The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

เอกสารประกอบการสอน_161429 เล่มที่ 2

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by Narin Nonthamand, 2021-05-04 13:58:10

เอกสารประกอบการสอน_161429 เล่มที่ 2

เอกสารประกอบการสอน_161429 เล่มที่ 2

70

ทวีตเตอร์ไฟฟ้าสถิตทำงานบนหลักการเดียวกันกบั ลำโพงไฟฟ้าสถิตแบบฟูลเรนจ์หรือ
หูฟังไฟฟ้าสถิตคู่หนึ่ง ลำโพงประเภทนี้ใช้ไดอะแฟรมแบบบาง (โดยทั่วไปจะเป็นพลาสติกและ
โดยทั่วไปคือฟิลม์ PET) โดยมีการเคลือบนำไฟฟ้าบาง ๆ แขวนอยู่ระหว่างสองหน้าจอหรือแผ่น
โลหะเจาะรูซึ่งเรียกว่าสเตเตอร์ เอาท์พุทของแอมพลิฟายเออร์สำหรับการขับขี่ถูกนำไปใช้กับ
เมนหลักของหม้อแปลงแบบ step-up ที่มีตัวรองแบบเคาะตรงกลางและใช้แรงดันไฟฟ้าสงู มาก
- หลายร้อยถึงหลายพันโวลต์ระหว่างก๊อกกลางของหม้อแปลงและไดอะแฟรม ไฟฟ้าสถิต
ประเภทนี้จำเป็นต้องมีแหล่งจ่ายไฟแรงดันสูงเพื่อให้ได้แรงดันไฟฟ้าสูงที่ใช้ สเตเตอร์เชื่อมต่อ
กับขั้วที่เหลือของหม้อแปลง เมื่อสัญญาณเสียงถูกนำไปใช้กับตัวหลักของหม้อแปลงสเตเตอร์
จะขับเคลือ่ นด้วยไฟฟ้า 180 องศานอกเฟสสลบั กันดึงดูดและขบั ไล่ไดอะแฟรม วิธีที่ไม่ธรรมดา
ในการขบั ลำโพงไฟฟ้าสถิตโดยไม่ใช้หม้อแปลงคอื การเชื่อมต่อแผ่นของแอมพลิฟายเออร์หลอด
สุญญากาศแบบผลักดึงเข้ากับสเตเตอร์โดยตรงและจ่ายแรงดันไฟฟ้าสูงระหว่างไดอะแฟรม
และกราวด์ไฟฟ้าสถิตช่วยลดความผิดเพี้ยนของฮาร์มอนิกแบบเรียงลำดับได้เนื่องจากการ
ออกแบบแบบผลัก นอกจากนี้ยังมีการบิดเบือนเฟสน้อยที่สุด การออกแบบค่อนข้างเก่า
(สิทธิบัตรดั้งเดิมมีขึ้นในช่วงทศวรรษที่ 1930) แต่มีตลาดในกลุ่มเล็กมากเนื่องจากมีต้นทุนสูง
ประสิทธิภาพต่ำมีขนาดใหญ่สำหรบั การออกแบบแบบครบวงจรและความเปราะบาง

2.5.7 AMT tweeter

ภาพที่ 7.72 7 AMT tweeter

ภาพจาก : https://www.audiohobby.eu/et/mundorf-amt-tweeters/8772-amt-tweeter-mundorf-amt25cm11-r.html

7 AMT tweeter หรือ ทวีตเตอร์ Air Motion Transformer ทำงานโดยการดันอากาศ
ออกในแนวตั้งฉากจากไดอะแฟรมแบบจีบ ไดอะแฟรมเป็นรอยจีบของฟิลม์ (โดยท่ัวไปคือฟิลม์
PET) รอบ ๆ เสาอลูมิเนียมที่อยู่ในสนามแม่เหล็กแรงสูง ในช่วงหลายสิบปีที่ผ่านมา ESS of
California ได้ผลิตชุดลำโพงไฮบริดโดยใช้ทวีตเตอร์ดังกล่าวพร้อมกับวูฟเฟอร์แบบเดิมโดยอ้าง
ว่าพวกเขาเป็นตัวแปลงสัญญาณ Heil หลังจาก Oskar Heil นักประดิษฐ์ของพวกเขา พวกมันมี

71

ความสามารถในระดับเอาต์พุตที่มากและค่อนข้างทนทานกว่าอิเล็กโทรสแตติกส์หรือริบบอน
แต่มีองค์ประกอบที่เคลื่อนไหวมวลต่ำคล้ายกัน ไดรเวอร์ AMT ส่วนใหญ่ที่ใช้อยู่ในปัจจุบันมี
ความคล้ายคลึงกันในด้านประสิทธิภาพและการตอบสนองความถี่กับการออกแบบ Oskar Heil
ด้ังเดิมในปี 1970

2.5.8 Horn tweeter

ภาพ 7.73 Horn tweeter
ภาพจาก : https://www.audiohobby.eu/et/mundorf-amt-tweeters/8772-amt-tweeter-

mundorf-amt25cm11-r.html
Horn tweeter หรือ ทวีตเตอร์ฮอร์น คือทวีตเตอร์ใด ๆ ข้างต้นคู่กับโครงสร้างบานหรือ
ฮอร์น แตรใช้เพื่อวัตถุประสงค์สองประการ - เพื่อควบคุมการกระจายตัวและเพื่อเชื่อมต่อ
ไดอะแฟรมทวีตเตอร์กับอากาศเพื่อประสิทธิภาพที่สูงขึ้น ทวีตเตอร์ในทั้งสองกรณีมักเรียกว่า
โปรแกรมควบคมุ การบีบอัดและคอ่ นข้างแตกต่างจากทวีตเตอรท์ ัว่ ไป (ดูด้านบน) แตรที่ใชอ้ ย่าง
ถูกต้องจะปรับปรุงการตอบสนองนอกแกนของทวีตเตอร์โดยการควบคุม (เช่นการลด) ทิศทาง
ของทวีตเตอร์ นอกจากนี้ยังสามารถปรับปรุงประสิทธิภาพของทวีตเตอร์โดยเชื่อมต่อ
อิมพีแดนซ์อะคูสติกที่ค่อนข้างสูงของไดรเวอร์กับอิมพีแดนซ์ที่ต่ำกว่าของอากาศ ยิ่งแตรมี
ขนาดใหญ่เท่าใดความถี่ในการทำงานก็จะยิ่งต่ำลงเท่านั้นเนื่องจากแตรขนาดใหญ่ให้การ
เชื่อมต่อกับอากาศที่ความถี่ต่ำกว่า แตรมีหลายประเภทรวมถึงทิศทางตามแนวรัศมีและคงที่
(CD) ทวีตเตอร์แบบฮอร์นอาจมีลายเซน็ โซนิคที่ 'แตกต่าง' ไปจากทวีตเตอร์แบบโดมทัว่ ไป แตร
ที่ออกแบบมาไม่ดีหรือแตรแบบไขว้ที่ไม่ถูกต้องมีปัญหาที่คาดเดาได้ในความแม่นยำของ
เอาต์พุตและภาระที่พวกมันแสดงไปยังแอมพลิฟายเออร์ บางทีอาจกังวลเกี่ยวกับภาพลักษณ์
ของแตรที่ออกแบบมาไม่ดีผู้ผลิตบางรายใช้ทวีตเตอร์ที่โหลดแตร แต่หลีกเลี่ยงการใช้คำนี้ คำ
สละสลวยของพวกเขา ได้แก่ "รูรับแสงรูปไข่" "กึ่งแตร" และ "ควบคุมทิศทาง" อย่างไรก็ตามนี่
คือรูปแบบของการบีบแตร

72

2.5.9 Plasma or ion tweeter

ภาพที่ 7.74 Plasma or ion tweeter
ภาพจาก : https://www.lansche-audio.com/products/plasmatweeter/
เนื่องจากก๊าซทีแ่ ตกตัวเปน็ ไอออนมีประจไุ ฟฟ้าและสามารถควบคมุ ได้ด้วยสนามไฟฟ้า
ที่แปรผันจึงเป็นไปได้ที่จะใช้พลาสม่าทรงกลมขนาดเล็กเป็นทวีตเตอร์ ทวีตเตอร์ดังกล่าว
เรียกว่าทวีตเตอร์ "พลาสมา" หรือทวีตเตอร์ "ไอออน" มีความซับซ้อนกว่าทวีตเตอร์อื่น ๆ (ไม่
จำเป็นต้องมีการสร้างพลาสมาในประเภทอื่น) แต่มีข้อได้เปรียบที่มวลเคลื่อนที่ต่ำที่สุดและ
ตอบสนองต่อสัญญาณเข้าได้ดีมาก ทวีตเตอร์ประเภทนี้ไม่สามารถให้เอาต์พุตได้สูงและอื่น ๆ
นอกเหนอื จากการสร้างความถีส่ งู มากดงั นั้นจึงมกั ใช้ที่คอของโครงสร้างฮอร์นเพื่อจัดการระดับ
เอาต์พุตที่ใช้ได้ ข้อเสียอย่างหนึ่งคือโดยทั่วไปแล้วพลาสมาอาร์คจะผลิตโอโซนซึ่งเป็นก๊าซพิษ
ในปริมาณเล็กน้อยเป็นผลพลอยได้ ด้วยเหตุนี้ลำโพง "แมกนาสเฟียร์" ของ Magnat ที่ผลิตใน
เยอรมันจึงถูกห้ามนำเข้าสหรฐั อเมริกาในช่วงทศวรรษที่ 1980 ในอดีตซัพพลายเออร์ที่โดดเด่น
คือ DuKane ใกล้กับ St Louis ในสหรัฐอเมริกาซึ่งเป็นผู้ผลิต Ionovac; นอกจากนี้ยังจำหน่ายใน
รูปแบบของสหราชอาณาจักรเช่น Ionophane Electro-Voice สร้างโมเดลในช่วงเวลาสั้น ๆ
ภายใต้ใบอนุญาตจาก DuKane แบบจำลองแรก ๆ เหล่านี้มีความจู้จี้จุกจิกและต้องการการ
เปลี่ยนเซลล์ที่สร้างพลาสมาเป็นประจำ (หน่วย DuKane ใช้เซลล์ควอทซ์ที่มีความแม่นยำสูง)
เป็นผลให้พวกเขาเป็นหน่วยที่มีราคาแพงเมื่อเทียบกับการออกแบบอื่น ๆ บรรดาผู้ที่เคยได้ยิน
Ionovacs รายงานว่าในระบบลำโพงที่ออกแบบมาอย่างสมเหตุสมผลเสียงสูงนั้น 'โปร่ง' และมี
รายละเอียดมากแม้ว่าจะไม่สามารถให้เอาต์พุตที่สูงได้ ในช่วงทศวรรษที่ 1980 ลำโพง
Plasmatronics ยังใช้ทวีตเตอรแ์ บบพลาสม่าแมว้ ่าผู้ผลติ จะไม่ได้อยใู่ นธุรกิจมานานมากนักและมี
การขายหน่วยที่ซับซ้อนเหลา่ นีเ้ พียงไมก่ ี่ชิน้

73

โหมดการทำงานของทวีตเตอร์พลาสม่ามีหน้าที่รับผดิ ชอบในเรื่องนี้โดยที่เสียงจะไม่ถูก
สง่ ออกไปผา่ นเมมเบรนที่ประกอบด้วยวสั ดุคงที่ แตเ่ ป็นสือ่ ทีถ่ า่ ยทอดเสียง อากาศนั่นเอง ส่วน
โค้งยาว 8 มม. ตั้งอยู่ระหว่างวงแหวนโค้งขนาดเล็กมากตรงกลางห้องเผาไหม้และอิเล็กโทรด
ด้านนอกไฟฟ้าแรงสูงที่วางอยู่นอกห้องเผาไหม้ของทวีตเตอร์ ส่วนโค้งนี้ก่อตัวเป็นเมฆก๊าซที่
แตกตัวเป็นไอออน (สนามไอออน) ซึ่งมีพื้นที่น้อยกว่าห้าเท่าและมีน้ำหนักน้อยกว่า 100,000
เท่า (บางส่วนมีน้ำหนักน้อยเท่าอะตอม) เมื่อเทียบกับเมมเบรนคงที่ และแน่นอนว่าควรนับ
น้ำหนักของตัวขบั (ขดลวดเคลื่อนที)่ ของเมมเบรนด้วยเนือ่ งจากทั้งสองเป็นสว่ นที่เคลือ่ นท่เี ป็น
ชิ้นเดียว) สัญญาณดนตรีนั้นได้รับการมอดูเลตและทำให้ทุกจุดภายในปริมาตรของสนาม
อิออนถูกเร่งอย่างพร้อมเพรียงกันโดยการเปลี่ยนแปลงของความแรงของสนามไฟฟ้า การ
เคลื่อนไหวที่เป็นอิสระที่น่ารำคาญซึ่งเป็นลักษณะของลำโพงเมมเบรนแบบวงแหวนแบนนั้นมี
ผลกระทบจากน้ำหนักของพวกเขาระบบวงดนตรีขนาดเล็กหรือตัวแทนอื่น ๆ ของทวีตเตอร์
"โรงเรียนเก่า" จะไม่เกิดขึ้นโดยใช้หลักการนี้ อันเป็นผลมาจากการแทบจะลากฟรี (เฉพาะ
น้ำหนกั ของอากาศ) และการปล่อยแหล่งทีม่ าแบบเสมือนจริงท้ังการสญู เสียความเข้มหรือเสียง
ทิศทางจะไมเ่ กิดขึน้ ในพื้นทีร่ บั ฟังผ่านสญั ญาณรบกวน เสียงนั้นถูกสร้างข้ึนในน่านฟ้าขนาดเล็ก
ที่แตกตัวเป็นไอออนโดยการกระตุ้นโดยตรงของโมเลกุลของอากาศและกระจายออกจากที่นั่น
เพื่อเพิ่มการปรับตัวของเสียงและเพิ่มประสิทธิภาพ สัญญาณเสียงแหลมทั้งหมดจะถูก
ประมวลผลภายในความเที่ยงตรงของหูอย่างเที่ยงตรงและสอดคล้องกัน ไม่มีข้อผิดพลาดใน
แอมพลิจูดและเฟส เสียงที่ไม่ต้องการอยู่เหนือช่วงของเครื่องขยายเสียงที่ดีที่สุดและอยู่เหนือ
แหล่งที่มาของสัญญาณรบกวนที่มี ทวีตเตอร์พลาสม่า สำหรับการสร้างเสียงกลางและเบส
เพียงอย่างเดียวซึ่งต้องมีการเคลื่อนย้ายมวลจำนวนมากมีต้นทุนทางวิศวกรรมที่มหาศาล
เพื่อให้ได้การสร้างเสียงที่ตรงกันโดยไม่ต้องหน่วงเวลาระหว่างการสร้างเสียงสูงที่แทบไม่มีมวล
และการสร้างเสียงที่เหลือเป็นจำนวนมาก ของสเปกตรัมเสียง แน่นอนว่าความเร็วที่ใกล้เคียง
กันนั้นไม่สามารถเข้าถึงได้ด้วยลำโพงเสียงกลางหรือวูฟเฟอร์ ความเร็วของโมเลกุลอากาศที่
เคลื่อนที่ (และของเมมเบรนที่ขับเคลื่อนด้วย) เป็นสัดส่วนกับความถี่โดยใช้ความเร็วน้อยกว่า
100 เทา่ ในการสร้าง 100Hz มากกว่า 10kHz ถึงกระนน้ั กต็ ามสำหรับผู้พดู ที่มีนำ้ หนักตัวเองสิ่งนี้
ยังคงเป็นความท้าทายที่ยิ่งใหญ่ ปัญหานี้ไม่เกิดขึ้นกับลำโพงที่มีทวีตเตอร์แบบเดิม ด้วยความ
เฉื่อยชามากขึ้นและดว้ ยเหตุนกี้ ารส่งผ่านของเสียงแหลมทีช่ ้าลงการจบั คู่จงึ ค่อนข้างง่ายสำหรับ
การเคลือ่ นไหวที่เฉือ่ ยชาในความถีก่ ลางและโดยเฉพาะอย่างยิ่งในยา่ นเบส

74

2.6 ลำโพงฟลู เรนจ์ (Full Range)

ภาพที่ 7.75 ลำโพงฟลู เรนจ์

ภาพจาก : http://www.memoaudio.com/product/99/grs-8fr-8-full-range-8quot-speaker-pioneer-type-b20fu20-51fw

ชุดขับลำโพงฟูลเรนจ์ถูกกำหนดให้เป็นไดรเวอร์ที่สร้างช่วงความถี่เสียงให้มากที่สุด
เท่าที่จะเป็นไปได้ภายในข้อ จำกัด ที่กำหนดโดยข้อ จำกัด ทางกายภาพของการออกแบบ
เฉพาะ ช่วงความถี่ของไดรเวอร์เหล่านี้ถูกขยายให้ใหญ่ที่สุดโดยใช้กรวยวิซเซอร์และวิธีการ
อื่น ๆ ระบบไดรเวอร์เดี่ยวส่วนใหญ่เช่นในวิทยุหรือการออกแบบลำโพงคอมพิวเตอร์ขนาดเลก็
ไม่สามารถสร้างความถี่เสียงทั้งหมดหรือช่วงเสียงที่ได้ยินทั้งหมด (เช่นเสียงที่อยู่ในช่วงการได้
ยินของมนุษย์) ลำโพงฟูลเรนจ์จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องเรียนรู้เกี่ยวกับเสียงของมนุษย์ ความถี่
เสียงวัดเป็นเฮิรตซ์ (Hz) หรือจำนวนครั้งที่สัญญาณเสียงดังขึ้นแล้วตกลงภายในหนึ่งวินาที
ลำโพงคุณภาพถูกสร้างข้ึนใหม้ ีท้ังความถี่สูงและต่ำในระดับทีไ่ ด้ยินกบั หูของมนุษย์ หูของมนุษย์
สามารถได้ยินทุกความถี่ตั้งแต่ 20 Hz ถึง 20,000 Hz (20 kHz) เพื่อให้เข้าใจแนวคิดนี้เรา
สามารถพูดได้ว่าลำโพงบางตัวให้เสียงเบสที่เร้าใจที่ 20 Hz และสัญญาณความถี่สูงทะลุ
20,000 Hz (20 Hz) ลำโพงฟูลเรนจ์สามารถสร้างความถี่เหล่านี้ได้เกือบทั้งหมดภายใต้ข้อ
จำกัด ของข้อ จำกัด ทางกายภาพ นั่นหมายความว่าการออกแบบลำโพงสามารถส่งผลต่อ
คุณภาพของลำโพงฟูลเรนจ์ คำว่า“ Full-Range” หมายถึงลำโพงที่ครอบคลุมช่วงเสียงของ
มนุษย์ทั้งหมด ลำโพงฟูลเรนจ์ส่วนใหญ่มีความถี่ต่ำประมาณ 60-70 เฮิร์ตซ์ หน่วยที่ใหญ่ขึ้น
พร้อมไดรเวอร์ 15 "จะเข้าถึงความถี่ต่ำในขณะที่ไดรเวอร์ LF 10" หรือน้อยกว่านั้นจะหมุนเข้า
ใกล้ 100 Hz ช่วงความถี่สูงของอุปกรณด์ ังกล่าวมักจะขยายได้ถึง 18 kHz ดังนั้นลำโพงรูปแบบ
ขนาดเล็กที่มีไดรเวอร์ HF มวลต่ำมากจะมีการขยายช่วงเหนือระบบกำลังสูง มีไดอะแฟรมที่
หนักกว่าเพือ่ รองรับความตอ้ งการพลังงาน ชว่ งความถีต่ ำ่ ของระบบเหลา่ น้ไี ม่จำเปน็ ต้องทำงาน
ด้วยตัวเองที่ส่วนล่างสุด พวกมันอาจทับซับวูฟเฟอร์หรืออาจข้ามไปเหนือจุดตัด LF ของพวก
เขาและลดการสง่ ผ่านความถี่ต่ำ เป็นลำโพงทีส่ ามารถกระจายเสียงได้ดีตลอดย่านความถี่เสียง
ซึ่งจะอยู่ในย่านความถี่เสียงประมาณ 50 – 17,000 Hz มีขนาดใหญ่พอกับลำโพงเสียงทุ้ม (วูฟ

