The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

แผนการจัดการเรียนรู้ ภาษาอังกฤษ ม.3
หนังสือ Spark

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by DanAngelo Q Bunlong, 2022-08-16 00:02:12

แผนการจัดการเรียนรู้ ภาษาอังกฤษ ม.3

แผนการจัดการเรียนรู้ ภาษาอังกฤษ ม.3
หนังสือ Spark

Keywords: แผนการจัดการเรียนรู้ ภาษาอังกฤษ ม.3

SPARK ม.3

แผนการจัดการเรียนรู้

รายวิชาพื้นฐาน ภาษาอังกฤษ

นายแดนองั เจลโล่ บญุ หลง

โรงเรียนบา้ นโนนสวา่ ง ตาแหนง่ ครู

สานักงานเขตพื้นท่ีการศึกษาประถมศกึ ษาอบุ ลราชธานี เขต 3

สานักงานคณะกรรมการการศึกษาข้ันพ้ืนฐาน

กระทรวงศกึ ษาธกิ าร

แผนการจดั การเรียนรู้ รายวิชาพืน้ ฐาน ภาษาองั กฤษ

SPARK 3 ม. 3

ช้ันมัธยมศึกษาปี ท่ี 3
กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาต่างประเทศ
ตามหลกั สูตรแกนกลางการศึกษาข้นั พ้นื ฐาน พุทธศกั ราช 2551

ผ้เู รียบเรียง
นางสาวกรรณิการ์ จนั ทร์พุ่ม
นางสาวอรวภิ า ดรุ งคธ์ รรม

นางสาวกชพร บวั ภิบาล

ผ้ตู รวจ
ผศ. พรสวรรค์ สีป้อ
นางสุภาภรณ์ สิปปเวสม์
นางสาวกลั ยา เวทยาวงศ์

บรรณาธิการ
นายสุเมธินท์ แสงไตรรัตนน์ ุกูล

พิมพค์ รงั้ ที่ 1
สงวนลขิ สทิ ธต์ิ ามพระราชบญั ญตั ิ

สารบญั หน้า

• สารบญั ค
• คาอธิบายรายวิชาภาษาองั กฤษพ้ืนฐาน ง
• โครงสร้างรายวิชาภาษาองั กฤษพ้นื ฐาน
1
Starter 18
Module 1 Lifestyles 96
Module 2 Believe it or not! 166
Module 3 Experiences 239
Module 4 Safe and Sound 311
Module 5 Our Blue Planet 379
Module 6 Technology & Communication 449
Module 7 Entertainment 525
Module 8 Places & Lifestyles
พเิ ศษ 1
• ภาคผนวก พเิ ศษ 5
Key to Language Review พิเศษ 8
Key to Self-Check พิเศษ 17
Student’s Book Tapescripts พิเศษ 24
Workbook Tapescripts
แบบประเมนิ



คาอธบิ ายรายวชิ าภาษาอังกฤษพนื้ ฐาน
ช้ันมัธยมศึกษาปี ที่ 3
120 ชว่ั โมง (3 หน่วยกิต)

ปฏิบัติตามและใช้คาขอร้อง คาแนะนา คาช้ีแจง และคาอธิบายอย่างเหมาะสม อ่านออกเสียง ระบุ
หัวขอ้ ใจความสาคญั และรายละเอียดสนับสนุน พร้อมท้ังแสดงความคิดเห็น ให้เหตุผล และยกตวั อยา่ ง
ประกอบจากการอ่านเร่ือง ข่าว เหตุการณ์ ประกาศ กิจกรรม บทร้อยกรองส้ัน ๆ เรื่องใกลต้ วั และเรื่องท่ีอยู่
ในความสนใจของสังคม ระบุ เขียน อธิบาย เปรียบเทียบความเหมือนและความแตกต่างระหว่างการออก-
เสียงประโยคชนิดต่าง ๆ และการลาดบั คาตามโครงสร้างประโยคของภาษาอังกฤษและภาษาไทย รวมท้ัง
ชีวิตความเป็นอยู่ ประเพณีและวฒั นธรรมของเจา้ ของภาษา คน้ ควา้ รวบรวม และสรุปขอ้ มูลหรือขอ้ เทจ็ จริง
เกี่ยวกบั กลุ่มสาระการเรียนรู้อื่น พร้อมท้งั ประชาสัมพนั ธ์ขอ้ มูล ข่าวสารของโรงเรียนเป็นภาษาองั กฤษ ขอ
และให้ขอ้ มูล ใช้ทกั ษะในการส่ือสารเพื่อแสดงความรู้สึก ความคิดเห็น ความตอ้ งการ การให้ความช่วยเหลือ
การตอบรับและปฏิเสธการให้ความช่วยเหลือ เก่ียวกบั ตนเอง กิจวตั รประจาวนั ประสบการณ์ สถานการณ์
ต่าง ๆ ในชีวิตประจาวนั เช่น ในห้องเรียน สถานศึกษา ชุมชน โดยใช้ภาษา น้าเสียง กิริยาท่าทางอย่าง
เหมาะสม ถูกต้องตามกาลเทศะ เข้าร่วมหรือจัดกิจกรรมทางภาษาและวัฒนธรรมตามความสนใจให้
เหมาะสมกับบุคคล โอกาส มารยาทสังคม และวฒั นธรรมของเจ้าของภาษา มีความรักชาติ ศาสน์ กษตั ริย์
ซื่อสัตยส์ ุจริต มีวินยั ใฝ่ เรียนรู้ อยอู่ ยา่ งพอเพียง มงุ่ มนั่ ในการทางาน รกั ความเป็นไทย และมีจิตสาธารณะ



โครงสร้างรายวิชาภาษาองั กฤษพ้ืนฐาน
ช้ันมธั ยมศึกษาปี ที่ 3

เวลา 120 ชั่วโมง คะแนนเก็บ 100 คะแนน

หน่วยการ ช่ือหน่วยการเรียนรู้ มาตรฐานการเรียนรู้/ตัวชี้วดั เวลา นา้ หนกั คะแนน
เรียนรู้ท่ี (ชั่วโมง) (100 คะแนน)

0 Starter ต 1.2 ม. 3/1 และ ต 1.2 ม. 3/5 2-

ต 1.3 ม. 3/1

ต 2.1 ม. 3/1

ต 4.1 ม. 3/1

1 Lifestyles ต 1.1 ม. 3/1 - 4 14 10

ต 1.2 ม. 3/1 และ ต 1.2 ม. 3/3 - 5

ต 1.3 ม. 3/1 - 3

ต 2.1 ม. 3/1 และ ต 2.1 ม. 3/3

ต 2.2 ม. 3/1 - 2

ต 3.1 ม. 3/1

ต 4.1 ม. 3/1

ต 4.2 ม. 3/2

2 Believe it or not! ต 1.1 ม. 3/2 - 4 14 10

ต 1.2 ม. 3/1 - 2 และ ต 1.2 ม. 3/4 - 5

ต 1.3 ม. 3/1 - 2

ต 2.1 ม. 3/1 และ ต 2.1 ม. 3/3

ต 2.2 ม. 3/2

ต 3.1 ม. 3/1

ต 4.1 ม. 3/1

ต 4.2 ม. 3/2



หน่วยการ ชื่อหน่วยการเรียนรู้ มาตรฐานการเรียนรู้/ตวั ชี้วดั เวลา นา้ หนกั คะแนน
เรียนรู้ท่ี Experiences (ชั่วโมง) (100 คะแนน)
ต 1.1 ม. 3/1 และ ต 1.1 ม. 3/4
3 ต 1.2 ม. 3/1 - 2 และ ต 1.2 ม. 3/4 14 10
ต 1.3 ม. 3/1 - 3
ต 2.1 ม. 3/1 และ ต 2.1 ม. 3/3 14 10
ต 3.1 ม. 3/1
ต 4.1 ม. 3/1 1-
2 10
4 Safe and Sound ต 1.1 ม. 3/2 - 4 14 10
ต 1.2 ม. 3/2 และ ต 1.2 ม. 3/4
ต 1.3 ม. 3/1 - 3
ต 2.1 ม. 3/1 และ ต 2.1 ม. 3/3
ต 2.2 ม. 3/1
ต 3.1 ม. 3/1
ต 4.1 ม. 3/1

Revision

Mid-Year Examination

5 Our Blue Planet ต 1.1 ม. 3/2 - 4
ต 1.2 ม. 3/1 - 2 และ ต 1.2 ม. 3/4
ต 1.3 ม. 3/1 - 3
ต 2.1 ม. 3/1 และ ต 2.1 ม. 3/3
ต 2.2 ม. 3/1
ต 3.1 ม. 3/1
ต 4.1 ม. 3/1



หน่วยการ ชื่อหน่วยการเรียนรู้ มาตรฐานการเรียนรู้/ตัวชีว้ ัด เวลา น้าหนักคะแนน
เรียนรู้ท่ี (ช่ัวโมง) (100 คะแนน)
Technology &
6 Communication ต 1.1 ม. 3/1 - 4 14 10
ต 1.2 ม. 3/1 - 2 และ ต 1.2 ม. 3/4 - 5
7 ต 1.3 ม. 3/1 - 3
ต 2.1 ม. 3/1 - 3
8 ต 2.2 ม. 3/1
ต 3.1 ม. 3/1
ต 4.1 ม. 3/1

Entertainment ต 1.1 ม. 3/2 - 4 14 10
Places & Lifestyles ต 1.2 ม. 3/1 และ ต 1.2 ม. 3/3 - 5 14 10
ต 1.3 ม. 3/1 - 3
ต 2.1 ม. 3/1 และ ต 2.1 ม. 3/3
ต 2.2 ม. 3/1 - 2
ต 3.1 ม. 3/1
ต 4.1 ม. 3/1
ต 1.1 ม. 3/2 และ ต 1.1 ม. 3/4
ต 1.2 ม. 3/1 และ ต 1.2 ม. 3/3 - 4
ต 1.3 ม. 3/1 - 3
ต 2.1 ม. 3/1 และ ต 2.1 ม. 3/3
ต 2.2 ม. 3/2
ต 3.1 ม. 3/1
ต 4.1 ม. 3/1

Revision 1-

Final Examination 2 10

Total in year round 120 100



0 Starter

ช้ันมัธยมศึกษาปี ที่ 3 เวลาเรียน 2 ชั่วโมง

1 สาระ มาตรฐานการเรยี นรู้/ตัวชีว้ ัด

สาระท่ี 1 ภาษาเพอ่ื การสื่อสาร
มาตรฐาน ต 1.2 มที ักษะการส่ือสารทางภาษาในการแลกเปลย่ี นข้อมูลข่าวสาร แสดงความรู้สึกและ

ความคิดเหน็ อย่างมีประสิทธภิ าพ
ตวั ช้ีวดั
ต 1.2 ม. 3/1 สนทนาและเขียนโตต้ อบขอ้ มูลเก่ียวกบั ตนเอง เร่ืองตา่ ง ๆ ใกลต้ วั สถานการณ์ ขา่ ว

เรื่องท่ีอยใู่ นความสนใจของสังคม และส่ือสารอยา่ งตอ่ เน่ืองและเหมาะสม
ต 1.2 ม. 3/5 พดู และเขยี นบรรยายความรู้สึกและความคดิ เห็นของตนเองเก่ียวกบั เร่ืองต่าง ๆ

กิจกรรม ประสบการณ์ และขา่ ว/เหตุการณ์ พร้อมท้งั ให้เหตุผลประกอบอยา่ ง
เหมาะสม
มาตรฐาน ต 1.3 นาเสนอข้อมูลข่าวสาร ความคดิ รวบยอด และความคดิ เหน็ ในเร่ืองต่าง ๆ โดยการพูด
และการเขียน
ตวั ช้ีวดั
ต 1.3 ม. 3/1 พูดและเขยี นบรรยายเกี่ยวกบั ตนเอง ประสบการณ์ ข่าว/เหตุการณ์/เร่ือง/ ประเดน็
ตา่ ง ๆ ที่อยใู่ นความสนใจของสงั คม
สาระที่ 2 ภาษาและวฒั นธรรม
มาตรฐาน ต 2.1 เข้าใจความสัมพันธ์ระหว่างภาษากบั วัฒนธรรมของเจ้าของภาษา และนาไปใช้ ได้
อย่างเหมาะสมกับกาลเทศะ
ตวั ช้ีวดั
ต 2.1 ม. 3/1 เลือกใชภ้ าษา น้าเสียง และกิริยาทา่ ทาง เหมาะกบั บคุ คลและโอกาสตามมารยาทสังคม
และวฒั นธรรมของเจา้ ของภาษา
สาระท่ี 4 ภาษากบั ความสัมพันธ์กับชุมชนและโลก
มาตรฐาน ต 4.1 ใช้ภาษาต่างประเทศในสถานการณ์ต่าง ๆ ท้งั ในสถานศึกษา ชุมชน และสังคม

