227
ประเภทการประเมินและการตัดสินใจดังกล่าวแสดงเป็นความสัมพันธ์ระหว่างกัน
ดงั แผนภาพตอ่ ไปน้ี
ประเภทการประเมิน ประเภทการตดั สินใจ
สภาวะแวดลอ้ ม / บริบท
นาไปสู่ การกาหนดเป้าประสงค์
ปัจจัยนาเขา้ และวัตถปุ ระสงคข์ องหลกั สตู ร
นาไปสู่
การออกแบบหลกั สตู ร
กระบวนการ นาไปสู่ การนาหลักสูตรใช้
ผลผลติ นาไปสู่
การปรับปรุง / เปลย่ี นแปลง
ยกเลกิ การใช้หลักสตู ร
แผนภาพ 30 รูปแบบการประเมินหลักสตู รของ Stufflebeam
ท่ีมา: Stufflebeam, Daniel L. (1983). “The CIPP Model for Program Evaluation”.
Evaluation models : viewpoints on educational and human
services evaluation. Boston : Kluwer-Nijhoff.
228
7.4 รปู แบบการประเมนิ ของ Provus
Malcolm Provus ไดเ้ สนอแนวคิดการประเมนิ หลกั สตู รไวโ้ ดยมีสาระสาคญั คอื การประเมิน
หลกั สูตรมีจุดประสงค์เพื่อตัดสินใจว่าหลักสูตรท่ีดาเนินการใช้อยู่นั้น ควรจะปรับปรุงหรือดาเนินการต่อ
หรือยกเลิกการใช้ Provus เรียกว่าวิธีการประเมินความไม่สอดคล้องกัน (discrepancy model)
และนิยามการประเมินว่าเป็นกระบวนการท่ีมีความเก่ียวข้องกับส่ิงต่อไปน้ี 1) กาหนดมาตรฐานของ
หลักสูตร ได้แก่ มาตรฐานด้านการพัฒนาและมาตรฐานด้านเนื้อหา 2) พิจารณาความไม่สอดคล้อง
ระหว่างส่วนต่างๆ ของหลักสูตรกับมาตรฐานท่ีกาหนดข้ึน และ 3) ใช้ข้อมูลท่ีไม่สอดคล้องสาหรับ
คน้ หาจดุ ออ่ นของหลักสูตรและนาไปสูก่ ารตดั สนิ ใจ
การประเมนิ หลักสูตรตามรูปแบบของ Provus มี 5 ประเดน็ ดงั นี้
1. การประเมนิ คุณภาพของการออกแบบหลักสูตร (program definition) เป็นการ
ประเมินรายละเอียดของหลักสูตร โดยพิจารณาคุณภาพของส่ิงต่างๆ ท่ีเกี่ยวข้องกับหลักสูตร
ประกอบด้วย 3 ส่วน ได้แก่ 1) วัตถุประสงค์ของหลักสูตร 2) คุณลักษณะของผู้สอน คุณลักษณะของ
ผู้เรียน ปริมาณและคุณภาพของโสตทัศนูปกรณ์ และส่ิงอานวยความสะดวกต่างๆ ในการใช้หลักสูตร
และ 3) กจิ กรรมของผูส้ อนและผเู้ รยี นท่ีจะทาให้บรรลุวัตถุประสงค์การใช้หลกั สตู ร เชน่ การจัดการเรียน
การสอน โดยนาทั้งสามสว่ นน้ีไปเปรยี บเทียบกับเกณฑ์มาตรฐานของการใช้หลักสตู รที่กาหนดไว้
2. การประเมินการเรมิ่ ใชห้ ลักสูตร (program installation) เป็นการประเมินสภาพ
ท่ีเป็นจริงระหว่างการใช้หลักสูตร โดยการเปรียบเทียบสภาพ ที่เป็นจริงระหว่างการใช้หลักสูตร
กับมาตรฐานหลักสูตรที่กาหนดไว้ ว่ามีความเหมาะสมเพียงใด การประเมินในขั้นตอนน้ี ทาให้ทราบ
ความแตกต่างระหว่างสง่ิ ที่คาดหมายไวใ้ นขนั้ ท่ี 1 กบั สงิ่ ทเ่ี ป็นจรงิ
229
3. การประเมินกระบวนการ (program process) เป็นการประเมินเก่ียวกับการ
บรรลวุ ตั ถปุ ระสงคย์ อ่ ยๆ ทจ่ี ะนาไปสู่การบรรลุเปูาประสงค์และวัตถุประสงค์ของหลักสูตร โดยนาข้อมูล
มาเปรียบเทียบกับมาตรฐานการประเมิน คือ ความสัมพันธ์ระหว่างกระบวนการกับผลผลิตท่ีจะเกิดข้ึน
ตามทกี่ าหนดไว้เพื่อนาผลการประเมินไปปรับปรงุ การดาเนินการใช้หลักสูตรตอ่ ไป
4. การประเมนิ ผลผลติ ของหลกั สูตร (program product) เป็นการประเมินคุณภาพ
ของผู้เรียนข้ันสุดท้ายท่ีเกิดข้ึนจากการใช้หลักสูตร มุ่งตอบคาถามว่าหลักสูตรได้บรรลุเปูาประสงค์และ
วัตถุประสงคห์ ลักหรอื ไม่ เพียงใด โดยนาขอ้ มลู มาเปรยี บเทียบกบั มาตรฐานการประเมิน คือ ผลผลิตของ
หลักสูตรตามทก่ี าหนดไวใ้ นเปาู ประสงค์และวัตถปุ ระสงค์ของหลักสตู ร สว่ นมากคือ คุณภาพของผูเ้ รยี น
5. การวิเคราะห์ค่าใช้จ่ายและผลตอบแทน (cost – benefit analysis) เป็นการ
ประเมินเกี่ยวกับค่าใช้จ่ายในการดาเนินการใช้หลักสูตร ว่าได้ผลตอบแทนคุ้มค่ากับการลงทุนมากน้อย
เพียงใด การประเมินข้ันน้ีจะกระทาหรือไม่ข้ึนอยู่กับความเป็นไปได้ของคณะกรรมการประเมินหลักสูตร
จะพิจารณา
การประเมินหลักสูตรทุกข้ันตอนของ Provus จะมีการเปรียบเทียบสิ่งท่ีเป็นจริงกับส่ิงท่ี
กาหนดไว้เป็นมาตรฐาน ว่ามีความสอดคล้องกันหรือไม่ ซ่ึงถ้าหากพบว่าไม่สอดคล้องกันจะเป็นข้อมูล
นาไปส่กู ารตดั สินใจปรับปรงุ เปล่ียนแปลงหลักสูตรตอ่ ไป ดังแผนภาพต่อไปน้ี
230
T TT T
มาตรฐาน มาตรฐาน มาตรฐาน มาตรฐาน 5
(S) (S) (S) (S)
S S S S
3 CD 4 CD
1 CD 2 CD
P P P P
การปฏิบตั ิ การปฏบิ ัติ การปฏิบตั ิ การปฏบิ ตั ิ
(P) (P) (P) (P)
A B C D
แผนภาพ 31 รปู แบบการประเมินของ Provus
ท่ีมา: Provus, M. M. (1971). Discrepancy Evaluation. California: McCutchan.
ปรบั ปรงุ จาก Saylor Alexander and Lewis. (1981). p.325
231
ความหมายของสญั ลกั ษณ์และหมายเลขตา่ งๆ
S คือ มาตรฐาน (standard) ที่คณะกรรมการประเมินหลกั สูตรและผู้บริหารกาหนด
P คือ การปฏิบตั ิ (performance) ขอ้ มลู จากสิ่งทีเ่ กดิ ขน้ึ ในระหวา่ งการรา่ งหลักสตู ร
C คือ การเปรียบเทยี บ (compare) ผลการปฏิบัติจรงิ กับมาตรฐานทก่ี าหนดไว้
D คอื ข้อมูลทีแ่ สดงความไมส่ อดคล้อง (discrepancy) หรอื ความแตกต่างระหวา่ ง
การปฏิบตั ิจริงกบั มาตรฐานที่กาหนดไว้
A คอื การปรบั ปรงุ การปฏบิ ัตจิ รงิ หรือการปรบั ปรงุ มาตรฐาน (alteration) เกยี่ วกับ
การปฏิบัติ หรอื มาตรฐาน
1 , 2 , 3 , 4 , 5 คือ ขนั้ ตอนการประเมนิ หลกั สตู ร ได้แก่
1 คอื นิยามหลักสูตร
2 คือ การดาเนนิ การเรม่ิ การใช้หลกั สูตร
3 คือ กระบวนการ
4 คอื ผลผลติ ของหลักสตู ร
5 คือ ขัน้ การวิเคราะหค์ ่าใชจ้ า่ ยและผลตอบแทน
T คือ สิน้ สุดการใช้หลักสูตร
จากแผนภาพที่แสดงขั้นตอนการประเมินหลักสูตรทั้ง 5 ประเด็น มีแนวปฏิบัติที่เหมือนกัน
คือ การเปรียบเทียบสภาพที่เป็นจริงของหลักสูตรกับมาตรฐานท่ีกาหนดว่ามีความสอดคล้องกัน
หรอื ไม่
232
การประเมินของ Provus ให้ความสาคัญกับการคิดอย่างเป็นระบบ โดยระบบจะเริ่มจาก
การตั้งคาถามแล้วนาไปสู่การกาหนดเกณฑ์ นาไปสู่การแสวงหาสารสนเทศที่เกี่ยวข้อง และนาไปสู่
การตดั สนิ ใจ ดว้ ยการตอบคาถามทีไ่ ดต้ ้ังไวใ้ นขน้ั ตอนแรกดงั แผนภาพตอ่ ไปน้ี
คาถาม เกณฑ์ สารสนเทศ การตัดสินใจ
(Q) (C) (I) (D)
Question Criterion Information Decision
แผนภาพ 32 การประเมินโดยใช้การคิดอย่างเปน็ ระบบ
7.5 รูปแบบการประเมนิ ของ Hammond
Robert L. Hammond ได้เสนอรูปแบบประเมินหลักสูตรโดยมีจุดมุ่งหมายเพื่อตรวจสอบ
ว่าหลักสูตรบรรลุเป้าประสงค์และวัตถุประสงค์ท่ีกาหนดไว้หรือไม่ รวมท้ังการประเมินประสิทธิภาพ
ของหลกั สูตรที่กาลังดาเนินการใช้อยู่ในปัจจุบัน โดยเปรียบเทียบข้อมูลเชิงพฤติกรรมกับจุดประสงค์
โดยมุ่งเน้นการพัฒนาหลักสูตรและการเรียนการสอนท่ีอิงอยู่กับบริบทของสถานศึกษา ชุมชน
และทอ้ งถิน่
โครงสร้างการประเมนิ หลักสูตรของ Hammond ประกอบด้วยการประเมินด้านต่างๆ 3 มิติ
ประกอบด้วย มิติด้านการเรียนการสอน มิติด้านสถาบัน และมิติด้านพฤติกรรม ความสาเร็จของ
หลักสูตรขึ้นอยู่กับปฏิสัมพันธ์ระหว่างตัวแปรในมิติต่างๆ โดยแต่ละมิติจะมีตัวแปรย่อยที่จะต้อง
ประเมนิ อกี หลายตัวแปร ดังนี้
233
ก) มิตดิ ้านการเรยี นการสอน ประกอบดว้ ย
1. การจัดชัน้ เรยี น
2. เนอ้ื หาสาระ
3. วธิ ีการจดั การเรียนรู้
4. ส่ิงอานวยความสะดวกต่างๆ
5. งบประมาณ
ข) มิตดิ ้านสถาบัน ประกอบดว้ ย
1. ผู้เรียน
- อายุ
- เพศ
- ระดบั ช้นั ทก่ี าลังศกึ ษา
- ผลสมั ฤทธิ์ทางการเรียน
- สุขภาพกายและความเครียด
- ภูมหิ ลังทางครอบครวั
2. ผูส้ อน
- อายุ
- เพศ
- วฒุ ิสูงสดุ ทางการศกึ ษา
- ประสบการณก์ ารสอน
- เงินเดอื น
- กจิ กรรมทที่ าเวลาว่าง
- การฝกึ อบรมเพ่ิมเติมเก่ยี วกบั การใชห้ ลกั สตู ร
- ความพงึ พอใจในการปฏิบตั ิงาน
234
3. ผบู้ รหิ าร
- อายุ
- เพศ
- วุฒสิ ูงสุดทางการศึกษา
- ประสบการณท์ างการบริหาร
- เงนิ เดอื น
- ความพึงพอใจในการปฏบิ ตั ิงานดา้ นวิชาการ
- ลกั ษณะทางบุคลกิ ภาพ
- การฝกึ อบรมเพ่มิ เตมิ
4. ผู้เชีย่ วชาญ
- อายุ
- เพศ
- ความเชี่ยวชาญเฉพาะด้าน
- ลักษณะของการให้คาปรกึ ษา การชว่ ยเหลอื
- ลักษณะทางบคุ ลกิ ภาพ
- ความพงึ พอใจในการปฏบิ ัตงิ าน
5. ครอบครวั
- สถานภาพการสมรส
- ขนาดครอบครวั
- รายได้
- สถานทอ่ี ยู่
- การศึกษา
235
- การเป็นสมาชิกของสมาคม ชุมชน
- การโยกย้าย ระยะเวลาทอ่ี ยู่ในชุมชน
- จานวนบตุ รทก่ี าลังอยูใ่ นระหว่างการศกึ ษา
- จานวนญาติท่ีอยู่รว่ มสถานศึกษา
6. ชมุ ชน
