525
วนั นนั้ บงั เอญิ ผเู้ ขยี นไปภทู อกดว้ ย ทา่ นไดเ้ รยี กพวกชาวบา้ นและผใู้ หญบ่ า้ นมาพดู กนั ทศี่ าลาชน้ั
ที่ ๕ สดุ ท้ายคดิ กันว่า ควรจะเสนอกรมปา่ ไมใ้ ห้มาสำ� รวจน�้ำตกสะแนน จดั ท�ำเปน็ วนอุทยานแห่งชาติ
จะไดไ้ มม่ ใี ครกลา้ มาหกั โคน่ ทำ� ลายปา่ และทำ� รา้ ยสตั วป์ า่ อกี ทปี่ ระชมุ มอบใหผ้ เู้ ขยี นซง่ึ เปน็ คนกรงุ เทพฯ
ไปติดตอ่ เปน็ การภายในกับกรมปา่ ไม้
ผู้เขียนได้พบกับคุณไพโรจน์ สุวรรณกร ซึ่งขณะน้ันดูแลด้านอุทยานแห่งชาติอยู่ ท่านก็
สนบั สนุน บอกใหท้ ำ� หนังสอื มาเปน็ ทางการเรยี นอธิบดกี รมปา่ ไม้
ผเู้ ขยี นไดก้ ลบั ไปกราบเรยี นทา่ นทภ่ี ทู อก และกไ็ ดน้ ำ� หนงั สอื จากตวั แทนชาวบา้ นและวดั กลบั มา
เสนออธบิ ดกี รมป่าไม้ ขอให้พิจารณารับจดั ท�ำน้ำ� ตกสะแนนใหเ้ ปน็ วนอทุ ยานแห่งชาตดิ ว้ ย
อธบิ ดกี รมป่าไมข้ ณะนั้น คอื คุณประดษิ ฐ์ วนาพทิ ักษ์ ซึ่งรจู้ ักกับผเู้ ขียนดี เมื่อโทรศพั ทเ์ รียน
เรอ่ื งราวความเปน็ มาเป็นการภายในใหท้ ่านฟัง ทา่ นก็บอก ดีจรงิ ชว่ ยกันสงวนทรพั ยากรธรรมชาติ
รักษาปา่ ไม้กนั เชน่ นี้ นา่ อนุโมทนาดว้ ย ทา่ นจะชว่ ยสนบั สนนุ ให้ไดเ้ ป็นวนอุทยานแห่งชาตโิ ดยเร็วท่ีสดุ
ใหส้ ง่ หนงั สือมา ทา่ นจะจัดการให้
ระยะหลังไปภูทอก ชาวบ้านก็มาคอยฟังข่าวว่า เร่ืองการขอตั้งวนอุทยานน้ันไปถึงไหนแล้ว
ทุกคนมีความหวงั วา่ จะไดม้ ีรายไดด้ ีขึ้น มีอนาคตทสี่ ดใสขึ้น ผูเ้ ขยี นกว็ ่า ต้องรอไปหน่อย เร่ืองน้ตี อ้ ง
ใชเ้ วลา
ผเู้ ขยี นโทรศพั ทไ์ ปเตอื นทา่ นอธบิ ดกี รมปา่ ไม้ ๒ – ๓ ครง้ั วนั หนงึ่ ทา่ นกโ็ ทรมาบอกวา่ กรมปา่ ไม้
เสนอโครงการไปแลว้ แตต่ ดิ ขดั เรื่องการจดั สรรงบประมาณ นก่ี �ำลงั จะเชญิ ผู้แทนส�ำนกั งบประมาณ
ไปดูสภาพปา่ ทีภ่ ูวัวอยู่ เอาเฮลคิ อปเตอร์บนิ ไปดูกัน ท่านเยา้ ว่าทา่ นจะเอารถเดินบุกปา่ ไปอย่างเรานน้ั
ไมไ่ หวหรอก ไมม่ ีเวลา จะไปด้วยกนั ไหม จะได้ใหไ้ ปชี้ให้ดูว่า ตรงไหนดี ตรงไหนสวย เห็นคยุ นัก
ผ้เู ขียนตอบขอบพระคุณท่าน แต่ก็ปฏเิ สธไป เพราะมรี าชการของตนเองอยู่ จำ� ได้ว่า ผ้ทู ไ่ี ป
พรอ้ มทา่ นอธบิ ดคี รง้ั นน้ั คอื คณุ สรญั มงั คลษั เฐยี ร รองอธบิ ดกี รมปา่ ไม้ และผแู้ ทนสำ� นกั งบประมาณ คอื
คุณประจิต ก�ำภู
ที่จ�ำได้แม่นย�ำ ก็เพราะวันท่ีท่านเหล่านั้นเดินทางกลับมาถึงดอนเมือง ผู้เขียนซึ่งกลับมาจาก
การไปราชการหนา้ ทข่ี องตวั เองกไ็ ดพ้ บกบั ทา่ นทอ่ี อกนามมานี้ เรารจู้ กั กนั อยแู่ ลว้ ทกุ คน จงึ ไดท้ กั ทายกนั
และคณุ ประดษิ ฐ์ก็บอกว่า เราเพิ่งกลบั มาจากเร่อื งภวู วั พอดี
ตอ่ มาอกี ระยะหนง่ึ ทา่ นอธบิ ดกี รมปา่ ไมก้ โ็ ทรศพั ทม์ าบอกวา่ งบประมาณมไี มพ่ อจะตอ้ งตง้ั เปน็
เขตรักษาพันธุ์สตั วป์ ่าไวก้ อ่ น เพราะการต้ังเปน็ วนอทุ ยานแหง่ ชาตินน้ั เปน็ เรอ่ื งใหญ่ ต้องมีงบประมาณ
อัตราก�ำลังเจ้าหน้าท่ีและสถานท่ีท�ำการ ค่าบ�ำรุงสถานท่ีมาก เอาแค่เขตสงวนพันธุ์สัตว์ป่าก่อน
