The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

ปีที่ 12 ฉบับที่ 2 พฤษภาคม - สิงหาคม 2563

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search

วารสารการเมือง การบริหารและกฎหมาย

ปีที่ 12 ฉบับที่ 2 พฤษภาคม - สิงหาคม 2563

CHAPTER 3

ผบู้ ริหารระดบั ตน้ ของ สตม. ท่านหน่ึงท่ีมีประสบการณ์การลงพ้ืนที่ด่านตรวจคนเขา้ เมืองทางบก
ทวั่ ประเทศและออกแบบข้นั ตอนการทางานของเจา้ หนา้ ที่ตรวจคนเขา้ เมือง กล่าววา่

“จุดตรวจผ่านแดนถาวรทางบก เปรียบเป็ นจุดผ่านแดนระหว่างประเทศ ท่ีต้องใช้หลักสากลใน
การตรวจหนังสือเดินทางของผ้เู ดินทางเน่ืองจากเป็ นเครื่องหมายยืนยันอัตลักษณ์ความเป็ นตัวตนของบุคคล
(Personal Identify)น้ัน ๆ หนังสือเดินทางมีระบบรักษาความปลอดภัยของเอกสาร (Security Feature) ตาม
ข้อกาหนดพืน้ ฐานของ กรมการบินพลเรือนระหว่างประเทศ (ICAO) และหนังสือเดินทางเป็ นหลักการรับรู้
สากลในการเดินทางข้ามระหว่างประเทศ แต่ตาม พ.ร.บ. คนเข้าเมือง ได้อานวยความสะดวกให้คนไทยและ
คนสัญชาติของประเทศเพ่ือนบ้านให้สามารถใช้ บัตรผ่านแดนเข้า ออกผ่านแดนได้ ในพื้นท่ีจากัด โดยมี
ความตกลงระหว่างประเทศเพ่ือนบ้าน และกาหนดรูปแบบเอกสาร ข้อความบังคับให้เหมือนกนั แต่การผลิต
บัตรผ่านแดน ไม่มีมาตรฐานสากล ไม่มีการควบคุมระดับความปลอดภัยของเอกสาร(Security Feature) ใน
การปลอมแปลงเอกสาร ไม่สามารถยืนยันความถูกต้องเอกสารได้ สตม. จึงได้พัฒนาระบบเทคโนโลยใี ช้
ระบบชีวภาพ เช่น ลายพิมพ์ลายนิว้ มือ ในพืน้ ท่ีด่านที่มีศักยภาพทางเศรษฐกิจ ขณะเดียวกันผู้มีอานาจการ
ออกเอกสารเดินทางของประเทศไทย เป็นหน่วยงานที่แตกต่างกัน เช่น การออกหนังสือเดินทาง เป็ นหน้าท่ี
ของ กรมการกงสุลกระทรวงต่างประเทศ การออกบัตรผ่านแดน เป็ นหน้ าที่ของกรมการปกครอง
กระทรวงมหาดไทย โดย สตม.ไม่มีฐานข้อมูลของเอกสารเดินทางของตนเอง ต้องอาศัยการเชื่อมโยงข้อมูล
จากกระทรวงต่างประเทศ” (สมั ภาษณ์เม่ือวนั ที่ 22 เมษายน 2560)

ผบู้ ริหารระดบั กลางของ สตช. ท่านหน่ึงถึงการแบ่งปันขอ้ มูล นอกจากในระบบของเทคโนโลยี
สานสนเทศแล้ว ตอ้ งนาขอ้ มูลเหล่าน้นั มาวิเคราะห์ใช้งานและสร้างเครือข่ายขอ้ มูลข่าวกรองที่เช่ือมถือได้
ระหวา่ งประเทศ ท่านกล่าวไว้ วา่

“Network Exploiting การใช้ประโยชน์จากเครือข่าย สร้ างเครือข่ายระหว่างประเทศในการบริหาร
จัดการชายแดน Information ข้อมลู ข่าวเปิ ด Intelligence ข้อมลู จากฐานข้อมูล ลงพืน้ ท่ีหาข้อมูล สะกดรอย
ผ่านการวิเคราะห์ ต้องแบ่งปันระหว่างหน่วยงาน ซึ่ งอาศัย ความไว้วางใจระหว่างตัวบุคคล (Trust)
โดยบริหารเครือข่ายด้วยวิธี Proactive ขับเคลื่อน สนับสนุนจากผู้บริหารระดับสูง” (สัมภาษณ์เมื่อวนั ท่ี 6
มกราคม 2560)

3.ปัญหาดา้ นทรัพยากรบุคคล เช่น การขาดความเขา้ ใจการรับรู้เก่ียวกบั การบริหารจดั การชายแดน
และระบบการบริหารบุคลากรใน สตม. ใชร้ ะบบแต่งต้งั สรรหาจากระบบอุปถมั ภ์ ไม่ใช่ระบบคุณธรรม

นกั วชิ าการท่านหน่ีงกล่าวกบั ผวู้ จิ ยั วา่
“รัฐบาลไทยไม่รู้และไม่เข้าใจเกี่ยวกับภารกิจการบริหารจัดการชายแดน (Border Affaire หรือ
Border Control) ด้านความมั่นคง เป็ นปัญหาภาครัฐระดับนโยบายที่ไม่ได้นาไปปฏิบัติได้จริง ผู้ออกแบบ
นโยบายและประสานนโยบาย คือ สานักงานสภาความม่ันคงไม่เข้าใจยุทธศาสตร์ และผลักดันนโยบายให้

คณะรัฐศาสตร์และนิตศิ าสตร์ มหาวทิ ยาลยั บูรพา 91

ธรรม์มยรุ า สุรัตสิ ุพพตั / ธีรพงษ์ บัวหล้า

ฝ่ ายปฏิบัติได้ใช้จริง และกระทรวงต่างประเทศกเ็ ป็ นหน่วยงานท่ีมีบทบาทสาคัญเก่ียวกับการบริหารจัดการ
ชายแดน เพราะเป็นหน่วยงานแรกที่อนญุ าตให้คนสามารถเดินทางเข้าประเทศได้

การแก้ไขการปรับใช้นโยบายในพืน้ ท่ีชายแดน เป็นการแก้ไขจากผ้นู าหน่วยงานในพืน้ ที่ชายแดน
โดยอาศยั ภาวะผ้นู าของหน่วย การควบคุมพืน้ บริหารเหตุการณ์” (สัมภาษณ์เม่ือวนั ท่ี 25 มกราคม 2560)

สอดคลอ้ งกบั การใหข้ อ้ มูลของผบู้ ริหารระดบั กลางของ สตม. ไดก้ ล่าวกบั ผวู้ จิ ยั วา่
“การให้นิยามความมั่นคง และความไม่มั่นคง ไม่มีการระบุที่ชัดเจน ทาให้ประเทศไม่มีอานาจ
อธิปไตยในการ บางทีใช้ความรู้สึกในการนิยามความหมายความมั่นคง เช่น การจัดเกบ็ ข้อมลู อาชญากรรม
5 กล่มุ ไม่มกี ารขยายผลการสืบสวนปราบปรามความมน่ั คง
ความมั่นคง นิยาม ได้ท้ังระบบสาธารณสุขและการมาร่ วมใช้ ทรัพยากรของชาติ ถ้าไม่เกิด
อาชญากรรม หรือ ภัยคุกคามจากคนต่างด้าว กจ็ ะไม่รู้สึก
สังคมที่มีคนต่างด้าวอาศัยอยู่ รู้สึ กไม่มั่นคงต่อความปลอดภัยของชีวิตและทรัพย์สิ นจาก
คนแปลกหน้า แตกต่างทางภาษา การจัดเก็บข้อมูลของแรงงานต่างด้าว ต้องเป็ นระบบเพื่อนาไปบริหาร
จัดการให้เกิดความมน่ั คงมากขึน้ ” (สมั ภาษณ์ทางโทรศพั ทเ์ ม่ือวนั ท่ี 29 มีนาคม 2560)
ผบู้ ริหารระดบั สูงของ สตม. ทา่ นหน่ึงไดก้ ล่าวกบั ผวู้ จิ ยั วา่
“โครงสร้ างของหน่วยงานราชการไม่ได้มีปัญหา แต่ปัญหา คือ ระบบการแต่งต้ัง การสรรหา
บุคลากร เจ้าหน้าท่ีเป็ น เจ้าหน้าท่ีตรวจคนเข้าเมือง ต้อง เป็ นคนที่มีพืน้ ฐานภาษาอังกฤษ ทักษะวิชาชีพงาน
ตรวจคนเข้าเมือง เช่น องค์ความรู้ด้านการตรวจเอกสารการเดินทาง การตรวจสอบการตรวจลงตรา (Visa)
และต้องวางระบบของเส้นทางก้าวหน้าในสายอาชีพของเจ้าหน้าท่ีตรวจคนเข้าเมืองที่ชัดเจน” (สัมภาษณ์
เมื่อวนั ที่ 4 เมษายน 2560)
เพื่อแกไ้ ขปัญหาขา้ งตน้ ผศู้ ึกษาไดน้ าเสนอมาตรการรักษาความมน่ั คงในกระบวนการของระบบ
ตรวจคนเขา้ และ ออก เมืองท่ีเหมาะสม จานวน 9 มาตรการ ดงั ต่อไปน้ี

1) การจดั พ้ืนที่รักษาความมน่ั คงของหน่วยงาน ไอ ซี คิว (Immigration Customs Quarantine)
เพ่อื สร้างมาตรการคดั กรองความมนั่ คงตามลาดบั ต้งั แต่กระบวนการคดั กรองโรคของผคู้ นเดินทางบริเวณขา
เข้า เพื่อป้องกันโรคระบาดในช่วงฤดูกาลน้ัน ๆ เช่น กรณีไข้หวดั นก โรคปากมือเท้าในเด็ก หรือโรค
ตอ้ งหา้ มตามประกาศกระทรวงสาธารณสุข เช่น โรควณั โรค โรคซิฟิ ลิส หรือ โรคติดตอ่ จากบางพ้ืนท่ีซ่ึงตอ้ ง
มีเอกสารควบคุม เช่น โรคไขเ้ หลือง ผูเ้ ดินทางผา่ นประเทศในทวปี แอฟริกาใตท้ ุกคนตอ้ งผา่ นการฉีดวคั ซีน
โดยมีหนงั สือรับรอง หากไม่มีจะตอ้ งไดร้ ับการฉีดวคั ซีนโดยเจา้ หน้าที่กกั กนั โรค เมื่อผา่ นกระบวนการคดั
กรองโรคเรียบร้อย

เจา้ หน้าที่ตรวจคนเขา้ เมือง ตอ้ งดาเนินการพิธีการตรวจคนเขา้ เมือง โดยตรวจสอบหนังสือ
เดินทางหรือเอกสารการเดินทางประเภทต่าง ๆ และพิสูจน์ความเป็นตวั ตนของผถู้ ือเอกสารการเดินทาง และ

92 วารสารการเมือง การบริหาร และกฎหมาย ปี ที่ 12 ฉบับท่ี 2

CHAPTER 3

ตรวจอนุญาตตามประเภทการตรวจลงตรา หรือ วซี ่าที่ไดร้ ับ และตรวจสอบลกั ษณะพฤติกรรมของผเู้ ดินทาง
วา่ เป็นบุคคลตอ้ งหา้ มตาม พ.ร.บ. คนเขา้ เมือง พ.ศ. 2522 มาตรา 12 หรือไม่

นอกจากเจา้ หน้าท่ีตรวจคนเข้าเมืองจะทาหน้าท่ีตรวจสอบ คดั กรอง สตม.ได้จดั ระบบการ
จดั เก็บขอ้ มูลโดยการใชเ้ ทคโนโลยีสารสนเทศเขา้ มาจดั การ เพ่ือช่วยในการบนั ทึกขอ้ มูลการเดินทางเขา้ และ
ออก การบนั ทึกขอ้ มูลจากปกหนงั สือเดินทางในส่วนขอ้ มูลส่วนตวั และภาพถ่ายโดยเครื่องสแกนปกหนงั สือ
เดินทาง ที่ทาหน้าท่ีอ่านขอ้ มูลและบนั ทึกเขา้ ระบบ พร้อมการประมวลผลตวรจสอบสถานะบุคคลตอ้ งห้าม
เขา้ หรือ ออกประเทศ หรือเป็ นบุคคลตามหมายจบั หรือ บุคคลเฝ้าระวงั เม่ือผา่ นระบบตรวจสอบคดั กรอง
ตามข้นั ตอนท้งั หมด เจา้ หนา้ ท่ีตรวจคนเขา้ เมืองจะประทบั ตราอนุญาตลงบนหนงั สือเดินทาง เพ่ือแสดงวนั
อนุญาตและระยะเวลาที่สามารถพกั ในประเทศไทย ซ่ึงเครื่องหมายของตราประทบั เหล่าน้ี จะสามารถถูก
ตรวจสอบจากเจา้ หนา้ ที่ตรวจคนเขา้ เมืองท่ีปฏิบตั ิหนา้ ที่สืบสวนและปราบปรามเพ่ือควบคุมการพกั อาศยั ใน
พ้นื ที่ได้

แต่ก่อนออกพ้ืนที่จุดตรวจผ่านแดน ผูเ้ ดินทางจาเป็ นต้องสาแดง สัมภาระ สิ่งของติดตัว
ตอ้ งไดร้ ับการตรวจากเจา้ หนา้ ที่ศุลกากร เพอ่ื ป้องกนั การลกั ลอบสินคา้ ผดิ กฎหมาย ทุกคร้ัง

2) การจดั พ้ืนท่ีการตรวจสอบและควบคุมร่วมระหว่างประเทศ (CCA: Common Control
Area) ตาม พ.ร.บ. อานวยความสะดวก พ.ศ. 2556 ไดร้ ะบุพ้ืนท่ีการตรวจร่วมระหวา่ งประเทศข้ึน เพ่ือสร้าง
พ้ืนท่ีการตรวจในคร้ังเดียวระหวา่ ง เจา้ หนา้ ที่ภาครัฐของท้งั สองประเทศ ที่มีชายแดนติดกบั ประเทศไทยมี
การประกาศใช้ในพ้ืนท่ีชายแดนจงั หวดั มุกดาหารเพียงแห่งเดียว ซ่ึงหากมีพ้ืนท่ีการตรวจสอบและควบคุม
ร่วมระหวา่ งประเทศเกิดข้ึนและมีการบงั คบั ใช้กฎหมายจริงจะทาให้เจา้ หนา้ ที่สะดวกในการปฏิบตั ิหนา้ ที่
รักษาความมน่ั คงและเป็ นการอานวยความสะดวกทางการคา้ ชายแดน เพราะลดเวลาและข้นั ตอนในพิธีการ
ตรวจคนเขา้ เมือง

3) ระบบการตรวจคัดกรองข้อมูลทางชีวภาพ (Biometric Scanning System) เน่ื องจาก
ภยั คุกคามท่ีเปลี่ยนแปลงรูปแบบ มีความหลากหลายและซบั ซอ้ น กอปรกบั พลงั ขบั เคลื่อนของปรากฎการณ์
โลกาภิวตั น์ ทาใหก้ ารเคล่ือนยา้ ยของผคู้ นท้งั ระยะส้นั ระยะยาว มีการเดินทางผา่ นจุดตรวจผา่ นแดนบ่อยคร้ัง
ข้ึน เกิดการซ้าไปซ้ามาของผูผ้ ่านแดน เช่น นักท่องเที่ยว นักธุรกิจในท้องถิ่น แรงงานในพ้ืนท่ีชายแดน
มีความจาเป็ นตอ้ งใชร้ ะบบฐานขอ้ มูลและการตรวจสอบทางชีวภาพมาใชใ้ นการคดั กรองบุคคลเขา้ และออก
ประเทศ ไดแ้ ก่ รูปภาพถ่าย ลายพิมพน์ ิ้วมือ ม่านตา เคา้ โครงหนา้ ในการจดจาภาพของผเู้ ดินทางจากขอ้ มูล
ในหนังสือเดินทาง ต้องใช้ร่วมกับเคร่ืองมือท่ีใช้เทคโนโลยีข้ันสูงและระบบฐานข้อมูลความมั่นคง
การจดั เก็บขอ้ มูลส่วนบุคคลเชิงประชากรศาสตร์ตอ้ งเก็บขอ้ มูลที่มีความละเอียดสูง เพื่อการตรวจสอบและ
ยืนยนั ความเป็ นตวั ตนของบุคคล ด้วยการใช้ข้อมูลทางชีวภาพจากส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย ซ่ึงมนุษยม์ ี
อตั ลกั ษณ์เฉพาะตวั ท่ีแตกตา่ งกนั

คณะรัฐศาสตร์และนติ ศิ าสตร์ มหาวทิ ยาลยั บูรพา 93

ธรรม์มยรุ า สุรัตสิ ุพพตั / ธีรพงษ์ บวั หล้า

สอดคลอ้ งกบั ความหมายจุดตรวจประเภทท่ี 3 ของโทมสั เนล ท่ีให้ความสาคญั กบั จุดตรวจ
ของขอ้ มูล (Information Checkpoint) ) ที่ตอ้ งเก็บขอ้ มูลเชิงประชากรศาสตร์ ท้งั ที่เป็ นบุคคลสัญชาติตนและ
บุคคลตา่ งสญั ชาติ เพ่อื เป็ นการป้องกนั ภยั คุกคามรูปแบบใหม่ จากพฤติกรรมการคา้ มนุษยใ์ นเดก็ สตรี การคา้
ยาเสพติด การลกั ลอบคนขนเขา้ เมือง ขา้ มแดน โดยปกติอาชญากรจะพยายามซ่อนตวั ตนท่ีแทจ้ ริง เช่น กรณี
สัญชาติเวียดนามพ่ีสาวถือหนังสือเดินทางของน้องสาว ที่มีรูปร่างหน้าตาคล้อยกนั เพื่อมุ่งหวงั ลกั ลอบ
เข้าเมืองเข้ามาทางานในประเทศไทย บางกรณี เป็ นการนาหนังสื อเดินทางท่ีแจ้งสู ญหาย ลักขโมย
ปลอมแปลงเอกสารประจาตวั มาใชใ้ นขบวนการอาชญากรรมขา้ มชาติ เพ่ือให้ง่ายต่อการหลบเลี่ยง ในการ
ตรวจสอบของเจา้ หนา้ ที่รักษาความมน่ั คง

กรณีประเทศสิงคโปร์* มีระบบควบคุมผูเ้ ดินทางเข้าออกข้ามแดนเป็ นประจาทุกวนั เช่น
ผูเ้ ดินทางเพื่อมาศึกษาและมาทางานจากประเทศมาเลเซีย ไดท้ าระบบการลงทะบียน ถ่ายภาพ และขอ้ มูล
ส่วนตวั ของผูเ้ ดินทาง และออกบตั รประจาตวั เพื่อใช้แสกนผ่านเขา้ ออกประเทศ ณ ช่องตรวจอตั โนมตั ิ
โดยใช้บตั รประจาตวั และลายพิมพน์ ิ้วมือ โดยไม่จาเป็ นตอ้ งมีเจา้ หน้าที่ตรวจคนเขา้ เมืองประจาช่องทาง
สัญจร

4) ระบบการบริหารจัดการเทคโนโลยีสารสนเทศอย่างมีเอกภาพ (Integrate Information
Technology Management System) การบริหารจดั การพ้ืนที่ความมนั่ คงโดยใชเ้ ทคโนโลยีสารสนเทศต้งั แต่
การมีคอมพิวเตอร์เพ่ือบนั ทึกขอ้ มูล เครื่องอ่านหนังสือเดินทาง กลอ้ งถ่ายภาพ ระบบสแกนขอ้ มูลชีวภาพ
การจดั เก็บขอ้ มูลอยา่ งเป็นระบบการบริหารฐานขอ้ มูลการเช่ือมโยงขอ้ มูลระหวา่ งหน่วยงาน และช่วยในการ
ตรวจสอบ คดั กรองบุคคล สิ่งของ สินคา้ ที่ขา้ มพรมแดน ช่วยอานวยความสะดวกในการบริการใหด้ ีข้ึน

5) โครงสร้างเชิงสถาปัตยกรรมช่วยส่งเสริมการรักษาความมนั่ คง (Architecture Structure
Security Control) โครงสร้างของจุดตรวจผา่ นแดนท่ีเหมาะสมตอ้ งไดร้ ับการออกแบบทางสถาปัตยกรรม
ดงั น้ี

5.1 แยกช่องทางคน รถ ชดั เจน มีทางบงั คบั การเดินทางชดั เจน 5.2 ไม่เป็ นอุปสรรคในการ
ให้บริการประชาชนในเวลาหนาแน่น 5.3โครงหลงั คา ท่ีกาบงั แดด ฝนให้กบั ผูเ้ ดินทาง 5.4 เคาน์เตอร์
เจา้ หนา้ ที่ ตม. ศุลกากร มีลกั ษณะมนั่ คง สูงขม่ มองเห็นลกั ษณะและพฤติกรรมของผเู้ ดินทางชดั เจน

6) การตรวจสอบสังเกตการณ์ (First Checking) ไดแ้ ก่ 6.1 การจดั ระบบกลอ้ งวงจรปิ ดพร้อม
ห้องควบคุมส่วนกลางของจุดตรวจผา่ นแดน 6.2 เจา้ หนา้ ท่ีนอกเคร่ืองแบบเพื่อตรวจสอบคดั กรองเบ้ืองตน้
เมื่อเห็นพฤติการณ์ที่น่าจะเป็ นภยั ต่อพ้ืนที่จุดตรวจ 6.3 เจา้ หน้าท่ีในเคร่ืองแบบ เพ่ือตรวจสอบความพร้อม
ของเอกสารการเดินทาง

* การศึกษาดูงานของผเู้ ขียนที่ ด่าน Wood land Checkpoint ประเทศสิงคโปร์ เมื่อ ตุลาคม 2559

94 วารสารการเมือง การบริหาร และกฎหมาย ปี ที่ 12 ฉบับที่ 2

CHAPTER 3

7) ห้องสอบปากคาสอบสวน (Inquiry Station) การบริหารจดั การพ้ืนที่ความมน่ั คงโดยจดั พ้ืน
ให้มีหอ้ งสอบปากคาหรือสอบสวนเม่ือพบปัญหาในพ้ืนท่ีควบคุมจากเจา้ หนา้ ท่ีสุ่มตรวจ หรือ จากพ้ืนที่ช่อง
ตรวจเม่ือพบปัญหาดา้ นเอกสารการเดินทางหรือมีพฤติกรรมน่าสงสยั หรือจากพ้ืนท่ีตรวจสอบสัมภาระ

8) พ้ืนที่จดั ต้งั เครื่องเอกซเรย์ (X-ray Scanning Area) การจดั เคร่ืองเอกซเรย์ เพ่ือตรวจสอบ
ส่ิงของสัมภาระของผเู้ ดินทางในพ้ืนที่จุดตรวจเป็ นการป้องกนั ปัญหาการก่อการร้าย การนาเขา้ วตั ถุอนั ตราย
ในพ้นื ที่จุดตรวจหรือนาเขา้ ประเทศ

และ 9) ทกั ษะของเจา้ หน้าท่ีตรวจคนเขา้ เมืองดา้ นงภาษาทอ้ งถิ่นและภาษาองั กฤษและทกั ษะ
ทางคอมพิวเตอร์ (Staff: Language/IT Skills) 9.1 เจา้ หนา้ ท่ีสามารถส่ือสารภาษาทอ้ งถ่ินมีมากกวา่ ร้อยละ 10
9.2 เจา้ หนา้ ท่ีสามารถสื่อสารภาษาองั กฤษมีมากกวา่ ร้อยละ 100 และ 9.3 เจา้ หนา้ ที IT ไมน่ อ้ ยกวา่ ร้อยละ 1

บทสรุป

ยทุ ธศาสตร์การพฒั นาด่านตรวจคนเขา้ เมืองกบั การรักษาความมน่ั คงในพ้ืนที่จุดผา่ นแดนทางบก
ของประเทศไทย เป็นนโยบายของรัฐที่มุ่งเพื่อรักษาผลประโยชน์แห่งชาติ ใน 2 มิติ ไดแ้ ก่ มิติทางดา้ นความ
มนั่ คงและมิติทางเศรษฐกิจ เนื่องจากพ้ืนท่ีชายแดนที่เป็ นพ้ืนที่ของการแบ่งแยกเป็ นสองส่วนระหวา่ งพ้ืนท่ี
ของประเทศไทยและประเทศเพื่อนบา้ น มีความเป็ นพลวตั สูงท้งั ดา้ นการเคล่ือนยา้ ยของสินคา้ ผา่ นแดนเพ่ือ
นาเขา้ และส่งออกระหวา่ งประเทศและผา่ นแดนไปยงั ประเทศท่ีสามและการดินทางผา่ นไปมาของผเู้ ดินทาง
ขา้ มแดนในฐานะนกั ท่องเท่ียว นกั ธุรกิจระดบั ทอ้ งถ่ิน ระดบั ภูมิภาคและระดบั โลกอาจเดินทางผา่ นจุดตรวจ
ผ่านแดนเพียงคร้ังเดียวหรือหลายคร้ัง เน่ืองจากลกั ษณะท่ีต้งั เชิงภูมิรัฐศาสตร์ของประเทศไทยเป็ นพ้ืนท่ี
รอยต่อกบั ประเทศเพ่ือนบา้ นท่ีมีพรมแดนเชื่อมต่อทางบกจานวน 4 ประเทศ ไดแ้ ก่ ลาว กมั พูชา เมียนมาร์
และมาเลเซีย มีจุดผ่านแดนถาวรท่ีเป็ นจุดผ่านแดนระหว่างประเทศ ทางบก จานวน 36 ด่านตรวจ อาศยั
อานาจของรัฐมนตรีมหาดไทยประกาศพ้ืนท่ีจุดตรวจผา่ นแดนถาวร เป็ นเสมือนการยกระดบั ด่านตรวจน้นั ๆ
เป็ นจุดตรวจผา่ นแดนระหวา่ งประเทศซ่ึงตอ้ งมีเจา้ หน้าที่ตรวจคนเขา้ เมือง เจา้ หนา้ ที่ศุลกากรและเจา้ หนา้ ที่
กกั กนั โรค พืชและสัตว์ เขา้ ปฏิบตั ิหนา้ ที่บงั คบั ใชก้ ฎหมาย เพื่อรักษาความมน่ั คงในพ้ืนท่ีจุดตรวจผา่ นแดน
ถาวร โดยร่วมทาหน้าท่ีคดั กรอง คน สินค้า ที่ถูกกฎหมายเขา้ ประเทศและปฏิเสธเมื่อเป็ นภยั คุกคามต่อ
ความมน่ั คง

ดว้ ยจานวนจุดตรวจผ่านแดนถาวรมีหลายจุด มีความแตกต่างทางพ้ืนที่ต้งั ลกั ษณะภูมิประเทศ
โครงสร้างทางกายภาพ ประชากร เช้ือชาติ ภาษา วฒั นธรรม และสินคา้ ทางเศรษฐกิจ เพือ่ ยกระดบั การรักษา
ความมน่ั คงประเทศและอานวยความสะดวกทางการคา้ สร้างมูลค่าเพ่ิมทางเศรษฐกิจ การสร้างมาตรการ
รักษาความมน่ั คงในกระบวนการของระบบตรวจคนเขา้ และ ออก เมืองที่เหมาะสม เพ่ือเป็ นการยกระดบั

คณะรัฐศาสตร์และนติ ศิ าสตร์ มหาวทิ ยาลยั บูรพา 95

ธรรม์มยุรา สุรัตสิ ุพพตั / ธีรพงษ์ บวั หล้า

ยทุ ธศาสตร์การพฒั นาด่านตรวจคนเขา้ เมือง และเพ่ือตอบโจทยข์ องปัญหา 3 ประเด็น อนั ไดแ้ ก่ 1. ปัญหา
ดา้ นโครงสร้าง ท้งั ดา้ นโครงสร้างกายภาพของจุดตรวจผา่ นแดนทางบกและโครงสร้างของระบบเทคโนโลยี
สารสนเทศ 2. ปัญหาปัญหาการจดั ความสัมพนั ธ์เชิงอานาจของหน่วยงานรักษาความมนั่ คงในพ้นื ท่ีจุดตรวจ
ผ่านแดนถาวรทางบก เช่น ปัญหาอานาจ บทบาท และ ภารกิจทางความมนั่ คงของเจา้ หน้าที่ปฏิบตั ิงาน
บริเวณจุดตรวจผ่านแดนซ้าซ้อน และยึดติดกบั แนวคิดตามอานาจหนา้ ท่ีในกฎหมาย ไม่มีการประสานงาน
ระหวา่ งกนั และ 3. ปัญหาดา้ นทรัพยากรบุคคล

บทความน้ีจึงนาเสนอมาตรการรักษาความมนั่ คงในกระบวนการของระบบตรวจคนเขา้ และออก
เมืองท่ีเหมาะสม จานวน 9 มาตรการ ดงั ตอ่ ไปน้ี

1) การจดั พ้ืนที่รักษาความมัน่ คงของหน่วยงาน ไอ ซี คิว (Immigration Customs Quarantine)
2) การจดั พ้ืนท่ีการตรวจสอบและควบคุมร่วมระหวา่ งประเทศ (CCA: Common Control Area) 3) ระบบการ
ตรวจคัดกรองข้อมูลทางชีวภาพ (Biometric Scanning System) 4) ระบบการบริหารจดั การเทคโนโลยี
สารสนเทศอย่างมีเอกภาพ (Integrate Information Technology Management System) 5) โครงสร้างเชิง
สถาปั ตยกรรมช่วยส่ งเสริ มการรักษาความมั่นคง (Architecture Structure Security Control) 6) การ
ตรวจสอบสังเกตการณ์ (First Checking) 7) ห้องสอบปากคาสอบสวน (Inquiry Station) 8) พ้ืนที่จัดต้ัง
เคร่ืองเอกซเรย์ (X-ray Scanning Area) 9) ทักษะของเจ้าหน้าท่ีตรวจคนเข้าเมืองด้านภาษาท้องถ่ินและ
ภาษาองั กฤษ ทกั ษะงานตรวจคนเขา้ เมืองและทกั ษะทางคอมพิวเตอร์ (Staff : local and English Language/
IT Skills) และการเสริมสร้างจิตสานึกตอ่ หนา้ ท่ีในการรักษาความมน่ั คง

96 วารสารการเมือง การบริหาร และกฎหมาย ปี ท่ี 12 ฉบับท่ี 2

CHAPTER 3

รายการอ้างองิ

ชาญวิทย์ เกษตรศิริ และกาญจนี ละอองศรี. (2553). รัฐชาติ-พรมแดน : ความขดั แย้งและข้อยตุ ิบนเส้นทาง
สันติภาพอาเซียน Nation-state and Their Borders :Conflicts and Resolutions. กรุงเทพฯ: มูลนิธิ
โตโยตา้ ประเทศไทย.

