Grammar: Past perfect
Functions: Past perfect continuous
Order of adjectives
Pronunciation: Adjectives: -ing/-ed endings
Adverbs
Talking about crime
I think picking pockets can happen to me because I like going shopping
at the place has lots of people.
Giving advice about a survival in the jungle
If you have to stay in the jungle overnight, you should find an area that is
covered with thick trees.
If you have to eat insects to survive, make sure that you don’t eat any
brightly-coloured ones as these may be poisonous.
Giving an eyewitness statement
Can you tell me what you saw?
I saw a car going through the traffic lights really fast although they
hadn’t turned green yet. A motorbike came from the left and the car hit it
with a very loud crash.
Giving advice about bullying
You should stand up for yourself.
You shouldn’t do what they say.
Giving advice
He should talk to his parents.
I advise him to show them that he can be responsible.
Talking about things can do to be a good citizen
Respect the rights of others
Protect public property.
/æ/: as, mad, cat
/ᴧ/: us, mud, cut
242
2) Language Skills
Listening: ฟังเพือ่ หาขอ้ มูลเฉพาะ, ฟังบทกลอนและการออกเสียงคาศพั ท์
Speaking: พูดแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกบั อาชญากรรม, พดู เลา่ อบุ ตั ิเหตุจากเร่ืองทฟี่ ัง,
พูดแสดงความคดิ เห็นเกี่ยวกบั quiz ท่ที า, พูดสนทนาตามสถานการณ์ท่ี
กาหนด, พดู ใหค้ าแนะนา, พูดนาเสนอเก่ียวกบั bullying, พดู ส่ิงทีพ่ ลเมอื งดี
ควรทาและไม่ควรทา
Reading: อา่ นเพ่อื หาขอ้ มูลเฉพาะ, อา่ นและเตมิ คา
Writing: เขียนอเี มลเล่าเกี่ยวกบั อุบตั ิเหตุทเี่ กิดข้ึน, เขยี นประโยคเก่ียวกบั ตนเอง
และบุคคลใกลต้ วั ตามโครงสร้างที่เรียน, เขียนให้คาแนะนาเกี่ยวกบั
วธิ ีการเอาชีวิตรอดเมอ่ื หลงป่ า, เขียนอเี มลเลา่ เก่ียวกบั การไปเท่ยี วป่ า,
แต่งบทสนทนาตามสถานการณท์ ่ีกาหนด, เขียนอเี มลให้คาแนะนา,
เขียนส่ิงที่ควรทาในการเป็นพลเมอื งดีของชุมชน ของประเทศ และของโลก
3) Cultures หมายเลขโทรศพั ทส์ าหรบั เหตุฉุกเฉิน
4 สมรรถนะสาคญั ของผ้เู รยี น
1) ความสามารถในการส่ือสาร
2) ความสามารถในการคิด
3) ความสามารถในการใชเ้ ทคโนโลยี
4) ความสามารถในการใชท้ กั ษะชีวิต
5 คุณลกั ษณะอันพงึ ประสงค์
1) ใฝ่เรียนรู้
2) มงุ่ มนั่ ในการทางาน
6 ชิน้ งาน/ภาระงาน (รวบยอด)
1) เขยี นอเี มลเลา่ เกี่ยวกบั อุบตั เิ หตทุ ี่เกิดข้ึน
2) เขียนใหค้ าแนะนาเก่ียวกบั วธิ ีการเอาชีวิตรอดเม่อื หลงป่ า
3) เขียนอีเมลเลา่ เกี่ยวกบั การไปเที่ยวป่ า
4) อา่ นออกเสียงบทสนทนา
5) แต่งบทสนทนาตามสถานการณ์ทก่ี าหนด
6) พดู สนทนาตามสถานการณ์ท่ีกาหนด
243
7) อ่านออกเสียงบทกลอน
8) คน้ ควา้ ขอ้ มลู เก่ียวกบั bullying และพดู นาเสนอ
9) ช้ินงานโปสเตอร์หนา้ ที่ของพลเมือง
7 การวัดและการประเมนิ ผล
7.1 การประเมนิ ก่อนเรียน
7.2 การประเมินระหว่างการจดั กิจกรรมการเรียนรู้
7.3 การประเมินหลงั เรียน
7.4 การประเมนิ ชิ้นงาน/ภาระงาน (รวบยอด)
244
1 Reading 4a & Vocabulary 4a
2 ช่ัวโมง
จดุ ประสงค์การเรียนรู้
- บอกรายละเอยี ดและแสดงความคิดเห็นเก่ียวกบั เร่ืองทีฟ่ ังและอ่านได้
- พูดเล่าเก่ียวกบั อบุ ตั เิ หตุท่เี กิดข้นึ ได้
- เขียนอเี มลเพื่อเลา่ เกี่ยวกบั อุบตั เิ หตุท่ีเกิดข้ึนได้
1. สาระ มาตรฐานการเรยี นรู้/ตัวชี้วัด
สาระท่ี 1 ภาษาเพอ่ื การส่ือสาร
มาตรฐาน ต 1.1 เข้าใจและตคี วามเร่ืองทฟี่ ังและอ่านจากส่ือประเภทต่าง ๆ และแสดงความคดิ เห็น
อย่างมีเหตผุ ล
ตวั ช้ีวดั
ต 1.1 ม. 3/3 ระบแุ ละเขียนส่ือท่ีไม่ใช่ความเรียงรูปแบบต่าง ๆ ให้สัมพนั ธ์กบั ประโยคและ
ขอ้ ความท่ีฟังหรืออ่าน
ต 1.1 ม. 3/4 เลือก/ระบุหวั ขอ้ เรื่อง ใจความสาคญั รายละเอียดสนบั สนุน และแสดงความคิดเห็น
เก่ียวกบั เรื่องทีฟ่ ังและอา่ นจากสื่อประเภทต่าง ๆ พร้อมท้งั ให้เหตุผลและยกตวั อยา่ ง
ประกอบ
มาตรฐาน ต 1.2 มที ักษะการสื่อสารทางภาษาในการแลกเปลยี่ นข้อมูลข่าวสาร แสดงความรู้สึกและ
ความคิดเห็นอย่างมีประสิทธภิ าพ
ตวั ช้ีวดั
ต 1.2 ม. 3/4 พูดและเขียนเพอ่ื ขอและใหข้ อ้ มลู อธิบาย เปรียบเทยี บ และแสดงความคิดเห็น
เก่ียวกบั เร่ืองท่ฟี ังหรืออา่ นอยา่ งเหมาะสม
มาตรฐาน ต 1.3 นาเสนอข้อมูลข่าวสาร ความคิดรวบยอด และความคิดเหน็ ในเร่ืองต่าง ๆ โดยการพดู
และการเขียน
ตวั ช้ีวดั
ต 1.3 ม. 3/1 พูดและเขียนบรรยายเก่ียวกบั ตนเอง ประสบการณ์ ขา่ ว/เหตุการณ์/เร่ือง/ประเด็น
ต่าง ๆ ท่ีอยใู่ นความสนใจของสงั คม
245
ต 1.3 ม. 3/3 พดู และเขยี นแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกบั กิจกรรม ประสบการณ์ และเหตุการณ์
พร้อมท้งั ใหเ้ หตผุ ลประกอบ
2. สาระสาคญั /ความคิดรวบยอด
การเรียนรู้คาศพั ท์เก่ียวกบั อาชญากรรม จะช่วยให้เขา้ ใจและสามารถบอกรายละเอยี ด และแสดง
ความคิดเห็นเก่ียวกบั เร่ืองทอี่ า่ นและฟังได้ อีกท้งั ยงั สามารถนาความรู้ไปใชใ้ นการอ่านพาดหัวขา่ วบน
หนงั สือพิมพไ์ ดอ้ ยา่ งเขา้ ใจ
3. สาระการเรียนรู้
3.1 ทักษะเฉพาะวิชา
1) Language Features and Functions
Vocabulary: Breaking the law (rob a bank, spray paint on a statue, steal a car, drive
over the speed limit, break into a house, steal clothes from a shop, steal a
wallet, start a forest fire)
Crimes (robbery, car theft, shoplifting, speeding, vandalism, arson,
burglary, picking pockets)
Crime verbs (catch, arrest, put in prison, steal, rob, take, attract, mug,
kidnap, break, find, accuse, sentence)
Criminals (burglar, kidnapper, mugger, vandal, robber, thief)
Verbs (get caught, realise, freeze, violate, commit a crime, capture,
speed)
Phrasal verbs (break into)
Nouns (mistake, advert, competition, handcuffs, badge, privacy, fine)
Adjective (foolish)
Functions: Talking about crime
I think picking pockets can happen to me because I like going shopping
at the place has lots of people.
2) Language Skills
Listening: ฟังเพื่อหาขอ้ มลู เฉพาะ
Speaking: พูดแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกบั อาชญากรรม, พดู เลา่ อบุ ตั ิเหตุจากเรื่องทีฟ่ ัง
Reading: อา่ นเพือ่ หาขอ้ มลู เฉพาะ
246
Writing: เขียนอเี มลเลา่ เก่ียวกบั อบุ ตั เิ หตุทเ่ี กิดข้ึน
4. สมรรถนะสาคญั ของผ้เู รยี น
1) ความสามารถในการสื่อสาร
2) ความสามารถในการใชท้ กั ษะชีวติ
5. คณุ ลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์
1) ใฝ่เรียนรู้
2) มงุ่ มนั่ ในการทางาน
6. กิจกรรมการเรียนรู้
ช่ัวโมงที่ 1
ข้นั Warm up
1. นกั เรียนอา่ นชื่อหน่วยการเรียนรู้ (Safe and Sound) ในหนงั สือเรียน หนา้ 45 แลว้ เดาความหมาย
safe and sound (idm) = completely safe and without injury or damage (ปลอดภยั ไมม่ ี
อนั ตราย, โดยสวสั ดิภาพ)
2. Find the page numbers for หน้า 45 ครูใหน้ กั เรียนหาวา่ ภาพทเี่ กี่ยวขอ้ งกบั ท้งั 3 คาน้ีอยใู่ น
หนงั สือเรียนหนา้ ใด เมอ่ื หาพบแลว้ ครูถามคาถามเพื่อสนทนากบั นกั เรียน
a quiz (p. 50)
Do you like doing quizzes? Why (not)? How can a quiz help you learn English?
newspaper headlines (p. 47)
Do you read newspapers often? Why (not)?
What can someone read in a newspaper? Which is your favourite section?
a poem (p. 52)
Do you like poetry? Why (not)? What sort of poems do you like/dislike the most?
Name some poets from your country. Do you know any of their poems?
What are they about? Do you write poems?
247
ข้นั Pre-reading
1. หนังสือเรียน หน้า 45 Ex. 1 ครูเปิ ด CD ให้นกั เรียนฟังวลีเก่ียวกบั การทาผิดกฎหมายและออกเสียง
ตาม โดยครูเปิ ด CD ให้ฟัง 2 คร้ัง แลว้ ให้นกั เรียนอ่านออกเสียงดว้ ยตนเองพร้อมกนั และช่วยกนั
อธิบายความหมายโดยเดาจากภาพ
rob a bank (ปลน้ ธนาคาร) spray paint on a statue (พ่นสีใส่รูปป้ัน)
steal a car (ขโมยรถยนต)์ drive over the speed limit (ขบั รถเร็วเกินกาหนด)
break into a house (ยอ่ งเบาเขา้ บา้ น) steal clothes from a shop (ขโมยเส้ือผา้ จากร้านคา้ )
steal a wallet (ขโมยกระเป๋ าสตางค)์ start a forest fire (จุดไฟป่ า)
จากน้นั ให้นกั เรียนใชว้ ลีเหล่าน้ีพูดบรรยายภาพที่ 2-8 โดยดตู วั อยา่ งภาพที่ 1 เป็นแนวทาง
In picture 2 a teenager is spraying paint on a statue.
In picture 3 a man is trying to steal a car.
In picture 4 a man is driving over the speed limit and hasn’t stopped at a stop sign.
In picture 5 a burglar/man is breaking into a house. He is climbing through the window.
In picture 6 a woman is stealing clothes from a shop.
In picture 7 a man is stealing a man’s wallet from his pocket.
In picture 8 a man is starting a forest fire.