ก็แล้วกนั ซง่ึ ก็จะสมวัตถปุ ระสงคท์ ีเ่ ราตอ้ งการเหมือนกนั คือ ดูแลพวกปา่ ไม้และสัตวป์ ่ามิให้ถูกท�ำลาย
526
ตกลงกนั วา่ ทางกรมปา่ ไมจ้ ะมาตง้ั ทที่ ำ� การสำ� รวจกอ่ น เสรจ็ แลว้ จงึ จะประกาศพระราชกฤษฎกี า
กำ� หนดเขตรักษาพนั ธุ์สตั วป์ า่ โดยกนั เขตส�ำนักสงฆ์สะแนน ถ�้ำพระ ถ�้ำบูชา ออกไปโดยลำ� ดับ
คุณประดษิ ฐ์ วนาพิทักษ์ อธบิ ดกี รมปา่ ไม้ขณะนนั้ อธิบายกบั ผูเ้ ขยี นว่า เรือ่ งอย่างน้ี กรมป่าไม้
ท�ำมามากแลว้ เราให้ส�ำนักสงฆอ์ ยปู่ ากทาง ขอใหท้ ่านชว่ ยรักษาปา่ ดว้ ย เพราะวัดอยู่ไหน ชาวบา้ นก็
รม่ เยน็ ไมท่ ำ� ลายปา่ อยา่ งทภ่ี หู ลวง จงั หวดั เลย กม็ สี ำ� นกั สงฆอ์ ยปู่ ากทางเลย ปา่ ไมก้ ย็ งั บรบิ รู ณช์ มุ่ ชน้ื อยู่
ที่ส�ำนกั สงฆถ์ �ำ้ ขามของท่านพระอาจารย์ฝั้น ก็เช่นกัน เมือ่ จัดตงั้ อยู่ ป่าสองข้างทางก็ไมม่ คี นไปตดั
ไปท�ำลาย วัดปา่ ได้ชอื่ ว่า รักษาปา่ เป็นทอ่ี าศัยอย่างร่มเย็นของสัตว์อยู่แลว้ ทางกรมปา่ ไมม้ ีนโยบาย
สนบั สนนุ วดั อยู่แล้ว ไมต่ ้องหว่ ง เมอ่ื ถึงเวลาประกาศพระราชกฤษฎกี า ก็จะท�ำให้เรียบร้อย
ผเู้ ขยี นไดเ้ รยี นใหท้ า่ นอาจารยท์ ราบ ทางวดั และชาวบา้ นกด็ ใี จ รอคณะปา่ ไมด้ ว้ ยความกระตอื –
รอื รน้ คิดว่าพวกมาบุกรกุ ท�ำลายป่าคงจะหมดไป พวกหมี กวาง กระทิง เลียงผา ช้าง กจ็ ะได้อยเู่ ปน็ สขุ
กนั คราวน้ี
กอ่ นหนา้ นน้ั ทา่ นอาจารยไ์ ดจ้ ัดสร้างสะพานไมใ้ หญ่ขา้ มล�ำน้�ำสะแนน ไปถงึ หน้าส�ำนักสงฆ์
พอดี สะพานนมี้ ปี ระโยชนเ์ วลาฝนตกหนกั นำ้� บา่ ทว่ มโขดหนิ หมด เดนิ ขา้ มไมไ่ ด้ กไ็ ดอ้ าศยั สะพานน้ี และ
บางครั้งน�้ำทว่ มร�ำไร คนไมท่ ราบวา่ โขดหนิ ตอนไหนเป็นหลุมลึกกลมขนาดเพียงแค่เสน้ ผ่านศนู ยก์ ลาง
๑๐ – ๑๒ นิว้ เดินๆ ลยุ น้ำ� ซ่ึงมองดตู ้นื ตกลงไปในหลุม ขาเคล็ดยอกเจบ็ ปวดกนั บ่อยๆ มสี ะพานใหญ่
ของวัดก็ได้อาศัยข้าม ท�ำให้ไม่มีอันตราย พวกศิษย์เวลาไปค้างที่ส�ำนักสงฆ์ ก็ได้อาศัยแขวนกลดใต้
สะพาน วิเวกบนโขดหนิ กลางลำ� น้ำ�
ได้มกี ารทอดผ้าปา่ เพ่ือสร้างกุฏแิ ละศาลาใหม่ ชาวบ้านบอกวา่ มีไมห้ ักโค่น น้�ำพดั มาจะเลอ่ื ย
มาขาย ก็ว่า ดีซี รอใหไ้ มแ้ ห้งก่อน แลว้ ค่อยเลอ่ื ยสง่ มา
ระหวา่ งรอไมใ้ ห้แห้ง กไ็ ด้ขา่ ววา่ พวกเขตสงวนพนั ธุส์ ัตวป์ ่าได้เร่มิ มาตัง้ ที่ทำ� การแลว้
วันหนง่ึ ท่านลงมาในกิจนมิ นต์ทีก่ รุงเทพฯ ทา่ นก็ปรารภวา่ “เออ ! ท�ำไม พวกปา่ ไมจ้ ึงมาต้งั
ที่ทำ� การคร่อมวดั เลยทีเดยี ว”
เนอ่ื งจากภูทอกกับเราอย่ไู กลกนั กวา่ เราจะมีโอกาสว่างได้ไปเห็นสภาพทสี่ ะแนนจรงิ ๆ กเ็ ป็น
เวลาหลายเดอื น จรงิ ของทา่ น ท่ที ำ� การบ้านพักเจา้ หนา้ ทข่ี องเขตรกั ษาพันธุ์สัตวป์ า่ เขา้ มาสรา้ งตรง
ปากทางเขา้ หน้าสะพานในบรเิ วณซ่งึ เราเคยถอื กนั ว่าเป็นเขตวดั
ซ้อนครอ่ มสำ� นกั สงฆ์
ไมใ่ ช่สำ� นักสงฆเ์ ข้าไปอย่ใู นเขตรกั ษาพนั ธุส์ ัตว์ปา่ ...!
