4. ครูนาเสนอ Present perfect continuous โดยเขียนประโยคตอ่ ไปน้ีบนกระดาน และขดี เสน้ ใตค้ ากริยา
ของแต่ละประโยค
I have been reading for 2 hours. (I am still reading now.)
We’ve been studying since 9 o’clock. (We’re still studying now.)
How long have you been learning English? (You are still learning now.)
We have not been smoking. (We are not smoking now.)
ครูอธิบายวา่ ประโยคบนกระดานอยใู่ นรูป Present perfect continuous แลว้ ให้นกั เรียนบอก
โครงสร้างของ Present perfect continuous โดยสังเกตจากคากริยาท่ีขดี เส้นใต้ (has/have + been +
v-ing)
ตอ่ มาครูอธิบายวา่ เราใช้ Present perfect continuous เม่ือกล่าวถึงการกระทาที่เร่ิมตน้ ในอดีตและ
ดาเนินต่อเนื่องมาจนถึงปัจจุบนั โดยเนน้ ที่ความต่อเน่ืองของระยะเวลา ซ่ึงขณะที่พูดการกระทาน้นั
ก็ยงั คงดาเนินอยู่
จากน้นั ครูเขยี นตารางเปรียบเทียบ Present perfect continuous และ Present perfect ให้นกั เรียนดบู น
กระดาน เพอ่ื ใหเ้ ขา้ ใจความแตกต่างมากยิ่งข้นึ
Present perfect continuous Present perfect
has/have + been + v-ing has/have + past participle
ใชก้ บั เหตกุ ารณ์ท่เี กิดข้ึนในอดีต และดาเนิน ใชก้ บั เหตกุ ารณ์ทเ่ี กิดข้นึ ในอดีต และดาเนินมา
มาเร่ือย ๆ (อยา่ งต่อเนื่อง ไม่หยดุ ) จนถึง (เกิดบา้ ง หยดุ บา้ ง) จนถึงปัจจุบนั
ปัจจบุ นั
ในขณะท่ีกาลงั พดู เหตกุ ารณย์ งั คงดาเนินอยู่ ในขณะทีก่ าลงั พดู เหตกุ ารณ์อาจจบไปแลว้
ยงั ไม่จบ หรือยงั ไมจ่ บ
ข้นั Practice
1. หนังสือเรยี น หน้า 37 Ex. 9 ครูให้นกั เรียน 2 คน อ่านตวั อยา่ งบทสนทนาใหเ้ พื่อนฟัง แลว้ ให้
นกั เรียนทางานคู่ ฝึกพดู สนทนาเกี่ยวกบั ประสบการณ์โดยใช้วลีที่กาหนดให้ ครูเดินสังเกตการทา
กิจกรรมรอบ ๆ ช้นั เรียน
192
2 A: Have you ever won a competition?
B: Yes, I have.
A: When did you win it?
B: I won it two years ago.
3 A: Have you ever met a famous actor?
B: Yes, I have.
A: When did you meet him?
B: I met Brad Pitt last year.
4 A: Have you ever ridden a horse?
B: Yes, I have.
A: When did you ride one?
B: I rode one when I was 12 years old.
5 A: Have you ever broken your arm?
B: Yes, I have.
A: When did you break it?
B: I broke it last summer.
2. หนงั สือเรียน หน้า 37 Ex. 10 นกั เรียนดูโครงสร้างประโยคและหลกั การใช้ Present perfect
continuous ในกรอบ เพื่อทบทวนความเขา้ ใจ แลว้ ให้นกั เรียนช่วยกนั คดิ ว่าในภาษาไทยมีโครงสร้าง
ลกั ษณะเช่นน้ีหรือไม่
จากน้นั ใหน้ กั เรียนแตง่ ประโยค Present perfect continuous จากคาทกี่ าหนดให้ เสร็จแลว้ ครูสุ่มเรียก
นกั เรียนอา่ นประโยค และครูตรวจคาตอบ
2 They have been watching TV all morning.
3 He has been fishing since 9 o’clock.
4 How long has Bob been exercising at a gym?
5 I have been learning English since I was ten.
6 We haven’t been waiting for long.
193
3. หนังสือเรียน หน้า 37 Ex. 11 ครูให้เวลานกั เรียนเขียนตอบคาถามว่าทากิจกรรมที่กาหนดให้ต่อเนื่อง
มาเป็นเวลานานเทา่ ไร เสร็จแลว้ ให้นกั เรียนจบั คู่ผลดั กนั พดู ถาม-ตอบ
S1: How long have you been riding a bike?
S2: I have been riding a bike since I was five.
S1: How long have you been living here?
S2: I have been living here since I was born.
ข้นั Production
1. หนังสือเรียน หน้า 37 Ex. 12 นกั เรียนแตง่ ประโยคเกี่ยวกบั ตนเองโดยใชค้ า/วลีแสดงเวลาท่ี
กาหนดให้ โดยก่อนทางานครูใหน้ กั เรียนช่วยกนั บอกวา่ คา/วลีแสดงเวลาเหล่าน้ีมกั จะใชก้ บั tense ใด
เช่น ago ใชก้ บั Past simple จากน้นั ครูใหเ้ วลานกั เรียนแต่งประโยค เสร็จแลว้ ครูสุ่มเรียกนกั เรียน
หลาย ๆ คน อ่านประโยค
I have just been to Valencia.
I went to France last month.
I didn’t go abroad in 2008.
I have already tidied my bedroom.
I went swimming in the sea last summer.
I woke up late yesterday.
I haven’t seen my Aunt June since last May.
I was ill two weeks ago.
I haven’t been waiting for long.
I have been cleaning the house all morning.
2. นกั เรียนทา Grammar Bank 3 ในแบบฝึกหดั (Workbook) หนา้ 83 Exs. 1-6
3. แบบฝึกหดั (Workbook) หนา้ 22 Ex. 2, หนา้ 23 Exs. 5-9 ให้นกั เรียนทาเป็นการบา้ น
194
7. การวดั และการประเมนิ ผล
วิธกี ารวดั เคร่ืองมือ เกณฑ์การผ่าน
ตรวจการเขียนประโยคเก่ียวกบั บุคคล สมุดนกั เรียน -
ในครอบครวั ตามโครงสร้างท่ีเรียน
สงั เกตการพูดขอและใหข้ อ้ มูลเกี่ยวกบั แบบสงั เกตพฤติกรรมการเรียนรู้ ระดบั คณุ ภาพ พอใช้
ระยะเวลาในการทากิจกรรม
ตรวจการเขียนประโยคเก่ียวกบั ตนเอง สมดุ นกั เรียน -
ตามโครงสร้างท่เี รียน
สงั เกตความใฝ่เรียนรู้และความมุ่งมน่ั แบบประเมินคณุ ลกั ษณะ ระดบั คุณภาพ ผ่าน
ในการทางาน อนั พึงประสงค์
8. ส่ือ/แหล่งการเรียนรู้
1) หนงั สือเรียน SPARK 3 ม. 3
2) แบบฝึกหัด SPARK 3 ม. 3
3) พจนานุกรมองั กฤษ-องั กฤษ
4) พจนานุกรมออนไลน์
195
3 Skills 3c
2 ชั่วโมง
จุดประสงค์ (Objectives)
- บอกรายละเอียดและแสดงความรู้สึกเกี่ยวกบั เร่ืองทฟ่ี ังได้
- พูดขอและใหข้ อ้ มลู เก่ียวกบั ประสบการณ์ได้
- เขียนเลา่ เหตุการณจ์ ากเรื่องทฟ่ี ังได้
1. สาระ มาตรฐานการเรยี นรู้/ตวั ชี้วดั
สาระท่ี 1 ภาษาเพอื่ การสื่อสาร
มาตรฐาน ต 1.1 เข้าใจและตีความเร่ืองทฟ่ี ังและอ่านจากส่ือประเภทต่าง ๆ และแสดงความคิดเหน็
อย่างมเี หตผุ ล
ตวั ช้ีวดั
ต 1.1 ม. 3/4 เลือก/ระบหุ ัวขอ้ เร่ือง ใจความสาคญั รายละเอียดสนบั สนุน และแสดงความคิดเห็น
เก่ียวกบั เร่ืองที่ฟังและอ่านจากสื่อประเภทต่าง ๆ พร้อมท้งั ใหเ้ หตุผลและยกตวั อยา่ ง
ประกอบ
มาตรฐาน ต 1.2 มที กั ษะการสื่อสารทางภาษาในการแลกเปลย่ี นข้อมูลข่าวสาร แสดงความรู้สึกและ
ความคดิ เห็นอย่างมปี ระสิทธภิ าพ
ตวั ช้ีวดั
ต 1.2 ม. 3/1 สนทนาและเขียนโตต้ อบขอ้ มลู เก่ียวกบั ตนเอง เร่ืองต่าง ๆ ใกลต้ วั สถานการณ์ ข่าว
เร่ืองทีอ่ ยใู่ นความสนใจของสังคม และสื่อสารอยา่ งต่อเนื่องและเหมาะสม
ต 1.2 ม. 3/4 พดู และเขียนเพื่อขอและให้ขอ้ มลู อธิบาย เปรียบเทียบ และแสดงความคดิ เห็น
เกี่ยวกบั เรื่องที่ฟังหรืออา่ นอยา่ งเหมาะสม
สาระที่ 4 ภาษากบั ความสัมพันธ์กับชุมชนและโลก
มาตรฐาน ต 4.1 ใช้ภาษาต่างประเทศในสถานการณ์ต่าง ๆ ท้งั ในสถานศึกษา ชุมชน และสังคม
ตวั ช้ีวดั
ต 4.1 ม. 3/1 ใชภ้ าษาส่ือสารในสถานการณจ์ ริง/สถานการณจ์ าลองทีเ่ กิดข้นึ ในหอ้ งเรียน
สถานศึกษา ชุมชน และสงั คม
196
2. สาระสาคญั /ความคิดรวบยอด
การเรียนรู้คาศพั ท์ช่วยให้สามารถบอกรายละเอียด แสดงความรู้สึก และเขยี นเล่าเหตุการณข์ อง
เร่ืองท่ฟี ัง รวมถึงสามารถพดู ขอและใหข้ อ้ มูลเกี่ยวกบั ประสบการณ์ไดอ้ ยา่ งเหมาะสม
3. สาระการเรียนรู้
3.1 ทักษะเฉพาะวชิ า
1) Language Features and Functions
Vocabulary: Verbs (board a flight, declare, preserve, release, charge, break the law,
import, miss flight, lose luggage)
Phrasal verb (break down)
Nouns (story, customs officer, specimen, liquid, reptile, poison, scorpion,
airline, contents, endangered species)
Functions: Narrating a past experience
What’s wrong?
Someone has just stolen my wallet! I put it down for a moment to look in
my bag and the next thing I knew it was gone.
2) Language Skills
Listening: ฟังเพือ่ หาขอ้ มลู เฉพาะ
Speaking: พดู ขอและให้ขอ้ มลู เกี่ยวกบั ประสบการณ์
Writing: เขียนแสดงความรู้สึกเกี่ยวกบั เรื่องทีฟ่ ัง, เขยี นเลา่ เหตุการณจ์ ากเรื่องทฟี่ ัง
4. สมรรถนะสาคญั ของผ้เู รยี น
1) ความสามารถในการส่ือสาร
2) ความสามารถในการคิด
5. คุณลกั ษณะอันพงึ ประสงค์
1) ใฝ่เรียนรู้
2) มงุ่ มน่ั ในการทางาน
197
6. กิจกรรมการเรียนรู้
ชั่วโมงที่ 1
ข้นั Warm up
ครูให้นกั เรียนดูภาพในหนงั สือเรียน หนา้ 38 แลว้ ครูถามคาถามเพ่ือดึงความสนใจของนกั เรียน
เขา้ สู่บทเรียน
• What can you see in this page?
• Are you afraid of snakes?
• Do you think we can bring snakes on a plane?
• Do you think snakes are endangered species?
ข้นั Pre-listening
1. หนงั สือเรยี น หน้า 38 Ex. 1 ครูถามนกั เรียนว่า ใครมเี ร่ืองเลา่ เก่ียวกบั ประสบการณก์ ารเดินทางที่
น่าสนใจบา้ ง จะเป็นเรื่องของตนเองหรือบคุ คลที่สนิทก็ได้ แลว้ ครูใหน้ กั เรียนเล่าใหเ้ พื่อนฟัง
This is a travelling tale of my sister. Last year, she and her friends had to fly to
Chiang Mai. The boarding time was 10 am so they got to the airport before time.
Unfortunately, they missed the flight because of the traffic jam in Bangkok.
