The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

แผนการจัดการเรียนรู้ ภาษาอังกฤษ ม.3
หนังสือ Spark

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by DanAngelo Q Bunlong, 2022-08-16 00:02:12

แผนการจัดการเรียนรู้ ภาษาอังกฤษ ม.3

แผนการจัดการเรียนรู้ ภาษาอังกฤษ ม.3
หนังสือ Spark

Keywords: แผนการจัดการเรียนรู้ ภาษาอังกฤษ ม.3

I was impressed that we had the technology to launch two spacecraft into space to
look for inhabitants of other planets over 30 years ago.
I was impressed that there are greetings in 55 languages on the golden record.
I was impressed that there are 115 photographs on the record.
I was impressed that Voyager 2 is leaving our solar system.

3. ครูให้นกั เรียนแสดงความคดิ เห็นว่า การพฒั นาเทคโนโลยีอวกาศกอ่ ให้เกิดประโยชน์ตอ่ มนุษยชาติ
อยา่ งไรบา้ ง โดยครูอาจใหน้ กั เรียนแสดงความคดิ เห็นตามหวั ขอ้ ที่ครูกาหนด เช่น ดา้ นดาราศาสตร์
ดา้ นระบบโทรคมนาคม ดา้ นภมู ิศาสตร์

4. นกั เรียนทา Language Review 6a Ex. 1 ในหนงั สือเรียน หนา้ 110 ร่วมกนั ในช้นั
5. แบบฝึกหดั (Workbook) หนา้ 44 Exs. 1-3 ให้นกั เรียนทาเป็นการบา้ น

ชั่วโมงท่ี 2

ข้นั Warm up
เพือ่ ใหน้ กั เรียนรู้ว่าเทคโนโลยีเป็นเร่ืองใกลต้ วั ครูทากิจกรรมดว้ ยการแบง่ นกั เรียนออกเป็น 2 ทมี
ให้แต่ละทมี ผลดั กนั ส่งตวั แทน 1 คน ออกมาวาดภาพสิ่งของเคร่ืองใชท้ ่ีเป็นผลมาจากการพฒั นาดา้ น
เทคโนโลยเี พื่ออานวยความสะดวกในการดารงชีวิต แลว้ ให้อกี ทมี หน่ึงทายว่าคอื อะไร ถา้ นกั เรียน
ไม่รู้คาศพั ทภ์ าษาองั กฤษ ใหพ้ ดู เป็นภาษาไทยได้ แลว้ ครูช่วยบอกคาศพั ท์ เช่น
Team A S1: (วาดภาพโทรศพั ทม์ อื ถือ)
Team B: Mobile phone

ข้นั Presentation
1. หนงั สือเรียน หน้า 71 Ex. 3 ครูทบทวนวลีทีเ่ กี่ยวขอ้ งกบั อวกาศซ่ึงพบในบทอ่าน หนา้ 70 โดยให้

นกั เรียนจบั คู่คาให้เป็นวลีท่ีถูกตอ้ ง เสร็จแลว้ ครูขออาสาสมคั รอา่ นวลีทถ่ี ูกตอ้ ง แลว้ ให้นกั เรียน
ช่วยกนั บอกความหมาย

392

1b 2d 3a 4c

จากน้นั ให้นกั เรียนเตมิ วลที ีจ่ บั ค่ถู กู ตอ้ งแลว้ ลงในประโยค แลว้ ครูสุ่มเรียกนกั เรียนอา่ นประโยค
ใหน้ กั เรียนช่วยกนั ตรวจคาตอบ

1 desert island 2 space exploration
3 solar system 4 time capsule

2. หนังสือเรียน หน้า 71 Ex. 4 นกั เรียนอ่านคากริยาทีก่ าหนดให้ แลว้ ช่วยกนั บอกความหมาย จากน้นั
ใหน้ กั เรียนเตมิ คากริยาลงในประโยคใหถ้ ูกตอ้ ง โดยเปล่ียนให้เป็น tense ท่ีถกู ตอ้ งดว้ ย เสร็จแลว้ ครู
เฉลยคาตอบ และให้นกั เรียนอา่ นประโยคพร้อมกนั

1 launched 2 explore 3 transmit 4 designed
5 communicate 6 land 7 represent

ข้นั Practice

1. หนังสือเรยี น หน้า 71 Ex. 5 ครูอธิบายวา่ นกั เรียนจะไดฟ้ ังบทสนทนาทผี่ ชู้ ายคนหน่ึงสอบถามขอ้ มูล
กบั เจา้ หนา้ ท่ที อ้ งฟ้าจาลอง แลว้ ใหน้ กั เรียนอ่านคาถามและตวั เลอื กท่ใี ห้มา จากน้นั เปิ ด CD ให้
นกั เรียนฟัง โดยพยายามฟังคาท่เี กี่ยวขอ้ งกบั คาถาม และเลือกคาตอบที่ถกู ตอ้ ง เมอ่ื ฟังจบครูถามวา่
ทาไดค้ รบทกุ ขอ้ หรือไม่ โดยครูอาจจะเปิ ด CD ใหน้ กั เรียนฟังอีกคร้ัง จากน้นั ครูรวบรวมคาตอบจาก
นกั เรียนและเฉลยคาตอบ

1A 2B 3B 4C 5B

393

2. หนงั สือเรยี น หน้า 71 Ex. 6 นกั เรียนทางานกลุม่ กลมุ่ ละ 5 คน โดยสมมติวา่ ตนเองเป็นผสู้ ่ง
แคบซูลเวลาข้นึ ไปในอวกาศ ให้นกั เรียนตดั สินใจวา่ จะใส่อะไรในแคบซูลเวลาบา้ ง 5 ส่ิง เพ่ือเป็น
ตวั แทนของชาตไิ ทย พร้อมท้งั ให้เหตุผลประกอบการเลือกสิ่งของแต่ละอยา่ ง ใหแ้ ตล่ ะกลมุ่ ร่วมกนั
แสดงความคิดเห็น ครูเดินสังเกตการทากิจกรรมของแต่ละกลุ่ม
จากน้นั ใหแ้ ตล่ ะกล่มุ พูดรายงานส่ิงที่ใส่ลงในแคบซูลเวลา โดยให้กลมุ่ อน่ื ร่วมกนั อภิปรายว่าเห็นดว้ ย
หรือไม่เห็นดว้ ยกบั การเลอื กส่ิงของแต่ละอยา่ ง โดยใช้วลีท่กี าหนดให้

A: I think that we should put in a recording of our language. In my opinion
this is important so they can hear how we speak.

B: Yes, I agree the language we speak is a very important part of our
nationality. I think that we should put in a recording of our national
music also because it shows what we like to listen to.

A: I agree with you because our music is good. I think that we should put
photographs of all our native people and animals to show what they
look like.

B: I disagree with you because there will be too many. I think that we
should choose only the important ones. In my opinion, we should put in
a doll in national costume to show what we wear.

A: I agree with you because it will be interesting. In my opinion we should
put in a book of recipes to show what we eat.

B: I agree with that because our food is different to that of other countries.

ข้นั Production
1. หนงั สือเรียน หน้า 71 Ex. 7 ให้นกั เรียนจินตนาการวา่ ตนเองเป็นมนุษยค์ นแรกท่ีพบติดต่อกบั

ส่ิงมชี ิวิตทมี่ าจากนอกโลก ครูให้เวลานกั เรียนเขียนบรรยายเหตกุ ารณโ์ ดยมรี ายละเอยี ดเก่ียวกบั
where you were, what you were doing, what happened, how you felt.

394

My dad and I were camping in the mountains when we heard a very strange
noise. We looked up and saw a giant spaceship hovering above. We couldn’t
believe our eyes. We were surprised and scared. Suddenly, it landed and the
doors opened. Three very strange looking creatures came out. They looked
a bit like humans but they were not. They had long arms and legs and small
heads with big black eyes. They looked at us for a long time and then they got
back in their spaceship and left. We were amazed.

2. แบบฝึกหัด (Workbook) หนา้ 45 Exs. 4-8 ให้นกั เรียนทาเป็นการบา้ น

7. การวดั และการประเมนิ ผล

วิธกี ารวดั เคร่ืองมือ เกณฑ์การผ่าน

ตรวจการตอบคาถามจากการอา่ นและ แบบฝึกหัด (Workbook) ร้อยละ 60

การฟัง

ประเมนิ การแตง่ บทสนทนาตาม แบบประเมินการเขยี น ระดบั คณุ ภาพ พอใช้

สถานการณ์ท่ีกาหนด

สงั เกตการพูดส่ิงท่ปี ระทบั ใจจากเรื่อง แบบสงั เกตพฤติกรรมการเรียนรู้ ระดบั คุณภาพ พอใช้

ทอี่ า่ น

สงั เกตการแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกบั แบบสังเกตพฤตกิ รรมการเรียนรู้ ระดบั คุณภาพ พอใช้

ประโยชน์ของการพฒั นาเทคโนโลยี

อวกาศ

สงั เกตการอภปิ รายเกี่ยวกบั การเลอื ก แบบสังเกตพฤติกรรมการเรียนรู้ ระดบั คุณภาพ พอใช้

สิ่งของใส่ลงในแคบซูลเวลา

ประเมินการเขียนบรรยายเหตกุ ารณ์การ แบบประเมนิ การเขยี น ระดบั คุณภาพ พอใช้

พบปะกบั สิ่งมชี ิวติ ทม่ี าจากนอกโลก

สังเกตความใฝ่เรียนรู้และความมุง่ มน่ั แบบประเมินคุณลกั ษณะ ระดบั คุณภาพ ผ่าน

ในการทางาน อนั พึงประสงค์

395

8. ส่ือ/แหล่งการเรียนรู้
1) หนงั สือเรียน SPARK 3 ม. 3
2) Class Audio CDs ประกอบส่ือฯ ชุด SPARK 3 ม. 3
3) แบบฝึกหดั SPARK 3 ม. 3
4) พจนานุกรมองั กฤษ-องั กฤษ
5) พจนานุกรมออนไลน์

396

2 Grammar 6b

2 ชั่วโมง

จดุ ประสงค์การเรยี นรู้
- พดู และเขียนประโยครายงานคาพดู ของผอู้ ื่นได้

1. สาระ มาตรฐานการเรียนรู้/ตัวชีว้ ัด
สาระที่ 1 ภาษาเพอ่ื การส่ือสาร
มาตรฐาน ต 1.3 นาเสนอข้อมูลข่าวสาร ความคิดรวบยอด และความคดิ เห็นในเรื่องต่าง ๆ โดยการพูด
และการเขียน
ตวั ช้ีวดั
ต 1.3 ม. 3/1 พูดและเขียนบรรยายเก่ียวกบั ตนเอง ประสบการณ์ ข่าว/เหตกุ ารณ์/เรื่อง/ประเด็น
ต่าง ๆ ทอ่ี ยใู่ นความสนใจของสังคม

2. สาระสาคัญ/ความคดิ รวบยอด
การเรียนรู้และเขา้ ใจโครงสร้างภาษา (Reported statements, Reported questions, commands/requests)

ช่วยให้สามารถพดู และเขยี นส่ือสารไดอ้ ยา่ งถูกตอ้ ง

3. สาระการเรียนรู้

3.1 ทักษะเฉพาะวิชา

1) Language Features and Functions

Grammar: Reported statements

said - told

Reported questions, commands/requests

2) Language Skills

Speaking: พดู รายงานคาพดู ของผอู้ ่นื

Writing: เขียนประโยครายงานคาพดู ของผอู้ ่นื

397

4. สมรรถนะสาคัญของผ้เู รียน
1) ความสามารถในการส่ือสาร
2) ความสามารถในการคดิ

5. คุณลักษณะอนั พงึ ประสงค์
- ใฝ่เรียนรู้

6. กิจกรรมการเรียนรู้

ช่ัวโมงที่ 1

ข้นั Warm up
ครูให้นกั เรียนแบ่งกลมุ่ กลมุ่ ละ 4-5 คน แลว้ ครูแจกซองทมี่ ีบตั รคาศพั ทป์ ัญหาสิ่งแวดลอ้ มและวิธี
แกป้ ัญหาใหก้ ลุ่มละ 1 ชุด ใหแ้ ต่ละกลุ่มแข่งขนั กนั จบั คปู่ ัญหากบั วธิ ีแกป้ ัญหา

ข้นั Presentation
1. ครูถามนกั เรียน 1 คน วา่ How’re you today? เม่ือไดค้ าตอบแลว้ ครูเขยี นบนกระดาน

“I’m fine,” Ann said.
ครูบอกนกั เรียนในช้นั ว่า Ann said that she was fine. และเขยี นประโยคบนกระดาน ให้นกั เรียน
สงั เกตว่า 2 ประโยคน้ีแตกต่างกนั ตรงไหนบา้ ง เช่น คาสรรพนาม, tense
จากน้นั ครูอธิบายวา่ ประโยค “I’m fine,” Ann said. เป็น Direct speech คอื การนาคาพูดของผูพ้ ดู ไป
บอกต่อโดยไมม่ ีการเปล่ียนแปลงโครงสร้างประโยค จะมีเคร่ืองหมายคาพดู หรือ Quotation
mark (“”) ส่วนประโยค Ann said that she was fine. เป็น Indirect speech คอื การนาคาพูดของผพู้ ดู
ไปบอกตอ่ ผอู้ ่ืนโดยเปลี่ยนคาพูดน้นั บางส่วนใหเ้ ป็นคาพดู ของตนเอง
2. หนงั สือเรียน หน้า 72 Ex. 1 นกั เรียนอา่ นขอ้ มลู และตวั อยา่ งในกรอบ แลว้ ครูใหน้ กั เรียนช่วยกนั
สรุปวา่ Direct speech และ Indirect speech คืออะไร เพ่ือตรวจสอบความเขา้ ใจของนกั เรียน
3. ครูอธิบายหลกั การเปลยี่ น Direct statement (Direct speech รูปบอกเล่าหรือปฏิเสธ) เป็น Indirect
statement ดงั น้ี

- ตดั เครื่องหมายคอมม่า (,) ออก
- ตดั เครื่องหมายคาพูด (Question mark) ออก
- จะเติม that หลงั Reporting verbs หรือไม่กไ็ ด้

398

- เปลี่ยนเป็นคาสรรพนาม

- เปลีย่ นคาระบุเวลา

ครูยกตวั อยา่ งใหน้ กั เรียนดบู นกระดาน

Direct statement: Lisa said, “I like science.”

