The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

แผนการจัดการเรียนรู้ ภาษาอังกฤษ ม.3
หนังสือ Spark

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by DanAngelo Q Bunlong, 2022-08-16 00:02:12

แผนการจัดการเรียนรู้ ภาษาอังกฤษ ม.3

แผนการจัดการเรียนรู้ ภาษาอังกฤษ ม.3
หนังสือ Spark

Keywords: แผนการจัดการเรียนรู้ ภาษาอังกฤษ ม.3

Ex. 1 1 A b, B d 2 A c, B c 3 A d, B a 5c
Ex. 2 1 b 2 d 3 d 4 c

ครูอาจแนะนาเทคนิคในการทาขอ้ สอบ reading ใหน้ กั เรียน ดงั น้ี
1) อา่ นคาถามท่ใี หม้ ากอ่ น เพื่อหาวา่ ควรจะอา่ นเพ่ือหาขอ้ มูลเก่ียวกบั อะไร หรือ

คาถามทีใ่ ห้มาตอ้ งการคาตอบประเภทไหน เช่น บอกใจความสาคญั ความรู้สึก
หรือความคดิ เห็นของผเู้ ขยี น
2) ดชู ่ือเร่ือง ภาพประกอบ หรือบริบทในเน้ือหา (context clue) เพือ่ ช่วยให้เขา้ ใจ
เน้ือเร่ืองทีอ่ ่านมากข้ึน
3) ใชว้ ิธีการอ่านแบบ skimming อยา่ อ่านทาความเขา้ ใจแบบคาต่อคา
4) สงั เกตคาเช่ือมในเน้ือเรื่อง เช่น moreover, therefore, however, on the other hand
เพราะถา้ เขา้ ใจคาเช่ือมเหลา่ น้ี จะทาให้เขา้ ใจเน้ือเร่ืองและจุดประสงคข์ องผเู้ ขยี น
มากย่ิงข้ึน เช่น เขา้ ใจว่าประโยคที่ตามหลงั however หรือ on the other hand จะ
เป็นขอ้ มลู ท่ขี ดั แยง้ กบั ประโยคขา้ งหนา้ เป็นตน้
5) ในขณะท่อี า่ น เมอื่ เจอประเดน็ ที่สงสยั ให้ทาเครื่องหมายไวเ้ พ่ือกลบั มาอ่าน
อีกคร้ัง การทาเช่นน้ีจะทาใหไ้ มต่ อ้ งเสียเวลากลบั มาอ่านเน้ือเรื่องใหม่ท้งั หมด
6) การบริหารเวลาเป็นเร่ืองสาคญั มากในการทาขอ้ สอบการอา่ น เพราะบางคร้ัง
เน้ือเร่ืองท่ีใหม้ าจะคอ่ นขา้ งยาวมาก ถา้ นกั เรียนให้ความสนใจกบั เรื่องใดเรื่องหน่ึง
มากเกินไป เช่น คาศพั ทย์ าก จะทาใหท้ าขอ้ สอบไมท่ นั

ข้นั Production
หนงั สือเรียน หน้า 20 Ex. 3 นกั เรียนจบั ค่กู นั แลว้ ครูแจกกระดาษใหค้ ลู่ ะ 1 แผ่น ให้แต่ละคูค่ ิด
คาถาม quiz 5-6 ขอ้ เกี่ยวกบั เน้ือหาในหน่วยการเรียนรู้ท่ี 1 ครูใหน้ กั เรียนเปิ ดดูเน้ือหาได้ และให้
นกั เรียนเขยี นคาตอบไวด้ า้ นหลงั กระดาษ เม่ือทุกค่คู คู่ ิดคาถามเสร็จแลว้ ให้แลกกนั ทา quiz กบั คอู่ น่ื

94

1 Disney characters must say “Have a nice day!” to all the visitors at Disney
World. (F)

2 A living statue wears body paint. (T)
3 The tallest man in the world is over 2 metres. (T)
4 Lindsay plays in the school volleyball team. (F)

7. การวัดและการประเมนิ ผล เคร่ืองมือ เกณฑ์การผ่าน
- ร้อยละ 60
วธิ กี ารวดั
ตรวจการเขียน quiz เกี่ยวกบั เน้ือหา แบบประเมินคุณลกั ษณะ ระดบั คุณภาพ ผา่ น
ในหน่วยการเรียนรู้ที่ 1 อนั พึงประสงค์
สังเกตความมุง่ มน่ั ในการทางาน

8. ส่ือ/แหล่งการเรียนรู้
1) หนงั สือเรียน SPARK 3 ม. 3
2) Class Audio CDs ประกอบส่ือฯ ชุด SPARK 3 ม. 3

95

2 Believe it or not!

ช้ันมธั ยมศึกษาปี ท่ี 3 เวลาเรียน 14 ชั่วโมง

1 สาระ มาตรฐานการเรยี นรู้/ตวั ชี้วดั

สาระที่ 1 ภาษาเพอื่ การสื่อสาร

มาตรฐาน ต 1.1 เข้าใจและตคี วามเรื่องทฟี่ ังและอ่านจากส่ือประเภทต่าง ๆ

และแสดงความคดิ เห็นอย่างมเี หตผุ ล
ตวั ช้ีวดั
ต 1.1 ม. 3/2 อา่ นออกเสียงขอ้ ความ ขา่ ว โฆษณา และบทร้อยกรองส้ัน ๆ ถกู ตอ้ งตามหลกั การอา่ น
ต 1.1 ม. 3/3 ระบแุ ละเขียนสื่อท่ีไม่ใช่ความเรียงรูปแบบตา่ ง ๆ

ใหส้ ัมพนั ธ์กบั ประโยคและขอ้ ความที่ฟังหรืออา่ น
ต 1.1 ม. 3/4 เลือก/ระบุหัวขอ้ เรื่อง ใจความสาคญั รายละเอยี ดสนบั สนุน

และแสดงความคดิ เห็นเกี่ยวกบั เรื่องท่ฟี ังและอ่านจากสื่อประเภทต่าง ๆ
พร้อมท้งั ใหเ้ หตผุ ลและยกตวั อยา่ งประกอบ
มาตรฐาน ต 1.2 มีทักษะการสื่อสารทางภาษาในการแลกเปล่ียนข้อมลู ข่าวสาร

แสดงความรู้สึกและความคดิ เหน็ อย่างมีประสิทธิภาพ
ตวั ช้ีวดั
ต 1.2 ม. 3/1 สนทนาและเขียนโตต้ อบขอ้ มลู เกี่ยวกบั ตนเอง เร่ืองต่าง ๆ ใกลต้ วั สถานการณ์ ขา่ ว

เรื่องท่อี ยใู่ นความสนใจของสังคม และส่ือสารอยา่ งต่อเนื่องและเหมาะสม
ต 1.2 ม. 3/2 ใชค้ าขอร้อง ให้คาแนะนา คาช้ีแจง และคาอธิบายอยา่ งเหมาะสม
ต 1.2 ม. 3/4 พดู และเขยี นเพอื่ ขอและให้ขอ้ มลู อธิบาย เปรียบเทียบ

และแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกบั เรื่องทฟี่ ังหรืออา่ นอยา่ งเหมาะสม
ต 1.2 ม. 3/5 พูดและเขียนบรรยายความรู้สึก และความคดิ เห็นของตนเองเก่ียวกบั เรื่องตา่ ง ๆ

กิจกรรม ประสบการณ์ และข่าว/เหตกุ ารณ์
พร้อมท้งั ใหเ้ หตผุ ลประกอบอยา่ งเหมาะสม
มาตรฐาน ต 1.3 นาเสนอข้อมลู ข่าวสาร ความคิดรวบยอด และความคดิ เห็นในเร่ืองต่าง ๆ โดยการพูด
และการเขยี น

96

ตวั ช้ีวดั
ต 1.3 ม. 3/1 พดู และเขียนบรรยายเก่ียวกบั ตนเอง ประสบการณ์ ขา่ ว/เหตุการณ์/เรื่อง/ประเดน็

ต่าง ๆ ท่ีอยใู่ นความสนใจของสงั คม
ต 1.3 ม. 3/2 พดู และเขยี นสรุปใจความสาคญั /แก่นสาระ

หวั ขอ้ เร่ืองทไ่ี ดจ้ ากการวเิ คราะหเ์ รื่อง/ขา่ ว/เหตกุ ารณ์/สถานการณ์ทอี่ ยใู่ นความสนใจ
ของสงั คม
สาระท่ี 2 ภาษาและวฒั นธรรม
มาตรฐาน ต 2.1 เข้าใจความสัมพันธ์ระหว่างภาษากับวฒั นธรรมของเจ้าของภาษา
และนาไปใช้ได้อย่างเหมาะสมกับกาลเทศะ
ตวั ช้ีวดั
ต 2.1 ม. 3/1 เลอื กใชภ้ าษา น้าเสียง และกิริยาทา่ ทางเหมาะกบั บุคคลและโอกาส ตามมารยาทสงั คม
และวฒั นธรรมของเจา้ ของภาษา
ต 2.1 ม. 3/3 เขา้ ร่วม/จดั กิจกรรมทางภาษาและวฒั นธรรมตามความสนใจ
มาตรฐาน ต 2.2

เข้าใจความเหมือนและความแตกต่างระหว่างภาษาและวฒั นธรรมของเจ้าของภาษา
กบั ภาษาและวัฒนธรรมไทย และนามาใช้อย่างถกู ต้องและเหมาะสม
ตวั ช้ีวดั
ต 2.2 ม. 3/2

เปรียบเทยี บและอธิบายความเหมือนและความแตกต่างระหวา่ งชีวติ ความเป็นอยแู่ ล
ะวฒั นธรรมของเจา้ ของภาษากบั ของไทย และนาไปใชอ้ ยา่ งเหมาะสม
สาระที่ 3 ภาษากับความสัมพนั ธ์กบั กล่มุ สาระการเรียนรู้อนื่
มาตรฐาน ต 3.1 ใช้ภาษาต่างประเทศในการเช่ือมโยงความรู้กับกล่มุ สาระการเรียนรู้อน่ื
และเป็ นพื้นฐานในการพัฒนา แสวงหาความรู้ และเปิ ดโลกทัศน์ของตน
ตวั ช้ีวดั
ต 3.1 ม. 3/1 คน้ ควา้ รวบรวม
และสรุปขอ้ มลู /ขอ้ เทจ็ จริงที่เกี่ยวขอ้ งกบั กลุ่มสาระการเรียนรู้อื่นจากแหล่งการเรียนรู้
และนาเสนอดว้ ยการพูดและการเขยี น
สาระท่ี 4 ภาษากบั ความสัมพนั ธ์กบั ชุมชนและโลก
มาตรฐาน ต 4.1 ใช้ภาษาต่างประเทศในสถานการณ์ต่าง ๆ ท้งั ในสถานศึกษา ชุมชน และสังคม

ตวั ช้ีวดั

97

ต 4.1 ม. 3/1 ใชภ้ าษาส่ือสารในสถานการณ์จริง/สถานการณ์จาลองทเ่ี กิดข้นึ ในหอ้ งเรียน
สถานศึกษา ชุมชน และสงั คม

มาตรฐาน ต 4.2 ใช้ภาษาต่างประเทศเป็ นเครื่องมือพืน้ ฐานในการศึกษาต่อ การประกอบอาชีพ
และการแลกเปลี่ยนเรยี นรู้กับสังคมโลก

ตวั ช้ีวดั
ต 4.2 ม. 3/2 เผยแพร่/ประชาสัมพนั ธ์ขอ้ มูลขา่ วสารของโรงเรียน ชุมชน

และทอ้ งถิน่ เป็นภาษาต่างประเทศ

2 สาระสาคญั /ความคิดรวบยอด
การเรียนรู้คาศพั ท์ สานวน และโครงสร้างภาษา จะช่วยให้เขา้ ใจ บอกรายละเอยี ด

แสดงความคดิ เห็นและความรู้สึก พดู และเขยี นเลา่ เร่ืองที่อา่ นและฟังได้
นอกจากน้ียงั สามารถนาสิ่งทเ่ี รียนรู้ไปใชใ้ นการพูดขอและใหข้ อ้ มลู เก่ียวกบั อบุ ตั ิเหตุ
สุขภาพไดอ้ ยา่ งเหมาะสม รวมถงึ มคี วามรู้เก่ียวกบั สุภาษติ ของเจา้ ของภาษา
สามารถเปรียบเทียบกบั สุภาษิตไทยที่มีความหมายคลา้ ยกนั
และมคี วามเขา้ ใจในมารยาทและวฒั นธรรมของเจา้ ของภาษา
ตลอดจนเขา้ ใจและตระหนกั ถงึ ความสาคญั ในการทาใหช้ ุมชนกลายเป็นชุมชนท่ียงั่ ยืน
ซ่ึงกอ่ ให้เกิดประโยชนต์ อ่ สงั คม เศรษฐกิจ และสิ่งแวดลอ้ ม