1

ตวั ช้ีวดั ใชภ้ าษาส่ือสารในสถานการณ์จริง/สถานการณ์จาลองท่เี กิดข้ึนในหอ้ งเรียน
ต 4.1 ม. 3/1 สถานศึกษา ชุมชน และสงั คม

2 สาระสาคญั /ความคดิ รวบยอด
การทบทวนคาศพั ท์ โครงสร้าง และสานวนภาษาท่เี รียนมาแลว้ เป็นการฝึกฝนส่ิงทไี่ ดเ้ รียนรู้

เพอ่ื ให้สามารถนาไปใชใ้ นการพูด/เขยี นส่ือสารได้

3 สาระการเรียนรู้

3.1 ทักษะเฉพาะวชิ า

1) Language Features and Functions
Vocabulary: Daily routines (get up, go to school, start lessons, do homework, have
dinner, watch TV, help with household chores, go to bed)
Free-time activities (hang out with friends, listen to music, watch a DVD,
play sports, surf the Internet, send text messages, read a book, play
computer games, go shopping, chat on the phone, go skateboarding, play
the guitar)
Food/Drinks (sugar, milk, bread, beef, soup, cheese, orange juice,
spaghetti, coffee, cabbage, potato, lettuce, burger, carrots, apple,
chocolate, chicken, yoghurt, biscuit, rice, egg, cake, pear, salad, ice
cream, tea, banana, nut, lamb, grape, salt, pizza)
Grammar: pronouns, possessive determiners, can, have got, Present simple, adverbs
of frequency, question words, prepositions of time, prepositions of place,
a/an, some/any, (how) much/many, a lot of/lots of, (a) few/(a) little
Functions: Greetings & introductions
Hello. I’m Brian.
I’m Fiona. Pleased to meet you.
Pleased to meet you too.
Talking about daily routines
What time do you go to school?
At 7:30.

2

2) Language Skills

Speaking: พูดสนทนาทกั ทายและแนะนาตนเอง, พดู ขอและให้ขอ้ มลู เกี่ยวกบั กิจวตั ร

ประจาวนั , พูดเก่ียวกบั กิจกรรมในเวลาว่างที่ชอบทา/ไมช่ อบทา, พูดบอก

สิ่งท่ีกินหรือดื่มในทุก ๆ วนั

Reading: อ่านเพื่อหาขอ้ มูลเฉพาะ

Writing: เขยี นประโยคบอกความถใ่ี นการทากิจวตั รของผอู้ น่ื และตนเอง

4 สมรรถนะสาคญั ของผ้เู รยี น
1) ความสามารถในการส่ือสาร
2) ความสามารถในการคดิ

5 คุณลกั ษณะอันพงึ ประสงค์
- ใฝ่เรียนรู้

6 ชิน้ งาน/ภาระงาน (รวบยอด)
1) พดู สนทนาทกั ทายและแนะนาตนเอง
2) พูดขอและใหข้ อ้ มลู เกี่ยวกบั กิจวตั รประจาวนั
3) พดู เก่ียวกบั กิจกรรมในเวลาว่างท่ชี อบทา/ไมช่ อบทา
4) พูดบอกส่ิงทีก่ ินหรือดื่มในทุก ๆ วนั
5) เขยี นประโยคบอกความถใ่ี นการทากิจวตั รของผอู้ ืน่ และตนเอง

7 การวัดและการประเมนิ ผล
7.1 การประเมินระหวา่ งการจดั กิจกรรมการเรียนรู้
7.2 การประเมนิ ช้ินงาน/ภาระงาน (รวบยอด)

3

1 Starter

2 ชั่วโมง

จุดประสงค์การเรยี นรู้
- พูดสนทนาทกั ทายและแนะนาตนเองได้
- พดู ขอและให้ขอ้ มลู เกี่ยวกบั กิจวตั รประจาวนั ได้
- พดู เก่ียวกบั กิจกรรมในเวลาวา่ งทช่ี อบทา/ไมช่ อบทาได้
- พดู บอกสิ่งที่กินหรือด่ืมในทุก ๆ วนั ได้
- เขียนประโยคบอกความถใี่ นการทากิจวตั รของผอู้ น่ื และตนเองได้

1. สาระ มาตรฐานการเรยี นรู้/ตวั ชี้วัด
สาระท่ี 1 ภาษาเพอ่ื การสื่อสาร
มาตรฐาน ต 1.2 มที กั ษะการสื่อสารทางภาษาในการแลกเปลยี่ นข้อมลู ข่าวสาร แสดงความรู้สึกและ
ความคดิ เห็นอย่างมีประสิทธภิ าพ
ตวั ช้ีวดั
ต 1.2 ม. 3/1 สนทนาและเขียนโตต้ อบขอ้ มูลเก่ียวกบั ตนเอง เรื่องตา่ ง ๆ ใกลต้ วั สถานการณ์ ข่าว
เร่ืองท่อี ยใู่ นความสนใจของสังคม และสื่อสารอยา่ งตอ่ เนื่องและเหมาะสม
ต 1.2 ม. 3/5 พดู และเขียนบรรยายความรู้สึกและความคดิ เห็นของตนเองเก่ียวกบั เร่ืองต่าง ๆ
กิจกรรม ประสบการณ์ และข่าว/เหตกุ ารณ์ พร้อมท้งั ใหเ้ หตุผลประกอบอยา่ ง
เหมาะสม
มาตรฐาน ต 1.3 นาเสนอข้อมูลข่าวสาร ความคิดรวบยอด และความคดิ เห็นในเร่ืองต่าง ๆ โดยการพดู
และการเขยี น
ตวั ช้ีวดั
ต 1.3 ม. 3/1 พดู และเขยี นบรรยายเกี่ยวกบั ตนเอง ประสบการณ์ ข่าว/เหตุการณ์/เรื่อง/ ประเดน็
ต่าง ๆ ทีอ่ ยใู่ นความสนใจของสงั คม
สาระท่ี 2 ภาษาและวฒั นธรรม
มาตรฐาน ต 2.1 เข้าใจความสัมพนั ธ์ระหว่างภาษากับวฒั นธรรมของเจ้าของภาษา และนาไปใช้ ได้
อย่างเหมาะสมกับกาลเทศะ

4

ตวั ช้ีวดั
ต 2.1 ม. 3/1 เลอื กใชภ้ าษา น้าเสียง และกิริยาทา่ ทาง เหมาะกบั บุคคลและโอกาสตามมารยาทสังคม

และวฒั นธรรมของเจา้ ของภาษา
สาระที่ 4 ภาษากับความสัมพันธ์กับชุมชนและโลก
มาตรฐาน ต 4.1 ใช้ภาษาต่างประเทศในสถานการณ์ต่าง ๆ ท้งั ในสถานศึกษา ชุมชน และสังคม

ตวั ช้ีวดั
ต 4.1 ม. 3/1 ใชภ้ าษาส่ือสารในสถานการณ์จริง/สถานการณ์จาลองท่เี กิดข้นึ ในห้องเรียน

สถานศกึ ษา ชุมชน และสงั คม

2. สาระสาคญั /ความคิดรวบยอด
การทบทวนคาศพั ท์ โครงสร้าง และสานวนภาษาที่เรียนมาแลว้ เป็นการฝึกฝนส่ิงทไี่ ดเ้ รียนรู้

เพ่ือให้สามารถนาไปใชใ้ นการพดู /เขยี นส่ือสารได้

3. สาระการเรียนรู้
3.1 ทักษะเฉพาะวิชา
1) Language Features and Functions
Vocabulary: Daily routines (get up, go to school, start lessons, do homework, have
dinner, watch TV, help with household chores, go to bed)
Free-time activities (hang out with friends, listen to music, watch a DVD,
play sports, surf the Internet, send text messages, read a book, play
computer games, go shopping, chat on the phone, go skateboarding, play
the guitar)
Food/Drinks (sugar, milk, bread, beef, soup, cheese, orange juice,
spaghetti, coffee, cabbage, potato, lettuce, burger, carrots, apple,
chocolate, chicken, yoghurt, biscuit, rice, egg, cake, pear, salad, ice
cream, tea, banana, nut, lamb, grape, salt, pizza)
Grammar: pronouns, possessive determiners, can, have got, Present simple, adverbs
of frequency, question words, prepositions of time, prepositions of place,
a/an, some/any, (how) much/many, a lot of/lots of, (a) few/(a) little
Functions: Greetings & introductions
Hello. I’m Brian.

5

I’m Fiona. Pleased to meet you.

Pleased to meet you too.

Talking about daily routines

What time do you go to school?

At 7:30.

2) Language Skills

Speaking: พดู สนทนาทกั ทายและแนะนาตนเอง, พูดขอและให้ขอ้ มูลเก่ียวกบั กิจวตั ร

ประจาวนั , พูดเก่ียวกบั กิจกรรมในเวลาว่างท่ีชอบทา/ไม่ชอบทา, พูดบอก

สิ่งท่ีกินหรือดื่มในทกุ ๆ วนั

Reading: อ่านเพือ่ หาขอ้ มลู เฉพาะ

Writing: เขียนประโยคบอกความถใี่ นการทากิจวตั รของผอู้ ่ืนและตนเอง

4. สมรรถนะสาคญั ของผ้เู รียน
1) ความสามารถในการส่ือสาร
2) ความสามารถในการคดิ

5. คุณลกั ษณะอนั พึงประสงค์
- ใฝ่เรียนรู้

6. กจิ กรรมการเรียนรู้

ชั่วโมงที่ 1

ข้นั Warm up
1. เนื่องจากเป็นชว่ั โมงแรกของการเรียน ให้ครูพูดทกั ทายนกั เรียน และแนะนาตนเอง เช่น Good

morning class. I’m Tom. Nice to meet you. แลว้ ครูให้นกั เรียนพดู แนะนาตนเองทีละคน
2. ครูบอกนกั เรียนวา่ ชวั่ โมงน้ีนกั เรียนจะไดท้ บทวน pronouns, possessive determiners, can, have got,

daily routines, Present simple, adverbs of frequency

6

ข้นั Presentation

1. ครูทบทวนสานวนภาษาทใ่ี ช้ในการทกั ทายเม่อื พบกนั คร้งั แรก โดยพดู ทกั ทายกบั นกั เรียนคนหน่ึงวา่

I’m Tom. Nice to meet you. ใหน้ กั เรียนคนดงั กล่าวแนะนาตนเอง และทกั ทายกลบั ว่า Nice to meet

you too. จากน้นั ครูเขยี นประโยค Nice to meet you. บนกระดาน และถามนกั เรียนว่าประโยคน้ีใช้

เมอื่ ไร แลว้ ครูบอกนกั เรียนวา่ สามารถใช้ Pleased to meet you. ไดเ้ ช่นกนั

2. หนงั สือเรยี น หน้า 4 Ex. 3a นกั เรียนทบทวน pronouns, possessive determiners โดยอา่ นคาในตาราง

และบอกความหมาย

3. ครูทบทวนการใช้ can ในรูปคาถามโดยยกตวั อยา่ งบนกระดาน

Can you swim? Yes, I can./No, I can’t.

Can they cook? Yes, they can./No, they can’t.

Can she ride a bike? Yes, she can./No, she can’t.

ใหน้ กั เรียนสังเกตว่า can มกี ารเปลี่ยนรูปหรือไม่ เม่ือเป็นประธานเป็นเอกพจน์ แลว้ ครูย้าวา่ can

สามารถใชไ้ ดก้ บั ประธานเป็นเอกพจน์และพหูพจน์โดยไม่เปลยี่ นรูป

4. ครูถามความหมายของ have got แลว้ ใหน้ กั เรียนช่วยกนั บอกว่าเราใช้ have got เพือ่ อะไร จากน้นั ครู

ทบทวน have got ในรูปคาถามโดยยกตวั อยา่ งบนกระดาน แลว้ ถามใหน้ กั เรียนบอกโครงสร้าง

Have you got a pen?

Has your brother got a skateboard?

5. ครูใหน้ กั เรียนช่วยกนั บอกกิจวตั รประจาวนั ของตนเอง แลว้ ครูเขยี นบนกระดาน เช่น get up, have

breakfast, go to school, start lessons, have lunch, do homework, have dinner, watch TV, go to bed

จากน้นั สุ่มถามนกั เรียน 2-3 คน เกี่ยวกบั เวลาที่ทากิจวตั รประจาวนั ต่าง ๆ เช่น What time do you get

up? What do you do in the evening? When do go to bed?

