๒๓๒
__________. การศึกษาเพอื่ สนั ติภาพ. กรุงเทพมหานคร: มลู นิธิพุทธธรรม, ๒๕๓๘.
พระธรรมปิฎก. (ป.อ. ปยุตฺโต). มองสันติภาพโลก ผ่านภูมิหลังอารยธรรมโลกาภิวัตน์. สาขาศาสนา
เปรียบเทยี บ คณะสังคมศาสตร์และมนุษยศาสตร์ มหาวิทยาลยั มหดิ ล, ๒๕๔๐.
พระพรหมคุณาภรณ์(ป.อ.ประยุตฺโต. พจนานุกรมพุทธศาสตร์ ฉบับประมวลธรรม. กรุงเทพฯ: มหา
จุฬาลงกรณราชวทิ ยาลัย, ๒๕๒๘.
__________. สู่การศกึ ษาแนวพทุ ธ, พิมพ์ครั้งท่ี ๖, กรุงเทพมหานคร : มลู นิธพิ ทุ ธธรรม, ๒๕๔๘,
__________. หลักแม่บทของการพัฒนาตน, พิมพ์ครั้งที่ ๑๕. กรุงเทพมหานคร : โรงพิมพ์มหาจุฬา
ลงกรณราชวิทยาลัย, ๒๕๔๖.
__________. พุทธธรรม ฉบบั ปรับปรุงและขยายความ, พิมพ์ครงั้ ที่ ๑๓, กรุงเทพมหานคร : โรงพมิ พ์
บริษทั สหธรรมิก จำกดั , ๒๕๕๑.
พระพรหมคุณาภรณ์ (ป.อ. ปยุตฺโต), รู้หลักก่อนแล้วศึกษาและสอนให้ได้ผล, พิมพ์ครั้งท่ี ๒,
กรุงเทพมหานคร : โรงพมิ พอ์ งค์การรับสง่ สนิ ค้าและพสั ดุภัณฑ์, ๒๕๔๗.
__________. พุทธธรรม (ฉบับเดิม), พิมพ์ครั้งที่ ๒๕, กรุงเทพมหา นคร : มหามกุฏราชวิทยาลัย,
๒๕๕๓.
__________. ธรรมนูญชีวิต [A Constitution for Living], พิมพ์ครั้งที่ ๑๑๙, (กรุงเทพมหานคร :
โรงพิมพ์พระพุทธศาสนาของธรรมสภา, ๒๕๕๕.
พระครูโสภณปริยัติสุธี (ศรีบรรดร ถิรธมฺโม), ทฤษฎีรัฐศาสตร์ในพระไตรปิฎก, พิมพ์ครั้งที่ ๒, (พะเยา
: หจก.โรงพมิ พเ์ จรญิ อกั ษร, ๒๕๕๐.
พระเจ้าบรมวงศเ์ ธอ กรมพระจันทบุรีนฤนาท, ปทานุกรม บาลี ไทย อังกฤษ สันสกฤต, พิมพ์ครั้งที่ ๒,
กรุงเทพมหานคร : โรงพมิ พ์มหามกุฏราชวิทยาลยั , ๒๕๒๐.
เพียงกมล มานะรัตน์ และปิยะมาศ ทัพมงคล. บทสำรวจความเป็นพลเมืองและยุทธศาสตร์การสร้าง
ความเป็นพลเมืองในสังคมไทย: การมีส่วนร่วมทางการเมืองในฐานะพลเมืองของ
ประชาชนในระบอบประชาธิปไตยจากประสบการณ์จากงานวิจัย. เอกสารประกอการ
ประชุมวิชาการสถาบันพระปกเกล้า ครั้งที่ ๑๓ ประจำปี ๒๕๕๔ ความเป็นพลเมืองกับ
อนาคตประชาธปิ ไตยไทย. กรงุ เทพฯ: สถาบนั พระปกเกลา้ , ๒๕๕๕.
เพียงแพน อุปทอง. การสร้างและหาประสิทธิภาพของเอกสารประกอบการสอน รายวิชาการตลาด
บริการ. สาขาการตลาด วิทยาลัยอาชีวศึกษาแพร่, สำนักงานคณะกรรมการการอาชีว
ศึกษา. การประชุมวิชาการและนำเสนอผลงานวิจัยระดับชาติและนานาชาติ ครั้งที่ ๙,
๒๕๕๙.
เพื่อชาติ สุขเรือน. การวิเคราะห์วงจรทรานซิสเตอร์. (พิมพ์ครั้งที่ ๒). กรุงเทพฯ: โอเดียนสโตร์,
๒๕๕๖.
พิสณุ ฟองศรี. เทคนิควิธีประเมินโครงการ. พิมพ์ครั้งที่ ๓. กรุงเทพมหานคร: บริษัท พรอพเพอร์ต้ี
พรนิ ท์ จำกดั , ๒๕๕๐.
๒๓๓
เพ็ญแข ประจันปัจจนึก. การสังเคราะห์งานวิจัยเกี่ยวกับคุณธรรมจริยธรรมในประเทศไทยและต่าง
ประเทศ. กรุงเทพมหานคร: ศูนย์ส่งเสริมและพัฒนาพลังแผ่นดินเชิงคุณธรรม (ศูนย์
คณุ ธรรม), ๒๕๕๑.
มานะ สินธุวงษานนท์. ปัจจัยส่งเสริมการจัดการศึกษาที่ส่งผลต่อคุณภาพนักเรียนในภาค
ตะวันออกเฉียงเหนือ, วารสารศึกษาศาสตร์. ๒๕๕๐.๑๘(๒), ๑๑๕-๑๒๗. (พฤศจิกายน
๒๕๔๙- มีนาคม ๒๕๕๐).
มนตรี แย้มกสิกร. การเลือกใช้เกณฑ์ประสิทธิภาพในงานวิจัยและพัฒนาสือการสอน: E๑/E๒ และ
๙๐/๙๐Standard. วารสารศึกษาสาสตร์ มหาวิทยาลัยบูรพา , ๑๙(๗), ๑-๑๖.
(๑ ตุลาคม ๒๕๕๐-มกราคม ๒๕๕๑), ๒๕๕๑.
มนต์ชัย เทียนทอง. สถิติและวิธีการวิจัยทางเทคโนโลยีสารสนเทศ. กรุงเทพฯ: สถาบันเทคโนโลยี
พระจอมเกล้าพระนครเหนือ, ๒๕๔๘.
มนสิช สิทธิสมบูรณ์. ชุดฝึกอบรมการเขียนแผนจัดการเรียนรู้ทีเ่ น้นผู้เรียนเป็นสำคญั . พิมพ์ครั้งท่ี ๕.
คณะศึกษาศาสตร.์ พิษณโุ ลก: มหาวิทยาลยั นเรศวร, ๒๕๕๒.
ราชบัณฑิตยสถาน. พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. ๒๕๔๒. กรุงเทพมหานคร: นานมีบุ๊คส์
พบั ลิเคชัน่ , ๒๕๔๖.
ราตรี ภารา. ทรัพยากรธรรมชาติและสง่ิ แวดล้อม. กรุงเทพฯ: ทิพยวสิ ุทธ,ิ์ ๒๕๓๘.
รัญจวน อินทรกำแหง. ประชาธิปไตยแบบธรรมิกสังคมนิยม. ปาจารยสาร. ๑๒ (๖): ๑๑๐-๑๑๙.
พฤศจิกายน-ธันวาคม), ๒๕๒๘.
รังสรรค์ ฤทธิ์ผาด. ความพึงพอใจของประชาชนต่อการจัดการมูลฝอยของเทศบาลตำบลแสงสว่าง
อำเภอหนองแสง จังหวัดอุดรธานี. ปริญญาวิทยาศาสตรมหาบัณฑิต, สาขาวิชาการบริหาร
จดั การส่งิ แวดล้อม, บณั ฑิตวทิ ยาลัย มหาวทิ ยาลัยมหาสารคาม, ๒๕๕๐.
รังศิมา ชูเทียน และทศพร แสงสว่าง. การพัฒนาการเรียนร้แบบโครงงานเป็นฐาน วิชาเทคโนโลยี
สารสนเทศและการสื่อสารสําหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๑. วารสาร
ครุศาสตร์ อุตสาหกรรม มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลธัญบุรี, ๔(๑), ๑๙–๓๒.
(มกราคม–มิถนุ ายน ๒๕๕๙), ๒๕๕๙.
รัชนวี รรณ สุขเสนา. การเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรยี น เรอื่ ง บทประยุกต์ กล่มุ สาระการเรยี นรู้
คณิตศาสตร์ ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีท่ี ๕ ระหว่างการจัดกิจกรรมการ
เรียนรู้โดยใช้ปัญหาเป็นฐาน (PBL) กับการเรียนรู้ตามคู่มือครู. มหาสารคาม: บัณฑิต
วทิ ยาลัย มหาวิทยาลยั มหาสารคาม, ๒๕๕๐.
โรงเรียนซำสูงพิทยาคม. รายงานการประเมินคุณภาพภายใน., (ขอนแก่น: โรงเรียนซำสูงพิทยาคม
สังกดั องค์การบรหิ ารส่วนจงั หวัด จงั หวัดขอนแก่น, ๒๕๕๙)
__________. แผนปฏิบัติการประจำปี ๒๕๖๐. ขอนแก่น, โรงเรียนซำสูงพิทยาคม สังกัดองค์การ
บรหิ ารสว่ นจังหวดั จังหวัดขอนแก่น, ๒๕๖๐.
๒๓๔
ลักขณา สริวฒั น.์ จิตวทิ ยาสำหรบั คร.ู กรุงเทพมหานคร: โอเดยี นสโตร,์ ๒๕๕๗.
ลัดดาวัลย์ เกษมเนตร และคณะ. รูปแบบการพัฒนานักเรียนระดับประถมศึกษาให้มี จิตสาธารณะ:
การศึกษาระยะยาว. ในเอกสารประกอบการประชุมวิชาการเนื่องในวันสถาปนา
สถาบันวิจัยพฤติกรรมศาสตร์ ครบรอบ ๔๙ ปี. หน้า ๑-๓. กรุงเทพฯ: มหาวิทยาลัย
ศรนี ครนิ ทรวโิ รฒ, ๒๕๔๗.
วิกานดา จักรอิศราพงษ์. การสร้างแผนการจัดการเรียนรู้การอ่านและการเขียนภาษาอังกฤษ
โดยใช้รูปแบบการเรียนการสอนภาษาแบบองค์รวมสำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ ๒.
มหาวทิ ยาลัยเชียงใหม,่ ๒๕๕๓.
วจิ ารณ์ พานชิ . การสรา้ งการเรียนรสู้ ศู่ ตวรรษที่ ๒๑. กรุงเทพฯ: ส. เจรญิ การพมิ พ์, ๒๕๕๖.
วิชาญ โชติกลาง. การสร้างและหาประสิทธิภาพเอกสารประกอบการสอนวิชางานเชื่อมซ่อมบำรุง
(๒๑๐๓-๒๑๑๔) วิทยาลัยเทคนิคนครราชสีมา. การประชุมวิชาการและเสนอผลงาน วิจัย
ระดับชาติ ครั้งที่ ๓ ก้าวสู่ทศวรรษที่ ๒: บูรณาการงานวิจัย ใช้องค์ความรู้สู่ความยั่งยืน
ณ วิทยาลัยนครราชสีมา จังหวัดนครราชสีมา. (๑๗ มิถุนายน ๒๕๕๙): ๘๖๙-๘๗๖,
๒๕๕๘.
วิชยั ตนั ศริ .ิ วฒั นธรรม. กรงุ เทพฯ, สถาบนั นโยบายศึกษา, ๒๕๕๑.
วิรชั ถิรพันธ์เุ มธี. พทุ ธปรัชญาการปกครอง. กรุงเทพมหานคร : สำนกั พิมพด์ วงแกว้ , มปป.
วิมล เหล่าแคน. ผลการเรียนรู้ภาษาไทย เรื่องการสร้างคำตามหลักเกณฑ์ทางภาษาด้วยการจัด
กิจกรรมตามแนวคิดโดยใช้สมองเป็นฐานชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๓. สาขาวิชาหลักสูตรและ
การสอน มหาวิทยาลัยมหาสารคาม, ๒๕๕๒.
วิมลรัตน์ สุนทรโรจน์. การพัฒนาการเรียนการสอนภาควิชาหลักสูตรและการสอน. คณะศึกษาศาสตร์.
มหาสารคาม: มหาวิทยาลัยมหาสารคาม, ๒๕๕๔.
วิภาดา กิตติโกวิท (แปล), สัญญาประชาคม/หลักแห่งสิทธิทางการเมือง, พิมพ์ครั้งที่ ๒,
กรุงเทพมหานคร : สำนักพิมพท์ บั หนังสือ, ๒๕๕๕ .
วิมลสิทธิ์ หรยางกูร. พฤติกรรมมนุษย์กับสภาพแวดล้อม. (พิมพ์ครั้งที่ ๖). กรุงเทพฯ:จุฬาลงกรณ์
มหาวทิ ยาลยั , ๒๕๕๑.
วาโร เพ็งสวัสด.์ิ วธิ ีวทิ ยาการวจิ ยั . กรงุ เทพฯ: สวุ รี ิยาสาส์น, ๒๕๕๑.
__________. การวิจัยเชิงทดลองทางการศึกษา. คณะครุศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏสกลนคร.
วารสารมหาวิทยาลัยราชภัฏสกลนคร, ๖(๑๑), ๑๘๑-๑๙๐, (มกราคม-มิถุนายน ๒๕๕๗),
๒๕๕๗.
วารี ธนะคำดี. การพัฒนากิจกรรมการเรียนการสอน แบบสอนแนะให้รู้ คิดร่วมกับการเรียนรู้แบบ
รว่ มมือเพ่ือเสริมสร้างความสามารถในการใช้เหตผุ ลผลสัมฤทธทิ์ างการเรียน และเจตคติ
ต่อวิชาคณิตศาสตร์ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปี ที่ ๑. มหาบัณฑิต มหาวิทยาลัย
สกลนคร, ๒๕๕๓.
๒๓๕
วัชระ งามจิตรเจริญ, พุทธศาสนาเถรวาท, พิมพ์ครั้งท่ี ๒. กรุงเทพมหานคร : สำนักพิมพ์มหาวิทยาลัย
ธรรมศาสตร์, ๒๕๕๒.
วันชัย แย้มจันทร์ฉาย. การเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวิชาภาษาไทยของนักเรียนชั้น
มัธยมศึกษาปีที่ ๕ ที่จัดการเรียนรู้โดยใช้โครงงานกับการเรียนตามปกติ. นครสวรรค์ :
สำนกั งานเขตพน้ื ท่ีการศึกษามัธยมศึกษา เขต ๔๒, ๒๕๕๔.
วราพร ศรีสุพรรณ. หลักการและข้อเสนอในการจัดการสิ่งแวดล้อมศึกษา สาระความรู้และ
กลวิธเี พอ่ื ส่งเสริมการอนุรกั ษ.์ กรุงเทพฯ: มหาวิทยาลยั มหิดล, ๒๕๓๕.
วราพร วันไชยธนวงศ์ ประกายแก้ว ธนสุวรรณ และวรรณภา พิพัฒน์ธนวงศ์. การพัฒนากระบวนการ
สร้างจิตอาสาของนักศึกษาพยาบาล วิทยาลยั พยาบาลบรมราชชนนี เชียงใหม.่ ในเอกสาร
การประชมุ วชิ าการระดับชาติ เร่อื งการปฏบิ ัติสนู่ วัตกรรมและวจิ ัย วนั ท่ี ๒๘- ๒๙ เมษายน
๒๕๕๑ ณ โรงแรมเซนทารา ดวงตะวัน. สืบค้นเมื่อ ๑๐ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๙,
จาก http://www.bcnc.ac.th/History/information/publicin.php%๒๕ month=&/
December ๒๕๕๑/๑๑-๐๘-๒๐๐๘%๒๐.doc, ๒๕๕๑.
