36
36 35
ที่ ศย 004/ว 667 (สาเนา) สานกั งานศาลยตุ ธิ รรม
ถนนรัชดาภเิ ษก เขตจตจุ กั ร
กทม. 10900
10 กรกฎาคม 2562
เรื่อง ระเบียบคณะกรรมการข้าราชการศาลยุติธรรม ว่าด้วยเครื่องแบบพิเศษสาหรับเจ้าพนักงาน
ตารวจศาล พ.ศ. 2562
เรียน หัวหน้าหนว่ ยงานในสงั กัดสานักงานศาลยตุ ธิ รรม
สง่ิ ที่สง่ มาด้วย ระเบียบคณะกรมการข้าราชการศาลยุติธรรม ว่าด้วยเคร่ืองแบบพิเศษสาหรับ
เจ้าพนกั งานตารวจศาล พ.ศ. 2562
(สามารถดาวน์โหลดเอกสารได้ท่ี https://ojoc.coj.go.th)
ตามท่ีคณะกรรมการข้าราชการศาลยุติธรรม ในการประชุมครั้งที่ 5/2562 เม่ือวันท่ี
16 พฤษภาคม 2562 และคณะกรรมการบริหารศาลยุติธรรม ในการประชุมครง้ั ที่ 6/2562 เม่ือวันที่
10 มิถุนายน 2562 ได้มีมติเห็นชอบร่างระเบียบคณะกรรมการข้าราชการศาลยุติธรรม ว่าด้วย
เครอื่ งแบบพิเศษสาหรับเจ้าพนักงานตารวจศาล พ.ศ. .... และประธานกรรมการข้าราชการศาลยุติธรรม
ไดล้ งนามในระเบียบดงั กลา่ วเรียบร้อยแล้วนัน้
บัดน้ี ระเบียบคณะกรรมการข้าราชการศาลยุติธรรม ว่าด้วยเคร่ืองแบบพิเศษสาหรับ
เจ้าพนักงานตารวจศาล พ.ศ. 2562 ได้ประกาศในราชกิจจานุเบกษา เล่ม 136 ตอนท่ี 81 ก เมอื่ วนั ท่ี
5 กรกฎาคม 2562 เรียบรอ้ ยแล้ว รายละเอียดปรากฏตามส่งิ ท่ีส่งมาด้วย
จึงเรียนมาเพ่ือโปรดทราบ และได้โปรดแจ้งให้ข้าราชการศาลยุติธรรม ลูกจ้าง
และพนกั งานราชการศาลยุตธิ รรม ในหนว่ ยงานของทา่ นทราบต่อไป
ขอแสดงความนบั ถอื
(ลงช่อื ) สราวธุ เบญจกุล
(นายสราวธุ เบญจกุล)
เลขาธิการสานักงานศาลยุตธิ รรม
37 36 การประ ุชมและกก ุลามร ่ีทบ ิร๑หารงาน ุบคคล
37
ระเบยี บคณะกรรมการข้าราชการศาลยุตธิ รรม
ว่าดว้ ยเคร่อื งแบบพิเศษสาหรบั เจา้ พนกั งานตารวจศาล
พ.ศ. 2562
โดยที่เป็นการสมควรให้มีระเบียบคณะกรรมการข้าราชการศาลยุติธรรมว่าด้วย
เคร่ืองแบบพเิ ศษสาหรับเจา้ พนักงานตารวจศาล
อาศัยอานาจตามความในมาตรา 21 (3) แห่งพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการ
ศาลยุติธรรม พ.ศ.2543 คณะกรรมการข้าราชการศาลยุติธรรม (ก.ศ.) โดยได้รับความเห็นชอบ จาก
คณะกรรมการบรหิ ารศาลยตุ ิธรรม (ก.บ.ศ.) ออกระเบยี บไว้ ดงั ตอ่ ไปนี้
ข้อ 1 ระเบียบนี้เรียกว่า “ระเบียบคณะกรรมการข้าราชการศาลยุติธรรม ว่าด้วย
เครื่องแบบพิเศษสาหรับเจา้ พนกั งานตารวจศาล พ.ศ. 2562”
ขอ้ 2 ระเบยี บนใ้ี หใ้ ชบ้ ังคบั ต้งั แตว่ นั ที่ 16 กรกฎาคม พ.ศ. 2562 เปน็ ตน้ ไป
ข้อ 3 ให้ ก.ศ. มอี านาจตคี วามและวินิจฉัยปัญหาเกยี่ วกบั การปฏิบตั ิตามระเบียบนี้
ข้อ 4 ใหเ้ ลขาธิการสานักงานศาลยุตธิ รรม รักษาการตามระเบยี บนี้
หมวด 1
เครือ่ งแบบพเิ ศษเจา้ พนกั งานตารวจศาลชาย
ส่วนที่ 1
ชนดิ ของเครื่องแบบ
ขอ้ 5 เคร่ืองแบบพิเศษเจา้ พนกั งานตารวจศาลชาย มี 3 ชนิด คือ
(1) เคร่อื งแบบปฏิบตั งิ านปกติ ประกอบด้วย
(ก) หมวกทรงหม้อตาลสีน้าเงินแกมดา หรือหมวกแก๊ปทรงอ่อนมีกะบังสีน้าเงิน
แกมดา หรอื หมวกทรงไม่มกี ะบัง (หมวกเบเรต่ ์) สนี ้าเงินแกมดา หรอื หมวกหนบี สนี ้าเงินแกมดา
(ข) เสอ้ื คอพับแขนยาวหรอื แขนสน้ั สนี า้ เงินแกมดา
(ค) กางเกงขายาวสนี า้ เงนิ แกมดา
(ง) เขม็ ขัดด้ายถักสนี ้าเงินแกมดา
(จ) รองเทา้ ห้มุ สน้ หรอื หุ้มขอ้ หนังสดี า
(2) เคร่ืองแบบปฏิบัตงิ านปกตเิ ส้อื นอกคอแบะ ประกอบด้วย
387
(ก) หมวกทรงหมอ ตาลสนี า้ํ เงนิ แกมดํา
(ข) เส้ือนอกคอแบะแขนยาวสนี ้ําเงินแกมดํา
(ค) กางเกงขายาวสนี ้ําเงนิ แกมดํา
(ง) เขม็ ขดั ดายถกั สีนํา้ เงินแกมดํา
(จ) รองเทาหุม สนหรอื หมุ ขอ หนงั สดี าํ
(3) เคร่ืองแบบปฏิบัติงานสนาม ประกอบดวย
(ก) หมวกแกปทรงออนมีกะบังสีนํ้าเงินแกมดํา หรือหมวกทรงออนไมมีกะบัง
(หมวกเบเรต ) สีนาํ้ เงนิ แกมดาํ
(ข) เสอ้ื คอแบะสนี ํา้ เงนิ แกมดํา หรือเส้ือคอแบะปลอ ยเอวสนี ้ําเงินแกมดํา
(ค) กางเกงขายาวกระเปายามสีน้ําเงินแกมดาํ
(ง) เข็มขดั ดา ยถักสีนํ้าเงินแกมดํา
(จ) รองเทาหุมขอหนังหรือหนังกึ่งผาใบสีดํา หรือรองเทาสูงครึ่งนองหนังหรือ
หนังกง่ึ ผา ใบสดี าํ
สว นท่ี 2
สวนของเครอ่ื งแบบ
ขอ 6 หมวก มี 4 แบบ คือ
(1) หมวกทรงหมอตาลสีนํ้าเงินแกมดํา ทําดวยผาชนิดเดียวกับเส้ือ กะบังทําดวยหนัง
หรือวัสดุเทยี มหนังสีดํา สายรัดคางทําดวยหนังหรือวัสดุเทียมหนังสีดํา กวาง 1.2 เซนติเมตร ปลายสาย
มดี ุมโลหะสีเงินตราครุฑพาหขนาดเลก็ ติดอยูที่ริมขอบหมวก ขางละ 1 ดุม ผาพันหมวกทําดวยสักหลาด
สีน้ําเงินแกมดํา กวาง 4 เซนติเมตร กึ่งกลางของผาพันหมวกคาดดวยแถบด้ินเงินขนาดกวาง
0.5 เซนติเมตร 2 แถบ เวนระยะระหวางแถบ 1 เซนติเมตร พันหมวกขนานกันไปตามความยาวของผา
พันหมวกโดยรอบ หนาหมวกติดรูปตราสัญลักษณสํานักงานศาลยุติธรรมทําดวยโลหะสีเงิน ขนาดกวาง
7 เซนติเมตร สูง 8 เซนตเิ มตร มีเคร่อื งหมายแสดงตําแหนง เจาพนักงานตํารวจศาลบนกะบังหนาหมวก
ดังนี้
(ก) ตําแหนงประเภทอํานวยการ ระดับตนและระดับสูง ตําแหนงประเภทวิชาการ
ระดับชํานาญการพิเศษ ข้ึนไป ประดับชอชัยพฤกษปกดวยดิ้นเงินหรือวัตถุเทียมด้ินเงินที่ขอบโคงของ
กะบังทั้งดา นซา ยและดานขวา ดานละ 1 ชอ โดยปกหรือทํามาบรรจบกนั ท่ีตรงกลางของกระบัง
(ข) ตําแหนงประเภทวชิ าการ ระดับปฏิบัติการและระดับชํานาญการ และตําแหนง
ประเภทท่ัวไป ระดับปฏิบัติงาน ระดับชํานาญงานและระดับอาวุโส กะบังหนาหมวกไมประดับ
ชอ ชัยพฤกษ
(2) หมวกแกปทรงออนมีกะบังสีนํ้าเงินแกมดํา ทําดวยผาเสิรจ ดานหนามีกะบัง
สเี ดียวกับหมวกบุรองในเสริมใหแข็งมนรอบจากแนวขอบหมวก ดานหลังทาํ ดวยไนลอนทอแบบสานเปน
รูเล็ก ๆ มีคิ้วขอบรัด ทําดวยพลาสติก ขนาดกวาง 1.5 เซนติเมตร สําหรับเล่อื นขยายได สวนกวางที่สุด
วัดจากก่ึงกลางหนาหมวก 8 เซนติเมตร เย็บติดดวยดายสีเดียวกัน เปนวงตามแนวโคง 6 วง หางกัน
พองาม ตราหนาหมวกเปนรูปตราสัญลักษณสํานักงานศาลยุติธรรมปกดวยไหมหรือดายสีเทาออน
39 การประ ุชมและกก ุลามร ่ีทบ ิร๑หารงาน ุบคคล
39 38
บนผ้าเสิร์จสีน้าเงินแกมดา ขนาดกว้าง 3 เซนติเมตร สูง 4 เซนติเมตร และปักอักษร “เจ้าพนักงาน
ตารวจศาล” สูงไม่เกิน 0.7 เซนติเมตร ด้วยไหมหรือด้ายสีเทาอ่อน โค้งรับรูปตราสัญลักษณ์สานักงาน
ศาลยุติธรรม ที่ขอบโค้งของกะบังทั้งด้านซ้ายและด้านขวาปักด้วยดิ้นเงินหรือวัตถุเทียมดิ้นเงินเป็นรูป
ชอ่ ชยั พฤกษ์ มเี ครือ่ งหมายแสดงตาแหน่งลกั ษณะเชน่ เดยี วกับ (1)
(3) หมวกทรงอ่อนไม่มีกะบัง (หมวกเบเร่ต์) สีน้าเงินแกมดา ทาด้วยสักหลาด
ตราหน้าหมวกเป็นรูปสัญลักษณ์สานักงานศาลยุติธรรม ทาด้วยโลหะสีเงิน ขนาดกว้าง 5.5 เซนติเมตร
สูง 6 เซนติเมตร และมีพ้ืนสีดารองรับปักขอบพ้ืนด้วยไหมหรือด้ายสีเทาอ่อน ให้ติดตราหน้าหมวก
ด้านซา้ ยหา่ งจากกงึ่ กลางดา้ นหนา้ หมวก 4 เซนติเมตร
(4) หมวกหนีบสีน้าเงินแกมดา สีสายโดยรอบป้ายเฉียงจากทางด้านหน้าลงไปทางซ้าย
หน้าหมวกติดรูปตราสัญลักษณ์สานักงานศาลยุติธรรม ทาด้วยโลหะสีเงินขนาดกว้าง 3 เซนติเมตร
สูง 4 เซนติเมตร ติดท่ีด้านซ้ายเหนือขอบหมวกห่างจากมุมพับด้านหน้าหมวก 4 เซนติเมตร
มเี ครือ่ งหมายแสดงตาแหนง่ เจ้าพนกั งานตารวจศาลที่ขอบหมวกดา้ นบน ดังน้ี
(ก) ตาแหน่งประเภทอานวยการ ระดับตน้ และระดับสงู ตาแหน่งประเภทวิชาการ
ระดับชานาญการพิเศษ ข้ึนไป ขอบหมวกด้านบนสีสายโดยรอบขลิบด้วยไหมสีเทาอ่อน 1 แถบ
กว้างเสน้ ละ 0.5 เซนตเิ มตร ให้อยขู่ ้างบนโดยรอบ
(ข) ตาแหนง่ ประเภทวชิ าการ ระดบั ปฏิบตั กิ ารและระดบั ชานาญการ และตาแหนง่
ประเภททั่วไป ระดับปฏิบัติงาน ระดับชานาญงานและระดับอาวุโส ขอบหมวกด้านบนมีสายโดยรอบ
ขลบิ ด้วยไหมสีเทาดา 1 แถบ กวา้ งเสน้ ละ 0.5 เซนติเมตร ให้อย่ขู า้ งบนโดยรอบ
การสวมหมวกใหส้ วมในโอกาสสมควร
ข้อ 7 เสอ้ื มี 4 แบบ คือ
(1) เสื้อคอพับสีน้าเงินแกมดา แขนยาวรัดข้อมือ มีดุมสีน้าเงินแกมดาท่ีข้อมือข้างละ
1 ดุม หรือแขนส้ันเหนือศอกเล็กน้อย ท่ีอกเสื้อท้ังสองข้างมีกระเป๋าปะข้างละ 1 กระเป๋า กระเป๋าเสื้อมี
แถบอยู่ตรงกลางตามแนวด่ิงกว้าง 3.5 เซนติเมตร มุมกระเป๋าเป็นรูปตัดพองาม มีใบปกกระเป๋า
รูปสี่เหล่ียมผืนผ้าที่ปากกระเป๋าทั้งสองข้างติดดุม ข้างละ 1 ดุม สาหรับขัดใบปกกระเป๋า ตัวเส้ือผ่าอก
ตลอดแนวมีสาบกว้าง 3.5 เซนติเมตร ติดดุมตามแนวอกเส้ือ 6 ดุม ระยะห่างเท่า ๆ กันพอสมควร
ดุมท้ังหมดเป็นรูปกลมแบน ทาด้วยวัตถุสีเดียวกับเสื้อ ที่ปกคอเส้ือด้านหน้าทั้งสองข้างติดเคร่ืองหมาย
ตราสัญลกั ษณ์สานักงานศาลยุตธิ รรมทาด้วยโลหะโปร่งสีเงินไม่มีขอบ สูง 2 เซนตเิ มตร ท่ีไหล่ทั้งสองข้าง
ประดับอินทรธนูแข็งและเคร่ืองหมายตาแหน่งตามความยาวของบ่า และที่แขนเส้ือท้ังสองข้าง
ติดเคร่ืองหมายรูปโล่ทาด้วยผ้าเสิร์จหรือสักหลาดสีน้าเงินแกมดาขนาดกว้าง 8 เซนติเมตร
สูง 9 เซนติเมตรขอบปักด้วยไหมหรือด้ายสีเทาอ่อน ห่างจากตะเข็บไหล่พองาม ภายในรูปโล่ปักรูป
ตราสัญลักษณ์สานักงานศาลยุติธรรมและด้านล่างตราสัญลักษณ์สานักงานศาลยุติธรรมให้ปักอักษร
“เจ้าพนักงานตารวจศาล” ด้วยไหมหรือด้ายสีเทาอ่อน เม่ือสวมเสื้อนี้ให้ขัดดุมทุกดุม ยกเว้นดุมบนสุด
ทอี่ กเส้ือติดกับคอ และใหส้ อดชายเส้ือไวใ้ นกางเกง
(2) เสื้อนอกคอแบะปล่อยเอวสีน้าเงินแกมดา แขนยาวทรงกระบอก ตัวเสื้อผ่าอก
ตลอดแนว ไม่มสี าบ ตดิ ดมุ ตามแนวอกเส้ือ 4 ดมุ ระยะหา่ งเท่า ๆ กนั พอสมควร ดมุ ทั้งหมดทาดว้ ยโลหะ
สีเงินเป็นตราครุฑพ่าห์ดุนนูนขนาดใหญ่ มีกระเป๋าล่างข้างละ 1 กระเป๋า เป็นกระเป๋าเจาะไม่มี
40
40 39
ใบปกกระเป๋าท่ีปกคอเสื้อด้านหน้าทั้งสองข้างติดเครื่องหมายตราสัญลักษณ์สานักงานศาลยุติธรรม
ทาด้วยโลหะโปร่งสีเงินไม่มีขอบ สูง 2 เซนติเมตร ท่ีไหล่เส้ือทั้งสองข้างประดับอินทรธนูแข็งและ
เคร่ืองหมายตาแหน่งตามความยาวของบา่ และให้ใช้เสือ้ เชต้ิ สีขาวแขนยาว ผูกผ้าผูกคอสดี าเงือ่ นกะลาสี
ประกอบด้วย ความยาวของเสื้อให้คลุมสะโพกพองาม เมือ่ สวมเสือ้ นใี้ ห้ปลอ่ ยชายเสอื้ ไว้นอกกางเกง
(3) เสื้อคอแบะสีน้าเงินแกมดา แขนยาวทรงกระบอก มีดุมสีน้าเงินแกมดาท่ีข้อมือ
ข้างละ 1 ดุม ท่ีอกเสื้อท้ังสองข้างมีกระเป๋าปะข้างละ 1 กระเป๋า มุมกระเป๋าเป็นรูปตัดพองาม มีใบปก
กระเป๋ารูปส่ีเหล่ียมผืนผ้าตัดมุมพองาม ตัวเส้ือผ่าอกตลอดแนว ติดดุมตามแนวอกเสื้อ 6 ดุม ระยะห่าง
เท่า ๆ กัน พอสมควร ดุมทั้งหมดเป็นรูปกลมแบน ทาด้วยวัตถุสีเดียวกับเส้ือ ขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง
1.8 เซนติเมตรเดินเส้นตะเขบ็ คู่ ท่ีปกคอเสอื้ ด้านขวาปักเครื่องหมายตาแหน่ง และที่ปกคอเส้ือดา้ นซ้าย
ปักอักษรย่อ “ศย” สูง 2 เซนติเมตร เหนือกระเป๋าด้านขวาเว้นระยะห่างพองามปักช่ือตัวและช่ือสกุล
และเหนือกระเป๋าด้านซ้าย ให้ปักอักษร “เจ้าพนักงานตารวจศาล” สูง 2 เซนติเมตร โดยทั้งหมดให้ปัก
ด้วยไหมหรือด้ายสีเทาอ่อน และที่แขนเสื้อทั้งสองข้างติดเคร่ืองหมายรูปโล่ มีลักษณะเช่นเดียวกับ
เครือ่ งหมายรูปโลต่ าม (1) หา่ งจากตะเขบ็ ไหล่พองาม
(4) เส้ือคอแบะปล่อยเอวสีน้าเงินแกมดามีลักษณะเช่นเดียวกับ (3) แต่มีกระเป๋าล่าง
เพม่ิ อีกขา้ งละ 1 กระเป๋า กระเปา๋ ทงั้ ส่เี ปน็ กระเปา๋ ยา่ ม เมือ่ สวมเสื้อน้ใี หป้ ลอ่ ยชายเสือ้ ไว้นอกกางเกง
ข้อ 8 กางเกง มี 2 แบบ คอื
(1) กางเกงขายาวสีน้าเงินแกมดา ทรงกระบอก ไม่พับปลายขา ปลายขายาวปิดตาตุ่ม
กว้างไม่นอ้ ยกว่า 22 เซนติเมตร และไม่เกิน 26 เซนติเมตร ท่ีขอบเอวมีห่วงสาหรับสอดเข็มขัดทาด้วย
ผ้าสีเดียวกับกางเกง กว้าง 1.5 เซนติเมตร สูง 3.5 เซนติเมตร จานวน 7 ห่วง ท่ีแนวตะเข็บกางเกง
ดา้ นขา้ งมกี ระเปา๋ เจาะขา้ งละ 1 กระเป๋า ด้านหลังมีกระเป๋าเจาะ 2 ขา้ ง ขา้ งละ 1 กระเป๋า และจะมดี ุม
ขัดปากกระเปา๋ ดว้ ยหรอื ไมก่ ็ได้
(2) กางเกงขายาวกระเป๋าย่ามสีน้าเงินแกมดา มีลักษณะเช่นเดียวกับ (1) เว้นแต่
กระเป๋าหลังมีปกกระเป๋ารูปส่ีเหลี่ยมผืนผ้า มีดุมสีน้าเงินแกมดาขัดปากกระเป๋า มีกระเป๋าย่ามด้านข้าง
ขาซ้ายและขาขวาเหนือเข่าข้างละ 1 กระเป๋า มีใบปกกระเป๋ารูปสี่เหล่ียมผืนผ้า มีดุมสีน้าเงินแกมดา
ขดั ปากกระเป๋า
ขอ้ 9 เข็มขดั มี 2 แบบ คือ
(1) เข็มขัดด้ายถักสีน้าเงินแกมดาป ระกอบเคร่ืองแบบปฏิบัติงานปกติกว้าง
3 เซนติเมตร หัวเข็มขัดทาด้วยโลหะสีเงินรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้าทางนอนมุมมน กว้าง 3.5 เซนติเมตร
ยาว 5.5 เซนติเมตร มีรูปตราสัญลักษณ์สานักงานศาลยุติธรรม อยู่กึ่งกลางหัวเข็มขัด ไม่มีเข็มสาหรับ
สอดรู ปลายสายเข็มขัดตัดตรงและหุ้มด้วยโลหะสีเงินกวา้ ง 1 เซนติเมตร
(2) เข็มขัดด้ายถักสีน้าเงินแกมดาประกอบเครื่องแบบปฏิบัติงานสนาม มีลักษณะ
