The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

ปีที่ 12 ฉบับที่ 2 พฤษภาคม - สิงหาคม 2563

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search

วารสารการเมือง การบริหารและกฎหมาย

ปีที่ 12 ฉบับที่ 2 พฤษภาคม - สิงหาคม 2563

CHAPTER 8

7. ข้อเสนอเพ่ือการปรับปรุงการวางแผนเศรษฐกจิ ดจิ ิทลั ท้องถน่ิ

จากภาพสะทอ้ นปรากฏการณ์และปัญหาเก่ียวกบั แผนพฒั นาเศรษฐกิจดิจิทลั ในพ้ืนที่ทอ้ งถิ่น
ผวู้ จิ ยั ขอเสนอแนวทางการปรับปรุงแกไ้ ข ดงั น้ี

1. ควรมีการสั่งการมอบหมายนโยบายอย่างเป็ นทางการจากรัฐบาลถึงหน่วยปฏิบตั ิอย่างเป็ น
รูปธรรม โดยการมีหนงั สือส่ังการจากสานกั เลขาธิการคณะรัฐมนตรี และหน่วยงานหลกั คือ กระทรวงดิจิทลั
เพ่ือเศรษฐกิจและสังคม ไปยงั อปท. ทุกระดบั และควรมีถึงหน่วยงานของรัฐทุกแห่ง ไดแ้ ก่ กระทรวง กรม
และจงั หวดั ดว้ ย

2. ควรดาเนินการใหม้ ีการถ่ายทอดนโยบายลงไปสู่การปฏิบตั ิในการจดั ทาแผนพฒั นาดิจิทลั เพ่ือ
เศรษฐกิจและสังคมในทุกระดบั ในลกั ษณะเดียวกบั การจดั ทาแผนกระทรวง แผนกรม แผนจงั หวดั และแผน
ทอ้ งถิ่น นนั่ คือการพฒั นากระบวนการจดั ทาแผนพฒั นาเศรษฐกิจสงั คมดิจิทลั ทอ้ งถ่ินที่มีความชดั เจน

3. ควรมีการถ่ายทอดความรู้ความเข้าใจเก่ียวกับการพัฒนาเศรษฐกิจดิจิทัลและการจัดทา
แผนพฒั นาเศรษฐกิจดิจิทลั ไปยงั บุคลากรของรัฐทุกระดบั ท้งั ระดบั บริหารและระดบั ปฏิบตั ิ โดยการประชุม
ช้ีแจงนโยบาย การประชุมซักซ้อมแนวทางการปฏิบตั ิ การประชุมสัมมนาเพื่อเผยแพร่ความรู้ความเขา้ ใจ
การอบรมความรู้ความเขา้ ใจระบบการวางแผนพฒั นาเศรษฐกิจดิจิทลั และการอบรมเชิงปฏิบตั ิการแก่
บุคลากรผรู้ ับผดิ ชอบดา้ นการวางแผนทุกหน่วยงาน ทุกระดบั ทุกพ้ืนท่ี

4. ควรมีการจดั ทาคู่มือคาแนะนา แบบฟอร์มหรือแอพพลิเคชัน เพ่ือเป็ นเครื่องมือในการจดั ทา
แผนปฏิบัติงาน แผนงานโครงการ ภายใต้แผนระดับชาติ เพ่ือให้สามารถนามาบูรณาการเป็ นแผน
ยทุ ธศาสตร์ระดบั องคก์ รในภาพรวม

5. ควรมีการประสานงานระหวา่ งหน่วยงานหลกั ในการวางแผนพฒั นาประเทศคือ กระทรวง
ดิจิทลั เพื่อเศรษฐกิจและสังคม และสานกั งานคณะกรรมการพฒั นาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เพื่อซกั ซ้อม
การปฏิบัติในการจดั ทาแผนพ้ืนท่ีในภาพรวม โดยเน้นการถ่ายทอดนโยบายและทิศทางในการจดั ทา
แผนพฒั นาในพ้ืนท่ี

6. ควรมีการประสานงานระหวา่ งหน่วยงานท่ีเป็ นองคก์ รหลกั ในการกาหนดนโยบายที่เกี่ยวขอ้ ง
ท้งั หมด ไดแ้ ก่ หน่วยรับผิดชอบการจดั ทายุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี หน่วยงานเลขานุการของคณะกรรมการ
ปฏิรูปประเทศ หน่วยงานท่ีรับผดิ ชอบนโยบายไทยแลนด์ 4.0 หน่วยงานที่รับผดิ ชอบนโยบายส่งเสริม Start-
up Thailand หน่วยงานที่รับผิดชอบจัดทาแผนพัฒนารัฐบาลดิจิทัล เพ่ือบูรณาการการดาเนินงานให้
สอดคลอ้ งกนั เพือ่ ความชดั เจนในการถ่ายทอดนโยบายสู่การพฒั นาและการจดั ทาแผนในพ้นื ท่ี

คณะรัฐศาสตร์และนิตศิ าสตร์ มหาวทิ ยาลยั บูรพา 193

นคร เสรีรักษ์ และคณะ

8. ข้อสังเกตและข้อเสนอสาหรับการศึกษาวจิ ัยต่อไป

1. ควรมีการศึกษาปัญหาและขอ้ ขดั ขอ้ ง รวมท้ังการสารวจข้อเสนอและความคิดเห็นในการ
ดาเนินการจาก อปท. ท้งั ประเทศ เพื่อรวบรวมขอ้ เท็จจริงในภาพรวม เพ่ือนามาวเิ คราะห์แนวทางปรับปรุง
แกไ้ ขตอ่ ไป

2. ควรมีการศึกษาและพฒั นารูปแบบ เคร่ืองมือ และ/ หรือแอพพลิเคชนั เพื่อเป็ นเคร่ืองมือในการ
วางแผนสาหรับนกั วางแผนในทอ้ งถิ่น ในรูปแบบที่ง่ายต่อการทาความเขา้ ใจและง่ายตอ่ การนาไปปฏิบตั ิจริง

3. ควรมีการศึกษาเพ่ือพฒั นาหลักสูตรการฝึ กอบรมเรื่องเทคนิคและระเบียบวิธีการวางแผน
เศรษฐกิจดิจิทลั ทอ้ งถ่ินเพื่อพฒั นาขีดความสามารถของบุคลากร อปท. โดยควรดาเนินการเป็ นกิจกรรมท่ีมี
ความสาคญั เร่งด่วนอนั ดบั แรก

4. ควรมีการศึกษาระบบการประสานและบูรณาการระบบการวางแผนในภาครัฐทุกแผนเพ่ือให้
ระบบการวางแผนภาครัฐมีดาเนินการอยา่ งมีประสิทธิภาพและประสิทธิผล

5. ควรมีการศึกษาระบบการติดตอ่ สื่อสารและการประสานงานระหวา่ งหน่วยงาน โดยเฉพาะดา้ น
เอกสารราชการว่ามีปัญหาหรือเป็ นอุปสรรคในการประสานงานถ่ายทอดนโยบายแห่งรัฐหรือไม่อย่างไร
เพอื่ นามาวเิ คราะห์หาทางแกไ้ ขปัญหา

194 วารสารการเมือง การบริหาร และกฎหมาย ปี ที่ 12 ฉบบั ท่ี 2

CHAPTER 8

รายการอ้างองิ

ก รม ส่ งเส ริ ม ก ารป ก ค รองท้องถิ่ น . (2546). คู่ มื อก ารจั ดท าแผน พั ฒ น าท้ อ งถิ่ น . ก รุ งเท พ ฯ :
กรมส่งเสริมการปกครองทอ้ งถ่ิน กระทรวงมหาดไทย.

กรมส่ งเสริ มการปกครองท้องถิ่น. (2558). แผนแม่ บทเทคโนโลยีสารสนเทศและการส่ื อสาร
กรมส่งเสริมการปกครองท้องถ่ิน พ.ศ. 2557-2660. กรุงเทพฯ: กรมส่งเสริมการปกครองทอ้ งถ่ิน
กระทรวงมหาดไทย.

กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการส่ือสาร. (2559). แผนพัฒนาดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม.
กรุงเทพฯ: กระทรวงเทคโนโลยสี ารสนเทศและการส่ือสาร.

กระท รวงมห าดไท ย. (2538). แน วท างการจัดท ายุท ธศาส ตร์ การพั ฒ น าจังห วัด. กรุ งเท พ ฯ:
กระทรวงมหาดไทย.

ชูวงศ์ ฉายะบุตร. (2539). การปกครองท้องถ่ินไทย. กรุงเทพฯ: โรงพมิ พส์ ่วนทอ้ งถ่ิน.
ชูศักด์ิ เที่ยงตรง. (2518). การบริ หารการปกครองท้ องถ่ินไทย. กรุ งเทพฯ: โรงพิมพ์มหาวิทยาลัย

ธรรมศาสตร์.
นครินทร์ เมฆไตรรัตน์ และคณะ. (2552). รายงานผลการศึกษาความก้าวหน้าของการกระจายอานาจใน

ประเทศไทย. กรุงเทพฯ: สถาบนั วจิ ยั และใหค้ าปรึกษาแห่งมหาวทิ ยาลยั ธรรมศาสตร์.
ประทาน คงฤทธ์ิศึกษากร. (2534). การปกครองท้องถ่ิน (พิมพค์ ร้ังที่ 2). กรุงเทพฯ: อุษาการพิมพ.์
พระราชบญั ญตั ิการจดั ทายุทธศาสตร์ชาติ พ.ศ. 2560. (2560, 31 กรกฎาคม). ราชกิจจานุเบกษา. เล่ม 134

ตอน 79 ก.
ระเบียบกระทรวงมหาดไทยวา่ ดว้ ยการจดั ทาแผนพฒั นาองคก์ รปกครองส่วนทอ้ งถิ่น พ.ศ. 2548. (2548, 17

ตุลาคม). ราชกิจจานุเบกษา. เล่ม 112 ตอนพเิ ศษ 115 ง.
ระเบียบกระทรวงมหาดไทยวา่ ดว้ ยการจดั ทาแผนพฒั นาองคก์ รปกครองส่วนทอ้ งถิ่น (ฉบบั ที่ 2) พ.ศ. 2559.

(2559, 28 กนั ยายน). ราชกิจจานเุ บกษา. เล่ม 133 ตอนพิเศษ 218 ง.
รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจกั รไทย. (2560, 6 เมษายน). ราชกิจจานุเบกษา. เล่ม 134 ตอนที่ 40 ก.
วิญญู องั คณารักษ์. (2518). แนวคิดในการกระจายอานาจการปกครองส่ วนท้องถิ่น. กรุงเทพฯ: สานัก

นโยบายและแผนมหาดไทย กระทรวงมหาดไทย.
สมคิด เลิศไพฑูรย.์ (2547). กฎหมายการปกครองท้องถิ่น. นครปฐม: มิสเตอร์กอ้ ปป้ี
สมบตั ิ ธารงธญั วงศ.์ (2543). นโยบายสาธารณะ: แนวความคิด การวิเคราะห์และกระบวนการ (พิมพค์ ร้ังที่

3). กรุงเทพฯ: สานกั พิมพเ์ สมาธรรม.

คณะรัฐศาสตร์และนิตศิ าสตร์ มหาวทิ ยาลยั บูรพา 195

นคร เสรีรักษ์ และคณะ

สานกั งานคณะกรรมการกระจายอานาจให้แก่องคก์ รปกครองส่วนทอ้ งถิ่น. (2544). คู่มือการกระจายอานาจ
ภาคประชาชน. กรุงเทพฯ: โรงพิมพ์ สกสค.

สานกั งานคณะกรรมการกระจายอานาจใหแ้ ก่องคก์ รปกครองส่วนทอ้ งถ่ิน. (2546). คู่มือการกระจายอานาจ
ให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น. กรุงเทพฯ: โรงพมิ พค์ ุรุสภา.

สานักงานคณะกรรมการกระจายอานาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถ่ิน. (2548). ความรู้เก่ียวกับการ
กระจายอานาจ. กรุงเทพ: สานกั พมิ พค์ ณะรัฐมนตรีและราชกิจจานุเบกษา.

สานกั งานคณะกรรมการพฒั นาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ. (2560). แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคม
แห่งชาติ ฉบับท่ี 12 (พ.ศ. 2560-2564). กรุงเทพฯ: สานกั งานคณะกรรมการพฒั นาการเศรษฐกิจ
และสงั คมแห่งชาติ.

สานักงานคณะกรรมการพฒั นาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ. (2560). ร่ างยุทธศาสตร์ ชาติระยะ 20 ปี
(พ.ศ. 2560-2579). กรุงเทพฯ: สานกั งานคณะกรรมการพฒั นาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ.

อนันต์ อนันตกูล. (2521). การปกครองท้ องถิ่นไทย (พิมพ์คร้ังท่ี 3). กรุ งเทพฯ: พิฆเณศพริ้ นติ้ง
เซ็นเตอร์.

อุดร ตันติสุ นทร. (2546). สรุ ปประเด็นสาคัญพระราชบัญญัติการเลื อกต้ังสมาชิ กสภาท้ องถิ่น
หรือผ้บู ริหารท้องถิ่น พ.ศ. 2545 และโครงสร้ างรวมและอานาจหน้าที่ของ อบจ., เทศบาล, อบต.
กฎหมายเลือกตงั้ สภาท้องถ่ิน: ปฏิรูปนกั การเมืองท้องถิ่น. กรุงเทพฯ: บพิธการพมิ พ.์

196 วารสารการเมือง การบริหาร และกฎหมาย ปี ท่ี 12 ฉบบั ที่ 2

CHAPTER 9

รูปแบบการบริหารจดั การเชิงนโยบายเพ่ือขบั เคลื่อนทรัพยากรธรรมชาตแิ ละ
ส่ิงแวดล้อมสู่ความยงั่ ยืน ตามแนวทาง PESTLE

Policy Management Model to Drive Natural Resources and the Environment
towards Sustainability According to PESTLE Guidelines

ธีระวฒั น์ จนั ทึก (Thirawat Chantuk)1
กนกอร เนตรชู (Kanokaon Netchu)2
ดำรงพล แสงมณี (Domrongphol Sangmanee)3
พรเทพ นำมกร (Pornthep Namakorn)4
จุฑำมำศ พรหมอินทร์ (Juthamas promin)5
1รองศำสตรำจำรย์ ดร., คณะวทิ ยำกำรจดั กำร มหำวทิ ยำลยั ศิลปำกร
Associate Professor Dr., Faculty of Management Science, Silpakorn University
2นกั วจิ ยั ศูนยส์ ิ่งแวดลอ้ ม คณะวทิ ยำศำสตร์และเทคโนโลยี มหำวทิ ยำลยั สวนดุสิต
Researcher, Environmental Center, Faculty of Science and Technology, Suan Dusit University
3,4อำจำรยป์ ระจำคณะรัฐศำสตร์และนิติศำสตร์ มหำวทิ ยำลยั บูรพำ
Lecturer of the Faculty of Political Science and Law, Burapha University
5อำจำรยป์ ระจำบำงส่วนเวลำ ภำควชิ ำนิติศำสตร์ คณะรัฐศำสตร์และนิติศำสตร์ มหำวทิ ยำลยั บูรพำ
Lecturer, Department of Law Faculty of Political Science and Law, Burapha University

E-mail: [email protected]

Received: 1 July 2020
Revised: 31 July 2020
Accepted: 18 August 2020

บทคดั ย่อ

รูปแบบกำรบริหำรจดั กำรเชิงนโยบำยเพื่อขบั เคลื่อนทรัพยำกรธรรมชำติและส่ิงแวดล้อมสู่
ควำมยงั่ ยืน ตำมแนวทำง PESTLE มีวตั ถุประสงค์เพื่อวเิ ครำะห์กำรบริหำรจดั กำร ทรัพยำกรธรรมชำติและ
สิ่งแวดล้อมตำมแนวทำง PESTLE และเพื่อนำทฤษฎีอรรถประโยชน์พหุลกั ษณ์มำใช้ในกำรจดั ลำดับ

คณะรัฐศาสตร์และนิตศิ าสตร์ มหาวทิ ยาลยั บูรพา 197

ธีระวฒั น์ จนั ทกึ / กนกอร เนตรชู/ ดารงพล แสงมณ/ี พรเทพ นามกร/ จุฑามาศ พรหมอนิ ทร์

ควำมสำคญั ของรูปแบบกำรบริหำรจดั กำรเชิงนโยบำยเพื่อขบั เคลื่อนทรัพยำกรธรรมชำติและสิ่งแวดลอ้ มสู่
ควำมยงั่ ยืน ตำมแนวทำง PESTLE ไดแ้ บ่งกำรวิจยั ออกเป็ น 2 ส่วน ไดแ้ ก่ กำรสัมภำษณ์เชิงลึก และประเมิน
อรรถประโยชน์พหุลกั ษณ์ ผใู้ ห้ขอ้ มูลหลกั คือ นกั วชิ ำกำร ผเู้ ช่ียวชำญ และอำจำรยม์ หำวิทยำลยั ท่ีมีควำมรู้
ควำมเช่ียวชำญดำ้ นกำรบริหำรจดั กำร ทรัพยำกรธรรมชำติและสิ่งแวดลอ้ ม จำนวน 17 คน เครื่องมือที่ใชเ้ ป็ น
แบบสัมภำษณ์ และแบบประเมินอรรถประโยชน์พหุลกั ษณ์ สถิติท่ีใชใ้ นกำรวจิ ยั คือ ค่ำควำมถ่ี ร้อยละ และ
กำรวเิ ครำะห์เน้ือหำ (Content analysis) และกำรประยุกต์เทคนิคกระบวนกำรตดั สินใจแบบวเิ ครำะห์ลำดบั
ช้นั (Analysis Hierarchy Process: AHP) กบั ผใู้ หข้ อ้ มูลหลกั 7 คน

โดยผลกำรวิจยั พบว่ำ 1) กำรบริหำรจดั กำร ทรัพยำกรธรรมชำติและส่ิงแวดล้อมตำมแนวทำง
PESTLE ประกอบด้วย สถำนกำรณ์ทำงกำรเมือง เศรษฐกิจ สังคม เทคโนโลยี กฎหมำย และปัจจยั ด้ำน
สิ่งแวดลอ้ ม 2) กำรนำทฤษฎีอรรถประโยชน์พหุลกั ษณ์มำใชใ้ นกำรจดั ลำดบั ควำมสำคญั ของรูปแบบกำร
บริหำรจดั กำรทรัพยำกรธรรมชำติและสิ่งแวดลอ้ มสู่ควำมยง่ั ยนื ผลกำรวิเครำะห์ น้ำหนกั ควำมสำคญั ของ
รูปแบบกำรบริหำรจดั กำรทรัพยำกรธรรมชำติและส่ิงแวดลอ้ มสู่ควำมยง่ั ยนื พบวำ่ น้ำหนกั ควำมสำคญั ของ
รูปแบบกำรบริหำรจดั กำรทรัพยำกรธรรมชำติและส่ิงแวดลอ้ มสู่ควำมยงั่ ยืน ดำ้ นกำรปรับปรุงกฎหมำยที่มี
ควำมขัดแย้งและทำให้เกิดช่องว่ำง หรื ออุปสรรคในกำรดำเนินงำน มีค่ำมำกที่สุ ด รองลงมำคือ
กำรดำเนินงำนตำมขอ้ เสนอกำรปฏิรูปประเทศด้ำนทรัพยำกรธรรมชำติและส่ิงแวดลอ้ มและกำรส่งเสริม
ควำมรู้ควำมเขำ้ ใจให้กบั ประชำชน โดยมีค่ำน้ำหนกั ควำมสำคญั เท่ำกบั 49.34, 27.62 และ 23.04 ตำมลำดบั
ผลกำรวเิ ครำะห์อตั รำส่วนควำมสอดคลอ้ งของทุกดำ้ นท่ีไดม้ ีค่ำเท่ำกบั 0.080 – 0.096 โดยมีค่ำนอ้ ยกวำ่ 0.01
อยูใ่ นเกณฑ์ท่ียอมรับได้ สอดคลอ้ งในทุกมิติ จึงสรุปไดว้ ำ่ ผูเ้ ช่ียวชำญเห็นดว้ ยกบั รูปแบบกำรบริหำรจดั กำร
ทรัพยำกรธรรมชำติและส่ิงแวดลอ้ มสู่ควำมยง่ั ยนื สำมำรถนำรูปแบบดงั กล่ำวไปใชไ้ ด้

คาสาคญั : ควำมยงั่ ยนื , นโยบำย, สิ่งแวดลอ้ ม

Abstract

Policy management model to drive natural resources and the environment towards
sustainability according to PESTLE guidelines has objectives for analyzing natural resources and
environmental management according to PESTLE guideline and using multi-utility theory to prioritize
Policy management model to drive natural resources and the environment towards sustainability according
to PESTLE guidelines. This research has been divided into 2 parts namely, in-depth interview and multi-
utility assessment. Key informants for 17 persons are academics, specialists and university professors who
are expert in natural resources and environmental management. Research tools are the interview and

198 วารสารการเมือง การบริหาร และกฎหมาย ปี ท่ี 12 ฉบบั ท่ี 2

CHAPTER 9

multi-utility assessment, statistic used in this research are frequency, percentage and content analysis and
Analysis Hierarchy Process (AHP) with key informants for 7 persons.

Research result found that 1) Natural resources and environmental management according to
PESTLE guideline consists of political situation, economy, social, technology, law and environmental
factor. 2) Using Multi-utility theory to prioritize natural resources and environmental management model
to sustainability, analysis result, priority level of natural resources and environmental management model
to sustainability found that priority level of natural resources and environmental management model to
sustainability in aspect of law adjustment that is conflict and causes gap or obstacle in operation has the
most value, follow by an operation according to country reform proposal in natural resources and
environment, then advocating knowledge to public have priority level equal to 49.34, 27.62 and 23.04
respectively. the results of analysis Hierarchy Process (AHP) on consistency of all dimensions were
ranged from 0.080 – 0.096 with the lowest value of 0.01 that was in acceptable level and consistent ion all
dimensions. It could be concluded that the experts agreed with the Model of Natural Resources and
Environment Management for Sustainability and it could be applied.