Indirect statement: Lisa said she liked science.

Direct statement: Jane said, “I can’t enter this room.”

Indirect statement: Jane said she couldn’t enter that room.

4. ครูให้นกั เรียนดูตวั อยา่ งประโยคบนกระดาน และสงั เกต tense ในประโยค direct speech กบั

reported speech แลว้ ครูถามนกั เรียนวา่ tense ในประโยค reported speech จะเป็นเช่นไร จนได้

คาตอบว่า tense จะเป็นอดีตมากข้ึน เช่น จาก Present simple เป็น Past simple ครูยกตวั อยา่ งการ

เปลี่ยน tense ในประโยค direct speech เป็น reported speech ดงั น้ี

Direct speech Reported speech

Peter: “I work in the garden.”  Peter said (that) he worked in the garden.

Peter: “I'm working in the garden.”  Peter said (that) he was working in the garden.

Peter: “I worked in the garden.”  Peter said (that) he had worked in the garden.

Peter: “I have worked in the garden.”  Pete said (that) he had worked in the garden.

Peter: “I will work in the garden.”  Peter said (that) he would work in the garden.

Peter: “I can work in the garden.”  Peter said (that) he could work in the garden.

Peter: “I may work in the garden.”  Peter said (that) he might work in the garden.

ใหน้ กั เรียนสงั เกตุ tense ในประโยค แลว้ ช่วยกนั สรุปวา่ เม่อื เปลี่ยนเป็น reported speech แลว้ มีการ

เปลยี่ น tense อยา่ งไรบา้ ง

5. ครูอธิบายเพิ่มเติมว่า การเปลี่ยนประโยค direct speech เป็น reported speech นอกจากจะเปล่ยี น tense

แลว้ ยงั ตอ้ งเปลีย่ นวลบี ง่ บอกเวลาดว้ ย โดยยกตวั อยา่ งใหน้ กั เรียนดูบนกระดาน พร้อท้งั ขีดเสน้ ใต้

คาวา่ yesterday และ the day before

Direct speech She said, “I saw Mary yesterday.”

Reported speech She said she had seen Mary the day before.

จากน้นั ครูยกตวั อยา่ งวลีบ่งบอกเวลาทตี่ อ้ งมีการเปล่ยี น

now then

today that day

399

6. ครูย้ากบั นกั เรียนวา่ เครื่องหมายคาพดู จะใชก้ บั ประโยค direct speech เท่าน้นั ไมใ่ ชก้ บั ประโยค
reported speech จากน้นั ใหน้ กั เรียนช่วยกนั อธิบายการใชเ้ ครื่องหมายวรรคตอนในประโยค direct
speech จากตวั อยา่ งประโยคบนกระดาน

เครื่องหมายวรรคตอนในประโยค direct speech
1 ใส่เครื่องหมายคาพดู ในประโยคท่ีเป็นคาพดู ของผพู้ ูดโดยตรง

He said, “I don’t care.”
2 เคร่ืองหมายทา้ ยประโยค เช่น full stop หรือ question mark จะอยู่ในเคร่ืองหมายคาพูด

He said, “I don’t care.”
3 หลงั วลีนา ก่อนประโยค direct speech ให้ใส่เครื่องหมาย comma

He said, “I don’t care.”

7. หนงั สือเรียน หน้า 72 Ex. 2 นกั เรียนทบทวนหลกั เกณฑก์ ารเปลย่ี น Direct statement เป็น Indirect
statement แลว้ ช่วยกนั สรุปให้ครูฟัง จากน้นั ให้หาตวั อยา่ ง Indirect statement ในบทอ่าน หนา้ 70

present simple changes to past simple, present continuous changes to past
continuous, past simple changes to past perfect, present perfect changes to past
perfect, a present modal changes to a past modal and will changes to would.
Carl Sagan ... said that it was like a message in a bottle ... .

8. ครูขออาสาสมคั รออกมายนื หนา้ ช้นั ทีละคน แลว้ ครูกระซิบบอกประโยคง่าย ๆ กบั นกั เรียน และให้
นกั เรียนคนดงั กลา่ วพูดรายงานคาพูดของครูใหก้ บั เพือ่ นคนอ่ืน ๆ ในช้นั ฟัง โดยใช้ reported speech

ข้นั Practice
1. หนงั สือเรียน หน้า 72 Ex. 3 นกั เรียนอา่ นประโยคและเลือกคาทถ่ี กู ตอ้ ง เพอ่ื ทาให้เป็นประโยค

reported speech จากน้นั ครูเฉลยคาตอบ

400

1 he, that 2 she, the next day 3 is
4 they, after 5 she, then

2. หนังสือเรียน หน้า 72 Ex. 4 นกั เรียนเปลีย่ นประโยค direct speech ให้เป็น reported speech ทถ่ี กู ตอ้ ง
เสร็จแลว้ ครูสุ่มเรียกนกั เรียนอา่ นประโยค และใหน้ กั เรียนในช้นั ช่วยกนั ตรวจคาตอบ

2 they could do it the next day 3 she speaks very slowly
4 he wasn’t coming that day 5 he would tell me the week after
6 he had just left 7 his party was the next day
8 they hadn’t played well

3. หนังสือเรยี น หน้า 73 Ex. 5 ใหน้ กั เรียนใส่เครื่องหมายวรรคตอนในประโยคทใี่ ห้มาใหถ้ กู ตอ้ ง
เสร็จแลว้ ครูสุ่มเรียกนกั เรียนให้ออกมาเขยี นคาตอบบนกระดาน และครูตรวจคาตอบ

2 Tony said, “I don’t have any money.”
3 Bob said, “It’s raining now.”
4 They said, “We are leaving tomorrow.”
5 They said, “We don’t play tennis.”

4. หนงั สือเรยี น หน้า 73 Ex. 6 ให้นกั เรียนอ่านขอ้ มลู ในกรอบ แลว้ ช่วยกนั แปลประโยคตวั อยา่ งเป็น
ภาษาไทย

5. หนังสือเรยี น หน้า 73 Ex. 7 ให้นกั เรียนเติม siad หรือ told ลงในช่องว่าง เสร็จแลว้ ครูรวบรวม
คาตอบจากนกั เรียน พร้อมท้งั ให้นกั เรียนอธิบายเหตผุ ลประกอบ

1 said 2 told 3 said 4 said 5 said

401

6. หนังสือเรียน หน้า 73 Ex. 8 ให้นกั เรียนอา่ นออกเสียงบทสนทนาท่ใี ห้มา จากน้นั เขยี นบทสนทนา
ใหมใ่ หอ้ ยใู่ นรูป reportes speech เสร็จแลว้ เฉลยคาตอบพร้อมกนั

... of buying a new computer that week. He said (that) his old one had broken
down the week before and he couldn’t repair it.
Sue told him (that) he needed to install an antivirus program on his new one.
Doug said (that) his brother would do it for him.

ข้นั Production
1. ครูขอนกั เรียน 2 คน ท่คี รูไดเ้ ตรียมขอ้ มลู ใหแ้ ลว้ ออกมาสาธิตการทากิจกรรมร่วมกบั ครู ดงั น้ี

T: Tomas, how did you get to class today?
S1: I came by car.
T: Sorry, I didn’t get that. Peter, what did Tomas say?
S2: He said he had come by car.
T: Thanks.
จากน้นั ครูแบ่งนกั เรียนเป็นกลุ่ม กลมุ่ ละ 3 คน ทากิจกรรมเช่นเดียวกนั น้ี ครูใหน้ กั เรียนฝึกซอ้ ม
ทากิจกรรม โดยครูเดินสังเกต เพ่ือประเมินและให้ความช่วยเหลอื เสร็จแลว้ ครูสุ่มเรียกนกั เรียน
หลาย ๆ กลุ่ม ออกมาพดู สนทนาท่หี นา้ ช้นั
2. นกั เรียนทา Grammar Bank 6 ในแบบฝึกหัด (Workbook) หนา้ 91 Exs. 1-2 ร่วมกนั ในช้นั
3. แบบฝึกหัด (Workbook) หนา้ 46 Exs. 1-5 ให้นกั เรียนทาเป็นการบา้ น

ชั่วโมงที่ 2

ข้นั Warm up
ครูทบทวน reported statement โดยครูพดู ประโยค ใหน้ กั เรียนเปลี่ยนเป็น reported statement เช่น
T: I’m very hungry.
Ss: Teacher said she was very hungry.

402

ข้นั Presentation

1. หนงั สือเรียน หน้า 73 Ex. 9 นกั เรียนอา่ นตวั อยา่ งประโยคคาถามในตาราง ท้งั แบบ direct speech
และ reported speech จากน้นั ครูถามนกั เรียนว่า
- What is the introductory verb for questions? (ask)
- Do the verb tenses change? (yes)
- Which word does the reported question begin when the direct question begins with an
auxillary verb? (if/weather)
- Which word does the reported question begin when the direct question begins with a
question word? (the same question word)

2. นกั เรียนอา่ นตวั อยา่ งประโยคคาสง่ั ในตาราง ท้งั แบบ direct speech และ reprted speech จากน้นั ครู
ถามนกั เรียนว่า
- What is the introductory verb for commands? (told)
- What is the introductory verb for requests? (asked)
- What is the form for reprted commands? (tell + sb + (not) + to-infinitive)
- What is the form for reported requests (ask + sb + to-infinitive)

3. ครูยกตวั อยา่ งเพม่ิ เตมิ ท้งั คาถามแบบ Wh-questions และ Yes/No questions

Direct Speech Indirect Speech
“Where does Somchia live?” she said. She asked where Somchai lived.
“Where are you going?” she said. She asked where I was going.
“Why is he crying?” she said. She asked why he was crying.

Direct Speech Indirect Speech
“Do you speak English?” he said. He asked me if I spoke English.
“Is it raining?” she said. She asked if it was raining.
“Can you type?” she said. She asked if I could type.

403

ข้นั Practice
1. หนงั สือเรียน หน้า 73 Ex. 10 ใหน้ กั เรียนเปล่ยี นประโยคทีก่ าหนดให้เป็น reported speech

2 He asked if/whether the kids had called.
3 He asked if/whether I could send that fax.
4 He told me not to answer the email.
5 He asked me to pick up the phone.
6 He asked where Peter was.

2. หนังสือเรยี น หน้า 73 Ex. 11 ใหน้ กั เรียนอ่านประโยคในกรอบ แลว้ เปลีย่ นประโยคให้อยใู่ นรูป
direct speech โดยเขยี นให้อยู่ในรูปของบทสนทนา

Ann: I’m going to the park. Would you like to come with me?
George: (I can’t.) I’m studying for my maths exam.
Ann: I can help you if you want.
George: That’s very nice of you.

ข้นั Production
1. หนังสือเรียน หน้า 73 Ex. 12 ให้นกั เรียนทางานคู่ ผลดั กนั พดู ประโยค และใหเ้ พือ่ นพูดรายงานให้

เพือ่ นอกี คู่หน่ึงฟัง ครูกระตนุ้ ให้นกั เรียนใชป้ ระโยคที่หลากหลาย เสร็จแลว้ ใหน้ กั เรียนเขียนประโยค
เหล่าน้ีลงในสมดุ มาส่งครู

“I’m going out tonight.”
Jane said (that) she was going out that night. etc.

