The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

ปลาย หลักสูตรสถานศึกษาโรงเรียนพระปฐมวิทยาลัย 2

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search

ปลาย หลักสูตรสถานศึกษาโรงเรียนพระปฐมวิทยาลัย 2

ปลาย หลักสูตรสถานศึกษาโรงเรียนพระปฐมวิทยาลัย 2

Keywords: หลักสูตรสถานศึกษาโรงเรียนพระปฐม,วิทยาลัย

597

5. เกณฑก ารจบการศึกษา

598

เกณฑก ารจบการศกึ ษา

ระดบั มธั ยมศกึ ษา
1. การตดั สนิ ผลการเรียน

หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 กําหนดหลักเกณฑการวัดและ
ประเมินผลการเรียนรู เพ่ือตัดสนิ ผลการเรียนของผูเรยี น ดังนี้

1) ตัดสินผลการเรียนเปนรายวิชา ผูเรียนตองมีเวลาเรียนตลอดภาคเรียนไมนอยกวารอยละ
80 ของเวลาเรียนทงั้ หมดในรายวิชานน้ั ๆ

2) ผเู รยี นตอ งไดรับการประเมนิ ทุกตัวช้วี ดั และผา นตามเกณฑทสี่ ถานศกึ ษากําหนด
3) ผเู รียนตองไดร ับการตดั สนิ ผลการเรียนทกุ รายวชิ า
4) ผูเรยี นตองไดรับการประเมินและมีผลการประเมินผานตามเกณฑท่ีสถานศึกษากําหนดใน
การอาน คดิ วเิ คราะห และเขียน คุณลักษณะอนั พึงประสงค และกจิ กรรมพฒั นาผูเรยี น
เพ่ือใหการจัดการเรียนการสอนมีประสิทธิภาพ ผูสอนตองตรวจสอบความรูความสามารถ
ท่ีแสดงพัฒนาการของผูเรียนอยางสมํ่าเสมอและตอเน่ือง อีกทั้งตองสรางใหผูเรียนรับผิดชอบ
การเรียนรูของตนดวยการตรวจสอบความกาวหนาในการเรียนของตนเองอยางสม่ําเสมอเชนกัน
ตัวช้ีวัดซ่ึงมีความสําคัญในการนาํ มาใชออกแบบหนวยการเรียนรูนั้นยังเปนแนวทางสําหรับผูสอนและ
ผูเรียนใชในการตรวจสอบยอนกลับวาผูเรียนเกิดการเรียนรูหรือยัง การประเมินในช้ันเรียนซ่ึงตอง
อาศัยท้ังการประเมินเพ่ือการพัฒนาและการประเมิน เพื่อสรุปการเรียนรูจะเปนเคร่ืองมือสําคัญ
ในการตรวจสอบความกา วหนาในการเรยี นรูข องผูเ รยี น สถานศึกษา โดยผูสอนกําหนดเกณฑทีย่ อมรับ
ไดในการผานตัวช้ีวัดทุกตัวใหเหมาะสมกับบริบทของสถานศึกษา กลาวคือ ใหทาทายการเรียนรู
ไมยากหรืองายเกินไป เพ่ือใชเปนเกณฑในการประเมนิ วาสิ่งท่ีผูเ รียนรู เขาใจ ทําไดน้ัน เปน ที่นาพอใจ
บรรลุตามเกณฑท ่ียอมรับได หากยังไมบรรลุจะตองหาวิธกี ารชวยเหลือ เพื่อใหผูเรียนไดร ับการพัฒนา
สูงสุด การกําหนดเกณฑน้ีผูสอนสามารถใหผูเรียนรวมกําหนดดวยได เพื่อใหเกิดความรับผิดชอบ
รวมกันและสรางแรงจูงใจในการเรียน การประเมินเพ่ือการพัฒนาสวนมากเปนการประเมิน
อยางไมเปนทางการ เชน สังเกต หรือซักถาม หรือการทดสอบยอย ในการประเมินเพื่อการพัฒนานี้
ควรใหผูเรียนไดรับการพัฒนาจนผานเกณฑท่ียอมรับได ผูเรียนแตละคนอาจใชเวลาเรียนและวิธี
การเรียนท่ีแตกตางกัน ฉะน้ัน ผูสอนควรนําขอมูลที่ไดมาใชปรับวิธีการสอนเพื่อใหผูเรียนไดรับ
การพัฒนาเต็มศักยภาพ อันจะนําไปสูการบรรลุมาตรฐานการเรียนรูในทายท่ีสุดอยางมีคุณภาพ
การประเมินเพื่อการพัฒนาจึงไมจําเปนตองตัดสินใหคะแนนเสมอไป การตัดสินใหคะแนนหรือใหเปน
ระดับคุณภาพควรดาํ เนินการโดยใชก ารประเมนิ สรปุ ผลรวมเมอ่ื จบหนว ยการเรยี นรูแ ละจบรายวิชา