วรรณา สุติวิจิตร. การทดลองสอนจริยธรรมโดยการสร้างศรัทธาแก่นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๓.
กรงุ เทพฯ. จุฬาลงกรณม์ หาวิทยาลัย, ๒๕๒๗.
__________. สิง่ แวดล้อมศึกษา. พมิ พ์ครัง้ ที่ ๒. กรุงเทพฯ: อักษรวฒั นา, ๒๕๓๖.
ศักดิ์ชัย นิรัญทวี. บทบาทของมหาวิทยาลัยกับการศึกษาเพื่อความเป็นประชาสังคม. วารสาร สออ.
ประเทศไท/ Asaihl-Thailand Journal. ๑(๑): ๕๗. (พฤศจกิ ายน), ๒๕๔๑.
ศภุ รัช งามรัศมีวงศ.์ การศึกษาเจตคตแิ ละพฤติกรรมการอนุรักษ์ส่ิงแวดล้อมของนักเรียนชว่ งชั้นท่ี ๓
โรงเรียนในเครือมูลนิธิคณะเซนต์คาเบรียลแห่งประเทศไทย. กรุงเทพมหานคร:
มหาวทิ ยาลยั ศรนี ครินทรวิโรฒ, ๒๕๕๐.
ศูนย์แนะแนวการศึกษาและอาชีพ. เครื่องมือแนะแนวพัฒนาบุคลิกภาพชุดทำประโยชน์เพื่อสังคม.
กรุงเทพฯ: กระทรวงศึกษาธิการ, ๒๕๓๙.
ศิริชัย กาญจนวาสี. ทฤษฎีการประเมิน. (พิมพ์ครั้งที่ ๗). กรุงเทพฯ: สำนักพิมพ์แห่งจุฬาลงกรณ์
มหาวิทยาลัย, ๒๕๕๒.
ศิวพร เสนีวงศ์ ณ อยุธยา. การเปรียบเทียบความสามารถในการคิดแก้ปัญหาและผลสัมฤทธิ์ทาง
การเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๒ โดยวิธีการขั้นที่ ๔ ของอริยสัจกับการสอนตามคู่มือครู.
กรงุ เทพฯ. คณะศึกษาศาสตร์ มหาวทิ ยาลัยศรีนครินทร วิโรฒประสานมิตร. ๒๕๒๙.
สรียา ศิลาบุตร. การพัฒนาบทเรียนคอมพิวเตอร์มัลติมีเดีย เรื่อง อุปกรณ์คอมพิวเตอร์ ระดับชั้น
ประถมศึกษาปีที่ ๒: กรณีศึกษาโรงเรียนประตูชัย จังหวัดพระนครศรีอยุธยา. กรุงเทพฯ.
สาขาวิชาคอมพิวเตอร์ศึกษา คณะครุศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏพระนครศรีอยุธยา,
๒๕๖๑.
๒๓๖
สถาบันพระปกเกล้า. การประชุมวิชาการสถาบันพระปกเกล้าคร้ังที่ ๑๓ ประจำปี ๒๕๕๔ ความเป็น
พลเมืองกับอนาคตประชาธิปไตยไทย เล่ม ๑. กรุงเทพมหานคร: สถาบันพระปกเกล้า,
๒๕๕๕.
สถาบันส่งเสริมการสอนวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี. การสบื เสาะหาความรู้. กรุงเทพฯ: สถาบนั ส่งเสรมิ
การสอนวิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี, ๒๕๔๗.
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี. การจัดการการเรียนรู้กลุ่ม วิทยาศาสตร์
หลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐาน. กรุงเทพฯ : สถาบันส่งเสริมการสอน. วิทยาศาสตร์และ
เทคโนโลย,ี ๒๕๔๖.
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี. สะเต็มศึกษากับการจัดการเรียนรู้ใน ศตวรรษ
ท่ี ๒๑. กรุงเทพฯ: กระทรวงศึกษาธิการ, ๒๕๕๗.
สติธร ธนานิธิโชติ. องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นกับการพัฒนาความเป็นพลเมืองเพื่อปฏิรูปประเทศไทย.
กรงุ เทพฯ: สำนกั วจิ ัยและพฒั นา สถาบนั พระปกเกลา้ , ๒๕๕๕.
สมิทธิพล เนตรนิมิตร. รายงานวิจัย เรื่องภาพลักษณ์ของพระสงฆ์ในอริยวินัย : วิถีชีวิตและ
บทบาทของพระสงฆ์. กรงุ เทพมหานคร : โรงพมิ พม์ หาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย, ๒๕๕๓.
สงวน สุทธิเลิศอรุณ. พฤติกรรมมนุษย์กับการพัฒนาตน. กรุงเทพมหานคร : หจก. ทิพยวิสุทธิ์,
๒๕๔๕.
สมนึก ภัททิยธนี. การวัดผลการศึกษา. (Educational measurement). (พิมพ์ครั้งที่ ๑๐). กาฬสินธุ์:
ประสานการพิมพ์, ๒๕๕๘.
สมนึก ปฏิปทานนท์. การเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวิชาสังคมศึกษาบุคลิกภาพ
ประชาธิปไตยและทักษะกระบวนการกลุ่มของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีท่ี 1 ระหว่าง
กลุ่มที่ใช้วิธีการสอนแบบการใช้วิจัยเป็นฐานและแบบปกติ. รายงานการวิจัย. (กรุงเทพฯ
: คณะครุศาสตร์ จุฬาลงกรณม์ หาวทิ ยาลยั .2549).
สมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระยาวชิรญาณวโรรส, วินัยมุข เล่ม ๑, พิมพ์ครั้งที่ ๓๙, กรุงเทพฯ :
โรงพิมพม์ หามกฏุ ราชวทิ ยาลยั , ๒๕๔๑, หนา้ ๓.
สมบัติ ท้ายเรือคำ. วิธีการทางสถิติสำหรับการวิจัย. ภาควิชาวัดผลและวิจัยการศึกษา
คณะศึกษาศาสตร.์ มหาสารคาม: มหาวทิ ยาลัยมหาสารคาม, ๒๕๕๓.
สมพิศ ไชยเสนา. ผลการจัดกิจกรรมการเรียนรู้เรื่องการอ่านการเขียนคำควบกล้ำ กลุ่มสาระ
ภาษาไทยชั้นประถมศึกษาปีที่ ๔ โดยการเรียนรู้แบบร่วมมือด้วยเทคนิค TGT.
มหาสารคาม: มหาวิทยาลยั มหาสารคาม, ๒๕๕๐.
สมหมาย ศุภพินิจ. การพัฒนาแบบฝึกทักษะกลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ เรื่องร้อยละ ช้ัน
ประถมศกึ ษาปีท่ี ๕. อุบลราชธาน.ี มหาวิทยาลัยราชภัฎ อุบลราชธานี, ๒๕๕๑.
สมพงษ์ สิงหะพล. ต้องสอนให้เกิดจิตสำนึกใหม่. สีมาจารย์, ๑๓ (๒๗): ๑๕-๑๖. (มิถุนายน-ตุลาคม),
๒๕๔๒.
๒๓๗
สิริวรรณ ศรีพหล. การพัฒนาจิตสำนึกความเป็นพลโลกสำหรับเยาวชนตามแนวพุทธธรรม. สถาบัน
วจิ ยั และพฒั นา มหาวิทยาลัยสโุ ขทัยธรรมาธริ าช, ๒๕๔๘.
สิรภพ เหล่าลาภะ, พทุ ธศาสตร์การเมอื ง. กรงุ เทพมหานคร : สหธรรมิก จำกัด, ๒๕๔๕.
สำนักงานคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ. วาระการวิจัยแห่งชาติในภาวะวิกฤตเพื่อฟื้นฟูชาติ.
กรุงเทพฯ: สำนักงานคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ กระทรวงวิทยาศาสตร์เทคโนโลยีและ
สิ่งแวดลอ้ ม, ๒๕๔๒.
สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา. หลักสูตรประกาศนียบัตรวิชาชีพ พุทธศักราช ๒๕๕๖.
สำนกั มาตรฐานการอาชีวศึกษาและวิชาชีพ. กรุงเทพฯ: วทิ ยาลยั เทคนิคมนี บุร,ี ๒๕๕๗.
__________. พระราชบัญญัติการอาชีวศึกษา พุทธศักราช ๒๕๕๑. สืบค้นเมื่อวันที่ ๒๒ มีนาคม
๒๕๖๐ จาก http://www.cmtc.ac.th /news/ gaA๑cxvFri๙๓๒๕๐.pdf, ๒๕๕๑.
__________. คู่มือการจัดทำแผนการจัดการเรียนรู้มุ่งเน้นสมรรถนะ. สำนักมาตรฐาน
การอาชีวศกึ ษาและวชิ าชีพ สำนกั งานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา. กระทรวงศกึ ษาธิการ,
๒๕๕๖.
สำนกั งานคณะกรรมการวิจยั แห่งชาต.ิ วาระการวิจยั แห่งชาติในภาวะวกิ ฤตเพื่อฟ้ืนฟูชาต.ิ กรุงเทพฯ:
สำนักงานคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ กระทรวงวิทยาศาสตร์เทคโ นโ ลยี
และ สง่ิ แวดล้อม, ๒๕๔๒.
สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาเอกชน. คู่มือชุดการเรียนการสอนจริยศึกษา. กรุงเทพมหานคร
โรงพมิ พ์ครุ ุสภา, ๒๕๓๗.
สำนักงานเลขาธิการสภาการศึกษา. แผนการศึกษาแห่งชาติ ฉบับปรับปรุง (พ.ศ. ๒๕๕๒-๒๕๕๙).
กรุงเทพฯ: สำนกั งานเลขาธกิ ารสภาการศึกษา, ๒๕๕๓.
สำนักงานรับรองมาตรฐานและประเมินคุณภาพการศึกษา. มาตรฐานการศึกษาตัวบ่งชี้และเกณฑ์
การพิจารณาเพื่อการประเมินคุณภาพภายนอก ระดับการศึกษาขึ้นพื้นฐาน
(พ.ศ. ๒๕๔๙-๒๕๕๓), กรุงเทพมหานคร: สมศ. (องค์การมหาชน), ๒๕๕๐..
สำนักนโยบายและยุทธศาสตร์. นโยบายและยุทธศาสตร์. กรุงเทพ,สำนักนโยบายและยุทธศาสตร์.
กระทรวงวฒั นธรรม: ๒๕๕๒.
สำลี รกั สทุ ธี. ค่มู อื การจดั ทำสื่อ นวตั กรรมและแผนฯ ประกอบส่ือ นวตั กรรม. กรุงเทพฯ: พฒั นาศึกษา,
๒๕๕๓.
เสาวลักษณ์ กันนิยม. การพัฒนาชุดการสอน สาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์เรื่องการดำรงชีวิตของ
พืชสำหรับนักเรยี นชั้นประถมศึกษาปที ี่ ๔ โดยใช้วิธีการสอนแบบ ๕E (Inquiry cycle).
สาขาวิชาหลกั สตู รและการสอน.คณะศึกษาศาสตร์. มหาวทิ ยาลัยบรู พา, ๒๕๕๔.
สาโรจน์ กาลศิริศิลป์. ทศพิธราชธรรม ข้อที่ ๓ ปริจจาคะ ๑๑ มิ.ย. ๒๐๑๐. สืบค้นเมื่อ ๑๕
กรกฎาคม ๒๕๕๙, จาก http://board.palungjit.com. ๒๕๕๓.
๒๓๘
สาโรช บัวศรี.วิธีสอนตามขั้นตอนทั้งสี่ของอริยสัจ ศึกษาศาสตร์ตามแนวพุทธศาสตร์. กรุงเทพฯ :
สำนกั พมิ พว์ ฒั นธรรมแหง่ ชาติ, ๒๕๒๖.
แสงรวี ไทยดำริ. ความไว้วางใจในการบริหารรัฐกิจกับความเป็นพลเมืองของประชาชนใน.
กรงุ เทพฯ: มหาวทิ ยาลยั รามคำแหง, ๒๕๕๐.
สุจิตรา วันทอง. การวิจัยและพัฒนาการจัดกิจกรรมการเรียนรู้โดยใช้การวิจัยเป็นฐานเพื่อพัฒนา
คุณลักษณะพลเมืองดีตามวิถีประชาธิปไตยของนักเรียนประถมศึกษา. กรุงเทพฯ: สาขาวิธี
วิทยาการวิจัยการศึกษา ภาควิชาวิจัยและจิตวิทยาการศึกษา คณะครุศาสตร์ จุฬาลงกรณ์
มหาวทิ ยาลัย, ๒๕๕๕.
สุคนธ์ สินธพานนท์. นวัตกรรมการเรียนการสอนเพื่อพัฒนาคุณภาพของเยาวชน. พิมพ์ครั้งที่ ๔.
กรุงเทพฯ: ๙๑๑๙ เทคนิคพร้ินติ้ง, ๒๕๕๓.
__________. และคณะ. วิธีสอนตามแนวปฏิรูปการศึกษาเพื่อพัฒนาคุณภาพของเยาวชน.
กรงุ เทพฯ : ๙๑๑๙ เทคนิคพร้ินตงิ้ , ๒๕๕๔.
สุชาติ ประสิทธิ์รัฐสินธุ์. การใช้สถิติในงานวิจัยอย่างถูกต้องและได้มาตรฐานสากล. พิมพ์ครั้งที่ ๖.
กรงุ เทพฯ: สามลดา, ๒๕๕๖.
สุรางค์ โค้วตระกูล. จิตวิทยาการศึกษา. พิมพ์ครั้งที่ ๘. กรุงเทพฯ: สำนักพิมพ์แห่งจุฬาลงกรณ์
มหาวทิ ยาลยั . ๒๕๕๒.
สุรางค์ โค้วตระกูล. จิตวิทยาการศึกษา. พิมพ์ครั้งที่ ๘. กรุงเทพฯ: สำนักพิมพ์แห่งจุฬาลงกรณ์
มหาวทิ ยาลยั , ๒๕๕๒.
สุกัญญา นนทมาตย์. การพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนและทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์
เรอ่ื งสงิ่ มีชีวิตกบั ส่ิงแวดล้อมชน้ั ประถมศึกษาปีท่ี ๖ โดยกระบวนการเรียนรู้แบบสืบเสาะ
หาความรู้ ๗ ขนั้ . มหาสารคาม. มหาวิทยาลัยราชภัฏมหาสารคาม, ๒๕๕๗.
สนุ นั ทา สุนทรประเสริฐ. การผลติ ชุดการสอน. ชยั นาท: โมเดิร์นโฮม, ๒๕๕๒.
__________. การสร้างสื่อการสอนและนวัตกรรมการเรียนรู้สู่...การพัฒนาผู้เรียนรู้.สุพรรณบุรี:
โรงเรยี นสพุ รรณภูม,ิ ๒๕๕๓.
สุนิษา กลึงพงษ์, “ความต้องการพัฒนาตนเองของบุคลากรสายปฏิบัติการคณะพาณิชยศาสตร์และ
การบัญชี จฬุ าลงกรณม์ หาวทิ ยาลยั ”,กรุงเทพฯ : มหาวิทยาลัยศรนี ครินทรวิโรฒ, ๒๕๕๖.
สุวิทย์ มูลคำ ประภาพรรณ เส็งวงศ์ คณาพร คมสัน สายพิณ ทองสว่าง มาลี ชัยมณีและมุกดา ลอนใหม่.
การเขียนแผนการจัดการเรยี นรู้ทีเ่ นน้ การคิด. (พมิ พค์ รั้งท่ี ๓). กรงุ เทพฯ: อเี คบคุ๊ ส์ ,๒๕๕๑.
