The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

หนังสือ การประเมินหลักสูตรฯ

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by จีระนัน เสนาจักร์, 2020-10-05 00:41:02

หนังสือ การประเมินหลักสูตรฯ

หนังสือ การประเมินหลักสูตรฯ

ขอ้ รายการประเมิน 77

3. จดุ มุง่ หมายของหลกั สตู ร ระดบั ความเหมาะสม
3.1 ชดั เจนเป็นรปู ธรรม มาก มาก ปาน นอ้ ย นอ้ ย
3.2 สามารถวัดและประเมินผลได้ ท่สี ุด กลาง ทสี่ ดุ
3.3 สอดคล้องกับกลุ่มเปาู หมาย

4. เน้อื หาของหลักสตู ร
4.1 ครอบคลุมสาระสาคัญ
4.2 ถกู ตอ้ งตามหลกั วิชาการ
4.3 เหมาะสมกบั กล่มุ เปูาหมาย

5. กิจกรรมการฝึกอบรม
5.1 เหมาะสมกบั กลุ่มเปูาหมาย
5.2 ส่งเสริมการบรรลจุ ดุ มุ่งหมาย
5.3 ความเป็นไปได้

6. สอื่ ประกอบการฝกึ อบรม
6.1 สง่ เสรมิ กิจกรรมการฝกึ อบรม
6.2 เหมาะสมกับกลมุ่ เปูาหมาย
6.3 นาไปใช้ในสถานการณ์จรงิ

7. การประเมนิ ผลหลักสตู ร
7.1 ตรวจสอบการบรรลุจุดมุ่งหมายได้
7.2 ครอบคลุมสงิ่ ท่ตี อ้ งการประเมิน
7.3 เหมาะสมกบั กลุ่มเปาู หมาย

78

ตอนที่ 2 แบบประเมินความสอดคลอ้ งของหลักสูตรฉบับรา่ ง
คาชี้แจง โปรดพิจารณาว่าองค์ประกอบของหลักสูตรในแต่ละหัวข้อต่อไปน้ีว่ามีความสอดคล้องกัน

มากนอ้ ยเพียงใด โดยทาเครือ่ งหมาย ลงในชอ่ งระดบั ความสอดคล้อง

ขอ้ รายการประเมนิ ระดบั ความสอดคล้อง
สอดคล้อง ไม่แนใ่ จ ไมส่ อดคล้อง
1. สภาพปัญหาและความจาเปน็ กบั หลกั การของหลกั สูตร
2. หลักการของหลกั สูตรกับจดุ มงุ่ หมายของหลักสตู ร
3. หลักการของหลกั สตู รกบั การจดั กจิ กรรมฝกึ อบรม
4. จดุ มงุ่ หมายของหลกั สตู รกบั เน้อื หาสาระของหลักสตู ร
5. จดุ มุ่งหมายของหลกั สตู รกับกจิ กรรมฝกึ อบรม
6. เน้ือหาสาระของหลกั สตู รกบั การจดั กจิ กรรมฝกึ อบรม
7. เนอ้ื หาสาระของหลักสตู รกบั ส่อื ประกอบการฝึกอบรม
8. เนอื้ หาสาระของหลกั สูตรกบั ระยะเวลาฝกึ อบรม
9. การจดั กิจกรรมฝกึ อบรมกับระยะเวลาฝึกอบรม
10. การจัดกจิ กรรมฝึกอบรมกับสถานที่ฝกึ อบรม
11. การจัดกิจกรรมฝกึ อบรมกบั สื่อประกอบการฝึกอบรม
12. การประเมนิ ผลหลักสตู รกับหลักการของหลักสตู ร
13. การประเมินผลหลักสตู รกับจดุ มุ่งหมายของหลักสตู ร
14. การประเมนิ ผลหลกั สตู รกับเนอ้ื หาสาระของหลกั สตู ร
15. การประเมนิ ผลหลกั สตู รกบั กิจกรรมฝกึ อบรม

ข้อเสนอแนะ
............................................................................................................................. .......................................
........................................................................................... .........................................................................

ลงช่ือ ......................................... ผูเ้ ช่ยี วชาญ

79

3.3.2 การประเมินระหวา่ งการใช้หลกั สูตร

เป็นการประเมินเพ่ือตรวจสอบคุณภาพของหลักสูตรระหว่างการใช้หลักสูตร
โดยการพิจารณาว่าการเรียนการสอนและการวัดประเมินผลท่ีปฏิบัติอยู่น้ันมีคุณภาพเป็นอย่างไร
สอดคล้องกบั เอกสารหลกั สตู รหรอื ไม่ มีปัญหาอุปสรรคอะไร

การประเมินระหวา่ งการนาหลกั สูตรไปปฏิบัติ มุ่งเน้นการปรับปรุงและพัฒนาเป็น
สาคัญซ่ึงวิธีการประเมินท่ีใช้ ประกอบด้วย การประเมินที่เน้นผู้เรียนเป็นสาคัญ (child – centered
evaluation) การประเมินแบบไม่เป็นทางการ (informal evaluation) การประเมินที่เป็นอิสระ
จากจุดมุ่งหมาย (goal – free evaluation) และการประเมินท่ีเน้นกระบวนการตัดสินใจ
(decision – based evaluation) ซึ่งการประเมนิ แต่ละวิธมี ีสาระสาคญั ดังน้ี

การประเมินท่ีเน้นผู้เรียนเป็นสาคัญ เป็นการตรวจสอบความเหมาะสมของ
หลักสูตร การเรียนการสอน ระหว่างผู้เรียนกับผู้สอน ผู้เรียนกับหลักสูตร โดยการสารวจ สัมภาษณ์
อภิปราย จนได้สารสนเทศเชิงลึกอย่างหลากหลายจากผู้เรียน สอดคล้องกับเปูาหมายของการเรียนรู้
และหลักสูตร จุดเน้นการประเมินลักษณะน้ี คือ การสะท้อนสารสนเทศที่เป็นประโยชน์ต่อการวางแผน
วชิ าการ ความคุ้มคา่ และความพึงพอใจของผเู้ รียน ผลจากการประเมินทีเ่ น้นผู้เรียนเป็นสาคัญช่วยทาให้
ทราบว่าผู้เรียนได้เรียนรู้อะไรท้ังในและนอกบทเรียน ผู้เรียนสามารถทาอะไรได้บ้างจากส่ิงที่ได้เรียนรู้
และนาความรู้ความสามารถไปใช้ให้เกิดประโยชน์กับตนเอง ครอบครัว ชุมชน และสังคมอย่างไร
รวมทง้ั ผเู้ รียนมขี อ้ เสนอแนะใหม่ๆ อะไรบา้ งที่เป็นประโยชน์ต่อการปรับปรงุ หลักสูตร

การประเมินแบบไม่เป็นทางการ เป็นการประเมินท่ีมีความยืดหยุ่นในด้าน
วัตถุประสงค์ วิธีดาเนินการ และเครื่องมือท่ีใช้เก็บรวบรวมข้อมูล โดยผู้สอนคัดสรรข้อมูลบางประเด็น
มาประเมิน (vital signs evaluation) เช่น คุณภาพของการจัดการเรียนการสอน คุณภาพของสื่อการ

80

เรียนรู้ คุณภาพของการวัดและประเมินผล คุณภาพของผู้เรียน เป็นต้น ซึ่งอาจจะเน้นท่ีวัตถุประสงค์
เนอ้ื หา การลาดบั ขน้ั ตอนกระบวนการเรียนการสอน ไม่เน้นทักษะพิเศษและสามารถให้ข้อมูลได้โดยตรง
จากบริบทจริงในช้ันเรียนท่ีเป็นประโยชน์ต่อการเรียนการสอน ซ่ึงอาจใช้วิธีการพูดคุยซักถามบุคคลท่ี
เกี่ยวขอ้ งกบั หลักสตู ร เช่น ผบู้ ริหาร ผู้สอน ผูเ้ รียน เปน็ ต้น

ตลอดจนการสังเกตกระบวนการปฏิบัติงาน การสังเกตพฤติกรรมการเรียนรู้
การตรวจสอบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนการวิเคราะห์กระบวนการนาหลักสูตรไปใช้ การประเมินผล
การปฏิบัติทั้งหมดของสถานศึกษา (all school program) ตามเกณฑ์มาตรฐานการศึกษาด้านต่างๆ
เพื่อนาผลการประเมินมาใช้ในการปรับปรุงและพัฒนาการใช้หลักสูตรให้มีคุณภาพและสอดคล้องกับ
ความตอ้ งการของผเู้ รียนโดยไม่ต้องรอให้ใชห้ ลักสตู รจนครบรอบหลกั สตู ร หรอื เม่ือมีผ้สู าเรจ็ การศึกษา

การประเมินท่ีเป็นอิสระจากจุดมุ่งหมาย เป็นการประเมินท่ีมีขอบเขต
และประเดน็ การประเมินที่หลากหลาย มคี วามกว้างขวางมากกว่าการประเมินที่ยึดจุดมุ่งหมาย นาเสนอ
โดย Scriven (1967) มีแนวคิดสาคัญ คือ การประเมินที่มีประสิทธิภาพน้ันควรมีประเด็นการประเมิน
ที่ครอบคลุมปัจจัยต่างๆ ที่เก่ียวกับการใช้หลักสูตร ไม่เพียงแต่การประเมินความสอดคล้องระหว่างผล
ท่ีเกิดข้ึนกับจุดมุ่งหมายเท่าน้ัน (Armstrong. 2003) ซึ่งเป็นการแสวงหาว่าอะไรเกิดขึ้นกับผู้เรียน
แต่ไม่ได้มีจุดเน้นท่ีคณะกรรมการหลักสูตรต้องการให้เกิดขึ้น เพราะการประเมินลักษณะน้ีไม่ได้กาหนด
วตั ถุประสงคไ์ ว้ลว่ งหนา้ คาถามจะเกิดขึ้นจากผเู้ รียนและผู้สอน หมายรวมถึง อะไรคือความสาเร็จ อะไร
เกิดข้ึนในรายวิชาน้ีเกิดการเปลี่ยนแปลงอะไรบ้างระหว่างการจัดการเรียนรู้จุดเน้นอะไรที่สร้างสรรค์
ของรายวชิ านี้ หรือของหลักสตู รหรอื มีอะไรบ้างท่ผี ู้เรียนผสู้ อนไม่ประทบั ใจ