สุกญั ญา มกราวธุ และอรณญั ช์ สุขเกษม. (2558). อัจฉริยะ 100 หน้า การเมืองการปกครอง (พมิ พค์ ร้ังที่ 2)
กรุงเทพฯ: อมั รินทร์.

สุวทิ ย์ เมษินทรีย.์ (2556). โลกเปลยี่ น ไทยปรับ. กรุงเทพฯ: ดบั บลิวพเี อส ประเทศไทย.
Btihaj Ajana. (2013). Governing Through Biometrics The Biopolitics of Identity. New

York: Palgrave Macmillan.
Ohmaae, K. (1995). The End of the Nation State:The Rise of the Regional Economies. New York:The

Free Press.
Nail, T. (2016). Theory of the Border. New York: Oxford University Press.
Hammar, T. (1992). Law and Policies Regulating Population Movement: A Europe Perspective. In M. M.

Kritz, L. L. Lim, and H. Zlotnik, (pp. 245-262) International Migration Systems A Global
Approach. New York: Oxford University Press.
U.S. Customs and Border Protection. (2015). Border Security. Retrieved March 8, 2019, from
http://www.cbp.gov/border-security/ports-entry.
Mitsilegas, V. (2015). Immigarion Control in an Era of Globalization: Deflecting Foreigners, Weakening
Citizens, Strengthening the State. Retrieved March 8, 2019, from
http://wwwjstor.org/stable/10.2979/indjgloestu.19.1.3

คณะรัฐศาสตร์และนติ ศิ าสตร์ มหาวทิ ยาลยั บูรพา 97

CHAPTER 4

การปรับตวั ของธุรกจิ หลงั ยุค COVID - 19
Business Adaptation after the COVID - 19 Era

ปาริชาติ คุณปล้ืม (Parichat Kunpluem)
ผชู้ ่วยศาสตราจารย์ ดร., รองคณบดีคณะบริหารธุรกิจ มหาวทิ ยาลยั ศรีปทุม วทิ ยาเขตชลบุรี

Assistant Professor Dr., Associate Dean, School of Business Administration
Sripatum University Chonburi Campus
E-mail: [email protected]

Received: 23 June 2020
Revised: 21 July 2020
Accepted: 3 August 2020

บทคดั ย่อ

แนวปฏิบัติใหม่ (New Normal)เพื่อป้องกันการระบาดของ COVID - 19 ที่คนท่ัวโลกต้อง
ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมหลายอยา่ งพอสรุปไดค้ ือ คนนิยมใส่หนา้ กากอนามยั (Mask) พกแอลกอฮอล์สเปรย์
หรือแอลกอฮอล์เจล คนกลบั มารักษาสุขภาพโดยการออกกาลงั กายกนั มากข้ึน พฤติกรรมการทางานท่ีบา้ น
(Work from Home) การเรี ยนออนไลน์ การประชุ มออนไลน์ การมีระยะห่ างทางสังคม (Social
Distancing) พฤติกรรมการท่องเที่ยวในต่างประเทศจะลดลง การใชร้ ถสาธารณะลดลง พฤติกรรมการซ้ือ
ของออนไลน์เพิ่มข้ึน และการใช้เทคโนโลยีไม่ว่าจะเป็ นคอมพิวเตอร์ โทรศพั ท์มือถือมากข้ึน จากแนว
ปฏิบตั ิใหม่ ท่ีเปลี่ยนไปของมนุษยห์ ลงั จากที่ COVID - 19 ไดอ้ ุบตั ิข้ึนส่งผลกระทบต่อธุรกิจหลายธุรกิจ
โดยขอสรุปเป็ นกลุ่มตามปัจจยั 4 ตามความจาเป็ นในการดารงชีวิตประกอบด้วยกลุ่ม อาหาร ที่อยู่อาศยั
เคร่ืองนุ่งห่ม ยารักษาโรค และอื่น ๆ ดงั น้ี ธุรกิจกลุ่มอาหาร ธุรกิจร้านอาหาร จะมีท้งั รับประทานที่ร้าน และ
มีท้งั การสั่งอาหารออนไลน์ เมื่อธุรกิจอาหารขายดี ธุรกิจท่ีเกี่ยวขอ้ งจะตามมา เช่น ธุรกิจกล่องใส่อาหาร
รูปแบบตา่ ง ๆ ธุรกิจสติ๊กเกอร์ที่แปะบนกล่องอาหาร และธุรกิจการขนส่งสินคา้ เป็นตน้ ธุรกิจกลุ่มที่อยอู่ าศยั
ธุรกิจการสร้างบา้ น คอนโดมิเนียม จะตอ้ งมีการสร้างห้องทางานเพ่ือรองรับการทางานที่บ้าน หรือเรียน
ออนไลน์ ธุรกิจขายของตกแต่งบา้ นจะดีข้ึน โปรแกรมประชุมออนไลน์ การเรียนออนไลน์ จะขายดีและมี
ตวั เลือกมากข้ึนมีฟังก์ชนั ท่ีพฒั นาอยา่ งรวดเร็วเพ่ือตอบสนองความตอ้ งการของผูใ้ ชใ้ นกลุ่มต่าง ๆในอนาคต
อาจอาจมีซอฟตแ์ วร์ที่ช่วย (Support) ในแต่ละอาชีพที่ทางานที่บา้ น และซอฟตแ์ วร์บางตวั ท่ีช่วยการเรียนใน

คณะรัฐศาสตร์และนติ ศิ าสตร์ มหาวทิ ยาลยั บูรพา 99

ปาริชาติ คุณปลื้ม

แต่ละสาขาวิชาได้อย่างเฉพาะเจาะจง ธุรกิจขายอุปกรณ์ที่เก่ียวข้องกบั การทางานท่ีบ้าน และการเรียน
ออนไลน์ อุปกรณ์เหล่าน้ีจะจาหน่ายได้มากยิ่งข้ึนเพราะกลายเป็ นส่ิงจาเป็ นท่ีทุกบ้านตอ้ งมี ธุรกิจกลุ่ม
เคร่ืองนุ่งห่ม ธุรกิจขายเส้ือผา้ เครื่องแต่งกาย เคร่ืองประดับ จะมีการใช้แอปพลิเคช่ัน AR (Augmented
Reality Technology) มาช่วยขาย ธุรกิจห้างสรรพสินคา้ จะปรับเปล่ียนเป็ นธุรกิจที่มีหนา้ ร้านลดลงและเพิ่ม
การขายแบบออนไลน์มากข้ึน ธุรกิจกลุ่มยารักษาโรค ธุรกิจดา้ นการแพทยท์ ้งั แผนปัจจุบนั และแผนโบราณ
จะไดร้ ับความนิยมมากยง่ิ ข้ึน ธุรกิจดา้ นการแพทยจ์ ะนาเทคโนโลยมี าประยกุ ตใ์ ชม้ ากข้ึน คนรุ่นใหม่จะเลือก
เรียนหลกั สูตรดา้ นการแพทยก์ นั มากข้ึน ธุรกิจกลุ่มอื่น ๆ ประกอบดว้ ย ทกั ษะดา้ นคอมพิวเตอร์จะถูกบรรจุ
ในบทเรียนในทุกหลกั สูตรเพราะต้องนามาใช้จริงท้งั การเรียนและการทางาน ธุรกิจบนั เทิง ต้องมีการ
ปรับเปลี่ยนเป็ นการดูออนไลน์ ธุรกิจการท่องเที่ยว นกั ท่องเที่ยวจากตา่ งประเทศจะเลือกสถานท่ีท่องเท่ียวท่ี
ชอบและมีความปลอดภยั การเลือกลงทุนในธุรกิจในต่างประเทศตอ้ งเลือกในประเทศท่ีมีความสามารถ
ทางด้านสาธารณสุขดี ธุรกิจประกันชีวิตจะได้รับความนิยมมากข้ึน ธุรกิจยานยนต์และธุรกิจเกี่ยวกับ
พลังงานเช้ือเพลิงจะซบเซาลงเน่ืองจากคนเดินทางลดลง คนจะมีพฤติกรรมการออมเงินมากข้ึน
จากประสบการณ์ที่ได้รับจากการระบาดของ COVID - 19 จะทาให้คนเกิดเรียนรู้ท่ีจะปรับตวั เป็ นแนว
ปฎิบตั ิใหม่ เพอ่ื ใหส้ ามารถดารงอยไู่ ดใ้ นปัจจุบนั และในอนาคต

คาสาคญั : ธุรกิจ, การปรับตวั , ยคุ COVID - 19

Abstract

New practice to prevent the outbreak of COVID - 1 9 , people around the world must change
many behaviors. People like to wear a mask, carry a spray of alcohol. People return to maintain health by
exercising more, home working, online learning, online meeting and social distance. Travel behavior in
foreign countries will decrease. The use of public transport has decreased. Online shopping habits and the
use of technology such as computers more mobile phones. From the new guidelines, New Normal that
changed human after COVID - 19 has occurred, affecting many businesses. By summarizing into groups
according to 4 factors as necessary for living, consisting of food groups, shelter, clothing, medicine and
others. Food business restaurant business will have to eat at the store and with online food ordering .When
the food business sells well related businesses will follow, such as food box business in various forms,
sticker business on food boxes and the business of transporting goods etc. Residential group home
building and condominium must have a working room to support working at home or study online. Home
decor business will improve online meeting program online learning have more options, with functions

100 วารสารการเมือง การบริหาร และกฎหมาย ปี ท่ี 12 ฉบับที่ 2

CHAPTER 4

that develop quickly to meet the needs of users in different groups. In the future, there may be software
that will help in each career at home and some software that specifically helps study in each subject
business selling home-related equipment and online learning. These devices will be sold more because it
becomes a must-have for every home. Apparel group business clothing sales business costume accessories
will use the AR (Augmented Reality Technology) application to help sell department stores.
Pharmaceutical business medical business, both modern and modern and the ancient plan will be even
more popular. The medical business will use more technology. The new generation will choose to study
medical courses more. Other business groups, consisting of computer skills are include in every lesson.
Because they must be used in both study and work. Entertainment business must be adjusted to online
viewing. Tourists from abroad will choose tourist attractions that are safe and secure. The choice to invest
in a foreign business must be chosen in a country with good public health capabilities. Life insurance
business will be more popular. The automotive and fuel business will be sluggish due to the decrease in
the number of people traveling. People will have more saving behavior. The experience gained from the
outbreak of COVID - 19 will allow people to learn to adapt to new practices. To be able to exist today and
in the future.

Keywords: Business, Adaptation, COVID - 19 era

บทนา

โลกไดเ้ ปล่ียนไปหลงั จากไดม้ ีการแพร่ระบาดของ COVID-19 เกิดข้ึน มีการพบการติดเช้ือคร้ัง
แรกเม่ือเดือนธนั วาคม พ.ศ. 2562 ที่เมืองอู่ฮนั่ ประเทศจีน หลงั จากน้นั โลกก็มีการเปลี่ยนแปลงอยา่ งไม่มีวนั
หวนกลบั ไปเหมือนเดิมอีก ไวรัสตวั น้ีเป็นสายพนั ธุ์ที่ 7 ของไวรัสโคโรน่าท่ีติดต่อในมนุษย์ สามารถติดเช้ือ
โดยการสมั ผสั ระยะใกล้ โดยการอยใู่ กลผ้ ทู้ ่ีมีอาการไอจาม แลว้ มีฝอยละอองของน้าลายหรือน้ามูกกระเด็น
มาโดนก็จะทาให้ติดเช้ือได้ ดงั น้นั จะเห็นวา่ พฤติกรรมของมนุษยห์ ลงั จากท่ีเช้ือโรคตวั น้ีอุบตั ิข้ึนในโลกได้
เปล่ียนไปอย่างสิ้นเชิง เราได้เห็นมนุษยท์ ุกประเทศใส่หน้ากากอนามยั (Mask) ใช้สเปรย์แอลกอฮอล์
มีระยะห่างทางสังคม (Social Distancing) เพ่ือป้องกันการระบาดของไวรัสCOVID - 19 จุดเร่ิมต้นการ
ระบาดเร่ิมท่ีประเทศจีนส่งผลให้คนจีนจานวนมากป่ วยโดยที่ยงั ไม่มียาและวิธีการรักษาท่ีเฉพาะเจาะจง
วิธีการท่ีใชก้ นั อยูใ่ นปัจจุบนั คือรักษาตามอาการ ถา้ เร่ิมไล่เรียงระยะเวลาของการระบาดของCOVID - 19
สามารถลาดบั เรื่องราวไดด้ งั น้ี วนั ที่ 31 ธนั วาคม 2562 ไวรัสสายพนั ธุ์ใหม่ไดร้ ะบาดในเมืองอู่ฮน่ั เป็ นเมือง

คณะรัฐศาสตร์และนติ ศิ าสตร์ มหาวทิ ยาลยั บูรพา 101

ปาริชาติ คณุ ปลืม้

ที่มีประชากรมากกว่า 11 ล้านคนในประเทศจีน ภายในระยะเวลาส้ัน ๆ มีคนติดเช้ือและเสียชีวิตจานวน
มาก เม่ือวนั ท่ี 23 มกราคม 2563 ประเทศจีนออกคาสั่งปิ ดเมืองอู่ฮ่ันเพ่ือป้องกันการระบาดและสร้าง
โรงพยาบาลพิเศษเพ่ือมาดูคนที่ป่ วยโรคน้ีโดยเฉพาะ วนั ที่ 25 มกราคม 2563 เริ่มพบผูต้ ิดเช้ือนอกประเทศ
จีนคือท่ีฮ่องกง 5 คน มาเก๊า 2 คน ไตห้ วนั 3 คน ไทย 6 คน ญี่ป่ ุน 3 คน เกาหลีใต้ 2 คน สหรัฐอเมริกา
2 คน เวยี ดนาม 2 คน สิงคโปร์ 2 คน เนปาล 1 คน และฝร่ังเศส 1 คน หลายประเทศเร่ิมตื่นตวั จะเห็นวา่ เมื่อ
วันที่ 28 มกราคม 2563 รัฐบาลของประเทศสหรัฐอเมริ กาญ่ีป่ ุน เกาหลีใต้ ฝรั่งเศส และเยอรมัน
เตรียมอพยพคนออกจากเมืองอู่ฮน่ั วนั ที่ 29 มกราคม 2563 ระยะเวลาประมาณ 1 เดือน จากท่ีเร่ิมมีการ
ระบาด ประเทศจีนรายงานผูเ้ สียชีวิต 132 คน พบผูต้ ิดเช้ือ 5,794 คน วนั ที่ 31 มกราคม 2563 องค์การ
อนามยั โลก (WHO: World Health Organization) ไดป้ ระกาศใหก้ ารแพร่ระบาดของไวรัสโคโรน่าสายพนั ธุ์
ใหม่เป็ นภาวะฉุกเฉินดา้ นสาธารณสุขระหว่างประเทศ สิ่งท่ีส่งผลต่อมาคือหลายประเทศเริ่มปิ ดประเทศ
ปิ ดเมือง เพอ่ื ป้องกนั การแพร่ระบาด ส่งผลใหเ้ ศรษฐกิจมีการชะงกั งนั วนั ที่ 12 กุมภาพนั ธ์ 2563 การอนามยั
โลก (WHO) กาหนดช่ืออยา่ งเป็ นทางการใหก้ บั โรคท่ีเกิดจากการติดเช้ือโคโรน่าไวรัสสายพนั ธุ์ใหม่ เรียกวา่
“COVID-19” ซ่ึงมาจากการรวมกนั ของคาวา่ โคโรน่า (Corona), ไวรัส (Virus) และโรค (Disease) รวมเขา้
กบั ปี ของการเริ่มต้นการแพร่ระบาดคือปี 2019 สาหรับประเทศไทยเร่ิมพบผูต้ ิดเช้ือคนแรกเมื่อวนั ที่ 13
มกราคม 2563 วนั ที่ 28 มกราคม 2563 พบมีผูป้ ่ วย 6 คนเป็ นชาวจีนท้ังหมดที่เดินทางมาจากเมืองอู่ฮนั่
เป็ นคนในครอบครัวเดียวกนั 5 คน เป็ นการติดเช้ือนอกประเทศยงั ไม่มีการแพร่ระบาดในไทย ในขณะที่มีผู้
ท่ีเขา้ เกณฑ์สงสัยตอ้ งระวงั สะสม 136 คน วนั ที่ 4 กุมภาพนั ธ์ 2563 ประเทศไทยส่งเครื่องบินไปรับคนไทย
จากเมืองอู่ฮนั่ มาถึงสนามบินอู่ตะเภาแลว้ ทาการกกั ตวั ท้งั หมด 138 คน ท่ีบา้ นพกั รับรองฐานทพั เรือสัตหีบ
เพ่ือป้องกนั ความเส่ียง จากสถานการณ์ท่ีเกิดข้ึนส่งผลกระทบมหาศาลต่อธุรกิจการทอ่ งเที่ยวและส่งผลดา้ น
ลบต่อเศรษฐกิจไทย เม่ือวนั ท่ี 12 มีนาคม 2563 องคก์ ารอนามยั โลก(WHO) ประกาศยกระดบั สถานการณ์
การแพร่ระบาดของไวรัสโคโรน่าสายพนั ธุ์ใหม่ เป็ น “การระบาดใหญ่” (Pandemic) แลว้ หลงั จากพบผปู้ ่ วย
ยนื ยนั ติดเช้ืออย่างนอ้ ย 110 ประเทศทว่ั โลก และมีติดเช้ือรวมกว่า 1.2 แสนคน ส่งผลให้เศรษฐกิจทวั่ โลก
หยดุ ชะงกั ประเทศไทยคณะรัฐมนตรีไดม้ ีมติอนุมตั ิการป้องกนั และการระบาดของ COVID - 19 เมื่อวนั ท่ี
18 มีนาคม 2563 ให้ปิ ดสถานบนั เทิง โรงภาพยนตร์ สถานศึกษาและพ้ืนที่ที่มีความเสี่ยงต่อการระบาดใน
กรุงเทพฯและปริมณฑลเป็ นเวลา 14 วนั สหภาพยโุ รปประกาศปิ ดพรมแดน ห้ามการเดินทางทุกรูปแบบเขา้
สู่ 26 ประเทศสมาชิกสหภาพยุโรป (European Union )โดยจะบงั คบั ใช้มาตรการดงั กล่าวเป็ นเวลา 30 วนั
เพ่ือป้องกันการแพร่ระบาดของCOVID - 19 วนั ที่ 24 มีนาคม 2563 นายกรัฐมนตรีของประเทศไทย
ประกาศใช้ พรก. ฉุกเฉินมีผลวนั ที่ 26 มีนาคม 2563โดยจะให้มีศูนยอ์ านวยการบริหารสถานการณ์ฉุกเฉิน
หรือ ศอฉ.โควิด ท่ีทาเนียบรัฐบาล และประกาศมาตรการเพ่ิมเติมทุกวนั วนั ท่ี 2 เมษายน 2563 รัฐบาลเร่ิม
ประกาศเคอร์ฟิ วมีผลต้งั แต่วนั ท่ี 3 เมษายน 2563 ประชาชนทวั่ ประเทศห้ามออกนอกท่ีพกั ระหว่างเวลา
22.00 น. ถึง 04.00 น. ของวนั รุ่งข้ึน ยกเวน้ ว่ามีความจาเป็ น เช่น เป็ นผูป้ ฏิบตั ิการดา้ นการแพทยห์ รือการ

102 วารสารการเมือง การบริหาร และกฎหมาย ปี ที่ 12 ฉบบั ที่ 2

CHAPTER 4

ขนส่งสินคา้ อุปโภคบริโภค เป็ นตน้ วนั ที่ 2 เมษายน 2563 ทว่ั โลกมีผูป้ ่ วย COVID - 19 จานวน 1 ลา้ นคน
วนั ที่ 10 เมษายน 2563 ผปู้ ่ วยทว่ั โลกเพ่ิมข้ึนเป็น 1.6 ลา้ นคน จะเห็นวา่ ในระยะเวลา 8วนั มีผูป้ ่ วยเพิม่ ข้ึนราว
หกแสนคน วนั ที่ 12 เมษายน 2563 ประเทศไทยออกคาส่ังปิ ดร้านคา้ และสถานประกอบการจาหน่ายสุรา
เป็ นการช่ัวคราวเพ่ือลดความเสี่ยงของประชากรในการสัมผสั เช้ือโรคในช่วงของการแพร่ระบาดโรค
COVID - 19 มีผปู้ ่ วยท้งั หมด 68 จงั หวดั จากท้งั หมด 77 จงั หวดั ผปู้ ่ วยรวมสะสม 2,551 คน โดยในจานวนน้ี
มีผูท้ ี่รักษาหายแล้ว 1,218 คน มีผูเ้ สียชีวิต 38 คน วนั ท่ี 22 เมษายน 2563 สถานการณ์การระบาดของ
COVID – 19 ทวั่ โลกมีจานวนผต้ ิดเช้ือสะสมสูงถึง 2,553,435 คนแลว้ โดยสหรัฐยงั คงเป็ นประเทศที่มีผูต้ ิด
เช้ือมากที่สุดที่ 817,187 ราย ตามดว้ ย สเปน (204,178) อิตาลี (183,957) ฝร่ังเศส (158,050) และเยอรมนี
(148,291) วันท่ี 29 เมษายน 2563 การจัดการแข่งขันกีฬา โอลิมปิ ก โตเกียว 2020 อาจถูกยกเลิก
หากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควดิ - 19 ยงั ไมค่ ล่ีคลายไดท้ นั กาหนดการจดั งานที่ถูกเล่ือนออกไป
เป็ นวนั ที่ 23 ก.ค. - 8 ส.ค. 2021 ตามรายงานของบีบีซี จานวนผตู้ ิดเช้ือไวรัสโคโรน่าสายพนั ธุ์ใหม่ทว่ั โลก
เพม่ิ ข้ึนทะลุ 3.1 ลา้ นคน วนั ที่ 9 พฤษภาคม 2563 ยอดผตู้ ิดเช้ือไวรัสโคโรนาสายพนั ธุ์ใหมท่ วั่ โลกสะสมเกิน
4 ลา้ นคน ตลาดหุ้น - น้ามนั ดิบทวั่ โลกปรับตวั เพิ่มข้ึน หลงั นักลงทุนจานวนมากพากนั มองโลกในแง่บวก
เมื่อประเทศต่าง ๆ ไดเ้ ร่ิมผ่อนคลายมาตรการปิ ดเมือง รวมถึงเปิ ดให้ธุรกิจกลบั มาประกอบการไดอ้ ีกคร้ัง
วนั ที่ 11 พฤษภาคม 2563 มีผตู้ ิดเช้ือ COVID - 19 เพ่ิมข้ึนกวา่ 4.17 ลา้ นคน ประเทศเกาหลีใตก้ าลงั เผชิญกบั
การแพร่ระบาดท่ีสองของ COVID - 19 หลงั จากท่ีมีการเพิ่มข้ึนของผูท้ ่ีติดเช้ือสูงสุดในรอบหน่ึงเดือนที่
ผา่ นมา วนั ท่ี 14 พฤษภาคม 2563 องค์การอนามยั โลก(WHO)รายงานความคืบหนา้ ในการวจิ ยั ยาตา้ นไวรัส
โคโรน่าสายพนั ธุ์ใหม่หลายชนิดโดยระบุวา่ ตวั ยาบางชนิดท่ีมีประสิทธิภาพในการบรรเทาความรุนแรงและ
ย่นระยะการรักษาอาการป่ วยของ COVID - 19 ยงั คงไม่พบตวั ยาที่สามารถทาลายเช้ือไวรัสได้ วนั ท่ี 27
พฤษภาคม 2563 ประเทศไทย ห้างสรรพสินคา้ กลบั มาเปิ ดบริการไดอ้ ีกคร้ังโดยลูกคา้ ตอ้ งลงทะเบียนก่อน
เขา้ ใชบ้ ริการตรวจวดั อุณหภูมิและใส่หน้ากากอนามยั ตลอดเวลา วนั ที่ 22 พฤษภาคม 2563 ท่ีประชุม ศบค.
มีมติเห็นชอบต่ออายเุ คอร์ฟิ วออกไปอีก 1 เดือน จนถึงวนั ที่ 30 มิถุนายน 2563 และปรับช่วงเวลาเคอร์ฟิ วเป็ น
24.00 น. ถึง 3.00 น. วนั ท่ี 23 พฤษภาคม 2563 ประเทศไทยเริ่มทดสอบวคั ซีนโดยใชส้ ารพนั ธุกรรมของเช้ือ
ชนิด mRNA กับลิงเป็ นคร้ังแรก คาดว่าจะเร่ิมทดสอบกบั คนในช่วงเดือนสิงหาคม 2563 กระบวนการ
ท้งั หมดเสร็จสิ้นภายใน 6 - 12 เดือนวนั ท่ี 27 พฤษภาคม 2563 จานวนผูต้ ิดเช้ือไวรัสโคโรน่าสายพนั ธุ์ใหม่
ทว่ั โลกเพ่ิมสูงกว่า 5.5 ล้านคนแล้วขณะที่จานวนผูเ้ สียชีวิตเพ่ิมข้ึนเป็ นอย่างน้อย 3.47 แสนคน วนั ที่ 29
พฤษภาคม 2563 ศบค. มีมติเห็นชอบผอ่ นปรนกิจการกิจกรรมระยะท่ี 3 หลายกิจกรรมยกเวน้ สนามมวยและ
สถานบันเทิงเน่ืองจากเป็ นกลุ่มเส่ียงสูง อนุญาตให้เปิ ดบริการได้ถึง 21.00 น.รวมถึงอนุญาตให้เคล่ือน
ยา้ ยขา้ มจงั หวดั ไดใ้ หเ้ ป็นไปตามมาตรการที่รัฐกาหนด วนั ที่ 2 มิถุนายน 2563 มีจานวนผูต้ ิดเช้ือCOVID - 19
ทวั่ โลก 6.2 ลา้ นคน และมีผูเ้ สียชีวิตทวั่ โลกสะสมอยา่ งนอ้ ย 2.7 แสนคน วนั ท่ี 8 มิถุนายน 2563 จานวนผู้

คณะรัฐศาสตร์และนติ ศิ าสตร์ มหาวทิ ยาลยั บูรพา 103

ปาริชาติ คณุ ปลืม้

ติดเช้ือ COVID - 19 ทั่วโลกมีจานวนสะสมกว่า 7.08 ล้านคน โดยมีผูเ้ สียชีวิตแล้วอย่างน้อย 4 แสนคน
โดยสหรัฐฯ มีผตู้ ิดเช้ือมากที่สุด จานวนกวา่ 2 ลา้ นคน ตามดว้ ย บราซิล 6.91 แสนคน รัสเซีย 4.67 แสนคน
สเปน 2.88 แสนคน และองั กฤษ 2.86 แสนคน วนั ท่ี 15 มิ.ย. 2563 ประเทศไทย ท่ีประชุม ศบค.ชุดใหญ่
มีมติให้ยกเลิกเคอร์ฟิ ว แต่ยงั คงเร่ืองของการเดินทางในราชอาณาจกั ร ท้ังทางบก น้ า อากาศไวก้ ่อน
(ประชาชาติธุรกิจ, 2563, ออนไลน)์

จากระยะเวลาหา้ เดือนกวา่ ของการระบาดของ COVID-19 พอจะสรุปเป็น Timeframe ไดด้ งั น้ี

