The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

แผนการจัดการเรียนรู้ ภาษาอังกฤษ ม.3
หนังสือ Spark

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by DanAngelo Q Bunlong, 2022-08-16 00:02:12

แผนการจัดการเรียนรู้ ภาษาอังกฤษ ม.3

แผนการจัดการเรียนรู้ ภาษาอังกฤษ ม.3
หนังสือ Spark

Keywords: แผนการจัดการเรียนรู้ ภาษาอังกฤษ ม.3

2 Grammar 8b

2 ชั่วโมง

จุดประสงค์การเรยี นรู้
- เขยี นประโยคตามโครงสร้างที่เรียนได้

1. สาระ มาตรฐานการเรยี นรู้/ตัวชีว้ ดั
สาระที่ 1 ภาษาเพอ่ื การสื่อสาร
มาตรฐาน ต 1.3 นาเสนอข้อมูลข่าวสาร ความคดิ รวบยอด และความคิดเหน็ ในเรื่องต่าง ๆ โดยการพูด
และการเขยี น
ตวั ช้ีวดั
ต 1.3 ม. 3/1 พดู และเขียนบรรยายเก่ียวกบั ตนเอง ประสบการณ์ ขา่ ว/เหตุการณ์/เรื่อง/ประเด็น
ต่าง ๆ ที่อยใู่ นความสนใจของสงั คม

2. สาระสาคัญ/ความคดิ รวบยอด
การเรียนรู้และเขา้ ใจโครงสร้างภาษา (relatives, modals, -ing form, to-infinitive, infinitive without

to, had better/would rather, linkers of contrast) ช่วยให้สามารถพูดและเขียนส่ือสารไดอ้ ยา่ งถูกตอ้ ง

3. สาระการเรียนรู้
3.1 ทักษะเฉพาะวิชา
1) Language Features and Functions
Grammar: relatives (who/which/where/whose)
modals (must/have to – don’t have to/should, may/might, can/could/be
able to/may, must/can’t)
-ing form/to-infinitive/infinitive without to
had better/would rather
linkers of contrast

542

2) Language Skills

Writing: เขียนประโยคตามโครงสร้างท่ีเรียน

4. สมรรถนะสาคญั ของผ้เู รยี น
1) ความสามารถในการสื่อสาร
2) ความสามารถในการคิด

5. คุณลักษณะอันพงึ ประสงค์
- ใฝ่เรียนรู้

6. กิจกรรมการเรียนรู้

ช่ัวโมงที่ 1

ข้นั Warm up
ครูเขยี นประโยค I likes the houses which are near the mountain. บนกระดาน แลว้ ถามนกั เรียนวา่
which ในประโยคน้ีเป็นคาแสดงคาถามใช่หรือไม่ ถา้ ไม่ใช่ นกั เรียนคิดว่า which ในประโยคน้ี
ทาหนา้ ทอ่ี ะไร

ข้นั Presentation
1. หนงั สือเรยี น หน้า 96 Ex. 1 ใหน้ กั เรียนอ่านตวั อยา่ งประโยค และระบวุ ่าคาใดคอื relative pronouns

เมือ่ ไดค้ าตอบวา่ who, that, where, whose ครูถามว่า relative pronoun คาใดใชก้ บั คน (who/that)
คาใดใชก้ บั สิ่งของ (which/that) คาใดใชก้ บั สถานที่ (where) และคาใดใชก้ บั ความเป็นเจา้ ของ
(whose) แลว้ ครูยกตวั อยา่ งเพิ่มเติมบนกระดาน เช่น

I like students who do their homework.
Italy is the country where I live.
The car which/that I drive is red.
จากน้นั ใหน้ กั เรียนอ่านเก่ียวกบั defining relative clauses และ non-defining relative clauses และ
ช่วยกนั อธิบายวา่ ตา่ งกนั อยา่ งไร

543

2. ครูอธิบายใหน้ กั เรียนฟังว่า relative clause คอื อนุประโยคทที่ าหนา้ ทีเ่ หมือนกบั adjective คือขยาย
คานามทอ่ี ยขู่ า้ งหนา้ เพื่อช่วยใหเ้ รารู้วา่ สิ่งท่ีกาลงั พดู ถึงคอื ส่ิงใด หรือใครซ่ึง relative clause จะใชจ้ ะ
ตามหลงั relative pronoun (who, whom, which, that, whose) โดยแบ่งเป็น 2 ประเภท คอื defining
relative clause และ non-defining relative clauses
 defining relative clause จะบอกขอ้ มูลท่ีจาเป็นของคน สถานที่ หรือสิ่งทเี่ รากาลงั พดู ถงึ
ทาใหร้ ู้วา่ คอื ใคร ทไี่ หน หรือสิ่งไหน โดยจะไมม่ ี comma คน่ั เช่น
He likes the woman who lives next door. (ถา้ ไมบ่ อกว่า who lives next door ก็จะไม่รู้ว่า
หมายถงึ ผหู้ ญงิ คนไหน)
 non-defining relative clause จะบอกขอ้ มลู เพิม่ เตมิ ของคน สถานท่ี หรือส่ิงท่เี รากาลงั พดู
ถึง ซ่ึงไมจ่ าเป็นตอ้ งมีขอ้ มลู น้ีก็รู้วา่ คือใคร สถานที่ไหน หรือสิ่งไหน โดยจะมี comma
คนั่ เช่น
Ben lives in London, which has some fantastic parks. (ทกุ คนรู้วา่ ลอนดอนอยทู่ ีไ่ หน
ดงั น้นั which has some fantastic parks ถอื เป็นขอ้ มูลเพ่ิมเตมิ จะมีหรือไม่มกี ็ได)้

3. ครูใหน้ กั เรียนอธิบายความหมายของตวั อยา่ งประโยคสีฟ้าในกรอบ Ex. 1 จากน้นั หาตวั อยา่ งการใช้
relatives ใบบทอ่าน หนา้ 94

4. ครูนาเสนอ modal verbs ซ่ึงเป็นกริยาช่วย ท่ชี ่วยเนน้ ความหมายของประโยคในดา้ น
ความสามารถ (ability) ความเป็นไปได้ (possibility) ความน่าจะเป็น (probability) ความจาเป็น
(necessary) การขออนุญาต (permission) ขอ้ ผูกมดั (obligation) การขอร้อง (requests) ไดแ้ ก่
must/have to/should, may/might, can/could/be able to/may, must/can’t ซ่ึงมีหลกั การใช้ ดงั น้ี
 must แสดงถึงหนา้ ทีห่ รือความรบั ผิดชอบทไ่ี มส่ ามารถปฏเิ สธไดแ้ ละผฟู้ ังจาเป็นตอ้ ง
ปฏิบตั ิตาม เช่น
We must go now or we’ll be late. (We’re obliged to – obligation)
We must be back at noon. (Make sure you’ll be back – order)
 have to แสดงถงึ ความจาเป็นตอ้ งปฏิบตั ติ าม เช่น
I have to be at work at 8:30. (This is a rule – rule)
You don’t have to work overtime. (You aren’t obliged, you don’t need to – lack of
obligation)
ครูย้าวา่ จะใช้ must กบั ประโยค Present simple เท่าน้นั แต่สามารถใช้ have to ใน tense
อืน่ ๆ ได้ เช่น He had to leave early yesterday.
 should/ shouldn’t ใชใ้ นการใหค้ าแนะนา เช่น
You should see a doctor. (I strongly advise you – advice)

544

 may/might
เราใช้ may เมื่อเราคิดว่าบางส่ิงบางอยา่ งน้นั เป็นไปไดท้ ่จี ะเกิดข้ึน เช่น
He may come later. (It’s possible – 50%)
เราใช้ might เมื่อเราคิดว่าบางสิ่งบางอยา่ งน้เั ป็นไปไม่ไดท้ จ่ี ะเกิดข้นึ เช่น
She might not be back before Friday. (It’s possible – 40%)

 can/ could/be able to/may
เราใช้ can/ could/ be able to/ may ในการแสดงว่าใครบางคนมคี วามสามารถในการทา
บางส่ิงบางอยา่ งหรือการขออนุญาต เช่น
He can/is able to swim fast. (has the ability in the present)
He could play tennis well. (had the ability in the past)
He was able to win the race. (specific ability in the past)
Can I get a taxi from the restaurant?

 must/can’t
เราใช้ must และ can’t ในการแสดงถึงความมนั่ ใจ เช่น
They must be twins. They look alike. (I’m sure they are.)
They can’t be at home. The lights are off. (I’m sure they aren’t there.)

จากน้นั ให้นกั เรียนอา่ นการใช้ modals ในหนงั สือเรียน หนา้ 96 เพ่อื ทบทวนความเขา้ ใจของตนเอง
อกี คร้ัง หากมีขอ้ สงสยั ใหค้ รูช่วยอธิบายเพิ่มเติม

ข้นั Practice
1. หนงั สือเรียน หน้า 96 Ex. 2 ให้นกั เรียนเตมิ relative pronouns ลงในประโยคใหถ้ ูกตอ้ ง เสร็จแลว้ ครู

เฉลยคาตอบ จากน้นั ให้นกั เรียนช่วยกนั บอกว่า relative clause ขอ้ ใดเป็น defining และขอ้ ใดเป็น
non-defining

1 which/that (defining)
2 Our neighbour, whose car is a Mini Cooper, is very helpful. (non-defining)
3 where (defining)
4 where (defining)
5 My dad, who is a teacher, can’t speak French. (non-defining)
6 which/that (defining)

545

2. หนงั สือเรียน หน้า 96 Ex. 3 นกั เรียนดูป้ายประกาศ และเติม modals ทีก่ าหนดใหล้ งในประโยคให้
ถูกตอ้ ง เสร็จแลว้ ครูรวบรวมคาตอบจากนกั เรียน และเฉลยคาตอบ

1 may 3 mustn’t 5 don’t have to
2 have to 4 can 6 should

ข้นั Production
1. นกั เรียนทางานคู่ ช่วยกนั แต่งประโยคโดยใช้ relative clause และ modals มาอยา่ งละ 5 ประโยค

เสร็จแลว้ ครูใหแ้ ต่ละคอู่ ่านประโยคให้เพอื่ นฟัง

The smart phone which I just bought is so expensive.
That girl whose house was burnt last night is my friend.
We have to/must wear a uniform at work.
It might/may rain later.

2. นกั เรียนทา Grammar Bank 8 ในแบบฝึกหดั (Workbook) หนา้ 96-99 ร่วมกนั ในช้นั
3. แบบฝึกหัด (Workbook) หนา้ 62-63 Exs. 1-8 ให้นกั เรียนทาเป็นการบา้ น

ชั่วโมงที่ 2

ข้นั Warm up
ครูทบทวนการใช้ relative pronouns โดยแบ่งนกั เรียนเป็น 2 ทีม แลว้ ครูพูดคาศพั ท์ ให้แต่ละทีมส่ง
ตวั แทนออกมาเขยี นประโยคบนกระดานโดยใชค้ าศพั ทท์ ค่ี รูพูดร่วมกบั relative pronouns ทมี ใด
เขยี นประโยคถูกตอ้ งมากทส่ี ุดจะเป็นผชู้ นะ

546

ข้นั Presentation
1. ครูอธิบายการใช้ -ing form, to-infinitive, infinitive without to พร้อมท้งั ยกตวั อยา่ งบนกระดาน ดงั น้ี

เราใช้ -ing form เม่อื
• ทาหนา้ ที่เป็นประธานของประโยค เช่น

Starting a conversation is not easy.
• ตามหลงั like, love, enjoy, don’t mind, dislike, prefer, hate, avoid, appreciate, consider,

continue, deny, fancy, go (+ activities), imagine, miss, save, suggest, practise, prevent,
spend/waste (time/money) เช่น
He likes meeting new people.
• ตามหลงั prepositions เช่น
How about eating out?
เราใช้ to-infinitive เมื่อ
• แสดงถงึ จดุ ประสงค์ เช่น
He went out to/in order to buy a magazine.
• ตามหลงั would like, would prefer, would love เช่น
I’d like to eat out tonight.
• ตามหลงั too/enough เช่น
It’s too difficult to talk to her.
• ตามหลงั ask, decide, explain, want, hope, expect, promise, refuse etc. เช่น
He wants to travel aboard.
เราใช้ infinitive without to เม่อื
• ตามหลงั make, let เช่น
They made them stay in.
• ตามหลงั modals เช่น
He can dance.
2. หนังสือเรียน หน้า 97 Ex. 4 ให้นกั เรียนอา่ นทบทวนการใช้ -ing form, to-infinitive, infinitive
without to และอธิบายความหมายของตวั อยา่ งประโยคสีฟ้า
3. ครูอธิบายการใช้ had better/would rather พร้อมท้งั ยกตวั อยา่ งบนกระดาน ดงั น้ี
 เราใช้ had better + infinitive without to เพือ่ เตอื นบางคน หรือแสดงถึงขอ้ ผกู มดั เช่น
You’d better be careful.
I’d better hurry.