599

การตัดสินผลการเรียน ตัดสินเปนรายวิชา โดยใชผลการประเมินระหวางภาคและปลายภาค
ตามสัดสวนที่สถานศึกษากําหนด ทุกรายวิชาตองไดรับการตัดสินและใหระดับผลการเรียน ท้ังนี้
ผเู รียนตองผา นทกุ รายวชิ าพืน้ ฐาน
2. การใหร ะดับผลการเรยี น

การตัดสนิ เพ่ือใหระดับผลการเรียนรายวิชาของกลุม สาระการเรียนรู ใหใชตัวเลขแสดงระดับ
ผลการเรียนเปน 8 ระดบั การตัดสินผลการเรียนในระดบั การศกึ ษาขั้นพน้ื ฐานใชระบบผานและไมผา น
โดยกําหนดเกณฑการตัดสินผานแตละรายวิชาท่ีรอยละ 50 จากนั้นจึงใหระดับผลการเรียนที่ผาน
สําหรับระดับมัธยมศึกษาตอนตนและตอนปลาย ใชตัวเลขแสดงระดับผลการเรียนเปน 8 ระดับ
แนวการใหระดับผลการเรยี น 8 ระดับ และความหมายของแตล ะระดบั ดงั แสดงในตาราง ดังน้ี

ระดับผลการเรยี น ความหมาย ชว งคะแนนเปน รอ ยละ
4 ดเี ยีย่ ม 80-100
3.5 ดมี าก 75-79
3 ดี 70-74
2.5 คอ นขางดี 65-69
2 ปานกลาง 60-64
1.5 พอใช 55-59
1 50-54
0 ผา นเกณฑขัน้ ตา่ํ 0-49
ต่าํ กวา เกณฑ

ในกรณีท่ีไมสามารถใหระดับผลการเรียนเปน 8 ระดับได ใหใชตัวอักษรระบุเงื่อนไขของ
ผลการเรยี น ดังนี้

“มส” หมายถึง ผูเรียนไมมีสิทธิเขารับการวัดผลปลายภาคเรียน เนื่องจากผูเรียนมีเวลาเรียน
ไมถึงรอยละ 80 ของเวลาเรียนในแตละรายวิชา และไมไดรับการผอนผันใหเขารับการวัดผล
ปลายภาคเรยี น

“ร” หมายถึง รอการตัดสินและยังตัดสินผลการเรียนไมได เนื่องจากผูเรียนไมมีขอมูล
ผลการเรียนรายวิชานั้นครบถวน ไดแก ไมไดวัดผลระหวางภาคเรียน/ปลายภาคเรียน ไมไดสงงานท่ี
มอบหมายใหทํา ซึ่งงานนั้นเปนสวนหน่ึงของการตัดสินผลการเรียน หรือมีเหตุสุดวิสัยที่ทําให
ประเมนิ ผลการเรยี นไมไ ด

การประเมินการอาน คิดวิเคราะห และเขียน และคุณลักษณะอันพึงประสงคน้ัน
ใหผ ลการประเมินเปน ผา นและไมผา น กรณที ีผ่ านใหร ะดับผลการประเมินเปนดีเยยี่ ม ดี และผาน

600

1) ในการสรุปผลการประเมินการอาน คิดวิเคราะห และเขียน เพื่อการเล่ือนช้ันและจบ
การศึกษา กําหนดเกณฑก ารตัดสนิ เปน 4 ระดับ และความหมายของแตละระดบั ดังน้ี