75

เฟอร์) โดยทั่วไปแล้วชุดขับเคลื่อนแบบฟูลเรนจ์ประกอบด้วยองค์ประกอบไดรเวอร์เดียวหรือ
คอยล์เสียงที่ใช้ในการเคลื่อนย้ายและควบคุมไดอะแฟรม บ่อยครั้งที่โครงสร้างรูปกรวยมีการ
ปรบั ใหเ้ หมาะสมเพื่อเพิม่ ประสิทธิภาพความถีส่ ูง ตัวอยา่ งเชน่ สามารถติดต้ังฮอร์นมวลต่ำขนาด
เล็กหรือกรวยวิซเซอร์ที่คอยล์เสียงและไดอะแฟรมซึ่งจะช่วยเพิ่มเอาต์พุตที่ความถี่สูง รูปทรง
และวัสดทุ ี่ใชใ้ นกรวยและที่ปิดหูได้รบั การปรับให้เหมาะสมที่สุดการจดั เรียงอืน่ ใช้โดมแผ่แทนฝา
ครอบกนั ฝนุ่ ตามปกติ มีการใชง้ านทางเสียง ในตวั ขับเสียงส่วนใหญ่ฝาปิดกันฝุ่นน้ันถูกสร้างขึ้น
เพื่อให้มีความเฉื่อยทางเสียง บางครั้งฝาปิดกันฝุ่นอยู่ในรูปของรูปทรงกรวยขนาดเล็กโดยอ้าง
ว่าช่วยเพิม่ การกระจายตัวทีค่ วามถี่สงู ขึน้ การออกแบบอืน่ ๆ ก็เพียงแค่ปรบั เปลี่ยนไดอะแฟรม
และโดม / วัสดุที่ปิดสนิทแทนที่จะเชื่อมต่อกับไดอะแฟรมเพื่อให้ได้การทำงานแบบเต็มช่วงใน
การออกแบบบางอย่างไดอะแฟรมหลกั อาจเชื่อมต่อกบั วอยซ์คอยลโ์ ดยใช้พันธะทีส่ อดคล้องกัน
เพื่อให้การสั่นสะเทือนความถี่สูงไม่ถูกส่งเข้าไป แต่ให้ย้ายกรวยวิซเซอร์แทน เทคนิคการใช้
ไดอะแฟรมคู่ (หรอื ดดั แปลง) ทีเ่ ป็นไปตามมาตรฐานสำหรบั ความถี่ต่ำและวิซเซอร์เสริมหรือฝา
ปิดฝุ่น (โดม) ที่ปรับเปลี่ยนสำหรับการตอบสนองความถี่สูงของลำโพงเป็นการใช้งานเชิงกล
ของครอสโอเวอร์เสียง เนื่องจากข้อกำหนดของไดรเวอรฟ์ ลู เรนจ์มีทั้งการตอบสนองความถี่ตำ่
และความถี่สูงที่ดี (ซึง่ ขัดแย้งกันในแง่ของโครงสร้างทางกายภาพ) ไดรเวอร์แบบฟูลเรนจ์มักจะ
จำกัด ให้ครอบคลุมสเปกตรัมเสียงที่สูงกว่า 100 เฮิรตซ์โดยปล่อยให้ความถี่ต่ำกว่า ได้รับการ
จัดการ / เสริมด้วยซับวูฟเฟอรแ์ ยกต่างหากหรือโดยการออกแบบตู้พิเศษสำหรับการเสริมแรง
ความถี่ต่ำ ข้อกำหนดเหล่านี้มักจะหมายความว่าฟูลเรนจ์ต้องมีความไวที่ดี (สำหรับความถี่ต่ำ
กว่า) พร้อมวอยซ์คอยลท์ ีเ่ บา (สำหรบั ความถีส่ งู ) - ลำโพงเหล่านีม้ กั ใช้แมเ่ หล็กที่ใหญ่กว่าหรือ
ทรงพลังมากกว่าปกติซึง่ จะช่วยเพิ่มความไวและทำให้พลงั งานต่ำลง ความตอ้ งการที่ความถี่ต่ำ
และการอนญุ าตใหใ้ ช้วอยซ์คอยลท์ ีเ่ บากว่า นอกจากนีห้ ลายคนมีการทัศนศกึ ษาสูงสุดที่ จำกัด
โดยต้องใช้เปลือกพิเศษซึ่งไม่จำเป็นต้องมีการทัศนศึกษาขนาดใหญ่ที่ความถี่ต่ำเพื่อให้ได้
เอาต์พตุ ต่ำสดุ ทีเ่ หมาะสม

76

ภาพที่ 7.76 ลำโพงฟูลเรนจ์

ภาพจาก : https://en.wikipedia.org/wiki/Full-range_speaker#/media/File:Mo-sound-ballspeaker-porzellanmanufaktur_augarten.jpg

มีข้อยกเว้นที่หายากที่ใช้หลายองค์ประกอบในการขับเคลื่อนไดอะแฟรมทั่วไป แต่สิ่ง
เหลา่ น้ไี ม่ควรสับสนกับลำโพงโคแอกเซียลทีใ่ ชอ้ งคป์ ระกอบแยกและจัดแนวศูนย์กลางเพื่อให้ได้
ช่วงการสรา้ งที่ต้องการและไม่ถูกจดั ประเภทเป็นไดรเวอร์ฟลู เรนจ์อย่างเครง่ ครัด ไดรเวอร์แบบ
ฟูลเรนจ์มีให้เห็นในแอพพลิเคชั่นตั้งแต่โทรทัศน์และลำโพงคอมพิวเตอร์ไปจนถึงระบบลำ โพง
ไฮไฟ ประสทิ ธิภาพของไดรเวอรไ์ ด้รับผลกระทบอย่างมากจากกลอ่ งหุ้มของพวกเขาและเปลือก
หุ้มจะแตกต่างกันไปตั้งแต่กล่องพลาสติกสีเบจธรรมดาที่ระดับต่ำสุดของสเกลไปจนถึงกล่อง
หมุ้ ที่มีแตรขนาดใหญ่พร้อมประสทิ ธิภาพเสียงทีน่ ่าทึ่ง

ชุดฟูลเรนจ์จำนวนมากถูกนำมาใช้ในระบบเสียงเชิงพาณิชย์ซึ่งอาจใช้ไดรเวอร์ฟลู เรนจ์
ขนาด 200 มม. (8 ") จำนวนหนึ่งติดตั้งไว้ในเพดานที่ถูกระงับหรือกล่องหุ้ม 'กล่องด้านหลัง'
ขนาดเลก็ สิง่ เหลา่ น้สี อ่ื ถึงดนตรปี ระกอบ และประกาศให้คนงานและผมู้ าเยี่ยมชมในร้านค้าปลีก
และพื้นที่สาธารณะแม้ว่าไดรเวอร์เหล่านี้จะถูกจัดประเภทเป็น 'ฟูลเรนจ์' แต่อาจมีความ
ถูกต้องมากกว่าทีจ่ ะเรียกพวกเขาว่าไดรเวอร์ 'ช่วงกว้าง' เนื่องจากความสามารถในการส่งออก
ของพวกเขาแทบจะไม่ขยายไปถึงขั้นสุดขั้ว ของช่วงความถี่ผู้ผลิตหลายรายสร้างไดรเวอร์ฟูล
เรนจ์ขนาดเล็ก (โดยทั่วไปคือ 115 มม. (4.5 ") ลงในกล่องหุ้มขนาดเล็กและในจำนวนนี้รวมถึง
หม้อแปลงขนาด 25 หรือ 70 โวลต์สำหรับใช้กับระบบเสียงเชิงพาณิชย์ที่ใช้สายลำโพงยาว .
ระบบลำโพงฟูลเรนจ์บางระบบได้รับการออกแบบให้มีไดรเวอร์ จำกัด และต้องใช้กับอีควอ
ไลเซอร์เพือ่ ทำใหแ้ บนและขยายการตอบสนองความถี่ขณะที่ระบบอื่น ๆ สามารถตอบสนองได้
โดยไมต่ อ้ งใชค้ วามช่วยเหลือทางอเิ ลก็ ทรอนิกส์ มีระบบลำโพงฟูลเรนจท์ ี่ใช้ไดรเวอร์เดี่ยวขนาด
สูงสดุ 15 "

นักวิจารณ์ของไดรเวอร์ฟูลเรนจ์อ้างว่าพวกเขาไม่สามารถสร้างความถี่เสียงเต็มช่วงที่
แอมพลิจูดใกล้เคียงกันซึ่งนำไปสู่การสร้างสัญญาณเสียงที่ส่งไปยังไม่ถูกต้อง การสร้างซ้ำ
หลายความถี่ด้วยไดอะแฟรมเดียวกันทำให้เกิดการบิดเบือนระหว่างการมอดูเลตซึ่งเป็นเอฟ

77

เฟกต์ทีไ่ มใ่ ชเ่ ชงิ เส้นทีเ่ กิดข้ึนเมื่อพืน้ ผวิ หน่ึงพยายามสร้างความถี่ท้ังสองความถี่พร้อมกัน ความ
รุนแรงของเสียงที่ได้ยินของการบิดเบือนระหว่างการมอดเู ลตแบบเจียมเนือ้ เจยี มตวั ไม่ได้รับการ
ยอมรับอย่างดี ผลที่ได้คือระดับของ "การผสมความถี่" แม้ว่าจะอยู่ในระดับที่ค่อนข้างต่ำก็ตาม
ไดรเวอร์แบบฟูลเรนจ์อาจลดเอาต์พุตที่ปลายทั้งสองด้านของช่วงความถี่หรือการตอบสนอง
ความถี่ที่ จำกัด อย่างรุนแรงมากขึ้นส่งผลให้เสียงมีการบุกรุกมากขึ้น พลพรรคของลำโพงฟูล
เรนจ์อ้างว่าการเชื่อมต่อเฟสที่เหนือกว่าในขณะที่นักวิจารณ์บางคนอธิบายว่าพวกเขาเป็น
ลำโพงเสียงกลางที่ทำงานได้หรือเกินขีด จำกัด ไดรเวอร์ฟูลเรนจ์บางตัวได้รับการพัฒนาโดยใช้
ไดรเวอร์ 12 "และ 15" เช่น Audio Nirvana และเอาชนะข้อ จำกัด เสียงเบสของไดรเวอร์ขนาด
เล็กโดยใช้ตู้สะท้อนเสียงเบส นอกจากนี้เนื่องจากผู้ใหญ่ส่วนใหญ่ไม่สามารถได้ยินที่สูงกว่า 15
kHz การขาดความถีเ่ สียงสงู โดยทั่วไปจงึ ไมเ่ ปน็ ปัญหากับไดรเวอรฟ์ ูลเรนจท์ ีอ่ อกแบบมาอย่างดี
ทีท่ นั สมยั (Wikipedia, 2020)

2.7 ลำโพงกรวยผสม (Multiway Loudspeaker)

ภาพที่ 7.77 ลำโพงกรวยผสม
ภาพจาก : https://en.wikipedia.org/wiki/Full-range_speaker#/media/File:Mo-sound-

ballspeaker-porzellanmanufaktur_augarten.jpg
ลำโพงกรวยผสม เป็นลำโพงที่มีกรวยหรือไดอะแฟรม 2 – 3 อันในโครงตัวเดียวกัน
กรวยอนั หนง่ึ จะเปลง่ เสียงได้ย่านความถี่หนึ่ง เชน่ ลำโพงที่มี 2 กรวยสามารถให้การตอบสนอง
ความถี่เสียงทุ้มในกรวยหนึ่งและอีกกรวยหนึ่งสำหรับเสียงแหลม ซึ่งทำให้มีผู้เรียกว่าลำโพง
ชนิดสองทาง (two – way Loudspeaker) หรือ โคแอคเซียล (Coaxial) และถ้ามีกรวยเสียงกลาง
เพิ่มขึ้นมาอีกก็จะเรียกว่า ลำโพงชนิดสามทาง (three – way Loudspeaker) หรือไทรแอคเซียล
(Triaxial)

78

3. แบง่ ตามลักษณะการใชง้ าน
3.1 ลำโพงไฮไฟ (Hi – Fi Loudspeaker)

ภาพที่ 7.78 ลำโพงไฮไฟ
ภาพจาก : https://www.pinterest.com/pin/696791373580246180/
ลำโพงไฮไฟ เป็นลำโพงที่ให้ความเที่ยงตรงสูง มีเสียงผิดเพี้ยนน้อยที่สุด มีคุณภาพสูง
สามารถกระจายเสียงได้ตลอดยา่ นความถี่เสียง ซึ่งอาจจะใช้ลำโพงตัวเดียวชนิดกระจายได้ทกุ
ความถี่เสียง (Full Range) แบบกรวยผสม หรือแบบใช้ลำโพงแต่ละตัวแบ่งความถี่เสียงให้ได้
ตลอดย่านความถีเ่ สียงก็ได้

3.2 ลำโพงตู้

ภาพที่ 7.79 ลำโพงตู้

ภาพจาก : http://www.soundstagemag.com/main/index.php/magazine-articles/pa-sound-light-on-
stage/861-compact-speaker-systems-pa

ลำโพงตเู้ ปน็ ลำโพงทีบ่ รรจอุ ยใู่ นตู้ลำโพง ซึ่งอาจจะเป็นลำโพงไฮไฟ ลำโพงเสียงทุ้ม
ลำโพงเสียงกลาง หรือลำโพงเสียงแหลมก็ได้

79

3.3 ลำโพงตู้ทรงสงู หรอื ซาวด์คอลัมป์ (Sound Column Loudspeaker)

ภาพที่ 7.80 ลำโพงตู้ทรงสูงหรอื ซาวด์คอลัมป์
ภาพจาก : http://www.speakerlinearray.com/sale-5317319-theatre-array-sound-column-

speakers-active-column-line-array-system-musical-speaker.html
ลําโพงคอลัมน์ มีแอมป์ในตัว ลำโพงคอลัมน์ คือ ตู้ลำโพงที่มีดอกลำโพงจำนวนหลาย
ดอก ซึง่ ทุกดอก จะอยภู่ ายในตู้ใบเดียวกัน ดอกลำโพง จะเรียงตัวกัน ในเเนวต้ัง เพื่อควบคุมมุม
กระจายเสียง ในเเนวตั้ง ทำให้สามารถลด เสียงสะท้อน ที่เกิดจากห้องได้ดี ลำโพงคอลัม
สามารถรองรับงาน เสียงร้อง ร้องเพลงคาราโอเกะ พิธีกร วิทยากร MC พิธีกร อีเว้น สัมมนา
เครื่องดนตรี เครื่องดนตรีไทย เครื่องดนตรีสากล เครื่องดนตรีเป่า เหมาะสำหรับใช้ทั้งเป็น
เครื่องเสียงกลางแจ้ง เครื่องเสียงกลางเเจ้งชุดเล็ก เครื่องเสียงในบ้าน เครื่องเสียงในห้อง
ประชุม เครื่องเสียงในห้าง เครื่องเสียงงานอีเว้น สัมมนา ลำโพงมีเเอมป์ในตัว มีทั้งลักษณะที่
เปน็ ลำโพงมอนเิ ตอร์ ซบั เบส ซบั วูฟเฟอร์ ตู้เบส ลำโพง active subwoofer ซบั วฟู เฟอร์ มีเเอมป์
ในตัวตู้เสียงกลาง ตู้กลางเเหลม ลำโพงกลางเเหลม ลำโพงขาตั้ง ตู้ลำโพง ไลน์อาเรย์ ลำโพง
ไลน์อาเรย์ ลำโพงเเขวน ลำโพงเเขวนกลางเเจ้ง ลําโพงคอลัมน์ กลางแจ้ง เเละอีกมากกมาย
(atprosound, 2021)
นอกจากนี้ให้เสียงที่พิเศษด้วยพลังเสียงที่สูงอย่างน่าประหลาดใจลำโพงคอลัมน์นี้
เป็นผลงานวิจัยด้านอะคสู ติกอารเ์ รย์แบบแบ่งขั้นตอนโดยนำเสนอแอพพลิเคช่ันทีห่ ลากหลายใน
สภาพแวดล้อมที่ยากลำบากด้านอะคูสติกเช่นโบสถ์ห้องประชุมการนำเสนอและห้องประชุม
ทีซ่ ึง่ การได้ยินและความชัดเจนของเพลงและเสียงพดู มีความสำคัญสูง พวกเขาตั้งอยู่ในเปลือก
ที่เพรียวบางและสร้างขึ้นอย่างหรหู ราซึ่งทำจากวัสดุอลูมิเนียมตกแตง่ ด้วยตะแกรงเจาะรูอยา่ ง

80

ดีและมาพร้อมกับตัวยึดผนังแบบมัลติฟังก์ชั่นที่ให้มาช่วยให้สามารถหมุนและเอียงลงเพื่อการ
จัดวางทิศทางที่สมบูรณ์แบบ ลำโพงคอลัมน์เหลา่ นี้มีคุณสมบัติเพิ่มเติมบางประการที่ทำให้รนุ่
นี้เหมาะสำหรับการติดตั้งภายนอกอาคารแบบถาวร ไดรเวอร์แต่ละตัวจะได้รับการเคลือบ
พิเศษเพื่อปกป้องพวกเขาจากองค์ประกอบในขณะที่ผ้ากันน้ำที่โปร่งใสและกันน้ำด้านหน้าไดร
เวอรแ์ ตล่ ะตัวจะป้องกันไม่ให้นำ้ เข้าไปถึง การเชอ่ื มต่อทำได้โดยใช้ขว้ั ต่อ AWX5 ™ ที่กนั น้ำ และ
หมุนได้ทำให้ลำโพงเปน็ ไปตามมาตรฐานการป้องกนั IP55 Ingress (audac, 2021)

4. แบ่งตามลักษณะการสง่ ทอดตู้เสียง
4.1 ลำโพงแบบส่งทอดการสนั่ สะเทือนสู่อากาศโดยตรง

ภาพที่ 7.81 ลำโพงแบบสง่ ทอดการสั่นสะเทือนสู่อากาศโดยตรง
ภาพจาก : https://www.toa.jp/products/pro_speakers/interior_design_speakers/h-2.html

