The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.
Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by social study, 2021-06-05 13:12:50

การพัฒนาจิตสำนึกความเป็นพลเมืองของนักเรียนในจังหวัดขอนแก่น ตามหลักพุทธธรรม

ผู้วิจัย : ผศ.อนุสรณ์ นางทะราช

๑๔

๑.๕.๔.๓ พระสงฆ์ หมายถึง หมู่สาวกท่ศี ึกษาและปฏบิ ัตติ ามคำสอนของพระพุทธเจ้าและ
เผยแผค่ ำสอนให้แกค่ นทว่ั ไป

๑.๕.๕ แผนการจัดการเรียนรู้ หมายถึง แนวการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ โดยใช้กระบวนการ
แบบอรยิ สัจ ๔ รปู แบบการเรียนการสอน ส่ิงทต่ี ้องการใหผ้ ู้สอนวางแผนการจัดกิจกรรมการเรยี นรู้ ด้วย
การปลกู ฝังจิตสำนึกและเสริมสรา้ งความเป็นพลเมืองไทย ไวล้ ว่ งหนา้ อยา่ งละเอยี ด วชิ าพระพทุ ธศาสนา
กลุ่มสาระการเรียนรู้สังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๓ โรงเรียนซำ
สูงพิทยาคม สังกัดองค์การบริหารส่วนจังหวัด จังหวัดขอนแก่น จำนวน ๕ แผน ที่ต้องการให้ผู้สอน
จัดการเรียนรู้ที่เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ เพื่อสร้างศักยภาพสูงสุดให้แก่ผู้เรียนให้เกิดความคิดสร้างสรรค์
และพัฒนาความเชื่อมั่นในตนเอง ซึ่งมีเนื้อหา กิจกรรมการเรียนการสอน สื่อการสอน และวิธีวัด
ประเมินผลที่ชัดเจน สอดคล้องกับมาตรฐานการเรียนรู้ ตัวชี้วัดที่กำหนดไว้ในหลักสูตรแกนกลาง
การศกึ ษาขน้ั พ้นื ฐาน พุทธศกั ราช ๒๕๕๑

๑.๕.๖ หลักพุทธธรรม หมายถึง คำสอนของพระพุทธเจ้า บ้างหัวข้อที่พระองค์ใช้สั่งสอน
เหล่าสาวกและผู้ที่เสื่อมใสศรัทธาให้ได้ปฏิบัติตาม ซึ่งหลักธรรมนำมาในการพัฒนานักเรียนนั้นได้เลือก
มาที่สำคัญมดี งั ตอ่ ไปนี้

๑.๕.๖.๑ มรรค ๘ คือ ๑) สัมมาทิฏฐิ ความเห็นชอบ ๒) สัมมาสังกัปปะ ความดำริ
ชอบ๓) สัมมากัมมันตะ การทำงานชอบ ๔) สัมมาวาจา การเจรจาชอบ ๕) สัมมาอาชีวะ เลี้ยงชีพชอบ
๖) สัมมาวายามะ เพยี รพยายามชอบ ๗) สัมมาสติ ความระลกึ ชอบ ๘) สัมมาสมาธิ ความต้งั ใจม่ันชอบ

๑.๕.๖.๒ พรหมวิหาร ๔ คือ ๑) เมตตา ความปรารถนาให้ผู้อื่นได้รับสุข ๒) กรุณา
ความปรารถนาให้ผู้อ่ืนพ้นทุกข์ ๓) มทุ ิตาความยินดีเมอ่ื ผอู้ ่นื ไดด้ ี ๔) อเุ บกขาการรู้จกั วางเฉย

๑.๕.๖.๓ อิทธิบาท ๔ คือ ๑) ฉันทะ ความพอใจรักใคร่ในสิ่งนั้น ๒) วิริยะ ความ
พากเพียรในสิ่งนั้น ๓) จิตตะ ความเอาใจใส่ฝกั ใฝ่ในสิ่งนั้น ๔) วิมังสา ความหมั่นสอดส่องในเหตุผลของ
สิ่งนั้น

๑.๕.๖.๔ สังคหวัตถุ ๔ คือ ธรรมเครื่องยึดเหนี่ยวใจบุคคล และประสานหมู่ชนไว้ใน
สามัคคี, หลักการสงเคราะห์ ๑) ทาน คือการให้ เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ เสียสละ แบ่งปัน ช่วยเหลือกันด้วย
สิ่งของตลอดถึงให้ความรู้และแนะนำสั่งสอน ๒) ปิยวาจา หรือ เปยยวัชชะ วาจาเป็นที่รัก วาจาดูดด่ืม
นำ้ ใจ หรือวาจาซาบซึ้งใจ ๓) อัตถจรยิ า การประพฤตปิ ระโยชน์ คอื ขวนขวายช่วยเหลือกจิ การ บำเพญ็
สาธารณประโยชน์ ๔) สมานัตตตา ความมีตนเสมอ คือ ทำตนเสมอด้วยปลาย ปฏิบัติสม่ำเสมอกัน
ในชนทั้งหลาย๓๒

๓๒ ที.ปา.(ไทย) ๑๑/๑๔๐/๑๖๗; ๒๖๗/๒๔๔.

๑๕

๑.๕.๖.๕ ฆราวาสธรรม ๔ แปลว่า คุณสมบัติของผู้ประสบความสำเร็จในการดำเนิน
ชีวิตทางโลก ประกอบด้วยธรรมะ ๔ ประการ คือ ๑) สัจจะ แปลว่า จริง ตรง แท้ มีความซื่อสัตย์เป็น
พื้นฐาน เปน็ คนจรงิ ต่อความเปน็ มนุษย์ของตน ๒) ทมะ แปลว่า ฝึกตน ขม่ จิต และรักษาใจ บงั คบั ตัวเอง
เพื่อลดและละกิเลส และรักษาสัจจะ ๓) ขันติ แปลว่า อดทน ไม่ใช่เพียงแต่อดทนกับคำพูดหรือ
การกระทำของผู้อื่นที่เราไม่พอใจ แต่หมายถึงการอดทนอดกลั้นต่อการบีบบังคับของกิเสส
๔) จาคะ แปลวา่ เสียสละ บรจิ าคสงิ่ ที่ไมค่ วรมอี ยู่ในตน โดยเฉพาะกเิ ลสเพราะนั้นคือส่ิงท่ีไม่ควรมีอยู่กับ
ตน ละนิสัยไมด่ ตี า่ งๆ