วนั ท่ี 31 ธนั วาคม 2562 ไวรัสสายพนั ธุ์ใหมไ่ ดร้ ะบาดในเมืองอู่ฮนั่ ประเทศจีน
วนั ที่ 23 มกราคม 2563 ประเทศจีนออกคาส่ังปิ ดเมืองอูฮ่ นั่ เพ่อื ป้องกนั การระบาด
วนั ท่ี 25 มกราคม 2563 พบผตู้ ิดเช้ืออีก 11 ประเทศ ไดแ้ ก่ ฮอ่ งกง มาเกา๊ ไตห้ วนั ไทย ญ่ีป่ ุน เกาหลี
วนั ที่ 31 มกราคม 2563 ใต้ สหรัฐอเมริกา เวยี ดนาม สิงคโปร์ เนปาล และฝรั่งเศส
องคก์ ารอนามยั โลก (WHO: World Health Organization) ไดป้ ระกาศใหก้ าร
วนั ที่12กุมภาพนั ธ์2563 แพร่ระบาดของไวรัสโคโรน่าสายพนั ธุ์ใหมเ่ ป็นภาวะฉุกเฉินดา้ นสาธารณสุข
วนั ที่ 12 มีนาคม 2563 ระหวา่ งประเทศ
การอนามยั โลก (WHO) กาหนดช่ืออยา่ งเป็นทางการใหก้ บั โรคที่เกิดจากการ
วนั ท่ี 18 มีนาคม 2563 ติดเช้ือโคโรน่าไวรัสสายพนั ธุ์ใหม่ เรียกวา่ “COVID - 19”
องคก์ ารอนามยั โลก (WHO) ประกาศยกระดบั สถานการณ์การแพร่ระบาด
วนั ที่ 26 มีนาคม 2563 ของไวรัสโคโรน่าสายพนั ธุ์ใหม่ เป็น “การระบาดใหญ่” (Pandemic) แลว้
วนั ที่ 3 เมษายน 2563 หลงั จากพบผปู้ ่ วยยนื ยนั ติดเช้ืออยา่ งนอ้ ย 110 ประเทศทวั่ โลก
วนั ท่ี 12 เมษายน 2563 สหภาพยโุ รปประกาศปิ ดพรมแดน หา้ มการเดินทางทุกรูปแบบเขา้ สู่ 26
วนั ท่ี 29 เมษายน 2563 ประเทศสมาชิกสหภาพยโุ รป (European Union )โดยจะบงั คบั ใชม้ าตรการ
ดงั กล่าวเป็นเวลา 30 วนั

ประเทศไทยประกาศใช้ พรก. ฉุกเฉิน มีศูนยอ์ านวยการบริหารสถานการณ์
ฉุกเฉิน หรือ ศอฉ.โควดิ

ประเทศไทยประกาศเคอร์ฟิ ว ประชาชนทวั่ ประเทศหา้ มออกนอกที่พกั
ระหวา่ งเวลา 22.00 นถึง 04.00 น.ของวนั รุ่งข้ึน
ประเทศไทยออกคาสัง่ ปิ ดร้านคา้ และสถานประกอบการจาหน่ายสุราเป็นการ
ชวั่ คราว
มีจานวนผตู้ ิดเช้ือทวั่ โลกมากกวา่ 3.1 ลา้ นคน

104 วารสารการเมือง การบริหาร และกฎหมาย ปี ท่ี 12 ฉบับท่ี 2

CHAPTER 4

วนั ท่ี 11 พฤษภาคม 2563 มีผตู้ ิดเช้ือ COVID - 19 เพ่ิมข้ึนกวา่ 4.17 ลา้ นคน
วนั ที่ 27 พฤษภาคม 2563 ประเทศเกาหลีใตก้ าลงั เผชิญกบั การแพร่ระบาดที่สองของ COVID - 19
วนั ท่ี 8 มิถุนายน 2563 หลงั จากท่ีมีการเพิม่ ข้ึนของผทู้ ่ีติดเช้ือสูงสุดในรอบหน่ึงเดือนท่ีผา่ นมา
มีจานวนผตู้ ิดเช้ือ COVID – 19 ทว่ั โลกมากกวา่ 2.5 ลา้ นคน
วนั ท่ี 15 มิถุนายน 2563 จานวนผตู้ ิดเช้ือCOVID - 19 ทวั่ โลกมีจานวนสะสมกวา่ 7.08 ลา้ นคน โดยมี
ผเู้ สียชีวติ แลว้ อยา่ งนอ้ ย 4 แสนคน โดยสหรัฐฯ มีผตู้ ิดเช้ือมากที่สุด จานวน
กวา่ 2 ลา้ นคน ตามดว้ ย บราซิล 6.91 แสนคน รัสเซีย 4.67 แสนคน สเปน
2.88 แสนคน และองั กฤษ 2.86 แสนคน

ประเทศไทย ที่ประชุม ศบค.ชุดใหญ่ มีมติใหย้ กเลิกเคอร์ฟิ ว แตย่ งั คงเร่ืองของ
การเดินทางในราชอาณาจกั ร ท้งั ทางบก น้า อากาศไวก้ ่อน

ผลจากการท่ีแต่ละประเทศได้เพ่ิมมาตรการดูแลป้องกันการติดเช้ือ COVID - 19 ส่งผลให้
ระยะเวลาห้าเดือนกว่าที่ผ่านมามีประชากรทวั่ โลกติดเช้ือกว่าเจ็ดลา้ นคน จากประชากรทวั่ โลกประมาณ
7,300 ล้านคน (วิกิพิเดีย สารานุกรมเสรี, 2563, ออนไลน์) แต่ถึงอย่างไรก็ตามหลังยุค COVID - 19
ประชากรในโลกจะมีการปรับเปลี่ยนวิถีชีวิตที่อาจแตกต่างไปจากเดิมท่ีถูกเรียกว่า New Normal ธุรกิจ
ก็เช่นกนั ตอ้ งมีการปรับเปลี่ยนเพ่อื ความอยรู่ อดขององคก์ าร

เนื้อหา

เป็ นท่ีเชื่อกนั วา่ หากเราทาอะไรซ้า ๆ ต่อเน่ืองกนั เกิน 21 วนั สิ่งน้นั จะกลายเป็ นนิสัย ซ่ึงหลกั การ
น้ีมีท่ีมาจากทฤษฎีของ ดร.แมกซ์เวลล์ มอลตซ์ (Maxwell Maltz) ศลั ยแพทยต์ กแต่งท่ีเผยแพร่ออกมาในยุค
1950s ซ่ึงพบว่า คนไข้หรือลูกค้าท่ีเข้ามาทาศัลยกรรมแต่ละคนจะใช้เวลาประมาณ 21 วนั เพื่อสร้าง
ความคุน้ เคยกบั ใบหน้าใหม่ของตวั เอง หรือในรายของผปู้ ่ วยที่มารักษาอาการแขนหรือขาดว้ น ก็จะตอ้ งใช้
เวลาราว 21 วนั เพื่อให้จิตใจปรับรับกบั การสูญเสียที่เกิดข้ึน (อา้ งถึงใน ณัฐวุฒิ เผ่าทวี, 2563, ออนไลน์)
เพื่อป้องกนั การระบาดของ COVID - 19 คนทว่ั โลกตอ้ งปรับเปลี่ยนพฤติกรรมหลายอย่าง เป็ นเวลานาน
จนกวา่ จะมีผคู้ ิดคน้ ผลิตวคั ซีนป้องกนั โรคน้ีออกมาได้ ซ่ึงยงั ไมม่ ีใครสามารถระบุเวลาที่แน่นอนได้ เป็ นแต่
เพียงการคาดคะเนวา่ ปลายปี พ.ศ. 2564 น่าจะมีวคั ซีนป้องกนั โรคพฤติกรรมที่ตอ้ งปรับเปลี่ยนในระยะเวลา
ท่ีรอคอยวคั ซีนจึงเป็นแนวปฏิบตั ิใหม่ (New Normal) เป็นพฤติกรรมท่ีป้องกนั ตวั เองพอสรุปได้ ดงั น้ี

1. ใส่หน้ากากอนามยั (Mask) ออกนอกบ้าน ท้ังท่ีเป็ นทางการคือใส่ไปทางาน และไม่เป็ น
ทางการคือใส่ออกไปซ้ือของ (Shopping) พบปะผคู้ น หนา้ กากอนามยั กลายเป็นสิ่งท่ีทุกคนตอ้ งพกพา

คณะรัฐศาสตร์และนิตศิ าสตร์ มหาวทิ ยาลยั บูรพา 105

ปาริชาติ คุณปลืม้

2. ไม่วา่ ผหู้ ญิงหรือผูช้ ายก็ตอ้ งพกแอลกอฮอล์สเปรย์ หรือแอลกอฮอล์เจลไม่เฉพาะทุกคนเท่าน้นั
ที่พกพา ในสถานที่ต่าง ๆ ตามจุดที่เป็ นสาธารณะต้องใช้ของร่วมกันก็มีจุดวางแอลกอฮอล์เจลหรือ
แอลกอฮอลส์ เปรยเ์ สมอ เช่น ก่อนเขา้ หา้ งสรรพสินคา้ ร้านคา้ ร้านสะดวกซ้ือ เป็นตน้

3. คนกลับมารักษาสุขภาพกันมากข้ึนด้วยแนวคิดท่ีว่าโรคระบาด COVID - 19 เป็ นโรคท่ี
ไม่รุนแรงอตั ราการตายต่าแต่อตั ราการติดเช้ือสูง ดงั น้นั จะพบวา่ คนท่ีไดร้ ับเช้ือ COVID - 19 จะมีท้งั แสดง
อาการและไม่แสดงอาการ สาหรับคนท่ีไม่แสดงอาการสันนิษฐานไดว้ า่ เกิดจากการท่ีมีร่างกายแข็งแรง
ดงั น้นั คนจึงหนั มาออกกาลงั กายกนั มากข้ึน

4. พฤติกรรมการทางานท่ีบ้าน (Work from Home ) กลายเป็ นเรื่องปกติ เช่นเดียวกับการเรียน
ออนไลน์ การประชุมออนไลน์ก็เป็ นเรื่องท่ีจาเป็ น เพ่ือลดการรวมตวั จานวนมากของคน ที่อาจก่อให้เกิด
ความเสี่ยงในการแพร่ระบาดของโรค

5. การมีระยะห่างทางสังคม (Social Distancing) จะเห็นว่าธรรมชาติของคนตอนน้ีจะไม่อยู่
ใกลช้ ิดกนั ไม่วา่ จะเป็ นการเดินสวนกนั การทาธุรกรรมต่อกนั เช่น การเขา้ คิวซ้ือของ การไปทาธุรกรรมท่ี
ธนาคาร เป็ นตน้ ทางสถานท่ีก็จะมีการจดั ระยะห่างทางสังคมไวใ้ ห้โดยมีการน่งั โต๊ะเวน้ โต๊ะ แต่อย่างไร
ก็ตาม ถึงบางท่ีจะจดั หรือไมจ่ ดั คนกจ็ ะมีลกั ษณะอยหู่ ่างกนั โดยอตั โนมตั ิ

6. พฤติกรรมการท่องเที่ยวในต่างประเทศจะลดลง เน่ืองจากข้อจากัดของการเดินทางโดย
สายการบินจะเป็ นการแพร่เช้ือโรค ตราบใดท่ียงั ไม่มีวคั ซีนป้องกันโรค COVID - 19การเดินทางไป
ตา่ งประเทศเหมือนเป็ นขอ้ หา้ มท่ีจะใชก้ ็ต่อเมื่อจาเป็นเท่าน้นั ดงั น้นั การท่องเท่ียวในตา่ งประเทศจึงถูกตดั เอา
เป็ นขอ้ แรก ๆ แมว้ ่าการเดินทางในประเทศจะถูกยกเลิกเคอร์ฟิ วแล้วเม่ือวนั ที่ 15 มิถุนายน 2563 ก็ตามแต่
ผูค้ นก็ยงั กังวลในเรื่องของการเดินทางเพ่ือไปในท่ีไกล ๆ ไปพบปะผูค้ นส่งผลให้คนจานวนหน่ึงยงั ไม่
ออกไปท่องเท่ียว

7. การใช้รถสาธารณะลดลง เช่น รถบสั รถประจาทาง รถสองแถว รถตู้ เป็ นตน้ เนื่องจากรถ
เหล่าน้ีมีลกั ษณะการนงั่ ท่ีติดกนั ทาใหผ้ ูค้ นคอ่ นขา้ งกงั วล คนท่ีมีรถส่วนตวั กม็ กั จะใชร้ ถส่วนตวั แต่คนท่ีไม่มี
รถส่วนตวั ก็เรื่องจายอมท่ีตอ้ งใชร้ ถสาธารณะแตก่ จ็ ะใชเ้ ม่ือจาเป็น

8. พฤติกรรมการซ้ือของออนไลน์เพ่ิมข้ึน ดว้ ยเหตุผลท่ีวา่ คนหลีกเล่ียงการไปในสถานที่ที่มีคน
จานวนมาก และรู้สึกสะดวกและมีความมนั่ ใจในการโอนเงินออนไลน์มากยง่ิ ข้ึนกวา่ เดิม

9. ดว้ ยการที่คนทางานท่ีบา้ นมากข้ึน (Work from Home) การเรียนออนไลน์ทาให้คนกลบั มาใช้
เทคโนโลยีไม่ว่าจะเป็ นคอมพิวเตอร์ โทรศพั ท์มือถือ มากข้ึน ฟังก์ชันต่าง ๆ ที่เคยมีและไม่เคยใช้ก็ถูก
นามาใช้ ซอฟต์แวร์ต่าง ๆ ท่ีอาจจะไม่ค่อยคุน้ ชินก็ถูกนามาเรียนรู้เพื่อเพ่ิมสมรรถนะในการทางานที่บา้ น
(Work from Home) และเรียนออนไลนท์ ้งั ของตนเองหรือสมาชิกในครอบครัว

106 วารสารการเมือง การบริหาร และกฎหมาย ปี ที่ 12 ฉบับท่ี 2

CHAPTER 4

จากแนวปฏิบตั ิใหม่ New Normal ท่ีเปลี่ยนไปของมนุษย์หลงั จากท่ี COVID - 19 ได้อุบตั ิข้ึน
ส่งผลกระทบต่อธุรกิจหลายธุรกิจ โดยขอสรุปเป็ นกลุ่มตามปัจจยั 4 ตามความจาเป็ นในการดารงชีวิต
ประกอบดว้ ยกลุ่ม อาหาร ท่ีอยอู่ าศยั เคร่ืองนุ่งห่ม ยารักษาโรค และอื่น ๆ ดงั ต่อไปน้ี

ธุรกจิ กล่มุ อาหารและธุรกจิ ทเี่ กย่ี วข้อง ประกอบดว้ ย
1. ธุรกิจร้านคา้ ร้านอาหาร จะมีท้งั รับประทานท่ีร้านแบบมีระยะห่างทางทางสังคม ที่สามารถ
บรรจุลูกคา้ ในร้านไดจ้ านวนลดลง และมีท้งั การส่ังอาหารออนไลน์ท่ีตอ้ ง Delivery คนจะหันมาทาธุรกิจ
เก่ียวกบั อาหารกนั มากข้ึน ท้งั ทาเป็นอาหารสาเร็จรูป และการจดั เตรียมส่วนประกอบของอาหารตามท่ีลูกคา้
ตอ้ งการ ร้านคา้ อาจไม่ตอ้ งมีหน้าร้านแค่ใชค้ รัวที่บา้ นก็สามารถรับทาอาหารได้ ขอเพียงมีรสชาติดี ราคา
ยอ่ มเยาว์ ใชว้ ตั ถุดิบมีคุณภาพ ไม่หลอกลวงผบู้ ริโภค มีช่องทางการตลาดทางส่ือสังคมออนไลน์ท่ีกวา้ งขวาง
แม้แต่ร้านอาหารแบรนด์ที่มีชื่อเสียงก็จะตอ้ งหันมาหาลูกคา้ ออนไลน์มากย่ิงข้ึน สาหรับแบรนด์ใหญ่ ๆ
จะใชก้ ารจดั โปรโมชน่ั ลด แลก แจก แถม เป็นตวั กระตุน้ ผบู้ ริโภค
2. เมื่อธุรกิจอาหารขายดี ธุรกิจท่ีเกี่ยวข้องจะตามมา เช่น ธุรกิจกล่องใส่อาหารรูปแบบต่าง ๆ
ท่ีสามารถรักษารูปร่างหนา้ ตาของอาหาร อุณหภูมิของอาหารใหด้ ูดีจนถึงมือผรู้ ับ ธุรกิจสต๊ิกเกอร์ท่ีแปะบน
กล่องอาหาร และธุรกิจการขนส่งสินคา้ เป็นตน้
ธุรกจิ กล่มุ ทอี่ ย่อู าศัยและธุรกิจทเ่ี กย่ี วข้อง ประกอบดว้ ย
1. ธุรกิจการสร้างบา้ น คอนโดมิเนียม จะตอ้ งมีการสร้างหอ้ งทางานเพื่อรองรับการทางานที่บา้ น
(Work from Home) หรือเรียนออนไลน์ของสมาชิกในครอบครัว อาจต้องทาห้องสีเขียว (Green Scene)
เพื่อสะดวกในการปรับฉากหลงั สาหรับโปรแกรมออนไลน์ต่าง ๆ การมีออฟฟิ ศ (Office) ที่ทางานมีความ
จาเป็ นนอ้ ยลงเพราะพฤติกรรมการทางานที่บา้ น (Work from Home) ในหลายธุรกิจก็สามารถสร้างงานท่ีมี
คุณภาพไดใ้ กลเ้ คียงกบั การทาในที่ทางาน ดงั น้นั ในอนาคตท่ีมีวคั ซีนป้องกนั โรค COVID - 19 แลว้ วิถีชีวิต
ในการทางานแบบ Work from Home กอ็ าจจะยงั คงอยใู่ นบางธุรกิจ
2. ธุรกิจขายของตกแต่งบ้านจะดีข้ึน การออกแบบอุปกรณ์ตกแต่งบ้านควรออกแบบให้ถอด
ประกอบได้โดยง่าย หีบห่อบบรรจุภัณฑ์ควรออกแบบให้สะดวกในการขนส่ ง ธุรกิจขายต้นไม้
ดิน กระถาง จะไดร้ ับความนิยมมากข้ึนเพราะนอกจากจะเป็นการตกแตง่ บา้ นแลว้ ยงั ดีต่อสุขภาพในการเพ่ิม
ปริมาณออ๊ กซิเจนในอากาศ
3. ดว้ ยเหตุผลการออกแบบการทางานท่ีบา้ น ฝ่ ายจดั การทรัพยากรมนุษยจ์ ึงตอ้ งมีการออกแบบ
งานใหม่ต้งั แต่การคิดคาพรรณนาลกั ษณะงาน (Job Description) ท่ีกาหนดใหพ้ นกั งานสามารถทางานท่ีบา้ น
ได้ อุปกรณ์ท่ีใช้ในการทางานต้องเล็กและสะดวกในการเคล่ือนย้าย คุณสมบัติของพนักงาน (Job
Specification) จะเปล่ียนไป ทักษะที่ต้องพิจารณาเบ้ืองต้นคือต้องมีความรู้ความสามารถในเรื่องของ
เทคโนโลยีคอมพิวเตอร์ นอกจากการสรรหาคัดเลือกคน (Recruitment and Selection) ท่ีมีคุณสมบัติ

คณะรัฐศาสตร์และนติ ศิ าสตร์ มหาวทิ ยาลยั บูรพา 107

ปาริชาติ คุณปลืม้

เหมาะสมกบั งานแลว้ ยงั ตอ้ งมีความรับผิดชอบ ระบบการฝึ กอบรม (Training) ที่จะเปลี่ยนเป็ นออนไลน์
ระบบการประเมินผลงาน (Job Evaluation) จะถูกออกแบบใหม่ท่ีสามารถนบั ในเชิงปริมาณได้ ระบบการ
จา่ ยคา่ ตอบแทน (Compensation) จะถูกวดั จากชิ้นงานหรือผลลพั ธ์ (Output) ที่สามารถวดั ไดจ้ ริง

4. โปรแกรมประชุมออนไลน์ การเรียนออนไลน์ จะขายดีและมีตวั เลือกมากข้ึนมีฟังก์ชนั ที่
พฒั นาอยา่ งรวดเร็วเพื่อตอบสนองความตอ้ งการของผใู้ ชใ้ นกลุ่มต่าง ๆ ในอนาคตอาจอาจมีซอฟตแ์ วร์ท่ีช่วย
(Support )ในแต่ละอาชีพที่ทางานท่ีบา้ น และซอฟต์แวร์บางตวั ท่ีช่วยการเรียนในแต่ละสาขาวิชาได้อย่าง
เฉพาะเจาะจง

ธุรกิจขายอุปกรณ์ท่ีเกี่ยวขอ้ งกบั การทางานที่บา้ น และการเรียนออนไลน์ เช่น คอมพิวเตอร์
โทรศพั ท์มือถือ หูฟัง ไมค์ แบตเตอรีสารอง ฯลฯ เป็ นตน้ อุปกรณ์เหล่าน้ีจะจาหน่ายไดม้ ากยงิ่ ข้ึนเพราะ
กลายเป็นส่ิงจาเป็นที่ทุกบา้ นตอ้ งมี

5. การสร้างความผูกพนั ในการทางานร่วมกนั จะต้องถูกค้นคิดด้วยวิธีการใหม่เพราะคนจะมี
ระยะห่างทางสังคม (Social Distancing) และมีการทางานที่บา้ นมากข้ึน

ธุรกจิ กล่มุ เคร่ืองนุ่งห่มและธุรกจิ ทเี่ กย่ี วข้อง ประกอบดว้ ย
1. ธุรกิจขายเส้ือผา้ เคร่ืองแต่งกาย เคร่ืองประดับ จะมีการใช้แอปพลิเคช่ัน AR (Augmented
Reality Technology) โดยท่ีลูกคา้ สามารถบอกขนาดรูปร่างของลูกคา้ เพื่อสร้างหุ่นจาลองที่มีขาดใกลเ้ คียง
ลูกคา้ มาทดลองสินคา้ ให้ลูกคา้ ดู เพื่อง่ายต่อการตดั สินใจซ้ือ แบรนด์เส้ือผา้ ต่าง ๆ จะหนั มาขายออนไลน์
ทาโปรโมช่ัน ลดราคาแต่ขายจานวนมากข้ึน ส่วนสินคา้ ท่ีคุณภาพต่าราคาถูกเมื่อบวกค่าขนส่งราคาก็จะ
ไมแ่ ตกตา่ งจากแบรนดใ์ หญ่ ๆ ยอดขายจะลดลง
2. ธุรกิจห้างสรรพสินค้า จะปรับเปล่ียนเป็ นธุรกิจท่ีมีหน้าร้านลดลงและเพ่ิมการขายแบบ
ออนไลน์มากข้ึน พนักงานงานในห้างสรรพสินคา้ ตอ้ งมีทกั ษะการ LIVE ขายของดว้ ย การโฆษณาในส่ือ
สังคมออนไลน์ (Social Media) ในแพลตฟอร์มต่าง ๆ จะมีจานวนมากข้ึนและการส่งของโดยพนักงาน
(Delivery) ก็มีมากข้ึนเช่นเดียวกนั
ธุรกจิ กลุ่มยารักษาโรคและธุรกจิ ทเี่ กยี่ วข้อง ประกอบดว้ ย
1. ธุรกิจดา้ นการแพทยท์ ้งั แผนปัจจุบนั และแผนโบราณจะไดร้ ับความนิยมมากยิ่งข้ึน คนจะหัน
มาดูแลสุขภาพกนั มากข้ึน สินคา้ ขายดี ยงั คงเป็ น หน้ากากอนามยั ท่ีเริ่มปรับสีสัน การออกแบบท่ีสวยงาม
เขา้ ไป Face Shields รูปแบบต่าง ๆ ที่เริ่มมีลูกเล่นท้งั เป็ นแว่นตา ที่คาดผมและหมวก แอลกอฮอล์เจล
แอลกอฮอล์สเปรย์ นอกจากน้ีคนจะหันมาออกกาลงั กายทาใหธ้ ุรกิจขายอุปกรณ์ในการออกกาลงั กายขายดี
ข้ึน ธุรกิจด้านการแพทยจ์ ะนาเทคโนโลยีมาประยุกต์ใช้มากข้ึน เช่น การนัดหมายเวลาล่วงหน้าใน
การตรวจ ในการพบแพทย์ เป็นตน้ เพอื่ ลดเวลาในการอยใู่ นสถานพยาบาลใหส้ ้ันท่ีสุด

108 วารสารการเมือง การบริหาร และกฎหมาย ปี ที่ 12 ฉบบั ท่ี 2

CHAPTER 4

2. คนรุ่นใหม่จะเลือกเรียนหลกั สูตรด้านการแพทยก์ นั มากข้ึน เช่น แพทย์ พยาบาล เทคนิค
การแพทย์ เภสัชกร ฯลฯ เป็นตน้ เพราะวา่ ในปัจจุบนั สงครามที่ทาลายมนุษยค์ ือสงครามเช้ือโรค และอาชีพ
ดา้ นการแพทยค์ ือผปู้ กป้องโลกในอนาคต

ธุรกจิ กล่มุ อื่น ๆ ประกอบดว้ ย
1. ทกั ษะด้านคอมพิวเตอร์จะถูกบรรจุในบทเรียนในทุกหลักสูตรเพราะต้องนามาใช้จริงท้ัง
การเรียนและการทางาน
2. ธุรกิจบนั เทิง ตอ้ งมีการปรับตวั ให้สอดคลอ้ งกบั New Normal จนกวา่ คนจะมนั่ ใจในวคั ซีนที่
ใช้ในการป้องกนั โรค COVID - 19 เช่น ธุรกิจโรงภาพยนตร์ ละครเวที คอนเสริต์ ที่มีผูช้ มจานวนมาก
อาจตอ้ งปรับเปลี่ยนเป็นการดูออนไลน์ เป็นตน้
3. ธุรกิจการท่องเท่ียว จะตอ้ งมีการปรับตวั ให้สอดคลอ้ งกบั กลุ่มเป้าหมาย เช่น พนกั งานท่ีทางาน
ที่บ้านและมีผลงานยอดเยี่ยม องค์การจะให้รางวลั เป็ นการพกั ผ่อนรวมท้ังการตรวจสุขภาพ เป็ นต้น
นักท่องเท่ียวจากต่างประเทศจะเลือกสถานท่ีท่องเที่ยวท่ีชอบและมีความปลอดภยั มีมาตรการป้องกนั
ไมเ่ ส่ียงตอ่ การติดเช้ือและมีบริการดา้ นการแพทยท์ ่ีดีควบคู่กนั
4. การเลือกลงทุนในธุรกิจในต่างประเทศ ปัจจยั สาคญั ที่ตอ้ งพิจารณาคือ ประเทศที่เลือกตอ้ งมี
ความสามารถทางดา้ นสาธารณสุขดี
5. ธุรกิจประกนั ชีวิตจะไดร้ ับความนิยมมากข้ึน การระบาดของ COVID - 19 ทาให้คนหันมาให้
ความสาคญั ตอ่ การประกนั ชีวติ และประกนั สุขภาพมากยงิ่ ข้ึน
6. ธุรกิจยานยนต์และธุรกิจเกี่ยวกับพลังงานเช้ือเพลิงจะซบเซาลงเนื่องจากคนเดินทางลดลง
เมื่อคนเดินทางลดลงกใ็ ชน้ ้ามนั ในการเดินทางลดลงส่งผลใหร้ ้านคา้ ที่อยใู่ นปั๊มน้ามนั มียอดขายลดลงถา้ ไม่มี
การปรับตวั ในเชิงของ Delivery กน็ ่าจะทาใหธ้ ุรกิจมีปัญหาในอนาคต
7. คนจะมีพฤติกรรมการออมเงินมากข้ึน ภาวการณ์แพร่ระบาดของ COVID - 19 ท่ีผ่านมา
บางคนถูกเลิกจา้ ง บางคนต้องเลิกกิจการทาให้คนหันมาสนใจในเรื่องของการออมเงินไวย้ ามฉุกเฉิน
เปล่ียนรูปแบบการใช้ชีวิตแบบเดิมท่ีเมื่อไดเ้ งินมาก็ซ้ืออสังหาริมทรัพย์ ซ้ือบา้ น ซ้ือรถยนตร์หรือซ้ือส่ิง
อานวยความสะดวกแนวคิดน้ีจะเปล่ียนไป เร่ิมมีคนตระหนกั ที่จะซ้ือของที่สามารถกลบั แปรเปลี่ยนมาเป็ น
เงินเพ่อื ใชจ้ า่ ยในยามฉุกเฉินได้ เช่น ทองคา หรือฝากเงินออมไวใ้ ชใ้ นยามฉุกเฉิน เป็นตน้

คณะรัฐศาสตร์และนิตศิ าสตร์ มหาวทิ ยาลยั บูรพา 109

ปาริชาติ คุณปลืม้

บทสรุป

ประสบการณ์ที่ไดร้ ับจากการระบาดของ COVID - 19 จะทาให้คนเกิดเรียนรู้ที่จะปรับตวั เป็ น
แนวปฎิบตั ิใหม่ (New Normal) เพอ่ื ให้สามารถดารงอยไู่ ดใ้ นปัจจุบนั และในอนาคต ผบู้ ริโภคจะเนน้ สินคา้
ท่ีมีความคุม้ ค่า ก่อให้เกิดอตั ประโยชน์สูงสุดมากกว่าสินคา้ ท่ีมีแค่ความสวยงาม ธุรกิจที่ไม่นาเทคโนโลยี
เขา้ มาผสมผสานจะค่อย ๆ หายไป จะเกิดธุรกิจใหม่พร้อมไอเดียใหม่ ๆ ที่ทา้ ทายและตอบโจทยผ์ ูบ้ ริโภค
การกา้ วขา้ มผา่ นแนวปฏิบตั ิเดิม ๆ จะช่วยใหส้ ามารถวเิ คราะห์ธุรกิจในรูปแบบใหม่ ๆ ไดด้ ียง่ิ ข้ึน

