Extra & Friends
Primary 4
แผนการจดั การเรยี นรู้
รายวิชาพ้ืนฐาน ภาษาอังกฤษ
นายแดนองั เจลโล่ บญุ หลง
โรงเรยี นบ้านโนนสวา่ ง ตาแหน่ง ครู
สานักงานเขตพื้นท่กี ารศกึ ษาประถมศึกษาอุบลราชธานี เขต 3
สานกั งานคณะกรรมการการศกึ ษาขั้นพ้ืนฐาน
กระทรวงศึกษาธกิ าร
แผนการจัดการเรียนรู้ รายวชิ าพื้นฐาน ภาษาอังกฤษ
EXTRA and Friends 4 ป. 4
ช้ันประถมศึกษาปี ที่ 4
กล่มุ สาระการเรียนรู้ภาษาตา่ งประเทศ
ตามหลกั สูตรแกนกลางการศึกษาข้นั พ้ืนฐาน พทุ ธศกั ราช 2551
ผ้เู รียบเรียง
นางนิตยา ชายจอหอ
นางสาวพิชญานิน ถนิมกาญจน์
ผ้ตู รวจ
ผศ. พรสวรรค์ สีป้อ
รศ. ดร. บณั ฑิต ฉัตรวโิ รจน์
นางสุภาภรณ์ สิปปเวสม์
บรรณาธิการ
นายสุเมธินท์ แสงไตรรัตน์นุกลู
พิมพค์ รงั้ ที่ 1
สงวนลขิ สทิ ธต์ิ ามพระราชบญั ญตั ิ
First Edition
สารบญั หน้า
C
คาอธิบายรายวชิ าภาษาอังกฤษพน้ื ฐาน D
โครงสร้างรายวชิ าภาษาองั กฤษพ้ืนฐาน 1
หน่วยการเรียนรู้ Welcome! 10
หน่วยการเรียนรู้ที่ 1 The Way We Look! 91
หน่วยการเรียนรู้ท่ี 2 Something to Eat 182
หน่วยการเรียนรู้ท่ี 3 What’s the Weather Like? 273
หน่วยการเรียนรู้ท่ี 4 Hooray, It’s Saturday! 375
หน่วยการเรียนรู้ท่ี 5 My Favourite Season 475
หน่วยการเรียนรู้ที่ 6 All About Animals!
ภาคผนวก 583
Track list 586
แบบประเมนิ
B
คาอธิบายรายวชิ าภาษาอังกฤษพื้นฐาน ช้ันประถมศึกษาปี ท่ี 4
80 ชั่วโมง
ปฏิบตั ิตามคาสงั่ คาขอร้อง และคาแนะนา (instructions) งา่ ย ๆ ท่ีฟังหรืออ่าน อา่ นออกเสียง สะกด
อ่านกลุม่ คา ประโยค ขอ้ ความง่าย ๆ และบทพูดเขา้ จงั หวะถกู ตอ้ งตามหลกั การอ่าน และเลอื ก/ระบุภาพ
สญั ลกั ษณ์หรือเคร่ืองหมายตรงตามความหมายของประโยคและขอ้ ความส้ัน ๆ ที่ฟังหรืออา่ น และตอบคาถาม
จากการฟังและอ่านประโยค บทสนทนา และนิทานงา่ ย ๆ พูด/เขยี นโตต้ อบในการสื่อสารระหวา่ งบุคคล
ใชค้ าส่งั คาขอร้อง และคาขออนุญาตง่าย ๆ พูด/เขยี นแสดงความตอ้ งการของตนเอง และขอความช่วยเหลอื
ในสถานการณง์ ่าย ๆ ขอและใหข้ อ้ มลู เกี่ยวกบั ตนเอง เพอื่ น และครอบครวั พดู แสดงความรู้สึกเกี่ยวกบั เรื่อง
ต่าง ๆ ใกลต้ วั และกิจกรรมต่าง ๆ รวมถึงพูด/เขยี นให้ขอ้ มลู เก่ียวกบั ตนเองและเร่ืองใกลต้ วั พดู /วาดภาพ
แสดงความสมั พนั ธ์ของสิ่งต่าง ๆ ใกลต้ วั ตามที่ฟังหรืออา่ น พูดแสดงความคดิ เห็นงา่ ย ๆ เก่ียวกบั เรื่องใกลต้ วั
พูดและทาทา่ ประกอบอยา่ งสุภาพ ตอบคาถามเกี่ยวกบั เทศกาล/วนั สาคญั /งานฉลอง และชีวิตความเป็นอยู่
ของเจา้ ของภาษา เขา้ ร่วมกิจกรรมทางภาษาและวฒั นธรรมที่เหมาะกบั วยั และบอกความแตกต่างของเสียง
ตวั อกั ษร คา กลมุ่ คา ประโยค ขอ้ ความเทศกาลและงานฉลองตามวฒั นธรรมของเจา้ ของภาษากบั ของไทย
คน้ ควา้ รวบรวมคาศพั ทท์ ่เี กี่ยวขอ้ งกบั กลุม่ สาระการเรียนรู้อืน่ และนาเสนอดว้ ยการพูด/การเขียน รวมท้งั ฟัง
พูด และอ่าน/เขยี นในสถานการณต์ ่าง ๆ ทเี่ กิดข้ึนในห้องเรียนและสถานศึกษา และใชภ้ าษาตา่ งประเทศใน
การสืบคน้ และรวบรวมขอ้ มูลตา่ ง ๆ โดยสามารถส่ือสารดว้ ยภาษา น้าเสียง และกิริยาท่าทางสุภาพ เหมาะสม
ตามกาลเทศะ มคี วามใฝ่เรียนรู้ มงุ่ มนั่ ในการทางาน
ต 1.1 ป. 4/1-4
ต 1.2 ป. 4/1-5
ต 1.3 ป. 4/1-3
ต 2.1 ป. 4/1-3
ต 2.2 ป. 4/1-2
ต 3.1 ป. 4/1
ต 4.1 ป. 4/1
ต 4.2 ป. 4/1
รวม 20 ตวั ชีว้ ัด
C
โครงสร้างรายวชิ าภาษาองั กฤษพืน้ ฐาน ช้ันประถมศึกษาปี ท่ี 4
ลาดับที่ ช่ือหน่วยการเรียนรู้ มาตรฐานการเรียนรู้/ตวั ชีว้ ดั เวลา (ช่ัวโมง)
2
0 Welcome! ต 1.1 ป. 4/1-3 ต 1.2 ป. 4/1, 4 11
ต 1.3 ป. 4/1 ต 2.1 ป. 4/1, 3 13
ต 2.2 ป. 4/1 ต 4.1 ป. 4/1 12
1 The Way We Look! ต 1.1 ป. 4/1-4 ต 1.2 ป. 4/2-4 2
2 Something to Eat ต 1.3 ป. 4/1 ต 2.1 ป. 4/3 12
3 What’s the Weather Like? ต 3.1 ป. 4/1 ต 4.1 ป. 4/1
ต 4.2 ป. 4/1 13
ต 1.2 ป. 4/1-5
ต 1.1 ป. 4/1-4 ต 2.1 ป. 4/1-3 13
ต 1.3 ป. 4/1-2 ต 3.1 ป. 4/1
ต 2.2 ป. 4/1-2 ต 4.2 ป. 4/1 2
ต 4.1 ป. 4/1 ต 1.2 ป. 4/1-5 80
ต 2.1 ป. 4/1-3
ต 1.1 ป. 4/1-4 ต 3.1 ป. 4/1
ต 1.3 ป. 4/1-2 ต 4.2 ป. 4/1
ต 2.2 ป. 4/1-2
ต 4.1 ป. 4/1
Mid-Year Examination
4 Hooray, It’s Saturday! ต 1.1 ป. 4/1-4 ต 1.2 ป. 4/1-4
5 My Favourite Season ต 1.3 ป. 4/1-2 ต 2.1 ป. 4/2-3
ต 2.2 ป. 4/1-2 ต 3.1 ป. 4/1
ต 4.1 ป. 4/1 ต 4.2 ป. 4/1
ต 1.1 ป. 4/1-4 ต 1.2 ป. 4/1-5
ต 1.3 ป. 4/1-3 ต 2.1 ป. 4/1-3
ต 2.2 ป. 4/1-2 ต 3.1 ป. 4/1
ต 4.1 ป. 4/1 ต 4.2 ป. 4/1
6 All About Animals! ต 1.1 ป. 4/1-4 ต 1.2 ป. 4/1-5
ต 2.1 ป. 4/1-3
ต 1.3 ป. 4/1-2 ต 3.1 ป. 4/1
ต 4.2 ป. 4/1
ต 2.2 ป. 4/2
ต 4.1 ป. 4/1
Final Examination
Total in year round
D
หน่วยการเรียนรู้ Welcome!
เวลา 2 ชั่วโมง
จุดประสงค์ (Objectives)
- ทบทวนคำศพั ทท์ ่ีเรียนมำแลว้ ได้
- พูดทกั ทำยและแนะนำตนเองได้
- เขียนแนะนำตนเองส้ัน ๆ ได้
1. สาระ มาตรฐานการเรยี นรู้/ตวั ชี้วดั
สาระที่ 1 ภาษาเพอ่ื การส่ือสาร
มาตรฐาน ต 1.1 เข้าใจและตคี วามเร่ืองทฟ่ี ังและอ่านจากส่ือประเภทต่าง ๆ และแสดงความคิดเหน็
อย่างมีเหตุผล
ตวั ชี้วัด
ต 1.1 ป.4/1 ปฏบิ ตั ิตำมคำสงั่ คำขอร้อง และคำแนะนำ (instructions) ง่ำย ๆ ทีฟ่ ังหรืออำ่ น
ต 1.1 ป.4/2 อ่ำนออกเสียงคำ สะกดคำ อ่ำนกลมุ่ คำ ประโยค ขอ้ ควำมงำ่ ย ๆ และบทพดู
เขำ้ จงั หวะถูกตอ้ งตำมหลกั กำรอำ่ น
ต 1.1 ป.4/3 เลอื ก/ระบภุ ำพ หรือสัญลกั ษณห์ รือเคร่ืองหมำยตรงตำมควำมหมำยของประโยค
และขอ้ ควำมส้นั ๆ ทฟี่ ังหรืออำ่ น
มาตรฐาน ต 1.2 มีทกั ษะการสื่อสารทางภาษาในการแลกเปลย่ี นข้อมูลข่าวสาร แสดงความคดิ เห็น
อย่างมปี ระสิทธภิ าพ
ตัวชี้วัด
ต 1.2 ป.4/1 พูด/เขยี นโตต้ อบในกำรส่ือสำรระหวำ่ งบคุ คล
ต 1.2 ป.4/4 พูด/เขียนเพื่อขอและให้ขอ้ มูลเกี่ยวกบั ตนเอง เพอื่ น และครอบครวั
มาตรฐาน ต 1.3 นาเสนอข้อมูลข่าวสาร ความคิดรวบยอด และความคิดเหน็ ในเรื่องต่าง ๆ โดย
การพูดและการเขยี น
ตัวชีว้ ัด
ต 1.3 ป.4/1 พูด/เขียนให้ขอ้ มูลเกี่ยวกบั ตนเองและเรื่องใกลต้ วั
สาระท่ี 2 ภาษาและวัฒนธรรม
มาตรฐาน ต 2.1 เข้าใจความสัมพนั ธ์ระหว่างภาษากบั วฒั นธรรมของเจ้าของภาษาและนาไปใช้ได้
อย่างเหมาะสมกับกาลเทศะ
1
ตัวชีว้ ัด
ต 2.1 ป.4/1 พูดและทำทำ่ ประกอบอยำ่ งสุภำพตำมมำรยำทสังคมและวฒั นธรรมของเจำ้ ของ
ภำษำ
ต 2.1 ป.4/3 เขำ้ ร่วมกิจกรรมทำงภำษำและวฒั นธรรมที่เหมำะกบั วยั
มาตรฐาน ต 2.2 เข้าใจความเหมือนและความแตกต่างระหว่างภาษาและวฒั นธรรมของเจ้าของ
ภาษาและวัฒนธรรมไทย และนามาใช้ได้อย่างถูกต้อง
ตวั ชีว้ ดั
ต 2.2 ป.4/1 บอกควำมแตกตำ่ งของเสียง ตวั อกั ษร คำ กลมุ่ คำ ประโยค และขอ้ ควำมของ
ภำษำตำ่ งประเทศและภำษำไทย
สาระที่ 4 ภาษากบั ความสัมพันธ์กบั ชุมชนและโลก
มาตรฐาน ต 4.1 ใช้ภาษาต่างประเทศในสถานการณ์ต่าง ๆ ท้งั ในสถานศึกษา ชุมชน
และสังคม
ตัวชี้วัด
ต 4.1 ป.4/1 ฟัง พดู และอ่ำน/เขยี นในสถำนกำรณต์ ่ำง ๆ ทเี่ กิดข้นึ ในหอ้ งเรียนและ
สถำนศึกษำ
2. สาระสาคญั /ความคดิ รวบยอด
กำรเรียนรู้เกี่ยวกบั คำศพั ทแ์ ละสำนวนภำษำเกี่ยวกบั กำรทกั ทำย กำรแนะนำตวั กำรถำมชื่อผอู้ น่ื และ
วฒั นธรรมของเจำ้ ของภำษำ ช่วยให้สนทนำ พดู /เขียนส่ือสำรไดอ้ ยำ่ งถูกตอ้ งและเหมำะสม
3. สาระการเรียนรู้
3.1 ทกั ษะเฉพาะวชิ า
1) Language Features and Functions
Vocabulary: ทบทวนคำศพั ทท์ ่เี รียนมำแลว้
Pronunciation: ลงเสียงหนกั ในคำ (word stress)
Function: ทกั ทำยและแนะนำตนเอง
2) Language Skills
Speaking: พูดทกั ทำย แนะนำชื่อตนเอง และถำมช่ือผอู้ น่ื
3) Culture: กำรจบั มอื ทกั ทำยของคนองั กฤษ
2
4. สมรรถนะสาคญั ของผ้เู รียน 4.2 ควำมสำมำรถในกำรใชท้ กั ษะชีวติ
4.1 ควำมสำมำรถในกำรส่ือสำร 5.2 มงุ่ มนั่ ในกำรทำงำน
5. คณุ ลักษณะอันพึงประสงค์
5.1 ใฝ่เรียนรู้
6. กิจกรรมการเรียนรู้
ข้นั Warm-up
1. เป็นกำรพบกนั คร้ังแรก ครูควรสร้ำงควำมคุน้ เคยและทกั ทำยนกั เรียน โดยเดินเขำ้ มำในหอ้ งและ
เขียนช่ือบนกระดำน จำกน้นั ครูพูดวำ่ Hello, everyone. My name’s … พร้อมกบั ช้ีที่ช่ือครูบน
กระดำน โดยครูกระตนุ้ ใหน้ กั เรียนกลำ่ วทกั ทำยตอบกลบั จำกน้นั ครูพูดวำ่ Welcome to my class!