๑.๕.๗ วิธีการสอนแบบอริยสัจ ๔ หมายถึง วิธีการสอนที่พระพุทธองค์ที่ทรงนำเอา
หลกั ธรรมมา ประยกุ ตใ์ นการสอนพุทธบริษัท สำหรับความหมายของอรยิ สจั นั้น อรยิ ะ หมายถงึ บุคคล
ผู้ บรรลุธรรมวิเศษ ส่วนคำว่า สัจจะ หมายถึง ความรู้เรื่องแห่งความจริง ดังนั้น อริยสัจ จึงหมายถึง
ความจริงของพระอริยะ หรือความจริงอันประเสริฐ เป็นชื่อธรรมสำคัญมาก พระพุทธศาสนา
๔ ประการ อนั ไดแ้ ก่ ทุกข์ สมทุ ยั นโิ รธ และมรรค๓๓

๑.๕.๘ นกั เรียน หมายถึง ผู้ท่กี ำลังศึกษาอยู่ในชั้นมัธยมศึกษาปีท่ี ๓ โรงเรยี นซำสูงพิทยาคม
สงั กดั องคก์ ารบริหารส่วนจังหวัด จังหวัดขอนแก่น ภาคเรยี นที่ ๒ ปีการศกึ ษา ๒๕๖๐ จำนวน ๓๒ คน

๑.๕.๙ โรงเรียน หมายถงึ โรงเรยี นซำสงู พทิ ยาคม สังกดั องคก์ ารบริหารส่วนจงั หวัด จังหวัด
ขอนแก่น ตั้งอยู่ที่ ๓๓๓ หมู่ที่ ๑ ถนนกระนวน-ซำสูง ตำบลกระนวน อำเภอซำสูง จังหวัดขอนแก่น
รหสั ไปรษณีย์ ๔๐๑๗๐

๑.๖ สมมตฐิ านการวจิ ยั

๑.๔.๑ ประสิทธิภาพแผนการจัดการเรียนรู้ โดยใช้กระบวนการแบบอริยสัจ ๔ เรื่อง
จิตสำนึกสาธารณะ ความเปน็ พลเมืองตามหลักพุทธธรรมของนักเรียนชน้ั มัธยมศึกษาปีท่ี ๓ โรงเรียนซำ
สงู พิทยาคม ทีม่ ีประสิทธภิ าพตามเกณฑ์ ๘๐/๘๐

๑.๔.๒ จิตสำนึกสาธารณะตามหลักพุทธธรรม โดยใช้กระบวนการแบบอริยสัจ ๔ ของ
นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๓ โรงเรียนซำสูงพิทยาคม สังกัดองค์การบริหารส่วนจังหวัด จังหวัด
ขอนแก่น อยใู่ นระดับมาก

๑.๔.๓ ความเปน็ พลเมอื ง ตามหลกั พุทธธรรม ของนกั เรยี นชน้ั มธั ยมศึกษาปที ่ี ๓ โรงเรยี น
ซำสูงพทิ ยาคม อยู่ในระดบั มาก

๓๓ ราชบัณฑติ ยสถาน. พจนานุกรมฉบับราชบณั ฑติ ยสถาน พ.ศ.๒๕๕๔ เฉลมิ พระเกียรติ พระบาท สมเดจ็
พระเจ้าอยู่หัวเนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา ๗ รอบ ๕ ธันวาคม ๒๕๕๔. (กรุงเทพฯ:
ราชบัณฑติ ยสถาน, (๒๕๕๖).

๑๖

๑.๔.๔ ความพึงพอใจของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๓ โรงเรียนซำสูงพิทยาคม ที่มีต่อ
การจัดกิจกรรมการเรียนรู้ โดยใช้กระบวนการแบบอริยสัจ ๔ เรื่องจิตสำนึกสาธารณะ ความเป็น
พลเมืองตามหลักพทุ ธธรรม อยใู่ นระดบั มาก

๑.๗ กรอบแนวคดิ การวจิ ัย

จากการทบทวนวรรณกรรม ทำให้ผู้วิจัยสามารถสร้างกรอบแนวคิดในการวิจัยให้มีความ
เหมาะสมและสอดคล้องกับบริบทในการศึกษาวิจัยได้มากยิ่งขึ้น โดยการศึกษาวิจัย ครั้งนี้
มรี ายละเอียด ดงั ภาพท่ี ๑.๑

ตวั แปรอิสระ ตัวแปรตาม

การพฒั นาจติ สำนกึ ความเป็นพลเมอื ง ๑. จติ สำนกึ สาธารณะของนักเรยี น
ของนกั เรยี นในจังหวดั ขอนแก่น ช้ันมัธยมศึกษาปีที่ ๓
ตามหลกั พุทธธรรม ประกอบดว้ ย
๑. แผนการจดั การเรียนรู้ ได้แก่ ๒. ความเปน็ พลเมืองดขี องนักเรยี น
ชนั้ มัธยมศกึ ษาปที ่ี ๓
๑.๑ มรรค ๘
๑.๒ พรหมวหิ าร ๔ ๓. ผลสัมฤทธทิ์ างการเรียนของ
๑.๓ อิทธิบาท ๔ นกั เรียนช้นั มัธยมศกึ ษาปที ี่ ๓
๑.๔ สังคหวตั ถุ ๔
๑.๕ ฆราวาสธรรม ๔ ๔. ความพงึ พอใจของนักเรียนช้นั
๒. วธิ ีสอนแบบอรยิ สัจ ๔ มัธยมศกึ ษาปีท่ี ๓
๒.๑ ขั้นกำหนดปัญหา (ขน้ั ทุกข)์
๒.๒ ขั้นตงั้ สมมตฐิ าน (ขั้นสมุทยั ) ภาพท่ี ๑.๑ กรอบแนวความคิดในการวจิ ัย
๒.๓ ขั้นการทดลองและเก็บข้อมูล (ช้ันนโิ รธ)
๒.๔ ขน้ั วิเคราะหข์ อ้ มลู และสรปุ ผล (ข้ันมรรค)
๓. จิตสำนกึ สาธารณะ ไดแ้ ก่
๓.๑ ด้านความรบั ผิดชอบ
๓.๒ ด้านความเสยี สละ
๓.๓ ด้านความสามัคคี
๓.๔ ด้านการอนรุ กั ษ์ส่ิงแวดลอ้ ม
๔. ความเป็นพลเมืองดี ตามหลกั พทุ ธธรรม
ไดแ้ ก่
๔.๑ ดา้ นกาย
๔.๒ ด้านทกั ษะทางสงั คม

๑๗

๑.๘ ประโยชนท์ ่คี าดวา่ จะไดร้ บั

๑.๗.๑ ได้รูปแบบการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ในการสร้างจิตสำนึกความเป็นพลเมืองของ
นกั เรยี น ดว้ ยการพัฒนาจิตสำนึกความเปน็ พลเมืองไทย ตามหลักพทุ ธธรรมทมี่ ีประสทิ ธิภาพ

๑.๗.๒ นักเรียน ได้รับการปลูกฝังจิตสำนึกและเสริมสร้างความเป็นพลเมือง พึงประพฤติ
ปฏิบัติตามหลักพุทธธรรม เพื่อการเป็นพลเมืองที่ดีมีคุณภาพ ทำตนเป็นประโยชน์ทั้งต่อตนเอง ต่อผู้อ่ืน
และตอ่ สังคม