รายการอ้างองิ

ณฐั วฒุ ิ เผา่ ทว.ี (2563). คาดการณ์พฤติกรรมมนุษย์และเศรษฐกิจโลกหลังโควิด. วนั ที่คน้ ขอ้ มูล 15 มิถุนายน
2563, เขา้ ถึงไดจ้ าก https://www.prachachat.net/d-life/news-459514

ประชาชาติธุรกิจ. (2563). โควิด - 19: ติดตามสถานการณ์ประจาวนั . วนั ท่ีคน้ ขอ้ มูล 15 มิถุนายน 2563,
เขา้ ถึงไดจ้ าก https://www.prachachat.net/world-news/news-414664

วกิ ิพเิ ดีย สารานุกรมเสรี. (2563). ประชากรโลก. วนั ท่ีคน้ ขอ้ มูล 1 มิถุนายน 2563, เขา้ ถึงไดจ้ าก
https://th.wikipedia.org/wiki/ประชากรโลก

110 วารสารการเมือง การบริหาร และกฎหมาย ปี ที่ 12 ฉบบั ที่ 2

CHAPTER 5

การกระทาความรุนแรงต่อผู้สูงอายภุ ายในครอบครัว: สาเหตุและแนวทางการป้องกนั
Domestic Violence against the Elderly: Causes and Preventive Measures

ธีระ กุลสวสั ด์ิ (Teera Kulsawat)1
ธญั พิชชา สามารถ (Thanpitcha Sarmart)2
อารีย์ ธวชั วฒั นานนั ท์ (Aree Tawatwattananun)3
1ผชู้ ่วยศาสตราจารย์ ดร., 2อาจารยป์ ระจาบางส่วนเวลา ประจาภาควชิ ารัฐประศาสนศาสตร์
คณะรัฐศาสตร์และนิติศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั บูรพา
3พยาบาลวชิ าชีพระดบั ชานาญการ โรงพยาบาลกระทุ่มแบน
1Asst. Prof. Dr., 2Lecturer, Department of Public Administration
Faculty of Political Science and Law, Burapha University
3Professional Nurse, Krathum Baen Hospital

E-mail: [email protected]

Received: 6 August 2020
Revised: 16 August 2020
Accepted: 29 August 2020

บทคดั ย่อ

สังคมไทยกาลงั ปรับเปล่ียนไปสู่สังคมผูส้ ูงอายุ ทาให้มีจานวนผูส้ ูงอายุเพ่ิมมากข้ึนกวา่ สัดส่วน
ของประชากรวยั อื่น มีความเสี่ยงที่จะเกิดปัญหาการกระทาความรุนแรงต่อผสู้ ูงอายใุ นครอบครัวเพ่ิมมากข้ึน
บทความชิ้นน้ีมีจุดมุ่งหมายที่จะอธิบายถึงการกระทาความรุนแรงต่อผูส้ ูงอายุภายในครอบครัว สาเหตุของ
การกระทาความรุนแรงต่อผูส้ ูงอายุ และแนวทางป้องกนั การกระทาความรุนแรงต่อผูส้ ูงอายุ ขอ้ คน้ พบท่ี
สาคญั ของบทความน้ีคือ แนวโน้มการกระทาความรุนแรงต่อผูส้ ูงอายุภายในครอบครัวมีความเส่ียงท่ีจะ
เพิ่มข้ึนตามจานวนประชากรผูส้ ูงอายุที่มีสัดส่วนเพ่ิมข้ึน สาเหตุของการกระทาความรุนแรงต่อผูส้ ูงอายุ
มาจากหลายปัจจยั ที่เกิดข้ึนไดพ้ ร้อมกนั ในหลายระดบั ต้งั แต่ระดบั ปัจเจกบุคคล ครอบครัว ชุมชน สังคม
สภาพแวดลอ้ มต่าง ๆ นาไปสู่ปัญหาการละเมิดสิทธิมนุษยชนและการก่อปัญหาอาชญากรรม ซ่ึงสภาพการณ์

คณะรัฐศาสตร์และนิตศิ าสตร์ มหาวทิ ยาลยั บูรพา 111

ธีระ กลุ สวสั ด์/ิ ธัญพชิ ชา สามารถ

ท่ีกาลังเกิดข้ึนเป็ นเร่ืองท้าทายหน่วยงานภาครัฐท่ีจะแก้ไขปัญหา และป้องกันไม่ให้เกิดการกระทา
ความรุนแรงตอ่ ผสู้ ูงอายภุ ายในครอบครัว

คาสาคญั : ความรุนแรงต่อผสู้ ูงอาย,ุ การกระทาความรุนแรงภายในครอบครัว, ผสู้ ูงอาย,ุ
Abstract

As Thai society is shifting to an aging society, the proportion of the elderly population is
expected to be larger than the proportion of the other age population. Therefore, it is likely that the risk of
domestic violence against the elderly will increase. The objective of this article is to illustrate the actions
of domestic violence against the elderly, the causes of violence against the elderly, and preventive
measures concerning violence against the elderly. The significant findings of this article are that 1) the
tendency of domestic violence against the elderly is at risk of increasing since the proportion of the elderly
population has continuously escalated, 2) the causes of violence against the elderly originate from a
number of various factors, that occur simultaneously at different levels from individuals, families,
communities, societies, and environments, which lead to the violation of human rights and increasing
crime problems. The current circumstance poses a challenge for government agencies to solve the
problems effectively as well as preventing domestic violence against the elderly.

Keywords: Violence against the elderly, Domestic violence, Elderly

บทนา

ประเทศไทยเป็ นประเทศท่ีกาลงั จะกา้ วเขา้ สู่สังคมผูส้ ูงอายุ (Population Aging) เร็วกวา่ ประเทศ
ส่วนใหญ่ในอาเซียนประมาณ 20 ปี (United Nation, 2013) คาและในปี 2563 สดั ส่วนของผูส้ ูงอายจุ ะเพิ่มข้ึน
เป็ นร้อยละ 15.3 และจากขอ้ มูลของสานกั งานสถิติแห่งชาติ ในการสารวจประชากรสูงอายุ ไดแ้ สดงจานวน
ผสู้ ูงอายุท่ีสารวจในปี 2537 มีผูส้ ูงอายุคิดเป็ นร้อยละ 6.8 ของประชากรท้งั ประเทศ ในปี 2545, 2550, 2554
และ 2557 เพิ่มข้ึนเป็ นร้อยละ 9.4 10.7 12.2 และ 14.9 ตามลาดบั และการสารวจล่าสุดในปี 2560 เพิ่มข้ึน
เป็ นร้อยละ 16.7 หรืออาจกล่าวไดว้ ่า ประเทศไทยเป็ นประเทศหน่ึงในอาเซียนที่เขา้ สู่สังคมสูงวยั (Aged
Society) การเป็ นสังคมสูงวยั คือ การมีจานวนผูส้ ูงอายุเพิ่มมากข้ึน (ประชากรอายุ 60 ปี ข้ึนไป มากกว่า
ร้อยละ 10 ของประชากรท้งั หมด) ในขณะที่วยั เด็กและวยั แรงงานลดน้อยลงเร่ือยๆ จากน้ันจะกลายเป็ น
“สังคมสูงวยั อยา่ งสมบูรณ์” (Complete aged society) เมื่อประชากรสูงอายุ 60 ปี ข้ึนไปมากกวา่ ร้อยละ 20
ของประชากรท้งั หมด ประมาณช่วงปี 2564 และจะเป็ น “สังคมสูงวยั ระดบั สุดยอด (Super aged society)”

112 วารสารการเมือง การบริหาร และกฎหมาย ปี ท่ี 12 ฉบับท่ี 2

CHAPTER 5

เมื่อมีประชากรสูงอายุ 60 ปี ข้ึนไป มากกวา่ ร้อยละ 28 ของประชากรท้งั หมด ในช่วงปี 2574 (สานักงาน
สถิติแห่งชาติ กระทรวงดิจิทลั เพื่อเศรษฐกิจและสังคม, 2561) จากจานวนท่ีผูส้ ูงอายุเพิ่มข้ึนอยา่ งรวดเร็วน้นั
นาไปสู่ประเดน็ ที่ผสู้ ูงอายมุ ีความเสี่ยงตอ่ การถูกกระทาความรุนแรงท้งั จากบุคคลใกลช้ ิดและสงั คม

ผสู้ ูงอายตุ ามพระราชบญั ญตั ิผสู้ ูงอายุ พ.ศ.2546 มาตรา 3 ไดบ้ ญั ญตั ิไวว้ า่ ผูส้ ูงอายุ หมายถึง บุคคล
ที่มีอายุ 60 ปี บริบูรณ์ข้ึนไป และมีสัญชาติไทย อยา่ งไรกด็ ีเม่ือพิจารณาถึงคุณลกั ษณะในมุมมองท่ีดีของคาวา่
“ผสู้ ูงอายุ” เป็ นผูท้ ี่มีประสบการณ์ยาวนาน มีความรู้ความสามารถที่สั่งสมมาจากประสบการณ์จริง เป็ นผูท้ ่ี
ร่วมสร้างสรรคส์ ังคมจากอดีตสู่ปัจจุบนั มีคุณค่า ภูมิปัญญา นบั เป็ นปราชญช์ าวบา้ น เป็ นคลงั สมอง ซ่ึงเป็ น
ประโยชน์ต่อคนในครอบครัวและสังคม ควรให้ความเคารพนบั ถือ ให้เกียรติยกยอ่ ง เป็ นผูท้ ่ีคอยถ่ายทอด
วิชาความรู้แก่ลูกหลาน เป็ นผูใ้ ห้ เป็ นผูท้ ่ีมีวฒุ ิภาวะ เขา้ ใจในชีวิต มีวิธีคิดบวก เป็ นขวญั และกาลงั ใจให้กบั
ลูกหลานในครอบครัว สังคมไทยยงั เปรียบผูส้ ูงอายุกบั พรหมวหิ าร 4 คือ เมตตา กรุณา มุทิตา และ อุเบกขา
เป็ นของคู่กนั แต่หากพิจารณาการเปลี่ยนแปลงทางดา้ นร่างกายและสุขภาพ ความสูงอายุมกั ถูกอธิบายใน
ความหมายเชิงถดถอยว่า เป็ นปรากฏการณ์ที่เกิดข้ึนในช่วงวยั ท่ีเป็ นระยะสุดทา้ ยของชีวิตมนุษย์ ซ่ึงมีแต่
สภาพร่างกายท่ีเสื่อมสภาพ เจ็บป่ วยง่ายหายยาก และดา้ นจิตใจที่ขาดความมนั่ ใจในตนเอง ผสู้ ูงอายุบางคน
โมโหร้ายและชอบแยกตวั จากลักษณะดังกล่าวน้ีทาให้นัยท่ีมีต่อคาว่า ผูส้ ูงอายุ (หรือผูท้ ี่มีลักษณะของ
ความสูงอายุ) มกั ถูกตีความในลกั ษณะ “ความไม่มีประโยชน์” และ “ความเส่ือมถอยดา้ นศกั ยภาพ ในการ
ทางานและการพ่ึงพาตนเอง” (รศรินทร์ เกรย์, อุมาภรณ์ ภัทรวาณิชย์ เฉลิมพล แจ่มจันทร์ และเรวดี
สุวรรณนพเกา้ , 2556) จนกลายเป็นผูท้ ่ีตกเป็นภาระตอ้ งพ่ึงพาคนวยั แรงงาน ภาพของผสู้ ูงอายทุ ่ีถูกทอดทิง้ ให้
อยู่อย่างยากลาบาก ภาพของผูส้ ูงอายุท่ีถูกกดขี่ ทารุณกรรม ภาพของผูส้ ูงอายุที่ร้องขอให้ช่วยเหลือ หรือ
แมก้ ระทงั่ ภาพของผสู้ ูงอายทุ ่ีถูกปล่อยปะละเลย หรือถูกทิ้งให้ไปอาศยั อยูใ่ นสถานสงเคราะห์ไดถ้ ูกนาเสนอ
ออกทางสื่อมวลชน รายการโทรทศั น์ หนงั สือพิมพ์ อนั เป็ นการแสดงความตอกย้าภาพลกั ษณ์เดิม ๆ ของ
ผูส้ ูงอายุวา่ เป็ นภาระท่ีตอ้ งพ่ิงพาผูอ้ ่ืน ตอ้ งควบคุมและจดั การ เป็ นตน้ ซ่ึงเป็ นการทาใหผ้ ูส้ ูงอายุออกไปอยู่
ชายขอบของสงั คมวงกวา้ งมากยง่ิ ข้ึน (สมรักษ์ ชยั สิงห์กานานนท,์ 2545)

ปัญหาความรุนแรงเป็ นปัญหาที่พบบ่อยอยู่เสมอท้งั ในสังคมและในครอบครัวที่นับวนั จะทวี
ความรุนแรงมากข้ึนเรื่อย ๆ กบั บุคคลที่อ่อนแอและดอ้ ยโอกาส อาทิเช่น เด็ก สตรี คนชรา ผมู้ ีสติปัญญาอ่อน
และคนยากจน ในลกั ษณะของการกระทาในรูปแบบต่าง ๆ ไดแ้ ก่ การทุบตีทาร้ายร่างกาย การทาร้ายทางดา้ น
จิตใจ เช่น การพูดจาดูถูกเหยียดหยาม การด่าวา่ ดว้ ยถ้อยคาหยาบคาย เป็ นตน้ การใชค้ วามรุนแรงทางเพศ
เช่น การพูดคุยเรื่องลามกหยาบคาย การลวนลามทางเพศ การข่มขืนกระทาชาเรา เป็ นตน้ และลกั ษณะอื่น ๆ
ของความรุนแรง ท่ีพบไดอ้ ีกไดแ้ ก่ การเอาเปรียบทางดา้ นการเงิน แรงงาน การคา้ ประเวณี เป็ นตน้ รวมถึง
การทอดทิ้งไม่รับผดิ ชอบดูแลบุคคลในครอบครัวก็ถือวา่ เป็ นความรุนแรงอีกลกั ษณะหน่ึงในครอบครัวและ
สังคมที่พบไดท้ วั่ ไป ตามทอ้ งถนน ในโรงเรียนและในสถานท่ีทางาน

คณะรัฐศาสตร์และนติ ศิ าสตร์ มหาวทิ ยาลยั บูรพา 113

ธีระ กลุ สวสั ด์/ิ ธัญพชิ ชา สามารถ

จากการศึกษางานวจิ ยั เบ้ืองตน้ พบวา่ ระดบั ความรุนแรงในระดบั ครอบครัว ในการกระทารุนแรง
ต่อผูส้ ูงอายุ (Older abuse) ส่วนใหญ่พบวา่ ผูส้ ูงอายุที่เป็ นเพศหญิงจะเป็ นผูถ้ ูกกระทาความรุนแรงมากกว่า
เพศชาย จากการศึกษาความชุกของการเกิดความรุนแรงต่อผูส้ ูงอายุหญิงในครอบครัวไดแ้ บ่งความชุกตาม
ประเภทของความรุนแรงพบว่ามีความรุนแรงทางด้านจิตใจ ร้อยละ 30 การถูกทอดทิ้ง ร้อยละ 17
ความรุนแรงทางดา้ นการเงิน ร้อยละ 4.9 ความรุนแรงทางดา้ นร่างกายร้อยละ 1.3 (วลั ลภ วาทะสิทธ์ิ, 2556)
และในขณะเดียวกนั แนวโนม้ ของผสู้ ูงอายเุ พศชายมีความเสี่ยงต่อการฆา่ ตวั ตายมากกวา่ เพศหญิง ในปี 2558
อตั ราการฆ่าตวั ตายอยทู่ ่ี 6.47 ต่อแสนประชากร โดยเพศชายมีแนวโน้มฆ่าตวั ตายสูงข้ึนมากกวา่ เพศหญิง 4
เท่า และกลุ่มที่มีแนวโน้มฆ่าตวั ตายสูงคือกลุ่มผูส้ ูงอายุ ที่มีอายุระหว่าง 70 – 74 ปี และในปี 2559 พบว่า
ผูส้ ูงอายุที่มีอายุระหวา่ ง 75 – 79 ปี มีอตั ราการฆ่าตวั ตายร้อยละ 9.11 ต่อแสนประชากร ซ่ึงจะเห็นวา่ อตั รา
การฆ่าตวั ตายในกลุ่มผสู้ ูงอายจุ ะมากข้ึนทุกปี สาเหตุเกิดจากปัญหาความสัมพนั ธ์กบั คนใกลช้ ิดท่ีนาไปสู่การ
ฆ่าตวั ตาย (กรมสุขภาพจิต, 2558 สืบค้นวนั ท่ี 17 ธันวาคม 2562) อีกท้งั จากการศึกษาสถานการณ์กลุ่ม
ผสู้ ูงอายุที่ประสบสภาวะความยากลาบาก ครอบครัวผูส้ ูงอายเุ ล้ียงดูแลเด็กตามลาพงั และครอบครัวผูส้ ูงอายุ
อาศยั ตามลาพงั จากผูเ้ ขา้ ร่วมในการศึกษาจานวน 4,561 ครอบครัว พบวา่ สัดส่วนของครอบครัวผูส้ ูงอายุ
เล้ียงดูเด็กตามลาพงั โดยเฉล่ียแลว้ พบในชนบทมากกวา่ ในเมือง สาหรับสัดส่วนของครอบครัวผสู้ ูงอายทุ ่ีอยู่
คนเดียว หรือครอบครัวผูส้ ูงอายุอาศยั ร่วมกนั ตามลาพงั และครอบครัวผูส้ ูงอายุอาศยั กบั สมาชิกที่พิการ
ทุพพลภาพ ไม่สามารถดูแลตนเองได้ โดยเฉล่ียพบในเมืองมากกวา่ ในชนบท อย่างมีนัยสาคญั ทางสถิติ
(สานกั ส่งเสริมสถาบนั ครอบครัว สานกั งานกิจการสตรีและสถาบนั ครอบครัว, 2555)

ความรุนแรงต่อผูส้ ูงอายุ เป็ นปัญหาหน่ึงของสังคมท่ีมีการกระทาในลกั ษณะของการกระทา
ความรุนแรงต่อผูส้ ูงอายุ หากมองในหลายมิติตามการจาแนกประเภทของความรุนแรงต่อผสู้ ูงอายุ สามารถ
จาแนกไดเ้ ป็ นประเภทต่าง ๆ คือ 1) ความรุนแรงทางดา้ นร่างกาย เป็ นการทาร้ายผูส้ ูงอายุดว้ ยวธิ ีการต่าง ๆ
ให้ไดร้ ับการบาดเจ็บ หรือเจ็บปวด ท่ีพบบ่อยคือ การตบหน้า ทุบตี การผูกมดั รวมท้งั การใช้ยาเกินปกติ
2) ความรุนแรงด้านจิตใจ เป็ นการใช้พฤติกรรมท่ีแสดงออกต่อผูส้ ูงอายุ เช่น คาพูดท่ีกา้ วร้าว ด่าว่าไม่ให้
เกียรติแสดงท่าทางเพิกเฉย ไม่สนใจ ซ่ึงมกั เกิดร่วมกบั การกระทาทารุณกรรมประเภทอื่น 3) ความรุนแรง
ทางเพศ คือ การมีเพศสัมพนั ธ์โดยไม่ไดร้ ับการยินยอมจากผูส้ ูงอายุ 4) ความรุนแรงดา้ นทรัพยส์ ินและวตั ถุ
เป็นการแสดงเจตนาตอ้ งการประโยชน์จากทรัพยส์ ิน เงินทอง หรือใชท้ รัพยส์ ินไปในทางท่ีไมถ่ ูกตอ้ ง การนา
เงินไปใชโ้ ดยไม่ไดร้ ับอนุญาต หรือการเขา้ ครอบครองสมบตั ิรวมถึงการปลอมเอกสารต่าง ๆ 5) การละเมิด
สิทธิผูส้ ูงอายุ เป็ นการทาร้ายผูส้ ูงอายุอีกประเภทหน่ึง เช่น การบงั คบั ให้ผูส้ ูงอายุกระทาในสิ่งที่ผูส้ ูงอายุ
ไม่ตอ้ งการ การส่งผูส้ ูงอายุเขา้ ไปในสถานสงเคราะห์คนชรา เป็ นตน้ เป็ นการกระทาท่ีทาให้ผูส้ ูงอายุเกิด
ความสูญเสียความเป็ นส่วนตวั ความอิสระทางดา้ นร่างกายและจิตใจ 6) การทาร้ายตนเอง เช่น การปฏิเสธ
การดูแล การช่วยเหลือใด ๆ การไม่รับประทานอาหารและยา การสวมเส้ือผา้ ไม่เหมาะสม และการมี
แนวโน้มในการคิดฆ่าตวั ตาย 7) การเพิกเฉย โดยการท่ีผูด้ ูแลเพิกเฉยต่อการดูแลที่จาเป็ น 8) การทอดทิ้ง

114 วารสารการเมือง การบริหาร และกฎหมาย ปี ที่ 12 ฉบับท่ี 2

CHAPTER 5

ผูส้ ูงอายุ โดยจาแนกรายละเอียดการทอดทิ้ง โดยจาแนกการทอดทิ้งออกเป็ น 3 รูปแบบ คือ ดา้ นร่างกาย
ไดแ้ ก่ การปล่อยปละละเลยในเคร่ืองนุ่งห่ม การเคล่ือนไหวความสะอาด ความปลอดภยั ซ่ึงอาจจะไม่ไดด้ ูแล
เอาใจใส่หรือปฏิเสธไม่ให้การดูแล ดา้ นการแพทย์ โดยการไม่พาไปตรวจรักษาโดยอา้ งวา่ เป็ นอาการปกติ
อนั เนื่องมาจากวยั ของผสู้ ูงอายเุ อง มกั พบร่วมกบั การละเมิดสิทธิทางดา้ นร่างกาย ดา้ นอารมณ์และจิตใจ เช่น
การส่ือสารที่ขาดประสิทธิภาพ ตะโกนหรือพูดเสียงดงั มากเกินไป การปล่อยให้ได้รับกลิ่นและเสียงท่ี
ผสู้ ูงอายไุ ม่ชอบ (จิราพร เกศพชิ ญวฒั นา, 2552)

ผสู้ ูงอายุมีบทบาทในการช่วยเหลือกิจกรรมของครอบครัวลดลง ทาให้สังคมละเลยคุณค่าผสู้ ูงอายุ
เป็นผลใหผ้ ูส้ ูงอายถุ ูกทอดทิ้งใหอ้ ยตู่ ามลาพงั มากข้ึน ผสู้ ูงอายใุ นชนบทจานวนมากมกั ถูกทอดทิ้งใหร้ ับภาระ
เล้ียงดูหลาน หรือได้รับเงินไม่เพียงพอที่จะใช้ในการดารงชีวิตและเล้ียงดูหลาน ทาให้ผูส้ ูงอายุขาด
ความมนั่ คงในชีวิต (อมรา สุนทรธาดา และสุพตั รา เลิศชัยเพชร, 2552) การแก้ไขปัญหาการกระทา
ความรุนแรงต่อผสู้ ูงอายใุ นครอบครัว ลาพงั หน่วยงานของรัฐไม่สามารถเขา้ ไปแกไ้ ขปัญหาความรุนแรงต่อ
ผูส้ ูงอายุได้ท้ังชุมชนในเมืองและชนบท เนื่องจากแนวทางการดาเนินการจากหน่วยงานของรัฐ จะเป็ น
ลกั ษณะของการคุม้ ครอง ช่วยเหลือ ฟ้ื นฟู เยียวยา แต่แนวทางหรือวิธีการเชิงรุกที่จะป้องกนั เพ่ือไม่ให้เกิด
การกระทาความรุนแรงต่อผสู้ ูงอายนุ ้นั ยงั ขาดความชดั เจนอยมู่ าก

ดงั น้ันบทความน้ีจึงมีจุดมุ่งหมายท่ีจะนาเสนอให้เห็นถึงสาเหตุของการกระทาความรุนแรงต่อ
ผูส้ ูงอายุในครอบครัว และนาเสนอแนวทางในการป้องกนั ความรุนแรงต่อผูส้ ูงอายุในครอบครัว โดยแบ่ง
การนาเสนอออกเป็ น 3 ส่วน คือ ส่วนท่ีหน่ึง เป็ นการช้ีให้เห็นถึงการกระทาความรุนแรงต่อผูส้ ูงอายุใน
ครอบครัว ส่วนที่สอง เป็ นการช้ีให้เห็นถึงสาเหตุของการกระทาความรุนแรงต่อผูส้ ูงอายุ และส่วนที่สาม
เป็นการนาเสนอแนวทางในการป้องกนั การกระทาความรุนแรงต่อผสู้ ูงอายุ

คณะรัฐศาสตร์และนติ ศิ าสตร์ มหาวทิ ยาลยั บูรพา 115

ธีระ กลุ สวสั ด์/ิ ธัญพชิ ชา สามารถ

1. การกระทาความรุนแรงต่อผู้สูงอายใุ นครอบครัว

ความรุนแรง เป็ นพฤติกรรมหรือการกระทาของบุคคล โดยเจตนาให้เกิดความเสียหายต่อร่างกาย
และจิตใจ หรือทรัพยส์ ินของบุคคลอื่น ซ่ึงความรุนแรงสามารถเกิดข้ึนไดใ้ นทุกบริบท แมก้ ระทง่ั ในบริบท
ของครอบครัว ความรุนแรงก็สามารถเกิดข้ึนไดจ้ ากการกระทาความรุนแรงต่อกนั ของสมาชิกในครอบครัว
(ภัณฑิลา อิฐรัตน์, กฤตยา แสวงเจริญ, จิราวรรณ แท่นวฒั นกุล, นิลาวรรณ ฉันทะปรีดา และสมพร
วฒั นนุกลู เกียรติ, 2545)

ความรุนแรงในครอบครัว หมายถึง พฤติกรรมของการทาร้าย หรือทอดทิ้งโดยเจตนา หรือไม่
เจตนา และเป็ นการกระทาต่อร่างกาย จิตใจ หรือทรัพยส์ ิน อยา่ งใดอยา่ งหน่ึง หรือมากกว่า ที่ทาให้เกิดผล
เสีย การบาดเจบ็ การไดร้ ับความเจบ็ ปวด การสูญเสีย หรือ เป็นการละเมิดสิทธิข้นั พ้ืนฐานของบุคคล และทา
ให้คุณภาพชีวิตต่าลง ซ่ึงเป็ นการกระทาหรือพฤติกรรมที่ก่อให้เกิดความเสี่ยงต่อสมาชิกในครอบครัว
ท่ีส่งผลไปในทิศทางลบต่อพฒั นาการของร่างกายและจิตใจของบุคคล ต่อการรับรู้ความเป็ นมนุษย์ และต่อ
สุขภาพทางกาย และสุขภาพทางจิตใจ (Van Hasselt and Hersen, 1999)

การกระทาความรุนแรงในผู้สูงอายุ (Elder Abuse) หมายถึง การกระทาท่ีเกิดข้ึนจากสมาชิกใน
ครอบครัวเป็ นผู้กระทาท้ังทางร่างกายและจิตใจแบบต้ังใจมากกว่าไม่ต้ังใจ ที่ก่อให้เกิดอันตราย
ความเจ็บปวด การละเลยทอดทิ้ง การเอาประโยชน์ทรัพยส์ ิน รวมถึงการละเมิดสิทธิ (กิตติพรรณ ศิริทรัพย,์
2556; สานกั ส่งเสริมและพทิ กั ษผ์ สู้ ูงอายุ, 2555)

