The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

หนังสือ การประเมินหลักสูตรฯ

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by จีระนัน เสนาจักร์, 2020-10-05 00:41:02

หนังสือ การประเมินหลักสูตรฯ

หนังสือ การประเมินหลักสูตรฯ

277

ข้อท่ี รายการ ความสอดคลอ้ งกับ
มาตรฐานคณุ วุฒริ ะดบั ปริญญาโท
6. 606106 สมถภาวนา 3(3-0-6)
ศึกษาความหมาย หลกั ธรรมท่เี ปน็ อารมณข์ องสมถภาวนา ดา้ นที่ ด้านท่ี ดา้ นท่ี ดา้ นที่ ด้านที่
แนวทาง การปฏิบตั ิ และผลของการปฏบิ ตั สิ มถภาวนา 1 2345

7. 606207 วิปัสสนาภาวนา 3(3-0-6)
ศึกษาเชงิ วเิ คราะหค์ วามหมาย หลักธรรมท่ีเปน็ ภูมิของวิปัสสนา
ภาวนา แนวทางปฏิบัติและผลของการปฏิบัติวิปสั สนาภาวนา

8. 606308 สตปิ ฏั ฐานภาวนา 3(3-0-6)
ศึกษาวิธปี ฏิบัตวิ ปิ สั สนาภาวนาตามแนวสติปัฏฐานสตู ร
และสูตรอนื่ ๆ ที่เก่ยี วข้องกับการเจริญสติ

9. 606309 พทุ ธยุทธศาสตรใ์ นการบรหิ ารจดั การศูนย์วิปสั สนา
ภาวนา 3(3-0-6)

ศึกษาความเปน็ ไปได้ ของโครงการ การวางแผนยุทธศาสตร์
ตามหลกั พระพทุ ธศาสนาการจดั การศนู ย์วิปัสสนาธรุ ะ
การติดตามและ การประเมินผลโครงการ
10. 606410 ปฏิบตั ิวิปัสสนาภาวนา
ปฏิบตั วิ ิปัสสนากรรมฐานติดต่อกนั เป็นเวลา 7 เดอื น
ในสถานทปี่ ฏิบัตวิ ิปสั สนากรรมฐานท่มี หาวิทยาลยั กาหนด
โดยมพี ระวปิ ัสสนาจารย์ เป็นผ้คู วบคมุ
การปฏบิ ัติและวดั ผลประเมินผลการปฏิบัติ

278

ข้อท่ี รายการ ความสอดคล้องกบั
มาตรฐานคณุ วุฒริ ะดบั ปริญญาโท
11. 606111 ปรมตั ถธรรม 2(2-0-4)
ศกึ ษาปรมตั ถธรรม 4 คือ จิต เจตสกิ รูป นพิ พาน ดา้ นที่ ด้านที่ ด้านที่ ด้านที่ ดา้ นท่ี
เชิงบูรณาการ ตามหลกั วปิ ัสสนาภาวนา 12345

12. 606312 หลกั การเป็นวทิ ยากรภาคปฏบิ ตั ิวปิ สั สนาภาวนา
2(2-0-4)

ศกึ ษาความร้พู ้นื ฐานของการเป็นวทิ ยากรภาคปฏบิ ตั วิ ปิ สั สนา
ประเภท การเป็นวทิ ยากรปัจจัยสมั ฤทธิผล
การเป็นวิทยากรภาคปฏิบตั วิ ปิ สั สนา
หลักและวธิ กี ารเป็นวทิ ยากรภาคปฏบิ ัติวิปสั สนา
13. 606313 การประเมนิ ผลการปฏบิ ัตวิ ปิ ัสสนาภาวนา

2(2-0-4)
ศกึ ษาความรพู้ นื้ ฐานของการประเมินผลการปฏบิ ตั วิ ปิ สั สนา
ปัจจยั สมั ฤทธผิ ลของการประเมินผลการปฏบิ ตั วิ ปิ ัสสนา
กระบวนการประเมนิ ผล การปฏบิ ตั วิ ปิ ัสสนา
หลักและวธิ ีการสอน การปฏบิ ตั วิ ปิ สั สนา
14. 606114 วปิ สั สนาภาวนาในโลกรว่ มสมยั 2(2-0-4)
ศกึ ษาวิเคราะห์สถานการณว์ ิปสั สนาธรุ ะในประเทศไทย
ประเทศตะวันออกและตะวนั ตก
15. 606115 ชีวติ และผลงานพระวปิ ัสสนาจารยไ์ ทย

2(2-0-4)
ศกึ ษาภมู ิปัญญาดา้ นกรรมฐานของพระมหาเถระผมู้ ีชอ่ื เสียง
เร่มิ ตัง้ แต่ยุคต้นรตั นโกสินทร์จนถงึ ปจั จุบัน

279

ขอ้ ที่ รายการ ความสอดคลอ้ งกบั
มาตรฐานคณุ วฒุ ิระดบั ปริญญาโท
16. 606316 เทคโนโลยสี ารสนเทศทางวิปสั สนาภาวนา
2(2-0-4) ดา้ นท่ี ด้านที่ ด้านที่ ดา้ นท่ี ด้านท่ี
1 2345
ศึกษาโปรแกรมคอมพวิ เตอร์และเทคโนโลยสี ารสนเทศ
เพอ่ื การศกึ ษา และเผยแผว่ ปิ สั สนาภาวนา
17 606317 ศกึ ษาอิสระในหลกั วิปสั สนาภาวนา 2(2-0-4)
โครงการวิจัยในหวั ขอ้ ท่ีนกั ศกึ ษาเลอื กเอง โดยปรกึ ษาจาก
อาจารย์ และประเมนิ ผลโครงการ โดยอาจารย์ นักศึกษา
และอาจารยจ์ ัดทาแผนการศึกษาของโครงการเกยี่ วกับวิปสั สนา
ภาวนา จากพระไตรปฎิ ก อรรถกถา ฎกี า และปกรณ์วิเสสอืน่ ๆ
18 606400 วทิ ยานิพนธ์ 12 หน่วยกติ
ศกึ ษาวเิ คราะห์งานวจิ ัยทางวปิ สั สนาภาวนา และนาเสนอ
งานวิจัย ภายใตก้ ารกากบั ดูแลจากอาจารย์ที่ปรึกษา

280

แบบวเิ คราะหค์ วามสอดคล้องระหว่างรายวิชาในหลกั สตู ร
กบั วตั ถปุ ระสงค์ของหลักสตู ร

วัตถุประสงค์ เพือ่ วเิ คราะห์ความสอดคลอ้ งระหว่างรายวชิ าของหลกั สูตรพุทธศาสตรมหาบัณฑิต
คาช้แี จง สาขาวปิ สั สนาภาวนา วิทยาเขตบาฬศี ึกษาพุทธโฆส นครปฐม กับวัตถุประสงค์
ของหลกั สูตร
วิเคราะห์รายวิชาของหลกั สูตรแต่ละรายวิชา แลว้ ทาเครื่องหมาย  ลงในช่อง
วัตถุประสงค์ของหลักสตู ร เมอ่ื มีความสอดคล้องกบั วัตถปุ ระสงค์ของหลกั สูตร
ข้อใดขอ้ หนึง่ หรอื หลายข้อ

ความสอดคลอ้ งกบั

วิชาที่ รายวชิ า วัตถปุ ระสงคข์ องหลกั สูตร

ข้อท่ี 1 ข้อที่ 2 ข้อท่ี 3

1 600101 พระไตรปิฎกวิเคราะห์ 2(2-0-4)
ศึกษาความเป็นมาของการรวบรวมพระธรรมวินัยเปน็ พระไตรปิฎก
และการถา่ ยทอดโครงสร้างและสาระสังเขปของพระไตรปิฎก
วิเคราะหห์ ลกั ธรรมสาคญั เช่น อริยสัจจ์ ไตรลักษณ์ ไตรสิกขา
นรก สวรรค์ จิต วิญญาณ

2 606102 วิปสั สนาภาวนาในคมั ภรี ์พระพทุ ธศาสนา 2(2-0-4)
ศกึ ษาความรพู้ นื้ ฐานของวปิ ัสสนาภาวนาโดยท่ัวไป หลกั วิปัสสนา
ภาวนาตามนยั ของพระไตรปิฎก อรรถกถา ฎกี า และปกรณ์วิเสส

หมายเหตุ แบบประเมินท่ีใช้จรงิ มีการประเมินทกุ รายวิชาในหลกั สูตร ทง้ั 18 รายวชิ า

281

แบบวิเคราะหค์ วามสอดคล้องระหว่างรายวิชา
กบั คณุ ลกั ษณะของบัณฑิตด้านการรคู้ ดิ คณุ ธรรมจริยธรรม ทกั ษะการปฏบิ ัติ

วตั ถุประสงค์ เพ่อื วเิ คราะห์ความสอดคล้องระหวา่ งรายวชิ าของหลกั สตู รพทุ ธศาสตรมหาบณั ฑติ
คาชี้แจง สาขาวิปัสสนาภาวนา วิทยาเขตบาฬีศึกษาพทุ ธโฆส นครปฐม
กับคณุ ลกั ษณะบัณฑติ ดา้ นการรู้คิด คณุ ธรรมจรยิ ธรรม ทกั ษะการปฏบิ ัติ
วิเคราะห์รายวิชาของหลกั สตู รแต่ละรายวิชา แล้วทาเคร่อื งหมาย ลงในช่อง
คณุ ลกั ษณะบัณฑติ ทพี่ งึ ประสงค์ เมื่อมคี วามสอดคล้องกบั คณุ ลักษณะบณั ฑิต
ท่พี งึ ประสงคด์ ้านใดด้านหน่ึงหรือหลายดา้ น

วิชาท่ี รายวชิ า ความสอดคล้องกับ
คุณลักษณะบัณฑิต
1 600101 พระไตรปิฎกวิเคราะห์ 2(2-0-4)
ศกึ ษาความเปน็ มาของการรวบรวมพระธรรมวินัย ความรู้ ความรู้ ความรู้
เป็นพระไตรปฎิ ก และการถ่ายทอดโครงสร้าง ความคิด ความคดิ ความคิด
และสาระสังเขปของพระไตรปฎิ ก
วิเคราะห์หลกั ธรรมสาคัญ เช่น อริยสัจจ์ ไตรลกั ษณ์
ไตรสกิ ขา นรก สวรรค์ จิต วญิ ญาณ

หมายเหตุ แบบประเมนิ ทีใ่ ช้จริง มกี ารประเมินทกุ รายวิชาในหลักสตู ร ทัง้ 18 รายวชิ า

282

แบบวิเคราะหค์ ุณภาพการออกแบบรายวชิ าในหลักสตู ร

วัตถุประสงค์ เพ่อื วิเคราะห์คณุ ภาพการออกแบบรายวชิ าของหลักสูตรพทุ ธศาสตรมหาบัณฑติ
คาชแี้ จง สาขาวิปัสสนาภาวนา วิทยาเขตบาฬีศกึ ษาพุทธโฆส นครปฐม
วิเคราะหค์ ุณภาพการออกแบบรายวชิ าของหลักสูตรแตล่ ะรายวิชา แล้วทาเครื่องหมาย 
ลงในชอ่ งคณุ ภาพการออกแบบรายวิชา ตามกรอบการวิเคราะห์ 5 ประการ ดังน้ี

1. มจี ุดเน้นของสาระสาคัญ
2. มีความสมเหตสุ มผล
3. มีความสอดคลอ้ งกลมกลนื
4. มีความเป็นปจั จบุ ัน
5. สะทอ้ นการใชค้ มั ภีรพ์ ระพุทธศาสนาหรอื การวจิ ัยเป็นฐาน

คุณภาพการออกแบบรายวชิ า
วชิ าท่ี รายวชิ า

ดา้ นที่ ดา้ นที่ ด้านท่ี ดา้ นที่ ด้านท่ี
1234 5

1 600101 พระไตรปิฎกวเิ คราะห์ 2(2-0-4)
ศกึ ษาความเป็นมาของการรวบรวมพระธรรมวนิ ยั เป็น
พระไตรปิฎก และการถ่ายทอดโครงสรา้ งและสาระสงั เขป
ของพระไตรปฎิ ก วิเคราะห์หลกั ธรรมสาคัญ เช่น อรยิ สัจจ์
ไตรลกั ษณ์ ไตรสิกขา นรก สวรรค์ จติ วิญญาณ

หมายเหตุ แบบประเมินทใ่ี ชจ้ ริง มีการประเมนิ ทุกรายวชิ าในหลักสตู ร ท้ัง 18 รายวชิ า

283

แบบสารวจจานวนและคณุ วุฒขิ องอาจารย์

วตั ถปุ ระสงค์ เพ่ือสารวจคุณวฒุ ิของอาจารย์ หลักสูตรพทุ ธศาสตรมหาบณั ฑติ สาขาวิปสั สนาภาวนา
คาชแี้ จง วิทยาเขตบาฬศี ึกษาพทุ ธโฆส นครปฐม
บนั ทกึ คณุ วุฒิของอาจารย์ หลกั สูตรพทุ ธศาสตรมหาบณั ฑติ สาขาวิปัสสนาภาวนา
วทิ ยาเขตบาฬศี กึ ษาพทุ ธโฆส นครปฐม ตามข้อมูลที่สารวจพบ

ที่ รายการประเมนิ ผลการสารวจ
1. อาจารย์ประจาหลักสตู ร
2. อาจารยผ์ ูร้ บั ผิดชอบหลกั สตู ร ...............................................................................
3. อาจารยผ์ ูส้ อน ...............................................................................

4. อาจารยท์ ี่ปรกึ ษาวทิ ยานิพนธ์หลัก ...............................................................................
5. อาจารยท์ ีป่ รึกษาวทิ ยานิพนธ์ร่วม ...............................................................................

...............................................................................
...............................................................................

