสรุป
การแลกเปล่ียนเรยี นรู้ ตลอดจนมคี ณุ ลักษณะเคารพในความคิดเห็นที่แตกต่าง
538
รูปแบบการพัฒนาครูดา้ นการจัดการเรยี นรู้
ทเ่ี สริมสรา้ งการรูค้ ิดและความสุขในการเรยี นร้ขู องผูเ้ รยี นระดับประถมศึกษา
หลกั การของรปู แบบ
1. มุ่งเน้นการลงมอื ปฏบิ ตั ิจรงิ อย่างสอดคลอ้ งกบั บรบิ ทของโรงเรียน
2. ยึดหลกั การมีส่วนร่วมและการแลกเปลย่ี นเรยี นรู้
3. ใชก้ ระบวนการพฒั นาไปพร้อมกบั การปฏิบตั งิ านการจัดการเรียนรู้
ขน้ั ตอนและกิจกรรมการพัฒนาครู
1. กระตุ้นความรัก เป็นข้ันตอนการกระตุ้นให้ครูเกิดความรักความศรัทธาในวิชาชีพ
ครู ตลอดจนความรักท่ีมอบให้กับผู้เรียน โดยการทากิจกรรมสุนทรียสนทนา การถอดบทเรียน
การสื่อสารเชิงบวก การฟังอย่างลึกซ้ึง และการแลกเปล่ียนเรียนรู้กับบุคคลตัวอย่างในวิชาชีพครู
ในลักษณะชุมชนแหง่ การเรียนร้เู ชิงวชิ าชีพ
2. ตระหนักในความรู้ เป็นข้ันตอนการกระตนุ้ ความรเู้ ดมิ และเสริมความรู้ใหม่ให้กับ
ครู ในด้านการจัดการเรียนรู้ท่ีเสริมสร้างการรู้คิดและความสุขในการเรียนรู้ ในลักษณะชุมชนแห่งการ
เรียนรู้เชิงวิชาชีพ โดยการสัมมนาเชิงปฏิบัติการ การแลกเปลี่ยนเรียนรู้ประสบการณ์การจัดการเรียนรู้
ระหว่างครู การใหข้ ้อมูลเพื่อกระตนุ้ การเรยี นรู้ (feed - up) การให้ข้อมูลเพื่อการเรียนรู้ต่อยอด (feed -
forward)
539
3. นาสู่ปฏิบัติ เป็นขั้นตอนการนาความรู้ความเข้าใจจากการสัมมนาเชิงปฏิบัติการ
ตลอดจนประสบการณ์ที่ได้จากการแลกเปล่ียนเรียนรู้ ไปประยุกต์ใช้ในการจัดการเรียนรู้ของตนเอง
ในโรงเรียน โดยมีผู้วิจัย ผู้เชี่ยวชาญ ผู้บริหาร และเพื่อนครู ทาหน้าท่ีเป็นพ่ีเลี้ยง (mentoring) และผู้
ฝึกสอน (coaching) มีการเสริมพลัง (empower) การให้ข้อมูลเพ่ือกระตุ้นการเรียนรู้ การให้ข้อมูล
ย้อนกลบั (feedback) การให้ข้อมูลเพือ่ การเรียนรู้ต่อยอด และการแลกเปล่ียนเรียนรู้ ในลักษณะชุมชน
แหง่ การเรียนรเู้ ชงิ วิชาชพี
4. จัดให้แลกเปลี่ยน เป็นข้ันตอนการนาความรู้และประสบการณ์ท่ีได้รับจากการ
ปฏิบัติการจัดการเรียนรู้ท่ีเสริมสร้างการรู้คิดและความสุขในการเรียนรู้มาแลกเปลี่ยนเรียนรู้ร่วมกัน
ในลักษณะชุมชนแห่งการเรียนรู้เชิงวิชาชีพ โดยการใช้สุนทรียสนทนา การฟังอย่างลึกซึ้ง การเสริมพลัง
การให้ข้อมูลย้อนกลับ การให้ข้อมูลเพ่ือกระตุ้นการเรียนรู้ต่อยอด แล้วนาไปประยุกต์ใช้ในการจัดการ
เรียนรู้ของตนเองต่อไป
5. เรียนรู้และพัฒนา เป็นข้ันตอนการแลกเปลี่ยนเรียนรู้สรุปผลการดาเนินการ
จัดการเรยี นรทู้ เ่ี สริมสรา้ งการรู้คิดและความสุขในการเรียนรู้ของครู โดยใช้การนาเสนอ การแลกเปลี่ยน
เรียนรู้ สุนทรยี สนทนา การฟังอย่างลึกซ้งึ และการใหข้ อ้ มลู เพอ่ื การเรียนรตู้ ่อยอด
540
การจดั การเรยี นรู้