- สภาพชมุ ชน ด้านกายภาพ ประวัติความเปน็ มาของชมุ ชน
- จานวนประชากร
- การกระจายของอายุประชากร
- ความเชื่อ คา่ นิยม ประเพณี ศาสนา วฒั นธรรม
- ลักษณะทางเศรษฐกจิ
- สภาพการใหบ้ ริการทางสขุ ภาพอนามัย
- การรับนวัตกรรมและเทคโนโลยี
ค) มิติด้านพฤติกรรม (behavioral dimension) มีองค์ประกอบของพฤติกรรม 3 ด้าน
ไดแ้ ก่ ดา้ นการร้คู ดิ ดา้ นทักษะ และดา้ นเจตคติ
1. พฤติกรรมด้านการรู้คิด ได้แก่ ความจา ความเข้าใจ การนาไปใช้ การวิเคราะห์
การสงั เคราะห์ การประเมินค่า และการสร้างสรรค์
2. พฤติกรรมด้านทักษะ ได้แก่ การกระทาทั้งหลายที่ใช้การประสานงานของประสาท
กลา้ มเน้ือ หรอื พฤติกรรมท่เี กย่ี วขอ้ งกบั การใชม้ ือและรา่ งกายปฏบิ ตั ิงานตา่ งๆ
3. พฤติกรรมด้านเจตคติ ได้แก่ พฤติกรรมที่เกี่ยวกับความสนใจ ความชอบ ไม่ชอบ
ทัศนคติ ความซาบซ้ึง และค่านยิ ม
236
การประเมนิ หลักสตู รของ Hammond เร่มิ ด้วยการประเมินหลักสูตรที่กาลังดาเนินการใช้อยู่
ในปัจจุบัน แล้วทาการนิยามตัวแปรในแต่ละมิติ ต่อด้วยการกาหนดพฤติกรรมท่ีจะประเมินเพ่ือให้ได้
ข้อมูลพื้นฐานอย่างเพียงพอสาหรับการประกอบการตัดสินใจ แล้วจึงกาหนดแนวทางขั้นตอน
การเปล่ียนแปลงหลักสูตร โดยการประเมนิ หลักสูตรของ Hammond มปี ระเด็นสาคัญดังน้ี
1. การประเมินหลักสูตรที่กาลังใช้อยู่ โดยประเมินส่วนย่อยๆ ของหลักสูตร เช่น การ
ประเมินเพียงรายวชิ าหน่ึงของหลักสตู ร
2. นิยามลักษณะต่างๆ ของตัวแปร โดยอธิบายถึงตัวแปรต่างๆ ในมิติด้านการเรียน
การสอน มติ ิพฤติกรรม และมิตดิ ้านสถาบนั
3. กระบวนการประเมินหลักสูตร การกาหนดจุดประสงค์เชิงพฤติกรรมโดยระบุ
พฤติกรรมท่ีผู้เรียนแสดงออกด้วยการกระทาเพ่ือบ่งถึงความสาเร็จตามจุดประสงค์ที่ กาหนดไว้
สถานการณ์ที่ยอมรับผลของพฤติกรรมโดยการบรรยายให้ชัดเจนว่าผู้เรียนต้องแสดงพฤติกรรมได้
ในระดับใด
4. ประเมินพฤติกรรมที่ระบุไว้ในจุดประสงค์ ผลที่ได้จากการประเมินจะเป็นสิ่งกาหนด
พจิ ารณาหลกั สูตรท่ดี าเนินการใช้อยูเ่ พ่อื ตัดสินรวมทง้ั การปรับปรุงหลักสูตร
5. การวิเคราะห์ผลภายในองค์ประกอบและความสัมพันธ์ระหว่างองค์ประกอบเพื่อให้
ได้ข้อสรุปตามสิ่งท่ีเกิดขึ้นจริงในทางปฏิบัติ โดยนาไปตรวจสอบกับจุดประสงค์ท่ีกาหนดไว้เพื่อตัดสิน
ประสิทธภิ าพของหลักสูตรเกีย่ วกบั การบรรลผุ ลถงึ ระดับทค่ี าดหวัง ดงั แผนภาพต่อไปนี้
237
ตวั แปรชนดิ ที่ 1 ตัวแปรชนดิ ท่ี 2 ตวั แปรชนดิ ที่ 3 ตวั แปรชนดิ ที่ 4 ตวั แปรชนิดท่ี 5
แหลง่ การทานาย การบรรยาย
จุดประสงค์ องค์ประกอบตา่ งๆ เกณฑก์ ารตรวจสอบ
หลักสตู รปัจจุบนั การเรยี นการสอน
หลกั สูตรประกอบ พฤตกิ รรม ขอ้ มูลยอ้ นกลับ พฤตกิ รรม
การจัดช้ันเรยี น โครงสรา้ งการประเมนิ
ด้วยอะไรบา้ ง และตารางสอน ความรู้ การรคู้ ิด
การจดั ตารางสอน เน้อื หา วิธีการ ความคดิ สถาบนั ทกั ษะ
ส่ิงอานวยความสะดวก ทักษะ เจตคติ
แนน่ อน งบประมาณ เจตคติ การเรียน
การสอน
การปรับปรุงเปลี่ยนแปลง สถาบัน พฤติกรรม
ผู้เรยี น ผ้สู อน
การสอนเปน็ ทมี ผ้บู ริหาร ผูเ้ ช่ยี วชาญ ผลผลิต
การจดั ตารางสอน ครอบครัว ชุมชน องค์ประกอบต่างๆ
แบบยดึ หยุ่น การเรียนการสอน
การจัดช้นั เรียน
และตารางสอน แผนภาพ 33 รปู แบบการประเมินของ Hammond
เนอื้ หา วธิ กี าร
สิง่ อานวยความสะดวก
งบประมาณ
สถาบนั
ผู้เรยี น ผสู้ อน
ผู้บริหาร ผเู้ ช่ยี วชาญ
ครอบครัว ชมุ ชน
ทมี่ า: Hammond, R.L. (1973). “Evaluation at the Local Level” In worthen and Sanders, Educational
Evaluation: Theory and Practice. California: Wadsworth Published. p.10
238
7.6 รปู แบบการประเมินของ Kirkpatrick
Donald L. Kirkpatrick แห่งมหาวิทยาลัย Wisconsin ได้เสนอแนวคิดการประเมินผลการ
ฝึกอบรมบุคลากร เรียกว่า Kirkpatrick’s four levels of evaluation โดยมีลักษณะเป็นการ
ประเมิน 4 ระดบั เรยี งลาดับจากระดบั ขนั้ พนื้ ฐานไปสู่ระดับท่ีสูงข้ึน ได้แก่ 1) ระดับปฏิกิริยาตอบสนอง
(reaction) 2) ระดับการเรียนรู้ (learning) 3) ระดับการเปล่ียนแปลงพฤติกรรม (behavior)
4) ระดับผลลพั ธ์ทเี่ กดิ ขึ้นตอ่ องค์กร (results) โดยการประเมนิ ในแตล่ ะระดบั มสี าระสาคญั ดังต่อไปนี้
1. การประเมินระดับปฏิกิริยาตอบสนอง มีจุดมุ่งหมายเพื่อตรวจสอบว่าผู้เข้ารับการ
ฝึกอบรมมีการตอบสนองต่อกระบวนการและกิจกรรมการฝึกอบรมเป็นอย่างไร โดยการสอบถาม
ความรู้สึกนึกคิดหรือความพึงพอใจของผู้เข้ารับการฝึกอบรมท่ีมีต่อการฝึกอบรม เช่น วิทยากรฝึกอบรม
เน้ือหาสาระ กิจกรรม สื่อ ระยะเวลา เป็นต้น การประเมินระดับปฏิกิริยาตอบสนองนี้ จะเป็นข้อมูล
ทสี่ ามารถใช้เป็นตัวบ่งช้ีของประสิทธิผลของการฝึกอบรมในเบ้ืองต้น เพราะเป็นแนวโน้มของการเรียนรู้
ของผเู้ ข้ารบั การฝึกอบรม มีวิธกี ารเกบ็ รวบรวมขอ้ มูลหลายวธิ ี เช่น การสังเกตพฤติกรรมของผู้เข้ารับการ
ฝึกอบรม การสอบถาม การสัมภาษณ์ เป็นต้น ผลจากการประเมินสามารถนาไปใช้ปรับปรุงและพัฒนา
กระบวนการและกิจกรรมการฝึกอบรมใหม้ ปี ระสทิ ธภิ าพมากยิง่ ขึ้น
2. การประเมินระดับการเรียนรู้ มีจุดมุ่งหมายเพ่ือตรวจสอบว่าผู้เข้ารับการฝึกอบรม
ได้รับความรู้ ทักษะ และเจตคติ จากการเข้ารับการฝึกอบรมอย่างไร มีลักษณะเป็นการประเมินท่ีเป็น
ทางการมากข้ึน โดยใช้เคร่ืองมือในการเก็บรวบรวมข้อมูลที่มีคุณภาพ มีวิธีการเก็บรวบรวมข้อมูล
หลายวิธี เช่น การทดสอบ การประเมินตนเอง การรายงานตนเอง การตรวจสอบผลงาน การสังเกต
พฤติกรรม การสอบถาม การสัมภาษณ์ เป็นต้น นอกจากนี้หากมีการประเมินระดับการเรียนรู้
เปน็ ช่วงเวลาตามแนวคิดการประเมินแบบก้าวหน้า (formative evaluation) แล้ว ผลจากการประเมิน
ยังสามารถนาไปใช้ปรับปรุงและพัฒนากระบวนการและกิจกรรมการฝึกอบรมให้มีประสิทธิภาพ
239
มากย่ิงข้ึน และการประเมินการเรียนรู้แบบรวบยอด (summative evaluation) ยังทาให้ทราบ
การระดับบรรลุวัตถปุ ระสงค์ของการฝกึ อบรม และแนวโนม้ ของการเปล่ียนแปลงพฤติกรรมภายหลังการ
ฝกึ อบรมซง่ึ เปน็ จดุ เน้นของการประเมนิ ระดับนี้ได้อีกด้วย
3. การประเมินระดับการเปล่ียนแปลงพฤติกรรม มีจุดมุ่งหมายเพื่อตรวจสอบว่า
ผเู้ ข้ารับการฝกึ อบรมมีการเปลยี่ นแปลงพฤตกิ รรมการทางาน อันสืบเน่ืองมาจากการเข้ารับการฝึกอบรม
หรือไม่อย่างไร มุ่งเน้นการนาความรู้ ทักษะ ไปประยุกต์ใช้ในการปฏิบัติงาน และเจตคติท่ีมีต่อการ
ทางาน มีลักษณะเป็นการประเมินติดตามผลในสถานท่ีทางานจริง ประมาณ 3 – 6 เดือน มีวิธีการ
เก็บรวบรวมข้อมูลหลายวิธี เช่น การประเมินตนเอง การรายงานตนเอง การตรวจสอบผลงาน
การสังเกตพฤติกรรม การสอบถาม การสัมภาษณ์ เป็นต้น
4. การประเมินระดับผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นต่อองค์กร มีจุดมุ่งหมายเพื่อตรวจสอบว่า
องคก์ รไดร้ ับประโยชน์อย่างไรจากการฝึกอบรม โดยมลี ักษณะเปน็ การตรวจสอบว่าองค์กรมีการปรับปรุง
และพัฒนางาน การสร้างสรรค์นวัตกรรมการทางาน ท่ีสืบเน่ืองมาจากการฝึกอบรมในประเด็นใดบ้าง
มีวธิ กี ารเกบ็ รวบรวมขอ้ มลู หลายวิธี เช่น การตรวจสอบผลงานกบั มาตรฐาน การสอบถาม การสัมภาษณ์
การสนทนากลมุ่ เปน็ ตน้
240
ตาราง 8 จุดเนน้ ของการประเมิน Kirkpatrick’s four levels of evaluation
ระดับการประเมิน จดุ เน้นของการประเมิน จุดมุง่ หมายของการประเมนิ
1. ปฏิกิรยิ าตอบสนอง ประสิทธภิ าพของการฝกึ อบรม ตรวจสอบว่าผู้เขา้ รบั การฝึกอบรมมกี าร
ตอบสนองต่อกระบวนการและกจิ กรรม
2. การเรยี นรู้ ส่งิ ทผ่ี ู้เข้ารับการฝกึ อบรมไดร้ บั การฝึกอบรมเป็นอยา่ งไร
ตรวจสอบว่าผู้เข้ารับการฝกึ อบรมได้รบั ความรู้
3. การเปลีย่ นแปลงพฤติกรรม สง่ิ ท่ผี เู้ ขา้ รับการฝกึ อบรม ทกั ษะ และเจตคติ จากการเข้ารับการฝกึ อบรม
นาไปปฏบิ ตั จิ ริง อย่างไร
ตรวจสอบวา่ ผเู้ ขา้ รบั การฝึกอบรมมีการ
4. ผลลัพธท์ ่ีเกดิ ข้ึนต่อองคก์ ร ส่งิ ทอี่ งคก์ รไดร้ ับ เปล่ียนแปลงพฤติกรรมการทางานอนั สบื
เนื่องมาจากการเขา้ รบั การฝึกอบรมหรือไม่
อย่างไร
ตรวจสอบว่าองค์กรไดร้ บั ประโยชน์อยา่ งไร
จากการฝกึ อบรม
การประยุกต์ใช้รูปแบบการประเมิน Kirkpatrick’s four levels of evaluation ในการ
ประเมินโครงการหรือหลักสูตรฝึกอบรม มีลักษณะเป็นการประเมินที่ดาเนินการควบคู่กับการฝึกอบรม