547

 เราใช้ would rather + infinitive without to เพื่อแสดงถงึ ความชอบท่ีเฉพาะเจาะจง เช่น
I’d rather go to the park. (I prefer now.)

4. ครูเขียนโครงสร้าง linkers of contrast บนกระดาน พร้อมท้งั ยกตวั อยา่ ง ดงั น้ี

Although/in spite of the fact that/despite the fact that + clause

Although the weather is bad, I love London.
In spite of the fact that the weather is bad, I love London.
Despite the fact that the weather is bad, I love London.

Despite/in spite of + noun/-ing form

I love London despite the bad weather.
In spite of the bad weather, I love London.
ใหน้ กั เรียนดโู ครงสร้าง เพอ่ื จดจาคาทตี่ ามหลงั linkers of contrast จากน้นั หาความหมายของ linkers
of contrast แลว้ อธิบายความหมายของประโยคบนกระดาน

ข้นั Practice
1. หนงั สือเรยี น หน้า 97 Ex. 5 ใหน้ กั เรียนเปล่ียนคากริยาในวงเล็บให้อยใู่ นรูปทีถ่ กู ตอ้ ง เสร็จแลว้ ครู

รวบรวมคาตอบจากนกั เรียนและเฉลยคาตอบ

1 going (after like) 4 to go (after would love)
2 help (modal) 5 living (after don’t mind)
3 be (modal) 6 try (modal)

2. หนงั สือเรยี น หน้า 97 Ex. 6 นกั เรียนอา่ นทบทวนการใช้ had better และ would rather จากน้นั เติม
better หรือ rather ลงในประโยคใหถ้ กู ตอ้ ง เสร็จแลว้ ครูเฉลยคาตอบ

548

1 better 4 better 7 better
2 rather 5 rather
3 better 6 rather

3. หนังสือเรียน หน้า 97 Ex. 7 นกั เรียนอ่านทบทวนโครงสร้าง linkers of contrast แลว้ เลือกคาตอบท่ี
ถกู ตอ้ ง เสร็จแลว้ เฉลยคาตอบพร้อมกนั

1 Despite 4 despite the fact that
2 despite the fact that 5 In spite of the fact that
3 in spite of 6 Although

ข้นั Production
1. ใหน้ กั เรียนทางานคู่ ช่วยกนั แต่งประโยคโดยใช้ -ing form/to-infinitive/infinitive without to มา

5 ประโยค และใช้ had better/would rather มา 3 ประโยค และ linkers of contrast มา 3 ประโยค
จากน้นั ครูสุ่มนกั เรียนออกมาเขยี นประโยคบนกระดาน
2. นกั เรียนทา Grammar Bank 8 ในแบบฝึกหดั (Workbook) หนา้ 100-101 ร่วมกนั ในช้นั
3. แบบฝึกหดั (Workbook) หนา้ 64-65 Exs. 9-16 ให้นกั เรียนทาเป็นการบา้ น

7. การวัดและการประเมนิ ผล

วิธกี ารวดั เคร่ืองมือ เกณฑ์การผ่าน
-
ตรวจการเขียนประโยคตามโครงสร้าง สมดุ นกั เรียน
ระดบั คณุ ภาพ ผ่าน
ท่เี รียน

สังเกตความใฝ่ เรียนรู้ แบบประเมนิ คุณลกั ษณะ

อนั พงึ ประสงค์

8. ส่ือ/แหล่งการเรียนรู้
1) หนงั สือเรียน SPARK 3 ม. 3
2) แบบฝึกหัด SPARK 3 ม. 3

549

3 Skills 8c

2 ช่ัวโมง

จุดประสงค์การเรียนรู้
- บอกรายละเอียดของเรื่องทฟ่ี ังได้
- พูดขอและใหข้ อ้ มลู เกี่ยวกบั บา้ นของตนเองและผอู้ ื่นได้
- เขียนบรรยายเกี่ยวกบั บา้ นของตนเองได้

1. สาระ มาตรฐานการเรียนรู้/ตัวชีว้ ดั
สาระท่ี 1 ภาษาเพอ่ื การส่ือสาร
มาตรฐาน ต 1.1 เข้าใจและตคี วามเร่ืองท่ฟี ังและอ่านจากส่ือประเภทต่าง ๆ และแสดงความคิดเห็น
อย่างมีเหตุผล
ตวั ช้ีวดั
ต 1.1 ม. 3/4 เลอื ก/ระบหุ วั ขอ้ เร่ือง ใจความสาคญั รายละเอียดสนบั สนุน และแสดงความคดิ เห็น
เกี่ยวกบั เร่ืองท่ีฟังและอ่านจากสื่อประเภทต่าง ๆ พร้อมท้งั ใหเ้ หตผุ ลและยกตวั อยา่ ง
ประกอบ
มาตรฐาน ต 1.3 นาเสนอข้อมลู ข่าวสาร ความคิดรวบยอด และความคิดเห็นในเรื่องต่าง ๆ โดยการพดู
และการเขียน
ตวั ช้ีวดั
ต 1.3 ม. 3/1 พูดและเขยี นบรรยายเกี่ยวกบั ตนเอง ประสบการณ์ ข่าว/เหตกุ ารณ์/เรื่อง/ประเดน็
ตา่ ง ๆ ทอ่ี ยใู่ นความสนใจของสงั คม

2. สาระสาคญั /ความคดิ รวบยอด
การเรียนรู้คาศพั ทท์ ี่เก่ียวขอ้ งกบั บา้ น จะช่วยให้เขา้ ใจและบอกรายละเอียดเก่ียวกบั เร่ืองทฟี่ ัง

รวมถึงยงั สามารถนาความรู้ไปใชใ้ นการพดู และเขยี นใหข้ อ้ มูลเก่ียวกบั บา้ นของตนเองและผอู้ ื่นไดอ้ ยา่ ง
เหมาะสม

550

3. สาระการเรียนรู้

3.1 ทกั ษะเฉพาะวชิ า

1) Language Features and Functions

Vocabulary: Home (garden, swimming pool, fireplace, parking space, garage, utility

room, balcony)

Amenities (bus stop, school, shops, park, the underground)

Adjectives (cosy, cramped, crowded, lovely, comfortable, ugly,

expensive, modern, traditional, quiet, old)

Functions: Describing your house

I live in a house on a quiet street. There is a garden, a fireplace, a

garage and a utility room in my house.

2) Language Skills

Listening: ฟังเพื่อหาขอ้ มลู เฉพาะ

Speaking: พูดขอและใหข้ อ้ มลู เก่ียวกบั บา้ นของตนเองและผอู้ ่ืน

Writing: เขียนบรรยายเกี่ยวกบั บา้ นของตนเอง

4. สมรรถนะสาคัญของผ้เู รยี น
1) ความสามารถในการสื่อสาร
2) ความสามารถในการคดิ

5. คุณลกั ษณะอนั พึงประสงค์
1) ใฝ่เรียนรู้
2) มงุ่ มนั่ ในการทางาน

6. กิจกรรมการเรียนรู้

ชั่วโมงท่ี 1

ข้นั Warm up
1. ครูทบทวนการใช้ relatives โดยเขียนประโยคต่อไปน้ีและเวน้ ช่องว่างไวใ้ ห้นกั เรียนช่วยกนั เตมิ

She’s the woman ____ I was talking about. (whom/who)

551

Her car, ____ was very old, broke down after just five miles. (which)
There are now only two schools in the area ____ actually teach Latin. (that)
2. ครูนาเขา้ สู่บทเรียนโดยสุ่มถามนกั เรียนวา่ What does your house make from: wood? brick? How
many are there in your house?

ข้นั Pre-listening
1. นกั เรียนอา่ น Study Skills หนงั สือเรียน หนา้ 98 เก่ียวกบั การใชแ้ ผนผงั ความคดิ หรือ mind map แลว้

ครูถามนกั เรียนว่า mind map มีประโยชน์อยา่ งไรบา้ ง เช่น ช่วยจดั ระบบความคิดเป็นหมวดหมู่ ช่วย
ในการสรุปและรวบรวมขอ้ มูล จากน้นั ครูอธิบายลกั ษณะของ mind map ให้นกั เรียนเขา้ ใจมากยง่ิ ข้ึน
โดยอาจนาตวั อยา่ งมาแสดงใหน้ กั เรียนดปู ระกอบ หรือให้นกั เรียนดูตวั อยา่ ง mind map ใน Ex. 1
2. หนังสือเรียน หน้า 98 Ex. 1 นกั เรียนจบั กลมุ่ กลมุ่ ละ 3-4 คน ให้แตล่ ะกลุ่มเขยี นคาศพั ทภ์ ายใตห้ วั ขอ้
เหล่าน้ีให้ไดม้ ากทส่ี ุด จากน้นั ให้แต่ละกลมุ่ พดู รายงานคาศพั ท์ ครูเขยี นบนกระดาน แลว้ ใหน้ กั เรียน
ใชค้ าศพั ทเ์ หลา่ น้ีเขียนบรรยายบา้ นของตนเอง เสร็จแลว้ ครูขออาสาสมคั ร 2-3 คน อา่ นใหเ้ พอ่ื นฟัง

material: brick, wood, concrete, mud
type: house, cottage, villa, palace
special features: balcony, garden, swimming pool, garage
adjectives: comfortable, peaceful, spacious
appliances: cooker, washing machine, dishwasher, microwave
furniture: chair, table, armchair, bed, wardrobe
rooms: bathroom, kitchen, dining room, living room

I live in a flat on the third floor. There are six rooms. There is a kitchen, a living
room, a dining room, two bedrooms and a bathroom. There is a fireplace in the
living room that makes it very cosy. There is also a big balcony.

3. ครูอธิบายว่า นกั เรียนจะไดฟ้ ังบุคคล 3 คน พูดเก่ียวกบั บา้ นของพวกเขา จากน้นั ใหน้ กั เรียนอา่ น
ออกเสียงคาวา่ houseboat, flat, cottage ตามครู ครูถามวา่ ลกั ษณะบา้ นแตล่ ะแบบเป็นอยา่ งไร โดยครู
อาจจะนาภาพมาแสดงใหน้ กั เรียนดู

552

4. ครูบอกนกั เรียนว่า ไมจ่ าเป็นตอ้ งฟังออกทกุ คา เนน้ ทจี่ ุดประสงคห์ ลกั ของการฟังคือ ฟังเพอ่ื หาวา่ ใคร
อาศยั อยทู่ ี่ houseboat, flat และ cottage และฟังวา่ ส่ิงพเิ ศษทีม่ ใี นบา้ นของแตล่ ะคนคืออะไร

ข้นั Listening
1. หนังสือเรยี น หน้า 98 Ex. 2a ครูเปิ ด CD ให้นกั เรียนฟัง ครูคอยสังเกตว่านกั เรียนฟังเขา้ ใจหรือไม่

โดยอาจจะสงั เกตจากสีหนา้ หรือการจดบนั ทกึ ระหว่างฟัง เมือ่ ฟังจบครูอาจจะสอบถามนกั เรียนว่า
ฟังเขา้ ใจหรือไม่ และตอบคาถามไดห้ รือไม่วา่ แต่ละคนอาศยั อาศยั อยใู่ นบา้ นแบบใด โดยครูอาจจะ
เปิ ด CD ให้ฟังอีกคร้ัง จากน้นั ให้นกั เรียนช่วยกนั บอกคาตอบ แลว้ ครูเฉลยคาตอบ

Karen - a cottage Simon - a houseboat
Peter - a flat

2. หนงั สือเรียน หน้า 98 Ex. 2b ใหน้ กั เรียนฟัง CD อีกคร้งั และจดบนั ทึกว่าสิ่งพิเศษทม่ี ีในบา้ นของ
Karen, Simon, Peter คืออะไร จากน้นั ครูรวบรวมคาตอบจากนกั เรียนและเฉลยคาตอบ

A Karen - a fireplace B Simon - a deck
C Peter - a balcony

ข้นั Post-listening
1. ให้นกั เรียนคิดวา่ ตนเองอยากอาศยั อยใู่ นบา้ นแบบใด ระหว่าง houseboat, flat และ cottage พร้อมให้

เหตุผลประกอบ จากน้นั ครูสุ่มเรียกนกั เรียนหลาย ๆ คน พดู แสดงความคิดเห็น
2. นกั เรียนทา Language Review 8c Ex. 2 ในหนงั สือเรียน หนา้ 112 ร่วมกนั ในช้นั
3. แบบฝึกหดั (Workbook) หนา้ 66-67 Exs. 1-4 ให้นกั เรียนทาเป็นการบา้ น

