2. ครูเขียนคาศพั ทท์ ีอ่ อกเสียง /æ/ และ /ᴧ/ ต่อไปน้ีบนกระดาน
ant bat can dad fan man rat band
bun cup fun hut run sun tub duck
ให้นกั เรียนอา่ นออกเสียงตามครู แลว้ ครูถามว่าคาศพั ทแ์ ถวใดออกเสียง /æ/ (แถวบน) คาศพั ทแ์ ถวใด
ออกเสียง /ᴧ/ (แถวลา่ ง)
ครูอาจเปิ ดคลปิ วดิ ีโอใหน้ กั เรียนดูวิธีการและตาแหน่งอวยั วะในการออกเสียงตามเจา้ ของภาษา เช่น
https://www.youtube.com/watch?v=vGBlY8V9O7Y
https://www.youtube.com/watch?v=zUpF0pYoTZ8
จากน้นั ครูใหน้ กั เรียนอา่ นออกเสียงคาศพั ทบ์ นกระดานพร้อมกนั แลว้ ครูสุ่มเรียกนกั เรียนอ่าน
ออกเสียงทีละคน
3. ครูให้นกั เรียนเปรียบเทียบเสียง /æ/ และเสียง /ᴧ/ กบั เสียงสระในภาษาไทย โดยถามนกั เรียนวา่ เสียง
/æ/ ออกเสียงคลา้ ยกบั สระอะไรในภาษาไทย (แ, แ-ะ) แลว้ ครูใหน้ กั เรียนช่วยกนั ยกตวั อยา่ งคา
ภาษาองั กฤษและคาภาษาไทย เช่น hand - ดแู ล จากน้นั ครูถามตอ่ วา่ เสียง /ᴧ/ ออกเสียงคลา้ ยกบั สระ
อะไรในภาษาไทย (-ะ) จากน้นั ให้นกั เรียนช่วยกนั ยกตวั อยา่ ง เช่น but - นดั
ข้นั Practice
1. หนงั สือเรยี น หน้า 52 Ex. 5 นกั เรียนลอกตารางลงในสมุด แลว้ ครูเปิ ด CD ให้นกั เรียนฟังคาศพั ท์ที่
ออกเสียง /æ/ และเสียง /ᴧ/ แลว้ ขดี ลงในตารางตามเสียงที่ไดย้ นิ เสร็จแลว้ ครูรวบรวมคาตอบจาก
นกั เรียนและเฉลยคาตอบพร้อมกนั
จากน้นั ครูเปิ ด CD อกี 1-2 คร้งั โดยหยดุ ทลี ะคา เพอื่ ให้นกั เรียนฝึกอา่ นออกเสียงตาม CD แลว้ ครูให้
นกั เรียนอ่านออกเสียงคาศพั ทด์ ว้ ยตนเองพร้อมกนั
us as mud mad cat cut
/æ/
/ᴧ/
2. ครูใหน้ กั เรียนอ่านบทกลอนในหนงั สือเรียน หนา้ 52 เพ่ือหาคาศพั ทท์ ่ีออกเสียง /æ/ และเสียง /ᴧ/
โดยตรวจสอบคาอ่านในพจนานุกรม
292
/æ/: stamp, act, stand
/ᴧ/: punch, stomach, up
3. ครูให้นกั เรียนช่วยกนั บอกคาศพั ทท์ ีอ่ อกเสียง /æ/ และเสียง /ᴧ/ เพิม่ เติม โดยสามารถเปิ ดดคู าศพั ท์
ในพจนานุกรมได้ แลว้ ครูเขยี นคาศพั ทท์ ี่นกั เรียนบอกบนกระดาน จากน้นั สุ่มเรียกนกั เรียนอา่ น
ออกเสียงเป็นรายบคุ คล
/æ/: apple, add, after /ᴧ/: nut, under, upper
ข้นั Production
1. หนงั สือเรียน หน้า 52 Ex. 4 ครูแบ่งนกั เรียนเป็นกลมุ่ กลุ่มละ 4-5 คน ให้แต่ละกลุม่ คน้ ควา้ หาขอ้ มลู
จากแหลง่ การเรียนรู้ตา่ ง ๆ เช่น อนิ เทอร์เน็ต หอ้ งสมุด เก่ียวกบั bullying ตามประเดน็ ที่กาหนดให้
แลว้ ให้แตล่ ะกลุม่ ส่งตวั แทนออกมาพดู นาเสนอท่ีหนา้ ช้นั เรียน
Bullying is when a person is picked on by a person or group with more power.
Bullies pick on people they think don't fit in, because of how they look, their race
or religion, or because the bullies think their target is simply weak. Some bullies
punch or hit people. Others call them names.
Both boys and girls can be bullies. Bullies like to have power over others, they
have poor social skills and they don’t care about other people.
They bully because they are insecure. Some bullies were hurt by other bullies in
the past themselves.
Bullying can happen anywhere. Mostly, though it happens at school.
The best thing to do is tell an adult. It can be a school counsellor, teacher, parent
or a friend. They will give you the support you need. You can also ignore the
bully and walk away. By not showing anger, but instead confidence, the bully
will lose interest.
293
2. นกั เรียนทา Vocabulary Bank 4 ในแบบฝึกหัด (Workbook) หนา้ 111-113 เป็นการบา้ น
7. การวัดและการประเมนิ ผล เคร่ืองมือ เกณฑ์การผ่าน
วิธกี ารวดั แบบประเมนิ การอ่านออกเสียง ระดบั คณุ ภาพ พอใช้
ประเมินการอ่านออกเสียงบทกลอน
สงั เกตการพูดให้คาแนะนาเกี่ยวกบั วธิ ี แบบสงั เกตพฤติกรรมการเรียนรู้ ระดบั คณุ ภาพ พอใช้
แกป้ ัญหาเรื่อง bullying
สังเกตการเปรียบเทียบเสียงสระของ แบบสงั เกตพฤตกิ รรมการเรียนรู้ ระดบั คณุ ภาพ พอใช้
ภาษาองั กฤษกบั ภาษาไทย
ประเมินการคน้ ควา้ ขอ้ มูลเก่ียวกบั แบบประเมินการสารวจ/คน้ ควา้ ระดบั คุณภาพ พอใช้
bullying และพูดนาเสนอ
สังเกตความใฝ่เรียนรู้และความม่งุ มนั่ แบบประเมินคณุ ลกั ษณะ ระดบั คุณภาพ ผา่ น
ในการทางาน อนั พงึ ประสงค์
8. ส่ือ/แหล่งการเรียนรู้
1) หนงั สือเรียน SPARK 3 ม. 3
2) Class Audio CDs ประกอบส่ือฯ ชุด SPARK 3 ม. 3
3) แบบฝึกหดั SPARK 3 ม. 3
4) พจนานุกรมองั กฤษ-องั กฤษ
5) พจนานุกรมออนไลน์
7) อินเทอร์เน็ตและหอ้ งสมดุ
8) ภาพเกี่ยวกบั bullying และภาพอื่น ๆ ทไ่ี มใ่ ช่
9) คลปิ วิดีโอ
294
6 Writing 4f
2 ช่ัวโมง
จดุ ประสงค์การเรยี นรู้
- บอกรายละเอยี ดของเรื่องทอ่ี ่านและฟังได้
- พดู ใหค้ าแนะนาได้
- เขยี นอเี มลใหค้ าแนะนาได้
1. สาระ มาตรฐานการเรยี นรู้/ตวั ชี้วัด
สาระที่ 1 ภาษาเพอ่ื การส่ือสาร
มาตรฐาน ต 1.1 เข้าใจและตคี วามเรื่องที่ฟังและอ่านจากส่ือประเภทต่าง ๆ และแสดงความคดิ เหน็
อย่างมีเหตผุ ล
ตวั ช้ีวดั
ต 1.1 ม. 3/4 เลอื ก/ระบุหวั ขอ้ เร่ือง ใจความสาคญั รายละเอียดสนบั สนุน และแสดงความคิดเห็น
เกี่ยวกบั เรื่องท่ีฟังและอา่ นจากส่ือประเภทต่าง ๆ พร้อมท้งั ใหเ้ หตผุ ลและยกตวั อยา่ ง
ประกอบ
มาตรฐาน ต 1.2 มที ักษะการสื่อสารทางภาษาในการแลกเปลย่ี นข้อมูลข่าวสาร แสดงความรู้สึกและ
ความคดิ เหน็ อย่างมีประสิทธภิ าพ
ตวั ช้ีวดั
ต 1.2 ม. 3/2 ใชค้ าขอร้อง ให้คาแนะนา คาช้ีแจง และคาอธิบายอยา่ งเหมาะสม
มาตรฐาน ต 1.3 นาเสนอข้อมลู ข่าวสาร ความคิดรวบยอด และความคดิ เห็นในเร่ืองต่าง ๆ โดยการพูด
และการเขียน
ตวั ช้ีวดั
ต 1.3 ม. 3/1 พูดและเขียนบรรยายเกี่ยวกบั ตนเอง ประสบการณ์ ขา่ ว/เหตกุ ารณ์/เร่ือง/ประเดน็
ต่าง ๆ ที่อยใู่ นความสนใจของสงั คม
2. สาระสาคัญ/ความคิดรวบยอด
การเรียนรู้คาศพั ทแ์ ละสานวนภาษา ช่วยให้สามารถเขา้ ใจเร่ืองท่ฟี ัง และเขียนส่ือสารไดอ้ ยา่ ง
ถกู ตอ้ ง
295
3. สาระการเรียนรู้
3.1 ทกั ษะเฉพาะวชิ า
1) Language Features and Functions
Vocabulary: Verbs (ignore, make fun of, miss)
Nouns (accent, school counsellor)
Functions: Giving advice
He should to talk to his parents.
I advise him to show them that he can be responsible.
2) Language Skills
Listening: ฟังเพือ่ หาขอ้ มูลเฉพาะ
Speaking: พดู ใหค้ าแนะนา
Reading: อ่านและเติมคา, อ่านเพ่อื หาขอ้ มลู เฉพาะ
Writing: เขยี นอีเมลใหค้ าแนะนา
4. สมรรถนะสาคญั ของผ้เู รียน
1) ความสามารถในการสื่อสาร
2) ความสามารถในการคิด
5. คุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์
1) ใฝ่เรียนรู้
2) มงุ่ มนั่ ในการทางาน
6. กจิ กรรมการเรียนรู้
ช่ัวโมงท่ี 1
ข้นั Warm up
1. ครูและนกั เรียนสนทนากนั เก่ียวกบั ปัญหาท่มี กั จะเกิดข้ึนเมื่อนกั เรียนยา้ ยโรงเรียน เช่น การปรบั ตวั
เขา้ กบั เพอ่ื นใหม่ การเรียน สถานที่ในโรงเรียน
2. ครูบอกนกั เรียนว่า ชวั่ โมงน้ีนกั เรียนจะไดอ้ ่านอเี มลซ่ึงเขียนใหค้ าปรึกษาเพือ่ นเกี่ยวกบั ปัญหาที่
โรงเรียน
296
ข้นั Pre-reading
1. ครูทบทวนสานวนภาษาทใ่ี ช้ในการใหค้ าแนะนา โดยเขียนโครงสร้างประโยคบนกระดาน ดงั น้ี
I think you should ... Why don’t you ...?
If I were you, I would ... Maybe you should ...
I suggest you ... How about (verb -ing....)?
You might try (verb -ing...) I would advise you to ...
My advice would be to ... It might be a good idea to ...
ครูใหน้ กั เรียนอ่านพร้อมกนั แลว้ ครูถามคาถาม What do you think I should do about my low GPA?
พร้อมท้งั เขียนคาถามบนกระดาน ให้นกั เรียนระดมสมองพูดบอกคาแนะนา เช่น I think you should
try harder in class.
ครูอาจเปล่ียนสถานการณ์เพื่อใหน้ กั เรียนพูดให้คาแนะนา เช่น I can’t find my wallet., I waste too
much time watching TV., I have problems getting to sleep at night.
2. นกั เรียนอ่านคาศพั ทใ์ นกรอบ Check these words หนงั สือเรียน หนา้ 53 แลว้ ช่วยกนั บอกความหมาย
ถา้ คาใดไมร่ ู้ ครูช่วยอธิบาย เช่น
ignore (v) = to intentionally not listen or give attention to (ไมส่ นใจ,
เพกิ เฉย)
make fun of (idm) = to laugh at someone or make other people laugh at them,
usually in an unkind way (หวั เราะเยาะ, ลอ้ เลยี น)
accent (n) = the way in which people in a particular area, country or social
group pronounce words (สาเนียง)
school counsellor (n) = a person trained to give guidance to students on academic,
vocational or personal matters (ครูท่ีปรึกษา)
ข้นั Reading
1. หนังสือเรียน หน้า 53 Ex. 1 ครูบอกนกั เรียนวา่ ขอ้ ความน้ีตดั มาจากอเี มลของ Tara แลว้ ให้เวลา
นกั เรียนอา่ นขอ้ ความเพ่อื หาว่าปัญหาของ Tara คืออะไร ครูรวบรวมคาตอบจากนกั เรียน แลว้ เฉลย
คาตอบ
Tara has moved to a new school and she is not happy. Her classmates make fun of
her accent and she misses her old friends. She doesn’t want to go to school any more.