...............................................................................
...............................................................................

...............................................................................
...............................................................................

284

แบบสอบถามคุณภาพการจัดการเรยี นการสอน

วตั ถุประสงค์ เพ่ือให้ผู้ตอบแบบสอบถามให้ขอ้ มูลเกีย่ วกบั การจัดการเรยี นการสอนของหลักสตู ร

พุทธศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวปิ สั สนาภาวนา วิทยาเขตบาฬีศึกษาพุทธโฆส นครปฐม

คาชแ้ี จง โปรดทาเครื่องหมาย ลงในช่องระดบั การปฏิบตั ิให้ครบทกุ รายการ

ระดบั การปฏบิ ตั ิ

รายการ น้อย นอ้ ย ปาน มาก มาก
ทส่ี ุด กลาง ทส่ี ดุ

1. จดั กระบวนการเรียนร้สู อดคล้องกบั ความสนใจ ความถนดั

และความตอ้ งการของผู้เรยี น

2. จดั กระบวนการเรยี นรูท้ ่สี ่งเสริมให้ผูเ้ รยี นมกี ารศึกษา

คน้ คว้าความรดู้ ้วยตนเอง

3. ใช้วธิ กี ารจดั การเรียนการสอนอยา่ งหลากหลาย เช่น

การบรรยาย การอภปิ ราย การสมั มนา การวิจัยเปน็ ฐาน

4. กระบวนการเรยี นรไู้ ดใ้ ชแ้ หล่งการเรียนร้ตู ่างๆ มาสนับสนนุ

5. กระบวนการเรียนรมู้ งุ่ พฒั นาความรทู้ างวชิ าการ

ทกั ษะปฏิบัติ และคุณลักษณะทพ่ี ึงประสงค์ควบคกู่ ัน

6. กระบวนการเรียนรู้เน้นการเช่ือมโยงองคค์ วามรู้

ทางพระพทุ ธศาสนากบั ปรากฏการณ์ทางสังคม

7. กระบวนการเรียนรกู้ ระตนุ้ ใหผ้ เู้ รียนคดิ วิเคราะห์

8. กระบวนการเรียนรู้ส่งเสรมิ ให้ผเู้ รียนมกี ารแลกเปลยี่ นเรียนรู้

9. กระบวนการเรียนรูส้ ่งเสรมิ ใหผ้ ้เู รียนพัฒนาตนเองอย่างต่อเน่ือง

10. มีการนาผลการวจิ ัยต่างๆ มาประกอบการเรยี นรู้

11. ผเู้ รียนไดป้ ฏบิ ตั ิการวจิ ยั เปน็ ส่วนหนงึ่ ของกจิ กรรมการเรยี นรู้

12. ใชส้ ่ือการเรยี นการสอนสอดคล้องกบั เนือ้ หาสาระ

13. ผสู้ อนเอ้ืออานวยความสะดวกในเรยี นรูใ้ ห้กับผูเ้ รียน

285

แบบสอบถามคณุ ภาพการวัดและประเมนิ ผลการเรียนรู้

วตั ถปุ ระสงค์ เพื่อใหผ้ ้ตู อบแบบสอบถามให้ข้อมลู เกีย่ วกบั การวดั และประเมนิ ผลการเรียนรู้

ของหลักสตู รพทุ ธศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวปิ สั สนาภาวนา วิทยาเขตบาฬีศกึ ษาพุทธโฆส

นครปฐม

คาชี้แจง โปรดทาเคร่อื งหมาย ลงในชอ่ งระดับการปฏบิ ัติให้ครบทุกรายการ

ระดบั การปฏบิ ตั ิ

รายการ นอ้ ย นอ้ ย ปาน มาก มาก
ที่สดุ กลาง ทส่ี ุด

1. ใช้วิธีการวัดผลการเรยี นรอู้ ยา่ งหลากหลาย เชน่

การสังเกต การทดสอบ การประเมินตนเอง การตรวจผลงาน

2. ใช้ผูป้ ระเมินจากบุคคลหลายฝุาย เชน่ ผ้สู อน เพอ่ื น

ผู้เรียน ผเู้ ก่ียวข้อง

3. ดาเนินการประเมนิ ผลกอ่ นการเรียนรู้ เพือ่ วินิจฉัย

ความพร้อมในการเรยี นร้ขู องผูเ้ รียน ด้วยวิธกี ารต่างๆ

4. ดาเนนิ การประเมนิ ผลระหวา่ งการเรยี นรู้ควบคูก่ ับการจัด

การเรียนการสอน เชน่ การตรวจสอบผลงาน การสังเกต

5. ดาเนินการประเมนิ ผลหลังการเรยี นรู้ เชน่ การทดสอบ

การปฏบิ ตั ิงาน การทารายงานทางวชิ าการ

6. ดาเนนิ การประเมนิ ผลการเรยี นรู้เพ่ือตรวจสอบกระบวนการเรียนรู้

7. ดาเนนิ การประเมินผลการเรียนร้เู พือ่ ตรวจสอบผลผลติ ของการเรยี นรู้

8. ดาเนนิ การประเมินผลการเรียนรู้เพ่ือตรวจสอบความกา้ วหน้า

ของการเรยี นรู้

9. ผเู้ รียนมีสว่ นร่วมในการกาหนดเกณฑก์ ารประเมิน

10. มีการสะท้อนผลการประเมินส่ผู ู้เรยี นดว้ ยวิธกี ารตา่ งๆ

286

แบบสารวจกิจกรรมการฝึกปฏบิ ตั ิวิปัสสนาภาวนา

วตั ถปุ ระสงค์ เพื่อใหผ้ ูต้ อบแบบสอบถามให้ข้อมูลเกยี่ วกบั การปฏบิ ัติวปิ สั สนาภาวนา 7 เดือน
คาช้แี จง ของหลกั สตู รพทุ ธศาสตรมหาบณั ฑิต สาขาวิปัสสนาภาวนา
วิทยาเขตบาฬีศกึ ษาพุทธโฆส นครปฐม
โปรดทาเคร่อื งหมาย ลงในช่องผลการสารวจตามท่ีเป็นจรงิ

รายการ ผลการสารวจ หมายเหตุ

1. จัดทาโครงการรองรบั กจิ กรรมการฝกึ ปฏิบตั ิวปิ ัสสนาภาวนา มกี าร ไม่มีการ
2. วางแผนการดาเนนิ โครงการอย่างเปน็ ระบบชัดเจน ปฏิบตั ิ ปฏบิ ตั ิ

โดยความรว่ มมือกนั ระหวา่ งอาจารย์
พระวิปสั สนาจารย์ และนสิ ติ
3. เตรียมความพร้อมให้กบั นสิ ิตกอ่ นเข้ารว่ มการฝกึ ปฏบิ ตั ิ
4. จัดสถานทีฝ่ กึ ปฏบิ ตั ิอย่างเหมาะสม
5. จดั กจิ กรรมการฝกึ ปฏิบัตสิ อดคล้องหลกั การท่ีปรากฏในพระคมั ภรี ์
6. จัดให้มีการถามตอบสอบอารมณอ์ ย่างเปน็ ระบบ
7. มกี ารดูแลช่วยเหลอื นสิ ิตในระหวา่ งการฝึกปฏบิ ัติ
8. มีการประเมินผลกิจกรรมการฝึกในประเด็นต่างๆ
9. มีการจัดสมั มนาแลกเปล่ียนเรยี นรูภ้ ายหลังการปฏิบัติ
10. มีการเชอ่ื มโยงผลการปฏิบตั ไิ ปส่กู ารทาวทิ ยานิพนธ์

287

แบบสารวจระบบการทาวิทยานิพนธ์

วัตถุประสงค์ เพือ่ สารวจข้อมูลเก่ยี วกบั ระบบการทาวิทยานิพนธ์ของหลกั สตู ร
คาช้แี จง พทุ ธศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิปัสสนาภาวนา วิทยาเขตบาฬศี ึกษาพุทธโฆส
นครปฐม
โปรดทาเครอ่ื งหมาย ลงในชอ่ งผลการสารวจให้ครบทกุ รายการ

รายการ ผลการสารวจ หมายเหตุ

1. มีการกาหนดแผนการทาวทิ ยานิพนธส์ าหรบั นสิ ติ แต่ละร่นุ มีการ ไม่มกี าร
2. มกี ารเตรยี มความพร้อมในการทาวทิ ยานิพนธส์ าหรับนิสิต ปฏิบตั ิ ปฏบิ ตั ิ
3. มีการวเิ คราะหค์ วามสามารถของผู้เรียนในการทา

วทิ ยานิพนธใ์ หเ้ หมาะสมกบั ศกั ยภาพของแตล่ ะบุคคล
4. มกี ารจัดทาระบบสารสนเทศวทิ ยานิพนธข์ องสาขาวชิ า

5. มีการคัดเลือกคณะกรรมการควบคุมการทาวิทยานิพนธ์
โดยยึดหลกั คณุ ภาพทางวชิ าการเปน็ สาคญั

6. มกี ารเสนอโครงรา่ งวิทยานพิ นธ์โดยผา่ นการพจิ ารณา
จากคณะกรรมการ

7. มีการใช้ระบบควบคุมคุณภาพการทาวิทยานิพนธ์

8. มีการเชิญผ้ทู รงคุณวุฒภิ ายนอกมารว่ มสอบปากเปล่า
วทิ ยานิพนธ์

9. มีการตรวจสอบคณุ ภาพของวิทยานิพนธ์

10. มีการเผยแพร่ผลงานวิทยานพิ นธส์ ชู่ มุ ชนและสังคม

288

แบบสารวจการวางแผนวิชาการ

วตั ถุประสงค์ เพ่อื สารวจข้อมูลเก่ยี วกับการวางแผนวชิ าการหลักสูตรของหลกั สูตร
พุทธศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวปิ ัสสนาภาวนา วทิ ยาเขตบาฬศี ึกษาพทุ ธโฆส นครปฐม

คาชีแ้ จง โปรดทาเคร่อื งหมาย ลงในช่องผลการสารวจให้ครบทุกรายการ

รายการ ผลการสารวจ หมายเหตุ

1. กาหนดระบบบริหารจดั การหลักสูตรทช่ี ัดเจน มกี าร ไม่มีการ
2. ดาเนินการบรหิ ารจดั การหลักสตู รโดยคณะกรรมการ ปฏิบัติ ปฏบิ ัติ
3. ใชก้ ระบวนการส่งเสรมิ สนับสนุนการเรยี นร้ขู องผเู้ รยี น
4. ควบคุมคุณภาพการจัดการเรียนการสอนโดยคณะกรรมการ
5. กากบั ตดิ ตามและประเมินผลเพื่อพัฒนาคณุ ภาพหลกั สูตร
6. วางแผนงานวชิ าการของสาขาวิชา
7. ใช้กระบวนการเพิ่มพลงั อานาจในการบรหิ ารหลักสูตร
8. ใชก้ ระบวนการวิจัยเป็นเคร่อื งมือการบรหิ ารจดั การ

หลักสูตร
9. จดั ทาแนวปฏิบตั ิ ระเบยี บ เพอ่ื สรา้ งความเขา้ ใจใหก้ ับ

ผสู้ อนและผเู้ รยี น
10. ดาเนนิ การวิจัยเพื่อพัฒนาหลกั สูตรและการเรยี นการสอน
11. ดาเนินการวจิ ัยเพอ่ื การประชาสมั พันธห์ ลกั สตู ร

สกู่ ลุ่มเปาู หมาย

289

แบบสารวจการวจิ ัยหลกั สูตรและการเรยี นการสอน

วัตถปุ ระสงค์ เพ่อื ให้ผู้สารวจข้อมูลเก่ียวกับการวิจยั หลกั สตู รและการเรยี นการสอนในหลกั สูตร
คาชี้แจง พทุ ธศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิปัสสนาภาวนา วิทยาเขตบาฬศี ึกษาพุทธโฆส
นครปฐม
โปรดทาเคร่ืองหมาย ลงในชอ่ งผลการสารวจใหท้ กุ รายการ

รายการ ผลการสารวจ หมายเหตุ

1. การวจิ ัยปฏบิ ตั กิ ารเพอ่ื พฒั นาการเรยี นรู้ มกี าร ไมม่ กี าร
2. การวิจยั เกยี่ วกบั คณุ ภาพของผเู้ รียน ปฏบิ ัติ ปฏิบตั ิ
3. การวิจยั เกย่ี วกับการปฏบิ ตั ิวปิ สั สนา 7 เดอื น
4. การวิจัยเกยี่ วกบั กระบวนการใช้หลักสูตร
5. การวิจัยเกย่ี วกับการบริหารจัดการหลักสูตร
6. การวิจยั และพฒั นานวัตกรรมองค์ความรู้ใหม่
7. การวิจัยและพัฒนาเอกสาร ตารา
8. การวิจยั เกี่ยวกบั การทาวิทยานพิ นธ์ของผเู้ รียน
9. การวิจยั เก่ยี วกับการพฒั นาบุคลากรสายวชิ าการ
10. การวิจัยเก่ียวกบั การพัฒนาบคุ ลากรสายสนบั สนนุ

290

แบบสอบถามคุณลักษณะของผเู้ รียน

วัตถุประสงค์ เพอื่ ใหผ้ ู้ตอบแบบสอบถามใหข้ ้อมูลเก่ียวกบั คุณลักษณะในระหวา่ งท่ีกาลังศึกษา
คาชีแ้ จง หลักสูตรพุทธศาสตรมหาบณั ฑติ สาขาวิปสั สนาภาวนา วทิ ยาเขตบาฬศี กึ ษาพุทธโฆส
นครปฐม
โปรดทาเครื่องหมาย ลงในชอ่ งระดับการปฏบิ ตั ิของทา่ นในระหวา่ งท่ียงั ศึกษา
ในหลักสตู รใหค้ รบทกุ รายการ