โดยการประเมินระดับปฏิกิริยาจะประเมินในช่วงเริ่มต้นการฝึกอบรมและระหว่างการฝึกอบรม
การประเมินระดับการเรียนรู้จะประเมินในระหว่างและหลังการฝึกอบรม การประเมินร ะดับ
การเปล่ียนแปลงพฤติกรรมจะประเมินติดตามผลในสถานท่ีทางานจริง และการประเมินระดับผลลัพธ์
ที่เกิดข้ึนต่อองค์กรจะประเมินภายหลังการประเมินระดับการเปล่ียนแปลงพฤติกรรม ซึ่งแสดงได้ดัง
แผนภาพต่อไปนี้
241
ระหวา่ งการฝึกอบรม หลังการฝึกอบรม ปฏิบตั ิจริงในทที่ างาน ผลกระทบตอ่ องค์กร
การประเมนิ ระดบั ที่ 1 การประเมินระดบั ท่ี 2 การประเมนิ ระดับท่ี 3 การประเมนิ ระดับที่ 4
แผนภาพ 34 ชว่ งเวลาของการประเมินแบบ Kirkpatrick’s four levels of evaluation
การประเมนิ หลกั สูตรใดๆ
ควรเลือกใชร้ ูปแบบการประเมินท่ีเหมาะสม
หรอื ผสมผสานหลายๆ รปู แบบ
และสอดคลอ้ งกบั จุดม่งุ หมายของการประเมนิ
242
7.7 รูปแบบการประเมินของ Eisner
รูปแบบการประเมิน Connoisseurship หรือการสัมมนาอิงผู้เชี่ยวชาญของ Elliot Eisner
(1994) มีรากฐานมาจากการประเมินผลงานทางด้านสุนทรียศาสตร์ (aesthetics) และศิลปศึกษา
มุ่งเน้นการประเมินท่ีให้กลุ่มผู้ประเมินซ่ึงเป็นผู้ที่มีความเชี่ยวชาญ ร่วมกันพิจารณาคุณค่าของผลงาน
อย่างมีวจิ ารณญาณดว้ ยวิธกี ารเชงิ คณุ ภาพ การประเมินแบบ Connoisseurship ให้ความสาคัญกับ
ความรูแ้ ละประสบการณ์ของผู้เชี่ยวชาญในการประเมินผลงานต่างๆ โดยผู้เช่ียวชาญจะใช้ความรู้และ
ประสบการณข์ องตนเป็นพนื้ ฐานในการประเมินอยา่ งมีวิจารณญาณ มีหลักวิชาการและเหตุผลสนับสนุน
การประเมนิ โดยแนวคดิ ของการประเมนิ Connoisseurship แสดงได้ดงั แผนภาพตอ่ ไปน้ี
กล่มุ ผเู้ ชย่ี วชาญ
ใชค้ วามรู้ ใชป้ ระสบการณ์
ใชว้ ิจารณญาณ
ประเมนิ
แผนภาพ 35 รปู แบบการประเมนิ Connoisseurship
การใช้รปู แบบการประเมนิ Connoisseurship มีประเด็นท่ีต้องให้ความสาคัญเป็นอย่างมาก
คือ การคัดเลือกผู้ประเมินที่มีความเช่ียวชาญในสิ่งที่ประเมินอย่างแท้จริง ซึ่งจะทาให้การประเมิน
เกดิ ประโยชน์สูงสดุ เพราะทาให้ทราบจุดแข็งและจุดทตี่ ้องปรบั ปรุงแกไ้ ขของหลักสูตรอย่างถูกต้อง
243
สรปุ
จากท่ีได้กล่าวมาในบทท่ี 7 เรื่อง รูปแบบการประเมินหลักสูตรร่วมสมัย สรุปสาระสาคัญ
ได้ดงั ต่อไปนี้
1. รูปแบบการประเมินที่เน้นจุดมุ่งหมายเป็นหลัก เน้นการนาเปูาประสงค์ และ
วัตถปุ ระสงคข์ องหลักสตู ร มาเปน็ ประเดน็ การประเมนิ
2. รูปแบบการประเมินที่เน้นเกณฑ์เป็นหลัก มีท้ังรูปแบบที่ใช้เกณฑ์ภายในเป็นหลัก
และรปู แบบท่ใี ชเ้ กณฑภ์ ายนอกเป็นหลัก
3. รปู แบบการประเมินที่เน้นการตัดสินใจเป็นหลัก เป็นรูปแบบการประเมินที่เน้นการ
ตรวจสอบเปรียบเทียบข้อมูลที่เกิดจากการดาเนินงานหรือการปฏิบัติจริงของการใช้หลักสูตรกับเกณฑ์
มาตรฐานทีก่ าหนดไว้ก่อน
4. รูปแบบการประเมินของ Tyler มุ่งเน้นการตรวจสอบความสัมพันธ์ระหว่าง
เปูาประสงค์และวัตถุประสงค์ของหลกั สูตรกับผลสัมฤทธท์ิ างการเรยี นรู้ของผู้เรยี น
5. รปู แบบการประเมินของ Stake ให้ความสนใจกับปัจจัยและเง่ือนไขต่างๆ ที่มีความ
เช่ือมโยงกัน 3 ประการ ได้แก่ สิ่งที่มีอยู่ก่อน (antecedent) กระบวนการ (transaction) และผลผลิต
(outcomes)
244
6. รูปแบบการประเมินของ Stufflebeam เป็นการประเมินทีละด้านตามลาดับจาก
การประเมินบริบท การประเมินปัจจัยนาเข้า การประเมินกระบวนการ และการประเมินผลผลิต
ซึ่งผลการประเมินแต่ละดา้ นจะนาไปสู่การตดั สนิ ใจดาเนินการในขนั้ ตอนต่อไป
7. รูปแบบการประเมินของ Provus มุ่งเน้นการประเมินเพื่อตัดสินใจว่าหลักสูตร
ที่ดาเนินการใช้อยู่น้ัน ควรจะปรับปรุงหรือดาเนินการต่อหรือยกเลิกการใช้ Provus เรียกว่าวิธีการ
ประเมินความไมส่ อดคลอ้ งกนั (discrepancy model)
8. รูปแบบการประเมนิ ของ Hammond มจี ดุ มงุ่ หมายเพือ่ ตรวจสอบว่าหลักสูตรบรรลุ
เปูาประสงค์และวัตถุประสงค์ที่กาหนดไว้หรือไม่ รวมท้ังการประเมินประสิทธิภาพของหลักสูตรที่กาลัง
ดาเนินการใช้อยู่ในปัจจุบัน โดยเปรียบเทียบข้อมูลเชิงพฤติกรรมกับจุดประสงค์โดยมุ่งเน้นการพัฒนา
หลักสตู รและการเรยี นการสอนท่ีอิงอย่กู ับบรบิ ทของสถานศกึ ษา ชุมชน และทอ้ งถ่นิ
9. รูปแบบการประเมินของ Kirkpatrick มุ่งเน้นการประเมินผลการฝึกอบรมบุคลากร
โดยมีลักษณะเป็นการประเมิน 4 ระดับ เรียงลาดับจากระดับข้ันพื้นฐานไปสู่ระดับท่ีสูงข้ึน ได้แก่
1) ระดับปฏิกิริยาตอบสนอง (reaction) 2) ระดับการเรียนรู้ (learning) 3) ระดับการเปลี่ยนแปลง
พฤติกรรม (behavior) 4) ระดบั ผลลพั ธท์ ่เี กดิ ขน้ึ ตอ่ องค์กร (results)
10. รูปแบบการประเมิน Connoisseurship หรือการสัมมนาอิงผู้เชี่ยวชาญของ
Elliot Eisner มงุ่ เนน้ การประเมนิ ทใ่ี ห้กลุ่มผูป้ ระเมินซ่ึงเป็นผู้ที่มีความเชี่ยวชาญ ร่วมกันพิจารณาคุณค่า
ของผลงานอยา่ งมวี จิ ารณญาณ
245
บรรณานุกรม
บณั ฑติ ศึกษา มหาวิทยาลยั สโุ ขทยั ธรรมาธิราช. (2555). การประเมินหลกั สตู รและการเรยี นการสอน:
ประมวลชุดวชิ า = Evaluation of Curriculum and Instruction. นนทบุรี:
สานักพิมพ์มหาวิทยาลัยสุโขทยั ธรรมาธริ าช.
พิชิต ฤทธจ์ิ รูญ. (2551). หลกั การวัดและประเมินผลการศกึ ษา. พิมพ์ครงั้ ที่ 4. กรุงเทพฯ:
เฮา้ ส์ ออฟ เคอรม์ สี ท.์
รัตนะ บวั สนธ.์ (2556). “รูปแบบการประเมนิ CIPP และ CIPPIEST มโนทัศนท์ ่ีคลาดเคลื่อนและถกู ต้อง
ในการใช้ CIPP และ CIPPIEST Evaluation Models: Mistaken and Precise Concepts
of Applications”. วารสารศลิ ปากรศึกษาศาสตรว์ ิจัย. ปีท่ี 5 ฉบับท่ี 2 (กรกฎาคม –
ธันวาคม) หนา้ 7 – 24.
ศริ ิชยั กาญจนวาสี. (2558). การประเมนิ หลักสตู ร: หลกั การและแนวปฏิบัติ. สบื คน้ จาก
http://www.edu.tsu.ac.th/major/old_eva/journal/scan1.pdf
เมอื่ วนั ที่ 10 กมุ ภาพนั ธ์ พ.ศ. 2558.
สมคดิ พรหมจยุ้ . (2552). เทคนคิ การประเมนิ โครงการ. กรงุ เทพฯ: ศูนยห์ นงั สอื จฬุ าลงกรณ์
มหาวทิ ยาลยั . (จัดจาหน่าย).
Armstrong. David G. (1989). Developing and Documenting the Curriculum.
Boston: Allyn and Bacon.
. (2003). Curriculum Today. New Jersey: Merrill Prentice Hall.
Beane, James A. and others. (1986). Curriculum Planning and Development.
Boston: Allyn and Bacon.
Bobbit, Franklin. (1918). The Curriculum. Boston: Houghton Mifflin.
. (1924). How to Make a Curriculum. Boston: Houghton Mifflin.
Brady, Laurie. (1992). Curriculum Development. 4thed. Sydney: Prentice Hall.
246
Eisner, Elliot W. (1994) The Educational Imagination: on the Design and Evaluation
of School Programs. New York: Macmillan.
Hammond, R.L. (1973). “Evaluation at the Local Level” In worthen and Sanders,
Educational Evaluation: Theory and Practice. California: Wadsworth
Published.
Henson, Kenneth T. (2001). Curriculum Planning: Integrating Multiculturalism,
Constructivism, and Education Reform. 2nded. New York: McGraw - Hill.
Jacobs, Heidi Hayes. (2010). Curriculum 21: Essential education for a Changing
World. Alexandria: Association for Supervision and Curriculum Development.
Kelly, A. V. (1999). The Curriculum. 4thed. London: Paul Chapman Publishing Ltd.
Kirkpatrick, Donald L. (1998). Evaluating Training Programs: the Four Levels. 2nded.
San Francisco: Berrett – Koehler Publishers.
Kirkpatrick, Donald L. (2005). Transferring Learning to Behavior. San Francisco: Berrett-
Koehler Publishers.
Kirkpatrick, Donald L. (2007). Implementing the Four Levels. San Francisco: Berrett-
Koehler Publishers.
Oliva, Peter F. (2009). Developing the Curriculum. 7thed. Boston: Allyn and Bacon.
Oliva, Peter F., and Gordon, II, William, R. (2013). Developing the Curriculum. 8thed.
Boston: Pearson.
Ornstein, Allan C. (2013). Curriculum: Foundations, Principles, and Issues. Boston:
Pearson.
Ornstein, Allan C., and Hunkins, Francis P. (2004). Curriculum: Foundations,
Principles, and Issues. Boston: Allyn and Bacon.