ดีเย่ียม หมายถึง มีผลงานที่แสดงถึงความสามารถในการอาน คิดวิเคราะห และ
เขียนท่มี ีคณุ ภาพดเี ลิศอยเู สมอ

ดี หมายถงึ มผี ลงานทีแ่ สดงถึงความสามารถในการอาน คดิ วเิ คราะห และ
เขียนทม่ี คี ณุ ภาพเปน ท่ียอมรบั

ผา น หมายถงึ มผี ลงานทีแ่ สดงถงึ ความสามารถในการอาน คดิ วิเคราะห และ
เขยี นท่ีมีคณุ ภาพเปน ทย่ี อมรบั แตยังมขี อ บกพรองบางประการ

ไมผา น หมายถึง ไมมผี ลงานทีแ่ สดงถงึ ความสามารถในการอาน คดิ วิเคราะห และ
เขียน หรือถามีผลงาน ผลงานน้ันยังมีขอบกพรองท่ีตองไดรับ
การปรับปรุงแกไขหลายประการ

2) ในการสรุปผลการประเมินคุณลักษณะอันพึงประสงครวมทุกคุณลักษณะเพื่อการเล่ือนชั้น
และจบการศึกษา กําหนดเกณฑก ารตดั สนิ เปน 4 ระดับ และความหมายของแตล ะระดับ ดงั น้ี

ดีเย่ียม หมายถึง ผูเรียนปฏิบัติตนตามคุณลักษณะจนเปนนิสัยและนําไปใชใน
ชวี ติ ประจําวันเพื่อประโยชนสุขของตนเองและสังคมโดยพจิ ารณา
จากผลการประเมินระดบั ดเี ย่ยี ม จํานวน 5 – 8 คุณลักษณะ และ
ไมมีคณุ ลกั ษณะใดไดผลการประเมนิ ตาํ่ กวา ระดบั ดี

ดี หมายถึง ผูเรียนมีคุณลักษณะในการปฏิบัติตามกฎเกณฑ เพ่ือใหเปน
การยอมรับของสังคม โดยพจิ ารณาจาก
1. ไดผลการประเมินระดับดีเย่ียม จาํ นวน 1 - 4 คุณลักษณะและ
ไมม คี ณุ ลักษณะใดไดผ ลการประเมินตา่ํ กวา ระดบั ดี หรือ
2. ไดผ ลการประเมนิ ระดับดีทั้ง 8 คณุ ลักษณะ หรือ
3. ไดผลการประเมินตั้งแตระดับดีข้ึนไป จํานวน 5 - 7
คุณลักษณะ และมีบางคุณลักษณะไดผลการ ประเมินระดับ
ผา น

ผาน หมายถึง ผเู รียนรบั รูแ ละปฏบิ ัตติ ามกฎเกณฑและเง่อื นไขทส่ี ถานศกึ ษา
กาํ หนด โดยพิจารณาจาก
1. ไดผลการประเมินระดับผา นท้งั 8 คณุ ลักษณะ หรือ
2. ไดผล การป ระเมิน ตั้งแตระดับ ดีขึ้น ไป จําน วน 1 - 4
คุณลักษณะ และคุณลักษณะท่ีเหลือไดผลการประเมินระดับ
ผาน

601

ไมผาน หมายถึง ผูเรียนรับรูและปฏิบัติไดไมครบตามกฎเกณฑและเงื่อนไข
ที่สถานศึกษากําหนด โดยพิจารณาจากผลการประเมินระดับ
ไมผ าน ตง้ั แต 1 คุณลักษณะ

การประเมินกิจกรรมพัฒนาผูเรียน จะตองพิจารณาทั้งเวลาการเขารวมกิจกรรม
การปฏบิ ัติกจิ กรรม และผลงานของผูเรยี นตามเกณฑที่สถานศึกษากําหนด และใหผลการประเมิน
เปนผานและไมผ า น

กจิ กรรมพฒั นาผูเรียน มี 3 ลกั ษณะ คอื
1) กิจกรรมแนะแนว
2) กิจกรรมนักเรยี น ซึง่ ประกอบดว ย

(1) กจิ กรรมลูกเสอื เนตรนารี ยุวกาชาด ผบู าํ เพญ็ ประโยชน และนกั ศึกษาวชิ าทหาร
โดยผูเ รียนเลอื กอยา งใดอยางหน่งึ

