275
ภาค ๙ ปัจฉิมวัย ท่านสงเคราะห์โลก
ท่านสงเคราะห์ญาติพ่ีน้องโดยให้ท�ำงานก่อนจึงให้เงิน
ท่านพระอาจารย์บุญเลศิ เขมโิ ย ได้เมตตาเลา่ เร่ืองนี้ไวด้ งั นี้
“หลวงป่จู วนทา่ นไมไ่ ด้กลับไปเยี่ยมญาติพี่นอ้ ง ทา่ นไม่ไปนะ มแี ตญ่ าตพิ น่ี อ้ งมาหามาขอเงิน
ทา่ นก็ให้ถางป่าออ้ มภูทอกก่อน “ใหท้ ำ� งานกอ่ น” ทา่ นว่า ทา่ นบอก “ไมไ่ ด้ ถา้ มาขอ เอาให้ก็ไม่ได้
ญาตโิ ยมเขาติฉนิ นนิ ทา” ก็พ่นี ้องแท้ๆ มาทีละ ๒ คน เปน็ ผู้ชายทัง้ สอง จ�ำไม่ได้พ่ชี ายหรือน้องชาย
มาขอ ท่านก็วา่ “ไม่ได้ ให้ทำ� งานกอ่ น” เขามาขอทกุ ปี ทา่ นกใ็ ห้ท�ำงานกอ่ น ถางปา่ ท�ำงานอยู่ ๒ – ๓
วันน่นั แหละ ทา่ นก็ให้ไป ถ้าวา่ สมัยกอ่ นก็ไม่มีเทา่ ไหร่นะ ให้ทลี ะ ๕๐๐ หรือ ๑,๐๐๐ นล่ี ่ะ ประมาณ
นนั้ สมัยกอ่ นมันไมม่ ีเงินน่ี
หลวงปูจ่ วนทา่ นไมก่ ลบั บา้ นน่ะ โยมพอ่ โยมแม่ไมม่ แี ลว้ มีแต่ญาติพนี่ อ้ ง มคี ราวหนึง่ หลวงปไู่ ป
ทอดผา้ ปา่ ที่วัดบ้านเกิด มีหมอประพกั ตรต์ ิดตามไปดว้ ย”
เร่ืองท่านพระอาจารยจ์ วน กลุ เชฏโฺ ไปทอดผ้าป่าทว่ี ดั บา้ นเกิด ท่านพระอาจารย์เตมิ ศกั ดิ์
ยุตตฺ ติธมฺโม ได้เมตตาเลา่ เร่อื งนีไ้ ว้ดังนี้
“ทอดก็ทอดให้วัดเจริญจิต ซึ่งทุกวันนี้ก็เป็นวัดมหานิกาย วัดป่ายังไม่มี วัดป่าเพิ่งมีทีหลังนี้
พระประธานองค์ใหญ่ในโบสถ์นี่ คือเอาไปให้ทีหลัง ถ้าเป็นองค์เก่าที่ท่านสร้างไม่ใหญ่นะ คือท่าน
ศรัทธา ทา่ นสร้างพระ ปจั จัยทสี่ รา้ งทา่ นไดม้ าจากการท�ำงาน เขาอาจจะท�ำใหมแ่ ล้วนะ เอาองค์ใหม่
แทน อนั เกา่ นี่เขาบูรณะโบสถใ์ หม่แลว้ ไง องค์ใหมน่ ใ่ี หญ่ แตไ่ ม่ใชห่ ลวงปู่จวนสร้าง”
ต่อมาทีห่ มู่บ้านเหลา่ มนั แกว มกี ารสร้างวัดป่ากุลเชฏโฐ เพือ่ เป็นการระลกึ ถงึ คุณงามความดี
ของท่านพระอาจารย์จวน
ท่านพระอาจารย์จวนไม่ได้เป็นอุปัชฌาย์
ท่านพระอาจารย์ถาวร อนุตตฺ โร ไดเ้ มตตาเลา่ เร่ืองนไี้ ว้ดงั น้ี
“สมัยนน้ั ภูทอกบวชไม่ได้ หลวงปจู่ วนท่านไม่ไดเ้ ปน็ อปุ ชั ฌาย์ พออาตมาบวชพระแล้วได้สวด
กฐินเลยปีนน้ั พระไม่ครบเลยได้สวดกฐนิ ออกพรรษาบวชเสรจ็ แลว้ ก็ไดม้ าสวดกฐินองค์ทีส่ ่ี เรมิ่ บวช
ตลุ าคม พ.ศ. ๒๕๒๐ ไม่ไดพ้ รรษา แต่ได้สวดกฐินปนี น้ั อาตมาได้สวดกฐนิ แสดงว่าพระน้อย อาตมา
สวดองคท์ ส่ี ี่ จรงิ ๆ แลว้ สวดกฐินมนั มสี อง แลว้ กอ็ ปุ โลกนร์ วมเปน็ ส่ี อาตมาก็อยู่องค์ท่สี ่ีทสี่ วด ปนี นั้ พระ
ที่อยู่จ�ำพรรษากับหลวงปู่จวน มีท่านอาจารยแ์ ยง ทา่ นอาจารย์วา ท่านอาจารยพ์ วน แลว้ อาจารย์
ดว้ ยหน่ึงองค์ แต่ปนี นั้ พระไม่คอ่ ยเยอะหรอก”
276
กรณีทา่ นพระอาจารย์จวน กุลเชฏโฺ ท่านไม่ได้เป็นพระอุปชั ฌาย์ เน่อื งจากทา่ นด�ำเนินตาม
ปฏิปทาของพอ่ แมค่ รอู าจารย์สายท่านพระอาจารยม์ ่ัน ซงึ่ สว่ นใหญแ่ ล้วท่านไม่รบั เปน็ พระอปุ ชั ฌาย์
สาเหตุ คอื พ่อแมค่ รอู าจารย์แต่ละองค์ ท่านมภี าระหน้าท่ีในการอบรมสง่ั สอนพระ เณร ตลอดฆราวาส
อันเป็นงานหนกั อย่แู ล้ว และเพ่ือให้พระในวัดได้ปฏิบตั ภิ าวนากนั อย่างเตม็ ที่ โดยไมต่ อ้ งมีภาระเพม่ิ
ท่านดุสอนพระให้ประหยัดน�้ำ
ท่านพระอาจารย์จวน กุลเชฏโฺ ทา่ นดพุ ระนนั้ หลวงปู่สมหมาย จติ ฺตปาโล ว่า “ทา่ นก็ดุ
มานานแล้วละ่ ” เร่ืองเลา่ ทา่ นพระอาจารยจ์ วนดสุ อนพระให้ประหยดั น�้ำโดยเอากาน้ำ� เขกหวั พระศิษย์
เปน็ เหตกุ ารณ์ในปี พ.ศ. ๒๕๒๐ ซึ่งท่านพระอาจารยถ์ าวร อนุตตฺ โร ได้เมตตาเล่าเร่ืองนี้ไว้ดังน้ี
“มีอยู่ปีหนง่ึ ชว่ งหน้าแลง้ น่ี แต่ก่อนมันไมม่ นี �ำ้ ขวดนำ้� อะไรนะ พวกเปป๊ ซง่ เปป๊ ซนี่ ่ีไม่ไดก้ นิ นะ
นอกจากนานๆ จะมีคร้ังหนึ่ง ทีน้ีพวกน�้ำดื่มนี่แต่ก่อนมันจะใช้น้�ำฝน ก็ใช้กาแบบไอ้เป็นหูน่ะ มีอยู่
ครั้งหนง่ึ ท่านบอกวา่ “พอเขา้ หน้าแลง้ นีใ่ หป้ ระหยัดน�้ำนะ” ประหยัดน�้ำ “เวลารองนำ�้ ใส่กาอยา่ ให้
มนั ลน้ ใชแ้ ลว้ ให้มนั หมดพอดี”
ทนี ีพ้ อวันทหี่ นงึ่ ทา่ นยกกย็ ังล้นอยู่ วนั ที่สองกล็ ้น วนั ที่สามกล็ ้นอยู่ วันทสี่ ี่ก็ยังล้นอยู่ ก็ยงั ท�ำ
เหมือนเดิมนะ ไม่ปรับปรุงที่ท่านบอก ท่านว่า “สอนไม่จ�ำ” ท่านก็เอามือข้างหน่ึงจับหัว แล้วอีก
ขา้ งหน่ึงเอากาโขกหวั เลย อาตมาเปน็ เณรอยตู่ อนนน้ั ”
ทา่ นพระอาจารยพ์ วน ชตุ นิ ธฺ โร ได้เมตตาเล่าเรอ่ื งนี้ไวด้ งั น้ี
“อันนเ้ี รื่องรองน�้ำ ถา้ ใครเหลือทา่ นกต็ อ้ งเอากานัน้ ปงั ! ปงั น้นั แหละ แต่ละองค์นะ่ ใครเหลอื
ท่านตรวจกาน้�ำทีละองค์ ทีละองค์ ถ้าใครเหลือ พวกไหนที่ไม่รู้จักประมาณ องค์ไหนท่ีเหลือก็โดน
นน่ั แหละ ถ้าองคไ์ หนหมดก็ผ่านไป ทา่ นสอนให้ประหยัดใหร้ จู้ ักพอดี
จรติ นสิ ยั ครูบาอาจารยแ์ ต่ละองค์ก็ไมเ่ หมือนกันหรอก ทา่ นอาจารยจ์ วนทา่ นดุ ถ้าทา่ นดุ ดมุ นั
ก็ดุว่ากล่าวนแี่ หละ ไม่ใชว่ ่าดรุ า้ ยอะไร ดใุ นทางท่ดี ใี ห้ถกู ต้อง เออ ! กด็ ุ แตเ่ ร่อื งไลพ่ ระ ปกติไม่เคยมีนะ
ท่านปกครองพระ เณร แมช่ ี อย่างเปน็ ธรรม ท่านดุด่าตรงๆ ถ้าใครท�ำไม่ถกู ถา้ ใครทำ� ผดิ ท่านก็ต้อง
บอกกล่าว บอกตรงๆ เลยตอ่ หนา้ ญาติโยม”
ท่านสอนให้ละทิฏฐิมานะ ถ้าสึกไปแล้วจะไปท�ำอะไร
ท่านพระอาจารยจ์ วน กุลเชฏฺโ เม่ือทา่ นเมตตาดดุ ่าสอนพระศิษยอ์ ย่างตรงไปตรงมา ทำ� ให้
มพี ระศษิ ย์หลายๆ องคท์ ถ่ี ูกท่านดุดา่ คดิ นอ้ ยอกนอ้ ยใจและคดิ อยากสกึ ออกไปกม็ ี พอตอนคำ่� ท�ำวตั ร
สวดมนต์เสร็จ ท่านก็เมตตาเทศน์ไปอีกอย่าง ท่านเทศน์ไปเร่ืองทิฏฐิมานะ ท่านสอนเรื่องลดละ
ทฏิ ฐิมานะ ครูบาอาจารยบ์ อก ครบู าอาจารยส์ อนไม่จำ� อะไร ทา่ นสอนให้พระศษิ ย์ลดละทิฏฐมิ านะ
277
จนกระทง่ั เทศนเ์ สรจ็ ทา่ นก็ถามพระศิษย์วา่ “สกึ แลว้ จะไปทำ� อะไร ?” ทา่ นถามไปหมด “สกึ ไป
จะไดแ้ ตง่ งาน หรอื จะไปอะไร ?” คอื ทำ� อะไรๆ อย่างน้ี ท่านถามหมดละ่ ถามทกุ องค์ คือทา่ นจะเมตตา
สอนทุกองค์
ทา่ นพระอาจารย์จวน ท่านบอกทีท่ า่ นดุด่า “ทา่ นดา่ กเิ ลส” ทา่ นวา่ อยา่ งน้ี “ทา่ นดา่ กิเลส
ท่านไม่ได้ด่าความดี” ท่านว่าต่อ “ท่านด่ากิเลส ท่านด่ากิเลสตัณหามานะทิฏฐิ” หากพระศิษย์
ฟงั แลว้ ยงั ไม่ยอมลง ยังไม่ลดละทิฏฐิมานะ ท่านกเ็ ทศน์อกี เทศนจ์ นหนัก ท่านเทศนย์ ำ้� ตลอดทกุ วัน
เปน็ อาทิตย์ พระองค์ที่ยอมลง มันค่อยสงบไป สุดทา้ ยกค็ รองสมณเพศได้ตลอด สำ� หรับพระองค์ที่
ยังไมล่ ดละทฏิ ฐมิ านะทนทที่ า่ นเทศน์สอนไม่ไหว สกึ ออกไปก็มี
ท่านส่ังท�ำห้องน้�ำช่ัวคราวรองรับคณะกฐินกรุงเทพฯ
ท่านพระอาจารย์บุญเลศิ เขมโิ ย ได้เมตตาเลา่ เร่อื งนีไ้ วด้ งั น้ี
“ปี พ.ศ. ๒๕๒๐ จนปี พ.ศ. ๒๕๒๓ ปที ่ีหลวงปูจ่ วนมรณภาพ พวกสรุ พี นั ธุ์นแ่ี หละจองกฐิน
หลวงปู่จวนท่านสั่งพระเณรท�ำห้องน้�ำช่ัวคราว ชาวบ้านช่วยท�ำด้วยล่ะ ห้องน้�ำถาวรท่ีภูทอก สมัย
อาตมาอยมู่ ันก็ยังไมม่ ากดอก มีไม่กห่ี ้อง ออกพรรษาเนาะ ตอนกฐนิ ก็ท�ำหอ้ งน�ำ้ เพิ่มแลว้ เนาะ โอ๊ !
มนั กไ็ มม่ ากเทา่ ไหร่ โอ้ ! ใกล้จัดงานกฐนิ แลว้ ก็ท�ำห้องน�้ำชวั่ คราว ทำ� รองรับแค่นนั้ ประมาณ ๒๐ หรอื
๓๐ ห้องนี่ล่ะ ไวอ้ าบน�ำ้ ขบั ถา่ ย พองานเสร็จแลว้ ก็กลบ ห้องนำ้� ช่ัวคราวท�ำรองรบั กฐนิ ทกุ ปี หลังออก
พรรษาปบุ๊ ก็เร่ิมทำ� หลวงปูจ่ วนทา่ นกบ็ อกแต่วา่ “ให้ท�ำหอ้ งน้�ำต้อนรับญาติโยม” แคน่ ้นั ล่ะ สมยั นัน้
จองกฐนิ นะมีแต่พวกกรุงเทพฯ ถ้าไมม่ ีพวกกรงุ เทพฯ แล้วกแ็ ล้วล่ะ ก็ไมม่ ี เพราะว่าชาวบ้านแถวนี้
มนั ไม่มกี �ำลัง
สมัยก่อนมันไมม่ อี ย่างทุกวนั นีเ้ นาะ อะไรๆ กไ็ ม่มีเนาะ มีแตส่ วนมนั มันกย็ ังไมก่ ่น (ขุด) เอ้า !
เรยี กชาวบา้ นเขามารมุ กนั รมุ ท�ำหอ้ งน�้ำ เสรจ็ แล้วมันกไ็ มม่ ีหอ้ งน้�ำ อยา่ งทกุ วนั นเ้ี รียกชาวบ้านไม่ได้แลว้
เขากรีดยางอะไรต่ออะไร ยางยังไม่มนี ะสมัยกอ่ น มแี ตม่ นั อย่างเดียวนะ”
ต้ังแต่ปี พ.ศ. ๒๕๒๐ ซง่ึ คณะคุณสุรีพนั ธุม์ าทอดกฐินที่ภทู อกเป็นปีแรก จนถงึ ปี พ.ศ. ๒๕๒๒
จะมที ่านพระอาจารย์สวุ ัจน์ สุวโจ ท่านพระอาจารย์วัน อตุ ตฺ โม ท่านพระอาจารย์สงิ ห์ทอง ธมมฺ วโร
มารว่ มงานดว้ ยจนกลายเป็นประเพณี ทา่ นทงั้ สามองค์จะเมตตามาร่วมในงานกฐนิ ภทู อกเสมอๆ
ปลายปี พ.ศ. ๒๕๒๐ เสดจ็ พระราชดำ� เนนิ กราบนมัสการทา่ นพระอาจารยจ์ วนครั้งแรก
วันอังคารท่ี ๒๒ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๒๐ ซึ่งเปน็ คร้ังแรกทพ่ี ระบาทสมเดจ็ พระเจา้ อยู่หัว
เสดจ็ พระราชด�ำเนนิ กราบนมสั การท่านพระอาจารยจ์ วน ณ ปะรำ� พธิ รี บั เสดจ็ บ้านนาตอ้ ง ซ่ึงทางการ
ได้จัดเตรียมไว้ ดงั นี้
278
“พระบาทสมเดจ็ พระเจา้ อยหู่ วั เสดจ็ พระราชดำ� เนนิ พรอ้ มดว้ ยสมเดจ็ พระนางเจา้ ฯ พระบรม–
ราชนิ นี าถ สมเดจ็ พระเทพรัตนราชสดุ าฯ สยามบรมราชกมุ ารี และสมเด็จพระเจา้ ลูกเธอ เจ้าฟ้าจฬุ า–
ภรณวลยั ลกั ษณ์ อคั รราชกมุ ารี เสดจ็ ฯ จากภูพานราชนเิ วศน์ ไปทอดพระเนตรโครงการชลประทาน
ล่มุ นำ�้ บางบาดตามพระราชด�ำริ อ�ำเภอบงึ กาฬ จังหวัดหนองคาย (ปัจจุบันเป็นอ�ำเภอศรีวิไล จงั หวัด
บึงกาฬ) และทรงเยย่ี มราษฎรจังหวดั หนองคาย... สมควรแกเ่ วลา จงึ ประทับเฮลคิ อปเตอรพ์ ระที่นง่ั
เสด็จพระราชดำ� เนินตอ่ ไป
ครั้นเสด็จถึงบ้านนาต้อง ต�ำบลโคกก่อง อ�ำเภอบึงกาฬ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
ทรงพระราชด�ำเนินไปทอดพระเนตรบรเิ วณทก่ี รมชลประทาน มีโครงการจะสรา้ งเข่ือนดนิ ปดิ ก้ันห้วย
นาต้อง เพ่อื เกบ็ กักนำ้� ไว้ในอา่ งเก็บนำ�้ หลังตัวเข่อื น ซึง่ จะมีความจปุ ระมาณ ๒.๒ ล้านลูกบาศก์เมตร
และจะมีพ้นื ทอี่ า่ งเก็บน�ำ้ ประมาณ ๔๓๒ ไร่ ส�ำหรับระบบสง่ น�้ำ กรมชลประทานจะก�ำหนดขนาดและ
แนวคลองสง่ น้�ำ โดยราษฎรจะตอ้ งรว่ มมอื กนั ขดุ เอง โครงการนจ้ี ะสามารถสง่ น�้ำให้พื้นทีเ่ พาะปลูกได้
ประมาณ ๗๐๐ ไร่ ได้ตลอดปี ซ่งึ รวมถงึ น้ำ� เพอ่ื อุปโภคบริโภคสำ� หรบั ราษฎรบา้ นนาต้องด้วย จากนนั้
ทรงพระราชดำ� เนนิ ไปทรงสมทบกบั สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินนี าถ สมเด็จพระเจา้ ลกู เธอ
ทัง้ สองพระองค์ ซึ่งทรงเยีย่ มราษฎรจากอำ� เภอบึงกาฬและอ�ำเภอใกลเ้ คียง ไดท้ รงพระราชปฏิสันถาร
และพระปฏสิ นั ถารกับราษฎรเหลา่ นนั้ อย่างใกล้ชิด ในการนพ้ี ระบาทสมเด็จพระเจา้ อยูห่ ัวมพี ระราช–
ด�ำรัสกับพระอาจารย์จวน กุลเชฏโฺ แหง่ วดั ภทู อก (วัดเจติยาคริ วี ิหาร) ทรงถวายยาชุดและผา้ ห่มแก่
พระอาจารยจ์ วนด้วย เสร็จแลว้ จึงประทบั เฮลิคอปเตอร์พระทนี่ ่ัง เสด็จพระราชด�ำเนินกลบั ถงึ ภูพาน–
ราชนิเวศน์ เมอ่ื เวลา ๑๘.๒๐ น.
ในการเสดจ็ พระราชด�ำเนนิ ทรงเยีย่ มราษฎร ณ บา้ นนาต้อง ได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้า
โปรดกระหม่อม ให้หน่วยแพทย์หลวงเดินทางล่วงหน้ามาต้ังหน่วยท�ำการตรวจรักษาและแจกจ่าย
ยาแก่ราษฎรผู้ป่วยเจ็บ ตลอดจนพระราชทานเสื้อกันหนาวและผ้าห่มแก่ราษฎรและเด็กนักเรียน
บ้านนาตอ้ งด้วย”
การเสด็จในครั้งนัน้ คุณหญิงสรุ ีพนั ธุ์และคณะไดน้ �ำพระธรรมจักร และ จัดชดุ ยากำ� ลังเสอื โครง่
ถวายท่านอาจารย์จวนเพ่อื ทลู เกล้าฯ ถวาย
พระราชจริยาวตั รของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยหู่ วั ขณะทรงปฏิสนั ถารและมพี ระราชด�ำรัส
ทางธรรมะกับท่านพระอาจารย์จวนน้ันอ่อนโยนและงดงามยง่ิ นกั ทรงคุกพระชานอุ ยูต่ ลอดเวลาเป็น
เวลากวา่ ครึ่งช่ัวโมง ส่วนท่านพระอาจารยจ์ วนก็ก้มกายลงมาสนทนาธรรมด้วยความเมตตายง่ิ นัก เป็น
ภาพประวัตศิ าสตร์ทค่ี วรจดจำ� เป็นภาพขวญั ตาขวญั ใจแกผ่ ้ทู ไ่ี ดอ้ ยู่เข้าเฝ้าในทน่ี น้ั และเป็นภาพทีค่ วร
กราบไหว้บูชาเพื่อเป็นสิรมิ งคล
279
หลังจากการเสด็จพระราชด�ำเนินในคร้งั นน้ั กท็ รงพระกรุณาโปรดเกลา้ ฯ ให้ส�ำนักพระราชวงั
มฎี ีกานิมนต์ใหท้ ่านพระอาจารย์จวนไปในงานพระราชพธิ โี อกาสต่างๆ อย่เู ปน็ ปกติ ทา่ นก็รับนมิ นต์
ไปในงานพระราชพิธีได้ ๒ – ๓ คร้ัง ก็บอกไม่รบั นิมนต์ ใหศ้ ษิ ยบ์ อกทางส�ำนักพระราชวัง ขอใหเ้ ปลีย่ น
ไปนิมนต์ครูบาอาจารย์องค์อืน่ บ้าง ทา่ นกลา่ วว่า “ครบู าอาจารยผ์ หู้ ลกั ผใู้ หญ่กวา่ อาตมามอี ีกมาก
ควรจะหมนุ เวียนไป จะได้ทรงคุ้นเคยกบั พระทกุ องค์ และราษฎรแถวนน้ั เขาก็จะได้ช่ืนใจ ท�ำให้
ความจงรักภกั ดตี อ่ พระเจ้าแผ่นดนิ แน่นแฟ้นขน้ึ อาตมาไม่ต้องนมิ นตห์ รอก อยู่ทีว่ ัดก็ท�ำถวายได้
และทำ� ถวายเป็นประจ�ำอยู่แล้ว”
คณุ หมอประพักตร์ โสฬสจนิ ดา ไดเ้ ล่าอุบายไมร่ บั นิมนต์ของท่านพระอาจารย์จวนไวด้ งั นี้
“อุบายของทา่ นบอกกับในหลวง ทา่ นชราอายใุ กล้ ๖๐ ตอนนน้ั ภเู ขามนั ก็ลน่ื บนั ไดมนั อาจจะ
ขึน้ ลงยากกไ็ ด้ แลว้ ท่านก็คดิ ว่า เอ้ ! ทางวงั นมิ นต์บอ่ ยๆ จะมีปญั หา ถงึ เวลาก็อยากเขา้ ไป ถงึ เวลาก็
อยากเข้าไป เป็นอุบายบอกคล้ายๆ วา่ นมิ นต์ ๓ ครง้ั ก็ไปสกั คร้งั หน่ึง แตค่ �ำอ้างของท่านกค็ อื มนั ลน่ื
พระแกล่ งยาก”
ด้วยพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยหู่ วั พระองค์ทา่ นทรงได้รบั การยกยอ่ งว่าเป็นพระบิดาแหง่ น�้ำ
โครงการพระราชดำ� ริสว่ นพระองค์สว่ นใหญ่จึงเกยี่ วกบั เรื่องแหลง่ นำ้� เปน็ สำ� คญั ฉะน้นั การเสด็จ
พระราชด�ำเนินเยือนพสกนิกรในคร้ังนี้ ซ่ึงอยู่ในถิ่นทุรกันดารแห้งแล้ง พระองค์จึงมีพระราชปรารภ
จะให้จัดสร้างอ่างเก็บน้�ำ เพ่ือช่วยเหลือบรรเทาให้ราษฎรมีน้�ำไว้ใช้ในการเกษตรและในการอุปโภค
บรโิ ภค ท่านพระอาจารย์จวนก็อนโุ มทนาในพระราชด�ำรนิ ้ัน ทั้งทา่ นก็มเี มตตาสงเคราะหช์ ว่ ยเหลอื
ญาติโยมอนั เปน็ อริยประเพณขี องศาสนทายาท และท่านก็เล็งเหน็ ความส�ำคัญและประโยชน์ของน�้ำว่า
มีความจำ� เป็นตอ่ การดำ� รงชีวติ ความเปน็ อยู่ ทา่ นจงึ ตง้ั ตน้ คดิ ทำ� ฝายและอา่ งเกบ็ น�้ำโดยรอบวัดภทู อก
สร้างอ่างเก็บน้�ำตามพระราชด�ำริ
ท่านพระอาจารย์จวน กุลเชฏฺโ ท่านว่า “ในหลวงท่านจะช่วยราษฎรได้หมดทุกแห่งได้
อย่างไร เราก็ต้องช่วยตัวเองกันก่อนล่ะ” แล้วท่านก็เร่ิมด้วยการสร้างถนนเช่ือมจากภูทอกน้อยไป
ภูทอกใหญ่ ให้เป็นคันฝายอ่างเก็บน้�ำไปในตัว รวมทั้งได้จัดท�ำฝายเก็บน�้ำเล็กๆ ให้ในหมู่บ้านและ
โรงเรยี นด้วยรวมเป็น ๖ แห่งดว้ ยกนั สน้ิ เงนิ ไปหลายแสนบาท โดยใชเ้ งนิ จากกฐนิ ผา้ ป่า โดยเฉพาะ
คณะของคุณสรุ พี ันธุ์และคณะตา่ งๆ น�ำมาทอดถวาย ไม่แตเ่ งินจากกฐิน ผ้าปา่ แม้เงนิ พระราชทานก็
เช่นเดียวกนั พอท่านไปฉนั ในวัง ในหลวงพระราชทานมา ท่านก็ส่ังจา่ ยเป็นคา่ แทรกเตอรห์ มด ทา่ นว่า
“เงินของท่านก็ท�ำบุญให้ท่าน ความจริงแผ่นดินนี้เป็นของท่าน ราษฎรก็ของท่าน ก็เอาเงิน
ของท่าน ทำ� ใหแ้ ผ่นดนิ ของทา่ น ท�ำใหร้ าษฎรของท่าน”
ท่านพระอาจารยป์ ระสงค์ จารุธมโฺ ม ไดเ้ มตตาเลา่ เรอื่ งนีไ้ ว้ดังน้ี
280
“ชว่ งหน้าแล้งปี พ.ศ. ๒๕๒๑ หลวงปูจ่ วนท่านจ้างรถจ้างอะไรมาท�ำ ตัดทางรอบภูทอกน้อยไป
ภูทอกใหญ่กท็ ำ� เตม็ ที่แบบว่าไมใ่ ห้ชาวบา้ นเขารกุ ล้�ำเข้ามา ลกั ษณะทา่ นจะเอาน้�ำดว้ ย จะเอาฝายดว้ ย
พอฝนตกงวดแรก ฝายก็ตา้ นนำ้� ป่าไมอ่ ยู่ มนั ขาดพังไปเลย กลางคนื กไ็ ปเลย ไปกับน้�ำปา่ ”
ท่านพระอาจารยพ์ วน ชุตินฺธโร ได้เมตตาเลา่ เร่อื งน้ีไว้ดังนี้
“อ่างเก็บนำ�้ วัดภทู อกเริม่ แรกจริงๆ ทา่ นอาจารย์จวนท่านเรมิ่ ก่อน กม็ คี นเสนอรายงานเข้าไป
พอในหลวงทราบก็พระราชทานเงนิ มา ท่านมาดูเสียกอ่ นวา่ เขาท�ำสำ� เร็จไหม ตามความประสงค์ไหม ?