ที่เสริมสร้างการรคู้ ดิ
และความสขุ ในการเรยี นรู้
3. นาส่กู ารปฏิบตั ิ 4. จัดใหแ้ ลกเปลย่ี น 5. เรียนรู้และพัฒนา
2. ตระหนักในความรู้ - พ่ีเลีย้ ง (mentoring) - สนุ ทรียสนทนา - การนาเสนอ
- ผ้ฝู ึกสอน (coaching) - การฟงั อยา่ งลึกซ้งึ - การแลกเปลย่ี นเรียนรู้
- การสัมมนา - การเสริมพลัง - การเสรมิ พลัง - สนุ ทรียสนทนา
เชงิ ปฏบิ ัตกิ าร - การใหข้ อ้ มูล - การใหข้ อ้ มลู - การฟงั อย่างลึกซ้งึ
เพ่ือกระตุ้นการเรยี นรู้ ยอ้ นกลบั - การใหข้ ้อมูล
- การใหข้ อ้ มลู ย้อนกลับ - การให้ข้อมูล เพ่อื การเรียนรู้ตอ่ ยอด
- การใหข้ อ้ มลู เพ่ือการ เพ่อื การเรียนร้ตู อ่ ยอด
1. กระตุน้ ความรัก เรียนรตู้ อ่ ยอด - การสะทอ้ นคิด
- การแลกเปล่ียนเรียนรู้
- สัมมนาเชิงปฏบิ ัตกิ าร - การแลกเปลย่ี น
- สุนทรยี สนทนา เรยี นรู้ประสบการณ์
- ถอดบทเรยี น - การให้ขอ้ มูล
- การสื่อสารเชิงบวก เพือ่ กระตนุ้ การเรียนรู้
- การฟงั อย่างลึกซึง้ - การใหข้ อ้ มลู
- การแลกเปลีย่ น เพือ่ การเรียนรูต้ อ่ ยอด
เรยี นรกู้ ับบุคคล
ตัวอย่างในวิชาชีพ
ชุมชนแห่งการเรียนร้เู ชงิ วิชาชพี
แผนภาพ 75 รูปแบบการพฒั นาครดู า้ นการจัดการเรยี นรูท้ ี่เสริมสรา้ งการรู้คิด
และความสุขในการเรยี นรู้ของผ้เู รยี นระดบั ประถมศึกษา
541
รปู แบบการเสรมิ สรา้ งศกั ยภาพการจดั การเรยี นรู้
ของผู้สอนโรงเรียนตารวจตระเวนชายแดน
หลักการของรูปแบบ
1. เสริมสร้างศักยภาพการจัดการเรียนรู้ของผู้สอนโดยใช้โรงเรียนเป็นฐาน (school –
based development) โดยการดาเนินการที่โรงเรียนอย่างต่อเนื่อง มีความสอดคล้องกับวัฒนธรรม
โรงเรียนและวฒั นธรรมการทางานของผ้สู อน
2. เสริมสร้างศักยภาพการจัดการเรียนรู้ของผู้สอนโดยการใช้แนวคิดและหลักการชุมชน
แห่งการเรียนรู้เชิงวิชาชีพ (Professional Learning Community: PLC) มีการแลกเปล่ียนเรียนรู้
ประสบการณ์จากการปฏิบัติงานจริงและความร่วมมือร่วมใจในการพัฒนาคุณภาพของผู้เรียนอย่าง
ตอ่ เน่อื ง
3. เสริมสร้างศักยภาพการจัดการเรียนรู้ของผู้สอนโดยใช้การโค้ช (coaching) การต้ัง
คาถามกระตุ้นให้ผู้สอนคิด การสร้างความเช่ือมั่นในตนเอง การให้แนวคิด การให้ข้อเสนอแนะ การให้
คาปรึกษาต่างๆ ตลอดจนการสง่ เสรมิ และสนบั สนนุ ทางด้านวิชาการ
ขั้นตอนการเสรมิ สรา้ งศักยภาพการจดั การเรยี นรู้
1. การสมั มนาเชิงปฏิบตั กิ าร (Workshop seminar) เป็นการนาเสนอความรู้ในลักษณะ
ของสาระสาคัญ (main concept) ประกอบกับการยกตัวอย่างที่สอดคล้องกับบริบทของโรงเรียน
ประมาณ 20 นาที จากนัน้ ให้ผู้สอนไดร้ ่วมกนั ลงมอื ฝกึ ปฏิบัติเพ่ือทาให้เกิดความเข้าใจมากขึ้น ก่อนท่ีจะ
542
นาไปประยุกต์ใช้ในช้ันเรียน การตอบคาถามข้อสงสัยต่างๆ และแนวทางการนาไปประยุกต์ใช้