81

3.3.3 การประเมนิ หลังการใชห้ ลักสูตร

เปน็ การประเมนิ ทดี่ าเนินการภายหลงั เสร็จสิ้นการใช้หลักสูตร มุ่งเน้นการประเมิน
ผลลัพธ์การเรียนรู้ท่ีเกิดขึ้นกับผู้เรียน โดยการพิจารณาประสิทธิภาพในการวางแผนหลักสูตร
กระบวนการทาหลักสูตรไปใช้ การเรียนการสอน การวัดประเมินผล รวมทั้งผลผลิตท่ีเกิดขึ้นจากการใช้
หลกั สตู ร โดยใช้เคร่ืองมือสาหรับการเก็บรวบรวมข้อมูล เกี่ยวกับผลการเรียนรู้ของผู้เรียน ความคิดเห็น
ของผู้เก่ียวข้องทุกฝุาย มุ่งเน้นการตัดสินใจปรับปรุงหลักสูตรหรือยกเลิกการใช้หลักสูตรซ่ึงวิธีการ
ประเมินท่ีใช้ ประกอบด้วยการประเมินแบบเป็นทางการ (formal evaluation) และการประเมิน
ทย่ี ดึ จดุ มงุ่ หมาย (goal – based evaluation) ซง่ึ การประเมินแต่ละวิธมี ีสาระสาคัญดังนี้

การประเมินแบบเป็นทางการเป็นการประเมินท่ีมีคณะกรรมการประเมิน
หลักสูตร ซึ่งองค์ประกอบของคณะกรรมการสอดคล้องกับการประเมิน มีการวางแผนการประเมินท้ัง
การประเมินเชิงปริมาณและการประเมินเชิงคุณภาพ โดยการประยุกต์รูปแบบการประเมินที่นามาใช้
ดาเนินการเก็บข้อมูลอย่างเป็นระบบในทุกมิติทั้งหลักสูตร ส่วนใหญ่จะประเมินเมื่อหลักสูตรครบรอบ
หรือมีผลผลิตเกิดขึ้น เพราะจะติดตามผลผลิตของหลักสูตร และผู้ใช้ผลผลิตของหลักสูตรต้องใช้เวลา
และงบประมาณจานวนมากสาหรับการประเมนิ หลกั สูตร

การประเมินที่ยึดจุดมุ่งหมาย เป็นการประเมินที่ใช้เปูาประสงค์ของหลักสูตร
(curriculum goals) และวัตถุประสงค์ของหลักสูตร (curriculum objectives) เป็นประเด็นการ
ประเมิน เพ่ือตรวจสอบว่าหลักสูตรท่ีดาเนินการอยู่ประสบความสาเร็จหรือไม่เพียงใด จัดอยู่ในแนว
ทางการประเมินท่ีมุ่งตรวจสอบความสอดคล้องระหว่างสิ่งที่ทาได้กับวัตถุประสงค์ (Performance –
Objectives Congruence Approach) การประเมินท่ียึดจดุ ม่งุ หมาย มีต้นกาเนิดโดย Ralph W. Tyler
ค.ศ. 1949 ในหนังสือ Basic Principle of Curriculum and Instruction อย่างไรก็ตาม Tyler ก็ไม่ได้

82

ใชช้ ่ือเรยี กว่า goal – based evaluation แตอ่ ย่างใด เพยี งสะท้อนแนวคิดว่าการประเมินท่ีดีนั้นจะต้อง
สามารถสรปุ ได้ว่าโครงการบรรลจุ ดุ มงุ่ หมายที่กาหนดไวห้ รอื ไม่

การประเมินในทรรศนะของ Tyler เป็นกระบวนการตัดสินใจและลงสรุปว่า
วัตถุประสงค์ทางการศึกษาท่ีกาหนดไว้น้ัน ได้บรรลุผลจากหลักสูตรและการเรียนการสอนหรือไม่
(Tyler. 1949) แนวคิดดังกล่าวเขาเขียนไว้ในหลักการของ Tyler (Tyler’s Rationale) ข้อท่ี 1 และ
ข้อที่ 4 ดังน้ี

ข้อ 1 “What educational purposes should the school seek to attain?”

ขอ้ 4 “How can we determine whether these purposes are being attained?”
(Tyler. 1949: 1)

ลักษณะเด่นของการประเมินท่ียึดจุดมุ่งหมายในบริบทของการประเมินหลักสูตรอยู่ตรงที่
การวิเคราะห์เป้าประสงค์และวัตถุประสงค์ของหลักสูตร ให้กระจ่างว่าอะไรคือคุณภาพของผู้เรียน
ตามท่ีหลักสูตรต้องการ มีการนิยามหรือให้ความหมายเชิงปฏิบัติการ (operational definition)
จากน้ันจึงกาหนดวิธีการและสร้างเคร่ืองมือท่ีใช้เก็บรวมรวมข้อมูล ดาเนินการเก็บรวบรวมข้อมูล
และวเิ คราะหส์ รปุ ผลการประเมิน นาผลการประเมินไปปรบั ปรงุ หลักสตู ร ดงั แผนภาพต่อไปน้ี

83

วเิ คราะห์
จุดมุ่งหมายของหลกั สตู ร

นิยามเชงิ ปฏบิ ตั กิ าร
และสร้างเครอื่ งมือ
เก็บรวบรวมข้อมลู

เกบ็ รวบรวมขอ้ มูล
ทงั้ เชงิ ปรมิ าณ
และเชิงคุณภาพ
วเิ คราะห์ข้อมูล

และสรปุ ผลการประเมิน

การปรับปรงุ หลกั สูตร
หรอื ยกเลิกการใชห้ ลกั สูตร

แผนภาพ 6 กระบวนการประเมินหลกั สตู รทย่ี ดึ จดุ มงุ่ หมาย

84

การประเมินหลักสูตรเชิงสร้างสรรค์เป็นการประเมินอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ก่อนใช้หลักสูตร
ระหว่างการนาหลักสูตรไปปฏิบัติ และหลังการใช้หลักสูตร ผลการประเมินก่อนใช้หลักสูตร และ
ระหว่างการนาหลักสูตรไปปฏิบัติมุ่งเน้นการปรับปรุงและพัฒนา ส่วนการประเมินหลังการใช้หลักสูตร
มุ่งเน้นการตัดสินใจปรับปรุงหลักสูตร หรือยกเลิกการใช้หลักสูตร สรุปเป็นแผนภาพกรอบแนวคิด
การประเมินหลกั สตู รเชิงสร้างสรรค์ ดงั ตอ่ ไปน้ี

จดุ มงุ่ หมาย
ของหลักสูตร

การประเมิน เนื้อหาสาระ การนาหลกั สูตร ผลลัพธ์การเรยี นรู้
โดยผเู้ ชย่ี วชาญ และกจิ กรรม ไปปฏบิ ตั ิ ท่ีเกดิ กบั ผูเ้ รยี น

กอ่ นการใช้
หลักสตู ร

การประเมนิ ผล - การประเมนิ แบบเป็นทางการ
- การประเมินทย่ี ดึ จุดมงุ่ หมาย

- การประเมินทเ่ี นน้ ผู้เรียนเป็นสาคัญ
- การประเมนิ แบบไมเ่ ปน็ ทางการ
- การประเมนิ ทไี่ มย่ ดึ จดุ มุ่งหมาย

แผนภาพ 7 กรอบแนวคิดการประเมนิ หลกั สูตรเชงิ สรา้ งสรรค์

85

ลักษณะเด่นของบุคลากรผู้มีส่วนเกี่ยวข้องกับกิจกรรมการประเมินหลักสูตรเชิงสร้างสรรค์
ประการหน่ึงคือ การเป็นชุมชนแห่งการเรียนรู้เชิงวิชาชีพ (professional learning community)
โดยการที่กลุ่มบุคคลหลายฝุายท่ีมีความสนใจและให้ความสาคัญกับการจัดการศึกษา ประกอบด้วย
คณะกรรมการสถานศึกษา ผู้บริหาร ผู้สอน ผู้เรียน ผู้ปกครอง ชุมชน มาร่วมกันดาเนินการประเมิน
หลักสูตร เพ่ือนาไปสู่การปรับปรุงและพัฒนาอย่างต่อเนื่อง ต้ังแต่ก่อนการใช้หลักสูตร ระหว่างการนา
หลกั สตู รไปปฏิบัติ และหลงั การใช้หลักสตู ร

การประเมินหลกั สูตรแบบร่วมมือร่วมใจ: การประเมินหลังการใช้หลักสูตร

เพือ่ การปรบั ปรงุ และพัฒนาใหด้ ีขน้ึ

การประเมินแบบร่วมมือร่วมใจ (collaborative evaluation) เป็นการประเมินโดยใช้
ผู้ที่เก่ียวข้องกับหลักสูตรทุกฝุายมีบทบาทเป็นผู้ประเมินหลักสูตร บนพื้นฐานของความร่วมมือร่วมใจ
ทจี่ ะปรบั ปรุงหลกั สตู รใหด้ ยี ง่ิ ขนึ้ โดยใชว้ ิธกี ารเชิงคณุ ภาพมากกวา่ เชิงปรมิ าณ

การประเมินหลักสูตรโดยท่ัวไปมักกระทาในรูปของคณะกรรมการที่ทาหน้าท่ีเป็นผู้ประเมิน
หลักสูตร โดยกาหนดให้ผู้ท่ีเก่ียวข้องกับหลักสูตรมีบทบาทหลักในการให้ข้อมูลที่ตนเองมีส่วนเกี่ยวข้อง
เท่าน้ัน ซึ่งข้อจากัดประการหน่ึงของวิธีการน้ีคือ การแลกเปล่ียนข้อมูลความคิดเห็นระหว่างผู้มีส่วน
เกี่ยวข้องด้วยกันเองทีม่ ตี อ่ หลักสูตรในประเดน็ ต่างๆ

การประเมินแบบร่วมมือร่วมใจ เป็นชื่อที่ผู้เขียนคิดข้ึนจากการได้เข้าร่วมการประเมิน
หลักสูตรพระธรรมทูต ของมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย มีลักษณะสาคัญคือ การเชิญ
ผู้ท่ีเกี่ยวข้องกับหลักสูตรพระธรรมทูตทุกฝ่าย มาประชุมร่วมกันเพื่อวิเคราะห์จุดแข็งและจุดท่ีควร
ปรับปรงุ แกไ้ ข ตลอดจนสิง่ ทใ่ี หมๆ่ ทค่ี วรริเริม่ หรือพัฒนาหลกั สตู รพระธรรมทูตให้ดยี ิง่ ขน้ึ