ในส่วนของการกระทาความรุนแรง ศศิพฒั น์ ยอดเพชร (2552) กล่าววา่ ความรุนแรงต่อผสู้ ูงอายุ
ในครอบครัว อาจพิจารณาถึง การละเลย การทาร้ายและแสวงหาผลประโยชน์จากผูส้ ูงอายุท้ังทางด้าน
อารมณ์ ร่างกาย การเงินและทรัพยส์ ิน การทาร้ายทางเพศและการทอดทิ้ง โดยมีพฤติกรรมความรุนแรงดา้ น
จิตใจและอารมณ์ในลักษณะพฤติกรรมที่สมาชิกในครอบครัวทาร้ายจิตใจของผูส้ ูงอายุ เช่น ไม่รับฟัง
เพิกเฉยต่อความคิดเห็น การที่สมาชิกในครอบครัวแสดงพฤติกรรมท่ีไม่เช่ือฟังและการทาร้ายร่างกายใน
รูปแบบต่างๆ เช่นการทาร้าย ทุบตี ผลกั ไส ผสู้ ูงอายุที่เขา้ ข่ายวา่ ถูกกระทารุนแรงจะตอ้ งมีองคป์ ระกอบของ
เหตุการณ์ดงั ต่อไปน้ี คือ 1) เป็ นการกระทาท่ีไม่เหมาะสมดว้ ยความต้งั ใจ หรือไม่ไดต้ ้งั ใจ 2) เป็ นการกระทา
ที่ส่งผลให้ผูส้ ูงอายุเกิดความเจ็บปวดและได้รับอนั ตราย หรือเกิดความทุกข์ ท้งั ทางด้านร่างกาย จิตใจ
อารมณ์ และสุขภาพ 3) เป็ นการละเมิดสิทธิ การเอาประโยชน์ต่อทรัพยส์ ิน 4) เป็ นการปล่อยปละละเลย
ทอดทิ้งไม่ดูแล รวมท้งั การละเวน้ การกระทาที่ผสู้ ูงอายุพึงไดร้ ับ 5) เป็ นการกระทาโดยบุคคลในครอบครัว
หรือบุคลากรที่เก่ียวขอ้ งกบั ผสู้ ูงอายุ และ 6) เป็นการกระทาท่ีอาจเกิดข้ึนเพียงคร้ังเดียว ชว่ั คราว หรือตอ่ เนื่อง
(จิราพร เกศพิชญวฒั นา และสุวณิ ี ววิ ฒั นว์ านิช, 2552)

116 วารสารการเมือง การบริหาร และกฎหมาย ปี ท่ี 12 ฉบับท่ี 2

CHAPTER 5

ลักษ ณ ะของการกระท ารุ น แรงต่ อผู้สู งอายุ (จิราพ ร เกศพิ ชญ วัฒ น า, 2555; จิราพ ร
เกศพิชญวฒั นา และสุวิณี วิวฒั น์วานิช (2552); สานกั ส่งเสริมและพิทกั ษผ์ ูส้ ูงอายุ (2555) สรุปประเภทของ
การกระทาความรุนแรงต่อผูส้ ูงอายุ ออกเป็ น 5 ประเภท 1) ความรุนแรงทางดา้ นร่างกาย หมายถึง การทาร้าย
ผูส้ ูงอายุด้วยวิธีการต่าง ๆ ให้ได้รับการบาดเจ็บ หรือเจ็บปวด ท่ีพบบ่อยคือ การตบหน้า ทุบตี การผูกมดั
รวมท้งั การใชย้ าเกินปกติ 2) ความรุนแรงดา้ นจิตใจ หมายถึง การใชพ้ ฤติกรรมที่แสดงออกต่อผสู้ ูงอายุ เช่น
คาพูดที่ก้าวร้าว และไม่ให้เกียรติ ซ่ึงมกั เกิดร่วมกบั การกระทาทารุณกรรมประเภทอ่ืน 3) ความรุนแรง
ทางเพศ หมายถึง การมีเพศสัมพนั ธ์โดยไม่ได้รับการยินยอมจากผูส้ ูงอายุ 4) การทอดทิ้งผูส้ ูงอายุ ละเลย
เพิกเฉย หมายถึง การที่ผูด้ ูแลทอดทิ้งให้ผูส้ ูงอายุอยู่ตามลาพงั แสดงท่าทางเพิกเฉย ไม่สนใจต่อการดูแลที่
จาเป็ นในเรื่องสุขอนามยั การเคลื่อนไหว ความสะอาด ความปลอดภยั การไม่พาไปตรวจรักษา การส่ือสารที่
ขาดประสิทธิภาพ ตะโกนหรือพูดเสียงดงั มากเกินไป การปล่อยให้ไดร้ ับกล่ินและเสียงที่ผูส้ ูงอายุไม่ชอบ
การบงั คบั ให้ผูส้ ูงอายุกระทาในส่ิงที่ผูส้ ูงอายุไม่ตอ้ งการ รวมถึงการส่งผูส้ ูงอายุเขา้ ไปในสถานสงเคราะห์
คนชรา และ 5) ความรุนแรงด้านทรัพยส์ ิน วตั ถุ และการละเมิดสิทธิ หมายถึง การแสดงเจตนาตอ้ งการ
ประโยชน์จากทรัพยส์ ิน เงินทอง หรือใช้ทรัพยส์ ินไปในทางท่ีไม่ถูกตอ้ ง การนาเงินไปใช้โดยไม่ได้รับ
อนุญาต หรือการเขา้ ครอบครองสมบตั ิรวมถึงการปลอมเอกสารตา่ ง ๆ

สาหรับปัญหาความรุนแรงต่อผูส้ ูงอายุในประเทศไทยน้นั (ธนธร ภูมี, 2559) พบวา่ เป็ นปัญหาที่
ขาดการรายงานสภาพปัญหาที่แทจ้ ริง รวมท้งั ขาดการรับรู้จากประชาชนและสังคมส่วนหน่ึง เป็ นผลมาจาก
สาเหตุใหญ่ ๆ 2 สาเหตุ คือ สังคมไทย เป็ นสังคมที่ให้ความสาคญั กบั ความกตญั ญูและการเคารพนบั ถือผู้
อาวโุ ส ทาใหป้ ระชาชนทว่ั ไปมองวา่ เหตุการณ์กระทาความรุนแรงต่อผสู้ ูงอายเุ ป็นเร่ืองท่ีผดิ เป็ นบาป จึงไม่
น่าจะเกิดเร่ืองข้ึนจริง และประการท่ีสอง คือ การกระทาความรุนแรงต่อผูส้ ูงอายสุ ่วนใหญ่จะเป็นการกระทา
ความรุนแรงภายในครอบครัว ซ่ึงประชาชนมกั จะมองว่าเป็ นปัญหาภายในครอบครัว ควรให้สมาชิกใน
ครอบครัวน้นั แกไ้ ข จดั การปัญหากนั เอง บุคคลภายนอกไม่ควรเขา้ ไปยุ่งเก่ียว และนอกจากน้นั ยงั มีสาเหตุ
มาจากตวั ของผูส้ ูงอายุเองท่ียงั มีความรัก และความผูกพันต่อผูก้ ระทาความรุนแรง ซ่ึงเป็ นสมาชิกใน
ครอบครัว ทาให้ไม่กล้าที่จะร้องขอความช่วยเหลือ หรืออาจจะรู้สึกอบั อายและหวาดกลวั ต่อเหตุการณ์
ท่ีเกิดข้ึน

จากขอ้ มูลสถิติการกระทาความรุนแรงภายในครอบครัวท่ีเกิดกบั ผสู้ ูงอายขุ องศูนยช์ ่วยเหลือสังคม
1300 ในปี 2559 มีผสู้ ูงอายถุ ูกกระทาความรุนแรงจานวน 91 ราย จาแนกเป็ น การทาร้ายร่างกาย 89 ราย และ
การถูกล่วงละเมิดทางเพศ 2 ราย ในปี 2560 มีผูส้ ูงอายุถูกกระทาความรุนแรงจานวน 176 ราย จาแนกเป็ น
การทาร้ายร่างกาย 161 ราย และถูกล่วงละเมิดทางเพศ 5 ราย และในปี 2561 มีผู้สู งอายุถูกกระทา
ความรุนแรงจานวน 115 ราย เป็ นการกระทาความรุนแรงโดยการทาร้ายร่างกายท้งั หมด (ศูนยช์ ่วยเหลือ
สังคม 1300: สืบคน้ เมื่อ 25 พฤศจิกายน 2562) จะเห็นได้ว่า สถานการณ์ความรุนแรงต่อผูส้ ูงอายุภายใน

คณะรัฐศาสตร์และนิตศิ าสตร์ มหาวทิ ยาลยั บูรพา 117

ธีระ กลุ สวสั ด์/ิ ธัญพชิ ชา สามารถ

ครอบครัว ยงั ไม่สามารถท่ีจะควบคุมหรือแกไ้ ขปัญหาเหล่าน้ีใหห้ มดไปได้ ซ่ึงเป็ นปัญหาระดบั ประเทศท่ีจะ
มีโอกาสเกิดข้ึนไดม้ ากตามการเพิม่ จานวนของผสู้ ูงอายุ ซ่ึงประเทศไทยกาลงั จะเขา้ สู่ยคุ ของสังคมสูงวยั อยา่ ง
สมบูรณ์ในปี 2564และสังคมสูงวยั ระดบั สุดยอดในปี 2574

ผลกระทบของการกระทาความรุนแรงต่อผูส้ ูงอายุ ปัญหาการกระทาความรุนแรงต่อผูส้ ูงอายุ
ส่งผลกระทบต่อสุขภาพและความผาสุกของผูส้ ูงอายุท้งั ทางร่างกาย จิตใจ สังคมและเศรษฐกิจ รวมถึง
สถาบนั ครอบครัว และประเทศชาติโดยส่วนรวม นบั เป็ นปัญหาท่ีทุกฝ่ ายท้งั ภาครัฐและองคก์ รที่เก่ียวขอ้ งไม่
ควรละเลย (ศศิพฒั น์ ยอดเพชร, 2545)

ผลกระทบต่อสุขภาพผูส้ ูงอายุ มีหลายดา้ น ท้งั ทางดา้ นร่างกาย และจิตสังคม นอกจากน้ียงั เพ่ิม
อตั ราป่ วยและอตั ราตายของผสู้ ูงอายุ ดงั ตอ่ ไปน้ี

1. ดา้ นร่างกาย เป็นส่ิงท่ีเห็นไดช้ ดั เจน เช่น การมีแผลฟกช้าตามใบหนา้ การมีรอยไหมต้ ่าง ๆ ตาม
ร่างกาย ร่างกายซูบผอม ขาดอาหาร ผวิ หนงั เหี่ยวยน่ ตาลึกปากแหง้ มีแผลกดทบั หลายที่กระดูกหกั ขอ้ ยดึ ติด
การหกลม้ โดยไม่ทราบสาเหตุ การไดร้ ับบาดเจ็บที่สมอง หรือการติดเช้ือที่แผลกดทบั ซ่ึงจะส่งผลให้เกิด
อนั ตรายต่อผสู้ ูงอายแุ ละนาไปสู่การเสียชีวติ ในที่สุด

2. ด้านจิตใจและอารมณ์ ผูส้ ูงอายุที่ถูกกระทาความรุนแรงไม่ว่าจะเป็ นการทาร้ายร่างกายหรือ
จิตใจลว้ นส่งผลให้ผูส้ ูงอายุรู้สึกทุกขท์ รมาน ปวดร้าว หวาดกลวั หวาดระแวง ขาดความเช่ือมนั่ ในตนเอง
อาจทาให้บุคลิกเปล่ียนไปสู่อาการหวาดผวาและกา้ วร้าว อารมณ์รุนแรงข้ึน หมดอาลยั ในชีวิต ซึมเศร้าและ
อาจคิดฆ่าตวั ตายได้

ผลกระทบตอ่ ครอบครัวทาใหส้ ถาบนั ครอบครัวไม่มน่ั คง ขดั แยง้ ขาดความสงบสุข สัมพนั ธภาพ
ครอบครัวไม่ดี วถี ีชีวติ ครอบครัวเบ่ียงเบน ขาดการยอมรับจากผอู้ ื่นและสงั คม

ผลกระทบต่อสังคม ก่อให้เกิดปัญหาสังคมดา้ นต่าง ๆ เช่น ปัญหาผูส้ ูงอายุเร่ร่อนไม่มีท่ีอยูอ่ าศยั
ถูกทอดทิง้ ใหอ้ ยตู่ ามลาพงั ไม่มีผดู้ ูแล

ผลกระทบต่อสถานการณ์สิทธิมนุษยชนในกลุ่มผู้สูงอายุ (กรมคุม้ ครองสิทธิและเสรีภาพ, 2562)
จากรายงานการศึกษาของสานกั งานสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ในการประเมินสถานการณ์ดา้ นสิทธิมนุษยชน
ในประเทศไทย ได้สรุปสภาพปัญหาที่ที่สาคญั ของผูส้ ูงอายุจากการดาเนินงานของแผนสิทธิมนุษยชน
แห่งชาติฉบบั ท่ี 3 (พ.ศ. 2557-2561) ในประเด็นของผูส้ ูงอายุไวว้ า่ ประเทศไทยกาลงั เผชิญกบั ปัญหาการ
ขาดแคลนผูด้ ูแลผูส้ ูงอายุซ่ึงทวคี วามรุนแรงย่ิงข้ึน จากการเปล่ียนแปลงโครงสร้างของประชากรของสังคม
ทาให้จานวนผูส้ ูงอายุเพ่ิมสูงข้ึนพร้อมกบั การลดลงของแรงงานทกั ษะ ตลอดจนค่าตอบแทนในการดูแล
ผูส้ ูงอายุค่อนขา้ งสูง และเป็ นภาระค่าใช้จ่ายที่สูงเกินกวา่ ท่ีผูส้ ูงอายุหรือบุตรหลานของผูส้ ูงอายุที่มีรายได้
นอ้ ยสามารถจ่ายได้ สถานการณ์ของเบ้ียสงเคราะห์คนชราท่ียงั ไม่เพียงพอต่อการดารงชีพ และปัญหาการ
ดูแลสวสั ดิการพ้ืนฐาน ซ่ึงเป็ นปัญหาการเตรียมการรองรับสังคมผูส้ ูงอายุ ปัญหาต่าง ๆ เหล่าน้ีนาปสู่การ
กระทาความรุนแรงต่อผู้สูงอายุภายในครอบครัวและละเมิดสิทธิมนุษยชน ไม่ว่าจะเป็ นการกระทา

118 วารสารการเมือง การบริหาร และกฎหมาย ปี ที่ 12 ฉบับท่ี 2

CHAPTER 5

ความรุนแรงทางดา้ นร่างกาย การกระทาความรุนแรงทางดา้ นจิตใจ การทอดทิ้งไมด่ ูแล การเอาประโยชน์ใน
ดา้ นทรัพยส์ ินจากคนในครอบครัว และการถูกหลอกลวงจากคนใกลช้ ิด

2. สาเหตุของการกระทาความรุนแรงต่อผู้สูงอายุ

ความรุนแรงต่อผูส้ ูงอายุ เป็ นปัญหาที่มีความซับซ้อน ความรุนแรงต่อผูส้ ูงอายุ สามารถเกิดได้
ทุกแห่ง ไม่มีความแตกต่างทางสังคมหรือชนช้ัน สามารถเกิดข้ึนได้ท้ังในบ้าน สถานดูแลผู้สูงอายุ
แหล่งใหบ้ ริการต่าง ๆ สาหรับผสู้ ูงอายุ ซ่ึงมีปัจจยั ต่าง ๆ ที่อาจทาใหเ้ กิดความรุนแรงต่อผูส้ ูงอายไุ ดส้ ามารถ
อธิบายไดจ้ ากหลายทฤษฎี ดงั น้ี

ทฤษฎรี ะบบครอบครัว (Family system Theory) ทฤษฎีระบบครอบครัวสามารถอธิบายปัจจยั ที่
เกี่ยวขอ้ งกบั ความรุนแรงในครอบครัว โดยมององค์รวมท้งั หมดของครอบครัว ความรุนแรงในครอบครัว
เป็ นผลจากการมีปฏิสัมพันธ์ระหว่างบุคคล เหตุการณ์ และพฤติกรรม (Wilson and Kneisl, 1996)
การพิจารณาปัจจยั ที่เกี่ยวขอ้ งกบั ความรุนแรงในครอบครัวจึงตอ้ งพิจาณาจากสมาชิกในครอบครัวทุกคน
เพราะเป็ นส่วนหน่ึงของระบบครอบครัว หรือเป็ นระบบย่อยของครอบครัว การพิจารณามีเป้าหมายเพื่อ
ทราบถึงรูปแบบพฤติกรรม บทบาทหน้าที่ของสมาชิก รวมท้งั การมีปฏิสัมพนั ธ์กนั ระหวา่ งสมาชิกภายใน
ครอบครัวทุกคน และตอ้ งพิจารณาลกั ษณะของระบบครอบครัววา่ มีลกั ษณะอยา่ งไร ครอบครัวท่ีรักษาภาวะ
สมดุลได้อย่างมีประสิทธิภาพระบบครอบครัวจะเป็ นระบบเปิ ด หมายถึง มีการแลกเปลี่ยนด้านข้อมูล
ข่าวสาร การใช้ประโยชน์อ่ืนร่วมกบั ส่ิงแวดลอ้ ม ระบบชุมชน ระบบสุขภาพ และระบบการศึกษา ในทาง
ตรงขา้ ม ครอบครัวที่เป็ นระบบปิ ด มีขอบเขตที่ไม่ยดื หยนุ่ บทบาทของสมาชิกในครอบครัวไม่ชดั เจน ทาให้
ครอบครัวที่มีลกั ษณะแบบน้ีจะมีความวุ่นวาย ไม่มีความสมดุลเม่ือมีภาวะวิกฤติเกิดข้ึน ดงั น้ัน ปัจจยั ที่
เก่ียวขอ้ งกบั ครอบครัวท่ีมีความรุนแรง คือ ลกั ษณะพฤติกรรมและการทาหน้าท่ีของสมาชิกในครอบครัว
รวมท้งั ครอบครัวท่ีมีลกั ษณะของปัญหา หรือปฏิสัมพนั ธ์ท่ีมีความขดั แยง้ กนั เป็ นลกั ษณะของครอบครัวปิ ด
และขาดความยดื หยนุ่

ทฤษฎกี ารพ่ึงพาผู้อ่ืน (Dependence Theory) ทฤษฎีน้ีอธิบายวา่ ภาวะพ่ึงพา เป็ นตวั แปรสาคญั ที่
เป็ นสาเหตุเชื่อมโยงให้เกิดการกระทาความรุนแรงต่อผูส้ ูงอายุ (Pillemer, Mueller-Johnson, Mock, Suitor,
and Lachs, 2007) ภาวะพ่ึงพาของผูส้ ูงอายุ ได้แก่ การสูญเสียสถานภาพด้านการเงิน ความอ่อนแอและ
ความเจ็บป่ วย เช่น เม่ืออายุมากข้ึน สุขภาพไม่ดี เจ็บป่ วยเร้ือรัง อยุ่ในสภาพพ่ึงพาสูง มีความผิดปกติทาง
สติปัญญา เช่น ภาวะสมองเสื่อม เป็นอมั พาต พิการ ช่วยเหลือตวั เองไดน้ อ้ ยลงหรือไม่ได้ ตอ้ งไดร้ ับการดูแล
ท้ังร่างกายและจิตใจ ต้องคอยสนับสนุนด้านการเงิน เป็ นผลให้ผู้ดูแลหรื อสมาชิกในครอบครัว

คณะรัฐศาสตร์และนิตศิ าสตร์ มหาวทิ ยาลยั บูรพา 119

ธีระ กลุ สวสั ด์/ิ ธัญพชิ ชา สามารถ

เกิดความเครียด เกิดความไม่พอใจ ซ่ึงส่งผลให้ผดู้ ูแลเกิดความกา้ วร้าวและกระทาความรุนแรงต่อผูส้ ูงอายุ
มากข้ึน

ทฤษฎกี ารเรียนรู้ทางสังคม (The Social Learning Theory) ทฤษฎีน้ีอธิบายพฤติกรรมรุนแรงได้
วา่ เป็นการเรียนรู้ทางพฤติกรรมมากกวา่ สญั ชาติญาณ เชื่อวา่ การกระตุน้ กลไกการทางานของระบบประสาท
ของความรุนแรงอยภู่ ายใตก้ ารควบคุมของการเรียนรู้ แนวคิดและพฤติกรรมของบุคคลเกิดจากการเรียนรู้ท่ี
ไดจ้ ากกระบวนการขดั เกลาทางสังคม การท่ีบุคคลจะมีแนวคิด พฤติกรรมอยา่ งไรข้ึนอยูก่ ับการเรียนรู้ที่
ได้รับจากการขดั เกลาทางสังคม ซ่ึงจะแตกต่างกนั ไปในแต่ละวฒั นธรรมและกลุ่มสังคม ซ่ึงตวั บุคคลจะ
เรียนรู้ความรุนแรงจากสังคมและสิ่งแวดลอ้ ม (Bandura, 1986) หากบุคคลภายในครอบครัวเติบโตมาภายใต้
สงั คมที่นิยมใชค้ วามรุนแรง ก็จะมีโอกาสซึมซบั และกลายเป็นคนท่ีมีพฤติกรรมเช่นเดียวกบั สงั คมน้นั

พฤติกรรมรุนแรงเก่ียวขอ้ งกบั การใหร้ างวลั และการเสริมแรง ถา้ ครอบครัวมีการเสริมแรงในทาง
ลบกบั พฤติกรรมรุนแรงน้นั บุคคลกจ็ ะมีการแสดงพฤติกรรมท่ีรุนแรงลดลง เด็กท่ีอยใู่ นครอบครัวที่มีการทา
ร้ายทางดา้ นร่างกายและทาร้ายจิตใจ จะทาให้เด็กตีความหมายไดว้ า่ การกระทาเช่นน้นั เป็ นหนทางในการ
แกไ้ ขปัญหา หรือตอบสนองต่อความเครียด และเมื่อโตข้ึนก็อาจจะใชค้ วามรุนแรงเช่นกนั เมื่อเผชิญหนา้ กบั
ปัญหาในการดูแลผูส้ ูงอายุ ในทานองเดียวกนั ตวั แบบจากส่ือต่าง ๆ เช่น โทรทศั น์ วิทยุ หนงั สือพิมพ์ และ
ส่ือสังคมออนไลน์ ท่ีได้รับยงั มีอิทธิพลต่อเด็ก ถ้าเด็กได้รับส่ือที่ดี ก็จะมีการเรียนรู้และมีพฤติกรรม
การแสดงออกที่ดีและเหมาะสม แตถ่ า้ ไดร้ ับส่ือท่ีแสดงถึงความโหดร้าย ทารุณ เด็กจะมีพฒั นาการค่านิยมให้
ทนทานและยอมรับความรุนแรงน้ัน (Wilson and Kneisl, 1996) ทาให้มีรูปแบบพฤติกรรมท่ีมีการใช้
ความรุนแรงเพอ่ื ตอบสนองปัญหาระหวา่ งบุคคลได้

แน วคิดความรุ น แรงที่สื บ ทอด กัน มา (Trans-generational Violence) แน วคิดน้ี เชื่ อว่า
ความรุนแรงเป็ นพฤติกรรมการเรียนรู้ และถ่ายทอดไปสู่รุ่นบุตรหลาน ซ่ึงหากเด็กเติบโตในสภาพที่มี
ความรุนแรง จะทาใหเ้ ด็กเกิดการรับรู้ เกิดการยอมรับและมองวา่ สิ่งท่ีเกิดข้ึนเป็นเร่ืองปกติ ซ่ึงเด็กจะมีอาการ
กา้ วร้าวเมื่อเติบโตข้ึน ซ่ึงหากเด็กไดร้ ับการดูแลไม่ดี ก็จะตอบแทนพ่อแม่ดว้ ยการดูแลท่ีไม่ดีเช่นเดียวกนั
(Fulmer, 1998; Sengstock, 2004) แนวความคิดน้ีสามารถอธิบายเพ่ิมเติมเกี่ยวกบั ความรุนแรงในครอบครัว
ไดว้ า่ เป็นพฤติกรรมท่ีเกิดจากการซึมซบั จนเกิดความเคยชิน เม่ือเกิดความเคยชินก็จะก่อใหเ้ กิดความเสี่ยงสูง
ท่ีจะมีพฤติกรรมรุนแรงในครอบครัว ซ่ึงในครอบครัวที่มีความขดั แยง้ กนั ภายในเป็ นระยะเวลานาน ก็จะมี
ความเส่ียงต่อการกระทาความรุนแรงต่อผูส้ ูงอายุมากกว่าในครอบครัวของผูส้ ูงอายุท่ีไม่มีความขดั แยง้
พฤติกรรมความรุนแรงสามารถเกิดข้ึนไดท้ ้งั สองทิศทาง คือ จากผูด้ ูแลท่ีมีพฤติกรรมกา้ วร้าวกบั ผูส้ ูงอายุ
และผูส้ ูงอายุก็อาจมีพฤติกรรมกก้าวร้าวต่อผู้ดูแล ซ่ึงจะนามาซ่ึงการเกิดการกระทาความรุนแรงต่อ
ผสู้ ูงอายไุ ด้

120 วารสารการเมือง การบริหาร และกฎหมาย ปี ที่ 12 ฉบบั ท่ี 2

CHAPTER 5

ความแตกต่างของโครงสร้างทางสังคม (Different Social Structure) ลกั ษณะของโครงสร้างทาง
สังคม เศรษฐกิจ และการเมืองที่แตกต่างกนั มีผลต่อการกระทาความรุนแรงและการทอดทิ้งผูส้ ูงอายุ
ซ่ึงสภาพแวดลอ้ มทางเศรษฐกิจ สังคม และสภาพสังคมที่ใชค้ วามรุนแรง เป็ นปัจจยั ท่ีสาคญั อีกปัจจยั หน่ึงที่
ทาใหเ้ กิดปัญหาความรุนแรงต่อผูส้ ูงอายุมากข้ึน สภาพของการแข่งขนั ทางเศรษฐกิจและสังคม การที่คนใน
ครอบครัวตอ้ งทางานหารายได้ การเปลี่ยนแปลงจากครอบครัวขยายไปเป็ นครอบครัวเด่ียว หรือการยา้ ยถิ่น
ฐานของคนชนบทไปสู่สังคมเมือง ส่ิงต่าง ๆ เหล่าน้ีมีผลทาให้ผูส้ ูงอายุถูกทอดทิ้งและถูกกระทารุนแรง
สูงข้ึน (วรรณลกั ษณ์ เมียนเกิด, 2548)

การที่ลูกหลานไม่ไดม้ องเห็นวา่ ผสู้ ูงอายุคือบุคคลท่ีมความสาคญั ควรให้ความเคารพและกตญั ญู
ประกอบกบั การที่ผสู้ ูงอายถุ ูกลดความสาคญั และอานาจต่าง ๆ ลงไป ไม่วา่ จะเป็ นเร่ืองของการตดั สินใจใน
การทางาน หรือการแสดงความคิดเห็น การรับรู้ของลูกหลานดงั กล่าวเป็นเหตุใหส้ ัมพนั ธภาพระวา่ งผสู้ ูงอายุ
กบั บุคคลในครอบครัวท่ีเคยเหนียวแน่น กลบั กลายเป็ นห่างเหิน และอาจนาไปสู่การกระทาความรุนแรงได้
โดยง่าย

ทฤษฎีระบบนิเวศวิทยา (Ecological System Theory) ทฤษฎีน้ีเน้นการพิจารณาสถานการณ์
ท้งั หมดที่มีผลต่อความรุนแรงในครอบครัว โดยดูที่ระบบนิเวศน์ของครอบครัว ตามมุมมองของทฤษฎีน้ีมอง
ปัญหาความรุนแรงต่อผสู้ ูงอายุ เป็ นปัญหาของระบบครอบครัว ซ่ึงเช่ือมโยงกบั สังคมที่ครอบครัวน้นั ดาเนิน
ชีวติ อยู่ โดยระบบครอบครัว และระบบสังคมมีความสัมพนั ธ์กนั มีความเก่ียวขอ้ งกนั พ่ึงพาอาศยั ซ่ึงกนั และ
กนั (Schiamberg and Gans, 2000)

ความสัมพนั ธ์กบั ระบบครอบครัว พิจารณาจากความสัมพนั ธ์ของพฒั นาการระบบท่ีเป็ นอยู่ และ
สถานการณ์น้ัน ๆ โดยใช้มุมมองจากพฤติกรรมมนุษย์ 4 ระบบที่เก่ียวข้อง (ภณั ฑิลา อิฐรัตน์, กฤตยา
แสวงเจริญ, จิราวรรณ แท่นวฒั นกุล, นิลาวรรณ แนทะปรีดา และสมพร วฒั นนุกูลเกียรติ, 2545) ได้แก่
1) ระบบเล็ก ซ่ึงเกี่ยวข้องกับการตอบสนองต่อบทบาทในสังคมของมนุษย์ เช่น ครอบครัว โรงเรียน
2) ระบบกลาง เป็ นระบบที่เกี่ยวขอ้ งกบั ความสัมพนั ธ์ภายนอก 3) ระบบภายนอก เกี่ยวขอ้ งกบั สถาบนั หลกั
ในสังคม เช่น เพื่อนบา้ น สื่อมวลชน ระบบการปกครอง และ 4) ระบบใหญ่ เน้นท่ีรูปแบบทางวฒั นธรรม
ซ่ึงระบบท้งั หมดน้ีเป็ นปัจจยั ท่ีมีอิทธิพลต่อบุคคลและครอบครัว แนวคิดทฤษฎีน้ีเชื่อวา่ ไม่มีสาเหตุหรือ
ปัจจยั เดียวที่ทาใหเ้ กิดความรุนแรงในครอบครัว ปัจจยั จากท้งั 4 ระบบ ลว้ นแลว้ แต่มีส่วนร่วมที่เป็ นสาเหตุ
ของความรุนแรง และเช่ือว่าปัจจยั เหล่าน้ีถ้ามีมากข้ึน ความเส่ียงท่ีจะเกิดความรุนแรงก็จะสูงข้ึนด้วย
เช่นเดียวกนั