ในช้ันเรียน อีกประมาณ 40 นาที โดยระหว่างการสมั มนาเชิงปฏิบัติการ ผู้สอนจะใช้การจัดการช้ันเรียน
ในห้องเรียนของตนเองเพื่อให้ผู้เรียนมีกิจกรรมปฏิบัติอย่างต่อเน่ืองในระหว่างท่ีเข้าร่วมการสัมมนา
เชงิ ปฏิบตั ิการ
2. การประยุกต์ใช้ในชั้นเรียน (Applying) เป็นการให้ผู้สอนได้นาองค์ความรู้ที่ได้รับจาก
การสัมมนาเชิงปฏิบัติการไปใช้จริงในช้ันเรียนที่ดาเนินการจัดการเรียนรู้โดยมีเอกสารท่ีจัดทาขึ้นเป็น
แหล่งการเรียนรู้สาหรับผู้สอน โดยใช้กระบวนการโค้ชภายในโรงเรียน ได้แก่ การโค้ชโดยผู้เชี่ยวชาญ
(expert coaching) การโค้ชโดยผู้บริหาร (administrator coaching) การโค้ชโดยเพ่ือน (peer
coaching) และการเสริมพลังให้ผู้สอนมีความเชื่อมั่นในความสามารถของตนเอง การสร้างความม่ันใจ
ให้กับผู้สอนเกิดแนวคิดในการออกแบบกิจกรรม การเรียนรู้ที่สอดคล้องกับระดับความสามารถของ
ผู้เรียน ตลอดจนการแลกเปล่ยี นเรียนรู้นาไปสู่การปรับปรงุ การจัดกจิ กรรมการเรียนรู้
3. การแลกเปลี่ยนเรียนรู้ (Sharing) เป็นการเปิดพื้นท่ีให้ผู้สอนได้นาความรู้และ
ประสบการณ์ที่แต่ละคนได้รับจากการนาความรู้ไปประยุกต์ใช้ในช้ันเรียนมาแลกเปลี่ยนเรียนรู้ซึ่งกัน
และกัน สร้างความม่ันใจให้กับผู้สอนท้ังการแลกเปล่ียนเรียนรู้กับเพ่ือนและกับผู้บริหาร ตลอดจนการ
แลกเปลี่ยนเรียนรู้กับผู้เชี่ยวชาญภายใต้บรรยากาศการสื่อสารที่สร้างสรรค์เกิดแนวคิดใหม่
และนวตั กรรม กระต้นุ ใหผ้ ู้สอนเกดิ การเรยี นรู้เพิ่มมากข้นึ
4. การสะท้อนผล (Reflection) เปน็ การใหข้ อ้ เสนอแนะเพิ่มเติมเพื่อการพัฒนาโดยเพื่อน
ผู้บริหารและผู้เชี่ยวชาญที่ทาให้ผู้สอนมีแนวทางในการนาความรู้และประสบการณ์ท่ีได้รับไปแล้วน้ัน
ไปใช้ในชั้นเรียนของตนเองตอ่ ไปอย่างต่อเน่อื ง
543
บทบาทการโคช้ ของผ้บู ริหาร
1. โค้ชผู้สอนในลักษณะของการโค้ชโดยผู้บริหารโรงเรียน (administrator coaching)
โดยการให้คาแนะนา การชี้แนะแนวทางการนาองค์ความรู้จากการสัมมนาเชิงปฏิบัติการไปประยุกต์ใช้
ในการจดั การเรียนรใู้ นชั้นเรยี นของผู้สอนแตล่ ะคน
2. แสดงภาวะผู้นาทางวิชาการด้วยการเข้าร่วมการสัมมนาเชิงปฏิบัติการ รวมทั้งร่วมทา
กิจกรรมต่างๆ ระหวา่ งการสมั มนาเชิงปฏบิ ตั ิ ทาให้เปน็ ตัวแบบทางวิชาการแก่ครูทาให้ครูมีความเช่ือม่ัน
ในความรูค้ วามสามารถของตนเอง
บทบาทการโคช้ ของครู
1. โค้ชเพ่ือนผู้สอนและโค้ชการรู้คิดให้ผู้เรียน โดยการให้คาแนะนาเพ่ือนผู้สอนในการนา
ความรูไ้ ปประยุกต์ใช้ในช้ันเรียน การให้ข้อเสนอแนะเกี่ยวกับการพัฒนาประสิทธิภาพการจัดการเรียนรู้
ตลอดจนเทคนคิ วธิ กี ารแก้ไขปญั หาของผเู้ รยี น
2. แลกเปล่ียนเรียนรู้ร่วมกับผู้เชี่ยวชาญ ผู้บริหารและเพ่ือนผู้สอนในประเด็นของการ