__________. และอรทัย มูลคำ. ๒๑ วิธีจัดการเรียนรู้: เพื่อพัฒนากระบวนการคิด. พิมพ์ครั้งที่ ๘.
กรงุ เทพมหานคร: ภาพพิมพ,์ ๒๕๕๒.
สุวิมล ติรกานันท์. ระเบียบวิธีการวิจัยทางสังคมศาสตร์ แนวทางสู่การปฏิบัติ. (พิมพ์ครั้งที่ ๙).
กรุงเทพฯ: โรงพิมพแ์ หง่ จุฬาลงกรณ์มหาวทิ ยาลัย, ๒๕๕๔.
๒๓๙
สุธีตา หงษาชาติ. ความสัมพันธ์ระหว่างสภาพแวดล้อมในสถาบัน บุคลิกภาพและพฤติกรรมการรับ
ข่าวสารกับความรู้ และการตอบสนองต่อภาวะวิกฤตทางสังคมและสิ่งแวดล้อมของ
นักศึกษาพยาบาล. สืบค้นเมื่อ ๒๐ กรกฎาคม ๒๕๕๙ , จาก http://cuir.car.
chula.ac.th/ handle/๑๒๓๔๕๖๗๘๙/๗๖๑๘. (๒๕๓๙).
สุพจน์ ทรายแก้ว. จิตสำนึกสาธารณะ การก่อรูปและกระบวนการเสริมสร้าง. วารสารเพชรบุรี
วทิ ยาลงกรณ์, ๔(๑): ๔๖-๕๕, ๒๕๔๖.
สพุ ัตรา สุภาพ. ปญั หาสงั คม. กรงุ เทพมหานคร : ไทยวัฒนาพานิช จำกดั , ๒๕๓๕, หนา้ ๑.
สุคนธ์ สินธพานนท์. การใช้วิธีสอนแบบธรรมสากัจฉา เพื่อสร้างศรัทธาและวิธีคิดตามหลักพุทธ
ธรรมแก่นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๓. วิชาหลักสูตรและการสอน สาขาวิชาศึกษาศาสตร์
มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช, ๒๕๓๘.
สุมน อมรวิวัฒน์. การสอนโดยสร้างศรัทธาและโยนิโสมนสิการ. พิมพ์ครั้งที่ ๒. กรุงเทพมหานคร:
สำนักพมิ พ์ โอเดียนสโตร์, ๒๕๓๐.
__________. ทฤษฎีพัฒนาปัญญาแนวสามศร: วิเคราะห์จากพระไตรปิฎก และสเติร์นเบิร์ก.
โครงการกิติเมธี สาขาวิชาศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช. นนทบุรี
โรงพมิ พม์ หาวทิ ยาลยั สุโขทยั ธรรมาธริ าช, ๒๕๔๐.
__________. การพัฒนาการเรียนรู้ตามแนวพุทธศาสตร์ ทักษะกระบวนการเผชิญ สถานการณ์.
โครงการกิติเมธี สาขาวิชาศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช. นนทบุรี:
โรงพิมพ์มหาวทิ ยาลยั สโุ ขทัยธรรมาธริ าช, ๒๕๔๒.
สุวัฒน์ วิวัฒนานนท์. ปัจจัยเชิงพหุระดับที่ส่งผลต่อประสิทธิผลของโรงเรียนมัธยมศึกษาของรัฐ
ในกรุงเทพมหานคร. วารสารศึกษาศาสตร์, ๒๕๔๘. ๑๗(๒), ๔๗-๖๒.
หน่วยศึกษานิเทศก์ กรมการฝึกหัดครู. หลักการและทฤษฎีการปลกู ฝังสร้างเสมจริยธรรม. กรุงเทพฯ:
หน่วยศกึ ษานเิ ทศก์ กรมสามญั ศกึ ษา กระทรวงศึกษาธิการ, ๒๕๓๕.
หฤทัย อาจปรุ. ความสัมพันธ์ระหว่างปัจจัยส่วนบุคคล ภาวะผู้นำ รูปแบบการดำเนินชีวิตและ
ความสามารถในการเรียนรู้ด้วยตนเองกับการมีจิตสำนึกสาธารณะของนักศึกษา
พยาบาล เขตกรุงเทพมหานคร. กรุงเทพฯ: บณั ฑติ วทิ ยาลัย จฬุ าลงกรณม์ หาวทิ ยาลยั ,
๒๕๔๔.
หวัน วงศ์แก่นท้าว. ความคิดเห็นของนักศึกษาต่อการเข้าร่วมกิจกรรมนักศึกษาของมหาวิทยาลัย.
เกษมบัณฑติ . กรงุ เทพฯ: บณั ฑติ วิทยาลัย มหาวทิ ยาลยั ศรนี ครนิ ทรวิโรฒ, ๒๕๔๘.
หลวงเทพดรุณานุศิษฎ์ (ทวี ธรรมธัช). ธาตุปปฺ ทปี ิกา,พิมพ์คร้งั ที่ ๗, กรงุ เทพฯ: มหามกุฎราชวิทยาลัย,
๒๕๔๐.
อารมณ์ กัณฑศรีวิกรม. ผลของการสอนโดยสร้างศรัทธาและโยนิโสมนสิการโดยวิธีคิกแบบคุณ
โทษและทางออกท่ีมีผลต่อผลสัมฤทธ์ิทางการเรียนกลุ่มสร้างเสริมประสบการณ์ชีวิตของ
นักเรียนขน้ั ประถมศึกษาปีท่ี ๕. กรงุ เทพฯ: จุฬาลงกรณม์ หาวิทยาลัย, ๒๕๓๖.
๒๔๐
อาภรณ์ ใจเทยี่ ง. หลักการสอน(ฉบับปรบั ปรุง). (พมิ พ์คร้ังที่ ๕). กรุงเทพฯ: โอเดยี นสโตร์, ๒๕๕๓.
อาภากรณ์ เสถียรรัตน์. บทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอนตามหลักความรู้แบบองค์รวม เรื่องทัศนธาตุ
และการจัดองค์ประกอบสําหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๑. สาขาวิชาเทคโนโลยีและ
สื่อสารการศึกษา คณะครุศาสตร์อุตสาหกรรม มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลธัญบุรี,
๒๕๕๙.
อรพินทร์ สันติชัยอนันต์. การศึกษาคุณธรรมและจริยธรรมของนิสิตนักศึกษา สถาบันอุดมศึกษา
ในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑล. กรุงเทพฯ: บัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัย
ศรนี ครนิ ทรวโิ รฒ, ๒๕๔๙.
อริสา สุขสม. การพัฒนาจิตสำนึกสาธารณะเพื่อชุมชน ทุนมนุษย์กับการพัฒนาการสร้างจิตสำนึก
สาธารณะ. สืบค้นเมื่อ๑๙กรกฎาคม ๒๕๕๓, จาก http://www.scribd. com/doc/
๕๑๓๖๘๔๑๕. ๒๕๕๒.
อนุพนธ์ คำปัน. การศึกษาพฤติกรรมวัฒนธรรมทางสังคมของนิสิต กรุงเทพฯ: บัณฑิตวิทยาลัย
มหาวทิ ยาลัยศรีนครนิ ทรวโิ รฒ, ๒๕๔๕
อังษณา ปุรินทราภิบาล. การศึกษาผลการใช้ชุดการสอนเพื่อพัฒนาทักษะการคิดแบบโยนิโส
มนสิการในวิชาพลังงานและสิ่งแวดล้อมของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๕ โรงเรียน
สุรศักดิ์มนตรี กรุงเทพมหานคร. ภาควิชาการศึกษา คณะศึกษาศาสตร์
มหาวทิ ยาลัยเกษตรศาสตร์, ๒๕๓๗.
๑.๒.๒ สอ่ื อิเลก็ ทรอนกิ ส์
จันทิรา ธนสงวนวงศ์. หน่วยที่ ๘ จิตสำนึกสาธารณะแผนกภาษาไทย-สังคม วิชาชีวิตและ
วัฒนธรรมไทย ๓๐๐๐-๑๓๐๑ (แบบเรียน ELearning). สืบค้นเมื่อ ๒๕ มกราคม ๒๕๕๙,
จาก http://edu.e-tech.ac.th/mdec/learning/s๑๓๐๑/unit๐๘.html, ๒๕๕๓.
ณฐวัฒน์ ล่องทอง. จิตสาธารณะ รายวิชาทกั ษะชีวิต ๐๐๑๑๗๓. เอกสารประกอบคำสอน. สืบค้นเมื่อ
๓ ๐ ม ก ร า ค ม ๒ ๕ ๕ ๓ , จ า ก kmc.pkn๒ .go.th/research/๑ ๒ ๗ ๖ ๖ ๑ ๙ ๒ ๘ ๗ _PM
๒๐๑๐.ppt, ๒๕๕๓.
ณัฏฐพัชร์ ทัศนรุ่งเรือง, เปิดผลสำรวจคนไทยแยกไม่ออก ระหว่างคำว่า “ประชาชน-พลเมือง,
แหล่งที่มา http://www.thaireform.in.th/news-highlight/ item/๕๖๖๔-๒๐๑๑-๐๔-
๑๒-๐๘-๓๓-๕๖.html?pop=๑&tmpl=component&print=๑.
นเรศวรวชิ าการ. การพัฒนาคุณภาพชวี ิตและสังคมเร่ืองจติ สาธารณะ. เอกสารการประชุมวิชาการ
วันท่ี ๒๗ มกราคม ๒๕๕๓ สบื คน้ เม่อื ๓๐ มกราคม ๒๕๕๙, http://www.academic.
nu.ac.th/content _view.php?n_id=๔๔&img= ๑&action=view. ๒๕๕๓.
๒๔๑
บุญเลิศ คชกุล. สุขใจที่อ่าน สาระธรรมเพื่อชีวิต เรื่องการเสียสละ. สืบค้นเมื่อ ๑๕ กรกฎาคม
๒๕๕๙,จาก http://www.rtachaplain.com/chaplain ๒/book_happyness/๐๒๙.
pdf, ๒๕๕๓.
มหาวิทยาลัยราชภัฏยะลา. บทที่ ๗ การออกแบบการวิจัย. สืบค้นเมื่อวันที่ ๑๒ สิงหาคม๒๕๕๙
จาก http://oservice.skru.ac.th/ebookft/๒๘๖/chapter๗.pdf. (๘๕-๑๐๔), ๒๕๕๙.
ราชกิจจานุเบกษา. พระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ (ฉบับท่ี ๓) พ.ศ. ๒๕๕๓. (เล่ม ๑๒๗ ตอน
ที่ ๔๕ ก ๒๒ กรกฎาคม ๒๕๕๓), ๒๕๕๓. [ออนไลน์]. แหล่งที่มา http://www.
Talingchanwittayanusorn.com/_ files_school/๖๔๑๐๐๒๗๓/data/๖๔๑๐๐๒๗๓_
๑_๒๐๑๒๐๑๑๙- ๒๑๐๖๑๘.pdf.[๑๖ ตุลาคม ๒๕๕๓].
๒. ภาษาอังกฤษ
Abu Seileek, Ali Farhan. “Cooperative vs. individual learning of oral skills in a call
environment,” Computer Assisted Language Learning. 2 0 (5 ): 5 1 4 .
(December, 2007), 2007.
Abruscato, joseph. Teaching Children Science: A Discovery Approach. (Boston: Ally
and Bacon.1996.
Adkinson, J. E. Does cooperative learning affect girls' and boys' learning and attitudes
toward mathematic transformation skills in single-sex and mixed- sex
classrooms? Dissertation Abstracts International Section A: Humanities
and Social Sciences, 68(11-A), 4639, 2008.
Aliasgari, Riahinia, & Mojdehavar. Education, Business and Society: Contemporary
Middle Eastern Issues Emerald Article: Computerassisted instruction and
student attitudes towards learning mathematics. Education, Business and
Society: Contemporary Middle Eastern Issues, 3(1), 6-14, 2010.
Allen, J. P., Pianta, R. C., Gregory, A., Mikami, A. Y., & Lun, J. An interaction-
based approach to enhancing secondary school instruction and student
achievement. Science, 333(6045),1034-1037. doi:10.1126/science. 2011.
Allen, F. Rodney. Social Science Model of Teaching. Path to Effective Teaching:
The Group investigation Model. Retrieved April16, 2 ,0 1 8 , from.
http://ssep.net/model2.html, 2002.
Armstrong, Jocelyn. “Exploring the Effects of Individual Drama Therapy with a Child
Diagnosed with Learning Disabilities: A Case Study.” Masters Abstracts
๒๔๒
International.41(4): 884; August. 2003.
Apple white. C.I. Organizational Behavior. New York : Prentice-Hall. 1997.
Alig-Mielcarek, J.M. A model of school success : Instructional leadership, academic
press,and student achievement. Dissertation for the degree of doctor of
philosophy in graduate school of the Ohio State University, 2003.
Aziz, Z., Rusilowati, A. and Sukisno, M. Penggunaan model pembelajaran learning
cycle 7 E untuk meningkatkan hasil belajar siswa SMP pada pokok bahasan
usaha dan energi. Unnes Physics Education Journal, 2(3), 31-39, 2013.
Ballou, D., Goldring, E., & Liu, K. Magnet schools and student achievement. New
York : National Center for the Study of Privatization in Education, 2006.
Becker, James M. and Anderson, Loe F. "Global Perspectives in Social Studies.
Journal of Research and Development in Education. Vol.13 No. 2 Winter,
1980.
Beck-Jones,Juanda Joan. The Effect of Cross-training and Role Assignment in Cooperative
learning groups on task performance, knowledge of accounting concepts,
teamwork behavior, and acquisition of interposition knowledge.
Dissertation Abstracts international, 64(07), 2378A. 2003.
Best, John W. and Kahn, Jams V. Research Education. (7 th ed.). Boston: Allyn and
Bacon, 1993.
Bloom, B.S. (Ed.). Engelhart, M.D., Furst, E.J., Hill, W.H., Krathwohl, D.R. Taxonomy of
Educational Objectives, Handbook I: The Cognitive Domain. New
York : David McKay Co Inc. 1956.
Ballou, D., Goldring, E., & Liu, K. Magnet schools and student achievement. New
York: National Center for the Study of Privatization in Education, ๒๐๐๖.
Brown, James W., Norbert, Kenneth, and Srygley, Sara K. Administering educational
Media : Instructional technology and library services. (2 nd ed.). New York:
McGraw-Hill, 1972.
Brown, M. R., Jeffrey, S. W., Volkman, J. K., Dunstan, G. A., Nutritional properties of
microalgae for mariculture. Aquaculture,151 (1-4): 1997.
Billing. “ Assesment of the Learning Cycle and Inquiry-based Learning in High School
Physics Education,” Education Teacher Training, Vol. 40 No. 4: 89., 2002.
๒๔๓
Bransford, J.D., A.L.,Brown, and R.R. Cocking. How Peopke Learn: Brain, Mind,
Experience,and School. Washington, D.C.: National Acadimy Press, 2000.
Carter, M. B. An Analysis and comparison of the effects of computer assisted
instruction versus traditional lecture instruction on student attitudes and
achievement in a college remedial mathematics course. Dissertation
Abstracts International, 65(4),1288-A; October, 2004.
Carin, Arthur. Teaching Science through Discovery. (7 th ed.). New York: MacMillan.
1993.
Chen, Mei-Ling. A Study of the Effects of Cooperative Learning Strategies on
Student Achievement in English as a Forcing Language in Taiwan
College. Dissertation Abstracts International, 2004.
Cronbach, L. J. Essentials of psychological testing. (5 th ed.). New York : Harper
Collins Publishers, 1990.
Cronbach, L.J. Essential of psychology testing. (3 rd ed.). New York: University of
Chicago,1970.