อ่างเกบ็ น�้ำเปน็ แหล่งน�้ำเพ่ือการเกษตร อปุ โภค บริโภค ท�ำใหช้ าวบา้ น
ท่านอาจารย์จวนท่านมองการณ์ไกล อา่ งเก็บน�้ำ โอย ! ลกึ นะ ลกึ มากๆ เลย อยู๋ ! ประมาณ
ไม่ไดห้ รอก มนั เป็นคลองน้ำ� เก่าทภ่ี ทู อกใหญ่ ภทู อกน้อย มันไหลมารวมกันท่ีเดยี วตรงน้นั มันลกึ และ
กว้างมากๆ มันเป็นแอ่งลงมาอย่างนี้ งบประมาณนี่ไม่รู้เหมือนกันนะต้องใช้เงินมาก ในหลวงท่าน
พระราชทาน ญาติโยมแถวน้กี ็ไมค่ ่อยมีเงินมที องหรอก ชว่ งนน้ั คุณหญิงสุรีพันธ์กุ ็เขา้ มาชว่ ย ชาวบา้ น
ไมท่ �ำ จา้ งผู้รบั เหมาทำ� รถเกรดนี่ ผูร้ บั เหมาเขาหามาเอง เขาคนท�ำทาง เขาหาเอง โอ้โห ! อุปกรณข์ ดุ
เยอะล่ะเนอะ
อ่างเก็บน�้ำนน่ี ้อยคนจะรรู้ ายละเอยี ด เพราะไม่มีใครเคยพูด ไม่มใี ครเคยถาม ปา้ ยอา่ งเกบ็ นำ้�
มีแต่ก่อน ถ้าไม่มีน�้ำ โอ ! มันก็อยู่ไม่ได้แล้ว น�้ำเป็นปัจจัยส�ำคัญ พอมีอ่างเก็บน�้ำ น้�ำไม่ขาดมีตลอด
หนา้ แล้งหน้าฝนมตี ลอด สว่ นดินที่ขดุ เขามาถมอยู่ท่ีทา้ ยๆ หมบู่ ้านนาค�ำแคน ชาวบ้านเขากไ็ ดส้ ระน�้ำ
ด้วย เขาก็มนี �้ำใชต้ รงนั้นอกี ด้วย”
เม่ือมีน�้ำอุดมสมบูรณ์แล้ว ข้าวในนาก็เจริญงอกงาม ชาวบ้านท่ีได้รับแจกเมล็ดพันธุ์ผักจาก
ท่านพระอาจารย์จวน ซ่ึงมีลูกศิษย์น�ำมาถวาย ก็เริ่มปลูกผักเป็นอาหารประจ�ำวัน ปลูกกันทั่วท้ัง
หมู่บ้าน และน�ำมาจ�ำหน่ายเป็นรายได้ ต่อมาความเป็นอยู่ของหมู่บ้านโดยรอบภูทอกก็ค่อยๆ ดีขึ้น
คุณภาพชวี ิตของชาวบ้านกด็ ีข้นึ ทา่ นเลา่ วา่ “เดี๋ยวน้แี ถบนี้ รจู้ กั กนิ ผกั แล้ว เด็กๆ จะไดม้ อี นามัยดี
แขง็ แรง” ทา่ นกำ� ลงั มโี ครงการวา่ ถา้ มีอ่างเก็บน้�ำมากขึน้ การเพาะปลูกก็จะดีขนึ้ ดนิ แถวน้ีโดยเฉพาะ
แถบใกล้สะแนนยงั อดุ มอยู่ ถ้าได้แนะใหเ้ ขาปลกู พืชผลทีม่ ีราคา เชน่ ล้นิ จ่ี ล�ำไย นอ้ ยหนา่ ก็คงจะชว่ ย
ให้มีรายไดด้ ีขึ้น “พวกเขาเป็นคนนา่ สงสาร ขยนั แต่ไม่มีความรูว้ า่ จะทำ� อย่างไร เราต้องชว่ ยเขา
พวกเราชาวกรงุ นน่ั แหละต้องชว่ ยเหลอื เจอื จาน แนะนำ� เขา”
การอุปัฏฐากหลวงปู่จวนคราวอาพาธปี พ.ศ. ๒๕๒๐
ท่านพระอาจารยพ์ วน ชตุ ินธฺ โร ได้เมตตาเลา่ เร่ืองน้ีไวด้ ังน้ี
“หลวงปูจ่ วนมาอย่ภู ูทอกน่กี ม็ ีอาการปว่ ยไขม้ าลาเรยี อยู่ แต่กไ็ มร่ า้ ยแรง ไม่หนักเหมือนสมยั
อยูถ่ ้�ำจันทน์ อาการมนั กป็ วดหัว หนาว ครนั่ เนอ้ื คร่นั ตวั ปวดเมื่อยไปตามร่างกาย เปน็ ช่วงตอนบ่ายๆ
281
โอย๋ ! ป่าไม้ แตก่ อ่ นภูทอกไม่ต้องไปพูดถึงหรอก ในการขบฉนั ภูทอกมันกพ็ อไดเ้ ยยี วยาน่นั แหละ
อาหารก็พอประทงั ชีวติ แมช่ ีร้กู ็จะทำ� ข้าวต้มรอ้ นๆ ถวายใหอ้ ยู่ โอ้ ! ภทู อกแต่กอ่ นมันกันดารมาก
ท่านเปน็ ตอนทอี่ าตมาเข้ามาอยู่ใหม่ๆ ปี พ.ศ. ๒๕๒๐ ยังเป็นอยู่ แลว้ กป็ ี พ.ศ. ๒๕๒๑ กเ็ ริม่ หายแลว้
โกโกก้ ็ท่านก็ฉันปกตธิ รรมดา ชงถ้วยแก้วหธู รรมดานแ่ี หละ ท่านไม่เอากาแฟ ชงธรรมดา ไมม่ ี
กาแฟหรอก ทา่ นไมฉ่ ันหรอก ก็ชงธรรมดานแี่ หละ ไมม่ กี าแฟ ทา่ นไม่ฉันกาแฟ ฉนั ธรรมดา ตอนที่
ท่านปว่ ย อาตมาก็อุปฏั ฐากทา่ นปกติ สรงน�้ำเสร็จ ทา่ นก็ไปเดนิ จงกรมของท่าน ปานะก็หลงั สรงน้�ำ
เสร็จนน่ั แหละ ประมาณ ๖ โมงเย็นก่อนท�ำวตั ร กช็ งโกโก้ถวายทา่ น ตอนอาพาธก็ฉันโกโกน้ แี่ หละ
เป็นหลกั ชงไมห่ วานมาก มรี สหวานนิดหน่ึง ท่านไม่ชอบหวาน โกโกก้ ป็ ระมาณช้อนเล็กๆ ๑ ชอ้ นชา
แลว้ นำ�้ ตาลก็ประมาณ ๑ ชอ้ นโตะ๊ ก็ใส่เกลือนิดหนง่ึ ใส่เกลอื ทุกครั้ง น้�ำยาเสือโคร่งนัน่ แหละเปน็ หลัก
อันน้ีขาดไมไ่ ด”้
ท่านสงเคราะห์พระและชาวบ้าน
ท่านพระอาจารยพ์ วน ชตุ นิ ฺธโร ได้เมตตาเล่าเร่อื งนี้ไวด้ ังน้ี
“ตอนที่อาตมาอยู่จ�ำพรรษานี่ พระก็สิบกว่าองค์ ก็มีบวชเรื่อยๆ แต่ละปีก็มีลูกหลานบริเวณ
ใกล้เคียงมาบวช หลวงป่จู วนทา่ นกส็ งเคราะหบ์ วชให้ พระเณรกป็ ระมาณนแ้ี หละ ๑๕ – ๑๖ องค์
ชว่ งหลังสิบกวา่ องคต์ ลอด
หลวงปู่จวนท่านสงเคราะห์ส่งิ ของ ถ้ามีมาท่านกแ็ จกชาวบ้าน ท่านจดั ถุงยังชีพไปมอบก็มอี ยู่
นะ มีทำ� อยู่ ทา่ นสงเคราะห์ก็ท่ัวๆ ไปละ่ นะ คนไหนยากจนท่านก็สงเคราะห์ สว่ นสงเคราะห์ความรู้
และเมลด็ พันธพ์ุ ืชทชี่ ่วยเหลือชาวบ้านไมค่ อ่ ยมีนะ
เรื่องของอาชพี ยาเสอื โครง่ น้ีเป็นผลงาน เป็นฝีมือหลวงปู่จวน โอ้ ! แตก่ อ่ นมันเยอะนะ บริเวณ
ภูทอกน้ี โอโ้ ฮ้ ! เยอะจริงๆ แตก่ ่อนมนั กไ็ ม่ไดเ้ ป็นสนิ ค้า ท่านก็แนะน�ำให้ชาวบา้ นเอามาขาย ท�ำเปน็ ถุง
เป็นมัด ตากแหง้ ให้มันแห้งซะก่อน เสรจ็ แล้วกม็ าใส่ถงุ โยมเขามาเทย่ี วแลว้ เขาก็ซ้ือ กเ็ อาไปต้ม
ดม่ื กัน บางคนกถ็ กู กับโรค เขาก็มาซอื้ ก็เลยกลายเป็นสินคา้
ตอนนหี้ นา้ วัดภทู อกเปน็ สมุนไพรแหล่งใหญส่ ง่ ขายทว่ั ประเทศ มีสมุนไพรครบทกุ อย่าง ถา้ จะ
เอาสมุนไพรต้องไปที่บ้านนาค�ำแคน ท้ังสดทั้งแห้ง จากใบเสือโคร่งที่แทบจะไม่มีค่ากลายเป็นสินค้า
โอ้ ! ทกุ วนั นห้ี ายากด้วย
รายไดค้ วามเป็นอยู่ของชาวบ้าน โอโ้ ฮ้ ! ดีขนึ้ โอ้ ! แตก่ อ่ นมันลำ� บากจรงิ ๆ พวกผลผลิตเกษตร
โยมเขาก็ทำ� กัน เขาก็ไมไ่ ดท้ ำ� อะไรมากมายหรอก ท�ำพอได้อยูไ่ ดก้ นิ ของเขานน่ั แหละ”
282
มกราคม พ.ศ. ๒๕๒๑ ท่านร่วมงานพระราชทานเพลิงศพหลวงปู่ฝั้น อาจาโร
หลวงปู่ฝนั้ อาจาโร พระศิษย์อาวุโสองค์สำ� คัญองคห์ น่ึงของหลวงปมู่ นั่ ภูรทิ ตโฺ ต ท่านไดถ้ ึง
แกม่ รณภาพ เม่ือวนั ที่ ๔ มกราคม พ.ศ. ๒๕๒๐ ซ่ึงเป็นการสญู เสียอยา่ งใหญห่ ลวงของวงพระธุดงค–
กรรมฐานสายท่านพระอาจารย์มั่น และประเทศชาติ ทางวัดได้บรรจุศพหลวงปู่ฝั้นไว้เพื่อรอพิธี
พระราชทานเพลงิ ศพ โดยมีหมายก�ำหนดการพระราชทานเพลิงศพขึน้ ในวนั ท่ี ๒๑ มกราคม พ.ศ.
๒๕๒๑ ซึง่ ในระหวา่ งนจ้ี ะมีครบู าอาจารย์ในวงกรรมฐานเดินทางไปร่วมงานกันเปน็ จ�ำนวนมาก เพ่ือ
ช่วยกันตระเตรียมงานพระราชทานเพลิงศพ อันเป็นการแสดงออกถึงพลังความสามัคคีธรรมของ
หมคู่ ณะที่มีความเคารพสนทิ สนมกลมเกลียวกัน
ทา่ นพระอาจารยจ์ วน กลุ เชฏฺโ ทา่ นเป็นครบู าอาจารย์สำ� คญั อีกองคห์ น่งึ ทีไ่ ดไ้ ปร่วมงานศพ
หลวงปฝู่ นั้ ในหลายวาระ ทางวัดไดก้ ราบอาราธนานิมนตใ์ ห้ทา่ นเปน็ องคแ์ สดงธรรม ซงึ่ เปน็ เคร่ือง
ยืนยันได้เป็นอย่างดีว่า ท่านเป็นครูบาอาจารย์องค์หน่ึงที่วงกรรมฐานให้การยอมรับในเร่ืองคุณธรรม
และเมือ่ ถงึ วนั งานพระราชทานเพลงิ ศพ ท่านพรอ้ มด้วยครูบาพวน ชตุ นิ ธฺ โร พระอปุ ัฏฐาก ไปร่วมงาน
ส�ำคญั ในคร้งั นีจ้ นเสร็จพิธี โดยไดไ้ ปฉันจงั หนั เชา้ ท่ีวดั ป่าอดุ มสมพรดว้ ย พอ่ สีซ่ึงเป็นโยมอุปฏั ฐากได้
ขับรถพาท่านไปงาน
อน่ึง งานพระราชทานเพลิงศพหลวงปู่ฝั้น อาจาโร เป็นงานใหญ่งานส�ำคัญระดับประเทศ
โดยพระบาทสมเด็จพระเจา้ อยู่หัว พร้อมด้วยสมเดจ็ พระนางเจ้าฯ พระบรมราชินนี าถ และสมเดจ็ –
พระเทพรตั นราชสดุ าฯ ได้เสดจ็ ในงานครั้งนี้ ส่วนพระเถรานุเถระช้นั ผู้ใหญฝ่ ่ายคันถธรุ ะทีไ่ ปรว่ มงาน
ได้แก่ สมเด็จพระสังฆราชฯ (วัดราชบพิธฯ) สมเด็จพระญาณสังวร (วัดบวรนิเวศวิหาร) และ
สมเดจ็ พระมหาวรี วงศ์ (วดั ราชผาตกิ าราม) พระพุทธพจนวราภรณ์ (วดั ราชบพิธฯ) พระพรหมมุนี
(วัดนรนาถฯ) ฯลฯ ส่วนพระคณาจารยร์ ูปสำ� คญั ฝา่ ยวปิ ัสสนาธุระที่ไปรว่ มงานครง้ั นีม้ ี หลวงป่ดู ูลย์
อตุโล วัดบรู พาราม (สรุ นิ ทร)์ หลวงป่บู ญุ มา ติ เปโม วดั สริ ิสาลวนั (หนองบัวล�ำภู) หลวงป่เู ทสก์
เทสฺรํสี วัดหินหมากเป้ง (หนองคาย) หลวงปู่อ่อน าณสิริ วัดป่านิโครธาราม (อุดรธานี)
พระอาจารย์สาม อกญิ จฺ โน วัดไตรวิเวก (สุรินทร)์ หลวงปูส่ ิม พทุ ฺธาจาโร วัดถ�้ำผาปล่อง (เชยี งใหม่)
หลวงปู่ซามา อจุตโฺ ต วดั ปา่ อัมพวัน (เลย) พระอาจารย์มหาบวั าณสมปฺ นฺโน วดั ป่าบา้ นตาด
(อุดรธานี) หลวงปู่มหาเขียน ติ สีโล วัดป่ารังสีปาลิวัน (กาฬสินธุ์) พระอาจารย์วัน อุตฺตโม
วัดถ�้ำอภัยด�ำรงธรรม (สกลนคร) พระอาจารย์จวน กุลเชฏฺโ วัดเจติยาคิรีวิหาร (หนองคาย)
พระอาจารยส์ งิ ห์ทอง ธมฺมวโร วัดป่าแก้วชมุ พล (สกลนคร) ฯลฯ
ท่านสร้างกุฏิรับรองสมเด็จพระสังฆราชในงานฉลองพระอุโบสถวัดภูกระแต
งานฉลองพระอโุ บสถวัดปา่ สามัคคอี ปุ ถัมภ์ หรือ วดั ภูกระแต เมื่อวันที่ ๕ มนี าคม พ.ศ. ๒๕๒๑
เป็นงานส�ำคัญของทางวัด ท่านพระอาจารย์จวน กุลเชฏฺโ นอกจากท่านได้เป็นก�ำลังหลักส�ำคัญ
283
ช่วยเหลือหลวงปู่ทองพูล สิริกาโม ในการสร้างพระอุโบสถแล้ว ท่านยังได้สร้างกุฏิรับรองสมเด็จ–
พระอรยิ วงศาคตญาณ (วาสนมหาเถระ) สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปรณิ ายก วัดราชบพธิ ฯ
ซ่งึ เสดจ็ ทรงเป็นองค์ประธาน กฏุ ิรบั รองหลังนน้ั ต่อมาหลวงป่ทู องพลู ได้เขา้ อยู่จวบจนก่อนวนั มรณภาพ
โดยทา่ นพระอาจารยพ์ วน ชตุ นิ ธฺ โร ไดเ้ มตตาเล่าเรื่องน้ไี ว้ดงั นี้
“แต่ก่อนกุฏิหลวงปู่ทองพูลหลังเก่า สร้างเป็นกุฏิรับรองสมเด็จพระสังฆราช ในงานฉลอง
โบสถว์ ัดภกู ระแต อันนีก้ ็พระเณรนแี่ หละไปชว่ ยหาไม้ อาตมากไ็ ด้ไปหาไมอ้ ยแู่ ถวบา้ นนาปา่ น แถว
ใกลๆ้ กบั วัดภูกระแตนั่นแหละ แตก่ อ่ นนัน้ โยมก็บริจาคไม้นั่นมาสรา้ ง ทนี เ้ี รากต็ อ้ งไปหารถ พระเณร
กต็ ้องไปชว่ ยกันยกขึน้ ยกไปตัด เขาบรจิ าคไมต้ ะเคยี น ไมป้ ระดู่ ไม้อะไรกแ็ ลว้ แต่ ทโี่ ยมเขาบรจิ าคมา
ร่วมสรา้ งนะ่ ก็พระเณรเรานีแ่ หละไปช่วย ก็มหี ลวงปูส่ มภาร หลวงปอู่ ุดม พระผใู้ หญ่ทั้งนัน้ ท่ไี ปช่วย
กนั นะ่ หลวงปูจ่ วนก็ไปรว่ ม แรงงานก็บางอยา่ งกจ็ ้างเขา บางอยา่ งโยมเขากร็ ่วมท�ำ แต่ก่อนมนั ก็
อยา่ งว่า ปจั จัยมนั หายาก ภูกระแตแต่ก่อนผู้คนกย็ ังไม่ร้จู กั ปัจจัยมนั หายาก ไมม่ ที ุน ทรงกฏุ มิ ันก็
คลา้ ยทรงธรรมดานแ่ี หละ ยกพ้นื สงู แลว้ มชี านดา้ นหนา้ มกี ั้นเปน็ ห้องๆ ห้องน้�ำอยู่ข้างบน
สมเดจ็ พระสังฆราชมารว่ มงานฉลองโบสถ์วดั ภกู ระแต มาพักช่ัวคราว ท่านกก็ ลับ ไมไ่ ดพ้ กั คา้ ง
กุฏินีอ้ ันนั้นมนั หมดสภาพแล้ว มนั นาน มนั กผ็ ุ ไม้มนั ก็หมดสภาพ มนั ก็ปลวกขนึ้ เขารื้อออก และมา
ท�ำกุฏหิ ลงั ใหม่ นก้ี ย็ งั ไมเ่ สร็จ พอดีหลวงปู่ทองพลู กม็ รณภาพกอ่ น ใชเ้ วลาท�ำนานอยนู่ ะ บริเวณกฏุ ิ
หลงั เก่าท่ีหลวงปูท่ องพูลเคยพกั เขาทำ� เปน็ พิพธิ ภัณฑ์หลวงปู่ทองพูล
สมัยนั้นใชเ้ งินสรา้ งกุฏิรับรอง ๓๐๐,๐๐๐ บาท สูงมากเลย แต่ก่อนวัดภูกระแต โอ๊ ! มันหา
ทนุ ยาก มันหาปัจจัยมาสรา้ งยากจรงิ ๆ โอโ้ ห ! ไมใ่ ชธ่ รรมดาเลย หลวงปู่ทองพลู ท่านเคยอปุ ฏั ฐาก
หลวงปจู่ วน พอมาตรงน้ีหลวงปู่จวนท่านตอบแทนนำ�้ ใจ มันก็ตอบแทนซง่ึ กนั และกนั เหตุทีส่ ร้าง
กุฏิรับรอง คือ สมเด็จพระสงั ฆราชจะเสดจ็ ไม่มที ี่รบั รองกเ็ ลยไปสรา้ ง กอ่ นฉลองโบสถก์ ็เห็นหลวงปู่
ทองพูลมาภูทอกอยูน่ ะ่ กม็ าหาหลวงปจู่ วนเรื่อยๆ อยู่ จะมาคยุ เรอ่ื งอะไรกไ็ ม่ร้แู หละ เพราะเราไมไ่ ด้
อยู่ดว้ ย เราจดั ทตี่ อ้ นรับ ทา่ นก็คยุ กันเอง เราไมไ่ ดอ้ ย่ฟู ังด้วย คงเรือ่ งสรา้ งกุฏริ บั รอง ทางนน้ั กไ็ มค่ อ่ ย
มีทุนทรัพย์ก็มาพ่ึงบารมีหลวงป่จู วน ท่านกเ็ มตตา ขนาดสรา้ งโบสถ์ เขากย็ ังออกเหรยี ญหลวงปู่จวน
ตงั้ หลายร่นุ โบสถ์ถึงจะสำ� เรจ็ ”
เมษายน พ.ศ. ๒๕๒๑ ท่านรับนิมนต์เดินทางไปเมตตาโปรดชาวภาคใต้
(จากหนงั สือกุลเชฏฐาภิวาท)
เม่ือทราบว่า ท่านพระอาจารย์จวน กุลเชฏฺโ ท่านไม่เคยไปภาคใต้ ซึ่งก่อนหน้าท่านกับ
ท่านพระอาจารย์วัน ไปไกลสุดก็หัวหิน ผู้เขียนก็คิดจะนิมนต์ให้ท่านไปชมภูมิประเทศภาคใต้บ้าง
แต่การจะนิมนต์ตรงๆ เช่นนั้น ไม่มีทางส�ำเร็จ ท่านจะถามว่า “ไปท�ำไม ?” ถ้าว่า “ท่านอาจารย์
284
ยังไมเ่ คยไป” ทา่ นจะกล่าวว่า “ท�ำไมจะต้องไป ดินทีน่ น่ั มนั ไม่ใช่ดิน หินที่น่ันไมใ่ ช่หนิ ง้นั หรือ ?”
แคน่ กี้ ็หงายหลังแล้ว
เผอิญระยะนั้น ทางท่ีท�ำงานของผู้เขียนก�ำลังสร้างเข่ือนบางลาง อยู่ที่ยะลาสุดแดนภาคใต้
มเี ร่ืองโจรผ้กู ่อการร้ายคุกคาม นายช่างก�ำลังตรวจงานถูกโจรจับไปเปน็ ตวั ประกัน ๒ ครง้ั ๓ ครัง้
ต้องขอความร่วมมือจากกองทัพภาคท่ี ๔ ให้จัดทหารเข้าไปให้ความอารักขาในเขตหัวงาน รถ
แทรกเตอรข์ องบริษัทผรู้ ับเหมาถูกเผา รถของเราทีจ่ ะเขา้ ไปท�ำงานทุกวัน ต้องมรี ถถังของทหารนำ� หน้า
ผู้ปฏิบตั งิ านขวัญไมด่ ี เพราะในบรเิ วณทจ่ี ะต้องเปน็ เขตก่อสรา้ งนนั้ เต็มไปด้วยกับระเบดิ
ผูใ้ หญท่ างไฟฟ้าฯ เห็นว่า ถา้ นมิ นตท์ า่ นอาจารย์วัน และ ท่านอาจารย์จวน ไปแผเ่ มตตา
เหตกุ ารณแ์ ละขวญั ของผปู้ ฏบิ ัติงานคงจะดขี นึ้
นอกจากนั้น ระยะนั้นมีข่าวเรื่องการพยายามจะแบ่งแยกดินแดน ๔ จังหวัดภาคใต้ สตูล
ยะลา ปัตตานี และนราธิวาส (มีจังหวัดสตูลด้วย) ผู้เขียนเป็นห่วงสถานการณ์อันน่าหวาดเกรงนั้น
จึงเลียบเคียงเรียนปรารภเรื่องปัญหาของการไฟฟ้าฯ และสถานการณ์บ้านเมืองของภาคใต้ให้ท่านฟัง
เป็นการเกร่ินน�ำว่า มีความจ�ำเป็นอย่างย่ิงที่ควรจะนิมนต์ครูบาอาจารย์เดินทางไปภาคใต้เพื่อช่วย
บา้ นเมอื ง
“เคยได้ยนิ เร่ืองทา่ นอาจารยฝ์ ัน้ เจ้าค่ะ ท่านอาจารย์สุวัจน์ (สวุ โจ) ท่านเล่าใหฟ้ ัง วา่ ท่าน
อาจารยฝ์ ้นั เคยชว่ ยศษิ ย์ของท่านที่เปน็ เจ้าของไร่นา เขาไปรอ้ งไห้ร�ำพนั กับท่านอาจารย์ฝน้ั ว่า ทำ� นา
ไมไ่ ดผ้ ล นาลม่ ทกุ ปี พอถึงเวลาข้าวออกรวง กจ็ ะมพี วกหนอน เพลี้ย ปู มากัดกินตน้ ขา้ ว รวงขา้ ว
เสียหายหมด ขอให้ทา่ นอาจารยช์ ว่ ยเมตตาด้วย
ท่านอาจารย์ฝั้นทา่ นสงสารทเ่ี ขามาฟมู ฟายมากมาย ทา่ นไปทีน่ าของเขา ไปยนื ก�ำหนดจติ ที่
คันนา ปรากฏวา่ ปีนน้ั นาขา้ วของเขาได้ผลดี นำ้� ท่าบริบรู ณ์ หนอน เพลยี้ ปู มันคลานหนีออกจากทีน่ า
หมด”
“ไม่ทราบว่า ท่านอาจารย์ฝั้นท่านใช้มนต์บทอะไรบริกรรม... เชื่อว่า ถ้าจะใช้วิธีเดียวกันน้ี
ปรับมาช่วยบ้านเมอื งก็ไดน้ ะเจ้าคะ”
ทา่ นอาจารยจ์ วนทา่ นฟงั ผเู้ ขยี นอารมั ภบทมาอยา่ งอดทน “ช่วยยังไง ?”
“ท่านอาจารยฝ์ ั้น ท่านท�ำใหส้ งิ่ ไมด่ ีต้องออกไปจากผนื นา เราก็ทำ� ให้คนไมด่ ี คนคิดการร้าย
ออกไปจากแผน่ ดินไทยซีเจ้าคะ” แลว้ ผูเ้ ขยี นก็ท�ำหนา้ ละห้อย เสริมวา่ “ร้เู จา้ ค่ะ หากจะขอให้ท�ำให้
เขามีอันเป็นไป ก็จะเป็นบาป แต่น่ีเพียงแต่ขอให้เขากลับใจ ไม่คิดร้าย หรอื รอ้ นรนกระวนกระวาย
อยูไ่ มเ่ ปน็ สขุ ต้องออกจากผืนแผน่ ดนิ ไทยไปโดยสงบ แบบพวกปู หนอน มันอยู่ไมไ่ ด้ ตอ้ งคลานหนี
ออกไปจากนาข้าว... ก็น่าจะไดน้ ะเจา้ คะ”
285
ทา่ นอาจารยพ์ ยักหน้าช้าๆ ในทา่ ครุ่นคดิ “อืม...ก็นา่ จะลองด”ู
คณุ ชัด รตั นราช ผูว้ ่าราชการจงั หวัดนราธิวาส ทราบข่าวก็ดใี จ
“พี่รีบนมิ นต์ทา่ นมาเลยครบั ทางนีก้ �ำลังแย่อยู่ ถ้าไดท้ างพระท่านชว่ ยอกี ดา้ น ก็คงจะดี”
ตกลงกันว่า ถึงนราธิวาส จะนิมนต์ให้ท่านพักที่จวนผู้ว่าฯ คุณชัดจะจัดการน�ำทรายจาก
พระตำ� หนกั ทกั ษณิ ราชนเิ วศน์มาถวายใหท้ ่านเสก แลว้ จะขอ ฮ.จากกองทัพภาคที่ ๔ ใหน้ �ำทรายเสก
ขนึ้ โปรยโดยรอบจังหวดั เป็นการปัดเป่าคนไม่ดอี อกไปใหห้ มด โดยอธษิ ฐานรวมบริเวณจังหวดั ท่มี ี
เหตกุ ารณ์ไม่สงบอ่นื ดว้ ย
(ส�ำหรับการปฏบิ ตั กิ ารพิเศษทนี่ ราธิวาสนี้ เปน็ เรอ่ื งท่ที ราบกันเฉพาะท่านอาจารย์ ผวู้ ่าราชการ
จงั หวัด คุณชดั รัตนราช และผ้เู ขียนเทา่ นั้น และก็แปลกเหมอื นกนั ทต่ี อ่ มาภายหลงั เหตุการณท์ าง
ภาคใตก้ บ็ งั เอิญสงบเรยี บรอ้ ยด)ี
ผู้เขียนจัดรายการเดนิ ทางถวาย ให้เดินทางเปน็ เสน้ วงกลม จากกรงุ เทพฯ นครปฐม ราชบรุ ี
เพชรบุรี ประจวบครี ีขันธ์ ชุมพร เวลานัน้ ทางจากชมุ พรไปสุราษฎร์ธานยี ังไม่ตัด...ต้องไปทางระนอง...
ภเู กต็ พักวดั หลังศาลา ๒ คืน เช้าวันตอ่ มา ผูว้ ่าราชการจังหวดั พงั งา คุณธานี โรจนลักษณ์ นิมนตใ์ ห้ลง
เรอื ชมอ่าวพังงา และเกาะแก่ง เพือ่ แผ่เมตตาใหก้ ารทอ่ งเที่ยวในบรเิ วณนน้ั เจรญิ รุง่ เรอื ง จงั หวัดจะได้มี
รายได้เพม่ิ ขนึ้
จากพงั งากไ็ ปกระบ่ี ตรัง พัทลุง สงขลา พักวัดควนเจดีย์ ต่อไปสตูล ปตั ตานี ยะลา
เขอื่ นบางลาง พกั นราธวิ าส จากนราธวิ าสเลียบชายทะเลกลบั มาปัตตานี สงขลา แล้วขา้ มทะเลสาบ
สงขลา ไปทางนครศรีธรรมราช พกั สรุ าษฎรธ์ านีคนื หน่ึง แลว้ กลับกรุงเทพฯ
กะรายการให้ทา่ นอาจารยไ์ ด้ผ่านจังหวดั ตา่ งๆ เกอื บทั่ว ด้วยคดิ ว่า เวลาเดนิ ทางทา่ นจะเจริญ
เมตตาอยโู่ ดยตลอด ดังนนั้ ทกุ บา้ นทกุ เมอื งท่ที ่านผา่ นจะไดร้ บั กระแสแห่งความรม่ เย็นดว้ ย ทา่ นมไิ ด้
สนใจรายการเดนิ ทางอย่างไร บอกแตว่ ่าตามใจเรา
พอจะเดนิ ทาง ท่านอาจารยว์ ันไปไมไ่ ด้ ด้วยมผี ้าป่าจากผ้ใู หญท่ างกรงุ เทพฯ ไปทอด ทา่ น
ต้องอย่รู บั ผ้าป่า คงนิมนตไ์ ดแ้ ต่หลวงปู่แว่น ธนปาโล ทา่ นพระอาจารยส์ อน อุตฺตรปญโฺ และท่าน
พระครูโอภาสธรรมคณุ (อำ� นวย)
สถานที่ท่านไปนอกจากที่กล่าวมา เช่น ธารโบกขรณี กระบ่ี พระพุทธทักษิณม่ิงมงคล ที่
นราธิวาส ชมทวิ ทศั นใ์ นทะเล จงั หวัดพังงา ฯลฯ
286
พ.ศ. ๒๕๒๑ เร่ืองฝูงผึ้งมาคารวะท่านอาจารย์จวน
เร่ืองนเี้ กดิ เมอื่ ปี พ.ศ. ๒๕๒๑ ขณะท่ีทา่ นพระอาจารยจ์ วน กุลเชฏโฺ ไปงานที่เขื่อนอุบลรัตน์
จังหวัดขอนแก่น ตามท่ที างการไฟฟ้าฝา่ ยผลิตฯ ไดก้ ราบอาราธนานมิ นตไ์ ว้ หลงั จากสง่ ทา่ นเขา้ ท่ีพกั
เฉพาะเรือนรับรองที่จัดให้เป็นท่ีพัก พอท่านลับองค์เข้าไปท่ีพัก ปิดประตูหน้า ปรากฏว่าก็มีฝูงผ้ึง
เป็นหมน่ื ๆ ตวั มาปรากฏ ไม่ทราบวา่ ฝงู ผง้ึ เหล่านีม้ าจากไหน ? มากมายจนนบั ไม่ถูก มาบินเวียนขวา
ทกั ขณิ าวฏั รอบเรือนรบั รองทที่ ่านพัก ด�ำมดื ไปหมด บนิ เวยี นอยสู่ ามรอบ เพือ่ มาคารวะทา่ น มีผเู้ หน็
เหตุการณค์ รั้งนน้ี ับสิบคน เม่ือฝูงผงึ้ บนิ ทกั ขณิ าวัฏจนพอใจแลว้ กบ็ นิ พุ่งสูงข้ึนไปกลางอากาศเปน็ ล�ำ
สายสดี ำ� หายลิบเขา้ ไปในกลีบเมฆ
จดหมายสนเท่ห์จะจับหลวงปู่จวนไปเรียกค่าไถ่
ท่านพระอาจารย์ค�ำศรี อปุ สนฺโต ได้เมตตาเล่าเร่อื งน้ไี ว้ดงั น้ี
“ท่านอาจารย์ป๊อก กม.๒๗ ท่านรจู้ กั ร้ดู พี ้นื ฐานของหลวงปู่จวน ทา่ นอยปู่ ระจ�ำ แลว้ กอ็ ยู่
ใกลช้ ิด ตอนน้ันคอมมิวนสิ ตม์ นั จะว่นุ วาย คอมมวิ นิสตม์ ารบกวนน่ะ แม่ขาวแม่ชอี ะไรทกุ อย่างน่ะ
จนวา่ จะมาขอเงินกบั หลวงปจู่ วน ใหเ้ อาเงนิ ไปใหท้ อี่ ่างเก็บน้�ำ ตอนสรา้ งอ่างเก็บน�้ำน่ะ ตรงระหว่าง
ภูทอกนอ้ ย ภทู อกใหญ่ นั่นล่ะ ผกค. มากวนใหเ้ อาเงินไปไว้ให้ตรงนน้ั นะ่ สุดท้ายเจอเอกสารเลยเอาไป
ให้หลวงปู่จวนอา่ นดู กเ็ ลยเรยี กแมข่ าวแม่ชมี า เรียกเจ้าหน้าทม่ี า ทา่ นใหอ้ ภัยทกุ อย่าง”
ท่านพระอาจารย์ถาวร อนุตตฺ โร ได้เมตตาเลา่ เรอื่ งน้ีไวด้ ังนี้
“อ่างเกบ็ น�ำ้ ภทู อก สมัยก่อนเป็นพน้ื ทีส่ ีแดง เรอ่ื งนี้อาตมาทราบต้งั แตแ่ รกแล้ว เหตุการณป์ ี
หลวงปู่สอนมาอยู่ รสู้ กึ จะอยู่จ�ำพรรษาด้วย ประมาณปี พ.ศ. ๒๕๒๑ คือปีน้ีมันเกดิ เหตุ แต่กอ่ นเปน็
พนื้ ท่คี อมมวิ นิสตล์ ะ่ นะ ทนี ีอ้ ยู่ๆ ก็มจี ดหมายสนเทห่ ์มาเรยี กค่าไถ่ เขาจะจับหลวงพอ่ จวนไปเรยี กคา่ ไถ่
หนังสือมาถงึ ใครไมไ่ ด้บอก มาวางไว้ตน้ ไมน้ ่ี พวกอาตมากต็ ามไป และกน็ ดั วันดว้ ยนะวา่ ใหเ้ อาไปให้
ทน่ี ่ัน จุดนั้น จุดนัน้ แล้วเวลาไปให้หลวงพ่อจวนไป แลว้ ก็ให้แมช่ ีไป คนน้ันคนน้ไี ป ต้องเป็นนนั้ ทผ่ี ใู้ หญ่
เขาใหเ้ อาไป ทีน้ีครง้ั แรกกไ็ ม่ไดต้ น่ื เตน้ หรอก ครั้งท่ี ๒ – ๓ กน็ ัดใหเ้ อาไปเลย ทนี ้เี สร็จแลว้ ก็นัดวนั เลย
ทีนี้ ครัง้ ท่ี ๔ นัดเลยให้เอาเงนิ ไปใหท้ ่นี ั่น ท่ภี ทู อกใหญ่
คือท�ำ ๓ ครัง้ ก็ไมน่ ง่ิ หรอก ก็ดๆู พวกอาตมาก็เฝา้ ยามอะไรอย่างนี้ อาตมานี่เอาน้�ำต�ำนำ�้ พรกิ
กลางคืนนะ เอาน้�ำต�ำน้�ำพริกใส่เกลือใสก่ ระบอกไม้ ไอ้ทางแต่ก่อนขึ้นช้นั ๕ มีทางเดียวนะ มนั มีกอ้ นหิน
ทีล่ อดออกไป อาตมาอยู่ตรงน้กี ลางคืนเป็นแนวหนา้ เลยตอนนัน้ เสรจ็ แลว้ เขาก็เลยเรยี กนดั วนั ให้เอา
เงินไปสง่ ทนี กี้ เ็ ลยเอาไปแจ้งตำ� รวจเขามา ตำ� รวจประสานให้ วนั ถงึ เวลานดั หมายกใ็ ห้หลวงพอ่ จวน
ข้นึ ไปอยูข่ า้ งบนชัน้ ๕ ไมใ่ หล้ งมา
287
ใหเ้ อาเงนิ ไปใหท้ ีภ่ ทู อกใหญ่ ไม่ใหว้ างนะ เอาไปให้เลยตรงที่ ผกค. นดั ตรงนั้นเลย ผกค. เขา
ไมบ่ อกว่าเขามีกคี่ น แต่นัดไปที่น่ัน ทนี ก้ี ็เลยพวกต�ำรวจ – ทหาร เขากเ็ ลยวางแผนปลอมตวั นะ เอา
ต�ำรวจมาปลอมตวั แลว้ มกี ต็ �ำรวจหญงิ เขามานงุ่ แมช่ ีพราหมณ์ ๒ คน แล้วกป็ ลอมตวั เปน็ หลวงปู่จวน
และพระอีกองค์หนง่ึ เขาเรียกเงินล้านกวา่ บาท หลวงปู่ท่านก็ไม่มีเงนิ ถงึ เวลานดั หมายก็ไป ตำ� รวจที่
ปลอมเปน็ พระ ๒ กับแมช่ ไี ปทจี่ ดุ นน้ั เงนิ เขาก็บอกวา่ ให้เอาเงินสดใส่กลอ่ งนมตราโคนมล่ะนะ ใหห้ วิ้ ไป
แต่ก่อนมนั รกนะทน่ี ่ีไมเ่ หมือนปัจจุบนั ถงึ เวลาไป แตเ่ ขาเอาต�ำรวจไปล้อมไวห้ มดแลว้ พวก
ทหารก็ล้อมรอบนอกที่ภูทอกใหญ่นะ พอไปถึงเวลานัดหมายก็ไม่มา เขาบอกไม่มา เขาบอกความ
เคล่ือนไหวในวดั เขารจู้ ักทกุ อย่างเลยว่าใครยงั ไง ใครท�ำปลอมตงปลอมตวั พออีกวันมีจดหมายสนเท่ห์
มาอกี แลว้ ทีน้ีให้เอาไปสง่ ทภี่ ูวัว ยา้ ยที่ ภูววั มนั ก็ไกลเนาะ ทนี่ �้ำตกสะแนนนะ่ บอกใหเ้ อาไปอยา่ งง้ๆี
อันน้ีครงั้ ท่ี ๕ จดหมายสนเทห่ ม์ นั ต้งั ๖ ฉบบั
รสู้ ึกจะเปน็ ครัง้ ท่ี ๔ ทีเ่ ราซ้อนกล ๓ ครั้งแรก เราก็ไมม่ อี ะไร แต่มนั แปลกวา่ เอ๊ะ ! พอมนั มี
ปญั หาปุ๊บ พอมดื ปุ๊บ พวกอาตมาอยากให้แมช่ ีขน้ึ ไปอยขู่ า้ งบน ทนี ี้พอมันจะมืดปุ๊บ ก็ใหแ้ มช่ ขี น้ึ ไปอยู่
ชนั้ ๕ หมด เพอื่ ความปลอดภยั กไ็ มไ่ ด้สงสัยอะไรกันนะ พวกอาตมาก็อยดู่ า้ นลา่ งลาดตระเวนคอยดูแล
อารกั ขา
เสร็จแล้วคร้งั ที่ ๖ เขานดั ให้ไปส่งทภี่ ูวัว จะจับตัวหลวงปจู่ วนดว้ ย ทีนแ้ี ต่ครง้ั ที่ ๖ นี่คอื จดหมาย
เขาเอาไปวางไว้ช้นั ๕ แตก่ อ่ นอยู่ดา้ นล่างหมด ท้งั ๆ ท่ี ๖ โมงป๊บุ น่นี ะ พวกอาตมาปดิ แล้ว ใหแ้ ม่ชขี ้นึ
ข้างบนหมด หลวงปูจ่ วนทา่ นกท็ ำ� วัตรสวดมนต์ไปปกติ แต่พวกอาตมาก็ลาดตระเวนกบั ชาวบ้านเขา
แตก่ อ่ นชาวบ้านจะมใี คร ก็มีตามรคนทมี่ าลาดตระเวนกบั อาตมา
ตามรโดน ผกค. ยงิ ตาย เรอ่ื งมันถึงแตก ตามรมันเปน็ แนวรว่ มคอมมวิ นิสตน์ ะ แมช่ ีคนท่ี ๓
แม่ชกี อ็ อกจากคอมมิวนิสต์มา คนบ้านหว้ ยลกึ ตามรนกี่ ็เปน็ คนท่ี ๒ คนทวี่ างแผนอยบู่ า้ นนาทรายสิ
บา้ นนาทรายท่ีโดนเผาปี พ.ศ. ๒๕๑๖ พวกแนวรว่ มเขาเผา ครัง้ ที่ ๖ ใหห้ ลวงพอ่ จวนไปจะจับตัวดว้ ย
แต่ก็ไมไ่ ป กเ็ อาทหารมาอารักขา แตพ่ อหลังๆ มา จดหมายมันกจ็ ะไปวางข้างบนชนั้ ๕ หมดนะ อันน้ี
แมช่ ี เพราะวา่ อย่างเช้ามนั ก็ไม่มีใชไ่ หม กลางวันมันกไ็ มม่ ี แต่เอ๊ะ ! กส็ งสยั กนั แล้ว วา่ เอ้ ! สงสัยตอ้ งมี
คนในแนๆ่ เริ่มมีพริ ุธ
ทีน้ีพอนานไป นานไป นานไป มนั จากกลัวกเ็ ลยไม่ค่อยกลวั แลว้ ทนี ี้ เริม่ เข้ากฏุ แิ มช่ ที ีว่ า่ ไปเจอ
หลักฐาน อนั นม้ี ันสุดทา้ ย ครัง้ ท่ี ๑๐ เหตุการณต์ ั้ง ๓ – ๔ เดือน กค็ ือแม่ชเี ป็นไสศ้ ึก เขาบอกเขารู้
ความเคลือ่ นไหวหมด แม่ชีก็นา่ จะรนุ่ อาตมานีล่ ่ะ สมัยน้ันก็นา่ จะย่สี บิ กวา่ ๆ เขาก็เป็นแนวรว่ มมาบวช
เปน็ ชี ชื่อแมช่ ที อง ตอนน้ียงั มีชีวิตอยู่ วัดภูทอกปนี น้ั มีคนทบ่ี ้านห้วยลึก ๓ คนนะไปบวชแม่ชี เสรจ็ แลว้
อาตมาก็เลยสงสยั เอ้ ! ท�ำไมมนั แต่เลง็ อยู่แล้วล่ะ พอหลังๆ น่นี ะ เล็งๆ อยู่ เลง็ อยู่ พอวนั น้นั ไมร่ มู้ นั ไป
อะไร แม่ชีออกจากวดั ไป พวกอาตมากไ็ ปค้นกุฏิ ไปเจอท้ังมีด ทั้งไอก้ ระดาษที่เขารองเขียนนี่นะ แรกๆ
กด็ ูกระดาษนะ มันเหมอื นกัน แล้วเอากระดาษรองเขียนไปสอ่ ง มันอันเดยี วกัน ข้อความก็อนั เดยี วกัน
288
เสร็จแล้วพอเย็นๆ มากเ็ ลยอ้มุ มา ก็เลยให้ชาวบา้ นเขาลองอะไร แต่ยังไมใ่ ห้รตู้ วั นะ แลว้ ก็เอาหลักฐาน
ไปกราบเรียนหลวงปู่จวน ท่านก็เรียกประชุมท้ังหมดเลย ก็ ๖ โมงเย็นปุ๊บก็ส่ังให้ข้ึนข้างบนหมด
ท�ำวัตรเสรจ็ นะกส็ อบสวนตอ่ หน้าหลวงปู่ พระเต็มท้งั หมด ทั้งแมช่ งแมช่ ี ปกตกิ ป็ ระชุมท�ำวตั ร กถ็ ามไป
ถามมา ถามจนชัว่ โมงล่ะนะ โอ้ ! ใจมนั แข็งมากนะไม่ยอมสารภาพ
พอดเี ร่ืองแตก่ ่อนหน้านัน้ นะ ตามรทเ่ี ป็นแนวร่วมนี่ คนทร่ี ับเร่อื งมาใหแ้ ม่ชีโดน ผกค. ดว้ ยกัน
ฆ่าตาย ไมร่ ปู้ ิดปากอะไรหรอก เขาบอกท�ำงานไม่ส�ำเร็จ ภทู อกมนั รกนะแต่กอ่ น สวนเขาจากเขตวดั
ไปก็ประมาณ ๑ กโิ ลเมตร อยู่ๆ ประมาณเขากไ็ ปทำ� ไร่ท�ำสวน เห็นวา่ ไปกับเมยี ผกค. เขาเลยลากคอ
มันมาฆ่าท้ิง ยิงตายคาท่ีเลย ส่วนเมียเขาก็ตีแต่ไม่ตาย เขาตีเจ็บสาหัสเหมือนกัน เสร็จแล้วตอนน้ัน
ยังไม่สงสัยตามร เพราะตามรนมี่ าลาดตระเวนกับอาตมาอยู่ เขาอายุมากแลว้ เปน็ พอ่ คนแลว้ เขาเปน็
กรรมการหมบู่ า้ น เปน็ แนวรว่ ม ผกค. อยใู่ นบ้าน แต่อาตมาไมร่ ูว้ ่าเขาเป็น ผกค. อาตมากย็ งั เปน็ หนุม่
อะไร เขากย็ งั ไม่ค่อยถือสาอะไรหรอกนะ ลกู ชายเขาอยู่บา้ นนาค�ำแคน
แต่ทีน้ีพอตามรตายปุ๊บก็มาจับแม่ชีนี่ได้ หลังจากตามรก็ทิ้งระยะกัน ก็เอาแม่ชีมาสอบสวน
ค�ำแรกท่นี ่งั สอบอยู่นะ ถามไปถามมา ถามชว่ ยกนั หมด คำ� ทส่ี ารภาพครง้ั แรกเขาบอกว่า “เอ้า ! ถ้า
เขาบอก ถ้าเขาเปดิ เผยตอนน้ี ลูกคนท่ีเขาตาย เขาจะไม่มาฆา่ แม่ชีหรือ” ลูกเขาเปน็ ครอบครัว ผกค.