Keywords: Sustainability, Policy, Environmental

บทนา

กำรพฒั นำท่ียงั่ ยืน เริ่มเขำ้ มำมีบทบำทอยำ่ งมำกในกระแสกำรพฒั นำของสังคมโลก นับต้งั แต่
ประเทศสมำชิกองค์กำรสหประชำชำติรวมท้งั ประเทศไทย ไดร้ ่วมลงนำมในแผนแม่บทของโลกเพ่ือกำร
พฒั นำที่ยงั่ ยืนหรือแผนปฏิบตั ิกำร 21 (Agenda 21) ในกำรประชุมสุดยอดของโลกทำงด้ำนส่ิงแวดล้อม
(Earth Summit) ท่ีประเทศบรำซิล เมื่อปี พ.ศ. 2535 ซ่ึงไดเ้ ป็ นพนั ธกรณีที่แต่ละประเทศจำเป็ นตอ้ งแสวงหำ
แนวทำงท่ีเหมำะสมในกำรพฒั นำประเทศใหม้ ุ่งสู่ควำมยง่ั ยนื สำหรับประเทศไทยไดร้ ับอิทธิพลจำกแนวคิด
กำรพฒั นำท่ียงั่ ยนื ในกระแสโลก มำปรับใชใ้ นกระบวนกำรวำงแผนพฒั นำประเทศดว้ ยเช่นกนั แนวทำงกำร
พฒั นำประเทศภำยใต้แผนพฒั นำเศรษฐกิจและสังคมแห่งชำติ ในระยะเวลำกว่ำ 20 ปี ที่ผ่ำนมำ จึงได้
ปรับเปล่ียนทิศทำงไปสู่ควำมยงั่ ยนื มำกข้ึน เน่ืองจำกกำรพฒั นำประเทศไทยในอดีตไดใ้ หค้ วำมสำคญั กบั กำร
เจริญเติบโตทำงเศรษฐกิจเป็ นหลกั โดยเชื่อวำ่ หำกเศรษฐกิจมีกำรขยำยตวั สูง ระดบั รำยไดข้ องคนในประเทศ
ก็จะเพ่ิมมำกข้ึน และมำตรฐำนกำรดำรงชีวิตของประชำชนก็จะสูงตำมไปด้วย ท้ังน้ี กำรขยำยตวั ทำง
เศรษฐกิจในเชิงปริมำณดังกล่ำวเกิดจำกกำรขยำยตวั ทำงกำรผลิตอย่ำงรวดเร็ว ท้งั ในด้ำนเกษตรกรรม

คณะรัฐศาสตร์และนติ ศิ าสตร์ มหาวทิ ยาลยั บูรพา 199

ธีระวฒั น์ จนั ทกึ / กนกอร เนตรชู/ ดารงพล แสงมณ/ี พรเทพ นามกร/ จฑุ ามาศ พรหมอนิ ทร์

อุตสำหกรรม และบริกำร ท่ีใชท้ รัพยำกรธรรมชำติอนั ไดแ้ ก่ ดิน น้ำ ป่ ำ ทะเลและชำยฝั่ง รวมท้งั แร่ธำตุตำ่ ง ๆ
เป็ นปัจจยั หลกั อย่ำงปรำศจำกกำรวำงแผนกำรใช้ประโยชน์อย่ำงรอบคอบและป้องกันควำมเสียหำยต่อ
สิ่งแวดล้อม ทำให้เกิดกำรสะสมของปัญหำต่อทุนธรรมชำติตำมระดบั ของกำรผลิตโดยรวมท่ีเพิ่มสูงข้ึน
ไม่วำ่ จะเป็ นควำมเสื่อมโทรมและร่อยหรอของทรัพยำกรธรรมชำติ หรือปัญหำมลพิษต่ำง ๆ ซ่ึงไดน้ ำไปสู่
ควำมขดั แยง้ ทำงสังคมอนั เกิดจำกกำรแย่งชิงทรัพยำกร และเชื่อมโยงไปถึงควำมไม่เท่ำเทียมกันในกำร
ครอบครองทรัพยำกรระหวำ่ งคนในสังคม (สำนกั งำนคณะกรรมกำรพฒั นำกำรเศรษฐกิจและสังคมแห่งชำติ,
2546)

อยำ่ งไรก็ดี แมว้ ำ่ รัฐบำลจะไดอ้ อกกฎหมำยและมำตรกำรมำรองรับ รวมท้งั ไดม้ ีกำรจดั ต้งั องคก์ ร
ดำ้ นสิ่งแวดลอ้ มมำดูแลโดยเฉพำะต้งั แต่ปี พ.ศ. 2518 และต่อจำกน้ันไดม้ ีกำรปรับปรุงกฎหมำย มำตรกำร
และองค์กรดำ้ นส่ิงแวดลอ้ มแลว้ หลำยคร้ัง แต่สภำพปัญหำหลำยประเภทยงั คงอยูใ่ นภำวะวิกฤติถึงแมว้ ่ำ
แนวทำงกำรพฒั นำจะเริ่มให้ควำมสำคญั กบั ส่ิงแวดลอ้ มและทรัพยำกรมำกข้ึนต้งั แต่แผนพฒั นำฯ ฉบบั ที่ 7
(พ.ศ. 2535-2539) เป็ นตน้ มำ แต่สภำพควำมเสื่อมโทรมของทรัพยำกรธรรมชำติและคุณภำพส่ิงแวดลอ้ ม
ยงั คงอยู่ และในบำงประเภทกลบั อยูใ่ นภำวะที่วกิ ฤติมำกข้ึน แต่วิธีกำรจดั กำรหรือแกไ้ ขปัญหำยงั ไม่สำมำรถ
ดำเนินกำรไดท้ นั กบั สภำพปัญหำที่เกิดข้ึน ประเด็นปัญหำสำคญั ไดแ้ ก่ ปัญหำเก่ียวกบั ทรัพยำกรดินและ
กำรใช้ที่ดิน ทรัพยำกรป่ ำไม้ ทรัพยำกรน้ำ ขยะ ของเสียอนั ตรำย และมลพิษทำงน้ำ จึงควรท่ีจะได้มีกำร
พิจำรณำถึงแนวทำงกำรบริหำรจดั กำรทรัพยำกรธรรมชำติและส่ิงแวดลอ้ มของประเทศท่ีไดด้ ำเนินกำรมำนบั
จำกอดีตจนถึงปัจจุบนั และแนวทำงในอนำคตว่ำมุ่งไปสู่ควำมยงั่ ยืนหรือไม่ ประเด็นท่ีไดน้ ำมำพิจำรณำ
ประกอบดว้ ย องคก์ รและกฎหมำย วิธีกำรดำเนินกำรซ่ึงครอบคลุมถึงปัญหำท่ีเกิดข้ึนจำกกำรบริหำรจดั กำร
และแนวทำงกำรแกป้ ัญหำ (จนั ทนำ อินทปัญญำ, 2548)

จำกขอ้ มูลขำ้ งตน้ ผวู้ จิ ยั จึงเล็งเห็นวำ่ กำรกำรประเมินอรรถประโยชน์จะเขำ้ มำช่วยในกำรวเิ ครำะห์
รูปแบบกำรบริหำรจดั กำรเชิงนโยบำยเพื่อขบั เคล่ือนทรัพยำกรธรรมชำติและส่ิงแวดล้อมสู่ควำมยง่ั ยืน
ตำมแนวทำง PESTLE โดยผูว้ ิจยั ได้เลือกใช้กำรวิเครำะห์อรรถประโยชน์แบบพหุลักษณ์ เนื่องจำกกำร
วิเครำะห์อรรถประโยชน์แบบพหุ ลักษณ์ จะเข้ำมำเป็ นกลไกสำคัญในกำรมุ่งหำคำตอบในเร่ื อง
อรรถ ป ระ โยช น์ ขอ งรู ป แ บ บ ก ำรบ ริ ห ำรจัดก ำรเชิ งน โยบ ำยเพื่ อขับ เค ล่ื อน ท รัพ ยำก รธ รรม ช ำติ แ ล ะ
ส่ิงแวดลอ้ มสู่ควำมยง่ั ยืน ตำมแนวทำง PESTLE เป็ นแนวคิดสำหรับช่วยในกำรจดั ลำดบั ควำมสำคญั ของ
แต่ละทำงเลือก เพ่ือประโยชน์สูงสุดในกำรดำเนินงำน (สุ วิมล ว่องวำณิ ช, 2550) ด้วยเหตุน้ีผูว้ ิจัยมี
ควำมสนใจในกำรวิเครำะห์รูปแบบกำรบริหำรจดั กำรเชิงนโยบำยเพ่ือขบั เคล่ือนทรัพยำกรธรรมชำติและ
สิ่ งแวดล้อมสู่ ควำม ยั่งยืน ตำม แน วท ำง PESTLE ด้วยกำรศึกษ ำแน วท ำงกำรบ ริ ห ำรจัดกำร
ทรัพยำกรธรรมชำติและส่ิงแวดล้อมตำมแนวทำง PESTLE และเพ่ือนำทฤษฎีอรรถประโยชน์พหุลกั ษณ์
มำใช้ใน กำรจัดลำดับควำมสำคัญ ของรู ป แบบกำรบริ ห ำรจัดกำรเชิ งน โยบำยเพ่ือขับเคล่ื อน
ทรัพยำกรธรรมชำติและส่ิงแวดลอ้ มสู่ควำมยงั่ ยนื ตำมแนวทำง PESTLE

200 วารสารการเมือง การบริหาร และกฎหมาย ปี ที่ 12 ฉบับท่ี 2

CHAPTER 9

วตั ถุประสงค์

1. เพื่อศึกษำแนวทำงกำรบริหำรจัดกำร ทรัพยำกรธรรมชำติและส่ิงแวดล้อมตำมแนวทำง
PESTLE

2. เพ่ือนำทฤษฎีอรรถประโยชน์พหุลกั ษณ์มำใช้ในกำรจดั ลำดับควำมสำคญั ของรูปแบบกำร
บริหำรจดั กำรเชิงนโยบำยเพื่อขบั เคล่ือนทรัพยำกรธรรมชำติและส่ิงแวดลอ้ มสู่ควำมยง่ั ยืน ตำมแนวทำง
PESTLE

กรอบแนวคดิ การวจิ ัย

ขน้ั ท่ี 1 การสัมภาษณ์เชิงลกึ แนวทำงกำรบริหำรจดั กำร
ทรัพยำกรธรรมชำติและ
ศึกษำแนวทำงกำรบริหำรจดั กำร สิ่งแวดลอ้ มตำมแนวทำง
ทรัพยำกรธรรมชำติและสิ่งแวดลอ้ ม
PESTLE
ตำมแนวทำง PESTLE
รูปแบบกำรบริหำรจดั กำรเชิง
ขนั้ ท่ี 2 --ปปรระะเมเมินนิ ออรรรรถถปปรระะโยโยชชนน์ ์ นโยบำยเพื่อขบั เคล่ือน
พหุลักษณพ์หุลกั ษณ์ ทรัพยำกรธรรมชำติและ
นำทฤษฎอี รรถประโยชนพ์ หุลกั ษณ์มำใชใ้ นกำร - วิเคราะห์ลาดับชนั้ AHP ส่ิงแวดลอ้ มสู่ควำมยง่ั ยืน
นำจทดั ฤลษำดฎับีอครวรำถมปสำรคะญัโยขชอนงร์พูปหแบุลบกั กษำณรบม์ รำหิ ใำชรใ้ น - วเิ คราะห์ลาดบั ช้ัน AHP ตำมแนวทำง PESTLE
กำรจดจั ัดลกำำดรบั เชคงิ วนำโมยสบำำยคเญั พขื่อขอบังรเคูปลแื่อบนบกำร
ทรบัพรยิหำกำรธจรดั รกมำชรำเตชิแงลนะโสยิง่ บแำวยดเลพอ้ ่อื มขสบัูค่ วเคำมลยื่อง่ันยนื

ทรัพยำกรตธำมรแรนมวชทำำตงิแPลEะSสTิ่งLแEวดลอ้ มสู่
ควำมยงั่ ยนื ตำมแนวทำง PESTLE

ภาพที่ 1 กรอบแนวคิดของกำรวจิ ยั

คณะรัฐศาสตร์และนติ ศิ าสตร์ มหาวทิ ยาลยั บูรพา 201

ธีระวฒั น์ จนั ทกึ / กนกอร เนตรชู/ ดารงพล แสงมณ/ี พรเทพ นามกร/ จฑุ ามาศ พรหมอนิ ทร์

วธิ กี ารศึกษา

ส่วนท่ี 1 การสัมภาษณ์เชิงลกึ
ผ้ใู ห้ข้อมูลหลกั
กำรดำเนินกำรสมั ภำษณ์เชิงลึกกบั นกั วิชำกำร ผเู้ ช่ียวชำญ และอำจำรยม์ หำวทิ ยำลยั ท่ีมีควำมรู้

ควำมเช่ียวชำญดำ้ นกำรบริหำรจดั กำร ทรัพยำกรธรรมชำติและสิ่งแวดลอ้ ม จำนวน 17 คน ท้งั น้ีผูว้ ิจยั เห็นวำ่
จำนวนผูเ้ ชี่ยวชำญน้ันมีควำมเหมำะสมและสอดคล้องไปตำมเกณฑ์ที่สอดคล้องกับแนวคิดของโทมัส
ที แมคมิลแลน (Thomas T. Macmillan, 1971) ที่มีขอ้ เสนอวำ่ หำกกลุ่มผเู้ ช่ียวชำญมีจำนวนต้งั แต่ 17 คนเป็ น
ตน้ ไป เป็ นระดบั ท่ีให้ผลของอตั รำกำรลดลงของค่ำควำมคลำดเคล่ือน (Error) น้อยที่สุด และคงที่ที่ระดบั
0.02

เครื่องมือทใี่ ช้ในการวจิ ัย
1) แนวคาถาม ท่ีผู้วิจัยสร้ำงข้ึน เป็ นคำถำมปลำยเปิ ด (Open-ended) สร้ำงข้ึนจำก

วตั ถุประสงคแ์ ละแนวคิดท่ีกำรวจิ ยั ตอ้ งกำรศึกษำเกี่ยวกบั เกี่ยวกบั กำรจดั ลำดบั ควำมสำคญั ของรูปแบบกำร
บริหำรจดั กำรทรัพยำกรธรรมชำติและสิ่งแวดลอ้ มสู่ควำมยงั่ ยนื โดยคำถำมสำมำรถยดื หยนุ่ ตำมสถำนกำรณ์
ในกำรสัมภำษณ์ เพื่อสร้ำงสัมพนั ธภำพ อนั จะช่วยให้กำรเก็บขอ้ มูลเป็ นไปอย่ำงรำบรื่น และท่ีสำคญั คือ
จะทำให้ผูใ้ ห้ขอ้ มูลถ่ำยทอดขอ้ มูลได้อย่ำงครบถว้ นและเป็ นจริงมำกท่ีสุด แบ่งเป็ น 3 ส่วน ได้แก่ ข้นั เริ่ม
สนทนำ ข้นั เขำ้ สู่ประเดน็ ที่จะศึกษำ และข้นั ปิ ดสนทนำ

2) เคร่ืองอดั เสียง เป็ นเคร่ืองมือประกอบกำรสัมภำษณ์ เป็ นเครื่องมือท่ีช่วยบนั ทึกขอ้ มูลที่
ผูว้ ิจยั จดบนั ทึกไม่ทนั เพื่อควำมละเอียดมำกข้ึน ก่อนทำกำรบนั ทึกเสียงทุกคร้ัง ผูว้ ิจยั ไดข้ ออนุญำตผูถ้ ูก
สัมภำษณ์ก่อน จำกน้นั จึงถอดเทปสนทนำระหว่ำงกำรสัมภำษณ์เพื่อนำมำเป็ นขอ้ มูลในกำรวิเครำะห์และ
นำเสนอขอ้ มูล

3) ปากกาและสมุดจดบันทึก เป็ นเครื่องมือประกอบกำรสัมภำษณ์ เป็ นเคร่ืองมือที่ช่วย
บนั ทึกขอ้ มูลระหวำ่ งกำรสัมภำษณ์เชิงลึก

การเกบ็ รวบรวมข้อมูล
หลงั จำกมีกำรสร้ำงแนวคำถำมเสร็จสิ้นตรงตำมวตั ถุประสงคก์ ำรวจิ ยั คณะผวู้ ิจยั ไดด้ ำเนินกำร
นดั หมำยผใู้ ห้ขอ้ มูลเป็ นรำยคนเพ่ือดำเนินกำรเก็บขอ้ มูลภำคสนำมโดยข้นั ตอนกำรเก็บรวบรวมขอ้ มูลผวู้ ิจยั
เลือกใช้กำรสัมภำษณ์เชิงลึก (In-depth Interview) โดยใช้เป็ นประเด็นคำถำมแบบก่ึงโครงสร้ำง (Semi -
structure interview) เพ่ือให้ได้ข้อมูลครบถ้วนตรงตำมวตั ถุประสงค์กำรวิจยั และใช้กำรสัมภำษณ์แบบ
เจำะลึก (In - depth Interview) โดยที่ผถู้ ูกสัมภำษณ์สำมำรถตอบคำถำมไดอ้ ยำ่ งเปิ ดกวำ้ งไม่จำกดั คำตอบเพื่อ
เปิ ดโอกำสให้ผูถ้ ูกสัมภำษณ์ได้ถ่ำยทอดควำมรู้ได้อย่ำงเต็มที่ครบถ้วนและเป็ นจริงมำกท่ีสุด (สุภำงค์
จนั ทวำนิช, 2552, หนำ้ 77)

202 วารสารการเมือง การบริหาร และกฎหมาย ปี ท่ี 12 ฉบบั ท่ี 2

CHAPTER 9

การตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลเชิงคุณภาพ
เมื่อไดข้ อ้ มูลแลว้ ไดท้ ำกำรตรวจสอบขอ้ มูลแบบ triangulation หรือที่ Denzin (1978, p. 390)
เรียกว่ำ กำรตรวจสอบขอ้ มูลแบบสำมเส้ำเป็ นกำรใช้กระบวนวิธีที่หลำกหลำย (The Multiple - Method
Approach) ในกำรตรวจสอบและวิเครำะห์ขอ้ มูลประกอบด้วย 1) กำรตรวจสอบสำมเส้ำด้ำนขอ้ มูล (Data
Triangulation) โดยกำรพิสูจน์วำ่ ขอ้ มูลท่ีไดม้ ำน้นั ถูกตอ้ งหรือไม่ วธิ ีกำรตรวจสอบ คือ กำรตรวจสอบแหล่ง
ของขอ้ มูล ไดแ้ ก่ แหล่งเวลำแหล่งสถำนท่ีและแหล่งบุคคล 2) กำรตรวจสอบสำมเส้ำดำ้ นทฤษฎี (Theory
Triangulation) และ 3) กำรตรวจสอบสำมเส้ำดำ้ นวธิ ีกำรรวบรวมขอ้ มูล (Methodological Triangulation)
การวเิ คราะห์ข้อมูล
กระบวนกำรวิเครำะห์ขอ้ มูลในงำนวจิ ยั เชิงคุณภำพน้นั ผูว้ ิจยั ไดศ้ ึกษำและนำกระบวนกำรวิธี
วิเครำะห์ขอ้ มูลงำนวจิ ยั เชิงคุณภำพ คือกำรวเิ ครำะห์ขอ้ มูลจะเริ่มตน้ ต้งั แต่เร่ิมกำรวิจยั และดำเนินไปเรื่อย ๆ
จนสิ้นสุดกำรวจิ ยั กำรวิเครำะห์ขอ้ มูลเป็ นกระบวนกำรต่อเน่ืองและลบั ประเด็นกำรวิจยั ให้แหลมคมซ่ึงก็คือ
กำรถกกนั ของสำมมุมใน “วงลอ้ แห่งควำมรู้” คือประเด็นหรือคำถำมกำรวิจยั (Research Question) แนวคิด
ทฤษฏี (Concept & Theory) และขอ้ มูลหรือสิ่งที่คน้ พบ (Data & Finding)
การประเมินอรรถประโยชน์พหุลกั ษณ์
กำรวิจยั น้ีเป็ นกำรประเมินอรรถประโยชน์พหุลักษณ์ของรูปแบบกำรบริหำรจดั กำรเชิง
นโยบำยเพื่อขบั เคลื่อนทรัพยำกรธรรมชำติและสิ่งแวดลอ้ มสู่ควำมยงั่ ยืน ตำมแนวทำง PESTLE โดยมีแนว
ทำงกำรกำรวเิ ครำะห์อรรถประโยชนแ์ บบพหุลกั ษณ์ ดงั น้ี
1. ผปู้ ระเมินและกำรคดั เลือก
คือ นักวิชำกำร ผูเ้ ชี่ยวชำญ และอำจำรยม์ หำวิทยำลยั ท่ีมีควำมรู้ควำมเชี่ยวชำญด้ำนกำรบริหำร
จดั กำร ทรัพยำกรธรรมชำติและส่ิงแวดลอ้ ม จำนวน 17 คน โดยเกณฑ์ในกำรคดั เลือกคือจะตอ้ งเป็ นนักวิชำกำร
ผเู้ช่ียวชำญ และอำจำรยม์ หำวิทยำลยั ที่มีประสบกำรณ์ในกำรทำวสิ ำหกิจชุมชนมำไม่นอ้ ยกวำ่ 5 ปี
2. กำรพฒั นำเครื่องมือท่ีใชใ้ นกำรวจิ ยั
เป็ นกำรพฒั นำเคร่ืองมือท่ีใชใ้ นกำรวิจยั ในข้นั ตอนของกำรประเมินอรรถประโยชน์พหุลกั ษณ์
รูปแบบกำรบริหำรจดั กำรเชิงนโยบำยเพื่อขบั เคลื่อนทรัพยำกรธรรมชำติและสิ่งแวดล้อมสู่ควำมยงั่ ยืน
ตำมแนวทำง PESTLE คือ แบบประเมินอรรถประโยชนพ์ หุลกั ษณ์ของรูปแบบกำรบริหำรจดั กำรเชิงนโยบำย
เพอ่ื ขบั เคลื่อนทรัพยำกรธรรมชำติและสิ่งแวดลอ้ มสู่ควำมยง่ั ยนื ตำมแนวทำง PESTLE
3. กำรวิเครำะห์ขอ้ มูลจำกกำรนำแบบประเมินอรรถประโยชน์พหุลกั ษณ์รูปแบบกำรบริหำร
จดั กำรเชิงนโยบำยเพื่อขบั เคล่ือนทรัพยำกรธรรมชำติและส่ิงแวดลอ้ มสู่ควำมยงั่ ยืน ตำมแนวทำง PESTLE

คณะรัฐศาสตร์และนติ ศิ าสตร์ มหาวทิ ยาลยั บูรพา 203

ธีระวฒั น์ จนั ทกึ / กนกอร เนตรชู/ ดารงพล แสงมณ/ี พรเทพ นามกร/ จฑุ ามาศ พรหมอนิ ทร์

ใชก้ ำรคำนวณค่ำอรรถประโยชน์รวมของกำรดำเนินงำนแต่ละรูปแบบของวสิ ำหกิจชุมชน โดยใชส้ มกำรใน
กำรคำนวณ คือ (Posavac & Carey, 1980, p. 96)

∪i = ∑
โดยท่ี

∪i หมำยถึง ค่ำของอรรถประโยชน์รวมของรูปแบบกำรบริหำรจดั กำรเชิงนโยบำยเพื่อ
หมำยถึง ขบั เคล่ือนทรัพยำกรธรรมชำติและส่ิงแวดลอ้ มสู่ควำมยง่ั ยนื ตำมแนวทำง
หมำยถึง PESTLE
น้ำหนกั ควำมสำคญั เฉลี่ยของคุณลกั ษณะรองท่ีใชใ้ นกำรเลือกรูปแบบกำร
∑ หมำยถึง บริ หำรจัดกำรเชิงนโยบำยเพื่อขับเคลื่อนทรัพยำกรธรรมชำติและ
ส่ิงแวดลอ้ มสู่ควำมยงั่ ยนื ตำมแนวทำง PESTLE
อรรถประโยชน์ (ค่ำควำมน่ำจะเป็ น) เฉล่ียของรูปแบบกำรบริหำรจดั กำร
เชิงนโยบำยเพื่อขับเคลื่อนทรัพยำกรธรรมชำติและสิ่ งแวดล้อมสู่
ควำมยง่ั ยืน ตำมแนวทำง PESTLE เม่ือพิจำรณำตำมคุณลกั ษณะที่ใช้ใน
กำรเลือกรูปแบบกำรดำเนินงำน (สุวมิ ล วอ่ งวำนิช, 2550)
= 100

4. สรุปค่ำอรรถประโยชน์รวมท่ีไดจ้ ำกกำรคำนวณเพื่อพิจำรณำละดบั ควำมสำคญั ของรูปแบบกำร
บริหำรจดั กำรเชิงนโยบำยเพ่ือขบั เคล่ือนทรัพยำกรธรรมชำติและสิ่งแวดล้อมสู่ควำมยงั่ ยืน ตำมแนวทำง
PESTLE โดยใชอ้ รรถประโยชน์รวมเป็ นเกณฑใ์ นกำรพิจำรณำ

204 วารสารการเมือง การบริหาร และกฎหมาย ปี ท่ี 12 ฉบับท่ี 2

CHAPTER 9

จำกกำรดำเนินกำรศึกษำสำมำรถแสดงเป็ นแผนภำพแสดงควำมเชื่อมโยงของกำรวิจยั ได้ดัง
ภำพที่ 2

เร่ิมตน้

ศึกษำแนวคิด ทฤษฏี และงำนวจิ ยั ท่ีเกี่ยวขอ้ ง

สมั ภำษณ์เชิงลึกเกี่ยวกบั กำรบริหำรจดั กำร ทรัพยำกรธรรมชำติและ
ส่ิงแวดลอ้ มตำมแนวทำง PESTLE

สงั เครำะห์ขอ้ มลู ปฏิเสธ

ลำดบั ควำมสำคญั ของรูปแบบกำรบริหำรจดั กำรทรัพยำกรธรรมชำติและ
ส่ิงแวดลอ้ มสู่ควำมยงั่ ยนื

สงั เครำะห์ขอ้ มูล ปฏิเสธ

ยอมรับ

อรรถประโยชนข์ องกำรดำเนินงำนตำมรูปแบบกำรบริหำรจดั กำร
ทรัพยำกรธรรมชำติและส่ิงแวดลอ้ มสู่ควำมยง่ั ยนื
ยอมรับ

สิ้นสุด

ภาพที่ 2 Flow chart แสดงข้นั ตอนกำรดำเนินงำน

การประยุกต์เทคนิคกระบวนการตัดสินใจแบบวิเคราะห์ลาดับช้ัน (Analysis Hierarchy Process:
AHP)

สำหรับกำรวิเครำะห์ขอ้ มูลในส่วนน้ี ผูว้ ิจยั ไดใ้ ชก้ ำรประยุกต์เทคนิคกระบวนกำรตดั สินใจแบบ
วเิ ครำะห์ลำดบั ช้นั (Analysis Hierarchy Process: AHP) วิธี AHP ประกอบดว้ ย (André Andrade Longaray et
al., 2015) ข้ันที่ 1 วำงกรอบของปัญหำให้ตรงประเด็น รวมถึงหำเกณฑ์กำรตัดสินใจและทำงเลือกท่ี

คณะรัฐศาสตร์และนติ ศิ าสตร์ มหาวทิ ยาลยั บูรพา 205

ธีระวฒั น์ จนั ทกึ / กนกอร เนตรชู/ ดารงพล แสงมณ/ี พรเทพ นามกร/ จุฑามาศ พรหมอนิ ทร์