เชน่ เดียวกับ (1) เวน้ แตห่ ัวเข็มขดั และโลหะหุ้มปลายสายเข็มขัดทาดว้ ยโลหะรมดา
ขอ้ 10 รองเทา้ มี 3 แบบ คอื
(1) รองเท้าหุ้มส้นหนังสดี า ชนิดผกู เชือก
41 การประ ุชมและกก ุลามร ่ีทบ ิร๑หารงาน ุบคคล
41 40
(2) รองเทา้ หมุ้ ข้อหนงั หรือหนงั ก่ึงผา้ ใบสีดา
(3) รองเทา้ สูงครึ่งน่องหนงั หรอื หนังกึง่ ผา้ ใบสดี า
รองเท้าทกุ แบบต้องมสี น้ ไม่มีลวดลาย รองเท้าตาม (2) และ (3) จะมีเชือกผูกหรอื ไม่กไ็ ด้
เวลาสวมรองเทา้ ให้สวมถุงเท้าสดี า
หมวด 2
เคร่อื งแบบพเิ ศษเจา้ พนกั งานตารวจหญงิ
สว่ น 1
ชนดิ ของเครอื่ งแบบ
ข้อ 11 เคร่ืองแบบพเิ ศษเจ้าพนักงานตารวจศาลหญงิ มี 3 ชนิด คือ
(1) เครอ่ื งแบบปฏิบตั งิ านปกติ ประกอบด้วย
(ก) หมวกพับปีกสีน้าเงินแกมดา หรือหมวกแก๊ปทรงอ่อนมีกะบังสีน้าเงินแกมดา
หรือหมวกทรงออ่ นไม่มกี ะบัง (หมวกเบเร่ต)์ สีนา้ เงนิ แกมดา หรือหมวกหนีบสีนา้ เงนิ แกมดา
(ข) เสอื้ คอพบั สีน้าเงนิ แกมดา หรือเสอ้ื คอแบะปล่อยเอวสีน้าเงนิ แกมดา
(ค) กางเกงขายาวหรือกระโปรงสีน้าเงนิ แกมดา
(ง) เขม็ ขดั ดา้ ยถกั สีน้าเงนิ แกมดา
(จ) รองเท้าห้มุ สน้ หนงั สดี า
(2) เครอ่ื งแบบปฏบิ ตั งิ านปกติเสื้อนอกคอแบะ ประกอบด้วย
(ก) หมวกทรงพับปกี สีนา้ เงนิ แกมดา
(ข) เสื้อนอกคอแบะแขนยาวสนี า้ เงินแกมดา
(ค) กระโปรงสีนา้ เงนิ แกมดา
(ง) เขม็ ขัดดา้ ยถกั สนี ้าเงนิ แกมดา
(จ) รองเท้าหุ้มส้นหรอื หุ้มขอ้ หนงั สีดา
(3) เคร่อื งแบบปฏบิ ัติงานสนาม มีลกั ษณะเช่นเดยี วกับข้อ 5 (3)
ส่วนที่ 2
สว่ นของเคร่ืองแบบ
ข้อ 12 หมวก มี 4 แบบ คอื
(1) หมวกพับปีก ตัวหมวกสีน้าเงินแกมดา ทาด้วยผ้าเสิร์จหรือผ้าชนิดเดียวกับสีเส้ือ
ปีกหมวกสีน้าเงินแกมดา พับปีกด้านข้างทั้งสองด้าน ผ้าพันหมวกสีน้าเงินแกมดา ขนาดกว้าง
4 เซนติเมตร กงึ่ กลางของผา้ พนั หมวกคาดดว้ ยแถบดนิ้ เงนิ ขนาดกวา้ ง 0.5 เซนติเมตร 2 แถบ เวน้ ระยะ
ระหว่างแถบ 1 เซนติเมตร ที่ผ้าพันหมวกข้างตราหน้าหมวกทั้งสองข้าง ปักด้วยด้ินเงินหรือวัตถุเทียม
ดิ้นเงินเป็นรูปช่อชัยพฤกษ์มีลักษณะเช่นเดียวกับข้อ 6 (1) ตราหน้าหมวกมีลักษณะเช่นเดียวกับ
ข้อ 6 (1) แต่มีขนาดกวา้ ง 4 เซนติเมตร สูง 5 เซนติเมตร
42
42 41
(2) หมวกแกป๊ ทรงอ่อนมีกะบังสนี า้ เงนิ แกมดา มลี ักษณะเช่นเดียวกบั ขอ้ 6 (2)
(3) หมวกทรงอ่อนไม่มีกะบัง (หมวกเบเร่ต์) สีน้าเงินแกมดา มีลักษณะเช่นเดียวกับ
ข้อ 6 (3)
(4) หมวกหนีบสีนา้ เงินแกมดา มลี กั ษณะเช่นเดยี วกบั ขอ้ 6 (4)
เจ้าพนักงานตารวจศาลหญิงมุสลิมหากจะใช้ผ้าคลุมศีรษะ ให้ใช้ผ้าคลุมศีรษะสีน้าเงิน
แกมดาหรือกลมกลืนกับเส้ือ กระโปรงหรือกางเกงของชุดเครื่องแบบพิเศษสาหรับเจ้าพนักงาน
ตารวจศาลโดยให้คลุมศีรษะท้ังหมดยกเว้นใบหน้า ชายผ้าคลุมศีรษะด้านข้างยาวถึงบ่า ด้านหน้ายาวถึง
ระดับอก ขอบผ้าคลุม เย็บเรยี บ ในกรณที ี่มกี ารสวมหมวกใหส้ วมหมวกทบั ผา้ คลมุ ศรี ษะ
การสวมหมวกให้สวมในโอกาสสมควร
ข้อ 13 เส้อื มี 5 แบบ คอื
(1) เส้ือคอพับสีน้าเงินแกมดา มีลักษณะเช่นเดียวกับข้อ 7 (1) เว้นแต่เครื่องหมาย
รปู โล่มขี นาดกว้าง 7 เซนตเิ มตร สูง 8 เซนติเมตร
(2) เสื้อคอแบะปล่อยเอวสีน้าเงินแกมดา แขนยาวทรงกระบอกหรือแขนส้ันเหนือศอก
เล็กน้อย ตัวเส้ือผ่าอกตลอดแนวไม่มีสาบ ติดดุมตามแนวอกเสื้อ 4 ดุม ระยะห่างเท่า ๆ กันพอสมควร
ดุมท้ังหมดทาด้วยโลหะสีเงินเป็นตราครุฑพ่าห์ดุนนูนขนาดใหญ่ มีกระเป๋าล่างข้างละ 1 กระเป๋า
เป็นกระเป๋าเจาะไม่มีใบปกกระเป๋า ที่ปกคอเสื้อด้านหน้าทั้งสองข้างติดเครื่องหมายตราสัญลักษณ์
สานักงานศาลยุติธรรม ทาด้วยโลหะโปร่งสีเงินไม่มีขอบ สูง 2 เซนติเมตร ท่ีไหล่เส้ือทั้งสองข้างประดับ
อินทรธนูแข็งและเคร่ืองหมายตาแหน่งตามความยาวของบ่า และท่ีแขนเส้ือทั้งสองข้างติดเคร่ืองหมาย
รูปโล่ มีลกั ษณะเช่นเดียวกับ (1) ความยาวของเสือ้ ใหค้ ลุมสะโพกพองาม เมื่อสวมเสื้อนีใ้ หป้ ล่อยชายเส้ือ
ไว้นอกกางเกงหรอื กระโปรง
(3) เส้ือนอกคอแบะปล่อยเอวสีน้าเงินแกมดา แขนยาวทรงกระบอก ตัวเส้ือผ่าอก
ตลอดแนวไมม่ สี าบ ติดดุมตามแนวอกเส้อื 3 ดุม ระยะห่างเท่า ๆ กันพอสมควร ดุมทัง้ หมดทาดว้ ยโลหะ
สีเงินเป็นตราครุฑพ่าห์ดุนนูนขนาดใหญ่ มีกระเป๋าล่างข้างละ 1 กระเป๋า เป็นกระเป๋าเจาะ ไม่มีใบปก
กระเปา๋ ทีป่ กคอเสื้อดา้ นหนา้ ทัง้ สองขา้ งตดิ เครอื่ งหมายตราสญั ลักษณส์ านกั งานศาลยตุ ธิ รรมทาดว้ ยโลหะ
โปร่งสีเงนิ ไม่มีขอบ สงู 2 เซนตเิ มตร ที่ไหล่เสอ้ื ทง้ั สองข้างประดบั อนิ ทรธนแู ข็งและเคร่อื งหมายตาแหน่ง
ตามความยาวของบ่า และให้ใช้เสื้อเช้ิตสีขาวแขนยาว ผูกผ้าผูกคอสีดาเง่ือนกะลาสีประกอบด้วย
ความยาวของเส้อื ใหค้ ลมุ สะโพกพองาม เมอื่ สวมเสื้อนใ้ี ห้ปลอ่ ยชายเสอ้ื ไวน้ อกกระโปรง
(4) เสอ้ื คอแบะสีน้าเงินแกมดา มลี กั ษณะเช่นเดยี วกบั ข้อ 7 (3)
(5) เส้ือคอแบะปล่อยเอวสีน้าเงินแกมดาสาหรับเคร่ืองแบบปฏิบัติงานสนามมีลักษณะ
เชน่ เดียวกบั 7 (4)
ขอ้ 14 กางเกงและกระโปรง
(1) กางเกง มี 2 แบบ คือ กางเกงขายาวสีนา้ เงินแกมดาและกางเกงขายาวกระเปา๋ ย่าม
สีนา้ เงินแกมดามลี กั ษณะเช่นเดยี วกับข้อ 8
(2) กระโปรงปลายสอบสีน้าเงินแกมดา ยาวปิดเข่าพอสมควร ท่ีขอบเอวมีห่วงสาหรับ
สอดเข็มขัดทาด้วยผ้าสีเดยี วกับกระโปรง กวา้ ง 1.5 เซนตเิ มตร สูง 3.5 เซนติเมตร จานวน 7 หว่ ง
43 การประ ุชมและกก ุลามร ่ีทบ ิร๑หารงาน ุบคคล
43 42
ข้อ 15 เข็มขัด มี 2 แบบ คือ เข็มขัดด้ายถักสีน้าเงินแกมดาประกอบเครื่องแบบ
ปฏิบัติงานปกติและเข็มขัดด้ายถักสีน้าเงินแกมดาประกอบเคร่ืองแบบปฏิบัติงานสนาม มีลักษณะ
เชน่ เดียวกบั ข้อ 9
ข้อ 16 รองเท้า มี 3 แบบ คอื
(1) รองเท้าหุ้มสน้ หนังสีดาแบบปิดปลายเท้า ชนดิ ไมผ่ ูกเชอื ก สน้ สูงไมเ่ กนิ 5 เซนตเิ มตร
(2) รองเทา้ หุม้ ขอ้ หนงั หรอื หนังก่งึ ผ้าใบสีดา
(3) รองเท้าสงู ครงึ่ น่องหนงั หรอื หนงั ก่ึงผา้ ใบสีดา
รองเทา้ ทกุ แบบตอ้ งมสี ้น ไม่มีลวดลาย รองเท้าตาม (2) และ (3) จะมีเชอื กผกู หรือไมก่ ไ็ ด้
เวลาสวมรองเท้ากบั กางเกงใหส้ วมถงุ เทา้ สดี า
หมวด 3
อนิ ทรธนแู ละเคร่อื งหมายตาแหนง่
ข้อ 17 อินทรธนู มีลักษณะแข็ง เป็นแผน่ ส่ีเหลี่ยมผืนผ้าปลายตัดเป็นมมุ แหลม สาหรับ
เจ้าพนักงานตารวจศาลชาย กว้าง 5 เซนติเมตร ยาว 13 เซนติเมตร สาหรับเจ้าพนักงานตารวจ
ศาลหญิง กว้าง 4.5 เซนติเมตร ยาว 11 เซนติเมตร สาหรบั ตาแหนง่ ตาม (1) – (3) ทต่ี อนปลายติดดุม
โลหะสีทองขนาดเล็กมีลักษณะกลมนูนเล็กน้อย มีเส้นเป็นขอบโดยรอบ ภายในเส้นขอบมีตราครุฑพ่าห์
ดุนนูน เส้นผ่าศูนย์กลาง 1.8 เซนตเิ มตร จานวน 1 ดุม สาหรับตาแหน่งตาม (4) – (6) ท่ตี อนปลายติด
ดุมโลหะสีเงินขนาดเล็กมีลักษณะกลมนูนเล็กน้อย มีเส้นเป็นขอบโดยรอบ ภายในเส้นขอบ
มีตราครุฑพ่าห์ดุนนูนเส้นผ่าศูนย์กลาง 1.8 เซนติเมตร จานวน 1 ดุม มีเคร่ืองหมายตาแหน่งติดบน
อินทรธนู ดังต่อไปนี้
(1) ตาแหน่งประเภทอานวยการระดับสูง ใช้อินทรธนูทาด้วยไหมหรือวัตถุเทียมไหม
สีทองบนแผ่นอินทรธนูประดับรูปดอกบัวบานมีตราชูอยู่ภายใน ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 1 เซนติเมตร
ปักด้วยด้ินเงินหรือวัตถุเทียมดิ้นเงินหรือทาด้วยโลหะสีเงิน จานวน 3 ดอก เรียงเป็นรูปสามเหลี่ยม
ด้านเท่าหา่ งกันพองาม ให้มมุ แหลมอยู่ทางด้านคอเสื้อ เบ้ืองล่างโอบดว้ ยชอ่ ชยั พฤกษ์ปักด้วยด้ินเงินหรือ
วตั ถุเทียมดิ้นเงินหรอื ทาดว้ ยโลหะสเี งนิ หา่ งจากขอบอนิ ทรธนูทางดา้ นไหล่ 0.8 เซนตเิ มตร และด้านบน
ดอกบัวบานประดับตราสัญลักษณ์สานักงานศาลยุติธรรม ปักด้วยด้ินเงินหรือวัตถุเทียมด้ินเงินหรือ
ทาด้วยโลหะสเี งิน กว้าง 2 เซนติเมตร ยาว 2.5 เซนติเมตร
(2) ตาแหน่งประเภทอานวยการระดับต้น ใช้อินทรธนูทาด้วยไหมหรือวัตถุเทียมไหม
สีทองบนแผ่นอินทรธนูประดับรูปดอกบัวบานมีตราชูอยู่ภายใน ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 1 เซนติเมตร
ปักด้วยด้ินเงินหรือวัตถุเทียมด้ินเงินหรือทาด้วยโลหะสีเงิน จานวน 2 ดอก เรียงกันไปทางด้านคอเส้ือ
ตามความยาวของอินทรธนู เว้นระยะห่างกันพองาม เบ้ืองล่างโอบด้วยช่อชัยพฤกษ์ปักด้วยด้ินเงินหรือ
วัตถุเทยี มดนิ้ เงินหรือทาดว้ ยโลหะสีเงิน หา่ งจากขอบอนิ ทรธนูทางด้านไหล่ 0.8 เซนตเิ มตร และด้านบน
ดอกบัวบานประดับตราสัญลักษณ์สานักงานศาลยุติธรรม ปักด้วยด้ินเงินหรือวัตถุเทียม ด้ินเงินหรือ
ทาด้วยโลหะสีเงิน กว้าง 2 เซนติเมตร ยาว 2.5 เซนตเิ มตร
44
44 43
(3) ตาแหน่งประเภทวิชาการ ระดับชานาญการพิเศษขึ้นไป ใช้อินทรธนูทาด้วยไหม
หรือวัตถุเทียมไหมสีทอง บนแผ่นอินทรธนูประดับรูปดอกบัวบานมีตราชูอยู่ภายใน ขนาด
เส้นผ่าศูนย์กลาง 1 เซนติเมตร ปักด้วยด้ินเงินหรือวัตถุเทียมดิ้นเงินหรือทาด้วยโลหะสีเงิน จานวน
1 ดอก เบ้ืองล่างโอบด้วยช่อชัยพฤกษ์ปักด้วยด้ินเงินหรือวัตถุเทียมดิ้นเงินหรือทาด้วยโลหะสีเงิน
ห่างจากขอบอินทรธนูทางด้านไหล่ 0.8 เซนติเมตร และด้านบนดอกบัวบานประดับตราสัญลักษณ์
สานักงานศาลยุติธรรม ปักด้วยดิ้นเงินหรือวัตถุเทียมดิ้นเงินหรือทาด้วยโลหะสีเงิน กว้าง 2 เซนติเมตร
ยาว 2.5 เซนติเมตร
(4) ตาแหน่งประเภทวิชาการ ระดับชานาญการ และตาแหน่งประเภทท่ัวไประดับ
อาวุโส ใช้อินทรธนูทาด้วยสักหลาดสีน้าเงินแกมดา บนแผ่นอินทรธนูมีแถบดิ้นเงินหรือวัตถุเทียมด้ินเงิน
กว้าง 1 เซนติเมตร จานวน 4 แถบเรียงกัน การติดแถบให้ติดตามขวาง แถบแรกห่างจากต้นอินทรธนู
0.2 เซนติเมตร แถบต่อไปเว้นระยะห่าง 0.2 เซนติเมตร ด้านบนประดับตราสัญลักษณ์สานักงาน
ศาลยุติธรรมทาด้วยโลหะสีเงิน กว้าง 2 เซนติเมตร ยาว 2.5 เซนติเมตร
(5) ตาแหน่งประเภทวิชาการ ระดับปฏิบัติการ และตาแหน่งประเภทท่ัวไประดับ
ชานาญงานใช้อินทรธนูทาด้วยสักหลาดสีน้าเงินแกมดา บนแผ่นอินทรธนูมีแถบดิ้นเงินหรือวัตถุเทียม
ดิ้นเงินกว้าง 1 เซนติเมตร จานวน 3 แถบเรียงกัน การติดแถบให้ติดตามขวาง แถบแรกห่างจาก
ต้นอนิ ทรธนู 0.2 เซนติเมตร แถบต่อไปเว้นระยะหา่ งกัน 0.2 เซนติเมตร ดา้ นบนประดบั ตราสัญลกั ษณ์
สานักงานศาลยุตธิ รรม ทาด้วยโลหะสีเงนิ กวา้ ง 2 เซนตเิ มตร ยาว 2.5 เซนตเิ มตร
(6) ตาแหน่งประเภทท่ัวไป ระดบั ปฏบิ ตั งิ าน ใชอ้ นิ ทรธนทู าดว้ ยสักหลาดสนี า้ เงินแกมดา
บนแผ่นอนิ ทรธนมู ีแถบดิ้นเงินหรือวัตถุเทียมดิน้ เงิน กวา้ ง 1 เซนตเิ มตร จานวน 2 แถบเรียงกัน การติด
แถบให้ติดตามขวาง แถบแรกห่างจากต้นอินทรธนู 0.2 เซนติเมตร แถบต่อไปเว้นระยะห่างกัน
0.2 เซนติเมตร ด้านบนประดับตราสัญลักษณ์สานักงานศาลยุติธรรม ทาด้วยโลหะสีเงิน กว้าง
2 เซนตเิ มตร ยาว 2.5 เซนติเมตร
ข้อ 18การประดับอินทรธนูและเคร่ืองหมายตาแหน่ง ให้ใช้ประดับกับเครื่องแบบ
ปฏิบตั ิงานปกติตามข้อ 5 (1) (2) และขอ้ 11 (1) (2)
ข้อ 19 เคร่ืองหมายตาแหน่งบนปกเส้ือคอแบะและเส้ือคอแบะปล่อยเอวสาหรับ
เคร่ืองแบบปฏิบัติงานสนาม ให้ปักด้วยไหมหรือด้ายสีเทาอ่อนบนผ้าเสิร์จหรือผ้าแบบเดียวกับเส้ือ
ขนาดกว้าง 3.5 เซนติเมตร ยาว 4.5 เซนติเมตร โดยให้อนุโลมตามเคร่ืองหมายตาแหน่งบนอินทรธนู
ตามข้อ 17 เจ้าพนักงานตารวจศาลประเภทใดและระดับตาแหน่งใดให้ใช้ส่วนประกอบของอินทรธนู
ตามประเภทและระดับตาแหนง่ น้ัน
ข้อ 20 ป้ายช่ือ มี 2 แบบ คือ
(1) เครื่องแบบปฏิบัติงานปกติตามข้อ 5 (1) และข้อ 11 (1) ให้ใช้ป้ายช่ือพ้ืนสีดา
ทาด้วยแผ่นโลหะหรือพลาสติก ขนาดกว้าง 1.5 เซนติเมตร ยาว 7 เซนติเมตร แสดงช่ือตัวและชื่อสกุล
เป็นภาษาไทยด้วยสีเงินหรือสีขาว และให้มีช่ือตัวและชื่อสกุลภาษาอังกฤษไว้ด้านล่าง โดยประดับท่ี
45 การประ ุชมและกก ุลามร ่ีทบ ิร๑หารงาน ุบคคล
45 44
อกเส้ือเหนือกระเป๋าบนขวา หรือที่อกเสื้อข้างขวาสาหรับเครื่องแบบเจ้าพนักงานตารวจศาลหญิง กรณี
ไมม่ ีกระเป๋าทีอ่ กเสอื้
(2) เครื่องแบบตามขอ้ 5 (3) และข้อ 11 (3) ใหใ้ ช้ปา้ ยชื่อทาด้วยแผน่ ผา้ เสริ ์จสีนา้ เงิน
แกมดา ขนาดกว้าง 4 เซนติเมตร ยาว 12 เซนติเมตร ปักชื่อตัวและช่ือสกุลเป็นภาษาไทยด้วยไหมหรือ
ดา้ ยสีเทาออ่ น และใหม้ ีชอื่ ตวั และชอ่ื สกุลเปน็ ภาษาอังกฤษไว้ดา้ นล่าง โดยติดทอ่ี กเสอื้ เหนอื กระเปา๋ ขวา
หมวด 4
เบด็ เตลด็
ข้อ 21 เคร่ืองแบบเจ้าพนักงานตารวจศาลชนิดใดจะต้องแต่งในโอกาสใด ให้เป็น
ไปตามทีเ่ ลขาธิการสานักงานศาลยุติธรรมกาหนด
ข้อ 22 เพื่อประโยชน์ในการฝึก การปฏิบัติราชการสนาม หรือการปฏิบัติราชการอื่น
ของสานักงานศาลยุติธรรมให้มีความเหมาะสมกับสถานการณ์ สานักงานศาลยุติธรรมจะกาหนด