เป็นลำโพงทีใ่ ช้แผ่นไดอะแฟรมส่นั สะเทือนอัด (สัมผสั ) กับอากาศโดยตรง เชน่ ลำโพง
แบบกรวย หรอื โดม (Dome Type) ท่ัวๆ ไป เป็นต้น ลำโพงแบบนมี้ กั มีประสทิ ธิภาพปานกลาง

4.2 ลำโพงแบบสง่ ทอดการสนั่ สะเทือนหรือเรียกว่าแบบฮอร์น (Horn
Type)

ภาพ 7.82 ลำโพงฮอรน์
ภาพจาก : https://www.indiamart.com/proddetail/bosch-horn-type-speaker-

13128509062.html

81

ลำโพงฮอร์น (horn) คือลำโพงที่ปากแตรอยู่ข้างหน้า ตัวดอกลำโพงอยู่ภายใน ยิงเสียง
ทะลุปากแตรออกมา ปัจจุบันปกติปากแตรมักทำด้วยไม้เป็นหลักแต่อดีตมีการทำด้วยเหล็ก
เช่นกัน ปากแตรนั้นอาจเป็นช่องใหญ่ชอ่ งเดียวปาก เดียวหรือซอยย่อยเป็นหลายปากร่วมเคียง
กันโดยใช้ตัวลำโพงเดียวกัน มีเหมือนกันที่เรียงปากแตรติดกันเป็นพวง แต่ละปากมีดอกลำโพง
ของตวั เอง (เป็น multiple )

ทีม่ าของลำโพงฮอรน์ ในอดีตที่ภาคขยายเสียงเป็นเคร่ืองหลอด กำลงั ขับไม่ถึง 10 วัตต์
การจะให้เสียงดังในทิศทางทีต่ ัวเองตอ้ งการมากที่สุด กต็ ้องรวบรวมเสียงที่กระจายรอบทิศของ
ดอกลำโพงหนึ่ง ( เป็น 360 องศา ) ซึ่งกว่า 80 เปอร์เซ็นต์สูญเปล่าอย่างสะเปะสะปะโดยมีแค่
20 เปอร์เซ็นต์ที่ตรงมายังผู้ฟัง (ไม่ว่าคนเดียวหรือหมู่คน) การใส่ปากแตรเข้าไปที่หน้าดอก
ลำโพงจะช่วย รวบรวม พลังเสียงทั้งหมดให้ยิงไปในทิศเดียวที่ต้องการจึงได้เสียงที่ดังขึ้นมาก
เหมือนเราเอามือป้องปากตะโกนย่อมดังและยิงไกลกว่าตะโกนเปล่าๆ ยุคแรกเมื่อกว่า 50 ปี
มาแล้วลำโพงฮอร์นมีการใช้ในบ้าน,ในโรงหนัง,โรงละคร ระบบเสียงสาธารณะบนเวทีกลางแจ้ง
ปากแตรมีทั้งยิงตรงหรือทำเป็นงวงโค้งวนตลบเดียวหรือมากกว่า ลำโพงฮอร์นในปัจจุบัน ทุก
วันนี้การใช้ลำโพงฮอร์นน้อยลงมาก เป็นเพราะเครื่องขยายเสียงมีกำลังขับสูงขึ้นมาก กำลังขับ
200 W RMS/ข้าง ที่ 8 โอห์มถือเป็นเรื่องธรรมดา ขนาด 500W หรือ 1000W/ch ก็มีให้เห็น อีก
ทั้งราคาเครื่อง ขยายก็ถูกลงมากสามารถใช้ตู้ลำโพงปกติธรรมดาเรียงดอกลำโพงหลายๆดอก
ในแนวตั้ง ทำเป็นตู้ทรงสูงแล้วนำตู้นี้ 2- 3 ตู้มาวางตั้งเอียงทำมุมกัน 2-3 มุมเพื่อยิงเสียงเป็น
มุมกว้างเท่าใดก็ได้ (เรียกว่าระบบ phase array ) สามารถเพิ่มจำนวนเครื่อง ขยาย จำนวน
ลำโพง phase array ได้อย่างไม่รู้จบ อีกทั้งปรับแต่งเปลี่ยนแปลงมุมกระจายเสียงได้คล่องตัว
ยืดหยุ่นได้สูงสุด เนื่องจากลำโพงประเภทนี้ไดอะแฟรมจะสั่นสะเทือนตามลักษณะของ
สัญญาณเสียงแล้วฮอรน์ จะทำหน้าทีร่ วมเสียงแล้วสัน่ สะเทือนเสียงออกมาตามทิศทางของปาก
ฮอร์น ลำโพงแบบฮอร์นนี้มิใช่จะมีเฉพาะลำโพงที่ใช้งานกลางแจ้งหรือพีเอเท่านั้นแต่จะมีเป็น
ลำโพงเสียงกลาง (มิดเรนจ์) และลำโพงเสียงแหลม (ทวีตเตอร)์ ด้วย โดยทวั่ ไปแล้วลำโพงแบบ
ฮอร์นจะเป็นลำโพงที่มีประสิทธิภาพสูง ถึงสูงมาก แต่คุณภาพของเสียงจะดีเฉพาะความถี่สูง
และกลางๆ เท่าน้ัน สว่ นความถีต่ ่ำจะไมด่ ีลำโพงฮอร์นสำหรับเสียงกลางและเสียงแหลมจะใช้วิธี
รวมเสียงก่อนแล้วส่งทอดส่อู ากาศสู่หูผู้ฟัง (maitreeav, 2016)

แตรอะคูสติกจะแปลงรปู แบบความดนั ขนาดใหญท่ ีม่ ีพื้นที่กระจดั เล็ก ๆ ให้เป็นรูปแบบ
ความดันต่ำที่มีพื้นที่กระจัดขนาดใหญ่และในทางกลับกัน มันทำสิ่งนี้ผ่านการเพิ่มขึ้นทีละน้อย
ของพื้นที่หน้าตัดของฮอร์น พื้นที่หน้าตัดเล็ก ๆ ของลำคอ จำกัด การผ่านของอากาศจึงทำให้
เกิดความต้านทานเสียงสูงแก่ผู้ขับขี่ สิ่งนี้ช่วยให้ผู้ขับขี่สามารถพัฒนาแรงดันสูงสำหรับการ

82

เคลือ่ นที่ทีก่ ำหนด ดงั นนั้ คลืน่ เสียงทีค่ อจงึ มคี วามดันสูงและการกระจัดต่ำ รปู ทรงเรียวของแตร
ช่วยให้คลื่นเสียงค่อยๆคลายการบีบอัดและเพิ่มการกระจัดจนกว่าจะถึงปากซึ่งมีความดันต่ำ
แต่มกี ารกระจัดกระจายมาก

ลำโพงฮอรน์ ถูกใช้ในแอพพลิเคชั่นเสียงมากมาย ไดรเวอร์ในลำโพงฮอร์นอาจมี
ขนาดเล็กมากแม้สำหรับความถี่เสียงเบสที่ลำโพงทั่วไปจ ะต้องมีขนาดใหญ่มากเพื่อใ ห้ไ ด้
ประสิทธิภาพเทียบเท่า ลำโพงฮอร์นสามารถออกแบบมาเพื่อสร้างความถี่ที่หลากหลายโดยใช้
ไดรเวอร์ขนาดเล็กตัวเดียว ในระดับหนึ่งสิ่งเหล่านี้สามารถออกแบบได้โดยไม่ต้องใช้ครอสโอ
เวอร์ นอกจากนีย้ งั สามารถใช้ลำโพงฮอรน์ เพื่อใหร้ ะดบั ความดันเสียงที่สูงมากซึ่งจำเป็นสำหรับ
การเสริมกำลังเสียงและแอปพลิเคชันเสียงประกาศสาธารณะแม้ว่าในการใช้งานที่มีความดัน
เสียงสูงเหล่านี้ความเที่ยงตรงสูงก็ถูกลดทอนลงเพื่อประสิทธิภาพที่จำเป็นในบางครั้งและ
สำหรับการกระจายตัวที่ควบคุมได้ ลักษณะที่จำเป็นโดยทั่วไปในช่องว่างขนาดใหญ่ส่วนใหญ่
"Gunness Focusing" ซึ่งเป็นวิธีการใหม่ในการต่อต้านความผิดเพี้ยนของแตรโดยเฉพาะอย่างยิ่ง
ในช่วงเวลาที่ Dave Gunness เป็นผู้บุกเบิกในขณะที่เขาอยู่กับ Eastern Acoustic Works (EAW)
ลำโพงแบบฮอร์น EAW ที่ได้รับการประมวลผลด้วยระบบที่เป็นกรรมสิทธิ์นี้แสดงให้เห็นถึง
ความผิดเพี้ยนของไดอะแฟรมไดรเวอร์การบีบอัด / เฟสปลั๊กที่ลดลงในขณะทีย่ งั คงให้กำลงั ขบั
ที่สงู และการกระจายทีค่ วบคุมได้ สถานที่จัดคอนเสิร์ตมักใช้ลำโพงฮอร์นขนาดใหญ่สำหรับการ
สร้างเสียงเบสระดับเสียงสูง ("ถังเสียงเบส" หรือซับวูฟเฟอร์) เพื่อให้เสียงเบสที่ผู้ชมคอนเสิร์ต
ไม่เพียง แต่ได้ยิน แต่สัมผัสได้ การรวมลำโพงฮอร์นหลายตัวในอาร์เรย์จะให้ประโยชน์
เช่นเดียวกับการมีฮอร์นตัวเดียวที่มีพื้นที่ปากมากขึ้น: การตัดความถี่ต่ำจะขยายต่ำลงเมื่อ
ปากแตรมีขนาดใหญ่ขึ้นและอาร์เรย์มีกำลังขับที่มากขึ้นสำหรับไดรเวอร์หลายตัว (Wikipedia,
2021)

ขอ้ เสียของลำโพงฮอร์น
1. ออกแบบค่อนข้างยากที่จะไมใ่ หเ้ กิดเสียงอู้ก้อง
2. เกะกะ เปลืองวสั ดุ ต้นทุนสูง ราคาแพง หนกั ขนย้ายยาก
3. ถ้าฮอร์นกระจายในแนวนอน จะยิ่งฉีกห่างจากดอกลำโพงที่ยิงหน้าตรง
( ลดความเปน็ point source ) ตวั โน้ตเสียง กระจายหวั ไปทาง ตัวไปทาง
4. มิติเสียง ทรวดทรงเสียงแย่ลง
ขอ้ ดีของลำโพงฮอร์น
1. เพิ่มระดบั เสียง ( acoustic gain )
2. เจาะจงมุมยิงเสียงได้

83

3. ชว่ ยลดการก้องภายในห้อง
4. ไมต่ ้องเร่งวอลลมู มาก ลดความเพี้ยนภาคขยาย
5. ไม่ต้องใช้ภาคขยายกำลังขับสูงๆ ประหยัดได้
6. ชว่ ยใหเ้ ครือ่ งเสียงจากฮอรน์ มากลมกลืนกบั เสียงจากดอก
ลำโพงยิงตรงได้ดีข้ึน กรณีที่วางปากฮอรน์ ในแนวตงั้ ใหม้ ุมกระจาย เสียงกว้างข้ึนใน
แนวตงั้ ( เปน็ point source ดีข้ึน ) ( แต่ถ้าวางในแนวนอนปกติอย่างที่ทำๆกนั จะกลายเป็น
ข้อเสียทนั ทีดังกลา่ วแล้ว)

4.3 ลำโพงฮอร์นแบบใช้งานพีเอจะมีปากฮอร์นทีม่ ้วน (Folden Horn)

ภาพที่ 7.83 ลำโพงฮอรน์ แบบใช้งานพีเอจะมีปากฮอร์นทีม่ ้วน
ภาพจาก : https://www.instructables.com/Car-speaker-box-using-a-Folded-Horn-design/

ลำโพงฮอร์นแบบใช้งานพีเอจะมีปากฮอรน์ ที่มว้ น ช่วยใหเ้ ราสามารถบรรจุระบบลำโพง
(ประกอบด้วยไดรเวอร์ และกล่องทีเ่ ป็นสว่ นหน่งึ ของ "เครือ่ งจักร" เสียง) ให้เป็นกล่องขนาดเล็ก
กลอ่ งขนาดเลก็ ท้ังสองใช้พ้ืนที่น้อยลงเมื่อขนส่งหรอื จัดเก็บและมีค่าใช้จ่ายน้อยกว่าเน่ืองจากใช้
วัสดุน้อยลงไมว่ า่ จะเป็นไม้พรมพลาสตกิ ฯลฯ ซึ่งเปน็ ข้อดีหลกั สองประการคอื การลดขนาดและ
การลดต้นทุน เราสามารถ "พับ" หรือโค้งแตรได้เพราะเสียงสามารถโค้งไปรอบ ๆ กับการพับ
ของแตรได้โดยไม่มีปัญหา เราชอบทำสิ่งนี้เป็นส่วนใหญ่สำหรับความถี่ต่ำในตู้ลำโพงเนื่องจาก
ตัวขับเสียงสูงสำหรับความถี่เสียงแหลมนั้นมีขนาดเล็กมากและการพับฮอร์นไม่ได้ทำให้เรา
ได้รับอะไรมากนักเมื่อรวมอยใู่ นกล่องเดียวกันกับตวั ขับเสียงเบสและแตร ตัวอยา่ งเช่นทวีตเตอร์
แบบพับอาจช่วยให้เราประหยดั ได้มากที่สุดไม่กี่นิ้ว แต่วูฟเฟอร์แบบพับสามารถชว่ ยเราได้สี่หก
ฟุตหรืออาจถึงสิบหรือยี่สิบฟุต เมื่อคุณมีกล่องขนาดใหญ่ที่ประหยัดได้เพียงไม่กี่นิ้วบนทวีต
เตอร์ฮอร์นดูเหมือนจะไม่ได้รับการปรับปรุงมากนัก (Whole Tomato, 2020) การโค้งงอของ

84

ลำโพง เพื่อทำให้ความยาวของฮอร์นสั้นลงหรือเล็กลง ส่วนด้านท้ายฮอร์นจะมีตัวขับหรือที่
เรียกวา่ โครเวอร์ยนู ิต (Driver Unit) 1 ตวั ซึง่ จะมีอนิ พทุ อยใู่ นช่วงประมาณ 35 – 120 วตั ต์

การออกแบบลำโพงฮอร์นแบบพับเป็นกรณีเฉพาะของการออกแบบแตรปกติ
จุดประสงค์หลักของ Horn คือการเพิ่มประสิทธิภาพของลำโพง คุณอาจจะทำแบบเด็ก ๆ :
ลำโพงฮอรน์ แบบพับได้ออกแบบแผน่ กระดาษให้เป็นรปู กรวยแล้วตะโกนผ่านมนั เพื่อให้มันดังขึ้น
นี่คือตัวอย่างพื้นฐานของแตรชีวิตจริง ตัวอย่างอื่น ๆ ที่ละเอียดอ่อนกว่า ได้แก่ ทรัมเป็ตหรือ
ทรอมโบน แตรเหล่านีส้ ร้างขึ้นได้ง่ายสำหรับความถีส่ ูงและกลางเนอ่ื งจากแตรมีขนาดที่ยอมรับ
ได้ หากคุณลดความถี่ลงความยาวคลื่นจะเพิ่มขึ้นและขนาดของแตร นี่คือจุดที่ซับวูฟเฟอร์
ฮอร์นพับได้เข้ามามีบทบาท การพับฮอร์นทำให้ใช้พื้นที่ได้อย่างมีประสิทธิภาพดังนั้นจึงทำให้
ขนาดของกล่องหุ้มมีขนาดที่ยอมรับได้มากขึ้น ตัวอย่างในชีวิตจริงคือทูบาซึ่งเป็นเครื่องดนตรี
ทองเหลอื งสำหรบั โน้ตเสียงต่ำ มนั ใชแ้ ตร แตไ่ มใ่ ชแ่ บบธรรมดาเหมอื นทรมั เป็ต แตรของทูบาไม่
ตรงเป็นรูปหอยทากเพื่อให้ใช้พื้นที่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ลำโพงฮอร์นได้รับการออกแบบให้
เปลี่ยนจากช่องเปิดขนาดเล็กไปยังช่องเปิดขนาดใหญ่ ฉันสามารถทำให้มันตรงหรือพับได้ แต่
หลกั การจะต้องเหมอื นเดิม (audiojudgement, 2016)

5. ลำโพงไลน์อาร์เรย์ (Line Array)

ภาพที่ 7.84 ลำโพงไลนอ์ าร์เรย์
ภาพจาก : https://www.atprosound.com/product/vlaudio-veda-l2290/

85

ไลนอ์ าร์เรย์คือรปู แบบลำโพงที่มีการนำลำโพงมาต่อกันยาวๆ ซึง่ ใช้ตลู้ ำโพงหลายๆ ใบ
หรือดอกลำโพงมาเรียงกัน เมื่อนำตู้ลำโพงหลายๆ ใบมาเรียงกันยาวๆ มันจะเกิดรูปแบบการ
กระจายคลื่นเสียงเป็นเส้นๆ หรือทางเทคนิคเรียกกันว่า "ไลน์ซอร์ส" ตามแบบจำลองคลื่นเสียง
มันจะกระจายออกมาแบบทรงกระบอกเหมือนท่อ โดยออกรอบทิศทางในแนวนอน โดยจะไม่
กระจายออกด้านบนกับด้านล่าง ดังนน้ั คลืน่ เสียงจะมีเฉพาะฝ่ังซ้ายและขวาเท่าน้ัน จุดเด่นของ
ลำโพงไลนอ์ าร์เรย์คือเมือ่ เทียบกบั ระยะทางที่เพิ่มข้นึ มันจะสูญเสียความดงั น้อยกวา่ ลำโพงบาง
ประเภท (ตู้พอ้ ยทซ์ อรส์ ) รวมถึงการกระจายความถี่สูงๆ และฮาร์โมนิบางความถี่ในระยะไกลๆ
จะทำได้ดีกว่า และยังรักษาความชดั เจน (C50) ของเสียงได้ดี แม้อยู่ในสภาพห้องที่มีความก้อง
กต็ าม

ภาพที่ 7.85 ระยะการจัดวางตำแหนง่ ลำโพง
ภาพจาก : https://www.facebook.com/reverbtimemag/posts/2006578252984178/

