The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

ปีที่ 12 ฉบับที่ 2 พฤษภาคม - สิงหาคม 2563

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search

วารสารการเมือง การบริหารและกฎหมาย

ปีที่ 12 ฉบับที่ 2 พฤษภาคม - สิงหาคม 2563

วารสารการเมือง การบริหาร และกฎหมาย
คณะรัฐศาสตร์และนิตศิ าสตร์ มหาวทิ ยาลยั บูรพา

ปี ที่ 12 ฉบับที่ 2 พฤษภาคม - สิงหาคม 2563
ISSN 1906 - 506X (Print), ISSN 2697 - 4975 (Online)

วตั ถุประสงค์

1. เพื่อส่งเสริมและเผยแพร่ผลงานและทรรศนะทางวชิ าการสาขารัฐศาสตร์ รัฐประศาสนศาสตร์
และนิติศาสตร์ ตลอดจนสาขาท่ีเกี่ยวขอ้ ง

2. เป็ นแหล่งขอ้ มูลในการเสนอผลงาน บทความ ขอ้ คิดเห็นเกี่ยวกบั งานวิจยั และขอ้ มูลทอ้ งถิ่น
ภาคตะวนั ออก รวมท้งั ในประเทศไทยและต่างประเทศ

3. เพื่อเป็นแหล่งขอ้ มูลในการคน้ ควา้ ประกอบการศึกษาในระดบั ตา่ ง ๆ

วารสารการเมือง การบริหาร และกฎหมาย เป็ นวารสารวิชาการดา้ นการเมือง การบริหาร และ
กฎหมาย ตลอดจนสาขาอื่น ๆ ท่ีเกี่ยวขอ้ ง มีกาหนดการตีพิมพเ์ ผยแพร่ปี ละ 3 ฉบบั (มกราคม - เมษายน,
พฤษภาคม - สิงหาคม และกนั ยายน - ธนั วาคม)

วารสารการเมือง การบริหาร และกฎหมาย ยินดีรับพิจารณาบทความวิชาการ บทความวิจยั
บทความปริทศั น์ บทวจิ ารณ์หนงั สือ รายงานการสัมมนาดา้ นรัฐศาสตร์ รัฐประศาสนศาสตร์ และนิติศาสตร์
และสาขาที่เก่ียวขอ้ ง เพ่ือตีพิมพ์ในวารสาร ท้ังที่เป็ นภาษาไทยและภาษาองั กฤษ โดยส่งต้นฉบบั มาที่
กองบรรณาธิการ (โปรดดูรายละเอียดการเสนอบทความท้ายเล่ม) เพ่ือให้คณะกรรมการกลนั่ กรองหรือ
ผทู้ รงคุณวฒุ ิ (Peer Review-Double-blind) จานวน 2 ทา่ น ในสาขาที่เกี่ยวขอ้ งพจิ ารณา

เจ้าของ
คณะรัฐศาสตร์และนิตศิ าสตร์ มหาวทิ ยาลยั บูรพา
169 ถนนลงหาดบางแสน ตาบลแสนสุข อาเภอเมือง จงั หวดั ชลบุรี 20131
โทรศพั ท์ 038-102-369 ตอ่ 105 หรือ 038-390243
ThaiJo: https://www.tci-thaijo.org/index.php/polscilaw_journal
E-mail: [email protected]
Homepage: http://polsci-law.buu.ac.th/journal/

คณะรัฐศาสตร์และนติ ศิ าสตร์ มหาวทิ ยาลยั บูรพา 1

กองบรรณาธิการ

ทปี่ รึกษา
ผชู้ ่วยศาสตราจารย์ ดร.สัมฤทธ์ิ ยศสมศกั ด์ิ
คณะรัฐศาสตร์และนิติศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั บูรพา

บรรณาธิการ
รองศาสตราจารย์ วา่ ท่ีเรือตรี ดร.เอกวทิ ย์ มณีธร
คณะรัฐศาสตร์และนิติศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั บูรพา

บรรณาธิการบริหาร
ผชู้ ่วยศาสตราจารย์ ดร.ธีระ กุลสวสั ด์ิ
คณะรัฐศาสตร์และนิติศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั บูรพา

กองบรรณาธิการ
ศาสตราจารยก์ ิตติคุณ ดร.อนุสรณ์ ลิ่มมณี
คณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวทิ ยาลยั
ศาสตราจารย์ ดร.ศุภชยั ยาวะประภาษ
คณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวทิ ยาลยั
ศาสตราจารย์ ดร.เกรียงไกร เจริญธนาวฒั น์
คณะนิติศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวทิ ยาลยั
รองศาสตราจารย์ ดร.ดารงค์ วฒั นา
คณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวทิ ยาลยั
รองศาสตราจารย์ ดร.จิรประภา อคั รบวร
สถาบนั บณั ฑิตพฒั นบริหารศาสตร์
รองศาสตราจารย์ ดร.อรรถกฤต ปัจฉิมนนั ท์
คณะรัฐศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั ธรรมศาสตร์
รองศาสตราจารย์ ดร.ธีระวฒั น์ จนั ทึก
คณะวทิ ยาการจดั การ มหาวทิ ยาลยั ศิลปากร

2 วารสารการเมือง การบริหาร และกฎหมาย ปี ที่ 12 ฉบบั ท่ี 2

ผชู้ ่วยศาสตราจารย์ ร้อยตรี ดร.ณฐั กริช เปาอินทร์
คณะรัฐประศาสนศาสตร์ สถาบนั บณั ฑิตพฒั นบริหารศาสตร์

ผชู้ ่วยศาสตราจารย์ ดร.ธีระ กลุ สวสั ด์ิ
คณะรัฐศาสตร์และนิติศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั บูรพา

ดร.โชติสา ขาวสนิท
คณะรัฐศาสตร์และนิติศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั บูรพา

ดร.อรรัมภา ไวยมุกข์
คณะรัฐศาสตร์และนิติศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั บูรพา

อาจารยภ์ ารดี ปล้ืมโกศล
คณะรัฐศาสตร์และนิติศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั บูรพา

อาจารยเ์ อกพล ทรงประโคน
คณะรัฐศาสตร์และนิติศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั บูรพา

Prof. Dr. Macro Brunazzo
Jean Monet Chair in European Studies University of Trento

ผ้ปู ระสานงานกองบรรณาธิการ
นางสาวธารทิพย์ ภวะวภิ าต
คณะรัฐศาสตร์และนิติศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั บูรพา

คณะรัฐศาสตร์และนิตศิ าสตร์ มหาวทิ ยาลยั บูรพา 3

Journal of Politics, Administration and Law
Faculty of Political Science and Law,
Burapha University

Objectives

1. To promote and disseminate academic works and viewpoints relating to political science.
Public administration, law and related fields.

2. To be a source of scholarly discussion, research publication, and practical viewpoints from
local issues in Thailand and worldwide.

3. To be a repository of research literature and information for every education level.

Journal of Politics, Administration and Law has a particular interest in the link between
political science, public administration theory and practice, law and a wide range of relevant themes. The
journal also provides a professional forum for reporting on new experiences, new thinking and new ways
of working among students, scholars, practitioners, policy shapers and socio-political activists. The
journal is published three issues a year (January-April, May-August and September-December)

The Editorial Board welcomes the submission of research articles, review and seminar reports
from the field of political science, public administration, law and related fields for publication from both
academic and professional authors. Manuscript in English is also welcome. The manuscript must be sent
to the Editorial Board and the author should consult notes for contributors appeared at the back cover of
each issue. All manuscripts submitted will be subject to rigorous double-blind reviewing.

4 วารสารการเมือง การบริหาร และกฎหมาย ปี ที่ 12 ฉบบั ที่ 2

Editorial Advisor
Asst. Prof. Dr. Samrit Yossomsakdi
Faculty of Political Science and Law, Burapha University

Editorial in Chief
Assoc. Prof. Acting Sub Lt. Dr. Ekkawit Maneethorn
Faculty of Political Science and Law, Burapha University

Executive Editor
Asst. Prof. Dr. Teera Kulsawat
Faculty of Political Science and Law, Burapha University

Editorial Board
Prof. Emeritus Dr. Anusorn Limmanee
Faculty of Political Science, ChulalongKorn University
Prof. Dr. Supachai Yavapapas
Faculty of Political Science, ChulalongKorn University
Prof. Dr. Kriengkrai Charoenthanavat
Faculty of Law, ChulalongKorn University
Assoc. Prof. Dr. Damrong Wathana
Faculty of Political Science, Chaula LongKorn University
Assoc. Prof. Dr. Jiraprapha Akaraborworn
National Institute of Development Administration
Assoc. Prof. Dr. Attakrit Patchimnan
Faculty of Political Science, Thammasat University
Assoc. Prof. Dr. Thirawat Chuntuk
Faculty of Management Science, Silpakorn University
Asst. Prof. Second Lt. Dr. Nuttakrit Powintara
Graduate School of Public Administration, National Institute of Development
Administration (NIDA)

คณะรัฐศาสตร์และนติ ศิ าสตร์ มหาวทิ ยาลยั บูรพา 5

Asst. Prof. Dr. Teera Kulsawat
Faculty of Political Science and Law, Burapha University

Dr. Shotisa Cousnit
Faculty of Political Science and Law, Burapha University

Dr. Awnrumpa Waiyamuk
Faculty of Political Science and Law, Burapha University

Miss Paradee Plumkoson
Faculty of Political Science and Law, Burapha University

Mr. Ekapon Songprakhon
Faculty of Political Science and Law, Burapha University

Prof. Dr. Macro Brunazzo
Jean Monet Chair in European Studies University of Trento

Coordinator
Miss Tharntip Pawawipat
Faculty of Political Science and Law, Burapha University

6 วารสารการเมือง การบริหาร และกฎหมาย ปี ท่ี 12 ฉบบั ที่ 2

บรรณาธิการแถลง

วารสารการเมือง การบริหาร และกฎหมาย ปี ที่ 12 ฉบบั ท่ี 2 (พฤษภาคม - สิงหาคม พ.ศ. 2563)
ได้คัดสรรบทความวิจัย และบทความวิชาการ จานวน 27 เร่ือง มานาเสนอให้กับผูอ้ ่านทุกท่าน เริ่มท่ี
บทความแรก เร่ือง ปัจจัยท่มี ผี ลต่อการคอร์รัปชันขององค์กรปกครองส่วนท้องถ่ิน โดย ผู้ช่วยศาสตราจารย์
ดร.พชรดนัย วัชรธนพัฒน์ธาดา งานวจิ ยั คร้ังน้ีมีวตั ถุประสงคเ์ พื่อศึกษา ระดบั ลกั ษณะของการคอร์รัปชนั
ระดับปัจจยั ที่มีผลต่อการคอร์รัปชัน เปรียบเทียบความแตกต่างของปัจจยั ที่มีผลต่อการคอร์รัปชันและ
ลกั ษณะของการคอร์รัปชนั จาแนกตามปัจจยั ขอ้ มูลส่วนบุคคล และศึกษาความสัมพนั ธ์ระหวา่ งปัจจยั ต่าง ๆ
ท่ีมีผลต่อการคอร์รัปชนั กบั ลกั ษณะของการคอร์รัปชนั ขององคก์ รปกครองส่วนทอ้ งถ่ิน กลุ่มตวั อย่างเป็ น
บุคลากรกลุ่มงานกฎหมายระเบียบและเร่ืองร้องทุกข์ และกลุ่มงานการเงินบญั ชีและการตรวจสอบ สังกดั
สานกั งานส่งเสริมการปกครองทอ้ งถ่ินจงั หวดั จานวน 175 คน ไดม้ าโดยการสุ่มอยา่ งง่าย (Simple Random
Sampling) เคร่ืองมือท่ีใช้ในการเก็บรวบรวมขอ้ มูลเป็ นแบบสอบถาม สถิติในการวิเคราะห์ขอ้ มูล คือ สถิติ
เชิงพรรณนา สถิติอ้างอิงค่าสัมประสิ ทธ์ิสหสัมพันธ์ด้วยวิธี Pearson โดยวิธีของ Least Significant
Difference (LSD) และ Spearman Rank Correlation

ผลการวจิ ยั พบวา่
(1) ลกั ษณะของการคอร์รัปชนั ในภาพรวมและรายดา้ นอยใู่ นระดบั ปานกลาง ( X = 3.15)
(2) ปัจจยั ที่มีผลตอ่ การคอร์รัปชนั ในภาพรวมอยใู่ นระดบั ปานกลาง ( X = 2.59) โดย ดา้ นสิ่งจูงใจ
อยใู่ นระดบั นอ้ ย ( X = 2.03) อีก 3 ดา้ น คือ ดา้ นโอกาส ดา้ นความเสี่ยงภยั และดา้ นความซื่อสัตยอ์ ยใู่ นระดบั
ปานกลาง
(3) ลกั ษณะของการคอร์รัปชนั พบวา่ ระดบั การศึกษาส่งผลต่อการคอร์รัปชนั ในดา้ นการยกั ยอก
ดา้ นการเรียกรับเงิน และดา้ นการมีผลประโยชน์ทบั ซอ้ น ส่วนปัจจยั ที่มีผลต่อการคอร์รัปชนั พบวา่ เพศและ
ระดบั การศึกษาส่งผลตอ่ ปัจจยั ที่มีผลตอ่ การคอร์รัปชนั อยา่ งมีนยั สาคญั ทางสถิติท่ีระดบั .01
(4) ลกั ษณะของการคอร์รัปชันกับปัจจยั ท่ีมีผลต่อการคอร์รัปชันมีความสัมพนั ธ์กันทางบวก
เป็นไปในทิศทางเดียวกนั ในระดบั สูงมาก (r = .92**)

บทความที่ 2 มหาวิทยาลัยในกากับของรัฐในบริบทของเสรีนิยมใหม่ โดย อาจารย์จารุณี
มุมบ้านเซ่า มหาวิทยาลยั ของไทยในระยะเร่ิมตน้ ล้วนจดั ต้งั ข้ึนในฐานะมหาวิทยาลยั ของรัฐ มีเป้าหมาย
สาคญั คือการผลิตกาลังคนที่มีความรู้ ความสามารถ และเทคนิคข้นั สูง ป้อนระบบราชการและระบบ
เศรษฐกิจของประเทศ เมื่อผ่านกาลเวลาได้มีการปรับเปล่ียนระบบท้ังภายนอก ได้แก่ นโยบายของรัฐ
การกากบั ควบคุม ฯลฯ และการเปล่ียนแปลงภายใน ไดแ้ ก่ สถานะ การบริหารจดั การ ฯลฯ ตลอดเวลาเพือ่ ให้
สอดคลอ้ งกบั การเปลี่ยนแปลงของระบบเศรษฐกิจ การเมือง และสังคมของโลก การปรับเปลี่ยนสถานภาพ
จากมหาวิทยาลยั ของรัฐมาเป็ นมหาวทิ ยาลยั ในกากบั ของรัฐถือเป็นการเปลี่ยนแปลงคร้ังสาคญั อีกคร้ังหน่ึงที่

คณะรัฐศาสตร์และนิตศิ าสตร์ มหาวทิ ยาลยั บูรพา 7

ทาให้เกิดการเปล่ียนแปลงในอุดมการณ์ของการอุดมศึกษา โดยมุ่งหวงั ให้เกิดความเป็ นอิสระในการบริหาร
จดั การด้านงบประมาณและทรัพยส์ ิน การบริหารบุคลากรเพื่อจูงใจบุคลากรท่ีมีคุณภาพ และอิสระทาง
วิชาการ เพื่อให้มหาวิทยาลยั สามารถดารงอยู่ได้ สามารถตอบสนองความตอ้ งการและความคาดหวงั ของ
สังคมที่รับเอาหลักคิดเสรี นิยมใหม่เป็ นแนวคิดพ้ืนฐานการกาหนดนโยบายด้านต่าง ๆ ได้อย่างมี
ประสิทธิภาพ

แนวคิดการปรับเปลี่ยนสถานภาพมหาวิทยาลยั ของรัฐให้เป็ นมหาวิทยาลยั ในกากบั ของรัฐใน
ประเทศไทยเริ่มตน้ ในปี พ.ศ. 2507 และมาเป็ นจริงคร้ังแรกในปี พ.ศ. 2533 เม่ือมหาวิทยาลยั สุรนารี จดั ต้งั
เป็ นมหาวิทยาลยั ในกากบั ของรัฐแห่งแรกในประเทศไทย ปัจจยั ท่ีมีอิทธิพลต่อการปรับเปลี่ยนสถานะเป็ น
มหาวิทยาลัยในกากับของรัฐคือ 1) แรงผลักดันจากองค์กรระหว่างประเทศ เช่น ธนาคารโลก องค์การ
สหประชาชาติ กองทุนการเงินระหว่างประเทศ องค์การการคา้ โลก ที่สนับสนุนแนวคิดและหลกั การเสรี
นิยมใหม่ 2) การส่งต่อนโยบายด้านการศึกษา (Educational Transfer) เช่น การแพร่กระจายดา้ นการศึกษา
(Educational Diffusion) การยดึ ตวั อยา่ งจากบทเรียน การหยบิ ยืมนโยบายหรือการแพร่กระจายดา้ นการศึกษา
ประกอบด้วยกระบวนการทางตรงและทางออ้ ม และ 3) กระบวนการทาให้การศึกษาเป็ นสินคา้ ซ่ึงเป็ น
ผลสืบเน่ืองจากการรับเอาแนวคิดเสรี นิยมใหม่มาเป็ นแนวทางการดาเนินงานของรัฐ

บทความท่ี 3 เรื่อง มาตรการรักษาความมั่นคงในพื้นท่ีจุดผ่านแดนทางบกของประเทศไทย
ที่เหมาะสม โดย นางสาวธรรม์มยุรา สุรัติสุพพัต และ ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.ธีรพงษ์ บัวหล้า การพฒั นา
ระบบการรักษาความมนั่ คงบนพ้ืนท่ีชายแดน ณ จุดตรวจผา่ นแดนถาวรทางบกของประเทศไทยจาเป็ นตอ้ ง
สร้างมาตรการทางความมนั่ คงท่ีเป็ นท้งั เคร่ืองมือรักษาความมนั่ คงพร้อมกบั การอานวยความสะดวกทาง
เศรษฐกิจในเวลาเดียวกัน ดังน้ันการพัฒนาระบบของพิธีการตรวจคนเข้าเมือง พิธีการทางศุลกากร
เพื่ออานวยความสะดวกทางการคา้ ชายแดน ตอ้ งปรับแนวคิดมิติทางเศรษฐกิจเสริมมิติทางความมนั่ คงดว้ ย
โดยระบบบริหารจดั การและใช้เทคโนโลยที นั สมยั ไปพร้อมกนั เพื่อป้องกนั ภยั คุกคามความมนั่ คงใหม่ท่ีมี
ความซบั ซอ้ น หลากหลายที่อาจขา้ มแดนมาจากต่างประเทศ

บทความน้ีเป็ นส่ วนหน่ึงของงานวิจัย เร่ื อง การรักษาความม่ันคงชายแดนทางบกผ่าน
กระบวนการตรวจคนเข้าและออกเมืองของประเทศไทย โดยใช้เคร่ื องมือในการวิจัยดังต่อไปน้ี
1) การสัมภาษณ์แบบเจาะจง 2) การลงพ้ืนท่ีวิจยั เพื่อสังเกตการณ์ในพ้ืนท่ีเขตเศรษฐกิจพิเศษ 3) การประชุม
ระดมสมองท้งั แบบทางการและไมเ่ ป็นทางการ และ 4)การแจกแบบสอบถาม

มีวตั ถุประสงค์เพ่ือเสนอแนะมาตรการรักษาความมนั่ คงท่ีเป็ นมาตรฐานในกระบวนการของ
ระบบตรวจคนเขา้ และ ออก เมืองที่เหมาะสมสามารถอานวยความสะดวกของผูเ้ ดินทางเขา้ ออก และช่วย
พฒั นาระบบเศรษฐกิจในพ้นื ที่ชายแดนพร้อมยกระดบั การรักษาความมนั่ คง