2. หนังสือเรยี น หน้า 45 Ex. 2 ครูอ่านออกเสียงคาศพั ทเ์ ก่ียวกบั อาชญากรรม และใหน้ กั เรียนอ่านตาม
จากน้นั ให้นกั เรียนหาความหมายในพจนานุกรม แลว้ บอกความหมายกบั ครู โดยครูตรวจวา่ นกั เรียน
บอกความหมายถูกตอ้ งหรือไม่
robbery (n) = the crime of stealing money or goods from a bank, shop/store,
person etc., especially using violence (การปลน้ )
car theft (n) = a person who steals cars from another person (โจรขโมยรถยนต)์
shoplifting (n) = the crime of stealing things from shops, for example by hiding
them in a bag or under clothes (การขโมยของจากร้านคา้ )
speeding (n) = the traffic offence of driving faster than the legal limit (การขบั รถ
เร็วกว่าทก่ี ฎหมายกาหนด)
248
vandalism (n) = the crime of destroying or damaging something, especially
public property, deliberately and for no good reason (การทาลาย
ทรพั ยส์ ินโดยเฉพาะของรัฐ)
arson (n) = the crime of deliberately setting fire to something, especially a
building (การลอบวางเพลิง)
burglary (n) = the crime of getting into a building to steal things (การบกุ รุก
เขา้ ไปขโมยของในอาคาร/บา้ น)
picking pockets (n) = the crime of stealing money etc. from other people’s pockets,
especially in crowded places (การลว้ งกระเป๋ า)
จากน้นั ให้นกั เรียนจบั คคู่ าศพั ทก์ บั ภาพ 1-8 เสร็จแลว้ ครูเฉลยคาตอบ
a1 b3 c6 d4 e2
f 8 g5 h7
3. หนงั สือเรียน หน้า 46 Ex. 1 ครูถามนกั เรียนวา่ เคยไดย้ นิ เรื่องตลกเกี่ยวกบั อาชญากรรมหรือไม่ ครูให้
นกั เรียนแบ่งปันประสบการณโ์ ดยเล่าใหเ้ พือ่ นฟัง
4. นกั เรียนอ่านออกเสียงคาศพั ทใ์ นกรอบ Check these words หนงั สือเรียน หนา้ 46 แลว้ ช่วยกนั อธิบาย
ความหมาย ถา้ คาใดนกั เรียนไมร่ ู้ใหเ้ ปิ ดพจนานุกรม
get caught (v) = to become involved in something, often without wanting to
(ถูกจบั )
foolish (adj) = unwise, stupid or not showing good judgment (โงเ่ ขลา,ไม่ฉลาด)
mistake (n) = an action, decision or judgment that produces an unwanted or
unintentional result (ขอ้ ผิดพลาด)
break into (phr v) = to enter a building in order to steal something (บุกรุก)
realise (v) = to understand a situation, sometimes suddenly (เขา้ ใจ, ตระหนกั )
advert (n) = an advertisement (โฆษณา)
competition (n) = a situation in which someone is trying to win something or be
more successful than someone else (การแขง่ ขนั )
freeze (v) = to stop moving suddenly because of fear etc. (หยดุ อยา่ ง
กะทนั หันเน่ืองจากความกลวั หรืออน่ื ๆ)
249
handcuffs (n) = two metal or plastic rings joined by a short chain that lock
around a prisoner’s wrists (กญุ แจมือ)
badge (n) = a small piece of metal worn to show your membership in a group
or your authority within an organisation such as the police
(เข็มกลดั , เครื่องหมาย)
violate (v) = to break or act against something, especially a law, agreement,
principle or something that should be treated with respect (ฝ่าฝืน)
privacy (n) = someone’s right to keep their personal matters and relationships
secret (ความเป็นส่วนตวั )
commit a crime (v) = to do something illegal or something that is considered wrong
(กอ่ อาชญากรรม)
capture (v) = to record somebody/something (เกบ็ ภาพ, จบั ภาพ)
speed (v) = to drive faster than the speed that is legally allowed (ขบั รถเร็ว
เกินกาหนด)
fine (n) = an amount of money that has to be paid as a punishment for not
obeying a rule or law (ค่าปรบั )
5. หนังสือเรยี น หน้า 46 Ex. 2 ครูให้นกั เรียนอ่านหัวขอ้ ข่าว 3 หัวขอ้ ท่ีกาหนดให้ แลว้ อธิบายว่า
นกั เรียนจะไดฟ้ ังข่าว 3 ข่าว ครูแนะนาให้นกั เรียนต้งั ใจฟังคาที่เก่ียวขอ้ งกบั หวั ขอ้ ข่าวทีอ่ ่าน เมื่อฟัง
จบให้จบั คู่ขา่ วกบั หัวขอ้ ข่าวที่สัมพนั ธก์ นั เมอ่ื นกั เรียนเขา้ ใจแลว้ ครูเปิ ด CD ให้นกั เรียนฟังเพอ่ื จบั คู่
1C 2A 3B
ข้นั Reading
หนงั สือเรียน หน้า 46 Ex. 3 ครูใหน้ กั เรียนอา่ นคาถามทก่ี าหนดให้ และขีดเส้นใตค้ าสาคญั ในคาถาม
แต่ละขอ้ แลว้ อา่ นบทอา่ นเพ่อื หาเน้ือเร่ืองส่วนทเ่ี กี่ยวขอ้ งกบั คาสาคญั ที่ขดี เสน้ ใตไ้ ว้ จากน้นั ตอบ
คาถามทก่ี าหนดให้ ครูแนะนานกั เรียนว่าหากพบคาทไ่ี ม่รู้ความหมายในระหว่างที่อ่าน ให้ใชก้ ารเดา
ความหมายจากบริบท เม่ือตอบคาถามเสร็จแลว้ ครูให้นกั เรียนช่วยกนั เฉลยคาตอบ
250
1 Cleopatra was famous for keeping her good looks by bathing in milk.
2 Because she wanted to have good looks by bathing in milk, just like Cleopatra.
3 She felt disappointed when she discovered that the camel was male and so she
couldn’t get any milk from it.
4 The couple went to the shop to rob it.
5 The man who visited them was a police detective.
6 He found them because the woman put her address on a competition entry form
she filled in while her husband was robbing the shop.
7 Some people feel that street cameras invade their privacy, but other people think
that these cameras stop criminals and help the police.
8 The man in the car was speeding.
9 The police sent the man a photograph of a pair of handcuffs.
10 The first text is about a theft, the second text is about a robbery and the third
text is about speeding.
Background information
คลีโอพตั รา (Cleopatra) เป็นราชินีแห่งอยี ปิ ต์ ปกครองอียปิ ตร์ ่วมกบั พระบดิ า ทอเลมีท่ี 12
ออเลติส ต่อมาไดค้ รองราชยร์ ่วมกบั พระอนุชาอกี สองพระองค์ ไดแ้ ก่ ทอเลมีท่ี 13 และ
ทอเลมที ่ี 14 หลงั จากน้นั ไดข้ ้ึนเป็นกษตั ริยป์ กครองอยี ิปตแ์ ต่เพียงผูเ้ ดียว คลโี อพตั รา
แตง่ งานกบั จูเลยี ส ซีซาร์ และมีพระโอรสนามว่า ซีซาเรียน หลงั จากทีจ่ ูเลยี ส ซีซาร์ ถูก
ลอบสังหารพระนางไดส้ มรสกบั มาร์ค แอนโทนี และมีบตุ รดว้ ยกนั อกี 3 คน หลงั จากที่
พา่ ยแพส้ งครามท่ีอา่ วแอคติอุม พระนางตดั สินใจฆา่ ตวั ตายโดยการใชง้ พู ษิ ปลิดชีพ
พระองคเ์ อง ความงามของพระนางคลีโอพตั ราเป็นท่กี ลา่ วขานท้งั ในสมยั โบราณและใน
ปัจจุบนั และเช่ือกนั ว่าผิวพรรณอนั เปล่งปลง่ั ของพระนางมาจากการอาบน้านมของอูฐ
ทม่ี า: https://th.wikipedia.org/wiki/คลีโอพัตรา
251
ข้นั Post-reading
1. THINK! หนังสือเรยี น หน้า 47 ครูให้นกั เรียนทางานคู่ ร่วมกนั ตดั สินว่าเร่ืองทอ่ี า่ นในหนา้ 46 เร่ืองใด
ตลกทสี่ ุด โดยเขียนอธิบายเหตผุ ล แลว้ ครูสุ่มถามความคิดเห็นของนกั เรียน 3-4 คู่
I think that the story about the camel is the funniest because the woman really
believed that she could look like Cleopatra if she bathed in milk. Also, it must be
very difficult to steal a camel from a zoo and take it to your home.
I think that the story about the robbers is the funniest because if the woman
hadn’t filled out the competition entry form, the police wouldn’t have found them
that fast.
I think that the story about the speeding driver is the funniest because the man’s
joke was very good. Then the police made an even better joke when they sent him
a photograph of a pair of handcuffs.
2. ครูให้นกั เรียนแตล่ ะคู่ต้งั ชื่อเร่ืองใหม่ใหก้ บั เร่ืองทอี่ ่านท้งั 3 เร่ือง ในหนา้ 46 จากน้นั ให้แต่ละคเู่ สนอ
ชื่อเรื่อง และครูเขยี นบนกระดาน แลว้ ให้นกั เรียนในช้นั ร่วมกนั ตดั สินใจเลือกช่ือที่คดิ ว่าน่าสนใจ
ท่สี ุด
A – Camel Confusion
B – A Prize Fool
C – Speeding is No Joke
3. ครูถามนกั เรียนว่า อาชญากรรมแบบใดท่ีนกั เรียนคดิ วา่ เกิดข้ึนบ่อยที่สุด และอาชญากรรมแบบใดท่ี
นกั เรียนคิดว่ามีโอกาสเกิดข้นึ กบั ตนเอง เพราะเหตุใด (I think burglary always happens. I think
picking pockets can happen to me because I like going shopping at the place has lots of people.)
4. นกั เรียนทา Language Review 4a Exs. 1-2 ในหนงั สือเรียน หนา้ 108 ร่วมกนั ในช้นั
5. แบบฝึกหดั (Workbook) หนา้ 28 Exs. 1-3 ให้นกั เรียนทาเป็นการบา้ น
252
ชั่วโมงที่ 2
ข้นั Warm up
ครูถามนกั เรียนวา่ ใครเคยมีประสบกาณเ์ กี่ยวกบั อาชญากรรม หรือรู้จกั คนท่เี คยประสบอาชญากรรม
บา้ ง ใหน้ กั เรียนเลา่ ให้เพ่อื นในช้นั ฟัง
ข้นั Presentation
1. ครูทบทวนคาศพั ทเ์ กี่ยวกบั อาชญากรรม ไดแ้ ก่ robbery, car theft, shoplifting, speeding, vandalism,
arson, burglary, picking pockets โดยนาภาพอาชญากรรมรูปแบบต่าง ๆ มาแสดง และใหน้ กั เรียน
บอกคาศพั ท์ จากน้นั ครูสอนคาศพั ทเ์ พม่ิ เตมิ คอื คาวา่ mugging และ kidnapping
mugging (n) = the crime of attacking somebody violently, or threatening to do so, in
order to steal their money, especially in a public place (การทาร้ายเพอื่
ปลน้ ทรัพยใ์ นทสี่ าธารณะ)
kidnapping (n) = the crime of taking somebody away illegally and keeping them as a
prisoner, especially in order to get money or something else for
returning them (การลกั พาตวั )
2. ครูนาเสนอคาศพั ทเ์ ก่ียวกบั ผกู้ ระทาอาชญากรรมโดยเขียนคาศพั ทบ์ นกระดาน และอ่านออกเสียง
ใหน้ กั เรียนอา่ นตาม
burglar mugger shoplifter
arsonist kidnapper thief
pickpocket robber vandal
จากน้นั ครูบอกคาจากดั ความทลี ะคา ให้นกั เรียนบอกคาศพั ทบ์ นกระดานทส่ี มั พนั ธ์กนั
• a person who sets fire to buildings/forests etc. on purpose (arsonist)
• a person who takes someone by force and doesn’t release them until a ransom is paid
(kidnapper)
• a person who breaks into a building or a house in order to steal things (burglar)
• a person who steals things out of pockets or bags, especially in a crowd (pickpocket)
• a person who threatens or attacks somebody in order to steal their money, especially in
a public place (mugger)
• a person who steals things from a shop by leaving without paying for them (shoplifter)
253
• a person who deliberately destroys or damages public property (vandal)
• a person who steals something from another person or place (thief)
• a person who steals from a person or place, especially using violence or threats
(robber)
3. ครูนาเสนอคากริยาที่เกี่ยวขอ้ งกบั อาชญากรรม ไดแ้ ก่ arrest, rob, attract, mug, kidnap, break, find,
accuse, sentence โดยเขียนคาศพั ทบ์ นกระดาน และยกตวั อยา่ งประโยค เพือ่ ใหน้ กั เรียนช่วยกนั เดา
ความหมาย ถา้ นกั เรียนยงั เดาไม่ได้ ให้เปิ ดหาความหมายในพจนานุกรม
arrest (v) = to take someone to a police station and kept there because the police
believe they may be guilty of a crime (จบั กุม)
e.g. The police arrested her for drinking and driving.
rob (v) = to steal money or property from a person, bank etc. (ปลน้ )
e.g. The bank was robbed yesterday.
attract (v) = to make someone interested in something (ดึงดดู ความสนใจ)
e.g. That ring is very beautiful. It attracts me.
mug (v) = to attack somebody violently in order to steal their money, especially in a
public place (ทาร้ายเพอ่ื ชิงทรัพย)์
e.g. She was mugged in the street in broad daylight.
kidnap (v) = to take somebody away illegally and keep them as a prisoner, especially
in order to get money or something else for returning them (ลกั พาตวั )
e.g. Two businessmen have been kidnapped by terrorists.
break (v) = to do something that is against the law (ฝ่าฝืน, ละเมดิ )
e.g. They’re breaking the law by
find (v) = to make an official decision in a court of law (ตดั สิน)
e.g. The court found him guilty/not guilty of the murder.
accuse (v) = to say that somebody has done something wrong or is guilty of
something (กล่าวโทษ, กลา่ วหา)
e.g. “It wasn’t my fault.” “Don’t worry, I’m not accusing you.”
sentence (v) = to say officially in court that somebody is to receive a particular
punishment (พพิ ากษา)
e.g. He was sentenced to three years in prison.