3 สาระการเรียนรู้
3.1 ทกั ษะเฉพาะวชิ า
1) Language Features and Functions
Vocabulary: Natural phenomena (flood, earthquake, tsunami, avalanche, tornado,
volcanic eruption, lightning, hurricane, drought)
Injuries (burn hand, sprain wrist, hit head, cut leg, pull a muscle, bruise
eye, twist ankle, break leg)
First aid (rest it, put some cream on it, put an ice pack on it, put a
bandage on it, clean the wound, have an x-ray, wear a plaster cast, put a
dressing on it)
Aches & Pains/Illnesses ([a] stomach ache, toothache, a headache, a
sore throat, a temperature, a cough, a cold/the flu)

98

Grammar: Verbs (survive, lose, knock unconscious, occur, dump, cool off, set on
Functions: fire, lie, suffer from, wash away, spot, airlift, keep alive, recover, set off,
look forward to, get stuck, wrap, run out, survive, resist, record, expense,
solve)
Phrasal verb (deal with)
Nouns (forest ranger, record, lightning strike, toe, eyebrow, lightning
bolt, severe burn, jungle canopy, search party, critical condition, severe
exhaustion, path, cliff, lizard, poison, blood, shortcut, note, snowmobile,
injury, patience, survival skills, aspect, economy, debt, income, access)
Adjectives (remarkable, fortunate, experienced, confused, lonely, well-
being)
Sentences (Are you OK?, You don’t look well., I feel terrible., What’s
wrong?, I can’t stand it any longer., Then you should see a dentist.)
Sayings (To hear something from the horse’s mouth., Don’t bite the hand
that feeds you., Walls have ears., You scratch my back and I’ll scratch
yours., A bird in hand is worth two in the bush. Home is where the heart
is., Many hands make light work., Only real friends will tell you when
your face is dirty.)
Past simple vs Past continuous
used to/would/be used to
Talking about injuries, accidents & first aid
Kelly sprained her wrist.
Really? How did it happen?
She was playing tennis.
What did she do?
She put an ice pack on it, put a bandage on it and rested it.
Talking about past actions
Were you doing your homework at 5 o’clock yesterday afternoon?
Yes, I was./No, I wasn’t.
Did you visit your grandparents last Sunday?
Yes, I did./No, I didn’t.

99

Asking/Talking about health

Are you OK, Ann? You look terrible.

I feel terrible.

What’s wrong?

I’ve got a dreadful headache.

Talking about sustainable community

People are important sources of community.

Pronunciation: Homophones

its – it’s, here – hear, eight – ate, son – sun

2) Language Skills

Listening: ฟังเพ่ือหาขอ้ มูลเฉพาะ, ฟังการออกเสียงประโยคและบทสนทนา,

ฟังและลาดบั เหตกุ ารณ์ของเร่ือง

Speaking: พูดแสดงความคดิ เห็นเก่ียวกบั เร่ืองทีอ่ า่ น, พูดเลา่ เร่ืองที่อ่าน,

พูดขอและให้ขอ้ มลู เกี่ยวกบั อบุ ตั ิเหตุท่ีเกิดข้นึ กบั ผอู้ ืน่ และการกระทาใน

อดีต, พดู สนทนาเก่ียวกบั สุขภาพ, พูดนาเสนอสุภาษิตพร้อมท้งั ความหมาย,

พูดขอและให้ขอ้ มลู เก่ียวกบั ครอบครัวและชุมชน,

พดู อภปิ รายเกี่ยวกบั ปัจจยั ท่ีช่วยทาให้เป็นชุมชนยง่ั ยืน

Reading: อา่ นเพอ่ื หาขอ้ มูลเฉพาะ, อ่านและลาดบั เหตกุ ารณ์ของเรื่อง

Writing: เขียนอเี มลเลา่ เกี่ยวกบั อบุ ตั เิ หตทุ ่เี กิดข้ึนกบั ตนเอง,

แต่งประโยคตามโครงสร้างทีเ่ รียน,

เขียนให้ขอ้ มูลเกี่ยวกบั สิ่งท่ตี นเองเคยทา/ไม่เคยทาในอดีต

และส่ิงท่ีคนุ้ เคย/ไมค่ ุน้ เคย,

เขยี นบรรยายความคดิ เห็นและความรู้สึกเกี่ยวกบั เร่ืองทอี่ า่ น,

เขียนอีเมลเพ่อื เล่าเรื่องที่อ่าน, แตง่ บทสนทนาตามสถานการณ์ท่ีกาหนด,

เขียนเปรียบเทียบสุภาษติ ไทยกบั ของเจา้ ของภาษา, เขยี นสรุปเรื่องทีอ่ ่าน,

เขยี นตอนจบของเรื่อง, เขียนเรื่องส้ัน

3) Culture สุภาษิต

4 สมรรถนะสาคัญของผ้เู รียน

1) ความสามารถในการสื่อสาร
2) ความสามารถในการคดิ

100

3) ความสามารถในการใชเ้ ทคโนโลยี
4) ความสามารถในการใชท้ กั ษะชีวติ

5 คณุ ลักษณะอนั พึงประสงค์
1) ใฝ่เรียนรู้
2) มงุ่ มน่ั ในการทางาน

6 ชิน้ งาน/ภาระงาน (รวบยอด)
1) เขยี นอเี มลเล่าเกี่ยวกบั อุบตั ิเหตุที่เกิดข้นึ กบั ตนเอง
2) ช้ินงานสิ่งทเ่ี คยทา/ไม่เคยทาในอดีต และสิ่งท่ีคุน้ เคย/ไม่คุน้ เคย
3) เขียนอเี มลเพือ่ เล่าเรื่องทอ่ี า่ น
4) อ่านออกเสียงบทสนทนา
5) แตง่ บทสนทนาตามสถานการณ์ทกี่ าหนด
6) พูดสนทนาเก่ียวกบั สุขภาพ
7) เขียนเปรียบเทียบสุภาษิตไทยกบั ของเจา้ ของภาษา
8) ชิ้นงานสมดุ ภาพสุภาษติ ไทย
9) เขียนตอนจบของเร่ืองที่อา่ นใหแ้ ตกตา่ งจากเดิม
10) เขยี นเรื่องส้นั
11) ชิ้นงานแผนทแ่ี สดงแหลง่ ทรัพยากรของชุมชน

7 การวัดและการประเมนิ ผล
7.1 การประเมินก่อนเรียน
7.2 การประเมินระหว่างการจดั กิจกรรมการเรียนรู้
7.3 การประเมนิ หลงั เรียน
7.4 การประเมนิ ช้ินงาน/ภาระงาน (รวบยอด)

101

1Reading 2a & Vocabulary 2a

2 ช่ัวโมง

จดุ ประสงค์ (Objectives)
- บอกรายละเอียดและแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกบั เร่ืองท่อี ่านและฟังได้
- เล่าเรื่องทีอ่ ่านได้
- พดู ขอและใหข้ อ้ มลู เก่ียวกบั อุบตั เิ หตุท่เี กิดข้นึ กบั ผูอ้ ่ืนได้
- เขียนอเี มลเลา่ เกี่ยวกบั อุบตั เิ หตุทเ่ี กิดข้นึ กบั ตนเองได้

1. สาระ มาตรฐานการเรยี นรู้/ตัวชีว้ ดั
สาระที่ 1 ภาษาเพอ่ื การส่ือสาร
มาตรฐาน ต 1.1 เข้าใจและตีความเร่ืองท่ีฟังและอ่านจากส่ือประเภทต่าง ๆ
และแสดงความคิดเหน็ อย่างมีเหตุผล
ตวั ช้ีวดั
ต 1.1 ม. 3/3 ระบแุ ละเขียนสื่อทไ่ี ม่ใช่ความเรียงรูปแบบตา่ ง ๆ
ให้สัมพนั ธ์กบั ประโยคและขอ้ ความท่ีฟังหรืออา่ น
ต 1.1 ม. 3/4 เลอื ก/ระบุหัวขอ้ เร่ือง ใจความสาคญั รายละเอียดสนบั สนุน
และแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกบั เร่ืองท่ฟี ังและอ่านจากสื่อประเภทตา่ ง ๆ
พร้อมท้งั ใหเ้ หตผุ ลและยกตวั อยา่ งประกอบ

102

มาตรฐาน ต 1.2 มีทักษะการส่ือสารทางภาษาในการแลกเปลยี่ นข้อมูลข่าวสาร แสดงความรู้สึก
และความคดิ เหน็ อย่างมปี ระสิทธภิ าพ
ตวั ช้ีวดั
ต 1.2 ม. 3/1 สนทนาและเขยี นโตต้ อบขอ้ มลู เก่ียวกบั ตนเอง เรื่องต่าง ๆ ใกลต้ วั สถานการณ์ ขา่ ว
เรื่องท่ีอยใู่ นความสนใจของสงั คม และส่ือสารอยา่ งตอ่ เนื่องและเหมาะสม
ต 1.2 ม. 3/4 พดู และเขียนเพือ่ ขอและให้ขอ้ มลู อธิบาย เปรียบเทยี บ
และแสดงความคดิ เห็นเกี่ยวกบั เร่ืองทฟ่ี ังหรืออ่านอยา่ งเหมาะสม
มาตรฐาน ต 1.3 นาเสนอข้อมูลข่าวสาร ความคดิ รวบยอด และความคิดเห็นในเรื่องต่าง ๆ โดยการพดู
และการเขียน

ตวั ช้ีวดั
ต 1.3 ม. 3/1 พูดและเขยี นบรรยายเก่ียวกบั ตนเอง ประสบการณ์ ขา่ ว/เหตกุ ารณ์/เรื่อง/ประเด็น

ต่าง ๆ ทีอ่ ยใู่ นความสนใจของสังคม
สาระที่ 2 ภาษาและวฒั นธรรม

มาตรฐาน ต 2.1 เข้าใจความสัมพนั ธ์ระหว่างภาษากับวัฒนธรรมของเจ้าของภาษา

และนาไปใช้ได้อย่างเหมาะสมกับกาลเทศะ
ตวั ช้ีวดั
ต 2.1 ม. 3/1 เลือกใชภ้ าษา น้าเสียง และกิริยาทา่ ทางเหมาะกบั บุคคลและโอกาส ตามมารยาทสงั คม

และวฒั นธรรมของเจา้ ของภาษา
สาระท่ี 4 ภาษากบั ความสัมพันธ์กบั ชุมชนและโลก

มาตรฐาน ต 4.1 ใช้ภาษาต่างประเทศในสถานการณ์ต่าง ๆ ท้งั ในสถานศึกษา ชุมชน และสังคม
ตวั ช้ีวดั
ต 4.1 ม. 3/1 ใชภ้ าษาสื่อสารในสถานการณจ์ ริง/สถานการณ์จาลองที่เกิดข้ึนในหอ้ งเรียน
สถานศึกษา ชุมชน และสังคม

2. สาระสาคญั /ความคิดรวบยอด
การเรียนรู้คาศพั ทเ์ กี่ยวกบั ภยั พบิ ตั ิทางธรรมชาติ อาการบาดเจ็บ และการปฐมพยาบาล

รวมถงึ สานวนต่าง ๆ ทใี่ ชใ้ นการพูดขอและใหข้ อ้ มลู เก่ียวกบั อบุ ตั ิเหตุ ช่วยให้สามารถบอกรายละเอยี ด
แสดงความคดิ เห็น และพดู เลา่ เรื่องทอ่ี ่านและฟังได้
นอกจากน้ียงั สามารถนาส่ิงท่เี รียนรู้ไปใช้ในการพดู และเขยี นสื่อสารในชีวิตประจาวนั ไดอ้ ยา่ งเหมาะสม

103

3. สาระการเรียนรู้

3.1 ทกั ษะเฉพาะวชิ า

1) Language Features and Functions

Vocabulary: Natural phenomena (flood, earthquake, tsunami, avalanche, tornado,

volcanic eruption, lightning, hurricane, drought)

Injuries (burn hand, sprain wrist, hit head, cut leg, pull a muscle, bruise

eye, twist ankle, break leg)

First aid (rest it, put some cream on it, put an ice pack on it, put a

bandage on it, clean the wound, have an x-ray, wear a plaster cast, put a

dressing on it)

Verbs (survive, lose, knock unconscious, occur, dump, cool off, set on

fire)

Nouns (forest ranger, record, lightning strike, toe, eyebrow, lightning

bolt, severe burn)

Adjectives (remarkable, fortunate)

Functions: Talking about injuries, accidents & first aid

Kelly sprained her wrist.

Really? How did it happen?

She was playing tennis.

What did she do?

She put an ice pack on it, put a bandage on it and rested it.