เครอื่ งแบบเจ้าพนกั งานตารวจศาลตามความจาเปน็ ก็ได้
ข้อ 23 เจ้าพนักงานตารวจศาลซึ่งได้รับพระราชทานเคร่ืองราชอิสริยาภรณ์หรือได้รับ
พระราชทานพระบรมราชานุญาตให้ประดับเคร่ืองราชอิสริยาภรณ์ต่างประเทศ ให้ประดับแพรแถบ
เครื่องราชอิสริยาภรณ์ท่ีอกเสื้อเหนือกระเป๋าซ้ายหรือท่ีอกเส้ือข้างซ้ายสาหรับเคร่ืองแบบเจ้าพนักงาน
ตารวจศาลหญิงกรณีไม่มีกระเป๋าที่อกเส้ือ เว้นแต่เครื่องราชอิสริยาภรณ์ซึ่งมีกฎหมายกาหนดให้ประดับ
ทอี่ กเสอื้ ข้างขวา
ขอ้ 24 เจ้าพนักงานตารวจศาลซึ่งได้รับเคร่ืองหมายแสดงความสามารถหรือเข็มแสดง
วิทยฐานะของสถาบันการศึกษาของทางราชการ ให้ประดับเครือ่ งหมายหรอื เข็มนน้ั ไดต้ ามทส่ี ว่ นราชการ
น้ันกาหนด
ข้อ 25 ให้สานักงานศาลยุติธรรมจัดให้มีหรือเขียนรูปตัวอย่างเครื่องแบบน้ีข้ึนไว้เป็น
มาตรฐานและสอดส่องควบคมุ การแต่งเคร่อื งแบบให้เป็นไปตามระเบียบนี้
ประกาศ ณ วันที่ 17 มิถุนายน พ.ศ. 2562
อุบลรัตน์ ลยุ วิกภยั
ประธานศาลอทุ ธรณ์
ประธานกรรมการขา้ ราชการศาลยตุ ธิ รรม
46 45
46
ประกาศคณะกรรมการขา้ ราชการศาลยตุ ธิ รรม
เรอ่ื ง การอา้ งถึงตาแหนง่ หรอื ส่วนราชการในสงั กดั กระทรวงยตุ ธิ รรม
ให้หมายถงึ ตาแหนง่ หรือสว่ นราชการในสงั กดั สานกั งานศาลยุตธิ รรม
อาศัยอานาจตามความในมาตรา 33 แห่งพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการ
ศาลยุติธรรม พ.ศ. 2543 ก.ศ. จึงออกประกาศอ้างถึงตาแหน่งหรือส่วนราชการในสังกัดกระทรวง
ยุติธรรม ตามกฎหมายที่มีอยู่ในวันท่ีพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการศาลยุติธรรม พ.ศ. 2543
ใช้บังคับให้หมายถึงตาแหน่ง หรือส่วนราชการในสังกัดสานักงานศาลยุติธรรม ที่รับผิดชอบงานธุรการ
ของศาลยุตธิ รรม ดังต่อไปน้ี
ข้อ 1 ประกาศน้ีเรียกว่า “ประกาศคณะกรรมการข้าราชการศาลยุติธรรม เรื่อง
การอ้างถงึ ตาแหน่งสว่ นราชการในสงั กัดกระทรวงยุติธรรมให้หมายถงึ ตาแหน่งหรือส่วนราชการในสังกัด
สานกั งานศาลยุตธิ รรม”
ขอ้ 21 ประกาศนใ้ี ห้ใชบ้ งั คบั ต้ังแต่วนั ถดั จากวันประกาศในราชกจิ จานเุ บกษาเปน็ ตน้ ไป
ข้อ 3 การอ้างถึงส่วนราชการในสังกัดกระทรวงยุติธรรม กับส่วนราชการในสังกัด
สานักงานศาลยตุ ิธรรม เพอ่ื สนบั สนนุ และอานวยความสะดวกให้แกศ่ าลยตุ ิธรรม โดยไมก่ ระทบกระเทือน
เก่ียวกับอานาจการพจิ ารณาพพิ ากษาคดี ใหเ้ ป็นไปดงั นี้
สว่ นราชการในสงั กัดกระทรวงยตุ ธิ รรม สว่ นราชการในสงั กัดศาลยตุ ธิ รรม
(1) กองงานคณะกรรมการตุลาการ ให้หมายถงึ สานกั งานคณะกรรมการตุลาการ
ศาลยตุ ธิ รรม
(2) กองกลาง ใหห้ มายถงึ กองกลางหรือกองสารนเิ ทศ
และประชาสัมพันธ์ แลว้ แตก่ รณี
(3) กองการเจา้ หน้าท่ี ใหห้ มายถึง กองการเจา้ หน้าท่ีหรอื
สานกั คณะกรรมการ
ข้าราชการศาลยตุ ธิ รรม
แล้วแตก่ รณี
(4) กองออกแบบและกอ่ สร้าง ให้หมายถงึ กองออกแบบและกอ่ สรา้ ง
(5) สถาบนั พัฒนาข้าราชการ ให้หมายถงึ สถาบนั พัฒนาขา้ ราชการ
ฝ่ายตลุ าการ ฝ่ายตลุ าการศาลยตุ ิธรรม
(6) กองคลงั ให้หมายถึง สานกั การคลงั
(7) ศนู ย์บรกิ ารข้อมลู ตุลาการ ใหห้ มายถงึ สานกั เทคโนโลยีสารสนเทศ
(8) สานกั งานอนญุ าโตตุลาการ ใหห้ มายถึง สานักระงบั ขอ้ พพิ าท
1 ราชกจิ จานเุ บกษา เลม่ 118/ตอนพิเศษ 18 ง/หนา้ 51/23 กมุ ภาพนั ธ์ 2544
47 การประ ุชมและกก ุลามร ่ีทบ ิร๑หารงาน ุบคคล
47 46
(9) กองนโยบายและแผน ใหห้ มายถงึ สานกั แผนงานและงบประมาณ
(10) กองวชิ าการและสานกั งาน ใหห้ มายถึง สานกั วิชาการศาลยตุ ธิ รรม
ส่งเสริมงานตุลาการ สานักศาลยตุ ธิ รรมประจาภาค
(11) สานกั งานอธบิ ดผี ูพ้ ิพากษาภาค ใหห้ มายถึง
ข้อ 4 การอ้างถึงตาแหน่งในสังกัดกระทรวงยุติธรรม กับตาแหน่งในสังกัดสานักงาน
ศาลยุติธรรม เพื่อสนับสนุนและอานวยความสะดวกให้แก่ศาลยุติธรรมโดยไม่กระทบกระเทือนเก่ียวกับ
อานาจการพจิ ารณาพพิ ากษาคดี ใหเ้ ปน็ ไปดงั นี้
ตาแหน่งในสังกัดกระทรวงยุติธรรม ตาแหนง่ ในสังกดั ศาลยตุ ิธรรม
(1) รองปลัดกระทรวง ให้หมายถงึ รองเลขาธกิ ารสานักงาน
ผชู้ ว่ ยปลัดกระทรวง ศาลยตุ ธิ รรม
(2) ผูอ้ านวยการกอง ให้หมายถงึ ผอู้ านวยการกอง
ผ้อู านวยการสานกั งาน ผูอ้ านวยการสานักงาน
ผู้อานวยการสถาบัน ผู้อานวยการสานกั
ผอู้ านวยการศนู ย์ ผอู้ านวยการสถาบนั
แลว้ แตก่ รณี
(3) หวั หนา้ สานักงานอธิบดี ให้หมายถงึ ผ้อู านวยการสานกั
ผพู้ ิพากษาภาค ศาลยตุ ิธรรมประจาภาค
(4) จ่าศาล ใหห้ มายถึง ผอู้ านวยการสานกั
อานวยการประจาศาล หรือ
ผอู้ านวยการสานกั งานประจาศาล
แล้วแต่กรณี
(5) รองจ่าศาล ให้หมายถงึ เจ้าพนกั งานศาลยุตธิ รรมหรอื
นิติกรซงึ่ เปน็ หวั หน้าส่วน
หัวหนา้ กลุ่มงานหรือ
หวั หนา้ ฝ่ายในสานกั
อานวยการประจาศาลหรอื
สานกั งานประจาศาล
แล้วแต่กรณี และใหร้ วมถงึ
เจ้าพนักงานศาลยุติธรรมหรือ
นิตกิ รซงึ่ ได้รับมอบหมาย
จากหวั หน้ากลุม่ งานหรอื
หวั หน้าฝา่ ยให้ปฏบิ ัติหน้าที่
แทนดว้ ย
48 47
48
ประกาศ ณ วนั ท่ี 9 กมุ ภาพันธ์ พ.ศ. 2544
(ลงช่ือ) สละ เทศราพรรณ
(นายสละ เทศราพรรณ)
ผพู้ ิพากษาหวั หนา้ แผนกคดแี รงงานในศาลฎีกา
ช่วยทางานในตาแหน่งรองประธานศาลฎกี า
ประธานกรรมการขา้ ราชการศาลยตุ ิธรรม
49 48 การประ ุชมและกก ุลามร ่ีทบ ิร๑หารงาน ุบคคล
49
การกาหนดหลักเกณฑ์การจดั ลาดบั อาวโุ สของขา้ ราชการศาลยุตธิ รรม
คณะกรรมการข้าราชการศาลยุติธรรมมีมติในการประชุมคร้ังท่ี 16/2553 เม่ือวันท่ี
23 ธันวาคม 2553 เห็นชอบหลักเกณฑ์การจัดลาดับอาวุโสของข้าราชการศาลยุติธรรมในตาแหน่ง
ประเภทเดยี วกนั ดงั น้ี
1. แนวทำงในกำรจัดลำดบั อำวโุ สใหม่ มีดังนี้
๑) ใช้หลักเกณฑ์เดิมเป็นแนวทางในการจัดลาดับอาวุโส โดยตัดหลักเกณฑ์
เรือ่ งเงินเดือนออก
๒) จดั ลาดบั อาวโุ สในประเภทตาแหนง่ เดียวกัน (ไม่จัดข้ามประเภทตาแหน่ง)
๓) การจัดลาดับอาวุโสต้องไม่กระทบต่อลาดับอาวุโสเดิมก่อนเข้าสู่ระบบจาแนก
ตาแหน่งใหม่
2. หลักกำรในกำรกำหนดหลกั เกณฑ์จัดลำดับอำวโุ สข้ำรำชกำรศำลยตุ ิธรรม
1) ใช้บัญชีอาวุโสก่อนการปรับเข้าสู่ระบบจาแนกตาแหน่งใหม่เป็นหลักในการ
จัดลาดบั อาวุโสตามระบบจาแนกตาแหนง่ ใหม่
2) นาบัญชีอาวุโสตามข้อ 1. มาเรียงลาดับอาวุโสให้เปน็ ไปตามประเภทตาแหน่ง
ของระบบจาแนกตาแหนง่ ใหม่
3) ใช้บัญชีอาวุโสตามข้อ 2. เป็นบัญชีหลักสาหรับใช้เป็นส่วนหนึ่งของเคร่ืองมือ
ในการบริหารงานบุคคล ในตาแหน่งประเภทเดียวกัน ทั้งนี้ กรณีข้าราชการรายใดมีการเลื่อนระดับที่
สงู ข้ึนหลังวันท่ี 1 ธนั วาคม 2552 เป็นตน้ ไป การเรียงลาดับอาวุโสจะยึดหลักเกณฑอ์ าวุโสใหม่ และจะ
แกไ้ ขลาดับอาวุโสเฉพาะรายเพอ่ื ใหล้ าดับอาวโุ สเปน็ ไปตามหลักเกณฑอ์ าวโุ สทีก่ าหนดแนวใหม่
3. หลักเกณฑก์ ำรจัดลำดับอำวโุ สในตำแหนง่ ประเภทเดียวกัน
1) ข้าราชการศาลยุติธรรมผู้ใดดารงตาแหน่งในระดับท่ีสูงกว่า ถือว่าผู้นั้นอาวุโส
กวา่
2) ถ้าเป็นผู้ดารงตาแหน่งในระดับเดียวกัน ผู้ใดได้รับแต่งตั้งให้ดารงตาแหน่ง
ระดบั นน้ั ก่อนถือวา่ ผู้น้ันอาวโุ สกวา่
3) ถา้ เป็นผู้ที่ได้รับแตง่ ตัง้ ใหด้ ารงตาแหนง่ ระดับเดียวกันพร้อมกนั ให้พจิ ารณาถึง
วันท่ีได้รับแต่งตั้งให้ดารงตาแหน่ง ระดับย้อนหลังไปตามลาดับ โดยพิจารณาตามหลักเกณฑ์ในข้อ 1.
ถงึ ข้อ 2.
4) ถ้าในข้อ 3. ยังเทา่ กนั ผู้ใดมีอายรุ าชการมากกว่า ถอื วา่ ผนู้ ัน้ อาวโุ สกว่า
5) ถ้าเป็นผู้ที่อายุราชการเท่ากัน ผู้ใดได้รับเคร่ืองราชอิสริยาภรณ์ในช้ันสูงกว่า
ถอื วา่ ผ้นู ้ันอาวโุ สกว่า
6) ถ้าเป็นผู้ท่ีได้รับเคร่ืองราชอิสริยาภรณ์ในชั้นเดียวกัน ผู้ใดได้รับเคร่ือง
ราชอิสริยาภรณใ์ นชั้นนนั้ กอ่ น ถอื ว่าผูน้ ้ันอาวุโสกว่า
50
50 49
7) ถ้าเป็นผู้ได้รับเคร่ืองราชอสิ ริยาภรณ์ในชั้นเดียวกันพร้อมกนั ผู้ใดมีอายุแก่กว่า
ถือวา่ ผู้น้นั อาวุโสกวา่
ทั้งน้ี คณะกรรมการข้าราชการศาลยุติธรรมได้มีมติให้ยกเว้นคุณสมบัติของข้าราชการ
ศาลยุติธรรมผู้ท่ีได้รับผลกระทบจากการที่ ก.ศ. กาหนดหลักเกณฑ์ในการจัดลาดับอาวุโสข้าราชการ
ศาลยุติธรรมจนกว่าสานักงานศาลยุติธรรมจะมีหลักเกณฑ์เกี่ยวกับการแต่งตั้ง เล่ือนระดับ และย้าย
ขา้ ราชการศาลยุตธิ รรม ตามพระราชบัญญตั ริ ะเบยี บข้าราชการพลเรือน พ.ศ. 2551
51 การประ ุชมและกก ุลามร ่ีทบ ิร๑หารงาน ุบคคล
51 50
(สาเนา)
ที่ ศย 023/ว 114(ป) สานกั งานศาลยตุ ิธรรม
ถนนรชั ดาภิเษก เขตจตุจักร
กทม. 10900
22 ธนั วาคม 2560
เรื่อง หลักเกณฑ์การช่วยราชการ การเดนิ ทางไปรบั ราชการ และการผัดการเดินทางไปรบั ราชการ
ของขา้ ราชการศาลยุตธิ รรม
เรยี น หัวหนา้ หน่วยงานในสังกัดสานักงานศาลยตุ ธิ รรม
อา้ งถงึ หนงั สือสานกั งานศาลยุตธิ รรม ดว่ นท่ีสุด ท่ี ศย 004/ว 390 (ป) ลงวันท่ี 4 ธันวาคม 2544
สงิ่ ทสี่ ่งมาดว้ ย สาเนาคาสั่ง จานวน 1 ฉบบั
ตามหนังสือที่อ้างถึง สานักงานศาลยุติธรรมได้กาหนดหลักเกณฑ์การช่วยราชการ
การเดนิ ทางไปรับราชการ และการผดั การเดินทางไปรับราชการของขา้ ราชการศาลยุติธรรม และมีคาส่ัง
สานักงานศาลยุติธรรม ท่ี 811/2544 ลงวันท่ี 4 ธันวาคม พ.ศ. 2544 เรื่อง มอบอานาจการส่ังอนุญาต
ให้ขา้ ราชการศาลยตุ ธิ รรม และลูกจ้างประจาชว่ ยราชการ ความละเอยี ดแจง้ แล้ว นน้ั
โดยท่ีสานักงานศาลยตุ ธิ รรมได้นาพระราชบญั ญตั ิระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ. 2551
มาใช้บังคับกับข้าราชการศาลยุติธรรมโดยอนุโลม และได้มีคาส่ัง ท่ี 1514/2552 และ ที่ 1515/2552
ลงวันท่ี 1 ธันวาคม พ.ศ. 2552 แต่งตั้งข้าราชการศาลยุติธรรมให้ดารงตาแหน่งใหม่ ต้ังแต่วันที่
1 ธันวาคม 2552 เป็นต้นไป ดังนั้น เพ่ือให้การช่วยราชการ การเดินทางไปรับราชการ และการผัด
ก า ร เดิ น ท า ง ไป รั บ ร า ช ก า ร ส อ ด ค ล้ อ ง กั บ ก า ร แ ต่ ง ต้ั ง ข้ า ร า ช ก า ร ศ า ล ยุ ติ ธ ร ร ม ให้ ด า ร ง ต า แ ห น่ ง
ตามพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ. 2551 จึงยกเลิกหลักเกณฑ์การช่วยราชการ
การเดินทางไปรับราชการ และการผัดการเดินทางไปรับราชการตามหนังสือท่ีอ้างถึง โดยให้ถือปฏิบัติ
ตามหลกั เกณฑท์ ก่ี าหนดใหม่ ดงั นี้
1. กำรขอชว่ ยรำชกำร
1.1 มอบให้อธิบดีผู้พิพำกษำภำคมีอำนำจออกคำสั่งอนุญำตให้ข้ำรำชกำรศำล
ยุตธิ รรมชว่ ยรำชกำร ดงั นี้
1.1.1 อธิบดีผู้พิพากษาภาค มีอานาจอนุญาตให้ข้าราชการศาลยุติธรรม
ระดับปฏิบัติการ หรือระดับปฏิบัติงาน ช่วยราชการเฉพาะส่วนราชการในภาคเดียวกัน คร้ังเดียวหรือ
หลายครั้ง รวมกันได้ไมเ่ กนิ 180 วัน และใหส้ ง่ คาสั่งอนุญาตให้ชว่ ยราชการไปยงั สานกั งานศาลยุติธรรม
โดยเร็ว
1.1.2 การอนุญาตให้ข้าราชการศาลยุติธรรมช่วยราชการท่ีมิใช่กรณีตาม
ข้อ 1.1.1 ให้ส่วนราชการต้นสังกัดของข้าราชการศาลยุติธรรมนั้นรายงานสานักงานศาลยุติธรรม
เพอ่ื พิจารณาอนญุ าต
52 51
1.2 การพจิ ารณาอนญุ าตใหช ว ยราชการของสํานกั งานศาลยุตธิ รรม
1.2.1 สวนราชการตนสังกัดของผูขอชวยราชการตองใหความยินยอมในการ
ขอไปชว ยราชการ โดยใหคาํ นงึ ถึงเหตผุ ลความจําเปนในการขอไปชว ยราชการ รวมทั้งผลกระทบเก่ียวกับ
อตั รากําลงั เจา หนาที่และปริมาณงานของสว นราชการนนั้ ๆ ประกอบดวย
1.2.2 สวนราชการตนสังกัดที่ใหความยินยอมใหขาราชการในสังกัด
ไปชวยราชการสวนราชการอ่ืน จะตองไมรองขอใหสํานักงานศาลยุติธรรมสงขาราชการศาลยุติธรรม
ไปปฏิบัติงานแทนขาราชการศาลยุติธรรมของสวนราชการน้ันที่ไปชวยราชการสวนราชการอื่น และ
ยินยอมใหสํานักงานศาลยตุ ิธรรมดําเนินการเกล่ียอัตรากําลังท่ีไปชวยราชการน้ัน ไปใหสวนราชการอ่ืน
ทขี่ าดแคลนอัตรากําลังได
1.2.3 ในกรณีท่ีมีเหตุผลความจําเปน หรือเปนกรณีเรงดวน หรือเพ่ือประโยชน
ในการบริหารงานบุคคลของสํานักงานศาลยุติธรรม สํานักงานศาลยุติธรรมอาจสั่งใหขาราชการ
ศาลยุติธรรมไปชวยราชการสวนราชการอื่นในสังกัดสํานักงานศาลยุติธรรมไดตามความเหมาะสม และ
ความจําเปน เพ่ือประโยชนของทางราชการ
2. การเดนิ ทางไปรับราชการ และการขอผัดการเดนิ ทางไปรับราชการ
2.1 ขาราชการศาลยุติธรรมซ่ึงสํานักงานศาลยุติธรรมไดมีคําสั่งแตงตั้ง
หรอื เลอ่ื นและแตง ต้ังใหไปดํารงตําแหนงท่ีสว นราชการอ่ืน โดยปกติใหเดนิ ทางไปรบั ราชการในตําแหนง
ทไ่ี ดรบั แตง ตัง้ โดยพลัน หรอื ตามทีส่ าํ นกั งานศาลยตุ ิธรรมกาํ หนด
2.2 ขาราชการศาลยุติธรรมผูใดมีเหตุผลความจําเปน ไมสามารถเดินทาง
ไปรับราชการตามกําหนดตามขอ 2.1 ได ใหรายงานสํานักงานศาลยุติธรรมเพื่อพิจารณาผอนผัน
ขอผัดการเดินทางไปรับราชการตามตําแหนง โดยสํานักงานศาลยุติธรรมอาจพิจารณาผอนผัน