6. หนงั สือเรียน หน้า 6 Ex. 9 ครูทบทวน Present simple โดยให้นกั เรียนอา่ นตารางและสรุปหลกั การ

ใช้ จากน้นั ช่วยกนั ยกตวั อยา่ งประโยค

7. ครูถามนกั เรียนวา่ เสียง -s/-es ทีเ่ ตมิ หลงั คากริยาจะออกเสียงไดอ้ ยา่ งไรบา้ ง ให้นกั เรียนช่วยกนั

ยกตวั อยา่ ง

8. หนังสือเรียน หน้า 6 Ex. 13 ครูทบทวน adverbs of frequency โดยให้นกั เรียนอา่ นประโยค และบอก

ความหมายของ adverbs of frequency แตล่ ะคา จากน้นั ระบตุ าแหน่งของ adverbs of frequency (อยู่

หนา้ คากริยาหลกั หรือตามหลงั verb to be)

7

ข้นั Practice
1. หนงั สือเรยี น หน้า 4 Ex. 1a ให้นกั เรียนเตมิ บทสนทนาให้สมบูรณ์ดว้ ยประโยคท่ีกาหนดให้ เสร็จแลว้

ครูเปิ ด CD ใหฟ้ ังเพอื่ ตรวจคาตอบ

1 I’m fine thanks, and you? 2 Hello. I’m Brian.
3 Pleased to meet you too. 4 I don’t think you’ve met Simone.

2. หนงั สือเรยี น หน้า 4 Ex. 1b นกั เรียนรวมกลุ่ม กล่มุ ละ 3 คน พดู บทสนทนาใน Ex. 1a
3. หนงั สือเรยี น หน้า 4 Ex. 2 ใหน้ กั เรียนเติมประโยคโตต้ อบให้สมบรู ณ์ เสร็จแลว้ ครูสุ่มเรียกนกั เรียน

พูดโตต้ อบกนั

1 I’m fine thanks, and you? 2 Hello. I’m David.
3 How are you? 4 Pleased to meet you too.

4. หนงั สือเรยี น หน้า 4 Ex. 3b นกั เรียนเติม pronouns หรือ possessive determiners ลงในประโยคให้
ถกู ตอ้ ง

1 Our, you 2 your, mine 3 I, she
4 yours, my 5 his, they 6 their, them

5. หนังสือเรียน หน้า 4 Ex. 4 ให้นกั เรียนเติมประโยคโดยใช้ can หรือ have ดว้ ยรูปท่ถี กู ตอ้ ง พร้อมท้งั
ตอบคาถาม

2 Can Yes, I can./No, I can’t.
3 Have Yes, I have./No, I haven’t.
4 Can Yes, he/she can./No, he/she can’t.

8

5 Has Yes, he/she can./No, he/she can’t.
6 Has Yes, he has./No, he hasn’t.
7 Has Yes, it has./No, it hasn’t.

6. หนังสือเรยี น หน้า 5 Ex. 5 นกั เรียนจบั คกู่ บั เพ่ือน ใชว้ ลีทกี่ าหนดให้ผลดั กนั พดู ถาม-ตอบกิจวตั ร
ประจาวนั

A: What time do you go to school?
B: At 7:30.
A: When do you do your homework?
B: In the afternoon.
A: What do you do in the evening?
B: I do homework and help with household chores.
A: Do you have dinner with your family?
B: Yes, I do.
A: When do you go to bed?
B: At 9:30.

7. หนังสือเรยี น หน้า 5 Ex. 6 นกั เรียนคิดวา่ เด็กผูช้ ายในภาพมีช่ือเสียงในดา้ นใด และคดิ วา่ กิจวตั ร
ประจาวนั ของเขาเป็นอยา่ งไร จากน้นั ให้นกั เรียนฟัง CD และอ่านบทอ่านตามเพ่ือตรวจว่านกั เรียน
คาดเดาถูกตอ้ งหรือไม่

I think he is famous for diving.
I think his daily routine must be very busy. I think he gets up early and practices
at the swimming pool. Then he has breakfast and goes to school. After school
he goes to pool again. He goes home, does homework, has dinner. Then he goes
to bed.

9

8. หนังสือเรียน หน้า 5 Ex. 7 นกั เรียนอ่านบทอา่ นอกี คร้งั และตอบคาถามท่ีกาหนดให้

1 Tom Daley is the best diver in Britain. He is only 15 years old.
2 His routine is very busy. He gets up early and gets a lift to school with his dad.

He has lessons until 3:45 pm then he trains for three and a half hours every
evening.
3 He is a very good student.
4 He trains all day long in the school holidays.
5 He wants to win an Olympic gold medal.

9. หนงั สือเรยี น หน้า 5 Ex. 8 ให้นกั เรียนเตมิ กิจวตั รประจาวนั ของ Tom Daley และของตนเองลงใน
ตาราง จากน้นั จบั คกู่ บั เพื่อนผลดั กนั พูดว่ากิจวตั รประจาวนั ของ Tom Daley เหมอื นหรือแตกต่างจาก
กิจวตั รประจาวนั ของตนเองอยา่ งไร

In the morning Tom’s routine My routine
He gets up early, eats a bowl I get up early, eat breakfast
In the afternoon of cereal, packs his bag and and go to school by bus. I
In the evening gets a lift to school with his have lessons.
dad. He has lessons.
He has lessons until 3:45 pm. I have lessons until 3:30 pm.
After school I do homework.
He trains for three and a half I watch TV or listen to
hours. music.

Tom’s free time My free time
He hasn’t got any. I hang out with my friends.

10

A: In the morning, Tom gets up early, eats a bowl of cereal, packs his bag
and gets a lift to school with his dad. In the morning, I get up early, eat
breakfast and go to school by bus. So our morning routine is quite
similar.

B: So is mine. Tom has lessons until 3:45 pm, but I have lessons until 3:30
pm. So that’s a bit different.

A: I do too. In the evening, Tom trains for three and a half hours, but I
watch TV or listen to music. So our evening routine is very different.

B: Our free time is very different also.
A: Tom doesn’t have any free time because he trains all the time. In my

free time, I hang out with my friends.
B: Me too.

10. หนังสือเรยี น หน้า 6 Ex. 10 ให้นกั เรียนเขียนคากริยารูปเอกพจนบ์ ุรุษที่ 3 ของคากริยาทก่ี าหนดให้
ถกู ตอ้ ง

1 flies 2 goes 3 wishes 4 fixes
5 eats 6 loses 7 knows 8 misses
9 finishes 10 wakes up

11. หนงั สือเรียน หน้า 6 Ex. 11 ให้นกั เรียนเติมคากริยารูปเอกพจน์บุรุษท่ี 3 จาก Ex. 10 ลงในตารางให้
ถกู ตอ้ งตามการออกเสียง จากน้นั ครูเปิ ด CD ให้ฟังเพือ่ ตรวจคาตอบ

/s/ eats, wakes up
/z/ flies, goes, knows
/Iz/ wishes, fixes, loses, misses, finishes

12. หนังสือเรียน หน้า 6 Ex. 12 นกั เรียนเตมิ คาในวงเลบ็ ลงในประโยค โดยเปลีย่ นคากริยาใหอ้ ยใู่ นรูป
Present simple ที่ถูกตอ้ ง

11

1 gets up 2 doesn’t live, lives
3 Does she like, doesn’t 4 Does Jack go, does
5 do Tom and Jane do 6 tries
7 Does Pam play, does 8 washes

ข้นั Production
หนงั สือเรียน หน้า 6 Ex. 14 ให้นกั เรียนเขียนประโยคบอกความถี่ในการทากิจวตั รของ Lucy และ
Kevin แลว้ เปรียบเทียบว่าเหมอื นหรือแตกตา่ งจากของนกั เรียน

Lucy always walks to school.
I never walk to school.

Kevin often watches TV after school.
Lucy usually watches TV after school.
I often watch TV after school.

Kevin sometimes goes to bed late.
Lucy often goes to bed late.
I usually go to bed late.

Kevin usually rides a bike to school.
Lucy never rides a bike to school.
I never ride a bike to school.

Kevin always does homework in the afternoon.
Lucy sometimes does homework in the afternoon.
I sometimes do homework in the afternoon.

12

ชั่วโมงที่ 2

ข้นั Warm up
ครูบอกนกั เรียนวา่ ชว่ั โมงน้ีนกั เรียนจะไดท้ บทวน expressing like/dislike, question words,
prepositions of time, prepositions of place, food/drinks, a/an, some/any, (how) much/many, a lot
of/lots of, (a) few/(a) little

ข้นั Presentation
1. ครูทบทวนคาทใ่ี ชแ้ สดงความชอบและไมช่ อบ โดยเขียนคาวา่ love, like, not mind, not like, hate

บนกระดาน ให้นกั เรียนอ่านพร้อมกนั และบอกความหมาย
2. ครูทบทวน question words โดยยกตวั อยา่ งประโยคคาถามบนกระดาน และใหน้ กั เรียนช่วยกนั บอก

ว่า question words แตล่ ะคาใชถ้ ามเก่ียวกบั อะไร
What’s your name?
Where do you live?
When is your birthday?
Why do you like strawberries?
How do you go to Chiang Mai?
How often do you cook dinner?
How old are you?

3. ครูทบทวน prepositions of time: at, on, in โดยยกตวั อยา่ งบนกระดาน แลว้ ให้นกั เรียนช่วยกนั บอก
หลกั การใช้
We go to the sea in summer.
I get up at 7 am.
He is moving to London in January.
At the weekend I hang out with my friends.
They watch a film on Friday.

4. หนังสือเรยี น หน้า 7 Ex. 18 นกั เรียนทบทวน prepositions of place โดยอ่านออกเสียงคาศพั ท์ แลว้
ช่วยกนั บอกความหมาย จากน้นั ครูใหน้ กั เรียนคิดวา่ ในภาษาไทยมีคาประเภทน้ีหรือไม่

13

5. หนงั สือเรียน หน้า 8 Ex. 20 นกั เรียนทบทวนคาศพั ทเ์ ก่ียวกบั อาหาร โดยอา่ นออกเสียง และบอก
ความหมาย จากน้นั ใหน้ กั เรียนแยกอาหารให้ถูกตอ้ งตามหวั ขอ้ ในตาราง เสร็จแลว้ ครูเฉลยคาตอบ
และให้เวลานกั เรียน 2 นาที คิดคาศพั ทเ์ พิ่มเติม

meat beef, chicken, lamb (pork)
dairy milk, cheese, yoghurt (butter, cream)
fruit & cabbage, potatoes, lettuce, carrots, apples, pears, bananas, grapes
vegetables (lemons, oranges, cherries)
desserts cake, ice cream (apple pie, lemon tart)
drinks orange juice, coffee, tea (cola, water, lemonade)
dishes soup, spaghetti, burger, salad, pizza (omelette, sandwich)
other sugar, bread, chocolate, biscuits, rice, eggs, nuts, salt (pepper, flour)

6. หนังสือเรยี น หน้า 8 Ex. 21 ให้นกั เรียนอ่านตารางเพ่อื ทบทวนการใช้ a/an, some/any, (how)
much/many, a lot of/lots of, (a) few/(a) little กบั คานามนบั ไดแ้ ละนบั ไมไ่ ด้ แลว้ อธิบายตวามหมาย
ของตวั อยา่ งประโยค จากน้นั ช่วยกนั ระบุวา่ คาท่ีพมิ พต์ วั หนาคาใดใชก้ บั ประโยคบอกเลา่ คาใดใชก้ บั
ประโยคปฏเิ สธ และคาใดใชก้ บั ประโยคคาถาม

Affirmative: an, some, a lot of/lots of, a few, a little
Negative: many, much, any
Question: How many, How much, any

ข้นั Practice
1. หนงั สือเรียน หน้า 7 Ex. 15 นกั เรียนจบั คกู่ บั เพื่อนพดู เก่ียวกบั กิจกรรมในเวลาวา่ งที่ชอบทา/ไมช่ อบ

ทา

14

B: … playing sports every day and chatting on the phone in the evenings.
A: I don’t like chatting on the phone, but I like sending text messages every

day and going skateboarding or shopping at the weekends. etc.