8 วารสารการเมือง การบริหาร และกฎหมาย ปี ที่ 12 ฉบบั ท่ี 2

บทความท่ี 4 เร่ือง การปรับตัวของธุรกิจหลังยุค COVID - 19 โดย ผู้ช่ วยศาสตราจารย์
ดร.ปาริชาติ คุณปลื้ม แนวปฏิบตั ิใหม่ (New Normal) เพ่ือป้องกนั การระบาดของ COVID - 19 ที่คนทว่ั โลก
ตอ้ งปรับเปลี่ยนพฤติกรรมหลายอย่างพอสรุปได้คือ คนนิยมใส่หน้ากากอนามยั (Mask) พกแอลกอฮอล์
สเปรย์ หรือแอลกอฮอลเ์ จล คนกลบั มารักษาสุขภาพโดยการออกกาลงั กายกนั มากข้ึน พฤติกรรมการทางาน
ที่บ้าน (Work from Home ) การเรียนออนไลน์ การประชุมออนไลน์ การมีระยะห่างทางสังคม (Social
Distancing) พฤติกรรมการท่องเท่ียวในต่างประเทศจะลดลง การใช้รถสาธารณะลดลง พฤติกรรมการ
ซ้ือของออนไลน์เพ่ิมข้ึน และการใชเ้ ทคโนโลยีไม่วา่ จะเป็ นคอมพิวเตอร์ โทรศพั ทม์ ือถือมากข้ึน จากแนว
ปฏิบตั ิใหม่ ที่เปลี่ยนไปของมนุษยห์ ลงั จากที่ COVID - 19 ไดอ้ ุบตั ิข้ึนส่งผลกระทบต่อธุรกิจหลายธุรกิจ
โดยขอสรุปเป็ นกลุ่มตามปัจจยั 4 ตามความจาเป็ นในการดารงชีวิตประกอบดว้ ยกลุ่ม อาหาร ที่อยู่อาศยั
เคร่ืองนุ่งห่ม ยารักษาโรค และอื่น ๆ ดงั น้ี ธุรกิจกลุ่มอาหาร ธุรกิจร้านอาหาร จะมีท้งั รับประทานที่ร้าน และ
มีท้งั การสั่งอาหารออนไลน์ เม่ือธุรกิจอาหารขายดี ธุรกิจที่เกี่ยวขอ้ งจะตามมา เช่น ธุรกิจกล่องใส่อาหาร
รูปแบบต่างๆ ธุรกิจสต๊ิกเกอร์ที่แปะบนกล่องอาหาร และธุรกิจการขนส่งสินคา้ เป็ นตน้ ธุรกิจกลุ่มท่ีอยู่
อาศยั ธุรกิจการสร้างบา้ น คอนโดมิเน่ียม จะตอ้ งมีการสร้างห้องทางานเพื่อรองรับการทางานท่ีบา้ น หรือ
เรียนออนไลน์ ธุรกิจขายของตกแต่งบา้ นจะดีข้ึน โปรแกรมประชุมออนไลน์ การเรียนออนไลน์ จะขายดี
และมีตวั เลือกมากข้ึนมีฟังก์ชันที่พฒั นาอยา่ งรวดเร็วเพื่อตอบสนองความตอ้ งการของผูใ้ ช้ในกลุ่มต่าง ๆ
ในอนาคตอาจอาจมีซอฟต์แวร์ที่ช่วย (Support )ในแต่ละอาชีพที่ทางานท่ีบา้ น และซอฟตแ์ วร์บางตวั ท่ีช่วย
การเรียนในแตล่ ะสาขาวชิ าไดอ้ ยา่ งเฉพาะเจาะจง ธุรกิจขายอุปกรณ์ท่ีเกี่ยวขอ้ งกบั การทางานที่บา้ น และการ
เรียนออนไลน์ อุปกรณ์เหล่าน้ีจะจาหน่ายไดม้ ากยิง่ ข้ึนเพราะกลายเป็ นสิ่งจาเป็ นที่ทุกบา้ นตอ้ งมี ธุรกิจกลุ่ม
เครื่องนุ่งห่ม ธุรกิจขายเส้ือผา้ เคร่ืองแต่งกาย เครื่องประดบั จะมีการใช้แอปพลิเคช่ัน AR ( Augmented
Reality Technology) มาช่วยขาย ธุรกิจหา้ งสรรพสินคา้ จะปรับเปลี่ยนเป็นธุรกิจท่ีมีหนา้ ร้านลดลงและเพิ่ม
การขายแบบออนไลน์มากข้ึน ธุรกิจกลุ่มยารักษาโรค ธุรกิจดา้ นการแพทยท์ ้งั แผนปัจจุบนั และแผนโบราณ
จะไดร้ ับความนิยมมากยิ่งข้ึน ธุรกิจดา้ นการแพทยจ์ ะนาเทคโนโลยีมาประยุกต์ใชม้ ากข้ึน คนรุ่นใหม่จะ
เลือกเรียนหลกั สูตรดา้ นการแพทยก์ นั มากข้ึน ธุรกิจกลุ่มอ่ืน ๆ ประกอบดว้ ย ทกั ษะดา้ นคอมพิวเตอร์จะถูก
บรรจุในบทเรียนในทุกหลกั สูตรเพราะตอ้ งนามาใชจ้ ริงท้งั การเรียนและการทางาน ธุรกิจบนั เทิง ตอ้ งมีการ
ปรับเปล่ียนเป็ นการดูออนไลน์ ธุรกิจการท่องเที่ยว นกั ท่องเที่ยวจากตา่ งประเทศจะเลือกสถานท่ีท่องเที่ยวที่
ชอบและมีความปลอดภยั การเลือกลงทุนในธุรกิจในต่างประเทศตอ้ งเลือกในประเทศที่มีความสามารถ
ทางด้านสาธารณสุขดี ธุรกิจประกนั ชีวิตจะได้รับความนิยมมากข้ึน ธุรกิจยานยนต์และธุรกิจเก่ียวกับ
พลังงานเช้ือเพลิงจะซบเซาลงเน่ืองจากคนเดินทางลดลง คนจะมีพฤติกรรมการออมเงินมากข้ึน
จากประสบการณ์ท่ีไดร้ ับจากการระบาดของ COVID – 19 จะทาใหค้ นเกิดเรียนรู้ที่จะปรับตวั เป็นแนวปฎิบตั ิ
ใหม่ เพ่ือใหส้ ามารถดารงอยไู่ ดใ้ นปัจจุบนั และในอนาคต

คณะรัฐศาสตร์และนติ ศิ าสตร์ มหาวทิ ยาลยั บูรพา 9

บทความที่ 5 เรื่อง การกระทาความรุนแรงต่อผู้สูงอายุภายในครอบครัว: สาเหตุและแนวทางการ
ป้องกัน โดย ผู้ช่ วยศาสตราจารย์ ดร.ธีระ กุลสวัสด์ิ และ อาจารย์ธัญพิชชา สามารถ นางสาวอารีย์
ธวัชวัฒนานันท์ สังคมไทยกาลงั ปรับเปล่ียนไปสู่สังคมผูส้ ูงอายุ ทาให้มีจานวนผูส้ ูงอายุเพิ่มมากข้ึนกว่า
สดั ส่วนของประชากรวยั อ่ืน มีความเส่ียงท่ีจะเกิดปัญหาการกระทาความรุนแรงต่อผสู้ ูงอายใุ นครอบครัวเพิ่ม
มากข้ึน บทความชิ้นน้ีมีจุดมุ่งหมายท่ีจะอธิบายถึงการกระทาความรุนแรงต่อผูส้ ูงอายุภายในครอบครัว
สาเหตุของการกระทาความรุนแรงต่อผูส้ ูงอายุ และแนวทางป้องกันการกระทาความรุนแรงต่อผูส้ ูงอายุ
ขอ้ ค้นพบท่ีสาคญั ของบทความน้ีคือ แนวโน้มการกระทาความรุนแรงต่อผูส้ ูงอายุภายในครอบครัวมี
ความเสี่ยงที่จะเพ่ิมข้ึนตามจานวนประชากรผูส้ ูงอายทุ ี่มีสัดส่วนเพ่ิมข้ึน สาเหตุของการกระทาความรุนแรง
ต่อผูส้ ูงอายุมาจากหลายปัจจยั ท่ีเกิดข้ึนได้พร้อมกนั ในหลายระดบั ต้งั แต่ระดบั ปัจเจกบุคคล ครอบครัว
ชุมชน สังคม สภาพแวดลอ้ มต่าง ๆ นาไปสู่ปัญหาการละเมิดสิทธิมนุษยชนและการก่อปัญหาอาชญากรรม
ซ่ึงสภาพการณ์ท่ีกาลงั เกิดข้ึนเป็ นเร่ืองทา้ ทายหน่วยงานภาครัฐท่ีจะแกไ้ ขปัญหา และป้องกนั ไม่ให้เกิดการ
กระทาความรุนแรงต่อผสู้ ูงอายภุ ายในครอบครัว

บทความที่ 6 เร่ือง บทบาทของสภามหาวทิ ยาลัยในการกากบั ดูแลผู้บริหารมหาวทิ ยาลัยเพ่ือมุ่งสู่
หลักธรรมาภิบาล โดยอาจารย์นงนุช ศรีสุข การวิจัยคร้ังน้ีมีวตั ถุประสงค์เพ่ือศึกษาบทบาทของ
สภามหาวิทยาลยั และแนวทางในการกากบั ดูแลธรรมาภิบาลของผูบ้ ริหารมหาวิทยาลยั และเพื่อศึกษาการ
พฒั นาตวั ช้ีวดั และการนามาใช้กากบั ดูแลธรรมาภิบาลของผูบ้ ริหารมหาวิทยาลยั การศึกษาน้ีใชร้ ะเบียบวิธี
วจิ ยั เชิงคุณภาพ โดยการศึกษาจากเอกสารที่เกี่ยวขอ้ ง และใชว้ ธิ ีการสัมภาษณ์เชิงลึกผูท้ รงคุณวุฒิท่ีเกี่ยวขอ้ ง
กบั ระบบการบริหารมหาวิทยาลยั ในกากบั ของรัฐ นาผลการสัมภาษณ์มาวเิ คราะห์เน้ือหา คดั กรอง ดึงขอ้ มูล
ออกมา หลอมรวมและบูรณาการ กบั การสังเคราะห์องค์ความรู้จากการเอกสารงานวิจยั ขอ้ บงั คบั ต่าง ๆ
โครงสร้างและกลไกของระบบสภาและธรรมาภิบาลของสถาบนั อุดมศึกษาของไทย ผลการวิจยั พบว่า
บ ท บ าท ของส ภาม ห าวิท ยาลัยและ แนวท างใน การก ากับ ดู แ ลธ รรม าภิ บ าล ของผู้บ ริ หารม ห าวิท ยาลัย
ประกอบดว้ ย บทบาทสภามหาวทิ ยาลยั ในการสรรหาและเสนอแต่งต้งั อธิการบดี บทบาทสภามหาวิทยาลยั
ในการกากับ ติดตาม การดาเนินงานของผูบ้ ริหารมหาวิทยาลยั บทบาทสภามหาวิทยาลัยในการแก้ไข
พระราชบญั ญตั ิ บทบาทสภามหาวิทยาลยั ในการกาหนดโครงสร้างของสภามหาวิทยาลยั นามาสู่บทบาท
สภามหาวิทยาลยั ในการกากบั ดูแลการปฏิบตั ิงานของอธิการบดี คือ บทบาทในการแกไ้ ขพระราชบญั ญตั ิ
มหาวิทยาลยั บูรพา พ.ศ. 2550 การโครงสร้างของสภามหาวิทยาลยั บูรพาที่เขม้ แข็ง และการกากบั ดูแล
ผบู้ ริหารมหาวิทยาลยั เพ่ือมุ่งสู่หลกั ธรรมาภิบาล สาหรับประเด็นการพฒั นาตวั ช้ีวดั และการนามาใช้กากบั
ดูแลธรรมาภิบาลของผูบ้ ริหารมหาวิทยาลยั คือ ประเด็นสาคญั ท่ีสภามหาวิทยาลยั ได้การเสนอปรับปรุง
พระราชบัญญัติ พ.ศ. 2550 การทบทวนและปรับปรุงกฎระเบียบข้อบังคับเพ่ือนามาใช้กากับดูแล
ธรรมาภิบาลของผบู้ ริหารมหาวทิ ยาลยั ใหม้ ีประสิทธิภาพมากยงิ่ ข้ึน

10 วารสารการเมือง การบริหาร และกฎหมาย ปี ท่ี 12 ฉบบั ท่ี 2

บทความที่ 7 เรื่อง ความพึงพอใจและความผูกพันต่อองค์กรของพนักงาน บริษัท ธนารักษ์
พัฒนาสินทรัพย์ จากดั ประจาปี 2561 โดย ดร.ศุภชัย เหมือนโพธ์ิ, ดร.นนทวัฒน์ สุขผล, อาจารย์ชุดาพร
สอนภักดี, อาจารย์ทัตเทพ ทวีไทย, อาจารย์ทาริกา สระทองคา, อาจารย์ศรวิชา กฤตาธิการ และอาจารย์
พลอยนรินทร์ โรจนการสกุล การศึกษาคร้ังน้ีมีวตั ถุประสงคเ์ พื่อ 1) ศึกษาระดบั ความผูกพนั ต่อองค์กรของ
พนักงานบริษัท ธนารักษ์พฒั นาสินทรัพย์ จากดั 2) ศึกษาปัจจยั ที่ส่งผลต่อความผูกพนั ต่อองค์กรของ
พนักงานบริษทั ธนารักษ์พฒั นาสินทรัพย์ จากัด และ 3) เปรียบเทียบระดับความผูกพนั ต่อองค์กรของ
พนกั งานบริษทั ธนารักษพ์ ฒั นาสินทรัพย์ จากดั ระยะเวลา 3 ปี ลกั ษณะของวิธีการวจิ ยั แบบผสมผสานวิธี
ระหวา่ งการวจิ ยั เชิงปริมาณ โดยใชแ้ บบสอบถาม และการวจิ ยั เชิงคุณภาพ โดยใชก้ ารสนทนากลุ่ม

ผลการวจิ ยั พบวา่
1. ระดับความพึงพอใจในภาพรวมน้ันอยู่ในระดับมาก ค่าเฉล่ียเท่ากับ 4.27 และระดับ
ความพึงพอใจต่อองค์กรของพนักงานบริ ษัท ธนารักษ์พัฒนาสิ นทรัพย์ จากัด พบว่า พนักงานมี
ความพงึ พอใจตอ่ องคก์ รอยใู่ นระดบั มาก ค่าเฉลี่ยเทา่ กบั 4.41
2. ปัจจยั ท่ีส่งผลต่อความผูกพนั ต่อองคก์ รของพนกั งานบริษทั ธนารักษ์พฒั นาสินทรัพย์ จากดั
ไดแ้ ก่ ปัจจยั ลกั ษณะงาน ปัจจยั จูงใจ ปัจจยั ค้าจุน และปัจจยั พฤติกรรมเชิงสร้างสรรค์
3. การเปรียบเทียบปัจจยั ด้านความผูกพนั ในองค์กร และความพึงพอใจจากผลสารวจปี 2559
ปี 2560 และปี 2561 พบว่าค่าเฉลี่ยของแต่ละปัจจัยมีค่าเฉลี่ยสู งข้ึน ซ่ึงแสดงถึงความผูกพันและ
ความพงึ พอใจในองคก์ รมีอยใู่ นระดบั มาก

บทความที่ 8 เรื่อง การจัดทาแผนพัฒนาเศรษฐกิจดิจิทัลท้องถิ่น: ปัญหาและข้อเสนอเพ่ือการ
ปรับปรุง โดย ผู้ช่ วยศาสตราจารย์ ดร.นคร เสรีรักษ์, ผู้ช่วยศาสตราจารย์กิตติพงศ์ กมลธรรมวงศ์,
ดร.ระดาภัทร จงธรรมคุณ, นายวรงค์กฤษณ์ จตุภัทร์ วงศา, นางสาวนิชานันท์ นันทศิริศรณ์ และ
นายอรรถพล เมืองม่ิง งานวิจยั น้ีมีวตั ถุประสงค์เพ่ือศึกษากระบวนการ ข้ันตอนและวิธีการ ตลอดจน
ปรากฏการณ์จริงในการวางแผนในองคก์ รปกครองส่วนทอ้ งถ่ิน และเพ่ือวเิ คราะห์ขอ้ เสนอเพ่ือการปรับปรุง
กระบวนการการวางแผนพฒั นาเศรษฐกิจดิจิทลั ทอ้ งถิ่น งานวิจยั น้ีเป็ นเชิงคุณภาพ โดยศึกษาจากเอกสาร
ไดแ้ ก่ แผนพฒั นาดิจิทลั เพื่อเศรษฐกิจและสังคม ประกอบกบั การสัมภาษณ์สอบถามความคิดเห็นจากผูท้ ่ี
เกี่ยวขอ้ งดา้ นการวางแผนขององคก์ รซ่ึงประกอบดว้ ยส่วนราชการในราชการบริหารส่วนกลาง ส่วนภูมิภาค
และส่วนทอ้ งถิ่น

ผลการศึกษาพบว่า ในกระบวนการจดั ทาแผนในระดบั ทอ้ งถิ่นในปัจจุบนั ยงั ไม่มีการถ่ายทอด
นโยบายเศรษฐกิจดิจิทลั จากกระทรวงดิจิทลั เพ่ือเศรษฐกิจและสังคมไปยงั องคก์ รปกครองส่วนทอ้ งถ่ินอยา่ ง
เป็นรูปธรรมท่ีชดั เจน ทาใหบ้ ุคลากรใน อปท. มีขอ้ จากดั เร่ืองความรู้ความเขา้ ใจเกี่ยวกบั การพฒั นาเศรษฐกิจ
และสังคมบนฐานดิจิทลั จึงไม่สามารถดาเนินการใด ๆ ในกระบวนการวางแผนในระดบั ทอ้ งถ่ินโดยใช้
นโยบายพฒั นาเศรษฐกิจดิจิทัลเป็ นกรอบดาเนินการ นอกจากน้ีการเผยแพร่ความรู้เก่ียวกับการพฒั นา

คณะรัฐศาสตร์และนิตศิ าสตร์ มหาวทิ ยาลยั บูรพา 11

เศรษฐกิจดิจิทลั ในภาพรวมถือว่ายงั ไม่เพียงพอท่ีจะพฒั นาขีดความสามารถบุคลากรดา้ นการวางแผนของ
อปท. ในการนาแนวคิด นโยบาย และวธิ ีคิดแบบดิจิทลั มาใชใ้ นการจดั ทาแผนในระดบั ทอ้ งถ่ิน

จากภาพสะทอ้ นปรากฏการณ์และปัญหา งานวจิ ยั น้ีเสนอแนวทางการปรับปรุงแกไ้ ขวา่ ควรมีการ
สั่งการมอบหมายนโยบายอยา่ งเป็ นทางการจากรัฐบาลถึงหน่วยปฏิบตั ิทุกระดบั อยา่ งเป็ นรูปธรรมชดั เจน
นอกจากน้ี ควรมีการถ่ายทอดความรู้ความเขา้ ใจเก่ียวกบั การพฒั นาเศรษฐกิจดิจิทลั และควรมีการจดั ทาคู่มือ
เพอื่ เป็นเครื่องมือในการจดั ทาแผนพฒั นาเศรษฐกิจดิจิทลั สาหรับบุคลากรทอ้ งถิ่นทุกระดบั