2. นกั เรียนอ่านคาศพั ทใ์ นกรอบ Check these words หนงั สือเรียน หนา้ 38 ถา้ คาใดอ่านไมไ่ ดใ้ หค้ รู
อา่ นนา แลว้ ครูแบง่ นกั เรียนเป็น 6 กลมุ่ เพื่อให้ช่วยกนั หาความหมายจากพจนานุกรม โดยใหก้ ลุม่
1-2 หาคาศพั ทช์ ุดเดียวกนั กลมุ่ 3-4 หาคาศพั ทช์ ุดเดียวกนั และกลุ่ม 5-6 หาคาศพั ทช์ ุดเดียวกนั
จากน้นั ครูถามความหมายของคาศพั ท์
story (n) = a description, often spoken, of what happened to somebody
or of how something happened (เร่ืองราว)
luggage (n) = bags that contain somebody’s clothes and things when they
are travelling (กระเป๋ าเดินทาง)
miss flight (v) = to be or arrive too late for a flight (ไปไมท่ นั ข้นึ เคร่ืองบิน,
ตกเคร่ืองบิน)
198
board a flight (v) = to get onto or allow people to get onto a plane (ข้ึนเคร่ืองบิน)
declare (v) = to tell customs officers (= at the border of a country) that you
customs officer (n) are carrying goods on which you should pay tax
specimen (n) (แสดงรายการตามขอ้ กาหนด เช่น ภาษี, สินคา้ )
liquid (n) = a person whose job is to make certain travellers are not taking
preserve (v) goods into a country without paying taxes (เจา้ หนา้ ทศ่ี ุลกากร)
reptile (n) = a single example of something, especially an animal or a
plant (ตวั อยา่ ง)
poison (n) = a substance that flows freely and is not a solid or a gas, for
scorpion (n) example water or oil (ของเหลว)
= to keep something in its original state in good condition
airline (n) (ทาให้คงอย,ู่ รักษาสภาพ)
release (v) = a type of animal, such as a snake or lizard, whose body
charge (with) (v) temperature changes according to the temperature around it,
break the law (v) and that usually lays eggs to have babies (สัตวเ์ ล้อื ยคลาน)
contents (n) = a substance that causes death or harm if it is swallowed or
import (v) absorbed into the body (พิษ)
= a small creature like an insect with eight legs, two front claws
(= curved and pointed arms) and a long tail that curves over
its back and can give a poisonous sting (แมงป่ อง)
= a company that provides regular flights to take passengers
and goods to different places (สายการบนิ )
= to allow something to be shown in public (ให้ขอ้ มลู ตอ่
สาธารณะ)
= to accuse somebody formally of a crime so that there can be
a trial in court (กลา่ วหา)
= to do something that is against the law (ทาผิดกฎหมาย)
= the things that are contained in something (ส่ิงท่ีบรรจอุ ย)ู่
= to bring a product, a service, an idea etc. into one country
from another (นาเขา้ )
199
endangered species (n) = a type of animal or plant that might stop existing because
there are only a few of that type alive (สตั วห์ รือพชื ทใ่ี กลจ้ ะ
สูญพนั ธุ์)
3. หนงั สือเรียน หน้า 38 Ex. 2a ครูแบ่งนกั เรียนออกเป็นกลุ่ม กลมุ่ ละ 5 คน และอธิบายว่านกั เรียนจะ
ไดฟ้ ังเรื่องการเดินทางของผชู้ ายคนหน่ึง ครูให้แต่ละกลมุ่ ดภู าพประกอบ และร่วมกนั แสดงความ
คดิ เห็นว่าเรื่องท่จี ะฟังเกิดเหตกุ ารณ์อะไรข้นึ ครูให้แต่ละกลุม่ รายงานความคิดเห็น จากน้นั เปิ ด CD
ใหน้ กั เรียนฟัง เพ่ือตรวจว่าสิ่งทีค่ ิดไวถ้ กู ตอ้ งหรือไม่
I think the story can be about snakes. Perhaps a traveler hid snakes in their
luggage on a flight.
ข้นั Listening
หนงั สือเรยี น หน้า 38 Ex. 2b นกั เรียนอา่ นประโยค 1-5 และตวั เลือกทใี่ หม้ า แลว้ ครูเปิ ด CD ให้
นกั เรียนฟังเพ่ือเลือกคาตอบทถี่ กู ตอ้ ง เมื่อฟังจบครูถามนกั เรียนวา่ ฟังคาตอบไดค้ รบทุกขอ้ หรือไม่
ถา้ นกั เรียนฟังไมท่ นั ครูเปิ ด CD ใหฟ้ ังอีกคร้ัง จากน้นั ครูรวบรวมคาตอบจากนกั เรียน และเฉลย
คาตอบ
1 plane 2 Atlanta 3 reptiles and birds
4 by the number of snakes 5 the snakes’ poison
ข้นั Post-listening
1. ครูใหน้ กั เรียนสมมติว่าตนเองเป็น Christopher Hendericks เจา้ หนา้ ทศี่ ลุ กากรในเร่ืองทฟี่ ัง แลว้ เขียน
แสดงความรู้สึกของตนเองเกี่ยวกบั สถานการณ์ในเร่ือง จากน้นั ครูสุ่มเรียกนกั เรียน 2-3 คน บอก
ความรู้สึกใหเ้ พือ่ นฟัง
2. แบบฝึกหัด (Workbook) หนา้ 25 Ex. 6 ให้นกั เรียนฟัง CD แลว้ เลอื กคาตอบที่ถูกตอ้ ง
3. แบบฝึกหดั (Workbook) หนา้ 24 Exs. 1-2, หนา้ 25 Ex. 4 ให้นกั เรียนทาเป็นการบา้ น
200
ช่ัวโมงที่ 2
ข้นั Warm up
ครูทบทวนคาศพั ทท์ ่เี รียนในชวั่ โมงที่แลว้ โดยแบ่งนกั เรียนออกเป็น 4 กลุ่ม จากน้นั ครูพูดอธิบาย
ความหมายของคาศพั ทเ์ ป็นภาษาองั กฤษ กลุ่มใดยกมอื ตอบคาศพั ทไ์ ดถ้ กู ตอ้ งก่อนจะได้ 1 คะแนน
กลุ่มทไ่ี ดค้ ะแนนมากท่ีสุดจะเป็นผชู้ นะ
ข้นั Presentation
1. ครูทบทวนประโยคทีใ่ ชถ้ ามประสบการณ์ดว้ ยการถามนกั เรียนวา่ ถา้ ตอ้ งการถามว่า คุณเคยเดินทาง
ไปลอนดอนไหม จะถามวา่ อยา่ งไร แลว้ ครูเขียนคาถามบอกบนกระดาน
Have you ever travelled to London?
ต่อมาครูถามวา่ จะตอบคาถามน้ีไดอ้ ยา่ งไรบา้ ง ให้นกั เรียนช่วยกนั อธิบายว่า ถา้ เคยไปให้ตอบ Yes, I
have. ถา้ ไมเ่ คยไปใหต้ อบ No, I haven’t. แลว้ ครูเขยี นคาตอบบนกระดาน
จากน้นั ครูสุ่มเรียกนกั เรียน 2 คู่ ให้พูดถาม-ตอบประสบการณ์ เช่น
S1: Have you ever read Harry Potter book?
S2: Yes, I have.
2. ครูทบทวนสานวนภาษาทใี่ ชถ้ ามวา่ เกิดอะไรข้นึ เม่อื มีส่ิงผิดปกติ โดยเขยี นบทสนทนาส้ัน ๆ บน
กระดาน
A: What’s wrong? You look pale.
B: I have a bad headache.
ใหน้ กั เรียนอ่านพร้อมกนั แลว้ ครูถามวา่ นอกจากคาถาม What’s wrong? แลว้ สามารถใชค้ าถามอะไร
ไดอ้ กี ครูกระตนุ้ ให้นกั เรียนคิดและตอบว่า What’s the matter?
3. นกั เรียนอา่ นคากริยา miss, break, steal, lose, get, break down ในหนงั สือเรียน หนา้ 38 Ex. 3 แลว้
ช่วยกนั บอกความหมาย โดยครูช่วยอธิบายคาวา่ break down
break down (phr v) = to stop working because of a fault (เสีย, ไมท่ างาน)
ข้นั Practice
1. หนังสือเรยี น หน้า 38 Ex. 3 ครูให้นกั เรียนเตมิ คากริยาทกี่ าหนดให้ลงในช่องว่างเพอื่ ทาเป็นวลที ่ี
ถูกตอ้ ง เสร็จแลว้ ครูรวบรวมคาตอบจากนกั เรียน ครูเฉลยคาตอบ แลว้ ใหน้ กั เรียนอา่ นวลีท่เี ติมคา
สมบูรณแ์ ลว้ พร้อมกนั
201
1 miss 2 lose 3 get 4 break
5 import 6 steal 7 break down
จากน้นั ใหน้ กั เรียนจบั คกู่ บั เพอ่ื นฝึกพดู ถาม-ตอบประสบการณโ์ ดยใช้วลีที่เติมคาสมบรู ณแ์ ลว้ ครูเดิน
สังเกตการทากิจกรรมรอบ ๆ ช้นั เรียน
2 A: Have you ever lost your passport/luggage?
B: Yes. I have./No, I haven’t.
3 A: Have you ever got sunburnt/sick?
B: Yes, I have./No, I haven’t.
4 A: Have you ever broken the law?
B: Yes, I have./No, I haven’t.
5 A: Have you ever imported endangered species?
B: Yes, I have./No, I haven’t.
6 A: Has someone ever stolen your wallet?
B: Yes, they have./No, they haven’t.
7 A: Has your car ever broken down?
B: Yes, it has./No, it hasn’t.
2. หนังสือเรยี น หน้า 38 Ex. 4 ครูใหน้ กั เรียนจบั คู่กนั และสมมติวา่ ตนเองไปเที่ยววนั หยดุ แลว้ ประสบ
ปัญหาอยา่ งใดอยา่ งหน่ึงใน Ex. 3 ใหแ้ ต่ละคู่แต่งบทสนทนาเก่ียวกบั ปัญหาดงั กล่าว ครูใหน้ กั เรียน
อ่านตวั อยา่ งบทสนทนากอ่ นเพ่ือเป็นแนวทาง หลงั จากนกั เรียนแตง่ บทสนทนาเสร็จแลว้ ให้ฝึกพูด
สนทนากนั ครูเดินสงั เกตการทากิจกรรม จากน้นั สุ่มเรียกนกั เรียน 2-3 คู่ ออกมามาพดู สนทนาที่
หนา้ ช้นั
202
A: Jenny, what’s wrong?
B: Someone has just stolen my wallet!
A: Oh dear! I’m so sorry. How did it happen?
B: I put it down for a moment to look in my bag and the next thing I knew it
was gone.
A: Let’s call security.
ข้นั Production
1. หนังสือเรียน หน้า 38 Ex. 5 ใหน้ กั เรียนสมมติวา่ ตนเองเป็น Christopher Hendericks เจา้ หนา้ ท่ี
ศุลกากรจากกิจกรรมการฟังใน Ex. 2b แลว้ เขียนเลา่ เหตกุ ารณ์ตามโครงร่างทก่ี าหนดให้ โดยครู
อาจจะเปิ ด CD ให้นกั เรียนฟังอีกคร้งั กอ่ นเขียน เมื่อเขยี นเสร็จแลว้ อ่านตรวจทานงานเขียนของตนเอง
และแกไ้ ขใหถ้ ูกตอ้ ง จากน้นั ครูสุ่มเรียกนกั เรียน 3-4 คน อา่ นเร่ืองให้เพอ่ื นฟัง
It was a busy day at the airport. I was checking the luggage of passengers who
had just landed from South Korea. A passenger looked suspicious, so I asked
him to open his luggage. There were dead snakes, scorpions and birds in jars in
his luggage. He was charged with two counts of breaking the law.
2. ครูช้ีใหน้ กั เรียนเห็นความสาคญั ของกฎระเบยี บขอ้ บงั คบั ตา่ ง ๆ เกี่ยวกบั การห้ามนาเขา้ สินคา้ ประเภท
สัตวแ์ ละพืชจากนอกประเทศ หรือนาออกนอกประเทศ เช่น ประเทศไทยห้ามนางาชา้ งออกนอก
ประเทศ เพือ่ เป็นมาตรการหน่ึงในการช่วยลดปัญหาการฆ่าชา้ งเพ่ือนางามาขายให้ชาวตา่ งชาติ เรา
จาเป็นตอ้ งปฏบิ ตั ติ าม เพราะกฎระเบียบขอ้ บงั คบั เหล่าน้ีถูกกาหนดข้นึ มาเพือ่ ประโยชนข์ องสงั คม
3. นกั เรียนทา Language Review 3c Ex. 3 ในหนงั สือเรียน หนา้ 107 ร่วมกนั ในช้นั
4. แบบฝึกหดั (Workbook) หนา้ 25 Ex. 7 ให้นกั เรียนฟัง CD แลว้ เตมิ คาลงในช่องว่าง
5. แบบฝึกหดั (Workbook) หนา้ 24 Ex. 3, หนา้ 25 Exs. 4-5 ให้นกั เรียนทาเป็นการบา้ น
203
7. การวดั และการประเมนิ ผล
วิธีการวดั เครื่องมือ เกณฑ์การผ่าน
ตรวจการตอบคาถามจากการฟัง แบบฝึกหัด (Workbook) ร้อยละ 60
ตรวจการเขียนแสดงความรู้สึกเก่ียวกบั สมุดนกั เรียน -
เร่ืองท่ีฟัง
สงั เกตการพูดขอและให้ขอ้ มูลเก่ียวกบั แบบสงั เกตพฤติกรรมการเรียนรู้ ระดบั คณุ ภาพ พอใช้
ประสบการณ์
ประเมินการเขียนเล่าเหตกุ ารณจ์ ากเร่ือง แบบประเมนิ การเขยี น ระดบั คณุ ภาพ พอใช้
ทีฟ่ ัง
สงั เกตความใฝ่เรียนรู้และความม่งุ มนั่ แบบประเมินคณุ ลกั ษณะ ระดบั คุณภาพ ผ่าน
ในการทางาน อนั พงึ ประสงค์
8. ส่ือ/แหล่งการเรียนรู้
1) หนงั สือเรียน SPARK 3 ม. 3
2) Class Audio CDs ประกอบส่ือฯ ชุด SPARK 3 ม. 3
3) แบบฝึกหัด SPARK 3 ม. 3
4) พจนานุกรมองั กฤษ-องั กฤษ
5) พจนานุกรมออนไลน์
204
4 Everyday English 3d
2 ช่ัวโมง
จดุ ประสงค์ (Objectives)
- บอกรายละเอียดของบทสนทนาทอี่ ่านได้
- แสดงความคิดเห็นเก่ียวกบั การกลา่ วคาขอโทษได้
- แตง่ บทสนทนาเกี่ยวกบั การกลา่ วคาขอโทษได้
- แสดงบทสนทนาเกี่ยวกบั การกลา่ วคาขอโทษได้
1. สาระ มาตรฐานการเรียนรู้/ตัวชี้วัด
สาระที่ 1 ภาษาเพอ่ื การสื่อสาร
มาตรฐาน ต 1.1 เข้าใจและตีความเรื่องทฟ่ี ังและอ่านจากส่ือประเภทต่าง ๆ และแสดงความคดิ เหน็
อย่างมีเหตุผล
ตวั ช้ีวดั
ต 1.1 ม. 3/4 เลอื ก/ระบุหวั ขอ้ เร่ือง ใจความสาคญั รายละเอียดสนบั สนุน และแสดงความคดิ เห็น
เก่ียวกบั เร่ืองทีฟ่ ังและอ่านจากสื่อประเภทตา่ ง ๆ พร้อมท้งั ใหเ้ หตุผลและยกตวั อยา่ ง
ประกอบ
มาตรฐาน ต 1.2 มีทกั ษะการส่ือสารทางภาษาในการแลกเปลย่ี นข้อมลู ข่าวสาร แสดงความรู้สึกและ
ความคดิ เห็นอย่างมีประสิทธภิ าพ
ตวั ช้ีวดั
ต 1.2 ม. 3/1 สนทนาและเขยี นโตต้ อบขอ้ มูลเก่ียวกบั ตนเอง เรื่องต่าง ๆ ใกลต้ วั สถานการณ์ ข่าว
เร่ืองที่อยใู่ นความสนใจของสงั คม และส่ือสารอยา่ งตอ่ เนื่องและเหมาะสม
มาตรฐาน ต 1.3 นาเสนอข้อมูลข่าวสาร ความคิดรวบยอด และความคิดเหน็ ในเรื่องต่าง ๆ โดยการพดู
และการเขยี น
ตวั ช้ีวดั
ต 1.3 ม. 3/3 พูดและเขยี นแสดงความคิดเห็นเก่ียวกบั กิจกรรม ประสบการณ์ และเหตุการณ์
พร้อมท้งั ให้เหตผุ ลประกอบ
205
สาระท่ี 2 ภาษาและวฒั นธรรม
มาตรฐาน ต 2.1 เข้าใจความสัมพนั ธ์ระหว่างภาษากับวัฒนธรรมของเจ้าของภาษา และนาไปใช้ได้
อย่างเหมาะสมกับกาลเทศะ
ตวั ช้ีวดั
ต 2.1 ม. 3/1 เลือกใชภ้ าษา น้าเสียง และกิริยาทา่ ทางเหมาะกบั บุคคลและโอกาส ตามมารยาทสงั คม
และวฒั นธรรมของเจา้ ของภาษา
สาระที่ 4 ภาษากบั ความสัมพนั ธ์กบั ชุมชนและโลก
มาตรฐาน ต 4.1 ใช้ภาษาต่างประเทศในสถานการณ์ต่าง ๆ ท้งั ในสถานศึกษา ชุมชน และสังคม
ตวั ช้ีวดั
ต 4.1 ม. 3/1 ใชภ้ าษาสื่อสารในสถานการณ์จริง/สถานการณจ์ าลองทีเ่ กิดข้นึ ในหอ้ งเรียน
สถานศกึ ษา ชุมชน และสังคม
2. สาระสาคญั /ความคดิ รวบยอด
การเรียนรู้ประโยคและสานวนตา่ ง ๆ ในการขอโทษและตอบรับคาขอโทษ ช่วยให้สามารถพดู /
เขยี นส่ือสารในชีวติ ประจาวนั ไดอ้ ยา่ งเหมาะสม ตลอดจนมีความเขา้ ใจในมารยาทและวฒั นธรรมของ
เจา้ ของภาษา
3. สาระการเรียนรู้
3.1 ทักษะเฉพาะวชิ า
1) Language Features and Functions
Vocabulary: Apologising (I’m really/terribly/so sorry., I don’t realise.)