หรือ กไ็ ม่รเู้ หมอื นกนั แตแ่ มช่ ีเขารบั สารภาพ ถามไปถามมาจนพอได้เคา้ โครง ก็เลยให้เขาเรยี งล�ำดบั ให้
ดู เกย่ี วอะไรกับตามร คอื ตามรน่ีไปรับงานจากหวั หน้า ผกค. มา และกม็ าให้แม่ชีเป็นแนวรว่ ม แต่ว่า
ท�ำงานไม่สำ� เร็จ เขาเลยมาฆ่าตามรนก่ี ่อน ฆ่าคนกลาง เขาก็ไล่เรียงให้สัมภาษณเ์ ป็นอย่างนี้ๆ เสรจ็ แล้ว
พวกอาตมาใหช้ าวบา้ นล็อกตวั แล้วเอาสง่ ตำ� รวจเลย แมช่ ีทองเป็นคนสารภาพเอง หลกั ฐานก็กระดาษ
ทเี่ ขารองเขยี น เอกสารท่เี รยี กคา่ ไถ่กเ็ ก็บไวอ้ ย่กู บั ต�ำรวจหมด ลายมอื เขาหมดเลย แตต่ ามรไมไ่ ดเ้ ขยี น
ต�ำรวจก็เอาตัวแมช่ ีทองไป จับไปก็ไม่มีพยาน เพราะพยานกค็ ือหลวงปูจ่ วน สดุ ท้ายแลว้ กต็ ำ� รวจก็เลย
ปล่อยไป
หลวงป่จู วนทา่ นก็ให้อภัยไป กค็ ือเป็นเรอ่ื งของบา้ นเมอื งไป ไม่ใหเ้ ก่ียวกับพระ ไมใ่ หเ้ อาท่าน
มาเป็นพยาน เป็นเหตุการณ์ครั้งส�ำคัญที่หลวงปู่จวนโดน ผกค. พวกอาตมาอยู่ยามกันเป็นเดือนนะ
อาจารย์พวนนะเฝา้ ศาลาบน อาตมาน่เี ป็นหน่วยลาดตระเวน ท่านตง้ั ให้เลยนะ หลวงปจู่ วนท่านก็ไม่มี
อะไรวิตก แต่ในกล่มุ ลกู ศษิ ย์กต็ อ้ งชว่ ยดแู ล อยา่ งกลางคืนอาตมาก็จะเฝ้าทางข้ึนช้ัน ๕ หลวงปูจ่ วน
ท่านไม่ไดส้ งั่ อะไรเป็นพิเศษ ท่านไม่ไดบ้ อกอะไรล่วงหนา้ เหตกุ ารณเ์ หมอื นปกติ ท่านไม่กลัวอยแู่ ลว้
ตอนเช้าไปบณิ ฑบาตกไ็ มก่ ลัวเขาจับ ก็ไปปกติ
แหลง่ ใหญ่ ผกค. สมยั นนั้ อยู่ที่ภสู งิ ห์กอ็ ยูถ่ ัดจากภกู ิว่ แต่ตอนหลงั ๆ เขาขนึ้ มาภวู ัวแลว้ ก็ตอนท่ี
หลวงปจู่ วนไปเอารถแทรกเตอร์มาไถรอบวดั ก็เอาอาตมาไปนอนเฝา้ รถแทรกเตอรท์ ุกคนื พอเย็นปุบ๊
เลิกงานกใ็ ห้คนขับ ให้เด็กรถเขากลบั มานอนที่วัด อาตมาและพระก็ ๓ องคก์ ป็ ักกลด แตก่ ่อนไม่มเี ต็นท์
ไม่มีอะไรแบบปจั จุบันน้นี ะ ใช้กลด ปักกลด นอนเฝ้ารถแทรกเตอร์ ไถไปถงึ ไหนก็นอนเฝ้าทน่ี น่ั ”
289
หลวงปู่จวนท่ีพ่ึงของชาวบ้าน
ท่านพระอาจารย์จวน ท่านเป็นพระองค์หน่ึงที่ในหลวงให้ความเคารพศรัทธา ท่านไปอยู่
สะดวกสบายกบั หลวงป่ขู าวก็ได้ ทา่ นกไ็ มเ่ อา ทา่ นก็มาบกุ เบิกอยู่ภูทอก ซงึ่ สมัยก่อนเป็นพน้ื ทส่ี แี ดง
มผี ูก้ ่อการรา้ ยคอมมวิ นสิ ต์ ทา่ นเป็นทพ่ี ง่ึ ของชาวบา้ น โดยท่านพระอาจารย์พวน ชตุ นิ ธฺ โร ไดเ้ มตตา
เล่าเรอ่ื งนีไ้ วด้ ังน้ี
“แต่กอ่ นแถวภูทอกมคี อมมวิ นิสต์เยอะ ชาวบา้ นกลวั ผกค. ก็ยึดหลวงปูจ่ วนเป็นหลกั แหละ
เมือ่ หลวงปูม่ รณภาพนั้นก็มนี ะท่ชี าวบา้ นอพยพหนีกนั แต่ก่อนภทู อกมนั เป็นป่าเปน็ ดง มนั รก อะไรก็
น่ากลัว มนั กนั ดาร ไข้ป่า ผกค. อดอยาก การเดินทาง ครบหมดทกุ อย่าง
ภยั คอมมวิ นสิ ตส์ มัยนน้ั มนั เป็นภัยทร่ี ้ายแรงมากๆ ท่านกย็ งั จะเอาตวั ไม่รอดอยู่แล้ว ทา่ นมีแต่
ใหช้ าวบ้านถือศลี ถอื ไตรสรณคมน์ ทา่ นกต็ อ้ งเนน้ และใหย้ ดึ เป็นหลกั ท่านกแ็ ผ่เมตตาคุ้มครองกเ็ ปน็
ปกตขิ องทา่ น ผีกเ็ ยอะ คอมมิวนสิ ตก์ ็เยอะ ปา่ มันทบึ เนาะ ทา่ นต่อส้ทู กุ อย่างละ่ อันตรายรอบตวั ”
พ.ศ. ๒๕๒๑ พระเณรที่อยู่ร่วมจ�ำพรรษา
พระเณรทีอ่ ยู่รว่ มจ�ำพรรษาท่ีภทู อก ในปี พ.ศ. ๒๕๒๑ มี ท่านพระอาจารย์จวน กลุ เชฏฺโ
ท่านพระอาจารยโ์ ฮม (ศษิ ย์หลวงปูอ่ อ่ น าณสิร)ิ ทา่ นพระอาจารยย์ งค์ สกึ ไปแลว้ ทา่ นพระอาจารย์
แยง สขุ กาโม หลวงตาพินิจ มรณภาพแลว้ ทา่ นพระอาจารยพ์ วน ชตุ ินธฺ โร ฯลฯ รวมพระ ๗ เณร ๖
การทอดถวายกฐินในปนี ้ี มกี ารจดั สร้างเหรียญท่านพระอาจารย์จวน เพื่อแจกเป็นท่รี ะลกึ ใน
งานกฐิน โดยธนาคารกรุงเทพพาณิชยการ จ�ำกัด เป็นเจา้ ภาพสร้างเหรียญ
ปลายเดือนพฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๒๑ รับนิมนต์ไปอินเดียคร้ังที่ ๒
เมอ่ื ปลายเดือน พฤศจกิ ายน พ.ศ. ๒๕๒๑ ทา่ นพระอาจารยจ์ วน กลุ เชฏฺโ รับนมิ นตไ์ ปอินเดยี
เป็นครัง้ ท่ี ๒ โดยทา่ นไปพรอ้ มกับหลวงปหู่ ลุย จนทฺ สาโร ซง่ึ ในครง้ั น้ที า่ นได้นมิ นตห์ ลวงปทู่ องพูล
สริ ิกาโม ไปด้วย โดย หลวงป่ทู องพูล สิรกิ าโม ไดเ้ มตตาเลา่ เรือ่ งนีไ้ ว้ดังน้ี
“ท่านอาจารย์จวน ท่านไปประเทศอนิ เดยี กบั ทา่ นอาจารยว์ นั อตุ ฺตโม ทา่ นไปดูถ�้ำอชันตา
(Ajanta Caves) ถ้�ำเอลโลรา (Ellora Caves) เมืองออรังกาบาด รัฐมหาราษฏระ ที่เขาเจาะถ�้ำ
ท่านอาจารยจ์ วน ทา่ นอาจารยว์ ัน ท่านไปก่อน เราไปเทีย่ วหลัง ท่านไปดูเขาเจาะหนิ ทำ� บันได เจาะหนิ
สรา้ งเป็นถำ้� ทา่ นไปดมู าแลว้ ครงั้ หนึ่ง ครงั้ น้เี ปน็ คร้ังท่ี ๒ ในคร้งั ท่ี ๒ ท่านไปตามเอาเราที่บา้ นเดือ่
“ทองพูล เราจะเอาท่านไปอินเดยี ดว้ ย” ท่านวา่
“ไปยงั ไงทา่ นอาจารย์ ผมไมม่ คี า่ เดินทาง ไม่มีอะไรสักอย่าง พาสปอร์ตกไ็ มม่ ี”
290
“ไป จะพาไปท�ำ มีเจ้าภาพอยูแ่ ล้ว มีลูกศษิ ยจ์ ะจา่ ยให้”
“มนั ไมพ่ ร้อมครบั ท่านอาจารย”์
“ไปซี จะพาไปทำ� พาสปอร์ต”
เราจงึ ไดไ้ ปประเทศอินเดียกบั ทา่ นในครัง้ นน้ั ”
ท่านพระอาจารย์บุญเลศิ เขมโิ ย ไดเ้ มตตาเล่าเรอ่ื งนี้ไวด้ ังน้ี
“ตอนกลับจากอินเดียท่านไม่ได้เล่าอะไร มีแต่ว่า “ไปกับครูบาอาจารย์หลายองค์” ท่านว่า
ไปอินเดียน่ี หลวงปู่หลุยท่านก็ไปด้วยกัน เขาลักเขาขโมยย่ามอะไรอยู่อินเดียน่ี ใบพาสปอร์ตอะไร
หลวงปจู่ วนจงึ มาทหี ลัง หมู่คณะมากอ่ น”
ท่านพระอาจารยจ์ วน กุลเชฏโฺ ท่านไปอินเดยี ๒ คร้งั และต่อมาทา่ นได้เมตตาเทศน์ไว้ดงั น้ี
“... สมัยหน่งึ พระผู้มพี ระภาคเจ้าของเรา เสดจ็ ประทบั อย่ปู ่าอสิ ปิ ตนมฤคทายวนั ใกล้เมือง
พาราณสี ในประเทศอินเดียโน้น ซ่ึงผู้แสดงก็ได้ไปนมัสการและไปรู้ไปเห็นมาแล้วในสถานท่ีน้ัน
ในสมัยนัน้ แล...”
ถ�้ำอชันตา (Ajanta Caves) เป็นถ้�ำพระพุทธศาสนาล้วนๆ ถูกสร้างข้ึนในช่วงระหวา่ งปี พ.ศ.
๓๕๐ – ๔๐๐ มาสนิ้ สดุ ประมาณ พ.ศ. ๑๒๐๐ ตงั้ อย่ทู ิศตะวันออกเฉยี งเหนือของเมืองออรงั กาบาด
รฐั มหาราษฏระ ประเทศอินเดยี ปจั จุบนั ได้รบั การขึน้ ทะเบียนเปน็ มรดกโลกจาก UNESCO
ถ้�ำเอลโลรา (Ellora Caves) ซ่ึงได้รับการข้ึนทะเบียนเป็นมรดกโลกจาก UNESCO ในปี
เดียวกันกบั ถ�้ำอชันตา โดยตั้งอย่ใู นเทือกเขาจรนันทรี ห่างจากตัวนครออรงั กาบาด ไปทางตะวันตก–
เฉียงเหนือ ๓๐ กิโลเมตร กลุ่มถ้�ำเหล่านี้สร้างขึ้นในช่วงระหว่างพุทธศตวรรษที่ ๑๒ ถึง ๑๕
ประกอบด้วยถ�ำ้ ทงั้ หมด ๓๔ ถ�้ำ เรียงตัวจากเหนอื ไปใตเ้ ป็นระยะทางรวมกนั ประมาณ ๒ กิโลเมตร
ซงึ่ สามารถแบ่งออกไดเ้ ป็น ๓ กลุ่มตามศาสนา ไดแ้ ก่ กลมุ่ ถ�้ำทางพุทธศาสนา กล่มุ ถำ�้ ฮนิ ดู และกลมุ่
ถำ�้ เชน
พ.ศ. ๒๕๒๒ พระเณรท่ีอยู่ร่วมจ�ำพรรษา
ท่านพระอาจารยป์ ระสงค์ จารธุ มฺโม ไดเ้ มตตาเล่าเรอ่ื งน้ีไวด้ ังนี้
“ปี พ.ศ. ๒๕๒๒ อาตมาไปอยู่จ�ำพรรษาท่ีภูทอก ก็มีหลวงปู่จวน หลวงตาแยง อาตมา
(ทา่ นพระอาจารย์ประสงค์) แล้วก็ หลวงตาชาลี ทา่ นไปอยู่ดงหมอ้ ทองน่ี ทา่ นอาจารย์โกวิญ (นอ้ ย)
ท่านอาจารยล์ าย ท่ีเป็นหมอเส้นนะ ท่านอาจารย์พวน ท่านอาจารย์ป๊อก พรรษานพ้ี ระ ๘ องค์ กไ็ ม่มี
แต่พระ เณรนอ้ ยก็มีร้สู ึกจะ ๔ องค์ ประมาณน้ี เณรด�ำ เณรสี เณรจอหน์ นี่ เณรไหล ทั้งหมดสี่เณร”
291
กราบท�ำวัตรในช่วงเข้าพรรษา
ท่านพระอาจารย์ประสงค์ จารธุ มฺโม ได้เมตตาเล่าเรือ่ งน้ไี ว้ดงั น้ี
“ในพรรษาพระเณรวัดต่างๆ ก็มากราบท�ำวัตรหลวงปู่จวน ที่จริงพระเณรท่ีภูทอกก็ต้ังใจว่า
ในพรรษาจะไปกราบองค์น้ันองค์นี้ ท่านบอกว่า “ไม่ต้องไปกราบหรอก กราบอยู่น้ีก็พอแล้ว กราบ
พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์อยู่ที่วัดเราก็พอแล้ว” ทีนี้พอในพรรษา มีแต่ทางอื่นมากราบท่าน
พระเณรในวัดกเ็ ลยไม่ไดไ้ ปไหนเลย เรอื่ งการคมนาคมกับเรอ่ื งรถ มนั กเ็ ปน็ สว่ นประกอบอกี หนง่ึ เนาะ
ทา่ นไม่อยากใหไ้ ปไหน ทา่ นใหอ้ ยทู่ �ำหน้าท่ี ท�ำกิจวัตรอย่ทู ่ีวัดน้ี ท่านไม่อยากให้พระเณรไปไหน
ช่วงเข้าพรรษาเป็นวันเกิดหลวงปู่จวน ท่านก็ไม่ค่อยจัดงานอะไรหรอก อยู่ของท่านสบายๆ
ท่านไม่ได้จดั งานวนั เกดิ พระเณรก็อยู่ปกติ อย่ธู รรมดาๆ น่ี ท�ำกจิ วตั ร ข้อวัตรไปเรื่อยๆ”
เรื่องเล่าความเพียรเป็นเลิศของท่านพระอาจารย์จวน
ท่านพระอาจารยป์ ระสงค์ จารุธมโฺ ม ได้เมตตาเล่าเรอื่ งน้ีไว้ดังน้ี
“หลวงปู่จวนท่านเคยบอกว่า ท่านบรรลุธรรมที่ภูกิ่ว เพราะท่านเร่ง มันไม่เหมือนสมัยน้ี
สมัยนอ้ี ยแู่ บบไปเฉยๆ ไมไ่ ดเ้ ร่งความพากความเพยี รอะไร แลว้ ท่านวา่ “สมัยท่านบวชใหมๆ่ ทอ่ี ยู่
วดั อปุ ชั ฌาย์ท่าน หลังจากเอาบาตรมาแล้ว ตากบาตรตากอะไรแห้งแล้ว ตากจีวรไวพ้ อมนั แหง้
ก็เกบ็ ตัวเองไม่ได้ขน้ึ กฏุ เิ ลย ยัดเอาบาตรขึน้ กุฏิ ผา้ จวี รกไ็ ปพาดเกบ็ ไว้ ก็เข้าท่จี งกรม จนโนน้
จนกวาดตาดโนน้ ” ขนาดไหนทา่ น ท่านท�ำถงึ ท่านถึงได้
ความเพยี รกล็ องคดิ ดสู ิ สมมตุ วิ า่ ต้งั ๓ โมงเชา้ จน ๓ โมงเยน็ เดนิ จงกรม ๖ ชวั่ โมง คิดดูสิทำ� นี่
ทนี ้ที า่ นทำ� ทุกวันๆๆ มันจะไมเ่ หน็ ได้อยา่ งไง จะไปรไู้ ดอ้ ยา่ งงั้นนนั่ ดู บางพรรษาทา่ นบอก “ทา่ นไม่ได้
นอนเลยนะ” ท่านเกง่ เรอ่ื งอดนอนมากนะ ชว่ งทีท่ ่านไปอยู่พวกดงหมอ้ ทอง ฝนตกๆ ยงั เอาปบี๊ ๒ ใบ
มาตงั้ หน้าผา เอากระดานมารองอกี แลว้ ก็ขึน้ นงั่ ละ่ ทนี นี่ ะ นั่งบนกระดาน “ถ้ามึงง่วงเหงาหาวนอน
ให้มึงตกลง ให้มนั ตายซะ” โอ้ ! มันก็ไม่ตกเนาะ มันกลัวตาย “ธรรม ธรรมอาจจะค้มุ ครอง” หลวงปู่
ท่านก็เลา่ ให้ฟัง เพอื่ กระตุ้นพระเณรให้ภาวนา”
พ.ศ. ๒๕๒๒ ท่านปรารภจบพรหมจรรย์
เมอื่ ท่านพระอาจารยจ์ วน กุลเชฏฺโ กลบั จากอนิ เดีย ทา่ นได้ประกาศการบรรลธุ รรมของท่าน
ให้ลกู ศิษย์ฟัง โดยคณุ หมอประพกั ตร์ โสฬสจนิ ดา ไดเ้ มตตาเล่าเร่ืองน้ีไวด้ งั นี้
“ตอนทีร่ ู้จกั กนั มันก็สนทิ กันไป ไอ้เรอ่ื งนี้ (เรอื่ งบรรลุธรรม) เปน็ เรือ่ งที่ เฮ้ย ! เรอื่ งสบายมาก
เลยใช่ไหมล่ะ ? เพราะเราก็ไม่คดิ วา่ ทา่ นจะรุง่ เรอื งเก่งอย่างนี้ ไอเ้ รากไ็ ลห่ ลังท่านมา ไปไหนกอ็ ยกู่ ิน
292
ทุกข์ยากมาดว้ ยกันใชไ่ หม ? มนั กเ็ ลยเปน็ เหมือนอะไรกไ็ ด้ ท่านมาพดู กบั ผมแท้ๆ กลบั จากอนิ เดียว่า
“หมอเอ้ย !” ว่า “ใครอยา่ มาโกหกวา่ พระพุทธเจ้ารปู รา่ งเป็นยงั ไง เราเหน็ มาแล้ว”
ทา่ นพระอาจารย์ประสงค์ จารุธมโฺ ม ไดเ้ มตตาเล่าเร่อื งนีไ้ ว้ดงั นี้
“เหตกุ ารณส์ ำ� คัญปี พ.ศ. ๒๕๒๒ นอกจากสร้างอา่ งเก็บนำ�้ แล้ว ในพรรษาไดย้ นิ หลวงปู่จวน
ท่านปรารภอยู่คร้ังหนึ่ง ท่านบอกว่า “ผมสิ้นแล้ว จบแล้ว” หมายถึงท่านจบพรหมจรรย์นะ ท่านลง
มาจากข้างบน แลว้ พระเณรกล็ งมากอ่ น มาจัดที่จัดอะไร จัดเฉพาะออกบิณฑบาตนะ พอทา่ นมานง่ั ป๊บั
ทา่ นกพ็ ักเหนือ่ ยนิดหนึ่งแลว้ ทา่ นก็ปรารภ ตอนนัน้ รู้สึกในพรรษา ได้ยนิ ทา่ นปรารภวา่ “ผมหมดแล้ว
ผมจบพรหมจรรย์แลว้ ” ไดย้ นิ ทา่ นว่าอยา่ งนน้ั
ท่านประกาศจบพรหมจรรยน์ ี่ คือเรอื่ งอยา่ งนม้ี ันจะประกาศไม่ได้ แต่ท่านปรารภเฉยๆ ปรารภ
ใหล้ กู ศษิ ย์ฟังเฉยๆ มเี ฉพาะแตพ่ ระ ยังไมอ่ อกไปบิณฑบาต ถา้ ได้ยินกไ็ ด้ยนิ กันหมดทั้งนัน้ แหละ ท่านก็
ไมไ่ ดพ้ ูดแรง ทา่ นกพ็ ูดปรารภธรรมดาเน่ยี ก่อนจะบิณฑบาต ทา่ นน่ังแลว้ กม็ ีหลวงตาแยง แลว้ กอ็ าตมา
นง่ั องค์ท่ี ๓ ท่านก็บอก “ผมจบแลว้ ผมสิ้นแล้ว ผมจบแลว้ ผมสน้ิ แลว้ ผมหมดกจิ แล้ว” ทา่ นวา่
แตก่ ่อนนึกวา่ ท่านพูดเลน่ หมายถงึ วา่ เรายงั ไมเ่ ขา้ ใจใช่ไหม ? เหมอื นอยา่ งเดก็ น้อย พ่อแม่พดู อะไรถงึ
จะพูดจริงพดู จัง เด็กน้อยมนั ก็เข้าใจวา่ เปน็ พ่อแมพ่ ดู เล่น ฟงั แล้วอาตมาก็จ�ำได้ แต่ยังไมร่ ู้ความหมาย
คือตอนนัน้ เราก็ยังไมร่ ูไ้ มเ่ ข้าใจอะไรหรอก อาตมากอ็ ยู่กับท่านไปเรือ่ ยๆ พออาตมาอย่ไู ปกป็ ระทบั ใจ
ท่านอยู่ แต่อาตมามาซึ้ง ซึง้ คิดทีหลงั ท่ีท่านวา่ “เราจบแลว้ เราส้ินแล้ว” น่นั นะ่ แตเ่ ราก็ไมร่ วู้ ่าท่าน
ส้นิ อะไร
ตอนเครื่องบินตก ตอนพระราชทานเพลงิ เสรจ็ กร็ ะลกึ มาไดต้ ลอดอย่วู ่า ท่านปรารภเรื่องนน้ี ะ
แต่มันนานหลังจากในพรรษามาจนออกพรรษาแลว้ กจ็ นถงึ เมษาฯ ว่าหลายเดือนนะ ช่วงออกพรรษาก็
รับกฐนิ อาตมาก็ไปกับอาจารย์สอน ก็เลยไมไ่ ด้อยกู่ ับท่านตลอด ทา่ นประกาศลว่ งหน้าก่อนมรณภาพ
ประกาศก็ไม่บ่อย อาตมาไดย้ ินคร้ังเดียว”
หลวงปู่จวนเป็นไข้ “เจ็บคิง”
ท่านพระอาจารย์ประสงค์ จารุธมฺโม ไดเ้ มตตาเล่าเรือ่ งนไ้ี วด้ งั นี้
“อาตมาไปอยจู่ �ำพรรษาปี พ.ศ. ๒๕๒๒ หลวงปู่จวนทา่ นหายจากไข้มาลาเรยี แล้ว ท่านเปน็
ไข้ เปน็ อะไรธรรมดานีล้ ะ่ มาลาเรยี มันคงจะหมดไปแล้วละ่ ม้ังชว่ งน้ัน คลา้ ยวา่ ท่านเปน็ จนไมอ่ ยากเป็น
เป็นจนเบื่อแลว้ ตอนทา่ นอาพาธ ก็ไม่เห็นท่านอาพาธหนักนะ มแี ตใ่ นพรรษา ท่านปวดแขนท่าน ภาษา
ทางภาคอสี านวา่ “เจ็บคิง” (คร่นั เนื้อคร่นั ตัว) คนเราก่อนจะไข้ มันรู้สกึ ปวดกระดกู ปวดอะไรไปหมด
ปวดตามแขง้ ตามขา ปวดตามเนื้อตามตวั ท่านเจ็บแขน ทา่ นวา่ ครองจีวรไม่มีแรงเบยี่ งผ้า อาตมาเคย
ขอโอกาสช่วยทา่ นครงั้ หนึง่ เปน็ เหตกุ ารณก์ อ่ นจะไปบิณฑบาต”
293
ปลายเดือนตุลาคม พ.ศ. ๒๕๒๒ กฐินปีสุดท้ายที่ท่านมีชีวิตอยู่
กฐนิ สามคั ควี ัดเจติยาคริ วี ิหาร ภทู อก ในปลายเดอื นตลุ าคม พ.ศ. ๒๕๒๒ อนั เป็นกฐินปสี ุดทา้ ย
ท่ีท่านพระอาจารยจ์ วน กุลเชฏโฺ ยงั มีชวี ติ อยู่ มีครบู าอาจารยเ์ มตตาไปร่วมงานกันหลายองค์ และมี
ผู้คนไปร่วมกฐินหลายร้อยคน จนแนน่ ขนัดเตม็ ศาลา โดยทางวดั ได้อปุ โลกนใ์ หท้ ่านพระอาจารย์แยง
สุขกาโม เป็นผคู้ รองผ้ากฐิน และมที ่านพระอาจารย์จวนนั่งยิม้ อยูข่ ้างหลงั ซึง่ กอ่ นหนา้ นน้ั ทางวดั
มกี ารประชมุ สงฆ์ ทา่ นพระอาจารยจ์ วนจะตง้ั เจา้ อาวาสใหมแ่ ทนทา่ น โดย ทา่ นพระอาจารยบ์ ญุ เลศิ
เขมิโย ได้เมตตาเล่าเร่ืองนไ้ี วด้ งั น้ี
“ตอนที่หลวงปู่จวนต้ังเจ้าอาวาส ก็อยู่ด้วยกันนั่นแหละ พวกสุรีพันธุ์น่ีเขาก็ให้อาจารย์ตุ๊
อาจารย์ตุ๊กไ็ ม่รับ ใหห้ ลวงปูส่ อนกอ่ น หลวงปสู่ อนกไ็ มร่ บั มาหาอาตมา อาตมากไ็ มร่ บั อาจารย์ตุ๊ก็
ไมร่ ับ กเ็ ลยยกให้อาจารย์แยง”
เมอื่ ตกลงตงั้ ทา่ นพระอาจารยแ์ ยงเปน็ เจา้ อาวาส ดงั นนั้ งานกฐนิ ในปนี ้ี ทา่ นพระอาจารยจ์ วน
จึงได้ประกาศในท่ามกลางพระเณรและญาติโยมที่ไปร่วมกฐินได้ทราบว่า ท่านพระอาจารย์แยงเป็น
เจ้าอาวาส “ตอ่ ไปใครถามหาเจา้ อาวาสภูทอกให้บอกวา่ ท่านแยงนะ อาตมาไม่เปน็ เจา้ อาวาสแล้ว
ใหท้ า่ นแยงเป็นเจ้าอาวาสเดอ้ (นะ)”
ท�ำใหม้ ผี ูส้ งสยั กราบเรียนถามทา่ นวา่ “แลว้ ท่านอาจารยจ์ ะไปไหนละ่ เจ้าคะ ?”