ใหผัดการเดนิ ทางไปครง้ั เดยี วไมเ กนิ 30 วนั นบั แตว ันทม่ี ีผลตามคาํ สั่ง
2.3 ในกรณีที่มีเหตุผลความจําเปนเพื่อประโยชนของทางราชการ สาํ นักงาน
ศาลยตุ ิธรรมอาจพจิ ารณาสง่ั การใหข า ราชการศาลยุตธิ รรมเดินทางไปรบั ราชการตามคําสัง่ ทไ่ี ดรับแตง ตัง้
หรือผอนผันใหผัดการเดินทางไปรบั ราชการตามคาํ สั่งนอกเหนือจากที่กาํ หนดไวในขอ 2.1 หรอื ขอ 2.2
กไ็ ด
จึงเรียนมาเพื่อโปรดทราบ และขอไดแจงใหผูท่ีมีสวนเกี่ยวของในหนวยงานทราบและ
ถือปฏิบัติตอไป สําหรับคําส่ังชวยราชการซึ่งอธิบดีผูพิพากษาภาค หรือผูอํานวยการสํานักศาลยุติธรรม
ประจาํ ภาค ส่ังใหช ว ยราชการท่มี ีอยูกอนหลกั เกณฑใ หมน ี้ ใหมผี ลบงั คบั ตอไปจนครบกาํ หนดตามคาํ สง่ั
ขอแสดงความนับถือ
(ลงชอื่ ) สราวธุ เบญจกลุ
(นายสราวธุ เบญจกลุ )
เลขาธกิ ารสาํ นักงานศาลยตุ ธิ รรม
53 52 การประ ุชมและกก ุลามร ่ีทบ ิร๑หารงาน ุบคคล
53
(สาเนา)
คาสัง่ สานกั งานศาลยุตธิ รรม
ท่ี 1718/2560
เร่ือง มอบอานาจการสั่งอนญุ าตให้ขา้ ราชการศาลยตุ ิธรรมช่วยราชการ
อนุสนธิคาส่ังสานักงานศาลยุติธรรม ท่ี 811/2544 ลงวันที่ 4 ธันวาคม พ.ศ. 2544
มอบอานาจการสั่งอนุญาตใหข้ า้ ราชการศาลยุติธรรม และลกู จ้างประจาช่วยราชการ น้ัน
เน่ื องจากสานัก งานศาลยุติ ธรรมได้น าพระราชบั ญ ญั ติ ระเบี ยบ ข้าราชการพลเรือ น
พ.ศ. 2551 มาใช้บงั คับกบั ขา้ ราชการศาลยุตธิ รรมโดยอนโุ ลม ตง้ั แตว่ นั ท่ี 1 ธนั วาคม 2552 เปน็ ต้นไป
ดังน้ัน เพ่ือให้การดาเนินการเกี่ยวกับการช่วยราชการสอดคล้องกับการแต่งต้ังข้าราชการศาลยุติธรรม
ให้ดารงตาแหน่งตามพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ. 2551 และเพ่ือให้การบริหาร
งานบุคคลของสานักงานศาลยุติธรรมมีประสิทธิภาพเพ่ิมขึ้น ฉะน้ัน อาศัยอานาจตามความในมาตรา 8
แห่งพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการศาลยุติธรรม พ.ศ. 2543 จึงยกเลิก คาส่ังสานักงาน
ศาลยตุ ิธรรม ที่ 811/2544 ลงวนั ท่ี 4 ธันวาคม พ.ศ. 2544 และมอบอานาจใหอ้ ธิบดผี ู้พพิ ากษาภาค
มีอานาจอนุญาตให้ข้าราชการศาลยุติธรรม ระดับปฏิบัติการ หรือระดับปฏิบัติงาน ช่วยราชการ
เฉพาะสว่ นราชการในภาคเดียวกัน คร้ังเดยี วหรอื หลายครั้งรวมกันไดไ้ มเ่ กิน 180 วนั
ทง้ั น้ี ต้ังแต่บดั น้เี ปน็ ต้นไป
สัง่ ณ วนั ท่ี 22 ธนั วาคม พ.ศ. 2560
(ลงช่ือ) สราวธุ เบญจกลุ
(นายสราวุธ เบญจกลุ )
เลขาธกิ ารสานกั งานศาลยตุ ธิ รรม
54 53
(สําเนา)
ท่ี ศย 004/ว421 สํานกั งานศาลยตุ ธิ รรม
ถนนรชั ดาภเิ ษก เขตจตุจักร
กทม. 10900
14 มิถุนายน 2555
เร่ือง หลกั เกณฑการใหข าราชการฝา ยตลุ าการศาลยุติธรรมลาไปชว ยเหลอื ภริยาที่คลอดบตุ ร
เรียน หัวหนา หนวยงานในสงั กัดสํานักงานศาลยุตธิ รรม
ดวยคณะกรรมการบริหารศาลยุติธรรม ในการประชุมคร้ังที่ 8/2555 เม่ือวันจันทรท่ี
28 พฤษภาคม 2555 มีมติเห็นชอบกับหลักเกณฑการใหขาราชการฝายตุลาการศาลยุติธรรมลาไป
ชวยเหลอื ภรยิ าทค่ี ลอดบุตร ดงั นี้
๑. ใหขาราชการซ่ึงประสงคจะลาไปชวยเหลือภริยาโดยชอบดวยกฎหมายท่ีคลอดบุตร
ใหเสนอหรือจัดสงใบลาตอผูบังคับบัญชาตามลําดับจนถึงผูมีอํานาจอนุญาตตามระเบียบคณะกรรมการ
บริหารศาลยุติธรรม วาดวยการลาหยุดราชการของขาราชการฝายตุลาการศาลยุติธรรมและลูกจางของ
สาํ นักงานศาลยุติธรรม พ.ศ. 2544 กอนหรอื ในวนั ท่ีลา ภายใน 90 วัน นับแตว ันท่ีคลอดบุตร และใหมี
สิทธิไปชวยเหลือภริยาท่ีคลอดบุตรคร้ังหน่ึงติดตอ กันไดไมเกิน 15 วันทําการ ผูมีอํานาจอนุญาตอาจให
แสดงหลักฐานประกอบการพจิ ารณาอนุญาตดวยกไ็ ด
๒. ขา ราชการท่ีไดรับอนุญาตใหลาไปชวยเหลือภริยาที่คลอดบุตร ซ่ึงไดหยุดราชการไป
ยังไมครบกําหนด ถามีราชการจําเปนเกิดข้ึน ผูบังคับบัญชาหรือผูมีอํานาจอนุญาตตามระเบียบ
คณะกรรมการบริหารศาลยุติธรรม วาดวยการลาหยุดราชการของขาราชการฝายตุลาการศาลยุติธรรม
และลูกจางของสํานักงานศาลยุติธรรม พ.ศ. 2544 จะเรียกตัวมาปฏิบัติราชการระหวางการลาก็ได
การลาของขาราชการที่ถูกเรียกกลับมาปฏิบัติราชการระหวา งลา ใหถอื วา สิ้นสดุ กอนวันมาปฏิบัตริ าชการ
เวน แตผ ูมีอํานาจอนุญาตเห็นวาการเดินทางตอ งใชเวลา ใหถอื วา สิน้ สุดกอนวันเดนิ ทางกลับ
๓. ใหขาราชการซ่ึงไดรับอนุญาตใหลาไปชวยเหลือภริยาท่ีคลอดบุตรท่ีลากอนหรือลา
ภายใน 30 วันนบั แตว ันที่คลอดบตุ รมสี ทิ ธไิ ดรับเงินเดอื นในระหวางลาไดไ มเกิน 15 วนั ทาํ การ
๔. กรณีในเดือนใดมีเวลาปฏิบัติราชการไมถึงสองในสามไมมีสิทธิไดรับเงินคาตอบแทน
พิเศษตามประกาศคณะกรรมการบริหารศาลยุติธรรม เร่ือง หลักเกณฑและวิธีการในการใหไดรบั เงิน
คาตอบแทนพิเศษของขาราชการศาลยตุ ิธรรม
ทั้งนี้สามารถดาวนโหลดแบบฟอรมขออนุญาตลาไปชวยเหลือภริยาท่ีคลอดบุตรท่ี
เวบ็ ไซตส าํ นกั คณะกรรมการขาราชการศาลยตุ ิธรรม หวั ขอกลมุ ประเมินฯ
จึงเรยี นมาเพ่ือโปรดทราบ และถือเปน แนวทางปฏิบตั ติ อ ไป
ขอแสดงความนับถอื
(ลงชอื่ ) วริ ชั ชินวินจิ กุล
(นายวิรชั ชินวินจิ กลุ )
เลขาธิการสาํ นกั งานศาลยุติธรรม
55 การประ ุชมและกก ุลามร ่ีทบ ิร๑หารงาน ุบคคล
55 54
(สาเนา)
ท่ี ศย 004/ว 77 (ป) สานกั งานศาลยุตธิ รรม
ถนนรัชดาภเิ ษก เขตจตุจกั ร
กรุงเทพมหานคร10900
21 เมษายน 2551
เรือ่ ง การบรหิ ารงานบุคคลในจังหวัดชายแดนภาคใต้
เรยี น หวั หน้าหนว่ ยงานในสังกดั สานกั งานศาลยตุ ธิ รรม
อ้างถงึ หนงั สือสานักงานศาลยุติธรรม ท่ี ศย 004/ว 89 ลงวนั ท่ี 28 กมุ ภาพันธ์ 2548
สิ่งทสี่ ่งมาดว้ ย สาเนาหนงั สอื สานักงาน ก.พ. ท่ี นร 1006/ว 1 ลงวนั ท่ี 14 มีนาคม 2551
ตามหนังสือที่อ้างถึง สานักงานศาลยุติธรรมได้แจ้งเวียนหนังสือสานักงาน ก.พ.
ท่ี นร 1006/ว35 ลงวันที่ 29 พฤศจิกายน 2547 เรื่อง การบริหารงานบุคคลในพ้ืนที่ชายแดน
3 จงั หวัดภาคใต้ (นราธวิ าส ปตั ตานี ยะลา) ไปเพอื่ ทราบและถอื ปฏบิ ตั ิ นัน้
โดยท่สี านักงาน ก.พ. ได้กาหนดหลกั เกณฑ์การบริหารบคุ คลสาหรบั ข้าราชการพลเรือน
สามัญ ซ่ึงได้รับคาสั่งจากทางราชการให้ปฏิบัติงานในหน้าที่ประจาในจังหวัดชายแดนภาคใต้เป็นกรณี
พเิ ศษ (หนังสือสานักงาน ก.พ. ท่ี นร 1006/ว1 ลงวนั ที่ 14 มนี าคม 2551 เรอ่ื ง การบรหิ ารบคุ คลใน
จังหวัดชายแดนภาคใต้) เพื่อให้สอดคล้องกับระเบียบสานักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยบาเหน็จความชอบ
สาหรับเจ้าหน้าท่ีผู้ปฏิบัติงานในจังหวัดชายแดนภาคใต้ พ.ศ. 2550 ข้อ 20 และข้อ 21 ที่กาหนดให้
หน่วยงานของรัฐนับระยะเวลาท่ีเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานได้ปฏิบัติงานในหน้าท่ีประจาในจังหวัดชายแดน
ภายใตเ้ ป็นทวคี ูณ สาหรบั ใช้ในการคานวณระยะเวลาการดารงตาแหน่งหรอื เคยดารงตาแหน่งในสายงาน
ท่ีจะแต่งต้ัง เพ่ือประโยชน์ในการแต่งต้ังให้ดารงตาแหน่งสูงขึ้นตามหลกั เกณฑ์และวิธีการท่ีองค์กรกลาง
บรหิ ารงานบุคคลแตล่ ะประเภทกาหนด และให้สนบั สนนุ และส่งเสรมิ ให้มีโอกาสกา้ วหน้าในตาแหน่งด้วย
เพ่ือเป็นการสร้างขวัญ กาลังใจและแรงจูงใจให้แก่เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานในจังหวัดชายแดนภายใต้
ซ่ึงต้องปฏิบัติงานในภาวะไม่ปกติ ประกอบกับแนวทางการบริหารงานบุคคลในพื้นท่ีชายแดน 3 จงั หวัด
ภาคใต้ (นราธิวาส ปัตตานี ยะลา) ตามหนังสือสานักงาน ก.พ. ท่ี นร 1006/ ว 35 ลงวันที่
29 พฤศจิกายน 2547 ได้สิ้นผลลงเม่ือวันที่ 21 กรกฎาคม 2548 เนื่องจากได้มีการประกาศเลิกใช้
กฎอัยการศึกในพื้นทด่ี งั กลา่ ว
อนึ่ง ก.พ. ได้มีมติกาหนดหลักเกณฑ์การบริหารงานบุคคลสาหรับข้าราชการพลเรือน
สามัญ ซึ่งได้รับคาสั่งจากทางราชการให้ปฏิบัติงานในหน้าที่ประจาในจังหวัดชายแดนภาคใต้เป็นกรณี
พิเศษ ดังนี้
56
56 55
๑. กำรนับระยะเวลำกำรปฏิบัติงำนในหน้ำที่ประจำในจังหวัดชำยแดนภำคใต้เพื่อ
ประโยชนใ์ นกำรแตง่ ตงั้ ให้ดำรงตำแหนง่ สงู ขึน้
ให้ส่วนราชการนับระยะเวลาที่ข้าราชการได้ปฏิบัติงานในหน้าที่ประจาในจังหวัด
ชายแดนภาคใต้ เปน็ ทวีคูณได้ทกุ ตำแหนง่ และทุกสำยงำน สาหรบั ใช้คานวณระยะเวลาในทุกกรณี เพ่ือ
ประโยชนใ์ นการแตง่ ต้ังให้ดารงตาแหนง่ ในระดับทสี่ งู ข้นึ ได้
๒. หลกั เกณฑ์ วิธกี ำรคัดเลือกและแตง่ ตั้ง
2.1 กรณกี ำรเล่อื นขน้ึ แต่งตัง้ ให้ดำรงตำแหน่งในระดบั ท่สี งู ขนึ้
(1) ตาแหน่งสาหรับผู้ปฏิบัติงานท่ีมีประสบการณ์ (ตาแหน่งประเภททั่วไป)
และตาแหนง่ ประเภทวิชาชีพเฉพาะ
ให้ ส่ ว น ร า ช ก า ร ก า ห น ด ห ลั ก เก ณ ฑ์ แ ล ะ วิ ธี ก า ร คั ด เลื อ ก บุ ค ค ล ต า ม
ความเหมาะสม โดยพิจารณาคัดเลือกจากความรู้ ความสามารถ ผลการปฏิบัติงานที่ผ่านมาและ / หรือ
ข้อเสนอแนวคิด วิธีการพัฒนา / การแก้ไขปัญหางานที่ดาเนินการอยู่ในพ้ืนท่ีให้มีคุณภาพและ
ประสิทธิภาพยิ่งขึ้น ท้ังน้ี อาจกาหนดให้มีคณะกรรมการเป็นผู้ดาเนินการคัดเลือกก็ได้ โดยไม่ต้อง
ดาเนินการตามหลักเกณฑ์ในหนังสือสานักงาน ก.พ. ท่ี นร 1006/ว 10 ลงวันท่ี 15 กันยายน 2548
และเมอื่ คดั เลอื กได้บคุ คลทเ่ี หมาะสมแล้ว ให้แต่งตง้ั ได้
(2) ตาแหน่งซ่ึงมีลักษณะงานที่ต้องปฏิบัติงานโดยอาศัยความรู้ ความชานาญ
และประสบการณ์เฉพาะตวั สาหรับสายงานที่เรม่ิ ตน้ จากระดบั 1 และระดับ 2
ให้ ส่ ว น ร า ช ก า ร ก า ห น ด ห ลั ก เก ณ ฑ์ แ ล ะ วิ ธี ก า ร คั ด เลื อ ก บุ ค ค ล ต า ม
ความเหมาะสม โดยพิจารณาคัดเลือกจากความรู้ ความสามารถ และผลการปฏิบัติงานที่ผ่านมา
ทงั้ นี้ อาจกาหนดใหม้ ีคณะกรรมการเป็นผู้ดาเนินการคัดเลือกก็ได้ โดยไม่ต้องดาเนินการตามหลักเกณฑ์
ในหนังสือสานักงาน ก.พ. ที่ นร 1006/ว34 ลงวันที่ 29 ตุลาคม 2547 และเม่ือคัดเลือกได้บุคคล
ทเ่ี หมาะสมแลว้ ใหแ้ ตง่ ต้งั ได้
(3) คุณสมบตั ิของผูไ้ ด้รบั แต่งตงั้
- มีคุณสมบัตติ รงตามคณุ สมบตั เิ ฉพาะสาหรบั ตาแหน่งทจี่ ะแต่งตั้ง
- มีระยะเวลาข้ันต่าในการดารงตาแหน่งหรือเคยดารงตาแหน่ง ในสาย
งานท่ีจะแต่งต้ังหรือสายงานอื่นที่มีลักษณะงานเก่ียวข้องหรือเกื้อกูล ตามคุณวุฒิของบุคคลและระดับ
ตาแหน่งท่ีแต่งตั้งตามท่ีกาหนดในหนังสือสานักงาน ก.พ. ท่ี นร 1006/ว 34 ลงวันท่ี 29 ตุลาคม
2547 หรือ ท่ี นร 1006/ว 10 ลงวันที่ 15 กันยายน 2548 สาหรับการเลื่อนขึ้นแต่งต้ัง
ให้ดารงตาแหนง่ ตาม (1) ไม่จาเป็นต้องมรี ะยะเวลาการดารงตาแหน่งในสายงานท่จี ะแตง่ ต้งั (ตน้ ทนุ )
กาหนด (ถ้ามี) - มีใบอนุญาตประกอบวิชาชีพ และ/ หรือมีคุณวุฒิเพ่ิมเติมตามท่ี ก.พ.
57 การประ ุชมและกก ุลามร ่ีทบ ิร๑หารงาน ุบคคล
57 56
2.2 กรณีกำรเล่ือนขึ้นแต่งต้งั ใหด้ ำรงตำแหน่งในระดบั ท่ีไม่สูงกว่ำเดิม
(1) ตาแหน่งสาหรับผู้ปฏิบัติงานท่ีมีประสบการณ์ (ตาแหน่งประเภทท่ัวไป)
และตาแหน่งประเภทวิชาชพี เฉพาะ และตาแหน่งประเภทเชย่ี วชาญเฉพาะ
ให้ ส่ ว น ร า ช ก า ร ก า ห น ด ห ลั ก เก ณ ฑ์ แ ล ะ วิ ธี ก า ร คั ด เลื อ ก บุ ค ค ล ต า ม
ความเหมาะสม โดยพิจารณาคัดเลือกจากความรู้ ความสามารถ ผลการปฏิบัติงานท่ีผ่านมา โดยไม่ต้อง
ดาเนินการตามหลักเกณฑ์ในหนังสือสานักงาน ก.พ. ที่ นร 0708.4/ว 16 ลงวันที่ 29 กันยายน
2538 และ ที่ นร 1006/ว 10 ลงวันท่ี 15 กันยายน 2548 และเม่ือคัดเลือกได้บุคคลที่เหมาะสม
แล้วใหแ้ ต่งตงั้ ได้
(2) ตาแหน่งซ่ึงมีลักษณะงานท่ีตอ้ งปฏิบัติงานโดยอาศัยความรู้ ความชานาญ
และประสบการณเ์ ฉพาะตัว สาหรับสายงานทเี่ ริ่มต้นจากระดบั 1 และระดับ 2
ให้ส่วนราชการกาหนดหลักเกณฑ์และวิธีการคัดเลือกบุคค ลตาม
ความเหมาะสม โดยพิจารณาคัดเลือกจากความรู้ ความสามารถ ผลการปฏิบัติงานที่ผ่านมา โดยไม่ต้อง
ดาเนินการตามหลักเกณฑ์ในหนังสือสานักงาน ก.พ. ท่ี นร 1006/ว34 ลงวันที่ 29 ตุลาคม 2547
และเมอื่ คัดเลือกได้บคุ คลท่เี หมาะสมแลว้ ใหแ้ ต่งตัง้ ได้
(3) การแต่งตั้งให้ดารงตาแหน่งระดับ 6 ขึ้นไปสาหรับสายงานที่เริ่มต้นจาก
ระดับ 3 ถา้ ผูน้ ั้นไม่เคยดารงตาแหนง่ ในสายงานท่ีเร่มิ ต้นจากระดับ 3 มากอ่ น แตต่ าแหนง่ ที่ดารงอยนู่ ้ัน
มีหน้าท่ีความรับผิดชอบและลักษณะงานที่ปฏิบัติคล้ายคลึงกับตาแหน่งที่จะแต่งตั้ง เช่น สายงาน
เจ้าหน้าที่บริหารงานส่งเสริมสหกรณ์กับสายงานนักวิชาการสหกรณ์ เป็นต้น ก็ให้แต่งตั้งได้ โดยไม่ต้อง
ดาเนินการตามหนงั สอื สานักงาน ก.พ. ที่ นร 0711/ว 12 ลงวนั ที่ 1 ตลุ าคม 2533
กาหนด (ถ้ามี) (4) คณุ สมบตั ิของผูไ้ ดร้ ับแตง่ ตงั้
- มคี ุณสมบตั ติ รงตามคุณสมบัตเิ ฉพาะสาหรบั ตาแหน่งท่จี ะแตง่ ต้งั
- มีใบอนุญาตประกอบวิชาชีพ และ /หรือมีคุณวุฒิเพิ่มเติมตามท่ี ก.พ.