2. นกั เรียนทา Grammar Bank 6 ในแบบฝึกหดั (Workbook) หนา้ 91 Exs. 3-5 ร่วมกนั ในช้นั
3. แบบฝึกหัด (Workbook) หนา้ 47 Exs. 6-9 ให้นกั เรียนทาเป็นการบา้ น

404

7. การวดั และการประเมนิ ผล เคร่ืองมือ เกณฑ์การผ่าน
วิธีการวดั
แบบสังเกตพฤติกรรมการเรียนรู้ ระดบั คุณภาพ พอใช้
สังเกตการพดู รายงานคาพดู ของผอู้ น่ื
ตรวจการเขียนประโยครายงานคาพดู สมุดนกั เรียน -
ของผอู้ น่ื
สงั เกตความใฝ่เรียนรู้ แบบประเมินคุณลกั ษณะ ระดบั คณุ ภาพ ผา่ น
อนั พึงประสงค์
8. ส่ือ/แหล่งการเรียนรู้
1) หนงั สือเรียน SPARK 3 ม. 3
2) แบบฝึกหัด SPARK 3 ม. 3

405

3 Skills 6c

2 ช่ัวโมง

จุดประสงค์การเรียนรู้
- พดู ขอและให้ขอ้ มลู เกี่ยวกบั การใชค้ อมพวิ เตอร์ได้
- พดู ใหค้ าแนะนาวธิ ีการใชอ้ ินเทอร์เนต็ อยา่ งปลอดภยั ได้
- วาดแผนภมู แิ ทง่ และเขยี นอธิบายขอ้ มลู ได้

1. สาระ มาตรฐานการเรียนรู้/ตวั ชี้วดั
สาระที่ 1 ภาษาเพอ่ื การสื่อสาร
มาตรฐาน ต 1.1 เข้าใจและตคี วามเรื่องท่ฟี ังและอ่านจากสื่อประเภทต่าง ๆ และแสดงความคิดเห็น
อย่างมเี หตผุ ล
ตวั ช้ีวดั
ต 1.1 ม. 3/1 ปฏิบตั ิตามคาขอร้อง คาแนะนา คาช้ีแจง และคาอธิบายท่ฟี ังและอา่ น
ต 1.1 ม. 3/3 ระบุและเขียนส่ือท่ไี มใ่ ช่ความเรียงรูปแบบต่าง ๆ ให้สัมพนั ธ์กบั ประโยคและ
ขอ้ ความทฟ่ี ังหรืออา่ น
มาตรฐาน ต 1.2 มที กั ษะการส่ือสารทางภาษาในการแลกเปลยี่ นข้อมลู ข่าวสาร แสดงความรู้สึกและ
ความคดิ เห็นอย่างมปี ระสิทธภิ าพ
ตวั ช้ีวดั
ต 1.2 ม. 3/1 สนทนาและเขยี นโตต้ อบขอ้ มลู เกี่ยวกบั ตนเอง เรื่องตา่ ง ๆ ใกลต้ วั สถานการณ์ ขา่ ว
เรื่องท่ีอยใู่ นความสนใจของสังคม และสื่อสารอยา่ งตอ่ เน่ืองและเหมาะสม
ต 1.2 ม. 3/2 ใชค้ าขอร้อง ให้คาแนะนา คาช้ีแจง และคาอธิบายอยา่ งเหมาะสม
มาตรฐาน ต 1.3 นาเสนอข้อมูลข่าวสาร ความคิดรวบยอด และความคดิ เห็นในเร่ืองต่าง ๆ โดยการพูด
และการเขียน
ตวั ช้ีวดั
ต 1.3 ม. 3/1 พดู และเขยี นบรรยายเก่ียวกบั ตนเอง ประสบการณ์ ข่าว/เหตุการณ์/เรื่อง/ประเดน็
ต่าง ๆ ที่อยใู่ นความสนใจของสงั คม

406

2. สาระสาคัญ/ความคดิ รวบยอด
การเรียนรู้คาศพั ท์ จะช่วยให้เขา้ ใจและบอกรายละเอยี ดของเร่ืองทฟี่ ังรวมถงึ ยงั สามารถนาความรู้

ไปใชใ้ นการพูดและเขยี นใหข้ อ้ มูลและคาแนะนาเก่ียวกบั การใชค้ อมพิวเตอร์และอินเทอร์เน็ตไดอ้ ยา่ ง
เหมาะสม

3. สาระการเรียนรู้

3.1 ทักษะเฉพาะวชิ า

1) Language Features and Functions

Vocabulary: Computers (webcam, speakers, screen, keyboard, CD/DVD drive, mouse,

printer, scanner, print documents, listen to music, see people through the

Internet, see files, type, move around the screen, read CDs/DVDs, make

a copy of a photo)

Functions: Talking about computer

We use speakers to listen to music.

A lot of teens use the Net for playing games and downloading music.

Giving advice

You should use an antivirus program on your computer.

You should have a password on your computer.

2) Language Skills

Listening: ฟังเพอ่ื หาขอ้ มูลเฉพาะ

Speaking: พดู ถาม-ตอบเก่ียวกบั การใชค้ อมพิวเตอร์,

พดู ให้คาแนะนาวิธีการใชอ้ ินเทอร์เน็ตอยา่ งปลอดภยั

Writing: วาดแผนภมู แิ ท่งและเขยี นประโยคอธิบายการใช้คอมพวิ เตอร์ของเพอ่ื น

ร่วมช้นั

4. สมรรถนะสาคัญของผ้เู รียน 2) ความสามารถในการคดิ
1) ความสามารถในการสื่อสาร

5. คุณลกั ษณะอันพงึ ประสงค์ 2) ม่งุ มนั่ ในการทางาน
1) ใฝ่เรียนรู้

407

6. กิจกรรมการเรียนรู้

ชั่วโมงที่ 1

ข้นั Warm up
ครูให้นกั เรียนแสดงความคิดเห็นว่า คอมพิวเตอร์มีประโยชนอ์ ยา่ งไรบา้ ง และนกั เรียนใช้
คอมพวิ เตอร์ทาอะไรมากที่สุด

ข้นั Presentation
1. ครูนาเสนอคาศพั ทเ์ กี่ยวกบั อปุ กรณ์คอมพวิ เตอร์ ไดแ้ กคาว่า webcam, speakers, screen, keyvoard,

CD/DVD drive, mouse, printer, scanner โดยแสดงภาพหรืออปุ กรณจ์ ริงใหน้ กั เรียนดูและบอก
คาศพั ท์ ถา้ นกั เรียนไมร่ ู้ใหพ้ ูดคาศพั ทต์ ามครู จากน้นั ให้นกั เรียนเปิ ดหนงั สือเรียน หนา้ 74 แลว้ อ่าน
คาศพั ทใ์ นภาพพร้อมกนั
2. ครูนาเสนอการใช้ the majority (ส่วนใหญ)่ , a lot (มาก), some (บางส่วน), a few (ส่วนนอ้ ย), very
few (เล็กนอ้ ยมาก) ดว้ ยการเขียนแผนภูมิง่าย ๆ บนกระดาน พร้อมท้งั ยกตวั อยา่ งประโยค แลว้ ให้
นกั เรียนช่วยกนั อธิบายความหมายของคาศพั ทเ์ หลา่ น้ี

Ice Cream Flavour

50
45
40
35 Chocolate

30 Vanilla
25 Straberry
20 Green tea
15 Chocolate Chip
10
5
0

The majority of students in this class like eating chocolate chip ice cream.
A lot of students in this class like eating vanilla ice cream.
Some students in this class like eating chocolate ice cream.
A few students in this class like eating strawberry ice cream.
Very few students in this class like eating green tea ice cream.

408

จากน้นั ครูปรับขอ้ มูลของแผนภมู ิบนกระดานเป็น Sports Flavour แลว้ ให้นกั เรียนช่วยกนั แต่ง
ประโยคบอกจานวนนกั เรียนทช่ี อบกีฬาแตล่ ะประเภท

ข้นั Practice
1. หนังสือเรียน หน้า 74 Ex. 1 นกั เรียนอา่ นวลที ใี่ ห้มาพร้อมกนั แลว้ ครูอธิบายความหมายคาว่า via

via (prep) = using a particular machine, system or person to send or receive
something (ดว้ ยวิธีการ)

ให้นกั เรียนใช้วลเี หลา่ น้ีเขียนประโยคเพอ่ื บอกวา่ อปุ กรณต์ า่ ง ๆ ในภาพใชท้ าอะไร เสร็จแลว้ นกั เรียน
ช่วยกนั พดู รายงานคาตอบ

We use speakers to listen to music.
We use a screen to see files.
We use a keyboard to type.
We use a CD/DVD drive to read CDs/DVDs.
We use a mouse to move around the screen.
We use a printer to print documents.
We use a scanner to make a copy of a photo.

2. หนงั สือเรยี น หน้า 74 Ex. 2 นกั เรียนดูแผนภูมแิ ท่งท่ีให้มา ครูอธิบายว่าแผนภมู ิน้ีแสดงจานวนนาที
ท่ีวยั รุ่นในสหรัฐอเมริกาใชค้ อมพวิ เตอร์ในแต่ละสปั ดาห์ และใชเ้ พื่อทาอะไรบา้ ง
จากน้นั ใหน้ กั เรียนดูแผนภูมแิ ท่ง และเขยี นประโยคเก่ียวกบั วยั รุ่นกบั การใชค้ อมพวิ เตอร์โดยใช้
กิจกรรมในกรอบ Key ร่วมกบั the majority, a lot, some, a few และ very few

The majority of teens in the survey use the computer for communicating with
friends and general surfing.
A lot of teens use the Net for playing games and downloading music.
Some teens use it for their homework.
A few use it for reading or learning information and to find out the news.
Very few use it to design a web page.

409

ข้นั Production
1. หนงั สือเรยี น หน้า 74 Ex. 3 นกั เรียนอ่านคาถามพร้อมกนั ครูตรวจสอบว่าทุกคนเขา้ ใจคาถาม

แลว้ ใหน้ กั เรียนจบั ค่กู บั เพ่อื นผลดั กนั พดู ถาม-ตอบเก่ียวกบั การใชค้ อมพวิ เตอร์โดยใชค้ าถามเหลา่ น้ี
ครูเดินสงั เกตการทากิจกรรมรอบ ๆ ช้นั เรียน แลว้ สุ่มเรียกนกั เรียน 3-4 คู่ ออกมาพดู ถาม-ตอบ
หนา้ ช้นั

1 I use my computer every day.
2 I use my computer for surfing the Net, downloading music, sending emails,

playing computer games, burning CDs/DVDs and chatting online.
3 My favourite websites are: Facebook.com, Myspace.com, yahoo.com and

iTunes.com. These are the sites I use to chat to my friends, surf the Net, email
my friends and download music.
4 I visit them every day.

2. ครูเขียนกิจกรรมตอ่ ไปน้ีบนกระดาน
 communicate with friends
 play games
 download and listen to music
 watch films
 read news

ครูถามนกั เรียนวา่ ใครใชค้ อมพิวเตอร์ทากิจกรรมบนกระดานบา้ ง เช่น Who use the computer to
communicate with friends? ใหน้ กั เรียนยกมอื ถา้ ใชค้ อมพวิ เตอร์ทากิจกรรมดงั กล่าว ครูนบั จานวน
แลว้ เขยี นบนกระดาน ครูถามจนครบทกุ กิจกรรม จากน้นั ใหน้ กั เรียนวาดแผนภมู แิ ท่งแสดงขอ้ มลู บน
กระดาน พร้อมท้งั เขยี นประโยคอธิบายแผนภมู ิ เช่น The majority of students in this class use the
computer to communicate with friends.
3. นกั เรียนทา Language Review 6c Ex. 2 ในหนงั สือเรียน หนา้ 110 ร่วมกนั ในช้นั
4. แบบฝึกหดั (Workbook) หนา้ 48-49 Exs. 1-4 ให้นกั เรียนทาเป็นการบา้ น

410

ช่ัวโมงที่ 2

ข้นั Warm up
ครูทบทวนคาศพั ทเ์ กี่ยวกบั อุปกรณ์ โดยสุ่มเรียกนกั เรียนให้ผลดั กนั ออกมาวาดภาพบนกระดาน
แลว้ ใหน้ กั เรียนในช้นั ทายวา่ คือภาพอะไร เช่น
S1: (วาดภาพคีบอร์ด)
T: What is the picture?
Ss: It’s a keyboard.
T: Is it correct? (ครูถาม S1)
S1: Yes.

ข้นั Presentation
1. ครูนาเสนอวลีเกี่ยวกบั กิจกรรมในการใชค้ อมพวิ เตอร์ ไดแ้ ก่ download music, play computer

games, surf the Internet, send emails, download films, burn CDs, chat online, do homework โดย
ใหน้ กั เรียนดูบตั รภาพซ่ึงนามาประกอบกนั แลว้ พูดวลีท่เี ก่ียวขอ้ งกบั ภาพ ยกตวั อยา่ งเช่น download
films

เมอ่ื นกั เรียนสามารถบอกวลีจากบตั รภาพไดค้ รบหมดแลว้ ครูแสดงบตั รภาพอกี คร้ัง ใหน้ กั เรียนบอก
วลี พร้อมท้งั ความหมายภาษาไทย
2. ครูทบทวนการใหค้ าแนะนาโดยใช้ should โดยพูดประโยค พร้อมท้งั เขยี นบนกระดาน เช่น

You should drink 6-8 glasses of water per day.
You shouldn’t eat junk food.
ครูถามวา่ หลงั should จะตามดว้ ยคาชนิดใด (infinitive) จากน้นั สุ่มเรียกนกั เรียน 4-5 คน พูดให้
คาแนะนาเพ่ือนเก่ียวกบั ส่ิงท่ีนกั เรียนควรทา เช่น You should have breakfast. You shouldn’t go to
bed late.