๑.๗.๓ นักเรียน มีจิตสำนึกด้านความเป็นประชาธิปไตย การเรียนรู้ ความรับผิดชอบต่อ
สังคม และปฏบิ ตั ติ นตามแบบหลกั พทุ ธธรรม

๑.๗.๔ ครูผู้สอน สามารถนำผลการวิจัยไปใช้เป็นแนวทางการพัฒนาจิตสำนึกความเป็น
พลเมือง สำหรับนักเรยี น นักศึกษา และเยาวชนในสถานศึกษา

๑.๗.๕ ครูผู้สอน สามารถนำข้อมูลสารสนเทศที่ได้จากการวิจัยไปประยุกต์ใช้ เป็นแนวทาง
ในการจัดกิจกรรมการเรียนรู้และพัฒนาผู้เรียน ที่เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ สามารถนำผลการวิจัยไปสู่
การพัฒนารูปแบบการเสรมิ สร้างจติ สำนึกความเปน็ พลเมอื งประชาธิปไตยในการจัดการเรียนการสอนใน
สถาบันการศกึ ษา

๑.๗.๖ ผู้บริหาร สามารถนำข้อมูลที่ได้จากการวิจัยไปประยุกต์ใช้ในการบริหารจัดการด้าน
วิชาการ ด้วยกระบวนการวิจัยในชั้นเรียน โดยใช้แผนการจัดการเรียนรู้แบบอริยสัจ ๔ เพื่อเป็นแนวทาง
ในการพัฒนาครู พัฒนากระบวนการเรียนรู้ และพัฒนาผู้เรียน ในรายวิชาอื่น ๆ และสาขาวิชาอื่น ๆ
ต่อไป



อักษรยอ่ ช่อื คมั ภีร์

๑. อักษรยอ่ ชื่อคัมภีรพ์ ระไตรปิฎก
งานวิจัยที่เป็นองค์ความรู้ทางพระพุทธศาสนา ซึ่งใช้ข้อมูลจากคัมภีร์พระพุทธศาสนา

คือ พระไตรปิฎก – อรรถกถา – ฎีกา – ปกรณวิเสส ผู้วิจัยใช้พระไตรปิฎก – อรรถกถา – ฎีกา
ภาษาบาลีและพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย การอา้ งอิงไดร้ ะบุ เลม่ /
ข้อ/หน้า หลังอักษรย่อชื่อคัมภีร์ ดังตัวอย่าง เช่น ที.สี. (บาลี) ๙/๒๗๖/๙๗, ที.สี. (ไทย) ๙/
๒๗๖/๙๘. หมายถงึ ทีฆนกิ าย สีลกฺขนฺธวคฺคปาลิ ภาษาบาลี เล่ม ๙ ข้อ ๒๗๖ หน้า ๙๗ ฉบับมหา
จฬุ าเตปิฏกํ ๒๕๐๐ และทฆี นิกาย สีลักขันธวรรค ภาษาไทย เลม่ ๙ ข้อ ๒๗๖ หน้า ๙๘ ฉบับมหาจุฬา
ลงกรณราชวิทยาลัย ๒๕๓๙

วิ.มหา. (ไทย) พระวนิ ยั ปิฎก
วิ.จ.ู (ไทย) = วินัยปิฎก มหาวภิ งั ค์ (ภาษาไทย)
= วนิ ัยปฎิ ก จฬู วรรค (ภาษาไทย)

ที.สี. (ไทย) พระสตุ ตนั ตปฎิ ก
ท.ี ม. (บาล)ี = สุตตันตปฎิ ก ทีฆนกิ าย สลี ขนั ธวรรค (ภาษาไทย)
ที.ม. (ไทย) = สตุ ตฺ นฺตปฏิ ก ทีฆนกิ าย มหาวคฺคปาลิ (ภาษาบาล)ี
ที.ปา. (ไทย) = สุตตันตปฎิ ก ทฆี นกิ าย มหาวรรค (ภาษาไทย)
ม.อุ. (ไทย) = สตุ ตันตปฎิ ก ทฆี นกิ าย ปาฏิกวรรค (ภาษาไทย)
สํ.ม. (ไทย) = สุตตันตปิฎก มัชฌิมนกิ าย อปุ รปิ ัณณาสก์ (ภาษาไทย)
อง.ฺ ทกุ . (ไทย) = สุตตนั ตปฎิ ก สังยุตตนิกาย มหาวารวรรค (ภาษาไทย)
อง.ฺ ติก. (ไทย) = สุตตนั ตปฎิ ก อังคุตตรนิกาย ทกุ นบิ าต (ภาษาไทย)
อง.ฺ ฉกกฺ . (ไทย) = สุตตนั ตปฎิ ก อังคุตตรนกิ าย ติกนิบาต (ภาษาไทย)
องฺ.สตตฺ ก. (ไทย) = สตุ ตนั ตปิฎก อังคตุ ตรนกิ าย ฉักกนบิ าต (ภาษาไทย)
องฺ.อฏฺ ก. (ไทย) = สตุ ตันตปิฎก องั คุตตรนิกาย สตั ตกนบิ าต (ภาษาไทย)
ข.ุ ธ. (ไทย) = สุตตันตปฎิ ก องั คุตตรนกิ าย อัฏฐกนบิ าต (ภาษาไทย)
ข.ุ ส.ุ (ไทย) = สุตตนั ตปิฎก ขทุ ทกนิกาย ธรรมบท (ภาษาไทย)
ขุ.ชา. (ไทย) = สุตตนั ตปฎิ ก ขทุ ทกนกิ าย สตุ ตนบิ าต (ภาษาไทย)
= สุตตนั ตปิฎก ขทุ ทกนิกาย ชาดก (ภาษาไทย)



ขุ.ม. (ไทย) = สตุ ตันตปฎิ ก ขุททกนกิ าย มหานทิ เทส (ภาษาไทย)

๒. คำยอ่ เกีย่ วกบั คัมภีรอ์ รรถกถา
ผู้วิจัยใช้คัมภีร์อรรถกถาฉบับมหาจุฬาฯ โดยมีรายละเอียดไว้ในคำช้ีแจงการใช้อักษรย่อ ช่ือ

คัมภีร์ ลำดับเล่ม (ถ้ามี) / หนา้ เช่น ที.สี.อ. (บาลี) ๑/๒๗๖/๒๔๐. หมายถึง ทฆี นิกาย สมุ งคฺ ลวลิ าสินี
สลี กขฺ นฺธวคคฺ อฏฺ กถา ภาษาบาลี เลม่ ๑ ข้อ ๒๗๖ หนา้ ๒๔๐ ฉบับมหาจุฬาอฏฺ กถา

อรรถกถาพระสตุ ตนั ตปิฎก
องฺ.ทกุ . อ. (ไทย) = อังคุตตรนิกาย มโนรถปูรณี ทุกกนิบาตอรรถกถา (ภาษาไทย)



สารบญั ภาพ

..