3. การดาเนินการตามข้อ 1 และข้อ 2 ส่วนราชการอาจมอบอานาจให้หัวหน้า
สว่ นราชการชายแดนภาคใต้ ดาเนนิ การแทนได้
4. สาหรับพนักงานหรือข้าราชการตามกฎหมายอื่นที่ประสงค์จะขอโอนมาบรรจุเป็น
ขา้ ราชการพลเรือนสามัญและแต่งต้ังให้ดารงตาแหน่งเพ่ือปฏิบัติงานในหน้าที่ประจาในจังหวัดชายแดน
ภาคใต้ ให้ใชห้ ลักเกณฑ์ วธิ ีการคัดเลอื กและแตง่ ตั้งตามข้อ 2
5. ให้ทุกส่วนราชการสนับสนุนและส่งเสริมให้ข้าราชการพลเรือนสามัญผู้ปฏิบัติงาน
ในหน้าท่ปี ระจาในจังหวดั ชายแดนภาคใตม้ โี อกาสกา้ วหนา้ ในตาแหน่ง ถ้าผ้ใู ดมคี ณุ สมบตั ิครบถว้ น และมี
ความเหมาะสม กใ็ ห้เร่งดาเนนิ การคัดเลือกโดยเรว็ และเมือ่ ได้รบั การแต่งต้ังแล้ว ควรต้องใหป้ ฏิบัตหิ น้าที่
อยใู่ นพ้นื ท่ตี อ่ ไปอกี ไมน่ ้อยกวา่ 2 ปี เวน้ แต่มเี หตผุ ลความจาเปน็ พเิ ศษ
58 57
58
จึงเรียนมาเพ่ือโปรดทราบและถือปฏบิ ัติตอ่ ไป
ขอแสดงความนับถอื
(ลงช่ือ) สราวธุ เบญจกุล
(นายสราวุธ เบญจกุล)
รองเลขาธกิ ารสานักงานศาลยุตธิ รรม ปฏบิ ตั ิราชการแทน
เลขาธกิ ารสานกั งานศาลยตุ ธิ รรม
59 การประ ุชมและกก ุลามร ่ีทบ ิร๑หารงาน ุบคคล
59 58
(สาเนา)
ที่ นร 1006/ว 1 สานกั งาน ก.พ.
ถนนพิษณโุ ลก กทม. 10300
14 เมษายน 2551
เรื่อง การบริหารงานบุคคลในจงั หวดั ชายแดนภาคใต้
เรียน (เวียนกระทรวง กรม จังหวัด)
อ้างถงึ 1. หนังสอื สานกั งาน ก.พ. ที่ นร 0711/ว 12 ลงวนั ท่ี 1 ตลุ าคม 2533
2. หนงั สือสานกั งาน ก.พ. ท่ี นร 0708.4/ว 16 ลงวันที่ 29 กันยายน 2538
3. หนงั สอื สานกั งาน ก.พ. ท่ี นร 1006/ว 34 ลงวันท่ี 29 ตุลาคม 2547
4. หนังสือสานกั งาน ก.พ. ที่ นร 1006/ว 35 ลงวนั ที่ 29 พฤศจกิ ายน 2547
5. หนงั สอื สานักงาน ก.พ. ที่ นร 1006/ว 10 ลงวันที่ 15 กันยายน 2548
โดยที่ระเบียบสานักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยบาเหน็จความชอบสาหรับเจ้าหน้าที่
ผู้ปฏิบัติงานในจังหวัดชายแดนภาคใต้ พ.ศ. 2550 ข้อ 20 และข้อ 21 กาหนดให้หน่วยงานของรัฐ
นับระยะเวลาท่ีเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานได้ปฏิบัติงานในหน้าท่ีประจาในจังหวัดชายแดนภาคใต้เป็นทวีคูณ
สาหรับใช้ในการคานวณระยะเวลาการดารงตาแหน่งหรือเคยดารงตาแหน่งในสายงานที่จะแต่งต้ัง
เพ่ือประโยชน์ในการแต่งต้ังให้ดารงตาแหน่งสูงข้ึน ตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่องค์กรกลางบริหารงาน
บุคคลแต่ละประเภทกาหนด และให้สนับสนุนและส่งเสริมให้มีโอกาสก้าวหน้าในตาแหน่งด้วย เพื่อเป็น
การสร้างขวัญ กาลังใจและแรงจูงใจให้แก่เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานในจังหวัดชายแดนภาคใต้ ซ่ึงต้อง
ปฏิบตั ิงานในภาวะไมป่ กติ ประกอบกบั แนวทางการบริหารงานบุคคลในพ้ืนท่ีชายแดน 3 จงั หวัดภาคใต้
(นราธวิ าส ปัตตานี ยะลา) ตามหนังสอื ท่ีอา้ งถึง 4 ได้สิน้ ผลลงเมือ่ วนั ที่ 21 กรกฎาคม 2548 เนื่องจาก
ได้มีการประกาศเลิกใช้กฎอัยการศึกในพ้ืนที่ดังกล่าว ดังนั้น เพ่ือให้สอดคล้องกับวัตถุประสงค์ของ
ระเบียบข้างต้น และสนับสนุนให้การบริหารงานบุคคลในพ้ืนที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ มีความคล่องตัว
และเหมาะสม อาศัยอานาจตามความในมาตรา 57 มาตรา 58 มาตรา 59 มาตรา 60 และมาตรา 61
แห่งพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ. 2 535 ประกอบกับมาตรา 131 และ
มาตรา 132 แห่งพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ. 2551 ก.พ. จึงมีมติให้กาหนด
หลักเกณฑ์การบริหารงานบุคคลสาหรับข้าราชการพลเรือนสามัญ ซ่ึงได้รับคาส่ังจากทางราชการ
ให้ปฏิบตั งิ านในหน้าที่ประจาในจงั หวดั ชายแดนภายใตเ้ ป็นกรณีพิเศษ ดังน้ี
1. กำรนับระยะเวลำกำรปฏิบัติงำนในหน้ำที่ประจำในจังหวัดชำยแดนภำคใต้
เพอื่ ประโยชนใ์ นกำรแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งสูงขึ้น
ให้ส่วนราชการนับระยะเวลาที่ข้าราชการพลเรือนสามัญได้ปฏิบัติงานในหน้าที่
ประจาในจังหวัดชายแดนภาคใต้ เป็นทวีคูณได้ทุกตำแหน่งและทุกสำยงำน สาหรับใช้คานวณ
ระยะเวลาในทุกกรณี เพ่ือประโยชนใ์ นการแต่งตั้งให้ดารงตาแหน่งในระดบั ที่สงู ข้ึนได้
60 59
2. หลักเกณฑ วิธีการคดั เลือกและแตง ตง้ั
2.1 กรณีการเล่ือนขนึ้ แตง ต้ังใหด าํ รงตําแหนงในระดบั ทส่ี งู ขนึ้
(1) ตาํ แหนงสาํ หรับผูปฏิบัติงานที่ประสบการณ (ตาํ แหนงประเภทท่ัวไป)
และตาํ แหนง ประเภทวิชาชพี เฉพาะ
ให ส ว น ร า ช ก า ร กํ า ห น ด ห ลั ก เก ณ ฑ แ ล ะ วิ ธี ก า ร คั ด เลื อ ก บุ ค ค ล ต า ม
ความเหมาะสม โดยพิจารณาคัดเลือกจากความรู ความสามารถ ผลการปฏิบัติงานท่ีผานมา และ/หรือ
ขอ เสนอแนวคดิ วิธีการพัฒนา/การแกปญ หางานท่ีดําเนินการอยใู นพื้นที่ใหมีคณุ ภาพและประสิทธิภาพ
ยิ่งข้ึน ท้ังน้ี อาจกําหนดใหมีคณะกรรมการเปนผูดําเนินการคัดเลือกก็ได โดยไมตองดําเนินการตาม
หลักเกณฑในหนังสอื ทอ่ี า งถึง 5 และเมือ่ คัดเลอื กไดบ ุคคลทเ่ี หมาะสมแลว ใหแ ตง ตั้งได
(2) ตาํ แหนงซ่ึงมีลักษณะงานท่ีตอ งปฏิบัตงิ านโดยอาศัยความรู ความชํานาญ
และประสบการณเ ฉพาะตัว สาํ หรบั สายงานที่เร่มิ ตนจากระดับ 1 และระดบั 2
ให ส ว น ร า ช ก า ร กํ า ห น ด ห ลั ก เก ณ ฑ แ ล ะ วิ ธี ก า ร คั ด เลื อ ก บุ ค ค ล ต า ม
ความเหมาะสม โดยพิจารณาคัดเลือกจากความรู ความสามารถ และผลการปฏิบัติงานท่ีผานมา ทั้งนี้
อาจกําหนดใหมีคณะกรรมการเปนผูดําเนินการคัดเลือกก็ได โดยไมตองดําเนินการตามหลักเกณฑ
ในหนงั สือที่อางถงึ 3 และเม่ือคดั เลอื กไดบุคคลที่เหมาะสมแลว ใหแตงตั้งได
(3) คณุ สมบัติของผูไดร ับแตง ตงั้
- มีคณุ สมบตั ิตรงตามคุณสมบตั เิ ฉพาะสาํ หรบั ตําแหนงทีจ่ ะแตงตงั้
- มีระยะเวลาขัน้ ตํ่าในการดาํ รงตาํ แหนงหรอื เคยดํารงตําแหนง ในสายงาน
ท่ีจะแตงต้ังหรือสายงานอื่นที่มีลักษณะงานเกี่ยวของหรือเกื้อกูล ตามคุณวุฒิของบุคคลและระดับ
ตําแหนงที่จะแตงตั้งตามที่กําหนดในหนังสือที่อางถึง 3 หรือ 5 สําหรับการเลื่อนขึ้นแตงตั้ง
ใหดาํ รงตําแหนงตาม (1) ไมจ ําเปน ตอ งมีระยะเวลาการดาํ รงตาํ แหนง ในสายงานที่จะแตงตั้ง (ตน ทนุ )
- มีใบอนุญาตประกอบวิชาชีพ และ/หรือมีคุณวุฒิเพ่ิมเติมตามท่ี ก.พ.
กําหนด (ถาม)ี
2.2 กรณกี ารแตงตั้งใหดํารงตาํ แหนง ในระดบั ท่ไี มสูงกวาเดมิ
(1) ตําแหนงสําหรับผูปฏิบัติงานที่มีประสบการณ (ตําแหนงประเภทท่ัวไป)
ตาํ แหนงประเภทวชิ าชีพเฉพาะ และตําแหนง ประเภทเชี่ยวชาญเฉพาะ
ให ส ว น ร า ช ก า ร กํ า ห น ด ห ลั ก เก ณ ฑ แ ล ะ วิ ธี ก า ร คั ด เลื อ ก บุ ค ค ล ต า ม
ความเหมาะสม โดยพิจารณาคัดเลือกจากความรคู วามสามารถ และผลการปฏิบัติงานท่ีผานมา โดยไมตอง
ดําเนินการตามหลักเกณฑในหนังสือที่อางถึง 2 และ 5 และเม่ือคัดเลือกไดบุคคลท่ีเหมาะสมแลว
ใหแตงต้ังได
(2) ตําแหนงซึ่งมีลักษณะงานท่ตี อ งปฏิบัติงานโดยอาศัยความรูความชํานาญ
และประสบการณเฉพาะตัว สาํ หรบั สายงานท่เี ร่ิมตน จากระดบั 1 และระดับ 2
ให ส ว น ร า ช ก า ร กํ า ห น ด ห ลั ก เก ณ ฑ แ ล ะ วิ ธี ก า ร คั ด เลื อ ก บุ ค ค ล ต า ม
ความเหมาะสม โดยพิจารณาคัดเลือกจากความรู ความสามารถ และผลการปฏิบัติงานที่ผานมาโดยไมตอง
ดําเนินการตามหลกั เกณฑในหนงั สอื ทีอ่ างถงึ 3 และเมอ่ื คดั เลอื กไดบคุ คลที่เหมาะสมแลว ใหแตงต้งั ได
(3) การแตงต้ังใหดํารงตําแหนงระดับ 6 ข้ึนไปสําหรับสายงานท่ีเร่ิมตนจาก
ระดับ 3 ถา ผนู น้ั ไมเคยดาํ รงตาํ แหนงในสายงานท่เี ร่ิมตน จากระดับ 3 มากอน แตตําแหนงที่ดาํ รงอยนู ้ัน
61 60 การประ ุชมและกก ุลามร ่ีทบ ิร๑หารงาน ุบคคล
มีหนาที่ความรับผิดชอบและลักษณะงานท่ีปฏิบัติคลายคลึงกับตําแหนงท่ีจะแตงต้ัง เชน สายงาน
เจาหนาที่บริหารงานสงเสริมสหกรณกับสายงานนักวิชาการสหกรณ เปนตน ก็ใหแตงตั้งไดโดยไมตอง
ดําเนินการตามหนงั สือท่ีอางถึง 1
กาํ หนด (ถาม)ี (4) คณุ สมบตั ิของผไู ดร บั แตงตั้ง
- มคี ณุ สมบัตติ รงตามคุณสมบัติเฉพาะสาํ หรบั ตาํ แหนง ทจ่ี ะแตง ตง้ั
- มีใบอนุญาตประกอบวิชาชีพ และ/หรือมีคุณวุฒิเพิ่มเติมตามท่ี ก.พ.
3. การดําเนินการตามขอ 1 และขอ 2 สวนราชการอาจมอบอํานาจใหผูวาราชการ
จงั หวดั ชายแดนภาคใตดาํ เนนิ การแทนได
4. สําหรับพนักงานหรือขาราชการตามกฎหมายอ่ืนที่ประสงคจะโอนมาบรรจุ
เปนขาราชการพลเรือนสามัญและแตงต้ังใหดํารงตําแหนงเพ่ือปฏิบัติงานในหนาที่ประจําในจังหวัด
ชายแดนภาคใตใ หใ ชห ลักเกณฑว ิธกี ารคัดเลือกและแตง ต้ังตามขอ 2
5. ใหทุกสวนราชการสนับสนุนและสงเสริมใหขาราชการพลเรือนสามัญผูปฏิบัติงาน
ในหนาทีป่ ระจําในจังหวัดชายแดนภาคใตม ีโอกาสกาวหนา ในตําแหนง ถา ผใู ดมคี ุณสมบัติครบถว น และ
มคี วามเหมาะสมกใ็ หเ รง ดาํ เนนิ การคดั เลอื กโดยเรว็ และเม่ือไดรบั การแตงต้งั แลวควรตองใหป ฏบิ ตั หิ นาท่ี
อยใู นพ้ืนทตี่ อ ไปอีกไมน อยกวา 2 ป เวนแตมีเหตผุ ลความจําเปน พิเศษ
จึงเรียนมาเพื่อโปรดทราบและถือปฏิบัติตอไป ทั้งนี้ ไดแจงใหกรมและจังหวัดตาง ๆ
ทราบดวยแลว
ขอแสดงความนับถอื
(ลงช่อื ) ปรชี า วัชราภยั
(นายปรชี า วัชราภัย)
เลขาธกิ าร ก.พ.