553

ช่ัวโมงที่ 2

ข้นั Warm up
ครูทบทวนคาศพั ทท์ เี่ กี่ยวขอ้ งกบั บา้ น โดยแบง่ นกั เรียนออกเป็น 2 ทมี ใหแ้ ต่ละทมี แขง่ ขนั กนั ออกมา
เขียนคาศพั ทต์ ามหวั ขอ้ type, material, appliances, furniture, rooms, special features บนกระดาน
ใหไ้ ดม้ ากท่ีสุดภายในเวลา 2 นาที ทีมใดเขียนคาศพั ทร์ วมทกุ หัวขอ้ ถูกตอ้ งมากทีส่ ุดจะเป็นผชู้ นะ

ข้นั Presentation
1. ครูทบทวนคาศพั ทเ์ กี่ยวกบั สถานที่ เช่น swimming pool, park, cinema, supermarket, school โดยนา

ภาพมาแสดงใหน้ กั เรียนดู หรือวาดภาพงา่ ย ๆ บนกระดาน แลว้ ให้นกั เรียนบอกคาศพั ท์
2. ครูทบทวน adjectives ทใี่ ชบ้ รรยายลกั ษณะบา้ น เช่น cosy, lovely, modern, old, quiet, comfortable

โดยพดู คาศพั ทท์ ีละคา แลว้ สุ่มเรียกนกั เรียนออกมาเขยี นคาศพั ทบ์ นกระดาน นกั เรียนในช้นั ช่วยกนั
ตรวจวา่ เพ่ือนเขียนคาศพั ทถ์ ูกตอ้ งหรือไม่ จากน้นั ใหน้ กั เรียนอ่านคาศพั ทบ์ นกระดานพร้อมกนั และ
ช่วยกนั บอกความหมาย
3. ครูนาเสนอ adjectives คาว่า cramped, crowed, traditional บนกระดาน ให้นกั เรียนอ่านออกเสียงตาม
ครู จากน้นั ช่วยกนั หาความหมายในพจนานุกรม

cramped (adj) = not having enough space for the people in it (คบั แคบ)
crowded (adj) = having a lot of people or too many people (แออดั )
traditional (adj) = being part of customs or way of life of a particular group of people,

that have not changed for a long time (ด้งั เดิม)

ข้นั Practice
หนังสือเรยี น หน้า 98 Ex. 3 นกั เรียนอา่ นคาถามที่กาหนดให้ ครูตรวจสอบวา่ ทุกคนเขา้ ใจคาถาม
แลว้ ใหเ้ วลานกั เรียนเตรียมคาตอบ จากน้นั ให้นกั เรียนจบั คู่กนั พูดถาม-ตอบ ครูเดินสังเกตรอบ ๆ
ช้นั เรียน แลว้ สุ่มเรียกนกั เรียน 2 คู่ พดู ถาม-ตอบให้เพือ่ นฟัง

1 I live in a house.
2 I like the location. It is in a very nice area. I also like my bedroom. It is big

and comfortable.

554

3 I have got a garden, a fireplace, a garage and a utility room.
4 My house is cosy, lovely, comfortable, traditional and quiet.
5 My house is near my school, shops and a park. It is on a quiet street.

ข้นั Production
1. หนังสือเรียน หน้า 98 Ex. 4 นกั เรียนเขียนบรรยายเก่ียวกบั บา้ นของตนเอง โดยสามารถใชค้ าตอบ

จาก Ex. 3 เป็นขอ้ มลู ในการเขียนได้ เสร็จแลว้ ให้นกั เรียนตรวจทานงานเขียนของตนเอง โดยดูการ
สะกดคา ไวยากรณ์ การใชเ้ คร่ืองหมายวรรคตอน และปรบั แกใ้ ห้ถกู ตอ้ ง จากน้นั ครูสุ่มเรียกนกั เรียน
2-3 คนอ่านใหเ้ พ่อื นฟัง

I live in a house on a quiet street. There is a garden, a fireplace, a garage and a
utility room in my house. There isn’t a swimming pool. My house is near a
school, shops and a park. What I like about it is that it is cosy and comfortable.

2. แบบฝึกหดั (Workbook) หนา้ 67 Ex. 5 ใหน้ กั เรียนฟัง CD แลว้ จบั คู่ให้ถกู ตอ้ ง
3. แบบฝึกหดั (Workbook) หนา้ 67 Ex. 6 ใหน้ กั เรียนฟัง CD แลว้ เตมิ คาลงในช่องว่าง

7. การวัดและการประเมนิ ผล เคร่ืองมือ เกณฑ์การผ่าน
แบบฝึกหดั (Workbook) ร้อยละ 60
วธิ กี ารวดั
ตรวจการตอบคาถามจากการอา่ นและ แบบสงั เกตพฤติกรรมการเรียนรู้ ระดบั คณุ ภาพ พอใช้
การฟัง
สงั เกตการพดู ขอและใหข้ อ้ มลู แบบประเมินการเขยี น ระดบั คณุ ภาพ พอใช้
เกี่ยวกบั บา้ นของตนเองละผอู้ ่ืน
ประเมนิ การเขียนบรรยายเก่ียวกบั แบบประเมินคณุ ลกั ษณะ ระดบั คุณภาพ ผา่ น
บา้ นของตนเอง อนั พงึ ประสงค์
สังเกตความใฝ่เรียนรู้และความม่งุ มนั่
ในการทางาน

555

8. ส่ือ/แหล่งการเรียนรู้
1) หนงั สือเรียน SPARK 3 ม. 3
2) Class Audio CDs ประกอบสื่อฯ ชุด SPARK 3 ม. 3
3) แบบฝึกหดั SPARK 3 ม. 3
4) พจนานุกรมองั กฤษ-องั กฤษ
5) พจนานุกรมออนไลน์
6) ภาพบา้ นแบบ houseboat, flat, cottage
7) ภาพสถานทต่ี า่ ง ๆ

556

4 Everyday English 8d

2 ช่ัวโมง

จดุ ประสงค์การเรยี นรู้
- อ่านออกเสียงบทสนทนาถูกตอ้ งตามหลกั การอา่ นได้
- บอกรายละเอียดของบทสนทนาทอี่ ่านและฟังได้
- แต่งบทสนทนาตามสถานการณท์ ่กี าหนดได้
- พดู สนทนาตามสถานการณ์ท่กี าหนดได้

1. สาระ มาตรฐานการเรยี นรู้/ตัวชี้วัด
สาระท่ี 1 ภาษาเพอื่ การส่ือสาร
มาตรฐาน ต 1.1 เข้าใจและตคี วามเรื่องทีฟ่ ังและอ่านจากสื่อประเภทต่าง ๆ และแสดงความคดิ เหน็
อย่างมีเหตุผล
ตวั ช้ีวดั
ต 1.1 ม. 3/2 อา่ นออกเสียงขอ้ ความ ขา่ ว โฆษณา และบทร้อยกรองส้ัน ๆ ถกู ตอ้ งตามหลกั การอา่ น
ต 1.1 ม. 3/4 เลือก/ระบหุ วั ขอ้ เรื่อง ใจความสาคญั รายละเอยี ดสนบั สนุน และแสดงความคิดเห็น
เก่ียวกบั เร่ืองที่ฟังและอา่ นจากส่ือประเภทต่าง ๆ พร้อมท้งั ใหเ้ หตผุ ลและยกตวั อยา่ ง
ประกอบ
มาตรฐาน ต 1.2 มีทกั ษะการสื่อสารทางภาษาในการแลกเปลยี่ นข้อมลู ข่าวสาร แสดงความรู้สึกและ
ความคดิ เหน็ อย่างมีประสิทธภิ าพ
ตวั ช้ีวดั
ต 1.2 ม. 3/1 สนทนาและเขยี นโตต้ อบขอ้ มลู เก่ียวกบั ตนเอง เรื่องตา่ ง ๆ ใกลต้ วั สถานการณ์ ข่าว
เรื่องทอี่ ยใู่ นความสนใจของสงั คม และสื่อสารอยา่ งต่อเน่ืองและเหมาะสม
สาระที่ 2 ภาษาและวัฒนธรรม
มาตรฐาน ต 2.1 เข้าใจความสัมพนั ธ์ระหว่างภาษากับวัฒนธรรมของเจ้าของภาษา และนาไปใช้ ได้
อย่างเหมาะสมกับกาลเทศะ
ตวั ช้ีวดั
ต 2.1 ม. 3/1 เลอื กใชภ้ าษา น้าเสียง และกิริยาท่าทางเหมาะกบั บุคคลและโอกาสตามมารยาทสงั คม
และวฒั นธรรมของเจา้ ของภาษา

557

สาระที่ 4 ภาษากบั ความสัมพนั ธ์กบั ชุมชนและโลก

มาตรฐาน ต 4.1 ใช้ภาษาต่างประเทศในสถานการณ์ต่าง ๆ ท้งั ในสถานศึกษา ชุมชน และสังคม
ตวั ช้ีวดั
ต 4.1 ม. 3/1 ใชภ้ าษาสื่อสารในสถานการณจ์ ริง/สถานการณจ์ าลองท่เี กิดข้ึนในห้องเรียน
สถานศกึ ษา และชุมชน

2. สาระสาคญั /ความคดิ รวบยอด
การเรียนรู้สานวนภาษาในการสอบถามขอ้ มลู เก่ียวกบั วนั หยดุ จะช่วยใหส้ ามารถพดู ส่ือสาร

ในชีวิตประจาวนั ไดอ้ ยา่ งถกู ตอ้ งและเหมาะสม

3. สาระการเรียนรู้

3.1 ทกั ษะเฉพาะวชิ า

1) Language Features and Functions

Vocabulary: Sentences (How was your holiday?, So tell me everything!, Where did

you stay?, It must be a lovely place!, That’s nice. That’s too bad.)

Grammar: question tags

Functions: Talking about holidays

How was your holiday? You went to Spain, didn’t you?

No, we didn’t.

Pronunciation: /ᴧ/: enough, tough, rough

/ɔ:/: caught, daughter, haughty

/əʊ/: though, although, dough

2) Language Skills

Listening: ฟังการออกเสียงคาศพั ทแ์ ละประโยค

Speaking: พูดสนทนาตามสถานการณท์ ่กี าหนด

Reading: อ่านเพือ่ หาขอ้ มูลเฉพาะ

Writing: แต่งบทสนทนาตามสถานการณ์ท่ีกาหนด

4. สมรรถนะสาคัญของผ้เู รียน
1) ความสามารถในการสื่อสาร
2) ความสามารถในการคิด

558

5. คุณลักษณะอันพึงประสงค์
1) ใฝ่เรียนรู้
2) มงุ่ มนั่ ในการทางาน

6. กจิ กรรมการเรียนรู้

ชั่วโมงท่ี 1

ข้นั Warm up
ครูถามนกั เรียนว่า ในวนั หยดุ นกั เรียนชอบไปเท่ียวท่ไี หน นกั เรียนชอบไปเทย่ี วภูเขา น้าตก หรือ
ทะเล จากน้นั ครูขออาสาสมคั ร 2 คน เลา่ ประสบการณ์การไปเทีย่ วทป่ี ระทบั ใจใหเ้ พอื่ นฟัง

ข้นั Presentation
1. ครูยกตวั อยา่ งประโยค question tag บนกระดาน

He likes playing football, doesn’t he?
They aren’t students, are they?
ครูถามนกั เรียนวา่ ประโยคน้ีเป็นประโยคคาถามหรือไม่ ถา้ เป็น ส่วนใดคอื คาถาม แลว้ ครูขีดเสน้ ใต้
และอธิบายว่าคาถามแบบน้ี เรียกวา่ question tag เป็นคาถามลกั ษณะหน่ึงในภาษาองั กฤษทใ่ี ชเ้ พ่อื
ตรวจสอบว่าส่ิงทกี่ ล่าวน้นั จริงหรือไม่ หรือเพอื่ เป็นการสอบถามอีกฝ่ ายหน่ึงวา่ เห็นดว้ ยกบั สิ่งทพ่ี ูด
หรือไม่ จากน้นั ครูอธิบายโครงสร้าง question tags ดงั น้ี
1) ใช้ question tags รูปบอกเลา่ เมือ่ ขอ้ ความดา้ นหนา้ เป็นปฏิเสธ

negative sentence, + affirmative question tag
ตวั อยา่ ง เช่น

You aren’t British, are you?
Sandra can’t ski, can she?
He isn’t tall, is he?
David hasn’t got a car, has he?
จากตวั อยา่ งจะเห็นไดว้ ่า หากขอ้ ความดา้ นหนา้ มคี ากริยาช่วย question tags จะใชก้ ริยาช่วยน้นั แลว้
ตามดว้ ยคาสรรพนาม
2) ใช้ question tags รูปปฏเิ สธ เมือ่ ขอ้ ความดา้ นหนา้ เป็นรูปบอกเลา่
positive sentence, + negative question tag

559

ตวั อยา่ ง เช่น
You are British, aren’t you?
Sandra can ski, can’t she?
He is tall, isn’t he?
David has got a car, hasn’t he?