ระดบั การปฏบิ ตั ิ

รายการ นานๆ นอ้ ย ปาน บอ่ ย เปน็
ประจา
ครั้ง คร้ัง กลาง ครงั้

1. แสวงหาความรู้ตา่ งๆ ทางวชิ าการ

2. กาหนดเปาู หมายและวางแผนการเรียนของตนเอง

3. ศึกษาค้นควา้ ความรทู้ ่ีเกย่ี วกับสาขาวิชาทเ่ี รยี น

4. ใช้เทคโนโลยีสารสนเทศเพ่ือการเรยี นรู้

5. แสดงออกถงึ ความศรัทธาในพระรัตนตรัย

6. รบั ผิดชอบในการปฏบิ ตั ิกิจกรรมการเรียนรู้

7. ปฏิบัติงานต่างๆ อยา่ งมีแผน และเปน็ ระบบ

8. เคารพในความคิดเห็น และการกระทาผู้อนื่

9. สรา้ งมนุษยสัมพันธ์ที่ดีกับบุคคลรอบขา้ ง

10. สอื่ สารกบั บคุ คลอื่นด้วยความเคารพ

291

แบบสารวจทรัพยากรทเ่ี อื้อต่อการใช้หลักสูตร

วตั ถุประสงค์ เพื่อสารวจขอ้ มลู เกี่ยวกับทรพั ยากร หลักสูตรพุทธศาสตรมหาบณั ฑิต
คาช้แี จง สาขาวปิ สั สนาภาวนา วิทยาเขตบาฬีศกึ ษาพทุ ธโฆส นครปฐม
โปรดระบุจานวนทรัพยากรที่ใช้สาหรับการจดั การศึกษาหลักสูตร
พุทธศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิปสั สนาภาวนา วิทยาเขตบาฬีศกึ ษาพทุ ธโฆส นครปฐม

ลาดับ ประเภทของทรัพยากร จานวน
1 เอกสาร / หนงั สอื / ตารา ...............................................................................
2 งานวจิ ัย ...............................................................................
3 คอมพวิ เตอร์ทว่ั ไป ................................................................................
...............................................................................
4 คอมพวิ เตอรเ์ ช่ือมต่ออินเตอร์เนต็ ...............................................................................
5 สอ่ื ทศั นูปกรณ์ ...............................................................................
6 ห้องเรยี น ...............................................................................
7 ห้องปฏบิ ัตกิ รรมฐาน

292

แบบสารวจการบริหารจัดการหลักสตู ร

วัตถุประสงค์ เพือ่ ใหส้ ารวจข้อมูลเกย่ี วกับระบบการบริหารจัดการหลกั สูตรของหลกั สูตร
พทุ ธศาสตรมหาบณั ฑิต สาขาวิปัสสนาภาวนา วิทยาเขตบาฬีศกึ ษาพทุ ธโฆส นครปฐม

คาชี้แจง โปรดทาเครอื่ งหมาย ลงในช่องผลการสารวจ

ขอ้ ท่ี รายการ ผลการสารวจ

1 กาหนดระบบบรหิ ารจัดการหลักสูตรท่ชี ัดเจน มกี าร ไม่มี
2 ดาเนนิ การบริหารจดั การหลกั สูตรโดยคณะกรรมการ ปฏบิ ตั ิ การปฏบิ ตั ิ
3 ใชก้ ระบวนการสง่ เสรมิ สนบั สนนุ การเรยี นร้ขู องผ้เู รยี น
4 ควบคมุ คุณภาพการจดั การเรยี นการสอนในรปู ของ

คณะกรรมการบริหารหลักสตู ร
5 กากบั ติดตามและประเมนิ ผลเพอ่ื การพฒั นาคุณภาพของหลักสตู ร
6 วางแผนงานวชิ าการของสาขาวิชา
7 ใชก้ ระบวนการเพิ่มพลงั อานาจในการบรหิ ารหลักสตู ร
8 ใชก้ ระบวนการวจิ ยั เป็นเครอ่ื งมอื การบริหารจัดการหลกั สูตร
9 จัดทาแนวปฏิบัติ ระเบยี บ เพ่อื สรา้ งความเข้าใจใหก้ ับผู้สอน

และผู้เรียน
10 ดาเนินการวจิ ัยเพือ่ พัฒนาหลักสูตรและการเรียนการสอน
11 วิจยั เพื่อการประชาสัมพนั ธห์ ลกั สตู รส่กู ลุ่มเปาู หมาย

293

แบบสอบถามข้อมูลผสู้ าเร็จการศกึ ษา
หลักสตู รพุทธศาสตรมหาบัณฑติ สาขาวิชาวิปัสสนาภาวนา
วทิ ยาเขตบาฬีศกึ ษาพุทธโฆส นครปฐม มหาวิทยาลยั มหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย

คาชแี้ จง
1. แบบสอบถามฉบบั นจี้ ดั ทาขึ้นเพ่ือเก็บรวบรวมข้อมลู ผูส้ าเรจ็ การศึกษาหลกั สตู ร

พุทธศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวชิ าวิปสั สนาภาวนา วทิ ยาเขตบาฬศี ึกษาพุทธโฆส นครปฐม
มหาวทิ ยาลยั มหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลยั สาหรบั การประเมนิ หลักสูตรพุทธศาสตรมหาบัณฑิต
สาขาวิชาวปิ ัสสนาภาวนา วิทยาเขตบาฬีศึกษาพทุ ธโฆส นครปฐม
2. โปรดให้ขอ้ มลู โดยเขยี นขอ้ ความทเ่ี ป็นปัจจบุ ันลงในช่องวา่ งทก่ี าหนดให้

ตอนที่ 1 ข้อมลู ทว่ั ไป

ชอื่ / ฉายา / นามสกลุ ........................................................................ ปที ่สี าเรจ็ การศึกษา ...................
ทอ่ี ยทู่ ี่ติดต่อได้สะดวกในปัจจุบนั ...............................................................................................................
e – mail ………………...................…………………..…………… โทรศพั ท์ ...................................................

ตอนท่ี 2 ขอ้ มลู ภายหลงั สาเรจ็ การศึกษา

2.1 งานทท่ี าอยู่ในปจั จบุ นั (โปรดระบุตาแหนง่ งาน ลกั ษณะงาน และสถานท่ีทางาน)
……………………………………………………………………………………………………………..........................................
……………………………………………………………………………………………………………..........................................

294

2.2 ผลงานทางวชิ าการทท่ี าภายหลงั สาเร็จการศกึ ษา เชน่ งานวิจัย ตารา บทความ
ซึ่งอาจเปน็ ผลงานที่สร้างขน้ึ เองทง้ั หมดหรือรว่ มกบั บุคคลอ่ืน

……………………………………………………………………………………………………………..........................................
……………………………………………………………………………………………………………..........................................

2.3 การปฏิบัติกิจกรรมทางวิปสั สนาภาวนา (โปรดระบุกิจกรรมที่ปฏบิ ัติ สถานที่ ระยะเวลาทปี่ ฏบิ ตั )ิ
1) การปฏิบตั วิ ิปัสสนาภาวนา
............................................................................................................................. ...................
................................................................................................................................................
2) การเปน็ วปิ สั สนาจารย์
....................................................................................................... .........................................
............................................................................................................................. ...................
3) การเผยแผ่องคค์ วามรู้ทางวปิ ัสสนาภาวนา (ที่ไมใ่ ชใ่ นฐานะของวปิ ัสสนาจารย์)
............................................................................................................................. ...................
................................................................................................. ...............................................
4) การประยุกต์ใช้วปิ สั สนาภาวนาในชวี ติ ประจาวนั
............................................................................................................................. ...................
............................................................................................................................. ...................

ตอนที่ 3 ขอ้ เสนอแนะสาหรับการปรบั ปรุงหลักสตู ร (โปรดระบุ)
……………………………………………………………………………………………………………..........................................
……………………………………………………………………………………………………………..........................................

กราบนมัสการ / ขอขอบคุณ สาหรบั การใหข้ ้อมลู ในครั้งนี้

295

นอกจากน้ี ผู้เขียนยังได้มีประสบการณ์การประเมินโครงการหลักสูตรฝึกอบรมพระธรรมทูต
สายต่างประเทศ รุ่นที่ 19 ถวายเป็นพระราชกุศล ประจาปี 2556 ดาเนินการโดยมหาวิทยาลัย
มหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย โดยได้ใช้เคร่ืองมือในการเก็บรวบรวมข้อมูลหลายชนิด โดยนามาแสดง
ตัวอยา่ ง ในที่น้ี 2 ชนิด ไดแ้ ก่ แบบสอบถามคุณภาพของหลกั สูตรฝึกอบรมพระธรรมทูตสายต่างประเทศ
ซึ่งเป็นแบบสอบถามชนิดมาตราส่วนประมาณค่า และแบบสอบถามผู้ใช้พระธรรมทูตสายต่างประเทศ
ซ่ึงเป็นแบบสอบถามชนิดปลายเปิด ดังนี้

296

แบบสอบถามคณุ ภาพของหลกั สูตรฝึกอบรมพระธรรมทูตสายตา่ งประเทศ รนุ่ ท่ี 19
ถวายเป็นพระราชกศุ ลฯ ประจาปี 2556 ดาเนินการโดยมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวทิ ยาลัย

วตั ถปุ ระสงค์ เพ่ือนาข้อมูลไปปรับปรุงและพฒั นาหลักสตู รฝกึ อบรมพระธรรมทูตสายตา่ งประเทศ
มหาวิทยาลยั มหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลยั

คาชี้แจง โปรดกรอกขอ้ มลู สว่ นตัว และทาเครือ่ งหมาย  ลงในช่อง และชอ่ งระดับคณุ ภาพ
ให้ครบทุกข้อ

ตอนที่ 1 สถานภาพผู้ตอบแบบสอบถาม

ผ้เู ขา้ รับการฝกึ อบรม พระพเ่ี ลีย้ ง คณะกรรมการบริหารหลักสตู ร วิทยากร

อนื่ ๆ (ระบุ) .......................................................................................................................................

ตอนท่ี 2 ความคดิ เหน็ ท่ีมีต่อคุณภาพของหลักสตู รฝกึ อบรม

ระดบั คุณภาพ

รายการประเมนิ มาก มาก ปาน น้อย นอ้ ย
ท่ีสดุ กลาง ที่สดุ
1. การประชาสมั พนั ธ์โครงการพระธรรมทตู
2. การรบั สมคั รเขา้ รบั การคดั เลอื กพระธรรมทูต
3. กระบวนการ และวธิ กี ารคัดเลอื กพระธรรมทูต
4. คุณภาพของหลกั สูตรฝึกอบรมพระธรรมทตู ในภาพรวม
5. การบรหิ ารจดั การหลักสตู รฝกึ อบรมพระธรรมทตู

ภาคประสบการณต์ ่างประเทศ

297

ระดับคุณภาพ

รายการประเมิน มาก มาก ปาน นอ้ ย น้อย
ทีส่ ดุ กลาง ทีส่ ดุ

6. การบรหิ ารจดั การหลักสูตรฝกึ อบรมพระธรรมทตู

ภาคสาธารณปู การ

7. การบรหิ ารจดั การหลักสตู รฝึกอบรมพระธรรมทูต

ภาคปฏบิ ตั วิ ปิ ัสสนา

8. การบรหิ ารจดั การหลักสูตรฝกึ อบรมพระธรรมทตู

ภาควชิ าการ

9. การใชร้ ะบบพระพ่เี ลยี้ ง ภาคประสบการณต์ า่ งประเทศ

10. การใช้ระบบพระพเี่ ลีย้ ง ภาคสาธารณปู การ

11. การใชร้ ะบบพระพีเ่ ลย้ี ง ภาคปฏบิ ตั ิวิปัสสนา

12. การใช้ระบบพระพี่เล้ยี ง ภาควิชาการ

13. การมสี ่วนร่วมในกิจกรรมการฝึกอบรม ภาควิชาการ

14. การมีสว่ นร่วมในกจิ กรรมการฝกึ อบรม

ภาคประสบการณต์ ่างประเทศ

15. การมสี ว่ นรว่ มในกิจกรรมการฝกึ อบรม

ภาคปฏบิ ัติวปิ สั สนา

16. การมสี ่วนรว่ มในกิจกรรมการฝึกอบรม

ภาควิชาการ

17. การประเมินผลกจิ กรรมการฝึกอบรม

ภาคประสบการณ์ตา่ งประเทศ

298

ระดับคุณภาพ

รายการประเมิน มาก มาก ปาน น้อย น้อย
ทส่ี ดุ กลาง ทีส่ ดุ
18. การประเมนิ ผลกจิ กรรมการฝึกอบรม
ภาคสาธารณปู การ

19. การประเมินผลกิจกรรมการฝกึ อบรม
ภาคปฏิบตั ิวปิ ัสสนา

20. การประเมนิ ผลกิจกรรมการฝกึ อบรม
ภาควิชาการ

จุดแขง็ ของหลักสูตรพระธรรมทูต
............................................................................................................................. .......................................
........................................................................................... .........................................................................

จุดท่ตี ้องปรับปรุงแก้ไขในหลกั สูตรพระธรรมทูต
............................................................................................................................. .......................................
........................................................................................... .........................................................................

ขอ้ มลู สาหรับการติดต่อกลบั (เฉพาะผ้เู ขา้ รับการฝกึ อบรม)
ชื่อ – ฉายา (นามสกุล) ..................................................................................................... พรรษา...........
วดั .................................................................................... สถานท่ตี ้ังของวดั
............................................................................................................................. .......................................