527
ผเู้ ขยี นขณะนน้ั ดแู ลว้ มไิ ดก้ ลบั มาพดู กบั ผใู้ หญท่ างกรมปา่ ไม้ ดว้ ยคดิ วา่ เขาสรา้ งกนั ไปเสรจ็ แลว้
เปน็ ทที่ �ำการ เป็นบา้ นพักถาวร ถ้ายา้ ยก็คงล�ำบากแน่ จะไปเอางบประมาณท่ไี หน พูดไปเจ้าหน้าท่กี ็จะ
เดือดรอ้ น
กราบเรยี นทา่ นถงึ ปัญหาท่ีนา่ เห็นใจอนั นี้ ทา่ นก็วา่ งั้นกแ็ ล้วไป สงสารเขา อยดู่ ว้ ยกนั คงไม่
เป็นไร พระปา่ เคยอยกู่ ับสตั ว์ปา่ อยกู่ บั เสือ ชา้ ง...มา ยงั อยูไ่ ด้ อยกู่ บั คนกค็ งอยไู่ ดซ้ ี
ผเู้ ขียนนอนใจไป และมิได้ตดิ ตามเร่อื ง สดุ ทา้ ยท่านอธิบดีกรมปา่ ไม้ก็ลาออกไป มีอธบิ ดคี นใหม่
แตเ่ รากค็ ิดว่า อยา่ งน้อยคงจะมกี ารตรวจเร่ืองเดมิ เรอื่ งที่ว่าทางชาวบา้ นและวดั ขอใหต้ ้งั เปน็ วนอุทยาน
แหง่ ชาติ
และระยะนั้นมีส�ำนกั สงฆส์ ะแนนตั้งอยู่แล้ว...!
ถ้าตรวจดใู นวันท่ใี นหนังสอื ร้องขอนน้ั เปรยี บเทยี บกับวันท่เี ขตรกั ษาพันธุส์ ัตวป์ ่าเข้ามาตั้งอยทู่ ่ี
สะแนน กค็ งจะเหน็ ประจกั ษอ์ ยู่
ทา่ นคงกนั เขตส�ำนักสงฆ์ออกให้โดยเรยี บรอ้ ยแลว้ เพราะข้อน้ีเป็นหลกั ปฏบิ ัตขิ องทางราชการ
อยู่แลว้ วา่ เม่ือจะก�ำหนดเขตป่าสงวนแหง่ ชาติกด็ ี เขตรักษาพนั ธสุ์ ัตวป์ ่ากด็ ี สถานทซี่ ึ่งมอี ย่กู ่อนในทนี่ นั้
จะต้องกันออก
ที่ส�ำนักสงฆ์สะแนนน้ี นอกจากมอี ยูม่ าก่อนแลว้ ยังเปน็ ผเู้ ช้ือเชญิ วง่ิ เต้นให้เป็นเขตสงวนพันธุ์
สตั ว์ปา่ เสยี ดว้ ย
ไม่นา่ จะมีปญั หาอะไรเลย
แต่เราก็มาทราบเร่อื งกนั ในภายหลังว่า เจ้าหน้าทร่ี ุ่นหลงั ไมร่ บั รู้เร่อื งแต่เดิม
เจา้ หนา้ ทท่ี า่ นไมท่ ราบเรอื่ งเกา่ ทง้ั สน้ิ ยนื กรานแตว่ า่ เมอ่ื เปน็ เขตสงวนพนั ธส์ุ ตั วป์ า่ กผ็ ดิ กฎหมาย
ยังมีคนยนื ยนั ด้วยซ�้ำวา่ พวกเจา้ หนา้ ที่ทา่ นสร้างถนนเข้าไปกนั เอง
ถนนสายนี้ ท่านผูว้ า่ ราชการจงั หวดั คนเดมิ คือ คณุ ช�ำนาญ พจนา คงจะยนื ยนั ได้ เพราะทา่ น
อาจารย์จวนไดบ้ อกยกให้กับจังหวัดกบั ท่าน
ต่อมาชาวบา้ นซงึ่ เลื่อยไมซ้ งุ ท่ีตกลงกนั ไว้ แตก่ อ่ นท่ีจะกลายเปน็ เขตรกั ษาพนั ธสุ์ ตั ว์ปา่ กน็ �ำไม้
มาส่งตามคำ� ขอของญาติโยมชาวกรงุ ผไู้ ปทอดผ้าป่าไว้
เรอ่ื งจึงบานปลายตอ่ ไป กลายเป็น วดั แอบตดั ไม้ ฯลฯ
เคราะห์ดที ีค่ ุณประดิษฐ์ วนาพทิ กั ษ์ ท่านอดตี อธบิ ดียงั มชี วี ิตอยู่ ท่านตกใจมากเม่ือทราบว่า
กรมปา่ ไม้ไดข้ อใหจ้ ังหวัดสง่ั การใหส้ ำ� นักสงฆย์ ้ายออกไปแลว้ คุณสรญั มังคลัษเฐียร อดีตรองอธิบดกี ็
เชน่ กนั คณุ ประดษิ ฐบ์ ่นวา่ นา่ จะทบทวนกันได้
528
การยา้ ยออกไปของสำ� นักสงฆส์ ะแนน เป็นเคร่ืองแสดงถึงกฎแหง่ อนิจจังที่ทกุ อย่างย่อมมกี าร
เปล่ียนแปลง แต่ด้วยกฎแห่งอนิจจังเช่นเดียวกัน ก็อาจจะมีการเปล่ียนแปลงอีกก็ได้ เมื่อท่าน
ผใู้ หญท่ กุ ทา่ นทเี่ กย่ี วขอ้ งจะไดท้ ราบขอ้ เทจ็ จรงิ ทงั้ หมด และพจิ ารณาทบทวนความทกุ ประการดว้ ยความ