ลำโพงไลน์อาร์เรย์ ในปัจจุบันมีมากมายหลายแบรนด์ส่วนใหญ่ก็จะมีโรงงานผลิตที่
ประเทศจนี มีทั้งแบรนด์ที่มีชื่อเสียงอยู่แล้วทีย่ ้ายฐานผลิตมาอยูท่ ี่จีน หรือหลายค่ายในบ้านเรา
ก็สั่งผลิตแบบ OEM มาเป็นแบรนด์ตัวเอง หรือบางค่ายก็ยังมีผลิตทางฝั่งยุโรปและอเมริกาอยู่
ซึ่งจะผลิตที่ใหนก็ไม่ได้จำกัดเรื่องของคุณภาพแต่อย่างใด ซึ่งปัจจุบันต้องบอกว่าลำโพงแบบ
ไลน์อาเรย์ มีตั้งแตข่ นาดเลก็ ๆไปจนถึงขนาดใหญ่ 15 นวิ้ ซึ่งมที ั้ง 2 way และ 3 way ให้เลือกใช้
งาน และทีส่ ำคญั ลำโพงแบบลายอาร์เรย์ มีท้ังแบบพาสซีพไมม่ แี อมป์ขยาย (1) เนียรฟ์ ิว (Near-
Field) คือ ลำโพงลายน์อาเรย์ ที่ใช้ในการกระจายเสียงระยะใกล้ เพื่อให้เสียงครอบคลุมพื้นที่
ระยะใกล้บริเวณหน้าเวทีเพื่อลดจุดบอดของเสียงที่จะเกิดขึ้น (2) ฟาร์ฟิว (Far-Field) คือ

86

ลำโพงลายน์อาเรย์ ที่ใช้ในการกระจายเสียงระยะไกลสำหรับผู้ฟังระยะไกล ซึ่งลำโพงแบบ
Farfield ก็จะถูกกำหนดให้กระจายเสียงไปในทิศทางหรือโซนที่ถูกกำหนดไว้โดยเอ็นจิเนีย ใน
ลำโพง Line Array ระดับ Professional ที่มีความนิยมก็จะมีโปรดักส์ไว้รองรับทั้ง เนียร์ฟิว
(NearField) และ ฟาร์ฟิว(FarField) Line Array Lound Speaker จดุ ประสงคเ์ พื่อเป็น Full System
Set นอกจากตู้ Mid-Hi แล้ว Line-Array ระดับ Professional ก็จะออกแบบทั้งตู้ Mid-Low และ
ตู้ Sub ทีเ่ ปน็ ซีรยี ์เดียวกนั ด้วยเพือ่ การเซท็ อพั ที่งา่ ยและเพิ่มประสทิ ธิภาพมากยิง่ ข้ึน

ภาพที่ 7.85 ลำโพงไลน์อาร์เรย์
ภาพจาก : https://www.sounddd.shop/line-array-loudspeaker/
แต่ที่นิยม คือระบบ FrontField ที่มักจะใช้ลำโพงทั่วไปหรือลำโพงพ้อยท์ซอซมาวางตั้ง
เพื่อช่วยลดจุดบอดด้านหน้าของเวทีแทน โดยปกติมาตรฐานลำโพงแบบ ไลน์อาร์เรย์
ถูกออกแบบให้ผู้ใช้สามารถต่อพ่วงกันได้ทีละหลายๆใบอยู่แล้ว เพื่อรองรับตามสเกลงาน ถึง
กระนนั้ ถึงจะต่อลำโพงกีใ่ บก็แล้วแต่ ไมว่ ่าจะเปน็ 4 ใบต่อข้างหรอื 24 ใบต่อข้าง Line Array ที่ดี
ก็จะให้เสียงเป็นก้อนเดียวแบบไร้รอยต่อ เสมือนเราฟงั ลำโพงแคใ่ บเดียว ถึงแม้ความเป็นจริงใน
ระบบเราจะพ่วงต่อลำโพงจำนวนหลายใบก็ตาม ลำโพงไลอาร์เรย์ที่มีขนาดเท่ากันและ
ตอบสนองความถี่เดียวกัน ต่อพ่วงเรียงเป็นแนวเดียวกัน โดยจุดมุ่งหมายหลักเพื่อให้มีความ
ดังที่เพิ่มมากขึ้นหรือมีค่า SPL ที่สูงขึ้น และความเข้มของเสียงที่เพิ่มมากขึ้นด้วย เพื่อให้รองรบั
กบั จำนวนผชู้ มผู้ฟงั ตามสเกลงานตา่ งๆที่แตกต่างกนั ซึง่ ไมว่ า่ ผู้ฟงั จะอยู่จุดใหนก็จะได้ยินเสียงที่
ออกมาใกล้เคียงกัน แต่โทนเสียงหรือคาเรคเตอร์ของตู้ลำโพง ลำโพงไลอาร์เรย์ จะไม่เปลี่ยน
โทนเสียงไป นี่คือ Line-Array System ที่ควรจะเป็น หากการต่อพ่วงกันของตู้ลำโพงจำนวน
หลายใบทำให้เกิดสีสันหรือคัลเลอร์ของเสียงที่มากหรือลดลงช่วงความถี่ใดความถี่หนึ่ง คือ

87

เสียงผิดเพี้ยนไปจากเดิมก็คงจะเป็นอะไรที่ไม่ใช่มาตรฐานที่ควรจะเป็นสำหรับระบบ Line-
Array System ในช่วงท้ายเราจะมาดูจุดเด่นระหว่าง Passive Line-Array และ Active Line-
Array

6. ลำโพง Point Source

ภาพที่ 7.86 ลำโพง Point Source
ภาพจาก : https://audiocity.co.th/brand/nexo/nexo-p10.html
ปัจจุบันมีลำโพง 2 ชนิดหลักๆ ที่นิยมใช้ในระบบเสียง PA อันแรกที่เราจะมาทำความ
รู้จักคือลำโพงประเภทพ้อยท์ซอร์ส ซึ่งจะกระจายเสียงออกไปในลักษณะเป็นรูปทรงกลม
คล้ายรูปลูกโป่ง ซึ่งเสียงจะกระจายออกจากตำแหน่งตรงกลางของลูกโป่ง เมื่อสัญญาณถูก
ปลอ่ ยออกมาคลื่นเสียงมันก็จะกระจายไปรอบทิศทาง เม่อื กระจายเสียงออกไปแล้ว จะมีระยะ
ทางเข้ามาเกี่ยวข้อง เมื่อเราเคลื่อนที่ห่างออกจากแหล่งกำเนิดเสียง ระดับความดังของเสียงก็
จะลดลง ตามระยะทางที่เพิ่มขึ้น ฉะนั้น ในการออกแบบระบบเสียง ผู้ออกแบบต้องคำนึงถึง
ระยะทางที่เพิ่มขึ้นจากแหล่งกำเนิดเพราะความดังของเสียงมนั ลดลง เมื่อระยะทางเพิ่มขึ้นจาก
จุดกำเนิดเสียง พื้นที่จะเพิ่มขึ้นเป็น 4 เท่า เมื่อระดับความดังของเสียงที่ระยะ 1 เมตร โรงงาน
ผู้ผลิตจะให้สเปกลำโพงมา เราสามารถคำนวณหาระดับความดัง จากสเปกลำโพงที่เขาให้เรา
มาได้ ด้วยกฎที่ชื่อ inverse-square law (กฎกำลังสองผกผัน) เมื่อระยะทางเพิ่มขึ้น 2 เท่า
ความดังของเสียงก็จะลดลงไป 6dB นั่นคือเสียงที่ถูกกระจายออกมา เช่นระยะห่างจากตู้ จาก
ระยะ 2 เมตร เป็น 4 เมตร ตามกฎดังกล่าว เสียงจะต้องลดลง 6dB หรือจาก 1 เมตรไปหา
2 เมตร ตำแหน่งระยะ 2 เมตรจะหายไป 6dB ตรงนี้เมื่อเทียบกับระยะที่ใช้อ้างอิงคือตำแหน่ง
1 เมตร หรือจากจุด 2-4-8 เมตร แต่ละช่วงเสียงจะลดลงจุดละ -6dB เช่นกัน ตรงนี้เป็นกฎ
ทางฟิสิกส์ซึ่งเป็นเรื่องธรรมชาติ โดยมีเงื่อนไขคือ จุดกำเนิดเสียงจะต้องเป็นพ้อยท์ซอร์ส
คือเสียงกระจายออกไปทุกทิศทาง ยกตัวอย่างเป็นจุดเล็กๆ ซึ่งมันจะเริ่มกระจายเสียงออกมา

88

จากจดุ นั้น ๆ สำหรับกฎ inverse-square law ในทางอุดมคติจะมองว่ามันเป็นจุดที่เล็กมาก แต่
ในความเป็นจริงมันจะไม่มีจุดเล็กๆ เพราะถ้ามันเป็นไปตามนั้น พวกสถาปนิกจะชอบมาก
เพราะยิ่งเล็กมากตำแหน่งติดตั้งตู้ก็จะใช้น้อยลง เชปที่มันกระจายเสียงออกมาก็จะใกล้กับอุดม
คติ เหมือนลูกบอลที่ลอยอยู่ ฉะนั้นระดับความดังที่กระจายออกไปทุกทิศทางจะเท่ากันหมด
แต่ความจริงตู้ลำโพงมันใหญ่ ไม่ใช่จุดเล็กๆ มันมีขนาด ลองนึกภาพว่า ถ้าเราถืออะไรสกั อย่าง
ไว้ แล้วพลังงานมันออกมาแบบมีทิศทาง เมื่อระยะทางเพิ่มขึ้นหรือห่างออกไป ตัวมันเองก็
เหมอื นจะเลก็ ลง

ฉะน้ัน inverse-square law บางครงั้ จะนำมาใช้กับลำโพงไม่ได้ 100% เพราะไอเดียของ
กฎนี้ถูกอ้างอิงจากจุดที่เล็กมากๆ ในระบบเสียงจึงเรียกว่า ระยะเนียร์ฟีลด์ ซึ่งในระยะเนียร์
ฟีลด์จะไม่เป็นไปตามกฎของ inverse-square law ได้ มีสูตรในการคำนวณก็คือความสูงของ
แหลง่ กำเนิด x 3 = ระยะการฟงั ทีเ่ ปน็ ไปตามกฎ inverse-square law น่นั คือเป็นจุดที่หลุดออก
จากเนียร์ฟีลด์ ตัวอย่าง ในตำแหน่งระยะ 1 เมตรตามกฎ inverse-square law ใช้ไม่ได้ เมื่อ
ระยะการฟังหลุดออกจากเนียร์ฟีลด์ไปแล้ว ตัวกฎ inverse-square law จึงจะทำงาน เมื่อผ่าน
จุดนั้นไปแล้วเราจะเรียกว่าระยะ Loudspeaker ฟาร์ฟีลด์ (Far field) ซึ่งลำโพงจะมีแบบเนียร์
ฟิลด์และแบบฟาร์ฟีลด์ และเมื่อเราวัดลำโพงด้วยเครื่องมือวัด โดยส่วนใหญ่มันจะเป็นระยะ
ฟาร์ฟีลด์ หากเรานำไมค์มาวางเพื่อใช้วัดลำโพง ตำแหน่งของไมค์นั้นจะอยู่ในพื้นที่ระยะฟาร์
ฟีลด์ หากเราใช้ขนาดของลำโพงเป็นตวั กำหนด ดังนนั้ ยิง่ ลำโพงมขี นาดยาวระยะฟาร์ฟีลด์ก็ยิ่ง
เพิ่ม ลำโพงเลก็ ๆ เมือ่ เราวดั ด้วยระยะหา่ ง 1 เมตร ตำแหน่งที่วัดน้ันคอื ระยะฟาร์ฟีลด์ ถ้าลำโพง
สูงข้ึนไปอีก ระยะวางไมค์กต็ ้องมากกว่า 1 เมตร

7. ลำโพง Line Source

ภาพที่ 7.87 ลำโพง Line Source
ภาพจาก : https://www.facebook.com/1181962301921936/posts/2266960996755389/

89

ลำโพงอีกประเภทคือไลน์ซอร์ส ชื่อก็บอกแล้วว่าเป็นไลน์ พฤติกรรมการกระจายเสียง
จะไม่ได้ออกมาเป็นจุด มันออกมาเป็นเส้น จากจุดที่มันเป็นเส้นนั้น จะกระจายออกไปใน
ลักษณะรอบๆ เหมือนออกจากท่อ สมมติ เราเอาปากกาหรือดินสอมาตั้ง เสียงจะกระจาย
ออกไปรอบๆ ตัวดินสอ ทีนี้ตามกฎของ inverse square law ที่บอกว่า ทุกๆ ระยะทางที่เพิ่มขึ้น
2 เท่าความดังเสียงจะลดลง 6dB แต่ลำโพงประเภทไลน์ซอร์ส ความดังเสียงจะลดลงแค่ -3dB
สิ่งที่ได้กลับมาคือทุกๆ ระยะที่เพิ่มขึ้น 2 เท่า เสียงไม่ได้ลดลงมากนัก เมื่อเทียบกับลำโพงแบบ
พ้อยต์ซอร์ส ซึ่งลำโพงไลน์อาร์เรย์เอง ที่เราเห็นกันบ่อยๆ นั้น ก็มีระยะเนียร์ฟีลด์และฟาร์ฟีลด์
เช่นกัน ด้วยความที่พวงของไลน์อาร์เรย์มันยาวมาก ระยะเนียร์ฟีลด์ก็เพิ่มระยะออกไปด้วย
เนื่องจากพวงลำโพงมันยาวมาก จึงมีการควบคุมระยะการฟังให้อยู่ในช่วงของเนียร์ฟีลด์ได้
ดีกวา่ แตเ่ มอ่ื ไหร่ก็ตามที่ผฟู้ ังอยู่ในตำแหน่งระยะฟาร์ฟีลด์ หรอื หลดุ จากตำแหน่งเนียร์ฟีลด์น้ัน
กฎทีบ่ อกว่าเสียงจะลดลง -3dB จะใช้ไมไ่ ด้ เพราะมันจะกลับสโู่ หมดพ้อยท์ซอรส์ แทนคือ -6dB
ในกรณีพวงของลำโพงมันสั้นมันก็จะไม่ทำตัวเหมือนไลน์ซอร์ส แต่จะเป็นพ้อยท์ซอร์สแทน
ดังนั้นยิ่งพวงยาวมาก ระยะเนียร์ฟีลด์ก็ยิ่งขยายได้มากขึ้น ซึ่งจะเป็นไปตามกฎที่ว่า ทุกๆ
ระยะทางที่เพิ่มเป็น 2 เท่าเสียงจะลดลง -3dB แต่ถ้าหลุดจากเนียร์ฟีลด์ออกไปก็จะกลายเปน็
-6dB ตัวอย่าง ถ้าเรานำลำโพงไลน์อาร์เรย์จำนวน 2 ใบมาต่อกัน มันไม่ได้เป็นลำโพงไลน์
อาร์เรย์ แต่เสียงจะมีพฤติกรรมเปน็ ลำโพงแบบพ้อยท์ซอรส์

7. ลำโพงโคแอ๊กเชยี ล (CO-AXIAL)

ภาพที่ 7.88 ลำโพงโคแอก๊ เชียล
ภาพจาก : https://www.sounddd.shop/product/jbl-control-16c-t/
ลำโพงโคแอก๊ เชียล คือ ลำโพงที่มีแกนร่วม ออกแบบให้ดอกลำโพงในแต่ละช่วงความถี่
มาอยู่ในแกนเดียวกนั ดูง่ายๆก็คือ รวมชิ้น หรือรวมกันเป็นตัวเดียว จึงส่งผลให้ให้มีทิศทางของ
เสียงมาจากตำแหน่งเดียวกันทั้งระนาบ ติดตั้งง่ายด้วยการออกแบบให้ดอกลำโพงใช้แกน
รว่ มกัน โดยวางดอกเสียงสูงไว้ทีต่ ำแหนง่ ตรงกลางดอกเสียงตำ่ (เบส) ทำให้เสียงท้ังหมดออกมา
จากตำแหน่งเดียวกัน ง่ายต่อการฟัง ไมต่ ้องจดั การเสียงทิศทางของเสียงมากนักลำโพง Coaxial

90

ในปัจจุบันพบมากใน ลำโพงรถยนต์ และลำโพงที่ใช้งานในประเภทอื่นด้วย เช่น ลำโพง Ceiling
Speaker (ลำโพงทีต่ ิดตงั้ ในเพดาน) ที่ใชใ้ นระบบเสียงประกาศ หรอื เสียงตามสาย ที่พบเจอได้ใน
หา้ งสรรพสินค้า หรอื โรงแรม เป็นต้น และลำโพงมอนเิ ตอร์ ลำโพงแบบนจี้ ะประกอบด้วย ส่วน
ที่เป็นวูฟเฟอร์ขนาดต่างๆ เช่น 5 ,6 ,8 นิ้ว และทวีตเตอร์เสียงแหลม (แบบสองทาง) ส่วนแบบ
สามทาง ก็จะมีไดรเวอร์เสียงกลางติดตั้งอยู่ด้านหน้าของวูฟเฟอร์มาด้วย ข้อดีของการดีไซน์
ลักษณะแบบนี้คือ ความสามารถในการใช้พื้นที่ขนาดเล็กได้ ทำให้ตอบโจทย์ลักษณะงาน
ประเภท งานรถยนต์ ลำโพงระบบประกาศ ซึ่งจะช่วยในการประหยัดพื้นที่ได้เป็นอย่างดี ส่วน
ลกั ษณะของเสียงกใ็ หค้ ณุ ภาพเสียงทีค่ อ่ นข้างครอบคลุมทุกย่านความถีเ่ สียง ไม่วา่ จะเป็น เสียง
ทุ้ม กลาง และแหลม
สายลำโพง

อุปกรณ์ประเภทสายลำโพง มีหน้าที่นำสัญญาณระหว่าง เครื่องขยายเสียง ไปยัง
ลำโพง จะมีขนาดตั้งแต่ เส้นขนาดเล็ก ไปจนถึงขนาดใหญ่ โดยส่วนมากในสายลำโพง 1 เส้น จะ
มีลักษณะนำสัญญาณ 2 เส้น ได้แก่ ขั้วบวก และขั้วลบ สายลำโพงถือว่ามีความสำคัญไม่แพ้
สายสัญญาณ ซึ่งสายลำโพงส่งผลต่อความสามารถในการขับเคลื่อนกำลัง และคุณภาพของ
เสียง ในการส่งสัญญาณจากเครื่องขยายเสียง ไปยังลำโพงโดยตรง เช่น ในระบบเสียงที่ใช้
เครื่องขยายเสียงที่มีกำลังขับสูงๆ แต่หากเราดันเลือกใช้สายลำโพงที่มีขนาดเล็ก และคุณภาพ
ต่ำ จะทำให้ส่งผลต่อพละกำลังในการส่งกำลังจากเครือ่ งขยายเสียง ไปยังลำโพงขาดหาย และ
ตกหล่น ซึ่งสายของลำโพงนนั้ มดี ังตอ่ ไปนี้

1. หัวแบบ Speakon

ภาพที่ 7.89 – 7.90 หัวแบบ Speakon
ภาพจาก : https://www.sounddd.shop/product/jbl-control-16c-t/
เป็นหัวที่สามารถพบเจอได้ทัว่ ไป ตามระบบเสียงขนาดเลก็ -ขนาดใหญ่ ได้รับความนยิ ม
ในระดับมืออาชีพ เพราะ Speakon สามารถส่งสัญญาณไฟฟ้ากำลังสูงได้ และการหมุนเข้าขั้ว
เพื่อใช้งานระหว่างเครื่องขยายเสียง และลำโพง ก็มีความแน่น ไม่หลุดง่าย และแข็งแรงกว่า