คณะรัฐศาสตร์และนติ ศิ าสตร์ มหาวทิ ยาลยั บูรพา 121

ธีระ กลุ สวสั ด์/ิ ธัญพชิ ชา สามารถ

การกระทาความรุนแรงกบั ปัญหาอาชญากรรม ปัญหาการกระทาความรุนแรงต่อผูส้ ูงอายภุ ายใน
ครอบครัว ตามประเภทของการกระทาความรุนแรงบางประเภท นาไปสู่การก่อให้เกิดปัญหาอาชญากรรม
ข้ึน ผลการการกระทาความรุนแรงทางร่างกาย เช่น การทาร้ายร่างกาย ดว้ ยวธิ ีการต่าง ๆ ให้ไดร้ ับบาดเจ็บ
หรือเจ็บปวด ความรุนแรงทางเพศ ความรุนแรงทางดา้ นทรัพยส์ ินวตั ถุโดยการเบียดเบียนหรือหลอกลวงใน
การใชท้ รัพยส์ ินหรือครอบครองโดยไม่ไดร้ ับอนุญาต และการละเมิดสิทธิของผสู้ ูงอายุ ส่ิงตา่ ง ๆ เหล่าน้ีเป็ น
ตน้ เหตุของการเกิดปัญหาอาชญากรรม ซ่ึงปัญหาอาชญากรรมในมุมของนักอาชญากรรมวิทยา (รณภพ
พรอรุณ, 2542) ไดอ้ ธิบายไวว้ า่ เป็ นการมุ่งพิจารณาถึงปรากฏการณ์อาชญากรรมและพฤติกรรมในลกั ษณะ
ของสหวทิ ยาการ ซ่ึงมีความสัมพนั ธ์เก่ียวขอ้ งกบั กฎหมาย สังคมวทิ ยา มานุษยวิทยา จิตวทิ ยา จิตแพทย์ และ
สังคมศาสตร์แขนงอื่น ๆ ที่เกี่ยวขอ้ งกบั กฎหมายอยา่ งใกลช้ ิด

จากการอธิบายปรากฏการณ์ การกระทาความรุนแรงต่อผสู้ ูงอายใุ นครอบครัว จากแนวคิดทฤษฎี
ที่เกี่ยวขอ้ ง พบว่า การกระทาความรุนแรงต่อผูส้ ูงอายุ มีสาเหตุและปัจจยั มาจากหลายปัจจยั ประกอบกนั
กล่าวคือ ความแตกต่างของโครงสร้างทางสังคม โดยเฉพาะสังคมไทยที่เป็ นแบบทุนนิยม ทาให้มีการ
เปล่ียนแปลงขนาดและโครงสร้างครอบครัวจากครอบครัวขนาดใหญ่ เป็ นครอบครัวเดี่ยว คนรุ่นหลงั ให้
ความสาคญั กบั ผูส้ ูงอายุนอ้ ยลง ความสัมพนั ธ์ของสมาชิกในครอบครัว สภาพความรุนแรงที่สืบทอดกนั มา
สภาพแวดล้อม ชุมชน สังคม วฒั นธรรม การเรียนรู้จากสังคมและภาวะพ่ึงพาของผูส้ ูงอายุ ซ่ึงส ามารถ
อธิบายถึงการกระทาความรุนแรงต่อผูส้ ูงอายุได้ว่า มีความซับซ้อนและอธิบายความเกี่ยวขอ้ งได้หลาย
แนวคิดและทฤษฎี มีลักษณะของสหวิทยาการ มีความสัมพันธ์เก่ียวข้องกับกฎหมาย สังคมวิทยา
มานุษยวทิ ยา จิตวทิ ยา จิตแพทย์ และสังคมศาสตร์แขนงอื่น ๆ นาไปสู่การละเมิดสิทธิมนุษยชน และการก่อ
ปัญหาอาชญากรรม ซ่ึงการกระทาความรุนแรงท่ีเกิดข้ึนได้ท้ังจากการเรียนรู้ของบุคคลเอง จากสภาพ
ครอบครัว และจากสภาพแวดลอ้ มภายนอกทางดา้ นการเมือง เศรษฐกิจ และสังคม ซ่ึงมีโอกาสที่จะส่งผลต่อ
การเกิดการกระทาความรุนแรงต่อผสู้ ูงอายไุ ด้ และเกิดข้ึนไดห้ ลายปัจจยั พร้อมกนั

122 วารสารการเมือง การบริหาร และกฎหมาย ปี ที่ 12 ฉบบั ท่ี 2

CHAPTER 5

3. แนวทางในการป้องกนั การกระทาความรุนแรงต่อผู้สูงอายุ

ปัญหาการกระทาความรุนแรงต่อผูส้ ูงอายุ เป็ นผลพวงมาจากปัจจยั หลายปัจจยั และหลายระดบั
ซ่ึงปัจจัยต่าง ๆ น้ัน มีปฏิสัมพันธ์ต่อกัน ต้ังแต่ระดับปัจเจกบุคคล ครอบครัว ชุมชน สังคม และ
สภาพแวดลอ้ ม แสดงให้เห็นวา่ ตน้ เหตุของความรุนแรงไม่ไดอ้ ยูท่ ี่ตวั ผูก้ ระทาความรุนแรงเท่าน้นั แต่อยู่ท่ี
ปัจจยั แวดลอ้ มผูก้ ระทาความรุนแรงน้นั ดว้ ย ดงั น้นั จึงขอเสนอแนวทางการดาเนินการเกี่ยวกบั การป้องกนั
การกระทาความรุนแรงตอ่ ผสู้ ูงอายใุ นระดบั บุคคล ครอบครัว ชุมชน และสังคม ดงั น้ี

การดาเนินการระดับบุคคล การดาเนินการระดบั บุคคล ควรมีการดาเนินการ 2 ประเด็นหลัก
ควบคู่กนั ไป คือ 1) การให้ความรู้ ทศั นคติ และส่งเสริมพฤติกรรมที่ไม่รุนแรงในบุคคลทุกกลุ่ม ทุกวยั เนน้
การต่อตา้ นความรุนแรงทุกรูปแบบ และให้บุคคลทุกเพศทุกวยั หลีกเลี่ยงการแกไ้ ขปัญหาดว้ ยความรุนแรง
และ 2) การเปลี่ยนทศั นคติและพฤติกรรมของผูส้ ูงอายุที่อยู่ในภาวะเสี่ยงต่อการกระทาความรุนแรง ให้มี
ความรู้ ยอมรับการเปล่ียนแปลงของชีวิต ครอบครัวยุคใหม่ ให้ผูส้ ูงอายุยงั รู้สึกถึงคุณค่า ศกั ยภาพของตน
ลดการเกิดภาวะพ่งึ พาใหน้ อ้ ยที่สุด ซ่ึงจะช่วยลดความเส่ียงต่อการเกิดการกระทาความรุนแรงตอ่ ผสู้ ูงอายไุ ด้

การดาเนินการระดับครอบครัว ความขดั แยง้ ท่ีเกิดจากความสัมพนั ธ์ระหวา่ งบุคคลในครอบครัว
ควรมีการดาเนินการในเร่ืองของ การส่งเสริมกิจกรรมสร้างความสัมพนั ธ์ในครอบครัว ซ่ึงจะช่วยให้เกิด
ความสมั พนั ธ์ท่ีดีระหวา่ งบุคคลในครอบครัว และลดความเส่ียงการกระทาความรุนแรงต่อผสู้ ูงอายไุ ด้

การดาเนินการระดับชุมชน ควรมุ่งเน้นให้ชุมชนตระหนักถึงภยั คุกคามที่เกิดจากการกระทา
ความรุนแรงต่อผูส้ ูงอายุ โดยการจดั กิจกรรมเพ่ือให้ชุมชนตระหนกั ถึงการกระทาความรุนแรงต่อผูส้ ูงอายุ
เช่น การจดั ให้มีการเรียนรู้ ตระหนกั ถึงผูส้ ูงอายุในชุมชน การจดั ระบบเฝ้าระวงั การกระทาความรุนแรงต่อ
ผูส้ ูงอายุท่ีอยู่ในกลุ่มที่เสี่ยงต่อการเกิดการกระทาความรุนแรง ส่งเสริมให้ชุมชนร่วมกนั วางแผนในการ
จดั การกบั ปัญหาท่ีอาจจะเกิดข้ึน เพือ่ ช่วยลดความเส่ียงท่ีจะเกิดการกระทาความรุนแรงต่อผสู้ ูงอายใุ นชุมชน

การดาเนินการระดับสังคม การดาเนินการในระดบั สังคม เป็ นการดาเนินการเพื่อให้เกิดการ
ป้องกันในระดับมหภาคในการป้องกันการกระทาความรุนแรงต่อผูส้ ูงอายุในครอบครัว โดยเน้นการ
ดาเนินการคือ

1) การพฒั นาความรู้ทางด้านการกระทาความรุนแรงต่อผูส้ ูงอายุในครอบครัว เพื่อให้ทราบว่า
ปัจจุบนั การกระทาความรุนแรงต่อผูส้ ูงอายุในครอบครัวอยูใ่ นระดบั ใด สภาพปัญหาที่แทจ้ ริงเป็ นอยา่ งไร
สาเหตุของปัญหาส่วนใหญเ่ กิดจากอะไร

2) การพฒั นาระบบข้อมูลเก่ียวกบั การกระทาความรุนแรงต่อผูส้ ูงอายุให้เป็ นรูปธรรมมากข้ึน
จากสภาพในปัจจุบนั ที่ยงั ไมม่ ีหน่วยงานที่เป็นเจา้ ภาพชดั เจนในเรื่องการรวบรวมขอ้ มูลน้ี หากมีระบบจดั เก็บ

คณะรัฐศาสตร์และนติ ศิ าสตร์ มหาวทิ ยาลยั บูรพา 123

ธีระ กลุ สวสั ด์/ิ ธัญพชิ ชา สามารถ

ข้อมูลท่ีถูกต้องและต่อเน่ือง จะทาให้มองเห็นแนวโน้มของความรุนแรงต่อผูส้ ูงอายุได้ชัดเจนมากข้ึน
เพ่ือท่ีจะนามากาหนดแนวทางในการแกไ้ ขปัญหาไดถ้ ูกตอ้ งมากข้ึน

3) การขบั เคลื่อนนโยบายของภาครัฐ โดยหน่วยงานที่รับผดิ ชอบควรดาเนินการจดั ทายทุ ธศาสตร์
หรือแผนงานโครงการใหส้ อดคลอ้ งกบั การแกไ้ ขปัญหาการกระทาความรุนแรงต่อผสู้ ูงอายุ

4) การผลักดันให้สังคมเกิดความตระหนักถึงปัญหาการกระทาความรุนแรงต่อผูส้ ู งอายุ
เป็ นปัญหาของสังคม ไม่ใช่ปัญหาส่วนบุคคล และตอ้ งมีการขบั เคล่ือนทางสังคมโดยการสร้างความเขม้ แขง็
ของสงั คมในการร่วมกนั ป้องกนั การกระทาความรุนแรงต่อผสู้ ูงอายุ

สรุป

การกระทาความรุนแรงต่อผูส้ ูงอายใุ นครอบครัว ยงั คงเป็ นปัญหาของสังคมในระดบั ประเทศท่ียงั
มีความเส่ียงท่ีจะเกิดการกระทาความรุนแรงเพ่ิมมากข้ึน จากโครงสร้างของสังคมไทยที่กาลงั จะเขา้ สู่สังคม
ผูส้ ูงอายุโดยสมบูรณ์ ปัญหาการกระทาความรุนแรงต่อผูส้ ูงอายุอาจนาไปสู่การเกิดปัญหาการละเมิดสิทธิ
มนุษยชนและการเกิดปัญหาอาชญากรรม ซ่ึงมีสาเหตุมาจากหลายปัจจยั ท่ีเกิดข้ึนได้พร้อม ๆ กนั ท้งั ใน
ระดบั บุคคล ครอบครัว สังคม สภาพแวดลอ้ ม ซ่ึงมีความซบั ซ้อนของปัญหา ถึงแมว้ า่ หน่วยงานของรัฐจะมี
มาตรการหรือแนวทางในการแกไ้ ขปัญหาการกระทาความรุนแรงตอ่ ผสู้ ูงอายุ แตก่ ็ยงั เป็นมาตรการเชิงรับใน
การเข้าไปจดั การกับส่ิงท่ีเกิดข้ึนแล้ว แต่ยงั ขาดมาตรการเชิงรุกในการป้องกันที่เป็ นรูปธรรมชัดเจน
ซ่ึงจะตอ้ งมีมาตรการดาเนินการในหลายระดบั ต้งั แต่ระดบั บุคคล ระดบั ชุมชน และระดบั สังคม พร้อมท้งั
ควรมีการพฒั นารูปแบบการป้องกนั การกระทาความรุนแรงต่อผูส้ ูงอายุในครอบครัว เพื่อลดปัญหาการ
กระทาความรุนแรงต่อผสู้ ูงอายทุ ่ีอาจจะเกิดมากข้ึนไดใ้ นอนาคต

124 วารสารการเมือง การบริหาร และกฎหมาย ปี ท่ี 12 ฉบบั ที่ 2

CHAPTER 5

รายการอ้างองิ

กรมสุขภาพจิต. (2558). วันป้องกันการฆ่าตัวตายโลก (World Suicide Prevention Day). วนั ท่ีคน้ ขอ้ มูล 17
ธนั วาคม 2562, เขา้ ถึงไดจ้ าก http://www.dmh.go.th

กรมคุม้ ครองสิทธิและเสรีภาพ, (2562). แผนสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ฉบับท่ี 4 (พ.ศ.2562 – 2566). วนั ท่ีคน้
ข้อมูล วนั ท่ี 20 ธันวาคม 2562, เข้าถึงได้จาก http://www.rlpd.go.th/rlpdnew/images/rlpd_16/
plan/plan4.pdf

กิตติพรรณ ศิริทรัพย.์ (2556). ประสบการณ์ ทางจิตใจของผู้สูงอายุท่ีถูกกระทาความรุนแรง. วิทยานิพนธ์
หลักสู ตรปริ ญญาศิลปศาสตรมหาบัณฑิต, สาขาวิชาจิตวิทยาการปรึ กษา, จุฬาลงกรณ์
มหาวทิ ยาลยั .

จิราพร เกศพิชญวฒั นา. (2552). รายงานฉบับสมบูรณ์ความรุนแรงต่อผู้สูงอายุไทย:การทบทวนองค์ความรู้
และสถานการณ์ ในปัจจุบัน .กรุงเทพฯ: มูลนิธิสถาบนั วิจยั และพฒั นาผูส้ ูงอายุไทย (มส.ผส.).
สานกั กองทุนสนบั สนุนการส่งเสริมสุขภาพ (สสส.).

จิราพร เกศพิชญวฒั นา และสุวิณี วิวฒั น์วานิช. (2555). คู่มือแนวทางการจัดการปัญหาความรุนแรงต่อ
ผ้สู ูงอาย.ุ คณะพยาบาลศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวทิ ยาลยั .

ธนธร ภูมี. (2559). การทบทวนมาตรการในการป้องกันและแก้ไขปัญหาการกระทาความรุนแรงต่อผ้สู ูงอายุ.
การคน้ ควา้ อิสระหลกั สูตรรัฐศาสตรมหาบณั ฑิต, สาขาบริหารรัฐกิจและกิจการสาธารณะ,
คณะรัฐศาสตร์, มหาวทิ ยาลยั ธรรมศาสตร์.

ภณั ฑิลา อิฐรัตน์, กฤตยา แสวงเจริญ, จิราวรรณ แทน่ วฒั นกลุ , นิลาวรรณ ฉนั ทะปรีดา และสมพร
วฒั นนุกลู เกียรติ. (2545). ความรุนแรงต่อผ้สู ูงอายใุ นครอบครัวภาคตะวนั ออกเฉียงเหนือ.
ขอนแก่น: มหาวทิ ยาลยั ขอนแก่น.

รณภพ พรอรุณ. (2542). ความสัมพนั ธ์ระหว่างภาวะเศรษฐกิจกับอาชญากรรมในพืน้ ที่จังหวดั ฉะเชิงเทรา.
ปัญหาพเิ ศษรัฐประศาสนศาสตรมหาบณั ฑิต, สาขานโยบายสาธารณะ, บณั ฑิตวทิ ยาลยั ,
มหาวทิ ยาลยั บูรพา.

รศรินทร์ เกรย,์ อุมาภรณ์ ภทั รวาณิชย,์ เฉลิมพล แจ่มจนั ทร์ และเรวดี สุวรรณนพเกา้ . (2556). มโนทัศน์ใหม่
ของนิยามผู้สูงอายุ: มุมมองเชิงจิตวิทยาสังคม และสุขภาพ. สถาบนั วิจยั ประชากรและสังคม
มหาวทิ ยาลยั มหิดล. นครปฐม: โรงพมิ พเ์ ดือนตุลา.

คณะรัฐศาสตร์และนิตศิ าสตร์ มหาวทิ ยาลยั บูรพา 125

ธีระ กลุ สวสั ด์/ิ ธัญพชิ ชา สามารถ

ราชบณั ฑิตยสถาน. (2539). พจนานกุ รมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. 2539. กรุงเทพฯ: อกั ษรเจริญทศั น.์
วรรณลกั ษณ์ เมียนเกิด. (2548). ค่านิยมและความคาดหวงั ของผูส้ ูงอายแุ ละพหุวยั . วารสารพฤฒาวิทยาและ

เวชศาสตร์ผ้สู ูงอาย,ุ 6(เมษายน-มิถุนายน), 21-32.
วลั ลภ วาทะสิทธ์ิ. (2556). ความชุกของการเกิดความรุนแรงต่อผู้สูงอายุหญิงในครอบครัวและคุณลักษณะ

ของผ้กู ระทาความรุนแรง จ.นครราชสีมา. กรุงเทพฯ: คณะสาธารณสุข มหาวทิ ยาลยั มหิดล.
ศศิพฒั น์ ยอดเพชร. (2552). การสังเคราะห์งานวิจัยครอบครัวและผ้สู ูงอายุ. กรุงเทพฯ: คณะสังคมสงเคราะห์

ศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั ธรรมศาสตร์.
ศูนยช์ ่วยเหลือสงั คม 1300. (2561). สถิติความรุนแรงประจาปี งบประมาณ 2559-2561. วนั ที่คน้ ขอ้ มูล 25

พฤศจิกายน 2562, เขา้ ถึงไดจ้ าก https://1300thailand.m-society.go.th/upload/
WURGYJORDW.pdf
สมรักษ์ ชยั สิงห์กานานนท.์ (2545). ความชราภาพและการใชช้ ีวติ ในเมือง. ใน ปริตตา เฉลิมเผา่
กออนนั ตกุล, บรรณาธิการ, ชีวิตชายขอบ ตัวตนกับความหมาย, (หนา้ 138-183). กรุงเทพฯ: ศูนย์
มานุษยวทิ ยาสิรินธร.
สานักงานสถิติแห่งชาติ กระทรวงดิจิทลั เพ่ือเศรษฐกิจและสังคม. (2561). รายงานการสารวจประชากร
สูงอายุในประเทศไทย พ.ศ. 2560. กรุงเทพฯ: สานักงานสถิติแห่งชาติ กระทรวงดิจิทัลเพื่อ
เศรษฐกิจและสงั คม.
สานกั ส่งเสริมสถาบนั ครอบครัว สานกั งานกิจการสตรีและสถาบนั ครอบครัว. (2555). งานวิจัยด้านนโยบาย
และยุทธศาสตร์ เร่ื องการวิเคราะห์ สถานการณ์ และศึกษานโยบาย มาตรการในการจัดระบบ
สวัสดิการสังคมท่ีจาเป็ นสาหรับครอบครัวผู้สูงอายุท่ีประสบสภาวะยากลาบาก: ครอบครัว
ผ้สู ูงอายุเลีย้ งดูแลเดก็ ตามลาพังและครอบครัวผ้สู ูงอายอุ าศัยตามลาพัง. กรุงเทพฯ: สานกั ส่งเสริม
สถาบนั ครอบครัว สานกั งานกิจการสตรีและสถาบนั ครอบครัว.
สานักส่งเสริมและพิทกั ษผ์ ูส้ ูงอายุ สานกั งานส่งเสริมสวสั ดิภาพและพิทกั ษ์เด็ก เยาวชน ผูด้ อ้ ยโอกาสและ
ผสู้ ูงอายุ กระทรวงพฒั นาสังคมและความมนั่ คงของมนุษย.์ (2555). แนวทางในการจัดการปัญหา
ความรุนแรงต่อผู้สูงอายุ. กรุงเทพฯ: สานกั ส่งเสริมและพิทกั ษผ์ ูส้ ูงอายุ สานกั งานส่งเสริมสวสั ดิ
ภาพและพิทกั ษเ์ ด็ก เยาวชน ผดู้ อ้ ยโอกาสและผสู้ ูงอายุ กระทรวงพฒั นาสังคมและความมน่ั คงของ
มนุษย.์
อมรา สุนทรธาดา และสุพตั รา เลิศชัยเพชร. (2552). การลดลงของครอบครัวสามช่วงวยั ในสังคมไทย:
นัยเชิงนโยบาย. ใน ประชากรและสังคม 2552: ครอบครัวไทยในสถานการณ์ เปลี่ยนผ่านทาง
สังคมและประชากร. นครปฐม: สถาบนั วจิ ยั ประชากรและสงั คม มหาวทิ ยาลยั มหิดล.

126 วารสารการเมือง การบริหาร และกฎหมาย ปี ท่ี 12 ฉบบั ที่ 2

CHAPTER 5

Bandura, A. (1986). The social learning perspective: Mechanisms of aggression. In H. Toch (Ed.),
Psychology of crime and criminal justice, (pp.198-236). Prospect Heights, IL: Waveland Press.

Fulmer, T. (1998). Mistreatment of Elders: Assessment, Diagnosis, and Intervention. In J. A. Allender;
and C. L. Rector (eds), Reading in gerontological nursing, (pp. 396-407). Philadelphia:
Lippincott-Raven Publishers.

Pillemer, K. A., Mueller-Johnson, U., Mock, S. E. Suitor, J. J. & Lachs, M. S. (2007). ‘Intervention to
prevent elder mistreatment’ in LS Doll et al (eds), Handbook of Injury and violence Preventior.
New York: Springer.

Schiamberg, L. B., & Gans, D. (2000). Elder abuse by adult children: an applied ecological framework for
understanding contextual risk factors and the intergenerational character of quality of life.
Int J Aging Hum Dev, 50(4), 329-359.

Sengstock, M. C., et al. (2004). Abuse and neglect of the elderly in family setting. In J. Campbell (ed).
Family Violence and Nursing Practice, (pp. 97-144). Philadelphia: Lippincott Williams &
Wilkins.

United Nation. (2013). World Population Prospects: The 2012 Revision. New York: United Nations.
Van Hasselt, V. B., & Hersen, M. (1999). Handbook of psychological approaches with violence offenders.

New York: Kluwer Academic/ Plenum Publishers.
Wilson, H. S., & Kneisl, C. R. (1996). Psychiatric nursing (2th ed.). California: Cummings Publishing

Company, Inc.

คณะรัฐศาสตร์และนิตศิ าสตร์ มหาวทิ ยาลยั บูรพา 127

CHAPTER 6

บทบาทของสภามหาวทิ ยาลยั ในการกากบั ดูแลผ้บู ริหารมหาวทิ ยาลยั
เพื่อมุ่งสู่หลกั ธรรมาภบิ าล*

The Role of the University Council to Control Administrators
of University for Reaching to the Good Governance

นงนุช ศรีสุข (Nongnuch Srisuk)
อาจารยป์ ระจาหลกั สูตรรัฐประศาสนศาสตรบณั ฑิต สาขาวชิ าการบริหารทวั่ ไป คณะวิทยาศาสตร์และ

สังคมศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั บูรพา วทิ ยาเขตสระแกว้
Lecturer of the Bachelor of Public Administration Program General Administration Faculty of Science

and Social Sciences Burapa University Sa Kaeo Campus
E-mail: [email protected]

Received: 10 May 2019
Revised: 21 July 2019
Accepted: 1 August 2019

บทคดั ย่อ

การวิจยั คร้ังน้ีมีวตั ถุประสงค์เพื่อศึกษาบทบาทของสภามหาวิทยาลยั และแนวทางในการกากบั
ดูแลธรรมาภิบาลของผูบ้ ริหารมหาวิทยาลยั และเพ่ือศึกษาการพฒั นาตวั ช้ีวดั และการนามาใช้กากบั ดูแล
ธรรมาภิบาลของผบู้ ริหารมหาวิทยาลยั การศึกษาน้ีใชร้ ะเบียบวธิ ีวจิ ยั เชิงคุณภาพ โดยการศึกษาจากเอกสาร
ท่ีเกี่ยวขอ้ ง และใชว้ ธิ ีการสัมภาษณ์เชิงลึกผทู้ รงคุณวฒุ ิท่ีเก่ียวขอ้ งกบั ระบบการบริหารมหาวทิ ยาลยั ในกากบั
ของรัฐ นาผลการสัมภาษณ์มาวเิ คราะห์เน้ือหา คดั กรอง ดึงขอ้ มูลออกมา หลอมรวมและบูรณาการ กบั การ
สังเคราะห์องค์ความรู้จากการเอกสารงานวิจยั ข้อบังคบั ต่าง ๆ โครงสร้างและกลไกของระบบสภาและ
ธรรมาภิบาลของสถาบนั อุดมศึกษาของไทย ผลการวจิ ยั พบวา่ บทบาทของสภามหาวิทยาลยั และแนวทางใน
การกากบั ดูแลธรรมาภิบาลของผบู้ ริหารมหาวิทยาลยั ประกอบดว้ ย บทบาทสภามหาวทิ ยาลยั ในการสรรหา

* บทความน้ีเป็ นส่วนหน่ึงของวจิ ยั เร่ืองบทบาทของสภามหาวิทยาลยั ในการกากบั ดูแลผูบ้ ริหารมหาวทิ ยาลยั เพื่อมุ่งสู่หลกั
ธรรมาภิบาล ไดร้ ับการสนบั สนุนจากโครงการวิจยั ประเภทงบประมาณเงินรายได้ จากเงินอุดหนุนรัฐบาล (งบประมาณ
แผน่ ดิน) ประจาปี งบประมาณ พ.ศ. 2560 มหาวทิ ยาลยั บูรพา

คณะรัฐศาสตร์และนติ ศิ าสตร์ มหาวทิ ยาลยั บูรพา 129

นงนุช ศรีสุข

และเสนอแต่งต้งั อธิการบดี บทบาทสภามหาวิทยาลยั ในการกากับ ติดตาม การดาเนินงานของผูบ้ ริหาร
มหาวทิ ยาลยั บทบาทสภามหาวทิ ยาลยั ในการแกไ้ ขพระราชบญั ญตั ิ บทบาทสภามหาวทิ ยาลยั ในการกาหนด
โครงสร้างของสภามหาวิทยาลัย นามาสู่บทบาทสภามหาวิทยาลัยในการกากับดูแลการปฏิบตั ิงานของ
อธิการบดี คือ บทบาทในการแก้ไขพระราชบญั ญตั ิ มหาวิทยาลยั บูรพา พ.ศ. 2550 การโครงสร้างของ
สภามหาวทิ ยาลยั บูรพาที่เขม้ แขง็ และการกากบั ดูแลผบู้ ริหารมหาวทิ ยาลยั เพ่ือมุ่งสู่หลกั ธรรมาภิบาล สาหรับ
ประเด็นการพฒั นาตวั ช้ีวดั และการนามาใช้กากบั ดูแลธรรมาภิบาลของผูบ้ ริหารมหาวิทยาลยั คือ ประเด็น
สาคญั ท่ีสภามหาวิทยาลัยได้การเสนอปรับปรุงพระราชบัญญัติ พ.ศ. 2550 การทบทวนและปรับปรุง
กฎระเบียบข้อบังคบั เพ่ือนามาใช้กากับดูแลธรรมาภิบาลของผูบ้ ริหารมหาวิทยาลัยให้มีประสิทธิภาพ
มากยงิ่ ข้ึน

คาสาคญั : ธรรมาภิบาล, บทบาทสภามหาวทิ ยาลยั , ผบู้ ริหารมหาวทิ ยาลยั , การกากบั ดูแล

Abstract

The purpose of this research was to study the role of the university council to control
administrators of university for reaching to the good governance. And to study the development of
indicators and to apply for governance of university administrators. This study uses qualitative research
methods. By studying from relevant documents and using in-depth interview methods with experts related
to the administration system of the autonomous university take the interview results to analyze the
content, filter out the data. Fused and integrated with the synthesis of knowledge from research papers
Regulations, structure and mechanism of the Council system and good governance of Thai higher
education institutions. The results of the research found that the role of the University Council and
guidelines for governance of university administrators consist of the role of the University Council in
Recruitment and appointment of the President The role of the university council in monitoring the
operations of university administrators Role of the University Council in the amendment of the Act The
role of the University Council in determining the structure of the University Council Leading to the role of
the university council in overseeing the performance of the president is the role in the amendment of the
law Burapha University, 2007, the structure of the Council of Burapha University that is strong
and supervising university administrators to focus on good governance For the development of indicators
and the use of governance in the university's governance is the key issue that the University Council has

130 วารสารการเมือง การบริหาร และกฎหมาย ปี ท่ี 12 ฉบับท่ี 2

CHAPTER 6

proposed to improve the Act BE 2550, review and update the rules and regulations to be used for
supervision. Supervise the governance of university administrators to be more efficient.