(2) กิจกรรมชุมนุมหรอื ชมรม
ทง้ั น้ี ผเู รยี นระดบั มัธยมศกึ ษาตอนตน จะตองเขารวมกจิ กรรมทัง้ ขอ (1) และ (2)
สําหรับผูเรียนระดับมัธยมศึกษาตอนปลายสามารถเลือกเขารวมกิจกรรมใดกิจกรรมหน่ึงใน
ขอ (1) หรอื (2)
3) กิจกรรมเพื่อสังคมและสาธารณประโยชน
ใหใ ชต ัวอกั ษรแสดงผลการประเมนิ ดังนี้
“ผ” หมายถึง ผูเรียนมีเวลาเขารวมกิจกรรมพัฒนาผูเรียน ปฏิบัติกิจกรรมและมีผลงาน

ตามเกณฑทสี่ ถานศกึ ษากําหนด
“มผ” หมายถึง ผูเรียนมีเวลาเขารวมกิจกรรมพัฒนาผูเรียน ปฏิบัติกิจกรรมและมีผลงาน

ไมเปน ไปตามเกณฑท่สี ถานศกึ ษากําหนด
3. การเปล่ียนผลการเรยี น

1. การเปล่ยี นผลการเรียน “0”
สถานศึกษาจัดใหมีการสอนซอมเสริมในมาตรฐานการเรียนรู/ตัวชี้วัดที่ผูเรียนสอบไมผาน
กอน แลวจึงสอบแกตัวไดไมเกิน 2 ครั้ง ถาผูเรียนไมดําเนินการสอบแกตัวตามระยะเวลา
ที่สถานศึกษากําหนด ใหอยูในดุลยพินิจของสถานศึกษาที่จะพิจารณาขยายเวลาออกไปอีก
1 ภาคเรียน สําหรบั ภาคเรยี นที่ 2 ตองดาํ เนินการใหเ สรจ็ สน้ิ ภายในปการศกึ ษาน้นั
การสอบแกต วั ใหไดระดับผลการเรยี นไมเ กิน “1”
ถาสอบแกตัว 2 คร้ังแลว ยังไดระดับผลการเรียน “0” อีก ใหสถานศึกษา แตงต้ัง
คณะกรรมการดําเนินการเก่ยี วกบั การเปลี่ยนผลการเรียนของผูเรยี น โดยปฏบิ ตั ิดังน้ี
1) ถาเปน รายวชิ าพ้ืนฐาน ใหเรยี นซํ้ารายวชิ าน้นั

602

2) ถาเปนรายวิชาเพ่ิมเติม ใหเรียนซ้ําหรือเปล่ียนรายวิชาเรียนใหม ท้ังน้ีใหอยูในดุลยพินิจ
ของสถานศกึ ษา

ในกรณีท่ีเปล่ียนรายวิชาเรียนใหม ใหหมายเหตุในระเบียนแสดงผลการเรียนวาเรียนแทน
รายวชิ าใด