91

ชนิดอน่ื วิธีต่อใช้งาน โดยสว่ นมากจะใช้ขั้ว 1+ เป็นข้ัวบวก และข้ัว 1- เปน็ ขั้วลบ หรือตามสเปค
ที่เครื่องขยายเสียง และลำโพงระบไุ ว้

2. หวั แบบ BANANA PLUG

ภาพที่ 7.91 – 7.92 หัวแบบ BANANA PLUG
ภาพจาก : https://www.sounddd.shop/product/jbl-control-16c-t/
หัวแบบ BANANA PLUG เป็นหัวในแบบที่นิยมใช้ในหมู่นักเล่นเครื่องเสียงบ้าน และมี
กลางแจ้งบ้าง แต่ไม่ค่อยนิยมมากนัก BANANA PLUG มีต้นกำเนิดมาจากทางยุโรป มีลักษณะ
เปน็ แทง่ เรียวยาว สามารถเสียบใช้งานได้โดยตรง เข้ากับแจ็คแบบ BindingPost หลังแอมป์ และ
หลังลำโพงได้เลย วิธีต่อใช้งาน เราสามารถต่อสายลำโพง จั๊มต่อเข้าโดยตรงตาม ขั้วลำโพง
ขั้วบวก+ (สีแดง) ขั้วลบ – (สีดำ) เข้ากับ Banana Plug ได้เลย
3. หวั แบบเปลือย (Bare-Wire)

ภาพที่ 7.93 หวั แบบเปลือย (Bare-Wire)
ภาพจาก : https://www.sounddd.shop/product/jbl-control-16c-t/
หัวแบบเปลือย (Bare-Wire) คือ การปลอกสายลำโพงออกมา ต่อใช้งานโดยตรง เข้า
กับขั้วของลำโพง และเครื่องขยายเสียง โดยการเปลือยสาย ส่วนใหญ่เราจะเห็นการใช้งาน

92

เครื่องเสียงบ้านทั่วไป และระบบเครื่องเสียงงานประกาศ ในอุปกรณ์เสียงระดบั มืออาชีพมักจะ
ไมค่ อ่ ยเห็นการใชง้ านในแบบนีส้ กั เท่าไหร่

4. หัวแบบ PHONE 6.3 MM. TS

ภาพที่ 7.94 หวั แบบ PHONE 6.3 MM. TS
ภาพจาก : https://www.sounddd.shop/product/jbl-control-16c-t/
ซึง่ หวั แจ็คในแบบ PHONE 6.3 MM TS มักจะถกู นำไปทำหวั Connector ของสายลำโพง
สามารถพบเจอในเพาเวอร์มิกเซอร์ ที่ต้องการประหยัดพื้นที่ในการออกแบบ และมีขนาดเล็ก
กระทัดรัด มักจะใช้เชื่อมต่อระหว่างเพาเวอร์มิกเซอร์ไปยังลำโพงโดยตรง วิธีต่อใช้งาน เรา
สามารถเชื่อมสายลำโพงขว้ั บวก + ที่ขวั้ TIP และข้ัวลบ – ทีข่ ว้ั ดิน (Sleeve)
ลักษณะของลำโพงทีด่ ี
1. สามารถตอบสนองความถีท่ ี่ราบเรียบ
2. ให้เสียงที่เป็นธรรมชาติปราศจากเสริมแต่ง มีความสมดุลเสียงระหว่างเสียงทุ้ม
แหลมกลมกลืนกัน (Tonal Balance)
3. ให้กำลงั ทีแ่ น่นอนได้อยา่ งตอ่ เนอ่ื ง
4. มีความแขง็ แรง ทนทานตอ่ การใชง้ านหนักได้ดี
5. มีประสิทธิภาพสูง ทั้งนีจ้ ะช่วยใหป้ ระหยัดกำลงั เครือ่ งขยายเสียง
6. จะต้องมีการส่งเสียงที่มคี วามแมน่ ยำและไม่ผดิ เพีย้ น
7. จะต้องให้เสียงที่เหมือนกับต้นฉบับเดิมให้มากที่สุด โดยจะต้องมีความผิดเพี้ยนของ
เสียงให้น้อยที่สุด เสียงจะต้องเป็นคลื่นตามยาว เสียงแหลม และทุ้มขึ้นอยู่กับความถี่ตรงนี้จะ
ขึ้นอยู่กับความเร็วในการสั่นสะเทือนของวัตถุ ส่วนเสียงดังหรือเบาขึ้นอยู่กับขนาด amplitude
ยิง่ amplitude มีค่ามาก ความเข้มหรอื ความดงั ของเสียงก็ยิ่งเพิม่ ขึน้

93

การใช้งานลำโพง
การใช้งานลำโพงเพื่อให้มีประสิทธิภาพและคุณของเสียงที่ดีที่สุดและมีความอดทนใน

การใชง้ าน
1. การใช้งานลำโพงควรให้ได้รับกำลังจากเครื่องขยายประมาณครึ่งหนึ่งของ

กำลงั สูงสุดของเครื่องขยายเสียง
2. การใช้งานลำโพงกับเครื่องขยายเสียงที่มีกำลังเอาท์พุทต่ำอาจจะทำให้

ลำโพงเสียได้ เช่น เมื่อเร่งกำลังเครือ่ งขยายเต็มที่ ทำให้ยอดคลื่นถูกคลิปทำให้มีลักษณะคล้าย
ไฟตรง จึงเปรียบเทียบเสมือนป้อนแรงไฟตรง (DC) ซึ่งอาจจะทำให้ขดลวด (วอยซ์ดอยล์) ไหม้
ขาดได้

3. จุดต่อลำโพงจะต้องแน่น และมีหน้าสัมผัสกว้างเพื่อให้สัญญาณไหลได้
สะดวก

4. ความยาวของสายลำโพงจะต้องสัมพันธ์กับขนาดของสายลำโพง เช่น ถ้าใช้
สายลำโพงสั้นๆ ควรใช้สายขนาดไม่ต่ำกว่า 0.5 Sq mm. แต่ถ้าต้องการเดินสายลำโพงยาวๆ
เพราะนอกจากจะทำให้อิมพีแดนซเ์ ปลี่ยนแปลงแล้วยังทำให้การตอบสนองความถี่เปลี่ยนแปลง
ไปด้วย

5. การต่อสายลำโพง ห้ามใช้ปลั๊กไฟเอซี เพราะความผิดพลาดอาจจะบังเกิด
ขึน้ ได้เนือ่ งจากเข้าใจผดิ คิดว่าเปน็ ปลกั๊ ไฟเอซี

6. การต่อสายลำโพงควรต่อให้ถูกขั้วโดยขั้วบวกและลบจะต้องตรงกับขั้วที่
เอาท์พุทของเครื่องขยายเสียง

7. ต้องวางลำโพงในระยะและทิศทางที่เหมาะสม ท้ังนี้เพือ่ ความครอบคลุมของ
เสียง คุณภาพของเสียง และมิติของเสียงทีไ่ ด้ยิน

8. หมนั่ ตรวจสอบเสียงผิดปกติ
9. ลดความดงั ของเสียง (เครือ่ งขยายเสียง) ทุกคร้ังเมื่อกดสวิตซ์
10. เมื่อเปิดเสียงดังมากๆ อย่าเร่งเสียงทุ้มมากเกินไป โดยเฉาะอย่างยิ่งถ้าเป็น
ลำโพงตัวเล็กๆ หรือแม้แต่ขณะที่ไม่มีสัญญาณป้อนเข้า เช่น สัญญาณซ่าจากภาครับวิทยุก็
อาจจะทำให้เกิดความเสียหายแกล่ ำโพงได้
11. ขณะใช้งานลำโพงที่มีผู้พูดพูดอยู่แล้วเกิดอาการหอนขึ้น ให้รีบหันหน้า
ลำโพงออกจากไมโครโฟน เพราะเกิดจากการเวียนของเสียงจากไมโครโฟนเข้าลำโพงจึงทำให้
เกิดอาการหอน

94

12. เครื่องดนตรีไฟฟ้าบางประเภททีใ่ ห้ความถี่สงู ๆ อยู่ในระดับเดียวกนั อาจจะ
ทำให้ลำโพงเสียหายได้

13. นำสายลำโพงที่ประกอบด้วยขั้วสีแดง (+) และสีดำ (-) ต่อเข้ากับด้านหลัง
ของลำโพงให้ตรง กบั สีของขั้วลำโพง

14. ไม่ต่อข้ัวลำโพงแน่นเกินไปจะทำให้เกิดผลเสียต่อสายลำโพงได้
15. นำสายลำโพงอีกด้านหนึง่ ที่ประกอบด้วยขั้วสีแดง (+) และสีดำ (-) ต่อเข้า
กบั ด้านหลังของ เครือ่ งขยายสญั ญาณให้ตรงกับสีของข้ัวเครือ่ งขยายสัญญาณ
16. ให้ใชส้ ายลำโพงตอ่ เข้ากบั เครื่องขยายสญั ญาณและลำโพง ทั้งสองข้างด้วย
วิธีเดียวกนั
17. เปิดเครื่องขยายสัญญาณและทดสอบระบบเสียง หากพบว่า เสียงไม่ดัง
หรือเสียงไม่ชัดเจน อาจเกิดจากการต่อสายลำโพงไม่แน่น หรือต่อสลับเฟสกัน ดังนั้นให้เช็ค
ข้ัวต่ออกี ครั้งว่าตรงตามหลกั เกณฑท์ ี่กล่าวมาแล้วหรอื ไม่
วิธีในการตอ่ ลำโพง โดยใช้แอมปร์ ่วมกัน
คือการต่อวงจร ระหว่างเพาเวอร์แอมป์ 1 ช่องเอาท์พุต และดอกลำโพง
มากกว่า 1 ดอก มวี ิธีต่อวงจรอยู่ 3 แบบ ต่ออยา่ งไรบ้าง มาดกู ัน
แบบขนาน (Parallel)
คือลำโพงแต่ละตัวรบั สัญญาณโดยตรงจากแอมป์ ใช้สายไฟจากแอมป์ ลำโพง
ในระบบจะมีการเชือ่ มตอ่ ท้ังสองข้ัว บวกและลบ จะได้รบั จากแอมป์โดยตรง ค่าอิมพีแดนซ์รวม
ที่เกิดขึ้น จะลดลง ส่งผลถึงการทำงานของเพาเวอร์แอมป์คือ เพาเวอร์แอมป์จะส่งกำลัง
เอาท์พุตมากขึ้นกว่าเดิม เหมือนการรีดกำลังที่เพาเวอร์แอมป์ให้มากขึ้น ข้อดีคือประหยัด
เพาเวอร์แอมป์ สามารถขับลำโพงได้หลายดอกและให้กำลังสงู โดยเพาเวอร์แอมป์แท่นเดียว
ข้อเสียคือเพาเวอร์แอมป์ทำงานหนัก เพาเวอร์แอมป์บางตัว ไม่รองรับโหลดที่
ค่าต่ำๆได้ อาจทำให้เกิดความเสียหายได้นัน่ เอง การต่อวงจรแบบขนาน นิยมต่อใช้กับลำโพงที่
ต้องการวตั ต์สูงๆ เช่นลำโพงซบั วูฟเฟอร์ขนาดใหญ่

95

การคำนวณวงจรแบบขนาน
อิมพแิ ดนซ์รวม = (1/Z1 ) + (1/Z2 ) + … + (1/ZN ) เมื่อ Z คืออมิ พีแดนซ์ของ
ดอกลำโพงแต่ละดอก

ภาพที่ 7.95 การต่อลำโพงแบบขนาน
ภาพจาก : https://www.atprosound.com/complete-with-pa-speakers/

แบบอนุกรม (Series)
ลำโพงจะถกู ต่อกันไปเรือ่ ยๆ เป็นซีรยี ์ การตอ่ แบบนี้ ช่วยเพิม่ ความต้านทานได้
ส่งผลถึงการทำงานของเพาเวอร์แอมปค์ ือ เพาเวอรแ์ อมปจ์ ะส่งกำลังเอาทพ์ ตุ น้อยลงกว่าเดิม
เนื่องจากโหลดที่เอาทพ์ ุตของเพาเวอรแ์ อมป์ มีอิมพีแดนซท์ ี่สูง ขอ้ ดีคือเพาเวอร์แอมปท์ ำงาน
สบาย ไม่กินพลังงาน แต่
ข้อเสียคือถ้าใชเ้ พาเวอร์แอมป์ทีก่ ำลังขับไมเ่ เรงพอ ที่จะส่งให้ลำโพงแตล่ ะดอก
โดยการต่อแบบอนกุ รม ความดงั โดยรวมที่ออกมา อาจจะไม่เพียงพอตอ่ ความต้องการ การตอ่
วงจรแบบอนกุ รม นยิ มตอ่ ใช้กับลำโพงที่ต้องการวตั ตต์ ่ำๆ เชน่ ดอกลำโพงเสียงแหลม

96

การคำนวณวงจรแบบอนุกรม
อิมพแิ ดนซ์รวม = (Z1 ) + (Z2 ) + … + (ZN ) เมื่อ Z คืออมิ พีแดนซข์ องดอก
ลำโพงแต่ละดอก

ภาพที่ 7.96 การตอ่ ลำโพงแบบอนกุ รม
ภาพจาก : https://www.atprosound.com/complete-with-pa-speakers/

แบบผสม (Series-Parallel)
เปน็ การรวมกันของอนุกรมและการเชือ่ มตอ่ แบบขนานซึ่งจะใช้ดอกลำโพง
มากกวา่ 2 ดอกขึ้นไป จึงจะทำได้ โดยการประยุกต์ใช้การตอ่ แบบขนาน และอนกุ รมมาใช้งาน
รว่ มกนั เพื่อจดั การกบั อิมพีแดนซ์ และกำลังวัตตข์ องลำโพง และเพาเวอรแ์ อมปใ์ ห้เหมาะสมกนั
การคำนวณวงจรแบบผสม
จะใช้สตู รการคำนวณของวงจรขนานและอนกุ รมมาคิดร่วมกนั

ภาพ 7.97 การตอ่ ลำโพงแบบผสม
ภาพจาก : https://www.atprosound.com/complete-with-pa-speakers/

97

สิ่งที่สำคัญคือความต้านทานที่ถูกต่อเข้าเเอมป์ ในกรณีนี้ยิ่งมีอิมพีแดนซ์มาก
เท่าใด เพาเวอร์แอมป์ก็ต้องมีกำลังขับที่สูง ควรจัดสรรให้ความต้านทานของลำโพง สูงกว่า
ความต้านทานของแอมป์ เนื่องจากจะทำให้การทำงานของแอมป์และลำโพงมีประสิทธิภาพ
มากยิ่งขึน้

ตวั อย่างค่าความต้านทานสำหรับการเชือ่ มต่อลำโพงแต่ละแบบ

ภาพที่ 7.98 ค่าความต้านทานสำหรับการเชื่อมต่อลำโพงแตล่ ะแบบ
ภาพจาก : https://www.atprosound.com/complete-with-pa-speakers/
อิมพีแดนซ์ของลำโพงที่ใช้กันทั่วไปส่วนใหญ่คือ 8 โอห์ม การต่อพ่วงตู้ลำโพงนั้น
ด้านหลังตู้ มักจะมีพอร์ตสำหรับการเชื่อมต่อสายลำโพงอีกชุดหนึ่ง ซึ่งส่วนมาก จะเป็นสาย
แบบขนาน ยกตัวอย่างเช่นการใช้ตู้ลำโพง 2 ตู้ โดยแต่ละตู้ มีอิมพีแดนซ์เท่ากับ 8 โอห์ม แต่
เมือ่ ต่อขนาน ความตา้ นทานรวมจะลดลงเป็น 4 โอหม์
การเลือกซือ้ ลำโพง และการเลือกลำโพงเพือ่ การใช้งาน
เนื่องจากในปัจจุบันนี้มีลำโพงมากมายหลายชนิด การเลือกซื้อหรือเลือกเพื่อการใช้
งานย่อมต้องพิจารณาอย่างเหมาะสมอย่างถูกหลักวิชาการ เพื่อให้ได้เสียงที่มีคุณภาพตาม
ธรรมชาติทีเ่ ราต้องการ การเลือกมีหลักพอสรปุ ได้ดงั นี้

98

1. พิจารณาลักษณะของงานที่ใช้วา่ ควรจะเป็นลำโพงเช่นไร เช่น ประสิทธิภาพ
สูง หรือคุณภาพสูง การตอบสนองความถี่ ฯลฯ หรือลำโพงที่ใช้งานพีเอจะต้องมีประสิทธิภาพ
สงู (ดูจากคา่ SPLของลำโพง)

2. ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญ และศึกษาข้อมูลต่างๆ เช่นสเปคเพื่อประกอบการ
พิจารณา

3. ทดสอบฟังด้วยหูตนเอง การทดสอบควรใช้เพลงที่เราคุ้นเคยเพื่อทดสอบ
ความผิดเพี้ยนของเสียงดนตรีต่างๆ การพิจารณาขึน้ อย่กู บั ความพอใจและรสนิยมของผฟู้ ังด้วย

4. ควรมีการเปรียบเทียบเสียงลำโพงตัวอืน่ บ้าง
5. ควรเปน็ ลำโพงทีใ่ ห้เสียงทีเ่ ปน็ คุณภาพ ปราศจากการเสริม
6. ควรเป็นลำโพงที่ให้เสียงที่เปน็ คณุ ภาพ มิใชเ่ ลือกเพราะดูสวยงาม
7. ควรเป็นลำโพงที่ทนวัตต์ได้สูง ซึ่งลำโพงที่ทนวัตต์ได้สูง จะมีความผิดเพี้ยน
น้อยกว่าลำโพงทีท่ นวตั ต์ได้น้อย
8. ควรเป็นลำโพงที่มีความเข้มของสนามแม่เหล็กที่เรียกว่าฟลักซ์ ( Flux
Density) ซึ่งฟลักซ์ของลำโพงหมายถึงจำนวนเส้นแรงแม่เหล็กที่อยู่ในว๊อยซ์ดอยล์แก๊ปวัด เป็น
gauss ซึ่งตามธรรมดาแล้วยิง่ มีค่า gauss ยิ่งมากลำโพงยิ่งดี ทั้งนี้เพราะจำนวนของฟลักซ์มีผล
ตอ่ ประสิทธิภาพของลำโพงและทำใหค้ า่ แคมปงิ้ ของ
9. Sensitivity (ความไว) เป็นค่าที่บอกประสิทธิภาพของลำโพง โดยเป็นค่า
ความดัง เทียบกับวัตต์ และระยะห่างจากลำโพงมีหน่วยเป็นเดซิเบลต่อมิลลิวัตต์ต่อเมตร
(dB/mw/m) หรอื มักเขียนในรปู แบบ dB/mw (บางแหลง่ ระบุเปน็ dB/2.83v/m @8ohms)
ตัวอยา่ งเช่น