297
2. หนังสือเรียน หน้า 53 Ex. 2a ครูอธิบายวา่ อีเมลน้ี Susie เขียนตอบ Tara เพ่อื ให้คาแนะนา แลว้ ให้
นกั เรียนอา่ นวลี A-E จากน้นั อา่ นอเี มลและเลอื กวลีเติมลงในช่องวา่ งให้ถูกตอ้ ง เสร็จแลว้ ครูสุ่มเรียก
นกั เรียนบอกคาตอบ ครูเฉลยคาตอบที่ถูกตอ้ ง แลว้ ใหน้ กั เรียนอา่ นอเี มลพร้อมกนั
1C 2A 3E 4D 5B
3. หนงั สือเรียน หน้า 53 Ex. 2b นกั เรียนดูอีเมลและระบุว่ามีเน้ือหากี่ยอ่ หนา้ (3 ยอ่ หนา้ ) แลว้ ให้
นกั เรียนอา่ นอีเมลอกี คร้ังเพือ่ หาวา่ แตล่ ะยอ่ หนา้ เขียนเก่ียวกบั เรื่องอะไร จากน้นั ครูรวบรวมคาตอบ
จากนกั เรียน และเฉลยคาตอบ
In the first paragraph, Susie tells Tara that she is sorry that she is unhappy and
wants to give her some advice.
In the second paragraph, Susie advises Tara to ignore the people who make fun of
her and also to talk to the school counsellor.
In the third paragraph, Susie tells Tara that she hopes she will make some friends
soon and that all her old friends miss her.
ข้นั Post-reading
1. ครูให้นกั เรียนระดมสมองให้คาแนะนาเพม่ิ เตมิ แก่ Tara โดยครูเขยี นคาแนะนาของนกั เรียนบน
กระดาน
I think she should join the club after school to make new friends.
Maybe she should talk with new friends about their favourite books, films or sports.
2. นกั เรียนทา Exs. 6-7 (Collocations & Phrasal verbs) ใน Language Review 4 หนงั สือเรียน หนา้ 108
3. แบบฝึกหดั (Workbook) หนา้ 35 Exs. 1-4 ให้นกั เรียนทาเป็นการบา้ น
298
ชั่วโมงที่ 2
ข้นั Warm up
1. ครูอ่านอเี มลตอ่ ไปน้ีให้นกั เรียนฟัง
Dear Tom,
How are you?
I want you help me. Mark invites me to his party, but my parents won’t allow
me to go. What should I do?
Write and let me know your advice.
Yours,
Nick
เมือ่ อา่ นจบครูถามนกั เรียนว่า อีเมลน้ีกล่าวถึงใครบา้ ง (Tom, Nick) และกล่าวถึงเร่ืองอะไร (Nick
asks for Tom some advice.)
2. ครูบอกนกั เรียนวา่ ในชว่ั โมงน้ีนกั เรียนจะไดเ้ ขยี นอเี มลให้คาแนะนา
ข้นั Pre-writing
1. หนงั สือเรยี น หน้า 53 Ex. 3 ครูอธิบายให้นกั เรียนฟังว่า กาลงั จะไดฟ้ ังบทสนทนาระหวา่ งเพือ่ น คอื
Alex และ Tom ซ่ึงปรึกษากนั ว่าพ่อแม่ของ Alex ไม่อนุญาตให้ออกไปขา้ งนอกคืนน้ี ให้นกั เรียนฟัง
ว่า Tom ให้คาแนะนาอยา่ งไร
แลว้ ครูเปิ ด CD ใหน้ กั เรียนฟัง และจดบนั ทึกคาตอบระหวา่ งฟัง เมื่อฟังจบครูถามนกั เรียนว่าฟังเขา้ ใจ
หรือไม่ โดยครูอาจจะเปิ ดบทสนทนาอกี คร้ัง จากน้นั ครูรวบรวมคาตอบจากนกั เรียนและเฉลยคาตอบ
Tom advises Alex to talk to his parents. He advises him to show them that he can
be responsible; then they will be more relaxed.
299
2. ครูใหน้ กั เรียนดโู ครงร่างอีเมลในหนงั สือเรียน หนา้ 53 Ex. 4 แลว้ บอกครูวา่ แต่ละยอ่ หนา้ ตอ้ งเขยี น
อะไร
ยอ่ หนา้ ที่ 1 เขียนแสดงความเห็นใจ
ยอ่ หนา้ ท่ี 2 เขยี นคาแนะนาและผลลพั ธ์ทคี่ าดหวงั
ยอ่ หนา้ ท่ี 3 เขยี นแสดงความคาดหวงั ว่าคาแนะนาดงั กล่าวจะช่วยแกป้ ัญหา และประโยคจบ
เน้ือความ
3. ครูอธิบายภาระงานในหนงั สือเรียน หนา้ 53 Ex. 4 ว่า นกั เรียนจะไดเ้ ขียนอีเมลใหค้ าแนะนา Alex
โดยใชข้ อ้ มลู จากบทสนทนาทฟ่ี ังใน Ex. 3
ข้นั Writing
หนังสือเรยี น หน้า 53 Ex. 4 ครูใหน้ กั เรียนเขียนอเี มลตามโครงร่างทกี่ าหนดให้ ความยาวประมาณ
100 คา
Dear Alex,
I’m really sorry that your parents won’t let you go to the concert this weekend. I
want to help you.
The best thing you can do is to talk to your parents and try and show them you can
be responsible. This way, they will feel more relaxed. You can also ask your
parents to call my parents. That way, they can ask any questions that they want to.
I really hope this works. Write and let me know what happens.
Yours,
Tom
ข้นั Post-writing
1. ครูให้นกั เรียนอ่านกรอบ Study Skills ในหนงั สือเรียน หนา้ 53 แลว้ ให้นกั เรียนจบั คู่กนั แลกเปลยี่ น
กนั ตรวจงานเขยี น โดยดูไวยากรณ์ การสะกดคา ยอ่ หนา้ และการใชภ้ าษา จากน้นั ให้นกั เรียนแกไ้ ข
งานเขยี นของตนเองใหถ้ กู ตอ้ ง แลว้ นาส่งครูตรวจ
2. นกั เรียนทา Self-Check 4 ในหนงั สือเรียน หนา้ 116
3. แบบฝึกหดั (Workbook) หนา้ 35 Ex. 5 ให้นกั เรียนทาเป็นการบา้ น
300
7. การวดั และการประเมนิ ผล เครื่องมือ เกณฑ์การผ่าน
แบบฝึกหัด (Workbook) ร้อยละ 60
วธิ ีการวดั
ตรวจการตอบคาถามจากการอ่านและ แบบสงั เกตพฤติกรรมการเรียนรู้ ระดบั คณุ ภาพ พอใช้
การฟัง แบบประเมินการเขียน ระดบั คุณภาพ พอใช้
สังเกตการพดู ให้คาแนะนา แบบประเมนิ คณุ ลกั ษณะ ระดบั คุณภาพ ผา่ น
ประเมินการเขยี นอีเมลให้คาแนะนา อนั พึงประสงค์
สงั เกตความใฝ่เรียนรู้และความมุ่งมน่ั
ในการทางาน
8. ส่ือ/แหล่งการเรียนรู้
1) หนงั สือเรียน SPARK 3 ม. 3
2) Class Audio CDs ประกอบสื่อฯ ชุด SPARK 3 ม. 3
3) แบบฝึกหัด SPARK 3 ม. 3
301
7 ASEAN corner 4
1 ช่ัวโมง
จดุ ประสงค์ (Objectives)
- บอกรายละเอยี ดของเร่ืองที่อ่านได้
- พดู เก่ียวกบั ส่ิงท่ีพลเมืองดีควรทาและไม่ควรทาได้
- พูดและเขยี นแสดงความคิดเห็นตามประเด็นที่กาหนดได้
1. สาระ มาตรฐานการเรยี นรู้/ตัวชี้วดั
สาระท่ี 1 ภาษาเพอ่ื การส่ือสาร
มาตรฐาน ต 1.1 เข้าใจและตีความเรื่องท่ีฟังและอ่านจากสื่อประเภทต่าง ๆ และแสดงความคดิ เหน็
อย่างมีเหตผุ ล
ตวั ช้ีวดั
ต 1.1 ม. 3/4 เลือก/ระบหุ ัวขอ้ เร่ือง ใจความสาคญั รายละเอยี ดสนบั สนุน และแสดงความคดิ เห็น
เกี่ยวกบั เร่ืองท่ฟี ังและอา่ นจากสื่อประเภทต่าง ๆ พร้อมท้งั ให้เหตุผลและยกตวั อยา่ ง
ประกอบ
มาตรฐาน ต 1.3 นาเสนอข้อมูลข่าวสาร ความคดิ รวบยอด และความคิดเหน็ ในเร่ืองต่าง ๆ โดยการพูด
และการเขยี น
ตวั ช้ีวดั
ต 1.3 ม. 3/2 พดู และเขยี นสรุปใจความสาคญั /แก่นสาระ หวั ขอ้ เร่ืองที่ไดจ้ ากการวิเคราะห์เร่ือง/
ขา่ ว/เหตกุ ารณ์/สถานการณ์ทอ่ี ยใู่ นความสนใจของสงั คม
ต 1.3 ม. 3/3 พดู และเขยี นแสดงความคิดเห็นเก่ียวกบั กิจกรรม ประสบการณ์ และเหตุการณ์
พร้อมท้งั ให้เหตุผลประกอบ
2. สาระสาคัญ/ความคิดรวบยอด
การเขา้ ใจและตระหนกั ถึงหนา้ ที่ของพลเมอื ง ท้งั ในฐานะเป็นพลเมืองของประเทศ ของอาเซียน
และของโลก ทาให้รู้จกั เคารพสิทธิและช่วยเหลือซ่ึงกนั และกนั
302
3. สาระการเรียนรู้
3.1 ทักษะเฉพาะวชิ า
1) Language Features and Functions
Vocabulary: Verbs (skip, volunteer)
Phrasal verb (depend on)
Nouns (residue, fertilizer, pesticide, violence)
Adjective (responsible)
Phrase (take part)
Functions: Talking about things can do to be a good citizen
Respect the rights of others
Protect public property.
2) Language Skills
Speaking: พูดส่ิงทพ่ี ลเมอื งดีควรทาและไม่ควรทา
Reading: อ่านเพอ่ื หาขอ้ มูลเฉพาะ
Writing: เขยี นส่ิงที่ควรทาในการเป็นพลเมอื งดีของชุมชน ของประเทศ และของโลก
4. สมรรถนะสาคญั ของผ้เู รียน
1) ความสามารถในการสื่อสาร
2) ความสามารถในการคิด
5. คุณลกั ษณะอนั พึงประสงค์
1) ใฝ่เรียนรู้
2) ม่งุ มนั่ ในการทางาน
6. กิจกรรมการเรียนรู้
ข้นั Warm up
ครูสนทนากบั นกั เรียนเกี่ยวกบั หนา้ ท่ีของพลเมอื งไทยและพลเมอื งอาเซียน
ข้นั Pre-reading
1. ครูใหน้ กั เรียนอ่านชื่อเรื่อง ASEAN Citizens – Global Citizens ในหนงั สือเรียน หนา้ 54 แลว้ แสดง
ความคดิ เห็นว่าพลเมอื งอาเซียนเกี่ยวขอ้ งกบั พลเมอื งโลกอยา่ งไร
303
2. ครูแบ่งนกั เรียนเป็นกล่มุ กลมุ่ ละ 4 คน ใหแ้ ตล่ ะกลุ่มอ่านเรื่อง ASEAN Citizens – Global Citizens
และขดี เส้นใตค้ าศพั ทย์ าก ครูสุ่มเรียกนกั เรียนให้อ่านคาศพั ทท์ ขี่ ดี เสน้ ใตก้ ลุ่มละ 1 ยอ่ หนา้ คาใดที่
นกั เรียนอ่านไมถ่ ูกตอ้ ง ใหอ้ า่ นตามครูพร้อมกนั จากน้นั ให้นกั เรียนช่วยกนั เดาความหมายของ
คาศพั ท์ ถา้ คาใดนกั เรียนไมร่ ู้ให้หาความหมายจากพจนานุกรม เช่น
responsible (adj) = having the duty of doing something or taking care of
somebody/something (มีความรับผิดชอบ)
depend on (phrv) = to rely on somebody/something (พ่งึ พา)
residue (n) = a small amount of something that remains at the end of a process
(ส่วนทเ่ี หลอื , ส่วนท่ีตกคา้ ง)
fertilizer (n) = a substance that is put on the soil to make plants grow (ป๋ ยุ )
pesticide (n) = a chemical substance used to kill insects and small animals
that destroy crops (ยาฆ่าแมลง)
violence (n) = behaviour that is intended to hurt other people physically
(ความรุนแรง)
ข้นั Reading
หนงั สือเรียน หน้า 54 Ex. 1 นกั เรียนอ่านคาถามและขดี เส้นใตค้ าสาคญั จากน้นั อา่ นบทอา่ น เพือ่ หา
เน้ือเรื่องส่วนทเ่ี ก่ียวขอ้ งกบั คาทขี่ ดี เสน้ ใต้ เม่อื เขา้ ใจแลว้ จึงตอบคาถามที่กาหนดให้ เสร็จแลว้ ครู
เฉลยคาตอบ
1 They should know what is happening in the world, respect others, and take
part in the community from the local level to global level etc.
2 Farmers don’t have to buy chemical fertilisers and pesticides. They make
fertilisers from animal waste and pesticides from plants.
3 Violence against children.
4 She is an activist. She teaches children how to deal with violence.
304
ข้นั Post-reading
1. หนงั สือเรียน หน้า 54 Ex. 2 นกั เรียนอา่ นวลที ใี่ ห้มา แลว้ ขีด ถา้ เป็นส่ิงท่ีพลเมอื งดีควรทา หรือ
กา ถา้ เป็นส่ิงทีไ่ ม่ควรทา เสร็จแลว้ ครูขออาสาสมคั รบอกคาตอบ แลว้ ให้นกั เรียนทางานคู่ผลดั กนั
พูดประโยคบอกส่ิงที่พลเมอื งดีควรทาและไมค่ วรทาโดยใช้ should/shouldn’t
1 2 3 4 5 6 7
A good citizen should respect the rights of others.
A good citizen shouldn’t skip local elections.
A good citizen should volunteer to be active in your community
A good citizen should be a good neighbour.