ขอขอบคุณในความอนเุ คราะหใ์ หข้ ้อมลู

299

แบบสอบถามผูใ้ ช้พระธรรมทตู สายตา่ งประเทศ

วัตถุประสงค์ เพ่ือนาข้อมลู ไปปรับปรุงและพฒั นาหลักสตู รฝึกอบรมพระธรรมทตู สายตา่ งประเทศ
มหาวทิ ยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวทิ ยาลยั

คาชแี้ จง โปรดเขยี นคาตอบตามในแต่ละข้อใหค้ รบทุกข้อ

ผตู้ อบแบบสอบถาม ชอื่ - ฉายา (นามสกุล) ................................................................................................
วัดทส่ี ังกดั .................................................................................. ประเทศ ................................................
สถานภาพ เจา้ อาวาส พระลกู วัด สาเรจ็ หลักสูตรพระธรรมทูตรุ่นที่ .........................

1. คุณลักษณะใดบ้างท่ีเอื้อต่อการปฏิบตั หิ นา้ ที่พระธรรมทูตสายตา่ งประเทศ
............................................................................................................................. ......................................
............................................................................................ .......................................................................

2. พระธรรมทตู สายตา่ งประเทศควรมีความสามารถหลักๆ ดา้ นใดบา้ ง
............................................................................................................................ .......................................
............................................................................................................................. ......................................

3. ความสามารถในการใช้ภาษาอังกฤษเพื่อการสื่อสารของพระธรรมทตู สายต่างประเทศอยู่ในระดบั ใด
ควรได้รบั การพฒั นาทักษะใดเปน็ พเิ ศษหรือไม่

............................................................................................................................. ......................................
............................................................................................................................. ......................................

300

4. พระธรรมทูตสายตา่ งประเทศควรมคี วามสามารถในด้านการสอนกัมมัฏฐานอยา่ งไร
................................................................................................................................................. ..................
................................................................................................................ ...................................................

5. สงิ่ ทีจ่ าเป็นต้องมุ่งเนน้ พฒั นาพระธรรมทูตสายตา่ งประเทศคืออะไร
............................................................................................................................. ......................................
............................................................................................................................. ......................................

6. จดุ แขง็ ของพระธรรมทูตสายตา่ งประเทศ ท่ีปฏิบัติงานร่วมกับทา่ น คืออะไร
............................................................................................................................. ......................................
...................................................................................................................................................................

7. ทักษะการสรา้ งมนุษยสมั พนั ธ์ในการสรา้ งสัมพันธภาพกับบคุ คลอน่ื
................................................................................................................. ..................................................
............................................................................................................................. ......................................

8. ความสามารถในการปรบั ตวั เข้ากบั วฒั นธรรมในพืน้ ท่ี
............................................................................................................................. ......................................
...................................................................................................................................................................

9. จิตอาสาของพระธรรมทตู สายต่างประเทศ ทต่ี ้องมุ่งเน้นเป็นพิเศษคืออะไร
...................................................................................................... .............................................................
............................................................................................................................. ......................................

301

10. ทา่ นนาความรู้และประสบการณจ์ ากหลักสตู รฝกึ อบรมพระธรรมทตู ทปี่ ระกอบด้วยภาควิชาการ
ภาคสาธารณปู การ ภาคปฏบิ ตั กิ รรมฐาน และภาคประสบการณต์ ่างประเทศ มาใชป้ ระโยชน์อยา่ งไร

........................................................................................... ........................................................................
............................................................................................................................. ......................................

11. ขอ้ เสนอแนะอนื่ ๆ
............................................................................................................................. ......................................
...................................................................................................................................................................

ขอขอบคุณในความอนุเคราะหใ์ หข้ ้อมูล

302

ข้ันตอนท่ี 5 การเกบ็ รวบรวมขอ้ มลู

เป็นการดาเนนิ การเกบ็ รวบรวมขอ้ มลู ท่ีสาหรับการประเมินหลักสูตร โดยใช้เครื่องมือท่ีมี
คุณภาพ เช่น การตรวจสอบเอกสาร การสารวจ การสัมภาษณ์ เป็นต้น มีการบันทึกผลการเก็บรวบรวม
ข้อมลู ท้งั ขอ้ มูลเชงิ ปริมาณและขอ้ มูลเชิงคณุ ภาพทีค่ รบถว้ นสมบรู ณ์

การเก็บรวบรวมข้อมูลเป็นขั้นตอนที่ต้องใช้เวลาพอสมควรกว่าท่ีจะได้ข้อมูลครบถ้วน
ดังนั้นจึงต้องมีการวางแผนการเก็บรวบรวมข้อมูลที่เป็นระบบ และนอกจากนี้ยังต้องคานึงถึงวัฒนธรรม
การทางานของผ้ใู ห้ข้อมลู ด้วย เช่น การเกบ็ รวบรวมข้อมลู โดยการสมั ภาษณ์ ควรมีการนัดหมายล่วงหน้า
ในระยะเวลาพอสมควร ไม่นานเกินไป และไม่กระชั้นเกินไป นอกจากน้ีควรส่งประเด็นการสัมภาษณ์
ให้กับผู้ให้สัมภาษณ์ล่วงหน้า เพ่ือที่จะได้มีเวลาหาข้อมูลที่ถูกต้องมาประกอบการให้สัมภาษณ์
การคดั เลือกผู้สัมภาษณ์ทมี่ ีบคุ ลิกภาพเหมาะสม เป็นต้น

ตัวอย่างการบนั ทึกขอ้ มลู จากแบบสอบถามผ้ใู ชพ้ ระธรรมทูตสายตา่ งประเทศ

ชอื่ – ฉายา พระเทพกิตตโิ มลี สุริยโชโต (รองทอง)
ทอ่ี ยู่ วดั ศรีนครินทรวราราม ถ.อมิ กรนุ ด์ 7 5014 เกรทเซ่นบาค สวิตเซอรแ์ ลนด์
สถานภาพ เจา้ อาวาส

1. คณุ ลกั ษณะใดบา้ งทีเ่ อื้อต่อการปฏบิ ัตหิ น้าทีพ่ ระธรรมทตู สายต่างประเทศ
- มีภูมิธรรม มภี ูมิความรู้ ทง้ั ภาษาธรรมภาคภาษาอังกฤษ – ภาษาไทยดี
- ตั้งอยใู่ นสลี าจารวตั รงดงาม
- การยดึ ในอุดมการณข์ องพระพุทธองค์เกี่ยวกับการเผยแผ่
- มีความองอาจ กลา้ หาญแต่นมุ่ นวล ความเปน็ มิตรไมตรี ความเป็นพ่ีน้องของประชมุ ชนทุกหมู่

303

ในการเผยแผ่พระพทุ ธศาสนา
- มีความรู้ ความสามารถ ในการปฏิบัตพิ ระศาสนาและเทคนคิ การฝกึ อบรมกัมมฏั ฐาน

2. พระธรรมทตู สายตา่ งประเทศควรมคี วามสามารถหลกั ๆ ด้านใดบ้าง
- ภาษาอังกฤษ ภาษาท้องถิน่ ณ ประเทศที่ตนไปปฏิบัตศิ าสนกจิ ซ่ึงควรจะต้องศึกษา
ตามเงื่อนไขของประเทศนน้ั ๆ
- เขา้ ใจในหลกั คาสอนของพระพุทธศาสนาโดยถอ่ งแท้ ท้ังภาษาไทยและภาษาอังกฤษ
- เข้าใจในการปฏบิ ัติกัมมฏั ฐาน และแนะนาการสอนปฏิบัตไิ ด้ด้วย
- แสดงธรรม – ปาฐกถาธรรม และเขียนบทความตา่ งๆ ได้ด้วย (ปากเปน็ เอก เลขเป็นโท)
- งานดา้ นสารบรรณ (การออกหนงั สือ การเก็บเอกสารต่างๆ) นับว่าจาเป็นมากๆ

3. ความสามารถในการใชภ้ าษาองั กฤษเพือ่ การสื่อสารของพระธรรมทูตสายต่างประเทศอยู่ในระดับใด
ควรไดร้ ับการพัฒนาทกั ษะใดเป็นพิเศษหรือไม่
- สามารถแสดงธรรมเปน็ ภาษาอังกฤษได้
- ออกหนังสือแจ้งขา่ วทง้ั ภาษาไทยและภาษาอังกฤษ
- หากสองข้อแรกไม่มคี วามสามารถเท่าทค่ี วร กค็ วรที่จะสนทนากับแขกท่ีมาเยือนได้บ้าง
และจงึ คอ่ ยๆ ฝกึ ฝนตนเองต่อยอดเพื่อพฒั นาตัวเองไปเร่อื ย

4. พระธรรมทูตสายตา่ งประเทศควรมคี วามสามารถในด้านการสอนกมั มฏั ฐานอย่างไร
- ควรแนะนาให้รคู้ วามหมายของคาวา่ “กัมมัฏฐาน” ทัง้ สมถะ และ วิปสั สนากมั มฏั ฐาน
- ความจาเป็นที่บคุ คลจะต้องเรยี นกัมมัฏฐาน
- การเรียนกมั มฏั ฐานมปี ระโยชน์อย่างไร
- ขั้นตอนการเรยี นกัมมฏั ฐานควรเปน็ อย่างไร (จากง่าย ไปยาก)

304

- อิรยิ าบถต่างๆ ทน่ี ามาเปน็ หลกั (อิรยิ าบถ 4 ประการ) ท่จี ะเปน็ จดุ ฝึกจิตให้หยุดอยู่
เป็นอารมณ์เดยี ว (object for concentrating mind)
- การปฏิบัติเขม้ กัมมฏั ฐาน (mediation - retreat) ควรจะจดั ให้มีขนึ้ เพ่ือให้ผ้ฝู ึกเป็นประจา
ทุกสปั ดาหจ์ ะได้รู้แจง้ เห็นจริง และได้มีประสบการณ์การปฏบิ ตั ิ และเข้าใจความเปน็ จริง
ของโลกภายใน และโลกภายนอก หรือรู้ความจรงิ ของชวี ิต หรือของโลกวา่ เปน็ อย่างไร

5. สิง่ ท่จี าเปน็ ต้องม่งุ เนน้ พัฒนาพระธรรมทตู สายต่างประเทศคืออะไร
- ความเขา้ ใจและตคี วามธรรมใหเ้ ป็นที่เข้าใจและสามารถปรับใชใ้ ห้ถกู ับบุคคล สถานที่
และสงิ่ แวดล้อม
- ความรูค้ วามสามารถในการใช้ภาษาองั กฤษภาคธรรม เช่น อรยิ สจั จ์ 4 ปฏจิ สมุปบาท
สามัญญลกั ษณะ อิทธบิ าท 4 ฯลฯ
- ความรู้เก่ียวกับการสอนกัมมฏั ฐาน เทคนคิ การสอน
- ความเปน็ ผมู้ ศี ีลาจารวัตรงดงาม เคร่งครัด ในระเบยี บวินยั
- เป็นผมู้ ีความเสียสละ สร้างเสรมิ สามคั คีแกห่ มู่คณะ และมีขนั ติธรรม
- ความเปน็ ผ้มู มี นษุ ยสัมพนั ธ์ตอ่ ชุมชนที่ตนไปปฏบิ ตั ิศาสนกจิ สรุปคอื มีความรู้คคู่ ุณธรรม
(วิชชฺ าจารณสมปนโฺ น)

6. จดุ แข็งของพระธรรมทูตสายต่างประเทศ ท่ีปฏิบตั ิงานร่วมกับท่าน คอื อะไร
- ช่วยเหลอื งานทวั่ ไปได้ดี แบ่งเบาภาระหนา้ ที่ได้พอสมควร
- มีความเข้มแขง็ อดทน เสียสละ ใหค้ วามร่วมมือในทุกเรื่องท่ีมีการขอความร่วมมือ
- ด้านสาธารณูปการ การจัดสถานที่ ประดับตกแต่ง เม่ือมีการจัดงานทวี่ ดั แตล่ ะคราว
- มีมนุษยสมั พันธ์กบั บคุ คลทวั่ ไปไดด้ ีพอสมควร
- ตง้ั มน่ั อยใู่ นระเบยี บวนิ ยั พอสมควร

305

7. ทกั ษะการสรา้ งมนุษยสัมพนั ธ์ในการสร้างสัมพันธภาพกับบคุ คลอน่ื
- ภาษาอังกฤษ ภาษาท้องถนิ่ ควรศกึ ษาใหไ้ ด้
- ปรับตัวเองให้เขา้ กับสภาพแวดล้อม ร้เู ขา รู้เรา
- เสียสละแบ่งปนั กนั ให้พอสมควร (ทท มติ ฺตาน คนฺถติ)
- ควรฝึกให้มีมนษุ ยสมั พันธท์ ี่ดี ด้วยการเยยี่ มเยอื นโดยการถามถงึ เมอ่ื มคี วามจาเปน็
- เมอื่ ทางวัดมีงานควรเชญิ เพ่ือนบ้านมารว่ มงานด้วย
- เมือ่ จะอยทู่ ใี่ ดควรเขา้ หาเพ่ือนบา้ น หรอื ผนู้ าท้องถนิ่ และนาใหเ้ ขารู้ว่าเราคอื ใคร มาทาอะไร
ขอความรว่ มมือกับเพ่ือนบา้ นในเร่ืองอะไรบ้าง
- ควรเขา้ หา ฯพณฯ ท่านเอกอัครราชทตู ไทย หรอื กงสุลไทย ในฐานะเป็นผ้แู ทนในหลวง
มาดูแลคนไทยในตา่ งประเทศ