พร้อมกบั ถำมวำ่ How are you today? หรือถำมเกี่ยวกบั เรื่องทว่ั ไปโดยอำจใชภ้ ำษำไทยได้ เช่น
นกั เรียนทำกิจกรรมอะไรในช่วงปิ ดเทอมที่ผ่ำนมำ เป็นตน้ โดยครูรวบรวมคำตอบจำกนกั เรียน
หลำย ๆ คน มำเขยี นบนกระดำน
2. ครูทบทวนคำส่งั ท่จี ำเป็นในห้องเรียน เช่น
Stand up. (ยืนข้ึน)
Sit down. (นง่ั ลง)
Open the book. (เปิ ดหนงั สือ)
Close the book. (ปิ ดหนงั สือ)
Look at the picture. (ดูภำพ)
Look at exercise 1. (ดูแบบฝึกหดั ท่ี 1)
Point to the window. (ช้ีไปทหี่ นำ้ ต่ำง)
โดยครูแสดงท่ำทำงให้นกั เรียนดเู ป็นตวั อยำ่ ง จำกน้นั ครูใหน้ กั เรียนเล่นเกม โดยครูพูดคำส่งั และ
ใหน้ กั เรียนปฏบิ ตั ิตำม เช่น Sit down. Stand up. โดยครูพูดเร็วข้ึนเร่ือย ๆ เพื่อเพิ่มควำมสนุกสนำน
ข้นั Presentation Goodbye
1. ครูนำเสนอคำทกั ทำยโดยเขียนคำเหลำ่ น้ีบนกระดำน
Hello Good morning Goodnight
3
จำกน้นั ครูช้ีไปทค่ี ำว่ำ Hello และพดู ว่ำ Hello พร้อมกบั ให้นกั เรียนพูดตำมครู โดยครูอธิบำยวำ่ Hello
ใชส้ ำหรับทกั ทำยทวั่ ไป ต่อมำครูช้ีคำวำ่ Good morning แลว้ อำ่ นออกเสียงให้นกั เรียนพดู ตำม โดยครูลง
เสียงหนกั (word stress) ในคำให้ถูกตอ้ ง ครูอธิบำยว่ำ Good morning. ใชท้ กั ทำยเฉพำะช่วงเวลำเชำ้
เท่ำน้นั หำกเป็นช่วงบ่ำยเรำจะพูดว่ำ Good afternoon. ช่วงเยน็ จะพดู ว่ำ Good evening. ต่อมำครูอำ่ น
ออกเสียงคำวำ่ Goodnight และ Goodbye และบอกนกั เรียนว่ำ 2 คำน้ีใชก้ ล่ำวลำ เมอ่ื เรำจะเขำ้ นอนจะพดู
วำ่ Goodnight. ส่วน Goodbye. ใชก้ ลำ่ วลำโดยทวั่ ไป
การลงเสียงหนกั (word stress) ในคาศัพท์ภาษาอังกฤษ
ในภำษำองั กฤษจะมีกำรลงเสียงหนกั ในคำซ่ึงแตกตำ่ งจำกภำษำไทย ดงั น้นั ปัญหำท่ี
พบบอ่ ย คอื นกั เรียนมกั จะลงเสียงหนกั ทีพ่ ยำงค์สุดทำ้ ยของคำ ทำให้กำรสื่อสำรไมเ่ ป็น
ธรรมชำติเทำ่ ทคี่ วร ครูจึงตอ้ งให้ควำมสำคญั เร่ืองน้ีโดยให้นกั เรียนฝึกลงเสียงหนกั ในคำ
เป็ นประจำ
Hello Good morning Good afternoon
Good evening Goodnight Goodbye
2. ครูนำเสนอประโยคถำม-ตอบท่ีใชใ้ นกำรขอและใหข้ อ้ มูลเก่ียวกบั ช่ือและอำยุ โดยครูสุ่มเรียกนกั เรียน
ถำมคำถำม What’s your name? และ How old are you? จำกน้นั ครูเอำคำตอบของนกั เรียนมำเขียนบน
กระดำนโดยใชโ้ ครงสร้ำง My name is … และ I’m … years old.
ตวั อยำ่ ง T: Hello. My name is Wanna. What’s your name?
S: Hello, Wanna. My name’s Keawta.
T: How old are you?
S: I’m ten years old.
จำกน้นั ครูให้นกั เรียนจบั คู่กนั ผลดั กนั ถำม-ตอบเกี่ยวกบั ชื่อและอำยุ โดยแนะนำให้นกั เรียนจบั มือ
ทกั ทำยกนั ดว้ ย
ตวั อยำ่ ง S1: Hello. My name is Wandee. I’m ten years old. What’s your name?
S2: Hello, Wandee. My name is Somchai. I’m nine years old.
เสร็จแลว้ ครูสุ่มเรียกนกั เรียน 5-6 คู่ ออกมำพดู ถำม-ตอบทหี่ นำ้ ช้นั
4
การจับมือทกั ทายของคนองั กฤษ
เมอื่ แรกพบ ในขณะที่คนไทยใชก้ ำรไหว้ คนองั กฤษเมอ่ื พบกนั จะใชว้ ิธียื่นมือขวำจบั กนั
และเขยำ่ เล็กนอ้ ย (handshake) ขณะจบั มอื มกั จะพดู ว่ำ Nice to meet you. และอีกฝ่ำยหน่ึง
ควรจะพดู ตอบเช่นเดียวกนั นอกจำกน้ีผพู้ ูดควรยิม้ และสบตำคู่สนทนำเพือ่ แสดงควำม
จริ งใจและควำมเป็ นมิตร
ทม่ี า: http://www.oeauk.net/home/?page_id=1228
การเชื่อมเสียงในประโยค (linking sound)
กำรเชื่อมเสียงเกิดข้นึ เมอื่ พยำงคท์ ี่ตำมหลงั เป็นเสียงสระ จะออกเสียงควบตวั สะกดพยำงค์
แรกและสระทีข่ ้ึนตน้ พยำงคห์ ลงั ดว้ ย
เช่น My name is Suchada. I’m ten years old.
3. ครูนำเสนอประโยคถำม-ตอบเกี่ยวกบั ขอ้ มูลส่วนตวั เช่น หมำยเลขโทรศพั ท์ สถำนท่ีอยู่ และ
ควำมสำมำรถ โดยครูเขียนประโยค What’s your phone number? Where do you live? และ What can
you do? บนกระดำน จำกน้นั อ่ำนออกเสียงและให้นกั เรียนพดู ตำมพร้อมกนั เสร็จแลว้ ครูสรุปโครงสร้ำง
ประโยคคำถำมบนกระดำน ดงั น้ี
ถำมหมำยเลขโทรศพั ท์
A: What’s your phone number?
B: My phone number is + หมำยเลขโทรศพั ท.์
ถำมทีอ่ ยู่
A: Where do you live?
B: I live in + เมอื งท่ีเรำอำศยั อย.ู่
ถำมควำมสำมำรถ
A: What can you do?
B: I can + ควำมสำมำรถ.
ครูให้นกั เรียนอ่ำนประโยคคำถำมพร้อมกนั และครูเป็นคนตอบ 1 รอบ เช่น
Ss: What’s your phone number?
T: My phone number is 02 1115 5558.
5
Ss: Where do you live?
T: I live in Bangkok.
Ss: What can you do?
T: I can play the piano.
ตอ่ มำครูให้นกั เรียนจบั คกู่ นั ผลดั กนั ถำม-ตอบตำมโครงสร้ำงทค่ี รูเขยี นไวบ้ นกระดำน เช่น
S1: Hello, Patchara. What’s your phone number?
S2: My phone number is 02 4445 5559.
S1: Where do you live?
S2: I live in Pathum Thani.
S1: What can you do?
S2: I can sing very well.
3. ครูทบทวนคำศพั ทใ์ นหนงั สือเรียน หนำ้ 3 Ex. 3 โดยกำรนำบตั รภำพมำตดิ บนกระดำนหรือนำส่ิงของ
มำวำงทีห่ นำ้ ช้นั จำกน้นั ครูพดู คำศพั ทท์ ลี ะคำและให้นกั เรียนพูดตำมครูพร้อมกนั เช่น clock, coat, jump
ตอ่ มำครูสอนนกั เรียนอำ่ นออกเสียงคำศพั ทท์ ีม่ ีมำกกว่ำ 1 พยำงค์ ไดแ้ ก่ thirteen, fifteen, nineteen,
guitar, fifteen, sofa, doctor เสร็จแลว้ ครูอำจสุ่มเรียกนกั เรียนลุกข้นึ อ่ำนคำศพั ทท์ ีละคน
ครูสำมำรถเขำ้ ไป download บตั รภำพ (flashcard) จำกเวบ็ ไซตต์ ่อไปน้ี
http://www.mes-english.com/flashcards.php
ข้นั Practice
1. หนงั สือเรยี น หน้า 2 Ex. 1 ครูพดู บอกนกั เรียน Look at exercise 1. และอำ่ นขอ้ ควำมในกรอบให้
นกั เรียนฟัง จำกน้นั ให้เวลำนกั เรียนเติมขอ้ มูลของตนเอง ครูเดินสงั เกตกำรทำกิจกรรม เสร็จแลว้ ครู
สุ่มเรียกนกั เรียน 2-3 คน ลุกข้ึนอ่ำนขอ้ มลู ของตนเองให้เพอื่ นฟัง เช่น
My name is Araya and I am 10 years old. I live in Nonthaburi. My mother’s name is Suchada
and my father’s name is Pongsatorn. My best friend’s name is Yupa. We have a lot of fun
together! We can do a lot of things! We can sing and we can play the violin very well!
ครูอธิบำยประเดน็ ที่นกั เรียนส่วนใหญ่มกั จะผิดบนกระดำนอกี คร้ัง เพอ่ื ใหน้ กั เรียนเขำ้ ใจ
2. หนงั สือเรียน หน้า 2 Ex. 2 ครูอำ่ นคำสงั่ จำกน้นั ใหน้ กั เรียนจบั คู่คำทกั ทำย (a-d) ท่ีสมั พนั ธ์กบั ภำพ (1-4)
เสร็จแลว้ ครูรวบรวมคำตอบจำกนกั เรียน แลว้ ครูเฉลยคำตอบพร้อมกนั
6
1 b 2 c 3d 4a
3. หนังสือเรียน หน้า 3 Ex. 3 ครูอ่ำนคำสัง่ Let’s play. และอธิบำยควำมหมำยใหน้ กั เรียนฟัง จำกน้นั ครู
ช้ีแจงกิจกรรม โดยใหน้ กั เรียนดูภำพในตำรำง ครูอธิบำยกำรบอกช่ือภำพ โดยบอกตวั เลขของแถวก่อน
จำกน้นั ตำมดว้ ยตวั อกั ษรช่ือคอลมั น์ เช่น
T: Clock!
Ss: 1A! etc.
ตอ่ มำครูให้นกั เรียนจบั คเู่ ล่นเกม ใหน้ กั เรียนคนแรกพูดคำศพั ท์ ส่วนอีกคนพูดบอกตวั เลขและตวั อกั ษร
ตำมตำแหน่งของภำพน้นั ให้ถกู ตอ้ ง เสร็จแลว้ ให้นกั เรียนสลบั กนั ถำม-ตอบ เช่น
S1: Swing!
S2: 2B! etc.
Let’s + กริยำรูป base form (ช่องท่ี 1). ใชใ้ นกำรเชิญชวนให้ทำบำงสิ่งบำงอยำ่ ง โดย Let’s
ยอ่ มำจำก Let us
ตวั อยำ่ ง Let’s go to school. (ไปโรงเรียนกนั เถอะ)
Let’s play football. (เลน่ ฟุตบอลกนั เถอะ)
4. ครูใหน้ กั เรียนดภู ำพส่ิงของในหนงั สือเรียน หนำ้ 3 Ex. 3 อีกคร้ัง จำกน้นั ครูแบง่ นกั เรียนเป็นกลมุ่
เล่นเกม I spy with my little eye! โดยครูอธิบำยควำมหมำยของ spy วำ่ เป็นคำกริยำ หมำยถึง สอดแนม
นอกจำกน้ียงั สำมำรถเป็นคำนำมไดซ้ ่ึงจะแปลวำ่ สำยลบั จำกน้นั ครูอธิบำยกติกำให้นกั เรียนฟังวำ่
ใหน้ กั เรียนดูภำพในตำรำงและหำคำศพั ทท์ ี่ข้นึ ดว้ ยตวั อกั ษรท่ีคนทำยบอก เม่ือครูอธิบำยเสร็จแลว้
ครูสำธิตวิธีกำรเลน่ เกมให้นกั เรียนดกู ่อนคร้ังแรก
ตวั อยำ่ ง T: I spy with my little eye something beginning with g!
Ss: Guitar!
T: That’s correct.
ครูแนะนำสำนวนภำษำเพือ่ ใชใ้ นกำรเล่นเกม เช่น Your turn. และ My turn. เมื่อนกั เรียนเขำ้ ใจแลว้
ครูใหน้ กั เรียนจบั ค่กู นั และครูเริ่มเกมโดยพูดวำ่ Start แลว้ ใหเ้ วลำนกั เรียนเล่นเกม
7
ข้นั Production
1. อธิบำยภำระงำน ให้นกั เรียนทำชิ้นงำน All About Me โดยใหน้ กั เรียนนำขอ้ มลู ของตนเองจำกหนงั สือ-
เรียน หนำ้ 2 Ex. 1 มำเขียนลงในกระดำษ A4 และตดิ รูปของตนเอง พร้อมตกแตง่ ใหส้ วยงำม จำกน้นั ครู
ขออำสำสมคั รออกมำอ่ำนชิ้นงำนของตนเองใหเ้ พื่อนฟัง โดยก่อนทีน่ กั เรียนจะอำ่ น ครูให้นกั เรียนกลำ่ ว
คำทกั ทำยเพอื่ น ๆ กอ่ น เช่น Good morning, everyone.
2. ให้นกั เรียนทำกิจกรรมในแบบฝึ กหัด หน้า 2-3 Exs. 1-3 เป็นกำรบำ้ น
Ex. 1 2 My phone number is 8965306.
(ตวั อยำ่ งคำตอบ) 4 I can play the guitar.