เปน็ ธรรม
การจัดงานร�ำลึกวันครบรอบมรณภาพของท่านพระอาจารย์จวน
คณะสงฆ์วัดเจติยาคริ วี ิหาร และคณะศษิ ยานศุ ษิ ย์ของท่านพระอาจารยจ์ วน กุลเชฏโฺ ไดจ้ ดั
งานรำ� ลึกวันครบรอบมรณภาพของทา่ นพระอาจารย์จวน เปน็ ประจ�ำทุกปี เพื่อบชู าพระคณุ ของท่าน
พระอาจารย์จวน โดยกำ� หนดจัดงานวันที่ ๒๖ – ๒๗ เมษายนของทุกปี ท่านพระอาจารยแ์ ยง สุขกาโม
เจา้ อาวาสวดั เจตยิ าคิรีวหิ าร ได้กล่าวถึงการจัดงานไว้ดังนี้
“งานครบรอบของหลวงพอ่ จวนของทุกปีๆ วนั ท่ี ๒๖ – ๒๗ เมษาฯ ตัง้ แตป่ ี ๒๕๒๓ รสู้ กึ วา่
ขาดปีหนง่ึ ไม่ได้ท�ำ ปีนน้ั ติดขัด เริ่มท�ำศาลา แตก่ ่อนคนไมเ่ ยอะ ไมม่ คี วามส�ำนกึ ระลกึ ถึงอาจารยจ์ วน
แต่เด๋ียวนี้คนมีความสำ� นึกมาก ระลึกถึง แตพ่ อปีหนงึ่ เราไม่ไดเ้ ชื้อเชิญ ไม่ไดน้ ิมนตพ์ ระ อธิษฐานจติ ว่า
“ผู้ประเสริฐในโลก ตัดกิเลสทั้งสิ้นได้แล้ว ที่สุดที่แดนตรัสรู้มรรคผลนิพพาน ยังปะปนอยู่สถานที่นี้
ปลุกจติ ปลกุ ใจสตั ว์โลกขึน้ มาบ�ำเพญ็ บุญกศุ ลปีละครง้ั ”
เราท�ำปีละครง้ั ปนี ั้นไม่ไดเ้ ช้ือเชิญใครนะ ปรากฏวา่ โรงทาน ๒๐๐ โรงทาน พระเต็มวัด ปีน้นั
ปรากฏข้ึนมา นี้เราลงท�ำกับหลวงพ่อจวน เราท�ำมาอยู่อย่างนี้ ต้ังแต่ปี ๒๕๒๓ มาก็ท�ำครบรอบ
ไมไ่ ดท้ ำ� สักวนั … นานนะ สำ� นกึ ระลกึ ถงึ ผมู้ พี ระคณุ ผ้ปู ระเสรฐิ ในโลก
แล้วคำ� นี้สำ� นึกระลึกถงึ ผ้มู ีพระคณุ คิดดูสิ แค่อธษิ ฐานจิตวันน้นั วนั นั้นไม่รู้คดิ ยงั ไง กน็ กึ ถึง โอ้ !
อาจารยผ์ า่ นมาหลายปีแลว้ ฝนก็ตก แล้งทกุ ปีล�ำบาก กอ่ นการบณิ ฑบาตวันที่ ๒๖ เมษายน ปีนนั้ ปรากฏ
ว่าอธิษฐานอนั เดยี วกนั น่ันแหละ เออ ! วันครบรอบปนี นั้ ฝนกไ็ ม่ตกอกี อธษิ ฐานงดฝน โดยไม่ให้ตก
ในวนั งาน เออ ! ถ้าตกไปนอกบรเิ วณ ปรากฏวา่ พวกมาในงาน โอย้ ! มาถึงวดั แล้วทำ� ไมฝนไมต่ ก
ฝนตกขา้ งนอก ทงั้ แดดมา พอมาชว่ งหลงั ฝนไม่ตก ก็เลยตัง้ แตน่ นั้ มาเลยอธิษฐานจิตระลกึ ถึงหลวงพอ่
จวนของทกุ ปๆี ทไ่ี ด้ทำ� มา
งานนไี้ มใ่ ชง่ านชกั บงั สกุ ลุ ไมใ่ ชง่ านสวดมาตกิ า เปน็ งานระลกึ ถงึ ผมู้ พี ระคณุ เปน็ งานมคี วามสำ� นกึ
ระลกึ ถงึ บญุ คณุ ผปู้ ระเสรฐิ ในโลกวฏั ฏ์ กเิ ลสวฏั ฏ์ หาทส่ี ดุ ไมไ่ ด้ ตรสั รมู้ รรคผลนพิ พาน หากวา่ ผปู้ ระเสรฐิ
ยังปรากฏอยู่สถานท่ีนี้ ขอให้ทุกสิ่งทุกอย่างตามจิตที่ได้อธิษฐานนี้ให้ปรากฏขึ้นมา ปรากฏว่าปีนั้น
ปรากฏการณต์ ามค�ำเป็นไปตามทจ่ี ติ อธษิ ฐานจรงิ ๆ ไมไ่ ด้เพยี้ น อนั นแี้ ต่กอ่ นไม่เคยคิดขนึ้ มา ท�ำบุญ
ครบรอบหลวงพอ่ จวนทุกปกี ็ลำ� บากทุกปี ปีน้ันนัง่ คิดนอนคดิ อยู่ คือ เริ่มการเร่มิ งาน คิดถงึ ทำ� ยังไง
มนั จะราบรื่น เพราะเราบูชาคณุ ปนี ั้นก็เลยนึกข้ึนมาได้ ก็เลยอธิษฐานขอ”
529
การบ�ำเพ็ญจริยา ๓ ของท่านพระอาจารย์จวน กุลเชฏฺโ
(จากหนงั สอื กุลเชฏฐาภิวาท)