411

ข้นั Practice
1. หนงั สือเรยี น หน้า 74 Ex. 4 ครูอธิบายว่านกั เรียนจะไดฟ้ ังบทสนทนาระหว่างนกั หนงั สือพมิ พข์ อง

โรงเรียนกบั เดก็ ผชู้ ายคนหน่ึงซ่ึงสนทนาเก่ียวกบั การใชค้ อมพิวเตอร์ของบุคคลในครอบครวั แลว้ ให้
นกั เรียนอา่ นกิจกรรม a-h จากน้นั ครูเปิ ด CD ให้นกั เรียนฟังบทสนทนา แลว้ จบั ค่ชู ่ือบคุ คลกบั
กิจกรรม เม่อื ฟังจบครูถามวา่ จบั ค่ไู ดค้ รบหรือไม่ ครูอาจจะเปิ ด CD ให้นกั เรียนฟังอกี คร้ัง และเฉลย
คาตอบ

1b 2f 3a 4d 5c

2. ครูถามนกั เรียนวา่ บุคคลใน Ex. 4 ใชค้ อมพิวเตอร์ทาอะไรบา้ ง เช่น
T: What does Brendan use the computer for?
Ss: He uses it to play computer games.

ข้นั Production
1. หนังสือเรยี น หน้า 74 Ex. 5 ใหน้ กั เรียนสมมติวา่ ตนเองเป็นครูวิชา ICT หรือครูคอมพิวเตอร์ ซ่ึงตอ้ ง

พูดให้คาแนะนาวธิ ีการใชอ้ ินเทอร์เนต็ อยา่ งปลอดภยั โดยใชว้ ลที ก่ี าหนดให้ร่วมกบั should/shouldn’t
จากน้นั ให้นกั เรียนจบั คู่ ผลดั กนั พดู คาแนะนาใหเ้ พ่ือนฟัง แลว้ ครูสุ่มเรียกนกั เรียนหลาย ๆ คน พดู ให้
คาแนะนาแก่เพือ่ นในช้นั

You should use an antivirus programme on your computer.
You should have a password on your computer.
You should make and keep a backup of all your files on your computer.
You should use a nickname when chatting online.
You shouldn’t give out personal information online.
You shouldn’t meet strangers you chat to online.

2. ครูถามนกั เรียนว่า ใครปฏบิ ตั ติ ามคาแนะนาในการใชอ้ นิ เทอร์เน็ตเหล่าน้ีบา้ ง นกั เรียนปฏิบตั ติ าม
ครบทกุ ขอ้ หรือไม่ มีขอ้ ใดบา้ งที่นกั เรียนไมไ่ ดป้ ฏิบตั ิตาม จากน้นั ครูอธิบายใหน้ กั เรียนเห็น
ความสาคญั ของการปฏิบตั ติ ามคาแนะนา โดยอาจยกตวั อยา่ งขา่ วทเ่ี กี่ยวขอ้ ง

412

3. แบบฝึกหัด (Workbook) หนา้ 49 Ex. 5 ให้นกั เรียนฟัง CD แลว้ จบั คู่ให้ถูกตอ้ ง
4. แบบฝึกหัด (Workbook) หนา้ 49 Ex. 6 ให้นกั เรียนฟัง CD แลว้ เติมคาลงในช่องว่าง
5. แบบฝึกหัด (Workbook) หนา้ 49 Exs. 4-5 ให้นกั เรียนทาเป็นการบา้ น

7. การวัดและการประเมนิ ผล เคร่ืองมือ เกณฑ์การผ่าน
แบบสังเกตพฤตกิ รรมการเรียนรู้ ระดบั คุณภาพ พอใช้
วธิ ีการวดั ระดบั คุณภาพ พอใช้
สังเกตการพูดถาม-ตอบเกี่ยวกบั การ แบบประเมนิ การเขียน
ใชค้ อมพวิ เตอร์ ระดบั คุณภาพ พอใช้
ประเมินการวาดแผนภมู ิแทง่ และ แบบประเมนิ การพูด ระดบั คณุ ภาพ ผา่ น
เขยี นอธิบายการใชค้ อมพวิ เตอร์ของ
เพือ่ นร่วมช้นั แบบประเมนิ คณุ ลกั ษณะ
ประเมินการพดู ใหค้ าแนะนา อนั พึงประสงค์
วธิ ีการใชอ้ ินเทอร์เน็ตอยา่ งปลอดภยั
สังเกตความใฝ่ เรียนรู้และความมุ่งมนั่
ในการทางาน

8. สื่อ/แหล่งการเรียนรู้
1) หนงั สือเรียน SPARK 3 ม. 3
2) Class Audio CDs ประกอบส่ือฯ ชุด SPARK 3 ม. 3
3) แบบฝึกหดั SPARK 3 ม. 3
4) ภาพหรืออุปกรณ์คอมพิวเตอร์ของจริง
5) ภาพเก่ียวกบั กิจกรรมการใชค้ อมพวิ เตอร์

413

4 Everyday English 6d

2 ชั่วโมง

จุดประสงค์การเรียนรู้
- อา่ นออกเสียงบทสนทนาถกู ตอ้ งตามหลกั การอา่ นได้
- บอกรายละเอียดของบทสนทนาทอ่ี ่านและฟังได้
- เปรียบเทยี บเสียงพยญั ชนะของภาษาองั กฤษกบั ภาษาไทยได้
- พูดสนทนาตามสถานการณ์ท่ีกาหนดได้

1. สาระ มาตรฐานการเรยี นรู้/ตวั ชีว้ ัด
สาระท่ี 1 ภาษาเพอื่ การส่ือสาร
มาตรฐาน ต 1.1 เข้าใจและตคี วามเร่ืองทีฟ่ ังและอ่านจากสื่อประเภทต่าง ๆ และแสดงความคิดเห็น
อย่างมเี หตุผล
ตวั ช้ีวดั
ต 1.1 ม. 3/2 อา่ นออกเสียงขอ้ ความ ข่าว โฆษณา และบทร้อยกรองส้นั ๆ ถูกตอ้ งตามหลกั การอา่ น
ต 1.1 ม. 3/4 เลือก/ระบหุ วั ขอ้ เร่ือง ใจความสาคญั รายละเอียดสนบั สนุน และแสดงความคิดเห็น
เก่ียวกบั เรื่องท่ีฟังและอา่ นจากส่ือประเภทตา่ ง ๆ พร้อมท้งั ใหเ้ หตุผลและยกตวั อยา่ ง
ประกอบ
มาตรฐาน ต 1.2 มที กั ษะการส่ือสารทางภาษาในการแลกเปลย่ี นข้อมลู ข่าวสาร แสดงความรู้สึกและ
ความคดิ เห็นอย่างมปี ระสิทธภิ าพ
ตวั ช้ีวดั
ต 1.2 ม. 3/1 สนทนาและเขยี นโตต้ อบขอ้ มูลเกี่ยวกบั ตนเอง เร่ืองตา่ ง ๆ ใกลต้ วั สถานการณ์ ขา่ ว
เรื่องท่อี ยใู่ นความสนใจของสงั คม และส่ือสารอยา่ งตอ่ เน่ืองและเหมาะสม
ต 1.2 ม. 3/2 ใชค้ าขอร้อง ให้คาแนะนา คาช้ีแจง และคาอธิบายอยา่ งเหมาะสม
สาระท่ี 2 ภาษาและวฒั นธรรม
มาตรฐาน ต 2.1 เข้าใจความสัมพันธ์ระหว่างภาษากบั วัฒนธรรมของเจ้าของภาษา และนาไปใช้ ได้
อย่างเหมาะสมกบั กาลเทศะ

414

ตวั ช้ีวดั
ต 2.1 ม. 3/1 เลือกใชภ้ าษา น้าเสียง และกิริยาท่าทางเหมาะกบั บคุ คลและโอกาสตามมารยาทสงั คม

และวฒั นธรรมของเจา้ ของภาษา
มาตรฐาน ต 2.2 เข้าใจความเหมือนและความแตกต่างระหว่างภาษาและวัฒนธรรมของเจ้าของภาษา

กบั ภาษาและวัฒนธรรมไทย และนามาใช้อย่างถกู ต้องและเหมาะสม
ตวั ช้ีวดั
ต 2.2 ม. 3/1 เปรียบเทยี บและอธิบายความเหมือนและความแตกตา่ งระหวา่ งการออกเสียงประโยค

ชนิดตา่ ง ๆ และการลาดบั คาตามโครงสร้างประโยคของภาษาตา่ งประเทศและ
ภาษาไทย
สาระท่ี 4 ภาษากบั ความสัมพันธ์กบั ชุมชนและโลก
มาตรฐาน ต 4.1 ใช้ภาษาต่างประเทศในสถานการณ์ต่าง ๆ ท้งั ในสถานศึกษา ชุมชน และสังคม
ตวั ช้ีวดั
ต 4.1 ม. 3/1 ใชภ้ าษาส่ือสารในสถานการณ์จริง/สถานการณจ์ าลองทเ่ี กิดข้นึ ในห้องเรียน
สถานศกึ ษา และชุมชน

2. สาระสาคัญ/ความคิดรวบยอด
การเรียนรู้คาศพั ทท์ ี่ใชแ้ สดงลาดบั และข้นั ตอน จะช่วยให้สามารถพดู อธิบายลาดบั หรือข้นั ตอนใน

การทาสิ่งตา่ ง ๆ ไดอ้ ยา่ งถกู ตอ้ ง

3. สาระการเรียนรู้
3.1 ทักษะเฉพาะวิชา
1) Language Features and Functions
Vocabulary: Sentences (Can you help me?, First, insert the stick into the slot in the
tower., Now go to your files in ‘My Documents’., Got it! What’s next?,
Click on ‘copy this file’., Then what?, Is that all?)
Functions: Giving instructions
I don’t know how to copy my history project onto this memory stick. Can
you help me?
Sure. First, insert the stick into the slot in the tower.
Pronunciation: /s/: saw, Sally, sale, say
/ʃ/: show, shine, shake, share

415

2) Language Skills

Listening: ฟังการออกเสียงคาศพั ทแ์ ละประโยค

Speaking: พูดสนทนาตามสถานการณ์ทก่ี าหนด

Reading: อา่ นเพื่อหาขอ้ มลู เฉพาะ

Writing: แต่งบทสนทนาตามสถานการณ์ทีก่ าหนด

4. สมรรถนะสาคัญของผ้เู รยี น
1) ความสามารถในการสื่อสาร
2) ความสามารถในการคิด

5. คุณลกั ษณะอันพงึ ประสงค์
1) ใฝ่เรียนรู้
2) มุง่ มน่ั ในการทางาน

6. กจิ กรรมการเรียนรู้

ช่ัวโมงที่ 1

ข้นั Warm up
ครูทบทวนคาศพั ทเ์ ก่ียวกบั คอมพวิ เตอร์ โดยแบ่งนกั เรียนออกเป็นกลมุ่ ยอ่ ย แลว้ แจกภาพเกี่ยวกบั
คอมพวิ เตอร์และบตั รคาให้กล่มุ ละ 1 ชุด ให้แตล่ ะกลมุ่ จบั ค่ภู าพและบตั รคาใหถ้ กู ตอ้ ง กลมุ่ ใดจบั คู่
เสร็จกอ่ นให้ยกมือข้นึ จากน้นั ครูใหแ้ ตล่ ะกลมุ่ อา่ นออกเสียงคาศพั ทพ์ ร้อมกนั

speaker

mouse
416

keyboard

webcam

screen

printer

ข้นั Presentation
1. ครูนาเสนอการใช้ first, then, next, after that, finally เพ่อื แสดงลาดบั /ข้นั ตอนดว้ ยการเขียนขอ้ ความ

ตอ่ ไปน้ีบนกระดาน และใหน้ กั เรียนอา่ นพร้อมกนั
First, you have to log in to your email account. Then, click “Compose”. A new blank
email window will open up. In the “To” box, type in the email address of the recipient.
Next, type the topic of your email in the “Subject” box. After that, type your message in
the main body field of your email. Finally, click the “Send” button at the bottom of the
window.

ครูใหน้ กั เรียนช่วยกนั ระบุคาแสดงลาดบั /ข้นั ตอน โดยครูช่วยขีดเส้นใต้ First เป็นตวั อยา่ ง จากน้นั ให้
นกั เรียนช่วยกนั อธิบายความหมายของคาเหลา่ น้ี
2. ครูใหน้ กั เรียนเลา่ กิจวตั รประจาวนั ในวนั จนั ทร์ให้เพื่อนที่นงั่ ขา้ ง ๆ กนั ฟัง โดยใชค้ าแสดงลาดบั /
ข้นั ตอน จากน้นั ครูสุ่มเรียกนกั เรียน 2 คน เลา่ ให้เพ่อื นในช้นั ฟัง เช่น

417

First, I get dressed and eat breakfast. Then, I go to school. I study maths, art and music in
the morning. After that, I have lunch at noon. In the afternoon I study English and science.
I get home at 4 pm. After dinner I do homework and watch TV. Finally, I go to bed at 9.

ข้นั Practice
1. หนังสือเรียน หน้า 75 Ex. 1 นกั เรียนปิ ดหนงั สือเรียน แลว้ ครูเปิ ด CD โดยหยดุ ทลี ะประโยค ให้

นกั เรียนฟังและออกเสียงตาม โดยครูเปิ ด CD 2 คร้งั จากน้นั ใหน้ กั เรียนเปิ ดหนงั สือเรียนและอา่ น
ประโยคดว้ ยตนเองพร้อมกนั
2. ครูอธิบายว่าประโยคใน Ex. 1 มาจากบทสนทนาระหวา่ งเพ่ือน 2 คน ให้นกั เรียนเดาวา่ พวกเขา
สนทนากนั เร่ืองอะไร ครูรวบรวมคาตอบจากนกั เรียนหลาย ๆ คน จากน้นั ใหน้ กั เรียนฟัง CD และ
อา่ นบทสนทนาเพ่อื หาคาตอบ

Someone ask his friend help instruct how to copy the file onto the memory stick.