62
62 61
(สาเนา)
ท่ี ศย 004/ว 29 (ป) สานักงานศาลยตุ ธิ รรม
ถนนรัชดาภิเษก เขตจตุจกั ร
กรุงเทพมหานคร 10900
9 มนี าคม 2553
เรอ่ื ง สทิ ธกิ ารลาพกั ผ่อนประจาปขี องเจ้าหนา้ ท่ีผปู้ ฏิบัตงิ านในจงั หวดั ชายแดนภาคใต้
เรียน หวั หนา้ หนว่ ยงานในสงั กัดสานักงานศาลยุตธิ รรม
สงิ่ ท่ีส่งมาดว้ ย สาเนาหนงั สอื สานักนายกรัฐมนตรี ที่ นร 0106/ว 264 ลงวนั ที่ 9 กมุ ภาพนั ธ์ 2553
ด้วยสานักงานศาลยุติธรรมขอซักซ้อมความเข้าใจเก่ียวกับสิทธิการลาพักผ่อนประจาปี
ของเจ้าหน้าท่ีผปู้ ฏบิ ัตงิ านในจงั หวัดชายแดนภาคใต้ 2 กรณี ดงั ตอ่ ไปนี้
กรณีท่ี 1 ตามระเบยี บสานักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยบาเหน็จความชอบสาหรับเจ้าหน้าท่ี
ผู้ปฏิบัติงานในจังหวัดชายแดนภาคใต้ พ.ศ. 2550 ข้อ 23 ให้สิทธิแก่เจ้าหน้าท่ีผู้ปฏิบัติงานในหน้าที่
ประจาในจังหวัดชายแดนภาคใต้ต่อเน่ืองกันไม่น้อยกว่า 3 เดือน มีสิทธิลาพักผ่อนประจาปีในปีหน่ึงได้
เพม่ิ ขน้ึ มากกวา่ ข้าราชการท่ัวไปอกี 10 วันทาการ กเ็ พื่อเป็นการสร้างขวญั กาลังใจ และเป็นแรงจูงใจให้
เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานได้อยู่ปฏิบัติงานในจังหวัดชายแดนภาคใต้และให้เจ้าหน้าท่ีผู้ปฏิบัติงานซ่ึงได้
เสยี สละอุทิศตนและม่งุ ม่ันตงั้ ใจปฏบิ ัติงานประจาในจังหวัดชายแดนภาคใตซ้ ่ึงเป็นพน้ื ทเ่ี สย่ี งภัยอันตราย
ไดร้ บั สทิ ธลิ าพักผอ่ นประจาปเี พ่มิ ขน้ึ อกี 10 วนั ทาการ เพอ่ื จะได้ผ่อนคลายจากการปฏิบตั ิงานในภาวะไมป่ กติ
ได้มากกว่าข้าราชการท่ัวไป ดังนั้น เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานที่จะได้รับสิทธิลาพักผ่อนประจาปีเพิ่มขึ้น
ตามระเบียบฯ จึงต้องเป็นเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานในหน้าท่ีประจาในจังหวัดชายแดนภาคใต้ และจะต้อง
ใชส้ ิทธลิ าพักผอ่ นในขณะที่ปฏิบตั ิงานประจาในจังหวัดชายแดนภาคใต้ ดังนนั้ เมื่อเจ้าหนา้ ที่ผู้ปฏบิ ตั ิงาน
ได้พ้นจากการปฏิบัติหน้าท่ีในจังหวัดชายแดนภาคใต้แล้ว จึงไม่มีสิทธิลาพักผ่อนประจาปีเพ่ิ มขึ้น
ตามระเบียบสานักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยบาเหน็จความชอบสาหรับเจ้าหน้าท่ีผู้ปฏิบัติงานในจังหวัด
ชายแดนภาคใต้ พ.ศ. 2550 และไม่มีสิทธิสะสมวันลาพักผ่อนประจาปีดังกล่าวได้ รายละเอียดปรากฏ
ตามส่ิงที่ส่งมาด้วยพร้อมนี้
กรณีท่ี 2 กรณพี นกั งานราชการศาลยตุ ธิ รรมท่ปี ฏบิ ตั ิหน้าทใ่ี น 3 จังหวดั ชายแดนภาคใต้
ต า ม ร ะ เบี ย บ ค ณ ะ ก ร ร ม ก า ร ข้ า ร า ช ก า ร ศ า ล ยุ ติ ธ ร ร ม เรื่ อ ง ค่ า ต อ บ แ ท น แ ล ะ สิ ท ธิ ป ร ะ โย ช น์ ข อ ง
พนักงานราชการศาลยุติธรรม ข้อ 14 (4) กาหนดให้พนักงานราชการศาลยุติธรรมลาพักผ่อนประจาปี
ให้ได้รับค่าตอบแทนระหว่างลาได้ปีหน่ึงไม่เกิน 10 วัน น้ัน คณะกรรมการข้าราชการศาลยุติธรรม
ในการประชุม คร้ังท่ี 2/2553 เม่ือวันท่ี 28 มกราคม 2553 มีมติเห็นว่าหลักเกณฑ์คณะกรรมการ
ข้าราชการศาลยุติธรรมดังกล่าว เป็นการกาหนดหลักเกณฑ์ทั่วไปของสิทธิในการลาพักผ่อนและ
ได้คา่ ตอบแทน ส่วนระเบียบสานกั นายกรัฐมนตรี วา่ ดว้ ยบาเหนจ็ ความชอบสาหรับเจ้าหนา้ ทผ่ี ้ปู ฏบิ ตั งิ าน
ในจังหวัดชายแดนภาคใต้ พ.ศ. 2550 กาหนดเพื่อให้สิทธิพิเศษท้ังบาเหน็จความชอบที่เป็นตัวเงินและ
มใิ ชเ่ ป็นตวั เงนิ ให้กบั ผปู้ ฏิบัตงิ านในพ้นื ท่ี 3 จงั หวดั ชายแดนภาคใต้ ซงึ่ คณะกรรมการบรหิ ารศาลยุตธิ รรม
63 การประ ุชมและกก ุลามร ่ีทบ ิร๑หารงาน ุบคคล
63 62
ไดม้ มี ตใิ นการประชมุ ครัง้ ท่ี 3/2551 เมอื่ วนั ที่ 12 มีนาคม 2551 ให้สานกั งานศาลยตุ ธิ รรมถอื ปฏบิ ัติ
ตามระเบียบสานักนายกรัฐมนตรีดังกล่าวด้วย ซ่ึงครอบคลุมท้ังในส่วนของข้าราชการศาลยุติธรรม และ
พนักงานราชการศาลยุติธรรมให้ได้รับสทิ ธิลาพักผอ่ นเพ่มิ เติมโดยได้รับคา่ ตอบแทนระหว่างลาด้วย ทั้งนี้
ให้มีผลต้งั แต่วนั ท่ี 30 สิงหาคม 2550 เป็นตน้ ไป
จงึ เรียนมาเพ่ือทราบและถอื ปฏิบัติต่อไป
ขอแสดงความนับถอื
(ลงชอื่ ) วิรชั ชนิ วนิ จิ กลุ
(นายวริ ัช ชนิ วินจิ กุล)
เลขาธกิ ารสานกั งานศาลยตุ ธิ รรม
64 63
(สาํ เนา)
ท่ี นร 0106/ว 264 สาํ นกั นายกรฐั มนตรี
ทาํ เนียนรัฐบาล กทม. 10300
9 กมุ ภาพนั ธ 2553
เรอื่ ง สิทธกิ ารลาพกั ผอ นประจาํ ปของเจาหนาทผี่ ูป ฏบิ ตั ิงานในจงั หวัดชายแดนภาคใต
เรียน เลขาธิการสํานกั งานศาลยตุ ิธรรม
ดวยปรากฏวาไดมีสวนราชการตาง ๆ ขอหารือเกี่ยวสิทธิการลาพักผอนประจําปของ
เจาหนาที่ผูปฏิบัติงานในจังหวัดชายแดนภาคใตตามระเบียบสํานักนายกรัฐมนตรี วาดวยบําเหน็จ
ความชอบสําหรับเจาหนาท่ีผูปฏิบัติงานในจังหวัดชายแดนภาคใต พ.ศ. 2550 กรณีผูท่ีไดปฏิบัติงาน
ในหนาทปี่ ระจาํ ในจังหวัดชายแดนภาคใต ซึ่งมสี ทิ ธกิ ารลาพกั ผอนประจําในปหนง่ึ ไดเ พ่ิมข้ึนอกี สบิ วันทาํ การ
และมีสิทธิสะสมวันลาพักผอนกับวันลาพักผอน ในปปจจุบันไมเกินส่ีสิบวันทําการ เม่ือผูน้ันไดรับ
การแตงต้ัง (ยา ย) ตามคําสัง่ ของสวนราชการใหไปปฏบิ ัติงานในหนา ท่ปี ระจําในพ้ืนท่ีจังหวัดอ่ืน ซ่ึงมิใช
พ้ืนท่ีในจังหวัดชายแดนภาคใต ผูนั้นจะยังคงมีสิทธิในการลาพักผอนประจําปเพ่ิมขึ้นอีกจํานวน
10 วันทําการ หรอื ไม และยังคงมสี ิทธสิ ะสมวันลาพกั ผอนไดไมเกนิ จาํ นวน 40 วนั ทําการ หรือไม
สํานักนายกรัฐมนตรีไดพิจารณาแลวเห็นวา เพื่อใหการปฏิบัติเก่ียวกับการลาพักผอน
ประจําปของเจาหนาที่ผูปฏิบัติงานในจังหวัดชายแดนภาคใตตามระเบียบดังกลาวเปนไปดวยความ
ถูกตองจึงใครขอแจงคําวินิจฉัยของคณะกรรมการพิจารณาบําเหน็จความชอบสําหรับเจาหนาที่
ผูปฏิบัติงานในจังหวัดชายแดนภาคใต (ก.บ.จ.ต.) ตามระเบียบสํานักนายกรัฐมนตรี วาดวยบําเหน็จ
ความชอบสําหรับเจาหนาท่ีผูปฏิบัติงานในจังหวัดชายแดนภาคใต พ.ศ. 2550 ขอ 7 (7) ซ่ึงไดเคย
วินิจฉัยในประเด็นขอหารือดังกลาวในการประชุม ก.บ.จ.ต. ครั้งท่ี 1/2551 เม่ือวันที่ 14 มีนาคม
2551 โดย ก.บ.จ.ต. ไดว นิ ิจฉัยไวค วามวา ตามระเบียบสํานักนายกรฐั มนตรี วาดวยบําเหนจ็ ความชอบ
สําหรับเจาหนาท่ีผูปฏิบัติงานในจังหวัดชายแดนภาคใต พ.ศ. 2550 ขอ 23 ใหสิทธิแกเจาหนาที่
ผูปฏิบัติงานซึ่งไดปฏิบัติงานในหนาท่ีประจําในจังหวัดชายแดนภาคใตตอเน่ืองกันไมนอยกวาสามเดือน
มีสิทธิลาพักผอนประจําปในปหน่ึงไดเพ่ิมขึ้นมากกวาขาราชการทั่วไปอีก 10 วันทําการ ก็เพ่ือเปน
การสรางขวัญกําลังใจ และเปนแรงจูงใจใหเจาหนาท่ีผูปฏิบัติงานไดอยูปฏิบัติงานในจังหวัดชายแดน
ภาคใต และใหเจาหนาท่ีผูปฏิบัติงานซ่ึงไดเสียสละอุทิศตนและมุงม่ันต้ังใจปฏิบัติงานประจําในจังหวัด
ชายแดนภาคใตซึ่งเปนพื้นที่เส่ียงภัยอันตรายไดรับสิทธิลาพักผอนประจําปเพิ่มขึ้นอีก 10 วันทําการ
เพ่ือจะไดผอนคลายจากการปฏิบัติงานในภาวะไมปกติไดมากกวาขาราชการทั่วไป ดังนั้น เจาหนาที่
ผูปฏิบัติงานที่จะไดรับสิทธิลาพักผอนประจําปเพ่ิมขึ้นตามระเบียบฯ จึงตองเปนเจาหนาท่ีผูปฏิบัติงาน
ในหนาที่ประจําในจังหวัดชายแดนภาคใต และจะตองใชสิทธิลาพักผอนในขณะที่ปฏิบัติงานประจํา
ในจังหวดั ชายแดนภาคใต ดังน้ัน ในกรณขี อหารือของสว นราชการตาง ๆ ดังกลา วขางตน เมอ่ื เจา หนาท่ี
ผูปฏิบัติงานไดพนจากการปฏิบัติหนาที่ในจังหวัดชายแดนภาคใตแลว จึงไมมีสิทธิลาพักผอนประจําป
65 64 การประ ุชมและกก ุลามร ่ีทบ ิร๑หารงาน ุบคคล
เพิ่มขึ้นตามระเบียบสํานักนายกรัฐมนตรี วาดวยบําเหน็จความชอบสําหรับเจาหนาท่ีผูปฏิบัติงาน
ในจงั หวดั ชายแดนภาคใต พ.ศ. 2550 และไมม ีสิทธสิ ะสมวันลาพกั ผอนประจาํ ปดงั กลา วได
จึงเรยี นมาเพ่อื โปรดทราบ และกรณุ าแจง สว นราชการในสงั กัดทราบและถือปฏิบตั ติ อไป
ขอแสดงความนับถอื
(ลงช่อื ) จตรุ งค ปญ ญาดลิ ก
(นายจตรุ งค ปญญาดลิ ก)
ปลัดสาํ นักนายกรฐั มนตรี
66 65
66
แนวปฏบิ ตั เิ ก่ียวกับบาเหน็จความชอบทมี่ ใิ ช่ตวั เงนิ ของ
เจ้าหนา้ ท่ีผปู้ ฏบิ ตั ิงานในจงั หวดั ชายแดนภาคใต้
สิทธิลาพักผ่อน ตามระเบียบสานักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยบาเหน็จความชอบสาหรับ
เจ้าหน้าท่ีผู้ปฏิบัติงานในจังหวัดชายแดนภาคใต้ พ.ศ. 2550 ข้อ 23 ให้เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานซ่ึงได้
ปฏิบัติงานในหน้าท่ีประจาในจังหวัดชายแดนภาคใต้ต่อเนื่องกันไม่น้อยกว่าสามเดือน มีสิทธิลาพักผ่อน
ประจาปใี นปหี น่ึงได้เพิ่มขึ้นอีกสิบวนั ทาการ ถา้ ในปีใดเจ้าหน้าทีผ่ ู้ปฏิบัติงานผู้ใดมิไดล้ าพักผ่อนประจาปี
หรือลาพักผ่อนประจาปีแล้วแต่ไม่ครบยี่สิบวันทาการ ให้สะสมวันที่ยังมิได้ลาในปีนั้นรวมเข้ากับปีตอ่ ๆ ไป
ได้ แตว่ นั ลาพกั ผอ่ นสะสมรวมกับวนั ลาพกั ผอ่ นในปปี จั จบุ ันจะตอ้ งไม่เกินสสี่ ิบวันทาการ
มใิ หน้ าความในวรรคหน่ึงมาใช้บงั คบั กับหน่วยงานของรัฐท่มี ไิ ด้กาหนดให้มสี ิทธิลาพักผอ่ น
ตารางแสดงรายการกรณีท่ีข้าราชการฝ่ายตุลาการ ปฏิบัติงานในพื้นที่ครบ 3 เดือน และได้รับสิทธิ
ลาพกั ผอ่ นพเิ ศษเพิ่ม 10 วนั ทาการ
อายุราชการ วนั ลาพักผ่อนสะสม วันลาพกั ผ่อนพเิ ศษ รวมวนั ลาพักผอ่ นสะสม
อยูใ่ นพ้ืนท่ี
ครบ 3 เดอื น
6 เดอื น 10 10 20
1 ปขี ึ้นไป 10 ปี 20 10 30
10 ปีขนึ้ ไป 30 10 40
- กรณีเรมิ่ รับราชการมาครบ 6 เดือน มีสิทธิลาพักผ่อน 10 วันทาการ หากปฏิบัติงาน
ในพืน้ ท่ีครบ 3 เดือน จะได้วนั ลาพกั ผอ่ นสะสมพเิ ศษ 10 วนั ทาการ รวมเป็น 20 วนั ทาการ
- กรณีรับราชการ 1 ปีข้ึนไป - 10 ปี มีวันลาพักผ่อนสะสม 20 วันทาการ หากปฏิบัติงาน
ในพ้นื ทีค่ รบ 3 เดือน จะได้วนั ลาพักผ่อนสะสมพเิ ศษ 10 วันทาการ รวมเป็น 30 วนั ทาการ
- กรณีรับราชการครบ 10 ปี มีวันลาพักผ่อนสะสม 30 วันทาการ หากปฏิบัติงาน
ในพ้นื ท่คี รบ 3 เดือน จะได้วันลาพกั ผอ่ นสะสมพิเศษ 10 วนั ทาการ รวมเปน็ 40 วันทาการ
หมายเหตุ หากอยู่ในพ้ืนทจี่ ะมวี นั ลาพกั ผ่อนสะสมได้ไมเ่ กิน 40 วนั ทาการ
67 การประ ุชมและกก ุลามร ่ีทบ ิร๑หารงาน ุบคคล
67 66
ตารางที่ 1 กรณีท่อี ยู่ในพ้นื ทค่ี รบ 3 เดือน
อายุราชการ ปี รวม ปี วันลา วันลา รวมวันลา วันลา
งบประมาณ วันลา งบประมาณ พักผอ่ น พักผ่อน สะสม/ สะสมไม่
สะสม ประจาปี พิเศษ พกั ผ่อน เกิน 40
อย่ใู นพ้นื ท่ี ประจาปี วนั ทาการ
ครบ 3 /พกั ผ่อน
เดือน พิเศษ
1 ปขี ึน้ ไป - 10 ปี 2551 30 2552 10 10 50 40
10 ปีขึน้ ไป 2551 40 2552 10 10 60 40
- กรณรี บั รำชกำร 1 ปี ขึ้นไป – 10 ปี
ปงี บประมาณ 2551 มวี นั ลาพกั ผ่อนสะสม 30 วนั ทาการ
ปีงบประมาณ 2552 มีวนั ลาพักผอ่ นสะสม 10 วนั ทาการ
วันลาสะสมพเิ ศษ 10 วันทาการ
รวม 50 วันทาการ
วนั ลาพักผอ่ นในปีปจั จุบันต้องไม่เกนิ 40 วันทำกำร
- กรณรี ับรำชกำรครบ 10 ปี มวี นั ลาพกั ผอ่ นสะสม 40 วนั ทาการ
ปงี บประมาณ 2551 มีวนั ลาพักผ่อนสะสม 10 วันทาการ
ปีงบประมาณ 2552 วนั ลาสะสมพิเศษ 10 วันทาการ
รวม 60 วนั ทาการ
วันลาพักผอ่ นในปปี ัจจุบันตอ้ งไมเ่ กิน 40 วันทำกำร
68
68 67
ตารางที่ 2 การนบั วนั ลาพักผอ่ นสะสมภายในปงี บประมาณและปงี บประมาณถดั ไป
กรณีออกนอกพนื้ ท่ี
กรณีท่ี 1 สาหรับผู้ที่ได้รบั ราชการตดิ ต่อกันมาแลว้ นอ้ ยกวา่ 10 ปี ให้มสี ทิ ธนิ าวันลาพักผอ่ นสะสมรวม
กับวนั ลาพกั ผอ่ นในปปี จั จบุ นั ไดไ้ มเ่ กนิ 20 วนั ทาการ
ปีงบประมาณ วันลา วันลา วนั ลา ลาหยุด คงเหลอื
2551 พกั ผอ่ น พักผอ่ น พักผอ่ น
สะสม ประจาปี พเิ ศษ 24 16
19 (40-24=16)
40 - - (1 ต.ค.51 -
10 10 ม.ี ค.52) 17
2552 16 (16+10+10-19=17)
ปีงบประมาณ 2551 มวี นั ลาพกั ผอ่ นสะสม 40 วนั ทาการ
ได้ลาหยดุ พักผอ่ น 24 วนั ทาการ
คงเหลอื วนั ลาพกั ผ่อนสะสม 16 วันทาการ
(40 - 24= 16 วันทาการ)
ปงี บประมาณ 2552 มีวันลาพกั ผ่อนสะสม 16 วนั ทาการ
รวมปงี บประมาณ 2552 ไดว้ ันลาพักผอ่ นประจาปี 10 วนั ทาการ
ไดว้ ันลาพักผอ่ นพเิ ศษ 10 วนั ทาการ
มีวันลาพักผ่อนสะสม 36 วันทาการ
(16+10+10= 36 วันทาการ)
ไดล้ าหยุดพักผอ่ นระหวา่ ง 1 ต.ค.51 – ม.ี ค. 52 19 วนั ทาการ
คงเหลอื วนั ลาพักผ่อนสะสม 17 วันทาการ
(36 - 19 = 17 วนั ทาการ)
ออกนอกพ้นื ทีช่ ายแดนภาคใต้ในวนั ที่ 1 เม.ย. 52 มวี นั ลาพักผ่อนสะสม 17 วันทาการ
เมอื่ ออกนอกพน้ื ทมี่ วี ันลาพกั ผ่อนสะสมเดิมก่อนเข้าปฏบิ ตั ิงานในพืน้ ท่ี คือ 20 วนั ทาการ*
ฉะน้ัน จงึ มวี ันลาพกั ผอ่ นสะสมเมอื่ ออกนอกพน้ื ท่ี 17 วนั ทาการ
69 การประ ุชมและกก ุลามร ่ีทบ ิร๑หารงาน ุบคคล
69 68
กรณที ่ี 2 สาหรบั ผทู้ ี่ได้รบั ราชการตดิ ตอ่ กันมาแลว้ ไม่นอ้ ยกว่า 10 ปี ใหม้ สี ิทธนิ าวนั ลาพักผอ่ นสะสม
รวมกบั วนั ลาพักผ่อนในปปี จั จุบนั ได้ไมเ่ กนิ 30 วันทาการ
ปีงบประมาณ วนั ลา วันลา วนั ลา ลาหยดุ คงเหลอื
2551 พักผ่อน พกั ผ่อน พกั ผ่อน
สะสม ประจาปี พเิ ศษ 24 16
2 (40-24=16)
40 - - (1 ต.ค.51-
10 10 มี.ค.52) 34
2552 16 (16+10+10-2 = 34)