Posner, George J. (2004). Analyzing the Curriculum. New York: McGraw Hill.
247
Print, Murray. (1993). Curriculum Development and Design. 2nd ed. Sydney:
Allen & Unwin.
Provus, M.M. (1971). Discrepancy Evaluation. California: McCutchan.
Saylor, J.G., Alexander, W.M., and Lewis, Arthur.J. (1981). Curriculum Planning for
Better Teaching and Learning. New York: Holt, Rinehart and Winston.
Stake, R.E. (1969). “Language, Rationality and Assessment” in Walcott H. Beatty (ed.),
Improving Educational Assessment and An Inventory of Measures of
Affective Behavior. Washington, D.C.: Association for Supervision and
Curriculum Development.
Stufflebeam, Daniel L. (1983). “The CIPP Model for Program Evaluation”. Evaluation
Models : Viewpoints on Educational and Human Services Evaluation.
Boston: Kluwer-Nijhoff.
Taba, Hilda. (1962). Curriculum Development : Theory and Practice. New York:
Harcourt Brace Jovanovich.
Tanner, Daniel and Tanner, Laurel. (1975). Curriculum Development: Theory
into Practice. New York: Macmillan Publishing.
Tanner, Daniel and Tanner, Laurel. (1980). Curriculum Development: Theory
into Practice. 2nded. New York: Macmillan Publishing.
Tyler, Ralph W. (1949). Basic Principles of Curriculum and Instruction. Chicago:
The university of Chicago Press.
Udelhofen, Susan. (2005). Keys to Curriculum Mapping: Strategies and Tools to
Make it Work. Thousand Oaks, California: Corwin Press.
Walker, Decker F. and Soltis, Jonas F. (2009). Curriculum and Aims. New York:
Teachers College Columbia University.
248
Wiles, Jon W., and Bondi, C. Joseph. (2011). Curriculum Development a Guide to
Practice. 8thed. Boston: Pearson.
William, Pinar. (2012). What is Curriculum Theory. New York: Routledge.
249
บทท่ี 8
การประเมนิ หลักสูตรทั้งระบบ
250
8.1 จุดมุ่งหมายของการประเมนิ หลกั สตู รท้งั ระบบ
8. การประเมนิ หลักสูตร 8.2 ลกั ษณะเด่นของการประเมนิ หลกั สตู รทั้งระบบ
ทั้งระบบ
8.3 กระบวนการประเมินหลักสตู รทั้งระบบ
251
สาระสาคญั
สาหรบั ในบทที่ 8 เรอ่ื ง การประเมินหลกั สตู รท้ังระบบ มสี าระสาคญั ดงั ตอ่ ไปน้ี
1. การประเมินหลักสูตรท้ังระบบ มีจุดมุ่งหมายเพ่ือตรวจสอบคุณภาพของหลักสูตร
ในทุกมิติ และตัดสินใจปรับปรุงเปลี่ยนแปลงหรือยกเลิกหลักสูตร โดยใช้ข้อมูลสารสนเทศที่เก่ียวข้อง
อย่างหลากหลาย ถกู ตอ้ ง เชือ่ ถอื ได้
2. การประเมินหลักสูตรทั้งระบบให้ความสาคัญกับข้อมูลสารสนเทศที่มีคุณภาพ
สาหรบั นามาใชใ้ นการตัดสนิ ใจปรบั ปรุงและเปล่ยี นแปลงหลกั สตู ร
3. การประเมินหลักสูตรทั้งระบบที่มีประสิทธิภาพควรดาเนินการโดยคณะกรรมการ
ประเมินหลักสตู รที่ประกอบด้วยบุคลากรทุกฝุายที่เกี่ยวข้องกับการใช้หลักสูตร มีขั้นตอนการดาเนินการ
8 ขนั้ ตอน ไดแ้ ก่
1) การกาหนดวตั ถุประสงค์ของการประเมนิ หลักสตู ร
2) การกาหนดรปู แบบการประเมินหลกั สตู ร
3) การวางแผนการประเมนิ หลักสูตร
4) การสร้างเครือ่ งมือเก็บรวบรวมข้อมูลสาหรบั การประเมินหลกั สตู ร
5) การเก็บรวบรวมข้อมูล
6) การวิเคราะหข์ อ้ มูล
7) การลงสรปุ ผลการประเมนิ และใหข้ อ้ เสนอแนะ
8) การรายงานผลการประเมนิ หลกั สตู ร
252
4. การนาเสนอผลการประเมินหลักสูตรนั้นควรนาเสนอให้อยู่บนพ้ืนฐานของข้อมูล
สารสนเทศ ตามประเด็นของการประเมินอย่างเป็นระบบ และมีการให้ข้อเสนอแนะในการปรับปรุงและ
เปลยี่ นแปลงหลกั สูตรท่มี ีความเป็นรปู ธรรม สามารถนาไปปฏบิ ัติได้จริง
5. การให้ข้อเสนอแนะในการปรับปรุงหลักสูตรท่ีมีคุณภาพ ซ่ึงจะเป็นสิ่งสะท้อนว่าผู้
ประเมินหลักสูตรมีความรู้ความเข้าใจในหลักสูตรที่ประเมินอย่างแท้จริง ที่นอกจากจะสามารถตัดสิน
คณุ ภาพของหลักสูตรในแต่ละประเด็นได้แล้ว ยังสามารถให้ข้อเสนอแนะแนวทางการปรับปรุงหลักสูตร
ใหด้ ยี ิง่ ขน้ึ ไดด้ ้วย
253
8.1 จุดม่งุ หมายของการประเมนิ หลกั สตู รทั้งระบบ
การประเมินหลักสูตรท้ังระบบ มีจุดมุ่งหมายเพื่อตรวจสอบคุณภาพของหลักสูตรในทุกมิติ
และตัดสินใจปรับปรุงเปล่ียนแปลงหรือยกเลิกหลักสูตร โดยใช้ข้อมูลสารสนเทศท่ีเก่ียวข้องอย่าง
หลากหลาย ถกู ต้อง เชือ่ ถือได้
ประโยชน์ของการประเมินหลักสูตรท้ังระบบจะทาให้เกิดการปรับปรุงและเปลี่ยนแปลง
หลักสูตรอย่างเป็นระบบ มีความชัดเจน มีเหตุผลสนับสนุนว่าเพราะอะไรจึงต้องมีการปรับปรุงและ
เปลี่ยนแปลงหลักสูตร ผลจากการปรับปรุงและเปลี่ยนแปลงหลักสูตรจะทาให้หลักสูตรมีความทันสมัย
มากขึ้น สอดคลอ้ งกับความต้องการของชมุ ชน สงั คม ประเทศชาติ รวมท้ังความต้องการของแต่ละอาชีพ
และวชิ าชีพในกรณที เี่ ป็นหลกั สตู รในระดบั อุดมศกึ ษาทีจ่ ดั การศกึ ษาในระดับทสี่ งู กว่าปริญญาตรี
จุดแข็งของการประเมนิ หลักสูตรทง้ั ระบบ คือ ได้สารสนเทศทีเ่ กยี่ วกบั คุณภาพของหลักสูตร
ท่ีมีความถูกต้อง เนื่องมาจากการออกแบบการประเมินโดยใช้รูปแบบการประเมินที่เหมาะสม
ใช้เคร่ืองมือในการเก็บรวบรวมข้อมูลท่ีมีคุณภาพ มีกระบวนการเก็บรวบรวมข้อมูลท่ีเป็นระบบ
จากแหล่งข้อมูลท่ีมีคุณภาพ ทาให้การประเมินมีความแข็งแกร่งทางวิชาการ อันจะนาไปสู่การตัดสินใจ
ปรับปรุงเปลี่ยนแปลงหลักสูตรไดอ้ ยา่ งถกู ต้อง
การประเมินหลักสูตรทั้งระบบ นิยมทาการประเมินเมื่อได้ใช้หลักสูตรมาจนกระท่ังเร่ิมมี
ผู้สาเร็จการศึกษาจากหลักสูตร หรือเม่ือต้องการปรับปรุงและเปลี่ยนแปลงหลักสูตรในประเด็นที่
สาคัญๆ โดยเฉพาะอย่างย่ิงหลักสูตรระดับอุดมศึกษาหลักสูตรต่างๆ ท่ีจะต้องมีการประเมินหลักสูตร
อย่างเป็นระบบ และนาเสนอต่อคณะกรรมการวิชาการของสถาบันใช้ประกอบการพิจารณา
ให้ข้อเสนอแนะต่อการปรับปรุงหลักสูตรนั้นๆ ซ่ึงจากประสบการณ์ของผู้เขียน พบว่า หลายหลักสูตร
ท่ีเสนอขอปรับปรุงแต่ไม่ได้นาเสนอผลการประเมินหลักสูตรเดิมอย่างชัดเจน จะถูกคณะกรรมการ
254
วิชาการสอบถามว่าผลการประเมินหลักสูตรเดิมเป็นอย่างไร มีประเด็นอะไรบ้างที่นามาสู่การปรับปรุง
หลกั สตู รในครง้ั น้ี ซึ่งบางครั้งคณะกรรมการจะยังไม่พิจารณาจนกว่าจะได้ทราบผลการประเมินหลักสูตร
ทาให้คณะกรรมการหลักสูตรต้องกลับไปทาการประเมินหลักสูตรมาก่อน บางคร้ังอาจทาให้เสียโอกาส
ในการใช้หลักสูตรที่ปรับปรุงใหม่ให้ทันกับการเปล่ียนแปลงในแต่ละสาขาวิชาชีพ ด้วยเหตุน้ีจึงขอ
แนะนาคณะกรรมการหลักสูตรที่ต้องการนาหลักสูตรท่ีปรับปรุงใหม่ต่อคณะกรรมการวิชาการขอ ง
หน่วยงานหรือสถานบัน ทาการประเมินหลักสูตรและแนบผลการประเมินหลักสูตรตลอดจนการ
วเิ คราะหเ์ ชื่อมโยงผลการประเมินหลักสูตรกบั การปรบั ปรงุ หลักสตู รในแตล่ ะประเดน็ ใหช้ ัดเจน
8.2 ลักษณะเด่นของการประเมินหลกั สูตรท้งั ระบบ
การประเมนิ หลักสูตรท้ังระบบให้ความสาคัญกับข้อมูลสารสนเทศที่มีคุณภาพสาหรับนามาใช้
ในการตัดสินใจปรับปรุงและเปลี่ยนแปลงหลักสูตร ด้วยเหตุน้ีจึงทาให้การประเมินหลักสูตรท้ังระบบ
มีลักษณะเดน่ ดังตอ่ ไปนี้
