แบบประเมินคุณลกั ษณะอันพึงประสงค์
คำชแี้ จง : ให้ผู้สอนสังเกตพฤติกรรมของนกั เรยี นในระหว่างเรยี นและนอกเวลาเรียน แล้วขดี ✓ลงในช่องที่
ตรงกบั ระดบั คะแนน
คณุ ลักษณะ รายการประเมนิ ระดับคะแนน
อนั พึงประสงคด์ า้ น 321
1. รกั ชาติ ศาสน์ 1.1 ยืนตรงเคารพธงชาติ และรอ้ งเพลงชาติ
กษัตริย์ 1.2 เข้าร่วมกจิ กรรมทีส่ ร้างความสามคั คี ปรองดอง และเป็นประโยชน์
ตอ่ โรงเรยี น
1.3 เข้ารว่ มกิจกรรมทางศาสนาทตี่ นนบั ถือ ปฏบิ ตั ิตามหลักศาสนา
1.4 เข้ารว่ มกิจกรรมทเ่ี ก่ยี วกบั สถาบันพระมหากษัตรยิ ต์ ามท่ีโรงเรยี นจัดขนึ้
2. ซอ่ื สัตย์ สจุ ริต 2.1 ใหข้ ้อมูลทถ่ี กู ต้อง และเป็นจริง
2.2 ปฏบิ ัติในสง่ิ ทถ่ี กู ตอ้ ง
3. มวี นิ ยั รับผดิ ชอบ 3.1 ปฏบิ ัติตามขอ้ ตกลง กฎเกณฑ์ ระเบียบ ขอ้ บังคบั
3.2 มคี วามตรงตอ่ เวลาในการปฏิบตั ิกิจกรรมตา่ ง ๆ ในชวี ิตประจำวนั
4. ใฝ่เรียนรู้ 4.1 รจู้ กั ใชเ้ วลาว่างใหเ้ ป็นประโยชน์ และนำไปปฏบิ ตั ิได้
4.2 ศึกษาค้นคว้าความรู้จากสือ่ และเทคโนโลยีสารสนเทศอย่างสมำ่ เสมอ
5. อยูอ่ ย่างพอเพียง 5.1 ใชท้ รัพยส์ ินและส่ิงของของตนเองและส่วนรวมอยา่ งประหยดั
5.2 ใชอ้ ุปกรณ์การเรียนอย่างประหยัดและร้คู ุณคา่
5.3 ใชจ้ า่ ยอยา่ งประหยัดและมีการเก็บออมเงิน
6. มุ่งม่นั ในการทำงาน 6.1 มีความต้งั ใจและพยายามในการทำงานทีไ่ ด้รบั มอบหมาย
6.2 มีความอดทนและไม่ท้อแท้ตอ่ อุปสรรคเพอื่ ให้งานสำเร็จ
7. รักความเป็นไทย 7.1 มีจิตสำนึกในการอนรุ ักษว์ ัฒนธรรมและภูมิปัญญาไทย
7.2 เห็นคณุ คา่ และปฏบิ ัติตนตามวัฒนธรรมไทย
8. มจี ติ สาธารณะ 8.1 อาสาทำงาน ช่วยคิด ช่วยทำกจิ กรรมเพอื่ สว่ นรวม
8.2 เข้าร่วมกจิ กรรม เพ่อื สังคมและสาธารณประโยชน์
เกณฑ์การให้คะแนน ลงชอื่ ...................................................ผู้ประเมนิ
พฤติกรรมท่ปี ฏิบตั ชิ ัดเจนและสม่ำเสมอ
พฤติกรรมทป่ี ฏิบตั ชิ ดั เจนและบอ่ ยคร้งั ............../.................../................
พฤติกรรมที่ปฏิบัติบางครงั้
ให้ 3 คะแนน
ให้ 2 คะแนน
ให้ 1 คะแนน
10. บันทกึ ผลหลงั การสอน
ด้านความรู้
ดา้ นสมรรถนะสำคญั ของผ้เู รียน
ดา้ นคุณลักษณะอนั พึงประสงค์
ด้านความสามารถทางภมู ิศาสตร์
ด้านอื่น ๆ (พฤติกรรมเดน่ หรือพฤติกรรมทมี่ ีปัญหาของนกั เรยี นเป็นรายบคุ คล (ถ้ามี))
ปัญหา/อปุ สรรค
แนวทางการแกไ้ ข
11. ความเห็นของผ้บู ริหารสถานศึกษาหรอื ผทู้ ี่ได้รับมอบหมาย
ข้อเสนอแนะ
ลงช่ือ .................................
( ................................ )
ตำแหนง่ .......
แบบทดสอบก่อนเรยี น
หน่วยการเรยี นรู้ท่ี 2
คำช้ีแจง : ให้นักเรยี นเลือกคำตอบที่ถูกต้องที่สุดเพียงข้อเดียว
1. การท่ปี ระเทศท่วั โลกใหค้ วามสำคญั ตอ่ สิทธิมนษุ ยชนน้นั ค. การเผยแพรข่ อ้ มลู ด้านสิทธมิ นษุ ยชน
เพอ่ื นำไปส่เู ปา้ หมายสำคญั อย่างไร ง. การมสี ่วนร่วมในการออกกฎ ระเบยี บ กติกา
ก. เพ่อื ใหม้ นษุ ยไ์ ดร้ บั การปกปอ้ งและคุม้ ครองอยา่ ง
เท่าเทียมกัน 6. ขอ้ ใดจดั เป็นการมีสว่ นรว่ มในการปกปอ้ งค้มุ ครองผ้อู น่ื
ข. เพอ่ื ลดชอ่ งว่างระหว่างฐานะความเปน็ อยขู่ องมนุษย์ ตามหลกั สทิ ธมิ นษุ ยชนด้วยการ “รบั รู”้
ค. เพ่ือให้มนุษยท์ ุกคนมสี ภาพความเป็นอยูเ่ ทา่ เทียมกนั ก. ขาวชว่ ยเหลอื ผูพ้ กิ าร ผู้สงู อายุ
ง. เพ่อื ใหป้ ระเทศสมาชิกออกกฎหมายเกยี่ วกบั ข. ส้มทำกิจกรรมสร้างสรรคเ์ ด็กและเยาวชน
สทิ ธมิ นษุ ยชน ค. แดงศกึ ษารฐั ธรรมนญู ในบทบญั ญัตเิ กย่ี วกับ
2. การท่ีทกุ คนไดร้ ับการบริการสาธารณสขุ ท่มี มี าตรฐาน สทิ ธมิ นษุ ยชน
โดยไมเ่ สยี คา่ ใชจ้ ่ายนนั้ สอดคลอ้ งกบั ขอ้ ใด ง. แมน้ ถ่ายทอดเอกลกั ษณข์ องชุมชนให้ปรากฏในที่
ก. การมคี วามเป็นอยูท่ ี่ดขี นึ้ สาธารณะ
ข. ความเสมอภาคและเสรภี าพ 7. หน่วยงานบรหิ ารราชการแผน่ ดินในขอ้ ใดทดี่ แู ลเก่ยี วกบั
ค. การพฒั นาคุณภาพชีวติ มนษุ ย์ สทิ ธมิ นษุ ยชน
ง. สทิ ธิ เสรภี าพในการดำเนนิ ชีวิต ก. กระทรวงคมนาคม
3. การท่ชี าวไทยทุกคนมสี ทิ ธิเสรภี าพทางความคดิ การนับ ข. กระทรวงมหาดไทย
ถือ ค. กระทรวงเกษตรและสหกรณ์
ศาสนา สอดคล้องกับสทิ ธิมนุษยชนในข้อใด ง. กระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนษุ ย์
ก. มนุษยไ์ ด้รบั การปฏิบัตอิ ยา่ งยุติธรรม 8. หนา้ ทสี่ ำคญั ของคณะกรรมการสทิ ธมิ นษุ ยชนแห่งชาติ
ข. มนษุ ยท์ กุ คนได้รับโอกาสเทา่ เทยี มกัน คืออะไร
ค. มนุษย์มีอิสระ เสรภี าพในการดำเนินชีวติ ก. บรหิ ารราชการเกี่ยวกับเรอื่ ง สทิ ธิมนษุ ยชน
ง. มนุษย์ทกุ คนได้รบั การปฏบิ ตั ิด้วยความเสมอภาค ข. ดำเนินการลงโทษต่อผูท้ ี่ละเมดิ สิทธิมนุษยชน
4. “ชาวบ้านในแต่ละชมุ ชนจะมสี ว่ นร่วมในการอนรุ ักษ์ ค. ประสานความร่วมมอื กบั องคก์ รตา่ งๆ ดา้ น
ประเพณีภมู ิปญั ญาท้องถน่ิ ” ข้อความดังกลา่ วสอดคล้อง สทิ ธิมนษุ ยชน
ง. ตรวจสอบและรายงานการกระทำหรอื การละเมดิ
กับสิทธขิ องชาวไทยตามหลักสทิ ธิมนุษยชน สทิ ธิมในุษข้อยใชดน
ก. สิทธิชุมชน 9. การท่นี กั เรียนทกุ คนได้เรยี นในโรงเรยี นระดบั การศกึ ษา
ข. สิทธิในการบรกิ าร ข้ันพนื้ ฐาน สอดคลอ้ งกับสทิ ธมิ นษุ ยชนในเร่ืองใด
ค. สิทธสิ ่วนบุคคล ก. สทิ ธเิ สรภี าพในการศกึ ษา
ง. สิทธิในการศกึ ษา ข. สิทธเิ สมอภาคในการศกึ ษา
5. ขอ้ ใดจดั วา่ เป็นการมสี ่วนร่วมในการสรา้ งสรรคด์ ้าน ค. สทิ ธใิ นกระบวนการยตุ ิธรรม
สทิ ธิมนุษยชน ง. สิทธิเสรภี าพในการรับรู้ขอ้ มลู ขา่ วสาร
ก. การชว่ ยเหลือบคุ คลและสงั คม 10. ถา้ นกั เรยี นพบเด็กท่ีถูกทอดทงิ้ ใชแ้ รงงานผิดกฎหมาย
ข. การกำจดั มลพิษทมี่ ผี ลต่อสขุ อนามยั นอกจากจะแจง้ ตำรวจแลว้ จะสามารถขอความรว่ มมอื
จากองค์กรเอกชนดา้ นสิทธิมนุษยชนในขอ้ ใด 16. ขอ้ ใดสอดคล้องกบั คำว่า “สทิ ธมิ นษุ ยชน”
ก. มลู นิธิเดก็ ก. เอกบังคบั เพอ่ื นให้เข้าร่วมกลมุ่ กบั ตน
ข. กรมแรงงาน ข. นัทไมไ่ ปใช้สิทธเิ ลอื กต้ังเพราะติดธุระสำคญั
ค. กระทรวงยุตธิ รรม ค. รุ้งไดร้ บั การศึกษาขัน้ พืน้ ฐานทด่ี ีและมงี านทำ
ง. กรมคมุ้ ครองสทิ ธเิ สรภี าพ ง. ก๊ิฟกลา่ วหาเพือ่ นรว่ มงานดว้ ยการใชถ้ อ้ ยคำทร่ี นุ แรง
11. แนวคดิ ในขอ้ ใดขดั แยง้ กับหลักสทิ ธมิ นุษยชน
ก. ผู้ชายเกง่ กวา่ ผหู้ ญงิ 17. วิถชี าวพุทธมหี ลกั การปฏบิ ตั ทิ ส่ี อดคลอ้ งกับแนวทางด้าน
ข. เดก็ ต้องไดร้ บั การศกึ ษาทม่ี มี าตรฐาน สิทธิมนุษยชนในเรอ่ื งใด
ค. คนจนมีสิทธเิ ขา้ ถึงการบริการสาธารณสขุ ก. การเคารพคนทมี่ ีฐานะดีกวา่
ง. ผูพ้ กิ ารต้องได้รับคณุ ภาพชวี ิตที่ดีเทา่ เทียมคนทั่วไป ข. การไม่เบยี ดเบยี นตนเองและผอู้ ื่น
12. การกระทำข้อใดเปน็ การปกปอ้ งคุม้ ครองสทิ ธิมนษุ ยชน ค. การใชช้ ีวติ อย่างเรยี บง่ายและจากไปอยา่ งสงบ
ก. ชาวบ้านชุมนุมต่อตา้ นการปลอ่ ยนำ้ เสีย ง. การไม่สรา้ งความเดือดรอ้ นรำคาญใหค้ นในสงั คม
ข. กลมุ่ วัยรนุ่ รมุ ทำรา้ ยเด็กเรร่ อ่ นที่มามัว่ สมุ ในเขตชมุ ชน
ค. แมค่ ้าไมย่ อมขายของให้ลกู คา้ คนหนงึ่ เพราะไมถ่ กู 18. การกระทำในขอ้ ใดสอื่ ถงึ การมสี ่วนรว่ มในการแสดง
ชะตา ความคดิ เห็นไดเ้ หมาะสมทสี่ ดุ
ง. ลูกนอ้ งไม่พอใจหวั หนา้ จงึ เขยี นดา่ ทอลงในอนิ เทอร์เนต็ ก. ส้มกบั ฟ้าใช้เวลาว่างหลงั เลิกเรียนนนิ ทาคนอืน่ เสมอ
13. ข้อใดเปน็ การกระทำที่ละเมดิ สทิ ธิมนษุ ยชน ข. ดำวาดรปู ลงบนกำแพงวดั เพอ่ื แสดงความสามารถ
ก. ครเู ตอื นนักเรยี นที่ไมย่ อมสง่ การบ้าน พเิ ศษ
ข. แม่ค้าทอนเงินให้ลกู ค้าชา้ เพราะคนเยอะ ค. ฟา้ ข้ึนเวทชี ุมนมุ อภปิ รายพาดพิงฝา่ ยตรงข้ามเพอ่ื หวงั
ค. นายจา้ งไม่พอใจลูกจา้ งท่ขี าดงานจงึ ทบุ ตีร่างกาย คะแนนเสียง
ง. ตำรวจจับกมุ ผู้ขบั ขี่รถจักรยานยนต์ที่ไมส่ วมหมวก ง. แดงเสนอแนวทางแกไ้ ขปัญหาสง่ิ แวดลอ้ มในทปี่ ระชุม
นิรภัย อยา่ งมีเหตผุ ล
14. หากนกั เรยี นพบเห็นเด็กเรร่ ่อน ควรปฏิบัติอย่างไร
ก. เขา้ ไปขับไล่ 19. ข้อใดแสดงถงึ สิทธิในการไดร้ บั สวสั ดกิ ารจากรฐั
ข. เขา้ ไปกลน่ั แกล้ง ก. ขาวได้รับเงินเดือนจากบรษิ ัทท่ีตนทำงานอยู่
ค. แจง้ เจา้ หน้าท่ี ข. ปอ้ ไดร้ บั โบนสั เนอ่ื งจากทำยอดขายได้ทะลเุ ป้า
ง. แสดงอาการดถู กู ค. แดงได้รบั การปอ้ งกันโรคติดต่อโดยไม่เสียค่าใชจ้ า่ ย
15. แนวคดิ ใดเป็นท่ีมาของสทิ ธิมนษุ ยชน ง. ณไี ด้รับการผ่าตดั จากโรงพยาบาลเอกชน
ก. สงั คมนิยม ระดบั ประเทศ
ข. รฐั สวสั ดิการ
ค. โครงสรา้ งทางสังคม 20. สิทธิมนษุ ยชนใหค้ วามสำคัญกับเรือ่ งใด
ง. สิทธติ ามธรรมชาติ ก. ความเหลือ่ มล้ำทางสังคม
ข. การมอี ิสระในการดำเนินชีวติ
ค. การถกู ลิดรอนสทิ ธิจากภาครฐั
ง. การใช้ความรุนแรงในการแกไ้ ขปญั หา
เฉลย
1. ค 2. ข 3. ข 4. ค 5. ก 6. ก 7. ค 8. ข 9. ก 10. ง
11. ข 12. ค 13. ข 14. ข 15. ก 16. ก 17. ก 18. ข 19. ค 20. ข
แบบทดสอบหลังเรยี น
หน่วยการเรียนรู้ที่ 2
คำชแี้ จง : ให้นักเรียนเลือกคำตอบที่ถูกต้องท่ีสุดเพียงข้อเดียว
1. การกระทำข้อใดเป็นการปกปอ้ งคมุ้ ครองสิทธมิ นุษยชน ค. การพัฒนาคณุ ภาพชีวติ มนษุ ย์
ก. ชาวบา้ นชุมนมุ ตอ่ ต้านการปลอ่ ยนำ้ เสีย ง. สทิ ธิ เสรภี าพในการดำเนนิ ชีวติ
ข. กลมุ่ วัยรุ่นรมุ ทำรา้ ยเดก็ เร่รอ่ นทม่ี ว่ั สมุ ในชุมชน
ค. แมค่ า้ ไมย่ อมขายของใหล้ กู ค้าเพราะไม่ถูกชะตา 7. การกระทำในขอ้ ใดส่ือถงึ การมสี ว่ นร่วมในการแสดง
ง. ลูกน้องไม่พอใจหัวหนา้ จงึ ด่าทอลงในอนิ เทอร์เน็ต ความคิดเหน็ ไดเ้ หมาะสมทส่ี ดุ
2. ขอ้ ใดสอดคล้องกบั คำวา่ “สทิ ธมิ นษุ ยชน” ก. สม้ กับฟา้ ใช้เวลาว่างหลงั เลิกเรยี นนนิ ทาคนอื่น
ก. เอกบังคับเพื่อนให้เข้ารว่ มกลมุ่ กบั ตน ข. ดำวาดรูปบนกำแพงวดั เพ่อื แสดงความสามารถ
ข. นทั ไม่ไปใช้สทิ ธิเลอื กตง้ั เพราะติดธรุ ะสำคญั ค. ฟ้าขึน้ เวทชี มุ นมุ อภปิ รายพาดพงิ ฝา่ ยตรงขา้ ม
ค. ร้งุ ไดร้ ับการศกึ ษาขน้ั พน้ื ฐานทดี่ ีและมงี านทำ เพื่อหวงั คะแนนเสียง
ง. กฟิ๊ กลา่ วหาเพื่อนรว่ มงานดว้ ยถ้อยคำทรี่ ุนแรง ง. แดงเสนอแนวทางแกไ้ ขปญั หาสงิ่ แวดลอ้ ม
3. หากนกั เรียนพบเห็นเดก็ เร่ร่อน ควรปฏิบตั ิอยา่ งไร ในทป่ี ระชุมอยา่ งมีเหตุผล
ก. เขา้ ไปขบั ไล่ ข. เข้าไปกลน่ั แกล้ง 8. วถิ ชี าวพุทธมีหลกั การปฏบิ ัตทิ สี่ อดคล้องกบั แนวทางดา้ น
ค. แจ้งเจ้าหน้าท่ี ง. แสดงอาการดถู ูก สิทธมิ นุษยชนในเร่ืองใด
4. การทนี่ กั เรยี นทกุ คนไดเ้ รียนในโรงเรยี นระดับ ก. การเคารพคนท่มี ีฐานะดกี ว่า
การศกึ ษาข้ันพน้ื ฐาน สอดคล้องกับสทิ ธมิ นุษยชน ข. การไม่เบยี ดเบยี นตนเองและผอู้ ื่น
ในเรื่องใด ค. การใชช้ วี ติ อย่างเรยี บง่ายและจากไปอย่างสงบ
ก. สิทธิเสรภี าพในการศึกษา ง. การไมส่ ร้างความเดอื ดรอ้ นรำคาญใหค้ นในสังคม
ข. สทิ ธิเสมอภาคในการศึกษา 9. การทีป่ ระเทศท่ัวโลกให้ความสำคญั ต่อสทิ ธมิ นษุ ยชน
ค. สทิ ธิในกระบวนการยุติธรรม เพื่อนำไปส่เู ป้าหมายสำคญั อยา่ งไร