A good citizen shouldn’t break rules and laws.
A good citizen should protect public property such as parks, buses, bus stops.
2. หนังสือเรยี น หน้า 54 Ex. 3 ครูแบ่งนกั เรียนเป็นกลมุ่ กล่มุ ละ 4 คน ให้แตล่ ะกลุ่มร่วมกนั อภิปราย
สิ่งท่คี วรทาในการเป็นพลเมอื งดีของชุมชน ของประเทศ และของโลก จากน้นั ทาโปสเตอร์หนา้ ที่
ของพลเมือง และนาเสนอให้เพอ่ื นฟัง
7. การวดั และการประเมนิ ผล เคร่ืองมือ เกณฑ์การผ่าน
สมดุ นกั เรียน ร้อยละ 60
วิธีการวดั แบบสังเกตพฤติกรรมการเรียนรู้ ระดบั คณุ ภาพ พอใช้
ตรวจการตอบคาถามจากเรื่องท่อี ่าน
สงั เกตการพูดส่ิงที่พลเมืองดีควรทา แบบประเมนิ ช้ินงาน ระดบั คณุ ภาพ พอใช้
และไมค่ วรทา
ประเมนิ ช้ินงานโปสเตอร์หนา้ ทข่ี อง แบบประเมินคณุ ลกั ษณะ ระดบั คณุ ภาพ ผ่าน
พลเมือง อนั พึงประสงค์
สงั เกตความใฝ่เรียนรู้และความมงุ่ มน่ั
ในการทางาน
8. ส่ือ/แหล่งการเรียนรู้ 2) พจนานุกรมองั กฤษ-องั กฤษ
1) หนงั สือเรียน SPARK 3 ม. 3 305
3) พจนานุกรมออนไลน์
8 O-NET practice & Fun time 4
1 ชั่วโมง
จดุ ประสงค์การเรยี นรู้
- ทบทวนคาศพั ทแ์ ละไวยากรณ์ทเี่ รียนมาแลว้ ในหน่วยการเรียนรู้ที่ 4
- เขียน quiz เกี่ยวกบั เน้ือหาทเ่ี รียนมาแลว้ ได้
1. สาระ มาตรฐานการเรียนรู้/ตัวชี้วดั
สาระท่ี 1 ภาษาเพอื่ การส่ือสาร
มาตรฐาน ต 1.1 เข้าใจและตคี วามเร่ืองทฟ่ี ังและอ่านจากส่ือประเภทต่าง ๆ และแสดงความคิดเห็น
อย่างมเี หตผุ ล
ตวั ช้ีวดั
ต 1.1 ม. 3/4 เลอื ก/ระบหุ วั ขอ้ เร่ือง ใจความสาคญั รายละเอียดสนบั สนุน และแสดงความคดิ เห็น
เก่ียวกบั เร่ืองทฟ่ี ังและอ่านจากสื่อประเภทตา่ ง ๆ พร้อมท้งั ให้เหตผุ ลและยกตวั อยา่ ง
ประกอบ
สาระที่ 2 ภาษาและวัฒนธรรม
มาตรฐาน ต 2.1 เข้าใจความสัมพันธ์ระหว่างภาษากบั วัฒนธรรมของเจ้าของภาษา และนาไปใช้ได้
อย่างเหมาะสมกบั กาลเทศะ
ตวั ช้ีวดั
ต 2.1 ม. 3/3 เขา้ ร่วม/จดั กิจกรรมทางภาษาและวฒั นธรรมตามความสนใจ
2. สาระสาคญั /ความคดิ รวบยอด
การรู้และเขา้ ใจคาศพั ทแ์ ละโครงสร้างภาษา ช่วยใหพ้ ูด/เขียนส่ือสาร และเขา้ ร่วมกิจกรรมทางภาษา
ไดอ้ ยา่ งเหมาะสม
306
3. สาระการเรียนรู้
3.1 ทักษะเฉพาะวิชา
1) Language Features and Functions
Vocabulary: คาศพั ทใ์ นหน่วยการเรียนรู้ที่ 4
Grammar: ไวยากรณ์ในหน่วยการเรียนรู้ที่ 4
2) Language Skills
Listening: ฟังเพ่อื หาขอ้ มลู เฉพาะ
Writing: เขียน quiz เกี่ยวกบั เน้ือหาที่เรียนมาแลว้
4. สมรรถนะสาคญั ของผ้เู รยี น
1) ความสามารถในการสื่อสาร
2) ความสามารถในการคดิ
5. คุณลกั ษณะอันพงึ ประสงค์
- มุง่ มนั่ ในการทางาน
6. กจิ กรรมการเรียนรู้
ข้นั Warm up
ครูทบทวนคาศพั ทใ์ นหน่วยการเรียนรู้ที่ 4 โดยการใหน้ กั เรียนเล่นเกม Hangman เพ่อื ทบทวนคาศพั ท์
เก่ียวกบั การกระทาทีผ่ ดิ กฎหมาย
ข้นั Presentation
1. ครูทบทวนไวยากรณใ์ นหน่วยการเรียนรู้ท่ี 4 ดว้ ยการให้นกั เรียนระดมสมองพูดบอกไวยากรณ์ที่
เรียนรู้ในหน่วยน้ี ครูเขียนตามท่ีนกั เรียนบอกบนกระดานในรูปของ mind map จากน้นั ให้นกั เรียน
ช่วยกนั พดู บอกโครงสร้างประโยคและวธิ ีการใช้
307
Past
perfect
Adverbs ไวยากรณ์ Past perfect
หน่วยการ continuous
เรียนรู้ท่ี 4
Adjectives: Order of
-ing/-ed adjectives
endings
2. ครูแบง่ นกั เรียนเป็นกลุ่ม ให้แต่ละกล่มุ ส่งตวั แทน 1 คน ออกมาหนา้ ช้นั เพอ่ื เขียนประโยค 1 ประโยค
โดยใชโ้ ครงสร้างภาษาทเ่ี รียน แต่สลบั ตาแหน่งของคาในประโยค จากน้นั ใหก้ ลุ่มอ่ืนทายวา่ ประโยค
ท่ถี ูกตอ้ งเขยี นอยา่ งไร กลมุ่ ใดทายถูกตอ้ งกอ่ นจะได้ 1 คะแนน กลุ่มทมี่ ีคะแนนมากท่สี ุดจะเป็น
ผชู้ นะ
ข้นั Practice
1. หนังสือเรยี น หน้า 56 Ex. 1 ครูแบง่ นกั เรียนเป็นกลมุ่ ยอ่ ย และให้แตล่ ะกลมุ่ แข่งขนั กนั แตง่ ประโยค
โดยใชค้ าทกี่ าหนดให้ กลุ่มที่แตง่ ประโยคถูกตอ้ งจะได้ 1 คะแนน กลุม่ ทไี่ ดค้ ะแนนมากทีส่ ุดจะเป็น
ผชู้ นะ
Team B S1: My neighbour’s house was burgled last week.
Team A S2: A man escaped from prison yesterday.
2. หนงั สือเรียน หน้า 56 Ex. 2 ครูใหน้ กั เรียนทา quiz โดยห้ามเปิ ดดเู น้ือหา เสร็จแลว้ ให้นกั เรียน
เปรียบเทยี บคาตอบกบั เพ่ือน จากน้นั ครูจึงเฉลยคาตอบ
1F 2F 3 F 4T 5F 6F
308
3. หนงั สือเรยี น หน้า 56 GAME ครูแบ่งนกั เรียนเป็นกลุ่มยอ่ ย ใหแ้ ตล่ ะกลมุ่ ช่วยกนั แตง่ เรื่องตลกส้นั ๆ
ทเี่ กี่ยวขอ้ งกบั อาชญากรรม เสร็จแลว้ ออกมาเล่าให้เพื่อนฟัง เมอ่ื เลา่ เร่ืองครบทกุ กลุ่มแลว้ ให้นกั เรียน
ช่วยกนั ลงคะแนนเลอื กเร่ืองทตี่ ลกท่ีสุด
4. หนงั สือเรยี น หน้า 56 Ex. 4 นกั เรียนอา่ นช่ือเพลง และเดาว่าเพลงน้ีมีเน้ือหาเกี่ยวกบั เรื่องอะไร
เสร็จแลว้ ครูเปิ ด CD ให้นกั เรียนฟังและอ่านเน้ือเพลงตามไปดว้ ย เพื่อตรวจคาตอบที่เดาไว้
The song is about helping others. It says that sometimes we all need other people.
If we all cared for people with problems and looked after each other, the world
would be a better place.
5. หนงั สือเรยี น หน้า 56 Ex. 5 ครูใหเ้ วลานกั เรียนเขยี นประโยค 3 ประโยค เก่ียวกบั คณุ สมบตั ิท่ี
นกั เรียนคดิ วา่ เพอื่ นทด่ี ีควรจะมี เสร็จแลว้ ครูสุ่มเรียกนกั เรียนหลาย ๆ คน อา่ นใหเ้ พอ่ื นฟัง
A good friend should protect you.
A good friend should help you when you are in trouble.
A good friend should understand.
6. หนงั สือเรียน หน้า 55 O-NET practice ครูให้เวลานกั เรียนทาขอ้ สอบ เสร็จแลว้ ตรวจคาตอบร่วมกนั
ถา้ นกั เรียนไม่เขา้ ใจ ให้ครูอธิบายเพิ่มเตมิ
Ex. 1 1 A b, B c 2 A c, B d 3 A a, B b 5b
Ex. 2 1 c 2 c 3 a 4 a
ข้นั Production
หนงั สือเรียน หน้า 56 Ex. 3 นกั เรียนจบั คกู่ นั แลว้ ครูแจกกระดาษให้คู่ละ 1 แผน่ ให้แตล่ ะค่คู ดิ
คาถาม quiz 5-6 ขอ้ เก่ียวกบั เน้ือหาในหน่วยการเรียนรู้ที่ 4 ครูให้นกั เรียนเปิ ดดูเน้ือหาได้ และให้
นกั เรียนเขียนคาตอบไวด้ า้ นหลงั กระดาษ เมอ่ื ทุกคู่คดิ คาถามเสร็จแลว้ ให้แลกกนั ทา quiz กบั คอู่ ื่น
309
1 A shoplifter is someone who steals wallets. (F)
2 An arsonist breaks into people’s homes. (F)
3 Spraying paint on walls is vandalism. (T)
4 You get a fine in the UK for speeding. (T)
5 Balsa is the best wood to make a raft with. (T)
6 Brightly-coloured insects are likely to be poisonous. (T)
7. การวัดและการประเมนิ ผล เคร่ืองมือ เกณฑ์การผ่าน
- ร้อยละ 60
วธิ ีการวดั
ตรวจการเขียน quiz เก่ียวกบั เน้ือหา แบบประเมนิ คณุ ลกั ษณะ ระดบั คุณภาพ ผา่ น
ในหน่วยการเรียนรู้ที่ 4 อนั พงึ ประสงค์
สงั เกตความมงุ่ มนั่ ในการทางาน
8. ส่ือ/แหล่งการเรียนรู้
1) หนงั สือเรียน SPARK 3 ม. 3
2) Class Audio CDs ประกอบสื่อฯ ชุด SPARK 3 ม. 3
310
5 Our Blue Planet
ช้ันมัธยมศึกษาปี ที่ 3 เวลาเรียน 14 ช่ัวโมง
1 สาระ มาตรฐานการเรยี นรู้/ตวั ชีว้ ดั
สาระที่ 1 ภาษาเพอ่ื การสื่อสาร
มาตรฐาน ต 1.1 เข้าใจและตีความเรื่องท่ฟี ังและอ่านจากส่ือประเภทต่าง ๆ และแสดงความคดิ เห็น
อย่างมเี หตุผล
ตวั ช้ีวดั
ต 1.1 ม. 3/2 อา่ นออกเสียงขอ้ ความ ข่าว โฆษณา และบทร้อยกรองส้นั ๆ ถกู ตอ้ งตามหลกั การอา่ น
ต 1.1 ม. 3/3 ระบุและเขยี นสื่อทไี่ ม่ใช่ความเรียงรูปแบบตา่ ง ๆ ใหส้ มั พนั ธ์กบั ประโยคและ
ขอ้ ความที่ฟังหรืออา่ น
ต 1.1 ม. 3/4 เลอื ก/ระบุหัวขอ้ เร่ือง ใจความสาคญั รายละเอียดสนบั สนุน และแสดงความคิดเห็น
เกี่ยวกบั เร่ืองทีฟ่ ังและอ่านจากส่ือประเภทตา่ ง ๆ พร้อมท้งั ใหเ้ หตผุ ลและยกตวั อยา่ ง
ประกอบ
มาตรฐาน ต 1.2 มที กั ษะการส่ือสารทางภาษาในการแลกเปลย่ี นข้อมลู ข่าวสาร แสดงความรู้สึกและ
ความคดิ เหน็ อย่างมปี ระสิทธภิ าพ
ตวั ช้ีวดั
ต 1.2 ม. 3/1 สนทนาและเขยี นโตต้ อบขอ้ มลู เกี่ยวกบั ตนเอง เรื่องตา่ ง ๆ ใกลต้ วั สถานการณ์ ข่าว
เรื่องทอี่ ยใู่ นความสนใจของสังคม และส่ือสารอยา่ งตอ่ เน่ืองและเหมาะสม
ต 1.2 ม. 3/2 ใชค้ าขอร้อง ให้คาแนะนา คาช้ีแจง และคาอธิบายอยา่ งเหมาะสม
ต 1.2 ม. 3/4 พูดและเขยี นเพอื่ ขอและให้ขอ้ มลู อธิบาย เปรียบเทยี บ และแสดงความคิดเห็น
เก่ียวกบั เรื่องที่ฟังหรืออ่านอยา่ งเหมาะสม
มาตรฐาน ต 1.3 นาเสนอข้อมลู ข่าวสาร ความคิดรวบยอด และความคิดเหน็ ในเร่ืองต่าง ๆ โดยการพดู
และการเขยี น
ตวั ช้ีวดั
ต 1.3 ม. 3/1 พดู และเขยี นบรรยายเก่ียวกบั ตนเอง ประสบการณ์ ข่าว/เหตกุ ารณ์/เรื่อง/ประเดน็
ต่าง ๆ ที่อยใู่ นความสนใจของสงั คม
311
ต 1.3 ม. 3/2 พูดและเขียนสรุปใจความสาคญั /แกน่ สาระ หวั ขอ้ เร่ืองทีไ่ ดจ้ ากการวเิ คราะหเ์ ร่ือง/
ขา่ ว/เหตกุ ารณ์/สถานการณ์ทอี่ ยใู่ นความสนใจของสังคม
ต 1.3 ม. 3/3 พูดและเขียนแสดงความคดิ เห็นเก่ียวกบั กิจกรรม ประสบการณ์ และเหตกุ ารณ์
พร้อมท้งั ให้เหตุผลประกอบ
สาระที่ 2 ภาษาและวฒั นธรรม
มาตรฐาน ต 2.1 เข้าใจความสัมพนั ธ์ระหว่างภาษากับวัฒนธรรมของเจ้าของภาษา และนาไปใช้ได้
อย่างเหมาะสมกับกาลเทศะ
ตวั ช้ีวดั
ต 2.1 ม. 3/1 เลอื กใชภ้ าษา น้าเสียง และกิริยาทา่ ทางเหมาะกบั บคุ คลและโอกาส ตามมารยาทสงั คม
และวฒั นธรรมของเจา้ ของภาษา
ต 2.1 ม. 3/3 เขา้ ร่วม/จดั กิจกรรมทางภาษาและวฒั นธรรมตามความสนใจ
มาตรฐาน ต 2.2 เข้าใจความเหมือนและความแตกต่างระหว่างภาษาและวฒั นธรรมของเจ้าของภาษา
กบั ภาษาและวฒั นธรรมไทย และนามาใช้อย่างถกู ต้องและเหมาะสม
ตวั ช้ีวดั
ต 2.2 ม. 3/1 เปรียบเทยี บและอธิบายความเหมอื นและความแตกต่างระหว่างการออกเสียงประโยค
ชนิดต่าง ๆ และการลาดบั คาตามโครงสร้างประโยคของภาษาต่างประเทศและ
ภาษาไทย