1 My name’s Mark.
3 I’m eleven years old. 5a
6b
Ex. 2
1b 3a
2a 4b
Ex. 3
My Family: brother, sister, father, grandfather, grandmother
My Things: guitar, watch, camera, bike, radio
My Clothes: skirt, boots, trousers, gloves, jacket
My House: kitchen, bathroom, sofa, bookcase, garden
Things I Can Do!: draw, jump, cook, fish, play the drum
7. การวัดและประเมินผล เคร่ืองมือ เกณฑ์
วธิ กี ารวดั แบบประเมนิ ชิ้นงำน ระดบั คุณภำพ พอใช้
ผำ่ นเกณฑ์
ประเมนิ ช้ินงำน All About Me ร้อยละ 60 ผำ่ นเกณฑ์
ระดบั คุณภำพ พอใช้
ตรวจแบบฝึ กหดั แบบฝึกหัด (Workbook) ผ่ำนเกณฑ์
สังเกตพฤติกรรมบ่งช้ีดำ้ น แบบประเมนิ คณุ ลกั ษณะอนั
ใฝ่เรียนรู้และมงุ่ มน่ั ในกำรทำงำน พงึ ประสงค์
8
8. สื่อ/แหล่งการเรียนรู้
8.1 หนงั สือเรียน EXTRA and Friends 4 ป. 4
8.2 แบบฝึกหดั EXTRA and Friends 4 ป. 4
8.3 Class Audio CD ประกอบส่ือฯ ชุด EXTRA and Friends 4 ป. 4
8.4 อปุ กรณ์ทำชิ้นงำน
8.5 สิ่งของหรือบตั รภำพ
8.6 อินเทอร์เนต็
9
1 The Way We Look!
ช้ันประถมศึกษาปี ที่ 4 เวลาเรียน 11 ชั่วโมง
1 มาตรฐานการเรียนรู้/ตวั ชีว้ ัด
สาระที่ 1 ภาษาเพอื่ การส่ือสาร
มาตรฐาน ต 1.1 เข้าใจและตีความเร่ืองท่ีฟังและอ่านจากสื่อประเภทต่าง ๆ และแสดงความคดิ เหน็
อย่างมเี หตผุ ล
ตัวชีว้ ัด
ต 1.1 ป.4/1 ปฏิบตั ติ ามคาสง่ั คาขอร้อง และคาแนะนา (instructions) ง่าย ๆ ทฟี่ ังหรืออ่าน
ต 1.1 ป.4/2 อ่านออกเสียงคา สะกดคา อา่ นกลมุ่ คา ประโยค ขอ้ ความงา่ ย ๆ และบทพดู
เขา้ จงั หวะถูกตอ้ งตามหลกั การอา่ น
ต 1.1 ป.4/3 เลือก/ระบุภาพหรือสญั ลกั ษณ์ หรือเคร่ืองหมายตรงตามความหมายของประโยค
และขอ้ ความส้ัน ๆ ทีฟ่ ังหรืออา่ น
ต 1.1 ป.4/4 ตอบคาถามจากการฟังและอา่ นประโยค บทสนทนา และนิทานง่าย ๆ
มาตรฐาน ต 1.2 มที ักษะการส่ือสารทางภาษาในการแลกเปลย่ี นข้อมลู ข่าวสาร แสดงความรู้สึก
และความคิดเหน็ อย่างมีประสิทธภิ าพ
ตวั ชีว้ ัด
ต 1.2 ป.4/2 ใชค้ าสั่ง คาขอร้อง และคาขออนุญาตงา่ ย ๆ
ต 1.2 ป.4/3 พดู /เขียนแสดงความตอ้ งการของตนเอง และขอความช่วยเหลือในสถานการณ์
งา่ ย ๆ
ต 1.2 ป.4/4 พดู /เขียนเพอื่ ขอและใหข้ อ้ มูลเกี่ยวกบั ตนเอง เพอื่ น และครอบครวั
มาตรฐาน ต 1.3 นาเสนอข้อมลู ข่าวสาร ความคิดรวบยอด และความคดิ เห็นในเร่ืองต่าง ๆ
โดยการพดู และการเขยี น
ตวั ชี้วดั
ต 1.3 ป.4/1 พูด/เขียนใหข้ อ้ มลู เก่ียวกบั ตนเองและเร่ืองใกลต้ วั
สาระท่ี 2 ภาษากบั วัฒนธรรม
มาตรฐาน ต 2.1 เข้าใจความสัมพันธ์ระหว่างภาษากบั วฒั นธรรมของเจ้าของภาษา และนาไปใช้ได้
อย่างเหมาะสมกบั กาลเทศะ
10
ตัวชีว้ ัด
ต 2.1 ป.4/3 เขา้ ร่วมกิจกรรมทางภาษาและวฒั นธรรมที่เหมาะกบั วยั
สาระท่ี 3 ภาษากับความสัมพันธ์กบั กล่มุ สาระการเรียนรู้อ่นื
มาตรฐาน ต 3.1 ใช้ภาษาต่างประเทศในการเช่ือมโยงความรู้กบั กล่มุ สาระการเรียนรู้อน่ื และเป็ น
พน้ื ฐานในการพัฒนา แสวงหาความรู้ และเปิ ดโลกทศั น์ของตน
ตวั ชี้วัด
ต 3.1 ป.4/1 คน้ ควา้ รวบรวมคาศพั ทท์ เ่ี ก่ียวขอ้ งกบั กล่มุ สาระการเรียนรู้อน่ื และนาเสนอดว้ ย
การพูด/การเขยี น
สาระที่ 4 ภาษากับความสัมพันธ์กบั ชุมชนและโลก
มาตรฐาน ต 4.1 ใช้ภาษาต่างประเทศในสถานการณ์ต่าง ๆ ท้งั ในสถานศึกษา ชุมชน และสังคม
ตัวชีว้ ัด
ต 4.1 ป.4/1 ฟังและพูด/อา่ นในสถานการณ์ท่ีเกิดข้นึ ในหอ้ งเรียนและสถานศกึ ษา
มาตรฐาน ต 4.2 ใช้ภาษาต่างประเทศเป็ นเคร่ืองมือพน้ื ฐานในการศึกษาต่อ การประกอบอาชีพ
และการแลกเปลี่ยนเรียนรู้กับสังคมโลก
ตัวชี้วดั
ต 4.2 ป.4/1 ใชภ้ าษาตา่ งประเทศในการสืบคน้ และรวบรวมขอ้ มูลตา่ ง ๆ
2 สาระสาคญั /ความคดิ รวบยอด
รู้และเขา้ ใจเร่ืองทไี่ ดศ้ กึ ษา คาศพั ทส์ านวนและโครงสร้างภาษา หลกั วิธีการเขียน ช่วยใหส้ นทนา เขยี น
โตต้ อบ พดู /เขยี นสื่อสารเกี่ยวกบั ลกั ษณะภายนอก และสถานการณ์ที่กาหนดไดอ้ ยา่ งถกู ตอ้ งและเหมาะสม
3 สาระการเรียนรู้
3.1 ทักษะเฉพาะวชิ า
1) Language Features and Functions
Vocabulary: (body) body, face, teeth, hair, mouth, ears, nose, eyes, neck, head,
legs, feet, arms, toes, hands, fingers, shoulders, knees; (animals)
sheep, fish, mice, duck, horse, cat, spider, octopus, frog, elephant,
dog, parrot, hippo, monkey, lion; (colour) grey; (nouns) children,
men, women, character, mistake, meat, heat, team, film, space,
heroes, Muay Thai boxer, actor; (verbs) wear, read; (adjectives)
11
happy, sad, silly, strange, weak, famous, successful, international,
popular
Structure: He hasn’t got any hair!
Has he got green eyes? No, he hasn’t. He’s got blue eyes!
What colour are the monster’s heads?
It’s Franky, the monster! He’s got a very big head and three big
green eyes. What does Alice look like?
How many legs does a cat have?
Pronunciation: ลงเสียงหนกั ในคา, ออกเสียงคาท่ลี งทา้ ยดว้ ย th, ออกเสียง
คาท่ลี งทา้ ยดว้ ย s และ es, ออกเสียงคาท่สี ะกดดว้ ย long e
Function: บอกส่วนตา่ ง ๆ ของใบหนา้ , ขอและใหข้ อ้ มลู เกีย่ วกบั ส่วนตา่ ง ๆ
ของใบหนา้ , ขอและใหข้ อ้ มูลเกี่ยวกบั ส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย, ขอและ
ใหข้ อ้ มูลเก่ียวกบั ลกั ษณะภายนอก, ขอและใหข้ อ้ มลู เก่ียวกบั ลกั ษณะ
ภายนอกและสี, แสดงบทบาทตามทีก่ าหนด, ใหข้ อ้ มูลเก่ียวกบั
ลกั ษณะภายนอก, แนะนาตวั ละครท่ชี ื่นชอบ, ให้ขอ้ มลู เกี่ยวกบั บุคคล
ทชี่ ่ืนชอบในประเทศของตนเอง, บอกจานวนขาของสัตวต์ า่ ง ๆ
2) Language Skills
Reading: ตอบคาถามจากการอ่าน, อ่านเพอื่ ความเขา้ ใจ
Listening: ตอบคาถามจากการฟัง, ฟังเพื่อความเขา้ ใจ
Speaking: พูดบอกส่วนต่าง ๆ ของใบหนา้ , พดู ขอและให้ขอ้ มูลเกี่ยวกบั
ส่วนตา่ ง ๆ ของร่างกาย, พูดขอและให้ขอ้ มูลเกี่ยวกบั ลกั ษณะภายนอก
และสี, พดู ขอและใหข้ อ้ มลู เก่ียวกบั ลกั ษณะภายนอก, พดู ให้ขอ้ มูล
เกี่ยวกบั ตวั ละครในภาพยนตร์, พูดใหข้ อ้ มลู เก่ียวกบั บคุ คลที่ช่ืนชอบ
ในประเทศของตนเอง, ขอและให้ขอ้ มลู จานวนขาของสัตวต์ า่ ง ๆ
Writing: เขียนบรรยายใบหนา้ ของสมาชิกในครอบครัว, เขยี นบรรยายสัตว์
ประหลาดของตนเอง, เขยี นบรรยายส้ัน ๆ เกี่ยวกบั
บุคคลท่ีมชี ่ือเสียงในประเทศของตนเอง
3) Culture: ลกั ษณะของคนแตล่ ะเช้ือชาติ, สิ่งทคี่ วรและไมค่ วรปฏิบตั ิในประเทศ
ไทยท่ีเกี่ยวขอ้ งกบั อวยั วะในร่างกาย, บุคคลทีม่ ีช่ือเสียงใน
ภมู ิภาคอาเซียน
12
4 สมรรถนะสาคญั ของผ้เู รยี น
4.1 ความสามารถในการสื่อสาร
4.2 ความสามารถในการคิด
- ทกั ษะการคิดที่ใชใ้ นการส่ือสาร
- ทกั ษะการจดั กลมุ่
4.3 ความสามารถในการใชท้ กั ษะชีวติ
4.4 ความสามารถในการใชเ้ ทคโนโลยี
5 คุณลักษณะอนั พึงประสงค์
5.1 ใฝ่เรียนรู้
5.2 มุ่งมนั่ ในการทางาน
6 ชิ้นงาน/ภาระงาน (รวบยอด)
1. ช้ินงาน All About Me
2. ชิ้นงาน The Face
3. ชิ้นงานแผ่นป้ายกฎระเบยี บในช้นั เรียน
4. การพดู ถาม-ตอบเก่ียวกบั สตั วป์ ระหลาด
5. ชิ้นงานโปสเตอร์คาศพั ทเ์ กี่ยวกบั ส่วนต่าง ๆ ในร่างกาย
6. การพดู ถาม-ตอบเกี่ยวกบั จานวนของส่ิงตา่ ง ๆ
7. ช้ินงานบตั รภาพคานามพหูพจน์
8. การแสดงบทบาทสมมติ
9. งานเขียนบรรยายเก่ียวกบั สตั วป์ ระหลาดของตนเอง
10. ชิ้นงานคาศพั ทท์ ่ีสะกดดว้ ยสระ long e
11. งานเขียนบรรยายตวั ละครทช่ี ื่นชอบ
12. การพดู แนะนาตวั ละครที่ชื่นชอบ
13. การพูดนาเสนอเก่ียวกบั นกั ร้องทีม่ ีช่ือเสียงในประเทศของตนเอง
14. การพูดสนทนาเก่ียวกบั จานวนของสตั วแ์ ตล่ ะชนิด
13
7 การวัดและประเมนิ ผล
7.1 การประเมนิ ระหว่างการจดั กิจกรรมการเรียนรู้
- ทาแบบฝึกหดั ในหนงั สือเรียน หนา้ 4-15
- ทาแบบฝึกหัดใน Workbook หนา้ 4-13
7.2 การประเมินช้ินงาน/ภาระงาน (รวบยอด)
- ประเมินช้ินงานในขอ้ 6
8 ส่ือ/แหล่งการเรียนรู้
8.1 หนงั สือเรียน EXTRA and Friends 4 ป. 4
8.2 แบบฝึกหดั EXTRA and Friends 4 ป. 4
8.3 Class Audio CD ประกอบสื่อฯ ชุด EXTRA and Friends 4 ป. 4
8.4 อุปกรณ์การทาชิ้นงาน
8.5 บตั รภาพ/คาศพั ท์
8.6 ภาพบุคคลที่มชี ่ือเสียง
8.7 บตั รภาพตวั ละครตา่ ง ๆ
8.8 บตั รภาพ Story Cutouts
8.9 อินเทอร์เน็ต
14
แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 1 He hasn’t got any hair!
เวลา 1 ช่ัวโมง
จุดประสงค์ (Objectives)
- อ่านออกเสียง สะกดคา และบอกความหมายของคาศพั ท์และประโยคเก่ียวกบั ส่วนตา่ ง ๆ
ของใบหนา้ ได้
- พูดขอและให้ขอ้ มลู เก่ียวกบั ส่วนต่าง ๆ ของใบหนา้ ได้
- ปฏิบตั ติ ามคาสัง่ และเล่นเกมทางภาษาได้
- พดู ขออนุญาตหรือบอกความตอ้ งการได้
- เขียนบรรยายใบหนา้ ของสมาชิกในครอบครวั ได้
1. สาระ มาตรฐานการเรยี นรู้/ตวั ชี้วัด
สาระท่ี 1 ภาษาเพอื่ การสื่อสาร
มาตรฐาน ต 1.1 เข้าใจและตีความเรื่องที่ฟังและอ่านจากส่ือประเภทต่าง ๆ และแสดงความคดิ เหน็
อย่างมีเหตุผล
ตัวชี้วัด
ต 1.1 ป.4/1 ปฏบิ ตั ิตามคาส่ัง คาขอร้อง และคาแนะนา (instructions) งา่ ย ๆ ทีฟ่ ังหรืออา่ น
ต 1.1 ป.4/2 อ่านออกเสียงคา สะกดคา อ่านกลมุ่ คา ประโยค ขอ้ ความงา่ ย ๆ และบทพูด
เขา้ จงั หวะถกู ตอ้ งตามหลกั การอา่ น
ต 1.1 ป.4/3 เลอื ก/ระบภุ าพหรือสัญลกั ษณ์ หรือเครื่องหมายตรงตามความหมายของประโยค
และขอ้ ความส้ัน ๆ ท่ีฟังหรืออ่าน
มาตรฐาน ต 1.2 มีทักษะการส่ือสารทางภาษาในการแลกเปลยี่ นข้อมลู ข่าวสาร แสดงความรู้สึก
และความคดิ เหน็ อย่างมีประสิทธภิ าพ
ตวั ชี้วัด
ต 1.2 ป.4/2 ใชค้ าสงั่ คาขอร้อง และคาขออนุญาตง่าย ๆ
ต 1.2 ป.4/3 พูด/เขียนแสดงความตอ้ งการของตนเอง และขอความช่วยเหลอื ในสถานการณ์ง่าย ๆ
ต 1.2 ป.4/4 พูด/เขียนเพ่อื ขอและใหข้ อ้ มลู เก่ียวกบั ตนเอง เพ่อื น และครอบครวั
มาตรฐาน ต 1.3 นาเสนอข้อมูลข่าวสาร ความคดิ รวบยอด และความคดิ เหน็ ในเรื่องต่าง ๆ
โดยการพูดและการเขยี น
ตวั ชีว้ ดั
ต 1.3 ป.4/1 พูด/เขียนให้ขอ้ มูลเก่ียวกบั ตนเองและเรื่องใกลต้ วั
15
สาระที่ 2 ภาษากบั วัฒนธรรม
มาตรฐาน ต 2.1 เข้าใจความสัมพนั ธ์ระหว่างภาษากบั วฒั นธรรมของเจ้าของภาษา และนาไปใช้ได้
อย่างเหมาะสมกบั กาลเทศะ
ตัวชี้วดั
ต 2.1 ป.4/3 เขา้ ร่วมกิจกรรมทางภาษาและวฒั นธรรมท่ีเหมาะกบั วยั
สาระท่ี 4 ภาษากบั ความสัมพันธ์กับชุมชนและโลก
มาตรฐาน ต 4.1 ใช้ภาษาต่างประเทศในสถานการณ์ต่าง ๆ ท้งั ในสถานศึกษา ชุมชน และสังคม
ตวั ชี้วดั
ต 4.1 ป.4/1 ฟังและพดู /อา่ นในสถานการณท์ ี่เกิดข้นึ ในห้องเรียนและสถานศึกษา
2. สาระสาคญั /ความคดิ รวบยอด
การรู้ความหมายของคาศพั ทเ์ กี่ยวกบั ส่วนต่าง ๆ ของใบหนา้ โครงสร้างประโยค ช่วยใหพ้ ูด/เขยี น
เกี่ยวกบั ตนเองและเรื่องใกลต้ วั ไดอ้ ยา่ งถกู ตอ้ งและเหมาะสม
3. สาระการเรียนรู้
3.1 ทกั ษะเฉพาะวชิ า
1) Language Features and Functions
Structure: He hasn’t got any hair!