254
4. ครูเขียนตารางบนกระดานตามน้ี และใหน้ กั เรียนลอกลงในสมุดของตนเอง
Crime Criminal Crime verbs
pickpocket burglar
mugger steal
shoplifter pickpocket
arsonist vandalise
kidnapper
thief
pickpocket
robber
vandal
ครูอธิบายว่า ช่องแรกเป็นคาศพั ท์เกี่ยวกบั อาชญากรรม ช่องที่ 2 เป็นคาศพั ทเ์ ก่ียวกบั ผกู้ ระทา
อาชญากรรม และช่องที่ 3 เป็นคากริยาเกี่ยวกบั อาชญากรรม จากน้นั ใหน้ กั เรียนทางานคู่ เตมิ คาลงใน
ตารางใหถ้ ูกตอ้ ง โดยครูเติมคาศพั ทแ์ ถวแรกใหด้ ูเป็นตวั อยา่ ง และแนะนานกั เรียนว่าสามารถเปิ ด
พจนานุกรมได้
burglary burglar burgle
เม่อื นกั เรียนเตมิ คาเสร็จแลว้ ครูสุ่มเรียกนกั เรียนออกมาเติมคาลงในตารางบนกระดาน แลว้ ครูตรวจ
ความถูกตอ้ ง จากน้นั ใหน้ กั เรียนอา่ นออกเสียงคาศพั ทใ์ นตารางพร้อมกนั
Crime Criminal Crime verbs
burglar burglary burgle
mugger mugging mug
shoplifter shoplifting shoplift
arsonist arson
kidnapper kidnapping kidnap
thief steal
pickpocket theft pickpocket
robber pickpocket rob
vandal robbery vandalise
vandalism
255
ข้นั Practice
1. หนังสือเรียน หน้า 47 Ex. 4 นกั เรียนอ่านประโยคและเตมิ คากริยาท่กี าหนดใหล้ งในประโยคให้
ถกู ตอ้ ง เสร็จแลว้ ครูขออสาสมคั รบอกคาตอบ และครูเฉลยคาตอบท่ีถกู ตอ้ ง
1 took 2 accused 3 caught
4 arrested, stealing 5 attracts 6 broke, put
7 mugged 8 kidnapped 9 robbed
10 found, sentenced
2. หนงั สือเรียน หน้า 47 Ex. 5 นกั เรียนอ่านคาศพั ทเ์ ก่ียวกบั ผกู้ ระทาอาชญากรรมที่กาหนดให้ พร้อมท้งั
บอกความหมาย จากน้นั ใหน้ กั เรียนอา่ นหวั ขอ้ ขา่ วทลี ะหวั ขอ้ และช่วยกนั บอกคาที่จะนามาเติมลงใน
ช่องว่าง
1 Burglar 2 vandal 3 Mugger
4 kidnapper 5 robber 6 thief
3. หนงั สือเรียน หน้า 47 Ex. 6 ครูอธิบายวา่ นกั เรียนจะไดฟ้ ัง John ซ่ึงเป็นพยานผูเ้ ห็นเหตกุ ารณ์เลา่ ถึง
อุบตั ิเหตทุ เ่ี กิดข้ึน แลว้ ครูใหน้ กั เรียนดูภาพ A-D และบอกคาศพั ทท์ ีเ่ ก่ียวขอ้ งกบั แตล่ ะภาพให้ไดม้ าก
ที่สุด (e.g. A - bus, car, crash; B - hit, seat; C - bus, people, get on; D - jeep, man, help) จากน้นั ให้
นกั เรียนลองเรียงภาพตามลาดบั เหตุการณ์ท่คี ดิ ว่าน่าจะเกิดข้ึน
ต่อมาครูเปิ ด CD ใหน้ กั เรียนฟัง 1-2 คร้งั เพื่อเรียงลาดบั ภาพให้ถูกตอ้ ง เสร็จแลว้ ครูรวบรวมคาตอบ
จากนกั เรียน และเฉลยคาตอบ ครูสารวจวา่ มนี กั เรียนกี่คนทส่ี ามารถเรียงลาดบั ภาพไดถ้ ูกตอ้ งต้งั แต่
ก่อนการฟัง CD และนกั เรียนกี่คนท่ีเรียงลาดบั ภาพถูกตอ้ งหลงั จากฟัง CD แลว้
1C 2A 3B 4D
256
จากน้นั ครูใหน้ กั เรียนจบั คู่กบั เพ่ือน ผลดั กนั เลา่ อบุ ตั ิเหตุจากเร่ืองทีฟ่ ังใหค้ ู่ของตนเองฟัง
John was waiting for the bus to come. When the bus arrived, he and a few
passengers got on it. Suddenly, a jeep hit the back of the bus. John bumped his
head on the seat in front of him. Then, John got off the bus and helped the driver
out of his jeep.
กจิ กรรมสร้างเสริม สาหรบั ช้นั เรียนเดก็ ออ่ น ครูช่วยเหลอื นกั เรียนดว้ ยการเขียน
วลสี าคญั เพอ่ื ใชใ้ นการเล่าเร่ืองบนกระดาน ดงั น้ี
waiting for the bus bus arrived got on it
jeep hit back of the bus John bumped head he got off the bus
helped driver out of the jeep
ข้นั Production
1. หนังสือเรยี น หน้า 47 Ex. 7 ครูให้นกั เรียนสมมติวา่ ตนเองเป็น John จากกิจกรรมการฟัง Ex. 6 และ
เขยี นอีเมลถึงเพือ่ นเล่าเก่ียวกบั อุบตั ิเหตทุ ่ีเกิดข้นึ โดยใชโ้ ครงร่างท่ใี ห้มาเป็นแนวทางในการเขยี น
Dear Peter,
You won’t believe what happened to me. I was standing at the bus stop when the
bus arrived. A few passengers got on the bus. Suddenly, a jeep hit the back of the
bus. Some passengers fell over on each other and I bumped my head on the seat
in front of me. Then, I got off the bus. I wanted to help the driver of the jeep get
out of his vehicle. Luckily, he wasn’t hurt. Someone called an ambulance and the
police. Everyone was alright. What a morning!
John
257
2. ครูให้นกั เรียนอภิปรายร่วมกนั ว่า ถา้ นกั เรียนเป็นพยานผเู้ ห็นเหตุการณ์อบุ ตั เิ หตุ นกั เรียนควรทา
อยา่ งไร เช่น ถา้ มผี ไู้ ดร้ บั บาดเจ็บควรสอบถามอาการ ในกรณีท่ีบาดเจ็บร้ายแรงไมค่ วรเคลื่อนยา้ ย
ผบู้ าดเจ็บ พยายามจดจาป้ายทะเบียน ยีห่ อ้ สีของรถ เพอื่ แจง้ แก่เจา้ หนา้ ที่ เป็นตน้
กิจกรรมเพิ่มเติม
ครูให้นกั เรียนเตรียมข่าวอบุ ตั ิเหตสุ ้นั ๆ มาอา่ นให้เพ่ือนฟังกอ่ นเร่ิมบทเรียนทุกชวั่ โมงของหน่วย
การเรียนรู้ท่ี 4 น้ี โดยครูให้นกั เรียนออกมาอ่านขา่ วคร้งั ละ 3-4 คน หลงั จากฟังขา่ วจบแลว้ ครูถาม
นกั เรียนในช้นั วา่ What accident is it about? Where did the accident happen?
3. แบบฝึกหดั (Workbook) หนา้ 29 Exs. 4-10 ให้นกั เรียนทาเป็นการบา้ น
7. การวดั และการประเมนิ ผล เครื่องมือ เกณฑ์การผ่าน
แบบฝึกหดั (Workbook) ร้อยละ 60
วธิ ีการวดั
ตรวจการตอบคาถามจากการอ่านและ แบบสังเกตพฤติกรรมการเรียนรู้ ระดบั คณุ ภาพ พอใช้
การฟัง
สงั เกตการพดู แสดงความคิดเห็น แบบประเมนิ การเขยี น ระดบั คุณภาพ พอใช้
เกี่ยวกบั อาชญากรรม
ประเมนิ การเขยี นอเี มลเล่าเก่ียวกบั แบบประเมินคุณลกั ษณะ ระดบั คุณภาพ ผ่าน
อุบตั ิเหตุทีเ่ กิดข้นึ อนั พึงประสงค์
สังเกตความใฝ่เรียนรู้และความมงุ่ มน่ั
ในการทางาน
8. สื่อ/แหล่งการเรียนรู้
1) หนงั สือเรียน SPARK 3 ม. 3
2) Class Audio CDs ประกอบส่ือฯ ชุด SPARK 3 ม. 3
3) แบบฝึกหัด SPARK 3 ม. 3
4) พจนานุกรมองั กฤษ-องั กฤษ
5) พจนานุกรมออนไลน์
6) ภาพอาชญากรรมตา่ ง ๆ
258
2 Grammar 4b
2 ชั่วโมง
จุดประสงค์การเรยี นรู้
- พูดและเขียนโดยใช้ Past perfect และ Past perfect continuous ไดถ้ กู ตอ้ ง
- พูดและเขยี นโดยใช้ adjectives และ adverbs ไดถ้ กู ตอ้ ง
1. สาระ มาตรฐานการเรยี นรู้/ตัวชี้วดั
สาระท่ี 1 ภาษาเพอ่ื การสื่อสาร
มาตรฐาน ต 1.3 นาเสนอข้อมลู ข่าวสาร ความคิดรวบยอด และความคดิ เห็นในเร่ืองต่าง ๆ โดยการพูด
และการเขยี น
ตวั ช้ีวดั
ต 1.3 ม. 3/1 พูดและเขียนบรรยายเก่ียวกบั ตนเอง ประสบการณ์ ขา่ ว/เหตุการณ์/เรื่อง/ประเดน็
ต่าง ๆ ท่อี ยใู่ นความสนใจของสงั คม
สาระท่ี 2 ภาษาและวัฒนธรรม
มาตรฐาน ต 2.2 เข้าใจความเหมือนและความแตกต่างระหว่างภาษาและวฒั นธรรมของเจ้าของภาษา
กับภาษาและวฒั นธรรมไทย และนามาใช้อย่างถกู ต้องและเหมาะสม
ตวั ช้ีวดั
ต 2.2 ม. 3/1 เปรียบเทียบและอธิบายความเหมอื นและความแตกตา่ งระหวา่ งการออกเสียงประโยค
ชนิดต่าง ๆ และการลาดบั คาตามโครงสร้างประโยคของภาษาตา่ งประเทศและ
ภาษาไทย
2. สาระสาคญั /ความคิดรวบยอด
การเรียนรู้และเขา้ ใจโครงสร้างภาษา (Past perfect, Past perfect continuous, order of adjectives,
adjectives: -ing/ed, adverbs) ช่วยใหส้ ามารถพูดและเขยี นเก่ียวกบั ตนเองและบุคคลใกลต้ วั ได้
259
3. สาระการเรียนรู้
3.1 ทักษะเฉพาะวิชา
1) Language Features and Functions
Grammar: Past perfect
Past perfect continuous
Order of adjectives
Adjectives: -ing/-ed endings
Adverbs
2) Language Skills
Writing: เขยี นประโยคเกี่ยวกบั ตนเองและบุคคลใกลต้ วั ตามโครงสร้างทเี่ รียน
4. สมรรถนะสาคญั ของผ้เู รยี น
1) ความสามารถในการส่ือสาร
2) ความสามารถในการคดิ
5. คุณลักษณะอันพงึ ประสงค์
- ใฝ่เรียนรู้
6. กจิ กรรมการเรียนรู้
ช่ัวโมงที่ 1
ข้นั Warm up
ครูถามนกั เรียนวา่ เม่อื กลา่ วถงึ เหตกุ ารณ์ที่เกิดข้นึ และจบไปแลว้ ในอดีตเราจะใช้ tense อะไร (Past
simple) จากน้นั ครูบอกนกั เรียนว่า ชวั่ โมงน้ีนกั เรียนจะไดเ้ รียนรู้ Past perfect และ Past perfect
continuous ซ่ึงสามารถใชค้ กู่ บั Past simple ได้
ข้นั Presentation
1. ครูนาเสนอ Past perfect โดยเขียนประโยคตอ่ ไปน้ีบนกระดาน
What had Kim done by 8 am this morning?
She had made her bed, but she hadn’t eaten breakfast.
260
ครูบอกนกั เรียนวา่ ประโยคเหลา่ น้ีอยใู่ นรูป Past perfect และใหน้ กั เรียนสงั เกตคากริยาและบอก
โครงสร้างของประโยคบอกเล่า ประโยคปฏิเสธ และประโยคคาถาม
ประโยคบอกเล่า: had + กริยาช่องท่ี 3
ประโยคปฏิเสธ: had + not + กริยาช่องท่ี 3
ประโยคคาถาม: had + subject + กริยาช่องท่ี 3
ต่อมาครูเขียนประโยคต่อไปน้ีบนกระดาน
7:00 I ate dinner.
9:00 She invited me to a restaurant.
ครูถามนกั เรียนวา่ เหตกุ ารณใ์ ดเกิดข้นึ กอ่ น (I ate dinner.) แลว้ ครูเขียนประโยคตอ่ ไปน้ีบนกระดาน
She invited me to a restaurant but I had eaten dinner.