Accepting apologies (That’s all right., That’s OK., Don’t worry about it.,
Never mind., It doesn’t matter.)
Sentences (Fancy seeing you here., My flight has been delayed., Where
are you off to?, Have you been waiting long?, I’d better go and check my
flight too!, I think you’ve taken my bag., Oh, did I?, You’re right!, I’m
terribly sorry about that., Oh, don’t worry about it., Have a good trip.)
Functions: Apologising – Accepting an apology
I’m so sorry for stepping on your foot!
Don’t worry about it. It’s very crowded on this train.
206
Pronunciation: /tʃ/: chance, change, champion
/ʤ/: jet, juice, jar
2) Language Skills /j/: yet, yes
Listening:
Speaking: ฟังการออกเสียงคาศพั ทแ์ ละประโยค
พูดอภปิ รายแสดงความคดิ เห็นเก่ียวกบั การกล่าวคาขอโทษ,
Reading: แสดงบทสนทนา
Writing: อา่ นเพ่ือหาขอ้ มูลเฉพาะ
3) Culture แต่งบทสนทนาส้ัน ๆ เกี่ยวกบั การขอโทษและตอบรบั คาขอโทษ
การกลา่ วคาขอโทษ
4. สมรรถนะสาคญั ของผ้เู รียน
1) ความสามารถในการสื่อสาร
2) ความสามารถในการคดิ
5. คุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์
1) ใฝ่เรียนรู้
2) ม่งุ มนั่ ในการทางาน
6. กจิ กรรมการเรียนรู้
ช่ัวโมงท่ี 1
ข้นั Warm up
ครูสนทนากบั นกั เรียนวา่ เราจะกลา่ วคาขอโทษในสถานการณใ์ ดบา้ ง ให้นกั เรียนช่วยกนั ยกตวั อยา่ ง
เช่น เดินชนผอู้ ื่น ทาสิ่งของของผอู้ ่ืนเสียหาย
ข้นั Presentation
1. นกั เรียนอ่านคาศพั ทใ์ นกรอบ Check these words หนงั สือเรียน หนา้ 38 แลว้ ช่วยกนั อธิบาย
ความหมาย โดยครูช่วยอธิบายวลี fancy seeing you
207
fancy seeing you (phr) = be surprised to meet someone you know in an unexpected place
(แปลกใจมากทไ่ี ดเ้ จอคณุ )
delay (v) = make something late or slow (ลา่ ชา้ )
announcement (n) = a spoken or written statement that informs people about
something (การประกาศ)
sticker (n) = a small piece of paper or plastic with a picture or writing on it
that you can stick on to something (สต๊กิ เกอร์)
handle (n) = the part of an object that you use for holding or carrying it
(ท่ีจบั , หูจบั )
terribly sorry (adj) = very sorry (เสียใจมาก)
trip (n) = a journey to a place and back again, especially a short one for
pleasure or a particular purpose (การเดินทาง)
2. หนังสือเรียน หน้า 39 Ex. 1 ครูเปิ ด CD ใหน้ กั เรียนฟังประโยคและออกเสียงตามพร้อมกนั โดยครู
เปิ ด CD 2 คร้ัง แลว้ ครูให้นกั เรียนอ่านออกเสียงดว้ ยตนเองพร้อมกนั จากน้นั สุ่มเรียกนกั เรียนอ่าน
ออกเสียงเป็นรายบคุ คล
3. ครูนาเสนอสานวนภาษาทีใ่ ชใ้ นการขอโทษและตอบรับคาขอโทษ โดยเขียนบทสนทนาส้ัน ๆ
ตอ่ ไปน้ีบนกระดาน
A: I’m so sorry for stepping on your foot!
B: Don’t worry about it. It’s very crowded on this train.
A: I’m really sorry. I didn’t realise this was your newspaper.
B: That’s OK. I’ve finished reading it.
A: I’m terribly sorry. I didn’t mean to keep your book so long.
B: It doesn’t matter. I won’t need it until next semester.
ครูให้นกั เรียนระบุวา่ สานวนภาษาท่ีขดี เสน้ ใตส้ านวนใดใชใ้ นการขอโทษ สานวนใดใชใ้ นการ
ตอบรบั คาขอโทษ แลว้ ให้นกั เรียนดูตารางในหนงั สือเรียน หนา้ 39 จากน้นั ให้นกั เรียนอ่าน
บทสนทนาบนกระดานพร้อมกนั แลว้ จบั คู่ฝึกพดู ขอโทษและตอบรบั คาขอโทษ
208
ข้นั Practice
1. หนังสือเรียน หน้า 39 Ex. 2 ครูบอกนกั เรียนวา่ ประโยคใน Ex. 1 มาจากบทสนทนาระหว่างเพ่อื น
ให้นกั เรียนเดาวา่ พวกเขาอยทู่ ่ีไหน และเกิดเหตุการณอ์ ะไรข้ึน จากน้นั ครูเปิ ด CD ให้นกั เรียนฟังและ
อ่านบทสนทนาตามเพือ่ ตรวจคาตอบ
They are at the airport. The flight is delayed. One takes another’s bag by mistake.
2. หนงั สือเรยี น หน้า 39 Ex. 3 นกั เรียนอา่ นประโยค 1-5 พร้อมกนั แลว้ หาประโยคในบทสนทนาที่มี
ความหมายเหมอื นกบั ประโยคเหลา่ น้ี เสร็จแลว้ ครูสุ่มเรียกนกั เรียนบอกคาตอบ แลว้ ใหน้ กั เรียน
ในช้นั ตรวจความถูกตอ้ ง
1 I’m surprised you’re here. – Fancy seeing you here!
2 Are you sure? – Really?
3 Where are you going? – Where are you off to?
4 Never mind. – Don’t worry about it.
5 I apologise. – I’m terribly sorry.
จากน้นั ครูใหน้ กั เรียนอา่ นประโยคใน Ex. 1 พร้อมกนั อกี คร้ัง แลว้ ช่วยกนั อธิบายความหมายเป็น
ภาษาไทย
ข้นั Production
1. ครูให้นกั เรียนทางานคู่ แต่งบทสนทนาส้ัน ๆ เกี่ยวกบั การขอโทษมา 3 สถานการณ์ โดยดูตวั อยา่ ง
บทสนทนาบนกระดานเป็นตน้ แบบ จากน้นั ครูขออาสาสมคั ร 2 คู่ อา่ นบทสนทนาทแ่ี ต่งให้ฟัง
A: I’m really sorry. I didn’t realise this was your seat.
B: That’s OK. I’m leaving anyway.
A: I’m so sorry for coming late. The train was delayed.
B: That’s all right.
209
2. ครูใหน้ กั เรียนอภปิ รายร่วมกนั วา่ การกลา่ วคาขอโทษเมื่อทาผิดแสดงถึงส่ิงใดไดบ้ า้ ง เช่น ความ
รับผดิ ชอบ ความใส่ใจตอ่ ผอู้ น่ื หลงั จากนกั เรียนอภิปรายเสร็จแลว้ ครูอาจยกคากล่าวของ พระไพศาล
วิสาโล เรื่องการขอโทษใหน้ กั เรียนฟัง เพื่อให้นกั เรียนเห็นความสาคญั ของการกล่าวคาขอโทษ
การขอโทษ เป็นสิ่งสะทอ้ นถงึ พฒั นาการของมนุษย์ จากการอาศยั พละกาลงั เป็นเคร่ือง
ตดั สิน (might is right) มาเป็นการตดั สินโดยอาศยั ความถูกตอ้ งเป็นใหญ่ (right is might)
การขอโทษมใิ ช่เคร่ืองหมายแสดงความออ่ นแอ มีแตใ่ นอาณาจกั รสตั วเ์ ทา่ น้นั ท่ีตวั ออ่ นแอ
เป็นฝ่ ายคืนดีกอ่ น แต่สาหรบั มนุษยผ์ ูม้ วี ฒั นธรรมแลว้ ผทู้ ี่เอ่ยปากขอโทษกอ่ นตา่ งหากคอื
ผทู้ ี่เข็มแข็งกว่า เขม้ แขง็ เพราะเขากลา้ รับผดิ เขม้ แขง็ เพราะเขากลา้ ขดั ขนื คาบญั ชาของ
อตั ตาท่ีตอ้ งการประกาศศกั ดาเหนือผอู้ ืน่ การขอโทษเป็นการแสดงความใส่ใจ และไม่ได้
ทาใหผ้ พู้ ดู กลายเป็นคนต่าตอ้ ยหรืออ่อนแอ ตรงกนั ขา้ มกลบั มเี กียรติภูมสิ ูงส่งข้ึน เป็น
เกียรติภูมิทีไ่ มอ่ าจสร้างข้นึ ไดด้ ว้ ยวตั ถุหรือสิ่งใด ๆ ในโลก
ที่มา: http://www.visalo.org/article/jitvivat254812.htm
3. แบบฝึกหดั (Workbook) หนา้ 26 Exs. 3-4 ให้นกั เรียนทาเป็นการบา้ น
ช่ัวโมงท่ี 2
ข้นั Warm up
เพ่ือทบทวนสานวนภาษาท่ีใชใ้ นการขอโทษและตอบรบั การขอโทษ ครูสุ่มเรียกนกั เรียน 4-5 คู่ อ่าน
บทสนทนาที่นกั เรียนแต่งเมอ่ื ชวั่ โมงทแ่ี ลว้ โดยครูเขยี นประโยคขอโทษและตอบรับการขอโทษจาก
บทสนทนาของนกั เรียนบนกระดาน แลว้ ให้นกั เรียนอ่านพร้อมกนั
ข้นั Presentation
ครูเขยี นคาศพั ทต์ อ่ ไปน้ีบนกระดาน
chat chin jam job yam yak
ครูอ่านออกเสียงและใหน้ กั เรียนออกเสียงตาม ครูถามวา่ คาใดพยญั ชนะตน้ คาออกเสียง /tʃ/ (chat,
chin) คาใดออกเสียง /ʤ/ (jam, job) และคาใดออกเสียง /j/ (yam, yak)
210
ครูถามนกั เรียนวา่ ท้งั 3 เสียงน้ีออกเสียงคลา้ ยกบั พยญั ชนะตวั ใดในภาษาไทย ให้นกั เรียนออกเสียง
เพอื่ เปรียบเทยี บ
จากน้นั ครูอธิบายว่า เสียง /tʃ/ ออกเสียงคลา้ ยกบั พยญั ชนะ “ช” “ฌ” “ฉ” เสียง /ʤ/ ออกเสียงคลา้ ยกบั
พยญั ชนะ “จ” และเสียง /j/ ออกเสียงคลา้ ยกบั พยญั ชนะ “ย”
ครูอธิบายเพมิ่ เติมวา่ เสียง /tʃ/ และ /ʤ/ เป็นเสียงทไี่ มม่ ใี นภาษาไทย จึงมคี วามแตกตา่ งจากเสียง
พยญั ชนะไทย นกั เรียนตอ้ งออกเสียงให้ถกู ตอ้ ง
เสียง /tʃ/ และ /ʤ/
เสียง /tʃ/ และ /ʤ/ เป็นเสียงพยญั ชนะกกั เสียดแทรก ในการออกเสียงกระแสลลมจาก
ปอดจะถกู กกั อยทู่ ี่บริเวณปลายล้นิ แตะกบั ส่วนหลงั ของป่ มุ เหงือก ริมฝีปากห่อกลม
และย่นื ออกไปขา้ งหนา้ เลก็ นอ้ ย เมอื่ ปล่อยปลายลิน้ จากป่ ุมเหงอื ก กระแสลมที่ถกู กกั
ไวจ้ ะถูกปลอ่ ยออกมาชา้ ๆ
เสียง/tʃ/ และ /ʤ/ ตา่ งกนั ท่ีเสียง /tʃ/ เป็นเสียงไมก่ อ้ ง เวลาออกเสียงเสน้ เสียงไม่ส่นั
ส่วนเสียง /ʤ/ เป็นเสียงกอ้ ง เวลาออกเสียงเสน้ เสียงจะสน่ั
เสียง /tʃ/ และ /ʤ/ เป็นเสียงทไี่ มม่ ใี นภาษาไทย การออกเสียง /tʃ/ ปลายลนิ้ แตะกบั ส่วน
หลงั ของป่ มุ เหงือก ริมฝีปากห่อกลมและยื่นออกไปขา้ งหนา้ เลก็ นอ้ ย แตพ่ ยญั ชนะ “ช”
“ฌ” “ฉ” ปลายล้ินแตะกบั ส่วนหลงั ของป่ ุมเหงือก ริมฝีปากไม่ห่อ ส่วนการออกเสียง
/ʤ/ ริมฝีปากห่อกลมและเสน้ เสียงสน่ั แต่พยญั ชนะ “จ” ริมฝีปากไมต่ อ้ งห่อและเส้น
เสียงไม่ส่ัน
ท่ีมา: ปรารมภ์รัตน์ โชติกเสถียร. การออกเสียงสระและเสียงพยญั ชนะในภาษาองั กฤษ.