Vocabulary: face, teeth, hair, mouth, ears, nose, eyes, happy, sad
Pronunciation: ออกเสียงคาทล่ี งทา้ ยดว้ ย th
Function: พดู บอกส่วนต่าง ๆ ของใบหนา้
2) Language Skills
Speaking: พูดบอกส่วนต่าง ๆ ของใบหนา้
พดู ขออนุญาตหรือบอกความตอ้ งการ
Writing: เขียนบรรยายใบหนา้ ของสมาชิกในครอบครัว
4. สมรรถนะสาคัญของผ้เู รียน
4.1 ความสามารถในการส่ือสาร
- ทกั ษะการคดิ ที่ใชใ้ นการสื่อสาร
4.2 ความสามารถในการใชเ้ ทคโนโลยี
4.3 ความสามารถในการใชท้ กั ษะชีวิต
16
5. คณุ ลักษณะอนั พงึ ประสงค์ 5.2 ม่งุ มนั่ ในการทางาน
5.1 ใฝ่เรียนรู้
6. กจิ กรรมการเรียนรู้
ข้นั Warm Up
1. ครูกลา่ วทกั ทายนกั เรียน Good morning, everyone. จากน้นั ครูทบทวนประโยคที่ใชใ้ นการทกั ทาย
โดยเขียนประโยคต่อไปน้ีบนกระดาน
Good morning. Good afternoon. Good evening.
ใหน้ กั เรียนพูดตามครูพร้อมกนั หรือเป็นรายบุคคล แลว้ ถามว่า ประโยคดงั กลา่ วใชใ้ นสถานการณใ์ ดบา้ ง
2. ครูเตรียมบตั รคาศพั ทท์ เ่ี รียนในบทท่ีแลว้ มา 8-10 คา จากน้นั แบง่ นกั เรียนออกเป็น 2 กลมุ่ เพื่อเล่นเกม
ใบค้ า โดยมกี ติกา ดงั น้ี
1) แต่ละกลมุ่ ส่งตวั แทนออกมาหนา้ ช้นั
2) ให้ตวั แทนแต่ละกลุ่มดบู ตั รคา และแสดงทา่ ทางใบค้ าให้กล่มุ ตนเองตอบ กลมุ่ ทต่ี อบถูกตอ้ ง
จะได้ 1 คะแนน กลุ่มทไี่ ดค้ ะแนนมากทีส่ ุดเป็นกลุม่ ชนะ
ตัวอย่างคาศัพท์: clock, watch, armchair, skirt, coat, jacket, cook, draw, fish, numbers etc.
3. ทบทวนคาศพั ทเ์ กี่ยวกบั สีต่าง ๆ โดยหยบิ ส่ิงของในช้นั เรียนท่ีมีสีต่าง ๆ มาแสดง และให้นกั เรียน
พูดตอบปากเปลา่ วา่ เป็นสีใด พร้อมกบั สะกดคาศพั ทใ์ ห้ถูกตอ้ ง
4. ทบทวนคาศพั ทเ์ กี่ยวกบั จานวน โดยครูเลอื กนกั เรียนออกมาทีห่ นา้ ช้นั 5-6 คน เมือ่ ครูบอก จานวนเป็น
ภาษาไทย ให้นกั เรียนบอกคาอา่ นภาษาองั กฤษพร้อมท้งั สะกดคาดว้ ย
ตวั อยา่ ง T: 20!
S: Twenty! T-W-E-N-T-Y!
5. ครูบอกกฎกตกิ าต่าง ๆ ที่ใชใ้ นห้องเรียน โดยเขียนประโยคต่อไปน้ีบนกระดาน แลว้ ใหน้ กั เรียนช่วยกนั
เดาความหมาย
Listen to the teacher. (เช่ือฟังครู)
Do not eat in the class. (ไมร่ บั ประทานอาหารในหอ้ งเรียน)
Do not run in the class. (ไม่ว่ิงในหอ้ งเรียน)
Do not talk while the teacher is teaching. (ไม่คยุ ในขณะทคี่ รูกาลงั สอน)
Do not play while the teacher is teaching. (ไม่เลน่ ในขณะทีค่ รูกาลงั สอน)
6. ครูสอนประโยคทใี่ ช้ในห้องเรียน ไดแ้ ก่
การขออนุญาต May I go to the toilet, please?
May I come in, please?
17
Can I ask you a question?
การขอความช่วยเหลือ Can you help me?
ข้นั Presentation
1. ครูนาเสนอคาศพั ทเ์ กี่ยวกบั ส่วนตา่ ง ๆ ของใบหนา้ เช่น face (ใบหนา้ ), teeth (ฟัน), hair (ผม),
mouth (ปาก), lips (ริมฝีปาก), eyebrow (ควิ้ ) และ eyelash (ขนตา) โดยครูช้ีทใ่ี บหนา้ ของตนเอง
แลว้ พูดว่า face จากน้นั ช้ีไปท่ีฟันแลว้ พูดว่า teeth ครูทากิจกรรมเช่นน้ีไปเรื่อย ๆ จนครบทุกคา จากน้นั
ครูเขยี นคาศพั ทบ์ นกระดาน ครูช้ีคาศพั ทท์ ีละคาให้นกั เรียนออกเสียงตามครู พร้อมกบั ช้ีหรือจบั ท่ีอวยั วะ
ส่วนต่าง ๆ บนใบหนา้ ของตนเองดว้ ย
ตอ่ มาครูช้ีที่คาว่า teeth อีกคร้งั แลว้ อธิบายการออกเสียงคาท่ีลงทา้ ยดว้ ย th ใหน้ กั เรียนฟัง
การออกเสียงคาทล่ี งท้ายด้วย th
ครูควรฝึกให้นกั เรียนออกเสียงคาท่ลี งทา้ ยดว้ ย th หรือเสียง /θ/ ให้ชดั เจน เพราะเป็นเสียง
ที่ไม่มีในภาษาไทย และนกั เรียนมกั จะอ่านผิดเป็นตวั สะกด แมก่ ด ซ่ึงอาจทาให้ความหมาย
ของคาผิดเพ้ยี นไป
การออกเสียง /θ/ ทาไดโ้ ดยการนาลน้ิ มาอยรู่ ะหวา่ งปลายฟันหนา้ บนและลา่ ง และใหล้ ม
จากลาคอลอดผา่ นไรฟันออกมาพร้อมกบั ดึงปลายล้นิ เขา้
ตวั อยา่ งคาศพั ท์
teeth breath bath mouth
path earth with both
ครูอาจเปิ ดคลปิ วิดีโอใหน้ กั เรียนฝึกการออกเสียง /θ/ เพ่ิมเตมิ ท่ี
https://www.youtube.com/watch?v=7ivTDJIxRW0
หรือใหน้ กั เรียนไปฝึกดว้ ยตนเอง โดยครูบอกคาสาคญั ในการคน้ หา เช่น th pronunciation
หรือชื่อคลิป Pronunciation - TH - through, weather, lethal, breath, breathe
ใหน้ กั เรียนเขา้ ไปเปิ ดดูดว้ ยตนเองท่ี www.youtube.com
2. ครูนาเสนอการใช้ have got/has got โดยเขียนประโยคตอ่ ไปน้ีบนกระดาน
She has got brown eyes.
I have got brown eyes.
They have got brown eyes.
18
เสร็จแลว้ ครูอธิบายวา่ has got ใชก้ บั คานามเอกพจน์ ยกเวน้ I และ You แต่ have got จะใชก้ บั คานาม
พหูพจนร์ วมท้งั I และ You ครูให้นกั เรียนช่วยกนั ยกตวั อยา่ งคานามเอกพจน์และพหูพจน์เพ่อื ตรวจสอบ
ความเขา้ ใจของนกั เรียน ตอ่ มาครูเขียนประโยคที่ใชร้ ูปย่อของ have got ต่อจากตวั อยา่ งประโยค
บนกระดาน ดงั น้ี
She has got brown eyes. She’s got brown eyes.
I have got brown eyes. I’ve got brown eyes.
They have got brown eyes. They’ve got brown eyes.
ครูอธิบายว่า She’s เป็นรูปยอ่ ของ She has และ I’ve เป็นรูปยอ่ ของ I have โดยครูอาจให้นกั เรียน
ไปศึกษาเพิ่มเติมในหนังสือเรยี น หน้า 82 หัวข้อ Grammar Handbook
ต่อมาครูเขยี นตวั อยา่ งประโยคปฏิเสธบนกระดาน
She has not got brown eyes.
I have not got brown eyes.
They have not got brown eyes.
ครูใหน้ กั เรียนช่วยกนั บอกโครงสร้างของประโยคปฏิเสธ เสร็จแลว้ ครูเขยี นรูปยอ่ ปฏเิ สธต่อจาก
ตวั อยา่ งประโยคบนกระดาน ดงั น้ี
She has not got brown eyes. She hasn’t got brown eyes.
I have not got brown eyes. I haven’t got brown eyes.
They have not got brown eyes. They haven’t got brown eyes.
เสร็จแลว้ ครูใหน้ กั เรียนช่วยกนั บอกโครงสร้างของประโยคบอกเลา่ และปฏิเสธอีกคร้งั ครูเขยี น
ให้นกั เรียนดบู นกระดาน
ประโยคบอกเลา่ : He/She/It + has got _______.
ประโยคปฏเิ สธ: I/You/We/They + have got + _______.
He/She/It + hasn’t got (any) + ________.
I/You/We/They + haven’t got + _______.
3. ครูนาเสนอคาคุณศพั ทบ์ อกขนาด ไดแ้ ก่ big (ใหญ่), small (เลก็ ) โดยวาดภาพปากบนกระดาน 3 ขนาด
ดงั น้ี
a mouth a big mouth a small mouth
19
จากน้นั ครูช้ีท่ีภาพแรกแลว้ พดู วา่ Look at the first picture. แลว้ อา่ นประโยค I have got a mouth.
ให้นกั เรียนฟัง ครูทากิจกรรมเช่นเดียวกนั น้ีกบั ภาพอ่นื ดว้ ย ครูสุ่มเรียกนกั เรียนพดู บอกขนาดของอวยั วะ
บนใบหนา้ ของตนเอง เช่นเดียวกบั ประโยคบนกระดาน เช่น
I have got a nose. I have got a big nose.
I have got a small nose.
4. ครูนาเสนอคาคุณศพั ทบ์ ่งบอกความรู้สึก ไดแ้ ก่ happy (มีความสุข), sad (เศร้า), angry (โกรธ),
hungry (หิว), tired (เหน่ือย) โดยการแสดงสีหนา้ และทา่ ทางประกอบ จากน้นั ครูอธิบายวา่ เราจะ
วางคาคณุ ศพั ทไ์ วไ้ ด้ 2 ที่ คอื วางไวห้ ลงั verb to be และหนา้ คานาม โดยครูเขียนสรุปโครงสร้าง
บนกระดาน ดงั น้ี
verb to be + คาคุณศพั ท์
คาคณุ ศพั ท์ + คานาม
ต่อมาครูเขียนตวั อยา่ งบนกระดาน เช่น
She is beautiful. She is a beautiful girl.
5. ครูนาเสนอคาคณุ ศพั ทท์ น่ี กั เรียนควรรู้จกั ไดแ้ ก่ long (ยาว) และ short (ส้ัน) โดยเขยี นประโยคต่อไปน้ี
บนกระดาน
I have got long black hair. I have got short brown hair.
ครูอธิบายว่า ในกรณีทม่ี ีคาคณุ ศพั ท์ 2 ตวั ข้นึ ไป เราจะวางคาคณุ ศพั ทเ์ ก่ียวกบั สี (colour) ไวต้ ดิ กบั
คานามกอ่ น แลว้ จึงวางคาคณุ ศพั ทเ์ กี่ยวกบั ขนาด (size) ไวข้ า้ งหนา้ อกี ที
ข้นั Practice
1. หนงั สือเรยี น หน้า 4 Ex. 1 ครูให้นกั เรียนอา่ นประโยคคาสั่ง และครูอธิบายภาระงานให้นกั เรียนฟัง
จากน้นั ครูเปิ ด CD ใหน้ กั เรียนฟัง 1-2 รอบ รอบแรกใหน้ กั เรียนฟังและช้ีภาพตาม รอบที่ 2 ใหฟ้ ัง
ช้ีภาพ และออกเสียงตาม CD ดว้ ย
ตอ่ มาครูเปิ ด CD อีกคร้ัง และหยดุ CD หลงั จบคาศพั ทแ์ ต่ละคา และสุ่มเรียกนกั เรียนออกเสียงตาม
เป็นรายบุคคล แลว้ จึงใหเ้ วลานกั เรียนจบั คู่ภาพ 1-6 กบั คาศพั ท์ a-f ครูใหน้ กั เรียนอ่านออกเสียงคาศพั ท์
a-f อกี คร้ัง โดยเนน้ ใหน้ กั เรียนออกเสียง /θ/ และเสียง /s/, /z/ ทา้ ยคาให้ถูกตอ้ ง เสร็จแลว้ ครูรวบรวม
คาตอบจากนกั เรียนและเฉลยคาตอบพร้อมกนั
teeth hair mouth ears nose eyes happy sad
20
1 d - ears 3 f - eyes 5 c - mouth
2 b - hair 4 a - teeth 6 e – nose
การออกเสียงคาทลี่ งท้ายด้วย s และ es
คาทล่ี งทา้ ยดว้ ย s สามารถออกเสียงไดห้ ลายแบบท้งั /s/, /z/ และ /Iz/ ซ่ึงนกั เรียนจะตอ้ งจดจา
ให้ดี เพ่ือท่ีจะไดส้ ื่อสารไดอ้ ยา่ งถกู ตอ้ ง
ตวั อยา่ งคาศพั ท์
/s/ /z/ /Iz/
face ears dresses
kiss eyes watches
weeks nose dishes
ครูอาจเปิ ดคลิปวิดีโอให้นกั เรียนฝึกการออกเสียงคาทีล่ งทา้ ยดว้ ย s เพิม่ เตมิ ที่
https://www.youtube.com/watch?v=cWNW3-4Wpao
หรือให้นกั เรียนไปฝึกดว้ ยตนเอง โดยครูบอกคาสาคญั ในการคน้ หา เช่น s endings หรือ
ชื่อคลิป 3 Sounds of the Plural “s” in English: [s], [z] or [ɪz] ใหน้ กั เรียนเขา้ ไปเปิ ดดดู ว้ ย
ตนเองท่ี www.youtube.com
2. หนังสือเรยี น หน้า 4 Ex. 2 ครูพูดกบั นกั เรียนว่า Look at the picture number 1. Has he got any hair?
เมอื่ นกั เรียนตอบว่า No, he hasn’t. แลว้ ครูทากิจกรรมเช่นเดียวกนั น้ีกบั ขอ้ อน่ื ๆ ดว้ ย
2 He hasn’t got any eyes! 3 He hasn’t got any ears!
4 He hasn’t got any teeth!
จากน้นั ครูวาดภาพหัวสตั วป์ ระหลาดทไี่ ม่มผี ม 1 ภาพ ไม่มีจมกู 1 ภาพ แลว้ สุ่มเรียกนกั เรียน 2-3 คน
ลกุ ข้ึนยนื พดู บรรยายภาพทค่ี รูช้ี
3. ครูวาดภาพหรือนาบตั รภาพสตั วป์ ระหลาดมาตดิ บนกระดาน (ครูเตรียมไว้ 2-3 ภาพ) ซ่ึงสัตวป์ ระหลาด
เหลา่ น้ีมลี กั ษณะ เช่น ผมยาวถึงพ้ืน ตาโต ปากเล็ก จากน้นั ครูให้นกั เรียนดูภาพสตั วป์ ระหลาดและ
พูดบรรยายโดยใชโ้ ครงสร้าง has got เช่น
He has got blue hair. He has got big eyes.