ครูให้นกั เรียนช่วยกนั บอกความหมายของประโยค แลว้ ระบุวา่ ประโยคน้ีมี tenses อะไรบา้ ง (Past
simple and Past perfect) จากน้นั ครูอธิบายให้ฟังวา่ Past perfect ใช้เม่อื กลา่ วถงึ เหตกุ ารณ์ที่สิ้นสุดไป
แลว้ ในอดีต ซ่ึงเกิดข้ึนกอ่ นอกี เหตกุ ารณห์ น่ึงในอดีต โดยเหตกุ ารณท์ ีเ่ กิดข้นึ ทีหลงั จะใช้ Past simple
แลว้ ครูยกตวั อยา่ งให้นกั เรียนดูอีกหลาย ๆ ประโยค เพ่ือให้นกั เรียนระบคุ า/วลบี ่งบอกเวลา (time
expressions) ท่มี กั ใชร้ ่วมกบั Past perfect เช่น
I had cleaned my room before my friends arrived.
By the time we arrived, they had gone.
After he had tied his shoes, he left the house.
He didn’t leave until he had talked with the boss.
When she arrived, the match had already started.
My teacher asked me for my project, but I had not finished it yet.
สุดทา้ ยครูใหน้ กั เรียนช่วยกนั อธิบายความหมายของประโยคตวั อยา่ งบนกระดาน
2. หนงั สือเรียน หน้า 48 Ex. 1 ครูให้นกั เรียนศกึ ษา Past perfect ในกรอบ เพือ่ ทบทวนความเขา้ ใจ แลว้
ใหน้ กั เรียนอภปิ รายร่วมกนั ว่า ในภาษาไทยมโี ครงสร้างประโยคเช่นน้ีหรือไม่ จากน้นั ให้นกั เรียนหา
ตวั อยา่ ง Past perfect ในบทอ่าน หนา้ 46
she had stolen
261
3. ครูนาเสนอ Past perfect continuous โดยเขยี นประโยคตอ่ ไปน้ีบนกระดาน
You had been waiting there for more than two hours when she finally arrived.
Had you been waiting there for more than two hours when she finally arrived?
You had not been waiting there for more than two hours when she finally arrived.
ครูบอกนกั เรียนว่า ประโยคเหล่าน้ีอยใู่ นรูป Past perfect continuous และใหน้ กั เรียนสงั เกตคากริยา
และบอกโครงสร้างของประโยคบอกเล่า ประโยคปฏเิ สธ และประโยคคาถาม
ประโยคบอกเลา่ : had + been + คากริยาเตมิ -ing
ประโยคปฏิเสธ: had + not + been + คากริยาเตมิ -ing
ประโยคคาถาม: had + subject + been + คากริยาเตมิ -ing
ครูอธิบายว่า Past perfect continuous ใชก้ ลา่ วถงึ เหตุการณ์ท่ีเกิดข้ึนมาเป็นระยะเวลาหน่ึง แลว้ มอี กี
เหตุการณ์หน่ึงเกิดแทรก ซ่ึงเหตกุ ารณ์ทเี่ กิดข้นึ กอ่ นจะใช้ Past perfect continuous ส่วนเหตกุ ารณท์ ี่
เกิดแทรกจะใช้ Past simple แลว้ ครูให้นกั เรียนช่วยกนั อธิบายความหมายของประโยคตวั อยา่ งบน
กระดาน
ตอ่ มาครูเขียนประโยคตอ่ ไปน้ีบนกระดาน
a. The telephone had rung for ten minutes before it was answered.
b. The telephone had been ringing for ten minutes before it was answered.
ครูให้นกั เรียนระบุว่าแต่ละประโยคอยใู่ นรูป tense ใด แลว้ ครูอธิบายความหมายของประโยคท้งั สอง
เพ่อื ให้นกั เรียนเห็นความแตกต่าง
a. โทรศพั ทด์ งั เป็นเวลา 10 นาที กอ่ นจะมผี มู้ ารบั (had rung = Past perfect)
b. โทรศพั ทด์ งั ต่อเน่ืองมาเป็นเวลา 10 นาที กอ่ นจะมีผูม้ ารบั (had been ringing = Past
perfect continuous)
ครูช้ีให้นกั เรียนเห็นวา่ Past perfect continuous จะเนน้ ให้เห็นถึงความตอ่ เนื่องของระยะเวลามากกว่า
Past perfect
4. หนังสือเรียน หน้า 48 Ex. 3 ครูให้นกั เรียนศึกษา Past perfect continuous ในกรอบ เพอื่ ทบทวนความ
เขา้ ใจ แลว้ ให้นกั เรียนบอกความหมายของประโยค He was tired because he had been jogging all
morning. เป็นภาษาไทย
ข้นั Practice
1. หนังสือเรยี น หน้า 48 Ex. 2 นกั เรียนฝึกฝน Past perfect โดยเปลี่ยนคากริยาในวงเล็บใหอ้ ยใู่ นรูป
Past perfect เสร็จแลว้ ครูสุ่มเรียกนกั เรียนอา่ นประโยค และครูตรวจคาตอบ
262
1 had tidied 2 had disappeared 3 had gone
4 had left 5 hadn’t taken
2. หนังสือเรียน หน้า 48 Ex. 4 นกั เรียนฝึกฝน Past perfect continuous โดยเตมิ ประโยคให้สมบรู ณ์ดว้ ย
คาทใี่ ห้มาในวงเล็บ ซ่ึงตอ้ งเปลี่ยนคากริยาใหอ้ ย่ใู นรูป Past perfect continuous ครูทาขอ้ 1 ร่วมกบั
นกั เรียนเป็นตวั อยา่ ง และย้าวา่ นกั เรียนตอ้ งเพม่ิ คาวา่ for หนา้ ระยะเวลา จากน้นั ให้นกั เรียนทาขอ้ ที่
เหลอื ดว้ ยตนเอง เสร็จแลว้ ครูสุ่มเรียกนกั เรียนอ่านประโยค และครูตรวจคาตอบ
1 had been working on his computer for five hours
2 had been sleeping for an hour
3 had you been walking
4 had been talking on the phone for an hour
5 had been waiting for 30 minutes
3. หนงั สือเรียน หน้า 48 Ex. 5 ครูให้นกั เรียนช่วยกนั ระบุวา่ แต่ละประโยคน่าจะอยใู่ นรูป tense ใด
พร้อมท้งั อธิบายเหตุผลประกอบดว้ ย จากน้นั ให้นกั เรียนเปลยี่ นคากริยาในวงเลบ็ ใหถ้ ูกตอ้ งตาม
tense เสร็จแลว้ ครูใหน้ กั เรียนอา่ นประโยคพร้อมกนั และครูตรวจคาตอบ
1 had already cooked 2 had been studying
3 had disappeared 4 had been calling
5 was driving 6 had switched
4. หนังสือเรียน หน้า 49 Ex. 6 ครูใหน้ กั เรียนเขียนเตมิ ประโยคท่ใี หม้ าให้สมบรู ณ์ โดยใช้ Past perfect
หรือ Past perfect continuous เสร็จแลว้ ครูรวบรวมคาตอบจากนกั เรียนหลาย ๆ คน
263
1 ... he had been working hard all day.
2 ... the bus arrived.
3 ... had dinner ... he asked her to eat out.
4 ... it was dark.
5 ... she had won a competition.
ข้นั Production
1. ให้นกั เรียนแตง่ ประโยคเก่ียวกบั ตนเองโดยใช้ Past perfect ร่วมกบั Past simple มา 3 ประโยค และ
แตง่ ประโยคเก่ียวกบั สมาชิกในครอบครัวหรือเพื่อนโดยใช้ Past perfect continuous ร่วมกบั Past
simple มา 3 ประโยค
By the time I got home, my mum had already cooked dinner.
When I arrived, the train had already left.
I had done my homework before I play computer games.
When my dad got home, my sister had been sleeping for two hours.
Ben had been waiting for the train for an hour before it arrived.
My mum had been reading for an hour when the phone rang.
2. แบบฝึกหดั (Workbook) หนา้ 30 Exs. 1-2 ให้นกั เรียนทาเป็นการบา้ น
ช่ัวโมงท่ี 2
ข้นั Warm up
ครูทบทวน adjective และตาแหน่งของ adjective โดยเขียนประโยคต่อไปน้ีบนกระดาน
This pencil is short. Her hair is long.
The dog is cute. My brother is thin.
264
ครูให้นกั เรียนระบุ adjective ในแตล่ ะประโยค และครูขีดเส้นใต้ แลว้ ถามนกั เรียนว่า adjective ทา
หนา้ ทีอ่ ะไรในประโยค (ขยายคานาม)
ตอ่ มาครูเขยี นประโยค That is a fat cat. และ The cat is fat. บนกระดาน ให้นกั เรียนระบตุ าแหน่ง
ของ adjective (หนา้ คานาม และหลงั verb to be)
ข้นั Presentation
1. ครูเขียนตารางตอ่ ไปน้ีบนกระดาน
Noun
a nice small old round brown French wooden box
ครูอธิบายวา่ คานาม 1 คา สามารถมี adjective เป็นคาขยายไดห้ ลายคา แต่ตอ้ งเรียงลาดบั adjective
ใหถ้ ูกตอ้ ง ครูให้นกั เรียนดูการเรียงลาดบั adjective ท่ถี ูกตอ้ งในตาราง แลว้ ใหน้ กั เรียนช่วยกนั ระบุ
ชนิดของ adjective แตล่ ะคา โดยครูเขียนคาตอบลงในตาราง
Opinion Size Age Shape Colour Origin Material Noun
a nice small old round brown French wooden box
จากน้นั ครูกาหนดคานาม และให้นกั เรียนช่วยกนั บอก adjective 3 คา ที่สามารถขยายคานามดงั กลา่ ว
ได้ โดยเรียงลาดบั adjective ให้ถกู ตอ้ ง เช่น
T: a T-shirt
S1: a pink T-shirt
S2: a small pink T-shirt
S3: a small pink cotton T-shirt
2. ครูนาเสนอ adjectives ที่ลงทา้ ยดว้ ย -ing และ -ed โดยยกตวั อยา่ งประโยคตอ่ ไปน้ีบนกระดาน
I’m interested in this book. (ฉนั รู้สึกสนใจหนงั สือเลม่ น้ี)
This book is interesting. (หนงั สือเล่มน้ีน่าสนใจ)
ครูให้นกั เรียนช่วยกนั แปลความหมายของท้งั 2 ประโยคน้ี แลว้ ครูอธิบายวา่ adjectives ทลี่ งทา้ ยดว้ ย
-ing ใชแ้ สดงว่าบางส่ิงมลี กั ษณะอยา่ งไร โดยมกั จะแปลว่า น่า... เช่น boring (น่าเบ่ือ) ส่วน adjectives
ทลี่ งทา้ ยดว้ ย -ed ใชแ้ สดงว่าเรารู้สึกกบั บางส่ิงอย่างไร โดยมกั จะแปลว่า รู้สึก… เช่น bored (รู้สึก
เบอ่ื ) จากน้นั ครูยกตวั อยา่ งเพมิ่ เติม
The game was exciting.
We were excited.
265
3. หนงั สือเรยี น หน้า 49 ครูให้นกั เรียนศกึ ษาการเรียงลาดบั adjectives และการใช้ adjectives ท่ลี งทา้ ย
ดว้ ย -ing และ -ed ในกรอบ เพ่อื ทบทวนความเขา้ ใจ
4. ครูเขยี นประโยคตอ่ ไปน้ีบนกระดาน
He speaks slowly. (How does he speak?)
They looked everywhere. (Where did they look?)
I want it now. (When do I want it?)
We sometimes watch a film. (How often do we watch a film?)
Mary is very beautiful. (To what degree is Mary beautiful?)
ครูให้นกั เรียนระบุ adverb ในแตล่ ะประโยค และบอกว่าเป็น adverb ชนิดใด (slowly - Adverbs of
manner; everywhere - Adverbs of place; now - Adverbs of time; sometimes - Adverbs of
frequency; very - Adverbs of degree) โดยครูเขยี นคาต่อไปน้ีบนกระดาน เพ่อื ช่วยนกั เรียนในการ
ตอบ
Adverbs of manner Adverbs of degree Adverbs of place
Adverbs of time Adverbs of frequency
ตอ่ มาครูถามนกั เรียนวา่ adverbs ทาหนา้ ทอ่ี ะไรในประโยค He speaks slowly. (ขยายคากริยา speak)
แลว้ ครูเขียนประโยคน้ีตอ่ ไปน้ีบนกระดาน
She is really beautiful.
She drives incredibly slowly.
ครูบอกนกั เรียนวา่ นอกจาก adverb จะทาหนา้ ทีข่ ยายคากริยาแลว้ ยงั ทาหนา้ ท่ีขยาย adjective และ
adverb คาอืน่ ไดด้ ว้ ย แลว้ ให้นกั เรียนดตู วั อยา่ งประโยคบนกระดาน และระบวุ า่ คาใดเป็น adverbs
และทาหนา้ ทขี่ ยายคาชนิดใด (ประโยคแรก really เป็น adverb ทาหนา้ ที่ขยาย adjective คาว่า
beautiful ประโยคที่ 2 incredibly เป็น adverb ทาหนา้ ทีข่ ยาย adverb คาวา่ slowly)
5. ครูสอนวธิ ีเปลย่ี น adjective ให้เป็น adverb โดยยกตวั อยา่ งบนกระดาน และใหน้ กั เรียนสังเกตวา่ มี
การเปลี่ยนแปลงอยา่ งไรบา้ ง แลว้ ช่วยกนั พดู บอกครู
slow - slowly careful - carefully
simple - simply humble - humbly
angry - angrily happy - happily
จากน้นั ครูสรุปหลกั การเปล่ยี น adjective ให้เป็น adverb
สามารถเติม -ly หลงั adjectives ไดเ้ ลย
adjectives ที่ลงทา้ ยดว้ ย -le ให้ตดั e ออก แลว้ เติม -y
adjectives ท่ีลงทา้ ยดว้ ยพยญั ชนะ + -y ให้ตดั -y ออก แลว้ เติม -ily
266
ครูอธิบายเพิม่ เติมวา่ adjectives บางคา เมือ่ เป็น adverbs จะเปลย่ี นรูปไปจากเดิม เช่น good - well
และ adjectives บางคา มรี ูปเดียวกนั กบั adverbs เช่น hard - hard
6. หนังสือเรยี น หน้า 49 Ex. 9 ครูให้นกั เรียนศึกษา adverbs ในกรอบ แลว้ ช่วยกนั บอกว่าเรานา adverb
ไปใชใ้ นประโยคอยา่ งไร (We put adverbs after the main verb but before the adjective.)