2) Language Skills

Listening: ฟังเพ่อื หาขอ้ มูลเฉพาะ

Speaking: พดู แสดงความคดิ เห็นเก่ียวกบั เร่ืองทอ่ี า่ น, พดู เล่าเร่ืองทอี่ า่ น,

พูดขอและใหข้ อ้ มลู เกี่ยวกบั อบุ ตั ิเหตทุ ีเ่ กิดข้ึนกบั ผอู้ น่ื

Reading: อา่ นเพือ่ หาขอ้ มูลเฉพาะ

Writing: เขียนอเี มลเลา่ เกี่ยวกบั อบุ ตั ิเหตุท่เี กิดข้นึ กบั ตนเอง

4. สมรรถนะสาคัญของผ้เู รยี น
1) ความสามารถในการสื่อสาร
2) ความสามารถในการคิด

104

3) ความสามารถในการใชท้ กั ษะชีวิต

5. คณุ ลักษณะอนั พงึ ประสงค์
1) ใฝ่เรียนรู้
2) ม่งุ มนั่ ในการทางาน

6. กิจกรรมการเรียนรู้

ช่ัวโมงที่ 1

ข้นั Warm up
1. ครูนาเขา้ สู่บทเรียนดว้ ยการใหน้ กั เรียนอา่ นช่ือหน่วยการเรียนรู้ Believe it or not! ในหนงั สือเรียน

หนา้ 21 และใหน้ กั เรียนเดาความหมาย (something unbelievable such as an amazing story or a
strange event)
2. ครูทบทวนคาศพั ทเ์ ก่ียวกบั ภยั พบิ ตั ิทางธรรมชาติ โดยเขียนคาวา่ natural phenomena บนกระดาน
แลว้ ใหน้ กั เรียนระดมสมองพดู บอกคาศพั ท์ เช่น flood, earthquake, tsunami, tornado
ครูอาจนาภาพมาแสดงหรือเปิ ดคลิปวดี ิโอเพ่ือช่วยนกั เรียนในการบอกคาศพั ท์
3. Find the page numbers for หน้า 21
นกั เรียนอ่านหัวขอ้ ท่ีให้มาและช่วยกนั อธิบายความหมายของคาว่า jungle

jungle (n) = an area of tropical forest where trees and plants grow very thickly
(ป่ าทบึ )

จากน้นั ใหน้ กั เรียนหาว่าภาพท่ีเก่ียวขอ้ งกบั หัวขอ้ เหล่าน้ีอยใู่ นหนงั สือเรียนหนา้ ใด
เมื่อหาพบแลว้ ครูถามคาถามเกี่ยวกบั หวั ขอ้ ดงั กลา่ ว เพือ่ กระตนุ้ ความสนใจของนกั เรียน

a paragraph plan (p. 29)
How useful do you find paragraph plans?

105

Do you always use one when writing? Why (not)?
a timetable (p. 24)
Where might you see a timetable like this?
Do you write down things you have to do in a timetable?
a jungle story (p. 26)
Do you like to read/write stories? What sort of stories do you like the most?

ข้นั Pre-reading
1. หนงั สือเรียน หน้า 21 Ex. 1 นกั เรียนจบั คู่ภาพภยั พบิ ตั ทิ างธรรมชาติกบั คาศพั ทท์ ี่สมั พนั ธก์ นั

เสร็จแลว้ ครูเปิ ด CD ให้นกั เรียนฟังเพือ่ ตรวจคาตอบ

1C 2B 3F 4I 5D
6H 7A 8E 9G

จากน้นั ครูเปิ ด CD อกี 2-3 คร้ัง เพื่อให้นกั เรียนฝึกออกเสียงคาศพั ทต์ าม

ครูเนน้ ให้นกั เรียนลงเสียงหนกั ในคาใหถ้ ูกตอ้ ง

earthquake tsunami avalanche tornado

volcanic eruption lightning hurricane

เม่ือนกั เรียนออกเสียงไดค้ ล่องแลว้ ใหช้ ่วยกนั บอกความหมายของคาศพั ทเ์ ป็นภาษาไทย

2. หนังสือเรยี น หน้า 21 Ex. 2 นกั เรียนดูภาพภยั พิบตั ิทางธรรมชาติ แลว้ บอกวา่ ภยั พิบตั ิใดที่เกิดข้ึนบ่อย

และเกิดข้นึ ไมบ่ อ่ ยในประเทศไทย จากน้นั ครูรวบรวมคาตอบจากนกั เรียนหลาย ๆ คน

Earthquakes are not common in my country.
Tsunamis are not common in my country.
Avalanches are not common in my country.
Tornadoes are not common in my country.
Volcanic eruptions are not common in my country.
Lightning is common in my country.
Hurricanes are not common in my country.

106

Droughts are common in my country.

3. หนงั สือเรยี น หน้า 22 Ex. 1 นกั เรียนอ่านช่ือเรื่องและบทนาในยอ่ หนา้ แรก รวมท้งั วลีให้มา
แลว้ เดาวา่ บทอ่านน่าจะเก่ียวกบั อะไร ครูรวบรวมคาตอบจากนกั เรียนหลาย ๆ คน จากน้นั เปิ ด CD
ใหน้ กั เรียนฟังและอ่านบทอา่ นตามไปดว้ ย เพอ่ื ตรวจคาตอบ

The text is about lightning and a man who was struck several times and survived.

4. นกั เรียนอา่ นคาศพั ทใ์ นกรอบ Check these words หนงั สือเรียน หนา้ 22

และช่วยกนั อธิบายความหมาย ถา้ คาใดไม่รู้ใหเ้ ปิ ดพจนานุกรม หรือครูช่วยอธิบาย เช่น

forest ranger (n) = someone whose job involves protecting forests and areas of

open country, for example by dealing with forest fires, and

by making sure people obey laws relating to fishing,

hunting, and camping (เจา้ หนา้ ท่ปี ่ าไม)้

remarkable (adj) = unusual or surprising in a way that causes people to take

notice (ไมธ่ รรมดา)

lightning strike (n) = an incident in which lightning hits somebody/something

(ฟ้าผ่า)

knock (v) = to hit, especially forcefully, and cause to move or fall

(กระแทก, ต,ี ทาให้ลม้ ลง)

unconscious (adj) = in a state like sleep because of an injury or illness, and not

able to use your senses (ซ่ึงไมไ่ ดส้ ต,ิ สลบ)

dump (v) = to put something down in a careless or untidy way (เท)

cool off (phr v) = to become less hot, or to make someone or something

become less hot (ทาใหเ้ ยน็ )

lightning bolt (n) = a sudden flash of lightning in the sky, appearing as a line

(สายฟ้า)

fortunate (adj) = having a good luck (โชคดี)

ข้นั Reading

107

หนังสือเรียน หน้า 22 Ex. 2 นกั เรียนอา่ นประโยคทกี่ าหนดใหแ้ ละขดี เสน้ ใตค้ าสาคญั แลว้ อ่าน
บทอ่านโดยมองหาคาพอ้ งความหมาย (synonym) คาท่มี ีความหมายตรงกนั ขา้ ม (opposite)
หรือกลมุ่ คา/วลีทม่ี คี วามหมายเหมอื นกนั หรือต่างกนั กบั คาสาคญั ทขี่ ีดเสน้ ใตไ้ ว้
เมอ่ื พบแลว้ อา่ นให้เขา้ ใจ แลว้ จึงตอบว่าประโยคถกู ตอ้ ง ไม่ถกู ตอ้ ง หรือไม่ไดก้ ล่าวถึง
ถา้ ประโยคใดไม่ถูกตอ้ งให้นกั เรียนแกไ้ ขใหถ้ ูกตอ้ งดว้ ย จากน้นั ครูรวบรวมคาตอบจากนกั เรียน
และเฉลยคาตอบ

1T
2 F (He has one remarkable record.)
3T
4 DS
5T
6T
7 F (The last lightning strike left him with severe burns to the chest and stomach.)
8 DS

ข้นั Post-reading
1. หนังสือเรยี น หน้า 22 Ex. 3 นกั เรียนฝึกฝนคาศพั ทจ์ ากบทอา่ น ดว้ ยการเติมคาท่ใี หม้ าลงในช่องวา่ ง

เพ่ือใหเ้ ป็นวลที ีถ่ กู ตอ้ ง เสร็จแลว้ ครูขออาสาสมคั รบอกคาตอบ เมื่อครูตรวจคาตอบแลว้
ให้นกั เรียนอา่ นวลีท่เี ติมคาถกู ตอ้ งแลว้ พร้อมกนั

1 forest 2 survive 3 knock 4 damaged
5 hurt 6 set 7 lightning 8 severe

108

จากน้นั ใหน้ กั เรียนนาวลีเหลา่ น้ีมาแตง่ ประโยคเกี่ยวกบั Roy Sullivan
แลว้ ครูสุ่มเรียกนกั เรียนอา่ นประโยคท่ตี นเองแต่งใหเ้ พอ่ื นฟัง

He survived seven lightning strikes.
Once lightning knocked him unconscious.
He suffered many injuries including a damaged shoulder.
He also hurt his ankle.
Lightning set his hair on fire twice.
The last lightning bolt hit him while he was fishing.
He went to hospital with severe burns to the chest.
2. หนังสือเรยี น หน้า 23 Ex. 4 นกั เรียนทางานกลุ่ม กลมุ่ ละ 3-4 คน ใหแ้ ต่ละกลุ่มเรียบเรียงเร่ืองราวของ
Roy Sullivan โดยใชว้ ลีใน Ex. 1 จากน้นั ให้แตล่ ะกลุ่มพดู เลา่ เรื่องให้เพ่อื นกลุ่มอ่นื ฟัง

Roy Sullivan was a forest ranger who holds a remarkable record. He has
survived seven lightning strikes. In the first strike he was working up a tree
and he lost a nail from his big toe. In the second strike the lightning knocked
him unconscious and burned his eyebrows off. The third strike damaged his
shoulder. The fourth strike burned off his hair. Then the fifth strike set his
hair on fire again. The sixth strike hurt his ankle. The last strike sent him to
hospital with severe burns.

3. THINK! หนังสือเรยี น หน้า 23 ครูใหน้ กั เรียนแสดงความคิดเห็นว่า ทาไมผเู้ ขียนจึงคดิ วา่ Roy โชคดี
แลว้ นกั เรียนมีความคดิ เห็นอยา่ งไร ครูให้เวลานกั เรียนเขียนความคดิ เห็นของตนเอง
จากน้นั สุ่มเรียกนกั เรียนหลาย ๆ คน บอกความคดิ เห็น

The author thinks Roy is lucky because he survived seven lightning strikes.
I think Roy is very unlucky to be struck seven times by lightning, but I think he
was lucky to survive them all.

109

4. แบบฝึกหัด (Workbook) หนา้ 12 Exs. 1-3 ให้นกั เรียนทาเป็นการบา้ น

ช่ัวโมงท่ี 2

ข้นั Warm up
ครูสนทนากบั นกั เรียนดว้ ยการถามว่า ใครเคยประสบอุบตั เิ หตุ
หรือไดร้ ับบาดเจ็บจากการทากิจกรรมต่าง ๆ บา้ ง เช่น โดนน้าร้อนลวก โดนมีดบาด หกลม้ ตกบนั ได
ขอ้ เทา้ เคล็ด เป็นตน้ แลว้ ครูถามต่อไปวา่ เม่ือประสบอบุ ตั ิเหตุ หรือไดร้ ับบาดเจ็บ นกั เรียนทาอยา่ งไร
ครูอาจให้นกั เรียนบางคนเลา่ เหตกุ ารณ์ให้เพ่ือนฟัง

ข้นั Presentation

1. หนงั สือเรยี น หน้า 23 Ex. 5 ครูทบทวนคาศพั ทเ์ กี่ยวกบั อวยั วะต่าง ๆ
โดยใหน้ กั เรียนเขียนคาศพั ทใ์ หไ้ ดม้ ากทีส่ ุดภายในเวลา 1 นาที
เม่อื ครบกาหนดเวลาครูใหน้ กั เรียนแลกเปล่ยี นกนั นบั คาศพั ท์
จากน้นั ครูวาดภาพคนบนกระดาน
แลว้ ให้นกั เรียนท่ีเขยี นคาศพั ทไ์ ดม้ ากทส่ี ุดออกมาเขยี นคาศพั ทท์ ่ภี าพคนบนกระดาน
ครูและนกั เรียนที่เหลอื ช่วยกนั ตรวจการสะกดคา และเพ่ิมเติมคาศพั ทท์ ีน่ กั เรียนควรรู้ เช่น wrist
(ขอ้ มอื ), muscle (กลา้ มเน้ือ), ankle (ขอ้ เทา้ )

head ear fingers
hand
eye 110
nose wrist
mouth

arm

2. หนงั สือเรยี น หน้า 23 Ex. 6a ครูนาเสนอวลีเกี่ยวกบั อาการบาดเจ็บ โดยใหน้ กั เรียนดูภาพ
และอ่านออกเสียงวลีตามครู แลว้ ใหน้ กั เรียนอธิบายความหมาย
โดยครูช่วยอธิบายความหมายของคาศพั ทย์ าก เช่น
sprain (v) = to cause an injury to a joint (= a place where two bones are connected) by
a sudden movement (ทาให้เคล็ด)
pull (v) = to injure a muscle by stretching it too much (ทาให้กลา้ มเน้ือตงึ เกินไป)
bruise (v) = to cause someone to have a blue, brown or purple mark that appears on
the skin, as a result of being hit by something (แผลฟกช้า, รอยฟกช้า)
twist (v) = to injure part of your body, especially your ankle, wrist or knee
by suddenly turning it (บดิ , พลิก)
หลงั จากน้นั ใหน้ กั เรียนทางานคู่ ผลดั กนั พูดบอกส่ิงท่ีเกิดข้นึ กบั บคุ คลในภาพเมอื่ วานน้ี แลว้ ครู
สุ่มเรียกนกั เรียนพูดรายงานคาตอบ

2 Kelly sprained her wrist. 3 Mary hit her head.
4 Steve cut his leg. 5 James pulled a muscle.
6 Alex bruised his eye. 7 Martha twisted her ankle.
8 John broke his leg.