8. ความสามารถในการปรับตัวเข้ากบั วัฒนธรรมในพ้ืนท่ี
- ควรเรยี นภาษาทอ้ งถิน่ หรือภาษาสากล
- มหี น้าตาแชม่ ชื่นเบิกบาน ทักทายปราศรัย เมอื่ แขกมาเยือน
- ควรเขา้ หาเจ้าของถน่ิ หรอื เพื่อนบา้ น เพอื่ ผูกมิตรไมตรี
- ควรเรยี นรปู้ ระเพณี วัฒนธรรม ของเขา และไม่ควรใหร้ ูปแบบหรอื ระเบยี บวินยั ของเรา
ตอ้ งเสยี ไป หากเขาไมเ่ ขา้ ใจควรอธิบายให้คนท้องถน่ิ ได้ทราบ
- ควรเชญิ ใหเ้ ขามาเรียนรู้วฒั นธรรมของเราในเทศกาล หรอื วนั สาคัญทางศาสนาของเรา

9. จิตอาสาของพระธรรมทตู สายตา่ งประเทศ ท่ีตอ้ งมุ่งเน้นเป็นพิเศษคืออะไร
- ยดึ อุดมการณใ์ นการเผยแผ่พระพุทธศาสนา ตามรอยเบ้ืองพระยุคลบาท
- ยึดม่นั ในอดุ มการณ์ของตนที่จะเปน็ พระธรรมทูตท่ีดี เข้มแข็ง อดทน เสียสละ เอาใจใส่หน้าท่ี
ท่ไี ด้รบั มอบหมายจากเจ้าอาวาส

306

- เป็นประโยชน์สว่ นรวม คอื พระพุทธศาสนา เปน็ เร่ืองสาคัญกวา่ ประโยชน์ส่วนตน
- เห็นบุคคลผหู้ วังพึง่ เรา ผเู้ ผยแผ่พระพุทธศาสนาเปน็ เร่ืองสาคญั กว่าประโยชนส์ ว่ นตน
- ทาตนใหเ้ ปน็ ผทู้ ่ีเขาเล้ียงดูได้ง่าย ไม่ฟุมเฟอื ย

10. ท่านนาความรู้และประสบการณ์จากหลักสูตรฝึกอบรมพระธรรมทูตทีป่ ระกอบด้วยภาควิชาการ
ภาคสาธารณปู การ ภาคปฏิบัตกิ รรมฐาน และภาคประสบการณ์ตา่ งประเทศ มาใชป้ ระโยชน์
อย่างไร
- ใชใ้ นการเผยแผ่พระพทุ ธศาสนาในต่างประเทศ
- ใชใ้ นการสอนวปิ ัสสนากรรมฐานให้กับคนไทยและชาวต่างประเทศ

11. ข้อเสนอแนะอ่นื ๆ
- ควรเพิม่ เติมทักษะด้านการสอนวิปัสสนากรรมฐานของพระธรรมทตู ใหม้ ากยง่ิ ข้นึ

307

ขน้ั ตอนท่ี 6 การวิเคราะหข์ ้อมูล

เปน็ การนาขอ้ มูลทเ่ี กบ็ รวบรวมมาดาเนนิ การวิเคราะห์ทางสถิติ เช่น ค่าเฉล่ีย ความถ่ี
ร้อยละ เป็นต้น รวมทั้งการวิเคราะห์เนื้อหา ในกรณีที่เป็นข้อมูลเชิงคุณภาพ โดยมีการตรวจสอบความ
ถูกต้องของขอ้ มูลดิบกอ่ นดาเนินการวเิ คราะห์

โดยท่ีการวิเคราะห์ข้อมูลในขั้นตอนนี้มุ่งหาข้อสรุปของข้อมูลที่เก็บรวบรวมมาได้
จานวนมาก โดยยังไม่มีการลงสรุปผลการประเมินหลักสูตร เช่น ผลการวิเคราะห์ค่าเฉลี่ยคุณภาพการ
จัดการเรียนการสอน ได้เท่ากับ 3.56 จากคะแนนเต็ม 5.00 ก็จะยังไม่สามารถสรุปว่าการจัดการเรียน
การสอน มีคุณภาพผา่ นเกณฑ์การประเมินหรือไม่ เพราะจะต้องนาผลการวัดไปเปรียบเทียบกับเกณฑ์
การประเมินเสียก่อนจึงจะสรุปผลการประเมินได้ อย่าไรก็ตามเราสามารถแปลผลได้ว่า การจัดการ
เรียนการสอนมคี ณุ ภาพอยใู่ นระดบั ใด เป็นต้น

นอกจากนี้การวิเคราะห์ข้อมูลเชิงคุณภาพ สามารถทาได้หลายวิธีการ เช่น
การวิเคราะห์เนื้อหาของประเด็นที่ต้องการประเมิน ดังตัวอย่างผลการวิเคราะห์ข้อมูลที่เก็บรวบรวมมา
จากมหาบัณฑิตทั้งที่เป็นพระสงฆ์และฆราวาส จากการประเมินหลักสูตรพุทธศาสตรมหาบัณฑิต สาขา
วปิ สั สนาภาวนา มหาวิทยาลยั มหาจฬุ าลงกรณราชวิทยาลัย ดงั นี้ (มารตุ พัฒผล. 2554ก)

- ควรเพิม่ เติมหลักการฝกึ ปฏบิ ตั ิสมถกรรมฐานอย่างใดอย่างหนึ่งตามจรติ ของนิสิต
และให้บันทกึ สภาวธรรมท่ีเกดิ ข้ึน

- การปฏบิ ตั วิ ปิ สั สนาภาวนาควรจดั ให้ต่อเน่อื ง 7 เดือน ดอี ย่แู ลว้
เพราะจะทาใหส้ ภาวธรรมเกิดข้นึ อย่างตอ่ เน่ืองติดตอ่ กนั เมือ่ ขน้ึ เดอื นท่ี 4

308

สภาวะกาลังเข้าทเ่ี ข้าทาง ผูป้ ฏิบัตจิ ะน่งิ มากข้นึ สภาวธรรมสูงข้ึนด้วย
หากเลกิ ลม้ การปฏบิ ตั ิไป กจ็ ะเปน็ สิง่ ทนี่ ่าเสยี ดายมาก ทาใหเ้ สียเวลา
และงบประมาณด้วย หากกลบั มาเรยี นแลว้ ไปปฏบิ ตั ใิ หม่ก็เทา่ กบั เรมิ่ ตน้ ใหม่

- ควรปรับหลักสตู รให้เน้นทก่ี ระบวนการและวธิ ีการเผยแผ่วิปัสสนาใหไ้ ดผ้ ล
มีพระนสิ ิตผูป้ ฏิบัตดิ ี ปฏิบัติชอบ เป็นจานวนมาก ทแ่ี สดงธรรมแกผ่ ู้ปฏิบตั ิ
ไดอ้ ยา่ งชัดเจน

- ในการเรียนผู้ฝกึ ไม่ได้มีข้อกาหนดชดั เจนในการทาหวั ข้อวิทยานพิ นธ์ เพราะการ
กาหนดหัวข้อนั้นก็เปน็ หลกั สาคญั ทจี่ ะทาให้ผเู้ รยี นพร้อมในการกาหนดทิศทาง
ในการหาข้อมูล และเก็บข้อมูลอาจจะไมเ่ พียงพอ ในการเรยี นกอ่ นออกปฏบิ ตั ิ
เพราะจะไดไ้ มต่ อ้ งกังวล

กรณีศึกษาตวั อย่างผลการวเิ คราะห์ข้อมลู ผ้ใู ช้พระธรรมทูตสายตา่ งประเทศ

ก) ผลการวเิ คราะหข์ ้อมลู จากแบบสอบถามพระผใู้ ช้พระธรรมทูตสายตา่ งประเทศ

1. คณุ ลกั ษณะใดบา้ งท่ีเอ้ือตอ่ การปฏิบัตหิ นา้ ทีพ่ ระธรรมทตู สายต่างประเทศ
- มภี มู ธิ รรม มภี ูมิความรู้ ทง้ั ภาษาธรรมภาคภาษาอังกฤษ – ภาษาไทยดี
- ตงั้ อย่ใู นสีลาจารวตั รงดงาม
- การยึดในอุดมการณข์ องพระพุทธองค์เกี่ยวกับการเผยแผ่
- มคี วามองอาจ กล้าหาญแต่นุม่ นวล ความเป็นมติ รไมตรี ความเป็นพีน่ ้องของประชุมชนทกุ หมู่

309

ในการเผยแผ่
- มีความรู้ ความสามารถ ในการปฏิบตั ิพระศาสนาและเทคนคิ การฝกึ อบรมกัมมัฏฐาน
- มสี ปั ปุรสิ ธรรม 7 ประการ
- เหน็ แกป่ ระโยชนส์ ว่ นรวมมากกวา่ ประโยชน์ส่วนตน
- มคี วามอดทน รู้จักกาลเทศะ ยดึ มั่นในจารีตประเพณี และมีความเป็นมติ ร
- มรี ะเบียบวนิ ัย อดทน ขยัน มุง่ ม่นั พยายาม
- มีความประนปี ระนอม
- มีความศรทั ธาต่องานพระธรรมทตู
- ความเปน็ ผ้เู สยี สละตอ่ ประโยชนส์ ว่ นรวม

2. พระธรรมทูตสายตา่ งประเทศควรมคี วามสามารถหลักๆ ดา้ นใดบ้าง
- ภาษาอังกฤษ ภาษาท้องถ่ิน ณ ประเทศทตี่ นไปปฏบิ ตั ิศาสนกิจ ซึง่ ควรจะต้องศึกษา
ตามเงอื่ นไขของแต่ละประเทศ
- เขา้ ใจในหลักคาสอนของพระพุทธศาสนาโดยถอ่ งแท้ ทั้งภาษาไทยและภาษาองั กฤษ
- เขา้ ใจในการปฏบิ ัติกมั มัฏฐาน และแนะนาการสอนปฏบิ ัตไิ ดด้ ้วย
- แสดงธรรม – ปาฐกถาธรรม และเขียนบทความตา่ งๆ ได้ด้วย (ปากเปน็ เอก เลขเปน็ โท)
- งานด้านสารบรรณ (การออกหนังสอื การเก็บเอกสารต่างๆ) นับวา่ จาเป็นมากๆ
- การแกป้ ัญหา การปรบั ประยกุ ต์ และการปรับตัว
- มีมนุษยสัมพนั ธ์ท่ีดกี บั บุคคลอนื่ ทง้ั คนไทยและคนต่างชาติ รวมทั้งเพื่อนบา้ น
- มคี วามรูใ้ นพระธรรมวนิ ัยท่ีถูกต้อง
- การใช้เทคโนโลยีสารสนเทศและการส่ือสารเปน็ เคร่ืองมือการทางานพระธรรมทูต

310

3. ความสามารถในการใช้ภาษาองั กฤษเพื่อการสื่อสารของพระธรรมทตู สายตา่ งประเทศอยู่ในระดบั ใด
ควรไดร้ ับการพฒั นาทกั ษะใดเป็นพเิ ศษหรือไม่
- สามารถแสดงธรรมเป็นภาษาองั กฤษได้
- ออกหนงั สือแจง้ ขา่ วทง้ั ภาษาไทยและภาษาองั กฤษ
- หากสองข้อแรกไม่มคี วามสามารถเทา่ ทคี่ วร กค็ วรท่จี ะสนทนากับแขกท่ีมาเยือนไดบ้ ้าง
และจงึ ค่อยๆ ฝกึ ฝนตนเองต่อยอดเพ่ือพฒั นาตวั เองไปเรื่อย

4. พระธรรมทูตสายตา่ งประเทศควรมคี วามสามารถในด้านการสอนกมั มัฏฐานอยา่ งไร
- ควรแนะนาให้รคู้ วามหมายของคาว่า “กัมมฏั ฐาน” ทั้ง สมถะ และ วิปสั สนากัมมฏั ฐาน
- ความจาเปน็ ที่บคุ คลจะต้องเรยี นกมั มฏั ฐาน
- การเรยี นกมั มฏั ฐานมีประโยชนอ์ ย่างไร
- ขนั้ ตอนการเรยี นกมั มัฏฐานควรเป็นอยา่ งไร (จากง่าย ไปยาก)
- อริ ยิ าบถตา่ งๆ ท่ีนามาเป็นหลัก (อริ ิยาบถ 4 ประการ) ทีจ่ ะเปน็ จุดฝกึ จิตใหห้ ยดุ อยู่
เปน็ อารมณเ์ ดยี ว (object for concentrating mind)
- การปฏบิ ัตเิ ขม้ กัมมฏั ฐาน (mediation - retreat) ควรจะจดั ให้มีข้นึ เพ่ือใหผ้ ู้ฝึกเปน็ ประจา
ทกุ สปั ดาหจ์ ะได้รู้แจ้งเหน็ จรงิ และได้มปี ระสบการณก์ ารปฏบิ ตั ิ และเข้าใจความเป็นจรงิ
ของโลกภายในและโลกภายนอก หรือรู้ความจรงิ ของชวี ิต หรอื ของโลกวา่ เปน็ อยา่ งไร
- รูปแบบการสอนกัมมฏั ฐานของพระธรรมทตู ควรมคี วามสอดคลอ้ งกัน

5. สิ่งทีจ่ าเป็นตอ้ งม่งุ เนน้ พัฒนาพระธรรมทตู สายต่างประเทศคอื อะไร
- ความเข้าใจและตีความธรรมให้เปน็ ที่เข้าใจและสามารถปรับใช้ให้ถูกบั บุคคล สถานที่
และสง่ิ แวดลอ้ ม

311

- ความรคู้ วามสามารถในการใชภ้ าษาอังกฤษภาคธรรม เช่น อรยิ สจั จ์ 4 ปฏิจสมปุ บาท
สามัญญลักษณะ อิทธิบาท 4 ฯลฯ
- ความรู้เกย่ี วกับการสอนกัมมฏั ฐาน เทคนิคการสอน
- ความเปน็ ผูม้ ีศลี าจารวตั รงดงาม เคร่งครัด ในระเบยี บวินัย
- เปน็ ผ้มู คี วามเสียสละ สรา้ งเสรมิ สามัคคแี กห่ มู่คณะ และมีขนั ตธิ รรม
- ความเปน็ ผ้มู ีมนุษยสมั พันธ์ตอ่ ชมุ ชนท่ตี นไปปฏิบตั ศิ าสนกจิ สรปุ คือ มีความรคู้ คู่ ุณธรรม
(วชิ ชฺ าจารณสมปนโฺ น)