Keywords: Good governance, Role of the university, Administrators of university, Council to control

บทนา

“ธรรมาภิบาล” หรือระบบบริหารจดั การท่ีดียอ่ มสร้างความมนั่ คงให้กบั ประชาธิปไตย และลด
การทุจริตประพฤติมิชอบที่เป็ นปัญหาใหญ่สาหรับบ้านเมือง หากหน่วยงานนามาถือปฏิบตั ิโดยทว่ั กนั
จะนามาซ่ึงการพฒั นาเศรษฐกิจและสังคมท่ีเพ่ิมข้ึน และเป็ นการพฒั นาที่ยง่ั ยืน การสร้างธรรมาภิบาลใน
ภาวะวกิ ฤต ยอ่ มเป็ นการแปลงวกิ ฤตให้เป็ นโอกาส สอดคลอ้ งกบั ความตอ้ งการของสังคมไทย ธรรมาภิบาล
ท่ีสร้างข้ึนในสงั คมไทยจะยกระดบั ประเทศไทยสู่ความเป็ นสากลและไดร้ ับการยอมรับและเช่ือถือจากสงั คม
ระหวา่ งประเทศมากข้ึน หากทุกสถาบนั นาหลกั ธรรมาภิบาลมาถือปฏิบตั ิอยา่ งจริงจงั การสร้างธรรมาภิบาล
ในภาวะวิกฤตย่อมเป็ นการแปลงวิกฤตให้เป็ นโอกาสสอดคล้องกับความต้องการของสังคมไทย
หลกั ธรรมาภิบาลจะเป็นเคร่ืองมือสาคญั ท่ีจะนาไปสู่การพฒั นาประเทศอยา่ งยงั่ ยนื (วจิ ารณ์ พานิช, 2552)

จากปัญหาการร้องเรียนเก่ียวกบั ความไม่โปร่งใสในบริหารจดั การ ท่ีเกี่ยวขอ้ งกบั การไดม้ าซ่ึง
ผูบ้ ริหารระดบั สูงของสถาบนั อุดมศึกษา ไดแ้ ก่ การสรรหาอธิการบดี และการไดม้ าขององคป์ ระกอบของ
สภามหาวิทยาลยั (ตวั อยา่ ง ไทยรัฐ, 2556; มติชนรายวนั , 2556) ปัญหาเกิดจากโครงสร้างของฝ่ ายบริหาร
และสภามหาวทิ ยาลยั ซ่ึงตามกฎหมายกาหนดที่มาของกรรมการสภามหาวทิ ยาลยั และบทบาทหน้าที่ของ
สภามหาวิทยาลยั ไว้ รวมถึงกาหนดหลกั เกณฑ์และคุณสมบตั ิในการคดั เลือกผูเ้ หมาะสมมาดารงตาแหน่ง
อธิการบดีด้วย นอกจากน้ียงั พบปัญหาที่สาคญั คือ อธิการบดีขาดธรรมาภิบาล ปัญหาการบริหารงาน
มหาวิทยาลยั ที่เกิดข้ึนจากตวั อธิการบดีขาดธรรมาภิบาล นับวา่ เป็ นสาเหตุสาคญั ท่ีสุดและส่งผลต่อความ
ลม้ เหลวของการบริหารมหาวิทยาลยั มากท่ีสุด และเป็ นผลนาไปสู่การใชม้ าตรา 44 ในหลายมหาวทิ ยาลยั
ซ่ึงสาเหตุของปัญหาอนั เกิดจากตวั อธิการบดี สามารถจาแนกไดด้ งั น้ี หลงตน รวบอานาจ และอธิการบดี
กา้ วก่ายลว้ งลูก ย่อมก่อให้เกิดแรงตา้ นและความวุน่ วายของมหาวิทยาลยั การขาดผูร้ ับผดิ ชอบหลกั ในการ
กากบั ธรรมาภิบาลของสถาบนั อุดมศึกษา ลว้ นเป็นปัญหาธรรมาภิบาลในสถาบนั อุดมศึกษาไทยท่ีกาลงั เผชิญ
อยใู่ นปัจจุบนั (รัตนะ บวั สนธ์, 2559)

ธรรมาภิบาลในสถาบันอุดมศึกษาจึงเกิดภาวะวิกฤติ ดังท่ีมีประกาศของหัวหน้าคณะรักษา
ความสงบเรี ยบร้อยแห่ งชาติได้มีคาส่ัง เรื่ อง การจัดระเบียบและแก้ไขปั ญ หาธรรมาภิบาลใน
สถาบนั อุดมศึกษา ความว่า “ตามที่ปรากฏขอ้ เท็จจริงว่าสถาบนั อุดมศึกษาบางแห่งเปิ ดการสอนและจดั

คณะรัฐศาสตร์และนิตศิ าสตร์ มหาวทิ ยาลยั บูรพา 131

นงนุช ศรีสุข

การศึกษาท้งั ในและนอกสถานที่ต้งั โดยใชห้ ลกั สูตรที่ไม่เป็ นไปตามเกณฑม์ าตรฐาน ผลิตบณั ฑิตท่ีมีปัญหา
ดา้ นคุณภาพและไม่สอดคลอ้ งกบั ความตอ้ งการของประเทศ ซ่ึงสภาสถาบนั อุดมศึกษาแห่งน้นั ไม่สามารถ
แกไ้ ขปัญหาที่เกิดข้ึนไดอ้ ยา่ งมีประสิทธิภาพ นอกจากน้นั สภาสถาบนั อุดมศึกษาบางแห่งอาศยั อานาจและ
ช่องว่างทางกฎหมายดาเนินการในลักษณะที่ส่อเจตนาแสวงหาประโยชน์ส่วนตน และเพ่ือให้คงอยู่ใน
ตาแหน่งต่อไป มีการกล่ันแกล้งฝ่ ายตรงกนั ขา้ ม จนกระทง่ั เกิดปัญหาร้องเรียนและฟ้องร้องทางคดีเป็ น
จานวนมาก ทาให้เป็ นอุปสรรคต่อการดาเนินการตามอานาจหนา้ ที่ และการขบั เคลื่อนการปฏิรูปการศึกษา
แม้สานักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษาแล ะรัฐมนตรี ว่าการกระท รวงศึกษาได้พยายามใช้กลไกท าง
กฎหมายที่มีอยูใ่ นปัจจุบนั ให้สถาบนั อุดมศึกษาดงั กล่าวแกไ้ ข ทบทวน หรือดาเนินการใหม่ในเรื่องต่าง ๆ
แล้ว แต่ไม่อาจแก้ไขปัญหาให้คลี่คลายได้โดยเร็ว การดาเนินการของสถาบันอุดมศึกษาเหล่าน้ี จึงไม่
สอดคลอ้ งกบั หลกั ธรรมาภิบาลและส่งผลกระทบต่อคุณภาพการศึกษาของประเทศโดยตรง ดงั น้นั เพื่อให้
สอดคลอ้ งกบั แนวทางการปฏิรูปการศึกษาของรัฐบาลและธารงไวซ้ ่ึงความเป็ นสถาบนั ทางวิชาการข้นั สูง
ของสถาบนั อุดมศึกษาแต่ละแห่งจึงจาเป็ นตอ้ งแกไ้ ขสถานการณ์ความไม่ถูกตอ้ งและไม่ชอบธรรมของการ
ดาเนินงานของสถาบนั อุดมศึกษาให้เกิดประสิทธิภาพ และสร้างความมน่ั ใจให้แก่สังคมโดยรวมต่อไป”
(ราชกิจจานุเบกษา, 2559, หนา้ 21)

ตามท่ีได้มีคาส่ังหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ เร่ือง การจดั ระเบียบและแก้ไขปัญหา
ธรรมาภิบาลในสถาบันอุดมศึกษา เพ่ือแก้ไขสถานการณ์ความไม่ถูกต้องและไม่ชอบธรรมของการ
ดาเนินการของสถาบนั อุดมศึกษาใหเ้ กิดประสิทธิภาพ และสร้างความมน่ั ใจใหแ้ ก่สังคมโดยรวมโดยในกรณี
จะตอ้ งนามาตรการตามคาสั่งดงั กล่าวไปใช้กบั สถาบนั อุดมศึกษาอื่นนอกจากที่ระบุไวใ้ นคาส่ังดงั กล่าว
ให้เป็ นไปตามที่คณะรักษาความสงบแห่งชาติประกาศกาหนดน้นั คณะกรรมการการอุดมศึกษาไดร้ ายงาน
ต่อรัฐมนตรีวา่ การกระทรวงศึกษาธิการวา่ ยงั มีสถาบนั อุดมศึกษาบางแห่งประสบปัญหาความขดั แยง้ ภายใน
สถาบนั จนไม่อาจที่จะแกไ้ ขปัญหาให้ลุล่วงไปไดด้ ว้ ยมาตรการปกติ ซ่ึงหากปล่อยใหก้ ารแกไ้ ขปัญหาล่าชา้
ออกไปจะทาใหเ้ กิดความเสียหายตอ่ ระบบการศึกษาหรือนิสิตนกั ศึกษาจานวนมาก อาศยั อานาจตามความใน
วรรคสองของขอ้ 12 แห่งคาส่ังหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ 39/2559 เร่ือง การจดั ระเบียบและ
แกไ้ ขปัญหาธรรมาภิบาลในสถาบนั อุดมศึกษา ลงวนั ที่12 กรกฎาคม พุทธศกั ราช 2559 คณะรักษาความสงบ
แห่งชาติจึงมีประกาศ ดงั ต่อไปน้ี

ขอ้ 1 ให้สถาบนั อุดมศึกษาดงั ต่อไปน้ี เป็ นสถาบนั อุดมศึกษาอ่ืนตามวรรคสองของขอ้ 12 แห่ง
คาสงั่ หวั หนา้ คณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ 39/2559 เรื่อง การจดั ระเบียบและแกไ้ ขปัญหาธรรมาภิบาลใน
สถาบนั อุดมศึกษา ลงวนั ท่ี 12 กรกฎาคม พทุ ธศกั ราช 2559

(1) มหาวทิ ยาลยั บูรพา
(2) มหาวทิ ยาลยั เทคโนโลยรี าชมงคลตะวนั ออก

132 วารสารการเมือง การบริหาร และกฎหมาย ปี ที่ 12 ฉบับท่ี 2

CHAPTER 6

ขอ้ 2 ประกาศน้ีใหใ้ ชบ้ งั คบั ต้งั แตว่ นั ประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นตน้ ไป
หากโครงสร้างของสภามหาวิทยาลัยและผูบ้ ริหารระดับสูงของมหาวิทยาลัยมีปัญหาแล้ว
ย่อมส่งผลต่อความล้มเหลวในการบริหารจดั การสถาบันอุดมศึกษาให้มีคุณภาพ ได้ตามคาดหวงั และ
สอดคล้องกับความต้องการของประชาชนเป็ นไปได้ยาก (ณดา จันทร์สม, 2559) ธรรมาภิบาลจึงมี
ความสาคัญต่อการบริหารจดั การสถาบันอุดมศึกษาในประเด็นที่เก่ียวข้องกับการสรรหากรรมการ
สภามหาวิทยาลยั และผูบ้ ริหารระดบั สูง การกาหนดองค์ประกอบของกรรมการสภามหาวิทยาลยั และการ
กาหนดบทบาทและหนา้ ที่ของกรรมการสภามหาวิทยาลยั ที่กาหนดไวใ้ นพระราชบญั ญตั ิของสถานศึกษา
โดยสภามหาวิทยาลยั เป็ นองคก์ รหลกั ของสถาบนั อุดมศึกษา ที่ตอ้ งมีบทบาทสาคญั ในการกาหนดทิศทาง
นโยบาย อตั ลกั ษณ์ของสถาบนั อุดมศึกษา ที่จะนาไปสู่แนวทางการปฏิบตั ิของสถาบนั อุดมศึกษา ท้งั ในระยะ
ส้ันและระยะยาว โดยสภามหาวิทยาลัยมีหน้าที่และบทบาทสาคัญ ตามท่ีกาหนดในพระราชบัญญัติ
มหาวทิ ยาลยั ดงั น้นั เพ่ือใหส้ ภามหาวิทยาลยั มีความเขม้ แข็งในการกากบั ดูแลสถาบนั อุดมศึกษา เพ่ือผลกั ดนั
ใหส้ ถาบนั อุดมศึกษาใหค้ วามสาคญั ที่จะดาเนินการใหบ้ รรลุเป้าหมายตามยทุ ธศาสตร์ของสถาบนั
จากปัญหาและความสาคญั ที่กล่าวมาทาให้ผูว้ ิจยั มีความสนใจศึกษาวิจยั เร่ือง “บทบาทของสภา
มหาวิทยาลัยในการกากับดูแลผู้บริหารมหาวิทยาลัยเพื่อมุ่งสู่หลักธรรมาภิบาล” ท้งั น้ีเพ่ือศึกษาเพ่ือศึกษา
บทบาทของสภามหาวิทยาลยั และแนวทางในการกากบั ธรรมาภิบาลของผูบ้ ริหารมหาวทิ ยาลยั ตามแนวคิด
ของการพฒั นาระบบสภาและธรรมาภิบาลในมหาวิทยาลยั ในกากบั ของรัฐที่เป็ นที่ยอมรับในระดบั สากล
ศึกษาโครงสร้างและกลไกของระบบสภาและธรรมาภิบาลของผูบ้ ริหารมหาวทิ ยาลยั เพื่อศึกษาการพฒั นา
ตวั ช้ีวดั และการนามาใชก้ ากบั ดูแลธรรมาภิบาลของผูบ้ ริหารมหาวิทยาลยั โดยประเมินความสอดคลอ้ งกบั
แนวคิดการพฒั นาระบบสภาและธรรมาภิบาลของผบู้ ริหารมหาวทิ ยาลยั ในสากล หากตน้ แบบทางการศึกษา
โดยเฉพาะมหาวิทยาลยั ซ่ึงเป็ นสถานบนั ท่ีให้ความรู้เพ่ือสร้างคนเพื่อไปพฒั นาประเทศชาติ เป็ นตน้ แบบท่ีดี
ในการนาธรรมาภิบาลมาใช้ในการบริหารมหาวิทยาลยั แลว้ ก็ย่อมทาให้องค์การหรือสถาบนั น้นั ๆ ไดร้ ับ
ความศรัทธาและความเชื่อมนั่ องคก์ ารที่โปร่งใสย่อมไดร้ ับความไวว้ างใจจากสังคมและประชาชนทุกภาค
ส่วนตลอดจนส่งผลดีตอ่ เสถียรภาพขององคก์ ารและความเจริญกา้ วหนา้ ของประเทศต่อไป

คณะรัฐศาสตร์และนิตศิ าสตร์ มหาวทิ ยาลยั บูรพา 133

นงนุช ศรีสุข

วตั ถุประสงค์การวจิ ัย

1. เพื่อศึกษาบทบาทของสภามหาวิทยาลัยและแนวทางในการกากับดูแลธรรมาภิบาลของ
ผบู้ ริหารมหาวทิ ยาลยั

2. เพอื่ ศึกษาการพฒั นาตวั ช้ีวดั และการนามาใชก้ ากบั ดูแลธรรมาภิบาลของผบู้ ริหารมหาวทิ ยาลยั

แนวคดิ และวรรณกรรมทเี่ กย่ี วข้อง

แนวคดิ และทฤษฎเี กี่ยวกบั ธรรมาภิบาล
คานิ ยามของธรรมาภิบ าลและการกากับดู แลในกรอบ ที่ กว้าง คือ ธรรมาภิบ าลใน
สถาบนั อุดมศึกษาเป็ นการหลอมรวมโครงสร้าง ความสัมพนั ธ์ และกระบวนการ ผ่านการพฒั นานโยบาย
ท้งั ในระดบั ชาติและระดบั นานาชาติสาหรับการบริหารจดั การอุดมศึกษา การนานโยบายที่กาหนดมาปฏิบตั ิ
และการทบทวนนโยบายน้ัน ธรรมาภิบาลจะมีองค์ประกอบท่ีเป็ นโครงข่ายเชื่อมโยงกนั ของกฎระเบียบ
ขอ้ บงั คบั ลกั ษณะเฉพาะของสถาบนั การศึกษา และความเชื่อมโยงในระบบท้งั หมด รวมถึงการจดั สรรเงิน
ใหแ้ ก่สถาบนั การศึกษา และการที่สถาบนั การศึกษามีความรับความรับผิดต่อการใชจ้ ่ายเงินน้นั โครงสร้าง
ธรรมาภิบาลที่กาหนดเป็ นโครงสร้างท้ังท่ีเป็ นทางการและไม่เป็ นทางการที่กากับและส่งอิทธิพลต่อ
พฤติกรรมของสถาบนั อุดมศึกษา (OECD, 2008, p. 68)
สาหรับคาวา่ “หลกั ธรรมาภิบาล” ไดม้ ี ผใู้ หค้ านิยามเกี่ยวกบั ความหมาย ไวด้ งั น้ี
United Nations and Development Programme (UNDP) (1997) ให้นิยามของคาว่า ธรรมาภิบาล
วา่ หมายถึง การดาเนินงานของภาคการเมือง การบริหาร และภาคเศรษฐกิจท่ีจะจดั การกิจการของประเทศ
ในทุกระดบั ประกอบดว้ ยกลไก กระบวนการ และสถาบนั ต่าง ๆ ท่ีประชาชนและกลุ่มสามารถแสดงออก
ซ่ึงผลประโยชน์ ปกป้องสิทธิของตนเองตามกฎหมาย และแสดงความคิดเห็นท่ีแตกตา่ งกนั บนหลกั การของ
การมีส่วนร่วม ความโปร่งใส ความรับผิดชอบ การส่งเสริมหลกั นิติธรรม เพ่ือให้มน่ั ใจว่าการจดั ลาดับ
ความสาคญั ทางการเมือง เศรษฐกิจและสังคม ยืนอยูบ่ นความเห็นพอ้ งตอ้ งกนั ทางสังคม และเสียงของคน
ยากจนและผดู้ อ้ ยโอกาสไดร้ ับการพจิ ารณาในการจดั สรรทรัพยากรเพ่ือการพฒั นา
ระเบียบสานักนายกรัฐมนตรี วา่ ดว้ ยการสร้างระบบบริหารกิจการบา้ นเมืองและสังคมท่ีดี พ.ศ.
2542 (อ้างถึงใน พิศสมยั หมกทอง, 2554, หน้า 34) ได้ระบุหลักการของคานิยาม การบริหารกิจการ
บา้ นเมืองและสังคมท่ีดีไวด้ งั น้ี “การบริหารกิจการบ้านเมืองและสังคมท่ีดีเป็ นแนวทางสาคญั ในการจดั
ระเบียบให้สังคมท้ังภาครัฐ ภาคธุรกิจเอกชน และภาคประชาชน ซ่ึ งครอบคลุมถึง ฝ่ ายวิชาการ
ฝ่ ายปฏิบตั ิการ ฝ่ ายราชการ และฝ่ ายธุรกิจ สามารถอยรู่ ่วมกนั อย่างสงบสุข มีความรู้รักสามคั คีร่วมกนั เป็ น
พลงั ก่อให้เกิดการพฒั นาอย่างยง่ั ยืน และเป็ นส่วนเสริมความเขม้ แข็ง หรือสร้างภูมิคุม้ กนั แก่ประเทศเพ่ือ
บรรเทาป้องกนั หรือแก้ไขเยียวยาภาวะวิกฤต ภยนั ตรายที่อาจจะมีมาในอนาคต เพราะสังคมจะรู้สึกถึง

134 วารสารการเมือง การบริหาร และกฎหมาย ปี ที่ 12 ฉบับที่ 2

CHAPTER 6

ความยุติธรรม ความโปร่งใส และการมีส่วนร่วม อนั เป็ นคุณลกั ษณะสาคญั ของศกั ด์ิศรีความเป็ นมนุษยแ์ ละ
การปกครองแบบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็ นประมุขสอดคล้องกับความเป็ นไทย
รัฐธรรมนูญ และกระแสโลกยคุ ปัจจุบนั

สถาบนั พระปกเกลา้ (2548 อา้ งถึงใน พระจรุณ ธีรปญฺโญ (เวฬุวาปี ) , 2554, หน้า 22-23) ไดท้ า
การวิจยั เร่ืองทศธรรม: ตัวช้ีวดั การบริหารกิจการบ้านเมืองที่ดีและได้ให้ความหมาย ธรรมาภิบาลว่า
ทาหน้าที่เป็ นกลไก เครื่องมือและแนวทางการดาเนินงานที่เช่ือมโยงกันของภาคเศรษฐกิจ สังคมและ
การเมือง โดยเนน้ ความจาเป็ นของการสร้างความร่วมมือจากรัฐ ภาคเอกชน ภาคประชาชนอยา่ งจริงจงั และ
ต่อเน่ืองเพื่อให้ประเทศมีพ้ืนฐานระบอบประชาธิปไตยที่เข้มแข็งมีความชอบธรรมทางการกฎหมาย
มีเสถียรภาพ มีโครงสร้างและกระบวนการการบริหารที่มีประสิทธิภาพ มีความโปร่งใสและสามารถ
ตรวจสอบได้ อนั จะนาไปสู่การพฒั นาที่ยงั่ ยนื

จากการศึกษาคานิยามที่มีอย่างหลากหลายของหน่วยงานและนักวิชาการในขา้ งตน้ เกี่ยวกบั
ความหมายของหลกั ธรรมาภิบาล จึงสรุปไดว้ า่ “ธรรมาภิบาล” หมายถึง หลกั การที่ใชใ้ นการบริหารจดั การ
ควบคุมให้เป็ นไปตามครรลองคลองธรรม อยา่ งถูกตอ้ ง ซ่ึงใชไ้ ดท้ ้งั ในองคก์ รภาครัฐและภาคเอกชน ถือได้
วา่ เป็ นเครื่องมือท่ีช่วยสร้างความเท่าเทียมใหก้ บั สังคม โดยผ่านการใชอ้ านาจทางการจดั การบา้ นเมืองอย่าง
โปร่งใส ให้เกิดศกั ยภาพ ประสิทธิภาพ ประสิทธิผล ในทุก ๆ ด้าน เพราะฉะน้ัน ธรรมาภิบาลจึงเป็ น
ความหวงั ในการพฒั นาและเป็ นการสร้างบรรทดั ฐานใหม่ของสงั คม ท้งั น้ีกเ็ พื่อตอบสนองความตอ้ งการและ
เพือ่ ประโยชนส์ ุขของประชาชน

แนวคดิ เกย่ี วกบั แนวทางการกากบั ธรรมาภิบาล
de Boer, Enders, & Schimank (2007) ไดแ้ บ่งแนวคิดของการกากบั ดูแลออกเป็น 5 ระดบั ดงั น้ี
- การกากบั ดูแลโดยรัฐ (State Regulation)
- การกาหนดทิศทางโดยผมู้ ีส่วนไดส้ ่วนเสีย (Stakeholder Guidance)
- การกากบั ดูแลตนเอง (Academic Self-governance)
- การกากบั ดูแลจากฝ่ ายจดั การ (managerial self-governance)
- การจดั การดว้ ยการแข่งขนั (competition dealing) เป็ นโครงสร้างก่ึงตลาด (quasi-markets) และ
การแข่งขนั เพื่อใหไ้ ดม้ าซ่ึงทรัพยากรในการบริหารจดั การท้งั เงินและคน ผา่ นกระบวนการวดั คุณภาพ เช่น
การจดั การอนั ดบั ผลการดาเนินงาน ความพึงพอใจของผูร้ ับบริการ เป็นตน้
Trakman (2008) ไดส้ รุปรูปแบบของธรรมาภิบาลในสถาบนั อุดมศึกษาไว้ 5 รูปแบบ ดงั น้ี
- การกากบั ดูแลโดยกลุ่มอาจารย์ (Faculty governance)
- บรรษทั ภิบาล (Corporate governance)
- การกากบั ดูแลโดยผรู้ ักษาผลประโยชน์ (Trustee governance)

คณะรัฐศาสตร์และนิตศิ าสตร์ มหาวทิ ยาลยั บูรพา 135

นงนุช ศรีสุข

- การกากบั ดูแลจากผมู้ ีส่วนไดส้ ่วนเสีย (Stakeholder governance)
- การกากบั ดูแลอยา่ งผสม (Amalgam models of governance) เป็นการผสมผสานรูปแบบจากท้งั สี่
ท่ีกล่าวมา และไมช่ ดั เจนวา่ จะเป็นแบบใดแบบหน่ึงเฉพาะ

กรอบแนวคดิ ในการวจิ ยั

Input การทบทวนวรรณกรรม

Process การสัมภาษณ์เชิงลกึ (in-depth interview)
ผทู้ รงคุณวฒุ ิที่เกี่ยวขอ้ งกบั สภามหาวทิ ยาลยั และผบู้ ริหารมหาวทิ ยาลยั ท้งั ในอดีต
และปัจจุบนั จานวน 15 ท่าน และสังเคราะห์จากการเอกสาร กฎหมาย ระเบียบ
ขอ้ บงั คบั ต่าง ๆ เพื่อศึกษาโครงสร้างและกลไกของระบบสภาและธรรมาภิบาล
ของสถาบนั อุดมศึกษาของไทย

Output บทบาทของสภามหาวทิ ยาลยั ในการกากบั ดูแลผบู้ ริหาร
มหาวทิ ยาลยั เพื่อมุง่ สู่หลกั ธรรมาภิบาล

การพฒั นาตัวชี้วดั และการนามาใช้กากบั ดูแลธรรมาภบิ าลของผู้บริหาร
มหาวทิ ยาลยั

ภาพที่ 1 กรอบแนวคิดการวจิ ยั บทบาทของสภามหาวทิ ยาลยั ในการกากบั ดูแลผบู้ ริหารมหาวทิ ยาลยั
เพอื่ มุง่ สู่หลกั ธรรมาภิบาล

136 วารสารการเมือง การบริหาร และกฎหมาย ปี ท่ี 12 ฉบบั ท่ี 2

CHAPTER 6

วธิ ดี าเนินการวจิ ัย

การศึกษาวิจยั บทบาทของสภามหาวทิ ยาลยั ในการกากบั ดูแลผูบ้ ริหารมหาวิทยาลยั เพ่ือมุ่งสู่หลกั
ธรรมาภิบาล กาหนดรูปแบบการศึกษาเป็ นการวิจัยเชิงคุณภาพ (Qualitative Research) ซ่ึงเป็ นการนา
บทสรุปจากการสัมภาษณ์เชิงลึก (In-depth Interview) ผู้ทรงคุณวุฒิที่เกี่ยวข้องกับระบบการบริหาร
มหาวทิ ยาลยั ในกากบั ของรัฐ

ประชากรและกลุ่มผูใ้ ห้ขอ้ มูลสาคญั กลุ่มเป้าหมายในการสัมภาษณ์เชิงลึก (In-depth Interview)
กลุ่มผใู้ ห้ขอ้ มูลสาคญั คือ ผทู้ รงคุณวุฒิท่ีเกี่ยวขอ้ งกบั ระบบการบริหารมหาวิทยาลยั ในกากบั ของรัฐ จานวน
15 ท่าน

เครื่องมือท่ีใช้ในการวิจยั ผูว้ ิจยั ไดใ้ ช้แบบสัมภาษณ์เชิงลึก ซ่ึงเป็ นคาถามเก่ียวกบั บทบาทของ
สภามหาวิทยาลัยในการกากับดูแลผูบ้ ริหารมหาวิทยาลยั เพ่ือมุ่งสู่หลักธรรมาภิบาล โดยมีวิธีการสร้าง
เครื่องมือดงั ตอ่ ไปน้ี

1. ทบทวนวรรณกรรมต่างประเทศ เพ่ือศึกษาแนวคิดของการพฒั นาระบบสภาและธรรมาภิบาล
ในสถาบนั อุดมศึกษาท่ีเป็นที่ยอมรับในระดบั สากล

2. ทบทวนเอกสาร กฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับต่าง ๆ และรายงานการประชุมเพื่อศึกษา
โครงสร้างและกลไกของระบบสภาและธรรมาภิบาลของสถาบันอุดมศึกษาของไทย เพื่อประเมิน
ความสอดคลอ้ งกบั แนวคิดการพฒั นาระบบสภาและธรรมาภิบาลในสากล

3. สารวจกรรมการสภามหาวิทยาลยั มหาวิทยาลยั และผบู้ ริหารมหาวทิ ยาลยั เพื่อทราบความเห็น
ตอ่ บทบาทของสภามหาวทิ ยาลยั และแนวทางในการกากบั ดูแลธรรมาภิบาลของผูบ้ ริหารมหาวิทยาลยั และ
แนวทางการพฒั นาตวั ช้ีวดั และการนามาใชก้ ากบั ดูแลธรรมาภิบาลของผบู้ ริหารมหาวทิ ยาลยั

4. สัมภาษณ์ผูท้ รงคุณวุฒิท่ีเก่ียวขอ้ งกับกรรกการสภามหาวิทยาลยั และผูบ้ ริหารมหาวิทยาลัย
ท้งั ในอดีตและปัจจุบนั จานวน 15 ทา่ น