21
4. ครูบอกวา่ จะให้เล่นเกม Teacher says โดยครูอธิบายกติกาวา่ เม่อื ครูพูดบอกคาศพั ท์เกี่ยวกบั ใบหนา้ คาใด
ให้เอามือไปจบั ทอี่ วยั วะน้นั ๆ เช่น Teacher says, “Touch your nose.” เมือ่ นกั เรียนเขา้ ใจกติกาแลว้
ให้ทากิจกรรม โดยเปลี่ยนคาศพั ทไ์ ปเรื่อย ๆ และเพมิ่ ความเร็ว ใหน้ กั เรียนผลดั กนั เป็นผูอ้ อกคาสง่ั บา้ ง
5. ครูวาดภาพโครงหนา้ ท่ียงั ไม่มอี วยั วะใด ๆ บนกระดาน
จากน้นั ครูถามว่า ในการขออนุญาต ภาษาองั กฤษใชโ้ ครงสร้างว่าอยา่ งไร แลว้ ครูบอกว่า ให้นกั เรียน
ออกมาวาดส่วนตา่ ง ๆ บนใบหนา้ โดยใหน้ กั เรียนพดู ขออนญุ าตครูกอ่ น เช่น
May I draw eyes? May I draw a mouth?
6. ครูช้ีทต่ี วั เองและพดู ว่า I’m an adult. จากน้นั ช้ีทน่ี กั เรียนและพดู วา่ You’re children. จากน้นั ครูถาม
ความหมายของคาว่า adult และ children เช่น What does the word ‘adult’ mean in Thai? ตอ่ มาครูเขยี น
ประโยคตอ่ ไปน้ีบนกระดาน
I have got 32 teeth. They are adult teeth.
My son has got 20 teeth. They are milk teeth.
My grandma hasn’t got any teeth. She has got false teeth.
ครูถามนกั เรียนว่า ในบา้ นของนกั เรียนมผี สู้ ูงอายหุ รือไม่ นกั เรียนสงั เกตเห็นหรือไม่ว่าผูส้ ูงอายเุ หล่าน้ี
สามารถรับประทานอาหารทุกอยา่ งไดไ้ ม่เหมอื นกบั นกั เรียน จากน้นั ครูช้ีให้นกั เรียนเห็นว่า ผสู้ ูงอายุ
หลายคนไมม่ ฟี ันแทแ้ ลว้ ตอ้ งใส่ฟันปลอม ถงึ แมจ้ ะใส่ฟันปลอม กย็ งั ไม่สามารถรับประทานอาหาร
บางชนิดได้ เช่น อาหารทีม่ ีลกั ษณะแขง็ หรือเหนียวท่ที าให้เค้ยี วยาก ดงั น้นั ในตอนท่ีนกั เรียนยงั มีฟันอยู่
นกั เรียนจึงควรรักษาฟันของนกั เรียนไวใ้ หด้ ี เสร็จแลว้ ครูให้นกั เรียนช่วยกนั บอกวิธีดูแลรกั ษาฟันของ
ตนเอง เช่น แปรงฟันอยา่ งนอ้ ยวนั ละ 2 คร้งั ไมก่ ินลูกอมหรือขนมหวานบอ่ ย ๆ
ฟันน้านม (milk teeth) จะงอกเมอื่ อายุ 6 เดือน และจะหลุดออกท้งั หมดต้งั แต่อายปุ ระมาณ
2 ปี คร่ึงถงึ 12 ปี มีท้งั หมด 20 ซ่ี ฟันน้านมช่วยกนั ที่ให้ฟันแทส้ ามารถงอกข้ึนมาได้
ฟันแท้ (adult teeth) เป็นฟันทีจ่ ะอยกู่ บั เราไปตลอดชีวติ มีความแขง็ แรงกว่าฟันน้านม
มีท้งั หมด 32 ซี่
ฟันท้งั สองชุดน้ีตา่ งกม็ คี วามสาคญั เพราะใชใ้ นการกดั ตดั บดเค้ยี วอาหารให้ละเอียด และช่วย
ทาใหเ้ ราออกเสียงชดั เจน ดงั น้นั เราจึงตอ้ งหมนั่ รักษาความสะอาดในช่องปากเพ่อื ป้องกนั ฟันผุ
ท่ีมา: http://www.colgate.co.th/th/th/oc/oral-health/basics/mouth-and-teeth-anatomy/article/
how-many-teeth-do-we-have-0113
22
ข้นั Production
1. ครูอธิบายว่า ใหน้ กั เรียนทาช้ินงาน The Face โดยให้นกั เรียนสังเกตลกั ษณะใบหนา้ ของสมาชิกใน
ครอบครวั ของตนเอง เช่น มีตาขนาดเลก็ /ใหญ่ จากน้นั ให้นกั เรียนแตง่ ประโยคบรรยายใบหนา้ ของ
สมาชิกในครอบครวั ของตนเอง 1 คน โดยใชโ้ ครงสร้าง He/She has got/hasn’t got … เสร็จแลว้ ครูให้
นกั เรียนออกมาพดู นาเสนอทหี่ นา้ ช้นั พร้อมท้งั แสดงภาพวาดประกอบ เช่น He/She has got big eyes.
2. ครูแบ่งนกั เรียนเป็นกลุ่ม ใหน้ กั เรียนทาแผน่ ป้ายประโยคขออนุญาตเพอ่ื ทาสิ่งตา่ ง ๆ ในช้นั เรียน กลุม่ ละ
5 ขอ้ ครูใหน้ กั เรียนช่วยกนั คิดวา่ ทาไมเราจึงควรขออนญุ าตทาส่ิงต่าง ๆ เพื่อใหน้ กั เรียนตระหนกั ถึง
มารยาททค่ี วรปฏบิ ตั ิ
3. ใหน้ กั เรียนทากิจกรรมในแบบฝึ กหดั หน้า 4 Exs. 1-2 เป็นการบา้ น
Ex. 1
1 ears 2 nose 3 mouth 4 hair 5 eyes 6 teeth
Ex. 2
2b 3a 4e 5d
7. การวัดและประเมินผล
วธิ กี ารวดั เคร่ืองมือ เกณฑ์
ระดบั คุณภาพ พอใช้
สังเกตการออกเสียงคาศพั ทเ์ ก่ียวกบั แบบสังเกตพฤตกิ รรมการ ผ่านเกณฑ์
ระดบั คุณภาพ พอใช้
ส่วนตา่ ง ๆ ของใบหนา้ เรียนรู้ ผา่ นเกณฑ์
ระดบั คณุ ภาพ พอใช้
ประเมินการพูดและให้ขอ้ มลู เก่ียวกบั แบบประเมนิ การพดู ผา่ นเกณฑ์
ระดบั คณุ ภาพ พอใช้
ส่วนต่าง ๆ ของใบหนา้ ผ่านเกณฑ์
ระดบั คุณภาพ พอใช้
สังเกตการปฏบิ ตั ติ ามคาส่งั และเล่น แบบสังเกตพฤติกรรมการ ผา่ นเกณฑ์
ร้อยละ 60 ผา่ นเกณฑ์
เกมทางภาษา เรียนรู้ ระดบั คณุ ภาพ พอใช้
ผ่านเกณฑ์
ประเมินชิ้นงาน The Face เขยี นบรรยาย แบบประเมนิ ชิ้นงาน
ใบหนา้ ของสมาชิกในครอบครัว
ประเมนิ ช้ินงานแผ่นป้ายประโยค แบบประเมนิ ช้ินงาน
ขออนญุ าต
ตรวจแบบฝึ กหดั แบบฝึกหัด (Workbook)
สังเกตพฤตกิ รรมบ่งช้ีดา้ นใฝ่ เรียนรู้และ แบบประเมินคณุ ลกั ษณะ
มงุ่ มน่ั ในการทางาน อนั พึงประสงค์
23
8. ส่ือ/แหล่งการเรียนรู้
8.1 หนงั สือเรียน EXTRA and Friends 4 ป. 4
8.2 แบบฝึกหดั EXTRA and Friends 4 ป. 4
8.3 Class Audio CD ประกอบสื่อฯ ชุด EXTRA and Friends 4 ป. 4
8.4 อุปกรณ์ทาชิ้นงาน
8.5 บตั รภาพ/คาศพั ท์
8.6 อนิ เทอร์เน็ต
24
แผนการจัดการเรียนรู้ท่ี 2 Has he got green eyes?
เวลา 1 ชั่วโมง
จดุ ประสงค์ (Objectives)
- ปฏบิ ตั ติ ามคาส่ังและเล่นเกมทางภาษาได้
- พดู ขอและใหข้ อ้ มลู เกี่ยวกบั ส่วนตา่ ง ๆ ของใบหนา้ ได้
- ระบุภาพจากเร่ืองทฟี่ ังได้
1. สาระ มาตรฐานการเรยี นรู้/ตัวชี้วัด
สาระที่ 1 ภาษาเพอ่ื การส่ือสาร
มาตรฐาน ต 1.1 เข้าใจและตีความเรื่องทฟี่ ังและอ่านจากสื่อประเภทต่าง ๆ และแสดงความคดิ เหน็
ตัวชีว้ ดั อย่างมเี หตุผล
ต 1.1 ป.4/1
ต 1.1 ป.4/3 ปฏิบตั ิตามคาสั่ง คาขอร้อง และคาแนะนา (instructions) งา่ ย ๆ ทฟี่ ังหรืออ่าน
เลือก/ระบุภาพหรือสัญลกั ษณ์ หรือเครื่องหมายตรงตามความหมายของประโยค
มาตรฐาน ต 1.2 และขอ้ ความส้ัน ๆ ทีฟ่ ังหรืออา่ น
มีทักษะการสื่อสารทางภาษาในการแลกเปลย่ี นข้อมลู ข่าวสาร แสดงความรู้สึก
ตวั ชีว้ ดั และความคดิ เห็นอย่างมปี ระสิทธภิ าพ
ต 1.2 ป.4/4
พดู /เขยี นเพื่อขอและใหข้ อ้ มูลเก่ียวกบั ตนเอง เพื่อน และครอบครวั
สาระที่ 2 ภาษาและวัฒนธรรม
มาตรฐาน ต 2.1 เข้าใจความสัมพนั ธ์ระหว่างภาษากับวฒั นธรรมของเจ้าของภาษา และนาไปใช้ได้
อย่างเหมาะสมกบั กาลเทศะ
ตวั ชี้วัด
ต 2.1 ป.4/3 เขา้ ร่วมกิจกรรมทางภาษาและวฒั นธรรมที่เหมาะกบั วยั
สาระท่ี 4 ภาษากับความสัมพันธ์กับชุมชนและโลก
มาตรฐาน ต 4.1 ใช้ภาษาต่างประเทศในสถานการณ์ต่าง ๆ ท้งั ในสถานศึกษา ชุมชน และสังคม
ตวั ชีว้ ดั
ต 4.1 ป.4/1 ฟังและพดู /อ่านในสถานการณ์ตา่ ง ๆ ทเี่ กิดข้นึ ในหอ้ งเรียนและสถานศึกษา
25
2. สาระสาคญั /ความคิดรวบยอด
การรู้คาศพั ท์ และโครงสร้างท่ีใชข้ อและใหข้ อ้ มลู เก่ียวกบั ส่วนต่าง ๆ ของใบหนา้ ช่วยใหส้ นทนา
พูด/เขียนให้ขอ้ มลู เก่ียวกบั ตนเองและเรื่องใกลต้ วั ไดอ้ ยา่ งถูกตอ้ งและเหมาะสม
3. สาระการเรียนรู้
3.1 ทักษะเฉพาะวิชา
1) Language Features and Functions
Structure: Has he got green eyes? No, he hasn’t. He’s got blue eyes!
Function: ขอและให้ขอ้ มลู เกี่ยวกบั ส่วนต่าง ๆ ของใบหนา้
2) Language Skills
Listening: ระบภุ าพจากเร่ืองที่ฟัง
Speaking: พดู ขอและให้ขอ้ มลู เกี่ยวกบั ส่วนต่าง ๆ ของใบหนา้
3) Culture: ลกั ษณะของคนแตล่ ะเช้ือชาติ
4. สมรรถนะสาคัญของผ้เู รียน
4.1 ความสามารถในการสื่อสาร
4.2 ความสามารถในการคดิ
- ทกั ษะการคิดทใี่ ชใ้ นการส่ือสาร
4.3 ความสามารถในการใชท้ กั ษะชีวติ
5. คณุ ลักษณะอนั พึงประสงค์ 5.2 มงุ่ มน่ั ในการทางาน
5.1 ใฝ่เรียนรู้
6. กจิ กรรมการเรียนรู้
ข้นั Warm Up
1. หลงั จากทกั ทายกบั นกั เรียนท้งั ช้นั แลว้ ครูทบทวนประโยคท่ใี ชใ้ นการทกั ทายแตล่ ะช่วงเวลา ไดแ้ ก่
Good morning. Good afternoon. Good evening. โดยการสุ่มเรียกนกั เรียน 6-7 คน พูดทกั ทายกบั ครู
โดยครูวาดนาฬกิ าบนกระดานหรือพดู บอกเวลา ใหน้ กั เรียนพูดทกั ทายใหถ้ กู ตอ้ ง เช่น
T: 8 am.
S: Good morning.
T: 9 pm.
S: Good evening. etc.
26
2. ครูทบทวนประโยคคาสงั่ และขอร้องในช้นั เรียน เช่น Listen to the teacher. Don’t run in the class.
Don’t eat in the class. May I go to the toilet, please? Can I ask you a question? โดยครูแสดงทา่ ทางให้
นกั เรียนพูดบอกประโยคคาสง่ั และขอร้อง
3. ใหน้ กั เรียนเล่นเกม Teacher says ทบทวนคาศพั ทเ์ ก่ียวกบั ส่วนต่าง ๆ ของใบหนา้ โดยให้นกั เรียน
ออกมายนื เป็นวงกลม จากน้นั ครูอธิบายกติกาวา่ หากครูพดู ว่า Teacher says ตามดว้ ยช่ืออวยั วะใด ให้
นกั เรียนเอามอื ไปจบั ทอี่ วยั วะน้นั ถา้ ครูไม่ไดพ้ ูดวา่ Teacher says … ให้นกั เรียนเอามือไปจบั อวยั วะ
อื่น ๆ ซ่ึงไม่ใช่อวยั วะที่ครูบอก เช่น
T: Teacher says, “Touch your ears.”
Ss: (นกั เรียนเอามอื ไปจบั ท่หี ูของตนเอง)
T: Touch your nose.
Ss: (เอามอื ไปจบั อวยั วะอื่น ๆ ทีไ่ ม่ใช่จมูก)
จากน้นั ครูเพม่ิ จงั หวะการทากิจกรรมเร็วข้ึนเรื่อย ๆ เพือ่ เพิ่มความสนุกสนาน นกั เรียนคนใดทาทา่ ผดิ
ครูอาจคิดกิจกรรมให้ทาเพ่ิมเติม เช่น ร้องเพลง เตน้ เป็นตน้
4. ทบทวนการใช้ has got/have got โดยครูเขยี นประโยคต่อไปน้ีบนกระดาน
I ________ blue eyes.
She ________ black hair.
It ________ big ears.
Charlie and Jane ________ yellow hair.