พิมพ์คร้ังที่ 10. สานกั พิมพ์แห่งจฬุ าลงกรณ์มหาวิทยาลยั . 2557
ข้นั Practice
1. หนงั สือเรียน หน้า 39 Ex. 5 ครูเปิ ด CD ให้นกั เรียนฟังคาศพั ทเ์ สียงท่ีมีเสียง /tʃ/, /ʤ/, /j/ และขีด
ลงในตารางตามเสียงทถี่ กู ตอ้ ง เสร็จแลว้ ครูเปิ ด CD ทีละคา ให้นกั เรียนระบวุ า่ คาศพั ทน์ ้นั ออกเสียง
/tʃ/, /ʤ/ หรือ /j/ และครูเฉลยคาตอบ
211
/tʃ/ /ʤ/ /j/ /tʃ/ /ʤ/ /j/
chance jar
change
jet yes
juice champion
yet
จากน้นั ครูเปิ ด CD ใหน้ กั เรียนฟังคาศพั ทอ์ ีกคร้ัง โดยหยดุ ทลี ะคา เพอื่ ใหน้ กั เรียนออกเสียงตามพร้อม
กนั แลว้ ครูสุ่มเรียกนกั เรียนออกเสียงเป็นรายบุคคล ครูสงั เกตว่านกั เรียนออกเสียงไดถ้ ูกตอ้ งหรือไม่
และช่วยแกไ้ ข สุดทา้ ยครูใหน้ กั เรียนช่วยกนั บอกคาศพั ทท์ ี่มีเสียง /tʃ/, /ʤ/, /j/ เพม่ิ เติม
/tʃ/: check, chip, cheap
/ʤ/: join, giant, joke
/j/: yellow, yesterday, year
2. หนงั สือเรยี น หน้า 39 Ex. 4 ครูเปิ ด CD ใหน้ กั เรียนฟังบทสนทนาและฝึกอ่านตาม แลว้ ให้นกั เรียน
จบั คู่ แบ่งบทบาทกนั วา่ ใครจะเป็น Todd และ Ryan จากน้นั ใหน้ กั เรียนฝึกพดู บทสนทนา โดยสลบั
บทบาทกนั ดว้ ย
ข้นั Production
1. ครูให้นกั เรียนคู่เดิมเตรียมตวั เพอื่ ออกมาแสดงบทสนทนาทห่ี นา้ ช้นั โดยครูย้าใหน้ กั เรียนใชน้ ้าเสียง
ใหเ้ หมาะสมกบั สถานการณ์ในบทสนทนา จากน้นั ครูใหน้ กั เรียนออกมาแสดงบทสนทนาจนครบ
ทุกคู่
2. แบบฝึกหัด (Workbook) หนา้ 26 Ex. 5 ให้นกั เรียนทาเป็นการบา้ น
212
7. การวดั และการประเมนิ ผล เครื่องมือ เกณฑ์การผ่าน
วธิ ีการวดั สมุดนกั เรียน -
ตรวจการแตง่ บทสนทนาส้นั ๆ แบบสังเกตพฤตกิ รรมการเรียนรู้ ระดบั คณุ ภาพ พอใช้
เก่ียวกบั การขอโทษและตอบรับ ระดบั คุณภาพ พอใช้
คาขอโทษ แบบประเมินการแสดงบทสนทนา/ ระดบั คุณภาพ ผ่าน
สังเกตการอภปิ รายแสดงความคิดเห็น บทบาทสมมติ
เก่ียวกบั การกล่าวคาขอโทษ แบบประเมินคุณลกั ษณะ
ประเมินการแสดงบทสนทนา อนั พงึ ประสงค์
สังเกตความใฝ่เรียนรู้และความมุง่ มนั่
ในการทางาน
8. สื่อ/แหล่งการเรียนรู้
1) หนงั สือเรียน SPARK 3 ม. 3
2) Class Audio CDs ประกอบสื่อฯ ชุด SPARK 3 ม. 3
3) แบบฝึกหัด SPARK 3 ม. 3
4) พจนานุกรมองั กฤษ-องั กฤษ
5) พจนานุกรมออนไลน์
213
5 Across the curriculum 3e
2 ชั่วโมง
จุดประสงค์ (Objectives)
- บอกรายละเอียดและแสดงความคดิ เห็นเก่ียวกบั เร่ืองท่อี ่านได้
- คน้ ควา้ ขอ้ มลู และพูดนาเสนอเกี่ยวกบั โภชนาการอาหารกบั การเลน่ กีฬาได้
1. สาระ มาตรฐานการเรียนรู้/ตวั ชีว้ ัด
สาระที่ 1 ภาษาเพอื่ การสื่อสาร
มาตรฐาน ต 1.1 เข้าใจและตีความเรื่องท่ฟี ังและอ่านจากสื่อประเภทต่าง ๆ และแสดงความคดิ เหน็
อย่างมีเหตผุ ล
ตวั ช้ีวดั
ต 1.1 ม. 3/1 ปฏบิ ตั ติ ามคาขอรอ้ ง คาแนะนา คาช้ีแจง และคาอธิบายท่ฟี ังและอา่ น
ต 1.1 ม. 3/4 เลอื ก/ระบุหัวขอ้ เร่ือง ใจความสาคญั รายละเอียดสนบั สนุน และแสดงความคิดเห็น
เกี่ยวกบั เร่ืองท่ฟี ังและอา่ นจากส่ือประเภทตา่ ง ๆ พร้อมท้งั ให้เหตุผลและยกตวั อยา่ ง
ประกอบ
มาตรฐาน ต 1.3 นาเสนอข้อมูลข่าวสาร ความคิดรวบยอด และความคิดเห็นในเร่ืองต่าง ๆ โดยการพดู
และการเขยี น
ตวั ช้ีวดั
ต 1.3 ม. 3/2 พดู และเขียนสรุปใจความสาคญั /แก่นสาระ หัวขอ้ เรื่องทไ่ี ดจ้ ากการวเิ คราะห์เรื่อง/
ข่าว/เหตกุ ารณ์/สถานการณท์ อ่ี ยใู่ นความสนใจของสงั คม
สาระที่ 3 ภาษากบั ความสัมพันธ์กบั กล่มุ สาระการเรียนรู้อนื่
มาตรฐาน ต 3.1 ใช้ภาษาต่างประเทศในการเช่ือมโยงความรู้กับกล่มุ สาระการเรียนรู้อน่ื และเป็ น
พืน้ ฐานในการพัฒนา แสวงหาความรู้ และเปิ ดโลกทัศน์ของตน
ตวั ช้ีวดั
ต 3.1 ม. 3/1 คน้ ควา้ รวบรวม และสรุปขอ้ มลู /ขอ้ เท็จจริงที่เกี่ยวขอ้ งกบั กลมุ่ สาระการเรียนรู้อื่น
จากแหล่งการเรียนรู้ และนาเสนอดว้ ยการพูดและการเขยี น
214
2. สาระสาคัญ/ความคิดรวบยอด
การเรียนรู้และเขา้ ใจเกี่ยวกบั โภชนาการอาหารท่เี หมาะสมกบั การเล่นกีฬา ช่วยให้สามารถแสดง
ความคิดเห็นและคน้ ควา้ เพิ่มเตมิ เพือ่ พดู นาเสนอได้ นอกจากน้ียงั สามารถนาความรู้ไปปรับใชใ้ น
ชีวิตประจาวนั ไดอ้ ยา่ งเมาะสม
3. สาระการเรียนรู้
3.1 ทักษะเฉพาะวิชา
1) Language Features and Functions
Vocabulary: Verbs (store, repair)
Nouns (nutrient, carbohydrates, muscle, fuel, protein, sugary drink)
Adjective (dehydrated)
Phrase (in good shape)
Functions: Talking about food for sport
When you play a sport regularly, it’s important to drink plenty of water
and eat enough carbohydrates to keep you going.
2) Language Skills
Speaking: พูดแสดงความคดิ เห็นเก่ียวกบั อาหารทจี่ าเป็นสาหรบั นกั กีฬาหรือคนที่
ออกกาลงั กาย, พดู นาเสนอเกี่ยวกบั โภชนาการอาหารกบั การเล่นกีฬา
Reading: อา่ นเพอ่ื หาขอ้ มูลเฉพาะ
4. สมรรถนะสาคญั ของผ้เู รยี น
1) ความสามารถในการส่ือสาร
2) ความสามารถในการคดิ
3) ความสามารถในการใชท้ กั ษะชีวิต
4) ความสามารถในการใชเ้ ทคโนโลยี
5. คุณลกั ษณะอนั พึงประสงค์
1) ใฝ่เรียนรู้
2) มุ่งมนั่ ในการทางาน
215
6. กจิ กรรมการเรียนรู้
ช่ัวโมงที่ 1
ข้นั Warm up
ครูทบทวนคาศพั ทเ์ กี่ยวกบั ผกั และผลไม้ โดยเขยี นตาราง 2 ช่องบนกระดาน ช่องแรกเขยี นหัวขอ้
Fruit ช่องท่ี 2 เขียนหัวขอ้ Vegetables จากน้นั แบ่งนกั เรียนเป็น 2 ทมี ให้แตล่ ะทมี ผลดั กนั พดู คาศพั ท์
ผกั หรือผลไม้ (หา้ มนกั เรียนพดู คาศพั ทซ์ ้า) แลว้ ให้อีกทมี หน่ึงบอกวา่ คาศพั ทน์ ้นั อยใู่ นหวั ขอ้ ใด โดย
ครูทาหนา้ ทีเ่ ขยี นคาศพั ทล์ งในตาราง ทีมทพี่ ูดหวั ขอ้ ถกู ตอ้ งจะได้ 1 คะแนน ทีมทไ่ี ดค้ ะแนนมาก
ทส่ี ุดเป็นทมี ทีช่ นะ เช่น
Team A: Orange
Team B: Fruit
T: Team B gets 1 point.
ข้นั Pre-reading
1. ครูทบทวนความรู้เกี่ยวกบั โภชนาการ 5 หมู่ ดว้ ยการเขยี น Five food groups บนกระดาน และให้
นกั เรียนช่วยกนั ยกตวั อยา่ งอาหารแตล่ ะหมู่
Five food groups
• Carbohydrates: pasta, rice, potatoes, breads, cereals
• Protein: meat, fish and eggs
• Milk and dairy products: milk, yoghurt, cheese
• Fruit and vegetables: bananas, orange, pears, carrot, pumpkins, broccolies
• Fats and sugars: butter, cooking oils, chocolate, jam, cakes, pudding, biscuits
จากน้นั ครูนาภาพ food pyramid มาแสดงให้นกั เรียนดู แลว้ ครูถามวา่ เราควรรบั ประทานอาหาร
จาพวกใดนอ้ ยทสี่ ุด (Fats and sugars)
216
2. ครูอธิบายใหน้ กั เรียนฟังวา่ การนาเสนอเรื่องโภชนาการอาหารนอกจากจะนาเสนอในรูปของ food
pyramid แลว้ ยงั มีการนาเสนอในรูปของ eatwell plate ดว้ ย โดยครูนาภาพ eatwell plate มาแสดง
ใหน้ กั เรียนดู
ครูอธิบายเพิ่มเติมวา่ eatwell plate แบ่งโภชนาการอาหารออกเป็น 5 กลมุ่ และแบ่งสัดส่วนปริมาณ
ท่ีควรรับประทานในแต่ละกลุม่ ดงั น้ี
• Bread, rice, potatoes, pasta and other starchy foods 33%
• Fruit and vegetables 33%
• Milk and dairy foods 15%
• Meat, fish, eggs, beans and other non-dairy sources of protein 12%
• Foods and drinks high in fat and/or sugar 8%
ทมี่ า: http://webarchive.nationalarchives.gov.uk/+/http://www.dh.gov.uk/en/Publichealth/
Nutrition/DH_126493
3. ครูใหน้ กั เรียนอ่านคาศพั ทใ์ นกรอบ Check these words หนงั สือเรียน หนา้ 40 และช่วยกนั หาคาศพั ท์
เหล่าน้ีในบทอ่าน แลว้ อธิบายความหมายจากบริบท ถา้ คาใดนกั เรียนไมแ่ น่ใจให้เปิ ดพจนานุกรม เช่น
nutrient (n) = any substance that plants or animals need in order to live and grow
(สารอาหาร)
muscle (n) = one of many tissues in the body that can tighten and relax to
produce movement (กลา้ มเน้ือ)
fuel (n) = a substance that is used to provide heat or power, usually by being
burned (เช้ือเพลงิ )
(be) in good shape (idm) = to have a good physical condition (มรี ูปร่างทด่ี ี)
dehydrated (adj) = not having the normal amount of water in your body so that you feel
ill or weak (ขาดน้า)
sugary drink (n) = a drink containing sugar (เครื่องด่ืมท่ีมนี ้าตาล)
217
4. หนงั สือเรยี น หน้า 40 Ex. 1 นกั เรียนดภู าพ eatwell plate และบอกชื่ออาหารและเคร่ืองดืม่ ท่อี ยใู่ น
ภาพแต่ละช่อง ครูรวบรวมคาตอบจากนกั เรียน และเขียนบนกระดาน จากน้นั ครูถามนกั เรียนวา่
Which of them do you eat/drink most often?