ท่านอาจารย์ได้เทศน์ให้ศิษย์ฟังเสมอๆ เร่ืองสมเด็จพระบรมศาสดา ทรงสอนให้มนุษย์รู้จัก
บ�ำเพ็ญประโยชน์ ๓ อยา่ ง ประโยชนป์ จั จุบนั ประโยชนภ์ ายภาคหน้า และประโยชนอ์ ยา่ งย่ิง
ประโยชนป์ จั จบุ นั ทา่ นแยกแยะอกี เปน็ โลกตั ถประโยชน์ ใหท้ ำ� ประโยชนแ์ กโ่ ลก แกส่ ว่ นรวม
ใหบ้ �ำเพ็ญประโยชนแ์ ก่สว่ นรวมทั้งดา้ นวตั ถแุ ละดา้ นจิตใจ ดา้ นวัตถุก็ใหส้ รา้ งสรรคถ์ าวรวตั ถทุ จี่ ะเป็น
ประโยชนใ์ ช้สอยไดส้ ำ� หรับส่วนรวม เชน่ ถนน วดั วาอาราม ศาลา สระน้�ำ โรงเรียน เปน็ ตน้ ด้านจิตใจ
ก็ให้ช่วยเหลือเจือจาน เทศนาส่ังสอนแนะน�ำให้เขามีความคิดที่ถูกต้องดีงาม ไม่หลงไปในทางที่ผิด
ใหร้ ู้จักทกุ ข์ เหตุให้เกดิ ทกุ ข์ ธรรมอันเป็นทีด่ บั ทุกข์ ข้อปฏบิ ตั ใิ ห้ถึงธรรมอันเป็นทดี่ ับทกุ ข์
ญาตัตถประโยชน์ ให้ทำ� ประโยชนแ์ ก่ญาติ คำ� วา่ “ญาต”ิ ท่านมิใหห้ มายความเฉพาะญาติ
ทางสายโลหิต แต่ให้รวมไปถึงญาติทางโลก ผู้เกิดมาร่วมชาติ ร่วมศาสนา ร่วมพระมหากษัตริย์
องคเ์ ดยี วกนั ดว้ ย ให้สงเคราะหเ์ อือ้ เฟื้อเจือจานซึ่งกนั และกนั มคี วามสามคั คปี รองดอง ไมแ่ ตกแยกกนั
รกั ษาบ�ำรงุ ชาติ ศาสนา พระมหากษัตรยิ ์ อย่าไปคดิ โค่นทำ� ลาย เปน็ สงิ่ อปั รีย์ เปน็ บาป เป็นกรรม
อตั ตตั ถประโยชน์ ใหท้ ำ� ประโยชนแ์ ก่ตน ถ้าบำ� รงุ รักษาตนให้อยูใ่ นคณุ งามความดี กจ็ ะมีแต่
ความเจรญิ รุ่งเรือง ใหล้ ะบาป บำ� เพญ็ บญุ
ประโยชน์ภายภาคหน้า ทา่ นอธบิ ายวา่ เมอ่ื บ�ำเพญ็ ประโยชน์ปัจจุบนั ดแี ลว้ ละบาป บำ� เพ็ญ
บญุ แลว้ กใ็ ห้รู้จกั ทาน รกั ษาศีล ภาวนา เพอื่ ว่าเม่อื ละชวี ิตปจั จุบันแลว้ ก็จะได้มีสคุ ติเป็นทไี่ ป หวังได้
มนษุ ย์สุข สวรรค์สขุ และนพิ พานสขุ
ประโยชน์อยา่ งย่ิง คอื พระนพิ พาน ให้พยายามดบั กิเลส ราคะ โทสะ โมหะ หากอาสวกเิ ลส
สนิ้ ไป กจ็ ะถงึ พระนิพพานโดยไม่ตอ้ งสงสัย
ทา่ นสอนไวเ้ สมอๆ และไดย้ ำ�้ ไวโ้ ดยละเอยี ดในประวตั ติ อนทา้ ยของทา่ นดว้ ย ทผ่ี เู้ ขยี นยกมาสรปุ ไว้
ณ ทน่ี อี้ กี ครงั้ หนง่ึ กด็ ว้ ยเหน็ วา่ คำ� สอนของทา่ นอาจถอื เปน็ ขอ้ สรปุ ปฏปิ ทา คณุ ธรรมขององคท์ า่ นผสู้ อน
ไดเ้ ป็นอยา่ งดี ทา่ นไดป้ ฏิบัตมิ าแลว้ เป็นตัวอย่างให้เราจักไดพ้ ยายามเจรญิ ตามค�ำสอนของท่าน
แรกเรม่ิ ทา่ นบำ� เพญ็ ประโยชนต์ นกอ่ น ทา่ นสอนเสมอ เราตอ้ งวา่ ยนำ้� ใหเ้ ปน็ เสยี กอ่ นแลว้ จงึ คอ่ ย
ไปสอนใหค้ นอนื่ วา่ ยนำ้� ถา้ ตวั เรากย็ งั วา่ ยนำ้� ไมเ่ ปน็ ชว่ ยตวั เองไมไ่ ด้ ไปสอนเขากร็ งั แตจ่ ะพากนั จม
นำ้� ตายไปดว้ ยกนั หมด ดงั นน้ั ระยะแรก ทา่ นจงึ บำ� เพญ็ เพยี รอยา่ งอกุ ฤษฏ์ ซอกซอนซอ่ นตวั อยใู่ นกลางปา่
อีกด้วย จนบ�ำเพ็ญประโยชน์แก่ตนเองได้สมปรารถนาเรียบร้อยแล้ว ท่านก็ท�ำประโยชน์แก่ญาติ
เพ่อื นร่วมชาติ รว่ มศาสนา รว่ มพระมหากษตั ริย์ สุดท้ายกท็ �ำประโยชนแ์ กโ่ ลก แก่ส่วนรวมต่อไป