1. มีการวางแผนการประเมินอย่างเป็นระบบ โดยการกาหนดรูปแบบของการ
ประเมิน ไว้อย่างชัดเจนซึ่งอาจเป็นรูปแบบใดรูปแบบหนึ่งหรืออาจผสมผสานหลายๆ รูปแบบได้
ตามความเหมาะสม โดยมหี ลักการวา่ สามารถทาใหไ้ ด้ผลการประเมนิ ตามทตี่ ้องการ
2. มีการเก็บรวบรวมข้อมูลอย่างหลากหลาย สอดคล้องกับรูปแบบการประเมินและ
ประเด็นการประเมินที่ต้องการ เช่น การสอบถามผู้สอนและผู้เรียน การสัมภาษณ์ผู้บริหาร เป็นต้น
ซึง่ จากการทต่ี ้องเก็บรวบรวมขอ้ มลู อยา่ งหลากหลายนเี้ อง ส่งผลทาให้ต้องมีเคร่ืองมือในการเก็บรวบรวม
ข้อมลู หลายชนิดตามมา ซงึ่ จาเป็นต้องใชก้ ระบวนการพัฒนาเครื่องมือท่ีมีประสิทธิภาพตามหลักวิชาการ
ซึ่งเครื่องมอื ทม่ี คี ุณภาพจะเป็นปัจจยั เบ้ืองต้นของข้อมูลที่มคี ุณภาพ
255
3. มีผู้ให้ข้อมูลที่หลากหลายเพ่ือให้ได้ข้อมูลท่ีครบถ้วน รอบด้าน กรอบในการ
พิจารณาว่าใครบ้างที่จะเป็นผู้ให้ข้อมูล อาจใช้ผู้มีส่วนได้ส่วนเสียกับหลักสูตร เช่น ผู้บริหาร ผู้สอน
ผู้เรียน ผู้ปกครอง ผู้จ้างงาน ผู้สาเร็จการศึกษา เป็นต้น ซ่ึงการมีผู้ให้ข้อมูลที่หลากหลายนี้ช่วยทาให้
ข้อมูลทนี่ ามาใช้ลงสรุปผลการประเมนิ มคี วามเชื่อถอื ไดม้ ากขึ้น
4. มเี กณฑ์การตดั สินผลการประเมินทช่ี ดั เจนซ่ึงช่วยทาให้การลงสรุปผลการประเมิน
และการให้ข้อเสนอแนะตา่ งๆ ในการปรับปรุงและพัฒนาหลักสูตรตั้งอยู่บนพ้ืนฐานแนวคิดและหลักการ
ท่เี หมาะสมและเปน็ ท่ยี อมรบั ได้ของผู้ทีเ่ กย่ี วขอ้ ง เช่น การใชม้ าตรฐานผลการเรียนรู้ตามกรอบมาตรฐาน
คุณวุฒิระดับอุดมศึกษา / มาตรฐานคุณวุฒิระดับอุดมศึกษา มาเป็นเกณฑ์การตัดสินวัตถุประสงค์ของ
หลักสูตรและการจัดการเรยี นการสอนว่าครอบคลมุ มาตรฐานผลการเรียนรู้ทกุ ด้านหรอื ไม่ เป็นตน้
5. มีข้อเสนอแนะที่เป็นประโยชน์จากการประเมินที่สืบเนื่องมาจากผลการประเมิน
ด้านต่างๆ ซึ่งข้อเสนอแนะดังกล่าวนี้เป็นสิ่งที่ผู้เก่ียวข้องกับหลักสูตรมีความต้องการเป็นอย่างมาก
โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้บริหารในฐานะที่ต้องดูแลรับผิดชอบหลักสูตรทั้งหมด ในการที่จะตัดสินใจปรับปรุง
และเปล่ียนแปลงหลักสูตรให้ดียิ่งขึ้น ข้อเสนอแนะที่ดีจะต้องตั้งอยู่บนพื้นฐานของผลการประเมิน
หรอื จากข้อเทจ็ จรงิ ท่คี ้นพบและผ่านกระบวนการวเิ คราะห์สังเคราะห์ออกมาเป็นข้อเสนอแนะต่างๆ
6. มีเอกสารรายงานผลการประเมินที่เป็นระบบ โดยมีสาระสาคัญเก่ียวกับเหตุผล
และความเปน็ มาของการประเมินหลักสูตร วัตถุประสงค์ของการประเมินหลักสูตร รูปแบบการประเมิน
ทีใ่ ช้ ขนั้ ตอนการประเมิน จานวนและกลุม่ ผใู้ ห้ขอ้ มลู เครอื่ งมอื ทใ่ี ชใ้ นการเก็บรวบรวมข้อมูล สารสนเทศ
เบอื้ งตน้ ของหลักสตู รทปี่ ระเมิน ผลการประเมิน และข้อเสนอแนะจากการประเมิน ซึ่งเอกสารรายงานนี้
อาจเขียนในลักษณะของรายงานการประเมิน หรือรายงานการวิจัยในกรณีท่ีทาเป็นการวิจัยเชิงประเมิน
(evaluation research) และควรมเี อกสารรายงานฉบับสมบรู ณ์สาหรับนักพัฒนาหลักสูตร และบทสรุป
สาหรบั ผู้บรหิ ารเพอื่ ให้ผู้บรหิ ารศึกษาผลการประเมนิ ได้อยา่ งรวดเร็ว
256
8.3 กระบวนการประเมินหลักสตู รท้ังระบบ
การประเมินหลักสูตรทั้งระบบท่ีมีประสิทธิภาพควรดาเนินการโดยคณะกรรมการประเมิน
หลักสูตรท่ีประกอบด้วยบุคลากรทุกฝุายที่เก่ียวข้องกับการใช้หลักสูตร มีข้ันตอนการดาเนินการ
8 ขั้นตอน ได้แก่ 1) การกาหนดวัตถุประสงค์ของการประเมินหลักสูตร 2) การกาหนดรูปแบบการ
ประเมินหลักสูตร 3) การวางแผนการประเมินหลักสูตร 4) การสร้างเคร่ืองมือเก็บรวบรวมข้อมูล
สาหรับการประเมินหลักสูตร 5) การเก็บรวบรวมข้อมูล 6) การวิเคราะห์ข้อมูล 7) การลงสรุปผล
การประเมินและให้ข้อเสนอแนะ 8) การรายงานผลการประเมินหลักสูตร โดยแต่ละข้ันตอน
มีสาระสาคัญดังน้ี
ขั้นตอนท่ี 1 การกาหนดวตั ถปุ ระสงค์ของการประเมินหลักสตู ร
เปน็ การกาหนดว่าการดาเนินการประเมินหลักสูตรท่ีจะดาเนินการนั้น มีเปูาประสงค์
เพื่ออะไร เช่น เพอ่ื การปรับปรุงหลักสูตรให้มีความทันสมัยสอดคล้องกับบริบทของสังคม และมาตรฐาน
การศกึ ษา เป็นต้น
โดยส่วนมากการประเมินหลักสูตรจะเป็นไปเพ่ือการปรับปรุงหลักสูตรให้มีคุณภาพ
และประสิทธิภาพมากข้ึน เช่น การประเมินหลักสูตรสถานศึกษา (school curriculum) ของโรงเรียน
ต่างๆ เป็นต้น อย่างไรก็ตาม การประเมินหลักสูตรบางครั้งอาจมีวัตถุประสงค์เพ่ือตัดสินใจว่าจะใช้
หลักสตู รต่อไป หรือยกเลิกการใช้หลักสูตร เช่น การประเมินหลักสูตรการศึกษาข้ันพ้ืนฐาน พุทธศักราช
2544 ท่ีมีข้อค้นพบหลายประการ ซ่ึงนาไปสู่การพัฒนาหลักสูตรแกนกลางการศึกษาข้ันพื้นฐาน
พุทธศักราช 2551 ขึ้นใช้แทนหลักสูตรการศึกษาข้ันพ้ืนฐาน พุทธศักราช 2544 หรือการประเมิน
หลักสูตรการศึกษาดุษฎีบัณฑิต สาขาการวิจัยและพัฒนาหลักสูตร บัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัย
ศรีนครินทรวิโรฒ นาไปสู่การพัฒนาหลักสูตรปรัชญาดุษฎีบัณฑิต สาขาการวิจัยและพัฒนาหลักสูตร
เป็นตน้
257
ข้ันตอนที่ 2 การกาหนดรปู แบบการประเมนิ หลักสตู ร
เปน็ การเลอื กใช้ หรือประยกุ ตใ์ ชร้ ปู แบบการประเมนิ หลักสตู รต่างๆ ดงั ที่กล่าวมาแล้ว
ในหัวข้อท่ี 7 ให้ตอบสนองเปูาประสงค์ของการประเมินหลักสูตร ซึ่งการกาหนดรูปแบบการประเมิน
หลกั สูตรที่ดีควรนาไปสู่การตอบคาถามของการประเมินหลักสูตรได้ครอบคลมุ ถูกต้อง และชัดเจน
ขั้นตอนที่ 3 การวางแผนการประเมินหลกั สูตร
การประเมินหลักสูตรจะมีความถูกต้องก็ต่อเม่ือมีการวางแผนการประเมินท่ีเป็น
ระบบชัดเจน ท้ังมิติการประเมิน ประเด็นการประเมิน คาถามการประเมิน วิธีการเก็บรวบรวมข้อมูล
เคร่ืองมือ และแหล่งข้อมูล การวางแผนการประเมินหลักสูตรเป็นกระบวนการท่ีมีความสาคัญมาก
เน่ืองจากการประเมินหลักสูตรมีความซับซ้อน (complexity) ค่อนข้างมากกว่าที่จะลงสรุปผล
การประเมินไดอ้ าจต้องใชข้ ้อมลู อย่างหลากหลายท้ังขอ้ มลู เชิงปริมาณ และข้อมูลเชิงคุณภาพ เช่น การท่ี
จะลงสรปุ ไดว้ ่าการจัดการเรียนรู้มคี ณุ ภาพหรือไม่ อาจจะต้องเก็บข้อมูลจากผู้สอน ผู้บริหาร และผู้เรียน
แลว้ นาขอ้ มูลจากท้งั 3 แหลง่ มาวเิ คราะห์เพอ่ื ท่ีจะลงสรุปคุณภาพการจดั การเรียนรู้
ดงั น้นั การวางแผนการประเมินจึงเปรียบเสมอื นแผนท่ีสู่ความสาเร็จของการประเมิน
หลักสูตร การวางแผนการประเมินหลักสูตรทาได้หลายวิธี ซ่ึงจากประสบการณ์การประเมินหลักสูตร
ของผู้เขียน ใช้วิธีการสร้างตารางพิมพ์เขียวการประเมินหลักสูตรขึ้นก่อน จากน้ันจึงดาเนินการสร้าง
เคร่ืองมือสาหรับเก็บรวบรวมข้อมูลเพ่ือการประเมินหลักสูตรต่อไป พิมพ์เขียวการประเมินหลักสูตร
มลี กั ษณะดังตารางต่อไปนี้
258
ตาราง 9 พิมพเ์ ขยี วการประเมนิ หลกั สูตร
มิติ ประเด็น คาถาม วธิ ีการเก็บ เครอื่ งมือ แหลง่ ขอ้ มูล
การประเมิน การประเมิน การประเมนิ รวบรวมขอ้ มลู
เพ่ือให้ผู้อ่านได้ศึกษาแนวทางการวางแผนการประเมินหลักสูตรอย่างเป็นรูปธรรม ผู้เขียน
ขอเสนอตัวอย่างการวางแผนการประเมินหลักสูตรพุทธศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชาวิปัสสนาภาวนา
มหาวทิ ยาลยั มหาจฬุ าลงกรณราชวิทยาลัย วิทยาเขตบาฬีศึกษาพุทธโฆส นครปฐม ดังน้ี (มารุต พัฒผล.