บทความท่ี 9 เรื่อง รูปแบบการบริหารจัดการเชิงนโยบายเพ่ือขับเคลื่อนทรัพยากรธรรมชาติและ
ส่ิ งแวดล้อมสู่ ความยั่งยืน ตามแนวทาง PESTLE โดย รองศาสตราจารย์ ดร.ธีระวัฒ น์ จันทึก,
นางสาวกนกอร เนตรชู, อาจารย์ดารงพล แสงมณี อาจารย์พรเทพ นามกร และอาจารย์จุฑามาศ
พรหมอินทร์ รูปแบบการบริหารจดั การเชิงนโยบายเพ่ือขบั เคล่ือนทรัพยากรธรรมชาติและส่ิงแวดล้อมสู่
ความยงั่ ยนื ตามแนวทาง PESTLE มีวตั ถุประสงคเ์ พื่อวเิ คราะห์การบริหารจดั การ ทรัพยากรธรรมชาติและ
ส่ิงแวดล้อมตามแนวทาง PESTLE และเพื่อนาทฤษฎีอรรถประโยชน์พหุลักษณ์มาใช้ในการจดั ลาดับ
ความสาคญั ของรูปแบบการบริหารจดั การเชิงนโยบายเพ่ือขบั เคล่ือนทรัพยากรธรรมชาติและส่ิงแวดลอ้ มสู่
ความยง่ั ยืน ตามแนวทาง PESTLE ไดแ้ บ่งการวิจยั ออกเป็ น 2 ส่วน ไดแ้ ก่ การสัมภาษณ์เชิงลึก และประเมิน
อรรถประโยชน์พหุลกั ษณ์ ผใู้ ห้ขอ้ มูลหลกั คือ นกั วชิ าการ ผเู้ ช่ียวชาญ และอาจารยม์ หาวทิ ยาลยั ที่มีความรู้
ความเช่ียวชาญดา้ นการบริหารจดั การ ทรัพยากรธรรมชาติและส่ิงแวดลอ้ ม จานวน 17 คน เคร่ืองมือท่ีใชเ้ ป็ น
แบบสัมภาษณ์ และแบบประเมินอรรถประโยชน์พหุลกั ษณ์ สถิติท่ีใชใ้ นการวจิ ยั คือ ค่าความถี่ ร้อยละ และ
การวิเคราะห์เน้ือหา (Content analysis) และการประยุกตเ์ ทคนิคกระบวนการตดั สินใจแบบวิเคราะห์ลาดบั
ช้นั (Analysis Hierarchy Process: AHP) กบั ผใู้ หข้ อ้ มูลหลกั 7 คน

โดยผลการวิจยั พบว่า 1) การบริหารจดั การ ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดลอ้ มตามแนวทาง
PESTLE ประกอบด้วย สถานการณ์ทางการเมือง เศรษฐกิจ สังคม เทคโนโลยี กฎหมาย และปัจจยั ด้าน
ส่ิงแวดลอ้ ม 2) การนาทฤษฎีอรรถประโยชน์พหุลกั ษณ์มาใช้ในการจดั ลาดบั ความสาคญั ของรูปแบบการ
บริหารจดั การทรัพยากรธรรมชาติและส่ิงแวดลอ้ มสู่ความยง่ั ยืน ผลการวิเคราะห์ น้าหนกั ความสาคญั ของ
รูปแบบการบริหารจดั การทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดลอ้ มสู่ความยง่ั ยืน พบวา่ น้าหนกั ความสาคญั ของ
รูปแบบการบริหารจดั การทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดลอ้ มสู่ความยง่ั ยืน ดา้ นการปรับปรุงกฎหมายท่ีมี
ความขัดแยง้ และทาให้เกิดช่องว่าง หรืออุปสรรคในการดาเนินงาน มีค่ามากท่ีสุด รองลงมาคือการ
ดาเนินงานตามขอ้ เสนอการปฏิรูปประเทศดา้ นทรัพยากรธรรมชาติและส่ิงแวดลอ้ มและการส่งเสริมความรู้
ความเขา้ ใจให้กบั ประชาชน โดยมีค่าน้าหนกั ความสาคญั เท่ากบั 49.34, 27.62 และ 23.04 ตามลาดบั ผลการ
วเิ คราะห์อตั ราส่วนความสอดคลอ้ งของทุกดา้ นที่ไดม้ ีค่าเท่ากบั 0.080 – 0.096 โดยมีค่านอ้ ยกวา่ 0.01 อยใู่ น
เกณฑ์ที่ยอมรับได้ สอดคล้องในทุกมิติ จึงสรุปได้ว่า ผูเ้ ช่ียวชาญเห็นด้วยกับรูปแบบการบริหารจดั การ
ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดลอ้ มสู่ความยง่ั ยนื สามารถนารูปแบบดงั กล่าวไปใชไ้ ด้

12 วารสารการเมือง การบริหาร และกฎหมาย ปี ที่ 12 ฉบบั ท่ี 2

บทความที่ 10 เรื่อง ยุทธศาสตร์ชาติว่าด้วยการจัดการภาวะผู้สูงอายุในประเทศไทย: การจัด
สวสั ดกิ ารสังคมเพ่ือความมั่นคงของผู้สูงอายุ โดย นางสาวกุลญาดา เน่ืองจานงค์ และ ผู้ช่วยศาสตราจารย์
ดร.อนุรัตน์ อนันทนาธร การวิจยั เรื่อง “ยุทธศาสตร์ชาติว่าดว้ ยการจดั การภาวะผูส้ ูงอายุในประเทศไทย:
การจดั สวสั ดิการสังคมเพื่อความมนั่ คงของผสู้ ูงอาย”ุ ทาการวิจยั แบบผสมผสาน (Mixed Methods Research)
โดยการสัมภาษณ์แบบเจาะลึก (In-depth interviews) และสารวจโดยใช้แบบสอบถามท่ีผูว้ ิจยั สร้างข้ึนเก็บ
ขอ้ มูลจากกลุ่มประชากรที่เป็ นผสู้ ูงอายุ ระหวา่ งวนั ท่ี 1 เมษายน – 31 ตุลาคม 2560 การวิจยั เชิงคุณภาพได้
จากการศึกษาเอกสารและการสมั ภาษณ์จากผทู้ ่ีมีความรู้และความเขา้ ใจในประเดน็ ผสู้ ูงอายุ

ผลการวิจยั พบวา่ ประเทศไทยไดเ้ ขา้ สู่การเป็ นสังคมสูงวยั มาต้งั แต่ปี พ.ศ. 2548 คาดวา่ จะเป็ น
“สังคมสูงวยั โดยสมบูรณ์” ในปี พ.ศ. 2564 และเป็ น “สังคมสูงวยั ระดับสุดยอด” ภายในปี พ.ศ. 2578
จากการสารวจสภาวะของผสู้ ูงอายุ พบวา่ ผูส้ ูงอายุ ส่วนใหญ่มีสุขภาพอนามยั ดี มีพฤติกรรมสุขภาพอยูใ่ น
ระดบั ดีมาก ไดร้ ับการศึกษาโดยใชค้ อมพิวเตอร์ ไดร้ ับขอ้ มูลข่าวสารจากโทรทศั น์ พกั อาศยั อยู่กบั บุตร/
หลาน มีสัมพนั ธภาพในครอบครัวอยใู่ นระดบั ดีมาก มีเงินไดจ้ ากเบ้ียยงั ชีพผูส้ ูงอายุ ส่วนใหญ่ไม่มีเงินออม
กิจกรรมที่ผูส้ ูงอายเุ ขา้ ร่วมมากที่สุด คือ ทาบุญ ส่วนใหญ่ไดร้ ับบริการทางสังคมจากการช่วยเหลือเงินเบ้ียยงั
ชีพ ไดร้ ับการสนบั สนุนค่าใช้จ่ายดา้ นอานวยความยุติธรรม ผลกระทบของผูส้ ูงอายุ แบ่งเป็ นผลกระทบ
ระดบั ประเทศ ไดแ้ ก่ ผลกระทบต่อ GDP ผลกระทบต่อศกั ยภาพการเติบโตทางเศรษฐกิจ ภาระงบประมาณ
ของประเทศ การออม ดา้ นแรงงาน และการปรับตวั ในภาคธุรกิจ ผลกระทบระดบั บุคคล ไดแ้ ก่ รายไดข้ อง
ผสู้ ูงอายุ ปัญหาสุขภาพทางกาย ปัญหาดา้ นความรู้ ปัญหาดา้ นสังคม ปัญหาดา้ นจิตใจ สภาพแวดลอ้ มทาง
กายภาพ ที่พกั อาศยั และผดู้ ูแลผสู้ ูงอายุ

บทความที่ 11 เร่ือง แนวทางการจัดสรรงบประมาณผู้สูงอายุท่ีเหมาะสมของประเทศไทย โดย
นายเดชาวัต คงคาน้อย, รองศาสตราจารย์ ดร.บรรพต วริ ุณราช และ ดร.ธีทัต ตรีศิริโชติ การวิจยั คร้ังน้ีมี
วตั ถุประสงค์เพื่อศึกษาแนวทางการจดั สรรงบประมาณผสู้ ูงอายทุ ี่เหมาะสมของประเทศไทย โดยใชว้ ิธีการ
วิจยั แบบผสม (Mixed Methodology) แบ่งเป็ น 3 ข้ันตอนประกอบด้วย (1) การวิจยั เอกสาร (Document
Research) โดยทาการวิเคราะห์เน้ือหาที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ นโยบายที่เก่ียวข้องกับผูส้ ูงอายุ การจดั สรร
งบประมาณตามยุทธศาสตร์การจดั สรรรายจ่ายประจาปี ที่เกี่ยวขอ้ งกับผูส้ ูงอายุ รวมถึงสภาพเศรษฐกิจ
โดยรวมของประเทศ (2) การวิจยั เชิงคุณภาพ (Qualitative Research) ด้วยการสัมภาษณ์เชิงลึก (In-depth
Interview) กบั ผูใ้ ห้ขอ้ มูลสาคญั ที่เก่ียวขอ้ งการจดั สรรงบประมาณผูส้ ูงอายุ จานวน 23 คน (3) การวิจยั เชิง
ปริมาณ (Quantitative Research) โดยทาการวเิ คราะห์ขอ้ มูลทางสถิติ และ (4) การยนื ยนั ผลการวจิ ยั โดยการ
สัมภาษณ์ผูใ้ ห้ขอ้ มูล 6 คน ไดแ้ ก่ นกั วิเคราะห์งบประมาณ ผูอ้ านวยการกองพฒั นาระบบงบประมาณและ
การจัดการ นักส่ งเสริ มการปกครองท้องถิ่น และนักวิชาการสถิติ เคร่ื องมือท่ีใช้ในการวิจัย คือ

คณะรัฐศาสตร์และนิตศิ าสตร์ มหาวทิ ยาลยั บูรพา 13

แบบสัมภาษณ์เชิงลึก 2 ฉบบั วิเคราะห์ขอ้ มูลโดยใชส้ ถิติเชิงพรรณนา ไดแ้ ก่ ค่าความถ่ี และค่าร้อยละ สถิติ
เชิงอา้ งอิง คือ การวเิ คราะห์ถดถอยพหุคูณ (Multiple Regression)

ผลการวจิ ยั พบวา่ ยทุ ธศาสตร์ท่ี 4 ดา้ นการแกไ้ ขปัญหาความยากจน ลดความเหลื่อมและสร้างการ
เติบโตจากภายใน จดั ทาแผนบูรณาการสร้างความเสมอภาคเพ่ือรองรับสังคมผูส้ ูงอายุ ในการจดั สรร
งบประมาณผูส้ ูงอายุ ประกอบด้วย ด้านความม่ันคงเศรษฐกิจและสังคม ด้านการพฒั นาระบบการดูแล
ผูส้ ูงอายุระยะยาว ดา้ นการสร้างสภาพแวดลอ้ มที่เอ้ือต่อการดารงชีวติ ของสังคมผูส้ ูงวยั หน่วยงานท่ีไดร้ ับ
การจดั สรรงบประมาณสาหรับผูส้ ูงอายุ ประกอบดว้ ย กระทรวงพฒั นาสังคมและความมนั่ คงของมนุษย์
กระทรวงสาธารณสุข กระทรวงมหาดไทย กระทรวงศึกษาธิการ กระท รวงแรงงาน กรมส่งเสริมการ
ปกครองท้องถิ่น สานักงานประกันสังคม สานักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ สานักงานกองทุน
สนบั สนุนการสร้างเสริมสุขภาพ สานกั งานพฒั นาสังคมและความมนั่ คงของมนุษย์ กองทุนบาเหน็จบานาญ
ข้าราชการ กองทุนการออมแห่งชาติ กรุงเทพมหานคร ซ่ึงจานวนเงินงบประมาณท่ีรัฐจัดสรรให้กับ
หน่วยงานต่าง ๆ เพ่ือใชก้ บั ผสู้ ูงอายใุ นแต่ละปี น้นั เพ่ิมข้ึนหรือลดลงมีผลมาจากจานวนผูส้ ูงอายุ อตั ราเงินเฟ้อ
ปัจจยั ท่ีใช้ในการประมาณการงบประมาณผูส้ ูงอายุ ไดแ้ ก่ เงินภาษี จานวนผูส้ ูงอายุ ประกนั สังคม กองทุน
สารองเล้ียงชีพ กองทุนการออมแห่งชาติ เงินกองทุนรวมเพื่อการเล้ียงชีพ เงินประกนั ชีวติ แบบบานาญ อตั รา
เงินเฟ้อ รายไดค้ รัวเรือน ความเติบโตทางเศรษฐกิจ อตั ราการเกิด อตั ราการตาย คนที่อยู่ในวยั ทางาน และ
ความยนื ยาวของชีวติ ตามลาดบั

ปัจจยั สาคญั ที่เกี่ยวขอ้ งกบั งบประมาณผูส้ ูงอายุ คือ นโยบายของภาครัฐ ดา้ นเศรษฐกิจ การเงิน
การคลงั ดา้ นสังคม ดา้ นความกา้ วหนา้ ทางเทคโนโลยี ดา้ นสภาพแวดลอ้ ม และดา้ นกฎหมาย ปัจจยั ที่สามารถ
ทานายการจัดสรรงบประมาณ ได้แก่ รายได้จากการจดั เก็บภาษีของรัฐ จานวนผูส้ ูงอายุ มูลค่า GDP
(ผลิตภณั ฑ์มวลรวมในประเทศไทย) รายได้ครัวเรือน และอัตราการตาย (จานวนราย/ ปี ) และค่าเฉล่ีย
งบประมาณผูส้ ูงอายุของประเทศไทยต่อคนต่อเดือน และมีค่าเฉลี่ยความคลาดเคล่ือนสมบูรณ์เท่ากบั 4.75
เปอร์เซ็นต์ ซ่ึงมีความเหมาะสมในการคานวณหางบประมาณผสู้ ูงอายขุ องประเทศไทย

บทความท่ี 12 เร่ือง รูปแบบการบริหารจัดการพยาบาลวชิ าชีพในโรงพยาบาลเอกชนให้คงอยู่และ
เพียงพอต่อการปฏิบิติงาน โดย นายสมชาย ยิ่งยืน การวจิ ยั น้ีมีวตั ถุประสงค์ 1) เพื่อศึกษาปัจจยั ท่ีมีอิทธิพล
ต่อความเพียงพอต่อการปฏิบตั ิงานของพยาบาลวิชาชีพ 2) เพื่อศึกษาปัจจยั ที่มีอิทธิพลต่อการคงอยู่ของ
พยาบาลวิชาชีพ 3) เพ่ือศึกษาความเพียงพอต่อการปฏิบตั ิงานที่มีอิทธิพลต่อการคงอยขู่ องพยาบาลวิชาชีพ
โดยใชว้ ธิ ีการวจิ ยั เชิงปริมาณ เก็บรวบรวมขอ้ มูลโดยใชแ้ บบสอบถามกบั พยาบาลวชิ าชีพที่ปฏิบตั ิงานอยใู่ น
โรงพยาบาลมากกว่า 5 ปี จานวน 305 คน สถิติท่ีใช้ในการวิเคราะห์ขอ้ มูล ไดแ้ ก่ ความถ่ี ร้อยละ ค่าเฉลี่ย
ค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน และการวิเคราะห์เส้นทาง ผลการศึกษา พบว่า โมเดลการวิเคราะห์เส้นทางมี
ความสอดคล้องกับข้อมูลเชิงประจกั ษ์ โดยมีค่าสถิติไคสแควร์ เท่ากบั 0.000 องศาอิสระ (df) เท่ากับ 21
p-value เท่ากบั 1.000 ค่าไคสแควร์สัมพทั ธ์ (Relative Chi-Square) เท่ากับ 0.000 และค่า RMSEA เท่ากบั

14 วารสารการเมือง การบริหาร และกฎหมาย ปี ท่ี 12 ฉบบั ที่ 2

0.000 โดย 1) การสรรหาและคดั เลือก การประเมินผลการปฏิบตั ิงาน ผลตอบแทนและผลประโยชน์ และ
ความสมดุลของชีวิตและการทางาน มีอิทธิพลต่อความเพียงพอต่อการปฏิบตั ิงานของพยาบาลวิชาชีพ
2) การสรรหาและคัดเลือก ผลตอบแทนและผลประโยชน์ ความสมดุลของชีวิตและการทางาน
และความเพียงพอต่อการปฏิบตั ิงาน มีอิทธิพลต่อการคงอยู่ของพยาบาลวิชาชีพ 3) ความเพียงพอต่อการ
ปฏิบตั ิงานมีอิทธิพลต่อการคงอยขู่ องพยาบาลวิชาชีพ ในขณะที่การวางแผนทรัพยากรมนุษย์ การฝึ กอบรม
และพฒั นาไมม่ ีอิทธิพลต่อการคงอยแู่ ละความเพยี งพอต่อการปฏิบตั ิงานของพยาบาลวชิ าชีพ

บทความท่ี 13 เร่ือง มาตรการป้องกันและแก้ไขปัญหาการทุจริตของสหกรณ์การเกษตรใน
ประเทศไทย โดย นางสาวกัญญรัตน์ ซ้ายพัฒน์ และผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.จินตนา ตันสุวรรณนนท์
การศึกษาน้ีมีวตั ถุประสงค์หลักเพ่ือนาเสนอมาตรการป้องกันและแก้ไขปัญหาการทุจริตของสหกรณ์
การเกษตรในประเทศ โดยใช้วิธีการวิจัยแบบผสานวิธี (Mixed Methodology) เริ่มต้นด้วยการวิจัยเชิง
คุณภาพ โดยใช้การสัมภาษณ์เชิงลึกกบั กลุ่มผูใ้ ห้ขอ้ มูลสาคญั เพ่ือคน้ หาสภาพปัญหา สาเหตุและแนวทาง
ป้องกันและแก้ไขปัญหาการทุจริตของสหกรณ์การเกษตรในประเทศไทย การวิเคราะห์ขอ้ มูลใช้การ
วิเคราะห์เน้ือหา หลงั จากน้นั จึงนาผลการวเิ คราะห์เน้ือหาที่ไดไ้ ปใชเ้ ป็ นแนวทางในการสร้างแบบสอบถาม
สาหรับใชใ้ นการวจิ ยั เชิงปริมาณ โดยเก็บรวบรวมขอ้ มูลจากกลุ่มตวั อยา่ งซ่ึงเป็ นผูต้ รวจการสหกรณ์ ผสู้ อบ
บญั ชีสหกรณ์ภาครัฐ ประธานกลุ่มสมาชิกสหกรณ์ จานวน 416 คน ตามสูตร Yamane (Yamane, 1973)
กาหนดค่าความ คลาดเคลื่อนของกลุ่มตวั อย่าง ร้อยละ 5 และใช้การสุ่มตวั อย่างแบบแบ่งช้ันภูมิ โดยใช้
จงั หวดั และกลุ่มประชากรเป็นเกณฑใ์ นการแบง่ สาหรับการวเิ คราะห์ขอ้ มูลใชก้ ารวเิ คราะห์องคป์ ระกอบเชิง
สารวจ (Exploratory Factor Analysis: EFA)

ผลการศึกษา พบวา่ มาตรการป้องกนั ปัญหาการทุจริตของสหกรณ์การเกษตรในประเทศไทยท่ีได้
จากการวิจยั คร้ังน้ี มี 4 มาตรการหลกั ไดแ้ ก่ 1) มาตรการสร้างและพฒั นาระบบส่งเสริม สนับสนุน และ
กากบั ดูแลสหกรณ์ที่มีประสิทธิภาพ 2) มาตรการสร้างระบบกากบั ดูแลและตรวจสอบภายในสหกรณ์ที่มี
ประสิทธิภาพ 3) มาตรการกาหนดนโยบาย ขอ้ บงั คบั ระเบียบและจริยธรรมเพ่ือการปฏิบตั ิงานที่โปร่งใส
และ 4) มาตรการสร้างความร่วมมือในขบวนการสหกรณ์เพ่ือการป้องกนั การทุจริต สาหรับมาตรการแกไ้ ข
ปัญหาการทุจริตของสหกรณ์การเกษตรในประเทศไทย มี 2 มาตรการหลกั ไดแ้ ก่ 1) มาตรการดาเนินการกบั
ผูก้ ระทาผิดตามกระบวนการทางกฎหมายอย่างเคร่งครัด และ 2) มาตรการเยียวยาผูเ้ สียหายและบรรเทา
ความรุนแรงของปัญหาการทุจริต ท้งั น้ี ผมู้ ีส่วนเกี่ยวขอ้ งสามารถนาไปใชป้ ระโยชน์ในการกาหนดนโยบาย
และวางระบบหรือพฒั นาระบบการกากบั ดูแลสหกรณ์การเกษตรที่มีประสิทธิภาพตอ่ ไป