เหมำะสมอย่ำงมีสติเพ่ือไม่ให้เกิดควำมลำเอียงในกำรวินิจฉัย ข้นั ที่ 2 วำงโครงสร้ำงของแผนภูมิตำม
องคป์ ระกอบที่ไดม้ ำในข้นั ที่ 1 ภำยใตว้ ธิ ีกำรใหค้ วำมคิดเห็นของผเู้ ช่ียวชำญ ข้นั ที่ 3 กำรสร้ำงตำรำงเมตริกซ์
เพื่อวนิ ิจฉยั เปรียบเทียบปัจจยั ต่ำง ๆ เป็ นคู่ ๆ ภำยใตห้ ลกั กำรที่วำ่ กลยทุ ธ์แต่ละกลยทุ ธ์น้นั ข้นั ที่ 4 หำผลกำร
วนิ ิจฉยั เปรียบเทียบท้งั หมดจำกชุดของตำรำงเมตริกซ์ในข้นั ตอนที่ 3 ขำ้ งตน้ ถำ้ มีผูร้ ่วมกำรวินิจฉยั หลำยคน
ควำมรับผิดชอบของแต่ละคนน้ันจะถูกกำหนดให้เหมำะสมกับควำมสำมำรถของแต่ละบุคคล ข้นั ท่ี 5
หลงั จำกท่ีใส่ขอ้ มูลตวั เลขของกำรวินิจฉัยเปรียบเทียบท้งั หมดลงในตำรำงเมตริกซ์แลว้ จึงคำนวณหำลำดบั
ควำมสำคญั และทดสอบควำมสอดคลอ้ งของกำรวินิจฉยั ข้นั ท่ี 6 ดำเนินกำรตำมข้นั ตอนท่ี 3, 4 และ 5 สำหรับ
เกณฑ์ในแต่ละระดับช้ันและแต่ละชุดของแผนภูมิ ข้ันท่ี 7 สังเครำะห์องค์ประกอบท้ังหมดของแผนภูมิ
โดยนำเอำลำดบั ควำมสำคญั ของเกณฑ์ในระดบั ล่ำงมำถ่วงน้ำหนกั กบั ลำดบั ควำมสำคญั ของเกณฑท์ ่ีอยรู่ ะดบั
ถดั ข้ึนไป และนำผลรวมของคำ่ ท่ีไดม้ ำหำคำ่ ลำดบั ควำมสำคญั ทว่ั ท้งั แผนภูมิ ทำเช่นน้ีจนถึงระดบั ช้นั ล่ำงสุด
ซ่ึงโดยปกติจะเป็ นทำงเลือก และข้นั ท่ี 8 คำนวณหำค่ำควำมสอดคลอ้ ง เพื่อทดสอบวำ่ กำรวินิจฉยั ทว่ั ท้งั แผนภูมิ
สมเหตุสมผลหรือไม่ ค่ำควำมสอดคลอ้ งของแผนภูมิไม่ควรเกินเพดำน 10% ถำ้ เกิน 10% ก็หมำยควำมวำ่ คุณภำพ
ของข้อมูลมีน้อย ต้องได้รับกำรแก้ไขปรับปรุงโดยกำรทบทวนกรอบของคำถำมที่ถูกใช้ในกำรทำกำร
เปรียบเทียบ

การตรวจสอบความสอดคล้องของข้อมูล (Consistency)
เพื่อให้เกิดควำมเขำ้ ใจในเรื่องของควำมสอดคลอ้ งของขอ้ มูล ขอแสดงตวั อยำ่ งง่ำย ๆ เพื่อใหเ้ กิด
ควำมเขำ้ ใจในเรื่องของควำมสอดคลอ้ ง เช่น วเิ ครำะห์เปรียบเทียบวำ่ A มีควำมสำคญั มำกกวำ่ B 2 เท่ำ และ
B มีควำมสำคญั มำกกวำ่ C 4 เท่ำ ดงั น้นั A ควรมีควำมสำคญั กวำ่ C 8 เท่ำแต่ถำ้ วิเครำะห์วำ่ A มีควำมสำคญั
มำกกว่ำ C 2 เท่ำ นนั่ หมำยถึงกำรวิเครำะห์ในตวั อยำ่ งน้ีไม่มีควำมสอดคลอ้ งกนั ซ่ึงบำงคร้ังกำรวิเครำะห์
อำจไม่มีควำมสอดคลอ้ งของขอ้ มูลเกิดข้ึนได้ กำรแก้ไขก็คือทบทวนกระบวนกำรใหม่เพื่อให้ได้ผลกำร
วเิ ครำะห์ออกมำมีควำมสอดคลอ้ งกนั อยใู่ นระดบั ท่ียอมรับได้
ควำมสอดคลอ้ งของขอ้ มูลจะตอ้ งตรวจสอบจำกค่ำสดั ส่วนควำมสอดคลอ้ ง (Consistency Ratio,
CR) วำ่ ยอมรับไดห้ รือไมส่ ัดส่วนควำมสอดคลอ้ ง (Consistency Ratio)

C.R. = . .(จำกกำรคำนวณ)
. .(จำกกำรสุ่มตวั อยำ่ ง)

เพ่ือที่จะหำอตั รำส่วนควำมสอดคลอ้ ง CR ตอ้ งนำผลลพั ธ์ CI ท่ีไดม้ ำเปรียบเทียบค่ำ RI ท่ีไดม้ ำ
จำกกำรสุ่มตวั อยำ่ งของตำรำงเมตริกซ์จำนวนมำก ดงั น้ี

206 วารสารการเมือง การบริหาร และกฎหมาย ปี ที่ 12 ฉบบั ท่ี 2

CHAPTER 9

ตารางท่ี 1 แสดงคำ่ RI ท่ีไดจ้ ำกกำรสุ่มตวั อยำ่ ง

ขนำดของตำรำงเมตริกซ์ 1 23456789

คำ่ RI จำกกำรสุ่มตวั อยำ่ ง 0.00 0.00 0.52 0.90 1.12 1.26 1.32 1.41 1.45

ที่มำ: A.R. Hadadian & Ali Rasoulian (2017)

โดยคำ่ สดั ส่วนควำมสอดคลอ้ ง (CR) น้ีไม่ควรเกิน 10% สำหรับกำรวนิ ิจฉยั ของเกณฑ์ท่ีมีเกินกวำ่

5 เกณฑ์ ไม่ควรเกิน 9% สำหรับ 4 เกณฑ์ และไม่ควรเกิน 5% สำหรับ 3 เกณฑ์ หำกค่ำควำมสอดคล้อง

สูงกวำ่ ที่ยอมรับไดต้ อ้ งมีกำรวิเครำะห์เปรียบเทียบใหม่อีกคร้ังหน่ึง โดยสำมำรถแสดงตวั อยำ่ งกำรคำนวณได้

ดงั น้ี

ดงั น้นั ∑D
N

C.I. = ( max-n)
(n-1)

และลำดบั สุดทำ้ ยเป็นกำรตรวจสอบควำมสอดคลอ้ งกนั (Consistency Ration : C.R.)
C.I.
จำกสูตร C.R. = R.I.

ผลการศึกษา

กำรวิเครำะห์รูปแบบกำรบริหำรจดั กำรเชิงนโยบำยเพ่ือขับเคลื่อนทรัพยำกรธรรมชำติและ
ส่ิ งแวดล้อมสู่ ควำมยงั่ ยืน ตำมแนวทำง PESTLE จำกผลกำรศึกษำข้อมูลพบว่ำ กำรบริ หำรจัดกำร
ทรัพยำกรธรรมชำติและสิ่งแวดล้อมตำมแนวทำง PESTLE ประกอบด้วย สถำนกำรณ์ทำงกำรเมือง
เศรษฐกิจ สังคม เทคโนโลยี กฎหมำย และปัจจัยด้ำนสิ่ งแวดล้อม เม่ือพิจำรณำเป็ นรำยด้ำน พบว่ำ
1) ดำ้ นสถำนกำรณ์ทำงกำรเมือง ประเทศไทยเกิดเหตุกำรณ์ไม่สงบทำงกำรเมืองทำให้กำรบริหำรจดั กำร
ประเทศมีกฎหมำยพิเศษที่ช่วยใหก้ ำรบริหำรรำชกำรแผน่ ดินท่ีทำไดอ้ ยำ่ งรวดเร็ว เดด็ ขำดทำใหภ้ ำพรวมกำร
ใชก้ ฎหมำยทำงดำ้ นสิ่งแวดลอ้ มมีควำมเขม้ แข็งมำกข้ึน 2) ดำ้ นเศรษฐกิจ ฐำนเศรษฐกิจพฒั นำกวำ้ งขวำงข้ึน
ทำใหป้ ระชำกรวยั แรงงำนมีงำนทำเพิ่มข้ึน ปัญหำควำมยำกจนลดลงมีคุณภำพชีวติ ดีข้ึน โครงสร้ำงกำรผลิต
ไทยเปลี่ยนผ่ำนจำกภำคเกษตรและอุตสำหกรรมไปสู่บริกำรมำกข้ึน มีสัดส่วนภำคบริกำรต่อผลิตภณั ฑ์
มวลรวมภำยในประเทศสูงสุด เปิ ดโอกำสให้ประเทศกำ้ วสู่ควำมเป็ นชำติกำรคำ้ และบริกำร 3) ปัจจยั ด้ำน
สังคม ศกั ยภำพและระดบั คุณภำพชีวติ ของคนไทยยงั ต่ำกวำ่ เป้ำหมำยแมว้ ำ่ คนไทยจะมีกำรศึกษำเพ่ิมสูงข้ึน
มีสุขภำวะดีข้ึน ในอนำคตน้นั มีแนวโนม้ ท่ีจะมีควำมเสี่ยงมำกข้ึน ท่ำมกลำงกำรเปลี่ยนแปลงดำ้ นเทคโนโลยี

คณะรัฐศาสตร์และนติ ศิ าสตร์ มหาวทิ ยาลยั บูรพา 207

ธีระวฒั น์ จนั ทกึ / กนกอร เนตรชู/ ดารงพล แสงมณ/ี พรเทพ นามกร/ จฑุ ามาศ พรหมอนิ ทร์

ท่ีรวดเร็วในทุกดำ้ น ควำมเหลื่อมล้ำมีควำมรุนแรงมำกข้ึน แต่ในดำ้ นกำรพฒั นำชุมชนซ่ึงเป็ นจุดเนน้ สำคญั
มำตลอดส่งผลให้ชุมชนมีควำมเขม้ แข็งมำกข้ึนมีกำรรวมกลุ่มเชื่อมโยงเป็ นเครือข่ำยเพื่อทำกิจกรรมท้งั ดำ้ น
เศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดลอ้ ม เพื่อแกป้ ัญหำและสนองตอบควำมตอ้ งกำรของชุมชนไดด้ ีข้ึน 4) ปัจจยั ดำ้ น
เทคโนโลยี พบวำ่ เทคโนโลยีมีส่วนสำคญั ในกำรแกป้ ัญหำกำรลดลงของทรัพยำกรต่ำง ๆ รวมถึงกำรพฒั นำ
เทคโนโลยีทำงพลงั งำนให้สะอำดเพื่อลดกำรปล่อยก๊ำซเรือนกระจก 5) ปัจจยั ดำ้ นกฎหมำย ประเทศไทยมี
กฎหมำยคุม้ ครองสิ่งแวดล้อมมำก่อนพระรำชบญั ญัติส่งเสริมและรักษำคุณภำพสิ่งแวดล้อม พ.ศ. 2535
จดั เป็ นกฎหมำยแม่บทในกำรจดั กำรส่ิงแวดลอ้ ม นอกจำกน้ี ยงั ไดร้ ับเอำหลกั กำรทำงเศรษฐศำสตร์ทำงดำ้ น
กำรจดั กำรสิ่งแวดล้อม เช่น หลักผูก้ ่อมลพิษต้องจ่ำย (Polluter Pays Principle) และกำรมีส่วนร่วมของ
ประชำชน ในกำรรักษำส่ิงแวดลอ้ มมำบญั ญตั ิไว้ และ 6) ปัจจยั ดำ้ นส่ิงแวดลอ้ ม พบวำ่ ปัญหำสำคญั ของ
ประเทศไทยในดำ้ นทรัพยำกรธรรมชำติและสิ่งแวดลอ้ ม ไดแ้ ก่ พ้ืนท่ีป่ ำไมล้ ดลง ทรัพยำกรดินเส่ือมโทรม
ทำให้ควำมหลำกหลำยทำงชีวภำพถูกคุกคำม ระบบนิเวศชำยฝ่ังถูกทำลำย และทรัพยำกรน้ำยงั มีส่วนท่ี
ไม่สำมำรถจดั สรรไดต้ ำมควำมตอ้ งกำร ปัญหำส่ิงแวดลอ้ มเพิ่มสูงข้ึนตำมกำรขยำยตวั ของเศรษฐกิจและ
ชุมชนเมือง

แล ะเมื่ อน ำทฤ ษฎี อรรถป ระโยชน์ พ หุ ลักษ ณ์ มำใช้ใน กำรจัดลำดับ ควำม ส ำคัญของรู ป แบ บ
กำรบริหำรจดั กำรทรัพยำกรธรรมชำติและสิ่งแวดลอ้ มสู่ควำมยง่ั ยืน ผลกำรวิเครำะห์ น้ำหนักควำมสำคญั
ของรูปแบบกำรบริหำรจดั กำรทรัพยำกรธรรมชำติและส่ิงแวดล้อมสู่ควำมยง่ั ยืน สำมำรถพิจำรณำได้
ดงั ตำรำงท่ี 2

208 วารสารการเมือง การบริหาร และกฎหมาย ปี ที่ 12 ฉบับที่ 2

CHAPTER 9

ตารางท่ี 2 ผลกำรวิเครำะห์อรรถประโยชน์ของรูปแบบกำรบริหำรจัดกำรทรัพยำกรธรรมชำติและ
ส่ิงแวดลอ้ มสู่ควำมยง่ั ยนื

การดาเนนิ งานตาม

ด้านการปรับปรุง ข้อเสนอการปฏริ ูป การส่งเสริมความรู้
กฎหมาย
ประเทศด้าน ความเข้าใจให้กบั

ทรัพยากรธรรมชาตแิ ละ ประชาชน

รูปแบบการดาเนินงาน นา้ หนัก ส่ิงแวดล้อม ควำม
ควำม

ควำมน่ำ น่ำจะ ควำมน่ำ ควำมน่ำจะ ควำม น่ำจะ
จะเป็ น เป็ น จะเป็ น เป็ น น่ำจะ เป็ น
X เป็ น X
X น้ำหนกั

น้ำหนกั น้ำหนกั

1) ด้ำนสถำนกำรณ์ทำงกำรเมือง ทำให้

ภำพ รวมกำรใช้กฎห มำยทำงด้ำน

ส่ิงแวดลอ้ มมีควำมเขม้ แขง็ มำกข้ึน 10.00 0.500 5.00 0.400 4.00 0.200 2.00

2) ด้ำนเศรษฐกิจ ฐำนเศรษฐกิจพฒั นำ

กวำ้ งขวำงข้ึน 11.60 0.350 4.06 0.210 2.44 0.241 2.80

3) ปั จจัยด้ำน สังคม แก้ปั ญ ห ำแล ะ

สนองตอบควำมตอ้ งกำรของชุมชนไดด้ ี

ข้ึน 14.50 0.331 4.80 0.290 4.21 0.250 3.63

4) ปั จจัยด้ำน เท ค โน โล ยี มี ก ำรใช้

เท ค โน โล ยีใน ก ำรแก้ปั ญ หำก ำรล ดล ง

ของทรัพยำกรต่ำง ๆ ไดด้ ีข้ึน 13.90 0.221 3.07 0.282 3.92 0.150 2.09

5) ปัจจยั ดำ้ นกฎหมำย มีกำรนำหลกั กำร

ทำงเศรษฐศำสตร์ทำงด้ำนกำรจัดกำร

สิ่งแวดลอ้ ม เช่นหลกั ผกู้ ่อมลพษิ ตอ้ งจำ่ ย

(Polluter Pays Principle) แ ล ะ ก ำ ร มี

ส่วนร่วมของประชำชน ในกำรรักษำ

ส่ิงแวดลอ้ มมำบญั ญตั ิไว้ 20.00 0.605 12.10 0.218 4.36 0.232 4.64

คณะรัฐศาสตร์และนิตศิ าสตร์ มหาวทิ ยาลยั บูรพา 209

ธีระวฒั น์ จนั ทกึ / กนกอร เนตรชู/ ดารงพล แสงมณ/ี พรเทพ นามกร/ จฑุ ามาศ พรหมอนิ ทร์

ตารางที่ 2 (ตอ่ )

ด้านการปรับปรุง การดาเนนิ งานตาม การส่ งเสริมความรู้
กฎหมาย ข้อเสนอการปฏริ ูป ความเข้าใจให้กบั

รูปแบบการดาเนินงาน นา้ หนัก ประเทศด้าน ประชาชน
ทรัพยากรธรรมชาติและ
6) ปั จจัยด้ำนส่ิ งแวดล้อม ส ำมำรถ 30.00 ควำม
แกป้ ัญหำสำคญั ของประเทศไทยในดำ้ น 100.00 ส่ิงแวดล้อม ควำม น่ำจะ
ทรัพยำกรธรรมชำติและสิ่ งแวดล้อม น่ำจะ เป็น
ไดด้ ีข้ึน ควำมน่ำ ควำม ควำมน่ำ ควำมน่ำจะ เป็น X
รวม จะเป็ น น่ำจะ จะเป็ น เป็ น
ลาดบั ท่ี เป็ น น้ำหนกั
X X น้ำหนกั
น้ำหนกั 0.263 7.89
23.04
0.677 20.31 0.290 8.70 3
49.34 27.62
1 2

จำกตำรำงที่ 2 พบวำ่ น้ำหนกั ควำมสำคญั ของรูปแบบกำรบริหำรจดั กำรทรัพยำกรธรรมชำติและ
สิ่งแวดลอ้ มสู่ควำมยงั่ ยนื ดำ้ นกำรปรับปรุงกฎหมำยที่มีควำมขดั แยง้ และทำให้เกิดช่องวำ่ ง หรืออุปสรรคใน
กำรดำเนินงำน มีค่ำมำกท่ีสุ ด รองลงมำคือ กำรดำเนิ นงำนตำมข้อเสนอกำรปฏิรู ปประเทศด้ำน

ทรัพยำกรธรรมชำติและสิ่งแวดลอ้ มและกำรส่งเสริมควำมรู้ควำมเขำ้ ใจให้กบั ประชำชน โดยมีค่ำน้ำหนัก
ควำมสำคญั เทำ่ กบั 49.34, 27.62 และ 23.04 ตำมลำดบั

และสำมำรถสรุปเป็ นอรรถประโยชน์ (ค่ำควำมน่ำจะเป็ น) เฉล่ียของรูปแบบกำรบริหำรจดั กำร

ทรัพยำกรธรรมชำติและสิ่งแวดล้อมสู่ควำมยง่ั ยืนเม่ือพิจำรณำตำมคุณลกั ษณะท่ีใช้ในกำรเลือกรูปแบบ
กำรบริหำรจดั กำรทรัพยำกรธรรมชำติและส่ิงแวดลอ้ มสู่ควำมยง่ั ยนื ไดด้ งั น้ี

∪i = ∑
โดยท่ี
ดำ้ นกำรปรับปรุงกฎหมำย = 5.00 + 4.06 + 4.80 + 3.07 + 12.10 + 20.31 = 49.34
กำรดำเนินงำนตำมขอ้ เสนอกำรปฏิรูปประเทศดำ้ นทรัพยำกรธรรมชำติและส่ิงแวดลอ้ ม =
4.00 + 2.44 + 4.21 + 3.92 + 4.36 + 8.70= 27.62

210 วารสารการเมือง การบริหาร และกฎหมาย ปี ท่ี 12 ฉบบั ท่ี 2

CHAPTER 9

= 23.04 กำรส่งเสริมควำมรู้ควำมเขำ้ ใจใหก้ บั ประชำชน = 2.00 + 2.80 + 3.63 + 2.09 + 4.64 + 7.89
∪i = 49.34 + 27.62+ 23.04 = 100.00

กระบวนการตดั สินใจแบบวเิ คราะห์ลาดับข้นั (Analysis Hierarchy Process: AHP)

สรุปผลกำรวเิ ครำะห์น้ำหนกั ของ องคป์ ระกอบของรูปแบบกำรบริหำรจดั กำรทรัพยำกรธรรมชำติ
และสิ่งแวดล้อมสู่ควำมยง่ั ยืน โดยกระบวนกำรลำดับช้ันเชิงวิเครำะห์ (AHP) เพ่ือเปรียบเทียบหำลำดับ
ควำมสำคญั และหำค่ำถ่วงน้ำหนกั แตล่ ะองคป์ ระกอบของรูปแบบกำรบริหำรจดั กำรทรัพยำกรธรรมชำติและ
ส่ิงแวดล้อมสู่ควำมยงั่ ยืน ผลดชั นีควำมสอดคล้องและค่ำอตั รำส่วนควำมสอดคล้องของรูปแบบ และ
องคป์ ระกอบของรูปแบบ สรุปไดด้ งั ตำรำงท่ี 3

ตารางที่ 3 ผลกำรวิเครำะห์ค่ำน้ำหนกั องคป์ ระกอบของรูปแบบกำรบริหำรจดั กำรทรัพยำกรธรรมชำติและ
ส่ิงแวดลอ้ มสู่ควำมยงั่ ยนื

วตั ถุประสงค์ รูปแบบ องค์ประกอบ ค่า ผลคูณ ค่า vector ใช้
ของรูปแบบ Eigenvector เมตริกซ์ สาหรับเข้าสูตร

คานวณค่า

A1

รูปแบบการบริหาร ดำ้ นกำรปรับปรุง A2 0.49 2.79 5.72
จัดการ กฎหมำย A3 0.24 1.32 5.58
A4 0.14 0.73 5.23
ทรัพยากรธรรมชาติ กำรดำเนินงำนตำม A5 0.08 0.42 5.02
และส่ิงแวดล้อมสู่ ขอ้ เสนอกำรปฏิรูป B1 0.05 0.28 5.24
ป ร ะ เท ศ ด้ ำ น B2 0.50 2.92 5.87
ความยงั่ ยืน B3 0.23 1.28 5.56
0.14 0.73 5.16
ทรัพยำกรธรรมชำติ B4 0.08 0.39 5.05
0.05 0.28 5.25
และส่ิงแวดลอ้ ม B5

คณะรัฐศาสตร์และนิตศิ าสตร์ มหาวทิ ยาลยั บูรพา 211

ธีระวฒั น์ จนั ทกึ / กนกอร เนตรชู/ ดารงพล แสงมณ/ี พรเทพ นามกร/ จฑุ ามาศ พรหมอนิ ทร์

วตั ถุประสงค์ รูปแบบ องค์ประกอบ ค่า ผลคูณ ค่า vector ใช้
ของรูปแบบ Eigenvector เมตริกซ์ สาหรับเข้าสูตร

คานวณค่า



C1 0.43 2.52 5.84
0.26 1.45 5.54
กำรส่งเสริมควำมรู้ C2 0.15 0.79 5.30
0.09 0.48 5.08
ควำมเข้ำใจให้กับ C3 0.06 0.34 5.33

ประชำชน C4

C5

ตารางที่ 4 ผลดชั นีควำมสอดคล้องและค่ำอตั รำส่วนควำมสอดคล้องของรูปแบบและองค์ประกอบของ
รูปแบบ

วตั ถุประสงค์ รูปแบบ องค์ประกอบ ค่า ค่าดัชนีวดั ค่าความ
รูปแบบ ความ สอดคล้อง
(C.R.)
สอดคล้อง
(C.I.)

รูปแบบการบริหาร A1

จัดการ ดำ้ นกำรปรับปรุง A2 5.36 0.09 0.080*
ทรัพยากรธรรมชาติ กฎหมำย A3 5.43 0.11 0.096*
และสิ่งแวดล้อมสู่ A4

ความยง่ั ยืน A5

กำรดำเนินงำนตำม B1

ขอ้ เสนอกำรปฏิรูป B2

ประเทศดำ้ น B3

ทรัพยำกรธรรมชำติ B4

และสิ่งแวดลอ้ ม B5

212 วารสารการเมือง การบริหาร และกฎหมาย ปี ท่ี 12 ฉบับท่ี 2

CHAPTER 9

วตั ถุประสงค์ รูปแบบ องค์ประกอบ ค่า ค่าดัชนีวดั ค่าความ
รูปแบบ ความ สอดคล้อง
(C.R.)
สอดคล้อง
(C.I.)