ท่านก็เมตตาตอบให้คลายสงสัยว่า “อาตมาก็ไม่ได้ไปไหน อยู่ภูทอกน่ีแหละ อาตมาจะเป็น
ประธานสงฆแ์ บบหลวงปขู่ าวกับท่านอาจารย์บญุ เพง็ ท่ถี �้ำกลองเพลยังไง”
(หลวงปขู่ าวทา่ นเปน็ ประธานสงฆ์ ท่านพระอาจารยบ์ ญุ เพ็ง เป็นเจ้าอาวาสวดั ถ�้ำกลองเพล)
อน่งึ คณะกฐนิ ผา้ ปา่ ของคณะคณุ สรุ ีพันธุ์ เปน็ คณะใหญ่ รถทัวร์ปรับอากาศนับสบิ คนั เวลา
ไปทอดผา้ ป่าหรอื กฐินท่วี ัดหินหมากเป้ง ทา่ นพระอาจารยว์ ัน ทา่ นพระอาจารย์จวน และท่านพระ
อาจารย์สิงห์ทอง จะเมตตาเป็นองค์ประธานน�ำไปในงานบุญทุกคร้ัง โดยเฉพาะงานกฐินปี ๒๕๒๒
ทเี่ พ่งิ ผ่านมาเมอ่ื ปลายเดือนตุลาคมนั้น นอกจากทา่ นพระอาจารย์ทง้ั ๓ แล้ว ยังมหี ลวงปูเ่ หรียญ
วรลาโภ หลวงป่บู วั พา ปญฺ าภาโส ท่านพระอาจารยส์ ุวัจน์ สวุ โจ และท่านพระอาจารยจ์ ันทร์โสม
กิตฺตกิ าโร ไปรว่ มอนุโมทนาดว้ ย ทำ� ให้คณะลูกศษิ ยท์ ี่ไปชมุ นุมกนั กว่า ๕๐๐ คนตา่ งได้ชื่นชมกนั วา่
ได้มโี อกาสกราบและท�ำบญุ กบั ครบู าอาจารย์หลายองคพ์ ร้อมกนั ในเวลาเดียวกัน
นอกจากเทศกาลกฐิน – ผ้าป่าแล้ว ท่านพระอาจารย์จวน และ ท่านพระอาจารย์สิงห์ทอง
ยังเมตตาน�ำคุณสุรีพันธุ์และคณะไปกราบคารวะหลวงปู่เทสก์ เทสฺรํสี หรือท่านอาจารย์ใหญ่ ท่ี
วดั หินหมากเป้งหลายตอ่ หลายครัง้ จนหลวงปู่เทสกก์ ็เคยปรารภลอ้ ท่านอาจารย์จวนและทา่ นอาจารย์
สิงห์ทองด้วยความเมตตาอยู่เสมอ โดยเฉพาะท่านพระอาจารย์จวนจะพาศิษย์ไปกราบหลวงปู่เทสก์
เปน็ ประจ�ำ
294
เหตุผลท่ีท่านตั้งท่านแยงเป็นเจ้าอาวาส
ท่านพระอาจารยจ์ วน ก่อนมรณภาพ ทา่ นสั่งไว้วา่ “ให้ท่านแยงเปน็ เจา้ อาวาสเด้อ” ทา่ นเอย่
ตั้งท่านแยงเป็นเจ้าอาวาส ท่านเอ่ยอยู่เร่ือยๆ เหตุผลประการส�ำคัญที่ท่านตั้งท่านพระอาจารย์แยง
เปน็ เจา้ อาวาสนั้น ทง้ั ๆ ทมี่ ีพระรูปอ่ืนมพี รรษามากกวา่ ท่านพระอาจารย์แยง แตท่ ่านเหล่านนั้ ไมร่ บั คือ
ทา่ นพระอาจารยจ์ วนพิจารณาถึงผล ถงึ ความสามัคคีภายในวดั ใหว้ ัดอยรู่ อดต่อไปได้ ซึ่งในขณะนนั้
ทา่ นพระอาจารยแ์ ยงมีคุณสมบัตทิ เ่ี หมาะสม คอื ท่านอยู่ประจ�ำทภี่ ูทอก และท่านเขา้ กับพระเณรได้
ซ่งึ ขณะน้นั ท่ีวดั กม็ ีพระเณรมาก และหากทา่ นพระอาจารย์จวนมรณภาพไปแลว้ ไม่ได้ตัง้ เจา้ อาวาสไว้
ล่วงหน้า อาจจะเกดิ ปญั หาตามมา ถ้าใหพ้ ระรูปอ่ืนทีไ่ มใ่ ชพ่ ระศษิ ย์มาเป็นเจ้าอาวาสแลว้ อาจจะมีการ
แบง่ พรรค แบง่ พวก วัดจะแตกและอยูไ่ ม่ได้
๑๑ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๒๒ เสด็จเยือนโครงการอ่างเก็บน้�ำภูทอกตามพระราชด�ำริ
วนั อาทติ ยท์ ่ี ๑๑ พฤศจกิ ายน พ.ศ. ๒๕๒๒ เป็นอีกวาระหนง่ึ ซ่งึ พระบาทสมเด็จพระเจา้ อยู่หวั
ทรงกราบนมสั การและมพี ระราชด�ำรัสกบั ท่านพระอาจารยจ์ วน ที่บรเิ วณอ่างเก็บน�้ำภูทอก ดังนี้
“เวลา ๑๔.๔๕ น. พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หวั สมเดจ็ พระนางเจา้ ฯ พระบรมราชินีนาถ
พร้อมด้วยสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี และสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้า–
จฬุ าภรณวลยั ลกั ษณ์ เสดจ็ พระราชดำ� เนนิ โดยเฮลคิ อปเตอรพ์ ระทน่ี ง่ั จากพระตำ� หนกั ภพู านราชนเิ วศน์
ไปทอดพระเนตรโครงการอ่างเก็บน้�ำภูทอกตามพระราชด�ำริ และทรงเยี่ยมราษฎรอ�ำเภอบึงกาฬ
จงั หวัดหนองคาย
คร้นั เสด็จพระราชดำ� เนินถึงบา้ นนาคำ� แคน ตำ� บลนาสะแบง อำ� เภอบึงกาฬ จงั หวัดหนองคาย
(ปัจจุบนั เป็นอ�ำเภอศรวี ไิ ล จังหวดั บึงกาฬ) พระบาทสมเดจ็ พระเจา้ อยู่หัว พระราชทานถงุ ของขวัญ
แก่เจ้าหน้าท่ีกรมชลประทานประจ�ำโครงการอ่างเก็บน�้ำภูทอก ซ่ึงกรมชลประทานก�ำลังด�ำเนินการ
กอ่ สร้างสนองพระราชดำ� ริ ในการจดั หาน้�ำใหก้ ับพ้ืนท่ีเพาะปลูกของราษฎร ประมาณ ๓๐๐ ไร่ เพ่อื ให้
สามารถท�ำการเพาะปลูกได้ท้ังฤดูฝนและฤดูแล้ง ตลอดจนจัดหาน้�ำเพื่อการอุปโภคบริโภคได้ตลอดปี
สำ� หรับราษฎรบา้ นนาค�ำแคน และหมบู่ า้ นใกลเ้ คียงอีกสองหมู่บา้ น ซง่ึ มีท้ังหมด ๓๕๒ ครอบครัว
ตอ่ จากนนั้ ทอดพระเนตรแผนท่โี ครงการฯ ซึง่ แสดงบรเิ วณทีก่ �ำหนดจะสรา้ งเขอื่ นดินปดิ ก้ัน
ห้วยทรายนาแสง พน้ื ทีอ่ ่างเก็บนำ�้ ตลอดแนวท่กี �ำหนดจะสร้างทอ่ ระบายน�้ำและขุดคลองสง่ น้�ำสำ� หรบั
จา่ ยนำ�้ ใหพ้ นื้ ทเ่ี พาะปลกู ของราษฎร แลว้ ทรงพระดำ� เนนิ ไปทรงเยย่ี มราษฎรทเี่ ฝา้ ทลู ละอองธลุ พี ระบาท
อยเู่ ปน็ จำ� นวนมาก ณ บรเิ วณเชงิ เขาภทู อกนอ้ ย และทอดพระเนตรการปฏบิ ตั งิ านของหนว่ ยแพทยห์ ลวง
ซ่ึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้เดินทางล่วงหน้าโดยรถยนต์ มาจัดตั้งหน่วยช่ัวคราว
เพ่ือท�ำการตรวจรกั ษาและแจกจา่ ยยาแกร่ าษฎรที่เจ็บป่วย ตลอดจนทรงรบั ไว้เป็นคนไขใ้ นพระบรม–
ราชานุเคราะห์ ในโอกาสนี้ พระบาทสมเดจ็ พระเจา้ อยู่หัว ทรงถวายปัจจยั ผ้าห่มและยารกั ษาโรค
295
แกพ่ ระภิกษุ ตลอดจนมีพระราชดำ� รัสกับพระอาจารย์จวน กุลเชฏโฺ เจ้าอาวาสวัดเจตยิ าคิรีวหิ าร
(ภูทอก) ทป่ี ะร�ำพิธีชวั่ คราวทชี่ าวบ้านชว่ ยกนั สรา้ งขนึ้ สมควรแกเ่ วลาจึงประทบั เฮลิคอปเตอรพ์ ระที่นง่ั
เสดจ็ พระราชด�ำเนนิ กลบั ถึงพระต�ำหนักภพู านราชนเิ วศน”์
ท่านพระอาจารยพ์ วน ชุตินธฺ โร ได้เมตตาเลา่ เรอื่ งน้ีไว้ดงั น้ี
“การรับเสด็จในคร้ังนั้นนับเป็นงานใหญ่ ทางอ�ำเภอได้ปรับลานจอดเฮลิคอปเตอร์พระท่ีนั่ง
สว่ นชาวบ้านได้ช่วยกนั สร้างปะรำ� พิธขี นึ้ อยา่ งช่วั คราวมงุ ดว้ ยหญา้ คา ณ บรเิ วณหนา้ อา่ งเก็บนำ�้ ภูทอก
โดยมีครูบาอาจารย์ ๓ องค์ร่วมรับเสด็จ ได้แก่ ท่านพระอาจารย์จวน กุลเชฏฺโ หลวงปู่ทองพูล
สริ ิกาโม วัดปา่ สามัคคีอุปถัมภ์ หรือภูกระแต และ พระครสู ุนทรนวกิจ วัดอรุณรงั ษี จังหวดั หนองคาย
โดยมีข้าราชการและพสกนิกรมาเฝา้ รบั เสด็จกันอยา่ งเนอื งแนน่ ”
๑๙ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๒๒ ท่านกราบคารวะหลวงปู่ขาวและแสดงธรรม
การกราบคารวะพอ่ แมค่ รอู าจารย์สายท่านพระอาจารยม์ น่ั เปน็ อริยประเพณีท่สี ืบทอดกนั มา
ครูบาอาจารย์พระธุดงคกรรมฐานในสายนี้ ท่านจะหาโอกาสเดนิ ทางไปมาหาส่กู ัน เพ่ือกราบคารวะ
เย่ยี มเยียนและสนทนาธรรมกันเสมอๆ โดยเฉพาะชว่ งกอ่ นเขา้ พรรษา และหลังออกพรรษาแลว้ โดย
เมอ่ื วันที่ ๑๙ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๒๒ เปน็ อีกวาระทีท่ ่านพระอาจารย์จวน กลุ เชฏโฺ ไดเ้ ดนิ ทาง
ไปกราบคารวะหลวงปขู่ าว อนาลโย และได้เมตตาแสดงธรรมเรือ่ ง “ของเกา่ ” โปรดพทุ ธบริษัท ดังน้ี
“ตอ่ ไปโปรดพากนั ต้งั ใจฟังธรรมเทศนา เทศนท์ ีว่ ัดถ�้ำกลองเพล อ�ำเภอหนองบวั ล�ำภู วนั ที่ ๑๙
พฤศจกิ ายน ๒๕๒๒ แสดงทีว่ ัดถ้�ำกลองเพลโดยทา่ นพระอาจารย์จวน กุลเชฏฺโ วัดเจติยาคริ ีวิหาร
ภูทอก อ�ำเภอบงึ กาฬ จงั หวดั หนองคาย เปน็ องค์แสดง โปรดพากนั ต้ังใจฟงั ตอ่ ไปตามล�ำดบั ๆ
นโม ตสสฺ ภควโต อรหโต สมฺมาสมพฺ ทุ ธฺ สฺส (๓ จบ)
ปุพฺเพสุ อนนสุ สฺ เุ ตสุ ธมฺเมสุ ตตี ิ
เอามือลง ตั้งใจฟังต่อไป วันน้ีจะแสดงธรรมเรื่อง “ของเก่า” ซึ่งท่านพระอาจารย์เจ้าคุณปู่
หินหมากเป้ง (หลวงปู่เทสก์ เทสฺรํสี) อ�ำเภอศรีเชียงใหม่ ท่านแสดงในวันทอดกฐินสามัคคี
คณะกรุงเทพพระมหานคร มาทอด ท่านขึ้นแสดงธรรมด้วยท่านเอง แล้วทา่ นแสดงว่า “นับแต่บวชมา
แสดงธรรมกแ็ สดงเก่าๆ คือเรอื่ ยมา จนถงึ บัดน้ี ธรรมไมเ่ ปน็ ของใหม่ เปน็ ของเกา่ ทาน ศีล สมาธิ
ปญั ญากเ็ ป็นของเกา่ มีแตข่ องเก่าทั้งหมด” นี้ทา่ นแสดง
แม้เรื่องนี้ พระอาจารย์หลวงปู่มั่น ท่านก็เคยแสดงธรรม “เรื่องของเก่า ทานก็ทานเก่าๆ
ศลี กร็ กั ษาอนั เกา่ สมาธิก็อนั เกา่ ปัญญากอ็ นั เกา่ ไมไ่ ดเ้ ปลี่ยนแปลงยกั ย้ายไปเป็นของใหม่ นโม
กเ็ ป็นของเกา่ ทุกส่งิ ทกุ อยา่ งลว้ นแลว้ แต่เป็นของเกา่ ทั้งหมด” นี้ท่านแสดง
296
แม้พระพุทธเจ้าพระองค์ก็ตรัสรู้ธรรมของเก่า มารู้มาเห็นธรรมของเก่าน้ีนี่เอง พระองค์มา
ก�ำหนดรูเ้ ห็นธรรมของเกา่ เม่ือพระองค์รเู้ หน็ ธรรมของเกา่ แล้ว ท่านจงึ ไดต้ รัสรู้เปน็ พระพุทธเจา้ เมอื่
ท่านได้ตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้า เพราะมารู้มาเห็นธรรมของเก่า ท่านจึงแสดงธรรมของเก่าที่ท่านรู้
ทา่ นเห็นน้นั แกท่ ่านพระปัญจวคั คียว์ า่ ปุพเฺ พสุ อนนุสฺสเุ ตสุ ธมฺเมสุ ดงั น้วี า่ ธรรมอนั นี้เปน็ ของเกา่
เรามิไดส้ ดบั ตรับฟังมาจากใคร มิไดศ้ กึ ษาเล่าเรียนมาจากใคร ไม่มีใครเป็นครเู ปน็ อาจารยส์ ัง่ สอนเรา
ในธรรมของเกา่ น้วี ่าทกุ ข์ นี้เหตุให้เกดิ ทุกข์ นค้ี ือธรรมเปน็ ทดี่ ับทุกข์ นคี้ อื ข้อปฏิบตั ิให้ถงึ ธรรม
เปน็ ท่ดี บั ทกุ ข์ เราร้เู อง เราเหน็ เอง เพราะเป็นของทม่ี ีอยแู่ ต่ด้งั เดมิ ไม่สญู หายไปจากโลก เปน็ แตเ่ ราเป็น
ผู้ค้นพบ คน้ เหน็ ธรรมของเก่าเทา่ น้ัน เราจงึ ไดต้ รัสรู้เป็นพระพทุ ธเจ้า จึงพน้ ไปจากทกุ ขไ์ ด้ พระองค์
แสดงแกท่ ่านพระปัญจวัคคีย์ท้ัง ๕ ท่ีปา่ อสิ ปิ ตนมฤคทายวัน ใกล้เมอื งพาราณสี สมยั โนน้
ธรรมของเก่าคืออะไร ? ท่พี ระพุทธเจ้ารเู้ ห็น ธรรมของเกา่ คือ อรยิ สจั ธรรมทัง้ ๔ ซงึ่ เป็น
ธรรมอันประเสรฐิ เปน็ ธรรมของพระอรยิ เจ้าอนั ประเสรฐิ คือ ทุกข์ ๑ เหตใุ ห้เกดิ ทุกข์ ๑ ธรรมเป็น
ท่ดี ับทกุ ข์ ๑ ข้อปฏบิ ตั ิใหถ้ งึ ธรรมเปน็ ท่ีดับทุกข์ ๑ ทา่ นรู้ท่านเห็นด้วยปญั ญาตามเปน็ จรงิ ทา่ นรู้
ท่านเห็นในสัจธรรมว่านีท้ กุ ข์ นเี้ หตุให้เกิดทุกข์ นี้คือธรรมเปน็ ทดี่ บั ทุกข์ นคี้ อื ขอ้ ปฏบิ ตั ิใหถ้ งึ ธรรม
เปน็ ท่ดี ับทกุ ข์ ดังนี.้ .. ”
ท่านต้ังใจสร้างวัดที่น้�ำตกตาดสะแนน
ท่านพระอาจารย์พวน ชุตินฺธโร ไดเ้ มตตาเลา่ เรือ่ งน้ไี ว้ดงั น้ี
“น�้ำตกตาดสะแนน คร้ังแรกก็ว่าจะไปสร้างวัดน่ันแหละ หลวงปู่จวนท่านก็ส่ังให้โยมเขามา
เลอื่ ยไมค้ รบหมดแล้ว ทไี่ ปสรา้ งศาลา บรรทกุ ไมไ้ ปแล้ว ทีน้หี ัวหน้าอนุรกั ษ์ภวู วั เขาไมอ่ นญุ าตให้สรา้ ง
กเ็ ลยเอากลบั มา เอาไม้กลับมาที่ภูทอก มาสร้างสะพานชั้น ๔ โครงการจะสรา้ งวัดแล้ว เขาไมย่ อม
เขาวา่ เปน็ เขตอนุรกั ษ์ ไม่อนุญาตก็ถอย สูเ้ ขาไมไ่ ดก้ ถ็ อยเนาะ หัวหน้าเขาไมอ่ นุญาตกเ็ ลยกลบั
ท่านเก่งท�ำถนนด้วย ถนนก็ผลงานของท่าน ท่านด�ำริจะตัดท�ำถนนขึ้นหลังภูวัวโน่นไว้เป็นท่ี
ท่องเทยี่ ว น�้ำตกตาดสะแนนเป็นวนอทุ ยาน เปน็ ทที่ อ่ งเทย่ี วข้นึ ล�ำภูวัว ตรงนั้นน้�ำมันสวย มันเปน็
สะพานหิน มนั ยาว สวยมากๆ น้�ำก็ลึกด้วยตรงนน้ั ทา่ นจะตดั ถนน ท่านก็เอารถแทรกเตอร์ไปตัดถนน
เขา้ ไป หมดต้ังเก้าหม่ืนม้ัง จากปากทางบ้านทุ่งทรายจกเข้าไปน�้ำตกตาดสะแนน โอ้ ! ไกลอยู่นะ
กว่าจะถึงวัดสิบกิโลฯ กว่า ตาดสะแนนเสียดายอยู่สถานที่ แต่ทุกวันนี้ก็ยังมีพระจากวัดป่าบ้านตาด
ไปอยู่ เป็นเสนาสนะป่า กพ็ อได้อาศัยอยู่ แตม่ ันลำ� บาก บณิ ฑบาตไกล อู๋ ! ไปกลบั ต้ัง ๗ – ๘ กิโลฯ”
ท่านพระอาจารยถ์ าวร อนตุ ฺตโร ไดเ้ มตตาเลา่ เร่อื งนไ้ี ว้ดงั นี้
297
“ท่ีตาดสะแนน ตอนนน้ั อาตมาเป็นเณรก็ไปสง่ ขา้ ว ส่งอะไรพวกนี้ จรงิ ๆ แลว้ อาจารยก์ ็ไปสง่
เสบียงตลอด ถ้าหน้าฝนก็คือตัดขาดกันเลย เวลาไปต้องหาเอาขอนไม้นี่นะ ที่มันไม่จมน้�ำเอาไปผูก
ตดิ กันท�ำเป็นแพแลว้ กด็ งึ ไปเร่อื ย ทีนี้อย่าลืมนะ ปลิงมนั เยอะนะ พอเอาขาจุ่มน�้ำลงไปปลงิ มันเกาะ”
พระชาวต่างประเทศมาภาวนาภูทอก
ท่านพระอาจารย์พวน ชตุ นิ ฺธโร ไดเ้ มตตาเล่าเร่อื งน้ีไว้ดงั นี้
“ตอนน้ันก็พระฝร่ังมาภาวนา อาจารย์สุเมโธ ลูกศิษย์หลวงปู่ชาน่ะ ท่านมาขอปฏิบัติกับ
หลวงปจู่ วน อาจารยส์ เุ มโธท่านธุดงค์ เดินธุดงคไ์ ป ก็มาภทู อก ท่านกค็ ้างอยหู่ ลายวนั มาสนทนาธรรม
มากราบขอแก้ปัญหาธรรมะ
อาจารยส์ เุ มโธ โอ้โห ! ดงั มหาดงั ดงั ดงั มากๆ ทา่ นมาภูทอกปี พ.ศ. เท่าไหร่นอ้ จ�ำไมไ่ ด้แล้ว
ทา่ นเปน็ พระฝร่งั เรื่องขบฉนั กพ็ อประทงั ชวี ติ นะ ก็เพราะฐานะความเปน็ อยู่ของโยมเขา ก็อ๊ยู ! มนั
กันดารจริงๆ นะ ท่านก็ต้องปรับตัวเองล่ะ ท่านมาพักประมาณสัปดาห์ แล้วท่านก็ไปธุดงค์ถ�้ำบูชา
ภูววั อาจารย์สเุ มโธ โอ้โห ! รปู รา่ งทา่ นใหญ่จริงๆ องคน์ ้ี ทั้งใหญ่ ทัง้ สูง อือ้ หอื ! ตอนน้ที า่ นอายุ
๘๐ กวา่ ปีเห็นจะได”้
ท่านพระอาจารยส์ ุเมโธ หรือ พระราชสุเมธาจารย์ (โรเบริ ์ต แจ็คแมน สุเมโธ) เจ้าอาวาส
วัดอมราวดี ประเทศอังกฤษ ท่านเป็นชาวสหรัฐอเมริกา ก่อนบวชเคยเป็นทหารนาวิกโยธิน และ
หันมาเล่ือมใสศรัทธาพระพุทธศาสนา ท่านนับเป็นพระฝรั่งศิษย์รูปแรกของหลวงปู่ชา สุภทฺโท
วัดหนองปา่ พง
ท่านพระอาจารย์จวนอนุรักษ์ป่าไม้
ท่านพระอาจารยจ์ วน กลุ เชฏฺโ นอกจากจะสรา้ งอ่างเกบ็ นำ�้ แล้ว ทา่ นยงั อนรุ กั ษป์ า่ ไม้และ
สัตวป์ า่ รอบๆ ภูทอก โดยทา่ นพระอาจารย์พวน ชตุ ินฺธโร ไดเ้ มตตาเลา่ เรื่องน้ีไว้ดงั น้ี
“พ้ืนทีป่ า่ ไมท้ ีท่ า่ นพระอาจารย์จวนพาอนุรักษ์ ทา่ นกอ็ นุรักษเ์ ขตภูทอกน้อย (สถานทต่ี งั้ เจดีย์
พพิ ธิ ภัณฑ)์ ภูทอกใหญ่ (ภูแจม่ จำ� รัส) และ ภูกว่ิ หรอื ภูสงิ ห์นอ้ ย รวม ๓ แห่ง ซึ่งอยไู่ มห่ ่างไกลกนั
เทา่ ไหร่นะ ทา่ นชวนอนรุ กั ษ์ป่าไม้ ทา่ นเอารถแทรกเตอร์ดนั เปน็ แนวเขตแล้ว ท่านกย็ งั จดั ใหพ้ ระเณร
ไปลาดตระเวน ใครจะมาตดั ไมไ้ ม่ได้ หมนุ เวยี นกนั นะ เปล่ียนกันไป ฉันเสร็จก็ ๓ องคล์ าดตระเวนเลาะ
ตอนนน้ั อาตมาก็ไดไ้ ปดว้ ย ถงึ เวลาพอประมาณกก็ ลบั ตอ้ งลาดตระเวน เพราะวา่ คนตดั ไมก้ นั
โอ้ ! ท่านอาจารย์จวนมองการณ์ไกล สมัยทา่ นอยไู่ ม่มีการปลูกป่าเพ่มิ ป่าไม้ก็ปลกู ทหี ลงั นะ
หลังจากท่านมรณภาพไปแลว้ พระ เณร ชาวบา้ นก็ช่วยกันปลูก มันเป็นโครงการฟนื้ ฟปู ่าไม้อยู่ทีจ่ งั หวัด
อุดรธานี ส่งเสริมปา่ ไม้น่ันแหละ ช่วยกันปลูก เขามีงบประมาณของเขาอยู่ มาชว่ ยปลกู ตอนนนั้ รอบ
298
ตีนเขาที่มันว่างเยอะ ตรงสุดภูทอกใหญ่ไปภูก่ิวก็รอบเลย กว้างขวางมาก (ระยะทางยาวเกือบ ๒
กโิ ลเมตร) ก็เลยมาปลูกยคู าลปิ ตัสให้ ประดู่ก็ปลูก ตะเคียนกม็ อี ยู่ แต่สว่ นมากเปน็ ยูคาลิปตสั ทุกวนั น้ี
โตหมดแลว้ ”
ท่านจวนเป็นพระอรหันต์
มเี รื่องที่พระศษิ ย์ทา่ นพระอาจารยจ์ วน กุลเชฏฺโ เลา่ ว่า ในระยะไมน่ านก่อนการมรณภาพ
ของท่านพระอาจารยจ์ วน ทา่ นเทศน์อบรมพระในชว่ งค�่ำของทกุ คนื เป็นปกติ มีเหตุการณ์ส�ำคัญของ
คืนหน่งึ ท่านไดเ้ ปิดเผยธรรมธาตุของทา่ น โดยขณะที่ทา่ นเทศนาธรรมอยูน่ ้นั เนื้อธรรมก็ด�ำเนนิ ไปๆ
แต่จู่ๆ อยา่ งไม่มีใครคาดหมายกันมาก่อนเลย ท่านพระอาจารยจ์ วน ทา่ นเปล่ียนเรอ่ื งเทศน์ขน้ึ มาอย่าง
ฉับพลันทันทีว่า “ท่านอาจารย์มหาบัว บอกว่า ท่านจวนเป็นพระอรหันต์” แล้วท่านก็หัวเราะ
เสียงดัง อย่างชอบอกชอบใจขึ้นมา “ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า”
การท่ที ่านพระอาจารยจ์ วน เทศน์กลา่ วข้ึนมาเชน่ น้ัน ท่านไม่ไดม้ เี จตนาโอ้อวดหรือมีเจตนา
หาประโยชนแ์ อบแฝงแตป่ ระการใด แตเ่ ป็นเพราะระยะนนั้ ท่านใกลจ้ ะมรณภาพแล้ว ท่านเทศนก์ ล่าว
เป็นประโยชน์แก่โลกเทา่ น้นั
กรณอี งคห์ ลวงตาพระมหาบวั าณสมฺปนโฺ น รบั รองคุณธรรมของท่านพระอาจารย์จวนน้ี
ก็เชน่ เดยี วกับกรณีขององค์หลวงตาฯ เอง ซึง่ เหตกุ ารณ์ในคร้งั นัน้ เกิดขึน้ ทีว่ ดั อโศการาม โดยหลวงปู่
ตื้อ อจลธมโฺ ม ทา่ นรับรองคณุ ธรรมขององค์หลวงตา โดยท่านกลา่ วในทา่ มกลางสงฆว์ ่า “ทา่ นมหาบัว
เปน็ พระอรหนั ต”์ และในชว่ งบั้นปลายชีวิตขององค์หลวงตาฯ ทา่ นก็เปิดเผยธรรมธาตขุ องทา่ นเชน่ กัน
เพ่ือมเี จตนาสงเคราะห์โลกเท่าน้นั
ท่านนิมิตศิษย์แซงหน้าแซงหลัง
(จากหนงั สือกุลเชฏฐาภิวาท)
เช้าวนั หนึ่ง เผอญิ ผู้เขยี น (คุณหญิงสุรพี นั ธุ์) ไปกราบทา่ นแต่มดื ทา่ นฉนั หมากนง่ิ อยู่ มสี หี นา้
ครนุ่ คิด แล้วก็พดู ขึ้นวา่ “เอ ! เม่ือคนื นี้มนี ิมติ แปลกแทๆ้ แปลก แปลกแท้ๆ”
ขณะท่ีน่ังบันทึกอยู่น้ี เสียงของท่านก็ดูเหมือนจะยังแจ่มชัดอยู่ในมโนภาพ โดยเฉพาะเสียง
“แถ้...แถ้” ของทา่ น เพราะท่านเนน้ ซำ�้ หลายคร้งั
ตามท่ที า่ นเล่า ท่านอาจารยไ์ ดพ้ าคณะศิษยเ์ ดินธดุ งค์ไปในป่า ศษิ ยท์ ่พี าไปนั้น มีทัง้ พระ
เณร แม่ชี และพวกฆราวาส ไปถึงท่ีตอนหนึ่งมีแม่นำ�้ ใหญข่ วางหน้า ทา่ นพาเดนิ เลยี บฝงั่ เพอ่ื หาช่วง
ตอนทีแ่ คบหน่อยจะไดพ้ อขา้ มได้ สดุ ทา้ ยก็มาพบตอนหน่ึงของแมน่ �้ำมเี กาะแกง่ ทอดตัวอยเู่ ปน็ ระยะ
ทา่ นพิจารณาอยเู่ ปน็ ครู่ คิดว่าพอจะใชเ้ ปน็ ทางนำ� หมู่ศิษยข์ า้ มไปได้ จึงออกเดินน�ำไป
299
ท่านได้เตือนหมู่ศิษย์ว่า “กระแสน�้ำไหลเช่ียวมาก และเกาะแก่งหินเหล่านั้นก็เป็นอันตราย
บางกอ้ นจมอยู่ใต้น�้ำ ไมท่ ราบภัยใต้น�้ำเบ้อื งล่างจะเปน็ อย่างไร ฉะน้ัน ให้ทุกคนระมัดระวงั ตัวเดนิ ตาม
ท่านให้ดี อย่าประมาท”
ทา่ นเล่าวา่ “ออกเดนิ ไปไดเ้ ลก็ น้อย กม็ บี างคนอวดดี แซงขน้ึ หน้าทา่ นไป ท่านห้ามกไ็ มฟ่ งั
บางคนเดนิ พลาด ล่ืนตกน้ำ� ตะเกียกตะกายอยู่ บางคนถูกกระแสนำ้� ไหลพดั พาจมหายไป บางคน
กลวั ก็ถอยกลับ ในที่สดุ มีผู้เช่ือฟงั ท่าน เดนิ ตามท่านไปตามรอยทที่ ่านนำ� ทาง ข้ามไปถงึ ฝัง่ แม่น�ำ้
ตรงขา้ มได้เพยี ง ๒ คนเทา่ นน้ั ”
“นิมิตแปลกจริงๆ” ท่านรำ� พงึ ซ�้ำ
ผู้เขียนน่ิงฟังอยู่ คิดเหมือนกันว่าแปลก ปกติพวกศิษย์จะเล่าเร่ืองการภาวนาถวายท่าน
อันบางครั้งก็มีนิมติ ตา่ งๆ ดว้ ย นเี่ ป็นครง้ั แรกทไ่ี ดย้ ินทา่ นเล่านมิ ติ ของท่านเองใหฟ้ งั
นิมิตน้ีถ้าท่านเล่าให้นักกัมมัฏฐานได้ฟัง ก็จะแสดงถึงความหมายอันน่าคิด แต่เม่ือท่านมา