86
กลุ่มผปู้ ระชุมมีประมาณ 50 รูป/คน แบ่งออกเป็นกลุ่มย่อยๆ จาแนกตามความเกี่ยวข้องกับ

หลักสูตรพระธรรมทูต จากน้ันจัดให้มีการประชุมกลุ่มย่อยตามประเด็นท่ีกาหนด เม่ือเสร็จส้ิน
การประชุมกลุ่มย่อยแล้ว กลับเข้าสู่การประชุมกลุ่มใหญ่อีกคร้ัง แล้วกลุ่มย่อยแต่ละกลุ่มนาเสนอผล
การประชุมกลุ่มของตนเอง จากนั้นสมาชิกท้ังหมดจะร่วมกันวิเคราะห์และตัดสินใจปรับปรุงและ
เปลี่ยนแปลงหลักสูตรพระธรรมทูตในประเด็นท่ีกลุ่มย่อยแต่ละกลุ่มนาเสนอ โดยใช้กระบวนการของ
สุทนรียสนทนา และมีฉันทามติร่วมกันในการปรับปรุงและเปล่ียนแปลงหลักสูตรดังกล่าว ซึ่งแสดง
กระบวนการประเมินหลักสตู รแบบร่วมมือร่วมใจไดด้ งั แผนภาพต่อไปนี้

การประชุมกลุม่ ใหญเ่ พื่อแจง้ ภารกจิ การประเมนิ หลกั สตู ร

การประชุมกลุม่ ย่อยเพ่ือวิเคราะห์จุดแข็ง จุดทีต่ อ้ งปรบั ปรุง สิ่งทีค่ วรรเิ ริม่

การนาเสนอผลการประชมุ กลุ่มย่อยต่อที่ประชมุ กลมุ่ ใหญ่

ทป่ี ระชมุ กลุ่มใหญ่ร่วมกนั วเิ คราะห์ วินิจฉยั ตัดสนิ ใจ เปน็ ฉันทามติ

การปรับปรงุ แกไ้ ขหลกั สตู ร

แผนภาพ 8 ขัน้ ตอนการประเมินหลักสูตรแบบรว่ มมอื รว่ มใจ

87

ข้อดีของการประเมินแบบน้ีคือ สมาชิกทุกคนได้ร่วมกันแสดงความคิดเห็นท่ีนาไปสู่การ
ปรับปรุงและเปล่ียนแปลงหลักสูตร บนพ้ืนฐานของข้อมูลเชิงประจักษ์ต่างๆ เช่น การเล่าประสบการณ์
ของพระวิปัสสนาจารย์ที่มีต่อกระบวนการฝึกภาคปฏิบัติวิปัสสนาภาวนา เป็นต้น นอกจากนี้ยังได้มี
ส่วนร่วมในการตัดสินใจปรับปรุงและเปล่ียนแปลงหลักสูตร ซ่ึงทาให้เกิดผลจริงเม่ือถึงเวลาฝึกอบรม
พระธรรมทูตรุ่นต่อไป ส่วนข้อจากัดคือ การกาหนดนัดหมายการประชุมท่ีมีผู้เข้าร่วมจานวนมาก
และการบริหารจัดการเกี่ยวกับการประชุมกลุ่มย่อย และการหาข้อสรุปหรือฉันทามติในการปรับปรุง
และเปล่ยี นแปลงหลักสตู รทจ่ี าเปน็ ตอ้ งใช้เวลาในการพิจารณาตดั สนิ ใจ

ปัจจยั สนบั สนุนการประเมนิ แบบร่วมมอื ร่วมใจ

1. ความเคารพซ่ึงกันและกันระหว่างสมาชิกที่เข้าร่วมกิจกรรม ทาให้สมาชิกทุกคน
กล้าท่ีจะนาเสนอข้อมูลสารสนเทศ ข้อเท็จจริง และแสดงความคิดเห็นของตนเองบนพ้ืนฐานของความ
เคารพผู้อ่ืน ไม่ก้าวร้าว และมีความเทา่ เทียมกนั

2. ความมุ่งม่ันในความสาเร็จ เป็นปัจจัยที่ทาให้สมาชิกทุกคนเข้าร่วมการประชุม
โดยพรอ้ มเพรยี งกัน และดาเนินการประชุมกลุ่มย่อยได้อย่างมีประสิทธิภาพ เกิดผลผลิตจากการประชุม
ไดข้ อ้ สรุปประเด็นทคี่ วรปรับปรุงแก้ไข และส่ิงที่ควรริเริ่มใหม่ๆ ซ่ึงจะต้องใช้ความพยายาม ความอดทน
และการเสียสละเวลา ในการร่วมกนั คดิ หาแนวทางวธิ กี าร และตดั สนิ ใจรว่ มกัน

3. สุนทรียสนทนา ทาให้การประชุมทั้งการประชุมกลุ่มย่อยและการประชุมกลุ่มใหญ่
มีบรรยากาศท่ีสร้างสรรค์ ไม่เคร่งเครียด ผ่อนคลาย ซึ่งบรรยากาศดังกล่าวเอ้ือต่อการคิดวิเคราะห์
คิดแก้ปัญหา และคิดสร้างสรรค์ ทาให้ค้นพบแนวทางการแก้ไขปัญหาการใช้หลักสูตรที่เคยเกิดขึ้น และ
สามารถคิดริเริม่ กจิ กรรมใหม่ๆ ในหลักสตู รได้ดอี ีกด้วย

88

จากการประเมินหลักสูตรพระธรรมทูตโดยใช้วิธีการประเมินแบบร่วมมือร่วมใจดังกล่าว
ทาให้ไดข้ อ้ สรปุ ในการปรบั ปรุงหลักสตู รพระธรรมทูตทีเ่ ป็นฉนั ทามตดิ ังตัวอยา่ งต่อไปน้ี (เวลาการประชุม
ต้งั แต่ 13.30 – 20.30 น. ของวนั ท่ี 28 มกราคม 2558)

1. บรู ณาการเน้ือหาภาควิชาการเขา้ กับภาคปฏิบตั ิ เนน้ การลงมือปฏบิ ัติ

2. เพ่มิ บทปฏิบัตกิ ารถอดบทเรยี นสาหรับพระธรรมทตู บนั ทึกทุกวนั

3. บรู ณาการหลักสูตรเขา้ กับกจิ กรรมทางพระพทุ ธศาสนาของมหาวทิ ยาลยั เชน่
การประชุมวันวิสาขบชู าโลก การประชมุ พระธรรมทตู โลก
การบรรพชาสามเณรและศีลจารณิ ี เฉลิมพระเกยี รตสิ มเดจ็ พระเทพรัตนราชสดุ า
สยามบรมราชกมุ ารฯี เป็นต้น เพื่อใหพ้ ระธรรมทตู ไดฝ้ ึกปฏิบตั ิในสถานการณ์จรงิ

4. เพม่ิ กิจกรรมการเดินธดุ งคข์ องพระธรรมทูต ในประเทศอนิ เดีย – เนปาล

5. เพิ่มการสวดมนตใ์ นบทสวดทสี่ อดคล้องกบั สงั เวชนยี สถานแตล่ ะแห่ง

6. เพม่ิ ชอ่ งทางและวธิ กี ารประชาสมั พันธ์โครงการไปยงั กลุม่ เปูาหมายตา่ งๆ

การประเมนิ หลกั สตู รทจี่ ะสามารถบรรลุวัตถุประสงค์ของการประเมินได้น้ัน ต้องเป็นการ
ประเมินทมี่ ีความสรา้ งสรรค์ มีการประเมินอยา่ งต่อเนื่อง ใช้วิธีการประเมินหลายๆ วิธี โดยมีการเรียนรู้
ร่วมกันในกิจกรรมการประเมิน ซึ่งจะทาให้เกิดการปรับปรุงและเปล่ียนแปลงหลักสูตรให้เกิดประโยชน์
ต่อผู้เรียน ซ่ึงจาเป็นต้องอาศัยปัจจัยองค์ประกอบของการประเมินหลักสูตรเชิงสร้างสรรค์ท้ัง 4 ปัจจัย
และอีกส่ิงหนึ่งท่ีส่งผลต่อคุณภาพการประเมินหลักสูตร คือ มิติการประเมินและคาถามการประเมิน
ซึ่งใช้เป็นกรอบและรายละเอียดสาหรับการดาเนินกิจกรรมการประเมินหลักสูตร เป็นไปอย่างมี
ประสทิ ธภิ าพและได้ผลการประเมนิ ที่มคี วามถูกต้องชดั เจนซงึ่ จะไดก้ ล่าวในรายละเอยี ดต่อไป

89

สรุป

จากที่ได้กล่าวมาในบทท่ี 3 เร่ือง การประเมินหลักสูตรเชิงสร้างสรรค์ สรุปสาระสาคัญ
ไดด้ งั ต่อไปนี้

1. การประเมินหลักสูตรเชิงสร้างสรรค์ หมายถึง การประเมินหลักสูตรโดย
คณะกรรมการท่ีมีสัดส่วนองค์ประกอบของคณะกรรมการที่มีความเชี่ยวชาญเหมาะสมกับหลักสูตร
ที่ประเมิน โดยการใช้วิธีการประเมินหลักสูตรท่ีหลากหลายท้ังเชิงปริมาณและเชิงคุณภาพ จนได้
สารสนเทศทถ่ี ูกต้อง สามารถนามาปรับปรุงหลักสตู รให้มีคุณภาพอย่างสรา้ งสรรค์

2. จุดเน้นของการประเมินหลักสูตรเชิงสร้างสรรค์ จาแนกตามช่วงเวลาของการ
ประเมิน ได้แก่ 1) การประเมินก่อนการใช้หลักสูตร มีจุดเน้นคือการประเมินด้วยวิธีการวิจัย และการ
ประเมินด้วยวิธีการวิเคราะห์ระบบของหลักสูตร 2) การประเมินระหว่างการใช้หลักสูตร มีจุดเน้นคือ
การประเมินที่เน้นผู้เรียนเป็นสาคัญ การประเมินแบบไม่เป็นทางการ การประเมินที่เป็นอิสระจาก
จุดมุง่ หมาย 3) การประเมนิ หลงั การใชห้ ลักสูตร มีจุดเนน้ คอื การประเมินแบบเป็นทางการ การประเมิน
ท่ยี ึดจดุ ม่งุ หมาย