สัมมนาเชิงปฏิบัติการ ตลอดจนประเด็นอื่นๆ ท่ีเกี่ยวข้องกับการพัฒนาคุณภาพการจัดการเรียนรู้
และคุณภาพของผูเ้ รียน โดยการแลกเปล่ยี นเรยี นรู้อาจกระทาอยา่ งเป็นทางการหรือไมเ่ ป็นทางการ
3. นาความรูไ้ ปปฏิบตั ิในชน้ั เรยี นตามสภาพจรงิ เพือ่ ให้มีความเข้าใจและทักษะ มากย่ิงข้ึน
โดยอาศัยแนวทางจากเอกสารคู่มือ แนวทางการปฏิบัติที่ใช้ในการสัมมนาเชิงปฏิบัติการ ตลอดจนการ
สร้างสรรค์เทคนคิ วธิ กี ารใหมๆ่ ทเี่ ปน็ นวตั กรรมท่สี อดคลอ้ งกับการจัดการเรียนรูข้ องผสู้ อน
544
บทบาทการโค้ชของผู้เชย่ี วชาญภายนอกโรงเรยี น
1. สรา้ งสมั พนั ธภาพทีด่ กี ับผ้บู ริหาร ผูส้ อนและผ้เู รยี น โดยการพูดคุยสนทนา การซักถาม
เก่ียวกับสภาพบริบทของการจัดการศึกษา ความต้องการในด้านต่างๆ การสร้างบรรยากาศเชิงบวก
เปดิ พนื้ ท่กี ารแลกเปลี่ยนเรียนรู้ท่ใี ชภ้ าษาในการสอ่ื สารอยา่ งสรา้ งสรรค์ (creative commination)
2. โค้ชผู้สอนในลักษณะการโค้ชโดยผู้เชี่ยวชาญ (expert coaching) โดยต้องมีความรู้
ความสามารถในเรื่องที่โค้ชอย่างแท้จริง มีประสบการณ์ตรงในเรื่องท่ีทาการโค้ชและใช้คาถามทรงพลัง
(power questions) ในการโค้ช การให้คาแนะนา การให้คาปรึกษา เสนอแนะแนวทางท่ีเหมาะสมกับ
บริบทโดยใชภ้ าษาในการส่ือสารอยา่ งสร้างสรรค์
3. สร้างความเช่ือม่ันให้กับผู้สอนในลักษณะการเสริมพลังให้กับครูโดยการสร้าง
แรงบันดาลใจ สร้างเจตคติท่ีดีต่อวิชาชีพ กระตุ้นให้เห็นความสาคัญของการพัฒนาคุณภาพของผู้เรียน
และสรา้ งความเชื่อม่นั ในความร้คู วามสามารถของตนเองให้กับผ้สู อน
ปัจจยั สนบั สนุนด้านคณุ ลักษณะของผบู้ ริหาร
1. ภาวะผู้นาทางวิชาการโดยมีความรู้เกี่ยวกับการจัดการเรียนรู้แบบบูรณาการ การโค้ช
เพอื่ การรู้คดิ การประเมนิ ผลการเรยี นรูท้ ่ีเสริมสร้างการรู้คิดและความสุขในการเรียนรู้ และการวิจัยเพ่ือ
พัฒนาการเรียนรู้ มีความสามารถในการสอ่ื สาร และมมี นษุ ยสัมพันธ์ดี
545
2. ความรักและปรารถนาดีที่มีให้กับผู้เรียนโดยมีความต้องการพัฒนาผู้เรียนให้มีความรู้
ความสามารถโดยเฉพาะด้านการอ่าน การเขียน และการคิดเลข ตลอดจนมีทักษะการคิด ทักษะการใช้
ชีวติ และมคี ณุ ธรรมจริยธรรม
3. ความรักและเทิดทูนสถาบันพระมหากษัตริย์โดยตระหนักในพระมหากรุณาธิคุณของ
สถาบันพระมหากษัตริย์ในฐานะท่ีทรงดูแลประชาชนโดยเฉพาะเด็กด้อยโอกาสในท้องถ่ินทุรกันดาร
โดยไม่จากัดเชื้อชาติ ศาสนา ให้ได้รับโอกาสและความเสมอภาคทางการศึกษาและพัฒนาคุณภาพชีวิต
อย่างยัง่ ยนื
4. ความคิดสร้างสรรค์ โดยมีความสามารถในการคิดปรับประยุกต์องค์ความรู้เชิงวิชาการ
ไปสู่การปฏิบัติ สามารถให้ข้อเสนอแนะหรือข้อแนะนาต่อครูในการจัดการเรียนรู้ท่ีมีประสิทธิภาพ
สอดคล้องกบั ระดับความสามารถและธรรมชาติของผูเ้ รยี น