C1

กำรส่งเสริมควำมรู้ C2

ควำมเข้ำใจให้กับ C3 5.42 0.10 0.093*

ประชำชน C4

C5

หมำยเหตุ : มีค่ำนอ้ ยกวำ่ 0.01 อยใู่ นเกณฑท์ ่ียอมรับไดถ้ ือวำ่ สอดคลอ้ ง

จำกตำรำง 4 ผลกำรวเิ ครำะห์อตั รำส่วนควำมสอดคลอ้ งของทุกดำ้ นที่ไดม้ ีค่ำเท่ำกบั 0.080 – 0.096
โดยมีค่ำน้อยกว่ำ 0.01 อยูใ่ นเกณฑ์ที่ยอมรับได้ สอดคลอ้ งในทุกมิติ จึงสรุปไดว้ ำ่ ผูเ้ ชี่ยวชำญเห็นดว้ ยกบั
รูปแบบกำรบริหำรจดั กำรทรัพยำกรธรรมชำติและส่ิงแวดลอ้ มสู่ควำมยง่ั ยนื สำมำรถนำรูปแบบดงั กล่ำวไป
ใชไ้ ด้

อภิปรายผล

กำรวิเครำะห์รูปแบบกำรบริหำรจดั กำรเชิงนโยบำยเพ่ือขับเคล่ือนทรัพยำกรธรรมชำติและ
ส่ิงแวดล้อมสู่ควำมยง่ั ยืน ตำมแนวทำง PESTLE ในดำ้ นของกำรบริหำรจดั กำร ทรัพยำกรธรรมชำติและ
ส่ิงแวดลอ้ มตำมแนวทำง PESTLE ประกอบด้วย สถำนกำรณ์ทำงกำรเมือง เศรษฐกิจ สังคม เทคโนโลยี
กฎหมำย และปัจจยั ดำ้ นส่ิงแวดลอ้ มน้ัน พบว่ำ ด้ำนสถำนกำรณ์ทำงกำรเมือง ประเทศไทยเกิดเหตุกำรณ์
ไม่สงบทำงกำรเมืองทำให้กำรบริหำรจดั กำรประเทศมีกฎหมำยพิเศษท่ีช่วยให้กำรบริหำรรำชกำรแผน่ ดิน
ท่ีทำได้อย่ำงรวดเร็ว เด็ดขำดทำให้ภำพรวมกำรใช้กฎหมำยทำงด้ำนส่ิงแวดล้อมมีควำมเขม้ แข็งมำกข้ึน
สำหรับในดำ้ นของเศรษฐกิจ ฐำนเศรษฐกิจพฒั นำกวำ้ งขวำงข้ึนทำให้ประชำกรวยั แรงงำนมีงำนทำเพ่ิมข้ึน
ปัญหำควำมยำกจนลดลงมีคุณภำพชีวิตดีข้ึน โครงสร้ำงกำรผลิตไทยเปลี่ยนผ่ำนจำกภำคเกษตรและ
อุตสำหกรรมไปสู่บริกำรมำกข้ึน มีสัดส่วนภำคบริกำรต่อผลิตภัณฑ์มวลรวมภำยในประเทศสูงสุด
เปิ ดโอกำสให้ประเทศกำ้ วสู่ควำมเป็ นชำติกำรคำ้ และบริกำร ในขณะท่ีปัจจยั ดำ้ นสังคม พบวำ่ มีศกั ยภำพและ
ระดับคุณภำพชีวิตของคนไทยยงั ต่ำกว่ำเป้ำหมำยแมว้ ่ำคนไทยจะมีกำรศึกษำเพิ่มสูงข้ึน มีสุขภำวะดีข้ึน

คณะรัฐศาสตร์และนิตศิ าสตร์ มหาวทิ ยาลยั บูรพา 213

ธีระวฒั น์ จนั ทกึ / กนกอร เนตรชู/ ดารงพล แสงมณ/ี พรเทพ นามกร/ จฑุ ามาศ พรหมอนิ ทร์

ในอนำคตน้นั มีแนวโน้มที่จะมีควำมเส่ียงมำกข้ึน ท่ำมกลำงกำรเปลี่ยนแปลงดำ้ นเทคโนโลยีที่รวดเร็วใน
ทุกดำ้ น ควำมเหลื่อมล้ำมีควำมรุนแรงมำกข้ึน แต่ในด้ำนกำรพฒั นำชุมชนซ่ึงเป็ นจุดเน้นสำคญั มำตลอด
ส่งผลให้ชุมชนมีควำมเขม้ แข็งมำกข้ึนมีกำรรวมกลุ่มเชื่อมโยงเป็ นเครือข่ำยเพ่ือทำกิจกรรมท้งั ดำ้ นเศรษฐกิจ
สงั คม และสิ่งแวดลอ้ ม เพือ่ แกป้ ัญหำและสนองตอบควำมตอ้ งกำรของชุมชนไดด้ ีข้ึน

หำกพิจำรณำถึงปัจจยั ดำ้ นเทคโนโลยี พบวำ่ เทคโนโลยมี ีส่วนสำคญั ในกำรแกป้ ัญหำกำรลดลง
ของทรัพยำกรต่ำง ๆ รวมถึงกำรพฒั นำเทคโนโลยที ำงพลงั งำนใหส้ ะอำดเพื่อลดกำรปล่อยก๊ำซเรือนกระจก
โดยในดำ้ นกฎหมำย ประเทศไทยมีกฎหมำยคุม้ ครองสิ่งแวดลอ้ มมำก่อนพระรำชบญั ญตั ิส่งเสริมและรักษำ
คุณภำพส่ิงแวดลอ้ ม พ.ศ. 2535 จดั เป็ นกฎหมำยแม่บทในกำรจดั กำรสิ่งแวดล้อม นอกจำกน้ี ยงั ไดร้ ับเอำ
หลกั กำรทำงเศรษฐศำสตร์ทำงด้ำนกำรจดั กำรส่ิงแวดล้อม เช่น หลักผูก้ ่อมลพิษต้องจ่ำย (Polluter Pays
Principle) และกำรมีส่วนร่วมของประชำชน ในกำรรักษำสิ่งแวดลอ้ มมำบญั ญตั ิไว้ และประกำรสุดทำ้ ย
ปัจจยั ด้ำนส่ิงแวดลอ้ ม พบว่ำ ปัญหำสำคญั ของประเทศไทยในดำ้ นทรัพยำกรธรรมชำติและส่ิงแวดล้อม
ไดแ้ ก่ พ้ืนท่ีป่ ำไมล้ ดลง ทรัพยำกรดินเส่ือมโทรมทำให้ควำมหลำกหลำยทำงชีวภำพถูกคุกคำม ระบบนิเวศ
ชำยฝั่งถูกทำลำย และทรัพยำกรน้ำยงั มีส่วนที่ไม่สำมำรถจดั สรรไดต้ ำมควำมตอ้ งกำร ปัญหำส่ิงแวดลอ้ มเพิ่ม
สูงข้ึนตำมกำรขยำยตวั ของเศรษฐกิจและชุมชนเมืองและส่งผลต่อคุณภำพชีวิตในที่สุด ไดส้ อดคล้องกบั
Kraft, M. E (2003) ท่ีกล่ำวไวว้ ่ำนโยบำยด้ำนสิ่งแวดล้อมน้ันเป็ นเร่ืองของกำรจดั สรรและประโยชน์
สำธำรณะเพรำะสภำพแวดลอ้ มท่ีดีหรือไม่ดีน้นั ยอ่ มส่งผลกระทบต่อคุณภำพชีวติ ของมนุษย์

และเม่ือได้มีกำรนำทฤษฎีอรรถประโยชน์พหุลักษณ์มำใช้ในกำรจดั ลำดับควำมสำคญั ของ
รูปแบบกำรบริหำรจดั กำรทรัพยำกรธรรมชำติและส่ิงแวดล้อมสู่ควำมยงั่ ยืน ผลกำรวิเครำะห์ น้ำหนัก
ควำมสำคญั ของรูปแบบกำรบริหำรจดั กำรทรัพยำกรธรรมชำติและสิ่งแวดลอ้ มสู่ควำมยง่ั ยนื พบวำ่ น้ำหนกั
ควำมสำคัญของรูปแบบกำรบริหำรจดั กำรทรัพยำกรธรรมชำติและส่ิงแวดล้อมสู่ควำมยง่ั ยืน ด้ำนกำร
ปรับปรุงกฎหมำยที่มีควำมขดั แยง้ และทำให้เกิดช่องว่ำง หรืออุปสรรคในกำรดำเนินงำน มีค่ำมำกที่สุด
รองลงมำคือกำรดำเนินงำนตำมขอ้ เสนอกำรปฏิรูปประเทศดำ้ นทรัพยำกรธรรมชำติและสิ่งแวดล้อมและ
กำรส่งเสริมควำมรู้ควำมเขำ้ ใจให้กบั ประชำชน โดยมีค่ำน้ำหนกั ควำมสำคญั เท่ำกบั 49.34, 27.62 และ 23.04
ตำมลำดบั และควรมีกำรนำหลกั กำรทำงเศรษฐศำสตร์ทำงดำ้ นกำรจดั กำรส่ิงแวดลอ้ ม เช่น หลกั ผูก้ ่อมลพิษ
ตอ้ งจ่ำย (Polluter Pays Principle) และกำรมีส่วนร่วมของประชำชน ในกำรรักษำสิ่งแวดลอ้ มมำบญั ญตั ิไว้
และมีกำรนำหลกั กำรจ่ำยค่ำตอบแทนกำรให้บริกำรของระบบนิเวศ (Payment for Ecosystem Services:
PES) มำใช้โดยกำรให้ผูท้ ่ีไดร้ ับประโยชน์เป็ นผูจ้ ่ำยอนั จะส่งผลให้เกิดแรงจูงใจในกำรใช้ทรัพยำกรให้มี
ประสิทธิภำพมำกยิ่งข้ึน ได้สอดคล้องกับงำนวิจยั ของจริยำ มหำเทียร (2559) ได้ศึกษำกำรจัดกำร
ทรัพยำกรธรรมชำติและส่ิงแวดล้อม และกล่ำวไวว้ ่ำกำรจดั กำรทรัพยำกรธรรมชำติและส่ิงแวดลอ้ มน้ัน
ภำครัฐจะตอ้ งออกกฎหมำย เพ่ือควบคุมกำรกระทำผิดต่อทรัพยำกร ธรรมชำติและสิ่งแวดล้อม บงั คบั ใช้
กฎหมำย ติดตำมและประเมินผล เมื่อนำแผนกำรปฏิบัติงำนไปใช้ จะตอ้ งคำนึงถึงพ้ืนที่สภำพแวดล้อม

214 วารสารการเมือง การบริหาร และกฎหมาย ปี ที่ 12 ฉบบั ที่ 2

CHAPTER 9

ก่อนนำนโยบำยสู่กำรปฏิบตั ิ จะตอ้ งวเิ ครำะห์หำขอ้ มูลควำมเสี่ยงและมำตรกำรจดั กำรทรัพยำกรธรรมชำติ
และสิ่งแวดลอ้ ม ให้เกิดประสิทธิภำพในกำรบริหำรจดั กำรแบบยง่ั ยืน บูรณำกำรเขำ้ กบั ลกั ษณะทำงสังคม
ชุ มชน และควำมเป็ นอยู่ของป ระชำชนท่ี อยู่พ้ื นท่ี จะต้องเข้ำมำมี ส่ วน ร่ วม เพ่ื อรักษำ ฟ้ื น ฟู
ทรัพยำกรธรรมชำติและส่ิงแวดลอ้ ม สอดคลอ้ งกบั นโยบำยและมำตรกำรที่ภำครัฐบำลไดก้ ำหนดไวใ้ หบ้ รรลุ
เป้ำหมำยและประสิทธิภำพส่วนรวม

ข้อเสนอแนะ

จำกผลกำรศึกษำรูปแบบกำรบริหำรจดั กำรเชิงนโยบำยเพ่ือขบั เคล่ือนทรัพยำกรธรรมชำติและ
สิ่งแวดลอ้ มสู่ควำมยง่ั ยนื ควรมีกำรใหค้ วำมสำคญั กบั กำรดำเนินงำนใน 3 อนั ดบั แรก ดงั น้ี

1. ดำ้ นกำรปรับปรุงกฎหมำย ทำให้ภำพรวมกำรใชก้ ฎหมำยทำงดำ้ นสิ่งแวดลอ้ มมีควำมเขม้ แข็ง
มำกข้ึน มีกำรนำหลกั กำรทำงเศรษฐศำสตร์ทำงดำ้ นกำรจดั กำรส่ิงแวดลอ้ ม เช่น หลกั ผูก้ ่อมลพิษตอ้ งจ่ำย
(Polluter Pays Principle) และกำรมีส่วนร่วมของประชำชน ในกำรรักษำสิ่งแวดลอ้ มมำบญั ญตั ิไว้ รวมถึงมี
กำรนำหลักกำรจ่ำยค่ำตอบแทนกำรให้บริกำรของระบบนิเวศ (Payment for Ecosystem Services: PES)
มำใช้โดยกำรให้ผูท้ ่ีได้รับประโยชน์เป็ นผู้จ่ำยอันจะส่งผลให้เกิดแรงจูงใจในกำรใช้ทรัพยำกรให้มี
ประสิทธิภำพมำกยง่ิ ข้ึน

2. กำรดำเนินงำนตำมขอ้ เสนอกำรปฏิรูปประเทศดำ้ นทรัพยำกรธรรมชำติและส่ิงแวดลอ้ ม
3. กำรส่งเสริมควำมรู้ควำมเข้ำใจและให้ประชำชนได้มีส่วนร่วมในกำรรักษำส่ิงแวดล้อม
ตลอดจนกำรแกป้ ัญหำและสนองตอบควำมตอ้ งกำรของชุมชน

คณะรัฐศาสตร์และนิตศิ าสตร์ มหาวทิ ยาลยั บูรพา 215

ธีระวฒั น์ จนั ทกึ / กนกอร เนตรชู/ ดารงพล แสงมณ/ี พรเทพ นามกร/ จุฑามาศ พรหมอนิ ทร์

รายการอ้างองิ

จริยำ มหำเทียร. (2559). กำรจดั กำรทรัพยำกรธรรมชำติและสิ่งแวดลอ้ ม. วารสารครุศาสตร์ ปริทรรศน์ฯ,
3(2), 129-141.

จันทนำ อินทปัญญำ. (2548). กำรจดั กำรส่ิ งแวดล้อมและกำรพัฒนำอย่ำงยงั่ ยืน. วารสารการจัดการ
สิ่งแวดล้อม, 1(1), 2-3.

สุวมิ ล วอ่ งวำณิช. (2550). การวิจัยประเมินความต้องการจาเป็น. กรุงเทพฯ: สำนกั พิมพแ์ ห่งจุฬำลงกรณ์
มหำวทิ ยำลยั .

สุภำงค์ จนั ทวำนิช. (2552). การวิเคราะห์ข้อมลู ในการวิจัยเชิงคุณภาพ (พิมพค์ ร้ังท่ี 9). กรุงเทพฯ: สำนกั
พิมพแ์ ห่งจุฬำลงกรณ์มหำวทิ ยำลยั .

สำนักงำนคณะกรรมกำรพฒั นำกำรเศรษฐกิจและสังคมแห่งชำติ. (2546). การพัฒนาที่ยั่งยืน: เอกสำร
ประกอบกำรประชุมประจำปี 2546. กรุงเทพฯ: สำนักงำนคณะกรรมกำรพฒั นำกำรเศรษฐกิจ
และสังคมแห่งชำติ.

Altschuld, J. W. (2003). Delphi Techniques. Lecture, Applied evaluation Design. The Ohio State
University.

André Andrade Longaray et al. (2015). Assessment of a Brazilian public hospital’s performance for
management purposes: A soft operations research case in action. Operations Research for
Health Care, 5, 28-48.

Denzin, N. K. (1978). The research act: A theoretical introduction to sociological methods (2nded.). New
York: McGraw-Hill.

Hadadian, A. R., & Rasoulian, A. (2017). Using Analytic Hierarchy Process (AHP) for selecting the
Appropriate Country for Economic Integration (Case of Iran’s Foreign Trade with OIC
Countries). International Research Journal of Finance and Economics, 162(July).

Intapanya, J. ( 2005). Environmental Management and Sustainable Development. Environmental
management and sustainable development. Journal of Environmental Management, 1(1), 1-20.

Kraft, M. E. (2003). Environmental Policy and Politics (3rd ed.). Harrisonburg: Pearson Education.
Kunmin, Z. Zongguo, W. Liying, P. (2007). Environmental Policies in China: Evolvement, Features and

Evaluation. China Population, Resources and Environment, 17(2), March 2007.
McMillan, T. T. (1971). The Delphi Technique. paper presented at annual meeting of California

Junior. In College Association Commission on Research and Development, (3 May 1971)
Monterrey California.

216 วารสารการเมือง การบริหาร และกฎหมาย ปี ที่ 12 ฉบับที่ 2

CHAPTER 9

Photisita, C. (2011). Science and Art of Qualitative Research. 5th edition. Bangkok: Amarin Printing and
Publishing.

Posavac, E., & Carey, R. (1980). Program evaluation: Methods and case studies. Englewood Cliffs, NJ:
Prentice-Hall.

Chantawanitch, S. (2009). Qualitative research methods. 17th edition. Bangkok: Publisher of
Chulalongkorn University

Wongwanitch, S. (2007). Needs assessment research. Bangkok: Publisher of Chulalongkorn University.

คณะรัฐศาสตร์และนิตศิ าสตร์ มหาวทิ ยาลยั บูรพา 217

C H A P T E R 10

ยุทธศาสตร์ชาตวิ ่าด้วยการจดั การภาวะผู้สูงอายุในประเทศไทย:
การจดั สวสั ดกิ ารสังคมเพื่อความมน่ั คงของผ้สู ูงอายุ

National Strategic for Aging Condition Management in Thailand:
Social Welfare Arrangement for the Security of the Elderly

กลุ ญาดา เน่ืองจานงค์ (Kulyada Nuengchamnong)1
อนุรัตน์ อนนั ทนาธร (Anurat Ananthanathorn)2
1นิสิตหลกั สูตรรัฐศาสตรดุษฎีบณั ฑิต สาขาวชิ ายทุ ธศาสตร์เพ่ือความมนั่ คง
Student, Doctor of Political Science Program in Strategy and Security
2ดร., อาจารยป์ ระจาภาควชิ ารัฐประศาสนศาสตร์ คณะรัฐศาสตร์และนิติศาสตร์ มหาวิทยาลยั บูรพา
Dr., Department of Public Administration, Faculty of Political Science and Law,

Burapha University
E-mail: [email protected]

Received: 28 November 2018
Revised: 15 March 2019
Accepted: 30 March 2019

บทคดั ย่อ

การวจิ ยั เรื่อง “ยทุ ธศาสตร์ชาติวา่ ดว้ ยการจดั การภาวะผสู้ ูงอายุในประเทศไทย: การจดั สวสั ดิการ
สังคมเพื่อความม่ันคงของผู้สูงอายุ” ทาการวิจัยแบบผสมผสาน (Mixed Methods Research) โดยการ
สัมภาษณ์แบบเจาะลึก (In-depth interviews) และสารวจโดยใชแ้ บบสอบถามท่ีผวู้ ิจยั สร้างข้ึนเก็บขอ้ มูลจาก
กลุ่มประชากรท่ีเป็ นผูส้ ูงอายุ ระหว่างวนั ท่ี 1 เมษายน – 31 ตุลาคม 2560 การวิจยั เชิงคุณภาพได้จาก
การศึกษาเอกสารและการสมั ภาษณ์จากผทู้ ่ีมีความรู้และความเขา้ ใจในประเด็นผสู้ ูงอายุ

ผลการวิจยั พบวา่ ประเทศไทยไดเ้ ขา้ สู่การเป็ นสังคมสูงวยั มาต้งั แต่ปี พ.ศ. 2548 คาดวา่ จะเป็ น
“สังคมสูงวยั โดยสมบูรณ์” ในปี พ.ศ. 2564 และเป็ น “สังคมสูงวยั ระดับสุดยอด” ภายในปี พ.ศ. 2578
จากการสารวจสภาวะของผสู้ ูงอายุ พบวา่ ผูส้ ูงอายุ ส่วนใหญ่มีสุขภาพอนามยั ดี มีพฤติกรรมสุขภาพอยูใ่ น
ระดบั ดีมาก ไดร้ ับการศึกษาโดยใช้คอมพิวเตอร์ ได้รับขอ้ มูลข่าวสารจากโทรทศั น์ พกั อาศยั อยูก่ บั บุตร/

คณะรัฐศาสตร์และนติ ศิ าสตร์ มหาวทิ ยาลยั บูรพา 219

กลุ ญาดา เน่ืองจานงค์ / อนุรัตน์ อนันทนาธร

หลาน มีสัมพนั ธภาพในครอบครัวอยูใ่ นระดบั ดีมาก มีเงินไดจ้ ากเบ้ียยงั ชีพผสู้ ูงอายุ ส่วนใหญ่ไม่มีเงินออม
กิจกรรมท่ีผสู้ ูงอายเุ ขา้ ร่วมมากท่ีสุด คือ ทาบุญ ส่วนใหญ่ไดร้ ับบริการทางสังคมจากการช่วยเหลือเงินเบ้ียยงั
ชีพ ไดร้ ับการสนับสนุนค่าใช้จ่ายดา้ นอานวยความยุติธรรม ผลกระทบของผูส้ ูงอายุ แบ่งเป็ นผลกระทบ
ระดบั ประเทศ ไดแ้ ก่ ผลกระทบต่อ GDP ผลกระทบต่อศกั ยภาพการเติบโตทางเศรษฐกิจ ภางบประมาณ
ของประเทศ การออม ดา้ นแรงงาน และการปรับตวั ในภาคธุรกิจ ผลกระทบระดบั บุคคล ไดแ้ ก่ รายไดข้ อง
ผสู้ ูงอายุ ปัญหาสุขภาพทางกาย ปัญหาดา้ นความรู้ ปัญหาดา้ นสังคม ปัญหาดา้ นจิตใจ สภาพแวดลอ้ มทาง
กายภาพ ท่ีพกั อาศยั และผดู้ ูแลผสู้ ูงอายุ

คาสาคญั : ยทุ ธศาสตร์, ผสู้ ูงอาย,ุ สวสั ดิการสงั คม

Abstract

Research on the “National strategic for aging condition management in Thailand: Social
welfare arrangement for the security of the elderly” adopted the Mixed Methods Research using the In -
depth interviews and questionnaire survey developed by the researcher to collect data from the elderly
populations during April 1 – October 31 2017.This qualitative study had researched on documents and
interviews from those with knowledge and understanding on the elderly issues.

It was found from the results that Thailand had entered into aging society since B.E. 2548. It
was expected to become the “completely aging society” in B.E.2564 and the “top aging society” within
2578. According to the survey on the elderly aging condition, most of them had good health with the
excellence level of healthy behavior. They were educated to use computer and received the information
from television. They lived with their children and grand children with the excellence level of family
relationship. They had income from elderly allowance, most of them had no saving amount and the
activity that most of the elderly attended was making merit. Most of them received social service from the
elderly allowance as well as the support on justice facilitation. Elderly impacts can be divided into the
national impacts such as the impact toward GDP, the potential of business growth, national load budget,
saving, workforce and adaptation in the business sector. Individual impacts were for instance, elderly
income, health problems, problem of knowledge, social problem, mental problem, physical environment,
accommodation and elderly caregiver.