3) ในกรณีท่ขี อ้ ความขา้ งหนา้ ไมม่ ีคากริยาช่วย จะตอ้ งนา do, don’t, does หรือ doesn’t, did,
didn’t มาช่วยในรูป question tags
ตวั อยา่ ง เช่น
You work in that shop, don’t you?
He lives in Madrid, doesn’t he?
Tom doesn’t work in that company, does he?
You don’t study every day, do you?
You went to Manchester, didn’t you?
You didn’t go to the party last night, did you?

ในการออกเสียง question tags ถา้ คิดวา่ เป็นจริงตามคาพดู ของเรา จะลงเสียงต่า
(falling intonation) แตถ่ า้ หากยงั ไมแ่ น่ใจว่าเป็นจริงตามทเ่ี ราพูดถงึ หรือไม่ จะ
ข้ึนเสียงสูง (rising intonation)
ตวั อยา่ ง
English is difficult, isn’t it? (not very sure if It’s difficult)
English is difficult, isn’t it? (want to know if the person you are talking to

feel the same way)

3. ให้นกั เรียนอ่านทบทวนความเขา้ ใจการใช้ question tag ในหนงั สือเรียน หนา้ 99 แลว้ เตมิ question
tag ลงในประโยคท่กี าหนดใหถ้ ูกตอ้ ง เสร็จแลว้ ครูเฉลยคาตอบ

1 isn’t it 4 didn’t they 7 are they
2 does she 5 will he 8 aren’t you
3 has she 6 did you

560

2. ครูสอนการออกเสียงคาศพั ทท์ ่มี เี สียง /ᴧ/, /ɔ:/, /əʊ/ โดยเขียนคาศพั ทบ์ นกระดาน อา่ นออกเสียงให้
นกั เรียนฟัง ใหน้ กั เรียนอา่ นออกเสียงตาม
cup, country, cover, funny
tall, warm, caught, taught
although, dough
จากน้นั ให้นกั เรียนเปรียบเทียบวา่ เสียง /ᴧ/ และเสียง /ɔ:/ ออกเสียงคลา้ ยกบั เสียงสระอะไรใน
ภาษาไทย (เสียง /ᴧ/ เป็นสระเสียงส้ัน ออกเสียงคลา้ ยกบั เสียงสระ “-ะ” ในภาษาไทย ส่วนเสียง /ɔ:/
เป็นสระเสียงยาว ออกเสียงคลา้ ยกบั เสียงสระ “-อ” ในภาษาไทย)

ข้นั Practice
1. หนงั สือเรยี น หน้า 99 Ex. 6 ครูเปิ ด CD ใหน้ กั เรียนฟังคาศพั ทแ์ ละวงกลมคาทอ่ี อกเสียงแตกตา่ งจาก

คาอ่นื จากน้นั ครูตรวจคาตอบดว้ ยการเปิ ด CD อกี คร้งั โดยหยดุ ทีละคาให้นกั เรียนอออกเสียงตาม
และระบุคาท่ีออกเสียงแตกต่างจากคาอ่นื

1 though 2 thorough 3 laugh

2. หนงั สือเรยี น หน้า 99 Ex. 1 ครูเปิ ด CD โดยหยดุ ทีละประโยค ให้นกั เรียนฟังประโยคทีเ่ กี่ยวกบั
วนั หยดุ และออกเสียงตาม โดยครูเปิ ด CD 2 คร้ัง จากน้นั ใหน้ กั เรียนอ่านประโยคดว้ ยตนเองพร้อม
กนั

3. หนงั สือเรยี น หน้า 99 Ex. 2 ครูอธิบายว่าประโยคใน Ex. 1 มาจากบทสนทนาระหว่างเพื่อน 2 คน
ให้นกั เรียนเดาว่าบทสนทนาน้ีจะเก่ียวกบั เรื่องอะไร จากน้นั ครูเปิ ด CD ใหน้ กั เรียนฟังและอ่าน
บทสนทนาตาม เพื่อตรวจวา่ นกั เรียนคาดเดาถกู ตอ้ งหรือไม่

The dialogue is about two friends talking about a holiday one of them had.

4. หนังสือเรียน หน้า 99 Ex. 3 นกั เรียนอ่านประโยค 1-4 แลว้ อ่านบทสนทนาอีกคร้ังเพ่อื หาประโยคทีม่ ี
ความหมายเหมือนกบั ประโยคเหลา่ น้ี จากน้นั ครูสุ่มเรียกนกั เรียนบอกคาตอบ แลว้ ให้นกั เรียนในช้นั
ตรวจความถูกตอ้ ง

561

1 I’d like to hear all about it. – So tell me everything.
2 I bet it is really nice there. – It must be a lovely place.
3 We enjoyed ourselves so much that we would like to holiday there again. –

We had such a wonderful time that we want to go again next year.
4 That’s unfortunate for you. – That’s too bad.

5. หนงั สือเรียน หน้า 99 Ex. 4 ครูเปิ ด CD ใหน้ กั เรียนฝึกอา่ นบทสนทนาตาม แลว้ ใหน้ กั เรียนจบั คกู่ นั
ฝึกพดู สนทนาโดยสลบั บทบาทกนั ดว้ ย

ข้นั Production
หนงั สือเรียน หน้า 99 Ex. 5 นกั เรียนทางานคู่ แต่งบทสนทนาโดยสมมตวิ ่านกั เรียนเพ่งิ กลบั จากการ
ไปเทีย่ ววนั หยดุ นกั เรียนสามารถดูบทสนทนาใน Ex. 2 เป็นตน้ แบบได้
เมอ่ื นกั เรียนแต่งบทสนทนาเสร็จแลว้ ส่งใหค้ รูตรวจ หลงั จากไดร้ บั บทสนทนาคืนแลว้ ใหน้ กั เรียนไป
ฝึกซอ้ มนอกเวลาเรียนเพือ่ พดู สนทนาในชวั่ โมงหนา้

A: Hi, Maria. How was your holiday? You went to Spain, didn’t you?
B: No, we didn’t. We went to Italy and it was great, thanks.
A: So tell me everything! Where did you stay?
B: We stayed on a great little island called Elba.
A: That’s in the Mediterranean, isn’t it?
B: Yes, it is.
A: It must be a lovely place!
B: It is. The weather was fantastic and it was a very scenic place where we

could really enjoy the beauty of nature.
A: That’s nice.

562

ช่ัวโมงท่ี 2

ข้นั Warm up
ครูทบทวนประโยค question tag โดยยกตวั อยา่ งประโยคบนกระดาน ให้นกั เรียนเติม question tag
ใหถ้ ูกตอ้ ง จากน้นั ครูทบทวนการออกเสียงประโยค question tag แลว้ ให้นกั เรียนอ่านออกเสียง
ประโยคบนกระดานพร้อมกนั

ข้นั Pre-speaking
1. ครูเปิ ด CD ให้นกั เรียนฟังบทสนทนาในหนงั สือเรียน หนา้ 99 Ex. 2 แลว้ อ่านตามพร้อมกนั จากน้นั

ครูแบ่งนกั เรียนเป็น 2 กล่มุ ให้กลุม่ หน่ึงอ่านบทของ Alice และอกี กลุ่มหน่ึงอา่ นบทของ Janine โดย
ใหน้ กั เรียนใชน้ ้าเสียงใหเ้ หมาะสม
2. ครูใหเ้ วลานกั เรียนแต่ละคทู่ บทวนบทสนทนาที่ตนเองแต่ง เพอ่ื เตรียมความพร้อมก่อนออกมาพูด
สนทนาหนา้ ช้นั เรียน

ข้นั Speaking
1. กอ่ นเริ่มพูดสนทนา ครูให้นกั เรียนทกั ทายเพือ่ นและแนะนาตนเองดว้ ย เช่น Hi, everyone. I’m

Sunisa. Hello, my friends.
2. ครูให้นกั เรียนแตล่ ะคู่ออกมาพดู สนทนาหนา้ ช้นั เรียน โดยครูอาจเรียกตามลาดบั เลขท่หี รือเรียกตาม

แถวที่นงั่ ขณะทนี่ กั เรียนพดู สนทนาครูคอยสังเกตและจดบนั ทกึ

ข้นั Post-speaking
1. ครูให้ขอ้ มูลยอ้ นกลบั (feedback) เรื่องการใชภ้ าษาของนกั เรียน เช่น ไวยากรณ์ การออกเสียง น้าเสียง

กิริยาท่าทาง เพื่อใหน้ กั เรียนนาไปปรับปรุงแกไ้ ขในคร้ังต่อไป
2. ครูมอบหมายใหน้ กั เรียนแตล่ ะค่ไู ปฝึกอา่ นบทสนทนาในหนงั สือเรียน หนา้ 99 ให้คล่อง แลว้ มาอ่าน

บทสนทนาใหค้ รูฟังนอกเวลาเรียน
3. แบบฝึกหัด (Workbook) หนา้ 68 Exs. 5-6 ให้นกั เรียนทาเป็นการบา้ น

563

7. การวดั และการประเมนิ ผล เคร่ืองมือ เกณฑ์การผ่าน
แบบประเมนิ การอ่านออกเสียง ระดบั คณุ ภาพ พอใช้
วิธกี ารวดั แบบประเมนิ การเขียน ระดบั คณุ ภาพ พอใช้
ประเมินการอ่านออกเสียงบทสนทนา
ประเมนิ การแต่งบทสนทนาตาม แบบประเมินการแสดงบทสนทนา/ ระดบั คณุ ภาพ พอใช้
สถานการณ์ทีก่ าหนด บทบาทสมมติ
ประเมินการพูดสนทนาตาม แบบประเมนิ คุณลกั ษณะ ระดบั คณุ ภาพ ผา่ น
สถานการณ์ทีก่ าหนด อนั พึงประสงค์
สังเกตความใฝ่เรียนรู้และความม่งุ มน่ั
ในการทางาน

8. สื่อ/แหล่งการเรียนรู้
1) หนงั สือเรียน SPARK 3 ม. 3
2) Class Audio CDs ประกอบส่ือฯ ชุด SPARK 3 ม. 3
3) แบบฝึกหัด SPARK 3 ม. 3

564

5 Across the curriculum 8e

2 ชั่วโมง

จดุ ประสงค์การเรยี นรู้
- บอกรายละเอยี ดของเรื่องท่ีอ่านได้
- พดู เกี่ยวกบั ความตอ้ งการในการใชช้ ีวิตในช่วงอียิปตโ์ บราณได้
- เปรียบเทียบวถิ ชี ีวิตของชาวอียิปตโ์ บราณกบั คนไทยในอดีตได้
- คน้ ควา้ ขอ้ มลู เกี่ยวกบั อียิปตโ์ บราณและพดู นาเสนอได้

1. สาระ มาตรฐานการเรยี นรู้/ตัวชี้วัด
สาระท่ี 1 ภาษาเพอ่ื การส่ือสาร
มาตรฐาน ต 1.1 เข้าใจและตีความเร่ืองทีฟ่ ังและอ่านจากส่ือประเภทต่าง ๆ และแสดงความคดิ เห็น
อย่างมีเหตุผล
ตวั ช้ีวดั
ต 1.1 ม. 3/4 เลอื ก/ระบหุ ัวขอ้ เร่ือง ใจความสาคญั รายละเอียดสนบั สนุน และแสดงความคิดเห็น
เก่ียวกบั เรื่องทฟี่ ังและอ่านจากส่ือประเภทตา่ ง ๆ พร้อมท้งั ให้เหตผุ ลและยกตวั อยา่ ง
ประกอบ
มาตรฐาน ต 1.2 มีทกั ษะการส่ือสารทางภาษาในการแลกเปลยี่ นข้อมูลข่าวสาร แสดงความรู้สึกและ
ความคดิ เหน็ อย่างมีประสิทธภิ าพ
ตวั ช้ีวดั
ต 1.2 ม. 3/3 พูดและเขยี นแสดงความตอ้ งการ เสนอและใหค้ วามช่วยเหลอื ตอบรบั และปฏิเสธ
การใหค้ วามช่วยเหลอื ในสถานการณต์ า่ ง ๆ อยา่ งเหมาะสม
ต 1.2 ม. 3/4 พดู และเขียนเพือ่ ขอและให้ขอ้ มลู อธิบาย เปรียบเทยี บ และแสดงความคดิ เห็น
เก่ียวกบั เรื่องทฟี่ ังหรืออ่านอยา่ งเหมาะสม
มาตรฐาน ต 1.3 นาเสนอข้อมลู ข่าวสาร ความคิดรวบยอด และความคิดเหน็ ในเร่ืองต่าง ๆ โดยการพดู
และการเขยี น
ตวั ช้ีวดั
ต 1.3 ม. 3/2 พดู และเขียนสรุปใจความสาคญั /แก่นสาระ หัวขอ้ เร่ืองทไี่ ดจ้ ากการวิเคราะหเ์ รื่อง/
ข่าว/เหตุการณ์/สถานการณ์ทอ่ี ยใู่ นความสนใจของสังคม