2. หนังสือเรยี น หน้า 7 Ex. 16 นกั เรียนเตมิ question words ลงประโยคคาถามใหถ้ ูกตอ้ ง แลว้ จบั คู่
คาถามกบั คาตอบที่สมั พนั ธก์ นั

1 f Who 2 h Which/What 3 e When
4 a Where 5 d Why 6 b How
7 c How 8 g How

3. หนังสือเรยี น หน้า 7 Ex. 17 นกั เรียนเติม at, on หรือ in ลงในประโยคให้ถกู ตอ้ ง

1 on 2 at 3 in 4 in
5 at 6 in 6 on 8 in

4. หนังสือเรียน หน้า 7 Ex. 19 นกั เรียนดูภาพ และเตมิ prepositions of place ลงในขอ้ ความใหถ้ กู ตอ้ ง

1 In 2 behind 3 between
4 in front of 5 in front of 6 on
7 above 8 next to 9 Opposite

5. หนงั สือเรียน หน้า 8 Ex. 22 นกั เรียนดูภาพวา่ มีอาหารอะไรบา้ ง และเขียนคาศพั ทล์ งในสมดุ จากน้นั
ระบวุ า่ อาหารแตล่ ะอยา่ งเป็นคานามนบั ไดห้ รือนบั ไมไ่ ด้

15

bananas C grapes C bread U tomatoes C
spring onions C lettuce U peppers C spaghetti U
oranges C milk U

6. หนงั สือเรียน หน้า 8 Ex. 23 นกั เรียนอ่านประโยคและเลือกคาตอบทถ่ี กู ตอ้ ง

1 any 2 much 3 a few 4 little
5 a little 6 much 7 many

7. หนงั สือเรยี น หน้า 8 Ex. 24 นกั เรียนอา่ นบทสนทนา แลว้ เติม much, many, a, an, some, any หรือ
a lot (of) ใหถ้ ูกตอ้ ง

1 some 2 any 3 an 4a
5 much 6 a lot 7 any 8 many
9 some

ข้นั Production
หนังสือเรยี น หน้า 8 Ex. 25 นกั เรียนจบั คู่ ผลดั กนั พดู บอกส่ิงทก่ี ินหรือดื่มในทุก ๆ วนั โดยใชค้ าที่
กาหนดให้

… cake but I don’t drink any coffee or cola. I drink a lot of milk. I don’t eat a
lot of fish but I eat a lot of vegetables. I eat some pasta but not too much. I eat
eggs but not too many.

16

7. การวดั และการประเมนิ ผล เคร่ืองมือ เกณฑ์การผ่าน
แบบสังเกตพฤติกรรมการเรียนรู้ ระดบั คณุ ภาพ พอใช้
วธิ ีการวดั ระดบั คุณภาพ พอใช้
สังเกตการพดู สนทนาทกั ทายและ แบบสงั เกตพฤตกิ รรมการเรียนรู้ -
แนะนาตนเอง ระดบั คุณภาพ พอใช้
สังเกตการพดู ขอและให้ขอ้ มลู เก่ียวกบั สมดุ นกั เรียน ระดบั คณุ ภาพ พอใช้
กิจวตั รประจาวนั ระดบั คณุ ภาพ ผ่าน
ตรวจการเขียนประโยคบอกความถ่ีใน แบบสังเกตพฤติกรรมการเรียนรู้
การทากิจวตั รของผอู้ ่ืนและตนเอง
สังเกตการพูดเกี่ยวกบั กิจกรรมในเวลา แบบสังเกตพฤติกรรมการเรียนรู้
ว่างทชี่ อบทา/ไม่ชอบทา
สังเกตการพดู บอกสิ่งทก่ี ินหรือด่ืมใน แบบประเมนิ คุณลกั ษณะ
ทกุ ๆ วนั อนั พงึ ประสงค์
สังเกตความใฝ่ เรียนรู้

8. สื่อ/แหล่งการเรียนรู้
1) หนงั สือเรียน SPARK 3 ม. 3
2) Class Audio CDs ประกอบสื่อฯ ชุด SPARK 3 ม. 3

17

1 Lifestyles

ช้ันมธั ยมศึกษาปี ท่ี 3 เวลาเรียน 14 ช่ัวโมง

1 สาระ มาตรฐานการเรียนรู้/ตวั ชีว้ ัด

สาระที่ 1 ภาษาเพอ่ื การส่ือสาร

มาตรฐาน ต 1.1 เข้าใจและตีความเรื่องทฟี่ ังและอ่านจากส่ือประเภทต่าง ๆ และแสดงความคดิ เหน็

อย่างมีเหตุผล
ตวั ช้ีวดั
ต 1.1 ม. 3/1 ปฏิบตั ิตามคาขอรอ้ ง คาแนะนา คาช้ีแจง และคาอธิบายท่ีฟังและอา่ น
ต 1.1 ม. 3/2 อ่านออกเสียงขอ้ ความ ข่าว โฆษณา และบทร้อยกรองส้นั ๆ ถูกตอ้ งตามหลกั การอา่ น
ต 1.1 ม. 3/3 ระบุและเขียนส่ือท่ไี มใ่ ช่ความเรียงรูปแบบต่าง ๆ ให้สัมพนั ธ์กบั ประโยคและ

ขอ้ ความทฟ่ี ังหรืออา่ น
ต 1.1 ม. 3/4 เลอื ก/ระบหุ วั ขอ้ เรื่อง ใจความสาคญั รายละเอียดสนบั สนุน และแสดงความคิดเห็น

เกี่ยวกบั เร่ืองทฟ่ี ังและอา่ นจากส่ือประเภทต่าง ๆ พร้อมท้งั ให้เหตุผลและยกตวั อยา่ ง
ประกอบ
มาตรฐาน ต 1.2 มที กั ษะการส่ือสารทางภาษาในการแลกเปลย่ี นข้อมลู ข่าวสาร แสดงความรู้สึกและ

ความคิดเหน็ อย่างมปี ระสิทธภิ าพ
ตวั ช้ีวดั
ต 1.2 ม. 3/1 สนทนาและเขยี นโตต้ อบขอ้ มลู เก่ียวกบั ตนเอง เร่ืองต่าง ๆ ใกลต้ วั สถานการณ์ ขา่ ว

เร่ืองท่อี ยใู่ นความสนใจของสงั คม และส่ือสารอยา่ งตอ่ เน่ืองและเหมาะสม
ต 1.2 ม. 3/3 พดู และเขยี นแสดงความตอ้ งการ เสนอและให้ความช่วยเหลือ ตอบรับและปฏิเสธ

การใหค้ วามช่วยเหลอื ในสถานการณต์ ่าง ๆ อยา่ งเหมาะสม
ต 1.2 ม. 3/4 พดู และเขยี นเพอื่ ขอและให้ขอ้ มลู อธิบาย เปรียบเทียบ และแสดงความคิดเห็น

เก่ียวกบั เร่ืองทฟี่ ังหรืออ่านอยา่ งเหมาะสม
ต 1.2 ม. 3/5 พดู และเขยี นบรรยายความรู้สึก และความคิดเห็นของตนเองเกี่ยวกบั เรื่องต่าง ๆ

กิจกรรม ประสบการณ์ และข่าว/เหตุการณ์ พร้อมท้งั ใหเ้ หตุผลประกอบอยา่ ง
เหมาะสม

18

มาตรฐาน ต 1.3 นาเสนอข้อมลู ข่าวสาร ความคิดรวบยอด และความคดิ เห็นในเร่ืองต่าง ๆ โดยการพดู
และการเขียน

ตวั ช้ีวดั
ต 1.3 ม. 3/1 พูดและเขยี นบรรยายเก่ียวกบั ตนเอง ประสบการณ์ ขา่ ว/เหตกุ ารณ์/เรื่อง/ประเด็น

ต่าง ๆ ที่อยใู่ นความสนใจของสงั คม
ต 1.3 ม. 3/2 พดู และเขยี นสรุปใจความสาคญั /แกน่ สาระ หวั ขอ้ เร่ืองทไี่ ดจ้ ากการวิเคราะหเ์ ร่ือง/

ขา่ ว/เหตุการณ์/สถานการณ์ทอี่ ยใู่ นความสนใจของสังคม
ต 1.3 ม. 3/3 พูดและเขียนแสดงความคิดเห็นเก่ียวกบั กิจกรรม ประสบการณ์ และเหตกุ ารณ์ พร้อม

ท้งั ใหเ้ หตผุ ลประกอบ
สาระท่ี 2 ภาษาและวฒั นธรรม
มาตรฐาน ต 2.1 เข้าใจความสัมพันธ์ระหว่างภาษากบั วฒั นธรรมของเจ้าของภาษา และนาไปใช้ ได้

อย่างเหมาะสมกับกาลเทศะ
ตวั ช้ีวดั
ต 2.1 ม. 3/1 เลอื กใชภ้ าษา น้าเสียง และกิริยาท่าทางเหมาะกบั บคุ คลและโอกาส ตามมารยาทสงั คม

และวฒั นธรรมของเจา้ ของภาษา
ต 2.1 ม. 3/3 เขา้ ร่วม/จดั กิจกรรมทางภาษาและวฒั นธรรมตามความสนใจ
มาตรฐาน ต 2.2 เข้าใจความเหมือนและความแตกต่างระหว่างภาษาและวัฒนธรรมของเจ้าของภาษา

กบั ภาษาและวฒั นธรรมไทย และนามาใช้อย่างถกู ต้องและเหมาะสม
ตวั ช้ีวดั
ต 2.2 ม. 3/1 เปรียบเทียบและอธิบายความเหมือนและความแตกต่างระหวา่ งการออกเสียงประโยค

ชนิดต่าง ๆ และการลาดบั คาตามโครงสร้างประโยคของภาษาตา่ งประเทศและ
ภาษาไทย
ต 2.2 ม. 3/2 เปรียบเทยี บและอธิบายความเหมอื นและความแตกตา่ งระหว่างชีวิตความเป็นอยแู่ ละ
วฒั นธรรมของเจา้ ของภาษากบั ของไทย และนาไปใชอ้ ยา่ งเหมาะสม
สาระที่ 3 ภาษากบั ความสัมพนั ธ์กบั กล่มุ สาระการเรียนรู้อน่ื
มาตรฐาน ต 3.1 ใช้ภาษาต่างประเทศในการเช่ือมโยงความรู้กับกล่มุ สาระการเรียนรู้อ่นื และเป็ น
พ้นื ฐานในการพัฒนา แสวงหาความรู้ และเปิ ดโลกทัศน์ของตน
ตวั ช้ีวดั
ต 3.1 ม. 3/1 คน้ ควา้ รวบรวม และสรุปขอ้ มลู /ขอ้ เทจ็ จริงท่ีเก่ียวขอ้ งกบั กลมุ่ สาระการเรียนรู้อ่นื
จากแหลง่ การเรียนรู้ และนาเสนอดว้ ยการพดู และการเขยี น

19

สาระท่ี 4 ภาษากับความสัมพนั ธ์กับชุมชนและโลก
มาตรฐาน ต 4.1 ใช้ภาษาต่างประเทศในสถานการณ์ต่าง ๆ ท้งั ในสถานศึกษา ชุมชน และสังคม
ตวั ช้ีวดั
ต 4.1 ม. 3/1 ใชภ้ าษาส่ือสารในสถานการณ์จริง/สถานการณ์จาลองที่เกิดข้นึ ในห้องเรียน

สถานศกึ ษา ชุมชน และสงั คม
มาตรฐาน ต 4.2 ใช้ภาษาต่างประเทศเป็ นเคร่ืองมอื พ้ืนฐานในการศึกษาต่อ การประกอบอาชีพ และ

การแลกเปลย่ี นเรียนรู้กบั สังคมโลก
ตวั ช้ีวดั
ต 4.2 ม. 3/2 เผยแพร่ /ประชาสมั พนั ธ์ขอ้ มูล ข่าวสารของโรงเรียน ชุมชน และทอ้ งถ่นิ เป็น

ภาษาตา่ งประเทศ

2 สาระสาคญั /ความคดิ รวบยอด
การเรียนรู้คาศพั ท์ สานวน และโครงสร้างภาษา จะช่วยใหเ้ ขา้ ใจ บอกรายละเอียด และแสดงความ

คดิ เห็นเก่ียวกบั ร่ืองที่อา่ นและฟังได้ นอกจากน้ียงั ช่วยให้สามารถนาสิ่งที่เรียนรู้ไปใช้ในการพูดและเขียน
สื่อสาร เปรียบเทยี บ และแสดงความคิดเห็นเก่ียวกบั ส่ิงแวดลอ้ มรอบตวั ไดอ้ ยา่ งถกู ตอ้ ง ตลอดจนมีความ
เคารพความแตกต่างซ่ึงกนั และกนั มองเห็นคณุ คา่ ในตนเองและอยรู่ ่วมกบั ผอู้ ่นื ไดอ้ ยา่ งมคี วามสุข รวมถึง
มคี วามเขา้ ใจในมารยาทและวฒั นธรรมของเจา้ ของภาษา

3 สาระการเรียนรู้

3.1 ทักษะเฉพาะวชิ า
1) Language Features and Functions
Vocabulary: Jobs (stuntman, acrobat, air traffic controller, underwater photographer,
crocodile trainer, bomb disposal expert, interior decorator, storm
chaser, security guard, make-up artist, travel agent, social worker,
airline pilot, shop assistant, graphic designer, computer programmer,
bus driver, personal trainer, TV presenter, heart surgeon)
Qualities (creative, brave, daring, fit, patient, highly trained, careful,
artistic, flexible, reliable, skilful)
Physical appearance (plump, fair, old, short, of medium height,
moustache, in her late twenties, beard, well-built, slim, spiky, wavy, long,
curly, round, straight, oval, fat, small, in his early thirties, skinny, dark,

20

Grammar: thin, teenager, overweight, in his mid forties, middle-aged, freckles, tall,
Functions: wrinkles)
Character adjectives (easy-going, honest, fair, sensitive, reserved, rude,
shy, outgoing, patient, polite, cheerful, selfish, generous, popular,
talkative, bossy, energetic, honest, impatient)
Clothes (polo-neck jumper, tight-fitting jeans, short-sleeved T-shirt,
sunglasses, flared skirt, loose-fitting top, tartan skirt, trainers, polka-dot
dress, flat shoes)
Complimenting verbs (go with, fit, suit, match)
Verbs (stand still, swing, extend, affect, increase, admit, tease, respect,
lead)
Nouns (sideshow performer, tattoo, pointed teeth, forked tongue,
audience, dressing room, mime, belief, opinion, winner, loser, the
Holocaust, genocide, race, difference, belief, diversity, strength, conflict,
region, economy)
Adjectives (double, tolerant, cheerful, confident, religious, ethnic,
cultural, economic)
Phrase (earn a living)
Sentences (Can I help you? Single or return? What time would you like
to leave? Which platform does the train leave from? You’re welcome.)
Phrases (put right)
Present continuous vs Present simple
singular/plural nouns
comparative – superlative
too - enough
linkers (and, also, as well, too, but, however, on the other hand)
Talking about jobs
An air traffic controller needs to be highly trained.
A shop assistant works indoors and gets paid low wages.