- ลำโพงตัวแรกมีค่าความไวที่ 87dB/1w
- ลำโพงตัวที่สองมีค่าความไวที่ 90 dB/1w
เมื่อจ่ายพลงั งานให้กบั ลำโพง 1 วัตตเ์ ทา่ กนั เสียงของลำโพง 90 dB/1w
ลำโพงตัวที่สอง จะดังกว่าตัวแรกถึง 2 เท่า (ดังกว่า เท่ากับ 3 dB) ณ ระยะห่างจาก
ลำโพง 1 เมตรเทา่ กัน แตอ่ ยา่ งไรก็ตามนอกเหนอื จากการพิจารณาค่าความไวของแต่ละลำโพง
แล้ว ควรพิจารณากำลังขับสูงสุดที่ลำโพงสามารถรับได้ด้วย เพราะลำโพงบางรุ่นความไวสูง
แต่รองรับกำลงั ขับสูงสุดต่ำ จะเหมาะกบั เครือ่ งเล่นที่มีกำลังขับต่ำ ไม่สามารถรองรับภาคขยาย
กำลังสูงได้ แต่ในขณะเดียวกัน ลำโพงที่มีค่าความไวต่ำ แต่รองรับกำลังขับสูงสุดสูง ก็จะ
สามารถรองรบั เคร่ืองเล่นที่มีภาคขยายกำลังสูงได้ แตจ่ ะไม่เหมาะกับเคร่ืองเล่นที่มีกำลังขับต่ำ
มนั จะไมด่ ังได้ดั่งใจ

99

10. Input Impedance (ความตา้ นทาน)
ลำโพงจะมีความตา้ นทานแปรตามความถึ่ แต่ตามสเปคจะเรียกตาม "nominal
impedance"ซึ่งมีความต้านทานโดยทัว่ ไปที่ 4, 6, 8, 16 โอห์ม ยิ่งความต้านทานน้อย ยิ่งต้องใช้
กระแสมากเพื่อให้ได้วัตต์สูงหรือเสียงที่ดังชัด ดังนั้นการใช้ลำโพงแบบ 4 โอห์ม จึงต้องใช้พาว
เวอร์แอมป์ช่วย เพื่อเพิ่มเสียงให้ดังขึ้น มากกว่าลำโพงแบบ 8 โอห์ม แต่ทั้งนี้ค่าความต้านทาน
ไม่ได้สัมพันธ์กับเรื่องคุณภาพของเสียงแต่อย่างใดอย่างไรก็ดีการใช้ลำโพงแบบ 4 โอห์ม ควร
ระมัดระวังในการต่อเข้ากับชุดขยาย เนื่องจากหากต่อลำโพงแบบ 4โอห์มในรูปแบบขนานกัน
เข้ากบั ชุดขยายจะได้โหลดขนาด 2 โอห์ม ซึ่งมีคา่ ใกล้เคียงกบั "Short Circuit"
อาจสง่ ผลให้ชดุ ขยายพังได้
11. Power rating (กำลงั ขับ)
หน่วยของการวัดกำลังขับลำโพง แบ่งออกเป็นสองหน่วยคือ หน่วยแรกคือ
PMPO (Peak Mornentary Performance Output) จะเปน็ หนว่ ยที่วดั ค่าสงู สดุ ทีล่ ำโพงสามารถรับ
ได้ในช่วงเวลาส้ันๆ ซึ่งโดยท่ัวไปค่าดังกลา่ วนีจ้ ะค่อนข้างสงู ส่วนอีกหน่วยคือ RMS(Route Mean
Square)เป็นค่ากำลังขับของลำโพงโดยเฉลี่ย ซึ่งจะมีความน่าเชื่อถือมากกว่าและมีค่าค่อนข้าง
ต่ำกว่า สำหรับลำโพงที่มีกำลังขับสูง สามารถรองรับกำลังขับจากภาคขยายได้สูง จะมีราคา
แพง และต้องการกำลังขับในระดับทั่วไปที่ค่อนข้างสูง จึงจะได้เสียงที่ดีตามประสิทธิภาพของ
ลำโพง แตส่ ำหรบั ลำโพงกำลังขบั ต่ำ รองรบั กำลงั ขยายได้ตำ่ เมื่อนำมาใช้งานกบั ภาคขยายที่สูง
กว่ามาก อาจทำให้ลำโพงพังได้แตท่ ั้งนี้บางทีคุณอาจคิดว่าเครื่องขยายขนาด 200 วัตต์ต่อช่อง
มีอันตรายกว่าเครื่องเล่นขนาด 50 วัตต์ต่อช่อง เมื่อต่อใช้งานกับลำโพงที่มีกำลังขับ 100 วัตต์
แตใ่ นความเป็นจริง เมื่อเปิดที่ระดับเสียงดงั เทา่ ๆ กัน เครือ่ งเลน่ ขนาด 50 วัตต์อาจมกี ำลังขับไม่
เพียงพอต่อลำโพง ทำให้ไม่สามารถขบั ลำโพง 100 วัตต์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ และอาจส่งผล
เสียต่อลำโพงของคุณ หากใช้กำลงั ขับสงู สดุ เพือ่ พยามขับลำโพงให้เสียงดัง
12. Frequency Response(การตอบสนองความถี่) ความถี่ของเสียงที่มนุษย์
ทั่วไปสามารถได้ยินอยูใ่ นช่วง 20 - 20kHz โดยความถี่สูงหรือเสียงสูงจะมีลักษณะเสียงแหลม
ในขณะที่ความถี่ต่ำหรือเสียงต่ำจะมีลักษณะเสียงทุ้ม ลำโพงแบบ Full range ที่ใช้ลำโพงตัว
เดียวขับเสียงทุกความถี่ควรจะสามารถขับเสียงได้ตั้งแต่ 20 - 20 kHz เพื่อให้สามารถแสดง
เสียงทุกความถี่ที่คุณสามารถได้ยินแต่โดยทั่วไปจะมีการแยกลำโพงสำหรับขับเสียงความถี่
ต่างๆ ได้แก่ ลำโพงเบส ที่จำเป็นต้องใช้พลังงานสูง และดอกลำโพงที่ใหญ่ สำหรับขับเสียง
ความถี่ย่าน 20 - 200 Hz และลำโพงเสียงกลาง/สูง (mid high) ที่ใช้ลำโพงดอกเล็กขับเสียง

100

ความถี่ย่าน 1,000 Hz นอกจากนี้ยังมีการใช้ tweeter ที่มีขนาดเล็กมาใช้สำหรับขบั เสียงแหลม
ที่มคี วามถีม่ ากกว่า 5kHz

13. ขนาดและน้ำหนักของลำโพง
เปน็ เรือ่ งสำคัญเชน่ กัน เพราะหากคุณไมไ่ ด้ตอ้ งการลำโพงแบบพกพาที่น้ำหนัก
เบา รูปร่างเล็กเป็นหลักแล้วโดยทั่วไป ลำโพงที่มีขนาดใหญ่และหนักจะดีกว่า โดยเฉพาะ
เกีย่ วกับลำโพงที่เน้นเบส หรอื จำพวกซับน้ันลำโพงที่ใหญ่จะใหค้ ุณภาพเสียงที่ดีกว่าสำหรับการ
เลือกซื้อลำโพง นอกเหนือจากการได้ลองฟังเสียงของลำโพงแล้วจึงควรทราบสเปคคร่าวๆ
เกี่ยวกับลำโพงที่คุณต้องการเพื่อที่จะได้ไม่ต้องเสียเงินให้กับลำโพงบางรุ่นที่มีสเปคเกินความ
ต้องการ
สรปุ ทา้ ยบท
ภาคส่งสัญญาณออก คือลำโพงชนิดต่าง ๆ เมื่อผู้สอนมีการใช้งานเครื่องเสียง ผ่าน
ภาคสัญญาณเข้า ผ่านขยายสัญญาณ และส่งออกสัญญาณเสียงจากลำโพง ดังนั้นผู้สอน
ควรมีความเข้าใจหลักการทำงานของลำโพง ความแตกต่างระหว่างลำโพงแต่ละประเภทแต่ละ
ชนิด องค์ประกอบโครงสร้างต่าง ๆ ของลำโพง และวิธีการใช้งานลำโพงเพื่อที่จะเลือกลำโพง
ให้เหมาะสมกับประเภทการใช้งาน รวมไปถึงวิธีการต่อลำโพง เพื่อใช้งานลำโพงได้ปลอดภัย
และยืดอายกุ ารใชง้ านลำโพงได้
คำถามท้ายบท
1. จงอธิบายความหมายของลำโพง
2. จงอธิบายหลักการทำงานของลำโพง
3. จงอธิบายส่วนประกอบ และ โครงสร้างของดอกลำโพง
4. จงบอกข้อแตกต่างของตู้ลำโพงแต่ละประเภท
5. จงบอกข้อแตกต่างของลำโพงแตล่ ะประเภท
6. จงอธิบายลักษณะของลำโพงที่ดี
7. จงบอกวิธีการใชง้ านลำโพง
8. จงบอกวิธีการตอ่ ลำโพง
9. จงบอกวิธีการเลือกซือ้ ลำโพงและการเลือกลำโพงเพือ่ การใชง้ านอยา่ งนอ้ ย 3 ขอ้

101

เอกสารอ้างอิง

พันธศุ์ ักดิ์ พฒุ มิ านิตพงศ.์ (2548). ทฤษฎีเคร่อื งเสียง. กรุงเทพฯ : ศูนยส์ ง่ เสริมอาชีวะ.
สมสิทธิ์ จิตรสถาพร. 2529. การใช้เครื่องมเื ทคโนโลยีทางการศึกษา ตอนที่ 1

ระบบเครื่องฉาย. พิมพ์ครั้งที่ 1 : คณะศกึ ษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ
สงขลา
สมสิทธิ์ จิตรสถาพร. 2529. การใช้เคร่ืองมเื ทคโนโลยีทางการศึกษา ตอนที่ 2
ระบบเครือ่ งเสียง. พิมพ์คร้ังที่ 1 : คณะศกึ ษาศาสตร์ มหาวิทยาลยั ศรีนครินทรวิโรฒ
สงขลา
สมสิทธิ์ จิตรสถาพร. สายไมโครโฟนและขั้วต่อ เอกสารประกอบการเรียน วิชา 423231
ปฏิบัติการการใชเ้ ครื่องมอื เทคโนโลยีการศกึ ษา : ภาควิชาเทคโนโลยีการศกึ ษา
มหาวิทยาลยั บูรพา. ม.ป.ป.
สมสิทธิ์ จิตรสถาพร. ส่ือบนั ทึกเสียง(audio recording media) เอกสารประกอบบรรยายวิชา
423231 ปฏิบตั ิการการใชเ้ ครือ่ งมอื เทคโนโลยีการศกึ ษา : ภาควิชาเทคโนโลยี
การศกึ ษา มหาวิทยาลยั บูรพา.ม.ป.ป.
สัมภาษณ์. วิวัฒน์ชยั สขุ ทัพภ์. คณะครศุ าสตร์ จุฬาลงกรณม์ หาวิทยาลัย, 10 มีนาคม 2554.
นรนิ ธน์ นนทมาลย์,(2553). เอกสารประกอบการสอน วิชา 2726207 เทคโนโลยีและ
สารสนเทศทางการศกึ ษา ภาควิชาเทคโนโลยีและส่อื สารการศึกษา
จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
ดรณั ภพ เพียรจัด. (2557) เอกสารประกอบการสอน รายวิชาเทคโนโลยีและนวตั กรรมทาง
การศกึ ษา. คณะครุศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภฏั ราชนครินทร์
ฮิเดกิ โมริ. (2558). ระบบเสียงพีเอ. พมิ พค์ รั้งที่ 2. ปทมุ ธานี : สถาบนั อีเล็กทรอนิกส์กรุงเทพ
รงั สติ ..
Anne Hirsh. (2019). What Is a Mid-Bass Woofer?. [Online]. Available from :
https://itstillworks.com/midbass-woofer-12072680.html
Atprosound. (2021). ลำโพงคอลมั น์ มีแอมปใ์ นตัว. [Online]. Available from :
https://www.atprosound.com/product-category/pa-system/active-column-
speakers/

102

Audiocity2u. (2016). ลำโพง Loundspeaker. [Online]. Available from :
https://www.audiocity2u.com/Knowledge-
%E0%B8%84%E0%B8%A7%E0%B8%B2%E0%B8%A1%E0%B8%A3%E0%B8%
B9%E0%B9%89%E0%B8%97%E0%B8%B1%E0%B9%88%E0%B8%A7%E0%B
9%84%E0%B8%9B-
%E0%B8%94%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%99%E0%B9%80%E0%B8%
84%E0%B8%A3%E0%B8%B7%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B
9%80%E0%B8%AA%E0%B8%B5%E0%B8%A2%E0%B8%87/%E0%B8%A5%E0
%B8%B3%E0%B9%82%E0%B8%9E%E0%B8%87-Loundspeaker.html

Audac. (2021). COLUMN LOUDSPEAKERS. [Online]. Available from :
https://audac.eu/products/c/speakers/column-loudspeakers

Audiojudgement. (2016). Folded horn speaker design – explanation and calculator. [Online].
Available from : https://audiojudgement.com/folded-horn-speaker-design/

BRADY GAVIN. (2018). What Are Woofers, Mid-Range Speakers, and Tweeters?. [Online].
Available from : https://www.howtogeek.com/354985/what-are-woofers-mid-
range-speakers-and-tweeters/

Caraudiomedia.(2017). รู้จักกบั ซับวูฟเฟอร์. [Online]. Available from :
http://www.caraudiomedia.net/archives/6544

CHATCHAI R. (2019). โครงสร้างของดอกลำโพง ที่ควรรู้ (สว่ นประกอบของดอกลำโพง).
[Online]. Available from : https://www.sounddd.shop/parts-of-speaker/

Dotlife. (2019). SONOS Wireless HIFI - Part 1. [Online]. Available from :
https://www.dotlife.store/blog/sonos-wireless-hifi-part1/

Gibson, B. (2011). Live Sound Operator's Handbook. 2nd Ed. United State of America:
Hal Leonard Book.

MAONO. (2018). What Is Electrostatic Speaker (Capacitive Speaker)?. [Online]. Available
from : https://www.maonotech.com/info/what-is-electrostatic-speaker-capacitive-
spea-30564769.html

PCMAG DIGITAL GROUP. (2018). electrostatic speaker. [Online]. Available from :
https://www.pcmag.com/encyclopedia/term/electrostatic-speaker

Paul McGowan. (2018). How a ribbon speaker works. [Online]. Available from :

103

https://www.psaudio.com/pauls-posts/how-a-ribbon-speaker-works/
Soundbridge. (2019). Ribbon Speakers. [Online]. Available from :

https://soundbridge.io/ribbon-speakers/
Soundbridge. (2019). Mid-Range Speaker. [Online]. Available from :

https://soundbridge.io/mid-range-speaker/
Soundmilan. (2019). ดอกลำโพงทวิตเตอรค์ ืออะไร. [Online]. Available from :

https://soundmilan.com/what-the-twitter-speaker/
Sweetwater. (2004). Speaker Cabinet. [Online]. Available from :

https://www.sweetwater.com/insync/speaker-cabinet/
VEDDAN. (2020). WHAT IS A SUBWOOFER AND WHY DO YOU NEED ONE?. [Online].

Available from : https://veddan.com/blog/what-is-a-subwoofer/
Whole Tomato. (2020). What is the advantage of a "folded horn" in a speaker?. [Online].

Available from : https://www.quora.com/What-is-the-advantage-of-a-folded-
horn-in-a-speaker
Wikipedia. (2563). ลำโพง. [Online]. Available from :
https://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%A5%E0%B8%B3%E0%B9%82%E0%B8%
9E%E0%B8%87
Wikipedia. (2021). Electrostatic loudspeaker. [Online]. Available from :
https://en.wikipedia.org/wiki/Electrostatic_loudspeaker
Wikipedia. (2020). Full-range speaker. [Online]. Available from :
https://en.wikipedia.org/wiki/Full-range_speaker
Wikipedia. (2021). Horn loudspeaker. [Online]. Available from :
https://en.wikipedia.org/wiki/Horn_loudspeaker
Wikipedia. (2020). Mid-range speaker. [Online]. Available from :
https://en.wikipedia.org/wiki/Mid-range_speaker
Wikipedia. (2021). Subwoofer. [Online]. Available from :
https://en.wikipedia.org/wiki/Subwoofer#Construction_and_features
Wikipedia. (2021). Tweeter. [Online]. Available from : https://en.wikipedia.org/wiki/Tweeter
Wikipedia. (2021). Woofer. [Online]. Available from : https://en.wikipedia.org/wiki/Woofer

104

ลำโพงมีหลายประเภท
ดังนัน้ ควรเลือกใชล้ ำโพงใหเ้ หมาะสมกับการใช้งาน

แผนการสอนประจำบทท่ี 8

การใช้งานเครอ่ื งฉาย เครื่องเสียง และการถ่ายทอดสด

หัวขอ้ เนื้อหา
1. การใชง้ านเครือ่ งฉาย
2. สายสญั ญาณภาพ
3. สายแปลงสัญญาณภาพ
4. วิชวลไลเซอร์ เคร่อื งฉายภาพ 3 มิติ (visualizer)
5. อุปกรณ์เชือ่ มต่อภาพไร้สาย
6. การใชง้ านเครือ่ งเสียง
7. มิกเซอรค์ อนโซล
8. อุปกรณ์รับส่งสญั ญาณเสียงแบบไร้สาย
9. รปู แบบการถ่ายทอดสด

วัตถปุ ระสงคเ์ ชิงพฤติกรรม
หลงั จากจบการเรียนการสอนบทนแี้ ล้ว นิสติ มคี วามสามารถดังนี้

1. บอกวิธีการใชง้ านเครื่องฉายได้อยา่ งถกู ต้อง
2. บอกความแตกต่างของสายสัญญาณภาพทีใ่ ชใ้ นการต่อสัญญาณได้อยา่ งถูกต้อง
3. บอกความแตกต่างของประเภทสายแปลงสัญญาณภาพได้อยา่ งถกู ต้อง
4. บอกวิธีใชง้ านวิชวลไลเซอร์ เครือ่ งฉายภาพ 3 มิติ (visualizer)
5. อุปกรณ์เชื่อมต่อภาพไร้สาย
6. บอกวิธีการใชง้ านเครื่องเสียงได้อยา่ งถูกต้อง
7. บอกหน้าทีก่ ารทำงานของมิกเซอรค์ อนโซลได้อย่างถูกต้อง
8. บอกวิธีการใช้อุปกรณร์ ับสง่ สัญญาณเสียงแบบไร้สายได้อย่างถูกต้อง
9. บอกความแตกต่างของรูปแบบการถา่ ยทอดสดได้อย่างถกู ต้อง

106

กิจกรรมการเรยี นการสอน

ก่อนเขา้ ชั้นเรยี น

1. ให้ผู้เรยี นศึกษาวิดีโอการสอน (1) เรือ่ ง การใชง้ านเครืองเสียง เครือ่ งฉาย
(2) เรื่อง การถ่ายทอดสด

2. ให้ผู้เรยี นทำแบบฝกึ หัดหลงั จากดวู ิดีโอการสอน เรือ่ ง การใชง้ านเครือง
เสียง เครือ่ งฉาย (2) การถา่ ยทอดสด