ภาพท่ี หนา้

๑.๑ กรอบแนวความคิดในการวจิ ยั ……………………………………………………………………………………….… ๑๖
๒.๑ แสดงความสัมพันธใ์ นลกั ษณะทิศ ๖……………………………………………………………………….………… ๒๘
๒.๒ แสดงดา้ นการใช้สิ่งของส่วนรวม…………………………………………………………………………………..……๒๘
๒.๓ แสดงดา้ นกิจกรรมสว่ นรวม…………………………………………………………………………………………….. ๒๙
๒.๔ แสดงดา้ นการตอบแทนเชงิ คุณค่า………………………………………………………………………………….… ๒๙
๒.๕ ประเภทของการวจิ ยั เชิงทดลอง…………………………………………………………………………………….… ๑๑๓
๒.๖ ขั้นตอนการสมุ่ ตวั อย่างของการวิจยั เชิงทดลอง…………………………………………………..……………… ๑๑๔
๒.๗ ตราสัญลักษณ์ของโรงเรยี นซำสงู พทิ ยาคม………………………………………………….……………………….๑๕๓
๓.๑ แผนการทดลองตามแบบแผนการวจิ ยั เปน็ การวิจัยเชงิ ทดลองเบ้อื งตน้

(Pre-Experimental Design)………………………………………………………………….……………………… ๑๖๕



สารบญั ตาราง

ตารางท่ี หน้า

๒.๑ การเปรียบเทียบลักษณะของการวิจัยเชิงทดลองกบั การวจิ ัยท่ีไมท่ ดลอง

(การวจิ ยั เชงิ บรรยาย)………………………………….………………………………………………………….……… ๑๑๖

๒.๒ จำนวนนักเรยี นในระบบโรงเรยี นซำสงู วิทยาคม จำแนกตามระดบั ช้นั ชั้นปี และเพศ……..……… ๑๕๗

๔.๑ ผลการวิเคราะห์ประสิทธภิ าพแผนการจดั การเรยี นรู้ โดยใช้กระบวนการแบบอรยิ สัจ ๔

เร่ืองจิตสำนึกสาธารณะ ความเป็นพลเมืองตามหลักพทุ ธธรรมของนักเรยี นชน้ั มัธยมศึกษา

ปที ่ี ๓ โรงเรียนซำสงู พิทยาคม ทม่ี ปี ระสิทธิภาพตามเกณฑ์ ๘๐/๘๐……………………………………...๑๘๖

๔.๒ ผลการวิเคราะห์ประสิทธภิ าพแผนการจดั การเรียนรู้ โดยใช้กระบวนการแบบอรยิ สัจ ๔

เรือ่ งจิตสำนกึ สาธารณะ ความเป็นพลเมอื งตามหลักพุทธธรรมของนกั เรยี นชนั้ มัธยมศกึ ษา

ปีที่ ๓ โรงเรยี นซำสงู พิทยาคม…………………………………………………………………………………..……. ๑๘๙

๔.๓ ค่าเฉลย่ี และสว่ นเบยี่ งเบนมาตรฐานจติ สำนึกสาธารณะตามหลกั พทุ ธธรรม โดยใช้

กระบวนการแบบอริยสัจ ๔ ของนกั เรียนช้ันมัธยมศกึ ษาปที ่ี ๓ โรงเรียนซำสูงพิทยาคม

สังกดั องค์การบริหารสว่ นจงั หวัด จงั หวดั ขอนแกน่ โดยรวม……………..……………….……………….. ๑๙๐

๔.๔ คา่ เฉลี่ย และส่วนเบย่ี งเบนมาตรฐานจติ สำนึกสาธารณะตามหลกั พทุ ธธรรม โดยใช้

กระบวนการแบบอริยสจั ๔ ของนกั เรยี นชน้ั มธั ยมศึกษาปีท่ี ๓ โรงเรยี นซำสูงพิทยาคม

สงั กดั องค์การบริหารสว่ นจงั หวดั จังหวดั ขอนแกน่ ด้านความรับผิดชอบ………………..………….… ๑๙๑

๔.๕ ค่าเฉลี่ย และส่วนเบ่ียงเบนมาตรฐานจิตสำนกึ สาธารณะตามหลักพุทธธรรม โดยใช้

กระบวนการแบบอรยิ สัจ ๔ ของนักเรียนชนั้ มธั ยมศึกษาปีที่ ๓ โรงเรียนซำสูงพิทยาคม

สงั กดั องค์การบริหารส่วนจงั หวด จังหวัดขอนแกน่ ด้านความเสียสละ………………..………….……. ๑๙๒

๔.๖ คา่ เฉล่ยี และส่วนเบ่ยี งเบนมาตรฐานจิตสำนกึ สาธารณะตามหลักพุทธธรรม โดยใช้

กระบวนการแบบอริยสัจ ๔ ของนกั เรยี นช้นั มัธยมศึกษาปที ี่ ๓ โรงเรียนซำสงู พทิ ยาคม

สังกดั องค์การบริหารส่วนจงั หวดั จังหวัดขอนแกน่ ด้านความสามคั คี.............................…………..๑๙๔

๔.๗ ค่าเฉลี่ย และสว่ นเบย่ี งเบนมาตรฐานจติ สำนึกสาธารณะตามหลักพุทธธรรม โดยใช้

กระบวนการแบบอรยิ สจั ๔ ของนักเรียนช้นั มธั ยมศกึ ษาปที ่ี ๓ โรงเรยี นซำสงู พิทยาคม

สังกัดองค์การบรหิ ารสว่ นจงั หวดั จงั หวดั ขอนแก่น ด้านการอนรุ กั ษ์สงิ่ แวดล้อม……………………. ๑๙๕

๔.๘ ค่าเฉลีย่ และสว่ นเบี่ยงเบนมาตรฐานความเป็นพลเมอื งตามหลกั พทุ ธธรรมของนักเรียน

ชั้นมธั ยมศกึ ษาปที ่ี ๓ โรงเรียนซำสูงพทิ ยาคม โดยรวม……………………………………..………………….๑๙๗



๔.๙ ค่าเฉลีย่ และส่วนเบยี่ งเบนมาตรฐานความเปน็ พลเมอื งตามหลกั พุทธธรรมของนกั เรยี น
ชนั้ มัธยมศึกษาปีที่ ๓ โรงเรียนซำสูงพทิ ยาคม ด้านกาย (civic Physical)………...………………….. ๑๙๗