ปจั จยั สนบั สนุนดา้ นคณุ ลักษณะของผู้สอน
1. ความสนใจในงานวิชาการ โดยมีความต้องการได้รับความรู้ใหม่ๆ ที่เป็นประโยชน์ต่อ
การจัดการเรียนรู้ที่มีประสิทธิภาพ มีนิสัยรักการพัฒนาตนเองทางด้านวิชาการ สืบเสาะแสวงหาความรู้
ดว้ ยวิธีการต่างๆ อยา่ งต่อเนอื่ ง ชอบการแลกเปลีย่ นเรยี นรู้กับบคุ คลอ่ืน
2. ความรักและปรารถนาดีท่ีมีให้กับผู้เรียนโดยมีความต้องการพัฒนาผู้เรียนให้มีความรู้
ความสามารถ โดยเฉพาะด้านการอ่าน การเขียน และการคิดเลข ตลอดจนมีทักษะการใช้ชีวิต และมี
คุณธรรมจริยธรรม
546
3. ความรักและเทิดทูนสถาบันพระมหากษัตริย์ โดยตระหนักในพระมหากรุณาธิคุณของ
สถาบันพระมหากษัตริย์ในฐานะที่ทรงดูแลประชาชนโดยเฉพาะเด็กด้อยโอกาสในท้องถ่ินทุรกันดาร
โดยไมจ่ ากดั เช้ือชาติ ศาสนา ให้ได้รับการศึกษาและพัฒนาคุณภาพชวี ิตอย่างยั่งยนื
4. ความคิดสร้างสรรค์ โดยมีความสามารถในการคิดปรับประยุกต์องค์ความรู้เชิงวิชาการ
ไปสู่การปฏิบัติ สามารถให้ข้อเสนอแนะหรือข้อแนะนาต่อครูในการจัดการเรียนรู้ที่มีประสิทธิภาพ
สอดคล้องกบั ระดับความสามารถและธรรมชาตขิ องผูเ้ รยี น
ปจั จัยสนับสนุนด้านส่ือและทรพั ยากร
1. การใช้ส่ือประกอบการสัมมนาเชิงปฏิบัติการที่เป็นสิ่งท่ีอยู่ในโรงเรียน มาใช้
ประกอบการอธิบาย การยกตัวอย่าง ทาให้ครูทาความเข้าใจเนื้อหาสาระของการสัมมนาได้ง่ายและ
ชัดเจนมากขึ้น
2. การจัดทาหนังสือคู่มือในลักษณะที่นาไปปฏิบัติได้จริง (how to) ที่จัดให้ผู้สอน
สามารถศกึ ษาดว้ ยตนเองเพ่ิมเติมและนาไปใช้ในชน้ั เรียนไดโ้ ดยตรง
3. การใช้ทุนทางสังคมมาช่วยการดาเนินการเสริมสร้างศักยภาพการจัดการเรียนรู้ของ
ผสู้ อน เชน่ แหล่งการเรยี นรู้ ภมู ิปญั ญา และงบประมาณ เปน็ ต้น
547
ปจั จยั สนับสนุนดา้ นการจดั การชั้นเรียนของผู้สอน
ครูจัดการช้ันเรียนของตนเองโดยให้ผู้เรียนปฏิบัติกิจกรรมการเรียนรู้ด้วยตนเอง
ในระหว่างที่มีการสัมมนาเชิงปฏิบัติการเพ่ือให้ผู้เรียนมีการเรียนรู้ด้วยตนเองอย่างต่อเน่ือง เช่น
การออกแบบกิจกรรมการเรียนรู้ใหผ้ ูเ้ รยี นปฏบิ ัติการสืบคน้ การฝึกทกั ษะด้วยตนเอง เป็นตน้
548
1. การสัมมนาเชิงปฏบิ ตั ิการ
4. การสะท้อน 1. โรงเรียนเปน็ ฐาน 2. การประยกุ ต์ ศกั ยภาพ
ผลการปฏบิ ตั ิ 2. ชุมชนแหง่ การเรยี นรู้ ใช้ การจัดการเรยี นรู้
ของผ้สู อนโรงเรยี นตารวจ
เชิงวชิ าชพี (PLC) ในชั้นเรยี น ตระเวนชายแดน
3. การโคช้ (coaching)
3. การแลกเปลยี่ นเรยี นรู้ ทกั ษะการรู้คิด ทกั ษะชวี ิต
และความสุขในการเรยี นรู้
การแลกเปลี่ยนเรียนรู้
การจัดการชัน้ เรยี น ของนกั เรียนโรงเรียน
ตารวจตระเวนชายแดน
การเสริมพลัง
การโค้ช
ภาวะผนู้ าทางวิชาการ
ความสนใจในงานวิชาการ
ความรักและปรารถนาดีกบั นักเรยี น
ความรักและเทดิ ทนู สถาบนั พระมหากษตั ริย์