จากน้นั ครูใหน้ กั เรียนหาตวั อยา่ ง adverbs ในบทอ่าน หนา้ 46 (quickly, unfortunately, immediately)
แลว้ ช่วยกนั ยกตวั อยา่ ง adverbs แต่ละชนิดเพิม่ เติม
manner - fast, slowly, messily
degree - extremely, rather
place - here
time - yesterday, today
frequency - usually, sometimes
ข้นั Practice
1. หนงั สือเรียน หน้า 49 Ex. 7 นกั เรียนฝึกเรียงลาดบั adjectives ในแตล่ ะประโยคให้ถกู ตอ้ ง พร้อมท้งั
ระบุว่า adjective แต่ละคาเป็น adjective ชนิดใด เสร็จแลว้ ครูสุ่มเรียกนกั เรียนบอกตอบ
2 wooden3 old2 big1 ➝ big: size, old: age, wooden: material
3 green2 soft1 woollen3 ➝ soft: opinion, green: colour, woollen: material
4 red2 Italian3 small1 ➝ small: size, red: colour, Italian: origin
5 round2 gigantic1 silver3 ➝ gigantic: size, round: shape, silver: colour
6 short1 old3 fat2 ➝ short: size, fat: size, old: age
2. หนงั สือเรยี น หน้า 49 Ex. 8 นกั เรียนอา่ นประโยคและเลือก adjectives ในรูปทีถ่ ูกตอ้ ง จากน้นั ครู
รวบรวมคาตอบจากนกั เรียนหลาย ๆ คน พร้อมท้งั ให้นกั เรียนอธิบายเหตุผลในการตอบ แลว้ ครู เฉลย
คาตอบ
1 exciting 2 interesting 3 thrilled
4 amazing 5 entertaining 6 surprising
267
3. หนงั สือเรยี น หน้า 49 Ex. 10 นกั เรียนเรียงคาทก่ี าหนดให้เป็นประโยคทีถ่ กู ตอ้ ง พร้อมท้งั ระบุชนิด
ของ adverb ในแตล่ ะประโยค เสร็จแลว้ ครูรวบรวมคาตอบจากนกั เรียนหลาย ๆ คน และเฉลยคาตอบ
1 My mum seldom uses the computer. (frequency)
2 He is coming back from Paris on Sunday. (place)
3 This cake is very tasty. (degree)
4 James talks very slowly. (manner)
5 Liam and Fiona are staying at their friend’s house tonight. (time)
ข้นั Production
1. ใหน้ กั เรียนแตง่ ประโยคทม่ี ี adjectives 3 คา มา 5 ประโยค และแต่งประโยคทีม่ ี adverbs of manner,
adverbs of degree, adverbs of place, adverbs of time, adverbs of frequency มาชนิดละ 1 ประโยค
พร้อมท้งั ระบุชนิดของ adjectives และ adverbs ในแตล่ ะประโยคดว้ ย
2. นกั เรียนทา Grammar Bank 4 ในแบบฝึกหัด (Workbook) หนา้ 85 Exs. 1-6 ร่วมกนั ในช้นั
3. แบบฝึกหดั (Workbook) หนา้ 30-31 Exs. 3-9 ให้นกั เรียนทาเป็นการบา้ น
7. การวดั และการประเมนิ ผล เคร่ืองมือ เกณฑ์การผ่าน
สมุดนกั เรียน -
วธิ กี ารวดั
ตรวจการแต่งประโยคเก่ียวกบั ตนเอง แบบประเมินคุณลกั ษณะ ระดบั คุณภาพ ผา่ น
และบุคคลใกลต้ วั ตามโครงสร้างที่ อนั พึงประสงค์
เรียน
สงั เกตความใฝ่เรียนรู้
8. สื่อ/แหล่งการเรียนรู้
1) หนงั สือเรียน SPARK 3 ม. 3
2) แบบฝึกหัด SPARK 3 ม. 3
268
3 Skills 4c
2 ช่ัวโมง
จดุ ประสงค์การเรยี นรู้
- แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกบั เรื่องที่อา่ นได้
- พดู และเขยี นใหค้ าแนะนาเกี่ยวกบั วิธีการเอาชีวิตรอดเมอ่ื หลงป่ าได้
- เขยี นอเี มลเลา่ ประสบการณก์ ารไปเทยี่ วป่ าได้
1. สาระ มาตรฐานการเรยี นรู้/ตัวชีว้ ัด
สาระที่ 1 ภาษาเพอ่ื การสื่อสาร
มาตรฐาน ต 1.2 มีทักษะการสื่อสารทางภาษาในการแลกเปลยี่ นข้อมูลข่าวสาร แสดงความรู้สึกและ
ความคิดเหน็ อย่างมีประสิทธภิ าพ
ตวั ช้ีวดั
ต 1.2 ม. 3/2 ใชค้ าขอร้อง ให้คาแนะนา คาช้ีแจง และคาอธิบายอยา่ งเหมาะสม
ต 1.2 ม. 3/4 พูดและเขียนเพอ่ื ขอและให้ขอ้ มลู อธิบาย เปรียบเทยี บ และแสดงความคดิ เห็น
เกี่ยวกบั เร่ืองที่ฟังหรืออ่านอยา่ งเหมาะสม
มาตรฐาน ต 1.3 นาเสนอข้อมูลข่าวสาร ความคิดรวบยอด และความคิดเหน็ ในเรื่องต่าง ๆ โดยการพดู
และการเขียน
ตวั ช้ีวดั
ต 1.3 ม. 3/1 พดู และเขยี นบรรยายเก่ียวกบั ตนเอง ประสบการณ์ ขา่ ว/เหตกุ ารณ์/เร่ือง/ประเด็น
ตา่ ง ๆ ทอี่ ยใู่ นความสนใจของสังคม
2. สาระสาคญั /ความคดิ รวบยอด
การเรียนรู้เก่ียวกบั ทกั ษะการเดินป่ า ซ่ึงเป็นเร่ืองใกลต้ วั ช่วยใหส้ ามารถนาความรู้ไปใชใ้ นการ
ดาเนินชีวิตไดอ้ ยา่ งปลอดภยั
269
3. สาระการเรียนรู้
3.1 ทักษะเฉพาะวชิ า
1) Language Features and Functions
Vocabulary: Verbs (survive, separate from, rescue)
Nouns (guide, stream, bush, shell, raft, eyelid)
Adjective (transparent)
Adverb (downstream)
Functions: Giving advice about a survival in the jungle
If you have to stay in the jungle overnight, you should find an area that is
covered with thick trees.
If you have to eat insects to survive, make sure that you don’t eat any
brightly-coloured ones as these may be poisonous.
2) Language Skills
Speaking: พดู แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกบั quiz ที่ทา
Writing: เขียนให้คาแนะนาเกี่ยวกบั วิธีการเอาชีวิตรอดเมอื่ หลงป่ า,
เขยี นอเี มลเล่าเก่ียวกบั การไปเที่ยวป่ า
4. สมรรถนะสาคญั ของผ้เู รียน
1) ความสามารถในการส่ือสาร
2) ความสามารถในการคดิ
3) ความสามารถในการใชท้ กั ษะชีวติ
5. คุณลักษณะอันพงึ ประสงค์
1) ใฝ่เรียนรู้
2) มุง่ มน่ั ในการทางาน
270
6. กจิ กรรมการเรียนรู้
ชั่วโมงที่ 1
ข้นั Warm up
ครูถามนกั เรียนวา่ ใครเคยมีประสบการณเ์ ก่ียวกบั การเดินป่ าบา้ ง ถา้ มีนกั เรียนทีม่ ปี ระสบการณ์ ครู
ให้เลา่ ประสบการณ์ให้เพื่อนฟัง แตถ่ า้ นกั เรียนไม่มีประสบการณ์ ครูใหน้ กั เรียนช่วยกนั บอกการ
เตรียมตวั กอ่ นไปเดินทางไกลในวชิ าลกู เสือ
ข้นั Presentation
1. ครูทบทวนประโยคเงื่อนไขแบบที่ 2 ดว้ ยการยกประโยคตวั อยา่ งบนกระดาน และให้นกั เรียนช่วยกนั
บอกโครงสร้างและหลกั การใช้
If I won the lottery, I would buy a car.
If it snowed next July, I would go skiing.
If I were you, I’d eat less meat.
ครูเขียนโครงสร้างประโยคใหน้ กั เรียนดูบนกระดาน
Type 2: if + past simple would + infinitive without to
แลว้ สรุปว่าประโยคเงื่อนไขแบบที่ 2 ใชเ้ มือ่ กล่าวถงึ ส่ิงที่ไม่น่าจะเกิดข้ึนในปัจจบุ นั และอนาคต และ
ใชใ้ นการใหค้ าแนะนา
จากน้นั ครูถามนกั เรียนว่า ประโยคบนกระดานประโยคใดเป็นการใหค้ าแนะนา (If I were you, I’d
eat less meat.) แลว้ ครูให้นกั เรียนช่วยกนั แตง่ ประโยคใหค้ าแนะนาโดยใชโ้ ครงสร้าง If I were you,
… เช่น If I were you, I’d go on that trip.
2. ครูทบทวนสานวนภาษาอื่นทีใ่ ชใ้ นการให้คาแนะนา โดยยกประโยคตวั อยา่ งบนกระดาน
If you have got toothache, you should go to the dentist’s.
You should drink eight glasses of water per day.
If you leave home, make sure that you turn off the lights and computer.
ครูใหน้ กั เรียนอา่ นประโยค และช่วยกนั อธิบายความหมาย จากน้นั ให้นกั เรียนช่วยกนั แตง่ ประโยค
ใหค้ าแนะนาโดยใช้ (if you …,) you should …. และ (If you…,) make sure that you …
271
3. ครูเขยี นคาศพั ทต์ อ่ ไปน้ีบนกระดาน
hiss (v) leaves (n)
rush (v) birds (n)
rustle (v) snakes (n)
sing (v) river (n)
แลว้ ให้นกั เรียนจบั ค่คู ากริยากบั คานามทส่ี ัมพนั ธก์ นั เสร็จแลว้ ครูรวบรวมคาตอบจากนกั เรียน และ
เฉลยคาตอบ (hiss - snakes, rush - river, rustle - leaves, sing - birds)
จากน้นั ให้นกั เรียนอธิบายความหมายของคากริยาบนกระดาน โดยครูช่วยบอกคาจากดั ความ
hiss (v) = to make a noise which sounds like ‘ssss’ (ทาเสียงฟ่ อ)
rush (v) = to flow strongly (ไหลอยา่ งรุนแรง)
rustle (v) = to make a noise as leaves, papers, clothes etc. rub against each other
(ทาให้เกิดเสียงกรอบแกรบ)
sing (v) = (of birds) to make high musical sounds (ร้องเพลง)
4. ครูใหน้ กั เรียนอ่านคาศพั ทใ์ นกรอบ Check these words หนงั สือเรียน หนา้ 50 ซ่ึงนกั เรียนจะพบใน
quiz แลว้ ช่วยกนั อธิบายความหมาย ถา้ ไม่รู้ใหเ้ ปิ ดพจนานุกรม
survive (v) = to continue to live (มีชีวติ อย)ู่
separate from (v) = to move apart; to make people or things move apart (แยกจาก)
guide (n) = a person who shows other people the way to a place, especially
somebody employed to show tourists around interesting places
(มคั คเุ ทศก์)
stream (n) = a small narrow river (ลาธาร)
downstream (adv) = in the direction in which a river flows (ตามกระแสน้า)
bush (n) = a plant that grows thickly with several hard stems coming up from
the root (พุ่มไม)้
rescue (v) = to save somebody/something from a dangerous or harmful
situation (ช่วยชีวิต)
shell (n) = the hard protective covering of an animal such as a snail, mussel
or crab (กระดอง, เปลือกหอย)
raft (n) = a flat structure made of pieces of wood tied together and used as a
boat (แพ)
272
ข้นั Practice
1. หนังสือเรียน หน้า 50 Ex. 1 นกั เรียนดูภาพ พร้อมกบั ฟังเสียงจาก CD และจินตนาการว่าตนเองอยู่
ในป่ า นกั เรียนเห็นและไดย้ นิ อะไรบา้ ง จากน้นั ให้นกั เรียนจบั คู่กบั เพ่อื นผลดั กนั พดู บอกส่ิงทเี่ ห็น
และไดย้ ิน และบอกว่ารู้สึกอยา่ งไร โดยใชว้ ลีท่ีกาหนดให้ แลว้ ครูสุ่มเรียกนกั เรียน 3-4 คน พูดให้
เพ่ือนฟัง
I can see tall trees all around and beautiful plants and flowers. It’s quite noisy
because there are a lot of animals around and I can hear a river rushing. I can hear
birds singing and the leaves rustling on the trees. It’s very hot and I’m sure I heard
snakes hissing quite close to me.