1 bananas, oranges, pineapple, melon, grapefruit, strawberries, kiwi fruit,
tomatoes, celery, carrots, juice
2 bread, potatoes, pasta
3 milk, cheese
4 chocolate cake, milkshake
5 meat, fish, eggs, seafood
(Suggested answer)
I often eat bananas, oranges, bread and fish. I drink milk every day.
ข้นั Reading
1. หนงั สือเรียน หน้า 40 Ex. 2 ครูอ่านคาถาม Which food/drinks in the eatwell plate are good for
people who do sport? และใหน้ กั เรียนบอกคาสาคญั ในคาถาม (foods/drinks, good, people, do sport)
จากน้นั ครูเปิ ด CD ใหน้ กั เรียนฟังและอ่านบทอา่ น เพื่อหาคาตอบ ครูรวบรวมคาตอบจากนกั เรียน
และเฉลยคาตอบ
Bread, rice, pasta, potatoes, meat, fish, milk and water are good for people who
do sport.
2. หนังสือเรียน หน้า 40 Ex. 3 นกั เรียนอา่ นประโยคท่ีกาหนดให้ และขดี เส้นใตค้ าสาคญั ในแตล่ ะ
ประโยค จากน้นั อา่ นบทอา่ นเพอ่ื มองหาคาพอ้ งความหมาย (synonym) คาทีม่ คี วามหมายตรงกนั ขา้ ม
(opposite) หรือกลุ่มคา/วลที ม่ี คี วามหมายเหมือนกนั หรือตา่ งกนั กบั คาสาคญั ท่ีขดี เส้นใตไ้ ว้ แลว้ ระบุ
วา่ ประโยคที่กาหนดให้ถูกตอ้ ง หรือไมถ่ กู ตอ้ ง หรือไมไ่ ดก้ ลา่ วถึงในบทอา่ น ถา้ ประโยคใดไม่
ถกู ตอ้ งใหแ้ กไ้ ขให้ถกู ตอ้ งดว้ ย เสร็จแลว้ ครูรวบรวมคาตอบจากนกั เรียน และเฉลยคาตอบ
218
1T
2 DS
3 F (Meat, fish and milk strengthen an athlete’s muscles.)
4T
5 F (An athlete should have water available during exercise.)
6 DS
ข้นั Post-reading
1. ครูใหน้ กั เรียนเปรียบเทียบสัดส่วนในการรบั ประทานอาหารของตนเองวา่ เหมาะสมตาม eatwell
plate หรือไม่ นกั เรียนไม่ควรรบั ประทานอาหารในกลุ่มใดมากเกิน และควรจะรับประทานอาหารใน
กลุ่มใดใหม้ ากข้นึ โดยครูพดู เป็นตวั อยา่ ง เช่น I shouldn’t eat too much starchy foods and I should
eat lots of fruit and vetgetables.
2. ครูใหน้ กั เรียนแบง่ กลมุ่ กลุ่มละ 5 คน ใหแ้ ต่ละกล่มุ ร่วมกนั แสดงความคดิ เห็นวา่ ถา้ นกั เรียนเป็น
นกั กีฬาหรือคนท่ีออกกาลงั กายเป็นประจา นกั เรียนคดิ วา่ อาหารในกลุ่มใดที่จาเป็นมากทส่ี ุด เพราะ
เหตุใด จากน้นั ใหแ้ ตล่ ะกลุ่มรายงานความคดิ เห็นของกลมุ่ ตนให้ครูและเพ่อื นกลมุ่ อื่นฟัง
3. ครูมอบหมายให้นกั เรียนกลุม่ เดิมไปคน้ หาขอ้ มลู จากอินเทอร์เนต็ เก่ียวกบั โภชนาการอาหารกบั การ
เล่นกีฬา เพอ่ื นาขอ้ มลู มาใชท้ ากิจกรรมในชวั่ โมงหนา้
4. นกั เรียนทาแบบฝึกหัดใน Workbook หนา้ 26 Exs. 1-2 เป็นการบา้ น
ช่ัวโมงที่ 2
ข้นั Warm up
1. ครูให้นกั เรียนช่วยกนั ยกตวั อยา่ งเครื่องด่ืมและอาหารท่ีอยใู่ นกลมุ่ Foods and drinks high in fat
and/or sugar (e.g. fizzy drinks, cake, chocolate, crisps) จากน้นั ครูบอกนกั เรียนว่าไมค่ วร
รับประทานอาหารและเคร่ืองดื่มจาพวกน้ีมาก เพราะนอกจากจะทาใหน้ ้าหนกั เพมิ่ ง่ายแลว้ ยงั ทาให้มี
น้าตาลและไขมนั ในเลอื ดสูงอีกดว้ ย
219
2. นกั เรียนอ่านขอ้ มลู ในกรอบ Did you know? หนังสือเรียน หนา้ 40 แลว้ ครูถามว่า ปกตินกั เรียนดื่ม
น้าเปล่าวนั ละกี่แกว้ จากน้นั ครูบอกวา่ น้าเป็นสิ่งจาเป็นเพื่อให้การทางานของร่างกายเป็นปกติ เช่น
ขบั ถา่ ยของเสียหรือสารพษิ ตา่ ง ๆ นาสารอาหารต่าง ๆ ไปเล้ยี งร่างกาย สร้างความชุ่มช้ืนใหก้ บั ระบบ
ทางเดินหายใจ หู คอ จมูก ถา้ หากขาดน้าจะทาใหส้ ูญเสียพลงั งาน รู้สึกอ่อนเพลีย และระบบต่าง ๆ
ของร่างกายเสียสมดุล ดงั น้นั นกั เรียนควรดื่มน้าในปริมาณทีเ่ พยี งพอในทกุ วนั
ข้นั Pre-speaking
1. หนังสือเรียน หน้า 40 Ex. 4 ครูให้เวลานกั เรียนแตล่ ะกลมุ่ นาขอ้ มลู เกี่ยวกบั โภชนาการอาหารกบั การ
เลน่ กีฬาท่คี รูมอบหมายให้ไปคน้ ควา้ ในชว่ั โมงทแ่ี ลว้ มาเรียบเรียงเพ่ือพูดนาเสนอ
2. ครูแนะนาข้นั ตอนการพูดนาเสนอ ดงั น้ี
- พูดทกั ทายผูฟ้ ังกอ่ นนาเสนอ เช่น Hello, everyone., Good morning., Good afternoon.
- พดู บอกหัวขอ้ หรือเรื่องทีจ่ ะนาเสนอ เช่น My group would like to talk about …
- พูดนาเสนอขอ้ มลู อยา่ งชดั เจน ขณะพูดควรเวน้ จงั หวะในการพดู และสบตาผฟู้ ังดว้ ย
- พูดขอบคณุ ผฟู้ ังเมอ่ื จบการนาเสนอ เช่น Thank you for listening. Thank you for your
attention.
3. ครูและนกั เรียนร่วมกนั อภปิ รายว่ามารยาทผฟู้ ังที่ดีควรปฏิบตั อิ ยา่ งไร เช่น ต้งั ใจฟัง ไม่คยุ รบกวนการ
นาเสนอ สบตาผพู้ ูด ยกมือเมือ่ มคี าถามหรือตอ้ งการขดั จงั หวะ ปรบมอื เม่ือจบการนาเสนอ จากน้นั ครู
บอกนกั เรียนวา่ ในขณะทฟี่ ังเพ่ือนนาเสนอ นกั เรียนตอ้ งปฏิบตั ติ ามมารยาทของผฟู้ ังทดี่ ี
ข้นั Speaking
ครูให้นกั เรียนแตล่ ะกลุ่มออกมาพดู นาเสนอเกี่ยวกบั โภชนาการอาหารกบั การเลน่ กีฬา โดยปฏิบตั ิ
ตามข้นั ตอนท่คี รูแนะนา
Good morning. My group would like to talk about food for sport.
When you play a sport regularly it’s important to drink plenty of water and eat
enough carbohydrates to keep you going. Your diet should have lots of
wholegrain cereals, fruit and vegetables and smaller amounts of milk, yoghurt
and cheese, meat, fish, chicken, eggs and nuts. You should make sure you don’t
eat too little. If you don’t eat enough food for your level of activity, then you
220
won’t be able to perform well. Also, if you want to keep your energy levels up,
it’s important to eat carbohydrates as soon as possible after exercising.
Thank you for listening.
ข้นั Post-speaking
1. เมอื่ ทกุ กลมุ่ พูดนาเสนอจบแลว้ ครูใหน้ กั เรียนช่วยกนั สรุปว่า คนท่ีเลน่ กีฬาควรรับประทานอาหาร
อาหารอยา่ งไร
2. นกั เรียนทา Language Review 3e & Prepositions Exs. 4-5 ในหนงั สือเรียน หนา้ 107
3. นกั เรียนทา Vocabulary Bank 3 ในแบบฝึกหัด (Workbook) หนา้ 107-110
7. การวดั และการประเมนิ ผล เคร่ืองมือ เกณฑ์การผ่าน
วิธกี ารวดั หนงั สือเรียน ร้อยละ 60
ตรวจการตอบคาถามจากการอ่าน
สังเกตการแสดงความคิดเห็นเก่ียวกบั แบบสงั เกตพฤติกรรมการเรียนรู้ ระดบั คณุ ภาพ พอใช้
อาหารท่จี าเป็นสาหรับนกั กีฬาหรือ
คนทีอ่ อกกาลงั กาย แบบประเมนิ การพูด ระดบั คุณภาพ พอใช้
ประเมินการพูดนาเสนอเก่ียวกบั ระดบั คุณภาพ ผ่าน
โภชนาการอาหารกบั การเล่นกีฬา แบบประเมินคณุ ลกั ษณะ
สงั เกตความใฝ่เรียนรู้และความมงุ่ มนั่ อนั พึงประสงค์
ในการทางาน
8. ส่ือ/แหล่งการเรียนรู้
1) หนงั สือเรียน SPARK 3 ม. 3
2) Class Audio CDs ประกอบส่ือฯ ชุด SPARK 3 ม. 3
3) แบบฝึกหดั SPARK 3 ม. 3
4) พจนานุกรมองั กฤษ-องั กฤษ
5) พจนานุกรมออนไลน์
6) อนิ เทอร์เน็ต
7) ภาพ food pyramid และ eatwell plate
221
6 Writing 3f
2 ชั่วโมง
จุดประสงค์ (Objectives)
- บอกรายละเอียดและแสดงความคิดเห็นเก่ียวกบั เรื่องทอี่ ่านได้
- เขยี นประโยคตามโครงสร้างทเ่ี รียนได้
- เขยี นอเี มลเลา่ เกี่ยวกบั การไปเทย่ี วได้
1. สาระ มาตรฐานการเรียนรู้/ตวั ชีว้ ัด
สาระท่ี 1 ภาษาเพอ่ื การสื่อสาร
มาตรฐาน ต 1.1 เข้าใจและตีความเรื่องทฟี่ ังและอ่านจากสื่อประเภทต่าง ๆ และแสดงความคดิ เห็น
อย่างมเี หตุผล
ตวั ช้ีวดั
ต 1.1 ม. 3/4 เลอื ก/ระบหุ วั ขอ้ เรื่อง ใจความสาคญั รายละเอยี ดสนบั สนุน และแสดงความคิดเห็น
เก่ียวกบั เรื่องที่ฟังและอา่ นจากส่ือประเภทตา่ ง ๆ พร้อมท้งั ให้เหตุผลและยกตวั อยา่ ง
ประกอบ
มาตรฐาน ต 1.3 นาเสนอข้อมูลข่าวสาร ความคดิ รวบยอด และความคิดเห็นในเรื่องต่าง ๆ โดยการพูด
และการเขยี น
ตวั ช้ีวดั
ต 1.3 ม. 3/1 พดู และเขียนบรรยายเก่ียวกบั ตนเอง ประสบการณ์ ขา่ ว/เหตกุ ารณ์/เรื่อง/ประเดน็
ต่าง ๆ ทอ่ี ยใู่ นความสนใจของสงั คม
2. สาระสาคัญ/ความคดิ รวบยอด
การเรียนรู้โครงสร้างประโยค ช่วยให้สามารถเขา้ ใจเร่ืองที่อ่าน และเขียนสื่อสารไดอ้ ยา่ งมี
ประสิทธิภาพ
222
3. สาระการเรียนรู้
3.1 ทกั ษะเฉพาะวิชา
1) Language Features and Functions
Vocabulary: Phrases (take care, see you, the weather is awful, greetings from, I’ve met
lots of, we’ve been here)
Grammar: so + adjective/adverb
such (a/an) + (adjective) + noun
subject/object pronouns
possessive determiners
2) Language Skills
Reading: อา่ นเพอ่ื หาขอ้ มลู เฉพาะ
Writing: เขยี นประโยคตามโครงสร้างท่เี รียน, เขียนอีเมลเลา่ เก่ียวกบั การไปเทย่ี ว
4. สมรรถนะสาคญั ของผ้เู รยี น
1) ความสามารถในการสื่อสาร
2) ความสามารถในการคิด
5. คุณลกั ษณะอันพงึ ประสงค์
1) ใฝ่เรียนรู้
2) มุ่งมน่ั ในการทางาน
6. กจิ กรรมการเรียนรู้
ช่ัวโมงท่ี 1
ข้นั Warm up
1. นกั เรียนดภู าพในหนงั สือเรียน หนา้ 41 แลว้ ครูถามวา่ รู้จกั สถานที่ในภาพหรือไม่ คือสถานที่ใด
(Tower Bridge) และต้งั อยทู่ ่ใี ด (London) จากน้ันครูใหน้ กั เรียนช่วยกนั บอกสถานท่ที ม่ี ีชื่อเสียงใน
London ทน่ี กั เรียนรู้จกั (e.g. Tower of London, Big Ben, the British Museum)
2. ครูบอกนกั เรียนว่าจะไดอ้ ่านอีเมลซ่ึงเขยี นเลา่ เกี่ยวกบั การไปเทย่ี ว London
223
ข้นั Pre-reading
1. ครูยกตวั อยา่ งประโยคท่ีใช้โครงสร้าง so + adjective/adverb และ such (a/an) + (adjective) + noun
บนกระดาน
The wind is so strong that I can’t open an umbrella.