แผนภาพ 76 รูปแบบเชงิ ทฤษฎีการเสรมิ สรา้ งศักยภาพการจดั การเรยี นรู้สาหรับผสู้ อน
โรงเรยี นตารวจตระเวนชายแดน ในเขตอาเภอไทรโยค จงั หวัดกาญจนบรุ ี
549
สรุปผลการวิจัยทั้ง 4 เรื่อง ดังท่ีกล่าวมาข้างต้นน้ัน ผู้เขียนได้ถอดบทเรียนและสังเคราะห์
ได้ว่าการพัฒนาศักยภาพผู้สอนให้พร้อมต่อการปรับปรุงและเปล่ียนแปลง
หลกั สตู รสามารถดาเนินการได้หลายลกั ษณะโดยมีหลกั การดงั ต่อไปนี้
1. ใช้โรงเรียนเป็นฐานของการพัฒนา โดยการพัฒนาศักยภาพครูไปพร้อมๆ กับการ
ปฏบิ ตั ิงานการจดั การเรียนรู้
2. ใช้แนวคิดและหลักการชุมชนแห่งการเรียนรู้เชิงวิชาชีพ โดยมีการแลกเปลี่ยน
เรียนรู้ประสบการณ์จากการปฏิบัติงานจริงและความร่วมมือร่วมใจในการพัฒนาคุณภาพของผู้เรียน
อยา่ งตอ่ เนอ่ื ง
3. ใช้การโค้ช ด้วยการต้ังคาถามกระตุ้นให้ครูคิด การสร้างความเชื่อม่ันในความรู้
ความสามารถของตนเอง การให้แนวคิด การให้ข้อเสนอแนะ การให้คาปรึกษาต่างๆ ตลอดจน
การส่งเสรมิ และสนบั สนนุ ทางด้านวิชาการ
4. ดาเนินการอยา่ งตอ่ เนื่องในลักษณะทเี่ ป็นวงจร Plan Do Check Reflection และ
นาผลการดาเนินการมาปรบั ปรงุ อย่างต่อเน่อื ง
หากสถานศกึ ษาไดด้ าเนินการพัฒนาศักยภาพของผู้สอนตามหลักการดังกล่าวทั้ง 4 ก็จะเป็น
ท่ีม่ันใจได้ว่าผู้สอนมีความพร้อมต่อการปรับปรุงและเปล่ียนแปลงหลักสูตรอยู่ตลอดเวลา และหากมี
การปรบั ปรงุ และเปลี่ยนแปลงหลกั สูตรเมือ่ ใด ผสู้ อนก็พรอ้ มทจี่ ะขับเคลอ่ื นหลักสตู รใหมไ่ ด้ทันที
550
การพฒั นาบคุ ลาการเป็นกลไกสาคญั
ของการพฒั นาคุณภาพหลกั สตู รอย่างตอ่ เนอ่ื ง
หากบุคลากรมคี วามร้คู วามสามารถ
จะเปน็ ปัจจัยเอ้ือต่อการปรับปรงุ และเปล่ยี นแปลงหลกั สตู ร
ไดอ้ ย่างมีประสทิ ธภิ าพและประสทิ ธิผล
551
สรปุ
จากท่ีได้กล่าวมาในบทที่ 14 เร่ือง การพัฒนาศักยภาพผู้สอนให้พร้อมต่อการปรับปรุงและ
เปลยี่ นแปลงหลักสตู ร สรปุ สาระสาคัญไดด้ งั ต่อไปน้ี
1. การพัฒนาผู้สอนมีเปูาหมายคือการพัฒนาให้มีความรู้ความสามารถ ทักษะ
สมรรถนะ และคณุ ลกั ษณะ การพฒั นาผสู้ อนเป็นภารกิจที่สาคัญสาหรับการพัฒนาคุณภาพการศึกษาใน
ทุกประเทศทวั่ โลก และเมอื่ ผู้สอนไดร้ ับการพฒั นาแล้วทาใหผ้ ูเ้ รยี นมีคุณภาพสูงขนึ้
2. การพัฒนาผู้สอนโดยใช้โรงเรียนเป็นฐานเป็นกระบวนการพัฒนาผู้สอนตามสภาพ
ปญั หาและความต้องการของสถานศกึ ษา ผูส้ อน ชุมชน ท้องถิ่น เพ่ือเพ่ิมขีดความสามารถที่เกี่ยวข้องกับ
การจัดการเรียนร้ทู ่ีมีประสิทธภิ าพ
3. ชุมชนแห่งการเรียนรู้เชิงวิชาชีพ เป็นการผสมผสานแนวคิด 2 ประการ ได้แก่
ความเป็นมืออาชีพ และชุมชนแห่งการเรียนรู้ หมายถึงการรวมกลุ่มกันของบุคคลผู้ประกอบวิชาชีพ
ทางการศึกษาโดยมจี ุดมุง่ หมายเพอื่ พฒั นาสมรรถนะเชงิ วชิ าชีพและคุณภาพของผเู้ รยี นรว่ มกนั