3. หนังสือเรียน หน้า 23 Ex. 6b ครูนาเสนอวลีเกี่ยวกบั การปฐมพยาบาล โดยเปิ ด CD
ให้นกั เรียนฟังและออกเสียงตาม 2 คร้งั จากน้นั ใหน้ กั เรียนอธิบายความหมายของวลี
ถา้ คาใดไมร่ ู้ให้เปิ ดพจนานุกรม

111

bandage (n) = a long, narrow piece of cloth that is tied around an injury or a part of
someone’s body that has been hurt (ผา้ พนั แผล)

wound (n) = an injury to part of the body, especially one in which a hole is made
in the skin using a weapon (บาดแผล)

plaster cast (n) = a covering made of plaster of Paris that covers a broken bone and
protects it (เฝือก)

dressing (n) = a piece of soft material placed over a wound in order to protect it
(ผา้ ปิ ดแผล)

4. หนังสือเรยี น หน้า 23 Ex. 6c นกั เรียนดูภาพใน Ex. 6a อีกคร้งั
แลว้ เขยี นประโยคเก่ียวกบั อาการบาดเจ็บของบุคคลในแต่ละภาพและการปฐมพยาบาล
เสร็จแลว้ ครูรวบรวมคาตอบจากนกั เรียนและตรวจคาตอบ

2 Kelly sprained her wrist, so she put an ice pack on it, put a bandage on it and
rested it.

3 Mary hit her head, so she put an ice pack on it.
4 Steve cut his leg, so he cleaned the wound and put a dressing on it.
5 James pulled a muscle, so he rested it.
6 Alex bruised his eye, so he put an ice pack on it.
7 Martha twisted her ankle, so she put an ice pack on it, put a bandage on it

and rested it.
8 John broke his leg, so he had an x-ray and wore a plaster cast.

5. ครูอธิบายภาระงานในหนงั สือเรียน หนา้ 23 Ex. 7 วา่ นกั เรียนจะไดฟ้ ังเพ่ือน 3 คน
สนทนาเก่ียวกบั อุบตั ิเหตุทีเ่ กิดข้ึนกบั พวกเขา และจดบนั ทกึ ขอ้ มลู ลงในตาราง

ข้นั Practice
1. หนงั สือเรียน หน้า 23 Ex. 7 นกั เรียนลอกตารางลงในสมุด แลว้ ครูเปิ ด CD

ให้นกั เรียนฟังบทสนทนาและจดบนั ทึกขอ้ มลู ลงในตาราง

112

เมือ่ ฟังจบครูถามนกั เรียนว่าจดบนั ทกึ ขอ้ มูลไดค้ รบหรือไม่ ครูอาจจะเปิ ด CD ให้ฟังอกี คร้ัง
เสร็จแลว้ ครูตรวจคาตอบดว้ ยการเขยี นตารางบนกระดาน และขออาสาสมคั รออกมาเตมิ ขอ้ มลู

what happened how it happened what they did

Jenny twisted ankle was playing basketball put ice pack on

Tony burnt hand was cooking dinner put cream on

Sally cut her leg was rollerblading cleaned the wound,

put a dressing on

จากน้นั ครูสุ่มเรียกนกั เรียนหลาย ๆ คน พดู เกี่ยวกบั อุบตั ิเหตขุ องพวกเขาโดยใชข้ อ้ มูลจากตาราง

Tony burnt his hand while he was cooking dinner. He put some cream on it.
Sally cut her leg while she was rollerblading. She cleaned the wound and put
a dressing on it.

2. หนงั สือเรียน หน้า 23 Ex. 8 นกั เรียนอา่ นวลีทใ่ี ห้มาพร้อมกนั
แลว้ ครูถามคาถามเพือ่ ใหน้ กั เรียนจบั ควู่ ลีเหล่าน้ีกบั บคุ คลในภาพ Ex. 6a เช่น
T: Who was playing basketball?
Ss: Mary.
T: Who was cooking?
Ss: Jane.
ครูทากิจกรรมเช่นเดียวกนั น้ีจนไดค้ าตอบครบทกุ ภาพ แลว้ ให้นกั เรียนอ่านตวั อยา่ งบทสนทนา
จากน้นั นกั เรียนทางานคู่ ฝึกพูดสนทนาเก่ียวกบั อบุ ตั เิ หตุที่เกิดข้ึนกบั ผูอ้ ่ืน
ครูเดินสงั เกตขณะนกั เรียนทากิจกรรม แลว้ สุ่มเรียกนกั เรียน 2-3 คู่ ออกมาพดู สนทนาท่หี นา้ ช้นั

113

A: Kelly sprained her wrist.
B: Really? How did it happen?
A: She was playing tennis.
B: What did she do?
A: She put an ice pack on it, put a bandage on it and rested it.

A: Mary hit her head.
B: Really? How did it happen?
A: She was playing basketball.
B: What did she do?
A: She put an ice pack on it.

A: Steve cut his leg.
B: Really? How did it happen?
A: He was going rock climbing.
B: What did he do?
A: He cleaned the wound and put a dressing on it. etc.

ข้นั Production
1. หนงั สือเรยี น หน้า 23 Ex. 9 ครูให้นกั เรียนสมมติว่าตนเองประสบอบุ ตั เิ หตุอยา่ งใดอยา่ งหน่ึงใน

Ex. 6a แลว้ เขียนอีเมลถงึ เพอ่ื นเพือ่ เล่าเก่ียวกบั อบุ ตั เิ หตุดงั กลา่ ว โดยให้นกั เรียนเขียนอีเมลตาม
โครงร่าง ท่ีกาหนดให้ เมอื่ เขียนเสร็จแลว้ ตรวจทานงานเขยี นของตนเอง จากน้นั ครูสุ่มเรียกนกั เรียน
3-4 คน อ่านอีเมลใหเ้ พือ่ นฟัง

Dear Matt,
You won’t believe what happened to me last week. I sprained my wrist while I
was playing tennis. I put an ice pack on it, put a bandage on it and rested it. It’s
better now. What about you? How are things?
Write back,

114

Yianis

2. นกั เรียนทา Language Review 2a Ex. 1 ในหนงั สือเรียน หนา้ 106 ร่วมกนั ในช้นั
3. แบบฝึกหัด (Workbook) หนา้ 13 Exs. 4-8 ให้นกั เรียนทาเป็นการบา้ น

7. การวดั และการประเมนิ ผล

วธิ กี ารวดั เคร่ืองมือ เกณฑ์การผ่าน
ร้อยละ 60
ตรวจการตอบคาถามจากการอา่ นและก หนงั สือเรียน,
ระดบั คุณภาพ พอใช้
ารฟัง แบบทดสอบ
ระดบั คุณภาพ พอใช้
สงั เกตการแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกบั เรื่ แบบสงั เกตพฤติกรรมการเรียนรู้ ระดบั คุณภาพ พอใช้

องที่อา่ น ระดบั คุณภาพ พอใช้

ประเมนิ การพดู เล่าเรื่องท่ีอ่าน แบบประเมนิ การพดู ระดบั คณุ ภาพ ผา่ น

สงั เกตการพดู ขอและใหข้ อ้ มลู เก่ียวกบั อุ แบบสังเกตพฤตกิ รรมการเรียนรู้

บตั ิเหตทุ ีเ่ กิดข้นึ กบั ผูอ้ น่ื

ประเมินการเขียนอีเมลเลา่ เกี่ยวกบั อบุ ตั ิเ แบบประเมินการเขยี น

หตุทเ่ี กิดข้ึนกบั ตนเอง

สังเกตความใฝ่เรียนรู้และความมงุ่ มนั่ ใ แบบประเมนิ คุณลกั ษณะ

นการทางาน อนั พงึ ประสงค์

8. สื่อ/แหล่งการเรียนรู้
1) หนงั สือเรียน SPARK 3 ม. 3
2) Class Audio CDs ประกอบสื่อฯ ชุด SPARK 3 ม. 3
3) แบบฝึกหดั SPARK 3 ม. 3

115

4) พจนานุกรมองั กฤษ-องั กฤษ
5) พจนานุกรมออนไลน์
6) ภาพหรือคลปิ วีดิโอเกี่ยวภบั ภยั พิบตั ทิ างธรรมชาติ

Grammar 2b 2

2 ชั่วโมง

จุดประสงค์ (Objectives)
- พูดขอและให้ขอ้ มลู เก่ียวกบั กระทาในอดีตได้
- เขียนให้ขอ้ มูลเก่ียวกบั ตนเองได้
1. สาระ มาตรฐานการเรยี นรู้/ตัวชี้วดั
สาระที่ 1 ภาษาเพอ่ื การส่ือสาร
มาตรฐาน ต 1.2 มที กั ษะการส่ือสารทางภาษาในการแลกเปลย่ี นข้อมูลข่าวสาร แสดงความรู้สึก

และความคิดเหน็ อย่างมีประสิทธภิ าพ
ตวั ช้ีวดั
ต 1.2 ม. 3/1 สนทนาและเขียนโตต้ อบขอ้ มลู เก่ียวกบั ตนเอง เรื่องตา่ ง ๆ ใกลต้ วั สถานการณ์ ข่าว

เรื่องที่อยใู่ นความสนใจของสังคม และสื่อสารอยา่ งต่อเนื่องและเหมาะสม

116

มาตรฐาน ต 1.3 นาเสนอข้อมลู ข่าวสาร ความคิดรวบยอด และความคิดเห็นในเร่ืองต่าง ๆ โดยการพูด
และการเขียน
ตวั ช้ีวดั
ต 1.3 ม. 3/1 พดู และเขยี นบรรยายเกี่ยวกบั ตนเอง ประสบการณ์ ข่าว/เหตกุ ารณ์/เรื่อง/ประเดน็
ต่าง ๆ ท่ีอยใู่ นความสนใจของสงั คม

2. สาระสาคัญ/ความคดิ รวบยอด
การเรียนรู้โครงสร้างภาษา (Past simple vs Past continuous, used to/would/be used to)

ช่วยให้สามารถพดู /เขยี นส่ือสารในชีวติ ประจาวนั ไดอ้ ยา่ งถูกตอ้ ง

3. สาระการเรียนรู้

3.1 ทกั ษะเฉพาะวิชา

1) Language Features and Functions

Grammar: Past simple vs Past continuous

used to/would/be used to

Functions: Talking about past actions

Were you doing your homework at 5 o’clock yesterday afternoon?

Yes, I was./No, I wasn’t.

Did you visit your grandparents last Sunday?

Yes, I did./No, I didn’t.

2) Language Skills

Speaking: พูดขอและใหข้ อ้ มลู เก่ียวกบั การกระทาในอดีต

Writing: แต่งประโยคตามโครงสร้างทเี่ รียน,

เขยี นใหข้ อ้ มลู เก่ียวกบั สิ่งที่ตนเองเคยทา/ไม่เคยทาในอดีต

และสิ่งทคี่ นุ้ เคย/ไม่คนุ้ เคย

4. สมรรถนะสาคัญของผ้เู รยี น

117

1) ความสามารถในการส่ือสาร
2) ความสามารถในการคดิ

5. คุณลกั ษณะอันพึงประสงค์
1) ใฝ่เรียนรู้
2) มงุ่ มนั่ ในการทางาน

6. กจิ กรรมการเรียนรู้

ชั่วโมงท่ี 1

ข้นั Warm up
ครูทบทวนคาศพั ทเ์ กี่ยวกบั ภยั พบิ ตั ิ โดยนาภาพมาแสดง ให้นกั เรียนดแู ละพดู คาศพั ท์ พร้อมท้งั
สะกดคา เช่น
T: (แสดงภาพแผน่ ดินไหว)
What phenomena is this picture?
Ss: It’s an earthquake.
T: How can you spell it?
Ss: E-a-r-t-h-q-u-a-k-e

ข้นั Presentation
1. ครูทบทวนการใช้ Past simple โดยถามคาถามนกั เรียน 1-2 คน เกี่ยวกบั การไปเท่ียวคร้งั ลา่ สุด เช่น

T: Where did you go on your last holiday?
S1: I went to Bali.
T: Really? How was it?
S1: Wonderful! The beaches were clean and the weather was great!
T: How long did you stay there?
S1: I stayed for about 10 days.
T: What did you do there?
S1: Well, I went sunbathing and tried lots of local food.
จากน้นั ใหน้ กั เรียนช่วยกนั บอกโครงสร้าง Past simple และหลกั การใช้

118

2. ครูเขียนประโยคตอ่ ไปน้ีบนกระดาน
He wasn’t sleeping at 7 o’clock last night. He was watching TV.
They weren’t watching at 8 o’clock last night. They were playing computer games.