21

Describing routines and actions people doing

I have breakfast and then watch TV.

My mum is cleaning the house.

Comparing people and places

Paul is older than Tracy. Sofia is much older than Tracy.

Doi Inthanon is the highest mountain in Thailand.

Describing people

She’s quite tall and slim. She has short blonde hair and blue eyes.

He’s energetic. He does a lot of things.

She is very lively and loves talking.

Talking about clothes (complimenting)

You look great in that tartan skirt. It matches your top.

Thanks.

Talking about self-respect

Self-respect is the feeling of confidence we have when we feel we have

value.

Talking about respecting other people

I respect others by joining the queue.

I respect others by listening to their opinions with opened-mindedness.

Pronunciation: word stress in compound nouns

security guard, graphic designer, make-up artist, computer programmer,

travel agent, bus driver, social worker, personal trainer, airline pilot,

TV presenter, shop assistant, heart surgeon

2) Language Skills

Listening: ฟังเพ่ือหาขอ้ มลู เฉพาะ, ฟังเพอื่ จบั ใจความสาคญั , ฟังการออกเสียงประโยค

Speaking: พดู เกี่ยวกบั คณุ สมบตั ทิ ีต่ อ้ งการในแต่ละอาชีพ, พดู เปรียบเทยี บบคุ คล,

พูดขอและให้ขอ้ มลู เก่ียวกบั ลกั ษณะรูปร่างและบคุ ลกิ ลกั ษณะของบุคคล

ในครอบครัว, พูดสนทนาชื่นชมเครื่องแต่งกาย, พดู นาเสนอและแสดง

ความคิดเห็นเรื่อง self-respect, พูดแสดงความคดิ เห็นเกี่ยวกบั วิธีแสดงออก

ถงึ การเคารพผอู้ นื่

22

Reading: อา่ นเพอ่ื หาขอ้ มูลเฉพาะ, อ่านเพ่ือหา topic sentences
Writing: เขยี นแสดงความคดิ เห็นเกี่ยวกบั อาชีพทตี่ อ้ งการทา, เขยี นให้ขอ้ มลู เกี่ยวกบั
อาชีพทีต่ นเองสนใจ, เขยี นบรรยายกิจวตั รประจาวนั ส่ิงท่บี คุ คลกาลงั ทา,
3) Culture เขยี นเปรียบเทียบบคุ คลและสถานท,ี่ เขยี นบรรยายลกั ษณะรูปร่างของ
เพอื่ น, แตง่ บทสนทนาตามสถานการณ์ทก่ี าหนด, จดบนั ทกึ ส้นั ๆ เกี่ยวกบั
ประเดน็ ที่จะนาเสนอ, เขยี นบทความเก่ียวกบั เพ่อื นสนิท, เขียนตาราง
เปรียบเทียบวฒั นธรรม ภาษา อาหาร และประเพณีของประเทศสมาชิก
กล่มุ ประชาคมอาเซียนกบั ประเทศไทย
การตอบรับคาช่ืนชม

4 สมรรถนะสาคัญของผ้เู รยี น

1) ความสามารถในการส่ือสาร
2) ความสามารถในการคดิ
3) ความสามารถในการใชเ้ ทคโนโลยี
4) ความสามารถในการใชท้ กั ษะชีวิต

5 คณุ ลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์

1) ใฝ่เรียนรู้
2) มงุ่ มน่ั ในการทางาน

6 ชิน้ งาน/ภาระงาน (รวบยอด)

1) เขยี นใหข้ อ้ มลู เกี่ยวกบั อาชีพท่ตี นเองสนใจ เพ่ือนาไปลงเวบ็ ไซตข์ องโรงเรียน
2) เขยี นอีเมลเลา่ กิจวตั รประจาวนั ของตนเองและสิ่งที่บคุ คลในครอบครวั กาลงั ทา
3) ช้ินงานโปสเตอร์ส่ิงท่ีเป็นท่สี ุดในประเทศไทย
4) เขยี นบรรยายลกั ษณะรูปร่างของบุคคลในครอบครัว
5) เขียนคาบรรยายลกั ษณะรูปร่างของเพื่อน
6) แต่งบทสนทนาตามสถานการณ์ท่กี าหนด
7) พดู สนทนาช่ืนชมเครื่องแต่งกาย
8) พดู นาเสนอเร่ือง self-respect

23

9) เขยี นบทความเก่ียวกบั เพอ่ื นสนิท
10) เขียนตารางเปรียบเทียบวฒั นธรรม ภาษา อาหาร และประเพณีของประเทศสมาชิกกลมุ่ ประชาคม

อาเซียนกบั ประเทศไทย
7 การวดั และการประเมนิ ผล

7.1 การประเมนิ ก่อนเรียน
7.2 การประเมินระหวา่ งการจดั กิจกรรมการเรียนรู้
7.3 การประเมินหลงั เรียน
7.4 การประเมินชิ้นงาน/ภาระงาน (รวบยอด)

24

1 Reading 1a & Vocabulary 1a

2 ชั่วโมง

จดุ ประสงค์ (Objectives)
- บอกรายละเอยี ดและแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกบั เรื่องท่ีอา่ นและฟังได้
- พดู และเขยี นบรรยายคณุ สมบตั แิ ละลกั ษณะงานของอาชีพต่าง ๆ ได้

1. สาระ มาตรฐานการเรยี นรู้/ตวั ชีว้ ดั
สาระท่ี 1 ภาษาเพอ่ื การส่ือสาร
มาตรฐาน ต 1.1 เข้าใจและตีความเรื่องทฟี่ ังและอ่านจากสื่อประเภทต่าง ๆ และแสดงความคดิ เหน็
อย่างมีเหตุผล
ตวั ช้ีวดั
ต 1.1 ม. 3/2 อา่ นออกเสียงขอ้ ความ ข่าว โฆษณา และบทร้อยกรองส้ัน ๆ ถูกตอ้ งตามหลกั การอา่ น
ต 1.1 ม. 3/4 เลือก/ระบหุ ัวขอ้ เร่ือง ใจความสาคญั รายละเอียดสนบั สนุน และแสดงความคดิ เห็น
เกี่ยวกบั เรื่องที่ฟังและอ่านจากสื่อประเภทตา่ ง ๆ พร้อมท้งั ใหเ้ หตุผลและยกตวั อยา่ ง
ประกอบ
มาตรฐาน ต 1.2 มีทักษะการสื่อสารทางภาษาในการแลกเปลยี่ นข้อมูลข่าวสาร แสดงความรู้สึกและ
ความคิดเหน็ อย่างมีประสิทธภิ าพ
ตวั ช้ีวดั
ต 1.2 ม. 3/3 พดู และเขียนแสดงความตอ้ งการ เสนอและใหค้ วามช่วยเหลือ ตอบรับและปฏิเสธ
การใหค้ วามช่วยเหลือในสถานการณต์ ่าง ๆ อยา่ งเหมาะสม
ต 1.2 ม. 3/4 พูดและเขียนเพอ่ื ขอและให้ขอ้ มลู อธิบาย เปรียบเทียบ และแสดงความคิดเห็น
เกี่ยวกบั เรื่องท่ีฟังหรืออ่านอยา่ งเหมาะสม
มาตรฐาน ต 1.3 นาเสนอข้อมูลข่าวสาร ความคดิ รวบยอด และความคิดเห็นในเร่ืองต่าง ๆ โดยการพูด
และการเขยี น
ตวั ช้ีวดั
ต 1.3 ม. 3/1 พดู และเขียนบรรยายเก่ียวกบั ตนเอง ประสบการณ์ ข่าว/เหตุการณ์/เร่ือง/ประเดน็
ตา่ ง ๆ ท่อี ยใู่ นความสนใจของสังคม

25

สาระท่ี 2 ภาษาและวัฒนธรรม
มาตรฐาน ต 2.2 เข้าใจความเหมือนและความแตกต่างระหว่างภาษาและวัฒนธรรมของเจ้าของภาษา

กับภาษาและวฒั นธรรมไทย และนามาใช้อย่างถกู ต้องและเหมาะสม
ตวั ช้ีวดั
ต 2.2 ม. 3/1 เปรียบเทยี บและอธิบายความเหมือนและความแตกตา่ งระหว่างการออกเสียงประโยค

ชนิดตา่ ง ๆ และการลาดบั คาตามโครงสร้างประโยคของภาษาตา่ งประเทศและ
ภาษาไทย
สาระที่ 4 ภาษากับความสัมพันธ์กับชุมชนและโลก
มาตรฐาน ต 4.2 ใช้ภาษาต่างประเทศเป็ นเคร่ืองมอื พน้ื ฐานในการศึกษาต่อ การประกอบอาชีพ และ
การแลกเปลยี่ นเรียนรู้กับสังคมโลก
ตวั ช้ีวดั
ต 4.2 ม. 3/2 เผยแพร่ /ประชาสมั พนั ธ์ขอ้ มูล ข่าวสารของโรงเรียน ชุมชน และทอ้ งถนิ่ เป็น
ภาษาต่างประเทศ

2. สาระสาคญั /ความคดิ รวบยอด
การเรียนรู้คาศพั ท์เก่ียวกบั อาชีพและคุณสมบตั ิ รวมถงึ สานวนต่าง ๆ ท่เี ก่ียวขอ้ งกบั การทางาน ช่วย

ใหเ้ ขา้ ใจ บอกรายละเอียด และแสดงความคดิ เห็นเกี่ยวกบั เรื่องท่ีอ่านและฟังได้ นอกจากน้ียงั ช่วยให้
สามารถนาสิ่งทเ่ี รียนรู้ไปใช้ในการพดู และเขียนสื่อสารไดอ้ ยา่ งเหมาะสม

3. สาระการเรียนรู้
3.1 ทกั ษะเฉพาะวชิ า
1) Language Features and Functions
Vocabulary: Jobs (stuntman, acrobat, air traffic controller, underwater photographer,
crocodile trainer, bomb disposal expert, interior decorator, storm
chaser, security guard, make-up artist, travel agent, social worker,
airline pilot, shop assistant, graphic designer, computer programmer,
bus driver, personal trainer, TV presenter, heart surgeon)
Qualities (creative, brave, daring, fit, patient, highly trained, careful,
artistic, flexible, reliable, skilful)
Verbs (stand still, swing, extend)

26

Nouns (sideshow performer, tattoo, pointed teeth, forked tongue,

audience, dressing room, mime)

Adjectives (double, tolerant)

Phrase (earn a living)

Functions: Talking about jobs

An air traffic controller needs to be highly trained.

A shop assistant works indoors and gets paid low wages.