565

สาระที่ 2 ภาษาและวัฒนธรรม
มาตรฐาน ต 2.2 เข้าใจความเหมือนและความแตกต่างระหว่างภาษาและวฒั นธรรมของเจ้าของภาษา

กบั ภาษาและวฒั นธรรมไทย และนามาใช้อย่างถกู ต้องและเหมาะสม
ตวั ช้ีวดั
ต 2.2 ม. 3/2 เปรียบเทียบและอธิบายความเหมอื นและความแตกตา่ งระหวา่ งชีวติ ความเป็นอยแู่ ละ

วฒั นธรรมของเจา้ ของภาษากบั ของไทย และนาไปใชอ้ ยา่ งเหมาะสม
สาระที่ 3 ภาษากับความสัมพนั ธ์กบั กล่มุ สาระการเรียนรู้อน่ื
มาตรฐาน ต 3.1 ใช้ภาษาต่างประเทศในการเช่ือมโยงความรู้กบั กล่มุ สาระการเรียนรู้อืน่ และเป็ น

พ้ืนฐานในการพฒั นา แสวงหาความรู้ และเปิ ดโลกทศั น์ของตน
ตวั ช้ีวดั
ต 3.1 ม. 3/1 คน้ ควา้ รวบรวม และสรุปขอ้ มูล/ขอ้ เทจ็ จริงที่เก่ียวขอ้ งกบั กลมุ่ สาระการเรียนรู้อ่นื

จากแหล่งการเรียนรู้ และนาเสนอดว้ ยการพูดและการเขียน

2. สาระสาคญั /ความคิดรวบยอด
การอ่านและเรียนรู้เกี่ยวกบั อียปิ ตโ์ บราณ จะช่วยใหเ้ ขา้ ใจ สามารถพดู /เขียนใหข้ อ้ มลู แสดงความ

คดิ เห็นเก่ียวกบั เรื่องที่อ่าน และคน้ ควา้ ความรู้เพ่ิมเติมจากแหล่งการเรียนรู้ต่าง ๆ ได้

3. สาระการเรียนรู้

3.1 ทกั ษะเฉพาะวชิ า

1) Language Features and Functions

Vocabulary: Verbs (made from, feature)

Nouns (string instruments, wind instruments, percussion instruments,

royal courts, band, brass, tube, mouthpiece, beggar)

Adjective (oval)

2) Language Skills

Speaking: พดู เก่ียวกบั ความตอ้ งการในการใชช้ ีวิตในช่วงอียปิ ตโ์ บราณ,

พดู นาเสนอขอ้ มลู เก่ียวกบั อียิปตโ์ บราณ

Reading: อ่านเพ่อื หาขอ้ มูลเฉพาะ

Writing: เขยี นให้ขอ้ มลู เกี่ยวกบั เร่ืองท่อี ่าน

3) Cultures วถิ ชี ีวิตความเป็นอยู่

566

4. สมรรถนะสาคญั ของผ้เู รยี น
1) ความสามารถในการส่ือสาร
2) ความสามารถในการคิด
3) ความสามารถในการใชเ้ ทคโนโลยี

5. คุณลกั ษณะอนั พึงประสงค์
1) ใฝ่เรียนรู้
2) มุ่งมน่ั ในการทางาน

6. กิจกรรมการเรียนรู้

ชั่วโมงท่ี 1

ข้นั Warm up
ครูดึงความสนใจของนกั เรียนเขา้ สู่บทเรียน โดยครูเขยี นคาวา่ Egypt บนกระดาน ให้นกั เรียนช่วยกนั
บอกขอ้ มูลทเี่ ก่ียวขอ้ งกบั คาน้ี เช่น the Nine river, mummy, pharaoh, pyramid

ข้นั Pre-reading
1. หนังสือเรยี น หน้า 100 Ex. 1 ครูแบ่งนกั เรียนออกเป็นกล่มุ กล่มุ ละ 5 คน ให้แต่ละกลมุ่ ระดมสมอง

คดิ ขอ้ มลู เกี่ยวกบั ประเทศอยี ิปตใ์ นสมยั โบราณ วิถีชีวิตของคนในสมยั น้นั เป็นอยา่ งไร พวกเขาอาศยั
อยทู่ ีไ่ หน เวลาว่างพวกเขาทาอะไร จากน้นั ใหต้ วั แทนของแตล่ ะกลมุ่ รายงานคาตอบ แลว้ ครูเปิ ด CD
ใหน้ กั เรียนฟังและอ่านบทอา่ นตาม เพ่ือตรวจว่านกั เรียนคาดเดาคาตอบถูกตอ้ งหรือไม่

In ancient Egypt, I think life was very hard if you were poor and very easy if
you were rich. I think rich Egyptians lived in large houses or villas and poor
Egyptians lived in small mud houses. Rich people sailed on the Nile in their free
time and poor people stayed at home if they had free time.

567

2. นกั เรียนอ่านคาศพั ทใ์ นกรอบ Check these words หนงั สือเรียน หนา้ 100 ซ่ึงเป็นคาศพั ทท์ จ่ี ะไดพ้ บ

ในบทอ่าน แลว้ ช่วยกนั บอกความหมาย ถา้ คาใดทไ่ี มร่ ู้สามารถเปิ ดพจนานุกรมได้

craftsman (n) = a person who is skilled in a particular craft (ช่างฝีมือ)

look after (phr v) = to take care of or be in charge of someone or something (ดแู ล)

brick (n) = a rectangular block of hard material used for building walls and

houses (อิฐ)

let in (phr v) = to allow someone or something to enter (ปลอ่ ยใหเ้ ขา้ ไป)

flat (adj) = level and smooth, with no curved, high, or hollow parts (แบนราบ)

tiled floor (n) = a floor covered with tiles (พ้นื กระเบ้อื ง)

carved (adj) = being cut into especially wood or stone, or to cut into the surface

of stone, wood etc. (ท่ีสลกั , ทแี่ กะสลกั )

source (n) = the place something comes from or starts at, or the cause of

something (ตน้ กาเนิด)

ข้นั Reading
หนงั สือเรียน หน้า 100 Ex. 2 นกั เรียนอา่ นประโยคที่กาหนดใหแ้ ละขดี เส้นใตค้ าสาคญั จากน้นั อา่ น
บทอ่านเพ่อื มองหาคาพอ้ งความหมาย (synonym) คาทมี่ คี วามหมายตรงกนั ขา้ ม (opposite) หรือ
กลมุ่ คา/วลี ทม่ี คี วามหมายเหมอื นกนั หรือตา่ งกนั กบั คาสาคญั ที่ขีดเส้นใตไ้ ว้ แลว้ ตอบว่าประโยคถูก
หรือผดิ หรือไม่ไดก้ ลา่ วถึง

1 F Most people didn’t live very long.
2 F Only boys whose fathers were rich went to school.
3 DS
4 F People lived in houses made of bricks.
5 F The houses had two rooms.
6T
7 F Egyptians always made time to relax.
8T
9 F Everyone went boating on the river Nile.
10 DS

568

ข้นั Post-reading
1. หนงั สือเรียน หน้า 100 Ex. 3a ใหน้ กั เรียนทบทวนขอ้ มลู ท่ีจาไดจ้ ากบทอ่าน จากน้นั สุ่มเรียกนกั เรียน

2-3 คน พดู ให้เพ่อื นฟัง

People didn’t live very long. They often cooked on their roofs and they liked to
play board games.

2. หนังสือเรยี น หน้า 100 Ex. 3b ใหน้ กั เรียนคดิ ว่าตนเองตอ้ งการอาศยั อยใู่ นช่วงอียิปตโ์ บราณหรือไม่
พร้อมบอกเหตผุ ล จากน้นั ครูสุ่มเรียกนกั เรียน 3-4 คน พูดให้เพือ่ นฟัง

I wouldn’t like to live in ancient Egypt because people didn’t live very long.

3. ครูมอบหมายใหน้ กั เรียนไปคน้ ควา้ ขอ้ มูลเกี่ยวกบั อียปิ ตโ์ บราณในดา้ ยอ่นื ๆ เช่น โรงเรียน อาชีพ
ลกั ษณะการแต่งกาย เป็นตน้ จากอนิ เทอร์เนต็ สารานุกรม หรือหนงั สืออา้ งองิ อ่นื ๆ พร้อมท้งั หา
ภาพประกอบมาดว้ ย เพอื่ ใชท้ ากิจกรรมในชวั่ โมงถดั ไป

4. แบบฝึกหดั (Workbook) หนา้ 68 Exs. 1-4 ให้นกั เรียนทาเป็นการบา้ น

ชั่วโมงท่ี 2

ข้นั Warm up
ครูเปิ ดคลิปวิดีโอเกี่ยวกบั อยี ปิ ตโ์ บราณจากเวบ็ ไซต์ https://www.youtube.com/watch?v=17V-
bP1XEao ให้นกั เรียนดู

ข้นั Presentation
ครูทบทวนความรู้เกี่ยวกบั อียปิ ตโ์ บราณทไี่ ดเ้ รียนรู้จากบทอ่าน โดยให้นกั เรียนจบั คู่ ช่วยกนั เขยี น
สรุปขอ้ มูลในรูป mind map จากน้นั ครูสุ่มเรียกนกั เรียน 3-4 คู่ ออกมาเขยี น mind map บนกระดาน
ใหน้ กั เรียนในช้นั ดวู ่าเพื่อนสรุปขอ้ มลู ถูกตอ้ งหรือไม่

569

ข้นั Practice
หนงั สือเรียน หน้า 100 Ex. 4 นกั เรียนทางานคู่ ให้แต่ละค่รู วบรวมขอ้ มลู ท่คี น้ ควา้ เกี่ยวกบั อียิปต์
โบราณและสรุปขอ้ มลู ตามหัวขอ้ เช่น school, jobs, clothes, food จากน้นั ให้แตล่ ะคู่เขยี นบรรยาย
เกี่ยวกบั อียิปตโ์ บราณ เมื่อเขียนเสร็จแลว้ ให้นกั เรียนแบ่งหนา้ ทกี่ นั เพ่ือฝึกพูดนาเสนอ

Schools in ancient Egypt
The local temple was also the school. Only boys went to school and only those
from wealthy families. They started school at the age of four and they only learnt
subjects that would be useful in their future job. So their fathers decided what
their son’s job would be when they were four years old.
Jobs in ancient Egypt
There were many jobs in ancient Egypt such as soldiers, farmers, artists, bakers
and scribes. Scribes were very important so many parents wanted their children to
go to scribe school to learn to become a scribe. Scribes could become rich and
they could work for the government and become powerful too.
Furniture in ancient Egypt
A worker’s home had little furniture except for beds and small chests for keeping
clothes in. A rich Egyptian’s home on the other hand, had tables and chairs or
stools and cupboards. They even had toilets.
Clothing in ancient Egypt
Ancient Egyptians wore light tunics and shirts. They were usually made of linen
but sometimes they were cotton. Priests and pharaohs sometimes wore leopard
skins.
Food
The main food was bread but people also ate onions and other vegetables as well
as dried fish. They didn’t eat meat and they drank beer.