ง. สทิ ธเิ สรภี าพในการรับรู้ขอ้ มลู ข่าวสาร ก. เพือ่ ใหม้ นุษย์ไดร้ ับการปกปอ้ งและคมุ้ ครองอย่าง
5. ถ้านกั เรียนพบเดก็ ทถี่ กู ทอดท้ิงใช้แรงงานผดิ เทา่ เทยี มกนั
กฎหมาย นอกจากจะแจ้งตำรวจแลว้ จะสามารถขอ ข. เพ่ือลดชอ่ งว่างระหวา่ งฐานะความเป็นอยู่
ความรว่ มมอื จากองค์กรเอกชนในขอ้ ใด ของมนษุ ย์
ก. มลู นิธิเด็ก ข. กรมแรงงาน ค. เพ่ือใหม้ นษุ ยท์ กุ คนมสี ภาพความเปน็ อยู่
ค. กระทรวงยุติธรรม ง. กรมคุม้ ครองสทิ ธิ เท่าเทียมกัน
6. การทท่ี กุ คนได้รับการบริการสาธารณสขุ ท่มี มี าตรฐาน ง. เพอ่ื ใหป้ ระเทศสมาชิกออกกฎหมายเกยี่ วกับ
โดยไมเ่ สยี ค่าใช้จา่ ยนนั้ สอดคลอ้ งกับข้อใด สิทธมิ นุษยชน
ก. การมีความเป็นอยูท่ ี่ดีขนึ้ 10. แนวคิดใดเปน็ ที่มาของสทิ ธิมนษุ ยชน
ข. ความเสมอภาคและเสรีภาพ ก. สังคมนยิ ม
ข. รฐั สวัสดกิ าร ง. การใช้ความรนุ แรงในการแกไ้ ขปญั หา
16. ขอ้ ใดจดั เป็นการมสี ว่ นร่วมในการปกปอ้ งคมุ้ ครองผูอ้ ืน่
ค. โครงสรา้ งสังคม
ตามหลักสทิ ธมิ นษุ ยชนดว้ ยการ “รบั ร”ู้
ง. สทิ ธติ ามธรรมชาติ ก. ขาวช่วยเหลือผู้พกิ าร ผสู้ งู อายุ
ข. สม้ ทำกจิ กรรมสร้างสรรค์เดก็ และเยาวชน
11. การท่ีชาวไทยทกุ คนมสี ิทธิเสรภี าพทางความคดิ ค. แดงศกึ ษารฐั ธรรมนูญในบทบัญญตั เิ กี่ยวกบั สทิ ธิ
ง. แม้นถ่ายทอดเอกลักษณข์ องชุมชนให้ปรากฏในท่ี
สอดคล้องกับสทิ ธิมนุษยชนในขอ้ ใด
สาธารณะ
ก. มนุษย์ได้รับการปฏิบตั ิอยา่ งยตุ ธิ รรม 17. หนา้ ทีส่ ำคัญของคณะกรรมการสทิ ธมิ นุษยชนแห่งชาติ
ข. มนษุ ย์ทกุ คนได้รบั โอกาสเทา่ เทยี มกนั คอื อะไร
ก. บริหารราชการเกี่ยวกับเรอื่ ง สทิ ธิมนษุ ยชน
ค. มนษุ ย์มีอสิ ระ เสรภี าพในการดำเนนิ ชีวิต ข. ดำเนนิ การลงโทษต่อผู้ที่ละเมิดสิทธิมนุษยชน
ค. ประสานความรว่ มมอื กับองคก์ รต่างๆ ดา้ น
ง. มนุษยท์ ุกคนไดร้ บั การปฏบิ ตั ิอยา่ ง
สทิ ธมิ นุษยชน
เสมอภาค ง. ตรวจสอบและรายงานการกระทำหรือการละเมดิ
12. ขอ้ ใดจดั ว่าเปน็ การมสี ่วนรว่ มในการสร้างสรรค์ สิทธิมนษุ ยชน
18. ข้อใดแสดงถงึ สิทธิในการไดร้ บั สวัสดิการจากรัฐ
ดา้ นสทิ ธมิ นษุ ยชน
ก. ขาวไดร้ บั เงินเดอื นจากบริษัทที่ทำงานอยู่
ก. การช่วยเหลือบคุ คลและสังคม ข. ป้อได้รบั โบนัสเพราะทำยอดขายได้ทะลเุ ปา้
ค. แดงได้รบั การปอ้ งกนั โรคตดิ ต่อโดยไมเ่ สียเงนิ
ข. การกำจัดมลพิษท่ีมผี ลตอ่ สขุ อนามัย ง. ณไี ดร้ บั การผ่าตดั จากโรงพยาบาลเอกชน
ค. การเผยแพร่ข้อมลู ด้านสิทธมิ นุษยชน ระดบั ประเทศ
19. แนวคดิ ในข้อใดขดั แย้งกับหลักสิทธมิ นุษยชน
ง. การมสี ว่ นร่วมในการออกกฎ ระเบยี บ
ก. ผชู้ ายเก่งกว่าผหู้ ญิง
กตกิ า ข. เด็กต้องไดร้ ับการศึกษาท่มี มี าตรฐาน
ค. คนจนมีสทิ ธิเขา้ ถึงการบริการสาธารณสุข
13. “ชาวบ้านในแตล่ ะชมุ ชนจะมสี ว่ นรว่ มในการ ง. ผพู้ กิ ารต้องไดร้ ับคุณภาพชีวิตท่ีดอี ย่างเท่าเทยี ม
20. ขอ้ ใดเป็นการกระทำทีล่ ะเมดิ สิทธมิ นษุ ยชน
อนุรักษ์ประเพณภี ูมปิ ญั ญาทอ้ งถนิ่ ” ก. ครเู ตือนนักเรยี นที่ไมย่ อมสง่ การบ้าน
ข. แม่ค้าทอนเงินให้ลูกค้าช้าเพราะคนเยอะ
สอดคล้องกบั สิทธิของชาวไทยตามหลกั สิทธิ ค. นายจา้ งไม่พอใจลูกจา้ งที่ขาดงานจึงทุบตีรา่ งกาย ง.
ตำรวจจับกมุ ผูข้ บั ขี่รถจกั รยานยนต์ทไี่ มส่ วมหมวก
มนุษยชนในข้อใด
นิรภยั
ก. สิทธิชมุ ชน ข. สทิ ธใิ นการบริการ
ค. สทิ ธสิ ว่ นบุคคล ง. สิทธิในการศึกษา
14. หนว่ ยงานบริหารราชการแผน่ ดนิ ในข้อใดทด่ี ูแล
เกย่ี วกบั สทิ ธมิ นุษยชน
ก. กระทรวงคมนาคม
ข. กระทรวงมหาดไทย
ค. กระทรวงเกษตรและสหกรณ์
ง. กระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนษุ ย์
15. สิทธมิ นษุ ยชนใหค้ วามสำคญั กบั เรอ่ื งใด
ก. ความเหล่ือมล้ำทางสงั คม
ข. การมีอิสระในการดำเนินชีวติ
ค. การถกู ลิดรอนสิทธิจากภาครัฐ
เฉลย
1. ก 2. ค 3. ค 4. ก 5. ก 6. ค 7. ง 8. ข 9. ก 10. ง
11. ค 12. ข 13. ก 14. ง 15. ข 16. ค 17. ง 18. ค 19. ก 20. ค
หน่วยการเรียนรทู้ ่ี 3 วัฒนธรรมไทยและวัฒนธรรมสากล
แผนการจัดการเรยี นร้ทู ี่ 1
วัฒนธรรมและภมู ปิ ัญญาไทย เวลา 2 ชวั่ โมง
1. มาตรฐานการเรยี นรู้/ตวั ช้วี ดั
1.1 ตัวชว้ี ดั
ส 2.1 เข้าใจและปฏิบัติตนตามหน้าที่ของการเป็นพลเมืองดี มีค่านิยมที่ดีงาม และธำรง
รักษาประเพณีและวัฒนธรรมไทย ดำรงชวี ิตอย่รู ว่ มกนั ในสังคมไทยและสงั คมโลก
อยา่ งสนั ตสิ ขุ
ม.3/3 อนรุ ักษ์วฒั นธรรมไทยและเลอื กรบั วัฒนธรรมสากลที่เหมาะสม
2. จุดประสงคก์ ารเรียนรู้
1. อธบิ ายความสำคญั ของวัฒนธรรมและภูมิปัญญาไทยได้ (K)
2. เสนอแนวทางการอนุรกั ษ์และมสี ่วนร่วมในการอนุรกั ษ์วฒั นธรรมไทยและภมู ปิ ัญญาไทย
ในชีวิตประจำวันได้ (P)
3. เห็นความสำคญั ของวัฒนธรรมและภูมปิ ัญญาไทยเพิ่มมากข้นึ (A)
3. สาระการเรียนรู้ สาระการเรยี นร้ทู อ้ งถ่ิน สาระการเรยี นรู้จากสอ่ื
สาระการเรียนรู้แกนกลาง (พจิ ารณาตามหลกั สูตรสถานศกึ ษา) - วัฒนธรรมและภูมปิ ญั ญาไทย
1) ความสำคัญของวัฒนธรรมไทย
• ความสำคัญของวฒั นธรรม
ภูมปิ ญั ญาไทย และวฒั นธรรม
สากล และภูมิปญั ญาไทย
2) การอนุรกั ษว์ ฒั นธรรมไทยและ
ภมู ิปญั ญาไทยท่เี หมาะสม • การจำแนกวัฒนธรรมและ
3) การเลือกรับวฒั นธรรมสากล
ท่เี หมาะสม ภูมิปญั ญาไทย
• การอนุรักษว์ ัฒนธรรมและ
ภมู ิปญั ญาไทย
4. มโนทศั น์สำคัญ (Key Concept)
- วฒั นธรรมและภูมปิ ัญญาไทยเป็นสง่ิ ทีม่ ีคุณค่าต่อการดำรงชวี ิตของชาวไทย ดงั นน้ั ทุกคนจึงต้องรว่ มมือกนั
อนรุ กั ษด์ ้วยวธิ ีการที่เหมาะสม
5. คำถามหลัก (Big Question)
- วธิ ีการในการอนุรักษว์ ฒั นธรรมและภูมปิ ัญญาไทยท่เี หมาะสมสามารถทำได้อยา่ งไร
6. สมรรถนะสำคญั ของผู้เรียนและคุณลักษณะอันพงึ ประสงค์
สมรรถนะสำคัญของผ้เู รยี น คณุ ลกั ษณะอันพงึ ประสงค์
1. ความสามารถในการคิด 1. มีวนิ ยั
- ทกั ษะการวิเคราะห์ 2. ใฝเ่ รียนรู้
2. ความสามารถในการใชท้ ักษะชีวติ 3. มุ่งม่นั ในการทำงาน
4. รักความเป็นไทย
7. กจิ กรรมการเรยี นรู้
วิธีสอนแบบสบื เสาะหาความรู้ 5Es (5Es Instructional Model)
ชวั่ โมงท่ี 1
ขั้นนำ
ขั้นที่ 1 กระตนุ้ ความสนใจ (Engage)
1. ครูแจง้ ให้นักเรยี นทราบถึงวิธีสอนแบบสบื เสาะหาความรู้ 5Es (5Es Instructional Model) ชื่อเรอื่ ง
ท่ี
จะเรียนรู้ จุดประสงคก์ ารเรยี นรู้ และผลการเรียนรู้
2. ครใู หน้ ักเรียนทำแบบทดสอบก่อนเรียนหนว่ ยการเรยี นรู้ที่ 3 เรือ่ ง วฒั นธรรมไทยและวฒั นธรรม
สากล
3. ครนู ำภาพวฒั นธรรมและภูมิปญั ญาไทยในดา้ นต่าง ๆ มาใหน้ กั เรยี นดู เชน่ ภาพศลิ ปวัฒนธรรม
ภาพจิตรกรรมฝาผนงั ภาพขนบธรรมเนียมประเพณีต่าง ๆ แลว้ ใหน้ ักเรยี นร่วมกันคดิ วิเคราะหว์ า่ เปน็
ภาพอะไร มคี ุณค่าและความสำคัญอย่างไร รวมถึงมีแหล่งท่ีมาอย่างไร
4. ครเู ลา่ ถึงท่มี าของวัฒนธรรมและภูมปิ ญั ญาไทย แล้วถามคำถาม เชน่
1) วฒั นธรรมไทยท่ีมคี วามโดดเดน่ เปน็ ทย่ี อมรบั ไปท่วั โลกมีอะไรบา้ ง
(แนวตอบ วัฒนธรรมดา้ นอาหาร เช่น ตม้ ยำกุ้ง วัฒนธรรมดา้ นการแตง่ กาย เชน่ ชุดผ้าไหม)
2) ภมู ปิ ัญญาไทยสามารถสะทอ้ นใหเ้ ห็นถงึ สง่ิ ใดไดบ้ า้ ง
(แนวตอบ สะท้อนให้เหน็ ถึงวิถีชีวติ ด้ังเดิมของคนไทย เชน่ กระเดอ่ื งตำขา้ วของชาวบ้านในชนบท
ก็สะทอ้ นใหเ้ ห็นถงึ วิถีชวี ติ ทีผ่ ูกพนั กับการเกษตรและการพง่ึ พาตนเอง)
ข้ันสอน
ขั้นท่ี 2 สำรวจค้นหา (Explore)
1. ครใู หน้ ักเรียนแบง่ กลมุ่ ศกึ ษาค้นควา้ เกยี่ วกับวฒั นธรรมและภูมปิ ัญญาไทย จากหนังสอื เรยี น
สงั คมศึกษาฯ ม.3 หรอื จากแหล่งการเรยี นรอู้ ่นื ๆ เช่น หนงั สอื ในห้องสมุด เวบ็ ไซต์ในอนิ เทอร์เน็ต
2. ครูแนะนำแหลง่ ข้อมลู สารสนเทศทนี่ า่ เช่อื ถอื ให้กบั นกั เรยี นเพม่ิ เติม
ข้นั ท่ี 3 อธบิ ายความรู้ (Explain)
1. สมาชิกแต่ละคนในกลุม่ นำข้อมลู ทต่ี นได้จากการรวบรวม มาอธบิ ายแลกเปล่ยี นความรู้ระหว่างกัน
2. จากน้ันสมาชกิ ในกลุ่มช่วยกันคดั เลอื กขอ้ มลู ที่นำเสนอเพอ่ื ใหไ้ ด้ข้อมลู ทถ่ี ูกตอ้ ง
ชวั่ โมงท่ี 2
3. นกั เรียนแต่ละกลมุ่ สง่ ตัวแทนนำเสนอขอ้ มูลหนา้ ชัน้ เรยี นตามประเดน็ ท่ีศกึ ษา อภิปราย และตอบ
คำถามร่วมกัน
4. ครูและนักเรียนอภิปรายร่วมกันเก่ียวกับวัฒนธรรมและภูมิปัญญาไทย และสุ่มตัวแทนนักเรียนเพ่ือ
ตอบ
คำถาม เช่น
- นักเรยี นสามารถปฏบิ ตั ติ ามวัฒนธรรมประจำชาตไิ ทยทีเ่ น้นเอกลกั ษณข์ องความเปน็ ไทยได้ทกุ วนั
ในเร่อื งใดบ้าง
(แนวตอบ 1. เคารพเทดิ ทูนพระมหากษัตรยิ ์ 2. ปฏิบัตติ นตามหลักธรรมของพระพทุ ธศาสนา
3. ใชภ้ าษาไทยอย่างถกู ตอ้ ง 4. รบั ประทานอาหารไทย ฯลฯ)
ขนั้ สรุป
ขั้นท่ี 4 ขยายความเข้าใจ (Expand)
1. ครูใหน้ ักเรียนทำใบงานท่ี 3.1 เรื่อง วฒั นธรรมและภูมิปญั ญาไทยโดยครแู นะนำเพิ่มเติม
2. ครูใหน้ กั เรียนทำแบบฝกึ สมรรถนะฯ หน้าที่พลเมอื งฯ ม.3 เกี่ยวกับเร่ือง วฒั นธรรมและภมู ปิ ญั ญา
ไทย
เพ่ือเป็นการบ้านส่งครใู นชั่วโมงถดั ไป
ขน้ั ประเมนิ
ข้นั ที่ 5 ตรวจสอบผล (Evaluate)
1. ครูและนักเรียนรว่ มกันตรวจสอบผลจากการตอบคำถาม การทำใบงาน และการทำแบบฝกึ สมรรถนะ
ฯ
หนา้ ทพ่ี ลเมืองฯ ม.3
2. ครปู ระเมนิ ผลจากการตอบคำถาม การร่วมกันทำงาน และการนำเสนอผลงานหนา้ ชัน้ เรียน
3. ครูตรวจสอบผลจากการทำใบงาน และแบบฝกึ สมรรถนะฯ หน้าท่ีพลเมอื งฯ ม.3
8. การวดั และประเมนิ ผล วธิ วี ดั เครือ่ งมือ เกณฑก์ ารประเมิน
- ตรวจแบบทดสอบ
รายการวัด ก่อนเรียน - แบบทดสอบก่อนเรยี น - รอ้ ยละ 60 ผา่ นเกณฑ์
8.1 การวดั และประเมินผล
- ตรวจใบงานที่ 3.1 - ใบงานที่ 3.1 - ร้อยละ 60 ผ่านเกณฑ์
กอ่ นเรยี น
- แบบทดสอบก่อนเรียน - ประเมินการนำเสนอ - แบบประเมนิ การนำเสนอ - ระดบั คุณภาพ 2
หนว่ ยการเรยี นรู้ท่ี 3 ผลงาน
เร่อื ง วัฒนธรรมไทยและ - สงั เกตพฤติกรรม ผลงาน ผา่ นเกณฑ์
วฒั นธรรมสากล การทำงานรายบุคคล
8.2 การวัดและประเมนิ ผล - สงั เกตพฤติกรรม - แบบสังเกตพฤติกรรม - ระดับคณุ ภาพ 2
ระหวา่ งการจดั กิจกรรม การทำงานกลุ่ม
การเรยี นรู้ - สงั เกตความมวี ินยั การทำงานรายบุคคล ผา่ นเกณฑ์
1) อธิบายความสำคัญของ ใฝ่เรียนรู้ และมุ่งมนั่
ในการทำงาน - แบบสงั เกตพฤตกิ รรม - ระดบั คุณภาพ 2
วฒั นธรรมและ
ภมู ปิ ญั ญาไทยรวมถึงเสนอ การทำงานรายกลมุ่ ผา่ นเกณฑ์
แนวทางการอนรุ ักษแ์ ละมี
สว่ นรว่ มในการอนรุ กั ษ์ - แบบประเมนิ คุณลักษณะ - ระดับคุณภาพ 2
วัฒนธรรมไทยและ
ภูมิปญั ญาไทยในชีวิต อนั พงึ ประสงค์ ผ่านเกณฑ์
ประจำวันได้
2) การนำเสนอผลงาน
3) พฤตกิ รรม
การทำงานรายบุคคล
4) พฤติกรรม
การทำงานกลุ่ม
5) คณุ ลกั ษณะ
อนั พงึ ประสงค์
9. สอ่ื /แหลง่ การเรียนรู้
9.1 สื่อการเรยี นรู้
1) หนังสือเรยี นสังคมศึกษาฯ ม.3
2) แบบฝกึ สมรรถนะฯ หนา้ ที่พลเมืองฯ ม.3
3) หนงั สือคน้ ควา้ เพิม่ เติม
(1) ศนู ย์มานุษยวทิ ยาสิรนิ ธร. 2542. สังคมและวฒั นธรรมไทย. กรงุ เทพมหานคร :
เรอื นแกว้ การพมิ พ์.