Claudette, Pauline Richards. "The Degree of Worldmindedness Exhibited in
School with Varying Emphasis on Gloval Eduction." Dissertation
Abstracts International, 1981. 40 (March 1981): 4877-A.
Cohen, JSocial, emotional, ethical and academic education: Creating a climate for
learning, participation in democracy and well-being. Harvard Educational
Review, 76, 201–237. 2006.
Dawson. The Effect of Explicit Instruction in Science process Skills on Conceptual
Change:The Case of Photosynthesis. Dissertation Abstracts International,
Vol. 60 No.70: 2433, 2000.
Desforges, C., & Abouchaar, A. The Impact of Parental Involvement, Parental
Support and Family Education on Pupil Achievement and Adjustment:
A Literature Review. London: Department of Education and Skills, 2003.
D.N. Bhagvat, Early Buddhist Jurisprudence, (New Delhi : Cosmo Publications,
1939.
Driver, R.H. and Bell, Students thinking and the learning of science: A constructivist
view.The School Review, 67(240)1986., 443-456.
๒๔๔
Dunn, C. A. An Investigation of the effects of computer-assisted reading instruction
versus traditional reading instruction on selected high school freshmen.
Dissertation Abstracts International, 62(9), 3002 A; March, 2002.
Eisenkraft, A. Expandingthe5E model. The Science Teacher, 70(6), 57–59, 2003.
Fan, X. & Chen, M. Parental Involvement and Students’ Academic Achievement: A
Meta-Analysis. Educational Psychology Review, 2001.13(1),1- 22.
Fitz-Gibbon & Caral. How to Design a Program Evaluation. Newbury Park, CAS Sage
Publilications,1987.
Finnan, C., Schnepel, K., & Anderson, L. Powerful learning environments: The critical
link between school and classroom cultures.Journal of Education for
Students Placed at Risk, 8, 391–418. doi:10.1207/S15327671ESPR0804_2,
2003.
Fraillon, Clement, N. Student wellbeing at school : The actualization of values in
education, International. Research Handbook on Values Education and
Student Wellbeing, 2010. Part1, 37-62. 2004.
Gagné, R. M., Briggs, L. J., Wager, W. W. Principles of instructional design, ( 4 th ed.).
Fort Worth,TX: Harcourt, Brace Jovanovich College Publishers,1992.
Good, Carter. V. Dictionary of Education. (3 rded.). New York: McGraw–Hill Book
Company, 1973.
Goodman R. I, K.A. Flether and E.W Schneider. The Effectiveness Index as Comparative
Measure in Media Product Evaluation. EducationTechnology. 2 0 (9 ),3 0 -3 4 ,
1980.
Hergenhahn, B.R. & Olsen, M. H. An Introduction to Theories of Learning14 th ed
Englewood Cliffs.New Jersey: Prentice Hall, Inc,1993.
Herzberg, Frederick, Mausner, Bernard, & Snyderman, Barbara B. The Motivation to
work.New Brunswick: Transition,1959.
Hett, E.Jane. The Development of an Instrument of Measure Global Mindedness.
UPI Dissertation. University of San Diego, ๑๙๙๑.
Hewson. An Appropriate Conception of Teaching Science: A View From Studies of
ScienceLearning . Science Education, 72(5), 595-614.1988.
๒๔๕
Institute for the Promotion of Teaching Science and Technology. (2 0 1 1 ). Teacher’s
manual of specialized Biology II for grade10 -1 2 students, substance of
science, based on the basic education core curriculum B.E. 2 5 5 1
(A.D.)Bangkok: Office of the Welfare Promotion Commission for Teachers
and Education Personnel Printing Ladphrao. (in Thai), 2008.
Jennings, Robert Neville. Transforming civics and citizenship education in the
middle years of schooling : an exploration of critical issues informing
teachers’theories of action. PhD thesis, James Cook University, 2003.
Kanli, U. The Effects of Laboratory Based on the 7 E Learning Cycle Model and
Verification Laboratory Approach on the Development of Students
Science Process Skills and Conceptual Achievement. Unpublished
Master Thesis, Gasic University of Turkey. 95, 2007.
Kohlberg, L. Moral Stage and Moralization: The Cognitive Development Approach.
Moral Development and Behavior. New York: Holt Rime hart and
Winston,1976.
Koul, Lokerh. Methodology of Educational Research. (New Delhi: Vikas Publishing
House.1984.
Likert, Rensis. The Human Resources : Case and Concept. New York: Hart Court.
Bruce B. World in Cooperated,1970.
Maslow, Abraham H. Motivation and Personality. (2 nd ed.). New York: Harper and
Row Publishers,1970.
Ministry of Education. The basic education core curriculum B.E. 2 5 5 1
(A.D.2008). Bangkok: The Agricultural Cooperative Federation of Thailand. (in
Thai), 2008.
Morris, C. G. &. Maisto, A. A. Understanding Psychology. (5th ed.). New Jersey: Prentice
Hall, 2001.
Muchinsky, paul M. Psychology applied to work : An introduction to industrial and
organizational psychology. Belmont. CA: Cole, 1993.
Olsen, R.E. and Kagan, S. Cooperative Language Learning: A Teacher’s Resource
Book. New Jersey: Prentice-Hall, 1992.
๒๔๖
Okon, A.U. Process-based Teachers’ Refresher Courses and Students’ Acquisition of
Science Process Skills in Process-Oriented Physics lessons. Journal of
Educational and Social Research, 2(7):101, 2012.
Qarareh, A. O. The effect of using the learning cycle method in teaching science
on the educational achievement of the sixth graders. International
Journal of Education Science, 4(2),123-132, 2012.
Piaget, J. The Original of Intelligence in Children. New York: International University
Press, 1952.
__________. “Cognitive Development in Children: Piaget Development and Learning.”
Journal of Research in Science Teaching, 2:176-186, 1964.
R.C. Majumdar, et.al, Advanced History of India, (Madras : Macmillan Company of
India, 3rd edition, reprinted, 1976, p.31.
Reswari, G. P. The effect of 7 E learning cycle model on the improvement of MTS
students’ cognitive learning outcomes and science processes skills on
the material of liquid pressure. (Master thesis, Indonesia
University of Education), 2013.
Rovinelli, R. J., & Hambleton, R. K. On the use of content specialists in the Assessment of
criterion-referenced test item validity. Dutch Journal of Educational
Research, 2, 49-60, 1977.
Rockoff, Jonah, E. "The Impact of Individual Teachers on Student Achievement:
Evidence from Panel Data." American Economic Review, 94 (2): 247-252.,
2004.
Rivkin, S.G., Hanushek, E.A., & Kain, J.F. Teachers, schools, and academic achievement.
Econometrical, 2005. 73(2), 417-458.
Sasangbong, M. The development of analytical thinking and attitude towards
science teaching and learning activities of grade 7 students using
7E learning cycle. (Master thesis, Mahasarakham University). (in Thai)., 2010.
Skinner, B. F.. The Technology of Teaching. New York: Appleton-Century-Crofts, 1968.
Slavin, R.E. “Achievement Effects of Ability Grouping in Secondary Schools: A Best
Evidence Synthesis,” Review of Educational Research. (6 0 , 3 : 4 7 1 - 4 9 9 ),
1990.
๒๔๗
Somers, R.L. Putting down roots in environmental literacy: A study of middle
school student participation in Louisiana sea grant' s coastal roots
project. Retrieved December1, 2 0 1 5 , from: http://etd.su.edu/docs/
available/ctd-0 4 1 4 2 0 0 5 - 1 0 4 7 3 3 / unrestricted! Somers thesis. pdf. [2 0 1 5 ,
December 23], 2005.
Striclyn, J.A. What effect will using inquiry method of teaching science have on
sixth grade students. Retrieved from http://etd.lib.montana. edu/etd/
view/item/1335 (23/06/2015), 2011.
Sterling, J. E. Reinventing music theory pedagogy: The development and use Of a
CAI program to guides students in the analysis of musical form. Dissertation
Abstracts International, 63(6), 2044-A; December, 2002.
Suyanto, W. The effects of student team-achievement divisions on mathematics
achievement in Yogyakarta Rural Primary Schools. Dissertation Abstracts
International-A 59(10): 37-66, 1999.
Thousand, S. J., Villa, R.A. and Nevin, A.I. Creative and Collaborative Learning. ( 2 nd
ed.). Baltimore: Paul Brooke, 3-16, 2002.
Tuckman, B.W. Conducting Educational Research. (5th ed.). U.S..A.: Harcourt Brace
& Company.1999.
Vivas, D. The design and evaluation of a course in thinking operations for first grades
in Venezuela (Cognitive, Elementary Learning). Dissertation Abstracts
International. 1985.
Vroom, V. H. Manage people not personnel: Motivation and performance
appraisal. Boston: Harvard Business School Press. 1990.
Vygotsky.L.S. Mind in Society: The Development of high Psychology Process.
London: Harvard University press, 1978.
Wallerstein, H.A. Dictionary of Psychology: Penguin Books, Inc. 1971.
Whitney, D.R., and D.L. Sabers. Improving essay examinations III : Use of item
analysis.Technical Bulletin. No.11 , (May), Iowa : Evaluation and Examination
Service, University of Iowa, 1970.
Wicklund, Diany. Individust Learning Versus Coopertive Learning in a University
Spreadsheet Application Class. Dissertation Abstracts International. 6 3
(10), 34-57- A. 2003.
๒๔๘
Wolman, B. B. Dictionary of Behavioral Science. London: Litton Educational. 1973.
Clement, N. Student wellbeing at school : The actualization of values in education,
International. Research Handbook on Values Education and Student
Wellbeing, 2010.
Ehrenberg, R. G., Brewer, D. J., Gamoran, A. & Willms, D. Class size and student
achievement. Psychological Science in the Public Interest, 2(1), 2001.
Fan, X. & Chen, M. Parental Involvement and Students’ Academic Achievement:
A Meta-Analysis. Educational Psychology Review, 2001.13(1),1- 22
Gillions, M. Fugene. Global Education and Socail Studies. The Ohio State University,
1982.
Plater, M. and Joyce B. The Effects of Democratic Classroom Procedures on the
Behavior of 9 to11 Year-Old Children. Dissertation Abstracts
International, 1978 .
Uma Chakravarti. Social Dimensions of Early Buddhism, (New Delhi : Munshiram
Manoharlal, 1996.
๒๔๗
ภาคผนวก
๒๔๘
ภาคผนวก ก
เครอื่ งมอื ท่ใี ช้ในการวิจัย
ภาคผนวก ก – ๑ แผนการจดั การเรยี นรู้
ภาคผนวก ก – ๒ แบบทดสอบวดั ผลสมั ฤทธทิ์ างการเรยี น
ภาคผนวก ก – ๓ แบบประเมินความพงึ พอใจของนักเรยี น
๒๔๙
แผนการจัดการเรยี นรู้
กลมุ่ สาระการเรียนรู้สังคมศกึ ษา ศาสนา และวัฒนธรรม วิชาสังคมศึกษา ศาสนา และวฒั นธรรม
ชน้ั มัธยมศึกษาศกึ ษาปีที่ ๓ ภาคเรียนท่ี ๒ ปีการศกึ ษา ๒๕๖๐
แผนการจดั การเรียนรู้ที่ ๑ เรอ่ื ง มรรค ๘ เวลาเรยี น ๒ ช่วั โมง
ผูส้ อน ผู้ช่วยศาสตราจารยอ์ นุสรณ์ นางทะราช โรงเรียนซำสูงพิทยาคม
สอนวันท่.ี ........................................... เวลา..............................................