คณะรัฐศาสตร์และนิตศิ าสตร์ มหาวทิ ยาลยั บูรพา 15

บทความที่ 14 รูปแบบความผูกพันต่อองค์การของพนักงานจ้างตามภารกิจในองค์กรปกครอง
ส่ วนท้องถ่ินภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน: กรณีศึกษาเทศบาลตาบล โดย นางสาวเพชรประกาย
กุลตังวฒั นา และ รองศาสตราจารย์ ดร.พงษ์เสฐียร เหลืองอลงกต การวิจยั น้ีมีวตั ถุประสงค์เพื่อ 1) ศึกษา
ระดับความผูกพนั ต่อองค์การของพนักงานจ้างตามภารกิจ 2) ตรวจสอบความสอดคล้องของรูปแบบ
ความสัมพนั ธ์เชิงสาเหตุของปัจจยั ท่ีมีอิทธิพลต่อความผูกพนั ต่อองค์การของพนกั งานจา้ งตามภารกิจกบั
ขอ้ มูลเชิงประจกั ษ์ และ 3) ศึกษาคา่ น้าหนกั อิทธิพลทางตรง อิทธิพลทางออ้ ม และอิทธิพลรวมของปัจจยั เชิง
สาเหตุท่ีมีอิทธิพลต่อความผูกพนั ต่อองคก์ ารของพนกั งานจา้ งตามภารกิจ กลุ่มตวั อยา่ งจานวน 600 คน สถิติ
Path Analysis ตรวจสอบความสอดคล้องของรูปแบบกับข้อมูลเชิงประจกั ษ์และน้าหนักของอิทธิพล
ผลการวจิ ยั พบวา่

1. ความผกู พนั ตอ่ องคก์ ารของพนกั งานจา้ งตามภารกิจอยใู่ นระดบั ดีมาก
2. ผลการตรวจสอบความสอดคลอ้ งกบั ขอ้ มูลเชิงประจกั ษ์ ผา่ นเกณฑ์มาตรฐานที่กาหนดทุกดชั นี
ดังน้ี  2 =0.261, df = 5, p-value = 0.998, CFI = 1.000, TLI = 1.015, RMSEA = 0.000, SRMR = 0.001
และ  2 /df = 0.052
3. เจตคติในงาน ลักษณะงาน ลักษณะองค์การ ภาวะผู้นา ค่าตอบแทน ความสัมพันธ์
เพื่อนร่วมงาน การสนบั สนุนจากผูบ้ งั คบั บญั ชา ความพึงพอใจในงาน มีอิทธิพลทางตรง และอิทธิพลรวม
ต่อความผูกพนั ต่อองคก์ ารของพนกั งานจา้ งตามภารกิจ ท่ีระดบั นยั สาคญั ทางสถิติ 0.05 ลกั ษณะงาน ภาวะ
ผูน้ า และการสนบั สนุนจากผูบ้ งั คบั บญั ชา มีอิทธิพลทางออ้ มต่อความผูกพนั ต่อองคก์ ารของพนักงานจา้ ง
ตามภารกิจโดยส่งผา่ นความพึงพอใจในงาน

บทความท่ี 15 เร่ือง การศึกษาความเครียดในการปฏิบัติงานของทหารหน่วยเฉพาะกจิ กรมทหาร
พรานที่ 11 ทป่ี ฏิบัตงิ านอยู่ในพืน้ ทอ่ี าเภอแว้งและอาเภอสุคริ ินจังหวดั นราธิวาสโดย พนั โทณัฐพงศ์ มง่ั อะนะ
, ผู้ช่ วยศาสตราจารย์ ดร.อนุรัตน์ อนันทนาธร, ผู้ช่ วยศาสตราจารย์ ดร.สัมฤทธ์ิ ยศสมศักด์ิ และ
รองศาสตราจารย์ ดร.จีระ ประทีป การวิจยั คร้ังน้ีมีวตั ถุประสงค์เพ่ือสถานการณ์ความเครียดในการ
ปฏิบตั ิงาน, ระดบั ความเครียดในการปฏิบตั ิงาน, เพื่อศึกษาปัจจยั ดา้ นงาน และพฤติกรรมในการจดั การ
ความเครียดเครียดที่มีผลต่อการเกิดความเครียดในการปฏิบตั ิงาน และเพื่อเสนอแนะแนวทางในการป้องกนั
การเกิดความเครียดในการปฏิบตั ิงานของของทหารหน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานท่ี 11 ท่ีปฏิบตั ิงานอยใู่ น
พ้นื ที่อาเภอแวง้ และอาเภอสุคิริน จงั หวดั นราธิวาส กลุ่มตวั อยา่ งท่ีใชใ้ นการวจิ ยั คร้ังน้ี แบง่ เป็น 2 กลุ่ม ไดแ้ ก่
1. กาลงั พลทหารหน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 11 จานวน 330 คน และ 2. ผูบ้ งั คบั บญั ชา นายทหาร
ดา้ นกาลงั พล หัวหน้าชุดปฏิบตั ิการ อาสาสมคั รทหารท่ีปฏิบตั ิงานในกองร้อยทหารหน่วยเฉพาะกิจกรม
ทหารพรานที่ 11 และนายแพทยท์ ี่เชี่ยวชาญด้านจิตเวช จานวนท้งั สิ้น 6 ท่าน ผลการวิจยั พบว่า 1. ทหาร
พรานฯ ส่วนใหญ่มีระดับภาวะความเครียดในการทางานโดยรวม อยู่ในระดับต่า 2. ปัจจัยด้านงาน
มีความสัมพนั ธ์ทางบวกกบั ระดบั ความเครียดในการปฏิบตั ิงานของทหารหน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานท่ี

16 วารสารการเมือง การบริหาร และกฎหมาย ปี ท่ี 12 ฉบบั ที่ 2

11 ท่ีปฏิบตั ิงานอยู่ในพ้ืนท่ีอาเภอแวง้ และอาเภอสุคิรินจงั หวดั นราธิวาส อยา่ งมีนยั สาคญั ทางสถิติท่ีระดบั
.05 และ 3. พฤติกรรมในการจดั การความเครียด มีความสัมพนั ธ์กบั ระดบั ความเครียดในการปฏิบตั ิงานของ
ทหารทหารหน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานท่ี 11 ท่ีปฏิบตั ิงานอยูใ่ นพ้ืนที่อาเภอแวง้ และอาเภอสุคิรินจงั หวดั
นราธิวาส อยา่ งมีนยั สาคญั ทางสถิติที่ระดบั .05

ผูว้ ิจยั มุ่งหวงั ว่าผลการศึกษาจะสามารถทาให้ผูบ้ งั คบั บญั ชาทุกระดบั ช้นั , นกั วิชาการ หรือผูท้ ่ีมี
หนา้ ที่ที่เก่ียวขอ้ งอื่น ๆ ไดต้ ระหนกั และเขา้ ใจถึงปัญหาของกาลงั พลในการปฏิบตั ิหนา้ ท่ีปราบปรามการก่อ
ความไม่สงบ ในพ้ืนท่ีเส่ียงภยั ไดอ้ ยา่ งชดั เจนมากยิ่งข้ึน อนั นามาสู่การพฒั นาแนวทางสร้างเสริมรูปแบบการ
ปรึกษาเชิงจิตวทิ ยาในการพฒั นาจิตใจที่เหมาะสาหรับทหารที่ปฏิบตั ิงานในพ้ืนที่สามจงั หวดั ชายแดนภาคใต้
ไดอ้ ยา่ งมีประสิทธิภาพ

บทความที่ 16 การพัฒนากลยุทธ์การจัดการชุมชนแบบตอบแทนคุณระบบนิเวศในพื้นที่การ
ท่องเท่ียวท่ีมีความหลากหลายทางชีวภาพชุมชนบางกะเจ้า โดย นางสาวพรธิดา เทพประสิทธ์ิ,
รองศาสตราจารย์ ดร.ธีระวัฒน์ จันทึก และ รองศาสตราจารย์ ดร.พิทักษ์ ศิริวงศ์ การพฒั นากลยุทธ์
การจดั การชุมชนแบบตอบแทนคุณระบบนิเวศ ในพ้ืนที่การทอ่ งเที่ยวที่มีความหลากหลายทางชีวภาพชุมชน
บางกะเจา้ ใชก้ ารวิจยั เชิงคุณภาพ ประกอบดว้ ย การวิจยั เอกสาร การสัมภาษณ์เชิงลึก การประยุกตว์ ิธีการ
ถอดบทเรียน และการใช้เทคนิคการวิจยั แบบ EDFR กลุ่มผูใ้ ห้ข้อมูลหลัก ได้แก่ เจ้าหน้าท่ีผูด้ ูแลพ้ืนที่
บางกะเจ้า ชาวบ้านในชุมชน เจ้าหน้าท่ีหน่วยงานภาครัฐที่ดูแลเกี่ยวกับการท่องเที่ยว นักท่องเที่ยว
นกั วชิ าการ และผมู้ ีส่วนไดส้ ่วนเสีย จานวน 17 คน

จากการศึกษาแนวทาง สถานการณ์ บทบาท และแนวโนม้ ของรูปแบบการจดั การชุมชนแบบตอบ
แทนคุณระบบนิเวศ ด้วยการใช้ชุมชนเป็ นฐานเพื่อการท่องเที่ยวพ้ืนที่บางกะเจา้ นาไปสู่การสังเคราะห์
แนวทางการพฒั นากลยุทธ์การจดั การชุมชนตามกรอบของ Town Matrix พบวา่ ในดา้ นของกลยุทธ์เชิงรุก
น้นั ควรมีการกาหนดมาตรการทางสังคม กฎกติกาและกฎหมายในการการจดั การสิ่งแวดลอ้ ม วฒั นธรรม
และการทอ่ งเท่ียวในชุมชน การสร้างความร่วมมือและการประสานแผนงานโครงการในการจดั การพ้ืนที่เชิง
ระบบนิเวศ สาหรับกลยทุ ธ์เชิงแกไ้ ข ควรมีการส่งเสริมการจดั สวสั ดิการจากฐานองคก์ รการเงินชุมชนใน
รูปแบบของการออมทรัพยห์ รือการสะสมหุน้ ของสมาชิกสหกรณ์เพ่ือใหเ้ กิดเป็ นกองทุนหมุนเวยี นในชุมชน
และนาผลกาไรท่ีเกิดจากการหมุนเวียนเงินออมมาจดั สวสั ดิการแก่ชุมชน ส่งเสริมการเพ่ิมคุณค่าและมูลค่า
ของทรัพยากรชุมชนสู่การเป็ นสินคา้ และบริการฐานอตั ลกั ษณ์ของชุมชน และหากพิจารณาถึงกลยุทธ์เชิง
ป้องกนั เห็นวา่ ควรมีการเสริมสร้างบรรทดั ฐานทางสังคม เพื่อสร้างค่านิยม ความเชื่อ และส่งเสริมจริยธรรม
กฎ ระเบียบของชุมชน และการส่งเสริมการสร้างภาคีความร่วมมือดา้ นการอนุรักษ์ทรัพยากรในชุมชน
ตลอดจนกลยุทธ์เชิงรับ ควรมีการตอบโตแ้ บบทนั ท่วงที เพื่อส่งเสริมการแกป้ ัญหาไดต้ รงจุดตามท่ีตอ้ งการ
เน่ืองจากเป็ นการบริหารจดั การเพ่ือคลี่คลายสถานการณ์วิกฤติให้อยูใ่ นภาวะปกติโดยเร็วที่สุด รวมถึงการ

คณะรัฐศาสตร์และนติ ศิ าสตร์ มหาวทิ ยาลยั บูรพา 17

บรรเทาและฟ้ื นฟู และการส่งเสริมให้มีกระบวนการเรียนรู้ดา้ นสิ่งแวดลอ้ มให้กบั เยาวชน โดยการแทรก
เน้ือหาและกิจกรรมเสริมท่ีเนน้ การปลูกฝังจิตสานึกความรับผดิ ชอบต่อสงั คมดา้ นสิ่งแวดลอ้ ม เป็นตน้

จากการศึกษาองคป์ ระกอบของกลยุทธ์การจดั การชุมชนแบบตอบแทนคุณระบบนิเวศ ในพ้ืนที่
การท่องเท่ียวท่ีมีความหลากหลายทางชีวภาพชุมชนบางกะเจา้ ด้วยเทคนิคการวิจยั แบบ EDFR สามารถ
จาแนกองคป์ ระกอบของกลยุทธ์ออกเป็ น 9 มิติ ไดแ้ ก่ มิติวถิ ีชีวิตชุมชน มิติความรับผิดชอบต่อสังคมของ
ผูป้ ระกอบการ มิติด้านการจัดการหน่วยวิจยั ชุมชน มิติด้านความเป็ นอนุรักษ์นิยมของชุมชน มิติด้าน
กฎหมาย หรือระเบียบแนวปฏิบตั ิในการบริหารจดั การ มิติดา้ นการท่องเท่ียวเชิงอนุรักษ์ มิติดา้ นการผลิตและ
การบริโภคท่ีเป็ นมิตรกบั ส่ิงแวดลอ้ มอยา่ งยงั่ ยนื มิติดา้ นการจดั การระบบนิเวศ และมิติดา้ นการจดั การภาวะ
คุกคาม

บทความท่ี 17 เรื่อง อทิ ธิพลตัวแปรค่ันกลางพหุขนานของทุนทางสังคมและการจัดการความรู้ที่
ถ่ายทอดอิทธิพลของระบบปฏิบัติงานท่ีดีสู่ ประสิ ทธิภาพของพนักงานอุตสาหกรรมไฟฟ้ าและ
อิเล็กทรอนิกส์ในอาเภอบางบัวทอง จังหวัดนนทบุรี โดย นายสวงค์ ใหมห้อง และ ดร.ธัญนันท์ บุญอยู่
การวิจยั คร้ังน้ีมีวตั ถุประสงคเ์ พื่อศึกษา (1) ระดบั ของระบบปฏิบตั ิงานที่ดี ทุนทางสังคม การจดั การความรู้
และประสิทธิภาพของพนกั งาน และ (2) ทุนทางสังคมและการจดั การความรู้ที่อยูใ่ นฐานะตวั แปรเชื่อมโยง
ความสัมพันธ์ระหว่างระบบปฏิบัติงานที่ดีกับประสิ ทธิภาพของพนักงานอุตสาหกรรมไฟฟ้าและ
อิเล็กทรอนิกส์ในอาเภอบางบวั ทอง จงั หวดั นนทบุรี กลุ่มตวั อยา่ งท่ีใชใ้ นการวจิ ยั คือ พนกั งานอุตสาหกรรม
ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ในอาเภอบางบวั ทอง จงั หวดั นนทบุรี จานวน 210 ตวั อยา่ ง เครื่องมือที่ใช้ในการ
วจิ ยั เป็ นแบบสอบถาม สถิติท่ีใชใ้ นการวจิ ยั คือ วเิ คราะห์ดว้ ยค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบ่ียงเบนมาตรฐาน และ
การวิเคราะห์สมการโครงสร้างผลการวิจยั พบว่า (1) พนักงานอุตสาหกรรมไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ใน
อาเภอบางบัวทอง จงั หวดั นนทบุรีมีระดับระบบปฏิบัติงานท่ีดี ทุนทางสังคม การจดั การความรู้ และ
ประสิทธิภาพมีคา่ เฉล่ียโดยรวมอยูใ่ นระดบั มาก (2) ทุนทางสังคมและการจดั การความรู้เป็ นปัจจยั คน่ั กลางที่
เช่ือมโยงระหวา่ งระบบปฏิบตั ิงานท่ีดีกบั ประสิทธิภาพของพนกั งาน ซ่ึงจากผลการวิจยั น้ีแสดงให้เห็นว่า
ทุนทางสังคมและการจดั การความรู้จะเป็นปัจจยั ท่ีสาคญั ท่ีมาสนบั สนุนใหเ้ กิดระบบปฏิบตั ิงานที่ดีที่จะทาให้
บุคคลในองคก์ รทางานไดอ้ ยา่ งมีประสิทธิภาพ

บทความท่ี 18 เร่ือง การศึกษาคุณภาพบริการโดยใช้ SERVQUAL Model กรณีศึกษา สาหรับ
การดาเนินธุรกจิ โครงการรถไฟฟ้าเชื่อมท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ โดย นายทนิ ใจงาม ผู้ช่วยศาสตราจารย์
ดร.วิชญานัน รัตนวบิ ูลย์สม, ดร.ภาวิณี สตาร์เจล และ ดร.อธิพล ศาสตรานรากุล การศึกษาวจิ ยั คร้ังน้ีเป็ น
การศึกษาหาปัจจยั ที่มีอิทธิพลต่อความสาเร็จดา้ นคุณภาพบริการสาหรับการดาเนินธุรกิจโครงการรถไฟฟ้า
เชื่อมท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ (SARL) ผ่านมุมมองของผูใ้ ห้ข้อมูลหลัก โดยงานวิจยั น้ีเป็ นงานวิจยั เชิง
คุณภาพที่มีการเก็บรวบรวมขอ้ มูลโดยการสัมภาษณ์เชิงลึกแบบก่ึงโครงสร้างกบั ผูท้ รงคุณวุฒิ 4 กลุ่ม ไดแ้ ก่

18 วารสารการเมือง การบริหาร และกฎหมาย ปี ที่ 12 ฉบบั ท่ี 2

กลุ่มผูเ้ ช่ียวชาญ กลุ่มนักวิชาการ กลุ่มผูป้ ระกอบการ และกลุ่มข้าราชการระดบั บริหาร กลุ่มละ 3 ท่าน
รวม 12 ท่าน โดยโครงสร้างคาถามจะมีพ้ืนฐานมาจาก SERVQUAL Model 10 มิติ ตามแนวคิดของ
Parasuraman, Zeithaml and Berry (1988) เพื่อหาความเที่ยงตรงเชิงเน้ือหา การวิเคราะห์ขอ้ มูลทาได้โดย
สร้างขอ้ สรุปแบบอุปนยั และการวิเคราะห์เชิงเน้ือหา (Inductive and content analysis) แบ่งออกเป็ น 3 ส่วน
คือ การลดทอนขอ้ มูล การจดั ระเบียบขอ้ มูล และการหาขอ้ สรุปและตีความขอ้ มูล จากน้นั เพ่อื ใหแ้ น่ใจวา่ การ
วิเคราะห์ข้อมูลเชิงคุณภาพมีความแม่นยาและเที่ยงตรงจึงใช้การตรวจสอบขอ้ มูลด้วยรูปแบบสามเส้า
(Triangular Model) จากการวิจยั พบวา่ ปัจจยั ที่ส่งผลต่อความสาเร็จดา้ นคุณภาพบริการมากท่ีสุดในมุมมอง
ของผูใ้ ห้ข้อมูลหลกั คือ ความน่าเชื่อถือ (Reliability) ความปลอดภัย (Assurance) ความสามารถในการ
ตอบสนองต่อความตอ้ งการของผูใ้ ช้บริการ (Responsiveness) และความไวใ้ จได้ (Creditability) ตามลาดบั
โดยผูใ้ ห้ขอ้ มูลหลกั เสนอแนะว่าผูร้ ับผิดชอบรถไฟฟ้าแอร์พอร์ตเรลลิงค์ ควรปรับปรุงให้มีคุณภาพบริการ
เพื่อตอบสนองต่อความตอ้ งการของผูใ้ ช้บริการรวม อาทิปรับปรุงการเดินรถไฟให้ตรงเวลา ถึงการซ่อม
บารุงระบบรถไฟให้มีความพร้อมและมีขบวนรถที่เพียงพอต่อความตอ้ งการของผูใ้ ช้บริการ เป็ นการด่วน
เพ่ือทาใหก้ ารบริการมีคุณภาพ และประสิทธิภาพ ดงั น้นั รัฐบาล หรือผูท้ ี่รับผดิ ชอบจึงควรเขา้ มามีส่วนร่วม
เพอื่ แกป้ ัญหาเหล่าน้ี