จากน้นั ใหน้ กั เรียนพูดบอกคาตอบในแต่ละขอ้ พร้อมกนั ท้งั หอ้ ง
5. ทบทวนการใชค้ าคุณศพั ทข์ ยายคานามโดยใชภ้ าพการ์ตนู หรือดารา ใหน้ กั เรียนพดู บรรยายภาพ
เหล่าน้ีโดยใชค้ าคณุ ศพั ท์ เช่น He has got green eyes. She has got a big nose. They have got long
black hair. เป็นตน้
ข้นั Presentation
1. ครูนาเสนอประโยคที่ใชข้ อและใหข้ อ้ มลู เกี่ยวกบั ลกั ษณะภายนอกโดยใชภ้ าพดาราหรือศลิ ปิ นทีม่ ี
ชื่อเสียง จากน้นั ครูพูดกบั นกั เรียน Look at the picture. Has he got brown hair? ต่อมาครูเขยี นคาตอบ
Yes, he has. / No, he hasn’t. บนกระดาน เสร็จแลว้ ครูสรุปโครงสร้างบนกระดาน
A: Has + ประธานเอกพจน์ + got + …?
B: Yes, he has. / No, he hasn’t. He has got …
27
2. ครูนาเสนอคาศพั ทเ์ กี่ยวกบั สีเพมิ่ เตมิ ไดแ้ ก่ คาวา่ fair และ blonde โดยครูนาภาพบคุ คลทม่ี สี ีผม
เหล่าน้ีมาแสดง และใหน้ กั เรียนช่วยกนั บอกว่า คอื สีอะไร เสร็จแลว้ ครูนาภาพบคุ คลท่มี ีสีผมเหลา่ น้ี
มาแสดงอีกคร้งั และใหน้ กั เรียนจบั ค่กู นั พดู ถาม-ตอบเก่ียวกบั สีผม/สีตา โดยใชโ้ ครงสร้างท่ีครูเขยี น
บนกระดาน เช่น
S1: Has Brad Pitt got black hair?
S2: No, he hasn’t. He has got blonde hair., etc.
ลักษณะสีผม (hair colour)
blonde หรือ blond ใชบ้ รรยายลกั ษณะสีผม มีความหมายว่าสีทองหรือสีเหลอื งอ่อน
fair เป็นคาคุณศพั ท์ มคี วามหมายว่า ซีด หากใชบ้ รรยายลกั ษณะของผมและสีผวิ
จะมีความหมายวา่ สวา่ งหรือสีออ่ น เช่น She has got fair hair.
3. ครูถามคาถามเก่ียวกบั สีผมและสีตาของคนไทย เช่น
Have Thai people got fair hair?
Have Thai people got blue eyes?
เสร็จแลว้ ครูใหน้ กั เรียนช่วยกนั สรุปวา่ คนไทยจะมีสีผมและสีตา สีอะไร และคนตะวนั ตก เช่น
คนองั กฤษจะมีสีผม สีตา สีอะไร
ลกั ษณะสีผิวและผมของแต่ละเชื้อชาติ
1. คอเคซอยด์ (Caucasoid) โดยทวั่ ไปจะมผี วิ ขาวหรือน้าตาล เส้นผมสีทองอ่อน
น้าตาลเขม้ หรือคอ่ นขา้ งแดง มีนยั นต์ าสีฟ้า สีเขียวเขม้ หรือน้าตาลออ่ น เช่น คนใน
ประเทศองั กฤษ เยอรมนี ฝรง่ั เศส เป็นตน้
2. มองโกลอยด์ (Mongoloid) โดยทวั่ ไปจะมีผวิ เหลอื ง น้าตาลและน้าตาลแดง
ผมสีดาเหยียดตรง มีนยั น์ตาสีดา หรือน้าตาล เช่น คนในประเทศจีน ญี่ป่ นุ ไทย เป็นตน้
3. นิกรอยด์ (Negroid) โดยทว่ั ไปจะมผี วิ คล้า น้าตาลถึงน้าตาลเขม้ ผมมีสีดาและหยกิ
เป็นกน้ หอยจนถึงหยิกขอด มนี ยั น์ตาสีดาหรือสีน้าตาลเขม้ เช่น คนในประเทศแอฟริกาใต้
เคนยา ซูดาน เป็นตน้
4. ออสตราลอยด์ (Australoid) หรือ เซียมมอยด์ (Siamoid) โดยทว่ั ไปผิวจะมีสีคล้า
ผมหยกิ สลวยอยา่ งพวกคอเคซอยด์ มนี ยั นต์ าสีดาหรือสีน้าตาลเขม้ เช่น ชนเผา่ พ้นื เมอื งใน
ประเทศอินโดนีเซียและมาเลเซีย เป็นตน้
ทีม่ า: http://www.udru.ac.th/website/attachments/elearning/02/09.pdf
28
ข้นั Practice
1. หนังสือเรยี น หน้า 5 Ex. 3 ครูอา่ นคาส่ังและอธิบายประโยค Which one is Bog? ให้นกั เรียนฟัง โดยครู
บอกนกั เรียนวา่ นกั เรียนจะไดฟ้ ังคาบรรยายลกั ษณะของ Bog ให้นกั เรียนเลือกภาพทส่ี มั พนั ธก์ บั
คาบรรยาย จากน้นั ครูช้ีไปท่ีภาพท้งั 3 ภาพ ให้นักเรียนพดู บรรยายภาพเหล่าน้ี ต่อมาครูเปิ ด CD
ให้นกั เรียนฟัง 1-2 รอบ เพือ่ ใหน้ กั เรียนเลือกคาตอบทถ่ี กู ตอ้ ง เสร็จแลว้ ครูและนกั เรียนเฉลยคาตอบ
บนกระดานพร้อมกนั
Man: Which one is Bog? Has he got dark eyes?
Girl: Yes, he has.
Man: Has he got green ears?
Girl: No, he hasn’t. He’s got yellow ears.
Man: Has he got a yellow nose?
Girl: No, he’s got a red nose.
Man: And has he got a red mouth?
Girl: Yes, he has. He’s got a red mouth.
A
ประโยคคาถาม Which one? ใชถ้ ามถึงสิ่งไหน อนั ไหน เช่น Which one is Bog? Which one
do you like?
2. หนังสือเรียน หน้า 5 Ex. 4 ครูอธิบายภาระงาน จากน้นั ให้เวลานกั เรียนเติมคาตอบ เสร็จแลว้ ครูขอ
อาสาสมคั รนกั เรียนผลดั กนั ออกมาเขียนคาตอบบนกระดาน จากน้นั ครูตรวจสอบความถูกตอ้ ง
อีกคร้งั แลว้ ใหน้ กั เรียนท้งั ช้นั อ่านประโยคทเี่ ตมิ คาถูกตอ้ งแลว้ พร้อม ๆ กนั
1 has got 3 have got 5 has got
2 have got 4 have got 6 has got
29
3. หนงั สือเรียน หน้า 5 Ex. 5 ใหน้ กั เรียนดภู าพในขอ้ แรก จากน้นั ครูถามคาถาม Has he got green eyes?
เพือ่ ให้นกั เรียนตอบว่า No, he hasn’t. He’s got blue eyes. จากน้นั ให้นกั เรียนเตมิ คาตอบลงในขอ้ 1-3
ดว้ ยตนเอง เสร็จแลว้ ครูสุ่มเรียกนกั เรียนเฉลยคาตอบโดยใหน้ กั เรียนที่เหลือช่วยตรวจความถกู ตอ้ ง
สุดทา้ ยครูใหน้ กั เรียนจบั คกู่ นั ฝึกพดู สนทนา
1 A: Has she got …
B: … she hasn’t. She’s got green eyes!
2 A: Has she got …
B: … she hasn’t. She’s got red hair!
3 A: Has he got …
B: … he hasn’t. He’s got white hair!
กจิ กรรมเพ่ิมเติม
ครูนาช้ินงานของนกั เรียนเมื่อคาบท่ีแลว้ มาแสดง แลว้ พูดถาม-ตอบกบั นกั เรียน เช่น Has he/she
got small eyes? จากน้นั ครูแจกผลงานคนื นกั เรียน ใหน้ กั เรียนผลดั กนั พูดถาม-ตอบกบั เพือ่ น
เสร็จแลว้ ครูสุ่มเรียกนกั เรียนมาพดู ถาม-ตอบทห่ี นา้ ช้นั เรียน
ข้นั Production
1. ครูนา Tapescript ของ Ex. 3 ในหนงั สือเรียน หน้า 5 มาเขยี นใส่กระดาษแผน่ ใหญ่และนามาติดบน
กระดาน จากน้นั ให้นกั เรียนอ่าน Tapescript ดงั กล่าวตาม CD พร้อม ๆ กนั ให้นกั เรียนวาดภาพคนหรือ
สัตวป์ ระหลาด 3 ภาพ พร้อมท้งั ระบายสีให้แตกต่างกนั ให้นกั เรียนเลอื กภาพ 1 ภาพ และต้งั ช่ือใหก้ บั
ภาพดงั กลา่ ว แลว้ ใหน้ กั เรียนจบั คู่กนั ผลดั กนั พูดถาม-ตอบวา่ ภาพใดคือภาพทน่ี กั เรียนต้งั ชื่อไว้
เหมือนดงั กิจกรรมใน Ex. 3
2. ให้นกั เรียนสังเกตว่า สีผิวและสีตาของเรามคี วามแตกตา่ งกนั นอกจากเช้ือชาตแิ ลว้ ยงั มีอีกหลายปัจจยั
นกั เรียนชอบหรือไม่ ถา้ มีคนไม่ชอบเราเพยี งเพราะสีผวิ เราต่างออกไปหรือนาสีผิวมาเรียกแทนชื่อเรา
30
3. ใหน้ กั เรียนทากิจกรรมในแบบฝึ กหดั หน้า 5 Exs. 3-4 เป็นการบา้ น
Ex. 3 3 Has he got, he hasn’t got any eyes
2 Fred and Tina have got a ball.
3 Lucy has got a doll.
4 Harry has got a kite.
5 Janet and Bill have got a cat.
6 I have got a guitar.
Ex. 4
2 Has he got, he hasn’t got any teeth
4 Has he got, he hasn’t got any ears
7. การวดั และประเมินผล เครื่องมือ เกณฑ์
แบบประเมินการพูด ระดบั คณุ ภาพ พอใช้
วธิ กี ารวดั ผ่านเกณฑ์
ประเมินการพดู ขอและใหข้ อ้ มูล แบบทดสอบ ร้อยละ 60 ผา่ นเกณฑ์
เกี่ยวกบั ส่วนต่าง ๆ ของใบหนา้ แบบสังเกตพฤตกิ รรมการ ระดบั คุณภาพ พอใช้
ตรวจการระบุภาพจากเรื่องท่ฟี ัง เรียนรู้ ผ่านเกณฑ์
สงั เกตการปฏิบตั ิตามคาสัง่ แบบฝึกหัด (Workbook) ร้อยละ 60 ผ่านเกณฑ์
ในช้นั เรียนและเล่นเกมทางภาษา แบบประเมินคุณลกั ษณะอนั ระดบั คุณภาพ พอใช้
ตรวจแบบฝึ กหดั พึงประสงค์ ผา่ นเกณฑ์
สังเกตพฤติกรรมบ่งช้ีดา้ น
ใฝ่ เรียนรู้และมงุ่ มน่ั ในการทางาน
8. สื่อ/แหล่งการเรียนรู้
8.1 หนงั สือเรียน EXTRA and Friends 4 ป. 4
8.2 แบบฝึกหดั EXTRA and Friends 4 ป. 4
8.3 Class Audio CD ประกอบสื่อฯ ชุด EXTRA and Friends 4 ป. 4
8.4 ภาพบุคคลทม่ี ีช่ือเสียง
8.5 อนิ เทอร์เน็ต
31
แผนการจดั การเรียนรู้ที่ 3 Has he got hair on his head?
เวลา 1 ชั่วโมง
จุดประสงค์ (Objectives)
- อา่ นออกเสียง สะกดคา และบอกความหมายของคาศพั ทเ์ ก่ียวกบั ส่วนต่าง ๆ ของร่างกายได้
- พูดขอและให้ขอ้ มลู เกี่ยวกบั ส่วนตา่ ง ๆ ของร่างกายได้
- เขียนให้ขอ้ มูลเกี่ยวกบั ตวั การ์ตูนทชี่ อบได้
- ปฏบิ ตั ติ ามคาส่ังและเล่นเกมทางภาษาได้
- วาดภาพและระบายสีตามคาบอกได้
1. สาระ มาตรฐานการเรยี นรู้/ตัวชีว้ ัด
สาระท่ี 1 ภาษาเพอ่ื การส่ือสาร
มาตรฐาน ต 1.1 เข้าใจและตคี วามเร่ืองทฟี่ ังและอ่านจากส่ือประเภทต่าง ๆ และแสดงความคิดเห็น
อย่างมีเหตุผล
ตวั ชีว้ ดั
ต 1.1 ป.4/1 ปฏบิ ตั ติ ามคาสั่ง คาขอร้อง และคาแนะนา (instructions) งา่ ย ๆ ทฟี่ ังหรืออ่าน
ต 1.1 ป.4/2 อา่ นออกเสียงคา สะกดคา อา่ นกลมุ่ คา ประโยค ขอ้ ความงา่ ย ๆ และบทพดู
เขา้ จงั หวะถกู ตอ้ งตามหลกั การอา่ น
ต 1.1 ป.4/3 เลือก/ระบภุ าพหรือสัญลกั ษณ์ หรือเครื่องหมายตรงตามความหมายของประโยค
และขอ้ ความส้นั ๆ ทฟี่ ังหรืออ่าน
มาตรฐาน ต 1.2 มีทักษะการสื่อสารทางภาษาในการแลกเปลยี่ นข้อมูลข่าวสาร แสดงความรู้สึก
และความคดิ เหน็ อย่างมีประสิทธภิ าพ
ตวั ชี้วัด
ต 1.2 ป.4/4 พดู /เขียนเพือ่ ขอและให้ขอ้ มูลเก่ียวกบั ตนเอง เพ่ือน และครอบครัว
มาตรฐาน ต 1.3 นาเสนอข้อมลู ข่าวสาร ความคิดรวบยอด และความคดิ เห็นในเร่ืองต่าง ๆ
โดยการพูดและการเขยี น
ตวั ชีว้ ัด
ต 1.3 ป.4/1 พูด/เขียนให้ขอ้ มลู เก่ียวกบั ตนเองและเร่ืองใกลต้ วั
สาระที่ 2 ภาษากบั วัฒนธรรม
มาตรฐาน ต 2.1 เข้าใจความสัมพันธ์ระหว่างภาษากับวัฒนธรรมของเจ้าของภาษา และนาไปใช้ได้
อย่างเหมาะสมกบั กาลเทศะ
32
ตวั ชี้วัด
ต 2.1 ป.4/3 เขา้ ร่วมกิจกรรมทางภาษาและวฒั นธรรมทีเ่ หมาะกบั วยั
สาระท่ี 4 ภาษากับความสัมพนั ธ์กับชุมชนและโลก
มาตรฐาน ต 4.1 ใช้ภาษาต่างประเทศในสถานการณ์ต่าง ๆ ท้งั ในสถานศึกษา ชุมชน และสังคม
ตัวชีว้ ดั
ต 4.1 ป.4/1 ฟังและพูด/อา่ นในสถานการณท์ ่เี กิดข้ึนในหอ้ งเรียนและสถานศึกษา
2. สาระสาคญั /ความคดิ รวบยอด
การรู้และเขา้ ใจคาศพั ทแ์ ละโครงสร้างท่ีใชข้ อและใหข้ อ้ มูลทเี่ กี่ยวขอ้ งกบั ส่วนตา่ ง ๆ ของร่างกาย
ช่วยให้ใชภ้ าษาในการสื่อสารไดอ้ ยา่ งถูกตอ้ งและเหมาะสม
3. สาระการเรียนรู้
3.1 ทักษะเฉพาะวชิ า
1) Language Features and Functions
Structure: Has he got hair on his head? No, he hasn’t. He’s got hair on his
arms.