6. จุดแขง็ ของพระธรรมทตู สายต่างประเทศ ทปี่ ฏบิ ตั งิ านรว่ มกบั ทา่ น คอื อะไร
- ชว่ ยเหลืองานทัว่ ไปได้ดี แบ่งเบาภาระหนา้ ท่ีได้พอสมควร
- มคี วามเขม้ แข็งอดทน เสยี สละ ให้ความรว่ มมือในทุกเรื่องที่มีการขอความร่วมมือ
- ด้านสาธารณูปการ การจัดสถานท่ี ประดับตกแตง่ เม่ือมกี ารจดั งานทวี่ ดั แต่ละคราว
- มีมนษุ ยสัมพันธ์กับบคุ คลท่วั ไปไดด้ ีพอสมควร
- ตงั้ ม่นั อยู่ในระเบียบวินยั พอสมควร
- มีความสามารถในการทางานเป็นทีม
- เขา้ ใจพน้ื ฐานของงานพระธรรมทตู
- สามารถร่วมงานกนั ได้เปน็ อย่างดี
- มีคารวะธรรม มีทฐิ ิสามญั ญตา สลี สามญั ญตา

7. ทักษะการสร้างมนุษยสมั พนั ธใ์ นการสรา้ งสัมพนั ธภาพกับบุคคลอนื่
- ภาษาองั กฤษ ภาษาทอ้ งถ่นิ ควรศึกษาให้ได้
- ปรับตวั เองใหเ้ ข้ากับสภาพแวดลอ้ ม รเู้ ขา รู้เรา
- เสียสละแบง่ ปันกนั ให้พอสมควร (ทท มิตตฺ าน คนฺถต)ิ

312

- ควรฝึกใหม้ ีมนษุ ยสมั พนั ธท์ ี่ดี ด้วยการเยีย่ มเยอื นโดยการถามถึง เมื่อมคี วามจาเป็น
- เมอื่ ทางวดั มีงานควรเชิญเพ่ือนบา้ นมารว่ มงานดว้ ย
- เม่อื จะอยู่ทใี่ ดควรเข้าหาเพื่อนบา้ น หรือผ้นู าท้องถ่ิน และนาใหเ้ ขารู้ว่าเราคอื ใคร มาทาอะไร
ขอความร่วมมือกบั เพื่อนบา้ นในเรือ่ งอะไรบา้ ง
- ควรเข้าหา ฯพณฯ ท่านเอกอคั รราชทตู ไทย หรอื กงสุลไทย ในฐานะเปน็ ผ้แู ทนในหลวง
มาดูแลคนไทยในตา่ งประเทศ

8. ความสามารถในการปรบั ตัวเข้ากับวัฒนธรรมในพ้นื ที่
- ควรเรียนภาษาทอ้ งถนิ่ หรอื ภาษาสากล
- มีหนา้ ตาแช่มชนื่ เบกิ บาน ทักทายปราศรัย เม่อื แขกมาเยือน
- ควรเขา้ หาเจา้ ของถนิ่ หรือเพ่ือนบา้ น เพ่อื ผูกมิตรไมตรี
- ควรเชญิ ใหเ้ ขามาเรียนรู้วัฒนธรรมของเราในเทศกาล หรือวันสาคัญทางศาสนาของเรา
- การยอมรบั ความแตกตา่ งระหวา่ งพื้นฐานทางวฒั นธรรมทาให้สามารถปรับตวั เข้ากบั พืน้ ทไ่ี ด้

9. จิตอาสาของพระธรรมทูตสายตา่ งประเทศ ท่ตี ้องมุ่งเน้นเป็นพิเศษคอื อะไร
- ยึดอุดมการณใ์ นการเผยแผ่พระพุทธศาสนา ตามรอยเบ้ืองพระยุคลบาท
- ยดึ ม่ันในอดุ มการณ์ของตนที่จะเป็นพระธรรมทูตทด่ี ี เข้มแข็ง อดทน เสยี สละ เอาใจใส่หนา้ ท่ี
ที่ได้รับมอบหมายจากเจา้ อาวาส
- เป็นประโยชนส์ ่วนรวม คือ พระพทุ ธศาสนา เปน็ เร่ืองสาคญั กว่าประโยชนส์ ว่ นตน
- เหน็ บคุ คลผหู้ วงั พง่ึ เรา ผเู้ ผยแผ่พระพทุ ธศาสนาเปน็ เร่ืองสาคัญกวา่ ประโยชน์ส่วนตน
- ทาตนให้เป็นผทู้ ี่เขาเล้ยี งดูได้ง่าย ไม่ฟุมเฟือย เห่อเหิม
- มีความกระตือรือรน้ ในการปฏบิ ตั งิ านเพื่อส่วนรวม

313

10. ท่านนาความรแู้ ละประสบการณจ์ ากหลกั สูตรฝกึ อบรมพระธรรมทูตท่ีประกอบดว้ ยภาควิชาการ
ภาคสาธารณูปการ ภาคปฏิบตั กิ รรมฐาน และภาคประสบการณ์ตา่ งประเทศ มาใช้ประโยชน์
อย่างไร
- การอบรมภาควชิ าการมีประโยชน์นามาใชไ้ ดม้ าก
- การอบรมภาคสาธารณปู การนามาใชป้ ระโยชน์ได้ไมม่ าก
- การอบรมภาคปฏิบตั ิกรรมฐานควรเพม่ิ เน้ือหาวิชาการเก่ียวกบั การปฏิบตั ทิ ถี่ ูกต้อง

11. ข้อเสนอแนะอน่ื ๆ
- ควรให้ทางมหาวทิ ยาลยั หรือสมัชชาสงฆไ์ ทย ออกใบอนุญาต หรอื ใบรบั รอง ใหพ้ ระธรรมทตู
นาไปเปน็ หลกั ฐานต่อเจ้าอาวาสวดั ที่ตนเองจะไปเผยแผ่ เพื่อใหเ้ จ้าอาวาสเกิดการยอมรับ
- ควรให้ทางมหาวิทยาลัย หรือสมัชชาสงฆ์ มกี ารประเมนิ ผลการปฏิบตั งิ านพระธรรมทตู
เปน็ ระยะๆ เพือ่ ให้เกิดการพัฒนาอยา่ งต่อเนื่อง
- ควรมกี ารเปิดโอกาสใหพ้ ระธรรมทตู ทอ่ี ยตู่ ่างประเทศมีส่วนร่วมในการประเมินผล
การฝกึ อบรมพระธรรมทูตที่มหาวทิ ยาลยั มหาจฬุ าลงกรณราชวทิ ยาลัยดาเนนิ การ
- กจิ กรรมการฝึกอบรมพระธรรมทูตควรมีปฏสิ ัมพันธ์กับวดั ในตา่ งประเทศเพ่ิมมากข้นึ
- การอบรมภาคปฏบิ ัติกัมมัฏฐาน ควรนิมนตพ์ ระวปิ ัสสนาจารย์ทเี่ ชี่ยวชาญมาเปน็ ผู้สอน
การใหค้ าแนะนาในการปฏิบัติ
- การอบรมภาควชิ าการควรจดั ตารางใหเ้ หมาะสม ไมแ่ นน่ เกินไป
- หลักสตู รควรใหค้ วามสาคัญกบั การเรยี นรแู้ ละเขา้ ใจวฒั นธรรมของประเทศท่ีไปปฏบิ ตั หิ น้าท่ี
- ควรมีองค์กรรวมที่ทาหนา้ ท่ีสนับสนนุ การทางานของพระธรรมทูตสายตา่ งประเทศ

314

ข) ผลการวเิ คราะหข์ ้อมลู จากการสนทนากลุ่มอุบาสกและอุบาสกิ าท่เี ขา้ รบั การสอน
จากพระธรรมทูตสายต่างประเทศ
- แนวทางการสอนกัมมฏั ฐานทพี่ ระธรรมทตู ใช้ คือ การใหฝ้ ึกปฏิบัติ ตามแนวสตปิ ัฏฐาน 4
โดยการเริ่มจากขน้ั ท่ีง่ายไปสขู่ ัน้ ทยี่ าก เช่น เรม่ิ จากการรู้อาการเคลื่อนไหวของร่างกาย
นอกจากนย้ี งั มีการประยกุ ต์วธิ ีการและเทคนิคการสอนให้ง่ายตอ่ ความเขา้ ใจของผปู้ ฏิบตั ิ
- ผูป้ ฏิบตั มิ คี วามไม่ชัดเจนในวธิ กี ารสอนของพระวปิ ัสสนาจารย์ ท่มี วี ธิ กี ารและเทคนิค
ที่แตกต่างกันแล้วไม่กลา้ ถามพระวปิ ัสสนาจารย์ จึงไปถามเพื่อนร่วมปฏิบัติ
- ผูป้ ฏิบัติมีความไมเ่ ข้าใจภาษาทพี่ ระวปิ ัสสนาจารย์ใชใ้ นการสอน และการอธิบาย ซ่งึ เปน็ ภาษา
ธรรมะ อยากให้แปลงเปน็ ภาษาท่ีง่ายขึ้น เพื่อใหง้ า่ ยตอ่ การนาไปปฏบิ ตั ิ

ขั้นตอนท่ี 7 การลงสรุปผลการประเมินและให้ขอ้ เสนอแนะ

เป็นการนาข้อสรุปของการวิเคราะห์ข้อมูลไปเปรียบเทียบกับเกณฑ์การประเมิน
หลกั สตู รท่ีกาหนดไว้ ถา้ ผลการเปรยี บเทียบปรากฏว่าเปน็ ไปตามเกณฑ์ นน่ั หมายความว่าผ่านเกณฑ์การ
ประเมิน แต่ถ้าผลการเปรียบเทียบไม่เป็นไปตามเกณฑ์มาตรฐานท่ีกาหนด แสดงว่าไม่ผ่านเกณฑ์การ
ประเมินจะต้องมีการปรับปรุงให้มีคุณภาพมากข้ึน ส่วนข้อมูลเชิงคุณภาพสามารถนามาใช้เป็น
สารสนเทศประกอบการตัดสินใจปรับปรุงและเปล่ียนแปลงหลักสูตรได้เช่นเดียวกัน ซึ่งหน้าที่สาคัญของ
คณะกรรมการประเมินหลักสูตร คือ การลงสรุปผลการประเมินท่ีถูกต้อง และให้ข้อเสนอแนะท่ีเป็น
ประโยชนต์ ่อคณะกรรมการบริหารหลักสตู รในการปรับปรงุ หลกั สูตรใหม้ ีคุณภาพ

315

ขน้ั ตอนที่ 8 การรายงานผลการประเมนิ หลกั สตู ร

เป็นการสื่อสารผลการประเมินหลักสูตรไปยังผู้มีส่วนเกี่ยวข้องทุกฝุาย เช่น ผู้บริหาร
ผู้สอน ชุมชน ผู้ปกครอง ผู้เรียน เป็นต้น เพื่อให้เกิดความรู้ความเข้าใจเก่ียวกับคุณภาพของหลักสูตรใน
ประเด็นต่างๆ ตรงกัน การรายงานผลการประเมินหลักสูตรต่อผู้บริหาร หรือคณะกรรมการบริหาร
หลักสูตรมุ่งเน้นการนาเสนอผลการประเมินในภาพรวม มากกว่าการนาเสนอรายละเอียดปลีกย่อย
บางครั้งอาจนาเสนอในลักษณะบทสรุปของผู้บริหาร การรายงานผลการประเมินหลักสูตรต่อบุคลากร
ฝุายวิชาการ มุ่งเน้นการนาเสนอรายละเอียดผลการประเมิน จุดแข็ง จุดที่ควรปรับปรุง และ
ข้อเสนอแนะ เพื่อให้เห็นข้อมูลสารสนเทศทั้งหมดจากการประเมินหลักสูตร นาไปสู่การกาหนด
แผนพัฒนาคุณภาพหลักสูตรต่อไป การรายงานผลการประเมินหลักสูตรต่อผู้เรียน ผู้ปกครอง ชุมชน
มุง่ เนน้ การนาเสนอเฉพาะประเด็นผลการประเมนิ ท่ีเกีย่ วข้อง

316

ก ร ณี ศึ ก ษ า ก า ร ร า ย ง า น ส รุ ป ผ ล ก า ร ป ร ะ เ มิ น ห ลั ก สู ต ร พุ ท ธ ศ า ส ต ร ม ห า บั ณ ฑิ ต

สาขาวิชาวิปัสสนาภาวนา มหาวิทยาลยั มหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย วิทยาเขตบาฬีศึกษาพุทธโฆส
นครปฐม ในโครงการวิจัยประเมินหลักสูตรฯ ของผู้เขียน เม่ือ พ.ศ. 2553 ปัจจุบันหลักสูตรน้ี
ไดม้ ีการปรับปรุงและพัฒนาและมีความกา้ วหนา้ เปน็ อยา่ งมาก

ผลการประเมินหลักสูตรพุทธศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชาวิปัสสนาภาวนา มหาวิทยาลัย
มหาจุฬาลงกรณราชวทิ ยาลยั วทิ ยาเขตบาฬีศึกษาพทุ ธโฆส นครปฐม สรุปได้ดังนี้

1. ผลการประเมินปจั จัยกาหนด (เอกสารหลกั สตู ร)