Keywords: Social welfare, Elderly, National strategy

220 วารสารการเมือง การบริหาร และกฎหมาย ปี ที่ 12 ฉบบั ที่ 2

C H A P T E R 10

บทนา

การเปลี่ยนแปลงทางโครงสร้างประชากรของโลก ที่คนเกิดน้อยลงและอายุยืนมากข้ึน ทาให้
ประชากรทวั่ โลกจะมีอายุเฉลี่ยยืนยาวข้ึน ดงั น้นั สังคมโลกในอนาคตจะเป็ นสังคมท่ีผูส้ ูงอายุครอบครอง
ซ่ึงการลดอตั ราการเกิดในทว่ั โลก ส่งผลใหอ้ ตั ราการเติบโตของประชากรลดลง และประชากรส่วนใหญ่เป็ น
ผูส้ ูงอายุ สถานการณ์ปี ค.ศ. 1990 มีประชากรอายุ 60 ปี ข้ึนไปเพียง 500 ล้านคน ขณะที่ในปี ค.ศ. 2017
มีประชากรสูงอายุ 1 พนั ลา้ นคน โดยคาดวา่ ประชากรอายุ 60 ปี ข้ึนไป จะเพ่ิมข้ึนเป็ น 2 เท่าในปี ค.ศ. 2050
และเพ่ิมข้ึนมากกว่า 3 เท่า ภายในปี ค.ศ. 2100 กล่าวคือ ประชากรจาก 962 ล้านคน ในปี 2017 เป็ น 2.1
พนั ล้านคน ในปี ค.ศ.2050 และ 3.1 พนั ล้านคนในปี ค.ศ. 2100 (United Nations, 2017, p. 11) ซ่ึงสังคม
สูงวยั พบไดใ้ นเกือบทุกประเทศแถบยุโรป โดยเฉพาะประเทศอิตาลี เยอรมนั องั กฤษ และสแกนดิเนเวีย
รวมไปถึงประเทศญ่ีป่ ุน ซ่ึงเป็ นสังคมผูส้ ูงอายุโดยสมบูรณ์ต้งั แต่ปี 2010 และจากข้อมูลขององค์การ
สหประชาชาติ พบวา่ ในปี 2047 จะเป็ นคร้ังแรกของโลก ที่จานวนประชากรอายุ 60 ปี จะมีมากกวา่ จานวน
ประชากรเด็ก (เกรียงศกั ด์ิ เจริญวงศ์ศกั ด์ิ, 2557) การเปลี่ยนแปลงดงั กล่าว ส่งผลให้ประชากรวยั เด็กลดลง
อยา่ งรวดเร็วจนนามาสู่การเพ่ิมข้ึนของสัดส่วนประชากรสูงอายุ ซ่ึงมีแนวโนม้ ท่ีจะสูงข้ึนอยา่ งต่อเน่ือง และ
เนื่องจากประชากรมีอายขุ ยั เฉล่ียเพิ่มข้ึน

สาหรับในประเทศไทยน้ันก็ได้มีการมอบให้สานักงานสถิติแห่งชาติทาการสารวจประชากร
สูงอายุ โดยใชเ้ กณฑ์อายุ 60 ปี ข้ึนไป โดยดาเนินการสารวจคร้ังแรกในปี 2537 คร้ังท่ี 2 ในปี 2545 คร้ังท่ี 3
ในปี 2550 และคร้ังท่ี 4 ในปี 2554 ผลจากการสารวจท่ีผ่านมาท้งั 4 คร้ัง พบว่า ประเทศไทยมีจานวนและ
สัดส่วนของผูส้ ูงอายุเพิ่มข้ึนอย่างรวดเร็วและเห็นได้ชัด โดยปี 2537 มีผูส้ ูงอายุคิดเป็ นร้อยละ 6.8 ของ
ประชากรท้ังประเทศ ปี 2545 และปี 2550 เพิ่มข้ึนเป็ น ร้อยละ 9.4 และ 10.7 ตามลาดับ และในปี 2554
เพ่มิ ข้ึนเป็นร้อยละ 12.2 หรืออาจกล่าวไดว้ า่ ประเทศไทยกา้ วเขา้ สู่สังคมของผสู้ ูงวยั (Aging Society) การเป็ น
สังคมสูงวยั คือ การที่มีจานวนผูส้ ูงอายุเพ่ิมมากข้ึน (ประชากรอายุ 60 ปี ข้ึนไป มากกว่าร้อยละ 10 ของ
ประชากรท้งั หมด) ในขณะที่วยั เด็กและวยั แรงงานลดน้อยลง (สานกั งานสถิติแห่งชาติ, 2557) กล่าวไดว้ ่า
ประเทศไทยได้เข้าสู่การเป็ นสังคมสูงวยั (Aged Society) มาต้งั แต่ปี พ.ศ. 2548 กล่าวคือ 1 ใน 10 ของ
ประชากรไทยเป็ นประชากรท่ีมีอายุต้งั แต่ 60 ปี ข้ึนไป และคาดว่าประเทศไทยจะเป็ น “สังคมสูงวยั โดย
สมบูรณ์” (Complete Aged Society) ในปี พ.ศ. 2564 และเป็ น “สังคมสูงวยั ระดับสุดยอด” (Super Aged
Society) ภายในปี พ.ศ. 2578 (อนนั ต์ อนนั ตกูล, 2560)

ซ่ึงจากการเปล่ียนแปลงโครงสร้างประชากรของประเทศเป็ นสังคมสูงวยั ดงั กล่าวน้ี ส่งผลให้เกิด
ปัญหาและผลกระทบ แบ่งเป็ น ผลกระทบในภาครัฐ ทาให้เกิดภาระงบประมาณของประเทศ รัฐจะตอ้ งนา
เงินภาษีของประชาชนวยั ทางานไปใช้จดั สรรเป็ นสวสั ดิการดูแลผูส้ ูงอายุ ย่ิงสัดส่วนผูส้ ูงอายุเพ่ิม การที่

คณะรัฐศาสตร์และนิตศิ าสตร์ มหาวทิ ยาลยั บูรพา 221

กลุ ญาดา เน่ืองจานงค์ / อนุรัตน์ อนันทนาธร

แรงงานนอกระบบมีการออมนอ้ ยมาก รัฐจะตอ้ งส่งเสริมให้คนกลุ่มน้ีเขา้ มาอยู่ในระบบประกนั สังคม และ
ต้องส่งเสริมให้มีการออมอย่างต่อเนื่อง และรายได้หลังเกษียณไม่เพียงพอต่อการดารงชีพ โดยเฉพาะ
แรงงานนอกระบบที่อยู่ในระบบประกันสังคมจะได้รับแค่เงินก้อนเป็ นเงินบาเหน็จ ทาให้กลุ่มน้ีมี
"ความเสี่ยง" มากกวา่ กลุ่มอื่น ซ่ึงอาจมีคุณภาพชีวติ แยล่ งหลงั เกษียณ (นวพร วิริยานุพงศ์ อา้ งถึงใน ชมพนู ุท
พรหมภกั ด์ิ, 2556, หน้า 14) และยงั เกิดผลกระทบทางเศรษฐกิจ ท้งั เศรษฐกิจระดบั มหภาค และเศรษฐกิจ
ระดบั จุลภาค โดยเฉพาะดา้ นการเงินและดา้ นสุขภาพ และการเตรียมพร้อมเพื่อรับการเปลี่ยนแปลงดงั กล่าว
เกิดผลกระทบดา้ นแรงงาน การที่ประชากรวยั ทางานจะลดลงต้งั แต่ปี 2561 จะส่งผลให้ผลผลิตรวมของ
ประเทศลดลง การท่ีมีแรงงานใหม่เขา้ สู่ตลาดแรงงานน้อยลง ขณะที่แรงงานตอ้ งรับภาระเล้ียงดูผูส้ ูงอายุ
มากข้ึน จะส่งผลกระทบต่อการออมท้งั ในระดบั ครัวเรือนและระดบั ประเทศ ผูเ้ กษียณอายุเองไม่มีรายได้
ต้องนาเงินออมออกมาใช้อีกประการหน่ึง พ่อแม่รุ่นใหม่นิยมมีลูกน้อยลงหรือไม่มีเลย จึงไม่เห็น
ความจาเป็ นตอ้ งออมมาก ส่วนความตอ้ งการลงทุนของประชาชนจะลดลงไปพร้อมกบั การออมดว้ ย และ
ผลกระทบต่องบประมาณของรัฐบาล เกิดจากค่าใช้จ่ายด้านสุขภาพที่เพ่ิมข้ึนอย่างรวดเร็ว (ชมพูนุท
พรหมภกั ด์ิ, 2556, หนา้ 13)

โดยงานวจิ ยั ชิ้นน้ีเป็ นการศึกษาสถานการณ์ภาวะผสู้ ูงอายุมีผลกระทบต่อความมนั่ คงของประเทศ
ไทยอย่างไร และรัฐบาลไทยมีมาตรการรองรับนโยบายในการจัดสวสั ดิการสังคมผู้สูงอายุอย่างไร
โดยนาเสนอยุทธศาสตร์ในการบริหารจดั การสวสั ดิการสังคมผูส้ ูงอายุของประเทศไทย เพ่ือให้ผูบ้ ริหาร
ภาครัฐและหน่วยงานที่เกี่ยวขอ้ งสามารถนาขอ้ คน้ พบไปปรับใชใ้ นการจดั สวสั ดิการสังคมของผสู้ ูงอายไุ ด้
อยา่ งมีประสิทธิภาพต่อไป

วตั ถุประสงค์

1. ศึกษาและวเิ คราะห์สถานการณ์ภาวะผสู้ ูงอายแุ ละผลกระทบของผสู้ ูงอายใุ นประเทศไทย
2. วเิ คราะห์ยทุ ธศาสตร์และมาตรการภาครัฐที่ใชใ้ นการจดั สวสั ดิการสังคมผสู้ ูงอายุ
3. ศึกษาและวเิ คราะห์ปัญหา ขอ้ จากดั ของการนานโยบายหรือมาตรการดา้ นการจดั สวสั ดิการ
ผสู้ ูงอายไุ ปปฏิบตั ิ
4. เสนอแนะแนวทางที่เหมาะสมในการจดั สวสั ดิการสังคมเพื่อความมน่ั คงของผสู้ ูงอายุ

กรอบแนวคดิ การทาวจิ ยั

การศึกษา “ยุทธศาสตร์ชาติว่าด้วยการจดั การภาวะผูส้ ูงอายุในประเทศไทย: การจดั สวสั ดิการ
สังคมเพ่ือความมนั่ คงของผูส้ ูงอายุ” ผูว้ ิจยั ได้บูรณาการแนวคิด ทฤษฎี เก่ียวกับการบริหารยุทธศาสตร์
แนวคิดเก่ียวกบั การจดั สวสั ดิการสังคม แนวคิดเก่ียวกบั ความมนั่ คงของมนุษย์ ตวั อยา่ งสวสั ดิการสังคม

222 วารสารการเมือง การบริหาร และกฎหมาย ปี ที่ 12 ฉบบั ท่ี 2

C H A P T E R 10

สาหรับผสู้ ูงอายขุ องต่างประเทศ และผลงานวจิ ยั ท่ีเกี่ยวขอ้ ง โดยใชแ้ นวคิดสวสั ดิการสงั คมตามท่ีกาหนดไว้
ในพระราชบญั ญตั ิส่งเสริมการจดั สวสั ดิการสังคม พ.ศ. 2546 มาตรา 5 (1) แลว้ นามาสรุปเป็นกรอบแนวทาง
ในการศึกษาดงั น้ี

ภาพที่ 1 กรอบแนวคิดการวจิ ยั

คณะรัฐศาสตร์และนิตศิ าสตร์ มหาวทิ ยาลยั บูรพา 223

กลุ ญาดา เน่ืองจานงค์ / อนุรัตน์ อนนั ทนาธร

ทบทวนวรรณกรรม (แนวคดิ ทฤษฎ)ี

การวิจยั เรื่อง ยุทธศาสตร์ชาติวา่ ดว้ ยการจดั การภาวะผูส้ ูงอายุในประเทศไทย: การจดั สวสั ดิการ
สังคมเพื่อความมน่ั คงของผูส้ ูงอายุ ไดท้ าการศึกษาและคน้ ควา้ แนวคิดทฤษฎีท่ีเก่ียวขอ้ งกบั งานวิจยั น้ี คือ
แนวคิดทฤษฎี เก่ียวกบั การบริหารยทุ ธศาสตร์ แนวคิดเก่ียวกบั การจดั สวสั ดิการสังคม และแนวคิดเก่ียวกบั
ความมน่ั คงของมนุษย์

แนวคดิ ทฤษฎี เกยี่ วกบั การบริหารยทุ ธศาสตร์
การบริหารยุทธศาสตร์ (Strategic Management) เป็ นแนวทางหน่ึงของการบริหารภาครัฐ ท้งั น้ี
การบริหารภาครัฐกบั การบริหารยทุ ธศาสตร์มีความสัมพนั ธ์กนั โดยการบริหารภาครัฐมีหลายแนวคิดหรือ
หลายแนวทาง ตัวอย่างเช่น แนวทางการบริหารหน่วยงานแบบสมดุล (Balanced Scorecard) แนวทาง
การบริ หารจัดการแบบมุ่งผลสัมฤทธ์ิ (Result-Based Management: RBM) แนวทางการบริ หารหรื อ
การบริหารจดั การคุณภาพโดยรวม (Total Quality Management: TQM) แนวทางองค์การแห่งการเรียนรู้
(Learning Organization) แนวทางการบริหารกิจการบ้านเมืองท่ีดี (Good Governance) แนวทางเศรษฐกิจ
พอเพียง (The Sufficiency Economy) แนวทางการปฏิบตั ิราชการตามคารับรองของหน่วยงาน (Performance
Agreement of Agency) แนวทางการบริหารหรือการจดั การความรู้ (Knowledge Management) และแนวทาง
บริหารยุทธศาสตร์ (Strategic Management) เป็ นตน้ โดยแนวคิดหรือแนวทางดงั กล่าว ส่วนใหญ่ไดร้ ิเริ่ม
โดยหน่วยงานหรือบุคลากรของภาคเอกชน ต่อมาหน่วยงานหรือบุคลากรของภาครัฐจึงนามาปรับใช้ จนถือ
วา่ เป็นส่วนหน่ึงของแนวคิดหรือแนวทางการบริหารภาครัฐ
ยุทธศาสตร์ (Strategy) มีความหมายเหมือนคาว่า กลยุทธ์ เดิมใช้ในความหมายท่ีเก่ียวข้องกบั
การรบมาจากภาษาองั กฤษวา่ Strategy ใชค้ ร้ังแรกในวงการทหารและการทาสงคราม หมายถึง ศิลปะในการ
วางแผนยทุ ธศาสตร์และการบญั ชาการรบเพื่อเอาชนะศตั รู มีรากศพั ทม์ าจากภาษากรีกวา่ Strategia หมายถึง
การบญั ชาการกองทพั (Generalship) ด้วยจุดมุ่งหมายตอ้ งการเอาชนะศตั รู สาหรับในพจนานุกรม ฉบบั
ราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. 2525 ได้ให้ความหมายของคาว่ากลยุทธ์และยุทธศาสตร์เก่ียวข้องกับการรบ
เช่นเดียวกัน อนั ได้แก่ “ยุทธศาสตร์” หมายถึง วิชาการรบท่ีมีความสาคญั ในการรบสาหรับ “กลยุทธ์”
หมายถึง การรบที่มีเล่ห์เหลี่ยม วิธีการต่อสู้ท่ีตอ้ งใช้กลอุบายต่าง ๆ (ดารงค์ วฒั นา และคณะ, 2548, หน้า
2-21) สาหรับคาว่า “กลยุทธ์” คือ ศิลปะของความเป็ นแม่ทพั (The art of generalship) เป็ นการรบที่มีเล่ห์
เหล่ียม หรือวธิ ีการท่ีตอ้ งใชก้ ลอุบายตา่ งๆ (Hart, 1967, p. 355; สุรชาติ ณ หนองคาย, 2556, หนา้ 6)
คาว่า “ยุทธศาสตร์” ใช้สาหรับการรบหรือการสงคราม โดยยุทธศาสตร์จะเกี่ยวขอ้ งกับพ้ืนท่ี
ท้งั หมดในการรบ ระยะเวลาการสู้รบที่ยาวนาน การเคล่ือนยา้ ยกาลงั ต่อสู้ขนาดใหญ่ และการวางแผนไว้
ล่วงหน้าก่อนการรบจริง ดังน้ัน ถ้าหากเราพูดถึงแผนการรบ จะใช้คาว่า “แผนยุทธศาสตร์” ต่อมา
การวางแผนยุทธศาสตร์ได้นามาประยุกต์ใช้กบั การบริหารธุรกิจ และในภาษาไทยมกั จะนิยมใช้คาว่า

224 วารสารการเมือง การบริหาร และกฎหมาย ปี ที่ 12 ฉบับท่ี 2

C H A P T E R 10

“กลยทุ ธ์” มากกวา่ “ยทุ ธศาสตร์” โดยให้ความหมายวา่ “วิธีพลิกแพลงโดยอาศยั ความรู้ความชานาญเพ่ือให้
ไดเ้ ปรียบคู่แข่งขนั หรือเพ่ือใหป้ ระสบความสาเร็จตามเป้าหมายที่วางไว”้ สาหรับความคิดเชิงกลยทุ ธ์ แมว้ า่
ความหมายเดิมของยุทธศาสตร์และกลยุทธ์จะเกี่ยวขอ้ งกบั การรบ มุ่งหมายเอาชนะคู่ต่อสู้ แต่ในความเป็ น
จริงแล้ว ความคิดเชิงกลยุทธ์จดั เป็ นพ้ืนฐานความสามารถทางการคิดประการหน่ึงของมนุษย์ หมายถึง
ความสามารถในการหาวิธีการหรือทางเลื อกท่ีดีที่สุ ด ท่ามกลางสถานการณ์ที่อาจมีอุปสรรคและ
ความไม่แน่นอน เพื่อนาไปสู่เป้าหมายที่ต้งั ใจไวค้ วามคิดเชิงกลยุทธ์ เป็ นความคิดที่เต็มไปดว้ ยการคน้ หา
วธิ ีการและการวางแผนอยา่ งเป็ นข้นั ตอน เพ่ือมุ่งหมายที่จะเอาชนะ เพื่อตอ้ งการประสบความสาเร็จบางอยา่ ง
(ดารงค์ วฒั นา และคณะ, 2548, หนา้ 2-22)

แนวคดิ เกย่ี วกบั การจัดสวสั ดิการสังคม
ความหมายและความสาคญั ของการจดั สวสั ดิการสงั คม
พระราชบญั ญัติส่งเสริมการจดั สวสั ดิการสังคม พ.ศ. 2546 ให้คานิยามว่า “สวสั ดิการสังคม”
หมายถึงระบบการจดั บริการทางสังคมซ่ึงเกี่ยวกบั การป้องกนั การแกป้ ัญหา การพฒั นา และการส่งเสริม
ความมน่ั คงทางสังคม เพื่อตอบสนองความจาเป็ นข้นั พ้ืนฐานของประชาชน ให้มีคุณภาพชีวิตท่ีดีและ
พ่ึงตนเองไดอ้ ยา่ งทวั่ ถึง เหมาะสม เป็ นธรรมและให้เป็ นไปตามมาตรฐาน ท้งั ทางดา้ นการศึกษา สุขภาพ
อนามยั ที่อยูอ่ าศยั การทางานและการมีรายได้ นนั ทนาการ กระบวนการยุติธรรมและบริการทางสังคม
ทวั่ ไป โดยคานึงถึงศกั ด์ิศรีความเป็ นมนุษย์ สิทธิที่ประชาชนจะตอ้ งได้รับและการมีส่วนร่วมในการจดั
สวสั ดิการสงั คมทุกระดบั
นอกจากน้ี สวสั ดิการสังคม ยงั หมายถึง การจดั สวสั ดิการทางสังคม เศรษฐกิจ และผลประโยชน์
ด้านสุขภาพ ให้กบั สมาชิกท่ีไม่สามารถได้รับสิทธิประโยชน์ดงั กล่าวด้วยตวั เอง (Barker, 1987 cited in
David, 1989, p. 101) ในสหรัฐอเมริ กา สวัสดิการสังคมรวมถึงผลประโยชน์ รายได้ ที่ได้รับผ่าน
การประกนั สังคม และโครงการต่าง ๆ ในรูปแบบการดูแลสุขภาพกาย สุขภาพจิต และการบริการทางสังคม
ส่วนบุคคล (David, 1989, p. 101) สวสั ดิการสังคมถูกกาหนดให้เป็ นผลรวมของระดบั อรรถประโยชน์ของ
แต่ละบุคคล เป็ นส่ิงช้ีว่าสังคมให้ประโยชน์ท่ีดีที่สุด ตรงกับแรงจูงใจของแต่ละบุคคล มีการกระจาย
ผลประโยชน์ผ่านองค์กรที่มีหน้าที่จัดสรรอย่างมีประสิ ทธิภาพ (Marc and Maniquet, 2009, p. 215)
ซ่ึงไม่เหมือนกับมาตรฐานการครองชีพ แต่เป็ นคุณภาพชีวิตท่ีรวมถึงปัจจัยต่าง ๆ เช่น คุณภาพของ
ส่ิงแวดลอ้ ม ระดบั ของอาชญากรรม ปัญหายาเสพติด และบริการทางสังคมท่ีจาเป็ น (business dictionary,
n.d., online)

คณะรัฐศาสตร์และนิตศิ าสตร์ มหาวทิ ยาลยั บูรพา 225

กลุ ญาดา เนื่องจานงค์ / อนุรัตน์ อนนั ทนาธร

วธิ กี ารดาเนินการวจิ ยั

วธิ ีดาเนินการวจิ ยั แบบผสมผสาน (Mixed Methods Research) คือการวิจยั เชิงคุณภาพร่วมกบั การ
วิจยั เชิงปริมาณ (Qualitative research and quantitative research) โดยมีขอบเขตของการวิจยั แบ่งออกเป็ น 2
ลกั ษณะ คือ ดา้ นเน้ือหา ดาเนินการวิจยั ศึกษาและวิเคราะห์สถานการณ์ภาวะผูส้ ูงอายุและผลกระทบของ
ผสู้ ูงอายใุ นประเทศไทย วิเคราะห์ยุทธศาสตร์และมาตรการภาครัฐท่ีใชใ้ นการจดั สวสั ดิการสังคมผูส้ ูงอายุ
ศึกษาและวิเคราะห์ปัญหา ขอ้ จากัด ของการนานโยบายหรือมาตรการดา้ นการจดั สวสั ดิการผูส้ ูงอายุไป
ปฏิบตั ิ และเสนอแนะแนวทางที่เหมาะสมในการจดั สวสั ดิการสังคมเพื่อความมน่ั คงของผูส้ ูงอายุ โดยใช้
แนวคิดสวสั ดิการสังคมตามที่กาหนดไวใ้ นพระราชบัญญัติส่งเสริมการจดั สวสั ดิการสังคม พ.ศ. 2546
มาตรา 5 (1) ผนวกกบั สิทธิของผูส้ ูงอายุตามพระราชบญั ญตั ิผูส้ ูงอายุพ.ศ. 2546 มาตรา 11 และด้านพ้ืนที่
และประชากรของการศึกษา ทาการศึกษาในจงั หวดั ท่ีมีผูส้ ูงอายุจานวนมากท่ีสุด 6 ลาดบั แรก เพ่ือให้
ครอบคลุมทุกภูมิภาคของไทย คือ กรุงเทพมหานคร นครราชสีมา ขอนแก่น เชียงใหม่ อุบลราชธานี และ
นครศรีธรรมราช

ผลการวจิ ยั

สถานการณ์ผู้สูงอายแุ ละสังคมสูงวยั ของไทย
คาว่า “สังคมสูงอายุ” หรือ “สังคมสูงวยั ” มาจากภาษาองั กฤษคาว่า “Aging Society” หมายถึง
การมีประชากรอายุ 60 ปี ข้ึนไป ร้อยละ 10 ของประชากรท้งั หมด ภาษาไทย เม่ือใช้คาว่า “สังคมสูงอายุ”
หรือ “สังคมสูงวยั ” มีความหมายแตกต่างกนั เพียงเล็กน้อย กล่าวคือ คาวา่ “สังคมผสู้ ูงอายุ” มีความหมาย
ค่อนขา้ งแคบ หรืออาจหมายถึงเพียงแค่สังคมของผูส้ ูงอายุ แต่ถ้าใช้คาว่า “สังคมสูงวยั ” จะสามารถบอก
ลกั ษณะของสังคมโดยรวมท่ีเต็มไปดว้ ยผูส้ ูงอายุ และคาว่า “สูงวยั ” ยงั สื่อถึงความเป็ นพลวตั ความเป็ น
ไดนามิกของสังคม ท้งั น้ี สถานการณ์สังคมสูงวยั ไม่ได้หยุดอยู่กับที่ แต่จะย่ิงมีคนสูงวยั เพิ่มข้ึนเร่ือย ๆ
ภาษาองั กฤษจึงใช้คาวา่ “Aging Society” คือ จะสูงวยั ไปเร่ือย ๆ เป็ นปัญหาปลายเปิ ด ไม่ไดห้ ยดุ อยูท่ ี่จุดใด
จุดหน่ึง (วรเมศม์ สุวรรณระดา, 2559, หนา้ 16) โดยงานวจิ ยั และเอกสารเผยแพร่ของหน่วยงานหลายแห่ง
เลือกใช้คาวา่ “สังคมสูงวยั ” (เล็ก สมบตั ิ และคณะ, 2554; วาสนา อ่ิมเอม, 2557; วรเมศม์ สุวรรณระดา,
2557, 2559; อนันต์ อนันตกูล, 2560; ธนาคารแห่งประเทศไทย, 2561) ดังน้ัน ในงานวิจยั น้ีจึงใช้คาว่า
“สังคมสูงวยั ” สาหรับการวิเคราะห์สถานการณ์ผูส้ ูงอายุและสังคมสูงวยั ของไทย ซ่ึงการเปล่ียนแปลงเขา้ สู่
สังคมสูงวยั เป็ นปัญหาเชิงบริบทของประเทศ ซ่ึงไดร้ ับผลกระทบในทุกดา้ น ไดแ้ ก่ ระบบเศรษฐกิจ ระบบ
การจา้ งงาน ระบบสถาบนั ครอบครัว ชุมชน และระบบการปกครองส่วนทอ้ งถิ่น (วรเมศม์ สุวรรณระดา,
2559, หน้า 17 – 18) ท้ังน้ี ปัญหาสังคมสูงวยั เก่ียวข้องกับมิติทางเศรษฐกิจอย่างมีนัยสาคัญ ซ่ึงการ
เปล่ียนแปลงโครงสร้างอายุของประชากรอาจไม่ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจโดยตรง แต่ผ่านตวั แปรอื่น ๆ

226 วารสารการเมือง การบริหาร และกฎหมาย ปี ที่ 12 ฉบบั ท่ี 2

C H A P T E R 10

เช่น การขาดแคลนแรงงาน การไม่ปรับตวั ของภาคธุรกิจ การพ่ึงพาแรงงานราคาถูก และยงั คงดาเนินกิจการ
ไปตามระบบเศรษฐกิจรูปแบบเดิม ลกั ษณะสาคญั อีกประการหน่ึง คือ ถา้ เศรษฐกิจดีข้ึน ประชาชนก็ใชเ้ วลา
เรียนหนังสือนานข้ึน การดาเนินชีวิตจะล่าช้าออกไป รวมถึงการตดั สินใจวางแผนชีวิต เช่น การทางาน
การแต่งงาน มีครอบครัว มีบุตร และเมื่อเศรษฐกิจพฒั นาข้ึน ระบบการศึกษา และการสาธารณสุขก็ดีข้ึน
ตามลาดบั ทา้ ยท่ีสุดอายขุ ยั เฉลี่ยของประชากรกจ็ ะเพ่ิมข้ึน (วรเมศม์ สุวรรณระดา, 2559, หนา้ 18 - 21)