*************************************************************************************
มาตรฐานการเรียนรู้/ตวั ช้ีวดั
สาระท่ี ๑ ศาสนา ศลี ธรรม จรยิ ธรรม
มาตรฐานการเรียนรู้
มาตรฐาน ส ๑.๑ ร้แู ละเขา้ ใจประวัติ ความสําคัญ ศาสดา หลักธรรมของพระพุทธศาสนาหรือ
ศาสนาที่ตนนบั ถือและศาสนาอื่น มีศรทั ธาทีถ่ ูกต้อง ยึดมน่ั และปฏบิ ตั ิตามหลกั ธรรมเพื่ออยู่ร่วมกนั อยา่ ง
สันติสุข มาตรฐาน
ตัวชว้ี ัด
ส ๑.๑ ม.๓/๖ อธิบายสังฆคุณ และข้อธรรมสำคัญในกรอบอริยสัจ ๔ หรือหลักธรรมของ
ศาสนาที่ตนนบั ถือตามทีก่ ำหนด
๒. สาระสำคญั
การปฏิบัติตนตามหลักธรรมมรรคมีองค์ ๘ ได้ครบถ้วนทุกองค์ธรรม จะทําให้ผู้ ปฏิบัติหมด
ปญั หาหรือพ้นจากความทกุ ข์
๒. จดุ ประสงคก์ ารเรียนรสู้ ตู่ ัวชี้วัด
K (พุทธพิ ิสัย) P (ทักษะ/กระบวนการ) A (จติ พสิ ัย)
๑. รกั ชาติ ศาสน์ กษตั รยิ ์
๑. บอกความหมายของมรรคมีองค์ ๑. ทักษะในการสื่อสาร ๒. ซอ่ื สัตย์สจุ รติ
๓. มวี ินัย
๘ ได้ ๒. ทักษะการคิด ๔. ใฝเ่ รียนรู้
๕. อยู่อย่างพอพียง
๒. อธิบายองคป์ ระกอบของมรรคมี ๓. ทักษะการแกป้ ัญหา ๖. มุง่ ม่นั ในการทำงาน
๗. รกั ความเป็นไทย
องค์ ๘ ได้ ๔. ทักษะการใช้ชวี ติ ๘. มีจติ สาธารณะ
๓. วเิ คราะหก์ ารกระทาํ ของบุคคล ๕. ทักษะการใช้เทคโนโลยี
ท่เี ข้าลักษณะของมรรคมีองค์ ๘ ได้
๔. บอกประโยชน์ของการปฏบิ ัติ
ตนตามหลกั มรรคมีองค์ ๘ ได้
๒๕๐
๓. สาระการเรยี นรู้
พทุ ธพิ สิ ยั (K)
๑. ความหมายของมรรคมอี งค์ ๘
๒. องคป์ ระกอบของมรรคมอี งค์ ๘
๓. การกระทําของบุคคลที่เขา้ ลกั ษณะของมรรคมอี งค์ ๘
๔. ประโยชน์ของการปฏบิ ตั ติ นตามหลักมรรคมอี งค์ ๘
ทักษะ/กระบวนการ (P)
๑. ทักษะในการส่ือสาร
๒. ทักษะการคิด
๓. ทักษะการแก้ปญั หา
๔. ทักษะการใชช้ วี ติ
๕. ทักษะการใช้เทคโนโลยี
จติ พิสัย (A)
๑. รักชาติ ศาสน์ กษตั ริย์
๒. ซ่ือสัตยส์ จุ ริต
๓. มวี นิ ัย
๔. ใฝ่เรียนรู้
๕. อยู่อย่างพอพียง
๖. มงุ่ ม่นั ในการทำงาน
๗. รกั ความเป็นไทย
๘. มีจิตสาธารณะ
๔. การจัดกิจกรรมการเรยี นรู้ เรอื่ ง มรรค ๘ (๒ ชัว่ โมง)
๑. ขั้นนำ
๑.๑ ครูสร้างบรรยากาศและส่ิงแวดล้อมในการเรียนรู้ เพื่อให้นักเรียนเกิดความเล่ือมใส
ศรัทธาในพระรตั นตรัย โดยให้นกั เรยี นสวดมนต์ไหว้พระ และน่ังสมาธิกอ่ นการเรยี นประมาณ ๓ นาที
๑.๒ ครูแจง้ จดุ ประสงค์การเรียนรใู้ หน้ กั เรียนทราบ
๒. ข้ันสอน
๒.๑ ขัน้ กําหนดปญั หา (ขน้ั ทกุ ข)์
๑) ให้นักเรียนอ่านใบความรู้ เร่ืองมรรคมีองค์ ๘ และศึกษาแผนผัง ความคิดเรอื่ ง มรรคมี
องค์ ๘
๒๕๑
๒) แบ่งนักเรยี นออกเปน็ กลุ่มละ ๕ คน ครูมอบกล่องเอกสารเก่ยี วกับข่าว การกระทําของ
บุคคลต่าง ๆ ซึ่งมีคุณธรรมท่ีสอดคล้องกับหลักธรรมมรรคมีองค์ ๘ และให้นักเรียนช่วยกันเลือก
พิจารณาว่าบุคคลใดมีพฤติกรรมท่ีแสดงว่านําหลักมรรคมีองค์ ๘ มาปฏิบัติ ครบถ้วนทุกองค์ธรรมหรือ
ปฏิบตั ไิ ดม้ ากท่สี ุด และชว่ ยกันตอบตามหัวขอ้ ท่ีกาํ หนดให้ในใบ งานท่ี ๑ เรอื่ ง ค้นหาขอ้ มูล
๓) ใหต้ วั แทนแตล่ ะกลุ่มนาํ เสนอผลงานและทกุ คนชว่ ยกันสรปุ หลกั การสําคัญ
๒.๒ ขนั้ ตั้งสมมตฐิ าน (ขัน้ สมทุ ัย)
๑) ใหน้ ักเรียนกลุ่มเดิมชว่ ยกันเลือกกรณตี ัวอย่าง ๓ เรื่องตามใบงานที่ ๒
๒) ใหน้ ักเรียนแต่ละกลุ่มออกมาสรุปความคดิ เห็นว่ากรณีตัวอยา่ ง เรอื่ งใดทีม่ ีบุคคลกระทํา
การผิดหลักมรรคมีองค์ ๘ มากที่สุดและเสนอแนะแนวทางแก้ไขปัญหา นั้น และให้วิเคราะห์ว่ากรณี
ตัวอย่างใดท่ีมกี ารกระทาํ ใกลเ้ คียงกับนักเรยี นมากท่ีสดุ โดยให้ ช่วยกนั สืบสาวหาสาเหตุที่แท้จรงิ ดว้ ยวธิ ี
คิดแบบสบื สาวเหตปุ จั จยั
๒.๓ ข้ันการทดลองและเก็บข้อมูล (ชนั้ นโิ รธ)
๑) ให้นักเรยี นกลุ่มเดิมรว่ มกันอภิปรายตามหัวขอ้ ในใบงานท่ี ๓ เพ่อื เลือก และตัดสินใจใน
การปฏิบัติตนตามหลักมรรคมอี งค์ 8 ในช่อง (๓) อยา่ งน้อยหวั ขอ้ ละ 3 แนวทาง
๒) ให้สมาชิกในกลุ่มตกลงร่วมกันว่าจะเลือกปฏิบัติตามแนวทางใด เพื่อให้ครบหลักธรรม
มรรคมีองค์ ๘ ที่เหมาะสมกับสภาพของนกั เรียน และเขียนในชอ่ งท่ี (๓)
๒.๔ ขน้ั วเิ คราะห์ข้อมลู และสรุปผล (ข้นั มรรค)
๑) ให้นักเรียนแต่ละคนลอกข้อความทีส่ มาชิกในกลุ่มตกลงร่วมกันใน การเลือกปฏบิ ัติตน
ตามหลกั ธรรมมรรคมีองค์ ๘ เปน็ ระยะเวลา ๒ เดอื น โดยเขียนในแบบฟอรม์ ท่แี จกให้
๒) ให้นักเรียนเขียนรายงานผลการปฏิบัติตนต่อเพื่อนในกลุ่มและต่อ ครูผู้สอน เมื่อครบ
กําหนด และสรุปผลของการปฏบิ ัติพร้อมเสนอแนะแนวทางการพฒั นาตน ต่อไป
๓. ข้นั สรปุ
๓.๑ ใหต้ ัวแทนของนกั เรยี นแต่ละกลุ่มออกมานำเสนอผลงานการทำกิจกรรมตามใบงาน หน้า
ช้ันเรยี น
๓.๒ ครูและนักเรียนช่วยกันสรุป ให้ทราบถึงวิธีการแก้ปัญหา (การดับทุกข์) ตามวิธีการของ
พระพทุ ธเจา้ คอื อริยสจั ๔ เพอื่ เป็นแนวทางในการปฏิบัติต่อไป
๕. สอ่ื การเรยี นรู้/แหลง่ การเรยี นรู้
๕.๑ ใบความรู้
๕.๒ ใบงาน
๕.๓ แบบทดสอบก่อนเรยี น – หลังเรียน
๒๕๒
๖. การวัดและประเมนิ ผลของผู้เรยี น วิธีวดั เคร่ืองมอื เกณฑ์การผา่ น
- ใช้ - แบบทดสอบ ร้อยละ ๘๐
จดุ ประสงค์ แบบทดสอบ กอ่ นเรียน
- แบบทดสอบ รอ้ ยละ ๘๐
พทุ ธพิ ิสยั (K) หลงั เรยี น ร้อยละ ๘๐
๑. บอกความหมายของมรรคมีองค์ (10 คะแนน)
๘ ได้
๒. อธิบายองคป์ ระกอบของมรรคมี - ใชแ้ บบ - แบบสงั เกต
องค์ ๘ ได้ สงั เกต
๓. วเิ คราะหก์ ารกระทาํ ของบุคคลท่ี
เขา้ ลกั ษณะของมรรคมอี งค์ ๘ ได้ -ใช้แบบสงั เกต -แบบประเมิน
๔. บอกประโยชนข์ องการปฏบิ ัติตน คุณลักษณะอนั พึ่ง
ตามหลกั มรรคมีองค์ ๘ ได้ ประสงค์
ทกั ษะพิสัย(P)
๑. ทกั ษะในการส่อื สาร
๒. ทักษะการคดิ
๓. ทกั ษะการแก้ปญั หา
๔. ทักษะการใชช้ วี ติ
๕. ทกั ษะการใช้เทคโนโลยี
จิตพิสัย(A)
๑. รกั ชาติ ศาสน์ กษัตริย์
๒. ซอ่ื สตั ย์สุจริต
๓. มีวินยั
๔. ใฝ่เรียนรู้
๕. อยู่อย่างพอพียง
๖. มุง่ มั่นในการทำงาน
๗. รกั ความเปน็ ไทย
๘. มีจิตสาธารณะ
๒๕๓
แบบประเมินสมรรถนะผู้เรยี น ๕ ด้าน
ชื่อ..............................................................................................................................................
คำชแี้ จง :ใหส้ ังเกตพฤตกิ รรมของนกั เรยี นในระหว่างเรยี นและนอกเวลาเรียน แล้วขดี ✓ ลงในช่อง
ท่ีตรงกับระดับคะแนน
สมรรถนะทปี่ ระเมิน ระดบั คะแนน
๓๒๑
๑. ความสามารถในการส่อื สาร
๑.๑ มคี วามสามารถในการรับ – ส่งสาร
๑.๒ มีความสามารถในการถ่ายทอดความรู้ โดยใช้ภาษาอยา่ งเหมาะสม
๑.๓ ใช้วิธกี ารส่ือสารท่เี หมาะสม
๒. ความสามารถในการคดิ
๒.๑มคี วามสามารถในการคิดวิเคราะห์ เพอื่ การสรา้ งองค์ความรู้
๒.๒ มคี วามสามารถในการคดิ เปน็ ระบบ เพอื่ การสร้างองคค์ วามรู้
๓. ความสามารถในการแกป้ ญั หา
๓.๑ แก้ปญั หาโดยใช้เหตผุ ล
๓.๒ แสวงหาความรมู้ าใช้ในการแกป้ ญั หา
๓.๓ ตัดสินใจโดยคำนึงถึงผลกระทบต่อตนเองและผู้อื่น
๔. ความสามารถในการใชท้ กั ษะชีวติ
๔.๑ ทำงานและอยรู่ ่วมกับผอู้ ่นื ดว้ ยความสัมพันธอ์ ันดี
๔.๒ มวี ธิ แี กไ้ ขความขดั แยง้ อยา่ งเหมาะสม
๕. ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี
๕.๑ เลือกใช้ขอ้ มูลในการพัฒนาตนเองอย่างเหมาะสม
๕.๒ เลือกใช้ขอ้ มูลในการทำงานและอยรู่ ่วมกับผู้อน่ื อย่างเหมาะสม
รวม
ลงชื่อ.................................................. ผ้ปู ระเมิน
.............../................./................
เกณฑก์ ารให้คะแนน - พฤตกิ รรมท่ปี ฏิบัติชัดเจนและสม่ำเสมอ ให้ ๓ คะแนน
- พฤติกรรมทีป่ ฏิบัติชดั เจนและบอ่ ยครงั้ ให้ ๒ คะแนน
- พฤตกิ รรมท่ีปฏบิ ตั ิบางครั้ง ให้ ๑ คะแนน
๒๕๔
แบบประเมินพฤติกรรมการทำงานกลมุ่
ชอ่ื กลุ่ม..............................................................................................................................................
สมาชิกในกลุ่ม 1. .................................................................................................................
2. .................................................................................................................
3. .................................................................................................................
4. .................................................................................................................
5. .................................................................................................................
คำชี้แจง : ให้ผู้สอนสังเกตพฤติกรรมของนักเรียนในระหว่างเรียนและนอกเวลาเรยี น แล้วขีด ลงใน
ช่องท่ีตรงกับความเป็นจรงิ
รายการประเมิน ระดบั คะแนน
๓๒๑
๑. มสี ่วนรว่ มในการแสดงความคดิ เห็น
๒. ความรบั ผิดชอบในงานทไี่ ดร้ ับมอบหมาย
๓. กระตอื รือร้นในการทำงาน
๔. มขี ัน้ ตอนในการทำงานอย่างเป็นระบบ
๕. ใช้เวลาในการทำงานอย่างเหมาะสม
รวม
เกณฑก์ ารให้คะแนน ลงชอื่ ...................................................ผปู้ ระเมิน
ปฏบิ ตั ิหรือแสดงพฤติกรรมอยา่ งสมำ่ เสมอ ............../.................../...............
ปฏิบัตหิ รอื แสดงพฤติกรรมบอ่ ยคร้ัง
ปฏบิ ัติหรือแสดงพฤตกิ รรมบางครั้ง ให้ ๓ คะแนน
ให้ ๒ คะแนน
ให้ ๑ คะแนน
๒๕๕
แบบประเมินคณุ ลกั ษณะอันพึงประสงค์
ช่อื ..............................................................................................................................................
คำชแ้ี จง :ให้สงั เกตพฤติกรรมของนักเรยี นในระหว่างเรียนและนอกเวลาเรียน แล้วขดี ✓ ลงในช่อง
ที่ตรงกับระดบั คะแนน
พฤติกรรมที่คาดหวัง ระดบั คะแนน
๓๓๑
๑. รักชาติ ศาสน์ กษัตรยิ ์
๒. ซื่อสตั ยส์ จุ ริต
๓. มวี นิ ยั
๔. ใฝ่เรียนรู้
๕. อย่อู ย่างพอเพยี ง
๖. มุ่งมน่ั ในการทำงาน
๗. รักความเปน็ ไทย
๘. มีจติ สาธารณะ
รวม
ลงช่อื .................................................. ผู้ประเมิน
.............../................./................
เกณฑก์ ารใหค้ ะแนน ให้ ๓ คะแนน
- พฤตกิ รรมท่ีปฏบิ ตั ิชัดเจนและสม่ำเสมอ ให้ ๒ คะแนน
- พฤติกรรมที่ปฏบิ ตั ิชดั เจนและบ่อยครัง้ ให้ ๑ คะแนน
- พฤตกิ รรมทป่ี ฏิบัติบางครั้ง
๒๕๖
แบบบนั ทึกผลหลังการจัดกจิ กรรมการเรียนรู้
กลุ่มสาระการเรียนรสู้ ังคมศึกษา ศาสนา และวฒั นธรรม วชิ าสังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม
ชัน้ มัธยมศกึ ษาศกึ ษาปีที่ ๓ ภาคเรียนที่ ๒ ปีการศกึ ษา ๒๕๖๐
แผนการจดั การเรยี นรทู้ ี่ ๑ เรื่อง มรรค ๘ เวลาเรยี น ๒ ชัว่ โมง
ผู้สอน ผู้ช่วยศาสตราจารย์อนสุ รณ์ นางทะราช โรงเรยี นซำสูงพิทยาคม
สอนวันที.่ ........................................... เวลา..............................................
๑. ระดบั ชน้ั มัธยมศกึ ษาปีที่ ๓ จำนวน...................คน ลา...................คน มา...................คน
๒. ผลการสอน
๒.๑ ความเหมาะสมของระยะเวลา ดีมาก ดี พอใช้ ปรับปรงุ
๒.๒ ความเหมาะสมของเน้อื หา ดีมาก ดี พอใช้ ปรับปรงุ
๒.๓ ความเหมาสมของกิจกรรมการเรียนรู้ ดมี าก ดี พอใช้ ปรับปรุง
๒.๔ ความเหมาะสมของสือ่ การเรยี นรู้ ดมี าก ดี พอใช้ ปรับปรงุ
๒.๕ การมสี ่วนร่วมของนักเรียน ดีมาก ดี พอใช้ ปรบั ปรุง
๓. การสะทอ้ นผลหลังการจดั การเรียนรู้
๓.๑ ดา้ นครูผูส้ อน
.....................................................................................................................................................
๓.๒ ดา้ นผู้เรียน
.....................................................................................................................................................
๓.๓ ด้านการจัดกิจกรรมการเรยี นรู้
.....................................................................................................................................................
๓.๔ ดา้ นผลการจัดการเรียนรู้
.....................................................................................................................................................
๓.๕ ดา้ นพฤติกรรมของนักเรียนท่จี ะต้องไดร้ บั การชว่ ยเหลอื เพ่มิ เตมิ
.....................................................................................................................................................
๓.๖ ด้านปญั หาและอปุ สรรค
.....................................................................................................................................................
๓.๗ ขอ้ เสนอแนะ/แนวทางแกไ้ ข
.....................................................................................................................................................
ลงช่ือ.........................................................
(ผู้ชว่ ยศาสตราจารย์อนุสรณ์ นางทะราช)
ครูผู้สอน
๒๕๗
ใบงานท่ี ๑
เรอ่ื ง คน้ หาขอ้ มูล
คำสั่ง ๑. ใหน้ ักเรียนรวมกลมุ่ กนั กลุ่มละ ๕-๖ คน
๒. ใหส้ มาชิกในกลมุ่ ช่วยกนั เลอื กบุคคลท่มี ีคณุ สมบตั ติ ามหลักธรรมมรรคมีองค์ ๘
อย่างครบถว้ นหรือปฏบิ ตั ิตามองค์ประกอบมรรคมากที่สดุ และรว่ มกนั ตอบ คาํ ถามตอ่ ไปนี้
ชื่อ .........................................................................................................................................
ท่ี หลักธรรม การปฏิบัติตนตามหลักธรรมมรรคมอี งค์ ๘
๑ สัมมาทฏิ ฐิ ความเห็นชอบ
๒ สมั มาสังกัปปะ ความดาํ รชิ อบ
๓ สัมมาวาจา การเจรจาชอบ
๔ สมั มากมั มนั ตะ การทํางานชอบ
๕ สมั มาอาชีวะ เลี้ยงชพี ชอบ
๖ สัมมาวายามะ เพยี รพยายามชอบ
๗ สัมมาสติ ความระลกึ ชอบ
๘ สมั มาสมาธิ ความตั้งใจมั่นชอบ
ผลที่เขาได้รบั .........................................................................................................................