ข้นั Production
1. ครูให้นกั เรียนแต่ละคอู่ อกมาพูดนาเสนอเกี่ยวกบั อียิปตโ์ บราณ พร้อมท้งั แสดงภาพประกอบใหเ้ พ่ือน

ดู

570

2. ครูให้นกั เรียนช่วยกนั คิดและเปรียบเทียบว่าวถิ ชี ิตของชาวอียปิ ตโ์ บราณมีคลา้ ยคลึงกบั วถิ ชี ีวติ ของ
คนไทยในอดีตหรือไม่ ถา้ มี มีความเหมือน/ความต่างในเร่ืองอะไรบา้ ง

3. นกั เรียนทา Language Review 8e & Prepositions Exs. 3-4 ในหนงั สือเรียน หนา้ 111
4. นกั เรียนทา Vocabulary Bank 8 ในแบบฝึกหัด (Workbook) หนา้ 120-124

7. การวดั และการประเมนิ ผล เคร่ืองมือ เกณฑ์การผ่าน
สมุดนกั เรียน -
วธิ ีการวดั
ตรวจการเขียนใหข้ อ้ มูลเกี่ยวกบั อยี ปิ ต์ แบบสังเกตพฤติกรรมการเรียนรู้ ระดบั คณุ ภาพ พอใช้
โบราณท่เี รียนรู้จากเรื่องทอี่ ่าน
สังเกตการพูดเก่ียวกบั ความตอ้ งการ แบบประเมินการสารวจ/คน้ ควา้ ระดบั คณุ ภาพ พอใช้
อาศยั อยใู่ นช่วงอยี ิปตโ์ บราณ ขอ้ มูล ระดบั คณุ ภาพ พอใช้
ประเมนิ การคน้ ควา้ ขอ้ มลู เก่ียวกบั แบบสังเกตพฤตกิ รรมการเรียนรู้
อียิปตโ์ บราณและพูดนาเสนอ ระดบั คุณภาพ ผา่ น
สงั เกตการเปรียบเทียบวถิ ีชีวติ ของชาว แบบประเมนิ คุณลกั ษณะ
อียปิ ตโ์ บราณกบั คนไทยในอดีต อนั พึงประสงค์
สังเกตความใฝ่เรียนรู้และความมุง่ มน่ั
ในการทางาน

8. สื่อ/แหล่งการเรียนรู้
1) หนงั สือเรียน SPARK 3 ม. 3
2) Class Audio CDs ประกอบสื่อฯ ชุด SPARK 3 ม. 3
3) แบบฝึกหัด SPARK 3 ม. 3
4) พจนานุกรมองั กฤษ-องั กฤษ
5) พจนานุกรมออนไลน์
6) อินเทอร์เน็ต สารานุกรม หรือหนงั สืออา้ งอิง
7) คลิปวิดีโอ

571

6 Writing 8f

2 ชั่วโมง

จดุ ประสงค์การเรียนรู้
- บอกรายละเอียดและระบุ topic sentence ของเร่ืองทอ่ี า่ นและฟังได้
- เขยี นเรียงความแสดงขอ้ ดีและขอ้ เสียตามหวั ขอ้ ทกี่ าหนดได้

1. สาระ มาตรฐานการเรยี นรู้/ตวั ชี้วดั
สาระที่ 1 ภาษาเพอื่ การสื่อสาร
มาตรฐาน ต 1.1 เข้าใจและตีความเร่ืองทฟ่ี ังและอ่านจากส่ือประเภทต่าง ๆ และแสดงความคดิ เหน็
อย่างมีเหตผุ ล
ตวั ช้ีวดั
ต 1.1 ม. 3/4 เลอื ก/ระบุหัวขอ้ เร่ือง ใจความสาคญั รายละเอียดสนบั สนุน และแสดงความคิดเห็น
เก่ียวกบั เร่ืองท่ฟี ังและอา่ นจากส่ือประเภทตา่ ง ๆ พร้อมท้งั ใหเ้ หตุผลและยกตวั อยา่ ง
ประกอบ
มาตรฐาน ต 1.3 นาเสนอข้อมูลข่าวสาร ความคดิ รวบยอด และความคิดเหน็ ในเร่ืองต่าง ๆ โดยการพดู
และการเขยี น
ตวั ช้ีวดั
ต 1.3 ม. 3/2 พูดและเขยี นสรุปใจความสาคญั /แกน่ สาระ หวั ขอ้ เร่ืองท่ไี ดจ้ ากการวิเคราะห์เร่ือง/
ขา่ ว/เหตกุ ารณ์/สถานการณ์ทอ่ี ยใู่ นความสนใจของสังคม
ต 1.3 ม. 3/3 พูดและเขยี นแสดงความคดิ เห็นเก่ียวกบั กิจกรรม ประสบการณ์ และเหตกุ ารณ์
พร้อมท้งั ให้เหตุผลประกอบ

2. สาระสาคญั /ความคิดรวบยอด
การอา่ นและเขียนเรียงความแสดงขอ้ ดีและขอ้ เสีย จะช่วยให้สามารถวเิ คราะห์ขอ้ มลู ให้เหตุผล

และตวั ยา่ งสนนั สนุนความคดิ ไดอ้ ยา่ งเหมาะสม

572

3. สาระการเรียนรู้

3.1 ทักษะเฉพาะวิชา

1) Language Features and Functions

Vocabulary: Verbs (chat, damage, distract, neglect)

Nouns (tool, topic, screen)

Adjective (harmful)

Adverb (sensibly)

Functions: Talking about advantages and disadvantages of the Internet

We use the Internet to find information.

The internet can damage your eyes if you spend too many hours.

2) Language Skills

Listening: ฟังเพอื่ หาขอ้ มลู เฉพาะ

Reading: อา่ นเพื่อหาขอ้ มลู เฉพาะ

Writing: เขียนเรียงความแสดงขอ้ ดีและขอ้ เสียตามหวั ขอ้ ทก่ี าหนด

4. สมรรถนะสาคัญของผ้เู รียน
1) ความสามารถในการสื่อสาร
2) ความสามารถในการคดิ

5. คุณลกั ษณะอันพงึ ประสงค์
1) ใฝ่เรียนรู้
2) ม่งุ มนั่ ในการทางาน

6. กจิ กรรมการเรียนรู้

ชั่วโมงที่ 1

ข้นั Warm up
ครูนาเขา้ สู่บทเรียนโดยถามนกั เรียนว่า ระหว่างชนบทกบั เมืองใหญ่นกั เรียนชอบอยทู่ ่ีไหนมากกวา่
กนั เพราะอะไร โดยครูอาจนาภาพเมอื งและชนบทมาแสดงประกอบดว้ ย

573

ข้นั Presentation
1. ครูแบง่ นกั เรียนออกเป็น 2 กลุ่ม แลว้ ครูเขยี นตารางบนกระดาน โดยแบ่งเป็น 2 หัวขอ้ คือ City และ

Countryside แลว้ ให้เวลานกั เรียนแต่ละกลุ่มช่วยกนั ระดมสมองคิดคาศพั ทเ์ กี่ยวกบั เมืองและชนบท
ให้ไดม้ ากทีส่ ุด โดยกลมุ่ แรกให้เขยี นคาศพั ทท์ ีเ่ ก่ียวกบั เมือง กลุ่มทสี่ องใหเ้ ขยี นคาศพั ทเ์ กี่ยวกบั
ชนบท ครูอาจเขยี นคาศพั ท1์ -2 คา ในช่องเพ่อื เป็นแนวทาง จากน้นั ใหส้ มาชิกแตล่ ะกล่มุ ผลดั กนั
ออกมาเขียนคาศพั ทบ์ นกระดาน

City Countryside
public transportation peaceful

2. นกั เรียนอา่ นคาศพั ทใ์ นกรอบ Check these words หนงั สือเรียน หนา้ 101 แลว้ ช่วยกนั บอก
ความหมาย ถา้ คาใดไม่รู้ ครูช่วยอธิบาย เช่น
office job (n) the regular work in the office, especially sitting at tables with
computers, phones, etc., (งานทที่ าในสานกั งาน)
heavy traffic (n) a large number of vehicles close together and unable to move or
moving very slowly (การจราจรติดขดั )
lighthouse (n) a tall building near the coast or shore with a flashing light at the top to
warn ships of rocks and other dangers (ประภาคาร)
for sale (idm) available to buy (ขาย)
peaceful (adj) quiet and calm (เงียบสงบ)
guesthouse (n) a small, cheap hotel (บา้ นพกั เล็กๆ)
rent out (phr v) to pay or receive a fixed amount of money for the use of a room,
house, car, television, etc. (ใหเ้ ช่า)
electrical storm (n) a storm with thunder and lightning (พายไุ ฟฟ้า)
fireworks display (n) a collection of fireworks arranged for people to look at
(การแสดงพลุหรือดอกไมไ้ ฟ)
isolated (adj) not near to other places (ห่างไกลจากเมืองใหญ่ (สถานท)่ี )
wave (n) a raised line of water that moves across the surface of an area of water,
especially the sea (คล่นื )
splash (v) to scatter liquid or to cause liquid to scatter through the air or onto
something (สาดกระเด็น)

574

ข้นั Practice
1. หนังสือเรียน หน้า 101 Ex. 1 ให้นกั เรียนอา่ นบทอา่ น และช่วยกนั บอกว่าแตล่ ะยอ่ หนา้ เป็นเร่ือง

เกี่ยวกบั อะไร เสร็จแลว้ ครูรวบรวมคาตอบจากนกั เรียน และเฉลยคาตอบ

The first paragraph is about where they live and why.
The second paragraph is about what it is like there.
The third paragraph is about how they feel about living there.

2. หนังสือเรียน หน้า 101 Ex. 2 นกั เรียนอา่ นคาท่ีกาหนดให้พร้อมกนั แลว้ เขยี นหัวขอ้ Positive และ
Negative ลงในสมุด แลว้ แยกคาศพั ทเ์ หลา่ น้ีให้ถูกตอ้ งตามหวั ขอ้ ถา้ คาใดไมร่ ู้ความหมายใหน้ กั เรียน
เปิ ดพจนานุกรม เสร็จแลว้ ครูเฉลยคาตอบ

Positive: excellent public transport system, fast pace of life, everything close at
hand, good chance of getting a job, cheap shops, lots of restaurants and clubs,
relaxed pace of life, safe, peaceful life, helpful neighbours, clean air, beautiful
views, never feel bored, hustle and bustle
Negative: crowded, noisy streets, traffic noise, polluted, fast pace of life,
unfriendly people, feel isolated, hustle and bustle

ข้นั Production
1. ให้นกั เรียนใชค้ าศพั ทใ์ น Ex. 2 พูดบรรยายเกี่ยวกบั หม่บู า้ นหรือเมืองท่ตี นเองอาศยั อยใู่ หเ้ พือ่ นทนี่ งั่

ขา้ ง ๆ ฟัง จากน้นั ครูสุ่มเรียกนกั เรียน 3-4 คน พดู ให้เพือ่ นในช้นั ฟัง

My town has got an excellent public transport system and everything is close at
hand. There are lots of restaurants and clubs and I never feel bored.

2. นกั เรียนทา Exs. 5-6 (Collocations & Phrasal verbs) ใน Language Review 8 หนงั สือเรียน หนา้ 112
3. แบบฝึกหดั (Workbook) หนา้ 69 Exs. 1-3 ให้นกั เรียนทาเป็นการบา้ น

575

ช่ัวโมงท่ี 2

ข้นั Warm up
ให้นกั เรียนช่วยกนั บอกว่าในชุมชนหรือเมืองทีน่ กั เรียนอยมู่ อี ะไรบา้ ง เช่น ร้านคา้ ตา่ ง ๆ แลว้ ครูถาม
วา่ มปี ัญหาการจราจรหรือเสียงดงั รบกวนหรือไม่

ข้นั Pre-writing
1. ครูทบทวนคาศพั ทใ์ น Ex. 2 โดยเขียนหวั ขอ้ Positive และ Negative บนกระดาน ใหน้ กั เรียนออก

เขียนคาศพั ทต์ ามหวั ขอ้ จากน้นั ใหน้ กั เรียนอ่านออกเสียงคาศพั ท์ และบอกความหมาย
2. หนังสือเรียน หน้า 101 Ex. 3 ใหน้ กั เรียนนาคาศพั ทใ์ น Ex. 2 เตมิ ในขอ้ ความใหส้ มบรู ณ์ เสร็จแลว้ ครู

รวบรวมคาตอบจากนกั เรียนและเฉลยพร้อมกนั

1 excellent public transport system
2 good chance of getting a job
3 everything close at hand
4 hustle and bustle/fast pace of life
5 polluted
6 traffic noise

3. ครูอธิบายภาระงานในหนงั สือเรียน หนา้ 101 Ex. 4 ว่า นกั เรียนจะไดเ้ ขยี นเรียงความเก่ียวกบั สถานท่ี
ที่ตนเองอาศยั อยู่ ความยาว 60-80 คา

ข้นั Writing
หนังสือเรียน หน้า 101 Ex. 4 นกั เรียนเขียนเรียงความเกี่ยวกบั สถานท่ีทต่ี นเองอาศยั อยตู่ ามโครงร่าง
ท่กี าหนดให้ ความยาว 60-80 คา พร้อมท้งั ต้งั ชื่อเรื่อง

576

Life in my city
I live in Athens. It is a big beautiful city with an excellent public transport
system. It’s easy to get around but it is a bit crowded and there is a lot of traffic
noice. There is a lot to see and do with a variety of shops, clubs, cinemas,
restaurants and lots more and I like living here. I like the fast pace of life and
having everything close at hand.