๔.๑๐ คา่ เฉลี่ย และส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานความเปน็ พลเมืองตามหลักพุทธธรรมของนกั เรยี น
ชัน้ มธั ยมศกึ ษาปีท่ี ๓ โรงเรยี นซำสงู พิทยาคม ดา้ นทกั ษะทางสงั คม (civic social
skills)…………………………………………………………………………………………………………………………… ๑๙๙

๔.๑๑ คา่ เฉล่ีย และสว่ นเบีย่ งเบนมาตรฐานความเป็นพลเมอื งตามหลกั พุทธธรรมของนักเรียนชั้น
มัธยมศกึ ษาปีที่ ๓ โรงเรยี นซำสงู พทิ ยาคม ดา้ นคุณธรรม (civic virtue)………..………..…………… ๒๐๐

๔.๑๒ ค่าเฉลี่ย และส่วนเบ่ียงเบนมาตรฐานความเป็นพลเมืองตามหลักพุทธธรรมของนักเรยี นชน้ั
มัธยมศกึ ษาปที ่ี ๓ โรงเรยี นซำสงู พทิ ยาคม ดา้ นปัญญา (civic knowledge)…………….…………… ๒๐๒

๔.๑๓ คา่ เฉลีย่ และส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานความพงึ พอใจของนกั เรียนชน้ั มัธยมศกึ ษาปที ี่ ๓
โรงเรียนซำสูงพิทยาคม ทีม่ ตี อ่ การจัดกิจกรรมการเรยี นรู้ โดยใช้กระบวนการแบบอริยสัจ ๔
เร่ืองจิตสำนึกสาธารณะ ความเปน็ พลเมืองตามหลักพุทธธรรม โดยรวม……………………..……….. ๒๐๓

๔.๑๔ ค่าเฉลย่ี และสว่ นเบี่ยงเบนมาตรฐานความพึงพอใจของนักเรียนชน้ั มัธยมศกึ ษาปที ่ี ๓
โรงเรยี นซำสงู พทิ ยาคม ทม่ี ตี อ่ การจดั กิจกรรมการเรยี นรู้ โดยใชก้ ระบวนการแบบอริยสจั ๔
เรื่องจติ สำนกึ สาธารณะ ความเปน็ พลเมืองตามหลักพทุ ธธรรม ดา้ นสาระการเรียนรู้…………...… ๒๐๔

๔.๑๕ คา่ เฉล่ีย และส่วนเบยี่ งเบนมาตรฐานความพึงพอใจของนกั เรียนช้นั มธั ยมศกึ ษาปที ี่ ๓
โรงเรียนซำสูงพทิ ยาคม ทีม่ ตี อ่ การจดั กิจกรรมการเรยี นรู้ โดยใชก้ ระบวนการแบบอรยิ สัจ ๔
เรือ่ งจิตสำนึกสาธารณะ ความเป็นพลเมอื งตามหลักพทุ ธธรรม ดา้ นคณุ ลักษณะครูผู้สอน……..….๒๐๕

๔.๑๖ ค่าเฉลย่ี และส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานความพึงพอใจของนักเรียนชนั้ มธั ยมศึกษาปีท่ี ๓
โรงเรยี นซำสูงพิทยาคม ทม่ี ีตอ่ การจัดกจิ กรรมการเรยี นรู้ โดยใชก้ ระบวนการแบบอรยิ สัจ ๔
เร่อื งจติ สำนึกสาธารณะ ความเปน็ พลเมืองตามหลักพุทธธรรม ด้านการจดั กจิ กรรม
การเรียนรู้……………………………………………………………………………………………………………..…….. ๒๐๖

๔.๑๗ คา่ เฉลย่ี และสว่ นเบยี่ งเบนมาตรฐานความพึงพอใจของนักเรยี นชน้ั มัธยมศึกษาปีท่ี ๓
โรงเรยี นซำสงู พิทยาคม ทีม่ ตี ่อการจัดกิจกรรมการเรยี นรู้ โดยใช้กระบวนการแบบอรยิ สัจ ๔
เรือ่ งจติ สำนกึ สาธารณะ ความเปน็ พลเมอื งตามหลักพทุ ธธรรม ด้านสอื่ การเรยี นรู้
/แหลง่ การเรียนรู้…………………………………………………………………………………...…………………….. ๒๐๗

๔.๑๘ คา่ เฉล่ยี และส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานความพึงพอใจของนกั เรยี นชนั้ มัธยมศกึ ษาปีที่ ๓
โรงเรียนซำสงู พิทยาคม ทีม่ ตี ่อการจัดกิจกรรมการเรยี นรู้ โดยใชก้ ระบวนการแบบอริยสัจ ๔
เรอื่ งจิตสำนึกสาธารณะ ความเปน็ พลเมืองตามหลักพุทธธรรม ดา้ นการวัดและ
ประเมนิ ผล…………………………………………………………………………..…………..………………………….. ๒๐๘



สารบญั

บทคดั ยอ่ ภาษาไทย……………………………………………………………………..……………………………….……..…ก
บทคดั ย่อภาษาอังกฤษ........................................................................................................................ค
กติ ติกรรมประกาศ…………………………………………………………………………………………………………………จ
สารบัญ……………………………………………………………………………….………………………..……………...…… ฉ
สารบญั ตาราง…………………………………………………………………….………………………………………………. ฌ
สารบญั ภาพ………………………………………………………………….………………………………….………………….ฎ
คำอธบิ ายอกั ษรยอ่ คมั ภีร.์ ...................................................................................................................ฏ
บทที่ ๑ บทนำ……………………………………………………………………..…………………..…………………….. ๑

๑.๑ ความเปน็ มาและความสำคญั ของปญั หา………………………….…………………………………๑
๑.๒ วตั ถุประสงค์การวิจยั ……………………………..……………………………………………………… ๑๐
๑.๓ ปัญหาการวิจยั ………………………………………………………………………..……………………. ๑๐
๑.๔ ขอบเขตการวิจยั ……………………………………………………..……………………………………. ๑๐
๑.๕ นยิ ามศัพท์เฉพาะ………………………………………………….………………………………………. ๑๒
๑.๖ สมมตฐิ านการวิจัย………………………………………..…..………………………………………….. ๑๕
๑.๗ กรอบแนวคดิ การวิจยั …………….…………………………..…………………………………………. ๑๖
๑.๘ ประโยชนท์ ่ีคาดว่าจะได้รบั …………………………………..………………………………………… ๑๗
บทที่ ๒ แนวคิด ทฤษฎีและงานวิจยั ทเี่ กี่ยวขอ้ ง………………………………..………………………………… ๑๘
๒.๑ การพฒั นาจิตสำนกึ ความเป็นพลเมือง……………………………………………………………… ๑๘
๒.๒ จิตสำนกึ สาธารณะ………………………………………………………………………………………… ๒๑
๒.๓ แนวคิดเกยี่ วกับความเป็นพลเมอื งดีทางพระพทุ ธศาสนา……………………………………. ๔๘
๒.๔ แผนการจัดการเรยี นรู้……………………………………………………………………………………. ๘๘
๒.๕ วิธีสอนแบบอริยสจั ๔……………………………………………………………………………………. ๙๙
๒.๖ การวจิ ยั เชิงทดลอง (Experimental Research ……….……………………………………… ๑๐๗
๒.๗ การทดสอบประสิทธภิ าพ……………………………………………………………………..……….. ๑๒๔
๒.๘ ดชั นปี ระสทิ ธิผล (Effectiveness Index: E.I.)………………………………………..………. ๑๓๒
๒.๙ แบบทดสอบวดั ผลสมั ฤทธ์ิทางการเรยี น……………………………………………..……………. ๑๓๕
๒.๑๐ ทฤษฎคี วามพึงพอใจ……………………………………………………………………………………… ๑๔๕
๒.๑๑ บริบทของโรงเรียนซำสงู พิทยาคม…………………………………………………………..………. ๑๕๑