Pronunciation: word stress in compound nouns

security guard, graphic designer, make-up artist, computer programmer,

travel agent, bus driver, social worker, personal trainer, airline pilot,

TV presenter, shop assistant, heart surgeon

2) Language Skills

Listening: ฟังเพอื่ หาขอ้ มลู เฉพาะ

Speaking: พูดเกี่ยวกบั คณุ สมบตั ทิ ีต่ อ้ งการในแต่ละอาชีพ

Reading: อา่ นเพ่อื หาขอ้ มลู เฉพาะ

Writing: เขียนแสดงความคดิ เห็นเกี่ยวกบั อาชีพทตี่ อ้ งการทา, เขียนใหข้ อ้ มลู เก่ียวกบั

อาชีพที่ตนเองสนใจ

4. สมรรถนะสาคัญของผ้เู รียน
1) ความสามารถในการสื่อสาร
2) ความสามารถในการคดิ
3) ความสามารถในการใชท้ กั ษะชีวติ

5. คณุ ลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์
1) ใฝ่เรียนรู้
2) มุ่งมน่ั ในการทางาน

27

6. กิจกรรมการเรียนรู้

ช่ัวโมงที่ 1

ข้นั Warm up
1. ครูนาเขา้ สู่บทเรียนดว้ ยการเขียนช่ือหน่วยการเรียนรู้ Lifestyles บนกระดาน พร้อมอ่านออกเสียงโดย

เนน้ เสียง -s เพอ่ื แสดงให้เห็นรูปพหูพจน์ และให้นกั เรียนเดาความหมาย
lifestyle (n) = the way in which a person or a group of people lives and works
(วิถีหรือรูปแบบการดาเนินชีวติ )

2. Find the page numbers for หน้า 9 นกั เรียนอา่ นหวั ขอ้ ทีใ่ ห้มาและช่วยกนั อธิบายความหมายของ
คาศพั ทย์ าก ในที่น้ีอาจเป็นคาวา่ lizard ครูอาจใชว้ ิธีการบอกใบ้ เช่น A lizard is an animal with a
long tail. You can find it at your home. It usually crawls on the wall. จากน้นั ใหน้ กั เรียนหาวา่ ภาพท่ี
เกี่ยวขอ้ งกบั หัวขอ้ เหลา่ น้ีอยใู่ นหนงั สือเรียนหนา้ ใด เมื่อหาพบแลว้ ครูถามคาถามเก่ียวกบั หัวขอ้
ดงั กลา่ ว เพือ่ กระตนุ้ ความสนใจของนกั เรียน

a man that looks like a lizard (p. 10)
Why do you think he looks like this? What do you think his job is?
What do you think is on his skin? What is it called? It begins with a letter “t”.
a quiz (pp. 16, 20)
Where can you see quizzes like these? Do you like quizzes?
What is the point of a quiz?
a paragraph plan (p. 17)
Do you think is it important to have a paragraph plan?

ข้นั Pre-reading

1. หนงั สือเรยี น หน้า 9 Ex. 1 ครูเปิ ด CD ใหน้ กั เรียนฟังคาศพั ทเ์ ก่ียวกบั อาชีพ และฝึกออกเสียงตาม 2-3

คร้ัง ครูเนน้ ใหน้ กั เรียนลงเสียงหนกั ในคาใหถ้ ูกตอ้ ง โดยครูอาจเขียนคาศพั ทบ์ างคาบนกระดาน

เพ่ือให้นกั เรียนฝึกเป็นพิเศษก่อน เช่น

controller photographer

disposal decorator

28

เมือ่ นกั เรียนออกเสียงไดค้ ล่องแลว้ ให้ช่วยกนั บอกความหมายของคาศพั ทโ์ ดยเดาจากภาพ

2. หนังสือเรยี น หน้า 9 Ex. 2 นกั เรียนอ่านออกเสียง adjective ทใ่ี ชบ้ รรยายคณุ สมบตั ใิ นการทางานตาม

ครู โดยครูช้ีใหเ้ ห็นว่าคาศพั ทส์ ่วนใหญ่จะลงเสียงหนกั ในพยางคแ์ รก ยกเวน้ คาต่อไปน้ี

creative artistic reliable

ครูใหน้ กั เรียนฝึกออกเสียงดว้ ยตนเองอีกคร้ัง แลว้ ครูใหน้ กั เรียนอธิบายความหมาย ถา้ คาใดไม่รู้ให้

เปิ ดพจนานุกรม หรือครูช่วยอธิบาย เช่น

daring (adj) = willing to do dangerous or unusual things; involving danger or taking

risks (กลา้ , โลดโผน)

flexible (adj) = able to change to suit new conditions or situations (ยดื หยนุ่ , ปรบั ตวั

เขา้ กบั สถานการณไ์ ด)้

reliable (adj) = that can be trusted to do something well; that you can rely on (ไวใ้ จได,้

เช่ือถือได)้

skilful (adj) = good at doing something, especially something that needs special

ability or training (เช่ียวชาญ, มที กั ษะ)

จากน้นั ใหน้ กั เรียนช่วยกนั บอกว่าอาชีพใน Ex. 1 ตอ้ งมคี ณุ สมบตั อิ ยา่ งไรบา้ ง

An acrobat needs to be flexible and fit.
An air traffic controller needs to be highly trained.
An underwater photographer needs to be fit.
A crocodile trainer needs to be daring and careful.
A bomb disposal expert needs to be highly trained and skilful.
An interior decorator needs to be creative.
A storm chaser needs to be daring.

3. หนังสือเรียน หน้า 9 Ex. 3 ครูทบทวน comparatives โดยยกตวั อยา่ งบนกระดาน เช่น The book is
thicker than the notebook. The car is more expensive than the motorbike. แลว้ ให้นกั เรียนช่วยกนั
บอกโครงสร้าง จากน้นั ครูให้นกั เรียนจบั คกู่ บั เพ่ือน พดู เปรียบเทียบคุณสมบตั ิของแตล่ ะอาชีพใน
ภาพ โดยใช้ adjective จาก Ex. 2 ในรูป comparatives

29

2 An acrobat needs to be more flexible than an air traffic controller.
3 An air traffic controller needs to be more reliable than an underwater photographer.
4 An underwater photographer needs to be more creative than a crocodile trainer.
5 A crocodile trainer needs to be fitter than a bomb disposal expert.
6 A bomb disposal expert needs to be more careful than an interior decorator.
7 An interior decorator needs to be more reliable than a storm chaser.
8 A storm chaser needs to be more daring than an interior decorator.

4. หนงั สือเรยี น หน้า 10 Ex. 1 ครูเขียนคาว่า entertainment (ความบนั เทงิ ) บนกระดาน แลว้ ใหน้ กั เรียน
อธิบายความหมาย จากน้นั ครูให้เวลา 1 นาที ให้นกั เรียนเขียนคาศพั ทเ์ ก่ียวกบั อาชีพซ่ึงเกี่ยวขอ้ งกบั
entertainment ใหไ้ ดม้ ากทีส่ ุด เสร็จแลว้ เปรียบเทียบกบั เพอ่ื น แลว้ ครูให้นกั เรียนที่เขียนไดม้ ากทสี่ ุด
ออกมาเขียนคาศพั ทบ์ นกระดาน โดยให้นกั เรียนท่ีเหลอื ช่วยกนั ดูวา่ เขียนถูกตอ้ งหรือไม่ และเพิ่มเตมิ
คาศพั ทท์ ยี่ งั ไมม่ บี นกระดาน

dancer, comedian, musician, clown, director, composer, magician, ballerina, circus
performer etc.

5. นกั เรียนอา่ นคาศพั ทใ์ นกรอบ Check these words และช่วยกนั อธิบายความหมาย ถา้ คาใดไมร่ ู้ใหเ้ ปิ ด

พจนานุกรม หรือครูช่วยอธิบาย เช่น

earn a living (idiom) = to make money in order to support oneself financially

(หาเล้ียงชีพ)

sideshow performer (n) = a person who performs for an audience in a separate small

show at a fair or circus (ผแู้ สดงโชวใ์ นงานร่ืนเริงหรือใน

ละครสตั ว)์

swing (v) = to move backwards or forwards or from side to side while

hanging from a fixed point (แกวง่ )

tolerant (adj) = able to accept what other people say or do even if you do

not agree with it (อดทน)

30

6. หนงั สือเรยี น หน้า 10 Ex. 2 นกั เรียนอา่ นช่ือเรื่อง Extreme jobs Extreme looks และดภู าพประกอบ
แลว้ ช่วยกนั เดาวา่ บทอา่ นน้ีน่าจะมีเน้ือหาเก่ียวกบั อะไร จากน้นั ครูให้นกั เรียนบรรยายภาพท้งั 3 ภาพ
และเดาว่าบุคคลเหล่าน้ีน่าจะทางานที่ใด และทาอาชีพอะไร แลว้ ครูใหน้ กั เรียนฟัง CD เพอ่ื ตรวจ
คาตอบ

The pictures show people who have extreme looks in their jobs. There is someone
dressed as a cartoon character, a woman who looks like a statue and a man with
many tattoos who looks like a lizard.
I think the cartoon character works at a theme park, the statue woman might be an
actress and the man with the tattoos probably works in a stage show as a performer.

7. ครูใหน้ กั เรียนอา่ นบทอา่ น โดยใชว้ ธิ ีการอา่ นแบบ skimming ซ่ึงเป็นการอา่ นแบบขา้ มคา เพ่อื เก็บ
ประเดน็ หรือใจความสาคญั รวมท้งั รายละเอยี ดทส่ี าคญั บางอยา่ ง แลว้ จบั คภู่ าพ 1-3 กบั บทอา่ น A-C
เสร็จแลว้ ครูรวบรวมคาตอบจากนกั เรียน และเฉลยคาตอบพร้อมกนั

Picture 1 - C Picture 2 - A Picture 3 - B

ข้นั Reading

หนังสือเรียน หน้า 11 Ex. 3 นกั เรียนอา่ นคาถามทใ่ี ห้มาและขีดเสน้ ใตค้ าสาคญั แลว้ อ่านเร่ือง
Extreme jobs Extreme looks โดยมองหาคาพอ้ งความหมาย (synonym) คาทมี่ ีความหมายตรงกนั
ขา้ ม (opposite) หรือกลุม่ คา/วลที มี่ คี วามหมายเหมือนกนั หรือต่างกนั กบั คาสาคญั ท่ีขดี เสน้ ใตไ้ ว้ เม่อื
พบแลว้ ให้อา่ นเฉพาะประโยคท่ีคาถามน้นั พาดพงิ ไปถึงหรืออาจจะอ่านขอ้ ความแวดลอ้ ม 1-2
ประโยคก่อนหนา้ หรือถดั ไปทมี่ ขี อ้ มลู พาดพิงไปถึง เมอ่ื เขา้ ใจแลว้ จึงตอบคาถามทใ่ี หม้ า ครูย้าว่า
คาถามบางขอ้ สามารถตอบไดม้ ากกว่า 1 คาตอบ เสร็จแลว้ ครูรวบรวมคาตอบจากนกั เรียน และเฉลย
คาตอบพร้อมกนั

31

1 A (Christina) 5 B (Eric)
2 A (Christina), C (Joe) 6 C (Joe)
3 B (Eric) 7 A (Christina)
4 A (Christina), C (Joe)

ข้นั Post-reading

1. หนังสือเรียน หน้า 11 Ex. 4 นกั เรียนฝึกฝนคาศพั ทจ์ ากเร่ืองทอ่ี ่าน โดยเติมคาทก่ี าหนดลงในช่องวา่ ง
จากน้นั ครูรวบรวมคาตอบจากนกั เรียน แลว้ เฉลยคาตอบ
หรือครูอาจเตรียมบตั รคาในขอ้ 1-12 และบตั รคาศพั ทท์ ่ีกาหนดให้ เช่น stand teeth, performer
จากน้นั แบ่งนกั เรียนออกเป็น 5-6 กลุม่ ครูแจกบตั รคาให้กลุ่มละ 1 ชุด ใหแ้ ตล่ ะกลุม่ จบั คบู่ ตั รคาให้
ถูกตอ้ ง

1 still 5 performer 9 room
2 statue 6 teeth 10 mask
3 her skin 7 tongue 11 slowly
4 paint 8 costume 12 his arms or legs

หลงั จากเฉลยคาตอบแลว้ ครูใหน้ กั เรียนใชว้ ลเี หล่าน้ีพูดบรรยายเกี่ยวกบั Christina, Eric และ Joe

A Christina is an actress and she works as a living statue. She covers her skin
with body paint and stands still. It can take about 90 minutes to become a
living statue.

B Eric is a sideshow performer. He has pointed teeth and a forked tongue.
C Joe is the Disney character Pluto. When he arrives at work, he goes to the

dressing room to change. He wears a heavy mask and a furry costume. He
walks slowly and doesn’t swing his arms or legs.