2. การเปลีย่ นผลการเรยี น “ร”
การเปลี่ยนผลการเรยี น “ร” ใหดําเนนิ การดังนี้
ใหผูเรียนดําเนินการแกไข “ร” ตามสาเหตุ เมื่อผูเรียนแกไขปญหาเสร็จแลวใหไดระดับ
ผลการเรยี นตามปกติ (ต้งั แต 0 - 4)
ถาผูเ รียนไมดําเนินการแกไข “ร” กรณีที่สงงานไมครบ แตมีผลการประเมินระหวางภาคเรียน
และปลายภาค ใหผูสอนนําขอมูลท่มี ีอยูตดั สินผลการเรยี น ยกเวนมีเหตุสุดวิสัย ใหอยูในดุลยพินิจของ
สถานศึกษาท่ีจะขยายเวลาการแก “ร” ออกไปอีกไมเกิน 1 ภาคเรียน สําหรับภาคเรียนท่ี 2
ตองดาํ เนนิ การใหเ สร็จส้ินภายในปการศึกษานั้น เม่ือพนกาํ หนดนแี้ ลว ใหเ รยี นซ้าํ หากผลการเรยี นเปน
“0” ใหดาํ เนนิ การแกไขตามหลักเกณฑ
3. การเปล่ียนผลการเรยี น “มส”
การเปล่ียนผลการเรยี น “มส” มี 2 กรณี ดังน้ี
1) กรณีผูเรียนไดผลการเรียน “มส” เพราะมีเวลาเรียนไมถึงรอยละ 80 แตมีเวลาเรียน
ไมนอยกวารอยละ 60 ของเวลาเรียนในรายวิชานั้น ใหสถานศึกษาจัดใหเรียนเพิ่มเติมโดยใชชั่วโมง
สอนซอมเสริม หรือใชเวลาวาง หรือใชวันหยุด หรือมอบหมายงานใหทํา จนมีเวลาเรียนครบตาม
ท่ีกําหนดไวสําหรับรายวิชานั้น แลวจึงใหวัดผลปลายภาคเปนกรณีพิเศษ ผลการแก “มส” ใหไดระดับ
ผลการเรียนไมเกิน “1” การแก “มส” กรณีน้ีใหกระทําใหเสร็จส้ินภายในปการศึกษานั้น ถาผูเรียนไม
มาดาํ เนินการแก “มส” ตามระยะเวลาท่ีกาํ หนดไวน้ีใหเรียนซ้ํา ยกเวนมีเหตุสุดวิสัย ใหอยูในดุลยพินิจ
ของสถานศึกษาท่ีจะขยายเวลาการแก “มส”ออกไปอีกไมเกิน 1 ภาคเรียน แตเมื่อพนกําหนดนี้แลว
ใหป ฏบิ ตั ิดงั นี้

(1) ถา เปนรายวชิ าพ้นื ฐานใหเรยี นซาํ้ รายวชิ าน้ัน
(2) ถาเปนรายวิชาเพม่ิ เตมิ ใหอยูในดุลยพินิจของสถานศึกษา ใหเรียนซ้ําหรือเปลี่ยน
รายวชิ าเรยี นใหม
2) กรณีผูเรียนไดผลการเรียน “มส” เพราะมีเวลาเรียนนอยกวารอยละ 60 ของเวลาเรียน
ท้ังหมด ใหส ถานศึกษาดาํ เนนิ การดงั นี้
(1) ถา เปน รายวิชาพื้นฐาน ใหเรียนซ้าํ รายวชิ านน้ั

603

(2) ถา เปนรายวิชาเพ่มิ เติม ใหอยใู นดุลยพินจิ ของสถานศึกษา ใหเรยี นซ้ําหรือเปลี่ยน
รายวิชาเรยี นใหมในกรณีที่เปล่ียนรายวิชาเรียนใหม ใหหมายเหตุในระเบยี นแสดงผลการเรยี นวาเรยี น
แทนรายวิชาใด

การเรียนซํ้ารายวิชา ผูเรียนท่ีไดรับการสอนซอมเสริมและสอบแกตัว 2 คร้ังแลวไม
ผานเกณฑการประเมิน ใหเรียนซํ้ารายวิชานั้น ทั้งน้ี ใหอยูในดุลยพินิจของสถานศึกษาในการจัดให
เรียนซ้ําในชวงใดชวงหนึ่งท่ีสถานศึกษาเห็นวาเหมาะสม เชน พักกลางวัน วันหยุด ชั่วโมงวางหลังเลิก
เรียนภาคฤดรู อน เปนตน

ในกรณีภาคเรียนที่ 2 หากผูเรยี นยังมีผลการเรยี น “0” “ร” “มส” ใหดําเนินการให
เสร็จส้ินกอนเปดเรียนปการศึกษาถัดไป สถานศึกษาอาจเปดการเรียนการสอนในภาคฤดูรอน
เพ่ือแกไขผลการเรียนของผูเรียนได ท้ังน้ี หากสถานศึกษาใดไมสามารถดําเนินการเปดสอนภาคฤดู
รอนไดใหสํานักงานเขตพ้ืนที่การศึกษา/ตนสังกัดเปนผูพิจารณาประสานงานใหมีการดําเนินการเรยี น
การสอนในภาคฤดูรอ นเพอ่ื แกไขผลการเรียนของผเู รียน