บทความที่ 19 เร่ือง คุณค่าตราสินค้าในฐานะตัวแปรค่ันกลางทื่เชื่อมโยงการส่ือสารการตลาดแบบ
บูรณาการ (IMC) ที่มีอิทธิพลต่อการตัดสินใจซื้อเฟอร์นิเจอร์ กรณีศึกษา บริษัท เอม็ เดคอินเตอร์เนช่ันแนล
(1991) จากัด โดย นางสาวธนิดา รุ่งธนาภัทรกุล และผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.สุมาลี รามนัฏ เฟอร์นิเจอร์
เป็ นสินคา้ ที่ได้รับความนิยมอย่างสูง เพ่ือประดบั ตกแต่งพ้ืนที่ภายในบา้ น คอนโดมิเนียม สานักงาน และ
สถานประกอบการ ท่ีมีบทบาทตอ่ การดาเนินกิจกรรมในทุกอิริยาบถของมนุษย์ การวจิ ยั น้ีมีวตั ถุประสงคเ์ พ่ือ
ศึกษา (1) ระดบั คุณค่าตราสินคา้ การสื่อสารการตลาดแบบบูรณาการและการตดั สินใจซ้ือเฟอร์นิเจอร์ และ
(2) อิทธิพลคุณค่าตราสินคา้ ในฐานะตวั แปรคน่ั กลางการส่ือสารการตลาดแบบบูรณาการ (IMC) ที่ส่งผลต่อ
การตดั สินใจซ้ือเฟอร์นิเจอร์ กลุ่มตวั อย่างท่ีใช้ในการวิจยั คือ ผูบ้ ริโภคท่ีซ้ือเฟอร์นิเจอร์ตรา MDEC ของ
บริษัท เอ็มเดคอินเตอร์เนช่ันแนล (1991) จากัด จานวน 350 ตัวอย่าง เคร่ืองมือที่ใช้ในการวิจัยเป็ น
แบบสอบถาม สถิติท่ีใช้ในการวิจยั คือ การวิเคราะห์ดว้ ยค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และวิเคราะห์
สมการโครงสร้าง (SEM) โดยใชโ้ ปรแกรม PLS Graph 3.0

ผลการวิจยั พบว่า (1) ผูบ้ ริโภคที่ซ้ือเฟอร์นิเจอร์ตรา MDEC ของ บริษทั เอ็มเดคอินเตอร์เนชั่น
แนล (1991) จากัด มีระดับคุณค่าตราสินค้า การสื่อสารการตลาดแบบบูรณาการและการตัดสินใจซ้ือ
เฟอร์นิเจอร์ มีค่าเฉล่ียโดยรวมอยูใ่ นระดบั มาก (2) อิทธิพลคุณค่าตราสินคา้ ในฐานะตวั แปรคนั่ กลางการ
สื่อสารการตลาดแบบบูรณาการ (IMC) ที่ส่งผลต่อการตดั สินใจซ้ือเฟอร์นิเจอร์ ตรา MDEC ของบริษัท
เอ็มเดคอินเตอร์เนชั่นแนล (1991) จากัด งานวิจยั น้ีแสดงให้เห็นถึงความสัมพนั ธ์ที่เชื่อมโยงของคุณค่า
ตราสินคา้ การสื่อสารการตลาดแบบบูรณาการที่มีอิทธิผลต่อการตดั สินใจซ้ือ

คณะรัฐศาสตร์และนิตศิ าสตร์ มหาวทิ ยาลยั บูรพา 19

บทความท่ี 20 เร่ือง อิทธิพลเชิงโครงสร้างของวฒั นธรรมองค์กรท่ีมีต่อความได้เปรียบทางการ
แข่งขันของผู้ประกอบการธุรกิจผลิตเคร่ืองปรับอากาศในเขตกรุงเทพมหานคร โดย วัชรา ยะสีดา และ
ธัญนันท์ บุญอยู่ การวิจยั คร้ังน้ีมีวตั ถุประสงค์เพ่ือศึกษา (1) ระดับของวฒั นธรรมองค์กร การเป็ น
ผปู้ ระกอบการ การจดั การความรู้ และความไดเ้ ปรียบทางการแข่งขนั (2) อิทธิพลคน่ั กลางของการเป็นผปู้ ระ
กอบการในฐานะปัจจยั ที่เชื่อมระหว่างวฒั นธรรมองค์กรและความได้เปรียบทางการแข่งขัน และ (3)
อิทธิพลคนั่ กลางของการจดั การความรู้ในฐานะปัจจยั ท่ีเชื่อมระหวา่ งวฒั นธรรมองคก์ รและความได้ เปรียบ
ทางการแขง่ ขนั ของผปู้ ระกอบการธุรกิจผลิตเคร่ืองปรับอากาศในเขตกรุงเทพมหานคร กลุ่มตวั อยา่ งท่ีใชใ้ น
การวิจัย คือ ผูป้ ระกอบการธุรกิจผลิตเคร่ืองปรับอากาศในเขตกรุงเทพมหานครจานวน 106 ตวั อย่าง
เคร่ืองมือท่ีใช้ในการวิจยั เป็ นแบบสอบถาม สถิติที่ใช้ในการวิจยั คือ วิเคราะห์ด้วยค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย
ส่วนเบ่ียงเบนมาตรฐาน และการวเิ คราะห์สมการโครงสร้าง ผลการวิจยั พบวา่ (1) ผปู้ ระกอบการธุรกิจผลิต
เคร่ืองปรับอากาศในเขตกรุงเทพมหานครมีระดบั วฒั นธรรมองค์กร การเป็ นผูป้ ระกอบการ การจดั การ
ความรู้ และความไดเ้ ปรียบทางการแขง่ ขนั มีค่าเฉล่ียโดยรวมอยใู่ นระดบั มาก (2) การเป็ นผปู้ ระกอบการเป็ น
ปัจจยั คน่ั กลางที่เชื่อมโยงระหวา่ งวฒั นธรรมองคก์ รกบั ความได้ เปรียบทางการแข่งขนั และ (3) การจดั การ
ความรู้เป็นปัจจยั คน่ั กลางท่ีเช่ือมโยงระหวา่ งวฒั นธรรมองคก์ รกบั ความไดเ้ ปรียบทางการแข่งขนั ซ่ึงงานวจิ ยั
น้ีแสดงให้เห็นผลลพั ธ์ของการศึกษาที่แตกต่างกนั ท่ีสามารถสร้างความไดเ้ ปรียบในการแข่งขนั ที่ตอ้ งอาศยั
การเป็นผปู้ ระกอบการและการจดั การความรู้ใหเ้ กิดปฏิสมั พนั ธ์ร่วมกนั อยา่ งมีประสิทธิภาพ

บทความท่ี 21 เรื่อง กลยุทธ์การตลาดในการกระจายสินค้า จากผู้ผลิตถึงผู้บริโภคในอุตสาหกรรม
ชิ้นส่ วนรถยนต์ไทย โดย นางสาวจิราภรณ์ บุญยิ่ง และ นางสาวสุจิตรา จันทนา การวิจัยคร้ังน้ีมี
วตั ถุประสงคเ์ พ่ือ (1) เพ่ือศึกษากลยทุ ธ์การตลาดในการกระจายสินคา้ จากผผู้ ลิตถึงผบู้ ริโภคในอุตสาหกรรม
ชิ้นส่วนรถยนต์ไทย (2) เพื่อศึกษาคุณลักษณะทั่วไปของศูนย์จาหน่ายชิ้นส่วนรถยนต์ในประไทย
(3) เพื่อศึกษาความพร้อมของศูนยจ์ าหน่ายชิ้นส่วนรถยนต์ไทย ในการกระจายสินค้าในด้านพนักงาน
ดา้ นเงินลงทุน ทางการตลาด ด้านการจดั การทางการตลาด และดา้ นขอ้ มูลข่าวสารทางการตลาด (4) เพื่อ
ศึกษาความสาคญั โลจิสติกส์การตลาดในการกระจายสินคา้ ของศูนยจ์ าหน่ายชิ้นส่วนรถยนต์ไทย ได้แก่
การประมวลคาสั่งซ้ือสินคา้ สินคา้ คงคลงั คลงั สินคา้ การเคล่ือนยา้ ยสินคา้ การขนส่งขาออก และการบริการ
ลูกค้า (5) เพื่อศึกษาปัจจัยประสิทธิภาพในการกระจายสินค้าของอุตสาหกรรมชิ้นส่วนรถยนต์ไทย
(6) เพื่อศึกษาความสัมพนั ธ์ของปัจจยั ประสิทธิภาพในการกระจายสินคา้ ของศูนยจ์ าหน่ายชิ้นส่วนรถยนต์
ไทยกบั ความสาคญั โลจิสติกส์การตลาด การวจิ ยั น้ีเป็ นการวิจยั แบบผสมสาน รูปแบบการวิจยั น้ีเป็ นการวิจยั
เชิงปริมาณมีการใช้แบบสอบถามเป็ นเครื่องมือในการวิจัยโดยทาการเก็บข้อมูลจากผู้เกี่ยวข้องกับ
บริษทั ผูผ้ ลิตชิ้นส่วนรถยนตใ์ นประเทศไทย จานวน 500 คน โดยกลุ่มตวั อยา่ งหาไดจ้ ากตารางกาหนดขนาด
ตวั อยา่ งของทาโร่ยามาเน่ ไดก้ ลุ่มตวั อยา่ ง 202 ตวั อยา่ ง และสัมภาษณ์อีก 20 คน

20 วารสารการเมือง การบริหาร และกฎหมาย ปี ที่ 12 ฉบบั ที่ 2

ผลการวิจยั พบว่า ผูต้ อบแบบสอบถามให้ความสาคญั มากกบั คุณสมบตั ิของผลิตภณั ฑ์ตรงกับ
ความคาดหวงั ของลูกคา้ คุณลกั ษณะผปู้ ระกอบการส่วนใหญ่มีตาแหน่งงานต่ากวา่ ผจู้ ดั การ ความพร้อมของ
ศูนยจ์ าหน่ายโดยภาพรวมมีความพร้อมมากในดา้ นขอ้ มูลข่าวสารการตลาด ระดบั ความสาคญั ของโลจิสติกส์
การตลาด โดยภาพรวมให้ความสาคญั มากกบั การประมาณคาส่ังซ้ือ ปัจจยั ประสิทธิภาพในการกระจาย
สินค้า โดยภาพรวมให้ความสาคัญมากกับลูกค้าได้รับสิ นค้าตรงเวลา ความสัมพันธ์ระหว่างปัจจัย
ประสิทธิภาพในการกระจายสินคา้ กบั ความสาคญั ของโลจิสติกส์การตลาด พบวา่ มีความสมั พนั ธ์กนั

บทความที่ 22 ลาวไร้สัญชาติกับปัญหาด้านสิทธิมนุษยชนในสังคมไทยกรณีศึกษา บ้านบะไห่
อาเภอโขงเจียม จังหวัดอุบลราชธานี โดย อาจารย์จินตนา เมืองแมน สัญชาติ นบั เป็ นหลกั พ้ืนฐานในการ
เขา้ ถึงสิทธิต่างๆ ในรัฐ และเป็ นหลกั การท่ีได้ถูกยอมรับไวใ้ นปฏิญญาสากลว่าด้วยสิทธิมนุษยชน (the
Universal Declaration of Human Right) ว่ามนุษยแ์ ต่ละคนควรมีหน่ึงสัญชาติ อย่างไรก็ดีเม่ือพิจารณาจาก
บริบทของสังคมไทย พบวา่ มีจานวนคนไร้สัญชาติในประเทศไทยอยจู่ านวนมาก ซ่ึงหน่ึงในจานวนน้นั คือ
กลุ่มคนลาวไร้สัญชาติตามแนวชายแดนไทย – ลาว วตั ถุประสงค์ของบทความน้ีคือ (1) เพ่ือศึกษา
ประวตั ิศาสตร์ความเป็ นมาของกลุ่มคนลาวไร้สัญชาติตามแนวชายแดนไทย – ลาว โดยใช้กรณีศึกษาบา้ น
บะไห่ อ.โขงเจียม จ. อุบลราชธานี (2) เพ่ือศึกษาปัญหาดา้ นสิทธิมนุษยชนที่กลุ่มคนลาวไร้สัญชาติไดร้ ับ
ผลกระทบเนื่องจากไร้สัญชาติ ศึกษาโดยใชก้ ระบวนการวิจยั เชิงคุณภาพ (Qualitative Research) โดยศึกษา
จากเอกสารที่เก่ียวขอ้ ง เช่น พระราชบญั ญตั ิสญั ชาติของไทย และปฏิญญาสากลวา่ ดว้ ยสิทธิมนุษยชน รวมถึง
การการลงพ้นื ท่ีสัมภาษณ์กลุ่มคนลาวไร้สัญชาติ บา้ นบะไห่ อาเภอโขงเจียม จงั หวดั อุบลราชธานี

ผลการวิจยั พบว่า สาเหตุของสถานะลาวไร้สัญชาติในรัฐไทย เกิดข้ึนจากสองเงื่อนไข ได้แก่
(1) เง่ือนไขทางประวตั ิศาสตร์การเมืองการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองภายในของประเทศลาวในช่วงปี 2517
ส่งผลให้มีผอู้ พยพชาวลาวเขา้ มาในประเทศไทยจานวนมาก และบางส่วนไม่ไดก้ ลบั ประเทศตน้ ทางหรือไป
ต้งั ถิ่นฐานใหม่ในประเทศที่ 3 และยงั คงมีสถานะไร้สัญชาติในประเทศไทย (2) จากเง่ือนไขจากการกาหนด
พระราชบญั ญตั ิสัญชาติของไทย เร่ืองการกาหนดเง่ือนไข/ และขอ้ ยกเวน้ การไดส้ ัญชาติไทย ส่งผลกระทบ
ต่อกลุ่มคนลาวไร้สัญชาติในประเทศไทย มีสิทธิในการขอสญั ชาติไทยตา่ งกนั ออกไป บางกลุ่มมีสิทธิในการ
ขอสัญชาติไทย ตามมาตรา 23 ของพระราชบญั ญตั ิสัญชาติ พ.ศ. 2508 ฉบบั ท่ี 4 พ.ศ. 2551 บางกลุ่มยงั คง
ไม่มีแนวทางจากรัฐในการแก้ปัญหาเรื่องสัญชาติ ทาให้ยงั คงสถานะคนไร้สัญชาติในประเทศไทย และ
ผลจากการภาวะไร้สญั ชาตินาไปสู่การถูกปฏิเสธสิทธิตา่ ง ๆ จากรัฐ และในบางกรณีส่งผลตอ่ การละเมิดสิทธิ
มนุษยชน เช่น สิทธิในการเดินทาง สิทธิในการก่อต้งั ครอบครัว เป็นตน้

คณะรัฐศาสตร์และนิตศิ าสตร์ มหาวทิ ยาลยั บูรพา 21

บทความท่ี 23 เร่ือง ตวั ชี้วัดธรรมาภิบาลทางกฎหมายกบั การระงบั ข้อพพิ าทโดยอนุญาโตตุลาการ
โดย รองศาสตราจารย์รัฐสิทธ์ิ คุรุสุวรรณ และ ดร.ยุวฒั น์ วุฒิเมธี บทความเรื่อง “ตวั ช้ีวดั ธรรมาภิบาลทาง
กฎหมายกบั การระงบั ขอ้ พิพาทโดยอนุญาโตตุลาการ” มีวตั ถุประสงคเ์ พ่ือส่งเสริมหลกั ธรรมาภิบาลมาใชก้ บั
การระงบั ขอ้ พิพาทโดยอนุญาโตตุลาการ โดยศึกษาหาความสอดคลอ้ งของตวั ช้ีวดั ธรรมาภิบาลทางกฎหมาย
กบั การระงบั ขอ้ พิพาทโดยอนุญาโตตุลากา นาไปสู่การพฒั นาสถาบนั อนุญาโตตุลาการให้เกิดความเช่ือถือ
และเป็ นท่ียอมรับของประชาชนในประเทศและนานาประเทศการบริหารภาครัฐแนวใหม่ (New Public
Management) มีการนาแนวคิดเก่ียวกับการสร้าง ธรรมาภิบาล หรือการบริหารจัดการบ้านเมืองที่ดี
ให้เจ้าหน้าที่มีจริยธรรม คุณธรรม มุ่งให้ประชาชนมีความเป็ นอยู่ท่ีดี และการส่งเสริมให้เกิดการสร้าง
ธรรมาภิบาลน้นั มาจากความร่วมมือของท้งั สถาบนั ท้งั ภาครัฐ ภาคเอกชน และประชาสังคม โดยเฉพาะการ
นาหลกั ธรรมาภิบาลมาใช้กับการระงบั ขอ้ พิพาทโดยอนุญาโตตุลาการ ซ่ึงเป็ นวิธีการระงบั ขอ้ พิพาทอีก
ทางเลือกหน่ึงอนั เป็ นท่ียอมรับของประชาคมโลก และเป็ นที่นิยมใช้ในการแก้บญั หาขอ้ โตแ้ ยง้ ระหว่าง
คู่กรณีมากข้ึน การนาหลกั ธรรมาภิบาลทางกฎหมายมาใช้กบั การระงบั ข้อพิพาทโดยอนุญาโตตุลาการ
จะต้องพิจารณาตัวช้ีวดั ธรรมาภิบาลทางกฎหมายที่นามาใช้กับกระบวนการการระงับข้อพิพาท ว่ามี
ค ว า ม ส า ค ัญ แ ล ะ มี ค ว า ม เห ม า ะ ส ม แ ล ะ ส า ม า ร ถ ก า ห น ด ข อ บ เข ต ที่ น า ม า ป รั บ ใ ช้ กับ ก า ร ท า ง า น ข อ ง
อนุญาโตตุลาการแค่ไหน? อย่างไร? เพราะว่าตอ้ งพิจารณาหลกั ธรรมาภิบาลท่ีมีหลายประเด็นท่ีไม่อาจ
ครอบคลุมได้ท้ังหมด ซ่ึงจาเป็ นต้องเลือกตัวช้ีวดั ธรรมาภิบาลทางกฎหมายที่มีความสัมพันธ์หรือ
ความเก่ียวขอ้ งและสามารถใช้ไดก้ บั กระบวนการระงบั ขอ้ พิพาทโดยเฉพาะ การนาตวั ช้ีวดั ธรรมาภิบาลที่
รัฐบาลกาหนดไวท้ ุกตวั มาใช้ กย็ อ่ มเป็ นส่ิงที่เป็นไปไดย้ ากย่ิง เนื่องจากลกั ษณะการทางานของกระบวนการ
ระงบั ข้อพิพาทโดยอนุญาโตตุลาการ เป็ นการใช้อานาจตุลาการ เช่นเดียวกับผูพ้ ิพากษาท่ีแตกต่างจาก
หน่วยงานอื่น ๆ ที่เป็ นผปู้ ฏิบตั ิงานโดยตรง ดงั น้นั การนาหลกั ธรรมาภิบาลทางกฎหมายมาใช้กบั การระงบั
ขอ้ พิพาทโดยอนุญาโตตุลาการ จึงยอ่ มข้ึอยกู่ บั ความเหมาะสม และขอบเขตท่ีนามาปรับใชก้ บั การทางานของ
อนุญาโตตุลาการ ไดแ้ ก่ ด้านนิติธรรม โดยมีตวั ช้ีวดั 5 ดา้ น คือ ก. คุณธรรมและจริยธรรม ข. การเปิ ดเผย
ขอ้ เท็จจริง ค หลกั การรักษาความลบั ง. การรับสินบนกบั ความรับผิดทางอาญาท่ีเกี่ยวกบั อนุญาโตตุลาการ
และจ. ความเสมอภาค และใช้ตวั ประเมินคุณภาพของการดาเนินการ 10 ขอ้ คือ มุ่งไปยงั การประเมิน
1) ประสิทธิผล 2) ประสิธิภาพ 3) การตอบสนอง 4) ภาระรับผดิ ชอบ 5) ความโปร่งใส 6) การมีส่วนร่วม
7) การกระจายอานาจ 8) นิติธรรม 9) ความเสมอภาค และ 10) มุ่งเน้นฉันทามติ เป็ นตัวช้ีวัด
ความสัมฤทธิผลของการปฏิบตั ิงาน