32

2. หนงั สือเรยี น หน้า 11 Ex. 5a ครูใหน้ กั เรียจบั คู่กบั เพือ่ น ผลดั กนั พดู 3 ส่ิงทจ่ี ดจาไดจ้ ากเร่ือง
Extreme jobs Extreme looks

Christina covers her skin with body paint.
Eric has green tattoos all over his body.
Joe works at Disney World in Florida.
3. หนงั สือเรยี น หน้า 11 Ex. 5b ครูให้เวลานกั เรียนคิดและเขียนว่าอาชีพใดจากเร่ือง Extreme jobs
Extreme looks ท่ีนกั เรียนอยากทา/ไม่อยากทา พร้อมท้งั ใหเ้ หตุผลประกอบ จากน้นั ใหน้ กั เรียนผลดั
กนั พูดใหค้ ขู่ องตนเองฟัง แลว้ ครูสุ่มเรียกนกั เรียน 3-4 คน บอกความคดิ เห็นของตนเอง

I would like to be the Disney character Pluto and work at Disney World in Florida.
I think it would be fun. I like children and I like seeing them smile.
I think they would like my furry costume!
I wouldn’t like to be a sideshow performer because I wouldn’t like to change my
appearance to such an extreme.
4. ครูมอบหมายใหน้ กั เรียนไปฝึกอา่ นออกเสียงบทอา่ นในหนงั สือเรียน หนา้ 10 เป็นการบา้ น โดยครู
อาจแบง่ นกั เรียนเป็นกลมุ่ คละความสามารถ เพือ่ ให้นกั เรียนช่วยเหลอื กนั ในการฝึกอา่ น เสร็จแลว้ มา
อ่านออกเสียงใหค้ รูฟังนอกเวลาเรียน
5. แบบฝึกหดั (Workbook) หนา้ 4-5 Exs. 1-4 ใหน้ กั เรียนทาเป็นการบา้ น

33

ชั่วโมงที่ 2

ข้นั Warm up
1. ครูทบทวนคาศพั ทเ์ กี่ยวบั อาชีพและ adjective ที่ใชบ้ รรยายคุณสมบตั ิในการทางาน โดยครูพูด

คาศพั ทอ์ าชีพ และให้นกั เรียนพดู บอกคุณศพั ทใ์ นการทางาน โดยใชโ้ ครงสร้าง ... needs to be …
เช่น A stuntman needs to be daring and fit.
2. ครูถามนกั เรียนวา่ รู้จกั อาชีพแปลก ๆ ที่มีในประเทศไทยบา้ งหรือไม่ ใหน้ กั เรียนช่วยกนั คิด เช่น
อาชีพรบั จา้ งตอ่ คิว อาชีพหนา้ มา้

ข้นั Pre-listening
1. ครูเขียนคาว่า taxi driver, name, swim, interior decorator บนกระดาน และถามนกั เรียนวา่ คาใดคือ

compound nouns (คานามประสม) แลว้ ครูวงกลม taxi driver และ interior decorator ครูให้นกั เรียน
สงั เกตและช่วยกนั บอกลกั ษณะของ compound nouns จากน้นั ครูอธิบายให้ฟังวา่ compound nouns
คอื คานามท่ีเกิดจากการนาคาต้งั แต่ 2 คามารวมกนั และเกิดเป็นคานามคาใหม่ โดยท่ีคาขา้ งหลงั จะ
เป็นคาหลกั (head) และคาขา้ งหนา้ จะเป็นคาขยาย (modifier) ซ่ึงวิธีการเขียนอาจจะเขียนรวมกนั
เขียนแยกกนั หรือเขียนแยกกนั โดยมี hyphen (-) คน่ั

Compound nouns สามารถเกิดไดจ้ ากหลายลกั ษณะ ดงั น้ี
1) noun + noun เช่น classroom, bus driver
2) noun + verb เช่น sunrise, haircut
3) noun + adjective เช่น greenhouse, social worker
4) noun + preposition เช่น son-in-law, sister-in-law
5) participle + noun เช่น washing machine, swimming pool
ท่มี า: http://engtest.net/forum/detail.php?type_id=17-01&&topic_id=2913

2. ครูให้นกั เรียนอา่ น Study Skills ในหนงั สือเรียน หนา้ 11 แลว้ ช่วยกนั สรุป จากน้นั ครูช่วยสรุป
เพ่ือใหน้ กั เรียนเขา้ ใจมากข้ึนว่า การออกเสียง compound nouns โดยปกติจะเนน้ เสียงหนกั ทคี่ าท่อี ยู่
ขา้ งหนา้ เช่น football, teapot, earthquake, high school, hotdog, walking stick

34

3. หนงั สือเรยี น หน้า 11 Ex. 6a นกั เรียนอ่านออกเสียงคาศพั ทท์ ีก่ าหนดตามครู แลว้ ครูช่วยอธิบาย

คาศพั ทย์ าก เช่น presenter, surgeon

presenter (n) = a person who introduces the different sections of a radio or television

programme (ผนู้ าเสนอส่วนต่าง ๆ ของรายการโทรทศั น์และวิทย)ุ

surgeon (n) = a doctor who is trained to perform surgery (= medical operations that

involve cutting open a person’s body) (ศลั ยแพทย)์

ครูใหน้ กั เรียนเตมิ คาที่กาหนดลงในช่องว่างเพอ่ื ทาเป็น compound nouns เสร็จแลว้ ครูใหน้ กั เรียนฟัง

CD เพื่อตรวจคาตอบ แลว้ ให้นกั เรียนฟังอกี คร้งั โดยฟังพยางคท์ ่ีเนน้ เสียงหนกั ในแตล่ ะคา จากน้นั

ครูใหน้ กั เรียนฝึกออกเสียงตาม CD 2-3 คร้งั

ครูอาจจะเขียนคาตอบบนกระดาน แลว้ ใหน้ กั เรียนช่วยกนั ระบพุ ยางคท์ เ่ี นน้ เสียงหนกั ครูขีดเส้นใต้

พยางคท์ ล่ี งเสียงหนกั แลว้ เปิ ด CD ใหน้ กั เรียนฟังและฝึกอา่ นออกเสียงตาม

security guard graphic designer

make-up artist computer programmer

travel agent bus driver

social worker personal trainer

airline pilot TV presenter

shop assistant heart surgeon

1 guard 7 designer
2 artist 8 programmer
3 agent 9 driver
4 worker 10 trainer
5 pilot 11 presenter
6 assistant 12 surgeon

4. ครูใหน้ กั เรียนช่วยกนั เปรียบเทยี บโครงสร้างคานามประสมในภาษาไทยกบั ภาษาองั กฤษ โดยครูช่วย

ดว้ ยการยกตวั อยา่ งบนกระดาน เพ่ือใหน้ กั เรียนสังเกต เช่น

taxi driver คนขบั รถแทก็ ซ่ี

heart surgeon ศลั ยแพทยห์ ัวใจ

interior decorator นกั ตกแต่งภายใน

35

แลว้ ครูสรุปว่า คานามประสมภาษาองั กฤษ คาหลกั จะอยขู่ า้ งหลงั ส่วนคานามหรือคาคณุ ศพั ทท์ ่ี

นามาขยายจะอยขู่ า้ งหนา้ แต่ในภาษาไทย คาหลกั จะอยขู่ า้ งหนา้ ส่วนคานามหรือคาคณุ ศพั ทท์ ีน่ ามา

ขยายจะอยขู่ า้ งหลงั

5. หนงั สือเรียน หน้า 11 Ex. 6b ครูใหน้ กั เรียนดคู า/วลีท่ใี ชร้ ่วมกบั คากริยา work และ get ซ่ึงเกี่ยวขอ้ ง

กบั การทางาน แลว้ ให้นกั เรียนอา่ นออกเสียง และอธิบายความหมาย

work shifts (ทางานเป็นกะ) work from 9 to 5 (ทางานในออฟฟิศ)

work part-time (ทางานนอกเวลา) work full-time (ทางานเต็มเวลา)

work with computer (ทางานกบั คอมพวิ เตอร์)

work under pressure (ทางานภายใตค้ วามกดดนั )

work long hours (ทางานเป็นเวลานาน) work indoors (ทางานในร่ม)

get paid well (ไดร้ บั เงนิ ดี) low wages (ค่าแรงต่า)

high wages (ค่าแรงสูง)

จากน้นั ให้นกั เรียนใชว้ ลีเหล่าน้ีเขียนบรรยายลกั ษณะงานของอาชีพใน Ex. 6a มา 3 อาชีพ แลว้ ครู

สุ่มเรียกนกั เรียนหลาย ๆ คน อา่ นประโยค

A make-up artist works indoors. She gets paid well.
A travel agent works indoors from 9 to 5.
A social worker works long hours under pressure.
An airline pilot works shifts and gets paid well.
A shop assistant works indoors and gets paid low wages.
A graphic designer works indoors with a computer.
A computer programmer works indoors with a computer.
A bus driver works shifts.
A personal trainer works part-time. He gets paid well.
A TV presenter works indoors. He gets high wages.
A heart surgeon works under pressure and gets paid well.

6. ครูอธิบายภาระงานในหนงั สือเรียน หนา้ 11 Ex. 7a วา่ นกั เรียนจะไดฟ้ ังการสมั ภาษณท์ างโทรทศั น์
ซ่ึงผทู้ ี่ถกู สัมภาษณ์คือ Petra จะเลา่ เก่ียวกบั งานและส่ิงทท่ี าเป็นประจาในงานของเธอ แลว้ ให้
นกั เรียนอา่ นหวั ขอ้ ในตาราง จากน้นั ครูสอนคาศพั ทท์ ีน่ กั เรียนจะไดย้ นิ เช่น self-employed (ทางาน

36

ดว้ ยตนเอง), freelance (คนท่ีทางานอสิ ระ ไม่ไดท้ างานประจา), straight (ตอ่ เน่ือง), rewarding
(คุม้ คา่ ), reputation (ชื่อเสียง) โดยครูออกเสียงให้นกั เรียนฟังให้ถกู ตอ้ ง
7. ครูอธิบายเพ่มิ เตมิ ว่า นกั เรียนจะตอ้ งฟังเพอ่ื หาขอ้ มูลมาเติมในตาราง ซ่ึงไมจ่ าเป็นตอ้ งฟังออกทุกคา
แต่เนน้ ทีจ่ ดุ ประสงคห์ ลกั ของการฟัง คือ การฟังเพ่อื หาขอ้ มลู ท่ีเกี่ยวกบั หัวขอ้ ในตาราง บางคร้งั
นกั เรียนอาจจะไมไ่ ดย้ นิ คาตอบตรง ๆ แตก่ ารเขา้ ใจบริบทจะช่วยใหน้ กั เรียนเขา้ ใจเร่ืองที่ฟังได้ แมว้ ่า
จะฟังไมอ่ อกทุกคาก็ตาม

ข้นั Listening
1. หนังสือเรยี น หน้า 11 Ex. 7a ครูเปิ ด CD ใหน้ กั เรียนฟังและจดบนั ทึกขอ้ มูล ครูคอยสังเกตนกั เรียน

ว่าฟังเขา้ ใจหรือไม่ โดยอาจจะสงั เกตจากสีหนา้ หรือการจดบนั ทึกระหวา่ งฟัง เมอ่ื ฟังจบครูอาจจะ
สอบถามนกั เรียนว่าฟังเขา้ ใจและเติมขอ้ มูลในตารางไดห้ รือไม่ โดยครูอาจจะให้นกั เรียนฟังอกี คร้งั
ครูย้าก่อนเปิ ด CD อีกคร้งั วา่ นกั เรียนกาลงั ฟังเพ่ือหาขอ้ มูลอะไร
2. เมื่อนกั เรียนเตมิ ขอ้ มูลในตารางเสร็จแลว้ ครูรวบรวมคาตอบจากนกั เรียน และเฉลยคาตอบ

Job make-up artist
Workplace
works indoors, outdoors, in private homes, in TV
Hours/Routine studios or on location for TV projects and films
sometimes only a few hours a day
Skills other times long hours
Wages no routine
artistic, flexible, friendly, sociable
low at the beginning but you can get high wages if
you have experience and a good reputation

Weak classes: ครูแจก Tapescripts ให้นกั เรียนดู พร้อมกบั ฟัง CD เพื่อให้นกั เรียนฟังเขา้ ใจมากข้นึ

ข้นั Post-listening
1. หนังสือเรียน หน้า 11 Ex. 7b ครูให้จบั คู่ ผลดั กนั พดู บรรยายเก่ียวกบั งานและส่ิงท่ี Petra ทาเป็น

ประจาในงานของเธอโดยใชข้ อ้ มลู จากตาราง Ex. 7a

37

Petra works indoors and outdoors. She works in private homes, TV studios or on
location for films. She works different hours. Sometimes she works only a few
hours a day and other times she works very long hours. She has no routine. She
needs to be artistic, flexible, friendly and sociable. She earns a lot of money
because of her experience and reputation.