4. การเปลย่ี นผล “มผ”
กรณีที่ผูเรียนไดผล “มผ” สถานศึกษาตองจัดซอมเสริมใหผูเรียนทํากิจกรรมในสวนท่ีผูเรียน
ไมไดเขารวมหรือไมไดทําจนครบถวน แลวจึงเปล่ียนผลจาก “มผ” เปน “ผ” ได ท้ังนี้ ดําเนินการให
เสร็จส้ินภายในภาคเรียนน้ัน ๆ ยกเวนมีเหตุสุดวิสัยใหอยูในดุลยพินิจของสถานศึกษาท่ีจะพิจารณา
ขยายเวลาออกไปอีกไมเกิน 1 ภาคเรียน สําหรับภาคเรียนท่ี 2 ตองดําเนินการใหเสร็จส้ินภายในป
การศึกษานั้น
4. การเล่อื นช้ัน
เมอื่ สิน้ ปการศึกษา ผูเ รยี นจะไดร บั การเลือ่ นชัน้ เม่ือมคี ณุ สมบัตติ ามเกณฑ ดังตอ ไปนี้
1. รายวิชาพ้ืนฐานและรายวิชาเพิ่มเติมไดรับการตัดสินผลการเรียนผานตามเกณฑ
ทส่ี ถานศกึ ษากาํ หนด
2. ผูเรียนตองไดรับการประเมินและมีผลการประเมินผานตามเกณฑท่ีสถานศึกษากําหนด
ในการอาน คดิ วเิ คราะห และเขียน คุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงค และกิจกรรมพัฒนาผเู รียน
3. ระดับผลการเรยี นเฉล่ยี ในปการศกึ ษานนั้ ควรไดไมต ํ่ากวา 1.00
ท้ังน้ี รายวิชาใดที่ไมผานเกณฑการประเมิน สถานศึกษาสามารถซอมเสริมผูเรียนใหไดรับ
การแกไขในภาคเรียนถัดไป ทั้งน้ีสําหรับภาคเรียนท่ี 2 ตองดําเนินการใหเสร็จส้ินภายใน
ปก ารศกึ ษานน้ั
5. การสอนซอ มเสริม
หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพ้ืนฐาน พุทธศักราช 2551 กําหนดใหสถานศึกษาจัดสอน
ซอ มเสริมเพ่ือพฒั นาการเรยี นรูข องผูเ รียนเตม็ ตามศักยภาพ

604

การสอนซอมเสริม เปนการสอนเพ่ือแกไขขอบกพรอง กรณีท่ีผูเรียนมีความรู ทักษะ
กระบวนการ หรือเจตคติ/คุณลักษณะ ไมเปนไปตามเกณฑท่ีสถานศึกษากําหนด สถานศึกษาตอง
จัดสอนซอมเสริมเปนกรณีพิเศษนอกเหนือไปจากการสอนตามปกติ เพ่ือพัฒนาใหผูเรียนสามารถ
บรรลุตามมาตรฐานการเรียนรู/ตัวชี้วัดที่กําหนดไว เปนการใหโอกาสแกผูเรียนไดเรียนรูและพัฒนา
โดยจัดกิจกรรมการเรียนรูที่หลากหลายและตอบสนองความแตกตางระหวางบุคคล การสอน
ซอ มเสรมิ สามารถดําเนนิ การไดในกรณี ดงั ตอไปนี้

1) ผูเรียนมีความรู/ทักษะพื้นฐานไมเพียงพอที่จะศึกษาในแตละรายวิชานั้น ควรจัดการสอน
ซอ มเสรมิ ปรับความร/ู ทักษะพน้ื ฐาน

2) ผูเรียนไมสามารถแสดงความรู ทักษะ กระบวนการ หรือเจตคติ/คุณลักษณะท่ีกําหนดไว
ตามมาตรฐานการเรียนรู/ตวั ชวี้ ัดในการประเมินผลระหวางเรียน