ปรารภกบั ศษิ ย์ไมป่ ระสาอย่างเรา ก็คงไม่มคี วามหมายอันใด
แตอ่ ยา่ งไรกด็ ี เช้าวนั นน้ั ถงึ เวลาฉนั จงั หนั ทีศ่ าลาช้ันล่าง ก่อนเรม่ิ ฉนั ทา่ นก็ประกาศเร่อื งนิมิตนี้
ใหฟ้ งั กนั ท้ังวดั อีกคร้ังหนงึ่
ความจริงผู้เขียนลืมเรื่องนิมิตน้ีไปนานแล้ว และแม้เวลาท่ีเตรียมจะจัดเขียน “ธุลีท่ีปลิวไป
แทบบาท” น้ี ก็ไมไ่ ดม้ เี รอื่ งนี้อยู่ในความคิดเลย กระทงั่ นั่งลงเขียน มอื เพลนิ มาจนถงึ เร่ืองนไี้ ดอ้ ย่างไรก็
ไม่ทราบ เสยี งของทา่ นดปู ระหน่ึงจะดงั กงั วานอยใู่ นโสตประสาท และภาพแมน่ ้�ำ ภาพเกาะแก่งที่หนิ
บางกอ้ นยังจมนำ�้ ก็ดูชดั เจน
อาจจะเปน็ เรอ่ื งทีท่ ่านตอ้ งการใหบ้ ันทึกไว้เปน็ หลักฐานของบรรดาศิษย์ผอู้ ยหู่ ลังกไ็ ด้
ในบ้ันปลายท่านพาคณะศิษย์ออกธุดงค์
ธดุ งควตั รเปน็ กจิ วตั รทส่ี �ำคญั ทสี่ ดุ ประการหน่งึ ของพระปา่ ท่านพระอาจารย์จวน กุลเชฏฺโ
สรรเสริญอย่างยิ่ง ออกพรรษาคราใดท่านจะส่งพระเณรออกแยกย้ายกันไปธุดงค์ แต่พวกชาวกรุง
ผ้ไู มป่ ระสาน้ัน ทา่ นเมตตาพาไปเพียงใหพ้ อรู้จกั บรรยากาศของการธดุ งค์ ร้จู ักปา่ ร้จู ักความสงดั วังเวง
ของความเงียบ ฯลฯ แตก่ ็มีผไู้ ด้รบั ธรรมะ ไดร้ ูจ้ ักการรวมจติ เปน็ ก�ำลังใจในการภาวนากนั หลายคน
โดยท่านพระอาจารย์จวน กลุ เชฏโฺ ได้เมตตาเทศน์เรื่องพาคณะศษิ ย์ออกธุดงค์ไว้ดงั นี้
“จะขอเลา่ เรอ่ื งการออกเดินธุดงคท์ ี่บนหลงั ภวู วั ในเดือนเมษายน ปี พ.ศ. ๒๕๒๒ ได้พากนั
ออกเดนิ ธดุ งคภ์ วู ัว เบอื้ งต้นได้ข้นึ ทางถำ้� พระ พักอย่ทู ถ่ี ำ้� พระ ๑ คนื ทีว่ เิ วกของถ�้ำพระก็เหมาะดี เพราะ
เป็นทป่ี ลอดโปรง่ หลงั จากฉนั เช้าแล้วก็มุ่งหนา้ ไปสถู่ �้ำบูชา เดนิ ตามทางชา้ งและทางสตั ว์ป่าบนสันเขา
300
มีบางทา่ นบางคนเดินจากถ�้ำพระไปถ้ำ� บชู ากเ็ มื่อยลา้ ปวดเมอ่ื ยขา เจบ็ เท้าบ้าง เจ็บโคนขาบ้าง บางคน
ถงึ แคถ่ ำ้� บูชาแลว้ ก็ขอแยกทางลงเขาเลยทีเดยี ว พกั ถ�้ำบชู า ๑ คืน เพราะมีเวลาจ�ำกัดแลว้ ก็เดนิ ธุดงค์
มาท่สี ะแนนเดนิ ตามสนั เขาไหลเ่ ขาบนภูววั จากถ�้ำพระมาถ�้ำบชู าระยะหา่ งกันประมาณ ๖ กโิ ลเมตร
จากถ้�ำบชู ามาถึงสะแนนน�้ำตกระยะห่างกนั ประมาณ ๑๕ กโิ ลเมตร แลว้ ก็เดินธุดงคม์ าพกั ทีน่ �้ำตก
สะแนน ๒ คืน พากนั วิเวกตามลำ� น้ำ� สะแนนแลว้ ไดไ้ ปดถู ้�ำเย็นถ�ำ้ มดื ระหว่างนฝ้ี นตกชุกมาก ทางรถ
เขา้ ไปถงึ น�้ำตกสะแนนไม่ได้ จ�ำเปน็ ต้องเดินจากสะแนนกลับภทู อกมาขน้ึ รถท่ปี ากทาง ในปี ๒๕๒๒ นี้
มคี ณะธดุ งคป์ ระมาณ ๒๕ – ๒๖ เป็นชาวกรงุ เทพฯ เปน็ ส่วนใหญ่ แมเ้ หนื่อยแสนเหน่อื ย มีผู้ใจสู้
ยอมสละตาย จติ รวมระหวา่ งก�ำลงั เดินธุดงคห์ ลายคน
สว่ นในปี ๒๕๒๓ นี้คณะธุดงค์กรงุ เทพฯ มี ๙ คน แตส่ �ำหรับพวกชนบทตามหัวเมืองมมี าก
รวมกันแล้วมีประมาณ ๒๕ – ๒๖ คนเทา่ ๆ กนั ออกเดนิ ธุดงค์จากภทู อกวันที่ ๓ กุมภาพันธ์ ๒๕๒๓
โดยไปทถี่ �้ำบูชาเป็นจุดแรก อากาศดีมาก ดีกวา่ เม่อื ปีก่อนซง่ึ ออกเดินทางกันในเดอื นเมษายน อากาศ
รอ้ นจดั แต่ปนี ี้ออกธุดงค์ในฤดูหนาวอากาศ จึงแหง้ สนทิ ไมร่ ้อน แตก่ ไ็ ม่หนาว พักธุดงคท์ ่ีถ�้ำบูชา
๔ คืน บางทา่ นบางคนกพ็ ักอยู่ตามรกุ ขมูลรม่ ไม้บา้ ง ตามพลาญหนิ บ้าง ทีก่ ลางแจ้งบา้ ง ตามถ้�ำบ้าง
เง้อื มหินบา้ ง ตามอชั ฌาสัยของตน รสู้ กึ วา่ นักธุดงค์ทุกคนได้รบั ความปตี ยิ ินดมี ากทีเดียว และนกั ธุดงค์
ทกุ คนใครอ่ ยากประสบเหตกุ ารณต์ า่ งๆ โดยธรรมชาตทิ เ่ี คยไดอ้ า่ นไดฟ้ งั ประวตั ขิ องครบู าอาจารยก์ นั มา
เชน่ อยากประสบฝนตกบ้าง ประสบภยั เรื่องสัตวป์ ่าตา่ งๆ บา้ ง ดังน้ี เม่ือพักวิเวกธดุ งคท์ ่ีถำ้� บูชา ๔ คนื
แล้วกเ็ ดนิ ทางตอ่ ไปท่ีหลงั ถำ้� แก้วห่างจากถ้�ำบชู าประมาณ ๘ – ๑๐ กิโลเมตร พากันเดินไปตามทาง
ไหลเ่ ขาชมธรรมชาตทิ ิวทัศนบ์ นหลงั เขา ป่าเขาล�ำเนาไม้สวยมาก ที่วา่ งเวิ้งวุ้ง อากาศปลอดโปร่งดมี าก
ธรรมชาติปา่ วเิ ศษมากทีเดียว
เมอ่ื ถงึ หลังถ�้ำแกว้ แลว้ นกั ธดุ งคก์ ็พากันหาทพี่ ักวเิ วกตามอัธยาศัยของตนๆ ตามรกุ ขมูลร่มไม้
บ้าง กลางแจ้งบ้าง เพราะหลังที่ถ้�ำแก้วมีพลาญหินและตาดหินกว้าง มีน้�ำบริบูรณ์น�้ำซับไหลตลอด
มถี ้ำ� หลายถ�ำ้ แต่ไม่ได้อยูถ่ ำ้� มาเลือกอยูก่ ันกลางแจง้ หมด ขณะท่มี าพักหลังถ�้ำแกว้ น้ีแหละพวกคณะ
สมาชกิ ธดุ งค์พากนั บน่ อยากจะใหฝ้ นตก อยากเห็นสัตว์รา้ ย คือ เสือบา้ ง
พอดกี ลางคนื ฝนตกพากันเปยี กหมด ขา้ พเจ้าก็นอนตากฝนทเี ดียว เปยี กหมด แตฝ่ นตกไมน่ าน
แล้วก็มีสัตว์ปา่ มา คอื เสือมาหา สมาชกิ ธดุ งคบ์ ่นอยากจะเห็นเสอื เสือกม็ า เสอื มาทดสอบดูความ
กลา้ หาญของคณะนกั ธดุ งค์วา่ จะเปน็ ผู้กล้าหาญไหม ? จะเปน็ ผูส้ ะทกสะทา้ นหว่นั ไหวไหม ? เมอ่ื เสือ
มาแล้วตอนเชา้ กพ็ ากนั มาเลา่ ให้ฟังวา่ “เสอื มาหาผม” “เสอื มาหาดฉิ ัน” “เสอื มาหาหน”ู เกอื บตาย
แน่ะครับ แนะ่ คะ่ ใจสนั่ รกิ ๆ เกอื บจะช็อก เสอื มาทดสอบทรมานเอา พทุ โธก็หลง ธัมโมกห็ ลง สังโฆ
ก็หลง ขนพองสยองเกลา้ ไม่รู้วา่ ภาวนากันอยา่ งไร มแี ตก่ ลวั ตายสยดสยอง ไมร่ ู้จะไปที่ไหน เพราะ
เสอื มา โยมผชู้ ายที่เขาติดตามถอื บรขิ ารไป ช่อื โยมคำ� เหวิน คนบ้านสะแนน ทีแรกเสอื ไปหาเขากอ่ น
เขาเป็นคนบา้ นปา่ เขารจู้ กั สตั ว์ป่าดี เพราะเขาอยใู่ นปา่ เขาช�ำนาญ เขาว่าเสอื ใหญม่ าหายใจฮดื ฮาดๆ
301
เหมอื นแมว เขามาเล่าให้ฟังตอนเชา้ ว่า เขานอนตัวแขง็ นอนน่งิ ไม่รู้จะไปไหน เอาผ้าคลมุ หัวโปง
หมด แล้วพวกคณะธุดงคก์ รุงเทพฯ เสอื กไ็ ปเยี่ยม อยา่ งคณุ แนนท่มี าจากแคนาดานน้ั เสือก็ไปเย่ยี ม
ตวั แข็งหมด ตบั หมด หวั ใจหดกนั หมด หลงภาวนาพุทโธ ธัมโม สังโฆ จะร้องใหใ้ ครช่วยก็ไม่ได้
นับว่าคณะที่เดินธุดงค์ปี ๒๕๒๓ นี้ ได้ประสบเหตุการณ์หลายอย่างหลายประการชุบชีวิต
ของเรา มแี ตก่ ารเดินท้งั หมด เดินชมทิวทศั นธ์ รรมชาตสิ วยงามมากทีเดยี ว ถา้ ไม่ประสบการณ์ผจญภัย
อยา่ งน้ีมันก็ไม่สนกุ ดี ประสบเหตุการณอ์ ยา่ งนีม้ ันสนุกดีมาก แลว้ กไ็ ดก้ �ำลังใจ อกี สถานท่กี ็เหมาะดมี าก
ที่สดุ ถ�้ำบูชา หลังถำ�้ แก้ว ล้วนแต่เปน็ สถานทีเ่ หมาะสมมากทส่ี ุด ออกจากหลังถ�้ำแกว้ ตอนเช้าก็พากัน
ลงจากภูวัวม่งุ หนา้ ส่ภู สู งิ ห์นอ้ ย เดนิ ผ่านป่า เขา ตาดนกเขยี น พากนั พักอยู่ ๑ คนื นบั วา่ ดมี ากทีเดยี ว
เพราะทีภ่ สู ิงห์นอ้ ยนมี้ สี ำ� นกั สงฆ์มีพระอยปู่ ระจ�ำไม่ขาด มีท้ังพระและชี ภสู งิ ห์นอ้ ยนี้ขา้ พเจา้ เปน็ ผมู้ า
รเิ ร่ิมสรา้ ง ตง้ั ขน้ึ ต้งั แตเ่ ร่ิมแรกมพี ระอยูป่ ระจำ� สืบๆ กันมา ไม่ขาดพรรษา มาพกั ภสู ิงห์ ๑ คืนแลว้ ก็
เดินทางกลับภูทอก (วัดเจติยาคิรวี หิ าร ภูทอก) เพื่อมารบั ผ้าปา่ ทมี่ าจากกรงุ เทพพระมหานคร
ออกธุดงค์ปี ๒๕๒๓ วันที่ ๓ กุมภาพันธ์ลงจากภูวัว วันที่ ๘ มาพักท่ีภูสิงห์ ลงจากภูสิงห์
วันท่ี ๙ กลับมาพักท่ีภูทอกก็เพราะคณะผ้าป่าจากกรุงเทพฯ ซ่ึงมีท่านผู้การ น.อ.ณรงค์ ดิถีเพ็ง
บางเขน กรงุ เทพฯ พร้อมด้วยหมู่คณะจะนำ� ผ้าป่ามาทอดในวันท่ี ๙ กุมภาพันธ์ และมีคณะพวก
“คนพ้นโลก” มาประสบพบกัน เลยมากนิ มานอนร่วมกนั มาดว้ ยรถบัส ๖ คัน ได้เลา่ เรื่องเดนิ ธดุ งค์
คราวน้ีให้คณะกรุงเทพฯ ฟัง รู้สึกสนุกสนานกันมาก คนได้ยินได้ฟังก็พลอยต่ืนเต้นด้วย อยากไป
เดินธดุ งคด์ ว้ ย อยากประสบเหตุการณ์ตา่ งๆ บา้ ง การเดินธดุ งคท์ ุกคร้ังย่อมมปี ระสบเหตุการณ์ต่างๆ
ไม่เหมือนกัน ดังนน้ั พึงพากันถือเป็นเพยี งอนุสรณ์ควรให้รำ� ลึกในชีวติ ของตน
การเดินธุดงค์ เป็นการปฏิบัติบูชาคุณพระสัมมาสัมพุทธเจ้า พระพุทธเจ้าท่านตรัสว่า
การปฏบิ ัตบิ ชู าเปน็ สิง่ ทคี่ วรบชู าอยา่ งยง่ิ ไม่มีส่งิ อน่ื ใดเสมอเหมอื นย่ิงกว่า อามิสบูชา คือ การบูชา
ด้วยวตั ถภุ ายนอก ยิง่ เรามศี รัทธา ความเชื่อ ความเล่ือมใสปสาทะอยากปฏบิ ตั บิ ชู า มีการธดุ งค์
มันกด็ มี ากทเี ดียว
ในการเดนิ ธุดงค์ปี ๒๕๒๓ นไี้ ด้ใหน้ งุ่ ขาวสมาทานศีล ๘ ท้งั หมดใหเ้ ปน็ ผู้บรสิ ุทธหิ์ มดจดถือเพศ
เปน็ นักบวช เป็นชีพราหมณ์ การถอื เพศเป็นนกั บวชเปน็ เพศที่มเี กียรตมิ ากในทางพระพุทธศาสนา
และเป็นการป้องกันอนั ตราย เพราะเพศนักบวช คอื เพศชีพราหมณ์นีเ้ ปน็ เพศบริสทุ ธิ์ เป็นเพศทสี่ ูง
เปน็ เพศทพี่ ้นจากภยั และความเบยี ดเบยี น ทา่ นจึงให้น่งุ ขาวห่มขาวถอื สมาทานศีล ๘ เมื่อพวกเรา
พากนั มจี ติ ศรัทธาเดนิ ธุดงคอ์ ย่างนี้ เรียกวา่ เป็นการปฏบิ ตั ิบูชาท้ังพระผ้มู ีพระภาคเจา้ พระธรรม
พระสงฆ์ มีอานิสงส์ มีบญุ มาก หาสง่ิ อนื่ ที่จะเปรยี บไมไ่ ด้ มหิ น�ำซ�้ำพวกเราก็ยงั พากนั ขะมกั เขม้น
รบี เรง่ บำ� เพญ็ ภาวนาให้เกดิ มี บางคนมีจติ สงบจนถึงรวมลง ถอนขึ้นมากเ็ หน็ กายของตน เห็นส่ิงนน้ั
ส่ิงนเ้ี พม่ิ ปตี ิยินดี นีเ่ ปน็ อานสิ งส์
302
เพราะธุดงคข์ องการปฏบิ ตั กิ ็เหน็ ผลอย่างน้ี ไม่เสยี เวลา ไมเ่ สยี แรงทเ่ี ดนิ ธุดงคไ์ ป เปน็ การคมุ้ คา่
ไม่ขาดทุน ไม่สูญก�ำไร เพราะธุดงค์เป็นสัลเลขปฏิปทาเคร่ืองขัดเกลากิเลสให้เบาบาง เป็นก�ำไรของ
พระวินัย พวกเราท่ีได้พากันธุดงค์ นับว่าเป็นผู้มีบุญวาสนามากทีเดียว พึงพากันยินดีต่อข้อปฏิบัติ
ของตนที่เคยดำ� เนนิ มา บางคนบน่ ว่าต้ังแตเ่ กดิ มาไมเ่ คยนุ่งขาว มนั เป็นอย่างนี้ สิ่งที่ไม่เคยประสบก็ได้
ประสบมาอย่างนี้แล เดินธุดงค์คร้ังน้ีต่างคนต่างมีปีติยิ่งนัก มีศรัทธาแก่กล้าย่ิงนัก แล้วก็อยากเดิน
ธดุ งคอ์ ีกตอ่ ๆ ไป...”
303
ภาค ๑๐ กิจวัตรประจ�ำวันและความเป็นอยู่
กิจวัตรประจ�ำวัน
ทา่ นพระอาจารยจ์ วน กุลเชฏฺโ ทา่ นเครง่ ครดั ในพระธรรมวินยั และถอื ธุดงควตั ร ทง้ั รกั ษา
ขอ้ วตั รปฏิบตั ิ ตามปฏปิ ทาพระธดุ งคกรรมฐานสายท่านพระอาจารย์มัน่ ภูริทตฺโต ได้อยา่ งสมบรู ณ์
งดงาม กิจวัตรประจ�ำวันของท่าน ท่านพระอาจารย์พวน ชุตินฺธโร และ ท่านพระอาจารย์ถาวร
อนุตตฺ โร พระผู้ทเ่ี คยปฏิบัติอปุ ฏั ฐากทา่ นระหวา่ งปี พ.ศ. ๒๕๒๐ ถึงวันมรณภาพ ไดเ้ มตตาเลา่ ไว้ดงั นี้
“หลวงปจู่ วน จะตนื่ นอนประมาณ ๓ นาฬกิ าของทกุ เชา้ โดยท่านจะไหว้พระสวดมนต์อยเู่ พยี ง
องค์เดียว เมื่อไหว้พระสวดมนต์เสรจ็ ทา่ นจะออกมานั่งทีน่ งั่ ของท่าน พระผ้ปู ฏิบัติจะน�ำน�้ำรอ้ นที่ผสม
เตรียมไว้ถวายให้ท่านล้างหน้า พร้อมแปรงสีฟัน ผ้าเช็ดหน้า ระหว่างท่ีท่านล้างหน้า พระผู้ปฏิบัติ
จะเข้าไปท�ำความสะอาดห้อง จัดเก็บที่นอนและมุ้งจัดให้เป็นระเบียบ ซึ่งในกุฏิท่านก็แทบจะไม่มี
อะไรอยแู่ ลว้ จึงไม่เสียเวลาในการจดั เก็บแตป่ ระการใด จากนั้นท่านครองผ้า เตรียมลงจากเขาชัน้ ที่ ๕
บางวัน มญี าตโิ ยมมาทอดกฐนิ ถวายผ้าป่า ทา่ นกอ็ าจจะมาอย่ทู ี่ศาลาวิหารชนั้ ท่ี ๕ ระยะหนง่ึ
ให้โอกาสญาติโยมไดเ้ รียนถามข้อปฏบิ ตั จิ ากท่านได้ ก่อนจะลงจากเขา
เมอื่ ลงจากเขา พระอปุ ัฏฐากก็สะพายบาตรของหลวงปู่จวนลูกหนึ่ง และของตนเองอกี ลูกหน่งึ
ลงจากเขามาถึงศาลาฉันช้นั ลา่ ง ได้เวลาออกบณิ ฑบาต พระผ้ปู ฏิบตั จิ ะน�ำผ้าจีวรมาให้ท่านคลุมแลว้
ถวายบาตรใหท้ า่ น ทา่ นจะสอนพระเณรคลุมผ้าให้เรียบร้อยตามพระวนิ ยั ไดบ้ ัญญตั ไิ ว้ ตอนบิณฑบาตก็
สง่ บาตรให้ท่าน แล้วทา่ นจะน�ำพระออกเดินบิณฑบาตเขา้ ไปในบริเวณหมบู่ ้าน ซงึ่ มี ๒ สาย ท่หี มบู่ า้ น
นาค�ำแคน และทีห่ มบู่ ้านผาสวรรค์ ทา่ นบณิ ฑบาตชว่ งส้นั ๆ ที่บา้ นนาค�ำแคน ทา่ นไปได้พอประมาณ
ก็กลับ พอเป็นกิจวัตรของท่าน จากท่ีหน้าวัดไปท่ีกลางหมู่บ้านก็ไม่ไกล ไม่ถึงกิโลฯ พระท่ีเหลือก็
บิณฑบาตจนสุดสาย
ระหว่างเดินบิณฑบาต ท่านให้ส�ำรวมจิตใจ มิให้คิดไปต่างๆ นานาท่ีจะท�ำลายพรหมจรรย์
ถ้าพระเณรองคใ์ ดเผลอคดิ สงิ่ ที่ไม่ดีงาม เมอ่ื กลับจากบณิ ฑบาต ทา่ นก็เล่าเรือ่ งอะไรท่ตี รงกับความคดิ
นนั้ ให้ฟัง เพ่อื เตือนไม่ให้คิดอีก
เม่ือท่านกลับจากบิณฑบาต พระผู้ปฏิบัติจะคอยล้างเท้า เช็ดเท้าให้ท่านก่อนขึ้นศาลา พอ
ท่านมาน่ังท่ีนั่งของท่านแล้ว ก็ต้องคอยประเคนอาหารท่ีแม่ชีและชาวบ้านเอามาถวายอยู่เป็นประจ�ำ
พระผปู้ ฏิบัตจิ ะต้องรู้จกั เลอื กอาหารที่ถกู ธาตุขนั ธก์ บั ท่านคอยถวายให้ เพราะมอี าหารบางอย่างทที่ า่ น
ฉนั แลว้ จะเกดิ อาพาธขนึ้ อาหารเชน่ น้ี พระผปู้ ฏบิ ตั จิ ะตอ้ งจำ� ไดแ้ ละคอยนำ� ไปใหพ้ ระองคอ์ นื่ ๆ จนหมด
พอท่านฉันเสร็จ ท่านจะปราศรัยกับญาติโยมอยู่พักหนึ่ง แล้วก็จะกลับขึ้นเขาไปท�ำกิจวัตรของท่าน
เมื่อทา่ นข้นึ เขาแล้วจะไม่ลงมา หากมีศรัทธาญาตโิ ยมเดนิ ทางมากราบท่าน จะต้องขึ้นเขาชัน้ ๕ เทา่ นนั้
304
ส�ำหรบั คนสงู อายุ ทา่ นจะเมตตาลงมาต้อนรบั สว่ นพระผู้ปฏบิ ัตนิ �ำบาตรไปลา้ ง เกบ็ ยงั ทท่ี า่ นเคยเก็บ
เปน็ ประจ�ำ และคอยจนกว่าจะถึงเวลาถวายนำ้� ให้ทา่ นฉนั ในตอนเท่ียง เปน็ อันเสร็จ ไปท�ำกิจสว่ นตัวได้
เวลาบ่าย ฉนั นำ้� รอ้ นแลว้ ถา้ ไม่มีแขก ท่านมักจะเดนิ จงกรมทีร่ ะเบยี งกฏุ ิ และกวาดหนา้ ระเบียง
ภูทอกแต่ก่อนกันดารมากๆ น�้ำปานะมันไม่มี ท่านมีแต่ฉันน้�ำยาเสือโคร่งเป็นหลัก กาแฟก็ไม่มี มีแต่
ตม้ นำ�้ ยาเสือโคร่ง พวกปรมัตถก์ ็ไมม่ ี โอ้โห ! มนั ไม่มีอะไรจรงิ ๆ เลย ขา้ ว ปลา อาหาร ไม่เหมือน
อย่างทกุ วันน้ี ทกุ วันน้มี ันสมบูรณ์ ที่อยอู่ าศยั มนั สมบูรณ์ทกุ อย่าง น้�ำ ไฟ กฏุ ิ ศาลา สดุ ยอดละ่ ไฟฟา้
โหย ! มแี ค่ไฟปน่ั ใชเ้ ครอ่ื งปนั่ เอา ในยามมโี ยมจะมาพกั คา้ งคืนจึงค่อยปัน่ ไฟ
การสรงน้ำ� ท่านสรงทกุ วัน หน้าร้อนกป็ ระมาณ ๕ โมงเย็น พระผู้ปฏบิ ัตเิ ตรยี มเรื่องน�้ำสรง
ของท่าน ดูแลเปิดน�้ำก๊อกให้เต็มทุกตุ่ม เตรียมเร่ืองส่ิงของท่ีท่านจะท�ำวัตรเย็น แล้วลงมาสรงน�้ำ
ข้างลา่ ง พระผู้ปฏิบัติต้องกลับข้ึนเขาไปให้ทันก่อนเวลา ๑ ทุ่มอันเป็นเวลาเริ่มท�ำวัตรเย็น ส�ำหรับ
หน้าหนาว ถ้ามันหนาวแรงก็บ่ายโมงหรือบ่ายสองโมง สรงก็น้�ำอุ่น ต้มใบหนาด ใบเป้า ต้มน�้ำอุ่น
ตอนสรงน�้ำท่านเปิดโอกาสแล้วแต่ว่าใครจะมา ท่านไม่ได้ปิดกั้นอะไร สรงก็สรงปรกตินะ ไม่มีอะไร
การขดั ถตู ัวก็ปรกตธิ รรมดา
เวลา ๖ โมงเยน็ ท่านพระอาจารยจ์ วนจะทำ� วตั รสวดมนตเ์ ยน็ เองกอ่ น สว่ นพระ เณร แมช่ ี
จะขน้ึ เขาช้นั ๕ ชาวบา้ นไม่คอ่ ยมีนะ เวลา ๑ ทมุ่ ตรงของทกุ วนั จะท�ำวตั ร สวดมนตเ์ ยน็ พรอ้ มกัน
จากน้ันท่านจะเมตตาเทศน์อบรมให้โอวาททุกวัน จวบจนวันสุดท้ายก่อนมรณภาพด้วยเครื่องบินตก
ส่วนสถานทภี่ าวนาเวลาค่ำ� คนื สว่ นมากก็ตรงกฏุ ทิ ีท่ า่ นพกั ชน้ั ๕
ทา่ นพระอาจารย์จวน ทา่ นเป็นพระทม่ี รี ะเบียบ เครง่ พระวินยั และข้อวัตรปฏบิ ัติ ในการสอน
โดยเฉพาะการสอน ท่านจะเอาจรงิ เอาจงั สมัยกอ่ นพระเณรทอี่ ยดู่ ว้ ยก็ฟงั แบบตงั้ ใจและก็ปฏิบัตจิ ริงๆ
ทา่ นเทศน์ทุกวัน ปรกตทิ า่ นกจ็ ะถามหลังจากเทศน์ พอทา่ นเทศน์จบ ทา่ นกจ็ ะถามทนั ที “เข้าใจไหม
เข้าใจตรงไหนทท่ี า่ นเทศนม์ า” ท่านใหต้ อบ ทา่ นจะถามทลี ะองค์ ตงั้ แต่องค์ที่ ๑ ที่ ๒ ท่ี ๓ ลงมา
ว่าองค์ไหนจ�ำข้อธรรมข้อไหนได้บ้าง ถ้ามีองค์ใดองค์หนึ่งตอบไม่ได้ว่าจ�ำข้อน้ีๆ ไม่ได้ ท่านยิ่ง
เทศน์ยาว บางทเี ทยี่ งคนื ทา่ นจะเอาจรงิ ตอ้ งจำ� ใหด้ วี า่ ทที่ า่ นเทศน์ ตอ้ งจำ� ขอ้ ใดขอ้ หนง่ึ ใหไ้ ดอ้ ยา่ งนอ้ ย
ต้องท่อนหนึง่
การปรนนบิ ัตบิ ีบนวดเส้นถวายหลวงปู่จวน ในช่วงกลางคืนหลังจากเทศน์อบรมจนถงึ เทีย่ งคืน
กว่าจะได้กลับ วันไหนท่านสั่งจึงได้นวด วันไหนมีอาการไม่ปกติจึงได้นวด แล้วแต่ท่านจะส่ัง นวด
ประมาณสปั ดาหล์ ะครัง้ ครงั้ ละประมาณ ๒ – ๓ ชว่ั โมง นวดกห็ ลายองคอ์ ยู่ ๒ – ๓ องค์ สกึ หมดแลว้
เวลานวดเปน็ เวลาที่ท่านอารมณด์ ี และมีโอกาสทีจ่ ะฟงั เรอ่ื งราวท่นี า่ รู้มาก ตอนเวลาท่านสรงนำ�้ หน่ึง
ตอนนวดเส้นถวายอีกเวลาหน่ึง ระหว่างนวดส่วนมากไม่มีอะไรล่ะ ต่างองค์ต่างนวด ใกล้เวลาก็ดัด
ให้ทา่ น ท่านไมร่ ้อง เงียบอยา่ งเดยี ว ตอนนวดก็เงยี บนอนเฉยเลย นอนนง่ิ เลยนะ ไม่แสดงอาการเจ็บ
305
การนวดถวายท่านน้ันมอี านสิ งส์อยู่ จึงมีผูแ้ ยง่ กนั ท�ำหนา้ ท่เี พ่ือจะสนองคุณทา่ น และอีกประการหนงึ่
ศิษยท์ กุ องคร์ สู้ กึ ว่าจะได้มีส่วน “ได้บุญ” ดว้ ย
วันโกน ถา้ ปลงผม เวลาปลงผม พระอาจารยแ์ ยงเจ้าอาวาสภูทอกเป็นองค์ปลง เกศาของทา่ น
อาตมาไม่ไดเ้ กบ็ ถึงได้มากเ็ อาคนื หมด บรรจเุ ขา้ เจดยี ์
เวลาส�ำคัญ เชน่ วนั พระใหญ่ วนั มาฆบชู า วนั วิสาขบชู า วนั อาสาฬหบชู า ซง่ึ มญี าติโยมมาท�ำ
ศาสนกจิ รว่ มด้วย หรือวันทมี่ คี ณะศิษย์จากต่างจงั หวดั มา ทา่ นก็เทศน์ตามปกติตอนกลางคืน ตอนเช้า
ไมค่ อ่ ยมเี ทศน์ การสวดปาฏิโมกข์ แตก่ อ่ นทา่ นลงใกลจ้ ะสว่างประมาณตี ๔ หรอื ตี ๔ ครงึ่ ท่ชี ้นั ๕
สวดปาฏโิ มกขเ์ สร็จกส็ วา่ งพอดี พอดกี ็เลิก ต่างองค์กต็ า่ งแยกย้ายกนั ลงมาข้างล่าง ออกบิณฑบาต
ต่อไป ตอนกลางคนื ประมาณ ๑ ทุม่ ท่านกจ็ ะน�ำทำ� วตั รสวดมนตพ์ รอ้ มกัน ทำ� วัตรเยน็ เสร็จแลว้ ท่าน
จะให้โอวาทเป็นประจ�ำก่อนแยกย้ายกลับกฏุ ิ
บางเวลาทา่ นให้โอวาท จะมถี อ้ ยคำ� หนกั รนุ แรงมาก และเสยี งดงั กว่าปกติ แต่ก็เป็นท่ีทราบกนั
ว่า “ขณะนัน้ ไดม้ ผี ู้คดิ สง่ิ ทไ่ี ม่ถูกต้องแล้ว” พระทกุ องคท์ ราบวา่ “เวลาปกตทิ ่านจะไมค่ อ่ ยสอนเท่าใด”
แตเ่ มอ่ื มีการติดขดั สงสัยในการภาวนายังไมท่ ันถาม ทา่ นจะเทศนต์ รงกบั ทสี่ งสัยไปทเี ดยี ว หรอื บางที
ท่านไม่เทศน์สั่งสอนเลย แต่เมื่อติดขัด คิดจะถามท่านก็มีค�ำตอบแนะน�ำทะลุปรุโปร่งไปแล้ว และ
ภายหลังทา่ นจะถามเปน็ เชิงวา่ “เร่อื งน้ัน... แกไ้ ด้แล้วใชไ่ หม ?”