(2) สำนักงานคณะกรรมการวฒั นธรรมแหง่ ชาติ. 2544. แนวทางการสบื คน้ วฒั นธรรมท้องถ่นิ ไทย.
กรุงเทพมหานคร : โรงพมิ พ์ องค์การค้าของ สกสค.
4) ใบงานท่ี 3.1 เรื่อง วัฒนธรรมและภมู ิปญั ญาไทย
9.2 แหล่งการเรยี นรู้
1) หอ้ งสมุด
2) แหล่งข้อมูลสารสนเทศ
- https://www.m-cuture.go.th
- https://www.kasetsomboon.org
- https://www.thairath.co.th
- https://www.royin.go.th
ใบงานที่ 3.1
เรอื่ ง วัฒนธรรมและภมู ิปญั ญาไทย
คำช้แี จง : ให้นกั เรยี นตอบคำถามต่อไปน้ี
1. วัฒนธรรมและภมู ิปัญญาไทยมีความสำคัญอยา่ งไร
2. วฒั นธรรมและภูมปิ ัญญาพนื้ บ้าน หมายความวา่ อย่างไร ยกตวั อยา่ งประกอบ
3. วฒั นธรรมประจำชาติ หมายความว่าอย่างไร
4. วฒั นธรรมของชาติ ซึง่ มลี กั ษณะสำคัญท่เี ป็นเอกลักษณ์ของชาติ ไดแ้ ก่อะไรบา้ ง
เฉลย
ใบงานท่ี 3.1
เรื่อง วฒั นธรรมและภูมิปญั ญาไทย
คำช้ีแจง : ใหน้ ักเรยี นตอบคำถามต่อไปนี้
1. วฒั นธรรมและภูมิปญั ญาไทยมีความสำคญั อยา่ งไร
1) ประโยชน์ต่อการดำรงชีวิต ตอบสนองความต้องการ ชว่ ยอำนวยความสะดวก
2) หล่อหลอมบุคลกิ ภาพใหก้ บั สมาชกิ ของสังคม
3) สรา้ งความเปน็ ปึกแผ่นมีความเปน็ อนั หนง่ึ อันเดียวกัน
4) เปน็ องค์ความรู้ทมี่ ีคุณค่าในการสรา้ งส่งิ ทม่ี ปี ระโยชน์และคุณคา่ ตอ่ สังคมไทย
2. วัฒนธรรมและภูมิปญั ญาพ้ืนบา้ น หมายความว่าอย่างไร ยกตัวอยา่ งประกอบ
วัฒนธรรมของประชาชนตามทอ้ งถิ่นและภูมภิ าคต่างๆ ซึง่ แต่ละกลุม่ ไดส้ รา้ งขนึ้ และใชเ้ ป็นแนวทางประพฤตปิ ฏบิ ัติ
ในกลมุ่ ของตน ตวั อย่างเชน่ วฒั นธรรมล้านนา วัฒนธรรมอีสาน วัฒนธรรมภาคใต้ วัฒนธรรมภาคกลาง
และวฒั นธรรมภาคใต้ตอนลา่ ง
3. วฒั นธรรมประจำชาติ หมายความว่าอยา่ งไร
วฒั นธรรมทรี่ ัฐบาลกำหนดและประกาศใหค้ นไทยทั้งชาติประพฤติปฏบิ ตั ิ ซง่ึ เป็นวฒั นธรรมทไี่ ดร้ บั จากการสร้างสรรค์
จากบรรพบรุ ุษทงั้ ทางตรงและทางออ้ ม มกี ารพฒั นาตอ่ เน่ืองมาตงั้ แตอ่ ดตี จนถึงปจั จบุ นั
4. วัฒนธรรมของชาติ ซง่ึ มีลกั ษณะสำคัญทเ่ี ป็นเอกลกั ษณ์ของชาติ ไดแ้ ก่อะไรบา้ ง
1) มีพระมหากษตั รยิ ท์ รงเปน็ ประมขุ
2) มพี ระพทุ ธศาสนาเป็นศาสนาประจำชาติ
3) มภี าษาไทยเป็นภาษาประจำชาติ
4) ประกอบอาชพี เกษตรกรรม
5) มวี ิถกี ารดำเนนิ ชวี ติ และบคุ ลิกภาพทม่ี คี วามอ่อนนอ้ ม ยม้ิ แย้ม เคารพผ้อู าวุโส เอื้อเฟอื้ เผือ่ แผ่
6) มอี าหารไทยและสมุนไพร
7) มวี ันสำคญั และเทศกาลของชาตทิ ี่เกี่ยวขอ้ งกบั พระมหากษัตริย์ วนั นกั ขัตฤกษ์ และประเพณีวนั สำคญั
เกยี่ วเนื่องกบั พระพทุ ธศาสนา
หนว่ ยการเรียนรทู้ ่ี 3 วัฒนธรรมไทยและวฒั นธรรมสากล
แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 2
วัฒนธรรมสากล เวลา 1 ชัว่ โมง
1. มาตรฐานการเรียนรู/้ ตวั ช้ีวดั
1.1 ตัวชีว้ ดั
ส 2.1 เข้าใจและปฏิบัติตนตามหน้าที่ของการเป็นพลเมืองดี มีค่านิยมท่ีดีงาม และธำรง
รกั ษาประเพณแี ละวฒั นธรรมไทย ดำรงชีวิตอยูร่ ่วมกันในสังคมไทยและสังคมโลก
อยา่ งสันตสิ ุข
ม.3/3 อนุรักษว์ ัฒนธรรมไทยและเลอื กรบั วฒั นธรรมสากลท่ีเหมาะสม
2. จดุ ประสงคก์ ารเรยี นรู้
1. วเิ คราะห์อิทธพิ ลของวฒั นธรรมสากลที่มีผลต่อการดำเนินชวี ิตในสงั คมไทยได้ (K)
2. เสนอแนวทางการเลือกรบั วัฒนธรรมสากลอยา่ งเหมาะสมได้ (P)
3. เหน็ ความสำคัญของการศกึ ษาและเลือกรบั วัฒนธรรมสากลเพม่ิ มากข้นึ (A)
3. สาระการเรยี นรู้ สาระการเรียนรู้ทอ้ งถิน่ สาระการเรียนรจู้ ากสือ่
สาระการเรียนรูแ้ กนกลาง (พิจารณาตามหลักสูตรสถานศกึ ษา) - วัฒนธรรมสากล
1) ความสำคัญของวฒั นธรรมไทย
• ความสำคัญของวฒั นธรรม
ภูมิปญั ญาไทย และวัฒนธรรม
สากล สากล
2) การอนุรักษ์วัฒนธรรมไทยและ
ภูมิปญั ญาไทยทเี่ หมาะสม • วฒั นธรรมสากลท่สี ำคัญใน
3) การเลอื กรับวัฒนธรรมสากล ยคุ ปจั จุบัน
ทเี่ หมาะสม
• อิทธิพลของวฒั นธรรมสากล
ท่มี ผี ลตอ่ การดำเนินชีวติ ใน
สังคมไทย
• แนวทางการเลือกรบั
วัฒนธรรมสากลอย่าง
เหมาะสม
4. มโนทศั น์สำคญั (Key Concept)
- วฒั นธรรมสากลเป็นสิง่ ทม่ี คี ุณคา่ ต่อการดำรงชวี ติ ของชาวไทย โดยการเลือกรับวัฒนธรรมสากลอยา่ ง
เหมาะสมน้นั จะส่งผลดตี ่อการพฒั นาสภาพการดำรงชีวิตของชาวไทยใหเ้ จรญิ ก้าวหนา้ เพมิ่ มากขึ้น
5. คำถามหลกั (Big Question)
- วิธีการในการเลอื กรบั วฒั นธรรมสากลท่เี หมาะสมสามารถทำได้อยา่ งไร
6. สมรรถนะสำคญั ของผูเ้ รยี นและคุณลักษณะอันพึงประสงค์
สมรรถนะสำคญั ของผู้เรียน คุณลกั ษณะอันพึงประสงค์
1. ความสามารถในการคิด 1. มีวินัย
- ทกั ษะการวเิ คราะห์ 2. ใฝ่เรยี นรู้
2. ความสามารถในการใช้ทักษะชีวิต 3. มงุ่ มั่นในการทำงาน
4. รกั ความเปน็ ไทย
7. กจิ กรรมการเรียนรู้
วธิ สี อนแบบสืบเสาะหาความรู้ 5Es (5Es Instructional Model)
ขนั้ นำ
ข้นั ที่ 1 กระตุ้นความสนใจ (Engage)
1. ครแู จง้ ให้นกั เรียนทราบถึงวิธสี อนแบบสบื เสาะหาความรู้ 5Es (5Es Instructional Model) ช่ือเรื่อง
ที่
จะเรยี นรู้ จุดประสงค์การเรียนรู้ และผลการเรียนรู้
2. ครใู ห้นกั เรียนดภู าพเกยี่ วกบั วัฒนธรรมสากล แล้วให้นกั เรียนชว่ ยกนั วเิ คราะหภ์ าพว่า ภาพต่าง ๆ
มีผลต่อการดำรงชีวติ ของคนในปจั บุ ันอย่างไรบ้าง
3. ครถู ามคำถามเพ่ือกระตุ้นความสนใจ เช่น
1) วฒั นธรรมตะวันตกทมี่ อี ิทธิพลต่อการดำรงชวี ิของชาวไทย ไดแ้ ก่อะไรบา้ ง
(แนวตอบ เช่น ทอี่ ย่อู าศยั การแตง่ กาย อาหาร ภาษา เทคโนโลยี องค์ความรู้)
2) เพราะเหตุใดจงึ กลา่ ววา่ วฒั นธรรมตะวันตกมคี วามสำคัญตอ่ ชาวโลก
(แนวตอบ วฒั นธรรมตะวันตกส่งผลตอ่ การพัฒนาความเจรญิ ของปรัเท อันเน่อื งมาจากการคดิ คน้
เทคโนโลยีประเภทต่าง ๆ)
4. ครแู ละนักเรยี นร่วมกันอภิปรายถงึ ความหมายและความสำคญั ของวัฒนธรรมสากล
ขนั้ สอน
ข้นั ท่ี 2 สำรวจค้นหา (Explore)
1. ครูใหน้ กั เรียนแบง่ กลุ่ม ศกึ ษาค้นคว้าเกย่ี วกับวฒั นธรรมสากล จากหนังสอื เรยี นสงั คมศึกษาฯ ม.3
หรอื จากแหล่งการเรยี นรูอ้ นื่ ๆ เช่น หนงั สอื ในหอ้ งสมุด เว็บไซตใ์ นอินเทอรเ์ น็ต ในประเดน็ ตอ่ ไปนี้
• วัฒนธรรมสากลท่ีสำคญั ในยุคปัจจุบนั
• อทิ ธพิ ลของวัฒนธรรมสากลที่มผี ลตอ่ การดำเนินชวี ติ ในสงั คมไทย
2. ครแู นะนำแหล่งขอ้ มูลสารสนเทศท่ีนา่ เชอื่ ถอื ให้กับนักเรียนเพิม่ เติม
ขน้ั ท่ี 3 อธบิ ายความรู้ (Explain)
1. สมาชิกแต่ละคนในกล่มุ นำข้อมูลทตี่ นได้จากการรวบรวม มาอธิบายแลกเปลยี่ นความร้รู ะหวา่ งกัน
2. จากนนั้ สมาชกิ ในกลุม่ ช่วยกันคัดเลอื กข้อมูลทนี่ ำเสนอเพอื่ ใหไ้ ด้ขอ้ มูลทถ่ี ูกตอ้ ง
3. นกั เรยี นแต่ละกลุม่ ส่งตัวแทนนำเสนอข้อมูลหน้าช้นั เรยี นตามประเด็นท่ีศกึ ษา อภิปราย และตอบ
คำถามรว่ มกนั
4. ครูใหน้ ักเรียนดูภาพเพ่ิมเตมิ เก่ียวกบั วฒั นธรรรมของชาวตะวนั ตกทม่ี ีการกระทำที่เหมาะสมและ
ไม่เหมาะสมกับสังคมไทย เช่น ภาพชาวตะวันตกชมการแสดงดนตรี ภาพการแต่งกายของ
ชาวตะวนั ตก
จากนั้นให้นักเรียนร่วมกันวิเคราะห์และแสดงเหตุผลว่า ภาพใดเป็นภาพที่เหมาะสมที่จะนำมา
ประยุกต์
ปฏบิ ัติในสงั คมไทย
5. นักเรียนแตล่ ะกลุ่มรว่ มกันกำหนดแนวทางการปฏิบตั ิตนเกยี่ วกับการเลือกรับวฒั นธรรมสากล
เพื่อนำไปปฏิบตั ิในการดำเนินชวี ติ โดยครูแนะนำเพม่ิ เตมิ
6. ครูและนกั เรียนอภิปรายรว่ มกันเก่ียวกับวฒั นธรรมสากล
ขน้ั สรปุ
ขน้ั ที่ 4 ขยายความเขา้ ใจ (Expand)
1. ครูใหน้ กั เรยี นทำใบงานที่ 3.2 เรอื่ ง วฒั นธรรมสากล โดยครูแนะนำเพิ่มเติม
2. ครใู หน้ กั เรยี นทำแบบฝึกสมรรถนะฯ หนา้ ที่พลเมอื งฯ ม.3 เกี่ยวกับเรื่อง วฒั นธรรมสากล เพอ่ื เปน็
การบ้านส่งครูในช่วั โมงถดั ไป
ขนั้ ประเมนิ
ขนั้ ท่ี 5 ตรวจสอบผล (Evaluate)
1. ครูและนักเรียนร่วมกันตรวจสอบผลจากการตอบคำถาม การทำใบงาน และการทำแบบฝกึ สมรรถนะ
ฯ
หน้าทพ่ี ลเมอื งฯ ม.3
2. ครมู อบหมายใหน้ กั เรยี นทำชน้ิ งาน/ภาระงาน (รวบยอด) รายงานการปฏบิ ตั ติ นในการอนรุ กั ษ์
วฒั นธรรมไทยและเลือกรับวัฒนธรรมสากล
3. ให้นักเรียนทำแบบวัดฯ หนา้ ทพ่ี ลเมอื งฯ ม.3 เร่อื ง วัฒนธรรมไทยและวัฒนธรรมสากล
เพือ่ ทดสอบความรู้ทไ่ี ด้ศกึ ษามา
ประเมนิ ท้ายหนว่ ย
การประเมินผลทา้ ยหนว่ ยการเรยี นรทู้ ี่ 3 วัฒนธรรมไทยและวฒั นธรรมสากล
1. ครใู หน้ กั เรยี นทำแบบทดสอบหลังเรยี นหนว่ ยการเรียนรทู้ ่ี 3 เร่ือง วฒั นธรรมไทยและวฒั นธรรมสากล
2. ครูประเมนิ ผลโดยสงั เกตจากการตอบคำถาม การรว่ มกันทำงาน และการนำเสนอผลงานหน้าชน้ั เรยี น
3. ครตู รวจสอบผลจากการทำใบงาน แบบฝึกฯ และแบบวัดฯ หน้าท่พี ลเมอื งฯ ม.3
8. การวัดและประเมนิ ผล
รายการวัด วธิ ีวัด เครื่องมือ เกณฑ์การประเมิน
8.1 การวดั และประเมินผล
ระหว่างการจดั กจิ กรรม
การเรยี นรู้
1) วเิ คราะหอ์ ทิ ธพิ ลของ - ตรวจใบงานที่ 3.2 - ใบงานท่ี 3.2 - รอ้ ยละ 60 ผ่านเกณฑ์
วัฒนธรรมสากลทมี่ ผี ลตอ่
การดำเนินชวี ติ ใน
สงั คมไทย และเสนอ
แนวทางการเลือกรับ
วัฒนธรรมสากลอยา่ ง
เหมาะสมได้
2) การนำเสนอผลงาน - ประเมนิ การนำเสนอ - แบบประเมนิ การนำเสนอ - ระดับคุณภาพ 2
ผลงาน ผา่ นเกณฑ์
ผลงาน
3) พฤติกรรม - สงั เกตพฤติกรรม - แบบสงั เกตพฤตกิ รรม - ระดบั คุณภาพ 2
การทำงานรายบุคคล การทำงานรายบุคคล
- สังเกตพฤติกรรม การทำงานรายบุคคล ผา่ นเกณฑ์
4) พฤติกรรม การทำงานกลุ่ม
การทำงานกล่มุ - สังเกตความมวี ินยั - แบบสังเกตพฤติกรรม - ระดบั คณุ ภาพ 2
ใฝเ่ รียนรู้ และมุ่งมั่นใน
5) คณุ ลักษณะ การทำงาน การทำงานรายกลมุ่ ผ่านเกณฑ์
อันพึงประสงค์ - ตรวจแบบทดสอบ
หลงั เรยี น - แบบประเมินคุณลกั ษณะ - ระดับคณุ ภาพ 2
8.2 การวดั และประเมินผล
หลงั เรียน อันพึงประสงค์ ผา่ นเกณฑ์
- แบบทดสอบหลังเรียน
หนว่ ยการเรยี นรู้ท่ี 3 - แบบทดสอบหลังเรยี น - ร้อยละ 60 ผา่ นเกณฑ์
เร่ือง วัฒนธรรมไทยและ
วฒั นธรรมสากล
9. สอ่ื /แหล่งการเรยี นรู้
9.1 สื่อการเรยี นรู้
1) หนงั สอื เรยี นสงั คมศึกษาฯ ม.3
2) แบบฝกึ สมรรถนะฯ หนา้ ทพี่ ลเมืองฯ ม.3
3) แบบวดั ฯ หน้าทีพ่ ลเมืองฯ ม.3
4) หนงั สือค้นควา้ เพิ่มเติม
(1) ศนู ย์มานษุ ยวทิ ยาสริ ินธร. 2542. สงั คมและวฒั นธรรมไทย. กรุงเทพมหานคร :
เรือนแกว้ การพิมพ์.