................................................................................................................................................................
สอดคล้องกบั หลักความจรงิ ของมรรคมีองค์ ๘ หรอื ไม่ บอกเหตุผล ......................................
................................................................................................................................................................
................................................................................................................................................................
๒๕๘
ใบงานที่ ๒
ตอนท่ี ๑
คาํ ส่ัง ใหน้ กั เรียนแต่ละกลุ่มพิจารณาปญั หาทเ่ี กิดจากกรณตี วั อย่าง ๓ เรอื่ ง และวเิ คราะห์ตาม
เกณฑท์ ่ีกําหนดใหใ้ นตอนที่ ๒
กรณตี ัวอย่างที่ ๑
ชดิ เป็นนักธุรกิจ เขาลงทุนจํานวนมากเพราะหวงั ว่าจะได้กาํ ไรมากเป็นทวคี ูณ แต่ กิจการของ
เขาขาดทนุ ถูกฟ้องล้มละลาย บ้านและท่ีดินถูกยดึ เขาไม่มีเงินเหลือเลย ลกู ชาย ๒ คน ต้องลาออกจาก
มหาวทิ ยาลัยเพราะบดิ าไม่มีเงินเสียค่าใชจ้ า่ ย ชติ มคี วามทกุ ข์อยา่ งมาก
กรณีตวั อย่างที่ ๒
ลคาตั้งใจว่าจะให้เพ็ญลักษณ์บุตรสาวคนเดียวของเธอเข้าเรียนในชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๑ ของ
โรงเรียนที่มีชอื่ เสียงอันดับหนึ่งของจังหวัด แต่ก็ต้องผดิ หวังเพราะเพ็ญลักษณ์จับสลากเข้า ไม่ได้และยัง
สอบเข้าเรียนไมไ่ ด้อกี ด้วย
กรณตี วั อย่างที่ ๓
แตงกวานัดหมายกับแตงโมเพื่อไปทํารายงานส่งครูในวันอาทิตย์เวลา ๙.๐๐ น. สถานท่ี ใต้
อาคาร ๑ แต่ปรากฏว่าแตงโมไม่ไปตามนัด แตงกวารออยู่นานถึงครึ่งวัน เธอโกรธแตงโม มาก และไม่
สามารถทาํ รายงานส่งครู ได้ทันตามกาํ หนดเวลา
ตอนท่ี ๒
๑. ให้นักเรยี นพิจารณาร่วมกันว่าบุคคลในกรณีตวั อย่างที่ ๑-๓ มีการกระทําที่ไม่ สอดคล้อง
กับหลักธรรมมรรคมอี งค์ ๘ มากขอ้ มากทีส่ ุด บอกเหตุผล และแนวทางแก้ไข
................................................................................................................................................................
...................................................................................................................................................................
.............................................................................................................................................................
๒. กรณีตัวอย่างใดที่มีเร่ืองราวใกล้ตัวนักเรียนมากที่สุด และให้คิคหาสาเหตุท่ีแท้จริง
ของปัญหาที่เกดิ ข้นึ โดยมใชว้ ิธคี ิดแบบสบื สาวเหตปุ ัจจัย
................................................................................................................................................................
...................................................................................................................................................................
.............................................................................................................................................................
๒๕๙
ใบงานที่ ๓
ให้นักเรียนแต่ละกลุ่มได้อภิปรายร่วมกันว่าในชีวิตประจําวันของนักเรียนมีการกระทําตาม
องค์ประกอบของมรรคมีองค์ ๘ อย่างไรบ้าง ให้เขียนรายการลงในช่อง ๒ และให้แต่ละกลุ่ม เลือก
แนวทางปฏิบัตริ ว่ มกันเป็นระยะเวลา ๒ เดือน เขยี นลงในชอ่ ง ๓
(๑) (๒) (๓)
มรรค ๘ การปฏิบตั ิตนตามหลักมรรคมีองค์ 8 การปฏิบตั ทิ ีก่ ลมุ่ เลือก
สัมมาทิฏฐิ ๑. อา่ นหนังสอื มากทําให้ไดค้ วามรู้มาก ร่วมกัน
(ความเห็นชอบ) ๒.
๓.
สัมมาสังกัปปะ ๑. คดิ ชวนเพ่ือนเข้าห้องสมุด
(ความดาํ รชิ อบ) ๒.
๓.
สมั มาวาจา ๑. อธบิ ายการบา้ นใหเ้ พื่อนฟงั ดว้ ยวาจาไพเราะ
(การเจรจาชอบ) ๒.
๓.
สมั มากัมมนั ตะ ๑. ชว่ ยเปิดไฟเมื่อออกจากหอ้ ง
(การทํางานชอบ) ๒.
๓.
สมั มาอาชวี ะ ๑. ไมล่ อกการบ้านเพ่ือน
(เลี้ยงชพี ชอบ) ๒.
๓.
สัมมาวายามะ ๑. อ่านหนังสอื วนั ละ ๒ ชวั่ โมง
(เพยี รพยายามชอบ) ๒.
๓.
สมั มาสติ ๑. ตั้งใจฟังครสู อน
(ความระลึกชอบ) ๒.
๓.
สัมมาสมาธิ ๑. ยืนเคารพธงชาติดว้ ยใจแน่วแนไ่ มค่ ุยกัน
(ความต้ังใจมนั่ ชอบ) ๒.
๓.
๒๖๐
แบบบนั ทึกการปฏบิ ตั ติ นตามหลกั มรรคมีองค์ ๘
ช่ือ.............................................................................................ชั้น...........................เลขท่.ี ....................
ชอื่ หลักธรรม พฤติกรรม ผลการปฏบิ ัติได้จริง
มาก ปานกลาง นอ้ ย ข้อเสนอแนะ
๒๖๑
แบบทดสอบกอ่ นเรยี น
เร่อื ง มรรค ๘
๑. หลักธรรมขอ้ ใดไมจ่ ัดอยู่ในทศพธิ ราชธรรม ๑๐ ๖. ข้อใดไมใ่ ช่ประโยชน์ของการฟงั ธรรม
ประการ ก. ได้ฟงั เรื่องใหมๆ่ อยู่เสมอ
ก. ทาน ข. ได้ข้อคดิ จากเร่อื งที่ได้ฟัง
ข. ศลี ค. ได้เขา้ ใจเรอ่ื งทีเ่ คยฟงั มากข้นึ
ค. สมาธิ ง. ได้เพือ่ นสนิทเพมิ่ มากขน้ึ
ง. ขนั ติ
๒. ขอ้ ใดคือความดำริชอบในมรรค ๘ ๗. ขอ้ ความใดไมม่ ีความหมายตรงกบั หลักกรรมใน
ก. สัมมาทิฏฐิ พระพทุ ธศาสนา
ข. สมั มาสังกัปปะ ก. หว่านพชื เชน่ ใด ย่อมได้ผลเชน่ น้ัน
ค. สมั มากัมมันตะ ข. ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ช่ัว
ง. สัมมาอาชวี ะ ค. ทำอย่างไร ไดอ้ ยา่ งนนั้
ง. บาปกรรมของเราสามารถชำระได้
๓. นิทานเรื่องใดท่สี อนเร่ืองโทษของการพูดโกหก ๘. ถ้านวลสอบตกเพราะขี้เกียจ แสดงว่าเปน็
ก. เดก็ เลย้ี งววั เพราะเหตใุ ด
ข. เดก็ เล้ียงแกะ ก. ข้เี กียจอ่านหนังสือ
ค. เด็กเล้ยี งแพะ ข. ถกู ครูแกล้ง
ง. เด็กเลีย้ งม้า ค. ถกู เพอื่ นแกลง้ ง. ไมม่ บี ญุ
๔. ถา้ เพื่อนกำลังตกอยใู่ นอันตราย เราควรปฏิบัติ ๙. การทำบุญใส่บาตร ถวายจตุปัจจัยเป็นการ
อย่างไร แสดงความเคารพต่อใคร
ก. เข้าไปชว่ ยเหลือ ก. พระพุทธเจ้า
ข. วงิ่ หนีเอาตวั รอด ข. พระธรรม
ค. มองดอู ยหู่ ่างๆ ค. พระสงฆ์
ง. บอกให้คนอื่นมาชว่ ย ง. ครอู าจารย์
๕. ข้อใดที่ควรยดึ เป็นแนวปฏบิ ตั ิในการดำเนนิ ๑๐. การมีสตสิ ัมปชญั ญะสอดคลอ้ งกบั ศีลขอ้ ใด
ชีวิตตามคำสอนของพระพุทธศาสนา ก. ศลี ขอ้ 2
ก. ทำความดี ละเวน้ ความช่วั ข. ศลี ข้อ 3
ข. พยายามสร้างฐานะใหด้ ี ค. ศีลขอ้ 4
ค. ตง้ั ใจเรียนให้ได้คะแนนดี ง. ศีลขอ้ 5
ง. หาที่อยู่อาศัยใหเ้ หมาะสม
๒๖๒
เฉลยแบบทดสอบกอ่ นเรยี น เรื่อง มรรค ๘
๑. ค ๖. ง
๒. ข ๗. ง
๓. ข ๘. ก
๔. ก ๙. ค
๕. ก ๑๐. ง
แบบทดสอบหลังเรียน เร่ือง มรรค ๘
๑. ถ้าเพ่ือนกำลงั ตกอยู่ในอนั ตราย เราควรปฏบิ ัติ ๕. การทำบุญใส่บาตร ถวายจตุปัจจัยเป็นการ
อยา่ งไร แสดงความเคารพตอ่ ใคร
ก. เขา้ ไปชว่ ยเหลือ ก. พระพุทธเจ้า
ข. วง่ิ หนีเอาตัวรอด ข. พระธรรม
ค. มองดอู ยู่ห่างๆ ค. พระสงฆ์
ง. บอกใหค้ นอน่ื มาช่วย ง. ครูอาจารย์
๒. ถ้านวลสอบตกเพราะขี้เกยี จ แสดงวา่ เปน็ ๖. ข้อความใดไม่มีความหมายตรงกบั หลักกรรมใน
เพราะเหตใุ ด พระพทุ ธศาสนา
ก. ขี้เกยี จอ่านหนังสือ ก. หวา่ นพชื เชน่ ใด ย่อมได้ผลเชน่ นั้น
ข. ถกู ครูแกลง้ ข. ทำดไี ด้ดี ทำช่วั ได้ชว่ั
ค. ถกู เพอ่ื นแกลง้ ค. ทำอย่างไร ไดอ้ ย่างนนั้
ง. ไม่มบี ุญ ง. บาปกรรมของเราสามารถชำระได้
๓. ข้อใดไม่ใช่ประโยชนข์ องการฟงั ธรรม ๗. การมีสติสัมปชญั ญะสอดคล้องกบั ศีลขอ้ ใด
ก. ได้ฟงั เรอ่ื งใหมๆ่ อยู่เสมอ ก. ศลี ขอ้ 2
ข. ไดข้ ้อคดิ จากเรอื่ งที่ไดฟ้ งั ข. ศีลขอ้ 3
ค. ไดเ้ ขา้ ใจเร่ืองทเ่ี คยฟังมากขน้ึ ค. ศีลขอ้ 4
ง. ไดเ้ พื่อนสนิทเพมิ่ มากขึ้น ง. ศีลขอ้ 5
๔. ขอ้ ใดที่ควรยดึ เปน็ แนวปฏิบัตใิ นการดำเนนิ ๘. นิทานเรอ่ื งใดที่สอนเร่อื งโทษของการพดู โกหก
ชวี ติ ตามคำสอนของพระพทุ ธศาสนา ก. เด็กเลี้ยงวัว
ก. ทำความดี ละเว้นความช่ัว ข. เดก็ เลี้ยงแกะ
ข. พยายามสร้างฐานะให้ดี ค. เดก็ เลย้ี งแพะ
ค. ตัง้ ใจเรียนให้ได้คะแนนดี ง. เด็กเลี้ยงม้า
ง. หาทีอ่ ยอู่ าศยั ให้เหมาะสม
๒๖๓
.แบบทดสอบหลงั เรียน (ต่อ) ๑๐. หลักธรรมข้อใดไม่จดั อยูใ่ นทศพธิ ราชธรรม
๙. ข้อใดคอื ความดำริชอบในมรรค ๘ ๑๐ ประการ
ก. สมั มาทิฏฐิ ก. ทาน
ข. สัมมาสังกปั ปะ ข. ศีล
ค. สัมมากมั มันตะ ค. สมาธิ
ง. สมั มาอาชวี ะ ง. ขันติ
เฉลยแบบทดสอบหลงั เรียน
เรือ่ ง มรรค ๘
๑. ก ๖. ง
๒. ก ๗. ง
๓. ง ๘. ข
๔. ก ๙. ข
๕. ค ๑๐. ค
๒๖๔
แผนการจดั การเรยี นรู้
กลุม่ สาระการเรยี นรู้สังคมศกึ ษา ศาสนา และวฒั นธรรม วชิ าสังคมศกึ ษา ศาสนา และวฒั นธรรม
ชั้นมัธยมศึกษาศกึ ษาปีที่ ๓ ภาคเรียนท่ี ๒ ปีการศกึ ษา ๒๕๖๐
แผนการจัดการเรียนรู้ที่ ๒ เรือ่ ง พรหมวิหาร ๔ เวลาเรยี น ๒ ช่วั โมง
ผู้สอน ผู้ชว่ ยศาสตราจารย์อนสุ รณ์ นางทะราช โรงเรียนซำสงู พทิ ยาคม
สอนวนั ท่ี............................................ เวลา..............................................