สาระท่ี 3 ภาษากบั ความสัมพันธ์กบั กล่มุ สาระการเรียนรู้อืน่
มาตรฐาน ต 3.1 ใช้ภาษาต่างประเทศในการเช่ือมโยงความรู้กบั กล่มุ สาระการเรียนรู้อ่นื และเป็ น
พ้ืนฐานในการพฒั นา แสวงหาความรู้ และเปิ ดโลกทัศน์ของตน
ตวั ช้ีวดั
ต 3.1 ม. 3/1 คน้ ควา้ รวบรวม และสรุปขอ้ มูล/ขอ้ เท็จจริงท่ีเกี่ยวขอ้ งกบั กลมุ่ สาระการเรียนรู้อืน่
จากแหลง่ การเรียนรู้ และนาเสนอดว้ ยการพดู และการเขยี น
สาระท่ี 4 ภาษากบั ความสัมพันธ์กับชุมชนและโลก
มาตรฐาน ต 4.1 ใช้ภาษาต่างประเทศในสถานการณ์ต่าง ๆ ท้งั ในสถานศึกษา ชุมชน และสังคม
ตวั ช้ีวดั
ต 4.1 ม. 3/1 ใชภ้ าษาส่ือสารในสถานการณจ์ ริง/สถานการณจ์ าลองท่ีเกิดข้ึนในห้องเรียน
สถานศึกษา ชุมชน และสงั คม
312
2 สาระสาคญั /ความคดิ รวบยอด
การเรียนรู้คาศพั ท์ สานวน และโครงสร้างภาษา จะช่วยใหเ้ ขา้ ใจ บอกรายละเอยี ด แสดงความ
คิดเห็นและความรู้สึกเก่ียวกบั รื่องท่อี า่ นและฟังได้ สามารถนาสิ่งทีเ่ รียนรู้ไปใช้ในการพดู และเขียน
ส่ือสาร แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกบั ปรากฏการณธ์ รรมชาติ ปัญหาสิ่งแวดลอ้ มและวิธีแกไ้ ขไดอ้ ยา่ ง
เหมาะสม นอกจากน้ียงั สามารถพดู ใหค้ าแนะนา ตอบรับและปฏิเสธคาแนะนา คน้ ควา้ ความรู้เพิ่มเตมิ จาก
แหล่งการเรียนรู้ตา่ ง ๆ ตลอดจนตระหนกั ถงึ ความสาคญั ของพลงั งาน รู้จกั ประหยดั และใชพ้ ลงั งานอยา่ ง
รู้คุณค่า รวมถงึ มีความเขา้ ใจในมารยาทและวฒั นธรรมของเจา้ ของภาษา
3 สาระการเรียนรู้
3.1 ทักษะเฉพาะวิชา
1) Language Features and Functions
Vocabulary: Environmental problems (rubbish, air pollution, endangered species,
energy waste, deforestation, water pollution, polluted beaches)
Solutions (plant trees, clean up beaches, protect endangered species, use
public transport, turn off power when not in use)
Verbs (threaten, worship, preserve, survive, glide, scatter, break out,
suck, release, face extinction, threaten, reflect, increase, poison, reduce,
last, replace)
Nouns (rising seas, melting ice, global warming, cultural site, damage,
power, vegetation, sandstone, conservationist, authorities, meteorologist,
thunderstorm, endangered species, mammal, fishing village, overfishing,
survival, overhunting, smog, vehicle, fumes, source, consumption,
domestic consumption, demand, conservation)
Adjectives (giant, mystical, humid, responsible, glowing, electrical, rare,
unique, native)
Phrases (freak of nature)
Idioms (once in a blue moon, be raining cats and dogs)
Making suggestions (Why don’t we … ?, How about …?, Is it OK if we
…?, Do you think we can …?, Is … OK with you?)
Accepting (That sounds like fun., That sounds great., Sure. Why not?,
That’s OK with me.)
313
Refusing (I’m afraid I can’t., I’m sorry, but I can’t., I’m really sorry, but
I have to …)
Sentences (Look at this!, Why don’t we join in?, It sounds like fun., I’m
afraid I can’t., Never mind., How about meeting at 9:30?, Great!)
Grammar: will
be going to
Present continuous (future meaning)
Future continuous
Conditionals type 0-3
wishes
Functions: Talking about environmental problems
Planting trees will help solve the problem of deforestation.
Talking about weird phenomena
What did you see?
I saw a mysterious glowing ball gliding through the air.
Making suggestions
The school is having a clean-up day at the River Lea. Why don’t we join
in?
Sure. It sounds like fun.
Talking about endangered species
There are only a few thousand of the aye-aye lemur because of
deforestation and hunting.
Talking about solutions to a problem
We should use buses and trains to reduce air pollution.
Talking about renewable energy
Renewable energy helps save energy and is an eco-friendly source.
Pronunciation: /s/: face, police, nice
/z/: phase, please, nose
2) Language Skills
Listening: ฟังเพื่อหาขอ้ มูลเฉพาะ, ฟังการออกเสียงคาศพั ทแ์ ละประโยค
314
Speaking: พดู นาเสนอเก่ียวกบั ปัญหาสิ่งแวดลอ้ มท่ีคกุ คาม Stonehenge, พูดสัมภาษณ์
Reading: พยานทเี่ ห็นปรากฏการณ์แปลกประหลาด, พูดสนทนาตามสถานการณท์ ่ี
Writing: กาหนด, พูดแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกบั ความสาคญั ของสตั วป์ ่ า ปัจจยั ทที่ า
ใหเ้ กิดมลภาวะทางอากาศและแนวทางการแกป้ ัญหา และพลงั งานทดแทน
3) Cultures อา่ นเพอ่ื หาขอ้ มลู เฉพาะ
เขียนบรรยายเก่ียวกบั อนุสาวรียห์ รือโบราณสถานในประเทศไทย และ
อนุสาวรียห์ รือโบราณสถานของโลกท่ีกาลงั ตกอยใู่ นอนั ตราย, เขยี น
ประโยคตามโครงสร้างที่เรียน, เขียนส่ิงท่ีตนเองประทบั ใจจากเรื่องท่ีอา่ น,
เขียนไดอารีเลา่ ปรากฏการณ์แปลกประหลาด, แต่งบทสนทนาตาม
สถานการณ์ทกี่ าหนด, เขยี นแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกบั เร่ืองท่อี ่าน, เขยี น
mind map สรุปขอ้ มลู จากเร่ืองทอี่ ่าน, เขียนสรุปขอ้ มูลเก่ียวกบั สตั วท์ ใ่ี กล้
สูญพนั ธุ์, เขยี นเรียงความเสนอแนะวิธีแกป้ ัญหา, เขียนนาเสนอขอ้ มลู
เก่ียวกบั APAEC
สตั วท์ ่ใี กลส้ ูญพนั ธุ์
4 สมรรถนะสาคญั ของผ้เู รยี น
1) ความสามารถในการสื่อสาร
2) ความสามารถในการคดิ
3) ความสามารถในการใชเ้ ทคโนโลยี
4) ความสามารถในการแกไ้ ขปัญหา
5) ความสามารถในการใชท้ กั ษะชีวติ
5 คุณลักษณะอันพงึ ประสงค์
1) ใฝ่เรียนรู้
2) มุ่งมน่ั ในการทางาน
6 ชิน้ งาน/ภาระงาน (รวบยอด)
1) เขยี นอเี มลเลา่ เก่ียวกบั อบุ ตั เิ หตุที่เกิดข้นึ
2) เขยี นขอ้ ความเกี่ยวกบั อนุสาวรียห์ รือโบราณสถานทีก่ าลงั ตกอยใู่ นอนั ตราย
3) ชิ้นงานเขียนประโยค พร้อมวาดภาพหรือติดภาพประกอบ
4) เขียนไดอารีเล่าปรากฏการณ์แปลกประหลาด
315
5) อ่านออกเสียงบทสนทนา
6) แต่งบทสนทนาตามสถานการณท์ ่กี าหนด
7) พูดสนทนาตามสถานการณ์ทก่ี าหนด
8) ช้ินงาน My mapping สรุปขอ้ มลู จากเรื่องทีอ่ ่าน
9) คน้ ควา้ ขอ้ มลู เก่ียวกบั สัตวท์ ใ่ี กลส้ ูญพนั ธุแ์ ละเขียนสรุป
10) เขยี นเรียงความเสนอแนะวธิ ีแกป้ ัญหา
11) ชิ้นงานโปสเตอร์นาเสนอขอ้ มลู เกี่ยวกบั APAEC
7 การวดั และการประเมนิ ผล
7.1 การประเมนิ กอ่ นเรียน
7.2 การประเมนิ ระหวา่ งการจดั กิจกรรมการเรียนรู้
7.3 การประเมนิ หลงั เรียน
7.4 การประเมนิ ช้ินงาน/ภาระงาน (รวบยอด)
316
1 Reading 5a & Vocabulary 5a
2 ช่ัวโมง
จดุ ประสงค์การเรยี นรู้
- บอกรายละเอยี ดของเร่ืองท่ฟี ังและอา่ นได้
- พดู ให้ขอ้ มลู เกี่ยวกบั สถานทีใ่ นเรื่องที่อ่านได้
- พูดและเขยี นให้ขอ้ มลู เกี่ยวกบั อนุสาวรียห์ รือโบราณสถานของไทยและของโลกทกี่ าลงั เผชิญ
ปัญหาส่ิงแวดลอ้ มได้
1. สาระ มาตรฐานการเรียนรู้/ตวั ชีว้ ัด
สาระท่ี 1 ภาษาเพอ่ื การสื่อสาร
มาตรฐาน ต 1.1 เข้าใจและตคี วามเรื่องทฟ่ี ังและอ่านจากสื่อประเภทต่าง ๆ และแสดงความคิดเห็น
อย่างมีเหตผุ ล
ตวั ช้ีวดั
ต 1.1 ม. 3/4 เลือก/ระบหุ ัวขอ้ เร่ือง ใจความสาคญั รายละเอยี ดสนบั สนุน และแสดงความคดิ เห็น
เกี่ยวกบั เรื่องทีฟ่ ังและอ่านจากส่ือประเภทต่าง ๆ พร้อมท้งั ให้เหตุผลและยกตวั อยา่ ง
ประกอบ
มาตรฐาน ต 1.2 มที กั ษะการส่ือสารทางภาษาในการแลกเปลยี่ นข้อมลู ข่าวสาร แสดงความรู้สึกและ
ความคิดเหน็ อย่างมปี ระสิทธภิ าพ
ตวั ช้ีวดั
ต 1.2 ม. 3/4 พูดและเขยี นเพื่อขอและใหข้ อ้ มลู อธิบาย เปรียบเทยี บ และแสดงความคดิ เห็น
เกี่ยวกบั เรื่องทฟ่ี ังหรืออ่านอยา่ งเหมาะสม
มาตรฐาน ต 1.3 นาเสนอข้อมลู ข่าวสาร ความคิดรวบยอด และความคิดเหน็ ในเร่ืองต่าง ๆ โดยการพดู
และการเขยี น
ตวั ช้ีวดั
ต 1.3 ม. 3/2 พูดและเขยี นสรุปใจความสาคญั /แก่นสาระ หวั ขอ้ เร่ืองทไ่ี ดจ้ ากการวเิ คราะหเ์ รื่อง/
ขา่ ว/เหตกุ ารณ์/สถานการณ์ทอ่ี ยใู่ นความสนใจของสงั คม
317
สาระท่ี 3 ภาษากับความสัมพนั ธ์กบั กล่มุ สาระการเรียนรู้อื่น
มาตรฐาน ต 3.1 ใช้ภาษาต่างประเทศในการเชื่อมโยงความรู้กับกล่มุ สาระการเรียนรู้อื่น และเป็ น
พื้นฐานในการพัฒนา แสวงหาความรู้ และเปิ ดโลกทศั น์ของตน
ตวั ช้ีวดั
ต 3.1 ม. 3/1 คน้ ควา้ รวบรวม และสรุปขอ้ มูล/ขอ้ เท็จจริงที่เก่ียวขอ้ งกบั กลมุ่ สาระการเรียนรู้อืน่
จากแหล่งการเรียนรู้ และนาเสนอดว้ ยการพดู และการเขียน
2. สาระสาคญั /ความคิดรวบยอด
การเรียนรู้คาศพั ท์เกี่ยวกบั ปัญหาส่ิงแวดลอ้ ม ช่วยให้เขา้ ใจและสามารถบอกรายละเอยี ดของเรื่องท่ี
อา่ นและฟังได้ รวมถึงยงั สามารถนาความรู้ไปใชใ้ นการพดู ใหข้ อ้ มลู เก่ียวกบั ปัญหาส่ิงแวดลอ้ มและ
วธิ ีแกไ้ ขไดอ้ ยา่ งเหมาะสม
3. สาระการเรียนรู้
3.1 ทักษะเฉพาะวชิ า
1) Language Features and Functions
Vocabulary: Environmental problems (rubbish, air pollution, endangered species,
energy waste, deforestation, water pollution, polluted beaches)
Solutions (plant trees, clean up beaches, protect endangered species, use
public transport, turn off power when not in use)
Verbs (threaten, worship, preserve, survive)
Nouns (rising seas, melting ice, global warming, cultural site, damage,
power, vegetation, sandstone, conservationist, authorities)
Adjectives (giant, mystical, humid, responsible)
Functions: Talking about environmental problems
Planting trees will help solve the problem of deforestation.