3. การประเมินหลักสูตรเชิงสร้างสรรค์เป็นการประเมินอย่างต่อเน่ืองตั้งแต่ก่อนใช้
หลักสูตร ระหว่างการนาหลักสูตรไปปฏิบัติ และหลังการใช้หลักสูตร ผลการประเมินก่อนใช้หลักสูตร
และระหว่างการนาหลักสูตรไปปฏิบัติมุ่งเน้นการปรับปรุงและพัฒนา ส่วนการประเมินหลังการใช้
หลักสตู รมุ่งเน้นการตดั สินใจปรบั ปรุงหลกั สตู รหรือยกเลกิ การใชห้ ลกั สตู ร

90

4. การประเมินแบบร่วมมือร่วมใจ หมายถึง การประเมินโดยใช้ผู้ที่เก่ียวข้องกับ
หลักสูตรทุกฝุายมีบทบาทเป็นผู้ประเมินหลักสูตร บนพื้นฐานของความร่วมมือร่วมใจท่ีจะปรับปรุง
หลักสูตรให้ดียิง่ ขึ้น โดยใชว้ ิธกี ารเชิงคณุ ภาพมากกว่าเชิงปริมาณ

91

บรรณานกุ รม

บณั ฑติ ศึกษา มหาวิทยาลัยสุโขทยั ธรรมาธริ าช. (2555). การประเมนิ หลักสูตรและการเรียนการสอน:
ประมวลชุดวิชา = Evaluation of Curriculum and Instruction. นนทบรุ ี:
สานกั พิมพม์ หาวทิ ยาลัยสุโขทยั ธรรมาธิราช.

มารุต พฒั ผล. (2554ก). รายงานการวจิ ยั ฉบบั สมบูรณ์ เร่อื ง ผลการใช้ทฤษฎียู (Theory - U)
ในการประเมนิ หลกั สตู รระดับบณั ฑิตศกึ ษา. กรุงเทพฯ: บัณฑิตวทิ ยาลัย
มหาวิทยาลยั ศรีนครนิ ทรวโิ รฒ.

. (2554ข). รายงานการวิจัยฉบบั สมบูรณ์ เรอ่ื ง การพัฒนาหลกั สูตรฝกึ อบรมครู
เพอื่ เสรมิ สร้างความสามารถในการจดั การเรียนรโู้ ดยใช้วจิ ัยเป็นฐาน. กรุงเทพฯ:
บัณฑติ วิทยาลัย มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวโิ รฒ.

ราชบัณฑติ ยสถาน. (2555). พจนานุกรมศพั ทศ์ ึกษาศาสตร์ ฉบบั ราชบณั ฑิตยสถาน. กรงุ เทพฯ:
อรุณการพมิ พ์.

วชิ ยั วงษ์ใหญ่. (2554). การพฒั นาหลักสูตรระดับอุดมศึกษา. (พมิ พค์ ร้ังที่ 2). กรุงเทพฯ:
อาร์ แอนด์ เอ็น ปรินท์ จากัด.
. (2555). เอกสารประกอบการบรรยาย หัวข้อการพฒั นาหลกั สตู ร. กรุงเทพฯ:
บัณฑติ วิทยาลัย มหาวทิ ยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ.

ศริ ชิ ยั กาญจนวาสี. (2537). ทฤษฎกี ารประเมิน. กรุงเทพฯ: สานักพมิ พ์จุฬาลงกรณม์ หาวิทยาลยั .
สมคิด พรหมจุย้ . (2552). เทคนิคการประเมนิ โครงการ. กรุงเทพฯ: ศูนย์หนังสอื จฬุ าลงกรณ์

มหาวิทยาลัย. (จัดจาหนา่ ย).
Armstrong. David G. (1989). Developing and Documenting the Curriculum.

Boston: Allyn and Bacon.
. (2003). Curriculum Today. New Jersey: Merrill Prentice Hall.

92

Beane, James A. and others. (1986). Curriculum Planning and Development.
Boston: Allyn and Bacon.

Bobbit, Franklin. (1918). The Curriculum. Boston: Houghton Mifflin.
. (1924). How to Make a Curriculum. Boston: Houghton Mifflin.

Brady, Laurie. (1992). Curriculum Development. 4thed. Sydney: Prentice Hall.
Cronbach, Lee J. (1983). “Course Improvement through Evaluation”. Evaluation

Models: Viewpoints on Educational and Human Services Evaluation.
Boston: Kluwer-Nijhoff.
Guba, Egon G. and Lincoln, Yvonna S. (1989). Fourth Generation Evaluation.
California: Sage Publications.
Fink, Arlene. (2015). Evaluation Fundamentals: Insight into Program Effectiveness,
Quality, and Value. Los Angeles: Sage Publications.
Henson, Kenneth T. (2001). Curriculum Planning: Integrating Multiculturalism,
Constructivism, and Education Reform. 2nded. New York: McGraw - Hill.
Hoggarth, Liz. (2010). A Practical Guide to Outcome Evaluation. London; Philadelphia:
Jessica Kingsley Publishers.
Kelly, A. V. (1999). The Curriculum. 4thed. London: Paul Chapman Publishing Ltd.
Lattuca, Lisa R. (2009). Shaping the Collage Curriculum: Academic Plans
in Context. 2nded. San Francisco: Jossey – Bass.
Marsh, Colin J., and Willis, George. (2003). Curriculum: Alternative Approached,
Ongoing Issues. Upper Saddle River, New Jersey: Merrill Prentice Hall.
McDavid, James., Huse, Irene., and Hawthorn, Laura R.L. (2013). Program Evaluation
and Performance Measurement: An Introduction to Practice.
Thousand Oaks: Sage Publications.

93

McNeil, John D. (1976). Designing Curriculum: Self – Instructional Modules.
Boston: Little, Brown and Company.

Mertens, Donna M., and Wilson Amy T. (2012). Program Evaluation Theory and
Practice: A Comprehensive Guide. New York: The Guilford Press.

Miller, J. P. & Seller, W. (1985). Curriculum: Perspectives and Practice. New York :
Longman.

O’Sullivan, Rita G. (2004). Practicing Evaluation: A Collaborative Approach. Thousand
Oaks: Sage Publications.

Oliva, Peter F. (2009). Developing the Curriculum. 7thed. Boston: Allyn and Bacon.
Oliva, Peter F., and Gordon, II, William, R. (2013). Developing the Curriculum. 8thed.

Boston: Pearson.
Ornstein, Allan C. (2013). Curriculum: Foundations, Principles, and Issues. Boston:

Pearson.
Ornstein, Allan C., and Hunkins, Francis P. (2004). Curriculum: Foundations,

Principles, and Issues. Boston: Allyn and Bacon.
Pearsons, Beverly A. (2002). Evaluating Inquiry: Using Evaluation to Promote Student

Success. Thousand Oaks; California: Corwin Press.
Posner, George J. (2004). Analyzing the Curriculum. New York: McGraw Hill.
Print, Murray. (1993). Curriculum Development and Design. 2nd ed. Sydney:

Allen & Unwin.
Rea-Dickins, Pauline., and Germaine, Kevin. (2011). Evaluation. Oxford: Oxford

University Press.
Royse, David., [et al.]. (2001). Program Evaluation: An Introduction. Australia; Belmont,

California: Brooks/Cole-Wadsworth Thompson Learning.

94

Saylor, J. G. and Alexander, W.M. (1974). Curriculum Planning for Schools. New York:
Holt, Rinehart & Winston.

. (1981). Curriculum Planning for Better Teaching and Learning. New York:
Holt, Rinehart and Winston.

Stufflebeam, Daniel L. and Shinkfield, Anthony J. (2007). Evaluation Theory, Models,
& Applications. San Francisco: Jossey – Bass.

Taba, Hilda. (1962). Curriculum Development : Theory and Practice. New York:
Harcourt Brace Jovanovich.

Tanner, Daniel and Tanner, Laurel. (1975). Curriculum Development: Theory
into Practice. New York: Macmillan Publishing.

Tanner, Daniel and Tanner, Laurel. (1980). Curriculum Development: Theory
into Practice. 2nded. New York: Macmillan Publishing.

Tyler, Ralph W. (1949). Basic Principles of Curriculum and Instruction. Chicago:
The university of Chicago Press.

Udelhofen, Susan. (2005). Keys to Curriculum Mapping: Strategies and Tools to
Make it Work. Thousand Oaks, California: Corwin Press.

Walker, Decker F. and Soltis, Jonas F. (2009). Curriculum and Aims. New York:
Teachers College Columbia University.

Wiles, Jon W., and Bondi, C. Joseph. (2011). Curriculum Development a Guide to
Practice. 8thed. Boston: Pearson.

William, Pinar. (2012). What is Curriculum Theory. New York: Routledge.