2. หนงั สือเรียน หน้า 50 Ex. 2 ครูอา่ นชื่อ quiz และให้นกั เรียนเดาวา่ quiz น้ีน่าจะเก่ียวกบั อะไร
The quiz is about how to survive if you were lost in the jungle.
ครูให้เวลานกั เรียนทา quiz เสร็จแลว้ ครูรวบรวมคาตอบจากนกั เรียน โดยใหน้ กั เรียนอธิบายเหตผุ ลท่ี
เลือกคาตอบขอ้ น้นั ดว้ ย แลว้ ครูเฉลยคาตอบ ใหน้ กั เรียนนบั คะแนน จากน้นั ครูอธิบายผลคะแนนให้
นกั เรียนฟัง
1 A (Following a river downstream may lead you to people.)
2 B (Snakes don’t like to cross open ground.)
3 C (Brightly-coloured insects tend to be the most poisonous.)
4 B (Glass can be used as a lens to start a fire.)
5 B (Balsa is light and strong and also easy to cut.)
6 A (Trees will give you shelter from the weather.)
273
SCORES
1-2 correct answers: If you want a better chance of surviving in the jungle, you’d
better start learning some survival skills. Don’t go on a jungle safari anytime soon!
3-4 correct answers: I would feel fairly confident if I were you! You know how to
take care of yourself and would probably learn more as you continued spending
time in the jungle. If you get the chance though, you should find out more about
survival skills.
5-6 correct answers: Wow! Were you born in the jungle? If you were ever lost in
one, you’d probably survive without a scratch!
หลงั จากน้นั ครูใหน้ กั เรียนร่วมกนั แสดงความคิดเห็นว่า เห็นดว้ ยกบั ผลคะแนนท่คี รูอธิบายใหฟ้ ัง
หรือไม่
YES. I am confident that I would be pretty good at surviving in the jungle because
I’m not scared of animals and insects. I have been camping a few times with my
friends and I really enjoyed it.
NO. I think that some of the questions are very difficult, especially the one about
which insects are safe to eat. I’m sure that I would survive in the jungle until I was
rescued or managed to find my way out.
ข้นั Production
1. หนังสือเรียน หน้า 50 Ex. 3 นกั เรียนทางานคู่ โดยสมมติว่าตนเองเป็นมคั คเุ ทศก์ ให้นกั เรียน
เขียนให้คาแนะนากบั ลกู ทวั ร์เกี่ยวกบั วธิ ีทาใหม้ ชี ีวิตอยรู่ อดเมื่อหลงป่ า นกั เรียนสามารถใช้
ขอ้ มลู จาก quiz ใน Ex. 2 ได้ เมอื่ เขียนเสร็จแลว้ ครูใหน้ กั เรียน 5-6 คู่ ออกมาอา่ นใหเ้ พ่อื นฟัง
274
If you hear a river or a stream, you should find it and follow it in the direction that
it is flowing. If the river is wide enough to sail a raft, try to find some balsa wood
to make one.
If you have to stay in the jungle overnight, you should find an area that is covered
with thick trees.
You can either sleep in a tree or clear the ground where you are going to sleep to
protect yourself from snakes.
You should try to light a campfire too, to keep any other wild animals away. If you
haven’t got any matches, try to start a fire by using a piece of glass.
If you have to eat insects to survive, make sure that you don’t eat any brightly-
coloured ones as these may be poisonous.
2. ครูสุ่มถามนกั เรียนหลาย ๆ คน เก่ียวกบั วิธีทาให้มชี ีวติ อยรู่ อดเม่อื หลงป่ า เช่น
T: If you get lost in the jungle, what will you do to survive?
S1: I will find a river or a stream and follow it in the direction that it is flowing.
3. นกั เรียนทา Language Review 4c Ex. 3 ในหนงั สือเรียน หนา้ 108 ร่วมกนั ในช้นั
4. แบบฝึกหัด (Workbook) หนา้ 32 Ex. 3 ให้นกั เรียนฟัง CD แลว้ เติมคาลงในช่องวา่ ง
5. แบบฝึกหดั (Workbook) หนา้ 32 Exs. 1-2 ให้นกั เรียนทาเป็นการบา้ น
ช่ัวโมงท่ี 2
ข้นั Warm up
1. ครูให้นกั เรียนอ่านขอ้ มลู ในกรอบ Did you know? หนงั สือเรียน หนา้ 50 โดยครูช่วยอธิบายคาว่า
eyelid (เปลือกตา) และ transparent (ที่โปร่งแสง) แลว้ ให้นกั เรียนอธิบายขอ้ ความน้ีเป็นภาษาไทย
2. ครูใหข้ อ้ มูลเพม่ิ เตมิ เกี่ยวกบั งดู ว้ ยการถามนกั เรียนว่า รู้หรือไมท่ าไมงูจึงแลบลิน้ ใหน้ กั เรียนแสดง
ความคดิ เห็น จากน้นั ครูอธิบายใหน้ กั เรียนฟัง
275
ทาไมงูจงึ แลบลนิ้
แมว้ า่ งูจะมจี มกู ไวตอ่ กลิน่ แต่ก็หายใจชา้ มาก จึงไมส่ ามารถสูดกลิน่ ไดร้ วดเร็ว
พอท่ีจะตดิ ตามกล่นิ เหยื่อได้ งูพฒั นาอวยั วะพเิ ศษที่เรียกว่า ตอ่ มเจคอบสนั ข้ึนเพื่อ
ใชร้ ับกลน่ิ และเน่ืองจากตอ่ มเจคอบสนั น้ีอยลู่ ึกเขา้ ไปในปาก งูจึงตอ้ งแลบล้นิ
ออกมารบั กลิ่นท่ีเหย่ือทง้ิ ไวใ้ นอากาศและพ้นื ดิน แลว้ หดลิ้นกลบั เพอ่ื นากลิ่นน้ี
กลบั ไปยงั ตอ่ มคอบสันอกี คร้งั และเพราะว่างตู วดั ลนิ้ เขา้ ออกรวดเร็วมาก จึง
สามารถตดิ ตามกลนิ่ ของสตั วท์ ี่เคลื่อนทร่ี วดเร็วมาก
ทมี่ า: http://www.ความรู้รอบตัว.com
ข้นั Pre-writing
1. ครูให้นกั เรียนดูโครงร่างอเี มลในหนงั สือเรียน หนา้ 50 Ex. 4 และช่วยกนั บอกส่วนประกอบของ
อีเมลตามทคี่ รูช้ี
คาทกั ทาย
คาลงทา้ ย
ช่ือผสู้ ่ง
2. ครูอธิบายภาระงานในหนงั สือเรียน หนา้ 50 Ex. 4 ว่า นกั เรียนจะไดเ้ ขียนอเี มลถงึ เพอ่ื นเพือ่ เลา่
เกี่ยวกบั การไปเทย่ี วป่ าแบบซาฟารี แลว้ ครูใหน้ กั เรียนคิดและจดบนั ทึกยอ่ ขอ้ มลู ทจี่ ะใชเ้ ขยี นอเี มล
ดงั น้ี where, how long, who you go with, how to travel to the jungle, activities, how you feel
where: India
how long: two weeks
who you go with: my parents and my sister
how to travel to the jungle: by jeep
activities: look at the elephants and the crocodiles, stay overnight in a safari lodge
how you feel: really excited
276
3. เพอื่ ให้นกั เรียนเขา้ ใจและเขียนอีเมลโดยใช้ tense ที่ถกู ตอ้ ง ครูถามว่าเหตุการณท์ ีน่ กั เรียนกาลงั จะ
เขียนเล่าในอีเมลน้นั เกิดและสิ้นสุดไปแลว้ หรือยงั (สิ้นสุดไปแลว้ ) และนกั เรียนจะตอ้ งใช้ tense
อะไรเพ่อื เขยี นเล่าเหตกุ ารณ์เหล่าน้นั (Past simple)
ข้นั Writing
หนังสือเรียน หน้า 50 Ex. 4 ครูใหน้ กั เรียนเขียนอีเมลถึงเพอ่ื นเพือ่ เล่าเกี่ยวกบั การไปเทยี่ วป่ าแบบ
ซาฟารี โดยใชข้ อ้ มลู ที่คิดและจดบนั ทกึ ยอ่ ไว้ ครูแนะนาใหน้ กั เรียนเปล่ยี นชื่อผรู้ ับเป็นชื่อเพอ่ื นสนิท
และเปลย่ี นชื่อผสู้ ่งเป็นช่ือตนเอง
Dear Peter,
I’ve just returned from a jungle safari in India. We were there for two weeks. I
went with my parents and my sister. We travelled into the jungle by jeep. There
was a lot to see in the jungle. I really enjoyed looking at the elephants and the
crocodiles. The most exciting thing was when we stayed overnight in a safari
lodge. I felt really excited.
Take care,
Bob
ข้นั Post-writing
1. ครูใหน้ กั เรียนตรวจทานงานเขยี นของตนเอง โดยดูการสะกดคา ไวยากรณ์ การใชเ้ คร่ืองหมาย
วรรคตอน และปรบั แกง้ านเขยี นเพอ่ื นาส่งครู
2. แบบฝึกหัด (Workbook) หนา้ 33 Ex. 5 ให้นกั เรียนฟัง CD แลว้ เติมคาลงในช่องวา่ ง
3. แบบฝึกหัด (Workbook) หนา้ 33 Ex. 4 ให้นกั เรียนทาเป็นการบา้ น
277
7. การวัดและการประเมนิ ผล
วธิ ีการวดั เครื่องมือ เกณฑ์การผ่าน
ระดบั คณุ ภาพ พอใช้
ประเมนิ การเขียนให้คาแนะนา แบบประเมินการเขียน
ระดบั คุณภาพ พอใช้
เก่ียวกบั วธิ ีการเอาชีวติ รอดเมอ่ื หลงป่ า
ระดบั คณุ ภาพ ผ่าน
ประเมินการเขยี นอเี มลเลา่ เกี่ยวกบั แบบประเมนิ การเขยี น
การไปเที่ยวป่ า
สังเกตความใฝ่เรียนรู้และความมุ่งมน่ั แบบประเมินคุณลกั ษณะ
ในการทางาน อนั พึงประสงค์
8. ส่ือ/แหล่งการเรียนรู้
1) หนงั สือเรียน SPARK 3 ม. 3
2) Class Audio CDs ประกอบสื่อฯ ชุด SPARK 3 ม. 3
3) แบบฝึกหดั SPARK 3 ม. 3
4) พจนานุกรมองั กฤษ-องั กฤษ
5) พจนานุกรมออนไลน์
278
4 Everyday English 4d
2 ช่ัวโมง
จดุ ประสงค์การเรยี นรู้
- อ่านออกเสียงบทสนทนาถกู ตอ้ งตามหลกั การอา่ นได้
- คาดเดาเน้ือเรื่อง บอกรายละเอียด และสรุปเร่ืองทอ่ี า่ นและฟังได้
- อ่านและเขียนสรุปขา่ วได้
- แตง่ บทสนทนาตามสถานการณท์ ี่กาหนดได้
- พดู สนทนาตามสถานการณ์ท่ีกาหนดได้
1. สาระ มาตรฐานการเรยี นรู้/ตัวชีว้ ดั
สาระที่ 1 ภาษาเพอื่ การสื่อสาร
มาตรฐาน ต 1.1 เข้าใจและตคี วามเร่ืองทีฟ่ ังและอ่านจากสื่อประเภทต่าง ๆ และแสดงความคิดเหน็
อย่างมเี หตผุ ล
ตวั ช้ีวดั
ต 1.1 ม. 3/2 อา่ นออกเสียงขอ้ ความ ขา่ ว โฆษณา และบทร้อยกรองส้นั ๆ ถูกตอ้ งตามหลกั การอา่ น
ต 1.1 ม. 3/4 เลอื ก/ระบุหวั ขอ้ เรื่อง ใจความสาคญั รายละเอยี ดสนบั สนุน และแสดงความคดิ เห็น
เกี่ยวกบั เร่ืองท่ีฟังและอ่านจากสื่อประเภทตา่ ง ๆ พร้อมท้งั ให้เหตุผลและยกตวั อยา่ ง
ประกอบ
มาตรฐาน ต 1.2 มที กั ษะการส่ือสารทางภาษาในการแลกเปลย่ี นข้อมูลข่าวสาร แสดงความรู้สึกและ
ความคิดเหน็ อย่างมปี ระสิทธภิ าพ
ตวั ช้ีวดั
ต 1.2 ม. 3/1 สนทนาและเขยี นโตต้ อบขอ้ มูลเกี่ยวกบั ตนเอง เร่ืองตา่ ง ๆ ใกลต้ วั สถานการณ์ ขา่ ว
เรื่องที่อยใู่ นความสนใจของสังคม และสื่อสารอยา่ งต่อเน่ืองและเหมาะสม
มาตรฐาน ต 1.3 นาเสนอข้อมูลข่าวสาร ความคิดรวบยอด และความคิดเห็นในเรื่องต่าง ๆ โดยการพูด
และการเขยี น
ตวั ช้ีวดั
ต 1.3 ม. 3/2 พดู และเขียนสรุปใจความสาคญั /แก่นสาระ หัวขอ้ เร่ืองทไ่ี ดจ้ ากการวิเคราะหเ์ รื่อง/
ขา่ ว/เหตุการณ์/สถานการณท์ อ่ี ยใู่ นความสนใจของสังคม
279
สาระที่ 2 ภาษาและวัฒนธรรม
มาตรฐาน ต 2.1 เข้าใจความสัมพนั ธ์ระหว่างภาษากับวฒั นธรรมของเจ้าของภาษา และนาไปใช้ ได้
อย่างเหมาะสมกับกาลเทศะ
ตวั ช้ีวดั
ต 2.1 ม. 3/1 เลอื กใชภ้ าษา น้าเสียง และกิริยาทา่ ทางเหมาะกบั บคุ คลและโอกาสตามมารยาทสงั คม
และวฒั นธรรมของเจา้ ของภาษา
สาระที่ 4 ภาษากับความสัมพันธ์กบั ชุมชนและโลก
มาตรฐาน ต 4.1 ใช้ภาษาต่างประเทศในสถานการณ์ต่าง ๆ ท้งั ในสถานศึกษา ชุมชน และสังคม
ตวั ช้ีวดั
ต 4.1 ม. 3/1 ใชภ้ าษาสื่อสารในสถานการณ์จริง/สถานการณจ์ าลองท่ีเกิดข้นึ ในห้องเรียน
สถานศกึ ษา และชุมชน
2. สาระสาคัญ/ความคิดรวบยอด
การเรียนรู้และเขา้ ใจเก่ียวกบั เน้ือหาทีศ่ กึ ษา จะช่วยใหส้ ามารถนาคาศพั ท์ ประโยคตา่ ง ๆ ไปใชใ้ น
การพดู สื่อสาร อา่ นและสรุปขา่ วไดอ้ ยา่ งมปี ระสิทธิภาพ
3. สาระการเรียนรู้
3.1 ทักษะเฉพาะวิชา
1) Language Features and Functions
Vocabulary: Sentences (What’s your name, please?, Let’s go straight to the accident.,
Can you tell me what you saw?, What happened to the rider?, What
about the driver?, I’m afraid not., Thank you for your time, sir., You’re
welcome.)