Vocabulary: body, neck, head, legs, feet, arms, toes, hands, fingers
Pronunciation: ออกเสียงคาทล่ี งทา้ ยดว้ ย s และ es
Function: ขอและใหข้ อ้ มลู เกี่ยวกบั ส่วนตา่ ง ๆ ของร่างกาย
2) Language Skills
Listening: วาดภาพและระบายสีตามคาบอก
Speaking: พูดขอและให้ขอ้ มลู เกี่ยวกบั ส่วนตา่ ง ๆ ของร่างกาย
Writing: เขียนให้ขอ้ มูลเกี่ยวกบั การ์ตนู ท่ชี อบ
4. สมรรถนะสาคัญของผ้เู รียน
4.1 ความสามารถในการส่ือสาร
4.2 ความสามารถในการคดิ
- ทกั ษะการคิดทใี่ ชใ้ นการสื่อสาร
4.3 ความสามารถในการใชท้ กั ษะชีวติ
4.4 ความสามารถในการใชเ้ ทคโนโลยี
33
5. คุณลกั ษณะอนั พึงประสงค์
5.1 ใฝ่เรียนรู้
5.2 มุง่ มน่ั ในการทางาน
6. กจิ กรรมการเรียนรู้
ข้นั Warm Up
1. ครูพูดทกั ทายนกั เรียนในช้นั เช่น
T: Good morning. How are you?
Ss: I’m fine, thank you. And you?
T: I’m good.
ครูเขียนคาวา่ good บนกระดาน แลว้ ถามนกั เรียนวา่ นอกจาก good แลว้ เราสามารถใชค้ าอ่นื บอกวา่
เราสบายดีไดห้ รือไม่ ให้เวลานกั เรียนช่วยกนั คดิ 1-2 นาที เสร็จแลว้ ครูเขียน I’m good/okay/happy.
บนกระดาน ใหน้ กั เรียนพูดประโยคดงั กลา่ วตามครู 2-3 คร้ัง เสร็จแลว้ ครูสุ่มเรียกนกั เรียน 5-6 คน
ถามคาถาม How are you? เพื่อให้นกั เรียนตอบ โดยท่หี ้ามใช้ I’m fine. และ I’m well.
ต่อมาครูให้นกั เรียนถามคาถาม How are you? อกี คร้ัง โดยครูทาท่าทางไมส่ บาย แลว้ พูดตอบว่า I’m not
well. ครูถามนกั เรียนต่อวา่ หากตอ้ งการตอบว่าไมส่ บายจะใชค้ าอะไรไดอ้ กี บา้ ง ครูรวบรวมคาตอบของ
นกั เรียนเขียนบนกระดาน เช่น I’m not fine/good/well/happy/okay. เสร็จแลว้ ครูให้นกั เรียนผลดั กนั พดู
ถาม-ตอบกบั เพื่อนท่นี งั่ ขา้ ง ๆ อีก 3 คน โดยใหม้ ีท้งั คาตอบท่สี บายดีและไม่สบาย
2. ทบทวนโครงสร้างที่ใชข้ อและใหข้ อ้ มลู เกี่ยวกบั ส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย โดยครูนาภาพสัตวป์ ระหลาดที่
ครูวาดและระบายสีไวม้ าตดิ บนกระดาน จากน้นั ครูสุ่มเรียกนกั เรียนถามคาถามโดยใชโ้ ครงสร้าง
Has he got ...? หากคาตอบเป็น No, he hasn’t. ให้พดู บอกคาตอบทถี่ กู ตอ้ งดว้ ย เช่น
T: Has he got red ears?
S: Yes, he has. / No, he hasn’t. He’s got yellow ears.
T: Has he got a blue nose?
S: Yes, he has. / No, he hasn’t. He has got a green nose. etc.
จากน้นั ครูเปลี่ยนภาพ และสุ่มเรียกนกั เรียนให้เป็ นผถู้ ามบา้ ง และใหน้ กั เรียนคนอื่น ๆ เป็นคนตอบ
ข้นั Presentation
1. นาเสนอคาศพั ทเ์ ก่ียวกบั ส่วนตา่ ง ๆ ของร่างกาย ไดแ้ ก่ neck (คอ), head (หัว), legs (ขา), feet (เทา้ ),
arms (แขน), toes (นิ้วเทา้ ), hands (มอื ) และ fingers (นิ้วมือ) โดยครูเขียนคาศพั ทบ์ นกระดาน เสร็จแลว้
ครูช้ีไปทอี่ วยั วะแตล่ ะส่วนและพดู คาศพั ทใ์ ห้นกั เรียนฟัง แลว้ ใหน้ กั เรียนออกเสียงตามพร้อมกนั
34
คาวา่ fingers จะลงเสียงหนกั ทพ่ี ยางคแ์ รกเป็น fingers
2. ครูช้ีไปทอ่ี วยั วะส่วนต่าง ๆ ในร่างกายของครู และถามว่า What is this? เพ่ือใหน้ กั เรียนตอบโดยใช้
โครงสร้าง It’s a/an _____. เช่น It’s a neck. จากน้นั ครูถามอกี คร้งั โดยใชค้ าถาม What are these?
เพอื่ ให้นกั เรียนตอบโดยใชโ้ ครงสร้าง They are _____. เช่น They are hands.
3. ครูนาเสนอคาศพั ทอ์ นื่ ๆ ท่นี กั เรียนควรรู้บนกระดาน เช่น knee (หัวเข่า), stomach (ทอ้ ง), nail (เล็บ),
forehead (หนา้ ผาก), shoulder (ไหล่)
4. ให้นกั เรียนเล่นเกม Teacher says เพอื่ ทบทวนคาศพั ทเ์ กี่ยวกบั ส่วนตา่ ง ๆ ของร่างกาย โดยครูอธิบายวา่
เมื่อครูพูดว่า Teacher says … ตามดว้ ยชื่ออวยั วะ นกั เรียนตอ้ งเอามอื ไปแตะทอี่ วยั วะดงั กล่าว หากครูพดู
ช่ืออวยั วะเพยี งอยา่ งเดียว ใหน้ กั เรียนเอามอื ไปแตะทอี่ วยั วะส่วนอืน่ ๆ แทน เช่น
T: Teacher says, “Touch your knees.”
Ss: (นกั เรียนเอามอื ไปแตะที่เข่า)
T: Touch your forehead.
Ss: (นกั เรียนเอามือไปแตะท่อี วยั วะอื่นซ่ึงไมใ่ ช่หนา้ ผาก)
5. ครูอธิบายเรื่องคานามพหูพจน์เตมิ s โดยครูบอกว่า คานามส่วนใหญ่สามารถเปลย่ี นเป็นพหูพจน์
โดยการเติม s ไดเ้ ลย จากน้นั ครูเขยี นคานามพหูพจนต์ อ่ ไปน้ีบนกระดาน
fingers knees eyes legs hands shoulders
ครูอธิบายว่า แมค้ าพหูพจนเ์ หล่าน้ีจะเตมิ s ทุกคา แต่ไมใ่ ช่ทกุ คาท่ีจะออกเสียงเป็นเสียง /s/ บางคา
เมอ่ื เติม s จะออกเสียงเป็น /z/ เสร็จแลว้ ครูอ่านออกเสียงและใหน้ กั เรียนระบุว่าเสียงทา้ ยคาเป็นเสียง /s/
หรือ /z/ จากน้นั ครูใหน้ กั เรียนฝึกออกเสียงตามครูและฝึกดว้ ยตนเอง
/z/ - fingers, knees, eyes, legs, hands, shoulders
35
การออกเสียง /s/, /z/ และ /Iz/ ในคาท่ีลงท้ายด้วย s และ es
ครูย้าให้นกั เรียนออกเสียง /s/, /z/ และ /Iz/ ทา้ ยคานามรูปพหูพจนใ์ หถ้ ูกตอ้ ง เพราะเป็นเสียง
ทา้ ยคาทไ่ี ม่มใี นภาษาไทย ดงั น้นั คนไทยส่วนใหญ่มกั จะละเลยและไม่ออกเสียงดงั กลา่ ว
ทา้ ยคา ทาให้ส่ือสารไดไ้ ม่ถูกตอ้ งตามหลกั ภาษา ซ่ึงหลกั การออกเสียง/s/, /z/ และ /Iz/ ทา้ ยคา
มดี งั น้ี
1. คาทล่ี งทา้ ยดว้ ยเสียงไม่กอ้ ง ไดแ้ ก่ /p/, /t/, /k/, /f/, /θ/ จะออกเสียง /s/ เช่น lips, pots,
books, laughs, breaths
2. คาที่ลงทา้ ยดว้ ยเสียงกอ้ ง ไดแ้ ก่ /b/, /d/, /g/, /m/, /n/, /ŋ/, /l/, /r/, /v/ และสระ a, e, i, o, u
จะออกเสียงเป็น /z/ เช่น webs, beds, legs, arms, fans, kings, nails, cars, lives, eyes, toes
3. คาที่ลงทา้ ยดว้ ยเสียง /s/, /ʧ/, /ʃ/, /z/, /ʤ/ จะออกเสียงเป็น /Iz/ เช่น misses, watches,
dishes, roses, changes
ท่มี า: http://www.pronuncian.com/Lessons/default.aspx?Lesson=129
เสียง /s/ และเสียง /z/ เป็นเสียงที่เกิดท่ปี ่ ุมเหงอื ก (alveolar) เช่นกนั แต่จะออกเสียงตา่ งกนั
โดยเสียง /s/ เป็นเสียงไมก่ อ้ ง (voiceless) แต่เสียง /z/ เป็นเสียงกอ้ ง (voiced) โดยนกั เรียน
สามารถสงั เกตไดว้ า่ เสียงใดเป็นเสียงกอ้ งหรือไมก่ อ้ งไดจ้ ากการเอามอื ไปแตะทลี่ าคอจะรู้สึก
วา่ เสน้ เสียงในลาคอส่ัน ถา้ เป็นเสียงกอ้ ง
ครูอาจเปิ ดคลิปวิดีโอใหน้ กั เรียนไปฝึกการออกเสียง -s/-es เพิ่มเติมไดท้ ี่
https://www.youtube.com/watch?v=BU6FoC9Rzyg
หรือใหน้ กั เรียนไปฝึกดว้ ยตนเอง โดยครูบอกคาสาคญั s endings หรือช่ือคลิป How to
pronounce words ending in s ใหน้ กั เรียนฝึกคน้ หาขอ้ มูลดว้ ยตนเองที่ www.youtube.com
เราจะไม่ออกเสียง /k/ ในคาวา่ knee เน่ืองจาก k เป็นเสียงเงยี บ (silent letter)
นอกจาก knee ยงั มีคาอนื่ อกี เช่น know, knife, knock
ข้นั Practice
1. หนงั สือเรยี น หน้า 6 Ex. 6 ครูอธิบายภาระงาน ให้เวลานกั เรียนจบั คู่ภาพส่วนต่าง ๆ ของร่างกายกบั
คาศพั ทท์ างดา้ นซ้ายมอื จากน้นั ครูเฉลยคาตอบโดยเปิ ด CD ให้ฟังและช่วยกนั ตรวจคาตอบ แลว้ ให้
นกั เรียนฝึกอา่ นออกเสียงตาม CD โดยย้าใหน้ กั เรียนออกเสียง s ทา้ ยคานามพหูพจน์
36
1 - head 3 - arms 5 - fingers 7 - feet
2 - neck 4 - hands 6 - legs 8 - toes
neck - 2 legs - 6 arms - 3 hands - 4
fingers - 5
head - 1 feet - 7 toes - 8
2. หนังสือเรียน หน้า 6 Ex. 7 ให้นกั เรียนปิ ดหนงั สือเรียน ครูวาดภาพสตั วป์ ระหลาดแบบงา่ ย ๆ ทีม่ ีขน
หรือผมบนแขนบนกระดาน แลว้ ครูช้ีไปท่ีแขนของสตั วป์ ระหลาดแลว้ ถามวา่ Has he got hair on his
head? ครูให้นกั เรียนพูดประโยคคาถามตามครูพร้อม ๆ กนั และเป็นรายบุคคล จากน้นั ให้นกั เรียน
ตอบคาถาม ถา้ ตอบ No, he hasn’t. ให้แกไ้ ขขอ้ มลู ใหถ้ ูกตอ้ งดว้ ย เช่น No, he hasn’t. He’s got hair on
his arms. ครูวาดภาพสัตวป์ ระหลาดใหม่อกี คร้งั โดยเปลย่ี นขนหรือผมให้ไปอยทู่ ขี่ า แขน เทา้ นิ้วเทา้
และร่างกาย แลว้ ครูถามคาถามเช่นเดียวกนั ต่อมาครูพูด Open the book on page 6. Look at exercise 7.
ครูช้ีท่ีประโยคตวั อยา่ งในหนงั สือเรียนแลว้ บอกนกั เรียนวา่ Read after me. ตอ่ มาครูใหน้ กั เรียนจบั คกู่ นั
ฝึกพดู ถาม-ตอบ เสร็จแลว้ ครูสุ่มเรียกนกั เรียน 2-3 คู่ พดู ถาม-ตอบอีกคร้ังใหเ้ พ่ือนฟัง
hair โดยปกติแลว้ จะเป็นคานามนบั ไมไ่ ด้ เพราะเวลาเราพูดถึงผม เราจะหมายถึงผมท้งั หมด
ทอ่ี ยบู่ นศีรษะ ซ่ึงไมส่ ามารถนบั ไดว้ ่ามผี มจานวนกี่เสน้ เช่น
She has got long hair.
แต่ hair สามารถเป็นคานามนบั ได้ หากเราตอ้ งการพูดถงึ ผมเป็นเสน้ ๆ เช่น
There is a hair in my soup. (มเี ส้นผมอยใู่ นซุปของฉนั 1 เส้น)
2 A: Has he got hair on his head?
B: No, he’s got hair on his legs!
3 A: Has he got hair on his head?
B: No, he’s got hair on his hands!
37
4 A: Has he got hair on his head?
B: No, he’s got hair on his feet!
5 A: Has he got hair on his head?
B: No, he’s got hair on his toes!
6 A: Has he got hair on his head?
B: No, he’s got hair on his body!
3. ครูเตรียมกระดาษ A4 ใหน้ กั เรียนคนละ 1 แผน่ จากน้นั ครูพดู บรรยายและให้นกั เรียนวาดภาพและ
ระบายสีตามท่ีครูบอก เช่น
My monster has got short grey hair. He has got big black eyes and a small red nose.
He hasn’t got a mouth. He has got big feet and big hands. etc.
ครูแนะนาเวบ็ ไซตใ์ ห้นกั เรียนเขา้ ไปเรียนรู้และฝึ กฝนภาษาองั กฤษเพิ่มเตมิ เกี่ยวกบั การ
บรรยายลกั ษณะไดท้ ่ี
http://learnenglishkids.britishcouncil.org/en/make-your-own/make-your-monster
นอกจากน้ีครูอาจเปิ ดคลิปวิดีโอเพลง Monster Song ให้นกั เรียนฝึกร้องเพลงและฝึกฝน
คาศพั ทเ์ ก่ียวกบั อวยั วะตา่ ง ๆ ของร่างกายเพ่มิ เตมิ ทเี่ วบ็ ไซต์
https://www.youtube.com/watch?v=6bIWXp_Td6c
ข้นั Production
1. ครูใหท้ าชิ้นงาน My favourite cartoon character โดยเตรียมกระดาษ A4 ให้นกั เรียนคนละ 1 แผ่น ให้
วาดภาพตวั การ์ตูนทน่ี กั เรียนชอบ พร้อมตกแตง่ ใหส้ วยงาม จากน้นั ให้จบั คู่กนั แตง่ บทสนทนาเกี่ยวกบั
ตวั การ์ตูนของตนเอง เสร็จแลว้ ครูสุ่มเรียกนกั เรียน 4-5 คู่ ออกมาสลบั กนั ถาม-ตอบที่หนา้ ช้นั เช่น
S1: What’s his name?