The teacher speaks so clearly that everyone can understand.
It was such an amazing sight that we’ll never forget it.
The boy has such good manners that everyone likes him.
ครูอธิบายว่า so เมื่อใชน้ าหนา้ adjective/adverb มีความหมายว่า “มาก” ส่วน such เมื่อใชน้ าหนา้
(adjective) + noun มีความหมายว่า “มาก” เช่นเดียวกนั
ครูอธิบายเพม่ิ เตมิ ว่า so + adjective/adverb และ such (a/an) + (adjective) + noun สามารถตามดว้ ย
that + clause ได้ โดยท้งั so … that และ such … that จะมีความหมายว่า “มากจนกระทงั่ ” จากน้นั ครู
อธิบายความหมายของประโยค The wind is so strong that I can’t open an umbrella. (ลมแรงมาก
จนกระทงั่ ฉันกางร่มไมไ่ ด)้ แลว้ ใหน้ กั เรียนอธิบายความหมายของประโยคทีเ่ หลือ
2. ใหน้ กั เรียนอ่าน Checkpoint! ในหนงั สือเรียน หนา้ 41 แลว้ เตมิ such หรือ so ลงในประโยคให้
ถกู ตอ้ ง จากน้นั ครูเฉลยคาตอบ ถา้ มนี กั เรียนท่ยี งั ไม่เขา้ ใจ ครูช่วยอธิบาย
1 so 2. such 3 such 4 so
3. หนงั สือเรยี น หน้า 41 Ex. 1 นกั เรียนดูอีเมล แลว้ ตอบครูว่าใครเป็นผูส้ ่งอีเมล ส่งถงึ ใคร และ Laura
อยทู่ ่ีใด
Laura is sending the email to Jane. Laura is in London.
ข้นั Reading
หนงั สือเรยี น หน้า 41 Ex. 2 นกั เรียนอา่ นวลี a-f แลว้ อ่านอีเมลเพอื่ นาวลไี ปเตมิ ลงในช่องวา่ งให้
ถูกตอ้ ง เสร็จแลว้ ครูเปิ ด CD ใหน้ กั เรียนฟังเพือ่ ตรวจคาตอบ จากน้นั ใหน้ กั เรียนอ่านอเี มลอีกคร้ัง
เพือ่ หาตวั อยา่ งการใช้ so/such
224
1d 2f 3c 4e 5b 6a
such a big city, so wet
Background information
Tower of London (หอคอยแห่งลอนดอน) เป็นพระราชวงั หลวงและป้อมปราการ
ต้งั อยบู่ นฝั่งแม่น้าเทมส์ในกรุงลอนดอน ประเทศองั กฤษ เป็นพระราชวงั ทีส่ ร้าง
โดยพระเจา้ วิลเลียมท่ี 1 แห่งองั กฤษ เมือ่ ปี ค.ศ. 1078 เป็นสถาปัตยกรรมแบบ
โรมาเนสก์
The British Museum (พพิ ธิ ภณั ฑอ์ งั กฤษ) ในกรุงลอนดอน สหราชอาณาจกั ร เป็น
หน่ึงในพพิ ิธภณั ฑด์ า้ นประวตั ศิ าสตร์และวฒั นธรรมของมนุษยทส่ี าคญั ท่สี ุดและ
ใหญท่ ี่สุดในโลก กอ่ ต้งั ข้นึ ในปี ค.ศ. 1753
London Aquarium (ลอนดอนอควาเรียม) เป็นพิพิธภณั ฑส์ ัตวน์ ้า ที่ต้งั อยใู่ น
กรุงลอนดอน สหราชอาณาจกั ร เปิ ดใหบ้ ริการต้งั แต่เดือนมีนาคม ค.ศ. 1997
ดา้ นในพิพิธภณั ฑจ์ ะเป็นลิฟตล์ งไปยงั ช้นั ล่าง โดยแบ่งเป็นส่วนจดั แสดงต่าง ๆ ไดแ้ ก่
Atlantic Depths, Ray lagoon, Rock pools, The Deep, Pacific Shipwreck, Nemo’s
Coral Caves, Thames Walk ซ่ึงแต่ละส่วนสามารถเดินเวยี นถงึ กนั ได้ เนื่องจากถูก
ออกแบบมาในลกั ษณะของบนั ไดเวียนทเี่ ชื่อมดว้ ยอโุ มงคก์ ระจก
ทม่ี า: https://th.wikipedia.org/wik
ข้นั Post-reading
1. ครูให้นกั เรียนร่วมกนั แสดงความคดิ เห็นวา่ Laura รู้สึกอยา่ งไรกบั การไปเท่ียว London
I think she’s bored because it has been raining since she got off the plane.
I think she’s happy because she met lots of people and made some new friends.
2. ครูให้นกั เรียนจบั คู่ ช่วยกนั แต่งประโยคโดยใช้โครงสร้าง so + adjective/adverb และ such (a/an) +
(adjective) + noun มาโครงสร้างละ 3 ประโยค.
225
The shoes are so small that I can’t wear them.
The restaurant has such good food that it’s always full of people.
3. แบบฝึกหัด (Workbook) หนา้ 27 Exs. 1-3 ให้นกั เรียนทาเป็นการบา้ น
ชั่วโมงท่ี 2
ข้นั Warm up
1. ครูทบทวนเน้ือเรื่องในอเี มลทอี่ ่านเมือ่ ชว่ั โมงทีแ่ ลว้ ดว้ ยการถามว่า ผูส้ ่งอีเมลไปเท่ียวท่ใี ด และ
กลา่ วถงึ สถานทใ่ี ดบา้ ง
2. ครูบอกนกั เรียนว่า ชวั่ โมงน้ีนกั เรียนจะไดเ้ ขียนอเี มลเล่าเก่ียวกบั การไปเทีย่ ว
ข้นั Pre-writing
1. ครูทบทวน subject pronouns ดว้ ยการพูดประโยค และให้นกั เรียนแทนท่ีประธานของประโยคดว้ ย
subject pronouns เช่น
T: My parents love me. Ss: They love me.
T: Brad loves me. Ss: He loves me.
T: My dog loves me. Ss: It loves me.
ครูทากิจกรรมเช่นเดียวกนั น้ีกบั object pronouns เช่น
T: I love Tom and Jerry. Ss: I love them.
T: I love my cat. Ss: I love it.
T: I love Ann. Ss: I love her.
2. ครูทบทวน possessive determiners ดว้ ยการเดินไปหยิบส่ิงของตา่ ง ๆ ของนกั เรียนมาแสดง และพดู
ประโยค แลว้ ให้นกั เรียนเปลยี่ นชื่อบุคคลซ่ึงเป็นเจา้ ของเป็น possessive determiners เช่น
T: This is Ken’s pen. Ss: This is his pen.
T: This is Ann’s book. Ss: This is her book.
226
3. ครูให้นกั เรียนอา่ น Study Skills ในหนงั สือเรียน หนา้ 41 เก่ียวกบั การหลกี เลยี่ งการใชค้ าซ้า แลว้ ให้
นกั เรียนร่วมกนั สรุป
4. หนังสือเรียน หน้า 41 Ex. 3 นกั เรียนอา่ นประโยคและแทนทีค่ าทพ่ี ิมพต์ วั หนาดว้ ย subject/object
pronouns หรือ possessive determiners เสร็จแลว้ ครูสุ่มเรียกนกั เรียนอา่ นเขียนประโยค และให้
นกั เรียนในช้นั ช่วยกนั ตรวจความถกู ตอ้ ง
1 They 2 him 3 her 4 her
5. ครูอธิบายภาระงานในหนงั สือเรียน หนา้ 41 Ex. 4 วา่ ใหน้ กั เรียนสมมติว่าตนเองอยทู่ ีต่ ่างประเทศ
เป็นเวลา 1 สัปดาห์ และเขยี นอีเมลกลบั มาหาเพ่ือน จากน้นั ให้นกั เรียนดูโครงร่างการเขียนที่ใหม้ า
และบอกครูวา่ แต่ละยอ่ หนา้ จะตอ้ งเขียนเกี่ยวกบั อะไร
ข้นั Writing
หนังสือเรียน หน้า 41 Ex. 4 ครูให้นกั เรียนเขียนอีเมลถึงเพือ่ นตามโครงร่างที่กาหนด ความยาว
50-70 คา
Hi Jake,
Greetings from Corfu! I’m here with my parents on holiday.
I’ve never been here before and I love it. We’ve been to the beach every day.
We’ve sunbathed and tried some water sports. The weather is wonderful.
Unfortunately, I’ve got a bit sunburnt. We haven’t visited the museums yet, but
there’s plenty of time for that. We’re here for one more week and then we’ll be
home. See you in a few days.