ผลกระทบของผู้สูงอายใุ นประเทศไทย
ประเทศไทยมีจานวนและสัดส่วนของผูส้ ูงอายุเพ่ิมข้ึนอย่างรวดเร็วและเห็นไดช้ ดั โดยปี 2537
มีผสู้ ูงอายคุ ิดเป็ นร้อยละ 6.8 ของประชากรท้งั ประเทศ ปี 2545 และปี 2550 เพ่ิมข้ึนเป็นร้อยละ 9.4 และ 10.7
ตามลาดบั และในปี 2554 เพ่ิมข้ึนเป็ นร้อยละ 12.2 หรืออาจกล่าวไดว้ ่า ประเทศไทยเป็ นประเทศหน่ึงใน
อาเซียนท่ีเขา้ สู่สังคมของผสู้ ูงอายุ (Aging Society) สาเหตุสาคญั ของการเพ่มิ สดั ส่วนประชากรผสู้ ูงอายอุ ยา่ ง
รวดเร็ว เนื่องมาจากปัจจัย 2 ประการ (มูลนิธิสถาบันวิจัยและพัฒนาผู้สูงอายุไทย, 2555; ปราโมทย์
ประสาทกุล, 2556) คือ (1) การลดลงของภาวะเจริญพนั ธุ์หรือการเกิดนอ้ ยลง ซ่ึงจานวนบุตรโดยเฉลี่ยที่สตรี
คนหน่ึงมีตลอดวยั เจริญพนั ธุ์ไดล้ ดลงเป็ นลาดบั จาก 4.9 คน ต่อสตรี 1 คน ในปี 2517 เหลือเพียงประมาณ
1.6 คน ต่อสตรี 1 คน ในปี 2556 และเหลือประมาณ 1.3 คน ในปี 2576 (2) การลดภาวะการตาย ทาให้อายุ
คนไทยยืนยาวข้ึน เช่น อายุคาดเฉล่ียเมื่อแรกเกิดของคนไทย เมื่อ 50 ปี ท่ีผ่านมา เพศชายมีอายุขยั เฉลี่ย
ประมาณ 55 ปี เพศหญิงมีอายุขยั เฉล่ียประมาณ 62 ปี แต่ในปี 2557 ประชากรมีอายุขยั เฉล่ียเพิ่มสูงข้ึน
โดยเพศชายมีอายขุ ยั เฉลี่ยประมาณ 72 ปี เพศหญิงมีอายขุ ยั เฉลี่ยประมาณ 79 ปี และอีก 10 ปี ขา้ งหนา้ คาดวา่
อายุขยั เฉล่ียของเพศชายประมาณ 76 ปี และเพศหญิงมีอายุขยั เฉล่ียประมาณ 83 ปี (ปราโมทย์ ประสาทกุล,
2256) การเป็ นสังคมสูงวยั คือ การที่มีจานวนผูส้ ูงอายเุ พ่ิมมากข้ึน (ประชากรอายุ 60 ปี ข้ึนไปมากกวา่ ร้อยละ
10 ของประชากรท้งั หมด) ในขณะท่ีวยั เด็กและวยั แรงงานลดนอ้ ยลง (สานกั งานสถิติแห่งชาติ, 2557) ทาให้
เกิดการเปลี่ยน แปลงโครงสร้างประชากร ซ่ึงการเขา้ สู่สังคมสูงวยั ของไทยมีสภาพปัญหาและผลกระทบ
ดงั น้ี
1. ผลกระทบระดับประเทศ ได้แก่ ผลกระทบต่อผลิตภัณฑ์มวลรวมของประเทศ (GDP)
ผลกระทบต่อศกั ยภาพการเติบโตทางเศรษฐกิจ ภาระงบประมาณของประเทศ การออม ดา้ นแรงงาน และ
การปรับตวั ในภาคธุรกิจ
2. ผลกระทบต่อศกั ยภาพการเติบโตทางเศรษฐกิจ เนื่องจากศกั ยภาพการเติบโตทางเศรษฐกิจของ
ประเทศในระยะยาวถูกกาหนดโดยปัจจยั ดา้ นกาลงั แรงงานท้งั ในเชิงปริมาณและคุณภาพ ปัจจยั ทุน และการ
พฒั นาเทคโนโลยี (วรเมศม์ สุวรรณระดา, 2557, หนา้ 28) ซ่ึงการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างประชากรไทยใน
อนาคตท่ีประชากรวยั กาลงั แรงงานมีแนวโน้มลดลง และอาจจะส่งผลต่อเนื่องต่อศกั ยภาพการเติบโตทาง
เศรษฐกิจของประเทศ เนื่องจากกาลงั แรงงานเป็นส่วนหน่ึงของปัจจยั การผลิตในการสร้างผลผลิตและรายได้

คณะรัฐศาสตร์และนติ ศิ าสตร์ มหาวทิ ยาลยั บูรพา 227

กลุ ญาดา เนื่องจานงค์ / อนุรัตน์ อนนั ทนาธร

ของประเทศ (วรเมศม์ สุวรรณระดา, 2557, หน้า 20-21) ซ่ึงการเพิ่มปริมาณแรงงานด้วยการส่งเสริม
การทางานของผสู้ ูงอายุ และ/ หรือการขยายอายเุ กษียณมีส่วนช่วยเพิ่มศกั ยภาพการเติบโตทางเศรษฐกิจเพียง
เล็กน้อย แต่การเพิ่มผลิตภาพของปัจจยั การผลิตท้งั ในส่วนของแรงงานและทุน รวมไปถึงการส่งเสริม
การลงทุนและการพฒั นาเทคโนโลยี จะรักษาระดบั ของการเติบโตทางเศรษฐกิจไทยให้ไม่เปลี่ยนแปลง
ลดลง ช่วยบรรเทาผลดา้ นลบต่อการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจในช่วงเปลี่ยนผา่ น และยงั จะช่วยผลกั ดนั ให้
ระบบเศรษฐกิจไทยสามารถเติบโตไดอ้ ยา่ งยงั่ ยนื ภายใตก้ ารเปล่ียนแปลงทางโครงสร้างประชากรที่กาลงั จะ
เกิดข้ึนในอนาคต (ดนุพล อริยสัจจากร และสมประวณิ มนั ประเสริฐ, 2557)

3. ภาระงบประมาณของประเทศ รัฐจะตอ้ งนาเงินภาษีของประชาชนวยั ทางานไปใชจ้ ดั สรรเป็ น
สวสั ดิการดูแลผูส้ ูงอายุยิ่งสัดส่วนผูส้ ูงอายุเพิ่มสูงข้ึน รัฐบาลก็จะยิ่งตอ้ งใช้งบประมาณในการดูแลผูส้ ูงอายุ
มากข้ึน จนอาจกระทบต่อเสถียรภาพทางการคลงั ในระยะยาวของประเทศ ผลกระทบต่อภาระงบประมาณ
มีดงั น้ี

3.1 ประชากรวยั ทางานซ่ึงจะทางานและเสียภาษีใหร้ ัฐจะมีสัดส่วนลดลง
3.2 รัฐมีภาระต้องดูแลประชากรสู งวัยเพ่ิมข้ึน เช่น เบ้ียยังชีพผู้สู งอายุที่เพ่ิมข้ึนอย่าง
กา้ วกระโดด จากปี 2545 มีวงเงินอยูท่ ่ี 1,438 ลา้ นบาท โดยในปี 2555 เพิ่มภาระการคลงั เป็น 53,608 ลา้ นบาท
(นวพร วริ ิยานุพงศ์ อา้ งถึงใน ชมพนู ุท พรหมภกั ด์ิ, 2556, หนา้ 14)
3.3 ค่าใชจ้ ่ายดา้ นสุขภาพที่เพ่ิมข้ึนอยา่ งรวดเร็ว จาก 25,315 ลา้ นบาทในปี 2523 เป็ น 434,974
ลา้ นบาทในปี 2548 หรือเพ่ิมข้ึน 17.2 เท่าในช่วง 25 ปี เฉพาะค่าใชจ้ ่ายของภาครัฐ เพ่ิมจาก 7,576 ลา้ นบาท
เป็ น 143,775 ลา้ นบาทในช่วงดงั กล่าว ท้งั น้ี จากผลการศึกษาของสานกั งานเศรษฐกิจการคลงั พบวา่ ในช่วง
10 ปี ข้างหน้า (2553 - 2562) ภาระค่าใช้จ่ายเฉพาะที่จะเกิดจากโครงการประกันสังคมและโครงการ
หลักประกันสุขภาพแห่งชาติ มีจานวนถึงปี ละ 142,071 - 251,607 ล้านบาท หรือร้อยละ 7.4 - 7.8 ของ
งบประมาณรายจา่ ยประจาปี (ชมพูนุท พรหมภกั ด์ิ, 2556, หนา้ 13-14)
4. การออม เนื่องจากแรงงานนอกระบบมีการออมน้อยมาก อตั ราการออมมีโอกาสลดลง เพราะ
กลุ่มคนท่ีออมเงินในวยั ทางาน เม่ือเขา้ สู่วยั สูงอายุ จะไม่มีการออม และนาเงินออกมาใช้จ่าย (วรเมศม์
สุวรรณระดา, 2559, หนา้ 22) จากขอ้ มูลสานกั งานสถิติแห่งชาติช้ีให้เห็นวา่ จากวยั แรงงานท้งั หมด 49 ลา้ น
คน มีผูท้ ี่มีงานทา 38 ลา้ นคน ในจานวนน้ีเป็ นแรงงานในระบบ 14 ลา้ นคน และแรงงานนอกระบบท่ีไม่มี
รายได้ประจา 24 ล้านคน กรณีแรงงานในระบบจะมีการดูแลสวสั ดิการของแต่ละกลุ่ม เช่น ขา้ ราชการ
มีกองทุนบาเหน็จบานาญขา้ ราชการ (กบข.) พนักงานเอกชนมีกองทุนประกนั สังคม เป็ นตน้ ส่วนแรงงาน
นอกระบบมีช่องทางกองทุนประกนั สังคมมาตรา 40 กล่าวคือ จากจานวนแรงงานนอกระบบที่อยใู่ นระบบ
การคุม้ ครองของประกนั สังคมตามมาตรา 40 จะมีจานวนเพียง 1.3 ลา้ นคน หรือร้อยละ 5 แต่มีอีกถึง 22.7
ลา้ นคน หรือร้อยละ 95 ท่ีรัฐจะตอ้ งส่งเสริมให้คนกลุ่มน้ีเขา้ มาอยูใ่ นระบบประกนั สังคม และส่งเสริมให้มี
การออมอยา่ งตอ่ เน่ือง (นวพร วริ ิยานุพงศ์ อา้ งถึงใน ชมพนู ุท พรหมภกั ด์ิ, 2556, หนา้ 14)

228 วารสารการเมือง การบริหาร และกฎหมาย ปี ที่ 12 ฉบบั ท่ี 2

C H A P T E R 10

5. ดา้ นแรงงาน การท่ีประชากรวยั ทางานลดลงต้งั แต่ปี 2561 จะส่งผลให้ผลผลิตรวมของประเทศ
ลดลง หากจะรักษาปริมาณผลผลิตไวใ้ ห้ไดต้ อ้ งเพิ่มผลิตภาพของแรงงานให้สูงข้ึน เพิ่มปัจจยั การผลิตอื่นใช้
เทคโนโลยีมากข้ึน นาเขา้ แรงงานมีฝีมือจากต่างประเทศ หรือขยายเกณฑ์การเกษียณอายุเป็ น 65 ปี หรือ 70 ปี
การท่ีมีแรงงานใหม่เขา้ สู่ตลาดแรงงานนอ้ ยลง ขณะที่แรงงานตอ้ งรับภาระเล้ียงดูผูส้ ูงอายุมากข้ึนจะส่งผล
กระทบต่อการออมท้งั ในระดบั ครัวเรือนและระดบั ประเทศ ผูเ้ กษียณอายุไม่มีรายไดต้ อ้ งนาเงินออมออกมา
ใช้อีกประการหน่ึง พ่อแม่รุ่นใหม่นิยมมีลูกน้อยลงหรือไม่มีเลย จึงไม่เห็นความจาเป็ นต้องออมมาก
ส่วนความตอ้ งการลงทุนของประชาชนจะลดลงไปพร้อมกบั การออมดว้ ย (ชมพูนุท พรหมภกั ด์ิ, 2556, หนา้
13) สาหรับการขาดแคลนแรงงาน มีประเด็นเกี่ยวขอ้ ง 3 ประเด็นคือ ผสู้ ูงอายุเพิ่มข้ึน ประชากรวยั ทางาน
ลดลง และเด็กเกิดใหม่มีแนวโนม้ ลดลง ผลกระทบที่เห็นไดช้ ดั เจน คือ เม่ือเด็กเกิดนอ้ ย ทาใหก้ าลงั แรงงาน
ลดลง ซ่ึงจะกระทบภาคการผลิตต่าง ๆ ท้งั ภาคเกษตร ภาคอุตสาหกรรม และภาคบริการ กล่าวคือ ภาคเกษตร
เมื่อเกษตรกรแก่ตวั ลงมาก ๆ ทางานไม่ไหว ผลผลิตทางเกษตรก็จะไดน้ ้อยลง ภาคอุตสาหกรรมและภาค
บริการ ก็จะไม่สามารถอาศยั แรงงานเป็ นหลกั ในการขบั เคล่ือนเศรษฐกิจได้อีกต่อไป ซ่ึงตอ้ งมีการใช้
นวตั กรรม เทคโนโลยี มาทดแทนกาลงั คนตอ่ ไป (วรเมศม์ สุวรรณระดา, 2559, หนา้ 21-22, 30)

6. การปรับตวั ในภาคธุรกิจ ทาให้ธุรกิจอุตสาหกรรมท่ีเก่ียวเน่ืองกบั การดูแลผูส้ ูงอายุขยายตวั
มากข้ึน มีการปรับตวั ในภาคธุรกิจและบริการ โดยผูป้ ระกอบการสามารถสร้างผลิตภณั ฑ์หรือบริการ
เพ่ือรองรับผูส้ ูงอายใุ หม้ ีชีวติ อยา่ งมีคุณภาพ ท้งั ในการบริการสุขภาพ การท่องเท่ียว สันทนาการ การใชว้ สั ดุ
อุปกรณ์ต่าง ๆ ที่เอ้ือต่อผูส้ ูงอายุ สิ่งอานวยความสะดวกภายในบา้ น การปรับปรุงสภาพแวดลอ้ มของที่พกั
อาศยั การสร้างบา้ นเพื่อผูส้ ูงอายุ สถานบริบาลผสู้ ูงอายุ รวมถึงการเปล่ียนแลนดส์ เคปของเมืองให้เป็ นมิตร
กบั ผสู้ ูงอายมุ ากข้ึน (วรเมศม์ สุวรรณระดา, 2559, หนา้ 27-30)

ยทุ ธศาสตร์และมาตรการภาครัฐทใี่ ช้ในการจัดสวสั ดิการสังคมผู้สูงอายุ
การวิเคราะห์ยุทธศาสตร์และมาตรการภาครัฐท่ีใช้ในการจดั สวสั ดิการสังคมผูส้ ูงอายุ พบว่า
โครงสร้างของหน่วยงานที่เก่ียวข้องกบั การจดั สวสั ดิการสังคมผูส้ ูงอายุของประเทศไทย มีหน่วยงาน
ที่สาคัญ 7 กระทรวงหลัก ประกอบด้วย กระทรวงการพัฒนาสังคมและความม่ันคงของมนุษย์
เป็ นหน่วยงานหลกั ร่วมกบั กระทรวงมหาดไทยกระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงการคลงั กระทรวงแรงงาน
กระทรวงสาธารณสุข และกระทรวง วทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี บูรณาการการทางานดา้ นสวสั ดิการสังคม
ผสู้ ูงอายุ โดยการเสริมสร้างและพฒั นาศกั ยภาพทุนมนุษย์ เพ่ือรองรับสังคมผสู้ ูงอายุ ทาการพฒั นาคนต้งั แต่
ในระบบการศึกษาไปจนถึงการพฒั นาฝี มือแรงงาน ส่งเสริมให้สถาบนั การเงินร่วมกบั สถานประกอบการ
กาหนดมาตรการการออมท่ีจูงใจแก่แรงงานและกระตุน้ ให้เกิดพฤติกรรมการออม อยา่ งต่อเนื่อง เพ่ือความ
มนั่ คงทางการเงินหลงั เกษียณ รวมถึงพฒั นาเทคโนโลยี นวตั กรรม และสิ่งอานวยความสะดวกเพ่ือรองรับ
สังคมผสู้ ูงอายุ

คณะรัฐศาสตร์และนิตศิ าสตร์ มหาวทิ ยาลยั บูรพา 229

กลุ ญาดา เนื่องจานงค์ / อนุรัตน์ อนนั ทนาธร

มาตรการดา้ นผสู้ ูงอายใุ นระยะแรก ในปี 2496 รัฐบาลจดั ใหม้ ีสถานสงเคราะห์คนชราบา้ นบางแค
เพ่ือให้การสงเคราะห์ผสู้ ูงอายตุ ามนโยบายสวสั ดิการสังคมของรัฐ โดยมียุทธศาสตร์และมาตรการเก่ียวกบั
การจัดสวัสดิการสังคมผู้สู งอายุ ได้แก่ แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับท่ี 1 – 12
แผนผสู้ ูงอายแุ ห่งชาติ ฉบบั ท่ี 1 (พ.ศ. 2525 - 2544) และฉบบั ท่ี 2 (พ.ศ. 2554 - 2564) นโยบายและมาตรการ
สาหรับผูส้ ูงอายุระยะยาว (พ.ศ. 2535 - 2554) ประกาศใช้ปฏิญญาผูส้ ูงอายุไทย ในปี พ.ศ. 2542 เพ่ือถือ
ปฏิบตั ิให้เป็ นไปในทิศทางเดียวกนั ให้เกิดประโยชน์สูงสุดแก่ผูส้ ูงอายุไทย ซ่ึงปฏิญญาผูส้ ูงอายุไทยเป็ น
พนั ธกรณี เพ่ือให้ผูส้ ูงอายุไดม้ ีคุณภาพชีวิตที่ดี ไดร้ ับการคุม้ ครองและพิทกั ษ์สิทธิ และมีกฎหมายกลางที่
เกี่ยวกบั ผูส้ ูงอายุโดยตรง คือ พระราชบญั ญตั ิผสู้ ูงอายุแห่งชาติ พ.ศ. 2546 เพื่อให้ผูส้ ูงอายุมีสิทธิไดร้ ับการ
คุม้ ครอง การส่งเสริม และการสนับสนุนในการบริการทางการแพทยแ์ ละการสาธารณสุขท่ีจดั ไวโ้ ดยให้
ความสะดวกและรวดเร็วแก่ผสู้ ูงอายุเป็ นกรณีพิเศษ การประกอบอาชีพหรือฝึ กอาชีพท่ีเหมาะสม การพฒั นา
ตนเองและการมีส่วนร่วมในกิจกรรมทางสังคม การช่วยเหลือผูส้ ูงอายุซ่ึงไดร้ ับอนั ตรายจากการถูกทารุณ
กรรมหรือถูกแสวงหาประโยชน์โดยมิชอบด้วยกฎหมาย หรือถูกทอดทิ้ง การให้คาแนะนา ปรึกษา
ดาเนินการอื่นที่เก่ียวขอ้ งในทางคดี หรือในทางการแก้ไขปัญหาครอบครัว การจดั ท่ีพกั อาศยั อาหารและ
เครื่องนุ่งห่มใหต้ ามความจาเป็ นอยา่ งทวั่ ถึง และประกาศใช้ พระราชบญั ญตั ิส่งเสริมการจดั สวสั ดิการสังคม
พ.ศ. 2546 เพ่ือกาหนดกลไกการประสานงานสวสั ดิการสังคม ทางดา้ นการศึกษา สุขภาพอนามยั ท่ีอยูอ่ าศยั
การทางาน และการมีรายได้ นนั ทนาการ กระบวนการยตุ ิธรรม และบริการทางสังคมทวั่ ไป

ปัจจุบนั รัฐบาลวางกรอบการพฒั นาประเทศ คือ ยทุ ธศาสตร์ชาติ 20 ปี (พ.ศ. 2561 - 2580) ไดแ้ ก่
ยุทธศาสตร์ชาติดา้ นการพฒั นาและเสริมสร้างศกั ยภาพทรัพยากรมนุษย์ โดยพฒั นาศกั ยภาพคนตลอดช่วง
ชีวิต มุ่งเนน้ การพฒั นาคนเชิงคุณภาพในทุกช่วงวยั จนถึงวยั ผสู้ ูงอายุ เพ่ือสร้างทรัพยากรมนุษยท์ ี่มีศกั ยภาพ
มีทกั ษะความรู้ มีความสามารถในการดารงชีวติ อยา่ งมีคุณคา่ และยุทธศาสตร์ชาติดา้ นการสร้างโอกาส และ
ความเสมอภาคทางสังคม โดยการเสริมสร้างพลังทางสังคม การรองรับสังคมสูงวยั อย่างมีคุณภาพ
โดยเตรียมความพร้อมในทุกมิติ ท้งั มิติ เศรษฐกิจ สงั คม สุขภาพ และสภาพแวดลอ้ ม โดยเฉพาะการออมและ
การลงทุนระยะยาวของคนต้งั แต่ก่อนเกษียณอายุ แผนพฒั นาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบบั ที่ 12 (พ.ศ.
2560 - 2564) ที่สอดคลอ้ งกบั ยทุ ธศาสตร์ชาติ 20 ปี และดาเนินการตามมาตรการรองรับสังคมผสู้ ูงอายุตาม
มติคณะรัฐมนตรี เมื่อวนั ที่ 8 พฤศจิกายน 2559 ดงั น้ี เห็นชอบมาตรการในการจา้ งงานผูส้ ูงอายุ และอนุมตั ิ
หลกั การยกเวน้ ภาษีเงินได้ให้แก่บริษัทท่ีมีการจา้ งงานผูส้ ูงอายุ เห็นชอบมาตรการการสร้างท่ีพกั อาศยั
สาหรับผู้สู งอายุ (Senior Complex) เห็นชอบมาตรการสิ นเชื่อที่อยู่อาศัยสาหรับผู้สู งอายุ (Reverse
Mortgage) บูรณาการระบบบาเหน็จบานาญแห่งชาติใหม้ ีความครอบคลุม และจดั ต้งั กองทุนบาเหน็จบานาญ
แห่งชาติ หรือ กบช. เพื่อเป็ นกองทุนสารองเล้ียงชีพภาคบงั คบั สาหรับแรงงานในระบบที่มีอายุต้งั แต่
15-60 ปี

230 วารสารการเมือง การบริหาร และกฎหมาย ปี ท่ี 12 ฉบับท่ี 2

C H A P T E R 10

การดาเนินการสวสั ดิการสังคมผูส้ ูงอายุของภาครัฐ เป็ นการสงเคราะห์แบบให้เงินหรือการใช้
งบประมาณของรัฐ โดยรายจา่ ยของภาครัฐเพอ่ื เป็นสวสั ดิการสังคมผสู้ ูงอายุ อาทิ ประกนั สังคมกรณีชราภาพ
ประกนั สังคมกรณีเสียชีวิต บานาญขา้ ราชการ (ภายใตร้ ะบบเดิม) บานาญขา้ ราชการ (ภายใตร้ ะบบ กบข.)
เบ้ียยงั ชีพผูส้ ูงอายุ กองทุนการออมแห่งชาติ ศูนยพ์ ฒั นาการจดั สวสั ดิการสังคมผูส้ ูงอายุ (กรมพฒั นาสังคม
และสวสั ดิการ) สถานสงเคราะห์ผูส้ ูงอายุ (กรมส่งเสริมการปกครองทอ้ งถ่ิน) เงินสงเคราะห์จดั การศพ
กิจกรรมการส่งเสริมให้ผูส้ ูงอายไุ ดร้ ับการคุม้ ครอง และการส่งเสริมการใชศ้ กั ยภาพทางสังคม และกองทุน
ผูส้ ูงอายุ ซ่ึงดาเนินการโดยสานกั งานส่งเสริมสวสั ดิภาพและพิทกั ษ์ เด็กเยาวชน ผูด้ อ้ ยโอกาส และผสู้ ูงอายุ
ความช่วยแหลือทางการเงินสาหรับผูส้ ูงอายุที่เป็ นรูปธรรม สามารถดาเนินการไดต้ ่อเน่ืองและทวั่ ถึงผสู้ ูงอายุ
คือ การจ่ายเบ้ียยงั ชีพผูส้ ูงอายุ โดยกาหนดอตั ราเบ้ียยงั ชีพรายเดือนแบบข้นั บันไดสาหรับผูส้ ูงอายุ ดงั น้ี
(1) ผสู้ ูงอายทุ ่ีมีอายุ 60-69 ปี จะไดร้ ับเบ้ียยงั ชีพอตั รา 600 บาท (2) ผูส้ ูงอายทุ ี่มีอายุ 70-79 ปี ไดร้ ับเบ้ียยงั
ชีพอตั รา 700 บาท (3) ผูส้ ูงอายุท่ีมีอายุ 80-89 ปี ได้รับเบ้ียยงั ชีพอตั รา 800 บาท (4) ผูส้ ูงอายุที่มีอายุ 90 ปี
ข้ึนไป ไดร้ ับเบ้ียยงั ชีพอตั รา 1,000 บาท โดยมอบหมายใหห้ น่วยงานหลกั รับผดิ ชอบ ไดแ้ ก่ องคก์ ารบริหาร
ส่วนจงั หวดั องคก์ ารบริหารส่วนตาบล เทศบาล กรุงเทพมหานคร และเมืองพทั ยา