2554ก)
259
ตาราง 10 การออกแบบและวางแผนการประเมินหลกั สูตรพุทธศาสตรมหาบัณฑติ สาขาวิชาวิปัสสนาภาวนา
มหาวิทยาลยั มหาจฬุ าลงกรณราชวทิ ยาลยั วิทยาเขตบาฬีศึกษาพุทธโฆส นครปฐม
มิติ ประเดน็ คาถามการประเมิน วธิ ีการเก็บรวบรวม เคร่ืองมอื แหลง่ ขอ้ มูล
การประเมิน การประเมนิ ขอ้ มูล
ลักษณะของหลกั สตู ร แบบวเิ คราะห์ลักษณะ เอกสารหลักสูตร
การประเมนิ ลักษณะ สอดคล้องกบั ลกั ษณะของ การวิเคราะห์ ของหลกั สูตรตามกรอบมาตรฐาน พทุ ธศาสตร
ปัจจยั กาหนด ของหลกั สูตร หลักสตู รระดับปรญิ ญาโท เอกสารหลกั สูตร คุณวุฒิระดับอุดมศึกษาแห่งชาติ มหาบัณฑติ สาขาวชิ า
(การประเมิน ท่ีกาหนดไว้ในกรอบ พ.ศ. 2552 วปิ ัสสนาภาวนา
เอกสาร มาตรฐานคุณวุฒิ
หลกั สตู ร) ระดบั อุดมศึกษาแหง่ ชาติ
พ.ศ. 2552หรอื ไม่
ปรชั ญา ปรชั ญาของหลกั สูตร การสนทนากลุ่ม ประเดน็ คาถามการสนทนากลุ่ม ผู้บรหิ าร และ
ของหลกั สูตร สอดคลอ้ งกับหลกั การ แบบบันทึกการสนทนากล่มุ คณาจารย์
กาหนดปรัชญา การวเิ คราะห์ แบบวิเคราะห์ เอกสารหลักสตู ร
ของหลักสูตร เอกสารหลกั สูตร ปรัชญา พุทธศาสตร
ในปัจจบุ ันหรอื ไม่ ของหลกั สตู ร มหาบณั ฑิตสาขาวิชา
วปิ ัสสนาภาวนา
การสนทนากลุม่ ประเด็นคาถามการสนทนากลุ่ม ผบู้ ริหาร และ
แบบบันทึกการสนทนากลมุ่ คณาจารย์
259
260 260
ตาราง 10 การออกแบบและวางแผนการประเมินหลักสูตรพทุ ธศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชาวิปัสสนาภาวนา
มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวทิ ยาลัย วิทยาเขตบาฬีศึกษาพุทธโฆส นครปฐม (ตอ่ )
มิติ ประเด็น คาถามการประเมนิ วธิ กี ารเกบ็ รวบรวม เครื่องมือ แหลง่ ขอ้ มูล
การประเมิน การประเมิน ขอ้ มูล
แบบวเิ คราะห์ความสอดคล้อง เอกสารหลกั สตู ร
วตั ถุประสงค์ วตั ถปุ ระสงค์ของหลักสูตร การวเิ คราะห์ ระหว่างวัตถุประสงค์ พทุ ธศาสตร
ของหลกั สตู ร สอดคล้องกับกรอบ เอกสารหลักสตู ร ของหลกั สูตรกบั กรอบคณุ ลักษณะ มหาบณั ฑิต
คุณลักษณะบัณฑติ บัณฑติ ที่พงึ ประสงค์ 3 ดา้ น สาขาวิชาวปิ สั สนา
ทพี่ งึ ประสงค์ 3 ด้าน ภาวนา
ได้แก่ ความรู้ความคิด
ทกั ษะปฏิบัติ การสนทนากลุ่ม ประเดน็ คาถามการสนทนากลุ่ม ผบู้ รหิ าร และ
คณุ ธรรมจริยธรรม แบบบันทกึ การสนทนากลมุ่ คณาจารย์
หรือไม่ การวเิ คราะห์ แบบวเิ คราะห์ เอกสารหลกั สูตร
วัตถุประสงคข์ องหลักสตู ร เอกสารหลกั สูตร ความสอดคลอ้ ง พุทธศาสตรมหาบณั ฑิต
สอดคลอ้ งกบั คุณลักษณะ ระหว่างวัตถุประสงค์ สาขาวชิ าวิปัสสนาภาวนา
บณั ฑติ ที่พึงประสงค์ ของหลกั สตู รกับคณุ ลักษณะ
ในระดบั คณุ วุฒริ ะดับ บณั ฑติ ที่พงึ ประสงค์ในระดับ
ปรญิ ญาโท ตามกรอบ คณุ วุฒิปรญิ ญาโท
มาตรฐานคณุ วุฒิ ในกรอบมาตรฐานคุณวุฒิ
ระดับอดุ มศกึ ษาแหง่ ชาติ ระดับอุดมศกึ ษาแห่งชาติ
พ.ศ. 2552 หรอื ไม่ พ.ศ. 2552
261
ตาราง 10 การออกแบบและวางแผนการประเมนิ หลักสูตรพุทธศาสตรมหาบณั ฑิต สาขาวชิ าวปิ สั สนาภาวนา
มหาวิทยาลยั มหาจฬุ าลงกรณราชวทิ ยาลยั วทิ ยาเขตบาฬีศึกษาพุทธโฆส นครปฐม (ตอ่ )
มิติ ประเด็น คาถามการประเมิน วิธกี ารเก็บรวบรวม เครอ่ื งมือ แหลง่ ขอ้ มูล
การประเมนิ การประเมิน ขอ้ มลู
ประเดน็ คาถามการสนทนากลุ่ม ผู้บริหาร และ
โครงสรา้ ง การสนทนากลุ่ม และแบบบันทกึ การสนทนากลุม่ คณาจารย์
หลกั สูตร แบบวเิ คราะหโ์ ครงสรา้ งของ เอกสารหลักสตู ร
โครงสรา้ งหลกั สตู ร การวิเคราะห์ หลักสูตรตามเกณฑม์ าตรฐาน พุทธศาสตรมหาบัณฑิต
รายวชิ า สอดคลอ้ งกับเกณฑ์ เอกสารหลกั สูตร หลักสูตรระดับบณั ฑติ ศึกษา สาขาวิชาวปิ ัสสนาภาวนา
มาตรฐานหลักสูตรระดับ พ.ศ. 2548
บณั ฑติ ศกึ ษา พ.ศ. 2548 การสนทนากลุม่ ผบู้ รหิ าร และ
หรือไม่ ประเด็นคาถามการสนทนากลุ่ม คณาจารย์
แบบบันทกึ การสนทนากลุ่ม เอกสารหลักสูตร
รายวิชามคี วามสอดคล้องกับ การวิเคราะห์รายวิชา แบบวเิ คราะหค์ วามสอดคลอ้ ง พทุ ธศาสตรมหาบัณฑติ
วัตถปุ ระสงค์ของหลกั สตู ร ในเอกสารหลักสูตร ระหวา่ งรายวิชากับวตั ถุประสงค์ สาขาวชิ าวิปัสสนาภาวนา
หรอื ไม่ ของหลกั สตู ร เอกสารหลักสตู ร
แบบวิเคราะห์ความสอดคล้อง พุทธศาสตรมหาบัณฑติ
รายวชิ าในหลกั สตู ร สง่ เสรมิ การวิเคราะห์รายวิชา ระหวา่ งรายวิชา กบั คณุ ลกั ษณะ สาขาวิชาวปิ ัสสนาภาวนา
คณุ ลักษณะของบณั ฑติ ในเอกสารหลักสูตร ของบัณฑิต ท่ีพงึ ประสงค์
ทพ่ี งึ ประสงค์ 3 ด้าน ได้แก่ 3 ด้าน
ดา้ นความรู้ความคิด
ทกั ษะปฏิบัติ
คณุ ธรรมจริยธรรม หรือไม่
261
262 262
ตาราง 10 การออกแบบและวางแผนการประเมนิ หลักสูตรพุทธศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชาวิปัสสนาภาวนา
มหาวทิ ยาลัยมหาจฬุ าลงกรณราชวทิ ยาลยั วิทยาเขตบาฬศี ึกษาพทุ ธโฆส นครปฐม (ตอ่ )
มติ ิ ประเด็น คาถามการประเมนิ วธิ ีการเก็บรวบรวม เครื่องมอื แหล่งข้อมลู
การประเมิน การประเมิน ขอ้ มลู
รายวชิ าในหลักสูตร การวิเคราะหร์ ายวิชา แบบวิเคราะห์ความสอดคลอ้ ง เอกสารหลักสูตร
ส่งเสริมคณุ ลักษณะบณั ฑติ ในเอกสารหลักสูตร ระหวา่ งรายวชิ ากับมาตรฐาน พุทธศาสตรมหาบณั ฑิต
ท่ีพึงประสงค์ในระดับคุณวุฒิ คณุ วฒุ ริ ะดับปริญญาโทในกรอบ สาขาวชิ าวปิ สั สนาภาวนา
ปริญญาโท ในมาตรฐาน การวิเคราะหร์ ายวิชา มาตรฐานคุณวุฒริ ะดับ
คุณวุฒริ ะดับอุดมศึกษา ในเอกสารหลักสูตร อุดมศึกษาแห่งชาติ เอกสารหลักสูตร
แห่งชาติ พ.ศ. 2552 พ.ศ. 2552 พทุ ธศาสตรมหาบณั ฑิต
หรอื ไม่ สาขาวิชาวิปสั สนาภาวนา
การออกแบบรายวิชา แบบวเิ คราะหค์ ณุ ภาพ เอกสารหลกั สูตร
ในหลักสูตร ของการออกแบบรายวชิ า พทุ ธศาสตรมหาบณั ฑิต
มคี ุณภาพหรอื ไม่ สาขาวิชาวิปัสสนาภาวนา
แบบวิเคราะห์แนวทาง
แนวทางการ แนวทางการจัดการเรียน การวเิ คราะห์ การจัดการเรยี นการสอน
จดั การเรยี น การสอนและการวัด เอกสารหลักสตู ร และประเมนิ ผล
การสอน และประเมินผล มีความ (ในบรบิ ทการจัดการศกึ ษาระดบั
และการ สอดคล้องกบั บริบท บณั ฑติ ศึกษา)
ประเมนิ ผล การจัดการศึกษาระดับ
บณั ฑติ ศกึ ษาในปจั จุบัน
หรือไม่
263
ตาราง 10 การออกแบบและวางแผนการประเมนิ หลักสูตรพทุ ธศาสตรมหาบัณฑติ สาขาวชิ าวิปสั สนาภาวนา
มหาวิทยาลัยมหาจฬุ าลงกรณราชวทิ ยาลัย วิทยาเขตบาฬีศกึ ษาพทุ ธโฆส นครปฐม (ต่อ)
มติ ิ ประเด็น คาถามการประเมิน วธิ กี ารเก็บรวบรวม เครอ่ื งมือ แหล่งขอ้ มูล
การประเมิน การประเมิน ขอ้ มลู
เอกสารหลกั สูตร
ปัจจัยนาเขา้ จานวน อาจารยม์ ีจานวนและคุณวฒุ ิ การสารวจเอกสาร แบบสารวจจานวนและคุณวฒุ ิ พุทธศาสตรมหาบณั ฑิต
และคณุ วุฒิ ตามเกณฑ์มาตรฐาน และการตรวจสอบ ของอาจารย์ สาขาวิชาวิปสั สนาภาวนา
ของอาจารย์ หลักสตู รระดับบัณฑติ ศกึ ษา ยืนยันจากบคุ คล ตามเกณฑม์ าตรฐานหลกั สูตร
พ.ศ. 2548 หรือไม่ เจ้าของข้อมูล ระดับบัณฑิตศึกษา ผเู้ รียน
คณุ ลกั ษณะ พ.ศ. 2548
ของผเู้ รยี น ผูเ้ รียนมคี ุณลักษณะ การสอบถาม แบบสอบถามคณุ ลกั ษณะ วิทยาเขต
ท่ีเอื้อต่อการเรยี นรู้ ของผูเ้ รยี น บาฬีศกึ ษา
ทรัพยากร ในหลักสูตรระดับใด การสารวจทรพั ยากร พทุ ธโฆส
และแหล่ง หลักสตู รมีทรพั ยากร และแหล่งการเรียนรู้ แบบสารวจทรพั ยากร
การเรยี นรู้ และแหลง่ ของหลกั สูตร และแหลง่ การเรียนรู้
การเรียนรู้เพียงพอ
หรือไม่
263
264
264
ตาราง 10 การออกแบบและวางแผนการประเมนิ หลักสูตรพุทธศาสตรมหาบณั ฑิต สาขาวิชาวปิ ัสสนาภาวนา
มหาวิทยาลยั มหาจฬุ าลงกรณราชวิทยาลยั วทิ ยาเขตบาฬีศกึ ษาพุทธโฆส นครปฐม (ตอ่ )
มติ ิ ประเด็น คาถามการประเมิน วิธีการเกบ็ รวบรวม เคร่อื งมือ แหลง่ ขอ้ มลู
การประเมนิ การประเมนิ ขอ้ มลู ผู้เรยี น
การจดั การ การจดั การเรยี นการสอน แบบสอบถามคุณภาพ
กระบวนการ เรียนการสอน ของหลกั สูตร การสอบถามคุณภาพ การจัดการเรยี น ผูเ้ รียน
มีคุณภาพระดับใด การจดั การเรียน การสอน
การวดั และ การวดั และประเมนิ ผล การสอน แบบสอบถาม พระนิสิต
ประเมินผล การเรยี นรู้ของหลักสตู ร การสอบถามคณุ ภาพ คุณภาพ
มีคณุ ภาพระดับใด การวัดและ การวดั และประเมินผล ผใู้ ห้ข้อมลู หลกั
ประเมนิ ผล การเรยี นรู้ สถานท่ฝี ึกปฏิบัติ ณ
การปฏิบตั ิ การปฏิบตั ิวิปสั สนาภาวนา การเรยี นรู้ แบบสารวจกิจกรรม ประเทศพม่า และศนู ย์
การสอบถามความ การฝกึ ปฏบิ ัติ ปฏิบตั ธิ รรมพรหมโมลี
วปิ ัสสนาภาวนา 7 เดือน มคี วามเป็นระบบ คดิ เห็นท่ีมตี ่อการ วปิ สั สนาภาวนา
ปฏบิ ตั ิวิปัสสนา 7 เดอื น
7 เดอื น หรอื ไม่ ภาวนา 7 เดอื น
การสัมภาษณ์ แบบสัมภาษณ์