2) Language Skills
Listening: ฟังเพอื่ หาขอ้ มูลเฉพาะ
Speaking: พูดนาเสนอเก่ียวกบั ปัญหาส่ิงแวดลอ้ มทีค่ ุกคาม Stonehenge
Reading: อา่ นเพ่ือหาขอ้ มลู เฉพาะ
Writing: เขียนบรรยายเก่ียวกบั อนุสาวรียห์ รือโบราณสถานในประเทศไทย และ
อนุสาวรียห์ รือโบราณสถานของโลกท่กี าลงั ตกอยใู่ นอนั ตราย
318
4. สมรรถนะสาคญั ของผ้เู รียน
1) ความสามารถในการส่ือสาร
2) ความสามารถในการคิด
3) ความสามารถในการใชเ้ ทคโนโลยี
5. คณุ ลกั ษณะอันพงึ ประสงค์
1) ใฝ่เรียนรู้
2) ม่งุ มนั่ ในการทางาน
3) มจี ิตสาธารณะ
6. กจิ กรรมการเรียนรู้
ช่ัวโมงท่ี 1
ข้นั Warm up
1. นกั เรียนอา่ นชื่อหน่วยการเรียนรู้ (Our Blue Planet) ในหนงั สือเรียน หนา้ 57 แลว้ ครูถามนกั เรียนว่า
เราอาศยั อยบู่ นดาวเคราะห์ดวงใดในจกั รวาล เมอ่ื นกั เรียนตอบวา่ โลก ครูถามตอ่ ไปว่า รู้หรือไม่
ทาไมจึงเรียกโลกว่า Blue planet
โลก เป็นดาวเคราะห์ดวงเดียวในระบบสุริยะทมี่ นุษยส์ ามารถอาศยั อยไู่ ด้
เนื่องจากมีมหาสมทุ ร ส่ิงมีชีวิตนานาพนั ธุ์ และออกซิเจนท่ีใชห้ ายใจ
โลกประกอบดว้ ยน้าเป็นส่วนใหญ่ เม่ือมองจากอวกาศ มหาสมุทรบนพ้ืนโลก
รวมกบั ช้นั บรรยากาศทาให้เห็นเป็นสีน้าเงิน ดงั น้นั จึงเรียกโลกว่า Blue planet
ท่มี า: http://www.kidzworld.com/article/582-planet-overview-earth
2. Find the page numbers for หน้า 57 ครูอ่านออกเสียงคาว่า weird ให้นกั เรียนฟังและออกเสียงตาม
2 คร้งั แลว้ ครูอธิบายความหมายของคาน้ี
weird (adj) = very strange and unusual, unexpected, or not natural (แปลก, ประหลาด)
จากน้นั ใหน้ กั เรียนหาว่าภาพที่เกี่ยวขอ้ งกบั ท้งั 3 คาน้ีอยใู่ นหนงั สือเรียนหนา้ ใด เมือ่ หาพบแลว้ ครู
ถามคาถามเพือ่ ดึงความสนใจของนกั เรียนเขา้ สู่บทเรียน
319
a poster (p. 63)
Where might you see a poster like this?
Do you do anything to help the environment? Why (not)?
endangered animals (p. 64)
What do you know about these animals? Why are they endangered?
Are there any endangered animals in your country? What can people do to help them?
weird phenomena (p. 62)
What do you know about these phenomena?
Have you experienced any of them?
ข้นั Pre-reading
1. หนงั สือเรียน หน้า 57 Ex. 1 ครูเปิ ด CD 2 คร้ัง ให้นกั เรียนฟังคาศพั ท์เก่ียวกบั ปัญหาสิ่งแวดลอ้ มและ
ออกเสียงตาม แลว้ ให้นกั เรียนอา่ นออกเสียงดว้ ยตนเองพร้อมกนั จากน้นั นกั เรียนช่วยกนั อธิบาย
ความหมายโดยเดาจากภาพ
rubbish (ขยะ) air pollution (มลภาวะทางอากาศ)
endangered species (สัตวท์ ใ่ี กลส้ ูญพนั ธ์) energy waste (การสิ้นเปลืองพลงั งาน)
deforestation (การตดั ไมท้ าลายป่ า) water pollution (มลภาวะทางน้า)
2. หนงั สือเรยี น หน้า 57 Ex. 2 นกั เรียนอ่านประโยคท่ใี หม้ า แลว้ จบั คู่กบั ปัญหาส่ิงแวดลอ้ มท่ีสมั พนั ธ์
กนั เสร็จแลว้ ครูเฉลยคาตอบ
1A 2F 3B 4D 5C 6E
3. ครูทบทวนความหมายของคาวา่ monument
monument (n) = a building, column, statue, etc. built to remind people of a famous
person or event (อนุสาวรีย)์
ครูอาจจะถามนกั เรียนวา่ ใครเคยข้นึ BTS บา้ ง ถา้ มนี กั เรียนทเี่ คยข้ึน ครูใหน้ กั เรียนคดิ วา่ สถานนี
อะไรที่มคี าวา่ monument (Victory monument) แลว้ ครูบอกช่ือภาษาไทยว่า อนุสาวรียช์ ยั สมรภมู ิ
เพื่อให้นกั เรียนเห็นภาพเก่ียวกบั คาศพั ทช์ ดั เจนข้ึน
320
จากน้นั ให้นกั เรียนระดมสมองบอกอนุสาวรียท์ ่ีมีชื่อเสียง หรืออนุสาวรียส์ าคญั ของโลกที่นกั เรียน
รู้จกั เช่น Stonehenge, England; Taj Mahal, India; Eiffel Tower, France; Leaning Tower of Pisa,
Italy
4. หนงั สือเรียน หน้า 58 Ex. 1 ครูถามนกั เรียนว่า รู้จกั อนุสาวรียห์ รือสถานท่ใี นประเทศไทยทก่ี าลงั
ตกอยใู่ นอนั ตรายเนื่องจากปัญหามลภาวะหรือไม่
ต่อมาใหน้ กั เรียนดภู าพประกอบบทอา่ น ครูถามนกั เรียนวา่ รู้จกั สถานท่เี หล่าน้ีหรือไม่ ให้นกั เรียน
บอกชื่อสถานท่ี แลว้ ช่วยกนั คิดคาถาม 3 ขอ้ เก่ียวกบั สถานทีเ่ หล่าน้ี ครูเขียนคาถามของนกั เรียนบน
กระดาน จากน้นั เปิ ด CD ใหน้ กั เรียนฟังและอา่ นบทอ่านตามไปดว้ ย เพ่ือหาว่าคาถามที่นกั เรียนคิดไว้
มคี าตอบอยใู่ นบทอ่านหรือไม่
How old are these places?
(Stonehenge: 5,000 years old; the Temples: early 12th century)
How many people visit them each year?
(Stonehenge: 800,000; the Temples: 600,000)
Why are they in danger?
(Stonehenge: visitors and traffic pollution; the Temples: the weather, vegetation
and tourists)
5. นกั เรียนอ่านออกเสียงคาศพั ทใ์ นกรอบ Check these words หนงั สือเรียน หนา้ 58 แลว้ ช่วยกนั อธิบาย
ความหมาย ถา้ คาใดนกั เรียนไมร่ ู้ใหเ้ ปิ ดพจนานุกรม
rising seas (n) = higher sea level (ระดบั น้าทะเลสูงข้ึน)
melting ice (n) = an ice turning from solid into something soft or liquid
(น้าแขง็ ทีก่ าลงั ละลาย)
global warming (n) = a gradual increase in world temperatures caused by gases such
as carbon dioxide that are collecting in the air around the earth
and stopping heat escaping into space (ภาวะโลกร้อน)
threaten (v) = to be likely to cause harm or damage to something or someone
(คกุ คาม)
cultural site (n) = a place related to the habits, traditions and beliefs of a society
(แหล่งวฒั นธรรม)
321
responsible (for) (adj) = having the job or duty of doing something or taking care of
somebody/something (มีความรบั ผิดชอบ)
damage (n) = harm or injury (ความเสียหาย)
power (n) = ability to control people and events (พลงั , อานาจ)
humid (adj) = containing extremely small drops of water in the air (ช้ืน)
vegetation (n) = plants in general, or plants that are found in a particular area
(พชื ผกั )
sandstone (n) = a type of rock formed from sand (หินทราย)
conservationist (n) = a person who believes in or works for the protection of plants,
animals and natural areas, esp. from the damaging effects of
human activity (นกั อนุรักษ)์
preserve (v) = to keep something as it is, especially in order to prevent it from
decaying or being damaged or destroyed (สงวน, อนุรกั ษ)์
giant (adj) = extremely large (มหึมา, ใหญโ่ ตมาก)
worship (v) = to have or show a strong feeling of respect and admiration for
God or a god (สักการะ)
authorities (n) = the group of people with official legal power to make decisions
or make people obey the laws in a particular area, such as the
police or a local government department (กลมุ่ คนทม่ี ีอานาจ
ในทางกฏหมาย)
mystical (adj) = having spiritual powers or qualities that are difficult to
understand or to explain (ลึกลบั )
survive (v) = to continue to exist, especially after being in a difficult or
threatening situation (ดารงอย,ู่ คงอยตู่ อ่ ไป)
ข้นั Reading
หนงั สือเรียน หน้า 58 Ex. 2 นกั เรียนอ่านคาถามที่กาหนดให้ และขีดเส้นใตค้ าสาคญั ในคาถาม
แต่ละขอ้ แลว้ อา่ นบทอ่านเพ่อื หาเน้ือเร่ืองส่วนทเี่ ก่ียวขอ้ งกบั คาสาคญั ทขี่ ีดเส้นใตไ้ ว้ จากน้นั ตอบ
คาถามทก่ี าหนดให้ เสร็จแลว้ ครูให้นกั เรียนช่วยกนั เฉลยคาตอบ
322
1 Yes, they are, because 600,000 tourists come to see them every year.
2 Wet, humid weather, vegetation and tourists are damaging the temples.
3 Conservationists
4 5,000 years old
5 Possibly as a place for sun worship – we don’t know.
6 Visitors have damaged it and the stones are threatened because of traffic pollution.
ข้นั Post-reading
1. หนงั สือเรยี น หน้า 58 Ex. 3 ครูใหเ้ วลานกั เรียนตอบคาถาม จากน้นั ครูรวบรวมคาตอบจากนกั เรียน
หลาย ๆ คน
1 I didn’t know how old the two places are and what is causing the damage to
these places.
2 I would like to visit the temples of Angkor Wat. They look very interesting
and there is a lot to see./I would like to visit Stonehenge. It looks very
beautiful and mysterious.
2. THINK! หนังสือเรียน หน้า 58 ครูให้นกั เรียนนึกถงึ อนุสาวรียห์ รือโบราณสถานในประเทศไทย
1 แห่ง แลว้ พิจารณาวา่ มอี ะไรคลา้ ยคลึงหรือแตกตา่ งจากสถานทใี่ นบทอ่านบา้ ง ครูให้เวลานกั เรียน
เขยี นขอ้ ความส้นั ๆ เก่ียวกบั อนุสาวรียห์ รือโบราณสถานดงั กลา่ ว จากน้นั ให้นกั เรียนอ่านใหเ้ พ่อื น
ขา้ ง ๆ ฟัง แลว้ ครูสุ่มเรียกนกั เรียน 3-4 คน อา่ นใหเ้ พ่ือนในช้นั ฟัง
The Parthenon in Athens is around 2,500 years old. Millions of people visit it
every year. Traffic pollution and acid rain threaten the Parthenon and has already
damaged parts of it. Reconstruction is taking place all the time and the statues are
in the Acropolis Museum.