ข้นั Post-writing
1. ให้นกั เรียนตรวจทานงานเขยี นของตนเอง โดยดูไวยากรณ์ การสะกดคา ยอ่ หนา้ และการใชภ้ าษา

แลว้ แลกเปล่ียนกนั ตรวจกบั เพือ่ น จากน้นั แกไ้ ขงานเขียนของตนเองใหถ้ ูกตอ้ ง แลว้ รวบรวมส่งครู
2. นกั เรียนทา Self-Check 8 ในหนงั สือเรียน หนา้ 120
3. แบบฝึกหัด (Workbook) หนา้ 69 Exs. 4-5 ให้นกั เรียนทาเป็นการบา้ น

7. การวดั และการประเมนิ ผล เคร่ืองมือ เกณฑ์การผ่าน
แบบฝึกหดั (Workbook) ร้อยละ 60
วิธีการวดั
ตรวจการตอบคาถามจากการอา่ นและ แบบประเมนิ การเขียน ระดบั คุณภาพ พอใช้
การฟัง
ประเมินการเขยี นเรียงความเก่ียวกบั แบบประเมินคุณลกั ษณะ ระดบั คุณภาพ ผ่าน
สถานทท่ี ีต่ นเองอาศยั อนั พงึ ประสงค์
สงั เกตความใฝ่เรียนรู้และความมุ่งมนั่
ในการทางาน

8. ส่ือ/แหล่งการเรียนรู้
1) หนงั สือเรียน SPARK 3 ม. 3
2) แบบฝึกหดั SPARK 3 ม. 3

577

7 ASEAN corner 8

1 ชั่วโมง

จุดประสงค์ (Objectives)
- บอกรายละเอยี ดของเร่ืองทีอ่ า่ นได้
- พดู ขอและใหข้ อ้ มลู เกี่ยวกบั ตนเองได้
- คน้ ควา้ และนาเสนอขอ้ มลู ตามหัวขอ้ ทกี่ าหนดได้

1. สาระ มาตรฐานการเรยี นรู้/ตัวชี้วัด
สาระท่ี 1 ภาษาเพอ่ื การสื่อสาร
มาตรฐาน ต 1.1 เข้าใจและตคี วามเร่ืองทฟี่ ังและอ่านจากสื่อประเภทต่าง ๆ และแสดงความคิดเหน็
อย่างมีเหตผุ ล
ตวั ช้ีวดั
ต 1.1 ม. 3/4 เลอื ก/ระบุหวั ขอ้ เรื่อง ใจความสาคญั รายละเอียดสนบั สนุน และแสดงความคิดเห็น
เกี่ยวกบั เรื่องท่ฟี ังและอ่านจากส่ือประเภทตา่ ง ๆ พร้อมท้งั ใหเ้ หตุผลและยกตวั อยา่ ง
ประกอบ
มาตรฐาน ต 1.2 มที ักษะการส่ือสารทางภาษาในการแลกเปลย่ี นข้อมลู ข่าวสาร แสดงความรู้สึกและ
ความคิดเห็นอย่างมีประสิทธภิ าพ
ตวั ช้ีวดั
ต 1.2 ม. 3/1 สนทนาและเขียนโตต้ อบขอ้ มูลเกี่ยวกบั ตนเอง เร่ืองตา่ ง ๆ ใกลต้ วั สถานการณ์ ข่าว
เรื่องทอ่ี ยใู่ นความสนใจของสังคม และสื่อสารอยา่ งต่อเนื่องและเหมาะสม
มาตรฐาน ต 1.3 นาเสนอข้อมลู ข่าวสาร ความคิดรวบยอด และความคดิ เหน็ ในเรื่องต่าง ๆ โดยการพดู
และการเขยี น
ตวั ช้ีวดั
ต 1.3 ม. 3/2 พูดและเขยี นสรุปใจความสาคญั /แกน่ สาระ หวั ขอ้ เร่ืองทีไ่ ดจ้ ากการวเิ คราะหเ์ รื่อง/
ข่าว/เหตุการณ์/สถานการณ์ทอี่ ยใู่ นความสนใจของสงั คม

578

สาระที่ 3 ภาษากบั ความสัมพันธ์กับกล่มุ สาระการเรียนรู้อน่ื
มาตรฐาน ต 3.1 ใช้ภาษาต่างประเทศในการเช่ือมโยงความรู้กบั กล่มุ สาระการเรียนรู้อื่น และเป็ น

พนื้ ฐานในการพฒั นา แสวงหาความรู้ และเปิ ดโลกทัศน์ของตน
ตวั ช้ีวดั
ต 3.1 ม. 3/1 คน้ ควา้ รวบรวม และสรุปขอ้ มลู /ขอ้ เท็จจริงท่ีเกี่ยวขอ้ งกบั กลมุ่ สาระการเรียนรู้อ่นื

จากแหล่งการเรียนรู้ และนาเสนอดว้ ยการพูดและการเขียน

2. สาระสาคญั /ความคดิ รวบยอด
การเขา้ ใจและตระหนกั ถึงความสาคญั เร่ืองความแตกตา่ งดา้ นวฒั นธรรม จะช่วยให้เกิดความเขา้ ใจ

และสามารถอยรู่ ่วมกนั ได้

3. สาระการเรียนรู้

3.1 ทักษะเฉพาะวชิ า

1) Language Features and Functions

Vocabulary: Verb (preserve)

Nouns (dominant, trade, evident, diversity, heritage)

Functions: Talking about yourself

What’s your favourite music?

I like pop music.

2) Language Skills

Speaking: พดู ขอและให้ขอ้ มลู เก่ียวกบั ตนเอง,

พูดนาเสนอเกี่ยวกบั ความหลากหลายทางดา้ นวฒั นธรรมในประเทศไทย

Reading: อ่านเพื่อหาขอ้ มูลเฉพาะ

4. สมรรถนะสาคัญของผ้เู รยี น
1) ความสามารถในการส่ือสาร
2) ความสามารถในการคดิ
3) ความสามารถในการใชเ้ ทคโนโลยี

579

5. คุณลกั ษณะอันพึงประสงค์
1) ใฝ่เรียนรู้
2) มงุ่ มนั่ ในการทางาน

6. กจิ กรรมการเรียนรู้
ข้นั Warm up
1. ครูถามนกั เรียนวา่ เคยดูรายการโทรทศั น์หรือภาพยนตร์ของประเทศในกลุ่มประชาคมอาเซียน
หรือไม่ ถา้ เคย เคยดรู ายการของประเทศใด
2. ครูถามนกั เรียนว่า คดิ วา่ รายการโทรทศั นห์ รือภาพยนตร์ของไทยเป็นที่นิยมในประเทศในกลมุ่
ประชาคมอาเซียนประเทศใดบา้ ง

ข้นั Pre-reading
1. นกั เรียนอา่ นชื่อเรื่องของบทอ่านในหนงั สือเรียน หนา้ 102 แลว้ เดาว่าบทอา่ นเรื่องน้ีน่าจะเกี่ยวกบั

อะไร
2. ครูเขยี นคาศพั ท์ dominant, trade, evident, diversity, heritage, preserve บนกระดาน ให้นกั เรียนอ่าน

พร้อมกนั จากน้นั อา่ นเร่ือง Lifestyle in ASEAN ในหนงั สือเรียน หนา้ 102 อยา่ งรวดเร็วเพอ่ื หา
คาศพั ทเ์ หลา่ น้ี แลว้ ใหน้ กั เรียนช่วยกนั เดาความหมาย ถา้ คาใดทีไ่ มร่ ู้ให้หาความหมายจาก
พจนานุกรม

ข้นั Reading
หนงั สือเรียน หน้า 102 Ex. 1 นกั เรียนอ่านประโยคและขีดเสน้ ใตค้ าสาคญั ในแต่ละประโยค จากน้นั
อา่ นบทอา่ นเพือ่ มองหาคาพอ้ งความหมาย (synonym) คาที่มีความหมายตรงกนั ขา้ ม (opposite) หรือ
กลุ่มคา/วลที ม่ี ีความหมายเหมอื นกนั หรือตา่ งกนั กบั คาสาคญั ทีข่ ดี เส้นใตไ้ ว้ แลว้ ระบุวา่ ประโยคถูก
หรือผดิ เสร็จแลว้ ครูรวบรวมคาตอบจากนกั เรียนและเฉลยคาตอบ

1T 2F 3T 4F 5T

ข้นั Post-reading
1. หนังสือเรยี น หน้า 102 Ex. 2 นกั เรียนจบั คกู่ บั เพ่ือนพดู ถาม-ตอบเก่ียวกบั ตนเองโดยใชค้ าถามท่ี

กาหนดให้ ครูเดินสังเกตการทากิจกรรมของนกั เรียนรอบ ๆ ช้นั เรียน

580

Where are you from? (I’m from Bangkok, Thailand.)

What’s your favourite subject? (I like maths.)

What’s your favourite type of film? (I like sci-fi.)

What skills do you have? (I can play Thai traditional instruments.)

2. หนงั สือเรยี น หน้า 102 Ex. 3 ให้นกั เรียนค่เู ดิมร่วมกนั อภปิ รายคาถามทกี่ าหนดให้โดยใชค้ าตอบจาก
Ex. 2

3. หนังสือเรยี น หน้า 102 Ex. 4 นกั เรียนแบ่งกลุ่ม กล่มุ ละ 3-4 คน ครูใหแ้ ต่ละกลุ่มคน้ ควา้ รวบรวม
ขอ้ มลู จากอนิ เทอร์เน็ตเกี่ยวกบั ความหลากหลายทางดา้ นวฒั นธรรมในประเทศไทยตามหวั ขอ้ ท่ี
กาหนด จากน้นั พูดนาเสนอขอ้ มูลใหเ้ พอ่ื นฟัง

7. การวัดและการประเมนิ ผล

วธิ กี ารวดั เครื่องมือ เกณฑ์การผ่าน
ร้อยละ 60
ตรวจการตอบคาถามจากเรื่องทอี่ ่าน สมุดนกั เรียน ระดบั คุณภาพ พอใช้

สงั เกตการพดู ขอและใหข้ อ้ มูลเกี่ยวกบั แบบสังเกตพฤติกรรมการเรียนรู้ ระดบั คณุ ภาพ พอใช้

ตนเอง ระดบั คณุ ภาพ ผา่ น

ประเมินการคน้ ควา้ ขอ้ มลู เก่ียวกบั แบบประเมินการสารวจ/คน้ ควา้

ความหลากหลายทางดา้ นวฒั นธรรม

ในประเทศไทยและพดู นาเสนอ

สงั เกตความใฝ่เรียนรู้และความมุ่งมนั่ แบบประเมนิ คุณลกั ษณะ

ในการทางาน อนั พงึ ประสงค์

8. สื่อ/แหล่งการเรียนรู้
1) หนงั สือเรียน SPARK 3 ม. 3
2) พจนานุกรมองั กฤษ-องั กฤษ
3) พจนานุกรมออนไลน์
4) อินเทอร์เน็ต

581

8 O-NET practice & Fun time 8

1 ชั่วโมง

จดุ ประสงค์การเรยี นรู้
- ทบทวนคาศพั ทแ์ ละไวยากรณ์ทเี่ รียนมาแลว้ ในหน่วยการเรียนรู้ที่ 8
- เขียน quiz เกี่ยวกบั เน้ือหาทเ่ี รียนมาแลว้ ได้

1. สาระ มาตรฐานการเรียนรู้/ตัวชี้วดั
สาระท่ี 1 ภาษาเพอื่ การส่ือสาร
มาตรฐาน ต 1.1 เข้าใจและตคี วามเร่ืองทฟ่ี ังและอ่านจากส่ือประเภทต่าง ๆ และแสดงความคิดเห็น
อย่างมเี หตผุ ล
ตวั ช้ีวดั
ต 1.1 ม. 3/4 เลอื ก/ระบหุ วั ขอ้ เร่ือง ใจความสาคญั รายละเอียดสนบั สนุน และแสดงความคดิ เห็น
เก่ียวกบั เร่ืองทฟ่ี ังและอ่านจากสื่อประเภทตา่ ง ๆ พร้อมท้งั ให้เหตผุ ลและยกตวั อยา่ ง
ประกอบ
สาระที่ 2 ภาษาและวัฒนธรรม
มาตรฐาน ต 2.1 เข้าใจความสัมพันธ์ระหว่างภาษากบั วัฒนธรรมของเจ้าของภาษา และนาไปใช้ได้
อย่างเหมาะสมกบั กาลเทศะ
ตวั ช้ีวดั
ต 2.1 ม. 3/3 เขา้ ร่วม/จดั กิจกรรมทางภาษาและวฒั นธรรมตามความสนใจ

2. สาระสาคญั /ความคดิ รวบยอด
การรู้และเขา้ ใจคาศพั ทแ์ ละโครงสร้างภาษา ช่วยใหพ้ ูด/เขียนสื่อสาร และเขา้ ร่วมกิจกรรมทางภาษา

ไดอ้ ยา่ งเหมาะสม

582

3. สาระการเรียนรู้

3.1 ทักษะเฉพาะวิชา

1) Language Features and Functions

Vocabulary: คาศพั ทใ์ นหน่วยการเรียนรู้ท่ี 8

Grammar: ไวยากรณ์ในหน่วยการเรียนรู้ที่ 8

2) Language Skills

Listening: ฟังเพอ่ื หาขอ้ มูลเฉพาะ

Writing: เขียน quiz เก่ียวกบั เน้ือหาทเ่ี รียนมาแลว้

4. สมรรถนะสาคัญของผ้เู รียน
1) ความสามารถในการส่ือสาร
2) ความสามารถในการคิด

5. คุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์
- ม่งุ มนั่ ในการทางาน

6. กจิ กรรมการเรียนรู้

ข้นั Warm up
ครูทบทวนคาศพั ทท์ เ่ี รียนในหน่วยการเรียนรู้ท่ี 8 โดยให้นกั เรียนเล่นเกม Odd word out ครูเขียน
คาศพั ทค์ ร้งั ละ 4 คา บนกระดาน ใหน้ กั เรียนอา่ นออกเสียงคาศพั ทท์ ีค่ รูเขียน จากน้นั ระบุคาศพั ทท์ ี่
ไมเ่ ขา้ พวก