S2: His name is Olaf.
S1: Has he got big ears?
S2: No, he hasn’t.
2. ให้นกั เรียนแบ่งกลมุ่ ทาโปสเตอร์คาศพั ทเ์ ก่ียวกบั ส่วนตา่ ง ๆ ของร่างกายที่นกั เรียนเรียนมาท้งั หมด
รวมท้งั ให้คน้ หาคาศพั ทเ์ พ่มิ เตมิ อกี กลมุ่ ละ 10 คา
38
3. ครูช้ีใหน้ กั เรียนเห็นคุณค่าของตนเองและผอู้ น่ื โดยถามนกั เรียนวา่ นกั เรียนชอบส่วนใดของร่างกาย
มากที่สุดและนกั เรียนรู้สึกอยา่ งไรทเ่ี ห็นคนไม่มแี ขน/ขา นกั เรียนคดิ ว่าคนเหลา่ น้ีจะดาเนินชีวติ ใน
แต่ละวนั อยา่ งไร หากนกั เรียนเป็นคนพกิ าร นกั เรียนอยากใหผ้ อู้ น่ื ปฏิบตั ติ อ่ นกั เรียนอยา่ งไร
4. ให้นกั เรียนทากิจกรรมในแบบฝึ กหัด หน้า 6 Exs. 5-6 เป็นการบา้ น
Ex. 5
2 neck 4 hands 6 legs 8 toes
7 feet
3 arms 5 fingers
Ex. 6
(ข้ึนอยกู่ บั ดลุ ยพินิจของผสู้ อน)
7. การวัดและประเมนิ ผล
วธิ ีการวดั เครื่องมือ เกณฑ์
สังเกตการปฏบิ ตั ิตามคาสั่งและ แบบสงั เกตพฤตกิ รรมการ ระดบั คุณภาพ พอใช้
เล่นเกมทางภาษา เรียนรู้ ผา่ นเกณฑ์
ตรวจการวาดภาพตามคาบอก แบบฝึ กหดั ร้อยละ 60 ผ่านเกณฑ์
สงั เกตการออกเสียงคาศพั ท์ แบบสังเกตพฤตกิ รรมการ ระดบั คุณภาพ พอใช้
เรียนรู้ ผ่านเกณฑ์
ประเมนิ การพดู ขอและให้ขอ้ มลู แบบประเมนิ การพดู ระดบั คุณภาพ พอใช้
เกี่ยวกบั ส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย ผ่านเกณฑ์
ประเมินชิ้นงานโปสเตอร์คาศพั ท์ แบบประเมินชิ้นงาน ระดบั คุณภาพ พอใช้
เกี่ยวกบั ส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย ผา่ นเกณฑ์
ประเมินชิ้นงาน My favourite cartoon แบบประเมินชิ้นงาน ระดบั คุณภาพ พอใช้
character ผา่ นเกณฑ์
ตรวจแบบฝึ กหดั แบบฝึกหดั (Workbook) ร้อยละ 60 ผา่ นเกณฑ์
สังเกตพฤตกิ รรมบ่งช้ีดา้ นใฝ่ เรียนรู้และ แบบประเมนิ คุณลกั ษณะอนั ระดบั คุณภาพ พอใช้
มุ่งมน่ั ในการทางาน พึงประสงค์ ผ่านเกณฑ์
39
8. สื่อ/แหล่งการเรียนรู้
8.1 หนงั สือเรียน EXTRA and Friends 4 ป. 4
8.2 แบบฝึกหัด EXTRA and Friends 4 ป. 4
8.3 Class Audio CD ประกอบส่ือฯ ชุด EXTRA and Friends 4 ป. 4
8.4 อุปกรณท์ าชิ้นงาน
8.5 อนิ เทอร์เน็ต
40
แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 4 What colour are the monster’s heads?
เวลา 1 ช่ัวโมง
จดุ ประสงค์ (Objectives)
- ออกเสียง สะกด และบอกความหมายของคาศพั ทต์ ามทีก่ าหนดได้
- พดู บรรยายลกั ษณะภายนอกของสัตวป์ ระหลาดได้
- พูดขอและใหข้ อ้ มลู เกี่ยวกบั จานวนและสีได้
1. สาระ มาตรฐานการเรยี นรู้/ตัวชี้วดั
สาระท่ี 1 ภาษาเพอื่ การสื่อสาร
มาตรฐาน ต 1.1 เข้าใจและตีความเร่ืองท่ีฟังและอ่านจากส่ือประเภทต่าง ๆ และแสดงความคดิ เหน็
อย่างมเี หตุผล
ตวั ชี้วัด
ต 1.1 ป.4/2 อา่ นออกเสียงคา สะกดคา อา่ นกลมุ่ คา ประโยค ขอ้ ความงา่ ย ๆ และบทพูด
เขา้ จงั หวะถกู ตอ้ งตามหลกั การอา่ น
ต 1.1 ป.4/3 เลือก/ระบุภาพหรือสญั ลกั ษณ์ หรือเคร่ืองหมายตรงตามความหมายของประโยค
และขอ้ ความส้นั ๆ ท่ีฟังหรืออา่ น
มาตรฐาน ต 1.2 มที ักษะการส่ือสารทางภาษาในการแลกเปลย่ี นข้อมลู ข่าวสาร แสดงความรู้สึก
และความคิดเห็นอย่างมีประสิทธภิ าพ
ตวั ชี้วัด
ต 1.2 ป.4/4 พูด/เขยี นเพื่อขอและให้ขอ้ มูลเกี่ยวกบั ตนเอง เพอ่ื น และครอบครัว
มาตรฐาน ต 1.3 นาเสนอข้อมูลข่าวสาร ความคดิ รวบยอด และความคิดเห็นในเรื่องต่าง ๆ
โดยการพดู และการเขยี น
ตวั ชีว้ ัด
ต 1.3 ป.4/1 พูด/เขียนใหข้ อ้ มลู เก่ียวกบั ตนเองและเรื่องใกลต้ วั
สาระท่ี 4 ภาษากบั ความสัมพันธ์กบั ชุมชนและโลก
มาตรฐาน ต 4.1 ใช้ภาษาต่างประเทศในสถานการณ์ต่าง ๆ ท้งั ในสถานศึกษา ชุมชน และสังคม
ตัวชี้วดั
ต 4.1 ป.4/1 ฟังและพดู /อ่านในสถานการณ์ทเี่ กิดข้นึ ในห้องเรียนและสถานศกึ ษา
41
2. สาระสาคญั /ความคดิ รวบยอด
การรู้และเขา้ ใจคานามในรูปพหูพจน์ รวมถงึ โครงสร้างที่ใชข้ อและให้ขอ้ มูลเก่ียวกบั ลกั ษณะภายนอก
ช่วยให้สื่อสารเก่ียวกบั ส่ิงใกลต้ วั ไดอ้ ยา่ งถกู ตอ้ งและเหมาะสม
3. สาระการเรียนรู้
3.1 ทักษะเฉพาะวิชา
1) Language Features and Functions
Structure: What colour are the monster’s heads?
Vocabulary: sheep, teeth, fish, children, feet, men, mice, women
Function: ขอและใหข้ อ้ มลู เก่ียวกบั ลกั ษณะภายนอก
2) Language Skills
Speaking: พดู ขอและให้ขอ้ มลู เกี่ยวกบั จานวนและสี
พดู บรรยายลกั ษณะภายนอกของสัตวป์ ระหลาด
4. สมรรถนะสาคัญของผ้เู รียน
4.1 ความสามารถในการส่ือสาร
4.2 ความสามารถในการคิด
- ทกั ษะการคดิ ท่ใี ชใ้ นการสื่อสาร
5. คุณลกั ษณะอนั พึงประสงค์
5.1 ใฝ่เรียนรู้
5.2 มงุ่ มนั่ ในการทางาน
6. กจิ กรรมการเรียนรู้
ข้นั Warm Up
1. ครูกล่าวคาทกั ทายนกั เรียน Good morning. How are you today? จากน้นั สุ่มเรียกนกั เรียน 3-4 คน ลุกข้ึน
พดู ถาม-ตอบกบั ครู โดยครูกาหนดวา่ คาตอบของนกั เรียนแต่ละคนตอ้ งไมซ่ ้ากนั เม่ือนกั เรียนพูดตอบ
เสร็จแลว้ ครูบอกใหน้ กั เรียนนงั่ ลง
ตวั อยา่ ง T: Good morning. How are you today?
S1: I’m good. / I’m fine. / I’m not OK.
T: OK. Sit down.
S1: Thank you. etc.
42
2. ทบทวนคาศพั ทเ์ กี่ยวกบั สีตา่ ง ๆ เช่น red, green, blue, yellow โดยครูช้ีไปทส่ี ิ่งของตา่ ง ๆ ในช้นั เรียน
และให้นกั เรียนพดู บอกสี เช่น What colour is it? It’s blue.
3. ทบทวนคาศพั ทเ์ กี่ยวกบั ส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย โดยการเลน่ เกม Spelling Bee โดยครูบอกนกั เรียนวา่
ครูจะพูดบอกคาศพั ท์ คาละ 2 คร้งั ใหน้ กั เรียนเขียนคาศพั ทล์ งในกระดาษ จากน้นั ใหน้ กั เรียนยก
กระดาษข้ึนใหค้ รูตรวจวา่ สะกดคาศพั ทถ์ ูกตอ้ งหรือไม่ ถา้ สะกดผดิ นกั เรียนจะถูกคดั ออก เกมดาเนิน
ไปเร่ือย ๆ จนเหลอื ผชู้ นะเพยี งผูเ้ ดียว
4. ทบทวนคานามทวั่ ไปทเ่ี ปล่ยี นเป็นพหูพจน์ดว้ ยการเติม s หรือ es โดยครูนาภาพสัตวห์ รือส่ิงของ
มาแสดงและพดู ประโยค เช่น
This is a book. These are books.
This is a pen. These are pens.
This is a pencil. These are pencils.
This is a bag. These are bags.
This is a glass. These are glasses.
ข้นั Presentation
1. ครูนาเสนอคานามเอกพจน์และพหูพจน์โดยใชบ้ ตั รภาพ และให้นกั เรียนฝึกออกเสียงคาศพั ทต์ ามครู
ตวั อยา่ งบตั รภาพ
This is a man. These are men.
2. ครูนาเสนอบตั รภาพอีกคร้ัง และพดู นาเสนอคาศพั ทใ์ นรูปประโยค เช่น These are men. เมือ่ แนะนา
บตั รภาพครบทุกคาแลว้ ครูสลบั บตั รภาพท้งั หมด และแสดงบตั รภาพอีกคร้ังเพื่อให้นกั เรียนพูดประโยค
T: (บตั รภาพผชู้ าย 1 คน) What is this?
Ss: It is a man.
T: (บตั รภาพหนูหลายตวั ) What are these?
Ss: They are mice.
T: (บตั รภาพแกะหลายตวั ) What are these?
Ss: They are sheep.
ครูอธิบายเพิ่มเตมิ วา่ คานามเหล่าน้ีจะเปลีย่ นรูปไปเลยเมื่อเป็นคานามพหูพจน์ นอกจากน้ียงั มีคานาม
บางคาท่รี ูปเอกพจน์และพหูพจน์เป็นรูปเดียวกนั เช่น
43
sheep sheep
fish fish
กจิ กรรมเพม่ิ เตมิ
นกั เรียนสามารถเขา้ ไปศึกษาเพ่มิ เติมเกี่ยวกบั การเปลี่ยนคานามเอกพจน์เป็นรูปพหูพจน์
จากเวบ็ ไซตต์ อ่ ไปน้ี
https://www.youtube.com/watch?v=IbyOkex9qtA
หรือครูอาจบอกคาสาคญั เช่น plural nouns หรือชื่อคลปิ Basic English Grammar 02 --
Singular & plural nouns | English lesson | ESL | Spoken English ใหน้ กั เรียนไป
คน้ ควา้ ดว้ ยตวั เองที่เวบ็ ไซต์ www.youtube.com
ครูอาจให้นกั เรียนไปทาใบงานเพิ่มเตมิ เก่ียวกบั คานามพหูพจน์เพม่ิ เติมทเี่ วบ็ ไซตต์ อ่ ไปน้ี
http://www.mes-english.com/worksheets/files/plural_nouns.php
3. ครูนาเสนอโครงสร้างประโยค How many ____ have you got? โดยครูหยิบดินสอ 3 แท่งข้นึ มา และ
ถามนกั เรียนวา่ How many pencils have I got? เมอื่ นกั เรียนบอกจานวนแลว้ ครูเขยี นคาตอบบน
กระดาน I’ve got three pencils. จากน้นั ใหน้ กั เรียนฝึกพดู ตามครู เสร็จแลว้ ใหน้ กั เรียนฝึกพดู ถาม-ตอบ
โดยครูเดินไปที่โต๊ะของนกั เรียนและถามคาตอบเกี่ยวกบั สิ่งของท่นี กั เรียนมี เช่น
T: How many books have you got?
S: I’ve got one book. etc.
4. ครูนาบตั รภาพ หนู 2 ตวั แอปเปิ ล 2 ผล และกลว้ ย 2 ผล มาแสดง แลว้ ถามคาถามนกั เรียน ดงั น้ี
T: What colour are the mice?
Ss: They are brown.
T: What colour are the apples?
Ss: They are red.
T: What colour are the bananas?
Ss: They are yellow.
จากน้นั ครูเขียนคาถามบนกระดานและใหน้ กั เรียนอ่านคาถามตามครู ครูถามนกั เรียนทาไมจึงใช้ are ใน
ประโยคเหล่าน้ี เม่ือไดค้ าตอบแลว้ ครูย้ากบั นกั เรียนวา่ are ใชร้ ่วมกบั คานามพหูพจน์ ส่วน is ใชก้ บั
คานามเอกพจน์
44
ข้นั Practice
1. หนงั สือเรียน หน้า 7 Ex. 8 ครูอธิบายภาระงาน ให้เวลานกั เรียนจบั คคู่ านามเอกพจน์กบั คานามพหูพจน์
ให้สมั พนั ธ์กนั จากน้นั ครูเปิ ด CD ให้นกั เรียนฟัง และสุ่มเรียกนกั เรียน 6-7 คน รายงานคาตอบของ
ตนเอง ครูเขยี นคาตอบบนกระดานอกี คร้งั เพอ่ื ให้นกั เรียนตรวจคาตอบของตนเอง
1 man - f men 5 mouse - g mice
2 woman - h women 6 sheep - a sheep
3 child - d children 7 foot - e feet
4 fish - c fish 8 tooth - b teeth
2h 4c 6a 8b
3d 5g 7e
เสร็จแลว้ ครูให้นกั เรียนฝึกอ่านออกเสียงคาศพั ทต์ าม CD 2-3 คร้ัง สุดทา้ ยครูสุ่มเรียกนกั เรียนอา่ น
ออกเสียงให้เพือ่ นฟัง
การออกเสียงคาท่ีขนึ้ ต้นด้วย ch และ sh
เสียง /tʃ/ และ /ʃ/ เป็นเสียงเสียดแทรกเหมือนกนั แตม่ ีความแตกตา่ งกนั ทีเ่ สียง /tʃ/ เกิด
จากการเอาปลายลน้ิ ยกข้นึ ไปแตะป่ มุ เหงอื ก เสียงจะส้นั กว่าเสียง /ʃ/ แต่เสียง /ʃ/ ลน้ิ จะ
ไมแ่ ตะป่ มุ เหงือก คลา้ ยกบั เสียงเวลาครูบอกให้นักเรียนเงียบ Shhhhh!
ตวั อยา่ งคาศพั ท์
cheap sheep
child shy
chip ship
chop shop
ที่มา: http://www.vcharkarn.com/varticle/42427
45