บทที่ ๓ ๒.๑๒ งานวิจัยทเี่ ก่ียวข้อง…………………………………..…………………………………………………… ๑๕๗
ระเบียบวิธวี จิ ยั ……………………………………………………....…….……………………………………. ๑๖๔
บทท่ี ๔ ๓.๑ รปู แบบการวจิ ัยวิจัย……………………………..……………………………………………………….. ๑๖๔
บทท่ี ๕ ๓.๒ กลมุ่ เปา้ หมาย…………………………………………..………………………………………………….. ๑๖๕
๓.๓ เคร่ืองมือท่ีใช้ในการวจิ ยั …………………………………………..……………………………………. ๑๖๖
๓.๔ การสรา้ งและหาคุณภาพเครอ่ื งมือ……………..…………………………………………………… ๑๖๗
๓.๕ การเกบ็ รวบรวมข้อมูล…………………………………..………………………………………………. ๑๗๔
๓.๖ การวเิ คราะหข์ ้อมูล…………………………………………..…………………………………………… ๑๗๕
๓.๗ สถติ ทิ ่ีใช้ในการวิเคราะหข์ ้อมลู ………………………………..……………………………………… ๑๗๖
๓.๘ สรปุ กระบวนการวจิ ยั …………………………………………………………………………………….. ๑๘๑
ผลการศึกษาวจิ ยั ………………………………………..……………….……………………………………… ๑๘๕
๔.๑ สัญลกั ษณท์ ่ีใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล……………………………………………………………….. ๑๘๕
๔.๒ ลำดบั การนำเสนอผลการวเิ คราะหข์ ้อมูล…………………………..…………………………….. ๑๘๕
๔.๓ ผลการวเิ คราะห์ขอ้ มูล…………………………………………………..………………………………. ๑๘๖
๔.๔ องคค์ วามรู้จากการวจิ ยั ……………………………………………………………….…………………..๒๐๙
สรปุ อภิปรายผล และขอ้ เสนอแนะ.................………………….………………….……………………๒๑๑
๕.๑ สรปุ ผลการวิจยั …………………………………………………………………………………………….. ๒๑๑
๕.๒ อภิปรายผลการวิจยั ………………………………………………………………………………………. ๒๑๒
๕.๓ ข้อเสนอแนะ………………………………………………………………………………………………… ๒๒๒

บรรณานกุ รม..........…………………………………………………………………..……………………………….……..… ๒๒๕
ภาคผนวก........................................................................................................................... ............... ๒๔๙

ภาคผนวก ก เครื่องมือท่ีใชใ้ นการวิจยั ………………..…………………………………………………….. ๒๔๙
ก - ๑ แผนการจดั การเรียนรู้…………………….……………………………………………………. ๒๔๙
ก - ๒ แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิท์ างการเรยี น…………………………….…………………… ๒๖๔
ก - ๓ แบบประเมินความพึงพอใจของนักเรียน…………………………..……………………. ๒๗๘

ภาคผนวก ข รายช่อื ผู้เชี่ยวชาญตรวจสอบคุณภาพเครอื่ งมือวจิ ัย…………………..…………….. ๓๓๖
ข - ๑ รายช่อื ผู้เชีย่ วชาญตรวจสอบคณุ ภาพเครื่องมือ…………………………..…………… ๓๓๖

ภาคผนวก ค การหาคุณภาพเคร่อื งมือท่ใี ช้ในการวจิ ัย…………………………………………………. ๓๓๗
ค - ๑ คา่ IOC ของแบบทดสอบวดั ผลสมั ฤทธิ์ทางการเรียนฯ ๕๐ ข้อ………………….. ๓๓๗
ค - ๒ คา่ IOC ของแบบประเมินจิตสำนกึ สาธารณะตามหลกั พุทธธรรม………………….. ๓๔๐
ค - ๓ ค่า IOC ของแบบประเมนิ ความเป็นพลเมอื งตามหลักพทุ ธธรรม……………….. ๓๔๓
ค - ๔ ค่า IOC ของแบบประเมนิ ความพึงพอใจของนักเรยี น………………………..…….. ๓๔๖



ค - ๕ ค่าความเชือ่ มั่น (Reliability) ของจิตสำนึกสาธารณะตามหลัก
พุทธธรรม…………………………………………………………………………………………… ๓๔๘

ค - ๖ ค่าความเชอ่ื มน่ั (Reliability) ของความเป็นพลเมืองตามหลัก
พุทธธรรม…………………………………………………………………………………………… ๓๕๓

ค - ๗ ค่าความเชื่อมน่ั (Reliability) ของแบบประเมินความพึงพอใจ
ของนักเรียน……………………………………………………………………………..………… ๓๕๘

ค - ๘ ผลการวเิ คราะห์จิตสำนกึ สาธารณะตามหลักพุทธธรรม……………………..…….. ๓๖๒
ค - ๙ ผลการวิเคราะห์ความเป็นพลเมืองตามหลกั พทุ ธธรรม…………………………..… ๓๖๗
ค - ๑๐ ผลการวิเคราะห์ความพึงพอใจของนกั เรียน…………………..……………………….. ๓๗๒
ภาคผนวก ง ตารางเปรียบเทียบวัตถปุ ระสงค์ กจิ กรรมทีว่ างแผนไว้

และกจิ กรรมทีไ่ ดด้ ำเนนิ การมาและผลท่ไี ด้รับของโครงการ.............................๓๗๖
ภาคผนวก จ กจิ กรรมที่เกี่ยวข้องการนำผลจากโครงการวิจัยไปใช้ประโยชน์........................๓๗๙
ภาคผนวก ฉ ผลผลติ ผลลพั ธ์ และผลกระทบจากงานวิจยั ....................................................๓๘๒
ประวตั ผิ ู้วจิ ัย….……………………………………………………………………………………………………..……………. ๓๘๖