ในช้ันเรยี น
3. ผู้สอนบรรยายสรุปแบบมีปฏิสัมพันธ์ โดยระหว่างบรรยายใช้คำถาม
ระหวา่ งการบรรยายดังน้ี
- โสตทัศนปู กรณค์ ืออะไร
- สายไฟและสายสัญญาณชนิดตา่ ง ๆ มีอะไรบ้าง
- ชือ่ สายสญั ญาณ กบั รูปสายสญั ญาณ สาย AC, สาย RGB (VGA),
สาย S-Video, สาย RCA
- ขั้วต่อสัญญาณชนิดต่างมีอะไรบ้าง
- ขั้วต่อสัญญาณ กับ รปู สายสัญญาณ XLR หรอื CANNON, PHONE,
MINI JACK 3.5
- จบั ค่อู ุปกรณ์กบั สายสญั ญาณ
4. ผู้สอนพูดคุยเกี่ยวกับ (1) วิธีการต่อสัญญาณโดยศึกษาประเด็น สัญญาณ

ออกจากอุปกรณ์ใด แล้วสัญญาณเข้ามายังอุปกรณ์ใด (2) ขั้วต่อ และสายสัญญาณในการต่อ
(3) การถา่ ยทอดสด (4) อปุ กรณใ์ นการถา่ ยทอดสด (5) วธิ ีการถ่ายทอดสด

5. ผู้สอนใหผ้ เู้ รียนแสดงความคิดเหน็ เกี่ยวกับการเรียนในเนื้อหา
6. มอบหมายงานให้ผู้เรียน คือ (1) ออกแบบผังการใช้งานเครื่องเสียง เครื่อง
ฉาย แล้วนำสญั ญาณภาพและสญั ญาณเสียงถ่ายทอดสดผ่านอปุ กรณ์ต่าง ๆ ได้อยา่ งเหมาะสม
(2) ให้ผู้เรยี นบอกหนา้ ทีข่ องอุปกรณท์ ีใ่ ชใ้ นข้อที่ 1
7. นดั หมายวันและเวลาสง่ งานกบั ผเู้ รียน

107

หลังจากช้ันเรยี น
8. ให้ผู้เรียนทำงานที่ได้มอบหมาย คือ (1) ออกแบบผังการใช้งานเครื่องเสียง

เครื่องฉาย แล้วนำสัญญาณภาพและสัญญาณเสียงถ่ายทอดสดผ่านอุปกรณ์ต่าง ๆ ได้อย่าง
เหมาะสม(2) ให้ผู้เรยี นบอกหนา้ ที่ของอุปกรณท์ ี่ใชใ้ นข้อที่ 1

สื่อการเรียนการสอน
1. เอกสารประกอบการสอน บทที่ 8 การใช้งานเครื่องฉาย เครื่องเสียง และการ
ถา่ ยทอดสด
2. วิดีโอการสอน เรอ่ื ง การใช้งานเครื่องฉาย เครอ่ื งเสียง และเรือ่ งการถ่ายทอดสด
3. แบบฝกึ หัดหลังจากดวู ิดีโอการสอน (1) เรือ่ ง การใช้งานเครืองเสียง เครื่องฉาย (2)
การถา่ ยทอดสด
4. PowerPoint (1) เรื่อง การใชง้ านเครืองเสียง เครือ่ งฉาย (2) เรื่อง การถ่ายทอดสด
5. ระบบการจดั การเรียนการสอน (https://lms.up.ac.th)
การวดั และประเมินผล
1. การทำแบบฝึกหัดหลังจากดูวิดีโอการสอน (1) เรื่อง การใช้งานเครืองเสียง
เครือ่ งฉาย (2) การถา่ ยทอดสด
2. การรว่ มอภิปรายและตอบคำถามในชน้ั เรียน
3. การสังเกตจากการแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับคำถามระหว่างการบรรยายสรุป
แบบมีปฏิสัมพันธ์ ในข้อคำถามดังนี้ (1) โสตทัศนูปกรณ์คืออะไร (2) สายไฟและสายสัญญาณ
ชนิดต่าง ๆ มีอะไรบ้าง (3) ชื่อสายสัญญาณ กับ รูปสายสัญญาณ สาย AC, สาย RGB (VGA),
สาย S-Video, สาย RCA (4) ขั้วต่อสัญญาณชนิดต่างมีอะไรบ้าง (5) ขั้วต่อสัญญาณ กับ รูป
สายสัญญาณ XLR หรอื CANNON, PHONE, MINI JACK 3.5 (6) จบั ค่อู ุปกรณก์ บั สายสัญญาณ
4. งานของผู้เรียน คือ (1) ออกแบบผังการใช้งานเครื่องเสียง เครื่องฉาย แล้วนำ
สัญญาณภาพและสัญญาณเสียงถ่ายทอดสดผ่านอุปกรณ์ต่าง ๆ ได้อย่างเหมาะสม(2) ให้
ผเู้ รียนบอกหนา้ ที่ของอปุ กรณ์ที่ใชใ้ นข้อที่ 1
5. ความสนใจและความรบั ผดิ ชอบในการเรียน

108

ในการใชง้ านเครื่องเสียงเครือ่ งฉายรวมถงึ การถา่ ยทอดสด
จำเปน็ ต้องทราบ สญั ญาณเข้าและออก

ว่าสญั ญาณออกจากอปุ กรณ์อะไร เข้าไปยงั อุปกรณอ์ ะไร
และอปุ กรณ์น้นั ทำหน้าที่อะไร

109

บทท่ี 8

การใช้งานเคร่อื งฉาย เครื่องเสียง และการถา่ ยทอดสด

การใชง้ านไม่วา่ จะเป็นเครื่องฉาย เครื่องเสียง รวมไปถึงอปุ กรณ์ตอ่ พว่ งตา่ ง ๆ ผู้ใช้งาน
จะต้องศกึ ษาทิศทางของสัญญาณ input หรอื output โดยใช้สญั ลักษณเ์ ปน็ ลกู ศรที่นำทางไปยัง
อุปกรณต์ ่าง ๆ โดยใช้สายสัญญาณ และข้ัวต่อ หรอื หัวตอ่ สญั ญาณการถ่ายทอดสดการใช้งาน
เครื่องเสียง และเครื่องฉาย เป็นพื้นฐานในการออกแบบระบบและอุปกรณ์ที่ใช้ในการ
ถ่ายทอดสดเพือ่ ออกอากาศให้ผเู้ รียนได้เข้ามาเรียนรู้พรอ้ มกัน ดงั นน้ั ผสู้ อนควรทราบถึงวิธีการ
ออกแบบระบบ หรือผังการเชื่อมต่ออุปกรณ์ต่างๆ สายสัญญาณ ขั้วต่อ หัวต่อที่ใช้ในการ
เชอ่ื มต่อสญั ญาณต่าง ๆ ทิศทางของสัญญาณ input หรอื output จากอปุ กรณใ์ ด เพื่อสามารถ
ใช้งานเครื่องฉาย เครื่องเสียง และการถ่ายทอดสดได้อย่างปลอดภัย และไมใ่ หอ้ ุปกรณเ์ สียหาย
การใช้งานเคร่อื งฉาย

ในการใช้งานเครื่องฉาย ผู้สอนควรทราบถึงทิศทางของสญั ญาณว่าสัญญาณออกจาก
อุปกรณ์ใด และสัญญาณนั้นส่งต่อไปยังอุปกรณ์ใด เช่น หากต้องการต่อสัญญาณภาพจาก
คอมพิวเตอร์ ไปยัง โปรเจคเตอร์ จะได้ดังภาพ

ภาพที่ 8.1 ต่อสญั ญาณภาพจากคอมพิวเตอร์ไปยงั โปรเจคเตอร์
จากภาพจะสังเกตเห็นทิศทางของลูกศรที่ชี้ออกจากคอมพิวเตอร์ไปยัง โปรเจคเตอร์
แสดงว่า สัญญาณภาพ จะออกจากคอมพิวเตอร์ไปยังโปรเจคเตอร์ ตามทิศทางของลูกศร
สรุปได้ว่าสัญญาณภาพจะออกจากคอมพิวเตอร์ (output) ไปยัง ช่องสัญญาณเข้า (input) ของ
โปรเจคเตอร์ แล้วถ้าหากต่อสัญญาณภาพจาก คอมพิวเตอร์ และ สมาร์ทโฟน ไปยัง
โปรเจคเตอร์ จะได้ดังภาพ

110

ภาพที่ 8.2 การตอ่ สัญญาณภาพจาก คอมพิวเตอร์ และ สมาร์ทโฟน ไปยงั โปรเจคเตอร์
จากภาพจะสังเกตเห็นทิศทางของลูกศรออกจากคอมพิวเตอร์ และ สมาร์ทโฟน

(output) โดยลกู ศรชีไ้ ปยัง โปรเจคเตอร์ แสดงวา่ สัญญาณภาพออกจากเครือ่ งคอมพิวเตอร์และ
สมาร์ทโฟนคือ output จากคอมพิวเตอร์และสมาร์ทโฟนส่งออกไปยังเครื่องโปรเจคเตอร์โดย
เข้าที่ช่อง input ของโปรเจคเตอร์ และในการต่อจะสังเกตเห็นลูกศรมี 2 เส้นอาจจะใช้
สายสัญญาณแทนลูกศรคือใช้สายสัญญาณ 2 เส้นในการเชื่อมต่อหรืออาจจะใช้การเชื่อมต่อ
แบบไร้สายในบางรุน่ โดยใช้อุปกรณเ์ สริม

โดยในการต่อสัญญาณภาพหรือเครื่องฉายอาจจะมีอุปกรณ์เสริมเข้ามาช่วยให้อำนวย
ความสะดวกในการเชื่อมต่ออุปกรณ์เช่นการที่ผู้สอนจะฉายหรือส่งสัญญาณภาพหน้าจอจาก
เครื่องคอมพิวเตอร์ 1 เครื่องไปยังโปรเจคเตอร์หลายๆเครื่องหรืออาจจะมีการเชื่อมต่อ
สัญญาณภาพจากคอมพิวเตอร์ Notebook สมาร์ทโฟน แล้วสลับสัญญาณเพื่อเลือกว่าจะให้
สญั ญาณจากอปุ กรณ์ใดฉายบนโปรเจคเตอร์

โดยการใช้งานเครื่องฉายจำเป็นที่จะต้องทราบว่าจะใช้สายสัญญาณใดและขั้วต่อใด
เพื่อที่ส่งสัญญาณออก output ไปยัง input หรือสัญญาณเข้าของอีกอุปกรณ์หนึ่งโดย
สายสญั ญาณภาพหรอื สายสญั ญาณทีใ่ ชใ้ นการส่งสัญญาณภาพมีรายละเอียดดงั นี้
สายสัญญาณภาพ

1. สาย RGB หรอื VGA
สาย RGB (เรียกว่าสายอารจ์ ีบี) เป็นสายสัญญาณที่ใช้ถ่ายทอดสัญญาณระหวา่ งเคร่ือง

Computer กับเครื่องวิดีโอโปรเจคเตอร์ ที่เรียกว่าสาย RGB เนื่องจากเรียกตามหลักการผสมสี
ภายในตัวเครื่อง ที่ R มาจาก Red คือสีแดง G มาจาก Green คือสีเขียว และ B มาจาก Blue
คือสีน้ำเงิน สาย RGBจะใช้สำหรับส่งสัญญาณภาพจากเครื่องส่งไปยังเครื่องรับภาพและฉาย
ภาพเพือ่ นำเสนอ โดยสายนี้จะมีข้อต่อหรอื คอนเนคเตอร์ (connector) 2 ประเภท คือข้อต่อตัวผู้

111

และข้อต่อตัวเมีย ข้อต่อตัวผู้จะมีหัวเสียบยื่นออกมาเพื่อใช้เสียบเข้ากับอุปกรณ์ต่างๆ โดยมาก
ข้อต่อตวั ผู้จะติดอยู่กบั สายสัญญาณ ขณะที่ขอ้ ต่อตัวเมียซึ่งเป็นรสู ำหรับรับหัวเสียบเล็กๆ จาก
ตัวผจู้ ะติดอยกู่ ับตวั เคร่อื งหรอื อุปกรณต์ า่ งๆ ซึ่งหากหวั เสียบทีม่ จี ำนวนท้ังสิน้ 15 หวั ของข้อต่อ
ตวั ผู้ หวั ใดหัวหนึ่งขาด สายสญั ญาณนจี้ ะยังทำงานได้อยู่เพียงแตจ่ ะใหภ้ าพไม่คมชัดเหมือนเดิม
วิธีการใช้งานเพียงแต่นำหัวตัวผู้เสียบไปกับหัวตัวเมีย และหากต้องการติดตั้งแบบถาวรให้
หมนุ นอ็ ตสองขา้ งทีต่ ิดอยู่ด้านหลัง ข้อต่อเพือ่ ใหต้ ิดแนน่ แต่หากต้องการติดตั้งช่ัวคราวเพียงแค่
เสียบข้อตอ่ ตวั ผู้และตัวเมยี เข้าหากนั โดยไมต่ อ้ งหมนุ น็อต

ภาพที่ 8.3 สาย RGB หรอื VGA
2. HDMI

สาย HDMI (High-Definition Multimedia Interface: HDMI) เป็นการเชื่อมโยงข้อมูลใน
ลักษณะมัลติมีเดียชนิดที่มีความละเอียดสูง โดยไม่ต้องใช้การบีบอัดข้อมูล (Uncompressed)
ทำให้ภาพและเสียงที่ได้มีความละเอียดและความคมชัดสูงมาก ซึ่งในปัจจุบัน สายชนิดดังกล่าว
ได้พัฒนาขึ้นมาเป็น HDMI เวอร์ชัน 1.4 มีการปรับปรุงให้ความสำคัญในความเร็วในการรับส่ง
ข้อมูล เพิ่มเครือข่ายความเร็วสูงเพื่อเชื่อมโยงช่วยให้ผู้ใช้สามารถใช้ประโยชน์เต็มที่จาก
อุปกรณ์ไร้สาย และสนับสนุนเทคโนโลยี 3D ทั้ง Game และ Home Therter จนถึง 1080p อีก
ทั้งยัง สนับสนุนความละเอียดสูงสุดถึงระดับ 4,096 x 2,160 พิกเซล (pixel) ซึ่งเป็นการ
แสดงผลที่มากขึ้นกวา่ เดิม 4 เทา่ ในปัจจบุ ัน

ภาพที่ 8.4 สาย HDMI

112

HDMI “มาตรฐาน” มีชือ่ จริงว่า HDMI Type-A สาย HDMI Type-A เปน็ สิ่งที่น่าจะนึก
ถึงเม่อื เปน็ สายเคเบิลทีค่ ุณใช้กบั ทีวจี อภาพพีซีคอนโซลเกมเครือ่ งเล่น Blu-Ray และกลอ่ งรับ
สญั ญาณสว่ นใหญอ่ ปุ กรณเ์ หลา่ นีส้ ่วนใหญ่มาพร้อมกบั สาย HDMI อย่แู ล้วหากคณุ มีที่วางไว้
รอบ ๆ ให้ไป ขา้ งหน้าแล้วเลือกขึน้ มาและดูในที่สดุ ที่นั่นคุณจะเห็นหมดุ สองแถวโดยมีหมดุ
ทั้งหมด 19 พิน

ภาพที่ 8.5 พินของหวั HDMI
ภาพจาก : https://nerdtechy.com/micro-hdmi-vs-mini-hdmi
การออกแบบ 19 พินน้ีถือเปน็ หวั ใจสำคญั ของข้ัวต่อ HDMI ประเภทต่างๆไมว่ ่าคุณจะใช้
สาย HDMI ประเภทใดก็ตามจะมีเคล็ดลับ 19 ข้อเสมอ 19 เคล็ดลับเหล่านี้ช่วยให้คุณทำทุก
อย่างที่ HDMI ทำได้อย่างชัดเจน ส่งวิดีโอสำหรับสิ่งนี้มีเคล็ดลับสามประการที่เป็นของแต่ละ
ช่องเชน่ เดียวกบั เสียงมีชอ่ งเพิม่ เติมที่เรยี กว่าช่องสัญญาณนาฬิกาชอ่ งเหล่านีไ้ ม่ได้มีข้อมูลที่เป็น
ประโยชน์ แต่จะทำให้ช่องอื่น ๆ ซิงค์อยู่เพื่อป้องกัน ณ จุดนี้คุณอาจคิดว่ามันเป็นแค่สายวิดีโอ
ใช่ไหมนั่นคือสิ่งที่ HDMI ทำ ณ ตอนนี้คุณอาจคิดว่ามันเป็นแค่สายวิดีโอใช่ไหมนั่นคือสิ่งที่
HDMI ทำ
HDMI นำเสนอรูปแบบอื่นประการหนึ่งคือมีช่องจ่ายไฟ 5 โวลต์สำหรับส่ง
พลังงานไปยงั อปุ กรณบ์ างอย่างอีกช่องหนง่ึ คอื ช่องมอนิเตอรท์ ีต่ ดิ ตามเม่อื อุปกรณ์ปิดอยู่ แม้แต่
สิ่งที่เรียกว่า“ สวิงพิน” (พิน 14) ซึ่งใช้เป็นพินยูทิลิตี้สำหรับแอพพลิเคชั่นต่างๆตัวอย่างเช่น
สามารถใช้เพื่อถ่ายโอนสัญญาณอีเธอรเ์ น็ตในระยะทางส้ัน ๆ มีช่องหนึง่ ที่กล่าวถึงก่อนที่เราจะ
ดำเนินการต่อนี่คือช่อง CEC (Consumer Electronics Control) ช่อง CEC ช่วยให้คุณทำกิจกรรม
สนุก ๆ เช่นตั้งโปรแกรม Soundbar ให้เปิดเมื่อใดก็ตามที่ทีวีของคุณเปิดใช้งานโปรดจำไว้ว่า
อุปกรณ์ของคุณต้องเข้ากันได้เพื่อให้ตัวควบคุม CEC ทำงานได้ เมื่อเลือกสาย HDMI ธรรมดา

113

(หรือสาย HDMI ใดก็ได้) ให้มองหาสาย HDMI 2.0 HDMI 2.0 รองรับ ARC และ eARC ซึ่งช่วย
ให้สามารถตั้งค่าเสียงข้ันสูงได้มากขึ้นโดยพื้นฐานแล้วพวกเขาอนุญาตให้ส่งเสียงได้ทั้งสองทาง
ซึ่งจำเป็นสำหรับหลาย ๆ ตัวควบคุม AV นอกจากนี้หากคุณต้องการรองรับวิดีโอ 8K คุณ
จะต้องใช้สาย HDMI 2.1 ที่มีเนื้อวัวมากขึ้นตรงกันข้ามกับความเชื่อที่นิยม HDMI 2.1 ไม่จำเป็น
สำหรับวิดีโอ 4K HDMI 2.0 สามารถจัดการได้ดีไม่ว่าจะเป็นประเภทใดก็ตาม ของสาย HDMI
Type-A ที่คุณเลือกล้วนมีปลาย 19 พินเหมอื นกนั