Verbs (smash, drive off)
Nouns (traffic lights, crash, rider, windscreen, number plate)
Functions: Giving an eyewitness statement
Can you tell me what you saw?
I saw a car going through the traffic lights really fast although they
hadn’t turned green yet. A motorbike came from the left and the car hit it
with a very loud crash.
280
2) Language Skills
Listening: ฟังเพอื่ หาขอ้ มลู เฉพาะ
Speaking: พูดสนทนาตามสถานการณ์ท่ีกาหนด
Reading: อ่านเพือ่ หาขอ้ มลู เฉพาะ
Writing: แตง่ บทสนทนาตามสถานการณท์ ่ีกาหนด
4. สมรรถนะสาคัญของผ้เู รยี น
1) ความสามารถในการสื่อสาร
2) ความสามารถในการคิด
5. คุณลักษณะอนั พึงประสงค์
1) ใฝ่เรียนรู้
2) มงุ่ มน่ั ในการทางาน
6. กจิ กรรมการเรียนรู้
ช่ัวโมงที่ 1
ข้นั Warm up
ครูถามนกั เรียนว่า ใครเคยมีประสบการณ์พบเห็นอบุ ตั ิเหตุทางรถยนตบ์ า้ ง ครูให้นกั เรียนเลา่
ประสบการณ์ใหเ้ พื่อนร่วมช้นั ฟัง
ข้นั Presentation
1. ครูเขียนคาวา่ eyewitness statement บนกระดาน จากน้นั ให้นกั เรียนช่วยกนั เดาความหมาย โดยครู
ช่วยอธิบายคาวา่ statement
eyewitness (n) = a person who has seen a crime, accident etc. and can describe it
afterwards (พยานทเ่ี ห็นเหตุการณ์)
statement (n) = the official account of events which a suspect or a witness gives to
the police (คาให้การ)
281
2. หนงั สือเรยี น หน้า 51 Ex. 1 นกั เรียนปิ ดหนงั สือเรียน แลว้ ครูเปิ ด CD โดยหยดุ ทีละประโยค ให้
นกั เรียนฟังและออกเสียงตาม โดยครูเปิ ด CD 2 คร้ัง จากน้นั ให้นกั เรียนเปิ ดหนงั สือเรียนและอา่ น
ประโยคพร้อมกนั
3. ครูอธิบายว่าประโยคใน Ex. 1 มาจากบทสนทนาระหว่างเจา้ หนา้ ทีต่ ารวจกบั พยานผูเ้ ห็นเหตุการณ์
อุบตั เิ หตุ แลว้ ใหน้ กั เรียนช่วยกนั ระบุว่าประโยคใดเจา้ หนา้ ทีต่ ารวจเป็นผพู้ ดู ประโยคใดพยาน
ผเู้ ห็นเหตุการณ์เป็นผพู้ ดู
police officer: What’s your name, please?, Let’s go straight to the accident.,
Can you tell me what you saw?, What happened to the rider?, What about the
driver?, Thank you for your time, sir.
witness: I’m afraid not., You’re welcome.
ข้นั Practice
1. หนงั สือเรยี น หน้า 51 Ex. 2 นกั เรียนอา่ นประโยคใน Ex. 1 และเดาว่าอบุ ตั เิ หตุท่ีเกิดข้นึ น่าจะเป็น
อุบตั เิ หตเุ กี่ยวกบั อะไร จากน้นั ครูเปิ ด CD ให้นกั เรียนฟังและอ่านบทสนทนาตามเพ่ือตรวจคาตอบ
It is about a road accident.
2. หนงั สือเรยี น หน้า 51 Ex. 3 นกั เรียนอา่ นประโยค 1-4 แลว้ อา่ นบทสนทนาอีกคร้งั เพื่อหาประโยคที่มี
ความหมายเหมอื นกบั ประโยคเหลา่ น้ี จากน้นั ครูสุ่มเรียกนกั เรียนบอกคาตอบ แลว้ ให้นกั เรียนในช้นั
ตรวจความถกู ตอ้ ง
1 Can I have your name, please? – What’s your name, please?
2 What exactly did you see? – Can you tell me what you saw?
3 I’m sorry but I didn’t. – I’m afraid not.
4 I appreciate your help, sir. – Thank you for your time, sir.
282
3. ครูเตรียมขา่ วอบุ ตั ิเหตุจากหนงั สือพิมพห์ รืออนิ เทอร์เนต็ เช่น เวบ็ ไซต์
http://www.independent.co.uk/topic/car-crash แลว้ ใหน้ กั เรียนแบง่ กลุม่ กลมุ่ ละ 4-5 คน จากน้นั ครู
แจกข่าวให้กลมุ่ ละ 1 ข่าว ใหแ้ ตล่ ะกลุม่ อ่านและเขียนสรุปขา่ ว แลว้ ครูใหแ้ ต่ละกล่มุ พดู สรุปขา่ วให้
เพอื่ นฟัง
4. หนังสือเรยี น หน้า 51 Ex. 4 ครูให้นกั เรียนอา่ นประโยคใน Ex. 1 พร้อมกนั อีกคร้งั แลว้ ช่วยกนั
อธิบายความหมาย
จากน้นั ครูเปิ ด CD ให้นกั เรียนฟังบทสนทนาใน Ex. 2 และฝึกพดู ตาม แลว้ ใหน้ กั เรียนจบั ค่กู นั พูด
บทสนทนา โดยให้สลบั บทบาทกนั ดว้ ย ขณะทนี่ กั เรียนฝึกพูดครูเดินสังเกตรอบ ๆ ช้นั เรียน เพอ่ื ช่วย
แนะนานกั เรียนใหใ้ ชน้ ้าเสียงและแสดงสีหนา้ ทา่ ทางให้เหมาะสมกบั สถานการณ์
ข้นั Production
1. หนงั สือเรียน หน้า 51 Ex. 5 นกั เรียนจบั คู่กนั แตง่ บทสนทนา โดยสมมติให้คนหน่ึงเป็นพยานท่เี ห็น
เหตุการณ์ปลน้ ธนาคาร ซ่ึงตอ้ งให้การกบั เจา้ หนา้ ที่ตารวจ และให้อีกคนหน่ึงเป็นเจา้ หนา้ ท่ีตารวจ
โดยให้นกั เรียนนึกถึงรายละเอยี ดของเหตุการณ์ท่ีเกิดข้ึน ดงั น้ี where witness was, numbers of
robbers, what robbers did, where they went
เมือ่ นกั เรียนแต่งบทสนทนาเสร็จแลว้ ส่งให้ครูตรวจ หลงั จากไดร้ บั บทสนทนาคืนแลว้ ให้นกั เรียนไป
ฝึกซอ้ มนอกเวลาเรียนเพ่ือพูดสนทนาในชวั่ โมงหนา้
B: What’s your name, please?
A: My name is Bob Smith.
B: Can you tell me what you saw?
A: I saw some men in motorbike helmets come into the bank. They told
everyone to get on the floor and then they ordered the cashiers to give
them all the money they had.
B: How many men were there?
A: There were three men.
B: What did they do next?
A: They put the money into their bags and they left.
B: Where did they go?
283
A: They rode down the street on their motorbikes.
B: Thank you for your time, sir.
A: You’re welcome.
2. แบบฝึกหดั (Workbook) หนา้ 34 Ex. 3 ให้นกั เรียนทาเป็นการบา้ น
ชั่วโมงท่ี 2
ข้นั Warm up
ครูใหน้ กั เรียนช่วยกนั เลา่ เกี่ยวกบั อบุ ตั ิเหตทุ ีเ่ กิดข้ึนจากบทสนทนาท่ไี ดฟ้ ังเมอ่ื ชวั่ โมงท่แี ลว้
ข้นั Pre-speaking
1. ครูเปิ ด CD ให้นกั เรียนฟังบทสนทนาในหนงั สือเรียน หนา้ 51 Ex. 2 แลว้ อา่ นตามพร้อมกนั
2. ครูสุ่มเรียกนกั เรียนอ่านประโยคในหนงั สือเรียน หนา้ 51 Ex. 1 เป็นรายบคุ คล
3. ครูให้เวลานกั เรียนแต่ละคทู่ บทวนบทสนทนาของตนเองเพื่อเตรียมความพร้อมก่อนออกมาพูด
สนทนาหนา้ ช้นั เรียน
ข้นั Speaking
1. กอ่ นการพดู สนทนา ครูใหน้ กั เรียนทกั ทายเพื่อนและแนะนาตนเอง พร้อมท้งั บอกดว้ ยว่าตนเอง
รบั บทเป็นใคร เช่น Hello, everyone. I’m Nida. I’m a police officer.