95

บทที่ 4
ประเด็นและคาถามการประเมินหลกั สูตร

96

4.1 ประเด็นการประเมินหลักสตู ร

4. ประเดน็ และคาถาม
การประเมนิ หลกั สตู ร

4.2 คาถามการประเมินหลักสตู ร

97

สาระสาคัญ

สาหรบั ในบทที่ 4 เรื่อง ประเด็นและคาถามการประเมินหลกั สตู ร มสี าระสาคญั ดังตอ่ ไปนี้

1. การประเมินหลักสูตรท่ีดีต้องมีประเด็นการประเมินหรือบางคร้ังเรียกว่ากรอบการ
ประเมิน ได้แก่ 1) ขอบเขตของหลักสูตร 2) ความสัมพันธ์เชื่อมโยงของหลักสูตร 3) ความสมดุลของ
หลักสูตร 4) การบูรณาการของหลักสูตร 5) การลาดับเน้ือหาสาระ 6) ความต่อเนื่องของเน้ือหาสาระ
และกจิ กรรม 7) ความเชื่อมตอ่ ของเน้ือหาสาระ 8) การถา่ ยโอนการเรียนรู้

2. คาถามการประเมิน (evaluation questions) หมายถึง ส่ิงที่ต้องการทราบหรือได้
คาตอบจากการประเมิน ซ่ึงเป็นประโยชน์ต่อการตัดสินใจเกี่ยวกับหลักสูตรไม่ว่าจะเป็นการปรับปรุง
หลักสูตร หรือยกเลิกการใช้หลักสูตร การต้ังคาถามการประเมินที่มีความครอบคลุมและชัดเจน ช่วยทา
ให้การประเมินหลักสูตรมีประสิทธิภาพมากข้ึน ได้คาตอบท่ีเป็นประโยชน์ต่อการปรับปรุงหลักสูตร
อย่างครอบคลุม

98

การประเมินหลกั สตู รท่ีประสิทธิภาพ
ควรกาหนดประเดน็ การประเมนิ

และคาถามการประเมนิ ไว้อยา่ งชดั เจน

99

4.1 ประเดน็ การประเมินหลกั สตู ร

การประเมินหลักสูตรท่ีดีต้องมีประเด็นการประเมิน หรือบางคร้ังเรียกว่ากรอบการประเมิน
ได้แก่ 1) ขอบเขตของหลักสูตร (scope) 2) ความสัมพันธ์เชื่อมโยงของหลักสูตร (relevant) 3) ความ
สมดลุ ของหลักสตู ร (balance) 4) การบูรณาการของหลักสูตร (integration) 5) การลาดับเน้ือหาสาระ
(sequence) 6) ความต่อเน่ืองของเนื้อหาสาระและกิจกรรม (continuity) 7) ความเช่ือมต่อของเน้ือหา
สาระ (articulate) 8) การถ่ายโอนการเรียนรู้ (learning transferable) (Henson. 2001, Oliva.
2009) โดยมปี ระเด็นการประเมนิ ทสี่ าคัญตอ่ ไปนี้

1) การประเมนิ ขอบเขตของหลกั สูตร มปี ระเด็นการประเมินท่สี าคัญตอ่ ไปน้ี

1. ขอบเขตของมาตรฐานผลการเรยี นร้ทู ่ีกาหนดไวใ้ นหลกั สตู ร

2. ขอบเขตของจดุ ม่งุ หมายและวตั ถุประสงคข์ องหลกั สูตร

3. ขอบเขตของสมรรถนะและคณุ ลักษณะที่พงึ ประสงค์

4. ขอบเขตของเน้อื หาสาระที่กาหนดให้เรียนหลกั สตู ร

5. ขอบเขตของเน้ือหาสาระท่ีกาหนดใหเ้ รยี นในแต่ละระดบั ช้ัน

6. ขอบเขตของระยะเวลาการศกึ ษาตลอดหลกั สตู ร

100

2) การประเมินความสัมพันธ์เชื่อมโยงของหลักสูตร มีประเด็นการประเมินท่ีสาคัญ
ต่อไปน้ี

1. ความเชื่อมโยงกับเปาู หมาย และมาตรฐานการศกึ ษาระดบั ชาติ

2. ความเชอื่ มโยงระหวา่ งวัตถุประสงคข์ องหลักสูตร เน้ือหาสาระ
การจัดการเรียนการสอน และการประเมินผล

3. ความเชื่อมโยงระหวา่ งเนอื้ หาสาระระหวา่ งระดับช้นั และภายในระดบั ช้ัน

4. ความเชอ่ื มโยงกับความต้องการของผูเ้ รยี น ชุมชน และสงั คม

5. ความเชอื่ มโยงกบั หลกั สูตรอื่นที่คลา้ ยคลึงกัน

6. ความเชือ่ มโยงกบั การประกอบอาชีพในอนาคตของผเู้ รยี น

7. ความเชื่อมโยงกบั มาตรฐานสมาคมวชิ าชีพ (ถ้ามี)

3) การประเมนิ ความสมดลุ ของหลกั สตู ร มีประเดน็ ท่สี าคัญต่อไปนี้
(วิชัย วงษ์ใหญ.่ 2555)

1. ความเป็นโลกาภิวตั นแ์ ละความเปน็ ท้องถนิ่
(Globalization & Localization)

101

2. การพฒั นาจากส่วนกลางและการพฒั นาโดยโรงเรยี นเป็นฐาน
(Central Development and School Based Development)

3. การพัฒนาความเชย่ี วชาญกบั การพฒั นาทั้งตัวบคุ คล
(Specialist Development and Whole person Development)

4. ความเหมอื นกนั ความหลากหลายและความยืดหยุน่
(Uniformity Diversity Flexibility)

5. ความร่วมมอื และการแข่งขนั
(Co – operation and Competition)

6. การถ่ายทอดความรู้และการสร้างความรู้
(Knowledge transmission and Knowledge creation)

7. การเลอื กประเมนิ และการประเมินการเรยี นรู้
(Assessment for selection and Assessment for learning)

4) การประเมนิ การบูรณาการของหลักสูตร มีประเดน็ การประเมนิ ที่สาคญั ตอ่ ไปน้ี

1. การบรู ณาการระหว่างความรู้ สมรรถนะ และคณุ ลกั ษณะทีพ่ งึ ประสงค์

2. การบูรณาการระหวา่ งความรแู้ ละกระบวนการเรียนรู้

102
3. การบรู ณการระหวา่ งการเรียนรแู้ ละการวจิ ัย
4. การบูรณาการระหว่างการรบั ความรแู้ ละการแสวงหาความรู้
5. การบูรณาการระหว่างการเรียนรทู้ ่ีสถานศึกษาและการเรยี นรู้ในชวี ิตจรงิ
6. การบรู ณาการระหว่างความรู้ทีเ่ ปน็ สากลและความรทู้ ีเ่ ป็นภูมปิ ัญญาท้องถิ่น

5) การประเมนิ การลาดับเน้อื หาสาระ มปี ระเด็นการประเมนิ ที่สาคัญตอ่ ไปน้ี
1. จัดลาดบั เนอื้ หาสาระสอดคล้องกับความสนใจของผูเ้ รยี นในแตล่ ะชว่ งวัย
2. จัดลาดับเนื้อหาสาระสอดคล้องกบั ระดบั พฒั นาการของผ้เู รียนในแตล่ ะช่วงวยั
3. จัดลาดับเนือ้ หาสาระทเ่ี อื้อตอ่ ประสทิ ธิภาพการเรยี นร้ขู องสมอง
4. จัดลาดับเนื้อหาสาระจากสง่ิ ทีง่ ่ายไปสู่สง่ิ ทม่ี คี วามซบั ซ้อน
5. จัดลาดบั เนอ้ื หาสาระสิง่ ทเ่ี ป็นพืน้ ฐานก่อนเน้ือหาสาระในเชิงประยุกต์
6. จดั ลาดบั เนอ้ื หาสาระจากรปู ธรรมไปสู่นามธรรม
7. จดั ลาดบั เนือ้ หาสาระจากส่งิ ใกล้ตัวไปสสู่ ่งิ ท่เี ปน็ สากล
8. จัดลาดับเน้อื หาสาระท่ีต้องใชก้ ารคิดขน้ั พ้นื ฐานไปสู่การคิดขนั้ สูง

103

6) การประเมินความต่อเน่ืองของเน้ือหาสาระและกิจกรรม มีลักษณะเป็นการตรวจสอบ
ความต่อเน่ืองของเนื้อหาสาระในระดับท่ีเล็กกว่าการประเมินลาดับของเน้ือหาสาระ (sequencing)
ท่ีกลา่ วไปแลว้ มีประเดน็ การประเมินทส่ี าคัญต่อไปน้ี

1. ความตอ่ เน่ืองระหวา่ งสาระสาคัญหนงึ่ ไปยังอีกสาระสาคัญหนงึ่ เชน่
ความตอ่ เนื่องของสาระสาคญั คู่อันดับไปยงั สาระสาคัญของฟงั ชนั ก์ เป็นต้น

2. ความต่อเนอื่ งระหว่างสาระสาคัญทเี่ รยี นในหน่วยการเรยี นรู้หนง่ึ
ไปยงั สาระสาคญั ทเ่ี รยี นอกี หนว่ ยการเรียนร้หู นง่ึ

3. ความต่อเนอ่ื งระหวา่ งการปฏิบตั กิ ิจกรรมการเรยี นรหู้ น่ึง
ไปยงั การปฏิบัตกิ จิ กรรมการเรียนรู้อกี อยา่ งหน่ึง

4. ความต่อเนื่องระหวา่ งการปฏิบตั กิ จิ กรรมการเรยี นร้ตู า่ งๆ ไปสู่การสรุป
และสงั เคราะห์เป็นองค์ความรขู้ องผเู้ รยี น

5. ความต่อเน่อื งระหว่างการจดั กิจกรรมและประสบการณ์การเรียนรู้
ไปยงั วธิ ีการและเครอ่ื งมือการวดั และประเมินผลการเรยี นรู้

7) การประเมินความเชื่อมต่อของเนื้อหาสาระ หมายถึง ความเช่ือมต่อของเน้ือหาสาระ
จากสาระการเรียนรู้หรือรายวิชาหนึ่งไปยังอีกสาระการเรียนรู้หรืออีกรายวิชาหน่ึง และความเชื่อมต่อ
ของเน้ือหาสาระจากระดับชนั้ หน่งึ ไปยังอีกระดบั ชั้นหน่ึง มีประเด็นการประเมินทส่ี าคญั ตอ่ ไปนี้

1. ความเชอ่ื มต่อของเนอื้ หาสาระจากสาระการเรยี นรหู้ รอื รายวิชาหน่ึง
ไปยังอกี สาระการเรยี นร้หู รืออีกรายวชิ าหนง่ึ ในระดับชน้ั เดียวกัน

104

2. ความเชื่อมต่อของเนือ้ หาสาระจากสาระการเรียนร้หู รอื รายวชิ าหนงึ่
ไปยังอีกสาระการเรียนรหู้ รืออกี รายวิชาหนึ่งในระดับช้นั ต่างกนั

3. ความเชื่อมต่อของเนือ้ หาสาระในสาระการเรียนรูห้ รือรายวิชาเดียวกนั
จากระดับช้ันหน่งึ ไปยังอกี ระดบั ช้นั หนึ่ง

4. ความเชอ่ื มตอ่ ของเน้อื หาสาระในสาระการเรียนรู้หรือรายวิชาตา่ งกนั
จากระดับชน้ั หนึ่งไปยังอีกระดับชนั้ หนง่ึ

8) การถ่ายโอนการเรียนรู้ (transfer of learning) หมายถึง การนาผลการเรียนรู้
ความรู้ และประสบการณ์การเรียนรู้จากการเรียนรู้ในครั้งก่อนมาใช้เป็นฐานการเรียนรู้ในคร้ังหลัง
มีประเด็นการประเมินทส่ี าคัญต่อไปน้ี