323
3. นกั เรียนทา Language Review 5a Exs. 1-2 ในหนงั สือเรียน หนา้ 109 ร่วมกนั ในช้นั
4. แบบฝึกหัด (Workbook) หนา้ 36-37 Exs. 1-4 ให้นกั เรียนทาเป็นการบา้ น
ชั่วโมงที่ 2
ข้นั Warm up
ครูทบทวนคาศพั ทเ์ กี่ยวกบั ปัญหาสิ่งแวดลอ้ มไดแ้ ก่ rubbish, air pollution, endangered species,
energy waste, deforestation, water pollution โดยนาภาพมาแสดง ใหน้ กั เรียนบอกคาศพั ทพ์ ร้อมกนั
จากน้นั ครูสุ่มเรียกนกั เรียนทลี ะคนใหอ้ อกมาหยบิ ภาพตามคาศพั ทท์ ีค่ รูพดู
ข้นั Presentation
1. ครูเขยี นคาว่า extinction (อ่านว่า /ɪkˈstɪŋkʃn/) บนกระดาน ให้นกั เรียนอ่านตามครู 2 คร้ัง แลว้ ครู
ยกตวั อยา่ ง เพอ่ื ใหน้ กั เรียนเดาความหมาย
extinction (n) = a situation in which a plant, an animal, a way of life, etc. stops
existing (การสูญพนั ธุ)์
e.g. The extinction of the dinosaurs occurred millions of years ago.
2. นกั เรียนอ่านหวั ขอ้ Problems และ Solutions ในหนงั สือเรียน หนา้ 59 Ex. 4 แลว้ ครูถามความหมาย
ของ Solutions
solution (n) = a way of solving a problem or dealing with a difficult situation
(วธิ ีแกป้ ัญหา)
ตอ่ มาใหน้ กั เรียนอ่านคาศพั ทเ์ กี่ยวกบั ปัญหาสิ่งแวดลอ้ มในหวั ขอ้ Problems แลว้ ช่วยกนั อธิบาย
ความหมาย จากน้นั ให้นกั เรียนอา่ นวิธีแกป้ ัญหาในหัวขอ้ Solutions
3. หนงั สือเรยี น หน้า 59 Ex. 4 นกั เรียนจบั คู่ปัญหากบั วธิ ีการแกป้ ัญหาใหส้ มั พนั ธก์ นั เสร็จแลว้ ครูขอ
อาสาเฉลยคาตอบ
1E 2C 3A 4B 5D
324
หลงั จากเฉลยคาตอบแลว้ ใหน้ กั เรียนเขียนประโยคเกี่ยวกบั การแกป้ ัญหาส่ิงแวดลอ้ มโดยใชข้ อ้ มูลท่ี
จบั ค่ถู ูกตอ้ งแลว้ เสร็จแลว้ ครูรวบรวมคาตอบจากนกั เรียนหลาย ๆ คน
1 Turning off the power on electrical items when they are not in use will help
solve the problem of wasting energy.
2 Protecting endangered species will help solve the problem of animals facing
extinction.
3 Planting trees will help solve the problem of deforestation.
4 Cleaning up beaches will help solve the problem of polluted beaches.
5 Using public transport will help solve the problem of air pollution in cities.
4. หนังสือเรียน หน้า 59 Ex. 5 นกั เรียนทบทวนคากริยาจากบทอ่าน หนา้ 58 โดยอ่านคากริยาท่ี
กาหนดให้ และบอกความหมาย จากน้นั ใหน้ กั เรียนอา่ นประโยคและเลือกคากริยาทถ่ี ูกตอ้ งไปเตมิ
ลงในช่องว่าง เสร็จแลว้ ครูส่มเรียกนกั เรียนบอกคาตอบ และใหน้ กั เรียนในช้นั ตรวจว่าคาตอบถกู
หรือผิด
1 become 2 rise 3 dry 4 melt
5 be 6 damage 7 survive 8 preserve
ข้นั Practice
1. หนังสือเรียน หน้า 59 Ex. 6 ครูอธิบายวา่ นกั เรียนจะไดฟ้ ังประกาศจากสถานีวิทยขุ องมหาวิทยาลยั
และเติมขอ้ มูลลงในช่องว่าง ครูให้นกั เรียนลองเดาวา่ แตล่ ะช่องน่าจะเติมคาชนิดใด เช่น noun,
number จากน้นั เปิ ด CD ให้นกั เรียนฟัง เมอ่ื ฟังจบครูถามว่าเตมิ ขอ้ มูลไดค้ รบทกุ ช่องหรือไม่ โดยครู
อาจจะเปิ ด CD ให้นกั เรียนฟังอีกคร้งั จากน้นั ครูรวบรวมคาตอบจากนกั เรียนและเฉลยคาตอบ
1 (a) talk 2 Albert 3 Monday
4 pollution 53
325
2. หนังสือเรยี น หน้า 59 Ex. 7 นกั เรียนทางานคู่ โดยจินตนาการว่าตนเองอยทู่ ่ี Stonehenge และกาลงั จะ
ออกโทรทศั นเ์ พื่อพดู ถึงปัญหาท่สี ถานท่ีแห่งน้ีกาลงั เผชิญ พร้อมท้งั ขอความช่วยเหลอื โดยมีเวลาพูด
2 นาที ครูใหน้ กั เรียนเตรียมบทพดู โดยใชข้ อ้ มลู จากบทอ่าน หนา้ 58 เสร็จแลว้ ให้แตล่ ะคู่ออกมาพดู
นาเสนอทห่ี นา้ ช้นั
Stonehenge is a 5,000-year-old monument full of mystery and beauty.
Unfortunately, visitors have damaged it over the years. Today it faces problems
because of traffic pollution. Please help in our campaign to move busy roads
away from the site to help it survive for another 5,000 years.
ข้นั Production
1. หนงั สือเรียน หน้า 59 Ex. 8 นกั เรียนทางานกล่มุ กล่มุ ละ 4-5 คน คน้ ควา้ หาขอ้ มูลจากอินเทอร์เนต็
เกี่ยวกบั อนุสาวรียห์ รือโบราณสถานอนื่ ๆ ท่กี าลงั ตกอยใู่ นอนั ตราย จากน้นั ให้นกั เรียนเขยี นขอ้ ความ
ส้นั ๆ โดยใชโ้ ครงร่างท่ีใหม้ าเป็นแนวทางในการเขยี น
Fort St Elmo is in Malta. Thousands of people visit it every year. Unfortunately,
it is at risk because of damage from the weather and because it is not being
looked after properly. Authorities would like to restore and conserve it but they
don’t have enough money.
2. ครูใหน้ กั เรียนร่วมกนั อภิปรายเกี่ยวกบั ส่ิงท่ีไม่ควรทาเมื่อไปเย่ียมชมโบราณสถานตา่ ง ๆ เช่น ไม่ขดี
เขียนขอ้ ความบนกาแพง ไมถ่ า่ ยรูปในจุดท่มี ปี ้ายห้าม ไมส่ ัมผสั ภาพวาดบนผนงั หรือกาแพง ไมห่ ยบิ
ส่ิงของตา่ ง ๆ ในโบราณสถานมาเป็นของตน เป็นตน้ เมอ่ื อภิปรายร่วมกนั เสร็จแลว้ ครูช้ีใหน้ กั เรียน
เห็นถงึ ความสาคญั ของการอนุรักษโ์ บราณสถาน เพอ่ื ใหค้ งไวซ้ ่ึงคณุ คา่ ของการเป็นมรดกทาง
วฒั นธรรม เราสามารถมีส่วนร่วมในการช่วยกนั ดแู ลรกั ษาโบราณสถาน
3. แบบฝึกหัด (Workbook) หนา้ 37 Exs. 5-7 ให้นกั เรียนทาเป็นการบา้ น
326
7. การวัดและการประเมนิ ผล
วิธีการวดั เคร่ืองมือ เกณฑ์การผ่าน
ตรวจการตอบคาถามจากการอ่านและ แบบฝึกหดั (Workbook) ร้อยละ 60
การฟัง
ตรวจการเขียนขอ้ ความส้นั ๆ เกี่ยวกบั สมดุ นกั เรียน -
อนุสาวรียห์ รือโบราณสถานในประเทศ
ไทย
สังเกตการพดู นาเสนอเก่ียวกบั ปัญหา แบบสังเกตพฤติกรรมการเรียนรู้ ระดบั คณุ ภาพ พอใช้
สิ่งแวดลอ้ มที่คกุ คาม Stonehenge
ประเมินการเขยี นขอ้ ความเก่ียวกบั แบบประเมินการเขยี น ระดบั คณุ ภาพ พอใช้
อนุสาวรียห์ รือโบราณสถานท่กี าลงั ตก
อยใู่ นอนั ตราย
สังเกตความใฝ่เรียนรู้ ความมุ่งมนั่ ใน แบบประเมนิ คณุ ลกั ษณะ ระดบั คณุ ภาพ ผ่าน
การทางาน และความมีจิตสาธารณะ อนั พึงประสงค์
8. สื่อ/แหล่งการเรียนรู้
1) หนงั สือเรียน SPARK 3 ม. 3
2) Class Audio CDs ประกอบสื่อฯ ชุด SPARK 3 ม. 3
3) แบบฝึกหัด SPARK 3 ม. 3
4) พจนานุกรมองั กฤษ-องั กฤษ
5) พจนานุกรมออนไลน์
6) อนิ เทอร์เน็ต
7) ภาพปัญหาสิ่งแวดลอ้ ม
327
2 Grammar 5b
2 ชั่วโมง
จดุ ประสงค์การเรียนรู้
- พดู และเขียนประโยคเก่ียวกบั การกระทาในอนาคตโดยใช้ will, be going to, Present continuous
(future meaning) และ Future continuous ได้
- พูดและเขียนประโยคเงอื่ นไข (Conditionals) เก่ียวกบั สิ่งแวดลอ้ มใกลต้ วั ได้
- พดู และเขียนประโยคบอกความปรารถนาโดยใช้ wish ได้
1. สาระ มาตรฐานการเรยี นรู้/ตัวชี้วดั
สาระที่ 1 ภาษาเพอื่ การส่ือสาร
มาตรฐาน ต 1.3 นาเสนอข้อมลู ข่าวสาร ความคิดรวบยอด และความคดิ เหน็ ในเรื่องต่าง ๆ โดยการพดู
และการเขียน
ตวั ช้ีวดั
ต 1.3 ม. 3/1 พดู และเขียนบรรยายเกี่ยวกบั ตนเอง ประสบการณ์ ขา่ ว/เหตกุ ารณ์/เร่ือง/ประเด็น
ต่าง ๆ ทอ่ี ยใู่ นความสนใจของสังคม
2. สาระสาคัญ/ความคดิ รวบยอด
การเรียนรู้และเขา้ ใจโครงสร้างภาษา (will, be going to, Present continuous (future meaning),
Future continuous, Conditionals type 0-3, wishes) ช่วยให้สามารถพูดและเขียนส่ือสารไดอ้ ยา่ งถกู ตอ้ ง
3. สาระการเรียนรู้
3.1 ทักษะเฉพาะวชิ า
1) Language Features and Functions
Grammar: will
be going to
Present continuous (future meaning)
Future continuous
328
Conditionals type 0-3
wishes
2) Language Skills
Writing: เขียนประโยคตามโครงสร้างทเี่ รียน
4. สมรรถนะสาคญั ของผ้เู รียน
1) ความสามารถในการส่ือสาร
2) ความสามารถในการคิด
5. คุณลักษณะอันพึงประสงค์
- ใฝ่เรียนรู้
6. กิจกรรมการเรียนรู้
ชั่วโมงท่ี 1
ข้นั Warm up
ครูให้นกั เรียนแบ่งกลมุ่ กลุ่มละ 4-5 คน แลว้ ครูแจกซองท่มี ีบตั รคาศพั ทป์ ัญหาส่ิงแวดลอ้ มและวธิ ี
แกป้ ัญหาให้กลมุ่ ละ 1 ชุด ให้แตล่ ะกล่มุ แข่งขนั กนั จบั คปู่ ัญหากบั วิธีแกป้ ัญหา
ข้นั Presentation
1. ครูทบทวนการใช้ will โดยเขยี นประโยคตอ่ ไปน้ีบนกระดาน
I’m thirsty. I will drink some water.
Next summer he will go on holiday.
ครูถามวา่ หลงั will จะตามดว้ ยคาชนิดใด (กริยาช่องที่ 1) แลว้ ครูอธิบายวา่ will + infinitive (กริยา
ช่องท่ี 1) ใชก้ บั สิ่งที่ตดั สินใจจะทาในขณะท่พี ูด และใชค้ าดการณ์สิ่งท่คี ิดว่าจะเกิดข้ึน
2. ครูทบทวนการใช้ be going to โดยเขียนประโยคต่อไปน้ีบนกระดาน
I am going to watch TV tonight.
Look at those dark clouds. It’s going to rain later.
ครูถามว่าหลงั be going to จะตามดว้ ยคาชนิดใด (กริยาช่องที่ 1) แลว้ ครูอธิบายว่า be going to ใช้
กลา่ วถึงแผนการในอนาคตหรือความต้งั ใจ และใชค้ าดการณ์ส่ิงที่จะเกิดข้ึนจากหลกั ฐานที่เห็น
329
3. ครูทบทวน Present continuous (future meaning) โดยเขียนประโยคตอ่ ไปน้ีบนกระดาน
I am flying to Rome next week.
ครูให้นกั เรียนบอกโครงสร้างของ Present continuous (verb to be + v-ing) แลว้ ครูอธิบายว่า Present
continuous (future meaning) ใชก้ ลา่ วถงึ สิ่งท่ีวางแผนจะทาในอนาคตโดยระบเุ วลาทแี่ น่ชดั
4. ครูสอนการใช้ Future continuous โดยเขยี นประโยคตอ่ ไปน้ีบนกระดาน
I’ll be flying to Rome at 10 am tomorrow.