Love,
Nicky
227
ข้นั Post-writing
1. ครูใหน้ กั เรียนตรวจทานงานเขียนของตนเอง โดยดูเร่ืองไวยากรณ์ การสะกดคา การใชเ้ ครื่องหมาย
วรรคตอน การใชอ้ กั ษรตวั ใหญ่ การใชค้ าเชื่อม (linkers) และการใชค้ าสรพพนาม แลว้ แกไ้ ขให้
ถูกตอ้ ง จากน้นั ส่งให้ครูตรวจ
2. ครูให้นกั เรียนช่วยกนั คิดวา่ เราควรปฏบิ ตั ิตนอยา่ งไรเมอ่ื ไปเที่ยวสถานที่สาคญั ต่าง ๆ เพ่ือรักษา
สถานที่เหล่าน้นั ให้คงอยตู่ ่อไป เช่น ไมจ่ บั ตอ้ งลวดลายบนผนงั หรือภาพวาด ไม่ขีดเขียนบนฝาผนงั
ไม่ทิ้งขยะ เป็นตน้
3. นกั เรียนทา Self-Check 3 ในหนงั สือเรียน หนา้ 115
4. นกั เรียนทา Exs. 6-7 (Collocations & Phrasal verbs) ใน Language Review 3 หนงั สือเรียน หนา้ 107
5. แบบฝึกหดั (Workbook) หนา้ 27 Exs. 4-6 ให้นกั เรียนทาเป็นการบา้ น
7. การวดั และการประเมนิ ผล เคร่ืองมือ เกณฑ์การผ่าน
แบบฝึกหัด (Workbook) ร้อยละ 60
วิธกี ารวดั แบบสังเกตพฤตกิ รรมการเรียนรู้ ระดบั คุณภาพ พอใช้
ตรวจการตอบคาถามจากการอา่ น
สงั เกตการแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกบั สมุดนกั เรียน -
เรื่องท่อี ่าน
ตรวจการเขียนประโยคตามโครงสร้าง แบบประเมินการเขยี น ระดบั คุณภาพ พอใช้
ท่ีเรียน
ประเมินการเขียนอีเมลเลา่ เกี่ยวกบั การ แบบประเมนิ คณุ ลกั ษณะ ระดบั คณุ ภาพ ผ่าน
ไปเทย่ี ว อนั พงึ ประสงค์
สังเกตความใฝ่ เรียนรู้และความมุ่งมนั่
ในการทางาน
8. ส่ือ/แหล่งการเรียนรู้
1) หนงั สือเรียน SPARK 3 ม. 3
2) Class Audio CDs ประกอบสื่อฯ ชุด SPARK 3 ม. 3
3) แบบฝึกหดั SPARK 3 ม. 3
228
7 ASEAN corner 3
1 ช่ัวโมง
จดุ ประสงค์ (Objectives)
- บอกรายละเอยี ดของเรื่องท่อี า่ นได้
- คน้ ควา้ ขอ้ มลู และพดู นาเสนอเก่ียวกบั อนุสาวรียใ์ นประเทศสมาชิกกลุ่มประชาคมอาเซียนได้
1. สาระ มาตรฐานการเรียนรู้/ตวั ชีว้ ัด
สาระที่ 1 ภาษาเพอื่ การส่ือสาร
มาตรฐาน ต 1.1 เข้าใจและตีความเรื่องที่ฟังและอ่านจากส่ือประเภทต่าง ๆ และแสดงความคิดเห็น
อย่างมีเหตุผล
ตวั ช้ีวดั
ต 1.1 ม. 3/4 เลือก/ระบหุ ัวขอ้ เร่ือง ใจความสาคญั รายละเอียดสนบั สนุน และแสดงความคิดเห็น
เกี่ยวกบั เร่ืองท่ฟี ังและอ่านจากส่ือประเภทตา่ ง ๆ พร้อมท้งั ใหเ้ หตผุ ลและยกตวั อยา่ ง
ประกอบ
มาตรฐาน ต 1.3 นาเสนอข้อมลู ข่าวสาร ความคิดรวบยอด และความคิดเห็นในเร่ืองต่าง ๆ โดยการพูด
และการเขียน
ตวั ช้ีวดั
ต 1.3 ม. 3/2 พดู และเขยี นสรุปใจความสาคญั /แก่นสาระ หัวขอ้ เร่ืองท่ไี ดจ้ ากการวเิ คราะหเ์ ร่ือง/
ขา่ ว/เหตกุ ารณ์/สถานการณ์ทอี่ ยใู่ นความสนใจของสงั คม
สาระที่ 3 ภาษากบั ความสัมพันธ์กบั กล่มุ สาระการเรียนรู้อ่ืน
มาตรฐาน ต 3.1 ใช้ภาษาต่างประเทศในการเชื่อมโยงความรู้กบั กล่มุ สาระการเรียนรู้อื่น และเป็ น
พื้นฐานในการพฒั นา แสวงหาความรู้ และเปิ ดโลกทัศน์ของตน
ตวั ช้ีวดั
ต 3.1 ม. 3/1 คน้ ควา้ รวบรวม และสรุปขอ้ มูล/ขอ้ เทจ็ จริงท่ีเก่ียวขอ้ งกบั กลมุ่ สาระการเรียนรู้อ่นื
จากแหล่งการเรียนรู้ และนาเสนอดว้ ยการพูดและการเขยี น
229
2. สาระสาคัญ/ความคดิ รวบยอด
การเรียนรู้เกี่ยวกบั ประวตั คิ วามเป็นมาของอนุสาวรียส์ าคญั ช่วยให้เขา้ ใจเร่ืองราวตา่ ง ๆ ท้งั ดา้ น
การเมือง ความคดิ ศาสนา เช้ือชาติ วฒั นธรรม รวมถึงศิลปกรรมของประเทศกลุ่มประชาคมอาเซียน
3. สาระการเรียนรู้
3.1 ทกั ษะเฉพาะวชิ า
1) Language Features and Functions
Vocabulary: Phrasal verb (consist of)
Nouns (monument, ancestor, statue, obelisk, gratitude, injustice,
colonisation, occupation, sculpture, courage, sacrifice)
Adjectives (joyful, tragic)
2) Language Skills
Speaking: พดู นาเสนออนุสาวรียท์ ่มี ชี ่ือเสียงในประเทศสมาชิกกล่มุ ประชาคมอาเซียน
Reading: อ่านเพ่ือหาขอ้ มลู เฉพาะ
Writing: เขยี นขอ้ ความเกี่ยวกบั Victory Monument
4. สมรรถนะสาคญั ของผ้เู รยี น
1) ความสามารถในการส่ือสาร
2) ความสามารถในการคิด
3) ความสามารถในการใชเ้ ทคโนโลยี
5. คุณลกั ษณะอันพงึ ประสงค์
1) ใฝ่เรียนรู้
2) ม่งุ มน่ั ในการทางาน
6. กจิ กรรมการเรียนรู้
ข้นั Warm up
ครูบอกนกั เรียนว่า ต้งั แต่อดีตประเทศไทยมีวีรบุรุษและวรี สตรีที่ทาคณุ ประโยชนใ์ หแ้ ก่บา้ นเมอื ง
มากมาย เพือ่ เป็นการระลกึ ถึงบุคคลเหลา่ น้นั เรามกั จะสร้างอนุสาวรียเ์ พือ่ ใหช้ นรุ่นหลงั ไดเ้ คารพและ
ระลกึ ถึง ครูใหน้ กั เรียนช่วยกนั ยกตวั อยา่ งอนุสาวรียท์ ี่นกั เรียนรู้จกั เช่น อนุสาวรียป์ ระชาธิปไตย
อนุสาวรียว์ ีรชนคา่ ยบางระจนั
230
ข้นั Pre-reading
1. ครูให้นกั เรียนดภู าพและอา่ นชื่อเร่ือง Monument: Shared Memories ในหนงั สือเรียน หนา้ 42 แลว้ ให้
นกั เรียนคิดว่าเร่ืองท่จี ะอา่ นน่าจะเก่ียวขอ้ งกบั อะไร
2. นกั เรียนร่วมกนั แสดงความคดิ เห็นว่า เราสามารถเรียนรู้อะไรบา้ งจากการศกึ ษาประวตั ิความเป็นมา
ของอนุสาวรียส์ าคญั ต่าง ๆ เช่น ความเป็นมาของชาติ ความกลา้ หาญ ศลิ ปกรรม
3. ครูแบง่ นกั เรียนเป็นกลุ่ม กลมุ่ ละ 4 คน ให้แต่ละกลุ่มอา่ นเร่ือง Monument: Shared Memories และขีด
เสน้ ใตค้ าศพั ทย์ าก ครูสุ่มเรียกนกั เรียนให้อ่านคาศพั ทท์ ่ขี ดี เส้นใตก้ ล่มุ ละ 1 ยอ่ หนา้ คาใดท่ีนกั เรียน
อา่ นไม่ได้ ใหอ้ ่านตามครูพร้อมกนั จากน้นั ให้นกั เรียนช่วยกนั เดาความหมายของคาศพั ท์ ถา้ คาใด
นกั เรียนไม่รู้ใหห้ าความหมายจากพจนานุกรม เช่น
monument (n) = a building, column, statue, etc. built to remind people of a famous
person or event (อนุสาวรีย)์
joyful (adj) = very happy; causing people to be happy (ซ่ึงมีความสุข)
tragic (adj) = making you feel very sad (เศร้าโศก)
ancestor (n) = a person in your family who lived a long time ago (บรรพบุรุษ)
consist of (phr v) = to be made of or formed from something (ประกอบดว้ ย)
statue (n) = a figure of a person or an animal in stone, metal, etc., usually the
same size as in real life or larger (รูปป้ัน)
obelisk (n) = a tall pointed stone column with four sides, put up in memory of a
person or an event (เสาหินรูปส่ีเหลีย่ มมีปลายแหลม)
gratitude (n) = the feeling of being grateful and wanting to express your thanks
(ความรู้สึกซาบซ้ึง, ความขอบคุณ)
injustice (n) = the fact of a situation being unfair and of people not being treated
equally (ความไมเ่ ป็นธรรม)
colonisation (n) = the act of taking control of an area or a country that is not your
own, especially using force, and sending people from your own
country to live there (การต้งั อาณานิคม)
occupation (n) = the act of moving into a country, town etc. and taking control of it
using military force; the period of time during which a country,
town etc. is controlled in this way (การยดึ ครอง)
sculpture (n) = a work of art that is a solid figure or object made by carving or
shaping wood, stone, clay, metal etc. (รูปหล่อ, รูปสลกั )
231
courage (n) = the ability to do something dangerous, or to face pain or
sacrifice (n) opposition, without showing fear (ความกลา้ หาญ)
= the act of giving up something that is valuable to you in order to
help someone else (การเสียสละ)
ข้นั Reading
หนงั สือเรยี น หน้า 42 Ex. 1 ครูสุ่มเรียกนกั เรียนอ่านคาถามกลุม่ ละ 1 ขอ้ พร้อมท้งั บอกคาสาคญั
ในคาถาม จากน้นั ใหแ้ ตล่ ะกลมุ่ อา่ นเรื่อง Monument: Shared Memories โดยมองหาเน้ือเร่ืองส่วน
ที่เกี่ยวขอ้ งกบั คาสาคญั เม่อื พบแลว้ ให้อา่ นใหเ้ ขา้ ใจแลว้ จึงตอบคาถาม เมื่อทกุ กลมุ่ ตอบคาถาม
เสร็จแลว้ ครูขอตวั แทนกลุม่ บอกคาตอบ
1 The Monument of Rizal.
2 He fought against the injustice of the Spanish government during the Spanish
colonisation.
3 Kuala Lumpur, Malaysia.
4 It was built for soldiers who fought for freedom from Japanese occupation
during the Second World War.
ข้นั Post-reading
1. หนังสือเรียน หน้า 42 Ex. 2 นกั เรียนอ่านคาถามและคาตอบทกี่ าหนดให้ แลว้ จบั คคู่ าถามกบั คาตอบ
ที่สมั พนั ธ์กนั เสร็จแลว้ ครูเฉลยคาตอบ จากน้นั ให้นกั เรียนจบั คพู่ ูดถาม-ตอบกนั
1b 2d 3a 4c
2. ครูใหน้ กั เรียนใชค้ าตอบใน Ex. 2 เขียนขอ้ ความส้นั ๆ เก่ียวกบั Victory Monument จากน้นั ครู
สุ่มเรียกนกั เรียน 2 คน อา่ นขอ้ ความท่ีเขยี น
232
Victory Monument is a famous monument in my country. It’s in Bangkok,
Thailand. It was built to commemorate Thai victory in the Franco-Thai War.
It’s an obelisk with the sculptures of five soldiers.
3. หนงั สือเรยี น หน้า 42 Ex. 3 ครูแบง่ นกั เรียนเป็นกลมุ่ กล่มุ ละ 4 คน ใหแ้ ต่ละกลุม่ คน้ ควา้ ขอ้ มลู จาก
อินเทอร์เนต็ เก่ียวกบั อนุสาวรียท์ ่ีมีชื่อเสียง 1 แห่ง ในประเทศสมาชิกกลุม่ ประชาคมอาเซียน พร้อม
หาภาพประกอบ แลว้ นาเสนอขอ้ มูลใหเ้ พ่อื นฟัง
7. การวัดและการประเมนิ ผล เคร่ืองมือ เกณฑ์การผ่าน
สมุดนกั เรียน ร้อยละ 60
วิธกี ารวดั สมุดนกั เรียน ร้อยละ 60
ตรวจการตอบคาถามจากเร่ืองที่อ่าน
ตรวจการเขียนขอ้ ความเกี่ยวกบั แบบประเมินการพดู ระดบั คุณภาพ พอใช้
Victory Monument
ประเมนิ การพดู นาเสนอเก่ียวกบั แบบประเมินคณุ ลกั ษณะ ระดบั คุณภาพ ผา่ น
อนุสาวรียท์ ี่มีช่ือเสียงในประเทศ อนั พงึ ประสงค์
สมาชิกกลุ่มประชาคมอาเซียน
สังเกตความใฝ่ เรี ยนรู้และความมุ่งมนั่
ในการทางาน
8. ส่ือ/แหล่งการเรียนรู้
1) หนงั สือเรียน SPARK 3 ม. 3
2) พจนานุกรมองั กฤษ-องั กฤษ
3) พจนานุกรมออนไลน์
4) อนิ เทอร์เน็ต
233
8 O-NET practice & Fun time 3
1 ชั่วโมง
จดุ ประสงค์การเรยี นรู้
- ทบทวนคาศพั ทแ์ ละไวยากรณ์ทเี่ รียนมาแลว้ ในหน่วยการเรียนรู้ที่ 3
- เขียน quiz เกี่ยวกบั เน้ือหาทเ่ี รียนมาแลว้ ได้
1. สาระ มาตรฐานการเรียนรู้/ตัวชี้วดั
สาระท่ี 1 ภาษาเพอื่ การส่ือสาร
มาตรฐาน ต 1.1 เข้าใจและตคี วามเร่ืองทฟ่ี ังและอ่านจากส่ือประเภทต่าง ๆ และแสดงความคิดเห็น
อย่างมเี หตผุ ล
ตวั ช้ีวดั
ต 1.1 ม. 3/4 เลอื ก/ระบหุ วั ขอ้ เร่ือง ใจความสาคญั รายละเอียดสนบั สนุน และแสดงความคดิ เห็น
เก่ียวกบั เร่ืองทฟ่ี ังและอ่านจากสื่อประเภทตา่ ง ๆ พร้อมท้งั ให้เหตผุ ลและยกตวั อยา่ ง
ประกอบ
สาระที่ 2 ภาษาและวัฒนธรรม
มาตรฐาน ต 2.1 เข้าใจความสัมพันธ์ระหว่างภาษากบั วัฒนธรรมของเจ้าของภาษา และนาไปใช้ได้
อย่างเหมาะสมกบั กาลเทศะ
ตวั ช้ีวดั
ต 2.1 ม. 3/3 เขา้ ร่วม/จดั กิจกรรมทางภาษาและวฒั นธรรมตามความสนใจ
2. สาระสาคญั /ความคดิ รวบยอด
การรู้และเขา้ ใจคาศพั ทแ์ ละโครงสร้างภาษา ช่วยใหพ้ ูด/เขียนสื่อสาร และเขา้ ร่วมกิจกรรมทางภาษา
ไดอ้ ยา่ งเหมาะสม
234
3. สาระการเรียนรู้
3.1 ทกั ษะเฉพาะวชิ า
1) Language Features and Functions
Vocabulary: คาศพั ทใ์ นหน่วยการเรียนรู้ท่ี 3
Grammar: ไวยากรณใ์ นหน่วยการเรียนรู้ที่ 3
2) Language Skills
Listening: ฟังเพือ่ หาขอ้ มูลเฉพาะ
Writing: เขยี น quiz เก่ียวกบั เน้ือหาทเ่ี รียนมาแลว้
4. สมรรถนะสาคัญของผ้เู รยี น
1) ความสามารถในการสื่อสาร
2) ความสามารถในการคดิ
5. คุณลกั ษณะอันพงึ ประสงค์
- มุ่งมนั่ ในการทางาน
6. กจิ กรรมการเรียนรู้
ข้นั Warm up
ครูทบทวนคาศพั ทเ์ ก่ียวกบั กีฬาและอุปกรณ์การเล่นกีฬา เช่น bungee jumping, skydiving, rock
climbing, goggles, paddle โดยใหน้ กั เรียนเล่นเกม Bingo
ข้นั Presentation
1. ครูทบทวนไวยากรณ์ในหน่วยการเรียนรู้ท่ี 3 ดว้ ยการใหน้ กั เรียนระดมสมองพูดบอกไวยากรณท์ ี่
เรียนรู้ในหน่วยน้ี ครูเขียนตามที่นกั เรียนบอกบนกระดานในรูปของ mind map จากน้นั ให้นกั เรียน
ช่วยกนั พดู บอกโครงสร้างประโยคและวธิ ีการใช้
235
such (a/an) + Present Past simple
(adjective) + perfect
noun ไวยากรณ์
หน่วยการ
เรียนรู้ที่ 3
so + Present
adjective/ perfect
adverb continuous
2. ครูทบทวนสานวนภาษาที่ใชใ้ นการขอโทษและกลา่ วคาขอโทษ โดยครูสุ่มเรียกนกั เรียนหลาย ๆ คู่
ให้พูดสนทนากนั
ข้นั Practice
1. หนังสือเรยี น หน้า 44 Ex. 1 นกั เรียนจบั คู่กนั แข่งกนั เล่มเกม ครูให้เวลา 5 นาที ให้แต่ละคเู่ ขยี น
คาศพั ทช์ ่ือกีฬาตามคาใบท้ ใ่ี หม้ า คใู่ ดเขยี นเสร็จก่อนให้ยกมือข้นึ จากน้นั ครูให้คทู่ เ่ี สร็จกอ่ น 5 ค่แู รก
เฉลยคาตอบ
sailing, surfing, white-water rafting, snorkelling
surfing, snowboarding
motocross, mountain biking
bungee jumping, hang-gliding, skydiving, rock climbing
cricket, squash
2. หนังสือเรียน หน้า 44 Ex. 2 ครูให้นกั เรียนคู่เดิมช่วยกนั ทา quiz โดยหา้ มเปิ ดดเู น้ือหา เสร็จแลว้ ให้
นกั เรียนเปรียบเทียบคาตอบกบั เพ่อื น จากน้นั ครูจึงเฉลยคาตอบ
236
1T 2F 3T 4F 5T 6T
3. หนังสือเรยี น หน้า 44 GAME ครูแบ่งนกั เรียนเป็น 2 ทีม เพอื่ เลน่ เกม What have I done? โดยให้
ทมี หน่ึงพูดคากริยา และอกี ทมี หน่ึงใชค้ ากริยาดงั กลา่ วแต่งประโยคในรูป Present perfect ถา้ แตง่
ประโยคถกู ตอ้ งจะได้ 1 คะแนน ทีมใดไดค้ ะแนนมากที่สุดจะเป็นทีมท่ชี นะ
4. หนงั สือเรียน หน้า 44 Ex. 4 ครูอ่านคาถามในคาสง่ั แลว้ เปิ ด CD ให้นกั เรียนฟังเพลงและดเู น้ือเพลง
ตามไปดว้ ยเพ่ือหาคาตอบ เมอ่ื ฟังเพลงจบครูรวบรวมคาตอบจากนกั เรียนหลาย ๆ คน พร้อมท้งั ให้
นกั เรียนอธิบายเหตุผลประกอบ
According to the singer, the world is a wonderful place because there are so many
wonderful places to see.