ปีงบประมาณ 2551 มวี นั ลาพักผอ่ นสะสม 40 วันทาการ
ไดล้ าหยดุ พกั ผ่อน 24 วันทาการ
คงเหลอื วนั ลาพักผ่อนสะสม 16 วันทาการ
(40 - 24= 16 วนั ทาการ)
ปงี บประมาณ 2552 มีวันลาพักผอ่ นสะสม 16 วนั ทาการ
รวมปีงบประมาณ 2552 ไดว้ นั ลาพักผอ่ นประจาปี 10 วันทาการ
ไดว้ ันลาพกั ผอ่ นพิเศษ 10 วันทาการ
มวี ันลาพักผ่อนสะสม 36 วันทาการ
(16+10+10= 36 วนั ทาการ)
ไดล้ าหยุดพกั ผ่อนระหว่าง 1 ต.ค.51 – ม.ี ค. 52 2 วนั ทาการ
คงเหลอื วนั ลาพกั ผ่อนสะสม 34 วันทาการ
(36 - 2= 34 วนั ทาการ)
ออกนอกพ้นื ท่ีชายแดนภาคใต้ในวนั ท่ี 1 เม.ย. 52 มวี นั ลาพกั ผอ่ นสะสม 34 วนั ทาการ
เมอ่ื ออกนอกพนื้ ที่มวี ันลาพกั ผ่อนสะสมเดมิ กอ่ นเข้าปฏบิ ัตงิ านในพ้นื ที่ คอื 30 วันทาการ*
ฉะน้ัน จงึ มวี นั ลาพกั ผอ่ นสะสมเมอื่ ออกนอกพ้นื ท่ี 30 วันทาการ
* หมายเหตุ ระเบียบคณะกรรมการบริหารศาลยุติธรรม ว่าด้วยการลาหยุดราชการของข้าราชการ
ฝ่ายตุลาการศาลยุติธรรมและลูกจ้างของสานักงานศาลยุติธรรม พ.ศ. 2554 ข้อ 21 ถ้าในปีใด
ข้าราชการศาลยุติธรรมผู้ใดมิได้ลาพักผ่อนประจาปี หรือลาพักผ่อนประจาปีแล้วแต่ไม่ครบ 10 วันทาการ
ให้สะสมวันที่ยังมิได้ลาในปีนั้นรวมเข้ากับปีต่อ ๆ ไปได้ แต่วันลาพักผ่อนสะสมรวมกับวันลาพักผ่อนในปี
ปัจจุบนั จะตอ้ งไม่เกนิ 20 วันทาการ
สาหรบั ผ้ทู ีไ่ ดร้ ับราชการติดต่อกนั มาแลว้ ไม่นอ้ ยกว่า 10 ปี ให้มสี ิทธินาวันลาพักผ่อนสะสม
รวมกบั วนั ลาพกั ผอ่ นในปีปัจจุบนั ได้ไมเ่ กิน 30 วนั ทาการ
70
70 69
(สาเนา)
ที่ ศย 004/ว 41 (ป) สานักงานศาลยุตธิ รรม
ถนนรัชดาภเิ ษก เขตจตุจกั ร
กรุงเทพมหานคร 10900
16 มีนาคม 2561
เร่ือง การลาพักผ่อนของลกู จ้างชว่ั คราวผ้ปู ฏิบตั ิงานในจังหวดั ชายแดนภาคใต้
เรยี น หวั หน้าหนว่ ยงานในสังกัดสานักงานศาลยตุ ธิ รรม
อ้างถงึ หนงั สอื สานักงานศาลยตุ ธิ รรม ที่ ศย 004/ว 29 (ป) ลงวนั ที่ 9 มนี าคม 2553
ตามหนังสือที่อ้างถึง สานักงานศาลยุติธรรมได้แจ้งซักซ้อมความเข้าใจเก่ียวกับสิทธิ
การลาพักผ่อนประจาปีของเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานในจังหวัดชายแดนภาคใต้ และมติคณะกรรมการ
ข้าราชการศาลยุติธรรมท่ีกาหนดให้พนักงานราชการศาลยุติธรรมที่ปฏบิ ัติงานประจาในจังหวัดชายแดน
ภาคใต้ได้รับสทิ ธิลาพกั ผอ่ นในปหี น่ึงเพิ่มขนึ้ อีกสบิ วนั ทาการ โดยได้รบั ค่าตอบแทนระหวา่ งลา นน้ั
บัดน้ี คณะกรรมการข้าราชการศาลยุติธรรมได้มีมติในการประชุมครั้งท่ี 3/2561
เม่ือวันที่ 15 มีนาคม 2561 เห็นชอบให้ลูกจ้างช่ัวคราวที่จ้างจากงบประมาณรายจ่ายประจาปีซ่ึงได้
ปฏิบัติงานในหน้าที่ประจาในจังหวัดชายแดนภาคใต้ต่อเนื่องกันไม่น้อยกว่าสามเดือน มีสิทธิลาพักผ่อน
ประจาปีในปีหนึง่ ได้เพ่ิมขนึ้ อกี สบิ วนั ทาการ รวมเปน็ ในปหี นึง่ มสี ิทธิลาพักผ่อนประจาปไี ดย้ ี่สิบวันทาการ
และมีสิทธไิ ด้รับเงนิ เดือนระหว่างลา โดยไม่สามารถสะสมวันลาพักผอ่ นได้
จึงเรียนมาเพ่ือโปรดทราบและถอื ปฏบิ ตั ติ อ่ ไป
ขอแสดงความนับถอื
(ลงช่ือ) สราวธุ เบญจกุล
(นายสราวธุ เบญจกลุ )
เลขาธกิ ารสานักงานศาลยตุ ธิ รรม
71 การประ ุชมและกก ุลามร ่ีทบ ิร๑หารงาน ุบคคล
71 70
(สาเนา)
ท่ี ศย 004/ว 30 (ป) สานกั งานศาลยุตธิ รรม
ถนนรชั ดาภเิ ษก เขตจตุจักร
กทม. 10900
18 มีนาคม 2557
เร่ือง แนวทางปฏิบตั กิ ารแตง่ กายปฏบิ ัติราชการของข้าราชการศาลยตุ ธิ รรม ลกู จ้าง
และพนักงานราชการศาลยตุ ธิ รรม
เรยี น หวั หน้าหนว่ ยงานในสงั กดั สานักงานศาลยตุ ิธรรม
อา้ งถึง หนงั สือสานักงานศาลยุตธิ รรมที่ ศย 004/ว 606 ลงวนั ที่ 28 ธนั วาคม 2547
สง่ิ ทีส่ ่งมาด้วย แนวทางปฏบิ ตั กิ ารแต่งกายปฏิบตั ริ าชการของขา้ ราชการศาลยุติธรรมฯ
ตามหนังสือที่อ้างถึง แจ้งแนวทางปฏิบัติการแต่งกายชุดกางเกงปฏิบัติราชการของ
ข้าราชการศาลยุติธรรมและลูกจ้างสตรีในสานักงานศาลยุติธรรม ให้หน่วยงานในสังกัดทราบและ
ถือปฏบิ ตั ิ เพอ่ื ความสะดวกคล่องตัว ความปลอดภยั และความมปี ระสิทธภิ าพในการทางาน น้นั
โดยท่ีคณะกรรมการข้าราชการศาลยุติธรรม ได้มีมติในการประชุมครั้งท่ี 2/2557
เม่ือวันที่ 22 มกราคม 2557 เห็นว่า การแต่งกายของข้าราชการศาลยุติธรรม ลูกจ้าง และพนักงาน
ราชการศาลยตุ ธิ รรม บางคนไม่สุภาพเรยี บรอ้ ย และไมเ่ หมาะสม จงึ มอบหมายให้สานกั งานศาลยตุ ิธรรม
พิจารณาทบทวนแนวทางปฏิบัติเกี่ยวกับการแต่งกายของข้าราชการศาลยุติธรรม ลูกจ้าง และพนักงาน
ราชการศาลยุติธรรมในสานักงานศาลยุติธรรม เพื่อเป็นการสะท้อนภาพลักษณ์ท่ีดีและเพ่ือให้เกิดความ
เป็นระเบียบเรียบร้อย ซึ่งสานักงานศาลยุติธรรมได้ทบทวนและกาหนดแนวทางปฏิบัติการแต่งกายของ
ข้าราชการศาลยุติธรรมดังกล่าวและรายงาน ก.ศ. เพื่อทราบ ในการประชุมครั้งท่ี 3/2557 เม่ือวันท่ี
12 กมุ ภาพนั ธ์ 2557 และท่ีประชุมมีมติเหน็ ชอบดว้ ยแล้ว รายละเอียดปรากฏตามสิ่งทส่ี ่งมาดว้ ย
จึงเรียนมาเพื่อโปรดทราบ ทั้งนี้ ขอได้แจ้งให้เจ้าหน้าท่ีในสังกัดหน่วยงานนี้ทราบและ
ถือปฏบิ ัติตอ่ ไป
ขอแสดงความนบั ถือ
(ลงช่อื ) ภัทรศักด์ิ วรรณแสง
(นายภัทรศกั ด์ิ วรรณแสง)
เลขาธิการสานักงานศาลยตุ ิธรรม
72
72 71
แนวทางปฏิบัตกิ ารแตง่ กายปฏิบตั ริ าชการของข้าราชการศาลยุตธิ รรม ลกู จ้าง
และพนกั งานราชการศาลยตุ ิธรรม ในสานกั งานศาลยตุ ธิ รรม
(แนบทา้ ยหนังสอื สานักงานศาลยุตธิ รรมท่ี ศย 004/ว30 (ป) ลงวนั ที่ 18 มนี าคม 2557)
ด้วยสานักงานศาลยุติธรรมเห็นสมควรกาหนดแนวทางการปฏิบัติเกี่ยวกับการแต่งกาย
ปฏิบัติราชการของขา้ ราชการศาลยุติธรรม ลูกจ้าง และพนักงานราชการศาลยตุ ธิ รรม ในสังกัดสานกั งาน
ศาลยุติธรรม เพื่อความสะดวกคล่องตัว ความปลอดภัยและความมีประสิทธิภาพในการปฏิบัติงาน
โดยมแี นวทางดังน้ี
1. การแต่งการเคร่ืองแบบปกติขาว และเคร่ืองแบบสีกากี ให้ปฏิบัติตามกฎ ระเบียบ
สานักนายกรฐั มนตรี
2. การแต่งกายปฏบิ ัติราชการ ใหแ้ ต่งกายสุภาพเรยี บรอ้ ย
2.1.กรณีสุภาพสตรีนอกจากชุดกระโปรงสุภาพแล้ว สามารถแต่งกายชุดกางเกง
สุภาพได้ด้วย แต่ตอ้ งคานึงถงึ ความเหมาะสมตามโอกาสต่าง ๆ รวมถงึ บคุ คลและสถานทด่ี ้วย ซึ่งการแต่ง
กายชดุ กางเกงสุภาพกาหนดให้เปน็ ชุดสูทแบบสามชิ้น มีรายละเอียดดังนี้
ก. เสื้อเปน็ แบบและสีสภุ าพ
ข. เสือ้ ตวั นอกแขนยาวหรือแขนส้นั
ค. กางเกงขายาว ขาตรง ทรงสุภาพ ไม่พับปลายขา และเป็นสีที่เหมาะสม
เช่น สีดา สีเทา สีน้าตาล หรือสีกรมท่า ท้ังนี้ กางเกงต้องไม่รัดรปู เอวต่า และขาลอย และไม่ใช้ผา้ ยืด หรือ
ผ้ายนี
2.2.กรณีแต่งกายด้วยเส้ือยืด ต้องมีปกและมีแขน ไม่รัดรูป โดยเป็นเส้ือท่ีมีตรา
สัญลักษณ์เฉลิมพระเกียรติ หรือตราสัญลักษณ์ศาลยุติธรรม/สานักงานศาลยุติธรรมหรือตราหน่วยงาน
เป็นแบบและสีสุภาพ โดยสวมให้ชายเส้ือเข้าในกางเกงหรือกระโปรงให้เรียบรอ้ ย ท้ังน้ี เพ่ือมิให้การสวม
เสื้อยืดมสี ีหลากหลาย หนว่ ยงานควรจะให้เจา้ หน้าท่ีสวมเสอ้ื สเี ดียวกันในวันใดวันหนึ่ง หรือสวมสูท หรือ
เส้อื แจค็ เกต็ ทับอกี ช้นั หน่ึง เพอ่ื ให้ดสู วยงามและเปน็ ระเบียบเรยี บรอ้ ยยิ่งขนึ้
2.3.รองเท้าต้องเป็นรองเท้าหุ้มส้น หรือรัดส้น แบบและสีสุภาพ และต้องไม่สวม
รองเท้าแตะ
3. ให้ผบู้ งั คบั บัญชาสอดสอ่ งดูแลการแตง่ กายของข้าราชการศาลยุตธิ รรม ลูกจ้าง และ
พนักงานราชการศาลยุติธรรมในสังกัด โดยให้แต่งกายตามแบบท่ีกาหนด และแต่งกายสุภาพเรียบร้อย
ทงั้ นี้ เพื่อเป็นการส่งเสริมจริยธรรมขา้ ราชการศาลยุติธรรม ลกู จา้ ง และพนกั งานราชการศาลยุติธรรมดว้ ย
73 72 การประ ุชมและกก ุลามร ่ีทบ ิร๑หารงาน ุบคคล
73
คาสัง่ สานกั งานศาลยุตธิ รรม
ท่ี 693/2563
เรือ่ ง มอบอานาจในการบรหิ ารงานบุคคลของขา้ ราชการศาลยตุ ธิ รรมและลูกจา้ ง
ตามที่ได้มีคาส่ังสานักงานศาลยุติธรรมท่ี 890/2549 ลงวันท่ี 18 กันยายน พ.ศ.
2549 มอบอานาจในการบรหิ ารงานบคุ คลของขา้ ราชการศาลยตุ ธิ รรมและลูกจ้าง ให้ผ้อู านวยการสานกั
ศาลยุติธรรมประจาภาค ผู้อานวยการสานักอานวยการประจาศาล และผู้อานวยการสานักงานประจา
ศาลนัน้
เนอ่ื งจากสานักงานศาลยตุ ธิ รรมเห็นควรปรับปรุงแนวทางปฏิบัตเิ กีย่ วกับการประเมนิ ผล
การทดลองปฏิบัติหน้าท่ีราชการและการมอบอานาจการบริหารงานบุคคลให้มีความสอดคล้องกับ กฎ
ก.พ.ว่าด้วยการทดลองปฏิบัติหน้าที่ราชการและการพัฒนาข้าราชการท่ีอยู่ระหว่างทดลองปฏิบัติหน้าที่
ราชการ พ.ศ. 2553 เพื่อให้การมอบอานาจการบริหารงานบุคคลมีความคล่องตัว และมีประสิทธิภาพ
ยิ่งขึน้ จงึ ใหย้ กเลิกคาส่ังสานกั งานศาลยุตธิ รรมดงั กล่าว และเหน็ ควรมอบอานาจในการบริหารงานบคุ คล
ของข้าราชการศาลยุติธรรมและลูกจ้าง ในสานักงานศาลยุติธรรมประจาภาค สานักอานวยการประจา
ศาล และสานกั งานประจาศาล
อาศัยอานาจตามความในมาตรา 8 แห่งพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการ
ศาลยุติธรรม พ.ศ. 2543 ระเบียบคณะกรรมการขา้ ราชการศาลยุติธรรม ว่าด้วยการบริหารงานบุคคล
ของสานักงานศาลยุติธรรม พ.ศ. 2544 และระเบียบคณะกรรมการข้าราชการศาลยุติธรรมว่าด้วยการ
รักษาราชการแทนและการปฏิบัติราชการแทนในตาแหน่งของข้าราชการศาลยุติธรรม พ.ศ. 2544
ระเบียบคณะกรรมการข้าราชการศาลยุติธรรม ว่าด้วยลูกจ้างของสานักงานศาลยุติธรรม พ.ศ. 2544
ระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยลูกจ้างประจาของส่วนราชการ พ.ศ. 2537 เลขาธิการสานักงานศาล
ยุติธรรมจึงมอบอานาจให้ผู้อานวยการสานักศาลยุติธรรมประจาภาค ผู้อานวยการสานักอานวยการ
ประจาศาล และผ้อู านวยการสานกั งานประจาศาล มีอานาจ ดังน้ี
1. ดาเนินการประเมนิ ผลการทดลองปฏิบัติหน้าทร่ี าชการของขา้ ราชการศาลยตุ ธิ รรมใน
สานักศาลยุติธรรมประจาภาค สานักอานวยการประจาศาล หรือสานักงานประจาศาล แล้วแต่กรณี
ตามที่กฎ ก.พ. ว่าด้วยการทดลองปฏิบัติหน้าที่ราชการและการพัฒนาข้าราชการท่ีอยู่ระหว่างทดลอง
ปฏิบัตหิ นา้ ท่รี าชการ พ.ศ. 2553 กาหนดให้เปน็ อานาจของผู้มอี านาจส่งั บรรจุ
2. การดาเนินการทางวินัย และการดาเนินการในกรณีอื่นใดของลูกจ้างประจาและ
ลกู จ้างช่ัวคราวในสานักศาลยตุ ิธรรมประจาภาค สานกั อานวยการประจาศาล หรือสานักงานประจาศาล
แล้วแต่กรณีตามที่ระเบียบคณะกรรมการข้าราชการศาลยุติธรรม ว่าด้วยลูกจ้างของสานักงานศาล
ยตุ ธิ รรม พ.ศ. 2544 และระเบียบกระทรวงการคลงั วา่ ดว้ ยลกู จ้างประจาของส่วนราชการ พ.ศ. 2537
กาหนดให้เป็นอานาจของผู้มีอานาจสั่งบรรจุ ยกเว้นการส่ังบรรจุแต่งตั้ง การโอนไปแต่งต้ังให้ดารง
ตาแหน่งในต่างกระทรวง ทบวง กรม การแต่งตั้งไปดารงตาแหน่งใหม่ การบรรจุลกู จ้างประจาซึ่งลาออก
74
74 73
จากราชการทีม่ ิใช่การออกจากราชการเพอื่ ไปรับราชการทหารตามกฎหมายว่าด้วยการรับราชการทหาร
กลับเขา้ รับราชการ
3. การส่งั จ้าง การเลิกจ้าง และการสั่งอนุญาตให้ลาออกจากราชการของลูกจา้ งช่ัวคราว
ในสานักศาลยตุ ิธรรมประจาภาค สานกั อานวยการประจาศาล หรอื สานกั งานประจาศาล แลว้ แตก่ รณี
อนึง่ การใดทีอ่ ย่รู ะหวา่ งดาเนนิ การตามคาส่งั สานักงานศาลยุติธรรม ท่ี 890/2549 ลง
วันที่ 18 กนั ยายน พ.ศ. 2549 ใหด้ าเนินการตอ่ ไปจนกวา่ จะแลว้ เสรจ็
ทงั้ นี้ ตั้งแต่บัดนเี้ ป็นต้นไป
สงั่ ณ วันท่ี 22 พฤษภาคม พ.ศ. 2563
(ลงช่อื ) สราวธุ เบญจกลุ
(นายสราวธุ เบญจกลุ )
เลขาธกิ ารสานกั งานศาลยตุ ธิ รรม
75 การประ ุชมและกก ุลามร ่ีทบ ิร๑หารงาน ุบคคล
75 74
3
กำรยำ้ ยเปลยี่ นสำยงำน กำรยำ้ ย และกำรโอน
76
77 75 การประ ุชมและกก ุลามร ่ีทบ ิร๑หารงาน ุบคคล
77
ระเบียบคณะกรรมการขา้ ราชการศาลยตุ ธิ รรม
วา่ ดว้ ยการย้ายเปลีย่ นสายงานขา้ ราชการศาลยตุ ธิ รรม
พ.ศ.2544
อาศัยอานาจตามความในมาตรา 21 (1) แห่งพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการ
ศาลยุติธรรม พ.ศ. 2543 คณะกรรมการข้าราชการศาลยุติธรรม (ก.ศ.) โดยได้รับความเห็นชอบจาก
คณะกรรมการบริหารศาลยตุ ิธรรม (ก.บ.ศ.) จงึ ออกระเบียบไว้ ดังต่อไปน้ี
ข้อ 1 ระเบียบนเ้ี รียกวา่ "ระเบยี บคณะกรรมการข้าราชการศาลยุติธรรมวา่ ด้วยการย้าย
เปลย่ี นสายงานข้าราชการศาลยุตธิ รรม พ.ศ. 2544"
ขอ้ 21 ระเบียบน้ีใหใ้ ช้บังคบั ตงั้ แตว่ นั ถัดจากวันประกาศในราชกิจจานเุ บกษาเป็นตน้ ไป
ข้อ 3 ให้สานักงานศาลยุติธรรมย้ายข้าราชการศาลยุติธรรมไปแต่งต้ังให้ดารงตาแหน่ง
ใน ระดับเดียวกัน ในต่างสายงาน ได้เม่ือข้าราชกา รศาลยุติธรรมผู้น้ั น เป็น ผู้มีวุฒิ ตรงตามท่ีกาห นด ไว้
เป็นคุณสมบัติเฉพาะสาหรับตาแหน่งของสายงานท่ีจะแต่งตั้งใหม่ โดยไม่จาเป็นต้องเป็นผู้ท่ีได้
ปฏิบตั ิราชการเกี่ยวกับงานนัน้ หรืองานอื่นที่เกี่ยวขอ้ งมากอ่ น
ข้อ 4 การย้ายข้าราชการศาลยุติธรรม ตามข้อ 3 ไปแต่งต้ังให้ดารงตาแหน่งใด
ให้เปน็ ไปตามหลกั เกณฑแ์ ละวิธกี ารทสี่ านกั งานศาลยตุ ิธรรมกาหนด โดยความเห็นชอบของ ก.ศ.