3) ผเู รยี นท่ีไดระดับผลการเรียน “0” ใหจัดการสอนซอมเสรมิ กอนสอบแกตัว
4) กรณีผูเรียนมีผลการเรียนไมผาน สามารถจัดสอนซอมเสริมในภาคฤดูรอนเพ่ือแกไข
ผลการเรยี น ทั้งนี้ ใหอยูในดุลยพนิ จิ ของสถานศึกษา
6. การเรียนซา้ํ ชั้น
ผูเรียนท่ีไมผานรายวิชาจํานวนมากและมีแนวโนมวาจะเปนปญหาตอการเรียนในระดับชั้น
ท่ีสูงขึ้น สถานศึกษาอาจตั้งคณะกรรมการพิจารณาใหเรียนซํ้าช้ันได ท้ังนี้ ใหคํานึงถึงวุฒิภาวะและ
ความรคู วามสามารถของผูเ รยี นเปนสําคญั
การเรยี นซ้าํ ช้นั มี 2 ลกั ษณะ คอื
1) ผูเรียนมีระดับผลการเรียนเฉล่ียในปการศึกษาน้ันตํ่ากวา 1.00 และมีแนวโนมวาจะเปน
ปญหาตอการเรียนในระดบั ชนั้ ทส่ี งู ขึน้
2) ผูเรียนมีผลการเรียน 0, ร, มส เกินครึ่งหน่ึงของรายวิชาท่ีลงทะเบียนเรียน
ในปการศึกษานั้น
ทั้งน้ี หากเกิดลักษณ ะใดลักษณ ะหนึ่ง หรือท้ัง 2 ลักษณ ะ ใหสถานศึกษาแตงต้ัง
คณะกรรมการพิจารณา หากเห็นวาไมมีเหตุผลอันสมควรก็ใหซ้ําชั้น โดยยกเลิกผลการเรียนเดิมและ
ใหใชผลการเรียนใหมแทน หากพิจารณาแลวไมตองเรียนซํ้าช้ัน ใหอยูในดุลยพินิจของสถานศึกษา
ในการแกไ ขผลการเรยี น
7. เกณฑการจบระดบั มัธยมศกึ ษาตอนตน
1) ผูเรียนเรียนรายวิชาพื้นฐานและเพิ่มเติม โดยเปนรายวิชาพื้นฐาน 66 หนวยกิต
และรายวชิ าเพ่มิ เติมตามทส่ี ถานศกึ ษากําหนด
2) ผูเรียนตองไดหนวยกิตตลอดหลักสูตรไมนอยกวา 77 หนวยกิต โดยเปนรายวิชาพ้ืนฐาน
66 หนวยกติ และรายวชิ าเพม่ิ เติมไมนอยกวา 11 หนวยกิต

605

3) ผูเรียนมีผลการประเมินการอาน คิดวิเคราะห และเขียนในระดับผานเกณฑการประเมิน
ตามท่สี ถานศึกษากาํ หนด

4) ผูเรียนมีผลการประเมินคุณลักษณะอันพึงประสงคในระดับผานเกณฑการประเมินตามที่
สถานศกึ ษากาํ หนด

5) ผูเรียนเขารวมกิจกรรมพัฒนาผูเรียนและมีผลการประเมินผานเกณฑการประเมินตามท่ี
สถานศกึ ษากาํ หนด
8. เกณฑก ารจบระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย

1) ผูเรียนเรียนรายวิชาพื้นฐานและเพิ่มเติม โดยเปนรายวิชาพ้ืนฐาน 41 หนวยกิต
และรายวชิ าเพ่ิมเตมิ ตามทีส่ ถานศึกษากาํ หนด

2) ผูเรียนตองไดหนวยกิตตลอดหลักสูตรไมนอยกวา 77 หนวยกิต โดยเปนรายวิชาพื้นฐาน
41 หนว ยกิต และรายวชิ าเพม่ิ เตมิ ไมนอ ยกวา 36 หนว ยกติ

3) ผูเรียนมีผลการประเมินการอาน คิดวิเคราะห และเขียนในระดับผานเกณฑการประเมิน
ตามท่สี ถานศกึ ษากําหนด

4) ผูเรียนมีผลการประเมินคุณลักษณะอันพึงประสงคในระดับผานเกณฑการประเมินตามท่ี
สถานศกึ ษากําหนด

5) ผูเรียนเขารวมกิจกรรมพัฒนาผูเรียนและมีผลการประเมินผานเกณฑการประเมินตามที่
สถานศึกษากาํ หนด

606

ภาคผนวก


























Click to View FlipBook Version