1. การมงุ่ เนน้ การนาความรู้ไปใช้ในการแกไ้ ขปัญหา และการสรา้ งสรรคผ์ ลงาน

2. การสง่ เสรมิ ให้ผเู้ รียนไดร้ บั ประสบการณ์ทีม่ คี ุณคา่ และเช่ือมโยงกับส่ิงทเ่ี รยี น

3. การบูรณาการความรู้ สมรรถนะ และคุณลกั ษณะ ไปสกู่ ารปฏบิ ตั ิงาน
ในสถานการณ์จรงิ ในบรบิ ทของสงั คมและชุมชนอย่างสร้างสรรค์

4. การสง่ เสริมใหผ้ เู้ รียนใชก้ ระบวนการเรียนรู้ การแสวงหาความรู้
และสรุปความรู้ดว้ ยตนเอง

105

การประเมินหลักสูตรตามประเด็นต่างๆ ดังท่ีกล่าวมาทั้ง 8 ประเด็นเป็นการประเมินเชิงลึก
ที่ต้องใช้วิธีการเก็บรวบรวมข้อมูลทั้งเชิงปริมาณและเชิงคุณภาพ และต้องใช้ผู้เช่ียวชาญที่มีคุณสมบัติ
2 ประการควบคู่กัน คือ มีความรู้ความสามารถด้านหลักสูตร และมีความรู้ในเน้ือหาสาระท่ีประเมิน
จะทาให้ได้ผลการประเมินท่ีถูกต้อง และสามารถให้ข้อเสนอแนะที่เป็นประโยชน์ต่อการปรับปรุงและ
พัฒนาไดอ้ ย่างมาก สรุปเป็นแผนภาพได้ดงั ต่อไปนี้

106 ผู้เชีย่ วชาญ การลาดบั
เนอื้ หา
ขอบเขต ประเมิน
ความสัมพันธ์ ความตอ่ เน่ือง
และเชื่อมโยง ประเดน็
ความสมดลุ การประเมิน ความเชอื่ มต่อ

การบูรณาการ สรปุ ผล การถ่ายโอน
การประเมนิ การเรยี นรู้
และใหข้ ้อเสนอแนะ

แผนภาพ 9 การประเมนิ หลกั สตู รโดยผูเ้ ช่ยี วชาญด้านหลกั สตู รและดา้ นเนอ้ื หา

107

4.2 คาถามการประเมินหลักสูตร

การประเมินหลักสูตรท่ีดีจาเป็นต้องมี คาถามการประเมิน (evaluation questions)
หมายถึง สิ่งที่ต้องการทราบหรือได้คาตอบจากการประเมิน ซึ่งเป็นประโยชน์ต่อการตัดสินใจเก่ียวกับ
หลักสูตรไมว่ ่าจะเปน็ การปรบั ปรงุ หลักสูตร หรือยกเลกิ การใชห้ ลกั สูตร เชน่ ถามว่า “การบริหารจัดการ
หลักสูตรมีประสิทธิภาพเพียงใด” “การเรียนการสอนมีคุณภาพเพียงใด” “การวัดและประเมินผล
การเรียนรูม้ คี ุณภาพเพียงใด” การตงั้ คาถามการประเมินที่มีความครอบคลุมและชัดเจน ช่วยทาให้การ
ประเมินหลักสูตรมีประสิทธิภาพมากข้ึน ได้คาตอบท่ีเป็นประโยชน์ต่อการปรับปรุงหลักสูตรอย่าง
ครอบคลมุ

การต้ังคาถามการประเมินที่ดีจะนาไปสู่การกาหนดวิธีการและเครื่องมือในการเก็บรวบรวม
ข้อมูลต่อไป ช่วยทาให้การประเมินหลักสูตรท่ีมีคุณภาพและได้ผลการประเมินที่สามารถนามาใช้เป็น
ประโยชน์ไดอ้ ย่างแทจ้ ริง ซงึ่ คาถามการประเมนิ หลักสูตรสามารถจาแนกได้หลายกลมุ่ ดงั ต่อไปน้ี

ตวั อย่างคาถามการประเมนิ หลักสตู รเกย่ี วกบั วัตถปุ ระสงคข์ องหลกั สตู ร

- วัตถุประสงค์ของหลกั สตู รมีความสอดคล้องกับมาตรฐานการศกึ ษา
หรอื เปาู หมายการศึกษาของชาตหิ รอื ไม่

- วัตถุประสงค์ของหลกั สตู รมคี วามสอดคล้องกับบริบทของสงั คมหรือไม่
- วตั ถุประสงค์ของหลักสูตรแต่ละขอ้ มีจุดเน้นหรือไม่

- การเขียนวตั ถปุ ระสงคข์ องหลกั สตู รมีลักษณะเปน็ ผลการเรยี นรูห้ รือไม่

108

- วัตถุประสงค์ของหลักสตู รครอบคลมุ มาตรฐานผลการเรยี นรู้หรอื ไม่

- วตั ถปุ ระสงคข์ องหลกั สตู รตอบสนองความตอ้ งการของสาขาวิชาชพี หรือไม่

- วัตถุประสงค์ของหลักสตู รมีความเชื่อมโยงไปสรู่ ายวิชาหรอื ไม่

- วตั ถปุ ระสงคข์ องหลกั สูตรมีความชดั เจนเพยี งพอที่จะนาไปสู่การออกแบบ
การเรียนการสอนไดห้ รอื ไม่

- วัตถปุ ระสงคข์ องหลักสูตรมคี วามชดั เจนเพยี งพอท่ีจะนาไปส่กู ารออกแบบ
การวัดและประเมนิ ผลไดห้ รือไม่

- วัตถุประสงคข์ องหลกั สูตรมคี วามสอดคล้องกับมาตรฐานสภาวชิ าชพี หรอื ไม่

ตัวอย่างคาถามการประเมินหลักสูตรเกี่ยวกับสาระการเรียนรู้หรือรายวิชาในหลักสูตร
( ค า ว่ า ส า ร ะ ก า ร เ รี ย น รู้ ใ ช้ ห ลั ก สู ต ร ห ลั ก สู ต ร ร ะ ดั บ ก า ร ศึ ก ษ า ข้ั น พื้ น ฐ า น เ นื่ อ ง จ า ก เ ป็ น ห ลั ก สู ต ร
ทอี่ งิ มาตรฐาน ส่วนคาว่ารายวิชา ใช้กับหลกั สตู รระดับอุดมศกึ ษาเพราะเปน็ หลกั สตู รรายวชิ า)

- สาระการเรยี นรู้หรอื รายวชิ าในหลักสตู รมคี วามสอดคลอ้ งกับวตั ถุประสงค์
ของหลักสตู รหรอื ไม่

- สาระการเรียนรหู้ รือรายวิชาในหลกั สตู รตอบสนองความตอ้ งการของผู้เรียน
หรอื ไม่

109

- สาระการเรยี นรหู้ รอื รายวิชาในหลักสตู รมีความทนั สมยั ตอ่ ความเจริญกา้ วหนา้
ขององคค์ วามรแู้ ละนวตั กรรมหรือไม่

- สาระการเรยี นรหู้ รอื รายวชิ าในหลกั สูตรเปน็ สง่ิ ท่ีสาคัญและจาเป็นต่อการเรยี นรู้
ของผเู้ รยี นหรือไม่

- สาระการเรียนรหู้ รอื รายวชิ าในหลกั สตู รสะท้อนสาระสาคญั (main concept)
ท่ีชดั เจนและเปน็ ระบบหรอื ไม่

- สาระการเรยี นรหู้ รือรายวชิ าในหลักสูตรทีก่ าหนดใหเ้ รยี นในช้นั ปเี ดยี วกัน
มีความเช่อื มโยงในแนวราบซ่ึงกันและกนั หรอื ไม่

- สาระการเรยี นรหู้ รือรายวชิ าในหลักสตู รทกี่ าหนดใหเ้ รียนในแตล่ ะช้นั ปี
มคี วามเชอ่ื มโยงในแนวตงั้ ซ่งึ กันและกันหรือไม่

- สาระการเรียนรู้หรือรายวิชาในหลกั สตู รมีความสอดคล้องกบั ศักยภาพ
ของผเู้ รยี นหรอื ไม่

- สาระการเรยี นรหู้ รอื รายวิชาในหลักสตู รมีการระบวุ ัตถุประสงค์ แนวการจดั
การเรยี นการสอน และการประเมนิ ผล ไวอ้ ยา่ งชัดเจน เพื่อเปน็ แนวทาง
การจดั การเรียนการสอนของผู้สอน และการเรยี นร้ขู องผเู้ รยี นหรือไม่

- สาระการเรียนรู้หรอื รายวิชาในหลักสูตรมีความซา้ ซอ้ นหรอื ไม่

110

ตวั อยา่ งคาถามการประเมนิ หลักสตู รเกีย่ วกับการจดั การเรียนรู้

- การจดั การเรยี นร้สู อดคลอ้ งกบั ความสนใจ ความถนัด และความตอ้ งการ
ของผเู้ รียนหรอื ไม่

- การจัดกระบวนการเรยี นรไู้ ด้มกี ารสง่ เสริมใหผ้ เู้ รยี นศึกษาค้นควา้ ความรู้
ด้วยตนเองหรอื ไม่

- ใชว้ ธิ กี ารจัดการเรียนการสอนอย่างหลากหลายหรือไม่ เช่น การบรรยาย
การอภปิ ราย การสัมมนา การวิจัยเปน็ ฐาน เป็นตน้

- ใชแ้ หลง่ การเรียนรตู้ ่างๆ มาสนับสนนุ กระบวนการเรียนร้หู รือไม่

- กระบวนการเรยี นร้มู ่งุ พัฒนาความร้ทู างวชิ าการ ทักษะปฏิบตั ิ
และคณุ ลกั ษณะท่ีพงึ ประสงค์ควบคูก่ ันหรือไม่