*******************************************************************************************
มาตรฐานการเรียนรู/้ ตวั ชี้วดั
สาระที่ ๑ ศาสนา ศลี ธรรม จริยธรรม
มาตรฐานการเรียนรู้
มาตรฐาน ส ๑.๑ รูแ้ ละเข้าใจประวัติ ความสาํ คญั ศาสดา หลักธรรมของพระพุทธศาสนาหรือ
ศาสนาทตี่ นนับถือและศาสนาอืน่ มีศรัทธาท่ถี ูกตอ้ ง ยดึ มัน่ และปฏิบตั ิตามหลักธรรมเพอื่ อยู่ร่วมกนั อยา่ ง
สันติสุข มาตรฐาน
ตวั ชีว้ ดั
ส ๑.๑ ม.๓/๖ อธิบายสังฆคุณ และข้อธรรมสำคัญในกรอบอริยสัจ ๔ หรือหลักธรรมของ
ศาสนาทต่ี นนบั ถือตามท่ีกำหนด
๒. สาระสำคญั
การท่ีคนเรามีหลักพรหมวิหาร ๔ เป็นหลักธรรมประจำใจ กำกับการกระทำตนเองอยู่เสมอ
ย่อมจะทำให้สามารถดำรงชวี ติ อยูไ่ ดอ้ ย่างผปู้ ระเสริฐ เป็นที่เคารพนับถือแก่บุคคลทวั่ ไป
๒. จุดประสงคก์ ารเรยี นร้สู ู่ตัวช้ีวัด
K (พุทธพิ ิสัย) P (ทกั ษะ/กระบวนการ) A (จิตพิสยั )
๑. รักชาติ ศาสน์ กษตั รยิ ์
๑. บอกความหมายของพรหม- ๑. ทักษะในการสอื่ สาร ๒. ซ่ือสัตยส์ จุ รติ
๓. มีวินัย
วหิ าร ๔ ได้ ๒. ทกั ษะการคิด ๔. ใฝ่เรยี นรู้
๕. อยู่อย่างพอพียง
๒. วิเคราะหผ์ ลที่ได้รับจากการ ๓. ทกั ษะการแกป้ ัญหา ๖. มุ่งมัน่ ในการทำงาน
๗. รักความเปน็ ไทย
ปฏิบตั ติ นตามหลักพรหมวหิ าร ๔ ๔. ทักษะการใช้ชวี ิต ๘. มีจติ สาธารณะ
ได้ ๕. ทักษะการใช้เทคโนโลยี
๓. สำรวจและประเมนิ พฤตกิ รรม
ของตนท่ีปฏิบัตติ ามหลักพรหม
วิหาร ๔ ได้
๒๖๕
๓. สาระการเรยี นรู้
พุทธิพสิ ัย (K)
๑. ความหมายของพรหมวิหาร ๔
๒. ผลทีไ่ ด้รับจากการปฏบิ ัติตนตามหลักพรหมวิหาร ๔
๓. พฤติกรรมของตนทป่ี ฏบิ ตั ิตามหลกั พรหมวหิ าร ๔
ทักษะ/กระบวนการ (P)
๑. ทักษะในการส่ือสาร
๒. ทักษะการคิด
๓. ทักษะการแก้ปัญหา
๔. ทักษะการใชช้ วี ติ
๕. ทกั ษะการใช้เทคโนโลยี
จิตพิสยั (A)
๑. รักชาติ ศาสน์ กษัตรยิ ์
๒. ซอื่ สัตยส์ จุ รติ
๓. มวี ินัย
๔. ใฝเ่ รยี นรู้
๕. อยู่อย่างพอพียง
๖. มุ่งม่ันในการทำงาน
๗. รักความเป็นไทย
๘. มีจติ สาธารณะ
๔. การจัดกจิ กรรมการเรียนรู้ เรอ่ื ง พรหมวหิ าร ๔ (๒ ชวั่ โมง)
๑. ขัน้ นำ
๑.๑ ครูสร้างบรรยากาศและสิ่งแวดล้อมในการเรียนรู้ เพื่อให้นักเรียนเกิดความเล่ือมใส
ศรัทธาในพระรตั นตรยั โดยให้นักเรยี นสวดมนต์ไหว้พระ และนัง่ สมาธิก่อนการเรยี นประมาณ ๕ นาที
๑.๒ ครแู จง้ จุดประสงค์การเรยี นรู้ให้นักเรยี นทราบ
๒. ขน้ั สอน
๒.๑ ขน้ั กําหนดปญั หา (ขน้ั ทุกข์)
๑) ใหน้ กั เรียนอ่านใบความร้เู รอ่ื ง พรหมวิหาร ๔ และช่วยกันสรปุ ความหมาย
๒) แบ่งนักเรียนออกเป็นกลุ่มละ ๕-๘ คน ให้ศึกษาข่าวบุคคลต่าง ๆ ท่ีมีการกระทําตาม
หลักพรหมวิหาร ๔ แล้วเลือกมาเพียง ๑ คน โดยใช้วธิ ีคดิ อย่างมีเหตุผลว่าบคุ คลที่ กลุ่มเลือกมานั้นเป็น
ผทู้ ี่มีหลักธรรม พรหมวิหาร ๔ เปน็ ทเี่ ช่อื ถอื ไดอ้ ยา่ งไร
๒๖๖
๓) ใหต้ ัวแทนกลุม่ นําเสนอผลงาน ในหัวข้อต่อไปน้ี
๑. บคุ คลทีก่ ลมุ่ เลือกคือใคร
๒. มีการกระทําอยา่ งไรบ้างที่แสดงวา่ เป็นผู้ที่มคี วามเมตตา กรณุ า มทุ ติ า อุเบกขา
๓. ผลของการกระทาํ เปน็ อยา่ งไร
๔. ทําไมจงึ เช่ือว่าบุคคลน้นั ปฏิบัตติ ามหลกั พรหมวิหาร ๔ ด้วยความจรงิ ใจ
๒.๒ ขน้ั ต้ังสมมตฐิ าน (ขั้นสมุทยั )
๑) แบ่งนักเรียนออกเป็นกลุ่มละ ๕-๖ คน ให้ผลัดกันเล่าประสบการณ์ของ ตนเองใน
หัวข้อต่อไปนี้
๒) การกระทําของบคุ คลในข้อ (๑) นน้ั นักเรยี นคิดว่าเป็นความจริงใจ หรือ เสแสรง้ บอก
เหตุผล
๓) การกระทําของบคุ คลในข้อ (๑) นนั้ มผี ลอย่างไร
- ต่อนกั เรยี น
- ต่อสงั คม
- ตอ่ บคุ คลน้นั เอง
๒.๓ ขัน้ การทดลองและเก็บข้อมลู (ชัน้ นโิ รธ)
๑) ให้แต่ละกลุ่มเลือกตัวอย่างของการกระทําที่สมาชิกในกลุ่มนําเสนอต่อ กลุ่มว่าควรจะ
เลือกบุคคลใดทจี่ ัดว่ามีการกระทําตามหลักพรหมวหิ าร ๔ และชว่ ยกันวิเคราะห์ ตามหวั ข้อที่กําหนดให้
ในใบงานท่ี ๑
๒) ให้ตัวแทนกลุม่ นําเสนอบคุ คลตัวอย่างที่กล่มุ ตัดสนิ ใจเลอื กตามหวั ข้อทก่ี าํ หนด
๒.๔ ขน้ั วเิ คราะห์ข้อมลู และสรปุ ผล (ข้นั มรรค)
๑) ให้นักเรียนสํารวจตนเองวา่ มีการกระทําท่ีแสดงว่ามหี ลักธรรมพรหมวิหาร ๔ ตามแบบ
สาํ รวจตนเอง
๒) ให้นักเรียนวางแผนการปฏิบัติตนในการนําหลักพรหมวิหาร ๔ มาใช้ ปฏิบัติจริงตาม
หวั ข้อท่ีกาํ หนดให้
๓) ให้นักเรียนปฏิบัติตนตามหลักพรหมวิหาร ๔ และรายงานผลการปฏิบัติตน ต่อผู้สอน
เมอื่ ครบ ๒ สปั ดาห์
๓. ข้นั สรุป
๓.๑ ให้ตัวแทนของนกั เรยี นแต่ละกลมุ่ ออกมานำเสนอผลงานการทำกิจกรรมตามใบงาน หน้า
ช้ันเรยี น
๓.๒ ครแู ละนักเรยี นช่วยกันสรปุ หลักการและแนวทางการปฏิบัติตนตามหลักพรหมวิหาร ๔
และเม่ือนักเรียนรายงานผลการปฏิบัติตนตามหลักพรหมวิหาร ๔ แล้ว ให้ทุกคนช่วยกันสรุปผลให้
ชัดเจนอกี ครั้งหน่ึง
๒๖๗
๕. สอ่ื การเรียนรู้/แหล่งการเรยี นรู้
๕.๑ ใบความรู้
๕.๒ ใบงาน
๕.๓ แบบทดสอบก่อนเรยี น - หลงั เรียน
๖. การวัดและประเมินผลของผเู้ รยี น
จุดประสงค์ วธิ วี ัด เครอ่ื งมือ เกณฑ์การผา่ น
รอ้ ยละ ๘๐
พทุ ธิพิสัย(K) - ใช้ - แบบทดสอบ
รอ้ ยละ ๘๐
๑. บอกความหมายของพรหม-วหิ าร แบบทดสอบ ก่อนเรียน
๔ ได้ - แบบทดสอบ ร้อยละ ๘๐
๒. วเิ คราะหผ์ ลทไ่ี ดร้ บั จากการ หลังเรยี น
ปฏิบตั ิตนตามหลกั พรหมวิหาร ๔ ได้ (10 คะแนน)
๓. สำรวจและประเมนิ พฤตกิ รรมของ
ตนท่ปี ฏบิ ัตติ ามหลกั พรหมวิหาร ๔
ได้
ทักษะพิสยั (P) - ใชแ้ บบ - แบบสงั เกต
๑. ทักษะในการสื่อสาร สงั เกต
๒. ทกั ษะการคิด
๓. ทักษะการแกป้ ญั หา
๔. ทกั ษะการใช้ชีวิต
๕. ทักษะการใชเ้ ทคโนโลยี
จิตพสิ ยั (A) -ใชแ้ บบสงั เกต -แบบประเมนิ
๑. รกั ชาติ ศาสน์ กษตั รยิ ์ คณุ ลกั ษณะอันพึง่
๒. ซอื่ สตั ย์สจุ ริต ประสงค์
๓. มวี ินัย
๔. ใฝเ่ รียนรู้
๕. อยู่อย่างพอพียง
๖. มุ่งมัน่ ในการทำงาน
๗. รักความเปน็ ไทย
๘. มจี ติ สาธารณะ
๒๖๘
แบบประเมนิ สมรรถนะผ้เู รียน ๕ ด้าน
ชื่อ..............................................................................................................................................
คำช้ีแจง :ใหส้ ังเกตพฤติกรรมของนกั เรียนในระหว่างเรียนและนอกเวลาเรียน แล้วขดี ✓ ลงในช่อง
ทตี่ รงกบั ระดับคะแนน
สมรรถนะทป่ี ระเมนิ ระดับคะแนน
๓๒๑
๑. ความสามารถในการสอ่ื สาร
๑.๑ มคี วามสามารถในการรับ – สง่ สาร
๑.๒ มีความสามารถในการถ่ายทอดความรู้ โดยใชภ้ าษาอยา่ งเหมาะสม
๑.๓ ใชว้ ิธีการส่อื สารท่ีเหมาะสม
๒. ความสามารถในการคดิ
๒.๑มีความสามารถในการคดิ วิเคราะห์ เพ่อื การสรา้ งองค์ความรู้
๒.๒ มีความสามารถในการคดิ เป็นระบบ เพ่ือการสรา้ งองค์ความรู้
๓. ความสามารถในการแก้ปญั หา
๓.๑ แกป้ ญั หาโดยใช้เหตุผล
๓.๒ แสวงหาความรู้มาใชใ้ นการแกป้ ญั หา
๓.๓ ตดั สินใจโดยคำนึงถงึ ผลกระทบต่อตนเองและผอู้ นื่
๔. ความสามารถในการใช้ทกั ษะชวี ติ
๔.๑ ทำงานและอยู่ร่วมกบั ผอู้ ่นื ด้วยความสมั พันธอ์ ันดี
๔.๒ มีวธิ แี กไ้ ขความขัดแย้งอย่างเหมาะสม
๕. ความสามารถในการใชเ้ ทคโนโลยี
๕.๑ เลือกใช้ขอ้ มูลในการพฒั นาตนเองอย่างเหมาะสม
๕.๒ เลอื กใช้ข้อมลู ในการทำงานและอยูร่ ว่ มกับผู้อื่นอยา่ งเหมาะสม
รวม
ลงช่ือ.................................................. ผู้ประเมิน
.............../................./................
เกณฑ์การให้คะแนน - พฤตกิ รรมที่ปฏิบัติชัดเจนและสมำ่ เสมอ ให้ ๓ คะแนน
- พฤตกิ รรมท่ปี ฏิบัติชัดเจนและบ่อยครั้ง ให้ ๒ คะแนน
- พฤตกิ รรมท่ีปฏิบตั ิบางคร้ัง ให้ ๑ คะแนน
๒๖๙
แบบประเมนิ พฤติกรรมการทำงานกลุ่ม
ชอื่ กลุ่ม..............................................................................................................................................
สมาชิกในกลุ่ม 1. .................................................................................................................
2. .................................................................................................................
3. .................................................................................................................
4. .................................................................................................................
5. .................................................................................................................
คำชี้แจง : ให้ผู้สอนสังเกตพฤติกรรมของนักเรียนในระหว่างเรียนและนอกเวลาเรียน แล้วขีด ลงใน
ชอ่ งท่ีตรงกับความเป็นจริง
รายการประเมนิ ระดับคะแนน
๓๒๑
๑. มสี ว่ นร่วมในการแสดงความคดิ เหน็
๒. ความรบั ผิดชอบในงานทไี่ ดร้ ับมอบหมาย
๓. กระตอื รอื ร้นในการทำงาน
๔. มีขั้นตอนในการทำงานอย่างเปน็ ระบบ
๕. ใช้เวลาในการทำงานอยา่ งเหมาะสม
รวม
เกณฑ์การใหค้ ะแนน ลงช่ือ...................................................ผูป้ ระเมนิ
ปฏิบตั ิหรือแสดงพฤตกิ รรมอยา่ งสม่ำเสมอ ............../.................../...............
ปฏิบัตหิ รือแสดงพฤตกิ รรมบอ่ ยครั้ง
ปฏบิ ตั ิหรือแสดงพฤติกรรมบางครัง้ ให้ ๓ คะแนน
ให้ ๒ คะแนน
ให้ ๑ คะแนน
๒๗๐
แบบประเมินคณุ ลกั ษณะอนั พึงประสงค์
ช่อื ..............................................................................................................................................
คำชแ้ี จง :ให้สงั เกตพฤติกรรมของนักเรยี นในระหว่างเรียนและนอกเวลาเรยี น แล้วขีด ✓ ลงในช่อง
ที่ตรงกับระดบั คะแนน
พฤติกรรมที่คาดหวัง ระดบั คะแนน
๓๓๑
๑. รักชาติ ศาสน์ กษัตรยิ ์
๒. ซื่อสตั ยส์ จุ ริต
๓. มวี นิ ยั
๔. ใฝ่เรียนรู้
๕. อย่อู ย่างพอเพยี ง
๖. มุ่งมน่ั ในการทำงาน
๗. รักความเปน็ ไทย
๘. มีจติ สาธารณะ
รวม
ลงชอ่ื .................................................. ผู้ประเมิน
.............../................./................
เกณฑก์ ารใหค้ ะแนน ให้ ๓ คะแนน
- พฤตกิ รรมท่ีปฏบิ ตั ิชัดเจนและสม่ำเสมอ ให้ ๒ คะแนน
- พฤติกรรมที่ปฏบิ ตั ิชดั เจนและบ่อยครัง้ ให้ ๑ คะแนน
- พฤตกิ รรมทป่ี ฏิบัติบางครั้ง
๒๗๑
แบบบนั ทกึ ผลหลังการจัดกจิ กรรมการเรยี นรู้
กลมุ่ สาระการเรยี นรู้สังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม วิชาสังคมศึกษา ศาสนา และวฒั นธรรม
ชัน้ มธั ยมศึกษาศกึ ษาปีที่ ๓ ภาคเรยี นที่ ๒ ปกี ารศึกษา ๒๕๖๐
แผนการจัดการเรียนรู้ท่ี ๒ เรือ่ ง พรหมวิหาร ๔ เวลาเรยี น ๒ ชัว่ โมง
ผสู้ อน ผู้ช่วยศาสตราจารย์อนุสรณ์ นางทะราช โรงเรียนซำสูงพทิ ยาคม
สอนวนั ที่............................................ เวลา..............................................
๑. ระดบั ช้ันมัธยมศึกษาปที ี่ ๓ จำนวน...................คน ลา...................คน มา...................คน
๒. ผลการสอน
๒.๑ ความเหมาะสมของระยะเวลา ดีมาก ดี พอใช้ ปรบั ปรุง
๒.๒ ความเหมาะสมของเนอ้ื หา ดมี าก ดี พอใช้ ปรบั ปรงุ
๒.๓ ความเหมาสมของกจิ กรรมการเรียนรู้ ดมี าก ดี พอใช้ ปรับปรงุ
๒.๔ ความเหมาะสมของสื่อการเรียนรู้ ดมี าก ดี พอใช้ ปรบั ปรงุ
๒.๕ การมีส่วนร่วมของนักเรียน ดมี าก ดี พอใช้ ปรบั ปรงุ
๓. การสะท้อนผลหลังการจัดการเรียนรู้
๓.๑ ดา้ นครูผู้สอน
.....................................................................................................................................................
๓.๒ ด้านผู้เรยี น
.....................................................................................................................................................
๓.๓ ด้านการจดั กิจกรรมการเรียนรู้
.....................................................................................................................................................