530
เปน็ วหิ ารธรรม ท่เี ป็น “เครอ่ื งอย”ู่ ของทา่ น
วดั ปา่ บา้ นนาจกิ วดั ปา่ ศิลาอาสน์ ที่ดงหม้อทอง ส�ำนกั สงฆถ์ ้ำ� จนั ทน์ วดั ปา่ ที่ภสู ิงหน์ ้อย
(ภูกิว่ ) ส�ำนักสงฆถ์ �้ำบชู า ส�ำนกั สงฆ์สะแนน และวัดเจตยิ าคริ วี ิหาร (ภูทอก) เปน็ เสมอื นเจดยี ศ์ ลิ า
ท่ีทา่ นก่อตงั้ ไว้
ดว้ ยเมตตาธรรมของท่าน ป่าดงพงพีหลายแหง่ ไดก้ ลายเปน็ หมบู่ ้านอันเป็นปึกแผน่ แน่นหนา มี
ผอู้ าศัยหลายรอ้ ยหลังคาเรอื น บรเิ วณซึ่งเคยถือกันว่าเป็นท่ี “ท่ีขัดท่ขี วง ทีผ่ หี วง” ปลกู อะไรกไ็ มข่ น้ึ
กก็ ลายเปน็ ไรน่ าสาโท ย่ิงทา่ นไดน้ ำ� ชาวบา้ นสรา้ งถนนหนทาง สะพาน สระน�้ำ ฝาย อ่างเก็บน�้ำเพ่ิมขน้ึ
ไร่นาสาโทเหลา่ นั้นก็อดุ มสมบูรณข์ ้นึ อย่างน้อยท่ีสุด ทีเ่ ราได้ประจักษ์กบั ตาระหว่าง ๒ – ๓ ปีหลังนี้
นาขา้ วแถวบรเิ วณใกลภ้ ูทอก ต้นขา้ วจะงาม สงู แทบท่วมหวั ทเี ดยี ว ชาวบา้ นรูจ้ ักปลูกผกั ได้อาศัยเมล็ด
พันธ์ผุ ักจากวดั ไดน้ �้ำจากฝายและอา่ งเก็บน�้ำ ๖ – ๗ แหง่ ที่ “หลวงพอ่ ” คิดทำ� ให้บ้าง และต่อมา
ไดเ้ ป็นตัวอยา่ งจงู ใจให้ชาวบา้ นรูจ้ ักชว่ ยตวั เอง ท�ำเพม่ิ เตมิ ขึ้นดว้ ย เขาเหลา่ นน้ั ก็เรียกวา่ พอจะลมื ตา
อา้ ปากได้ บา้ นเรอื นท่ีเปน็ ฟาก เปน็ ไมไ้ ผ่ กเ็ รมิ่ เปล่ยี นเปน็ ไม้ถาวรขึน้ อยา่ งหนาตา หลายสิบบา้ นเป็น
เจ้าของไรม่ ัน ไรพ่ ืชผลต่างๆ และมอี ีกเปน็ สิบบ้านเชน่ เดยี วกนั ท่ตี ่างก็มีรถยนตจ์ อดอยู่ในบา้ นของตน
วดั วาอาราม ถนน สะพาน ศาลา สระนำ้� ฝาย อา่ งเกบ็ นำ�้ และความเจรญิ ของหมบู่ า้ นทปี่ ระชาชน
อพยพตามเข้ามาอาศัยบารมีการุณยธรรมอันสงบร่มเย็นของท่านเหล่านี้ ไม่ว่าจะเป็นที่ดงหม้อทอง
วานรนวิ าส ท่ีถำ้� จันทน์ ดงศรชี มภู ทีภ่ สู ิงห์น้อย ท่ถี �้ำบูชา ท่นี ้�ำตกสะแนน ภวู วั ทภ่ี ูทอกน้อย
ภทู อกใหญล่ ว้ นเปน็ อนสุ รณแ์ หง่ การบำ� เพญ็ บารมี เพอื่ โลกตั ถประโยชนแ์ ละญาตตั ถประโยชนข์ องทา่ น
ทางดา้ นถาวรวัตถทุ ้งั สิ้น
แต่ทท่ี รงประโยชน์คุณคา่ มหาศาลหาประมาณมไิ ด้ คอื ทางด้านจิตใจ ที่ท่านกรุณาเมตตา
ชว่ ยเหลอื เจือจาน เทศนา สัง่ สอน แนะน�ำใหศ้ ิษยท์ ั้งบรรพชติ และฆราวาส ท้งั ท่หี นองคาย อุบลฯ
อุดรฯ นครพนม สกลนคร กาฬสินธ์ุ เลย สงขลา เชียงใหม่ เชียงราย กรงุ เทพฯ จันทบุรี ชลบุรี
ระยอง ฯลฯ ใหศ้ ิษยม์ ีความคดิ ถกู ตอ้ งดีงาม ไมห่ ลงไปในทางท่ีผิด ให้ร้จู ักทุกข์ เหตุให้เกิดทกุ ข์
ธรรมอนั เปน็ ทดี่ บั ทกุ ข์ ข้อปฏบิ ตั ิใหถ้ งึ ธรรมอันเป็นท่ดี บั ทกุ ข์
ทา่ นไดบ้ �ำเพ็ญประโยชนป์ ัจจบุ นั แลว้
สำ� หรบั ประโยชนอ์ ีก ๒ ประการ คอื ประโยชนภ์ ายภาคหน้า เพื่อว่าเมือ่ ละชีวติ ปัจจุบันแล้ว
จะได้มสี คุ ติเปน็ ทไี่ ป และประโยชน์อย่างยิ่งเพื่อดบั อาสวกเิ ลสให้ส้นิ ไป ถึงพระนพิ พานนน้ั