(2) สำนักงานคณะกรรมการวฒั นธรรมแห่งชาติ. 2544. แนวทางการสบื คน้ วฒั นธรรมท้องถิน่ ไทย.
กรงุ เทพมหานคร : โรงพิมพ์ องค์การค้าของ สกสค.
5) ใบงานที่ 3.2 เรอ่ื ง วัฒนรรมสากล
9.2 แหล่งการเรียนรู้
1) หอ้ งสมุด
2) แหลง่ ข้อมูลสารสนเทศ
- https://www.m-cuture.go.th
- https://www.kasetsomboon.org
- https://www.thairath.co.th
- https://www.royin.go.th
ใบงานท่ี 3.2
เรื่อง วัฒนธรรมสากล
คำช้ีแจง : ใหน้ กั เรยี นตอบคำถามต่อไปน้ี
1. วฒั นธรรมสากลหรอื วฒั นธรรม
นานาชาติ หมายความวา่ อย่างไร
2. วฒั นธรรมสากลสว่ นใหญ่
มีถนิ่ กำเนิดในบริเวณใด
3. วฒั นธรรมสากลทีน่ ำมาใช้ใน
การปฏิรูปประเทศในสมัยรัชกาล
ท่ี 4 และ 5 ได้แก่อะไรบ้าง
4. อิทธิพลของวัฒนธรรมสากลมีผล
ต่อการดำเนนิ ชวี ิตในสังคมไทย
ดา้ นใดบา้ ง
5. นกั เรียนมีวิธีการเลอื กรับ
วฒั นธรรมสากลอยา่ งเหมาะสม
อย่างไร
เฉลย
ใบงานที่ 3.2
เรอ่ื ง วัฒนธรรมสากล
คำช้ีแจง : ให้นกั เรยี นตอบคำถามต่อไปนี้
1. วฒั นธรรมสากลหรอื วัฒนธรรม วัฒนธรรมท่เี ปน็ ทีย่ อมรับกนั ทวั่ ไปอยา่ งกว้างขวาง
นานาชาติ หมายความวา่ อย่างไร หรอื เป็นอารยธรรมทไ่ี ดร้ บั การปฏบิ ัติตามกันท่วั โลก
2. วัฒนธรรมสากลส่วนใหญ่ แถบโลกตะวนั ตก คอื ยุโรปและอเมริกา ซึ่งเป็นแหล่ง
มถี น่ิ กำเนิดในบริเวณใด ทม่ี กี ารพัฒนาวิทยาการและเทคโนโลยีมานาน
3. วัฒนธรรมสากลท่นี ำมาใช้ใน 1) การผลติ เงินตราเปน็ สื่อกลางในการแลกเปลี่ยนสนิ คา้
การปฏิรปู ประเทศในสมัยรชั กาล
ที่ 4 และ 5 ได้แก่อะไรบา้ ง 2) การคมนาคมขนสง่ มีการสร้างรางรถไฟ รถยนต์
โทรเลข โทรศพั ท์ ไฟฟา้ การประปา
3) การแพทย์และการสาธารณสุขสมยั ใหม่
4) การสรา้ งโรงเรยี นหลวง
4. อทิ ธิพลของวัฒนธรรมสากลมีผล 1) ท่อี ยูอ่ าศยั 2) การแตง่ กาย 3) อาหาร 4) ภาษา
ต่อการดำเนินชีวติ ในสังคมไทย 5) แนวคดิ 6) องค์ความรู้
ด้านใดบา้ ง
5. นกั เรยี นมีวธิ ีการเลือกรับ 1) เลือกรบั วฒั นธรรมสากลทจ่ี ำเป็นต่อการดำเนนิ ชีวิต
วัฒนธรรมสากลอยา่ งเหมาะสม
อย่างไร 2) การศกึ ษาขอ้ ดแี ละข้อเสยี ของสิง่ ประดิษฐแ์ ละ
นวัตกรรม เพ่ือการเลือกใชอ้ ยา่ งเหมาะสม
และรวู้ ิธกี ารแก้ปัญหา
3) รว่ มมือกันศกึ ษาค้นคว้าภูมปิ ญั ญาไทยและภูมิปญั ญา
ทอ้ งถน่ิ เพ่ือเผยแพรแ่ ละพฒั นาใหส้ ังคมโลกร้จู กั
4) พัฒนาและผสมผสานวฒั นธรรมไทยให้เหมาะสม
เพ่ือสง่ ผลให้กลายเปน็ ภมู ปิ ญั ญาสากล
ชนิ้ งาน/ภาระงานรวบยอด
กจิ กรรม รายงานการปฏบิ ตั ิตนในการอนรุ กั ษ์วัฒนธรรมไทยและเลือกรับวฒั นธรรมสากล
คำชี้แจง : ครมู อบหมายให้นกั เรียนแต่ละกลุม่ ทำรายงานการปฏิบัตติ นในการอนุรักษ์วฒั นธรรมไทยและเลือกรบั
วฒั นธรรมสากล แลว้ นำส่งครู โดยใหค้ รอบคลุมประเด็นตามทีก่ ำหนด
แบบประเมนิ รายงานการปฏิบตั ิตนในการอนุรกั ษ์วัฒนธรรมไทยและเลือกรบั วฒั นธรรมสากล
รายการประเมนิ คำอธบิ ายระดับคุณภาพ / ระดบั คะแนน
1. การอนุรกั ษ์ ดีมาก (4) ดี (3) พอใช้ (2) ปรับปรุง (1)
วัฒนธรรมและ
ภมู ปิ ัญญาไทย มีพฤติกรรมที่แสดงถงึ มีพฤตกิ รรมทีแ่ สดงถงึ มพี ฤติกรรมทีแ่ สดงถงึ มพี ฤติกรรมทแี่ สดงถึงการ
2. การเลือกรับ การอนรุ กั ษว์ ัฒนธรรม การอนุรักษ์วัฒนธรรม การอนุรักษ์วัฒนธรรม อนุรักษว์ ัฒนธรรม และ
วฒั นธรรมสากล
และภมู ปิ ัญญาไทยพร้อม และภมู ปิ ญั ญาไทย และภมู ิปญั ญาไทยพรอ้ ม ภูมิปัญญาไทยพรอ้ ม
แสดงหลักฐานประกอบ พร้อมแสดงหลกั ฐาน แสดงหลักฐานประกอบ 2 แสดงหลักฐานประกอบ 1
4 พฤตกิ รรม ประกอบ 3 พฤตกิ รรม พฤตกิ รรม พฤตกิ รรม
ขน้ึ ไป
มพี ฤตกิ รรมทีแ่ สดงถงึ มพี ฤตกิ รรมท่แี สดงถงึ มีพฤตกิ รรมที่แสดงถึง มีพฤตกิ รรมทีแ่ สดงถึง
การเลือกรบั วัฒนธรรม การเลือกรับวัฒนธรรม การเลอื กรบั วัฒนธรรม การเลอื กรับวฒั นธรรม
สากลอย่างเหมาะสม สากลอยา่ งเหมาะสม สากลอยา่ งเหมาะสม สากลอย่างเหมาะสม
4 พฤตกิ รรมข้ึนไป 3 พฤติกรรม 2 พฤตกิ รรม 1 พฤติกรรม
เกณฑ์การตัดสินคุณภาพ
ชว่ งคะแนน 8 6 - 7 4 - 5 ตำ่ กว่า 4
ระดบั คณุ ภาพ ดมี าก ดี พอใช้ ปรบั ปรุง
แบบประเมินการนำเสนอผลงาน
คำชแ้ี จง : ให้ผู้สอนประเมินผลการนำเสนอผลงานของนักเรยี นตามรายการ แลว้ ขดี ✓ลงในช่องท่ี
ตรงกบั ระดบั คะแนน
ลำดับท่ี รายการประเมิน ระดับคะแนน 1
32
1 ความถูกต้องของเนือ้ หา
2 การลำดบั ขัน้ ตอนของเรื่อง
3 วิธีการนำเสนอผลงานอยา่ งสรา้ งสรรค์
4 การใช้เทคโนโลยใี นการนำเสนอ
5 การมสี ่วนรว่ มของสมาชกิ ในกลุม่
รวม
ลงชอ่ื ...................................................ผู้ประเมนิ
............/................./................
เกณฑ์การให้คะแนน ให้ 3 คะแนน
ผลงานหรอื พฤติกรรมสอดคล้องกับรายการประเมินสมบรู ณ์ชัดเจน ให้ 2 คะแนน
ผลงานหรอื พฤติกรรมสอดคล้องกับรายการประเมนิ เป็นสว่ นใหญ่ ให้ 1 คะแนน
ผลงานหรอื พฤตกิ รรมสอดคล้องกบั รายการประเมนิ บางส่วน
เกณฑ์การตดั สินคณุ ภาพ
ช่วงคะแนน ระดับคณุ ภาพ
12-15 ดี
8-11 พอใช้
ต่ำกวา่ 8 ปรับปรุง
แบบสงั เกตพฤตกิ รรมการทำงานรายบคุ คล
คำชแ้ี จง : ใหผ้ ู้สอนสงั เกตพฤติกรรมของนกั เรียนในระหว่างเรยี นและนอกเวลาเรยี น แล้วขีด ✓ลงในช่องที่
ตรงกับระดับคะแนน
ลำดบั ที่ รายการประเมนิ ระดบั คะแนน
321
1 การแสดงความคิดเหน็
2 การยอมรับฟงั ความคดิ เหน็ ของผู้อืน่
3 การทำงานตามหน้าที่ทีไ่ ดร้ ับมอบหมาย
4 ความมีนำ้ ใจ
5 การตรงต่อเวลา
รวม
ลงช่อื ...................................................ผู้ประเมนิ
............../.................../..............
เกณฑก์ ารใหค้ ะแนน ให้ 3 คะแนน
ปฏิบตั ิหรือแสดงพฤตกิ รรมอย่างสมำ่ เสมอ ให้ 2 คะแนน
ปฏบิ ัติหรือแสดงพฤตกิ รรมบ่อยครงั้ ให้ 1 คะแนน
ปฏิบัตหิ รือแสดงพฤตกิ รรมบางครง้ั
เกณฑก์ ารตัดสนิ คุณภาพ
ช่วงคะแนน ระดับคุณภาพ
12-15 ดี
8-11 พอใช้
ตำ่ กวา่ 8 ปรบั ปรงุ
แบบสงั เกตพฤตกิ รรมการทำงานกลมุ่
คำชี้แจง : ให้ผสู้ อนสงั เกตพฤตกิ รรมของนกั เรียนในระหวา่ งเรียนและนอกเวลาเรียน แล้วขีด ✓ลงในชอ่ งที่
ตรงกับระดบั คะแนน
การมี
ลำดับท่ี ช่อื –สกลุ การแสดง การยอมรบั การทำงาน ความมี สว่ นร่วมใน รวม
ของนกั เรียน ความ ฟังคนอ่นื ตามท่ีไดร้ บั น้ำใจ การ 15
คิดเห็น มอบหมาย คะแนน
ปรบั ปรงุ
ผลงานกลุ่ม
321321321321321
เกณฑ์การให้คะแนน ลงชือ่ ...................................................ผูป้ ระเมิน
ปฏบิ ัติหรือแสดงพฤติกรรมอย่างสมำ่ เสมอ ............../.................../...............
ปฏิบัติหรอื แสดงพฤติกรรมบ่อยครง้ั
ปฏิบตั ิหรอื แสดงพฤตกิ รรมบางครง้ั ให้ 3 คะแนน
ให้ 2 คะแนน
ให้ 1 คะแนน
เกณฑ์การตดั สนิ คณุ ภาพ
ชว่ งคะแนน ระดับคณุ ภาพ
12-15 ดี
8-11 พอใช้
ตำ่ กวา่ 8 ปรับปรุง
แบบประเมินคุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์
คำชแ้ี จง : ใหผ้ ูส้ อนสังเกตพฤติกรรมของนักเรียนในระหวา่ งเรียนและนอกเวลาเรยี น แล้วขดี ✓ลงในช่องที่
ตรงกับระดบั คะแนน
คุณลักษณะ รายการประเมิน ระดบั คะแนน
อันพงึ ประสงค์ดา้ น 321
1. รกั ชาติ ศาสน์ 1.1 ยืนตรงเคารพธงชาติ และรอ้ งเพลงชาติ
กษัตริย์ 1.2 เข้าร่วมกิจกรรมทส่ี ร้างความสามคั คี ปรองดอง และเป็นประโยชน์
ต่อโรงเรยี น
1.3 เข้ารว่ มกิจกรรมทางศาสนาทต่ี นนบั ถอื ปฏิบัติตามหลักศาสนา
1.4 เข้ารว่ มกจิ กรรมท่เี ก่ยี วกบั สถาบันพระมหากษตั ริยต์ ามท่ีโรงเรยี นจดั ขนึ้
2. ซอ่ื สัตย์ สุจริต 2.1 ให้ข้อมูลทีถ่ ูกตอ้ ง และเป็นจริง
2.2 ปฏิบัตใิ นสงิ่ ที่ถูกตอ้ ง
3. มีวินัย รับผดิ ชอบ 3.1 ปฏบิ ัติตามข้อตกลง กฎเกณฑ์ ระเบียบ ขอ้ บงั คับ
3.2 มคี วามตรงต่อเวลาในการปฏิบัติกิจกรรมตา่ ง ๆ ในชวี ิตประจำวัน
4. ใฝเ่ รยี นรู้ 4.1 รู้จกั ใชเ้ วลาว่างให้เป็นประโยชน์ และนำไปปฏบิ ัติได้
4.2 ศกึ ษาค้นคว้าความรู้จากสอื่ และเทคโนโลยสี ารสนเทศอยา่ งสมำ่ เสมอ
5. อย่อู ยา่ งพอเพยี ง 5.1 ใชท้ รัพย์สินและสง่ิ ของของตนเองและส่วนรวมอย่างประหยดั
5.2 ใช้อุปกรณ์การเรยี นอยา่ งประหยดั และรคู้ ุณค่า
5.3 ใช้จ่ายอยา่ งประหยัดและมกี ารเกบ็ ออมเงนิ
6. มงุ่ ม่นั ในการทำงาน 6.1 มีความตงั้ ใจและพยายามในการทำงานที่ไดร้ ับมอบหมาย
6.2 มคี วามอดทนและไม่ท้อแทต้ ่ออุปสรรคเพอื่ ใหง้ านสำเรจ็
7. รกั ความเปน็ ไทย 7.1 มีจิตสำนกึ ในการอนรุ กั ษว์ ัฒนธรรมและภมู ิปัญญาไทย
7.2 เหน็ คุณคา่ และปฏบิ ตั ิตนตามวัฒนธรรมไทย
8. มีจติ สาธารณะ 8.1 อาสาทำงาน ช่วยคิด ช่วยทำกิจกรรมเพื่อส่วนรวม
8.2 เข้ารว่ มกิจกรรม เพื่อสงั คมและสาธารณประโยชน์
เกณฑ์การใหค้ ะแนน ลงชอื่ ...................................................ผูป้ ระเมนิ
พฤติกรรมที่ปฏบิ ตั ชิ ดั เจนและสมำ่ เสมอ
พฤติกรรมท่ปี ฏิบัตชิ ัดเจนและบอ่ ยคร้งั ............../.................../................
พฤติกรรมท่ีปฏบิ ตั ิบางครัง้
ให้ 3 คะแนน
ให้ 2 คะแนน
ให้ 1 คะแนน
10. บันทกึ ผลหลงั การสอน
ด้านความรู้
ดา้ นสมรรถนะสำคญั ของผ้เู รียน
ดา้ นคุณลักษณะอนั พึงประสงค์
ด้านความสามารถทางภมู ิศาสตร์
ด้านอื่น ๆ (พฤติกรรมเดน่ หรือพฤติกรรมทมี่ ีปัญหาของนกั เรยี นเป็นรายบคุ คล (ถ้ามี))
ปัญหา/อปุ สรรค
แนวทางการแกไ้ ข
11. ความเห็นของผ้บู ริหารสถานศึกษาหรอื ผทู้ ี่ได้รับมอบหมาย
ข้อเสนอแนะ
ลงช่ือ .................................
( ................................ )
ตำแหนง่ .......