4. การวจิ ัยและพัฒนานวัตกรรมในงานประจา เป็นการผสมผสานกันระหว่างการวิจัย
และพัฒนา การวิจยั ในงานประจา และนวตั กรรมมีลกั ษณะเปน็ การวิจยั ทเ่ี ปน็ เนื้อเดยี วกับการปฏิบัติงาน
ประจา ช่วยทาให้มีนวัตกรรมสาหรับการปฏิบัติงานประจามปี ระสิทธภิ าพและประสทิ ธผิ ลมากข้นึ
5. การพัฒนาศักยภาพผู้สอนให้พร้อมต่อการปรับปรุงและเปลี่ยนแปลงหลักสูตร
เปน็ ภารกจิ สาคัญของผู้บรหิ ารตลอดจนผสู้ อนเองในการพัฒนาความรู้และทักษะตา่ งๆ อยา่ งตอ่ เน่ือง
552
การพัฒนาบุคลาการใหม้ คี วามพร้อม
ตอ่ การปรับปรุงและเปล่ียนแปลงอยา่ งต่อเนื่อง
ทาไดห้ ลายวธิ กี ารโดยม่งุ เนน้ การใชโ้ รงเรยี นเปน็ ฐาน
และชมุ ชนแหง่ การเรยี นรเู้ ชิงวิชาชพี
553
บรรณานุกรม
มารุต พัฒผล. (2553). รายงานการวจิ ยั ฉบบั สมบูรณ์ เรือ่ ง การพฒั นาความสามารถในการจดั ทา
หน่วยการเรยี นรู้บรู ณาการที่สอดคล้องกบั ท้องถน่ิ ของผสู้ อนระดบั การศกึ ษาขั้นพ้นื ฐาน.
กรงุ เทพฯ: บณั ฑติ วทิ ยาลยั มหาวทิ ยาลัยศรนี ครนิ ทรวโิ รฒ.
. (2554ข). รายงานการวิจัยฉบบั สมบรู ณ์ เรอื่ ง การพัฒนาหลกั สตู รฝกึ อบรมครู
เพ่อื เสริมสร้างความสามารถในการจดั การเรยี นรู้โดยใช้วิจยั เปน็ ฐาน. กรงุ เทพฯ:
บัณฑติ วทิ ยาลัย มหาวทิ ยาลัยศรนี ครนิ ทรวโิ รฒ.
. (2556). รายงานการวจิ ัยฉบับสมบรู ณ์ เรื่อง รูปแบบการพฒั นาครูดา้ นการจดั การเรยี นรู้
ที่เสรมิ สรา้ งการรคู้ ิดและความสขุ ในการเรยี นรูข้ องผ้เู รยี นระดบั ประถมศึกษา. กรงุ เทพฯ:
บณั ฑติ วิทยาลยั มหาวิทยาลยั ศรีนครนิ ทรวิโรฒ.
. (2557). รายงานการวิจยั ฉบับสมบูรณ์ เรอ่ื ง การพัฒนารูปแบบการเสรมิ สร้างศกั ยภาพ
การจัดการเรยี นรู้ของครโู รงเรียนตารวจตระเวนชายแดน. กรุงเทพฯ: บัณฑิตวทิ ยาลัย
มหาวิทยาลัยศรีนครนิ ทรวโิ รฒ.
วิชัย วงษ์ใหญ่ และมารุต พฒั ผล. (2557). การโค้ชเพื่อการรู้คดิ . กรงุ เทพฯ: จรลั สนิทวงศก์ ารพมิ พ์.
ศศธิ ร เขยี วกอ. (2548). การพฒั นาสมรรถภาพดา้ นการประเมนิ สาหรบั ครูโรงเรียนประถมศกึ ษา:
การเปรียบเทียบผลการฝึกอบรมระหวา่ งการฝกึ อบรมครแู บบด้งั เดมิ และแบบ
ใชโ้ รงเรียนเป็นฐาน. ดษุ ฎนี ิพนธ์ ปริญญาดุษฎีบัณฑติ กรุงเทพฯ: จุฬาลงกรณ์
มหาวิทยาลยั .
สุวมิ ล วอ่ งวานชิ .(2546). “การพฒั นาครูโดยใชก้ ารฝึกอบรมโดยใช้โรงเรยี นเป็นฐาน”. เอกสารประกอบ
การประชุมปฐมนเิ ทศโครงการสนับสนนุ การฝกึ อบรมครูโดยใช้โรงเรียนเปน็ ฐาน:
นโยบายและแผนยทุ ธศาสตร์การพฒั นาครูเพอื่ การปฏริ ูปการเรียนร.ู้ (เอกสารอัดสาเนา)
554
อมลวรรณ วรี ะธรรมโม. (2555). รายงานการวิจัยการพฒั นารูปแบบการพฒั นาครแู ละผ้บู รหิ าร
สถานศกึ ษาแบบใชโ้ รงเรียนเป็นฐานในโรงเรยี นขนาดเลก็ จังหวัดสงขลา.