บรรดาศิษย์ของทา่ นไม่มีความสงสยั เลยวา่ ท่านไดบ้ �ำเพ็ญบารมี เพอื่ ประโยชน์ ๒ ประการ
หลงั นี้ บรบิ ูรณ์แล้ว เตม็ แลว้ หรอื ไม่ และเพยี งใด
531
รายนามพระศิษย์และครูบาอาจารย์
ที่เคยอยู่ศึกษาอบรมกับท่านพระอาจารย์จวน กลุ เชฏโฺ
ทา่ นพระอาจารย์จวน กลุ เชฏโฺ ทา่ นมีพระศิษยแ์ ละพระท่เี คยอย่ศู กึ ษาอบรมหลายองค์ ดังนี้
๑. หลวงปู่แสวง อมโร วัดป่าชัยวารินทร์ อ�ำเภอบ้านไผ่ จังหวัดขอนแก่น ท่านบวชปี
พ.ศ. ๒๔๙๘ เมือ่ สมัยเด็กอายไุ ด้ ๑๕ ปี ท่านเป็นผ้าขาวนอ้ ยตดิ ตามทา่ นเจา้ คณุ พระธรรมเจดยี ์
(จูม พนธฺ ุโล) แลว้ วันหนงึ่ หลวงปจู่ มู พาท่านไปวัดหลวงปูม่ ่ัน ภรู ทิ ตฺโต ทส่ี กลนคร ท่านนวดเสน้
หลวงป่มู ่ัน หลวงป่มู ่ันกข็ อท่านจากหลวงปู่จูมแล้วบวชเณร อยู่ได้ ๒ พรรษา หลวงปมู่ ั่นก็มรณภาพ
เมื่ออายุ ๒๒ ปี ท่านได้อุปสมบท ณ วัดศรีเมือง อ�ำเภอเมือง จังหวัดหนองคาย หลังจากงาน
ประชมุ เพลิงศพหลวงปู่ม่ันแล้ว ท่านได้ออกปฏิบัติธรรมกับครูบาอาจารย์ที่มีช่ือเสียงหลายรูป เช่น
หลวงปู่ชอบ านสโม หลวงปขู่ าว อนาลโย หลวงปู่ฝั้น อาจาโร ท่านพ่อลี ธมมฺ ธโร หลวงปกู่ งมา
จิรปุญฺโ หลวงปู่แหวน สุจิณฺโณ หลวงปู่ตื้อ อจลธมฺโม หลวงตามหาบัว าณสมฺปนฺโน
หลวงป่หู ลอด ปโมทโิ ต หลวงปจู่ วน กุลเชฏฺโ หลวงปหู่ ล้า เขมปตฺโต เป็นตน้
๒. หลวงปู่ขาน านวโร วัดวชิรทรงธรรมพัฒนา (วัดป่าบ้านเหล่า) อ�ำเภอเวียงเชียงรุ้ง
จังหวัดเชียงราย ท่านบวชปี พ.ศ. ๒๕๐๐ ท่านเป็นพระศิษย์หลวงปู่ขาว อนาลโย และได้มา
ศกึ ษาอบรมกบั ท่านพระอาจารยจ์ วนท่ถี ำ�้ จันทน์ ๒ พรรษา ปจั จบุ นั มรณภาพแล้ว
๓. หลวงปูส่ รวง วรสุทโฺ ธ วดั ถ้�ำพรหมสวัสด์ิ อำ� เภอพัฒนานิคม จังหวดั ลพบรุ ี ท่านบวชปี
พ.ศ. ๒๕๐๐ และไดญ้ ัตติเปน็ ธรรมยตุ ในปี พ.ศ. ๒๕๐๒ จากนั้นทา่ นไดศ้ กึ ษาอบรมกับหลวงปู่ขาว
อนาลโย ทา่ นเคยออกธดุ งค์รว่ มกบั ทา่ นพระอาจารย์วนั อตุ ตฺ โม ท่านพระอาจารย์จวน กุลเชฏโฺ
ทา่ นพระอาจารยค์ �ำบุ ธมฺมธโร และท่านพระอาจารยส์ งิ ห์ทอง ธมฺมวโร
๔. ทา่ นพระอาจารย์ทองค�ำ กาจนวณโฺ ณ วดั ถ้�ำบชู า อำ� เภอเซกา จงั หวัดบึงกาฬ ทา่ นบวช
ปี พ.ศ. ๒๕๐๔ ทา่ นเป็นพระศิษย์หลวงปู่ฝัน้ อาจาโร หลงั จากหลวงปู่ฝ้ันมรณภาพ ท่านได้มาศึกษา
อบรมกับท่านพระอาจารย์จวน กุลเชฏฺโ ที่ภูทอก อีกเป็นเวลานับ ๘ ปี จนท่านพระอาจารย์จวน
มรณภาพ ท่านกม็ าครองวัดถำ้� บชู าจวบจนถงึ ปจั จุบัน
๕. หลวงปู่สมหมาย จิตตฺ ปาโล วดั ปา่ อนาลโย อำ� เภอก�ำแพงแสน จงั หวัดนครปฐม ทา่ นบวช
ปี พ.ศ. ๒๕๐๕ ทา่ นเคยอยปู่ ฏิบัติธรรมกับครูบาอาจารย์สายหลวงปู่มัน่ หลายรปู เช่น หลวงปู่ชอบ
หลวงปแู่ หวน หลวงปู่ผาง หลวงพ่อพธุ พระอาจารยจ์ วน ฯลฯ ที่สำ� คัญทา่ นเคยรว่ มธุดงคป์ ฏิบัติ
ภาวนากบั หลวงป่สู งิ ห์ทอง ปภากโร หลวงปเู่ นย สมจิตโฺ ต หลวงปเู่ ป็นพระที่มปี ฏิปทาเรยี บงา่ ย สมถะ