แบบทดสอบกอ่ นเรียน
หน่วยการเรยี นรทู้ ี่ 3
คำชแ้ี จง : ให้นักเรียนเลือกคำตอบที่ถูกต้องที่สุดเพียงข้อเดียว
1. “การใช้เครอ่ื งทอผา้ ในการทอผ้าไหมของชาวไทยใน
ภาคเหนือและภาคตะวนั ออกเฉยี งเหนอื ทำใหม้ ีผลติ ภณั ฑ์ 6. ขอ้ ความใดแสดงถงึ ความสำคัญของภมู ิปญั ญาของคนไทย
สินค้าจากผา้ ไหมไปจำหนา่ ยทง้ั ในประเทศและนอก ก. อาหารไทยมมี ากมาย ข. อาหารไทยมรี สจดั
ประเทศ” ข้อความดังกล่าวสอดคลอ้ งกบั ความสำคญั ของ ค. อาหารไทยมสี มนุ ไพร ง. คนไทยนิยมทานอาหาร
วฒั นธรรมและภมู ิปญั ญาไทยในขอ้ ใดมากท่สี ุด ไทย
ก. แสดงจุดเดน่ ของอาชีพทอผ้าไหม 7. นกั เรยี นจะอนรุ ักษว์ ัฒนธรรมไทยอย่างเหมาะสมได้
ข. สะท้อนวิถีการดำรงชีพ และสรา้ งรายได้ หลายประการ ยกเว้นข้อใด
ค. ความสัมพนั ธร์ ะหวา่ งธรรมชาตกิ ับอาชพี ก. ใชแ้ กว้ นำ้ ลายไทย
ง. ภูมปิ ญั ญาไทยเป็นพ้นื ฐานสำคญั ของการค้าขาย ข. ยกย่องปราชญท์ ้องถน่ิ
2. การดำเนนิ ชวี ิตตามวัฒนธรรมไทยส่งผลดมี ากทสี่ ุดในข้อใด ค. ใชภ้ าชนะเคร่ืองป้ันดนิ เผาใสอ่ าหาร
ก. เปน็ พื้นฐานในการประกอบอาชีพ ง. ร้องเพลงไทยผสมกับเพลงตะวนั ตก
ข. การพฒั นาคุณภาพชีวิตเปน็ ไปอยา่ งตอ่ เนอื่ ง 8. “กานดาไปศึกษาภาษาอังกฤษและภาษาจนี เพม่ิ เตมิ
ค. สมาชกิ ในสงั คมมีความเป็นอยูอ่ ย่างพอเพียง เพอ่ื นำมาเปน็ พนื้ ฐานในการประกอบอาชพี มคั คุเทศก์
ง. คนในสงั คมไทยมลี ักษณะคล้ายคลงึ กนั มีความผกู พัน แต่เธอก็พูดภาษาไทยไดช้ ัดเจน” ข้อความดงั กลา่ วแสดง
กัน ถึงการเลือกรบั วัฒนธรรมสากลในข้อใด
3. ผ้ใู ดปฏิบัตติ นตามวฒั นธรรมประจำชาติไทย ก. ดา้ นการศกึ ษาและความรู้
ก. แพรวและชาวบ้านไปทำพิธีแหน่ างแมวขอฝน ข. ดา้ นองค์ความรแู้ ละด้านภาษา
ข. กลมุ่ แม่บา้ นรว่ มมือกันทำกระทงไปลอยในแม่น้ำ ค. ดา้ นแนวคดิ ทฤษฎี ความรู้ และหลักการ
ค. ประชาชนทวั่ ประเทศพากันไปชมประเพณไี หลเรือไฟ ง. ด้านการประกอบอาชีพ และดา้ นความสมั พนั ธ์
ง. กล้าและเพ่ือนพากันไปร่วมพธิ เี วียนเทยี นใน 9. ข้อใดจดั เปน็ การพัฒนาวัฒนธรรมไทยผสมผสานกบั
วนั วิสาขบูชา วัฒนธรรมสากลได้อย่างเหมาะสม
4. บุคคลในข้อใด ท่มี กี ารกระทำทแ่ี สดงถงึ การอนรุ กั ษ์ ก. พระบรมมหาราชวงั ข. พระทนี่ ่ังอนันตสมาคม
วัฒนธรรมไทยระดับชาติ ค. วัดพระศรรี ตั นศาสดาราม ง. วดั ระฆังโฆษติ าราม
ก. เดือนชอบรำมโนราห์ 10. “ปัจจบุ นั คนทัว่ โลกสามารถติดต่อกนั ได้ด้วยระบบข้อมลู
ข. ฝนรำเซ้งิ ไดส้ วยกวา่ เพื่อน สารสนเทศ” จากขอ้ ความดงั กลา่ วเป็นการเลอื กรบั
ค. เก๋แต่งผา้ ไหมมัดหม่ีของชาวอีสาน วัฒนธรรมสากลอย่างไร
ง. ดาวพดู คำควบกลำ้ ในภาษาไทยชัดเจน ก. การเลอื กรบั วัฒนธรรมสากลทจี่ ำเปน็ ตอ่ การดำเนนิ ชีวติ
5. วนั สำคญั ในขอ้ ใด ที่เกย่ี วข้องกบั พระมหากษัตรยิ ์ ข. การเลอื กรับในส่วนทแ่ี สดงถงึ การพัฒนาวฒั นธรรมของ
ก. วนั จักรี วนั ฉัตรมงคล ยโุ รป
ข. วันจักรี วนั สงกรานต์ ค. การเลอื กรบั ในด้านการศึกษาแนวคดิ ที่สำคญั และ
ค. วันสงกรานต์ วันพืชมงคล ระบบเทคโนโลยี
ง. วนั วสิ าขบชู า วันครอบครวั ง. การเลือกรบั วัฒนธรรมสากลในสว่ นทแี่ สดงถงึ การ
รว่ มมือกนั ของมนษุ ย์
11. ขอ้ ใดกล่าวถงึ วัฒนธรรมไทยไดถ้ ูกต้อง 16. วัฒนธรรมสากลใดต่อไปน้ีท่ีเราควรเลือกรับมาปรับใช้ใน
ก. วัฒนธรรมไทยเปน็ สิ่งทลี่ า้ สมัย ชวี ิตประจำวนั มากที่สดุ
ข. วัฒนธรรมไทยไม่มคี วามนา่ สนใจ ก. ภาษาอังกฤษ ข. แฟช่ันเส้อื ผา้
ค. วฒั นธรรมไทยไมเ่ หมาะกับสังคมปจั จุบัน ค. สินคา้ แบรนด์เนม ง. เครอื่ งสำอางชอ่ื ดัง
ง. วัฒนธรรมไทยเป็นมรดกของชาตทิ ่ตี อ้ งรกั ษาไว้ 17. วัฒนธรรมไทยมคี วามสำคญั อยา่ งไร
12. กจิ กรรมใดต่อไปนช้ี ่วยสง่ เสรมิ การอนุรกั ษว์ ฒั นธรรมไทย ก. ช่วยให้คนไทยมฐี านะดี
ก. การแข่งขนั ฟตุ บอล ข. การร้องเพลงสากล ข. เป็นส่ิงท่ีชว่ ยกำหนดชนช้นั ทางสังคม
ค. การอา่ นทำนองเสนาะ ง. การเลือกตงั้ ค. ชว่ ยเสรมิ สรา้ งความเป็นปกึ แผน่ ของชาติ
13. ขอ้ ใดถอื เปน็ วัฒนธรรมประจำชาติ ง. ชว่ ยให้สังคมไทยปราศจากความขดั แยง้
ก. พธิ ีบายศรสี ขู่ วญั ข. ประเพณผี ีตาโขน 18. นักเรยี นสามารถชว่ ยอนรุ ักษว์ ัฒนธรรมประจำชาตไิ ด้
ค. การตักบาตรดอกไม้ ง. พระราชพธิ ฉี ัตร อย่างไร
มงคล ก. เรียนรภู้ ูมปิ ญั ญาไทย
14. ผใู้ ดปฏบิ ัติ ไม่ถูกต้อง ในการอนุรกั ษ์วัฒนธรรมไทย ข. ศึกษาวฒั นธรรมล้านนา
ก. มกุ หัดเลน่ ระนาดเอก ค. เรยี นรูก้ ารทำอตุ สาหกรรม
ข. หญิงสอนเด็กละแวกบา้ นใหร้ ำไทย ง. พูด อ่าน เขียนภาษาไทยใหถ้ ูกตอ้ ง
ค. ฝา้ ยไปเที่ยวโบราณสถานแลว้ นำวตั ถโุ บราณกลบั มา 19. หากเราไม่ช่วยกันอนรุ ักษว์ ัฒนธรรมไทย สงิ่ ใดจะเกิดขึน้
ง. จุกชกั ชวนชาวตา่ งชาติให้ฝกึ พดู อ่าน เขียนภาษาไทย ก. สงั คมไทยมคี วามเจรญิ
15. กิจกรรมในข้อใดสามารถชว่ ยเผยแพรว่ ัฒนธรรมไทย ข. สังคมไทยถกู ตา่ งชาตคิ รอบงำ
ไดม้ ากทสี่ ดุ ค. สงั คมไทยมเี อกลักษณท์ ี่โดดเดน่
ก. การเท่ียวเมืองไทย ง. สังคมไทยสามารถอยไู่ ดด้ ้วยตนเอง
ข. การรบั ประทานอาหารไทย 20. วัฒนธรรมสากลมีความสำคญั อย่างไร
ค. การเข้าร่วมกิจกรรมแหเ่ ทยี นพรรษา ก. ช่วยพัฒนาสังคมใหก้ ้าวหนา้
ง. การจดั นทิ รรศการวฒั นธรรมไทย 4 ภาค ข. ช่วยทำให้ความยากจนหมดไป
ค. ชว่ ยใหม้ นษุ ยม์ คี วามเปน็ อยอู่ ยา่ งหรูหรา
ง. ชว่ ยสรา้ งความเปน็ เอกลกั ษณแ์ ละความเป็นปึกแผ่น
ของชาติ
เฉลย
1. ข 2. ง 3. ง 4. ง 5. ก 6. ค 7. ง 8. ข 9. ข 10. ก
11. ง 12. ค 13. ง 14. ค 15. ง 16. ก 17. ค 18. ง 19. ข 20. ก
แบบทดสอบหลังเรยี น
หน่วยการเรยี นรทู้ ่ี 3
คำช้ีแจง : ให้นักเรียนเลือกคำตอบที่ถูกต้องท่ีสุดเพียงข้อเดียว
1. กจิ กรรมในข้อใดสามารถช่วยเผยแพร่วฒั นธรรมไทย
ไดม้ ากทสี่ ุด 7. วัฒนธรรมไทยมีความสำคัญอยา่ งไร
ก. การเทย่ี วเมืองไทย ก. ชว่ ยใหค้ นไทยมีฐานะดี
ข. การรับประทานอาหารไทย ข. เป็นส่งิ ท่ีชว่ ยกำหนดชนชัน้ ทางสังคม
ค. การเข้าร่วมกิจกรรมแห่เทยี นพรรษา ค. ชว่ ยเสรมิ สรา้ งความเปน็ ปกึ แผ่นของชาติ
ง. การจัดนทิ รรศการวัฒนธรรมไทย 4 ภาค ง. ช่วยใหส้ ังคมไทยปราศจากความขดั แย้ง
2. ข้อใดกล่าวถึงวฒั นธรรมไทยไดถ้ กู ตอ้ ง 8. “การใช้เครอ่ื งทอผ้าในการทอผา้ ไหมของชาวไทยใน
ก. วัฒนธรรมไทยเปน็ สง่ิ ทลี่ า้ สมัย ภาคเหนอื และภาคตะวนั ออกเฉยี งเหนือ ทำใหม้ ี
ข. วัฒนธรรมไทยไม่มีความนา่ สนใจ ผลติ ภณั ฑส์ นิ คา้ จากผ้าไหมไปจำหนา่ ยทงั้ ในประเทศ
ค. วฒั นธรรมไทยไมเ่ หมาะกบั สังคมปจั จุบนั และนอกประเทศ” ข้อความดงั กล่าวสอดคลอ้ งกับ
ง. วฒั นธรรมไทยเป็นมรดกของชาติทตี่ อ้ งรักษาไว้ ความสำคญั ของวัฒนธรรมและภูมปิ ัญญาไทย
3. “กานดาไปศกึ ษาภาษาอังกฤษและภาษาจนี เพิม่ เตมิ ในข้อใดมากทีส่ ุด
เพื่อนำมาเปน็ พน้ื ฐานในการประกอบอาชีพมัคคุเทศก์ ก. แสดงจดุ เด่นของอาชพี ทอผ้าไหม
แต่เธอกพ็ ดู ภาษาไทยได้ชัดเจน” ขอ้ ความดงั กล่าว ข. สะท้อนวิถกี ารดำรงชพี และสร้างรายได้
แสดงถึงการเลือกรบั วัฒนธรรมสากลในขอ้ ใด ค. ความสมั พันธร์ ะหวา่ งธรรมชาติกับอาชพี
ก. ดา้ นการศึกษาและความรู้ ง. ภูมิปญั ญาไทยเปน็ พนื้ ฐานสำคญั ของการค้าขาย
ข. ด้านองคค์ วามรแู้ ละด้านภาษา 9. วันสำคญั ในขอ้ ใด ทเี่ กย่ี วข้องกับพระมหากษัตรยิ ์
ค. ดา้ นแนวคดิ ทฤษฎี ความรู้ และหลกั การ ก. วันจักรี วันฉตั รมงคล
ง. ด้านการประกอบอาชีพ และด้านความสัมพันธ์ ข. วันจักรี วันสงกรานต์
4. วฒั นธรรมสากลมคี วามสำคัญอยา่ งไร ค. วนั สงกรานต์ วนั พืชมงคล
ก. ช่วยพัฒนาสังคมให้กา้ วหน้า ง. วันวิสาขบูชา วนั ครอบครัว
ข. ช่วยทำให้ความยากจนหมดไป 10. ผ้ใู ดปฏิบตั ติ นตามวัฒนธรรมประจำชาติไทย
ค. ช่วยให้มนษุ ย์มคี วามเปน็ อยู่อย่างหรหู รา ก. แพรวและชาวบา้ นไปทำพิธีแหน่ างแมวขอฝน
ง. ชว่ ยสรา้ งความเป็นเอกลักษณแ์ ละความเปน็ ข. กลมุ่ แมบ่ า้ นรว่ มมอื กนั ทำกระทงไปลอยในแม่นำ้
ปึกแผน่ ของชาติ ค. ประชาชนท่ัวประเทศพากันไปชมประเพณี
5. วฒั นธรรมสากลใดต่อไปน้ีที่เราควรเลือกรบั มาปรบั ไหลเรอื ไฟ
ใชใ้ นชีวิตประจำวนั มากทสี่ ดุ ง. กล้าและเพอื่ นพากันไปร่วมพธิ ีเวยี นเทียนใน
ก. ภาษาอังกฤษ ข. แฟชนั่ เส้อื ผ้า วันวิสาขบชู า
ค. สนิ คา้ แบรนดเ์ นม ง. เครื่องสำอางชอ่ื ดงั 11. ขอ้ ใดจดั เป็นการพฒั นาวัฒนธรรมไทยผสมผสานกบั
6. ข้อใดถอื เป็นวฒั นธรรมประจำชาติ วฒั นธรรมสากลไดอ้ ย่างเหมาะสม
ก. พิธีบายศรีสู่ขวญั ข. ประเพณผี ตี าโขน ก. พระบรมมหาราชวัง ข. พระทน่ี ัง่ อนนั ตสมาคม
ค. ตกั บาตรดอกไม้ ง. พระราชพิธฉี ตั รมงคล ค. วัดยานนาวา ง. วัดระฆงั โฆษติ าราม
12. การดำเนนิ ชวี ิตตามวัฒนธรรมไทยสง่ ผลดีมากทสี่ ุด 17. กิจกรรมใดต่อไปน้ีชว่ ยสง่ เสรมิ การอนรุ ักษ์
ในข้อใด วัฒนธรรมไทย
ก. เป็นพน้ื ฐานในการประกอบอาชพี ก. การแข่งขนั ฟุตบอล ข. การร้องเพลงสากล
ข. การพัฒนาคณุ ภาพชีวิตเปน็ ไปอย่างตอ่ เน่อื ง ค. การอ่านทำนองเสนาะ ง. การเลอื กตัง้
ค. สมาชิกในสังคมมคี วามเป็นอยู่อย่างพอเพียง
ง. คนในสงั คมไทยมลี ักษณะคล้ายคลงึ กนั มคี วาม 18. “ปัจจุบันคนท่ัวโลกสามารถตดิ ต่อกันไดด้ ว้ ยระบบ
ผูกพนั กนั ข้อมูลสารสนเทศ” จากขอ้ ความดงั กล่าวเป็นการ
เลือกรับวฒั นธรรมสากลอยา่ งไร
13. หากเราไมช่ ว่ ยกันอนุรักษ์วัฒนธรรมไทย สง่ิ ใดจะเกิดขนึ้ ก. การเลือกรับวฒั นธรรมสากลทจี่ ำเป็นตอ่ การดำเนิน
ก. สงั คมไทยมีความเจรญิ ชีวติ
ข. สังคมไทยถกู ตา่ งชาติครอบงำ ข. การเลือกรับสว่ นทแ่ี สดงถึงการพัฒนาวฒั นธรรม
ค. สงั คมไทยมเี อกลกั ษณท์ โ่ี ดดเดน่ ของยโุ รป
ง. สงั คมไทยสามารถอยไู่ ดด้ ว้ ยตนเอง ค. การเลอื กรับในด้านการศึกษาแนวคดิ ทีส่ ำคญั และ
ระบบเทคโนโลยี
14. นกั เรยี นจะอนรุ ักษว์ ฒั นธรรมไทยอยา่ งเหมาะสม ง. การเลือกรับวฒั นธรรมสากลในส่วนทแ่ี สดงถงึ การ
ไดห้ ลายประการ ยกเว้น ข้อใด รว่ มมือกนั ของมนุษย์
ก. ใช้แก้วน้ำลายไทย
ข. ยกย่องปราชญ์ทอ้ งถิ่น 19. ผู้ใดปฏิบัติ ไม่ถูกต้อง ในการอนรุ กั ษว์ ฒั นธรรมไทย
ค. ใช้ภาชนะเคร่อื งปนั้ ดินเผาใสอ่ าหาร ก. มกุ หดั เล่นระนาดเอก
ง. รอ้ งเพลงไทยผสมกับเพลงตะวันตก ข. หญิงสอนเด็กละแวกบา้ นใหร้ ำไทย