สงขลา: มหาวิทยาลยั ทักษิณ.
Bialey, Kim., and Jakicic, Chris. (2012). Common Formative Assessment: A Toolkit
for Professional Learning Communities at Work. Bloomington: Solution
Tree Press.
Blandford, Sonia. (2000). Managing Professional Development in Schools.
London, New York: Routledge.
Bredeson, Paul V. (2003). Designs for Learning: A New Architecture for Professional
Development in Schools. Thousand Oaks, California: Corwin Press.
Caine, Geofferey., and Caine, Renate N. (2010). Strengthening and Enriching Your
Professional Learning Community: The Art of Learning Together.
Alexandria: Association for Supervision and Curriculum Development.
DeMonte, Jenny. (2013). High – Quality Professional Development for Teachers:
Supporting Teacher Training to Improve Student Learning.
Washington D.C. Center for American Progress.
DuFour, Richard., and others. (2006). Learning by Doing: A Handbook for Professional
Learning Communities at Work. 3rded. Bloomington: Solution Tree Press.
DuFour, Richard., and DuFour, Rebecca., and Eaker, Robert. (2008). Revising
Professional Learning Communities at Work: New Insight for Improving
Schools. . Bloomington: Solution Tree Press.
555
DuFour, Richard., and DuFour, Rebecca. (2012). The School Leader’s Guide to
Professional Learning Communities at Work. Bloomington:
Solution Tree Press.
Erkens, Cassandra., and others. (2008). Collaborative Teacher: Working Together
as a Professional Learning Community. Bloomington: Solution Tree Press.
Food, Kathleen., and Haar, Jean M. (2008). Professional Learning Communities:
An Implementation Guide and Toolkit. New York: Routledge.
Graham, Parry., and Ferriter, William. (2010). Building a Professional Learning
Community at Work: A Guide to the First Year. Bloomington:
Solution Tree Press.
Gregory, Gayle H. (2013). Professional Learning Guide for Differentiated Instructional
Strategies: One Size Doesn’t fit all. Thousand Oaks, California: Corwin.
Hurst, Beth., and Reding Ginny. (2009). Professionalism in Teaching. 3rded. Boston:
Pearson.
Jasper, M. (2006). Professional Development, Reflection, and Decision – Making.
Oxford: Blackwell Publishing.
Levin, Barbara B. (2001). Energizing Teacher Education and Professional Development
with Problem – Based Learning. Alexandria: Association for Supervision and
Curriculum Development.
Marzano Research Laboratory. (2012). Teacher Development Toolkit for the Marzano
Teacher Evaluation Model. Bloomington: Marzano Research Laboratory.
Matthews, Joe., and Crow Gary M. (2010). The Principalship: New Roles in a
Professional Learning Community. Pennsylvania: Allyn & Bacon.
556
McGill, Ian., and Brockbank, AAnne. (2004). The Action Learning Handbook: Powerful
Techniques for Education, Professional Development and Training.
London, New York: Routledge.
Mizell, Hayes. (2010). Why Professional Development Matters. Oxford: Learning
Forward.
Murray, John. (2014). Designing and Implementing Effective Professional Learning.
Thousand Oaks, California: Corwin.
National Professional Development Center. (2008). What Do We Mean by Professional
Development in the Early Childhood Field? Chapel Hill: The University of
North Carolina.
Protheroe, N. (2008). Developing Your School as a Professional Learning Community.
NAESP Research Roundup.
Reichstetter, R. (2006). Defining a Professional Learning Community: A Literature
Review. E&R Research Alert.
Stool, L., Bolam, R., McMahon, A., Thomas, S., Wallace, M., Greenwood, A. et al. (2005).
“Professional learning community: A review of the literature.” Journal of
Education Change. 7(4), 221 – 258.
Strickland, Cindy A. (2009). Professional Development for Differentiating Instruction.
Alexandria: Association for Supervision and Curriculum Development.
Sweeney, Diane. (2011). Student – Centered Coaching: A Guide for K – 8 Coachers
and Principles. California: Corwin Press.
Tarrant, Peter. (2013). Reflective Practice and Professional Development.
Thousand Oaks, California: Sage Publications.
557
The Organization for Economic Co-operation and Development. (2009). Evaluation
feedback for effective learning and accountability. Paris: OECD
Tomlinson, Harry. (2004). Educational Leadership: Personal Growth for Professional
Development. London: Sage Publications.
Wise, Christine., Bradshaw, Pete., and Cartwright, Marion. (2013). Leading Professional
Practice in Education. London: Sage Publications.