พระเณรไม่มีความสงสัยในองค์ท่าน จะพยายามปฏิบัติ ระมัดระวังตนตามที่ท่านส่ังสอน
ทุกประการ และจะยดึ ถือเปน็ หลกั ปฏิบัตสิ บื ตอ่ ไป
ทา่ นพระอาจารยส์ อน ชวี สุทโฺ ธ ได้เมตตาเล่าประโยชน์ในการอปุ ัฏฐากครบู าอาจารยไ์ วด้ ังน้ี
“เรื่องการอุปัฏฐากครูบาอาจารย์ มันเป็นอาจริยวัตรท่ีพระเณรบวชใหม่จะต้องฝึกฝนอบรม
บางคนยงั ไปเพ่งเลง็ พระ เพราะวา่ ท่านสอนวธิ ใี หพ้ ระเณรรจู้ กั รบั บาตร รับจีวร สรงน้�ำ นวดเสน้ ถวาย
อะไรทำ� นองน้ี ดแู ล้วมันเย็นใจ แตถ่ ้าครูบาอาจารย์ไมใ่ ห้ท�ำเลย มนั ก็ไมร่ ู้อะไร มันก็มีข้อเสียนะ คอื
พระเณรร่นุ ตอ่ ไปเขาท�ำไมเ่ ป็น เขาไมร่ ู้จกั ระเบยี บท�ำกับครูบาอาจารย์ มันจะท้ิงตรงนี้ไป ไม่ดนี ะ”
ปฏิปทาการแจกอาหารของท่านพระอาจารย์จวน
สมยั ที่ท่านพระอาจารย์จวน กลุ เชฏฺโ ยงั มีชวี ติ อยนู่ น้ั หมู่บ้านรอบภทู อกยงั ไม่เจริญ ดังน้ัน
อาหารการขบการฉันยังไม่อุดมสมบูรณ์อย่างทุกวันน้ี กับข้าวกับปลาก็ไม่ค่อยมี และขณะนั้นท่าน
ก�ำลังพฒั นาภูทอกและพนื้ ที่โดยรอบ พระเณรต้องท�ำงานกนั อย่างหนัก แตฉ่ นั เพยี งม้อื เดยี ว จงึ ต้อง
ฉนั อาหารให้เพียงพอกับความต้องการของร่างกาย ซึง่ ในบางคร้งั อาหารในวันน้นั ไมเ่ พียงพอ ทา่ นพระ
อาจารยจ์ วนจึงส่ังใหแ้ จกอาหารจากท้ายมาหน้า
306
เร่ืองปฏิปทาการแจกอาหารจากท้ายมาหน้าของท่านพระอาจารย์จวน ย่อมแสดงออกถึง
ความเป็นธรรมและความเปน็ ผ้นู �ำของท่านท่เี สยี สละ หว่ งใยปากทอ้ งของพระเณรอยา่ งทั่วถงึ จงึ เป็น
อีกเร่ืองหนึ่งท่ีเป็นคติอันงดงามในวงกรรมฐานสายท่านพระอาจารย์มั่น ดังเช่นกรณีองค์หลวงตา
พระมหาบัว ท่านเคยมาพักค้างและฉันจังหันเช้าที่ภูทอก ซ่ึงเช้าวันน้ันมีพระเณรมาร่วมฉันท่ีศาลา
ภูทอกกนั จำ� นวนมาก ร่วม ๖๐ องค์ ท่านก็สง่ั ใหญ้ าติโยมแบ่งอาหารไปแจกจากท้ายมาหน้าเหมือนกัน
ซ่ึงตามปกติ เม่ือศรัทธาญาติโยมน�ำอาหารมาถวายก็จะประเคนองค์หัวหน้าเป็นองค์แรกไปยังเณร
องค์สดุ ทา้ ย องคห์ ลวงตาทา่ นนงั่ เป็นประธานองค์แรก ท่านเปน็ หว่ งเณรทน่ี งั่ อยู่ทา้ ยๆ แถว เกรงวา่
อาหารจะไปไม่ถึง ท่านจึงลุกขึ้นยืนพร้อมกับสั่งให้ศรัทธาญาติโยมจัดอาหารไปประเคนเณรองค์ที่น่ัง
ท้ายสดุ ท่านวา่ “เณรก็มีปากทอ้ งเหมือนกัน”
พระศิษยข์ องท่านพระอาจารยจ์ วนไดเ้ มตตาเล่าเร่อื งนไี้ ว้ดังนี้
“โอ้ย ! แตก่ ่อนภูทอก กบั ขา้ วนี่นะตามมีตามเกิด ส่วนมากจะเป็นแกงหนอ่ ไม้ ไอแ้ กงปา่ ก็ใส่
หมกู ว็ ิญญาณหมลู ่ะ ถา้ จะเป็นพวกเนือ้ พวกทอดไขน่ ่ี อย่าฝันเลย นานๆ จงึ จะไดเ้ จอครั้งหน่งึ หลวงปู่
จวนท่านจะแจกอาหารย้อนจากท้ายมาหน้า”
คณุ ประเสริฐ อยูส่ ุข ลกู ศิษย์ผ้ใู กล้ชดิ ทา่ นพระอาจารย์จวน ไดเ้ ล่าเร่อื งน้ไี ว้ดงั นี้
“หลวงปจู่ วนท่านจะพจิ ารณาในแตล่ ะวนั วา่ อาหารเพียงพอหรือไม่ ถา้ ไมเ่ พยี งพอ ด้วยความ
เป็นห่วงพระเณรที่อยทู่ า้ ยๆ แถว เกรงวา่ จะไมไ่ ดร้ ับอาหาร หรอื ได้ไมเ่ พยี งพอ ทา่ นจึงส่ังแจกอาหาร
จากท้ายสดุ มาหน้าสุด โดยเณรองค์ท่นี ่งั อย่ทู า้ ยสดุ จะตกั อาหารก่อน และหลวงป่จู วนท่านจะตักเปน็
องคส์ ดุ ทา้ ย ซงึ่ สมัยนน้ั จะเกิดขึน้ บอ่ ยๆ หากวนั ไหนทีท่ ่านพิจารณาแลว้ อาหารเพยี งพอ ท่านกแ็ จกตาม
ปกติคือ จากองคแ์ รกคือท่าน ไปยงั เณรองคส์ ุดทา้ ย ซ่ึงในสมยั นน้ั ภูทอกมีพระเณรสบิ กว่าองค์ เฉพาะ
เณรก็ ๕ – ๖ องค”์
ท่านตรวจความเรียบร้อยหลังฉันเสร็จ
ทา่ นพระอาจารย์ถาวร อนตุ ตฺ โร ได้เมตตาเล่าเรอ่ื งนไ้ี วด้ งั นี้
“หลวงปู่จวนท่านดุเณร ท่านไม่ตีเณรหรอก แต่ท่านจะสอนเรื่องการปฏิบัติ เณรก็เคยโดน
ท่านเอากาน้�ำเขกหัว เวลาทา่ นฉนั เสรจ็ นี่ ท่านจะเดนิ รอบศาลา ศาลาเกา่ นะมันเปน็ ไม้ เดนิ ตรวจความ
เรียบร้อยว่าเก็บของเรยี บร้อยไหม ? กวาดเกบ็ ถูศาลานี่ แตก่ ่อนน่เี วลาจะจดั ทีน่ ี่ เขาจะต้องถูศาลานะ
ตอนเช้านี่ ท่านใหถ้ ศู าลาแลว้ ก็เขา้ มาเก็บ ระเบียบมากเลย พอฉันเสร็จแล้ว ก็ตอ้ งลา้ งบงลา้ งบาตรเสร็จ
กต็ อ้ งมาช่วยกนั ถศู าลา เกบ็ แล้วกแ็ ล้ว ถึงจะแยกย้ายกนั ตอนข้นึ เขาตา่ งกันไป ตา่ งอยู่ของใครของมัน
แต่ก่อน ฉนั ก็ประมาณ ๗ โมงครึ่ง ๘ โมง ลงเขาประมาณตี ๕ แลว้ เข้าหมบู่ ้านบิณฑบาต กลบั มา
๗ โมงคร่ึง แล้วก็ฉันเสรจ็ แต่ก่อนหมู่บา้ นไมไ่ ด้ใหญ่ละ่ นะ โดยมากมันเลก็ นิดเดยี ว เดินใกล้ๆ แลว้ พอ
307
ฉันเสร็จกป็ ระมาณไม่เกนิ ช่วั โมง ท�ำวัตรอะไรเสร็จป๊บุ ๙ โมงกวา่ ๆ ก็เสรจ็ หมดละ่ แล้วกแ็ ยกขนึ้ เขา
นน่ั ล่ะเป็นประจำ� วันเลย ถา้ มงี านกช็ ่วยกนั ท�ำ”
ท่านรับแขกบนศาลาวิหารชั้น ๕ เป็นประจ�ำ
บนศาลาวหิ ารช้นั ๕ ของภทู อก ซ่ึงเป็นสถานท่ปี ระดษิ ฐานพระประธาน ทา่ นพระอาจารย์
จวน กุลเชฏฺโ ท่านใชเ้ ป็นทีป่ ระกอบศาสนกจิ ต่างๆ เช่น ลงอโุ บสถ ไหวพ้ ระสวดมนต์ ทำ� วตั รเย็นของ
ท่านและพระเณร เปน็ ทสี่ วดปาฏิโมกข์ และเป็นท่ีเทศนาธรรม ตอบปญั หาธรรม เมอ่ื ท่านยงั มีชวี ติ อยู่
ท่มี มุ ศาลาด้านขวาพระประธาน ท่านใช้เป็นท่นี ัง่ ฉนั หมาก ฉันน�้ำรอ้ น และกางมุง้ กลดพักภาวนาจ�ำวดั
บรเิ วณนเี้ ปน็ ประจ�ำ นอกจากนที้ า่ นใช้เป็นทีร่ บั รองครบู าอาจารย์ที่เมตตาแวะเวียนมาเยย่ี มเยียนท่าน
และใช้เป็นท่ีต้อนรับพระเณรญาติโยมท่ีมากราบนมัสการท่าน เพราะบริเวณน้ีมีบรรยากาศเงียบสงบ
อากาศก็ถ่ายเทดี มีลมพัดเย็นสบาย หนาวก็ไม่หนาวมาก ร้อนก็ไม่ร้อนนัก ท่านว่า “เป็นวิมาน
ของทา่ น” แมท้ ่านพระอาจารย์สงิ ห์ทองก็เคยเทศนไ์ ว้วา่ “ที่ภูทอก กอ็ าจารยจ์ วนกว็ ่า ในโลกไมม่ ี
ภูทอกแหง่ เดียวเท่าน้ัน อยกู่ ับเขา คนอย่เู ขาก็สบายอากาศเยน็ ”
เมื่อท่านมาพัฒนาบรเิ วณนี้ใหม่ๆ ทา่ นไดส้ กดั ผนังถ้�ำเพ่อื ท�ำเปน็ แท่นท่ปี ระดษิ ฐานพระพุทธรปู
นอ้ ยใหญ่ เฉพาะองคพ์ ระประธาน ท่านไดอ้ ัญเชญิ พระบรมสารรี กิ ธาตุ พระธาตหุ ลวงปเู่ สาร์ กนฺตสโี ล
และ พระธาตุหลวงป่มู ่นั ภรู ทิ ตโฺ ต บรรจุไว้ เมอื่ ทา่ นมรณภาพไปแล้ว คณะศษิ ย์ได้อัญเชิญรูปเหมอื น
ท่านพระอาจารย์จวน กุลเชฏโฺ ท่ี สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชนิ ีนาถ เสดจ็ พระราชด�ำเนินมา
พระราชทาน เม่ือวนั ที่ ๓๐ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๒๖ มาประดษิ ฐานทางดา้ นขวาของพระประธาน เสมือน
ท่านนง่ั เม่ือครั้งยังมชี วี ติ อยู่
การรับแขกของท่านพระอาจารย์จวน ก็เช่นเดียวกับครูบาอาจารย์ท่ีมีธรรมครองใจท้ังหลาย
ทา่ นไมไ่ ด้มุง่ หวังโลกามสิ หรือลาภสกั การะใดๆ ท่านมีแตใ่ ห้ความเมตตาแกศ่ ิษยโ์ ดยเสมอภาค ไมม่ กี าร
แบ่งชาติ ชั้น วรรณะ ยากดมี ีจนฐานะสูงต่�ำ ท่านจะรบั แขกดว้ ยธรรมปฏสิ ันถาร ผ้ไู ปกราบนมัสการ
ท่านจะได้รับค�ำทักทายปราศรัยเท่าเทียมกัน และได้รับการแนะน�ำส่ังสอนทางธรรมะจากท่าน ผู้ที่
ประสบความทุกข์จากการดำ� เนินชีวติ ทา่ นจะเมตตาเอาใจใสช่ ว่ ยเหลอื สงเคราะห์ แกไ้ ขปัญหาบรรเทา
ข้อสงสัยให้ ถ้าประสบความทุกขม์ าก เดือดรอ้ นมาก ท่านก็จะแผ่เมตตาให้มากและถามถึงมาก ถ้า
ประสบความทุกข์นอ้ ย เดอื ดรอ้ นนอ้ ยกจ็ ะลดหล่นั กันลงมา ส�ำหรับผูส้ นใจภาวนาจรงิ ๆ ทา่ นจะเมตตา
แนะน�ำสง่ั สอนเปน็ พเิ ศษ
308
“มาจากไส”
“มาจากไส” จะเป็นค�ำพูดทไี่ ดย้ ินท่านทกั ทายเสมอ
ผู้รับค�ำทักทาย จะรายงานทา่ นด้วยเสียงรวั เรว็ เปน็ เสยี งสงู ๆ ต�่ำๆ เหมอื นส�ำเนยี งดนตรีวา่
มาจาก บ้านแพง บ้าง บา้ นสามผง บา้ ง วารชิ ภมู ิ บา้ ง เสลภูมิ บ้าง บ้านดอนเสยี ด บา้ ง บ้านนาสงิ ห์
บ้าง แลว้ ทา่ นก็น่ังฟังเขาเล่าเรือ่ งปญั หาการทำ� มาหากนิ ลกู หลานของเขา โรงเรยี นในหมบู่ า้ น ความ
แห้งแลง้ ของพชื ผล ไร่ที่ปลกู อะไรลงไปแล้วกแ็ หง้ ตายหมด จนตอ้ งเรียกกันว่า “ทงุ่ ผถี อน” ปลกู ข้าว
ปลูกพชื ผมี ันก็ถอนทิง้ หมด เขาว่ากนั อยา่ งนั้น
ท่านก็จะแนะให้เขารับไตรสรณคมน์ ปฏิญาณตัวเข้าถึงพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์
ท่องพุทโธเข้าไว้ “ท่องพุทโธ ผีกลัวนะ” ท่านจะว่า แล้วก็มีมนต์ส�ำคัญอีกบทหน่ึง คือ “ศีล ๕
ใหพ้ ยายามรักษาศลี ๕ คาถาอนั นเี้ ทวดารัก” ทา่ นบอก ซงึ่ ชาวบ้านท่ีเล่อื มใสท่านก็จะเชือ่
เมือ่ ผีกลวั และเทวดารกั บ้านไหน เมอื งไหน ก็มีแตค่ วามร่มเย็น ฝนฟ้าตกตอ้ งตามฤดกู าล ผกี ็
ละไปจากไป ก็กลายเปน็ บ้านเป็นเรือนขน้ึ มา ทดี่ นิ สงบร่มเย็น มีความอดุ มสมบรู ณ์ ท�ำการกสิกรรมได้
ของใช้ของฉันวางเป็นระเบียบ หากเคลื่อนท่ีท่านจะไม่ใช้เลย
ท่านพระอาจารยถ์ าวร อนุตฺตโร ได้เมตตาเล่าเร่ืองน้ีไวด้ ังนี้
“หลวงปูจ่ วน คือทไี่ ดส้ มั ผัสจริงๆ นะ คอื เวลาครบู าอาจารยน์ ัง่ ทน่ี งั่ ท่านสมยั ก่อนกบั ท่นี ่ัง
ปัจจบุ ัน มันจะตา่ งกัน ทน่ี ั่งสว่ นมากเขาจะมหี มอนนะ จะไม่คอ่ ยมเี กา้ อี้ มีหมอนแลว้ กม็ อี าสนะน่ัง
ของทุกอยา่ ง บรเิ วณทน่ี ั่งของท่านน่ะ เช่น พวกหยูกพวกยา ของใช้ ไมจ้ ิม้ ฟงจม้ิ ฟนั อะไร พวกไม้เจยี
เน่ยี วางเปน็ ระเบียบ ถา้ อยยู่ งั ไงก็ใหอ้ ยู่อยา่ งงนั้ ถา้ อะไรเคล่อื นท่ปี ุ๊บนี่ ท่านจะร้เู ลย ท่านจะไมใ่ ช้เลย
คอื ทา่ นจะไป ออกจากวัดไปวันสองวนั นี่ ถ้ากลับมาอนั ไหนท่มี นั ไมอ่ ยู่ มนั เคล่ือนที่ ท่านจะไมใ่ ช้เลย
หลวงป่จู วนทา่ นเคีย้ วหมาก พวกไมเ้ จยี พวกน�้ำด่มื แตก่ อ่ นมันเป็นกาเดะ๊ (นะ) พวกกา พวกยาฉัน
พวกอะไร”
รับของประเคนแล้วต้องรายงาน
ท่านพระอาจารยถ์ าวร อนุตตฺ โร ไดเ้ มตตาเลา่ เรอ่ื งน้ไี ว้ดังน้ี
“ท่านอาจารย์องค์หน่ึง นี่โดนหนักนะ โดนเพราะอย่างน้ี อาจารย์องค์นี้ท่านอยู่เวลาช่วง
ประมาณบ่าย ๓ หลวงปู่จวนท่านจะเดนิ ส�ำรวจดูวดั นะ ถอื ไมต้ าดมา ชนั้ ท่ี ๕ ก็เดนิ ไป พอดมี ีโยม รู้สกึ
โยมเขาจะมาจากอุดรฯ เขามีน้�ำแข็งนะ ก็เลยไปทุบน�้ำแข็งใส่กระติกไว้ เสร็จแล้วก็ไปต้ังไว้ท่ีน่ังท่าน
อยชู่ ้นั ๕ ทีน้ปี กติถา้ เราเคล่ือนที่ เวลาท่านเข้าท่นี ่งั ต้องรายงาน บอกเลยอย่างนๆ้ี ประเคนแล้วเลยตอ้ ง
309
รายงาน ตอนน้นั คดิ ว่าอาจารย์องค์น้นั คงจะลืม พอสรงนำ�้ เสรจ็ หลวงปจู่ วนท่านก็ไปนั่ง นงั่ ท่านกไ็ มไ่ ด้
ถามว่าประเคนหรือยัง แตท่ า่ นไม่แตะตอ้ ง
พอวันใหมม่ าเทศน์ เทศนใ์ หอ้ าจารยอ์ งคน์ ัน้ เทศนจ์ น... ด่าจน... เรยี กวา่ เจอทั้งหมดล่ะ ไมใ่ ช่
ด่าเฉพาะอาจารย์องค์นั้น แต่ท่านจะเน้นอาจารย์องค์น้ัน อาจารย์ก็อุปัฏฐากเหมือนกันช่วงน้ัน คือ
ลกั ษณะอาจารยอ์ งคน์ ้ันทา่ นไมค่ อ่ ยพูด แตห่ ลวงปู่จวนนีเ่ วลาตอ้ งรายงาน ต้องรายงาน ท่านเทศน์
หนักเลยวนั นัน้ “ถา้ เราอยู่ ถ้าเปน็ สมยั หลวงป่มู ั่นนะ ทา่ นไล่หน”ี เทศนว์ นั นั้น ๒ – ๓ ชัว่ โมง ทา่ น
เทศน์เรื่องรับของแล้วไม่รายงานท่านอย่างน้ีอย่างเดียวเลย เทศน์หนัก เทศน์หลายอย่าง แต่ก็เอา
ยกตัวอยา่ งคร่าวๆ ประเด็นหลักท่ีจะไล่ คือ ทา่ นบอกครูบาอาจารย์สอนแลว้ สมัยก่อนเรอื่ งพระวินัย
ทา่ นถือเปน็ เรอ่ื งใหญ่มาก”
การตากผ้าห้ามเลยเที่ยง
ทา่ นพระอาจารย์ถาวร อนุตตฺ โร ได้เมตตาเลา่ เร่ืองน้ไี วด้ ังนี้
“และอีกอย่างเร่อื งเวลาฉนั ขา้ วเสรจ็ นีน่ ะ พวกบรขิ ารท้งั หมดหรือว่าพวกบาตร พวกผา้ ทง้ั หมด
เวลาผง่ึ แลว้ กลับกฏุ แิ ล้ว ท่านบอกไม่ให้เกินเทย่ี ง จวี รท่ไี ปผึ่งไว้ตามกฏุ ิ “ถา้ เลยเทย่ี งแลว้ ไมไ่ ดน้ ะ”
ท่านบอกตอ้ งไมใ่ ห้เลยเท่ยี ง เสร็จแล้วต้องเกบ็ ใหเ้ รยี บร้อย บางองค์ก็ลืมนะ ขึ้นไปกน็ อน พอเย็นๆ มา
ท่านก็จะมองเห็น เพราะท่านอยู่ข้างบนเห็นยังตากอยู่ยังไม่เก็บ ท่านเทศน์ใหญ่เลย โดน โดนเยอะ
มันเป็นรายละเอียดของกิจวัตรต้องละเอียด ท่านบอกว่า “ถ้าภายนอกมันไม่ละเอียด ภายในมันก็
ไม่ละเอียด”
อยา่ งสมยั กอ่ นการบวชน่ไี มใ่ ชเ่ หมอื นปจั จุบันนี่นะ การบวชทา่ นตอ้ งฝึกกอ่ น ไปถอื ศีล ๘ ก่อน
แล้วเขากโ็ กนหัวแลว้ นงุ่ ผ้าขาว เขาเรยี กวา่ นาค เขา้ นาคกอ่ น ทีนี้ทา่ นจะไปฝึกเรอื่ งขอ้ วัตรปฏบิ ตั ิก่อน
เบื้องต้นนะ กวาดตาด กวาดลานวัด ทำ� ข้อวตั ร ถศู าลา เกบ็ กวาดท่ีหลับที่นอนให้ตัวเอง ใหส้ ะอาด
ไม่ใหร้ กรงุ รัง คือใหม้ นั ต่างนสิ ยั กับโยม เมื่อเขา้ มาบวชแล้วละเอียด ใหต้ า่ งกนั พอเสรจ็ อยา่ งผ้าน่ีกต็ ้อง
เก็บให้เรยี บรอ้ ย ถ้ามีใครท�ำผดิ จะโดนกันหมดนะ”
ข้อวัตรการปัดกวาด – ตักน้�ำ
ท่านพระอาจารย์ถาวร อนุตตฺ โร ไดเ้ มตตาเล่าเรอ่ื งนี้ไว้ดงั นี้
“สมยั ก่อนเวลาสรงน�้ำต้องลงมารวมกนั ข้างลา่ ง หว้ ยที่อย่ขู ้างบนน่นั ตรงหอ้ งหลวงตาแยงอยู่
ไมไ่ ด้สรงน้�ำบอ่ อะไรน่ีแตก่ ่อน สรงน�้ำในหว้ ยนี้แหละ บ่ายสามกจ็ ะลงจากเขา กวาดตาดลงมาตัง้ แต่
กฏุ ทิ ีอ่ ย่เู ลย ก็มารวมกนั ทางที่ลงเขา เสรจ็ แล้วก็มารวมกนั ทศ่ี าลา หลวงปจู่ วนทา่ นไม่ได้กวาด แตพ่ ระ
ที่อยกู่ ับทา่ นตอ้ งเดินลงมากวาดตาดทกุ องค์ สมยั กอ่ นใครจะกล้าเขา้ มาตรงเจดยี ์นั่นนะ เยน็ ๆ ใครจะ
310
กล้ามาเดนิ มนั เปลี่ยว มันทบึ สมยั กอ่ นก็ยงั มี ผกค. อยู่ พอมืดตึบ๊ ไฟฟา้ มันกไ็ มม่ ี เลกิ งานกช็ ่วยกนั
กวาดตาด ท�ำกิจวตั รถศู าลงศาลา น�้ำกใ็ ชป้ ๊ีบแบบนำ้� มนั ก๊าดทรงสเี่ หลยี่ มหามมาใส่ท่ีลา้ งบาตร ทห่ี ้องนำ้�
อะไรนี่ หามจากห้วยท่ีอาบ บนภทู อกก็ใช้น้�ำฝนขา้ งบน พระแต่กอ่ นไม่ได้ใชห้ อ้ งน้�ำข้างบน นอกจาก
ครบู าอาจารย์ พระเถระ ตอนบณิ ฑบาตกลับมาท่ศี าลา หลวงปจู่ วนท่านมโี ยมตามมาทีว่ ดั มีก็ไมก่ ่คี น
ท่านจะไม่ค่อยเทศนก์ ่อนฉนั หรอก ท่านไมค่ ่อยมีพธิ สี มัยก่อน”
การซักย้อมผ้าถวายหลวงปู่จวน เตรียมแก่นขนุน
ท่านพระอาจารย์พวน ชุตินฺธโร ได้เมตตาเลา่ เรือ่ งนไ้ี วด้ ังน้ี
“การซกั ย้อมผา้ ไตรจีวร สงั ฆาฏขิ องหลวงปูจ่ วน มันตอ้ งท�ำ ๒ ครัง้ นู่น คร้งั แรกกต็ ้องซกั ต้ม
ทำ� ความสะอาดเสียก่อน ดว้ ยน้�ำแกน่ ขนุนรอ้ นๆ ซกั แล้วไปตาก แลว้ ค่อยมาดูสี คร้ังที่ ๒ ผสมสีใสส่ ี
สกี ส็ แี ก่นขนุนน่นั แหละ แกน่ ขนุนเราก็ต้องใหเ้ ข้มเอาไว้ เพราะเป็นผ้าไหม ผา้ ไหมตอ้ งใหเ้ ขม้ เอาไวแ้ ล้ว
ตอ้ งผสมสเี หลืองทองกบั สีกรักอย่างละกป็ ระมาณ ๑ ช้อนโต๊ะ
นำ�้ แรกกค็ ือน้ำ� แก่นขนนุ ต้มเดอื ดปุดๆๆ ตอนซักถงุ มือก็ไมม่ ี โอโ้ ห ! มือมันดูไม่ได้ มอื มนั ร้อน
มันแตก มนั รอ้ นมากเวลาซักขย้ี หนา้ รอ้ น หนา้ หนาว หนา้ แล้งมันตอ้ งปวดแสบปวดรอ้ นเหมอื นกัน
มันก็เจบ็ เท่ากนั มนั กน็ �้ำร้อนเนาะ สีน่ีให้เนน้ เข้มไว้ เรากต็ ้องให้รู้จกั พอดเี ลย อยา่ ให้มนั ซีดเกินไป เราก็
ต้องดูสีผา้ เสียกอ่ น กเ็ คยย้อมผิด ย้อมอ่อนไป สีมันซีดแลว้ ถกู หลวงปู่จวนทา่ นต�ำหนิ ใส่สีกรกั น้อยไป
มันกเ็ ลยซดี มันไม่เขม้ ตอนยอ้ มผสมสเี สรจ็ เรากต็ ้องเอาผา้ แช่ทง้ิ ไว้ก่อน ให้มันเยน็ พอประมาณ พอเรา
จะซกั ขยีไ้ ด้ แล้วถงึ คอ่ ยซักขยี้ เสรจ็ แล้วกน็ �ำผา้ ไปตากให้แห้ง
วันไหนที่เราจะต้มซักก็ใกล้ๆ กับวันพระใหญ่น่ันแหละ เช่น ก่อนวันพระใหญ่ วัน ๑๓ ค่�ำ
๑๔ ค�่ำ หรอื วันไหน เวลาจะซักเรากต็ อ้ งต้มน้�ำแก่นขนุนเอาไวท้ ัง้ คืนเลยละ่ ตอนเช้ารอหลวงปู่จวน
ท่านฉนั เสร็จกอ่ นจึงค่อยมาซกั ผา้ ทซี่ ักก็มีจวี ร สบง องั สะท่ที า่ นใช้น่ันแหละ ตอนซักทา่ นก็มีสบงอาศัย
ตา่ งหาก มสี �ำรองอยู่ ถา้ ช่วงหนาว ทา่ นกม็ ีจีวร สบง องั สะกนั หนาว ถงุ เท้าหมวกอะไร เปน็ ชดุ ส�ำรอง
มหี มดครบชุด ถุงมือ ถงุ เท้าอะไรกค็ รบหมด
สมยั กอ่ นแก่นขนนุ ตอ้ งเอากบไสไม้ไส ไสแลว้ ใสเ่ อาไว้เป็นถุงๆ ก่อนเขา้ พรรษาต้องหาเก็บฟืน
ทัง้ ตัด ท้งั ผา่ ทั้งขนอะไร ไม้กวาดก็ท�ำลว่ งหน้า แกน่ ขนนุ มโี ยมมาถวาย เอาแต่แกน่ แล้วกเ็ อามาถาก
ตอ้ งเตรยี มท�ำกอ่ นลว่ งหน้าให้เพยี งพอในพรรษา ส่วนสีกรกั กบั สีทองเปน็ สีส�ำเร็จ เปน็ กระป๋องๆ กลมๆ
ตรากิเลน สมัยกอ่ น โอ้โห ! มันหายาก คนเขาไม่รูจ้ กั วา่ พระกรรมฐานใชอ้ ะไรบา้ ง
อาตมาท�ำหน้าทซ่ี ักยอ้ มน้ีก็อยตู่ ลอด ๔ ปี ก่อนหน้าอาตมากม็ ีพระท�ำหน้าทน่ี อ้ี ยู่ อาตมาทำ�
ดว้ ยความเคารพ ทำ� ดว้ ยความเต็มใจ ทำ� ดว้ ยความศรทั ธา อานิสงสไ์ มม่ ีเมอื่ ยล้าจนทุกวนั น้ี”
311
ท่านถือปฏิปทาประหยัดมัธยัสถ์
ท่านพระอาจารย์จวน กุลเชฏฺโ ท่านถือปฏิปทาความประหยัดมัธยัสถ์ โดยด�ำเนินตาม
ท่านพระอาจารยม์ ่นั ภรู ิทตโฺ ต อยา่ งเครง่ ครัดตลอดมา โดยองคห์ ลวงตาพระมหาบัว าณสมปฺ นฺโน
ได้เมตตาบันทกึ ไว้ดังนี้
“การนุ่งหม่ ใชส้ อยบรขิ ารตา่ งๆ ของพระธุดงค์ เฉพาะทา่ นอาจารย์ม่ันรู้สึกทา่ นพิถพี ถิ นั และ
มธั ยสั ถ์เป็นอย่างยงิ่ ไม่ยอมสรุ ยุ่ สุรา่ ยเปน็ อนั ขาดตลอดมา ปัจจัยเคร่ืองอาศัยตา่ งๆ มมี ากเพยี งไรกม็ ิได้
ใชแ้ บบฟ่มุ เฟอื ยเห่อเหมิ ไปตามเลย ปฏปิ ทาคือขอ้ ปฏบิ ัติตอ้ งคงเส้นคงวาอยโู่ ดยสม่�ำเสมอ...”
ตลอดชีวิตสมณเพศของท่านพระอาจารย์จวน กุลเชฏฺโ ท่านใช้สอยเคร่ืองอัฐบริขารเท่าท่ี
จ�ำเป็น ท่านใช้อย่างเห็นคุณค่า ท่านยินดีตามมีตามได้ แม้บริขารและของใช้จะเก่า หากยังใช้ได้อยู่
ท่านก็ไม่ยอมเปลีย่ น เช่น จีวร ย่าม รองเทา้ กลอ่ งหมาก กระติกน้�ำร้อน กระโถน ฯลฯ ของใช้ท่เี ขาทิ้ง
เช่น กระปกุ ตงั้ ฉา่ ยเกา่ ท่ีโรงครวั เขาโยนทิ้งขยะ ทา่ นก็เกบ็ มาล้างท�ำความสะอาดและน�ำมาใส่เกลือ
สงิ่ เหลา่ นี้แสดงใหเ้ ห็นว่า ทา่ นพระอาจารยจ์ วน ท่านเป็นพระธดุ งคกรรมฐานในสายท่านพระ
อาจารยม์ น่ั อีกองค์หนงึ่ ทถ่ี อื ปฏปิ ทาประหยัดมัธยัสถไ์ ด้อยา่ งชัดเจนเด่นชัด
ในสมัยก่อนท่านพระอาจารย์จวน ท่านยังใช้จีวรปะชุน ท่านถือปฏิปทาข้อนี้อย่างเคร่งครัด
เชน่ เดยี วกับครูบาอาจารย์พระศิษย์สายทา่ นพระอาจารย์ม่ันยคุ แรกๆ แม้ทา่ นมาอยู่ภูทอกใหมๆ่ กย็ งั
ใช้จีวรปะชุนอยู่ ต่อมามีลูกศิษย์ได้ตัดเย็บจีวรผ้าไหมอย่างดีมาถวายท่าน และท่านได้ครองจีวรผืนนี้
ประจ�ำจวบจนวนั มรณภาพ โดยท่านพระอาจารยพ์ วน ชตุ นิ ธฺ โร ได้เมตตาเลา่ เรอื่ งนไ้ี ว้ดงั น้ี
“จวี รผนื นแ้ี หละ ใครกอ็ ยากจะได้ เอามาแลกไมไ่ ดห้ รอก เพราะจวี รผนื นที้ า่ นใชป้ ระจำ� มนั เปน็
ไหมพื้นบา้ น ผนื นถี้ า้ จ�ำไมผ่ ิด พระอาจารยส์ รวง ทา่ นตดั เยบ็ มาถวาย ทา่ นสึกไปแล้ว ท่านบวชอยู่
ภูทอกแล้วก็ศรัทธาท�ำมาถวายท่าน เป็นไหมแท้พ้ืนบ้านที่โยมเขาท�ำกัน จีวรผืนนี้ท่านใช้ประจ�ำ
มาตลอด โอย ! ทา่ นใชม้ านานไม่รวู้ า่ ก่ปี จี นกวา่ ทา่ นมรณภาพ ปที เ่ี ขาถวายจ�ำไม่ได้นะ กอ่ นอาตมา
มาอยู่ภทู อกเสียอกี อาจารย์สรวงท่านเปน็ ลกู ศิษยภ์ ูทอกรุ่นแรกๆ ทา่ นบวชมานานอยูน่ ะ บวชก่อน
หลวงตาแยงเจ้าอาวาส ถา้ ตอนนีม้ ชี ีวิตอยู่ โอ้ ! คงเปน็ พระเถระผู้ใหญล่ ่ะ ทา่ นอายุ ๗๐ กวา่ ไลเ่ ล่ียกบั
พระอาจารยบ์ ญุ เลศิ เขมโิ ย ศษิ ย์ผู้ใหญข่ องหลวงปจู่ วน
หลวงปู่จวน ทา่ นใช้จีวรผ้าไหมผนื นี้ประจ�ำ แต่อกี ผนื หนึ่งท่านไม่ใช้ มนั เปน็ ไหมมาจากอนิ เดยี
มันลืน่ ครองไม่อยู่ อนั น้ีมนั ไหมในไทยพน้ื บ้าน ตอนทพี่ ระอาจารยส์ รวงมาเปลีย่ น ผืนเกา่ ทีท่ า่ นครอง
อนั นน้ั มันเป็นผ้าธรรมดาๆ ไม่รู้วา่ ท่านสละให้พระองคไ์ หน”
เรื่องนี้ท�ำให้นึกถึงเหตุการณ์ที่พระมเหสีของพระเจ้าอุเทน แห่งนครโกสัมพี เล่ือมใสในการ
แสดงธรรมของพระอานนท์ จึงได้ถวายจีวรจ�ำนวน ๕๐๐ ผนื แด่พระอานนท์ เมอ่ื พระเจ้าอเุ ทนทราบ
312
จึงต�ำหนพิ ระอานนทว์ า่ รบั จวี รไปจ�ำนวนมาก เม่อื ไดโ้ อกาสจึงนมสั การถามว่าเอาจวี รไปท�ำอะไร ?