ค. ฝา้ ยไปเทยี่ วโบราณสถานแลว้ นำวตั ถโุ บราณ
15. บุคคลในขอ้ ใด ทมี่ ีการกระทำท่ีแสดงถึงการอนรุ ักษ์ กลบั มา
วัฒนธรรมไทยระดับชาติ ง. จุกชกั ชวนชาวตา่ งชาตใิ ห้ฝึกพดู อ่าน เขยี น
ก. เดอื นชอบรำมโนราห์ ภาษาไทย
ข. ฝนรำเซิ้งไดส้ วยกว่าเพอื่ น
ค. เก๋แตง่ ผา้ ไหมมดั หมีข่ องชาวอีสาน 20. นักเรียนสามารถช่วยอนุรักษว์ ัฒนธรรมประจำชาตไิ ด้
ง. ดาวพดู คำควบกลำ้ ในภาษาไทยชดั เจน อย่างไร
ก. เรยี นรภู้ มู ิปญั ญาไทย
16. ขอ้ ความใดแสดงถงึ ความสำคัญของภมู ปิ ัญญาของคนไทย ข. ศึกษาวฒั นธรรมล้านนา
ก. อาหารไทยมมี ากมาย ข. อาหารไทยมรี สจดั ค. เรียนรู้การทำอตุ สาหกรรม
ค. อาหารไทยมสี มุนไพร ง. อาหารไทยมีโปรตีน ง. พูด อ่าน เขียนภาษาไทยให้ถูกต้อง
เฉลย
1. ง 2. ง 3. ข 4. ก 5. ก 6. ง 7. ค 8. ง 9. ก 10. ง
11. ข 12. ง 13. ข 14. ง 15. ง 16. ค 17. ค 18. ก 19. ค 20. ง
หน่วยการเรียนร้ทู ่ี 4 สงั คมไทย
แผนการจดั การเรยี นรู้ท่ี 1
ลักษณะของสงั คมไทยและปัจจัยทีก่ ่อให้เกิดความขดั แยง้ จนเกิดเป็นปญั หาสงั คมและแนวทางแก้ไข
เวลา 3 ชั่วโมง
1. มาตรฐานการเรียนรู้/ตวั ชว้ี ัด
1.1 ตัวชีว้ ดั
ส 2.1 เข้าใจและปฏิบัติตนตามหน้าท่ีของการเป็นพลเมืองดี มีค่านิยมท่ีดีงาม และธำรง
รักษาประเพณีและวฒั นธรรมไทย ดำรงชีวติ อยู่ร่วมกันในสังคมไทยและสังคมโลก
อยา่ งสันติสุข
ม. 3/4 วเิ คราะห์ปจั จัยที่กอ่ ให้เกดิ ความขดั แย้งในประเทศ และเสนอแนวคิดในการ
ลดความขัดแยง้
ม. 3/5 เสนอแนวคิดในการดำรงชวี ิตอย่างมีความสุขในประเทศและสังคมโลก
2. จดุ ประสงค์การเรียนรู้
1. อธิบายบทบาทหน้าท่ีของสถาบนั ในสงั คมไทยซึง่ มีส่วนร่วมมือกันในการแกป้ ัญหาความขดั แยง้ ได้ (K)
2. วเิ คราะหส์ าเหตุที่ทำให้เกิดปญั หาความขัดแย้งในประเทศ ผลกระทบ และแนวทางแก้ไขได้ (K)
3. จำแนกบทบาทหนา้ ทขี่ องสถาบนั ในสงั คมไทยซง่ึ มีส่วนร่วมมือกันในการแกป้ ญั หาความขดั แยง้ ได้ (P)
4. เหน็ คณุ คา่ ของศึกษาลกั ษณะของสังคมไทย สาเหตุที่ทำให้เกิดปัญหา และแนวทางแก้ไขเพ่ิมมากขึ้น (A)
3. สาระการเรียนรู้ สาระการเรยี นรูท้ อ้ งถน่ิ สาระการเรยี นรจู้ ากส่ือ
สาระการเรียนรูแ้ กนกลาง (พจิ ารณาตามหลักสตู รสถานศกึ ษา) - ลกั ษณะของสงั คมไทย
1) ปจั จยั ท่ีก่อใหเ้ กดิ ความขัดแย้ง
- ปจั จยั ท่กี อ่ ใหเ้ กดิ ความขัดแย้ง
เชน่ การเมอื งการปกครอง
เศรษฐกจิ สงั คม ความเชอื่ ในสงั คมไทย
2) สาเหตุปัญหาทางสังคม เช่น
ปญั หาสิง่ แวดล้อม ปัญหา - ปญั หาสงั คมและแนวทางแก้ไข
ยาเสพตดิ ปัญหาการทุจรติ
ปัญหาอาชญากรรม
3) แนวทางความรว่ มมือในการลด
ความขดั แยง้ และการสร้าง
ความสมานฉนั ท์
4. มโนทัศน์สำคญั (Key Concept)
- สถาบนั ทางสงั คมไทยมบี ทบาทหน้าทีส่ ำคัญในการขดั เกลาสมาชิกในสงั คมให้อยรู่ ่วมกนั อยา่ งปกตสิ ุข ลดความ
ขดั แย้งระหวา่ งกนั อนั เกิดจากปัจจัยสำคัญหลายประการ ซึ่งส่งผลกระทบต่อวถิ ีการดำเนินชวี ิตของคนไทย
ดงั นัน้ ทกุ คนจึงต้องร่วมมอื กนั ลดปญั หาความขัดแย้งและสรา้ งสมานฉันทใ์ หเ้ กดิ ข้ึนในสงั คม
5. คำถามหลกั (Big Question)
1. สถาบนั ทางสังคมของไทยมลี กั ษณะอย่างไร
2. ปัญหาสงั คมไทยในปัจจุบันได้แกป่ ัญหาใด และมแี นวทางแก้ไขอยา่ งไร
6. สมรรถนะสำคญั ของผเู้ รียนและคณุ ลักษณะอันพงึ ประสงค์
สมรรถนะสำคัญของผู้เรยี น คณุ ลักษณะอนั พึงประสงค์
1. ความสามารถในการคิด 1. มวี นิ ยั
- ทักษะการวเิ คราะห์ 2. ใฝ่เรยี นรู้
2. ความสามารถในการใช้ทักษะชวี ติ 3. ม่งุ ม่ันในการทำงาน
7. กจิ กรรมการเรียนรู้
วธิ ีสอนแบบสืบเสาะหาความรู้ 5Es (5Es Instructional Model)
ชวั่ โมงท่ี 1
ขั้นนำ
ขัน้ ที่ 1 กระตุน้ ความสนใจ (Engage)
1. ครแู จ้งให้นักเรยี นทราบถึงวิธสี อนแบบสบื เสาะหาความรู้ 5Es (5Es Instructional Model) ชื่อเรอื่ ง
ท่ีจะเรยี นรู้ จดุ ประสงค์การเรียนรู้ และผลการเรียนรู้
2. ครใู หน้ กั เรยี นทำแบบทดสอบก่อนเรยี นหนว่ ยการเรยี นรู้ท่ี 4 เรอ่ื ง สังคมไทย
3. ครเู กริน่ นำเกี่ยวกบั ลกั ษณะสำคญั ทางสงั คมไทย แล้วถามคำถาม เชน่
1) เมือ่ นกั เรียนคดิ ถึงสงั คมไทย นกั เรียนคิดถึงลักษณะเดน่ อะไรบา้ ง
(แนวตอบ การมีพระมหากษตั ริยท์ รงเปน็ ประมขุ การไหว้ การย้ิม การทำเกษตรกรรม)
2) เหตุใดประเทศไทยจงึ มีความโดดเด่นในดา้ นการเปน็ ประเทศเกษตรกรรม
(แนวตอบ เนอ่ื งจากประเทศไทยต้งั อย่ใู นบริเวณท่มี ลี กั ษณะภมู ปิ ระเทศและภูมอิ ากาศเหมาะสมกบั
การเพาะปลูก ทำใหผ้ ลผลติ ทางการเกษตรท่ไี ดม้ ปี รมิ าณมาก มีคณุ ภาพดี และเปน็ ท่ีตอ้ งการ
ของท่ัวโลก)
3) การท่ีคนในสังคมไทยใหค้ วามเคารพเทดิ ทนู พระมหากษัตรยิ ต์ ้งั แต่อดตี จนถึงปัจจุบัน
มาจากสาเหตใุ ด
(แนวตอบ เนื่องจากสถาบันพระมหากษัตริย์ได้ให้ความช่วยเหลือและคู่เคียงข้างประชาชนมาโดย
ตลอดประชาชนชาวไทยจึงให้ความเคารพเทดิ ทนู สถาบนั พระมหากษัตรยิ ์ตลอดมา)
4. ครูเชื่อมโยงเข้าสู่บทเรียน เกี่ยวกับลักษณะสำคัญทางสังคมไทยและสถาบันทางสังคมที่สำคัญของ
ไทยโดยครซู กั ถาม และอธบิ ายขยายความจากสงิ่ ทนี่ ักเรยี นตอบ จากนัน้ อภิปรายความร้รู ว่ มกัน
5. ครนู ำขา่ วจากหนังสอื พมิ พ์ อนิ เทอร์เน็ต วิทยุ โทรทศั น์ ทเ่ี ป็นประเด็นเกี่ยวกบั ปัญหาสงั คม แลว้ ให้
นักเรยี นรว่ มกนั อภิปรายแสดงความคดิ เห็นเชอ่ื มโยงถึงปจั จัยทกี่ ่อให้เกิดความขดั แยง้ ในสงั คมไทย
ท้ังในด้านการเมอื งการปกครอง เศรษฐกจิ สงั คม จากข่าวดังกลา่ ว โดยครูแนะนำเพมิ่ เติม
ขัน้ สอน
ขัน้ ท่ี 2 สำรวจค้นหา (Explore)
1. ครใู หน้ ักเรียนแบ่งกลมุ่ ศึกษาค้นควา้ เกีย่ วกบั ปัญหาสังคมและแนวทางแกไ้ ข จากหนงั สอื เรียน
สังคมศกึ ษาฯ ม.3 หรอื จากแหล่งการเรยี นร้อู น่ื ๆ เช่น หนังสอื ในห้องสมุด เวบ็ ไซตใ์ นอนิ เทอร์เนต็
โดยครอบคลุมประเด็นปัญหา ดังนี้
• ปัญหาส่งิ แวดลอ้ ม
• ปญั หายาเสพตดิ
• ปัญหาอาชญากรรม
• ปัญหาทุจรติ คอรร์ ัปชัน
2. ครแู นะนำแหลง่ ขอ้ มลู สารสนเทศทีน่ า่ เช่อื ถือให้กับนักเรียนเพม่ิ เติม
ชว่ั โมงที่ 2
ขน้ั ที่ 3 อธิบายความรู้ (Explain)
1. สมาชกิ แต่ละคนในกลุ่มนำขอ้ มูลทีต่ นไดจ้ ากการรวบรวม มาอธิบายแลกเปล่ียนความรูร้ ะหว่างกัน
2. จากน้นั สมาชกิ ในกลุ่มชว่ ยกนั คดั เลอื กขอ้ มูลที่นำเสนอเพ่ือใหไ้ ด้ข้อมลู ที่ถูกตอ้ ง
3. นักเรยี นแต่ละกลมุ่ สง่ ตัวแทนนำเสนอขอ้ มูลหน้าชนั้ เรยี นตามประเดน็ ท่ีศึกษา อภปิ ราย และตอบ
คำถามรว่ มกัน
4. ครแู ละนกั เรียนอภปิ รายรว่ มกันเกี่ยวกับปญั หาสังคมและแนวทางแกไ้ ข และส่มุ ตัวแทนนกั เรียน
เพอ่ื ตอบคำถาม เช่น
1) ความขดั แยง้ ของกลุ่มคนในสงั คมไทย สง่ ผลกระทบต่อประเทศไทยอย่างไร
(แนวตอบ เชน่ ดา้ นเศรษฐกิจ โดยความขัดแยง้ ของกลุ่มคนดา้ นแรงงานกบั นายจ้างทำใหก้ าร
ประกอบการชะงัก ไปจนกว่าจะตกลงกันได้ หรือเมื่อคนในชาติขาดความสามัคคีไม่ให้ความร่วมมือ
กันทกุ ด้าน กจ็ ะสง่ ผลกระทบต่อการพฒั นาประเทศโดยรวม)
2) วิธีการลดความขัดแยง้ ในสงั คมไทย สามารถทำไดอ้ ยา่ งไร
(แนวตอบ 1. รณรงคใ์ หป้ ระชาชนทกุ คนตระหนกั ถึงผลกระทบทีเ่ กิดจากความขัดแยง้
2. จัดโครงการในการทำกิจกรรมร่วมกันเพื่อไปสู่เป้าหมายสำคัญในการพัฒนา
ประเทศชาติ
3. ผู้นำระดับสงู ระดับประเทศ ระดับทอ้ งถน่ิ องค์กรตา่ ง ๆ รว่ มมอื กันช่วยหาวิธกี าร
ลดปัญหาความขดั แยง้ ต้ังแตต่ น้ กอ่ นทป่ี ัญหาจะลกุ ลามมากขึ้น
4. สถาบันทางสังคมทุกสถาบันร่วมมือกันปลูกฝังคุณธรรมให้แก่ประชาชนทุกคน ทุก
ระดบั )
5. ครูซกั ถามขอ้ สงสัยของนกั เรียนเพิม่ เตมิ
ชว่ั โมงที่ 3
ขนั้ สรุป
ข้นั ที่ 4 ขยายความเขา้ ใจ (Expand)
1. ครใู ห้นักเรยี นทำใบงานท่ี 4.1 เรือ่ ง ความขัดแย้งในสงั คมไทย โดยครูแนะนำเพิ่มเติม
2. ครูใหน้ ักเรียนทำแบบฝกึ สมรรถนะฯ หนา้ ท่ีพลเมืองฯ ม.3 เกีย่ วกบั เร่ือง ลักษณะของสังคมไทยและ
ปจั จัยท่ีกอ่ ใหเ้ กิดความขดั แยง้ จนเกิดเปน็ ปัญหาสงั คมและแนวทางแกไ้ ข เพ่ือเปน็ การบ้านส่งครใู น
ชั่วโมงถดั ไป
ขนั้ ประเมิน
ขนั้ ที่ 5 ตรวจสอบผล (Evaluate)
1. ครูและนักเรียนร่วมกนั ตรวจสอบผลจากการตอบคำถาม การทำใบงาน และการทำแบบฝกึ สมรรถนะ
ฯ
หน้าท่พี ลเมอื งฯ ม.3
2. ครปู ระเมินผลจากการตอบคำถาม การรว่ มกันทำงาน และการนำเสนอผลงานหนา้ ชน้ั เรยี น
3. ครูตรวจสอบผลจากการทำใบงาน และแบบฝกึ สมรรถนะฯ หนา้ ที่พลเมอื งฯ ม.3
8. การวัดและประเมนิ ผล วธิ ีวดั เคร่ืองมือ เกณฑ์การประเมิน
- ตรวจแบบทดสอบ
รายการวดั กอ่ นเรยี น - แบบทดสอบก่อนเรยี น - รอ้ ยละ 60 ผา่ นเกณฑ์
8.1 การวัดและประเมนิ ผล
- ตรวจใบงานที่ 4.1 - ใบงานที่ 4.1 - รอ้ ยละ 60 ผา่ นเกณฑ์
กอ่ นเรยี น
- แบบทดสอบก่อนเรียน - ประเมินการนำเสนอ - แบบประเมินการนำเสนอ - ระดับคณุ ภาพ 2
หนว่ ยการเรียนร้ทู ี่ 4 ผลงาน
เร่อื ง สงั คมไทย - สงั เกตพฤติกรรม ผลงาน ผา่ นเกณฑ์
8.2 การวัดและประเมนิ ผล การทำงานรายบุคคล
ระหว่างการจดั กิจกรรม - สังเกตพฤติกรรม - แบบสงั เกตพฤตกิ รรม - ระดับคณุ ภาพ 2
การเรียนรู้ การทำงานกลุ่ม
1) อธบิ ายและจำแนกบทบาท - สงั เกตความมีวินัย การทำงานรายบุคคล ผ่านเกณฑ์
ใฝเ่ รยี นรู้ และมงุ่ ม่ัน
หนา้ ทขี่ องสถาบันใน ในการทำงาน - แบบสังเกตพฤติกรรม - ระดบั คุณภาพ 2
สงั คมไทยซงึ่ มีสว่ น
รว่ มมอื กนั ในการแก้ปัญหา การทำงานรายกลมุ่ ผ่านเกณฑ์
ความขดั แย้ง รวมถงึ
วเิ คราะห์สาเหตทุ ี่ทำให้เกิด - แบบประเมินคุณลกั ษณะ - ระดบั คณุ ภาพ 2
ปญั หาความขดั แย้งใน
ประเทศ ผลกระทบ และ อันพึงประสงค์ ผ่านเกณฑ์
แนวทางแก้ไขได้
2) การนำเสนอผลงาน
3) พฤตกิ รรม
การทำงานรายบุคคล
4) พฤตกิ รรม
การทำงานกล่มุ
5) คุณลักษณะ
อันพงึ ประสงค์
9. สือ่ /แหล่งการเรยี นรู้
9.1 ส่ือการเรียนรู้
1) หนังสอื เรยี นสงั คมศึกษาฯ ม.3
2) แบบฝกึ สมรรถนะฯ หนา้ ทีพ่ ลเมืองฯ ม.3
3) หนังสอื คน้ ควา้ เพิม่ เติม
(1) คณะเศรษฐศาสตร์ มหาวทิ ยาลัยเกษตรศาสตร์. 2550. หนทางสร้างสขุ ของคนในสังคมไทย.
กรงุ เทพมหานคร : มหาวทิ ยาลัยเกษตรศาสตร์.
(2) เฉลียว ฤกษ์รจุ พิ มิ ล. 2543. การจัดระเบยี บสังคม”ในสงั คมวิทยา. กรุงเทพมหานคร :
มหาวทิ ยาลยั เกษตรศาสตร์.