ครูขีดเส้นใต้ ’ll be flying เพื่อให้นกั เรียนบอกโครงสร้างของ Future continuous (will be + v-ing)
แลว้ ใหน้ กั เรียนช่วยกนั วเิ คราะห์วา่ ประโยคน้ีแตกตา่ งจาก I am flying to Rome next week. อยา่ งไร
ครูพยายามกระตนุ้ ให้นกั เรียนคิด โดยถามวา่ future กล่าวถึงเหตกุ ารณ์ในปัจจุบนั หรืออนาคต
(อนาคต) ครูถามตอ่ ไปวา่ continuous แสดงถึงสถานะของเหตกุ ารณอ์ ยา่ งไร (กาลงั เกิดข้ึน) เพ่อื ให้
นกั เรียนบอกไดว้ า่ Future continuous ใชก้ ล่าวถงึ เหตกุ ารณ์ทกี่ าลงั ดาเนินอยู่ ณ เวลาใดเวลาหน่ึงใน
อนาคต
5. หนังสือเรียน หน้า 60 Ex. 1 ครูให้นกั เรียนอา่ นทบทวนการใช้ will, be going to, present continuous
(future meaning), Future continuous แลว้ อธิบายความหมายของตวั อยา่ งประโยคสีฟ้าเป็นภาษาไทย
จากน้นั ใหห้ าตวั อยา่ ง will, be going to, present continuous (future meaning), Future continuous ใน
บทอ่าน หนา้ 58
will: Hopefully, this will help to ..., Will mystical Stonehenge survive …
be going to: What are we going to do?
Present continuous (future meaning): Authorities are going to try ...
ข้นั Practice
1. หนังสือเรียน หน้า 60 Ex. 2 นกั เรียนเตมิ will หรือ am/is/are/going to ลงในช่องวา่ งในประโยคให้
ถูกตอ้ ง เสร็จแลว้ ครูรวบรวมคาตอบจากนกั เรียน พร้อมท้งั ใหน้ กั เรียนอธิบายเหตุผลในการตอบ
จากน้นั ครูเฉลยคาตอบ
1 will/’ll 2 are going to 3 will/’ll
4 will/’ll 5 will/’ll 6 are going to
7 will/’ll 8 is going to
330
2. หนงั สือเรียน หน้า 60 Ex. 3 นกั เรียนอา่ นประโยคที่ให้มา และเปล่ยี นคากริยาในวงเลบ็ ให้อยูใ่ นรูป
Future continuous เสร็จแลว้ ครูสุ่มเรียกนกั เรียนอ่านประโยค และครูตรวจคาตอบ
1 will be studying 2 will be sunbathing 3 will be waiting
4 will be travelling 5 will be seeing
ข้นั Production
1. ครูให้นกั เรียนเขียนบรรยายภายใตห้ ัวขอ้ “What do you want to do next summer holiday?” โดยใช้
โครงสร้างที่เรียน
I’m going to Phuket next summer holiday with my friends. I think I will go
snorkelling and visit the aquarium. I will try local food and seafood.
2. นกั เรียนทา Grammar Bank 5 ในแบบฝึกหัด (Workbook) หนา้ 87 Exs. 1-3 ร่วมกนั ในช้นั
3. แบบฝึกหดั (Workbook) หนา้ 38 Exs. 1-3 ให้นกั เรียนทาเป็นการบา้ น
ชั่วโมงที่ 2
ข้นั Warm up
ครูทบทวน will, be going to, present continuous (future meaning), Future continuous โดยให้
นกั เรียนบอกโครงสร้างและหลกั การใช้
ข้นั Presentation
1. ครูอธิบายวา่ ถา้ ประโยคกลา่ วถงึ อนาคตมวี ลบี ่งบอกเวลาซ่ึงข้นึ ตน้ ดว้ ย when, while, before, after,
until, as soon as, if, unless วลีเหล่าน้ีจะอยใู่ นรูป Present simple ไมใ่ ช้ will เช่น
I will call you when I have time. (Not: will have)
I won’t go out until it stops raining.
331
She’ll come as soon as her babysitter arrives.
I’m going to make dinner after I watch the news.
I’ll give you the book before you go.
2. ครูนาเสนอประโยคเง่ือนไข (Conditionals) ท้งั 4 แบบ ดว้ ยการเขยี นตวั อยา่ งประโยคบนกระดาน
และขดี เสน้ ใตค้ ากริยา
Type 0: If you heat water to 100 degrees, it boils.
You get water if you mix hydrogen and oxygen.
Type 1: If you don’t drop the gun, I’ll shoot!
If it rains, you will get wet.
Type 2: If I had a lot of money, I would travel around the world.
If I were you, I wouldn’t go out with that man.
Type 3: If I had gone to bed early, I would have caught the train.
If she had studied, she would have passed the exam.
ครูใหน้ กั เรียนช่วยกนั บอกโครงสร้างของประโยคเงอ่ื นไขแตล่ ะแบบ แลว้ ครูเขียนโครงสร้างท่ี
ถกู ตอ้ งบนกระดาน
Type 0: if + present simple, present simple
Type 1: if + present simple, will + infinitive
Type 2: if + past simple, would + infinitive
Type 3: if + past perfect, would + have + past participle
ครูอธิบายวา่ ประโยคเง่ือนไข หรือทเ่ี รียกกนั ว่า if-clause ประกอบดว้ ยประโยคยอ่ ย 2 ประโยค ซ่ึง
สามารถสลบั ทีก่ นั ได้ โดยถา้ ให้ประโยคยอ่ ยที่มี if อยขู่ า้ งหนา้ จะตอ้ งใช้ comma (,) คนั่ ระหวา่ ง
ประโยคยอ่ ยท้งั สอง แตถ่ า้ ประโยคยอ่ ยท่มี ี if อยขู่ า้ งหลงั ไมต่ อ้ งมี comma คนั่
ต่อมาครูอธิบายหลกั การใชป้ ระโยคเงือ่ นไขแต่ละแบบ ดงั น้ี
Type 0 ใชก้ บั เหตกุ ารณ์ท่เี ป็นความจริง คือ ถา้ สิ่งหน่ึงเกิด อกี ส่ิงหน่ึงตอ้ งเกิดเสมอ เช่น
If you touch a fire, you get burned.
Type 1 ใชก้ บั เหตุการณ์ท่ีเป็นเหตุเป็นผลซ่ึงกนั และกนั คอื ถา้ สิ่งหน่ึงเกิด อกี สิ่งหน่ึง
จะเกิดข้นึ หรืออาจจะเกิดข้นึ เช่น
If it rains, I won’t go to the park.
Type 2 ใชก้ บั เหตกุ ารณ์ท่ีตรงขา้ มความจริงในปัจจบุ นั หรืออนาคต คอื พูดถงึ ส่ิงท่ีผพู้ ดู
คดิ ว่าไมน่ ่าจะเกิดข้นึ เช่น
If I won the lottery, I would buy a big house.
332
Type 3 ใชก้ บั เหตุการณ์ท่ตี รงขา้ มความจริงในอดีต คอื พดู ถงึ อดีตทไี่ มไ่ ดเ้ กิดข้ึนจริง
ว่าถา้ เกิดข้ึนแลว้ จะเป็นอยา่ งไร เช่น
If I hadn’t eaten so much, I wouldn’t have felt sick.
ครูอธิบายเพ่ิมเตมิ ว่า Type 0 (Zero conditional) จะใชพ้ ูดถึงความจริงทว่ั ๆไป แต่ Type 1 (First
conditional) จะพูดถึงเหตกุ ารณเ์ ฉพาะ
3. ครูแบ่งนกั เรียนออกเป็นกลุ่ม กลุ่มละ 4-5 คน แลว้ ครูแจกบตั รประโยค Conditionals ให้กลุ่มละ 2
ประโยค ใหแ้ ต่ละกลุม่ ต่อบตั รประโยคใหเ้ ป็นประโยคที่ถกู ตอ้ ง
She wouldn’t have been tired if she had gone to bed earlier.
He would have become a teacher. if he had gone to university.
หลงั จากทกุ กลุ่มจบั คู่เสร็จแลว้ ครูใหแ้ ตล่ ะกลุม่ อา่ นประโยคที่จบั คู่ให้กลุ่มอืน่ ฟัง เพ่ือระบวุ ่าเป็น
ประโยคเงือ่ นไขแบบใด
4. หนังสือเรยี น หน้า 60 Ex. 4 ครูให้นกั เรียนอา่ นทบทวนโครงสร้างและหลกั การใชป้ ระโยคเงอ่ื นไข
(Conditionals) จากน้นั อธิบายความหมายของตวั อยา่ งประโยคสีฟ้าเป็นภาษาไทย
5. ครูนาเสนอการใช้ wish/if only โดยเขียนประโยคตอ่ ไปน้ีบนกระดาน
1) I wish/If only I lived nearer. Then we could meet more often.
2) I wish/If only I had never told him my secret.
ครูใหน้ กั เรียนสังเกตวา่ wish ในประโยคที่ 1 และ 2 ตามดว้ ย tense ใด (ประโยคท่ี 1 ตามดว้ ย Past
simple และประโยค 2 ตามดว้ ย Past perfect
ต่อมาครูให้นกั เรียนคิดวา่ ประโยคใดแสดงความปรารถนาทตี่ รงขา้ มกบั ความจริงในปัจจบุ นั
(ประโยคที่ 1) และประโยคใดแสดงความปรารถนาที่เป็นไปไม่ไดใ้ นอดีต (ประโยคที่ 2)
จากน้นั ครูเขยี นโครงสร้างบนกระดานและอธิบายการใช้ ดงั น้ี
wish/if only + past simple
ใชแ้ สดงความปรารถนาทีต่ รงขา้ มกบั ความจริงในปัจจุบนั เช่น
I wish/If only I went to London with you.
wish/if only + past perfect
ใชแ้ สดงความปรารถนาทเ่ี ป็นไปไมไ่ ดใ้ นอดีต เช่น
I have got a stomach ache. I wish/If only I hadn’t eaten too much.
333
ข้นั Practice
1. หนังสือเรียน หน้า 61 Ex. 5 นกั เรียนเปลย่ี นคากริยาในวงเล็บให้อยใู่ นรูป tense ที่ถูกตอ้ ง พร้อมท้งั
ระบุวา่ แต่ละประโยคเป็นประโยคเงื่อนไขแบบใด จากน้นั ครูรวบรวมคาตอบจากนกั เรียน และเฉลย
คาตอบ
1 starts (type 0) 2 will be (type 1) 3 will lose (type 1)
4 heat (type 0) 5 gets (type 0)
2. หนังสือเรียน หน้า 61 Ex. 6 นกั เรียนเปล่ียนคากริยาในวงเลบ็ ใหอ้ ยใู่ นรูป Conditionals type 2
เสร็จแลว้ ครูรวบรวมคาตอบจากนกั เรียน และเฉลยคาตอบ
1 were, would ask 2 would go, had 3 would call, weren’t
4 exercised, would feel 5 had, would adopt
3. หนงั สือเรยี น หน้า 61 Ex. 7 นกั เรียนเขยี นประโยคท่ีให้มาใหมใ่ ห้อยู่ในรูป Conditionals type 3
เสร็จแลว้ ครูสุ่มเรียกนกั เรียนออกมาเขียนประโยคบนกระดาน และใหน้ กั เรียนทเ่ี หลอื ช่วยกนั ตรวจ
ว่าถูกตอ้ งหรือไม่ ถา้ ไมถ่ กู ตอ้ ง ให้นกั เรียนคนอน่ื ออกมาแกไ้ ขจนกวา่ จะถกู ตอ้ ง
2 If we had played well/better, we wouldn’t have lost the match.
3 If someone had told me, I wouldn’t have missed the appointment.
4 If it had stopped snowing, we wouldn’t have stayed in.
5 If she had studied, she wouldn’t have failed the exam.
4. หนงั สือเรียน หน้า 61 Ex. 8 นกั เรียนเตมิ ประโยคท่ใี ห้มาใหเ้ ป็นประโยคเง่ือนไขที่ถกู ตอ้ ง เสร็จแลว้
ครูรวบรวมคาตอบจากนกั เรียน พร้อมท้งั ให้นกั เรียนระบุวา่ แต่ละประโยคเป็นประโยคเง่อื นไข
แบบใด
334
1 would fly around the world (type 2)
2 we’ll go to the beach (type 1)
3 I would take it to the police (type 2)
4 I would have got a prize (type 3)
5 I will bake a cake (type 1)
5. หนังสือเรียน หน้า 61 Ex. 9 นกั เรียนอ่านทบทวนการใชว้ ลบี ง่ บอกเวลา จากน้นั ใหน้ กั เรียนเปล่ยี น
คากริยาในวงเลบ็ ให้อยใู่ นรูป tense ท่ถี ูกตอ้ ง เสร็จแลว้ ครูรวบรวมคาตอบจากนกั เรียน และเฉลย
คาตอบ
1 give 2 finishes 3 see
4 completes 5 is 6 will we go
6. หนังสือเรียน หน้า 61 Ex. 10 นกั เรียนทบทวนการใช้ wish/if only แลว้ อธิบายความหมายของ
ตวั อยา่ งประโยคสีฟ้าเป็นภาษาไทย จากน้นั ให้นกั เรียนเขยี นประโยคที่กาหนดให้ใหมโ่ ดยใช้ If only/
I wish เสร็จแลว้ ครูสุ่มเรียกนกั เรียนหลาย ๆ คน อ่านประโยค และเฉลยคาตอบ
2 I wish/If only it wasn’t raining again.
3 I wish/If only it wasn’t too cold.
4 I wish/If only I hadn’t lost my purse.
5 I wish/If only I had followed your advice.
6 I wish/If only I hadn’t eaten too much and I hadn’t felt awful.
335
ข้นั Production
1. ครูให้นกั เรียนทาชิ้นงานเขียนประโยคเง่อื นไขท้งั 4 แบบ และประโยคที่ใช้ wish ท้งั 2 แบบ พร้อม
ท้งั วาดภาพหรือตดิ ภาพประกอบประโยค นกั เรียนสามารถออกแบบรูปแบบช้ินงานไดอ้ ยา่ งอิสระ
เช่น สมุดโนต้ โปสเตอร์
If I won the lottery, I would buy a big house.