สิ่งนี้ไม่ได้เป็นเช่นนั้นเสมอไปอันที่จริงมีมาตรฐานที่วางแผนไว้เรียกว่า HDMI
Type-B ซึ่งจะสั่นสะเทือนไปทั้งอุตสาหกรรมรู้จักกันในชื่อ“ HDMI Dual-Link” มาตรฐานนี้
ได้รบั การวางแผนโดยใช้ 29- การเชอ่ื มต่อแบบพินเพือ่ ความเร็วในการเชือ่ มต่อที่เร็วขึ้นอย่างไร
ก็ตามไม่เคยมีการใช้ HDMI Type-B มาก่อนใคร ๆ ก็สามารถใช้งานได้มาตรฐาน HDMI 1.3 ได้
ถูกนำออกใช้โดย HDMI 1.3 ให้ประสิทธิภาพที่ดีกว่า HDMI Type-B ดังนั้น Type-B จึงล้าสมัย
ไปก่อน มนั ถกู ปล่อยออกมาด้วยซ้ำ

ปัจจุบันมีมาตรฐาน HDMI อื่น ๆ อีกสามมาตรฐานที่ใช้อยู่ HDMI Type-C หรือที่
เรียกกันทั่วไปว่า mini HDMI, HDMI Type-D หรือที่เรียกกันทั่วไปว่า micro HDMI และ HDMI
Type-E วนั นีเ้ รากำลังพูดถึง mini และ micro HDMI แต่เราอาจจะ รวมท้ังสมั ผสั สั้น ๆ บน HDMI
Type-E HDMI Type-E เป็นขั้วต่อพิเศษที่มีขั้วต่อแบบคลิปออนที่ออกแบบมาเพื่อต้านทานการ
สั่นสะเทือนโดยทั่วไปจะใช้สำหรับแผงแสดงผลในรถยนต์และแอปพลิเคชันที่มีการสั่นสะเทือน
สูงอื่น ๆ อย่างไรก็ตามคุณไม่ มีแนวโน้มที่จะต้องใช้มันสำหรับการตั้งค่าความบันเทิงในบ้าน
(TechGuru, 2020)

ภาพที่ 8.6 HDMI Standard Mini Micro
ภาพจาก : https://nerdtechy.com/micro-hdmi-vs-mini-hdmi

114

ประเภทของสาย HDMI
(Electronicsnotes, 2021 ; ROZY S., 2020)
1. ขั้วตอ่ HDMI Type A

ภาพที่ 8.7 HDMI Type A

ภาพจาก : https://cablematic.com/en/products/hdmi-cable-hdmi-type-a-male-to-hdmi-a-male-25-cm-HD006/

ขั้วต่อประเภท A เป็นขั้วต่อสายเคเบิลมาตรฐานที่ใช้สำหรับรูปแบบวิดีโอทีวี
หรือพีซีที่ไม่มีการบีบอัดรวมถึงสัญญาณวิดีโอมาตรฐานความละเอียดสูงและ 3 มิติ ขั้วต่อ
Type A มาตรฐานมีขนาด 13.9 มม. x 4.45 มม. เต้ารับตัวเมียมีขนาด 14 มม. x 4.55 มม.
มีทั้งหมด 19 พินที่รองรับโหมด SDTV, EDTV และ HDTV และยังเข้ากันได้กับระบบไฟฟ้าแบบ
single - เชอ่ื มตอ่ DVI-D และเข้ากนั ได้กบั ข้อกำหนด HDMI 1.4 (Josh, 2013)

2. ขั้วต่อ HDMI Type B

ภาพที่ 8.8 HDMI Type B

ภาพจาก : https://www.bestbuy.com/site/searchpage.jsp?_dyncharset=UTF-
8&browsedCategory=abcat0107020&id=pcat17071&iht=n&ks=960&list=y&qp=connectortype_facet%3DConnector%20Type~HDMI

%20Type%20B&sc=Global&st=categoryid%24abcat0107020&type=page&usc=All%20Categories

ข้ัวตอ่ HDMI ประเภทนี้เปิดตวั ด้วยมาตรฐานด้ังเดิมในปี 2545 และมงุ่ เป้าไปที่
การพกพาวิดีโอ DVD-I แบบดูอัลลิงคไ์ ม่เคยใช้ตัวเชือ่ มต่อนใี้ นผลิตภณั ฑ์เนื่องจากมีการนำ
HDMI 1.3 มาใช้ทำใหค้ วามเร็วของลิงกเ์ ดียวเกิน ของลงิ ค์คู่รนุ่ เก่าเนือ่ งจากตวั เช่ือมต่อมขี นาด

115

ใหญก่ วา่ รูปแบบมาตรฐานลิงกเ์ ดียวจึงไมม่ ีเหตุผลในการใชง้ านอย่างไรก็ตามยงั คงรักษาไว้ตาม
ข้อกำหนดคอนเนค HDMI ประเภทนี้

3. ข้ัวตอ่ HDMI Type C

ภาพที่ 8.9 HDMI Type C

ภาพจาก : https://www.electronics-notes.com/articles/audio-video/hdmi/hdmi-connectors.php

นี่คือขั้วต่อ mini-HDMI และมีขนาดเล็กกว่าขั้วต่อ Type A โดยมีขนาด 10.42
มม. x 2.42 มม. แต่ยังคงไว้ซึ่งการกำหนดค่า 19 พินมินิ HDMI ยังคงรักษาฟังก์ชันการทำงาน
ทั้งหมดของ HDMI Type A ที่มีขนาดใหญ่กว่า แต่ขั้วต่อดังกล่าว เล็กกว่ามาก ขั้วต่อมินิ HDMI
ถูกนำมาใช้ใน HDMI เวอร์ชัน 1.3 เนื่องจากมาตรฐาน HDMI ได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวาง
มากขึ้นและได้รับการยอมรับวา่ ต้องการตัวเชื่อมต่อขนาดเลก็ มีความแตกต่างในการกำหนดค่า
การเชื่อมต่อขั้วต่อ mini-HDMI: สัญญาณบวกทั้งหมดของคู่ที่แตกต่างกันจะถูกสลับกับ โล่ที่
สอดคล้องกัน DDC / CEC Ground ถูกกำหนดให้กับพิน 13 แทนที่จะเป็นพิน 17 CEC ถูก
กำหนดให้เป็นพิน 14 แทนพิน 13 และพินที่สงวนไว้คือ 17 แทนพิน 14 ขั้วต่อ HDMI Type C
สามารถเชื่อมต่อกับขั้วต่อประเภท A ได้ แต่ต้องใช้สายเคเบิลชนิด A-to-Type C หรืออะแดป
เตอร์ ตวั เช่อื มตอ่ mini-HDMI เป็นสิง่ ทีพ่ บเหน็ ได้ทัว่ ไปในอุปกรณพ์ กพาหลาย ๆ ชนิ้ ตวั อย่างเช่น
กล้อง DSLR กล้องวิดีโอแทบ็ เล็ตขนาดใหญ่ระบบนำทางแบบ sat และอื่น ๆ

4. ขั้วต่อ HDMI Type D

ภาพที่ 8.10 HDMI Type D

ภาพจาก : https://www.electronics-notes.com/articles/audio-video/hdmi/hdmi-connectors.php

ขนาดของขั้วต่อ HDMI Type D นั้นใกล้เคียงกับขั้วต่อ micro-USB มากและ
ด้วยเหตุนี้ Type D จึงมักเรียกกันว่าขั้วต่อ micro-HDMI การวัดมีขนาดเพียง 6.4 มม. x 2.8
มม. HDMI ยังคงรักษาพิน 19 พินของตัวเชื่อมต่ออื่น ๆ แม้ว่าการกำหนดพินจะแตกต่างกัน

116

ขั้วต่อ micro-HDMI ได้รับการแนะนำมาพร้อมกับ HDMI เวอร์ชัน 1.4 ซึ่งได้รับการพัฒนา
โดยเฉพาะสำหรับการเช่อื มตอ่ ภาพและเสียงในอุปกรณข์ นาดเลก็ และพกพาเชน่ โทรศพั ท์มือถือ

5. ขว้ั ตอ่ HDMI Type E

ภาพที่ 8.11 HDMI Type E
ภาพจาก : https://th.aliexpress.com/item/32824657679.html
ขั้วต่อ HDMI Type E มีไว้สำหรับการใช้งานในยานยนต์ตัวเชื่อมต่อนี้ได้รับการ
แนะนำมาพร้อมกับ HDMI เวอร์ชัน 1.4 เพื่อป้องกันไม่ให้สั่นหลวมจึงรวมแถบล็อคและเปลือก
เพื่อช่วยป้องกันสิ่งสกปรกและความชื้นเข้ามานอกจากนี้ยังมีขั้วต่อรีเลย์สำหรับเชื่อมต่อสาย
เคเบิลสำหรับผู้บริโภคมาตรฐานกับสายยานยนต์และเปิดใช้งานอินเทอร์เฟซกับรายการ AV
สำหรบั ผู้บริโภคซึง่ เปน็ คอ่ ยๆเกิดขึ้น
3. Mini HDMI

ภาพที่ 8.12 สาย Mini HDMI
ภาพจาก : https://th.cytron.io/p-mini-hdmi-to-hdmi-cable
Mini HDMI หมายถึงไฟล์ ประเภท HDMI C อินเตอร์เฟซ. ขนาดของขั้วต่อคือ 10.42
มม. × 2.42 มม. อย่างไรก็ตามสิ่งที่พิเศษคือมีจำนวนพินเท่ากับไมโคร HDMI ซึ่งเท่ากับ 19
ลำดับของพินนั้นแตกต่างกันเล็กน้อยกับสิง่ ที่พบในไมโคร HDMI พินสัญญาณบวกในที่นี้คือ 8,
5 และ 2 และพินสัญญาณลบคือ 9, 6 และ 3 ตัวป้องกนั สำหรับสายข้อมลู คือ 7, 4 และ 1 พิน
ที่ใช้สำหรับนาฬิกาคือ 11, 12 และ 10 CEC (Consumer Electronics Control) เชื่อมต่อกับพิน 14
และใช้สำหรับ DDC พิน 15 และ 16 โล่สำหรับช่อง CEC และ DDC เชื่อมต่อกับพิน 13 พินที่
สงวนไว้ที่น่คี ือหมายเลขพิน 17 การตรวจจับปล๊กั ร้อนถกู กำหนดใหก้ ับพิน 19 และแหล่งจ่ายไฟ

117

+ 5V เชื่อมต่อกับพิน 18 ความเร็วอัตราบิตและโปรโตคอล คล้ายกับไมโคร HDMI ทุกประการ
เนื่องจากมีขนาดใหญ่กว่า micro HDMI เล็กน้อยโดยทั่วไปจึงใช้ในอุปกรณ์ซึ่งสามารถรองรับ
พื้นที่ได้มากกว่าเมื่อเทียบกับ micro HDMI ตัวอย่างเช่นอุปกรณ์ต่างๆเช่นกล้องดิจิทัลกล้อง
วิดีโอ DSLR ใช้ mini HDMI เพื่อส่งสัญญาณมัลติมีเดีย คือตัวเชื่อมต่อประเภทใหม่สำหรับ
ตระกลู HDMI มาตรฐาน HDMI Type-C ใหม่นรี้ ู้จักกันในชอ่ื HDMI Type-C ได้รบั การออกแบบ
ให้เป็นมาตรฐานเดียวกับ HDMI Type-A ความแตกต่างเพียงอย่างเดียวคือขนาดของปลาย
แทนที่จะใช้ปลาย Type-A ที่ใหญ่กว่าปลายมินิ HDMI จะกว้างเพียง 10.42 มม. และหนา 2.42
มม. ทำให้มีขนาดเล็กกว่าขั้วต่อ HDMI มาตรฐานถึง 60 เปอร์เซ็นต์ บางครั้งพบพอร์ต mini
HDMI น้อยกว่าในแท็บเล็ต ในหลาย ๆ กรณีเช่น iPad บางรุ่นคุณจะได้รับด็องเกิล HDMI
มาตรฐานพร้อมกับอุปกรณ์ ในกรณีอื่นคุณจะต้องซื้ออะแดปเตอร์ของคุณเอง ไม่ว่าจะด้วยวิธี
ใดก็เป็นสายเคเบิลเดียวกันที่มีความสามารถเดียวกันดังนั้นอะแดปเตอร์จึงมีราคาที่
สมเหตสุ มผล สายเคเบิล Mini HDMI เป็น HDMI ความเร็วสงู ชนิด A ถึง C

ภาพที่ 8.13 HDMI Port
ภาพจาก : https://nerdtechy.com/micro-hdmi-vs-mini-hdmi
4. Micro HDMI

ภาพที่ 8.14 สาย Micro HDMI
ภาพจาก : https://www.ec-mall.com/product/live-stream/hdmi-adapter/117370.html

HDMI Type-D ซึ่งมักเรียกว่า micro HDMI ได้รับการเผยแพร่ในภายหลังโดยมี
มาตรฐาน HDMI 1.4 เช่นเดียวกับมินิ HDMI ไมโคร HDMI มี 19 พินเหมือนกับการออกแบบ

118

ดั้งเดิม ทำให้ใช้งานร่วมกับ HDMI ธรรมดาได้อย่างง่ายดายแม้ว่าคุณจะยังคงต้องใช้อะแดป
เตอร์ สิง่ ทีน่ ่าประทบั ใจที่สุดเกีย่ วกับ micro HDMI คือขนาดกะทัดรัดเพียงใด ข้ัวต่อมีขนาดปลั๊ก
กว้าง 6.4 มม. และหนา 2.8 มม. เท่านั้น ทำให้มีขนาดเล็กกว่าขั้วต่อ HDMI ดั้งเดิมถึง 72
เปอร์เซ็นต์อยา่ งน่าทึ่ง ในช่วงต้นทศวรรษที่ผ่านมาสมาร์ทโฟนบางรุ่นเริ่มใช้การเชื่อมต่อ micro
HDMI บางทีสิ่งที่ได้รับความนิยมมากที่สุดคือ Droid X ซึ่งทำให้เป็นหนึ่งในคุณสมบัติการ
โฆษณาอันดับต้น ๆ ของพวกเขา อย่างไรก็ตามตอนนี้ USB Type-C มีมาตรฐานสากลมากขึ้น
สำหรบั วิดโี อบนสมาร์ทโฟน และหากคุณไม่มี USB Type-C กม็ ีแอพพลิเคช่ันสตรีมมิ่งมากมาย
ให้ใช้งาน สำหรับสมาร์ทโฟนส่วนใหญ่ไม่จำเปน็ ต้องใช้การเชือ่ มต่อ micro HDMI และส่วนใหญ่
ถูกละทิ้งไป ที่กล่าวว่ายังมีแอพพลิเคชั่นบางตัวที่ micro HDMI จะมีประโยชน์ ตัวอย่างเช่นให้
การเล่น 4K ที่ดีกว่าการเชื่อมต่อ USB Type-C ด้วยเหตุนี้กล้องแอ็คชั่น HDMI จำนวนมากจึง
ยงั คงใช้ขวั้ ตอ่ ไมโคร HDMI เพื่อความเป็นธรรมการเช่อื มตอ่ USB Type-C ที่ใหม่กวา่ นนั้ เร็วกว่า
ที่เคยและ USB จะไม่ต้องสงสัยเลยว่าสักวันหนึ่งจะเกิดคราส micro HDMi แต่สำหรับตอนนี้
micro HDMI ยังคงมีประโยชน์สำหรับการใช้งานเฉพาะกลุ่มต่างๆ เหนือสิ่งอื่นใดเนื่องจากเป็น
ประเภทการเชื่อมต่อเฉพาะอุปกรณ์ micro HDMI ส่วนใหญ่มาพร้อมกับอะแดปเตอร์อยู่แล้ว
micro HDMI connector จะให้คล้ายกับหัวต่อ mini usb ที่ใช้สำหรับอุปกรณ์เคลื่อนที่ ๆ เป็น
ดิจิทัล micro HDMI คือขั้วต่อขนาดเลก็ ทีร่ องรับการสง่ ผ่านสัญญาณภาพ Full HD หรือ 1080p
สำหรับอปุ กรณเ์ คลื่อนที่ ตวั อยา่ งเชน่ กล้องถา่ ยภาพวีดีโอดิจทิ ัลกล้อง Digital Camera อปุ กรณ์
player แบบพกพาทั้งหลาย

5. Micro USB

ภาพที่ 8.15 Micro USB

ภาพจาก : https://www.lazada.co.th/products/micro-usb-5m-micro-usb-data-sync-3a-fast-charging-charger-cable-for-android-smart-phone-i257692705.html

Micro USB เป็นอินเทอร์เฟซ Universal Serial Bus (USB) เวอร์ชันย่อส่วนที่พัฒนาขึ้น
เพือ่ เชอ่ื มตอ่ อปุ กรณข์ นาดกะทดั รัดและอุปกรณพ์ กพาเช่นสมาร์ทโฟนเคร่ืองเล่น MP3 อปุ กรณ์
GPS เครื่องพิมพ์ภาพถ่ายและกล้องดิจิทัล ตัวเชื่อมต่อ Micro USB มีอยู่หรือมีอยู่ในสาม

119

รูปแบบ: micro A, micro B และ micro USB 3. USB 3 micro เหมือนกับ micro B แต่มีกลุ่มพิน
เพิ่มเติมที่ด้านข้างสำหรับสายไฟสองเท่าทำให้ USB 3 มีความเร็วมากขึ้น เช่นเดียวกับ USB
มาตรฐานรุ่นไมโครเป็นแบบพลักแอนด์เพลย์และถอดเปลี่ยนได้อย่างรวดเร็ว มาตรฐานบัสต่อ
พ่วง USB ได้รับการพัฒนาร่วมกันโดย Compaq, IBM, DEC, Intel, Microsoft, NEC และ
Northern Telecom เทคโนโลยีนี้สามารถใช้ได้โดยไม่มีค่าใช้จ่ายสำหรับผู้จำหน่ายคอมพิวเตอร์
และอปุ กรณ์ท้ังหมด ดูภาพประกอบของเวอรช์ ัน mini และ micro USB ด้านล่าง

ภาพที่ 8.16 micro type ต่าง ๆ
ภาพจาก : https://whatis.techtarget.com/definition/micro-USB
ข้อกำหนด USB เวอร์ชันมนิ ิที่นำหนา้ รุน่ ไมโครได้ถกู ยกเลิกไปแล้ว ข้ัวต่อไมโคร A กเ็ ลิก
ใช้ไปเช่นกันโดยใช้ขั้วต่อ B ที่บางกว่าและแข็งแรงกว่า พอร์ต Micro USB 3 สามารถรับสาย B
มาตรฐานได้ เพื่อช่วยในเรื่องความเข้ากันได้อุปกรณ์บางอย่างมีพอร์ตคู่ A / B (TechTarget
Contributo, 2013)
6. RCA

ภาพที่ 8.17 สาย RCA
ภาพจาก : https://en.wikipedia.org/wiki/RCA_connector
สาย RCA หรือ RCA Cable ย่อมาจาก Radio Coperation of America ออกแบบ
มาใช้กนั ก่อนที่ usa และท่ัวโลก ตั้งแตป่ ี 1940 ซึ่งจะใช้นำสญั ญาณเสียงออกมาจากเคร่ืองเสียง
ต่างๆ มาแบบ Stereo จนมาถึงปัจจุบัน เครื่องเสียงไม่ว่าจะราคาถูกหรือราคาแพงก็ยังใช้สาย


Click to View FlipBook Version