ผใู้ หข้ อ้ มลู หลกั
การสังเกต แบบสังเกต
การปฏบิ ัติ การปฏบิ ตั ิ
265
ตาราง 10 การออกแบบและวางแผนการประเมนิ หลักสตู รพุทธศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชาวิปสั สนาภาวนา
มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวทิ ยาลัย วทิ ยาเขตบาฬศี ึกษาพุทธโฆส นครปฐม (ต่อ)
มิติ ประเดน็ คาถามการประเมนิ วิธีการเก็บรวบรวม เครอ่ื งมอื แหล่งข้อมลู
การประเมนิ การประเมนิ ข้อมลู อาจารยผ์ ู้รับผดิ ชอบหลักสตู ร
การทาวิทยานิพนธ์ แบบสารวจระบบ
ระบบการทา มคี วามเป็นระบบหรือไม่ การสารวจระบบ การทาวิทยานพิ นธ์
วิทยานิพนธ์ การทาวิทยานิพนธ์
การสัมภาษณ์ แบบสมั ภาษณ์ ผูใ้ ห้ข้อมูลหลกั
ผู้ให้ขอ้ มูลหลัก
การบรหิ าร การบรหิ ารจดั การหลักสูตร การสอบถาม แบบสารวจการบรหิ าร อาจารยผ์ ู้รับผดิ ชอบหลักสตู ร
จดั การ มคี วามเป็นระบบหรือไม่ จัดการหลกั สตู ร
หลกั สูตร
การสมั ภาษณ์ แบบสมั ภาษณ์ ผใู้ ห้ขอ้ มลู หลกั
ผ้ใู ห้ขอ้ มลู หลัก
265
266 266
ตาราง 10 การออกแบบและวางแผนการประเมินหลักสูตรพุทธศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวชิ าวปิ ัสสนาภาวนา
มหาวทิ ยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวทิ ยาลัย วิทยาเขตบาฬีศึกษาพุทธโฆส นครปฐม (ตอ่ )
มติ ิ ประเดน็ คาถามการประเมิน วธิ กี ารเก็บรวบรวม เครื่องมือ แหล่งขอ้ มูล
การประเมนิ การประเมนิ ข้อมูล รายงานการวจิ ยั
แบบสารวจการวิจัย หนังสือ ตารา
ผลผลติ การวิจัย มกี ารวิจัยทางหลักสูตร การสารวจการวิจยั หลกั สูตร ท่ไี ด้มาจากการวิจัย
หลกั สตู ร และการเรียนการสอน หลักสูตรและการ และการเรียนการสอน ผูใ้ หข้ ้อมลู หลัก
และการเรียน ที่เปน็ ประโยชน์ เรียนการสอน ผสู้ าเร็จการศึกษา
การสอน ต่อหลักสตู รหรือไม่ แบบสัมภาษณ์
การสมั ภาษณ์ ผูใ้ ห้ข้อมูลหลัก
คณุ ภาพของ ผู้สาเรจ็ การศึกษามีคณุ ภาพ ผใู้ หข้ ้อมูลหลกั แบบสอบถามขอ้ มลู
ผ้สู าเร็จ ตามวัตถุประสงค์ การสารวจขอ้ มูล ผสู้ าเรจ็ การศึกษา
การศกึ ษา ของหลักสูตรหรอื ไม่ คณุ ภาพของผ้สู าเรจ็ ในหลกั สูตร
การศึกษา โดยการรายงานตนเอง
การสัมภาษณ์ แบบสัมภาษณ์
ผู้ให้ข้อมูลหลกั
267
ข้นั ตอนที่ 4 การสร้างเครอื่ งมอื เกบ็ รวบรวมขอ้ มูลสาหรับการประเมินหลกั สตู ร
เป็นการสร้างเครื่องมือที่ใช้เก็บรวบรวมข้อมูลต่างๆ ตามท่ีกาหนดไว้ในพิมพ์เขียวการ
ประเมนิ หลักสูตร เชน่ แบบวิเคราะห์เอกสาร แบบสอบถาม แบบสารวจ แบบสมั ภาษณ์ เป็นตน้
เครื่องมือการเก็บรวบรวมข้อมูลเป็นปัจจัยสาคัญท่ีส่งผลต่อคุณภาพการประเมิน
หลักสูตร ดังน้ันการสร้างเคร่ืองมือจึงเป็นขั้นตอนที่สาคัญมาก กระบวนการสร้างเครื่องมือที่ใช้
เก็บรวบรวมข้อมลู โดยทัว่ ไปมขี ้ันตอนดังน้ี
1) กาหนดนยิ ามปฏิบตั กิ ารของตวั แปรที่ตอ้ งการประเมนิ
2) สรา้ งเครอื่ งมอื ท่ีใช้ในการเก็บรวบรวมข้อมลู ฉบับร่าง
3) ตรวจสอบคณุ ภาพดา้ นความเท่ยี งตรง (validity)
4) ปรับปรงุ แกไ้ ขตามคาแนะนาของผูเ้ ชี่ยวชาญ
5) ทดลองใช้ และดาเนนิ การหาคณุ ภาพดา้ นความเชื่อม่ัน (reliability)
(ถา้ เป็นแบบทดสอบตอ้ งตรวจสอบคณุ ภาพดา้ นความยาก
และอานาจจาแนก)
6) ปรับปรุงเคร่ืองมือทใี่ ชใ้ นการเกบ็ รวบรวมขอ้ มูลเปน็ ฉบับสมบูรณ์
เพื่อให้ผู้อ่านได้ศึกษาเคร่ืองมือท่ีใช้เก็บรวบรวมข้อมูลสาหรับการประเมินหลักสูตร
จึงยกตัวอย่างเคร่ืองมือท่ีใช้ในการเก็บรวบรวมข้อมูลสาหรับการประเมินหลักสูตร จากการประเมิน
หลักสูตรพุทธศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชาวิปัสสนาภาวนา มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณ -
ราชวทิ ยาลยั วทิ ยาเขตบาฬศี กึ ษาพุทธโฆส นครปฐม (มารตุ พัฒผล. 2554ก)
268
แบบวิเคราะห์ลกั ษณะของหลกั สตู ร
กับกรอบมาตรฐานคุณวุฒิระดบั อุดมศกึ ษาแหง่ ชาติ พ.ศ. 2552
วัตถุประสงค์ เพอื่ วเิ คราะหล์ กั ษณะของหลักสูตรพุทธศาสตรมหาบัณฑติ สาขาวิปัสสนาภาวนา
คาชแ้ี จง วทิ ยาเขตบาฬีศึกษาพทุ ธโฆส นครปฐม กบั กรอบมาตรฐานคุณวฒุ ิระดบั อดุ มศกึ ษา
แห่งชาติ พ.ศ. 2522
วิเคราะหล์ ักษณะของหลักสูตรพุทธศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิปสั สนาภาวนา
โดยทาเครอื่ งหมาย ลงในชอ่ งผลการประเมนิ ครบถว้ นทุกรายการ
ขอ้ ท่ี ลกั ษณะหลกั สตู รระดับปรญิ ญาโท ผลการประเมิน
สอดคล้อง ไมส่ อดคลอ้ ง
1 มุ่งพัฒนาความรแู้ ละทักษะทางด้านวิชาการและวิชาชพี
2 มุ่งเนน้ การพฒั นาความชานาญทางด้านการวิจยั
3 พัฒนาความชานาญระดบั สงู ทางวิชาชีพ
4 เนน้ การค้นคว้าวิจัยท่นี าไปสู่การทาวทิ ยานิพนธ์
5 ผสมผสานระหวา่ งวิทยานพิ นธ์กบั การศกึ ษารายวชิ า
ขอ้ เสนอแนะ / ข้อสงั เกตเพมิ่ เติม
....................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................
269
แบบวิเคราะหป์ รัชญาของหลกั สูตร
วัตถุประสงค์ เพ่อื วเิ คราะห์ปรัชญาของหลักสตู รพุทธศาสตรมหาบณั ฑติ สาขาวิปัสสนาภาวนา
คาชแ้ี จง วิทยาเขตบาฬีศึกษาพทุ ธโฆส นครปฐม
วิเคราะห์ปรชั ญาของหลักสูตรพทุ ธศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวปิ สั สนาภาวนา
โดยทาเครอ่ื งหมาย ลงในช่องผลการประเมนิ ครบถ้วนทุกรายการ
ขอ้ ท่ี รายการประเมิน ผลการประเมนิ ปรัชญาหลกั สูตร
มีความชดั เจน ยงั ไมช่ ดั เจน
1 สอดคล้องกับปรัชญาการอุดมศึกษาไทย
2 สอดคล้องกบั ปรัชญาของมหาวิทยาลยั
3 สะทอ้ นความเช่ือทมี่ ตี ่อการจัดการศึกษาของหลักสูตร
4 สะท้อนเปูาหมายของการจดั การศึกษา
5 สะทอ้ นแนวทางการจัดการศกึ ษา
ขอ้ เสนอแนะ / ข้อสงั เกตเพม่ิ เติม
....................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................
.............................................................................................................................................. ......................
....................................................................................................................................................................
270
แบบวเิ คราะหค์ วามสอดคล้องระหว่างวตั ถุประสงค์ของหลกั สตู ร
กับคณุ ลักษณะบัณฑิตด้านการร้คู ิด คุณธรรมจริยธรรม ทักษะการปฏิบัติ
วัตถุประสงค์ เพอ่ื วิเคราะห์ความสอดคลอ้ งระหว่างวตั ถุประสงค์ของหลกั สูตร
คาช้ีแจง พทุ ธศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิปัสสนาภาวนา วทิ ยาเขตบาฬีศกึ ษาพทุ ธโฆส นครปฐม
กับคุณลกั ษณะบัณฑิตด้านการรคู้ ดิ คุณธรรมจริยธรรม ทกั ษะการปฏบิ ตั ิ
วเิ คราะหว์ ัตถปุ ระสงค์ของหลักสูตรแตล่ ะขอ้ แลว้ ทาเคร่ืองหมาย ลงในชอ่ ง
คุณลกั ษณะบณั ฑติ ทีพ่ งึ ประสงค์ เม่ือมีความสอดคล้องกบั คณุ ลกั ษณะบัณฑติ
ท่พี งึ ประสงคด์ า้ นใดด้านหนง่ึ หรอื หลายดา้ น
ข้อท่ี วัตถปุ ระสงค์ของหลักสูตร ความสอดคล้องกับ
คณุ ลักษณะบัณฑิต
1 เพ่อื ผลติ พทุ ธศาสตรมหาบัณฑติ ใหม้ คี วามรู้ความสามารถ
ดา้ นปรยิ ัติ ปฏบิ ัติ ปฏเิ วธ และฝกึ ฝนตนเองเพื่อให้ได้รับ ความรู้ คณุ ธรรม ทักษะ
ผลการปฏิบัติได้อย่างมีประสิทธภิ าพ ความคิด จริยธรรม การปฏบิ ตั ิ
2 เพื่อให้มคี วามรู้ความสามารถเปน็ วปิ ัสสนาจารย์
เพื่อการเผยแผ่ดา้ นวปิ ัสสนาภาวนา
3 เพื่อใหเ้ กดิ การบรู ณาการด้านปริยัตแิ ละปฏบิ ตั สิ ามารถนาไป
ประยกุ ตใ์ ชใ้ นชีวิตประจาวนั อยา่ งมีความสงบสุข
271
แบบวเิ คราะหค์ วามสอดคล้องระหวา่ งวัตถุประสงค์ของหลกั สูตร
กับมาตรฐานคุณวฒุ ริ ะดบั ปริญญาโท ในกรอบมาตรฐานคณุ วฒุ ิระดับอุดมศกึ ษาแห่งชาติ พ.ศ. 2552
วตั ถปุ ระสงค์ เพอ่ื วิเคราะห์ความสอดคลอ้ งระหวา่ งวัตถุประสงคข์ องหลกั สตู รพุทธศาสตรมหาบัณฑติ
คาช้ีแจง สาขาวปิ สั สนาภาวนา วทิ ยาเขตบาฬีศึกษาพุทธโฆส นครปฐม กับมาตรฐานคุณวฒุ ิ
ระดับปริญญาโท
วเิ คราะห์วตั ถุประสงคข์ องหลักสูตรแต่ละขอ้ แลว้ ทาเคร่อื งหมาย ลงในชอ่ ง
ความสอดคลอ้ งกับมาตรฐานคุณวุฒริ ะดบั ปริญญาโท เมอื่ มคี วามสอดคลอ้ งกบั
มาตรฐานคณุ วฒุ ิระดบั ปริญญาโท ด้านใดด้านหนงึ่ หรือหลายด้าน
ขอ้ ท่ี วตั ถปุ ระสงค์ของหลักสตู ร ความสอดคล้องกับ
มาตรฐานคุณวฒุ ิระดับปริญญาโท
1 เพื่อผลติ พุทธศาสตรมหาบัณฑติ ใหม้ ีความรู้
ความสามารถด้านปรยิ ตั ิ ปฏบิ ัติ ปฏเิ วธ ดา้ นที่ 1 ดา้ นที่ 2 ดา้ นท่ี 3 ด้านท่ี 4 ด้านที่ 5
และฝกึ ฝนตนเองเพ่ือให้ไดร้ ับผลการปฏบิ ตั ิ