5. หนงั สือเรียน หน้า 44 Ex. 5 ครูให้เวลานกั เรียนเขยี นแสดงความคิดเห็นเก่ียวกบั โลกของเรา จากน้นั
ครูสุ่มเรียกนกั เรียนหลาย ๆ คน พูดแสดงความคดิ เห็น
Our world is wonderful because it is full of beauty.
6. หนังสือเรียน หน้า 43 O-NET practice ครูให้เวลานกั เรียนทาขอ้ สอบ เสร็จแลว้ ตรวจคาตอบร่วมกนั
ถา้ นกั เรียนไม่เขา้ ใจ ใหค้ รูอธิบายเพม่ิ เติม
Ex. 1 1 a 2 b 3 c
Ex. 2 1 d 2 b 3 d 4 b 5 c
237
ข้นั Production
หนงั สือเรียน หน้า 44 Ex. 3 นกั เรียนจบั ค่กู นั ครูแจกกระดาษใหค้ ู่ละ 1 แผ่น ให้แตล่ ะคู่คิดคาถาม
quiz 5-6 ขอ้ เก่ียวกบั เน้ือหาในหน่วยการเรียนรู้ที่ 3 โดยเขยี นคาตอบไวด้ า้ นหลงั กระดาษ ครูช่วย
ยกตวั อยา่ ง เช่น Snorkelling is a water sport. (T) จากน้นั ใหน้ กั เรียนทางานโดยสามารถเปิ ดดูเน้ือหา
ได้ เมือ่ ทุกค่คู ดิ คาถามเสร็จแลว้ ให้แลกกนั ทา quiz กบั คู่อนื่
1 Hang-gliding is done in the air. (T)
2 Bethany Hamilton lost a leg in a shark attack. (F)
3 You need flippers and a mask to go snorkelling. (T)
4 You break the law if you don’t declare something extra in your luggage. (T)
5 The British Museum is in Glasgow. (F)
6 You need goggles for snowboarding. (T)
7. การวัดและการประเมนิ ผล เคร่ืองมือ เกณฑ์การผ่าน
- ร้อยละ 60
วิธกี ารวดั
ตรวจการเขียน quiz เกี่ยวกบั เน้ือหา แบบประเมนิ คุณลกั ษณะ ระดบั คณุ ภาพ ผา่ น
ในหน่วยการเรียนรู้ที่ 3 อนั พงึ ประสงค์
สงั เกตความมุง่ มนั่ ในการทางาน
8. สื่อ/แหล่งการเรียนรู้
1) หนงั สือเรียน SPARK 3 ม. 3
2) Class Audio CDs ประกอบส่ือฯ ชุด SPARK 3 ม. 3
238
4 Safe and Sound
ช้ันมัธยมศึกษาปี ท่ี 3 เวลาเรียน 14 ช่ัวโมง
1 สาระ มาตรฐานการเรียนรู้/ตัวชี้วดั
สาระท่ี 1 ภาษาเพอ่ื การสื่อสาร
มาตรฐาน ต 1.1 เข้าใจและตคี วามเรื่องทฟี่ ังและอ่านจากส่ือประเภทต่าง ๆ และแสดงความคิดเหน็
อย่างมีเหตุผล
ตวั ช้ีวดั
ต 1.1 ม. 3/2 อ่านออกเสียงขอ้ ความ ขา่ ว โฆษณา และบทร้อยกรองส้นั ๆ ถกู ตอ้ งตามหลกั การอา่ น
ต 1.1 ม. 3/3 ระบแุ ละเขียนสื่อทีไ่ มใ่ ช่ความเรียงรูปแบบตา่ ง ๆ ใหส้ ัมพนั ธ์กบั ประโยคและ
ขอ้ ความท่ีฟังหรืออ่าน
ต 1.1 ม. 3/4 เลอื ก/ระบหุ ัวขอ้ เร่ือง ใจความสาคญั รายละเอยี ดสนบั สนุน และแสดงความคดิ เห็น
เก่ียวกบั เรื่องที่ฟังและอา่ นจากส่ือประเภทต่าง ๆ พร้อมท้งั ใหเ้ หตุผลและยกตวั อยา่ ง
ประกอบ
มาตรฐาน ต 1.2 มที ักษะการสื่อสารทางภาษาในการแลกเปลยี่ นข้อมลู ข่าวสาร แสดงความรู้สึกและ
ความคิดเหน็ อย่างมปี ระสิทธภิ าพ
ตวั ช้ีวดั
ต 1.2 ม. 3/2 ใชค้ าขอร้อง ใหค้ าแนะนา คาช้ีแจง และคาอธิบายอยา่ งเหมาะสม
ต 1.2 ม. 3/4 พดู และเขียนเพ่อื ขอและใหข้ อ้ มลู อธิบาย เปรียบเทยี บ และแสดงความคดิ เห็น
เก่ียวกบั เร่ืองทฟี่ ังหรืออ่านอยา่ งเหมาะสม
มาตรฐาน ต 1.3 นาเสนอข้อมลู ข่าวสาร ความคดิ รวบยอด และความคดิ เหน็ ในเรื่องต่าง ๆ โดยการพดู
และการเขยี น
ตวั ช้ีวดั
ต 1.3 ม. 3/1 พูดและเขียนบรรยายเก่ียวกบั ตนเอง ประสบการณ์ ข่าว/เหตุการณ์/เร่ือง/ประเดน็
ตา่ ง ๆ ทอ่ี ยใู่ นความสนใจของสังคม
ต 1.3 ม. 3/2 พูดและเขียนสรุปใจความสาคญั /แก่นสาระ หัวขอ้ เรื่องทไ่ี ดจ้ ากการวิเคราะหเ์ รื่อง/
ข่าว/เหตุการณ์/สถานการณ์ทอ่ี ยใู่ นความสนใจของสงั คม
239
ต 1.3 ม. 3/3 พูดและเขยี นแสดงความคดิ เห็นเก่ียวกบั กิจกรรม ประสบการณ์ และเหตุการณ์
พร้อมท้งั ใหเ้ หตผุ ลประกอบ
สาระที่ 2 ภาษาและวัฒนธรรม
มาตรฐาน ต 2.1 เข้าใจความสัมพันธ์ระหว่างภาษากบั วฒั นธรรมของเจ้าของภาษา และนาไปใช้ได้
อย่างเหมาะสมกบั กาลเทศะ
ตวั ช้ีวดั
ต 2.1 ม. 3/1 เลือกใชภ้ าษา น้าเสียง และกิริยาท่าทางเหมาะกบั บคุ คลและโอกาส ตามมารยาทสังคม
และวฒั นธรรมของเจา้ ของภาษา
ต 2.1 ม. 3/3 เขา้ ร่วม/จดั กิจกรรมทางภาษาและวฒั นธรรมตามความสนใจ
มาตรฐาน ต 2.2 เข้าใจความเหมือนและความแตกต่างระหว่างภาษาและวฒั นธรรมของเจ้าของภาษา
กบั ภาษาและวฒั นธรรมไทย และนามาใช้อย่างถกู ต้องและเหมาะสม
ตวั ช้ีวดั
ต 2.2 ม. 3/1 เปรียบเทียบและอธิบายความเหมอื นและความแตกตา่ งระหวา่ งการออกเสียงประโยค
ชนิดต่าง ๆ และการลาดบั คาตามโครงสร้างประโยคของภาษาต่างประเทศและ
ภาษาไทย
สาระท่ี 3 ภาษากบั ความสัมพันธ์กับกล่มุ สาระการเรียนรู้อน่ื
มาตรฐาน ต 3.1 ใช้ภาษาต่างประเทศในการเช่ือมโยงความรู้กับกล่มุ สาระการเรียนรู้อืน่ และเป็ น
พื้นฐานในการพัฒนา แสวงหาความรู้ และเปิ ดโลกทัศน์ของตน
ตวั ช้ีวดั
ต 3.1 ม. 3/1 คน้ ควา้ รวบรวม และสรุปขอ้ มูล/ขอ้ เทจ็ จริงท่ีเกี่ยวขอ้ งกบั กลมุ่ สาระการเรียนรู้อื่น
จากแหล่งการเรียนรู้ และนาเสนอดว้ ยการพูดและการเขียน
สาระท่ี 4 ภาษากับความสัมพันธ์กับชุมชนและโลก
มาตรฐาน ต 4.1 ใช้ภาษาต่างประเทศในสถานการณ์ต่าง ๆ ท้งั ในสถานศึกษา ชุมชน และสังคม
ตวั ช้ีวดั
ต 4.1 ม. 3/1 ใชภ้ าษาส่ือสารในสถานการณ์จริง/สถานการณ์จาลองทเ่ี กิดข้ึนในห้องเรียน
สถานศึกษา ชุมชน และสงั คม
2 สาระสาคญั /ความคดิ รวบยอด
การเรียนรู้คาศพั ท์ สานวน และโครงสร้างภาษา จะช่วยใหเ้ ขา้ ใจ บอกรายละเอียด และแสดงความ
คิดเห็นเก่ียวกบั รื่องทอี่ ่านและฟังได้ นอกจากน้ียงั สามารถนาสิ่งทีเ่ รียนรู้ไปใช้ในการพูดและเขยี นสื่อสาร
เปรียบเทียบ แสดงความคิดเห็นเก่ียวกบั ส่ิงแวดลอ้ มรอบตวั และบคุ คลใกลต้ วั ไดอ้ ยา่ งถูกตอ้ ง สามารถอา่ น
240
และสรุปข่าวไดอ้ ยา่ งเขา้ ใจ ตลอดจนมีความตระหนกั ถงึ หนา้ ที่ของพลเมอื ง ท้งั ในฐานะเป็นพลเมอื งของ
ประเทศ ของอาเซียน และของโลก รู้จกั เคารพสิทธิและช่วยเหลือซ่ึงกนั และกนั รวมถงึ มีความเขา้ ใจใน
มารยาทและวฒั นธรรมของเจา้ ของภาษา
3 สาระการเรียนรู้
3.1 ทกั ษะเฉพาะวชิ า
1) Language Features and Functions
Vocabulary: Breaking the law (rob a bank, spray paint on a statue, steal a car, drive
over the speed limit, break into a house, steal clothes from a shop, steal a
wallet, start a forest fire)
Crimes (robbery, car theft, shoplifting, speeding, vandalism, arson,
burglary, picking pockets)
Crime verbs (catch, arrest, put in prison, steal, rob, take, attract, mug,
kidnap, break, find, accuse, sentence)
Criminals (burglar, kidnapper, mugger, vandal, robber, thief)
Verbs (get caught, realise, freeze, violate, commit a crime, capture,
speed, survive, separate from, rescue, smash, drive off, bully, punch,
stamp, ignore, make fun of, miss, skip, volunteer)
Phrasal verbs (break into, depend on)
Nouns (mistake, advert, competition, handcuffs, badge, privacy, fine,
guide, stream, bush, shell, raft, eyelid, traffic lights, crash, rider,
windscreen, number plate, stomach, boss, slave, accent, school
counsellor, residue, fertilizer, pesticide, violence)
Adjectives (foolish, transparent, weak, responsible)
Adverb (downstream)
Phrase (take part)
Sentences (What’s your name, please?, Let’s go straight to the accident.,
Can you tell me what you saw?, What happened to the rider?, What
about the driver?, I’m afraid not., Thank you for your time, sir., You’re
welcome.)
241