กติ ติกรรมประกาศ

รายงานการวจิ ยั เร่ืองการพฒั นาจติ สำนึกความเป็นพลเมืองของนักเรียนในจังหวัดขอนแก่น
ตามหลกั พทุ ธธรรม ฉบบั น้ี เปน็ ผลสำเร็จของมหาวิทยาลยั มหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลยั วทิ ยาเขตขอนแก่น

ผู้วิจัย ขอขอบพระคุณ รองศาสตราจารย์อุดม บัวศรี พระมหาดาวสยาม วชิรปญโฺ ญ, ผู้ช่วย
ศาสตราจารย์, ดร. พระครูภาวณาโพธิคุณ,ผู้ช่วยศาสตราจารย์,ดร. (สมชาย กนตฺสีโล) รองศาสตราจารย์,
ดร. โสวิทย์ บำรุงภักด์ิ และพระมหามิตร ฐิตปญฺโญ, รองศาสตราจารย์, ดร. มหาวิทยาลัยมหาจุฬา
ลงกรณราชวิทยาลัย วทิ ยาเขตขอนแก่น ในฐานะผทู้ รงคุณวฒุ แิ ละผเู้ ชยี่ วชาญตรวจสอบเครื่องมือ ช่วยให้
คำแนะนำ เสนอแนะ และเปน็ ผ้เู ชย่ี วชาญด้านวชิ าการ ให้คำปรกึ ษาในการปรับปรุงแก้ไข เคร่ืองมือที่ใช้
ในการศึกษา ฉบบั น้ี จนงานวิจัยมีความสมบรู ณ์ตามระเบียบวิธีการวิจัยมากยงิ่ ขนึ้

ขอขอบคุณต่อคุณูปการของทุกท่านทุกฝ่าย ดว้ ยความเคารพอย่างสูงยิ่ง ผู้วิจยั ขอขอบพระคุณ
นายอำนาจ โพธิ์ศรี ผู้อำนวยการโรงเรียนซำสูงพิทยาคม รองผู้อำนวยการ คณะครู และบุคลากรทางการ
ศกึ ษา โรงเรยี นซำสงู พิทยาคม ทกุ ทา่ น โดยเฉพาะนกั เรียนชั้นมัธยมศกึ ษาปที ่ี ๓/๒ โรงเรยี นซำสูงพิทยา
คม ซึ่งเป็นกลุ่มตัวอย่าง มีส่วนช่วยเหลือเกื้อกูลต่อการศึกษาวิจัยในครั้งนี้ ขอให้เจริญยิ่งด้วยลาภยศ
สรรเสริญ เจริญรุ่งเรือง มีสุขพลานามัยที่สมบูรณ์ สามารถต่อสู้กับอุปสรรคข้อขัดข้องทั้งหลายทั้งปวง
และขอจงประสบผลสำเร็จในสงิ่ ท่มี ุ่งหวงั ทกุ ประการ ดว้ ยเทอญ...

คุณประโยชน์ใด ๆ ที่อาจเกิดขึ้นจากงานวิจัยนี้ ผู้วิจัย ขออุทิศเพื่อบูชาคุณแด่บิดามารดา
ผู้มีพระคุณสูงสุด ครูอาจารย์ผู้ให้ปัญญา มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย วิทยาเขตขอนแก่น
ผู้ให้ความเจริญงอกงาม และหากมีข้อผิดพลาดใด ๆ ที่ปรากฏอยู่ในงานวิจัยฉบับนี้ ผู้วิจัย ขอรับไว้
แต่เพยี งผเู้ ดยี ว.

ผูช้ ว่ ยศาสตราจารย์อนสุ รณ์ นางทะราช
๒๘ กุมภาพนั ธ์ ๒๕๖๓



Research Title: Development of Civic Mindedness for Students in

KhonKaen According to Buddha Dhamma

Researcher: Assistant Professor Anusorn Nangtharat

Department: Mahachulalongkornrajavidyala University,

Khon kaen Campus

Fiscal Year: 2560 / 2017

Research Scholarship Sponsor: Mahachulalongkornrajavidyala University

ABSTRACT

The purpose of the study were: (1) to create and find effective learning
management plans by used the Four Noble Truths processes citizenship according to
the Buddhist doctrine of Mathayomsuksa 3 students at SamSung Pittayakhom School
which was efficient according to the criteria 80/80, (2) to develop public awareness in
accordance with the Buddhist principles by used the Four Noble Truths method of
Mathayomsuksa 3 students at SamSung Pittayakhom School under the Local
Administrative Organization. Khon Kaen Province, (3) to study citizenship in accordance
with the Dhamma principles of Mathayom suksa students 3 Sam Sung Pittayakhom
School and (4) to study the satisfaction of Mathayomsuksa 3 students at SamSung
Pittayakhom School towards the learning activities by used the Four Noble Truths
processes citizenship according to Buddhist principles. The target group were Mattayom
3/2 students at SamSung Pittayakhom School Under the Khon Kaen Provincial
Administrative Organization, the 2nd semester of the 2017 academic year, consisting of
32 students by Cluster Random Sampling. The research instruments were (1) learning
management plan by used the Four Noble Truths processes of public consciousness,
citizenship according to the 5 principles of Buddhism Dharma (2) 50 achievement test,
Public Consciousness questionnaire 40 items. The reliability of the questionnaire was
0.93 (4), the 40 questionnaire on citizenship according to the doctrine of Buddhism has
a confidence score of 0.93 (5), the 30 satisfaction assessment form has the reliability of
0.91 statistics used in data analysis such as percentage, average, standard deviation and
test the value (t-test)



The Results of the study were as follows:
1) Efficiency of the learning management plan by used the Four Noble Truth
process 4 Public awareness Citizenship according to the Buddhist doctrine of
Mattayomsuksa 3 students at Sam Sung Phitayakhom School during the whole course
(E1) and the effectiveness of the results (E2) from the tests during the whole course and
after the class, the E1/E2 level of 82.81 /95.56 is higher than the 80/80 criteria set.
2) The effectiveness index of management plans to raise public awareness of
citizenship according to Buddhist principles by used the Four Noble Truths of
Mathayomsuksa 3 students at SamSung Phitayakhom School with the overall efficiency
of the Learning Index (E.I.) equal to 0.7417, it means that Mathayomsuksa 3 students
have increased their knowledge to accounting for ๐ . 7417 percent or equal to 74.17
percent.
3) Public awareness in accordance with Buddhist principles by used the Four
Noble Truths processes of Mathayomsuksa 3 students of Samsung Phitthayakhom
School, the overall average was at the highest level (X= 4.52)
4) Citizenship according to the Buddhist doctrine of Mathayomsuksa 3 students
at SamSung Pittayakom School, the overall average was at the highest level
(X= 4.60).
5) Satisfaction of Mathayomsuksa 3 students at SamSung Phitayakhom School
Towards the public consciousness of citizenship according to the Dharma by used the
Four Noble Truths processes with the highest mean (X = 4.57).