ข้นั Presentation
ครูทบทวนไวยากรณใ์ นหน่วยการเรียนรู้ท่ี 8 ดว้ ยการให้นกั เรียนระดมสมองพูดบอกไวยากรณท์ ่ี
เรียนรู้ในหน่วยน้ี ครูเขียนตามทน่ี กั เรียนบอกบนกระดานในรูปของ mind map จากน้นั ให้นกั เรียน
ช่วยกนั พูดบอกโครงสร้างประโยคและหลกั การใช้

583

question Relatives Modals
tags (who, which, verb -ing/
linkers of where, whose) to-infinitive/
contrast infinitive
ไวยากรณ์ wothout to
หน่วยการ
เรียนรู้ท่ี 8

had better/
would rather

ข้นั Practice
1. หนังสือเรียน หน้า 104 Ex. 1 นกั เรียนจบั คู่ แข่งขนั กนั ทาอกั ษรไขว้ เสร็จแลว้ ครูเฉลยคาตอบ

Across Down
1 craftsman 1 cosmopolitan
3 peaceful 2 farm
5 attractions 4 car park
6 flood
7 coast

2. หนงั สือเรียน หน้า 104 Ex. 2 ครูให้นกั เรียนทา quiz โดยห้ามเปิ ดดูเน้ือหา เสร็จแลว้ ใหน้ กั เรียน
เปรียบเทยี บคาตอบกบั เพ่ือน จากน้นั ครูจึงเฉลยคาตอบ

584

1 F (It is in Russia.) 5T
2T 6 F (in 1987)
3 F (It is in Turkey.) 7 F (They were made of bricks.)
4T

3. หนังสือเรยี น หน้า 104 GAME ครูแบง่ นกั เรียนเป็นกลุ่มเพ่ือเล่นเกม แลว้ เขียนคาศพั ทต์ ่อไปน้ีบน

กระดาน

park doctor Venice airport bakery laptop

nurse pilot hospital MP3 player pen

ใหแ้ ต่ละทมี นาคาศพั ทบ์ นกระดานมาแต่งประโยคโดยใช้ relatives เช่น A park is a place where I

often play football with my friends. ทีมใดแต่งประโยคไดถ้ ูกตอ้ งมากท่ีสุดจะเป็นผูช้ นะ

4. หนงั สือเรียน หน้า 104 Ex. 4 นกั เรียนอ่านชื่อเพลง แลว้ เดาวา่ นกั ร้องชอบอาศยั อยใู่ นเมืองใช่หรือไม่

จากน้นั ครูเปิ ด CD ให้นกั เรียนฟังเพลงเพอื่ ตรวจคาตอบ

They like to spend time with their friends, but they don’t like to unsafe when
they are out at night, the polluted air and the urban crime rate. They would like
to spend more time in the countryside.

6. หนังสือเรียน หน้า 104 Ex. 5 ใหน้ กั เรียนเขียนแสดงความคดิ เห็นเกี่ยวกบั ชีวติ ในเมือง จากน้นั ครู
สุ่มเรียกนกั เรียน 3-4 คน บอกความคิดเห็นของตนเองให้เพ่อื นฟัง

To me, city life is OK because it is busy, active and fun but difficult at times.

7. หนงั สือเรียน หน้า 103 O-NET practice ครูให้เวลานกั เรียนทาขอ้ สอบ เสร็จแลว้ ตรวจคาตอบ
ร่วมกนั ถา้ นกั เรียนไมเ่ ขา้ ใจ ให้ครูอธิบายเพม่ิ เติม

585

Ex. 1 1 A c, B d 2 A b, B c 3 A d, B a 5a
Ex. 2 1 c 2 b 3 d 4 b

ข้นั Production
หนังสือเรยี น หน้า 104 Ex. 3 นกั เรียนจบั คูก่ นั ครูแจกกระดาษให้คู่ละ 1 แผน่ ให้แต่ละค่คู ดิ คาถาม
quiz 5-6 ขอ้ เกี่ยวกบั เน้ือหาในหน่วยการเรียนรู้ที่ 8 โดยเขยี นคาตอบไวด้ า้ นหลงั กระดาษ ครูช่วย
ยกตวั อยา่ ง เช่น Arkaim is as old as ancient Babylon. (T) จากน้นั ให้นกั เรียนทางานโดยสามารถ
เปิ ดดูเน้ือหาได้ เม่ือทุกคูค่ ดิ คาถามเสร็จแลว้ ใหแ้ ลกกนั ทา quiz กบั คูอ่ ื่น

1 There are houses called ‘fairy chimneys’ in Turkey. (T)
2 London is in the south-east of England. (T)
3 Girls went to school in ancient Egypt. (F)
4 Many Egyptians couldn’t swim. (F)
5 Arkaim is in Russia. (F)

7. การวดั และการประเมนิ ผล เครื่องมือ เกณฑ์การผ่าน
- ร้อยละ 60
วธิ ีการวดั
ตรวจการเขียน quiz เก่ียวกบั เน้ือหา แบบประเมนิ คณุ ลกั ษณะ ระดบั คุณภาพ ผ่าน
ในหน่วยการเรียนรู้ท่ี 8 อนั พงึ ประสงค์
สังเกตความมงุ่ มนั่ ในการทางาน

8. ส่ือ/แหล่งการเรียนรู้
1) หนงั สือเรียน SPARK 3 ม. 3
2) Class Audio CDs ประกอบส่ือฯ ชุด SPARK 3 ม. 3

586

Key to Language Review SPARK 3 ม. 3

Language Review 1 Language Review 2

1a 2a

1 sales assistant airline pilot 1 1f 2d 3a 4e 5b 6c

heart surgeon make-up artist 1 lightning strike

graphic designer 2 hurt his ankle

2 1b 3a 5d 7f 3 dumped a bucket of water

2c 4e 6g 2c

1 earns a living 4 welcome visitors 2 1 confused, path 4 experienced

2 dressing room 5 make his way 2 recover 5 realised

3 forked tongue 3 exhaustion 6 washed away

1c 2e

3 1 wrinkles 3 late 5 skinny 3 1 wrapped 5 lonely

2 selfish 4 spiky 6 generous 2 looking forward to 6 ran out of

1e 3 got stuck 7 survive

4 1 do 4 physical 7 make 4 set off 8 scared

2 increase 5 looks Prepositions

3 make 6 make 4 1 on 3 in 5 to

Prepositions 2 of 4 from

5 1 with 3 to 5 from, to Collocations

2 in 4 on 5 1 have 5 do 9 have

Collocations 2 do 6 have 10 do

6 1 do 6 do 11 do 3 have 7 have 11 do

2 do 7 make 12 make 4 have 8 do 12 have

3 make 8 make 13 do Phrasal verbs

4 make 9 do 14 make 6 1 ran away 3 ran across

5 make 10 make 15 do 2 ran out of

Phrasal verbs

7 1 give up 2 give, back 3 giving off

พเิ ศษ 1

Language Review 3 1 pay a fine

3a 2 filled in an entry form

1 1c 2e 3a 4f 5d 6b 3 commit a crime

1 shark attack 3 turned red 4 broke into a house

2 entered a competition 4 sharp pain 2 1 captured 4 Freeze

2 1 managed 4 catching 7 rushed 2 speeding 5 realised

2 escape 5 fitted 8 lost 3 foolish 6 notice

3 looks 6 won 4c

3c 3 1 Follow 3 wings

3 1 break 4 get 7 lose 2 building 4 rescue

2 endangered 5 miss 4e

3 customs 6 board 4 1 act 3 join 5 force

3e 2 punch, stamp 4 ignore

4 1 stores 4 dehydrated Prepositions

2 fuel 5 dairy 5 1 in, from 2 of 3 for

3 muscles 6 nutrients Collocations

Prepositions 6 1 pay 5 break 9 break

5 1 to 2 of 3 at 4 in 2 break 6 break 10 pay

Collocations 3 pay 7 pay 11 break

6 1 play 5 do 9 do 4 break 8 pay

2 do 6 go 10 play Phrasal verbs

3 go 7 play 11 go 7 1 break up 3 broke into

4 play 8 go 12 do 2 broke down

Phrasal verbs

7 1 got over 2 got off 3 get on, with Language Review 5

Language Review 4 5a 5 preserve
4a 1 1 damage 3 face 6 survive
1 1h 3f 5a 7d 7 busy
2 worship 4 threaten 8 car
2c 4e 6b 8g 2 1 rising 4 melting 9 global

2 giant 5 humid
3 cultural 6 national

พเิ ศษ 2

5c 6e

3 1 eruption 5 float 3 1 fluent 3 crossed 5 insult

2 freak 6 rare 2 shook 4 compartments

3 release 7 disappear Prepositions

4 glide 8 explain 4 1 on 3 at 5 on 7 to

5e 2 for 4 to 6 on

4 1 native 3 overfishing 5 reflect Collocations

2 mammals 4 unique 5 1 take 5 take 9 take

Prepositions 2 catch 6 catch 10 catch

5 1 in 3 with 5 off 3 take 7 take 11 catch

2 for 4 to 6 to 4 catch 8 take 12 catch

Collocations Phrasal verbs

6 1 save 5 save 8 save 6 1 made up 2 making up 3 make out

2 keep 6 save 9 keep

3 save 7 keep 10 keep Language Review 7

4 keep 7a

Phrasal verbs 1 1h 3d 5g 7a

7 1 Come along 3 came into 2e 4c 6f 8b

2 came across 1 annual festival

2 science-fiction lover

Language Review 6 3 left alone

6a 4 special effects

1 1c 2d 3f 4e 5a 6b 5 computer-animated, highly recommended

1 carry a message, time capsule 7c

2 solar system 2 Across Down

3 human race 6 exhibition centre 1 concert hall

6c 7 cinema 2 opera house

2 1 surf 5 documents 8 museum 3 theatre

2 backup 6 nickname 9 art gallery 4 circus

3 burn 7 chat 5 stadium

4 downloads

พเิ ศษ 3

7e Prepositions 3 to 5 at
3 1 bands 3 traditional 5 wind 4 1 from 4 in 6 on

2 theme 4 times 2 of 5 say 9 say
Prepositions Collocations 6 tell 10 tell
4 1 to 2 on 3 to 4 with 5 1 tell 7 tell 11 tell
Collocations 8 tell 12 say
5 1 be 3 go 5 be 2 say
3 tell 3 looking for
2 go 4 go 6 go 4 say
Phrasal verbs Phrasal verbs
6 1 is on 2 was off 3 was over 6 1 look, up
2 look after

Language Review 8

8a

1 Across Down

4 square 1 farm

5 motorway 2 path

6 factory 3 skyscraper

7 harbour

8 field

Label the picture: woods

8c

2 1 houseboat 6 underground

2 fireplace 7 utility

3 swimming pool 8 busy

4 cosy 9 cramped

5 garden

8e

3 1 work as 3 flat 5 board

2 made of 4 high 6 wooden

พเิ ศษ 4

Key to Self-Check SPARK 3 ม. 3

Self-Check 1 3 1 is used to 3 use 5 to go

1 1 daring 5 confident 9 trendy 2 walked 4 would

2 polite 6 reserved 10 still 4 1 went 4 was frying

3 fit 7 bossy 2 were sleeping 5 broke

4 overweight 8 matches 3 were driving

2 1 flat 5 middle 9 travel 5 1 Are you OK?

2 shop 6 paid 10 tight 2 I feel terrible.

3 spiky 7 pointed 3 What’s wrong?

4 heart 8 fashion 4 You should see a doctor.

3 1 the shortest 4 more friendly/ 5 I suppose you’re right.

2 thinner than friendlier than

3 the most energetic 5 better Self-Check 3

4 1 like 6 meets 1 1 skydiving 5 paddle 9 kayaking

2 is training 7 has 2 scuba diving 6 cricket 10 goggles

3 are you leaving 8 are working 3 mask 7 gloves

4 is performing 9 hates 4 canoeing 8 flippers

5 am painting 10 arrives 2 1 sharp 5 rock 9 the law

5 1e 2c 3b 4a 5d 2 look 6 bungee 10 lose

3 catch 7 white-water

Self-Check 2 4 overcome 8 board

1 1 sprained 6 condition 3 1 since 3 yet 5 ever

2 wound 7 recover 2 ago 4 already

3 plaster cast 8 suffered 4 1 Have you ever been 6 moved

4 X-ray 9 avalanche 2 left 7 went

5 muscle 10 dressing 3 has just finished 8 has been painting

2 1 first 5 bruise 9 knock 4 hasn’t come 9 has already booked

2 volcanic 6 cost 10 ranger 5 have been working 10 broke

3 search 7 lightning 5 1b 2e 3d 4c 5a

4 stay 8 set

พเิ ศษ 5


Click to View FlipBook Version