4) ใบงานท่ี 4.1 เร่ือง ความขัดแยง้ ในสงั คมไทย
9.2 แหล่งการเรียนรู้
1) หอ้ งสมดุ
2) แหลง่ ขอ้ มลู สารสนเทศ
- https://kanchanapisek.or.th
- https://www.nacc.go.th
- https://www.pcd.go.th
- https://www.thairath.co.th
- https://www.khaosod.co.th
ใบงานที่ 4.1
เร่อื ง ความขัดแยง้ ในสงั คมไทย
คำชี้แจง : ใหน้ ักเรยี นนำข่าวเกีย่ วกบั ความขดั แยง้ ในสงั คมไทยมาวเิ คราะห์ แล้วตอบคำถาม
ชือ่ ข่าว
(สาระสำคญั ของข่าว)
ท่ีมา
1. ปัญหาสำคญั ในเรื่องนี้ ได้แก่อะไรบา้ ง
2. ข่าวนี้แสดงถึงความขดั แยง้ ในเร่ืองใด สาเหตมุ าจากอะไร
3. นกั เรียนคดิ ว่า มีแนวทางแก้ไขปัญหาความขัดแย้งได้อยา่ งไรบา้ ง จงอธบิ ายเหตผุ ล
เฉลย
ใบงานที่ 4.1
เร่ือง ความขดั แยง้ ในสังคมไทย
คำชี้แจง : ใหน้ กั เรยี นนำขา่ วเกยี่ วกับความขดั แย้งในสังคมไทยมาวิเคราะห์ แล้วตอบคำถาม
ชื่อขา่ ว
(สาระสำคญั ของขา่ ว)
ทม่ี า
1. ปัญหาสำคัญในเร่ืองนี้ ได้แก่อะไรบา้ ง
2. ข่าวน้ีแสดงถงึ ความขดั แยง้ ในเรือ่ งใด สาเหตุมาจากอะไร
3. นกั เรียนคิดวา่ มีแนวทางแก้ไขปัญหาความขัดแยง้ ได้อยา่ งไรบ้าง จงอธบิ ายเหตุผล
(พิจารณาตามคำตอบของนกั เรยี น โดยใหอ้ ยู่ในดลุ ยพนิ จิ ของครผู สู้ อน)
หน่วยการเรยี นรูท้ ี่ 4 สังคมไทย
แผนการจัดการเรยี นรูท้ ่ี 2
แนวทางความรว่ มมอื และปจั จยั ส่งเสรมิ การดำรงชวี ิตใหม้ ีความสขุ
เวลา 1 ชวั่ โมง
1. มาตรฐานการเรยี นรู/้ ตัวช้วี ดั
1.1 ตัวชีว้ ดั
ส 2.1 เข้าใจและปฏิบัติตนตามหน้าที่ของการเป็นพลเมืองดี มีค่านิยมที่ดีงาม และธำรง
รกั ษาประเพณแี ละวัฒนธรรมไทย ดำรงชวี ติ อยู่รว่ มกันในสงั คมไทยและสังคมโลก
อยา่ งสันตสิ ขุ
ม. 3/4 วเิ คราะหป์ ัจจัยท่ีก่อให้เกดิ ปัญหาความขดั แย้งในประเทศ และเสนอแนวคิด
ในการลดความขัดแย้ง
ม. 3/5 เสนอแนวคดิ ในการดำรงชวี ติ อยา่ งมีความสขุ ในประเทศและสังคมโลก
2. จดุ ประสงค์การเรยี นรู้
1. วิเคราะห์แนวทางความร่วมมอื ในการลดความขดั แย้งและการสร้างความสมานฉนั ท์ได้ (K)
2. วิเคราะห์ปจั จัยที่ส่งเสริมการดำรงชีวิตให้มคี วามสขุ และได้ (K)
3. เสนอแนวทางความรว่ มมือในการลดความขดั แยง้ และปัจจัยทสี่ ง่ เสรมิ การดำรงชวี ิตให้มีความสขุ ได้ (P)
4. เห็นคณุ ค่าของศึกษาแนวทางความรว่ มมือและปจั จยั ทส่ี ่งเสรมิ การดำรงชวี ิตใหม้ ีความสขุ เพิ่มมากขึน้ (A)
3. สาระการเรยี นรู้ สาระการเรียนร้ทู ้องถน่ิ สาระการเรียนรจู้ ากสอ่ื
สาระการเรยี นรแู้ กนกลาง (พิจารณาตามหลกั สูตรสถานศึกษา) - แนวทางความรว่ มมือในการ
1) แนวทางความรว่ มมือในการลด ลดความขัดแยง้ และสรา้ งความ
ความขดั แยง้ และการสรา้ งความ
สมานฉนั ท์ สมานฉันท์
2) ปจั จยั ทส่ี ง่ เสรมิ การดำรงชีวิตให้มี - ปัจจัยส่งเสรมิ การดำรงชวี ิต
ความสขุ เช่น การอยูร่ ่วมกนั
อย่างมีขนั ตธิ รรม หลักปรชั ญา ให้มคี วามสขุ
ของเศรษฐกจิ พอเพยี ง เห็นคณุ ค่าใน
ตนเอง รจู้ ักมองโลกในแงด่ ี สรา้ ง
ทกั ษะทางอารมณ์ รจู้ กั บรโิ ภค
ดว้ ยปัญญา เลือกรบั -ปฏเิ สธขา่ วและ
วัตถตุ า่ ง ๆ ปรบั ปรุงตนเองและ
สง่ิ ต่าง ๆ ใหด้ ีขึน้ อยูเ่ สมอ
4. มโนทศั น์สำคัญ (Key Concept)
- ปัญหาสงั คมไทยในปจั จบุ นั มีหลายประการ ซึ่งสง่ ผลกระทบตอ่ วถิ ีการดำเนินชวี ติ ของคนไทย ซง่ึ ทกุ คนควร
ร่วมมือกนั หาแนวทางในการแก้ไขปัญหา และส่งเสริมการดำรงชวี ิตให้มีความสขุ
5. คำถามหลกั (Big Question)
- แนวทางความร่วมมือและปัจจัยทสี่ ่งเสริมการดำรงชีวิตให้มคี วามสุขสามารถทำได้อย่างไร
6. สมรรถนะสำคัญของผเู้ รียนและคุณลกั ษณะอันพึงประสงค์
สมรรถนะสำคญั ของผเู้ รยี น คณุ ลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์
1. ความสามารถในการคดิ 1. มีวนิ ยั
- ทกั ษะการวเิ คราะห์ 2. ใฝ่เรยี นรู้
- ทกั ษะการคดิ อย่างมีวิจารณญาณ 3. มงุ่ ม่ันในการทำงาน
2. ความสามารถในการใชท้ ักษะชีวติ
7. กจิ กรรมการเรยี นรู้
วิธีสอนโดยการจดั การเรยี นรแู้ บบรว่ มมอื : เทคนิคคู่คิดสส่ี หาย
ข้ันนำ
1. ครแู จ้งให้นักเรียนทราบถึงวธิ สี อนโดยการจัดการเรียนรู้แบบร่วมมอื : เทคนิคคู่คดิ สส่ี หาย ชือ่ เรือ่ งท่ีจะ
เรียนรูจ้ ดุ ประสงค์การเรียนรู้ และผลการเรียนรู้
2. ครใู ห้นักเรียนรว่ มกันสรปุ ความรเู้ ดิมเกยี่ วกับปญั หาสังคมไทยทส่ี ำคัญ สาเหตุ และแนวทางปอ้ งกนั แก้ไข
3. ครถู ามคำถามเพือ่ กระตุ้นความสนใจของนักเรยี น และให้นกั เรียนร่วมกันอภปิ รายขอ้ คำถามดังกล่าว เช่น
1) นกั เรียนคิดว่า วิธีการลดความขัดแย้งอยา่ งไรที่ไดผ้ ลดที ี่สดุ
(แนวตอบ การรว่ มมือของบคุ ลากรทกุ ระดับท่เี กย่ี วขอ้ งกับความขัดแย้งน้นั )
2) การแก้ไขปญั หาความขดั แย้งวธิ ใี ดทส่ี ง่ ผลใหค้ ู่กรณีมีความสัมพนั ธท์ ่ีดตี ่อกนั
(แนวตอบ การไกลเ่ กลี่ย การเจรจาต่อรอง)
4. ครนู ำข่าวหรอื เหตุการณ์ท่ีสะท้อนถงึ ปัจจัยทีส่ ่งเสรมิ การดำรงชวี ิตให้มีความสุข เช่น เกษตรกรทีน่ ำแนวทาง
ของเกษตรทฤษฎีใหม่มาใช้ หรือบุคคลท่ีดำเนินชีวิตตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงแล้วเกิด
ความสุขในชวี ติ
5. ครตู ง้ั ประเดน็ เพือ่ ให้นกั เรียนร่วมกนั แสดงความคิดเหน็ ว่า นกั เรยี นคิดวา่ ปจั จัยสำคญั ทจ่ี ะชว่ ยใหก้ าร
ดำรงชีวิตของนกั เรียนมคี วามสุข มีอะไรบ้าง
6. ครสู รุปการแสดงความคดิ เห็นของนกั เรยี น โดยเชื่อมโยงให้เข้ากบั เน้อื หาเพือ่ นำเข้าสบู่ ทเรยี น
ขน้ั สอน
1. ครูแบ่งนกั เรียนเปน็ กลุ่ม กลมุ่ ละ 4 คน คละกันตามความ สามารถ คือ เก่ง ปานกลางค่อนข้างเก่ง ปาน
กลางค่อนข้างอ่อน และออ่ น โดยให้สมาชกิ แตล่ ะคนเลอื กหมายเลขประจำตวั ตงั้ แตห่ มายเลข 1-4
2. สมาชิกแต่ละหมายเลขแยกยา้ ยไปรวมกลุ่มใหม่ และร่วมกนั ศึกษาความรู้ ในใบความรู้ เร่อื ง การลดความ
ขัดแย้งและการดำรงชีวิตอย่างมีความสุข ประกอบการใชห้ นงั สอื เรียนสงั คมศกึ ษาฯ ม.3 หรือจากแหลง่ การ
เรียนร้อู น่ื ๆ เช่น หนงั สือในห้องสมดุ เว็บไซตท์ างอนิ เทอรเ์ น็ต หมายเลขละ 1 เร่ือง ดังนี้
• หมายเลข 1 แนวทางในการลดความขัดแย้ง
• หมายเลข 2 แนวทางในการแกไ้ ขปัญหาความขัดแย้ง
• หมายเลข 3 การสร้างความสมานฉันท์ในชมุ ชน
• หมายเลข 4 ปัจจัยสง่ เสริมการดำรงชีวิตใหม้ ีความสขุ
3. ครใู ห้นกั เรียนแต่ละกลุ่มนำเสนอผลการศึกษา และอภิปรายความรรู้ ่วมกนั โดยครแู นะนำเพ่ิมเติม
4. ครใู หน้ กั เรียนแต่ละหมายเลขกลับไปท่กี ลุ่มเดิมและรว่ มกนั ทำใบงานที่ 4.2 เร่ือง สงั คมไทยกับการพฒั นา
5. นกั เรียนแต่ละกลุม่ ชว่ ยกนั ตรวจสอบความถกู ต้องของใบงาน
6. ครูให้อาสาสมคั รนกั เรียน 2-3 กลุม่ นำเสนอผลงานในใบงานหน้าชน้ั เรียน และให้กลุ่มอ่ืนที่มผี ลงานท่ี
แตกต่างกนั ไดน้ ำเสนอเพ่มิ เติม
7. ครูใหน้ ักเรียนทำกิจกรรมทเ่ี กีย่ วกับแนวทางความร่วมมือและปจั จยั สง่ เสรมิ การดำรงชวี ติ ให้มีความสุข
ในแบบฝกึ สมรรถนะฯ หน้าทพ่ี ลเมืองฯ ม.3 เพอ่ื เปน็ การบ้านส่งครใู นชว่ั โมงถดั ไป
8. ครูมอบหมายใหน้ ักเรียนทำชิ้นงาน/ภาระงาน (รวบยอด) แผน่ พับ เรอ่ื ง สงั คมไทยยคุ ปจั จบุ ัน
9. ใหน้ กั เรยี นทำแบบวัดฯ หนา้ ท่ีพลเมืองฯ ม.3 เร่อื ง สังคมไทย เพือ่ ทดสอบความรู้ทไ่ี ดศ้ กึ ษามา
ขน้ั สรุป
- ครแู ละนกั เรียนรว่ มกนั สรุปความรเู้ กี่ยวกับแนวทางความร่วมมือและปัจจยั ส่งเสริมการดำรงชีวติ ให้มคี วามสุข
หรือใช้ PPT สรุปสาระสำคัญของเน้ือหา ตลอดจนความสำคัญของแนวทางความร่วมมือและปัจจัยส่งเสริมการ
ดำรงชวี ิตให้มคี วามสุขตอ่ การดำเนินชีวิตประจำวัน
ขน้ั ประเมนิ
1. ครใู ห้นกั เรียนทำแบบทดสอบหลงั เรียนหน่วยการเรียนรูท้ ี่ 4 เร่ือง สงั คมไทย
2. ครูประเมนิ ผลโดยสงั เกตจากการตอบคำถาม การรว่ มกนั ทำงาน และการนำเสนอผลงานหน้าชั้นเรียน
3. ครูตรวจสอบผลจากการทำใบงาน แบบฝกึ ฯ และแบบวัดฯ หน้าทพี่ ลเมอื งฯ ม.3
8. การวัดและประเมินผล
รายการวัด วิธีวัด เครือ่ งมือ เกณฑ์การประเมนิ
8.1 การวัดและประเมินผล
ระหวา่ งการจัดกจิ กรรม
การเรียนรู้
1) วิเคราะห์แนวทางความ - ตรวจใบงานที่ 4.2 - ใบงานท่ี 4.2 - รอ้ ยละ 60 ผ่านเกณฑ์
ร่วมมอื ในการลดความ
ขดั แย้งและการสร้าง
ความสมานฉันทแ์ ละ
ปัจจัยท่สี ง่ เสริมการ
ดำรงชีวิตใหม้ ีความสขุ
ตลอดจนแนวทางความ
ร่วมมอื ในการลดความ
ขัดแยง้ และปจั จัยท่ี
สง่ เสริมการดำรงชีวิตให้มี
ความสุขได้
2) การนำเสนอผลงาน - ประเมนิ การนำเสนอ - แบบประเมินการนำเสนอ - ระดบั คณุ ภาพ 2
ผลงาน ผลงาน ผ่านเกณฑ์
3) พฤติกรรม - สังเกตพฤติกรรม - แบบสังเกตพฤติกรรม - ระดบั คุณภาพ 2
การทำงานรายบคุ คล การทำงานรายบุคคล การทำงานรายบุคคล ผา่ นเกณฑ์
4) พฤตกิ รรม - สงั เกตพฤติกรรม - แบบสงั เกตพฤตกิ รรม - ระดับคุณภาพ 2
การทำงานกลุม่ การทำงานกลุ่ม การทำงานรายกลมุ่ ผา่ นเกณฑ์
5) คณุ ลักษณะ - สงั เกตความมวี ินยั - แบบประเมินคุณลักษณะ - ระดับคุณภาพ 2
อนั พึงประสงค์ ใฝ่เรียนรู้ และมุง่ ม่นั ใน อันพงึ ประสงค์ ผ่านเกณฑ์
การทำงาน
8.2 การวดั และประเมนิ ผล - ตรวจแบบทดสอบ - แบบทดสอบหลังเรยี น - รอ้ ยละ 60 ผา่ นเกณฑ์
หลังเรียน หลังเรียน
- แบบทดสอบหลงั เรียน
หนว่ ยการเรียนรทู้ ่ี 4
เร่ือง สงั คมไทย
9. สอ่ื /แหลง่ การเรยี นรู้
9.1 สื่อการเรียนรู้
1) หนังสือเรยี นสังคมศึกษาฯ ม.3
2) แบบฝึกสมรรถนะฯ หน้าทพี่ ลเมืองฯ ม.3
3) แบบวดั ฯ หนา้ ทีพ่ ลเมืองฯ ม.3
4) หนงั สือคน้ คว้าเพม่ิ เติม
(1) คณะเศรษฐศาสตร์ มหาวทิ ยาลัยเกษตรศาสตร์. 2550. หนทางสรา้ งสขุ ของคนในสังคมไทย.
กรุงเทพมหานคร : มหาวทิ ยาลัยเกษตรศาสตร์.
(2) เฉลียว ฤกษ์รุจพิ มิ ล. 2543. การจดั ระเบยี บสังคม”ในสังคมวทิ ยา. กรงุ เทพมหานคร :
มหาวิทยาลยั เกษตรศาสตร์.