3. หนังสือเรียน หน้า 75 Ex. 2 ให้นกั เรียนฟัง CD และอ่านบทสนทนาตามไปดว้ ย จากน้นั เรียงลาดบั
ภาพ A-F ให้ถูกตอ้ งตามคาแนะนาในบทสนทนา เสร็จแลว้ เปรียบเทียบคาตอบกบั เพือ่ น แลว้ ครูเฉลย
คาตอบ

A3 B5 C1 D6 E4 F 2

4. หนังสือเรยี น หน้า 75 Ex. 3 นกั เรียนอ่านประโยค 1-5 แลว้ อา่ นบทสนทนาอีกคร้ังเพื่อหาประโยคที่มี
ความหมายเหมือนกบั ประโยคเหลา่ น้ี จากน้นั ครูสุ่มเรียกนกั เรียนบอกคาตอบ แลว้ ใหน้ กั เรียนในช้นั
ตรวจความถกู ตอ้ ง

1 Are you OK? – Hey, what’s wrong?
2 Of course. – Sure.
3 Done it! – Got it!
4 What do I do next? – What’s next?
5 You’re welcome. – No problem.

418

5. หนงั สือเรียน หน้า 75 Ex. 4 นกั เรียนอา่ นประโยคใน Ex. 1 พร้อมกนั อกี คร้ัง แลว้ ช่วยกนั อธิบาย
ความหมาย

ข้นั Production
1. หนงั สือเรียน หน้า 75 Ex. 5 ครูเปิ ด CD ใหน้ กั เรียนฟังบทสนทนาใน Ex. 2 และอ่านตาม โดย

พยายามใชน้ ้าเสียงใหเ้ ป็นธรรมชาติ จากน้นั ให้นกั เรียนจบั คอู่ ่านบทสนทนาโดยสลบั บทบาทกนั ดว้ ย
2. ครูมอบหมายใหน้ กั เรียนแตล่ ะคูไ่ ปฝึกอา่ นบทสนทนาในหนงั สือเรียน หนา้ 75 ใหค้ ล่อง แลว้ มาอ่าน

บทสนทนาใหค้ รูฟังนอกเวลาเรียน
3. แบบฝึกหดั (Workbook) หนา้ 50 Exs. 4-5 ให้นกั เรียนทาเป็นการบา้ น

ช่ัวโมงท่ี 2

ข้นั Warm up
ครูทบทวนคาศพั ทท์ ่มี เี สียง /s/ โดยใหน้ กั เรียนเล่มเกม Noughts and Crosses ครูเขียนตาราง 9 ช่อง
บนกระดาน แลว้ แบ่งนกั เรียนเป็น 2 ทีม ใหแ้ ต่ละทีมผลดั กนั พดู คาศพั ทท์ ี่ลงทา้ ยดว้ ยเสียง /s/ ทีมที่
พูดคาศพั ทถ์ กู ตอ้ ง จะไดท้ าสัญลกั ษณ์ X หรือ O ลงในตาราง ทมี ใดทาสัญลกั ษณ์ได้ 3 ช่องตดิ ต่อกนั
ก่อนในแนวใดกไ็ ด้ จะเป็นผชู้ นะ

ข้นั Presentation

1. ครูเขียนคาต่อไปน้ีบนกระดาน

ship shall shop shoulder

ครูออกเสียงคาศพั ทโ์ ดยออกเสียง /ʃ/ ให้ชดั เจน ใหน้ กั เรียนสังเกตรูปปากครูและออกเสียงตาม

ครูให้นกั เรียนช่วยกนั คิดว่า เสียง /ʃ/ มีในภาษาไทยหรือไม่ เมือ่ ไดค้ าตอบว่า ไมม่ ี ครูอธิบายวา่ เสียง

/ʃ/ เป็นเสียงท่ีไม่มีในภาษาไทย เราจึงมกั ออกเสียงน้ีคลา้ ยกบั พยญั ชนะ “ฉ” “ช” “ฌ” ซ่ึงไมถ่ กู ตอ้ ง

เพราะเสียง /ʃ/ เวลาออกเสียงริมฝีปากตอ้ งห่อและย่ืนออกไปเลก็ นอ้ ย ส่วนเสียงพยญั ชนะ “ฉ” “ช”

“ฌ” ไม่ตอ้ งห่อริมฝีปาก

419

เสียง /ʃ/ เป็นเสียงเสียดแทรก ในการออกเสียงลนิ้ ส่วนหนา้ จะยกข้นึ ไปใกลก้ บั เพดาน
แข็งส่วนทีอ่ ยหู่ ลงั ป่ มุ เหงอื กแต่ไม่แตะส่วนใดส่วนหน่ึงของเพดานปาก ริมฝีปากห่อ
และยืน่ เลก็ นอ้ ย กระแสลมจากปอดจะเสียดแทรกผา่ นช่องแคบ ๆ ในปากออกมา
ทม่ี า: ปรารมภ์รัตน์ โชติกเสถยี ร. การออกเสียงสระและเสียงพยัญชนะในภาษาอังกฤษ.

พิมพ์ครั้งท่ี 10. สานักพิมพ์แห่งจฬุ าลงกรณ์มหาวิทยาลัย. 2557

2. เพื่อตรวจสอบวา่ นกั เรียนสามารถแยกความแตกต่างของเสียง /s/ และ /ʃ / ได้ ครูเขยี นคาศพั ทต์ อ่ ไปน้ี
บนกระดาน แลว้ ออกเสียงให้นกั เรียนฟังทีละคา ให้นกั เรียนระบุคาที่ออกเสียง /s/
sea suit she shut shy seat
จากน้นั ใหน้ กั เรียนออกเสียงคาศพั ทพ์ ร้อมกนั คาละ 2 คร้งั แลว้ ครูสุ่มเรียกนกั เรียนออกเสียงทลี ะคน

ข้นั Practice
1. หนงั สือเรียน หน้า 75 Ex. 6 นกั เรียนลอกตารางลงในสมุด แลว้ ครูเปิ ด CD ใหน้ กั เรียนฟังคาศพั ท์

เสียง /s/, /ʃ/ และขดี  ลงในตารางตามเสียงที่ไดย้ นิ เสร็จแลว้ ครูเปิ ด CD ใหฟ้ ังเพอื่ ตรวจคาตอบ
จากน้นั ครูเปิ ด CD อกี คร้งั โดยหยดุ ทีละคา เพอ่ื ให้นกั เรียนฝึกออกเสียงคาศพั ท์ แลว้ สุ่มเรียกนกั เรียน
ใหอ้ อกเสียงทีละคน

saw show Sally shine shake sale share say

/s/   

/ʃ/   

จากน้นั ใหน้ กั เรียนช่วยกนั คิดคาศพั ทค์ าอืน่ ทอี่ อกเสียง /s/ และเสียง /ʃ/ โดยนกั เรียนสามารถดูการ
ออกเสียงจากพนานุกรม

/s/: sit, sing, sand
/ʃ/: shoe, shout, shower

420

2. นกั เรียนทางานคู่ แต่งบทสนทนาอธิบายข้นั ตอนการใชง้ านคอมพิวเตอร์ เช่น การดาวน์โหลดไฟล์
จากอเี มล การจดั เก็บเอกสาร Microsoft Word การสง่ั พิมพเ์ อกสาร เป็นตน้ เมื่อแต่งบทสนทนา
เสร็จแลว้ ครูให้เวลานกั เรียนฝึกซ้อมเพอื่ ออกมาพูดสนทนาหนา้ ช้นั

ข้นั Production
1. ครูให้นกั เรียนแต่ละคอู่ อกมาพดู สนทนาอธิบายข้นั ตอนการใชง้ านคอมพิวเตอร์หนา้ ช้นั เม่อื คใู่ ด

คู่หน่ึงพูดสนทนาจบ ครูถามนกั เรียนในช้นั ว่าคูด่ งั กล่าวอธิบายข้นั ตอนอะไร
2. นกั เรียนร่วมกนั แสดงความคดิ เห็นเกี่ยวกบั ประโยชนข์ องคอมพิวเตอร์ในดา้ นต่าง ๆ เช่น การคน้ ควา้

หาขอ้ มูล การตดิ ต่อส่ือสาร เป็นตน้ จากน้นั ครูบอกนกั เรียนวา่ อยา่ งไรกต็ ามการใชค้ อมพวิ เตอร์เป็น
เวลานานยอ่ มส่งผลเสียต่อสุขภาพของผใู้ ชด้ ว้ ย เช่น อาการตาพร่า ปวดตา ตาแหง้ จากการจอ้ งหน้า
จอคอมพวิ เตอร์เป็นเวลานาน ดงั น้นั เราควรใชค้ อมพิวเตอร์ในช่วงเวลาท่พี อเหมาะ
3. แบบฝึกหดั (Workbook) หนา้ 50 Ex. 6 ใหน้ กั เรียนทาเป็นการบา้ น

7. การวดั และการประเมนิ ผล เคร่ืองมือ เกณฑ์การผ่าน
แบบประเมนิ การอ่านออกเสียง ระดบั คุณภาพ พอใช้
วธิ กี ารวดั แบบสงั เกตพฤติกรรมการเรียนรู้ ระดบั คณุ ภาพ พอใช้
ประเมนิ การอา่ นออกเสียงบทสนทนา
สังเกตการเปรียบเทียบเสียงพยญั ชนะ แบบประเมนิ การเขยี น ระดบั คณุ ภาพ พอใช้
ของภาษาองั กฤษกบั ภาษาไทย
ประเมนิ การแตง่ บทสนทนาตาม แบบประเมินการแสดงบทสนทนา/ ระดบั คุณภาพ พอใช้
สถานการณ์ท่กี าหนด บทบาทสมมติ
ประเมนิ การพูดสนทนาตาม แบบประเมินคณุ ลกั ษณะ ระดบั คณุ ภาพ ผ่าน
สถานการณ์ทีก่ าหนด อนั พงึ ประสงค์
สงั เกตความใฝ่เรียนรู้และความมุ่งมน่ั
ในการทางาน

421

8. สื่อ/แหล่งการเรียนรู้
1) หนงั สือเรียน SPARK 3 ม. 3
2) Class Audio CDs ประกอบส่ือฯ ชุด SPARK 3 ม. 3
3) แบบฝึกหดั SPARK 3 ม. 3
4) พจนานุกรมองั กฤษ-องั กฤษ
5) พจนานุกรมออนไลน์
6) ภาพและบตั รคาเกี่ยวกบั คอมพิวเตอร์

422

5 Across cultures 6e

2 ช่ัวโมง

จุดประสงค์การเรียนรู้
- บอกรายละเอยี ดของเร่ืองท่อี ่านได้
- พดู อภปิ รายเหตุผลทต่ี อ้ งเรียนรู้วฒั นธรรมของสถานทท่ี ่ีไปเยอื นได้
- คน้ ควา้ เกี่ยวกบั ภาษาทา่ ทางท่ีไม่ควรใชเ้ มอื่ ไปเยือนประเทศในกลมุ่ ประชาคมอาเซียนและ

เขยี นนาเสนอได้

1. สาระ มาตรฐานการเรียนรู้/ตวั ชี้วัด
สาระท่ี 1 ภาษาเพอื่ การสื่อสาร
มาตรฐาน ต 1.1 เข้าใจและตคี วามเรื่องทฟ่ี ังและอ่านจากส่ือประเภทต่าง ๆ และแสดงความคดิ เหน็
อย่างมเี หตุผล
ตวั ช้ีวดั
ต 1.1 ม. 3/1 ปฏิบตั ติ ามคาขอร้อง คาแนะนา คาช้ีแจง และคาอธิบายทฟี่ ังและอ่าน
ต 1.1 ม. 3/3 ระบแุ ละเขยี นส่ือทไ่ี มใ่ ช่ความเรียงรูปแบบตา่ ง ๆ ให้สัมพนั ธ์กบั ประโยคและ
ขอ้ ความท่ีฟังหรืออา่ น
ต 1.1 ม. 3/4 เลอื ก/ระบหุ วั ขอ้ เร่ือง ใจความสาคญั รายละเอียดสนบั สนุน และแสดงความคิดเห็น
เก่ียวกบั เรื่องท่ีฟังและอ่านจากสื่อประเภทตา่ ง ๆ พร้อมท้งั ใหเ้ หตุผลและยกตวั อยา่ ง
ประกอบ
มาตรฐาน ต 1.3 นาเสนอข้อมูลข่าวสาร ความคดิ รวบยอด และความคดิ เห็นในเรื่องต่าง ๆ โดยการพูด
และการเขียน
ตวั ช้ีวดั
ต 1.3 ม. 3/2 พดู และเขยี นสรุปใจความสาคญั /แก่นสาระ หัวขอ้ เรื่องท่ไี ดจ้ ากการวเิ คราะหเ์ ร่ือง/
ขา่ ว/เหตกุ ารณ์/สถานการณท์ อี่ ยใู่ นความสนใจของสังคม
ต 1.3 ม. 3/3 พดู และเขียนแสดงความคดิ เห็นเกี่ยวกบั กิจกรรม ประสบการณ์ และเหตกุ ารณ์
พร้อมท้งั ใหเ้ หตผุ ลประกอบ