ให้นกั เรียนช่วยกนั บอกโครงสร้างประโยค โดยครูช่วยขีดเส้นใตค้ ากริยา (was/were + v-ing)
จากน้นั ครูอธิบายวา่ ประโยคบนกระดานอยใู่ นรูป Past continuous มโี ครงสร้างคอื was/were + v-
ing ซ่ึงมีหลกั การใช้ ดงั น้ี

- ใชก้ ลา่ วถงึ การกระทาทกี่ าลงั เกิดข้นึ ในอดีตในเวลาที่เฉพาะเจาะจง
- ใชก้ ล่าวถึงการกระทา 2 กระทา ที่กาลงั เกิดข้นึ พร้อมกนั ในอดีต
- ใชก้ ล่าวถึงการกระทาท่ีกาลงั เกิดข้นึ ในอดีต และมอี ีกการกระทาหน่ึงเกิดแทรก
ซ่ึงการกระทาท่ีกาลงั เกิดข้นึ จะใช้ Past continuous ส่วนการกระทาท่ีเกิดแทรกจะใช้ Past
simple
3. หนังสือเรียน หน้า 24 Ex. 1 ครูให้นกั เรียนอ่านหลกั การใช้ Past simple และ Past continuous
เพอื่ ทบทวนความเขา้ ใจ แลว้ ช่วยกนั อธิบายความหมายของตวั อยา่ งประโยคสีฟ้า
จากน้นั ให้นกั เรียนหาตวั อยา่ งการใช้ Past simple และ Past continuous ในบทอ่าน หนา้ 22
แลว้ ช่วยกนั สรุปหลกั การใช้ ท้งั 2 tense น้ี

Past simple: was, survived, lost, happened, knocked, burned, occurred, left, took
place, dumped, hit, set, tried, happened, hurt, sent, came
Past continuous: was working, was driving, was moving, was fishing

ข้นั Practice
1. หนงั สือเรียน หน้า 24 Ex. 2 นกั เรียนฝึกใช้ Past continuous

โดยดูตารางขอ้ มูลและเตมิ ประโยคให้ถูกตอ้ งโดยใชค้ ากริยารูป Past continuous
เสร็จแลว้ ครูสุ่มเรียกนกั เรียนอ่านประโยค และครูตรวจคาตอบ

2 wasn’t watching, was tidying her room
3 weren’t sleeping, were having lunch
4 wasn’t playing, was watching TV (with Sandra)
5 weren’t having, were playing basketball (with Sandra)

119

2. หนังสือเรียน หน้า 24 Ex. 3 นกั เรียนอ่านประโยคและเปล่ียนคากริยาในวงเล็บให้อยู่ใน tense
ทถ่ี ูกตอ้ ง เสร็จแลว้ นกั เรียนร่วมกนั เฉลยคาตอบ พร้อมท้งั บอกเหตผุ ลทเี่ ลอื กใช้ Past simple หรือ
Past continuous

1 was tidying, was having (actions happening at the same time in the past)
2 did he call (action that started and finished in the past)
3 was waiting, rang (action in progress interrupted by another action in the past)
4 were having (action happening at a specific time in the past)
5 finished, went out (actions that happened one after the other in the past)
6 was playing, started (action in progress interrupted by another action in the past)
7 were watching, was reading (actions happening at the same time in the past)
8 was making, went out (action in progress interrupted by another action in the past)
9 were driving, broke down (action in progress interrupted by another action in the past)
10 put on, grabbed, left (actions that happened one after the other in the past)
3. หนังสือเรยี น หน้า 25 Ex. 4 นกั เรียนอา่ นขอ้ ความและเปลี่ยนคากริยาในวงเลบ็ ใหอ้ ยใู่ นรูป Past
simple หรือ Past continuous เสร็จแลว้ ครูใหน้ กั เรียนร่วมกนั เฉลยคาตอบ

1 became 2 talked 3 rescued 4 was climbing
5 fell 6 were screaming 7 were watching
8 carried 9 was holding 10 filmed

ข้นั Production
1. นกั เรียนทางานคู่ แตง่ ประโยคในรูป Past continuous มา 5 ประโยค และแต่งประโยคโดยใช้ Past

simple ร่วมกบั Past continuous มา 5 ประโยค เสร็จแลว้ ครูสุ่มเรียกนกั เรียนหลาย ๆ คู่
อ่านประโยคท่แี ต่งให้เพื่อนฟัง
2. แบบฝึกหัด (Workbook) หนา้ 14-15 Exs. 1-5 ให้นกั เรียนทาเป็นการบา้ น

120

ชั่วโมงท่ี 2

ข้นั Warm up
ครูให้เวลานกั เรียนคิดสิ่งท่ตี นเองเคยทาในอดีต แต่ปัจจบุ นั ไม่ทาแลว้
จากน้นั ให้นกั เรียนพดู ใหค้ รูและเพ่ือนฟังทีละคน โดยครูพูดเป็นคนแรก เช่น I used to eat meat
when I was young.

ข้นั Presentation
1. ครูทบทวน Past simple หรือ Past continuous ดว้ ยการพดู ประโยคโดยเวน้ คากริยาไว้

ให้นกั เรียนช่วยกนั เตมิ เช่น
He went to Phuket last summer.
Yesterday I had dinner with my friends.
Jane was reading while her mum was watching TV.
My dad was cleaning a car at 7 o’clock yesterday morning.

จากน้นั ใหน้ กั เรียนช่วยกนั บอกโครงสร้างและหลกั การใช้ Past simple และ Past continuous

2. ครูสอนการใช้ used to, would, be used to ดว้ ยการเขียนตวั อยา่ งประโยคบนกระดาน เช่น
He used to smoke.
We used to play that game when we were young.
He would have dinner at that restaurant when he worked here.
She would sit there and read her book.
I’m used to drinking juice after breakfast.
She is used to getting up early.
We aren’t used to hot weather.

ครูถามนกั เรียนวา่ หลงั used to, would, be used to ตามดว้ ยคาชนิดใด
แลว้ ครูเขียนโครงสร้างบนกระดาน

used to + infinitive
would + infinitive
be used to + v-ing/noun/pronoun
จากน้นั ครูอธิบายหลกั การใช้ used to, would, be used to ดงั น้ี
- used to ใชก้ บั การกระทาที่เคยทาในอดีต แต่ปัจจุบนั เลิกทาแลว้

121

- be used to หมายความว่า คุน้ เคย, เคยชิน ใชก้ บั การกระทาท่ที าเป็นนิสยั
- would ใชก้ บั การกระทาที่ทาเป็นประจาในอดีต
3. หนงั สือเรยี น หน้า 25 Ex. 7a นกั เรียนอ่านหลกั การใช้ used to, would, be used to
เพื่อทบทวนความเขา้ ใจ จากน้นั ช่วยกนั อธิบายความหมายของตวั อยา่ งประโยคสีฟ้า

ข้นั Practice
1. หนงั สือเรยี น หน้า 25 Ex. 5 นกั เรียนฝึกพูดถาม-ตอบเก่ียวกบั การกระทาในอดีต

ครูให้นกั เรียนอา่ นตวั อยา่ งขอ้ 1-2 แลว้ ครูถามวา่ ทาไมขอ้ 1 ใช้ Past continuous ส่วนขอ้ 2 ใช้ Past
simple (ขอ้ 1 ระบเุ วลาที่เฉพาะเจาะจง คอื 4 o’clock yesterday afternoon จึงตอ้ งใช้ Past continuous
ส่วนขอ้ 2 ไมไ่ ดร้ ะบเุ วลาที่แน่ชดั จึงใช้ Past simple)
จากน้นั ครูใหน้ กั เรียนอ่านคาทีใ่ หม้ าอยา่ งรวดเร็วเพ่ือระบวุ ่าในแตล่ ะขอ้ ควรใช้ tense ใด แลว้ จึงให้
นกั เรียนจบั คู่กนั ฝึกพดู ถาม-ตอบ ครูเดินสงั เกตขณะนกั เรียนทากิจกรรม แลว้ สุ่มเรียกนกั เรียน
3-5 คู่ ออกมาพดู ถาม-ตอบท่หี นา้ ช้นั

3 A: Were you doing your homework at 5 o’clock yesterday afternoon?
B: Yes, I was./No, I wasn’t.

4 A: Did you visit your grandparents last Sunday?
B: Yes, I did./No, I didn’t.

5 A: Were you talking on the phone at lunchtime yesterday?
B: Yes, I was./No, I wasn’t.

6 A: Did you watch TV yesterday afternoon?
B: Yes, I did./No, I didn’t.

7 A: Did your friends play basketball yesterday?
B: Yes,they did./No, they didn’t.

8 A: Were you sleeping at 3 o’clock yesterday afternoon?
B: Yes. I was./No, I wasn’t.

122

2. หนังสือเรยี น หน้า 25 Ex. 6 นกั เรียนอ่านประโยค แลว้ เขยี นประโยคให้สมบรู ณโ์ ดยใช้ Past simple
หรือ Past continuous จากน้นั ครูสุ่มเรียกนกั เรียนหลาย ๆ คน อา่ นประโยคของตนเอง

1 it was raining.
2 I was having breakfast.
3 stayed at a hotel by the beach.
4 doing my homework … my mum was cooking dinner.
5 was watching TV ... David called.
6 friends and I were camping in the mountains.

3. หนังสือเรยี น หน้า 25 Ex. 7b ครูและนกั เรียนทาขอ้ 1 ร่วมกนั เพอ่ื เป็นตวั อยา่ ง
1 They are used/used to cold weather.

ครูใหน้ กั เรียนช่วยกนั อธิบายวา่ ทาไมจึงตอบ are used (be used to ตามดว้ ย v-ing/noun ซ่ึง cold
weather เป็น noun จึงตอบ are used โดยประโยคน้ีมคี วามหมายว่า
พวกเขาเคยชินกบั สภาพอากาศท่หี นาวเยน็ )
จากน้นั ให้นกั เรียนทาขอ้ ท่เี หลือดว้ ยตนเอง เสร็จแลว้ ครูนกั เรียนช่วยกนั เฉลยคาตอบ

1 are used 2 used to 3 came 4 go
5 flew 6 waking 7 use 8 use

4. หนังสือเรยี น หน้า 25 Ex. 8 นกั เรียนแต่งประโยคเก่ียวกบั ตนเองโดยใชค้ าข้ึนตน้ ที่กาหนดให้
ครูให้เวลานกั เรียนทางาน เสร็จแลว้ ครูสุ่มเรียกนกั เรียนหลาย ๆ คนอ่านประโยค

As a child I used to love horses.
As a child I didn’t use to play sport.
I’m used to waking up early for school.

ข้นั Production

123

1. นกั เรียนทาชิ้นงาน โดยเขียนประโยคเก่ียวกบั ส่ิงท่ตี นเองเคยทาและไม่เคยทาในอดีต
สิ่งที่ตนเองคนุ้ เคยและไมค่ นุ้ เคย มาอยา่ งละ 1 ประโยค
พร้อมท้งั ติดภาพประกอบหรือวาดภาพใหส้ มั พนั ธ์กบั ประโยค
ครูให้นกั เรียนออกแบบชิ้นงานไดอ้ ยา่ งอิสระ โดยจะนาเสนอใหร้ ูปแบบใดกไ็ ด้ เช่น โปสเตอร์
แผ่นพบั สมดุ

I’m used to jogging in the morning.

I am not used to cooking.