Keywords: Learning management Plan the Four Noble Truth Processes Public
Consciousness Being a Buddhist principle



ชื่อรายงานการวิจัย: การพฒั นาจติ สำนึกความเป็นพลเมอื งของนักเรียนในจงั หวัดขอนแก่น
ตามหลักพุทธธรรม
ผ้วู ิจัย: ผูช้ ่วยศาสตราจารย์อนุสรณ์ นางทะราช
สว่ นงาน: มหาวิทยาลยั มหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย วทิ ยาเขตขอนแก่น
ปีงบประมาณ: ๒๕๖๐
ทุนอดุ หนุนการวิจัย: มหาวทิ ยาลยั มหาจฬุ าลงกรณราชวิทยาลัย

บทคัดยอ่

การศึกษาในครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ (๑) เพื่อสร้างและหาประสิทธิภาพแผนการจัดการ
เรียนรู้ โดยใชก้ ระบวนการแบบอริยสจั ๔ เร่อื งจิตสำนกึ สาธารณะ ความเปน็ พลเมอื งตามหลกั พุทธธรรม
ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๓ โรงเรียนซำสูงพิทยาคม ที่มีประสิทธิภาพตามเกณฑ์ ๘๐/๘๐
(๒) เพื่อพัฒนาจิตสำนึกสาธารณะตามหลักพุทธธรรม โดยใช้กระบวนการแบบอริยสัจ ๔ ของนักเรียน
ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๓ โรงเรียนซำสูงพิทยาคม สังกัดองค์การบริหารส่วนจังหวัด จังหวัดขอนแก่น
(๓) เพื่อศึกษาความเป็นพลเมืองตามหลักพุทธธรรมของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๓ โรงเรียนซำสูง
พิทยาคม และ (๔) เพื่อศึกษาความพึงพอใจของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๓ โรงเรียนซำสูงพิทยาคม
ที่มีต่อการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ โดยใช้กระบวนการแบบอริยสัจ ๔ เรื่องจิตสำนึกสาธารณะ ความเป็น
พลเมอื งตามหลักพุทธธรรม กลุม่ เปา้ หมาย เป็นนกั เรยี นช้นั มัธยมศกึ ษาปีที่ ๓/๒ โรงเรียนซำสูงพิทยาคม
สงั กัดองคก์ ารบริหารสว่ นจังหวัด จงั หวดั ขอนแกน่ ภาคเรียนท่ี ๒ ปีการศึกษา ๒๕๖๐ จำนวน ๓๒ คน โดย
การสุ่มแบบเป็นกลุ่ม (Cluster Random Sampling) เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย ได้แก่ (๑) แผนการ
จัดการเรียนรู้ โดยใช้กระบวนการแบบอริยสัจ ๔ เรือ่ งจิตสำนึกสาธารณะ ความเปน็ พลเมือง ตามหลักพุทธ
ธรรม จำนวน ๕ แผน (๒) แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน จำนวน ๕๐ ข้อ (๓) แบบ สอบถาม
จิตสำนึกสาธารณะ จำนวน ๔๐ ข้อ มีค่าความเชื่อมั่น เท่ากับ ๐.๙๓ (๔) แบบสอบถามความเป็น
พลเมืองดีตามหลกั พุทธธรรม จำนวน ๔๐ ข้อ มีค่าความเชื่อมั่น เท่ากับ ๐.๙๓ (๕) แบบประเมินความ
พงึ พอใจ จำนวน ๓๐ ข้อ มีค่าความเช่อื มน่ั เท่ากบั ๐.๙๑ สถิตทิ ใ่ี ชใ้ นการวเิ คราะหข์ ้อมูล ได้แก่ ค่าร้อย
ละ ค่าเฉล่ยี ส่วนเบ่ียงเบนมาตรฐาน และทดสอบค่าที (t-test)

ผลการวิจัย พบว่า
๑) ประสิทธิภาพแผนการจัดการเรียนรู้ โดยใช้กระบวนการแบบอริยสัจ ๔ เรื่องจิตสำนึก
สาธารณะ ความเป็นพลเมืองตามหลักพุทธธรรมของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๓ โรงเรียน
ซำสูงพิทยาคม ระหว่างเรียนทั้งหมด (E๑) และประสิทธิภาพของผลลัพธ์ (E๒) จากแบบทดสอบระหว่าง
เรียนทั้งหมดและหลังเรียน จะมีค่า E๑/ E๒ ที่ระดับ ๘๒.๘๑/๙๕.๕๖ ซึ่งสูงกว่าเกณฑ์ ๘๐/๘๐ ที่ตั้งไว้



๒) ดัชนีประสิทธิผลแผนการจัดการเรียนรู้จิตสำนึกสาธารณะความเป็นพลเมืองตามหลัก
พุทธธรรม โดยใช้กระบวนการแบบอริยสัจ ๔ ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษา ปีที่ ๓ โรงเรียนซำสูงพิทยา
คม มคี ่าดัชนปี ระสิทธิผลในการเรยี นรู้ (E.I.) โดยรวม เท่ากับ ๐.๗๔๑๘ แสดงวา่ นักเรยี นชนั้ มัธยมศกึ ษา
ปที ี่ ๓ มีความรู้เพ่ิมข้นึ เท่ากับ ๐.๗๔๑๘ หรือคิดเป็นรอ้ ยละ ๗๔.๑๘

๓) จิตสำนึกสาธารณะตามหลักพุทธธรรม โดยใช้กระบวนการแบบอริยสัจ ๔ ของนักเรียน
ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๓ โรงเรียนซำสูงพิทยาคม โดยรวม ค่าเฉลี่ย อยู่ในระดับมากที่สุด
(X =๔.๕๒)

๔) ความเป็นพลเมืองตามหลักพุทธธรรมของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๓
โรงเรียนซำสงู พิทยาคม โดยรวม คา่ เฉล่ยี อยู่ในระดับมากท่สี ุด (X =๔.๖๐)

๕) ความพงึ พอใจของนักเรยี นชน้ั มธั ยมศกึ ษาปีที่ ๓ โรงเรยี นซำสงู พิทยาคม ท่ีมีต่อจิตสำนึก
สาธารณะ ความเป็นพลเมืองตามหลักพุทธธรรม โดยใช้กระบวนการแบบอริยสัจ ๔ โดยรวม ค่าเฉล่ีย
อยู่ในระดบั มากทีส่ ุด (X =๔.๕๗)

คำสำคญั : แผนการจัดการเรยี นรู้, กระบวนการแบบอริยสัจ ๔, จิตสำนกึ สาธารณะ, ความเป็นพลเมือง
หลกั พุทธธรรม


Click to View FlipBook Version