2. หนังสือเรียน หน้า 11 Ex. 8 ครูให้นกั เรียนสมมติวา่ กาลงั เตรียมขอ้ มลู เก่ียวกบั อาชีพต่าง ๆ เพื่อนาไป
ลงในเวบ็ ไซตข์ องโรงเรียน ใหน้ กั เรียนเลอื กอาชีพที่ตนเองสนใจ 4 อาชีพ และเขยี นให้ขอ้ มลู
เกี่ยวกบั ลกั ษณะของงาน ทกั ษะความสามารถ และรายได้

Make-up artists put make-up on people. They are artistic and creative. Their job
can be indoors and outdoors. They need to be creative and friendly. They get paid
well.
Heart surgeons operate on sick people. They are highly trained. They need to be
careful and skilful. They get paid high wages.
Personal assistants are patient. Their job can be full-time or part-time. They need to
be reliable and flexible. They get low/high wages.
Security guards protect people and places. They need to be brave. Their job can be
full-time or part-time. They need to be reliable and flexible. They get low/high
wages.

3. เพ่ือปลกู ฝังค่านิยมและเจตคติที่ดีใหก้ บั ผเู้ รียน ครูช้ีให้นกั เรียนเห็นถงึ ความสาคญั ของอาชีพต่าง ๆ
ในสงั คม แมบ้ างอาชีพจะเงินเดือนนอ้ ย หรือดูไมม่ ีคณุ คา่ เพราะไม่ไดแ้ ตง่ ตวั สวยงาม ทางานใน
สถานทีใ่ หญโ่ ต เช่น คนเกบ็ ขยะ พนกั งานเสิร์ฟ แต่ถา้ สังคมขาดอาชีพเหล่าน้ีไป กจ็ ะไมส่ ามารถ
ขบั เคลือ่ นไปไดอ้ ยา่ งปกติสุข ดงั น้นั นกั เรียนจึงควรให้ความสาคญั กบั ทุกอาชีพ

4. นกั เรียนทา Language Review 1a Exs. 1-2 ในหนงั สือเรียน หนา้ 105 ร่วมกนั ในช้นั
5. แบบฝึกหดั (Workbook) หนา้ 5 Exs. 5-8 ให้นกั เรียนทาเป็นการบา้ น

38

7. การวัดและการประเมนิ ผล เคร่ืองมือ เกณฑ์การผ่าน
แบบประเมนิ การอ่านออกเสียง ระดบั คณุ ภาพ พอใช้
วธิ ีการวดั แบบฝึกหดั (Workbook) ร้อยละ 60
ประเมินการอา่ นออกเสียงบทอ่าน
ตรวจการตอบคาถามการอา่ นและการ แบบสังเกตพฤตกิ รรมการเรียนรู้ ระดบั คณุ ภาพ พอใช้
ฟัง
สงั เกตการแสดงความคดิ เห็นเก่ียวกบั สมุดนกั เรียน -
เรื่องที่อ่าน
ตรวจการเขียนเกี่ยวกบั อาชีพที่ตอ้ งการ แบบประเมนิ การเขยี น ระดบั คณุ ภาพ พอใช้
ทา
ประเมินการเขียนใหข้ อ้ มลู เก่ียวกบั แบบประเมินคุณลกั ษณะ ระดบั คณุ ภาพ ผ่าน
อาชีพท่ตี นเองสนใจ เพือ่ นาไปลง อนั พึงประสงค์
เวบ็ ไซตข์ องโรงเรียน
สงั เกตความใฝ่เรียนรู้และความมุง่ มนั่
ในการทางาน

8. สื่อ/แหล่งการเรียนรู้
1) หนงั สือเรียน SPARK 3 ม. 3
2) Class Audio CDs ประกอบสื่อฯ ชุด SPARK 3 ม. 3
3) แบบฝึกหดั SPARK 3 ม. 3
4) พจนานุกรมองั กฤษ-องั กฤษ
5) พจนานุกรมออนไลน์

39

2 Grammar 1b

2 ชั่วโมง

จุดประสงค์ (Objectives)
- พดู และเขียนประโยคโดยใช้ Present simple, Present continuous, singular/plural nouns, too,

enough ไดถ้ ูกตอ้ ง
- พดู และเขียนเปรียบเทยี บขอ้ มลู โดยใช้ comparative และ superlative ไดถ้ ูกตอ้ ง

1. สาระ มาตรฐานการเรียนรู้/ตัวชี้วดั
สาระที่ 1 ภาษาเพอื่ การส่ือสาร
มาตรฐาน ต 1.3 นาเสนอข้อมูลข่าวสาร ความคดิ รวบยอด และความคดิ เหน็ ในเร่ืองต่าง ๆ โดยการพูด
และการเขียน
ตวั ช้ีวดั
ต 1.3 ม. 3/1 พดู และเขียนบรรยายเก่ียวกบั ตนเอง ประสบการณ์ ขา่ ว/เหตุการณ์/เร่ือง/ประเดน็
ต่าง ๆ ท่ีอยใู่ นความสนใจของสงั คม
สาระท่ี 3 ภาษากบั ความสัมพนั ธ์กบั กล่มุ สาระการเรียนรู้อ่นื
มาตรฐาน ต 3.1 ใช้ภาษาต่างประเทศในการเชื่อมโยงความรู้กับกล่มุ สาระการเรียนรู้อื่น และเป็ น
พืน้ ฐานในการพฒั นา แสวงหาความรู้ และเปิ ดโลกทศั น์ของตน
ตวั ช้ีวดั
ต 3.1 ม. 3/1 คน้ ควา้ รวบรวม และสรุปขอ้ มูล/ขอ้ เท็จจริงที่เก่ียวขอ้ งกบั กลมุ่ สาระการเรียนรู้อน่ื
จากแหลง่ การเรียนรู้ และนาเสนอดว้ ยการพดู และการเขยี น

2. สาระสาคัญ/ความคิดรวบยอด
การเรียนรู้โครงสร้างภาษา (Present simple, Present continuous, singular/plural nouns, too,

enough) ช่วยให้สามารถพูด/เขยี นสื่อสารในชีวิตประจาวนั ไดอ้ ยา่ งถกู ตอ้ ง

40

3. สาระการเรียนรู้

3.1 ทกั ษะเฉพาะวิชา

1) Language Features and Functions

Grammar: Present continuous vs Present simple

singular/plural nouns

comparatives – superlatives

too - enough

Functions: Describing routines and actions people doing

I have breakfast and then watch TV.

My mum is cleaning the house.

Comparing people and places

Paul is older than Tracy. Sofia is much older than Tracy.

Doi Inthanon is the highest mountain in Thailand.

2) Language Skills

Speaking: พดู เปรียบเทียบบคุ คล

Writing: เขยี นบรรยายกิจวตั รประจาวนั สิ่งท่ีบุคคลกาลงั ทา, เขยี นเปรียบเทียบ

บุคคลและสถานท่ี

4. สมรรถนะสาคัญของผ้เู รยี น
1) ความสามารถในการส่ือสาร
2) ความสามารถในการคดิ
3) ความสามารถในการใชเ้ ทคโนโลยี

5. คุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์
1) ใฝ่เรียนรู้
2) ม่งุ มนั่ ในการทางาน

41

6. กิจกรรมการเรียนรู้

ชั่วโมงท่ี 1

ข้นั Warm up
ครูทบทวนคาศพั ทเ์ กี่ยวกบั อาชีพ โดยครูขออาสาสมคั รออกมาวาดภาพงา่ ย ๆ เกี่ยวกบั อาชีพ 1 อาชีพ
บนกระดาน เพื่อใหเ้ พอ่ื นทายว่าคืออาชีพใด เช่น
S1: วาดภาพรถประจาทาง
Class: bus driver
S1: That’s right.

ข้นั Presentation
1. หนงั สือเรยี น หน้า 12 Ex. 1 ครูทบทวน Present simple โดยใหน้ กั เรียนอ่านวิธีใชแ้ ละตวั อยา่ ง

ประโยค แลว้ ช่วยกนั สรุปโครงสร้างและวธิ ีใช้
Present simple: base form of verb
- ใชบ้ อกสภาพทถี่ าวรหรือบอกขอ้ เทจ็ จริงตามธรรมชาติ
- ใชบ้ อกอปุ นิสยั กิจวตั รประจาวนั
- ใชก้ บั ตารางเวลา

จากน้นั ครูใหน้ กั เรียนจบั คู่แต่งประโยค Present simple ตามการใช้ แลว้ ครูสุ่มเรียก 2-3 คู่ อา่ น
ประโยคให้ฟัง เช่น We’re students. I get up at 6. We have English classes on Wednesdays and
Fridays.
2. ครูทบทวน Present continuous โดยใหน้ กั เรียนอ่านวิธีใชแ้ ละตวั อยา่ งประโยคใน Ex. 1 แลว้ ช่วยกนั
สรุปโครงสร้างและวธิ ีใช้

Present continuous: verb to be (is, am, are) + verb -ing
- ใชก้ บั เหตกุ ารณ์ท่กี าลงั เกิดข้นึ ขณะท่พี ูดหรือช่วงเวลาที่พูด
- ใชก้ บั กิจกรรมทีว่ างแผนหรือเตรียมการไวแ้ ลว้ ในอนาคต
- ใชก้ บั สถานการณ์ทเ่ี กิดข้นึ เพียงชวั่ คราว
จากน้นั ครูใหน้ กั เรียนจบั คู่แต่งประโยค Present continuous ตามการใช้ แลว้ ครูสุ่มเรียก 2-3 คู่ (ไมซ่ ้า
กบั คทู่ ่พี ูดไปแลว้ ) อา่ นประโยคให้ฟัง เช่น We are studying English now. We’re playing basketball
tomorrow. Jane is study hard for two weeks.

42

3. ครูอธิบายเก่ียวกบั state verb หรือ stative verb ซ่ึงเป็นคากริยาท่ีเกี่ยวกบั ความรู้สึก ความคดิ เห็น
ประสาทสัมผสั ท้งั ห้า มกั จะใชใ้ นรูป simple tense เท่าน้นั จะไมใ่ ชร้ ูป continuous tense เช่น agree,
want , appear, like, love, taste, believe แลว้ ครูยกตวั อยา่ งบนกระดาน
This soup tastes sour.
I don’t believe the news.

4. ครูให้นกั เรียนหาคากริยารูป Present simple และ Present continuous ในบทอ่าน หนา้ 10 เมือ่ พบ
แลว้ ให้ขดี เส้นใต้ ครูรวบรวมคาตอบจากนกั เรียน

Present simple: do, go, play, is, takes, has, call, performs, shocks, arrives, goes,
wears, works, leaves, says, knows, speak, makes, walks, doesn’t swing, looks,
doesn’t get, extends, see,
Present continuous: is not working, is standing, is smiling, enjoying

5. ครูเขยี นคานามเหลา่ น้ีบนกระดาน class, news, money, jeans, glasses, group, gymnastics ให้
นกั เรียนช่วยกนั ระบวุ า่ เป็นเอกพจน์หรือพหูพจน์ โดยครูยงั ไมเ่ ฉลยคาตอบ

6. หนังสือเรียน หน้า 12 Ex. 4 ครูบอกนกั เรียนวา่ คานามเอกพจน์บางคาอาจมีรูปเป็นพหูพจน์ และ
คานามบางคาอาจมีแตร่ ูปเป็นพหูพจน์ จากน้นั ให้นกั เรียนอ่านเก่ียวกบั คานามเอกพจนแ์ ละพหูพจน์
แลว้ ครูและนกั เรียนร่วมกนั สรุป
1) คานามทเี่ ป็นพหูพจน์ ถงึ แมบ้ างคาจะไม่เติม -s เช่น goods, people ใชร้ ่วมกบั คากริยารูป
พหูพจน์
2) คานามที่เป็นเอกพจน์ ถงึ แมจ้ ะเตมิ -s เช่น news, maths ใช้ร่วมกบั คากริยารูปเอกพจน์
3) คานามที่เป็นคู่ จดั เป็นพหูพจน์เสมอ เช่น shorts, scissors ใชร้ ่วมกบั คากริยารูปพหูพจน์
4) คานามทใ่ี ชเ้ รียกบคุ คลหรือส่ิงของท่เี ป็นกล่มุ เช่น team, staff สามารถใชไ้ ดท้ ้งั คากริยา
รูปเอกพจน์และพหูพจน์ ข้นึ อยกู่ บั วตั ถปุ ระสงคใ์ นการใชว้ ่าใช้ในความหมายเป็นหน่ึง
เดียวหรื อแยกเป็ นส่วน

การจดจาคานามทมี่ ลี กั ษณะพเิ ศษเหลา่ น้ี ครูอาจแนะนาใหน้ กั เรียนจดจาเฉพาะคานาม
ท่ีมีความขดั แยง้ ระหวา่ งรูปคากบั การใชค้ ากริยา เช่น คานามท่มี ีรูปพหูพจน์ แตม่ ี
ความหมายเป็นเอกพจน์ หรือคานามท่มี ีรูปเอกพจนแ์ ต่มีความหมายเป็นพหูพจน์

43


Click to View FlipBook Version