22 วารสารการเมือง การบริหาร และกฎหมาย ปี ท่ี 12 ฉบบั ท่ี 2

บทความท่ี 24 เรื่อง รูปแบบองค์กรเพื่อการป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ โดย
นายฉัฏรเพช็ รมงคล จันทร์เพญ็ และศาสตราจารย์ ดร. สุนีย์ มัลลกิ ะมาลย์ การวจิ ยั น้ีมีวตั ถุประสงคใ์ นการ
จดั ทารูปแบบองคก์ รเพ่ือการป้องกนั และปราบปรามการคา้ มนุษยท์ ี่มีอานาจหนา้ ที่ชดั เจนเพียงองคก์ รเดียว
ในการสืบสวนจบั กุม การสืบสวนจบั กุมสอบสวนดาเนินคดี และคุ้มครองเยียวยา มีพ้ืนท่ีรับผิดชอบ
ทว่ั ราชอาณาจกั ร วิธีวิทยาการวิจยั ท่ีใชเ้ ป็ นการวจิ ยั เชิงคุณภาพประกอบดว้ ยการวจิ ยั เอกสาร การสัมภาษณ์
เชิงลึก การมีส่วนร่วมออกแบบ, ร่วมออกแบบ และการรับฟังความคิดเห็น

ผลการวิจยั พบวา่ ปัญหาการป้องกนั และปราบปรามการคา้ มนุษยไ์ ม่มีประสิทธิภาพเพราะการมี
หลายองค์กรท่ีทาหน้าทีในการป้องกนั และปราบปรามการคา้ มนุษยท์ าให้เกิดความทบั ซ้อนกนั ขาดการ
บูรณาการการทางานร่วมและประสานกนั ขาดการตรวจสอบถ่วงดุลระหวา่ งองคก์ ร จนเป็นช่องวา่ งกฎหมาย
ให้เจา้ หน้าท่ีแสวงหาประโยชน์จากการใช้อานาจหน้าท่ีโดยมิชอบ การวิจยั จึงเสนอให้จดั ต้งั องค์กรใน
รูปแบบขององคค์ ณะสืบสวนสอบสวนคดีคา้ มนุษย์ ประกอบดว้ ย 6 องค์กร คือ สานกั งานตารวจแห่งชาติ
กองบงั คบั การปราบปรามการคา้ มนุษย์ กรมสอบสวนคดีพิเศษ กรมการปกครอง สานักงานอยั การสู งสุด
กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ มีขอบเขตอาจหน้าที่รับผิดชอบคดีค้ามนุษย์
ทว่ั ราชอาณาจกั ร

ขอ้ เสนอแนะของการวิจยั คือ ให้มีการจดั ต้งั องค์คณะสืบสวนสอบสวนคดีคา้ มนุษยโ์ ดยมีการ
จดั ทากฎหมายรองรับเพ่ือให้การป้องกนั และปราบปรามการคา้ มนุษยม์ ีประสิทธิภาพมากข้ึน ขอ้ เสนอแนะ
หวั ขอ้ วจิ ยั ตอ่ คือการจดั ทาประมวลกฎหมายวา่ ดว้ ยการคา้ มนุษย์

บทความที่ 25 เรื่อง การคุ้มครองสิทธิเกี่ยวกับการยึดท่ีดินของผู้ประกอบอาชีพชาวนาใน
กระบวนการยุติธรรมทางแพ่ง โดย ดร. จิดาภา พรย่ิง การวิจยั มีวตั ถุประสงค์เพ่ือศึกษาถึงแนวคิด
กระบวนการยตุ ิธรรมทางแพ่งและการคุม้ ครองปัจเจกชน ประเภทมูลหน้ีของผปู้ ระกอบอาชีพชาวนาที่ควร
ได้รับคุ้มครองจากการบงั คบั คดีท่ีดินทานาขายทอดตลาด กฎหมายเก่ียวกบั การบงั คบั คดีตามประมวล
กฎหมายวิธีพิจารณา ความแพ่งและกฎหมายต่างประเทศ โดยใช้วิธีการวิจยั เชิงคุณภาพ ประกอบด้วย
การวจิ ยั เอกสาร การมีส่วนร่วมออกแบบ-ร่วมออกแบบรับฟังความคิดเห็นของประชาชน

ผลการวิจยั พบวา่ ในกระบวนการยุติธรรมทางแพ่งสามารถคุม้ ครองสิทธิของผูป้ ระกอบอาชีพ
ชาวนาท่ีถูกบงั คบั ที่ดินทานาขายทอดตลาดในประเภทมูลหน้ีของชาวนาไดบ้ างประเภทซ่ึงจะส่งผลดีทาใหผ้ ู้
ประกอบอาชีพชาวนายงั คงมีท่ีดินทานา เป็ นการรักษาพ้ืนที่ดินทากินไวส้ าหรับเกษตรกรรมมิให้สูญสิ้นไป
ขณะเดียวกนั เจา้ หน้ีก็มิไดเ้ สียสิทธิในการไดร้ ับชาระหน้ีจากลูกหน้ี โดยที่รูปแบบการคุม้ ครองสิทธิเกี่ยวขอ้ ง
กบั บงั คบั คดีที่ดินทานาประเภทมูลหน้ีของชาวนา ตอ้ งมีกฎหมายรองรับเพื่อคุม้ ครองสิทธิ จึงนาไปสู่การ
ปรับปรุงแกไ้ ขและเพิ่มเติมบทบญั ญตั ิกฎหมายของประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 336/1
และร่างกฎกระทรวงวธิ ีการและเง่ือนไขท่ีเกี่ยวกบั การบงั คบั คดีประเภทมูลหน้ีของผปู้ ระกอบอาชีพชาวนา

คณะรัฐศาสตร์และนิตศิ าสตร์ มหาวทิ ยาลยั บูรพา 23

การวจิ ยั เสนอแนะใหน้ าผลการวจิ ยั ไปใชป้ ระโยชน์ในรูปแบบของการปรับปรุงแกไ้ ขบทบญั ญตั ิ
กฎหมายของประมวลกฎหมายวธิ ีพิจารณาความแพ่งโดยเพิ่มเติมมาตรา 336/1 และร่างกฎกระทรวงวิธีการ
และเง่ือนไขที่เกี่ยวกบั การบงั คบั คดีประเภทมูลหน้ีของผปู้ ระกอบอาชีพชาวนาจากการวจิ ยั ไปใชต้ ่อไป

บทความที่ 26 เรื่อง ปัญหาเก่ียวกับสถานะทางกฎหมายของใบตราส่งต่อเนื่องในฐานะเอกสาร
สิทธิภายใต้ระบบกฎหมายอังกฤษ โดย ดร.พิมพ์กมล กองโภค ในปัจจุบนั รูปแบบการขนส่งระหว่าง
ประเทศเปลี่ยนแปลงไปจากในอดีต กล่าวคือ การขนส่งรูปแบบเฉพาะอยา่ งใดอย่างหน่ึงมีบทบาทนอ้ ยลง
แต่ในทางกลบั กันการขนส่งต่อเนื่องหลายรูปแบบซ่ึงบูรณาการรูป แบบการขนส่งท่ีหลากหลายมารวม
เขา้ ดว้ ยกนั เป็ นระบบปฏิบตั ิการการขนส่งเดียวกลบั มีบทบาทมากข้ึนตามลาดบั อนั เป็ นผลสืบมาเน่ืองจาก
การพฒั นาการขนส่งดว้ ยตูค้ อนเทนเนอร์และเทคโนโลยีท่ีเก่ียวขอ้ งกบั ระบบ ปฏิบตั ิการขนส่งและระบบ
โครงสร้างพ้ืนฐาน ถึงแม้ว่าการเติบโตของการขนส่งด้วยตู้คอนเทนเนอร์และการขนส่งต่อเนื่องหลาย
รูปแบบจะเป็ นไปอย่างต่อเนื่อง บทบาทท่ีเพิ่มมากข้ึนดังกล่าวกลบั ไม่ถูกสะทอ้ นให้เห็นในบริบทของ
กฎหมายระหว่างประเทศ กล่าวคือ ยงั ไม่มีสนธิสัญญาระหว่างประเทศเก่ียวกบั การขนส่งต่อเน่ืองหลาย
รูปแบบฉบบั ใดท่ีมีจานวนประเทศสมาชิกรับรองถึงเกณฑท์ ่ีจะมีผลบงั คบั ใช้ ส่งผลใหไ้ ม่มีกฎหมายระหวา่ ง
ประเทศซ่ึงสร้างความสอดคลอ้ ง กลมกลืน และบรรทดั ฐานในระดบั นานาชาติ ผลที่ตามมาอยา่ งหลีกเล่ียง
ไม่ไดค้ ือ ปัญหาความ ไม่เป็ นแบบแผนอนั หน่ึงอนั เดียวกนั ของกฎหมายท่ีใช้บงั คบั กบั การขนส่งต่อเน่ือง
หลายรูปแบบ

ในบริบทของใบตราส่งต่อเนื่อง ในบางประเทศไม่มีกฎหมายเฉพาะใช้บังคบั กับการขนส่ง
ต่อเนื่องหลายรูปแบบอยเู่ ลยและหน่ึงในน้นั คือ ประเทศองั กฤษ การไม่มีกฎหมายท่ีใชบ้ งั คบั กบั การขนส่ง
ต่อเน่ืองหลายรูปแบบส่งผลให้เกิดปัญหาความไม่แน่นอนทางกฎหมายเกี่ยวกบั สถานะของเอกสารดงั กล่าว
ซ่ึงอาจส่งผลเสียในหลากหลายมิติรวมถึงในประเด็นของสถานะเอกสารสิทธิซ่ึงมีบทบาทสาคญั ในการ
รับรองสิทธิของผูร้ ับตราส่งและผูร้ ับโอนในฐานะผูท้ รงสิทธิที่จะรับมอบสินคา้ จากผูข้ นส่ง ณ จุดหมาย
ปลายทางและสิ ทธิที่จะจาหน่ายจ่ายโอนสิ นค้าในระหว่างระยะเวลาขนส่ ง หากประเด็นปัญหา
ความไม่แน่นอนดงั กล่าวยงั คงอยู่ ยอ่ มส่งผลเสียแก่ผรู้ ับตราส่งและลดคุณค่าใบตราส่งต่อเนื่องลง อีกท้งั ใน
ระดบั มหภาคย่อมส่งผลกระทบในเชิงลบต่อระบบการค้าระหว่างประเทศท่ีมีการขนส่งต่อเนื่องหลาย
รูปแบบเขา้ มาเก่ียวขอ้ ง บทความน้ีมีจุดมุ่งหมายเพื่อวิเคราะห์ความเป็ นไปไดท้ ่ีใบตราส่งต่อเนื่องจะไดร้ ับ
การยนื ยนั สถานะในระดบั เดียวกบั ใบตราส่งทางทะเลในประเดน็ การเป็นเอกสารสิทธิซ่ึงใหส้ ิทธิผรู้ ับตราส่ง
และผูร้ ับโอนใบตราส่งภายใตร้ ะบบกฎหมายองั กฤษ และจากผลการวิเคราะห์ ผูเ้ ขียนมีความเห็นว่าเพ่ือ
รับรองและปกป้องสิทธิของผูร้ ับตราส่งและผูร้ ับโอนใบตราส่ง อีกท้งั เมื่อคานึงถึงวิวฒั นาการของรูปแบบ
การขนส่งและบทบาทของการใช้การขนส่งต่อเน่ืองหลายรูปแบบในปัจจุบนั สถานะในแง่ของการเป็ น
เอกสารสิทธิมีแนวโน้มที่จะไดร้ ับการยอมรับจากศาลองั กฤษในอนาคตอนั ใกล้ ซ่ึงจะเป็ นทางออกของ
ปัญหาความไมแ่ น่นอนของสถานะของใบตราส่งต่อเน่ืองซ่ึงเป็นอยใู่ นปัจจุบนั

24 วารสารการเมือง การบริหาร และกฎหมาย ปี ที่ 12 ฉบบั ท่ี 2

และบทความสุดท้าย บทความที่ 27 เร่ือง เจตคติและการรับรู้กฎหมายเดินอากาศไทยของ
ประชาชนเก่ียวกับการปล่อยบ้ังไฟ โดย อาจารย์ชาติชาย เจริญสุข งานวิจยั น้ีมีวตั ถุประสงค์เพ่ือศึกษา
เจตคติและการรับรู้กฎหมายเดินอากาศไทยของประชาชนเก่ียวกบั การปล่อยบ้งั ไฟ เป็ นงานวิจยั แบบผสม
ระหวา่ งงานวิจยั เชิงปริมาณละเชิงคุณภาพ ใชแ้ บบสอบถามและการสัมภาษณ์เชิงลึกเป็ นเคร่ืองมือการวิจยั
โดยมีวตั ถุประสงค์ 1) เพ่ือทาการศึกษากฎหมายเดินอากาศไทยเก่ียวกบั การปล่อยบ้งั ไฟ 2) เพื่อทาการศึกษา
เจตคติและการรับรู้กฎหมายการเดินอากาศไทยของประชาชนเก่ียวกับการปล่อยบ้ังไฟ และ 3) เพื่อ
ทาการศึกษาเปรียบเทียบ เจตคติและการรับรู้กฎหมายการเดินอากาศไทยของประชาชนเกี่ยวกบั การปล่อย
บ้งั ไฟ

ผลการวิจยั เชิงปริมาณ วิเคราะห์เปรียบเทียบระหว่างข้อมูลทั่วไปส่วนบุคคลกับเจตคติและ
การรับรู้กฎหมายการเดินอากาศไทยของประชาชนเก่ียวกบั การปล่อยบ้งั ไฟ พบวา่ กลุ่มตวั อยา่ งแยกตามเพศ
อายุ ระดบั การศึกษา อาชีพ ประสบการณ์ในการร่วมงาน และการรู้กฎหมายเดินอากาศไทย มีเจตคติและการ
รับรู้กฎหมาย แตกต่างกัน ส่วนกลุ่มตัวอย่างท่ีอาศัยอยู่ในแต่ละอาเภอ มีเจตคติและการรับรู้กฎหมาย
ไม่แตกต่างกัน ผลการวิจยั เชิงคุณภาพวิเคราะห์การสัมภาษณ์เชิงลึก พบว่า รัฐต้องประชาสัมพนั ธ์ให้
ประชาชนได้รับทราบกฎหมายเดินอากาศที่เก่ียวขอ้ งกบั บ้งั ไฟอยา่ งจริงจงั และต่อเน่ือง รวมท้งั บงั คบั ใช้
บทลงโทษอยา่ งเขม้ งวดกบั ผทู้ ่ีฝ่ าฝืนกฎหมาย

ขอบพระคุณอย่างสูง

รองศาสตราจารย์ วา่ ที่เรือตรี ดร.เอกวทิ ย์ มณีธร
บรรณาธิการ

คณะรัฐศาสตร์และนิตศิ าสตร์ มหาวทิ ยาลยั บูรพา 25

สารบญั

37

บทที่ 1
ปัจจัยทม่ี ผี ลต่อการคอร์รัปชันขององค์กรปกครองส่วนท้องถนิ่

Factors Affecting Corruption in Local Administrative Organizations
พชรดนยั วชั รธนพฒั น์ธาดา (Pacharadanai Watcharathanapattada)

55

บทที่ 2

มหาวทิ ยาลยั ในกากบั ของรัฐในบริบทของเสรีนิยมใหม่

Autonomous University in the Context of Neo - liberalism
จารุณี มุมบา้ นเซ่า (Jarunee Mumbansao)

79

บทท่ี 3
มาตรการรักษาความมนั่ คงในพืน้ ทจ่ี ุดผ่านแดนทางบกของประเทศไทยทเ่ี หมาะสม

Appropriate Security Measures in Land Crossing Areas in Thailand
ธรรมม์ ยรุ า สุรัติสุพพตั (Thammayura Surattisupapat)
ธีรพงษ์ บวั หลา้ (Theeraphong Bualar)

99

บทท่ี 4
การปรับตัวของธุรกจิ หลงั ยคุ COVID - 19

Business Adaptation after the COVID - 19 Era
ปาริชาติ คุณปล้ืม (Parichat Kunpluem)

26 วารสารการเมือง การบริหาร และกฎหมาย ปี ที่ 12 ฉบบั ที่ 2

111

บทที่ 5
การกระทาความรุนแรงต่อผู้สูงอายภุ ายในครอบครัว: สาเหตุและแนวทางการป้องกนั

Domestic Violence Against the Elderly: Causes and Preventive Measures
ธีระ กุลสวสั ด์ิ (Teera Kulsawat)
ธญั พิชชา สามารถ (Thanpitcha Sarmart)
อารีย์ ธวชั วฒั นานนั ท์ (Aree Tawatwattananun)

129

บทท่ี 6
บทบาทของสภามหาวทิ ยาลยั ในการกากบั ดูแลผู้บริหารมหาวทิ ยาลยั เพ่ือม่งุ สู่หลกั ธรรมาภิบาล

The Role of the University Council to Control Administrators of University for Reaching to the Good
Governance

นงนุช ศรีสุข (Nongnuch Srisuk)

151

บทที่ 7
ความพงึ พอใจและความผกู พนั ต่อองค์กรของพนักงาน บริษทั ธนารักษ์พฒั นาสินทรัพย์ จากดั
ประจาปี 2561

Staff’s Satisfaction and Employee Engagement: Case of Dhanarak Asset Development Company Limited
(DAD) Year 2018

ศุภชยั เหมือนโพธ์ิ (Suppachai Murnpho)
นนทวฒั น์ สุขผล (Nonthavat Sukphon)
ชุดาพร สอนภกั ดี (Chudapon Sonphukdee)
ทตั เทพ ทวไี ทย (Tattep Taweethai)
ทาริกา สระทองคา (Tarika Srathongkham)
ศรวชิ า กฤตาธิการ (Sorawicha Krittathikarn)
พลอยนรินทร์ โรจนการสกุล (Ploynarin Rojanakarnsakul)

คณะรัฐศาสตร์และนิตศิ าสตร์ มหาวทิ ยาลยั บูรพา 27

171

บทที่ 8
การจดั ทาแผนพฒั นาเศรษฐกจิ ดิจิทลั ท้องถิน่ : ปัญหาและข้อเสนอเพื่อการปรับปรุง

Digital Economy Development Planning for Local Government: Problems and Recommendations
นคร เสรีรักษ์ ( Nakorn Serirak)
กิตติพงศ์ กมลธรรมวงศ์ (Kittipong Kamolthamwong)
ระดาภทั ร จงธรรมคุณ (Radaphat Chongthammakun)
วรงคก์ ฤษณ์ จตุภทั ร์วงศา ( Warongkit Chatupatwongsa)
นิชานนั ท์ นนั ทศิริศรณ์ ( Nhishanun Nuntasirisorn)
อรรถพล เมืองมิ่ง ( Authapong Mingmuang )

197

บทท่ี 9
รูปแบบการบริหารจัดการเชิงนโยบายเพ่ือขบั เคล่ือนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมสู่
ความยงั่ ยืน ตามแนวทาง PESTLE

Policy Management Model to Drive Natural Resources and the Environment towards Sustainability
According to PESTLE Guidelines

ธีระวฒั น์ จนั ทึก (Thirawat Chantuk)
กนกอร เนตรชู (Kanokaon Netchu)
ดารงพล แสงมณี (Domrongphol Sangmanee)
พรเทพ นามกร (Pornthep Namakorn)
จุฑามาศ พรหมอินทร์ (Juthamas promin)

28 วารสารการเมือง การบริหาร และกฎหมาย ปี ท่ี 12 ฉบบั ที่ 2

219

บทที่ 10
ยุทธศาสตร์ชาติว่าด้วยการจดั การภาวะผู้สูงอายใุ นประเทศไทย: การจัดสวสั ดิการสังคมเพื่อ
ความมน่ั คงของผู้สูงอายุ

National strategic for aging condition management in Thailand: Social welfare arrangement for the
security of the elderly

กุลญาดา เน่ืองจานงค์ (Kulyada Nuengchamnong)
อนุรัตน์ อนนั ทนาธร (Anurat Ananthanathorn)

237

บทท่ี 11
แนวทางการจัดสรรงบประมาณผู้สูงอายุทเี่ หมาะสมของประเทศไทย

Guidelines for Appropriating Budget for the Elderly in Thailand
เดชาวตั คงคานอ้ ย (Dechawat Kongkanoi)
บรรพต วริ ุณราช (Banpot Wiroonrath)
ธีทตั ตรีศิริโชติ (Teetut Tresirichod)

263

บทที่ 12
รูปแบบการบริหารจัดการพยาบาลวชิ าชีพในโรงพยาบาลเอกชนให้คงอยู่และเพยี งพอ
ต่อการปฏบิ ัตงิ าน

The Model of Professional Nursing Management for Retention and Sufficiency in Private Hospitals
สมชาย ยงิ่ ยนื (Somchai Yingyuen)