ขอ้ 5 ให้ ก.ศ. มอี านาจกากบั ติดตาม และวนิ จิ ฉัยปัญหาในการปฏิบัติตามระเบยี บนี้
ข้อ 6 ใหป้ ระธานกรรมการขา้ ราชการศาลยตุ ิธรรมรกั ษาการตามระเบียบนี้
ประกาศ ณ วนั ที่6 ธนั วาคม พ.ศ.2544
(ลงช่ือ) สถติ ย์ ไพเราะ
(นายสถติ ย์ ไพเราะ)
รองประธานศาลฎกี า
ประธานกรรมการขา้ ราชการศาลยตุ ธิ รรม
1 ราชกิจจานเุ บกษา เล่ม 119/ตอนท่ี 3 ก/หน้า 7/7 มกราคม 2545
78 76
78
ระเบียบคณะกรรมการข้าราชการศาลยุตธิ รรม
วา่ ดว้ ยการย้ายข้าราชการศาลยตุ ิธรรม
พ.ศ. 2546
อาศัยอานาจตามความในมาตรา 21 (1) แห่งพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการ
ศาลยุติธรรม พ.ศ. 2543 คณะกรรมการข้าราชการศาลยุติธรรม (ก.ศ.) โดยได้รับความเห็นชอบจาก
คณะกรรมการบรหิ ารศาลยุติธรรม (ก.บ.ศ.) ออกระเบียบไว้ ดงั ตอ่ ไปนี้
ข้อ 1 ระเบียบน้ีเรียกว่า “ระเบียบคณะกรรมการข้าราชการศาลยุติธรรม ว่าด้วยการ
ยา้ ยข้าราชการศาลยุตธิ รรม พ.ศ. 2546”
ขอ้ 21 ระเบียบนใ้ี หใ้ ช้บงั คบั ตัง้ แตว่ ันถดั จากวนั ประกาศในราชกิจจานุเบกษาเปน็ ตน้ ไป
ข้อ 3 ใหป้ ระธานกรรมการข้าราชการศาลยุติธรรมรักษาการตามระเบียบน้ี
หมวด 1
บทท่วั ไป
ข้อ 4 สานักงานศาลยุติธรรมอาจย้ายข้าราชการศาลยุติธรรมไปแต่งตั้งให้ดารง
ตาแหน่งอืน่ ในระดับเดียวกัน โดยเปล่ียนเลขที่ตาแหนง่ ในสานกั งานศาลยุติธรรมไดไ้ ม่ว่าจะเป็นการย้าย
ในสายงานเดียวกันหรือเป็นการย้ายเปลย่ี นสายงาน
หลักเกณฑ์และวธิ กี าร การยา้ ยเปลยี่ นสายงานให้เปน็ ไปตามระเบยี บวา่ ด้วยการน้ัน
ข้อ 5 ให้สานักงานศาลยุติธรรมพิจารณาการย้ายข้าราชการศาลยุติธรรมโดย
นาข้อเสนอแนะของคณะกรรมการพิจารณาการย้ายข้าราชการศาลยุติธรรมมาประกอบการพิจารณา
เพื่อประโยชน์ในการบริหารราชการของสานักงานศาลยตุ ธิ รรม
ข้อ 6 การย้ายข้าราชการศาลยุติธรรมให้ดาเนินการปีละสองคร้ัง ประมาณเดือน
เมษายนและเดือนตุลาคมของทกุ ปี เว้นแต่กรณีมเี หตุผลความจาเป็นอาจดาเนินการมากกว่านนั้ กไ็ ด้
ข้อ 72 ให้สานักงานศาลยุติธรรมแต่งตั้งคณะกรรมการพิจารณาการย้ายข้าราชการ
ศาลยุติธรรมอย่างน้อยหนึ่งคณะ ประกอบด้วยประธานกรรมการ และกรรมการอีกจานวนไม่เกินส่ีคน
1 ราชกิจจานุเบกษา เลม่ 120/ตอนที่ 53 ก/หนา้ 12/12 มถิ นุ ายน 2546
79 การประ ุชมและกก ุลามร ่ีทบ ิร๑หารงาน ุบคคล
79 77
โดยมีข้าราชการศาลยุติธรรมท่ีดารงตาแหน่งประเภทบริหารหนึ่งคน และผู้แทนที่ ก.ศ. แต่งต้ังหนึ่งคน
เป็นกรรมการและผู้อานวยการสานักการเจ้าหน้าท่หี รือขา้ ราชการในสานักการเจ้าหน้าที่เป็นเลขานุการ
มีหน้าที่พิจารณาและเสนอความเห็นเกี่ยวกับการย้ายข้าราชการศาลยุติธรรมต่อเลขาธิการสานักงาน
ศาลยตุ ธิ รรมหรอื บุคคลที่เลขาธิการสานักงานศาลยุตธิ รรมมอบหมาย
คณะกรรมการตามวรรคหนง่ึ ใหม้ ีวาระอยู่ในตาแหนง่ คราวละไม่เกินหน่งึ ปี
ข้อ 8 ให้คณะกรรมการท่ีได้รับแต่งต้ังมีอานาจหน้าที่พิจารณาการย้ายข้าราชการ
ศาลยุติธรรมตามคุณสมบัติเฉพาะสาหรับตาแหน่ง และให้คานึงถึงสมรรถนะเฉพาะตาแหน่งประกอบ
เหตผุ ลอนื่ ทีเ่ ห็นวา่ จาเปน็
ข้อ 9 ภายใต้บังคับข้อ 8 การพิจารณาการย้ายข้าราชการศาลยุติธรรมไปแต่งตั้งให้
ดารงตาแหน่งที่ปฏิบัติหน้าที่ผู้บริหาร ให้คณะกรรมการที่ได้รับแต่งต้ังพิจาร ณาโดยคานึงถึง
ความเหมาะสม คุณวุฒิ ความรู้ ความสามารถ และประสบการณ์ในการปฏิบัติหน้าท่ีด้านการบริหาร
รวมท้ังผลการประเมินผลงานท่ีผบู้ ังคับบญั ชาและผูพ้ ิพากษาซึ่งเป็นหัวหน้าในศาลยุติธรรมแห่งน้ันจัดทา
ข้ึนประกอบการพจิ ารณาด้วย
ข้อ 103 ข้าราชการศาลยุติธรรมท่ีดารงตาแหน่งผู้อานวยการระดับต้นหรือระดับสูง
ที่ไดป้ ฏิบตั ิหน้าที่เดียวติดต่อกันครบสี่ปีแล้ว ให้ยา้ ยสบั เปล่ียนหน้าที่ไปปฏิบัติหนา้ ท่ีอ่นื ในระดับเดียวกัน
เว้นแต่กรณีมีเหตุผลความจาเป็นเพ่ือประโยชน์ของทางราชการ ให้เลขาธิการสานักงานศาลยุติธรรม
สัง่ ใหป้ ฏิบตั ิหน้าท่ใี นตาแหนง่ และหน้าท่ีเดมิ ต่อคราวละไมเ่ กนิ หน่ึงปี แลว้ รายงานให้ ก.ศ. ทราบโดยเร็ว
ข้อ 114 ให้สานักการเจ้าหน้าท่ีมีหน้าท่ีรับผิดชอบเกี่ยวกับการย้ายข้าราชการศาล
ยตุ ิธรรมและเสนอคณะกรรมการเพือ่ พิจารณาการยา้ ยข้าราชการศาลยตุ ธิ รรมในเรื่อง ดังตอ่ ไปน้ี
(1) กาหนดหลักเกณฑ์การจัดอันดับการรับและรวบรวมคาร้องขอย้ายโดยให้
ความสาคัญตามอันดับจากการแสดงความจานงตามคาร้องขอย้ายท่ีถูกจัดอย่างเป็นระบบความจาเป็น
ในการขอยา้ ยและหรอื เหตผุ ลอ่ืนประกอบการพจิ ารณาเกยี่ วกับการยา้ ย
(2) จัดทาและรวบรวมคุณสมบัติเฉพาะตาแหน่ง สมรรถนะเฉพาะตาแหน่งที่จะ
พจิ ารณาการย้าย
(3) จัดรวบรวมประวัติ ความรู้ ทักษะ ความสามารถ คุณวุฒิ ความประพฤติและ
ประสบการณ์การทางาน รวมทั้งความเห็นของผู้บังคับบัญชาของข้าราชการศาลยุติธรรมท่ีจะพิจารณา
ดาเนินการย้าย
2 ข้อ 7 แก้ไขเพ่ิมเติมโดยระเบียบคณะกรรมการข้าราชการศาลยุติธรรม ว่าด้วยการย้ายข้าราชการศาล
ยุติธรรม (ฉบบั ที่ 2) พ.ศ. 2559
3 ข้อ 10 แก้ไขเพิม่ เติมโดยระเบียบคณะกรรมการขา้ ราชการศาลยตุ ิธรรม ว่าด้วยการย้ายข้าราชการศาล
ยุติธรรม (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2559
4 ข้อ 11 แก้ไขเพม่ิ เติมโดยระเบียบคณะกรรมการขา้ ราชการศาลยตุ ิธรรม ว่าด้วยการย้ายข้าราชการศาล
ยตุ ธิ รรม (ฉบับท่ี 2) พ.ศ. 2559
80
80 78
(4) จดั ทาบัญชีการย้ายจากหลกั เกณฑ์ท่กี าหนดตามระเบียบน้ี แสดงเหตผุ ลโดยสังเขป
(5) ปฏบิ ตั ิหนา้ ท่ีฝา่ ยเลขานกุ ารของคณะกรรมการพิจารณาการย้าย
หมวด 2
ประเภทการยา้ ย
ข้อ 12 การย้ายขา้ ราชการศาลยุติธรรมมสี ามประเภท ตามลาดับความสาคญั คอื
(1) การย้ายเพอ่ื ประโยชน์ของทางราชการ
(2) การย้ายด้วยเหตุผลความจาเปน็ ตามความประสงคข์ องขา้ ราชการศาลยตุ ธิ รรม
(3) การย้ายเพ่ือการพัฒนาเพิ่มพูนศักยภาพและประสบการณ์ตามความประสงค์ของ
ขา้ ราชการศาลยตุ ิธรรม
สว่ นที่ 1
การย้ายเพื่อประโยชนข์ องทางราชการ
ข้อ 13 การย้ายเพ่ือประโยชน์ของทางราชการ ได้แก่ การย้ายเพ่ือให้เป็นไปตามกรอบ
อัตรากาลังข้าราชการศาลยุติธรรม การย้ายเพ่ือเสริมอัตรากาลังที่ว่าง หรือการย้ายด้วยเหตุผลอ่ืน
เพื่อประโยชน์ของทางราชการ
ข้อ 14 การย้ายเพ่ือประโยชน์ของทางราชการให้สานักงานศาลยุติธรรมดาเนินการ
เป็นคราว ๆ ไปได้ตามความจาเป็นและเหมาะสม โดยฟังความเห็นของผู้บังคับบัญชาและผู้พิพากษา
ซง่ึ เป็นหวั หน้าในศาลยุตธิ รรมของข้าราชการศาลยุตธิ รรมแหง่ นั้นประกอบการพิจารณา
สว่ นที่ 2
การยา้ ยด้วยเหตุผลความจาเปน็ ตามความประสงคข์ องขา้ ราชการศาลยตุ ธิ รรม
ขอ้ 15 การย้ายดว้ ยเหตผุ ลความจาเป็นตามความประสงค์ของข้าราชการศาลยุตธิ รรม
ไดแ้ ก่ การยา้ ยดว้ ยเหตุผลความจาเป็นของครอบครวั สุขภาพของร่างกาย ขอกลับภูมิลาเนา คา่ ครองชีพ
หรอื เหตอุ ืน่ ใดซ่งึ เป็นเหตผุ ลของข้าราชการศาลยุติธรรมผขู้ อยา้ ยนัน้
ข้อ 16 ข้าราชการศาลยุติธรรมที่มีความประสงค์ขอย้ายต้องยื่นคาร้องขอย้ายพร้อม
เหตผุ ลความจาเปน็ ตอ่ ผูบ้ ังคบั บัญชาตามลาดับชั้นตามแบบและวิธกี ารท่ีสานักงานศาลยุติธรรมกาหนด
คาร้องขอย้ายด้วยเหตุผลความจาเป็นตามความประสงค์ของข้าราชการศาลยุติธรรม
ใหห้ มดอายุภายในเดอื นธนั วาคมของทุกปี
81 การประ ุชมและกก ุลามร ่ีทบ ิร๑หารงาน ุบคคล
81 79
ข้อ 17 ข้าราชการศาลยุติธรรมท่ีได้รับการบรรจุใหม่ผู้ใดประสงค์ขอย้ายจะต้องได้
ปฏิบัติงานติดต่อกันไม่น้อยกว่าหนึ่งปี นับต้ังแต่วันท่ีไปรายงานตัวเพื่อปฏิบัติงานในตาแหน่งท่ีได้รับ
การแต่งต้ังจึงจะมีสิทธิได้รับการพิจารณาคาร้องขอย้าย เว้นแต่กรณีมีเหตุจาเป็นอย่างยิ่งเป็นพิเศษ
เฉพาะราย
ข้อ 18 ข้าราชการศาลยุติธรรมผู้ใดได้รับการเล่ือนขึ้นดารงตาแหน่งในระดับที่สูงขึ้น
หรือได้รับการแต่งต้ังให้ดารงตาแหน่งใด จะต้องได้ปฏิบัติงานในตาแหน่งที่ได้รับการแต่งต้ังไม่น้อยกว่า
หนึ่งปีนับต้ังแต่วันที่ไปรายงานตัวเพื่อปฏิบัติงาน จึงจะมีสิทธิได้รับการพิจารณาคาร้องขอย้าย เว้นแต่
กรณมี ีเหตจุ าเปน็ อย่างยงิ่ เปน็ พเิ ศษเฉพาะราย
ข้อ 19 ข้าราชการศาลยุติธรรมตาแหน่งผู้อานวยการกองหรือเทียบเท่าข้ึนไป
ผใู้ ดประสงค์ขอย้ายจะต้องได้ปฏิบัติงานในตาแหน่งท่ีได้รบั การแต่งตง้ั ติดต่อกันครบสองปี นบั ต้ังแต่วนั ที่
ไปรายงานตัวเพื่อปฏิบัติงาน จงึ จะมีสทิ ธิไดร้ ับการพิจารณาคาร้องขอย้าย เวน้ แต่กรณมี ีเหตุจาเป็นอย่าง
ยิง่ เป็นพิเศษเฉพาะราย
สว่ นท่ี 3
การยา้ ยเพ่ือการพัฒนาเพิม่ พูนศกั ยภาพและประสบการณ์
ข้อ 20 การย้ายเพื่อการพัฒนาเพ่ิมพูนศักยภาพและประสบการณ์ ได้แก่ การย้ายเพื่อ
เพิม่ พนู ความรู้ และทักษะในการบรหิ ารและการปฏบิ ัติงานของขา้ ราชการศาลยุตธิ รรม
ข้อ 21 ข้าราชการศาลยุติธรรมท่ีมีความประสงค์ขอย้ายเพื่อการพัฒนาเพ่ิมพูน
ศักยภาพและประสบการณ์ต้องยื่นคาร้องขอย้ายต่อผู้บังคับบัญชาตามลาดับชั้นตามแบบและวิธีการท่ี
สานกั งานศาลยตุ ธิ รรมกาหนด
การหมดอายุของคาร้องขอยา้ ยใหน้ าขอ้ 16 มาใชบ้ ังคบั โดยอนโุ ลม
82 80
82
หมวด 3
การย้ายขา้ ราชการศาลยุตธิ รรมในตาแหน่งทมี่ ลี ักษณะงาน
และหนา้ ทคี่ วามรบั ผดิ ชอบท่เี หมือนกนั หรือคล้ายคลงึ กนั 5
ขอ้ 226 การย้ายขา้ ราชการศาลยตุ ิธรรมไปแตง่ ตัง้ ให้ดารงตาแหน่งทมี่ ลี ักษณะงานและ
หน้าท่ีความรับผิดชอบเหมือนกันหรือคลา้ ยคลึงกันกับตาแหน่งท่ีดารงหรือเคยดารงอยู่ ให้กระทาไดโ้ ดย
ไม่ต้องมีการประเมินบุคคลหรือผลงาน เฉพาะตาแหน่งในระดับเดียวกันกับตาแหน่งท่ีดารงหรือ
เคยดารงอยู่เดมิ
การจัดกลุ่มตาแหน่งท่ีมีลักษณะงานและหน้าท่ีความรับผิดชอบท่ีเหมือนกันหรือ
คล้ายคลึงกันให้เป็นไปตามท่ี ก.ศ. กาหนด
ข้อ 237 กรณีการย้ายข้าราชการศาลยุติธรรมที่ไม่ได้กาหนดไว้ในระเบียบนี้
ใหส้ านกั งานศาลยตุ ธิ รรมเสนอ ก.ศ. พจิ ารณา
ขอ้ 248 (ยกเลกิ )
ประกาศ ณ วนั ที่ 4 มิถนุ ายน พ.ศ. 2546
สุประดิษฐ์ หตุ ะสงิ ห์
รองประธานศาลฎกี า
ประธานกรรมการขา้ ราชการศาลยตุ ธิ รรม
5 หมวด 3 การย้ายข้าราชการศาลยุติธรรมในตาแหน่งท่ีมีลักษณะงานและหน้าที่ความรับผิดชอบท่ี
เหมือนกันหรือคล้ายคลึงกัน แก้ไขเพิ่มเติมโดยระเบียบคณะกรรมการข้าราชการศาลยุติธรรม ว่าด้วยการย้ายข้าราชการศาล
ยุติธรรม (ฉบบั ที่ 2) พ.ศ. 2559
6 ข้อ 22 แก้ไขเพิ่มเติมโดยระเบียบคณะกรรมการข้าราชการศาลยุติธรรม ว่าด้วยการย้ายข้าราชการศาล
ยตุ ธิ รรม (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2559
7 ข้อ 23 แก้ไขเพิม่ เติมโดยระเบียบคณะกรรมการข้าราชการศาลยตุ ิธรรม ว่าด้วยการย้ายข้าราชการศาล
ยุตธิ รรม (ฉบบั ท่ี 2) พ.ศ. 2559
8 ขอ้ 24 ยกเลิกโดยระเบยี บคณะกรรมการข้าราชการศาลยุตธิ รรม ว่าด้วยการย้ายขา้ ราชการศาลยุตธิ รรม
(ฉบบั ท่ี 2) พ.ศ. 2559
83 81 การประ ุชมและกก ุลามร ่ีทบ ิร๑หารงาน ุบคคล
83
ระเบยี บคณะกรรมการข้าราชการศาลยตุ ธิ รรม
ว่าดว้ ยการโอนขา้ ราชการศาลยุติธรรม
พ.ศ. 2550
อาศัยอานาจตามความในมาตรา 21 และมาตรา 28 แห่งพระราชบัญญัติระเบียบ
บริหารราชการศาลยุติธรรม พ.ศ. 2543 คณะกรรมการขา้ ราชการศาลยตุ ธิ รรมโดยได้รับความเหน็ ชอบ
จากคณะกรรมการบรหิ ารศาลยตุ ิธรรม ออกระเบยี บไว้ ดังตอ่ ไปนี้
ข้อ 1 ระเบียบนี้เรียกว่า “ระเบียบคณะกรรมการข้าราชการศาลยุติธรรม ว่าด้วย
การโอนข้าราชการศาลยตุ ิธรรม พ.ศ. 2550”
ข้อ 21 ระเบียบน้ีให้ใชบ้ ังคับต้ังแต่วนั ถัดจากวันประกาศในราชกจิ จานุเบกษาเปน็ ต้นไป
ข้อ 3 ในระเบยี บน้ี
“ข้าราชการศาลยุติธรรม” หมายความว่า ข้าราชการผู้มีอานาจหน้าท่ีในทางธุรการ
ซงึ่ ไดร้ ับการบรรจุและแต่งต้ังใหเ้ ปน็ ขา้ ราชการตามกฎหมายว่าด้วยระเบยี บบริหารราชการศาลยุตธิ รรม
“ข้าราชการในหน่วยงานอื่นของรัฐ” หมายความว่า ข้าราชการตามกฎหมายอื่นหรือ
พนักงานขององคก์ รปกครองส่วนท้องถิ่น
ข้อ 4 การโอนข้าราชการศาลยุติธรรมไปบรรจุและแต่งต้ังให้ดารงตาแหน่งข้าราชการ
ในหน่วยงานอ่ืนของรัฐ หรือการโอนข้าราชการในหน่วยงานอื่นของรัฐมาบรรจุและแต่งต้ังให้ดารง
ตาแหน่งข้าราชการศาลยุติธรรม อาจกระทาได้ถ้าเจ้าตัวสมัครใจโดยผู้มีอานาจสั่งบรรจุและแต่งตั้ง
ทาความตกลงกับเจ้าสงั กดั
ขอ้ 5 การรบั โอนข้าราชการในหนว่ ยงานอ่นื ของรฐั มาบรรจุและแตง่ ตง้ั ให้ดารงตาแหนง่
ขา้ ราชการศาลยตุ ธิ รรม ให้คานึงถงึ องค์ประกอบ ดงั ตอ่ ไปนี้
(1) ประโยชน์ทท่ี างราชการจะได้รบั
(2) ความรู้ ความสามารถ ความเหมาะสม คุณวฒุ ิ ความชานาญงาน และประสบการณ์
(3) เปน็ ตาแหน่งท่ขี าดแคลน หรือมีความจาเปน็ ตอ่ ราชการของสานกั งานศาลยุติธรรม
(4) คานึงถึงผลกระทบอันเกิดจากการรับโอน ในด้านงบประมาณ ด้านขวัญกาลังใจ
ของข้าราชการศาลยุติธรรมท่ีปฏิบัติงานอยู่เดิม และกรณีอ่ืนใดท่ีเก่ียวกับการบริหารงานบุคคลของ
สานกั งานศาลยตุ ิธรรม
1 ราชกจิ จานเุ บกษา เล่ม 124/ตอนท่ี 21 ก/หน้า 13/23 เมษายน 2550
84 82
ขอ 6 ตําแหนง ที่จะนํามาใชเพื่อการรับโอน ตองเปน ตําแหนงวางที่มีอัตราเงินเดือนและ
มิใชเปน ตําแหนงท่ตี อ งสงวนไว
ขอ 7 ผูที่ไดรับบรรจุและแตงต้ังใหดํารงตําแหนงใดตองมีคุณสมบัติตรงตาม
คุณสมบัติเฉพาะสําหรับตําแหนงนั้น ตามท่ีคณะกรรมการขาราชการศาลยุติธรรมกําหนดไวใน
มาตรฐานกําหนดตําแหนง
ขอ 82 การรับโอนขาราชการในหนวยงานอ่ืนของรัฐมาบรรจุและแตงตั้งใหดํารง
ตําแหนงขาราชการศาลยุติธรรมในตาํ แหนงประเภทวิชาการ ระดับเชี่ยวชาญขน้ึ ไป ประเภทอํานวยการ
ระดับสูงและประเภทบริหาร ใหคณะกรรมการขาราชการศาลยุติธรรมเปนผูมีอํานาจในการพิจารณา
ใหความเห็นชอบและเปนผูพิจารณากําหนดตําแหนง ระดับ การใหไดรับเงินเดือน และเงินประจํา
ตําแหนง
ขอ 9 การรับโอนขาราชการในหนวยงานอื่นของรัฐมาบรรจแุ ละแตง ต้งั ใหดํารงตาํ แหนง
ขา ราชการศาลยุติธรรมในตําแหนงประเภททั่วไป ระดับอาวุโสลงมา ประเภทวิชาการ ระดับชํานาญการ
พิเศษลงมา และประเภทอํานวยการระดับตน ใหเลขาธิการสํานักงานศาลยุติธรรมเปนผูมีอํานาจ
ในการพิจารณาใหความเห็นชอบและเปนผูพิจารณากําหนดตําแหนง ระดับ การใหไดรับเงินเดือนและ
เงินประจําตําแหนง ทั้งน้ี ใหรายงานผลการดําเนินการไปยังคณะกรรมการขาราชการศาลยุติธรรม
เพือ่ ทราบ3
เลขาธิการสํานักงานศาลยุติธรรมแตงตั้งคณะกรรมการคณะหน่ึง จํานวนไมเกินหาคน
และมีผูรับผิดชอบงานการเจาหนาท่ีเปนกรรมการและเลขานุการ และมีวาระอยูในตําแหนงคราวละ
ไมเกินสองป โดยมีอํานาจหนาท่ีพิจารณาความเหมาะสมของผูยื่นความจํานงขอโอน ท้ังน้ี ใหคํานึงถึง
องคประกอบตามท่ีกําหนดไวในขอ 5 ของระเบียบนี้ และเสนอรายช่ือผูท่ีผานการพิจารณาความ
เหมาะสมตอ เลขาธิการสํานักงานศาลยุตธิ รรมเพ่อื ประกอบการพิจารณารบั โอน
ขอ 10 การรับโอนขาราชการในหนวยงานอ่ืนของรัฐมาบรรจุและแตงต้ังใหดํารง
ตําแหนงเปนขาราชการศาลยุติธรรม ในกรณีเปนผูสอบแขงขันได หรือไดรับการคัดเลือก ใหกระทําได
ตามกฎหมายหรอื ระเบยี บวาดวยการน้นั
ขอ 11 ใหป ระธานกรรมการขาราชการศาลยุตธิ รรมรักษาการตามระเบียบนี้
ในกรณที ่ีมีปญ หาเกยี่ วกับการตีความ หรือการบังคบั ใชระเบียบนี้ ใหประธานกรรมการ
ขา ราชการศาลยุติธรรมเปนผวู ินจิ ฉยั
2 ขอ 8 แกไขเพ่ิมเติมโดยระเบียบคณะกรรมการขาราชการศาลยุติธรรม วาดวยการโอนขาราชการศาล
ยุตธิ รรม (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2559
3 ขอ 9 วรรคหน่ึง แกไขเพิ่มเติมโดยระเบียบคณะกรรมการขาราชการศาลยุติธรรม วาดวยการโอน
ขา ราชการศาลยตุ ิธรรม (ฉบับท่ี 2) พ.ศ. 2559
85 การประ ุชมและกก ุลามร ่ีทบ ิร๑หารงาน ุบคคล
85 83
ขอ้ 11 ให้ประธานกรรมการขา้ ราชการศาลยุติธรรมรกั ษาการตามระเบยี บน้ี
ในกรณีท่ีมีปัญหาเกี่ยวกับการตีความ หรือการบังคับใช้ระเบียบน้ี ให้ประธานกรรมการ
ขา้ ราชการศาลยตุ ธิ รรมเปน็ ผวู้ ินิจฉยั
ประกาศ ณ วนั ที่ 30 มนี าคม พ.ศ. 2550
วริ ัช ล้ิมวชิ ัย
รองประธานศาลฎีกา
ประธานกรรมการข้าราชการศาลยตุ ธิ รรม