“พระคุณเจา้ ทราบว่าพระมเหสีถวายจวี รพระคณุ เจา้ ๕๐๐ ผืน พระคณุ เจ้ารบั ไวท้ ้งั หมด
หรอื ?”
“ขอถวายพระพร อาตมาภาพรบั ไวท้ งั้ หมด”
“พระคณุ เจา้ รบั ไวท้ �ำไมมากมายนกั ?”
“เพอ่ื แบง่ ถวายแกพ่ ระภิกษุผมู้ จี วี รเก่าคร่�ำคร่า”
“จะเอาจีวรเกา่ คร�่ำคร่าไปท�ำอะไร ?”
“เอาไปท�ำผ้าปทู ่นี อน”
“จะเอาผา้ ปทู ่นี อนเก่าไปทำ� อะไร ?”
“เอาไปทำ� ผา้ ปูพืน้ ”
“จะเอาผา้ ปูพนื้ เก่าไปทำ� อะไร ?”
“เอาไปท�ำผ้าเชด็ เท้า”
“จะเอาผ้าเช็ดเทา้ เกา่ ไปท�ำอะไร ?”
“เอาไปโขลกขย�ำกบั โคลนแลว้ ฉาบทาฝา”
พระเจา้ อุเทนทรงฟังแล้วเกดิ ความเลือ่ มใสว่า พระสมณบตุ รเป็นผู้ประหยัด จึงถวายผา้ จีวรอกี
๕๐๐ ผนื แด่พระอานนท์
ท่านดัดแปลงของใช้จากธรรมชาติ
ทา่ นพระอาจารยถ์ าวร อนุตตฺ โร ได้เมตตาเล่าเร่ืองนไี้ วด้ งั น้ี
“สมยั กอ่ นภทู อกกนั ดารมาก ก็เลยต้องมกี ารดัดแปลงของใช้ พวกน้�ำประปา ไฟฟ้า ก็ยงั ไม่มเี ลย
ท่ีใส่ไม้เจีย มันเป็นคล้ายๆ เป็นหินแกะ เป็นหินท่ีเขากลึงนะมันคล้ายแก้วน�้ำน่ะ จริงๆ แล้วสมัยก่อน
กับสมัยปัจจุบันมันมีความต่างกัน แต่ก่อนทุกอย่างมันเป็นธรรมชาติหมดแหละ ส่ิงท่ีใช้ในกิจวัตร
ประจำ� วนั ของทา่ น เชน่ พวกพดั พวกแสป้ ดั ทา่ นจะใชแ้ สป้ ดั หางมา้ ไลย่ งุ นะ่ มคี นมาถวายทา่ น ลกั ษณะ
แสป้ ัดท�ำจากหางม้า แตม่ าหลังๆ กจ็ ะทบุ ไมท้ ำ� หอ้ งน�้ำแต่กอ่ นมันกเ็ ปน็ หอ้ งแบบสงั กะสีอะไรแบบนี้
มันไม่ได้มีกระบ้งกระเบื้องเหมือนปัจจุบัน อย่างข้างบนนี่ก็เป็นห้องน�้ำแบบถ่ายลงเหว คือทุกอย่าง
มองแลว้ เป็นธรรมชาตหิ มดเลย ใช้วสั ดุอย่างกระบอกไมไ้ ผก่ ย็ ังมี
313
ไม้กวาดท�ำเองหมด ไม้กวาดพืน้ ศาลาน่ะ เขาเรยี กต้นแขม คอื อยา่ งช่วงออกพรรษา ประมาณ
เดอื นมนี าฯ นี่เตรียมการหมดแล้ว ท�ำไมก้ วาดเอง ไปหาด้ามไม้กวาด เขาเรียกเอาไมป้ อหนู ะ มาถกั
ท�ำกนั เอง แตก่ ่อนหวายปา่ มนั เยอะ ใชห้ วายป่าท�ำ มนั ไม่มเี ชอื กมาถัก อาตมาไปอยใู่ หม่ๆ ทำ� กับเขา
ไม่เปน็ นเี่ วลาเสียบไอ้หวายเข้าไปมันตอ้ งมีเหล็กแหลมๆ แทงน�ำเข้าไปนี่ อาตมาแทงมอื จนทะลเุ ลยนี่
ใหมๆ่ ท�ำกันทกุ องคน์ ะ แล้วก็มนั จะมงี านประจ�ำปีกค็ ือ ถกั ไมก้ วาด ๑ ตัดฟืน ๑ ฟืนสำ� หรับตม้ น�้ำร้อน
อะไรพวกนี้ เตรยี มกอ่ นเพื่อใช้ในพรรษา
ไม้กวาดเตรียมช่วงประมาณเดือนกุมภาฯ เส้นๆ ก้านๆ เอาก่ิงไม้ไผ่มาท�ำแทนทางมะพร้าว
มันจะมไี มไ้ ผ่ชนดิ หนงึ่ ส�ำหรบั ทำ� ไม้กวาดเปน็ เสน้ ๆ เป็นก่ิงกา้ นของมนั น่นั แหละมาท�ำ ลกั ษณะคลา้ ยๆ
กบั ทางมะพร้าว แต่มันทนกวา่ กวาดได้ดเี หมอื นกัน มันอยูท่ คี่ นถกั ทางถ้�ำกลองเพลก็ท�ำเหมอื นกัน
ปจั จบุ ันวัดป่ากย็ ังทำ� กันอยู่
ทีน้ีหลังจากท�ำไม้กวาด เตรียมเข้าพรรษานี่ก็เหลาไม้เจียใช้แปรงฟันกัน ไปตัดไม้ที่ภูวัวบ้าง
อะไรบา้ ง ไมโ้ กทา ไมส้ มัด ไมส้ มัดรสมันจะขมๆ มันจะอยูท่ ีภ่ ูวัว หลกั ๆ ใชไ้ ม้โกทา แตไ่ ม้สมัดน่ีเนือ้ มนั
จะขาวดี จากนั้นกเ็ ตรียมฟืน ฟืนนก้ี ็น่นั แหละ ขนึ้ ไปบนชนั้ เจด็ นนู้ ตดั เลย ตดั แล้วก็โยนลงมา”
เรอื่ งการท�ำไมก้ วาด ทา่ นพระอาจารยจ์ วนส่งั ใหพ้ ระท�ำกอ่ นเข้าพรรษา ใหท้ �ำองค์ละ ๔ ด้าม
“๓ คัน เอาไวก้ ุฏิใครกฏุ มิ นั คันท่ี ๔ เอามารวมไว้ศาลา” ท่านวา่ กม็ ีองค์ทำ� บ้าง ไม่ท�ำบ้าง องค์ทที่ ำ�
ไมเ่ ปน็ เขากไ็ ม่ท�ำ”
ท่านไม่สะสมสิ่งของ
ทา่ นพระอาจารยจ์ วน กุลเชฏโฺ ทา่ นไม่สะสมสง่ิ ของ ปฏปิ ทาข้อนขี้ องพระธุดงคกรรมฐาน
สายท่านพระอาจารย์ม่นั ทา่ นรักษาได้อยา่ งเครง่ ครดั ไมว่ ่าจะเป็นผา้ ไตรจวี รเนื้อดี ทา่ นกน็ งุ่ ห่มฉลอง
ให้เจ้าภาพไดป้ ลาบปลม้ื ใจไดไ้ ม่นาน ท่านก็แจกให้พระเณร ไม่ว่าจะเป็นอาหารอยา่ งดีทเี่ ขามาถวาย
มีบางคณะท่ีเขาเดินทางไกลมากราบหรือมาเที่ยวภูทอก แต่ไม่มีอาหารเช้ารับประทาน ท่านก็สั่งให้
แม่ชีท�ำกบั ข้าวเลีย้ ง ไมว่ ่าข้าวของเครือ่ งใชต้ า่ งๆ เช่น กระตกิ น้�ำ กาน�้ำ สบู่ แปรงสฟี ัน ยาสีฟัน ฯลฯ
ท่านกแ็ บ่งปนั เจอื จานให้พระเณรได้ใชก้ ันอยา่ งทว่ั ถึง ไม่ว่าหนังสอื รปู เหรียญของทา่ น ทม่ี ีคนสรา้ งมา
ถวายให้ทา่ นแจกญาติโยมทีม่ าท�ำบญุ ท่านก็แจกต่อไปทันที ท่านแจกหมดอยา่ งรวดเรว็
ชว่ งเทศกาลสงกรานต์ เป็นชว่ งท่ีมีคนมาทอ่ งเท่ยี วภทู อกกันมาก ทง้ั รถจากกรุงเทพมหานคร
และต่างจงั หวดั โดยเฉพาะรถจากภาคอสี านมากันจ�ำนวนมาก จนแทบหาท่จี อดรถไม่ได้ การขน้ึ เขาชม
ภูทอกต้องเดินเบียดเสียดแน่นเต็มไปหมด มีผู้น�ำรูปเหรียญของท่านไปถวายไว้ คิดว่าจะให้ท่านแจก
ตอนสงกรานต์ ถวายท่านตน้ มนี าคม ปลายเดอื นมีนาคมทา่ นกแ็ จกหมดแลว้ จะขอคนละเทา่ ไหรก่ ไ็ ด้
จะขอฝากใครไดท้ งั้ น้นั ถา้ เป็นเหรยี ญขอท้ังถุงก็ได้ ถา้ ยงั มอี ย่ใู นย่ามใกล้ตัว ทา่ นแจกจนหมดทุกครั้ง
ไม่มีเหลอื
314
ท่านเป็นพระที่ไม่สะสมสิ่งของจริงๆ ท่านเป็นนักแจกนักเสียสละองค์หน่ึง เช่นเดียวกับ
พ่อแม่ครูอาจารย์ของท่าน คือ หลวงปู่มั่น และ หลวงปู่ขาว ท่านมรณภาพไปแล้ว ในกุฏิของ
ทา่ นแทบไมเ่ หลอื สงิ่ ของอะไร จตปุ จั จัยเงนิ ทองท่ญี าตโิ ยมมาถวาย ทา่ นก็ไม่สะสม ท่านน�ำมาท�ำ
สาธารณประโยชน์สงเคราะห์โลกหมด
ท่านพระอาจารย์จวนมีกุฏิแต่ไม่ค่อยพัก
ทา่ นพระอาจารย์จวน กุลเชฏฺโ ทา่ นมีความเปน็ อยู่อยา่ งสมถะ สะอาด เรียบงา่ ย และยินดี
มักนอ้ ยสนั โดษตามแบบฉบับของพ่อแมค่ รูอาจารย์ทงั้ หลาย กฏุ ิของทา่ นบนภูทอกชั้น ๕ จึงสรา้ งขนึ้
ตามแบบฉบับกุฏพิ ระธดุ งคกรรมฐานทง้ั หลาย คอื สรา้ งหลงั เลก็ ๆ มีระเบยี ง เปน็ ไปอย่างประหยัด
ไมห่ รหู รา เน้นประโยชน์ใชส้ อยเป็นสำ� คัญ กฏุ ิมีลักษณะถาวร คอื ใช้ไมจ้ รงิ ไม่ใชแ่ ฝกหรือไมไ้ ผ่ แตก่ ็
กลมกลืนไปกับธรรมชาติของภูทอก ขนาดห้องก็เป็นไปตามพุทธานุญาต ภายในกุฏิมองดูว่างเปล่า
เตียนโล่ง มเี พียงของใช้เท่าท่ีจำ� เป็นเท่านัน้ เช่น เตียง เส่ือ กลด และมงุ้ ทพี่ ้นื กฏุ ิก็มีกระดาษชำ� ระ
๑ มว้ น กาน้�ำ กระโถน รวมทงั้ บาตรวางอยู่ โดยจดั วางอย่างเป็นระเบยี บเรยี บรอ้ ย ส่วนทขี่ า้ งฝามรี ม่
กนั ฝนแขวนอยูค่ นั หนึง่ และมไี มก้ วาดสำ� หรับปัดกวาดกฏุ แิ ละระเบียง
กุฏิหลงั แรกของทา่ นพระอาจารยจ์ วน กลุ เชฏโฺ คณุ หมอประพกั ตร์ โสฬสจนิ ดา ไดเ้ มตตา
เลา่ เรอ่ื งนไี้ ว้ดงั นี้
“กฏุ ทิ า่ นอาจารย์จวนหลงั แรกบนภทู อก หลงั ขาวๆ ทอี่ ยชู่ ้ัน ๕ ท่านท�ำเอง ท่านให้ชาวบ้าน
ชว่ ยทำ� คอื ทนี ้ที ่านอาจารย์ท�ำถนนรอบๆ พวกผมกม็ าบอ่ ย แต่ท่านกไ็ มไ่ ดน้ อนกฏุ ิ เพราะว่ากางกลด
นอนตรงน้นั ตรงน้ีไปแถวน้นั แหละ แถวหนา้ พระประธานองค์ใหญน่ ่ันแหละ กฏุ ิชัน้ ลา่ งก็มไี ม่เทา่ ไหร่
ขา้ งบนก็มไี ม่เท่าไหร่ เพราะวา่ พระอยกู่ ับทา่ นไม่มากนะ ไม่ ๓ ก็ ๕ อยา่ งนีแ้ หละ”
ต่อมามีญาติโยมจากกรุงเทพฯ มาสร้างกุฏิถวายท่าน โดยท่านพระอาจารย์พวน ชุตินฺธโร
ไดเ้ มตตาเล่าเรือ่ งนไ้ี วด้ งั น้ี
“โอ๋ ! แต่กอ่ นภทู อกกันดาร กุฏทิ ี่พกั มนั ก็เป็นเขาเปน็ เงอื้ มผาใชไ่ หม ? ก็หาอะไรมาพอกันลม
กันแดด กนั ฝน มันไม่มีอะไรท่ถี าวรนะ ไปตามเง้อื มผา ตามอะไรพอท่ีจะหลบได้ พากนั หาเสื่อไปปู
พระกไ็ ม่เยอะ ที่พกั อยู่บนเขาชั้น ๕ ชน้ั ๖ มนั มีท่พี ักอยู่ กุฏิกม็ ีพอไดอ้ าศัย พอได้หลบฝน แตย่ ังไม่ดี
อยา่ งทกุ วนั นี้
ทท่ี ่านพักประจำ� กุฏิหลวงปกู่ ็อยู่ตรงท่ชี ัน้ ๕ ริมพระประธาน แตท่ า่ นก็ไมค่ อ่ ยจะไปพักหรอก
ท่านพักอยู่ตรงชัน้ ๕ ตรงทีย่ ่ืนออกไป ตรงถ้�ำตรงนั้น ไปแขวนกลดอยู่ตรงน้นั มกี ฏุ ิแต่ทา่ นกไ็ ม่พกั กฏุ ิ
ท่านไมไ่ ป ดูเหมือนอากาศจะไมด่ ี ตรงนนั้ มนั จะทบึ ลมไมร่ ะบายออก ท่านกพ็ ักตรงนั้นแหละ ทา่ นมี
แต่แคร่ไปต้งั แลว้ กท็ า่ นใช้มุ้ง มกี ุฏิแต่ทา่ นไมค่ ่อยพัก จนคุณพรรณี เกตุมณี อยู่ทโ่ี รงพยาบาลกลาง
315
มาสรา้ งกฏุ ถิ วายทา่ น ตรงเราขึ้นไปชั้น ๕ มันจะยื่นออกมาหลงั นัน้ ล่ะ ถา้ หันหน้าเขา้ พระประธานอยู่
ขวามอื มันจะย่นื ออกมาตรงหนา้ ผานะ่ ทา่ นมรณภาพปี ๒๕๒๓ ทา่ นอยูก่ ุฏิใหม่ไมก่ ่เี ดือนนะ ทา่ นก็
มรณภาพจากไป”
มุ้งกลดหลวงปู่จวน การซ่อมบริขาร
ทา่ นพระอาจารย์พวน ชตุ ินฺธโร ได้เมตตาเล่าเรอ่ื งนี้ไว้ดงั น้ี
“พอตอนหลัง หลวงปูจ่ วนทา่ นมีกุฏิแล้ว มีหอ้ งแลว้ ท่านกก็ างมงุ้ ธรรมดา ทา่ นไม่ค่อยไดใ้ ช้
กลดหรอก ท่านใชม้ งุ้ ธรรมดากางนอน มุ้ง ๔ หูทก่ี างธรรมดาเนยี่ น้า สีของมงุ้ มันจะเป็นสเี ทาๆ เวลา
ทา่ นเดินธุดงคน์ ู่นละ่ ท่านจึงกางกลดนอน และตอนทีม่ าอยู่ภูทอกใหมๆ่ ทา่ นก็กางกลดอยแู่ ถวข้างๆ
พระประธาน ตอนซอ่ มผ้าของหลวงปู่จวน ถา้ ผา้ มนั ขาด เราก็ต้องไปปะ ไปชุน ไปนั่นแล้ว อาตมาท�ำ
หนา้ ทีน่ ีด้ ้วย ตอ้ งดแู ลดว้ ย”
ปัจจัยสันนิสิตศีล
ทา่ นพระอาจารยจ์ วน กลุ เชฏฺโ ท่านประหยดั มธั ยสั ถใ์ นปัจจัย ๔ ดังกล่าวมา และทา่ นได้
เทศน์สอนปจั จัยสนั นสิ ิตศลี หรือศลี ทเ่ี กย่ี วกบั ปัจจัย ๔ ไดแ้ ก่ ปจั จยั ปจั จเวกขณ์ คอื พจิ ารณาใชส้ อย
ปัจจยั ๔ ใหเ้ ปน็ ไปตามความหมายและประโยชนข์ องส่ิงนั้น ไม่บรโิ ภคด้วยตณั หา ดังนี้
“ปจั จัยสนั นสิ ติ ศีล พจิ ารณาปัจจยั ทงั้ ๔ ก่อนรับว่าเป็นของบริสทุ ธหิ์ รอื ไม่บริสุทธ์ิ ควรรบั
หรือไม่ควรรับ ปัจจัย ๔ นั้นท่านหมายเอาผ้า อาหาร และเสนาสนะ คือที่อยู่ที่อาศัย ยาแก้โรคภัย
ไขเ้ จบ็ นท้ี ่านให้พิจารณาควรรบั หรือไมค่ วรรับ เปน็ ของท่ีบรสิ ุทธิ์หรือไมบ่ ริสุทธ์ปิ ระการใด นีก้ ่อนจะรับ
และเมอื่ รบั อยูก่ ็ใหพ้ จิ ารณา รบั แล้วกใ็ หพ้ จิ ารณา ให้พจิ ารณาคณุ คา่ ของปจั จัย ๔ เหล่านี้ คุณคา่ ของ
ปัจจยั ๔ เหลา่ น้ี คอื จีวร ไดแ้ ก่ ผ้า อาหาร เสนาสนะ ยาแก้โรคภยั ไขเ้ จ็บ มีคุณค่าและประโยชน์
อย่างใดแกช่ วี ิตแก่รา่ งกายของตน
ผ้า คุณค่าและประโยชน์ของผ้าน้ัน มีการปกปิดอวัยวะร่างกาย เพื่อกันความละอายมิให้
ก�ำเริบ และก็ปกปิด เยน็ รอ้ น หนาว ลม แดด ฝน สัตวเ์ สือกคลานเหลอื บยุงริน้ เพือ่ มิให้เกดิ โรคภัย
ไข้เจบ็ ขึน้ เพ่อื อยู่เปน็ ความผาสกุ เทา่ นัน้ นสี้ �ำหรับประโยชน์ของผ้า มใิ ช่ว่าจะอุปโภคบริโภคใช้สอย
เพ่ือความหรูหรา สดสวยงดงามแต่อย่างใด ใชเ้ พ่ือส�ำเร็จประโยชน์ในการปกปดิ อวยั วะรา่ งกาย เพ่อื กัน
ความละอายมใิ หก้ �ำเริบ กันหนาว กนั รอ้ น กันแดด กนั ฝน กนั ลม กนั สตั วเ์ สอื กคลานเหลอื บยุงร้นิ
เท่านั้น เพือ่ ประโยชน์แกร่ ่างกายและความผาสกุ ในการนงุ่ ห่มผา้ เท่านนั้ แม้จะเป็นผา้ ประเภทไหนๆ ก็
มปี ระโยชนเ์ พียงแค่นส้ี �ำหรับของผ้า
316
สว่ น อาหาร นนั้ เล่า จะเป็นอาหารประเภทไหนๆ ก็ตาม ที่สำ� เรจ็ มาจากการปรงุ อาหารก็มี
ประโยชน์สำ� หรบั บำ� บดั เวทนามิให้กำ� เริบเสบิ สานขน้ึ เทา่ น้นั ทั้งเวทนาเกา่ และเวทนาใหม่ มใิ หเ้ กิดขึน้
เท่านั้น เพื่อเป็นปัจจัยสืบต่ออายุไปช่ัวระยะวันหน่ึงๆ เพ่ืออยู่ผาสุกในการเจริญสมณธรรมเท่านั้น
มิใหเ้ กดิ โรคภยั ไข้เจ็บ ความเหนด็ เหน่อื ย หรอื หวิ ระหายก�ำเริบเสิบสานขน้ึ เท่านั้น ส�ำหรบั ประโยชน์
ของอาหาร มใิ ช่วา่ จะบรโิ ภคเพอ่ื เป็นอย่างอน่ื
ส่วน เสนาสนะ ท่ีอยูท่ ่ีอาศยั ประโยชนก์ ม็ กี ารปกปดิ หรือกันลม กันแดด กันฝน กนั หนาว
กันร้อน กันสัตว์เสือกคลานเหลือบยุงร้ินเท่านั้น เพ่ืออยู่เป็นผาสุกในการเจริญสมณธรรมไปเท่าน้ัน
ช่วั วันหนึ่งๆ
ส่วนประโยชน์ของ ยาแก้โรคภัยไข้เจ็บ ก็เพ่ือบ�ำบัดโรคภัยที่ก�ำเริบขึ้นให้บรรเทาเบาลงไป
เท่านั้นเอง เพื่อต่อชีวิตให้เป็นไปในการเจริญสมณธรรมช่ัวระยะหน่ึงๆ หรือวันหนึ่งๆ เมื่อมีโรคภัย
ไข้เจ็บขึ้นในสมัยใด ในขณะใด ก็บริโภคยารับประทานเข้าไป จะหายหรือไม่หายก็รับประทาน
เข้าไป ตามเรื่องตามราวกนั เทา่ น้นั เพราะสงั ขารมนั เป็นของทไ่ี ม่เทย่ี ง มนั เกิดข้ึนในเบื้องตน้ มนั ย่อม
แปรปรวนไปในท่ามกลาง มนั ย่อมดับทำ� ลายฉิบหายไปในทีส่ ดุ
นี้การพจิ ารณาประโยชน์และคณุ คา่ ของปจั จัย ๔ และปัจจยั ๔ นเี้ มอื่ แยกออกแลว้ เป็น ๒ คอื
ปัจจัยภายในและปัจจยั ภายนอก ปัจจยั ภายนอกในปัจจยั ๔ นัน้ มจี ีวร เสนาสนะ เพราะเป็นของที่
อุปโภคในภายนอก ภายในคืออาหารและยาแกโ้ รค เพราะเป็นส่งิ ท่ตี ้องกลนื กินลงไป ท้ังปจั จัยภายใน
และปจั จยั ภายนอกพจิ ารณาอยา่ ให้เป็นปลิโพธกงั วลในปัจจัยเหล่านี้ จะมีมากบ็ ริโภคไปตามมีตามได้
ตามเกิดตามเป็น ไม่ต้องเป็นผู้ว่ิงเต้นและดิ้นรนขวนขวายแสวงหาลาภปัจจัยทั้งหลาย ให้เป็นการ
ปลโิ พธกังวล ไมใ่ ห้ติดอยู่ในปจั จัย นีท้ ่านใหพ้ ิจารณา ถ้าเปน็ ผูด้ ้นิ รนขวนขวายแสวงหาในปัจจยั ลาภ
ท้ังหลายเหลา่ นี้ กช็ อื่ วา่ เป็นผบู้ รโิ ภคดว้ ยกิเลสตณั หา รบั ปัจจยั เหลา่ นด้ี ว้ ยกิเลสตณั หา คุ้มครองปัจจัย
เหล่านดี้ ้วยกเิ ลสตณั หา ไมเ่ ปน็ ศลี ศีลของตนไม่บรสิ ุทธ์ิ
ดังน้ัน เม่ือเราพิจารณาคุณค่าประโยชน์ปัจจัยทั้ง ๔ เหล่าน้ี ทั้งปัจจัยภายในและภายนอก
ไม่ให้เกิดปลิโพธกังวล ศลี ของตนก็เปน็ ปกติ จติ ใจของตนกเ็ ปน็ ปกติ ไดร้ ับความสงบ ความสขุ เกดิ มี
ข้ึนเท่านัน้ และท่านใหพ้ จิ ารณาในปจั จัยทัง้ หลายเหล่านล้ี งไปอกี ว่า ปัจจยั ทงั้ หลายเหล่านี้ ปัจจยั ๔
ทงั้ หลายเหลา่ นี้ ตลอดถึงตัวของเรา คอื อตั ภาพร่างกายของเราน่แี หละกต็ อ้ งอาศยั ปจั จยั เป็นปัจจยั อีก
อาศยั ปจั จัยภายในและภายนอก เพราะปจั จยั แปลวา่ เป็นเคร่ืองอาศยั ซึ่งกันและกัน”
317
พระเณรที่ภูทอกป่วยเป็นไข้มาลาเรีย
ท่านพระอาจารย์ถาวร อนตุ ตฺ โร ไดเ้ มตตาเลา่ เรอ่ื งนไ้ี วด้ งั นี้
“แต่ก่อนมาลาเรียเป็นอันดับหนึ่งท่ีภูทอก คนหรือพระเณรถ้าไม่เป็นไข้มาลาเรียแล้วแสดงว่า
ไม่ใช่ภทู อก ช่วงเขา้ หน้าฝนนีล่ ะ่ บางทพี ระก๊อกแกก๊ ๆ นอนเรยี งแถวกนั เลยนะ เป็นไข้มาลาเรียน่ะ
แตไ่ ข้มาลาเรยี มันจะมีดอี ยอู่ ยา่ ง คือ เวลาไขข้ ึน้ มนั จะเหมอื นกบั ผีเขา้ ตวั มันจะสนั่ มนั จะหนาว หม่ ผา้
ยังไงก็ไมอ่ ยู่ ทีนีย้ าก็หนึง่ ต้นควินนิ เอามาต้ม หรือไมก่ ็กินสดเลย สดๆ ขมๆ หน่อยๆ ควินินเพราะ
จังหวดั บึงกาฬมนั ไมม่ โี รงพยาบาลนะแต่ก่อน จะไปโรงพยาบาลเรือ่ งใหญ่มาก มีอนามยั แลว้ กส็ ่วนมาก
ก็จะฉดี กนั เองยา
หมอประพกั ตรเ์ ขายา้ ยไปอยทู่ ศี่ นู ยข์ อนแกน่ กจ็ ะมลี กู นอ้ งชอ่ื เกรยี งไกร เขาเปน็ หวั หนา้ อนามยั
ทบ่ี งึ กาฬ เขาไปบวชเป็นพระ เขา้ ไปฉดี บางทีก็พระฉีดกนั เอง ฉดี พ่นยามาลาเรยี ส่วนมากกย็ าพ้ืนบา้ น
ล่ะ ไอ้พวกหมอชาวบ้าน เขาจะมีรากไม้ฝนกบั หนิ บางทไี ขม้ าลาเรียมนั ร้อนใน ชว่ งเขา้ หน้าฝนเจ็บป่วย
ทกุ ที ถา้ ฝนตกชว่ งหนา้ ฝน มนั จะเริ่มเป็นแล้ว แตพ่ อฝนตกมากๆ แล้วก็ไม่เป็น หลวงปู่จวนก็เปน็
ชว่ งนน้ั ดว้ ย แตท่ า่ นจะเป็นไม่คอ่ ยหนัก ถ้าทา่ นเป็น ทา่ นจะไม่ฉนั น�้ำเยน็ ปกตยิ าก�ำลงั เสือโคร่งกต็ ้มใส่
หม้ออยู่แลว้ ทว่ี า่ ถำ้� ยาวๆ ชนั้ ท่ี ๕ ที่โรงฉันนำ้� ร้อน ตม้ แลว้ กเ็ อาใสก่ ระติกถวายทา่ น แตก่ อ่ นไม่มี
กระตกิ ไฟฟ้าอะไร ต้มแล้วก็ใสก่ ระตกิ ของหลวงปจู่ วน วันละ ๒ กระติก ต้มเสร็จแลว้ กเ็ ย็นๆ ก็เอามา
ถวายทา่ น เอามาตง้ั ไวท้ ี่ทา่ นฉัน พอเช้าปุบ๊ นที่ ่านจ�ำวดั เสร็จแล้ว เช้าท่านกจ็ ะมานงั่ ฉนั น้�ำน้ี น้�ำต้ม
มนั จะอุ่นๆ พอดี ท่านฉนั วันละ ๕ แกว้ นะ
ส่วนมากหลวงปู่จวนก็จะปว่ ยเป็นหวดั บ้าง อะไรบ้าง เล็กๆ น้อยๆ ถ้ามีพระเจบ็ ป่วยเป็นอะไร
พระก็จะดูแลกันเอง มาช่วงหลังๆ นี่ หลังจากหลวงพ่อจวนท่านมรณภาพ ไข้มาลาเรียมันก็หายไป
หมดไปเอง ก่อนหน้านี้มันเป็นป่าดงทึบ มาลาเรียนี่ภูทอกอันดับหน่ึงเลยแต่ก่อน หลวงปู่จวนอยู่
ถ�้ำจันทนก์ ย็ ังไมห่ ายขาด มาอยู่ภูทอกก็เป็นเล็กน้อย แตภ่ ทู อกดอี ย่างมันจะไมเ่ หมอื นกบั ทางจนั ทบุรี
ทางจันทบุรีมันจะขึ้นสมอง แต่ภูทอกมันจะลงกระเพาะไม่ถึงว่าร้ายแรง แต่เวลาเป็นมันจะร้อนใน
มีอาเจยี น ไขแ้ ลว้ ก็สนั่ ตวั สน่ั เปน็ ไข้”
ท่านถามพระ “ชอบผู้สาวไหม” “อยากสึกไหม”
ทา่ นพระอาจารย์ถาวร อนุตฺตโร ได้เมตตาเล่าเรอ่ื งนี้ไวด้ ังน้ี
“หลวงปู่จวนเวลาเทศน์เสร็จน่ีท่านถามทุกองค์ล่ะ เฉพาะอาตมาพวกเป็นเณรใหญ่ เรื่อง
ไอ้สกี าธรรมดาแหละเนาะ ไปชอบ บางทเี วลา ไอโ้ ยมสีกงสกี าอะไรพวกน้ีนะ ทา่ นจะถาม “ชอบไหม ?”
อะไรอย่างนีล่ ่ะนะ ชอบผูส้ าวอะไรยงั ไง โดยปรกติแหละเนาะ กต็ อบไป ถา้ ตอบตรงๆ ทา่ นจะหวั เราะ
ท่านจะพอใจมากเลย ถ้าเราอ้�ำๆ อึ้งๆ ท่านจะไมค่ อ่ ยอยา่ งนี้ละ่ ถา้ บอกว่า “ชอบ” อย่างนเี้ นาะ
หวั เราะเลย
318
“จะสึกไหม ? อยากสึกไหม ?” กถ็ าม สว่ นมากใครก็ไม่ค่อยอยากสึกนะตอนนัน้ ชว่ งบวชใหม่
ปฏิบตั ิใหม่ ปรกตทิ ่านถามแตล่ ะองค์อย่แู ล้ว อย่างแม่ชีนี่ แตก่ อ่ นแมช่ นี ่เี ยอะ ทา่ นก็จะถามว่า “แม่ชี
พระองคไ์ หนไปคยุ กับหมู่เจ้า ?” คล้ายๆ ว่าไปคุยไปอะไรกันน่นี ะ พวกพระท่ถี กู ถาม บางทีเหง่ือแตก
กลัวโดนด่า มันอยู่ด้วยกันก็คุยกันธรรมดาเนาะ แม่ชีขายหน้าว่าพระองค์นั้นไปคุย พระองคน์ ้ไี ปคยุ
โดนด่าตาย
ท่านจะถามว่า “ชอบผู้หญิงไหม ?” บางทีส่วนมากก็อายกันเนาะ ท่านพูดตรงน้ี ท่านพูด
ยอดธรรมเหมอื นหลวงปตู่ ือ้ เชน่ หีเหมน็ ไหมอะไรอย่างน้ี พดู หมดแหละ ท่านถามแมช่ ี ถามตั้งแต่
องคเ์ ดก็ ๆ น่นั ล่ะวา่ “หเี หมน็ ไหม ?” อะไรอยา่ งนี้ เขากไ็ ม่กล้าบอกล่ะผู้หญงิ เนาะ มันเป็นเรอ่ื งอะไร
อยา่ งน่ี แต่คุณแม่โสนี่เขามีอายแุ ลว้ เขาก็กลา้ ตอบ คณุ แมโ่ สกบ็ อกวา่ “มนั กเ็ หม็นเปน็ บางครง้ั ล่ะ”
ท่านก็จะหันมาถามพระเณร “จะเอาไหม ?” บอกอะไรอย่างน่ีนะ แม่ชีสาวๆ เยอะแต่ก่อน ท่าน
ถามพวกพระหนุม่ ๆ “จะเอาไหม ?” บางองคท์ า่ นก็เอา... หลวงปทู่ ่านจะหวั เราะ “พระพทุ ธเจา้ ก็
ละมาแลว้ จะเอาไปแขวนคอหรือ ?” อะไรอย่างนีล่ ่ะนะ ก็ตอบกันไป ทา่ นกห็ วั เราะไป ถา้ องคท์ ่ี ๑
กลา้ ตอบ องค์ท่ี ๒ ก็จะกล้าตอบ
ทา่ นถามหลงั ทำ� วัตรเสรจ็ เทศนเ์ สรจ็ อะไรเสรจ็ แลว้ ทา่ นจะสอนให้อยู่ในสมณเพศนานๆ แล้ว
แมช่ ีท่านก็จะรใู้ จกนั เหมอื นกบั วา่ ไมต่ ้อง... เฉยๆ ไป น่งิ เฉยไป กลัวโดนด่าเลย
ที่ภูทอกน้ีสถานท่ีมันต่างกัน วัดป่าบ้านตาดพระกับโยมแยกกันได้ อย่างแม่ชีน้ีเขาก็จะอยู่
ด้านล่างเป็นหลัก ทีน้ีการท่ีพระลงมาสรงน�้ำ มากวาดตาด บางองค์มันก็เฉไป เพราะว่าโรงครัวมันก็
อยูน่ ีใ่ ชไ่ หม ลงมากย็ งั มาเจอกนั มีน�้ำก็พากันฉนั อะไรอยา่ งนี่ มันเปน็ เรือ่ งปรกตเิ นาะ”
319
ภาค ๑๑ มรณภาพด้วยเคร่ืองบินตก
การหย่ังรู้วันมรณภาพของครูบาอาจารย์สายวัดป่ากรรมฐาน
พระพทุ ธเจ้าและพระอรหันตสาวกเท่านนั้ ท่สี ามารถหยุดการเวยี นวา่ ยตายเกิด
องคห์ ลวงตาพระมหาบวั ทา่ นไดเ้ ทศน์ถึงความเป็น – ความตายของพระอรหนั ตไ์ วด้ งั นี้
“เวลาธรรมกบั ใจเขา้ เปน็ อนั เดยี วกันแล้ว ความเป็น – ความตาย มนี �้ำหนักเท่ากนั ทใี่ ห้
ความเปน็ อยมู่ ีนำ้� หนกั มากกวา่ ก็เพราะประโยชนแ์ ก่โลก ถ้าล�ำพังแล้วความเปน็ กับตายเสมอกัน”
หลายองคท์ ่านรวู้ นั ตายล่วงหนา้ ความตายกบั ทา่ นเหล่านจี้ งึ ไม่ใชเ่ รอื่ งยงุ่ ยากและซับซอ้ นอะไร
เลย ดงั องคห์ ลวงตาเคยเทศนว์ า่ “พระอรหนั ตท์ ่านตายงา่ ย” แตส่ �ำหรับปถุ ชุ นคนหนาปัญญาหยาบ
แลว้ ความตายเปน็ เร่อื งท่ีนา่ กลวั และท�ำใหใ้ จหดหู่หวน่ั ไหว เมื่อพูดถึงความตาย ต้องขอร้องให้หยุด !