ได้อย่างมีประสทิ ธิภาพ
2 เพ่อื ใหม้ ีความรู้ความสามารถเป็นวิปสั สนาจารย์
เพอ่ื การเผยแผ่ด้านวปิ สั สนาภาวนา
3 เพ่อื ใหเ้ กิดการบูรณาการดา้ นปรยิ ัตแิ ละปฏบิ ตั ิ
สามารถนาไปประยุกตใ์ ช้ในชีวติ ประจาวนั
อยา่ งมีความสงบสขุ
272
แบบวิเคราะห์ความสอดคล้องระหว่างวตั ถุประสงค์ของหลกั สูตรกบั มาตรฐานคุณวุฒิระดับปริญญาโท
ในกรอบมาตรฐานคุณวฒุ ริ ะดับอดุ มศกึ ษาแห่งชาติ พ.ศ. 2552
วัตถุประสงค์ เพอื่ วเิ คราะห์ความสอดคลอ้ งระหวา่ งวัตถุประสงค์ของหลักสูตรพทุ ธศาสตร
มหาบัณฑติ สาขาวิปสั สนาภาวนา วิทยาเขตบาฬีศึกษาพุทธโฆส นครปฐม
คาช้แี จง กับมาตรฐานคณุ วฒุ ริ ะดับปรญิ ญาโท
วเิ คราะหว์ ัตถุประสงค์ของหลกั สูตรแตล่ ะขอ้ แล้วทาเคร่อื งหมาย ลงในชอ่ ง
มาตรฐานคณุ วุฒริ ะดบั ปรญิ ญาโท เมอื่ มีความสอดคลอ้ งกบั มาตรฐานคุณวฒุ ิระดบั
ปรญิ ญาโท ดา้ นใดด้านหน่งึ หรอื หลายดา้ น
ความสอดคลอ้ งกับ
มาตรฐานคุณวุฒริ ะดับปรญิ ญาโท
คุณธรรม ความรู้ ทักษะ ทกั ษะ ทกั ษะการ
ขอ้ ที่ รายการ จรยิ ธรรม ทาง ความสมั พนั ธ์ วเิ คราะห์
1. เพือ่ ผลติ พทุ ธศาสตรมหาบณั ฑติ ให้มคี วามรู้ ปัญญา ระหว่างบคุ คล เชงิ ตัวเลข
ความสามารถดา้ นปรยิ ตั ิ ปฏบิ ตั ิ ปฏิเวธ
และฝกึ ฝนตนเองเพ่อื ใหไ้ ดร้ ับผลการปฏบิ ตั ิ และความ การส่อื สาร
ได้อย่างมีประสทิ ธิภาพ
รับผดิ ชอบ และการใช้
2. เพ่ือให้มคี วามรคู้ วามสามารถเปน็ วปิ ัสสนาจารย์
เพ่อื การเผยแผด่ ้านวิปสั สนาภาวนา เทคโนโลยี
3. เพอ่ื ให้เกดิ การบรู ณาการดา้ นปริยตั แิ ละปฏิบตั ิ
สามารถนาไปประยกุ ตใ์ ชใ้ นชีวิตประจาวัน
อย่างมีความสงบสขุ
273
แบบวเิ คราะหค์ วามสอดคล้องระหวา่ งรายวิชากบั มาตรฐานคุณวฒุ ิระดบั ปริญญาโท
ในกรอบมาตรฐานคุณวุฒิระดบั อดุ มศึกษาแหง่ ชาติ พ.ศ. 2552
วัตถปุ ระสงค์ เพอ่ื วเิ คราะห์ความสอดคลอ้ งระหวา่ งรายวิชาของหลกั สูตรพุทธศาสตรมหาบัณฑิต
คาช้แี จง สาขาวิปสั สนาภาวนา วิทยาเขตบาฬีศึกษาพุทธโฆส นครปฐม กบั มาตรฐานคณุ วฒุ ิ
ระดบั ปริญญาโท ในมาตรฐานคุณวฒุ ิระดบั อดุ มศกึ ษาแห่งชาติ พ.ศ. 2552
วิเคราะห์รายวิชาของหลักสูตรแต่ละรายวชิ า แล้วทาเครอ่ื งหมาย ลงในชอ่ ง
มาตรฐานคณุ วุฒิระดบั ปรญิ ญาโท เม่ือมคี วามสอดคล้องกบั มาตรฐานคณุ วุฒิ
ระดบั ปริญญาโทดา้ นใดดา้ นหนง่ึ หรือหลายด้าน
มาตรฐานคุณวฒุ ิระดบั ปริญญาโท (สานักงานคณะกรรมการการอุดมศกึ ษา. 2552)
ดา้ นท่ี 1 คุณธรรมจริยธรรม
สามารถจัดการเกี่ยวกับปัญหาทางด้านจริยธรรมท่ีซับซ้อนในทางวิชาการหรือวิชาชีพ
ด้วยความเขา้ ใจในความร้สู กึ ของผูอ้ ่นื และเมอ่ื ใดก็ตามท่ีไม่มีข้อมูลทางจรรยาบรรณของวิชาชีพหรือไม่มี
ระเบียบข้อบังคับเพียงพอที่จะจัดการกับปัญหาท่ีเกิดขึ้นก็สามารถใช้การวินิจฉัยอย่างผู้รู้ด้วยความ
ยุติธรรมและชัดเจนด้วยหลักฐาน และตอบโต้กับปัญหาเหล่านี้บนพื้นฐานของหลักการท่ีมีเหตุผลและ
ค่านิยมอันดีงาม และแสดงออกหรือส่ือให้เห็นถึงข้อสรุปของปัญหาด้วยการรับรู้ที่ไวต่อผลกระทบท่ีจะ
เกิดขึ้น มีความคิดริเริ่มในการหยิบยกข้อบกพร่องของจรรยาบรรณที่มีอยู่ในปัจจุบันเพื่อให้เกิด
การทบทวนและแกไ้ ข
มีความกระตือรือร้นในการสนับสนุนให้ผู้อ่ืนประยุกต์ใช้การวินิจฉัยทางด้านคุณธรรม
จริยธรรมในการจัดการกบั ข้อโต้แย้งและปัญหาท่ีมีผลกระทบต่อตนเองและผู้อ่ืน แสดงออกซึ่งภาวะผู้นา
ในการสง่ เสรมิ ใหม้ ีการประพฤติปฏิบัติตามหลักแห่งคุณธรรมจริยธรรมในสภาพแวดล้อมของการทางาน
และในชมุ ชนท่กี ว้างขวางขึ้น
274
ดา้ นที่ 2 ความรู้
มีความรู้ความเข้าใจอย่างถ่องแท้ในเน้ือหาสาระหลักของรายวิชาหรือสาขาวิชาตลอดจน
หลักการหรือทฤษฎีท่ีสาคัญ และนามาประยุกต์ใช้ในการศึกษาค้นคว้าทางวิชาการหรือการปฏิบัติ
ในวิชาชีพมคี วามเข้าใจอย่างละเอียดในทฤษฎีของการวิจัยและการปฏิบัติทางวิชาชีพที่ซับซ้อนของกลุ่ม
วิชาเฉพาะน้ัน มีความเข้าใจในวิธีการพัฒนาความรู้ใหม่ๆ และการประยุกต์ใช้ ตลอดถึงผลกระทบของ
ผลงานวิจัยในปัจจุบันท่ีมีต่อองค์ความรู้ในสาขา / สาขาวิชา และต่อการปฏิบัติในวิชาชีพที่เก่ียวข้อง
ตระหนักในระเบียบและข้อบังคับที่ใช้อยู่ในสภาพแวดล้อมของท้องถ่ินและในระดับนานาชาติท่ีอาจมี
ผลกระทบต่อสาขาวิชาชีพที่เก่ียวข้อง รวมทั้งเหตุผลและส่ิงที่เกี่ยวข้องสาหรับการเปล่ียนแปลงใน
อนาคต
ดา้ นท่ี 3 ทกั ษะทางปัญญา
สามารถประยุกต์ความรู้ภาคทฤษฎีและภาคปฏิบัติได้อย่างสอดคล้องกับเน้ือหาวิชาการ
หรือทางวิชาชีพท่ีหลากหลาย แปลกใหม่ และไม่อาจทานายหรือคาดหมายได้ สามารถพัฒนาแนวคิด
ท่เี ปน็ ตน้ แบบไดอ้ ย่างสร้างสรรค์ในการแกไ้ ขข้อโตแ้ ยง้ หรือปัญหา สามารถบอกเล่าด้วยการวินิจฉัยอย่าง
ผู้รู้และในสถานการณท์ ขี่ าดขอ้ มูลข่าวสารทส่ี มบรู ณ์
สามารถสังเคราะห์และประยุกต์ใช้ผลการวิจัย สิ่งตีพิมพ์ / ส่ือต่างๆ ทางวิชาการ หรือ
รายงานเกี่ยวกบั วิชาชีพและพฒั นาความคดิ ใหมๆ่ ที่สาคญั โดยบูรณาการเขา้ กบั องคค์ วามรู้ที่มีอยู่หรือที่
สร้างใหม่ สามารถประยุกต์ใช้เทคนิคท่ัวไปและเทคนิคการวิจัยเฉพาะทางในการวิเคราะห์ปัญหา
ที่ซับซ้อนอย่างสร้างสรรค์ รวมถึงพัฒนาข้อสรุปและข้อเสนอแนะท่ีเก่ียวข้องสัมพันธ์กับสาขาวิชาการ
หรอื วชิ าชพี
275
สามารถวางแผนอย่างเป็นอิสระและดาเนินการโครงการสาคัญหรือโครงการวิจัยค้นคว้า
ทางวิชาการ โดยการประยุกต์ใช้ความรู้ท้ังภาคทฤษฎีและภาคปฏิบัติ ตลอดถึงการใช้เทคนิคการวิจัย
และจัดทาข้อสรปุ ที่ดี ซ่งึ จะชว่ ยเพิม่ พนู ความร้ทู ี่มอี ยู่หรือเพ่มิ พูนแนวทางการปฏบิ ัตใิ นวิชาชพี
ดา้ นท่ี 4 ทักษะความสมั พันธ์ระหวา่ งบคุ คลและความรับผิดชอบ
มีบทบาทในการรเิ รม่ิ อยา่ งสรา้ งสรรค์ และจัดการแก้ไขข้อโต้แย้งและปัญหาท่ียุ่งยากซับซ้อน
ในทางวิชาการหรือวิชาชีพได้ เมื่อใดที่มีความต้องการข้อมูลข่าวสารและทักษะเพิ่มเติม สามารถ
ดาเนินการไดอ้ ยา่ งเป็นอิสระในการแสวงหา และประยุกต์ใชข้ ้อมลู ข่าวสารและทกั ษะนนั้
มีความรบั ผิดชอบในการดาเนินงานของตนเอง และร่วมมือกับผู้อื่นอย่างเต็มท่ีในการจัดการ
เกี่ยวกับข้อโต้แย้งและปัญหาต่างๆ แสดงออกซึ่งทักษะการเป็นผู้นาทั้งแบบเป็นทางการและไม่เป็น
ทางการ ได้อย่างเหมาะสม ตามโอกาสและสถานการณ์ ที่สอดคล้องต่อการเพิ่มพูนประสิทธิภาพในการ
ทางานกล่มุ ในภาพรวม
ดา้ นที่ 5 ทักษะการวเิ คราะห์เชิงตวั เลข การสื่อสาร และการใช้เทคโนโลยี
สามารถส่ือสารได้อย่างมีประสิทธิภาพเหมาะสมกับผู้ฟังทั้งในวงวิชาการและวิชาชีพ รวมถึง
ชุมชนทั่วไป โดยการนาเสนอรายงานทั้งรูปแบบที่เป็นทางการและไม่เป็นทางการจากสิ่งตีพิมพ์ / สื่อ
ต่างๆ ทางวิชาการและวิชาชีพ รวมท้ังวิทยานิพนธ์และโครงการค้นคว้าที่สาคัญ มีความสามารถในการ
ประเมินผลอย่างมีวิจารณญาณ และใช้ข้อมูลทางคณิตศาสตร์และสถิติ ตลอดจนเทคโนโลยีสารสนเทศ
และการส่อื สารในการตรวจสอบปัญหา และหาขอ้ สรุปและขอ้ เสนอแนะได้อย่างมปี ระสทิ ธิภาพ
จากน้นั นามาตรฐานผลการเรยี นร้มู าเปน็ กรอบการประเมินความสอดคลอ้ งระหว่างรายวิชา
กับมาตรฐานคุณวุฒิระดับปริญญาโทในกรอบมาตรฐานคุณวุฒิระดับอุดมศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. 2552
ดงั ต่อไปนี้
276
ความสอดคลอ้ งกบั
ข้อท่ี รายการ มาตรฐานคุณวุฒิระดับปริญญาโท
ด้านที่ ดา้ นที่ ดา้ นท่ี ด้านที่ ดา้ นที่
12345
1. 600101 พระไตรปฎิ กวเิ คราะห์ 2(2-0-4)
ศกึ ษาความเปน็ มาของการรวบรวมพระธรรมวินัย เป็น
พระไตรปฎิ ก และการถ่ายทอดโครงสรา้ งและสาระสงั เขปของ
พระไตรปฎิ ก วเิ คราะห์หลักธรรมสาคัญ เช่น อรยิ สัจจ์
ไตรลักษณ์ ไตรสิกขา นรก สวรรค์ จิต วิญญาณ
2. 606102 วิปัสสนาภาวนาในคมั ภรี ์พระพุทธศาสนา 2(2-0-4)
ศึกษาความรพู้ น้ื ฐานของวปิ สั สนาภาวนาโดยท่ัวไป
หลกั วิปัสสนาภาวนา ตามนัยของพระไตรปิฎก อรรถกถา ฎกี า
และปกรณ์วเิ สสตา่ ง ๆ
3. 606203 สัมมนาวปิ สั สนาภาวนา 2(2-0-4)
สัมมนาหลกั การถามตอบและสอบอารมณข์ องการปฏบิ ัตวิ ิปสั สนา
ภาวนา และเรื่องอันเป็นประเด็นปญั หาของการปฏิบตั ิวิปสั สนา
ภาวนา สภาพปญั หา สาเหตุปัญหาและวิธีการแกไ้ ขปญั หาการ
ปฏิบตั วิ ิปัสสนาภาวนา
4. 606204 ระเบยี บวิธวี ิจัยวิปสั สนาภาวนา 2(2-0-4)
ศึกษาลักษณะและประเภทของการวิจัยทางวิปัสสนาภาวนา
และการนาเสนอผลงานวจิ ยั
5. 600105 ภาษาอังกฤษ 2(2-0-4)
ศกึ ษาภาษาอังกฤษขั้นใช้งานเพอื่ ใหม้ ที กั ษะในการเขยี น บรรยาย
และอภปิ รายธรรม