1.1 ผลการประเมินลักษณะของหลักสูตร พบว่า หลักสูตรพุทธศาสตรมหาบัณฑิต
สาขาวิชาวิปัสสนา มีลักษณะสอดคล้องกับลักษณะของหลักสูตรระดับปริญญาโทที่กาหนดไว้ในกรอบ
มาตรฐานคุณวุฒริ ะดับอดุ มศกึ ษา พทุ ธศักราช 2552

1.2 ผลการประเมินปรัชญาของหลักสูตร พบว่า ผลการศึกษาเอกสารหลักสูตร
ไม่ปรากฏว่าในเอกสารหลักสูตรได้มีการระบุปรัชญาของหลักสูตรไว้ ดังนั้นจึงไม่สามารถวิเคราะห์
ได้ว่าปรัชญาของหลกั สูตรพทุ ธศาสตรมหาบณั ฑติ สาขาวิชาวปิ สั สนาภาวนามคี วามสอดคล้องกับกรอบ
ทใี่ ชใ้ นการวิเคราะห์ท้ัง 5 ประการหรือไม่

1.3 ผลการประเมินวตั ถุประสงค์ของหลักสตู ร มขี ้อคน้ พบดังน้ี
1.3.1 วัตถุประสงค์ของหลักสูตรมีความสอดคล้องกับคุณลักษณะบัณฑิต

ทีพ่ ึงประสงค์ท้งั 3 ด้าน ไดแ้ ก่ ดา้ นการรู้คิด ด้านคุณธรรมจรยิ ธรรม ด้านทกั ษะทางสังคมและจิตอาสา
1.3.2 วัตถุประสงค์ของหลักสูตรมีความสอดคล้องกับมาตรฐานผลการเรียนรู้

ตามกรอบมาตรฐานคุณวุฒิระดับอุดมศึกษาครบทั้ง 5 ด้าน ได้แก่ ด้านความรู้ ด้านคุณธรรมจริยธรรม

317

ด้านทกั ษะทางปญั ญา ด้านทกั ษะความสมั พนั ธร์ ะหว่างบุคคลและความรบั ผดิ ชอบ และด้านทักษะการ
วิเคราะห์เชิงตัวเลข การส่ือสาร และการใช้เทคโนโลยี

1.3.3 ผลการประเมินโครงสร้างของหลักสูตร พบว่า โครงสร้างของหลักสูตร
พุทธศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชาวิปัสสนาภาวนา มีความสอดคล้องกับกับโครงสร้างของหลักสูตร
ตามเกณฑ์มาตรฐานหลักสูตรระดับบัณฑิตศึกษา พุทธศักราช 2548 ของสานักงานคณะกรรมการ
การอดุ มศึกษา

1.4 ผลการประเมินรายวชิ าของหลักสตู ร มขี ้อคน้ พบดงั นี้
1.4.1 รายวิชาในหลักสูตรพุทธศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชาวิปัสสนาภาวนา

โดยภาพรวมมคี วามสอดคล้องกบั วตั ถุประสงค์ของหลกั สตู รทกุ ขอ้

1.4.2 รายวิชาในหลักสูตรพุทธศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชาวิปัสสนาภาวนา
โดยภาพรวมมีความสอดคลอ้ งกับคณุ ลักษณะบัณฑติ ทพี่ งึ ประสงค์ทงั้ 3 ด้าน

1.4.3 รายวิชาในหลักสูตรพุทธศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชาวิปัสสนาภาวนา
โดยภาพรวมมีความสอดคล้องกับมาตรฐานผลการเรียนรู้ระดับคุณวุฒิปริญญาโท ในกรอบมาตรฐาน
คุณวฒุ ริ ะดับอดุ มศกึ ษาแหง่ ชาติ พทุ ธศักราช 2552 ทงั้ 5 ดา้ น

1.4.4 รายวิชาในหลักสูตรพุทธศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชาวิปัสสนาภาวนา
โดยภาพรวม มีจุดเน้นของสาระสาคัญ มีความสมเหตุสมผล มีความสอดคล้องกลมกลืน มีความ
รว่ มสมัยและสะท้อนการใช้คัมภรี พ์ ระพทุ ธศาสนาหรือการวจิ ัยเปน็ ฐาน

1.4.5 ผลการประเมินแนวทางการจัดการเรียนการสอนและประเมินผล พบว่า
แนวทางการจัดการเรียนการสอน และการวัดและประเมินผลของหลักสูตรพุทธศาสตรมหาบัณฑิต
สาขาวิปัสสนาภาวนา มีความสอดคลอ้ งกับกรอบที่ใชใ้ นการวเิ คราะหท์ กุ รายการ

318

2. ผลการประเมินปจั จยั นาเขา้

2.1 ผลการประเมินจานวนและคุณวุฒิของอาจารย์ พบว่า จานวนและคุณวุฒิ
ของอาจารย์ในหลักสูตรพุทธศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิปัสสนาภาวนา ประกอบด้วย อาจารย์ประจา
หลกั สตู ร อาจารย์ผู้รับผิดชอบหลักสูตร อาจารย์ผู้สอน และอาจารย์ที่ปรึกษาวิทยานิพนธ์ เป็นไปตาม
เกณฑม์ าตรฐานหลกั สตู รระดบั บณั ฑติ ศกึ ษา พ.ศ.2548 ของสานกั งานคณะกรรมการการอุดมศกึ ษา

2.2 ผลการประเมนิ คณุ ลักษณะของผ้เู รยี น พบวา่ คณุ ลกั ษณะของผเู้ รียนโดยภาพรวม
เออื้ ต่อการเรียนรใู้ นหลกั สูตรอยใู่ นระดับมาก

2.3 ผลการประเมินทรัพยากรและแหล่งการเรียนรู้ พบว่า ทรัพยากรและแหล่งการ
เรียนรู้ท่ีเอ้ือต่อการจัดการเรียนการสอนมีจานวนเอกสาร หนังสือ ตารา งานวิจัยเกี่ยวกับสาขาวิชา
คอมพิวเตอร์สาหรับการใช้งานทั่วไป คอมพิวเตอร์ที่เชื่อมต่อระบบอินเตอร์เน็ต ส่ือทัศนูปกรณ์
ห้องเรยี น ห้องสานักงาน ห้องสมดุ หอ้ งสืบค้นเอกสารพระคัมภีร์ และแหล่งเรียนรู้ภายนอก สอดคล้อง
กับกรอบการประเมนิ ที่กาหนดไว้

3. ผลการประเมินกระบวนการ

3.1 ผลการประเมินการจัดการเรียนการสอน พบว่า ผู้เรียนมีความคิดเห็นต่อการ
จัดการเรยี นการสอนโดยภาพรวมอยใู่ นระดับมาก

3.2 ผลการประเมินการวัดและประเมินผล พบว่า ผู้เรียนมีความคิดเห็นต่อการวัด
และประเมินผลการเรียนรูโ้ ดยภาพรวมอยใู่ นระดบั ปานกลาง

3.3 ผลการประเมินการจัดกิจกรรมการฝึกปฏิบัติวิปัสสนาภาวนา 7 เดือน พบว่า
การจัดกิจกรรมฝึกปฏิบัติวิปัสสนาภาวนา 7 เดือน ของหลักสูตรพุทธศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชา

319

วิปัสสนาภาวนา มีการปฏิบัติกิจกรรมตามรายการที่สารวจครบทุกรายการ ได้แก่ 1) จัดทาโครงการ
รองรับกิจกรรมการฝึกปฏิบัติวิปัสสนาภาวนา 2) วางแผนการดาเนินโครงการอย่างเป็นระบบชัดเจน
โดยความร่วมมือกันระหว่างอาจารย์ พระวิปัสสนาจารย์และนิสิต 3) เตรียมความพร้อมให้กับนิสิต
ก่อนเข้าร่วมการฝึกปฏิบัติ 4) จัดสถานท่ีฝึกปฏิบัติอย่างเหมาะสม 5) จัดกิจกรรมการฝึกปฏิบัติ
สอดคลอ้ งหลกั การท่ปี รากฏในพระคมั ภรี ์ 6) จัดใหม้ กี ารถามตอบสอบอารมณอ์ ยา่ งเป็นระบบ 7) มีการ
ดแู ลชว่ ยเหลือนิสติ ในระหวา่ งการฝึกปฏิบัติ 8) มีการประเมินผลกิจกรรมการฝึกในประเด็นต่างๆ และ
9) มกี ารจัดสัมมนาแลกเปล่ียนเรียนรู้ภายหลังการปฏบิ ัติ

3.4 ผลการประเมินระบบการทาวิทยานิพนธ์ พบว่า ระบบการทาวิทยานิพนธ์
ของหลักสตู รพทุ ธศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชาวิปัสสนาภาวนามีการปฏิบัติกิจกรรมที่อยู่ภายในระบบ
จานวน 7 กจิ กรรม ได้แก่ 1) มีการกาหนดแผนการทาวิทยานพิ นธ์สาหรบั นิสิตแต่ละรนุ่ 2) มีการเตรียม
ความพร้อมในการทาวิทยานิพนธ์สาหรับนิสิต 3) มีการวิเคราะห์ความสามารถของผู้เรียนในการทา
วิทยานิพนธใ์ ห้เหมาะสมกับศักยภาพของแต่ละบุคคล 4) มีการเสนอโครงร่างวิทยานิพนธ์โดยผ่านการ
พิจารณาจากคณะกรรมการ 5) มีการใช้ระบบควบคุมคุณภาพการทาวิทยานิพนธ์ 6) มีการเชิญ
ผู้ทรงคุณวุฒิภายนอกมาร่วมสอบปากเปล่าวิทยานิพนธ์ และ 7) มีการตรวจสอบคุณภาพของ
วทิ ยานพิ นธ์ โดยมีกจิ กรรมท่ียังไมไ่ ด้ปฏิบตั อิ ยา่ งชดั เจน จานวน 3 กิจกรรม ได้แก่ 1) มกี ารจัดทาระบบ
สารสนเทศวิทยานพิ นธ์ของสาขาวิชา 2) มกี ารคัดเลอื กคณะกรรมการควบคุมการทาวิทยานพิ นธ์โดยยึด
หลักคุณภาพทางวชิ าการเป็นสาคญั และ 3) มกี ารเผยแพรผ่ ลงานวทิ ยานพิ นธ์ส่ชู ุมชนและสงั คม

3.5 ผลการประเมินการบริหารจัดการหลักสูตร พบว่า การบริหารจัดการหลักสูตร
พุทธศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชาวิปัสสนาภาวนา มีการปฏิบัติกิจกรรมที่สารวจ จานวน 6 กิจกรรม
ได้แก่ 1) กาหนดระบบบริหารจัดการหลักสูตรท่ีชัดเจน 2) ดาเนินการบริหารจัดการหลักสูตร
โดยคณะกรรมการ 3) ใช้กระบวนการส่งเสริมสนับสนุนการเรียนรู้ของผู้เรียน 4) กากับติดตามและ
ประเมินผลเพ่ือการพัฒนาคุณภาพของหลักสูตร 5) วางแผนงานวิชาการของสาขาวิชา และ
6) ดาเนนิ การวิจยั เพอื่ พัฒนาหลักสูตรและการเรียนการสอน โดยมีกิจกรรมท่ียังไมไ่ ดป้ ฏิบตั อิ ย่างชัดเจน

320

จานวน 5 กิจกรรม ได้แก่ 1) ควบคุมคุณภาพการจัดการเรียนการสอนในรูปของคณะกรรมการ 2) ใช้
กระบวนการเพิ่มพลังอานาจในการบริหารหลักสูตร 3) ใช้กระบวนการวิจัยเป็นเครื่องมือการบริหาร
จัดการหลักสูตร 4) จัดทาแนวปฏิบัติ ระเบียบ เพื่อสร้างความเข้าใจให้กับผู้สอนและผู้เรียน และ
5) การวจิ ยั เพ่อื การประชาสัมพนั ธห์ ลกั สูตรส่กู ลมุ่ เปูาหมาย

3.6 ผลการประเมนิ การวจิ ัยหลักสูตรและการเรียนการสอน พบว่า การวิจัยหลักสูตร
และการเรียนการสอนของหลักสูตรพุทธศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชาวิปัสสนาภาวนามีการปฏิบัติ
กิจกรรมที่สารวจ จานวน 4 กิจกรรม ได้แก่ 1) การวิจัยเกี่ยวกับการปฏิบัติวิปัสสนา 7 เดือน 2) การ
วิจัยเก่ียวกับกระบวนการใช้หลักสูตร 3) การวิจัยและพัฒนาเอกสาร ตารา และ 4) การวิจัยเกี่ยวกับ
การทาวิทยานิพนธ์ของผู้เรียน โดยมีกิจกรรมที่ยังไม่ได้ปฏิบัติอย่างชัดเจน จานวน 6 กิจกรรม ได้แก่
1) การวจิ ัยปฏบิ ัติการเพอ่ื พัฒนาการเรียนรู้ 2) การวจิ ยั เก่ยี วกับคุณภาพของผูเ้ รยี น 3) การวจิ ยั เก่ียวกับ
การบริหารจัดการหลักสูตร 4) การวิจัยและพัฒนานวัตกรรมองค์ความรู้ใหม่ 5) การวิจัยเก่ียวกับการ
พฒั นาบคุ ลากรสายวชิ าการ และ 6) การวิจัยเก่ียวกบั การพัฒนาบุคลากรสายสนับสนุน

4. ผลการประเมินผลผลิต

ผลการประเมินคุณภาพของผู้สาเร็จการศึกษาตามวัตถุประสงค์ของหลักสูตร พบว่า
บัณฑิตท่ีสาเร็จการศึกษาหลักสูตรพุทธศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิปัสสนาภาวนาท่ีเป็นกลุ่มตัวอย่าง
ได้ปฏบิ ตั ิกิจกรรมต่างๆ ภายหลังสาเร็จการศึกษาสอดคล้องกับวัตถุประสงค์ของหลักสูตรทุกข้อ ได้แก่
การสร้างผลงานทางวิชาการ การเข้าปฏิบัติวิปัสสนาภาวนา การเป็นพระวิปัสสนาจารย์หรือกิจกรรม
ท่ีเกย่ี วข้อง และด้านการเผยแผค่ วามรทู้ างวปิ ัสสนาภาวนาหรอื ความร้ทู างพระพุทธศาสนา