ข้อเสนอแนะ

ข้อเสนอแนะเชิงนโยบาย
การจัดสวสั ดิการสังคมให้แก่ผู้สู งอายุในประเทศไทย ควรจัดสวสั ดิการให้ครอบคลุม
ความตอ้ งการพ้ืนฐาน และสามารถพฒั นาการจดั สวสั ดิการดงั กล่าว มาเป็ นนวตั กรรมเพือ่ ผสู้ ูงอายใุ นอนาคต
โดยบูรณาการการทางานร่วมกัน 7 กระทรวงหลัก ที่มีหน้าที่รับผิดชอบงานสวสั ดิการสังคมผูส้ ูงอายุ
ประกอบด้วย กระทรวงการพัฒนาสังคมและความม่ันคงของมนุษย์ กระทรวงสาธารณสุข กระทรวง
มหาดไท กระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงการคลงั กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี และกระทรวง
แรงงาน และหน่วยงานร่วม ไดแ้ ก่ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงพาณิชย์ กรมประชาสัมพนั ธ์
ซ่ึงแนวทาง/ มาตรการในการจดั สวสั ดิการสังคมผสู้ ูงอายุ ไดจ้ ดั ทายุทธศาสตร์สวสั ดิการสังคมของผสู้ ูงอายุ
ให้มีความสอดคล้องกับยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี และแผนพฒั นาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 12
รวมถึงเสนอแนะให้มีการรวบรวมปรับปรุงพฒั นากฎหมายท่ีเก่ียวขอ้ งกบั สวสั ดิการสังคมผูส้ ูงอายุ ให้มี
ความสอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบนั โดยมีแนวทางการจดั สวสั ดิการสังคมท่ีเหมาะสมกบั ผูส้ ูงอายุ
ครอบคลุม 5 มิติ ได้แก่ 1) ด้านสังคม 2) ด้านสุขภาพ 3) ด้านเศรษฐกิจ 4) ด้านสภาพแวดล้อม และ
5) ดา้ นบริหารจดั การ ดงั น้ี

คณะรัฐศาสตร์และนิตศิ าสตร์ มหาวทิ ยาลยั บูรพา 231

กลุ ญาดา เน่ืองจานงค์ / อนุรัตน์ อนนั ทนาธร

ยทุ ธศาสตร์ท่ี 1 พฒั นาสัมพนั ธภาพ ในครอบครัวโดยส่งเสริมให้ครอบครัวมีกระบวนการเรียนรู้
ร่วมกนั และส่งเสริมความผกู พนั ในครอบครัว หน่วยงานที่เกี่ยวขอ้ ง ไดแ้ ก่ กระทรวงการพฒั นาสังคมและ
ความมนั่ คงของมนุษย์ เป็ นหน่วยงานหลกั ร่วมกบั กระทรวงศึกษาธิการ อบจ., อบต., เทศบาล, กทม.,
พทั ยา

ยทุ ธศาสตร์ท่ี 2 เพิ่มศกั ยภาพการดูแลสุขภาพผูส้ ูงอายุ โดยเสริมสร้างความพร้อมในการเขา้ สู่วยั
สูงอายสุ ่งเสริมความร่วมมือในการดูแลผสู้ ูงอายอุ ยา่ งใกลช้ ิด ส่งเสริมการจดั สวสั ดิการสาหรับผสู้ ูงอายุ

หน่วยงานที่เกี่ยวขอ้ ง ได้แก่ กระทรวงสาธารณสุข เป็ นหน่วยงานหลกั ร่วมกับ อบจ., อบต.,
เทศบาล, กทม., พทั ยาและอาสาสมคั รผสู้ ูงอายใุ นพ้ืนที่ และองคก์ รนอกภาครัฐ เป็นหน่วยงานสนบั สนุน

ยทุ ธศาสตร์ท่ี 3 พฒั นาระบบการจา้ งงานผูส้ ูงอายุ โดยส่งเสริมการจา้ งงานผูส้ ูงอายุ ส่งเสริมให้มี
การจา้ งทางานท่ีบา้ น ส่งเสริมการผลิตอาหาร การเกษตร หรือผลิตสินคา้ เพ่ือจาหน่าย ส่งเสริมให้มีมาตรการ
ทางภาษีสาหรับการจา้ งงานผสู้ ูงอายุ และการจาหน่ายสินคา้ ที่ผลิตโดยผสู้ ูงอายุ

หน่วยงานที่เก่ียวขอ้ ง ไดแ้ ก่ กระทรวงการคลงั เป็ นหน่วยงานหลกั ร่วมกบั กระทรวงแรงงาน
กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงพาณิชย์

ยุทธศาสตร์ที่ 4 พฒั นาข่ายโครงบริการสาธารณะ โดยส่งเสริมให้มีทางลาด ทางเช่ือมทางลาด
และที่จอดรถสาหรับผสู้ ูงอายุ ส่งเสริมใหม้ ีช่องทาง หรือสิ่งอานวยความสะดวกสาหรับผสู้ ูงอายุ

หน่วยงานท่ีเกี่ยวขอ้ ง ไดแ้ ก่ กระทรวงมหาดไทย เป็ นหน่วยงานหลกั ร่วมกบั กระทรวงคมนาคม
กระทรวงวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ส่วนราชการทุกแห่ง ผปู้ ระกอบการทุกแห่ง

ยุทธศาสตร์ที่ 5 บริหารจดั การสวสั ดิการสังคมผูส้ ูงอายุ โดยเสริมสร้างความมนั่ คงของระบบ
สวสั ดิการผูส้ ูงอายุ รวบรวมและปรับปรุงแก้ไขกฎหมายให้ทนั สมยั และครอบคลุมงานสวสั ดิการสังคม
ผสู้ ูงอายุ

หน่วยงานท่ีเก่ียวขอ้ ง ไดแ้ ก่ กระทรวงการคลงั กระทรวงแรงงาน กระทรวงการพฒั นาสังคมและ
ความมนั่ คงของมนุษย์

ข้อเสนอแนะเชิงปฏิบตั ิ
จากปั ญหา ข้อจากัดของการนานโยบายหรื อมาตรการด้านการจัดสวัสดิการผู้สู งอายุ
มีขอ้ เสนอแนะเชิงปฏิบตั ิ ดงั น้ี
1. ด้านสัมพนั ธภาพในครอบครัว หน่วยงานท่ีเก่ียวขอ้ ง ได้แก่ กระทรวงการพฒั นาสังคมและ
ความมนั่ คงของมนุษย์ เป็ นหน่วยงานหลกั ร่วมกบั กระทรวงศึกษาธิการ อบจ., อบต., เทศบาล, กทม.,
พทั ยา ควรจดั ดาเนินการส่งเสริมความสัมพนั ธภาพภายในครอบครัว บูรณาการการจดั สวสั ดิการสังคม
ผสู้ ูงอายุ หล่อหลอมให้ครอบครัวมีความเขม้ แขง็ และมีบทบาทในการสนบั สนุนข้นั ตน้ ร่วมกบั ภาคประชา
สงั คม และองคก์ รไมแ่ สวงผลกาไร

232 วารสารการเมือง การบริหาร และกฎหมาย ปี ท่ี 12 ฉบบั ท่ี 2

C H A P T E R 10

2. การดูแลสุขภาพของผูส้ ูงอายุ ควรใช้ระบบการดูแลสุขภาพระยะยาว (Health care and Long-
term care) โดยมีองค์กรปกครองส่วนท้องถ่ิน ได้แก่ อบจ. อบต. เทศบาล กรุงเทพมหานคร และพทั ยา
เป็นองคก์ รท่ีมีอานาจหนา้ ท่ีในการจดั สวสั ดิการสังคมผสู้ ูงอายุในทอ้ งถ่ิน ใหก้ ารบริการส่งเสริมสุขภาพ และ
การบริการรักษาพยาบาล โดยเนน้ การใหบ้ ริการที่บา้ น เพ่ือสนบั สนุนใหป้ ระชาชนสามารถช่วยตนเองได้

3. หลกั ประกนั รายได้ ควรกาหนดเกณฑ์การจ่ายเบ้ียยงั ชีพผูส้ ูงอายุ ให้สามารถดารงชีวิตไดอ้ ยา่ ง
เพียงพอตามสภาวะเศรษฐกิจ ปรับปรุงระบบบานาญ และระบบประกนั สังคม ให้ทุกคนมีสิทธิไดร้ ับเงิน
บานาญหลงั เกษียณอายุ โดยเงินบานาญประกอบดว้ ย เงินรายได้ (income pension) เงินรางวลั (premium
pension) และเงินประกนั (guarantee pension)

4. การจดั ส่ิงอานวยความสะดวกสาหรับผูส้ ูงอายุ โดยเริ่มที่บา้ นมีทางเดิน ทางลาด ให้ผูส้ ูงอายุ
นอนช้นั ล่าง ไมเ่ ดินข้ึน – ลงบนั ได มีอุปกรณ์ช่วยพยงุ การเดินตามความเหมาะสมของสภาพร่างกาย หอ้ งน้า
มีราวจบั พ้ืนห้องน้า พ้ืนบา้ นปูดว้ ยวสั ดุกนั ล่ืน อาคารสาธารณะ มีลิฟท์ ที่จอดรถ ห้องสุขา และทางเดิน
ทางลาดสาหรับผูส้ ูงอายุ บริการขนส่งมวลชน จดั ให้มีลิฟท์ มีที่นัง่ และท่ีจอดรถผูส้ ูงอายุ รวมถึงบริการ
อานวยความสะดวกสาหรับผสู้ ูงอายุ เช่น บริการช่องทางพิเศษ ไม่ตอ้ งรอนาน เป็นตน้

5. แหล่งเงินสนบั สนุนสวสั ดิการผูส้ ูงอายุ ควรให้ครอบครัวรับผิดชอบร่วมกนั กบั สังคมในการ
ดูแลผสู้ ูงอายุ ไมเ่ ป็นหนา้ ท่ีของรัฐโดยลาพงั และผสู้ ูงอายมุ ีส่วนร่วมกบั สังคมโดยสมทบค่าใชจ้ ่ายดว้ ย

6. ความมน่ั คงของระบบสวสั ดิการผสู้ ูงอายุ เสริมสร้างความมนั่ คงของระบบสวสั ดิการผูส้ ูงอายุ
โดยเสริมสร้างความมนั่ คงทางการเมืองและเศรษฐกิจ ให้ความคุม้ ครองผูส้ ูงอายุโดยใช้ระบบผสมระหวา่ ง
ระบบประกนั สังคม และระบบความช่วยเหลือทางสงั คม

7. กฎหมายเฉพาะสาหรับสวสั ดิการผูส้ ูงอายุ ควรจดั ให้มีกฎหมายสวสั ดิการสังคมผูส้ ูงอายุ
โดยเฉพาะ เช่น พระราชบญั ญตั ิว่าด้วยสวสั ดิการสังคมและบริการสังคม (The Social Services Act) ของ
สวเี ดน โดยเป็ นกฎหมายกลางที่กาหนดกรอบและแนวทางในเรื่องการรับสวสั ดิการและบริการสงั คมจากรัฐ
ของประชาชน มีการบงั คบั ใชก้ ฎหมายรับรองสวสั ดิการเงินบานาญ และนโยบายดูแลผูส้ ูงอายุอย่างเป็ น
ระบบ

ข้อเสนอแนะเพื่อการวจิ ัยคร้ังต่อไป
จากการศึกษาวิจยั ควรทาการศึกษาวิจยั คร้ังต่อไปในประเด็นเกี่ยวกบั สวสั ดิการสังคมผูส้ ูงอายุ
ดงั น้ี
1. ควรทาการศึกษาวิจยั เร่ือง “สวสั ดิการสังคมผูส้ ูงอายุของต่างประเทศ” โดยศึกษาประเทศที่มี
ระบบสวสั ดิการผสู้ ูงอายุเป็ นอนั ดบั ตน้ ๆ ของโลก เช่น สวเี ดน เดนมาร์ก ญี่ป่ ุน โดยทาการวจิ ยั เชิงคุณภาพ
ร่วมกบั การวจิ ยั เชิงปริมาณ เพือ่ นามาเป็นแนวทางสวสั ดิการสงั คมผสู้ ูงอายขุ องไทย

คณะรัฐศาสตร์และนติ ศิ าสตร์ มหาวทิ ยาลยั บูรพา 233

กลุ ญาดา เนื่องจานงค์ / อนุรัตน์ อนนั ทนาธร

2. ควรทาการศึกษาวิจัยเร่ือง “ความต้องการสวสั ดิการสังคมผู้สู งอายุ” โดยทาการศึกษา
เปรียบเทียบในเขตเมืองและเขตชนบท โดยทาการวจิ ยั เชิงคุณภาพร่วมกบั การวจิ ยั เชิงปริมาณ เพื่อนามาเป็ น
แนวทางในการจดั สวสั ดิการสงั คมผสู้ ูงอายใุ หส้ อดคลอ้ งกบั บริบทของสงั คม

3. ควรทาการศึกษาวิจัยเรื่อง “การพัฒนากฎหมายที่เก่ียวข้องกับสวสั ดิการสังคมผูส้ ูงอายุ"
โดยศึกษาแนวทางจากต่างประเทศ ทาการวิจยั เชิงคุณภาพร่วมกบั การวจิ ยั เชิงปริมาณ เพื่อนามาเป็นแนวทาง
ในการปรับปรุงแกไ้ ขกฎหมายใหส้ อดคลอ้ งกบั สถานการณ์

234 วารสารการเมือง การบริหาร และกฎหมาย ปี ที่ 12 ฉบบั ท่ี 2

C H A P T E R 10

รายการอ้างองิ

เกรียงศกั ด์ิ เจริญวงศศ์ กั ด์ิ. (2557). แนวโน้มโลก 2050 ตอนที่ 3: สังคมโลก...สังคมผ้สู ูงอาย.ุ วนั ท่ีคน้ ขอ้ มูล
1 กรกฎาคม 2559, เขา้ ถึงไดจ้ าก http://www.bangkokbiznews.com/blog/detail/611956

ชมพูนุท พรหมภกั ด์ิ. (2556). การเขา้ สู่สงั คมผสู้ ูงอายขุ องประเทศไทย. บทความวิชาการ สานักวิชาการ
สานักงานเลขาธิการวฒุ ิสภา, 3(16), 1-19.

ดนุพล อริยสจั จากร และสมประวณิ มนั ประเสริฐ. (2557). การเปล่ียนแปลงโครงสร้างประชากรและ
ผลกระทบต่อตวั แปรทาง เศรษฐกิจมหภาคของไทย. วารสารประชากรศาสตร์, 30(2), 67-92.

ดารงค์ วฒั นา และคณะ. (2548). โครงการประเมินประสิทธิภาพและผลสมั ฤทธ์ิของแผนยทุ ธศาสตร์การ
พฒั นาจงั หวดั แบบบูรณาการ. กรุงเทพฯ: ศูนยบ์ ริการวชิ าการแห่งจุฬาลงกรณ์มหาวทิ ยาลยั .

พระราชบญั ญตั ิผสู้ ูงอายุ พ.ศ. 2546. (2546, 31 ธนั วาคม). ราชกิจจานุเบกษา. เล่มที่ 120 ตอนที่ 130 ก.
พระราชบญั ญตั ิส่งเสริมการจดั สวสั ดิการสงั คม พ.ศ. 2546. (2546, 1 ตุลาคม). ราชกิจจานุเบกษา. เล่มท่ี

120 ตอนที่ 94.
พระราชบญั ญตั ิการจดั ทายทุ ธศาสตร์ชาติ พ.ศ. 2560. (2560, 31 กรกฎาคม). ราชกิจจานุเบกษา. เล่มที่

134 ตอนที่ 79 ก.
มูลนิธิสถาบนั วจิ ยั และพฒั นาผสู้ ูงอายไุ ทย. (2555). รายงานสถานการณ์ผสู้ ูงอายไุ ทย พ.ศ. 2554.

กรุงเทพฯ: พงษพ์ าณิชยเ์ จริญผล.
รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจกั รไทย พทุ ธศกั ราช 2560. (2560, 6 เมษายน). ราชกิจจานุเบกษา.

เล่ม 134 ตอนท่ี 40 ก.
เลก็ สมบตั ิ และคณะ. (2554). ภาวะสูงวยั อย่างมคี ุณประโยชน์กับการพัฒนาสังคมและเศรษฐกิจใน

ประเทศไทย. รายงานการวจิ ยั . กรุงเทพฯ: สานกั มาตรฐานการพฒั นาสังคมและความมน่ั คงของ
มนุษย์ สานกั งานปลดั กระทรวงการพฒั นาสงั คมและความมน่ั คงของมนุษย.์
วรเมศม์ สุวรรณระดา. (2557). การเปล่ียนแปลงโครงสร้ างประชากรกับผลกระทบต่อเศรษฐกิจ
และสังคม. ใน เอกสารประกอบการสมั มนา เรื่อง การเปล่ียนแปลงโครงสร้างประชากรกบั
อนาคตการพฒั นาประเทศ. วนั ศุกร์ที่ 12 ธนั วาคม พ.ศ. 2557 ณ คอนเวนชนั่ เซ็นเตอร์เอ1 ช้นั 22
โรงแรม เซ็น ทารา แกรนด์ แอท เซ็นทรัลเวลิ ด.์
วรเมศม์ สุวรรณระดา. (2559). ชาญชรา ก้าวสู่สังคมสูงวยั ด้วยความรู้และปัญญา. กรุงเทพฯ:
สานกั งานกองทุนสนบั สนุนการวจิ ยั .

คณะรัฐศาสตร์และนติ ศิ าสตร์ มหาวทิ ยาลยั บูรพา 235

กลุ ญาดา เนื่องจานงค์ / อนุรัตน์ อนันทนาธร

วาสนา อ่ิมเอม. (2557). การเปลี่ยนแปลงโครงสร้างประชากร: ไทยกบั อาเซียน. เอกสารประกอบการ
สมั มนา เรื่อง การเปล่ียนแปลงโครงสร้างประชากรกบั อนาคตการ พฒั นาประเทศ. วนั ศุกร์ท่ี 12
ธนั วาคม พ.ศ. 2557 ณ คอนเวนชนั่ เซ็นเตอร์เอ 1 ช้นั 22 โรงแรมเซ็นทารา แกรนด์ แอท
เซ็นทรัลเวลิ ด.์

ศุทธิดา ชวนวนั . (2556). ประชากรสูงวยั ในอาเซียน. ประชากรและการพฒั นา, 33(4), 11.
สุรชาติ ณ หนองคาย. (2556). การจัดการเชิงกลยทุ ธ์ในการพัฒนาสุขภาพ (พิมพค์ ร้ังที่ 2).

นนทบุรี: มหาวทิ ยาลยั สุโขทยั ธรรมาธิราช.
อนนั ต์ อนนั ตกูล. (2560). สังคมสูงวยั ...ความท้าทายประเทศไทย. เสนอท่ีประชุมราชบณั ฑิตและ

ภาคีสมาชิกสานกั ธรรมศาสตร์และการเมือง ราชบณั ฑิตยสภา.
Business dictionary. (n.d.). Retrieved June 20, 2016, from http://www.businessdictionary.com/

definition/social-welfare.html
David, F. R. (2011). Strategic Management Concepts and Cases (3th ed.). New Jersey:

Prentice Hall.
United Nations, Department of Economic and Social Affairs, Population Division. (2017).

World Population Prospects: The 2017 Revision, Key Findings and Advance Tables. Working
Paper No. ESA/P/WP/248. New York: United Nations.

236 วารสารการเมือง การบริหาร และกฎหมาย ปี ท่ี 12 ฉบบั ที่ 2

C H A P T E R 11

แนวทางการจดั สรรงบประมาณผ้สู ูงอายุท่เี หมาะสมของประเทศไทย
Guidelines for Appropriating Budget for the Elderly in Thailand

เดชาวตั คงคานอ้ ย (Dechawat Kongkanoi)1
บรรพต วริ ุณราช (Banpot Wiroonrath)2
ธีทตั ตรีศิริโชติ (Teetut Tresirichod)3
1นิสิตหลกั สูตรปรัชญาดุษฎีบณั ฑิต สาขาวชิ าการจดั การสาธารณะ วทิ ยาลยั พาณิชยศาสตร์

มหาวทิ ยาลยั บูรพา
Doctor of Philosophy Program in Public Enterprise Management Graduate School of Commerce,

Burapha University
2รองศาสตราจารย์ ดร., ที่ปรึกษาหลกั ดุษฎีนิพนธ์, 3ดร., ท่ีปรึกษาร่วมดุษฎีนิพนธ์ วทิ ยาลยั พาณิชยศาสตร์

มหาวทิ ยาลยั บูรพา
Thesis Advisor, Assoc. Prof. Dr., Thesis Co-Advisor, Dr., Graduate School of Commerce,

Burapha University
E-mail: [email protected]

Received: 7 June 2019
Revised: 12 September 2019

Accepted: 1 October 2019

บทคดั ย่อ

การวิจยั คร้ังน้ีมีวตั ถุประสงคเ์ พื่อศึกษาแนวทางการจดั สรรงบประมาณผูส้ ูงอายุที่เหมาะสมของ
ประเทศไทย โดยใช้วิธีการวจิ ยั แบบผสม (Mixed Methodology) แบ่งเป็ น 3 ข้นั ตอนประกอบดว้ ย (1) การ
วิจยั เอกสาร (Document Research) โดยทาการวิเคราะห์เน้ือหาท่ีเก่ียวข้อง ได้แก่ นโยบายท่ีเก่ียวข้องกับ
ผูส้ ูงอายุ การจดั สรรงบประมาณตามยุทธศาสตร์การจดั สรรรายจ่ายประจาปี ที่เก่ียวขอ้ งกบั ผูส้ ูงอายุ รวมถึง
สภาพเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศ (2) การวิจยั เชิงคุณภาพ (Qualitative Research) ด้วยการสัมภาษณ์
เชิงลึก (In-depth Interview) กบั ผูใ้ ห้ขอ้ มูลสาคญั ท่ีเก่ียวขอ้ งการจดั สรรงบประมาณผูส้ ูงอายุ จานวน 23 คน
(3) การวิจยั เชิงปริมาณ (Quantitative Research) โดยทาการวิเคราะห์ข้อมูลทางสถิติ และ (4) การยืนยนั
ผลการวจิ ยั โดยการสัมภาษณ์ผใู้ หข้ อ้ มูล 6 คน ไดแ้ ก่ นกั วเิ คราะห์งบประมาณ ผอู้ านวยการกองพฒั นาระบบ

คณะรัฐศาสตร์และนิตศิ าสตร์ มหาวทิ ยาลยั บูรพา 237

เดชาวตั คงคาน้อย/ บรรพต วริ ุณราช/ ธีทตั ตรีศิริโชติ

งบประมาณและการจดั การ นกั ส่งเสริมการปกครองทอ้ งถ่ิน และนกั วชิ าการสถิติ เครื่องมือท่ีใชใ้ นการวิจยั
คือ แบบสัมภาษณ์เชิงลึก 2 ฉบบั วเิ คราะห์ขอ้ มูลโดยใชส้ ถิติเชิงพรรณนา ไดแ้ ก่ ค่าความถ่ี และค่าร้อยละ สถิติ
เชิงอา้ งอิง คือ การวเิ คราะห์ถดถอยพหุคูณ (Multiple Regression)

ผลการวิจยั พบวา่ ยทุ ธศาสตร์ที่ 4 ดา้ นการแกไ้ ขปัญหาความยากจน ลดความเหลื่อมและสร้างการ
เติบโตจากภายใน จัดทาแผนบูรณาการสร้างความเสมอภาคเพื่อรองรับสังคมผูส้ ูงอายุ ในการจดั สรร
งบประมาณผูส้ ูงอายุ ประกอบด้วย ด้านความมั่นคงเศรษฐกิจและสังคม ด้านการพฒั นาระบบการดูแล
ผูส้ ูงอายุระยะยาว ดา้ นการสร้างสภาพแวดลอ้ มท่ีเอ้ือต่อการดารงชีวติ ของสังคมผูส้ ูงวยั หน่วยงานท่ีไดร้ ับ
การจดั สรรงบประมาณสาหรับผูส้ ูงอายุ ประกอบดว้ ย กระทรวงพฒั นาสังคมและความมนั่ คงของมนุษย์
กระทรวงสาธารณสุข กระทรวงมหาดไทย กระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงแรงงาน กรมส่งเสริมการ
ปกครองท้องถิ่น สานักงานประกันสังคม สานักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ สานักงานกองทุน
สนบั สนุนการสร้างเสริมสุขภาพ สานกั งานพฒั นาสังคมและความมน่ั คงของมนุษย์ กองทุนบาเหน็จบานาญ
ข้าราชการ กองทุนการออมแห่งชาติ กรุงเทพมหานคร ซ่ึงจานวนเงินงบประมาณท่ีรัฐจดั สรรให้กับ
หน่วยงานต่าง ๆ เพ่ือใชก้ บั ผสู้ ูงอายใุ นแตล่ ะปี น้นั เพิม่ ข้ึนหรือลดลงมีผลมาจากจานวนผสู้ ูงอายุ อตั ราเงินเฟ้อ
ปัจจยั ที่ใชใ้ นการประมาณการงบประมาณผูส้ ูงอายุ ไดแ้ ก่ เงินภาษี จานวนผูส้ ูงอายุ ประกนั สังคม กองทุน
สารองเล้ียงชีพ กองทุนการออมแห่งชาติ เงินกองทุนรวมเพื่อการเล้ียงชีพ เงินประกนั ชีวิตแบบบานาญ อตั รา
เงินเฟ้อ รายไดค้ รัวเรือน ความเติบโตทางเศรษฐกิจ อตั ราการเกิด อตั ราการตาย คนท่ีอยู่ในวยั ทางาน และ
ความยนื ยาวของชีวติ ตามลาดบั

ปัจจยั สาคญั ท่ีเก่ียวขอ้ งกบั งบประมาณผูส้ ูงอายุ คือ นโยบายของภาครัฐ ดา้ นเศรษฐกิจ การเงิน
การคลัง ด้านสังคม ด้านความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี ด้านสภาพแวดล้อม และด้านกฎหมาย ปัจจยั ที่
สามารถทานายการจดั สรรงบประมาณ ไดแ้ ก่ รายไดจ้ ากการจดั เก็บภาษีของรัฐ จานวนผสู้ ูงอายุ มูลค่า GDP
(ผลิตภณั ฑ์มวลรวมในประเทศไทย) รายได้ครัวเรือน และอัตราการตาย (จานวนราย/ ปี ) และค่าเฉล่ีย
งบประมาณผูส้ ูงอายุของประเทศไทยต่อคนต่อเดือน และมีค่าเฉลี่ยความคลาดเคลื่อนสมบูรณ์เท่ากบั 4.75
เปอร์เซ็นต์ ซ่ึงมีความเหมาะสมในการคานวณหางบประมาณผสู้ ูงอายขุ องประเทศไทย

คาสาคญั : แนวทางการจดั สรรงบประมาณ, ผสู้ ูงอายุ

Abstract

The purposes of this research were to study the guideline for appropriating budget for the
elderly in Thailand. The methodology was mixed method divided into 3 steps consisting of (1) Document
research for content analysis i.e. elderly policy, budget allocation according to the expenditure strategy to
the elderly, and the overall economy of the country. (2) Qualitative research used in-depth interview with

238 วารสารการเมือง การบริหาร และกฎหมาย ปี ท่ี 12 ฉบับที่ 2

C H A P T E R 11

23 key informants related the allocation budget for the elderly. (3) Quantitative research by analyzing
statistical data. (4) Confirmation of research results by interviewing 6 informants including budget
analysts, director of budget development and management division, local government promoters and
statistician. The instrument in this research were 2 in-depth interviews. Data analyzed using descriptive
statistics including frequency and percentage. Reference statistics were multiple regression.