423

สาระที่ 2 ภาษาและวัฒนธรรม
มาตรฐาน ต 2.1 เข้าใจความสัมพันธ์ระหว่างภาษากบั วฒั นธรรมของเจ้าของภาษา และนาไปใช้ ได้

อย่างเหมาะสมกบั กาลเทศะ
ตวั ช้ีวดั
ต 2.1 ม. 3/2 อธิบายเก่ียวกบั ชีวิตความเป็นอยู่ ขนบธรรมเนียม และประเพณีของเจา้ ของภาษา
สาระที่ 3 ภาษากับความสัมพนั ธ์กับกล่มุ สาระการเรียนรู้อน่ื
มาตรฐาน ต 3.1 ใช้ภาษาต่างประเทศในการเช่ือมโยงความรู้กับกล่มุ สาระการเรียนรู้อน่ื และเป็ น

พน้ื ฐานในการพฒั นา แสวงหาความรู้ และเปิ ดโลกทศั น์ของตน
ตวั ช้ีวดั
ต 3.1 ม. 3/1 คน้ ควา้ รวบรวม และสรุปขอ้ มูล/ขอ้ เทจ็ จริงที่เก่ียวขอ้ งกบั กลมุ่ สาระการเรียนรู้อ่ืน

จากแหล่งการเรียนรู้ และนาเสนอดว้ ยการพูดและการเขยี น

2. สาระสาคญั /ความคิดรวบยอด
การอ่านและเรียนรู้คาศพั ทเ์ กี่ยวกบั ภาษาท่าทาง ซ่ึงเป็นเร่ืองใกลต้ วั และอยใู่ นความสนใจของสงั คม

จะช่วยให้สามารถปฏิบตั ติ วั ไดอ้ ยา่ งเหมาะสมเมอื่ ไปยงั สถานทตี่ ่าง ๆ

3. สาระการเรียนรู้

3.1 ทกั ษะเฉพาะวิชา

1) Language Features and Functions

Vocabulary: Body language (bow, hug, kiss on the cheek, shake hands, make the OK

gesture)

Verbs (slip, chat, cross)

Phrasal verb (mess up)

Nouns (compartment, insult, cheek)

Adjective (fluent)

Functions: Talking about body language

In Thailand, you shouldn’t touch anyone’s head.

2) Language Skills

Speaking: พดู อภิปรายเหตุผลที่ตอ้ งเรียนรู้วฒั นธรรมของสถานทท่ี ไี่ ปเทีย่ วหรือ

ไปอยอู่ าศยั

Reading: อา่ นเพื่อหาขอ้ มลู เฉพาะ

424

Writing: เขียนส่ิงท่ีไดเ้ รียนรู้จากเรื่องทอี่ า่ น, เขยี นเกี่ยวกบั ภาษาท่าทางที่
3) Cultures นกั ทอ่ งเท่ยี วไม่ควรใชเ้ ม่ืออยใู่ นประเทศไทย
ภาษาท่าทาง

4. สมรรถนะสาคญั ของผ้เู รียน
1) ความสามารถในการส่ือสาร
2) ความสามารถในการคิด
3) ความสามารถในการใชท้ กั ษะชีวติ
4) ความสามารถในการใชเ้ ทคโนโลยี

5. คุณลกั ษณะอันพึงประสงค์
1) ใฝ่เรียนรู้
2) มุ่งมนั่ ในการทางาน

6. กจิ กรรมการเรียนรู้

ช่ัวโมงท่ี 1

ข้นั Warm up
ครูเขยี นคาวา่ body language บนกระดาน และอธิบายวา่ คาน้ีเกิดจาก body + language ใหน้ กั เรียน
ช่วยกนั เดาความหมาย จากน้นั ช่วยกนั ยกตวั อยา่ งภาษาท่าทางทน่ี กั เรียนใช้ในชีวติ ประจาวนั เช่น
การโบกมอื ทกั ทาย/ลา การทาสญั ลกั ษณ์โอเค
body language (n) = the movements or positions of your body that show other
people how you are feeling, without using word (ภาษาทา่ ทาง,
ภาษากาย)

ข้นั Pre-reading
1. หนงั สือเรยี น หน้า 76 Ex. 1 นกั เรียนดภู าพ แลว้ ครูเปิ ด CD ให้นกั เรียนฟังคาศพั ทแ์ ละออกเสียงตาม

จากน้นั ให้นกั เรียนออกเสียงดว้ ยตนเอง แลว้ ช่วยกนั อธิบายความหมายโดยดูจากภาพ
2. นกั เรียนอ่านคาศพั ทใ์ นกรอบ Check these words หนงั สือเรียน หนา้ 76 และหาคาศพั ทเ์ หล่าน้ีใน

บทอ่าน แลว้ ช่วยกนั บอกความหมายจากบริบท ถา้ คาใดทีไ่ ม่รู้สามารถเปิ ดพจนานุกรมได้

425

fluent (adj) = able to speak, read or write a language, especially a foreign

language, easily and well (คลอ่ งแคลว่ )

slip (n) = a small mistake, usually made by being careless or not paying

attention (ความผดิ พลาด)

chat (v) = to talk in a friendly informal way to somebody (พดู คุย)

cross (v) = to put one of your arms, fingers or legs over the topof the other

(ไขว)้

compartment (n) = one of the separate areas inside a vehicle, especially a train

(ส่วนก้นั แยก)

insult (v) = to say or do something to someone that is rude or offensive

(ดูหมนิ่ , ดูถกู )

mess up (phr v) = to make something untidy (ทาใหไ้ ม่เป็นระเบียบ)

cheek (n) = either side of the face below the eyes (แกม้ )

3. หนังสือเรยี น หน้า 76 Ex. 2 ครูถามนกั เรียนวา่ คิดวา่ ภาษาทา่ ทางและการใชท้ ่าทางของคนท้งั โลก

เหมือนกนั หรือไม่ จากน้นั ครูเปิ ด CD ให้นกั เรียนฟังและอ่านบทอา่ นตามไปดว้ ย เพ่อื ตรวจว่าคาตอบ

ของนกั เรียนถกู ตอ้ งหรือไม่

Body language and gestures are not the same all over the world.

ข้นั Reading
หนังสือเรยี น หน้า 76 Ex. 3 นกั เรียนอา่ นประโยคท่กี าหนดให้ และขดี เสน้ ใตค้ าสาคญั ในแต่ละ
ประโยค จากน้นั อา่ นบทอา่ นเพ่อื มองหาคาพอ้ งความหมาย (synonym) คาทมี่ ีความหมายตรงกนั ขา้ ม
(opposite) หรือกลุ่มคา/วลที มี่ ีความหมายเหมอื นกนั หรือต่างกนั กบั คาสาคญั ทีข่ ดี เส้นใตไ้ ว้ แลว้ ระบุ
ว่าประโยคที่กาหนดให้ถูกตอ้ ง หรือไมถ่ ูกตอ้ ง หรือไมไ่ ดก้ ลา่ วถงึ ในบทอ่าน เสร็จแลว้ ครูรวบรวม
คาตอบจากนกั เรียน และเฉลยคาตอบ

1 DS 2 T 3 T 4 F 5 DS

426

ข้นั Post-reading
1. THINK! หนงั สือเรยี น หน้า 76 ให้นกั เรียนเขียน 3 ส่ิงท่ีไดเ้ รียนรู้จากบทอา่ นน้ี จากน้นั ครูสุ่มเรียก

นกั เรียนหลาย ๆ คน พูดใหเ้ พอื่ นฟัง

1 Showing the soles of your feet is an insult in many Asian countries.
2 It’s rude to point in Russia.
3 Polish people kiss a person three times on the cheeks when they meet..

2. นกั เรียนแบ่งกลมุ่ กลมุ่ ละ 5-6 คน ใหแ้ ตล่ ะกลมุ่ ร่วมกนั อภปิ รายเหตุผลทตี่ อ้ งเรียนรู้วฒั นธรรมของ
สถานท่ีท่ีไปเท่ยี วหรือไปอยอู่ าศยั จากน้นั ให้แต่ละกลมุ่ รายงานผลการอภปิ รายใหค้ รูและกลุ่มอ่นื ฟัง

3. นกั เรียนทา Language Review 6e & Prepositions Exs. 3-4 ในหนงั สือเรียน หนา้ 110 ร่วมกนั ในช้ัน
4. แบบฝึกหัด (Workbook) หนา้ 50 Exs. 1-3 ให้นกั เรียนทาเป็นการบา้ น

ชั่วโมงท่ี 2

ข้นั Warm up
1. ครูทบทวนคาศพั ทเ์ กี่ยวกบั ภาษาทา่ ทาง โดยแสดงภาพให้นกั เรียนดูและบอกคพั ท์
2. นกั เรียนเล่มเกม What is missing? โดยครูแสดงภาพเกี่ยวกบั ภาษาทา่ ทางใหน้ กั เรียนดูคร้งั ละ 3 ภาพ

แลว้ ใหน้ กั เรียนหลบั ตา ครูเปลยี่ นภาพ 1 ภาพ จากน้นั ใหน้ กั เรียนลืมตา และบอกวา่ ภาพใดหายไป

ข้นั Presentation
1. ครูสอนคาศพั ทเ์ ก่ียวกบั ภาษาทา่ ทางเพิม่ เตมิ ไดแ้ ก่ touch, point finger, nod, shake your head, cross

your legs, thumbs up, thumbs down โดยครูพดู คาศพั ทแ์ ละแสดงทา่ ทางประกอบ ให้นกั เรียนออก
เสียงคาศพั ทแ์ ละแสดงทา่ ทางตาม
2. นกั เรียนจบั คเู่ ล่นเกม โดยใหน้ กั เรียนหญงิ คู่กบั นกั เรียนหญิง นกั เรียนชายคูก่ บั นกั เรียนชาย จากน้นั
ครูพดู คาสั่งใหน้ กั เรียนแสดงท่าทางตาม เช่น Everyone bows to your partner. Everyone shows the
thumbs up. คู่ใดปฏิบตั ติ ามคาสงั่ ไม่ถูกตอ้ งใหอ้ อกจากเกม และเป็นผชู้ ่วยครูเพอ่ื สงั เกตเพ่ือน

427

ข้นั Practice
1. นกั เรียนระดมสมองบอกภาษาท่าทางท่ีใชใ้ นสังคมไทย แลว้ ครูเขยี นบนกระดาน จากน้นั ใหน้ กั เรียน

ช่วยกนั อธิบายความหมายของภาษาท่าทางเหล่าน้ี เช่น nod (พยกั หนา้ ) หมายถึง ตอบตกลง แสดง
การเห็นดว้ ย
2. นกั เรียนรวมกลุ่ม กลมุ่ ละ 3 คน ให้แตล่ ะกลุ่มเลอื กภาษาท่าทางบนกระดานมากลมุ่ ละ 2 ทา่ ทาง แลว้
ครูแจกกระดาษ A4 ให้กลุ่มละ 1 แผน่ เพ่ือวาดภาพภาษาท่าทาง พร้อมท้งั เขียนคาศพั ทแ์ ละประโยค
อธิบายความหมาย ตวั อยา่ งเช่น

nod

It means you say ‘Yes’ or ‘I agree.

3. หนงั สือเรียน หน้า 76 Ex. 4 ครูแบง่ นกั เรียนออกเป็นกลุม่ กลมุ่ ละ 4-5 คน ให้แต่ละกลมุ่ ระดมสมอง
คดิ เกี่ยวกบั ภาษาท่าทางท่นี กั ท่องเทยี่ วไมค่ วรใชเ้ มือ่ อยใู่ นประเทศไทย แลว้ เขียนประโยค จากน้นั ให้
แต่ละกลมุ่ พูดรายงานให้เพ่อื นในช้นั ฟัง

In Thailand you shouldn’t touch elder people’s head. It shows you don’t respect
them.
The feet are the lowest part of the body so you shouldn’t put your feet on the
table or chair.
Also you shouldn’t point your feet at anyone.