คณะรัฐศาสตร์และนติ ศิ าสตร์ มหาวทิ ยาลยั บูรพา 29

285

บทท่ี 13
มาตรการป้องกนั และแก้ไขปัญหาการทจุ ริตของสหกรณ์การเกษตรในประเทศไทย

Measures of Prevention and Solution of Fraud Problems in Thailand’s Agricultural Cooperatives
กญั ญรัตน์ ซา้ ยพฒั น์ (Kanyarat Saiphath)
จินตนา ตนั สุวรรณนนท์ (Chintana Tansuwannond)

309

บทที่ 14
รูปแบบความผูกพนั ต่อองค์การของพนักงานจ้างตามภารกจิ ในองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น
ภาคตะวนั ออกเฉียงเหนือตอนบน: กรณศี ึกษาเทศบาลตาบล

A Model of Organizational Commitment of Employees Hired by the Missions in the Upper Northeastern
Local Administrative Organizations: Case Study of Sub-District Municipalities

เพชรประกาย กลุ ตงั วฒั นา (Petprakai Kultangwattana)
พงษเ์ สฐียร เหลืองอลงกต (Pongsatean Luengalongkot)

335

บทท่ี 15
การศึกษาความเครียดในการปฏบิ ตั ิงานของทหารหน่วยเฉพาะกจิ กรมทหารพรานที่ 11
ทปี่ ฏบิ ตั ิงานอยู่ในพืน้ ทอ่ี าเภอแว้งและอาเภอสุคริ ิน จงั หวดั นราธิวาส

A Study of Work Stress of Among the Soldier of 11 Paramilitary Regiment Task Force in Amphoe Waeng
and Amphoe Sukirin, Narathiwat

ณฐั พงศ์ มง่ั อะนะ (Nattapong Mangana)
อนุรัตน์ อนนั ทนาธร (Anurat Ananthanatorn)
สมั ฤทธ์ิ ยศสมศกั ด์ิ (Samrit Yossomsakdi)
จีระ ประทีป (Chira Prateep)

30 วารสารการเมือง การบริหาร และกฎหมาย ปี ท่ี 12 ฉบบั ที่ 2

บทท่ี 16 357

การพฒั นากลยุทธ์การจัดการชุมชนแบบตอบแทนคุณระบบนิเวศในพืน้ ทก่ี ารท่องเทยี่ วทม่ี ี
ความหลากหลายทางชีวภาพชุมชนบางกะเจ้า

The Development of Community Management Strategies Payment for Ecosystem Services and
Biodiversity in Tourism Zone Bang Kachao

พรธิดา เทพประสิทธ์ิ (Bhorntida Thepprasit)
ธีระวฒั น์ จนั ทึก (Thirawat Chuntuk)
พิทกั ษ์ ศิริวงศ์ (Phitak Siriwong)

393

บทที่ 17
อทิ ธิพลตวั แปรคนั่ กลางพหุขนานของทุนทางสังคมและการจัดการความรู้ทถี่ ่ายทอดอทิ ธพิ ล
ของระบบปฏบิ ตั งิ านทด่ี ีสู่ประสิทธิภาพของพนักงานอตุ สาหกรรมไฟฟ้าและอเิ ลก็ ทรอนิกส์ใน
อาเภอบางบวั ทอง จังหวดั นนทบุรี

The Multiple Mediation Effects of Social Capital and Knowledge Management on Transferring High
Performance Work System to Efficacy of Employees of the Electrical and Electronics Industry in
Bangbuathong District, Nonthaburi Province

สวงค์ ใหมหอ้ ง (Sawong Maihong)
ธญั นนั ท์ บุญอยู่ (Thanyanan Boonyoo)

คณะรัฐศาสตร์และนติ ศิ าสตร์ มหาวทิ ยาลยั บูรพา 31

409

บทท่ี 18
การศึกษาคุณภาพบริการโดยใช้ SERVQUAL Model กรณศี ึกษา สาหรับการดาเนินธุรกจิ
โครงการรถไฟฟ้าเชื่อมท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ

A Study of Service Quality using SERVQUAL Model: a Case of Suvarnabhumi Airport Rail Link
(SARL)

ทิน ใจงาม (Tin Chaingam)
วชิ ญานนั รัตนวบิ ูลยส์ ม (Vichayanan Rattanawiboonsom)
ภาวณิ ี สตาร์เจล (Pawinee Stargell)
อธิพล ศาสตรานรากุล (Atipon Satranarakun)

431

บทที่ 19
คุณค่าตราสินค้าในฐานะตัวแปรคน่ั กลางท่ีเช่ือมโยงการสื่อสารการตลาดแบบบูรณาการ (IMC)
ทมี่ อี ทิ ธิพลต่อการตดั สินใจซื้อเฟอร์นิเจอร์ กรณศี ึกษา บริษทั เอม็ เดคอนิ เตอร์เนชั่นแนล (1991)
จากดั

Brand Equity as a Mediating Factor Between Integrated Marketing Communication (IMC) and Buying
Decision on Furniture: A Case Study of MDEC International (1991) Co., Ltd.

ธนิดา รุ่งธนาภทั รกุล (Thanida Rungthanapattarakul)
สุมาลี รามนฏั (Sumalee Ramanust)

32 วารสารการเมือง การบริหาร และกฎหมาย ปี ท่ี 12 ฉบบั ท่ี 2

447

บทท่ี 20
อทิ ธพิ ลเชิงโครงสร้างของวฒั นธรรมองค์กรทม่ี ตี ่อความได้เปรียบทางการแข่งขนั ของ
ผู้ประกอบการธุรกจิ ผลติ เครื่องปรับอากาศในเขตกรุงเทพมหานคร

The structural influence of organizational culture on the competitive advantage of entrepreneurs in the air-
conditioner production businesses in Bangkok

วชั รา ยะสีดา (Watchara Yaseeda)
ธญั นนั ท์ บุญอยู่ (Thanyanan Boonyoo)

461

บทท่ี 21
กลยุทธ์การตลาดในการกระจายสินค้า จากผู้ผลติ ถงึ ผู้บริโภคในอตุ สาหกรรมชิ้นส่วนรถยนต์
ไทย

Distribution Marketing Strategy of Goods from Manufacturers to the Consumer in the Auto Parts Industry
in Thailand

จิราภรณ์ บุญยงิ่ (Jiraporn Boonying)
สุจิตรา จนั ทนา (Sujitra Chantana)

473

บทท่ี 22
ลาวไร้สัญชาติกบั ปัญหาด้านสิทธิมนุษยชนในสังคมไทย กรณศี ึกษา บ้านบะไห่ อาเภอโขงเจียม
จังหวดั อบุ ลราชธานี

Stateless Persons from Lao PDR and Human Rights Related Issues in Thailand: Case study of Baan Ba
Hai, Khong Khiam District, Ubon Ratchathani Province

จินตนา เมืองแมน (Jintana Muangman)

คณะรัฐศาสตร์และนติ ศิ าสตร์ มหาวทิ ยาลยั บูรพา 33

495

บทท่ี 23
ตวั ชี้วดั ธรรมาภบิ าลทางกฎหมายกบั การระงบั ข้อพพิ าทโดยอนุญาโตตุลาการ

Legal Governance Indicators and Arbitration Dispute Resolution
รัฐสิทธ์ิ คุรุสุวรรณ (Rattasidhi Kurusuwan)
ยวุ ฒั น์ วฒุ ิเมธี (Yuwat Vuthimedhi)

511

บทท่ี 24
รูปแบบองค์กรเพื่อการป้องกนั และปราบปรามการค้ามนุษย์

Organization Model for The Prevention and Suppression of Trafficking
ฉฏั รเพช็ รมงคล จนั ทร์เพญ็ (Mr.Chatpetchmongkol Junpen)
สุนีย์ มลั ลิกะมาลย์ (Sunee Mallikamarl)

527

บทท่ี 25
การคุ้มครองสิทธเิ กยี่ วกบั การยดึ ทด่ี นิ ของผู้ประกอบอาชีพชาวนาในกระบวนการยุตธิ รรม
ทางแพ่ง

Protection of Rights Concerning the Seizure of Farm Land in Civil Justice Process
จิดาภา พรยงิ่ (Jidapa Pornying)

34 วารสารการเมือง การบริหาร และกฎหมาย ปี ท่ี 12 ฉบบั ท่ี 2

547

บทท่ี 26
ปัญหาเกย่ี วกบั สถานะทางกฎหมายของใบตราส่งต่อเน่ืองในฐานะเอกสารสิทธิภายใต้ระบบ
กฎหมายองั กฤษ

Problems Relating to Legal Status of Multimodal Transport Documents as Documents of Title under
English Common Law

พิมพก์ มล กองโภค (Pimkamol Kongphok)

บทที่ 27 559

เจตคติและการรับรู้กฎหมายเดนิ อากาศไทยของประชาชนเกย่ี วกบั การปล่อยบ้ังไฟ
People’s Attitudes and Perception towards Thai Aviation Laws and Regulations Concerning
the Firing of the Bamboo Rocket (Bang fai)

ชาติชาย เจริญสุข (Chartchai Charoensook)

คณะรัฐศาสตร์และนติ ศิ าสตร์ มหาวทิ ยาลยั บูรพา 35

สารบญั

37

บทท่ี 1
ปัจจยั ทม่ี ผี ลต่อการคอร์รัปชันขององค์กรปกครองส่วนท้องถน่ิ

Factors Affecting Corruption in Local Administrative Organizations
พชรดนยั วชั รธนพฒั น์ธาดา (Pacharadanai Watcharathanapattada)

55

บทท่ี 2

มหาวทิ ยาลยั ในกากบั ของรัฐในบริบทของเสรีนิยมใหม่

Autonomous University in the Context of Neo - liberalism
จารุณี มุมบา้ นเซ่า (Jarunee Mumbansao)

79

บทที่ 3
มาตรการรักษาความมน่ั คงในพืน้ ทจ่ี ุดผ่านแดนทางบกของประเทศไทยทเ่ี หมาะสม

Appropriate Security Measures in Land Crossing Areas in Thailand
ธรรมม์ ยรุ า สุรัติสุพพตั Thimmayura Surarat Supharat
ธีรพงษ์ บวั หลา้ Assistant Professor Thiraphong BuaLa

99

บทที่ 4
การปรับตวั ของธุรกจิ หลงั ยคุ COVID - 19

Business Adaptation after the COVID - 19 Era
ปาริชาติ คุณปล้ืม (Parichat Kunpluem)

26 วารสารการเมือง การบริหาร และกฎหมาย ปี ที่ 12 ฉบบั ที่ 2

111

บทที่ 5
การกระทาความรุนแรงต่อผู้สูงอายุภายในครอบครัว: สาเหตุและแนวทางการป้องกนั

Domestic Violence Against the Elderly: Causes and Preventive Measures
ธีระ กลุ สวสั ด์ิ (Teera Kulsawat)
ธญั พชิ ชา สามารถ (Thanpitcha Sarmart)

129

บทที่ 6
บทบาทของสภามหาวทิ ยาลยั ในการกากบั ดูแลผู้บริหารมหาวทิ ยาลยั เพื่อมุ่งสู่หลกั ธรรมาภิบาล

The Role of the University Council to Control Administrators of University for Reaching to the Good
Governance

นงนุช ศรีสุข (Nongnuch Srisuk)

151

บทที่ 7
ความพงึ พอใจและความผกู พนั ต่อองค์กรของพนักงาน บริษทั ธนารักษ์พฒั นาสินทรัพย์ จากดั
ประจาปี 2561

Staff’s Satisfaction and Employee Engagement: Case of Dhanarak Asset Development Company Limited
(DAD) Year 2018

ศุภชยั เหมือนโพธ์ิ (Suppachai Murnpho)
นนทวฒั น์ สุขผล (Nonthavat Sukphon)
ชุดาพร สอนภกั ดี (Chudapon Sonphukdee)
ทตั เทพ ทวไี ทย (Tattep Taweethai)
ทาริกา สระทองคา (Tarika Srathongkham)
ศรวชิ า กฤตาธิการ (Sorawicha Krittathikarn)
พลอยนรินทร์ โรจนการสกลุ (Ploynarin Rojanakarnsakul)

คณะรัฐศาสตร์และนติ ศิ าสตร์ มหาวทิ ยาลยั บูรพา 27

171

บทที่ 8
การจดั ทาแผนพฒั นาเศรษฐกจิ ดิจิทลั ท้องถ่ิน: ปัญหาและข้อเสนอเพื่อการปรับปรุง

Digital Economy Development Planning for Local Government: Problems and Recommendations
นคร เสรีรักษ์ ( Nakorn Serirak)
กิตติพงศ์ กมลธรรมวงศ์ (Kittipong Kamolthamwong)
ระดาภทั ร จงธรรมคุณ (Radaphat Chongthammakun)
วรงคก์ ฤษณ์ จตุภทั ร์วงศา ( Warongkit Chatupatwongsa)
นิชานนั ท์ นนั ทศิริศรณ์ ( Nhishanun Nuntasirisorn)
อรรถพล เมืองมิ่ง ( Authapong Mingmuang )

197

บทที่ 9
รูปแบบการบริหารจดั การเชิงนโยบายเพ่ือขบั เคล่ือนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมสู่
ความยง่ั ยืน ตามแนวทาง

PESTLE Policy Management Model to Drive Natural Resources and the Environment towards
Sustainability According to PESTLE Guidelines

ธีระวฒั น์ จนั ทึก (Thirawat Chantuk)
กนกอร เนตรชู (Kanokaon Netchu)
ดารงพล แสงมณี (Domrongphol Sangmanee)
พรเทพ นามกร (Pornthep Namakorn)

28 วารสารการเมือง การบริหาร และกฎหมาย ปี ท่ี 12 ฉบบั ท่ี 2

219

บทท่ี 10
ยุทธศาสตร์ชาตวิ ่าด้วยการจัดการภาวะผู้สูงอายุในประเทศไทย: การจัดสวสั ดกิ ารสังคมเพื่อ
ความมน่ั คงของผู้สูงอายุ

National strategic for aging condition management in Thailand: Social welfare arrangement for the
security of the elderly

กลุ ญาดา เน่ืองจานงค์ (Kulyada Nuengchamnong)
อนุรัตน์ อนนั ทนาธร (Anurat Ananthanathorn)

237

บทท่ี 11
แนวทางการจัดสรรงบประมาณผู้สูงอายทุ เี่ หมาะสมของประเทศไทย

Guidelines for Appropriating Budget for the Elderly in Thailand
เดชาวตั คงคานอ้ ย (Dechawat Kongkanoi)
บรรพต วริ ุณราช (Banpot Wiroonrath)
ธีทตั ตรีศิริโชติ (Teetut Tresirichod)

263

บทท่ี 12
รูปแบบการบริหารจดั การพยาบาลวชิ าชีพในโรงพยาบาลเอกชนให้คงอยู่และเพยี งพอต่อการ
ปฏบิ ติ งิ าน

The Model of Professional Nursing Management for Retention and Sufficiency in Private Hospitals
สมชาย ยงิ่ ยนื (Somchai Yingyuen)

คณะรัฐศาสตร์และนิตศิ าสตร์ มหาวทิ ยาลยั บูรพา 29

285

บทที่ 13
มาตรการป้องกนั และแก้ไขปัญหาการทุจริตของสหกรณ์การเกษตรในประเทศไทย

Measures of Prevention and Solution of Fraud Problems in Thailand’s Agricultural Cooperatives
กญั ญรัตน์ ซา้ ยพฒั น์ (Kanyarat Saiphath)
จินตนา ตนั สุวรรณนนท์ (Chintana Tansuwannond)

309

บทที่ 14
รูปแบบความผูกพนั ต่อองค์การของพนักงานจ้างตามภารกจิ ในองค์กรปกครองส่วนท้องถ่นิ ภาค
ตะวนั ออกเฉียงเหนือตอนบน: กรณศี ึกษาเทศบาลตาบล

A Model of Organizational Commitment of Employees Hired by the Missions in the Upper Northeastern
Local Administrative Organizations: Case Study of Sub-District Municipalities

เพชรประกาย กุลตงั วฒั นา (Petprakai Kultangwattana)
พงษเ์ สฐียร เหลืองอลงกต (Pongsatean Luengalongkot)

335

บทที่ 15
การศึกษาความเครียดในการปฏบิ ตั งิ านของทหารหน่วยเฉพาะกจิ กรมทหารพรานท่ี 11
ทปี่ ฏบิ ัติงานอยู่ในพืน้ ทอี่ าเภอแว้งและอาเภอสุคริ ินจังหวดั นราธิวาส

A Study of Work Stress of Among the Soldier of 11 Paramilitary Regiment Task Force in Amphoe
Waeng and Amphoe Sukirin, Narathiwat

ณฐั พงศ์ มงั่ อะนะ (Nattapong Mangana)
อนุรัตน์ อนนั ทนาธร (Anurat Ananthanatorn)
สมั ฤทธ์ิ ยศสมศกั ด์ิ (Samrit Yossomsakdi)
จีระ ประทีป (Chira Prateep)

30 วารสารการเมือง การบริหาร และกฎหมาย ปี ที่ 12 ฉบบั ที่ 2

บทท่ี 16 357

การพฒั นากลยุทธ์การจดั การชุมชนแบบตอบแทนคุณระบบนิเวศในพืน้ ทก่ี ารท่องเทย่ี วทม่ี คี วาม
หลากหลายทางชีวภาพชุมชนบางกะเจ้า

The Development of Community Management Strategies Payment for Ecosystem Services and
Biodiversity in Tourism Zone Bang Kachao

พรธิดา เทพประสิทธ์ิ (Bhorntida Thepprasit)
ธีระวฒั น์ จนั ทึก (Thirawat Chuntuk)
พิทกั ษ์ ศิริวงศ์ (Phitak Siriwong)

393

บทที่ 17
อทิ ธพิ ลตัวแปรคน่ั กลางพหุขนานของทุนทางสังคมและการจัดการความรู้ทถี่ ่ายทอดอทิ ธิพล
ของระบบปฏบิ ัตงิ านทดี่ สี ู่ประสิทธิภาพของพนักงานอตุ สาหกรรมไฟฟ้าและอเิ ลก็ ทรอนิกส์ใน
อาเภอบางบวั ทอง จังหวดั นนทบุรี

The Multiple Mediation Effects of Social Capital and Knowledge Management on Transferring High
Performance Work System to Efficacy of Employees of the Electrical and Electronics Industry in
Bangbuathong District, Nonthaburi Province

สวงค์ ใหมหอ้ ง (Sawong Maihong)
ธญั นนั ท์ บุญอยู่ (Thanyanan Boonyoo)

คณะรัฐศาสตร์และนติ ศิ าสตร์ มหาวทิ ยาลยั บูรพา 31

409

บทที่ 18
การศึกษาคุณภาพบริการโดยใช้ SERVQUAL Model กรณศี ึกษา สาหรับการดาเนินธุรกจิ
โครงการรถไฟฟ้าเช่ือมท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ

A Study of Service Quality using SERVQUAL Model: a Case of Suvarnabhumi Airport Rail Link
(SARL)

ทิน ใจงาม (Tin Chaingam)
วชิ ญานนั รัตนวบิ ูลยส์ ม (Vichayanan Rattanawiboonsom)
ภาวณิ ี สตาร์เจล (Pawinee Stargell)
อธิพล ศาสตรานรากุล (Atipon Satranarakun)

431

บทท่ี 19
คุณค่าตราสินค้าในฐานะตัวแปรคนั่ กลางทื่เช่ือมโยงการสื่อสารการตลาดแบบบูรณาการ(IMC) ท่ี
มอี ทิ ธิพลต่อการตัดสินใจซื้อเฟอร์นิเจอร์ กรณศี ึกษา บริษทั เอม็ เดคอนิ เตอร์เนช่ันแนล (1991)
จากดั

Brand Equity as a Mediating Factor Between Integrated Marketing Communication (IMC) and Buying
Decision on Furniture: A Case Study of MDEC International (1991) Co., Ltd.