5) ใบงานที่ 4.2 เรอื่ ง สงั คมไทยกับการพัฒนา
9.2 แหล่งการเรยี นรู้
1) หอ้ งสมุด
2) แหลง่ ขอ้ มลู สารสนเทศ
- https://kanchanapisek.or.th
- https://www.nacc.go.th
- https://www.pcd.go.th
- https://www.thairath.co.th
- https://www.khaosod.co.th
ใบความรู้
การลดความขดั แยง้ และการดำรงชวี ติ อยา่ งมคี วามสุข
แนวทางในการลดความขดั แย้ง
สมาชกิ ในสังคมสามารถลดความขดั แยง้ ในสังคมได้ โดยมีแนวทางปฏบิ ตั ิ ดังนี้
1. ฟ้ืนฟคู วามไว้วางใจซ่ึงกนั และกันระหว่างกลมุ่ หรือฝ่ายตา่ งๆ ในสังคม
2. ลดเงื่อนไขทจี่ ะนำไปสคู่ วามรู้สกึ อคติหรือความเกลยี ดชงั ด้วยการให้ความสำคัญและยอมรบั ระบบคณุ ค่าที่มองเห็น
ความหลากหลายและความแตกตา่ งทางวฒั นธรรม
3. ส่งเสริมให้มีการพัฒนาบคุ ลากรจดั การความขดั แย้งดว้ ยสันติวิธี โดยใหม้ กี ารศกึ ษาและฝกึ อบรมเพ่ือส่งเสรมิ
4. สรา้ งความร่วมมอื ระหว่างทุกฝ่ายทีเ่ ก่ยี วข้อง ในกรณีที่สถานการณค์ วามขดั แย้งมีความรนุ แรง
5. ดำเนนิ การจัดหาแนวทางหรือวิธกี ารในการขบั เคลอื่ นให้สมาชกิ ในชมุ ชนเข้ามามสี ว่ นรว่ มหรอื เป็นหนุ้ ส่วนใหญ่
ในการปกปอ้ ง ควบคุม ลด และเยยี วยาปัญหาความขัดแยง้
แนวทางในการแก้ไขปญั หาความขัดแยง้
หากสังคมไม่เกดิ ความขัดแยง้ คงเปน็ ส่งิ ท่ดี ีอยา่ งยง่ิ แต่เม่อื เกดิ ความขดั แย้งขนึ้ แลว้ มแี นวทางในการแกไ้ ขปญั หา
ความขัดแย้ง ดงั น้ี
1. การเจรจาต่อรอง เปน็ กระบวนการพดู คยุ เจรจาตอ่ รองใหแ้ ก่บคุ คลหรือกลุ่มบคุ คลทง้ั สองฝา่ ย เพ่ือจดั การแกไ้ ข
ปญั หา โดยกระทำดว้ ยความสมัครใจไมม่ กี ารบงั คบั และไมม่ ีรปู แบบของการเจรจา วิธีการนเี้ ปน็ วิธีการท่สี ะดวก
และรวดเร็ว
2. การไกลเ่ กลยี่ เปน็ กระบวนการที่มบี คุ คลที่สามเปน็ คนกลางเขา้ ให้คำแนะนำ และชว่ ยเหลอื คู่กรณีในการเจรจาต่อรอง
3. อนญุ าโตตลุ าการ เป็นกระบวนการทค่ี ู่กรณตี กลงให้บุคคลทสี่ ามเข้ามาเป็นผู้ชี้ขาดข้อพพิ าท โดยตอ้ งปฏบิ ัตติ าม
ระเบยี บกฎหมาย และวิธกี ารทก่ี ำหนด
4. ฟอ้ งคดตี ่อศาล เปน็ กระบวนการตามกฎหมายทค่ี ่กู รณนี ำคดีขึน้ ฟ้องรอ้ งต่อศาลขอ้ พิพาทจะระงับโดยคำพพิ ากษา
ของศาล
การสร้างความสมานฉนั ทใ์ นชมุ ชน
การสร้างความสมานฉนั ท์ คือการทคี่ นในชุมชนมีความสามัคคี มีคา่ นิยมรว่ มทีจ่ ะไมเ่ อารดั เอาเปรยี บ รู้จกั ยอมรบั เหตผุ ล
และยอมรับความแตกตา่ งด้านชาตพิ นั ธุ์ ศาสนา ภาษา และความคดิ เหน็ ทางดา้ นการเมืองการปกครองรวมถงึ ประเดน็ อนื่ ๆ
โดยไม่ใช้ความรนุ แรงในการแก้ปญั หา นน่ั หมายถึง ความรว่ มมอื ลดความขดั แย้งในความคดิ ไม่ยดึ ตดิ หรือมอี คติ
และใช้ปญั ญาในการแกไ้ ขปญั หาเพื่อให้เกดิ ประโยชน์รว่ มกนั
วิธีการสร้างความสมานฉนั ทใ์ นชุมชน ไดแ้ ก่
1. ตง้ั องคก์ รทป่ี ระกอบด้วยภาครัฐและภาคประชาสงั คม เพ่ือทำหนา้ ทสี่ ง่ เสริมสนั ตวิ ธิ ี
2. ใหโ้ รงเรียนหรอื สถานศกึ ษาเป็นศนู ย์กลางในการสรา้ งความสามคั คใี นชุมชน
3. ใหป้ ระชาชนเขา้ รว่ มทำกจิ กรรม เพื่อพูดคยุ แลกเปลี่ยน รวมท้งั รบั ฟังความคิดเห็นระหวา่ งกัน อนั จะชว่ ยลดชอ่ งวา่ ง
ความขัดแยง้ ใหแ้ คบลงและเกดิ ความสามคั คขี องคนในชมุ ชน
ปจั จยั ส่งเสริมการดำรงชีวิตให้มีความสขุ
ในการดำรงชวี ิตของคนเราน้นั ทุกคนตา่ งใฝฝ่ นั ทจ่ี ะใหเ้ กดิ ความสขุ ทง้ั ทางกายและใจ สามารถอย่รู ว่ มกบั ญาติมติ ร
เพ่ือนพ้องและคนอ่ืนได้อยา่ งสันติ มคี วามรักสมคั รสมานสามัคคีและมชี ีวิตท่ีม่ันคงในด้านความสุขทางกายนั้น ได้แก่
การมรี า่ งกายแขง็ แรง ไร้โรคภยั ไขเ้ จ็บ มคี วามสุขจากการทำงาน แสวงหาทรพั ยส์ นิ และความเจรญิ กา้ วหน้ามาสตู่ น
และครอบครวั โดยให้อยใู่ นระดับทไ่ี ม่เดือดร้อนหรือขดั สนจนเกินไป
สว่ นในดา้ นความสุขทางใจ เป็นส่งิ ทีม่ คี วามจำเปน็ อยา่ งยงิ่ โดยเราสามารถแสวงหาความสุขทางใจได้โดยการคดิ ดี
มีอารมณ์สดชืน่ ร่าเรงิ ไมท่ ำใหจ้ ิตใจเกดิ ความกงั วลและความเครียด ไม่หลงมวั เมาไปกบั อบายมุขทัง้ หลาย ไมอ่ จิ ฉารษิ ยา
หรือมงุ่ รา้ ยต่อผู้อื่น มจี ติ ใจเมตตากรุณา เอ้อื เฟือ้ แก่คนรอบขา้ ง มีความปรารถนาดตี อ่ ผอู้ นื่ อกี ทง้ั ประพฤตปิ ฏิบัตติ นใหเ้ ป็น
ประโยชนต์ ่อสังคม
การดำรงชีวิตใหม้ คี วามสขุ อยา่ งแทจ้ รงิ จะต้องเกิดความสุขท้ังกายและจิตใจ คนทกุ คนยอ่ มปรารถนาที่จะทำให้ชีวติ
ของตนมคี วามสุข ซึ่งการจะดำรงชีวิตไดอ้ ยา่ งมคี วามสุขนั้นมักประกอบด้วยปัจจัย ดงั น้ี
1. การอยรู่ ่วมกันอย่างมีขันติธรรม
ขนั ติธรรม คอื การมคี วามอดทน อดกลั้น ตอ่ ส่งิ ที่ตนไมช่ อบ ไมเ่ ห็นดว้ ย โดยการยอมรบั ความแตกตา่ ง เชน่
คา่ นยิ ม ศาสนา ลัทธิ ความเช่ือ ระบบการเมืองการปกครอง และทัศนคติ เปน็ ตน้
การศกึ ษาหาความรูอ้ ยา่ งกวา้ งขวางและลึกซง้ึ จะทำใหเ้ รารอบรู้ เพมิ่ วสิ ยั ทศั น์ในการมองโลก อกี ท้งั การรู้จกั
เจรจาพดู คยุ อันเป็นการตดิ ต่อสอื่ สารทีด่ ีกบั ผอู้ ืน่ และคนตา่ งกลมุ่ ก่อใหเ้ กดิ ความเข้าใจท่ีดีต่อกนั นอกจากนค้ี วรรู้จัก
การประนปี ระนอมมมี นุษยสมั พนั ธท์ ด่ี ี รู้จกั สามัคคี การเอาใจเขามาใสใ่ จเรา รู้บาปบุญคณุ โทษ ทำใหส้ ามารถอยู่
รว่ มกบั คนอน่ื อย่างมีความสุข
2. การใช้ชวี ิตตามปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง
โดยการดำรงชีวิตที่ตงั้ อยบู่ นพนื้ ฐานทางสายกลาง ความพอประมาณ ความมีเหตุมีผลอันเปน็ การสร้างภูมคิ ุม้ กัน
ท่ีดีในตัวตลอดจนใชค้ วามรู้ ความรอบคอบ และคณุ ธรรมประกอบกบั การวางแผนการตดั สินใจและการทำกจิ กรรม
ต่างๆ ซง่ึ หลกั สำคัญของปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพยี ง ได้แก่
ความพอประมาณ หมายถึง ความพอดที ่ีไมน่ ้อยเกินไปและไมม่ ากเกนิ ไป
ความมเี หตผุ ล หมายถงึ การตดั สนิ ใจระดับของความพอเพียงจะต้องเปน็ ไปอยา่ งมเี หตผุ ล โดยคดิ คำนงึ ถึงผล
ที่จะเกดิ ข้ึนจากการกระทำน้ันๆ อยา่ งรอบคอบ
การมีภมู คิ ุม้ กนั ทีด่ ีในตัว หมายถงึ การเตรยี มตัวใหพ้ ร้อมที่จะรบั ผลกระทบและการเปล่ยี นแปลงของ
สถานการณ์ต่างๆ ทีค่ าดวา่ จะเกดิ ขน้ึ ในอนาคต
การดำเนนิ ชวี ติ ตามหลักปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพยี ง เชน่ การใช้จ่ายสมกับฐานะไมฟ่ ุม่ เฟือย รู้จักอดออม
ไม่อยากได้ในส่งิ ของท่ีเกินตวั หรือไมม่ ีความจำเปน็ และใช้ทรพั ยากรทมี่ ีอยอู่ ย่างประหยดั และเกดิ ประโยชนส์ ูงสดุ
การตัดสนิ ใจและการดำเนินกิจกรรมต่างๆ ให้อยใู่ นระดบั พอเพยี งนนั้ ต้องอาศัยความรหู้ รอื วชิ าการท่ี
เก่ยี วข้องอย่างรอบด้านรวมถงึ คณุ ธรรม ซง่ึ ไดแ้ ก่ ความซื่อสัตย์ สจุ รติ ขยัน อดทน สติปัญญา ท้ังน้เี พอื่ ใหก้ าร
ดำเนนิ ชวี ติ เกดิ การสมดลุ มน่ั คง และยงั่ ยืน
3. การเหน็ คุณค่าในตนเอง
คนเราทุกคนท่เี กดิ มายอ่ มมคี ณุ ค่าอยู่ในตนเอง สิ่งท่สี ำคญั คือ เราสามารถที่จะปฏบิ ตั ติ นให้มคี ณุ ค่าทง้ั ต่อ
ตนเองและคนในสงั คมได้อยา่ งไร ซ่งึ ถ้าหากคนทุกคนในสงั คมร้จู กั คณุ ค่าของตนเอง และนำมาใชใ้ ห้เปน็ ประโยชน์
ก็จะกอ่ ใหเ้ กิดผลดตี อ่ สังคมโดยรวม การท่เี ราจะมองเห็นคณุ คา่ ในตนเองไดน้ ั้น เราไมค่ วรประเมนิ คา่ ของตนเอง
ใหต้ ่ำต้อย โดยเปรยี บเทียบกบั คนอ่ืนท่ีดีกวา่ เด่นกว่า และนำมาเป็นเรื่องทที่ ำใหต้ นเองกลดั กลุ้ม หรือยำ้ คิดวา่
ภูมิหลงั ของตนอยู่ในระดบั ตำ่ ทำใหไ้ ม่อาจแขง่ ขนั กบั คนอื่นท่มี ีภมู หิ ลงั ทด่ี ีกวา่ ได้ เราควรตระหนกั วา่ ทกุ คนมคี วาม
แตกตา่ งกันและแต่ละคนมคี ณุ ค่าในตัวสามารถเจรญิ กา้ วหนา้ ไดห้ ากศกึ ษาเล่าเรยี นและขยันขนั แข็ง เอาจรงิ เอาจงั
ในการทำงานรู้จักอดออมมธั ยสั ถ์
4. การมองโลกในแงด่ ี สรา้ งทกั ษะทางอารมณ์
การมองเหน็ คณุ คา่ ของตนเอง มคี วามคดิ ในเชงิ บวก พยายามดงึ ศักยภาพของตนเองมาใช้ในทางสรา้ งสรรค์
ใหก้ ำลังใจตนเอง รวมทั้งปฏบิ ัตติ นใหเ้ ปน็ ประโยชน์ตอ่ ตนเองและสงั คม ในขณะเดยี วกนั ก็มองผอู้ ่ืนในด้านดี หวังดี
ไมค่ ดิ หาผลประโยชน์จากผ้อู นื่ ให้อภัย มเี มตตา ให้ความชว่ ยเหลอื ผอู้ ่นื ตามกำลังความสามารถของตน รู้จกั
เสยี สละ เพ่ือสว่ นรวมไมเ่ หน็ แกป่ ระโยชนส์ ่วนตน มสี ติ รู้จักรบั ฟังความคดิ เห็นของคนรอบขา้ ง รจู้ ักใช้เหตุผลใน
การแกป้ ัญหาหลกี เล่ียงการใช้ความรุนแรงทุกรปู แบบ รวมทงั้ ยอมรบั เหตุการณท์ งั้ ท่เี ปลยี่ นแปลงและไมส่ ามารถ
เปลยี่ นแปลงได้ และพยายามหาแนวทางแก้ไขปัญหาโดยใช้เหตผุ ล นอกจากน้ีควรสรา้ งทกั ษะทางอารมณด์ ้วย
การฝกึ สมาธิ มสี ติกับความคิดรู้ว่ากำลังคิดอะไรอย่มู คี วามเข้าใจความคิดของตนเอง รูจ้ กั การใชเ้ วลาวา่ งให้เป็น
ประโยชน์ เชน่ ออกกำลังกายสม่ำเสมอฟงั เพลง ทำกิจกรรมดา้ นศิลปะ เพอ่ื ผ่อนคลายความเครง่ เครียดจาก
การเรยี นและการทำงาน เปน็ ตน้
5. การรจู้ กั บริโภคด้วยปัญญา
ในยุคปัจจุบันมคี วามเจรญิ ทางดา้ นวัตถุอย่างมาก มีการประดษิ ฐค์ ดิ คน้ อปุ กรณส์ ิง่ ของตา่ งๆ ทส่ี ามารถอำนวย
ความสะดวกใหแ้ กม่ นษุ ย์ ดว้ ยสภาพดงั กลา่ ว ทำใหม้ นษุ ยย์ ดึ ติดในความเจรญิ ทางด้านวตั ถุเป็นหลัก เปน็ ลักษณะ
ของบริโภคนิยม ซง่ึ การทีเ่ ราจะดำรงชีวติ ให้มคี วามสุขได้อยา่ งแทจ้ รงิ น้นั เราควรบรโิ ภคสงิ่ ตา่ งๆ อย่างพอประมาณ
ตามความจำเป็นของร่างกายและเหมาะสมกบั ฐานะของตนเอง รูจ้ ักเลือกส่งิ ของทเี่ ปน็ ประโยชน์ ไม่ฟมุ่ เฟอื ย
ควรจดบันทกึ รายรบั -รายจา่ ยของตนเองและครอบครัวด้วย
ใบงานท่ี 4.2
เร่อื ง สงั คมไทยกับการพฒั นา
คำช้ีแจง : ให้นักเรียนอ่านกรณีศกึ ษาแล้วตอบคำถาม
กรณีศกึ ษาที่ 1
ชาวบา้ นป่าหวายไม่พอใจท่บี ริษทั ดโี ก้จะสร้างโรงงานทอผา้ เพ่ือผลิตเสอ้ื ผ้าสำเรจ็ รูปไปขายยัง
ต่างประเทศ กำชยั ซงึ่ เปน็ แกนนำหมู่บา้ นพาชาวบา้ นจำนวนหน่ึงเดนิ ขบวนประทว้ งและปิดลอ้ ม
บรเิ วณท่กี ำลังจะกอ่ สร้างโรงงาน สมาชิกผู้เดินขบวนใช้เครือ่ งขยายเสียงประกาศใหช้ าวบ้านทกุ
คนรู้ว่า การสร้างโรงงานจะก่อให้เกิดมลภาวะเป็นพิษ อากาศเสีย และนำ้ ในคูคลองของหมบู่ า้ น
จะได้รับผลกระทบจากการปลอ่ ยน้ำเสียจากโรงงาน นายอาลักษณ์ซง่ึ เป็นเจ้าของบรษิ ทั จงึ ขอให้
กำนันโพธช์ิ ว่ ยนัดเจรจากับตวั แทนชาวบา้ นซ่ึงเปน็ แกนนำ เพือ่ หาทางยุติการต่อตา้ นสรา้ งโรงงาน
กำนนั โพธิ์ผเู้ ป็นคนกลางพยายามเจรจาตอ่ รองใหท้ งั้ สองฝ่ายพยายามลดเง่ือนไขและหาทางออกท่ี
ดที ่สี ุดทงั้ สองฝ่าย ในทสี่ ดุ กส็ ามารถเจรจากันไดส้ ำเร็จบรษิ ัทดีโก้ ให้สัญญาวา่ จะทำเคร่อื งกรอง
อากาศ เครือ่ งบำบัดน้ำเสียกอ่ นปลอ่ ยน้ำเสียลงคลอง จัดทำระบบป้องกนั เสียงดงั ของเครือ่ งจกั ร
และจะรับคนงานฝา่ ยต่างๆ จากชาวบ้านจำนวน 30 % ของคนงานท้ังหมด ชาวบา้ นทุกคนมี
ความพงึ พอใจ เมอ่ื โรงงานสร้างเสรจ็ ดำเนนิ กิจการ ท้ังฝา่ ยโรงงานและชาวบา้ นตา่ งก็มสี มั พนั ธ์ที่ดี
ต่อกนั
• ปัญหาความขดั แย้งระหวา่ งบรษิ ัทดีโก้กับชาวบ้านป่าหวายสามารถยตุ ิไดน้ ั้น ใชว้ ิธกี ารแก้ไขปัญหา
อยา่ งไรบ้าง
กรณีศึกษาท่ี 2
หมู่บา้ นอา่ งทองเป็นหม่บู า้ นเล็กๆ อยู่ทางตอนเหนอื ของประเทศไทย ชาวบ้านส่วนใหญม่ ี
อาชีพเกษตรกรรมทำนา ทำสวนผกั และผลไม้ และมรี ายได้พเิ ศษจากการเป็นแหลง่ ท่องเทย่ี ว เมอ่ื ว่าง
จากอาชพี การทำนา ทำสวน พวกเขาจะผลดั หมุนเวยี นกันนำเรอื พายพานักท่องเที่ยวไปเท่ียวในถ้ำ
ซง่ึ สวยงามตามธรรมชาติ มีหินงอกหนิ ย้อยเปน็ รูปสัตวต์ า่ งๆบางคนมีหน้าทีฉ่ ายไฟสอ่ งทาง บางคน
ทำหนา้ ท่ีพายเรือ บางคนทำหนา้ ท่เี ป็นมคั คุเทศก์ ใหค้ ำแนะนำแก่นกั ทอ่ งเที่ยวพวกเขาทำงานด้วย
ความซอ่ื สัตย์ ไมห่ ลอกลวงนักท่องเท่ยี ว บางคร้ังนกั ท่องเทย่ี วลืมของมคี ่าไว้กน็ ำส่งคนื แม่บ้านบาง
คนหารายได้พิเศษโดยทำของทร่ี ะลึกจากวสั ดธุ รรมชาติถงึ แม้ว่าพวกชาวบ้านจะมรี ายไดจ้ ากอาชีพทำ
นา ทำสวนไมม่ ากนัก แตก่ พ็ อมรี ายไดพ้ เิ ศษกนั ทกุ คน พวกเขาชว่ ยกันอนรุ กั ษส์ ภาพความงามของ
ธรรมชาติซงึ่ เป็นภเู ขา ถ้ำ ปา่ ไม้ เพราะพวกเขารู้ว่าจะส่งผลต่ออาชพี และสภาพความเป็นอยู่ท่ีดี และ
ความมน่ั คงตอ่ ลกู หลานต่อไป
• ทำไมชาวบ้านอ่างทองจงึ มวี ิถีการดำเนนิ ชีวิตในการอยูร่ ่วมกนั อยา่ งมีความสุข
กรณีศึกษาที่ 3
น้อยเป็นนักเรยี นทเ่ี รยี นอยใู่ นช้ันมธั ยมศกึ ษาปที ี่ 3 นอ้ ยเปน็ คนเรียนไมเ่ ก่ง อยใู่ นครอบครัวที่ฐานะไมค่ อ่ ยดี
แต่นอ้ ยก็มีความพยายามตง้ั ใจเรยี นเอาใจใสใ่ นการเรยี น นอ้ ยเป็นคนที่มีน้ำใจเออื้ เฟ้อื และชอบชว่ ยเหลอื คนอน่ื อยู่เสมอ
ดังน้ันเวลาครูมอบหมายงานใดใหน้ ักเรยี นทำกจิ กรรมร่วมกนั เพือ่ นคนอน่ื จะพยายามชวนนอ้ ยให้อยู่กลุ่มเดยี วกัน
นอ้ ยมคี วามภมู ใิ จท่เี ปน็ ทีร่ กั ของเพือ่ น น้อยสมัครเขา้ อยู่ชมรมดนตรีไทย เพราะนอ้ ยคดิ ว่า ดนตรไี ทยมคี วามไพเราะ
และเปน็ เอกลักษณ์ของชาติ มเี พ่อื นบางคนพดู จาเหน็บแนมวา่ น้อยไมท่ นั สมัย ไมย่ อมรบั ดนตรสี ากล ซงึ่ เป็นวฒั นธรรม
หนึง่ ท่คี นส่วนใหญช่ ่นื ชม เพอ่ื นของน้อยบางคนชอบไปเดนิ ซอ้ื อุปกรณก์ ารเรยี นตามห้างสรรพสนิ ค้าและคุยอวดนอ้ ยว่า
สิง่ ของเคร่อื งใชท้ ่ซี ้อื จากห้างมีคณุ ภาพดกี ว่าซ้ือจากตลาดในหมูบ่ า้ น แต่น้อยก็พูดใหเ้ หตผุ ลกบั เพ่ือนเหลา่ นั้นว่า ถ้ารู้จักเลอื ก
ซอ้ื ก็สามารถไดส้ ิง่ ของทมี่ ีคุณภาพดรี าคาถูก นอ้ ยมคี วามเช่ือมน่ั ในการกระทำที่มเี หตผุ ลของตนเอง ไมร่ ู้สึกวา่ ตนมปี มดอ้ ยท่ี
เรยี นไม่เก่ง ครอบครัวฐานะไมด่ ี ชวี ติ ของนอ้ ยกม็ คี วามสขุ และไม่เดือดรอ้ น
• ทำไมน้อยจึงมีชวี ิตท่ีมคี วามสุข จงอธบิ ายพร้อมยกตวั อยา่ ง