ข้นั Production
1. ครูมอบหมายให้นกั เรียนกลุม่ เดิมช่วยกนั คน้ ควา้ ขอ้ มลู จากอินเทอร์เนต็ เก่ียวกบั ภาษาทา่ ทางทไ่ี มค่ วร

ใชเ้ มอ่ื ไปเทย่ี วประเทศตา่ ง ๆ ในอาเซียน จากน้นั ให้แตล่ ะกลมุ่ รวบรวมขอ้ มูลจากสมาชิกเพื่อทา
โปสเตอร์
2. นกั เรียนทา Vocabulary Bank 6 ในแบบฝึกหัด (Workbook) หนา้ 117-119

428

7. การวดั และการประเมนิ ผล เครื่องมือ เกณฑ์การผ่าน
แบบทดสอบ ร้อยละ 60
วธิ กี ารวดั สมุดนกั เรียน -
ตรวจการตอบคาถามจากการอา่ น แบบสงั เกตพฤตกิ รรมการเรียนรู้ ระดบั คณุ ภาพ พอใช้
ตรวจการเขียนสิ่งท่ีไดเ้ รียนรู้จากเรื่อง
ทอ่ี า่ น แบบประเมนิ ช้ินงาน ระดบั คณุ ภาพ พอใช้
สงั เกตการพดู อภิปรายเหตุผลท่ตี อ้ ง
เรียนรู้วฒั นธรรมของสถานทท่ี ไี่ ปเทย่ี ว แบบประเมนิ คณุ ลกั ษณะ ระดบั คุณภาพ ผ่าน
หรืออยอู่ าศยั อนั พงึ ประสงค์
ประเมินช้ินงานโปสเตอร์ภาษาทา่ ทาง
ทไี่ ม่ควรไชเ้ ม่อื ไปเยือนประเทศกลมุ่
ประชาคมอาเซียน
สังเกตความใฝ่ เรียนรู้และความมุ่งมน่ั
ในการทางาน

8. ส่ือ/แหล่งการเรียนรู้
1) หนงั สือเรียน SPARK 3 ม. 3
2) Class Audio CDs ประกอบส่ือฯ ชุด SPARK 3 ม. 3
3) แบบฝึกหดั SPARK 3 ม. 3
4) พจนานุกรมองั กฤษ-องั กฤษ
5) พจนานุกรมออนไลน์
6) อินเทอร์เน็ต
7) ภาพเก่ียวกบั ภาษาท่าทาง

429

6 Writing 6f

2 ชั่วโมง

จดุ ประสงค์การเรียนรู้
- บอกรายละเอียดและระบุ topic sentence ของเร่ืองทอ่ี า่ นและฟังได้
- เขยี นเรียงความแสดงขอ้ ดีและขอ้ เสียตามหวั ขอ้ ทกี่ าหนดได้

1. สาระ มาตรฐานการเรยี นรู้/ตวั ชี้วดั
สาระที่ 1 ภาษาเพอื่ การสื่อสาร
มาตรฐาน ต 1.1 เข้าใจและตีความเร่ืองทฟ่ี ังและอ่านจากส่ือประเภทต่าง ๆ และแสดงความคดิ เหน็
อย่างมีเหตผุ ล
ตวั ช้ีวดั
ต 1.1 ม. 3/4 เลอื ก/ระบุหัวขอ้ เร่ือง ใจความสาคญั รายละเอียดสนบั สนุน และแสดงความคิดเห็น
เก่ียวกบั เร่ืองท่ฟี ังและอา่ นจากส่ือประเภทตา่ ง ๆ พร้อมท้งั ใหเ้ หตุผลและยกตวั อยา่ ง
ประกอบ
มาตรฐาน ต 1.3 นาเสนอข้อมูลข่าวสาร ความคดิ รวบยอด และความคิดเหน็ ในเร่ืองต่าง ๆ โดยการพดู
และการเขยี น
ตวั ช้ีวดั
ต 1.3 ม. 3/2 พูดและเขยี นสรุปใจความสาคญั /แกน่ สาระ หวั ขอ้ เร่ืองท่ไี ดจ้ ากการวิเคราะห์เร่ือง/
ขา่ ว/เหตกุ ารณ์/สถานการณ์ทอ่ี ยใู่ นความสนใจของสังคม
ต 1.3 ม. 3/3 พูดและเขยี นแสดงความคดิ เห็นเก่ียวกบั กิจกรรม ประสบการณ์ และเหตกุ ารณ์
พร้อมท้งั ให้เหตุผลประกอบ

2. สาระสาคญั /ความคิดรวบยอด
การอา่ นและเขียนเรียงความแสดงขอ้ ดีและขอ้ เสีย จะช่วยให้สามารถวเิ คราะห์ขอ้ มลู ให้เหตุผล

และตวั ยา่ งสนนั สนุนความคดิ ไดอ้ ยา่ งเหมาะสม

430

3. สาระการเรียนรู้

3.1 ทกั ษะเฉพาะวิชา

1) Language Features and Functions

Vocabulary: Verbs (chat, damage, distract, neglect)

Nouns (tool, topic, screen)

Adjective (harmful)

Adverb (sensibly)

Functions: Talking about advantages and disadvantages of the Internet

We use the Internet to find information.

The internet can damage your eyes if you spend too many hours.

2) Language Skills

Listening: ฟังเพ่อื หาขอ้ มูลเฉพาะ

Reading: อ่านเพอื่ หาขอ้ มูลเฉพาะ

Writing: เขยี นเรียงความแสดงขอ้ ดีและขอ้ เสียตามหัวขอ้ ท่กี าหนด

4. สมรรถนะสาคัญของผ้เู รยี น
1) ความสามารถในการสื่อสาร
2) ความสามารถในการคิด

5. คุณลกั ษณะอันพึงประสงค์
1) ใฝ่เรียนรู้
2) มุ่งมน่ั ในการทางาน

6. กิจกรรมการเรียนรู้

ชั่วโมงท่ี 1

ข้นั Warm up
ครูเขยี นคาถาม Is the Internet good or bad? บนกระดาน แลว้ เขยี นตาราง 2 ช่อง ช่องซ้ายเขียนหัวขอ้
good ช่องขวาเขียนหวั ขอ้ bad จากน้นั ให้นกั เรียนระดมสมองพูดบอกขอ้ ดีและขอ้ เสียของการใช้
อินเทอร์เน็ต นกั เรียนสามารถบอกเป็นภาษาไทยได้

431

Good Bad

ข้นั Pre-reading
1. นกั เรียนดูเรียงความในหนงั สือเรียน หนา้ 77 Ex. 1 แลว้ ตอบครูวา่ ใครเป็นผเู้ ขียนเรียงความน้ี

(Wendy Hummel)
2. ครูทบทวนเก่ียวกบั topic sentence โดยใหน้ กั เรียนช่วยกนั บอกวา่ topic sentence คืออะไร (ประโยค

ท่ีแสดงความคดิ หลกั (main idea) ของยอ่ หนา้ โดยทวั่ ไปมกั จะอยตู่ น้ ยอ่ หนา้ ) จากน้นั ให้นกั เรียน
อา่ น Study Skills หนงั สือเรียน หนา้ 77 แลว้ ช่วยกนั อธิบายการหา topic sentence ในเรียงความแสดง
ขอ้ ดีและขอ้ เสีย (a for-and-against essay)
3. ครูอธิบายนกั เรียนวา่ เรียงความแสดงขอ้ ดีและขอ้ เสีย (a for-and-against essay) จะมี 4 ยอ่ หนา้
โดยแบง่ เป็น

ยอ่ หนา้ ที่ 1 เกร่ินนาเร่ือง
ยอ่ หนา้ ท่ี 2 และ 3 เน้ือเร่ือง
ยอ่ หนา้ ท่ี 4 สรุป
จากน้นั ครูถามนกั เรียนว่า topic sentence ของเรียงความแสดงขอ้ ดีและขอ้ เสียจะอยใู่ นยอ่ หนา้ ใด
(ยอ่ หนา้ ที่ 2 และ 3)
4. นกั เรียนอ่านคาศพั ทใ์ นกรอบ Check these words หนงั สือเรียน หนา้ 77 แลว้ ช่วยกนั บอกความหมาย
ถา้ คาใดไม่รู้ ครูช่วยอธิบาย เช่น
tool (n) = a thing that helps you to do your job or to achieve something

(เคร่ืองมอื )
distract (from) (v) = to make someone stop giving their attention to something

(หนั เหความสนใจจาก)
neglect (v) = to not give enough attention to something (ไม่สนใจ, ละเลย)
sensibly (adv) = in a way that shows the ability to make good judgements based on

reason and experience rather than emotion (อยา่ งมวี จิ ารณญาณ,
อยา่ งสมตสุ มผล)
5. นกั เรียนอ่านคาถามในหนงั สือเรียน หนา้ 77 Ex. 1 แลว้ เดาความหมายของคาว่า advantage,
disadvantage, recommendation

432

advantage (n) = a quality of something that makes it better or more useful

(ขอ้ ดี, จุดดี)

disadvantage (n) = something that causes problems and tends to stop

somebody/something from succeeding or making progress

(ขอ้ เสีย)

recommendation (n) = advice telling someone what the best thing to do is (คาแนะนา)

ข้นั Reading
1. หนังสือเรียน หน้า 77 Ex. 1 นกั เรียนขีดเส้นใตค้ าสาคญั ในคาถาม จากน้นั อา่ นเรียงความเพ่อื มองหา

เน้ือเรื่องส่วนที่เก่ียวขอ้ งกบั คาท่ีขดี เส้นใต้ เมอื่ พบแลว้ อ่านให้เขา้ ใจ แลว้ จึงตอบคาถาม เสร็จแลว้ ครู
รวบรวมคาตอบจากนกั เรียนหลาย ๆ คน และเฉลยคาตอบ

1 Advantages: useful tool – find information on any topic, helps communication –
can chat or send emails

2 Disadvantages: it can be harmful – damage eyes distracts you from real life –
may avoid friends or neglect homework

3 Teens must use the Internet sensibly.

2. หนงั สือเรยี น หน้า 77 Ex. 2 นกั เรียนอ่านเรียงความอกี คร้ังเพื่อหา topic sentence ในยอ่ หนา้ ท่เี ป็น
เน้ือหาของเรียงความ แลว้ ครูสุ่มเรียกนกั เรียนหลาย ๆ คน ระบุ topic sentence

Para 2: The Internet is a useful tool.
Para 3: On the other hand, the Internet can be harmful.

ข้นั Post-reading
1. นกั เรียนรวมกลุม่ กลมุ่ ละ 3-4 คน ครูใหแ้ ต่ละกลมุ่ ช่วยกนั คิด topic sentence ของยอ่ หนา้ ที่ 2-3 แทน

ประโยคเดิม เสร็จแลว้ ใหแ้ ต่ละกลมุ่ บอก topic sentence ท่คี ิดใหม่ ครูเขยี นบนกระดาน จากน้นั ให้
นกั เรียนร่วมกนั ตดั สินว่า topic sentence ของกล่มุ ใดเหมาะสมทสี่ ุด

433

Para 2: The Internet has many benefits.
Para 3: However, there are some disadvantages to using it.
2. ครูและนกั เรียนร่วมกนั สรุปขอ้ ดีและขอ้ เสียของอนิ เทอร์เน็ต ดงั น้นั นกั เรียนควรเล่นอนิ เทอร์เนต็
โดยใชเ้ วลาใหเ้ หมาะสม
3. นกั เรียนทา Exs. 6-7 (Collocations & Phrasal verbs) ใน Language Review 6 หนงั สือเรียน หนา้ 110
4. แบบฝึกหัด (Workbook) หนา้ 51 Exs. 1-4 ให้นกั เรียนทาเป็นการบา้ น

ช่ัวโมงท่ี 2
ข้นั Warm up

ครูเปิ ดคลิปวดิ ีโอจากเวบ็ ไซต์ https://www.youtube.com/watch?v=XZVhHWFJGps ใหน้ กั เรียนดู
ขอ้ เสียของอินเทอร์เน็ตเพ่ิมเติม แลว้ ช่วยกนั สรุปขอ้ เสียจากคลิปวดิ ีโอดงั กล่าว
ข้นั Pre-writing
1. หนังสือเรยี น หน้า 77 Ex. 3 ครูใหน้ กั เรียนแถวฝ่ังซา้ ยอ่านขอ้ โตแ้ ยง้ 1-4 และแถวฝั่งขวาอ่านตวั อยา่ ง
สนบั สนุน a-d แลว้ ใหน้ กั เรียนจบั คขู่ อ้ โตแ้ ยง้ กบั ตวั อยา่ งท่ีสมั พนั ธ์กนั จากน้นั ครูบอกนกั เรียนวา่ จะ
ไดฟ้ ังบทสนทนาทางรายการวิทยุ เพือ่ ตรวจคาตอบ เมือ่ ฟังจบครูขออาสาสมคั รบอกคาตอบ

1c 2d 3a 4b

434

2. ครูนาเสนอโครงสร้างเรียงความแสดงขอ้ ดีและขอ้ เสีย (a for-and-against essay) บนกระดาน ดงั น้ี

Opening Introduction to the issue

for-and-against essay Side the writer agrees with
Body

Side the writer disagrees with

Conclusion Writer’s opinion

ครูอธิบายวา่ เรียงความแสดงขอ้ ดีและขอ้ เสียมี 3 ส่วนหลกั คือ เกร่ินนา เน้ือหา และสรุป โดย
แบง่ เป็น 4 ยอ่ หนา้ แลว้ ครูใหน้ กั เรียนดูเรียงความในหนงั สือเรียน หนา้ 77 Ex. 1 ประกอบ

เกริ่นนา

เน้ือหา

สรุป

3. ครูนาเสนอคาเช่ือมท่เี ป็นประโยชน์สาหรับการเขยี นเรียงความ โดยเขียนคาเชื่อมตอ่ ไปน้ีบนกระดาน

ใหน้ กั เรียนอ่านพร้อมกนั แลว้ ครูอธิบายบอกความหมาย

also (ดว้ ย, เช่นเดียวกนั ) however (อยา่ งไรก็ตาม)

all in all (โดยรวม) on the other hand (ในทางตรงขา้ ม)

in addition (นอกจากน้นั , ย่งิ ไปกว่าน้นั ) moreover (ย่งิ กว่าน้นั )

even though (ถึงแมว้ ่า) but (แต)่

to summarise (โดยสรุป) nevertheless (แต่อยา่ งไรกต็ าม)

overall (กลา่ วโดยสรุป) in conclusion (โดยสรุป)

จากน้นั ครูเขียนตารางดา้ นล่างน้ีบนกระดาน ใหน้ กั เรียนช่วยกนั บอกว่าคาเช่ือมแตล่ ะคาใชอ้ ยา่ งไร

แลว้ ครูเขียนคาเชื่อมในตาราง โดยย้าให้นกั เรียนจดจาวิธีใชค้ าเช่ือมเหลา่ น้ี

To add information also, in addition, moreover, overall, in conclusion
To contrast 2 facts however, on the other hand, even though, but, nevertheless
To sum up all in all, to summarise

435

4. ครูอธิบายภาระงานในหนงั สือเรียน หนา้ 77 Ex. 4 วา่ นกั เรียนจะไดเ้ ขยี นเรียงความแสดงขอ้ ดีและ
ขอ้ เสียในหวั ขอ้ “วยั รุ่นควรมโี ทรศพั ทม์ ือถือหรือไม่” ตามโครงร่างทกี่ าหนดให้ โดยสามารถใช้
ขอ้ มูลจาก Ex. 3 ในการเขียนได้

ข้นั Writing
หนังสือเรียน หน้า 77 Ex. 4 นกั เรียนเขียนร่างเรียงความแสดงขอ้ ดีและขอ้ เสียตามโครงร่างที่
กาหนดให้ ความยาว 80-90 คา ครูย้าว่าในยอ่ หนา้ ที่เป็นเน้ือเรื่องให้นกั เรียนเขยี น topic sentence
ใหเ้ หมาะสม

Should Teenagers have mobile phones?
Most teens have mobile phones and a lot of them are hooked on them. Is this
good or bad?
Mobiles phones are certainly very useful. You can keep in touch with friends and
family very easily and quickly. Moreover, you can use them in an emergency.
Mobile phones have often saved lives.
However, mobile phones can be dangerous. The radiation from them can damage
our health if we use them too much. They can also distract teenagers from their
homework. Spending time sending messages instead of studying can make teens
fall behind in their schoolwork.
All in all, mobile phones are very useful gadgets to have. However, teens should
use them sensibly.