2. นกั เรียนทา Grammar Bank 2 ในแบบฝึกหดั (Workbook) หนา้ 80-81 Exs. 1-6
3. แบบฝึกหดั (Workbook) หนา้ 15 Exs. 6-8 ใหน้ กั เรียนทาเป็นการบา้ น

7. การวัดและการประเมนิ ผล เครื่องมือ เกณฑ์การผ่าน
สมดุ นกั เรียน -
วิธกี ารวดั
ตรวจการแตง่ ประโยคตามโครงสร้าง แบบสังเกตพฤติกรรมการเรียนรู้ ระดบั คณุ ภาพ พอใช้
ท่ีเรียน
สังเกตการพดู ขอและให้ขอ้ มลู เก่ียวกั แบบประเมินช้ินงาน ระดบั คณุ ภาพ พอใช้
บการกระทาในอดีต
ประเมินช้ินงานสิ่งท่ีเคยทา/ไม่เคยทาใ แบบประเมินคุณลกั ษณะ ระดบั คณุ ภาพ ผา่ น
นอดีต และสิ่งท่ีคนุ้ เคย/ไม่คุน้ เคย อนั พงึ ประสงค์
สังเกตความใฝ่ เรียนรู้และความมุ่งมน่ั
ในการทางาน

124

8. สื่อ/แหล่งการเรียนรู้
1) หนงั สือเรียน SPARK 3 ม. 3
2) แบบฝึกหดั SPARK 3 ม. 3
3) พจนานุกรมองั กฤษ-องั กฤษ
4) พจนานุกรมออนไลน์

Skills 2c 3

2 ชั่วโมง

จุดประสงค์การเรยี นรู้
- บอกรายละเอยี ด แสดงความคดิ เห็นและความรู้สึกเกี่ยวกบั เร่ืองที่อา่ นได้
- เขยี นบรรยายเร่ืองทีอ่ า่ นได้

1. สาระ มาตรฐานการเรียนรู้/ตัวชี้วดั
สาระท่ี 1 ภาษาเพอื่ การส่ือสาร

125

มาตรฐาน ต 1.1 เข้าใจและตีความเรื่องที่ฟังและอ่านจากสื่อประเภทต่าง ๆ
และแสดงความคดิ เห็นอย่างมเี หตุผล
ตวั ช้ีวดั
ต 1.1 ม. 3/4 เลอื ก/ระบุหัวขอ้ เรื่อง ใจความสาคญั รายละเอียดสนบั สนุน
และแสดงความคดิ เห็นเกี่ยวกบั เร่ืองทีฟ่ ังและอา่ นจากส่ือประเภทต่าง ๆ
มาตรฐาน ต 1.2 พร้อมท้งั ใหเ้ หตุผลและยกตวั อยา่ งประกอบ
มีทักษะการสื่อสารทางภาษาในการแลกเปลย่ี นข้อมลู ข่าวสาร
ตวั ช้ีวดั แสดงความรู้สึกและความคดิ เหน็ อย่างมีประสิทธภิ าพ
ต 1.2 ม. 3/4
พดู และเขียนเพื่อขอและใหข้ อ้ มลู อธิบาย เปรียบเทียบ
และแสดงความคิดเห็นเก่ียวกบั เร่ืองทฟ่ี ังหรืออา่ นอยา่ งเหมาะสม

2. สาระสาคัญ/ความคิดรวบยอด
การเรียนรู้คาศพั ท์ ช่วยให้เขา้ ใจเร่ืองทอ่ี ่าน สามารถแสดงความคดิ เห็น ความรู้สึก และเขยี น

บรรยายเรื่องได้

3. สาระการเรียนรู้

3.1 ทักษะเฉพาะวิชา

1) Language Features and Functions

Vocabulary: Verbs (lie, suffer from, wash away, spot, airlift, keep alive, recover)

Nouns (jungle canopy, search party, critical condition, severe

exhaustion, path, cliff, lizard, poison, blood)

Adjectives (experienced, confused)

2) Language Skills

Reading: อา่ นเพื่อหาขอ้ มูลเฉพาะ

Writing: เขียนบรรยายความคิดเห็นและความรู้สึกเก่ียวกบั เร่ืองที่อ่าน,

เขยี นอีเมลเพ่อื เล่าเรื่องทอ่ี ่าน

126

4. สมรรถนะสาคญั ของผ้เู รียน
1) ความสามารถในการส่ือสาร
2) ความสามารถในการคิด

5. คุณลักษณะอันพึงประสงค์
1) ใฝ่เรียนรู้
2) มุ่งมน่ั ในการทางาน

6. กจิ กรรมการเรียนรู้

ชั่วโมงท่ี 1

ข้นั Warm up
ครูถามนกั เรียนวา่ ใครชอบกิจกรรมการเดินป่ าบา้ ง จากน้นั ใหน้ กั เรียนช่วยกนั คิดว่าส่ิงทตี่ อ้ งนา
ตดิ ตวั ไปขณะเดินป่ ามอี ะไรบา้ ง เช่น น้าด่ืม เขม็ ทศิ ชุดปฐมพยาบาลเบ้อื งตน้

ข้นั Pre-reading

1. ครูให้นกั เรียนอ่านคาศพั ทใ์ นกรอบ Check these words หนงั สือเรียน หนา้ 26 ซ่ึงนกั เรียนจะพบใน

บทอา่ น แลว้ ช่วยกนั อธิบายความหมาย ถา้ ไมร่ ู้ให้เปิ ดพจนานุกรม

lie (v) = to be or put yourself in a flat or horizontal position so that you are

not standing or sitting (นอนราบ)

canopy (n) = a layer of something that spreads over an area like a roof,

especially branches of trees in a forest (ที่บงั แดด ฝน)

search party (n) = an organised group of people who are looking for a person or thing

that is missing or lost (ทมี คน้ หา)

critical (adj) = serious, uncertain and possibly dangerous (เป็นช่วงอนั ตราย)

suffer (from) (v) = to be badly affected by a disease, pain, sadness, a lack of

something etc. (ทนทกุ ขท์ รมาน)

exhaustion (n) = the state of being very tired (ความเหนื่อยลา้ อยา่ งมาก)

wash away (phr v) = to remove or carry somebody/something away to another place

(ชาระลา้ ง)

127

path (n) = a way or track that is built or is made by the action of people

walking (เส้นทาง)

cliff (n) = a high area of rock with a very steep side, often on a coast

(หนา้ ผา)

confused (adj) = unable to think clearly or to understand what is happening

(รู้สึกสบั สน)

spot (v) = to see or notice a person or thing, especially suddenly or when it is

not easy to do so (พบเห็น)

poison (n) = a substance that causes death or harm if it is swallowed or

absorbed into the body (พษิ )

airlift (n) = an operation to take people, soldiers, food etc. to or from an area

by aircraft, especially in an emergency or when roads are closed or

dangerous (ระบบการโดยสารหรือขนส่งดว้ ยเคร่ืองบิน

(โดยเฉพาะเวลาฉุกเฉิน))

keep (v) = to stay in a particular condition or position; to make

somebody/something do this (รกั ษา, พยงุ , ประคอง)

alive (adj) = living, not dead (มชี ีวติ อย)ู่

recover (v) = to get well again after being ill/sick, hurt etc.

(ฟ้ืนตวั จากการเจ็บป่ วย)

2. หนังสือเรยี น หน้า 26 Ex. 1a นกั เรียนดภู าพและอา่ นบทนาของเรื่องในยอ่ หนา้ แรก จากน้นั ครูเปิ ด

CD ให้นกั เรียนฟังเสียง แลว้ เดาวา่ น่าจะเกิดอะไรข้ึนกบั Hayden Adcock

I think he had an accident in the jungle. A helicopter spotted him and saved him.

3. หนังสือเรยี น หน้า 26 Ex. 1b ครูเปิ ด CD ให้นกั เรียนฟังและอา่ นบทอา่ นตามไปดว้ ย
เพือ่ ตรวจวา่ นกั เรียนคาดเดาถกู ตอ้ งหรือไม่

ข้นั Reading
หนังสือเรยี น หน้า 26 Ex. 2 นกั เรียนอา่ นประโยคและตวั เลอื กท่ใี หม้ า
แลว้ อา่ นบทอ่านเพ่ือหาเน้ือหาทีแ่ ต่ละประโยคอา้ งองิ ถงึ

128

ซ่ึงขอ้ มูลดงั กลา่ วอาจจะไมไ่ ดเ้ รียบเรียงโดยใชถ้ อ้ ยคาเดียวกบั ประโยคและตวั เลอื กที่ใหม้ า
จากน้นั เลอื กคาตอบท่ถี กู ตอ้ ง เสร็จแลว้ ครูรวบรวมคาตอบจากนกั เรียน และเฉลยคาตอบ

1 see a popular sight 2 a short walk in the woods
3 ran away 4 thinking of his loved ones

ข้นั Post- reading

1. หนงั สือเรียน หน้า 26 Ex. 3 ให้นกั เรียนสมมตวิ า่ ตนเองเป็น Hayden Adcock ซ่ึงนอนอยใู่ กล้ ๆ
น้าตก และไมส่ ามารถเคล่ือนไหวร่างกายได้ ครูให้เวลานกั เรียน 3 นาที
เขยี นบรรยายความคดิ เห็นและความรู้สึกของตนเอง เสร็จแลว้ ผลดั กนั อ่านให้เพือ่ นขา้ งเคียงฟัง
จากน้นั ครูสุ่มเรียกนกั เรียน 5-6 คน พูดรายงานความคิดและความรู้สึกของตนเอง

I am angry with myself for getting lost in the jungle. It was silly of me to set off
in only a T-shirt and shorts with just one bottle of water. I miss my family and
friends a lot. I must survive. I want to see them again. I feel a lot of pain but I am
trying not to think about that. I just hope someone will come and rescue me.

2. นกั เรียนทา Language Review 2c Ex. 2 ในหนงั สือเรียน หนา้ 106 ร่วมกนั ในช้นั
3. แบบฝึกหัด (Workbook) หนา้ 16 Exs. 1-3 ให้นกั เรียนทาเป็นการบา้ น

ช่ัวโมงที่ 2

ข้นั Warm up

ครูทบทวนคาศพั ทจ์ ากเรื่องที่อ่านเม่ือชว่ั โมงทแี่ ลว้ โดยให้นกั เรียนแบง่ ออกเป็น 5 กลมุ่

แลว้ ครูแจกบตั รคาให้กลุ่มละ 1 ชุด ให้นกั เรียนจบั คบู่ ตั รคาใหเ้ ป็นวลีที่ถกู ตอ้ ง

ซ่ึงวลที ่ใี หน้ กั เรียนจบั คู่ ไดแ้ ก่

jungle canopy keep alive suffer from

129

critical condition wash away search party

severe exhaustion

กลุม่ ใดจบั ค่บู ตั รคาเสร็จก่อนให้ยกมือข้ึน ครูเดินไปตรวจความถูกตอ้ ง

เม่อื นกั เรียนจบั คบู่ ตั รคาถกู ตอ้ งทุกกลุ่มแลว้ ครูชูบตั รคาทีละคู่ ใหน้ กั เรียนอ่านออกเสียงพร้อมกนั

ข้นั Pre-writing
1. ครูให้นกั เรียนช่วยกนั เลา่ เร่ืองของ Hayden Adcock จากบทอ่าน หนา้ 26

He took a short hike in Laos and he was lost. He stayed in the jungle with no food.
He was exhausted and was unable to move because of the poison of insects. The
search party rescued him and sent him to a hospital by helicopter.

2. ครูอธิบายภาระงานในหนงั สือเรียน หนา้ 26 Ex. 4 ว่า
นกั เรียนจะไดเ้ ขียนอีเมลถงึ เพอ่ื นเพือ่ เล่าเร่ืองของ Hayden Adcock

3. ครูให้นกั เรียนดูโครงร่างอเี มลในหนงั สือเรียน หนา้ 26 แลว้ ถามนกั เรียนวา่
การเขียนเลา่ เหตกุ ารณท์ ่ีเกิดข้ึนและสิ้นสุดไปแลว้ จะใช้ tense ใด (Past simple)

ข้นั Writing
หนังสือเรียน หน้า 26 Ex. 4 ครูให้นกั เรียนเขียนร่างอีเมลถึงเพื่อนเพ่ือเล่าเรื่องของ Hayden Adcock

Hi Sam,
How are you? I read about an Australian man, named Hayden Adcock who stayed
in the jungle for eleven days.
He was in Laos, near Thailand, and he decided to take a walk to a well-known
waterfall. While he was visiting a second waterfall, it started raining. The rain
washed away the paths and he got lost. Some lizards ran towards him and scared
him. Hayden fell into a river near the waterfall. He stayed there for eleven days

130

until a search party found him and took him to a hospital in Bangkok. He is lucky
to be alive. Amazing, isn’t it?
Have to go now,
James

ข้นั Post-writing
1. นกั เรียนตรวจทานร่างอีเมล โดยดกู ารสะกดคา ไวยากรณ์ การใชเ้ คร่ืองหมายวรรคตอน

และปรบั แกใ้ ห้ถกู ตอ้ ง จากน้นั ให้นกั เรียนเขียนอีเมลตามร่างอีเมลท่ีแกไ้ ขแลว้ เพื่อนาส่งครู
2. แบบฝึกหดั (Workbook) หนา้ 17 Ex. 7 ให้นกั เรียนฟัง CD แลว้ เลอื กคาตอบทถ่ี กู ตอ้ ง
3. แบบฝึกหดั (Workbook) หนา้ 17 Ex. 8 ใหน้ กั เรียนฟัง CD แลว้ เติมคาลงในช่องวา่ ง
4. แบบฝึกหัด (Workbook) หนา้ 17 Exs. 4-6 ให้นกั เรียนทาเป็นการบา้ น

7. การวัดและการประเมนิ ผล เคร่ืองมือ เกณฑ์การผ่าน
แบบฝึกหดั (Workbook) ร้อยละ 60
วิธกี ารวดั สมุดนกั เรียน -
ตรวจการตอบคาถามจากการอา่ น
ตรวจการเขียนบรรยายความคดิ เห็นแ แบบประเมนิ การเขียน ระดบั คณุ ภาพ พอใช้
ละความรู้สึกเกี่ยวกบั เร่ืองที่อา่ น
ประเมนิ การเขยี นอีเมลเพื่อเล่าเรื่อง แบบประเมนิ คุณลกั ษณะ ระดบั คณุ ภาพ ผา่ น
ท่ีอ่าน อนั พึงประสงค์
สังเกตความใฝ่เรียนรู้และความมงุ่ มน่ั
ในการทางาน