๓.๔ ดา้ นผลการจัดการเรียนรู้
.....................................................................................................................................................
๓.๕ ด้านพฤติกรรมของนกั เรยี นทจ่ี ะตอ้ งได้รับการช่วยเหลอื เพิ่มเติม
.....................................................................................................................................................
๓.๖ ดา้ นปญั หาและอปุ สรรค
.....................................................................................................................................................
๓.๗ ขอ้ เสนอแนะ/แนวทางแกไ้ ข
.....................................................................................................................................................
ลงชื่อ.........................................................
(ผ้ชู ว่ ยศาสตราจารยอ์ นุสรณ์ นางทะราช)
ครูผู้สอน
๒๗๒
ใบงานที่ ๑
คําสงั่ ให้นักเรียนแต่ละกลุม่ เลือกบุคคลตวั อย่างจากการท่ีสมาชกิ ในกลุม่ นําเสนอ และช่วยกันสรปุ ตาม
หวั ข้อต่อไปน้ี
๑. บคุ คลนัน้ คอื ใคร
...................................................................................................................................................................
...................................................................................................................................................................
๒. มกี ารกระทําที่แสดงวา่ มีหลักธรรมพรหมวหิ าร ๔ ครบถว้ นอย่างไร
๑) เมตตา ตัวอย่างการกระทาํ
...................................................................................................................................................................
...................................................................................................................................................................
๒) กรุณา ตวั อย่างการกระทํา
...................................................................................................................................................................
...................................................................................................................................................................
๓) มุทิตา ตัวอยา่ งการกระทํา
...................................................................................................................................................................
...................................................................................................................................................................
๔) อุเบกขา ตวั อยา่ งการกระทํา
...................................................................................................................................................................
...................................................................................................................................................................
๓. การกระทําของเขามผี ลดตี อ่ บุคคลหรือสงั คมอยา่ งไรบา้ ง บอกเหตผุ ล
...................................................................................................................................................................
...................................................................................................................................................................
๔. การกระทําของเขาแสดงถงึ คุณค่าแทห้ รอื คุณค่าเทยี ม บอกเหตุผล
...................................................................................................................................................................
...................................................................................................................................................................
๕. นักเรยี นสามารถปฏบิ ตั ิตนตามเขาไดอ้ ยา่ งไร
...................................................................................................................................................................
...................................................................................................................................................................
๒๗๓
แบบสำรวจตนเอง
ชื่อ.....................................................................................ชัน้ ..........................เลขที่....................
คำสง่ั ใหน้ กั เรยี นแตล่ ะคนสำรวจตนเองเรื่องการกระทำตามหลักพรหมวหิ าร ๔ จริง
ชอ่ื หลักธรรม ตวั อยา่ งการกระทำ ผลของการการะทำ
................................................... ...................................................
เมตตา
.................................................. ..................................................
กรณุ า ................................................... ..................................................
…………………………………………….. ………………………………………….
................................................... ...................................................
มทุ ติ า
.................................................. ..................................................
อุเบกขา ................................................... ...................................................
.................................................. ..................................................
สรุป ผลการกระทำของนักเรียนครบถว้ นตามหลกั พรหมวิหาร ๔ หรือขาดในหลกั ธรรมข้อใด
...................................................................................................................................................................
...................................................................................................................................................................
นกั เรียนคิดวา่ ควรมีการปรับปรงุ หรอื พฒั นาอย่างไร
...................................................................................................................................................................
...................................................................................................................................................................
๒๗๔
แบบรายงานผลการปฏบิ ัติตนตามหลักพรหมวิหาร ๔
ชือ่ .............................................................................................ชั้น..................เลขที่.....................
ท่ี วนั /เดือน/ปี การการะทำ ชอ่ื ข้อหลกั ธรรมท่ี ผลจากการ
สอดคล้องกับการกระทำ กระทำ
สรุป ๑. นักเรยี นได้ปฏิบัตติ นตามพรหมวหิ าร ๔ ครบถว้ นแล้วหรือไม่ เหตุผล
...................................................................................................................................................................
.............................................................................................................................................................
๒. ผลของการปฏิบัตเิ ป็นประโยชน์ตอ่ ตนเอง สังคม อยา่ งไร
...................................................................................................................................................................
.............................................................................................................................................................
๒๗๕
แบบทดสอบกอ่ นเรียน
เรื่อง พรหมวหิ าร ๔
๑. เมตตาพรหมวิหาร ควรเจริญเม่ือใด ๖. คณุ ธรรมทที่ ำให้ประสบความสำเรจ็ หมายถงึ
ก. ในยามปกติ
ข. เห็นเขาประสบทกุ ข์ ขอ้ ใด
ค. เหน็ เขาได้ดีมสี ุข
ง. เหน็ เขารับผลกรรม ก. พรหมวหิ าร ๔
๒. เหน็ คนทำความผดิ อยากชว่ ย แต่ชว่ ยไม่ได้ ข. สงั คหวัตถุ ๔
ควรใชธ้ รรมขอ้ ใด
ก. เมตตา ค. ธรรมของฆราวาส ๔
ข. กรณุ า
ค. มุทติ า ง. อิทธิบาท ๔
ง. อเุ บกขา
๓. การแสดงความยินดเี มื่อผู้อืน่ ได้ดตี รงกบั ข้อใด ๗. สภาพคุณงามความดีในจติ ใจ เปน็ ความหมาย
ก. เมตตา
ข. กรณุ า ของข้อใด
ค. มุทิตา
ง. อุเบกขา ก. คุณธรรม
๔. ในการพจิ ารณาคดคี วาม ควรยึดธรรมข้อใด ข. จรยิ ธรรม
เปน็ หลัก
ก. เมตตา ค. วฒั นธรรม
ข. กรณุ า
ค. มุทิตา ง. ศีลธรรม
ง. อุเบกขา
๘. หลกั ธรรมทีท่ ำใหเ้ กิดความสำเร็จในการทำงาน
๕. เมตตา มคี วามหมายตรงกับข้อใด
ก. พลอยยนิ ดี คอื
ข. คิดช่วยให้พน้ ทกุ ข์
ค. ไม่ยินดยี ินรา้ ย ก. พรหมวิหาร ๔
ง. ปรารถนาใหเ้ ป็นสขุ
ข. อิทธิบาท ๔
ค. สงั คหวัตถุ ๔
ง. ฆราวาสธรรม ๔
๙. ครูปราณี จูงแขนคนแก่ข้ามถนนแสดงว่ามี
คณุ ธรรมตามข้อใด
ก. เมตตา
ข. กรุณา
ค. มุทิตา
ง. อุเบกขา
๑๐. ครสู ชุ าดา จงู แขนคนแก่ขา้ มถนน แสดงว่ามี
คุณธรรม ข้อใด
ก. เมตตา
ข. กรุณา
ค. มทุ ติ า ง. อุเบกขา
๒๗๖
เฉลยแบบทดสอบก่อนเรียน
เรอ่ื ง พรหมวิหาร ๔
๑. ก ๖. ง
๒. ง ๗. ก
๓. ค ๘. ข
๔. ง ๙. ข
๕. ง ๑๐. ก
แบบทดสอบหลงั เรียน
เร่ือง พรหมวิหาร ๔
๑. ครสู ุชาดา จงู แขนคนแกข่ า้ มถนน แสดงว่ามี ๕. หลกั ธรรมท่ีทำใหเ้ กิดความสำเรจ็ ในการทำงาน
คุณธรรม ข้อใด คือ
ก. เมตตา ก. พรหมวหิ าร ๔
ข. กรณุ า ข. อิทธบิ าท ๔
ค. มทุ ิตา ค. สังคหวตั ถุ ๔
ง. อุเบกขา ง. ฆราวาสธรรม ๔
๒. เมตตา มีความหมายตรงกับขอ้ ใด ๖. การแสดงความยนิ ดีเมื่อผูอ้ ื่นไดด้ ตี รงกับขอ้ ใด
ก. พลอยยินดี ก. เมตตา
ข. คดิ ช่วยใหพ้ ้นทุกข์ ข. กรณุ า
ค. ไม่ยนิ ดียินรา้ ย ค. มุทิตา
ง. ปรารถนาใหเ้ ป็นสุข ง. อุเบกขา
๓. ในการพิจารณาคดคี วาม ควรยึดธรรมขอ้ ใด ๗. เห็นคนทำความผดิ อยากชว่ ย แต่ช่วยไมไ่ ด้
เป็นหลัก ควรใชธ้ รรมขอ้ ใด
ก. เมตตา ก. เมตตา
ข. กรุณา ข. กรุณา
ค. มทุ ิตา ค. มุทติ า
ง. อุเบกขา ง. อเุ บกขา
๔. ครูปราณี จูงแขนคนแก่ข้ามถนนแสดงว่ามี ๘. สภาพคุณงามความดีในจติ ใจ เปน็ ความหมาย
คุณธรรมตามขอ้ ใด ของขอ้ ใด
ก. เมตตา ก. คณุ ธรรม
ข. กรณุ า ข. จริยธรรม
๒๗๗
ค. มุทติ า ค. วัฒนธรรม
ง. อุเบกขา ง. ศีลธรรม
๙. คุณธรรมที่ทำให้ประสบความสำเร็จ หมายถงึ ๑๐. เมตตาพรหมวหิ าร ควรเจริญเม่อื ใด
ข้อใด ก. ในยามปกติ
ก. พรหมวิหาร ๔ ข. เห็นเขาประสบทกุ ข์
ข. สงั คหวตั ถุ ๔ ค. เห็นเขาได้ดมี สี ุข
ค. ธรรมของฆราวาส ๔ ง. เห็นเขารบั ผลกรรม
ง. อทิ ธิบาท ๔
เฉลยแบบทดสอบหลงั เรยี น
เร่ือง พรหมวิหาร ๔
๑. ก ๖. ค
๒. ง ๗. ง
๓. ง ๘. ก
๔. ข ๙. ง
๕. ข ๑๐. ก
๒๗๘
แผนการจัดการเรยี นรู้
กลมุ่ สาระการเรียนรู้สังคมศกึ ษา ศาสนา และวัฒนธรรม วิชาสังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม
ชนั้ มัธยมศกึ ษาศึกษาปีท่ี ๓ ภาคเรยี นที่ ๒ ปกี ารศกึ ษา ๒๕๖๐
แผนการจัดการเรยี นรู้ที่ ๔ เรอื่ งอิทธิบาท ๔ เวลาเรียน ๒ ชว่ั โมง
ผู้สอน ผชู้ ่วยศาสตราจารย์อนุสรณ์ นางทะราช โรงเรยี นซำสงู พทิ ยาคม
สอนวันท่.ี ........................................... เวลา..............................................
*******************************************************************************************
มาตรฐานการเรียนรู/้ ตวั ช้ีวดั
สาระที่ ๑ ศาสนา ศีลธรรม จริยธรรม
มาตรฐานการเรียนรู้
มาตรฐาน ส ๑.๑ รแู้ ละเขา้ ใจประวัติ ความสาํ คัญ ศาสดา หลกั ธรรมของพระพุทธศาสนาหรือ
ศาสนาทีต่ นนับถอื และศาสนาอื่น มีศรทั ธาท่ถี กู ต้อง ยดึ มั่นและปฏบิ ัติตามหลักธรรมเพอ่ื อยรู่ ว่ มกันอย่าง
สนั ติสขุ มาตรฐาน
ตัวชีว้ ดั
ส ๑.๑ ม.๓/๖ อธิบายสังฆคุณ และข้อธรรมสำคัญในกรอบอริยสัจ ๔ หรือหลักธรรมของ
ศาสนาท่ตี นนับถอื ตามทกี่ ำหนด
๒. สาระสำคัญ
การปฏบิ ัติตนตามหลักอิทธิบาท ๔ น้ันจะทําใหป้ ระสบความสาํ เรจ็ ในการทํากิจการ ต่างๆ ผูท้ ่ี
ศึกษาและทําความเข้าใจในหลักธรรมอิทธิบาท ๔ อย่างแจ่มแจ้งแล้วนําไปปฏิบัติจริง อย่างมีขั้นตอน
ยอ่ มจะทําให้บคุ คลนั้นประสบผลสําเร็จตามจดุ หมายทก่ี ําหนดไว้
๒. จุดประสงค์การเรียนรูส้ ตู่ ัวชว้ี ัด
K (พุทธิพิสัย) P (ทักษะ/กระบวนการ) A (จิตพสิ ัย)
๑. รกั ชาติ ศาสน์ กษตั รยิ ์
๑. บอกความหมายของอิทธบิ าท ๑. ทกั ษะในการสอื่ สาร ๒. ซื่อสตั ยส์ ุจรติ
๓. มวี ินยั
๔ ได้ ๒. ทักษะการคดิ ๔. ใฝเ่ รียนรู้
๕. อยู่อย่างพอพยี ง
๒. วิเคราะหผ์ ลทีไ่ ดจ้ ากการปฏิบัติ ๓. ทักษะการแกป้ ัญหา ๖. มงุ่ มัน่ ในการทำงาน
๗. รกั ความเปน็ ไทย
ตามหลกั อิทธบิ าท ๔ ได้ ๔. ทกั ษะการใชช้ ีวิต ๘. มจี ิตสาธารณะ
๓. บอกผลการปฏบิ ตั ติ นตามหลกั ๕. ทกั ษะการใชเ้ ทคโนโลยี
อิทธิบาท ๔ ได้
๒๗๙
๓. สาระการเรียนรู้
พทุ ธพิ สิ ยั (K)
๑. ความหมายของอทิ ธบิ าท ๔
๒. ผลทีไ่ ด้จากการปฏิบัตติ ามหลักอิทธิบาท ๔
๓. ผลการปฏบิ ัตติ นตามหลกั อทิ ธิบาท ๔
ทกั ษะ/กระบวนการ (P)
๑. ทกั ษะในการสื่อสาร
๒. ทกั ษะการคดิ
๓. ทกั ษะการแก้ปัญหา
๔. ทักษะการใช้ชวี ิต
๕. ทกั ษะการใช้เทคโนโลยี
จิตพสิ ัย (A)
๑. รักชาติ ศาสน์ กษัตรยิ ์
๒. ซอ่ื สตั ยส์ จุ รติ
๓. มีวนิ ยั
๔. ใฝเ่ รียนรู้
๕. อยู่อยา่ งพอพียง
๖. มุ่งมน่ั ในการทำงาน
๗. รกั ความเป็นไทย
๘. มีจิตสาธารณะ
๔. การจดั กิจกรรมการเรียนรู้ เรอื่ ง อิทธิบาท ๔ (๒ ชั่วโมง)
๑. ขน้ั นำ
๑.๑ ครูสร้างบรรยากาศและส่ิงแวดล้อมในการเรียนรู้ เพ่ือให้นักเรียนเกิดความเล่ือมใส
ศรทั ธาในพระรัตนตรัย โดยใหน้ ักเรียนสวดมนตไ์ หว้พระ และนง่ั สมาธิกอ่ นการเรียนประมาณ ๕ นาที
๑.๒ ครแู จง้ จดุ ประสงค์การเรยี นรูใ้ หน้ กั เรียนทราบ
๒. ขนั้ สอน
๒.๑ ขน้ั กาํ หนดปญั หา (ข้นั ทุกข์)
๑) ให้นักเรียนอ่านใบความรเู้ ร่ือง อิทธิบาท ๔ และชว่ ยกนั สรุปความหมาย
๒) แบ่งนักเรียนออกเปน็ กลุ่ม ๆ ละ ๕-๗ คน ให้ผลัดกันเล่าเร่ืองบุคคลที่ นักเรียนรู้จัก ซึ่ง
เป็นผูท้ ่ีได้ช่ือว่าประสบความสําเรจ็ ในด้านต่างๆ ในหัวขอ้ ตอ่ ไปนี้
๑. บคุ คลนน้ั คอื ใคร