- กระบวนการเรียนรู้เช่อื มโยงองค์ความรู้กับปรากฏการณ์ทางสังคมหรือไม่

- กระบวนการเรยี นร้กู ระตนุ้ ใหผ้ ู้เรียนคดิ วเิ คราะห์ และคดิ วิจารณญาณหรอื ไม่

- กระบวนการเรยี นรู้สง่ เสริมให้ผู้เรียนมกี ารแลกเปลย่ี นเรียนรู้หรอื ไม่

- กระบวนการเรียนรสู้ ง่ เสริมให้ผู้เรียนพฒั นาตนเองอยา่ งตอ่ เนอ่ื งหรือไม่

111

- มกี ารนาผลการวจิ ยั ตา่ งๆ มาประกอบการจัดการเรยี นรหู้ รือไม่

- ผู้เรียนได้ปฏบิ ตั กิ ารวจิ ัยเป็นสว่ นหนง่ึ ของกจิ กรรมการเรยี นรู้หรอื ไม่

- ใช้เทคโนโลยสี ารสนเทศและการส่ือการมาสนบั สนนุ การจดั การเรยี นรู้หรอื ไม่

- ผ้สู อนเออ้ื อานวยความสะดวกในเรียนรู้ให้กบั ผเู้ รยี น โดยใชว้ ิธกี ารตา่ งๆ
เชน่ ให้คาแนะนา ใหค้ วามช่วยเหลอื หรือไม่

ตวั อย่างคาถามการประเมนิ หลกั สตู รเกีย่ วกับการวดั และประเมินผลการเรียนรู้

- ใช้วธิ ีการวดั ผลการเรยี นร้อู ยา่ งหลากหลายหรือไม่ เชน่ การสงั เกต
การทดสอบ การประเมนิ ตนเอง การตรวจผลงาน

- ใชผ้ ู้ประเมนิ จากบคุ คลหลายฝุายหรือไม่ เช่น ผ้สู อน เพอื่ น ผเู้ รียน
ผเู้ กยี่ วข้อง

- ดาเนนิ การประเมินผลก่อนการเรยี นรู้ เพอื่ วนิ ิจฉยั ความพร้อมในการเรียนรู้
ของผู้เรยี น ดว้ ยวธิ ีการต่างๆ หรือไม่ เชน่ การสอบถาม การใชแ้ บบทดสอบ

- ดาเนินการประเมนิ ผลระหวา่ งการเรียนรคู้ วบคู่กับการจัดการเรยี นการสอน
หรอื ไม่ เชน่ การตรวจสอบผลงาน การสงั เกต

112

- ดาเนินการประเมินผลหลงั การเรียนรู้ หรอื ไม่ เชน่ การทดสอบ
การปฏบิ ัติงาน การทารายงานทางวชิ าการ

- ดาเนนิ การประเมนิ ผลการเรียนรเู้ พอ่ื ตรวจสอบกระบวนการเรียนรู้
ของผู้เรยี นหรอื ไม่

- ดาเนนิ การประเมินผลการเรยี นรู้เพอื่ ตรวจสอบผลผลิตของการเรยี นรู้
(product) ของผเู้ รยี น หรือไม่

- ดาเนินการประเมนิ ผลการเรยี นรู้เพอ่ื ตรวจสอบความก้าวหนา้ ในการเรียนรู้
(progress) ของผเู้ รียน หรือไม่

- ผ้เู รยี นมสี ว่ นรว่ มในการประเมนิ หรือไม่

- มีการสะทอ้ นผลการประเมินสู่ผูเ้ รยี นด้วยวิธีการต่างๆ หรอื ไม่

ท่ีมาของการกาหนดคาถามการประเมินส่วนหนึ่งมาจากเหตุผลทางวิชาการท่ีเกี่ยวข้องกับ
การพัฒนาหลักสูตร เช่น วัตถุประสงค์ของหลักสูตร เนื้อหาสาระ กิจกรรมการเรียนการสอน และการ
ประเมินผล มีความสอดคล้องกันหรือไม่ เป็นต้น อีกส่วนหนึ่งจะมาจากปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นจริง
ในหลกั สตู รซงึ่ จะมีความแตกต่างหลากหลายกนั ไปในแต่ละหลักสูตร ซ่ึงคณะกรรมการประเมินหลักสูตร
ควรนามาพิจารณากาหนดเป็นคาถามการประเมินด้วย เพราะจะทาให้ได้ข้อมูลผลการประเมิน
ท่ีสอดคล้องกับบริบทของการใช้หลักสูตรอย่างแท้จริง และนาไปสู่การปรับปรุงหลักสูตรได้ตรงปัญหา
มากย่ิงข้ึน เช่น การเกิดปรากฏการณ์ผู้เรียนไม่สามารถปฏิบัติงานกลุ่มร่วมกันได้อย่างมีประสิทธิภาพ

113

ในปรากฏการณ์นี้คณะกรรมการประเมินหลักสูตรควรนามาพิจารณากาหนดคาถามการประเมิน
ท่ีเกี่ยวข้อง เช่น ผู้เรียนมีทักษะการทางานร่วมกันหรือไม่ การมอบหมายงานจากผู้สอนมีประสิทธิภาพ
หรือไม่ ลักษณะของภาระงานท่ีให้ผู้เรียนปฏิบัติในแต่ละรายวิชามีความบูรณาการกันหรือไม่ ภาระงาน
ที่มอบหมายน้ันมีความสอดคล้องเชื่อมโยงกับสิ่งท่ีเรียนในเชิงทฤษฎีหรือไม่ ภาระงานท่ีมอบหมาย
มีความสอดคล้องกับความถนัด ความสนใจ และความต้องการของผู้เรียนหรือไม่ ผู้สอนมีการส่งเสริม
สนบั สนนุ และตดิ ตามการปฏบิ ตั ิภาระงานของผูเ้ รียนอยา่ งตอ่ เน่ืองหรอื ไม่ เป็นต้น

114

ประเดน็ การประเมนิ และคาถามการประเมนิ
ทม่ี ีความสอดคล้องกัน

จะนาไปสกู่ ารออกแบบการประเมนิ
ทีม่ ปี ระสิทธิภาพ

115

สรุป

จากที่ได้กล่าวมาในบทท่ี 4 เรื่อง ประเด็นและคาถามการประเมินหลักสูตร สรุปสาระสาคัญ
ได้ดังต่อไปน้ี

1. การประเมินหลักสูตรท่ีดีต้องมีประเด็นการประเมินหรือบางคร้ังเรียกว่ากรอบการ
ประเมิน ได้แก่ 1) ขอบเขตของหลักสูตร 2) ความสัมพันธ์เชื่อมโยงของหลักสูตร 3) ความสมดุลของ
หลักสูตร 4) การบูรณาการของหลักสูตร 5) การลาดับเน้ือหาสาระ 6) ความต่อเนื่องของเน้ือหาสาระ
และกจิ กรรม 7) ความเชอื่ มตอ่ ของเนือ้ หาสาระ 8) การถา่ ยโอนการเรียนรู้

2. คาถามการประเมิน (evaluation questions) หมายถึง ส่ิงที่ต้องการทราบหรือได้
คาตอบจากการประเมิน ซ่ึงเป็นประโยชน์ต่อการตัดสินใจเกี่ยวกับหลักสูตรไม่ว่าจะเป็นการปรับปรุง
หลักสูตร หรือยกเลิกการใช้หลักสูตร การตั้งคาถามการประเมินท่ีมีความครอบคลุมและชัดเจน ช่วยทา
ใหก้ ารประเมินหลกั สตู รมปี ระสิทธิภาพมากข้ึน ได้คาตอบท่ีเป็นประโยชน์ต่อการปรับปรุงหลักสูตรอย่าง
ครอบคลมุ

116

คณะกรรมการประเมินหลกั สตู ร
ควรร่วมกันกาหนดประเด็นการประเมนิ
และคาถามการประเมินไว้อย่างชดั เจน
เพอื่ ให้การประเมินประสบความสาเรจ็

117

บรรณานกุ รม

วิชัย วงษ์ใหญ.่ (2555). เอกสารประกอบการบรรยาย หัวข้อการพฒั นาหลักสูตร. กรุงเทพฯ:
บณั ฑิตวิทยาลยั มหาวทิ ยาลยั ศรนี ครนิ ทรวิโรฒ.

ศริ ชิ ยั กาญจนวาสี. (2537). ทฤษฎกี ารประเมนิ . กรุงเทพฯ: สานกั พมิ พจ์ ุฬาลงกรณม์ หาวทิ ยาลัย.
สมคิด พรหมจยุ้ . (2552). เทคนคิ การประเมนิ โครงการ. กรงุ เทพฯ: ศนู ยห์ นังสือจฬุ าลงกรณ์

มหาวิทยาลยั . (จดั จาหน่าย).
Armstrong. David G. (1989). Developing and Documenting the Curriculum.

Boston: Allyn and Bacon.
. (2003). Curriculum Today. New Jersey: Merrill Prentice Hall.
Beane, James A. and others. (1986). Curriculum Planning and Development.
Boston: Allyn and Bacon.
Bobbit, Franklin. (1918). The Curriculum. Boston: Houghton Mifflin.
. (1924). How to Make a Curriculum. Boston: Houghton Mifflin.
Brady, Laurie. (1992). Curriculum Development. 4thed. Sydney: Prentice Hall.
Cronbach, Lee J. (1983). “Course Improvement through Evaluation”. Evaluation
Models: Viewpoints on Educational and Human Services Evaluation.
Boston: Kluwer-Nijhoff.
Guba, Egon G. and Lincoln, Yvonna S. (1989). Fourth Generation Evaluation.
California: Sage Publications.
Fink, Arlene. (2015). Evaluation Fundamentals: Insight into Program Effectiveness,
Quality, and Value. Los Angeles: Sage Publications.
Henson, Kenneth T. (2001). Curriculum Planning: Integrating Multiculturalism,
Constructivism, and Education Reform. 2nded. New York: McGraw - Hill.

118

Hoggarth, Liz. (2010). A Practical Guide to Outcome Evaluation. London; Philadelphia:
Jessica Kingsley Publishers.