2. ครูให้นกั เรียนแต่ละคู่หมุนเวยี นกนั ออกมาพูดสนทนา โดยครูอาจเรียกตามลาดบั เลขทหี่ รือเรียกตาม
แถวทน่ี งั่ ขณะท่ีนกั เรียนพูดสนทนาครูคอยสงั เกตและจดบนั ทึก
ข้นั Post-speaking
1. ครูให้ขอ้ มลู ยอ้ นกลบั (feedback) เรื่องการใชภ้ าษาของนกั เรียน เช่น ไวยากรณ์ การออกเสียง น้าเสียง
กิริยาท่าทาง เพ่ือให้นกั เรียนนาไปปรบั ปรุงแกไ้ ขในคร้ังตอ่ ไป
2. ครูมอบหมายให้นกั เรียนแตล่ ะคไู่ ปฝึกอ่านบทสนทนาในหนงั สือเรียน หนา้ 51 ให้คล่อง แลว้ มาอ่าน
บทสนทนาให้ครูฟังนอกเวลาเรียน
3. แบบฝึกหดั (Workbook) หนา้ 34 Ex. 4 ให้นกั เรียนทาเป็นการบา้ น
284
7. การวดั และการประเมนิ ผล เครื่องมือ เกณฑ์การผ่าน
แบบประเมนิ การอา่ นออกเสียง ระดบั คณุ ภาพ พอใช้
วธิ ีการวดั แบบฝึกหัด (Workbook) ร้อยละ 60
ประเมนิ การอ่านออกเสียงบทสนทนา
ตรวจการตอบคาถามจากการอา่ น แบบประเมินการเขยี น ระดบั คุณภาพ พอใช้
บทสนทนา
ประเมนิ การแต่งบทสนทนาตาม แบบประเมินการแสดงบทสนทนา/ ระดบั คุณภาพ พอใช้
สถานการณ์ทกี่ าหนด บทบาทสมมติ
ประเมินการพูดสนทนาตาม แบบประเมินคณุ ลกั ษณะ ระดบั คณุ ภาพ ผา่ น
สถานการณท์ ่กี าหนด อนั พงึ ประสงค์
สงั เกตความใฝ่เรียนรู้และความมุ่งมนั่
ในการทางาน
8. ส่ือ/แหล่งการเรียนรู้
1) หนงั สือเรียน SPARK 3 ม. 3
2) Class Audio CDs ประกอบส่ือฯ ชุด SPARK 3 ม. 3
3) แบบฝึกหัด SPARK 3 ม. 3
4) ขา่ วอุบตั ิเหตจุ ากหนงั สือพิมพห์ รืออินเทอร์เนต็
285
5 Across the curriculum 4e
2 ชั่วโมง
จุดประสงค์การเรียนรู้
- อ่านบทกลอนถูกตอ้ งตามหลกั การอา่ นได้
- พูดให้คาแนะนาตามประเด็นทก่ี าหนดได้
- เปรียบเทยี บเสียงสระของภาษาองั กฤษกบั ภาษาไทยได้
- คน้ ควา้ ขอ้ มลู เกี่ยวกบั bullying และพดู นาเสนอได้
1. สาระ มาตรฐานการเรียนรู้/ตัวชี้วดั
สาระที่ 1 ภาษาเพอ่ื การส่ือสาร
มาตรฐาน ต 1.1 เข้าใจและตคี วามเร่ืองทฟ่ี ังและอ่านจากส่ือประเภทต่าง ๆ และแสดงความคิดเหน็
อย่างมเี หตุผล
ตวั ช้ีวดั
ต 1.1 ม. 3/2 อ่านออกเสียงขอ้ ความ ข่าว โฆษณา และบทร้อยกรองส้ัน ๆ ถูกตอ้ งตามหลกั การอา่ น
มาตรฐาน ต 1.2 มีทักษะการสื่อสารทางภาษาในการแลกเปลยี่ นข้อมูลข่าวสาร แสดงความรู้สึกและ
ความคิดเห็นอย่างมปี ระสิทธภิ าพ
ตวั ช้ีวดั
ต 1.2 ม. 3/2 ใชค้ าขอร้อง ใหค้ าแนะนา คาช้ีแจง และคาอธิบายอยา่ งเหมาะสม
มาตรฐาน ต 1.3 นาเสนอข้อมูลข่าวสาร ความคดิ รวบยอด และความคิดเห็นในเร่ืองต่าง ๆ โดยการพดู
และการเขียน
ตวั ช้ีวดั
ต 1.3 ม. 3/1 พดู และเขยี นบรรยายเกี่ยวกบั ตนเอง ประสบการณ์ ข่าว/เหตุการณ์/เรื่อง/ประเด็น
ต่าง ๆ ทอี่ ยใู่ นความสนใจของสงั คม
สาระท่ี 2 ภาษาและวัฒนธรรม
มาตรฐาน ต 2.2 เข้าใจความเหมือนและความแตกต่างระหว่างภาษาและวัฒนธรรมของเจ้าของภาษา
กบั ภาษาและวฒั นธรรมไทย และนามาใช้อย่างถกู ต้องและเหมาะสม
286
ตวั ช้ีวดั
ต 2.2 ม. 3/1 เปรียบเทยี บและอธิบายความเหมือนและความแตกต่างระหวา่ งการออกเสียงประโยค
ชนิดต่าง ๆ และการลาดบั คาตามโครงสร้างประโยคของภาษาต่างประเทศและ
ภาษาไทย
สาระท่ี 3 ภาษากับความสัมพันธ์กับกล่มุ สาระการเรียนรู้อื่น
มาตรฐาน ต 3.1 ใช้ภาษาต่างประเทศในการเชื่อมโยงความรู้กบั กล่มุ สาระการเรียนรู้อ่ืน และเป็ น
พนื้ ฐานในการพฒั นา แสวงหาความรู้ และเปิ ดโลกทัศน์ของตน
ตวั ช้ีวดั
ต 3.1 ม. 3/1 คน้ ควา้ รวบรวม และสรุปขอ้ มลู /ขอ้ เทจ็ จริงท่ีเก่ียวขอ้ งกบั กลมุ่ สาระการเรียนรู้อน่ื
จากแหล่งการเรียนรู้ และนาเสนอดว้ ยการพดู และการเขยี น
2. สาระสาคญั /ความคิดรวบยอด
การอา่ นบทกลอนและเรียนรู้คาศพั ทเ์ กี่ยวกบั เรื่องใกลต้ วั ช่วยให้สามารถนาความรู้ไปใชพ้ ูดให้
คาแนะนา คน้ ควา้ ความรู้จากแหล่งการเรียนรู้ต่างๆ และปรับใชใ้ นชีวิตประจาวนั ไดอ้ ยา่ งเหมาะสม
3. สาระการเรียนรู้
3.1 ทกั ษะเฉพาะวชิ า
1) Language Features and Functions
Vocabulary: Verbs (bully, punch, stamp)
Nouns (stomach, boss, slave)
Adjective (weak)
Functions: Giving advice about bullying
You should stand up for yourself.
You shouldn’t do what they say.
Pronunciation: /æ/: as, mad, cat
/ᴧ/: us, mud, cut
2) Language Skills
Listening: ฟังบทกลอนและการออกเสียงคาศพั ท์
Speaking: พดู ใหค้ าแนะนา, พดู นาเสนอเก่ียวกบั bullying
Reading: อ่านเพอื่ หาขอ้ มูลเฉพาะ
3) Cultures หมายเลขโทรศพั ทส์ าหรับเหตุฉุกเฉิน
287
4. สมรรถนะสาคญั ของผ้เู รียน
1) ความสามารถในการส่ือสาร
2) ความสามารถในการคิด
3) ความสามารถในการใชท้ กั ษะชีวิต
4) ความสามารถในการใชเ้ ทคโนโลยี
5. คุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์
1) ใฝ่เรียนรู้
2) มุ่งมน่ั ในการทางาน
6. กิจกรรมการเรียนรู้
ช่ัวโมงท่ี 1
ข้นั Warm up
ครูให้นกั เรียนร่วมกนั แสดงความคดิ เห็นว่าพฤติกรรมใดบา้ งท่เี ป็นการรังแกหรือกลน่ั แกลง้ ผูอ้ น่ื เช่น
ตอ่ ยตี ขโมยสิ่งของ
ข้นั Presentation
1. ครูเขียนคาวา่ bully บนกระดาน ให้นกั เรียนอา่ นออกเสียง ครูใหน้ กั เรียนอ่านความหมายของ bully
(v) = (รังแก, กลนั่ แกลง้ ) ในหนงั สือเรียน หนา้ 52 แลว้ ให้นกั เรียนบอกความหมาย จากน้นั ครูอธิบาย
ว่า คาน้ีเป็นไดท้ ้งั คานามและคากริยา แลว้ ครูช่วยบอกคาจากดั ความทเี่ ป็นคานาม ใหน้ กั เรียนบอก
ความหมายภาษาไทย
bully (n) = a person who uses their strength or power to frighten or hurt weaker people
(คนพาล)
ต่อมาครูถามนกั เรียนว่า คาวา่ bully จะเปลีย่ นเป็นรูปพหูพจน์อยา่ งไร (เปลยี่ น y เป็น i และเตมิ -es)
2. ครูเขยี นวลี stand up to (somebody) บนกระดาน และบอกนกั เรียนวา่ วลีน้ีไมไ่ ดแ้ ปลวา่ ยนื แลว้ ครู
บอกคาจากดั ความ และยกตวั อยา่ งประโยค เพือ่ ใหน้ กั เรียนเดาความหมาย
stand up to (somebody) (phr v) = to resist somebody; to not accept bad treatment from
somebody without complaining (โตแ้ ยง้ , ตอ่ ตา้ น,
ตอ่ สูก้ บั )
e.g. It was brave of her to stand up to those bullies.
288
3. หนงั สือเรยี น หน้า 52 Ex. 1 นกั เรียนอา่ นวลีทีใ่ ห้มา โดยครูช่วยนกั เรียนอธิบายคาศพั ทย์ าก เช่น
make fun of someone (idm) = to laugh at someone or make other people laugh at
them, usually in an unkind way (หัวเราะเยาะ,
ลอ้ เลียน)
nasty (adj) = very bad or unpleasant (ไม่ดี, ไม่นา่ พอใจ)
จากน้นั ใหน้ กั เรียนระบวุ ่าวลีใดเป็นลกั ษณะพฤตกิ รรมของ bullying
They are all kinds of bullying.
4. ครูใหน้ กั เรียนดูบทกลอนในหนงั สือเรียน หนา้ 52 แลว้ ครูถามวา่ บทกลอนน้ีเกี่ยวขอ้ งกบั เรื่องอะไร
(bullies) ใครเป็นผแู้ ต่งบทกลอนน้ี (Chloe Winn)
5. ครูให้นกั เรียนอา่ นคาศพั ทใ์ นกรอบ Check these words หนงั สือเรียน หนา้ 52 ซ่ึงเป็นคาศพั ทท์ ่ี
นกั เรียนจะไดพ้ บในบทกลอน แลว้ ช่วยกนั บอกความหมาย ถา้ คาใดทไี่ ม่รู้สามารถเปิ ดพจนานุกรมได้
punch (v) = to hit someone or something with your fist (ตอ่ ย)
stamp (v) = to put your foot down heavily and noisily on the ground (กระทืบ)
slave (n) = a person who is legally owned by someone else and has to work for that
person (ทาส)
ข้นั Practice
1. หนังสือเรยี น หน้า 52 Ex. 2 ครูเปิ ด CD ให้นกั เรียนฟังและอ่านกลอน และตอบคาถามวา่ How does
Chloe feel about bullies? ครูรวบรวมคาตอบจากนกั เรียน
Chloe thinks that bullies act as though they are better than other people. In her
opinion, they’re not and so you shouldn’t listen to them. Chloe isn’t scared of
bullies, she stands up to them.
2. หนงั สือเรยี น หน้า 52 Ex. 3a ครูใหน้ กั เรียนอา่ นวลีทีก่ าหนด และอา่ นบทกลอนอีกคร้ัง เพ่ือระบุวา่
วลีใดเป็นคาแนะนาที่ Chloe ให้ไวใ้ นบทกลอน จากน้นั ครูสุ่มเรียกนกั เรียนบอกคาตอบ และให้
นกั เรียนในช้นั ช่วยตรวจคาตอบ
289
Ignore what the bullies say
Believe in yourself
Don’t let the bullies win
ข้นั Production
1. หนังสือเรียน หน้า 52 Ex. 3b นกั เรียนแตง่ ประโยคใหค้ าแนะนาเกี่ยวกบั วิธีแกป้ ัญหาเร่ือง bullying
โดยใชข้ อ้ มลู จากบทกลอนและวลีจาก Ex. 3a ครูให้นกั เรียนแตง่ ประโยคโดยใช้ should/shouldn’t
จากน้นั ครูสุ่มเรียกนกั เรียนหลาย ๆ คน พดู ใหค้ าแนะนา
You should stand up for yourself.
You shouldn’t do what they say.
You should tell a parent or a teacher.
You shouldn’t give them any of your money or possessions.
You should ignore what they say.
You shouldn’t let the bullies win.
You should believe in yourself.
2. ครูมอบหมายให้นกั เรียนไปฝึกอ่านบทกลอนในหนงั สือเรียน หนา้ 52 แลว้ มาอ่านให้ครูฟังนอกเวลา
เรียน
3. นกั เรียนทา Language Review 4e & Prepositions Exs. 4-5 ในหนงั สือเรียน หนา้ 108 ร่วมกนั ในช้นั
4. แบบฝึกหัด (Workbook) หนา้ 34 Exs. 1-2 ให้นกั เรียนทาเป็นการบา้ น
290
ช่ัวโมงที่ 2
ข้นั Warm up
1. ครูเตรียมภาพเก่ียวกบั bullying และภาพอน่ื ๆ ท่ไี ม่ใช่ มาแสดงใหน้ กั เรียนดู แลว้ ให้นกั เรียนระบุว่า
เป็นเกี่ยวกบั bullying หรือไม่
T: (แสดงภาพ)
Is the picture is bullying?
Ss: Yes. It shows writing nasty
things about somebody. ภาพจาก: https://www.secureteen.com/bullies/call-
for-legislation-against-bullying-in-schools/
2. ครูเปิ ดบทกลอนในหนงั สือเรียน หนา้ 52 ให้นกั เรียนฟังและอ่านตาม
ข้นั Presentation
1. นกั เรียนอา่ นขอ้ มลู เกี่ยวกบั หมายเลขโทรศพั ทส์ าหรับเหตฉุ ุกเฉินในสหราชอาณาจกั รในกรอบ Did
you know? หนงั สือเรียน หนา้ 52 แลว้ ครูถามนกั เรียนวา่ ประเทศไทยมีหมายเลขโทรศพั ทส์ าหรับ
เหตุฉุกเฉินเช่นเดียวกบั ในสหราชอาณาจกั รหรือไม่ จากน้นั ใหน้ กั เรียนช่วยกนั คิดและบอกครู เช่น
ดบั เพลงิ แจง้ เหตดุ ่วน โดยครูเขยี นหมายเลขโทรศพั ทต์ ามท่นี กั เรียนบอกบนกระดาน และช่วย
เพม่ิ เตมิ หมายเลขโทรศพั ทท์ ่ีนกั เรียนควรรู้
เหตดุ ่วน-เหตุร้ายทุกชนิด โทร. 191
อคั คภี ยั สัตวเ์ ขา้ บา้ น โทร. 199
กองปราบปราม โทร. 1195
อุบตั เิ หตุทางน้า โทร. 1196
กรมป้องกนั และบรรเทาสาธารณภยั โทร. 1784
กองอานวยการรักษาความมนั่ คงภายในราชอาณาจกั ร โทร. 0-2241-2051
ตารวจทางหลวง โทร. 1193
การทางพิเศษแห่งประเทศไทย โทร. 1543
ทมี่ า: https://www.thairath.co.th/content/604056
291