321

ข้อเสนอแนะ

1. ข้อเสนอแนะสาหรบั การปรบั ปรงุ หลกั สูตร
1.1 ขอ้ เสนอแนะทค่ี วรดาเนินการทันที
1.1.1 ดา้ นกระบวนการจดั การเรยี นการสอน ควรดาเนนิ การดังต่อไปนี้
1) ใช้วิธีการจัดการเรียนการสอนอย่างหลากหลาย เช่น การอภิปราย

การสัมมนา การใช้วิจัยเป็นฐาน (research – based learning) เป็นต้น โดยเฉพาะการจัดการเรียน
การสอนที่ใช้วิจัยเป็นฐานท่ีควรนามาใช้อย่างต่อเน่ืองเพราะจะส่งผลทาให้ผู้เรียนมีศักยภาพในทา
วิทยานิพนธ์ โดยสามารถนามาใช้ได้ในทุกรายวิชาในลักษณะต่างๆ เช่น 1) ผู้สอนนาผลการวิจัยมาใช้
ประกอบการสอน 2) ผ้เู รยี นปฏิบตั ิกจิ กรรมการเรยี นรูโ้ ดยใชก้ ระบวนการวิจัย 3) ผู้สอนและผู้เรียนเป็น
หุ้นส่วนร่วมกนั ทาวจิ ยั ในกระบวนการเรยี นรู้ เป็นต้น

2) ใช้แหล่งการเรียนรู้ต่างๆ มาสนับสนุนกระบวนการเรียนรู้ของผู้เรียน
เปิดโอกาสให้ผู้เรียนได้ศึกษาค้นคว้าและเรียนรู้ด้วยตนเอง (self – directed learning) จากแหล่ง
เรียนรู้ต่างๆ เช่น เอกสารตารา อินเตอร์เน็ต บุคคล เป็นต้น ผ่านกระบวนการคิด การวิเคราะห์ การ
สังเคราะห์ข้อมูลต่างๆ เป็นองค์ความรู้ของตนเอง ซึ่งเป็นกระบวนการเรียนรู้ที่สาคัญในยุคแห่งข้อมูล
และสารสนเทศในปัจจุบนั

3) ส่งเสริมและกระตุ้นให้มีการแลกเปล่ียนเรียนรู้ ท้ังระหว่างผู้สอนกับ
ผเู้ รยี นและระหว่างผู้เรยี นกับผู้เรียน และการแลกเปลย่ี นเรียนรู้

1.1.2 ด้านการวดั และประเมินผล ควรดาเนนิ การวัดและประเมินผลตามสภาพ
จริงระหว่างการจัดการเรียนการสอน โดยใช้ผู้ประเมินหลายฝุาย ใช้วิธีการประเมินหลายวิธี เช่น
การสงั เกตพฤติกรรม การตรวจผลงาน การรายงานตนเอง เปน็ ต้น และประเมินหลายช่วงเวลาของการ
เรียนรู้ ได้แก่ การประเมินก่อนเรียน ระหว่างเรียน (สาคัญมากท่ีสุด) และหลังเรียน ตลอดจนการเปิด
โอกาสให้ผู้เรยี นมสี ว่ นร่วมในการประเมนิ การสะทอ้ นผลการประเมนิ ให้กับผู้เรียน มุ่งเน้นการประเมิน
เพ่ือปรับปรุงและพัฒนา (improve and development) และนาผลการประเมินมาพัฒนาผู้เรียน
เป็นรายบุคคล (individual development) การสะท้อนผลการประเมินท่ีชัดเจนจะส่งผลให้ผู้เรียน

322

เกดิ การเรยี นรูอ้ ย่างมปี ระสิทธภิ าพเป็นอย่างมาก ผู้เรียนจะทราบว่าจะต้องพัฒนาตนเองในด้านใดบ้าง
ซ่ึงอาจเปน็ ด้านความรู้ ทักษะการปฏิบัติ หรอื ด้านคุณลักษณะ

1.1.3 ด้านการวิจัยหลักสูตรและการเรียนการสอน อาจารย์ผู้สอนควร
ดาเนนิ การวิจัยเพ่ือพัฒนาการเรียนรขู้ องผ้เู รยี นซง่ึ จะนาไปส่กู ารพฒั นาคณุ ภาพอยา่ งตอ่ เน่ืองในลกั ษณะ
การวิจัยในการปฏิบัติงาน (Routine to Research) เพื่อนาผลการวิจัยมาใช้เป็นประโยชน์สาหรับการ
จัดการศกึ ษาของหลกั สตู รให้มคี ุณภาพสูงสุด

1.2 ข้อเสนอแนะทค่ี วรเร่งวางแผนและดาเนินการ
1.2.1 ควรดาเนินการปรับปรุงหลักสูตรให้สอดคล้องกับกรอบมาตรฐานคุณวุฒิ

ระดับอุดมศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. 2552 ที่กาหนดให้ทุกหลักสูตรต้องดาเนินการภายในปี พ.ศ. 2555
เพอื่ ให้สามารถเทียบเคียงมาตรฐานของหลักสตู รน้ีกบั หลักสูตรอื่นๆ ท่เี กีย่ วขอ้ งได้ในระดบั สากล

1.2.2 ควรดาเนินการจัดทาระบบสารสนเทศวิทยานิพนธ์ของสาขาวิชา เช่น
การจัดทาฐานข้อมูล online เพื่อให้อาจารย์และนิสิตสามารถสืบค้นเพ่ือการเรียนรู้ได้อย่างสะดวก
รวดเร็ว นอกจากนยี้ งั เปน็ การเผยแพรผ่ ลงานวิทยานิพนธส์ ่ชู มุ ชนและสงั คมและประชาสัมพันธห์ ลกั สตู ร
ไปพรอ้ มกนั ดว้ ย

1.2.3 ควรดาเนินการจัดทาระบบบริหารจัดการด้านการทาวิทยานิพนธ์ของ
ผู้เรียน ทั้งน้ีเพ่ืออาจารย์สามารถควบคุมดูแลการทาวิทยานิพนธ์ได้อย่างใกล้ชิดและท่ัวถึงมากย่ิงข้ึน
ท้ังน้ีเพราะการควบคุมดูแลการทาวิทยานิพนธ์ท่ีมีประสิทธิภาพจะส่งผลต่อคุณภาพของวิทยานิพนธ์
ซ่ึงการทาวิทยานิพนธ์จะเป็นเครื่องมือพัฒนาคุณภาพของผู้เรียนได้เป็นอย่างดี ทาให้รู้จักการวางแผน
และคิดอย่างเป็นระบบ ทางานอย่างเป็นขั้นตอน นอกจากนี้ยังเป็นการขยายองค์ความรู้ทางด้าน
วปิ สั สนาภาวนาใหม้ คี วามชดั เจนและสอดคล้องกบั สภาพบรบิ ทของสังคมปจั จบุ นั ได้เปน็ อย่างดี

323

1.2.4 สาหรับการปฏิบัติวิปัสสนาภาวนา ๗ เดือน จากการให้ข้อมูลของบัณฑิต
ที่สาเร็จการศึกษาแล้ว มีความเห็นสอดคล้องกันว่าควรดาเนินการฝึกปฏิบัติอย่างต่อเน่ืองตลอด
7 เดือน และควรให้มกี ารปฏบิ ัติเปน็ กิจวตั รประจาวันในชว่ งเวลาทีม่ าเรียนรายวิชาทวี่ ิทยาเขตดว้ ย

1.2.5 ควรจัดระบบการบริหารจัดการหลักสูตรโดยคณะกรรมการอย่างชัดเจน
โดยเฉพาะหน้าที่รับผิดชอบของบุคลากร เพ่ือให้การดาเนินกิจกรรมต่างๆ ที่เก่ียวข้องกับการ
ควบคมุ ดูแลคุณภาพการจัดการศึกษาไดอ้ ย่างเต็มประสทิ ธภิ าพ

1.2.6 ควรส่งเสรมิ และสนบั สนนุ บุคลากรให้มกี ารทาวจิ ัยในลักษณะควบคู่ไปกับ
การทางาน (Routine to Research) เพ่ือให้เกิดองค์ความรู้ในการปฏิบัติงานและจะเป็นการพัฒนา
คณุ ภาพของหลกั สตู รไปพร้อมกัน

2. ข้อเสนอแนะสาหรบั การดาเนินการตอ่ ไป
2.1 ควรสรุปประเด็นการประเมิน แล้วเสนอขอรับการส่งเสริมและสนับสนุน

การจดั การเรยี นการสอนของหลักสตู รสาขาวชิ าวปิ สั สนาภาวนา จากบณั ฑิตวทิ ยาลยั มหาวทิ ยาลยั มหา
จุฬาลงกรณราชวิทยาลยั

2.2 ควรเผยแพร่ผลการวิจัยไปยังมหาวิทยาลัย มหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย
เพือ่ ใช้เปน็ แนวทางในการประเมนิ หลกั สตู รอื่นๆ ทงั้ ส่วนกลาง และสว่ นภูมิภาคตอ่ ไป

3. ข้อเสนอแนะสาหรบั การวิจยั ครัง้ ต่อไป
3.1 ควรนาผลการประเมนิ ในประเด็นที่สาคัญมาศึกษาวิจัยซ้าแบบเจาะลึก เพื่อให้ได้

องค์ความรู้ท่ีชัดเจนมากยิ่งขึ้น เช่น ประเด็นเก่ียวกับการทาวิทยานิพนธ์ การปฏิบัติวิปัสสนาภาวนา
7 เดอื น

3.2 ควรดาเนินการวิจัยย้อนรอยเพื่อค้นหาตัวแปรท่ีส่งผลต่อคุณภาพของบัณฑิต
ท่ีสาเร็จการศึกษาจากหลักสูตรนี้ เพื่อนามาใช้เป็นข้อมูลประกอบการตัดสินใจเก่ียวกับการจัด
การศึกษาของหลักสตู รทส่ี ง่ เสรมิ ใหผ้ ้เู รยี นในปัจจบุ นั สาเร็จการศึกษาออกไปอย่างมีคุณภาพมากย่ิงข้ึน

324

จากกรณีตัวอย่างดังกล่าวมา จะเห็นว่าการนาเสนอผลการประเมินหลักสูตรน้ันควร
นาเสนอให้อยู่บนพื้นฐานของข้อมูลสารสนเทศ ตามประเด็นของการประเมินอย่างเป็นระบบ และมี
การให้ข้อเสนอแนะในการปรับปรุงและเปลี่ยนแปลงหลักสูตร ท่ีมีความเป็นรูปธรรม สามารถนาไป
ปฏิบตั ไิ ดจ้ ริง ซง่ึ การให้ขอ้ เสนอแนะที่มคี ุณภาพจะช่วยทาให้สามารถปรบั ปรุงและเปลี่ยนแปลงหลักสูตร
ได้อยา่ งมีเปาู หมาย

ดังน้ันจึงถือเป็นหัวใจสาคัญของการประเมินหลักสูตรใดๆ ว่าผู้ประเมินจะต้องมีการให้
ข้อเสนอแนะในการปรับปรุงหลักสูตรท่ีมีคุณภาพ ซึ่งจะเป็นสิ่งสะท้อนว่าผู้ประเมินหลักสูตรมีความรู้
ความเข้าใจในหลักสูตรท่ีประเมินอย่างแท้จริง ท่ีนอกจากจะสามารถตัดสินคุณภาพของหลักสูตร
ในแต่ละประเด็นได้แล้ว ยังสามารถให้ข้อเสนอแนะแนวทางการปรับปรุงหลักสูตรให้ดียิ่งข้ึนได้ด้วย
ซึ่งเปน็ ส่งิ ที่ผรู้ ับการประเมนิ หลักสูตรตอ้ งการ

สรปุ กระบวนการประเมินหลักสตู รทั้ง 8 ข้ันตอน แสดงเปน็ แผนภาพไดด้ งั นี้

325

1. การกาหนดวตั ถุประสงค์ของการประเมนิ หลักสตู ร

2. การกาหนดรปู แบบการประเมนิ หลกั สตู ร (สอดคลอ้ งกบั วัตถุประสงค)์

3. การวางแผนการประเมินหลักสูตร (ทาพิมพเ์ ขยี วการประเมินทเ่ี ปน็ ระบบ)

4. การสรา้ งเครื่องมอื เกบ็ รวบรวมข้อมูลสาหรับการประเมินหลกั สตู ร

5. การเกบ็ รวบรวมข้อมลู (เชิงประจกั ษท์ งั้ ขอ้ มูลเชิงปริมาณและเชิงคุณภาพ)
6. การวเิ คราะหข์ ้อมูล (ตอบคาถามการประเมนิ ครบถ้วน)

7. การลงสรุปผลการประเมิน (สรปุ บนพื้นฐานผลการวิเคราะห์ข้อมูลและเกณฑ์)

8. การรายงานผลการประเมนิ หลกั สตู ร (ใชร้ ปู แบบที่เหมาะสมกับกลุ่มเป้าหมาย)

แผนภาพ 36 กระบวนการประเมินหลักสตู รทั้งระบบ

326

การประเมินหลักสตู รทีม่ ีประสทิ ธิภาพ
ควรมกี ารวางแผนและดาเนนิ การ
อย่างเป็นระบบขนั้ ตอน

ชว่ ยทาให้ผลการประเมนิ มคี วามถูกต้องและเช่อื ถอื ได้


Click to View FlipBook Version