การเก็บรวบรวมขอ้ มูล แบ่งออกเป็ น 2 ลกั ษณะ ไดแ้ ก่ 1) ขอ้ มูลทุติยภูมิ เป็ นการรวบรวมขอ้ มูล
จากเอกสารงานวจิ ยั บทความวิชาการ และทฤษฎีท่ีเกี่ยวขอ้ งซ่ึงสนบั สนุนขอ้ มูลในดา้ นปัจจยั ในการพฒั นา
ทรัพยากรมนุษย์ 2) ขอ้ มูลปฐมภูมิ ไดจ้ ากการสัมภาษณ์ โดยมีการวางแผนการสัมภาษณ์ และเตรียมการเริ่ม
ต้งั แตก่ ารรวบรวมขอ้ มูลพ้ืนฐานไปจนถึงการเลือกผใู้ หข้ อ้ มูลสาคญั ท่ีตอ้ งการจะสัมภาษณ์

การวเิ คราะห์ขอ้ มูลและการนาเสนอ วิเคราะห์ขอ้ มูลเชิงพรรณนา (Descriptive Analysis) และใช้
วิธีการตีความตามเน้ือหา (Content Analysis) โดยการจดั หมวดหมู่ของข้อมูลและจาแนกวิเคราะห์ตาม
ประเด็นคาถามการวิจยั และวตั ถุประสงค์การวิจยั เพื่อความถูกต้องของขอ้ มูล (สุภางค์ จนั ทวานิช, 2531)
โดยเก็บรวบรวมขอ้ มูลจากแหล่งต่าง ๆ กนั เพ่ือรวบรวมขอ้ มูลเรื่องเดียวกนั โดยพิจารณาความน่าเช่ือถือจาก

คณะรัฐศาสตร์และนิตศิ าสตร์ มหาวทิ ยาลยั บูรพา 137

นงนุช ศรีสุข

เวลา สถานท่ี และบุคคล การสังเกตการณ์แบบมีส่วนร่วมควบคู่กบั การซักถามพร้อมกนั และศึกษาขอ้ มูล
เพิ่มเติมจากแหล่งเอกสาร หรือทาการซกั ถามผใู้ หข้ อ้ มูลสาคญั หลงั จากสรุปผลการศึกษา ผวู้ จิ ยั ส่งคืนขอ้ มูล
เพื่อให้ผใู้ ห้ขอ้ มูลตรวจสอบความถูกตอ้ งวา่ ขอ้ สรุปน้นั เท่ียงตรงตามความเป็ นจริงหรือไม่ แลว้ จึงแกไ้ ขเป็ น
รายงานฉบบั สมบูรณ์ตอ่ ไป

จรรยาบรรณการวจิ ัย
ในการวิจยั เชิงคุณภาพ จรรยาบรรณของนักวิจยั เป็ นประเด็นสาคญั ยิ่ง ผูว้ ิจยั ได้ตระหนักถึง
จรรยาบรรณและนามาเป็ นกรอบในการลงภาคสนามเพอื่ การเก็บรวบรวมขอ้ มูล ขอ้ มูลใดที่เปิ ดเผยไดเ้ ทา่ น้นั
จึงจะนามาเสนอไวใ้ นการวิจยั คร้ังน้ี โดยท่ีผูว้ ิจยั ได้ตรวจสอบขอ้ มูลท่ีได้จากการสัมภาษณ์ และได้รับ
อนุญาตจากผใู้ หส้ มั ภาษณ์ในการเผยแพร่ขอ้ มูลเป็นที่เรียบร้อยแลว้

ผลการวจิ ยั

ผลการวจิ ยั บทบาทของสภามหาวทิ ยาลยั และแนวทางในการกากบั ดูแลธรรมาภิบาลของผบู้ ริหาร
มหาวทิ ยาลยั สรุปผลการวจิ ยั ไดด้ งั น้ี

ผลการวจิ ยั พบวา่ บทบาทของสภามหาวทิ ยาลยั และแนวทางในการกากบั ดูแลธรรมาภิบาลของ
ผูบ้ ริหารมหาวิทยาลัย ประกอบด้วย บทบาทสภามหาวิทยาลัยในการสรรหาและเสนอแต่งต้งั อธิการบดี
บทบาทสภามหาวทิ ยาลยั ในการกากบั ติดตาม การดาเนินงานของผบู้ ริหารมหาวิทยาลยั สภามหาวิทยาลยั
กาหนดให้มีระบบการติดตาม ตรวจสอบ และประเมินผลงานของมหาวิทยาลยั และของอธิการบดี โดยยึด
หลกั ธรรมาภิบาล (good governance) และอตั ตาภิบาล (autonomy) ตามอานาจหนา้ ท่ีของสภามหาวิทยาลยั
ตามพระราชบญั ญตั ิมหาวิทยาลยั บูรพา พ.ศ. 2550 บทบาทสภามหาวิทยาลยั ในการแกไ้ ขพระราชบญั ญตั ิ
มหาวทิ ยาลยั บูรพา พ.ศ. 2550 สภามหาวทิ ยาลยั มีการเสนอปรับปรุงพระราชบญั ญตั ิ พ.ศ. 2550 การทบทวน
ปรับปรุงกฎระเบียบข้อบงั คบั ให้มันมีประสิทธิภาพมากยิ่งข้ึน ได้แก่ การเพิ่มข้อบังคบั เรื่องการกากับ
อธิการบดี อธิการบดีตอ้ งเสนอแผนต่อสภามหาวิทยาลยั การแกไ้ ขขอ้ บงั คบั ว่าดว้ ยการสรรหากรรมการ
สภามหาวิทยาลัยประเภท ผูท้ รงคุณวุฒิจากบุคคลภายนอก บทบาทสภามหาวิทยาลัยในการกาหนด
โครงสร้างของสภามหาวิทยาลยั การสร้างขอ้ บงั คบั วา่ ดว้ ยการสรรหากรรมการสภามหาวิทยาลยั ประเภท
ผทู้ รงคุณวุฒิจากบุคคลภายนอก สภาผทู้ รงคุณวุฒิท่ีสาคญั ควรมีผูแ้ ทนจากระดบั ประเทศอยา่ งนอ้ ย 4 ท่าน
เพ่ือถ่วงดุลอานาจของผูบ้ ริหารมหาวทิ ยาลยั การแกไ้ ขกระบวนการสรรหาอธิการ นายกสภา และกรรมการ
สภาปัญหาอยทู่ ่ีสภามหาวทิ ยาลยั เป็นสาคญั นามาสู่บทบาทสภามหาวทิ ยาลยั ในการกากบั ดูแลการปฏิบตั ิงาน
ของอธิการบดี คือ บทบาทในการแกไ้ ขพระราชบญั ญตั ิ มหาวิทยาลยั บูรพา พ.ศ. 2550 การโครงสร้างของ
สภามหาวทิ ยาลยั บูรพาท่ีเขม้ แขง็ และการกากบั ดูแลผบู้ ริหารมหาวทิ ยาลยั เพือ่ มุง่ สู่หลกั ธรรมาภิบาล

138 วารสารการเมือง การบริหาร และกฎหมาย ปี ท่ี 12 ฉบับที่ 2

CHAPTER 6 51

อภิปรายผล

การวิจยั เรื่อง บทบาทของสภามหาวิทยาลยั ในการกากบั ดูแลผูบ้ ริหารมหาวิทยาลยั เพ่ือมุ่งสู่หลกั
ธรรมาภิบาล คร้ังน้ีมีวตั ถุประสงคเ์ พ่ือศึกษาบทบาทของสภามหาวิทยาลยั และแนวทางในการกากบั ดูแล
ธรรมาภิบาลของผูบ้ ริหารมหาวิทยาลัย และเพื่อศึกษาการพัฒนาตัวช้ีวดั และการนามาใช้กากับดูแล
ธรรมาภิบาลของผบู้ ริหารมหาวทิ ยาลยั นาเสนอการอภิปรายผลตามวตั ถุประสงค์ ดงั น้ี

บ ท บ า ท ข อ ง ส ภ า ม ห า วิ ท ย า ลั ย แ ล ะ แ น ว ท า ง ใ น ก า ร ก า กั บ ดู แ ล ธ ร ร ม า ภิ บ า ล ข อ ง ผู้ บ ริ ห า ร
มหาวทิ ยาลยั

สภามหาวิทยาลยั ถือเป็ นมหาวิทยาลยั หลกั ในการบริหารมหาวิทยาลยั ที่มีบทบาทสาคญั ในการ
กาหนดนโยบาย กรอบทิศทางการดาเนินงานของมหาวทิ ยาลยั กาหนดระบบ กลไก และกระบวนการท่ีเป็ น
รูปธรรมในการบริหารจดั การ เพ่ือให้เกิดการกากบั ดูแลและขบั เคล่ือนมหาวทิ ยาลยั รวมท้งั การควบคุมและ
ตรวจสอบการดาเนินงานของมหาวิทยาลยั ให้เกิดประสิทธิภาพ ประสิทธิผล และการพฒั นามหาวิทยาลยั
อย่างยง่ั ยืน บทบาทของสภามหาวิทยาลัย ถูกกาหนดไวใ้ นกฎหมายท่ีเก่ียวข้องในแต่ละกรณี เช่น
ในพระราชบญั ญัติของมหาวิทยาลัยต่าง ๆ ท่ีเป็ นของรัฐ และพระราชบญั ญัติสถาบนั อุดมศึกษาเอกชน
เป็ นตน้ ซ่ึงจะมีการรวบรวมข้ึนมาเป็ นมาตราหน่ึงของกฎหมายโดยเฉพาะ มีสาระสาคญั ที่แสดงถึงหลกั การ
แห่งอานาจหน้าที่น้ันโดยรวมว่า สภามหาวิทยาลัยมีหน้าท่ีในการ “ควบคุม ดูแล” กิจการทั่วไปของ
มหาวทิ ยาลยั โดยวิธีการควบคุมดูแลน้นั ได้ ประมวลไวเ้ ป็ นขอ้ ๆ ในมาตราน้นั รวมแลว้ จะมีประมาณย่สี ิบ
ขอ้ นอกไปจากน้ันสภามหาวิทยาลยั ยงั มีอานาจหน้าท่ีนอกเหนือไปจากท่ีกาหนดในมาตราหลักน้ีที่ไป
ปรากฏสอดแทรกอยใู่ นส่วนต่าง ๆ ของกฎหมายฉบบั เดียวกนั รวมท้งั บทบาทหนา้ ท่ีเพมิ่ เติมบางส่วนยงั ไปมี
ระบุไว้ ในกฎหมายอ่ืน ๆ ที่เกี่ยวข้องอีกด้วย เช่น พระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรื อนใน
สถาบนั อุดมศึกษา ท่ีระบุวา่ สภามหาวทิ ยาลยั มีหนา้ ท่ีในการบริหารบุคคลของมหาวทิ ยาลยั ของรัฐดว้ ย และ
ที่เพิ่มเติมข้นั ไปจากน้นั คือในกระบวนการควบคุมดูแลในส่วนอ่ืน ๆ ยงั เล่ียงไมพ่ น้ ที่สภามหาวทิ ยาลยั จะตอ้ ง
มีส่วนเข้าไปเกี่ยวข้องกับการบังคับใช้กฎหมายว่าด้วย การบริหารกิจการบ้านเมืองอีกหลายฉบับ
ที่มหาวทิ ยาลยั มกั มีโอกาสเขา้ ข่ายท่ีจะตอ้ งอยภู่ ายใตบ้ งั คบั ในแต่ละกรณีดว้ ย เช่น กฎหมายแพ่งและพาณิชย์
ในกรณีท่ีมหาวิทยาลยั ต้องทานิติกรรมสัญญาต่าง ๆ หรือกฎหมายท่ีควบคุมพฤติกรรมของท้งั ส่วนของ
มหาวทิ ยาลยั ในฐานะนิติบุคคล และผบู้ ริหารมหาวทิ ยาลยั ในฐานะบุคคลดว้ ย เช่น กฎหมายอาญา กฎหมาย
วา่ ดว้ ยการปกครอง กฎหมายแรงงาน หรือ กฎหมายเกี่ยวกบั การทุจริตประพฤติมิชอบต่าง ๆ

สภามหาวิทยาลยั คือ ผกู้ ากบั พิทกั ษธ์ รรมาภิบาล เน่ืองดว้ ยสภามหาวทิ ยาลยั ถือเป็ นมหาวิทยาลยั
สูงสุด เรียกวา่ เป็ นสภาผกู้ ากบั (Governing Board )ทาหนา้ ที่พิทกั ษธ์ รรมาภิบาลและอตั ตาภิบาลโดยอาศยั มติ
ของท่ีประชุมเป็นกลไกบริหารสถาบนั อุดมศึกษาตามระบบอิสระ มีคุณธรรม โปร่งใสและตรวจสอบไดซ้ ่ึงมี

คณะรัฐศาสตร์และนติ ศิ าสตร์ มหาวทิ ยาลยั บูรพา 139

นงนุช ศรีสุข

อานาจหนา้ ที่แตกตา่ งกนั ไปตาม พ.ร.บ. จดั ต้งั มหาวิทยาลยั แต่ละแห่งและกฎหมายหรือการมอบอานาจอ่ืน ๆ
ท่ีเก่ียวขอ้ ง สอดคลอ้ งกบั งานวิจยั ของ เลิศชยั สุธรรมานนท์ (2557) ไดน้ าเสนอบทความเร่ือง บทบาทของ
สภามหาวทิ ยาลยั ในการบริหารทรัพยากรบุคคล พบวา่ สภามหาวิทยาลยั เป็นองคก์ รสูงสุดในการบริหารงาน
สถาบนั อุดมศึกษา มีบทบาทหนา้ ท่ีในการกาหนดกลยทุ ธ์ นโยบาย กากบั ดูแล และมีความรับผดิ ชอบต่อผูม้ ี
ส่วนได้เสียของประชาคมอุดมศึกษา นอกจากน้ัน ยงั มีบทบาทสาคญั ในการกาหนดปรัชญา ค่านิยม
วิสัยทศั น์ วฒั นธรรมองคก์ ร และการบริหารทรัพยากรมนุษย์ ซ่ึงเนน้ ภารกิจประจา เช่น การสรรหา แต่งต้งั
ผบู้ ริหาร และการกาหนดตาแหน่งทางวชิ าการเป็นส่วนใหญ่

บทบาทสภามหาวทิ ยาลยั กบั อธิการบดีในฐานะหวั หน้าคณะผู้บริหาร
สภามหาวิทยาลยั มีอานาจในการสรรหาและเสนอแต่งต้งั อธิการบดี ซ่ึงเป็ นผูบ้ ริหารสูงสุดของ
มหาวิทยาลัย ในการสรรหา สภามหาวิทยาลัยจาเป็ นท่ีจะต้องคดั เลือกบุคคลที่มีศกั ยภาพที่เหมาะสม
ท้งั ทางดา้ นความรู้ ความสามารถ ความซ่ือสตั ยส์ ุจริต รวมท้งั คุณสมบตั ิดา้ นอ่ืน ๆ แต่ท่ีสาคญั ก็คือจะตอ้ งเป็ น
ผูท้ ี่เขา้ ใจ มีวินัยและยินดีที่จะดาเนินการตามแผนกลยุทธ์และนโยบายที่สภามหาวิทยาลยั เป็ นผูก้ าหนด
โด ย ส ภ าม ห าวิท ย าลัย ก็ จ ะ ต้อ ง มี ห น้ าที่ ค ว บ คุ ม ดู แ ล ใ ห้ อ ธิ ก า ร บ ดี ป ฏิ บัติ ห น้ าท่ี อ ย่าง ถู ก ต้อ ง แ ล ะ มี
ประสิทธิภาพเพื่อให้บรรลุถึงเป้าหมายตามแผนพฒั นาให้ได้ ประการสาคญั คือ หลกั ของการมีอานาจในการ
แตง่ ต้งั ใด ๆ มกั จะตอ้ งมาควบคูก่ บั อานาจในการถอดถอนดว้ ย ท้งั น้ีเพื่อเปิ ดโอกาสไวส้ าหรับมาตรการสูงสุด
ในการแกไ้ ขสถานการณ์หากพบในภายหลงั วา่ อธิการบดีไม่มีความเหมาะสมที่จะดารงตาแหน่งอีกต่อไป
ไม่วา่ ดว้ ยเหตุใด ๆ กต็ าม
เพ่ือใหก้ ารควบคุมดูแลเป็ นรูปธรรม จึงจาเป็ นตอ้ งจดั ให้มีหลกั การและกระบวนการที่จาเป็ น เช่น
การกาหนดตวั ช้ีวดั ดา้ นต่าง ๆ ในการปฏิบตั ิหนา้ ท่ีของอธิการบดี ในบางกรณีอาจชดั เจนถึงกบั กาหนดให้มี
การทาสัญญาหรือขอ้ ตกลงระหวา่ งอธิการบดีกบั สภามหาวทิ ยาลยั ท่ีสาคญั คือตอ้ งมีกระบวนการประเมินผล
งานของอธิการบดี ซ่ึงอาจมีเง่ือนไขการผ่านหรือไม่ผ่านการประเมิน ซ่ึงอาจใชเ้ ป็ นตวั กาหนดวา่ จะสมควร
ให้อธิการบดีดารงตาแหน่งต่อไปหรือไม่ เพราะโดยหลกั ธรรมภิบาลแลว้ ผลประโยชน์ของมหาวิทยาลยั
อนั ไดแ้ ก่ผลประโยชน์ที่จะเกิดต่อสังคมและประเทศชาติน้นั ตอ้ งมาก่อน หากมีกรณีใดที่ช้ีชดั วา่ อธิการบดี
ซ่ึงเป็ นองคป์ ระกอบสาคญั ที่สุดของมหาวิทยาลยั ไม่มีความสามารถที่จะนามหาวิทยาลยั ให้บรรลุเป้าหมาย
ตามแผนพฒั นาได้ หรือดาเนินการแลว้ สร้างความเสียหายใหแ้ ก่มหาวทิ ยาลยั สภามหาวทิ ยาลยั ก็ตอ้ งมีหนา้ ท่ี
รับผดิ ชอบดาเนินการตามท่ีเห็นวา่ เหมาะสมต่อตวั อธิการบดีที่สภามหาวทิ ยาลยั เป็นผสู้ รรหามา
บทบาทสภามหาวทิ ยาลยั ในการกากบั ตดิ ตาม การดาเนินงานของผู้บริหารมหาวทิ ยาลยั
สภามหาวิทยาลยั กาหนดให้มีระบบการติดตาม ตรวจสอบ และประเมินผลงานของมหาวทิ ยาลยั
และของอธิการบดี โดยยดึ หลกั ธรรมาภิบาลหรือหลกั การบริหารและการจดั การท่ีดี (good governance) และ
อตั ตาภิบาล (autonomy) ตามอานาจหนา้ ท่ีของสภามหาวิทยาลยั ตามพระราชบญั ญตั ิมหาวทิ ยาลยั บูรพา พ.ศ.
2550 โดยมีคณะกรรมการติดตาม ตรวจสอบ และประเมินผลงานทาหน้าที่กาหนดแนวทาง วางระบบและ

140 วารสารการเมือง การบริหาร และกฎหมาย ปี ที่ 12 ฉบับที่ 2

CHAPTER 6

กลไกการติดตาม ตรวจสอบ และประเมินผลงาน รวมท้งั กาหนดเกณฑ์และวิธีการประเมินผลงาน และ
พฒั นาอยา่ งตอ่ เนื่องเพอื่ ใหเ้ ขา้ สู่ระดบั ที่ยอมรับไดต้ ามมาตรฐานสากล

ในการดาเนินการคณะกรรมการติดตามฯ จะจดั ทาแผนและกรอบการติดตาม ตรวจสอบ และ
ประเมินผลงานร่วมกบั คณะผูบ้ ริหารของมหาวิทยาลยั โดยนาเสนอสภามหาวิทยาลยั ทุกคร้ัง และติดตาม
ตรวจสอบ และประเมินผลงานโดยรายงานผลต่อสภามหาวิทยาลัยปี ละ 2 คร้ัง (รอบคร่ึงปี และรอบสิ้น
ปี งบประมาณ) การติดตาม ตรวจสอบ และประเมินผลงานของมหาวทิ ยาลยั บูรพา จะดาเนินการติดตามและ
ประเมินผลใน 3 ส่วน ไดแ้ ก่

1) การประเมินดา้ นการพฒั นามหาวทิ ยาลยั ดาเนินการ 3 ส่วน คือ
1.1) การติดตามผลการดาเนินงานตามมติ/ ขอ้ สังเกต/ ขอ้ เสนอแนะของสภามหาวทิ ยาลยั บูรพา

คณะกรรมการการเงินและทรัพยส์ ิน คณะกรรมการบริหารงานบุคคล และคณะกรรมการติดตาม ตรวจสอบ
และประเมินผลงาน

1.2) การติดตามผลการดาเนินงานของอธิการบดีตามวิสัยทศั น์ นโยบาย และแนวทางการ
บริหารมหาวทิ ยาลยั บูรพา

1.3) การติดตามผลการดาเนินงานการตรวจสอบภายใน
2) การประเมินผลการดาเนินงานตามแผนปฏิบตั ิการประจาปี โดยการประเมินผลการดาเนินงาน
ตามตวั ช้ีวดั หลกั ที่ระบุในแผนปฏิบตั ิการประจาปี งบประมาณของมหาวทิ ยาลยั
3) การประเมินผลงานของมหาวิทยาลัยโดยการประยุกต์ใช้การประเมินแบบสมดุล 4 มิติ
(Balanced Scorecard)
บทบาทสภามหาวทิ ยาลยั ในการแก้ไขพระราชบัญญตั ิ มหาวทิ ยาลยั บูรพา พ.ศ. 2550
สภามหาวิทยาลัยมีการเสนอปรับปรุ งพระราชบัญญัติ พ.ศ. 2550 การทบทวน ปรับปรุ ง
กฎระเบียบข้อบังคับให้มันมีประสิทธิภาพมากย่ิงข้ึน เช่น ข้อบังคับเรื่องการตรวจสอบและติดตาม
ประเมินผล การบริหารของมหาวิทยาลยั และเพิ่มขอ้ บงั คบั เรื่องการกากบั อธิการบดี อธิการบดีตอ้ งเสนอ
แผนต่อสภา การแกไ้ ขข้อบงั คบั ว่าด้วยการสรรหากรรมการสภามหาวิทยาลยั ประเภท ผูท้ รงคุณวุฒิจาก
บุคคลภายนอก โดยเสนอใหม้ ีการแต่งต้งั คณะกรรมการ ดงั น้ี
- การต้งั กรรมการตรวจสอบมีการระบุเพม่ิ ไปพระราชบญั ญตั ิ
- การต้งั คณะกรรมการกลั่นกรอง ท่ีเป็ นกรรมการของสภา เร่ืองนโยบายวิชาการ สภาจึงต้งั
อนุกรรมการวิชาการและประกนั คุณภาพ เพ่ือดูแลมาตรฐานการศึกษาของหลักสูตร และยกระดับการ
จดั ลาดบั ของมหาวทิ ยาลยั QS University Rankings เพอ่ื นาไปสู่การพฒั นามหาวทิ ยาลยั
- ต้งั กรรมการการเงินและทรัพยส์ ิน
- ต้งั รองอธิการที่มากากบั ดูแลสภามหาวทิ ยาลยั

คณะรัฐศาสตร์และนติ ศิ าสตร์ มหาวทิ ยาลยั บูรพา 141

นงนุช ศรีสุข

- ต้งั ทีมประกนั คุณภาพ ประเมินเรื่อง การประกนั คุณภาพของมหาวิทยาลยั 2 ทีม ประกอบดว้ ย
ทีมท่ี 1 ก็คือประเมินประกนั คุณภาพการศึกษาเดิม ทีมท่ี 2 จะประเมินเชิงคุณภาพ ใชผ้ ทู้ รงคุณวฒุ ิภายนอก

บทบาทสภามหาวทิ ยาลยั ในการกาหนดโครงสร้างของสภามหาวทิ ยาลยั
ท้งั น้ีสืบเนื่องจากประเด็นโครงสร้างสภามหาวิทยาลยั ไม่มีความเขม้ แข็ง ขอ้ บงั คบั การในการ
เลือกผูท้ รงคุณวุฒิ ใช้กฎตาม พรบ. พ.ศ. 2550 การสรรหากรรมการสภามหาวิทยาลยั ปัญหาท่ีผา่ นมาคือ
สนามการเมืองภายในมหาวทิ ยาลยั ท่ีฝ่ ายอธิการบดีก็พยายามท่ีหาทางเอาคนของตนเขา้ ไปในสภาฯ ใหม้ าก
ที่สุด หากโครงสร้างของคณะ กรรมการบริหารมหาวิทยาลยั ประกอบดว้ ยบุคคลจากเครือข่ายของอธิการบดี
เป็ นส่วนใหญ่ ก็จะกลายเป็ นวา่ อธิการบดีเป็ นผแู้ ต่งต้งั กรรมการสภามหาวิทยาลยั ประเภทน้ีนนั่ เอง ลกั ษณะ
เช่นน้ีในระบบมหาวิทยาลยั ไทย ได้รับคาวิพากษ์วิจารณ์มานานว่าเป็ นระบบ “ผลดั กนั เกาหลัง" จึงเป็ น
ความเส่ียงดา้ นธรรมาภิบาล และสร้างความไมแ่ น่นอนของความเขม้ แขง็ ของมหาวทิ ยาลยั
นามาสู่การการสร้างขอ้ บงั คบั วา่ ดว้ ยการสรรหากรรมการสภามหาวทิ ยาลยั ประเภท ผูท้ รงคุณวฒุ ิ
จากบุคคลภายนอก ท่ีพยายามทาใหป้ ลอดจากการเมืองใน มหาวิทยาลยั ดงั น้นั สภาผทู้ รงคุณวฒุ ิท่ีสาคญั ควร
มีผแู้ ทนจากระดบั ประเทศอยา่ งนอ้ ย 4 คน
- การแกไ้ ขกระบวนการสรรหาอธิการ นายกสภา และกรรมการสภาปัญหาอยทู่ ี่สภามหาวทิ ยาลยั
เป็ นสาคญั ดูที่โครงสร้างของสภามหาวิทยาลัย คุณภาพของนายกสภา กรรมการสภา อธิการบดี นายก
สมาคมนิสิตเก่า และประธานส่งเสริม แต่ประธานส่งเสริมจะไม่ให้อธิการมีอิทธิพลในการต้งั ประธาน
ส่งเสริมเพราะจะใหเ้ ป็นผทู้ รงคุณวฒุ ิ แลว้ ไดร้ ับโปรดเกลา้ แตง่ ต้งั
- พระราชบญั ญตั ิของมหาวิทยาลยั ต่าง ๆ ไดก้ าหนด เป็ นหลกั การไวก้ วา้ ง ๆ อยู่แลว้ ว่าให้เป็ น
อานาจของสภามหาวิทยาลัย ด้วยถ้อยคา เช่น “การได้มาซ่ึงกรรมการประเภทผู้ทรงคุณวุฒิท่ีเป็ น
บุคคลภายนอกใหเ้ ป็นไปตามขอ้ บงั ดบั ของสภามหาวทิ ยาลยั ”
- การสร้างกระบวนการสรรหากรรมการสภาฯ ที่เป็ นระบบคุณธรรม โดย มุ่งไปที่การดดั เลือก
บุคคลตามความรู้ความสามารถอย่างแทจ้ ริง โดยให้มีองค์ประกอบที่หลากหลายและเหมาะสมแก่การให้
ความเห็นและ ตดั สินใจเพอื่ ขบั เคลื่อนมหาวทิ ยาลยั ไปสู่อนาคตอนั พึงประสงคใ์ หไ้ ด้
- ต้งั รองอธิการบดีท่ีใหท้ าหนา้ ที่เป็นเลขานุการสภา เพราะฉะน้นั โดยกติกาจะตอ้ งมีรองอธิการบดี
หน่ึงคนท่ีทาหน้าท่ีน้ีจะทาให้สานักงานเลขานุการเข้มแข็งในเร่ื องการติดตาม มติต่าง ๆ ท้ังปวง
มีประสิทธิภาพเพม่ิ มากข้ึน และถา้ หากไดผ้ ทู้ รงคุณวฒุ ิจากระดบั ชาติเขา้ มาอยใู่ นสภา กจ็ ะทาใหส้ ภาสามารถ
ดูแลเร่ืองพิทกั ษธ์ รรมาภิบาลไดเ้ ขม้ แขง็ มากข้ึน กระบวนการไดม้ าซ่ึงเลขานุการสภามหาวิทยาลยั จึงน่าจะมี
การทบทวน
บทบาทในการบริหารจัดการประชุมของสภามหาวทิ ยาลยั
จากเดิมมีการประชุม 2 เดือนต่อคร้ัง สภามหาวิทยาลยั จึงมีการปรับแกไ้ ขเพื่อให้เกิดการแกไ้ ขใน
ประเด็นปัญหาต่าง ๆ ของมหาวิทยาลยั บูรพาระยะแรกประชุมทุกสัปดาห์ ปรับปรุงระบบแลว้ เป็ นประชุม

142 วารสารการเมือง การบริหาร และกฎหมาย ปี ที่ 12 ฉบบั ท่ี 2


Click to View FlipBook Version