2. นกั เรียนทา Grammar Bank 5 ในแบบฝึกหดั (Workbook) หนา้ 88-89 Exs. 4-10 ร่วมกนั ในช้นั
3. แบบฝึกหัด (Workbook) หนา้ 38-39 Exs. 4-8 ให้นกั เรียนทาเป็นการบา้ น
7. การวดั และการประเมนิ ผล
วธิ ีการวดั เครื่องมือ เกณฑ์การผ่าน
-
ตรวจการเขียนบรรยายเก่ียวกบั ส่ิงที่ สมุดนกั เรียน
ระดบั คุณภาพ พอใช้
ตอ้ งการทาในวนั หยดุ ฤดูร้อนคร้ังหนา้
ระดบั คณุ ภาพ ผ่าน
ประเมินชิ้นงานเขยี นประโยค พร้อม แบบประเมนิ ชิ้นงาน
วาดภาพหรือตดิ ภาพประกอบ
สงั เกตความใฝ่เรียนรู้ แบบประเมินคุณลกั ษณะ
อนั พงึ ประสงค์
8. ส่ือ/แหล่งการเรียนรู้
1) หนงั สือเรียน SPARK 3 ม. 3
2) แบบฝึกหัด SPARK 3 ม. 3
3) บตั รคาศพั ทป์ ัญหาสิ่งแวดลอ้ มและวธิ ีแกป้ ัญหา
4) บตั รประโยค Conditionals
336
3 Skills 5c
2 ช่ัวโมง
จดุ ประสงค์การเรยี นรู้
- บอกรายละเอยี ดและแสดงความรู้สึกเกี่ยวกบั เรื่องท่อี า่ นได้
- พดู ขอและใหข้ อ้ มลู เก่ียวกบั ปรากฏการณ์แปลกประหลาดได้
- เขียนไดอารีเลา่ ปรากฏการณ์แปลกประหลาดได้
1. สาระ มาตรฐานการเรยี นรู้/ตวั ชี้วัด
สาระที่ 1 ภาษาเพอ่ื การส่ือสาร
มาตรฐาน ต 1.1 เข้าใจและตคี วามเร่ืองทฟี่ ังและอ่านจากส่ือประเภทต่าง ๆ และแสดงความคดิ เหน็
อย่างมีเหตุผล
ตวั ช้ีวดั
ต 1.1 ม. 3/4 เลือก/ระบุหวั ขอ้ เรื่อง ใจความสาคญั รายละเอยี ดสนบั สนุน และแสดงความคิดเห็น
เกี่ยวกบั เรื่องทฟ่ี ังและอ่านจากส่ือประเภทตา่ ง ๆ พร้อมท้งั ใหเ้ หตผุ ลและยกตวั อยา่ ง
ประกอบ
มาตรฐาน ต 1.2 มที ักษะการสื่อสารทางภาษาในการแลกเปลยี่ นข้อมลู ข่าวสาร แสดงความรู้สึกและ
ความคิดเห็นอย่างมปี ระสิทธภิ าพ
ตวั ช้ีวดั
ต 1.2 ม. 3/1 สนทนาและเขยี นโตต้ อบขอ้ มูลเก่ียวกบั ตนเอง เรื่องต่าง ๆ ใกลต้ วั สถานการณ์ ขา่ ว
เร่ืองที่อยใู่ นความสนใจของสังคม และส่ือสารอยา่ งต่อเน่ืองและเหมาะสม
ต 1.2 ม. 3/4 พดู และเขียนเพือ่ ขอและใหข้ อ้ มลู อธิบาย เปรียบเทยี บ และแสดงความคดิ เห็น
เกี่ยวกบั เร่ืองที่ฟังหรืออา่ นอยา่ งเหมาะสม
มาตรฐาน ต 1.3 นาเสนอข้อมูลข่าวสาร ความคดิ รวบยอด และความคดิ เห็นในเร่ืองต่าง ๆ โดยการพูด
และการเขียน
ตวั ช้ีวดั
ต 1.3 ม. 3/1 พดู และเขยี นบรรยายเกี่ยวกบั ตนเอง ประสบการณ์ ข่าว/เหตกุ ารณ์/เรื่อง/ประเดน็
ตา่ ง ๆ ที่อยใู่ นความสนใจของสงั คม
337
สาระที่ 4 ภาษากับความสัมพนั ธ์กับชุมชนและโลก
มาตรฐาน ต 4.1 ใช้ภาษาต่างประเทศในสถานการณ์ต่าง ๆ ท้งั ในสถานศึกษา ชุมชน และสังคม
ตวั ช้ีวดั
ต 4.1 ม. 3/1 ใชภ้ าษาสื่อสารในสถานการณจ์ ริง/สถานการณ์จาลองทเ่ี กิดข้นึ ในหอ้ งเรียน
สถานศึกษา ชุมชน และสงั คม
2. สาระสาคญั /ความคิดรวบยอด
การเรียนรู้คาศพั ท์ จะช่วยให้เขา้ ใจ บอกรายละเอียด และแสดงความรู้สึกเกี่ยวกบั เร่ืองที่อ่าน รวมถึง
ยงั สามารถนาความรู้ไปใชใ้ นการพดู และเขยี นให้ขอ้ มูลเกี่ยวกบั ปรากฏการณ์ธรรมชาติไดอ้ ยา่ งเหมาะสม
3. สาระการเรียนรู้
3.1 ทักษะเฉพาะวิชา
1) Language Features and Functions
Vocabulary: Verbs (glide, scatter, break out, suck, release)
Nouns (meteorologist, thunderstorm)
Adjectives (glowing, electrical, rare)
Phrases (freak of nature)
Idioms (once in a blue moon, be raining cats and dogs)
Functions: Talking about weird phenomena
What did you see?
I saw a mysterious glowing ball gliding through the air.
2) Language Skills
Listening: ฟังเพ่ือหาขอ้ มูลเฉพาะ
Speaking: พูดสัมภาษณ์พยานท่เี ห็นปรากฏการณ์แปลกประหลาด
Reading: อา่ นเพือ่ หาขอ้ มลู เฉพาะ
Writing: เขียนสิ่งทีต่ นเองประทบั ใจจากเรื่องทอี่ า่ น,
เขียนไดอารีเลา่ ปรากฏการณ์แปลกประหลาด
4. สมรรถนะสาคญั ของผ้เู รยี น
1) ความสามารถในการส่ือสาร
2) ความสามารถในการคดิ
338
5. คุณลักษณะอันพงึ ประสงค์
1) ใฝ่เรียนรู้
2) มุ่งมน่ั ในการทางาน
6. กจิ กรรมการเรียนรู้
ช่ัวโมงที่ 1
ข้นั Warm up
ครูนาเขา้ สู่บทเรียนดว้ ยการเปิ ดคลิปวิดีโอจาก https://www.youtube.com/watch?v=6ioN-3UWYrY
ใหน้ กั เรียนดูปรากฏการณ์ ball lightning (ถา้ ในช้ันเรียนไมม่ ีอินเทอร์เน็ตครูอาจนาภาพมาให้ดูแทน)
จากน้นั ครูถามนกั เรียนวา่ ปรากฏการณ์ ball lightning เป็นปรากฏการณท์ เ่ี กิดข้ึนเป็นปกติหรือไม่
ข้นั Pre-reading
1. หนงั สือเรยี น หน้า 62 Ex. 1 ครูใหน้ กั เรียนระดมสมองบอกคาศพั ทเ์ ก่ียวกบั ปรากฏการณ์ทาง
ธรรมชาตใิ ห้ไดม้ ากท่สี ุดภายในเวลา 1 นาที โดยครูเขียนคาศพั ทท์ ี่นกั เรียนบอกบนกระดาน จากน้นั
ใหน้ กั เรียนระบวุ า่ ปรากฎการณใ์ ดที่พบเห็นไดท้ วั่ ไปในประเทศไทย
thundertorms, lightning, rainbows, hailstones,tonordo, hurricane, earthquake, tsunami
Rainbows, thunderstorms and lightning are common in my country.
2. นกั เรียนอา่ นช่ือเรื่อง Weird Phenomena แลว้ เดาวา่ บทอ่านน้ีน่าจะเก่ียวกบั อะไร โดยครูช่วยอธิบาย
คาศพั ท์
weird (adj) = very strange or unusual and difficult to explain (ไมป่ กต,ิ แปลก,
ประหลาด)
phenomena (n) = a fact or an event in nature, especially one that is not fully understood
(ปรากฎการณ์)
339
3. นกั เรียนอา่ นคาศพั ทใ์ นกรอบ Check these words หนงั สือเรียน หนา้ 62 ซ่ึงเป็นคาศพั ทท์ จ่ี ะพบใน
บทอา่ น แลว้ ช่วยกนั อธิบายความหมาย ถา้ ไม่รู้ให้เปิ ดพจนานุกรม
glowing (adj) = having dull, steady light (ซ่ึงมีแสงเรืองรอง)
glide (v) = to move smoothly and quietly, especially as though it
takes no effort (เคลือ่ นทอ่ี ยา่ งรวดเร็วและเบา)
meteorologist (n) = a scientist who studies meteorology (= the scientific
study of the earth’s atmosphere and its changes, used
especially in forecasting the weather) (นกั
อตุ ุนิยมวทิ ยา)
electrical (adj) = connected with electricity; using or producing
electricity (เก่ียวกบั ไฟฟ้า)
freak of nature (phrase) = a thing, person, animal or event that is extremely
unusual or unlikely, and not like any other of its type
(ความประหลาดของฑรรมชาติ)
suck (n) = to pull somebody/something with great force in a
particular direction (ดูด)
thunderstorm (n) = a storm with thunder and lightning and usually very
heavy rain (พายฝุ นฟ้าคะนอง)
once in a blue moon (idm) = very rarely (ไม่บอ่ ย, นาน ๆ คร้ัง)
rare (adj) = not done, seen, happening etc. very often ไม่บ่อย, ไม่
คอ่ ยมี)
distort (v) = to change something from its usual, original, natural
(ทาใหผ้ ดิ รูป/เพ้ียนไปจากเดิม)
release (v) = to stop holding something or stop it from being held
so that it can move, fly, fall etc. freely (ปลอ่ ย)
be raining cats and dogs (idm) = to be raining heavily (ฝนตกหนกั มาก)
break out (phr v) = to start suddenly (เริ่มตน้ ทนั ท)ี
4. หนังสือเรียน หน้า 62 Ex. 2 ครูบอกนกั เรียนวา่ บทอ่านเรื่อง Weird Phenomena เกี่ยวขอ้ งกบั
ปรากฎารณ์ธรรมชาติที่แปลกประหลาด ให้นกั เรียนฟัง CD เพ่อื หาวา่ มีปรากฎการณ์ใดบา้ ง จากน้นั
ครูรวบรวมคาตอบจากนกั เรียน และเฉลยคาตอบ
สาหรับช้นั เรียนเด็กอ่อน ครูอาจใหน้ กั เรียนฟัง CD และอา่ นบทอ่านตามไปดว้ ย
340
ball lightning, moon turning blue, hundreds of frogs falling from the sky
ข้นั Reading
หนังสือเรยี น หน้า 62 Ex. 3 นกั เรียนอ่านประโยคทกี่ าหนดให้และขดี เสน้ ใตค้ าสาคญั แลว้ อ่าน
บทอ่านโดยมองหาคาพอ้ งความหมาย (synonym) คาทมี่ ีความหมายตรงกนั ขา้ ม (opposite) หรือ
กล่มุ คา/วลีท่มี ีความหมายเหมือนกนั หรือต่างกนั กบั คาสาคญั ท่ขี ดี เสน้ ใตไ้ ว้ เม่อื พบแลว้ อา่ นให้เขา้ ใจ
แลว้ จึงตอบวา่ ประโยคถกู ตอ้ ง ไม่ถกู ตอ้ ง หรือไมไ่ ดก้ ลา่ วถึง จากน้นั ครูเฉลยคาตอบ
1 T 2 T 3 F 4 DS
5 F 6 DS 7 F
ข้นั Post-reading
1. ครูให้นกั เรียนแบง่ กลุ่ม กลุ่มละ 3-4 คน เพ่อื ช่วยกนั ต้งั ช่ือเรื่องของบทอา่ นแต่ละเรื่องใหม่ จากน้นั ครู
ใหแ้ ตล่ ะกลมุ่ นาเสนอชื่อเร่ือง ครูเขียนชื่อเรื่องของนกั เรียนทุกกล่มุ บนกระดาน แลว้ ใหน้ กั เรียน
ร่วมกนั ตดั สินเลือกชื่อเรื่องท่ีคดิ วา่ น่าสนใจที่สุด
2. THINK! หนังสือเรยี น หน้า 62 ครูให้เวลานกั เรียน 3 นาที เขยี นส่ิงท่ีตนเองประทบั ใจจากเรื่องทอ่ี า่ น
เสร็จแลว้ ครูสุ่มเรียกนกั เรียนหลาย ๆ คน อา่ นใหเ้ พือ่ นฟัง
I found it impressive that people can’t explain ball lightning.
I found it impressive that the moon can turn blue.
I found it impressive that it rained frogs in England in 1939.
3. นกั เรียนทา Language Review 5c Ex. 3 ในหนงั สือเรียน หนา้ 109 ร่วมกนั ในช้นั
4. แบบฝึกหดั (Workbook) หนา้ 40-41 Exs. 1-4 ให้นกั เรียนทาเป็นการบา้ น
341