เมตตาสงู เคร่งครัดในพระวินัย ท่านเป็นพระที่พูดน้อย ปฏบิ ัติธรรมมากกว่าพูด
532
๖. ท่านพระอาจารย์บญุ เลศิ เขมิโย วดั ป่าสวุ รรณาราม อ�ำเภอพรเจริญ จงั หวัดบงึ กาฬ
ท่านบวชปี พ.ศ. ๒๕๑๐
๗. หลวงปสู่ �ำรวย ตายโน วดั ปา่ อุดมธรรมวนาราม อ�ำเภอกดุ บาก จังหวัดสกลนคร ท่าน
บวชปี พ.ศ. ๒๕๑๑ ท่านเป็นพระศษิ ย์หลวงปู่สุวจั น์ สวุ โจ ท่านเคยศึกษาและรบั การอบรมธรรม
จากหลวงตาพระมหาบัว าณสมฺปนฺโน ท่านพระอาจารย์จวน กุลเชฏฺโ โดยท่านมาภูทอก
ตัง้ แต่ปี พ.ศ. ๒๕๑๔ ปจั จุบนั ท่านเป็นเจ้าอาวาสวัดภูริทัตตวนาราม แคลิฟอร์เนีย ประเทศสหรัฐ–
อเมริกา เป็นคณะสงฆ์ธรรมยุตเผยแผ่พระพทุ ธศาสนาในตา่ งแดน
๘. ท่านพระอาจารยค์ ลาด ครุธมโฺ ม วัดป่าบา้ นใหม่ อำ� เภอบา้ นผอื จังหวดั อุดรธานี ท่านบวช
ปี พ.ศ. ๒๕๑๒ ทา่ นเป็นพระศิษย์หลวงปูฝ่ ั้น อาจาโร หลวงตาพระมหาบัว าณสมปฺ นฺโน และ
หลวงป่สู ุวจั น์ สุวโจ
๙. ท่านพระอาจารย์เติมศักดิ์ ยุตฺตติธมฺโม วัดป่าดงพระ อ�ำเภอสว่างแดนดิน จังหวัด
สกลนคร ทา่ นบวชปี พ.ศ. ๒๕๑๔ ทา่ นเปน็ พระศษิ ยท์ ่านพระอาจารย์วัน อตุ ตฺ โม
๑๐. ท่านพระอาจารย์ค�ำศรี อุปสนฺโต วัดปา่ ดงเกษมประชาราม อ�ำเภอศรวี ิไล จงั หวดั บงึ กาฬ
ทา่ นบวชปี พ.ศ. ๒๕๑๔
๑๑. ทา่ นพระอาจารยแ์ ยง สขุ กาโม วดั เจตยิ าคิรีวหิ าร อ�ำเภอศรวี ิไล จงั หวัดบงึ กาฬ ทา่ นบวช
ปี พ.ศ. ๒๕๑๔ และเปน็ เจ้าอาวาสองคป์ ัจจุบนั
๑๒. ท่านพระอาจารย์ประสงค์ จารุธมฺโม วัดป่าศรีชุมภูพรญาณสังวราราม อ�ำเภอศรีวิไล
จังหวัดบงึ กาฬ ท่านบวชปี พ.ศ. ๒๕๑๘ ท่านเปน็ พระศิษย์หลวงปูท่ องพูล สริ ิกาโม
๑๓. ท่านพระอาจารย์โกวิญ กนฺตธมฺโม วัดป่าสิงหนาทบรรพต อ�ำเภอเมือง จังหวัด
บึงกาฬ ท่านบวชปี พ.ศ. ๒๕๑๙ หลังจากอุปสมบท ท่านได้กราบลาอุปัชฌาย์มาศึกษาและดูแล
ท่านพระอาจารย์จวน กุลเชฏฺโ ท่ีวัดภูทอก ในปี พ.ศ. ๒๕๒๒ ท่านได้รับมอบหมายจากท่าน
พระอาจารย์จวนให้ดูแลและก่อสร้างภูทอกใหญ่ ซ่ึงเป็นส่วนปฏิบัติธรรมของพระสงฆ์ท่ีวัดภูทอก
หลงั จากท่านพระอาจารย์จวนละสังขารดว้ ยอบุ ัตเิ หตุเครือ่ งบนิ ตกในปี พ.ศ. ๒๕๒๔ ท่านได้เข้ามาอยู่
จ�ำพรรษาสำ� นักสงฆ์บ้านภงู าม (วดั ป่าสิงหนาทบรรพต) ซง่ึ วดั นสี้ รา้ งโดยทา่ นพระอาจารย์จวน
๑๔. ท่านพระอาจารย์พวน ชุตินฺธโร วัดป่าเนินแสงทอง อ�ำเภอเซกา จังหวัดบึงกาฬ
ท่านบวชปี พ.ศ. ๒๕๒๐ ท่านเป็นพระอุปัฏฐากใกล้ชิดท่านพระอาจารย์จวน กุลเชฏฺโ จวบจน
ท่านพระอาจารยจ์ วนมรณภาพ
533
๑๕. ท่านพระอาจารย์ถาวร (ป๊อก) อนุตฺตโร ที่พักสงฆ์หลวงปู่หลุย จนฺทสาโร กม.๒๗
กรงุ เทพมหานคร ท่านบวชปี พ.ศ. ๒๕๒๐
ฯลฯ
ทา่ นผูต้ อ้ งการดบั โลก ๓
พงึ ดบั ทีใ่ จ ทใ่ี จของตน ของตน
พงึ ทำ� ลายกริ ยิ า คอื ของปลอม
ได้แก่ กิเลส ตัวสมมุติ ตัวบญั ญัติขึ้นจากใจของตน
ยงั เหลอื แต่อกริ ิยา เป็นฐีติจติ ฐีตธิ รรม อนั ไม่รจู้ ักตายฉะน้นั แล