ข้นั Post-writing
1. ครูใหน้ กั เรียนตรวจทานร่างงานเขยี นของตนเอง โดยดไู วยากรณ์ การสะกดคา ยอ่ หนา้ และการใช้

ภาษา แลว้ แลกเปลีย่ นกนั ตรวจกบั เพือ่ น จากน้นั ให้นกั เรียนแกไ้ ขร่างงานเขยี นของตนเองใหถ้ กู ตอ้ ง
แลว้ เขียนเรียงความส่งครูตามร่างงานเขยี นทแี่ กไ้ ขแลว้
2. นกั เรียนทา Self-Check 6 ในหนงั สือเรียน หนา้ 118
3. แบบฝึกหัด (Workbook) หนา้ 51 Exs. 5-6 ให้นกั เรียนทาเป็นการบา้ น

436

7. การวดั และการประเมนิ ผล

วธิ กี ารวดั เคร่ืองมือ เกณฑ์การผ่าน
ร้อยละ 60
ตรวจการตอบคาถามจากการอ่านและ แบบฝึกหดั (Workbook)
ระดบั คุณภาพ พอใช้
การฟัง
ระดบั คุณภาพ ผ่าน
ประเมนิ การเขียนเรียงความแสดงขอ้ ดี แบบประเมินการเขียน

และขอ้ เสียตามหัวขอ้ ทก่ี าหนด

สังเกตความใฝ่เรียนรู้และความมุง่ มนั่ แบบประเมินคุณลกั ษณะ

ในการทางาน อนั พงึ ประสงค์

8. ส่ือ/แหล่งการเรียนรู้
1) หนงั สือเรียน SPARK 3 ม. 3
2) Class Audio CDs ประกอบส่ือฯ ชุด SPARK 3 ม. 3
3) แบบฝึกหดั SPARK 3 ม. 3
4) คลิปวิดีโอ

437

7 ASEAN corner 6

1 ชั่วโมง

จุดประสงค์ (Objectives)
- บอกรายละเอยี ดของเร่ืองท่อี า่ นได้
- พดู ขอและใหข้ อ้ มลู เกี่ยวกบั การใชอ้ ินเทอร์เนต็ ได้
- คน้ ควา้ และนาเสนอขอ้ มลู ตามหวั ขอ้ ทกี่ าหนดได้

1. สาระ มาตรฐานการเรียนรู้/ตวั ชีว้ ดั
สาระท่ี 1 ภาษาเพอ่ื การสื่อสาร
มาตรฐาน ต 1.1 เข้าใจและตคี วามเร่ืองทฟี่ ังและอ่านจากส่ือประเภทต่าง ๆ และแสดงความคดิ เห็น
อย่างมเี หตผุ ล
ตวั ช้ีวดั
ต 1.1 ม. 3/4 เลอื ก/ระบุหวั ขอ้ เร่ือง ใจความสาคญั รายละเอียดสนบั สนุน และแสดงความคดิ เห็น
เก่ียวกบั เรื่องทีฟ่ ังและอ่านจากสื่อประเภทต่าง ๆ พร้อมท้งั ใหเ้ หตุผลและยกตวั อยา่ ง
ประกอบ
มาตรฐาน ต 1.2 มีทักษะการส่ือสารทางภาษาในการแลกเปลย่ี นข้อมลู ข่าวสาร แสดงความรู้สึกและ
ความคดิ เหน็ อย่างมีประสิทธภิ าพ
ตวั ช้ีวดั
ต 1.2 ม. 3/1 สนทนาและเขยี นโตต้ อบขอ้ มูลเก่ียวกบั ตนเอง เรื่องต่าง ๆ ใกลต้ วั สถานการณ์ ขา่ ว
เร่ืองทอ่ี ยใู่ นความสนใจของสังคม และสื่อสารอยา่ งต่อเน่ืองและเหมาะสม
มาตรฐาน ต 1.3 นาเสนอข้อมลู ข่าวสาร ความคดิ รวบยอด และความคิดเหน็ ในเรื่องต่าง ๆ โดยการพูด
และการเขียน
ตวั ช้ีวดั
ต 1.3 ม. 3/2 พูดและเขยี นสรุปใจความสาคญั /แก่นสาระ หวั ขอ้ เร่ืองที่ไดจ้ ากการวเิ คราะห์เร่ือง/
ขา่ ว/เหตุการณ์/สถานการณท์ อี่ ยใู่ นความสนใจของสงั คม

438

สาระที่ 3 ภาษากับความสัมพันธ์กับกล่มุ สาระการเรียนรู้อนื่
มาตรฐาน ต 3.1 ใช้ภาษาต่างประเทศในการเช่ือมโยงความรู้กบั กล่มุ สาระการเรียนรู้อื่น และเป็ น

พื้นฐานในการพฒั นา แสวงหาความรู้ และเปิ ดโลกทศั น์ของตน
ตวั ช้ีวดั
ต 3.1 ม. 3/1 คน้ ควา้ รวบรวม และสรุปขอ้ มูล/ขอ้ เท็จจริงท่ีเก่ียวขอ้ งกบั กลมุ่ สาระการเรียนรู้อน่ื

จากแหล่งการเรียนรู้ และนาเสนอดว้ ยการพดู และการเขียน

2. สาระสาคญั /ความคดิ รวบยอด

การเขา้ ใจและตระหนกั ถึงความสาคญั เรื่องความเหลื่อมล้าในการเขา้ ถึงสารสนเทศและความรู้
ท้งั ในระดบั ชุมชน ประเทศ และภูมภิ าค จะช่วยให้เกิดการพฒั นาเพอ่ื ให้เกิดความเท่าเทยี ม ก่อให้เกิด
ประโยชน์ในดา้ นสงั คมและเศรษฐกิจ

3. สาระการเรียนรู้

3.1 ทกั ษะเฉพาะวิชา

1) Language Features and Functions

Vocabulary: Verb (access)

Nouns (remote area, gap, urban, rural area, indicator, aspect)

Functions: Talking about using the Internet

How often do you use the Internet?

I use it every day to listen to music and do homework.

2) Language Skills

Speaking: พดู ขอและใหข้ อ้ มลู เก่ียวกบั การใชอ้ นิ เทอร์เน็ต

Reading: อ่านเพ่อื หาขอ้ มลู เฉพาะ

Writing: เขยี นนาเสนอขอ้ มูลเก่ียวกบั ประโยชน์ในการเขา้ ถงึ อินเทอร์เน็ต

4. สมรรถนะสาคัญของผ้เู รียน
1) ความสามารถในการส่ือสาร
2) ความสามารถในการคดิ
3) ความสามารถในการใชเ้ ทคโนโลยี

439

5. คุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์
1) ใฝ่เรียนรู้
2) มุ่งมนั่ ในการทางาน

6. กจิ กรรมการเรียนรู้
ข้นั Warm up
1. นกั เรียนร่วมกนั แสดงความคิดเห็นว่า คอมพิวเตอร์หรืออนิ เตอร์เน็ตมคี วามสาคญั ตอ่ ชีวิตประจาวนั
ของนกั เรียนหรือไม่ อยา่ งไร
2. ครูใหน้ กั เรียนลองจินตนาการว่า ถา้ ในชุมชนของนกั เรียนไมม่ ีไฟฟ้าใช้ ชีวติ ประ จาวนั ของนกั เรียน
จะแตกตา่ งจากตอนน้ีอยา่ งไรบา้ ง
3. นกั เรียนดูภาพในหนงั สือเรียน หนา้ 78 แลว้ บอกครูว่ารู้สึกอยา่ งไรตอ่ ท้งั 2 ภาพน้ี

ข้นั Pre-reading
1. นกั เรียนอา่ นช่ือเร่ืองของบทอ่านในหนงั สือเรียน หนา้ 78 แลว้ เดาความหมายของคาวา่ digital divide

โดยใชภ้ าพประกอบช่วยในการเดา จากน้นั ครูจึงอธิบายความหมาย
digital divide (n) = the problem of some members of society not having the
opportunity or knowledge to use computers and the internet
that others have (ความเหล่ือมล้าในการเขา้ ถงึ สารสนเทศและ
ความรู้)

2. ครูแบง่ นกั เรียนเป็นกลุม่ กลมุ่ ละ 4 คน ใหแ้ ตล่ ะกลุ่มอา่ นเร่ือง Digital Divide in ASEAN ใน
หนงั สือเรียน หนา้ 78 เพ่ือหาคาศพั ทย์ ากและขดี เสน้ ใต้ แลว้ ครูสุ่มเรียกนกั เรียนใหอ้ ่านคาศพั ท์
กลมุ่ ละ 1 ยอ่ หนา้ คาใดทีน่ กั เรียนอ่านไมถ่ กู ตอ้ ง ให้อ่านตามครู จากน้นั ให้นกั เรียนช่วยกนั เดา
ความหมายของคาศพั ท์ ถา้ คาใดท่ีไม่รู้ให้หาความหมายจากพจนานุกรม เช่น
access (v) = to open a computer file in order to get or add information (เขา้ ถึง)
remote (adj) = far away from places where other people live (ห่างไกล)
gap (n) = a difference that separates people or their opinions, situation etc.
(ความแตกตา่ ง)
urban (adj) = connected with a town or city (เกี่ยวกบั เมอื ง)
rural (adj) = connected with or like the countryside (เกี่ยวกบั ชนบท)
indicator (n) = something that shows what a situation is like (ตวั บ่งช้ี)

440

aspect (n) = a particular part or feature of a situation, an idea, a problem etc.; a
way in which it may be considered (มมุ มอง)

ข้นั Reading
หนงั สือเรยี น หน้า 78 Ex. 1 นกั เรียนคาถามท่กี าหนดให้และขีดเสน้ ใตค้ าสาคญั แลว้ อ่านบทอา่ นเพื่อ
หาเน้ือเร่ืองส่วนที่เก่ียวขอ้ งกบั คาทข่ี ดี เสน้ ใตไ้ ว้ เมื่อพบแลว้ อา่ นให้เขา้ ใจ แลว้ จึงตอบคาถาม จากน้นั
ครูเฉลยคาตอบ

1 It refers to the gap between those who have access to new technology and
those who don’t.

2 Yes, there is.
3 The Internet and related digital technologies help promote development.
4 Online learning helps people access education and support lifelong learning.

ICT literacy, which is the ability to use digital technology, is one of the 21st
century skills that students need to develop.

ข้นั Post-reading
1. หนงั สือเรียน หน้า 78 Ex. 2 นกั เรียนจบั คูก่ บั เพอ่ื นพดู ถาม-ตอบเก่ียวกบั การใชอ้ นิ เทอร์เนต็ โดยใช้

คาถามทก่ี าหนดให้ ครูเดินสงั เกตการทากิจกรรมของนกั เรียนรอบ ๆ ช้นั เรียน
2. หนงั สือเรียน หน้า 78 Ex. 3 นกั เรียนแบ่งกลุ่ม กลุ่มละ 3-4 คน ครูให้แต่ละกลุ่มคน้ ควา้ รวบรวม

ขอ้ มูลจากอนิ เทอร์เนต็ เกี่ยวกบั ประโยชนข์ องการเขา้ ถงึ อินเทอร์เน็ตของชุมชนหรือประเทศ แลว้
จดั ทาเป็นโปสเตอร์ โดยให้แตล่ ะกลมุ่ ร่วมกนั ออกแบบและตกแตง่ โปสเตอร์ให้น่าสนใจ

441


Click to View FlipBook Version