8. สื่อ/แหล่งการเรียนรู้

131

1) หนงั สือเรียน SPARK 3 ม. 3
2) Class Audio CDs ประกอบส่ือฯ ชุด SPARK 3 ม. 3
3) แบบฝึกหัด SPARK 3 ม. 3
4) พจนานุกรมองั กฤษ-องั กฤษ
5) พจนานุกรมออนไลน์
6) บตั รคาศพั ท์

4Everyday English 2d 2 ชั่วโมง

จุดประสงค์ (Objectives)
- อ่านออกเสียงบทสนทนาถกู ตอ้ งตามหลกั การอา่ นได้
- บอกรายละเอยี ดของบทสนทนาทอ่ี า่ นได้
- แต่งบทสนทนาตามสถานการณท์ ่กี าหนดได้
- พดู สนทนาเกี่ยวกบั สุขภาพได้

132

1. สาระ มาตรฐานการเรียนรู้/ตัวชีว้ ดั
สาระที่ 1 ภาษาเพอื่ การสื่อสาร
มาตรฐาน ต 1.1 เข้าใจและตคี วามเร่ืองท่ฟี ังและอ่านจากสื่อประเภทต่าง ๆ
และแสดงความคดิ เห็นอย่างมเี หตผุ ล
ตวั ช้ีวดั
ต 1.1 ม. 3/2 อ่านออกเสียงขอ้ ความ ขา่ ว โฆษณา และบทร้อยกรองส้นั ๆ ถูกตอ้ งตามหลกั การอา่ น
ต 1.1 ม. 3/4 เลือก/ระบุหัวขอ้ เร่ือง ใจความสาคญั รายละเอียดสนบั สนุน
และแสดงความคิดเห็นเก่ียวกบั เรื่องทฟ่ี ังและอ่านจากส่ือประเภทตา่ ง ๆ
พร้อมท้งั ใหเ้ หตผุ ลและยกตวั อยา่ งประกอบ
มาตรฐาน ต 1.2 มที กั ษะการส่ือสารทางภาษาในการแลกเปลย่ี นข้อมูลข่าวสาร
แสดงความรู้สึกและความคิดเหน็ อย่างมีประสิทธิภาพ
ตวั ช้ีวดั
ต 1.2 ม. 3/1 สนทนาและเขยี นโตต้ อบขอ้ มลู เกี่ยวกบั ตนเอง เร่ืองต่าง ๆ ใกลต้ วั สถานการณ์ ข่าว
เร่ืองทีอ่ ยใู่ นความสนใจของสงั คม และส่ือสารอยา่ งตอ่ เนื่องและเหมาะสม
ต 1.2 ม. 3/2 ใชค้ าขอร้อง ให้คาแนะนา คาช้ีแจง และคาอธิบายอยา่ งเหมาะสม
สาระท่ี 2 ภาษาและวฒั นธรรม
มาตรฐาน ต 2.1 เข้าใจความสัมพนั ธ์ระหว่างภาษากบั วัฒนธรรมของเจ้าของภาษา
และนาไปใช้ได้อย่างเหมาะสมกบั กาลเทศะ

ตวั ช้ีวดั
ต 2.1 ม. 3/1 เลอื กใชภ้ าษา น้าเสียง และกิริยาทา่ ทางเหมาะกบั บคุ คลและโอกาส ตามมารยาทสงั คม

และวฒั นธรรมของเจา้ ของภาษา
สาระที่ 4 ภาษากับความสัมพันธ์กับชุมชนและโลก
มาตรฐาน ต 4.1 ใช้ภาษาต่างประเทศในสถานการณ์ต่าง ๆ ท้งั ในสถานศึกษา ชุมชน และสังคม

ตวั ช้ีวดั
ต 4.1 ม. 3/1 ใชภ้ าษาสื่อสารในสถานการณจ์ ริง/สถานการณจ์ าลองทเ่ี กิดข้นึ ในหอ้ งเรียน

สถานศกึ ษา ชุมชน และสังคม

2. สาระสาคัญ/ความคดิ รวบยอด

133

การเรียนรู้และเขา้ ใจเก่ียวกบั ประโยคและสานวนตา่ ง ๆ ในการขอและให้ขอ้ มลู
ใหค้ าแนะนาเกี่ยวกบั สุขภาพ ช่วยให้สามารถพดู /เขยี นสื่อสารในชีวิตประจาวนั ไดอ้ ยา่ งเหมาะสม
ตลอดจนมีความเขา้ ใจในมารยาทและวฒั นธรรมของเจา้ ของภาษา

3. สาระการเรียนรู้

3.1 ทกั ษะเฉพาะวชิ า

1) Language Features and Functions

Vocabulary: Aches & Pains/Illnesses ([a] stomach ache, toothache, a headache, a

sore throat, a temperature, a cough, a cold/the flu)

Sentences (Are you OK?, You don’t look well., I feel terrible., What’s

wrong?, I can’t stand it any longer., Then you should see a dentist.)

Functions: Asking/Talking about health

Are you OK, Ann? You look terrible.

I feel terrible.

What’s wrong?

I’ve got a dreadful headache.

2) Language Skills

Listening: ฟังการออกเสียงประโยคและบทสนทนา

Speaking: พูดสนทนาเก่ียวกบั สุขภาพ

Reading: อ่านเพ่ือหาขอ้ มูลเฉพาะ

Writing: แต่งบทสนทนาตามสถานการณท์ ก่ี าหนด

4. สมรรถนะสาคญั ของผ้เู รียน

1) ความสามารถในการส่ือสาร 2) ความสามารถในการใชท้ กั ษะชีวิต

5. คุณลักษณะอนั พึงประสงค์ 2) มงุ่ มน่ั ในการทางาน
1) ใฝ่เรียนรู้

6. กจิ กรรมการเรียนรู้

ชั่วโมงท่ี 1

134

ข้นั Warm up
ครูถามนกั เรียนว่า ปกตินกั เรียนเจบ็ ป่ วยบ่อยหรือไม่ และเมอ่ื เจบ็ ป่ วยนกั เรียนดแู ลตวั เองอยา่ งไร เช่น
กินยา นอนพกั ผ่อน ไปหาหมอ จากน้นั ครูบอกนกั เรียนว่า
วธิ ีท่ีดีท่สี ุดในการป้องกนั อาการเจบ็ ป่ วยคอื การออกกาลงั กายและพกั ผอ่ นให้เพียงพอ
รวมถึงรบั ประทานอาหารท่มี ีประโยชน์ตอ่ รางกาย ในปริมาณทเี่ พียงพอ

ข้นั Presentation
1. ครูทบทวนคาศพั ทเ์ กี่ยวกบั อาการเจ็บป่ วย ดว้ ยการให้นกั เรียน 1 คน

ออกมาแสดงท่าทางตามที่ครูกระซิบบอก เพื่อให้นกั เรียนในช้นั พูดคาศพั ท์ ไดแ้ ก่คาวา่ toothache,
headache, stomach ache, earache, backache, sore throat
แลว้ ครูนาเสนอคาศพั ทเ์ ก่ียวกบั อาการเจบ็ ป่ วยอื่น ๆ คือคาวา่ a temperature (ตวั ร้อน), a cough (ไอ),
a cold/the flu (เป็นหวดั ) โดยแสดงทา่ ทาง พร้อมท้งั พดู คาศพั ท์
จากน้นั ให้นกั เรียนเปิ ดหนงั สือเรียน หนา้ 27
แลว้ อ่านออกเสียงคาเสียงคาศพั ทเ์ ก่ียวกบั อาการเจบ็ ป่ วยตามครูพร้อมกนั
โดยครูเนน้ ใหน้ กั เรียนออกเสียงให้ถูกตอ้ ง แลว้ บอกความหมายของคา

ache อ่านวา่ /eɪk/
stomach ache อา่ นว่า /ˈstʌmək eɪk/
temperature อ่านวา่ /ˈtemprətʃə(r)/
cough อ่านวา่ /kɒf/
sore throat อ่านว่า /sɔːr ˈθroʊt/
2. ครูทบทวนสานวนภาษาท่ใี ช้ในการขอและใหข้ อ้ มลู เกี่ยวกบั สุขภาพ โดยเขียนบทสนทนาส้นั ๆ
บนกระดาน
A: Are you OK?
B: I’m not feeling well.
A: What’s wrong?
B: I have got a headache.

C: What’s the matter? You don’t look well.
D: I have got a cold.

135

ใหน้ กั เรียนอา่ นบทสนทนาพร้อมกนั แลว้ ครูอธิบายว่า เราจะใชค้ าถาม What’s wrong? หรือ What’s

the matter? เพอ่ื ถามเก่ียวกบั อาการเจ็บป่ วย ส่วนการบอกอาการเจบ็ ป่ วยจะใชโ้ ครงสร้าง Subject +

has/have got a/an + illness

ครูอธิบายเพมิ่ เตมิ วา่ สามารถใชส้ านวน I feel terrible./I don’t feel so good./I’m not feeling well./

I’m feeling under the weather. เพ่ือบอกวา่ ไม่สบาย ไดด้ ว้ ย จากน้นั ครูสุ่มเรียกนกั เรียนหลาย ๆ คู่

ใหพ้ ดู ถาม-ตอบกนั

3. ครูสอนสานวนภาษาทใี่ ชใ้ นการใหค้ าแนะนาเกี่ยวกบั อาการเจบ็ ป่ วย

โดยเขียนสานวนเหลา่ น้ีบนกระดาน ใหน้ กั เรียนอ่านออกเสียงตามครู

take a painkiller (กินยาแกป้ วด) take some cough syrup (กินยาไอ)

take some medicines (กินยา) take a rest (พกั ผอ่ น)

stay in bed (ไปนอนพกั ) see a dentist’s (ไปหาหมอฟัน)

see a doctor’s (ไปหาหมอ)

ครูใหน้ กั เรียนช่วยกนั อธิบายความหมาย โดยครูช่วยอธิบายคาศพั ทย์ าก แลว้ ใหน้ กั เรียน 1 คน

พดู สนทนากบั ครู

T: What’s wrong?

S1: I have got a headache.

T: You should take some medicines and stay in bed.

จากน้นั ครูสุ่มเรียกนกั เรียน 2 คู่ พูดสนทนากนั

ข้นั Practice
1. หนงั สือเรยี น หน้า 27 Ex. 1a นกั เรียนฟัง CD โดยต้งั ใจฟังพยางคท์ ่ีเนน้ เสียงหนกั

และการข้ึนเสียงสูงทที่ า้ ยประโยค แลว้ ครูเปิ ด CD อกี 2 คร้ัง ให้นกั เรียนฝึกออกเสียงตาม
จากน้นั ครูให้นกั เรียนอา่ นออกเสียงประโยคเหลา่ น้ีดว้ ยตนเองพร้อมกนั
2. หนงั สือเรยี น หน้า 27 Ex. 1b ครูบอกนกั เรียนว่า ประโยคใน Ex. 1a มาจากบทสนทนาระหวา่ งเพื่อน 2
คน ให้นกั เรียนดภู าพอาการเจ็บป่ วยต่าง ๆ แลว้ ระบวุ า่ พวกเขากาลงั คยุ กนั เกี่ยวกบั อาการเจบ็ ป่ วยใด
จากน้นั ครูเปิ ด CD ให้นกั เรียนฟังและอ่านบทสนทนาตามไปดว้ ยเพื่อตรวจคาตอบ

136

They are talking about toothache.

3. หนงั สือเรยี น หน้า 27 Ex. 2 นกั เรียนอ่านบทสนทนา Jenny ใหค้ าแนะนาว่าอยา่ งไร และ John
จะทาอะไรต่อไป

Jenny advises John to take a painkiller and see a dentist.
John is going to see a dentist.

4. หนังสือเรียน หน้า 27 Ex. 3 นกั เรียนอ่านประโยค 1-4 พร้อมกนั
แลว้ หาประโยคในบทสนทนาที่มคี วามหมายเหมอื นกบั ประโยคเหล่าน้ี
เสร็จแลว้ ครูให้นกั เรียนช่วยกนั เฉลยคาตอบ

1 You look awful. – You don’t look well.
2 I feel awful. – I feel terrible.
3 What’s the matter? – What’s wrong?
4 I think you are right. – I suppose you’re right.