It was found from the research show that : strategy 4 on solving poverty problems, reduce
overlap and create from within, create an integrated plan to equality to support the elderly society. The
elderly budget allocation consists security of economy and society, development of long-term care system
for the elderly, creation of an environment that is conducive to the lives of the elderly society.
Organization that have been allocated budgets for the elderly consists of the ministry of social
development and human security, ministry of public health, ministry of interior, ministry of education,
ministry of labour, department of local administration, social security office, national health security
office, Thai Health Promotion Foundation, Government Pension Fund, National Saving Fund, Bangkok.
The amount of budget allocated by the government to various agencies for use with the elderly in each
year increases or decreases resulting from the number of elderly, inflation. Factors used in estimating the
elderly budget are taxes, number of elderly, social security, provident fund, national savings fund,
retirement mutual fund, pension insurance, inflation, household income, economic growth, birth rate,
mortality rate.

The important factors related to the elderly budget are government policies, economic,
financial, social and technological advances, environment and legal. Factors that can predict budget
allocation are income from taxation, amount of elderly, gross domestic product in Thailand, household
income, mortality rate (number of case/year), the average budget for the elderly in Thailand per person per

month. The average error is 4.75 percent which is appropriate to calculate the elderly budget of Thailand.

Keywords: Guidelines for appropriating budget, Elder

คณะรัฐศาสตร์และนิตศิ าสตร์ มหาวทิ ยาลยั บูรพา 239

เดชาวตั คงคาน้อย/ บรรพต วริ ุณราช/ ธีทตั ตรีศิริโชติ

บทนา

รัฐบาลได้กาหนดยุทธศาสตร์การจดั สรรงบประมาณรายจ่ายประจาปี งบประมาณ พ.ศ. 2560
ท่ีเก่ียวขอ้ งกบั ผูส้ ูงอายุไวใ้ น 2 ยุทธศาสตร์ คือ ยุทธศาสตร์ที่ 3 ยุทธศาสตร์ดา้ นการพฒั นาและเสริมสร้าง
ศกั ยภาพคน เงินงบประมาณจานวน 229,161.7 ลา้ นบาท แบ่งเป็ น 5 แผนงาน คือ แผนงานที่ 3.1 แผนงาน
บูรณาการพฒั นาศกั ยภาพคนตามช่วงวยั จานวนเงินงบประมาณ 7,536.8 ล้านบาท แผนงานที่ 3.2 แผนงาน
บูรณาการยกระดบั คุณภาพการศึกษาและการเรียนรู้ตลอดชีวิตจานวน 8,239.8 ลา้ นบาท แผนงานท่ี 3.3 แผนงาน
ยุทธศาสตร์พฒั นาด้านสาธารณสุขและสร้างเสริมสุขภาพเชิงรุก จานวน 2,051.9 ล้านบาท แผนงานที่ 3.4
แผนงานยุทธศาสตร์ส่งเสริมและพัฒนากีฬาและนันทนาการ จานวน 106.1 ล้านบาท และแผนงานที่ 3.5
แผนงานพ้ืนฐานด้านการพฒั นาและเสริมสร้างศกั ยภาพคน จานวน 211,227.1 ลา้ นบาท และยุทธศาสตร์ที่ 4
ยทุ ธศาสตร์ดา้ นการการแกไ้ ขปัญหาความยากจนลดความเล่ือมล้าและสร้างการเติบโตจากภายใน เงินงบประมาณ
239,783.0 ลา้ นบาท แบ่งเป็ น 7 แผนงาน คือ แผนงานที่ 4.1 แผนงานบูรณาการพฒั นาเศรษฐกิจฐานรากและ
ชุมชนเขม้ แข็ง จานวน 4,889.8 ลา้ นบาท แผนงานที่ 4.2 แผนงานบูรณาการจดั การปัญหาท่ีดินทากิน จานวน
272.0 ล้านบาท แผนงานที่ 4.3 แผนงานบูรณาการพฒั นาระบบประกันสุขภาพ จานวน 200,198.1 ล้านบาท
แผนงานท่ี 4.4 แผนงานบูรณาการสร้างความเสมอภาคเพ่ือรองรับสังคมผูส้ ูงอายุ จานวน 1,041.4 ล้านบาท
แผนงานท่ี 4.5 แผนงานยุทธศาสตร์ เสริมสร้างสวสั ดิการสังคมและยกระดบั คุณภาพชีวิต จานวน 7,510.3
ลา้ นบาท แผนงานที่ 4.6 แผนงานยุทธศาสตร์ส่งเสริมและพฒั นาศาสนา ศิลปะ และวฒั นธรรม จานวน 1,184.8
ล้านบาท แผนงานท่ี 4.7 แผนงานพ้ืนฐานด้านการแก้ไขปัญหาความยากจน ลดความเหล่ือมล้าและสร้างการ
เติบโตจากภายใน จานวน 24,686.6 ลา้ นบาท (สานักงบประมาณ, 2560) ในแผนพฒั นาเศรษฐกิจและสังคม
แห่งชาติ ฉบบั ท่ี 12 (พ.ศ. 2560 – 2564) แผนยุทธศาสตร์ชาติระยะ 20 ปี (พ.ศ. 2560 - 2579) และแผนงาน
บูรณาการสร้างความเสมอภาคเพ่ือรองรับสังคมผูส้ ูงอายุของสานักงบประมาณ ปี พ.ศ. 2560 ได้ให้
ความสาคญั กบั ประชากรสูงอายุของประเทศที่จะเพ่ิมจานวนมากข้ึนอย่างรวดเร็ว หากไม่มีการเตรียม
ความพร้อมยอ่ มส่งผลเสียต่อศกั ยภาพทางเศรษฐกิจของประเทศ รูปแบบการใชจ้ ่าย การลงทุนและการออม
ตลอดจนค่าใช้จ่ายด้านสุ ขภาพ ความมั่นคงทางสังคมและคุณภาพชีวิตของผู้สูงอายุได้ โดยสานัก
งบประมาณได้ต้ังงบประมาณบูรณาการสร้างความเสมอภาคเพ่ือรองรับสังคมผู้สูงอายุ ปี พ.ศ. 2560
เป็ นจานวนเงิน 1,065,029,500 บาท ซ่ึงสูงกวา่ ปี พ.ศ. 2559 ที่ไดต้ ้งั งบประมาณไว้ จานวน 696,582,600 บาท
เพ่ิมข้ึนเป็ นเงิน 368,446,900 บาท ในขณะท่ีงบประมาณรายจ่ายรวมของประเทศ ปี พ.ศ.2560 ต้งั ไวเ้ ป็ น
จานวนเงิน 2,733,000 ลา้ นบาท เพิ่มจากปี พ.ศ. 2559 จานวน 13,000 ลา้ นบาท เพ่ิมข้ึนร้อยละ 0.5 คิดเป็ น
สัดส่วนร้อยละ 18.4 ของผลิตภณั ฑ์มวลรวมในประเทศ (GDP: 14,814,100 ลา้ นบาท) (สานกั งบประมาณ,
2559)

240 วารสารการเมือง การบริหาร และกฎหมาย ปี ท่ี 12 ฉบบั ท่ี 2

C H A P T E R 11

สถานการณ์ผสู้ ูงอายขุ องประเทศไทย ไดม้ ีการประมาณการประชากรจากสานกั งานคณะกรรมการ
พฒั นาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ที่สรุปว่า ภายในปี พ.ศ. 2566 ประชากรที่มีอายุ 60 ปี ข้ึนไป จะมี
จานวนเพิ่มข้ึนเป็ น 14.1 ลา้ นคน คิดเป็ นร้อยละ 21 ของประชากรท้งั หมด ประเทศไทยจะกลายเป็ น “สังคม
สูงวยั อยา่ งสมบูรณ์” และในเวลาไม่ถึง 20 ปี กล่าวคือในปี พ.ศ. 2576 ประเทศไทยจะมีประชากรอายุ 60 ปี
ข้ึนไปมากถึง 18.7 ลา้ นคน หรือคิดเป็นร้อยละ 29 ของประชากรท้งั หมด ในขณะเดียวกนั ดส่วนประชากรวยั
เด็กอายุต่ากวา่ 15 ปี ก็จะลดลงเรื่อย ๆ จากที่มีอยูร่ ้อยละ 19 ในปี พ.ศ. 2556 จะลดลงเหลือเพียงร้อยละ 14
ของประชากรท้ังหมด ในปี พ.ศ. 2576 ประเทศไทยก็จะกลายเป็ น “สังคมสูงวยั ระดบั สุดยอด” นั่นคือ
มีประชากรสูงอายุ 60 ปี ข้ึนไปมากถึงหน่ึงในสี่ของประชากรท้งั หมด (สานักงานคณะกรรมการพฒั นา
เศรษฐกิจและสงั คมแห่งชาติ, 2559)

เมื่อผูส้ ูงอายุมีจานวนมากข้ึน งบประมาณรายจ่ายและสวสั ดิการต่าง ๆ ที่จาเป็ นสาหรับผูส้ ูงอายุ
ตอ้ งมีการจดั สรรเพ่ิมข้ึนเป็ นเงาตามตวั รัฐบาลได้กาหนดนโยบายต้งั แต่อดีตถึงปัจจุบันท่ีเก่ียวข้องกับ
ผสู้ ูงอายุ คือ 1) ความเจริญกา้ วหนา้ ในการพฒั นาประเทศดา้ นเศรษฐกิจและสังคมทาให้คนไทยมีสุขภาพดี
อายุยืนยาว 2) การออกกฎหมายพระราชบัญญัติผู้สูงอายุ เพ่ือรองรับสิทธิของผูส้ ูงอายุตามที่ระบุไวใ้ น
รัฐธรรมนูญ และเป็ นเครื่องมือที่สาคัญท่ีต้องนานโยบายและแผนด้านผู้สูงอายุไปปฏิบัติให้เกิดผล
3) การจดั สรรงบประมาณสวสั ดิการผูส้ ูงอายุ และ 4) การเตรียมความพร้อมในการเขา้ สู่สังคมผูส้ ูงอายุที่มี
คุณภาพ

ภาระค่าใช้จ่ายของชุดสวสั ดิการผูส้ ูงอายุเมื่อเทียบกับรายได้ของภาครัฐหรือเทียบกับฐานรายได้
ประชาชาติ หากเศรษฐกิจไทยขยายตวั ไดร้ ้อยละ 7 ต่อปี ในรูปตวั เงินงบประมาณสวสั ดิการผสู้ ูงอายุ คิดเป็ น
ร้อยละ 7.9 - 10.2 ของรายได้ประชาชาติ แต่จะใช้ชุดสวสั ดิการ 1 หรือ 2 หรือ 3 โดยมีแนวโน้มเพ่ิมข้ึนตาม
ช่วงเวลาอย่างช้า ๆ ตามการเพิ่มข้ึนของสัดส่วนของผูส้ ูงอายุในโครงสร้างประชากร มีความเส่ียงต่อ
ความยงั่ ยืนของการจดั สรรสวสั ดิการให้แก่ผูส้ ูงอายุ เน่ืองจากสภาวะเศรษฐกิจโลกท่ีผนั ผวนอนั ส่งผลต่อ
ประเทศไทยที่มีระบบเศรษฐกิจแบบเปิ ด พ่ึงพิงการส่งออกในสัดส่วนท่ีสูง ส่งผลให้รายไดป้ ระชาชาติและ
รายไดข้ องรัฐบาลอาจลดลงจนก่อให้เกิดปัญหาต่อการจดั สรรทรัพยากรให้แก่กิจกรรมทางเศรษฐกิจและ
สงั คมต่าง ๆ ได้ นอกจากน้ีรัฐยงั มีภาระรายจา่ ยประจาต่าง ๆ และความจาเป็นในการลงทุนของภาครัฐ ปัญหา
หน้ีสินภาครัฐท่ีมีแนวโนม้ เพ่ิมข้ึน รวมท้งั รายจ่ายดา้ นการเมืองจากนโยบายประชานิยมต่าง ๆ นาไปสู่ขอ้ จากดั
ในการใชจ้ ่ายงบประมาณของรัฐบาลได้ รัฐบาลควรจะหาแนวทางในการสร้างความยง่ั ยนื ในการจดั สวสั ดิการ
แก่ผสู้ ูงอายุ (สานกั สวสั ดิการผสู้ ูงอาย,ุ 2559)

จากการจัดสรรงบประมาณผูส้ ูงอายุที่ผ่านมาของประเทศไทย จึงเกิดคาถามว่า การจัดสรร
งบประมาณผูส้ ูงอายุของประเทศเหมาะสมหรือไม่ อย่างไร และการท่ีประเทศไทยกาลงั ก้าวเขา้ สู่สังคม
ผูส้ ูงอายุยอ่ มส่งผลทาใหป้ ัจจยั การผลิตดา้ นแรงงานลดลง การออมลดลง ปัญหาการเตรียมความพร้อมของ

คณะรัฐศาสตร์และนิตศิ าสตร์ มหาวทิ ยาลยั บูรพา 241

เดชาวตั คงคาน้อย/ บรรพต วริ ุณราช/ ธีทตั ตรีศิริโชติ

หน่วยงานรัฐเพ่อื รองรับการเปลี่ยนแปลงของโครงสร้างประชากร ภาระคา่ ใชจ้ ่ายในดา้ นต่าง ๆ ที่เพ่ิมมากข้ึน
เช่น ค่าใช้จ่ายทางด้านสวสั ดิการและการรักษาพยาบาลที่เพ่ิมข้ึน ซ่ึงจะเกิดผลกระทบกับงบประมาณ
ดา้ นต่าง ๆ ของรัฐโดยตรง และเม่ือสิ้นสุดแผนพฒั นาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบบั ท่ี 13 (พ.ศ. 2565 -
2569) ประเทศไทยกจ็ ะเขา้ สู่สังคมผสู้ ูงอายโุ ดยสมบูรณ์ (Aged Society) (มูลนิธิพฒั นาผสู้ ูงอาย,ุ 2556) ดงั น้นั
การจดั สรรงบประมาณผสู้ ูงอายทุ ่ีเหมาะของประเทศไทย ควรเป็ นอยา่ งไร จากความเป็ นมาและความสาคญั
ของปัญหาดงั กล่าว จึงเป็ นท่ีมาของวตั ถุประสงคข์ องศึกษา คือ แนวทางการจดั สรรงบประมาณผูส้ ูงอายุท่ี
เหมาะสมของประเทศไทย

วตั ถุประสงค์การวจิ ัย

เพื่อศึกษาแนวทางการจดั สรรงบประมาณผสู้ ูงอายทุ ่ีเหมาะสมของประเทศไทย

กรอบแนวคดิ ในการวจิ ยั

กรอบแนวคิดในการวจิ ยั คร้ังน้ีประกอบดว้ ย

ปัจจัยทเ่ี กย่ี วข้องกบั การจัดสรร หน่วยงานที่เกี่ยวขอ้ ง แนวทางการจดั สรร
กบั การจดั สรร งบประมาณผสู้ ูงอายทุ ่ี
งบประมาณผ้สู ูงอายุของภาครัฐ
การคาดการณ์งบประมาณ งบประมาณผสู้ ูงอายุ เหมาะสมของ
ที่มาของเงินงบประมาณ ประเทศไทย
จานวนผสู้ ูงอายุ
รายไดป้ ระชาชาติ
สภาพแวดลอ้ มทางเศรษฐกิจ
นโยบายของรัฐบาล

ทบทวนวรรณกรรม

การศึกษาคร้ังน้ีเป็ นการศึกษาแนวทางการจดั สรรงบประมาณผูส้ ูงอายุที่เหมาะสมของประเทศ
ไทย ผูว้ ิจยั ได้ศึกษารวบรวมแนวคิด ทฤษฎีที่เก่ียวข้อง ประกอบด้วย แผนผูส้ ูงอายุแห่งชาติ พ.ศ. 2546
มีวิสัยทศั น์ว่า ผูส้ ูงอายุ เป็ นบุคคลท่ีมีประโยชน์ต่อสังคม และสมควรส่งเสริมให้คงคุณค่าไวใ้ ห้นานท่ีสุด
โดยมีสวสั ดิการจากรัฐเป็ นระบบเสริม เพื่อให้เกิดหลกั ประกันในวยั สูงอายุ และความมน่ั คงทางสังคม
เพ่ือเป็ นแผนยุทธศาสตร์แห่งชาติ มีการกาหนดมาตรการต่าง ๆ ไวช้ ัดเจน รวมท้งั การกาหนดดชั นีและ

242 วารสารการเมือง การบริหาร และกฎหมาย ปี ที่ 12 ฉบับท่ี 2

C H A P T E R 11

เป้าหมายของแต่ละมาตรการให้แก่หน่วยงานต่าง ๆ ท่ีจดั บริการสาหรับผูส้ ูงอายุตอ้ งจดั ทาแผนปฏิบตั ิการ
ของหน่วยงานตามวตั ถุประสงคข์ องแผน คือ 1) สร้างจิตสานึกให้คนในสังคม ตระหนกั ถึงความสาคญั ของ
ผูส้ ูงอายุ 2) ให้ประชาชนทุกคนเตรียมการการเขา้ สู่การเป็ นผูส้ ูงอายุอย่างมีคุณภาพ 3) เพ่ือให้ผูส้ ูงอายุ
ดารงชีวิตอย่างมีศกั ด์ิศรี พ่ึงตนเองได้ มีคุณภาพชีวิตและมีหลักประกนั 4) เพื่อให้ประชาชน ครอบครัว
ชุมชน องคก์ ารภาครัฐ และเอกชน มีส่วนร่วมในภารกิจดา้ นผูส้ ูงอายุ และถือเป็ นภารกิจสาคญั ขององคก์ าร
5) เพื่อให้มีกรอบ และแนวทางปฏิบัติสาหรับส่วนต่าง ๆ ในสังคม ได้ปฏิบัติงานอย่างประสานและ
สอดคลอ้ งกนั ในการกาหนดนโยบายผสู้ ูงอายนุ ้นั รัฐบาลตอ้ งเพ่ิมบทบาทต่อการกาหนดนโยบายสวสั ดิการ
สังคมสาหรับผูส้ ูงอายุให้ครอบคลุมและเพียงพอ สิ่งท่ีจดั ให้ตอ้ งสอดคลอ้ งกบั ความตอ้ งการของผูส้ ูงอายุ
อย่างแท้จริง โดยมีรูปแบบแนวทางในการพฒั นาระบบการจดั สรรงบประมาณและสวสั ดิการสาหรับ
ผูส้ ูงอายุ ในทิศทางเพ่ือรองรับการเข้าสู่สังคมผูส้ ูงอายุของประเทศไทยอย่างเต็มภาคภูมิมีเป้าหมาย คือ
เมื่อประเทศไทยกา้ วสู่สังคมผสู้ ูงอายุ สามารถเป็ นผูน้ ารูปแบบระบบการจดั สรรงบประมาณและสวสั ดิการ
สังคมผสู้ ูงอายใุ นกลุ่มประเทศอาเซียนอยา่ งมีประสิทธิภาพ

สถาบนั วิจยั เพื่อการพฒั นาประเทศไทย สานักส่งเสริมและพิทกั ษ์ผูส้ ูงอายุ (สทส.) สานักงาน
ส่งเสริมสวสั ดิภาพและพิทกั ษเ์ ด็ก เยาวชน ผดู้ อ้ ยโอกาส และผสู้ ูงอายุ (สท.) (2555) เสนอแนะวา่ เพื่อให้การ
จดั สวสั ดิการผูส้ ูงอายุ เป็นไปไดใ้ นทางปฏิบตั ิและมีความยง่ั ยนื จาเป็ นตอ้ งวเิ คราะห์แนวโนม้ ของสวสั ดิการ
ผสู้ ูงอายุที่ตอ้ งคานึงถึงปัจจยั ท่ีมีผลต่องบประมาณสวสั ดิการผูส้ ูงอายุบางประการ ไดแ้ ก่ การกา้ วเขา้ สู่สังคม
ผูส้ ูงอายุทาให้มีจานวนผูส้ ูงอายุที่มากข้ึน และส่งผลให้ค่าใช้จ่ายเพื่อสวสั ดิการผสู้ ูงอายเุ พ่ิมข้ึนตามไปดว้ ย
แนวโน้มท่ีจะมีการเพ่ิมอายุเกษียณ ซ่ึงมีผลต่อการรับ/ จ่ายเงินของโครงการต่างๆ (วิเคราะห์เป็ น scenarios
ที่อายตุ า่ ง ๆ) โดยช่วยขยายระยะเวลาการสมทบเงินเขา้ โครงการ ในขณะเดียวกนั ก็เป็ นการยืดอายกุ ารจ่ายเงิน
ออกไป และเป็ นผลใหช้ ่วยลดงบประมาณ รายจ่ายเพื่อสวสั ดิการผสู้ งูอายลุ ง และแนวโนม้ การเปล่ียนแปลง
ของกลุ่มแรงงานในระบบ/ นอกระบบ ซ่ึงมีผลต่อโครงสร้างรายได้ รายจ่ายของระบบประกนั สังคม และ
กอช.

การจดั สวสั ดิการตามนโยบายของรัฐบาลจะเกี่ยวข้องกับงบประมาณ ซ่ึงงบประมาณจะเป็ น
แผนการเงินเก่ียวกบั รายรับรายจ่าย เป็ นกลไกการควบคุมการเงิน อีกท้งั ยงั เป็ นเคร่ืองมือในการบริหารงาน
ตามนโยบาย (ดวงมณี เลาวกุล, 2548, หนา้ 23) งบประมาณ ยงั หมายถึงรายงานที่เป็ นตวั เลขท่ีคาดการณ์ระดบั
กิจกรรมที่เกิดข้ึน โดยงบประมาณมีความเก่ียวขอ้ งกบั เหตุการณ์ที่เกิดข้ึนในอนาคต เป้าหมายของงบประมาณ
คือ การคาดคะเนถึงกิจกรรมที่จะเกิดข้ึนในอนาคต (กชกร เฉลิมกาญจนา, 2548, หน้า 3) ดงั น้นั งบประมาณ
เป็ นแผนการใชจ้ ่ายเงินตามวตั ถุประสงคต์ ่าง ๆ ขององคก์ รในอนาคต ในช่วงเวลาหน่ึงและเป็ นเครื่องมือในการ
ควบคุมโครงการกิจกรรม และงานที่จะดาเนินการในอนาคต

คณะรัฐศาสตร์และนติ ศิ าสตร์ มหาวทิ ยาลยั บูรพา 243


Click to View FlipBook Version