Kelly, A. V. (1999). The Curriculum. 4thed. London: Paul Chapman Publishing Ltd.
Lattuca, Lisa R. (2009). Shaping the Collage Curriculum: Academic Plans

in Context. 2nded. San Francisco: Jossey – Bass.
Marsh, Colin J., and Willis, George. (2003). Curriculum: Alternative Approached,

Ongoing Issues. Upper Saddle River, New Jersey: Merrill Prentice Hall.
McDavid, James., Huse, Irene., and Hawthorn, Laura R.L. (2013). Program Evaluation

and Performance Measurement: An Introduction to Practice.
Thousand Oaks: Sage Publications.
McNeil, John D. (1976). Designing Curriculum: Self – Instructional Modules.
Boston: Little, Brown and Company.
Mertens, Donna M., and Wilson Amy T. (2012). Program Evaluation Theory and
Practice: A Comprehensive Guide. New York: The Guilford Press.
Miller, J. P. & Seller, W. (1985). Curriculum: Perspectives and Practice. New York :
Longman.
O’Sullivan, Rita G. (2004). Practicing Evaluation: A Collaborative Approach. Thousand
Oaks: Sage Publications.
Oliva, Peter F. (2009). Developing the Curriculum. 7thed. Boston: Allyn and Bacon.
Oliva, Peter F., and Gordon, II, William, R. (2013). Developing the Curriculum. 8thed.
Boston: Pearson.
Ornstein, Allan C. (2013). Curriculum: Foundations, Principles, and Issues. Boston:
Pearson.

119

Ornstein, Allan C., and Hunkins, Francis P. (2004). Curriculum: Foundations,
Principles, and Issues. Boston: Allyn and Bacon.

Pearsons, Beverly A. (2002). Evaluating Inquiry: Using Evaluation to Promote Student
Success. Thousand Oaks; California: Corwin Press.

Posner, George J. (2004). Analyzing the Curriculum. New York: McGraw Hill.
Print, Murray. (1993). Curriculum Development and Design. 2nd ed. Sydney:

Allen & Unwin.
Rea-Dickins, Pauline., and Germaine, Kevin. (2011). Evaluation. Oxford: Oxford

University Press.
Royse, David., [et al.]. (2001). Program Evaluation: An Introduction. Australia; Belmont,

California: Brooks/Cole-Wadsworth Thompson Learning.
Saylor, J. G. and Alexander, W.M. (1974). Curriculum Planning for Schools. New York:

Holt, Rinehart & Winston.
. (1981). Curriculum Planning for Better Teaching and Learning. New York:

Holt, Rinehart and Winston.
Stufflebeam, Daniel L. and Shinkfield, Anthony J. (2007). Evaluation Theory, Models,

& Applications. San Francisco: Jossey – Bass.
Taba, Hilda. (1962). Curriculum Development : Theory and Practice. New York:

Harcourt Brace Jovanovich.
Tanner, Daniel and Tanner, Laurel. (1975). Curriculum Development: Theory

into Practice. New York: Macmillan Publishing.
Tanner, Daniel and Tanner, Laurel. (1980). Curriculum Development: Theory

into Practice. 2nded. New York: Macmillan Publishing.

120

Tyler, Ralph W. (1949). Basic Principles of Curriculum and Instruction. Chicago:
The university of Chicago Press.

Udelhofen, Susan. (2005). Keys to Curriculum Mapping: Strategies and Tools to
Make it Work. Thousand Oaks, California: Corwin Press.

Walker, Decker F. and Soltis, Jonas F. (2009). Curriculum and Aims. New York:
Teachers College Columbia University.

Wiles, Jon W., and Bondi, C. Joseph. (2011). Curriculum Development a Guide to
Practice. 8thed. Boston: Pearson.

William, Pinar. (2012). What is Curriculum Theory. New York: Routledge.

121

บทที่ 5
การประเมนิ หลักสตู ร
กบั การประเมินการเรียนการสอน

122 5.1 ความสมั พนั ธ์ระหว่างการประเมินหลักสูตร
กับการประเมนิ การเรยี นการสอน
5. การประเมินหลักสตู ร
กับการประเมิน 5.2 จดุ เน้นท่ีแตกต่างกันของการประเมินหลกั สตู ร
การเรยี นการสอน กบั การประเมนิ การเรยี นการสอน

5.3 ความสมั พันธ์ระหวา่ งสารสนเทศจากการประเมนิ หลกั สตู ร
สกู่ ารปรับปรงุ หลกั สตู ร การเรยี นการสอน และคณุ ภาพผู้เรยี น

5.4 องคป์ ระกอบของการประเมนิ การเรยี นการสอน

5.5 ประสิทธิภาพของวิธกี ารประเมนิ ผลการเรยี นรู้

5.6 นวตั กรรมการประเมนิ การเรียนการสอน
และการประเมินผลการเรยี นรู้ของผู้เรียน

123

สาระสาคญั

สาหรับในบทที่ 5 เรื่อง การประเมินหลักสูตรกับการประเมินการเรียนการสอน
มสี าระสาคัญดงั ตอ่ ไปน้ี

1. การประเมินหลักสูตรเป็นการตรวจสอบคุณภาพการจัดการศึกษาของหลักสูตร
ทง้ั ระบบทั้งก่อนใช้หลกั สตู ร ระหวา่ งการนาหลกั สูตรไปปฏบิ ตั ิและหลังการใช้หลักสูตร ส่วนการประเมิน
การเรยี นการสอนเป็นการตรวจสอบคณุ ภาพการจัดกิจกรรมและประสบการณ์การเรียนรู้ของผู้สอนและ
ผลการเรยี นรูข้ องผเู้ รียน

2. การประเมินหลักสูตรทาให้ได้ข้อมูลสารสนเทศสาหรับนามาใช้ในการปรับปรุง
หลักสูตร ส่วนการประเมินการเรียนการสอน ทาให้ได้ข้อมูลสารสนเทศสาหรับนามาใช้ในการปรับปรุง
การเรียนการสอนซ่ึงการปรับปรุงการเรียนการสอนนั้นนับเป็นส่วนหน่ึงของการปรับปรุงหลักสูตร
ด้วยเช่นกนั

3. การประเมินหลักสูตรกับการประเมินการเรียนการสอนมีลักษณะร่วมกันและมี
จดุ เนน้ ที่แตกตา่ งกนั

4. องค์ประกอบของการประเมินการเรียนการสอน มี 2 มิติ ได้แก่ 1) การประเมิน
กระบวนการจดั การเรียนการสอน และ 2) การประเมินผลการเรียนรู้ของผู้เรยี น

5. ผู้สอนควรเลือกวิธีการวัดและประเมินผลให้สอดคล้องกับสิ่งท่ีต้องการประเมิน
ซ่ึงจะทาให้การประเมินมีประสิทธิภาพสูง มีข้อมูลสารสนเทศท่ีถูกต้องและสามารถนาไปพัฒนาผู้เรียน
เป็นรายบคุ คลได้ต่อไป

6. นวัตกรรมการประเมินการเรียนการสอนและการประเมินผลการเรียนรู้ของผู้เรียน
มคี วามหลากหลาย ซึง่ เป็นสงิ่ สาคัญท่ผี สู้ อนควรนาไปปรับใชใ้ ห้สอดคลอ้ งกบั บรบิ ท

124

การประเมนิ หลกั สตู ร
และการประเมินการเรียนการสอน
มคี วามสัมพันธก์ นั อย่างใกลช้ ิด

ผลการประเมนิ สามารถนาไป
ปรบั ปรุงหลกั สูตรและการเรียนการสอน

ไดอ้ ยา่ งเป็นระบบ

125

5.1 ความสมั พันธร์ ะหว่างการประเมินหลกั สูตรกับการประเมินการเรยี นการสอน

เม่ือกล่าวถึงการประเมินหลักสูตรจะหมายรวมถึงการประเมินการเรียนการสอน (Oliva.
2009) ด้วยท้งั น้เี พราะการประเมินหลักสตู รเป็นการตรวจสอบคุณภาพการจัดการศึกษาของหลักสูตรทั้ง
ระบบท้ังก่อนใช้หลักสูตร ระหว่างการนาหลักสูตรไปปฏิบัติ และหลังการใช้หลักสูตร ส่วนการประเมิน
การเรียนการสอน (instructional evaluation) เป็นการตรวจสอบคุณภาพการจัดกิจกรรมและ
ประสบการณ์การเรียนรู้ของผู้สอน และผลการเรียนรู้ของผู้เรียน ที่นับเป็นส่วนหนึ่งของการประเมิน
หลักสูตรระหว่างการนาหลักสูตรไปปฏิบัติ และให้ความสาคัญกับการปรับปรุงและพัฒนาการจัดการ
เรียนการสอนใหม้ คี ุณภาพสงู ขนึ้ อย่างต่อเนื่อง แสดงความสัมพันธ์ระหว่างการประเมินหลักสูตรและการ
ประเมนิ การเรยี นการสอน ดังแผนภาพต่อไปนี้

การประเมิน การประเมินระหวา่ ง การประเมิน
ก่อนนาหลักสตู รไปใช้ การนาหลกั สตู รไปปฏิบตั ิ หลังการนา
หลกั สตู รไปใช้
การประเมิน
การเรยี นการสอน

การปรบั ปรงุ และพัฒนา การปรับปรงุ และพัฒนา
คณุ ภาพการเรยี นการสอน คณุ ภาพหลกั สตู ร

แผนภาพ 10 การประเมนิ การเรียนการสอนเป็นส่วนหนงึ่ ของการประเมนิ หลกั สูตร

126

การประเมินหลักสูตรกับการประเมินการเรียนการสอนมีความสัมพันธ์กัน ทั้งในแง่
วัตถุประสงค์การประเมิน วิธีการประเมิน และผลการประเมิน กล่าวคือ การประเมินหลักสูตรทาให้
ได้ข้อมูลสารสนเทศสาหรับการปรับปรุงหลักสูตร เช่น ปรับปรุงจุดมุ่งหมายของหลักสูตร ปรับปรุง
เน้ือหาสาระที่บรรจุไว้ในหลักสูตร (รวมทั้งปรับปรุงการเรียนการสอนด้วย) ส่วนการประเมินการเรียน
การสอน ทาให้ได้ข้อมูลสารสนเทศสาหรับการปรับปรุงการเรียนการสอน ซ่ึงการปรับปรุงการเรียน
การสอนนบั เปน็ ส่วนหนึ่งของการปรับปรุงหลกั สตู รดว้ ยเชน่ กนั ดงั แผนภาพตอ่ ไปนี้

การประเมนิ หลักสตู ร นาไปสู่การปรับปรงุ หลักสตู รทง้ั ระบบ
การเรยี นการสอน
การประเมิน นาไปสู่การปรบั ปรงุ
การเรยี นการสอน

แผนภาพ 11 ความสมั พันธร์ ะหว่างการประเมินหลกั สูตรกบั การประเมนิ การเรยี นการสอน


Click to View FlipBook Version