5. หนงั สือเรียน หน้า 27 Ex. 4 นกั เรียนอ่านประโยคใน Ex. 1 อีกคร้ัง
แลว้ ช่วยกนั อธิบายความหมายเป็นภาษาไทย

6. หนังสือเรียน หน้า 27 Ex. 5 นกั เรียนฝึกอา่ นออกเสียงบทสนทนาใน Ex. 2 ตาม CD
แลว้ ครูแบง่ นกั เรียนเป็น 2 กลมุ่ ใหก้ ล่มุ ท่ี 1 อา่ นบทของ Jenny และกลุ่มที่ 2 อา่ นบทของ John
จากน้นั สลบั บทบาทกนั

ข้นั Production
1. หนังสือเรยี น หน้า 27 Ex. 6 นกั เรียนจบั คู่กนั แต่งบทสนทนา โดยสมมตวิ ่าเพอื่ นปวดศรี ษะ

นกั เรียนสอบถามอาการและแนะนาส่ิงท่ีควรทา ครูแนะนาใหใ้ ชบ้ ทสนทนาใน Ex. 2 เป็นตน้ แบบ
เม่อื นกั เรียนแตง่ บทสนทนาเสร็จแลว้ ส่งให้ครูตรวจ
หลงั จากไดร้ บั บทสนทนาคืนแลว้ ใหน้ กั เรียนไปฝึกซ้อมนอกเวลาเรียนเพ่อื พูดสนทนาในชว่ั โมงหนา้

137

A: Are you OK, Ann? You look terrible.
B: I feel terrible.
A: Oh dear! What’s wrong?
B: I’ve got a dreadful headache.
A: Why don’t you take a painkiller?
B: I did, but I don’t feel better.
A: Then you should see a doctor’s.
B: I suppose you’re right.

2. ครูมอบหมายให้นกั เรียนจบั คู่กนั ไปฝึกอ่านบทสนทนาในหนงั สือเรียน หนา้ 27
แลว้ มาอา่ นให้ครูฟังนอกเวลาเรียน

3. แบบฝึกหัด (Workbook) หนา้ 18 Exs. 1-2, 4 ให้นกั เรียนทาเป็นการบา้ น

ช่ัวโมงที่ 2

ข้นั Warm up
ครูแบ่งนกั เรียนเป็น 2 ทีม เพ่ือเล่นเกม โดยให้ตวั แทนทีม A แสดงทา่ ทางเจบ็ ป่ วย แลว้ ครูถามทีม B
วา่ What’s wrong?/What’s the matter with him/her? ใหท้ มี B พดู ตอบโดยใช้โครงสร้าง He/She has
got a … ถา้ ตอบถูกจะได้ 1 คะแนน ทมี ที่มคี ะแนนรวมมากทส่ี ุดเป็นทมี ที่ชนะ
Team A S1: (แสดงท่าทางเจ็บคอ)
T: What’s the matter with him?
Team B S1: He’s got a sore throat.
T: That’s right. Team B gets 1 point.

ข้นั Pre-speaking
1. ครูทบทวนสานวนภาษาทีใ่ ชใ้ นการขอและใหข้ อ้ มลู เก่ียวกบั สุขภาพ โดยครูสุ่มเรียกนกั เรียน 3-4 คู่

พูดสนทนาส้ัน ๆ พร้อมแสดงท่าทางประกอบ เช่น
S1: What’s the matter?

138

S2: I have got a cough. (ทาทา่ ไอ)
S1: You should take some cough syrup.
S2: You’re right.
2. ครูใหเ้ วลานกั เรียนแตล่ ะคูท่ บทวนบทสนทนาทีจ่ ะพดู เพื่อเตรียมความพร้อม
และย้าให้นกั เรียนแสดงท่าทางให้เหมาะสมกบั สถานการณ์ในขณะพดู สนทนาดว้ ย

ข้นั Speaking
1. กอ่ นเริ่มตน้ พูดสนทนา ครูใหน้ กั เรียนทกั ทายเพื่อนและแนะนาตนเองดว้ ย เช่น

S3: Hello, everyone. I’m Dew and...
S4: I’m Top. Let’s start.
2. นกั เรียนแต่ละคหู่ มนุ เวียนกนั ออกมาพูดสนทนา โดยครูอาจเรียกตามลาดบั เลขทีห่ รือเรียกตามแถว
ท่นี งั่ ขณะท่นี กั เรียนพดู สนทนาครูคอยสงั เกตและจดบนั ทึก

ข้นั Post-speaking
1. ครูใหข้ อ้ มูลยอ้ นกลบั (feedback) เรื่องการใชภ้ าษาของนกั เรียน เช่น ไวยากรณ์ การออกเสียง น้าเสียง

กิริยาทา่ ทาง เพอื่ ใหน้ กั เรียนนาไปปรบั ปรุงแกไ้ ขในคร้ังต่อไป
2. ครูให้นกั เรียนช่วยกนั บอกวธิ ีปฏบิ ตั ติ วั เม่ือเป็นหวดั หรือโรคตดิ ตอ่ อืน่ ๆ

เพือ่ ใหน้ กั เรียนตระหนกั ถงึ ความสาคญั ของการป้องกนั โรค เช่น การใชผ้ า้ ปิ ดปาก,
การปิ ดปากขณะไอ, การใชช้ อ้ นกลาง
เวลารบั ประทานอาหาร เป็นตน้
3. แบบฝึกหดั (Workbook) หนา้ 18 Ex. 5 ใหน้ กั เรียนทาเป็นการบา้ น

7. การวดั และการประเมนิ ผล

วิธกี ารวดั เคร่ืองมือ เกณฑ์การผ่าน
ระดบั คุณภาพ พอใช้
ประเมินการอ่านออกเสียงบทสนทนา แบบประเมินการอ่านออกเสียง ร้อยละ 60

ตรวจการตอบคาถามจากการอา่ น แบบฝึกหดั (Workbook) ระดบั คณุ ภาพ พอใช้

บทสนทนา

ประเมินการแต่งบทสนทนาตามสถา แบบประเมนิ การเขยี น

นการณ์ทีก่ าหนด

139

ประเมินการพูดสนทนาเกี่ยวกบั สุขภา แบบประเมนิ การแสดงบทสนทนา/ ระดบั คุณภาพ พอใช้
ระดบั คุณภาพ ผ่าน
พ บทบาทสมมติ

สงั เกตความใฝ่เรียนรู้และความมงุ่ มนั่ แบบประเมนิ คุณลกั ษณะ

ในการทางาน อนั พงึ ประสงค์

8. ส่ือ/แหล่งการเรียนรู้
1) หนงั สือเรียน SPARK 3 ม. 3
2) Class Audio CDs ประกอบส่ือฯ ชุด SPARK 3 ม. 3
3) แบบฝึกหัด SPARK 3 ม. 3
4) พจนานุกรมองั กฤษ-องั กฤษ
5) พจนานุกรมออนไลน์

5Across cultures 2e

2 ช่ัวโมง

จดุ ประสงค์ (Objectives)

140

- เปรียบเทยี บสุภาษิตไทยกบั ของเจา้ ของภาษาทีม่ คี วามหมายคลา้ ยกนั ได้
- คน้ ควา้ ขอ้ มลู พดู และเขียนนาเสนอสุภาษิตไทยได้

1. สาระ มาตรฐานการเรยี นรู้/ตัวชีว้ ัด
สาระที่ 1 ภาษาเพอ่ื การส่ือสาร
มาตรฐาน ต 1.1 เข้าใจและตีความเร่ืองทีฟ่ ังและอ่านจากสื่อประเภทต่าง ๆ
และแสดงความคิดเห็นอย่างมเี หตุผล
ตวั ช้ีวดั
ต 1.1 ม. 3/3 ระบุและเขียนส่ือที่ไม่ใช่ความเรียงรูปแบบตา่ ง ๆ
ให้สัมพนั ธ์กบั ประโยคและขอ้ ความทฟ่ี ังหรืออ่าน
สาระท่ี 2 ภาษาและวฒั นธรรม
มาตรฐาน ต 2.2
เข้าใจความเหมือนและความแตกต่างระหว่างภาษาและวฒั นธรรมของเจ้าของภาษา
กับภาษาและวฒั นธรรมไทย และนามาใช้อย่างถกู ต้องและเหมาะสม
ตวั ช้ีวดั
ต 2.2 ม. 3/2
เปรียบเทียบและอธิบายความเหมือนและความแตกตา่ งระหวา่ งชีวติ ความเป็นอยแู่ ล
ะวฒั นธรรมของเจา้ ของภาษากบั ของไทย และนาไปใชอ้ ยา่ งเหมาะสม
สาระที่ 3 ภาษากับความสัมพนั ธ์กบั กล่มุ สาระการเรียนรู้อ่นื
มาตรฐาน ต 3.1 ใช้ภาษาต่างประเทศในการเช่ือมโยงความรู้กับกล่มุ สาระการเรียนรู้อืน่
และเป็ นพืน้ ฐานในการพฒั นา แสวงหาความรู้ และเปิ ดโลกทศั น์ของตน
ตวั ช้ีวดั
ต 3.1 ม. 3/1 คน้ ควา้ รวบรวม
และสรุปขอ้ มลู /ขอ้ เทจ็ จริงทเี่ กี่ยวขอ้ งกบั กลุ่มสาระการเรียนรู้อน่ื จากแหล่งการเรียนรู้
และนาเสนอดว้ ยการพูดและการเขียน

2. สาระสาคัญ/ความคิดรวบยอด
การเรียนรู้และเขา้ ใจเกี่ยวกบั สุภาษติ ของเจา้ ของภาษา ช่วยใหส้ ามารถเปรียบเทียบกบั สุภาษติ ไทย

ท่มี ีความหมายคลา้ ยกนั ตลอดจนเขา้ ใจวฒั นธรรมของเจา้ ของภาษา

141

3. สาระการเรียนรู้

3.1 ทักษะเฉพาะวชิ า

1) Language Features and Functions

Vocabulary: Sayings (To hear something from the horse’s mouth., Don’t bite the hand

that feeds you., Walls have ears., You scratch my back and I’ll scratch

yours., A bird in hand is worth two in the bush. Home is where the heart

is., Many hands make light work., Only real friends will tell you when

your face is dirty.)

Pronunciation: Homophones

its – it’s, here – hear, eight – ate, son – sun

2) Language Skills

Speaking: พดู นาเสนอสุภาษติ พร้อมท้งั ความหมาย

Writing: เขียนเปรียบเทียบสุภาษติ ไทยกบั ของเจา้ ของภาษา

3) Culture สุภาษิต

4. สมรรถนะสาคัญของผ้เู รียน
1) ความสามารถในการส่ือสาร
2) ความสามารถในการคิด
3) ความสามารถในการใชเ้ ทคโนโลยี

5. คุณลักษณะอันพึงประสงค์
1) ใฝ่เรียนรู้
2) ม่งุ มนั่ ในการทางาน

6. กจิ กรรมการเรียนรู้
ช่ัวโมงท่ี 1

142

ข้นั Warm up
ครูให้นกั เรียนช่วยกนั ยกตวั อยา่ งสุภาษิตไทยท่ไี ดย้ นิ บ่อย ๆ พร้อมท้งั อธิบายความหมาย เช่น
เขน็ ครกข้ึนภูเขา หมายถงึ ทางานที่ยากลาบาก ตอ้ งใชค้ วามเพยี รพยายามและอดทนมาก
ขิงกร็ า ข่ากแ็ รง หมายถงึ ตา่ งคนตา่ งอารมณ์ร้อนพอกนั ตา่ งคนตา่ งไม่ยอมกนั
นกสองหวั หมายถงึ ทาตวั เขา้ กบั ท้งั 2 ฝ่ายท่ีเขาไมถ่ ูกกนั โดยหวงั ประโยชน์เพ่ือตน

ข้นั Presentation
1. ครูใหน้ กั เรียนอ่านความหมายของคาวา่ saying ในหนงั สือเรียน หนา้ 28 แลว้ ช่วยกนั อธิบายความหมาย
2. ครูถามนกั เรียนวา่ เคยไดย้ นิ สุภาษิตของประเทศทางตะวนั ตกบา้ งหรือไม่

ใหน้ กั เรียนช่วยกนั ยกตวั อยา่ ง หรือครูช่วยยกตวั อยา่ ง แลว้ ใหน้ กั เรียนลองเดาความหมาย เช่น
When in Rome, do as the Romans. (ปรบั ตวั ให้เขา้ กบั สิ่งแวดลอ้ ม)
A bird in the hand is worth two in the bush. (จงพอใจในส่ิงทม่ี อี ย)ู่
A friend in need is a friend indeed. (ใครทช่ี ่วยเหลอื เราในยามลาบากนน่ั คอื เพือ่ นแท)้

ข้นั Practise
1. หนังสือเรียน หน้า 28 Ex. 1 นกั เรียนดูภาพและอา่ นสุภาษติ A-D

แลว้ ช่วยกนั เดาความหมายของสุภาษติ จากน้นั ให้นกั เรียนอ่านความหมาย 1-4
แลว้ จบั คู่กบั สุภาษิตท่ีสมั พนั ธก์ นั เสร็จแลว้ ครูรวบรวมคาตอบจากนกั เรียน และเฉลยคาตอบ

1D 2B 3C 4A

2. หนังสือเรยี น หน้า 28 Ex. 2a นกั เรียนอา่ นสุภาษติ A-D แลว้ เติมคาทีก่ าหนดให้ลงในช่องว่าง
เพ่ือใหเ้ ป็นสุภาษติ ทถี่ ูกตอ้ ง เสร็จแลว้ ครูรวบรวมคาตอบจากนกั เรียน และเฉลยคาตอบ

A hand B heart C hands D face

143


Click to View FlipBook Version