หยุด ! อย่าได้พดู ไมอ่ ยากฟงั เพราะฟังแลว้ ไม่สบายใจและไม่เปน็ มงคล
พระพุทธเจ้าต้ังแต่วันที่พระองค์ตรัสรู้มา ก็ทรงทราบแล้วว่าจะปรินิพพานในวันไหน แต่
พระองค์เลือกท่จี ะบอกก่อนปรินิพพาน ๓ เดอื นแก่พระอานนทว์ ่า “อานนท์อกี ๓ เดือน เราตถาคต
จักปรนิ พิ พาน”
แมพ้ ระอรหนั ตร์ ูปอน่ื ๆ ท่านก็สามารถรวู้ ันตายล่วงหนา้ ได้เชน่ กัน เชน่ พระสารีบุตร
สมัยปัจจุบัน ท่านพระอาจารย์ม่ัน ภูริทตฺโต ก็ได้บอกล่วงหน้าแก่หลวงตาพระมหาบัว
าณสมปฺ นโฺ น วา่ “อายุ ๘๐ ปี จะนพิ พาน”
หลวงปขู่ าว อนาลโย สามารถบอกก�ำหนดอายุขัยของตนเองได้ว่า จะมรณภาพอายุ ๙๕ ปี
ซึ่งก็เปน็ จรงิ ดงั ที่ทา่ นได้กล่าวไว้ หลวงปขู่ าวมรณภาพในวันจันทรท์ ่ี ๑๖ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๒๖
หลวงปกู่ งมา จริ ปญุ โฺ ได้พยากรณ์เร่อื งการมรณภาพของตวั ทา่ นเองให้ศษิ ย์ฟงั ล่วงหน้านาน
แล้ววา่ ท่านจะมรณภาพด้วยรถ และกเ็ ป็นเช่นนน้ั จรงิ คอื ทา่ นประสบอบุ ตั ิเหตุรถคว่�ำ ขณะเดนิ ทาง
ไปงานนมิ นตแ์ ห่งหนงึ่ ท่ีจังหวัดจันทบุรี เมือ่ วนั ที่ ๑๗ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๐๕
ส�ำหรับ ทา่ นพ่อลี ธมฺมธโร มีบทสนทนาเปน็ เร่ืองราวการบอกวนั เวลาตายลว่ งหน้าเปน็ อย่างดี
ดงั นี้
... กลางคืนวันหน่ึง หลังงานฉลองก่ึงพุทธกาลจบลง ณ กุฎีปุณณสถาน ที่วัดอโศการาม
ทา่ นพ่อลี ยังรา่ งกายแขง็ แรงกระปรีก้ ระเปรา่ ทา่ นได้ปรารภกบั พระอาจารย์แดง ธมมฺ รกขฺ โิ ต ซ่งึ เปน็
พระลูกศษิ ย์ เรอื่ งอายขุ ัยคอื การสน้ิ สดุ แหง่ ชวี ติ วา่
320
“ท่านแดง อายุ ๕๕ ปี ผมตอ้ งตาย ชีวติ ถงึ คราวสนิ้ สดุ ใหท้ า่ นอยชู่ ่วยดแู ลหมคู่ ณะทว่ี ัดอโศฯ
เม่อื ผมตายไปแลว้ ขอใหท้ า่ นเปน็ ที่พ่งึ พาอาศยั ของหมเู่ พอื่ น”
การกลา่ วในครงั้ นี้ ทา่ นกล่าวกอ่ นมรณภาพเป็นเวลาหลายปี จนกระทง่ั มาถึงปี พ.ศ. ๒๕๐๔
ท่านพ่อลีได้ไปนอนป่วยอยู่โรงพยาบาลพระปิ่นเกล้า ธนบุรี ท่านเรียกพระอาจารย์แดงมาหาแล้ว
กล่าวยำ้� ว่า “เราอายุ ๕๕ จะลาตายแลว้ ”
แม้ทา่ นพระอาจารย์บุญมา ติ เปโม ท่านพระอาจารย์วัน อตุ ฺตโม ท่านพระอาจารยจ์ วน
กุลเชฏโฺ ทา่ นพระอาจารยส์ งิ ห์ทอง ธมฺมวโร ทา่ นพระอาจารย์สุพัฒน์ สุขกาโม ก่อนจะรบั นมิ นต์
แล้วประสบอุปัทวเหตุเครือ่ งบนิ ตกมรณภาพที่ทุ่งรงั สิต จังหวดั ปทมุ ธานี นี้กไ็ ดบ้ อกเปน็ นยั แก่สานุศิษย์
ว่า “การเดนิ ทางไปคราวนจ้ี ะมิไดก้ ลับมา”
พระคณาจารย์พระป่ากัมมัฏฐานสายทา่ นพระอาจารย์มน่ั ภรู ทิ ตฺโต ท้งั ๕ องค์ ได้รับอาราธนา
นมิ นตจ์ ากทางส�ำนักพระราชวัง เพือ่ ไปในงานพระราชพธิ บี �ำเพ็ญพระราชกุศลเน่อื งในวโรกาสครบรอบ
๓๐ ปี วันบรมราชาภิเษกสมรสของพระบาทสมเดจ็ พระเจ้าอยู่หวั และ สมเดจ็ พระนางเจา้ ฯ พระบรม–
ราชินีนาถ ในวันจนั ทร์ที่ ๒๘ เมษายน พ.ศ. ๒๕๒๓
กรรมนิมนต์
คณุ หมอประพกั ตร์ โสฬสจนิ ดา ได้เมตตาเล่าถงึ เหตกุ ารณส์ ำ� คัญก่อนทท่ี า่ นพระอาจารยจ์ วน
กลุ เชฏโฺ จะมรณภาพดว้ ยเคร่อื งบินตกประมาณ ๒ เดอื น ไวด้ ังนี้
“ทนี ก้ี ่อนอาจารย์จวนจะตาย ผมรูร้ ายละเอยี ดมาก เพราะอาจารยจ์ วนคยุ กบั ผมว่า ทำ� ไม
ถงึ ไป ท�ำไมไมอ่ ยู่ ? เก่ยี วเนือ่ งโหรหลวงได้ท�ำนายไวว้ ่าจะเกดิ กลยี คุ ใหญ่ในบา้ นเมอื ง ก็พูดนิดหน่อย
แต่ว่าแท้ๆ ผมไม่อยากให้ท่านไป แต่เรื่องน้ีไม่มีใครรู้ เพราะท่านไม่ได้อัดใส่เทป เพราะว่าวันหน่ึง
ผมมา มาแลว้ ก็เห็นท่านอาจารย์จวนนง่ั อยบู่ นชนั้ ๕ แลว้ กเ็ คยี้ วหมาก แลว้ กเ็ หยียดขามา แลว้ ก็เหงา
เค้ยี วหมากแล้วไมค่ ่อยพูด ผมก็คลานเขา้ ไปใกลเ้ ทา้ “อาจารยว์ ันน้ที �ำไมคอื เหงาแท้” ทา่ นก็ไม่พูด
เป็นเหตกุ ารณ์ก่อนเคร่ืองบินตกประมาณ ๒ เดือน ผมกเ็ ลยบบี ขา ผมก็เลยบอก โอย้ ! อาจารย์จวน
ก็พูดภาษาเรา สนทิ กนั ทุกอยา่ งไปดว้ ยกนั น่ี
ท่านกบ็ อกวา่ “บุญของบ้านเมือง” ท่านถามข้นึ มาก่อน ถามว่า
“หมอ คนในประเทศไทยน่ี ใครใหญก่ วา่ กนั ?”
ไอ้เรา “เอ้ ! อาจารย์จะเอายังไงกบั เรานอ้ ” นกึ ในใจอยู่ เราบอก “พระเจ้าแผน่ ดนิ ”
ทา่ นบอก “ไมใ่ ช่”
321
ไอ้เราก็มีอคติในใจว่า โอ้ย ! พระเจ้าแผ่นดินขนาดใหญ่ยังง้ี อาจารย์เราว่าไม่ใช่ แสดงว่า
คอื จะไม่นับถอื ในหลวง คดิ ในใจอาจารย์ไมค่ ่อยดีนกั ก็เลยบอกว่า “คนมานิมนตเ์ ราน”่ี ชีข้ ึ้นฟ้าเลย
ท่านอาจารย์จวนยกมอื ชข้ี ้ึนฟ้า หมายถงึ กรรม ! ยกเป็นเรื่องกรรมนิมนต์ “เราไมไ่ ปไม่ได้” แต่กอ่ น
ในหลวงเคยมานิมนต์ทุกปี ทุกปีก็บอกไปว่าถนนมันล่ืน ลงบันไดไม่ได้ พระอาวุโสลงยาก เพราะ
ในหลวงมานิมนต์เขา้ ในวงั บอ่ ย ท่านเลยบอกว่า “ไปไม่ได้” เปน็ อบุ าย
บดั น้ผี มก็เร่มิ ลงั เลแล้ว โอ้ ! เป็นห่วง นึกถงึ อานนทเ์ ลย เอ้อ ! อานนท์ไปรู้พระพทุ ธเจ้า ๘๐
จะตายกร็ ู้ เอ้ ! เอายงั ไงนอ้ คิดในใจ ว่าไอ้เรือ่ งเราจะตง้ั ขนั ธ์ ๕ มานิมนตก์ ไ็ ม่กล้านะ เพราะวา่ เหตุการณ์
มนั ยงั ไม่เกิด เออ้ ! ถ้านมิ นต์แลว้ ท่านอยู่ ทา่ นไม่ไปเรือบนิ ตก ทา่ นไม่ไปไม่ตาย ไอ้เราอาจจะมีหน้าตา
ถา้ เกดิ ไมเ่ ป็นอะไรเลย
เพราะบางคนมาประมวลว่าเหตุการณเ์ กิดแล้วถึงมายังง้ี มันไมใ่ ช่ ตอนน้นั เรากม็ านกึ ถงึ เออ้ !
แมข่ าวโสดาก็เคยต้ังขันธ์ ๕ มานิมนต์ทา่ นที ท่านไมย่ อมรบั ขันธ์ ๕ ไอเ้ ราก็ไมเ่ อ่ยปาก ตอนนก้ี เ็ ลย โอ้ !
เรมิ่ ปน่ั ป่วนแลว้ น่ี ไมไ่ วใ้ จแล้ว เพราะวา่ มีเค้าลางมาว่า วันหน่งึ ตน้ เปลอื ยขา้ งบนนั่นน่ะลม้ ทบั กุฏิทา่ น
กอ่ นท่ีจะไปโรงพยาบาลสัก ๒ – ๓ เดอื นนีล่ ะ่ ตน้ เปลอื ยต้นใหญท่ ่อี ยู่ข้างบนลม้ ทบั กฏุ ทิ า่ น กุฏทิ ุกวนั นี้
อยู่ช้นั ๕ สีขาวๆ ท่เี ขาทาเอาไว้ ตน้ เปลอื ยล้มทับแล้วไมเ่ ป็นอันตราย แต่วา่ ทา่ นผดิ สังเกตวา่ “เอ๊ะ !
ยังไงนอ้ ” คดิ ในใจ
ตอนนกี้ ็โอ้ ! ได้ขา่ ววา่ คุณหญงิ ไขศรีมานมิ นต์ละ่ อีกองค์หนึง่ นนั่ ผมสนิทมาก อาจารย์บญุ มา
บา้ นโนนทนั ท่ตี ายพรอ้ มกัน ท่านสนทิ กับผมมาก สนิทกว่าทกุ องค์ดว้ ยซ�้ำ ผมรจู้ ักอาจารย์พวน เพิน่ ก็
“เอ้ ! จะเอายังไงน้อ” ผมแบ่งรับแบ่งสู้ มาปรกึ ษาแมช่ ีโส แม่ชีโสก็บอกว่าไปนมิ นต์ ไปขันธ์ ๕ แลว้
ทา่ นไมร่ บั แม่ชโี สดาทต่ี ายไปแล้วที่อยูบ่ ้านดงหมอ้ ทอง แตก่ ่อนท่านอยนู่ ่ี สนทิ กัน ท่วี า่ สนทิ เพราะ
ตอนนั้นพัวพันกันอยู่นน่ี ะ เพราะวา่ ทา่ นกบ็ น่ เรากเ็ ปน็ ลูกศษิ ย์แบบไปเชา้ เยน็ ถึงธรรมดาน่ีเนาะ”
ท่านเร่งคุณหมอประพักตร์เร่ืองท�ำล็อกเกตเด๋ียวจะไม่ทันท่าน
คณุ หมอประพกั ตร์ โสฬสจินดา ไดเ้ มตตาเลา่ เร่อื งนไ้ี ว้ดงั น้ี
“ปรารภเรอื่ งกรรม ก็พูดเร่อื งอ่นื บอก เอ้ ! อาจารย์ว่า “ผมรูจ้ ักอาจารย์มานานแล้วนี่ ผมอยาก
ท�ำลอ็ กเกต” ไปรปู น้เี ลย “โตจะท�ำล็อกเกตเท่าไรล่ะ” ผมวา่ “ผมจะท�ำไมม่ ากนะอาจารย์ ถ้าใคร
สั่งจองก็ เขามลี กู หลาย เขาเอา ๑๐ อนั ๕ อนั ๖ อันแล้วแต่ จะท�ำอยู่ในราว ๕๐ อัน อกี ๒๕ อนั
ผมก็มาถวายอาจารย์” “เออ ! โตจะท�ำเมื่อไหร่” บอกว่า “จะท�ำเม่ือน้ันๆ” ทีนี้เรากลับไปศูนย์
เอาช่างภาพมาถ่ายแล้วมันไม่ติด ไปถ่ายรูปท่าน ถ่ายไว้หลายครั้งก็ไม่ติด พอดีไปได้รูปท่านก�ำลัง
เคี้ยวหมาก ไม่รู้ใครเอามาถวายรูปน้อยๆ จึงได้เอาไปท�ำ ไปท�ำทีน้ี ขอพูดหน่อยๆ ท่านบอกว่า
“เดือนนน้ั วันทเ่ี ทา่ นนั้ ผ้วู า่ ฯ ชำ� นาญ ผูว้ า่ ฯ ขอนแกน่ นมิ นตท์ ่านไปเหยยี บบ้าน เราอยากเจอโตเน้อ
ให้โตมาหาเราให้ได้ เรามีเรือ่ งส�ำคญั จะบอก”
322
อาจารยจ์ วนท่านบอกผมว่าใหไ้ ปพบท่บี ้านผู้ว่าฯ วา่ เราจะไปวนั นนั้ วันน้ี เรามีเรอื่ งจะบอกโต
ทา่ นไปองคเ์ ดยี ว รถผวู้ ่าฯ เขามารับ พอท่านไปบา้ นผู้ว่าฯ ป๊บั ผมก็ไปหา ไปหาแล้วก็รบั ทา่ นไปนอนบา้ น
ผวู้ า่ ฯ ที่สร้างใหม่ ไปเห็นท่านเค้ยี วหมากเหงาเหมือนเก่า ผมก็เอ้ ! พดู เรื่องอะไรดีนอ้ กเ็ ลยไปกางกลด
ให้ท่าน ผมกางกลดให้ท่านเรียบร้อยแล้วก็หาเร่ืองคุย “โอ้ ! อาจารย์คือเหงาแท้” ท่านก็ไม่ตอบ
คล้ายๆ เหตกุ ารณ์ทีอ่ ย่ภู ูทอก ท่านก็พูดสวนมาว่า “เออ ! ล็อกเกตทเี่ จา้ จะท�ำนัน่ จะท�ำเมอ่ื ไหร่
แลว้ หรือยงั ?” อย่างไรอยา่ งเดิม ผมก็บอก “เอ้ ! เขานดั เอาเดอื นนน้ั เดือนนน้ี ะ อาจารย์” ท่านวา่
“ไวๆ นะ ไมท่ นั เรานะ”
ไอเ้ รากไ็ มเ่ ขา้ ใจว่า ไมท่ นั คืออะไร พอดีพบ้ั คุณสุรีพนั ธุ์ก็มานมิ นตท์ ่านต่อจะเข้ากรุงเทพฯ ท่าน
ก็ตอบคุณสรุ ีพนั ธ์ุบอก ไมไ่ ดด้ อก นดั กบั ผมไวว้ า่ ผมจะเอาล็อกเกตมาใหท้ ่านเสกทนี่ ี่ เพ่อื จะกลบั
วัดภทู อก ท่านกเ็ ลยไม่ไปต่อ ตอนนี้บงั เอญิ ไอเ้ ราก็ไมค่ อ่ ยดี เพราะวา่ วันน้ันพอดี ทา่ นชวนมา “เรามี
เรื่องสำ� คัญจะประชมุ พระแล้วจะบอกโตเร่ืองความลับเลย” ไอเ้ ราบอก “เอย้ ! อาจารย์ผมไปไม่ได้
บา่ ยนีย้ นู ิเซฟเขาจะมาช่วยเหลอื ทางด้านอนามัยสงิ่ แวดลอ้ ม เขานดั ประชมุ ผม เขาจะใหท้ ุนหมู่บา้ น
เปิดหมบู่ า้ นเนาะ ผมไปไมไ่ ด้อาจารย์” “อู้ ! โตไมต่ ้องเอารถไปหรอก ไปรถผวู้ า่ ฯ น่แี หละ” ผมก็
“ไมไ่ ด้อาจารย”์ “เออ ! ไมไ่ ด้ก็แล้วกันไป ไวนะ ทำ� ใหซ้ ะ ให้ไวๆ นะ”
ทา่ นเรง่ เรอื่ งลอ็ กเกต ผมวา่ ประมาณครงึ่ เดอื นกอ่ นเครอ่ื งบนิ ตก ผมรบี ไปเอาลอ็ กเกตปรากฏวา่
ไอ้คนท�ำก็เร่งกนั ไป แตก ! ท�ำท่นี างเล้งิ มรี ้านเดียวทำ� ลอ็ กเกตไดน้ ่ีนะ ล็อกเกตรุน่ นนั้ ก็ผมเอาไปวางใส่
โลงหีบศพ ท่วี ดั พระศรีฯ แลว้ กม็ าให้อาจารยผ์ าง อาจารย์ขาวเสกทกุ องคเ์ ลย แล้วบางคนเขาก็ไมเ่ อา
บา้ ง พอรอู้ าจารย์จวนตาย เขากไ็ มค่ อ่ ยอยากไดใ้ ชไ่ หมล่ะ
อาการทที่ ่านเคี้ยวหมากเหงาๆ ท่ีผมรับทราบก่อนเครือ่ งตกไม่ก่เี ดอื นมี ๒ ครง้ั ทภ่ี ทู อกครัง้ หนง่ึ
ทบ่ี ้านท่านผวู้ ่าฯ ขอนแก่น ครง้ั หน่งึ แต่ทา่ นไมบ่ อกขาดเลยว่า เราจะไปครั้งนไ้ี ม่ไดก้ ลับ ทา่ นไม่ได้พูด”
ท่านประชุมสงฆ์ครั้งสุดท้าย
คุณหมอประพกั ตร์ โสฬสจนิ ดา ได้เมตตาเล่าเรื่องน้ไี วด้ งั น้ี
“แต่ผมก็ไมท่ ัน มานปี้ รากฏวา่ อาจารย์จวนท่านกม็ าประชุมตามค�ำบอกเล่า ประชมุ แล้วพวก
อาจารย์ตุ๊ก็จะรู้ อาจารย์แยงจะรู้ว่า ท่านมาถามว่า “เงินนี้ท่านมีเท่าไหร่ ?” อาจารย์จวนมีเงินอยู่
๗๐๐ บาท เปน็ เงินส่วนตัวของทา่ น ทา่ นกบ็ อกวา่ ๕๐๐ นไี่ วเ้ ผาศพทา่ น บัญชีเล่มไหนก็ไมร่ ้นู ะ
ไอ้ ๒๐๐ น่ีเอาเขา้ กองกลาง แลว้ เงินวัดอกี ล้านเจ็ดแสน มนั มเี จา้ ของจากกรุงเทพฯ เขาใหท้ ำ� นัน่ ท�ำนี่
อนั นใ้ี ช้ไมไ่ ด้ บอกไวแ้ ต่เนน่ิ นี่ทางพระเขาประชุม ไม่กี่วันก่อนเครื่องบินตก พระเขาบอกผมทีหลัง
ท่านอาจารย์จวนรู้ลว่ งหนา้ ตอนนีต้ ามคำ� บอกเล่า เพราะวา่ วนั ท่ีท่านตกเรอื บินนั่น ผมอย่กู าฬสนิ ธุ์
พอดนี ะ ตอนนนั้ ผมไปราชการอะไร ไปหมูบ่ ้าน ไปประชมุ ประชาชน เร่ืองของยูนเิ ซฟนี้ล่ะ”
323
ท่านรู้ล่วงหน้าหรือไม่ว่าความตายรออยู่
เร่ืองที่ท่านพระอาจารย์จวน กลุ เชฏฺโ จะอยูไ่ ปจนอายุ ๙๐ กวา่ น้ี ท่านพดู ให้ลูกศิษยฟ์ งั อยู่
โดยทา่ นพระอาจารย์ประสงค์ จารธุ มฺโม ได้เมตตาเลา่ เรือ่ งน้ไี วด้ ังนี้
“หลวงปู่จวนท่านว่าจะอยู่ ๙๐ คร้ังหน่ึงหมอประพักตร์มาจังหันน่ีแหละ ได้ยินท่านว่าอยู่
“ถา้ เฮา (เรา) อยู่ ถ้า ๙๐ เฮากเ็ ทยี วข้ึนเทยี วลงอย่นู ี่แล้ว” วา่ เทียวข้ึนเทียวลง ๙๐ กจ็ ะขึ้นได้”
เมอ่ื วันศุกร์ที่ ๑ กมุ ภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๒๓ ซึง่ ตรงกับวนั มาฆบูชา ท่านพระอาจารยจ์ วนเทศน์
โดยตง้ั ตน้ เรอื่ งพระพทุ ธเจา้ ทรงปลงพระชนมายสุ งั ขาร “นบั แตว่ นั นไ้ี ปอกี สามเดอื น เราตถาคตจะขอลา
พวกท่านทั้งหลายเข้าสู่พระนิพพาน เพราะอายุสังขารของเราสุดส้ินลงเพียงแค่น้ัน ให้พระอานนท์
ประกาศแก่สงฆ์ท้ังหลายให้ทราบทั่วกัน....” ซ่ึงปกติก่อนเทศน์ ท่านต้องมีอารัมภบทเล็กน้อยก่อน
เสมอ เชน่ ให้หลบั ตาน่งั สงบจิต ตั้งใจฟัง... วันนีจ้ ะเทศนเ์ รอ่ื งปจั ฉมิ โอวาท ฯลฯ หรอื อะไรเหล่านี้
แต่วันน้ันทา่ นตง้ั ต้นเชน่ น้ันเลยทเี ดยี ว
เมื่อทา่ นพระอาจารย์จวนพาศษิ ยไ์ ปธดุ งคท์ ่ีภวู ัวกับท่านตอนต้นเดือนกมุ ภาพันธ์ ๒๕๒๓ และ
ช่วงกอ่ นที่ทา่ นจะมรณภาพดว้ ยเครือ่ งบินตก ท่านมักเทศนถ์ งึ เรื่องการพลัดพรากจากสงิ่ ทีร่ กั ทชี่ อบใจ
เปน็ ทกุ ขบ์ อ่ ยๆ เทศน์เรื่องกรรม เทศน์เรอ่ื งปจั ฉมิ โอวาทหลายคร้งั
การเทศนาธรรมของท่านพระอาจารย์จวน ในเรือ่ งกรรม เร่อื งการเกิด แก่ เจบ็ ตาย เปน็
ธรรมดา การเทศน์เร่ืองการพลัดพรากจากสิ่งท่ีรักท่ีชอบใจ เป็นปรกติธรรมดาของท่าน ท่านเทศน์
เตอื นเพ่อื มิใหศ้ ิษย์พากันประมาทตอ่ ความตาย แตม่ คี วามหมายท่ีท�ำให้ศิษย์หลายคนต่างรูส้ กึ ว่าท่าน
จะจากพวกเขาไปในไม่ช้า
ในเดือนเมษายน พ.ศ. ๒๕๒๓ อันเปน็ เดือนทีท่ ่านพระอาจารยจ์ วนจะมรณภาพนน้ั ท่านได้รับ
กิจนิมนตส์ �ำคญั เน่ืองในวันพระราชสมภพของสมเดจ็ พระเทพรตั นราชสดุ าฯ วนั ท่ี ๒ เมษายน พ.ศ.
๒๕๒๓ โดยวนั ท่ี ๑ เมษายน พ.ศ. ๒๕๒๓ ท่านและท่านพระอาจารยว์ นั ได้โดยสารเครื่องบนิ เดินทาง
เข้ากรุงเทพฯ ด้วยกนั โดยพักที่บา้ นเรือนไทย ลาดพรา้ ว พอเสร็จพิธแี ลว้ วันท่ี ๓ เมษายน ท่านพระ
อาจารยว์ นั มคี วามจ�ำเปน็ ต้องเดนิ ทางกลบั ไปกอ่ น เน่ืองจากทางวดั ถ�้ำอภัยดำ� รงธรรมมงี านนมัสการ
พระมงคลมุจลินทร์บนถ�้ำพวงในวันเดียวกัน โดยท่านเป็นประธานในงาน และจะมีพิธีขอฝนช่วย
ชาวเมอื งสกลนครดว้ ย
ส�ำหรับท่านพระอาจารย์จวน ท่านต้ังใจจะกลับไปพร้อมกับท่านพระอาจารย์วัน ท่านว่า
มาดว้ ยกนั กก็ ลบั ดว้ ยกนั แตเ่ มอื่ พวกศษิ ยท์ างกรงุ เทพฯ กราบออ้ นวอนทา่ น ขอใหท้ า่ นเมตตาอยตู่ อ่ ไป
กอ่ นจนถึงวนั ศุกร์ หรือวนั ที่ ๔ เมษายน พวกศษิ ย์จะขอตดิ ตามทา่ นกลบั ภทู อกด้วย โดยไมต่ อ้ งลางาน
ทา่ นกเ็ มตตารอ คราวนั้นมีพวกศษิ ยต์ ิดตามท่านกลับไปสบิ กวา่ คน และไดอ้ ้อนวอนขอใหท้ า่ นแวะพา
324
ไปกราบเยี่ยมทา่ นพระอาจารยว์ นั ท่วี ดั ถ�้ำอภยั ด�ำรงธรรม (ถ�้ำพวง) ดว้ ย ท่านกต็ อบตกลง ขบวนรถ
ออกเดินทางจากกรงุ เทพฯ วิ่งไปตลอดคืน พอสวา่ งก็ถึงวดั ไดท้ ันถวายจังหนั เช้าพอดี ท่านไดฉ้ นั จังหนั
เช้าทว่ี ัดร่วมกบั ทา่ นพระอาจารยว์ ัน
ในขณะอยู่ที่ถ้�ำพวง ท่านพระอาจารย์จวนก็เมตตาน�ำคณะศิษย์จากกรุงเทพฯ ไปเย่ียมชม
สถานท่ีทุกจุดที่อยู่ในประวัติของท่าน เมื่อคราวที่ท่านเคยจ�ำพรรษาอยู่ที่ถ�้ำพวงในปี พ.ศ. ๒๔๙๓
เชน่ เรอื่ งถ้�ำพระอรหนั ต์ ชอ่ื พระนรสีห์ มานพิ พาน เร่ืองกระต่ายมายนื ภาวนา เวลาท่านเดนิ จงกรม
ถ้�ำที่ท่านพกั อยู่ เปน็ ต้น จากนั้นทา่ นและคณะศษิ ย์ก็เดินทางกลบั ภทู อก
ท่านพระอาจารย์จวนทราบเหตุการณ์ล่วงหน้าอยู่แล้วว่า ท่านจะมรณภาพด้วยเครื่องบินตก
โดยก่อนหน้าน้ันท่านได้ปรารภเร่ืองน้ีกับคุณหมอประพักตร์ โสฬสจินดา ส�ำหรับในเรื่องการท�ำศพ
ของท่านน้ัน ทา่ นไม่ไดป้ รารภใดๆ กับพระศิษย์ เพราะวงกรรมฐานถือเป็นครอบครัวเดยี วกนั และ
บรรดาศิษยท์ ้งั พระ เณร แม่ชี และฆราวาสตา่ งต้องรว่ มแรงร่วมใจกันท�ำศพถวายทา่ นดว้ ยความเคารพ
เทดิ ทูนบชู าอยา่ งสมเกยี รติอยแู่ ล้ว ส่วนฆราวาสน้ัน ในระหว่างอยู่ที่ภทู อก บ่ายวนั หนึ่งทา่ นไดป้ รารภ
เรอ่ื งการทำ� ศพของท่านกบั คณุ สุรีพนั ธุ์ จากหนังสือกลุ เชฏฐาภิวาท ไดบ้ นั ทึกเรอ่ื งน้ไี ว้ดงั นี้
“เส... เส ช่วยท�ำศพให้อาตมาดว้ ยได้ไหม ?”
หลงั จากทา่ นพระอาจารยจ์ วนพาคณะศิษยไ์ ปธดุ งค์ภวู ัวในเดอื นเมษายนปี ๒๕๒๒ ท่านมักจะ
เรยี ก “เส” แทน โดยคณุ ชายทววี ฒั นา เกษมศรี เรียกน�ำขึน้ ก่อน ท่านได้ยนิ เขา้ กเ็ ลยเรียก “เส” บ้าง
และท่านเรยี กจนตดิ ปาก มีครบู าอาจารยอ์ งคอ์ ืน่ ถาม ทา่ นก็อธิบายว่าเขาเปน็ เสนาธิการทางทำ� บุญ
เปน็ เสกฐิน เสผ้าปา่ เสธุดงค์
วนั นัน้ ท่านพระอาจารย์จวนเรียก “เส” ทา่ นถามซ�้ำ “วา่ ไง เส... ท�ำศพให้อาตมาได้ไหม ?” โดย
๒ เดือนก่อนหนา้ น้นั ทา่ นยงั พูดถงึ เรื่องทที่ า่ นและทา่ นพระอาจารย์วันจะอย่เู หมอื นหลวงป่ขู าว และ
หลวงปู่แหวน จงึ ค้านว่า “จะท�ำศพอย่างไรเจ้าคะ ทา่ นอาจารย์จะอยถู่ งึ เก้าสบิ กวา่ ไม่ใช่หรอื เจ้าคะ”
ท่านก็ว่ายิ้มๆ “ก็ถ้าเผื่อมันต้องเปลี่ยนแปลงล่ะ ?” จึงตอบท่านไปว่า “ถ้าอย่างน้ันก็ท�ำถวายได้ซี
เจ้าคะ” กราบเรียนทา่ นแล้วก็มไิ ด้นกึ อะไรอีก จนตอ่ มาเกิดอุบัตเิ หตแุ ลว้ จึงนกึ กนั ได้
วนั ทก่ี ราบลาทา่ นเป็นครง้ั สดุ ท้ายคอื เชา้ วันที่ ๘ เมษายน ๒๕๒๓ ทา่ นสั่งก�ำชบั ลกู ศิษย์ พวก
ที่ชอบแขวนเหรียญ มีด้ายสายสิญจน์ผูกข้อมือ ท่านก็บอกให้ถอดทิ้งในวันนั้นเอง “นักปฏิบัติแล้ว
ไมต่ อ้ งมหี รอก” และสง่ั ว่า “เวลาไม่มคี รบู าอาจารย์ก็ปฏิบตั ไิ ปนะ อยา่ ถอยหลงั ”
ระหวา่ งทีม่ าพักอย่เู รอื นไทย ลาดพร้าว เดือนเมษายน ครงั้ หลังนเี้ อง ทีท่ า่ นพระอาจารยว์ นั
และทา่ นพระอาจารย์จวนคุยกนั เร่ืองเกษียณ ไม่รับนมิ นตอ์ กี ต่อไป