ธนิดา รุ่งธนาภทั รกลุ (Thanida Rungthanapattarakul)
สุมาลี รามนฏั (Sumalee Ramanust)

32 วารสารการเมือง การบริหาร และกฎหมาย ปี ที่ 12 ฉบบั ที่ 2

447

บทที่ 20
อทิ ธพิ ลเชิงโครงสร้างของวฒั นธรรมองค์กรทม่ี ตี ่อความได้เปรียบทางการแข่งขนั ของ
ผู้ประกอบการธุรกจิ ผลติ เคร่ืองปรับอากาศในเขตกรุงเทพมหานคร

The structural influence of organizational culture on the competitive advantage of entrepreneurs in the air-
conditioner production businesses in Bangkok

วชั รา ยะสีดา (Watchara Yaseeda)
ธญั นนั ท์ บุญอยู่ (Thanyanan Boonyoo)

461

บทที่ 21
กลยทุ ธ์การตลาดในการกระจายสินค้า จากผู้ผลติ ถงึ ผู้บริโภคในอตุ สาหกรรมชิ้นส่วนรถยนต์
ไทย

Distribution Marketing Strategy of Goods from Manufacturers to the Consumer in the Auto Parts Industry
in Thailand

จิราภรณ์ บุญยง่ิ (Jiraporn Boonying)
สุจิตรา จนั ทนา (Sujitra Chantana)

473

บทที่ 22
ลาวไร้สัญชาติกบั ปัญหาด้านสิทธิมนุษยชนในสังคมไทยกรณศี ึกษา บ้านบะไห่ อาเภอโขงเจยี ม
จงั หวดั อบุ ลราชธานี

Stateless Persons from Lao PDR and Human Rights Related Issues in Thailand: Case study of Baan Ba
Hai, Khong Khiam District, Ubon Ratchathani Province

จินตนา เมืองแมน (Jintana Muangman)

คณะรัฐศาสตร์และนิตศิ าสตร์ มหาวทิ ยาลยั บูรพา 33

495

บทท่ี 23
ตวั ชี้วดั ธรรมาภิบาลทางกฎหมายกบั การระงับข้อพพิ าทโดยอนุญาโตตุลาการ

Legal Governance Indicators and Arbitration Dispute Resolution
รัฐสิทธ์ิ คุรุสุวรรณ (Rattasidhi Kurusuwan)
ยวุ ฒั น์ วฒุ ิเมธี (Yuwat Vuthimedhi)

511

บทท่ี 24
รูปแบบองค์กรเพื่อการป้องกนั และปราบปรามการค้ามนุษย์

Organization Model for The Prevention and Suppression of Trafficking
ฉฏั รเพช็ รมงคล จนั ทร์เพญ็ (Mr.Chatpetchmongkol Junpen)

527

บทท่ี 25
การคุ้มครองสิทธเิ กยี่ วกบั การยดึ ทด่ี ินของผู้ประกอบอาชีพชาวนาในกระบวนการยุตธิ รรม
ทางแพ่ง

Protection of Rights Concerning the Seizure of Farm Land in Civil Justice Process
จิดาภา พรยง่ิ (Jidapa Pornying)

34 วารสารการเมือง การบริหาร และกฎหมาย ปี ท่ี 12 ฉบบั ท่ี 2

547

บทท่ี 26
ปัญหาเกย่ี วกบั สถานะทางกฎหมายของใบตราส่งต่อเน่ืองในฐานะเอกสารสิทธิภายใต้ระบบ
กฎหมายองั กฤษ

Problems Relating to Legal Status of Multimodal Transport Documents as Documents of Title under
English Common Law

พิมพก์ มล กองโภค (Pimkamol Kongphok)

บทที่ 27 559

เจตคติและการรับรู้กฎหมายเดนิ อากาศไทยของประชาชนเกย่ี วกบั การปล่อยบ้ังไฟ
People’s Attitudes and Perception towards Thai Aviation Laws and Regulations Concerning
the Firing of the Bamboo Rocket (Bang fai)

ชาติชาย เจริญสุข (Chartchai Charoensook)

คณะรัฐศาสตร์และนติ ศิ าสตร์ มหาวทิ ยาลยั บูรพา 35

CHAPTER 1

ปัจจยั ทม่ี ผี ลต่อการคอร์รัปชันขององค์กรปกครองส่วนท้องถน่ิ
Factors Affecting Corruption in Local Administrative Organizations

พชรดนยั วชั รธนพฒั น์ธาดา (Pacharadanai Watcharathanapattada)
ผชู้ ่วยศาสตราจารย์ ดร., อาจารยป์ ระจาคณะรัฐประศาสนศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั พษิ ณุโลก

Asst. Prof. Dr., Faculty of Public Administration, Phitsanulok University
E-mail: [email protected]

Received: 11 January 2019
Revised: 23 March 2019
Accepted: 16 May 2019

บทคดั ย่อ

งานวิจยั คร้ังน้ีมีวตั ถุประสงคเ์ พื่อศึกษา ระดบั ลกั ษณะของการคอร์รัปชนั ระดบั ปัจจยั ท่ีมีผลต่อ
การคอร์รัปชนั เปรียบเทียบความแตกต่างของปัจจยั ท่ีมีผลต่อการคอร์รัปชนั และลกั ษณะของการคอร์รัปชนั
จาแนกตามปัจจยั ขอ้ มูลส่วนบุคคล และศึกษาความสมั พนั ธ์ระหวา่ งปัจจยั ต่าง ๆ ที่มีผลต่อการคอร์รัปชนั กบั
ลกั ษณะของการคอร์รัปชนั ขององค์กรปกครองส่วนทอ้ งถิ่น กลุ่มตวั อย่างเป็ นบุคลากรกลุ่มงานกฎหมาย
ระเบียบและเร่ืองร้องทุกข์ และกลุ่มงานการเงินบัญชีและการตรวจสอบ สังกัดสานักงานส่งเสริมการ
ปกครองทอ้ งถิ่นจงั หวดั จานวน 175 คน ได้มาโดยการสุ่มอย่างง่าย (Simple Random Sampling) เคร่ืองมือ
ท่ีใช้ในการเก็บรวบรวมขอ้ มูลเป็ นแบบสอบถาม สถิติในการวิเคราะห์ขอ้ มูล คือ สถิติเชิงพรรณนา สถิติ
อ้างอิงค่าสัมประสิทธ์ิสหสัมพันธ์ด้วยวิธี Pearson โดยวิธีของ Least Significant Difference (LSD) และ
Spearman Rank Correlation

ผลการวจิ ยั พบวา่
(1) ลกั ษณะของการคอร์รัปชนั ในภาพรวมและรายดา้ นอยใู่ นระดบั ปานกลาง ( ̅ = 3.15)
(2) ปัจจยั ที่มีผลต่อการคอร์รัปชนั ในภาพรวมอยใู่ นระดบั ปานกลาง ( ̅ = 2.59) โดย ดา้ นสิ่งจูงใจ
อยูใ่ นระดบั นอ้ ย ( ̅ = 2.03) อีก 3 ดา้ น คือ ดา้ นโอกาส ดา้ นความเส่ียงภยั และดา้ นความซ่ือสัตยอ์ ยใู่ นระดบั
ปานกลาง

คณะรัฐศาสตร์และนิตศิ าสตร์ มหาวทิ ยาลยั บูรพา 37

พชรดนัย วชั รธนพฒั น์ธาดา

(3) ลกั ษณะของการคอร์รัปชนั พบวา่ ระดบั การศึกษาส่งผลต่อการคอร์รัปชนั ในดา้ นการยกั ยอก
ดา้ นการเรียกรับเงิน และดา้ นการมีผลประโยชน์ทบั ซอ้ น ส่วนปัจจยั ที่มีผลต่อการคอร์รัปชนั พบวา่ เพศและ
ระดบั การศึกษาส่งผลตอ่ ปัจจยั ที่มีผลตอ่ การคอร์รัปชนั อยา่ งมีนยั สาคญั ทางสถิติท่ีระดบั .01

(4) ลกั ษณะของการคอร์รัปชันกบั ปัจจยั ท่ีมีผลต่อการคอร์รัปชันมีความสัมพนั ธ์กันทางบวก
เป็นไปในทิศทางเดียวกนั ในระดบั สูงมาก (r = .92**)

คาสาคญั : คอร์รัปชนั , องคก์ รปกครองส่วนทอ้ งถิ่น

Abstract

The objectives of this research were to study the level of corruption factors affecting corruption
study and compare the differences of factors affecting corruption. And the nature of corruption classified
by personal information factors and study the relationship between various factors affecting corruption
and the nature of corruption in local administrative organizations Samples were personnel, work groups,
laws, regulations and grievances. And finance, accounting and auditing groups under the Jurisdiction of
the Office in local administration. The samples were 175 people obtained by simple random sampling.
Data were collected by using a questionnaire and analysis by descriptive statistics. And statistics of
correlation coefficients using Pearson method by Least Significant Difference (LSD) and Spearman Rank
Correlation

The finding of research were:
(1) The characteristics of corruption in the overall and individual aspects were at the moderate
level. ( ̅ = 3.15)
(2) Factors affecting the overall corruption in the medium level ( ̅ = 2.59), with the incentives
being at a low level ( ̅ = 2.03). Risk and honesty were at a moderate level.
(3) The nature of corruption found that education levels affect corruption in the
misappropriation of money. And the conflict of interest the factors that affect corruption found that gender
and education levels affect factors that affect corruption were statistically significance at .01 level.
(4) The nature of corruption and factors affecting corruption positive relationship in the same
direction very high level. (r = .92 **)

Keywords: Corruption, Local administrative organizations

38 วารสารการเมือง การบริหาร และกฎหมาย ปี ท่ี 12 ฉบบั ท่ี 2

CHAPTER 1

บทนา

ปัญหาการคอร์รัปชนั เป็ นปัญหาท่ีเกิดข้ึนคู่กบั สังคมของแต่ละประเทศเป็ นเวลานานเกิดไดใ้ น
หลากหลายรูปแบบ หลายลกั ษณะ วิธีการป้องกนั และแกไ้ ขความรู้ความเขา้ ใจของแต่ละประเทศก็ต่างกนั
ออกไป ท้งั น้ีลว้ นแต่เกิดจากปัจจยั ดา้ นสังคม เศรษฐกิจ และการเมือง ที่ขบั เคล่ือนโดยผูม้ ีอานาจเป็ นสาคญั
อยา่ งไรก็ดี การคอร์รัปชนั และผลประโยชน์ทบั ซ้อน มีความสอดคลอ้ งกนั ในแง่ของการกระทาที่สามารถ
เรียกการขดั กนั ของผลประโยชน์ส่วนตนกบั ผลประโยชน์ส่วนรวมน้นั เป็ นหน่ึงในพฤติกรรมที่นาไปสู่การ
คอร์รัปชนั (กฤษณ์ วงศว์ เิ ศษธร, 2561, หนา้ 3)

การคอร์รัปชันเป็ นปัญหาท่ีทุกคนในโลกให้การยอมรับว่าร้ายแรงต่อทุกประเทศทั่วโลก
ซ่ึงสาเหตุมาจากความโลภเขา้ มาครอบครองจิตใจ ความอยากรวยอยากมีฐานะท่ีทุกคนทุกสังคมยอมรับ
เพราะผลประโยชน์ไดร้ ับมากน้นั มีมูลค่ามากมายจึงเกิดการทุจริตข้ึนโดยการกระทามิชอบของตนเอง ซ่ึงใน
การทุจริตในแวดวงของการเมืองจะมีให้เห็นบ่อยท่ีสุด จนทาให้ทรัพยส์ ินหรือทรัพยากรของชาติเสียหายไป
การติดสินบนก็เป็ นการทุจริตเช่นกนั ซ่ึงจะเกิดข้ึนแทบทุกประเทศบนโลก โดยในต่างประเทศจะพบเห็น
บ่อยมากท่ีสุด ท้งั ประเทศท่ีเจริญแลว้ ประเทศที่กาลงั พฒั นา และประเทศดอ้ ยพฒั นา ประเทศไทยมีการ
ทุจริตคอร์รัปชนั มาต้งั แต่สมยั กรุงสุโขทยั กรุงศรีอยุธยา กรุงรัตนโกสินทร์ จนถึงปัจจุบนั ซ่ึงมีการฉ้อราษฎร์
บงั หลวงในสังคมไทย ในสมยั กรุงสุโขทยั มีกฎหมายเก่ียวกบั การทุจริตประพฤติมิชอบบญั ญตั ิไวใ้ นสมยั
กรุงศรีอยุธยาก็ปรากฏหลกั ฐานเกี่ยวกบั กฎหมายป้องกนั และปราบปรามการทุจริตดงั กล่าว ซ่ึงส่วนใหญ่
จะอยูใ่ นรูปแบบการยกั ยอกเงินหลวง หรือการเบียดบงั เอาทรัพยข์ องรัฐ ซ่ึงมีปรากฏการณ์ที่เกิดข้ึนและมีอยู่
ควบคูก่ บั สงั คมไทยตลอดมาจนถึงปัจจุบนั (วชิ ยั รูปขาดี, 2552, หนา้ 3)

ผลสารวจเกี่ยวกบั สถานการณ์ดา้ นปัญหาคอร์รัปชนั ประจาปี 2017 ซ่ึงจดั ทาโดยองคก์ รเพื่อความ
โปร่งใส Transparency International ที่ต้งั อยูใ่ นเยอรมนีช้ีวา่ ประเทศพฒั นาแลว้ หลายประเทศ ยงั คงประสบ
ปัญหาในการปราบปรามคอร์รัปชนั รวมท้งั ออสเตรเลียและสหรัฐอเมริกาอยทู่ ี่อนั ดบั 13 และ 16 ตามลาดบั
สาหรับประเทศที่มีความโปร่งใสมากท่ีสุดหรือมีปัญหาคอร์รัปชันน้อยท่ีสุดอนั ดบั หน่ึง คือนิวซีแลนด์
รองลงมาคือเดนมาร์กที่มีคะแนนความโปร่งใส 89 และ 88 จาก 100 คะแนนตามลาดบั จากจานวนท้งั หมด
180 ประเทศ ขณะท่ีซูดานใต้ และโซมาเลีย ถูกจดั ใหเ้ ป็ นประเทศที่มีปัญหาคอร์รัปชนั มากที่สุด ดว้ ยคะแนน
9 และ 12 คะแนนตามลาดับ สาหรับประเทศไทยจดั ให้อยู่ท่ีอนั ดับ 96 ใน ค.ศ. 2017 จากคะแนนความ
โปร่งใส 37 เต็ม 100 เท่ากบั อินโดนีเซีย ซ่ึงถือวา่ สูงกวา่ ปี ค.ศ. 2016 ท่ีไดค้ ะแนน 35 แต่ก็ยงั ต่ากว่าคะแนน
เม่ือปี ค.ศ. 2015 ท่ีไดไ้ ป 38 คะแนน โดยประเทศในอาเซียนท่ีไดค้ ะแนนสูงสุด คือสิงคโปร์ซ่ึงอยใู่ นอนั ดบั ที่
6 ดว้ ยคะแนน 84 (Transparency International Corruption Perceptions Index, 2017, pp. 3-4)

คณะรัฐศาสตร์และนิตศิ าสตร์ มหาวทิ ยาลยั บูรพา 39

พชรดนยั วชั รธนพฒั น์ธาดา

สถานการณ์ของการทุจริตของประเทศไทย มีรูปแบบโครงสร้างและความสัมพนั ธ์ที่หลากหลาย
และซบั ซอ้ นมากข้ึน รวมถึงพลวตั รในดา้ นต่าง ๆ ของสังคมยงั มีผลกระทบที่ส่งผลใหร้ ูปแบบของการทุจริต
มีการเปลี่ยนแปลงและกลายพนั ธุ์อยู่ตลอดเวลา ทาให้เกิดความยุ่งยากและลาบากต่อการสังเกตการณ์
การตรวจสอบ และการช้ีมูลความผิดเพ่ือดาเนินการลงโทษ รัฐบาลไทยไดม้ ีการกาหนดยทุ ธศาสตร์ชาติวา่
ดว้ ยการป้องกนั และปราบปรามการทุจริต ระยะท่ี 3 (พ.ศ.2560 - 2564) เพ่ือแสดงให้เห็นถึงความพยายามใน
การกาหนดนโยบายและมาตรการในการป้องกนั การทุจริตคอร์รัปชนั ซ่ึงการกาหนดยุทธศาสตร์ชาติวา่ ดว้ ย
การป้องกนั และปราบปรามการทุจริต โดยในยุทธศาสตร์ที่ 2 มีการยกระดบั เจตจานงทางการเมืองในการ
ต่อตา้ นการทุจริตน้ัน ประชาชนทุกกลุ่มทุกฝ่ ายต่างมีขอ้ เรียกร้อง คือการต่อตา้ นการทุจริตของรัฐบาลและ
เจา้ หน้าที่ของรัฐ สกดั ก้นั การทุจริตเชิงนโยบาย ซ่ึงการทุจริตเชิงนโยบายเป็ นปัญหาที่พบมากข้ึนท้งั การ
กาหนดนโยบายของพรรคการเมือง การใชอ้ านาจอย่างไม่โปร่งใสก่อให้เกิดผลเสียต่อการพฒั นาเศรษฐกิจ
และสงั คมของประเทศ (สานกั งานคณะกรรมการป้องกนั และปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ, 2560, หนา้ 5)

จากผลการสารวจของท้ังองค์กรนานาชาติ และการสารวจภายในประเทศ สะทอ้ นให้เห็นถึง
สถานการณ์การทุจริตการคอร์รัปชันที่เกิดข้ึนในประเทศไทย ซ่ึงประชาชนบางส่วนให้การยอมรับ
ในค่านิยมที่จะสนบั สนุนการทุจริตการคอร์รัปชนั เพื่อเขา้ ถึงการรับบริการท่ีมีความสะดวกรวดเร็ว อีกท้งั
สามารถเข้าถึงการได้รับการบริการอย่างอภิสิทธ์ิชน ในขณะเดียวกัน ข้าราชการ หรือเจา้ หน้าที่ของรัฐ
บางส่วน ผูป้ ฏิบตั ิหน้าท่ีในการให้บริการไดใ้ ช้โอกาสเพ่ือเขา้ ถึงผลประโยชน์ท่ีตนจะแสวงหาไดจ้ ากการ
ปฏิบตั ิหน้าท่ี อนั นามาซ่ึงการทุจริตการคอร์รัปชันสะทอ้ นไดจ้ ากสถิติเรื่องร้องเรียนทุจริตท่ีผา่ นมา ที่เขา้
มายงั คณะกรรมการป้องกนั และปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ที่มีมากถึง 6,260 เร่ือง อนั ประกอบ
ไปดว้ ยเร่ืองร้องเรียนการทุจริตมากท่ีสุด สถิติเร่ืองร้องเรียนทุจริตองคก์ รปกครองส่วนทอ้ งถ่ิน ยอ้ นหลงั 5 ปี
มีเร่ืองร้องเรียนที่เข้ามามีจานวนที่เพิ่มมากข้ึนทุกปี สาหรับในปี 2557 มีเรื่องร้องเรียนใหม่ต้งั แต่เดือน
มกราคม 2557 ถึงเดือนสิงหาคม 2557 จานวน 1,191 เร่ือง โดยเป็ นเร่ืองร้องเรียนเก่าจากปี ท่ีผ่านมา 5,069
เรื่อง สะทอ้ นให้เห็นถึงปัญหาการบริหารงานทอ้ งถ่ิน โดยเฉพาะอยา่ งยงิ่ การทุจริตในการจดั ซ้ือจดั จา้ งภาครัฐ
ท่ีมีจานวนที่สูงมาก เมื่อเทียบกบั เร่ืองร้องเรียนท่ีอยู่ระหว่างการดาเนินการของ ป.ป.ช. กว่า 7,000 เร่ือง
นอกจากน้ีขอ้ มูลการมีส่วนร่วมขององค์กรปกครองส่วนทอ้ งถ่ิน ในการเขา้ ร่วมโครงการส่งเสริมทอ้ งถิ่น
ปลอดทุจริตในปี 2557 มีจานวน 48 แห่ง สมคั รเขา้ รับการคดั เลือกให้เป็ นองคก์ รปกครองส่วนทอ้ งถ่ินดีเด่น
การป้องกนั การทุจริต จากท้งั หมด 7,853 ทว่ั ประเทศ ไม่ถึงร้อยละ 1 ท่ีสมคั รใจเขา้ ร่วมโครงการปลอดทุจริต
สัดส่วนดงั กล่าวสะทอ้ นการให้ความสาคญั ของค่านิยมในการต่อตา้ นการทุจริตไดอ้ ยา่ งชดั เจน (สานกั งาน
คณะกรรมการป้องกนั และปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ, 2557, หนา้ 8)

40 วารสารการเมือง การบริหาร และกฎหมาย ปี ท่ี 12 ฉบับที่ 2


Click to View FlipBook Version